“เป็นไงบ้างวะ”
เมื่อคุณหมอเดินออกจากห้องไป ไอ้ปอนด์ก็รีบวิ่งเข้ามาหาผมด้วยความเป็นห่วงทันที ส่วนคนที่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันนั้นไม่ได้เข้ามาด้วย
แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะหากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแค่ความฝันของผมจริงๆ ไอซ์ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะอยู่ต่อ และผมเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะขอให้เขาอยู่ต่อ
“ไม่เป็นอะไร กูก็แค่..ฝัน”
“มึงโอเคไหมเนี่ย”
.. ไม่เลยสักนิด...
ความรู้สึกของผมมันบอกแบบนั้น
ที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากตอนที่โดนรุ้งบอกเลิกไปเมื่อหลายปีก่อน มันรู้สึกเสียดอยู่ในอก อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก แต่มันตลกกว่าเมื่อตอนนั้นก็ตรงที่ทุกอย่างมันไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ เลย แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเจ็บกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า
“โอเคดิ” ผมเลือกที่จะโกหกไปปอนด์ไป
ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่ได้รู้สึกโอเคแบบที่บอก แต่ผมก็เชื่อว่าผมคงจะกลับมาเป็นปกติได้ในอีกไม่ช้า ผมก็แค่คิดเสียว่า..ผมตื่นขึ้นมาจากความฝันเหมือนกับทุกๆ วัน
ก็เท่านั้นเอง...
“เล่าให้กูฟังได้ไหมวะ เรื่องที่มึงฝัน”
“ช่างมันเถอะ ไม่ได้น่าสนใจอะไร”
“กราฟ กูเป็นเพื่อนกับมึงมากี่ปีแล้ว” ไอ้ปอนด์ถามผม “มึงก็รู้ กูกับมึงไม่มีใครโกหกใครได้”
เพราะเรารู้จักกันดี
ดีจนแค่มองตากันก็รู้แล้วว่าอีกคนคิดอะไร ผมเลยไม่เคยโกหกอะไรไอ้ปอนด์ได้เลย
จากที่คิดว่าจะปล่อยให้เรื่องความฝันเป็นแค่เรื่องความฝันของผมคนเดียว ก็กลายเป็นว่าผมต้องมาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ไอ้ปอนด์ฟัง ความฝันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่ผมเองจำได้ขึ้นใจถูกถ่ายทอดออกไปให้ไอ้ปอนด์ฟังอีกครั้งเหมือนกับในฝันไม่มีผิด และครั้งนี้ผมคิดว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เล่าเหตุการณ์ในฝันให้กับไอ้ปอนด์ฟัง
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนร่างที่แสนจะคุ้นตาทั้งที่ได้เจอกันจริงๆ เป็นครั้งที่ 2 ค่อยๆ เดินเข้ามาจนมายืนอยู่ข้างๆ เตียงของผม
“คุณเข้ามาอีกทำไม” ผมถาม
“ไอ้กราฟ คุณอติวิทย์เขาเป็นห่วงมึงมากนะ ตอนที่มึงหลับไปเขาก็มาเยี่ยมมึงทุกวัน”
“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณกลับไปเถอะ” ผมหันหน้าหนีไปอีกทาง
ยอมรับตรงนี้เลยว่าผมกลัว
กลัวว่าตัวเองจะไม่ยอมปล่อยไอซ์ไป
กลัวตัวเองจะรั้งให้เขาอยู่ โดยใช้เหตุผลที่ว่า ผมเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้
และที่กลัวไปกว่านั้น ก็คือกลัวว่าเขาเองก็จะยอมอยู่ เพียงเพราะเหตุผลเดียวกัน
“ไอ้กราฟ! คุณอติวิทย์ครับ คือเพื่อนผมมันคงยังไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ยังไงต้องขอโทษด้วยนะครับ” ไอ้ปอนด์ปรามผม ก่อนจะหันไปขอโทษขอโพยไอซ์เสียยกใหญ่
“เรียกผมไอซ์ก็ได้ครับ คุณปรมะ”
“คือผม..”
“ไอ้ปอนด์มันไม่กล้าเรียกผู้บริหาร พีเจกรุ๊ป ด้วยชื่อเล่นหรอกคุณ มันกลัวไม่ได้งาน” ผมลองพูดข้อมูลที่ตัวเองฝันถึงออกไป
หากเรื่องที่ผมรู้ชื่อเล่นของเขา เป็นเพราะผมบังเอิญได้ยินตอนที่หลับอยู่แบบที่หมอว่า ข้อมูลอย่างอื่นที่ผมรู้เรื่องของไอซ์ก็คงจะไม่เป็นเรื่องจริงเลยสักเรื่อง หากว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นแค่ความฝันของผมเพียงคนเดียว ผมจะได้ตัดใจจากคนตรงหน้าได้ง่ายๆ
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ” ไอซ์ถามผมกลับ
งั้นก็แปลว่าข้อมูลของผมถูก
บังเอิญอีกแล้วหรอ เขามาคุยกันข้างๆ หูผมเหมือนกับที่เรียกชื่อเล่นให้ผมได้ยินอย่างนั้นหรอ
“ทำไมไม่ตอบผมล่ะครับ?”
ผมควรจะลองถามถึงข้อมูลอื่นของเขาอีกไหม
ผมควรจะเล่าเรื่อความฝันของผมให้เขาฟังดีหรือเปล่า
หรือว่าผม...
ควรจะปล่อยเขาไป
“ตอบมาสิ! ว่าคุณรู้เรื่องที่ผมเป็นผู้บริหารพีเจได้ยังไง”
“เพราะผมก็หาคำตอบนั้นไม่ได้เหมือนกันไงคุณ! ผมไม่รู้ว่าผมรู้ได้ยังไง ผมไม่รู้อะไรเลย ผมไม่รู้! คุณเข้าใจไหมว่าผมไม่รู้!!” ผมตะโกนออกมาเสียงดัง เพราะผมเองก็ไม่มีคำตอบที่เขาอยากได้ ตอนนี้ผมไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง
“ไอ้กราฟใจเย็นดิวะ” ไอ้ปอนด์เป็นคนเข้ามาปรามผมเอาไว้ไม่ให้ไปสติแตกใส่คนที่ไม่รู้เรื่องแบบไอซ์ แต่เขาเองก็ไม่ได้ดูตกใจอะไรมากมาย ยังคงทำหน้านิ่งรักษามาดผู้บริหารได้เหมือนเดิม
“ตอนแรกผมคิดว่าจะเอาไว้บอกตอนที่เราประชุมด้วยกันครั้งหน้า แต่ไหนๆ คุณก็รู้แล้ว ผมขอพูดตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ ผมขอบคุณคุณมากๆ ที่ช่วยผมเอาไว้ ผมเลยอยากจะตอบแทนน้ำใจของคุณ โดยการเซ็นสัญญาผูกขาดกับบริษัทของคุณให้ดูแลทุกโปรเจคของทางพีเจ” ไอซ์ไม่ใช่ไอซ์คนที่ผมรู้จักจริงๆ ไม่เหมือนเลยสักนิด
“ผมไม่ได้โดดไปให้รถชนแทนคุณ เพราะอยากได้งานจากบริษัทคุณนะ เนี้ยบเรื่องงานมากไม่ใช่หรอ ไม่งั้นคงไม่สั่งให้แก้งานตั้ง 4 รอบหรอก ที่ไหนดีคุณก็ไปจ้างที่นั้นเถอะ”
ตอนนี้ทั้งไอซ์ และไอ้ปอนด์ต่างก็หันมามองหน้าผมเป็นตาเดียว ข้อมูลที่ผมพูดออกไปคงจะบังเอิญถูกขึ้นมาอีกแล้วใช่ไหม ความบังเอิญนี่ก็ตลกจริงๆ
“คุณปรมะเล่าเรื่องที่ทางผมส่งงานไปแก้เมื่อวานให้คุณฟังหรอ” ไอซ์ขมวดคิ้วแล้วเค้นเสียงถามผม
“ผมเปล่านะครับ” ไอ้ปอนด์รีบปฎิเสธ
“ไม่ต้องสนใจหรอกว่าผมรู้ได้ยังไง ถ้าคุณอยากตอบแทนผมจริงๆ ละก็ คุณช่วยอย่ามาเจอผมอีกได้หรือเปล่า” ผมถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เข้าใจแล้วว่าไอซ์คนนี้ไม่ใช่ไอซ์ในฝันของผม เพราะตลอดการสนทนาทั้งหมดที่ผ่านมา ทั้งแววตา ท่าทาง วิธีการพูดหรือแม้แต่น้ำเสียง ไม่มีตรงไหนเหมือนเลยสักนิด
“ไอ้กราฟ” เสียงไอ้ปอนด์ร้องห้าม แต่ผมเองก็ไม่ได้สนใจ เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าผมควรจะปล่อยให้ความฝันเป็นแค่ความฝัน..ตลอดไป
“ผมขอร้องคุณก็ได้ อย่ามาให้ผมเจออีกเลยนะครับ”
ผมขอหมอออกจากโรงพยาบาลในอีก 2 วันถัดมาเพราะผลตรวจไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง ใจจริงอยากจะกลับไปทำงานต่อเลยด้วยซ้ำ แต่ติดตรงที่ไอ้ปอนด์มันไม่ยอม มันเลยเอาผมมาปล่อยไว้ที่บ้านสวน แทนที่จะพากลับคอนโด ไอ้ปอนด์มันรู้ดีว่าหากให้ผมกลับไปที่นั่นผมก็คงได้เริ่มทำงานเลยแน่ๆ
ตอนนี้ผมเลยได้มานั่งเล่นอยู่ที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน รอบตัวมืดสนิทมีเพียงแค่แสงจากดวงดาวและพระจันทร์บนฟ้าเท่านั้นที่คอยให้แสงสว่าง
ผมแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า หลังจากเดินมานั่งอยู่ที่ม้านั่งกลางสนามเด็กเล่น คืนนี้เห็นทั้งดาวแล้วก็พระจันทร์ คืนนี้คงจะเป็นอีกคืนที่พระจันทร์ผู้หญิงและพระจันทร์ผู้ชายได้มาเจอกัน
แต่มีเพียงแค่ผมกลับได้มาชื่นชมความรักของทั้งคู่แค่คนเดียว
เสียงโทรศัพท์ที่ผมหยิบติดมือมาด้วยดังขึ้น ชื่อที่ขึ้นโชว์ที่หน้าจอเรียกรอยยิ้มให้ผม ก่อนที่จะเลื่อนหน้าจอเพื่อรับสาย
“กูกินข้าวแล้ว กินยาแล้วด้วย ออกมาเดินเล่น แต่อีกเดี๋ยวจะกลับไปนอนแล้ว” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดอะไร ผมก็รีบรายงานสิ่งที่มันชอบถามอยู่เป็นประจำช่วงนี้ออกไปก่อน
(ให้กูถามก่อนก็ได้ มึงนี่รีบจับวะ) ไอ้ปอนด์หัวเราะ
“มีอะไร”
(สัญญามาก่อนว่าเราจะคุยกันด้วยเหตุผลจนจบ ไม่ตัดสายทิ้ง ไม่ชิ่งเปลี่ยนเรื่องไปก่อน)
“นี่ซีเรียสหรอมึง งานกับพีเจที่ไปประชุมวันนี้หลุดมือหรอวะ” ผมเริ่มขมวดคิ้ว รู้ว่าไอซ์ไม่เหมือนกับไอซ์ในฝัน แต่ก็ไม่น่าไม่มีเหตุผลขนาดทิ้งโปรเจคที่ทำด้วยกันมาตั้งนานเพราะผมไปพูดไม่ดีใส่เขาในวันนั้นใช่ไหม
(มึงสัญญามาก่อนเลย อย่าลีลากราฟ) ไอ้ปอนด์ยังคงเร่งให้ผมตอบตกลง
“เออ ว่าไง”
(งานวันนี้ผ่านจริงๆ ตามที่มึงบอก คุณไอซ์ก็มาประชุมด้วยตัวเองตามที่มึงบอก)
“กูบอกแล้วว่ามันต้องผ่าน”
(กูเชื่อมึงนะ)
“เรื่อง?”
(ก็เรื่องที่มึงเล่าให้กูฟัง)
“...”
(เรื่องความฝัน)
“อืม”
(กูขออะไรมึงอย่างนึงได้ไหมวะ)
“บอกมาก่อน แล้วจะลองคิดดูว่าได้ไหม”
(กูอยากให้มึงลองแอดไลน์ไอดีที่มึงจำได้ไปอีกครั้ง)
“ปอนด์กูบอกมึงไปแล้วไงว่ามันเป็นแค่ฝัน”
(ก็ตอนนี้มึงตื่นแล้วไง มึงไม่ได้ฝันแล้ว แล้วถ้าเกิดว่าไอดีนั้นเป็นของคุณไอซ์ขึ้นมาจริงๆ มึงว่ามันต้องมีอะไรที่ทำให้มึงฝันถึงรึป่าว)
“...”
(หรือว่ามึงไม่อยากรู้ ว่าทำไมถึงได้ฝันถึงเรื่องเขาทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมถึงได้ไปฝันเป็นตุเป็นตะ ว่าเป็นแฟนกัน ทำไมถึงต้องไปช่วยชีวิตเขาจนตัวเองเกือบตาย)
“...”
(ที่เงียบนี่คือกำลังจะคิดคำปฏิเสธอยู่ใช่ไหม? ลองเหอะ ถ้าไม่ใช่ก็จบ แต่ถ้าใช่มันก็อาจจะมีอะไรดีดีรอมึงอยู่ก็ได้)
“อะไรดีดีเช่นอะไรวะ”
(อะไรดีดีเช่นคุณไอซ์ไง ถ้ามึงชอบเขา มึงก็แค่จีบเขาใหม่อีกรอบ ไม่เห็นยากเลย)
“กูไม่อยากผิดหวังว่ะปอนด์”
(ก็ดีกว่ามานั่งเสียใจตั้งแต่ยังไม่ทันทำอะไรเลยแบบนี้หรือเปล่าวะ มึงที่กูรู้จักไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่ายๆ แบบนี้สักหน่อย)
“แต่เรื่องนี้กูยอมจริงๆ ว่ะ”
(ก็แค่ลองดู กูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้)
“แล้วถ้าเขาไม่อยากคุยกับกู”
(อย่าเสือกคิดแทนคนอื่น มึงรู้หรอว่าเขาคิดยังไง)
“กูกลัวจะไปรบกวนเขา”
(เขารำคาญเขาก็ไม่คุยกับมึงเองนั่นแหละ กูจะไม่เซ้าซี้มึงอีกกราฟถ้าไอดีมันผิด กูสัญญาเลย จะไม่พูดถึงแม้แต่ชื่อเลยก็ได้ แต่ถ้าถูก กูขอให้มึงคิดว่านี่คือสิ่งตอบแทนที่มึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนๆ นึงเอาไว้ไม่ได้หรอ)
“...”
“กราฟ กูว่ามึงควรได้รับของขวัญจากพระเจ้า”
ไอ้ปอนด์วางสายจากผมไปแล้ว ส่วนผมเองยังคงแหงนมองท้องฟ้านิ่ง
ก่อนออกจากโรงพยาบาล ผมตัดสินใจไปแล้วว่าจะตัดใจจากไอซ์ เรื่องความฝันก็ปล่อยให้มันเป็นแค่ความฝันต่อไป แต่พอมาคิดดูอีกที หากเป็นแบบที่ไอ้ปอนด์บอก หากในฝันของผมเป็นไอดีไลน์ของไอซ์จริงๆ แล้วหากในฝันของเป็นเป็นการบอกใบ้จากใครสักคนจริงๆ
ผมควรจะต้องทำยังไง
เรื่องของผมมีใครที่พอจะสามารถอธิบายออกมาให้ฟังได้บ้างไหม
แล้วถ้ามันไม่สามารถให้คนอื่นอธิบายออกมาได้ ก็ควรจะต้องเป็นผมใช่ไหมที่จะพิสูจน์มันด้วยตัวเอง
โทรศัพท์ถูกขยับเพื่อปลดล๊อคอีกครั้ง ผมใช้นิ้วจิ้มไปยังแอพที่ใช้ประจำจนมันขึ้นโหลดข้อมูล ไม่นานก็เข้ามาสู่หน้าจอเพิ่มเพื่อน ผมสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อยๆ บรรจงกดตัวอักษรหกตัวที่จำได้แม่นยำลงไป
ICEECI
ก่อนจะกดค้นหา ใจหนึ่งผมภาวนาให้ไม่เจอคนที่ใช้ไอดีไลน์นี้ หรือต่อให้เจอก็ไม่ใช่คนเดียวกับในฝันของผม เรื่องทุกอย่างจะได้จบ และผมจะได้ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องนี้อีก แต่อีกใจหนึ่งนี่สิที่เป็นปัญหา ผมเกิดอยากให้ความฝันของผมเป็นจริงขึ้นมาสักครั้ง...แค่สักครั้งเท่านั้น
เพียงแค่ออกแรงกดนิ้วลงไปผลการค้นหาก็ปรากฎขึ้น ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่กันแน่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไอดีไลน์ในฝันของผมมีคนใช้อยู่จริงและเจ้าของไอดีไลน์นั้นก็คือคนที่ผมเอาแต่คอยฝันถึงนั่นเอง
ในตอนแรกที่ไอ้ปอนด์บอกว่าผมควรได้รับของขวัญจากพระเจ้า ตอนนั้นผมอยากจะเถียงมันออกไปเหลือเกินว่าผมไม่เชื่อในพระเจ้า ไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะประทานอะไรมาให้คนที่ไม่ได้สัทธาพระองค์แบบผม แต่ในตอนนี้...ผมคิดว่าจะลองเชื่อในพระเจ้าดู
จากที่นั่งพิงหลังไปกับพนักพิงในตอนแรก ผมก็ยืดตัวให้ตั้งตรง ความรู้สึกในตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับความรู้สึกในความฝันตอนที่ผมแอดไปหาไอซ์ครั้งแรก ผมไม่รอช้าที่จะกดเพิ่มเพื่อนและรีบส่งข้อความไปหาเขา ทั้งที่ควรจะสร้างความประทับใจตั้งแต่ข้อความแรกที่ส่งหากันในชีวิตจริง ผมกลับลนจนพิมพ์อะไรมั่วไปหมด
Graph : ไอซ์
Graph : ไม่ใช่
Graph : คุณอติวิทย์ครับ
Graph : ผมกราฟ
Graph : คือไอ้ปอนด์
Graph : ไม่ๆ
Graph : คือปรมะ ให้ผมลองแอดมา
ผมได้แต่ถอนหายใจให้กับแต่ละข้อความของตัวเอง ขณะที่กำลังนึกว่าผมควรจะพิมพ์อะไรต่อไป ข้อความที่ผมส่งไปก็ขึ้นว่าอีกคนได้เปิดมันขึ้นอ่านแล้ว
ICE : ผมรู้ครับ
ICE : คุณปอนด์เล่าให้ผมฟังแล้ว
ICE : เรื่องความฝันของคุณ
เพราะไอ้ปอนด์ไปเล่าเรื่องความฝันของผมให้ไอซ์ฟังนี่เอง ถึงได้มาคะยั้นคะยอให้ผมแอดไลน์ไปหาไอซ์ดู ไม่รู้ว่าไปตกลงอะไรกันไว้ไอซ์ถึงได้ยอมมาคุยกับผมแบบนี้
ICE : คุณจะโกรธไหมถ้าผมจะถามอะไรคุณสัก 3 ข้อ
ไม่ใช่แค่ผมเองที่อยากจะพิสูจน์ แต่ไอซ์เองก็คงจะเป็นเหมือนกัน
Graph : ถามมาสิคุณ
ICE : ในฝันของคุณ
ICE : คุณเคยมาหาผมที่คอนโดไหม
Graph : เคยครับ
Graph : นี่คือ 1 คำถามหรอ
Graph : ง่ายจัง
ICE : ไม่ใช่สิคุณไม่นับอันเมื่อกี้
Graph : อ่อ
ICE : คุณรู้ไหนว่าผมอยู่ชั้นไหน ห้องอะไร
Graph : ชั้น 11 ห้อง 1107
ICE : ครับ
ICE : คุณตอบถูก
ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยิ้ม ดีใจที่ไอซ์บอกว่าคำตอบของผมถูก ดีใจที่ข้อมูลของเขาจากความฝันของผมเป็นจริงขึ้นมาอีกข้อ
ICE : ในฝันของคุณผมทำอาหารเป็นไหม แล้วผมชอบกินอะไรมากที่สุด
Graph : อันนี้ไม่ใช่ 2 คำถามหรอคุณ
ICE : คุณตอบมาเถอะน่า
Graph : คุณทำอาหารไม่เป็นสักอย่าง
Graph : ครัวคอนโดคุณสะอาดกว่าห้องนอนของคุณอีก
Graph : อันนี้คุณเคยบอกผม
Graph : ส่วนที่ชอบที่สุดก็น่าจะเป็นกุ้ง
Graph : แกะไม่เป็นแต่ก็ยังชอบกิน
Graph : ถูกไหมครับ
ICE : ครับ
ICE : ข้อนี้ก็ถูกอีก
ผมยกมือขึ้นลูกที่หน้าอกตัวเองเบาๆ ตอนที่ไอซ์ตอบว่าถูกมันเหมือนกับจะระเบิดออกมา
ICE : คำถามสุดท้ายแล้วครับ
ICE : คุณรู้จักผมแล้วจากในฝัน
ICE : แต่ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลย
ICE : มันอาจจะดูประหลาดไปสักหน่อยที่ในฝันอยู่ๆ ผมกับคุณจะตกลงคบกันง่ายๆ
ก็จริงของไอซ์ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมเลย
Graph : ครับ ผมเข้าใจ
หากเปรียบคำถามสองข้อแรกคือจุดที่อยู่สูงที่สุดของเครื่องเล่นหวาดเสียวในสวนสนุก ทีนี้ก็เตรียมตัวได้เลยว่าอีกไม่นานผมคงจะต้องถูกเหวี่ยงกลับมาที่จุดที่ต่ำสุดอีกครั้งเพราะคำถามข้อที่สามแน่ๆ
ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพื่อเตรียมดิ่งไปพร้อมกับคำถามข้อสุดท้ายของคนในฝัน ก่อนจะก้มหน้าอีกครั้งแล้วค่อยๆ ไล่อ่านข้อความที่ไอซ์ส่งมาทิ้งไว้ทีละประโยคอย่าตั้งใจ
ICE : เพราะแบบนั้นคุณจะยอมเสียเวลากับผมไหม
ICE : เสียเวลาให้ผมได้เรียนรู้ความเป็นคุณ
ICE : เสียเวลากลับไปเริ่มต้นใหม่พร้อมๆ กัน
เหมือนผมกำลังถูกเครื่องเล่นเครื่องเดิมฉุดให้ลอยขึ้นไปบนจุดสูงสุดอีกรอบ
เพราะนี่มันไม่ใช่ประโยคปฏิเสธแบบที่เตรียมใจเอาไว้ เลยยังไม่ได้ตอบข้อความกลับไป ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันคือข้อความที่บอกว่าเขาจะยอมเปิดใจคุยกับผม ก็เลยอยากจะอ่านข้อความนั้นซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกสักรอบ แต่เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าที่ค่อยดังใกล้เข้าเรื่อยๆ ผมเลยต้องเงยหน้าขึ้นมาจากข้อความพวกนั้น เพื่อดูว่าใครกัน ที่ออกมาดูดาวมองพระจันทร์ในที่ที่มืดสนิทแบบนี้เหมือนกับผม
แสงจากพระจันทร์ไม่ได้สว่างพอที่จะทำให้ผมเห็นได้ทันทีว่าคนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาผมคือใคร เนื่องจากมีกลุ่มเมฆลอยมาบังไว้
จนอีกคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าก้อนเมฆจึงได้ค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านไป พร้อมกับแสงสว่างที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น จนทำให้ผมสามารถเห็นใบหน้าที่แสนคุ้นเคยตรงหน้านั้นได้อย่างถนัดตา
“ไม่อยากเสียเวลาหรอครับ ถึงไม่ตอบข้อความของผม”
---------
จบแล้วค่ะ
แต่กว่าจะจบได้ทุกคนคงจะลืมตอนแรกกันไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ
ตอนจบก็คือตอนที่พวกเขาได้เริ่มต้นกันใหม่ในชีวิตจริง
ต่อจากนี้ไปจะไม่ใช่แค่ฝันของพิกราฟแล้วค่ะ
เดี๋ยวน่าจะได้อ่านตอนพิเศษกันเร็วๆ นี้ละมั้ง แฮร่...
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกกำลังใจ ขอบคุณตัวเองด้วยที่แต่งจนจบ
เอาไว้เจอกันใหม่ หากมีโอกาสนะคะ