พิมพ์หน้านี้ - The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 21 ] --- [จบแล้ว]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: LittlePrince90 ที่ 05-11-2019 17:13:32

หัวข้อ: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 21 ] --- [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 05-11-2019 17:13:32
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



เมื่ออยู่ๆก็มีคนเข้ามาทำให้หัวใจปั่นป่วน

ผมควรจะทำยังไงดีกับความรู้สึกนี้..


"น้ำ"


***********


ไม่ว่านานแค่ไหนผมก็ไม่เคยลืมเค้าได้เลย

แต่ผมควรเลือกทำสิ่งที่ถูกรึหนีมันไปดี


"วี"


***********


เมื่อความบังเอิญทำให้คนสองคนมาเจอกันในวันที่ผิด

ก่อนจะจากกันไปเพื่อความถูกต้อง

แต่โชคชะตาก็พาให้ทั้งสองกลับมาพบเจอกันอีกครั้ง

แต่มันก็ยังไม่ถูกเวลาอยู่ดี..



ตอนที่ 01 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4011709#msg4011709)
ตอนที่ 02 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4011793#msg4011793)
ตอนที่ 03 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4011959#msg4011959)
ตอนที่ 04 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4011960#msg4011960)
ตอนที่ 05 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4012114#msg4012114)
ตอนที่ 06 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4012115#msg4012115)
ตอนที่ 07 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4012116#msg4012116)
ตอนที่ 08 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4012232#msg4012232)
ตอนที่ 09 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4012234#msg4012234)
ตอนที่ 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4012235#msg4012235)
ตอนที่ 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4012726#msg4012726)
ตอนที่ 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4012727#msg4012727)
ตอนที่ 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4017545#msg4017545)
ตอนที่ 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4017546#msg4017546)
ตอนที่ 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4021030#msg4021030)
ตอนที่ 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4021031#msg4021031)
ตอนที่ 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4038989#msg4038989)
ตอนที่ 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4038990#msg4038990)
ตอนที่ 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4061764#msg4061764)
ตอนที่ 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4061765#msg4061765)
ตอนที่ 21 จบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71129.msg4061768#msg4061768)




เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมแต่ง
ยังไงก็ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ :)
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 05-11-2019 20:05:22
ตอน 01


"ขอโทษครับ ผมว่าเราหยิบแก้วกาแฟสลับกัน"
               ผมกล่าวใส่ร่างสูงที่ยืนหันหลังกำลังเติมน้ำตาลอยู่


"หะ?"
               ร่างสูงหันกลับมาหาผม ชั่วขณะที่สายตาเรามองหน้ากัน เพียงแค่ได้สบตาผมก็รู้สึกถึงเวลาที่มันเดินช้าลง หัวใจผมเต้นแรงขึ้นอย่างรู้สึกได้ แต่ก่อนที่มันจะดังจะมากไปกว่านี้ ผมรีบหันมองแก้วกาแฟในมือของเขา ก่อนเขาจะยกแก้วกาแฟขึ้นเพื่อดูชื่อที่เขียนอยู่บนนั้น


"เอ่อ ขอโทษด้วยนะครับ"
"ไม่เป็นไรครับ.. แก้วนี้ของคุณครับ"
"คือ.. ผมเติมน้ำตาลลงไปแล้ว"
               ร่างสูงตอบกลับมาพร้อมส่งแก้วกาแฟด้วยน้ำเสียงเกรงใจ


"ไม่เป็นไรครับ หวานหน่อยก็คงดี ชีวิตจะได้เจออะไรใหม่ๆ"
               ผมรับแก้วกาแฟพร้อมยิ้มให้กับชายตรงหน้า ก่อนจะเดินออกมาจากร้านในทันที


**********


"คุณน้ำ เย็นนี้ไปทานข้าวกับลูกค้าเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ"
               เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบอสของผมดังขึ้นมาจากด้านหน้าห้องทำงานของผม


"เอ่ออ บ บอส! เย็นนี้ผมมีธุระที่ต้องไปทำนะครับ"
               ผมรีบอ้างไปแบบนั้นเพราะผมไม่อยากจะติดแหงกอยู่บนถนนในเย็นวันศุกร์ของประเทศกรุงเทพที่นับเป็นวันหายนะอีกวัน


"ไม่นานหรอก สัก 40นาทีเอง ร้านแถวๆนี้แหล่ะ"
"แต่.. "
"งานนี้งานคุณ แค่นั้นแหล่ะ"
               สิ้นเสียงสั่ง เจ้าของเสียงก็เดินออกจากห้องไปแบบไม่สนใจ


"เฮ้อออ!!!"
               ผมถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
"วันนี้กลับดึกนะ
อื้อ"
               อุส่าห์จะรีบกลับซะหน่อย ผมคิดในใจ


**********


ณ ร้านอาหารเล็กๆไม่ไกลจากออฟฟิศมากนัก บรรยากาศยามเย็นของวันศุกร์มีคนไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้เงียบจนเกินไป ผู้คนคุยกันเคล้าเสียงเพลงบรรเลงเบาๆของร้าน ผมนั่งมองรอบๆร้านอยู่ที่โต๊ะคนเดียว ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา


"อะ น้ำ นี่คุณวีกับคุณแก้ว"
               บอสของผมแนะนำคนที่เดินตามเขาเข้ามาในทันที แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจคือชายร่างสูงตรงหน้าผมคือผู้ชายที่หยิบแก้วกาแฟสลับกับผมเมื่อเช้านี้ มาพร้อมกับผู้หญิงสวย ร่างเพียว สูงไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ ทั้งคู่ดูเป็นคนมีฐานะดี ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมบอสถึงให้ผมเป็นคนมาคุยด้วยกัน


"ดีครับ"
               ผมยกมือไหว้ไปและทั้งสองคนก็ไหว้ตอบ


"พอดีวีกับแก้วเค้าอยากจ้างเราวางแผนโปรโมทและทำโฆษณาให้เค้า"
               บอสผมเริ่มบทสนทนาในทันทีที่นั่งเก้าอี้


"ดูมาบ้างรึยังครับว่าอยากได้ประมาณไหน"
               ผมถามร่างสูงตรงข้ามที่ยังจ้องผมอยู่ตั้งแต่เดินเข้ามาเพื่อให้เขาเลิกจ้องผมสักที


"ไม่เลยค่ะ เลยอยากให้มาแนะนำด้วย"
               เสียงหญิงสาวตอบกลับมาแทนพร้อมแตะที่แขนชายที่นั่งข้างๆเพื่อดึงความสนใจ


"ได้ครับ"
               ผมยิ้มตอบกลับเธอก่อนจะเริ่มบทสนทนาในเรื่องอื่นๆ
               ทุกอย่างดำเนินไปอย่างช้าๆระหว่างการทานอาหารไปพร้อมกัน ถึงมันจะไม่เป็นทางการ แต่ทุกอย่างก็จบลงอย่างดี



"บอส"
"ว่าไง"
"งานนี้ให้ใครจัดการก็ได้นี่นา"
               ผมถามออกมาหลังจากแยกทางจากคนทั้งสอง ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำ แต่เพราะลูกค้าของงานนี้ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆข้างในใจ สายตาคู่นั้นที่มองผม มันพาลทำให้ผลสับสนจนหัวใจเต้นแรงไปพร้อมกัน และตัวผมเองก็ไม่ชอบความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นมานี้เอาซะเลย


"ไม่ได้ คนนี้ลูกค้าสำคัญ เค้าเป็นลูกของเพื่อนผม ผมอยากให้มันออกมาดีที่สุด คุณเลือกทีมเลยนะ แล้วเอาดราฟแรกมาให้ผมดูก่อนวันศุกร์หน้า เจอกันพรุ่งนี้ กลับบ้านดีๆ"
               บอสผมพูดพร้อมเดินแยกจากผมไปแบบไม่รอฟังคำค้าน


"เฮ้อออ"
               ผมถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปที่รถของตัวเอง
               เส้นทางอันยาวไกล ผู้คนมากมายที่เดินสวนกันที่ข้างทาง สำหรับคนบางคนมันคงจะแค่เดินมาเจอกันแล้วจากกันไปตลอดกาล แต่ใครจะไปรู้ ว่าคนที่เดินสวนเราไปเมื่อวาน อาจจะวนกลับมาในชีวิตเราพร้อมทิ้งแผลไว้ในใจเราอีกก็เป็นได้ เรื่องบังเอิญที่เราได้เจอ จริงๆมันอาจจะเป็นชะตาลิขิตที่คนบนฟ้าขีดลงมาก็ได้ เพียงแต่เราไม่เคยจะเชื่อมันเท่านั้นเอง แล้วสายตาผมเหลือบไปเห็นร้านกาแฟเมื่อเช้า มันทำให้ผมเผลอคิดถึงหน้าคนที่เจอเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ร่างสูงคนนั้น ใครจะไปคิดว่าต้องมาเจอกันอีก..

เช้าวันจันทร์อันสดใส(?)

"พี่น้ำคะ มีคนมารอพี่น้ำในห้องนะคะ"
"ขอบใจนะปาล์ม"
               ผมตอบกลับลูกน้องในทีมของผมขณะที่เดินผ่านเพื่อจะไปที่ห้องทำงานของตัวเอง


"อ้าว คุณวีคุณแก้วสวัสดีครับ มาแต่เช้าเลย"
               ผมยกมือไหว้คนทั้งสองทันที่เปิดเข้ามาในห้อง


"สวัสดีค่ะคุณน้ำ ขอโทษด้วยนะคะที่มาแต่เช้าเลย"
"มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?"
 "พอดีแก้วจะกลับต่างจังหวัดแล้ว เลยอยากเอาไอเดียของแก้วมาขายให้คุณน้ำให้หมดก่อน เพราะกว่าจะได้มาอีกทีก็หลายวัน"
               หญิงสาวตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมกับจับแขนของผมแน่นแบบเป็นกันเอง มันทำให้ผมคิดออกทันทีว่าหญิงสาวตรงหน้าคือลูกสาวเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทมีชื่อที่ภูเก็ต


"ได้ครับๆ นั่งก่อนเลย เดี๋ยวน้ำให้เด็กเอากาแฟมาให้"


การสนทนาผ่านไปช้าๆจนเกือบเที่ยงของวัน


"ประมาณนี้นะครับคุณแก้ว"
               ผมถามกลับเพื่อเป็นการสรุปแบบที่ผมได้รับมา


"ค่ะ อ่อ ส่วนนี้เบอร์แก้ว มีอะไรที่สงสัยรึต้องการ คุณน้ำโทรหาได้ตลอดเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ"
"ได้ครับ"
"เอ่อวี แก้วต้องไปขึ้นเครื่องอ่ะ ไม่อยากสาย ฝากวีจัดการต่อด้วยนะ"
               หญิงสาวหลังจากยื่นนามบัตรให้ผมก็หันไปคุยกันชายหนุ่มที่นั่งข้างๆในทันที


"อ้าว ไม่ใช่บินตอนเย็นเหรอ?"
"แก้วลืมบอกว่าจะเลื่อนไฟท์เหรอ? โทษทีๆ คุณแม่เร่งมากเลย ที่นู้นมีปัญหาน่ะ"
               หญิงสาวไม่ได้สนใจในคำตอบของคำถามอะไร ก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ไม่ไกลสะพายขึ้นบ่าพร้อมเปิดเช็คของในกระเป๋า


"ให้ไปส่งมั้ย?"
"ไม่เป็นไรๆ นั่งแท็กซี่ไปแค่นี้ วีคุยงานต่อเถอะ"
"โอเค ไว้เจอกัน"
"ขอโทษด้วยนะคุณน้ำ แก้วไปก่อน"
"ไม่เป็นไรครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ"
"ขอบคุณค่ะ บายนะวี"
               พูดจบแล้วหญิงสาวก็รีบเดินออกจากห้องไปในทันที


"เอ่ออ คุณวีอยากได้แบบไหนเพิ่มเติมมั้ยครับ"
               หลังจากที่คุณแก้วเดินออกไป ผมก็ถามร่างสูงในทันที


"ไม่อ่ะครับ ผมตามใจแก้วเค้า"
"ครับ งั้นดราฟแรกผมว่าคงจะเสร็จก่อนศุกร์ เดี๋ยวผมส่งอีเมลให้คุณแก้วกับคุณวีเช็คก่อน เผื่อจะได้แก้อีกทีตอนเจอกันครั้งหน้านะครับ"
"ครับ"
               ร่างสูงตอบมาสั้นๆแค่นั้น และผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ มันเลยเป็นเดธแอร์ไม่กี่วิที่เราสองคนจ้องตากันอีกครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สังเกตุใบหน้าเขาชัดๆ 'เออ หล่อมากเลยแหะ คิ้วได้รูป ตาสวย จมูกโด่งรับกับกรอบหน้าเช่นเดียวกับปาก เห้ย! แล้วทำไมใจต้องเต้นรัวขนาดนี้เนี่ย เพราะสายตาคู่นี้งั้นเหรอ?'


"อ้าววี นึกว่ากลับไปซะแล้ว"
               เสียงของเจ้านายผมเดินเข้าทำให้ผมสองคนหลุดจากสถานะการณ์ที่ชวนสับสนและวุ่นวายใจนี้ลง


"สวัสดีครับอานพ มีอะไรรึเปล่าครับ"
"ไม่มีหรอก พอดีเห็นว่าเรามา ไม่รีบไปไหนใช่มั้ย"
"ครับ"
"แล้วหนูแก้วล่ะ?"
"แก้วกลับไปแล้วครับ"
"งั้นไปกินข้าวกัน สามคนนี่แหล่ะ"
               ไม่ทันที่จะฟังเสียงตอบใดๆบอสของผมก็เดินออกไปในทันที


ณ ร้านอาหารร้านเดิม


"ร้านนี้อร่อยดีนะ ผมจะชมตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว"
               ร่างสูงเอ่ยขึ้นหลังจากตักอาหารเข้าปากไปหลายคำ


"ร้านประจำพ่อเราเลย ขึ้นมาทีไรชวนอามาตลอด"
"ผมไม่รู้เลยนะเนี่ย"
"แล้วคุณพ่อสบายดีมั้ย?"
"ก็ดีครับ ไว้ผมบินขึ้นมารอบหน้าผมจะลองชวนคุณพ่อมาด้วยนะครับ"
"ดีๆ ไม่ได้เจอกันหลายเดือนละ"
"อานพลงไปเที่ยวที่นู้นบ้างก็ได้นะครับ คุณพ่อคุณแม่น่าจะดีใจ คุณน้ำด้วยนะ"
               ผมที่นั่งเงียบฟังชายสองคนตรงหน้าคุยกันตั้งแต่เข้ามาที่ร้านทำได้แค่ยิ้มและพยักหน้าตอบกลับไป 'ให้มาด้วยทำไมเนี่ย' ผมคิดในใจเบาๆ


"เออนี่น้ำ บ้านวีเค้าทำรีสอร์ทที่ใต้ มีหลายจังหวัดเลย ไว้ลองไปเที่ยวดู สวยๆทั้งนั้น"
"ครับ"
               ผมตอบกลับไปแบบไม่สนใจเท่าไหร่


"ส่วนแก้วก็เป็นลูกสาวเจ้าของโรงแรมที่ภูเก็ต เราน่าจะคุ้นๆหน้าอยู่มั้ง"
"แล้วงานโฆษณารีสอร์ทนี่ของ.."
               ฟังจบผมจึงแทรกถามขึ้น


"อันนั้นของสองคนนี้เค้าร่วมกันทำ"
"อ๋อ ครับ"
"ยังหนุ่มยังสาว มีธุรกิจเป็นของตัวเองละ"
"ครับ"
               ครั้งที่3ที่ผมตอบเช่นเดิม สองคนตรงหน้ายังคุยกันตลอด ผมที่ได้แค่นั่งฟังและพยักหน้าตามเท่านั้น 'อยากให้เวลามันเดินเร็วๆแหะ ไม่อยากอยู่ตรงนี้เลย แล้วสายตาคู่นั้นที่มองมาทีไร รู้สึกแปลกๆทุกที' ผมบ่นในใจไปแบบนั้น ขณะมองดูคนตรงหน้าคุยกันอย่างออกรส
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 06-11-2019 10:19:18
ตอน 02


หลายวันต่อมา


"คุณวีคุณแก้วครับ นี่ทีมของน้ำ คนนี้ซี นี่อ๊อฟ นี่ปาล์ม ที่จะมาช่วยดูสตอรี่กับบทสำหรับโฆษณาก่อน"
"มีอะไรบอกเราสามคนได้เลยนะครับ/คะ"
               ผมแนะนำลูกทีมทั้งสามให้ทั้งสองคนตรงหน้าได้รู้จักและลูกทีมสามคนก็ตอบกลับอย่างพร้อมเพียงกัน


"ครับ/ค่ะ"
               คนทั้งสองยิ้มตอบกลับอย่างเป็นกันเอง


**********


"พี่น้ำๆ"
               เสียงกระซิบของอ๊อฟดังขึ้นเบาๆ


"ว่า"
"คุณวีหล่อเนอะ คุณแก้วก็สวย ดูสมกันมากเลย"
               คำพูดนี้ทำให้ทั้ง3คนที่เหลือบนโต๊ะประชุมหันไปมองสองร่างที่กำลังยืนคุยกันกับบอสของพวกเราที่ข้างนอกห้องประชุม


"ดูคุณวีสิ สูง หล่อ หุ่นดี แขนน่ากัดมากอ่ะ ดูอบอุ่น มีความอปป้ามาก"
               เสียงเล็กๆของปาล์มดังขึ้นอธิบายพร้อมน้ำเสียงที่ดูเพ้อฝัน


"คุณแก้วด้วย สวยเปรี้ยวมาก ในรูปนึกว่าจะไม่สูงแต่ตัวจริงสูงมาก.. ติดตามอยู่บนไอจีตั้งนาน ไม่คิดว่าจะได้นั่งคุยด้วยแบบตัวเป็นๆเลยแหะ เห้อออ ชาติหน้าขอให้อิปาล์มสวยและขายาวแบบนี้"
               เสียงของอ๊อฟดังขึ้นอธิบายรูปร่างของหญิงสาว


"อ้าว อินี่ นี่เพื่อนมั้ย? เขาเรียกผู้เกิดมาเพื่อถูกปกป้องย่ะ!"
               ปาล์มรีบหันมาแผดเสียงใส่เพื่อนที่นั่งข้างๆ


"แต่สูงจริง แก170มะ? งั้นคุณแก้วก็สัก175เท่าๆพี่น้ำ แต่พอยืนคู่คุณวีก็ประมาณหู งั้นคุณวีก็คงสัก 185บวก เนอะ!!"
               ผมได้แค่ส่ายหน้าไปมากับความบ้าบอของเด็กในทีมที่มันว่างขนาดมานั่งวัดส่วนสูงของคนด้านนอกอย่างจริงจัง


"คุณแก้วนี่จำหน้าได้ว่าเป็นลูกเจ้าของโรงแรม แต่คุณวีนี่ใครอ่ะพี่น้ำ"
               ซีที่นั่งเงียบหันมาถามผม


"เห็นว่าเป็นเจ้าของโรงแรมรึรีสอร์ทเหมือนกันอะแหล่ะ"
               ผมตอบทั้งที่หน้ายังง่วนอยู่กับงานตรงหน้า


"โห รวยคู่ไปอีก เรือล่มในหนอง!"
               เสียงปาล์มพูดขัดขึ้นมาอย่างเซงๆ


"พอๆ ไหนขอเรปบทกับแบบมาดูหน่อย"
               ผมออกคำสั่งเรียกคืนสติคืนบทสนาเพื่อกลับมาทำงานกันต่อ แต่สายตาของผมยังเผลอจ้องไปที่ร่างสูงด้านนอก ก่อนที่เขาจะหันมองกลับมาแล้วยิ้มให้


"เอ่อ ไหนเรปที่ถาม"
               เออ ผมรีบหลบสายตายคู่นั้นในทันที ทำเอาทำตัวไม่ถูกเลยแหะ แอบมองเค้าแล้วเค้าดันรู้ตัว จะบังเอิญอะไรขนาดนี้เนี่ย

**********


หลังจากนั้นไม่นานผมก็อธิบายดราฟแรกให้คนทั้งคู่ฟังจนเสร็จ


"เป็นไงบ้างครับ โอเคมั้ย?"
"โอเคเลย แต่ผมอยากให้เพิ่มธรรมชาติอีกนิด"
               ร่างสูงตอบกลับมา


"แก้วโอเคนะ แต่ลองเพิ่มตามวีดูก่อนก็ได้"
"ได้ครับ เอ่อ สามคนจดไว้ด้วยนะ"
               ผมหันไปสั่งอีกสามคนที่นั่งอยู่ไม่ไกล


"เดี๋ยวน้ำเพิ่มแล้วส่งอีเมลให้ดูคร่าวๆอีกทีนะครับ"
"งั้นวันนี้พอแค่นี้เนอะ"
               เสียงเล็กๆจากคุณแก้วดังขึ้นเพื่อปิดงานของวันนี้


"เย็นแล้ว กินไรดีอ่ะวี"
"ไหนว่าจะไปหาเพื่อน"
"ก็กินก่อน ค่อยไปไง เอ้อ คุณน้ำไปด้วยกันนะ"
               'กินข้าวอีกแล้ว' ผมที่แอบคิดในใจเบาๆ 'แล้วยังจะให้เราไปดูเค้าหวานกันเหรอ เออ แล้วทำไมต้องคิดมาก นั้นสิ แค่ตอบว่าไม่ไปก็จบ'


"ไม่รบกวนดีกว่าครับ"
"ไม่เป็นไรเลย ชวนคนอื่นไปด้วย จะได้สนิทกันมากขึ้นด้วย ใช่มั้ยวี"
"อื้อ"
"เอ่อ งั้นผมลองถามคนอื่นก่อนนะครับ"
               แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากถาม


"ไปค้าาาาาาา"
"พร้อมเพียงเลยนะ!!"


**********


ที่ร้านอาหารเล็กๆแถวบริษัท
อาหารเย็นมื้อนี้มันเต็มไปด้วยรอยยิ้มของทุกคน แม้จะเป็นวันง่ายๆแต่ก็ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นไปในอีกระดับ คุณวีกับคุณแก้วเองก็สนุกและยิ้มออกกับมุกเห่ยๆที่สามคนนั้นปล่อยได้ตลอด


"ขอบคุณนะครับสำหรับอาหารมื้อนี้"
               ผมบอกทั้งคู่ขณะออกจากร้าน


"ขอบคุณค้าาาาาาาาา"
               และทั้งสามคนก็พูดพร้อมกันออกมาในทันที


"ไม่เป็นไรครับ คนกันเอง"
               คุณวีพูดออกมาพร้อมยิ้มกลับให้ผม


"แล้วกลับยังไงกันคะ?"
"เดี๋ยวผมพาน้องๆไปส่งที่รถไฟฟ้าอ่ะครับ"
               สาวสวยถามขึ้นก่อนผมจะตอบออกไป


"งั้นไว้เจอกันใหม่นะคะ ไปนะทุกคน"
"ครับ"
               คุณแก้วโบกมือให้พวกผม แล้วก็แยกออกจากกันเพื่อไปรถของตัวเอง


**********


ในรถของผม


"คุณวีกับคุณแก้วนี่ใจดีเนอะ เป็นกันเองมาก ไม่วางมาดคนรวยเลย"
"คนรวยต้องเป็นยังไงวะ"
               ซีหันไปถามปาล์มที่เริ่มบทสนทนา


"ก็เชิดๆไง แบบในละครอ่ะ"
"ตลก นี่เค้าก็คนปกติมั้ย"
               อ๊อฟตอบกลับปาล์มไป


"อิจฉาคุณแก้วเลย"
"ทำไมวะ"
"ก็มีแฟนเพอร์เฟ็กแบบคุณวี"
               อ๊อฟพูดขึ้นมาพร้อมทำเสียงอ่อย


"เค้าคนดีไงเลยได้คู่กับคนดี แบบแกคงไม่ได้แล้วล่ะ"
"อ้าวอิปาล์ม นี่เพื่อนไง!"
"ไม่ก็คนดีแบบพี่น้ำของเราด้วย เก็บกระเป๋าตังได้ก็ยังเดินหาตัวเจ้าของจนเจอ"
"เออ..แต่ก็อยากมีมั่งนะ คนที่พอดีกับเรา"
"เออ..แต่เค้าดูเหมาะสมกันมากเลย"
"เออดิ"
               ปาล์มกับอ๊อฟยังแสดงความเห็นสกันสลับไปมา


"แต่คุณวีก็ดูแปลกๆอยู่นะ"
"แปลกยังไงวะปาล์ม?"
"ก็รู้สึกว่าคุณวีมองพี่น้ำบ่อยมาก"
"คิดมากไปละ เค้าก็คงมองเฉยๆ แฟนเค้าอยู่ข้างๆแบบนั้น"
               ทั้งสามคนเงียบลงนิดหน่อยเหมือนกำลังคิดตามที่ปาล์มเปิดประเด็นออกมา


"พวกแกนี่ไร้สาระมาก"
               ผมที่นั่งฟังน้องๆพูดกันอยู่ต้องแทรกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนบทสนทนา แต่ก็ไม่ได้ทำให้บทสนทนาถึงคนทั้งสองจบลง เพียงแต่เปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่นแทน แต่ไม่ว่ายิ่งได้ยินมากเท่าไหร่ในใจผมกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่ข้างในขึ้นมากเรื่อยๆ


**********


"พี่น้ำ คุณวีมา"
               เสียงของปาล์มที่รีบเปิดประตูเข้ามาบอกผมก่อนที่เจ้าของชื่อจะเดินเข้ามาในไม่กี่อึดใจ


"เอ่อ ดีครับคุณวี"
"ผมมารบกวนมั้ย?"
"ไม่ครับ เข้ามาได้เลย เรากำลังเตรียมงานของคุณวีพอดี เอ่อ แล้วคุณแก้วไม่มาเหรอครับ?"
"แก้วบินกลับไปแล้วล่ะ"
"เอ่อ.. คุณวีมีอะไรรึเปล่าครับ จำได้ว่าเราไม่มีนัดกันนี่นา รึผมจำผิดหว่า"
"ไม่มีหรอกครับ พอดีผมว่างๆเลยแวะมาหา"
               'อะไรของเค้า ถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนมาได้ยินจะคิดยังไงเนี่ย'


"เอ่อ ครับ ตามสบายเลยนะครับ"
"งั้นผมขอนั่งเงียบๆดูคุณน้ำทำงานละกันนะครับ"
               พูดจบร่างสูงก็ทิ้งร่างตัวเองลงบนเก้าอี้ตรงหน้าผมก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น


"เอ่อออ ครับ"
               ผมหันไปมองสามคนที่นั่งมองมาที่ผมก่อนจะทำหน้างงกับเหตุการณ์ตรงหน้า



เวลาผ่านไปจนถึงเย็น


"วันนี้คุณน้ำกลับยังไงอ่ะครับ"
"วันนี้กลับรถไฟฟ้าครับ"
"งั้น.. คุณน้ำรีบกลับมั้ยครับ"
"ทำไมเหรอครับ"
"พอดี ผมอยากชวนไปซื้อของขวัญให้แก้วเค้า"
"เอ่อออ ที่ไหนเหรอครับ?"
"ที่สยามอ่ะครับ"
               'ไปสยามเหรอ? ซื้อเสร็จเราก็ขึ้นรถไฟฟ้ากลับได้เลย คงไม่นานหรอกมั้ง'


"ครับ ไปได้ครับ"
"งั้นเราไปเลยนะครับ"
               ทันทีที่ได้ยินคำตอบร่างสูงก็รีบเดินนำผมไปที่รถทันที


ตลอดทางเราไม่ได้คุยอะไรกันมากนักนอกจากพูดถึงงานบ้าง ผมเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรนอกจากเรื่องานและคุณวีก็น่าจะเป็นเหมือนผม มันเลยทำให้บรรยากาศในรถมันเงียบหน่อยๆ แต่ไม่นานเราก็ถึงสยาม ที่สยาม เราใช้เวลาเดินดูของไม่นาน ก็เจอของที่คุณแก้วน่าจะชอบ


"คุณวีนี่น่ารักจังเลยนะครับ"
               ร่างสูงหันมามองหน้าผมก่อนจะทำหน้างง


"ก็ซื้อของขวัญให้แฟนซะน่ารักเลย"
               ผมเอ่ยพร้อมมองของในถุงที่คุณวีกำลังถืออยู่


"แฟน? ไม่ใช่ครับ ผมกับแก้วเราเป็นเพื่อนกัน"
"อ้าว น้ำนึกว่าเป็นแฟนกันซะอีก"
"เปล่าครับ ผมยังโสด โสดสนิทเลยล่ะ"
               ร่างสูงตรงหน้ารีบแก้ตัวพัลวัน พร้อมยิ้มแก้เขิน


"งั้นถ้าใครได้เป็นแฟนคงโชคดีมากเลยนะครับ"
"นั้นสินะครับ"
               ร่างสูงตรงหน้าตอบกลับพร้อมอมยิ้ม จนผมต้องยิ้มตาม 'เออ ทำไมเราต้องเขินด้วยเนี่ย'


"แล้วคุณน้ำ.."
               ยังไม่ทันที่ร่างสูงตรงหน้าจะพูดจบก็มีเสียงทุ้มใหญ่ดังแทรกขึ้นมา


"เห้ยยย ไอ้วี ไอ้น้ำ!!!!"
               เสียงของชายร่างใหญ่ ที่ใส่หมวกแก๊บกลับด้าน ตะโกนมาแต่ไกล


"อ้าว พี่บอย"
               ผมขานรับเจ้าของเสียงในทันที


"อ้าว มึงสองคนรู้จักกันเหรอ?"
               เสียงของผู้มาใหม่ถามพร้อมหันมองผมสองคนสลับไปมา


"หะ? มึงรู้จักน้ำเหรอ?"
               คุณวีทำหน้างงก่อนถามย้อนกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สงสัย


"ก็น้ำมันเด็กแถวบ้านกู แล้วก็เคยมาทำงานกับกูช่วงเริ่มทำงานใหม่ๆ อย่าบอกนะว่ามึงไปให้น้ำวางแผนโฆษณาให้?"
               พี่บอยอธิบายให้คุณวีฟัง


"ก็พ่อกูให้มาคุยกับบริษัทอานพดู!"
"เออ กูลืมเลยว่าน้ำทำงานที่นั้น แต่มึงก็ยังบังเอิญได้ทำงานกับน้องกูอีกนะ"
               พี่บอยยังอธิบายต่อ


"น้อง?"
"เออ ก็พวกพี่ไอ้น้ำก็เพื่อนๆกูทั้งนั้น! มันก็เป็นเหมือนน้องกูป่าววะ? เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก"
"เออ กูไม่เห็นรู้จักเลย"
"ก็เพื่อนๆแถวบ้าน มึงจะไปรู้จักได้ไง"
"เออๆ"
               สองคนคุยกันไปมาจนทำให้ผมพอเข้าใจเรื่องราว


"งั้น พี่สองคนก็เป็นเพื่อนกัน?"
"เออดิ นี่เรียนมหาลัยมาด้วยกันเลยนะ อยากรู้อะไรถามได้ เผาได้หมด แล้วมาทำไรกัน"
               พี่บอยกอดคอคนข้างๆอย่างเป็นกันเองก่อนจะถามต่อ


"มาซื้อของให้แก้ว เลยให้น้ำมาช่วย"
"พรีวันเกิดใช่มะ?"
"เออ"
"แล้วมาอยู่นี่นานป่าววะ"
"ก็ขึ้นๆลงๆปกติอะแหล่ะ แต่ช่วงนี้อยู่ยาวหน่อยเพราะมาทำโฆษณานี่แหล่ะ"
"แล้วแก้วอ่ะ"
"แก้วเค้าบินขึ้นลงตลอด งานเยอะนะ แต่เพื่อนเยอะกว่า"
"อ่อ เค แล้วมึงล่ะ ไม่ค่อยเห็นกลับบ้านกลับช่อง"
               พี่บอยหันมาถามผมบ้าง


"ก็งานเยอะอ่ะพี่ ขี้เกียจกลับไปด้วย"
"เออ แต่มึงเก่งอยู่แล้ว ไม่ต้องให้กูช่วยแล้ว"
               ผมพูดพร้อมทำหน้าเซงๆแล้วพี่บอยก็ตอบกลับก่อนจับหัวผมโยกไปมาแบบคนคุ้นเคย


"แล้วมึงล่ะ มาทำไร"
               คุณวีถามกลับไปบ้าง


"กูมาเอาของเฉยๆ"
               พี่บอยตอบพร้อมยกถุงกระดาษขึ้นหน่อยๆ


"เออๆ งั้นเดี๋ยวกูไปละ ต้องแวะเอาเนี่ยไปส่ง"
               พี่บอยตัดบทสนทนาเองในทันที


"อะเคมึง"
"บายน้อง ดูแลเพื่อนกูด้วย"
"บายพี่"
               พูดจบพี่บอยก็เดินหายไปในทันที


"บังเอิญเนอะ"
               ร่างสูงพูดขึ้นหลังจากพี่บอยเดินห่างไป


"นั้นสิ"
"เอ่ออ ให้พี่ไปส่งนะ"
               คุณวีถามขึ้นเสียงเรียบ 'หือออ ไปส่ง?'


"เอ่อ.. ไม่เป็นไรหรอกคุณ.."
"เรียกพี่เถอะ เมื่อกี้เรียกไอ้บอยว่าพี่ แต่เรียกพี่ว่าคุณมันดูแปลกๆ"
               ร่างสูงพูดแล้วทำเก็บปากพร้อมพยักหน้าให้ผมทำตามที่ขอ


"อ่าา พี่วี"
"ดีมาก ให้พี่ไปส่งนะ"
"น้ำกลับเองดีกว่า"
"ไม่เป็นไร น้ำมาช่วยพี่ พี่ต้องไปส่ง"
"น้ำเกรงใจ"
"ไม่ต้องเลย และไม่ต้องคิดมากด้วย"
               'เอ่อ ถ้ายื้อต่อแบบนี้คงไม่ได้รีบกลับแน่ๆ แต่แค่ไปส่งหน้าคอนโดคงไม่เป็นไรมั้ง..'


"อ่าาา ก็ได้ครับ"
"คอนโดน้ำอยู่แถวไหนนะ"
"แถววงเวียนใหญ่ครับ"
               'ก็แค่ให้ไปส่ง แล้วทำไมต้องตื่นเต้นรึคิดมากด้วยวะเราเนี่ย'

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 02 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 07-11-2019 09:47:08
ตอน 03


ที่คอนโดหรูย่านกลางเมือง

[เสียงกริ่ง]

"มาทำไร ไม่ไปเตรียมงานพรีเบิร์ดเดย์เหรอ?"
               ผมถามหญิงสาวในเสื้อเชิตกางเกงยีนส์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องผม ก่อนผมจะเดินทิ้งห่างออกมาแบบไม่สนใจ


"เดี๋ยวค่อยไป แต่ก็เหมือนทุกปีแหล่ะ สบายๆ ร้านเดิมๆ"
               แก้วตอบกลับมาก่อนจะนั่งลงบนโซฟาพร้อมวางกระเป๋ากับแว่นดำและยกขาขึ้นวางบนที่พักเท้าแบบเคยชิน


"แล้วนี่เพิ่งจะบ่ายจะไปไหนห้ะคุณชาย"
"ไปหาอานพ"
"แหมมม เข้าไปหาอารึไปหาใครเหรอ?"
               เสียงแก้วดังขึ้นทันทีที่ผมบอกไป


"หาอาจริงๆ"
"เชื่อก็ได้จ้าาาา"
               ผมไม่ได้เถียงอะไรกลับ เพียงแค่ยิ้มเขินๆกลับไปเพราะผมรู้ว่าแก้วเข้าใจความหมายของผมดี


"นี่วี ถามตรงๆนะ แกชอบขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ก็.. เออ!"
               ผมตอบกลับคำถามไปอย่างไม่อายอะไร


"แต่ นั้นผู้ชายนะแก คือ ฉันไม่ได้จะอะไรนะ แต่แกก็มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด แล้วจู่ๆก็ชอบผู้ชายขึ้นมาดื้อๆเลย คือฉันเลยงงอ่ะ!"
"ไม่รู้ว่ะแก ความรู้สึกมันพาไปเอง"
"Oh my god! นี่แกจะทำให้ฉันเชื่อในพลังแห่งรักเหรอ?!"
"ฉันไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้เลยจริงๆนะ มันเหมือนพลังแม่เหล็กที่พยายามดึงฉันเข้าไปหา"
"คือฉันก็ไม่ได้จะว่าเค้าไม่น่ารักหรอกนะ หน้าหวานหน่อยๆ ตาสวย จมูกโด่งนิดๆ ปากเล็ก ขาว สูงพอได้ แต่คนที่ตามตื้อแก ดาราก็มี นายแบบนางแบบก็เยอะ ไม่ชอบเลยเหรอ"
               เสียงเจ้าตัวถามแบบสงสัย


"ฉันไม่รู้ว่ะ ความรู้สึกมันแบบ.. ใช่อ่ะ! ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่คนนี้เป็นคนแรกที่พอได้เจอแล้วทำให้โลกมันหยุดหมุนเลยจริงๆ ตั้งแต่ที่ร้านกาแฟเลย ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเค้าอีกรึเปล่า.. เดี๋ยวถ้าแกเจอแบบฉันบ้าง แกจะเข้าใจเองว่ามันอธิบายไม่ได้เลย"
"รู้จักกันมาตั้งแต่เกิด เพิ่งรู้ว่าใช้คำเลี่ยนๆได้เยอะขนาดนี้ นี่แกเป็นเอามากเลยนะ"
               คนตรงหน้าผมพูดต่อพร้อมทำหน้าตกใจ


"คนนี้จริงจังเว้ย"
"จ้าๆ ถ้าแกว่างั้นละก็นะ ฉันคงไม่ขัดแกหรอก อย่าลืมว่ามีคุณลุงคุณป้าอีกนะที่แกต้องบอก แล้วนี่ฉันต้องช่วยมั้ย?"
               สาวสวยพูดยืดยาวพร้อมพูดถึงพ่อกับแม่ผมที่ผมลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย


"ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวจัดการเอง"
"แต่น้ำเค้าดูท่าแล้ววางตัวน่าดู น่าจะจีบยากนะ"
"ก็ค่อยๆจีบไปแหล่ะ!"
"ไม่ก็อิบอยไง เค้ารู้จักกันนี่ ให้มาเป็นพ่อสื่อเลย"
               แก้วนำเสนอผู้ช่วยแต่พอผมนึกหน้าไอ้บอยแล้ว ไม่ไหวหรอก


"ไม่เอาอ่ะ ไอ้คนนั้นก็ติสเกิน"
"เออจริง จะว่าไปวันนี้ก็ไม่รู้มันจะมารึเปล่า ถ้าไม่มานะ แม่จะตามไปบ่นถึงพระรามสองเลย!!"
               แก้วที่อยู่ๆก็ทำท่าฮึดฮัดขึ้นมาทำเอาผมถึงกับงง


"มาแหล่ะ วันก่อนเจอมันก็พูดถึงอยู่"
"อ่าหะ แล้วสรุปวันนี้จะชวนไปไหนอีก"
"กินข้าว"
"เหรออออ"
"ฉันไปดีกว่า เดี๋ยวเค้าคนนั้นจะรอ"
               ผมตอบไปก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน


"ไหนว่าหาอา?!"
"เออน่า ก็รู้ๆอยู่.."
"งั้นขอไปเจอคุณความรักของเพื่อนด้วยสิ!"
               แก้วรีบคว้ากระเป๋าสะพายที่อยู่ข้างๆในทันที


"ไม่ต้องเลย"
               ผมผลักหน้าของแก้วให้นั่งลงที่เดิม


"โอ้ย! อะไรอ่ะ แค่นี้ก็ทิ้งเพื่อนเลยนะ"
"วันนี้เจอกันที่งานเลยนะ อ่อ ล๊อคห้องให้ด้วย บายยยยยย"
               ผมตะโกนบอกไปแบบไม่สนใจก่อนจะเปิดประตูห้องออกไป


**********


"สวัสดีค่ะคุณวี"
"ครับผม เอ่อ น้ำอยู่มั้ยครับ?"
"อยู่ค่ะ อยู่ในห้องเลย"
"ขอบคุณครับ"
               ทันทีที่รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ ผมก็ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าในทันที


"น้ำ"
"อ่าา พี่วี มาแต่วันเลย"
"..."
"มีอะไรรึเปล่าครับ?"
"คือ.."
"คือ?"
"คือ..เย็นนี้ไปกินข้าวกัน"
"เอ่อ สองคนเหรอครับ?"
"เอ่อ..เปล่าๆ คือ วันนี้พรีวันเกิดแก้ว แก้วให้มาชวน!"
               'นั้นไงไอ้วี ตั้งใจมาชวนเค้าแต่ก็ไม่กล้าขึ้นมาซะงั้น อ้างเพื่อนไปก่อนแล้วกัน'


"พรีวันเกิด? คืออะไรอ่ะครับ"
"ก็จัดก่อนวันจริงไง เพื่อนๆพวกพี่อยู่กรุงเทพหมด จะขนกันไปภูเก็ตก็กระไรอยู่ เลยจัดที่นี่ครั้งนึงแล้วก็จัดที่บ้านครั้งนึง
"อ๋ออ"
"ไปนะ เก็บของเลย"
"เอ่ออ แบบนี้เรียกบังคับนะครับพี่วี"
               ร่างบางตรงหน้าตอบกลับมา
               'คนไรวะ ทำหน้างงยังน่ารักเลย'


"นั้นสินะครับ"
               ผมตอบกลับไปแบบเจื่อนๆ เออ ทำไมต้องเป็นคนเจื่อนเองด้วย แล้วจะชวนยังไงดีวะเนี่ย

[เสียงโทรศัพท์]

"ขอโทษนะครับ"
               ร่างบางตรงหน้ารับโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
"ครับคุณแก้ว
ครับ
ก็.. ครับ
ได้ครับ
ไว้เจอกันนะครับ"
               'เออ แก้วโทรมาไมตอนนี้วะ แล้วคุยไรกันวะ หวังว่าคงไม่พังแผนเราหรอกมั้ง'


"งั้นเย็นนี้เดี๋ยวผมติดรถพี่วีไปเลยนะครับ"
"ติดรถ?"
"ก็งานวันเกิดคุณแก้ว เมื่อกี้คุณแก้วโทรมาชวน"
"อ๋อ ได้ๆ"
               'เยส!! โทรมาถูกจังหวะเลยนะคุณหญิงแก้ว'



ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ถูกปิดเพื่อจัดงานวันเกิดเล็กๆให้เพื่อนรักของผม ตลอดทางร่างบางข้างๆผมไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก และตัวผมเองก็ประหม่าเกินกว่าจะชวนคุย พาลทำให้บรรยากาศในรถมีแต่เสียงเพลงเท่านั้นที่ดังกลบเสียงหัวใจของผมที่มันเต้นรัวๆแทบจะทะลุออกมา 'เก็กไว้ ไอ้วีเก็กไว้'



"น้ำ!!!"
               เสียงของเจ้าของวันเกิดตะโกนทักทายมาแต่ไกล


"มาจนได้ มาๆ หิวมั้ย?"
"เอ่อ นี่ครับคุณแก้ว ของขวัญ"
               ร่างบางยื่นกล่องใบเล็กให้เจ้าของงานแบบเขินๆ คงมีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ว่าภายในกล่องมีอะไรเพราะเจ้าของของขวัญให้ผมแวะห้างเพื่อซื้อของขวัญก่อนถึงจะมางาน


"ไม่เห็นต้องลำบากเลย แค่น้ำมาพี่ก็ดีใจแล้ว อ่อ เลิกเรียกคุณได้ละ เรียกวีเรียกบอยว่าพี่งั้นก็เรียกพี่ว่าพี่ด้วยเลย"
"เอ่ออ ครับพี่แก้ว"
               ร่างบางยิ้มตอบ


"ทุกคนนนนนนน!!"
               แก้วตะโกนขึ้นเพื่อให้ทุกคนในงานวันเกิดสนใจตัวเอง


"นี่คืออีกหนึ่งแขกคนพิเศษของฉันในคืนนี้ น้องน้ำ น้องน้ำเป็นทำโฆษณาตัวแรกแถมวางแผนพีอาร์ให้รีสอร์ทแห่งใหม่ให้ฉันจนยอดจองถล่มทลายมาก ขอเสียงให้น้องหน่อยค้าาาาา"
               หลังจากพูดจบเสียงปรบมือก็ดังทั้งร้าน แต่คนข้างๆผมนี่สิเขินหน้าแดงไปเลย เพื่อนผมนี่ก็เล่นใหญ่เสียจริง แต่ก็ดีนะ ถือเป็นการประกาศต้อนรับว่าที่แฟนผมไปเลยละกัน


"มาใหญ่เลยนะมึง เปิดตัวแบบนี้ เตรียมตัวโดนรุมจีบเลย"
               ชายตัวใหญ่พร้อมหมวกคู่ใจแทรกตัวเข้ามา


"อ้าว พี่บอยก็มาด้วย"
               ร่างบางตอบกลับคนที่เพิ่งแทรกตัวเข้ามา


"ไงมึง"
"เออบอย อยู่เป็นเพื่อนน้ำหน่อยนะ พี่ขอตัวเพื่อนคนนี้แปปนะน้ำ"
               แก้วที่จู่ๆก็โผล่เข้ามาข้างๆพร้อมดึงร่างผมออกมาในทันที


"อะไรเหรอ"
               ผมถามแก้วที่ลากผมออกมาไม่ไกลนัก


"พามาจนได้"
"ก็เออดิ แกก็โทรไปชวนถูกจังหวะพอดี"
"ฉันเก่งไง รู้ว่าแกไม่กล้าชวนไปกินข้าวหรอก"
               แก้วทำท่าเชิดหน้าเล็กน้อยอย่างภาคภูมิใจ


"เออ แม่คนเก่ง"
"ชวนให้ เปิดตัวให้พร้อม เดี๋ยวก็จอยๆไปก่อน แล้วค่อยปลีกตัวไปคู่ จะได้เนียนๆ"
"คิดแผนเก่งงงงง"
"แน่นอน นี่ใคร นี่คือคุณแก้วไง"
               เจ้าตัวชี้ที่ตัวเองก่อนจะยิ้มอย่างภูมิใจอีกครั้ง


"ขอบใจนะแก"
"เออน่า เพื่อนกัน อย่าเยอะ ไปตีสนิทได้ละ เดี๋ยวอิบอยเอาไปกิน"
"เอออ"
               พูดจบเพื่อนตัวร้ายของผมก็เดินหายเข้าไปในงานต่อ


"สนุกมั้ย"
               ผมที่แทรกตัวมาหาร่างบางแล้วกระซิบถามเบาๆขณะที่เขากำลังสนใจเกมส์ที่เพื่อนๆผมเล่นกันอยู่


"ก็ สนุกดีครับ เพื่อนพี่นี่คนดังหลายคนเลยนะ"
"อื้อ แก้วมันคนรู้จักเยอะ เพื่อนตอนเรียนอีก ต่างจากพี่เยอะ ที่ชอบอยู่เงียบๆ"
"เค้าเป็นธรรมชาติดีนะ"
"ใช่แล้ว ดูเปรี้ยวดูแรงแบบนั้น แต่จริงใจนะ ใจดีด้วย มันไม่ค่อยร้ายใส่ใครหรอก แล้ว..มีคนมาคุยด้วยบ้างป่าวเนี่ย"
"มีครับ ก็มีมาทักทายบ้าง ถามเรื่องงานบ้าง พี่แก้วเนี่ยเหมือนจะหางานให้ผมเพิ่มเลยนะ ฮ่าๆๆๆ"
               ร่างบางตอบพร้อมยิ้มขำๆกับสถานะการณ์


"จะได้รู้จักคนเพิ่มไง"
"ครับ"
"กินไรมั้ย? ไวน์ เบียร์?"
"ไม่ครับ น้ำไม่ดื่มอ่ะ"
"อ่อ อื้อ"
"จะสี่ทุ่มแล้ว พี่ว่าพี่ไปส่งน้ำดีกว่า เดี๋ยวดึกกว่านี้ เอ้ออ แก้วมาพอดีเลย"
               ผมรีบดึงตัวเพื่อนผมที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้พอดีไว้


"เดี๋ยวฉันไปส่งน้ำก่อนนะ เดี๋ยวดึก"
"อื้อ ขอบคุณนะน้ำที่มา"
"แฮปปี้เบิร์ดเดย์อีกรอบนะครับ"
"จ้า ขับรถดีๆนะแก"


**********


บรรยากาศในรถเงียบน้อยกว่าตอนขามา เพราะน้ำและผมเริ่มจะชวนกันคุยมากขึ้น แต่ผมก็ยังไม่กล้าถามเรื่องส่วนตัวมากนัก จะหนักไปทางเรื่องงานซะมากกว่า ส่วนน้ำเองก็เช่นกัน


"เอ่อ น้ำหิวมั้ย? เมื่อกี้ไม่เห็นกินอะไรเลย"
"นิดหน่อยครับ แต่เดี๋ยวกลับไปกินที่ห้องเอา"
"งั้นเราแวะกินข้าวก่อนมั้ย"
"ไม่เป็นไรครับ พี่วีจะได้กลับเร็วๆด้วย"
"พี่หิวนี่สิ งั้นแวะนะ"
"เอ่อ.. "
"ร้านนี้ละกัน"
               ผมเลี้ยวรถเข้าร้านอาหารเล็กๆข้างทางแบบไม่รอคำตอบใดๆ จริงๆผมแค่กลัวน้ำจะเปลี่ยนใจมากกว่า


**********


"เอาผัดคะน้าหมูกรอบ กับต้มยำทะเลครับ น้ำอ่ะ"
"เอ่อ เอาไข่เจียวกับสามชั้นทอดน้ำปลาก็แล้วกันครับ"
"ข้าวเปล่าสองครับ"
               ผมรีบสั่งอาหารออกไป แต่คนตรงหน้านี่ยังทำหน้างงอยู่เลย


"อะไรเหรอ?"
"ในงานมีคาเวียร์กับฟัวร์การ์นะพี่วี"
"พี่อยากกินสองคนมากกว่า"
               ผมพูดออกไปเรียบๆก่อนจะคิดได้ว่ามันดูตรงเกินไปและคนตรงหน้าก็ดูตกใจด้วย


"พี่หมายถึง อยากกินแบบเงียบๆมากกว่า"
"อ่อ"
               คำตอบผมเมื่อกี้คงทำเจ้าตัวทำตัวไม่ถูก นี่ผมก็คงรุกแรงไปจริงๆ งั้นเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วกัน


"ว่าแต่งานเป็นไงบ้าง"
"ก็ดีครับ ตอนนี้กำลังเตรียมถ่ายเซทที่2 น่าจะยกกองไปที่รีสอร์ทเลย"
"อันแรกดีมากเลย หลายคนชอบมากเลย เก่งนะเรา"
"ทุกคนทำกันเต็มที่มากกว่าครับ"
"แต่แก้วเล่นประกาศไปแบบนั้น ถ้ามีเพื่อนพี่คนไหนมาจีบบอกพี่ได้นะ"
"คงไม่มีหรอกครับ คงมีมาคุยแต่เรื่องงานแหล่ะ"
"พี่ก็หวงของพี่นี่น่า"
               'นั้นไง หลุดไปอีกแล้วไอ้วี รีบแก้เลย!!'


"เอ่อ พี่หมายถึงห่วงน่ะ กลัวเราทำไม่ไหว"
"ครับ"
"กับข้าวมาละ กินเถอะ จะได้รีบกลับ"
"อื้อ"
               ผมรีบเปลี่ยนเรื่องในทันทีก่อนที่จะหลุดอะไรไปมากกว่านี้ 'เฮ้อออออ ทำไมมันเหมือมเริ่มหัดจีบเลยวะ ทำอะไรก็ดูจะเก้ๆกังๆเขินๆไปทั้งหมด ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย คนตรงหน้าจะรู้ตัวบ้างรึเปล่าวะเนี่ยว่ากำลังจะทำให้คนคนนึงเป็นบ้าแล้ว'

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 02 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 07-11-2019 09:50:13
ตอน 04


"กินอะไรกัน"
               ผมที่กลับเข้ามาจากกินข้าวเที่ยงเอ่ยทักทายสามคนตรงหน้า


"มะม่วงน้ำปลาหวานค่ะพี่น้ำ"
"ร้านตรงปากซอยป่ะ?!"
               ผมถามกลับ


"ใช่แล้ว อิอ๊อฟลงทุนเดินตากแดดไปซื้อเองเลยนะ"
"งั้นกินด้วยยยยย"
               ผมรีบแทรกตัวเข้าไปนั่งกับน้องๆทันที


"พี่น้ำ"
"หะ"
"นี่หนูคิดไปเองรึเปล่าว่าคุณวีไม่ได้ตั้งใจมารอดูงานหรอก แต่มาเฝ้าพี่ต่างหาก"
               ปาล์มพูดขึ้นขณะที่ยังเคี้ยวมะม่วงมันทำให้ผมเริ่มคิดตามถึงเรื่องที่ผ่านมา


"ไม่หรอก"
               ผมรีบตอบกลับไปแบบนั้นแต่ในใจกลับเริ่มไม่แน่ใจขึ้นมา ทั้งไม่มั่นใจในตัวพี่วี และกระทั่งใจของตัวเอง


"ไม่รู้สิ หนูสังเกตุเห็นว่าเค้ามองพี่บ่อยมากเวลาพี่เผลออ่ะ"
"ไม่หรอกแก เค้ามีแฟนแล้ว แถมเค้าเป็นผู้ชายนะ"
               เสียงของซีแทรกขึ้น


"ไอ้ซี เค้าเป็นผู้ชาย แต่ไม่ได้แปลว่าจะมาชอบผู้ชายไม่ได้ป่ะ! เรื่องหัวใจห้ามกันยากนะ ถ้าคนมันจะตกหลุมรักขึ้นมาอ่ะ"
               อ๊อฟแทรกขึ้นอีกเสียง


"เอ่อ.. พี่วีเค้าโสด"
               ผมพูดขึ้นเบาๆ


"อ้าว แล้วคุณแก้วล่ะพี่!"
               ซีถามเสียงดัง


"เค้าเป็นเพื่อนกันเฉยๆ"
"นั้นไง หนูว่ามันต้องใช่แน่ๆ หนูสัมผัสได้ หนูขนลุกไปทั้งตัวเลยค่ะ"
"ค่ะ!! อิปาล์มญาณทิพย์"
"แต่ฉันว่าไม่นะแก เค้ามาเฉยๆรึเปล่า"
               ซีที่ยังเป็นตัวขัดของทีมแทรกขึ้น


"ฉันว่าจีบ เพราะมันดูมีซัมติง อิอ๊อฟว่าไง"
"ฉันก็ว่าน่าจะ"
"นี่ไง สองเสียง แกเสียงเดียวเลยไอ้ซี"
"ไม่จีบ!"
"งั้นแกคอยดู วันนี้ฉันว่าต้องมาอีก"
"เค้าก็มาปกติอยู่แล้วมั้ย?!"
"ไม่รู้แหล่ะ ฉันว่าต้องมาจีบพี่น้ำแน่ๆ"
"ฉันว่าไม่!"
               สามคนเถียงกันมาอยู่หลายนาทีแต่ถึงมันน่ารำคาญแต่เรื่องที่ทั้งสามคนคุยกันมันก็ทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจในอะไรเลยขึ้นเรื่อยๆ


"แต่ถ้าจีบจริง นี่เรื่องใหญ่เลยนะ"
               ซีที่อยู่ๆก็เปลี่ยนประเด็น


"เออนั้นสิ!"
               ปาล์มพูดออกมาเบาๆแล้วอ๊อฟก็เงียบพร้อมคิดตาม


"แต่ฉันยังคิดว่าไม่จีบ!"
"จีบโว้ยยยย! มารอเจอ แอบนั่งมอง ชวนกินข้าวบ่อยๆ ชัดขนาดนี้"
"อะไรกันพวกแกเนี่ย ไร้สาระ ไปทำงานๆ เอานี่พี่ออกช่วยค่ามะม่วง"
               ผมที่นั่งกินมะม่วงอยู่เริ่มเบื่อจะฟังสามคนเถียงกันเลยรีบเดินกลับเข้าห้องทำงานของตัวเองทิ้งให้คนทั้งสามเถียงกันต่อไป
               'มันก็น่าคิดนะ ถ้าที่ปาล์มพูดมันจริง ทั้งที่เขาพูดหลายๆอย่างเมื่อวันก่อน แต่มันก็ดูเข้าข้างตัวเองไปป่าววะ รึจะถามไปเลย ไม่ได้สิ ถ้าไม่ใช่ขึ้นมา หน้าแตกแถมเผลอๆถูกเค้าต่อยเอาอีก แต่ทำไมแอบรู้สึกดีใจขึ้นมาวะเนี่ย ไม่ได้ๆ จะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย มันไม่ถูก'


"น้ำ!"
               คนที่กำลังทำให้ผมมีเรื่องให้คิดเปิดประตูเข้ามาทำเอาผมสะดุ้งเลยทีเดียว


"เอ่อออ พี่วี!!"
"เป็นไรป่าว ดูตกใจแปลกๆ"
"ปะ เปล่าครับ พี่วีมีอะไรรึเปล่า"
"ไม่มีไรหรอก แค่อยากมาเจอน่ะ"
               พี่วีตอบมาเรียบๆพร้อมยิ้มใหผม แต่มันทำให้หัวใจผมเต้นแรงและเร็วขึ้นทันที


"เอ่อ ครับ งั้นพี่วีนั่งเล่นไปก่อนนะ เดี๋ยวน้ำมา"
               พูดจบ ผมก็รีบเดินออกมาจากห้อง ตรงไปที่ห้องบอสในทันที


"หนูว่าเค้ามาจีบ!!"
               เสียงของปาล์มที่ดังเบาๆขึ้นไล่หลังผมขณะที่เดินผ่านโต๊ะทำงานของเธอ


"บอส!"
"ว่าไงน้ำ"
"คุณวีเค้ามาหาบอสรึเปล่า?"
"ไม่นี่ ทำไมเหรอ?"
"ก็ คุณวีเข้ามาแทบทุกวันเลยนี่ครับ"
"เค้ามารอดูงานรึเปล่า"
"..."
"เค้าก็เหมือนหลานผม เป็นลูกค้าด้วย อยู่คนเดียวคงเบื่อๆไม่มีที่ไปเลยมาเล่นที่นี่ ก็คุยๆกับเค้าบ้างแล้วกัน"
              'โอ้ยยยย ไม่ได้ช่วยอะไรเลย!!!!'
               ไม่ใช่ว่าผมเกลียดเค้า แต่ผมกลัวใจตัวเองมากกว่า ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งได้คุย ยิ่งได้มองสายตาคู่นั้น คำพูดแบบนั้น มันพาลจะทำให้ผมเป็นบ้า และมันยากเหลือเกินกับการต้องห้ามความรู้สึกตัวเอง 'ต้องไม่อ่อนไหวไปกับเค้า ต้องไม่ใจอ่อนนะเว้ย' ผมบอกตัวเองซ้ำๆแต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมรู้สึกไปแล้ว


หลังเลิกงาน..


"น้ำ"
"ครับ?"
"ไปกินข้าวกันมั้ย?"
"วันนี้คงไม่ได้อ่ะครับ"
"เหรอ งั้นพี่ไปส่งนะ"
"ไม่ดีกว่าครับ"
"ทำไมล่ะ?"
"คือ.. เอ่อ.."


**********


ผมลากตัวเองออกจากลิฟท์คอนโดมาจนถึงห้องตัวเอง

"ไงบ้างอ่ะ"
               เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังจากได้ยินเสียงผมเปิดประตู


"โครตเหนื่อยเลย คนบนรถไฟฟ้าก็โครตเยอะ"
"บอกแล้วให้ขับรถไป วันนี้รถจะเยอะ"
"อ๋อยยย ไม่ทันแล้วล่ะ"
               ผมตอบรับเสียงที่ดังมาจากในครัว ขณะที่ปิดประตูคอนโด ก่อนจะเดินไปทิ้งร่างนอนหมดแรงลงบนโซฟา


"ไม่เป็นไรนะ"
"วันพิเศษทั้งที มาช้าซะได้"
               ผมยังบ่นทั้งที่หน้ายังทิ่มลงบนโซฟา


"เอาน่า ไหนๆก็มาแล้ว เค้าไม่โกรธแล้วตัวเองจะนอยเองทำไม มา เค้าซื้อของกินมาเยอะเลย"
               ผู้ชายร่างสูงเดินมานั่งข้างๆตัวผมก่อนจะยีหัวผมเบาๆ และดึงแขนให้ผมลุกขึ้น ผมลุกขึ้นตามแรงดึงและนั่งจ้องหน้าคนตรงหน้า


"น่ารักที่สุดเลยยย แฟนใครเนี่ย!!"
               ผมพูดก่อนจะยีหัวคนตรงหน้าคืนพร้อมลุกจากโซฟามาโต๊ะอาหารในทันที ผมมองอาหารบนโต๊ะ ก่อนจะนึกย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นที่พี่วีอาสาจะมาส่ง..

"น้ำ"
"ครับ?"
"ไปกินข้าวกันมั้ย?"
"วันนี้คงไม่ได้อ่ะครับ"
"เหรอ งั้นพี่ไปส่งนะ"
"ไม่ดีกว่าครับ"
"ทำไมล่ะ?"
"คือ.. เอ่อ.. พอดีน้ำมีนัดกับแฟน"
"ห้ะ?"
               พี่วีหน้าตกใจกับคำตอบของผมพร้อมขมวดคิ้ว 'นี่เค้าตกใจ? เหรอ? รึเค้าคิดอะไรกับเราจริงๆ? ถ้าแบบนั้นแกก็ทำถูกแล้วป่าววะ? ถ้าเค้าจีบจริงๆเค้าจะได้เลิกทำให้แกคิดมาก แกก็จะได้เลิกรู้สึกไม่ดีสักที แต่ทำไมมันรู้สึกเจ็บแปลกๆวะ'


"วันนี้วันครบรอบน่ะครับ"
"อื้อ งั้น...งั้นน้ำไปกับแฟนเถอะ กลับดีๆนะ"
               พี่วีตอบกลับมาเสียงเบา 'สีหน้าแบบนั้น..มันแปลว่าอะไร แล้วทำไมมันทำให้ผมรู้สึกเศร้าไปด้วย นี่ผมเป็นบ้าอะไรเนี่ย?'


"น้ำ.. น้ำ!!"
"ห๊ะ?"
"เป็นไร ดูเหม่อๆ"
               คนตรงหน้าเรียกสติผมคืนมา

"เปล่าๆ แค่เหนื่อยอ่ะ"
"งั้นกินเลย จะได้ไปอาบน้ำนอน เดี๋ยวคืนนี้เค้านอนเป็นเพื่อน"
"งื้อ.. ขอบคุณนะที่ยังอยู่กับเค้า ทั้งที่เค้ามันไม่ได้เรื่องเลย"
"ตัวเองน่ารักขนาดนี้ ใครจะไปโกรธลง"
               คนตรงหน้าลุกขึ้นมายืนข้างๆพร้อมเอามือสองข้างจับหน้าผมไว้ก่อนจะก้มลงหอมที่หน้าผาก


"อื้อ ตัวเองนั่งลงเถอะ"
"ป้อนหน่อย"
"อ่ะ อ้ามมมมมม"
"อร่อยเนอะ.."


               นี่ผมทำถูกแล้วใช่มั้ยที่บอกออกไปแบบนั้น แต่ตั้งแต่ที่ผมเริ่มทำงานและคบกับคนๆนี้ มีคนมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต ผมไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวไปกับใคร เพราะในใจผมรู้ตัวดีว่าผมมีคนที่รักผมอยู่ตรงนี้แล้ว แต่กับเขาคนนั้น เขากลับทำให้ผมวุ่นวายในใจได้ในตั้งแต่วันแรกที่เจอ ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์และความรู้สึกที่มันโถมเข้ามานี้ มันมีคำถามมากมายในหัวของผมเอง แต่พอผมคิดถึงคนที่นั่งตรงข้ามผมตรงนี้ ผมก็ไม่อยากให้เขาเสียใจเช่นกัน มันเป็น3ปีที่เราผ่านอะไรๆมาด้วยกัน ทั้งทุกข์ ทั้งสุข ผมไม่ได้คาดหวังว่ามันจะยังเป็นแบบนี้ตลอดไป แต่ผมอยากทำทุกวันให้มันดีที่สุด ประคองมันไว้ให้นานที่สุด เพราะถ้าวันนึงถ้ามันจะเปลี่ยนไป อย่างน้อยผมก็คงจะไม่เสียใจ

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 03,04 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 08-11-2019 13:16:04
ตอน 05



ถ้ามีคนถามว่าผมขับรถกลับมาที่คอนโดอย่างไรนั้น ตอนนี้ผมก็คงตอบอะไรไม่ได้ ทันทีที่ผมได้ยินคำตอบนั้น ทุกอย่างมันดูมึนงงไปหมด ความรู้สึกเหมือนผมอกหัก ทั้งที่เขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา นี่ผมหลอกตัวเองมาตลอดเลยเหรอเนี่ย ไม่เคยถาม ไม่เอ่ะใจอะไรเลย เฮ้อออออ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะเรา ดันไปรักคนมีเจ้าของ ไอ้วีหนอไอ้วี

[เสียงกริ่ง]

"ไง"
               แก้วพูดออกมาสั้นๆ


"เออ อกหักไง"
               ผมตอบกลับเพื่อนสนิทคนเดียวที่ผมสามารถเล่าทุกอย่างในชีวิตให้ฟังได้ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องผมก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปนอนทิ้งร่างตัวเองอยู่บนเตียงเช่นเดิม


"ขอขำได้ป่าว"
               เจ้าของเสียงเดินตามผมมาก่อนทิ้งตัวลงเก้าอี้ข้างๆเตียงนอน


"เอาที่พอใจเลย"
               ผมตอบไปแบบเอื่อยๆ


"แล้วแกไม่เคยถามเค้าเลยเหรอ?"
"เออ ไม่เคย คิดเอง เออเองคนเดียวนี่ไง"
"โอ้ยยย จะไปโทษเค้าก็ไม่ได้อีก"
"ก็ใช่ไง ถึงทำไรไม่ได้เนี่ย ทำตัวเองเต็มๆเลย"
               ผมที่พูดขึ้นมาแล้วยังคิดโกรธตัวเอง ทำไมปล่อยให้ตัวเองหลอกตัวเองได้นานเป็นเดือนขนาดนี้


"รึน้ำเค้าหลอกแกเฉยๆให้แกอย่ายุ่งกับเค้างี้?"
"แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีดิ อย่างน้อยก็แปลว่าเค้าก็ยังโสด และฉันก็ยังตามจีบได้ แต่นี่เค้าดูจริงจังมากอ่ะ"
"เออ งั้นเค้าคงมีแฟนจริงๆมั้ง"
"โอ้ยยย อย่าย้ำได้มั้ย?"
"ฮ่าๆๆๆๆๆ ตลกอ่ะ"
               แก้วหัวเราะออกมาเหมือนชอบใจ


"เชิญซ้ำเติมได้เลยเต็มที่ ไม่มีแรงทำไรแล้วตอนนี้"
"เฮ้อออ แล้วกินไรบ้างยัง"
"ยังเลย ตั้งแต่เมื่อวาน"
"งั้นฉันสั่งของกินมาให้ละกัน"
               คนตรงหน้าผมกดมือถือไปมาหลังพูดจบ


"เอาน่าแก เดี๋ยวก็เจอคนใหม่"
"คนนี้ฉันรักจริงว่ะ"
"แต่เค้ามีแฟนแล้ว อ่านปากหนูแก้วนะคะ เค้า มี แฟน แล้ว"
               แก้วที่ยังดูไม่ได้สนใจผมมากนักในตอนนี้ตอบกลับมา


"จะมีแฟนทั้งที ยากเนอะแกเนี่ย"
"โอ้ยยยยยยยยยย"
               ผมตะโกนขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะมันอึดอัดเกินกว่าที่ผมจะทนไหว


"บ้าไรเนี่ย"
               คนข้างๆผมตกใจ


"สับสน ปวดใจ อึดอัดโว้ยยยย"
               ผมยังลำพันออกมาแบบนั้น ก่อนเสียงโทรศัพท์คนข้างๆผมจะดังขึ้น ทำให้ผมเบือนหน้าหนีอย่างไม่สนใจ

[เสียงโทรศัพท์]

"เอ้อ แปป บอยโทรมา
ฮัลโหลลลล
ก็ดี
มีไรจะใช้เหรอคะคุณบอย?
ว่าละ
ได้ๆ แค่บอกมันใช่มะ?
อะเค
อ่อเดี๋ยวๆๆๆ
คือ..
น้องน้ำนี่แกรู้จักมานานเลยใช่มะ?"
               ทันทีที่ผมได้ยินชื่อนั้น ผมรีบหันกลับมารอฟังเรื่องที่เพื่อนตัวดีผมจะถามในทันที


"นานเนอะ
ไม่หรอก แค่ถามดู เห็นรู้จักกัน
แกกับน้องเค้านี่ยังไงเหรอ?
เห็นสนิทกัน นึกว่าเคยคบกัน
เหรอๆ
แล้วน้องเค้าไม่มีแฟนเหรอ?
อ๋อ
ไม่มีไร ถามเฉยๆ
ฉันไม่กินเด็กย่ะ!
อะเค
เดี๋ยวบอกให้
บายยยยย"
"ไอ้บอยว่าไง"
               ผมถามถึงเรื่องคนนั้นในทันทีที่เพื่อนของผมกดวางสาย


"เอาเรื่องที่มันฝากบอกก่อนนะ มันบอกว่าส่งชื่อร้านให้ในไลน์แล้ว แต่แกไม่อ่านและโทรมาแกก็ไม่รับ มันเลยฝากบอกให้แกอ่านไลน์ด้วย ร้านไรกันวะ?"
"ไม่มีไรหรอกแค่ร้านทำของ แล้วเรื่องน้ำล่ะ?"
"ก็.. อือ ตามนั้นแหล่ะ"
               คนข้างๆตอบออกมาพร้อมถอนหายใจยาวๆ


"กี่ปีแล้ววะ?"
"3มั้ง"
"นี่ฉันมาช้าไป3ปีเลยเหรอวะ!"
"แกใช้คำนี้ไม่ได้!! เพราะสามปีก่อน แกยังพานางแบบมางานวันเกิดฉันอยู่เลย จำได้!!"
               แก้วทำท่าคิดแปปนึงก่อนจะตอบออกมา


"โอ้ยยยยยยยย"
"ตัดใจซะนะ เค้าคงไม่ใช่คู่แก"
"แต่.. มันทำใจยากจัง"
"สม หักอกคนไว้เยอะ โดนเองซะบ้าง นี่ไง ใครนะ น้องนทรึน้องนัทเนตไอดอลที่ตามตื้อแกอยู่อ่ะ นอหนูเหมือนกัน แทนกันได้"
"ตลก!!"
"ล้อเล่นนนนน แต่ยังไงแกก็ต้องทำใจว่ะ จะว่าไป อีกตั้งสองงานกว่าจะจบ แกจะทนเจอน้ำได้ป่าววะ"
               แก้วถามผมกลับมาทำให้ผมคิดตาม


"ฉัน.."
"หืม?"
"ฉันไมยอมแพ้หรอก"
"เดี๋ยวนะ! จะทำอะไร?"
"ฉันจะจีบต่อ"
               ผมบอกคนตรงหน้าทันทีว่าตัดสินใจแล้วว่ายังไงก็จะจีบต่อ ผมคิดว่าที่น้ำบอกมาแบบนั้นแปลว่าน้ำอาจจะคิดแบบเดียวกันผมอยู่ก็ได้


"เดี๋ยวๆๆๆ นี่แกรู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา!"
"รู้!"
"นี่แกจริงจังแบบจริงๆเลยใช่มะ? นี่ฉันยังคิดว่าแกแค่ขำๆนะ!"
              'โอ้ยยยยย พูดมาขนาดนี้แก้วมันยังคิดว่าผมไม่จริงจังอีก เวรของกรรม'


"ก็บอกอยู่นี่ไงว่าจริงจัง ในหัวฉันคิดถึงงานแต่งแล้วเนี่ย แบบนี้จริงจังพอยัง"
"เออ งั้นเชื่อก็ได้ว่าจริงจัง แต่ยังไงเค้ามีแฟนแล้วนะ!"
"ฉันไม่ได้จีบแฟนเค้า"
"โอ้ย ตรรกะอะไรเนี่ย!"
"ฉันขอแค่ได้เจอได้คุยก็พอ"
               ผมบอกออกไปแต่แก้วก็ยังมองผมแบบหน้างงๆกึ่งตกใจ 'นี่แก้วมันคงยังคิดว่าผมไม่ได้จริงจังมากสินะ แต่คนนี้ผมจริงจังมากจริงๆ โถ่ไอ้วี ขนาดเพื่อนยังไม่เชื่อ งานนี้ผมต้องเอาจริงแล้วล่ะ'


"ฉันขอแค่นั้นก็พอว่ะแก ไม่งั้นฉันคงตายแน่ๆ"
"เออ อยากทำไรก็ทำ แต่!! แกต้องบอกตัวเองไว้ให้ดีว่าเขามีแฟนแล้ว แล้วแกก็อย่าทำไรที่แกก็รู้ว่ามันผิดมากกว่านี้ละกัน!"
               แก้วที่รู้ว่าคงห้ามผมไม่ได้พูดออกมาแบบเอือมๆ มันอาจจะดูเหมือนผมมันเป็นตัวร้าย แต่ใจผมตอนนี้มันมีแต่เค้าคนเดียวจริงๆ ผมไม่ได้อยากจะให้เขาเลิกกัน ผมแค่อยากอยู่ใกล้ๆคนที่ผมรัก มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่.. ไม่ว่าคุณจะมาก่อนมาหลัง อะไรมันเป็นตัววัดว่าคุณจริงใจมากกว่ากัน ถึงผมจะมาทีหลังแต่ตอนนี้ผมก็กล้าพูดว่าผมรักเค้าจริงๆ นี่ล่ะมั้งสิ่งที่เหล่าเมียน้อยผัวน้อยเค้าคิดกัน 'อยู่ดีๆก็จะได้เป็นผัวน้อยเข้าเหรอวะเนี่ยไอ้วี'

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 03,04 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 08-11-2019 13:19:31
ตอน 06


               หลังจากที่ผมบอกไปว่าผมมีแฟนแล้ว พี่วีก็ไม่ได้เข้ามาที่ออฟฟิศเลยเป็นอาทิตย์ นี่เค้าคิดแบบที่ผมคิดเหรอ หรือแค่ไม่ว่างมา..


"คิดถึงคุณวีจัง"
               อ๊อฟบ่นออกมาอย่างเซงๆ


"เออ หายไปหลายวันเลย เค้าไม่สบายรึเปล่า"
"นั้นสิ พี่น้ำ คุณวีไปไหนอ่ะ"
"จะรู้มั้ยเนี่ย ซี ยืนชีทนั้นมาหน่อย"
               ผมตอบไปพร้อมทำเป็นวุ่นเพื่อที่คนข้างตัวจะเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ก็ไม่เป็นผลอยู่ดี


"รึว่าพี่น้ำไปพูดอะไรให้เค้าโกรธ!"
"จะบ้าเหรอ!! เค้าเบื่อพวกแกรึเปล่าที่ชอบไปเกาะแกะเค้า เค้าเลยไม่อยากเข้ามา"
               ผมแอบสะดุ้งเล็กๆตอนได้ยิน แต่ก็ตอบกลับไปเรียบๆและทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรต่อไป


"ไงทุกคน!"
               เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น เรียกทุกคนบนโต๊ะให้หันไปมอง


"คุณวี!!"
"พี่ซื้อขนมมาฝากด้วยนะ"
"ขอบคุณค่ะ คุณวีหายไปไหนมาตั้งหลายวัน นี่พวกเรากำลังบ่นถึงอยู่เลยนะเนี่ย"
"พวกเรานี่หมายถึงน้ำด้วยรึเปล่า?"
               ร่างสูงหันมายิ้มให้ผมอย่างกวนๆ ทำให้ผมแปลกใจเล็กๆ 'นี่เราชักสับสนแล้วว่าเค้าคิดอะไรอยู่'


"ใช่ค่ะ!!"
"พวกนี้นี่!!"
               ผมเสียงค้อนใส่แต่ก็ไม่มีใครสนใจ


"พอดีพี่กลับต่างจังหวัดน่ะครับ"
"อ๋ออ เราก็เป็นห่วงนึกว่าคุณวีจะไม่สบาย"
"สบายดีครับ ทำงานเหนื่อยมั้ย?"
"นิดหน่อยค่ะ คุณแก้วไม่มาด้วยเหรอคะ?"
"เดี๋ยวคงมาแหล่ะ พอดีพี่มาจากคอนโดเลย ไม่ได้แวะรับมาด้วย"
"ค่ะ"
"งั้นทำงานไปนะ พี่ขอคุยธุระกับน้ำหน่อย"
"หะ?"
               ผมชี้นิ้วใส่ตัวเอง ก่อนพี่วีจะพยักหน้าแล้วให้ผมออกจากห้องประชุมเพื่อมาคุยในห้องทำงานผมแทน


**********


"น้ำ"
               ร่างสูงเรียกเปิดเรื่องในทันทีที่ประตูปิดลง


"พี่.. พี่ไม่ยอมแพ้หรอกนะ"
"ยอมแพ้?"
               พี่วีพูดออกมาเบาๆพร้อมกับสีหน้าที่เศร้าลงในทันที 'นี่เค้าพูดอะไรออกมาเนี่ย?!'


"พี่รู้ว่าน้ำก็รู้สึกแบบเดียวกับพี่ และพี่รู้ว่าน้ำรู้สึกผิดถ้ามันจะเป็นแบบนั้น แต่.. แต่พี่ขออยู่ใกล้ๆน้ำแบบนี้ต่อไปได้มั้ย? น้ำจะหลอกตัวเองยังไงก็ช่าง แต่พี่ทำไม่ได้"
               คนตรงหน้ายังพูดความรู้สึกออกมา 'เห้ย กะจะทำให้เค้าอยู่ห่างๆ แต่มันทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้'


"น้ำจะคิดว่าพี่เป็นแค่ลูกค้ารึคนรู้จักยังไงก็ได้อ่ะน้ำ แต่อย่างน้อยพี่ก็จะไม่ฝืนใจตัวเอง พี่ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆกับน้ำแบบนี้ ขออย่างเดียว.. อย่าผลักใสพี่ก็พอนะ"
               ทำไมต้องมาพูดคำพูดพวกนี้ต่อหน้าเราแบบนี้ ความรู้สึกผมตอนนี้มันเหมือนฟ้าถล่มตรงหน้า ทำไมมันฟังแล้วทั้งเจ็บทั้งทรมานแบบนี้ ทั้งๆที่ผมกับเค้าก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย นี่ผมรักเค้าขึ้นมาจริงๆรึแค่สงสารเค้า ยิ่งแน่ใจว่าเขาคิดอะไรมันยิ่งทำให้ผมเจ็บ และมันก็เจ็ยยิ่งกว่าที่ผมก็รู้ว่าผมก็รู้สึกแบบเดียวกับเค้าแต่ทำอะไรไม่ได้ 'น้ำ แกมีแฟนแล้วนะ แกต้องรักแฟนแกแค่คนเดียวสิ' ผมบอกตัวเองแบบนั้นซ้ำๆ แต่ความรู้สึกเจ็บตอนนี้ล่ะ? คืออะไร ตอบสิตอบ เสียงในหัวของผมตีกันไปมาอีกครั้ง


"พี่วี.."
"ครับ"
"เรายังเป็นพี่น้องกันได้นะ"
               นี่คงเป็นฐานะเดียวที่มันยังจะพอเป็นได้ มันคงดีกว่าถ้าเป็นแบบนั้น แค่คิดว่าต้องไม่เจอเค้ามันก็รู้สึกแปลบๆที่ข้างใน ผมเองก็ไม่ได้อยากให้เขาไปไหน แต่ผมก็ไม่สามารถให้ความรู้สึกมันเลยเถิดไปมากกว่านี้ได้


"แต่.."
"น้ำไม่อยากเป็นคนใจร้าย ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น พี่เข้าใจน้ำนะ.."
               ผมเอ่ยออกไปเพื่อให้ร่างสูงตรงหน้าเข้าใจถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นในตอนนี้


"อื้อ ขอแค่น้ำไม่เย็นชาใส่พี่ก็พอ"
"ครับ พี่วีก็ยังเป็นพี่วี"
               ผมยิ้มเล็กๆให้คนข้างหน้า ร่างสูงไม่รอช้า เขาก็ยิ้มตอบในทันที ถึงมันจะดูเศร้าแต่มันก็ดีกว่าเมื่อไม่กีนาทีก่อนหน้านี้ ทำไมนะ ทำไมผมไม่อยากให้เค้าเสียใจ ผมอยากเห็นเค้ายิ้ม รอยยิ้มของเค้ามันทำให้ผมมีความสุขไปด้วย แต่ผมคงบอกเค้าไม่ได้


"น้ำ!"
               เสียงคนที่คุ้นเคยกว่าดังขึ้นหลังเปิดประตูห้องเข้ามา


"โฟน! เอ่อ.. มาทำไรเหรอ?"
               ผมตกใจที่อยู่ๆแฟนผมก็โผล่เข้ามาที่ออฟฟิศ 'เค้าคงไม่ได้ยินที่พี่วีพูดเมื่อกี้หรอกมั้ง ผมบอกตัวเองในใจ'


"เค้าผ่านมาทางนี้ เห็นว่าจะเที่ยงแล้ว เลยจะชวนไปกินข้าวกัน"
               แฟนผมเดินเข้ามายืนข้างๆพร้อมโอบเอวผมไว้ก่อนจะมองไปที่ชายแปลกหน้าในห้องแล้วหันมามองหน้าผม


"เอ่อ โฟนนี่พี่วี ลูกค้างานรีสอร์ทที่ทำอยู่ตอนนี้ ที่เค้าเล่าให้ฟังว่าบังเอิญเป็นเพื่อนพี่บอยด้วยอ่ะ แล้ว..พี่วีนี่โฟน แฟนน้ำเองครับ.."
               ผมรีบแนะนำตัวทั้งสองคนให้รู้จักกัน


"อ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้ำพูดถึงคุณบ่อยๆ"
               พี่วีจ้องแฟนผมแปปนึงก่อนจะยื่นมือออกมาและกล่าวทักทาย 'แต่นี่จะประชดกันใช่มั้ย?!'


"ยินดีเช่นกันครับ น้ำก็เคยพูดถึงคุณวีอยู่บ่อยๆ"
               ร่างสูงข้างๆผมยื่นมือออกไปจับมือตอบพร้อมมองสำรวจคนที่จับมือด้วย


"น้ำน่าจะบ่นว่าผมเรื่องมากแน่ๆเลย"
               พี่วีพูดแซวเล่นออกมาพร้อมยิ้ม


"ไม่หรอกครับ น้ำเค้าชมคุณวีมากกว่า ชมจนผมนี่ชักอิจฉาเลยนะครับ"
"น้ำนี่โชคดีนะครับ มีแฟนใจกว้างแบบคุณโฟนแบบนี้"
"ผมต่างหากครับที่โชคดีที่มีแฟนเก่ง"
"นั้นสินะครับ ยังไงผมคงต้องขออนุญาตคุณโฟนนะครับ ถ้าผมจะขอยืมตัวน้ำมาช่วยงานบ้าง"
"ไม่มีปัญหาครับ ถ้าเป็นเรื่องงาน"
               ร่างสูงข้างๆผมไม่พูดเปล่า แต่ยังโอบเอวผมแน่นขึ้นไปอีก อีกทั้งบทสนทนาตอนนี้มันชวนให้ผมอึดอัดขึ้นมาก แถมสายตาคนสองคนที่มองกันอีก


"พี่น้ำ คุณแก้วมาแล้ว"
               ปาล์มที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมมองชายสองคนที่จ้องหน้ากันอยู่ แล้วเดินถอยออกไปเงียบๆ แต่มันก็ทำให้ทั้งคู่เลิกจ้องกันได้สักที


"สวัสดี!! อุ่ย.."
               พี่แก้วที่เปิดประตูเข้ามา ตกใจที่มีคนอื่นในห้องอีก


"เอ่อ พี่แก้วนี่โฟน แฟนน้ำเอง"
"อ่อ ยินดีนะคะ น้ำพูดถึงบ๊อยบ่อย!"
               'เออ เพื่อนกันจริงๆเลย ประชดเก่ง!!'


"ยินดีครับ เอ้อ ไปกินข้าวกัน คุณสองคนจะไปด้วยมั้ยครับ?!"
               ร่างสูงข้างผมกล่าวทักทายหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะหันหน้ามาถามผมแล้วคนทั้งสอง


"ไม่ดี.."
"ไปครับ!!"
               เสียงพี่แก้วที่กำลังเหมือนจะปฏิเสธแต่พี่วีพูดแทรกขึ้นก่อน


"งั้น ผมขอชวนน้องๆไปด้วยเลยนะครับ"
"ครับ"
               ผมกับพี่แก้วทำได้แค่มองตามแบบรู้สึกเสียวๆ 'ไอ้น้ำ! วันนี้แกก้าวเท้าไหนออกห้องเนี่ย!!!!'


บนรถระหว่างทางไปที่ร้านอาหาร แฟนผมไม่ได้พูดรึถามอะไรมากนัก แต่ลึกๆในใจผมแอบรู้สึกว่าเค้าคงมีอะไรอยากจะพูดแต่แค่เค้าเกรงใจผมและคงไม่อยากให้ผมคิดมาก


**********


ที่ร้านอาหาร


"คุณวีนี่ทานน้อยนะครับ"
               คนข้างๆผมพูดขึ้นมา


"พอดีผมทานมาบ้างแล้วครับ
"เหรอครับ"
"คุณโฟนนี่ทำงานอะไรเหรอครับ?"
               พี่วีถามคนข้างๆผม


"ผมเป็นสถาปนิกครับ"
"โห แบบนี้ถ้าผมมีงานที่น่าสนใจผมฝากคุณโฟนได้ใช่มั้ยครับ?"
"ยินดีครับ.. ว่าแต่คุณวีกับคุณแก้วนี่เป็นแฟนกันเหรอครับ?"
               คนข้างๆผมถามกลับ


"เปล่าครับ ผมกับแก้วเป็นเพื่อนกัน"
"แบบนี้คุณวีก็โสดสินะครับ"
"ครับ แต่ผมก็มีคนที่ชอบอยู่"
"เอ่อวี ลองกินอันนี้มั้ย อันนี้อร่อย!"
               พี่แก้วคงกลัวพี่วีพูดอะไรที่ไม่เข้าท่าออกมา เลยแทรกตัวขึ้นมา


"แล้วคุณสองคนคบกันนานรึยังครับ"
"ถ้าเป็นแฟนก็3ปีครับ แต่ก่อนหน้านี้เราเป็นเพื่อนกัน"
"ดีจังเลยนะครับ"
"ครับ"
               คนตรงหน้าผมสองคนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ฟังดูเหมือนจะปกติ แต่มันก็ทำให้ผมรึคนรอบๆข้างไม่กล้าพูดแทรกเลย


"พี่น้ำๆ!"
               หญิงสาวข้างๆผมสะกิด

"หะ?"
"ทำไรบ้างสิ เค้าแทบจะกินหัวกันอยู่แล้ว"
"ให้ทำไรได้ล่ะ?!"
"ก็ ชวนคุยเรื่องอื่นไง!"
"เออ เดี๋ยวลองดู"


"เอ่อ พี่แก้วได้ดูดราฟตัวที่สองรึยังครับ"
               ผมที่ก็ไม่กล้าชวนคนทั้งสองคุยจึงพุ่งเรื่องไปหาพี่แก้วแทน


"ดูแล้วค่ะ ชอบมากเลย ถ่ายจริงคงสวยน่าดู เนอะวีเนอะ"
"อื้อ ใช่.. อ่อ จะว่าไป งานนี้ต้องมีวันที่น้ำต้องลงไปที่รีสอร์ทด้วยนี่!"
"ห้ะ?!"
               ผมที่งงกับคำพูดของพี่วี เช่นเดียวกับคนที่เหลือบนโต๊ะที่มองหน้ากันไปมา ยกเว้นแฟนผมเอง


"เพราะถ้าทำงานแบบไม่เห็นสถานที่จริงคงยากน่าดูนะคุณโฟน!"
"นั้นสินะครับ แต่น้ำไม่เห็นเคยบอกเลย"
"ผมลืมแจ้งด้วยน่ะครับ เนอะแก้วเนอะ!"
               พี่วีหันไปหาคนข้างๆเพื่อขอความช่วยเหลือ


"เอ่อ.. อื้อ.."
               พี่แก้วที่ตอบกลับแบบงงๆพร้อมยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม


"งั้นผมคงต้องฝากคุณแก้วคุณวีดูแลแฟนผมแล้วสินะครับ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมจะดูแลอย่างดีเลย"
               พี่วีที่ตอบไปแบบเสียงเรียบๆก่อนจะตักอาหารเข้าปากแบบไม่รู้สึกผิดอะไร แต่กับผมนี่สิ อยากจะบ้าตาย


หลังจากทานข้าวกันเสร็จแฟนผมกับพี่วีพี่แก้วก็แยกตัวออกไป ส่วนผมก็ขับรถกลับออฟฟิศกับน้องๆในทีม


"พี่น้ำ"
"หะ?"
"ดูท่าคุณวีเค้าเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ"
"เออ ผมนี่ยังกลัวเลย พูดแล้วขนลุก"
               ซีพูดพร้อมยกแขนขึ้นทำท่าดูขนแขนตัวเอง


"แต่พี่โฟนก็ดูไม่สนใจเลยนะ"
"นั้นสิ ถ้าคุณวีจะจีบพี่น้ำนะหนูว่าเค้าคงไม่กล้ามายุ่งกับพี่น้ำแล้วมั้ง"
" ตัวจริงออกโรงขนาดนี้แล้ว แต่ก็ไม่แน่นอน ดูแค่ตอนเช็คบิลเมื่อกี้สิ"
"เออจริง คุณวีกับพี่โฟนแย่งกันจ่าย อย่างกับจะเอาชนะให้ได้ สุดท้ายก็หารครึ่ง"
"แต่พี่โฟนนี่ขนาดไม่ได้เจอบ่อยๆก็ยังหล่อเท่เหมือนเดิมเลยนะ เอาจริงๆตอนยืนคู่คุณวี นี่ก็เลือกยากเลยจริงๆ"
               ซีที่นั่งเงียบๆพูดตัดบทของอ๊อฟกับปาล์มขึ้นมา


"เป็นฉัน ฉันจะเลือกใครดีนะ.."
"เลือกใครก็ได้ ยกเว้นแฟนพี่!!"
"มีความหวงแฟน งั้นหนูเลือกคุณวีเหมือนเดิมก็ได้"
               ปาล์มที่พูดออกมาพร้อมทำท่านึกแต่ผมเลือกที่จะตอบคำถามให้เอง


               คุณวีก็ห้ามเลือก ในใจผมเผลอคิดออกไปแบบนั้น แต่คงทำได้แค่คิดในใจ เพราะถ้าจะต้องแสดงตัวว่าหวงใคร ผมก็คงแสดงออกว่าหวงได้แค่คนเดียว เฮ้อ ทำไมอยู่ๆแกก็หลายใจขึ้นมาแบบนี้วะไอ้น้ำ !!



หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 03,04 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 08-11-2019 13:23:11
ตอน 07


"น้ำ"
"ครับ"
"เสาร์อาทิตย์นี้ว่างมั้ย?"
               ร่างสูงที่เข้าออกห้องทำงานผมแบบอำเภอใจเปิดประตูเข้ามา นี่ตั้งแต่เจอโฟนวันก่อนนี่ยิ่งดูทำตัวแปลกขึ้นไปอีก เหมือนทำตัวประชดแล้วก็เอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นเลยแหะ


"ว่างครับ ทำไมเหรอ"
"ไปภูเก็ตกัน"
"หะ? มีถ่ายงานวันอาทิตย์นี้เหรอ? แต่เดี๋ยวนะ ผมไม่จำเป็นต้องลงไปดูด้วยก็ได้นี่นา"
"ไม่ใช่ไปถ่ายงาน พอดี พี่ชายพี่กลับมาจากอังกฤษ พ่อแม่พี่เลยอยากให้กลับบ้าน พี่เลยจะชวนน้ำไปเที่ยวด้วย"
"เอ่อ มันงานของครอบครัวนี่ครับ น้ำไปคงจะไม่ดี"
"ก็.. พี่คิดว่าน้ำคือคนในครอบครัวพี่นะ"
               'ไอ้พี่วี พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างรึเปล่าเนี่ย!!'


"ไม่ดีกว่าครับ"
"ไม่ต้องคิดมาก มันไม่พิเศษขนาดนั้น แก้วก็มาด้วย ก็คิดซะว่าไปเที่ยวนะ"
"..."
"ไม่ต้องคิดเลย ไปนะ!"
"แต่โฟน.."
"เดี๋ยวพี่ให้แก้วจัดการเอง"
"จะดีเหรอ?"
"ดีสิ คิดซะว่าไปพักผ่อน แถมได้ดูโลด้วย"
"เอ่อ แค่คืนเดียวใช่ป่าว"
"อื้อ พี่ไม่ทำไรเราหรอกน่า"
               คนข้างๆผมยิ้มมุมปากใส่ผม


"บ้า ไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย"
"ก็บอกไว้เฉยๆ"
"ไปก็ได้ครับ"
               ผมที่นิ่งเงียบอยู่พักนึกก่อนจะตัดสินใจตอบไป


แล้วก็ถึงวันหยุดที่นัดไว้ หลังจากนั่งเครื่องไฟท์เที่ยงมาลงที่ภูเก็ต ก็มีรถของที่บ้านพี่วีมารอรับหน้าสนามบินแล้ว


"อื้อ เครื่องลงแล้ว
เดี๋ยวกำลังนั่งรถไปเจอพี่แก้ว
พรุ่งนี้คงถึงบ่ายๆอ่ะ
อื้อ
คิดถึงเหมือนกัน
เดี๋ยวถ่ายรูปไปอวด
บายครับผม"
               ผมวางสายจากแฟนตัวเองแล้วหันหน้าไปมองคนข้างๆที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ 'เออ งอนตรงคำว่าคิดถึงสินะ นี่ทำถูกแล้วรึเปล่าเนี่ยที่มาเนี่ย' แต่ข้ออ้างที่ผมบอกแฟนในการมาเที่ยววันนี้นี่สิ 'ไปดูโลเคชั่นช่วยทีมงาน' แถมพี่แก้วก็เป็นคนออกตัวให้อีก แต่ก็ไม่ได้โกหกทั้งหมดนี่นะ มาดูของจริงเลย จะได้บรีพงานง่ายๆ'
               รถวิ่งช้าๆผ่านบ้านเมืองที่ดูแปลกตาไปจนสุดหาดแห่งหนึ่งจนเจอบ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่


"คุณแม่!!"
"อ้าว มาพอดีเลย พี่แกเพิ่งขับรถสวนออกไปหาพ่อแกเมื่อกี้เลย คงทนคิดถึงกันไม่ไหว"
"สวัสดีครับ"
"สวัสดีจ้ะ น้ำ สินะ"
               หญิงวัยกลางคนแต่งชุดยาวสีฟ้าสดใสกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้ม


"ใช่ครับ"
"ยัยแก้วกับตาเล็กพูดถึงบ่อยๆ ได้เจอสักที เข้ามาก่อนๆ เดี๋ยวแม่ให้คนยกน้ำมาให้ มากันร้อนๆ"
"เล็ก?"
               ผมกระซิบถามร่างสูงข้างๆขณะเดินเข้าบ้านไปที่โถงโซฟาด้านหน้า


"อ๋อ พี่กับพี่ชายชื่อวีรภพกับวีรภาพ เพื่อนพวกพี่ก็เรียกว่าวีเหมือนกัน แต่จริงๆพวกพี่ชื่อใหญ่กับเล็ก มีแต่คนในครอบครับรึไม่ก็สนิทมากๆถึงเรียก ยกเว้นแก้วไว้คนนะ ที่เรียกวีตามคนอื่น"
"งั้นผมก็เรียกพี่ว่าเล็กไม่ได้สิ"
"ก็ใช่ไง น้ำต้องเรียกพี่ว่าที่รัก!"
"พี่วี!!"
               ร่างสูงหยอดผมกลับ ทำเอาผมต้องทำหน้าดุใส่ นี่ยิ่งพอรู้ว่าผมคิดรึรู้สึกยังไงนี่เริ่มเอาใหญ่เลย เฮ้อ


"แต่ถ้าอยากเรียกว่าเล็กก็ได้นะ แต่จะบอกอะไรอีกอย่าง.."
"บอกอะไร?"
               ผมถามกลับแบบเอือมๆ


"ชื่อเล็กแต่อย่างอื่นไม่เล็กนะครับ"
"ไอ้พี่วีบ้า!"
"พี่หมายถึงแขนเนี่ย!! คิดอะไร?!"
"ไม่คุยด้วยละ"
               ร่างสูงที่ขำกับการหยอดมุกของตัว ทำเอาผมถึงกลับเขินและพยายามตีลงไปที่แขนคนข้างๆแก้เขิน


"กระซิบกระซาบอะไรกันสอง"
               คุณแม่พี่วีเดินเข้ามาพอดี


"เปล่าครับ"
"หยอกกันเป็นเด็กเลย"
"เอ่ออ คุณแม่ครับผมหิ้วหิว มีอะไรให้กินบ้าง"
               ร่างสูงข้างๆผมตรงเข้ากอดและซบไหล่คนตรงหน้า


"แหน่ะ มาก็อ้อนเลย นี่เพิ่งบ่ายกว่า กินผลไม้รอละกัน เดี๋ยวแม่บอกเด็กยกมาให้ น้ำล่ะลูกหิวมั้ย?"
"ไม่ครับ"
               ผมตอบกลับพร้อมยิ้มให้สองคนตรงหน้า อยู่ต่อหน้าคนอื่นทำเข้มทำนิ่ง แต่พออยู่กับแม่นี่ก็เด็กเหมือนกันแหะ ผมคิดตามภาพตรงหน้า ถึงมันจะดูเป็นเรื่องธรรมดารึไม่สำคัญอะไร แต่ในใจผมกลับรู้สึกว่านี่ผมรู้เรื่องเค้าน้อยมากเลย แม้กระทั่งเรื่องชื่อ แล้วแบบนี้มันจะเป็นยังไงต่อละเนี่ย


"ไอ้เล็ก!!!"
"พี่ใหญ่!!!"
"ไม่เจอแปปเดียว ล่ำขึ้นป่าวเนี่ย!"
               ทันที่เจอหน้ากัน พี่วีก็วิ่งไปหาเจ้าของเสียง ร่างสองร่างก็กระโจนกอดกันในทันที ผมกับคุณแม่ของพี่วีก็ลุกขึ้นมองและยิ้มกับภาพตรงหน้า


"พี่ก็เหมือนกัน ว่าแต่ตากแดดเยอะไปป่าวเนี่ย ผิวเข้มมาเลย"
"โถ สาวๆชอบคนผิวแทนๆเว้ย!"
"เออนี่พี่ใหญ่ คนนี้คือ.."
"อ้าวน้ำ!!"
               ผู้ชายตัวสูงผิวเข้มเรียกชื่อผมเสียงดังทันทีที่เดินขยับตัวเข้ามาตรงที่ผมยืนอยู่


"หือ.. พี่ภพเหรอ?"
               ผมที่หรี่ตามองหน้าชายตรงหน้าก่อนจะตอบกลับไป


"หะ รู้จักกันเหรอ?"
               พี่วีถามผมสองคนพร้อมขมวดคิ้ว


"แหงล่ะ พี่ภพเคยหักอกเพื่อนน้ำนี่! แล้วสรุปจะชื่อใหญ่ ชื่อวี รึชื่อภพ!"
               ผมย้อนถามคืนพร้อมทำหน้าดุใส่


"โหยยย มีแค้นฝังหุ่นแทนเพื่อนด้วยแหะ"
"ว่าไงนะ?!!"
"โหย เอาเรื่องเว้ย พี่ล้อเล่นนน เรื่องมันผ่านไปละ ช่างมันเถอะนะ"
               คนตรงหน้ายกมือทำท่ายอมแพ้


"อือ"
"แล้วเพื่อนเราเป็นไงมั่ง"
"แต่งงานไปละ"
"ดีจัง"
"รอดจากมือพี่ไปถือว่าโชคดีละ"
"ขนาดนั้นเลย"
               ยังไม่ทันที่จะจบบทสนทนาก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น


"ทุกคนนนนนนนนน!"
"คุณนายแก้วเสด็จมาละ!"
"พี่ใหญ่สวัสดีค่ะ"
"ไงเรา ไม่เจอแปปเดียว สวยขึ้นเยอะเลย"
               พี่ใหญ่เปิดฉากแซวคนมาใหม่ทันที


"หนูสวยอยู่แล้วเถอะ"
"แล้วมาคนเดียวเหรอเรา"
"คุณพ่อคุณแม่ติดงาน น่าจะมาพรุ่งนี้ แต่พี่ใหญ่มาก็ดีละ มาช่วยทำงานเลย วีคนเดียวจะตายละ หายไปตั้งครึ่งปี ขี้โกงชะมัดเลย นี่แหน่ะๆๆ"
               พี่แก้วที่ไม่พูดเปล่าตีลงไปที่แขนพี่ใหญ่หลายที


"โอ้ยยย เจ็บ นี่พี่ก็ไปทำงานนะ"
"เห็นแต่เที่ยวตลอด หนูส่องไอจีอยู่นะ"
"จ้าาาาา ไม่เถียงละดีกว่า"
"ไหนของฝาก"
"ไม่มี"
"พี่ใหญ่อ่ะ"


"พี่แก้วกับพี่ใหญ่เค้า.."
               ผมกระซิบถามคนข้างๆทันทีที่เห็นชายหญิงคนสองคนแซวกันไปมา


"ไม่ใช่ๆ เราโตมาด้วยกันแต่เด็กเลย จริงๆเราเหมือนพี่น้องกันมากกว่า พ่อพี่กับพ่อแก้วเค้าเป็นเพื่อนสนิทกัน จริงๆเค้าจะให้พี่กับแก้วหมั้นกันเลยนะ แต่ดีนะที่มันไม่เกิดขึ้น"
"อ่อออ พี่แก้วก็น่ารักดีออก"
"ไม่ไหวอ่ะ โตมาด้วยกัน รู้เรื่องกันหมด แค่คิดก็ขนลุกละ"
"เออ นั้นสินะ.."
"ปะ ปล่อยเค้าตีกันไปเถอะ เดี๋ยวพี่พาดูบ้าน"
"อื้อ"


พี่วีพาผมเดินไปมารอบๆบ้าน มีแนะนำคนที่เดินผ่านไปมาบ้าง จนเดินมาสุดระเบียงด้านหลังบ้านที่ติดกับทะเล


"บรรยากาศดีจัง"
"ชอบมั้ย?"
"ครับ"
"อยากมาอยู่ป่าว"
"บ้านพี่รับคนงานเพิ่มเหรอ?"
"เปล่า ตอนนี้รับแต่สะใภ้!"
"พี่วี!"
               ผมกระทุ้งศอกใส่ท้องร่างสูงข้างๆ


"โอ้ยย! เจ็บนะ!"
"ก็ทำให้เจ็บไง จะได้รู้ตัว"
"ดุจัง นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนเลยนะ"
"เดี๋ยวจะโดนอีกที!"
"กลัวแล้วๆ"
               ร่างสูงยกมือขึ้นปิดท้องตัวเองไว้ พร้อมหัวเราะเสียงดัง


"เล็ก คุณพ่อมาแล้ว เข้ามาหาคุณพ่อก่อน"
               เสียงแม่พี่วีดังมาจากด้านหลังของเรา เรียกให้ผมสองคนกลับเข้าไปที่หน้าบ้าน


"สวัสดีครับคุณพ่อ"
"สวัสดีครับ"
"สวัสดีๆ เดี๋ยวนะ ลุงคุ้นๆหน้าเรา"
               ชายวัยกลางคน แต่งตัวภูมิฐานรับไหว้พร้อมทำหน้าพินิจใบหน้าของผมในทันที


"พ่อเคยเจอเหรอครับ?"
"บริษัทอานพรรึเปล่าคะ น้ำเค้าทำงานที่นั้น"
"ไม่ใช่ๆ"
               พ่อพี่วียังพยายามนึกอยู่แปปนึง


"อ๋ออ!! หนูคนที่เก็บกระเป๋าตังให้ลุงไง"
"หะ?"
               ทุกคนส่งเสียงเดียวกันออกมาทันทีที่จบประโยค


"จริงด้วย ลุงคนนั้น"
               ผมเองที่ก็เพิ่งจะนึกออกตอบกลับไป


"อะไรอะคุณพ่อ"
พี่ใหญ่ถามด้วยความสงสัย


"ก็ตอนที่พ่อขึ้นไปกรุงเทพครั้งนู้น พ่อทำกระเป๋าตังตกแล้วมีคนช่วยเก็บมาคืนพ่อที่เคยเล่าให้ฟังไง ไม่งั้นพ่อคงแย่เอา"
"อ๋ออ คนนั้นคือหนูน้ำเองเหรอ?"
               คุณแม่พี่วีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ


"โลกกลมจังเลยนะครับคุณพ่อ ผมก็รู้จักน้ำมาก่อนด้วย"
"นั้นสิคะคุณ งั้นแฟนตาเล็กคนนี้คงเข้าตาแม่แล้วล่ะ"
               แม่พี่วีหันหน้ามามองผมกับพี่วีสลับกัน ทำเอาผมไปต่อไม่ถูก ส่วนไอ้พี่วีก็ได้แต่ยิ้ม


"เอ่อ คือ.."
"แฟนที่ไหนล่ะคุณป้า ยังเป็นเพื่อนกันอยู่เลย"
               พี่แก้วรีบแก้ต่างให้ผมทันทีเพราะคงรู้ว่าผมรู้สึกยังไง


"แต่ผมก็พยายามจีบอยู่นะครับ!"
"พี่วี!!"
               'ไอ้พี่วีจะพูดขึ้นมาทำไมเนี่ย!!'


"อ้าวเขินซะละ ไปกินข้าวกันเถอะ หิวแล้วๆ!!"
               คุณพ่อของพี่วีพูดก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะกินข้าว


               บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พี่ใหญ่สนุกกับการเล่าชีวิตที่นู้น และทุกคนเป็นกันเองกับผมมา พี่ใหญ่กับพี่แก้วก็เถียงกันได้ตลอด คุณป้าต้องคอยห้ามทุกที ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าพี่แก้วทำไมรักพี่วีและพี่วีถึงตามใจพี่แก้วมาก เพราะทั้งสามคนรักกันเหมือนพี่น้องเลยจริงๆ


"น้ำอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ"
"26ครับ"
               คุณลุงถามหลังจากทานข้าวกันเสร็จ


"น้องหนูกับวี2ปีเลย"
"แต่หน้าแกแก่กว่าเค้าเป็นสิบปีเลย"
"พี่ใหญ่อ่ะ!!"
"ตาใหญ่นี่ก็แกล้งน้อง!"
               คุณป้าเองก็ยังเป็นคนห้ามมวยเช่นเดิม


"แล้วที่บ้านทำงานอะไรอ่ะเรา?"
"ที่บ้านผมเปิดบริษัทขายส่งครับ"
"อ้าว แบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยที่บ้านเลยสิ"
"ผมมันแกะดำครับ หัวรั้นกว่าพี่ๆเค้า ปล่อยให้พี่ๆผมทำไปดีกว่า ผมชอบงานผมในตอนนี้มากกว่าครับ"
               ผมอธิบายไปยืดยาว


"แต่น้ำเก่งมากเลยค่ะคุณลุง ส่งเสียตัวเองเรียนเองด้วย"
"เหมือนลุงเลย ปู่พวกแกก็อยากให้ฉันเป็นหมอตามเค้า แต่ฉันก็ไม่ฟัง แอบไปลงเรียนอีกอย่างพอโดนจับได้ก็โดนไล่ออกจากบ้าน ก็ทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบ ปู่พวกแกถึงทำใจยอมรับในความรั้นของฉันได้ และเพราะหัวรั้นนี่แหล่ะถึงมีได้ตอนนี้.. หัวรั้นไม่ได้แปลว่าไม่ดีเสมอไปหรอกนะ ถ้ารั้นไปในทางที่ดี"
               เราสี่คนเงียบฟัง ความรู้สึกในตอนนี้คือพ่อสอนลูกๆที่มีผมเพิ่มเข้ามาอีกคน


"จะสามทุ่มแล้วเหรอเนี่ย แก้วค้างที่นี่มั้ย?"
               คุณป้าที่หันไปมองนาฬิกาแล้วถามออกมา


"ไม่ดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้ต้องเข้าโรงแรมแต่เช้า"
"งั้นรีบกลับเถอะ เดี๋ยวคุณพ่อเรารอ"
"ค่ะ"
"มา เดี๋ยวป้าเดินออกไปส่ง"
"งั้นหนูไปแล้วนะคะคุณลุง พี่ใหญ่ วี น้ำ"
               หญิงสาวกล่าวลาพร้อมเดินออกไปกับคุณแม่ของพี่วี


"เอ่ออ พ่อลืมบอกว่าแอร์ห้องนอนแขกเสีย"
"อ้าว แล้วจะให้น้ำนอนห้องไหนล่ะคุณพ่อ"
"ก็นอนห้องตาเล็กก็ได้มั้ง"
"จะดีเหรอครับคุณลุง"
"ดีสิ! ใช่มั้ยตาเล็ก!"
"ครับคุณพ่อ"
"..."
               สองพ่อลูกยิ้มให้กันแบบเข้าใจ แต่ทำเอาผมขนลุกเลย 'คนบ้านนี้ก็น่ากลัวแหะ'


หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็ทิ้งร่างตัวเองลงอีกฝั่งของเตียงนอน พร้อมคว้าหมอนข้างมาวางไว้ตรงกลางเตียง

"งั้นน้ำนอนฝั่งนี้นะ และพี่วีห้ามเอาหมอนข้างออก"
"พี่ไม่ปล้ำเราหรอกน่า นอกซะจากน้ำจะยอม"
"อย่ามายิ้มเจ้าเล่ห์นะ"
"เปล่าสักหน่อย"
"ไปอาบน้ำเลย!"
"รู้แล้วๆ"
               สิ้นประโยค ร่างสูงตรงหน้าก็ถอดเสื้อออกในทันที เผยให้เห็นกล้ามแขนเป็นมัดที่เชื่อมอยู่กับกล้ามหน้าอกและซิกแพกเล็กๆที่ดูไม่เด่นมากแต่ก็ทำให้ชวนมอง ก่อนจะหันไปทิ้งเสื้อลงตะกร้าพร้อมเริ่มปลดกระดุมกางเกงทำให้เห็นขอบกางเกงในสีขาว แต่ก่อนที่คนตรงหน้าจะดึงกางเกงลงผมก็ตะโกนออกไปก่อน


"พี่วี! แล้วจะมาถอดทำไมตรงนี้เนี่ย!"
"อ้าว ก็นี่ห้องพี่ พี่จะถอดเสื้อผ้าตรงไหนก็ได้นะ"
"โอ้ยยย ก็ไปถอดในห้องน้ำสิ!"
"ทำไมเหรออออออ?!"
               ไม่พูดเปล่า ร่างสูงค่อยๆก้มตัวเข้ามาหาผม จนผมต้องเอาผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าไว้


"อยากลองจับมั้ย? ให้จับคนเดียวเลยนะ"
"ไอ้พี่วีบ้า!!"
               ผมที่ยังเอาผ้าห่มปิดหน้าอยู่ตะโกนออกมา


"อะๆ ไม่แกล้งก็ได้ ฮ่าๆๆ"
"รีบไปเลย!!"
               พี่วีหัวเราะเบาๆ พอผมพูดจบคนตรงหน้าก็คว้าผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
               'ไอ้พี่วี แกล้งเราได้ตลอดจริงๆ'


               หลังจากผมทั้งคู่ขึ้นเตียงและปิดไฟเพื่อเตรียมตัวนอน แสงของพระจันทร์สาดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่เข้ามา แม้จะเป็นเวลาห้าทุ่มกว่า แต่แสงจากดวงจันทร์ในคืนนี้ยังทำให้ผมเห็นหน้าชายที่นอนข้างๆอย่างชัดเจน เสียงคลื่นทะเลสาดเข้าฝั่งดังแทรกมาเบาๆ มันเป็นเสียงที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ได้ ผมนอนห่างกันกับพี่วีแค่หมอนข้างกั้น


"พ่อแม่พี่เค้าชอบน้ำนะ"
               ร่างสูงพูดขึ้นมาเบาๆ


"รู้ได้ไง"
"ก็พี่รู้ละกัน"
"พ่อแม่พี่ใจดีมากเลย"
"อื้อ ใจดีมาก คนอื่นปู่ย่าตายายตามใจใช่มะ แต่ของพี่มีแต่พ่อกับแม่นี่แหล่ะคอยตามใจ"
"ที่บ้านนี้มีแค่พ่อแม่พี่เหรอ?"
               ผมที่สนใจเรื่องครอบครัวของพี่วีถามออกไป


"อื้อ ญาติผู้ใหญ่ก็อยู่กรุงเทพหมดอ่ะ ตอนเด็กๆพี่ก็อยู่กับคุณปู่คุณย่า เพราะพ่อแม่พี่ไม่ค่อยว่างเลย พอพ่อพี่ตัดสินใจมาทำธุรกิจที่นี่ก็เลยสร้างบ้านนี้ไว้เลย ตอนแรกพี่ก็ไม่ได้อยากมาอยู่ที่นี่นะเพราะไม่มีเพื่อน แต่พอพ่อแก้วมาสร้างบ้านที่นี่ด้วย พี่เลยลงมาอยู่บ่อยขึ้นเพราะแก้วก็จะมาด้วย"
"แล้วพี่ใหญ่อ่ะ?"
"พี่ใหญ่อยู่กับตายายมากกว่า แต่เสาร์อาทิตย์รึปิดเทอมพวกพี่สามคนก็จะลงอยู่ที่นี่ด้วยกัน แต่ต้องมาด้วยกันสามคนด้วยนะถึงจะมา ตลกป่ะ?!"
               คนข้างๆผมเล่าไปยิ้มไป


"งั้นพี่แก้วก็เป็นเหมือนเพื่อนคนเดียวของพี่เลยดิ"
"จะว่างั้นก็ได้ ตั้งแต่เด็กจนโตก็เรียนที่เดียวกัน มีอะไรก็เล่าให้กันฟังหมดอ่ะ เหมือนแก้วเป็นพี่สาวพี่อีกคนเลย ขนาดพี่ใหญ่เองพี่ยังไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟังเยอะเลย"
"แล้ว.. ทำไมแม่พี่พูดว่าน้ำเป็นแฟนพี่ล่ะ?"
               คำถามนี้ทำให้คนข้างๆพลิกตัวหันมาทางผม และผมที่สนใจในคำตอบจนต้องหันกลับไปรอฟังเช่นกัน มันทำให้เราสองคนหันมาจ้องตากัน แววตาของพี่วีดูอบอุ่นและจริงจัง และมันก็เป็นแววตาที่ผมพยายามหลบอยู่ตลอดเพราะกลัวใจตัวเองจะคิดไกลไปมากกว่านี้


"ก็ พี่บอกเค้าไปว่าชอบคนแถวนี้อยู่"
"เอ่อ มิน่าล่ะ แล้ว.. ไม่ตกใจกันเหรอ?"
               พี่วีตอบมาแบบเรียบๆ แต่สายตาของเค้าก็พูดมันออกมาเช่นกัน ทั้งคำตอบและสายตาที่มองมาตอนนี้ มันทำให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้นทันที อีกเพราะไม่คิดว่าเค้าจะกล้าบอกพ่อแม่ไปตรงๆแบบนั้น


"ก็ตกใจนะ แต่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร"
"งี้ก็แปลว่าพี่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายอะดิ"
"ไม่เคยนะ แต่ก็รู้ว่าทำยังไง"
               คนข้างๆผมยิ้มมุมปากเล็กๆพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์อีกแล้ว


"ไอ้พี่วี!"
"ฮ่าๆๆๆ ก็พี่เป็นผู้ชาย มีคนน่ารักๆมานอนข้างๆแบบนี้ มันก็ต้องรู้สึกป่ะ"
"หยุดเลย!!"
"ก็ได้ๆ"
               ผมที่ออกคำสั่งใส่คนข้างๆพร้อมทำหน้าค้อนใส่ ทำให้คนข้างๆยอมแพ้แต่โดยดี


"แล้วที่บ้านน้ำรู้มั้ย?"
"ว่าเป็นเกย์เหรอ? รู้สิ!"
"เค้าไม่ว่าเหรอ?"
"ไม่นะ น้ำก็เป็นน้ำ เคยเป็นมายังไงก็เป็นเหมือนเดิม หัวรั้นยังไงก็ยังรั้นอยู่ แต่จริงๆคงเพราะ น้ำมีพี่ชายสองคนมั้ง ขาดลูกชายไปคนคงไม่เป็นไร"
"แล้วพ่อกับแม่หวงป่ะ?"
"ก็หวงนะ แต่พอเริ่มทำงานก็ปล่อยแล้ว ทำไมเหรอ?"
"จะได้ทำตัวถูกถ้าเจอพ่อตากับแม่ยายไง"
"พี่วี!!"
               ร่างสูงที่นอนอยู่ข้างๆหัวเราะออกมาเสียงชอบใจที่ยั่วโมโหผมได้อีก


"พี่มีความสุขมากเลยรู้มั้ย?"
               พี่วีพูดออกมาทั้งที่ยังจ้องตาผมอยู่


"แล้วยิ่งเห็นน้ำเข้ากับคนสำคัญของพี่ได้ทุกคน พี่ยิ่งดีใจ ถ้าน้ำไม่มีแฟน เราจะเป็นแฟนกันรึเปล่า?"

               ณ เวลานี้ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไรเพราะไม่อยากทำให้คนข้างๆคิดไกลไปมากกว่านี้ แต่สายตาที่ผมกับเค้ามองกันตอนนี้ เค้าคงรู้คำตอบจากในใจผมแล้วล่ะ เพราะมันยากเหลือเกินที่จะโกหกความรู้สึกลึกๆของตัวเอง

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 07 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 09-11-2019 00:24:45
 :katai1: มันจะบาปนาพี่วี ไปแย่งแฟนเค้า
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 07 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 09-11-2019 10:10:06
ตอน 08


               หลังจากกลับมาจากบ้านพี่วี เรื่องของผมกับพี่วียังคงดำเนินต่อไปแบบนั้น ทั้งที่ผมก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ผมไม่ได้อยากให้ความหวังเค้า และผมก็ไม่อยากให้คนมองว่าเป็นคนไม่ดี แม้ในใจของผมนั้นคิดจะไม่ต่างจากเค้าไปแล้วในตอนนี้ แต่ระยะห่างที่ผมให้เค้ามันยังเท่าเดิมเสมอ ไม่เคยเพิ่มรึลดลงเลย ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าคนตรงหน้านี้คิดต่างไปจากเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ


"น้ำ"
"พี่วี"
"รอนานมั้ย?"
"ไม่อ่ะ"
"วันนี้กินอะไรดีคะ สเต็กมั้ย?"
"ก็ได้นะ"
               พี่วีที่แทบจะมารับมาส่งผมทุกครั้งที่เค้าว่างขึ้นมาที่กรุงเทพ อาทิตย์ละ2-3วัน จนเป็นเหมือนภาพคุ้นตาของคนในออฟฟิศไปแล้ว แต่ก็บ่อยที่พี่วีจะชวนคนอื่นไปด้วยกันเพื่อจะได้ไม่น่าสงสัย และยังดีที่มีเรื่องงานมาคอยกันไว้อยู่ ไม่งั้นคงหมดข้ออ้างแล้วจริงๆ

**********


ณ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง


"อ้าว ไอ้วี มาทำไรวะ"
               เสียงคนแปลกหน้าทักทายร่างสูงข้างๆผม


"มากินข้าว มึงอ่ะ"
               พี่วีหันไปตอบเพื่อนที่เดินเข้ามาทักทาย ส่วนผมได้แค่ยิ้มกลับไปเท่านั้น


"กูนัดแฟนไว้"
"เออ ไม่เจอกันนานเลย สบายดีนะมึง"
"ก็เรื่อยๆวะ แล้วมึงอ่ะ มีแฟนบ้างยัง"
"นี่ไงแฟนกู"
               พี่วีตอบพร้อมจับมือผมไว้แน่น ผมที่ตกใจและพยายามดึงมือกลับ แต่พี่วีก็กำมือผมไว้แน่น


"เออ กูไปก่อน พอดีจองโต๊ะไว้"
               พูดจบคนข้างๆผมก็จับมือลากผมออกมาแบบในทันทีทำให้ผมแก้ตัวไม่ทัน หลังจากหลบออกมาไม่ไกล พี่วีก็ยอมปล่อยมือผมทันที ผมหยุดนิ่งแล้วมองหน้าคนข้างๆก่อนจะถามออกไปตรงๆ


"ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ"
"ก็.. ตอบตามหัวใจไง"
"..."
               ทันทีที่ได้ยินคำตอบ ผมก็รีบเดินหนีในทันที ทั้งโกรธ ทั้งเขิน ใจข้างในก็เต้นแรง ยิ่งเราวางท่ามากเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งที่เค้าทำแบบนี้ ในใจกลับยิ่งอ่อนตามไปทุกที


"น้ำ!! รอพี่ด้วยดิ"



               รถพี่วีแล่นมาจอดที่หน้าคอนโด แม้จะเคยมาส่งหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่เคยให้เค้าขึ้นไปข้างบนเลย และมันคงจะไม่ดีแน่ๆถ้าบังเอิญแฟนผมอยู่ที่ห้อง


"วันนี้แฟนน้ำมาหาป่ะ?"
               พี่วีถามขึ้นแบบนิ่งๆ


"มามั้ง ทำไมเหรอ?"
"เค้ามาทุกวันเลยเหรอ?
"เปล่านะ อาทิตย์ละวันสองวัน"
"อือ น่าอิจฉา.."
               ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยต้องรีบปิดบทสนทนาก่อนจะมีดราม่าเกิดขึ้นมากกว่านี้


"งั้น ขอบคุณนะพี่วี"
               ผมพูดก่อนจะหันไปทำท่าจะเปิดประตูรถ


"เดี๋ยวน้ำ!"
"ครับ?"
"พี่มีของจะให้"
"ให้ทำไม"
"ก็.. อยากให้"
"..."
"นี่!!"
               คนขับหยิบกล่องเล็กๆสีดำขึ้นมาจากที่วางของข้างประตู และเปิดฝามันออกมา


"สร้อยข้อมือ"
"สวยมั้ย?"
"ไม่เอา น้ำไม่ชอบใส่"
"ยื่นแขนมา"
"ไม่เอาๆ"
"อย่าดื้อสิ เอาแขนมา"
               พี่วีทำเสียงดุ ทำให้ผมต้องหยุดและยอมทำตาม ร่างสูงค่อยๆใส่สร้อยข้อมือให้ผมอย่างเบามือ


"..."
"พอดีเลย"
               ผมยกขึ้นดูอย่างชัดๆ มันเป็นสร้อยข้อมือถักทำมือสีดำ ที่มีเหรียญกลมๆเล็กๆสีเงินถูกรัดอยู่ตรงกลาง บนเหรียญสลักเป็นรูปตัว V ที่ผมมองออกในทันที แต่ที่ปลายด้านบนของตัวอักษรนั้นอยู่ชิดด้านบนเกินไป ถ้าไม่สังเกตุคงจะมองเป็นแค่รูปแพคแมนที่กำลังจะไล่งับจุดล่ะมั้ง ไม่ทันที่ผมจะสังเกตุสร้อยข้อมือให้ทั่ว พี่วีก็ยื่นแขนซ้ายขึ้นมาให้อยู่ในระเดียวกันกับแขนของผม


"เห้ย!! มันเหมือนกันเลย"
               ผมอุทานในทันทีที่มองที่ข้อมือพี่วี


"ไม่เหมือนหรอก ของพี่เป็นตัว N
               คนข้างๆผมอธิบาย มันทำให้ผมพยายามจะแกะสร้อยข้อมือออก


"ห้ามถอดนะ! ถ้าถอดพี่จะไปตะโกนบอกคนทั้งออฟฟิศตรงๆไปเลย"
"..."
"พี่ทำจริงด้วย!"
"พี่วีขู่น้ำอ่ะ"
"พี่แค่อยากให้ของน้ำบ้าง"
"..."
"แค่ใส่ไว้ก็พอ จะได้รู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับน้ำ"
               ร่างสูงตอบพร้อมเสียงที่เบาลงกว่าปกติ


"เดี๋ยวมันก็มีคนเห็นหรอก"
"ไม่หรอก.."
"ทำไมอ่ะ?"
               คนข้างๆหน้าเศร้าลงในทีที่ผมถามกลับไป ก่อนจะก้มหน้าลงและพูดกลับมาสั้นๆ


"ก็เรา แทบจะไม่เคยอยู่ด้วยกันต่อหน้าคนอื่นเลย"


               มันเป็นคำพูดง่ายๆ แต่มันทำให้ผมเองก็จุกจนพูดอะไรต่อไม่ได้ ผมไม่รู้จะโทษใครกับเหตุการณ์นี้ นี่ผมกำลังทำร้ายเค้า ทำร้ายแฟน ทำร้ายตัวเองไปพร้อมๆกันเลยนะ แต่ทำไมมันยากเหลือเกินถ้าคิดจะผลักใสคนๆนี้ นี่ผมกำลังโดนทดสอบความอดทนเหรอ? รึอยากเห็นว่าผมจะยอมทำตามความรู้สึกตัวเองรึเปล่า? ผมควรทำให้มันจบแบบไหนดีที่มันจะไม่ต้องเจ็บ ผมถามตัวเองอยู่ซ้ำๆ



"กลับมาแล้วววว"
               ผมพูดขณะเปิดประตูคอนโด


"เหนื่อยมั้ย?"
"มากมาย"
"กินไรมายัง?"
"เรียบร้อยแล้วล่ะ"
               พูดจบร่างสูงตรงหน้าก็กอดรับร่างผมไว้ ถ้าผมบอกว่าตอนนี้ผมยังคิดถึงเค้าคนนั้น หลายคนคงคิดว่าผมมันเป็นคนหลายใจ แต่ผมคงไม่โกหกหรอกครับ เพราะผมรู้ว่าผมคงคิดและบอกมันได้แค่ในใจ

**********


เย็นวันต่อมา ที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง


"น้ำ!!"
               เสียงหญิงสาวที่คุ้นเคยเรียกผม


"มานานรึยังครับพี่แก้ว?"
"เพิ่งถึงเหมือนกัน"
"พี่แก้วอยากให้ผมช่วยอะไรเหรอครับ?"
"เลือกของขวัญให้วีเขาน่ะ"
"ของขวัญ?"
"จะวันเกิดวีแล้ว วีไม่ได้บอกเหรอ?"
"ไม่ครับ"
"งั้นก็ เสาร์ที่15นี้วันเกิดวี แต่เราจะจัดพรีเบิร์ดเดย์ให้วันศุกร์ เพราะวีคงบินกลับไปที่บ้าน แบบพี่ไงที่เลี้ยงที่กรุงเทพกับเพื่อนๆก่อน"
"งั้นผมซื้ออะไรให้เค้าดี"
"พี่ว่า แค่น้ำมาวีเค้าคงดีใจมากแล้ว"
"เอ่อ จะดีเหรอพี่"
"ดี เชื่อพี่!!"
"..."
"เอ้อ แฟนน้ำเป็นไงมั่ง"
"ก็ดีครับ"
"พี่ก็ไม่อยากยุ่งหรอกนะ แต่ไอ้เจ้าวีเองก็ดื้อ พูดฟังที่ไหนล่ะ บอกก็แล้ว บ่นก็แล้ว"
"ครับ"
"แต่พี่รู้แหล่ะว่ามันคงไม่กล้าทำอะไรหรอก แต่ไฟกับน้ำมัน อยู่ใกล้กันไม่ได้หรอก ยังไงก็ระวังๆตัวบ้าง พี่รู้ว่าน้ำรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ แต่ไอ้คนของพี่นี่สิ พี่เริ่มห่วงแล้ว ช่างเถอะ เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า.. อันนี้สวยมะ? ไม่ได้สิ สร้อยข้อมือวีเค้ามีแล้ว นี่เนอะ.."
               พูดจบคนข้างๆคนนี้ก็มองมาที่ข้อมือของผมที่ใส่สร้อยข้อมือที่พี่วีให้มา

"เอ่อ.."

               นี่ยังไม่ถึง2วันก็มีคนจับสังเกตุเรื่องสร้อยข้อมือได้แล้ว แล้วแบบนี้จะปิดไปได้นานแค่ไหนล่ะทีนี้ เฮ้อออออ

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 07 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 09-11-2019 10:12:09
ตอน 09


ที่ร้านอาหารร้านเดิมที่ผมและแก้วปิดร้านเพื่อจัดงานวันเกิดของผมทั้งสองคนทุกปี


"แก น้ำมายังวะ"
               ผมที่ยังยืนร้อนรน เดินวนมาไปมาอยู่หน้างานวันเกิดของตัวเองพร้อมมองนาฬิกาบนข้อมือไปด้วย


" เค้าบอกเค้าจะตามมาไม่ใช่เหรอ"
"น้ำไม่มาแน่เลย"
"ใจเย็นๆสิแก"
"แต่ฉันอยากให้เค้ามาในวันนี้"
"เฮ้อออ เข้าไปเถอะ จะเป่าเค็กแล้ว"
"แต่น้ำ.."
"เออน่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน!"
"เออ"
               ผมตอบเพื่อนผมกลับไปแบบเซงๆ คนที่ผมอยากให้มาเค้าจะไม่มาจริงๆเหรอเนี่ย ทันที่ผมเดินเข้ามาในงาน ไฟก็ดับลงในทันที


"Happy Birthday to You..."

               ผมหันไปมองคนที่ถือเค็กออกมา มันทำให้ผมยิ้มออกในทันที ก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทตัวดีที่ยิ้มแบบคนไม่รู้อะไร ไอ้เราก็ร้อนรนแทบตาย มาหลบรอถือเค็กให้เรานี่เอง เฮ้ออออ



"นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว"
               ผมถามคนตัวเล็กทันทีที่ดึงแขนเค้าออกมาอยู่ในที่ๆคนไม่พลุกพล่าน


"ก็ว่าจะไม่มา แต่.. ไม่อยากทำร้ายคนแถวนี้"
"เป็นห่วงเค้าขนาดนั้นเลย"
"เปล่า ห่วงพี่แก้วที่ต้องฟังคนบ่นต่างหาก"
               พอได้ยินคำตอบผมถึงกลับทำหน้างอนใส่คนข้างๆ แต่สายตาที่เค้ามองมานั้นเป็นคำตอบทุกอย่างแล้ว


"ขี้จุ๊!"
"เปล่าสักหน่อย"
"แต่ก็ดีใจนะ"
"อื้อ แต่น้ำไม่มีอะไรจะให้นะ"
"ถ้างั้น พี่ขอได้ป่าว"
"ขออะไร?"
"ขอ.. จับมือ"
               ผมกัดฟันพูดออกไป ในใจคิดว่าเจ้าตัวคงไม่ยอม เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา ผมไม่เคยได้จับมือน้ำจริงๆเลยสักครั้ง ถ้าไม่นับแค่ตอนที่ผมฉวยโอกาสจับมือแบบไม่เต็มใจในคราวนั้นนะ ผมอยากให้มีสักครั้งที่น้ำจะยอมให้ผมจับมือแบบเต็มใจ ตลกดีนะ นี่มันอย่างกับความรักของเด็กป.4เลยแหะ แค่จะจับมือเค้าผมยังเขินได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเค้าหวงตัวเองรึผมไม่กล้าพอกันแน่ ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงจับไปถึงไหนต่อไหนแล้ว


"แค่จับมือใช่ป่าว"
"อื้อ.."
               ผมตอบกลับไปเบาๆ ก่อนที่มือของน้ำจะเอื้อมมาแตะที่มือผม ทำเอาหัวใจผมเต้นจนแทบจะทะลุออกมา ผมพลิกมือเพื่อให้มือเราสองคนจับกันแน่นมากกว่าเดิม อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จริงๆ ไม่อยากไปไหนอีกแล้ว



"ฟินมากมั้ย?"
               เสียงเพื่อนสนิทของผมดังขึ้นเบาๆหลังจากที่น้ำลุกไปห้องน้ำ ส่วนผมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมมองมือตัวเอง


"มาก!!"
"ฉันเห็นนะ!!"
"เห็นก็ดี จะได้เตือนว่ามันไม่ใช่ความฝัน"
"นี่น้ำไม่เคยให้แตะตัวเลยถูกมะ?"
"เออดิ!"
"เดี๋ยว ฉันแค่แซวเล่น นี่เรื่องจริงเหรอ?"
"อือ น้ำเค้าไม่เคยให้แตะตัวเลย"
"โอ้ยย ฉันยอมแพ้คนนี้ วางตัวแบบแตะไม่ได้เลย"
"ก็แตะไม่ได้จริงๆ"
"แต่แกก็ยังทนได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจับจูบตั้งแต่ถือเค็กออกมาแล้ว"
"คนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนเว้ย"
"เอาจริงขนาดนั้นเลย"
"อืออ.. น้ำมาละ!! ชู้ว!!"
               ผมบอกคนที่คุยด้วยให้เงียบก่อน


"คุยอะไรกันเหรอ?"
"ก็คุยเรื่องงานวันนี้นี่แหล่ะ จะฝากแก้วดูงานไปก่อนอ่ะ เนอะ!! เพราะจะขอไปส่งน้ำก่อนนะ"
"จ้าาาาาาาาาา"
"งั้นฝากด้วยนะ"
"อือๆ เดี๋ยวฉันจัดการให้"
               สิ้นเสียงแก้วผมก็พาน้ำออกมาในทันที



"โห ดึกขนาดนี้เลยเหรอ?"
               คนข้างๆผมมองนาฬิกาหลังจากผมสตาร์ทรถ


"นั้นสิ แต่รถยังเยอะอยู่เลย"
"วันศุกร์นี่เนอะ"
               ร่างบางตอบมาพร้อมกับหาวเล็กๆ


"น้ำนอนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวถึงละพี่ปลุก"
"ไม่เป็นไรครับ"
"ตามใจละกัน"
"..."
"บอกไม่นอนๆ แต่หลับซะละ"
               ผมแซวคนข้างๆที่หลับไปแบบไม่รู้ตัว เฮ้อออ ไอ้ตัวเล็กเอ้ย
ไม่ถึงชั่วโมงผมก็ขับรถฝ่ากองทัพรถในวันศุกร์มาถึงหน้าคอนโดของน้ำ



"น้ำ.."
               ผมแตะไหล่คนข้างเบาๆให้รู้สึกตัว แต่ดูแล้วไม่อยากปลุกเลยแหะ ผมจ้องหน้าคนตรงหน้าอยู่แบบนั้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอที่ร้านกาแฟ จนกระทั่งตอนนี้ มันเป็นหน้าที่ผมอยากจะมองอยู่อย่างนี้ ไม่อยากให้สายตาคู่นี้ไปมองใครคนไหนอีก จมูกนี้ ปากนี้ แต่ผมคงห้ามเค้าไม่ได้ เพราะผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย แถมเค้าก็ยังมีคนของเค้าอยู่ ทันทีที่ผมคิดว่ามีคนได้กอดคนตรงหน้านี้ รึจูบปากเล็กๆนี้ ผมก็แทบจะเป็นบ้า และโมโหออกมาแล้ว ผมแค่อยากลองดูสักครั้ง อยากรู้ว่าปากเล็กๆนี้มันจะรสชาติอย่างไร ผมห้ามใจตัวเองต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว..


"อืออ.."
               เสียงของน้ำที่รู้สึกตัว ขณะผมกดริมฝีปากลงบนปากเล็กๆนั้นมันยิ่งทำให้ผมลืมตัวพร้อมกดจูบนี้ให้หนักขึ้นไปอีกจนร่างบางรู้สึกตัวตื่นและผลักผมออก


"พี่วี ทำอะไรอ่ะ!"
"พี่ พี่ขอโทษ"
               ผมรวบรวมสติก่อนจะรู้ตัวว่าผมได้ทำเกินไปแล้ว คนตรงหน้าไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะเปิดประตูรถแล้ววิ่งลงไปในทันที


"น้ำ น้ำ! โถ่เว้ย!!!"
               ผมอยากตบตัวเองที่ทำเรื่องบ้าๆลงไปแบบไม่คิด ไอ้วี นี่แกข้ามเส้นแล้วนะรู้ตัวบ้างมั้ย?!!!
               ผมกดมือถือเพื่อโทรหาคนที่ผมเพิ่งจูบไปเมื่อกี้ แต่เขาก็ไม่รับสาย ผมกดเข้าไลน์ พิมพ์ตัวอักษรลงไปว่าผมขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป แต่ผมกลับไม่กล้าส่งมัน เพราะถ้าแฟนเค้าเป็นคนอ่านล่ะ? น้ำอาจจะทะเลาะกันกับแฟน แต่ก็ดีแล้วนี่? เค้าจะได้เลิกกัน ไม่ได้เว้ย เค้าคงเกลียดผมไปเลยถ้าผมทำแบบนั้น แถมเค้าไม่ได้ผิดอะไรเลย โอ้ยยยยย นี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย ผมได้แต่ด่าตัวเองในใจก่อนจะขับรถกลับไปที่งานวันเกิดตัวเอง



"แก.."
               ผมทักเพื่อนสนิทของผม


"หะ? เป็นไร? ทำไมทำหน้าแบบนั้น?!"
               หญิงสาวถามผมกลับในทันที


"ฉัน.. ฉันล้ำเส้น"
"แกไปทำอะไรมา เล่ามาเดี๋ยวนี้!!!"


               ผมนั่งเล่าทุกอย่างให้เพื่อนผมฟัง ส่วนเพื่อนผมพอได้รู้ก็สวดคำด่าใส่ผมอีกชุดใหญ่ ผมไม่ได้แม้แต่จะฟังว่าแก้วพูดอะไร เพราะในใจผมตอนนี้มันกลัวมากกว่า กลัวน้ำจะไม่ยอมมาเจอผมอีก กลัวว่าเค้าจะเกลียดผม ผมได้แต่คิดวนไปวนมาในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ผมรักเค้า ผมบอกตัวเองได้แค่นั้นว่าผมรักเค้า แต่มันก็คงไม่พอสำหรับการเห็นแก่ตัวที่ทำร้ายความรู้สึกเค้าไปแบบไม่คิด ซึ่งผมเองก็รู้ดี

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 07 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 09-11-2019 10:14:56
ตอน 10


"ตัวเอง"
               เสียงของแฟนของผมเรียกคืนสติผมกลับมาจากการคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืนก่อน พี่วีเองยังพยายามโทรหาผม แต่ผมเลือกที่จะปิดมือถือไป


"หะ"
"ดูข่าวนี่สิ"
"น่ารักเนอะ"
               แฟนผมที่กำลังอ่านข่าวของคู่รักเกย์ที่แต่งงานกันที่ไต้หวันพร้อมเลื่อนจอโน๊ตบุ๊คมาให้ผมดู


"ไว้เราแต่งงานกันมั่งเนอะ"
               แฟนผมพูดต่อพร้อมยิ้มให้ผม


"ตัวเองอยากแต่งกับเค้ารึไง"
"ก็ถ้าไม่แต่งกับตัวเอง จะให้ไปแต่งกับใคร?"
"เหรอออออ"
"ทำไมอ่ะ ตัวจะได้เป็นเจ้าสาว ใส่กระโปรงยาวๆ"
"ไอ้บ้า ใครจะใส่กระโปรง"
               ผมตอบกลับไปพร้อมขำกับแฟนในสิ่งที่แฟนพูด ชั่วขณะมันทำให้ผมลืมปัญหาที่เกิดขึ้นทุกอย่างไป


"อ้าว เจ้าสาวไง เจ้าสาวต้องใส่กระโปรงสิ"
"ฮ่าๆๆๆๆ ตลกละ"
"เค้าก็จะใส่ชุดสูทสีขาวไง"
               แม้มันจะเป็นคำพูดชวนตลกกัน แต่มันกลับย้ำเตือนผมในสิ่งที่ผมกระทำอยู่ นี่ผมทำบ้าอะไรอยู่ ถ้าแฟนผมทำแบบที่ผมทำอยู่ ผมจะยอมรับได้มั้ย ผมจะให้อภัยเค้าได้มั้ย 'คงไม่มีใครในโลกใบนี้ที่อยากให้แฟนตัวเองมีคนอื่น รึอยากโดนนอกใจหรอก' ผมบอกตัวเองแบบนั้น 'แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเกินเลยเลยนะ' 'แต่แกมีใจให้เค้าไง' 'ก็แค่ในใจป่าววะ' 'ไม่ได้หรอกแค่นั้นก็ถือว่าผิดแล้ว' เสียงให้หัวของผมตีกันไปมาตลอดในหลายวันนี้ มันคงถึงเวลาที่ผมควรเข้มแข็งแล้วทำให้เรื่องนี้มันถูกต้องสักที

**********


เย็นของวันจันทร์ ที่ผมแน่ใจว่าพี่วีต้องมาเจอผมแน่ๆ แต่วันนี้ฝนเจ้ากรรมดันเทลงมาตั้งแต่เช้าของวันจนกระทั่งตอนเย็น เหมือนฟ้าเป็นใจรึแค่จะแกล้งกันเหมือนทุกที


"รอนานมั้ย?"
               ร่างสูงวิ่งลงมาจากรถทันทีที่ผมมายืนอยู่ที่หน้าตึกพร้อมกางร่มสีฟ้ามาในมือมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม


"พี่วี"
"ครับ?"
"เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
               ทันทีที่ผมเอ่ยออกไป คนตรงหน้าก็เงียบลงพร้อมก้มหน้ามองพื้น


"พี่ขอโทษเรื่องวันศุกร์อ่ะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่จะไม่ทำอีกแล้ว พี่สัญญา"
               ร่างสูงพูดขอโทษในเรื่องที่เขารู้ตัวว่าได้ทำผิดไป


"มัน...มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก"
               ผมตอบกลับไปเบาๆ


"แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ?"
"คือ...น้ำว่า เราหยุดมันไว้แค่นี้เถอะ"
"..."
               ร่างสูงเงียบฟัง


"น้ำไม่อยากเป็นคนไม่ดี เราทั้งคู่ก็รู้ว่ามันผิด หยุดเถอะนะ อย่ามาเจอกันอีกเลย.."
               ผมกัดฟันบอกออกไป ทั้งที่ในใจนั้นทรมานมากเหลือเกิน 'นี่เรากำลังหักอกเค้านะเว้ย แต่ทำไมมันเจ็บขนาดนี้' ผมพยายามกั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา


"อื้อ...พี่เข้าใจแล้ว"
               คนตรงหน้าผมตอบกลับมาสั้นๆ แล้วยื่นร่มใส่มือผม ผมรับร่มนั้นเอาไว้ แล้วเขาก็เดินตากฝนออกไปขึ้นรถ ไม่ถึงนาทีรถนั่นก็วิ่งออกไป ทันทีที่รถพี่วีแล่นออกไป ผมก็ทิ้งร่างลงบนพื้นในทันที นี่ผมทำถูกแล้วใช่มั้ย? แต่ทำไมข้างในมันเจ็บปวดแบบนี้ มันทรมานเกินกว่าที่ผมจะทนไหว ผมบอกให้เค้าไปเอง ผมไล่เค้า ไล่คนที่ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมคิดยังไงกับเค้า ผมถามตัวเองซ้ำๆว่าผมทำถูกแล้วใช่มั้ย? ทำถูกแล้วที่หยุดมันไว้แบบนี้ แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบของคำถามใดๆออกมาจากหัวอีก

หลังจากวันนั้นผมเป็นไข้ยาวถึง4วัน โชคดีที่ผมให้น้องๆสามคนปิดงานให้พี่วีและพี่แก้วไปจนครบแล้ว มันก็คงเป็นเรื่องดีที่ผมจะไม่ได้ไปเจอเค้าด้วยตัวเอง และมันคงจะแปลว่าผมคงจะไม่ได้เจอเค้าอีกเลย


"น้ำ!"
               เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยเรียกผมขณะเปิดประตูห้องทำงานผมเข้ามาทำเอาผมแปลกใจ


"อ้าว พี่แก้ว มีอะไรเหรอครับ?"
"วันปิดงานเห็นน้ำไม่มา พี่เลยอยากเข้ามาหน่อยน่ะ"
"คือน้ำไม่สบายนิดหน่อยครับ"
"ไม่ต้องพูดหรอก พี่รู้ว่าน้ำไม่อยากเจอใคร"
"ไม่ใช่จริงๆครับ"
"ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่จบงานแล้วแบบนี้ ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกรึเปล่าเนอะ"
               หญิงสาวพูดออกมาเบาๆ


"ไว้ถ้าพี่แก้วผ่านมาแถวนี้ แวะเข้ามาได้นะครับ"
"น้ำไม่โกรธพี่ใช่ป่าว?"
"ไม่เลย พี่แก้วดีกับน้ำมาก น้ำจะโกรธพี่แก้วทำไม"
"แล้ววี..."
"ผมไม่ได้โกรธพี่วีเลยนะ แต่...แต่ผมว่ามันจะดีกว่าถ้าผมทำแบบนั้น พี่แก้วเข้าใจน้ำใช่มั้ย?"
"อื้อ พี่เข้าใจละ"
"ครับ"
"พี่ไม่ได้อยากจะแก้ตัวแทนคนนั้นหรอกนะ แต่วีก็เสียใจมากแหล่ะ แต่ถ้าวีรู้ว่าน้ำไม่ได้โกรธที่ทำเพราะเรื่องนั้นวีมันคงสบายใจขึ้น"
"ครับ"
"งั้นพี่ไปดีกว่า พี่แวะเข้ามาแค่นี้แหล่ะ"
"อ่า ครับผม
"บะบาย"
"บายครับ"

               ผมยืนมองสาวสวยตรงหน้าเดินออกจากห้องไป ผมไม่ได้โกรธที่เค้าทำแบบนั้นจริงๆครับ แต่ที่เค้าทำมันแค่ย้ำให้ผมรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นมันผิดจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสเจอกันอีกรึเปล่า แต่ถ้าถึงวันนั้น ผมก็ขอให้ทุกอย่างมันเป็นแค่อดีตสำหรับเราสองคนไปแค่นั้น

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 09-11-2019 15:01:45
เห็นด้วยกับคอมเมนท์ข้างบน
บาปและเลวไปหน่อย
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 09-11-2019 15:04:12
อยากรู้จะได้เจอกันอีกกี่ปีข้างหน้า พี่วีต้องมีแฟนแล้วแน่ไ
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-11-2019 01:01:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 12-11-2019 15:24:05
:katai1: มันจะบาปนาพี่วี ไปแย่งแฟนเค้า

เห็นด้วยกับคอมเมนท์ข้างบน
บาปและเลวไปหน่อย

แงๆๆๆ เวลารักมันเข้ามา บางทีเราก็ยอมทำเรื่องแย่ๆรึโง่ได้นะ
 :hao5:


อยากรู้จะได้เจอกันอีกกี่ปีข้างหน้า พี่วีต้องมีแฟนแล้วแน่ไ

สปอยป่าวเนี่ย
 :laugh:


:pig4: :pig4: :pig4:

:-[ :-[ :-[




มีคอมเม้นมาบ้างแล้ว ดีใจ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 12-11-2019 15:27:26
ตอน 11


               10เดือนแล้วหลังจากวันนั้น พี่แก้วเองยังเข้ามาทักทายกันบ้างเป็นบางโอกาส แต่กับอีกคน ผมแทบจะไม่ได้ยินข่าวเขาเลย เพราะตัวพี่แก้วเองก็แทบจะไม่เล่าอะไรมาก ผมใช้เวลาทำใจปล่อยวางเรื่องที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดอยู่พักใหญ่ กว่าจะประกอบร่างตัวเองกลับมาได้เช่นเดิมก็ถือว่ายากเอาการ ไม่ใช่แฟน แต่กลับทำให้เจ็บและคิดถึงเขาได้ขนาดนี้ มันคงเป็นสิ่งที่บอกได้แล้วว่าผมคงรักเค้าขึ้นมาจริงๆแม้ผมกับเค้าจะมีเวลารู้จักกันแค่ไม่กี่เดือน แต่ผมก็ต้องเลือกทำสิ่งที่ใครต่อใครว่ามันถูกต้องกว่า และแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว แต่ผมก็ยังคิดถึงเค้าเสมอ



"ปิดโปรเจคสักที ดีที่เสร็จก่อนวันหยุดยาว ไม่งั้นไม่ได้พักแน่ๆ"
               ผมบอกน้องๆทุกคนก่อนจะเอนหลังลงเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า


"พี่น้ำเล่นเร่งขนาดนี้ ไม่เสร็จก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว"
"อยากทำงานวันสงกรานต์เหรอ? จะได้บอกบอสให้เอางานมาให้อีก"
"แฮ่ๆ หนูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น"
               ปาล์มยิ้มแก้เก้อ พร้อมหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแบบคนอื่นๆเงียบๆ

             
"แก...มันจะเป็นยังไงวะถ้าเรามีแฟนหลายๆคนพร้อมกัน"
               ปาล์มที่อยู่ๆพูดขึ้นมาลอยๆ มันเป็นคำที่ทำให้ทุกคนในห้องหันไปมองตามเจ้าของเสียงทันที


"ไม่รู้สิ ไปอ่านอะไรมาอีกแม่คุณ"
"ก็นี่ไง...เค้าว่าคนเรารักคนได้มากกว่าหนึ่งคน Polyamory"
               ปาล์มหันจอมือถือให้อ๊อฟที่นั่งอยู่ข้างๆดูบทความ


"เออ...เคยได้ยินนะ แต่ใครมันจะบ้าให้แฟนตัวเองมีคนอื่นถูกมั้ย?"
"นั้นน่ะสิ...แต่มันก็คงเหมือนเรารักพ่อแม่ รักพี่น้อง รักเพื่อนไง เรารักทุกคนหมดเลยพร้อมกัน อยากให้เค้ามีความสุข เราทำมันไปตามธรรมชาติเลย"
"พูดยากนะ เรื่องแบบนี้ถ้าไม่เข้าใจคือจะมองเป็นแง่ลบไปเลย"
"แต่ฉันว่ามันไม่ดีเลย เวลารักใครเราก็ควรรักไปทีละคน"
"นี่ไอ้ซี พวกฉันคงไม่บ้าบอมีกันหลายๆคนหรอก! แค่คิดตามกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นเฉยๆ แล้วเวลาคนมันรักขึ้นมา เราก็ทำอะไรแย่ๆได้หมดอ่ะ ไม่งั้นคงจะไม่มีคนตบตีแย่งกัน นอกใจ รึเป็นชู้หรอก"
"นั้นสิ...ใครจะไปรู้ ว่าถ้าวันนึงแกตกหลุมรักจริงๆขึ้นมา แล้วคนที่แกชอบเค้าอาจจะมีแฟนแล้วก็ได้ แล้วทางเลือกของแกก็มีแค่ตัดใจ รอเค้าเลิกกัน ไม่ก็แย่ง!"
"ฉันไม่แย่งใครแน่นอน แล้วก็จะคบทีละคนด้วย!!"
"เออจ้า อย่าว่าแต่หลายคนเลย คนเดียวยังหายากเลย!!"
"จะว่าไป เรานี่มันแก๊งคนโสดชัดๆเลยเนอะ"
               สามคนตรงหน้าคุยกันไปมาเสียงดัง ผมที่นั่งอยู่ ทำได้แค่เงียบฟัง


"หยุดสงกรานต์นี้พี่น้ำไปไหนอ่ะ"
               ซีที่เปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา


"ไม่รู้อ่ะ คงนอนอยู่ห้อง พวกเราล่ะจะไปไหนกัน"
"สีลมค่ะ พี่น้ำมาด้วยกันสิ"
               ปาล์มตอบกลับมา


"ขอไว้ค่อยตอบได้มะ"
"ได้ค่ะ ออกมาสักวันจะได้ไม่เบื่อไง"
"ดูก่อนละกันนะ"
               ผมตอบทั้งที่ยังนั่งเอนตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกดมือถือดูเฟสบุ๊กแบบคนว่างงาน


"พี่น้ำ"
"หะ"
"คุณวีเค้าสบายดีป่าว จบงานไปก็เงียบไปเลย"
               อ๊อฟถามขึ้นมาทำให้ผมหยุดหันมามองในทันที


"ไม่รู้สิ เค้าคงยุ่งมั้ง ลืมละเหรอว่าเค้าเป็นใคร"
               ผมตอบไปเรียบๆก่อนหันลงกดมือถือต่อ


"เออ จริงด้วย"
"หนูติดตามไอจีเค้าอยู่นะ แต่ไม่เห็นอัพอะไรเลย"
               คำพูดของปาล์มทำให้ผมเผลอกดเข้าไปดูในไอจีพี่วีในทันที พี่วีไม่ได้อัพรูปนานแล้ว รูปล่าสุดที่ลงคือรูปเค็กในงานวันเกิด พร้อมคำบรรยายสั้นๆว่า "เป็นวันเกิดที่มีความหมายมากกว่าครั้งก่อนๆ ขอบคุณเพื่อนๆที่มาและขอบคุณคนคนนั้น ♥️" ผมเลื่อนรูปขึ้นดูรูปต่อไป มันเป็นคลิปสั้นๆที่ผมกำลังถือเค็กวันเกิดพร้อมกับทุกคนที่ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ กล้องมือถือถ่ายไปที่หน้าพี่วีที่ยิ้มกว้างกว่าปกติมาก ทำเอาผมยังเผลอตัวยิ้มตาม ใต้คลิปมีคำบรรยายสั้นๆว่า "เมื่อไหร่จะรู้ตัวว่าตัวเองสำคัญ.. นะไอ้วี" มันดูเป็นคำสั้นๆ แต่ผมกลับเข้าใจความหมายของมัน เฮ้อออ เค้าจะเป็นยังไงบ้างนะ จะสบายดีมั้ย เจอพี่แก้วทีไรผมก็ไม่เคยกล้าที่จะถามถึงสักที รึแม้แต่พี่บอยเองผมก็ยังไม่กล้าที่จะถามถึงเค้า


"พี่น้ำทักไลน์ไปสิ"
"ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากกวนเค้า"
"คิดถึงคุณแก้วด้วย คนสวยใจดีของพวกเรา"
"พอๆ เก็บของกันได้ละ จะเลิกงานละ"
               ผมลุกขึ้นปัดเสื้อและกางเกงให้เข้าที่พร้อมเก็บเอกสารบนโต๊ะก่อนจะเดินออกมา


**********


               ก่อนวันหยุดยาว ทุกคนทยอยออกจากกรุงเทพเพื่อไปเที่ยวรึกลับต่างจังหวัด ทำให้กรุงเทพดูเหงาขึ้นทันตา ผมเองที่ไม่อยากกลับบ้านเช่นกันก็คงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ห้องนอนดูหนังให้ตาแฉะ แล้วมันก็ทำให้ผมมาอยู่กลางสยามหลังเลิกงานพร้อมถุงดีวีดีหนังหลายเรื่อง


"น้ำ!"
"อ้าว พี่บอย"
"มาทำไร"
"ซื้อดีวีดีอ่ะ"
               ผมทักทายคนคุ้นเคยที่บังเอิญเจอกัน


"มึง เดี๋ยวนี้เค้ามี Netflix"
"บางเรื่องมันไม่ได้ลงในนั้นไง อีกอย่างดูแผ่นก็คลาสสิคดีออก"
"เออ เรื่องของมึง แล้วสงกรานต์ไปเที่ยวไหนอ่ะ?"
"คงไม่ไปอ่ะพี่ เบื่อๆชีวิต"
"ไม่กลับบ้านเหรอ?"
"พี่ก็รู้ว่าบ้านน้ำน่าเบื่อจะตาย กลับไปก็ไม่สนุกหรอก"
"เออ งั้นไปกับกูมะ?"
"ไปไหน?"
"กูจองบ้านพักที่ระยองไว้"
"ไปกันกี่คนอ่ะพี่"
"ก็สัก 4-5คนอ่ะ เพื่อนๆกูมึงก็น่าจะรู้จักหมดไม่ก็คุ้นๆหน้าอยู่แล้วอ่ะ ไอ้จีน ไอ้กายงี้"
               พี่บอยทำท่านึกชื่อเพื่อนให้ผมฟัง


"ขอคิดก่อนได้ป่าว"
"ไม่ต้องคิดแล้ว วันนี้เก็บกระเป๋าเลย 2คืนนะ"
"อ้าวพี่ มัดมือชกชัดๆเลย"
"เออ ดีกว่าอยู่คนเดียวนะเว้ย"
"ก็ได้ๆ"
"เออ พรุ่งนี้กูไปรับ คอนโดเดิม 8โมงนะ"
"ครับ"
"เออ กูไปละ"
"เค"


               เออ ไหนว่าจะอยู่ห้องนอนดูหนัง ตอนนี้กำลังพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปทะเลซะงั้น แต่ก็นะ ไม่ได้ไปทะเลนานละ ขอให้ไปเที่ยวพรุ่งนี้ทำให้ลืมเรื่องที่ผ่านมาทีเถอะ วุ่นวายมาพอแล้วชีวิต จะหอบปัญหาไปทิ้งทะเลให้หมดเลย ผมคิดในใจก่อนจะยกแขนขึ้นมองสร้อยข้อมือสีดำที่ผมยังใส่มันอยู่


**********


เช้าของวันใหม่ ผมเองที่เลือกจะลงมานั่งรอพี่บอยที่ล๊อบบี้ตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งเพราะไม่อยากให้คนชวนรอนาน ผมมองดูเวลาบนมือถือ นี่มันเจ็ดโมงห้าสิบเก้าแล้ว แต่ยังไม่ทันที่ผมจะกดโทรหาพี่บอย รถเก๋งสีขาวที่คุ้นตาที่แล่นเข้ามาพอดี เออ แปดโมงเด๊ะ! ตรงเวลาจริงๆ


"ดีพี่"
"เออ น้ำ นี่ไอ้กายเพื่อนพี่ เคยเจอป่าววะ?"
               ทันทีที่ขึ้นรถ พี่บอยก็แนะนำตัวละครใหม่ทันที


"เหมือนจะไม่ แต่ก็สวัสดีครับ"
               ผมยกมือไหว้ผู้ชายร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างคนขับ


"ดีครับ"
"เดี๋ยวก็สนิทกันๆ"
               พี่บอยแทรกขึ้นมา


"ไปนะ!"
"เออพี่ 3คนเองเหรอ?"
               ผมถามพี่บอยหลังจากรถเริ่มออกตัว


"มีอีกคัน มึงจะให้อัดกันไปหมดเลยรึไง? ถามโง่ๆ"
"เอ้า ก็ถามดู!!"
"ฮ่าๆๆๆๆๆ มึงนี่ก็ตอบน้องดีๆก็ได้"
               พี่กายรีบห้ามรบ


"เออๆ ก็ตามนั้นอ่ะ"
"อย่าไปถือสาคนบ้าเลยนะน้ำ"
"รู้นานแล้วว่าบ้าอ่ะพี่ แต่ไม่รู้ว่าบ้าขนาดนี้"
"ไอ้น้ำ!!"
               พี่บอยตะวาดใส่ผมทำเอาพี่กายต้องรีบเอามือกันไว้ไม่ให้พี่บอยตีแขนผมได้


"ฮ่าๆๆๆๆๆ กูว่ากูชอบน้องเค้าแล้วล่ะ!"
"ไอ้ห่า กูเพื่อนมึงมั้ย? แทนที่จะเข้าข้างกูก่อน"
"นานๆจะเจอคนกล้าย้อนมึงนะ มึงไปเจอมาจากที่ไหนวะ?"
"นี่น้องไอ้นะไอ้นนไง"
"ห้ะ!! น้องไอ้แฝดนรกเหรอ? เหี้ย! ไม่รู้เลยว่ามันมีน้อง"
"นี่ไงตัวเป็นๆเลย สองคนนั้นก็ไม่ค่อยพูดถึงน้อง ส่วนน้องมันก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน"
"เออ มองดีๆก็หน้าคล้ายไอ้แฝดอยู่นะ มิน่าล่ะ ถึงกล้ากวนตีนมึง!"
"เออ...พี่น้องแม่งแสบพอกัน"
               ผมที่นั่งฟังสองคนข้างหน้าคุยกันแล้วก็นั่งเงียบๆไป



"เหนื่อยบอกนะมึง เปลี่ยนกันขับได้"
"เออๆ นั่งไปก่อน"
               ตลอดทางจากกรุงเทพไประยองผมกับพี่บอยนี่เถียงกันแทบตลอดทาง แต่ยังดีที่มีพี่กายคอยห้ามไว้ จริงๆผมก็ชอบกวนอวัยวะเบื้องร่างพี่บอยมาแต่ไหนแต่ไร แต่ผมก็รู้ว่าพี่เค้าไม่ได้ถือสาอะไรผมสักเท่าไหร่ เพราะผมก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แม้แต่เวลาพี่ชายตัวดีสองคนแกล้งผมก็มีแต่พี่บอยที่คอยช่วยเอาไว้เสมอ แต่พอไม่มีใครแกล้งผม ผมกับพี่บอยก็แกล้งกันเอง เวลาล่วงมาจนเกือบจะเที่ยงเราก็มาถึงระยอง รถแล่นไล่มาตามชายหาดก่อนจะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านหลังใหญ่ห่างจากทะเลไม่ถึงนาที ตัวบ้านเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นมีสระว่ายน้ำในตัวเอง


"โหพี่ ที่มันบ้านพักเหรอ? หลังใหญ่ขนาดนี้"
"เออ ทั้งหมดนี่แหล่ะ"
               ผมถามพร้อมมองบ้านตลอดริมถนนที่แล่นผ่าน


"ถึงแล้ว!!"
"อ้าว คันนู้นมาถึงก่อนเราอีกแหะ"
               ทันทีที่พี่กายพูดจบ ผมหันไปมองตามเสียง ทำให้ผมเหลือบไปเห็นคนที่กำลังยกกระเป๋าลงจากรถอยู่ หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาในทันทีเพียงแค่เห็นแผ่นหลังคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล


              'เค้าคนนั้นก็มาด้วย ทำไงดีเนี่ย'
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 10 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 12-11-2019 15:51:23
ตอน 12


"ไอ้วี!"
"หะ?"
"มาช่วยยกเบียร์หน่อย"
"เออๆ"
               พี่บอยเรียกคนที่เดินไปมาหน้าบ้านพักให้มาช่วยยกของก่อนจะเดินมาเปิดประตูเบาะหลังด้านที่ผมนั่งอยู่ ผมในตอนนี้ที่กำลังพยายามแกะสร้อยข้อมือออกแต่มันดันผูกแน่นเกินเพราะตั้งแต่วันที่ใส่ ผมก็ไม่เคยถอดมันออกเลย


"ทำไรวะไอ้น้ำ?"
"เปล่านี่!"
               ผมตอบกลับพี่บอยไปพร้อมค่อยๆซ่อนแขนตัวเองไว้ด้านหลัง


"เหลือใครอีกวะ?"
               ร่างสูงนั้นเดินมาส่องดูตามในรถทันที


"น้ำ!!"
"พี่วี.."
               เขาดูตกใจไม่ต่างจากผมเลย มันนานมากแล้วที่ผมกับเค้าไม่ได้เจอกัน ความทรงจำบางอย่างที่หายไปเริ่มวนเข้ามาในหัวอีกครั้ง แม้กระทั่งความรู้สึกเก่าๆก็ตาม


"พวกมึงสองคนตกใจไร ทำอย่างกับเห็นผี"
               พี่บอยแทรกขึ้น


"เอ่ออ ดีครับพี่วี"
"อื้อ..."
"เออ ทักกันเสร็จยัง? ถ้าเสร็จแล้วก็ลงมาขนของเลยไอ้น้ำ กูร้อน!!"
"ครับๆ"
               พี่บอยเร่งให้ผมรีบลงจากรถก่อนจะหันไปยกกล่องเบียร์ท้ายรถเข้าบ้านไป รถลุกลงจากรถทั้งที่พี่วียังยืนจ้องผมอยู่เข้าไปหาพี่กายที่กำลังเก็บขนมที่ซื้อมาลงกล่องเดียวกันเพื่อจะได้ยกง่ายๆ


"ยกกล่องเบียร์เข้าไปเลยใช่มั้ยพี่กาย?"
"ไม่ต้องหรอกมันหนักนะ น้ำเอากระเป๋าเข้าบ้านก่อนก็ได้"
"ไม่เอา น้ำแข็งแรงนะ!"
"จ้าๆ แขนแค่นั้น...งั้นเอาถุงน้ำอัดลมเข้าไปก็ได้"
"อื้อ...เอ่อ..."
               ยังไม่ทันที่ผมจะจับถุงตรงหน้า พี่วีก็เข้ามาหยิบแล้วก็เดินออกไปทันที


"อะไรของมันวะ?"
"งั้นน้ำเอากล่องขนมนี้เข้าไปละกั..."
               แล้วก็เช่นเดิม ยังไม่ทันที่ผมจะจับกล่องตรงหน้า พี่วีก็เข้ามาหยิบแล้วก็เดินออกไป


"สงสัยมันบ้าพลัง"
"งั้นน้ำเอากระเป๋าเข้าบ้านละกัน"
               ผมบอกพี่กายแล้วเดินวนไปเปิดประตูหน้าหลังรถแล้วถือกระเป๋าของผมสามคนเข้าบ้าน พี่วีดูไม่สนใจอะไรมากนักนอกจากยกของไปมาเงียบๆ พี่กายกับพี่วีใช้เวลาขนของลงจากรถไม่กี่รอบก็หมด ก่อนพี่บอยจะเรียกเราเข้ามาในตัวบ้าน


"มาครบกันแล้ว งั้นก็นี่น้องกูชื่อ.."
"น้ำ!!"
               เสียงพี่กาย พี่จีน พี่วีตอบออกมาพร้อมกัน


"จำได้เหรอวะ?"
"เออ จำได้"
               พี่จีนที่เป็นเพื่อนของพี่ชายผมและผมก็รู้จักดีตอบกลับมาแบบห้วนๆทำเอาพี่กายหัวเราะออกมา ผมยืนยิ้มให้กับทุกคน แต่เหมือนจะมีสองคนที่ผมจะเพิ่งเคยเจอ


"งั้นแนะนำนี่ละกัน..."
               พี่บอยขยับตัวมาหาผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆพี่จีน


"สาวสวยคนนี้แฟนพี่จีนชื่อเอ ไอ้คนที่ยืนข้างๆชื่อวี เอออันนี้ไม่ต้องแนะเนอะ และคนที่ยืนข้างๆไอ้วีคืออิงแฟนไอ้วี ส่วนสาวๆครับ หนุ่มหล่อที่มาใหม่กับผมคนนี้ชื่อกาย ใครสนใจรึมีเพื่อนสวยๆสนใจรถสปอร์ตนำเข้าให้มาปรึกษาได้ หล่อ รวย ใจดี สปอร์ตและยังโสด"
               พี่บอยที่แนะนำทุกคนอยู่นั้นยังปล่อยมุกออกมาอีกหลายมุก แต่ในใจผมยังติดกับคำว่าแฟนพี่วี ผมหันไปมองหญิงสาวสวยผมยาวที่ยืนอยู่ข้างกายเค้า แบบนี้ก็ชัดเจนแล้วนี่เนอะว่าพี่เค้าคงลืมเราไปแล้ว เรื่องมันก็ผ่านไปตั้งนานแล้วนี่เนอะ ทุกคนก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่ทำไมมันเจ็บแปลบๆอีกแล้ววะ มันก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ จะได้รู้ตัวสักทีว่าต้องลืมเขาให้ได้จริงๆสักที


"เออ แล้วพี่แก้วไม่มาเหรอ?"
               ผมกัดฟันทำตัวปกติถามพี่บอยออกไป


"ชวนละ มันไม่มา บอกงานเยอะ"
"อ่าหะ"
"ห้องมี 4ห้อง คนมีคู่จองไป2ห้อง เหลือ2 งั้นเรานอนรวมกันห้องเดียวดีกว่าเนอะ อบอุ่นดี"
               พี่บอยที่จัดแจงเรื่องห้องให้ทุกคน


"น้ำนอนแยกดีกว่า"
"เออๆ ตามใจมึงเลย เอาไงก็เอา"


               หลังจากเก็บกระเป๋ากันแล้วก็ลงมานั่งเล่นกันข้างๆสระว่ายน้ำ


"ทำไรแดกดีเย็นนี้ ทะเลเผามะ มาทะเลก็เอานี่แหล่ะ!"
               พี่บอยเสนอไอเดียพร้อมตัดสินใจแทนคนอื่นเองทันที


"เออเอาด้วย!"
"งั้นกูไปตลาดซื้อของวันแรกให้"
"น้ำขอไปด้วย อยากเดิน"
               ผมรีบเสนอตัวไปช่วยพี่บอยในทันที


"กูไปด้วยนะ"
               พี่วีที่นั่งเงียบๆขันอาสามาช่วยอีกแรง แน่นอนว่าต้องแถมแฟนมาด้วย


               พี่บอยเองเลือกที่จะเป็นคนขับ ผมเลยเลือกที่จะนั่งด้านหน้า ส่วนพี่วีกับแฟนเค้านั่งที่ด้านหลัง พี่บอยขับรถไม่กี่นาทีก็มาถึงตลาดปลา มันไม่ไกลจากบ้านพักมากนัก ตรงนี้จะเป็นตลาดใหญ่ แถมติดๆกับท่าเรือที่จะข้ามไปเกาะแห่งหนึ่ง ทำให้มันคึกคักมาก แถมช่วงนี้คือวันหยุดยาว ผู้คนมากมายต่างมาซื้อของและรอขึ้นเรือข้ามฟาก ผมเองที่ได้ปรึกษากับพี่บอยมาบ้างว่าจะทำอะไรกินบ้าง พอได้เรื่องก็เดินไปตามร้านขายของที่ผมต้องการ


"เท่าไหร่ครับ?"
"150จ้า"
               ผมส่งเงินจ่ายค่าของพร้อมรับผักจากแม่ค้าตรงหน้า


"เอ้อ สร้อยข้อมือมึงสองคนเหมือนกันเลยนะ ซื้อมาจากร้านเดียวกันเลยป่ะ?"
               พี่บอยทักขึ้นมาพร้อมหันไปชี้ที่ข้อมือของพี่วีที่มีสร้อยข้อมือสีดำอยู่เช่นกัน มันเป็นการเรียกสายตาจากคนอีกสองคนได้ดี ทำให้ผมคิดได้ว่าผมลืมถอดมันออกตั้งแต่เจอหน้าพี่วี แต่ก็คงช้าไปซะแล้ว เพราะตอนนี้คนให้ก็เห็นมันแล้ว แถมแฟนพี่วีเองก็เห็นด้วยเช่นกัน ไอ้พี่บอยนะไอ้พี่บอย เลือกจะทักอะไรตอนนี้!! แล้วเมื่อกี้ที่เราไม่เห็นของพี่วีนี่เพราะเค้าใส่เสื้อแขนยาวสินะ แต่...ทำไมพี่วียังใส่มันอยู่


"มั้ง..!! งั้นผมไปซื้อข้าวก่อนนะ"
               ผมตอบไปแบบไม่สนใจก่อนจะเดินไปทางอื่นปล่อยให้พี่บอยซื้อของต่อไปเองคนเดียว


               เราใช้เวลาซื้อของกันเกือบชั่วโมง และกว่าจะกลับมาถึงบ้านพักก็เกือบเย็นแล้ว ตลอดทางขากลับไม่มีเสียงคุยกันในรถเลย แม้แต่คนที่พูดมากอย่างพี่บอยก็เงียบไปแบบผิดปกติ ส่วนในหัวผมยังมีแต่คำถามเดิมเมื่อกี้นี้ ทำไมพี่วีถึงยังไม่ถอดสร้อยข้อมือออก ทั้งที่ก็มีแฟนแล้ว ไม่นานรถก็มาถึงบ้านพัก ผมรีบลงรถไปเพื่อเตรียมของทำกับข้าวเพราะเย็นมากแล้ว แต่คนที่ไม่ได้ออกมาตลาดด้วยได้เตรียมอุปกรณ์ทำครัวไว้พร้อมแล้ว ทำให้ทุกอย่างไม่เร่งรีบเท่าไหร่ หนุ่มๆส่วนใหญ่เน้นไปทางใช้กำลังและเผากุ้งเผาปลา ส่วนผมกับพี่เอช่วยกันคนละไม้ละมือในการทำกับข้าวนิดหน่อย ส่วนหญิงสาวอีกคน เกาะติดแขนแฟนเค้าแจ จนพี่เอยังแอบมองบนใส่หลายที ก็อย่างว่า แฟนใครใครก็หวง


"ดื่มให้ชีวิตหน่อยไอ้จีน"
"ได้เลยไอ้บอยยยย"
"อ้าว มึงเอากีต้าร์มาด้วยเหรอ?"
"เออดิ มาทะเลทั้งที มันต้องมีดนดรีหน่อย มา...เอาเพลงไรดี"
"คนรักคนที่สองมั้ย? รึชู้ในใจดี..."
"ทำไมต้องเพลงเศร้าขนาดนั้นวะ?"
"ไม่รู้ กูอยากฟัง..."
"เออๆ งั้นเอาชู้ในใจก่อนละกัน"
               ทันทีที่พูดจบพี่จีนก็เริ่มเกากีต้าร์พร้อมร้องเพลงออกมาแบบไม่เขินอาย ส่วนพี่เอกับพี่บอยก็ฮัมเพลงตามไปด้วย ทุกคนเงียบฟังในทันที ‘พี่บอยนะพี่บอย เพลงมีเป็นล้านเพลง จะเลือกเพลงอื่นก็ไม่ได้เหรอ?’ ผมที่คิดทันทีที่ได้ยินเพลงดังขึ้นก่อนจะนั่งฟังอยู่เงียบๆพร้อมคิดตามเนื้อเพลงที่เล่นคลอมาเบาๆ


"น้องน้ำไม่ดื่มเหรอครับ?"
               พี่กายเดินเข้ามาถามผมที่นั่งหลบมุมเอาเท้าแช่ลงไปในสระน้ำ


"น้องกูมันไม่กินเหล้ากินเบียร์เว้ย คนดีของประเทศ"
               พี่บอยตะโกนใส่แบบไม่วายที่จะแขวะผม


"งั้นพี่นั่งเป็นเพื่อนนะ"
"ครับ"
               ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆแล้วเอาเท้าแช่ลงสระเช่นกัน


"พี่ไม่เคยเจอน้ำเลย แต่เพื่อนคนอื่นรู้จักหมด"
"งั้นน้ำว่าพี่โชคดีแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ"
"ทำไมอ่ะ ตัวป่วนเหรอเรา?"
"ตัวทำงานกร่อยต่างหาก"
"น่ารักขนาดนี้ ใครจะไปเชื่อ"
               ร่างสูงข้างๆชมผมออกมาแบบไม่มีท่าทีเขินอาย ทำเอาผมถึงกลับไปไม่เป็น


"ไอ้กาย!! ไอ้กายโว้ยย! อย่ายุ่งกับน้องกู"
"กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย"
"กูมองก็รู้แล้ว ถ้าไม่จริงจัง อยู่ห่างๆน้องกูเลย"
"งั้น กูจริงจัง"
"กูก็ยังไม่เชื่อใจมึงอยู่ดี"
               สองหนุ่มตะโกนใส่กันไปมาแบบไม่อายใคร ส่วนพี่จีนกับพี่เอก็เอาแต่ขำในการหวงน้องของพี่บอย


"ไอ้บอย..."
              พี่วีเรียกพี่บอยเบาๆก่อนทั้งสองจะคุยกันเบาๆสองคน


"น้ำมันโสดนานแล้ว สักครึ่งปีแล้วมั้ง...มึงไม่รู้เหรอ?"
               พี่บอยตอบกลับเสียเสียงดังจนผมรู้ได้ทันทีว่าพี่วีถามว่าอะไร


"มึงสนิทกัน ทำไมมึงไม่รู้วะ เห้ย! ไอ้กาย!! ถอยห่างๆหน่อย ใกล้ไปละ!"
"เอออ หวงจริง!"
               พี่บอยยังตะโกนใส่พี่กายที่ประชด(?)พี่บอยด้วยการนั่งเบียดผมมากกว่าเดิม จนคนที่เหลือต่างหัวเราะกัน คงมีแค่พี่วีที่ดูไม่ตลกตาม แล้วจู่ๆก็ลุกออกไป


"พี่วีไปไหนอ่ะ รออิงด้วย!!"
"ไอ้วีมันเป็นไรวะ?"
               พี่บอยถามพี่จีนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ


"กูก็ไม่รู้ ไปห้องน้ำมั้ง"
               พี่จีนตอบกลับมาพร้อมทำเสียงงงๆก่อนจะเริ่มเล่นกีต้าร์ต่อ

               ผมกับพี่กายก็หันไปมองตามสองคนที่อยู่ๆก็ลุกออกไปแล้วก็หันมามองกันไปมา
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 12 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-11-2019 20:00:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้าวววววววว  นุ้งน้ำโสดซะแระ  แต่พี่วีกลับมีคนข้างเคียง (ที่ดูแล้วนิสัยออกจะน่ารำคาญสักหน่อย)
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 12 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 13-11-2019 07:02:43
เอ๋ยังไง โสดเมื่อไหร่ รึเราอ่านข้าม
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 12 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 14-12-2019 14:10:58
ตอน 13


               หลังจากวันที่น้ำบอกให้ผมหยุดความรู้สึกที่มันเกิดขึ้น ร่างกายของผมมันเบาหวิวขึ้นมาในทันที มันเหมือนทุกอย่างในชีวิตผมพังลง ผมอกหักทั้งๆที่ไม่ได้เป็นแฟนเค้า มันเจ็บและทรมานเกินกว่าที่ผมจะทนไหว แบบนี้สินะที่เรียกว่าอกหักจริงๆ เคยแต่หักอกเค้า พอมาเจอเองกับตัวถึงได้เข้าใจ สายฝนที่ตกลงมาในวันนั้นมันช่วยกลบน้ำตาที่ไหลออกมาได้เป็นอย่างดี มันเป็นความทรงจำที่ผมไม่อยากมีเลยจริงๆ ผมใช้เวลาทำใจอยู่นาน แต่รู้อะไรมั้ย? ผมก็ยังลืมเค้าไม่ได้อยู่ดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายเดือนผมแค่พยายามยืนให้ไหวไปอีกวัน ในช่วงสองสามเดือนแรกนั้น ผมทิ้งชีวิตตัวเอง เอาแต่เมาเหล้าและไม่สนใจใครเลย จนครอบครัวและเพื่อนหลายคนเริ่มสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็มีเพียงแค่แก้วคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด


"แก!"
"หืออ?"
"นี่แกเมามาหลายวันละนะ"
"อืออ..."
"แกทำใจเถอะนะ"
"กูเจ็บ!"
               ผมตะโกนบอกความรู้สึกที่มีอยู่ออกไป


"เออ ฉันรู้ แต่ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไปป่าววะ?"
"กูไม่น่าไปข้ามเส้นเลย"
"เฮ้อ... ถึงแกไม่ข้ามเส้น มันก็ต้องมีวันที่จะจบแบบนี้ แกจะอยู่แบบแอบรักแอบชอบเค้าไปตลอดแบบนั้นเหรอ? ฟังยังไงมันก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าทำเลยนะ"
               เพื่อนผมยังอธิบายต่อพร้อมเดินเก็บข้าวของที่กระจายอยู่ในห้องไปด้วย


"แต่กูรักเค้าว่ะแก้ว กูไม่รู้ว่ากูจะทำยังไงดี..."
"เออ ฉันรู้ ฉันก็เชื่อแล้ว แต่เค้ามีแฟนแล้ว แล้วแกก็รู้อยู่แก่ใจ เลิกทำอะไรโง่ๆสักที แกจะใช้คำว่ารักทำร้ายใครต่อใครไม่ได้นะ"
"ฮือ..."
               ผมร้องไห้ออกมาแบบไม่สนใจอะไรแล้ว ตอนนี้ผมอ่อนแอเกินกว่าที่จะฝืนน้ำตาตัวเองเอาไว้ได้ แก้วนั่งลงข้างๆผมพร้อมจับลงที่ไหล่ สภาพของผมตอนนี้มันคงดูแย่มากจริงๆ เพราะมันทำเอาแก้วถึงกับน้ำตาคลอ


"เฮ้อ... ทำใจซะนะ แล้วก็... คุณลุงคุณป้าเริ่มถามถึงแกอีกแล้วนะ"
               แก้วพูดออกมาเบาๆ


"ฉันไม่รู้จะอ้างยังไงแล้ว! ให้ฉันบอกพี่ใหญ่มั้ย? อย่างน้อยเราจะได้มีคนช่วยกันหาวิธีดีๆให้แกดีขึ้น"
"ไม่เอา"
               ผมไม่อยากให้พี่ใหญ่รู้ เพราะพี่ชายผมเวลาปกติถึงจะดูอารมณ์ดีร่าเริง แต่ถ้าถึงเวลาจริงจังผมว่าเค้าคงลากผมไปเจอน้ำเพื่อคุยกันตรงๆเป็นแน่ ผมเองก็ไม่อยากให้น้ำลำบากใจไปมากกว่านี้ และที่จริงยิ่งกว่าคือลึกๆแล้วผมเองก็ไม่ได้อยากจะลืมเค้า


"งั้นแกก็ต้องโทรหาคุณลุงคุณป้าบ้าง ทำเสียงสดใสโทรไปคุยหน่อยก็ดี แกหลบอยู่รีสอร์ทตลอดไปไม่ได้หรอกนะ"
               แก้วพูดพร้อมปาดน้ำตาของตัวเอง


"แก.."
"หะ?"
"ฉันไม่หล่อเหรอ? ฉันรวยไม่พอเหรอ?"
"นี่!! ฉันพูดตรงๆเลยนะ ที่ฉันไม่คิดโกรธเค้าเลยที่ทำให้แกเสียใจ จนสภาพแกเป็นแบบนี้ ก็เพราะตรงนี้ด้วย! เค้าไม่สนว่าแกจะหล่อจะรวยยังไง แต่เค้าตัดสินใจทุกอย่างด้วยความถูกต้อง เค้ารู้ตัวว่าเค้ากำลังทำอะไร แล้วก็แก้ไขทุกอย่างให้มันไปในทางที่สมควร เป็นฉันๆยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้รึเปล่าที่จะตัดคนๆนึงแบบนั้น และเพราะแบบนี้ไง ฉันถึงอยากให้แกตัดใจ แล้วเข้มแข็งได้สักที เพราะเค้าทำมันไปแล้ว ครั้งนี้ก็ถึงตาแกแล้ว"
               คนตรงหน้าจับไหล่ผมและพูดความรู้สึกออกมา
               คนมากมายที่พยายามเข้าหาผมเพียงเพราะหน้าตารึฐานะ จนมันทำให้ผมไม่เคยสนใจว่าผมจะต้องรักใครรึแคร์ใครจริงๆ เพราะทุกคนก็แค่ต้องการแค่ให้ตัวเองมีชีวิตสุขสบายขึ้น แต่ตลอดเวลาที่ผมรู้จักเค้า เค้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย เค้าแค่ทำหน้าที่ของเค้าและเป็นเพื่อนที่ดีให้คนรอบข้าง เพราะแบบนี้สินะผมถึงสนใจเค้า ยิ่งเค้าพยายามทำตัวห่างจากผมมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ผมไม่อยากปล่อยเค้าไปไหน อยากอยู่ อยากดูแลเค้า แบบนี้ใช่มั้ยที่เรียกว่ารัก แต่ตอนนี้มันคงไม่มีแล้ว..


"สวัสดีครับคุณแม่
เปล่าครับ
มันยุ่งๆอ่ะครับ
ไว้ผมจะแวะเข้าไปหา
ไม่มีอะไรครับ
ครับ
ขอโทษครับ
ครับๆ"
               ผมทำตามที่แก้วบอก คือโทรไปหาคุณพ่อคุณแม่บ้าง ปกติถ้าผมอยู่ที่ภูเก็ตผมจะกลับบ้านแทบทุกวัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่กลับบ้านเลยทั้งเดือน ใจจริงผมก็อยากไปหลบอยู่ที่กรุงเทพ แต่ผมกลัวห้ามใจไม่ไหวที่จะไปหาเค้า ผมยังนอนและกินเหล้าอยู่แบบนั้นต่อไปอีกไปหลายวัน จนแก้วเองคงเบื่อและไม่มาบ่นผมเช่นกัน

               ผมใช้เวลาอีกเป็นเดือนกว่าจะลุกขึ้นมาทำทุกอย่างได้เต็มที่เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเค้าคนนั้นจะเป็นแบบผมมั้ย? แต่ตลอดเวลาที่ผ่านไป ผมไม่เคยลืมเค้าได้เลย


**********


"ฮัลโหล
มีอะไรแก้ว
ไปกรุงเทพ
เบื่อที่นั้นแล้ว
เออ ไม่ไปหาหรอก
รู้แล้ว
แค่ขอไปเปิดหูเปิดตาบ้าง
รับปากๆ
งั้นแค่นี้นะจะขึ้นเครื่องแล้ว"
               ผมกดตัดสายทันทีเพราะไม่อยากฟังแก้วบ่น นี่ผมคิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะขึ้นไปกรุงเทพอีกครั้ง ถ้าผมห้ามใจไม่ได้แล้วบุกไปที่บริษัทนั้นจะทำยังไง ไม่สิ ผมต้องทนให้ได้ ถ้าน้ำทำได้ ผมก็ต้องทำได้ ผมบอกตัวเองอยู่แบบนั้น หลายวันที่ผมอยู่กรุงเทพ ผมเลือกที่จะเที่ยวทุกคืนและนอนในตอนกลางวัน คนๆเดียวและเป็นคนแรกที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ได้ เค้าจะรู้ตัวบ้างมั้ย?!


"ไอ้วี"
"ไอ้บอย!กว่าจะมาได้นะมึง"
               ผมทักทายคนคุ้นเคยที่ยอมมากินเหล้าเป็นเพื่อนผมที่ผับในคืนนี้


"หายไปนานเลยนะมึง"
"งานเยอะว่ะ!"
"ไม่ขึ้นมากรุงเทพนานแค่ไหนแล้ววะ?"
"เจ็ด.. แปดเดือนมั้ง"
               ผมยกมือขึ้นนับนิ้วตั้งแต่วันที่ผมกับน้ำ.. ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมขึ้นมากรุงเทพ ก่อนจะตอบคนข้างๆไป


"นานชิบหาย นึกว่าตายห่าไปละ ตอนปีใหม่กูก็นึกว่ามึงจะมากับแก้วด้วย"
"กูก็มาให้เจอแล้วนี่ไง แล้วมึงไม่ชวนคนอื่นมาด้วยวะ?"
               ผมถามกลับพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม


"กูชวนไอ้กายมาอยู่นะ ไม่รู้มันจะมาเปล่า"
"เออ เห็นสาวดีกว่าเพื่อนพวกนี้!!"
               ผมทำเป็นโวยวายใส่เพื่อนที่ไม่มากินเหล้าด้วย


"เออมึง สงกรานต์กูว่าจะไประยอง มึงไปด้วยมะ?"
"ไอ้ห่า บ้านกูติดทะเล!! นี่กูก็หนีทะเลมากรุงเทพเนี่ย!!"
"เออ กูลืม!! แต่แถวบ้านกูมีแค่ทะเลกรุงเทพไง!!"
"เออ งั้นกูขอคิดก่อน อีกตั้ง 2-3เดือน มึงก็จะรีบชวนไปไหนวะ?"
"แค่บอกไว้เฉยๆ มึงดูไอ้ห่าจีนดิ?! ไอ้เหี้ยธุรกิจพันล้าน ส่งออกผลไม้รึค้าอาวุธวะ พอจะชวนไปไหนก็เดี๋ยวหน้าทุเรียนหน้ามะม่วง หาวันว่างยากชิบหาย กูเลยต้องทำแบบนี้แหล่ะ บอกแม่งก่อนสัก 2-3เดือน มันจะได้หาวันให้กูได้! ไม่งั้นคงไม่โผล่หัวมาเจอเพื่อน มันไม่ใช่มึงนะที่จะไปไหนมาไหนได้ตลอด"
               คนข้างๆผมอธิบายยืดยาว


"เออๆ รู้แล้วๆ ไว้ใกล้วันบอกกูอีกที เผื่อกูลืม"
"เออ"
"กูว่าไอ้กายก็เบี้ยวอีกตามเคยแบบนี้ แม่งเอ้ย!"
"เห้ยๆ แต่กูคนเดียวก็เมาได้โว้ย!!"
               ไอ้บอยตอบกลับมาอย่างภูมิใจ


"เออ งั้นไม่เมาไม่กลับเว้ย!"
"ได้เลยไอ้วีเพื่อนรักกก!!
               ไอ้บอยเป็นเพื่อนไม่กี่คนที่ผมได้เจอในรอบหลายเดือนมานี้ ผมที่เอาแต่ทำงานเพื่อให้ลืมคนๆนั้น ขังตัวเองอยู่รีสอร์ทรึไม่ก็โรงแรมไม่ยอมขึ้นมากรุงเทพอยู่แบบนั้น แต่ถึงผมจะพยายามเท่าไหร่ ผมก็ไม่เคยลืมเค้าได้เลย การที่ผมชวนไอ้บอยมากินเหล้าวันนี้ เอาความจริงเลยคือผมอยากจะถามเรื่องบางคน เพราะไอ้บอยเป็นเหมือนพี่ชายของเค้า อย่างน้อยคงอาจจะได้ยินมันพูดถึงบ้าง แต่ผมคงไม่กล้าพอที่จะถามอะไรแล้วล่ะ ในเมื่อไอ้เพื่อนผมเองก็ไม่คิดจะบอกอะไรเกี่ยวกับเค้าออกมาเลย มันคงแปลได้ว่าเค้าเองก็คงไม่เคยถามถึงผมเช่นกัน เค้าคงสบายดี แล้วคงลืมผมไปแล้ว..

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 14-12-2019 14:13:50
ตอน 14


"ทำไรแต่เช้าเลย"
               เสียงพี่กายถามขึ้นขณะที่ผมกำลังวุ่นกับการทำกับข้าวในครัว


"ก็ทำกับข้าวอ่ะ"
"สั่งเอาก็ได้นี่"
"อิพี่บอยเรื่องมาก อยากกินขี้มือน้อง"
"ฮ่าๆๆๆ งั้นให้พี่ช่วยมั้ย?"
"ไม่เป็นไรๆ พี่เอช่วยอยู่"
               ผมตอบพร้อมชี้ไปที่พี่เอที่กำลังล้างผักอยู่ไม่ไกลนัก


"เอไม่ได้ช่วยเลยกาย น้ำทำคนเดียวเกือบหมด"
"อ้าว ให้เครดิตตัวเองหน่อยสิพี่เอ"
"ฮ่าๆๆๆๆ อะเคๆ"
               ผมกับพี่เอเถียงกันไปมาส่วนพี่กายได้แต่ยืนขำ


"อ้าว วี หิวละเหรอ?"
               พี่กายทักคนที่เดินเข้ามาใหม่ ที่กวาดสายตามองคนในห้องครัวแล้วหยุดมองที่ผม


"น้ำทำกับข้าวอยู่ มึงรอแปปนึงละกัน"
               พี่กายที่ยังคงเหมือนพูดคนเดียวพูดซ้ำไปอีก


"พี่กาย หยิบถ้วยนั้นให้น้ำหน่อย"
"อันนี้เหรอ?"
"อื้อ"
"อ้าว ไอ้วี! อะไรของมัน อยู่ๆก็เดินหนีไปเฉยเลย"


"อะไรกันวะ?"
               พี่บอยที่เดินเข้ามาถามขึ้นทันทีที่พี่วีสวนออกไป


"ไม่รู้มัน อยู่ๆก็หัวร้อนออกไป"
               พอได้ยินคำตอบ พี่บอยก็มองหน้าผมในทันทีจนผมต้องหลบตาพี่เขา


"จะเสร็จยังวะไอ้น้ำ กูหิว!"
"รึจะกินหมูดิบห้ะ! รอแปปนึงสิ"
"เออไอ้กาย เมื่อคืนมึงนอนดิ้นชิบหาย"
"อ้าวเหรอ? กูไม่คุ้นที่มั้ง"
"ถ้ามึงนอนดิ้นอีก กูจะให้มึงนอนคนเดียวละกูจะไปนอนกับไอ้น้ำแทนละ!"
"ไม่ก็ให้มึงนอนคนเดียวเลย"
"มึงจะลงมานอนพื้น?"
"กูจะไปนอนกับน้องน้ำ"
"ไอ้ห่า ฝันเถอะ! บอกแล้วอย่ายุ่งกับน้องกู"
               พี่บอยตบหัวพี่กายก่อนจะลากแขนพี่กายออกไปปล่อยให้ผมกับพี่เอทำกับข้าวกันต่อ


               หลังจากกินข้าวสายกันเสร็จ พี่เอกับพี่จีนเลือกที่จะว่ายน้ำกันโดยมีพี่บอยและพี่กายนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ใกล้ๆ พี่วีกับอิงก็ขึ้นไปนอนต่อ ส่วนผมเลยเลือกที่จะเดินออกมาทะเลที่เดินออกจากบ้านพักมาไม่ไกลนัก


"เฮ้ออออ"
               ผมถอนหายใจยาวๆใส่ทะเลตรงหน้า พาลคิดถึงเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นตั้งแต่ผมมาถึงที่นี่ และก็เรื่องในหัวของตัวเอง นี่ผมหนีอะไรอยู่งั้นเหรอ? ทำไมมันเหมือนวนกลับมาที่เดิม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรต่อ เสียงพี่บอยก็ดังขึ้นข้างหลัง


"มึงกับไอ้วีนี่ยังไงกันวะ?"
"อะไรพี่?"
"มึงว่ากูโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"พี่รู้เรื่องผมกับพี่วี?"
"ตอนแรกกูก็ไม่แน่ใจหรอก แต่ท่าทีของไอ้วีมันดูแปลกๆไป แล้วพอนึกๆย้อนไป มึงสองคนก็ทำตัวแปลกๆตั้งแต่ลงรถละ"
"..."
"แล้วก็ยังมีสร้อยข้อมือ กูจำได้แม่นเลยว่าทำมาจากร้านไหน เพราะไอ้วีเคยมาถามกูเรื่องร้านสั่งทำสร้อยข้อมือ แล้วกูก็เป็นคนบอกร้านมันเอง"
"แล้วพี่วีทำไมต้องไปถามพี่เรื่องร้านทำสร้อยข้อมือ?"
"ก็วันที่เจอกันที่สยาม กูไปร้านนี้มา ไอ้วีคงจำชื่อร้านจากข้างถุงกระดาษได้แหล่ะ"
               พี่บอยวิเคราะห์ทุกอย่างออกมา ทำเอาผมไปต่อไม่ถูก


"กูมองทีเดียวก็รู้แล้ว ว่าที่มึงใส่อยู่ไอ้วีน่าจะสั่งทำให้มึง"
"..."
"สรุปคือมึงสองคนรักกัน?"
"ก็..มันนานแล้วพี่"
"นานแต่ยังใส่สร้อยแบบเดียวกันเนี่ยนะ?"
"ก็.."
"แล้วนี่เกี่ยวกับที่มึงเลิกกันกับไอ้โฟนป่าววะ?"
"ไม่เกี่ยว..."
"งั้นมึงก็เล่ามาให้หมดเลยนะ"
"เออ ก็ได้.. ก็ที่พี่วีเค้ามาทำงานนั้นแหล่ะ"
"อยู่ใกล้กันเลยหวั่นไหวงี้?"
"ก็เออ แต่มันไม่มีอะไรมากกว่าความรู้สึกนะพี่ เพราะตอนนั้นผมก็มีโฟนอยู่ พี่ก็รู้"
"เออ ไงต่อ"
"ก็..พอนานไป ผมก็กลัวมันจะเกินเลยไปมากกว่านี้ ผมเลยบอกให้เค้าตัดใจ"
"หมายถึงมึงด้วยใช่มะ?"
"ก็อือ ผมไม่อยากเป็นคนไม่ดีไปมากกว่านั้น รึถ้าเกิดมันเผลอทำอะไรแย่ๆลงไป ผมคงเกลียดตัวเองมากอ่ะ เลยคิดว่าตัดใจซะมันก็คงดีกว่า"
"นานแค่ไหนแล้ววะ?"
"ก็น่าจะหลังวันเกิดพี่วีไม่นานอ่ะ"
"เดี๋ยวนะ! ช่วงที่มันบ้าๆบอๆ แล้วไม่ขึ้นมากรุงเทพตั้งหลายเดือนนี่คือเพราะมึงเองเหรอ?!"
"..."
               ยิ่งผมได้รู้ว่าพี่เขาเป็นยังไงหลังจากวันนั้น มันยิ่งทำให้ผมปวดใจมากขึ้นเท่านั้น นี่ผมทำอะไรลงไปบ้างเนี่ย


"มึงสองคนนี่นะ...แล้วเรื่องแฟนมึงล่ะ ไม่เห็นเคยเล่าเลย ไปเสือกกับใครก็ไม่มีใครรู้เลย บอกแค่โสดแล้วง่ายๆมาแบบนี้"
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอก...ไอ้ผมพยายามข่มใจตัวเองแทบตายที่จะไม่ทำให้เค้าเสียใจ แต่ไอ้คนข้างๆดันไปมีคนอื่นซะเอง มันคงเป็นกรรมที่ตามสนองผมอ่ะ ทำใจยอมรับมันละ แต่ก็ยังคุยกันบ้างนะ ก็แค่กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ก็เสียแฟน แต่ไม่เสียเพื่อน..."
               ผมเล่าถึงเรื่องแฟนของผมให้พี่บอยฟังออกไป เอาจริงๆตั้งแต่เลิกกันไป ผมก็ไม่ได้เล่าเหตุผลให้ใครฟังเลย ผมแค่อยากให้จบไปง่ายๆแบบนั้น และยังอยากเป็นเพื่อนที่ดีของกันและกันต่อไป


"เออ"
"อือพี่ ที่ตลกคืออะไรรู้มั้ย?"
               ผมพูดต่อในทันที


"อะไรวะ?"
"ตอนบอกให้พี่วีตัดใจ ผมโครตจะเจ็บ แต่ตอนต้องเลิกกับแฟนตัวเอง ผมรู้สึกเจ็บน้อยกว่าตอนนั้นอีก โครตงงตัวเอง สรุปผมรักใครกันแน่รึที่ผมทำไปมันถูกใช่มั้ย?"
               ผมพูดความรู้สึกออกไปแบบไม่คิดอะไรเลย แล้วก็ขำตัวเองออกมาเบาๆ


"กูก็ไม่รู้ว่ะ... ความรักแม่งเข้าใจยาก บทจะมา ก็มา บทจะไป ก็ไปซะดื้อๆ รึบทมันจะมาหลายคน ก็มีให้เลือกไม่หวาดไม่ไหว บทจะรัก ไม่กี่วินาทีที่สบตาก็รักเฉยเลย... งงชิบหาย โอ้ย ไม่รู้โว้ย! คิดแล้วปวดหัว อยู่โสดๆแบบกูนี่ก็สบายใจดี ไม่วุ่นวายด้วย ยิ่งเห็นพวกมึงๆรักๆเลิกๆ กูยิ่งไม่อยากมีเลย ไอ้คำว่าแฟนเนี่ย!"
"..."
"ฮึ! จะว่าไป กูว่าตอนนี้ก็ตลกเหมือนกันนะ"
"ตลกยังไง?"
"เหมือนแม่งทดสอบไอ้วีชิบหาย คราวของมึง มึงหักใจตัวเองไม่ทำผิด ตอนนี้ถึงคราวไอ้วี ดูดิมันจะทำยังไง"
               พี่บอยพูดออกมาแบบไม่ได้มองหน้าผม


"เค้าคงไม่คิดอะไรกับผมแล้วล่ะ"
               ผมตอบกลับไปเบาๆ


"นี่มึงโง่จริงๆรึแกล้งโง่เนี่ยห้ะ?"
"แต่แฟนเค้าเกาะแขนอยู่แบบนั้นอ่ะนะ!"
"แต่สายตาที่มันมองมึง เรื่องไอ้กาย แล้วยังสร้อยข้อมืออีก มันก็คงทั้งยังรัก ทั้งคิดถึงมึงอยู่ ไม่งั้นมันคงไม่หึงมึงใส่ไอ้กายหรอก"
               พี่บอยเน้นย้ำในสิ่งที่ตัวเองมั่นใจ


"เออ แล้วไอ้กาย มึงจะทำยังไง"
"ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่เค้านะ"
               ผมรีบตอบกลับคำถามไป


"ก็รู้ แต่มันดูจริงจังน่าดู ตอนแรกกูก็คิดว่ามันแค่แกล้งกูเล่น แต่ตอนนี้กูชักไม่แน่ใจละ"
"..."
"ไอ้กายก็ไม่เลวร้ายอะไรหรอก ตอนมันโสดมันก็เจ้าชู้ไปเรื่อยๆ แต่ถ้ามันรักใครมันก็รักสุดหวงสุดเหมือนกัน แถมปากก็ตรงกับใจอีก คิดอะไรชอบอะไรก็พูดไปตามนั้น กูว่าเรื่องแม่งชักจะปวดหัวแล้วว่ะ"
               พี่บอยพูดพร้อมถอดหมวกแก๊บออกแล้วเกาตัวหัวเอง


"พี่บอย บอกพี่กายหน่อยสิว่าให้เลิกยุ่งกับน้ำอ่ะ"
"กูเนี่ยนะจะไปห้ามมันได้ เอาจริงๆมึงก็เห็นว่าเพื่อนกูแต่ละตัว มึงลองนึกสิว่าใครบ้าง ลูกใครหลานใครบ้าง กูแค่ลูกนายพลปลายแถวนะ"
               พี่บอยพูดออกมาพร้อมถอนหายใจ


"สู้ๆน้อง รึไม่แน่อันที่จริงพระเอกเรื่องนี้อาจจะเป็นไอ้กายก็ได้นะ"
               พี่บอยพูดทิ้งประโยคไว้พร้อมตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะเดินหายไปลมทะเล ทำไมต้องมาทิ้งระเบิดไว้ด้วยเนี่ย!



               หลังจากกินข้าวเย็นและเหล้าเบียร์รอบดึกกันเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันขึ้นนอน ผมเองที่พยายามข่มตาให้หลับนั่นยากเหลือเกิน เพราะจากที่ผมไม่ได้คิดอะไรมากแล้วเหมือนในช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้พี่บอยกลับมาทำให้ผมวุ่นวายหัวใจอีกครั้ง พี่วีเค้ายังรู้สึกเหมือนเดิมจริงเหรอ? แต่แค่เหตุการณ์วันนี้มันก็ยังไม่พอให้เชื่อได้หรอกนะ แล้วก็เรื่องของอิงอีก แล้วยังมีเรื่องของพี่กายเข้ามาอีก มันทำเอาผมนอนไม่หลับ ผมจำไม่ได้ว่าผมพลิกตัวไปมากี่รอบจนผมเหนื่อยและไม่อยากขยับตัวอีกแล้ว


เอี๊ยดดดด...
               เสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้นและปิดลงช้าๆ เสียงฝีเท้าที่ไม่ดังมากค่อยๆก้าวเข้ามาที่เตียง ผมรู้สึกได้ถึงการพลิกผ้าห่มขึ้นช้าๆ ก่อนจะล้มตัวนอนลงข้างๆผม เตียงนุ่มๆยุบลงอย่างรู้สึกได้


"พี่กายนอนดิ้นเหรอพี่บอย..."
               ไม่มีเสียงตอบกลับมา สงสัยคงจะเมาจนละเมอมามั้ง ผมไม่ได้หันกลับมามองคนข้างๆและเลือกที่จะข่มตาให้หลับไปจนเช้า


**********


"เก็บของกันเสร็จยัง ต้องคืนบ้านตอนเที่ยงนะเว้ย"
               เสียงพี่บอยตะโกนลั่นบ้าน สั่งให้ทุกคนเก็บข้าวของของตัวเอง


"เออน้ำ พี่ลืมหมวก ขึ้นไปเอาให้หน่อยสิ"
"พี่ถอดหมวกละดูดีออก จะใส่ทำไมไม่รู้"
               ผมที่วิเคราะห์หน้าตาของคนตรงหน้า


"เรื่องของกู! ไปหยิบมาเร็วๆ"
"เออ ไปก็ได้"
               ผมรีบเดินขึ้นบ้านไปหยิบให้ในทันทีที่คนตรงหน้าเริ่มดุ


"เมื่อคืนพี่วีไปนอนที่ไหนมา?"
"ทำไม?"
               เสียงของอิงดังออกมาจากห้อง ขณะที่ผมกำลังเดินผ่านห้องของพี่วีเพื่อลงมาด้านล่าง ทำเอาผมหยุดเท้าให้เดินช้าลง


"พี่วีทำตัวแปลกๆไปนะ"
"เปล่านี่!"
"รึเพราะยังคิดถึงไอ้บ้านั่นอยู่"
"อย่าหยาบคายนะ!"
"ทำไมล่ะ ทำไมจะพูดไม่ได้ ถ้าไม่ได้คิดถึงก็พูดออกมาสิ! พูดออกมา!!"
"ไม่ได้คิดถึง พอใจรึยัง!?"
"เออ ก็ดี อย่าให้รู้แล้วกัน! อิงไม่เอามันไว้หรอก"
"อยากทำไรก็ทำ!!"
               สิ้นเสียงพูดพี่วีก็เปิดประตูออกมาเจอกับผมที่กำลังจะเดินผ่านไปพอดี


"น้ำ!"
"เอ่ออ น้ำขึ้นมาหยิบของให้พี่บอยน่ะ"
               ผมยกหมวกในมือให้พี่วีดูก่อนจะรีบลงบันใดมาทิ้งให้พี่วียืนมองอยู่แบบนั้น



               ทุกคนใช้เวลาขนของขึ้นรถไม่นาน ก่อนจะแยกย้ายบอกลากันพอเป็นพิธี พร้อมแยกกันขึ้นรถที่ตัวเองนั่งมา
ตลอดขากลับผมกับพี่กายเริ่มคุยกันมากขึ้น และกลายเป็นพี่บอยที่คอยห้ามไม่ให้พี่กายหยอดผมมากกว่านี้ จนผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาได้ แล้วยังคำพูดของอิงที่ผมได้ยินอีก


"พี่บอย.. เมื่อเช้าตื่นตอนไหนอ่ะ"
               ผมถามเปิดเรื่องที่ผมสงสัยทันที


"หะ? ก็ตื่นพร้อมไอ้กายปกตินี่ ว่าละ เมื่อคืนมึงนอนละเมอกอดกูทั้งคืนเลยไอ้กาย ร้อนชิบหาย"
               พี่บอยตอบพร้อมหันไปว่าเพื่อนที่นั่งข้างๆ


"งั้นเมื่อคือพี่บอยไม่ได้ออกไปไหนเลยเหรอ?"
"หมายถึงไรวะ?"
"ก็ดูพระจันทร์รึนั่งริมทะเลงี้!"
               ผมรู้สึกเหมือนพี่บอยกำลังจะจับผิดผมได้เลยพูดแถไปประเด็นอื่น


"ไม่ได้ไปอ่ะ กูเมาจะตาย ไม่มีอารมณ์สุนทรีขนาดนั้นหรอก"
"อ่อ..."
               พี่บอยตอบออกมาก่อนจะขับรถต่อไป
               เดี๋ยวนะ ถ้าไม่ใช่พี่บอย พี่กายก็ไม่น่าจะใช่ แล้วคนเมื่อคืนที่เข้ามานอนข้างๆผมคือพี่วี?


**********


"ขับรถดีๆนะพี่"
"เออ"
"ไว้เจอกันใหม่นะพี่กาย"
"จ้าา น้องน้ำของพี่"
"เห้ย! เกินไปละ เร็วขึ้นรถ กูอยากนอนต่อละ"
               ผมลาพี่บอยและพี่กายหลังจากที่มาส่งผมลงที่ใต้คอนโด ผมแบกร่างพังๆตัวเองขึ้นห้องแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาเช่นเคย จากจะไปพัก ดันมีเรื่องปวดหัวให้คิดเพิ่มอีก ทำไมมันวุ่นวายจังวะ ผมคิดในใจแล้วก็ผลอยหลับไป


[เสียงโทรศัพท์]
             
               เสียงมือถือผมดังขึ้น ผมเอามือควานหามือถือที่ดังอยู่ไม่หยุดไปรอบๆตัวทั้งที่ยังหลับตาแต่ก็ไม่เจอ ผมหรี่ตามองนาฬิกาที่ข้างฝา มันเป็นเวลาสองทุ่มกว่า ก่อนค่อยๆพาตัวเองลุกเพื่อเดินหามือถือ ก่อนจะเจอมันอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า
"ฮาโหลลล"
               ผมกดรับสายเบอร์ที่ไม่ขึ้นชื่อพร้อมทิ้งตัวลงไปนอนที่เดิม
"อืออออ
นอนอยู่..
ใครเนี่ยยยย
ห๊ะ?!
พี่กายเหรอ?!"


**********


               ไม่นานช่วงเวลาแห่งความสุขของเหล่าคนทำงานก็หมดลง หลังจากวันหยุดยาวอันแสนจะทำให้ผมทุกข์ใจมากขึ้น แทนที่จะได้พัก ดันมีเรื่องปวดหัวเพิ่มขึ้นมาอีก ไอ้น้ำนะไอ้นะ


"คุณวี!"
               เสียงของปาล์มดังขึ้นทะลุประตูห้องผมเข้ามา ทำให้ผมแอบลุกขึ้นมายืนฟังอยู่เงียบๆที่ตรงประตู นี่มันเกือบปีที่พี่วีไม่ได้เข้ามาที่บริษัท ทำเอาผมแปลกใจอยู่ไม่ใช่น้อย แล้วเค้าเข้ามาทำไมเนี่ย?


"ไงทุกคน สบายดีมั้ย?"
"สบายดีค่ะ คุณวีหายไปนานเลย"
"พี่งานเยอะน่ะ แล้ววันหยุดสนุกกันมั้ย?"
"สนุกดีค่ะ แล้วนี่คุณวีมีงานมาให้พวกเราทำอีกเหรอคะ?"
"เปล่าครับ พอดีแวะมาหาอานพเลยเดินมาทักทาย กับเอาขนมมาฝากนิดหน่อย"
"หล่อแล้วยังใจดีอีก ขอบคุณมากเลยนะคะ"
"แล้วพี่น้ำ.."
"พี่น้ำอยู่ในห้องค่ะ ให้หนูบอกให้มั้ย?"
"ไม่ต้องๆ ไม่ต้องไปกวนเค้าหรอก"
               หึ คุยกันสนุกเลยนะพวกนี้ ผมที่แอบฟังอยู่บ่นในใจเบาๆ


"พี่วี! กลับได้รึยัง?!"
               เสียงเล็กๆดังขึ้นไม่ไกล ซึ่งตัวผมเองจำเสียงนั้นได้ดีเลย


"เอ่ออ นั้นใครเหรอคะ?"
"แฟนพี่เอง"
"ฟะ...แฟน"
"งั้นพี่ไปก่อนนะ บะบายสาวๆ"
               พี่วีบอกลาแล้วเดินออกไปในทันที


"คุณวีมีแฟนแล้ว.."
"เศร้า.."
               ทันทีที่รู้ว่าร่างสูงนั้นออกไปแล้วผมก็เปิดประตูออกมาในทันที


"พี่น้ามมมมมมมม"
"เมื่อกี้เห็นมั้ย?"
"เห็น"
"แฟนคุณวี ฮืออออ"
"แล้ว?"
"หนูอกหักแล้วววว"
"เวอร์ไปละ ไปทำงานเลย"
               ผมบอกปัดลูกน้องตรงหน้าที่ทำหน้าเศร้าก่อนจะเดินกลับเข้าห้องมา เออ เอาแฟนมาเปิดตัวด้วยแบบนี้ คงมีความสุขมากเลยสินะ



"พี่น้ำๆมีคนมาหา"
"ใครเหรอ?"
"เอ่อ.."
               ปาล์มที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่หน้าประตูก่อนจะขยับตัวให้คนแปลกหน้าแทรกตัวเข้ามา


"พี่กาย! เอ่อ.. ขอบใจนะปาล์ม"
               ผมทักคนที่เดินเข้ามาใหม่พร้อมหันไปบอกลูกน้องที่ทำหน้าตื่นเต้นกับคนตรงหน้า


"น้ำกินข้าวรึยัง พี่จะมาชวนไปกินข้าวอ่ะ"
"เอ่ออ คือ... น้ำมีนัดกับน้องๆแล้วอ่ะ"
"งั้นพี่ขอไปด้วยคนนะ"
"จะดีเหรอครับ?"
"จะได้รู้จักกันไว้ไง ให้พี่ไปด้วยนะ"
"เอ่อ ครับๆ"
"อ่อ เมื่อกี้พี่ว่าพี่เห็นไอ้วีที่หน้าลิฟท์ มันมาทำไรเหรอ?"
"เอ่อ มาหาอานพมั้งครับ บอสของน้ำเป็นเพื่อนพ่อพี่วีอ่ะ"
"อ่อ"


**********


ที่ร้านอาหารเล็กๆแถวๆออฟฟิศ


"พี่น้ำ! ใครอ่ะ"
"เค้าชื่อกาย เป็นเพื่อนพี่วีพี่บอย"
"โหยยยยย งานดีเนอะ"
"หล่อเท่มาดนักกีฬามาเลย ต่างจากคุณวีที่ดูคุณหนูมากกว่า"
               อ๊อฟพูดเสริมขึ้น


"ฉันว่าคุณวีหล่อกว่า"
               ซีที่ยังเป็นตัวขัดของทีมแทรกขึ้น


"ฉันว่าคุณกาย ดูดิหน้าคมมาก กลัวจะบาดมือเหลือเกิน คิ้วเป็นคิ้ว จมูกพุ่งมาก แล้วดูกล้ามแขนเค้าสิ ขาอีก โอ้ยยยพ่อจะสูงอะไรขนาดนี้"
               อ๊อฟบรรยายถึงคนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก


"จริงงงง อกหักยังไม่ทันไร ฉันเจอรักใหม่ละ"
               ปาล์มแทรกขึ้น


"เมื่อเช้ายังเพ้อถึงคุณวีอยู่เลย"
"หยุดค่ะ เราจะไม่พูดถึงคนใจร้ายคนนั้น ว่าแต่..คุณกายเค้ามาทำไรที่นี่อ่ะ รึเค้าจีบพี่น้ำ?!"
               ปาล์มที่หันมาทำเสียงเข้มใส่ซีก่อนจะหันมาถามผมต่อทันที


"เออ คนนี้เค้ามาจีบฉัน พอใจรึยัง!!"
               ผมตอบไปแบบประชด


"โหย นี่ประชดรึพูดจริงเนี่ยพี่!!"
"ชู่.. เค้ามาแล้วๆ"
               ผมทำเสียงให้ทุกคนหยุดคุยกัน


"คุยอะไรกันคะ?"
"คุยว่าคุณกายมาทำอะไรที่บริษัทอ่ะค่ะ"
               ผมจ้องไปที่ผู้หญิงตรงหน้าทันทีเพราะไม่คิดว่าจะกล้าถามออกไปแบบนั้น แล้วหันไปมองหน้าร่างสูงที่กำลังจ้องหน้าผมอยู่เหมือนกำลังคิดคำตอบพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม


"พี่มาจีบคนแถวนี้!"
"พี่กาย!! พูดอะไรออกมาเนี่ย!!"
               ผมทำเสียงค้อนใส่คนที่เพิ่งตอบคำถามในทันที


"โหยยยย ไม่มีไรให้ลุ้นเลย"
               สามคนทำเสียงเซงๆ


"ก็...พี่ไม่อยากโกหกนี่นา งั้นพี่ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก"
"ได้ค่ะ/ครับ"
"เอ้อ เลิกงานแล้วไปดินเนอร์กันมั้ย?"
               พี่กายหันมาถามผมทันที


"วันนี้น้ำรีบกลับอ่ะ"
"อื้อ งั้นเดี๋ยวพี่มารับนะ"
"เอ่อ.."
"หกโมงเจอกันนะ! ไม่กลับก็ช่าง แต่พี่จะมารอ!"


               ผมทำได้แค่ถอนหายใจสั้นๆออกไป ดูท่าแล้วเรื่องนี้คงจะไม่จบง่ายๆแล้วล่ะ โอ้ยยยยย ปวดหัว


หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 14-12-2019 14:20:51
:pig4: :pig4: :pig4:

อ้าวววววววว  นุ้งน้ำโสดซะแระ  แต่พี่วีกลับมีคนข้างเคียง (ที่ดูแล้วนิสัยออกจะน่ารำคาญสักหน่อย)
อาจจะเป็นคนดีก็ได้นะ 
 :laugh: :laugh: :laugh:



เอ๋ยังไง โสดเมื่อไหร่ รึเราอ่านข้าม
ไม่ได้อ่านข้ามจ้า มาเฉลยให้แล้ว
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 15-12-2019 13:28:04
ยังไงกันเนี้ย สรุปจะได้รักกันเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-12-2019 20:55:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 10-01-2020 19:01:37
ตอน 15


"พี่วี!"
"ห้ะ?"
"เป็นอะไร ดูเหม่อตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ"
               เสียงของอิงที่พยายามเรียกให้ผมสนใจในสิ่งที่เธอจะพูดตะโกนเรียกผมให้หลุดจากภวังค์


"เปล่านี่"
               ผมตอบกลับไปสั้นๆ


"อิงบอกว่าอยากกินซูชิ"
"อ่อ ได้ๆ ร้านไหนดีล่ะ"
               ผมที่เอาแต่คิดเรื่องของน้ำ แถมยังแน่ใจว่าเห็นไอ้กายสวนกันที่หน้าลิฟท์อีก ‘ไอ้กายมันไปหาน้ำงั้นเหรอ? รึว่ามันจะจีบน้ำจริงๆ มันจะจีบก็ปล่อยมันไปสิ เค้าก็โสดแล้วจะคบใครก็เรื่องของเค้า’  แต่พอยิ่งคิดทำไมมันเหมือนจะทำให้ผมเป็นบ้าไปด้วย แล้วทำไมมันต้องเป็นช่วงเวลาแบบนี้ด้วยวะ?


หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ขับรถกลับมาที่คอนโดทันที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะถึงประตูห้องก็เห็นเพื่อนคนสนิทของผมยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว


"แก้ว!"
"กำลังจะพังประตูเข้าไปเลย ฉันกดกริ่งตั้งหลายที"
               ผมไขกุญแจแล้วเดินนำเข้ามาในห้อง


"ไปกินข้าวมาอ่ะ แล้วทำไมไม่โทรมาบอกก่อนว่าจะเข้ามา"
"มันก็ไม่เซอร์ไพร์สิ! ว่าแต่ หนีเที่ยวเก่งจังนะคุณชาย"
               เพื่อนผมแซวกึ่งประชดใส่ผมพร้อมนั่งลงที่โซฟาแต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก


"แล้วขึ้นมาทำไรกรุงเทพ"
               ผมถามกลับเจ้าตัว


"นี่ลืมเหรอ?!"
"เปล่า ก็กว่าจะวันเกิดก็อีกตั้งหลายวันไง ไม่เห็นต้องรีบเลย"
"เบื่อๆอ่ะ เลยหนีงานขึ้นมานี่ดีกว่า แถมแม่ก็บ่นให้รีบหาแฟนด้วย"
"ก็รีบมีสิ "
"โอ้ยยย เอาตรงๆคือไม่มีใครเข้าตาเลย คอยดูนะ ถ้าได้แต่งจะเอาให้อลังการเลย"
"อะไรแต่งๆเหรอคะพี่แก้ว?"
               อิงที่เดินตามขึ้นมาทีหลังทักคนที่นั่งคุยกับผมอยู่


"อ้าวอิง ไม่ไปเรียนเหรอ?"
"ไม่ล่ะค่ะ ขี้เกียจ!"
"อ่อ จ่ะ!"
               แก้วที่ได้ยินคำตอบของอิงก่อนจะถอนหายใจแล้วตอบกลับไปแบบเอือมๆ


"เอ้อ ว่าแต่ชวนใครบ้างยัง?"
               ผมรีบหาประเด็นคุยต่อทันที


"ก็บอกในกลุ่มไปแล้ว แล้วที่เหลือคงตามกันมาเองแหล่ะ"
               แก้วตอบพร้อมใช้นิ้วเลื่อนมือถือในมือไปมา


"ว่าแต่จะชวน..."
               ผมถามออกไปเบาๆก่อนจะหยุดคำพูดไว้ไม่ให้เอ่ยชื่อ


"อย่าเลย..."
               แก้วที่รู้ความหมายของคนที่ผมกำลังจะกล่าวถึงตอบกลับมาแบบสั้นๆ


"ชวนใครเหรอคะ?"
"เพื่อนค่ะ เพราะบางคนเราอยากให้มาแต่เค้ามาไม่ได้ แต่กับคนที่ไม่อยากให้มา เค้าก็ดันมาซะนี่"
"เหรอคะ"
"เออวี แก้วนัดพวกเพลงไว้ เดี๋ยวไปก่อนนะ แวะมาทักเฉยๆ ไว้คุยกัน"
               พูดจบแก้วก็ลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกไปเลย


"พี่แก้วเค้าดูไม่ชอบอิงเลยนะ"
"แล้วอิงชอบแก้วรึเปล่าล่ะ?"
"..."


               วันถัดมาผมที่เบื่อกับการอยู่คอนโดเลยชวนอิงออกมาเดินซื้อของขวัญวันเกิดให้กับแก้ว


"อันนี้สวยมั้ยคะพี่วี?"
               หญิงสาวตรงหน้าผมหยิบที่คาดผมที่ทำเป็นมงกุฎเพชรอันเล็กๆขึ้นมาใส่เล่นบนหัวแล้วหันมาถามผม


"อิง...เรามาเลือกของขวัญให้แก้วนะ"
"ก็อิงอยากได้บ้างอ่ะ!"
"ไอ้วี!"
               เสียงหนึ่งดังขึ้นทักทายผม ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อ


"ดีค่ะพี่กาย เอ่อ.. พี่น้ำ"
               หญิงสาวข้างๆผมกล่าวทักทายเพื่อนผมด้วยสายตาที่เป็นประกาย และหันไปทักน้ำแบบหน้าไม่รับแขกนัก ผมที่มองเห็นก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ


"มาทำไรวะ?"
               เพื่อนผมถามผมกลับมาแบบไม่สนใจอิงเลยแม้แต่น้อย


"ซื้อของขวัญให้แก้วเค้า"
"อ๋อ จริงด้วย เห็นไอ้บอยพูดถึงอยู่นะ"
"มึงจะมาป่ะ?"
               ผมถามคนตรงหน้าก่อนจะชำเลืองมองร่างบางที่ยืนข้างๆนั้นหน่อยๆ


"ก็คงไปแหล่ะ ไม่ได้เจอแก้วนานละ งั้นกูพาน้ำไปด้วยนะ เดี๋ยวกูไลน์บอกแก้วเอง"
"อะ เออ..."
"โอเค... เออมึง ขอถามไรหน่อยดิ"
"อะไรวะ?"
               ไอ้กายไม่พูดเปล่า แต่ดึงแขนผมให้ออกห่างจากน้ำและอิง


"อะไรวะ? เรื่องสำคัญเหรอ?"
"คือ... กูถามตรงๆเลยนะ... มึงกับน้ำนี่ยังไง?"
               ผมถึงกับเหวอทันทีที่ได้ยินคำถาม 'ทำไมอยู่ๆถึงถามขึ้นมาละเนี่ย รึผมทำตัวน่าสงสัย รึว่าแก้วบอก แต่ไม่น่าจะใช่เพราะสองคนนี้แทบจะไม่ได้เจอกัน แล้วแก้วก็ไม่ใช่คนที่จะเล่าเรื่องนี้ใครฟังถ้าผมไม่ยอม' ผมพยายามทำหน้าปกติแล้วถามกลับไปเรียบๆ 


"หมายความว่าไงวะ?"
"กูรู้ว่ามึงเข้าใจ"
"อะไรทำให้มึงถามแบบนี้วะ?"
"กูแค่เห็นว่ามึงชอบมองน้ำแปลกๆ สายตาแบบที่มึงมองน้ำไม่ใช่สายตาที่ไว้ใช้มองผู้ชายทั่วไปแน่ๆ"
"เปล่านี่ กูก็มองเฉยๆ"
"เหรอ?"
"เออดิ"
"นี่ถ้ากูไม่รู้จักมึงมานาน กูคงนึกว่ามึงชอบน้องซะอีก"
"เอ่อ..."
"ชอบอะไรเหรอ?"
               ไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรกลับไป อิงก็แทรกตัวเข้ามาถามขึ้นทันที และน้ำก็เดินเข้ามาตาม ผมเผลอหันไปมองเจ้าของประเด็นอย่างเคยตัวก่อนจะนึกได้ว่าไอ้กายกำลังสงสัยอยู่ ก่อนจะปั้นหน้านิ่งแล้วหันมามองหน้าเพื่อนของผม


"พอดี พี่มีของสำคัญมาถามวีน่ะ เผื่อวีจะชอบ"
               ไอ้กายเนียนแถไปเรียบๆ


"ของสำคัญอะไรเหรอคะ?"
"เอ่อ... รถน่ะ! คือมีรถรุ่นนึงหายากมาก พอดีพี่รู้จักเจ้าของที่เค้าอยากขาย เลยมาถามวีเผื่อมันอยากได้ เออ... สรุปมึงไม่ชอบแน่นะ"
"อื้อ... ไม่ชอบๆ!"
               ผมตอบกลับไปพร้อมถอนหายใจเบาๆ 'นี่ไอ้กายคิดจะทำอะไร? ทดสอบผมรึมันรู้จริงๆว่าผมเคยตามจีบน้ำ พอตอนนี้ตัวเองจะจีบเลยมาขอก่อนงี้เหรอ? รึแค่ต้องการจะเยาะเย้ยกัน แต่บทสนทนาที่คุยก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อปีก่อนเลย ถึงจะรู้รึไม่รู้ แต่ถ้ามันมาถามตรงๆในเวลาแบบนี้แล้วผมจะตอบอะไรได้อีก...'


"มึงแน่ใจนะ กูให้คิดดีๆ"
"อะ... เออ"
"โอเค กูจะได้สบายใจเพราะอย่างน้อยกูก็มาถามมึงแล้ว เห็นมึงเหมือนอยากได้"
"เปลี่ยนเรื่องเถอะ ว่าแต่มึงอ่ะ มาทำไร?"
               ผมรีบถามกลับเพื่อเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะไม่อยากรู้สึกอึดอัดไปมากกว่านี้


"กูมาดูหนังกับน้ำ"
"เหรอ..."
"ไปดูด้วยกันมั้ย?"
               ไอ้กายถามขึ้นแบบจริงจัง แต่คนข้างๆมันแอบขมวดคิ้วเล็กๆพร้อมดึงแขนเสื้อไอ้กาย เจ้าตัวเองคงคิดว่าผมมองไม่เห็น 'นี่น้ำไม่อยากให้ผมไปด้วยสินะ ถึงได้แสดงท่าทางออกมาแบบนั้น แบบนี้แล้วผมคงไม่ไปเป็นก้างขวางคอใครหรอก'


"ไม่ล่ะ"
"เออ งั้นกูไปนะ เดี๋ยวไม่ทันเข้าโรง"
               ทันทีที่ผมตอบไป ไอ้กายก็ขอตัวเดินออกไปในทันที


"พี่กายนี่น่ารักเนอะ เอาใจแฟนเก๊งเก่ง พี่น้ำโชคดีจัง"
               ผมที่พยายามจะไม่คิดอะไรมากกับสิ่งที่ได้เจอตรงหน้า แต่คนข้างๆผมนี่สิพูดอะไรที่ผมไม่อยากได้ยินออกมา ทำให้ผมถึงกับเผลอหันมามองค้อนใส่


"อะไร? ก็แค่พูดไปตามที่เห็น"
               ยิ่งผมได้ยินแบบนั้น มันทำผมตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกมาจากตรงนั้นในทันที


"เดี๋ยวสิพี่วี พี่วี!!!"

               'ทำไมผมต้องรู้สึกโมโหได้ขนาดนี้ เพราะคนข้างๆผมพูดไม่เข้าหูเหรอ? รึเพราะเพื่อนผมกำลังจีบคนที่ผมหวงเหรอ? รึเพราะว่าคนที่ผมหวงกำลังจะไปเป็นของคนอื่นอีก? รึเพราะว่าเค้าทำเหมือนไม่ได้สนใจผม?' คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของผม ตอนนี้ผมแทบคุมตัวเองไม่ได้เลย ก่อนจะขับรถออกมาจากห้างโดยไม่สนใจคนที่ผมเรียกว่าแฟนเลยแม้แต่น้อย พร้อมกดมือถือโทรหาเพื่อนสนิทผมในทันที

"แก้ว อยู่ไหนวะ?
รอนั่นนะ เดี๋ยวไปหา"
               ทันทีที่วางสายจากเพื่อน ผมก็กดโทรหาอิงต่อ

"กลับเองนะ
พอดีมีธุระ"
               ผมไม่รอฟังคำตอบใดๆพร้อมกดตัดสายในทันที


**********


               ผมขับตรงมายังร้านอาหารของเพื่อนที่แก้วบอกไว้


"หน้างอมาแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นอีก?"
               แก้วถามผมทันทีที่ผมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้า


"ไอ้กาย!"
               ผมตอบกลับไปสั้นๆ


"กายไหน?"
"ไอ้กายขายรถ!"
"อ่อ ที่หล่อๆป่ะ?"
               แก้วทำเป็นนึกชื่อก่อนจะพยักหน้าทันทีที่นึกออก


"เออ!"
"ไม่ได้เจอนานละ ยังหล่อเหมือนเดิมมั้ย? แล้วกายทำไมเหรอ?"
               แก้วถามต่อแบบสงสัยและสนใจ


"มันตามจีบน้ำ!"
"น้ำ? เดี๋ยวนะ... น้องน้ำแกอ่ะนะ?!"
"เออ"
"ไปรู้จักกันตอนไหนอีก?!"
"ตอนไประยอง!"
"ห้ะ! แกไม่เห็นเล่าเลยว่าน้ำไปด้วย!"
               แก้วพูดเสียงดุแกมให้ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง


"ก็ไอ้บอยมันชวนมา แล้วอิงก็เล่นตามเป็นเงาขนาดนี้ เลยไม่รู้จะเริ่มยังไง"
               ผมตอบกลับไปเบาๆ


"โอ้โห... ละครเรื่องเก่ามารีรันชัดๆเลย จะว่าไปแกไม่ได้เจอน้ำเป็นปีเลยนะ"
"อือ..."
"ไอ้บอยมันไม่รู้เรื่องแกนี่เนอะ มันเลยชวนมาด้วย"
"อื้อ... ว่าแล้วก็ แกไม่เคยเล่าเรื่องฉันกับน้ำให้ใครฟังใช่มั้ย?"
"ไม่เคยนะ ทำไมเหรอ?"
"ไม่รู้สิ ก็ไอ้กายมันทำเหมือนมันรู้เรื่อง แล้วมาถามทำนองว่า..."
"ว่าๆๆ!"
"ว่ายังชอบรึยังรักน้ำอยู่รึเปล่าไรงี้"
"แล้วแกตอบว่า?!"
"แกจะให้ตอบว่ายังไง ยังรักมาก ยังคิดถึงเหรอ?... ก็ตอบไปว่าไม่"
"ผู้ร้ายปากแข็ง"
"เออ รู้ตัว ไม่ต้องย้ำ ก็มันมาถามต่อหน้าอิงต่อหน้าน้ำแบบนั้น ใครจะไปตอบได้วะ"
"จ้า แล้วไงต่อ?"
"มันก็ไม่ได้อะไร ก็พูดทำนองว่า มาบอกฉันแล้วนะรึมาถามฉันแล้วนะ เลยสงสัยว่าแกได้เล่าให้ใครฟังรึเปล่า..."
"ไม่เคยเล่าอยู่แล้ว รึว่ารู้เพราะสายตาแกรึเปล่า? เวลาแกมองน้ำมันเห็นชัดมากอ่ะ"
"ไม่รู้โว้ย! ทำไมตอนนั้นไม่ตอบไปตรงๆเลยวะไอ้วี!!"
               ผมที่คิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าแล้วรู้สึกแย่ขึ้นมา ก่อนจะว่าตัวเอง


"เหอะ อะไรของพวกแกเนี่ย!! คนสวยอย่างฉันไม่มีใครคิดจะมาแย่งบ้างเลยเหรอ?!"
"ไม่ใช่เวลามาเล่นนะเว้ย"
"เออๆ ซอด้วงๆ สรุปคือหึงขึ้นมาว่างั้น?"
               แก้วถามกลับมาง่ายๆให้ผมตอบตามความรู้สึกตัวเอง


"เออ ทั้งหึง ทั้งหวงด้วย แกต้องเห็นเวลาที่มันมองน้ำ"
               ผมยอมรับออกไปตรงๆทำให้แก้วอมยิ้มออกมา แต่ก็ถอนหายใจออกมาทันทีเช่นกัน


"แต่ฉันก็ว่าแกทำถูกแล้วนะที่ตอบไปแบบนั้น เพราะแกก็มีแฟนอยู่แล้ว แกยังจะไปคิดถึงเค้าอีก มันก็ไม่ดีเปล่าวะ"
"แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยลืมเค้า"
               ผมก้มหน้ามองสร้อยข้อมือแล้วตอบแก้วไปเบาๆ


"เฮ้อออ จะว่าไป ฟ้าเล่นตลกอะไรเนอะ? พอแกโสด เค้ามีแฟน พอแกมีแฟน เค้าดันโสด มันจะคลาดกันไปตลอดเลยงี้เหรอ?!"
"โถเว้ย!!"
               ผมพูดออกมาเสียงดังทำเอาคนในร้านหันมามอง


"ใจเย็นๆนะคะ ค่อยๆจัดการไปทีละอย่าง"
               แก้วปลอบผมก่อนจะก้มหน้าเชิงขอโทษคนในร้านที่มองอยู่


"รึฉันจะบอกเค้าตรงๆไปเลยว่ารู้สึกยังไงดีมั้ย?"
"แกจะบ้าเหรอ? แกมีแฟนอยู่แล้วนะ!!"
"งั้นฉันจะเลิกกันอิง!"
"เดี๋ยว, อะไรนะ?!!! ไม่ได้นะ!! แกจะมาทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจตลอดเวลาไม่ได้นะ!!"
"ทำไมล่ะ แกก็ไม่ได้ชอบอิงสักเท่าไหร่นี่"
"มันก็ไม่เกี่ยวป่ะ?! คือตอนนี้เค้าเป็นแฟนแก และเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แกจะทำแบบนี้ไม่ได้ มันไม่โหดร้ายไปเหรอวะ?"
               แก้วที่อธิบายเหตุผลให้ผมฟัง


"แต่ฉันไม่ได้รักเค้าเลยนะ ที่คบอยู่ก็เพราะ..."
               ผมหยุดคำพูดเอาไว้ก่อนจะถอนหายใจอีกรอบพร้อมเอนหลังพิงเก้าอี้แบบคนหมดแรง


"มันคงง่ายกว่านี้ถ้าแม่แกไม่ไปเจอในตอนนั้นสินะ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว อย่างน้อยแกก็ต้องทำให้มันถูกต้องรึป่าววะ? อีกอย่างแกบอกเองว่ากายกับน้ำเค้าจีบกันอยู่ แกจะทิ้งแฟนแล้วไปจีบเค้าแข่งกับเพื่อนตัวเองเหรอ?"
"โอ้ยยยย ทำเวรทำกรรมอะไรไว้วะเนี่ย"
"เออ เอาน่า ใจเย็นๆ ถ้าคนมันคู่กันยังไงก็ต้องคู่กัน"
"ไม่เย็นแล้ว!!"
"เห้ย วี! วี!!! อะไรวะ มาเร็ว ไปเร็ว"


               ผมลุกขึ้นเดินออกมาในทันที ในเมื่อเพื่อนก็ดูจะช่วยอะไรไม่ได้ งั้นไปหาทางอื่นดูก็ได้วะ!! 'มันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าแม่แกไม่ไปเจอในตอนนั้นสินะ' ผมคิดถึงคำพูดของแก้วขึ้นมา เฮ้ออออ ผมทำตัวเองเองสินะ ถ้าผมไม่เมามากในคืนวันที่ผมเจอไอ้บอยวันที่มันชวนผมไประยองวันนั้น เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก...

.....
"เล็ก เล็ก!! ตื่น!!"
"หืมมม...คุณแม่เหรอ? แม่ขึ้นมาทำไรกรุงเทพอ่ะ?"
"ฉันขึ้นมาธุระ แต่แกไม่ต้องมาถามฉัน ตอบฉันมาก่อนว่านี่คืออะไร?!"
"หืม?...เห้ย!!!"
               ผมที่พยายามลืมตาตื่นขึ้นแล้วมองไปตามที่แม่ผมกำลังชี้อยู่ แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้ผมตกใจแบบสุดๆ


"ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?!"
               แม่ผมถามต่อ


"เอ่อออ ผมไม่รู้!"
"ไม่รู้!!! แกไม่รู้แต่มานอนแก้ผ้ากับแกบนเตียงเนี่ยนะ!!"
"ผมไม่ได้..."
"โอ้ยยยย หุบปากโว้ย กูจะนอน!"
               ผู้หญิงคนนั้นตะโกนออกมาเสียงดังก่อนจะมุดหน้าในผ้าห่อต่อ


"ลุกไปใส่เสื้อผ้าแล้วออกมาคุยกับแม่ข้างนอก!"


"คุณพ่อคุณแม่..."
"ฉันว่าฉันสอนแกมาดีนะ แต่ทำไมทำตัวแบบนี้! แล้วผู้หญิงคนนั้นใคร?"
               แม่ผมพยายามถามเอาคำตอบจากผม


"ผมไม่รู้จริงๆ!!"
"ชื่อก็ไม่รู้เลยงั้นเหรอ?!"
               ผมที่เถียงและอธิบายอะไรไม่ได้ ทำได้แค่นั่งเงียบและงงอยู่ ผมจำอะไรไม่เลยด้วยซ้ำ


"ไม่รู้จักเลย ไม่รู้จักแต่มานอนอยู่ในห้องแก บนเตียงแก เสื้อผ้าก็ไม่ใส่เนี่ยนะ?!!"
"คือผมเมามากอ่ะ..."
               ผมตอบกลับไปสั้นๆ


"อ่อ นี่ใช่มั้ย? ถึงไม่ค่อยกลับบ้าน อยู่แต่รีสอร์ทแล้วก็หนีขึ้นมาอยู่กรุงเทพเนี่ย!!"
"เปล่าครับ"
"เปล่าเหรอ? นี่แกรู้มั้ยว่าทำให้คนอื่นเป็นห่วงขนาดไหน! แต่แกกลับมาทำตัวแบบนี้ ไม่คิดถึงฉัน ไม่คิดถึงพ่อแกเลยรึยังไง!!"
"ผมขอโทษนะแม่"
               ผมยกมือขอโทษสองคนตรงหน้า สีหน้าของแม่ในตอนนี้ดูท่านเสียใจมากจนผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี


"ฉันไม่เคยห้าม ไม่เคยว่าอะไร ไม่เคยบังคับแก ไม่ว่าแกจะคบใครรึชอบใคร แต่ไม่ใช่ให้แกมั่วไปวันๆแบบนี้!"
"คือผม..."
               ก่อนที่ผมจะพูดอะไร หญิงสาวในห้องก็เดินออกมาจากห้องนอนแล้ว


"เอ่อ สวัสดีค่ะ"
"หล่อนเป็นใคร?"
               แม่ผมสูดลมหายใจเข้าก่อนกดเสียงต่ำถามออกไปในทันที


"หนูชื่ออิงค่ะ"
"แล้วหล่อนมาทำอะไรที่ห้องลูกชายฉัน?"
"หนู...หนูจำไม่ได้ค่ะ"
"เป็นผู้หญิง! แต่ไปนอนห้องผู้ชายไปทั่วเนี่ยนะ?! แล้วนั้นเสื้อนักศึกษาเหรอ?"
               แม่ผมเริ่มต่อว่าคนตรงหน้าพร้อมมองชุดที่คนตรงหน้าสวมอยู่


"ใจเย็นๆสิคุณ"
"ช่างเถอะ...ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเห็นหัวฉันหรอก"
"คุณแม่!!"
               พูดจบแม่ผมก็เดินออกจากห้องไป มันคราวซวยของผมแท้ๆ ผ่านมาตั้งหลายเดือนคุณแม่ก็ยังไม่คุยกับผมเลย ขนาดผมยอมรับอิงมาเป็นแฟนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย และไม่ว่าผมพยายามคิดถึงเรื่องคืนนั้นเท่าไหร่ ผมก็คิดไม่ออกเลยจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง


**********


"พี่วีไปไหนมา ทิ้งอิงไว้แบบนั้น อิงเสียใจนะ"
               หญิงสาวเข้ามาเกาะแขนผมทันทีที่ผมเข้ามาในห้อง


"ขอพี่อยู่คนเดียวได้มั้ย?"
"ไม่ได้! อิงเป็นแฟนพี่นะ"
"แฟน? แฟนที่ไม่ได้รักกันน่ะเหรอ?!"
"แต่อิงรักพี่นะ!"
"แต่ฉันไม่เคยรักเธอ!''
''นี่พี่ยังรักมันมากอยู่ใช่มั้ย? แค่ได้เจอมันมากับคนอื่นแค่นี้ถึงทิ้งอิงไว้แบบนั้นเลย เมาก็เพ้อถึงมัน สร้อยข้อมือก็ไม่ยอมถอด"
"เออ ถ้ารักแล้วจะทำไม?"
               ผมขึ้นเสียงใส่คนตรงหน้า


"พี่วีโกหก!!"
               อิงตะโกนกลับมาพร้อมทำหน้าจะร้องไห้


"ตั้งแต่เกิดเรื่องมาหลายเดือน ฉันแตะต้องตัวเธอกี่ครั้ง? ไม่เคย! งั้นก็เข้าใจซะด้วยนะว่าที่ฉันทนอยู่ตอนนี้แค่ไม่อยากให้พ่อแม่ฉันเสียใจเท่านั้น!!"
               ผมเผลอพูดความรู้สึกในใจออกมาทั้งหมด เพราะมันเกินกว่าที่จะทนเก็บไว้ได้แล้วสำหรับผม


"พี่วีใจร้าย!"
"เออ ใช่ แล้วยังไง? ถ้าไม่ใช่เพราะเมาในคืนนั้น เธอจะได้มายืนว่าฉันอย่างตอนนี้มั้ย?!"
               ผมที่ยังคงพูดความในใจออกมาให้คนตรงหน้าฟัง


"เออ ได้!! อิงจะเอาไปพูดให้หมดเลย ว่าลูกคนรวยมันทำตัวเหี้ยขนาดไหน จะเอาให้มันพังให้หมดเลย ได้เราแล้วก็ทิ้ง ทิ้งกระทั่งลูกตัวเอง!!"
               อิงพูดออกมา แต่ทั้งหมดมันทำให้ผมต้องหยุดความคิดตัวเองทันทีที่ได้ยินคำนั้น


"ลูก?!"
"ก็เออไง อิงท้อง..."
               ผมเงียบฟังเพราะยังไม่อยากเชื่อหูตัวเอง


"ตั้งแต่คืนนั้น อิงก็อยู่กับพี่แทบจะตลอดเวลาไม่ก็กลับไปหาแม่หาพี่ชาย นี่ก็จะสามเดือนแล้ว ถ้าไม่ใช่ลูกพี่จะเป็นลูกใคร?"
"โกหก!"
"ไม่เชื่อใช่มั้ย? ได้!!
               หญิงสาวตรงหน้าเดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมหยิบกระดาษออกจากกระเป๋าสะพายแล้วยื่นให้ผมดู


"นี่ ใบตรวจ!! และถ้ายังไม่เชื่ออีก พรุ่งนี้ไปตรวจใหม่ก็ได้!!"


               ผมทรุดร่างลงบนโซฟาพร้อมกระดาษในมือ 'นี่สวรรค์แกล้งกันใช่มั้ย?!'

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 14 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 10-01-2020 19:20:10
ตอน 16


               ผมอยากจะปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ความผิดผมมันคงจะหนักขึ้นถ้าผมเลือกจะทำแบบนั้น หลังจากผมพาอิงไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อยืนยันผลว่าอิงได้ตั้งท้องจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ ทางเดียวที่ผมคิดออกในตอนนี้คือบอกกับคุณพ่อคุณแม่ไปตรงๆ ซึ่งก่อนอื่นผมต้องเข้าไปบอกกับแม่ของอิงก่อนเช่นกัน นั้นก็ทำให้ผมมายืนอยู่หน้าบ้านเช่าหลังเล็กๆท้ายซอยแห่งหนึ่ง


"แม่!!"
               เสียงอิงที่เกาะแขนผมไม่ห่างตั้งแต่ลงจากรถมาตะโกนเข้าไปในตัวบ้านที่ปิดเงียบราวกับไม่มีใครอยู่


"เออๆ อยู่ในครัวโว้ย"
               เสียงหญิงวัยกลางคนตะโกนกลับมา อิงหันมายิ้มให้ผมพร้อมกับเปิดประตูบ้านพร้อมพาผมเดินเข้าไปด้านใน ภายในบ้านมีข้าวของกระจัดกระจายอยู่ตามทาง จะว่ารกก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเสื้อผ้าที่ใส่แล้วก็ยังกองอยู่รวมๆกัน ไม่ได้เกลื่อนตามทางเดิน รึแม้กระทั่งกองขวดเหล้าและเบียร์ยังวางกระจุกอยู่รวมๆกัน แต่ก่อนที่ผมจะได้สำรวจไปมากกว่านี้ เสียงกลุ่มคนส่งเสียงเฮดังทะลุมาจากอีกด้านของประตูที่ปิดอยู่ อิงปล่อยแขนจากผมแล้วเปิดประตูเข้าไปแบบเคยชิน พร้อมเข้าไปกอดผู้เป็นแม่อย่างคุ้นเคย ส่วนผมที่เดินตามมาติดๆทำได้แค่ยืนมองกลุ่มคนตรงหน้าที่นั่งล้อมวงกันอยู่พร้อมสำรับไพ่ในมือ


"อ้าว วีใช่มั้ย?"
               หญิงในอ้อมกอดของอิงทักผมเสียงดัง ทำให้คนอีกสี่-ห้าคนที่เหลือหันมามองที่ผม ทำเอาผมยกมือไหว้แทบไม่ทัน


"ครับ"
"พี่วีเค้าจะมาคุยกับแม่อ่ะแม่"
               อิงพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ


"อ๋อเหรอ?"
"งั้นวันนี้เลิกเล่นได้แล้ว กลับๆไปได้แล้ว"
               อิงคว้าไพ่จากมือคนตรงหน้าแล้ววางลงบนโต๊ะทันที


"อ้าว อินี่ มาถึงก็ไล่ขาไพ่กู"
"แม่! เรื่องนี้สำคัญ!!"
"สำคัญ?... อ๋อ... งั้นกลับๆได้ละยายพร ตามี..."
               สองแม่ลูกต้อนกลุ่มคนออกจากบ้านตัวเองอย่างทุลักทุเล ไม่นานในบ้านก็เหลือแค่เราสามคน


"ไหน? มีเรื่องสำคัญอะไรบอกมาดิ๊!"
               แม่ของอิงเปิดเรื่องทันที


"คือ... อิงท้อง"
"ท้อง?!!"
"ใช่แม่ แม่จะมีหลานแล้วนะ"
"ดีๆๆ แล้วยังไงต่อล่ะ จะแต่งเลยมั้ย?"
"เรื่องนั้น ผมอยากให้เราไปคุยกันทีเดียวที่บ้านของผมน่ะครับ"
               ผมที่เงียบฟังมาตั้งแต่ต้นตอบกลับไปเรียบๆ


"บ้าน?"
"บ้านพี่วีอยู่ภูเก็ตไงแม่ จะได้ลงไปเที่ยวด้วย"
"เออๆ จะไปวันไหนล่ะ?"
"พรุ่งนี้เลยแม่ แม่เก็บกระเป๋าเลยนะ"
               อิงตอบอย่างดีใจ แต่สีหน้าคนเป็นแม่นิ่งลงอย่างเห็นได้ชัด


"จะไปไหนกัน?"
               เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าประตูบ้าน ทำให้ผมสามคนหันกลับไปมองในทันที ชายร่างสูง ตัวใหญ่ ผิวเข้ม ไว้หนวดพอประมาณเดินเข้ามายืนข้างๆแม่ของอิง


"เอ่อ... พี่วี คนนี้พี่ชายของอิงเองที่อิงเลยพูดถึง ชื่อชายน่ะ"
               ผมทำท่าจะยกมือขึ้นไหว้แต่เขาก็ยกมือขึ้นห้ามก่อน


"ไม่ต้องไหว้หรอก อายุน่าจะเท่ากัน"
"ครับ"
"แล้วเมื่อกี้บอกจะไปไหนกัน"
"จะลงไปภูเก็ตอ่ะพี่"
"ไปทำอะไร?"
"อิงท้อง"
"ห้ะ? จริงเหรออิง?"
               ชายตรงหน้ายิ้มออกมาด้วยความดีใจ


"อื้อ อิงจะไปคุยเรื่องงานแต่งน่ะ พี่ชายไปด้วยนะ"
               รอยยิ้มที่มีเมื่อกี้หายไป มันเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ครุ่นคิดในทันที


"อือ ไปก็ไป"
"งั้นเราไปกันทั้งบ้านเลยนะ พี่วีไม่ว่าใช่มั้ย?"
"ไม่หรอก จะได้รู้จักกันทีเดียวเลย"
"ค่ะ"
               อิงยิ้มตอบพร้อมกอดแขนผมแน่นขึ้น



               วันต่อมา สิ่งที่ผมต้องเผชิญต่อไปคือครอบครัวของผมเอง ในหัวผมมีคำถามและความสับสนเต็มหัวไปหมด ผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงรึพยายามจะให้มันจบแบบไหน ในตอนนี้ไม่มีใครช่วยผมได้เลยจริงๆ ไม่นานผมก็พาครอบครัวของอิงมาถึงที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ผมให้ทั้งสามคนเข้าไปนั่งคุยที่ห้องทำงานของคุณพ่อ ส่วนตัวผมเองที่ยังมีคดีติดตัวกับคุณแม่อยู่แถมตอนนี้มีเรื่องใหม่เพิ่มมาอีกเลยไม่กล้าเข้าไปนั่งฟังด้วยทำได้แค่ยืนแอบฟังคุณพ่อคุณแม่ผมคุยกับแม่ของอิงอยู่เงียบๆที่หน้าห้อง


"ไงน้อง"
               พี่ใหญ่กล่าวทักผมจากด้านหลัง


"ไงพี่"
"ได้เมียแถมลูกก่อนพี่ ไม่ดีใจหน่อยเหรอ?"
"มันน่าดีใจตรงไหนเนี่ย!"
"บอกให้ป้องกันๆไม่เชื่อ"
"ไอ้พี่ใหญ่ ผมจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ"
"ไอ้ฉันก็ยังเชียร์น้ำอยู่เบาๆ อุส่าห์มั่นใจว่าได้น้องสะใภ้เป็นผู้ชายแน่ๆ เกมส์พลิก ดันเปลี่ยนซะงั้น"
"ไอ้พี่ใหญ่เงียบไปเลย คนยิ่งเครียดๆอยู่"
               ผมตอบไปแบบหงุดหงิดสุดๆ


"นี่แค่มาคุยเรื่องค่าสินสอดกับวันจัดงานนะ ขออย่างกับจะเอาไปถมที่ แถมยังขอค่าดูแลรายวันจนกว่าจะถึงวันแต่งอีก แล้วดูหน้าแม่กับพี่ชายของว่าที่เมียแกสิ รื่นเริงเหลือเกิน"
               เสียงแก้วพูดด้วยเสียงที่ไม่สบอารมณ์ดังมาไม่ไกล


"เค้าจะมาเป็นน้องสะใภ้แกละนะยัยแก้ว"
"โอ้ย ไม่ต้องเอามานับญาติกับหนูเลยพี่ใหญ่ แค่คิดก็ไม่ไหวละ เอาตรงๆเลยนะ แก้วไม่เชื่อหรอกว่าเด็กในท้องนั้นลูกวี"
"ทำไมอ่ะ?"
"แรงขนาดมาอยู่ห้องผู้ชายที่รู้จักได้ไม่นานเบอร์นั้น ใครก็ต้องคิดแล้วป่ะ คนดีๆที่ไหนเค้าทำกัน ยิ่งเรื่องตอนก่อนจะเป็นแฟนกันอีก..."
               แก้วที่ยิ่งพูดก็ยิ่งขึ้นตอบกลับมาแบบหัวเสีย


"เออ ละแกแน่ใจนะว่าท้องจริง ไม่ใช่ท้องลม"
"อือ ผมให้ไปตรวจแล้ว 2ที่เลย"
"โอ้ย งั้นตอนนี้ก็ต้องรอตรวจเลือดแล้วแหล่ะถึงจะรู้ว่าใช่ลูกวีรึเปล่า?"
"นี่ ยัยแก้ว แกจะร้อนรนอะไรนักหนา"
               พี่ใหญ่ว่าคนข้างๆที่ยืนกอดอดบ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่


"ก็หนูไม่ชอบนี่พี่ใหญ่ พี่ก็รู้ว่าหนูเป็นคนเข้ากับทุกคนได้หมดนะ จะแฟนพี่ แฟนวีกี่คนหนูโอเคหมด ต่อให้วีเอายัยเก๋แม่บ้านที่รีสอร์ทเป็นแฟนหนูก็ยังโอเค แล้วหนูก็ไม่ใช่คนเกลียดใครง่ายๆด้วย แต่กับยัยนี่นะ จะว่าแก้วอคติก็ได้ แต่หนูไม่โอเคเลยตั้งแต่เจอหน้า ยิ่งรู้จักยิ่งไม่โอเค อ่านปากหนูนะว่า หนู ไม่ โอ เค!"
               ทันทีที่พูดจบเจ้าตัวก็ตึงตังเดินออกไปเลย


"อะไรของมัน?"
"..."
"แกอ่ะ โอเครึเปล่า?"
"ไม่โอเคแล้วจะทำไรได้ล่ะพี่"
"เอ้า ถ้าไม่ก็แค่ไม่ต้องแต่งไง"
"ง่ายๆแบบนั้นก็ดีสิ"


"งานแต่งจะจัดกลางเดือนหน้าพร้อมวันเกิดตาเล็กเลย"
"ช้าแบบนี้ท้องมันจะไม่โตแล้วเหรอคุณนาย"
"ฉันไม่ได้อายอะไรอยู่แล้ว ท้องแล้วก็รับผิดชอบ ถ้าคนมันจะพูดก็ให้เค้าพูดไป"
"แต่ฉันอยากให้รีบหมั้นรีบแต่งเลย"
"จะรีบไปไหนกัน ใช่ว่าฉันจะไม่ดูแลลูกเธอนะ รึเธอมีปัญหาอะไร?"
"อ่อ เปล่าจ่ะๆ"
"เดี๋ยวฉันย้ำให้ตาเล็กดูแลเมียให้ดีๆเอง กำลังท้องกำลังใส้อยู่"
"คุณนายว่าไงฉันก็ว่างั้นแหล่ะ"
               แม่ผมไม่ตอบอะไรอีก เพียงแค่ลุกเดินออกมา ทิ้งเพียงแค่พ่อผมไว้กับแม่ อิงและพี่ชายของอิงให้คุยกันต่อเพียงสี่คน


**********


"บ้านหลังใหญ่เนอะ"
               แม่ของอิงพูดพร้อมมองไปรอบๆบ้านพร้อมจับของตกแต่งห้องนั่งเล่นแบบสนใจ


"ครับ"
               ผมตอบกลับไปสั้นๆ


"ลูกเขยนี่ก็พูดน้อยจริง!"
"พี่วีเค้าเป็นคนเงียบๆแบบนี้แหล่ะแม่"
"อ๋ออ ดีละๆ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันเพราะอิงมันพูดเยอะ"
"เออแล้วนี่ต้องย้ายมาอยู่นี่รึเปล่า?"
               พี่ชายของอิงถามขึ้นมาแบบห้วนๆ


"ก็คงจะแบบนั้นครับ"
               ผมตอบกลับ


"อ้าว! แล้วแบบนี้..."
               ยังไม่ทันที่ชายตรงหน้าจะพูดจบ แม่ของอิงก็ได้จับแขนเขาเอาไว้เหมือนให้เขาหยุดพูด


"พอดีอิงมันติดพี่มันน่ะ ไอ้พี่มันก็หวงน้อง ถ้าต้องอยู่ห่างกันก็กลัวมันจะเหงา"
               แม่อิงตอบกลับมาเรียบๆ


"รักกันดีจังนะคะ"
               เสียงเพื่อนผมดังแทรกขึ้นขณะเดินเข้ามาทางผม


"แก้ว!!"
               ผมทำเสียงค้อนใส่คนที่เดินเข้ามายืนข้างผม


"เอ้า ก็พูดไปตามที่เห็นที่ได้ยิน ใช่มั้ยคะแม่น้องอิง"
"เอ่อ ใช่จ่ะๆ"
"เห็นมั้ย? พี่น้องกันก็ต้องรักกันเป็นเรื่องปกติ"
"ถูกค่ะ แต่ถ้าเป็นแค่เพื่อน มันก็ตัดกันได้! เนอะพี่แก้วเนอะ!!"
               อิงลากเสียงเน้นย้ำคำว่าเพื่อนใส่แก้วก่อนจะหัวเราะเบาๆ


"ก็จริงนะ แต่เพื่อนนี่มันก็ตัดยากกว่าคนนอกนะ ว่ามั้ยล่ะอิงงงงง!!"
               พอได้ยินแก้วพูดอิงก็หันหน้ามาจะเอาเรื่องแต่พี่ชายของอิงก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน


"เอ่อ... พี่ว่าเราไปเที่ยวข้างนอกมั้ยอิง พี่อยากซื้อของหน่อย..."
"คุณพี่ชายน้องอิงคะ ช่วงนี้แก้วว่าอย่าออกไปเลยค่ะ ขโมยขโจรมันเยอะ ตำรวจเพ่นพ่านเยอะด้วย น่ากลัวออก"
               พอแก้วพูดจบพี่ชายกับแม่อิงก็เงียบไปทันที


"พี่แก้วเค้าล้อเล่นน่ะพี่ เราออกไปเดินช้อปปิ้งกันดีกว่านะแม่ พี่วีไปกับอิงนะ นะๆ"
               อิงเกาะแขนผมเพื่อรบเร้า


"อิง!!"
               พี่ชายของอิงเรียกเหมือนห้ามไว้ อิงถึงยอมปล่อยแขนผม


"คุณแม่กับอิงออกกันไปแค่สามคนเถอะครับ ผมไม่ค่อยชอบเดินซื้อของเท่าไหร่ ผมขอตัวก่อน"
               พูดจบผมก็ลากแขนแก้วออกมาทันที


"นี่แกจะไปยั่วโมโหเค้าทำไม?"
"เอ้า แค่อยากรู้ว่าจะปล่อยไก่มั้ย?"
"เพื่อ?!"
"ก็บ้านนี้ดูแปลกๆ ดูระวังตัว ลับๆล่อๆ"
"แกนี่จะไม่ยอมเลยสินะ"
"เอ้า ชวนคุยก็ไม่ได้เหรอ? ว่าแต่พี่ชายอิงชื่อไรนะ เห็นเรียกแต่พี่ชายๆ ชื่อชายเหรอ?"
"แกนี่นะ"
               ผมส่ายหน้าใส่เพื่อนตัวดีก่อนจะเดินหนีออกมาทิ้งให้เพื่อนตัวดีของผมยืนทำหน้ายียวนต่อไป แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมควรจะต้องยอมรับความจริงแล้วสินะ มันอาจจะเป็นฟ้าที่สั่งลงมาให้ผมต้องเลือกทางเดินนี้ ให้ผมตัดใจจากคนที่เขาไม่ได้รักผมแล้ว มันอาจจะดีก็ได้ ผมบอกตัวเองแบบนั้น
               หลังจากเกิดเรื่องผมก็ไม่ได้เข้าไปเจอน้ำอีก มันคงต้องถึงเวลาที่ต้องเลือกทางที่ถูกแบบที่น้ำเค้าทำแล้ว ไอ้กายมันก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร มันคงจะดูแลน้ำได้ดีไม่ต่างจากผม และไม่นานต่อจากนี้ ก็คงจะเริ่มมีข่าวของผมออกตามเพจข่าวและหนังสือพิมพ์เล็กๆแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าน้ำจะรู้เรื่องนี้รึยัง และไม่รู้ว่าได้รู้แล้วจะเป็นยังไงบ้าง ผมเองก็ยังอดที่จะเป็นห่วงคนทางนั้นไม่ได้อยู่ดี
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 10-01-2020 19:48:48
ยังไงกันเนี้ย สรุปจะได้รักกันเมื่อไหร่
ตอนนี้มันเป็นเวรเป็นกรรมของพี่วีของเราแล้ว ขอโทษด้วยฮะที่เราจะทำให้เรื่องมันยากขึ้นไปอีก
 :hao5: :hao5: :hao5:


:pig4: :pig4: :pig4:
:mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-01-2020 20:20:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

เดาจากข้อมูลที่มีตอนนี้

อิงกับชาย  ไม่ใช่พี่น้องกัน  แต่เป็นผัวเมียกันแน่นวล

แล้วที่ไปนอนกันเพราะเมา  ก็คงวางแผนจับคนรวยแหละมั้ง

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 10-01-2020 22:16:30
ตามๆ
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 21-05-2020 15:28:02
ตอนที่ 17


               ที่ร้านอาหารร้านประจำร้านเดิมที่จัดงานวันเกิดของแก้ว พอคิดๆดูแล้วนี่ชีวิตผมจะวนครบอีกรอบแล้วสิ เรื่องราวของปีก่อนๆแอบผุดขึ้นมาให้คิดถึง แต่มันก็คนเป็นอดีตไปแล้วจริงๆ ทันที่ผมก้าวเข้ามาในงานก่อนจะมองไปทั่วร้าน ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเพื่อนของผมและแก้วมากันเยอะกว่าปกติมาก เพราะตั้งแต่ที่ผมขับรถมาจอดที่หน้าร้านและลงจากรถมา สายตาทุกคนมองจ้องมาที่ผมจนน่าอึดอัด


"วี!"
"คนเยอะเหมือนกันนะ"
               ผมตอบกลับเพื่อนสนิทของผมที่รีบเดินเข้ามาหาผมทันทีที่เจอหน้ากัน


"ก็...เหมือนทุกคนมาเพื่อจะเจอว่าที่เมียแกทั้งนั้นแหล่ะ แล้วไหนล่ะ แม่คนนั้น"
"เติมหน้าอยู่มั้ง เลยไม่ได้รอ"
               ผมตอบกลับไปแบบเรียบๆพร้อมจัดแต่งเสื้อผ้าที่ยับจากการขับรถมาให้เข้าที่


"เอ้า นางท้องอยู่นะ"
"แล้ว?"
"นี่ ถึงฉันจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นมั้ย? อีกอย่างวันนี้วันเกิดฉัน จะยอมใจดีให้วันนึง"
               แก้วตอบสวนกลับมาพร้อมตีแขนผมเบาๆ


"มานู้นละ"
"จ้าาา เปิดตัวเด่นสุด ที่คาดผมมงกุฏนี่ซื้อจากร้านไหนเนี่ย"
               ผมหันมองคนข้างๆแบบงงๆ เมื่อกี้ยังดูห่วงเค้าอยู่เลย พอเจอก็แขวะซะละ รึผมมีเพื่อนเป็นไบโพล่าวะเนี่ย


"พี่วีไม่รออิงเลย ดีค่ะพี่แก้ว"
"จ่ะ เอ่อ ตามสบายนะวี"
"อื้อ"
               แก้วตอบแล้วก็เดินหายไปกับเพื่อนๆ


"ไงวี"
"เออไงมึง"
"คนนี้ ว่าที่เจ้าสาวมึงเหรอ?"
"เออ"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"อิงค่ะ"
               ตลอดทางผมเจอคนถามเยอะมากจนผมไม่อยากอยู่ตรงนี้ ต่างจากอิงมากที่ดูมีความสุขที่ได้เจอเพื่อนๆของผม ยิ่งกับหนุ่มๆด้วยแล้ว สายตาแบบนั้นที่มองใครต่อใคร ผมไม่อยากจะคิดไปในทางไม่ดีเลยจริงๆ


"ไอ้วีโว้ย!"
               ไอ้บอยตะโดนทักผม ทำให้ผมผละตัวจากอิงเดินเข้ามาหา


"อ้าวมึง นึกว่าจะไม่มาละ"
               ผมถามกลับคนตรงหน้า


"มาดิ ไม่มาไอ้แก้วคงฆ่ากูอ่ะ"
               ไอ้บอยตอบก่อนเจ้าตัวจะตักผลไม้จากจานในมือเข้าปาก


"เออ แล้วไหนวะว่าที่เมียมึง ถามแก้ว ถามพี่ใหญ่ก็พากับปิดเงียบ ความลับอะไรนักหนา"
"ก็อิงนั้นแหล่ะ แล้วไม่ใช่ไม่อยากบอกเว้ย แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง"
"เดี๋ยวนะ กูนึกว่าคนอื่น"
"ทำไมอ่ะ?"
"ไม่มีไรหรอก แค่สงสัยว่าทำไมแม่มึงถึงยอมง่ายๆเลย"
"ก็.. รู้ละเงียบไว้นะ.. อิงเค้าท้องว่ะ"
"เอ้า!! มึงไปทำอีท่าไหนวะเนี่ย?! แล้วมึงแน่ใจเหรอว่าท้องจริง อาทิตย์ก่อนยังไปทะเลกันอยู่เลย"
"กูไปตรวจมาแล้ว"
"แล้วกี่เดือนละวะ"
"3"
"เดี๋ยวนะ 3เดือนเลยเหรอ? งั้นมันก็ช่วงหลังปีใหม่ที่มึงขึ้นมากรุงเทพป่ะ? ตอนนั้นมึงคบกันแล้วเหรอ?"
"ก็คืนนั้นแหล่ะ คืนที่กูชวนมึงมากินเหล้าแล้วมึงก็ชวนไปทะเลอ่ะ ตื่นมากูก็จำอะไรไม่ได้แล้ว มีแค่อิงที่นอนอยู่กับกู!"
               เพื่อนผมทำหน้าคิดตามก่อนจะนิ่งและเงียบไป


"แล้วที่หนักคืออะไรรู้มั้ย? แม่กูดันมาหากูวันนั้นพอดี!"
"ห้ะ?!"
"เออ ซวยปะล่ะ! กูเลยยอมคบกับอิงนั้นแหล่ะ นี่กูไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอ? ช่างเถอะ พูดละปวดหัว... งั้นเดี๋ยวกูไปดูอิงแปป ทิ้งไว้นานเดี๋ยวก็โวยวายอีก"
"เออๆ..."


"แก้ว เห็นอิงมะ?"
               ผมถามเพื่อนของผมหลังจากผมเดินหาไปทั่วงานแล้วไม่เจอ


"หน้าร้านป่าว เห็นบ่นๆว่าคนเยอะกับหายใจไม่ออก"
"อือๆ ขอบใจนะ"
               ผมตอบกลับไปก่อนจะเดินออกมาทางหน้าร้าน


"อ้าวไอ้วี!"
               ไอ้กายทักผมก่อนที่ผมจะเดินถึงหน้าร้าน


"ไอ้กาย น้ำ.."
               ผมทักกลับคนทั้งสองที่เดินคู่กันมา


"ไงมึง ว่าที่เจ้าบ่าว"
"ก็... อย่างที่รู้ๆ"
"ยินดีด้วยนะครับ"
               น้ำพูดออกมาเบาๆ


"อื้อ..."
"งั้นน้ำขอไปหาพี่แก้วก่อนนะ พี่สองคนคุยกันเถอะ"
               ผมตอบกลับน้ำไป แล้วน้ำก็พูดต่อทันทีก่อนจะเดินออกไป ทำเอาผมมองตามร่างบางนั้นไปจบลับตา ทันทีที่ได้เห็นหน้าเขาและสายตาคู่นั้น ในใจผมตอนนี้กลับรู้สึกผิดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล ทำไมผมปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมมันจะมาจบแบบเจ็บๆแบบนี้อีกแล้ว ผมคิดกับตัวเองอยู่ในใจซ้ำๆ แต่ถึงผมจะกลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว ผมก็ยังอยากบอกความจริงที่ผมมีให้เขาได้ฟังกับตัวเอง ต่อให้ทุกอย่างมันจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ตาม ซึ่งผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าผมจะเริ่มยังไง


"ไอ้วี! เป็นไรป่าวเนี่ย?"
"ห้ะ... เปล่าๆ แล้วมึงอ่ะ เป็นไงมั่ง"
               ไอ้กายสะกิดผมออกจากห้วงความคิด ก่อนผมจะหันกลับมาตอบคำถามเพื่อนตรงหน้า


"ก็ดี ช่วงนี้รถสปอร์ตกำลังขายดี"
"กูหมายถึงมึงกับน้ำ"
"ถ้าเรื่องนั้น ก็ดีนะ น้ำน่ารักมาก นิสัยดี เรียบร้อยด้วย"
"เออ อันนั้นกูรู้แล้ว"
               ผมตอบไปแบบไม่สบอารมณ์นักแต่ก็พยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้


"ว่าที่เมียมึงไปไหนละ"
"เดินอยู่แถวๆนี้ล่ะมั้ง นี่กูก็หาอยู่เนี่ย"
"รีบชิงแต่งก่อนพวกกูอีกนะมึง"
"เออ มึงก็รีบมีดิ"
"งั้นเดี๋ยวกูต้องรีบจีบรีบขอน้ำแต่งงานเลยดีมะ?"
               คำพูดนี้ทำเอาผมไปต่อไม่ถูก ผมถึงกับเงียบกินในทันที


"นึกถึงหน้าน้ำตอนเขิน คงน่ารักน่าดูเลยว่ะ"
               ไอ้กายพูดต่ออย่างร่าเริง ต่างจากผมในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง เพราะผมที่ฟังไอ้กายพูดถึงน้ำตอนนี้ ทำเอาผมต้องเผลอกำหมัดไปด้วย แต่ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวนั้น ไอ้บอยได้เดินเข้ามาพอดี


"ไอ้กาย"
"เออ ไอ้บอยมาพอดี งั้นมึงอยู่คุยกับไอ้กายไปนะ กูไปหาอิงแปป.."
"เออกูมีเรื่องจะคุยกับมันพอดี"
               ไอ้บอยตอบรับคำผม ก่อนผมจะเบียดตัวผ่านคนออกมาจากงาน แล้วออกไปนั่งหลบคนอยู่ในรถตัวเอง นี่ผมทำอะไรอยู่เนี่ย น้ำเค้าตัดใจได้แล้ว มันก็ถึงตาผมแล้ว ไอ้กายก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ผมจะไปโมโหมันเพื่ออะไร แต่ก่อนที่ผมจะคิดอย่างอื่นออกมา ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลจากตัวรถมากนัก


"มีอะไรเหรอครับ?"
"เลิกยุ่งวุ่นวายกับวีสักที"
               นี่มันเสียงน้ำกับอิงนี่ ผมหันไปมองด้านหลังรถ เพื่อมองต้นเสียง ก่อนจะกดเลื่อนกระจกประตูรถลงเพื่อจะฟังคนทั้งสองคุยกันให้ถนัดขึ้น


"หะ?"
"ก็อย่างที่ได้ยิน"
"ผมไปยุ่งตอนไหนไม่ทราบ"
"ก็โผล่หน้ามาให้เค้าเจอนี่ไง"
               อิงเริ่มขึ้นเสียงจนคนในงานเริ่มออกมามุงดู แล้วแก้วก็เดินออกมาเช่นกัน


"มีอะไรเหรอน้ำ"
"พี่แก้ว น้ำว่าน้ำกลับดีกว่า"
"อ๋อ รู้จักกันดีด้วย ที่แท้ก็เข้าข้างกัน มิน่า..."
"นี่หล่อน! พูดดีๆนะ!"
"รึไม่จริง อยากให้เพื่อนมีเมียเป็นผู้ชายนี่เอง"
"อินี่!!!"
               แก้วที่ทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่องคนตรงหน้าแต่น้ำดึงตัวห้ามเอาไว้


"พี่แก้ว อย่า!!"
"ที่บ้านหล่อนสอนมาได้แค่นี้เองเหรอ?"
               แก้วที่ยังไม่ยอมหยุด พูดสวนคืนไป


"สูงส่งจังนะ ระวังเถอะ ตกสวรรค์เมื่อไหร่จะเหยียบให้จมดินเลย"
"แกสิที่จะจมดิน รอให้ถึงเวลาก่อนเถอะ วีจะได้รู้ว่าแกเป็นคนยังไง!!"
"กลัวจัง คนอย่างวี สำออยนิดสำออยหน่อยก็สงสารละ"
               ผมที่นั่งฟังอยู่ ทำได้แค่กำพวงมาลัยแน่น ผมรู้นะว่าอิงเค้าไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไร แต่วันนี้มันคงชัดเจนมากขึ้นแล้ว


"นี่แกว่าเพื่อนฉันเหรอ! รู้ไว้ซะว่าวีไม่มีทางรักคนอย่างแกหรอก"
               แก้วยังเถียงต่อพร้อมชี้คนตรงหน้า


"ถึงเค้าไม่รักฉัน แต่ฉันก็มี..."
               อิงพูดพร้อมทำท่ายื่นท้องออกมาเล็กน้อยแล้วยักคิ้วใส่แก้ว


"เหรอ? แน่ใจเหรอ? กล้าพูดเนอะ!!"
"จะใช่รึจะไม่ใช่แล้วยังไง? แต่วีเค้าเชื่อว่าใช่"
               คนตรงหน้ายักไหล่พร้อมพูดจายียวนแก้วอีกครั้ง จนแก้วเองจะพุ่งตัวเข้าไปอีกรอบ


"พี่แก้วอย่า!"
"แหม ไม่ต้องแอ๊บก็ได้ ทำเป็นใสๆ ไร้พิษภัย แต่ข้างใน..."
               อิงเปลี่ยนจากการพูดใส่แก้วมาพูดใส่น้ำแทน


"จะพูดอะไร?!"
               เสียงน้ำถามขึ้น


"ฉันดูออกนะว่าแกกำลังจะทำอะไร"
"ผมทำอะไรเหรอ?"
"ก็ปั่นหัวพี่วีที แล้วก็ไปปั่นหัวพี่กายที อ่อยพี่บอยที จะจับปลาหลายมือรึไง"
"นี่! ไม่มีใครคิดอะไรแบบนั้นหรอกนะ"
               น้ำตอบกลับคนตรงหน้าด้วยเสียงเรียบๆ


"เอ๊ะ รึว่าพี่กายลีลาไม่ดีพอ เลยจะกลับมาหาพี่วี คงยากหน่อยนะ พอดีวีเค้าคงไม่กลับไปหาข้างหลังแล้วล่ะ"
               อิงพูดจบพร้อมมองลงไปที่เอวของน้ำ


"ในสมองนี่คิดได้แต่เรื่องต่ำๆแบบนี้เหรอ?"
               น้ำสวนคืน


"นี่แกว่าใคร?"
"หมามั้ง เห็นเห่าเก่ง สงสัยกระดูกแถวนี้มันเยอะ ถึงมาเห่าแถวนี้"
"นี่! พวกผิดเพศอย่างแก ไม่มีใครเค้าเอาหรอก!"
               คำพูดของอิงในตอนนี้ทำเอาเพื่อนๆของผมหลายคนถึงกับหัวร้อนขึ้น


"แต่ปากหมาแบบนี้ ก็คงไม่มีใครอยากเอาไปทำพันธุ์เหมือนกัน นี่ถ้าตั้งใจทำงานได้เท่าเห่าคนนั้นคนนี้ ฉันคิดว่าบ้านแกอาจจะรวยไปแล้ว"
               แก้วที่ทนไม่ไหวกับการดูถูกคนของอิงสวนคืนกลับในทันที


"อีแก้ว นี่มึงว่ากูเป็นหมาเหรอ?!"
"อ้าว ก็ไม่โง่นี่!!"
"หุบปากไปเลย อย่าเสือก!!"
"ทำไมกูจะเสือกไม่ได้ เรื่องของวีก็เรื่องของกู แล้วมึงดูตัวเองก่อน มึงเป็นใคร กูเป็นใคร!"
               แก้วพูดใส่คนตรงหน้าเสียงดัง นี่เป็นไม่กี่ครั้งที่ผมได้ยินเพื่อนสนิทของผมพูดคำหยาบ มันคงแปลว่าถึงจุดที่แก้วทนไม่ไหวแล้ว


"กูไม่กลัวมึงหรอกนะอีแก้ว"
"งั้นมึงมาสิ เข้ามาเลย แล้วมึงคิดเหรอว่าวีจะเข้าข้างมึง!"
"พี่แก้วไม่เอา อย่า!"
               น้ำที่พยายามดึงตัวแก้วเอาไว้แน่นกว่าเดิม แต่คำพูดของอิงก็ทำให้แก้วโมโหถึงขั้นสุด ส่วนอิงก็มีคนคอยห้ามอยู่เช่นกัน


"โถ... นึกว่าจะกล้า"
               อิงพูดพร้อมลอยหน้าลอยตายั่วโมโหแก้วขึ้นไปอีก


"กูไม่ไหวละ ค่าปรับเท่าไหร่กูก็ยอมจ่าย ขอแค่ได้ตบอิปากปีจอเนี่ย!"
               แก้วดิ้นจนหลุดจากน้ำแล้วเข้าไปตบอิงไปหนึ่งฉาดใหญ่จนอิงล้มลงกับพื้นเพราะตั้งตัวไม่ทัน ทำเอาคนที่มุงดูอยู่ถึงกับผงะเพราะเพื่อนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นแก้วฟิวส์ขาดได้ขนาดนี้ ผมที่ปล่อยไว้นานกว่านี้คงจะแย่เอาเลยต้องรีบลงไปห้ามในทันที


"หยุดได้แล้ว"
               ผมตะโกนออกไปพร้อมพยายามดึงตัวแก้วที่ค่อมอิงอยู่ให้หยุด ไอ้กายกับไอ้บอยที่เพิ่งโผล่มาก็เข้ามาช่วยอีกแรง


"ปล่อยนะวี แก้วจะตบหมาออกจากปากอินี่!"
               แก้วที่ยังไม่หยุดดิ้นตะโกนใส่อิงที่พยายามจะเข้ามาตบตีกับแก้วเช่นกัน


"แก้ว! หยุด!!"
               ผมตะโกนรอบสองถึงทำให้ทั้งสองหยุดลงได้


"พี่วี... อิงเจ็บ อยู่ๆพี่แก้วกับพี่น้ำก็มารุมด่าอิง แล้วยังตบอิงอีกค่ะ"
               อิงรีบเข้ามาเกาะแขนผมไว้พร้อมทำท่าจะร้องไห้ และคงคิดว่าผมไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น


"อิเด็กดอก ตอแหล!"
               แก้วตะโกนใส่อิง


"อี.."
"หยุดนะอิง!!"
               ผมสั่งคนที่เกาะแขนผมให้หยุดคำพูดของตัวเองไว้


"น้ำ! มาคุยกับพี่"
"หะ?"
               ผมสะบัดแขนที่เกาะผมอยู่ แล้วลากแขนเจ้าของชื่อออกมาแบบไม่สนใจใคร ทำเอาทุกคนงงกับภาพตอนนี้


"พี่วี แล้วอิงล่ะ? อีแก้วจะมาขวางทำไม?"
"หึหึ ก็มึงมันหมาหัวเน่าไง ถ้ามึงตามไป กูจะตบซ้ำจนหมอไม่รับเย็บเลย"
               เสียงแก้วกับอิงยังทะเลาะกันไล่หลัง แต่ผมไม่ได้สนใจแล้ว



ผมพาน้ำมาหลบคุยอยู่ข้างถนนไม่ห่างจากร้านมาก


"เมื่อกี้..."
"พี่ไม่ใช่คนโง่ไม่ต้องพูดหรอก"
               ผมตอบน้ำไปก่อนที่เจ้าตัวจะอธิบายอะไร


"ยังไงเค้าก็ท้องลูกของพี่ ไว้พี่จะเตือนเค้าเอง"
               น้ำที่เงียบฟังไม่ได้พูดอะไรต่อ


"แล้วพี่วีมีอะไรรึเปล่า?"
"พี่ลองคิดดูแล้ว... พี่อยากจะบอกน้ำว่าพี่ขอโทษ เรื่องพี่กับอิง..."
"ถ้าเรื่องนี้พี่วีไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่มีอะไรต้องขอโทษด้วย น้ำเข้าใจ น้ำดีใจกับพี่ซะอีก พี่ทำถูกแล้วล่ะ"
"แต่พี่กับอิง เราสองคน..."
"ไม่ต้องพูดอะไรหรอก น้ำไม่อยากจะฟังแล้วอ่ะ พี่กายบอกน้ำมาหมดแล้ว..."
"ไอ้กาย?"
               ผมที่อยากจะบอกความจริงและความรู้สึกที่มีให้คนตรงหน้าฟัง แต่เหมือนเขาจะเข้าใจผมผิดขึ้นไปอีก แล้วทำไมต้องพูดชื่อไอ้กาย นี่ผมกำลังพยายามคุยเรื่องของเรา จะพูดออกมาทำไม แค่ได้ยินน้ำพูดถึงมัน มันก็ทำให้ผมโมโหได้แล้ว


"จะพูดถึงมันทำไม? ชอบมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"ห้ะ?! ใคร?"
"ไอ้กายไง พี่พยายามจะอธิบาย แต่น้ำก็ไม่คิดจะฟัง แล้วยังจะพูดถึงมันขึ้นมาอีก"
"เดี๋ยวนะพี่วี! พี่กายมาเกี่ยวอะไร?"
"เออ เข้าใจละ"
               ผมไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะแก้ตัวอะไรพร้อมกระชากแขนเขาขึ้นมาอย่างแรง


"ดีจัง เกิดเป็นน้ำนี่ดีเนอะ ใครก็รัก ใครก็หลง"
"พี่วี! ปล่อยนะ"
"อะไร รึไม่จริง สรุปที่ผ่านมาก็แค่ปั่นหัวพี่เล่นแบบที่อิงพูดสินะ"
               แม้ในใจผมรู้ว่าน้ำไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงพูดออกไปแบบนั้น ผมแค่อยากให้น้ำรู้สึกแบบที่ผมรู้สึก ว่าที่ผ่านมาผมเจ็บแค่ไหน เลยประชดออกไปเท่านั้นเอง


"หยุดนะ!"
"ทำไม รับไม่ได้เหรอ กับมันนี่ไปถึงไหนแล้วล่ะ? งั้นลองกับพี่หน่อยจะเป็นไรไป ไหนๆก็เคยจูบกันมาก่อนละ"
               ยิ่งเห็นคนตรงหน้าโกรธมันยิ่งทำให้ผมได้ใจ จนเผลอดึงเขาเข้ามาจูบ


"พี่วี ปล่อยน้ำ...นะ..."
               คนตรงหน้าพยายามใช้กำปั้นทุบลงที่ตัวผม แต่ผมก็ไม่ฟังแม้เสียงค้านพร้อมกดริมฝีปากลงหนักขึ้นไปอีก ยิ่งเจ้าตัวดิ้นมากเท่าไหร่ผมยิ่งจูบและบดริมฝีปากเล็กๆนั้นยิ่งกว่าเดิม


"ฮึก! อื้อ... ปล่อย!!"
"โอ้ยย!!"
               ความเจ็บที่มุมปากทำให้ผมต้องคลายจูบและอ้อมกอดนี้ กลิ่นคาวเลือดจากแผลที่คนตรงหน้ากัดเริ่มคลุ้งไปทั่วปากของผม


'เพี๊ยะ!!!'
               หน้าผมชาจากแรงตบซ้ำเข้ามาอีก มันเป็นการเรียกสติของผมกลับคืนมาที่ได้ผลทีเดียว ผมที่คิดถึงสิ่งที่ผมเพิ่งทำลงไป ก่อนมองคนตรงหน้าที่ยืนน้ำตาอาบสองแก้มนั้นอยู่ นี่... นี่ผมทำอะไรลงไปอีกแล้วเนี่ย คนตรงหน้ายืนนิ่งเงียบจ้องผมอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งออกไป ผมรีบคว้าแขนของน้ำไว้


"พี่วีปล่อยนะ!"
"ไม่!!"
               เจ้าตัวพยายามที่จะสะบัดแขนเล็กๆนั้น ผมเองก็พยายามฉุดคนตรงหน้าเอาไว้ แต่อยู่ๆเจ้าตัวก็หยุดนิ่ง ผมที่เห็นแบบนั้นเลยปล่อยแขนน้ำออก เจ้าตัวนิ่งเงียบก่อนจะหันหน้าลงไปมองที่แขนของตัวเอง รอยแดงช้ำจากของที่เคยอยู่บนข้อมือนั้นรัด มันเด่นชัดจนเห็นได้ ผมรู้ได้ในทันทีก่อนจะมองหาสิ่งที่เพิ่งหลุดออกจากแขนนั้น สร้อยข้อมือที่ผมให้น้ำถูกกระชากจนขาด มันวางแน่นิ่งอยู่บนพื้น น้ำมองสร้อยที่อยู่บนพื้นพร้อมหันมามองหน้าผม ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากที่สั่นอยู่เบาๆนั้น มีเพียงความเงียบและสายตาที่ยากเกินที่ผมจะเข้าใจ ผมค่อยๆเก็บสร้อยนั้นขึ้นมาพร้อมยื่นส่งคืนเจ้าของมัน น้ำที่ยังมองมันไม่วางตาส่ายหน้ากลับมาช้าๆเป็นคำตอบ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ส่วนผมทำได้แค่ยืนมองแผ่นหลังนั้นค่อยๆห่างออกไปช้าๆ พร้อมคิดถึงสิ่งที่ผมได้ทำลงไป



"เกิดอะไรขึ้น?"
               แก้ววิ่งเข้ามาหาผมทันทีที่ผมเดินกลับมาถึงหน้าร้านอาหาร


"วี!! เกิดอะไรขึ้น? แล้วทำไมน้ำร้องไห้กลับมาแบบนั้น แล้วแก้มไปโดนอะไรมา นี่แกทำอะไรมาอีกเนี่ย?!"
               ผมที่ไม่อยากพูดอะไรตอบได้แค่ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ยาว


"น้ำเป็นไงบ้าง?"
               ผมไม่ตอบคำถามของเพื่อนแต่เลือกถามถึงเค้าคนนั้นก่อนทันที


"ไม่รู้สิ พอเค้าเดินกลับมาแล้วก็ขอตัวกลับ กายก็เลยพากลับไปแล้ว ไม่เล่ารึบอกอะไรเลย"
"อื้อ..."
"นี่สรุปแกไปทำอะไรมา?"
"ไว้ขอเล่าทีหลังได้มั้ย?"
"อือๆ"
"พี่วี!!"
               เสียงอิงดังมาไม่ไกลก่อนเจ้าตัวจะวิ่งเข้ามานั่งลงข้างๆผมพร้อมเกาะแขนผมไว้แน่น แก้วเองที่ยืนอยู่ก็ถอนหายใจใส่เบาๆก่อนจะขยับหลบมายืนอีกฝั่งนึงของเก้าอี้


"พี่วีเป็นอะไรอ่ะ? แล้วแก้มไปโดนอะไรมา?"
"เงียบก่อนได้มั้ย?"
               ผมหันมาตอบอิงเสียงเรียบ ทำเอาอิงทำหน้างอพร้อมถอนหายใจใส่ผมก่อนจะลุกเดินกลับเข้าไปในงาน ทิ้งผมไว้กับแก้วตามเดิม ผมหันมองเพื่อนของผมที่ยืนอยู่ตรงหน้า แก้วพยักหน้าเหมือนเข้าใจก่อนจะเอื้อมมือจับลงที่ไหลผมเบาๆแล้วกลับเข้าไปในงาน ทิ้งให้ผมนั่งเงียบๆเพื่อใช้ความคิดคนเดียว
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 16 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 21-05-2020 15:34:41
ตอนที่ 18


               ผ่านมาจะสองอาทิตย์แล้วหลังจากวันเกิดแก้ว ผมพยายามไปหาน้ำที่ทำงานก็ได้รู้ว่าน้ำลาป่วยยาวรึไม่ก็ออกไปทำงานข้างนอก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเหตุผลรึข้ออ้างที่คนที่นั้นบอกมา ผมก็เข้าใจเหตุผลได้ในทันทีว่าเพราะอะไร แต่ผมก็ยังพยายามโทรหาน้ำอยู่ตลอด แต่น้ำก็กดตัดสายอยู่ทุกครั้งไป นี่ผมทำอะไรลงไปอีกแล้วเนี่ย ผมรักเค้า แต่ผมก็ยังทำร้ายเค้าไปด้วย ผมได้แต่โทษตัวเองอยู่คนเดียว โทษในความโง่ของตัวเอง แล้วยังเรื่องของอิงอีก ผมกำสร้อยข้อมือของน้ำที่ขาดเมื่อคืนนั้นไว้แน่น นี่ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ในตอนนั้น น้ำคงจะรู้สึกแบบผมในตอนนี้สินะ ไอ้วีนะไอ้วี ผมด่าตัวเองในใจซ้ำๆ ผมตอนนี้เหมือนกลับไปจุดเดิมอีกครั้งที่เอาแต่ทิ้งตัว ไม่ยอมเจอใคร ไม่กลับลงไปที่บ้านเลย นี่ก็จะเข้าอาทิตย์ที่สองแล้วที่ผมอยู่กรุงเทพ อิงที่คงเบื่อห้องรึเบื่อผมก็ไม่รู้ ที่ไม่ยอมพูดรึบอกอะไรเธอเลย เจ้าตัวเลยขอกลับไปอยู่ที่บ้านกับแม่สักพัก แต่การที่ไม่มีอิงอยู่มันก็ไม่ได้ทำให้ความคิดรึสมองผมโล่งขึ้นเลย ผมยังนั่งเฝ้าคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่วนซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับสร้อยข้อมือของน้ำในมือของผม


[เสียงกริ่ง]

               เสียงกริ่งหน้าห้องผมดังขึ้น ปลุกให้ผมหลุดจากความคิดฟุ้งซ่านได้ชั่วขณะ ผมต้องลากร่างที่ไม่มีแรงนี้ไปเปิดประตูคอนโด


"แห่กันมาทำไร"
"ยังจะมาถามอีก งานก็ไม่ไปทำ บ้านก็ไม่กลับ ฉันขี้เกียจรับหน้าให้แล้วนะ"
"เออ ขอโทษๆ ว่าแต่มึงสองคนมาทำไร รึจะมาด่าช่วยแก้วเฉยๆ"
               ผมทักสามคนตรงหน้าผม นั้นคือบอย แก้ว และคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดคือไอ้กาย


"ว่าที่เมียมึงไม่อยู่ใช่มะ?"
               ไอ้บอยถามขึ้นทันทีแบบไม่สนใจคำถามของผม


"อือ ไปหาแม่เค้าอ่ะ"
"โอเค งั้นมึงนั่งลง"
"อะไรกันวะ"
               ไอ้บอยผลักผมออกจากประตูพร้อมดึงแขนผมมาที่โซฟา ทำเอาผมงงในท่าทางของสามคนตรงหน้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งพร้อมกันหมด


"กูขอถามอะไรตรงๆกับมึงเลยนะ แล้วมึงต้องตอบให้หมด ห้ามโกหกด้วย!"
"อะไรวะมึง"
"เออน่า ฟังก่อนเถอะแก"
               แก้วเสริมขึ้นต่อจากไอ้บอย


"วันที่มึงตื่นมาแล้วนอนอยู่กับอิง มึงจำอะไรไม่ได้เลยใช่มะ?"
"เออ"
"แล้วพ่อแม่มึงก็ดันมาเจอมึงพอดี เลยคิดว่ามึง..."
"อ่าหะ"
               ผมที่นึกภาพตามเหตุการณ์ที่ไอ้บอยมันเล่าพร้อมตอบคำถามไป


"ถามอะไรของมึงเนี่ย?"
"เออ ตอบมาก็พอ... แล้วมึงเลยทำใจรับอิงเป็นแฟนไปเพราะไม่อยากทะเลาะกันกับแม่มึง"
"เออ"
"แล้วอิงมันขู่จะเอาไปแฉว่ามึงได้มันแล้วทิ้ง"
"เออ"
"โอเค กูเริ่มเข้าใจแล้ว"
"เข้าใจอะไรวะ กูไม่เห็นเข้าใจเลย?"
               ผมถามไอ้บอยกลับไปแบบงงๆ


"ฟังก่อนๆ งั้นกูขอเล่าเรื่องคืนนั้นที่มึงเมาในมุมมองของกูมั่งนะ"
"อ่าหะ..."
"มึงกับกูกินเหล้าด้วยกันจำได้ใช่มะ?"
"ได้"
"แล้วกูก็เป็นคนแบกมึงเนี่ยกลับมาห้องมึง อันนี้จำได้มะ?"
"อันนี้คุ้นๆว่ามีคนแบกกูมา"
               ผมทำท่านึกภาพตามไปด้วย


"แล้วมันเกี่ยวยังไงวะ?"
"กูบอกให้ฟังก่อน อย่าเพิ่งถาม"
"เออๆ แล้วไงอีก"
"เออ กูก็แบกมึงกลับมา ส่วนอิงก็เกาะมึงเป็นปลิงเลย"
"เดี๋ยวนะ อิงมาตอนไหน?"
               ผมถามออกไปแบบงงๆ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผมรู้จักเค้า


"ก็พอมึงเริ่มเมา มึงก็ลุกไปห้องน้ำ ขากลับมาก็มีอิงเกาะแขนมาด้วยละ! กูก็คิดว่ามึงไปดีลมา"
"เดี๋ยว!! กูจำอะไรไม่ได้เลย"
"อ้าว! งั้นขอกูเล่าต่อให้จบก่อน จะจบละๆ..."

["ร้อน!!!"
               ผมที่รำคาญตัวบ่นออกมาเสียงดังขณะที่ไอ้บอยค่อยๆหามผมที่เมาจนเดินไม่ไหวผ่านห้องนั่งเล่นเพื่อเข้ามาในห้องนอน

"ไอ้ห่า ร้อนมึงก็ถอดเสื้อดิวะ เมาแล้วโวยวายนะมึงเนี่ย"
"อือออ..."
"มา! กูถอดให้เอง ลำบากจริงนะมึง"
"เออ..."
"ตัวหนักชิบหายเลย"
               ไอ้บอยเข้ามาถอดเสื้อเชิตผมออกหลังจากทิ้งตัวผมลงบนเตียงก่อนจะหันไปมองร่างของคนแปลกหน้าอีกคนที่เมาไม่รู้เรื่องเช่นกัน


"นี่ก็อีกคน น้อง น้อง! บ้านอยู่ไหนอ่ะเรา?"
               ไอ้บอยพยายามปลุกผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆผม

"อือออ คนจะนอนเงียบๆดิวะ"
"เอ้า จะได้ไปส่งบ้าน... เห้ยๆจะถอดเสื้อเพื่อ!!"
               ไอ้บอยที่ยังถามไม่ได้ความอะไรต้องตกใจกับภาพตรงหน้าเพราะอยู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆปลดเสื้อนักศึกษาตัวเล็กของตัวเองออกและเสื้อชั้นในก็ถูกโยนตามออกมาติดๆ

"อื้อหือ เต็มตากูเลย เฮ้อออ... เมาขนาดนี้ งั้นก็นอนไปแบบนี้เลยละกัน"
               สภาพพวกผมสามคนตอนนี้เมาหนักมาก ส่วนไอ้บอยที่ก็เมาจนไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วเช่นกันเลยทิ้งตัวลงมานอนแทรกกลางระหว่างผมกับอิงแล้วหลับไป...]


               "นั้นแหล่ะกูเห็นมึงหลับกันแบบนั้น กูเลยนอนด้วยเลย จน..."


["เวรละ 9โมงแล้ว ไอ้วี วี!! ตื่นเว้ย!!"
"หือออ..."
"ยังไม่ตายใช่มะ? งั้นกูไปก่อนนะ กูมีประชุมงานตอน10โมง ตื่นแล้วโทรหากูด้วย"
"อื้ออออ"
"มึงโอเคนะ"
"อืออออออ"
"ทิ้งไว้แบบนี้คงไม่เป็นไรมั้ง"
               ไอ้บอยที่มีงานด่วนเลยต้องรีบออกจากห้องไป ส่วนผมที่นอนอยู่ก็ไม่ได้สนใจรึรู้ตัวเลยว่ามีคนแปลกหน้านอนอยู่บนเตียงข้างๆตัวผม...]


"ไอ้เหี้ยบอย ทำไมมึงเพิ่งมาเล่า!"
               ผมรีบว่าไอ้คนเล่าเรื่องทันทีที่มันเล่าจบ


"อ้าว กูก็นึกว่ามึงรู้จักกันแล้ว แล้วตื่นมาก็คง... เข้ากันได้ดี... อีกอย่าง ตอนไปทะเลก็ดูมึงปกติดี กูเลยไม่สนใจอะไร"
"ไม่ใช่โว้ย พ่อแม่กูเป็นคนมาปลุก ไม่งั้นก็นอนไม่รู้เรื่องแบบนั้นนั่นแหล่ะ"
"จะว่าไปวันนั้นกูก็คุ้นๆว่าตอนประตูลิฟท์ที่กูจะเข้ากำลังจะปิดกูเหมือนเห็นแม่มึงเดินออกจากลิฟท์ตัวข้างๆ กูก็คิดว่าจำคนผิด ตอนมึงเล่าให้ฟังกูก็ลืมถาม"
"เสื้อขาวมั้ย?"
"เออ ใช่เลย เสื้อขาว อันนี้จำได้"
"เออ นั้นแหล่ะ คุณหญิงละมัยเลยล่ะ"
"งั้นบอยออกไปคุณป้าก็เข้ามาพอดี งั้นแปลว่าคืนนั้นแกสองคนก็ไม่ได้..."
               แก้วถามย้ำขึ้นมา


"ไม่ได้แน่นอน กูนอนกั้นมันไว้เลย ถ้าได้เนี่ยต้องได้กับกูก่อน แล้วเรื่องมันแก้ผ้านี่กูจำได้ดีเพราะกูเห็น... รึถ้าได้หลังจากกูออกไป ก็แค่ไม่ถึง5นาทีเลยนะ"
               ไอ้บอยพูดย้ำพร้อมทำท่านึก


"งั้น... แล้วใครถอดกางเกงกูวะ?"
"มึงถอดของมึงเอง กูไม่ได้ถอดเลยนะ บ่นว่าร้อนปุ๊บก็ลุกขึ้นถอดเฉยเลย"
"งั้นมึงก็เห็น..."
"วีน้อยอ่ะเหรอ? เห็น!"
"ไอ้ห่าบอย!!!"
               ผมที่นึกขึ้นมาได้ถึงสภาพผมในวันนั้นว่าเป็นยังไงบ้างรีบถามออกไป ไอ้บอยพอได้ยินคำถามก็ก้มมองต่ำไปที่กลางลำตัวผมและพยักหน้ารัวๆ ทำเอาผมรีบเอามือกุมเป้าของตัวเองทันที


"อายไมวะ ผู้ชายเหมือนกัน แต่พ่อมึงให้มาเยอะเหมือนกันนะ!"
"ไอ้เหี้ยยยยย"
"พอเลยทั้งสองคน!"
               ไอ้กายที่นั่งเงียบฟังพูดแทรกขึ้นบ้าง


"ทำไมฉันต้องมาฟังอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย?"
               แก้วพูดพร้อมทำหน้าเซงแบบสุดๆ


"เออ แก้วอยู่ มึงจะพูดทำไมเนี่ย?"
"เออ งั้นกูถามอีกเลยละกัน แล้วตั้งแต่คืนนั้น มึงได้..."
               ไอ้บอยรีบถามต่อทันที


"ไม่เลย ไม่เคยเลย"
               ผมที่เข้าใจในความหมายของไอ้บอยและมั่นใจในตัวเองมากๆรีบตอบกลับ


"อ้าว อิงมันไม่อ่อยมึงเหรอ?"
"ก็อ่อย แต่กูก็ไม่ได้มีอารมณ์ด้วยเลย"
"เหรออออ หน้าแบบมึงเนี่ยนะ?"
               ไอ้บอยตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อมากนัก


"เออดิ ก็กูคิดถึงแต่..."
               ผมหยุดคำพูดไว้ก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่ผมนับเป็นมารหัวใจที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม


"มองหน้ากูทำไม มึงคิดถึงหน้ากูเหรอ? กูบอกเลยนะเว้ยว่ากูชอบแบบตัวเล็กๆ"
"ตลกละไอ้กาย!"
               ผมตวาดใส่คนตรงหน้า


"มึงสองคนนี่จะเถียงกันเพื่อ?!"
"เออ คนสวยลำใยอ่ะ"
"งั้น... ถ้าไม่ใช่มึง แล้วลูกในท้องนี่ลูกใครวะ?"
"นั้นดิ แกก็แน่ใจว่าแกไม่ได้ทำ และในเมื่อมันก็ไม่ใช่ท้องลมด้วย..."
               แก้วกับบอยถามแทรกขึ้นมา


"ถึงคิวกูแล้วสินะ งั้นคำตอบคือ!! ลูกของผู้ชายคนนี้ไง"
               ไอ้กายไม่พูดเปล่าพร้อมหยิบรูปของผู้ชายคนหนึ่งออกมาจากซองน้ำตาลแล้ววางลงบนโต๊ะ


"เดี๋ยวๆนี่พี่ชายอิงไม่ใช่เหรอ วันที่คุยเรื่องงานแต่งก็มานะ ผิดคนรึเปล่ากาย"
"เออ มึงมั่วป่าวไอ้กาย"
               ผมและแก้วรีบสวนขึ้น


"ฟังก่อน คือกูให้คนไปตามดูแฟนมึงมาตั้งแต่วันเกิดแก้ว เพราะไอ้บอยมาบอกว่ามันแปลกๆ"
"ห้ะ?"
"เออ กูลืมบอกมึงน่ะไอ้วี ว่ากูสงสัยตรงมึงบอกเมียมึงท้อง3เดือน กูว่ามันเร็วไป ถ้าคบ3เดือนกว่าแล้วจะท้อง3เดือนเลย วันนั้นกูเลยเล่าเรื่องมึงให้ไอ้กายฟังว่ามันเป็นไปได้เหรอวะที่มึงจะปล่อยตัวขนาดนั้น แค่นั้น"
"ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงคบกันมานานแล้วเลยไม่ได้คิดอะไร แต่พอฟังเรื่องทั้งหมด กูก็ว่าเรื่องมันน่าสงสัยจริงๆ แล้วก็เรื่องที่แก้วเล่าให้ฟังถึงเรื่องอารมณ์รึบรรยากาศที่คุยกันตอนอยู่ภูเก็ตวันที่มาคุยเรื่องงานแต่งอีก"
"แล้ว?"
"กูเลยให้คนไปตามดูเพื่อมึงเลยนะ ไม่คิดตัง"
               ไอ้กายอธิบายขึ้น


"ตอนแรกกูก็ได้รูปพวกนี้มาก่อน ทีแรกกูก็คิดว่าพี่ชายแบบที่บอกอ่ะแหล่ะ เพราะเห็นเรียกพี่ชายๆตลอดแถมอยู่บ้านเดียวกันอีก แต่พอตามจริงๆ... พี่น้องเค้าทำแบบนี้กันด้วยเหรอวะ?"
               ไอ้กายไม่พูดเปล่าพร้อมหยิบรูปของอิงและคนที่อิงเรียกว่าพี่ชายที่กำลังจูบปากกันขึ้นมาวางบนโต๊ะอีกรูป


"เหี้ย!!!"
               ผมกับไอ้บอยอุทานออกมาพร้อมกันทันทีที่ได้เห็นรูปที่กายหยิบขึ้นมา ส่วนแก้วไม่ส่งเสียงใดออกมายกเว้นสีหน้าที่ช๊อกพอๆกัน


"มึงยังไม่เห็นเหรอไอ้บอย?"
"ยังดิ กูแค่เล่าให้มันฟังเฉยๆ"
"ไม่มีใครเห็นหรอกไอ้วี กูยังไม่ได้ให้ใครดูทั้งนั้นแหล่ะ เมียมึง กูก็อยากให้มึงจัดการเอง นี่กูให้ตามแค่ไม่กี่วันเองนะ"
"นี่มันยิ่งกว่าพี่น้องแล้วนะเว้ย"
"เห็นมะ?! ตอนแรกก็คิดว่า เค้าอาจจะทำกันเป็นปกติตั้งแต่เด็กแล้วมั้ง แบบพี่น้องหอมแก้มกันอะไรแบบนี้ นี่กูยังโลกสวยอยู่นะ กูเลยให้คนไปถามมาหมดละ คนแถวนั้นเค้าก็นินทากันอยู่ว่าสองคนนี้มันเป็นมากกว่าพี่น้องนานแล้ว ผู้ชายเป็นลูกติดผัวใหม่แม่ของอิง แต่เหมือนเค้าจะเลิกกันไปแล้ว ผัวใหม่ก็หายไปไหนไม่รู้ แต่ถึงเลิกกันแล้ว สองแม่ลูกนี่ก็ยังอยู่บ้านนี้เหมือนเดิมเพราะไม่มีที่จะไป ลูกเลี้ยงคงสงสารเลยให้อยู่ด้วยกันไป แล้วตั้งแต่อิงคบกับมึง อิงจะนัดเจอผู้ชายคนนี้อาทิตย์ละครั้งสองครั้งที่ม่านรูดตอนไม่ได้อยู่กับมึง รึตอนมึงกลับลงไปทำงานที่บ้าน มันเลยเข้าทางเลย และยังมีของที่กูได้มาอีกอย่าง มันทำให้กูแน่ใจเลยว่าไอ้คนที่อิงเรียกพี่ชายๆมันน่าจะเป็นพ่อของเด็กในท้องแน่ๆ"
"ของอะไรอีกวะ?"
               ไอ้บอยถามขึ้นอย่างสงสัย ทำให้ไอ้กายเหลือบตาไปมองที่แก้วแล้วส่ายหน้าทันที


"เออน่า เอาเป็นว่ามีละกัน"
"งั้นแปลว่าท้องแล้วมาหลอกกูเหรอ?"
               ผมที่ไม่ได้สนใจอะไรแล้วถามย้ำกับไอ้กาย


"กูก็ไม่แน่ใจนะ แต่คนที่กูให้ไปสืบเค้าไปไปสืบที่คลินิกแถวนั้นมา เค้าว่าอิงเข้ามาถามเรื่องนับวันไข่ตกอะไรสักอย่างรึพวกวิธีท้องแบบเร่งด่วนแนวๆนั้น เออ... พอพูดเองละก็รู้สึกว่าคำถามแปลกดีแหะ แต่มันก็ช่วงปลายๆมกราอ่ะ ถ้าตามที่ไอ้บอยเล่าให้ฟังก็หลังเจอมึงแล้วมั้ง แล้วถ้าคิดๆแล้ว ตอนมาเจอมึงก็น่าจะยังไม่ท้อง แต่พอรู้ว่ามึงรวย เลยคิดแผนจะจับมึงจากเรื่องที่เมาคืนนั้นมากกว่า คงจะตามติดมึง อ่อยมึง แต่มึงดันไม่เล่นด้วยไง เลยให้ไอ้คนนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่พี่แท้ๆอยู่แล้ว... Boom!!"
               ไอ้กายอธิบายเพิ่มพร้อมพยักหน้าในความคิดสร้างสรรค์ของแผนการ


"เหี้ยยย งั้นที่บอกว่ากลับบ้านไปหาแม่รึไปหาพี่ชาย นี่คือไปหาผัว?"
"น่าจะแบบนั้น!"
"นี่มันอาชญากรข้ามชาติเลยนะ"
               แก้วที่เงียบฟังพูดแทรกขึ้นมา


"งั้นขอฉันมั่ง"
               แก้วพูดพร้อมทำท่าปรบมือเรียกความสนใจ


"ยังมีอีกเหรอ"
               ผมที่ไม่อยากฟังต่อพูดขึ้น แค่นี้ก็ไมเกรนจะพุ่งแล้ว


"ฉันง่ายๆ แค่ให้คนเช็คประวัติที่บ้านนางดู สรุปชีวิตนางก็น่าสงสารอยู่แหล่ะ ถ้านางไม่ร้ายขนาดนี้ พ่อนางตัวจริงยังอยู่ในคุกเพราะไปขโมยของ แม่นางก็มีประวัติฉ้อโกง ลักเล็กขโมยน้อยอยู่ และคนที่นางเรียกว่าพี่ รึตามจริงไม่ใช่พี่ ก็ขาย-ส่งยาให้วัยรุ่นแถวๆบ้านด้วย ตอนนี้น่าจะมีรูปพี่เอ้ยสามีนางกับแม่ของนางติดอยู่หลายสถานีอยู่นะ"
               แก้วพูดมาง่ายๆสั้นๆ แต่ทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก


"ไงล่ะ ว่าที่เมียมึง"
"กู..."
"มึงจะเอายังไงต่อ จะเล่นบทคนดีต่อมั้ย?"
"อีกไม่ถึงสามอาทิตย์ก็จะถึงวันแต่งแล้วนะเว้ย จะทำไรก็รีบทำ"
               ทั้งสามคนพูดดึงสติผม แต่บอกตรงๆว่าผมงงไปหมดแล้ว ตอนแรกที่ผมคิดว่ามันแย่แล้ว ตอนนี้กลับแย่ยิ่งกว่า เวลาที่จะให้ผมจัดการกับทุกอย่างก็เหลือน้อยลงทุกที ไม่รู้เลยจริงว่าผมควรจะทำยังไงดี
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-05-2020 01:50:17
จะด่าว่า.....ควายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ก็สงสารควาย

น่าจะเป็นพระเอกที่โง่ที่สุดตั้งแต่อ่านในเล้านี้มา
อ่านมานานหลายปี..มากด้วย
ฮ่าฮ่า

นับถือคนแต่ง สนุกมากกกกกกกกกก
อ่านรวดเดียว 18 ตอนเลย

ติดใจอยู่นิดสสสสสสสส
อ่านตอนแรกๆ ทำไมคุณวี..ดูฉล๊าดฉลาด
มาหลังๆ นี่โง๊โง่ ยิ่งกว่าควายยยยยยยอิ๊ก

อุ๊บสสสส..ไม่เอาๆ สงสารควายมัน
กร๊ากกกกกกกกกก

+1 ให้คนแต่ง อยากอ่านต่อ เร็วๆนะ
ติดใจเรื่องนี้งอมแงมเลย เห็นใจคนอ่านเต๊อะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-05-2020 09:16:10
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 22-05-2020 18:32:16
จะไปคิดมากอะไรอยู่อีกละวี มีหลักฐานทนโท่ รู้ความจริงก็แล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับนายเลย หรืออยากได้คนแบบนี้มาเป็นเมียหรอ เหอะๆ นาทีนี้ต้องพูดความจริงเท่านั้น ถึงจะจบ ไม่ยืดเยื้อ ไปเคลียร์กันนะ เอาเงินฟาดหัวไป จะเอาก็เอา หรือจะไม่ได้อะไรเลย เพราะตามจริงนายไม่จ่ายหรือรับผิดชอบอะไรก็ได้ นายไม่เกี่ยว เถียงมาก็สู้ด้วยหลักฐาน จบด้วยตรวจDNA คิดยากทำไมว่ะ  เออ!สนุกดี อ่านเล่นๆขำๆก็เพลินดีนะ 5555 อะรอตอนหน้าจะทำไงบ้าง  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 25-05-2020 18:38:22
โอ้ยย จะได้ชอบกันไหมมม
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 19 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 25-03-2022 19:49:26
ตอนที่ 19


               เวลาผ่านเลยไปอย่างช้าๆผ่านความสับสนวุ่นวายในชีวิตของผม ผมพยายามหาทางออกของเรื่องที่เกิดขึ้นและตัดปัญหาที่มีให้มันจบไป ซึ่งผมเองก็ไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับใครอีกแม้กระทั่งคุณพ่อคุณแม่ คงมีแค่เพื่อนผมอีกสามคนเท่านั้นที่รู้เรื่อง จนอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะถึงวันแต่งงานแล้ว แต่ก่อนจะถึงวันนั้น มันก็ยังมีธรรมเนียมของผมทุกปีที่ยังต้องมีเช่นเดิม นั้นคืองานพรีเบิร์ดเดย์ของผมเอง ที่ร้านอาหารร้านเดิมที่จัดงานวันเกิดของผมและแก้ว ในปีนี้มีทั้งเพื่อนๆและคนรู้จักหลายคนที่ผมเชิญมาเพิ่มในวันนี้ แม้กระทั่งคุณพ่อและคุณแม่ของผมก็บินขึ้นมาด้วยเช่นกัน ยกเว้นพี่ใหญ่ที่เสียสละตัวเองทำงานอยู่ที่บ้านแทนพ่อและผม ส่วนน้ำเอง ผมแน่ใจได้ว่าไอ้กายต้องพามาด้วยแน่นอน


"วี แน่ใจนะจะปล่อยไว้แบบนี้ แล้วทำไมมีเวทีด้วยปีนี้?"
               แก้วเข้ามาถามผมที่ยืนหลบมุมมองดูบรรยากาศและผู้คนในงานอย่างเงียบๆที่ข้างๆเวทีก่อนจะมองสามคนตรงหน้าเวทีที่ผมเชิญมาเช่นกันนั้นคือ อิง แม่ของอิง และคนที่อิงเรียกว่าพี่ชาย


“ในเมื่อคุยแล้วไม่ได้ผล งั้นก็คงต้องใช้ยาแรง”
“แกไปคุยมาแล้วเหรอ? เป็นไงบ้าง? เหลามา”
"เดี๋ยวก็รู้.. และเวทีนี้มีไว้ให้เรื่องสำคัญไง"
               ผมตอบไปก่อนจะกระโดดขึ้นเวทีเล็กๆที่ผมจัดเสริมขึ้นมาทันทีปล่อยให้แก้วยืนทำหน้างงต่อไปคนเดียว


"สวัสดีครับทุกคนนนน!"
               ผมหยิบไมค์ขึ้นพูดทักทาย ทันทีที่พูดจบเสียงปรบมือก็ดังรับจากคนในงาน


"วันนี้นะครับ เป็นวันสำคัญอีกวันของผม ปกติพรีเบิร์ดเดย์จะมีแค่เพื่อนๆ แต่เพราะปีนี้จะมีงานแต่งของผมเข้ามาตรงกับวันเกิดผมพอดี นั้นคืออีก2วันข้างหน้า ผมเลยชวนพ่อแม่และคนสำคัญทุกคนมาฉลองวันเกิดกันก่อน แหน่ะ! จะได้กิน2งานเลยใช่มั่ยล่ะ? ฮ่าๆๆๆ"
               ผมปล่อยมุกเบาๆแต่ก็ทำให้แขกในงานหัวเราะกันได้


"แต่ก่อนอื่นเลยนะครับ ผมอยากจะแนะนำแขกคนใหม่ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักนะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องอยากรู้จักเป็นแน่ และคนๆนั้นคือว่าที่เจ้าสาวผมเอง อิงครับ!!"
               ผมพูดพร้อมผายมือไปที่คนที่ยืนอยู่หน้าเวทีและแขกก็ปรบมือขึ้นอีกครั้ง


"และอีกคนสำคัญที่อยู่ข้างๆเธอไม่ใช่ใครอื่น คือพี่ชายและแม่ของเธอ"
               เสียงปรบมือดังขึ้นอีกรอบ


"แต่เดี๋ยวก่อนนนน ผมยังมีเรื่องที่จะประกาศเพิ่มนะครับ อยากรู้กันรึเปล่าเอ่ย?!"
"อยาก!!!!"
               คนในงานพร้อมใจกันตะโกนกลับมา


"งั้นก็... ตอนนี้อิงท้องได้จะสี่เดือนแล้วครับ"
               ทันทีที่ผมพูดจบ ไม่มีเสียงปรบมือเหมือนเช่นเคย แต่เปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจและเสียงซุบซิบกัน


"พี่วี!!"
               อิงตะโกนเรียกผมเสียงดัง เจ้าตัวคงไม่คิดว่าผมจะประกาศออกไปแบบนั้น แต่ผมเลือกที่จะยิ้มกลับให้อิงไปพร้อมหันไปมองสีหน้าของทุกคนในงานที่ต่างตกใจและงงกันถ้วนหน้า


"วีจะทำอะไรอ่ะบอย?!"
               แก้วเดินเข้าไปถามกลุ่มเพื่อนซึ่งคือบอย กาย และน้ำที่เพิ่งเข้ามายืนอยู่ข้างๆเวที


"รอดูเองดีกว่า"
"เออ สนุกแน่ๆล่ะ!"
               กายที่ตอบออกมาก่อนที่บอยจะพูดเสริม ผมที่ได้ยินเลยหันไปยักคิ้วใส่หนึ่งที


"น้ำว่ามันดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้!"
"ไอ้นี่! ตัวขัดความสุขกูเลยมึงเนี่ย!"
               เสียงน้ำที่พูดแทรกขึ้นมาทำเอาบอยดุออกไป


"แต่ไม่เป็นไรครับ กล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับใช่มั้ยครับ?"
               ผมหันกลับมาพูดต่อ ทำให้คนเริ่มส่งเสียเชียร์และปรบมือกันอีกครั้ง


"และตอนนี้ผมมีรูปอัลตราซาวด์ของลูกของผมอยากให้ทุกคนชมพร้อมกัน อยากดูมั้ย?!
"อยาก!!!!"
               คนในงานเริ่มเชียร์ตามเดิม อิงที่เริ่มกระวนกระวายใจจนเห็นได้ชัดจากสีหน้าและท่าทาง


"น่ารักใช่มั้ยครับ ตรงจุดเล็กๆนั้นคือตานะครับ"
               ผมที่กดเปิดภาพสไลด์บนจอด้านหลังเป็นภาพฟิล์มสีดำ


"ไม่ชัดเลยเนอะ งั้นดูภาพต่อไปดีกว่า..."
               ผมกดภาพต่อไปในทันที


"เห้ย!! ผิดรูปแล้วสิ"
               ภาพที่ฉายขึ้นจอเป็นรูปของพี่ชายของอิงที่ไอ้กายได้มา


"พี่วี!!"
               อิงตะโกนใส่ผมแต่ผมไม่ได้สนใจ


"เอ่อ ไม่ต้องสนใจครับ คนทำสไลด์คงใส่รูปผิดน่ะครับ เมื่อกี้รูปพี่ชายของอิงเค้า ไม่มีอะไรครับ เรามาดูรูปต่อไปดีกว่า"
               ผมทำท่าขอโทษทุกคน


"บอย!! อย่าบอกนะว่าวีจะ..."
"เออ"
"พี่วีจะทำอะไรเหรอพี่บอย?"
"มึงก็รอดูเองดิวะ"
"บอกหน่อยก็ไม่ได้"
               เสียงของคนข้างๆเวทีเถียงกันขึ้นมาเบาๆแต่ผมก็ไม่ได้สนใจก่อนจะกดภาพถัดไป


"เอ้า!! ผิดอีกละ"
               คราวนี้เป็นภาพของอิงกับคนที่เรียกว่าพี่กำลังจูบกัน ผู้คนในงานเริ่มพูดคุยกันออกมาเสียงดังกับภาพตรงหน้า อิง แม่ของอิงและพี่ชาย(?)ดูตกใจมากที่สุด


"เห้ย!! นั้นมันอิงกับพี่ชายเค้าไม่ใช่เหรอพี่บอย"
"ก็ใช่ไง! อย่าเรียกพี่ ต้องเรียกผัว"
"ฉันว่าวีทำแบบนี้ไม่ดีเลย"
"ไปอยู่กับไอ้น้ำเลยแก้ว ขัดความสุขเก่ง"
"เดี๋ยวแม่ตบให้ซะหรอก!!"
               สามคนด้านข้างเวทีเถียงกันทันทีที่เห็นภาพบนจอ ซึ่งผมรู้ว่าแก้วคงจะไม่เห็นด้วยแน่ถ้าผมบอกแก้วไปว่าผมจะทำแบบนี้ ผมเลยเลือกที่จะไม่บอกแก้วดีกว่า แล้วแผนนี้เลยมีแค่บอยและกายเท่านั้นที่รู้


"พี่วี!!!"
               อิงที่รีบวิ่งก้าวขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับพยายามแย่งไมค์เพื่อจะให้ผมหยุดพูด


"ใช่ครับ คนในรูปคืออิงและพี่ชายของเค้า แต่เค้าคงรักกันมากไปหน่อย ถึงมีรูปคู่แบบนี้ออกมา"
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!"
"ทำไมล่ะอิง?"
               ผมถามคนตรงหน้าที่พยายามแย่งไมค์จากมือผมอยู่กลับไป


"ไม่งั้นอิงจะให้พี่ชาย..."
"พี่ชาย? อิงยังกล้าบอกใครต่อใครอีกเหรอว่าคนๆนี้เป็นพี่ชาย ทั้งที่ความจริงแล้วมันเป็นมากกว่าพี่ชายของอิง!"
"มันไม่จริงนะพี่วี!!"
“ไม่กี่วันก่อน พี่ให้โอกาสอิงสารภาพแล้ว พี่ถามอิงดีๆแล้วว่าเด็กในท้องนี่ลูกใคร ในเมื่ออิงยังเลือกที่จะโกหกและไม่สำนึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำ งั้นพี่ก็ต้องใช้วิธีนี้แหล่ะ”
“ใครมันมาเป่าหูพี่วี อิแก้วเหรอ? พี่วีอย่าไปเชื่อนะ”
“หยุดใส่ร้ายคนอื่นสักที พี่อาจจะโง่เชื่อในครั้งแรกเพราะพี่สงสาร แต่ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว พี่เช็คมาหมดแล้ว เรื่องของอิงกับคนที่อิงเรียกว่าพี่ชาย ว่าเค้าก็แค่ลูกเลี้ยงของแม่อิง ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของอิงเลย”
“ก็จริงที่พี่เค้าเป็นแค่ลูกเลี้ยงของแม่อิง และรูปที่พี่เห็นมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ พี่วีไม่มีหลักฐานอย่างอื่นสักหน่อย จะมาหาเรื่องอิงจากแค่รูปนั้นรึจะบอกว่าอิงท้องกับคนอื่นอิงไม่ยอมด้วยหรอก”
“พี่ไม่เคยแม้แต่จะทำอะไรอิงสักครั้ง จะมาบอกว่าเป็นลูกของพี่ ตลกไปมั้ง”
“ก็คืนนั้น..”
“พี่จำได้หมดแล้ว แถมพยานในคืนนั้นก็ยืนอยู่ไม่ไกลจากนี้ด้วย แต่ถ้าอิงยังจะปากแข็ง เราก็ตรวจดีเอ็นเอกัน”
“มะ.. ไม่จริง.. ไม่จริงนะพี่วี อิงไม่ได้โกหก พี่วีต้องเชื่ออิงสิ!"
“หมดเวลาสารภาพแล้ว”
               ผมยังพูดต่อแบบไม่สนใจอิงที่โวยวายอยู่ ก่อนอิงจะแย่งไมค์ไปจากมือผมได้ แม้เราจะคุยกันอยู่บนเวทีกันสองคน แต่ด้วยไมค์ในมือก็ทำให้คนทั้งงานได้ยินทั่วกันหมด นั้นทำให้คนในงานเริ่มส่งเสียงนินทาหนักมากขึ้น


"รึอิงจะเอาคลิปนี้เพื่อยืนยันด้วย?!"
               ผมหยิบมือถือออกจากกระเป๋า พร้อมยื่นจอมือถือที่มีวิดีโอคลิปกำลังเล่นอยู่ให้อิงดู มันเป็นคลิปของทั้งคู่กำลังพลอดรักกันในม่านรูด ทำเอาอิงถึงกับช๊อกไปในทันที


"ตอนแรกพี่กะว่าจะฉายสด แต่คิดแล้วมันคงจะไม่ดีเพราะพ่อแม่พี่ก็มาด้วย นี่อิงไม่รู้เหรอว่าเด็กในม่านรูดมันชอบแอบถ่ายคลิปเอามาขาย"
"กรี๊ดดดดดดดด ไม่จริง ฉัน... ฉันจะแจ้งตำรวจ!"
"ข้อหาอะไรเหรอ?"
               ผมถามเจ้าของเสียงกลับ


"พวกแกรังแกฉัน หมิ่นประมาทฉัน"
"เหรอ แต่ก่อนจะแจ้งความ เธอกับแม่และพี่ชายจอมปลอมของเธอต้องไปสถานีตำรวจก่อนนะ เพราะฉันให้เพื่อนที่เป็นตำรวจมารอรับแล้ว จากข้อหาที่มีอยู่แล้ว ทั้งหลบหนีอีก และถ้าไปค้นบ้านเธอ คงจะเจอของดีๆอีกเยอะเลย... คุณตำรวจครับ!"
               ผมคว้าไมค์คืนมาจากมือของอิงแล้วเรียกตำรวจนอกเครื่องแบบที่มารออยู่แล้วให้ออกมาจากหลังร้าน

“ขอเชิญไปกับเราด้วยครับ”
"ไม่นะ ฉันไม่ผิดนะ แม่!!! ช่วยหนูด้วย!"
               อิงยังโวยวายขณะที่ถูกคุมตัวเธออกไป


"เห้ย!! หยุดนะ!!"
               ชั่วขณะที่ความวุ่นวายกำลังก่อตัวขึ้นทางด้านหน้าเวลา มันทำให้ไม่มีใครได้ทันระวังตัว พี่ชายของอิงได้คว้าเอามีดหันสเต็กขึ้นมาจี้คอคนตรงหน้าไว้


"น้ำ!!!"
               ผม แก้ว ไอ้กายและไอ้บอยตะโกนออกมาพร้อมกันในทันที คนในงานกรูกันออกเป็นวงใหญ่เพราะกลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย ผม กาย แก้ว และไอ้บอยรีบวิ่งแทรกคนไปด้านหน้าสุด และตำรวจก็มายืนล้อมไว้เช่นกัน


"โอ้โห! โครตนิยายเลย นางเอกต้องโดนจับเป็นตัวประกัน"
               แก้วพูดออกมาหลังเห็นภาพตรงนี้ ผมหันมามองค้อนเจ้าของเสียงทันที


"อย่าทำไรบ้าๆนะเว้ย!"
               ไอ้กายที่พยายามห้ามคนตรงหน้าตะโกนบอกออกไป


"ถ้าเข้ามา กูแทงมันแน่"
               พี่ชายของอิงยังขู่อยู่พร้อมกดมีดลงไปที่คอของน้ำจนเป็นรอยแดง


"วี... กาย... ทำไรสักอย่างสิลูก"
                แม่ของผมร้องบอกผมสองคนที่ยืนอยู่หน้าสุด


"พี่อย่าทำอะไรผมเลยนะ มันไม่คุ้มหรอก!"
"หุบปาก! กูวางแผนกันมาตั้งหลายเดือน เหลือแค่ให้พ้นงานแต่งไป แต่จะให้มันพังลงแบบนี้กูไม่ยอมหรอกเว้ย!"
                น้ำพยายามคุยกับคนที่เอามีดจี้คอตัวเองไว้แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ทุกคนพยายามพูดห้ามและกล่อมให้เขาวางมีดลง แต่มันกลับเหมือนยิ่งทำให้แรงกดที่คอนั้นแรงมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ผมเลยต้องรีบหาทางอื่น


"งั้นแกอยากได้อะไร?"
"เออ อยากได้อะไรว่ามา"
"บอกเพื่อนมึงกับตำรวจหลบไปให้หมดก่อน แล้วกูจะบอก"
                ผมกับกายพยายามต่อรองกับคนตรงหน้า แต่ไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบอะไรต่อก็มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา


"เห้ยๆ ไอ้เวร!!"
"เห้ยยยย...!!"
               ผมที่หันมาหาต้นเสียงข้างๆ แต่ภาพที่ได้เห็นคือของเหลวสีใสลอยเคลื่อนผ่านผมไปอย่างรวดเร็ว อธิบายง่ายๆคือไอ้บอยที่ถือแก้วน้ำอยู่เรียกคนที่ใช้มีดจี้คอคนอีกคนอยู่ให้หันมามอง ไม่รู้ว่ามันคิดยังไงถึงเลือกที่จะสาดน้ำในแก้วใส่คนที่ถือมีดจี้คอคนอื่นอยู่ แต่มันก็ทำให้คนที่ถือมีดอยู่ตกใจพร้อมยกมือขวาที่ถือมีดอยู่ให้ยกขึ้นปกป้องตัวเองแบบอัตโนมัติตามสัญชาติญาณจนตัวเซแล้วล้มลง ไอ้กายและผมที่เห็นแบบนั้นเลยพุ่งเข้าไปเพื่อดึงตัวน้ำออกมา พร้อมตำรวจนอกเครื่องแบบที่กระโจนเข้าไปรวบตัวพี่ชายของอิงไว้เช่นกัน


"น้ำ! เป็นอะไรมั้ย?!"
               ผมที่ดึงแขนน้ำออกมาถามคนตรงหน้าด้วยความตกใจ


"ไม่เป็นไรแล้วนะ"
               ไอ้กายที่ยังจับแขนน้ำอยู่อีกข้างนึงเพราะมันกับผมคว้าแขนน้ำไว้คนละข้างพูดขึ้น


"โห ไอ้คุณบอยโครตเท่เลย เอาน้ำเปล่าสาดผู้ร้ายเพื่อช่วยตัวประกัน"
"ก็นี่พี่บอยไง... พอดีจำมาจากลูกน้องพ่อมาอีกที"
"เออจ่ะพ่อลูกนายพล... เห้ย!!... นั่นเลือดนี่!!"
               แก้วกับบอยที่คุยกันอยู่ไม่ไกลก่อนที่แก้วจะตะโกนออกมาเสียงดังทำเอาผมกับกายรีบหันมามองร่างคนตรงหน้าทันทีว่าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า


"ไม่ใช่เลือดน้ำ!! เลือดที่แขนกายอ่ะ!!"
               แก้วที่ยังร้องอยู่พร้อมชี้ไปที่แขนของไอ้กายที่มีเลือดไหลเป็นทางอยู่ เวร ไอ้กายดันโดนมีดบาดเข้าที่แขนซะได้


"พี่กาย!!! เจ็บมั้ย?"
               คนในอ้อมแขนผมรีบหันไปคว้าแขนคนเจ็บในทันที ส่วนผมเองก็ทำได้แค่ยืนมองอยู่ข้างๆ


"คดีพลิกว่ะ พระรองถูกแทงซะงั้นรึนั่นพระเอกวะ?!"
               แก้วขยับตัวเข้ามาที่ผมก่อนกระซิบใส่ผมเบาๆที่ยืนมองเค้าสองคนประคองกันอยู่ ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งเจ็บที่ใจ เขาจะรู้มั้ยว่าคนที่เจ็บกว่าคือคนที่ยืนมองอยู่ตรงนี้ต่างหาก


**********

 
ที่โรงพยาบาล


"น้ำไม่เจ็บใช่มั้ย?"
"น้ำไม่เป็นไร"
"แล้วที่คอล่ะ เจ็บมั้ย?"
"ไม่เจ็บเลย แค่บาดนิดเดียว ไม่กี่วันก็หาย"
"คอขาวๆเป็นแผลหมด"
"พี่กายนี่ก็พูดเกินไป!"
“ไอ้แฝดรู้มันจะฆ่าพี่มั้ยเนี่ย”
               ผมยืนฟังไอ้กายถามคนข้างๆอยู่หน้าห้องฉุกเฉินแบบเป็นห่วงเป็นใย ทั้งที่ตัวเองเป็นคนที่ดูเจ็บกว่าอีก รองจากผมน่ะนะ นี่ผมตามมาเพื่อเห็นอะไรเนี่ย?


"แล้วพี่กายเจ็บมากมั้ย?
"ไม่เท่าไหร่ พี่กลัวน้ำเจ็บมากกว่า"
"แหว่ะ!"
               เสียงน้ำถามคนเจ็บที่นั่งอยู่บนเตียงทำแผลแต่ไอ้กายยังปล่อยคำหวานๆออกมาได้ ฟังแล้วอยากเข้าไปแทงเพิ่มอีกสักแผลสองแผล


"แล้วหมอว่าไงมั่งอ่ะ"
"หมอบอกไม่เป็นไรมาก ไม่ได้เข้าลึกอะไร"
"หล่อเลย!"
"แน่นอน!! เออ... ว่าแต่น้ำจะบอกไอ้วีตอนไหนอ่ะ?"
"ไม่รู้สิ..."
"ไม่กล้าสินะ.. แต่เรื่องมันก็มาขนาดนี้แล้ว บอกไปตรงๆจะได้จบเรื่องนี้สักที"
               น้ำไม่ตอบอะไร เพียงแค่นิ่งเงียบลง ไอ้กายที่เห็นแบบนั้นเลยยกแขนขึ้นยีผมของน้ำเล่น จนเจ้าตัวทำหน้างอแล้วยิ้มออกมา ผมที่ไม่อยากเห็นภาพบาดตานี้นานเลยเลือกที่จะเดินเข้าไป


"อ้าววี!"
"ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะ"
               ไอ้กายที่หันขึ้นมาเห็นผมพอดีเรียกผมเสียงดัง ผมเลยพูดตอบกลับไปเรียบๆ


"ไม่เป็นไรมึง"
"เอ่อ... งั้นน้ำไปคุยเรื่องเอกสารกับยาให้นะ"
               ร่างบางไม่รอคำตอบใดก่อนจะรีบเดินสวนผมออกไป ไอ้กายที่ทำท่าจะรั้งไว้ แต่ก็เรียกไม่ทัน


"ไม่ได้เย็บใช่มั้ย?"
"ไม่ว่ะ มันเข้าไม่ลึก ช่วงสะบัดแขนเลยโดนบาดเฉยๆ"
"เออ ดีละ กูแค่ตามมาดูเฉยๆ ไม่เป็นไรมากก็ดี"
               ผมตอบสั้นๆก่อนหันหลังจะเดินกลับออกมา


"เดี๋ยวดิมึง"
               ผมหยุดฟังโดยไม่ได้หันกลับไป


"กูว่ากูมีเรื่องต้องบอกมึง เรื่องกูกับน้ำ..."
               ไอ้กายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง


"ไม่ต้องหรอก กูรู้อยู่แล้ว"
"มึงรู้แล้วเหรอ? ใครบอกมึง"
"เอาเป็นว่ากูรู้แล้ว"
"ใครบอกวะ? แต่เออ.. รู้แล้วก็ดีแล้ว จะได้เข้าใจตรงกันสักที"
"เออ งั้นกูไปนะ"
               ผมตอบไปแบบนั้นก่อนจะเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเงียบๆ เออ เรื่องมึงสองคนกูรู้แล้ว มึงก็คงรักน้ำไม่ต่างจากกูถึงกล้าเข้าไปช่วยน้ำจนมึงต้องเจ็บตัวแบบนั้น แล้วน้ำก็ห่วงมึงมาก แค่นี้ก็พอเข้าใจแล้วว่ากูแพ้แล้วจริงๆ


"พี่วี..."
               เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามอง


"น้ำ"
"เมื่อกี้... ขอบคุณนะ"
"อื้อ..."
"พี่วี น้ำมีอะไรอยากจะบอก..."
               เจ้าตัวก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะสูดลมหายใจนิดหน่อยเหมือนกำลังรวมความกล้าที่จะบอกอะไรสักอย่าง แต่ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา..

[เสียงมือถือดังขึ้น]

“แป็บนึงนะ”
               น้ำหยิบมือถือขึ้นมามองเบอร์ที่โทรเข้ามา ส่วนผมทำได้แค่ยืนมองเงียบๆ

“น้ำต้องรับสายนี้อ่ะ พี่วีอย่าพึ่งไปไหนนะ”
               ผมไม่ตอบอะไร ทำแค่เพียงยืนนิ่งๆ

“อื้อ ว่าไงพี่นะ..
อยู่โรงบาล..
ไม่เป็นไรๆ..
พี่กายต่างหากที่เจ็บตัว
เดี๋ยวค่อยคุยได้มั้ยอ่ะ
อื้อรู้แล้ว
โอเคๆ เดี๋ยวโทรไป..
ฝากบอกแม่ด้วยว่ายังอยู่ครบ”
               น้ำรีบกดวางสายก่อนจะหันมามองหน้าผม

“คือ..”
"เรื่องที่น้ำจะบอกพี่รู้แล้ว น้ำไม่ต้องพูดหรอก..."
“แต่..”
“มันไม่สำคัญแล้วล่ะ”

               ผมตอบกลับคำพูดนั้นแบบเรียบๆก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วเดินหลบออกมาในทันที ผมไม่อยากจะฟัง ไม่อยากเห็นหน้าเค้าในตอนนี้ มันเจ็บ เจ็บมากกว่าครั้งก่อนๆ แต่ถึงยังไง ผมก็อยากอวยพรให้น้ำและไอ้กายรักกันให้นานๆ ส่วนผมคงต้องขอหลบไปให้ห่างจากคนอื่นสักพัก...




.
.
.



ดึงดราม่าเก่งมากเลยพี่วีอ่ะ
คิดเองเก่ง เออเองเก่ง!!
อย่าพึ่งด่าพี่วีเลยนะ บทคนจะรู้สึกแพ้ คิดอะไรก็แพ้หมด
.
แต่จะช่วยตัวประกันไม่ต้องยุ่งยากเลยจริงๆ สาดน้ำก็จบ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เชื่อเขาเลย

ขอบคุณครับที่ยังกดเข้ามาอ่านถึงตอนนี้
และขอโทษที่หายไปนานเลย
สารภาพตามตรงเลยว่า ฮาร์ดดิสตัวที่เก็บไฟล์พัง
กู้คืนมาได้แค่บางไฟล์ จากที่มันจะได้ลงให้จบเลย
ต้องมาพิมพ์อีกไม่กี่ตอนนี้ใหม่ทั้งหมด
แต่ก็อีกไม่กี่ตอนแล้ว จะขอลงรวดเลยทีเดียว
อีกนิดเดียวก็จบแล้วจริงๆ
อยู่ด้วยกันก่อนเด้อ :)


หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 20 ]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 25-03-2022 19:52:26
ตอนที่ 20


"วี"
"ไง แก้ว"
"ไม่ขึ้นไปกรุงเทพมั่งเลยเหรอ แกอยู่บ้านมาจะเดือนนึงแล้วนะ"
               ผมที่นั่งกดรีโมททีวีไปเรื่อยๆหันไปทักเจ้าของเสียงที่ถามเสียงดังมาแต่ไกลขณะเดินเข้ามายืนข้างๆโซฟา แล้วก็หันกลับมากดรีโมทต่อ ตั้งแต่งานวันเกิดล่ม งานแต่งก็ไม่มี ผมก็เลือกจะขังตัวเองอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหนอีกเลยแม้กระทั่งไปทำงานยังเลือกที่จะWFH จนผ่านมาเป็นเดือนแล้วผมก็ยังไม่อยากเจอใคร ไม่อยากตอบคำถามอะไร ไม่อยากคุยกับใคร นอกจากคุณพ่อคุณแม่ พี่ใหญ่ ก็มีแต่แก้วที่คอยอยู่เป็นเพื่อนผม คลิปจากงานวันเกิดผมกลายเป็นไวรัลอยู่ชั่วเวลานึง หลายคนที่ได้ดูคงรู้สึกสะใจกับเหตุการณ์นั้น แต่กับผมเองกลับรู้สึกแย่ทุกครั้งที่เลื่อนมาเจอคลิปรึข่าวนี้ ทุกคนคงอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิง อิงไม่ได้โดนจับหรอกครับ ต่างจากพี่ชายกับแม่ของอิงที่คงติดอยู่หลายปี พ่อกับแม่ผมยังเลือกที่จะยื่นมือไปช่วยอิง โดยการจ่ายเงินไปนิดหน่อยเพราะสงสารเด็กที่จะเกิดมา ผมก็ไม่ได้ขัดอะไร ส่วนจะเท่าไหร่นั้นผมไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น

“ฉันถามก็ตอบหน่อยสิพ่อคุณ”
"ไม่อยากไปอ่ะ"
               ผมตอบคำถามที่เพื่อนสนิทที่พูดย้ำแบบไม่หันไปมองหน้า

"ทำไมล่ะ? แกรู้มั้ยว่าเพื่อนทุกคนเป็นห่วงแกนะ"
"ก็... แค่ไม่อยากไป ถ้าเจอคราวหน้าฝากบอกด้วยแล้วกันว่ายังไม่ตาย"
"เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องคิดมากแล้ว พาเพื่อนฉันกลับมาสักที ฉันอยากได้เพื่อนฉันกลับมา!!”
"แล้วเพื่อนที่กรุงเทพเป็นไงมั่ง?"
"ก็ไม่อะไรนะ ทุกคนเป็นห่วงแกมากเลย ถามถึงแกตลอด เออนี่... ฉันไปเจอน้ำมาด้วย"
               แก้วผลักผมให้ขยับไปด้านข้างเพื่อจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม พร้อมเอ่ยชื่อคนคนนั้นออกมา แต่ผมกลับไม่อยากได้ยินได้ฟังเพราะแค่คิดถึงเค้าผมก็เจ็บขึ้นมาแล้ว จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่คืนนั้นมา ผมก็ไม่พูดถึงน้ำให้แก้วฟังอีกเลย เพราะผมเองพยายามที่จะตัดความรู้สึกที่มีนั้นออกไป และผมคิดว่ามันคงง่ายขึ้นถ้าผมจะไม่พูดถึงเค้าอีก


"อือ"
"แกไม่สนใจเลยเหรอ?"
"ไม่แล้วล่ะ"
               ผมตอบกลับไปแบบไม่สนใจ


"อ้าว สร้อยข้อมือแกหายไปไหนอ่ะ รึถอดออกเหรอ?"
"อือ"
               แก้วทักขึ้นเมื่อสังเกตุที่ข้อมือผมแล้วเห็นว่าสร้อยข้อมือที่ผมใส่มาเป็นปีได้ถูกถอดออกไปแล้ว


"แกไหวปะเนี่ย?!"
"ไหว"
"น้ำเค้าถามหาแกด้วยนะ"
"เหรอ..."
               ถ้าเค้าจะถามถึงบ้างคงไม่แปลกอะไรนี่เนอะ เพราะยังไงก็คนเคยรู้จักกัน

"ในเมื่อรู้เรื่องหมดแล้ว แล้วทำไมแกไม่ไปหาน้ำเลยล่ะ"
               แก้วถามผมด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ

"ไปหาทำไม? เค้าคงมีความสุขอยู่"
"ความสุข? ความสุขอะไร?"
"กับไอ้กายไง"
"กับกาย?"
"อือ"
"เดี๋ยวนะ!! ฉันงงนิดหน่อย แต่ไม่เข้ามากๆ”
“มีอะไรให้งง คนเขารักกันมีอะไรให้งง”
“Wait! นี่แก.. คิดว่าน้ำ.. กับกาย.. คบกันอยู่เหรอ?"
               แก้วทำเสียงตกใจขั้นสุด พร้อมถามทั้งประโยคแบบเว้นวรรคเพื่อให้ผมเข้าใจง่ายๆ

"แล้วไม่ใช่เหรอ?"
"โอ้ย หัวจะปวด ถ้าน้ำคบกับกาย... แล้วตอนนี้ฉันกับกายจะคุยกันได้ไงวะ?"
"ห้ะ?!"
               ผมหันกลับไปหาคนข้างๆในทันทีที่ได้ยินแก้วพูดออกมา


"เออ ตอนนี้ฉันกับกายกำลังคุยๆกันอยู่! แต่เดี๋ยวนะ ที่แกหลบหน้าอยู่นี่... นี่แก คิดว่าน้ำกับกาย...?!"
"เออดิ"
               ผมตอบกลับไปเสียงดัง

"โอ้ยยยยยย จะบ้าตาย!! ฉลาดมาตลอด บทจะบื้อก็บื้อซะ...!!"
"อะไร?"
"ไอ้ฉันก็คิดว่าแกยังเบื่อโลกเฉยๆเลยไม่อยากเจอใคร"
"ห้ะ? เปล่า... ไม่เกี่ยวกับเรื่องวันงานแล้ว แล้วเรื่องกายกับน้ำนี่มันยังไงเล่ามาดิ!"
"คือ... น้ำกับกายเค้าไม่ได้เป็นอะไรกัน!"
"จริงดิ?!"
"ก็ตามที่ได้ยินอ่ะ"
"แล้วที่ผ่านมาล่ะ ที่ดูแล ไปไหนมาไหนด้วยกัน"
               ผมที่ยังงงอยู่รีบถามกลับไป


"กายบอกฉันหมดแล้วว่าทำประชดให้แกรู้ใจตัวเองเฉยๆว่าแกรู้สึกยังไง เพราะกายรู้เรื่องตั้งแต่กลับจากระยองแล้ว”
“…”
“แล้วแกจำตอนที่แกมาถามฉันได้มั้ยว่ากายถามอะไรแปลกๆอ่ะ นั่นแหล่ะ...กายมาลองเชิงแก ซึ่งมันก็ทำให้แกหึงได้จริงๆนั่นแหล่ะ เพราะกายคิดว่าแกคบกับอิงเล่นๆ”
“…”
“แต่ดันมีเรื่องแม่นั่นท้องเข้ามา แผนเลยล่มซะก่อน”
“…”
“แล้ววันเกิดฉันที่มีเรื่องกันอีก ฉัน บอย กายเลยจับเข่าคุยกันตรงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พอเข้าใจเรื่องแล้ว หลังจากนั้นพวกฉันก็บุกไปหาแกและแฉละเอียดที่คอนโดแกนั้นแหล่ะ”
               ผมเงียบฟังแก้วอธิบายเรื่องทั้งหมดแล้วคิดตาม

“และ... เอ่อ... แกอย่าโกรธฉันนะ... คือพอฉันรู้ว่าน้ำรู้สึกยังไงกับแก ฉันก็เลยบอกน้ำไปตรงๆเลยว่าแกก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม... แฮ่ๆ มันอดไม่ไหวอ่ะแก พวกแกจะได้เข้าใจกันสักที..."
               ผมที่ยังนิ่งเงียบฟัง นี่ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอ? แล้วตอนนี้น้ำก็รู้แล้วว่าผมยังรู้สึกเหมือนเดิมและน้ำเองก็เป็นเหมือนกันมาตลอด หัวใจผมเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างรู้สึกได้ นี่ผมทำอะไรลงอีกแล้ว ผมมันจะโง่ไปถึงตอนสุดท้ายเลยรึยังไงเนี่ย ทั้งโง่แล้วยังบ้าอีก คิดถึงแต่ตัวเอง คิดเองเออเองจนลืมคิดถึงคนอื่น ไอ้วีนะไอ้วี!!!


"นี่มีใครรู้อีก?"
"ตอนนี้ก็น่าจะรู้กันหมดแล้วนะ พี่ใหญ่ยังรู้เลย"
"พี่ใหญ่ก็รู้?!"
"อื้อ... ก็พี่ใหญ่ถามถึงเรื่องคืนวันงานไง ฉันก็เล่าหมดเปลือกตั้งแต่ต้นเลยจ้า แต่ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่บอกคุณป้ารึเปล่านะ"
"แล้วมีอะไรอีกที่รู้กันหมดแต่ฉันยังไม่รู้?!"
"นึกก่อนนะ... อ๋อ ฉันกับกายบอกน้ำให้ลองบอกแกไปตรงๆเลยตอนหลังงานวันเกิดแก แต่ใครจะไปคิดว่าแกก็เล่นใหญ่ แล้วกายก็ดันมาเจ็บตัวไปด้วยแบบนั้น...
“…”
“แต่ถ้าแกพูดมาแบบนี้... แปลว่าน้ำคงไม่ได้คุยอะไรกับแกสินะ ที่เค้ามางานวันนั้นเพราะเค้าอยากคุยกับแกนั่นแหล่ะ"
               ผมนิ่งเงียบไปอีกรอบเพื่อคิดถึงเรื่องหลังจากวันงาน

"เดี๋ยวนะ! งั้นที่โรงบาล... ที่น้ำเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง..."
"นั้นไง!! ฉันล่ะปวดหัวกับพวกแก ลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนกันเหลือเกิน ปิดเก่ง มีความลับกันเก่ง!!"
"เออน่า ไว้ค่อยด่า แล้วแกทำไมไม่บอกตรงๆกันตั้งแต่แรก"
               ผมที่ยังสับสนแต่ก็เริ่มประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้แล้วถามคนตรงหน้าเสียงดัง


"ก็กายบอกว่าบอกแกแล้วนะ ตั้งแต่คืนวันเกิดแกแล้ว!"
"บอกตอนไหนวะ?"
"ที่โรงบาล... เออใช่ ที่โรงบาลอ่ะ ก็พอหลังจากวันนั้นฉันก็ถามกายว่า "บอกความจริงแกไปรึยัง" เพราะฉันเห็นแกซึมๆ แล้วกายก็บอกมาว่า "แกบอกว่าแกรู้แล้ว!" ฉันเลยเหมาไปว่าแกคงเหนื่อยจากเรื่องอิงก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เดี๋ยวนะ นี่แกก็เข้าใจผิดไปเป็นอีกอย่างเลยสินะ!!"
"แม่งเอ้ยยยย"
"อย่าหยาบคายสิ! อ้าว แล้วแกจะไปไหน?! วี?!!"
               ทันทีที่ผมฟังจบก็รีบลุกจากโซฟาวิ่งขึ้นห้องทันที ส่วนแก้วที่ตะโกนไล่หลังผมมาแบบงงๆก่อนหันไปกดปิดทีวีแล้วลุกเดินตามผมขึ้นมา
               นี่เหมือนคำตอบของทุกอย่างอยู่ตรงหน้ามาตั้งนานแล้ว แต่ผมกลับเลือกที่จะไม่ฟังเอง สมควรแล้วที่จะโดนด่า ไอ้วีเอ้ย ผมรื้อเสื้อผ้าลงกระเป๋าอย่างรีบร้อนส่วนแก้วก็ยังตะโกนถามผมจากที่บันใดขึ้นมาเรื่อยๆ


"จะรีบไปไหน?!"
"ไปตามหัวใจคืนมาดิ!!"
"งั้นไฟท์ก็หมดแล้วโว้ย ต้องพรุ่งนี้เช้าแล้ว!"
"เก็บกระเป๋ารอก็ได้!"
"ต้องไปด้วยมั้ย?!"
"ไม่ต้องเลย อยู่ทำงานไปเลย!"
"โอเค งั้นฉันจะไปด้วย!"
               แก้วตะโกนตอบเสียงดังฟังชัดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมายืนกอดอกมองผมอยู่หน้าประตูห้อง
 

"เอ่ะอ่ะเสียงดังอะไรกันสองคนนี้ คนอื่นเค้าตกอกตกใจกันหมด"
               แม่ของผมเดินออกมาจากห้องพระที่อยู่ไม่ไกลจากห้องผมถามขึ้นพร้อมเดินเข้ามายืนมองผมที่ง่วนอยู่กับการคว้าเสื้อลงกระเป๋าข้างๆกับแก้ว


"แล้วนั่นจะรีบไปไหนอีกน่ะ?"
"ตามลูกสะใภ้มาให้คุณป้าค่ะ ถ้าเค้ายังอยากเป็นอยู่นะ บื้อเป็นลาอยู่ตั้งนานเลย"
"ลูกสะใภ้? พูดอะไรน่ะแก้ว คนไหนอีกล่ะ ป้าไม่เห็นเข้าใจเลย!!"
"งั้นแปลว่าพี่ใหญ่ยังไม่เล่าให้คุณป้าฟังสินะ มาค่ะ! หนูจะเล่าให้ฟังในความบื้อของลูกชายคนเล็กของคุณป้า"
               แล้วแก้วก็ประคองแม่ผมให้เข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ด้านในห้องผมก่อนจะเผาผมให้คุณแม่ฟังแบบละเอียดยิบทั้งที่ผมก็ยังอยู่ไม่ไกลจากเจ้าตัวเลย นี่สิถึงเรียกนินทาระยะเผาขนเลย ส่วนผมเองไม่ได้สนใจอะไรนักเพราะตอนนี้ใจผมมันกลับไปอยู่ที่กรุงเทพรอแล้ว

**********


"ช้าๆก็ได้มั้ย น้ำคงไม่ลงทุนลาออกหนีแกหรอกมั้ง"
               แก้วที่ว่าผมขณะที่ผมรีบวิ่งลงจากรถเข้าไปที่บริษัทที่ผมคุ้นเคยดี


"น้ำอยู่มั้ย?"
"อยู่ค่ะคุณว..."
               ทันที่ได้ยินว่าน้ำอยู่ในห้อง ผมรีบเปิดประตูเข้าไปทันทีไม่รอฟังคำตอบใดอีก


"น้ำ!!"
"พี่วี..."
               ผมไม่สนใจอะไรแล้วในตอนนี้ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปกอดคนตรงหน้าในทันที


"พี่ขอโทษ พี่มันโง่เอง"
               ผมรีบพูดขอโทษออกไป


"อ่ะแฮ่มๆ"
"ไอ้กาย ไอ้ตัวดี!"
               ไอ้กายที่ยืนอยู่เงียบๆที่มุมห้องกระแอมใส่ผมก่อนแสดงตัวออกมายืนข้างๆตัวแก้วที่เดินตามผมเข้ามาไม่นานนัก ทำให้ผมผละออกจากการกอดคนตรงหน้า


"มึงมาทำไรไอ้กาย?"
"มาดูคนบื้อ"
"งั้นแปลว่า..."
"แก้วโทรมาเล่าให้ฟังแล้ว"
"มึงนั้นแหล่ะไม่บอกกูตรงๆ"
"อะไร? กูถามมึงแล้วนะ แล้วมึงยังบอกว่ารู้แล้ว ถ้ามึงจะเลิกคิดเองเออเองยืนเสียเวลาฟังกูเล่าสัก3นาที ป่านนี้เรื่องมันจบไปเป็นเดือนละ"
"แล้วแทนที่มึงจะรีบๆพูดให้ชัดๆ"
"อ้าว กูผิดซะงั้น"
"น้ำ... พูดอะไรหน่อยสิ"
               ผมเบือนหน้าจากไอ้กายมาถามคนตรงหน้าที่ยืนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา


"ออกไปจากห้องทำงานน้ำ"
"เอ๋า..."
"กาย ฉันว่าเราหลบฉากก่อนดีกว่า เดี๋ยวเราจะโดนระเบิดไปด้วย"
"เออ มาแบบนี้เราอาจจะตายไปด้วย โชคดีเว้ยเพื่อน!!"
               ทันที่น้ำตอบ ทำเอาผมสามคนถึงกับไปต่อไม่ถูก คนที่ตกใจมากที่สุดคงจะเป็นผมเอง ส่วนไอ้กายและแก้วก็รีบชิ่งเดินหนีออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ


"พี่ขอโทษนะ พี่ผิดไปแล้วจริงๆ"
"น้ำบอกให้ออกไปไง"
               ครั้งนี้น้ำดูโกรธมากจริงๆ คงทั้งจากเรื่องคืนวันเกิดแก้ว แล้วเรื่องที่ผมหลบหน้าหลังงานวันเกิดผมเองอีก


"น้ำอยากให้พี่ทำไรน้ำบอกมาเลยนะถ้าพี่ทำได้พี่จะทำเลย"
"อะไรก็ได้เหรอ?"
"ใช่!"
"งั้นไม่ต้องมาให้น้ำเจออีก"
               เออ เวรกรรม พูดเองนะเรา


"ไม่เอา อันนี้ทำไม่ได้!"
"ถ้าพี่ไม่ออกไป น้ำจะให้คนมาไล่ออกไป"
"โถน้ำ พี่รู้แล้วว่าพี่ผิด"
               ผมยังพยายามง้อคนตรงหน้า


"จะไปดีๆรึเปล่า"
               น้ำยังเน้นเสียงเข้ม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นน้ำในโหมดนี้ มันทำเอาผมไม่กล้าที่จะยื้อต่อ


"ถ้าน้ำไม่อยากเจอพี่ขนาดนี้ พี่ไปก็ได้"
"..."
"ไปจริงแล้วนะ"
"..."
"ไปจริงนะ"
"..."
               ผมค่อยๆก้าวช้าๆพร้อมทวนคำพูดเผื่อว่าเค้าจะใจอ่อน แต่เหมือนจะไม่เป็นผล ทันที่ผมพ้นหน้าประตู น้ำก็เดินมาปิดประตูใส่ผมพร้อมล๊อกประตูทันที


"สงสัยครั้งนี้โกรธจริงว่ะ"
               ไอ้กายพูดก่อนมองหน้าแก้วกันไปมา


"ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย"
"อ้าวไอ้นี่ เค้าก็คิดว่ามึงรู้ว่าเค้ายังรักมึง แต่มึงก็ยังไปว่าเค้า เรื่องคืนวันเกิดแก้ว รึที่โรงบาลเค้าจะคุยกับมึง แต่มึงยังไม่สนใจเค้าอีก เป็นกูกูก็คงตัดใจไปละ ถูกเมินใส่ขนาดนั้น"
"ก็กูไม่รู้นี่ไง"
"เออ มึงมันโง่จริงๆแหล่ะที่ดูไม่ออกว่าเค้ายังรักมึง กูมองจากดาวพลูโตยังเห็นเลย แล้วแทนที่มึงจะบอกเค้าไปตรงๆก็เสือกหนีหน้าไปอีก เป็นกูก็เสียใจเหมือนกัน โทษมึงเลยหนักกว่าเดิมอีก"
"อือ..."
"กูก็ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะ รักกันมาตลอด แต่ก็ทำเหมือนไม่รู้สึก คนนึงรักแต่กำลังจะมีเมีย อีกคนรักแต่ก็ไม่อยากให้เขาเลิกกับเมีย วุ่นวายชิบหาย"
"เฮ้อ... ทำไงล่ะทีนี้"
"เอาน่า ง้อๆไป เดี๋ยวก็หายแหล่ะ"
               ไอ้กายพูดจบทำเอาผมถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนอยู่รอบๆตัวผม ทั้งกาย แก้ว ปาล์ม อ๊อฟ ซี


"ไม่ต้องมามองกู ความผิดติดตัวกูก็มี กูไม่กล้าช่วยหรอก"
               ไอ้กายรีบบอกปัด

"ไม่ต้องมามองฉันเลย"
               แก้วก็รีบปฏิเสธทันที
               ส่วนสามคนที่เหลือก็รีบส่ายหน้าเช่นกัน

"เฮ้ออออออ"
               ผมถอนหายใจหนักขึ้นกว่าเดิม


"มีอะไรให้ช่วยมั้ย?"
               เสียงคนแปลกหน้าดังขึ้นข้างหลังผม


"อาภพ!!!"

หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 21 ] --- [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince90 ที่ 26-03-2022 09:03:28
ตอนที่ 21



               หลายวันผ่านไป พี่วีแวะมาที่บริษัทแทบทุกวันเพราะบอสของผมอนุญาตแล้ว เจ้าตัวก็ยังพยายามง้อผมอยู่ตลอดแม้ผมจะไม่คุยด้วยเลยก็ตาม ผมอยากจะลายาวๆเพื่อหลบหน้า แต่ก็ต้องมานั่งทำงานที่อยู่ๆก็ได้มาแบบงงๆแถมสั่งผมว่างดลางดหยุดอีก บอสนะบอส แบบนี้มันเรียกว่าโกงชัดๆ แล้วพอนึกย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาล ความเฉยชาจากใครคนนึงที่ให้ผมมาในวันนั้น มันช่างตรงกันข้ามกับคนที่วิ่งเข้าวิ่งออกห้องทำงานผมเพื่ออยากให้ผมสนใจเค้าเสียเหลือเกิน ความรู้สึกเจ็บและจุกที่หน้าอกในทุกทีที่คิดถึงเค้าในช่วงที่ผ่านมามันได้หายไปตั้งแต่ที่ได้รู้ว่าที่ผ่านมาต่างคนต่างเข้าใจผิดกันมาตลอด และในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าความรู้สึกดีๆของผมมันได้หมดไปแล้ว แต่เพราะผมยังโกรธเขาอยู่เท่านั้น ที่ไม่เคยคิดจะถามรึให้เวลากันอธิบายเลยสักนิด มันก็สมควรแล้วจริงๆนั่นแหล่ะ ถ้าฟังกันบ้าง ผมก็คงจะไม่ต้องทรมานที่เอาแต่คิดว่าเค้าไม่ได้รู้สึกเหมือนที่ผมรู้แล้ว ซึ่งนั้นอาจจะรวมถึงตัวเค้าเองด้วย

"ไงทุกคน วันนี้พี่ซื้อขนมมาฝากด้วยนะ"
"ขอบคุณค่ะคุณ.. เอ้ยพี่วี"
"ไม่เป็นไรจ้า"
"พี่วีน่ารักจัง ใครได้ไปเป็นแฟนนี่โชคดีมากเลยนะคะ"
               ปาล์มชมคนที่เข้ามาใหม่ออกมาแบบเสียงดังฟังชัดเลย 'แหมมม สนิทกันจังนะ'


"นั่นน่ะสิ แต่มันจะมีใครยอมมาเป็นแฟนรึป่าวนะ? แต่ได้ข่าวว่าแอบนอกใจพี่ไปชอบพี่กายไม่ใช่เหรอเรา"
               พี่วียังแซวปาล์มต่อแต่ผมไม่ได้หันไปมอง


"หนูผิดไปแล้ว ให้อภัยหนูนะ"
"ได้เลย พี่ให้อภัยคนที่รู้ตัวว่าผิด ไม่ได้ใจดำเหมือนคนแถวนี้"
               'เออ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย'
 

"คนอะไร หน้างอแล้วยังน่ารักอีก"
               พี่วีเล่นมาแซวผมใกล้ๆที่พยายามทำหน้านิ่งเพราะรู้ว่าผมจะไม่ตอบอะไรแน่ๆ


"ปากน่าจุ๊บจังเลย ขอจูบได้ป่าว? แต่เคยจูบแล้วนะ นิ่มมากเลย แต่ทำไมตอนนี้มันแข๊งแข็ง"
               พี่วีพูดออกมาแบบไม่อายใคร แต่ผมในตอนนี้ที่เริ่มอายแต่ยังต้องเก็กโหดอยู่เลยเอามือตบโต๊ะ


"เขินวุ้ย!! งั้นเรามาเล่นเกมส์กันมั้ย?"
"เล่นค่ะ/ครับ"
               พี่วีถามคนในห้องก่อนสามคนจะเฮตาม


"เกมส์มีชื่อว่า... ใครเงียบ...!!"
               ผมที่ได้ยินได้แค่คิดในใจ 'เกมส์อะไรวะ?! จะมาไม้ไหนอี๊ก!!'


"เล่นยังไงเหรอพี่วี!"
"นั้นสิ!"
"ก็ถ้าพี่บอกว่าใครเงียบเป็นแมว! ทุกคนต้องส่งเสียงไง พูดรึร้องจนกว่าคนสั่งจะบอกให้หยุด รึถ้าพี่บอกว่าใครเงียบเป็นคน! คนที่ส่งเสียงก็ไม่ใช่คนไง ก็เงียบไปจนกว่าคนสั่งจะบอกให้หยุดอีกอ่ะแหล่ะ! แต่แค่ต้องฟังคำสั่งดีๆ"
               พี่วีอธิบายกติกาพร้อมมองมาที่ผม "นี่มุกสดเลยสินะ ดูออกเลยนะไอ้พี่วี!!"


"อ๋อออ เข้าใจแล้ว!!"
"สลับกันพูดนะ!"
"งั้นปาล์มขอเริ่มก่อนนะ... ใครเงียบเป็นคนโง่!!"
               ทันทีที่พูดจบสามคนที่เหลือก็ส่งเสียงออกมาทันทีแล้วหันมามองที่ผม


"เล่นไรกันเสียงดัง!"
               ผมพูดออกไปแบบนั้น แต่ก็ทำให้พี่วีและคนที่เหลือยิ้มออกมาได้


"ต่อไปตาซีนะ... ใครเงียบ เป็น คนหน้าตาดี!!"
               พอซีพูดจบทุกคนก็เงียบกันหมด พร้อมมองหน้ากันไปมา แม้กระทั่งผมเองก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา 'เอ้อ... ไม่ได้เล่นแต่แรกอยู่แล้วนี่'


"งั้นตาอ๊อฟบ้าง... ใครเงียบเป็น คนขี้งอน!!"
               พอพูดจบทุกคนก็ร้องกันออกมาพร้อมหันมามองที่ผมอีกเหมือนเดิม 'เอ้ออออ จะเล่นกันแบบนี้ใช่มั้ย?!!'

"ซี หยิบแฟ้มนั้นมาหน่อยดิ!"
               ผมพูดพร้อมยื่นมือรอรับแฟ้ม


"นี่เหรอคนที่ว่าตัวเองไม่ขี้งอน"
               พี่วีพูดขึ้นมาพร้อมเอานิ้วมจิ้มที่แก้มของผม ทำเอาผมต้องเอนหน้าหลบ และผมก็ยังทำเมินและทำเป็นไม่สนใจคนตรงหน้าต่อ


"งั้นถึงตาพี่แล้วนะ..."
               พี่วีพูดพร้อมมองหน้าผมแบบเจ้าเล่ห์ ทำให้ผมหันไปมองด้วยหางตาแว๊บนึง


"ใครเงียบ เป็น.. "
               พี่วีพูดทั้งที่ยังมองหน้าผมอยู่ 'หึ จะมาเล่นสั่งว่า ใครเงียบเป็นแฟนพี่สินะ ไม่ได้กินเราหรอก' ผมคิดถึงความน่าจะเป็นของคำสั่งของพี่วีก่อนที่พี่วีจะบอกคำสั่ง พร้อมแอบหัวเราะในใจ


"ใครไม่เงียบ เป็นแฟนพี่...!!"
               พี่วีพูดรวบคำแบบเร็วๆอีกรอบ

"ปาล์มพี่ขอชีทใบนั้นที"
               พอพี่วีพูดจบผมก็รีบพูดออกไปในทันที ปาล์มเองที่ได้ยินก็ส่งชีทกลับคืนมาให้ผมแบบไม่ส่งเสียงอะไรพร้อมอมยิ้มให้ผม ทำให้ผมเอ่ะใจขึ้นมาว่าทำไมทุกคนในห้องเงียบกันหมด จนผมคิดถึงคำสั่งที่พี่วีพูดใหม่อีกครั้ง "ใครไม่เงียบเป็นแฟนพี่" เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มีคำว่า ไม่ งั้นคนที่ส่งเสียงก็เป็นแฟนงั้นสิ' พอคิดได้ ผมรีบหันไปมองค้อนใส่คนข้างๆทันที


"ไอ้พี่วี!"
               พี่วีที่ได้ยินผมเรียกชื่อก็หันกลับมายิ้มพร้อมทำตาโตก่อนจะชี้นิ้วใส่ผมเพราะยังไม่สั่งให้ส่งเสียงได้ เวรกรรม นี่ผมออกเสียงซ้ำไปถึงสองทีเลยนี่ พอรู้ตัวผมก็เก็บปากไม่ให้ตัวเองส่งเสียงอีก ครั้นพอมองคนที่เหลือก็เอาแต่นั่งอมยิ้มและกลั้นหัวเราะกัน โอ้ยยยย หลงกลง่ายๆแบบนี้ได้ไงเนี่ยไอ้น้ำ!!



              พี่วีคอยป่วนผมทั้งวันแถมมีลูกคู่ลูกขาอีกสามคนคอยผลัดกันเล่นมุกตลกโยนกันไปโยนกันมา นี่มันรวมตัวกันหักหลังกันชัดๆเลย จำไว้เลยนะ!! ผมนั่งฟังมุกทั้งหยอดทั้งจีบทั้งง้อตั้งแต่เช้าจนเวลาล่วงมาถึงเวลาเลิกงาน จะได้หนีกลับบ้านสัก!!


"วันนี้เราไปกินข้าวกันนะ"
               พี่วีพูดขึ้นมาขณะที่ผมกำลังเก็บเอกสารบนโต๊ะประชุมเข้าแฟ้ม


"ไปค่ะ!!"
"วันนี้พี่ต้องรีบกลับนะซี"
               ผมเลือกที่จะตอบกลับไปแต่ใช้วิธีตอบผ่านคนอื่นแทน


"เอ่อ... ครับ"
"ว้าาา ให้ผู้ใหญ่รอมันก็แย่นะ"
               ซีตอบกลับคำผมแต่พี่วีก็รีบพูดขึ้นต่อในทันที ทำเอาผมขมวดคิ้วตาม และเจ้าตัวคงรู้ว่ายั่วสงสัยผมได้เลยรีบพูดต่อ


"พี่บอกน้องๆรึยังว่าวันนี้พ่อแม่พี่ขึ้นมาด้วยนะ! แล้วก็ตั้งใจจะมาทานข้าวด้วยกัน จะบอกพวกท่านว่าไงดีนะถ้าไม่มีใครไปกินข้าวด้วย..."
               พี่วีพูดพร้อมทำหน้าลำบากใจ พร้อมมองมาที่ผม ‘ไอ้พี่วีจะเล่นแบบนี้ใช่มะ?!’


"เออ... ไปก็ได้"
               ผมที่ทนการกดดันแบบนี้ไม่ได้ ต้องเอ่ยปากยอมไปด้วย


"น่ารักมาก!!"
               ทันทีที่ได้ยินคำตอบพี่วีก็เดินเข้ามาหยิกแก้มผม ทำให้ผมต้องปัดมือเค้าออก


**********


ที่ร้านอาหารร้านเดิมที่อยู่ใกล้ๆออฟฟิศ...


"สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า"
               ผมยกมือไหว้คนทั้งสองที่นั่งรออยู่แล้ว ส่วนคนที่เหลือก็ไหว้ตาม


"ดีจ้ะ นั่งกันก่อนๆ เป็นไง สบายดีนะเรา"
"สบายดีครับ"
"คุณลุงคุณป้าสบายดีนะครับ"
"ยังแข็งแรงดี แต่เจ้าเล็กนี่สิ ทิ้งงานทิ้งการบ่อยจริง พาลให้ลุงต้องไปทำงานแทน"
               'นั้นไง อย่างที่คิดไว้เลย ใช้คุณลุงคุณป้ามาช่วยง้อ'


"คุณพ่ออ่ะ ขายผมทำไมเนี่ย... อ่า เดี๋ยวผมมานะ"
               คนตัวสูงทำเป็นน้อยใจก่อนจะลุกออกจากโต๊ะไป 'แผนสูงจังนะ ให้ผู้ใหญ่ช่วย'


"งั้นคุณลุงต้องรีบหาคนช่วยคุมพี่วีแล้วล่ะ"
"น้ำล่ะว่างรึเปล่า รึพอจะมีใครแนะนำมั้ยล่ะ?"
               อุส่าห์จะชงให้ห่างตัวเอง ดันเข้าตัวเองซะงั้น


พรึ๊บ!!!


"ไฟดับเหรอ?
               อยู่ดีๆไปในร้านก็ดับลง ทำให้ผมหันไปถามซีที่นั่งอยู่ข้างๆ


"แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยูว..."

               พี่วีถือเค้กวันเกิดออกมา พร้อมคนอื่นๆที่เดินล้อมมาด้วย มาครบกันทั้งทีมเลยก็ว่าได้ ทั้งพี่แก้ว พี่กาย พี่บอย พี่ใหญ่ บอสผมด้วยอีกคน 'นี่ทำกันเป็นขบวนการเลยใช่มั้ยเนี่ย!' ทุกคนยืนขึ้นร้องเพลงพร้อมกัน ทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้


"อ่ะๆอย่าลืมขอพรก่อนเป่าเค็กนะ"
               พี่แก้วบอกผมหลังจากร้องเพลงจบ ผมก็ยกมือขึ้นพร้อมหลับตาขอพรในใจแล้วก็เป่าเค้กทันที ตอนนี้เทียนหลากสีได้ดับลง และเมื่อไฟในร้านเปิดสว่างขึ้นผมเลยรีบหันไปหาพี่แก้วและบอกออกไปทันที


"วันเกิดน้ำมันอีกตั้งสองวันนะ"
"พี่รู้แล้ว แต่คุณลุงคุณป้าจะกลับพรุ่งนี้ตอนเช้าไง พอเค้ารู้เลยอยากฉลองด้วยกันก่อน"
"อ๋อ...ครับ ขอบคุณมากนะครับ"
               ทันทีที่พี่แก้วก็ตอบกลับมาทันที ทำเอาผมยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง รวมถึงบอสและพี่ๆน้องๆในวันนี้แทบทันที


"ว่าแต่ขอพรอะไรเหรอ?"
"ไม่บอก!!"
               พี่บอยถามขึ้นมาแล้วผมก็ตอบกลับไปพร้อมแลบลิ้นใส่


"ขอพรให้มีแฟนเป็นผมแน่เลย งั้นดีใจด้วยครับ พรของคุณเป็นจริงแล้ว!!
               ไอ้พี่วีพูดขึ้นเพื่อชงตัวเอง ทำเอาคนอื่นโห่ใส่ก่อนจะพากันนั่งลงประจำที่ เมื่อพอรู้ตัวแล้วว่าเริ่มไม่มีคนเข้าข้างแล้ว เจ้าตัวก็นั่งคุกเข่าที่ข้างๆผม จากที่เผลอแอบยิ้มอยู่ ตอนนี้ผมต้องตกใจแทน


"เห้ย! ทำไรเนี่ย?!"
"หายโกรธแล้วใช่ป่าว?"
               คนตรงหน้าถามพร้อมยิ้มให้ ทำเอาผมรู้สึกร้อนขึ้นมาที่หน้าในทันที


"ไม่!"
"แน่ใจเหรอ?"
"อือ"
               ผมตอบกลับไปแบบนิ่งๆพร้อมหันหน้าไปทางอื่น


"แล้วเขินทำไม"
"เปล่าสักหน่อย"
"ก็เห็นอยู่ว่าหน้าแดง"
"เปล่า"
"ปากแข็งจัง"
               พี่วีทำหน้างอใส่ผมที่ยังปฏิเสธเสียงแข็งอยู่ แต่เป็นใครก็ต้องเขินแหล่ะ ถ้ามีคนที่ตัวรักมาคุกเข่าง้อแบบนี้


"น้ำ... พี่ไม่รู้ว่าพี่จะทำยังไงให้น้ำหายงอนพี่แล้วเนี่ย..."
               คนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าลง ทำเอาผมต้องหันกลับมามอง ก่อนที่พี่วีจะคว้ามือทั้งสองข้างผมมาจับไว้แน่น และผมเองก็ยอมให้จับแต่โดยดี พี่วีค่อยๆเอาสร้อยข้อมือเส้นเก่าของผมที่พี่วีดึงมันขาดใส่คืนให้ผม ผมมองสร้อยข้อมือเส้นเดิมที่ผมคิดว่าคงจะไม่มีวันได้มันคืนกลับมา แล้วเหลือบไปเห็นว่าที่แขนของพี่วีเองก็ใส่อยู่เช่นกัน


"แต่พี่อยากให้น้ำรู้นะ ว่าพี่รักน้ำมาก มากจนไม่รู้จะอธิบายมันออกมายังไง พี่อยากได้น้ำมาเป็นเมีย เอ้ย! เป็นแฟน พี่จะพูดว่าเป็นแฟน... นี่พี่ยอมพูดคำเลี่ยนๆพวกนี้ต่อหน้าคนอื่น แล้วพี่ไม่อายด้วยเพราะพี่อยากให้น้ำหายโกรธพี่มากกว่า"
               เป็นการง้อที่ตรงไปตรงมามาก จนผมคิดตามเลยว่าถ้าเป็นผมจะกล้าพูดคำพวกนี้ต่อหน้าคนอื่นรึป่าว ยิ่งไปกว่านั้นคือต่อหน้าพ่อกับแม่ตัวเองด้วย


"น้ำจะงอนพี่ต่อก็ได้นะ แต่อย่างน้อยก็ช่วยบอกให้พี่รู้หน่อยว่ายังอยากให้พี่ง้อต่อ"
               คนตรงหน้ายังพูดต่อ โดยมีทุกคนนั่งลุ้นและอมยิ้มฟังเลี่ยนๆจากพี่วีอยู่เงียบๆ ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงก็หันไปมองคนที่นั่งลุ้นอยู่ ทุกคนพยักหน้าให้ผมใจอ่อนสักที ซึ่งเอาตามจริง ผมหายโกรธตั้งแต่ถือเค้กเข้ามาแล้ว แต่ต้องวางฟอร์มหน่อย เดี๋ยวไอ้พี่วีจะได้ใจ


"อือ..."
               ผมถอนหายใจแล้วตอบกลับไปสั้นๆ


"อือคือ? ให้ง้อต่อใช่มะ?"
"ก็... เออ!"
               คนตรงหน้าถามซ้ำก่อนจะยิ้มออกมาหลังจากได้ยินคำตอบผม


"แปลว่าน้ำไม่ได้เกลียดพี่แล้วนะ!"
"ก็ไม่ได้เกลียดแต่แรกอยู่แล้วมั้ย?!"
"งั้นเป็นแฟนกันได้ยัง?"
"ไม่! ยังโกรธอยู่"
               พี่วีที่ยังจับมือผมแน่นถามผมเสียงดังก่อนที่ผมตอบกลับพร้อมทำเป็นไม่สนใจคนตรงหน้า


"คนไม่ใช่แฟนเค้าไม่งอนกันหรอกนะ"
"เออ... ใช่ๆๆ!!"
               คุณแม่ของพี่วีพูดขึ้นมา ทำเอาทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยไปหมด ทำเอาผมไปต่อไม่ถูก


"อือ... เป็นแฟนก็ได้"
               ผมที่พูดขึ้นมาเบาๆ


"อะไรนะ? ไม่ได้ยินเลย เจ้าเล็กถามย้ำอีกทีดิ๊"
               พี่ใหญ่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพื่อให้คนตรงหน้าผมถามซ้ำอีกครั้ง


"เป็นแฟนกันนะ!"
               พี่วีที่รู้งานก็รีบถามขึ้นเสียงดังฟังชัด


"โว้ย! จะตะโกนทำไมเนี่ย!"
"แล้วสรุปเป็นมั้ย?!"
"อื้อ!"
"เยส!!!"
"โอ้ยยยย อายผู้ใหญ่ด้วย"
               พี่วีที่พอได้ยินคำตอบก็กระโดดขึ้นมากอดผมแน่นแล้วก็หอมแก้มผมทันที ทำเอาผมต้องรีบผลักเขาออกไป


"ไม่อาย! จะหอมอีกให้ดู"
"พอเลยยยย!!"
               พี่วีที่ยังไม่ปล่อยผมพยายามจะหอมผมอีก ส่วนคนอื่นๆก็ได้แค่นั่งหัวเราะให้กับผมสองคน


               แล้วเส้นทางความรักของผมที่มันดูวุ่นวายเป็นปีๆก็ได้เริ่มต้นใหม่จากตรงนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อ ผมกับพี่วีเราจะรักกันนานแค่ไหน ผมเองคงไม่สามารถตอบได้ และพี่วีเองก็คงตอบไม่ได้เช่นกัน แต่ที่ผมบอกได้เลยตอนนี้ คือผมจะรักและดูแลพี่วีไปให้นานที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ และพี่วีเองก็คงจะทำแบบนั้นด้วยเช่นกันเพราะลองไม่ทำดิ จะฟาดให้หนักเลย สุดท้ายท้ายสุด ผมอยากจะบอกว่า ไม่ว่าความรักมันจะเริ่มต้นสวยงามรึไม่สวยงาม แต่ยังไงซะมันก็คือความรัก เมื่อรักแล้วก็ดูแลมันให้ดีเท่าที่เราจะทำไหว อย่าไปคาดหวังอะไรจากใครสักคนมากมายจนลืมไปว่าเขาก็คนธรรมดาเหมือนกันกับเรา และเราไม่จำเป็นต้องคอยแบกความรักนี้ไปทั่วทุกที่ แต่ให้ดูแลมันให้ดีตามที่เรารู้สึก หลายครั้งที่ผมเห็นความรักที่หลายคนปลูกได้ตายลง ไม่ใช่แค่จากการไม่ดูแล แต่ทั้งจากการดูแลมันมากเกินไป ใส่ปุ๋ยบ่อยเกินไป รดน้ำมันมากเกินไป เพราะบางครั้งความรักจริงๆมันไม่ใช่แค่การเอาใจใส่กันรึดูแลกันให้มากๆ แต่มันคือการที่เราต้องทำความเข้าใจกับความรักนั้นด้วย ว่ามันต้องการการดูแลแบบไหน รึเราต้องเข้าใจเค้าแค่ไหนต่างหาก รักแต่พอดี รักในแบบที่เข้าใจ ค่อยๆดูแลกันไปในทุกวัน แล้วรักครั้งนี้มันจะอยู่กับเราไปนานแสนนาน


คิดถึงเรื่อยๆ...




[จบ]







แล้วก็จบจนได้


ขอบคุณที่ยังอยู่ตามกันนะครับ
มีข้อติชมยังไงเม้นได้เลยนะครับ จะได้เอาไปปรับปรุง
และผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
เป็นเรื่องแรกที่ผมแต่งทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้ว
ความยาวในช่วงหลังๆมันถึงยาวขึ้นเรื่อยๆ
อย่างที่บอกว่ากะจะให้จบแค่ 10กว่าตอน
แต่ผมเองดันพิมพ์แยกไปเรื่อยๆซะงั้น
ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่อยู่กันมาถึงตอนสุดท้าย

:)


หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 21 ] --- [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Koyokid16 ที่ 30-04-2022 01:04:03
 :L2: :pig4: น่ารัก+ลุ้น / ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 21 ] --- [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 06-05-2022 20:48:42
พระเอกเรื่องนี้ดูโง่จัง
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 21 ] --- [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 16-05-2022 09:27:24
น่ารักมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 21 ] --- [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-07-2022 05:54:34
เรื่องราวน่ารักมากค่ะ ถูกที่ถูกเวลาสักทีเนอะ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 21 ] --- [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Noonnaja ที่ 10-11-2022 18:08:59
พระเอกโบ้  แต่น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: The right time.. รักถูกเวลา [ ตอนที่ 21 ] --- [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 02-03-2024 14:10:37
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)

เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)