“กาย”
ใคร ใครกำลังเรียกชื่อเขา นี่เขาตายไปแล้วหรือ ตายเพราะไอ้ตัวประหลาดที่ลากเขาลงน้ำงั้นหรือ
“กายวุธ ได้ยินเสียงพี่ไหม”
เสียงใครกันนะ ทำไมเขารู้สึกคุ้นเคย แต่เปลือกตามันหนักเหลือเกิน
อยากจะนอน อย่ามาเรียกกันตอนนี้สิ
ไม่อยากจะขยับตัวเลย ให้เขาได้นอนเถอะ จะใครก็อย่ามายุ่ง
“กายวุธ ตื่นขึ้นมานะ”
เสียงใครกันนะ หนวกหูจริง
เขาอุตส่าห์รู้สึกง่วง
อยากนอน
ปล่อยให้เขาได้นอนก็ไม่ได้งั้นหรือ
.
.
.
.
หนาว
ร้อน
ทำไมอากาศในห้องมันหนาวๆ ร้อนๆ แบบนี้กันนะ
“อืม”
กายวุธที่พยายามฝืนยกเปลือกตาที่กำลังหนักอึ้ง ท่ามกลางความรู้สึกทั้งร้อน ราวกับร่างกายกำลังถูกแผดเผา พร้อมๆ ไปกับหนาวยะเยือกจนไม่อาจจะอธิบายได้ว่าร่างกายที่กำลังกระสับกระส่ายนี้ มันเกิดเพราะความร้อนหรือความหนาวกันแน่
ภาพที่พร่าเลือนก็ปรากฎเข้ามาในครรลองสายตา
เป็นภาพของคนที่เขาคุ้นเคย ริมฝีปากเหมือนจะขยับตอบรับจิตสำนึกไปโดยอัตโนมัติ จึงเอ่ยเรียกชื่อออกมา
“พี่สิงห์”
“กายตื่น พี่ขอร้องละ”
“ร้อน ไม่สิ หนาว ทำไมเป็นแบบนี้”
ไม่เพียงพูด แต่ร่างกายของเด็กหนุ่มกำลังขยับดิ้นไปมาอยู่บนเตียงกว้าง
แรงดิ้นที่ทำให้ผ้าปูที่นอนยับย่น ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าสะท้อนความกังวลใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“กายวุธ พูดกับพี่”
“ร้อน พี่ช่วยผมด้วย ทำไมร้อนอย่างนี้ ร้อน ไม่ หนาว หนาว ทำไมมันทั้งร้อนทั้งหนาวแบบนี้”
ร่างที่แสดงอาการดิ้นรนราวถูกแผดเผา และเย็นยะเยือกในคราวเดียวไม่ตอบสนองต่อเสียงที่กำลังแสดงความห่วงใย
“กาย อดทนนะ พี่พยายามจะช่วยเราอยู่”
“ช่วย ช่วยผมด้วย”
“ช่วยสิ แต่หลังจากนี้ถ้าเรารู้สึกตัวต้องไม่โกรธพี่นะ พี่ขอบอกเราไว้ก่อนเลยว่าพี่ไม่อยากจะใช้วิธีนี้เลย”
แต่เหมือนกายวุธไม่อาจจะคุมสติที่จะรับรู้ข้อเสนอใดๆ อีกต่อไปแล้ว และสภาพร่างกายของเด็กหนุ่มที่ไม่มีทีท่าจะดีขึ้นแม้แต่น้อย ยิ่งเร่งเร้าให้ชายหนุ่มตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
.
.
.
สิงห์ปลดเปลื้องอาภรณ์ห่อหุ้มกายทั้งหมดของเด็กหนุ่มออกไปแล้ว แต่เสียงครวญครางทั้งเรื่องความร้อน ความหนาวยังออกจากปากของอีกฝ่ายไม่ขาดสาย
อาการที่ไม่ปกตินั้น ทำให้ชายหนุ่มผู้ช่วยเหลือมั่นใจถึงสาเหตุของอาการ แต่ทว่าก็หนักใจในวิธีการแก้ไขที่กำลังจะดำเนินการไม่น้อยไปกว่ากัน
อาการจากการสัมผัสสิ่งชั่วร้ายที่เขาพยายามเตือนอีกฝ่ายให้ระวังตัวมาโดยตลอด
“กาย พี่จะแก้ไขให้ แต่ตอนนี้เราตอบรับพี่ก่อนว่าจะอนุญาตให้ทำ”
“ช่วยด้วย ร้อน ผมร้อน ทั้งแสบทั้งร้อนจะตายอยู่แล้ว น้ำ ต้องลงไปในน้ำ ไม่ ไม่ หนาวๆ ผมหนาว ช่วยเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้ผมหน่อย”
“กาย ตอบพี่ เราโดนพิษของพราย มันเรียกเราลงน้ำ เราจะลงน้ำตอนนี้ไม่ได้นะ ได้ยินพี่ไหม ตอบรับพี่ก่อน แล้วถึงพี่จะช่วยเราได้”
เสียงเรียกของสิงห์ และการเอื้อมมือไปตบแก้มของกายวุธเบาๆ ดูเหมือนจะเรียกสติกลับมาที่ร่างของเด็กหนุ่มได้เล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายปรือตา พยายามจะมองเขา แล้วเอ่ยปากตอบรับความช่วยเหลือที่อีกฝ่ายเสนอให้
“พี่สิงห์ ช่วย ช่วยผมด้วย จะทำอะไรก็รีบทำ ผมจะไม่ไหวแล้ว มันทั้งร้อน ทั้งหนาว”
“สัญญากับพี่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องมีสติ อย่ากลัว และจำเอาไว้ พี่อยู่ข้างๆ เสมอ”
“สัญญา จะทำอะไรก็ทำ มันทั้งร้อนทั้งหนาว จนผมจะตายอยู่แล้ว”
เสียงครวญครางไม่ได้สติ การอนุญาต และการรับคำ เป็นสัญญาณให้สิงห์ตัดสินใจทำการช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างเร่งด่วน
.
.
.
.
“โอ๊ย”
เสียงแรกที่กายวุธเปล่งออกมาเมื่อขยับร่างกายคือเสียงร้องโอดโอยจากความเจ็บแปลบและเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นบริเวณสะโพกและช่วงขา
“กาย เป็นอะไรไป ร้องทำไม” เสียงของเพื่อนร่วมห้องที่ยันตัวลุกชะโงกหน้าออกมาจากผ้าห่ม ร้องทักเมื่อได้ยินเสียงร้องของอีกฝ่าย
“นิว เราปวดตัวไปหมดเลย”
“หือ กายเป็นอะไร นอนอยู่เฉยๆ แล้วทำไมถึงปวดตัวได้ล่ะ”
“นอนหรือ” กายวุธพึมพำ “ทำไมเรามานอนที่นี่ได้ล่ะ ก็เมื่อคืน”
“เมื่อคืนทำไมหรือ”
“ไม่มีอะไร เราคงฝันน่ะ นิวนอนต่อเถอะ ยังไม่เช้าเลย” แล้วเป็นกายวุธเองที่เลือกตัดบทเพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมห้องนั้นกลับไปสู่ห้วงนิทรา และไม่ต้องมากังวลใจ แม้ในใจของเขาจะมีความสงสัยในความผิดปกติที่ยังอยู่ในความทรงจำอยู่เต็มอก
“ทำไมถึงมานอนอยู่ที่นี่ได้นะ ก็เมื่อคืน” กายวุธพึมพำ ก่อนสะบัดผ้าห่มที่คลุมกายออกจากตัว อาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาให้ก้มมองสำรวจร่างกาย
รอยจ้ำแดงที่ปรากฎอยู่ทั่วผิวขาวตรงหน้าอก
รอยกัดที่อยู่ตรงหัวไหล่ และแนวกระดูกไหปลาร้า
เมื่อเอื้อมมือไปแตะเข้ากับสะโพก และช่องทางหลืบลับด้านหลัง
“เจ็บ”
เด็กหนุ่มก็ต้องสะดุ้งกาย จนเปล่งเสียงร้องโอดโอยเบาๆ ออกมา เพราะความบวมแดงของช่องทางที่เรียวนิ้วได้สัมผัส
หลักฐานทั้งหลายที่ร่างกายของเขา ทำให้กายวุธแน่ใจได้ว่า ความทรงจำอันรางเลือกนั้นไม่ใช่ความฝัน แต่ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นจริงๆ
แล้วเขารอดมาจากการถูกตัวประหลาดนั่นดึงขาลงน้ำได้อย่างไรนะ ความทรงจำสุดท้ายคือ ความรู้สึกกระวนกระวายทั้งร้อนทั้งหนาว
ใช่ แล้วก็มีคนมาช่วย
พี่สิงห์
เขาจำได้ว่า เขาเรียกชื่อพี่สิงห์ แล้วเขาก็ได้เห็นพี่สิงห์มาช่วยเขาไว้จริงๆ
แต่สภาพร่างกายตอนนี้นี่มันอะไรกัน เหมือนผ่านสมรภูมิรบมาอย่างไรอย่างนั้น
ไม่ใช่สิ สภาพร่างกายเข้าตอนนี้มันคือ สภาพของคนเพิ่งมีเซ็กซ์มาชัดๆ เขาก็ไม่ได้โง่เง่า ไร้เดียงสาเป็นเด็กน้อยขนาดที่จะไม่รู้ว่ารอยตามตัว ทั้งรอยแดง รอยกัดนี้เกิดจากอะไร แถมความเจ็บแปลบที่ช่องทางด้านหลังนี่อีก นี่มันหลักฐานถูกล่วงละเมิดอธิปไตยชัดๆ
แล้วมันเกิดจากใครกันนะ พี่สิงห์ หรือ ไอ้ตัวประหลาดนั่น
ไม่สิ ถ้าเป็นตัวประหลาดนั่น เขาคงไม่ได้มานอนอยู่ในเรือนนอนอย่างนี้
พี่สิงห์งั้นหรือ
ยิ่งคิดทบทวน กายวุธก็พบว่าร่างกายอันอ่อนล้า ส่งปฏิกิริยาให้ปากอ้าหาววอด สมองที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักในการทบทวนเหมือนจะตื้อเอาดื้อๆ
ช่างเถอะ ยังหายใจอยู่ นอนสักตื่น เดี๋ยวตื่นมาคิดต่อ
แล้วเด็กหนุ่มก็เลือกที่จะสะบัดผ้าห่มขึ้นคลุมกายแล้วเข้าสู่ห้วงนินทรา
.
.
.
“สวัสดีครับ” หลังจากเคาะประตู กายวุธก็เอื้อมมือจับลูกบิดเพื่อเปิดประตูเข้าสู่ห้องทำงานของนักจิตวิทยาที่คุ้นเคย พร้อมเอ่ยทักทาย
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตรงหน้า เงยหน้าขึ้นสบตาผู้มาเยือนแล้วก็เอ่ยตอบรับ
“สวัสดีครับ”
แต่เป็นกายวุธเองที่ต้องชะงักเมื่อได้เห็นใบหน้าเจ้าของพักเข้าเต็มตา
“เอ่อ นี่ห้องทำงานพี่สิงห์ไม่ใช่หรือครับ”
“สิงห์ไหนกายวุธ วันนี้ เธอมีเรื่องมาปรึกษาหรือ”
“พี่เป็นใคร”
“อ้าว อะไรกัน อยู่ก็จำพี่ไม่ได้ซะอย่างนั้น นี่พี่ศรไง เป็นอะไรไปเรา”
อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ ทำท่าราวขบขันใส่คำถามของกายวุธ
“แล้วพี่สิงห์ไปไหน”
“สิงห์ไหนหรือ”
“พี่สิงห์ ที่เป็นนักจิตวิทยา”
“กายวุธ ทั้งศูนย์นี่ ก็มีพี่เป็นนักจิตวิทยาคนเดียวนะ”
คำตอบของอีกฝ่ายที่มาพร้อมกับสายตาจริงจัง ทำให้กายวุธชะงักงัน
บางสิ่งผิดปกติไป
เด็กหนุ่มหมุนตัวกลับออกจากห้องพักโดยเร็วโดยไม่สนใจคู่สนทนาอีกต่อไป เพื่อมุ่งกลับไปที่เรือนนอน
“นิว”
กายวุธส่งเสียงเรียกเพื่อนร่วมห้อง เพื่อสอบถามในสิ่งที่ตนสงสัย
“นิว พี่สิงห์ไม่อยู่”
“พี่สิงห์ไหนหรือกาย”
“สิงห์ที่เป็นนักจิตวิทยาไง ที่เราไปคอนซัลท์ด้วยน่ะ”
“กาย นักจิตวิทยาของเรามีแค่พี่ศรคนเดียวนะ แล้วคนที่กายไปคุยด้วยตลอดก็พี่ศรไม่ใช่หรือ”
“นิว เราจำได้จริงๆ นะ มันไม่ใช่พี่ศร ไม่ใช่คนนี้ หน้าตาก็ไม่ใช่แบบนี้”
“เรางงนะกาย กายหมายถึงใครกัน”
“นิว เราว่ามันไม่ถูก มันมีบางอย่างผิดไป”
“กาย ใจเย็นๆ นะ เราไม่เข้าใจ กายหมายถึงเรื่องอะไร”
กายวุธมองหน้าเพื่อนสนิทที่ทำหน้าฉงนกับสิ่งที่เขาถาม และยืนยันในคำตอบ
เขาก็เลือกสูดลมหายใจยาวๆ เข้าปอดครั้งหนึ่ง ก่อนที่ตัดสินใจเอ่ยตัดบทกับเพื่อน เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมากังวลกับความผิดปกติที่เขาเองก็ไม่อาจจะอธิบายได้
“เราคงยังมึนๆ ล่ะนิว เราขอนอนพักสักหน่อยแล้วกันนะ”
“กายไม่สบายก็พักเถอะ งั้นเราไปเรียนก่อนนะ”
เมื่อเพื่อนขยับตัวเดินออกไปจากห้อง และเสียงปิดประตูห้องพักดังขึ้น
กายวุธขยับลุก พาร่างกายไปที่หน้ากระจกบานใหญ่ พร้อมๆ กับถอดเสื้อที่กำลังสวม
รอยแดงเป็นจ้ำ และรอยขบกัดที่ยังชัดเจน ปรากฏอยู่ทั่วเรือนร่าง
ทำให้กายวุธที่กำลังเอามือลูบรอยต่างๆ ส่งเสียงพึมพำออกมา
“รอยเยอะขนาดนี้ แถมเอวยังปวดอยู่เลย นี่มันอะไรกัน คิดจะฟันแล้วทิ้งใช่ไหมพี่สิงห์”
.
.
.
.
.
“ร้อน หนาว ไม่ไหวแล้ว ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย”
“กาย ร่างกายของเจ้า ข้าขอล่วงเกินแล้ว”
กายวุธได้ยินคำพูดขออนุญาตเพียงเท่านั้น ในความทรงจำที่ค่อยๆ พยายามทบทวน ร่างกายของเขาเหมือนมีทั้งเตาพัดโหมพัด และพายุหิมะหมุนวน ทั้งความร้อน ความหนาว พัดพาตีกันในร่างกายภายในอย่างยากอธิบาย
หลังจากคำอนุญาตนั้น กายวุธไม่ได้ยินเสียงอื่นใดจากร่างสูงที่มีเงาพาดทับร่างเขาอีก
มีแต่เพียงสัมผัสที่เคลื่อนผ่านฝ่ามือไล้ไปทั่วร่าง
ริมฝีปากที่ทาบลงมา และลิ้นที่รุกเข้ารุกราน จูบที่ดูดดึงลิ้นของของเขาให้ร่วมเคลื่อนไหว
กายวุธจำได้ว่าเขาตอบสนองร่างสูงอย่างไร ลิ้นร้อนที่โรมรันถูกอีกฝ่ายขบกัดและดูดดึงอย่างรุนแรงแค่ไหน ก่อนที่เสียงคำอธิบายของพี่สิงห์จะดังเข้าสู่โสตประสาทอีกครั้ง
“กายวุธ อดทนนะ พิษของพรายมันต้องขับออก ข้าสัญญาว่าจะช่วยเจ้าให้ปลอดภัย”
แล้วหลังจากนั้น ริมฝีปากของพี่สิงห์ก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวอีกครั้ง ไล่ไปตามร่างกาย ไล้ไปตามบริเวณที่ถูกพรายน้ำสัมผัส ไล้เลียเพื่อถอนพิษที่วิญญาณร้ายได้สัมผัสผ่าน
ตลอดระยะทางของริมฝีปาก ล้วนเหลือร่องรอยดูดดึงเป็นจ้ำแดงไว้ ในส่วนที่รอยพิษพาดผ่านมา สิงห์เลือกที่จะขบกัดและดูดดึง ทิ้งรอยฟันไว้ทั่วบริเวณ
แม้รู้สึกได้ว่าร่างกายของกายวุธตอบสนองต่อการถอนพิษร้าย แต่ว่าพิษที่อีกฝ่ายได้รับนั้นไม่ได้เพียงสัมผัส เพราะเขามาช้าเกินไป
เพราะกายวุธเรียกร้องความช่วยเหลือจากเขาช้าเกินไป
พรายน้ำได้สัมผัสริมฝีปากของเด็กในความดูแลไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมๆ กับที่ได้ทิ้งพิษร้ายไว้ในร่างกายของอีกฝ่าย
หนทางเดียวตอนนี้ คือ ขับพิษของพรายออกมาจากร่าง และเติมพลังวิญญาณเข้าไปทดแทน
กายวุธขยับร่างกายดีดดิ้นจากความทรมานของความร้อน และความหนาวที่ยังคงโจมตีจากภายในร่างกาย
สิงห์จับร่างของอีกฝ่ายเปลี่ยนท่าให้นอนคว่ำตัวลง แล้วกดรวบมือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มที่กำลังปัดป่ายไปทั่วมารวบไว้ด้วยมือข้างเดียว ในขณะที่มืออีกข้าง เลื่อนไล้ไปตามสะโพกขาว และขยับนิ้วมือยาวเข้าไปในช่องทางแคบ ค่อยๆ ขยับขยายช่องทางให้พรั่งพร้อมเพื่อการรักษาที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า
“อือ เจ็บ”
“อดทน ผ่อนคลาย และเชื่อใจ ทุกอย่างมันจะผ่านไปด้วยดี และตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว แค่ต้องรักษานะกายวุธ”
“ช่วยผมด้วย ร้อน ไม่ หนาว ฮือ”
สิงห์ตระหนักว่าสิ่งที่ต้องทำนั้น ควรต้องยิ่งเร่งมือเท่าใด นิ้วที่อยู่ในร่างอีกฝ่ายก็ขยับเข้าออกให้เร็วเท่านั้น พร้อมๆ กับที่เพิ่มจำนวนของนิ้วเข้าไปช่วยกันขยายช่องทาง
ร่างที่นอนคว่ำขยับดิ้น จากทั้งความร้อนหนาวเพราะพิษพรายที่ได้รับ และความรู้สึกที่แทรกเข้ามาจากการรุกรานของสิ่งที่ร่างกายไม่เคยได้พบ
ก่อนที่นิ้วมือทั้งสามจะถูกดึงออก และร่างกายที่ถูกตระเตรียมก็ได้รับความเร่าร้อนของท่อนเนื้อที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วอยู่หลายเท่าไปแทนที่
เสียงกรีดร้องของกายวุธไม่ได้ทำให้สิงห์ที่รุกรานร่างกายของเด็กหนุ่มนั้นหยุดมือ กลับกันเขายิ่งเพิ่มความเร็วของการเคลื่อนไหว เพราะรู้ว่าการเคลื่อนไหวนั้นเป็นทางเดียวที่เขาจะช่วยแลกเปลี่ยนพลังวิญญาณจากร่างเขาเข้าสู่ร่างกายเด็กหนุ่มได้อย่างรวดเร็ว
มือที่ว่างจากการตระเตรียม เปลี่ยนขยับไปยังกลางร่างของกายวุธ เพื่อรีดเร้นพิษของพรายให้ออกมาจากร่างเด็กหนุ่ม
มือใหญ่กอบกุมขยับเคลื่อนไหว เสียงจากกายวุธเปลี่ยนจากร้องคร่ำครวญจากความร้อนหนาว กลายเป็นเสียงครางหวานหู
ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการกลับคืนสู่สภาพปกติ
และนั่นยิ่งทำให้สิงห์ขยับร่างกายของตน ควบขับเหนือร่างกายของเด็กหนุ่มให้รวดเร็ว และเร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ
ริมฝีปากไล้เลียเอาพิษที่ตกค้างบนผิวกายออก พร้อมๆ กับกำหนดสมาธิขับเคลื่อนร่างกายของตนเข้าออก เพื่อเติมพลังชีวิตให้ร่างตรงหน้า มือที่กอบกุมพยายามเร้นพิษให้ขับออกทางสายน้ำที่กำลังเคลื่อนหลั่ง
เสียงร้องครางของกายวุธที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ขาดห้วง สลับกับการร้องขอความเร็ว และความรุนแรงที่เกิดจากการกระทำทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ล้วนเป็นตัวกระตุ้นขับดันให้สิงห์ยิ่งโจนทะยาน และขยับเคลื่อนไหว
เหมือนเสียงร้องเป็นพลังงานให้การเคลื่อนไหว
ยิ่งร้องคราง ยิ่งขยับ
ยิ่งเรียกร้อง ยิ่งโถมใส่
การเคลื่อนไหวที่สอดประสานกำลังนำทั้งสองร่างสู่เป้าหมาย
สิงห์สัมผัสได้ถึงพิษที่กำลังเคลื่อน และกำลังถูกขับดันออกมาด้วยพลังจากวิญญาณของเขา
และนั่นยิ่งทำให้เขาขยับร่างกายให้เร็วขึ้น เร็วขึ้น
เสียงหวีดร้อง และสายธารขุ่นขาวที่ถูกร่างเล็กขับออกมา ทำให้สิงห์ยิ้มอย่างพอใจ เพราะนั่นหมายถึงเขาสามารถเอาพิษที่อยู่ภายในออกมาได้แทบทั้งหมด แม้ว่าการขับนั้นจะทำให้อีกฝ่ายต้องเสียพลังวิญญาณออกไปด้วย แต่เขาก็พร้อมที่จะเติมเพิ่มให้อยู่เบื้องหลัง
สิงห์จึงตัดสินใจขยับควบร่างกายให้เร็วขึ้นอีก และต่อเนื่อง เพื่อเร่งเร้าเอาสายธารของร่างตนส่งผ่านเข้าสู่ร่างของอีกฝ่ายเพื่อทดแทนวิญญาณส่วนที่เสียไป
เสียงกรีดร้องของกายวุธดังขึ้นอีกครั้งเมื่อส่วนที่รุกรานของสิงห์สัมผัสเข้ากับจุดกระทบในร่างกายอย่างต่อเนื่อง อารมณ์ปั่นป่วนที่ได้สัมผัสกับพลังวิญญาณที่อีกฝ่ายส่งเข้ามาในร่าง สร้างความรู้สึกที่ไม่อาจจะอธิบาย
กายวุธรู้เพียงว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้ทรมานเช่นเมื่อโดนพิษสักครู่ แต่เพราะว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้พบเจอ เขาไม่อาจจะอธิบายได้ว่าควรเรียกมันว่าเป็นความรู้สึกเช่นไร แต่มันอบอุ่นและปลอดภัย
สายธารที่อาบรดร่างกายภายใน ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังซึบซับเอาความฉ่ำร้อน และความอบอุ่นเข้าสู่ร่างกายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เมื่อความทรมานหายไป ความอบอุ่นเข้ามาทดแทน สติกายวุธก็ถูกดึงเข้าสู่ห้วงนิทราโดยที่ไม่อาจจะฝืนรั้งไว้กับร่างกายของตนเองได้อีกต่อไป
.
.
.
.
.
.
ระหว่างที่นั่งทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
กายวุธพยายามสั่งให้สมองเรียกคืนความทรงจำ ผสมกับที่สิ่งที่ร่างกายนั้นจดจำ
สมาธิก็มาถูกทำลายเพราะเสียงๆ หนึ่ง
“บอกแล้วใช่ไหม ว่ากลางคืนไม่ควรออกมาจากห้องนอน”
เสียงที่คุ้นเคยซึ่งดังขึ้นข้างหลังร่างของกายวุธที่กำลังนั่งหย่อนขาลงในสระว่ายน้ำ
“แล้วนี่อะไร ออกมานั่งที่นี่อีกแล้ว ไม่เข็ดไม่หลาบเลยใช่ไหม”
เสียงที่เต็มไปด้วยความดุดัน แต่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัว ผิดที่กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นเสียอีก
“ถามไม่ตอบล่ะกายวุธ ทำไมไม่ไปนอน”
“แล้วทำไมผมต้องตอบคนที่ฟันแล้วทิ้งแบบพี่ด้วย” เด็กหนุ่มที่โดนอีกฝ่ายดุ ไม่เพียงไม่หวาดกลัว ไม่เพียงไม่สำนึกตามที่ว่า กลับหันมาตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสะบัดแกมตัดพ้อ
“อะไรคือฟันแล้วทิ้ง”
“แล้วสิ่งที่พี่ทำบนร่างกายผม ไม่ได้เรียกฟันแล้วทิ้งหรือไง”
“กายวุธ”
“อย่ามาส่งเสียงดังข่มนะ”
“มันไม่ใช่ มันคือการรักษา ที่เธอก็เอ่ยอนุญาตแล้ว”
“ผมไปอนุญาตให้พี่มาทำอะไรผมตอนไหนกัน นี่มันฟันแล้วทิ้งชัดๆ ตื่นมาก็ไม่มีพี่อยู่แล้ว จะให้เรียกอย่างอื่นได้ไง”
“พี่ไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ข้างเธอแล้ว”
“อะไร พี่พูดเหมือนว่ากำลังจะไปไหน”
“ไม่ได้ไปไหนหรอก เพียงแต่กำลังจะหมดหน้าที่ที่จะดูแลเธอแล้ว”
“พี่สิงห์”
“ไม่ดีหรือ ไม่มีคนมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช เธอจะได้ใช้ชีวิตได้สะดวกสบายขึ้น”
กายวุธผุดยืนขึ้นเต็มความสูง สายตาส่งไปเผชิญหน้ากับคนที่ยืนอยู่ก่อน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่สิงห์ พี่จะไปไหน แล้วทำไมไม่มีใครจำพี่ได้ อะไรต่ออะไรมันแปลกไปหมด”
“ไม่แปลกหรอก ทุกอย่างที่เป็นตอนนี้คือสิ่งที่เป็นปกติของมันแล้ว”
สิงห์กล่าวในขณะขยับเท้าถอยหลังไปเล็กน้อย เมื่อกายวุธเป็นฝ่ายขยับเดินเข้ามาใกล้
“พี่อธิบายมา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วพี่เป็นใคร”
“อยากรู้ แล้วเธอไม่กลัวหรือ”
“กลัวอะไร ผมมานั่งอยู่ที่นี่ พี่ว่าผมจะต้องกลัวอะไรอีก เกือบจะตายเพราะโดนตัวประหลาดอะไรก็ไม่รู้ดึงลงน้ำ”
“มันคือพราย เป็นวิญญาณเร่ร่อนที่อยู่ในน้ำ มันหาตัวตายตัวแทนไปอยู่แทนมัน จิตใจที่มีช่องว่างของเธอดึงดูดมันมา”
“แล้วยังไงต่อ ทำไมผมไม่ตาย”
“กายวุธ อย่าพูดเรื่องตาย มันไม่เป็นมงคล คำพูดมีพลัง มีอำนาจในการชี้นำนะ เวลาพูดจงพูดแต่สิ่งที่ดีๆ เป็นมงคล อย่าพูดเรื่องอัปมงคล อย่าท้าทายสิ่งเหนือธรรมชาติ และอย่าเอ่ยตอบเมื่อมีคนไถ่ถามชื่อยามค่ำคืน อย่างเช่นที่ทำเมื่อตอบรับไอ้พรายนั่น”
“ผมตอบรับอะไรตอนไหน”
“ก็เธอตอบบทสนทนาของมัน แถมไปบอกชื่อกับมันอีก ล้วนเป็นเงื่อนไขในการผูกพันธะและตอบรับการชักชวน”
“บ้าบอไปละ ใครกำหนดเงื่อนไขแบบนี้ไว้เนี่ย”
“ก็เคยบอกแล้ว อย่าออกมาเวลากลางคืน มันมีสิ่งที่อธิบายไม่ได้ในโลกของเจ้ามากมาย”
“แล้วพี่เป็นใคร สรุปว่าพี่ทำอะไรกับร่างกายผม ทำไมไม่มีใครจำพี่ได้ เหมือนไม่มีใครรู้จักพี่มาก่อน”
“...”
“ทำไมไม่ตอบ”
“เรื่องบางสิ่งนั้น ไม่รู้น่าจะดีกว่าในการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาตามปกตินะ”
“พี่คิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับผม จะทำให้ผมใช้ชีวิตตามปกติได้อีกหรือไง”
“พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นเลย แต่ว่าวิธีที่จะช่วยเธอแบบเร่งด่วน มันมีทางแค่นั้นจริงๆ นะ”
“โดยการเอาผมเนี่ยนะ”
“อย่าพูดจาหยาบคายแบบนั้นได้ไหม การกระทำนั้นเพียงแค่พยายามเชื่อมต่อเพื่อถ่ายเอาพิษของพรายออกมาจากร่างกาย และเอาพลังวิญญาณใส่เข้าไปต่างหาก”
“งั้นหรือๆ ก็คือ เอาผมแล้วทิ้งอยู่ดี”
“ไม่ใช่”
“อะไรคือไม่ใช่ สรุปว่าพี่คือตัวอะไรกันแน่ คือพวกเดียวกับตัวประหลาดนั่นหรือ”
“พวกเดียวกันแปลว่าอะไร ถ้าแปลว่าไม่ใช่คนเป็นก็คงใช่ แต่ว่าเชื่อเถอะ พี่ไม่มีวันทำร้ายเธอแบบมันแน่นอน”
“สรุปว่าพี่คือตัวอะไร”
“เธอเคยได้ยินไหม ว่าเด็กทุกคนนั้นมีวิญญาณคอยดูแลอยู่”
“นิทานเรื่องแม่ซื้อน่ะหรือ”
“ก็คงประมาณนั้น บางคนก็อาจจะเรียกแม่ซื้อ เพียงแต่แม่นั้นคงแทนเพศเมีย แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิญญาณผู้ดูแลไม่ได้มีแต่เพศเมีย”
“พี่เป็นแม่ซื้องั้นหรือ”
“ข้าเป็นเพศผู้ จะเป็นแม่ได้อย่างไร”
สิ้นคำอธิบาย ร่างสูงตรงหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนสภาพ ร่างที่สูงใหญ่อยู่แล้ว สูงใหญ่ขึ้นไปอีก และส่วนใบหน้านั้น แปรสภาพเป็นสิงห์อย่างเช่นชื่อ
“สิงห์ งั้นหรือ”
“ใช่ ข้าเป็นวิญญาณที่มีพันธะคอยปกปักเจ้าตามที่ผู้ให้กำเนิดเจ้าร้องขอ”
“พ่อแม่งั้นหรือ”
“ใช่ ตั้งแต่เจ้าเกิดมา เขาก็ร้องเรียกวิญญาณประจำวันให้มาคุ้มครอง เช่นเจ้า เกิดวันอาทิตย์ ก็มีข้าคอยดูแล มันเป็นความเชื่อเก่าแก่ คนเป็นยุคนี้อาจจะไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อถือ”
“แต่พ่อกับแม่ตายไปแล้ว”
“นั่นก็ใช่ แต่คำร้องขอยังผูกพันธะอยู่กับตัวเจ้าและข้า วันที่เจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าจึงมาอยู่ด้วย อาศัยอำนาจจัดการกับความทรงจำนิดหน่อย อาศัยซ้อนทับกับร่างมนุษย์ที่ชื่อ ศร ให้ข้าได้คอยดูแลเจ้าได้อย่างเปิดเผย จนวันที่เจ้าเป็นผู้ใหญ่ในอีกไม่ช้า”
“แล้วยังไง แล้วพี่ก็จะเลิกดูแลผมแล้วงั้นหรือ”
“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้ายังจะคงอยู่กับเจ้าเสมอ จนกว่าอายุเจ้าจะล่วง 20 ปีบริบูรณ์”
“ผมยังไม่ 20 แล้วทำไมถึงหายไป”
“ไม่ได้หาย เพียงแต่ไม่อยากให้เจ้าสับสนนะกายวุธ เมื่อเรื่องเมื่อคืนผ่านไป ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้า เฮ้อ ที่ล่วงล้ำร่างกายเจ้าไปมากทีเดียว”
“ออ ก็รู้นี่นาว่าฟันแล้วทิ้ง”
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดจาหยาบคาย”
“ไม่ได้หยาบคาย แค่พูดอธิบายตรงๆ”
“ข้าบอกแล้วว่ามันคือการรักษา”
“ไม่รู้ล่ะ เอาเป็นว่าพี่ต้องมารับผิดชอบร่างกายผม เอาสิถ้าฟันแล้วทิ้งนะ จะแม่ซื้อหรือพ่อซื้อ ก็จะจุดธูปฟ้องให้ดู”
“ข้าอยู่ข้างเจ้าเสมอ”
“ถึงผมจะอายุ 20 แล้ว ก็ต้องไม่ไปไหนสิ เข้าใจไหม”
“เจ้าจะผูกพันธะกับข้าต่องั้นหรือ”
“ก็ถ้าพี่เรียกว่าพันธะ ผมก็จะผูกพันธะ เพียงแต่ว่าอย่าทิ้งผมไปไหน”
สิงห์ก้มมองเด็กหนุ่มตรงหน้า
เด็กน้อยที่เขาดูแลมาตั้งแต่กำเนิด
เด็กน้อยที่เขาเฝ้าคอยคุ้มครอง
และแย้มยิ้มด้วยใบหน้าราชสีห์ เมื่ออีกฝ่ายต้องการเช่นนั้น แล้วทำไมเขาจะต้องปฏิเสธพันธะที่เขาเต็มใจจะรับไว้นี่ด้วยล่ะ
“ก็ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็ยินดีจะมีพันธะดูแลเจ้าตลอดไป”
และอ้อมกอดของกายวุธที่ขยับเข้ามา ก็เปรียบเป็นค่าตอบแทนแก่พันธะที่มีให้กับวิญญาณผู้ปกปักเช่นเดียวกัน...ตลอดไป
********************************************************
สวัสดีค่า ขอเอาพ่อซื้อวันอาทิตย์มานำเสนอ แบบยาวมากๆๆๆๆๆ
สนใจเรื่องสั้นในซีรีย์เดียวกันนี้ จิ้มจากสารบัญนี้ได้เลยค่ะ อ่านแยกก็ได้ อ่านตามลำดับก็ดีน้า
อ่านแล้วติชมอย่างไร บอกกล่าวพูดคุยกันได้ที่
https://twitter.com/PlusOneNovel นะคะ
#FGFseries
**************************
edit 31/10/62 สนใจเรื่องสั้นในซีรีย์เดียวกันนี้ จิ้มจากสารบัญนี้ได้เลยค่ะ อ่านแยกก็ได้ อ่านตามลำดับก็ดีน้า
[#FGFseries] #1 กลับบ้าน[#FGFseries] #2 เหงา[#FGFseries] #3 สัญญา[#FGFseries] #4 พันธะ