ตอนที่ 17
ที่ร้านอาหารร้านประจำร้านเดิมที่จัดงานวันเกิดของแก้ว พอคิดๆดูแล้วนี่ชีวิตผมจะวนครบอีกรอบแล้วสิ เรื่องราวของปีก่อนๆแอบผุดขึ้นมาให้คิดถึง แต่มันก็คนเป็นอดีตไปแล้วจริงๆ ทันที่ผมก้าวเข้ามาในงานก่อนจะมองไปทั่วร้าน ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเพื่อนของผมและแก้วมากันเยอะกว่าปกติมาก เพราะตั้งแต่ที่ผมขับรถมาจอดที่หน้าร้านและลงจากรถมา สายตาทุกคนมองจ้องมาที่ผมจนน่าอึดอัด
"วี!"
"คนเยอะเหมือนกันนะ"
ผมตอบกลับเพื่อนสนิทของผมที่รีบเดินเข้ามาหาผมทันทีที่เจอหน้ากัน
"ก็...เหมือนทุกคนมาเพื่อจะเจอว่าที่เมียแกทั้งนั้นแหล่ะ แล้วไหนล่ะ แม่คนนั้น"
"เติมหน้าอยู่มั้ง เลยไม่ได้รอ"
ผมตอบกลับไปแบบเรียบๆพร้อมจัดแต่งเสื้อผ้าที่ยับจากการขับรถมาให้เข้าที่
"เอ้า นางท้องอยู่นะ"
"แล้ว?"
"นี่ ถึงฉันจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นมั้ย? อีกอย่างวันนี้วันเกิดฉัน จะยอมใจดีให้วันนึง"
แก้วตอบสวนกลับมาพร้อมตีแขนผมเบาๆ
"มานู้นละ"
"จ้าาา เปิดตัวเด่นสุด ที่คาดผมมงกุฏนี่ซื้อจากร้านไหนเนี่ย"
ผมหันมองคนข้างๆแบบงงๆ เมื่อกี้ยังดูห่วงเค้าอยู่เลย พอเจอก็แขวะซะละ รึผมมีเพื่อนเป็นไบโพล่าวะเนี่ย
"พี่วีไม่รออิงเลย ดีค่ะพี่แก้ว"
"จ่ะ เอ่อ ตามสบายนะวี"
"อื้อ"
แก้วตอบแล้วก็เดินหายไปกับเพื่อนๆ
"ไงวี"
"เออไงมึง"
"คนนี้ ว่าที่เจ้าสาวมึงเหรอ?"
"เออ"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"อิงค่ะ"
ตลอดทางผมเจอคนถามเยอะมากจนผมไม่อยากอยู่ตรงนี้ ต่างจากอิงมากที่ดูมีความสุขที่ได้เจอเพื่อนๆของผม ยิ่งกับหนุ่มๆด้วยแล้ว สายตาแบบนั้นที่มองใครต่อใคร ผมไม่อยากจะคิดไปในทางไม่ดีเลยจริงๆ
"ไอ้วีโว้ย!"
ไอ้บอยตะโดนทักผม ทำให้ผมผละตัวจากอิงเดินเข้ามาหา
"อ้าวมึง นึกว่าจะไม่มาละ"
ผมถามกลับคนตรงหน้า
"มาดิ ไม่มาไอ้แก้วคงฆ่ากูอ่ะ"
ไอ้บอยตอบก่อนเจ้าตัวจะตักผลไม้จากจานในมือเข้าปาก
"เออ แล้วไหนวะว่าที่เมียมึง ถามแก้ว ถามพี่ใหญ่ก็พากับปิดเงียบ ความลับอะไรนักหนา"
"ก็อิงนั้นแหล่ะ แล้วไม่ใช่ไม่อยากบอกเว้ย แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง"
"เดี๋ยวนะ กูนึกว่าคนอื่น"
"ทำไมอ่ะ?"
"ไม่มีไรหรอก แค่สงสัยว่าทำไมแม่มึงถึงยอมง่ายๆเลย"
"ก็.. รู้ละเงียบไว้นะ.. อิงเค้าท้องว่ะ"
"เอ้า!! มึงไปทำอีท่าไหนวะเนี่ย?! แล้วมึงแน่ใจเหรอว่าท้องจริง อาทิตย์ก่อนยังไปทะเลกันอยู่เลย"
"กูไปตรวจมาแล้ว"
"แล้วกี่เดือนละวะ"
"3"
"เดี๋ยวนะ 3เดือนเลยเหรอ? งั้นมันก็ช่วงหลังปีใหม่ที่มึงขึ้นมากรุงเทพป่ะ? ตอนนั้นมึงคบกันแล้วเหรอ?"
"ก็คืนนั้นแหล่ะ คืนที่กูชวนมึงมากินเหล้าแล้วมึงก็ชวนไปทะเลอ่ะ ตื่นมากูก็จำอะไรไม่ได้แล้ว มีแค่อิงที่นอนอยู่กับกู!"
เพื่อนผมทำหน้าคิดตามก่อนจะนิ่งและเงียบไป
"แล้วที่หนักคืออะไรรู้มั้ย? แม่กูดันมาหากูวันนั้นพอดี!"
"ห้ะ?!"
"เออ ซวยปะล่ะ! กูเลยยอมคบกับอิงนั้นแหล่ะ นี่กูไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอ? ช่างเถอะ พูดละปวดหัว... งั้นเดี๋ยวกูไปดูอิงแปป ทิ้งไว้นานเดี๋ยวก็โวยวายอีก"
"เออๆ..."
"แก้ว เห็นอิงมะ?"
ผมถามเพื่อนของผมหลังจากผมเดินหาไปทั่วงานแล้วไม่เจอ
"หน้าร้านป่าว เห็นบ่นๆว่าคนเยอะกับหายใจไม่ออก"
"อือๆ ขอบใจนะ"
ผมตอบกลับไปก่อนจะเดินออกมาทางหน้าร้าน
"อ้าวไอ้วี!"
ไอ้กายทักผมก่อนที่ผมจะเดินถึงหน้าร้าน
"ไอ้กาย น้ำ.."
ผมทักกลับคนทั้งสองที่เดินคู่กันมา
"ไงมึง ว่าที่เจ้าบ่าว"
"ก็... อย่างที่รู้ๆ"
"ยินดีด้วยนะครับ"
น้ำพูดออกมาเบาๆ
"อื้อ..."
"งั้นน้ำขอไปหาพี่แก้วก่อนนะ พี่สองคนคุยกันเถอะ"
ผมตอบกลับน้ำไป แล้วน้ำก็พูดต่อทันทีก่อนจะเดินออกไป ทำเอาผมมองตามร่างบางนั้นไปจบลับตา ทันทีที่ได้เห็นหน้าเขาและสายตาคู่นั้น ในใจผมตอนนี้กลับรู้สึกผิดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล ทำไมผมปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมมันจะมาจบแบบเจ็บๆแบบนี้อีกแล้ว ผมคิดกับตัวเองอยู่ในใจซ้ำๆ แต่ถึงผมจะกลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว ผมก็ยังอยากบอกความจริงที่ผมมีให้เขาได้ฟังกับตัวเอง ต่อให้ทุกอย่างมันจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ตาม ซึ่งผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าผมจะเริ่มยังไง
"ไอ้วี! เป็นไรป่าวเนี่ย?"
"ห้ะ... เปล่าๆ แล้วมึงอ่ะ เป็นไงมั่ง"
ไอ้กายสะกิดผมออกจากห้วงความคิด ก่อนผมจะหันกลับมาตอบคำถามเพื่อนตรงหน้า
"ก็ดี ช่วงนี้รถสปอร์ตกำลังขายดี"
"กูหมายถึงมึงกับน้ำ"
"ถ้าเรื่องนั้น ก็ดีนะ น้ำน่ารักมาก นิสัยดี เรียบร้อยด้วย"
"เออ อันนั้นกูรู้แล้ว"
ผมตอบไปแบบไม่สบอารมณ์นักแต่ก็พยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ว่าที่เมียมึงไปไหนละ"
"เดินอยู่แถวๆนี้ล่ะมั้ง นี่กูก็หาอยู่เนี่ย"
"รีบชิงแต่งก่อนพวกกูอีกนะมึง"
"เออ มึงก็รีบมีดิ"
"งั้นเดี๋ยวกูต้องรีบจีบรีบขอน้ำแต่งงานเลยดีมะ?"
คำพูดนี้ทำเอาผมไปต่อไม่ถูก ผมถึงกับเงียบกินในทันที
"นึกถึงหน้าน้ำตอนเขิน คงน่ารักน่าดูเลยว่ะ"
ไอ้กายพูดต่ออย่างร่าเริง ต่างจากผมในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง เพราะผมที่ฟังไอ้กายพูดถึงน้ำตอนนี้ ทำเอาผมต้องเผลอกำหมัดไปด้วย แต่ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวนั้น ไอ้บอยได้เดินเข้ามาพอดี
"ไอ้กาย"
"เออ ไอ้บอยมาพอดี งั้นมึงอยู่คุยกับไอ้กายไปนะ กูไปหาอิงแปป.."
"เออกูมีเรื่องจะคุยกับมันพอดี"
ไอ้บอยตอบรับคำผม ก่อนผมจะเบียดตัวผ่านคนออกมาจากงาน แล้วออกไปนั่งหลบคนอยู่ในรถตัวเอง นี่ผมทำอะไรอยู่เนี่ย น้ำเค้าตัดใจได้แล้ว มันก็ถึงตาผมแล้ว ไอ้กายก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ผมจะไปโมโหมันเพื่ออะไร แต่ก่อนที่ผมจะคิดอย่างอื่นออกมา ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลจากตัวรถมากนัก
"มีอะไรเหรอครับ?"
"เลิกยุ่งวุ่นวายกับวีสักที"
นี่มันเสียงน้ำกับอิงนี่ ผมหันไปมองด้านหลังรถ เพื่อมองต้นเสียง ก่อนจะกดเลื่อนกระจกประตูรถลงเพื่อจะฟังคนทั้งสองคุยกันให้ถนัดขึ้น
"หะ?"
"ก็อย่างที่ได้ยิน"
"ผมไปยุ่งตอนไหนไม่ทราบ"
"ก็โผล่หน้ามาให้เค้าเจอนี่ไง"
อิงเริ่มขึ้นเสียงจนคนในงานเริ่มออกมามุงดู แล้วแก้วก็เดินออกมาเช่นกัน
"มีอะไรเหรอน้ำ"
"พี่แก้ว น้ำว่าน้ำกลับดีกว่า"
"อ๋อ รู้จักกันดีด้วย ที่แท้ก็เข้าข้างกัน มิน่า..."
"นี่หล่อน! พูดดีๆนะ!"
"รึไม่จริง อยากให้เพื่อนมีเมียเป็นผู้ชายนี่เอง"
"อินี่!!!"
แก้วที่ทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่องคนตรงหน้าแต่น้ำดึงตัวห้ามเอาไว้
"พี่แก้ว อย่า!!"
"ที่บ้านหล่อนสอนมาได้แค่นี้เองเหรอ?"
แก้วที่ยังไม่ยอมหยุด พูดสวนคืนไป
"สูงส่งจังนะ ระวังเถอะ ตกสวรรค์เมื่อไหร่จะเหยียบให้จมดินเลย"
"แกสิที่จะจมดิน รอให้ถึงเวลาก่อนเถอะ วีจะได้รู้ว่าแกเป็นคนยังไง!!"
"กลัวจัง คนอย่างวี สำออยนิดสำออยหน่อยก็สงสารละ"
ผมที่นั่งฟังอยู่ ทำได้แค่กำพวงมาลัยแน่น ผมรู้นะว่าอิงเค้าไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไร แต่วันนี้มันคงชัดเจนมากขึ้นแล้ว
"นี่แกว่าเพื่อนฉันเหรอ! รู้ไว้ซะว่าวีไม่มีทางรักคนอย่างแกหรอก"
แก้วยังเถียงต่อพร้อมชี้คนตรงหน้า
"ถึงเค้าไม่รักฉัน แต่ฉันก็มี..."
อิงพูดพร้อมทำท่ายื่นท้องออกมาเล็กน้อยแล้วยักคิ้วใส่แก้ว
"เหรอ? แน่ใจเหรอ? กล้าพูดเนอะ!!"
"จะใช่รึจะไม่ใช่แล้วยังไง? แต่วีเค้าเชื่อว่าใช่"
คนตรงหน้ายักไหล่พร้อมพูดจายียวนแก้วอีกครั้ง จนแก้วเองจะพุ่งตัวเข้าไปอีกรอบ
"พี่แก้วอย่า!"
"แหม ไม่ต้องแอ๊บก็ได้ ทำเป็นใสๆ ไร้พิษภัย แต่ข้างใน..."
อิงเปลี่ยนจากการพูดใส่แก้วมาพูดใส่น้ำแทน
"จะพูดอะไร?!"
เสียงน้ำถามขึ้น
"ฉันดูออกนะว่าแกกำลังจะทำอะไร"
"ผมทำอะไรเหรอ?"
"ก็ปั่นหัวพี่วีที แล้วก็ไปปั่นหัวพี่กายที อ่อยพี่บอยที จะจับปลาหลายมือรึไง"
"นี่! ไม่มีใครคิดอะไรแบบนั้นหรอกนะ"
น้ำตอบกลับคนตรงหน้าด้วยเสียงเรียบๆ
"เอ๊ะ รึว่าพี่กายลีลาไม่ดีพอ เลยจะกลับมาหาพี่วี คงยากหน่อยนะ พอดีวีเค้าคงไม่กลับไปหาข้างหลังแล้วล่ะ"
อิงพูดจบพร้อมมองลงไปที่เอวของน้ำ
"ในสมองนี่คิดได้แต่เรื่องต่ำๆแบบนี้เหรอ?"
น้ำสวนคืน
"นี่แกว่าใคร?"
"หมามั้ง เห็นเห่าเก่ง สงสัยกระดูกแถวนี้มันเยอะ ถึงมาเห่าแถวนี้"
"นี่! พวกผิดเพศอย่างแก ไม่มีใครเค้าเอาหรอก!"
คำพูดของอิงในตอนนี้ทำเอาเพื่อนๆของผมหลายคนถึงกับหัวร้อนขึ้น
"แต่ปากหมาแบบนี้ ก็คงไม่มีใครอยากเอาไปทำพันธุ์เหมือนกัน นี่ถ้าตั้งใจทำงานได้เท่าเห่าคนนั้นคนนี้ ฉันคิดว่าบ้านแกอาจจะรวยไปแล้ว"
แก้วที่ทนไม่ไหวกับการดูถูกคนของอิงสวนคืนกลับในทันที
"อีแก้ว นี่มึงว่ากูเป็นหมาเหรอ?!"
"อ้าว ก็ไม่โง่นี่!!"
"หุบปากไปเลย อย่าเสือก!!"
"ทำไมกูจะเสือกไม่ได้ เรื่องของวีก็เรื่องของกู แล้วมึงดูตัวเองก่อน มึงเป็นใคร กูเป็นใคร!"
แก้วพูดใส่คนตรงหน้าเสียงดัง นี่เป็นไม่กี่ครั้งที่ผมได้ยินเพื่อนสนิทของผมพูดคำหยาบ มันคงแปลว่าถึงจุดที่แก้วทนไม่ไหวแล้ว
"กูไม่กลัวมึงหรอกนะอีแก้ว"
"งั้นมึงมาสิ เข้ามาเลย แล้วมึงคิดเหรอว่าวีจะเข้าข้างมึง!"
"พี่แก้วไม่เอา อย่า!"
น้ำที่พยายามดึงตัวแก้วเอาไว้แน่นกว่าเดิม แต่คำพูดของอิงก็ทำให้แก้วโมโหถึงขั้นสุด ส่วนอิงก็มีคนคอยห้ามอยู่เช่นกัน
"โถ... นึกว่าจะกล้า"
อิงพูดพร้อมลอยหน้าลอยตายั่วโมโหแก้วขึ้นไปอีก
"กูไม่ไหวละ ค่าปรับเท่าไหร่กูก็ยอมจ่าย ขอแค่ได้ตบอิปากปีจอเนี่ย!"
แก้วดิ้นจนหลุดจากน้ำแล้วเข้าไปตบอิงไปหนึ่งฉาดใหญ่จนอิงล้มลงกับพื้นเพราะตั้งตัวไม่ทัน ทำเอาคนที่มุงดูอยู่ถึงกับผงะเพราะเพื่อนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นแก้วฟิวส์ขาดได้ขนาดนี้ ผมที่ปล่อยไว้นานกว่านี้คงจะแย่เอาเลยต้องรีบลงไปห้ามในทันที
"หยุดได้แล้ว"
ผมตะโกนออกไปพร้อมพยายามดึงตัวแก้วที่ค่อมอิงอยู่ให้หยุด ไอ้กายกับไอ้บอยที่เพิ่งโผล่มาก็เข้ามาช่วยอีกแรง
"ปล่อยนะวี แก้วจะตบหมาออกจากปากอินี่!"
แก้วที่ยังไม่หยุดดิ้นตะโกนใส่อิงที่พยายามจะเข้ามาตบตีกับแก้วเช่นกัน
"แก้ว! หยุด!!"
ผมตะโกนรอบสองถึงทำให้ทั้งสองหยุดลงได้
"พี่วี... อิงเจ็บ อยู่ๆพี่แก้วกับพี่น้ำก็มารุมด่าอิง แล้วยังตบอิงอีกค่ะ"
อิงรีบเข้ามาเกาะแขนผมไว้พร้อมทำท่าจะร้องไห้ และคงคิดว่าผมไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
"อิเด็กดอก ตอแหล!"
แก้วตะโกนใส่อิง
"อี.."
"หยุดนะอิง!!"
ผมสั่งคนที่เกาะแขนผมให้หยุดคำพูดของตัวเองไว้
"น้ำ! มาคุยกับพี่"
"หะ?"
ผมสะบัดแขนที่เกาะผมอยู่ แล้วลากแขนเจ้าของชื่อออกมาแบบไม่สนใจใคร ทำเอาทุกคนงงกับภาพตอนนี้
"พี่วี แล้วอิงล่ะ? อีแก้วจะมาขวางทำไม?"
"หึหึ ก็มึงมันหมาหัวเน่าไง ถ้ามึงตามไป กูจะตบซ้ำจนหมอไม่รับเย็บเลย"
เสียงแก้วกับอิงยังทะเลาะกันไล่หลัง แต่ผมไม่ได้สนใจแล้ว
ผมพาน้ำมาหลบคุยอยู่ข้างถนนไม่ห่างจากร้านมาก
"เมื่อกี้..."
"พี่ไม่ใช่คนโง่ไม่ต้องพูดหรอก"
ผมตอบน้ำไปก่อนที่เจ้าตัวจะอธิบายอะไร
"ยังไงเค้าก็ท้องลูกของพี่ ไว้พี่จะเตือนเค้าเอง"
น้ำที่เงียบฟังไม่ได้พูดอะไรต่อ
"แล้วพี่วีมีอะไรรึเปล่า?"
"พี่ลองคิดดูแล้ว... พี่อยากจะบอกน้ำว่าพี่ขอโทษ เรื่องพี่กับอิง..."
"ถ้าเรื่องนี้พี่วีไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่มีอะไรต้องขอโทษด้วย น้ำเข้าใจ น้ำดีใจกับพี่ซะอีก พี่ทำถูกแล้วล่ะ"
"แต่พี่กับอิง เราสองคน..."
"ไม่ต้องพูดอะไรหรอก น้ำไม่อยากจะฟังแล้วอ่ะ พี่กายบอกน้ำมาหมดแล้ว..."
"ไอ้กาย?"
ผมที่อยากจะบอกความจริงและความรู้สึกที่มีให้คนตรงหน้าฟัง แต่เหมือนเขาจะเข้าใจผมผิดขึ้นไปอีก แล้วทำไมต้องพูดชื่อไอ้กาย นี่ผมกำลังพยายามคุยเรื่องของเรา จะพูดออกมาทำไม แค่ได้ยินน้ำพูดถึงมัน มันก็ทำให้ผมโมโหได้แล้ว
"จะพูดถึงมันทำไม? ชอบมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"ห้ะ?! ใคร?"
"ไอ้กายไง พี่พยายามจะอธิบาย แต่น้ำก็ไม่คิดจะฟัง แล้วยังจะพูดถึงมันขึ้นมาอีก"
"เดี๋ยวนะพี่วี! พี่กายมาเกี่ยวอะไร?"
"เออ เข้าใจละ"
ผมไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะแก้ตัวอะไรพร้อมกระชากแขนเขาขึ้นมาอย่างแรง
"ดีจัง เกิดเป็นน้ำนี่ดีเนอะ ใครก็รัก ใครก็หลง"
"พี่วี! ปล่อยนะ"
"อะไร รึไม่จริง สรุปที่ผ่านมาก็แค่ปั่นหัวพี่เล่นแบบที่อิงพูดสินะ"
แม้ในใจผมรู้ว่าน้ำไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงพูดออกไปแบบนั้น ผมแค่อยากให้น้ำรู้สึกแบบที่ผมรู้สึก ว่าที่ผ่านมาผมเจ็บแค่ไหน เลยประชดออกไปเท่านั้นเอง
"หยุดนะ!"
"ทำไม รับไม่ได้เหรอ กับมันนี่ไปถึงไหนแล้วล่ะ? งั้นลองกับพี่หน่อยจะเป็นไรไป ไหนๆก็เคยจูบกันมาก่อนละ"
ยิ่งเห็นคนตรงหน้าโกรธมันยิ่งทำให้ผมได้ใจ จนเผลอดึงเขาเข้ามาจูบ
"พี่วี ปล่อยน้ำ...นะ..."
คนตรงหน้าพยายามใช้กำปั้นทุบลงที่ตัวผม แต่ผมก็ไม่ฟังแม้เสียงค้านพร้อมกดริมฝีปากลงหนักขึ้นไปอีก ยิ่งเจ้าตัวดิ้นมากเท่าไหร่ผมยิ่งจูบและบดริมฝีปากเล็กๆนั้นยิ่งกว่าเดิม
"ฮึก! อื้อ... ปล่อย!!"
"โอ้ยย!!"
ความเจ็บที่มุมปากทำให้ผมต้องคลายจูบและอ้อมกอดนี้ กลิ่นคาวเลือดจากแผลที่คนตรงหน้ากัดเริ่มคลุ้งไปทั่วปากของผม
'เพี๊ยะ!!!'
หน้าผมชาจากแรงตบซ้ำเข้ามาอีก มันเป็นการเรียกสติของผมกลับคืนมาที่ได้ผลทีเดียว ผมที่คิดถึงสิ่งที่ผมเพิ่งทำลงไป ก่อนมองคนตรงหน้าที่ยืนน้ำตาอาบสองแก้มนั้นอยู่ นี่... นี่ผมทำอะไรลงไปอีกแล้วเนี่ย คนตรงหน้ายืนนิ่งเงียบจ้องผมอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งออกไป ผมรีบคว้าแขนของน้ำไว้
"พี่วีปล่อยนะ!"
"ไม่!!"
เจ้าตัวพยายามที่จะสะบัดแขนเล็กๆนั้น ผมเองก็พยายามฉุดคนตรงหน้าเอาไว้ แต่อยู่ๆเจ้าตัวก็หยุดนิ่ง ผมที่เห็นแบบนั้นเลยปล่อยแขนน้ำออก เจ้าตัวนิ่งเงียบก่อนจะหันหน้าลงไปมองที่แขนของตัวเอง รอยแดงช้ำจากของที่เคยอยู่บนข้อมือนั้นรัด มันเด่นชัดจนเห็นได้ ผมรู้ได้ในทันทีก่อนจะมองหาสิ่งที่เพิ่งหลุดออกจากแขนนั้น สร้อยข้อมือที่ผมให้น้ำถูกกระชากจนขาด มันวางแน่นิ่งอยู่บนพื้น น้ำมองสร้อยที่อยู่บนพื้นพร้อมหันมามองหน้าผม ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากที่สั่นอยู่เบาๆนั้น มีเพียงความเงียบและสายตาที่ยากเกินที่ผมจะเข้าใจ ผมค่อยๆเก็บสร้อยนั้นขึ้นมาพร้อมยื่นส่งคืนเจ้าของมัน น้ำที่ยังมองมันไม่วางตาส่ายหน้ากลับมาช้าๆเป็นคำตอบ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ส่วนผมทำได้แค่ยืนมองแผ่นหลังนั้นค่อยๆห่างออกไปช้าๆ พร้อมคิดถึงสิ่งที่ผมได้ทำลงไป
"เกิดอะไรขึ้น?"
แก้ววิ่งเข้ามาหาผมทันทีที่ผมเดินกลับมาถึงหน้าร้านอาหาร
"วี!! เกิดอะไรขึ้น? แล้วทำไมน้ำร้องไห้กลับมาแบบนั้น แล้วแก้มไปโดนอะไรมา นี่แกทำอะไรมาอีกเนี่ย?!"
ผมที่ไม่อยากพูดอะไรตอบได้แค่ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ยาว
"น้ำเป็นไงบ้าง?"
ผมไม่ตอบคำถามของเพื่อนแต่เลือกถามถึงเค้าคนนั้นก่อนทันที
"ไม่รู้สิ พอเค้าเดินกลับมาแล้วก็ขอตัวกลับ กายก็เลยพากลับไปแล้ว ไม่เล่ารึบอกอะไรเลย"
"อื้อ..."
"นี่สรุปแกไปทำอะไรมา?"
"ไว้ขอเล่าทีหลังได้มั้ย?"
"อือๆ"
"พี่วี!!"
เสียงอิงดังมาไม่ไกลก่อนเจ้าตัวจะวิ่งเข้ามานั่งลงข้างๆผมพร้อมเกาะแขนผมไว้แน่น แก้วเองที่ยืนอยู่ก็ถอนหายใจใส่เบาๆก่อนจะขยับหลบมายืนอีกฝั่งนึงของเก้าอี้
"พี่วีเป็นอะไรอ่ะ? แล้วแก้มไปโดนอะไรมา?"
"เงียบก่อนได้มั้ย?"
ผมหันมาตอบอิงเสียงเรียบ ทำเอาอิงทำหน้างอพร้อมถอนหายใจใส่ผมก่อนจะลุกเดินกลับเข้าไปในงาน ทิ้งผมไว้กับแก้วตามเดิม ผมหันมองเพื่อนของผมที่ยืนอยู่ตรงหน้า แก้วพยักหน้าเหมือนเข้าใจก่อนจะเอื้อมมือจับลงที่ไหลผมเบาๆแล้วกลับเข้าไปในงาน ทิ้งให้ผมนั่งเงียบๆเพื่อใช้ความคิดคนเดียว