YR Mine นายผู้ปกครอง ภาคพิเศษ .. เพราะรักมันไม่ง่าย ปรินซ์ธามเลยกลับมาอีกครั้ง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: YR Mine นายผู้ปกครอง ภาคพิเศษ .. เพราะรักมันไม่ง่าย ปรินซ์ธามเลยกลับมาอีกครั้ง  (อ่าน 2726 ครั้ง)

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17

เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

****************************************************

สวัสดีฮะ



"YR Mine นายผู้ปกครอง"
[/b] จบไปแล้วล่ะ แต่มีผู้อ่านอยากให้ต่อ เพราะกว่าจะลงเอยก็ลุ้นเหลือเกิน
เราเลยจะมาต่อกันว่า เรื่องราวต่อจากนั้นมันเป็นยังไงบ้าง ใจจริงจะเป็นแค่ตอนพิเศษ แต่ก็ยาวจนกลายเป็นภาคพิเศษ ฝากอ่านกันด้วยนะฮะ
[/color]
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2019 10:55:33 โดย After5p.m. »

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
01
- ระหว่างเรา -
..กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.. มีเจ้าชายพระองค์หนึ่งถือกำเนิดขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธ์ิ ดินแดนลี้ลับที่ตั้งอยู่ ณ สุดขอบที่แสงแห่งดวงตะวันมาบรรจบกับผืนแผ่นดิน เมืองแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงพืชพรรณรกทึบ ซ้ำยังมีม่านหมอกหนาหนักลอยทิ้งตัวอยู่ทั่วชายเขต.. ดินแดนแห่งนี้ไร้ซึ่งผู้ล่วงรู้นามแห่งเมือง.. ไม่มีคำกล่าวขานอันใดเกี่ยวกับเมืองนี้ในหมู่นักเดินทาง แต่หากมีปรัมปราเรื่องเล่าขานในหมู่ชนชาวเมืองศักดิ์สิทธิ์ถึงการมีอยู่ของโลกภายนอก..
“..ณ กาลหนึ่งย้อนถอยไปหลายร้อยปี มีเด็กชายผู้ซุกซนสงสัยในการก้าวข้ามผ่านกำแพงธรรมชาติออกไปยังโลกภายนอก.. เด็กชายเพียรพยายามที่จะออกเดินทางไปยังสุดเขตดินแดนแห่งเมือง.. เขาทำสำเร็จ.. ก่อนจะพบว่าโลกภายนอกนั้นไม่สุขสวยงามเท่าดินแดนที่จากมา ผู้คน.. ผืนดิน.. ล้วนแห้งแล้งไม่ต่างกัน เขาพบสัจธรรมที่ชวนให้นึกถึงบ้าน แต่เมื่อเขาต้องการหวนกลับคืนกลับไม่พบหนทาง.. เขาเดินหลงอยู่ในม่านหมอกหนานั้นจนลืมวันลืมเวลา.. ผืนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ปฏิเสธผู้คิดปฏิเสธ.. ท้ายที่สุดเด็กชายก็กลับไปไม่ถึงบ้านของเขา แต่ร่างที่ไร้ลมของเขาก็ยังได้อาศัยอยู่ ณ ชายขอบดินแดนที่เขารัก เพื่อบอกให้วิญญาณแห่งเด็กชายรับรู้ว่า แม้แผ่นดินนี้จะไม่โอบรับผู้ที่ครั้งหนึ่งนำใจออกห่าง.. แต่ก็ไม่ไร้เมตตาแก่ผู้ที่เกิดในดินแดนแห่งนี้..”

‘เรื่องเล่าก็คือเรื่องเล่า’

เจ้าชายแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์คิดเช่นนี้นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า..

“มีใครเคยพบร่าง หรือหลุมศพของเด็กชายผู้นั้นหรือไม่?”

“รู้ได้อย่างไรว่าเด็กชายประสพพบเจอสิ่งใดที่นอกเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อเขาหลงทางและตายลงที่ชายเขตแดน? ใครเป็นผู้รับสารแห่งเด็กชาย?”

“บิดามารดาและครอบครัวของเด็กชายคือผู้ใด เชื้อสายตระกูลที่ยังคงอยู่คือวงศ์ใด? มิเช่นนั้น.. เรื่องเล่าเรื่องนี้เริ่มต้นจากผู้ใด? เหตุใดเขาจึงรับรู้เรื่องอันถือเกิดขึ้น?”

“หรือเรื่องนี้ถูกส่งต่อเพียงเพื่อปรามปราบตักเตือนผู้ที่คิดออกจากดินแดน?”

เจ้าชายสอบถามพระอาจารย์ทุกคนทุกครั้งที่ถูกย้ำเตือนถึงเรื่องเล่าเรื่องนี้.. และพระอาจารย์ทุกคนก็ทำได้เพียงส่ายหัวเมื่อจนใจต่อคำถามที่ยากจะตอบให้ชัด และพิสูจน์ให้เจ้าชายประจักษ์ได้..

อยู่มาวันหนึ่ง.. เจ้าชายผู้เติบใหญ่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์เปี่ยมพร้อมด้วยความรู้ ปัญญา แลสรีระอันสมส่วนเหมาะกับรูปโฉมอันงามสง่า ..คิดที่จะล่วงพ้นออกจากอาณาจักรด้วยเพราะต้องการสืบค้นความจริงที่สดับรับฟังมาตลอดชีวิต..
..พระองค์ออกเดินทางจากพระราชวัง ผ่านอุปสรรคนานับประการทั้งจากธรรมชาติที่ไม่ทราบได้ว่าใครเป็นผู้กำหนดกะเกณฑ์ และจากผู้คนประชากรชาวเมืองที่คอยทัดทานเจ้าชายอยู่ตลอดทาง แต่ก็ไม่สามารถหยุดรั้งความตั้งใจจริงแห่งเจ้าชายได้
..เวลาล่วงพ้นมาสามทิวาราตรี เจ้าชายเริ่มอ่อนละโหยโรยแรง เสบียงที่เตรียมมาหมดลงแล้ว.. และพืชผักผลไม้ที่เคยอุดมระหว่างทางก็หาได้ยากเมื่อขอบเขตเมืองศักดิ์สิทธิ์ใกล้สิ้นสุด..

..ร่างบางของเจ้าชายล้มลง.. แต่ก่อนที่ร่างของเจ้าชายจะล่วงหล่นถึงพื้นดินอันแห้งผาก ปรากฎบุรุษปริศนาที่คว้าเอาร่างของเจ้าชายไว้.. เจ้าชายมองไปยังดวงหน้าของชายผู้นั้น มันถูกซ่อนอยู่ภายใต้เงามืดของเสื้อคลุมที่ทำหน้าที่ปกปิดรูปลักษณ์ตามเจตนาของผู้สวมใส่..
“...” ไร้ซึ่งเสียงใดจากชายแปลกหน้า
“...”  เช่นเดียวกับเจ้าชาย ที่สิ้นสติก่อนเอ่ยสิ่งใด..

เช้าวันรุ่งขึ้น.. แสงตะวันและเสียงแห่งหมู่มวลปักษาพากันส่องแสงและขับร้องประสานปลุกให้เจ้าชายตื่นจากนิทรา.. ..พระองค์ตื่นจากการบรรทม แต่การขาดซึ่งสิ่งหล่อเลี้ยงร่างกายยังคงก่อการสร้างความอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงแก่ตัวเจ้าชายแม้การหลับไหลพอจะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าได้.. เจ้าชายพยายามยันกายขึ้นนั่งพิงผนังไม้อย่างยากลำบาก สภาพของกระท่อมไม้โดยรอบไม่ได้สร้างความประหลาดใจมากนัก แต่การที่ร่างของเจ้าชายเกือบเปล่าเปลือยสร้างความคลางแคลงใจแก่พระองค์ไม่น้อย..
“...” ชามของอาหารถูกยื่นมาตรงหน้าของเจ้าชาย ..ไม่มีเสียงใดจากบุรุษตรงหน้า.. ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใด
..เจ้าชายยกมือขึ้นเพื่อจะรับชามอาหารนั้น แต่พยายามอยู่หลายครั้งก็ไม่อาจระงับอาการสั่นอันเกิดจากการอ่อนแรงได้..
..ชายผู้มีเมตตาแต่ไร้ซึ่งอารมณ์จึงนั่งลงบนเตียงไม้ที่ปูด้วยขนสัตว์เก่านุ่มข้างร่างของเจ้าชาย เขาตักน้ำซุปอุ่นขึ้นจรดที่ริมฝีปากของเจ้าชาย..

อาหารในชามพร่องจนเกือบหมด.. ชายแปลกหน้าลดชามลงและวางมันลงที่โต๊ะข้างเตียง.. เขาเคลื่อนดวงหน้าเข้าใกล้เจ้าชาย ขณะที่ใช้สายตาจ้องสะกดไว้.. เขาจุมพิตเจ้าชายโดยที่พระองค์ไม่ทันรู้ตัว.. แม้พลังกายจะเริ่มคืนกลับ แต่เจ้าชายก็ไม่อาจต้านทานแรงแห่งความปรารถนาของตนได้! ..ด้วยเพราะรสที่ไม่เคยสัมผัส ..สัมผัสที่ไม่เคยถูกล่วง.. แรงแห่งกายทั้งมวลที่ชายผู้นี้รุกลํ้าโถมทิ่มแทงกระทำต่อร่างกายอันบริสุทธิ์ ดุจพญาเหยี่ยวที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ถูกเกี้ยวพา.. มาบัดนี้กลับถูกอินทรีย์เร่ร่อนสอนให้โผร่อนบินบนนภาที่ไร้อาณาเขต.. เหล่าสกุณาที่เคยส่งเสียงเจื้อยแจ้วเมื่อกาลก่อนกลับเงียบเสียงสงัด แสงแห่งนภาพลันสับเปลี่ยนจากวันสว่างเป็นคืนมืด ท้องฟ้าส่งเสียงก้องคำราม.. น้ำแห่งฟ้าสาดระส่ำซัดกระแทกตามแรงลม.. อารมณ์แห่งบุรุษยากที่จะหยุดยุดยั้งด้วยสิ่งใดในเวลานี้เมื่อร่างอ่อนตรงหน้าตอบรับสนองต่อตามสัญชาตญาณความต้องการอย่างสัตย์ซื่อ.. หยาดเหงื่อที่ไหลโทรมของบุรุษทั้งสองหลอมรวมเป็นธารนํ้าเดียว.. เวลานี้ความร้อนรอบกายคงสามารถทําลายได้แม้ทิวเทือกน้ำแข็ง.. เจ้าชายแห่งเมืองเร้นลับไร้ซึ่งสติรับรู้ปัจจุบัน.. แต่ห้วงแห่งความปรีติอันเป็นที่สุดแห่งชีวิตกลับเป็นปัจจุบัน.. ลมหายใจสุดท้ายแทบปลิดลงเมื่อแรงกระทำแห่งชายนิรนามดำเนินถึงจุดหมายอันถูกต้องและเหมาะสม..

..เวลารอบกายหยุดนิ่งสนิทราวกับดวงอาทิตย์ดวงจันทร์พากันหยุดเคลื่อนไหว เสียงทุกเสียงบนโลกพากันเงียบราวกับมีใครมาลักหลบลี้หนีไกล..

“...”
“...”
..เจ้าชายมองทอดสายตาขึ้นสบกับดวงตาคู่เรียวที่ยังยั้งรั้งอยู่เหนือร่างของตน ความเหนื่อยหอบที่ยังคงทำให้ร่างระรัวสั่นไหว.. ..สติอันพล่าเลือนค่อยคืนกลับสู่เจ้าชาย เมื่อแสงจากฟ้าที่ทะลุผ่านม่านหน้าต่างสว่างวาบทาบลงบนใบหน้าของชายนิรนาม.. บุรุษที่อยู่ในความทรงจำไม่ว่ายามหลับหรือตื่น..

ปรินซ์!

ผมสะดุ้งตัวตื่นขึ้นจากที่นอนทันที
“เป็นอะไร.. ฝันร้าย?”
“...” ปรินซ์นั่งลงบนเตียงข้างตัวผมก่อนกอดผมไว้ในอ้อมอกอันแข็งแกร่ง กลิ่นหอมประจำตัวของปรินซ์กำลังทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายหายตระหนกจากความฝัน แม้ร่างกายยังคงสั่นรัว..
“ว่าไง.. ฝันว่าอะไรครับ”
“...”
ปรินซ์ยิ้ม.. ผมเห็นใบหน้าของคนรักของผมชัดเจนแม้ในเงาสลัวของโคมไฟสีส้มและแสงจากอรุณรุ่งที่ยังไม่อยากฉายแสง
“ฝันเห็นพี่ใช่ไหม?”
“รู้ได้ไง!”
“ก็ธามเรียกชื่อพี่..”
“...”
“แล้วธามฝันว่าอะไร..”
“ฝันว่า..” ผมก้มหน้าหลบสายตาปรินซ์
“ฝันแบบนี้รึเปล่า..” ปรินซ์ไล่ริมฝีปากนุ่มคลอเคล้าที่คอของผมอย่างรู้งาน ก่อนขยับเคลื่อนเลื่อนลง.. ร่างกายของผมกําลังตอบสนอง.. และนี่ไม่ใช่ความฝัน..
“ปรินซ์..” อาาา.. ผมพยายามฝืนเก็บเอาเสียงที่ดังอยู่ภายใน คงน่าอายถ้าผมจะบอกปรินซ์ว่าผมฝันว่าอะไร และตอนนี้ผมกำลังต้องการอะไร.. ปรินซ์หยุด! ทั้งที่มือของผมกำลังกำหลังเสื้อของปรินซ์แน่น
“..ฝันอย่างนี้สินะ” ปรินซ์กระซิบที่ข้างหู
“!!!” ผมดันร่างของปรินซ์ออกจากตัวเองทันที
ปรินซ์ยิ้มทั้งที่ทำผมหงุดหงิด
“พี่ต้องไปทำงานแล้ว วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้น แล้วก็อีกหลายประชุม..”
“...”
“ไม่โกรธพี่นะ”
“...”
“ธามนอนต่อเถอะ” ปรินซ์กอดกระชับผมอีกครั้งก่อนจะลุกและเดินจากไป..

..หลังจากที่ครอบครัวของเราทั้งสองคนยอมรับ ยินดี แถมยังส่งเสริมในความจริงใจของทั้งผมและปรินซ์ เราทั้งคู่ก็ได้รับอนุญาตให้แยกออกมาอยู่คอนโด ปรินซ์ทำงานในตำแหน่งรองผู้อำนวยการบริษัทที่ป๊าของปรินซ์เป็นผู้ก่อตั้ง ส่วนผมก็ทำงานเป็น Strategic Planner อยู่ในบริษัทโฆษณา คอยวางกลยุทธ์ให้กับสินค้าที่ต้องการทำแผนการสื่อสารการตลาดให้ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด ความจริงป๊าของปรินซ์ก็อยากให้ผมทำงานที่บริษัท แต่ผมปฏิเสธ.. ผมว่าการอยู่ใกล้กันมากเกินไปของเราอาจทำให้ทั้งผมทั้งปรินซ์เสียงาน และปรินซ์ก็ไม่ควรโดนใครนำมาวิพากษ์เรื่องรสนิยมความรักด้วย..

..โจ๊ก ที่ยังมีไอร้อนระอุลอยวนถูกวางอยู่บนโต๊ะพร้อมกระดาษโน๊ต

‘รักธามนะครับ..’

ผมยิ้ม ..อย่างน้อยนี่ก็พอจะลบค่าความหงุดหงิดใจของผมได้บ้าง แต่ก็เพียงชั่วครู่ เมื่อนึกถึงคำบอกเล่าของปรินซ์ว่าอาจต้องบินไปจีนเพราะมีเจรจาธุรกิจที่นั่น ซึ่งจะหมายความว่าในวันครบรอบสามปีของเรา ปรินซ์กับผมจะไม่ได้มีเวลาร่วมกันเหมือนทุกปีที่ผ่านมา.. เฮ้อ
.
.
“เป็นไรของมึงเนี่ย ทำหน้าเป็นหมาขี้ไม่ออก” ไอ้บรีส.. AE มากฝีมือ ขายงานไหนได้งานนั้น มันทักทายผมทันทีที่เจอหน้ากันในห้องประชุมยามสาย
“..เมื่อเช้ามึงขี้ออกไหม?” ผมถามมัน
“..เมื่อเช้า ไม่ออกว่ะ”
“...”
“ไอ้เชี่ยธาม!” ผมหัวเราะ “เออ ยิ้มได้ก็ดี สรุปเครียดเรื่องไรวะ”
“กูคงเก็บเอางานไปคิดต่อในฝันมั้ง ตื่นมาเลยตึงๆ”
“ไม่ให้พี่ปรินซ์ช่วยคิดวะ”
“ปรินซ์ยุ่งจะตาย เมื่อเช้ายังรีบออกแต่เช้า”
“ออ ที่แท้ก็เพราะพี่ปรินซ์ไม่มีเวลาให้”
“ไม่ใช่โว้ย! เครียดเรื่องงาน”
“เออๆ งานก็งาน แล้วนี่มึงจะลาเหมือนทุกปีใช่ไหม”
“ไม่แน่ใจว่ะ ไม่รู้ปรินซ์จะว่างรึเปล่า..”
“โอ๋ๆ”
“โอ๋เชี่ยไรของมึง”
“ก็มึงจะร้องไห้อยู่แล้ว กูก็เลยปลอบ”
“กูเปล่าร้อง”
“เออๆ ว่าแต่มึงรู้แล้วใช่ไหมว่าเรามีครีเอทีฟใหม่”
“ไม่เห็นรู้”
“มันก็เพิ่งเข้ามาเนี่ยแหละ งานนี้งานแรก ได้ข่าวว่าจบนอก เคยอยู่เอเจนซี่ใหญ่ มีรางวัลแอดการันตีฝีมือ”
“แล้วมาทำไรที่นี่วะ”
“นั่นดิ”

“พวกคุณมาเร็วกันดีนะ” บอสจอห์น เอ็มดีของบริษัทที่เพิ่งก้าวเท้าผ่านประตูกระจกของห้องประชุมเข้ามากล่าวทักทายพวกผม ซึ่งลุกขึ้นยืนพร้อมกันแทบจะทันที
“... / …”

โต๊ะประชุมรูปวงรีสไตล์โมเดิร์นพร้อมสำหรับการประชุมพิจารณาแผนการโฆษณาครั้งสำคัญ
“ก่อนที่เราจะมาดูว่าทีมครีเอทีฟคิดงานอะไรมาบ้าง ผมขอแนะนำครีเอทีฟคนใหม่อย่างเป็นทางการ..”
..ร่างสูงโปร่งสวมเสื้อเชิ้ตสีดําตัวหลวมเนื้อดีดูมีราคา กางเกงยีนส์สีเข้มขาเดฟเข้ารูปมีแบรนด์ และรองเท้าหนังกลับสีน้ำตาลทรงทันสมัย ไม่นับนาฬิกาเรือนใหญ่ที่เด่นเตะตาเพราะแขนเสื้อที่ถูกพับขึ้นอย่างตั้งใจ เพื่ออวดว่าเจ้าของร่างกายนี้มีรสนิยมดีและมีระดับแค่ไหน.. ครีเอทีฟคนใหม่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องทันทีที่บอสจอห์นพูดจบเหมือนฉากในละครตอนเปิดตัวตัวละครใหม่ที่จะมีผลต่อเส้นเรื่อง.. ดวงตาคมมองผ่านความใสของแว่นกรอบกลมสีเงินมายังพวกเราทีละคนและหยุดลงที่บอสจอห์น รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าและการเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบายๆ ซ้ำอกที่ผายกว้างอวดผิวขาวเนียนเพราะกระดุมที่ถูกปลดต่ำเกินความจำเป็น บอกได้ชัดว่าพนักงานใหม่คนนี้พกความมั่นใจในตัวเองมาเต็มเปี่ยม
“นี่ภูผา.. ครีเอทีฟที่..ใช้ได้ ไม่เลว และน่าสนใจ” บอสจอห์นพูดจบก็พยักหน้าให้นายภูผาเหมือนกับจะบอกว่า ‘อ่ะ ตานายพูดล่ะ’
“ผมว่าเราเริ่มพรีเซนต์งานกันเลยดีกว่าครับ พูดมากเสียเวลา”
“!!! / !!! / !!! / !!!”
.
“เชี่ยแม่ง น่าสนใจจริงๆ ด้วยว่ะ” ไอ้บรีสกระซิบ
“...”
.
“โอเค” บอสจอห์นนั่งลงที่หัวโต๊ะ ส่วนไอ้คุณภูผาก็นั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างบอสจอห์นฝั่งตรงข้ามของผม
“ผมขอเริ่มจากนพก่อนล่ะกัน”
‘นพ’ ครีเอทีฟสุดเซอร์ ถึงวิถีการใช้ชีวิตจะใกล้คำว่าซกมก แต่ไอเดียกลับไม่รกเหมือนห้องที่มันนอน ผมรู้ดีเพราะเคยไปสังสรรค์ที่ห้องมันกับไอ้บรีส และไอ้บอสที่ถูกปรินซ์ส่งมาตามดูแลผมเพราะปรินซ์ไม่ว่าง ไอ้นพลุกขึ้นยืนขายสิ่งที่มันคิดประกอบสไลด์สตอรีบอร์ดของมันแบบชิลๆ

“อืม ดี ผมชอบนะ” บอสจอห์นพูดเมื่อไอ้นพพรีเซนต์จบ “ทีนี้ก็คุณภูผา.. เชิญครับ”
ไอ้คุณภูผาลุกขึ้นยืน “ก่อนที่ผมจะพรีเซนต์.. ผมอยากพูดกับแพลนเนอร์..”
บอสจอห์นผายมือมาทางผม “นี่ธาม แพลนเนอร์ของเรา”
ไอ้คุณภูผาใช้สองมือเท้าโต๊ะ ยื่นหน้ามองผมพร้อมรอยยิ้มที่ดูโคตรไม่จริงใจ “ผมว่ากลยุทธ์คุณน่าสนใจดีนะ” ผมยิ้มบางแทนคำขอบคุณอย่างรักษามารยาท แล้วไอ้คุณภูผาก็เริ่มสาธยายไอเดีย

“โอเค ไอเดียนี้ก็น่าสนใจ ความอบอุ่นของแสงสว่าง ตอบโจทย์กลยุทธ์ขายอิโมชั่นแทนที่จะเป็นฟังก์ชั่น.. งั้นก็โหวตเลยล่ะกัน” ผมชินกับการออกเสียงแบบต่อหน้าต่อตาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ทั้งที่ตอนแรกผมรู้สึกผิดที่จะต้องเลือกงานของใครสักคน แล้วยังต้องวิเคราะห์ ตำหนิ หาจุดบกพร่อง ข้อดี ข้อเสียของไอเดียต่อหน้าเจ้าของความคิดด้วย มันคือการสร้างศัตรูชัดๆ แต่ทำไงได้ในเมื่อบอสหัวนอกบอกว่าการพูดตรงๆ ต่อหน้าย่อมดีกว่าการพูดลับหลัง และการพูดคุยถกเถียงให้เห็นข้อดีข้อด้อยร่วมกัน คือการร่วมมือกันทำงานอย่างแท้จริง ..ตรงไปตรงมา
“ใครที่ซื้อไอเดียของนพยกมือครับ”
……….…
“โอเค งั้นที่เหลือคือซื้อไอเดียของภูผานะ.. งั้นก็มติเอกฉันท์ ไอเดียของภูผาจะถูกนำไปขายต่อให้ลูกค้า มีใครต้องการแย้งหรืออยากเพิ่มอะไรไหม”
……….…
“ไม่มี โอเค งั้นพวกคุณก็เตรียมตัวขายงานได้เลย ผมฝากด้วยนะธาม”
“ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับบอส”
“โอเค งั้นไปคุยที่ห้องผม”
“ครับ”

“ว่าไงธาม”
“ผมจะขอไม่ไปพิชงานชิ้นนี้ครับ”
“ทำไมล่ะ”
“พอดีผมรู้จักกับคนในบริษัทนั้นเป็นการส่วนตัวน่ะครับ มันคงดีกว่าถ้าผมไม่เข้าไปมีผลกับการตัดสินใจ”
“..โอเค ได้ เพราะถึงคุณจะไม่ได้ไปร่วมพรีเซนต์ แต่ผมก็มั่นใจในแผนของคุณ ไหนจะบรีส แล้วก็.. ภูผา”
“บอสดูจะเชื่อมือเขามาก?”
“ก็เหมือนกับที่ผมเชื่อมือคุณนั่นแหละ”
“..ขอบคุณครับบอส”
“ยังไงก็.. อย่าตีกันล่ะ”
“เอ่อ ..ครับ” ผมยิ้มบาง ไปบอกไอ้คุณภูผาเถอะบอส!!!!
.
“มึงจะไม่ไปอ่ะดิ”
“เออ มึงก็รู้”
“จ้า พ่อคุณธรรมสูงส่ง แทนที่จะใช้ความเป็นลูกสะใภ้ให้ได้งาน”
“มึงเงียบเลยเชี่ยบรีส!”
“ก็จริงนิหว่า แค่มึงไปโผล่หน้า ก็รู้ผลล่ะ”
“ถ้าเราจะได้งานก็เพราะไอเดียเพราะฝีมือโว๊ย ไม่ใช่เพราะกูเพราะปรินซ์”
“เออๆ”
.
รอยยิ้มเหยียดปรากฎบนใบหน้าของคนมาใหม่ที่ตั้งใจผ่านมาได้ยิน
..ข้อมูลถูกต้อง ธัญญ์หรือธาม คนของปรินซ์อชิระ..
.
.
..เลิกงาน
“ไอ้ธามไปหาข้าวกินกัน วันนี้แฟนกูไม่ว่างว่ะ”
“พอแฟนไม่ว่างล่ะเห็นหัวกู”
“เออ ก็เหมือนมึงนั่นแหละ”
“ก็ถูกของมึง งั้นกูไปล่ะ ต้องรีบกลับไปทํากับข้าวให้ปรินซ์กิน”
“เอ๊าเชี่ยธาม”
“...”
“งั้นกูไปกินด้วย”
“ไม่ได้”
“ไอ้งก!”
“เออกูงก.. เจอกันพรุ่งนี้ รีบมาด้วย จะได้บรีฟอีกทีก่อนไปบริษัทปรินซ์”
“คร๊าบบบคุณแพลนเนอร์”
.
Rrrrrrr…
[ธามครับ]
“อือ ..กําลังจะกลับแล้ว เย็นนี้เป็นสลัดอกไก่นะ”
[ธาม.. คือพี่ต้องอยู่ประชุมโปรเจ็กต์เมืองจีน ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ธามกินก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องรอพี่]
“...”
[ธาม..]
“..ฟังอยู่”
[ไม่โกรธ?]
“..ไม่โกรธ”
[ไม่งอน?]
“..ไม่งอน”
[รักธามนะครับ]
“..เออๆ กูก็รักมึง”
[พูดไม่สุภาพกับพี่ ต้องการอะไรรึเปล่า]
“เปล่า”
ปรินซ์หัวเราะ..
[คุณปรินซ์ค่ะ ทุกคนพร้อมแล้วค่ะ]
[โอเคครับ]
[ธาม.. พี่ไปประชุมก่อนนะ]
“อืม ตั้งใจทํางานล่ะ”
ปรินซ์วางสายเรียบร้อย ผมเป็นคนมีเหตุผลพอที่จะเข้าใจและไม่หงุดหงิด ..มั้งนะ ก็จะหงุดหงิดทําไมยังไงก็ได้เจอปรินซ์อยู่ดี สมองซีกซ้ายหาข้อแก้ต่างมาบอกผม ..ซึ่งก็จริงตามนั้น ผมกดโทรศัพท์โทรออกหาไอ้บรีส หวังว่ามันจะยังไปไม่ไกล มันพูดถูก เวลาของแฟนจะกลายเป็นเวลาของเพื่อน ..เมื่อแฟนไม่ว่าง

ผมเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับรองเท้าหนังกลับ และกางเกงยีนส์สีเข้มที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ..ไอ้คุณภูผา

“...”
“...”
“เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับคุณภูผา”
“ถ้าคุณพอมีเวลา ผมอยากจะคุยกับคุณเรื่องงาน”
“ออ ได้ครับ งั้นก็ร้านกาแฟใต้ตึก..”
“แต่ตอนนี้ผมหิวแล้ว ถ้าไงเราทานอาหารไปคุยไปก็ได้มั้งครับ”
“...”
“หรือคุณมีนัดกับใคร..”
“..ไม่มีครับ”
“งั้นไปรถผมนะ ทานเสร็จผมไปส่งคุณเอง” ไอ้คุณภูผาพูดพลางเดินพลาง
“ไม่เป็นไรครับ ผมเอารถมา คุณขับนําไปได้เลย”
ไอ้คุณภูผาหยุดเดิน และหันหลังกลับมามองผมด้วยความสูงที่ผมต้องเงยหน้ามองตอบอย่างเริ่มมีอารมณ์!
“เราต้องช่วยกันลดปัจจัยที่จะส่งเสริมภาวะโลกร้อนสิครับ ทางเดียวกัน.. ก็ไปคันเดียวกัน..”
“!!!”
“เชิญครับ”
ผมยอมเดินตามไอ้คุณภูผาไปขึ้นรถสปอร์ตสีดำด้านราคาหลายล้านที่นั่งได้แค่สองคนอย่างเลี่ยงไม่ได้ เดี๋ยวขากลับค่อยเรียกแท็กซี่กลับมาเอารถก็ได้ แม่ง!
.
.
..อาหารไทยตํารับชาววังรสชาติละเมียดบนพื้นที่ของเรือนไม้โบราณบรรยากาศดีมีภาพแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่ใกล้ตกลับหายไปกลับแนวลํานํ้าเจ้าพระยาที่ทอดยาว ..เป็นอีกหนึ่งมื้ออาหารที่ชวนจดจํา ..ไว้จะมากับปรินซ์ ป๊าม๊า ม๊าแล้วก็ป้าป้า ทุกคนต้องชอบแน่ๆ
“ชอบใช่ไหมครับ”
“..คุณภูผาถามว่าอะไรนะครับ”
“ผมถามว่าชอบใช่ไหมครับ”
“ชอบนะครับ บรรยากาศดี อาหารก็อร่อยมาก”
“ดีใจนะที่คุณชอบ”
“ต้องขอบคุณคุณภูผา ผมเลยได้รู้จักร้านอาหารดีๆ เพิ่มอีกหนึ่งร้าน”
“คราวหน้าจะมากับใครเหรอครับ”
“..ก็ครอบครัว อืม ผมว่าเราคุยเรื่องงานกันเลยดีกว่า”
“จริงๆ ก็ไม่มีอะไรแล้วนะผมว่า”
“!!!”
“ผมก็แค่อยากทําความรู้จักกับเพื่อนร่วมงาน”
“คุณน่าจะบอกก่อน คราวหน้าจะได้มากันหลายๆ คน โดยเฉพาะไอ้บรีส มันคุยสนุกมาก”
“เฮ้อ.. แต่ผมดันอยากรู้จักแค่คุณเนี่ยสิ”
ผมยิ้มบาง อะไรของมันวะ! “ถ้าคุณภูผาไม่มีอะไร ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีมีคนรออยู่..”
“งั้นผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ..” ไอ้คุณภูผาปั้นหน้าจริงจังใส่ผม “แหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย.. ใส่เพราะเสริมฮวงจุ้ย หรือใส่เพราะเป็นแหวนแทนใจครับ”
“..เป็นแหวนแทนใจครับ” ผมตอบแบบไม่ลังเล ไม่รู้ว่าจะถามทําไม แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริงที่ผมไม่เคยปิดบังใครอยู่แล้ว ใครถามก็ตอบ แต่ไม่เคยบอกว่าใครคือเจ้าของ..
ไอ้คุณภูผายิ้มมุมปากพลางตักเนื้อสละลอยแก้วชิ้นสุดท้ายเข้าปาก
“..ผมตอบคําถามแล้ว งั้นก็กลับกันได้แล้วนะครับ เดี๋ยวผมกลับแท็กซี่เอง ส่วนมื้อนี้ผมขอเลี้ย..”
ไอ้คุณภูผาส่ายหัว “ผมพาคุณมา จะให้คุณเลี้ยงได้ยังไง”
“..แต่ผมเป็นรุ่นพี่ของคุณที่นี่ คิดซะว่าผมเลี้ยงต้อนรับล่ะกันครับ”
“งั้นเก็บโควต้าไว้เลี้ยงผมคราวหน้าดีกว่า ให้คุณเป็นคนเลือกร้าน ส่วนครั้งนี้ให้ผมเลี้ยง ..เพราะมันเป็นวันแรกที่เราได้รู้จักกัน”
“..งั้นก็แล้วแต่คุณภูผาเลยล่ะกันครับ เจอกันพรุ่งนี้ครับ” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินจากมาโดยไม่คิดรักษามารยาท เออ อยากเลี้ยงก็เลี้ยง

น่าสนใจกว่าที่คิด..
“คุณครับ คิดเงินด้วยครับ”
.
.
..คอนโด
..ธาม
“..กี่โมงแล้วเนี่ย” ผมงัวเงียตื่นขึ้นเพราะโดนคนตัวสูงกว่าช้อนเอาร่างลอยขึ้นจากโซฟา ผมคงเผลอหลับไป..
“เกือบเที่ยงคืน..”
“สงสารลูกน้องปรินซ์ โดนใช้เกินเงินเดือน..”
“พี่ให้ทุกคนกลับตั้งแต่ทุ่มนึงแล้ว”
“???” ผมมองหน้าปรินซ์
“พี่อยากรีบเคลียงาน เลยอยู่ดึก.. ธามเหอะ เอาแต่สงสารคนอื่น ไม่สงสารพี่เหรอ” ผมยิ้ม ปรินซ์กําลังทําหน้างอ ..ชวนมอง
“หิวไหม กินไรมายัง ให้ธามทําไข่ตุ๋นให้กินไหม” ปรินซ์ยิ้มก่อนโน้มหน้าลงเอาปลายจมูกมาดมแก้มผม
“หิวครับ.. แต่พี่อยากกินอย่างอื่นมากกว่า..” ปรินซ์ทำหน้าเจ้าเล่ห์ชวนหมั่นไส้ น้ำเสียงที่ใช้ก็ออดอ้อนชวนสงสาร แต่ไม่รู้ทําไมสายตาคู่คมที่มองมากลับทําผมใจเต้นแรง.. เชี่ยปรินซ์!!! นี่กูจะต้องรู้สึกหวั่นไหวตกหลุมรักมึงวนไปอีกสักกี่รอบ..
“ไม่ง่วงรึไง”
“ก็ง่วง แต่พี่ก็อยากเอาใจธามนี่”
“หึ” ปรินซ์วางผมลงบนเตียงนุ่ม ผมเอาสองแขนโอบรอบคอของปรินซ์ไว้..
“ไม่ต้องมาหึเลย เมื่อคืนธามยังเอาพี่ไปฝัน ตื่นมาตัวสั่นอย่างกับว่า..”
“..ก็ฝันว่าโดนคนโรคจิตวิ่งไล่ตามเลยร้องหาปรินซ์ ..แค่นั้น”
ปรินซ์ยิ้ม “ดีใจจังขนาดในฝันธามยังคิดถึงพี่ ขอบคุณนะ”
“ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้มานอน”
“อ้าว แล้วที่พี่บอกว่าหิว..”
“ไม่ได้! เดี๋ยวปรินซ์นอนน้อย พรุ่งนี้มีงานสำคัญด้วย”
“..จริงด้วย งั้นพรุ่งนี้ธามไปพร้อมพี่เลยนะ”
“พรุ่งนี้ไม่ได้ไปบริษัทปรินซ์”
“ทำไม?”
“ก็อยากให้ปรินซ์เลือกแบบยุติธรรม แล้วก็ได้งานที่ดีที่สุด”
ปรินซ์ยิ้ม ก่อนแตะริมฝีปากนุ่มลงบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา
“เฮ้อ..”
“ถอนหายใจทำไม?”
“พี่ไม่อยากอาบน้ำ อยากนอนกอดธามแล้ว”
“ไม่ได้! รีบไปอาบจะได้รีบมานอนให้ไวเลยปรินซ์” ผมคลายแขนของตัวเองออกจากคนตัวสูง และออกแรงดันเบาๆ
“...” ปรินซ์ทําหน้าอ้อนเหมือนเด็กๆ
“..จะรอ”
“ได้ครับ ไปเดี๋ยวนี้เลย” ปรินซ์ดีดตัวเองออกจากเตียงอย่างไวก่อนหายเข้าไปในห้องนํ้า
.
..ปรินซ์
..คนตัวเล็กกว่าของผมหลับสนิท ผมยิ้มและล้มตัวลงนอนข้างๆ ไม่รู้สึกแปลกใจที่ธามไม่ตื่นรออย่างที่บอกไว้ เราต่างคนต่างรู้ดีว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุด เราก็จะไม่ทํากิจกรรมกันให้หมดแรงและนึกอิดออดต่อภาระในวันรุ่งขึ้น ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับข้อตกลงของธาม เพราะผมก็อยากให้ธามได้พักผ่อนหลังศึกรักเกือบค่อนคืนของเรา และผมก็อยากมีเวลาเอาใจธามชดเชยกับความยุ่งและยุ่งของงานตลอดสัปดาห์ ..ผมค่อยๆ จับเอาแขนของธามให้เข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่ม ผมยิ้ม ทุกคืนที่ได้เห็นธามนอนอยู่ข้างๆ มันคือการชาร์จพลังงานชีวิต.. ธามคือความสุขของผม.. ผมคงต้องนอนบ้างแล้ว เผื่อว่าธามจะมาชวนผมเข้าไปอยู่ในความฝันอีก แต่ยังไม่ทันจะหลับตาลง ธามก็ขยับเข้าใกล้และซุกร่างบางๆ ในอ้อมอกของผม
“ฝันดีนะปรินซ์” ธามพึมพำเสียงเบา คงเป็นชุดคำสั่งสุดท้ายของสมองก่อนธามจะหลับ ผมกอดร่างคนตัวเล็กกว่าไว้..
“ฝันดีเหมือนกันครับ”
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
02
- รู้ไหมว่า..หวง -
.
.
..บริษัทของปรินซ์
..ห้องประชุม
..ปรินซ์
“..ความอบอุ่นของแสงสว่าง”
“ครับ นี่คือตีมของโฆษณาชิ้นนี้ เราต้องการเล่นกับอารมณ์ของกลุ่มเป้าหมายแทนที่จะบอกฟังก์ชั่นของสินค้าเพราะเป้าหมายของเราคือการสร้างการจดจำแบรนด์”
“...”
“เราจะเล่าเรื่องของเด็กหญิงคนหนึ่งที่กำลังเผชิญกับความมืดมิดในชีวิต เธอสูญเสียคนรอบตัวไปเพราะอุบัติเหตุ ความเคว้งคว้างกำลังครอบงำเธอ แต่แล้ววันนึงเธอก็ได้รับความช่วยเหลือ ได้รับกำลังใจจากครูที่เธอไม่เคยคิดที่จะเคารพ.. เธอจึงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของแสงสว่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ นั่นก็คือครูของเธอนั่นเอง..”
“ทำไมถึงใช้บทบาทของครูครับ”
“ผมมองว่าอาชีพครูคืออาชีพที่น่าศรัทธาที่สุดครับ”
“...”
“..ใครๆ ก็รู้บทบาทหน้าที่ของครูดี ผมจึงต้องการให้โฆษณาชิ้นนี้อิมแพคใจของผู้ชม รีมายด์หน้าที่ของครู ซึ่งนั่นจะยิ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ครับ”
“มีท่านใดมีคำถามอีกไหมครับ”
…………
“โอเคครับ ขอบคุณทางทีมมากครับ เราจะเก็บไอเดียของพวกคุณไว้พิจารณา” ผมกล่าวสรุปเมื่อเห็นว่าทีมของบริษัทธามนำเสนอเสร็จเรียบร้อย ผมรู้ดีว่าธามเป็นแพลนเนอร์ แผนการสื่อสารเริ่มจากธาม คนตัวเล็กไม่ทำให้ผมผิดหวัง แต่ยังไงก็คงต้องดูมติจากกรรมการทุกคน
“ผมหวังว่าพวกเราจะได้รับโอกาสดูแลแบรนด์ของคุณอชิระนะครับ”
ผมหันหน้ามองตามเสียงที่พูดขึ้น ..ครีเอทีฟที่ชื่อภูผา “ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ” ผมตอบ ..ครีเอทีฟที่พูดเก่งไม่แพ้เออี ไหนจะความมั่นใจ การแต่งกายที่แตกต่างจากครีเอทีฟทั่วไป โดดเด่น น่าสนใจ ทำผมแทบจะลืมบรีสเพื่อนของธามไปซะสนิท..
.
.
..ร้านอาหารข้างตึกออฟฟิศ

“ถ้าไม่รังเกียจขอผมนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
“..ได้สิครับ เชิญครับ”
……..
“ผมขอแบบเดียวกันครับ” คนมาใหม่กล่าวกับพนักงานของร้านที่มารอรับออเดอร์อาหาร
“ร้านนี้อร่อยหลายอย่างนะครับ คุณน่าจะลองเลือกดูก่อน”
“ผมเชื่อในเทสของคุณอชิระน่ะครับ”
“แต่มันก็อาจจะไม่ถูกปากคุณก็ได้นะครับ”
“แต่เท่าที่ผมเห็น.. ผมว่าน่าจะรสชาติดีทีเดียว.. ผมเลยอยากลองบ้าง”
“..งั้นก็ลองดูครับ ออ แล้วก็เรียกผมว่าปรินซ์ก็ได้ครับ”
“ครับ ส่วนผมภูผาครับ”
“ผมจําคุณได้ พรีเซนต์เมื่อกี้ดีมากครับ แต่การที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน มันไม่มีผลต่อการตัดสินหรอกนะครับ”
“ครับ ผมเองก็ชอบความสําเร็จที่วัดกันจากฝีมือมากกว่า ไอ้การชนะแบบใช้เส้นสายเนี่ย ผมว่ามันคือการดูถูกด้วยซํ้า”
“...”
“แพลนเนอร์ของผมก็คิดแบบนี้..”
“?” ผมเงยหน้าขึ้นมองคุณภูผา ‘..แพลนเนอร์ของผม’
“..ได้ยินว่ารู้จักกับคนที่นี่เลยขอไม่มา เพราะกลัวจะมีผลกับการตัดสิน.. เป็นคนดีมากเลยนะครับ”
พนักงานของร้านวางอาหารลงบนโต๊ะ
“ขอบคุณครับ” คุณภูผาพูดกับพนักงานก่อนที่พนักงานจะยิ้มรับและเดินจากไป
“...”
“ผมชื่นชมความซื่อสัตย์ของเขาจริงๆ กลยุทธ์ที่เขาคิดก็ถูกใจผมมาก คุณอชิระคิดแบบนั้นไหมครับ”
ผมยิ้ม.. “ครับ ผมก็ชอบคนที่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ส่วนเรื่องแผนงาน.. ก็น่าประทับใจครับ”
“ผมจะเก็บคําชมของคุณไปบอกแพลนเนอร์ของผมให้นะครับ”
“...”
“คุณปรินซ์อิ่มแล้วเหรอครับ”
“ครับ ถ้าไงผมขอตัวก่อนนะครับ ผมมีประชุมต่อ” คุณภูผายืนขึ้นทันทีที่ผมลุกจากเก้าอี้
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ ไว้เจอกันใหม่ครับ”

ผมเดินจากมาพร้อมอารมณ์..
.
..ภูผา
เหมือนกันเลยนะไอ้นิสัยทิ้งคนอื่นไว้ที่โต๊ะ..
“คุณครับ”
“ครับ”
“คิดเงินด้วยครับ”
“คุณอชิระชําระเงินเรียบร้อยแล้วครับ”
“ออ ขอบคุณครับ”

คนนึงติดค้างมื้ออาหารเราหนึ่งมื้อ อีกคน..เราก็ติดค้างอาหารเขาหนึ่งมื้อ.. ทําไงดีน้า..
.
.
..คอนโด
..กลิ่นมะระยัดไส้หมูสับต้มจืดใส่เก๊ากี้หอมอวลไปทั่วห้องครัว มะระไม่ขม..ปรินซ์ไม่บ่นแน่ๆ เก๊ากี้เบอร์รี่อบแห้งจากเมืองจีนที่ม๊ากับป้าป้าหิ้วมาฝากเพื่อบํารุงสายตา..ปรินซ์ต้องปลื้มแน่ๆ แต่เดี๋ยวปรินซ์จะหาว่าจืด ผมเลยเตรียมเมนูกุ้งสดไซส์เล็กผัดใบกระเพราหอมเผ็ดใส่พริกสดหั่นบางไว้เสิร์ฟคู่กัน กินกับข้าวสวยร้อนๆ รับรอง..เหงื่อแตก เผาผลาญ เจริญอาหารแน่นอน ผมฮัมเพลงขณะที่มือซ้ายกําเอาพริกสดที่ตีพอแหลกบนเขียงสาดลงบนกระทะแบนที่ร้อนได้ที่ ผมอารมณ์ดี.. ปรินซ์ไลน์มาบอกว่าวันนี้จะรีบกลับหลังจากที่กลับมืดกลับดึกติดๆ กันมาหลายวัน.. 

..ปรินซ์กลับมาแล้ว ผมรู้เพราะเสียงกดรหัสที่ดังจากระบบล็อกประตู

“หอมจัง” คนตัวสูงกอดผมจากข้างหลัง เอาหน้ามาเกยอยู่ที่ไหล่ข้างซ้ายของผม
“ก็มีมะระยัดไส้หมูสับ อุ่นอยู่..พร้อมกิน แล้วก็กุ้งผัดกระเพรา..ผัดแป๊บเดียวก็กินได้ รอก่อนนะปรินซ์”
“แต่พี่อยากกินแล้ว”
“ก็กลับมาซะเร็ว คํานวณเวลาผิดเลยเนี่ย” ผมไม่สนใจปรินซ์ ช่วงเวลานี้สําคัญมาก ถ้ามัวแต่สนใจปรินซ์ พริกกับกระเทียมในกระทะได้ไหม้แน่
“กินก่อนได้ไหม..”
“ใจเย็นหน่อยนะครับคุณปรินซ์” ผมใส่กุ้งสดลงในกระทะที่กําลังส่งเสียงเรียกร้องความสนใจให้ใส่ใจใช้ตะหลิวผัดเคล้าให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ขณะที่ปรินซ์เริ่มฝังจมูกลงที่คอผม แถมหยอกล้อกับส่วนไวสัมผัสอย่างใบหู!! มือไม้ของปรินซ์ก็เริ่มอยู่ไม่นิ่ง ผ้ากันเปื้อนที่เป็นปราการกันนํ้ามัน กั้นความสกปรกจากการทําอาหาร กลับไม่สามารถขวางมือซุกซนของปรินซ์ที่ถือวิสาสะเข้ามาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมได้

“ปรินซ์!!”
“...”

“ปรินซ์!
“...”

“ปรินซ์..”
“...”

ยิ่งผมเรียกชื่อ ปรินซ์กลับยิ่งกดริมฝีปากนุ่มไล่สัมผัสไปทั่ว.. ต่างจากเสียงเรียกของผมที่อ่อนเบาลงเรื่อยๆ แรงของมือที่จับกระชับด้ามกระทะและด้ามตะหลิวก็เช่นกัน.. สติของผมใกล้หลุดลอยเต็มที.. เสียงของเตาไฟฟ้าดังขึ้น.. มันถูกปิดการใช้งาน.. คงเป็นปรินซ์ เสียงของส่วนผสมต่างๆ ที่โดนความร้อนยังคงร้องครางเบาๆ แต่ผมไม่สามารถสนใจพวกมันได้อีกแล้ว สายคล้องคอของผ้ากั้นเปื้อนถูกปลดออกจากคอของผม เสื้อเชิ้ตที่หลุดหลุ่ยเต็มทีคงเป็นชิ้นต่อไป.. แต่ปรินซ์กลับปราณีปล่อยมันไว้อย่างนั้นแม้กระดุมของมันจะถูกปลดออกเกือบหมดจนอกของผมเกือบเปลือยเปล่า.. มือของปรินซ์กําลังไล่ไต่ลงหาจุดแวะพักที่ชูชันรอต้อนรับอาคันตุกะคนสําคัญ..
“ปรินซ์.. นี่มันห้องครัวนะ..” เสียงผมอ่อนเบาพอๆกับร่างที่อ่อนแรง ที่ผมยังยืนอยู่ได้ก็เพราะยืนพิงร่างแกร่งของคนตัวสูง
“จะตรงไหนมันก็ที่ของเราสองคน..” เสียงทุ้มตํ่าปนแหบบวกความสั่นไหวของลมหายใจใกล้คลั่งของปรินซ์ยิ่งทําผมใจเต้นแรง..
“แต่..” ถึงสมองฝั่งเหตุผลจะยังดึงรั้งสติไว้ แต่อีกไม่นานมันคงยอมพ่ายแพ้จํานนต่ออารมณ์.. จะตรงไหนคงไม่สําคัญอีกแล้ว
“อยากเดินไปเอง หรือจะให้พี่อุ้ม..” ..ปรินซ์คงรู้ว่าผมกังวล ผมหันหน้าของตัวเองซุกเข้ากับอกของปรินซ์อย่างออดอ้อนแทนคําตอบ.. หวังว่าปรินซ์คงรู้.. ผมไม่มีแรงเดินเองแล้ว.. แต่แทนที่ปรินซ์จะอุ้มผมเหมือนที่ควรจะเป็น มือหนึ่งของปรินซ์กลับโอบสะโพกของผมไว้ ส่วนอีกมือก็รั้งเอาต้นคอและใบหน้าของผมให้เชิดขึ้นรับจูบที่ลงนํ้าหนักรุกลํ้าไล่เล้าลามโลมรันจนผมหายใจแทบไม่ทัน.. แต่ใครจะไปยอมถอย ผมไม่มีทางผละจากสัมผัสที่เย้ายวนชวนเมานี้แน่ ..ในที่สุดตัวของผมก็ถูกดูดดึงให้เดินตามการนําของปรินซ์จนถึงห้องนอน ..และเตียงนุ่ม ..ร่างของผมถูกจับนอนลงแทบจะทันทีขณะที่ปรินซ์ปลดเสื้อเชิ้ตของตัวเองอย่างว่องไว หน้าของปรินซ์กําลังแดงแรงไม่เว้นแม้แต่อกขาวที่ขณะนี้เปลือยเปล่าลอยอยู่ตรงหน้าผม..
“ให้พี่ทําให้ธามนะ” ปรินซ์กระซิบเสียงสั่น.. ผมพยักหน้า ไม่รู้หรอกว่าปรินซ์จะทําอะไร แต่ปรินซ์ก็ไม่เคยทําผมผิดหวังสักครั้ง.. ..ใบหน้าของปรินซ์ขยับเลื่อนเคลื่อนลงรวดเร็วพอกันกับที่มือของปรินซ์ปลดเอากางเกงของผมออกราวกับรู้ว่าความต้องการของผมในตอนนี้มันยากที่จะมีความล่าช้าใดๆ มาถ่วงเวลาไว้ได้ ..ปรินซ์สัมผัสมันในที่สุด ผมไม่อยากยอมรับการแสดงความรักด้วยวิธีนี้ของปรินซ์ ..ผมมักปฏิเสธมัน ถึงส่วนลึกในใจของผมจะชื่นชมและชื่นชอบไม่น้อย.. ปรินซ์บอกว่ามันคือการแสดงความเคารพยําเกรงต่ออํานาจของเมีย ..ผมพยายามลูบผมของปรินซ์ที่ขยับขึ้นลงอย่างเบามือ ทั้งที่ผมอยากจะลงนํ้าหนักให้ปรินซ์รู้ว่าผมกําลังมีความสุขมากแค่ไหน..

อาาาาาา

“ปรินซ์..” ..ผมเรียกปรินซ์ด้วยเสียงหอบเหนื่อยและหัวใจที่เต้นรัว..

“ครับ..” คนตัวสูงกว่าที่ล้มตัวนอนควํ่าอยู่ข้างผมกําลังหายใจหอบเหมือนผม แต่ต่างตรงที่ปรินซ์กําลังต้องการ..

..ผมมองหน้าปรินซ์ แววตาของปรินซ์กําลังสั่นไหว คิ้วเรียวกําลังขมวดเป็นปม ริมฝีปากกําลังเม้มแน่น..
 “พี่ขอได้ไหมครับ”
..ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับตอบคำถามของคนตัวสูง “อืม..”

ถึงพรุ่งนี้จะยังไม่ใช่วันหยุด.. แต่ธามก็ไม่ใจร้ายกับผม..
.
.
“อาหารเสร็จแล้วครับคุณธาม”
“...”
..หลังจากที่พวกเราอาบน้ำสบายตัว ก็ได้เวลาอาหารเย็นจริงๆ สักที.. ปรินซ์อาสาที่จะทำกุ้งผัดใบกระเพราต่อเองทั้งที่ผมยืนยันว่าผมทำไหว แต่คนตัวสูงก็ยืนยันที่จะให้ผมนั่งมองเฉยๆ แค่คอยบอกขั้นตอนอยู่ดี.. ผมเลยนั่งเท้าคางรอการให้บริการสุดเอ็กซูคลูซีฟจากผู้บริหารสุดหล่อมาดเข้มในยูนิฟอร์มผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาล
“ทำไมวันนี้ปรินซ์กลับเร็วได้”
“ก็พี่อยากรีบกลับ” ปรินซ์ตอบขณะวางชามต้มจืดมะระยัดไส้หมูสับลงบนโต๊ะ
“..แล้วงานวันนี้เป็นไงมั่ง ไม่ต้องบอกผลนะ แค่อยากรู้ว่าของบริษัทธามโอเคไหม”
“ก็..” ปรินซ์ทำท่านึก ..ดูอึดอัด “พี่ชอบนะ”
“แน่ล่ะ คิดหัวแทบแตก”
“แต่พี่ไม่ได้ชอบเพราะว่าธามเป็นคนคิดหรอกนะ พี่ไม่ได้ตอบเอาใจ”
“อือ รู้แล้ว ดีแล้ว ปรินซ์ห้ามเลือกเพราะว่าเป็นงานของธามนะ”
“คร๊าบบบบบ” ปรินซ์วางทุกอย่างลงบนโต๊ะเรียบร้อย และนั่งลงฝั่งตรงข้าม “ว่าแต่.. ครีเอทีฟใหม่เหรอ”
“ครีเอทีฟใหม่? อืม ใช่ เพิ่งเข้ามา นี่งานแรก..”
“เก่งดีนะ”
“ก็.. เก่งแหละมั้ง”
“ทำไมธามทำหน้าอย่างนั้น”
“ก็.. ดูแปลกๆ”
“ยังไง..”
“ก็.. ไม่รู้ดิ”
“ถ้าธามพูด ‘ก็’ อีกที..”
“..จะทำไม”
“จะลางานวันพรุ่งนี้ ทั้งพี่ ..แล้วก็ธาม”
“จะลาทำไม” ผมพูดทั้งที่รู้เหตุผลดี.. “ไม่ต้องเลย แล้วพรุ่งนี้ก็วันศุกร์แล้วด้วย”
“คร๊าบบบบ”
“เย็นพรุ่งนี้ไม่ลืมนัดใช่ไหม”
“ไม่ลืม”
“...”
“พี่ไปรับธามที่บริษัทนะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวขับไปเอง เจอกันที่นู้นเลย”
“แต่พี่อยากไปพร้อมธาม”
“แต่ธามไม่อยากจอดรถทิ้งไว้ที่บริษัท”
“งั้นพรุ่งนี้เช้าพี่ไปส่ง ตอนเย็นพี่ก็ไปรับ ธามจะได้ไม่ต้องเอารถไป”
“ว่างเหรอ ไม่ต้องไปทำงานแต่เช้ารึไง”
“พี่เป็นผู้บริหารนะ ไปช้านิดหน่อย ไม่มีใครกล้าว่าหรอก”
ผมมองหน้าปรินซ์ “..มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีครับ พี่แค่อยากเทคแคร์ธามบ้าง”
..ผมกลั้นยิ้ม
..ทุกวันของผมกับปรินซ์ถึงจะไม่หวือหวา แต่ก็ไม่เคยขาดคำว่ารสชาติ.. และความสุข
.
.
.
.
“เชิญครับ คุณธาม” ผมหาวหนึ่งทีก่อนจะขึ้นรถครอบครัวคันกว้างสีขาวสัญชาติยุโรป มีสารถีสวมชุดสูทสีน้ำเงินโทนเข้มคัทติ้งเนี๊ยบของแบรนด์ดัง ตัดกับเชิ้ตขาวเนื้อดีราคาแพงเปิดประตูรถให้
“วันนี้มีประชุมสำคัญเหรอ?” ..จะหล่อไปให้ใครมองวะ! เห็นแล้วหงุดหงิด
“ไม่นะ”
“มีลูกค้ารายใหญ่มาเลยต้องต้อนรับ?”
“ก็เปล่า”
“แล้วทำไมต้องแต่งตัวเวอร์?” ก็ปกติคนของผมจะไม่ใส่ใจภาพลักษณ์การแต่งตัวมากขนาดนี้ แค่ดูดี ดูภูมิฐานสมกับหน้าที่การงานก็พอ นี่แต่งอย่างกับจะไปพรีเวดดิ้ง ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม
“ก็ให้สมกับที่จะไปส่งแฟน”
“!!!”
“ไม่อยากอวดแฟนรึไงครับ” ปรินซ์เอื้อมมือจากที่นั่งคนขับมาลูบหัวผม
“ไม่”
“!!!”
ผมหันหน้าออกนอกรถ “..เก็บไว้ดูคนเดียวพอ”
“...”
.
.
“สวัสดีครับพี่ปรินซ์”
“ไงบรีส”
“มาส่งไอ้ธามเหรอพี่”
“ใช่ ไม่ได้มานานแล้ว”
“ส่งเสร็จแล้วก็ไปได้แล้ว” ผมไล่ปรินซ์กลับ ทั้งที่ปรินซ์เพิ่งลงมายืนข้างตัวผมและเพิ่งจะเจอหน้าบรีส..
“จะรีบไล่พี่เขาทำไมวะ”
“ก็ต้องรีบไปทำงานไหมวะ”
“แต่กูอยากคุยกับพี่ปรินซ์ก่อนนิหว่าเรื่องงานเมื่อวาน พี่ปรินซ์รีบไหม ถ้าไม่ผมขอเลี้ยงกาแฟสักแก้ว”
ปรินซ์มองนาฬิกา “ได้อยู่นะ”
“งั้นไปพี่ ไหนๆพี่ก็มาล่ะ ลองเครปสูตรใหม่ด้วยดีกว่าพี่..” แล้วคนตัวสูงก็เดินไปกับไอ้บรีส ปล่อยให้ผมยืนไม่สบอารมณ์อยู่คนเดียว
“คุณแพลนเนอร์ครับ” ผมหันหลังไปมอง
“สวัสดีครับคุณภูผา”
“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ”
“ผมเพิ่งลงจากรถน่ะครับ กำลังจะเข้าตึก”
“ผมเห็นคุณยืนนิ่ง ก็นึกว่าคุณกำลังคิดว่าจะพาผมไปเลี้ยงที่ร้านไหนดี”
“...”
“ว่าไงครับ คิดไว้รึยัง”
“ผมยังไม่ได้คิดเลยครับ ต้องขอโทษจริงๆ”
“...”
“แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ เลี้ยงต้อนรับครีเอทีฟใหม่ทั้งที คนทั้งออฟฟิศคงเต็มที่กันแน่นอน”
“จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบความเอริกเท่าไหร่ สิ้นเปลืองเปล่าๆ แค่คุณพาผมไปเลี้ยงตามที่สัญญาก็พอแล้ว..”
“!!!”
“ถ้าไงมื้อกลางวันนี้เลยล่ะกันนะครับ ผมเห็นใต้ตึกฝั่งตรงข้ามมีร้านอาหารเปิดใหม่ ..เที่ยงนี้เจอกันครับ” แล้วไอ้คุณภูผาก็เดินจากไปหลังจากที่เราเดินมาจนถึงหน้าร้านกาแฟภายในตัวอาคาร ผมหันไปมองคนตัวสูงที่นั่งเท่ห์อยู่บนเก้าอี้ไม้ มีไอ้บรีสนั่งพูดอยู่ฝั่งตรงข้าม มีพนักงานสาวที่ผมไม่คุ้นหน้ากําลังวางของหวานลงบนโต๊ะ ไหนจะพี่สวยเจ้าของร้านกับพนักงานประจําอย่างน้องปลาที่ยืนอยู่หลังเคาเตอร์ ทุกคนล้วนกําลังจ้องมองไปยังคนๆเดียว ..กูถึงไม่อยากให้มึงมาไงเชี่ยปรินซ์ ผมกดโทรศัพท์ในมือ..

[มีงานด่วน.. ขับรถกลับดีๆ เย็นนี้เจอกัน]
[!!!!!]
[รีบกลับไปทํางาน]
[ครับ /\]

ผมไม่เข้าไปหาปรินซ์ เพราะกลัวจะไปทําตัวงี่เง่าน่ารําคาญ ผมถือคติ คนของผม..ยังไงก็คือคนของผม
.
..ปรินซ์
..การเห็นธามเดินมากับครีเอทีฟคนใหม่ทําผมหงุดหงิดไม่น้อย แต่ผมไม่อยากทําตัววุ่นวายให้ธามต้องลําบากใจ ..ธามเป็นของผม เป็นความจริงที่ไม่มีใครหน้าไหนจะมาเปลี่ยนแปลงได้
“..ถึงจะดูเก๊กๆ แต่ไอเดียมันก็..โอเค ใช่ไหมพี่?”
“บรีสหมายถึงใคร”
“ก็ครีเอทีฟใหม่ที่ผมบอกพี่เมื่อวานไง”
“..ออ คุณภูผา”
“นั่นแหละพี่ เพิ่งมาไม่กี่วันก็ทําสาวๆ ในออฟฟิศนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้ เอาแต่มาเดินผ่านห้องครีเอทีฟเหมือนเดินดูแพนด้าในสวนสัตว์”
“ว่าแต่คุณภูผาเขาต้องทํางานร่วมกับธาม..?”
“ก็ถ้าได้งานบริษัทพี่ ก็ได้ทํางานด้วยกันแน่ๆ เดี๋ยวก็จะประชุมเรื่องโปรเจ็กต์ของบริษัทพี่นี่แหละ ว่าแต่พี่บอกผลก่อนเลยได้ไหม ว่าได้หรือไม่ได้”
“...”
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
03
- ความภูผา -
“งานเมื่อวานพวกคุณทำดีมาก ทางนู้นเลือกเราให้เป็นคนดูแลโปรเจ็กต์งานนี้” บอสจอห์นพูด
.
“ทําไมมึงดูเฉยๆ วะไอ้บรีส ทุกทีมึงต้องเล่นใหญ่ดีใจเวอร์”
“ก็กูรู้ผลก่อนแล้ว”
“ปรินซ์อ่ะดิ”
“เออ แล้วก็กูว่ากูได้กลิ่นแปลกๆ จากพี่มึงว่ะ”
“กลิ่นเชี่ยไร?”
“ไว้กูจะบอก”
“...”
.
“ทุกคนคงรู้หน้าที่กันดีแล้ว ยังไงผมฝากพวกคุณด้วย ธาม คุณก็คอยอัพเดทผมด้วย”
“ครับบอส”
“โอเค งั้นวันนี้ก็เท่านี้ ขอบคุณมาก”
.
“เย็นนี้มึงไปไง ไม่เห็นเอารถมา”
“ปรินซ์จะมารับ”
“พี่ปรินซ์ว่างเหรอวะ เจอหน้ากันเมื่อเช้ากูยังแปลกใจ เห็นไม่มาสักพักแล้ว”
“เออ อย่าว่าแต่มึงเลย กูก็งง จู่ๆ เมื่อคืนก็บอกว่าจะมาส่งมารับ ทั้งที่แม่งงานเยอะฉิบ”
“พี่เขาคงอยากเติมความหวานใส่มึง”
“หวานเชี่ยไรวะ”
“ไม่ต้องมาปฎิเสธเสียงต่ำ หน้ามึงน่ะแดงจนกูร้อนแทนแล้วเนี่ย”
“...” ผมจับแก้มตัวเอง มันก็ร้อนจริงๆ “พอเลย แยกย้าย กูต้องไปคุยกับโปรดักชั่นเฮ้าส์อีก”
“เออๆ ไปกับไอ้คุณภูผาอ่ะดิ”
“อืม”
“กูว่ามึงก็ระวังๆมันไว้หน่อยก็ดีนะ กูว่าแปลกๆ ว่ะ”
“กูก็ว่างั้น”
“แล้วมึง.. อย่าได้เผลอ..”
“กูรู้ว่ามึงจะพูดว่าอะไร”
“ดี อย่าทำไอดอลกูเสียใจเชียวมึง”
“มึงติดเชื้อมาจากไอ้บอสใช่ม่ะ”
“กูเห็นพี่ปรินซ์เป็นไอดอลด้วยตัวกูเองเว้ย ไม่เกี่ยวกับไอ้เชี่ยบอส”
“หึ ปรินซ์รู้คงดีใจ”
“แต่ยังไงกูก็ให้พี่ข้าวยืนหนึ่งในใจกูนะ”
“เออลุงกู ไม่แน่วันนี้กูอาจได้เจอพี่ข้าวด้วย ถ้าพี่เขากลับมาแล้วนะ”
“พี่ข้าวไปไหนมาว่ะ”
“ก็.. พาพี่ทีไปเที่ยว”
“หูยยยย อิจฉาว่ะ”
“อิจฉาทำเชี่ยไร เมียมึงก็มี มึงก็พาเมียมึงไปเที่ยวสิวะ”
“กูก็วางแผนจะเซอร์ไพรส์พาแพมเที่ยวอยู่ เย็นนี้มึงเจอ มึงอย่าหลุดปากไปล่ะ กูว่าจะขอแต่งงานตอนไปเที่ยวด้วยเลย”
“เห้ยยยย จริงดิ ในที่สุดมึงก็จะแต่งแล้ว แพมแม่งต้องโคตรดีใจแน่ๆ กูไม่อยากเชื่อว่ามึงจะจีบแพมตั้งแต่ปีหนึ่ง คบกัน จนแต่งงาน กูโคตรซาบซึ้ง น้ำตาจะไหลเลยว่ะ”
“ก็ไม่เท่ากับ ‘ความปรินซ์’ ของพี่มึงหรอก กูล่ะยอมใจ รอมึงตั้งนาน ไหนจะต้องมาเจอความโลเลของมึง แถมทิ้งอนาคตนักบอลเพื่อมึงอีก”
“มึงอย่าย้ำเรื่องนี้ได้ป่ะวะ มึงก็รู้ กูติดอยู่ในใจ”
“กูก็แค่อยากบอกมึงว่า จงถนอมความรักครั้งนี้ไว้ให้ดี เพราะคงไม่มีใครรักมึงได้เท่าพี่ปรินซ์อีกแล้ว”
“ไอ้เชี่ยบรีส มึงพูดเหมือนกูจะนอกใจปรินซ์”
“กูก็แค่.. เห็นพวกมึงรักกันดี ก็อยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป ความสุขกับอุปสรรค์มักมาคู่กัน ถึงพวกมึงจะผ่านทางที่มันยากมาแล้ว แต่แม่ง ชีวิตเรายังอีกยาว ไม่ประมาทนะมึง แล้วอย่างี่เง่ากับเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วย”
“ไอ้เชี่ยบรีส นี่คือมึงกลัวกูจะเผลอไปหลงใครที่ไหนรึไงวะ ถึงได้เทศน์กูยาวเป็นตำราขนาดนี้”
“เอาจริงๆ เมื่อเช้าตอนที่กูคุยกับพี่ปรินซ์ กูว่าพี่ปรินซ์ดูจะมีอะไรๆ กับไอ้คุณภูผา”
“???”
“ไม่รู้แม่งไปทำอะไรให้พี่มันกังวลเรื่องมึงกับมันได้ มึงรู้ม่ะ ถ้าบริษัทเราจะไม่ได้งานบริษัทพี่ปรินซ์ ก็เพราะไอ้คุณภูผานี่แหละ ดีนะที่พี่ปรินซ์แยกแยะเรื่องงานเรื่องส่วนตัวได้”
“ยังไงวะ”
“ก็พี่มันถามว่าถ้าพวกเราได้งานนี้ มึงกับไอ้คุณภูผาต้องต้องทํางานร่วมกันใช่ไหม แค่นี้ก็รู้แล้วว่าพี่ปรินซ์กังวล”
ปรินซ์แม่ง.. ผมอดอมยิ้มไม่ได้ รู้สึกดีที่ปรินซ์แสดงความหวง ทั้งที่.. “คิดไปไกลล่ะ คนเพิ่งเจอหน้า อีกอย่างนะเว้ย คนอย่างกู รักใครรักจริง ถึงกูจะไม่เคยรักใครมาก่อนปรินซ์ แต่กูก็ไม่คิดจะรักใครนอกจากปรินซ์”
“โอ้โหวววว เคลิ้มเลยกู มึงพูดอีกทีได้ป่ะ กูอยากถ่ายคลิปส่งพี่ปรินซ์”
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องเล่าด้วย กูขี้เกียจเขินต่อหน้าปรินซ์”
“นี่มึงยังมีอะไรต้องเขินอีกเหรอวะ อยู่ด้วยกันมาแทบจะตลอดชีวิตแล้ว แต่งก็แต่งแล้ว”
“ใครครับที่แต่งแล้ว” ไอ้คุณภูผาที่เดินมาจากด้านหลังของผมพูดขึ้น แม่งมาตั้งแต่ตอนไหนวะ!
“ก็จะมีใครล่ะครับคุณภูผา ก็..”
“เพื่อนของพวกเราน่ะครับ คุณภูผาอย่าสนใจเลย ผมว่าเราไปกันเลยดีกว่าครับ”
“ไว้ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ ..ว่าใครที่แต่งแล้ว” ไอ้บรีสทำหน้าอยากบอกเต็มที่ ก่อนหันมามองหน้าผม และยิ้มกวนประสาท
“ไปกันเถอะครับ ส่วนมึง อย่าลืมตามงานที่กูบอกด้วย”
“คร๊าบๆ คุณแพลนเนอร์” ผมชูนิ้วกลางให้ไอ้บรีสลับหลังไอ้คุณภูผาที่เดินนำไปก่อน เดี๊ยวเถอะมึง.. กูจะยุให้แพมงอนมึง แม่ง ยุ่งไม่เข้าเรื่อง
.
.
“เพื่อนคนไหนเหรอครับที่แต่งแล้ว”
ไอ้คุณภูผาถาม หลังจากที่ขับรถคันหรูออกมาได้สักพัก
“ผมว่าคุณอย่าใส่ใจเลยครับ”
“หรือว่าคนๆ นั้นคือคุณธามครับ” ไอ้คุณภูผาพูดพลางหันมามอง
“..ใช่ครับ ผมแต่งงานแล้ว”
ไอ้คุณภูผายิ้มมุมปาก เหมือนจะยิ้มเยาะ “อย่างนั้นเหรอครับ อืม ..คุณทำผมเซอร์ไพรส์มาก”
“เซอร์ไพรส์?”
“ผมไม่คิดว่าคุณจะยอมรับตรงๆ”
“ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องปิดบังนี่ครับ แต่งก็คือแต่ง ความจริงก็คือความจริง”
“ว่าแต่.. คุณธามแต่งกับใครเหรอครับ บอกได้ไหม..”
ผมลังเลอยู่ชั่วอึดใจ “..คุณอชิระน่ะครับ คุณภูผาเจอแล้วเมื่อวาน”
ไอ้คุณภูผาหันมามองหน้าผมนาน เมื่อรถติดสี่แยกไฟแดงอีกครั้ง “ผมประทับใจในตัวคุณมากเลยนะครับ คุณยอมรับแบบตรงไปตรงมา คุณทำผมสนใจในตัวคุณมากขึ้นไปอีก”
“จะมาสนใจผมทำไมครับ”
“ก็คุณเป็นคนของอชิระ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง มากความสามารถ ว่าที่เจ้าของธุรกิจมูลค่าพันล้าน คนที่ไม่เคยเปิดเผยเรื่องความรัก ไม่เคยมีข่าวกับสาวคนไหน”
“คุณภูผารู้เรื่องของปรินซ์ดีจังเลยนะครับ”
“ก็คุณปรินซ์เป็นลูกค้านิครับ ผมก็ต้องศึกษาตัวตนของเขาด้วย จะได้รู้ใจ.. คิดงานให้ตรงกับความต้องการของเขา”
“ดีครับ รอบคอบดี แต่ผมว่าคุณภูผาเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยนะครับ ปรินซ์แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวชัดเจน ความชอบหรือรสนิยมของเขาไม่เคยมีผลกับการทำงาน”
“น่าสนใจดีนะครับ ..พวกคุณทั้งคู่”
“...” ผมหันหน้าออกนอกรถ อดรําคาญกับ ‘ความยุ่ง’ ของไอ้คุณภูผาไม่ได้ อะไรของแม่งวะ
.
.
“สวัสดีครับพี่ข้าว” ผมทักทายพี่ข้าวทันทีที่พี่ข้าวเดินเข้ามาในห้องประชุมของโปรดักชั่นเฮ้าส์ที่เป็นพาทเนอร์ที่ดีของบริษัทมาตลอดเท่าที่ผมทำงานที่นี่มาสี่ปี
“มาด้วยเหรอ”
“ครับ”
“ดีเลย พี่กําลังคิดถึง กลางวันไปหาอะไรกินกัน”
“ได้ครับพี่ ออ ผมขอแนะนําก่อนครับ นี่คุณภูผา เป็นครีเอทีพของโปรเจ็กต์นี้ แล้วก็นี่พี่ข้าวครับ เป็นผู้กํากับหนังโฆษณาที่รู้ทางกันดี งานที่ได้รางวัลของเราส่วนใหญ่ก็มาจากฝีมือพี่ข้าว”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณข้าว”
“เช่นกันครับ”
“เรามาเข้าเรื่องงานกันเลยล่ะกันครับ”
“ครับ / ครับ”
.
.
“วันพุธทางเราจะส่งโปรไฟล์ของนักแสดงไปให้ทางคุณธาม คุณภูผาอีกทีนะคะ” คุณจี ฝ่ายแคสติ้งนักแสดงพูดสรุป “รับรองว่าได้คนที่ตรงบรีฟแน่นอนค่ะ” มาสคาร่าเส้นเล็กของตาดวงเล็กคู่เฉี่ยวมองหว่านเสน่ห์มายังไอ้คุณภูผาแบบไม่ปิดบัง ก็สมควรแหละนะ ขนาดผมยังยอมรับว่าไอ้คุณภูผาหน้าตาดี มีเสน่ห์ ..แต่ก็น้อยกว่าปรินซ์
“โอเคครับคุณจี” ผมตอบคุณจี แม้จะรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเป็นแค่อากาศที่กลืนหายไปกับไอแอร์
“โทษนะครับ ไม่ทราบว่าจะมาเป็นคลิปไม่ใช่แค่ภาพนิ่งใช่ไหมครับ” ไอ้คุณภูผาพูด
“ใช่ค่ะคุณภูผา”
“อืม ดีครับ ถ้ายังไงผมขอช็อยส์ที่น่าสนใจจริงๆ ด้วยนะครับ จะได้ไม่เสียเวลากับขั้นตอนนี้มาก”
“..ออ ค่ะ” คุณจีเปลี่ยนสีหน้าจากที่ยิ้มแย้มเป็นแข็งขืนขึ้นเบาๆ
“แล้วก็ถ้าไม่ยากจนเกินไป ผมขอดูตัวอย่างโทนสี ฟีลลิ่งของงานด้วยนะครับ มาแบบเป็นเรฟเฟอร์เรนท์ที่จะใช้ถ่ายจริงก็ดีครับ”
“ได้ครับ..คุณภูผา” พี่ข้าวที่นั่งถือดินสอหมุนไปมาตอบพลางยิ้มบาง
“ดีครับ ขอบคุณ”
“เป็นหน้าที่ของทางเราอยู่แล้วครับ”
“..ครับ ไว้ผมต้องการอะไรเพิ่มจะแจ้งคุณข้าวนะครับ” ไอ้คุณภูผาตอบพี่ข้าว “ผมอยากให้งานออกมาดี เข้าใจกันนะครับ”
“ทางเราก็ใส่ใจ เต็มที่กับทุกงานอยู่แล้วครับ เรามืออาชีพ คุณภูผาไม่ต้องกังวลครับ”
“ผมไม่ได้กังวล หรือข้องใจเรื่องความสามารถหรอกครับ แค่อยากเมคชัวร์ว่างานจะออกมาเพอร์เฟ็คที่สุด” ภาพของผู้ชายหน้าตาดีสองคนที่มองจ้องไปมาอย่างรักษามารยาททั้งที่รังสีอำมหิตกำลังแผ่ออกมาจนคนในห้องต้องกลั้นหายใจลุ้นว่าจะมีเรื่องกันไหม ผมอดนึกขำไม่ได้ ผมรู้จักพี่ข้าวมานาน ไอ้อาการฟอร์มจัดผมเห็นจนชินตา โดยเฉพาะตอนอยู่กับพี่ที พี่ข้าวจะตัวติดดูแลเทคแคร์พี่ทีตลอด แต่ปากก็บอกว่า “เปล่า” ปฏิเสธทุกคนที่แซว จนพี่ทีแกล้งเดินหนีเพราะหมั่นไส้ในความปากแข็ง แล้วพี่ข้าวก็ต้องรีบวิ่งตามไปง้อ.. ส่วนตอนนี้ พี่ข้าวคงอยู่ในโหมดสแตนด์บายก่อนปล่อยความเป็นอดีตพี่ว๊ากออกมา จำได้ว่าโหด!! คำพูดแต่ละประโยคโคตรเจ็บ.. ใครฟังแล้วไม่สะอึก คือมึงคงไม่รู้จักคําว่าจิตสํานึก
“...”
.
.
“ถ้าไงเราหาอะไรกินก่อนเข้าออฟฟิศนะครับ แต่มื้อนี้ไม่นับเป็นมื้อที่คุณธามจะพาผมไปเลี้ยงนะครับ” ไอ้คุณภูผาบอกผมหลังจากเราเดินออกจากห้องประชุม ผมอยากรีบไปให้พ้นจากที่นี่ไวๆ จบกันความสัมพันธ์อันดีที่บริษัทกับโปรดักชั่นเฮ้าส์มีต่อกัน ‘ความภูผา’ ทำเอาผมไม่กล้าสู้หน้าพี่ข้าว ทั้งที่เรานัดกันไว้เมื่อเช้า
“ธาม” ผมได้ยินเสียงพี่ข้าวตะโกนไล่หลังมา
“จะรีบไปไหน เรานัดกันแล้วไง”
“เอ่อ ครับ”
“ต้องขอโทษคุณข้าวด้วยนะครับ คุณธามมากับผม คงต้องไปกับผม”
“บริษัทคุณเขามีนโยบายห้ามพนักงานกินข้าวกลางวันด้วยเหรอครับ”
เห้ยพี่! อย่ามีเรื่องนะ ขอร้อง เพราะผมจะไม่ห้าม
“ต้องขอโทษที่เสียมารยาทนะครับคุณภูผา ตอนนี้เราก็อยู่นอกเวลางาน ผมขอพูดแบบตรงๆ”
“อืม จะว่าไงดีล่ะครับ” ไอ้คุณภูผาพูดพลางมองหน้ามองพี่ข้าว รอยยิ้มยียวนระบายอยู่บนใบหน้า “บังเอิญแพลนเนอร์ของผมมารถผม และเราต้องกลับไปทำงานต่อด้วยกัน ถ้าไง.. เราไปกินข้าวด้วยกันทั้งสามคนดีไหมครับ”
พี่ข้าวเอามือเสยผมก่อนจะยิ้มยียวนไม่แพ้กัน “ถ้าผมขอปฎิเสธล่ะครับ”
“...” ไอ้คุณภูผาหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
“ธามเป็นน้องรักของผมที่ไม่ค่อยจะได้เจอหน้ากัน ผมขอความเป็นส่วนตัวให้เราจะได้ไหมครับ”
“!!!” โอ้โหพี่ข้าวววววว
“ส่วนเรื่องธามจะกลับยังไง คุณภูผาไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นนะครับ ผมดูแลได้” พี่ข้าวเอามือมาโอบไหล่ผมไว้แน่น
“ถ้าไม่ติดว่าคุณธามมีใครอีกคนอยู่แล้ว ผมคงคิดว่าคุณข้าวคือคนคนนั้น..”
“ก็เคยนะครับ” พี่ข้าวกระชับอ้อมแขนและมองผมระยะประชิด ไอ้เชี่ยพี่! “ใช่ไหมธาม..” ผมอยากจะหายวาปไปในช่องว่างของกาลเวลา..ถ้าโดเรมอนจะให้ผมยืมประตูวิเศษสักห้านาที เพราะผมไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ยังไง “ถ้าไงผมขอตัวธามไว้ก่อนนะครับ รับรองว่าจะไปส่งเพื่อนร่วมงานของคุณภูผาถึงที่บริษัทในสภาพสมบูรณ์” พี่ข้าวมองไอ้คุณภูผานิ่ง ถ้าผมมีเครื่องตรวจวัดกระแสไฟฟ้าคงเห็นอิเล็กตรอนวิ่งผ่านไปมาระหว่างคนทั้งคู่แน่ๆ
“คุณข้าวพูดขนาดนี้ ผมคงต้องยอม..”
“ครับ เรายังต้องร่วมงานกันอีกนาน” พี่ข้าวยิ้ม
“เจอกันที่ออฟฟิศครับ” ไอ้คุณภูผาพูดทิ้งท้ายกับผมก่อนเดินกลับไปที่รถ
.
“ฮูววว ไปหว่านเสน่ห์อะไรเขาไว้ ถึงได้ออกตัวแรงขนาดนี้ หึ” พี่ข้าวขยี้หัวผมเบาๆ
“ผมเนี่ยนะ ผมอยู่เฉยๆ เหอะพี่ นี่ก็เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน”
“แปลกดีนะ พี่ว่าคุณภูผาเหมือนจะสนใจธามมาก”
“...”
“ดีที่เป็นพี่ ถ้าเป็นไอ้ปรินซ์ ไอ้คุณภูผาคงได้ซับเบตาดีนแน่” ผมขํากับคําพูดของพี่ข้าว นึกถึงตอนปรินซ์เจ็บตัวเพราะเรื่องทะเลาะวิวาท ครั้งสุดท้าย มันก็ตั้งแต่ตอนไปบุกร้านพี่โจ้กพี่ชายของพี่ข้าว ซึ่งนั่นก็หลายปีแล้ว เรื่องหัวร้อนถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างสงบสุขดี จะมีเรื่องให้ใช้กําลังได้ยังไง แต่จะสรุปอย่างนั้นก็คงไม่ได้ เพราะปรินซ์แม่งก็ยังคงใช้กําลัง แต่แค่กับผมคนเดียว ..และในที่ของเรา
“คิดอะไรอยู่ จู่ๆ ก็หน้าแดง”
“ไม่มีไรพี่ อากาศมันร้อน”
“ในห้องแอร์เนี่ยนะ”
“...”
“ไม่ใช่ว่าคิดถึงไอ้ปรินซ์มัน”
“ก็ใช่..”
“พูดตรง”
“ผมไม่เหมือนพี่นิ ปากแข็งจนพี่ทีงอน”
“ทีมันก็ไม่เคยบอกว่าพี่ปากแข็งนะ”
“โหพี่ ผมเขินแทนเลย”
“ป่ะ พี่พาไปเลี้ยงร้านดังแถวนี้”
“ครับ”
.
.
[ธาม..]
[อืม]
[พี่ขอโทษ พี่คงไปรับที่ออฟฟิศไม่ได้ ธามมากับบรีสนะ เจอกันที่สนาม]
[อืม ได้]
[แล้วก็..]
[อะไร..]
[พี่ต้องพาคนๆ นึงไปด้วย]
[ใคร?]
[เป็นรุ่นน้องที่บริษัท เพิ่งมาใหม่ และจำเป็นต้องพาเขาไปด้วย แปะตงเขาฝากมาน่ะ]
แปะตง.. เพื่อนสนิทของพ่อปรินซ์สินะ [อืม ได้ดิ เจอกัน]
[ครับ พี่รักธามนะ]
[อืม ไม่ต้องบอกบ่อยๆ ได้ไหม]
[เขินเหรอ]
[...]
[ไว้มาเขินใกล้ๆพี่นะ พี่ชอบ]
[ไปทำงานเลย อย่าลืมกินข้าวด้วย]
[ครับ]

‘..พี่รักธามนะ’
ถึงจะบอกให้ปรินซ์อย่าพูดบ่อย แต่จริงๆ ผมกลับชอบฟังปรินซ์พูดเสมอ เพราะมันไม่ใช่แค่เสียงที่ปรินซ์เปล่งออกมา แต่เป็นความจริงจากใจที่ปรินซ์ทำให้ผมสัมผัสได้ว่าคําว่ารักของปรินซ์ ..คือความรักจริงๆ

“มึง..”
“...”
“มึงครับ..”
“...”
“ไอ้ธามครับ!!”
“ห่ะ อะไรมึง”
“เหม่อเชี่ยไรเนี่ย กูเรียกตั้งนาน”
“เออ คิดไรนิดหน่อย มีไรวะ”
“งานที่มึงให้กูช่วยตามเสร็จแล้ว”
“โอเค ขอบใจเว้ย เออ ไอ้บรีส เย็นนี้กูติดรถมึงไปสนามนะ”
“โห งี้กูก็อดสวีทกับแพมดิวะ มีก้างตัวเบ้อเริ่ม”
“อดสวีทสักครึ่งชั่วโมงไม่ได้รึไง”
“ไหนมึงบอกพี่ปรินซ์จะมารับ”
“มันติดธุระ มารับไม่ได้”
“เอาไงดี กูต้องพาแพมไปเอาของที่สั่งไว้ด้วย กะว่าจะไปช้าสักหน่อย”
“...”
“เอางี้ มึงไปรถไอ้คุณภูผาล่ะกัน”
“ห่ะ ทำไมวะ”
“ก็ไอ้คุณภูผาจะไปเตะบอลด้วยไง”
“ได้ไงวะ”
“ก็.. ไอ้คุณภูผามันถามเรื่อยเปื่อย  แบบเลิกงานทําไร แล้วกูก็..ตอบ แล้วกูก็ชวนตามมารยาท แล้วไอ้คุณภูผาก็ขอไปด้วย”
“ไอ้เชี่ยบรีส มึงมามีมารยาทอะไรวันที่กูไม่ได้เอารถมาวะ”
“เอ๊า กูจะรู้เหรอว่ามึงจะโดนพี่ปรินซ์เท”
“...”
“มึงไม่ต้องกลัวเสียฟอร์ม เดี๋ยวกูบอกไอ้คุณภูผาให้ ว่ามึงขอติดรถไปด้วย”
“เมื่อเช้ามึงเพิ่งบอกให้กูระวังตัว แต่พอตอนเย็นมึงกลับบอกให้กูไปกับ.. เฮ้อ”
“ก็แค่นั่งรถไปด้วยกัน”
“มึงนี่มัน..”
“คุณภูผาครับ” ไอ้บรีสตะโกนเรียกไอ้คุณภูผาที่กำลังเดินใกล้เข้ามาพอดี
“ครับคุณบรีส”
“ถ้าไงผมฝากไอ้ธามติดรถไปกับคุณด้วยได้ไหมครับ พอดีผมต้องไปที่อื่นก่อน กลัวจะช้า”
ไอ้คุณภูผาหันมามองผม พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่โคตรไม่จริงใจ “ดีเลยครับ คุณธามจะได้บอกทางผมด้วย”
“ไว้เจอกันที่สนามครับ กูไปก่อนนะไอ้ธาม อย่าพาคุณภูผาเขาหลงทางล่ะมึง” ไอ้บรีสรีบเดินจากไป ทิ้งผมให้ยืนปรับอารมณ์อยู่ลำพังกับไอ้คุณภูผา
“...”
“งั้นเราไปกันเลยไหมครับ”
“ครับ”
.
.
“คุณธามทำอะไรในวันหยุดครับ” ไอ้คุณภูผาถามขึ้นหลังจากออกรถได้สักพัก และแอร์ในรถเริ่มเย็น
“ก็.. ถ้าไม่กลับบ้านไปหาครอบครัว ผมก็.. นั่งๆ นอนๆ ออกมาดูหนังบ้าง หาไรกินบ้าง เรื่อยเปื่อยน่ะครับ”
“มีความสุขดีสินะครับ”
“..ครับ”
“ผมเองก็ชอบดูหนังครับ ไว้ถ้าผมไม่มีเพื่อนดู ผมชวนคุณธามได้ไหมครับ”
“...” ผมนั่งตัวเกร็งขึ้นมาทันที
“พอดีผมย้ายไปอยู่เมืองนอกซะนาน ไม่มีเพื่อนที่เมืองไทยเลยครับ อดรู้สึกเหงาไม่ได้”
“อืม ก็ได้แหละครับ”
“ใจดีจังเลยครับ คิดว่าคุณธามจะปฏิเสธซะอีก”
“ก็แค่ดูหนังเองครับ”
“ถ้ามากกว่าดูหนังล่ะครับ?”
“...” ผมหันไปมองไอ้คุณภูผาที่กำลังขับรถ
“ผมหมายถึงกินข้าว ฟังเพลง ไปเที่ยว”
“ก็ถ้าไปกันหลายๆ คน ก็คงได้ครับ”
“คุณธามไม่คิดจะเปิดโอกาสให้ผมบ้างเลยเหรอครับ”
“โอกาส? โอกาสอะไรครับ”
“ก็โอกาสที่เราจะเรียนรู้กัน”
ผมส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ “ไม่รู้นะครับว่าผมเข้าใจคุณถูกไหม แต่ผมเพิ่งบอกคุณเมื่อเช้าว่าผมมีปรินซ์..”
“ในชั่วชีวิตของคนเรามันไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีคู่เพียงแค่คนเดียวนิครับ”
“ก็ถ้าเรายังไม่เจอคนที่ใช่ ที่คุณภูผาคิดก็คงไม่ผิด”
“แล้วคุณปรินซ์คือคนที่ใช่แล้วเหรอครับ”
“ครับ”
“มั่นใจดีนะครับ”
“...” แล้วบทสนทนาระหว่างผมกับไอ้คุณภูผาก็จบลง ก่อนที่รถจะเลี้ยวและจอดสนิทที่ลานจอดรถด้านนอกของสนามฟุตบอล
ผมเปิดประตูรถเพื่อจะลง “เดี๋ยวครับคุณธาม”
“ครับ?” ผมหันหน้าไปมองไอ้คุณภูผาโดยไม่ทันเห็นว่าไอ้คุณภูผายื่นหน้ารอผมอยู่ก่อนแล้ว หน้าของเราแทบจะสัมผัสกัน! ผมตกใจและรีบถอยหนี
“ผมก็แค่อยากรู้ว่าเสน่ห์ของผมพอจะมีผลกับคุณบ้างรึเปล่า”
“แล้วคุณได้คำตอบรึยังครับ” เชี่ย! บอกเลยผมโคตรโมโห
“ผมว่าไม่น่ายากเกินความพยายาม”
“ผมบอกคุณตรงนี้ได้เลยครับ ต่อให้คุณพยายามมากแค่ไหน ผมก็ไม่คิดเปลี่ยนใจ” ผมเปิดประตูและลงจากรถทันที ก่อนที่สายตาของผมจะประสานเข้ากับดวงตาคู่คมที่กำลังมองมาทางผมเช่นกัน ..ปรินซ์
ผมก้าวเท้าที่จะออกเดิน แต่แล้วผมก็สังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างปรินซ์ และเธอกำลังคล้องแขนปรินซ์..คนของผม
.
.



ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
04
..เกม
.
.
ปรินซ์เดินตรงมาหาผมทั้งที่แขนของตัวเองยังไม่ว่าง สายตาของเราสะกดกันนิ่ง ผมพอมองออกว่าปรินซ์กำลังมีอารมณ์กรุ่นๆ แต่ไม่ใช่แค่ปรินซ์ ผมเองก็กำลังหงุดหงิดเหมือนกัน เพราะอดยอมรับไม่ได้ว่าคนที่เดินอยู่ข้างปรินซ์ดูดีมาก รูปร่างสมส่วน สวย สง่า แต่ก็น่ารัก สมกันกับปรินซ์ ทั้งรูปลักษณ์ และสถานะที่ถูกต้องตามกฎของสังคม..
“ทำไมมากับคุณภูผา” ปรินซ์ถามผมเสียงเย็น
“ไอ้บรีสต้องไปทำธุระกับแพมก่อน” ผมตอบกลับเสียงเย็นไม่ต่างกัน และหน้าของผมตอนนี้ก็คงเย็นพอๆ กันกับน้ำเสียงที่พูดออกไป
“แล้วเมื่อกี้นั่งทำไรในรถตั้งนาน”
“ก็…” ผมอยากจะเล่าให้ปรินซ์ฟังตามความจริง เพราะระหว่างเราไม่เคยมีความลับต่อกัน
ปรินซ์ดูจะเข้าใจความอึดอัดของผม “นี่ดรีม ลูกสาวแปะตง ที่พี่บอก ดรีม นี่ธาม..แฟนพี่”
หัวใจผมพองโต แทบกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ หน้าที่ปั้นตึงเมื่อกี้ก็คลายเกร็งไปราวเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ได้ ไม่คิดว่าปรินซ์จะแนะนำตัวผมแบบนั้น “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณดรีม” ผมพูดด้วยเสียงสุภาพอย่างรู้มารยาท และเพราะกำลังรู้สึกดีที่ปรินซ์ระบุสถานะของผมแบบไม่ปิดบัง
“เช่นกันค่ะ” คุณดรีมยิ้มตอบผม เป็นยิ้มที่จริงใจ..
“พี่ปรินซ์พูดถึงคุณธามตลอดเลยนะคะตอนอยู่ที่อเมริกา”
อเมริกา? “เหรอครับ..”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่พี่ปรินซ์จะตั้งใจเรียนขนาดนั้น คงเพราะอยากรีบเรียนให้จบไวๆ จะได้กลับมาหาคุณธาม”
“...”
“คุณธามตัวจริงดูดีกว่าที่เห็นในคลิปอีกน้า..” คุณดรีมพูดพลางเอามืออีกข้างตีเข้าที่ลำแขนของปรินซ์เบาๆ เป็นเชิงหยอกล้อ ท่าทีของเธอน่ารักสมกับร่างที่บางเบา และหน้าตาที่จิ้มลิ้มชวนทะนุถนอม ภายใต้การแต่งตัวที่เรียบง่ายแต่ดูมีราคา
“กำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอครับ” เสียงของไอ้คุณภูผาดังแทรกขึ้นมาในบรรยากาศความคิดของผมที่เริ่มจะไม่โอเค
“สวัสดีครับคุณปรินซ์”
“สวัสดีครับคุณภูผา ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่”
“พอดีคุณบรีสชวนผมน่ะครับ ฟังดูน่าสนุก อีกอย่างคุณธามก็มาด้วย ผมก็เลยขอตามมา คุณปรินซ์ไม่ว่าอะไรนะครับ”
“ผมจะว่าอะไรได้ล่ะครับ” ปรินซ์เบือนสายตาจากไอ้คุณภูผามามองผม
“นั่นสิน่ะครับ” ไอ้คุณภูผายิ้มมุมปาก “แล้วคุณปรินซ์จะไม่แนะนำสาวสวยคนนี้หน่อยเหรอครับ”
“นี่ดรีมครับ..”
“น้องสาวคนสนิทของพี่ปรินซ์ค่ะ” คุณดรีมชิงพูดและกระชับแขนที่คล้องอยู่กับแขนของปรินซ์
“ผมภูผาครับ เป็นครีเอทีฟ ทำงานที่เดียวกันกับคุณธาม”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เอ คุณภูผา..ที่จะมาทำโฆษณาให้แบรนด์ของเราใช่ไหมคะพี่ปรินซ์”
“ใช่”
“ดรีมชอบมากเลยค่ะ ต้องอิมแพคคนดูแน่ๆ”
“คุณดรีมต้องชมคุณธามครับ เพราะคุณธามวางแผนการตลาดมาดี ผมก็แค่คนรับไม้ต่อ ไม่ได้ทำอะไรมากมาย”
“ถ่อมตัวจังเลยนะคะ เอ.. หรือจะพูดเอาใจคุณธามคะเนี่ย”
ไอ้คุณภูผายิ้ม “คุณดรีมรู้ใจผมจังเลยครับ จริงๆ ผมไม่ค่อยชื่นชมใครง่ายๆ ซะด้วย คุณปรินซ์เข้าใจผมนะครับ”
“ครับ ขอบคุณนะครับที่ชื่นชม..คนของผม”
“ผมว่าเราเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ” ผมพูดขึ้น
“นั่นสิน่ะครับ” ไอ้คุณภูผารีบพูดต่อจากผม หยั่งกับกลัวว่าจะมีใครแย่งพูด
.
“ไม่ได้เล่นมานาน ไม่รู้ฟอร์มจะตกรึเปล่า” ไอ้คุณภูผาพูดระหว่างทางที่พวกเราทั้งสี่คนเดินเรียงหน้ากระดานเข้าสู่พื้นที่ของสนามบอล และคุณดรีมก็ยังคล้องแขนปรินซ์และเดินอย่างเป็นธรรมชาติ
“คุณภูผาชอบเตะบอลเหรอครับ” ผมถามไอ้คุณภูผา กลัวว่าจะต้องพูดคนเดียว
“ครับ ชอบมาก ตอนอยู่ที่อเมริกา ผมเคยเป็นนักเตะฝึกหัดของสโมสรนึง แต่ก็ลาออกเพราะอยากทำงานด้านนี้มากกว่า”
“...”
“ผมได้ยินมาว่าคุณปรินซ์เคยเป็นกองหลังดาวรุ่งของมหาลัยด้วยนิครับ เสียดายที่เลิกเล่นไป ไม่งั้นคงติดทีมชาติ ไม่ก็สโมสรดังในต่างประเทศ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
“ถ้าไงวันนี้ผมขอท้าคุณปรินซ์ได้ไหมครับ”
“ยังไงครับ”
“อืม ดูว่าทีมของใครเป็นฝ่ายชนะ ..เป็นไงครับ”
“...”
“ถ้าคุณปรินซ์ชนะ ผมจะเลิกยุ่งกับคุณธามทันที”
“!!!”
“แต่ถ้าทีมผมชนะ ผมอยากขอให้คุณธาม.. เปิดโอกาสให้ผมบ้าง”
ผมมองหน้าคนตัวสูงของผม ในใจนึกขอให้ปรินซ์อย่ารับคำท้า อย่าไปสนใจคำของคนบ้าๆ อย่างไอ้คุณภูผา ขณะที่ในหัวของผมกำลังคิดอะไรสับสนงุนงง ปรินซ์จับมือผม.. มองผม.. และยิ้มละมุนอย่างที่เคย
“ครับ”
ไอ้คุณภูผายิ้มทันทีที่ได้ยินปรินซ์ตอบรับ
“..แต่ต่อให้ผมแพ้ ธามก็ไม่เปลี่ยนใจจากผมอยู่ดี คุณภูผาเองก็เผื่อใจไว้ด้วยนะครับ”
“ผมประทับใจพวกคุณทั้งคู่จริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอให้ผมได้ลองพยายามดูสักครั้งนะครับ”
“ดรีมเชียร์คุณภูผานะคะ” คุณดรีมพูดพลางชะโงกหน้าจากอีกฝั่งของแถวเรียงหน้ากระดานมามองไอ้คุณภูผา
“ขอบคุณครับคุณดรีม”
ผมถอนหายใจเบาๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมาอยู่ในการเดิมพันครั้งนี้ โคตรไร้สาระ.. ส่วนปรินซ์..
.
..ปรินซ์
ถ้าตอนนี้ผมยังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นที่ไม่มีอะไรให้ต้องรับผิดชอบ ผมคงอัดหมัดหนักๆ เข้าที่หน้าของคุณภูผา อย่างมากก็แค่เสียค่าปรับ แต่ถ้าในสถานภาพตอนนี้ ผมนึกอยากยกหูต่อสายยกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทโฆษณานี้ซะจะได้ไม่ต้องเจอหน้าคุณภูผาอีก ซึ่งนั่นก็หลังจากให้ธามลาออกจากบริษัทนี้แล้วด้วย แต่ใจเย็นไว้..
.
.
..ธาม
บรรยากาศในสนามบอลตึงเครียดกว่าที่ผมคิด ไม่ใช่เพราะทุกคนรู้ว่าเกมวันนี้มีการเดิมพันบ้าๆ นั่น แต่เพราะปรินซ์ที่เล่นจริงจังจนทุกคนรับรู้ได้ ไหนจะคนหน้าใหม่อย่างไอ้คุณภูผา ที่กลายร่างเป็นกุนซือจอมเก๋าปลุกใจเพื่อนร่วมทีมให้สู้สุดขาดใจ หยั่งกับว่าแมตช์นี้เป็นแมตช์หยุดโลกระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนยู ..ถ้าพวกคุณไม่สู้วันนี้ แล้วคุณจะสู้วันไหน
ผมอยากจะขำกับภาพของปรินซ์ที่มีกระดานไวท์บอร์ดอยู่ในมือ เพราะต้องใช้วางแผนการเล่นของทีมในครึ่งหลัง หลังจากที่เสมอกันหนึ่งประตูต่อหนึ่ง แต่ผมก็ชอบมองเวลาปรินซ์จริงจังทุ่มเทตั้งใจทำอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะเวลาเล่นฟุตบอล ปรินซ์ดูมีความสุข และ.. แม่งโคตรเท่!! บอสเคยบอกผมว่าผมจะยิ้มเวลาปรินซ์วิ่ง และลุกขึ้นยืนลุ้นเวลาปรินซ์ครองบอล นี่ผมแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ..
“วันนี้พี่ปรินซ์ไปกินอะไรมาวะ ฟิตฉิบหาย แม่งวิ่งตัดบอลส่งบอลต่อตลอด จนกองหน้าอย่างกูยังแอบวิ่งหนีทางบอลพี่มันอ่ะ”
ผมหัวเราะ สภาพของไอ้บอสตอนนี้ไม่ต่างจากไอ้บรีสที่นั่งแผ่หมดแรงอยู่ข้างๆผมมาได้สักห้านาที หลังจากมันฟังแผนการเล่นของกุนซือภูผาเสร็จ สภาพของนักเตะมือสมัครเล่นคนอื่นก็เช่นกัน หลายคนเริ่มอิดออดไม่อยากลงเตะต่อแล้ว
“มึงนี่ทำตัวไม่สมเป็นน้องรักของปรินซ์เลยนะไอ้บอส ถ้าปรินซ์รู้ว่ามึงแอบอู้ในเกม มีหวังมึงได้โดนเฉดหัวออกจากสารบบน้องรักแน่”
“เออ ไอ้คุณภูผานั่นก็เหมือนกัน เพิ่งมาวันแรกแท้ๆ แต่พลังแม่งมาเต็ม บงการแม่งตั้งแต่รุ่นเดียวกันยันคนแก่กว่า แต่มันก็มีฝีมือนะ กูว่า” ไอ้บรีสพูดบ้าง
“มึงบอกกูมา มีอะไรรึเปล่าวะ ระหว่างพี่ปรินซ์กับไอ้หน้าเกาหลีนั่น”
“..แม่งดันเอากูมาพนัน”
“!!! / !!!!!”
“พนันว่า?”
“ถ้าไอ้คุณภูผามันแพ้มันจะเลิกยุ่งกับกู แต่ถ้าแม่งชนะ ขอให้กูเปิดโอกาสให้..”
“ห่ะ นี่มันเรื่องอะไรวะ กูไม่เจอมึงแค่อาทิตย์เดียว มึงมีคนมาจีบ?”
“กูหนักกว่ามึงอีกไอ้บอส กูทํางานอยู่กับมันทุกวัน กูยังเพิ่งรู้พร้อมมึงเนี่ย ตอนแรกกูแค่ตะหงิดๆท่าทีของพี่ปรินซ์ แต่ไม่คิดว่าจะมีมูล”
“เออ กูก็เพิ่งรู้ตัวสดๆ ร้อนๆ ตอนเจอกันหน้าสนาม ที่พีคกว่าคือแม่งเดิมพันต่อหน้ากู ไอ้คนท้าว่าบ้าแล้ว ไอ้คนรับคําท้ายิ่งบ้าใหญ่ เห็นกูเป็นอะไรวะ”
“เดิมพันมันสูงขนาดนี้นี่เอง ไอดอลกูถึงวิ่งไม่หยุด กูนึกว่าตัวเองเล่นอยู่โอลด์แทรฟฟอร์ดด้วยซํ้า คนเชียร์แม่งเป็นหมื่น” ผมขํา
“ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นใครวะ กูว่าจะถาม เห็นเดินมาพร้อมมึง”
“ลูกเพื่อนพ่อปรินซ์”
“อืม โคตรน่ารัก ชื่อไรวะ”
“ชื่อดรีม เออ ดีนะที่แพมมา ไม่งั้นคงต้องเป็นกูที่ต้องไปนั่งดูแลเขาแทนปรินซ์”
“ก็ดีแหละ แพมกูจะได้ไม่เหงา แล้วมึงก็จะได้ไม่ต้องอึดอัดใจ”
“ทําไมไอ้ธามต้องอึดอัดใจวะ”
“มึงไม่เห็นอ่ะดิ น้องดรีมอะไรเนี่ยควงพี่ปรินซ์เดินเฉิดฉายเข้ามา ส่วนไอ้ธาม ก็ได้แค่เดินหงอยอยู่ข้างๆ”
“มึงก็เกินไป”
“ไม่คิดมากนะมึง”
“เออ” แต่จะบอกว่าไม่คิดเลยก็คงไม่ใช่..

..แล้วครึ่งหลังก็เริ่ม คนตัวสูงของผมยังคงวิ่งและวิ่ง ก็เข้าใจนะว่าเป็นศักดิ์ศรี แต่แค่ไม่รับคําท้าก็จบแล้วไหมวะ
.
..ปรินซ์
ถึงจะมั่นใจในฝึมือ กลยุทธ์ เพื่อนร่วมทีม แต่ต้องบอกว่าแมตช์นี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ฝีเท้าและความสามารถของคุณภูผาสมกับที่บอกว่าเคยเป็นเด็กฝึกหัดในสโมสรต่างประเทศ
..ร่างสูงที่ทัดเทียมแม้จะดูบางกว่ากำลังวิ่งนำบอลมาในแดนของผม รอยยิ้มยียวนฉายอยู่บนใบหน้าแม้เม็ดเหงื่อจะแตกเปียกชุ่มบ่งบอกว่าพลังงานในร่างกำลังถูกใช้อย่างหนัก ผมวิ่งตรงเข้าหาเป้าหมายทันที..
“ผมไม่ยอมแพ้คุณปรินซ์หรอกนะครับ ไม่ว่าเรื่องบอล หรือเรื่องคุณธาม”
“เป็นผม.. ผมจะไม่เริ่มทำอะไรที่รู้ว่าเป็นไม่ได้”
คุณภูผายิ้มมุมปาก ก่อนจะพยายามชิ่งลูกหลบผม มันไม่ง่ายขนาดนั้น.. ผมกลับลำตัว และใช้เท้ายื่นออกไปเพื่อตัดบอล วินาทีนั้นผมคิดว่าสำเร็จแล้ว เหมือนทุกครั้งที่ผมหมายจะได้ลูก แต่คุณภูผากลับเบี่ยงตัวอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งตัวปะทะผมอย่างจัง!! ร่างของผมสั่นเพียงเล็กน้อย ต่างจากร่างที่บางกว่าที่ล้มลงอย่างแรง!! คุณภูผามีสีหน้าเจ็บปวดและเริ่มจับกุมเข้าที่ข้อเท้า..
“เป็นไงบ้างครับ”
“ปวดมากเลยครับ” ผมรีบจับเข้าที่ข้อเท้าของคุณภูผาทันที คุณภูผาพยายามที่จะกลั้นความเจ็บปวดไว้ ไม่เปล่งเสียงร้องใดๆ
“คุณภูผาเป็นไรไหมครับ” คนตัวเล็กกว่าของผมรีบวิ่งเข้ามาถาม สีหน้าบ่งบอกถึงความตกใจ ไม่น่าแปลกใจ ยังไงก็เพื่อนร่วมงาน..
“ก็.. ปวดครับ”
“ผมว่าน่าจะข้อเท้าแพลง..”
“คุณธามช่วยประคองผมไปนั่งข้างสนามหน่อยครับ เกมจะได้เล่นต่อ”
“มาครับ ผมช่วยคุณเอง ธามตัวแค่นี้คงประคองคุณภูผาไม่ไหว”
“ผมเจ็บขนาดนี้ คุณปรินซ์คงไม่คิดว่าผมจะหาโอกาสจากคนของคุณหรอกน่ะครับ”
ผมยิ้ม “ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยครับ กลับกัน ผมไม่อยากให้คุณภูผาเป็นภาระให้คนของผมมากกว่า”
“...”
ผมดึงคุณภูผาลุกขึ้นและประคองเดินจนถึงม้านั่ง มีธามเดินตามหลังมาติดๆ
“คุณปรินซ์กลับไปเล่นต่อเถอะครับ ให้คุณธามดูแลผมก็พอ”
คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าใส่ผม ถึงใจจะยากจบเกมนี้ไปเลยแต่ก็คงดูไม่ดีในสายตาของคนทั้งสนาม “ธามหานํ้าแข็งมาประคบให้คุณภูผาด้วยนะ”
“อืม” ธามของผมรีบวิ่งออกไปด้านนอกของสนาม ตรงนั้นมีร้านค้าเล็กๆของที่นี่อยู่
“ไม่รู้ว่าคุณปรินซ์เป็นห่วงผม หรือตั้งใจจะแยกผมกับคุณธามกันแน่นะครับ”
“ที่ผมให้ธามทําแบบนี้ มันเป็นสามัญสํานึกของคนเป็นนักกีฬาอยู่แล้วครับ”
“งั้นก็ขอบคุณครับ”
“ขอตัวก่อนนะครับ อีกแค่สามสิบนาทีเกมก็จบแล้ว” ผมหันหลังจะเดินเข้าสู่สนาม
“ออ เกมนี้เราเสมอกันนะครับ..” เสียงคุณภูผาดังไล่หลังผม
“...”
“ผมเจ็บตัวแบบนี้ คุณปรินซ์คงแฟร์พอ”
“ครับ เราเสมอกันอยู่”
“...”
.
ถึงจะแค่ครึ่งชั่วโมง แต่มันก็ช่างนานเหลือเกิน สมาธิของผมไม่ได้จดจ่อกับลูกกลมๆ สักนิด เล่นต่อไปก็ไม่ได้มีผลอะไรแล้ว ต่างจากภาพไกลๆที่คนของผมกำลังก้มหน้าก้มตาดูแลข้อเท้าของเพื่อนร่วมงานที่ทำหน้าระรื่นอยู่ข้างสนาม นั่นต่างหากที่กำลังมีผลกับจิตใจของผม มันกำลังทำผมหงุดหงิด!
.
..ธาม
“ธาม กลับกันเถอะ” คนตัวสูงของผมเดินตรงมาที่ผม
“พี่ปรินซ์ เก่งมากเลย” คุณดรีมรีบวิ่งเข้ามาหาปรินซ์พร้อมกับยื่นขวดน้ำเกลือแร่ส่งให้คนตัวสูงของผม ดูดิแม่งจะรับไหม
“ขอบคุณนะ” ปรินซ์รับขวดเกลือแร่!
“พี่ปรินซ์ ป๊าโทรมาตามดรีมแล้วอ่ะค่ะ ดึกแล้ว”
“งั้นพี่ไปส่งดรีม..”
“ถ้าไงผมขอกวนคุณธามไปส่งผมที่คอนโดได้ไหมครับ”
“ได้ครับ” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด และไม่มองไปที่ปรินซ์ ทั้งที่หางตารู้สึกได้ว่าปรินซ์กำลังมองมา ผมหิ้วปีกของไอ้คุณภูผาทันที แอบรู้สึกว่าตัวเองกำลังงี่เง่าไม่เข้าเรื่องกับแค่ขวดน้ำเกลือแร่.. แต่ผมไปส่งไอ้คุณภูผามันก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้วนิ

ผมเปิดประตูฝั่งคนขับหลังจากส่งไอ้คุณภูผาขึ้นรถเรียบร้อย ปรินซ์เดินมาข้างตัวผม และจับมือผมที่กำลังจับประตูรถไว้ ..ผมหันมองทันที ใบหน้าปรินซ์เรียบเฉยแต่มีอารมณ์
“พี่ไปส่งคุณภูผาเอง”
“แล้วคุณดรีม..”
“ธามขับตามพี่มา” แล้วปรินซ์ก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ผมเห็นไอ้คุณภูผาทำหน้าตกใจเล็กน้อย และยิ้มมุมปาก.. ขณะที่คุณดรีม..
“อ๊ะ คุณธาม ขึ้นรถผิดคันรึเปล่าคะ”
“ไม่ครับ ปรินซ์ให้ผมมาขับคันนี้”
“แหม พี่ปรินซ์นี่ขี้หวงจังเลยน้า”
“...” ผมออกรถทันที และขับตามรถของไอ้คุณภูผาที่คนตัวสูงของผมขับ ปรินซ์ขับไม่เร็วทั้งที่ถนนโล่ง คงกลัวผมตามไม่ทัน
“ดรีมปลื้มพี่ปรินซ์มากเลยนะคะ”
“...”
“ไม่สิ ต้องบอกว่าใครๆ ก็ปลื้มพี่ปรินซ์”
“เหรอครับ”
“ใช่คะ ตอนอยู่ที่ยูเนี่ยมีแต่คนมาตาม อยากทำความรู้จัก แต่พี่ปรินซ์ก็ปฏิเสธหมด จริงๆ พี่ปรินซ์ก็แทบไม่สนใครอยู่แล้ว เอาแต่เรียน อยู่นู่นเลยมีแต่เพื่อนสนิทจริงๆ ไม่กี่คน แล้วก็ดรีม..”
“...”
“คุณธามรู้ไหมคะ ว่าดรีมกับพี่ปรินซ์น่าจะได้เจอกันตั้งแต่เรียนเกรด 10 แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ป๊าของพี่ปรินซ์ถึงยกเลิก ให้เรียนต่อในไทยแทน”
..ก็เพราะผมไงครับคุณดรีม
“อืม น่าเสียดายนะคะ ถ้าเราเจอกันตั้งแต่ตอนนั้น ..เราคงได้คบกัน”
ผมกำพวงมาลัยแน่น ..และเท้าเกือบเหยียบเบรก
“คุณธามไม่โกรธดรีมนะ ที่ดรีมพูดตรงๆ”
“ครับ”
“ตลอดสามปีที่ได้อยู่กับพี่ปรินซ์ มีความหมายกับดรีมมาก ดรีมคิดมาตลอดว่าที่ป๊าจะให้แต่งงานกับพี่ปรินซ์เนี่ยมันคือเรื่องโบราณคลุมถุงชน ใครจะไปยอม แต่พอได้รู้จักพี่ปรินซ์จริงๆ  ดรีมก็รู้สึกยินดี ถ้าดรีมจะได้แต่งงานกับพี่ปรินซ์”
“...”
“ตอนพี่ปรินซ์บอกว่ามีแฟนแล้วเนี่ย ดรีมไม่อยากเชื่อเลยค่ะ เป็นความจริงที่โหดร้ายมาก”
“...”
“ยิ่งพอรู้ว่า.. แฟนของพี่ปรินซ์ ..เป็นผู้ชายเหมือนกัน”
“...”
“ดรีมยิ่งรู้สึกทึ่งกับความรักของพี่ปรินซ์ คุณธามคงเข้าใจสถานะของพี่ปรินซ์ตอนนี้นะคะ ใครจะไปยอมรับได้”
“...”
“ขนาดป๊าของดรีม ยังบ่นเลยค่ะ ..ว่าเสียของ”
“...”
.
..ปรินซ์
“คุณปรินซ์ดูจะหวงคุณธามมากเลยนะครับ”
“ครับ”
“คบกันมานานแล้วเหรอครับ”
“ถ้าเป็นแฟนก็เจ็ดปี แต่ถ้ารู้จักกัน.. ก็ตลอดชีวิต”
“โรแมนติกจังเลยนะครับ”
“...”
“ยังไม่เบื่อกันบ้างเหรอครับ ..แบบว่าหมดรัก”
“ผมไม่คิดว่าจะมีวันนั้น”
“ผมเห็นหลายคู่มั่นใจแบบนี้ แต่สุดท้ายก็เลิก ยิ่งถ้าสังคมไม่ยอมรับแบบนี้ด้วย”
“สังคม..ไม่เคยมีผลกับผม”
“ผมชอบคนมีความคิดแบบคุณจังเลยครับ”
“ขอบคุณครับ”
“..แต่ผมกลับรู้สึกว่าคนระดับคุณ ไม่ควรจะให้เรื่องความรักไร้สาระมารั้งความเจริญก้าวหน้านะครับ”
“ผมไม่เคยคิดว่าความรักเป็นเรื่องไร้สาระ”
“แต่ความรักระหว่างคุณกับคุณธามมันเป็นความรักที่เปิดเผยไม่ได้ ไม่มีใครยอมรับ ทำไมไม่คบคุณดรีมไปล่ะครับ ผมก็ว่าเหมาะสมดี”
“ผมขอถามคุณภูผาตรงๆ นะครับ คุณต้องการอะไรกันแน่..”
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
05
-   แรงปะทะ!!! -
.
.
..หลายปีก่อน
..อเมริกา
..ภูผา

“..จากงานวิจัยนี้พวกคุณจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคไม่ได้โง่เอาแต่เชื่อการตลาด แต่พวกเขาก็ไม่ได้ฉลาดจนเราเอาความจริงเพียงส่วนหนึ่งไปบอกเขาไม่ได้..”
เสียงของโปสเฟสเซอร์ชาวออสเตรเลียดังก้องไปทั่วห้องเรียนขนาดสามร้อยที่นั่งในมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกา ที่ขึ้นชื่อเรื่องผลิตนักธุรกิจระดับโลก
“เจ๋งดีนะ นายว่าไหม” สตีฟ เพื่อนร่วมคลาสกล่าวขึ้น
“ก็..เจ๋งดี”
“ได้ยินว่างานวิจัยชิ้นนี้มีชาวเอเชียเป็นทีมงานด้วย”
“เอเชีย?”
“ใช่ เหมือนนายนั่นแหละ รู้สึกว่าจะประเทศไทยนะ”
“...”
“รู้สึกว่าจะชื่อปรินซ์ ขำดีนะ คนอะไรสถาปนาตัวเองเป็นเจ้าชาย”
“นั่นสิ” ผมฟังข้อมูลแค่พอผ่านหู
สายตาก็เอาแต่ดูตัวเลขและกราฟหยึกหยักที่แสดงผลการปรับตัวของค่าเงินในช่วงนี้ ผันผวนจริงๆ
“แต่นายเจ้าชายนี่ก็มาจากครอบครัวที่ทําให้เขาหลงตัวเองได้อยู่นะ ฉันเคยอ่านบทสัมภาษณ์เขา ชื่ออชิระ ทายาทธุรกิจส่งออกสินค้าพวกหลอดไฟ ธุรกิจเพิ่งก้าวกระโดดขึ้นมาไม่นาน”
“...”
“ที่น่าสนใจคือ นายเจ้าชายเนี่ยเป็นกองหลังที่ดังมากๆ เคยถูกสัมภาษณ์ลงนิตยสารชั้นนํา น่าจะถูกจีบมาเตะในลีกต่างประเทศแน่ๆ แต่จู่ๆ ก็เลิกเตะซะงั้น เป็นข่าวกรอบนึงในหนังสือพิมพ์กีฬาที่นี่ด้วยนะ ถ้าฉันจําไม่ผิด”
ผมเงยหน้าจากไอแพดรุ่นล่าสุดมองสตีฟ “อืม เรื่องนี้สิที่น่าสนใจ”
“มีที่ยิ่งไปกว่านั้นอีก เพื่อนฉันเคยเป็นเมทของนายเจ้าชายนี่มาก่อน มันเล่าให้ฟังว่า นายนี่มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน..”
“???”
“ใช่ม่ะ? ตกใจเหมือนฉันเลย”
“...”
“น่ารังเกียจ..”
“...”
“นายไม่ว่าอะไรใช่ไหมที่ฉันแบบว่า..เหยียด”
“ไม่หรอก ฉันก็คิดแบบนาย”
.
.
.
..ปัจจุบัน
..รถภูผา
..ภูผา
….
“ผมขอถามคุณภูผาตรงๆ นะครับ คุณต้องการอะไรกันแน่..”
“ผมแค่หวังดีในฐานะลูกผู้ชายเหมือนกัน คนที่มีพร้อมเหมือนๆ กัน อย่าเสียเวลา เสียค่ากับการคบผู้ชายด้วยกันที่ก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนคู่นอนเมื่อไหร่”
“..ผมจะเก็บความหวังดีของคุณไว้ และจะลืมว่าคุณเคยพูดทั้งหมดนี่”
“ช่วยอย่าลืมเลยครับ เพราะผมจะทําให้คุณเห็น.. ว่าความรักของคุณสองคน ..เปราะบางแค่ไหน” คุณปรินซ์หันมองหน้าผมนิ่งนาน สายตาบ่งบอกว่ากําลังโกรธไม่มากก็น้อย ส่วนผมก็แค่ยิ้มเหยียดเหมือนเคย

โครม!!!!!!!

เสียงปะทะกันของตัวรถดังสนั่นหวั่นไหว ผมเห็นร่างของปรินซ์อชิระที่ถูกดันมาใกล้ตัวผมจนเบลท์รั้งตัวไว้แทบไม่ไหว ตาของผมปิดลงโดยที่ผมไม่ได้สั่ง โลกทั้งโลกกําลังหมุน สติของผมดับสนิททันที..
.
.
..รถปรินซ์
..ธาม

..ผมกําลังหงุดหงิดใจกับคําพูดของคุณดรีม แต่ก็พยายามมีสมาธิกับการขับรถ ถึงมือที่กําเกร็งพวงมาลัยอยู่จะไม่คลายลงก็เถอะ..

โครม!!!!!!!

ผมเหยียบเบรกเสียงดังแหลมไปทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่ดังเท่ากับเสียงของแข็งหลายตันที่ชนกันอยู่ตรงหน้า..

ปรินซ์!!
ผมรีบลงจากรถและวิ่งไปดูรถของคุณภูผา.. ในใจภาวนาให้คนทั้งคู่ปลอดภัย ถึงจะแอบหวั่นใจกับภาพรถพลิกควํ่าจากแรงกระทําของรถคู่กรณีที่พุ่งเข้าหาจากการเลี้ยวยูเทิร์นอย่างไม่ชะลอความเร็ว..
ผมตรงเข้าไปที่ที่นั่งคนขับ หลังจากลดมือที่โทรศัพท์ตามกู้ภัยลง..

รถสปอร์ตคันหรูมีรอยยุบเกือบทั้งคัน โดยเฉพาะด้านข้าง ..ตําแหน่งที่ปรินซ์นั่ง

กระจกแตกเกือบทุกบาน และกระจกด้านข้างแตกละเอียด ..ตําแหน่งที่ปรินซ์นั่ง..

ผมพยายามข่มนํ้าตาไม่ให้ไหล..

..ผมเพิ่งหงุดหงิดใส่ปรินซ์ ทําตัวงี่เง่า ทั้งที่เรา..รู้กันอยู่ว่าเราคิดอะไร

ผมทรุดตัวลงมองปรินซ์ที่ติดอยู่กับที่นั่ง ดวงตาทั้งคู่ของปรินซ์ปิดสนิท.. เลือดสีแดงข้นกําลังไหลอาบ.. ผมเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าปรินซ์แผ่วเบา.. ผมควรทําอะไรสักอย่างในสถานการณ์แบบนี้ ดีกว่านั่งรอความช่วยเหลือใช่ไหม..

ผมตีใบหน้าของปรินซ์เบาๆ หวังว่าคนตัวสูงของผมจะตื่นขึ้นมายิ้มให้ผม..

“ปรินซ์..”

“ปรินซ์..”

..ปรินซ์นิ่ง และไม่ไหวติง แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจแม้จะบางเบา

ผมพยายามเอื้อมมือไปปลดเบลท์ ..มันติดแน่น นํ้าตาของผมเริ่มไหล มือของผมเริ่มสั่น..

“คุณธาม!! พี่ปรินซ์เป็นไงบ้างคะ!!”
“...”
“คุณธาม!!”
“เป็นยังไงบ้างครับ!!!”
“พวกเรามาแล้วครับ!!!”
“คุณธาม!!”
“เห้ยนํ้ามันรั่ว!!!”
“พวกคุณถอยออกมาก่อนนะครับ รถอาจระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้!!!!”
“คุณธาม!!!!”
“คุณครับ!!!!!”
“คุณ!!!!!!!!”
เสียงผู้คนรอบข้างดังระงมก้องกังวาลสะท้อนไปมา.. ผมไม่สนใจ แต่ได้สติอีกทีเมื่อผมโดนมือของใครสักคนตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง.. ผมมองหน้าคนๆ นั้น ..คุณดรีม
“คุณธาม!! คุณจะไปกับพี่ปรินซ์ไหมคะ!!!!”
ผมได้สติแทบจะทันที ปรินซ์ถูกช่วยออกมาจากซากรถแล้ว ผมรีบเดินโซเซไปขึ้นรถพยาบาล.. ปรินซ์นอนนิ่ง มีเครื่องช่วยหายใจครอบอยู่บนใบหน้า สายอะไรมากมายระโยงระยางพาดอยู่ข้างกาย และผ้าพันแผลที่ถูกพันเพื่อห้ามเลือด ผมจับมืออันอ่อนแรงของปรินซ์ขึ้นกุมแน่น.. นํ้าตาของผมไหลอาบสองแก้ม..
“คุณทําใจดีๆ ไว้ก่อนนะครับ” บุรุษพยาบาลพูดขึ้น
“ได้โปรดช่วยเขาด้วยนะครับ..”
“เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วครับ”
“อาการของเขาไม่หนักใช่ไหมครับ”
“ก็.. ไม่เบาครับ”
“เขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” เสียงของผมเริ่มฟังไม่รู้เรื่อง บุรุษพยาบาลเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆ
“เขาจะไม่เป็นอะไรครับ และเขาคงอยากเห็นคุณเป็นคนแรกทันทีที่เขาตื่น อย่าเพิ่งเสียขวัญไปครับ”
“...”
.
.
..ผมวิ่งจับขอบเตียงเคลื่อนที่ที่ปรินซ์นอนหมดสติอยู่ ผมอยากให้นี่ไม่ใช่เรื่องจริง ผมไม่อยากมีประสบการณ์เหมือนนางเอกในละคร ที่วิ่งไปปวดใจไป และถูกเบรกไว้ด้วยคำว่า..
“ญาติรอด้านนอกนะคะ!!”
ประตูห้องฉุกเฉินถูกปิดใส่หน้าผมไม่ต่างจากที่จินตนาการไว้..
“เป็นอะไรกับคนไข้คะ”
“เป็นญาติครับ” ผมตอบแบบที่ควรตอบ
“ช่วยกรอกเอกสารของคนไข้ด้วยค่ะ เชิญที่เคาเตอร์ด้านหน้าค่ะ”
“ครับ”
ผมเดินตามพยาบาลไปอย่างเลือกไม่ได้.. ตอนนี้ผมทำได้ดีแค่รอ และขอให้บุญกุศลที่ผมเคยทำคุ้มครองคนตัวสูงของผม
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นญาติของทั้งสองคนรึเปล่าคะ”
“เปล่าครับ อีกคนเป็นเพื่อนร่วมงาน”
“...”
“ไม่ทราบว่าเขาเป็นยังไงบ้างครับ” ผมลืมคุณภูผาซะสนิท
“อยู่ในห้องฉุกเฉินเหมือนกันคะ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นอะไรไม่มาก”
“เหรอครับ แล้วรถคู่กรณี..”
“ก็ไม่เป็นอะไรมากเหมือนกันคะ แล้วก็ตำรวจรออยู่ด้านนอกแล้วนะคะ”
“ขอบคุณครับ”

..มีแต่คนของผมที่อาการสาหัส นี่มันคือโชคชะตาของผมกับปรินซ์ใช่ไหม

“อาธาม!!!”
“ธาม!!!!”
เสียงพ่อแม่ของปรินซ์ดังจนใครๆ พากันหันมอง ม๊ากับป้าป้าของผมก็มา ..ทั้งที่ยังใส่ชุดนอน
ผมยกมือไหว้ทุกคน “ครับ”
“ไอ้ปรินซ์เป็นยังไงบ้าง!!!”
“ปรินซ์.. ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินครับ”
“อาการหนักไหม!!”
“..ไม่มากครับป๊า” ผมหลบตา และกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“หนักมากค่ะแปะ เลือดอาบหน้าเลย แล้วพี่ปรินซ์ก็หมดสติตั้งแต่ตอนที่รถกู้ภัยไปถึงเลยค่ะ” เสียงของคุณดรีม..
“ห่ะ!!!! ขนาดนั้นเลยเหรอหนูดรีม”
“ค่ะแปะ”
“ถ้าไง ผมขอไปทำเรื่องเอกสารต่อก่อนนะครับ” ผมเดินจากมา ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปหยุดรอใกล้หน้าห้องฉุกเฉิน

[ไอ้ธาม!!!! พี่ปรินซ์เป็นไงมั่ง!!!]
“..ยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉิน”
[แล้วมึงล่ะ.. เป็นไงบ้าง] ไอ้บอสส่งเสียงถามผมจากคลื่นทางไกล มันบอกว่าจะตามมา ไอดอลมันทั้งคน บรีสก็เหมือนกัน มันขอไปส่งแพมให้เรียบร้อยก่อน
“กู.. ไม่โอเค”
[...]
“กู.. โคตรไม่โอเค”
[...]
“กูจะทำยังไง ถ้าปรินซ์..”
[ไอ้ธาม!!! มึงมีสติหน่อย พี่ปรินซ์ถึงมือหมอแล้ว พี่มันเป็นคนดี พระต้องคุ้มครองอยู่แล้ว มึงอย่าเพิ่งคิดไปไกล ใจเย็นๆ กูใกล้ถึ…]
บอสพูดว่าอะไรต่อผมไม่ได้ยิน.. ผมทรุดตัวลงนั่งยองๆ กับพื้น และก้มหน้าร้องไห้กับแขนทั้งสองของตัวเอง..
.
..ภูผา

“กู.. ไม่โอเค”

“กู.. โคตรไม่โอเค”

“กูจะทำยังไง ถ้าปรินซ์..”

..หลังจากพูดโทรศัพท์เสียงสั่น คนตรงหน้าผมก็ทรุดร่างทั้งร่างลงกองกับพื้น ร่างที่สั่นไหวบอกให้รู้ได้ว่าเจ้าของร่างกำลังร้องไห้อย่างทรมานแม้ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา..
ผมฝืนคุกเข่าลงตรงหน้าของคุณธาม.. ทั้งที่ปวดหนึบไปทั่วทั้งร่าง ข้อเท้าก็ปวดไม่น้อย แต่คงไม่ทรมานเท่า.. ผมรั้งร่างบางเข้ามากอด ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ แค่อยากทำสิ่งนี้ อยากปลอบ อยากจะให้เขาหายเศร้าได้บ้าง มันอาจเป็นวัฒนธรรมแบบฝรั่งที่ผมเคยชินก็ได้ แต่ผมก็เชื่อว่าการได้รับความอบอุ่นจากใครสักคนจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ แม้จะเพียงไม่กี่นาที..
..เรากอดกันอยู่ชั่วอึดใจ ร่างบางจึงสั่นน้อยลง
“ดีขึ้นไหมครับ..”
“...”
“ถ้าคุณยังไม่โอเค ผมกอดคุณไว้อย่างนี้ก่อนก็ได้นะครับ”
คุณธามผละตัวเองออกจากอ้อมกอดของผม
“ขอบคุณครับ”
“...”
“คุณภูผาเป็นยังไงบ้างครับ” เสียงของคุณธามยังคงสั่น ดวงตาที่บวมช้ำบอกให้รู้ว่า.. ร้องไห้มามาก
“แค่ฟกช้ำนิดหน่อยครับ มีแผลแตกบ้าง แต่ไม่เป็นไรมากครับ”
“ดีครับ”
ผมเอื้อมมือขึ้นปาดคราบน้ำตาที่เลอะอยู่บนใบหน้าของคุณธาม ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงทำอย่างนั้น.. คุณธามมองหน้าผม..
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ” คุณธามพูดพลางเบี่ยงหน้าหลบมือของผม และลุกขึ้นยืน
“ไอ้ธาม!!!! / ไอ้ธาม!!”
“...”
“พี่ปรินซ์เป็นไงมั่ง!!!”
“ยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉิน”
“ออ คุณภูผา เป็นไรมากไหมครับ”
“ผมโอเคครับ”
“ธาม!!! หมอออกมาแล้ว” ผู้หญิงสูงวัยตะโกนเรียกคุณธาม เขารีบปาดน้ำตาและวิ่งไปทางห้องฉุกเฉินทันที
“ไอ้บอส มึงรีบตามไปดูพี่ปรินซ์ เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนคุณภูผาเอง”
“เออๆ ฝากด้วย”
“ไม่ต้องอยู่ดูผมก็ได้ครับ”
“ได้ไงล่ะครับ คุณก็เจ็บเหมือนกัน แล้วก็.. ตำรวจรอสอบปากคำคุณเบื้องต้นด้วย ไปกันเถอะครับ” ผมพยักหน้าตอบคุณบรีส ภาวนาให้คุณธามไม่ต้องร้องไห้ไปมากกว่า นี่มันความรู้สึกอะไรกัน คงแค่สงสาร ..ไม่ก็รู้สึกผิด ถ้าผมไม่พูดยั่วยุคุณปรินซ์ เรื่องเลวร้ายนี้อาจไม่เกิดขึ้น คุณปรินซ์จะมีสมาธิในการขับรถมากขึ้นกว่านี้.. แต่มันเป็นเพราะโชคชะตาต่างหาก ที่ทำให้รถคันนั้นพุ่งเข้ามาชน..
.
..ธาม
“ลูกผมเป็นยังไงบ้างคุณหมอ!!”
“เบื้องต้นคนไข้ปลอดภัยดีแล้วนะครับ กระดูกซี่โครงหักสองซี่ โชคดีที่ไม่ได้ทิ่มถูกอวัยวะส่วนอื่น ไม่น่าเป็นห่วงอะไร แค่ใช้เวลาพักฟื้น กระดูกจะเชื่อมติดกันเองได้ นอกนั้นก็มีบาดแผลภายนอกที่ไม่น่าเป็นห่วง ส่วนเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ ซึ่งเราจะทำการสแกนสมองกันในวันพรุ่งนี้ และตอนนี้คนไข้ยังไม่รู้สึกตัวครับ”
“แล้วเมื่อไหร่จะฟื้นหมอ!!!” พ่อของปรินซ์ถามเสียงดัง
“ผมตอบไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้ และอุบัติเหตุที่เจอมาเนี่ยก็ค่อนข้างหนัก อย่างที่ผมแจ้งไปนะครับ น่าเป็นห่วงแค่เรื่องสมอง..” คุณหมอพูดจบก็ขอตัวเดินจากไป
“..ย้ายโรงพยาบาล ย้ายโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!!!”
“ป๊าใจเย็นๆ ก่อน” แม่ของปรินซ์พูด
“ลื้อจะให้อั๊วใจเย็นได้ยังไง ลูกชายคนเดียวไม่ฟื้น! สมองเป็นอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้!!”
“หมอที่นี่เขาเก่ง ลื้อใจเย็นๆ เถอะ” ม๊าของผมพูดบ้าง
“อาธาม.. ว่าไง!”
“อย่าเพิ่งย้ายปรินซ์เลยครับป๊า ถ้าย้ายตอนนี้อาจจะสะเทือนแผลได้นะครับ ผมว่ารอดูพรุ่งนี้ก่อนดีกว่า”
“..ก็ได้ ป๊าเชื่อธาม”
ผมพยักหน้ารับคํา “คืนนี้ผมจะอยู่เฝ้าปรินซ์เองครับ ทุกคนไม่ต้องห่วง”
“ธามไหวนะ ให้ม๊าอยู่ด้วยอีกคนไหม” แม่ของปรินซ์ถามอย่างอ่อนโยน
“ไหวครับมาม๊า ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะครับ ทางนี้ผมดูแลเองได้”
.
“เดี๋ยวกูไปเอาเสื้อผ้ามาให้มึงเปลี่ยน” ไอ้บอสบอกผมพลางรับคีย์การ์ดคอนโดของปรินซ์กับผม
“ขอบใจน่ะเว้ย”
ไอ้บอสแตะบ่าผมแน่น “พี่มึงไม่เป็นไรมากหรอก เชื่อกู ไม่ดิ เชื่อหมอ”
“เออๆ”
“งั้นกูไปส่งคุณภูผาก่อน” ไอ้บรีสที่เดินมาถึงบอกผม มันกําลังประคองคุณภูผาที่เดินกระเผลก
“ผมขออยู่เฝ้าคุณปรินซ์เป็นเพื่อนคุณธามได้ไหมครับ”
“!!! / !!!!”
“ไม่เป็นไรครับคุณภูผา คุณกลับไปพักเถอะครับ คุณเองก็เจ็บ”
“ผมหลับไม่ลงหรอกนะครับ ถ้าคุณปรินซ์ยังไม่ฟื้น”
“คุณภูผาครับ ผมว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่” ไอ้บอสพูดขึ้น “ธามเป็นแฟนพี่ปรินซ์ ถ้าไงให้เป็นหน้าที่คนในครอบครัว เอ้ย เพื่อนผมดีกว่านะครับ”
“ถึงผมจะสนใจคุณธาม แต่ผมก็ชอบสู้แบบแฟร์ๆ ซึ่งๆ หน้า ไม่ทําอะไรลับหลังคู่ต่อสู้หรอกครับ แล้วยิ่งคุณปรินซ์นอนเจ็บแบบนี้”
“!!! / !!!!!”
“คุณภูผาครับ คิดว่าผมขอร้อ..”
“รถที่คุณปรินซ์ขับก็รถผม จะให้ผมไม่รู้สึกว่าเป็นความผิดผมหน่อยเหรอครับ ผมอยากทําอะไรบ้าง..”
“แต่คุณไม่ได้เป็นคนขับมาชนไหมครับ!” ไอ้บอสเริ่มขึ้นเสียง
“เห้ยมึงใจเย็น คุณภูผาเขาแค่เป็นห่วงพี่ปรินซ์ มึงแยกแยกหน่อยดิวะ”
“ผมเข้าใจครับ แต่ถ้าคุณภูผายังไม่ยอมพัก ผมว่าผมจะยิ่งลําบากใจนะครับ ถ้าคุณอาการหนักขึ้น”
“..เอางี้ครับ ผมจะขอหมอแอดมิท นอนอยู่ที่นี่ อย่างน้อยผมก็ยังอยู่ช่วยอะไรคุณธามได้บ้าง และเพื่อความสบายใจของผม”
“มันคงไม่ง่ายงั้นม้างง” ไอ้บอสพูดลอยๆ
“ครับ แต่คงไม่ยากถ้าผมมีญาติเป็นผู้บริหารอยู่ที่นี่”
“!!!!!!!!!!”
.
..บอส - บรีส
“แม่งตื้อฉิบหาย!!”
“เอาหน่ามึง เขาก็คงอยากรับผิดชอบด้วย”
“กูว่าไม่น่าใช่”
“แล้วนี่มึงต้องไปเอาเสื้อผ้าให้มันใช่ไหม”
“เออ มึงกลับเลย พรุ่งนี้ไอ้ธามคงไปทำงานไม่ได้แน่ๆ มึงจะได้รับหน้าแทนมันที่ออฟฟิศ”
“เออ ฝากมึงด้วยล่ะกัน”
“เออ”
.
.
..ธาม
“กูอยู่คนเดียวได้” ผมบอกไอ้บอสหลังจากมันย้อนกลับมาหาผมพร้อมเสื้อผ้า
“กูกลัวมีคนมาอยู่กับมึงมากกว่า กูไม่ไว้ใจแม่ง”
“มึงไม่ไว้ใจกู?”
“มึงอย่ากวนตีนตอนนี้ได้ไหมวะ ก็รู้อยู่ว่ากูหมายถึงใคร”
“เออ กูรู้ แต่มึงเชื่อกูได้ไง ปรินซ์ก็นอนป่วยอยู่ เขาไม่กล้าทำเชี่ยไรหรอก แล้วกูก็สู้คนนะเว้ย”
“ก็ถ้ามึงหมัดหนักได้หนึ่งในสี่ของหมัดพี่ปรินซ์กูก็คงไม่ห่วง ตอนนี้ใจมึงอ่อนแอ ร่างกายมึงยิ่งอ่อนแอหนักเข้าไปอีก พี่ปรินซ์ก็ตื่นมาช่วยมึงไม่ได้ด้วย”
“...”
“เห้ย กูขอโทษ กูหมายความว่า พี่ปรินซ์เจอฤทธิ์ยาแก้ปวดเข้าไป ก็หลับลึกเพราะยา คงไม่มีปัญญาตื่นมาเบรกเชี่ยแม่ง”
“มึงกลับเหอะ กูขอร้อง”
“นี่มึงไม่เห็นความหวังดีของกู”
“กูเห็น แต่กูอยากนอนแล้ว..”

..กว่าไอ้บอสจะยอมกลับก็หลังจากผมพูดจนเหนื่อย”
ผมมองปรินซ์ที่นอนลมหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียง รอยชํ้าจากแรงกระแทก และรอยแผลที่ถูกเศษกระจกกระเด็นใส่ปรากฏอยู่ทั่วทั้งแขน และใบหน้า ผมกลั้นนํ้าตารื้นใส.. แม้แต่จะจับผมยังไม่กล้า เพราะกลัวทําคนตัวสูงกว่าเจ็บปวดไปมากกว่านี้..

“พรุ่งนี้ปลุกกูด้วยนะถ้าตื่นก่อน..”

ผมอยากให้ปรินซ์ลุกมาทำโทษด้วยจูบที่หวานละมุนเหมือนทุกครั้งที่ผมพูดไม่สุภาพ..



“ฝันดีนะ..”
.
.
..ภูผา
ผมเป็นอะไร? ทำไมต้องมานอนที่โรงพยาบาลทั้งที่ควรกลับไปนอนสบายๆ บนเตียงที่คอนโดหรู อาจเป็นเพราะภาพของคุณปรินซ์ในรถตอนที่ประสบอุบัติเหตุ มันน่าตกใจเกินไป จนผมเสียสติไปแล้วที่สงสารคนร่างบางอย่างคุณธาม ผมคงมีความรู้สึกร่วมมากเกินไป..
ผมนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงแคบ รู้สึกกระวนกระวายบางอย่าง เลยตัดสินใจเดินไปห้องพิเศษชั้นบนทั้งที่ขาเจ็บและปวดไปทั่วทั้งตัว

ผมเปิดประตูแผ่วเบา.. คุณธามนั่งหลับอยู่ข้างเตียงคุณปรินซ์ ผมเดินตรงเข้าไปแตะไหล่ของคุณธาม เขาไม่ควรนอนแบบนี้ทั้งคืน ..คุณธามไม่รู้สึกตัวสักนิด ผมจับแขนข้างนึงของเขาขึ้นก่อนพยุงคนร่างบางกว่าค่อยๆ เดินไปที่โซฟาที่อยู่ไม่ไกลเกินสี่ก้าว ถ้าผมไม่เจ็บคงไม่ต้องรู้สึกปวดทุกครั้งที่ขยับตัว
..ผมวางคุณธามลงนอนบนโซฟาสำเร็จในที่สุด คิ้วขมวดตึงบนใบหน้าขาวนุ่มเนียนแม้ในห้องที่ไร้แสงไฟทำผมสงสาร ผมกดนิ้วมือของตัวเองเบาๆ ลงบนคิ้วคู่นั้น มันค่อยๆ คลายตัวออกจากกัน
“ผมขอโทษนะครับคุณธาม..”
ผมพูดกับคุณธามที่หลับสนิท และมองคุณปรินซ์อีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
.
.
.
..คืนที่สาม
..โรงพยาบาล
..ภูผา

ผมยังคงเดินกระเผลกไปที่ห้องของคุณปรินซ์ ..ที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ เช่นเดียวกันกับคุณธาม ที่นั่งหลับทับแขนของตัวเองอยู่ข้างๆ คุณปรินซ์ และเหมือนกันกับผม ที่มาพาคนร่างบางกว่าเข้านอนในที่ที่ควรนอน แต่คืนนี้ ร่างกายผมฟื้นตัวดีพอที่จะอุ้มคุณธามแทนที่จะใช้วิธีกึ่งเดินกึ่งลากคุณธามเหมือนทุกคืน
ผมมองหน้าคุณธามที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง.. ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร แค่รู้สึกดีกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ..
ผมวางคุณธามลงบนโซฟา ห่มผ้าให้ และเดินออกจากห้อง.. เหมือนทุกคืน
.
..ปรินซ์
แสงแยงตาเป็นแนวตั้งน่ารำคาญ!!! ภาพที่เห็นหลังจากลืมตาคือการตัดกันระหว่างแสงนอกห้องกับแสงในห้อง ..มีความเคลื่อนไหวที่ระยะสายตามองเห็น มองลำบากแต่ก็พอมองออกในความมืดระดับนี้ เงาตะคุ่มของใครสักคนที่กำลังอุ้มใครอีกคน.. ..วางลงบนโซฟา? ห่มผ้า? ใคร? คงเป็นแฟนกัน? ความคิดที่เกิดขึ้นแบบไร้ต้นทางกำลังรบกวนเซลล์สมองของผม
..คู่รัก?
ผมนึกออกเพียงแค่นี้ ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง และหลับไป
.
.
.
“พี่ปรินซ์ฟื้นแล้ว!! ดรีมค่อยสบายใจหน่อย”
“...”
“รู้ตัวไหมคะว่าหลับไปตั้งสามวัน”
“...”
“ทุกคนเป็นห่วงพี่มากเลยนะ”
“...”

..ธาม
ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้น.. คงเผลอหลับไป ทั้งที่ตั้งใจว่าจะหลับให้น้อยที่สุด เพราะอยากให้ตัวเองตื่นอยู่ตอนที่ปรินซ์รู้สึกตัว..
“คุณดรีม?”
“คุณธาม!! มานี่เร็วค่ะ ดรีมแวะมาเยี่ยมพี่ปรินซ์ก่อนไปทำงาน เลยได้เจอตอนพี่ปรินซ์ฟื้นพอดีเลย”
ผมรีบลุกจากโซฟาทันที และเดินไปหาคนตัวสูงที่อีกฝั่งของเตียง..

..ปรินซ์ทำหน้างุนงง
..ผมยิ้ม ความหนักหน่วงในใจที่มีตลอดหลายวันค่อยคลายลง
“ที่นี่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลค่ะพี่ปรินซ์”
“ผมป่วยเป็นอะไร”
“พี่ปรินซ์ประสบอุบัติเหตุรถชนค่ะ ซี่โครงหัก แล้วก็หลับไปสามวันค่ะ”
“งั้นเหรอ..”
“พี่ปรินซ์รอแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวดรีมไปตามหมอให้”
“ก่อนที่คุณจะไปตามหมอ ช่วยบอกผมก่อนว่าผมชื่ออะไร.. แล้วพวกคุณคือใคร..”
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
06
- ..ตัวตน -
.
.
“ก่อนที่คุณจะไปตามหมอ ช่วยบอกผมก่อนว่าผมชื่ออะไร.. แล้วพวกคุณคือใคร..”
.
“..คนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะค่อนข้างรุนแรง ถึงผลของการสแกนสมองจะบอกว่าไม่ได้รับความเสียหายอะไรมาก แต่ก็อาจส่งผลต่อความทรงจํา หรือพฤติกรรมบางอย่างที่อาจจะเปลี่ยนไปครับ”
“เขาจะจําอะไรไม่ได้บ้างครับ แล้วความทรงจําจะกลับมาเมื่อไหร่” ผมไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ มันควรมีแค่ในละคร และยิ่งไม่ควรเกิดกับปรินซ์และผม.. ทุกอย่างระหว่างเรามันลงตัวดีที่สุดแล้ว
“ในเรื่องของความทรงจํา จากที่คนไข้จําญาติไม่ได้แสดงว่าสูญเสียความทรงจําระยะยาวไป ทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิต หรือก็คือเขาจําอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งตัวเอง”
“!!!!”
“ส่วนเรื่องที่ว่าความทรงจําจะกลับมาเมื่อไหร่ จะกลับมาทั้งหมดไหม หมอคงให้คํายืนยันรับประกันอะไรไม่ได้ เพราะการทํางานของสมองเป็นเรื่องซับซ้อน ในบางคนไข้ก็จะจําเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้แค่บางเหตุการณ์โดยเฉพาะเหตุการณ์ตอนประสบอุบัติเหตุ แต่ในบางเคสก็จําอะไรที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตไม่ได้เลย”
“...”
“แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ ญาติๆ เพื่อนๆ ของคนไข้นี่แหละ ที่มีหน้าที่ต้องช่วยกันเติมข้อมูลให้กับคนไข้ เพราะถึงจะจํารายละเอียดไม่ได้ทั้งหมด แต่สมองของคนไข้ก็จะเกิดการเรียนรู้และเทียบเคียบกับสิ่งที่รู้สึกคุ้นเคยได้ทีละน้อย”
“โธ่ปรินซ์ของม๊า..” แม่ของปรินซ์แทบลมจับเมื่อฟังคําอธิบายของหมอ
“อย่างน้อยไอ้ปรินซ์มันก็ไม่พิการ ลื้ออย่าเพิ่งคิดมาก” พ่อของปรินซ์พูด “แล้วนี่ลูกผมจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่”
“หมอขอให้อยู่ดูอาการอีกสักสองถึงสามวันนะครับ ให้มั่นใจก่อนว่าซี่โครงที่หักไม่มีปัญหาน่ากังวล”
“ได้หมอ จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ แค่มันหายเป็นปกติก็พอ”

“..ปรินซ์จำมาม๊าได้ไหม”
“เหมือนที่ผมพูดกับทุกคน ผมจำคุณไม่ได้” ปรินซ์พูดกับแม่ของผม ความเสียใจฉายอยู่บนใบหน้าของม๊าชัดเจน และไม่ปิดบัง
“ผมเหนื่อยแล้ว อยากพัก” ปรินซ์พูดแบบไม่ใส่ใจใครที่ยืนล้อมอยู่รอบเตียง และทุกคนกำลังเป็นห่วงปรินซ์อย่างมาก
“แล้วลื้อไม่อยากรู้รึไงว่านี่ใคร” พ่อของปรินซ์ชี้มาที่ผม
“ไม่เห็นอยากรู้ น้องชาย? คนข้างบ้าน? หรือว่าคนใช้?”
“ไอ้ปรินซ์! โดนรถชนแค่นี้ ลื้อถึงกับกลายเป็นคนพูดจาหมาๆ เลยเหรอวะ!!” ปรินซ์ทำหน้าเบื่อหน่าย จะเรียกว่าไร้อารมณ์ใดๆ น่าจะถูกกว่า
“นี่อาธาม แฟนลื้อ”
“แฟน?” ปรินซ์หันหน้ามามองผมอย่างสนใจ
“อาธาม ลื้อแนะนำตัวกับมันสิ เผื่อมันจะจำอะไรเกี่ยวกับลื้อได้บ้าง”
“จำไม่ได้เลยเหรอปรินซ์..” ผมพูดเสียงอ่อนเหมือนเวลาเราอยู่กันแค่สองคน
ปรินซ์ยิ้มมุมปาก “พ่อแม่ยังจำไม่ได้ สำคัญตัวเองผิดไปหน่อยรึเปล่าครับคุณ”
“!!!”
“แล้วนี่เป็นผู้ชายเหมือนกันด้วย คุณอะไรนะ ออ ..ธาม คงไม่ง่ายที่หลอกนักธุรกิจอย่างพ่อผมได้ ..ว่าเราเป็นแฟนกัน เก่งแหะ”
“ไอ้ปรินซ์!! ลื้อรีบขอโทษอาธามเดี๋ยวนี้ ถ้าลื้อไม่อยากรู้สึกผิด”
“ผมพูดอะไรผิด ผมว่ามันน่ารังเกียจออก คบกับเพศเดียวกัน ถึงผมจะจำอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่น่าจะทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น”
“อั๊วจะไปตามหมอมาเย็บปากลื้อ!!”
“ป๊าครับ อย่าเพิ่งโมโหเลย ถ้าไง ขอผมคุยกับปรินซ์สองคนนะครับ”
“..ได้ แต่ลื้อต้องไม่โกรธมันนะ ป๊าขอ.. แค่มันความจำเสื่อมป๊าก็ว่าแย่แล้ว นี่มันยังกลายเป็นคนปากจัดขนาดนี้ ขนาดป๊ายังรับไม่ได้”
“ครับป๊า ผมจะไม่โกรธปรินซ์..”
แล้วพ่อแม่ของปรินซ์ รวมถึงแม่ของผมก็พากันกลับไป.. อย่างน้อยอาการตามร่างกายของปรินซ์ก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว
ผมเดินเข้าใกล้คนตัวสูง ..ดีใจที่ปรินซ์ฟื้น
“คุณกลับไปเถอะ ผมไม่มีทางเชื่อว่าเราเป็นแฟนกั..” เสียงของปรินซ์ขาดหายไปทันทีที่ผมประกบปากของตัวเองเข้ากับปากของปรินซ์ ผมจูบปรินซ์.. ทั้งคิดถึง และอยากให้สัมผัสที่เราทำมาตลอดหลายปีในทุกๆ วันทำให้ปรินซ์นึกออก ..ปรินซ์โต้ตอบมัน และรุกล้ำเข้ามาอย่างคุ้นชิน ..ผมดีใจ น้ำตารื้นและไหลอยู่ข้างแก้ม ปรินซ์ออกแรงดึงตัวผมให้ขึ้นไปนอนบนเตียงแคบ ผมกลัวปรินซ์จะเจ็บซี่โครง แต่ดูท่าคนตัวสูงของผมจะไม่ได้รู้สึกอะไร ..คงไม่เป็นไร ผมปล่อยตัวเองให้รู้สึกไปตามการโลมเล้าของปรินซ์ทั้งที่แอบคิดว่าสถานที่นี้ช่างไม่เหมาะสม ..คงไม่เป็นไร ตอนนี้ความรู้สึกของเรากำลังตรงกัน และถ้ามันจะทำให้ความทรงจำของปรินซ์คืนกลับมาได้ ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครเอาโทษกับผมที่เป็นคนเริ่มมัน.. มือของปรินซ์ที่ไล่ป่ายใต้เสื้อ บวกอุณหภูมิจากมือที่เย็นเพราะอุณหภูมิภายในห้องทำผมขนลุกชันทันทีที่ี่ปรินซ์แตะโดนจุดอารมณ์บนหน้าอก เราทั้งคู่ยังคงจูบกันแม้ผมจะรู้สึกหายใจไม่ออกแต่ก็ไม่อยากผละจากปรินซ์ จูบหนักหน่วงที่ปรินซ์มอบให้แม้จะต่างจากทุกทีแต่ผมก็รู้สึกดีตาม และ..รู้สึกต้องการ หรืออาจจะเป็นเราทั้งคู่.. ผมเริ่มหายใจหอบแรง ร่างทั้งร่างสั่นไหว เสียงครางที่เล็ดลอดแม้พยายามฝืนไว้ เมื่อปรินซ์บีบเข้นไล่ไปตามตัวของผม และฝังสัมผัสแน่นๆ ที่ซอกคอ ความต้องการของผมตอนนี้คงถึงเวลาที่ปรินซ์ควรจะปลดปล่อยมัน
“..เราคงเคยเป็นคู่นอนที่รู้ใจกันดี” ปรินซ์พูดที่ข้างหูของผม “แต่ยังไงดีล่ะ ก็แค่คู่นอนเวลาอยาก..” ผมมองปรินซ์ที่ค่อยๆ ดันตัวออกจากผม “จำไม่ได้หรอกว่าเคยจ่ายเท่าไหร่ บอกด้วยล่ะกัน จะชดใช้สำหรับครั้งนี้ให้”
“...”
ปรินซ์ลงจากเตียงและเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างมือล้างปาก ส่วนผม..ยังคงอยู่บนเตียง
“ออ ออกไปแล้วก็ตามพยาบาลให้มาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนด้วย ถ้าให้ดีก็ขอเปลี่ยนเตียงไปเลย”
ผมรีบจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่แบบลวกๆ และรีบเดินออกจากห้องนี้ ผมวิ่งลงไปยังห้องของคุณภูผา.. ที่เดียวที่ผมพอจะไปจัดการความรู้สึกตัวเองได้..

..โคตรน่าสมเพช
.
.
..ชั้นล่างห้องพิเศษ
..คนไข้ “ภูผา”

ก็อกๆ..

“ครับ”
“คุณภูผา..”
“เอ๊ะ คุณธาม มีอะไร.. เป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมคุณร้องไ..”
“ผมขอใช้ห้องน้ำนะครับ”
“..เชิญครับ”

สภาพเสื้อยับๆ กับคราบน้ำตา.. ไหนจะร่องรอยที่ดูก็รู้ว่าไปทำอะไรมา ไม่น่าแปลกที่ใครจะมองผมแบบนั้น แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจว่าคุณภูผาจะคิดยังไงกับสภาพของผม แต่ผมกลับกำลังคิดว่าทำไมปรินซ์ถึงเป็นไปได้ขนาดนี้ คนเมื่อกี้ไม่ใช่ปรินซ์ของผม ทั้งที่ทุกอย่าง..คือปรินซ์

“คุณธามจะอาบน้ำก็ได้นะครับ ผมเตรียมผ้าเช็ดตัวไว้ให้แล้ว ส่วนเสื้อผ้าก็ใส่ของผมก่อนได้”
“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร..”
“เชื่อผมนะครับ คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น”
“...” ผมไม่ได้ตอบบทสนทนาต่อ แต่ก็ถอดเสื้อผ้าและเดินเข้าหาฝักบัวที่ก้มหน้ารอผมอยู่ เสียงสายน้ำคงแทนคำตอบให้คุณภูผาที่อยู่นอกห้องน้ำได้

“ดีขึ้นไหมครับ”
“ครับ ถ้าไงผมขอตัวก่อนนะครับ ส่วนเสื้อผ้า จะซักมาคืนให้” ผมพยายามพูดด้วยนํ้าเสียงเป็นปกติอย่างที่สุด และเดินไปที่ประตูโดยไม่มอง ผมไม่พร้อมสู้หน้าใครในตอนนี้
“ผมรู้แล้วนะครับว่าคุณปรินซ์จำอะไรไม่ได้”
“รู้ไวจังเลยนะครับ”
“อย่างที่บอกไปผมมีญาติเป็นผู้บริหารอยู่ที่นี่”
“...”
“คุณธามครับ คุณอย่าเพิ่งกังวล ผมลองหาข้อมูลดูแล้ว คนไข้หลายคนก็กลับมาจำอะไรเกือบทั้งหมดได้ในเวลาไม่นาน..”
“แต่อีกหลายคนก็อาจจะจำอะไรไม่ได้เลยตลอดไป..”
“อย่าเพิ่งสิ้นหวังสิครับ”
“ขอบคุณนะครับ” ผมเดินออกมาจากห้องของคุณภูผา เดินเลี้ยวที่แยกด้านนึงของทาง เปิดประตูหนีไฟ และทรุดตัวนั่งลงกับพื้นบันได..

[ฮัลโหลธาม..]
“ม๊าถึงบ้านรึยัง”
[ยัง แต่ก็ใกล้ถึงแล้ว]
“...”
[เป็นอะไรไป..]
“ปรินซ์จำผมไม่ได้..”
[ม๊ารู้แล้วไง มีอะไรมากกว่านี้ล่ะสิ ไม่ขี้แยสิธาม โตขนาดนี้แล้ว อ่ะเล่าให้ม๊าฟังมา..]
“ปรินซ์จำธามไม่ได้..” ผมเริ่มสะอึกสะอื้น กลายร่างเป็นเด็กน้อยที่กําลังงอแงขอให้แม่ปลอบ “..แล้วปรินซ์ก็ยังรังเกียจธามด้วย”
[...]
“ธามจะทำยังไงดีม๊า..”
[ธาม.. ฟังม๊า ปรินซ์เขากำลังป่วย เขาเลยแปลกไป แต่เดี๋ยวพอปรินซ์หายป่วย ปรินซ์ก็จะเหมือนเดิม]
“...”
[ธามรักปรินซ์ไหม..]
“..รัก”
[รู้ใช่ไหมว่าปรินซ์ก็รักธามมาก]
“อื้อ รู้..”
[แค่ปรินซ์ป่วยแค่นี้ ธามก็จะยอมแพ้แล้วเหรอ]
“..ใครจะไปยอม”
[นั่นไง หมอก็บอกแล้วว่าเรามีหน้าที่กรอกหูปรินซ์ว่าปรินซ์เป็นใคร ทําอะไร ยังไง แล้วปรินซ์ก็จะค่อยๆ จําได้ ก็เหมือนในหนังนั่นแหละ สุดท้ายพระเอกก็ต้องคู่กับนายเอก]
ผมหัวเราะ “นั่นสิเนอะ”
[อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม]
“อื้อ..”
[เอาลูกเขยของม๊ากลับคืนมาให้ได้ ม๊าจะเอาใจช่วย]
“อื้อ.. ขอบคุณนะม๊า”

ม๊าพูดถูก.. อุปสรรคแค่นี้จะมาทําให้ความรักของผมกับปรินซ์สั่นคลอนไม่ได้ ..ผมต้องสู้เพื่อหัวใจของตัวเอง ..ปรินซ์ยังเคยพยายาม ทุ่มเทอะไรมากมายเพื่อหัวใจของปรินซ์..
.
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
07
- ที่ใหม่ -
.
.
..บอส
“..พี่เป็นไอดอลของคนทั้งโรงเรียน ทั้งเรียนเก่ง เป็นที่พึ่งของรุ่นน้อง เล่นบอลโคตรเก่ง ชอบเตะบอลมาก”

..บรีส
“..แต่พี่ก็ยอมเลิกเล่นบอลเพื่อไอ้ธามมัน”
“...”

“..พี่ยอมทําตามที่พ่อพี่สั่งทุกอย่าง เพื่อจะได้คบกับธาม”
“...”

“..พี่ตามไปขอธามแต่งงานที่ดอย”
“...”

“..แล้วพี่กับไอ้ธามก็กําลังจะไปฉลองวันแต่งงานครบรอบสามปีด้วยกัน”
“...”
ผมมองคนตัวสูงที่นั่งฟังข้อมูลจากทุกคนที่รู้จักปรินซ์ดี ทั้งครอบครัว คนใกล้ชิด และตอนนี้คือไอ้บอส กับไอ้บรีส
“จบรึยังครับ”
“..จบแล้วพี่”
“ถ้างั้นผมขอตัว”
“เดี๋ยวพี่ พี่พอนึกอะไรออกไหม” ไอ้บอสถาม หน้าของมันกําลังบอกอารมณ์บางอย่าง
“ผมไม่เห็นรู้สึกอยากจะนึกออก ที่พูดมาก็มีแต่เรื่องไร้สาระ”
“!!!”
“แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงนะพี่ พี่เคยเกือบมีเรื่องกับพี่ข้าวในห้องเชียร์คณะผม แถมพี่ยังอุ้มไอ้ธามตอนมันสลบ..”
“ตอนไอ้ธามตกเขา พี่ก็เป็นคนแบกมันกลับขึ้นมา”
“พวกคุณพอเถอะ ผมไม่เข้าใจว่าทําไมต้องเอาเรื่องของคนๆ นี้มาผูกติดกับชีวิตผมด้วย ทําอย่างกับว่าถ้าผมไม่มีเพื่อนของพวกคุณแล้วผมจะตาย”
“เห้ยพี่ ทําไมพี่พูดงี้วะ!!”
“ไอ้บอสมึงใจเย็น!”
“ทุกคนก็แค่พยายามให้ข้อมูลที่ปรินซ์..”
“แต่ผมว่ามันเป็นข้อมูลที่ไม่ได้จําเป็นกับชีวิต ผมควรจะรู้ว่าตอนนี้ผมทํางานอะไร ผมแพ้อะไร มีโรคประจําตัวไหม เรื่องพวกนั้นต่างหากที่ผมควรรู้?” ปรินซ์มองหน้าผม “ส่วนเรื่องระหว่างผมกับคุณ ผมคิดว่า ถ้ามันจะหายไปกับอุบัติเหตุ ผมก็โอเคนะ ไม่น่าจะสำคัญอะไรกับชีวิต”
ผมสบตาปรินซ์นิ่ง สายตาที่เย็นชาของคนตรงหน้าทําผมปวดจุกที่หัวใจ

[ธามรักปรินซ์ไหม..]
“..รัก”
[รู้ใช่ไหมว่าปรินซ์ก็รักธามมาก]
“อื้อ รู้..”
[แค่ปรินซ์ป่วยแค่นี้ ธามก็จะยอมแพ้แล้วเหรอ]
“..ใครจะไปยอม”

“มันคงไม่ง่ายที่จะจําอะไรได้ในเวลาแค่นี้ แต่ผมก็มีความพยายามมากพอที่จะรอคุณครับ ..คุณอชิระ”
“ก็ลองดูล่ะกัน..” แล้วปรินซ์ก็เดินจากไป
“ไอ้ธาม ทําไมพี่มันเป็นแบบนี้ไปได้วะ!!”
“หมอบอกว่าเพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง”
“กูปวดใจแทนมึงเลย แต่ละคําแม่ง!!”
“มึงก็ใจเย็นไอ้บอส มึงดูหน้าไอ้ธาม”
“...”
“แล้วนี่มึงจะเอาไงต่อวะ”
“...”
.
.
.
..ออฟฟิศธาม
..ครึ่งชั่วโมงก่อน
..บอสจอห์น - ธาม
“คุณคงมีเหตุผลของคุณที่ต้องเข้าไปทํางานที่นั่น”
“ใช่ครับบอส”
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่แอดเอเจนซี่”
ผมหัวเราะ
“ผมโอเค ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ แต่..”
“ครับ?”
“ผมยินดีต้อนรับคุณเสมอนะ”
ผมยิ้ม “ขอบคุณครับบอส” บอสจอห์นตบบ่าผมเบาๆ ผมเคารพบอสคนนี้มาก และก็ดีใจที่บอสจอห์นจะต้อนรับผมถ้าผมกลับมา
.
“มึงเอาจริงเหรอวะ! ถึงกับต้องลาออกเลยเนี่ยนะ”
“เออ มึงจะให้กูทําไงวะ กูคุยกับพ่อปรินซ์แล้ว ป๊าก็เห็นด้วยกับกู”
“นี่มันงานที่มึงชอบเลยนะเว้ย”
“กูรู้ แต่ถ้ามึงเป็นกู มึงก็ทําแบบกู”
“บอกบอสจอห์นแล้วเหรอวะ”
“อืม”
“บอสจอห์นไม่รั้งมึงเลยเหรอวะ”
“..บอสก็ไม่ได้รั้งกูนะ บอสโอเค แถมบอกว่าต้อนรับกูเสมอถ้ากูกลับมา”
“เออดี มึงก็รีบไปกู้เม็มโมรีพี่ปรินซ์ให้รีบจําได้ไวๆ มึงจะได้กลับมานี่ กูรอมึงอยู่นะเพื่อนรัก..” ไอ้บรีสกอดผมที่กําลังอุ้มกล่องใส่ของอยู่
“ปล่อยเลยไอ้บรีส จั๊กจี๊โว้ย”
“คุณธามไม่คิดจะบอกลาผมหน่อยเหรอครับ” เสียงของคุณภูผาดังผ่านอากาศเข้ามาในวงสนทนาระหว่างผมกับไอ้บรีส
“คุณภูผา.. ขอโทษครับ พอดีผมค่อนข้างรีบ”
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอยู่ดี”
ผมยิ้มบาง “งั้นก็ไว้เจอกันครับ”
“คุณธาม..”
“ครับ?”
“พยายามเข้านะครับ”
“ครับ”
.
.
.
..ออฟฟิศปรินซ์

“สวัสดีค่ะคุณปรินซ์ ดิฉันพิมาลัย เรียกสั้นๆ ว่าพิม เคยเป็นเลขาของพ่อของคุณ ก่อนที่จะมาเป็นเลขาของคุณปรินซ์ค่ะ”
“เป็นเลขาผมมานานแค่ไหนแล้วครับ”
“ประมาณปีนึงได้ค่ะ”
“อืม ดี คงต้องกวนคุณบอกสิ่งที่ผมจะต้องทำ เรื่องที่ผมควรทําทั้งหมด”
“ได้ค่ะ”
“...”
“อีกเรื่องนึงค่ะ ท่านประธานฝากให้ดิฉันแจ้งคุณว่าท่านได้จัดหาเลขามาช่วยคุณอีกคนนึงค่ะ”
“งั้นเหรอ”

ก็อก..

“เชิญ”
“สวัสดีครับ”
“คุณมาทำอะไรที่นี่??”
“ขออนุญาตค่ะคุณปรินซ์ นี่คุณธัญญ์ เลขาอีกคนของคุณค่ะ”
“สวัสดีครับ ผมธัญญ์ หรือจะเรียกว่าธามก็ได้ครับ..คุณอชิระ”
ปรินซ์ยิ้มมุมปาก ส่ายหน้าเบาๆ “เลขาพิม ช่วยพาเขาออกไปจากห้องของผมด้วย”
“คงไม่ได้ค่ะคุณปรินซ์ ท่านประธานสั่งไว้ค่ะ ไม่ว่าคุณปรินซ์จะว่ายังไง เลขาธามก็ต้องทำงานที่นี่”
“ผมเข้าใจว่าคุณพิมเป็นเลขาของผม..ไม่ใช่เหรอครับ”
“ค่ะ แต่โดยตำแหน่งแล้ว ดิฉันคงขัดคำสั่งของท่านประธานไม่ได้ค่ะ”
“งั้นถ้าผมจะใช้สิทธิ์ของผมในการให้เขาออกล่ะครับ”
“ดิฉันคิดว่าท่านประธานก็คงไม่อนุญาตเช่นกันค่ะ”
ปรินซ์เดินเข้ามาหาผม สายตาที่มองมาเย็นชาและว่างเปล่า “ก็ลองดู ผมก็อยากรู้ว่าคุณจะทนทำได้นานแค่ไหน”
ผมมองตาปรินซ์ พยายามที่จะควานหาความรู้สึกจริงๆ ของคนตรงหน้า หวังว่าแววตาของปรินซ์จะสั่นไหวกับผมบ้าง “...”
“ถ้ายังไงดิฉันขอแนะนำงานของคุณปรินซ์ไปพร้อมๆ กับเลขาธามเลยล่ะกันนะคะ”
“เป็นแค่เลขา จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องเหมือนผู้บริหารเลยเหรอครับ”
“ก็เพราะเลขาธามจะต้องคอยดูแลงานของคุณปรินซ์ในทุกเรื่องค่ะ เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน จะได้เข้าใจตรงกัน และสะดวกสำหรับดิฉันค่ะ”
ปรินซ์ถอนหายใจเบาหนึ่งที ก่อนจะเดินหันหลังไปนั่งลงที่เก้าอี้นุ่มนวมหนาหลังโต๊ะไม้กว้างขนาดใหญ่ “โอเค ผมเห็นแก่เลขาพิม เริ่มได้เลยครับ”
.
.
“เป็นไงมั่งพี่พิม เลขาอีกคน”
“น้องเขาดูน่าเอ็นดูดีนะ แต่ว่าดูบอบบางยังไงไม่รู้ เขาโอไหมพี่”
“เห็นว่าเป็นแพลนเนอร์บริษัทโฆษณา ไหงจู่ๆ มาเป็นเลขาได้ พี่พิมรู้ไหม”
“มีเลขาเป็นผู้ชายเนี่ยแปลกๆ เนอะพี่พิม”
“พวกเธอหยุดก่อนได้ไหม ฉันปวดหู เบรกให้ฉันได้พูดบ้าง”
“... / … / …”
“ก่อนอื่น.. ก็ดูโอเคมั้ง เพราะเพิ่งเจอหน้า ไม่รู้หรอกว่าจะไหวไหม เพราะต้องรับมือคุณปรินซ์ ที่ดูจะ..ไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่”
“คุณปรินซ์ไม่เหมือนเดิม? คือไรพี่”
“ก็.. เดี๋ยวพอพวกเธอเจอก็รู้เอง พี่อาจจะรู้สึกไปเองก็ได้” จะให้พูดได้ยังไงว่าเจ้านายตัวเองสูญเสียความทรงจํา และที่แย่กว่านั้นคือนิสัยที่ไม่เหมือนเดิม ไหนจะเลขาใหม่คนนั้นอีก ที่มีสถานะเป็นถึง ‘แฟน’!!!
“พี่พิมก็น่าจะบอกนิดนึง พวกเราจะได้เตรียมใจไว้”
“เอาเป็นว่า.. รอดู ฉันไม่อยากนินทาเจ้านาย”
“อ๊ะ น้องธามๆ”
“สวัสดีครับ” ผมหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหารในแคนทีนของพนักงาน
“นั่งทานข้าวกับพวกพี่ได้นะ”
“ออ ขอบคุณครับ” ผมนั่งลงทันทีที่ได้รับคำเชิญ ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใครบ้าง ที่รู้จักก็มีแต่เลขาพิม ที่ผมต้องรีบตีซี้ไว้
“เป็นไงมั่ง กับงานพอไหวไหม”
“ก็.. คงต้องเรียนรู้อีกเยอะครับ”
“น่าเสียดายงานแพลนเนอร์เน๊อะ ได้ยินว่าไม่ใช่ว่าจะเป็นกันง่ายๆ ว่าแต่ทำไมน้องธามถึงทิ้งงานนั้นมาทำที่นี่ล่ะจ๊ะ”
“..คือ อ๊ะ ขอโทษครับ ผมขอรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ”
“จ๊ะ ตามสบายเลย”

“ครับคุณอชิระ”
[ผมไม่คิดว่าคุณจะรีบพักกลางวันโดยที่ทิ้งงานทั้งกองไว้ที่โต๊ะ]
“ขอโทษด้วยครับ”
[เอาเป็นว่า ผมอยากได้ข้อมูลของงานโฆษณา แล้วก็เอกสารทั้งหมดของโปรเจ็กต์ที่เมืองจีนก่อนบ่ายโมง]
..ก่อนบ่ายโมง ผมมองนาฬิกา นี่มันก็เที่ยงครึ่งแล้ว!!! “..ได้ครับ” เชี่ยปรินซ์!! ผมแอบสบถคําด่าอยู่ในใจ
[ออ แล้วก็ศึกษารายละเอียดจากคุณดรีมมาด้วย เพราะเขาดูแลโปรเจ็กต์เมืองจีน]
“ถ้ายังไงให้ผมนัดคุณดรีมให้ไหมครับ” ผมได้ยินเสียงหยุดเคาะแป้นพิมพ์
[คุณเป็นเลขาของผม ผมสั่งอะไรคุณก็ต้องทําไม่ใช่รึไง]
“...”
[ถ้ามีเวลามาคิดให้คนอื่นทํางานแทนตัวเอง สู้เอาเวลาไปศึกษางานตามที่ผมสั่งดีกว่าไหมครับ]
“...” แล้วไอ้คุณอชิระก็วางสายใส่หูผม

“..ผมขอตัวก่อนนะครับ คุณอชิระตามแล้วน่ะครับ”
“รีบขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ครับ ภายในบ่ายโมง”
“แต่น้องธามยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ให้พี่ขึ้นไปช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรครับพี่พิม ถ้าผมติดตรงไหนจะโทรหาพี่ล่ะกันครับ”
“เอาแบบนั้นก็ได้”
“ครับ” ผมรีบเดินออกจากแคนทีนทันที ทั้งที่เสียดายอาหารที่เพิ่งซื้อมา แม่โพสพต้องโกรธผมแน่ๆ

“พี่พิม”
“...”
“คุณปรินซ์เขาเปลี่ยนไปเน๊อะ”
“นั่นสิ ทุกทีจะเห็นคุณภาพชีวิตของลูกน้องมาก่อนงาน ไหงมาตามงานเอาตอนพักกลางวัน”
“แถมตามแต่น้องธาม ไม่หยักตามพี่พิม น้องมันเพิ่งมา มันจะไปทำอะไรได้”
“พี่ชักเป็นห่วงแล้วสิ..”
.
.
“นี่ครับ เอกสารของโปรเจ็กต์ที่จีน แล้วก็แผนงานโฆษณา”
ปรินซ์นั่งนิ่ง ก้มหน้าก้มตาอยู่กับแฟ้มเอกสารที่หน้าตาเหมือนกันกับที่ผมเพิ่งเอามาวาง ..เอกสารของโปรเจ็กต์เมืองจีน ..ก็ถ้ามีอยู่แล้วจะรีบตามผมขึ้นมาเอาให้ทำไม!!
“ถ้าคุณอชิระไม่ต้องการอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อยู่รอก่อน”
“...”
“..ทําหน้าแบบนั้น ไม่สมกับตําแหน่งเลขาที่ได้มาเลยนะครับ”
“คุณอชิระเห็นด้วยเหรอครับว่าผมทําหน้ายังไงทั้งที่ไม่ได้มอง”
ปรินซ์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร “หึ นั่นสินะ ผมคนก่อนคงรู้ใจคุณมาก ถึงสัมผัสได้ว่าคุณกําลังคิดอะไรอยู่ ปั้นหน้าแบบไหนอยู่”
“...”
“แต่ผมตอนนี้ดันเลือกที่จะไม่จําคุณ เสียใจด้วยนะ”
“..คุณอชิระก็จําทุกคนไม่ได้นิครับ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว” ฟังเหมือนผมกําลังเถียงปรินซ์ แต่จริงๆ คือผมกําลังปลอบใจตัวเอง
“ก็ถูกของคุณ แต่ถ้าคุณสําคัญกับผมมากพอ ผมน่าจะจําคุณได้บ้าง”
“...”
“ขอพูดตรงๆ เลยนะ ผมจําได้ลางๆ ว่าตัวเองต้องรีบเคลียงาน รีบสานสัมพันธ์กับคุณดรีม แต่ผมกลับจําอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณไม่ได้เลย ทั้งที่คุณบอกว่าเราเป็นแฟนกัน แต่งงานกันแล้วด้วย นี่ผมพูดไปยังรู้สึกกระดากปาก ผู้ชายกับผู้ชายแต่งงานกัน”
“...”
“เอาเป็นว่าถ้าคุณยังรู้สึกดีที่ได้ทํางานที่นี่ ก็ตามสบาย.. แต่อย่าคาดหวังในตัวผม เพราะคุณจะต้องโกรธตัวเองที่ดึงดันจะอยู่ต่อ”
“...”
“..ส่วนเรื่องเอกสาร ผมรอคุณไม่ไหวเลยขอจากทางคุณดรีม”
“..ครับ” ..อย่างน้อยปรินซ์ก็อธิบาย ยังใส่ใจความรู้สึกของผมบ้าง
“งั้นผมให้เวลาคุณ 15 นาที ติดตามความคืบหน้าของงานโฆษณา คุณคงทําได้ เพราะนั่นก็ที่ทํางานเก่า เท่านี้แหละครับ เชิญออกไปได้ ออ แล้วก็ขอกาแฟผมด้วย”
“...” ผมเดินพาใจชาๆ ออกจากห้องของปรินซ์ แค่ครึ่งวันผ่านไป ผมยังรู้สึกเหมือนมันช่างเนิ่นนาน วี่แววว่าปรินซ์จะจําอะไรได้บ้างยังไม่มีให้เห็น เพราะปรินซ์สนแต่งาน และหน้าผมคือสิ่งที่ปรินซ์รังเกียจที่จะมอง..
“ธาม.. โอเคไหม ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้?”
“ผม..โอเคครับพี่พิม ผมขอตัวไปชงกาแฟให้คุณอชิระก่อนนะครับ”
“รู้ใช่ไหม ว่าต้องชงสูตรไหน”
ผมยิ้มบาง “รู้ครับ”
.
ปรินซ์เงยหน้ามองของที่ผมเพิ่งวางลงบนโต๊ะทำงานงาน
“..เครปเค้กสครอเบอรี กับ..” ปรินซ์ชิมของเหลวสีชามีควันลอยเอื่อยที่วางอยู่ข้างเครปที่ผมรีบลงไปซื้อจากใต้ตึก ผมรู้ว่าเครปเจ้านี้ปรินซ์ชอบ “..ชามะนาว?”
ผมยิ้ม ปรินซ์ชอบกินเครปรสนี้คู่กับชามะนาวเวลาที่เรานั่งดูหนังด้วยกันที่คอนโดในวันหยุดที่เราขี้เกียจออกไปไหน และเพราะปรินซ์ก็ยังไม่ได้กินกลางวัน ผมคิดว่าปรินซ์ควรได้รับคาร์โบไฮเดรตบ้าง..

..ปรินซ์กดแป้นโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างมือ
“เลขาพิมครับ ผมรบกวนขอกาแฟให้ผมด้วย”
“..ค่ะคุณปรินซ์”
“...”
ปรินซ์ถอนหายใจ และพูดโดยที่ไม่มองหน้าผม “ไหนๆ คุณก็เข้ามาแล้ว ผมขอทราบความคืบหน้าของงานโฆษณาด้วยครับ”
..ผมพยายามปรับอารมณ์ของตัวเอง ทั้งที่ใจของผมวิ่งไปร้องไห้ที่ไหนสักที่นึงไกลออกจากตรงนี้เรียบร้อยแล้ว
“..ครับ แคสติ้งนักแสดงเรียบร้อยแล้วครับ กำลังจะเริ่มถ่ายทำ..พรุ่งนี้”
“โอเค งั้นผมมอบหมายให้คุณไปคอยดูว่าการถ่ายทำเป็นยังไง เรียบร้อยไหม จะเสร็จเมื่อไหร่..”
“ผมเข้าใจว่านั่นน่าจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายการตลาดนะครับ”
“คุณควรจะขอบคุณผมนะ ที่สั่งให้คุณได้ไปทำงานที่คุณถนัด”
“แต่ตอนนี้ผมเป็นเลขาของคุณอชิระนะครับ”
“ก็ผมรำคาญที่จะต้องเห็นหน้าคุณ”
“...”
“..ยิ่งคุณทำตัวเหมือนรู้จักผมดี ทั้งที่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ..เอาเป็นว่าทำตามที่ผมสั่ง..ในฐานะเลขา”
“...”

ก็อก

“กาแฟได้แล้วค่ะคุณปรินซ์”
“คุณพิม ผมกวนตามคุณดรีม แล้วก็ทีมการตลาดที่ดูแลโปรเจ็กต์ประเทศจีนมาพบผมที่ห้องประชุมเล็กภายในสิบนาที”
“!! ได้ค่ะ”
“ส่วนคุณธาม”
“...”
“ผมกวนคุณแค่เรื่องเดียว ช่วยเอาเซ็ทของหวานที่ผมไม่ชอบออกไปพร้อมกับตัวคุณด้วย เท่านี้แหละครับ ขอบคุณมาก”
แล้วปรินซ์ก็ลุกขึ้นเดินผ่านข้างตัวผมไป.. ผมคว้าข้อมือของปรินซ์ไว้ ผมไม่สนแล้วว่าพี่พิมจะยังอยู่ในห้องรึไม่
“เครปเค้กรสนี้คุณเคยชอบทานมากจริงๆ คุณยังเคยให้สัมภาษณ์..” สัมภาษณ์ที่ผมรู้จากบอส สัมภาษณ์ที่ปรินซ์พูดถึงผม
“มันก็แค่ ‘เคย’ คุณอย่าเอาอดีตมาเรียกร้องอนาคตเลยครับ”
“ทำไมคุณไม่ลองนึกดูบ้างล่ะครับ ผมเชื่อว่ามันไม่ได้หายไปไหน”
“ทำไมผมต้องพยายามในสิ่งที่ผมไม่อยากจะเชื่อด้วยล่ะครับ”
“...”
“ปล่อยเถอะครับ ผมต้องรีบไปประชุม”

ผมคลายมือออก..

ปรินซ์เดินจากไป..

ผมควรทำยังไงดี..

นี่แค่วันแรกที่ได้พยายาม..ปรินซ์ยังทำผมท้อขนาดนี้

ผมยืนนิ่งอยู่นานจนไม่รู้ตัวว่าพี่พิมเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งตอนไหน..

“น้องธาม..”

ผมรีบเช็ดน้ำตาที่รื้นเอ่อ และหันไปเผชิญหน้ากับพี่พิม
“ครับพี่พิม”
“มีคนมาหาเราน่ะ เขาบอกว่าชื่อภูผา มาจากบริษัทโฆษณา เขารออยู่ที่ล็อบบี้”
“ขอบคุณครับ” ผมฝืนยิ้ม
“ธาม..”
“ครับ”
“อย่าหาว่าพี่พูดจาโหดร้ายเลยนะ”
“แก้วที่มันโดนหลอมละลายเปลี่ยนรูปทรงไปแล้ว มันไม่มีทางจำได้หรอกว่ามันเคยมีตัวตนเป็นยังไงมาก่อน”
“...”
“พี่ไม่รู้ว่าระหว่างคุณปรินซ์กับธามมีความสัมพันธ์ขนาดไหน แต่พี่เห็นธามโดนขนาดนี้ พี่ว่าธามถอดใจเถอะ”
ผมมองหน้าพี่พิม ไม่คิดว่าพี่พิมจะรู้เรื่อง..
“ท่านประธานบอกพี่แล้วว่าคุณปรินซ์กับธามเป็นแฟนกัน พี่ไม่อะไรหรอกนะ พี่เข้าใจ ขนาดท่านประธานที่มีลูกชายคนเดียวยังยอมรับเลย แถมท่านยังฝากพี่ดูแลธามด้วย”
ผมยิ้ม “ขอบคุณที่เข้าใจผมครับ”
“เอาเป็นว่าพี่ควรบอกให้ธามพยายามเข้า สู้ๆ เพราะถ้าเป็นพี่ พี่ก็คงต้องลองดูสักตั้ง นี่เพิ่งเริ่มเองนินะ”
“ครับ”
“..งั้นธามรีบไปหาคุณภูผาเถอะ เดี๋ยวพี่เข้าประชุมกับคุณปรินซ์ให้”
“ขอบคุณครับพี่พิม”
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
08
- ข้าว..ที -
.
.
“สวัสดีครับคุณภูผา มีอะไรรึเปล่าครับ มาถึงที่นี่” ผมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามคุณภูผาก่อนกล่าวทักทายคุณภูผาที่ยังคงดูดีมีสไตล์ตามคอนเซ็ปต์
“ผมเข้ามารายงานความคืบหน้าของงานน่ะครับ แต่จู่ๆ ฝ่ายการตลาดก็มีประชุมด่วน ขอเลื่อนนัด ผมเลยใช้โอกาสนี้เจอคุณธามแทน”
“คุณควรจะกลับออฟฟิศ”
“ก็ใช่นะครับ แต่เจอคุณธามก็เหมือนคุยงานเหมือนกันนะครับ ผมว่า”
“ยังไงครับ”
“ก็คุณเป็นคนคิดงานนี้ตั้งแต่แรก คุณเองก็คงอยากรู้เหมือนกันว่างานไปถึงไหน ไม่สิ เผลอๆ คุณต้องเอาไปรายงานคุณปรินซ์ด้วยซ้ำ”
“คุณภูผาแอบติดเครื่องดักฟังไว้กับตัวผมรึไงครับ ถึงได้รู้ทุกเรื่อง”
ไอ้คุณภูผายิ้มสดใส “ดีใจจังครับ ที่ผมรู้ทุกเรื่อง..ของคุณธาม”
“...”
“เป็นไงบ้างครับ ทำงานวันแรกกับคุณปรินซ์”
“ผมขอไม่ตอบนะครับ”
“ดูจากสีหน้าของคุณแล้ว ไม่บอกผมก็พอจะสรุปได้ครับ”
“...”
“จริงสิ หลังเลิกงาน ไปทานข้าวกับผมนะครับ”
“ผมขอปฎิเสธครับ”
“แต่คุณติดผมอยู่มื้อนึงนะครับ อีกอย่าง คุณก็ไม่มีใครรอทานมื้อเย็นด้วยอยู่แล้ว”
“...”
“ขอโทษที่ผมพูดตรงๆ ไหนๆ คุณปรินซ์ก็ฟื้นแล้ว ผมเองก็เลยไม่รู้สึกผิดที่จะเดินหน้าจีบคุณ”
“คุณเลิกพูดเล่นแบบนี้เถอะครับ ผมไม่สนุกด้วย”
“ผมขอสารภาพเลยนะครับคุณธาม ตอนแรกผมแค่อยากพิสูจน์ให้คุณปรินซ์เห็นว่าความรักของพวกคุณมันไม่มั่นคง แค่คุณธามเปลี่ยนไปคุณปรินซ์เขาก็จะได้อยู่ในทางที่ถูกต้อง เป็นนักธุรกิจชาวไทยที่ไม่ต้องโดนใครนินทาเหยียดหยาม เป็นเพอร์เฟคแมน แต่พอผมเจอคุณเข้าจริงๆ ผมกลับรู้สึกสนใจคุณบางทีผมอาจจะเข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมคุณปรินซ์ถึงชอบคุณ”
“ถ้าคุณเข้าใจปรินซ์ก็ช่วยอย่ายุ่งกับพวกเราเลยครับ”
“ทำไงดีละครับ ผมชอบความท้าทาย ยิ่งคุณปรินซ์จำคุณไม่ได้ด้วย”
“...”
“เอาอย่างนี้สิครับ คิดซะว่าใช้ผมเป็นตัวกระตุ้นต่อมความหวงของเขาดู เผื่อเขาจะจําอะไรได้”
“ผมขอไม่ใช้วิธีนี้นะครับ ถ้าไงผมขอตัวขึ้นไปทำงานก่อน”
“เดี๋ยวสิครับคุณธาม” ไอ้คุณภูผาคว้าแขนของผมไว้ทันทีที่ผมลุกขึ้นและกําลังจะเดิน ผมที่เริ่มหมดแรงเพราะไม่ได้กินข้าวกลางวันเซตามแรงดึงทันทีจนชนเข้ากับร่างของไอ้คุณภูผา!!
“เป็นอะไรไหมครับคุณธาม! ผมขอโทษ ไม่คิดว่าคุณจะบอบบางขนาดนี้..” ไอ้คุณภูผามองผมด้วยสายตาหยอกล้อที่คล้ายกันกับปรินซ์เวลาที่แกล้งผมได้สําเร็จ
“จะทําอะไรกันก็ช่วยเกรงใจสถานที่ด้วยนะครับ” เสียงปรินซ์ ผมรีบผละตัวเองออกจากไอ้คุณภูผาทันที

..ปรินซ์เดินมากับคุณดรีม

“สวัสดีครับคุณปรินซ์ จําผมได้ไหมครับ”
“ขอโทษครับ ผมจําไม่ได้”
“ไม่น่าแปลกใจครับ งั้นผมขอแนะนําตัว ผมภูผาเป็นครีเอทีฟอยู่เอเจนซี่ที่ทําโปรเจ็กต์โฆษณาให้กับทางบริษัทคุณปรินซ์ครับ”
“ออ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“แล้วผมก็กําลังตามจีบคุณธามแฟนของคุณปรินซ์ครับ”
“ตรงไปตรงมาดีครับ รีบๆ ทําให้สําเร็จนะครับ ผมขอตัว” ปรินซ์หันหลังจะเดินจากไป แต่ก็หยุด และมองผม.. “คุณธาม คุณเลิกงานได้เลยนะวันนี้ ผมอนุญาต คุณจะได้มีเวลาให้กับคุณภูผา”
“...”
“พี่ปรินซ์ทําไมพูดแบบนี้ล่ะคะ” คุณดรีมที่ยืนเกาะแขนปรินซ์อยู่พูดขึ้น “พูดแบบนี้คุณธามก็เสียใจสิคะ”
“พี่ไม่เห็นว่าเขาจะต้องเสียใจอะไร ในเมื่อคุณภูผาพูดออกมาตรงๆ ว่าจะจีบคุณธาม เขาก็ควรจะได้คบกัน ดีกว่าจะต้องมานั่งเสียเวลากับพี่”
“...”
“อีกอย่าง คุณภูผาจะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ คอยอุ้มคุณธามเข้านอนด้วย”
“คุณภูผาเนี่ยนะคะพี่ปรินซ์”
“ใช่ พี่เห็นตอนที่อยู่โรงพยาบาล ถึงจะมองไม่ถนัด แต่พอมาคิดดูดีๆ ก็คงเป็นคุณภูผาที่มาอุ้มว่าที่แฟนเข้านอนด้วยความเป็นห่วง ผมพูดถูกไหมครับ”
“!!!” ผมหันหน้ามองคุณภูผา และนึกโกรธตัวเองที่ขี้เซาจนไม่รู้สึกตัวได้ขนาดนี้ แถมปรินซ์ที่จำไม่ได้ยังเห็นภาพแบบนั้นอีก
“ถูกครับ ผมเป็นห่วงคุณธามมาก ทุกคืนคุณธามจะนั่งเฝ้าคุณปรินซ์จนหลับไป ผมเลยถือวิสาสะอุ้มคุณธามไปนอนที่โซฟา” จู่ๆ คุณภูผาก็โอบไหล่ผมแน่น และหันมามองผม “ผมหลงชอบคุณเข้าจริงๆ นะครับคุณธาม ผมอยากมีใครสักคนที่รักผมแบบนี้บ้าง คนที่ร้องไห้ทรมานเพราะผมกำลังเจ็บ.. และอดทนรอผมในวันที่ผมเปลี่ยนไป..” สองประโยคหลังคุณภูผาหันหน้าไปพูดกับปรินซ์..

..ปรินซ์ไม่ตอบอะไร และเดินจากไป

..ผมมองตามปรินซ์

“ขอโทษนะครับคุณธาม”
“คุณทำบ้าอะไร! ต้องการอะไรกันแน่” ผมสลัดตัวเองออกจากอ้อมอกของคุณภูผาและรีบวิ่งตามปรินซ์ไป

ผมไปไม่ทันลิฟท์ตัวเดียวกับที่ปรินซ์กับคุณดรีมขึ้น เลยรีบขึ้นลิฟท์อีกตัวที่ลงมาพอดี..

ผมไม่อยากถูกเข้าใจผิด ผมไม่อยากถูกปรินซ์เข้าใจว่าผมควรจะมีคนใหม่

ผมไม่อยากถูกปรินซ์ผลักไสให้ไกลจากปรินซ์ไปมากกว่านี้แล้ว

ผมเปิดประตูห้องทำงานของปรินซ์ คนตัวสูงกำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้มระบายอยู่มุมหนึ่งของขอบฟ้า

ผมเดินไปตามพื้นพรมนุ่มตรงไปหาคนตัวสูง..

ผมหยุดยืนอยู่ข้างหลังของปรินซ์.. หายใจลึกๆ เรียกความกล้าของตัวเองอีกครั้งก่อนจะโอบแขนทั้งสองเข้ากับลำตัวของปรินซ์..

ปรินซ์ไม่ได้ตกใจ.. ผมฝังกอดของตัวเองแน่นๆ และสูดดมกลิ่นหอมจากตัวปรินซ์อย่างถือโอกาส ผมคิดถึงความอบอุ่นของปรินซ์ โหยหากลิ่นอายจากตัวปรินซ์ เราไม่เคยต้องแยกห่างกันนานขนาดนี้ในความรู้สึก

“คุณต้องการอะไร คุณธาม” เสียงที่เย็นชาเตือนสติผมว่าคนคนนี้คือปรินซ์ที่ไม่ใช่ปรินซ์

ผมปล่อยมือจากตัวปรินซ์..
ผมก้าวเท้าถอย ความรู้สึกกระดากใจและความต้องการตีกันปั่นป่วนอยู่ในใจ..
ปรินซ์หันหน้ามามอง ก่อนกระชากตัวผมเข้าไปใกล้
“ทำไม.. ต้องการคำบอกลาจากผมงั้นเหรอ”
“...”
“ผมแสดงออกชัดขนาดนี้ทําไมยังทนได้อีก”
“เพราะคุณเคยพยายามมาก.. เพื่อผม” ผมมองหน้าปรินซ์ น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาอาบสองแก้ม ผมไม่ได้อยากอ่อนแอต่อหน้าปร้ินท์คนนี้ แต่ผมก็ห้ามมันไม่ได้จริงๆ ใจของผมกำลังเหนื่อยล้า ทุกคำพูดของปรินซ์ ทุกการกระทำ.. กำลังทำผมทรมาน
“..คุณออกไปซะ ผมเหนื่อยแล้ว ผมต้องทํางานต่อ จะไปไหนก็ไป..” ปรินซ์ปล่อยตัวผมและนั่งลงที่โต๊ะทํางาน ทำเหมือนกลับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองและเดินหันหลังให้ปรินซ์
“..ไม่ว่าคุณอชิระจะพูดยังไง ผมก็ยืนยันจะรอคุณ..”
.
“เลขาพิมพ์.. ผมขอยาแก้ปวดด้วยครับ”
“ได้ค่ะคุณปรินซ์”

“คุณปรินซ์สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะคะ”
“ผมปวดหัวนิดหน่อย”
“ให้ยกเลิกประชุมเย็นนี้ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมก็โอเค”
“ค่ะ”
“แล้วคุณธาม..”
“น้องธามอยู่ที่โต๊ะค่ะ”
“ออ เหรอครับ”
“ไม่มีอะไรแล้วครับ เชิญเลขาพิมออกไปได้”
.
.
.
..เช้านี้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศปรินซ์
ผมยอมรับว่ารู้สึกดีที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศมากองถ่ายทำโฆษณาแทนที่จะได้เจอหน้าปรินซ์ เพราะตอนนี้ใจของผมมันล้าเกินไป ได้พักตัวเองกับงานที่ชอบก็ดีเหมือนกัน

“สวัสดีครับพี่ข้าว”
“เห้ยยยธาม! มาได้ไงเนี่ย”
“ปรินซ์.. เจ้านายผมสั่งให้มาติดตามงานน่ะพี่”
“พี่รู้ข่าวเรื่องไอ้ปรินซ์แล้วนะ บรีสมันเล่าให้ฟัง เอาเป็นว่าดีเท่าไหร่แล้วที่มันปลอดภัยดี คิดอย่างนี้รู้ไหม” พี่ข้าวขยี้หัวผม
“หัวธามยุ่งหมดแล้ว ปล่อยหัวน้องมันเลยไอ้ข้าว”
“กลัวหัวน้องมันยุ่ง หรือหวงกูกันแน่”
“พี่ทีสวัสดีครับ ดีใจจังที่ได้เจอพี่”
“อืม เหมือนกัน ได้ข่าวว่าออกจากแพลนเนอร์ น่าเสียดาย”
“ก็นิดนึงพี่”
“พี่เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ”
“ขอบคุณครับพี่ที” พี่ทีกอดผมและตบหลังเบาๆ
“พี่ขอกอดธามด้วยคนนะ ส่งพลังบวก” แล้วพี่ข้าวก็กอดผมบ้าง แต่กอดผ่านพี่ทีมาอีกชั้น
“นี่มึงไม่ได้กอดน้องมัน แต่มึงกอดกู”
“ก็ใช่ กูส่งพลังบวกผ่านมึงอีกทีไง”
ผมหัวเราะ “พวกพี่รักกันดีเน๊อะ”
“ใครรักมัน”
“อ้าว นี่มึงไม่ได้รักกูเหรอไอ้ที” พี่ข้าวจับพี่ทีหันหน้าไปคุยทันที ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของพี่ข้าว เลยอดลุ้นไปด้วยไม่ได้
“หน้ามึงเวลาโมโหนี่ตลกดีนะ กูชอบ” พี่ทีบีบแก้มพี่ข้าวจนเป็นรอยแดง
“..อย่าพูดแบบนี้อีกนะ อย่าพูดว่าไม่รักกูอีก” จู่ๆ พี่ข้าวก็ดึงดราม่า เล่นเอาผมเก็บยิ้มแทบไม่ทัน
“มึงนี่มัน..” แล้วพี่ทีก็กอดพี่ข้าว “โอ๋ๆ ไอ้ขี้น้อยใจ ไอ้ขี้เหม็น อายน้องมันไหมเนี่ย โตเป็นควายขนาดนี้แล้วยังงอแงเป็นเด็กน้อยไปได้”
ผมยิ้ม.. “พวกพี่ทำผมเป็นอากาศแล้วนะ”
“ขอโทษๆ” แล้วพี่ทีก็ผละจากพี่ข้าวมาโอบไหล่ผมแทน “เวลานี้ต้องให้กำลังใจน้องธามมากกว่าไอ้เด็กโข่งนี่”
“นั่นสิ” ส่วนพี่ข้าวก็ขยี้หัวผมต่อ

“สนุกกันดีนะครับ”

ปรินซ์มา!!!

“คุณอชิระ..”
“ผมว่าผมสั่งให้คุณมาติดตามดูงานว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้ให้มาเที่ยวเล่น”
“คนคุ้นเคยกันจะทักทายกันไม่ได้รึไงครับ” พี่ข้าวเดินเข้าหาประจันหน้ากับปรินซ์ทันที
“ก็เท่าที่ผมเห็น ยังไม่มีตรงไหนที่เรียกว่างานได้เลย มีแต่การหยอกล้อเล่นสนุกกัน..”
“พวกผมกำลังให้กำลังใจกันและกันครับ ท่าทางคุณปรินซ์จะไม่รู้จักใช่ไหมครับ คำว่าพลังบวก..”
“คุณอชิระมาที่นี่มีอะไรด่วนรึเปล่าครับ!” ผมรีบพูดแทรกทันที กลัวว่าทั้งคู่จะมีเรื่องกัน
“ผมก็แค่อยากรู้น่ะว่าคุณมาทำงานให้ผมที่นี่จริงรึเปล่า เท่าที่ดู.. เหมือนว่าจะมาหาเหยื่อรายใหม่มากกว่า”
“ไอ้ปรินซ์!! มึงพูดแบบนี้กับธามได้ยังไง”
“ไอ้ข้าวมึงใจเย็นดิวะ คนมันจําไม่ได้!!”
“ออ งั้นขอกูแนะนําตัวนะ กู..ข้าว อดีตพี่ว๊าก อดีตคนที่แค้นมึง และอดีตคนที่เคยจะแย่งธามจากมึง!”
“สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องของความรักงี่เง่า”
“!!!”
“ส่วนคุณ..เสน่ห์แรงดีนะ มีคนตามจีบตลอดไม่ว่าจะตอนว่าง หรือไม่ว่าง ยังไงก็เลือกเอาสักคน จะได้ไปให้พ้นๆ ผมสักที”
“ไอ้สัดปรินซ์!!!” พี่ข้าวชกปรินซ์เข้าเต็มแรง คงเพราะปรินซ์ไม่ทันตั้งตัวถึงได้เซเกือบล้ม ไม่ก็เพราะผมเข้าคว้าไว้ได้ทัน
“ไอ้ข้าว!!! ไอ้ปรินซ์มันก็ลูกค้าไหมวะ”
พี่ข้าวไม่ฟังเสียงพี่ทีแถมเข้าคว้าคอเสื้อเชิ้ตของปรินซ์ “มึงฟังนะ! มึงเคยรักธามมาก มากจนกูยอมถอยให้มึง เลิกแก้แค้นมึงด้วยการแย่งธาม เพราะฉะนั้น มึงเลิกพูดอะไรเหี้ยๆ แบบนี้ซะ เพราะมึงกําลังทําร้ายตัวมึงเองกับธามที่มึงรักมาก!!”
ปรินซ์มองหน้าพี่ข้าวทั้งที่ตัวเองมีเลือดซึมที่มุมปาก “ก็นั่นมันอดีตที่ผมจําไม่ได้ และผมก็ไม่คิดว่ามันสําคัญมากพอให้ผมต้องจดจํา..”
พี่ข้าวง้างหมัดจะต่อยปรินซ์
“พี่ข้าว!!! พอเถอะครับ” ผมพูดเสียงดัง
“มึงพอได้แล้วไอ้เชี่ยข้าว!!!” พี่ทีรั้งแขนพี่ข้าว
“วันนึงที่มึงจําได้.. มึงจะเสียใจ!!”
“...คงไม่มีวันนั้น” ปรินซ์สะบัดแขนที่ผมกอดไว้แล้วเดินจากไป ท่าทางของปรินซ์ดูไม่ค่อยดี..
“ธาม!! อย่าตามมันไป!”
“แต่ปรินซ์ดู..”
“ช่างหัวมัน!!! จะตามไปให้มันไล่รึไง!!”
“ไอ้ข้าวมึงเลิกโวยวายได้แล้ว!!”
“เออ กูรู้แล้ว แต่กูโกรธจริงๆ มันแม่งพูดเหี้ยกับธามขนาดนี้ได้ยังไงวะ ถ้ามันไม่ได้รักธามขนาดนั้น พี่คงบอกให้ธามเลิกกับมันซะ”
“...”
“ไอ้ข้าวมึงพอได้แล้ว! มึงยิ่งพูดธามก็ยิ่งเสียใจดิวะ มึงต้องให้กําลังใจไม่ใช่ยุให้น้องมันเลิก!”
“...”
“ธาม ฟังพี่ พี่เชื่อว่าวันนึงปรินซ์มันจะจําธามได้”
“ครับพี่ที”
“แต่ถ้ามันยังจําไม่ได้ พี่จะขับรถชนมันอีกทีเองมันจะได้จําได้!”
“ไอ้เชี่ยข้าว!! กูจะโกรธถ้ามึงไม่หยุดพูด!”
“เออ กูหยุดพูดแล้ว!”
พี่ทีตบบ่าผมเบาๆ “อดทนนะธาม”
“...”
.
.
..ภูผา

ผมจอดรถและกําลังจะเปิดประตู สายตาเหลือบไปเห็นรถที่จอดข้างกันเป็นปอร์เช่เคย์แมนรุ่นที่ผมเคยเล็งไว้ มีคนระดับนี้มากองถ่ายด้วย ..ใครกัน

คุณปรินซ์?

คุณปรินซ์เดินมาที่รถข้างผมด้วยอาการที่ดูไม่ค่อยดีนัก เขากําลังใช้มือข้างนึงกุมศีรษะอยู่ ท่าทางดูทรมานมาก แต่เขาก็ขึ้นรถและขับออกไป
ผมขับตามหลังไปทันที สังหรณ์บางอย่างบอกผมว่าผมควรจะตามไป..
ทันทีที่ถึงสี่แยก เวลานับถอยหลังบอกว่าไฟเขียวจะจบลงใกล้เข้ามา รถปอร์เช่ไม่มีทีท่าชะลอ คงคิดว่าพ้นแน่ ส่วนผมเองก็ชั่งใจอยู่ว่าจะหยุด หรือจะเร่งเครื่องเพื่อไล่ตามต่อ แต่แล้วจู่ๆ รถคันหน้าก็เบรกกระทันหันจนเสียงดังสะท้อนไปทั่วทั้งสี่แยก และตามมาด้วยเสียงแตรที่ร้องลั่นมาจากปอร์เช่คันหรู โชคดีที่ผมขับตามมาอย่างระวังจึงแตะเบรกทัน และไม่มีใครขับตามหลังมา ไม่งั้นคงเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่
ผมรีบลงไปดู.. เสียงแตรยังคงถูกกดก้อง ผมก้มหน้าพยายามมองทะลุผ่านฟิล์มสีเข้ม ศีรษะของคุณปรินซ์พาดอยู่บนพวงมาลัย!! ผมเคาะประตูอย่างไม่กลัวว่ากระจกจะเป็นรอย ถ้าทุบให้แตกได้ผมคงทำแล้ว คุณปรินซ์หมดสติ!!! ผมรีบโทรศัพท์ทันที
“..รีบมาหน่อยนะครับ!!!”
.
.
.
“..ที่นี่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลครับ คุณปรินซ์หมดสติคารถ ดีที่ผมขับตามมา”
“อย่างนั้นเหรอครับ ขอบคุณมาก”
“จำผมได้ใช่ไหมครับ”
“ครับ”
“ดีครับ ผมกลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้น..”
“..ไม่อย่างนั้น อะไรครับ”
“ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวคุณธามจะมาเฝ้าคุณ พักผ่อนเถอะครับ”
“...”
.
.
..ธาม

“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะ เป็นเอฟเฟ็กต์จากอุบัติเหตุคราวก่อน ถ้ายังไงช่วงนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้อยู่คนเดียวนะครับ”

ผมเบาใจเมื่อได้ยินหมอที่รักษาปรินซ์ชี้แจงแบบนั้น..
ตอนนี้ปรินซ์หลับ คุณภูผาบอกว่าปรินซ์ดูโอเคเพราะเขาได้เจอตอนที่ปรินซ์ตื่น ส่วนผม เจอตอนที่ปรินซ์หลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา
ผมนั่งอยู่ข้างเตียงมองคนตัวสูงของผม เวลานี้เขาคือคนของผมอย่างที่เคยเป็น ไม่ใช่คนที่เอาแต่ทำร้ายจิตใจผมตลอดหลายวันที่ผ่านมา..
.
.
.
“อืม..” ผมยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยล้า เมื่อคืนคงนอนไม่สบายเท่าไหร่.. อ๊ะ ผมนอนอยู่บนโซฟา มีผ้าห่ม?

..คงเป็นคุณภูผา อยากจะทําโทษตัวเองที่ขี้เซา นี่ถ้าเกิดเหตุร้ายอะไรเวลาผมหลับ ผมคงหนีไม่ทันเพราะว่าหลับไม่รู้เรื่อง

..ผมมองไปที่ปรินซ์

เตียงคนไข้ตรงหน้าผมว่างเปล่า!! ผมรีบวิ่งออกไปหาพยาบาลด้านนอกทันที
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคนไข้ถูกพาไปตรวจที่ไหนรึเปล่าครับ!!”
“ออ คุณอชิระใช่ไหมคะ”
“ครับ” ผมร้อนรน
“คนไข้ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ”
“ห่ะ!!! ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“ประมาณครึ่งชั่วโมงได้แล้วค่ะ”
“..ขอบคุณครับ” แม่งจะรีบไปไหนวะ แล้วไม่คิดจะปลุกกูให้รู้ตัวด้วย! ผมถอนหายใจ.. แอบนึกท้อที่จะต้องรับมือกับปรินซ์ที่ยังจําผมไม่ได้..
.
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
09
- ใจของผม -
.
.
“..คุณปรินซ์อยู่ที่ออฟฟิศแล้วจ๊ะน้องธาม”
“อย่างงั้นเหรอครับ”
“ใช่ มาถึงก็เรียกประชุมทีมเมืองจีนเลย”
“...”

ปรินซ์คงไม่เป็นไรมาก.. ผมเลยบอกพี่พิมว่าตัวเองจะมาอยู่ที่กองถ่ายทําโฆษณาตามคําสั่งของปรินซ์ ก็มึงสั่งให้กูมา กูก็มา
“คุณธามครับ”
“สวัสดีครับคุณภูผา เรื่องเมื่อวานต้องขอบคุณคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณ ปรินซ์คงแย่”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ได้ทําอะไรมาก”
“...”
“ผมไม่ได้เร่งรัดอะไรคุณหรอกนะครับ แค่อยากให้คุณเผื่อใจไว้บ้าง คุณคงทนอยู่กับคนที่จําคุณไม่ได้หรอกใช่ไหมครับ ยิ่งกับคนที่รังเกียจคุณ.. ยิ่งเป็นไปไม่ได้”
“...”
“ผมจะรอวันนั้นนะครับ”
“อย่ารอเลยครับ”
“...”
“เพราะผมจะไม่มีวันหยุดพยายาม ต่อให้ปรินซ์จําอดีตไม่ได้เลย ผมก็จะเริ่มนับหนึ่งใหม่กับปรินซ์คนเดียวเท่านั้นครับ”
คุณภูผายิ้ม “ผมชอบในความมุ่งมั่นของคุณครับ แต่ผมก็จะไม่ยอมแพ้เหมือนกันครับ”
“..ตามใจคุณครับ ผมขอตัวไปหาพี่ข้าวก่อนนะครับ”
“ไปพร้อมกันสิครับ”
“...”
.
.
..กองถ่ายโฆษณา
“ไงครับคุณครีเอทีฟ ตามธามเป็นหมาตามเจ้าของเลยนะครับ” พี่ข้าวเอ่ยทักทายคุณภูผา ด้วยหน้าที่โคตรกวนตีน
“มึงนี่ห้าวขึ้นทุกวันนะ ทักทายคนให้มันดีๆ ดิวะ”
“ก็คุณภูผาเขาจะจีบธามน้องรักของกู..ที่มีแฟนอยู่แล้ว มึงจะให้กูทักทายเขาดีๆ ได้เหรอวะ”
โอ้โหพี่ข้าว!! ตรงกว่ามาตรวัดสากลก็พี่นี่แหละ
“อ้าวคุณ! ทําไมทําแบบนี้ล่ะครับ คนเขามีเจ้าของอยู่แล้ว”
“เห็นยังว่ากูทําถูกแล้ว”
“เออ มึงทําดีแล้ว”
“คืนนี้ให้รางวัลกูด้วย” พี่ข้าวกระซิบพี่ที แต่ผมดันหูดีเลยได้ยิน
“ขอโทษนะครับคุณข้าวคุณที”
“???? / !!!!!” รุ่นพี่สองคนของผมรวมพลังทําหน้าเอาเรื่องใส่คุณภูผา ..เวลาสามปีทําให้คนเราเปลี่ยนไปมากจริงๆ
“พวกคุณไม่ควรหวงคุณธามกับผมนะครับ เพราะผมเป็นช็อยส์ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณปรินซ์”
“หลงตัวเองดีนะครับ”
“ผมมั่นใจว่าผมมีดีพอครับ อีกอย่าง พวกคุณจะให้คุนธามรอคุณปรินซ์ที่จําอะไรไม่ได้ไปเรื่อยๆ แบบนี้เหรอครับ ผมว่า..มนุษย์เราควรมีทางเลือกนะครั..”
“..วันนี้ครึกครื้นดีนะครับ”
“คุณปรินซ์มาทําอะไรที่นี่เหรอครับ” คุณภูผาพูดไม่พอ ยังรั้งไหล่ของผมเข้าไปชิดแนบ!!
“ก็มาตรวจงานไงครับ ผมจ่ายเงินจ้างพวกคุณ ก็อยากมาดูว่างานที่ได้มันคุ้มค่าเงินที่เสียไปรึเปล่า”
“เรื่องนั้นคุณปรินซ์ไม่ต้องห่วงนะครับ ทั้งผม ทั้งทางคุณข้าวคุณที เราเป็นมืออาชีพครับ”
“มืออาชีพที่เอาแต่จับกลุ่มคุยกันน่ะเหรอครับ”
“...”
“ผมมองอยู่นาน นึกว่าตรงนี้เป็นฮาเร็มที่มีคุณธามเป็นดาวเด่นซะอีก”
“ไม่มากไปหน่อยเหรอครับคุณปรินซ์! คุณกําลังดูถูกคุณธามอยู่นะครับ”
“ไอ้ปรินซ์!! เมื่อวานมึงโดนต่อยไปทีนึงยังไม่พอรึไง”
“พี่ข้าวใจเย็นก่อนนะครับ! คุณอชิระครับ กลับเถอะครับ”
“งั้นคุณก็ไปกับผม”
“!!!”
“แต่ธามต้องอยู่ดูงานตามคำสั่งของมึง เอ้ย คุณปรินซ์ไม่ใช่เหรอครับ” ผมมองหน้าพี่ข้าว ใจนึงก็รู้สึกดีที่พี่ข้าวพยายามปกป้องผม ถึงอีกใจผมจะอยากบอกว่า ปล่อยผมไปกับปรินซ์น่ะถูกแล้ว ไม่งั้นถ้าปรินซ์อาละวาดขึ้นมา ใครหน้าไหนก็คงเอาไม่อยู่
“ผมว่าถ้าปล่อยเลขาของผมอยู่ที่นี่ พวกคุณทุกคนคงไม่มีใครทำงานมากกว่า” ปรินซ์พูดจบก็กระชากร่างของผมที่ยังอยู่ในอ้อมอกของคุณภูผา ผมอึ้ง! แต่ก็ต้านแรงดึงไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนคุณภูผาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะยื้อผมไว้ หรือไม่ก็คงไม่คิดสู้กับกล้ามแขนแน่นๆของปรินซ์
.
“อะไรของมัน!! จะลากธามไปทำไมวะ!!”
“เออ นั่นดิ กูชักเป็นห่วงธาม จะทำไรธามป่ะวะ ยิ่งอารมณ์แปรปรวนแบบนี้”
“แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยธามไว้กับคุณ ว่าไหมครับคุณภูผา ..ยังไงเขาก็แฟนกัน”
“ก็แค่อดีตรึเปล่าครับ”
.
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามแรงลากของปรินซ์จนถึงรถสปอร์ต ..รถสองที่นั่งเนี่ยนะ!! ปรินซ์เปลี่ยนไปจริงๆ แม้กระทั่งรสนิยมของรถที่ขับ
ปรินซ์ปล่อยมือผมและเปิดประตูให้ผม ก่อนจะพาตัวเองเดินไปที่ที่นั่งคนขับ ผมขึ้นรถโดยไม่คิดอิดออด สถานะระหว่างผมกับปรินซ์ก็แค่เจ้านายกับลูกน้อง ผมนั่งเกร็ง มองออกนอกหน้าต่างตลอดทาง และไร้ซึ่งบทสนทนา.. แค่ปรินซ์ไม่พูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจผมก็น่าจะเพียงพอแล้ว
.
.
..หน้าออฟฟิศ

ปรินซ์ลงจากรถ และตรงมากระชากผมให้เดินเข้าไปในออฟฟิศ ผู้คนเริ่มมองตามพวกเราด้วยสายตาแปลกๆ ผมพยายามจะสลัดข้อมือของตัวเองให้หลุดจากการจับกุมแบบรักษาภาพ แต่ปรินซ์กลับยิ่งกำข้อมือของผมแน่นขึ้น
“คุณปรินซ์คะ! คุณปรินซ์หายไปไหนมาคะ วงประชุมบอร์ดกำลังรอคุณปรินซ์อยู่นะคะ ทุกคนดูจะหัวเสียมากด้วย” พี่พิมที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามประกบปรินซ์พยายามไล่เลียงถ้อยคํารายงานสถานการณ์
“บอกพวกเขาว่าผมไม่เข้า ไม่ต้องรอ”
“แต่คุณปรินซ์คะ ทำแบบนี้บอร์ดจะไม่พอใจได้นะคะ ไหนจะท่านประธาน..”
“บอกพวกเขาว่าผมติดธุระสำคัญ เข้าประชุมไม่ได้ เท่านี้นะ ออ แล้วก็ห้ามใครมารบกวนผม ทำได้นะครับคุณพิม” ปรินซ์หยุดมองหน้าพี่พิมเพียงอึดใจ สายตาน่ากลัวจนผมห่วงชะตากรรมตัวเอง ผมแอบมองพี่พิมเพื่อขอความช่วยเหลือ
“งั้น.. ถ้าไงให้น้องธามไปกับพิมนะคะคุณปรินซ์ จะได้.. ทำให้ข้อแก้ตัวดูหนักแน่น..”
“เรื่องแค่นี้เลขาพิมที่มากประสบการณ์ทำไม่ได้เหรอครับ”
“คือ.. คุณปรินซ์จะไม่ทำอะไรน้องธามใช่ไหมคะ” ปรินซ์หยุดมองพี่พิมอีกครั้ง และเดินลากผมไปขึ้นลิฟท์

..พี่ช่วยไม่ได้จริงๆ น้องธาม
“พี่พิมๆ นั่นน้องธาม ทำไมคุณปรินซ์ลากน้องแบบนั้น”
“พี่พิม คุณปรินซ์เขาไปโกรธใครมา”
“พี่พิม น้องว่ามันแม่งๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนซีรี่ส์ที่ดูเมื่อคืน”
“โอ๊ย!!! พวกเธอเก็บคำถามไว้ก่อนได้ไหม ฉันต้องไปแก้ตัวแทนคุณปรินซ์ก่อน!”
.
.
ปรินซ์ลากผมมาจนถึงในห้องทํางาน แดดเที่ยงวันกำลังแผ่ไอร้อนอยู่ด้านนอกหน้าต่าง ต่างจากภายในห้องตอนนี้ที่เย็นฉํ่าเพราะไอสังเคราะห์ ปรินซ์คว้าเอารีโมทที่โต๊ะปิดฉากกั้นหน้าต่างบานโตจนห้องค่อยๆ ถูกลดความสว่างลง มืออีกข้างของปรินซ์ยังจับกุมมือผมไว้แน่น
“คุณอชิระปล่อยมือผมเถอะครับ ผมเจ็บ”
“...”
..ปรินซ์ไม่ปล่อย แถมยังฉุดผมเดินมาที่หลังโต๊ะทํางาน และผลักผมลงนั่งบนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ของตัวเอง
..ผมพยายามจะลุก ทั้งที่ปรินซ์ใช้สองมือกดไหล่ผมทั้งสองข้าง ออกแรงดันจนตัวของผมพิงแนบสนิทกับพนักเก้าอี้ ก่อนจะโน้มหน้าจู่โจมจูบผมอย่างดุดัน ปรินซ์พยายามดูดกินริมฝีปากของผมจนผมใกล้ขาดอากาศ ผมเริ่มทุบตี ออกแรงดันไปที่อกของปรินซ์ แทนที่ปรินซ์จะปล่อยให้ผมหายใจ กลับล็อกต้นคอของผมให้เงยขึ้นเพื่อรับการบดจูบอันหนักหน่วงขึ้น ขณะที่อีกมือล่วงล้ำเข้ามาใต้เสื้อของผม
..เสียงเบียดเอี๊ยดอ๊าดครางร้องดังจากเบาะหนังตลอดเวลาที่ผมยังคงพยายามดันตัวของปรินซ์ออกเพราะต้องการอากาศ ขณะร่างของผมกลับกำลังแอ่นโอนตามการเหนี่ยวนำของมือปรินซ์ที่ประคองไล้ไล่ลามไปตามตัว
..ในที่สุดปรินซ์ก็ยอมปล่อยให้ผมหายใจในเวลาที่สติของผมเกือบจะหมดลง
..ปรินซ์ใช้ริมฝีปากงับกัดกดดมลงน้ำหนักที่ซอกคอของผมเหมือนสิงโตกำลังขยํ้าเหยื่ออันหอมหวน ส่วนผมก็รีบหายใจเอาอากาศเข้าปอดด้วยความเหนื่อยหอบ
..ผมเริ่มครางทั้งที่อยากปัดป้อง ไม่ทันรู้สึกว่าเสื้อของตัวเองถูกปลดกระชากขาดไปตั้งแต่ตอนไหน จนเมื่อปรินซ์ไล่กัดกินจนถึงยอดอกของผม

เจ็บ!!

..แต่ก็เสียวซ่านจนผมต้องเม้มปากแน่นเพราะเสียงที่ยากปกปิด มือทั้งสองข้างที่เคยพยายามผลักดันปรินซ์ กลับไล่ขยุ้มกุมด้านหลังสูทของปรินซ์ไว้แน่น อุณหภูมิร่างกายของเราทั้งคู่กำลังระอุร้อน ร่างกายของผมคงเจ็บปวดชํ้าแน่ในวันพรุ่งนี้ แม้ตอนนี้ผมจะมีแต่ความรู้สึกต้องการ จนลืมนึกถึงความเจ็บปวด

“ปรินซ์..”

ผมครางชื่อปรินซ์ สติที่หลุดลอย ทำให้แยกแยะไม่ออกแล้วว่าคนคนนี้เป็นปรินซ์คนไหน ใช่ปรินซ์คนที่รักผมมาก หรือเป็นแค่คนแปลกหน้าที่เห็นผมเป็นเพียงที่ระบายความต้องการ.. และความโกรธเกรี้ยวเท่านั้น

“พี่ปรินซ์คะ!!!”

!!!!!!!!!!!
เสียงเรียกของคุณดรีมนํามาก่อนเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นและเงียบลงอย่างรู้สึกผิด

ปรินซ์หยุดทุกการกระทําแทบจะทันทีแม้จะยังคร่อมอยู่บนตัวผม ก่อนจะค่อยๆยืดตัวขึ้นจนเต็มความสูงและหันไปเผชิญหน้ากับคุณดรีม ส่วนผมที่ใจยังเต้นรัวก็รีบยันตัวเองขึ้น จัดการเสื้อผ้าที่ยับย่นหลุดลุ่ย

“ขอโทษที่ดรีมเข้ามาค่ะ ถ้าไงดรีมขอตัวก่อน”
“ไม่ต้องดรีม พี่หมดธุระกับคุณธามแล้ว”
“...”
“ดรีมคงไม่ว่าอะไรพี่ ที่พี่ทำอะไรแบบนี้”
“ดรีมจะว่าอะไรพี่ปรินซ์ได้ล่ะคะ มันเป็นสิทธิ์ของพี่”
“อืม ดี พี่ชอบคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ ถ้าวันนึงเราต้องแต่งงานกัน ดรีมจะได้เข้าใจว่าบางทีบางครั้งพี่อาจจะต้องการ..” ปรินซ์มองหน้าผม “..คนแก้ขัด”

“!!!!!!!!” ..ผมยืนมองปรินซ์นิ่ง 

“ทำไมพี่ปรินซ์พูดแบบนั้นล่ะคะ!! คุณธามเป็นแฟนพี่ปรินซ์นะ ถึงพี่จะจำไม่ได้ก็เถอะ!!”
“เพราะตอนนี้พี่เห็นเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ไล่ยังไงก็ไม่ไป ถ้าไม่ได้ต้องการเงินพี่ ก็คงต้องการแค่เรื่องเซ็กส์ ..ผมพูดถูกไหมครับคุณธาม”
ผมกระชากคอเสื้อของปรินซ์ทันที คนตัวสูงดูจะไม่แปลกใจนักที่ผมมีทีท่าแบบนี้

“..ว่าไงครับคุณธาม”

..ผมมองเข้าไปในตาของปรินซ์ พยายามจะค้นหาว่าปรินซ์ไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูด

..นํ้าตาของผมไหลออกมา

..ผมคลายมือของตัวเองจากคอเสื้อของปรินซ์ และเดินออกจากห้อง

“พี่ปรินซ์เปลี่ยนไปมากนะคะ”
“ไม่ดีรึไง พี่ควรจะเป็นในแบบที่ควรจะเป็นสักที”
“ดรีมก็คิดแบบนั้นค่ะ ดรีมเคยคิดว่ามันคงดีถ้าได้แต่งงานกับพี่ พ่อของดรีมก็เห็นด้วย”
“...”
“แต่ที่พี่ปรินซ์ทำเมื่อกี้ มันทำให้ดรีมรู้ว่าพี่ปรินซ์คนนี้ไม่มีหัวใจ พี่ปรินซ์ทำร้ายความรู้สึกของคุณธามขนาดนั้นได้ยังไงกัน”
“ดรีม..”
“..จะบอกว่าเพราะพี่จำไม่ได้งั้นเหรอคะ”
“ใช่ พี่จำไม่ได้ และพี่ก็คิดว่า.. พี่จำไม่ได้ก็ดี”
“พี่ปรินซ์รู้ไหม ว่าตัวเองรักคุณธามมาก มากจนดรีมอิจฉาคุณธาม ถึงขั้นเกลียดด้วยซ้ำ แต่พอเห็นพี่ทำตัวแย่ขนาดนี้ อย่าว่าแต่ดรีมที่จะไม่ชอบพี่แล้ว ดรีมจะไปยุคุณธามให้ทิ้งพี่ไปซะ”
“..ก็ดีนะ พี่ก็เบื่อหน้าเขาเต็มทน”
“!!! ที่ดรีมพูดไปไม่ได้ทําให้พี่ปรินซ์รู้สึกผิดขึ้นมาได้เลยเหรอคะ พี่ปรินซ์กําลังจะเสียคนที่รักพี่ไปนะ!!!”
“ดรีม มันก็แค่อดีต เราต้องสนใจปัจจุบันไม่ใช่รึไง”
“...”
“ประชุมบอร์ดเป็นยังไงบ้าง”
“จะยังไงได้ล่ะคะ คนรับผิดชอบโปรเจ็กต์ที่เมืองจีนโดดประชุมแบบไม่มีสาเหตุ ทุกคนก็โวยวายไม่พอใจ โดยเฉพาะพ่อของดรีมที่ชื่นชมในตัวพี่ปรินซ์มาก”
“อย่างนั้นเหรอ”
“พ่อดรีมพยายามแก้ตัวแทนพี่กับคนทั้งห้อง ขนาดท่านประธาน พ่อพี่ปรินซ์เองยังไม่พูดปกป้องพี่สักคํา  พี่ปรินซ์รู้ไหมว่าพ่อดรีมโกรธมากนะ”
“อืม ไว้พี่จะไปขอโทษแปะตงนะ ออ ดรีม ห้าโมงเย็นเรียกประชุมทีมประเทศจีนด้วย บอกทุกคนว่าคืนนี้เราต้องอยู่ดึก”
“!!! ดรีมไม่ชอบเลยที่พี่ปรินซ์เปลี่ยนไปขนาดนี้”
“...”
.
.
“เพราะตอนนี้พี่เห็นเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ไล่ยังไงก็ไม่ไป ถ้าไม่ได้ต้องการเงินพี่ ก็คงต้องการแค่เรื่องเซ็กส์ ..ผมพูดถูกไหมครับคุณธาม”

“..แค่อยากให้คุณเผื่อใจไว้บ้าง คุณคงทนอยู่กับคนที่จําคุณไม่ได้หรอกใช่ไหมครับ ยิ่งกับคนที่รังเกียจคุณ.. ยิ่งเป็นไปไม่ได้”

..คําพูดของปรินซ์กับคุณภูผา

เชี่ยเอ้ย! ทําไมมันต้องเป็นแบบนี้! ทําไมรถคันนั้นต้องมาชนรถที่ปรินซ์นั่ง ทําไมปรินซ์ต้องจําผมไม่ได้ ทําไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย นี่มันเป็นบททดสอบความรักของผมรึไง!!

..ผมเหนื่อย

เสียงส้นรองเท้ากระทบกับพื้นหินปูนดังใกล้เข้ามา ผมเงยหน้าขึ้นมอง นํ้าตาเริ่มแห้ง แต่ร่องรอยและความรู้สึกเจ็บปวดยังคงอยู่.. คุณดรีมกําลังเดินตรงมาหาผมที่กําลังนั่งอยู่บนม้าหินข้างสวนขนาดย่อมบนชั้นดาดฟ้าของตึก

“คุณธามเปลี่ยนใจไปเลยค่ะ ทิ้งพี่ปรินซ์ไปซะ ดรีมพูดจากใจเลยนะคะ ขนาดดรีมยังรับไม่ได้ พี่ปรินซ์แย่มาก เลวร้ายมาก ดรีมว่าดรีมจะบอกพ่อว่าดรีมคงเป็นได้แค่น้องของพี่ปรินซ์  ดรีมคงทนอยู่กับคนที่ทำร้ายจิตใจคนอื่นขนาดนี้ไม่ได้ ไหนจะเรื่องที่จะไปมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันในวันที่ต้องการ ดรีมไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น”
“...”
“แล้วยิ่งไม่มีใครตอบได้ว่าพี่ปรินซ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม.. ดรีมว่าดรีมไม่ขออยู่รอหรอกค่ะ”
“...”
“แต่ถ้าคุณธามจะอยู่รอพี่ปรินซ์ ดรีมก็จะเอาใจช่วย”
“...”
“เพราะขนาดเรื่องการทำงานพี่ปรินซ์ยังเปลี่ยนเป็นคนละคน คิดซะว่าดรีมขอถอนตัวล่ะกันนะคะ อะไรที่เราไม่คิดว่าจะชนะ ไม่ลงแข่งแต่แรกน่าจะเจ็บตัวน้อยกว่า พ่อดรีมเคยบอกไว้”
“...”
“ดรีมไปก่อนนะคะ หวังว่าคุณธามจะตัดสินใจถูกว่าจะเอาไงต่อกับพี่ปรินซ์”

คุณดรีมตัดใจจากปรินซ์..

ผมไม่มีอารมณ์จะดีใจในเมื่อสถานการณ์ระหว่างผมกับปรินซ์ตอนนี้ก็ย่ำแย่มากจนเกินกว่าที่ตัวแปรอื่นจะมามีผล

ผมจะฝืนก้าวต่อไป.. หรือผมจะหยุดตรงนี้..
.
.
.


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
010
- ดรีม -
.
.
..ดรีม
“ป๊า..”
“ว่าไงดรีม ปรินซ์มันหายหัวไปไหนมา!!”
“พี่ปรินซ์ไปดูงานที่กองถ่ายโฆษณา แล้วก็พาคุณธามกลับมาค่ะป๊า”
“ธาม.. ที่บอกว่าเป็นแฟนมันใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“โอววววว เสียงานเสียการเพราะผู้ชายเนี่ยนะ!! ซวย ซวยฉิบหาย!!!”
“ป๊า!! อย่าพูดคําหยาบสิ นี่ไม่ใช่ที่บ้านนะ”
“จะให้ป๊าสุภาพได้ยังไง!! ป๊าอุตส่าห์แก้ตัวแทนมันแทบตาย กลายเป็นมันไปหาแฟนผู้ชายของมัน!!!! นี่ถ้าป๊าเป็นพ่อมันนะ จะจับมันตี ตี แล้วก็ตีให้มันหายจากโรคนี้ซะ”
“ป๊า พี่ปรินซ์เขาไม่ได้เป็นโรค เขาแค่รักกัน ความรักมันเกี่ยงเพศไม่ได้นะป๊า นี่มันยุคไหนแล้ว”
“ป๊าไม่สน! เป็นลูกผู้ชายมันต้องมีเมียสิวะ!”
“ป๊า!!! พอได้แล้ว เสียงดังลั่นไปถึงนอกห้องแล้ว!”
“...”
“แต่ป๊าพูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ดรีมจะบอกว่าดรีมจะเลิกชอบพี่ปรินซ์แล้ว”
“ทําไมล่ะ เพราะมันความจําเสื่อมเหรอ!”
“เรื่องนั้นดรีมโอเคนะป๊า จําไม่ได้ก็ยิ่งดี แต่นี่นิสัยเปลี่ยนไปมาก ดรีมไม่โอเคค่ะป๊า”
“ดรีมก็ใจเย็นก่อน รอมันอีกนิด เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
“ป๊า.. ความจําเสื่อมก็แค่เติมเรื่องใหม่เข้าไปแทนที่ แต่ไอ้นิสัยแย่ๆ ที่มีมาแทนเนี่ย มันแก้ไม่ได้นะป๊า”
“!!!”
“อีกอย่าง พี่ปรินซ์ขอดรีมด้วยนะว่าถ้าแต่งงานกัน พี่ปรินซ์จะขอไปมีอะไรกับผู้ชาย โอ๊ยป๊า.. แค่ขอไปนอนกับผู้หญิงก็ว่าแย่แล้ว นี่ขอไปนอนกับผู้ชาย ป๊าาา ดรีมขอเลยนะ ดรีมไม่อยากมานั่งร้องไห้หลังแต่งงาน ไม่ได้อยากมีสถานะเป็นแค่ภรรยาตามกฎหมาย”
“ไอ้ปรินซ์มันพูดแบบนั้น!!!”
“นะป๊าาา ดรีมทนไม่ได้แน่”
“แต่ถ้าเราได้ดองกัน..”
“ป๊า พ่อพี่ปรินซ์กับป๊ารักกันยิ่งกว่าพี่น้อง ป๊าจะกลัวอะไร”
“นี่มันโลกธุรกิจนะดรีม..”
“ป๊า.. นี่ไม่ใช่ละครนะ”
“เออๆ ไม่รู้แหละ ป๊าอยากให้ดรีมแต่งกับปรินซ์ทั้งเพราะธุรกิจด้วย แล้วก็เพราะป๊าอยากช่วยลูกชายเพื่อน อยากให้มันเป็นลูกผู้ชายที่ไม่โดนครหา”
“ป๊าก็เกินไป แค่พี่ปรินซ์ทํางานเก่ง ไม่ขี้โกง ก็พอแล้วป๊า”
“...”

[พวกแกร!!!!!]
[มีไรย่ะต้นห้องคุณตง]
[เล่ามา!!!]
[รออ่านอยู่]
[น้องธามเป็นแฟนคุณปรินซ์!!!!]
[กรี๊ดดด ไม่จริง!!!]
[ฉันว่าแล้ววววว]
[ฮือ คุณปรินซ์ของบ่าว]
[ที่พีคคือคุณปรินซ์เสียความทรงจําด้วยจ้า..]
[ถึงว่าหมางเมินใส่]
[โอ๊ยยย นิสัยก็เปลี่ยน]
[ตายๆ แล้วนี่จําน้องธามได้ไหมเนี่ย]
[น่าจะไม่นะ]
[สงสาร]
[ดีเหมือนกัน เผื่อคุณปรินซ์จะเทิร์นมารักคุณดรีมแทน]
[เสียใจจ๊ะ คุณดรีมประกาศเลยว่าไม่เอาคุณปรินซ์]
[ห่ะ!!]
[เห!!!]
[รอดูกันไป จบช่วงข่าวด่วน แยกย้ายจ้าาาา]
.
.
..ธาม
“น้องธามจะกลับก่อนก็ได้นะ”
“ไม่ล่ะครับพี่พิม คุณอชิระยังทำงานอยู่เลยนิครับ ผมเป็นเลขาจะกลับก่อนได้ยังไง”
“เฮ้อ นั่นสินะ รู้ไหมตั้งแต่พี่มาเป็นเลขาคุณปรินซ์ พี่ไม่เคยเห็นคุณปรินซ์ทรมานลูกน้องขนาดนี้มาก่อน”
“...”
“โทษทีที่พี่พูดแบบนี้ แต่คุณปรินซ์มักจะบอกทุกคนว่า เราไม่ควรทำงานเกินเวลาค่าจ้าง ฟังดูตลกเนอะ เป็นผู้บริหารที่เข้าข้างลูกน้องหยั่งกับเป็นหัวหน้าสหภาพแรงงาน”
ผมหัวเราะบางๆ “เหรอครับ”
“ใช่เลย ถึงทุกคนจะยอมทำงานเกินเวลาเองแบบเต็มใจเพราะความรับผิดชอบ เพราะงานมันเร่ง แต่คุณปรินซ์ก็จะไล่ทุกคนกลับก่อนทุกครั้ง ส่วนตัวคุณปรินซ์ก็อยู่ทำต่อคนเดียว”
“...”
“น่าทึ่ง แล้วก็น่ารักมาก น้องธามว่าไหม”
“ครับ” ผมรู้อยู่แล้ว ปรินซ์จริงจังกับทุกเรื่อง ถึงจะเหมือนไม่สนโลก แต่ก็คิดถึงจิตใจคนอื่นเสมอ
“น้องธามจะไม่ทิ้งคุณปรินซ์ไปใช่ไหม”
“ทำไมพี่พิมถึงถามผมแบบนั้นล่ะครับ”
“เพราะถ้าเป็นพี่ ..พี่คงทนต่อไปไม่ไหว น้องธามยังไหวใช่ไหม จะไม่ทิ้งคนดีของพี่ไปใช่ไหม”
“ครับ” ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมต้องรอปรินซ์ไปอีกนานแค่ไหน แต่ผมจะเชื่อในความตั้งใจของตัวเอง ต่อให้ปรินซ์ร้ายกับผมกว่านี้ ผมก็จะยิ้มรับ ขอแค่ผมได้อยู่ใกล้ๆปรินซ์ก็พอ..
“จริงนะน้องธาม พี่ขอบคุณแทนคุณปรินซ์นะ สักวันคนดีของน้องธามจะกลับมานะ”
“ครับ”
“เลขาธาม!”
“ครับคุณอชิระ” ผมลุกขึ้นยืนทันทีที่ปรินซ์เรียกชื่อผมดังมาจากทางเดิน
“ผมอยากให้คุณตรวจทานเอกสารทั้งหมดนี่ให้เสร็จภายในสิบโมงเช้าพรุ่งนี้” แฟ้มเอกสารหลายแฟ้มในมือของสองทีมงานฝ่ายการตลาดที่กำลังเดินเข้าไปในห้องทํางานของปรินซ์และถูกวางลงบนโต๊ะรับรอง “ตรงไหนที่ผิดก็ทําสัญลักษณ์ไว้ พรุ่งนี้จะได้รีบส่งกลับไปที่ฝ่ายการตลาด”
“คุณปรินซ์ค่ะ นั่นมันเยอะมาก งั้นให้พิมช่วยน้องธาม..”
“คงไม่ได้ เพราะเลขาพิมมีสิ่งที่ต้องทําอยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไรครับพี่พิม ผมทําไหว”
“โอเคนะครับเลขาพิม เจ้าตัวเขาบอกว่าไหว”
ผมยิ้มให้พี่พิม และเดินเข้าไปในห้องของปรินซ์ ยืนมองกองเอกสาร ถอนหายใจ จะทําไงได้วะไอ้ธาม แต่เป็นลูกจ้างเขาก็ต้องทําให้ได้
.
.
“น้องธามๆ”
“อืม.. ออ ครับพี่พิม”
“กลับเถอะ”
“แต่ผมยังตรวจได้แค่ครึ่งเดียวเองนะครับ” ให้ตายเหอะผมเผลอหลับไป
“นี่มันสี่ทุ่มแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ”
“แล้วคุณอชิระ..”
“คุณปรินซ์กลับไปแล้ว ก็สั่งให้พี่บอกน้องธามว่ากลับได้แล้วเนี่ย แถมบ่นว่าเปลืองไฟเปล่าๆ เอาแต่หลับ งานก็ไม่ได้”
“เหรอครับ..” ผมถอนหายใจ
“ไปๆ กลับกันเถอะ”
“ครับ” พี่พิมเดินออกไปจากห้อง ส่วนผมก็ลุกขึ้น พับผ้าห่มที่ห่มตัวเองอยู่.. ผ้าห่ม? คงเป็นพี่พิมที่เห็นใจผม..
“ขอบคุณสําหรับผ้าห่มนะครับพี่พิม”
“ผ้าห่ม? ออ จ้ะ ธามเอารถมาใช่ไหม”
“ครับ”
“ขับไหวใช่ไหม”
“ครับพี่พิม”
“ดี เจอกันพรุ่งนี้นะ ถ้าพี่มาถึงก่อนจะช่วยงานธาม”
“ขอบคุณครับ”
ผมพาร่างที่ล้าทั้งกายและใจขับรถกลับคอนโดที่ไม่มีใครรออยู่.. ม๊าบอกให้ผมกลับไปอยู่บ้านก่อน แต่ผมก็ขอจะอยู่ที่นี่ แม้ทุกคืนที่กลับมาจะต้องนั่งเศร้าซึม นํ้าตารื้นและหลับไปบนโซฟาที่ปรินซ์ชอบนอนบนตักผม.. คงเพราะผมอยากรับรู้การเคยมีอยู่ของปรินซ์ ทุกมุมของห้อง ทุกสิ่งของของปรินซ์ ทําให้ผมอบอุ่นใจ ผมกอดหมอนอิงใบฟูนุ่มที่มีกลิ่นหอมอวลๆ ของปรินซ์และหลับไปทั้งที่ยังไม่อาบนํ้า

..วันนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน
.
.
.
Rrrrrrrr
..06.30น.

มือถือของผมส่งเสียงปลุกดัง ..ดีที่ตั้งเวลาไว้ ผมลุกขึ้นบิดตัวไปมา แม้ใจยังไม่อยากลุกจากเตียง แต่สมองของผมก็ยังระลึกได้ว่า งานที่ปรินซ์สั่งกําลังรอผมอยู่ ถ้าทําไม่เสร็จคงได้เป็นข้ออ้างให้ปรินซ์ผลักไสผมไปอีก ใครจะไปยอม!
.
.
“สวัสดีครับพี่พิม”
“ธามมาแต่เช้าเลยนะ”
“ครับ”
“มา ให้พี่ช่วย”
“ขอบคุณครับ”

“โอะ สวัสดีค่ะคุณปรินซ์ วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ” พี่พิมสะกิดผมให้ลุกขึ้นยืนต้อนรับปรินซ์ที่มาถึงหลังจากพี่พิมช่วยผมไปแค่ครึ่งชั่วโมง
“เลขาพิมเป็นคนดีจังเลยนะครับ หน้าที่ตัวเองก็ไม่ใช่”
“...”
“ผมขอกาแฟด้วยครับ”
“ได้ค่ะคุณปรินซ์” พี่พิมเดินออกไปจากห้อง ปล่อยผมไว้กับปรินซ์แค่สองต่อสอง ผมยังก้มหน้าก้มตาตรวจเอกสารต่อไป ผมว่าห้องมันเงียบถึงขนาดที่ผมได้ยินเสียงหายใจของปรินซ์ บรรยากาศชวนอึดอัดจนผมอยากลุกหนี แต่ติดที่งานกองอยู่ที่นี่
“เมื่อคืนนอนหลับไหมครับ” ปรินซ์ถามผม?
“ก็..ครับ”
“งานจะเสร็จไหมครับ”
“ครับ ใกล้เสร็จแล้ว”
“ดี ถ้าเสร็จ คุณก็เอาไปส่งที่ฝ่ายการตลาดได้เลย บอกเขาให้แก้ตามที่คุณตรวจเช็ค ให้เสร็จก่อนสิบเอ็ดโมง ผมต้องการดูก่อนจะเข้าประชุมช่วงบ่าย”
“ครับคุณอชิระ”
“ออ ส่วนคุณ เข้าประชุมกับผมด้วย พร้อมกับเอกสารจากฝ่ายการตลาดที่แก้ไขเรียบร้อย แล้วก็ขอสรุปการทํางานของทางเอเจนซีโฆษณาด้วย ถ้าให้ดีก็ขอดราฟแรกจากทางนู้นมาให้ผมก่อนเที่ยง”
“ครับ”
“อีกเรื่องคือจองตั๋วเครื่องบินไปจีนให้ผมกับดรีม แล้วก็ทีมการตลาดอีกสองคน รวมถึงที่พัก รถเช่าพร้อมคนขับ ขอคนที่พูดอังกฤษได้ เท่านี้ก่อน ถ้าผมนึกอะไรออกจะบอกเพิ่ม”
“ครับ”
“ให้พิมช่วยน้องธามนะคะ” พี่พิมที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมถ้วยกาแฟพูดขึ้นหลังจากวางมันลงบนโต๊ะทํางานหน้าปรินซ์เรียบร้อย
“ผมให้คุณธามทําเพราะว่ามันเป็นหน้าที่ของเลขาทุกคนที่ต้องทําให้ได้ ยิ่งเป็นคนที่พ่อของผมส่งมา ก็ต้องยิ่งเรียนรู้งานให้เร็ว เลขาพิมควรให้ความร่วมมือนะครับ”
“..ค่ะคุณปรินซ์”
“ออ เลขาธาม ทั้งหมดที่สั่งไป ผมต้องได้รายละเอียดทั้งหมดก่อนเข้าประชุม”
“..ครับ” ผมรีบหอบกองเอกสารกองที่หนึ่งออกจากห้องของปรินซ์ ส่วนพี่พิมทําได้แค่ยิ้มเป็นกําลังใจให้ผม

“สวัสดีครับ ผมเอาเอกสารมาส่งจากคุณอชิระน่ะครับ ถ้าไงรบกวนแก้ไขตามที่ระบุด้วยนะครับ คุณอชิระขอทั้งหมดก่อนสิบเอ็ดโมงครับ”
“ห่ะ” ทีมการตลาดคนนึงทําหน้าเหวอ แต่ก็พยักหน้ารับคํา
“เดี๋ยวผมไปเอาที่เหลือมาให้นะครับ”
“จ้ะ”
เมื่อมือผมว่างก็กดโทรศัพท์หาพี่ข้าวทันที “สวัสดีครับพี่ข้าว ผมขอดราฟแรกก่อนได้ไหมครับ”
[ไม่บอกก่อนล่วงหน้า มันจะได้เหรอธาม]
“โธ่พี่ คิดว่าช่วยผม”
[เพราะเห็นว่าเป็นธามนะ พี่จะเสกให้]
“ก่อนเที่ยงนะพี่ข้าว”
[ก่อนเที่ยง!!!! ตัดงานนะไม่ใช่ตัดริบบิ้นถึงใช้เวลาแค่สามวิ!]
“โทษทีพี่ คุณอชิระขอน่ะพี่”
[มันจะมากไปแล้วนะ ของมันมีไทม์มิ่ง มันต้องใช้เวลาป่ะวะ!]
“พี่ใจเย็นก่อน”
[ให้พี่คุยกับมัน!]
“พี่ทําผมลําบากใจ”
[มึงเอาเวลาบ่นน้องไปตัดงานไหมไอ้ข้าว]
[ก็กูอยากอ้อยอิ่งกับมึงอีกนิดนิหว่า ทําไมกูต้องรีบด้วยวะ]
[พอเลย! ไปแต่งตัว]
“...”
[เดี๋ยวพี่จัดการไอ้ข้าวให้ แค่ดราฟแรก ธามไม่ต้องห่วงนะ]
“ขอบคุณครับพี่ที”
ผมวางสายพี่ข้าวพี่ทีแล้วรีบเดินกลับไปที่ห้องทํางานปรินซ์ และหอบแฟ้มเอกสารที่เหลือไปที่ฝ่ายการตลาด
“เหนื่อยแย่เลยนะน้องธาม”
“มันเป็นงานนิครับ” ผมยิ้มตอบ
.
..ห้องทีมการตลาด
“ฉันว่าคุณปรินซ์โหดไปเปล่าวะ ไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้”
“เออ อย่างเอกสารเนี่ย แทบไม่มีให้แก้ด้วยซํ้า”
“พี่พิมบอกว่าน้องธามโดนสั่งให้ตรวจคนเดียวเลย ไม่ให้ช่วยด้วย เหมือนแกล้งน้องธาม”
“โอยยยยย ว่าจะตั้งทีมแอนตี้น้องธาม ทำไม่ลงเลยฉัน”
“เปลี่ยนเป็นแอนตี้คุณปรินซ์แทนดีไหม”
“แกกล้าเหรอ”
“ไม่อ่ะ”
“งั้นตั้งทีมน้องธามยืนหนึ่ง”
“พี่จะเชียร์น้องธามเหรอ น้องเป็นผู้ชายนะ เชียร์ให้คุณปรินซ์ก็เสียของสิ”
“ก็เขาเป็นแฟนกันอยู่แล้วไหม คุณปรินซ์รักใครเราก็ต้องรักคนนั้นด้วยถึงจะเป็นลูกน้องที่ดี แล้วนี่ว่าที่บอยเฟรนด์ของเจ้านายเรากําลังตกระกําลําบาก จะมานิ่งดูดายได้ไงกัน”
“ปรบมือรัวให้กับความเป็นลูกน้องผู้ภักดีเลยค่ะพี่”
“เออๆ ต่อแต่นี้ไป ช่วยอะไรน้องธามได้ก็ต้องช่วย น้องจะต้องไม่สู้อย่างเดียวดาย”
“รับทราบค่ะ”
“กระจายข่าวทุกกรุ๊ป”
“เยสเซอร์! / เยสเซอร์”
.
.
“เอาล่ะครับอย่างที่ทุกท่านเข้าใจแล้วนะครับ นี่เป็นช่วงสุดท้ายก่อนการเซ็นสัญญาระหว่างจีนกับเรา ขอให้ทุกคนมาพยายามด้วยกัน เอาล่ะรายละเอียดเรื่องที่พัก คุณธามจะเป็นคนแจ้งไป เรียบร้อยรึยังครับคุณธาม”
“ใกล้เรียบร้อยครับ”
“ใกล้เรียบร้อย? เหรอครับ” ปรินซ์หันหน้ามองผมที่นั่งเยื้องอยู่ด้านหลังภายในห้องประชุมที่มีทีมการตลาดทั้งฝ่าย ที่หมายรวมถึงคุณดรีม และคุณตง หรือแปะตง ที่รัก เอ็นดูปรินซ์จนอยากได้เป็นลูกเขย
“ขอโทษครับ”
ปรินซ์ขยับสูทเหมือนอึดอัด “แล้วส่วนอื่นที่ผมมอบหมายไว้”
“ภายในบ่ายวันนี้ครับ”
“บ่ายกี่โมง..ครับ”
ผมมองนาฬิกา มันบอกว่าตอนนี้เกือบบ่ายสามโมง “ไม่เกินบ่ายสี่โมงครับ”
“ภายในบ่ายสามโมงครึ่ง”
“เอ่อ ..ครับ”
“งั้นเรื่องต่อไป ดราฟแรกของโฆษณาครับคุณธาม”
“รอสักครู่ครับ” ผมขยับนิ้วมือเพื่อเลื่อนเปิดไฟล์วีดิโอที่พี่ข้าวส่งให้ ภาพเคลื่อนไหวปรากฎขึ้นบนจอโปรเจคเตอร์ทันที
“อืม ผมคิดว่าจะได้ดราฟแรกที่ใกล้เคียงคำว่าเสร็จ..กว่านี้”
“...”
“ถามทางโปรดักชั่นเฮ้าส์ ไม่ก็ทางเอเจนซี่ด้วยว่าเสร็จเมื่อไหร่ ผมอยากได้เวลาสำหรับการปรับแก้ เข้าใจใช่ไหมคุณธาม”
“ครับ”
“ดรีมว่าหน้าที่นี้ควรเป็นของทีมการตลาดนะคะที่จะตามเรื่อง”
“งั้นคุณธาม คุณก็คอยตามเรื่องจากทีมการตลาด แบบนี้โอเคไหมครับคุณดรีม”
“ค่ะ ทางทีมจะรีบตามเรื่องค่ะ ถ้างั้นดรีมว่าเราเลิกประชุมกันเลยดีกว่าไหมคะ ไหนๆ ก็คุยกันครบทุกเรื่องแล้ว”
“ยังครับ ผมอยากให้คุณดรีมรีเช็คอีกรอบว่าเราพลาดเรื่องอะไรที่จะต้องไปทำกันอีกรึเปล่า”
“ขอโทษนะคุณอชิระ”
“ครับคุณตง”
“ผมว่าทุกคนก็เก็บรายละเอียดครบหมดแล้วนะ และรู้หน้าที่ดีว่าต้องไปตามเรื่องอะไรต่อ ผมว่าเราปิดการประชุมเถอะ ประชุมต่อก็มีแต่เสียเวลาทำงาน”
“แต่ผมว่าเราควรจะละเอียดรอบคอบนะครับ”
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้บ่ายค่อยประชุมกันใหม่ ตามนี้นะคุณอชิระ”
“..ก็ได้ครับ ถ้าคุณตงต้องการแบบนั้น”
.
.
.
..ตลอดอาทิตย์ ผมถูกฝึกความอดทนอดกลั้นจากปรินซ์มากมายหลายแบบทดสอบ พลังงานถูกใช้ไปกับการทํางานที่ดูไม่มีเหตุไม่มีผล คนของผมยังคงเป็นคนใหม่ที่ผมไม่รู้จักขึ้นทุกวันๆ และวันนี้คือวันที่ปรินซ์จะไปจีน บางทีผมก็อดดีใจไม่ได้ที่ผมได้ห่างปรินซ์คนนี้บ้าง เพราะผมเหนื่อย ท้อ ฮึดสู้ เสียใจ วนไปนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อไหร่ปรินซ์จะจําได้สักที

“อาธาม”
“ครับป๊า” พ่อของปรินซ์เรียกพบผมในบ่ายวันที่ปรินซ์ออกเดินทางไปจีนแล้ว
“เป็นยังไง เหนื่อยไหม”
“เหนื่อยครับ..” ผมตอบตรงๆ
“ป๊าขอโทษนะที่ทําอะไรไม่ได้เลย”
ผมยิ้มบาง “ไม่เป็นไรครับป๊า”
“ยังไหวอยู่ใช่ไหม”
ผมพยายามยิ้ม และกลั้นนํ้าตาไม่ให้ไหล “ครับ ผมว่าผมยังไหว”
“ขอบใจมากนะอาธาม เพราะขนาดป๊าเองยังทําใจยอมรับนิสัยของมันยาก”
“...”
“อ่อ เอางี้ไหม ไหนๆ ไอ้ปรินซ์ก็ไม่อยู่ ป๊าจะให้ธามไปดูงานเอ็กซ์โปรที่เกาหลี แล้วก็ถือโอกาสเที่ยวไปด้วยเลย”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เอาตามนี้นะ ไปเปิดหูเปิดตา ผ่อนคลายจากไอ้บ้าปรินซ์มัน”
“แต่..ก็ได้ครับ” ผมไม่อยากปฏิเสธพ่อของปรินซ์ที่หวังดีกับผม
“เดี๋ยวป๊าจัดการให้”
“ขอบคุณครับ”
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
011
- ..ขึ้นบิน -
.
.
“อั๊วไม่อยากได้ไอ้ปรินซ์มาเป็นลูกเขยแล้ว”
“ทำไมวะ”
“มันเปลี่ยนไปมากจนอั๊วรับไม่ได้”
“แต่มันก็ยังทำงานดีเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอวะ”
“เออ ใช่ อั๊วไม่เถียง แต่อั๊วไม่อยากให้ดรีมลูกคนเดียวของอั๊วแต่งกับคนแบบไอ้ปรินซ์แล้ว”
“นี่ลื้อกำลังด่าลูกอั๊วอยู่นะ”
“เอาเป็นว่าอั๊วพูดตรงๆ เลย อั๊วยังรักมันเหมือนลูก แต่ไม่อยากได้เป็นลูกแล้ว ให้เป็นหลานก็พอ”
“...”
“ส่วนเรื่องที่ไอ้ปรินซ์จะมีแฟนเป็นผู้ชายเนี่ย..”
“...”
“ถ้าเป็นคนที่ชื่อธาม.. อั๊วว่า.. ก็ไม่ได้ดูเลวร้าย อดทนดี ขนาดไอ้ปรินซ์มันทำขนาดนั้นยังทนไหว เป็นอั๊วต่อยหน้าไปแล้ว ถึงเป็นเจ้านายก็เหอะ”
“ในที่สุดลื้อก็เข้าใจไอ้ปรินซ์มัน”
“เออๆ อั๊วก็ไม่ได้อยากเข้าใจหรอก แต่ถ้ามันทนกันไหวขนาดนี้ มันก็คงจะ..รักกันมากน่ะแหละนะ”
“ไอ้ปรินซ์มันรู้คงดีใจ ที่แปะตงที่มันเคารพมากยอมรับมันได้สักที”
“ถ้ามันรับตัวมันได้นะ อั๊วเห็นมันมองคนชื่อธามหยั่งกับมันมองขี้หมา”
“อั๊วก็อยากจะเตะมันสักป๊าบ นี่อั๊วก็คิดว่าถ้ามันจำตัวเองได้เมื่อไหร่ ไม่อยากจะคิดว่ามันจะต้องตามง้ออาธามยังไงให้หายโกรธ”
“ถ้าเป็นเมียอั๊วเหรอ อั๊วได้โดนไล่ให้ออกไปนอนนอกห้องเป็นเดือนแน่”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แค่นั้นยังน้อยไป”
.
.
.
..สนามบิน

..ผมนั่งถอนหายใจอยู่ในเกต มันคงดีถ้าผมมีปรินซ์นั่งอยู่ข้างๆ

..วันครบรอบแต่งงานสามปีที่ผ่านมาสามวัน ผมลืมไปสนิทเพราะยุ่งอยู่กับงานที่ปรินซ์สั่ง

“สวัสดีครับคุณธาม”
“คุณภูผา? มาทำอะไรที่นี่ครับ”
“ผมก็..มาขึ้นเครื่องครับ ไปเกาหลี เหมือนคุณ”
“บังเอิญจังครับ คงไม่ใช่ว่าจะไปงานเอ็กซ์โปร?”
“ใช่เลยครับ”
“...”
“อยากให้เป็นคุณปรินซ์แทนที่จะเป็นผมใช่ไหมครับ”
“ครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นได้คงดีมาก”
“ผมเจ็บนะครับ ถ้าคุณธามพูดตรงแบบนี้”
“ขอโทษด้วยครับ อ่ะ นั่นคุณปรินซ์นี่ครับ” คุณภูผาชี้ไปที่จอทีวีขนาด 32 นิ้วไกลออกไป “คงเป็นข่าวที่ไปเซ็นสัญญากับจีน คราวนี้คุณปรินซ์คงกลายเป็นที่สนใจของคนในวงธุรกิจ หนุ่มไฟแรงที่มีดีลระดับพันล้านกับจีน น่าภูมิใจนะครับ”
“ครับ” ผมมองปรินซ์ที่จับมือกับผู้ร่วมลงทุน แสงแฟลชสาดใส่หน้าปรินซ์อย่างต่อเนื่อง และมีคุณดรีมยืนอยู่ข้างๆ

..เหมาะกันดี

ผมถอนหายใจ “เราขึ้นเครื่องกันเถอะครับ”
“ครับ”
.
ผมเข้านั่งที่ที่นั่งริมหน้าต่าง คุณภูผาตามมานั่งข้างผม!! “บังเอิญจังเลยนะครับที่เรานั่งข้างกัน”
“ถ้าคุณธามเปิดใจรู้จักผมมากกว่านี้ จะรู้ครับ ว่ามันไม่บังเอิญ”
“ออ เหรอครับ”
“คุณธามจะหลับเลยก็ได้ครับ”
“ครับ ผมไม่ค่อยชอบเวลาเครื่องออกตัวเท่าไหร่”
“ฝันดีครับ ไว้เจอกันใหม่ครับ”
“...” ผมยิ้มบาง และหันหน้าออกนอกหน้าต่าง ใส่หูฟังและหลับไป..

ทําไมไม่เป็นปรินซ์..
.
.
.
..คงสองชั่วโมงได้ น่าจะใกล้ถึงแล้ว เกาหลีใต้ต้นปีที่หนาวเหน็บกําลังรอผมอยู่

..ผมค่อยๆ ขยับร่างกายที่ปวดเมื่อย เปิดตาที่ปิดสนิทให้ค่อยๆ รับแสงจากภายในตัวเครื่องบิน

..คนข้างๆ ..คุณภูผา อาจจะยังหลับอยู่ ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่อยู่ใกล้ๆ..

..ปรินซ์!!!

ผมกระพริบตาเพื่อไล่ความง่วงเผื่อว่านี่คือความฝัน

..ปรินซ์จริงๆ
และปรินซ์กำลังขยับท่าทางเหมือนจะตื่น ผมรีบหลับตาแน่น ไม่! ทำไมต้องแกล้งหลับ ก็แค่เผชิญหน้า ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ถึงตอนนี้ในหัวจะมีแต่คำถามก็เถอะ

ผมมองปรินซ์ที่ค่อยๆ ตื่น และหันหน้ามาทางผม

ผมยิ้มบาง “คุณอชิระมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ”
“ผมก็.. มาทำงาน ไม่สิ ตามคุณมาทำงานไงครับ”
“แต่คุณอชิระต้องอยู่ที่จีนนิครับ”
“ก็ใช่นะครับ แต่เผอิญงานที่นู้นเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ผมก็เลยมาตาม ‘ใจ’ ของผม”
“เหรอครับ ว่าแต่คุณอชิระเห็นคุณภูผาไหมครับ”
“ผมไม่เห็นเขาสักสองสามชั่วโมงได้แล้ว”
“!!! จะเป็นไปได้ไงครับในเมื่อผมขึ้นเครื่องมาพร้อมเขา แล้วเขาก็นั่งข้างผม”
“ไว้ผมจะหาคำตอบให้นะครับ” ปรินซ์ลุกขึ้นยืนสบายๆ และเดินหายไปด้านหลัง จะว่าไปบนเครื่องนี่ก็ดู.. ส่วนตัวจนเกินไป ดูไร้ผู้คน ต่างจากตอนที่ผมขึ้นมา ผมหันไปมองรอบๆ ..ไม่มีใครสักคน จะว่าไปเครื่องที่ผมโดยสารอยู่ก็หน้าตาแปลกไป โอ่โถง ถึงไม่กว้างมาก แต่ก็กว้าง.. เพราะที่นั่งน้อยลง!
“ดื่มอะไรหน่อยสิครับ” ปรินซ์ยื่นแก้วน้ำส้มให้ผม
“เอ่อ ขอบคุณครับ” ผมรับแก้วน้ำส้มด้วยความประหม่า แม่งมาไม้ไหนวะ “คุณปรินซ์มีอะไรจะให้ผมทำไหมครับ”
“มีครับ”
“..ครับ อะไรครับ” ผมมองปรินซ์ที่ยังยืนนิ่ง ผมควรยืนด้วยใช่ไหมเพราะคำว่ามารยาท ผมก็เลยรีบยืนขึ้นทั้งที่ยังถือน้ำส้ม แน่นอนว่า ของเหลวในแก้วกระฉอกสาดใส่หน้าอกเสื้อของปรินซ์!!! ..ดีที่ผมกินไปเกือบครึ่ง
“ขอโทษครับคุณอชิระ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมรีบวางแก้วน้ำส้ม และลุกลี้ลุกลนเพื่อจะทำอะไรบางอย่างให้ไม่โดนด่า อย่างการหากระดาษทิชชู่มาซับ ..แต่มันไม่มี!!
“ไม่เป็นไรครับ” ปรินซ์ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทออกมา “ถ้ายังไงผมกวนคุณธามเช็ดให้หน่อยได้ไหมครับ”
“ออ ได้ครับ” ผมรับผ้าเช็ดหน้าของปรินซ์และรีบเดินหายไปที่ห้องน้ำ ผ้าชุบน้ำน่าจะทำให้หายเหนียวได้ ..ปรินซ์คว้าแขนของผมไว้!!
“จะไปไหนครับ”
“ผมจะไปห้องน้ำ เอาผ้าไปชุบน้ำครับ”
“ออ เหรอครับ” ปรินซ์ปล่อยแขนผม

..คุณภูผาหายไปไหน?

..ปรินซ์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

..ที่นี่ ..ทำไมเครื่องบินมันไม่ใช่ลำที่ขึ้น?

..แล้วทำไมไม่มีใครอยู่บนเครื่อง?

ผมนึกอยากจะใช้สัญญาณติดต่อสื่อสารกับใครบนนี้ได้ เผื่อจะได้คำตอบ เอออ แอร์!! สจ๊วต!!! ผมเดินต่อเลยไปด้านหลัง..

“คุณธาม!” เสียงปรินซ์ตะโกนเรียกดังมา

“ครับ!” ผมรีบเดินย้อนกลับไปหาปรินซ์

“ไปนานจังเลยนะครับ” ผมมองปรินซ์ยังยืนอยู่ และปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก! “ได้ผ้าชุบนํ้ามาแล้วนิครับ รออะไรอยู่ มาเช็ดสิครับ”
ผมกระพริบตาถี่ กลืนนํ้าลายไปหนึ่งอึก ใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าปรินซ์ตอนนี้ต้องการอะไรกันแน่ ผมไม่อยากเจอเรื่องเดิมๆ ที่จะทําให้ผมสั่นไหวแล้วสุดท้ายก็โดนทําร้ายจิตใจให้เจ็บอีก
ผมเดินเข้าไปใกล้.. มองแต่แผงอกขาวของคนตัวสูง เพราะผมไม่กล้ามองหน้า ไม่อยากเจอสายตาเหยียดเยาะเหมือนผมอยู่ใต้อํานาจที่ชวนสมเพชเหมือนที่เจอมาตลอด
ผมเช็ดที่อกปรินซ์อย่างระแวง ผ้าแทบจะไม่ได้สัมผัสเนื้อขาวด้วยซํ้า
“ลงนํ้าหนักหน่อยสิครับ” ปรินซ์จับมือผมให้กดลงบนหน้าอกของปรินซ์ เชี่ย!!!!!
“ผมว่า.. คุณปรินซ์เช็ดเองเถอะครับ” ผมปล่อยมือที่โดนจับทันที แต่ก็ยัดผ้าใส่มือปรินซ์ไว้
“กลัวอะไรผมรึไงครับ”
“ครับ ผมกลัวตัวเองเจ็บ ถึงผมจะรักคุณมาก แต่ผมก็เจ็บเป็น และก็จําได้ด้วยว่า.. คุณมองผมเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ ไม่ก็ทําเพราะอยากให้ผมไปไกลๆ ซะ” ผมเดินถอยหลังห่างจากตัวปรินซ์

..ถึงจะรักมาก แต่คงยอมให้ปรินซ์ปั่นหัวผมต่อไปไม่ได้แล้ว

..ปรินซ์ขยับเท้าเข้ามาหาผม

“..ธาม”

ปรินซ์กระชากตัวผมเข้าไปกอดไว้ ..ผมออกแรงสู้เต็มที่และดันปรินซ์ออก
“ผมขอนะครับคุณอชิระ ผมจะอยู่รอคุณ ทําให้คุณรักผมอีกครั้ง แต่ผมจะไม่ยอมให้คุณทําอะไรกับผมแบบนั้นอีกแล้ว!!”

“..พี่ขอโทษ”

..ผมมองปรินซ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ..ขอโทษ หมายความว่ายังไง ปรินซ์เรียกตัวเองว่าพี่!! คืออะไรวะ

“คุณอชิระพูดอะไรน่ะครับ”
“พี่ขอโทษ ..ที่ทําร้ายความรู้สึกธาม พี่ขอโทษที่พี่จําธามไม่ได้ พี่ขอโทษที่ทําแย่ๆ กับธามแบบนั้น”
“!!!!!”
“ธาม..ไม่โกรธพี่นะ”
“จําได้แล้ว? ตั้งแต่เมื่อไหร่..”
“วันที่ไอ้ข้าวต่อยพี่ พี่หมดสติ แล้วเข้าโรงพยาบาล..”
“..หลังจากวันนั้นที่หายออกจากโรงพยาบาลไม่บอก แล้วก็ไปลากกูกลับมาจากกองถ่าย แล้วก็ทําแบบนั้นกับกู.. พูดแบบนั้น.. ต่อหน้าคุณดรีม..”
“..ธาม พี่ขอโทษ”
ผมสะบัดแขนของตัวเองจนหลุดจากการจับกุมของปรินซ์
“...”
“ธามจะไปไหน”
“...”
“เราอยู่บนเครื่องบิน ธามหนีพี่ไปไหนไม่ได้หรอกนะ”
“ทําไมไม่บอกว่าจําได้แล้ว.. ทําไมต้องทําร้ายจิตใจกูขนาดนั้น! มึงรู้ไหมว่ามันเจ็บแค่ไหน!!! เจ็บจนกูไม่แน่ใจว่ากูจะทนต่อไปไหวด้วยซํ้า”
“พี่มีเหตุผล ฟังพี่ก่อนนะ” ปรินซ์กอดผมไว้จากด้านหลัง ผมอยากจะขืนตัวให้มากกว่านี้ แต่ใจอีกค่อนดวงดันบอกว่าไออุ่นนี้ไม่ใช่เหรอที่คิดถึงจนใกล้บ้า
“ดรีมไม่ใช่คนเลวร้าย ฉลาด และรักตัวเองมาก ส่วนแปะตง พ่อของดรีม พี่เคารพมาก แถมยังเป็นเพื่อนตายของป๊า ป๊าเลยไม่รู้ว่าจะปฏิเสธแปะเขายังไงที่อยากได้พี่เป็นลูกเขย แล้วมันก็บังเอิญที่พี่ความจําเสื่อม จําธามไม่ได้ แถมยังนิสัยแย่มาก พอพี่จําได้ เลยคิดว่าถ้าพี่เลวร้ายมากพอจะเป็นวิธีเดียวที่ทั้งดรีมทั้งแปะตงจะตัดใจจากพี่ ..แล้วพี่ก็ทําสําเร็จ เข้าใจพี่ใช่ไหมธาม”
“...”
“หายโกรธพี่ได้ไหมครับ”
“...”
“ถ้าธามไม่หายโกรธ กัปตันก็จะพาเราบินไปเรื่อยๆ รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่หายโกรธ!! แต่กูอยากลงแล้ว”
“ทําไม”
“ไม่อยากตายเพราะเชื้อเพลิงหมด ลงจอดฉุกเฉิน หลงทาง กลับบ้านไม่ได้”
ผมพยายามจะแกะมือของปรินซ์ที่กอดกุมผมไว้ ไอ้เหตุผลก็ฟังขึ้น แต่จะให้หายง่ายๆ มันก็ไม่ใช่ป่ะวะ!
“งั้นให้พี่มัดจําก่อนได้ไหมว่าธามจะหายโกรธ”
“ไม่..!!!!” ปรินซ์แทบจะไม่รอผมตอบ ก็ประคองหน้าผมขึ้นจูบ!! หน้าผมร้อนผ่าว ใจเต้นรัวทั้งโกรธ ทั้งรู้สึกดีกับสัมผัสที่โหยหา แต่มันง่ายเกินไป! ผมถอนปากตัวเองออก.. ทั้งที่ปรินซ์พยายามจะดูดดึงไว้
“พอได้แล้ว!!” ผมเดินกลับไปที่ที่นั่งของตัวเองและคาดเข็มขัด ดีใจที่ปรินซ์จําได้ แต่ก็โกรธ!! ผมมองออกนอกหน้าต่าง.. คอยดูเครื่องลงเมื่อไหร่กูจะหนี!!!
.
.
..สนามบิน

..ภูเก็ต???

..ผมหันหน้ามองป้ายชื่อของสนามบินอย่างไม่เข้าใจ ทำไมผมมาอยู่ที่นี่แทนที่จะเป็นเกาหลี!!

..ทำไมมานี่? ..แต่ช่างเหอะ จะที่ไหนก็ได้ ผมคว้ากระเป๋าเดินทางของตัวเองทันทีที่มันลอยมาตามสายพาน แล้วก็เดินแยกตัวออกจากปรินซ์ ตรงไปที่ประตูทางออกทันที

“..ธาม จะไปไหน”
“ไปไหนก็ได้ โตแล้ว”
ปรินซ์เดินข้างๆ ผม “พี่รู้ว่าธามโตแล้ว แต่ธามจะไปยังไงถ้าธามไม่มีเงิน ไม่มีโทรศัพท์”
!!! ผมรีบล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเอง จำได้ว่าผมใส่หูฟัง ฟังเพลงตอนขึ้นเครื่อง.. ในกระเป๋าสะพาย.. มีกระเป๋าตังในนั้น.. แล้วก็หลับ.. เชี่ยยย!!!!
“ของของธามอยู่ที่พี่หมดแล้ว ไม่ดื้อนะ ไปกับพี่เถอะ”
มันต้องมีสักวิธีสิวะ จะงอนก็ต้องทำให้สุดทาง เสียฟอร์มดิวะถ้าตามปรินซ์ไปง่ายๆ ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์สนามบิน กูไม่ยอมหรอกไอ้ปรินซ์!

“ขอโทษนะครับ ผมจะขอยืมโทรศัพท์ได้ไหมครับ พอดีผมลืมมันไว้ในกระเป๋าเดินทาง แล้วก็ลืมรหัสเปิด..”
“อ๋อ ได้ค่ะ”

“ฮัลโหลไอ้บอส มึงอยู่ไหนวะ”
[กูอยู่สระบุรี มีไรวะ]
“คือกูอยู่ภูเก็ต แล้วแม่งก็มีโจรขโมยเป๋าตัง มือถือกูไปหมด มึงมารับกูได้ไหมวะ”
[ไอ้บ้า!!!! ไปทำอิท่าไหนให้โดนขโมยวะ!! มัวแต่หลับล่ะสิมึง]
“เออใช่! มึงอย่าเพิ่งบ่นได้ป่ะวะ”
[กูไปไม่ได้เนี่ยสิ กูติดงาน โทรหาพี่ปรินซ์ไหมมึง]
..มันยืนอยู่ข้างกูเนี่ย!!!! “จะโทรทำไมวะ ให้มันมาแกล้งกูอีกรึไง”
[เออวะ งั้นมึงโทรหาไอ้บรีส กูช่วยมึงไม่ได้จริงๆ]
“เออๆ”

“ไอ้บรีส กูต้องการความช่วยเหลือ”
[เป็นไรวะ!!]
“กูไม่มีเงิน ไม่มีโทรศัพท์ อยู่สนามบินภูเก็ต มึงมารับกูได้ไหมวะ”
[ไอ้เชี่ย!! มึงไปทำไรที่ภูเก็ตวะ งานการไม่ทำรึไง!!!]
“ก็เพราะงานนั่นแหละ กูถึงโดนหลอกมาเนี่ย! ช่วยกูที”
[กูติดงานโว๊ย คุยงานกับลูกค้า]
“เออ แล้วคุณภูผา..” ..ใช่ คุณภูผาอาจจะช่วยผมได้ เขาบอกว่าเขาทำอะไรได้หลายอย่าง ขนาดที่นั่งข้างผมยังจัดหาได้
[ไปเกาหลี ไปดูงาน]
“มึงติดต่อให้หน่อยได้ป่ะวะ กูต้องการความช่วยเหลือ”
[มึง.. ทำไรยากไปป่ะวะ โทรหาพี่ปรินซ์ดิ ไม่ก็พ่อพี่ปรินซ์..]
“พอเลยยยย” ทำไมพวกมึงต้องบอกให้กูขอความช่วยเหลือจากคนที่รังแกกูมาตลอดด้วยวะ!!!!!!!!
ผมกดวางสายไอ้บรีส ..คงต้องเป็นม๊า เอาวะ โดนม๊าด่าก็ดีกว่าอ่อนข้อให้ไอ้คนตัวสูงที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“พอเหอะธาม เราไปหาที่คุยกันนะครับ ..ยังไงธามก็หนีพี่ไม่พ้นอยู่แล้ว” ประโยคหลังปรินซ์กระซิบผมเบาๆ
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่แฟนผมใช้โทรศัพท์นาน” ปรินซ์พูดกับพนักงานสนามบิน คว้าเอาหูโทรศัพท์วางคืนที่ แล้วลากผมออกไป ถ้าไม่ติดว่ามันน่าอายแล้วก็สิ้นหนทางจริงๆ ผมคงไม่ยอมโดนลากไปแน่ๆ

“แกๆ คนเมื่อกี้หน้าคุ้นๆ ไหม เหมือนเป็นดารา ฉันว่าฉันเพิ่งเห็นในทีวี”
“..อ๋อออออออ คนนั้นไงแก!!! ที่เราเม้ากันว่านักธุรกิจเก่ง หล่อ รวย สมบูรณ์แบบ”
“เอออใช่!!!! เมื่อกี้เขาเรียกผู้ชายคนนั้นว่าแฟนนิ!”
“กรี๊ดดด นี่ชะนีเสียดุลอีกแล้วเหรอเนี่ย”
“เออ แต่ว่าน่ารักดีนะ เหมือนงอนกัน”
“เอออออ โอยยย สวีทอ่ะ อยากมีแบบนี้บ้าง”
“เดี๋ยวฉันทวิตความประทับใจของชีวิตวันนี้เลย”
“แก ระวังโดน พรบ. คอม”
“ฉันก็ไม่โง่เขียนม่ะว่าใคร”
“เออๆ”

สาวใสในสนามบิน :
การเป็นนักธุรกิจเลือดใหม่ใครๆ ก็รู้จักทั่วประเทศ เอ๊า ทั่วโลกไปเลย ไม่สามารถเป็นอุปสรรคต่อความรักระหว่างเพศเดียวกันนาจ๊ะ ..เจอตัวเป็นๆ วันนี้ เขางอนกันน่ารัก อิจฉาโว๊ยยยย #สนามบินภูเก็ต

พิมพ์ที่นี่ ในทวิต : ใครๆ ทั่วโลกเลยเหรอ?
สาวใสในสนามบิน : ใช่จ้า เพิ่งออกข่าวเลย ป.ล. งานดีคู่
เราขอเลี่ยม (ภาษาเหนือ) : มีภาพม่ะ จะได้เชื่อ #สังคมอยู่ยาก
สาวใสในสนามบิน : @เราขอเลี่ยม (ภาษาเหนือ) ไม่มีภาพจ้า กลัวเจอ พรบ. แต่บอกเลยยยย หาตัวไม่ยากกกกกก
พิมพ์ที่นี่ ในทวิต : ว๊าปไปสืบ!!!
เถียง แถ เก่งแค่ในทวิต : มาบอกด้วย งานดีจะได้ฟินต่อ
สาววายชม้ายชายตา : อาร๊ายยยยยย ใครกัน เปิดเผยได้เหรอ จะมีผลไรไหม
.
..ออฟฟิศปรินซ์
“ข่าวไวมากอ่ะแก”
“ฉันเห็นแหละพวกเพจดราม่า นี่ขนาดไม่มีรูป มีแค่ข้อความจากในทวิต”
“ก็มันเดาไม่ยากด้วยแหละ นักธุรกิจที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ก็มีแต่คุณปรินซ์ของเรา”
“ตายๆ จะมีผลอะไรไหม”
“ไม่รู้จ้า เอาเป็นว่าฉันเชื่อในตัวคุณปรินซ์”
“เอ๊ะ! มีคนเห็นอยู่กับน้องธาม ง้องอนกัน แสดงว่า..”
“คุณปรินซ์จําได้แล้ว!! / คุณปรินซ์จําได้แล้ว!! / คุณปรินซ์จําได้แล้ว!!”
“กรี๊ดดดดดดด เทพบุตรของฉันกลับมาแล้ว”
“ใช่ หลุดจากนรกแล้วพวกเรา”
“ฉันปลื้มแทนน้องธาม ในที่สุดก็ได้คุณปรินซ์คนเดิมกลับมา นํ้าตาจะไหลแล้ว”
“เวอร์ แต่ก็ดีใจด้วยจริงๆ ทนอยู่ได้ยังไง”
“ฉันว่าง้อไม่ง่ายหรอกนะ”
“เออ เห็นด้วย”
“จริง”
.
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
012
- ..ปรินซ์ - (Before Ending Episode)
.
.
.
..10 วันก่อน
..โรงพยาบาล
..ปรินซ์ - ภูผา

“..ที่นี่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลครับ คุณปรินซ์หมดสติคารถ ดีที่ผมขับตามมา”
“อย่างนั้นเหรอครับ ขอบคุณมาก”
“จำผมได้ใช่ไหมครับ”
“ครับ”
“ดีครับ ผมกลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้น..”
“..ไม่อย่างนั้น อะไรครับ”
“ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวคุณธามจะมาเฝ้าคุณ พักผ่อนเถอะครับ”
“...”
“คุณปรินซ์โอเคไหมครับ”
“ผม..โอเคครับ”
“มีอะไรจะถามผมไหมครับ”
“...”
“คุณทำหน้าเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง”
“ไม่มีครับ ผมแค่..ปวดหัวนิดหน่อย”
“ให้ผมตามหมอให้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณปรินซ์.. จําคุณธามได้รึยังครับ..”
“..ครับ ผมจําได้”
“ดีครับ แต่คุณคงต้องเหนื่อยหน่อย ง้อใครสักคนคงไม่ง่าย แถมคุณยังมีคู่แข่งอย่างผมอีก”
“ง้อคงไม่ง่ายหรอกครับ แต่เรื่องคู่แข่ง.. ผมไม่เห็นตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะครับ”
คุณภูผายิ้ม “ผมชอบพวกคุณมากจริงๆ มั่นใจในกันและกันจนผม.. อยากยอมแพ้”
“...”
“แต่มันก็สนุกมากเวลาได้เล่นอะไรแบบนี้”
“..เหรอครับ ถ้างั้นคุณช่วยเล่นต่ออีกสักพักได้ไหมครับ ผมยังไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมจําได้แล้ว”
“..คงมีเหตุผมบางอย่างสินะครับ”
“ครับ”
“ได้ครับ ก็ดีนะ ผมก็อยากรู้ว่าคุณธามจะทนคุณปรินซ์ที่โหดร้ายได้อีกนานแค่ไหน”
“...”
.
..คืนนั้น ผมตื่นมาเจอคนตัวเล็กกว่าของผมนั่งหลับอยู่ที่ข้างเตียง นึกดีใจที่คุณภูผาไม่ได้หาโอกาสรออุ้มคนของผมไปนอนดีๆ ที่โซฟา

..ผมลงจากเตียงมาช้อนร่างผอมบางขึ้นนอนแทนที่ คิ้วขมวดของธามที่น่าจะมีต้นเหตุมาจากผม ผมคงตามไปทําร้ายจิตใจของธามแม้ในความฝัน

..พี่ขอโทษ แต่ช่วยอดทนต่ออีกนิด

คืนนั้นผมนอนที่โซฟา และตื่นเช้ามาเพื่ออุ้มธามไปนอนที่โซฟาแทน ดีที่คนของผมนอนขี้เซา.. ผมจูบธามที่หน้าผากก่อนจะออกจากห้อง ภารกิจที่ต้องรีบทําให้สําเร็จรอผมอยู่..
.
.
“น้องธามโทรมาแจ้งพิมว่าขอไม่เข้าออฟฟิศค่ะ ขอตรงไปที่กองถ่ายเลยตามที่คุณปรินซ์สั่ง” เลขาพิมรายงานเมื่อผมถามถึงธาม
“งั้นเหรอ”

..ที่กองมีไอ้ข้าวไอ้ที และคุณภูผา “เลขาพิม ผมจะออกไปข้างนอกนะครับ”
“แต่ว่าอีกสิบห้านาทีคุณปรินซ์มีประชุมบอร์ดนะคะ!”

..ดี

“ครับ เรื่องเร่งด่วน เอาเป็นว่าผมจะรีบกลับมาให้ทันล่ะกันครับ”
“แต่คุณปรินซ์..!”

ผมลุกออกจากโต๊ะ และเดินออกจากออฟฟิศ จะเรียกว่าเดินก็ไม่ถูก ผมว่าผมดูร้อนรนจนจะใช้คําว่าวิ่งก็ได้ ระหว่างทางเหมือนมีใครหลายคนจะทักทายผม แต่ผมก็แค่ยิ้มตอบอย่างรักษามารยาท หนึ่งในนั้นคือดรีมและแปะตง ..ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว อืม สุภาษิตที่ใช้ได้ทุกสถานการณ์ แต่สําหรับผม ปืนนัดนี้ได้นกเกินสองตัวด้วยซํ้า
..ผมได้ทําลายความเชื่อมั่นในตัวผมของแปะตง
..ได้พักสมอง ได้โดดงาน โดดประชุมที่เคร่งเครียด
..ที่สําคัญคือได้ไปหาธาม ไหนจะคุณภูผาที่ดูจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

ผมขึ้นเคย์แมนสีดําด้านทันทีที่มันถูกนํามาส่งตรงหน้าผม ..ผมคิดถึงคาเยนน์คันเก่ามากกว่า รถครอบครัวอบอุ่นดูเหมาะกับผมและธาม เพราะเราชอบไปไหนมาไหนกับคนในครอบครัวเป็นประจํา แต่เคย์แมนก็ไม่เลว ในวันที่ผมอยากนั่งในรถที่มีพื้นที่เพียงแค่ผมกับธามสองคน..

..กองถ่ายโฆษณา

..ผมจอดรถและเดินตรงไปหาธาม ธามจะสว่างสดใสดึงดูดสายตาของผม มันเป็นแบบนั้นมาตลอดตั้งแต่เด็ก หาไม่ยาก.. โดยเฉพาะเมื่ออยู่กลางวงของคนที่ไม่สมควรให้อยู่ใกล้ด้วยอย่างคุณภูผา..

..ผมยืนมองการพูดคุยของคนทั้งสี่อยู่สักพัก บทสนทนาที่ชวนเห็นใจคุณภูผา ต้องขอบใจไอ้ข้าวไอ้ทีที่มันยังอยู่ข้างผม
“..วันนี้ครึกครื้นดีนะครับ”
“คุณปรินซ์มาทําอะไรที่นี่เหรอครับ” คุณภูผาพูดไม่พอ ยังดึงไหล่ของธามเข้าไปซบที่อกของตัวเอง!! ผมเห็นรอยยิ้มเยาะของคุณภูผา คงอยากรู้ว่าผมจะแก้สถานการณ์นี้ยังไง สถานการณ์ที่ผมแสดงออกไม่ได้ว่าทั้งโกรธ ทั้งหวงมากแค่ไหน ทั้งที่ยังจําอะไรไม่ได้และยังแสดงออกมาตลอดว่ารังเกียจธาม
“ผมว่าถ้าปล่อยเลขาของผมอยู่ที่นี่ พวกคุณทุกคนคงไม่มีใครทำงานมากกว่า” เรื่องงานคงเป็นข้ออ้างเดียวที่ผมจะดึงธามให้กลับไปพร้อมกับผมได้

ตลอดทางบนรถผมได้แต่ปิดปากตัวเองแน่น ผมไม่พูดอะไรกับธาม กลัวว่าตัวเองจะปล่อยให้โอกาสเคลียตัวเองให้พ้นจากดรีมผ่านเลยไป นึกด่าในใจว่าทําไมถึงต้องหลอกธาม พูดกับธามไปตรงๆ จะดีกว่าไหม

ในที่สุดผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ..ความหวงบวกความคิดถึงเข้าครอบงําผมจนทําอะไรแบบนั้นกับธามในห้องทํางาน ธามที่ผมทะนุถนอมมาตลอดกําลังโดนผมรุนแรงใส่ ผมต้องการธาม และรู้ว่าธามก็ต้องการผม ผมกําลังหาโอกาสกับธามทั้งที่รู้ว่าสุดท้ายก็ต้องพูดถ้อยคําเจ็บปวดใส่ให้คนของผมเจ็บปวด และยิ่งเมื่อดรีมเข้ามา.. เป็นจังหวะที่ดี แต่สายตาของธามที่มองผม กลับทําผมปวดใจ คิดอยากจะดึงรั้งตัวธามไว้แล้วขอโทษ บอกความจริงว่าผมจําได้ จําความรักของเราได้แล้ว ..แต่ผมก็ไม่ทํา เพราะยังไม่ถึงเวลา

..ดรีมบอกผมทันทีว่ารับผมไม่ได้ ถึงจะเจ็บปวดทั้งผมทั้งธาม แต่มันก็เป็นไปในแนวทางที่ผมคิดไว้ เหลือแค่แปะตง..

คืนนั้นผมให้พนักงานทํางานจนดึกทั้งที่ไม่เคย รวมทั้งธามที่ผมใช้ทํางานไร้สาระอยู่ในห้องของผม

..ธามนั่งหลับคากองเอกสาร ผมนั่งลงข้างๆ ยกหัวของธามให้นอนสบายหลบมุมสันของแฟ้มเอกสารที่ชวนเจ็บหน้า ห่มผ้าให้เพราะอากาศเย็น.. ผมสงสารธาม สงสารตัวเอง ที่ผมกําลังพยายามอยู่จะไม่สูญเปล่าใช่ไหม จะแคร์ทําไมกับแค่แปะตงที่รักผมมากเกินไป แต่เรื่องแบบนี้มันอาจกลายเป็นความบาดหมางใจระหว่างแปะตงกับป๊าได้ หรืออาจบานปลายกระทบธุรกิจด้วย เพราะฉะนั้น ..ที่ทํามันถูกแล้ว

ตลอดอาทิตย์ผมยังคงเลวร้ายกับทุกคนรอบตัว โดยเฉพาะกับธาม ผมกดดันธามในห้องประชุมที่มีคนมากมาย ถ้าแยกร่างได้ ผมคงต่อยตัวเองที่ทําร้ายธามแบบนี้

..หัวใจของผมทํางานหนักไม่ต่างจากสมอง

..แปะตงเริ่มออกอาการ อีกไม่นาน ทุกอย่างจะกลับมาอยู่ในทางที่ควรเป็น แล้ววันนึงที่ผมอยู่จีน งานเซ็นสัญญากับผู้ร่วมทุนผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ป๊าโทรมาบอกผมว่าแปะตงไม่อยากได้ผมเป็นลูกเขยแล้ว แถมยังเห็นดีเห็นงามถ้าผมกับธามจะคบกัน เพราะเห็นในความอดทนของธาม.. ผมดีใจยิ่งกว่างานชิ้นใหญ่ที่เพิ่งสําเร็จ ผมบอกป๊าทันทีว่าผมขอลาพักร้อนเหมือนเช่นเคย แม้ในปีนี้จะช้าไปนิด แต่ผมก็ไม่เคยพลาด.. วันครบรอบวันแต่งงานของผมกับธาม..

ผมโทรหาเลขาพิมทันที จองตั๋วเครื่องบินไฟลท์ที่เร็วที่สุดเพื่อกลับไปหาธาม ส่วนของธาม ผมก็กวนป๊าช่วยส่งธามไปต่างประเทศสักประเทศเพื่อให้ผมได้มีช่วงเวลาที่ดีของเราสองคน

[..ยินดีด้วยนะครับคุณปรินซ์สําหรับเรื่องงาน]
“ครับคุณภูผา มีอะไรรึเปล่าครับ ลําบากโทรมาหาผมถึงที่จีน..”
[พอดีผมกําลังจะบินไปดูงานที่เกาหลี แล้วเผอิญผมรู้มาว่าคุณธามก็กําลังจะไป]
“รู้ได้ยังไงครับ”
[คงบอกคุณไม่ได้ ..จริงๆ คือผมได้ที่นั่งข้างคุณธามด้วย คงเป็นสองชั่วโมงที่ดี ไม่รวมถึงทริปหนาวๆ ของเราสองคน]
“โทรมาเพื่ออวดผมเหรอครับ”
[ก็คงประมาณนั้น สนุกดีน่ะครับ]
“ถ้าคุณทําได้ขนาดนี้ ผมมีเรื่องจะรบกวนคุณครับ ..ในฐานะของลูกค้า หรือไม่ก็เพื่อความบันเทิงของคุณก็ได้”
[ลองว่ามาสิครับ ถ้าผมเห็นว่ามันคุ้มค่า ผมก็อาจยินดีให้คุณรบกวน]
.
.
.
..ปัจจุบัน
..ท่าเรือ
..ปรินซ์
ธามยอมเดินตามการจูงของผมแต่โดยดีหลังลงจากรถของสนามบิน ..ผมยิ้มให้คลื่นแสง แดดลม ขอบนํ้า ฟ้าใส ที่ประกอบกันเป็นภาพบรรยากาศให้ผมกับธามชื่นชม

..ธาม
จะพากูไปไหน.. คิดว่ากูจะใจอ่อนง่ายๆ รึไง ถึงจะเคยคุยกันไว้ว่าครบรอบแต่งงานปีนี้อยากไปทะเล แต่มันก็เลยมาแล้วตั้งสามวัน!!

“สวัสดีครับ ลุงทองใช่ไหมครับ”
“ครับ คุณปรินซ์ใช่ไหม ลงเรือได้เลยครับ”

ปรินซ์ลงไปบนเรือยอร์ชลําเล็กหรูก่อนจะยื่นมือมารับผม ..ฝันเหอะ ผมกระโดดลงเรือโดยที่ไม่จับมือปรินซ์

..หน้าแทบควํ่า!!! ดีที่ปรินซ์รับตัวผมไว้ทัน

“กระโดดไม่ได้นะครับคุ๊ณ! มันอันตราย” ลุงที่ชื่อทองตะโกนมาจากที่นั่งคนขับเรือ
“ขอโทษครับ”
“โดนดุเลยเห็นไหม” ปรินซ์กระซิบที่หูผม ผมรีบทรงตัวยืนเองทั้งที่เรือก็โคลงเคลงชวนมึน
“ให้พี่จับไว้ก่อนนะ”
“ไม่ต้อง”
“เรือจะออกล่ะนะ เข้ามานั่งข้างในกันก่อนก็ได้นะครับคุ๊ณ จะได้ไม่เมาแดดแทนเมาเรือ”
“ครั๊บลุง” ปรินซ์ตะโกนตอบ
“พี่ว่าเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“จะอยู่ข้างนอก”
“ธาม ไม่ดื้อสิครับ”
“...”
“ไม่งั้นพี่จะอุ้ม”
ผมเดินเกาะผนังเข้าภายในห้องของตัวเรือทันที

..ปรินซ์
..ไม่ง่ายแหะ
ผมนั่งมองธามแทบตลอดเวลา คงเพราะชดเชยกับการไม่ได้มองแบบแสดงออกอย่างนี้มาเกือบเดือน ส่วนธามก็นั่งหันหน้ามองวิวนอกเรือตลอดเหมือนกัน ..เป็นผมผมก็โกรธ จะให้หายง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้ ถึงผมเชื่อว่าธามเป็นคนมีเหตุผล แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายเกินไป
.
.
ธามปีนออกจากเรือเองแทบจะทันทีเมื่อรู้ว่าถึงที่หมาย ไม่รอให้ผมต้องช่วย แถมยังเดินลุยนํ้าไปยังหาดทรายสีขาวแบบไม่รอ และไม่เหลียวหลัง
“ขอบคุณครับลุงทอง”
“จะเอาตามนั้นจริงๆ เหรอครับคุณ ที่คุณภูผาสั่งผมไว้”
“ใช่ครับ ผมอยากอยู่แบบส่วนตัว”
“จะไหวนะคุณ?”
“ทุกอย่างก็มีพร้อมอยู่แล้วนิครับ คงไม่ลําบากอะไร”
“ตามใจคุณ ..ออ ที่นี่สัญญาณอินเตอร์เนทไม่มีนะ โทรศัพท์ก็พอจะใช้ได้บ้าง”
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”
“แล้วเจอกันครับคุณ”
ผมมองลุงทองที่ขับเรือจากไป..

..เวลาของผมกับธาม ผมยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองหาคนตัวเล็กกว่าที่เดินหายไปในตัวบ้านสีขาวสไตล์โมเดิร์นที่อยู่ลึกเข้าไปจากหาดทรายตรงที่ผมยืนอยู่

..มีแบบนี้เป็นของตัวเองสักที่ก็ดีนะ

“ปรินซ์!”

เสียงของธามตะโกนออกมาจากในตัวบ้าน ผมรีบวิ่งไปหา เกิดอะไรขึ้นกับคนของผม!!

“นี่มันอะไรวะ!”
ธามชูกระดาษครึ่งเอสี่ในมือ ผมรีบรับมาดู

..ถึงคุณผู้เช่า
เนื่องจากผมไม่ได้ใช้บ้านหลังนี้มาเป็นเวลานาน เลยขาดการดูแลเอาใจใส่ สิ่งอํานวยความสะดวก อาหารผมได้เตรียมไว้ให้แล้ว แต่เรื่องความสะอาด คุณผู้เช่าคงจะต้องจัดการกันเอง
ด้วยความปรารถนาดี
..จากเจ้าของ

ผมเงยหน้าจากกระดาษและสแกนสายตาไปรอบๆ มันอาจไม่ใกล้คําว่าสกปรก แต่มันก็เต็มไปด้วยฝุ่นจนทุกการเดินล้วนทิ้งรอยเท้าไว้เป็นอนุสรณ์ เครื่องเรือนทุกชิ้นที่ถูกปิดด้วยผ้าขาวถูกจับหนาด้วยผงสีขาวขุ่นราวกับมันไม่เคยถูกสัมผัสมาหลายปี

..ไอ้คุณภูผา

[ขอให้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขนะครับ] ข้อความที่ผมได้รับก่อนลงเรือ

“ยังไงวะ”
“...”
“นี่จะง้อ หรือจะทําให้โกรธกว่าเดิม..” แล้วธามก็เดินหายไป และกลับมาพร้อมกับไม้กวาดในมือ
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
บทสรุป
- เวลาของเรา - (Ending Episode + Epilogue)
.
.
“นี่จะง้อ หรือจะทําให้โกรธกว่าเดิม..”
“..พี่”
“เออช่างเหอะ ช่วยกันทําแป็บเดียวก็เสร็จ”
ผมยิ้ม..
“นี่จะยืนยิ้มจนห้องมันสะอาดเอง?”
“อืม พี่ก็ว่าจะยืนยิ้มเป็นกําลังใจให้ธาม”
“งั้นเหรอ..” ธามพูดเสียงเย็น
“พี่ไม่กวนแล้ว ไม่โกรธเพิ่มนะครับ” ผมรีบไปหาอุปกรณ์ทําความสะอาด

..สองชั่วโมงผ่านไป บริเวณชั้นล่างค่อยกลายสภาพมาน่าเดินน่านั่ง ทั้งผมทั้งธามต่างหมดแรงและตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“..ไปต่อชั้นสอง” ธามบอกผม

กลับไปกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ ผมคงต้องเอาคืนคุณ..คุณภูผา

“แปลกแหะ” ธามพึมพํากับตัวเอง ส่วนผมก็กําลังเดินตามธามขึ้นบันไดไปชั้นสอง ไม่เข้าใจว่าอะไรแปลกจนเท้าเปล่าของตัวเองสัมผัสกับพื้นบันได..

..สะอาด

ผมเดินตามหลังธามเข้าไปในห้องนอน ทุกอย่างสะอาด เรียบร้อย พร้อมนอน ห้องนํ้าเองก็ดูน่าใช้ หัวก็อกสีเงินถูกทําความสะอาดจนเงางาม แถมยังมีเซทผ้าขนหนูพร้อมชุดคลุมอาบนํ้าเตรียมไว้ให้ อย่างกับบริการในโรงแรม

..สนุกมากสินะคุณภูผา แต่ก็คงต้องขอบคุณ

“อาบนํ้ากันไหมธาม”
“อืม แต่ของอยู่ข้างล่าง..”
“พี่ลงไปเอาให้”
“อือ”

ผมรีบเดินลงไปห้องนั่งเล่นข้างล่าง กระเป๋าเดินทางของผมกับธามถูกวางอยู่ตรงนั้น ผมรีบลำเลียงขึ้นไปชั้นสอง ธามกำลังรอผมอยู่..

..เสียงน้ำจากฝักบัวดังจากในห้องน้ำ

..ก๊อก

“ธาม.. เปิดประตูให้พี่หน่อย”



“ธามครับ พี่อยากอาบน้ำด้วย”



“ธา..”
“รอแป๊บนึง” แล้วธามก็เปิดประตู เดินออกจากห้องน้ำในชุดคลุมอาบน้ำ ธามกำลังขยี้ผมเปียกชื้นด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก กลิ่นหอมอวลจนผมขยับตัวเข้าหาธาม ..อยากดมใกล้ๆ
“ตัวเหม็น ถอยไป” ผมหยุดชะงักทันที
“งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
“อืม”
ผมรีบพาตัวเองเข้าห้องน้ำ โอกาสอยู่ใกล้ธามยังมีอีกเยอะ ใจเย็นไว้ธามยังโกรธอยู่

ผมรีบอาบนํ้า เพราะอยากกอดธาม แต่พอผมออกมา.. กลับไม่เห็นธามอยู่ในห้อง!

ผมรีบใส่เสื้อผ้าแล้วลงไปชั้นล่าง ธามไปไหนไม่ได้แน่ๆ ที่นี่เป็นเกาะส่วนตัว ถ้าไม่มีเรือก็เท่ากับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

ความกระวนกระวายของผมลดลงเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาจากทางห้องครัว ธามของผมกําลังยืนอยู่หน้าเตาในเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซส์กับบอกเซอร์ ผมยิ้ม.. คนตัวเล็กกว่าตอนนี้ยิ่งดูตัวเล็กลงไปอีก น่าเอ็นดู.. ผมเดินเข้าไปสวมกอดธามจากด้านหลัง หวังว่าธามจะไม่เอาตะหลิวตีหัวผม
“ทําไมรีบลงมา”
“ไม่หิวรึไง”
“อืม หิว”
“...”
“ทําไมใส่เสื้อพี่”
“ก็ไอ้ที่เตรียมมามันสําหรับไปเจอหิมะ”
..ผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท “โทษทีพี่ลืมเรื่องนี้ไป คิดแค่ว่าอยากเจอธาม อยากพาธามมาทะเล”
“...”
ผมแน่ใจว่าผมเห็นรอยยิ้มเล็กๆของธาม
“สุขสันต์วันแต่งงานของเรานะครับ” ผมเนียนดมแก้มธาม ในเมื่อธามไม่ได้ห้ามอะไร
“มันเลยมาแล้ว”
“...” ผมไม่รู้จะตอบธามว่ายังไง มันเลยมาแล้วจริงๆ ผมอยากจะเอาเรื่องงานเมืองจีนมาแก้ตัว แต่มันก็ดู..
“แต่ไม่เป็นไร ดีที่ปรินซ์ยังจําได้”
ผมกระชับอ้อมกอดของตัวเอง “ขอบคุณครับที่เข้าใจพี่”
“อืม ดีที่ปรินซ์จําได้.. แค่นี้ก็พอแล้ว” หางเสียงของธามสั่นไหว.. ผมรีบหมุนตัวของธามให้หันมาเพื่อจะได้มองหน้าชัดๆ

นํ้าตาใสรื้นอยู่ที่หางตาของธาม..

ผมกอดธามแน่น เราไม่ได้กอดกันแค่เกือบเดือน แต่ผมรู้สึกเหมือนเราไม่ได้สัมผัสกันมาเป็นปี

“ไม่ร้องนะ โตแล้วยังขี้แยอีก”
“ปรินซ์ไม่รู้หรอกว่าตอนที่เห็นปรินซ์สลบคาอยู่ในรถ มันน่ากลัวมากแค่ไหน.. ถ้าปรินซ์หายไป..”
“...”
“ถึงปรินซ์จะร้ายใส่ แต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีปรินซ์”
“...”
“..และตอนนี้ที่ปรินซ์จําได้ คือมันโคตรดี”
ผมลูบหัวธามเบาๆ ปาดนํ้าตาออกจากแก้มนวลนิ่ม “ขอบคุณที่ไม่เกลียดพี่ไปซะก่อน”
“อีกนิดก็ว่าจะเกลียด..”
ผมยิ้มเพราะรู้ว่าธามพูดไปอย่างนั้น ไม่มีวันที่ธามจะเกลียดผม เรากอดกันนิ่งซึมซับไออุ่นที่โหยหาของกันและกัน
“กลิ่นอะไรไหม้ๆ”
“เห้ยกระทะ!!” ธามรีบผละออกจากอกผมทันที “ไข่ไหม้เลย!” ธามรีบปิดเตา ส่วนผมรีบคว้าด้ามกระทะแบนยกไปที่อ่างล้างจาน
!!!!
“เห้ยปรินซ์!! มันร้อน”
ธามฉวยเอามือของผมไปจับดูพอผมทําท่าว่าร้อนมือ ก่อนเอามือของผมไปแนบที่หูนิ่มๆของธาม ..มันช่วยได้ อุณหภูมิร้อนที่มือลดลงทันที แต่หน้าของธามกลับอุ่นแดงแทน คงเป็นการถ่ายทอดปฏิกิริยาเชิงเคมี เราสบตากัน.. ผมไล่มือมาสัมผัสหน้าของธาม และค่อยๆ โน้มหน้าของตัวเองลงจูบธาม ความหวานละมุนถูกส่งผ่านแลกเปลี่ยนไปมาระหว่างกัน ผมค่อยๆ จูบธามอย่างไม่เร่งรัด ผ่อนจังหวะให้ธามได้หายใจ อดนึกถึงความรุนแรงที่ผมเคยทําเมื่อตอนนั้นไม่ได้ มันก็รู้สึกดีเหมือนกัน.. คงเป็นสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่ฝังอยู่ในตัวผม แต่ตอนนี้ผมอยากแก้ไขความทรงจําครั้งนั้นของธามมากกว่าจะแสดงออกว่าผมในตอนนี้ต้องการธามมากแค่ไหน
ผมถอนริมฝีปากออกจากธาม.. แม้ผมจะต้องการมากกว่านี้ ธามเองก็คงเป็นเหมือนกัน ธามซบอกผมทันที คงเขิน..
“กินข้าวเสร็จ เราไปเดินชายหาดกัน” ธามพูดเสียงอู้อี้
“อืม งั้นทอดไข่กันใหม่นะ”
“อื้อ”
.
.
..บรรยากาศช่วงเย็นของท้องทะเลช่างสวยงาม แสงส้มเรื่อๆ ค่อยๆ ถูกเติมแต่งเต็มท้องฟ้า เสียงคลื่นซัดกระทบหาดทรายคล้ายเพื่อนกําลังคุยกัน ฟองนํ้าละเอียดถูกดูดซับซึมกลืนหายไปกับหาดทราย
ผมจูงมือธามเดินเท้าเปล่าไปตามแนวของหาดทรายขาวสะอาดที่ไม่ต้องห่วงว่าเท้าจะบาดเพราะเศษขยะ
“ทําไมถึงพามาเกาะนี้” ธามถามผม
“คุณภูผาแนะนํามาน่ะ”
“ไปญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ไม่ได้ดีกันขนาดนั้น เขาแค่อยากสนุก”
“!!!”
“เขารู้เรื่องที่พี่จําได้แล้ว ตั้งแต่ตอนอยู่โรงพยาบาล แต่พี่ขอให้เขาเก็บเป็นความลับไว้”
“...”
“แล้วพอพี่เคลียแปะตง งานเมืองจีนได้ เลยขอให้เขาช่วย”
“...”
“ถ้าไม่มีเขา พี่คงไปอุ้มธามออกจากเครื่องบินไม่ได้แน่ ไหนจะเครื่องบินส่วนตัวที่พาเราลงที่ภูเก็ต แล้วยังเกาะส่วนตัวนี่อีก”
“...”
“..พี่ยอมรับเลยว่าเขาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว”
“ปรินซ์กลัวเหรอ”
“ไม่ เพราะพี่ไม่เคยเห็นเขาเป็นคู่แข่งตั้งแต่แรก”
“มั่นใจเน๊อะ”
“อืม พี่มั่นใจในตัวธามมากตังหาก”
“...”
“มั่นใจในความรักของตัวเอง..”
“...”
“ธามรู้ไหมว่าพี่ไปหาธามที่คอนโด”
“ไปหาตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“พี่ไปหาธามทุกคืนตั้งแต่จําได้”
“!!!”
“..ตอนธามหลับ ธามหลับบนโซฟา นํ้าก็ไม่อาบ พี่ทําได้แค่อุ้มธามไปนอนที่เตียง ไม่กล้าเปลี่ยนชุดให้ กลัวธามจะจับได้ แต่ก็ไม่คิดว่าธามจะไม่รู้ว่าตัวเองถูกเปลี่ยนที่นอน”
“เห้ย จริงด้วย!”
ผมหัวเราะ ..ธามทําหน้าเบื่อตัวเอง
“แล้วได้ทําอะไรมากกว่านั้นไหมเนี่ย!” จู่ๆ ธามก็กอดกระชับเสื้อของตัวเอง แสดงออกว่าหวงเนื้อหวงตัว
“เปล่านะ อย่างมากก็แค่จุ๊บ”
“แล้วไป”
“หรืออยากให้ทํามากกว่านั้น”
“ใครจะอยาก ตอนนั้นเครียดจะตาย ปรินซ์โคตรใจร้าย”
“อืม พี่ใจร้ายจริงๆ งั้นขอพี่ร้ายอีกหน่อยนะ”
“!!!” ผมช้อนร่างธามขึ้นแล้วเดินลงทะเล ก่อนปล่อยร่างธามลงกับผืนนํ้าใส
“ไอ้ปรินซ์!!!!”
“ขึ้นไอ้กับพี่เหรอ”
“เออ”
ผมแกล้งกวักนํ้าใส่หน้าธาม ธามเองก็แกล้งผม เสียงหัวเราะของเราสองคนดังลั่นจนลืมเสียงคลื่น รอยยิ้มของธามทําทัศนียภาพใกล้คํ่าของท้องทะเลท้องฟ้าจืดหม่นลง ผมกอดร่างธามไว้แน่นเมื่อธามแกล้งผมมากเกินไปแล้ว
“..พี่รักธามนะครับ”
“อืม”
หน้าเขินแดงของธามทําผมใจสั่นพองโตได้ทุกครั้ง
“เราขึ้นข้างบนกันไหม..”
“อือ”
ผมจูงมือธามเดินขึ้นไปที่ชายหาด แวะล้างเนื้อล้างตัวจากนํ้าทะเลด้วยฝักบัวที่ด้านหน้าก่อนเดินเข้าสู่ตัวบ้าน
“ถ้าเราเดินเข้าบ้านแบบนี้ พื้นก็เปียกหมดดิ”
ผมช้อนร่างธามขึ้นอุ้ม “แต่ถ้าเราเดินคนเดียว พื้นก็จะเปียกน้อยลง”
“..อยากทําไรก็ทํา”
ผมอุ้มธามขึ้นชั้นสองและปล่อยธามลงที่พื้นในห้องนํ้า พวกเราอาบนํ้าอีกครั้งก่อนจะสวมชุดคลุมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ด้านนอกของบ้านไร้ซึ่งแสงใดแล้วเว้นแต่ไฟทางหน้าบ้านที่สว่างส้มพอให้เห็นทางรางๆ แล้วจู่ๆ ไฟทุกดวงก็ดับลง แม้แต่ในห้องนอน!!
“ปรินซ์!!!”
“พี่อยู่นี่” ธามขยับร่างเย็นมาอยู่ใกล้ตัวผม “คงเป็นเพราะเครื่องปั่นไฟมั้ง เดี๋ยวพี่ลงไปดู” ผมเขยิบร่างห่างออกจากธาม
“ไม่เอา! ไปด้วยกัน อย่าทิ้งกูไว้คนเดียว”
“กลัวเหรอ”
“อือ”
“เด็กธัมมะธัมโมกลัวผ..”
“อย่าพูดดิ!!”
“อือๆ พี่หามือถือก่อน” ผมลุกเดินจากเตียงโดยมีธามที่เดินติดผมแน่นเป็นลูกโคอาล่าและแสงไฟแอลอีดีจากโทรศัพท์
“เครื่องคงเสีย..”
“งี้ก็มืดทั้งคืนดิ”
“พี่จําได้ว่าที่ชั้นวางทีวีมีเทียนหอมอยู่ เราจุดไว้ก็ได้”
“อืม”

ห้องนอนกลับมาสว่างเรื่อๆ ด้วยแสงนวลจากถ้วยเทียนหอม
“สบายใจขึ้นไหม”
“ก็ดีกว่ามืดสนิท”

“แบบนี้ก็ดีนะ โรแมนติกดี”
“นอนกันเหอะ” ธามล้มตัวลงนอนทันที
“ครับ นอนก็นอน” ผมลงนอนข้างธาม ปล่อยให้เสียงคลื่นไกลๆ บรรยายว่าเราสองคนกําลังคิดอะไร..
ธามขยับเข้ามาซบที่อกของผม.. ผมยิ้ม และกอดกระชับร่างธามไว้ เรากอดกันได้สักพัก ..เป็นผมที่ค่อยๆ ขยับมือลงหาปมของเสื้อคลุมที่ธามผูกไว้ ..แก้ได้ไม่ยากเหมือนกับว่าคนตัวเล็กของผมตั้งใจให้มันแก้ง่าย ผมเลิกชุดคลุมออกจากไหล่ของธาม เนื้อขาวนวลแม้ในแสงสีส้มทําผมอยากขบกัด ผมยกตัวขึ้นทําร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของทันที อาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่ธามไม่ได้ว่าอะไร.. ผมจูบไล่ไปตามลําคอ อก และยอดอกของธาม ตอนนั้นผมกัดมันด้วยแรงหวง บวกความต้องการ คืนนี้ผมเพียงขบมันเบาๆ เพราะเท่านี้ธามของผมก็เสียวซ่านจนขยํ้าเสื้อคลุมของผมแล้ว
“คิดถึงพี่ไหม”
“อือออออออ คิดถึง.. มาก..”
“เหรอครับ” ผมยิ้ม “พี่ก็คิดถึงธามมากเหมือนกัน” ธามประคองหน้าของผมให้กลับขึ้นมาจูบที่ริมฝีปาก ผมบดกดนํ้าหนักลงที่ปากของธาม ความรุนแรงครั้งนั้นเหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้ผมอยากทํากับธามมากขึ้น และรู้ว่าธามเองก็ชอบแบบนั้นเหมือนกัน เสียงลมหายใจของเราทั้งคู่เริ่มหอบบอกว่าตอนนี้เรากําลังต้องการกันและกันมากแค่ไหน ธามปลดปมชุดคลุมของผมออก ร่างของเราทั้งคู่ใกล้เปล่าเปลือย เนื้อกายของสองเราสนิทแนบจนแทบหาช่องว่างไม่ได้ เสียงเบียดกระชับสะเทือนของเราทําให้เตียงไม้ที่ดูแข็งแรงยังร้องอุทธรณ์ แต่คงไม่ดังไปกว่าเสียงแหบพร่าของธามและผมที่ผลัดกันร้องระงมแบบไม่เกรงกลัวว่าใครจะได้ยิน ก็ในเมื่อที่นี่คือเกาะส่วนตัวที่ไร้ผู้คน..

“..ปรินซ์”
“..ธาม”



“พี่อยากจะมีเกาะส่วนตัวแบบนี้บ้าง”
“ทําไม” เสียงของธามยังคงหอบเหนื่อย
“ไม่รู้เหตุผลจริงๆ เหรอ”
“ไม่รู้โว๊ย!!” ธามซุกหน้าอายๆ อยู่ข้างคอผม
“แสดงว่ารู้”
“..อือ”
.
.
.
..แปลก

เช้านี้ผมรับหน้าที่ทําอาหารเช้าง่ายๆ อย่างทอดไส้กรอก ไข่ดาว และปิ้งขนมปัง แต่ก็เจอเรื่องแปลกใจเมื่อเปิดตู้เย็นแล้วพบว่าของสดยังคงอยู่ดีมีความสดใสไม่เสียหายจากที่เมื่อคืนไฟฟ้าดับ!!

หึ คงเป็นไอเดียของคุณภูผาอีกแล้วสินะ ไฟดับสร้างบรรยากาศ? แต่คุณคงไม่รู้ว่า ..มันไม่จําเป็น
.
.
.

บทส่งท้าย
.
.
“..ขอบคุณมากครับลุงทองที่ขับรถมาส่ง”
“ไม่เป็นไรคุ๊ณ ลุงทําตามหน้าที่น่ะ”
ผมกับปรินซ์ไหว้ลาลุงทองก่อนจะเข้าไปสู่ตัวอาคารของสนามบินภูเก็ต เป็นช่วงเวลาที่ดีอีกปีนึงของผมกับปรินซ์ การหายไปมีเวลาของเราสองคนแบบไม่มีใครจริงๆ คงต้องขอบคุณคุณภูผา
ปรินซ์ดูมือถือของตัวเอง สีหน้ากังวล “เราไปทางนี้กันเถอะ” ผมไม่เข้าใจแต่ก็เดินตามปรินซ์ไป ..เราขึ้นเครื่องบินส่วนตัวอีกครั้งและลงที่ลานจอดเฉพาะเมื่อถึงกรุงเทพฯ
..ปรินซ์พาผมกลับคอนโดด้วยรถครอบครัวที่ผมคิดถึง ก่อนจะหายไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอนด้วยท่าทางซีเรียส ผมยังไม่ถาม เพราะถ้าปรินซ์พร้อม ก็คงเล่าเอง ผมเข้าครัวเตรียมอาหารเย็น คิดถึงบรรยากาศภายในห้องนี้ที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ..ผมมีความสุข

“..ธาม” ปรินซ์เรียกชื่อผมเมื่อเรานั่งกันอยู่บนโต๊ะกินข้าว
“พร้อมไหม”
“พร้อมอะไร”
“ถ้าพี่จะต้องเปิดเผยเรื่องของเรา..กับสังคม”
“!!!!”
“คือ ระหว่างที่เราหายไป มันก็มีข่าวของเราทั้งคู่ในโซเชียล..”
“มันจะกระทบปรินซ์กับบริษัทรึเปล่า!!” ผมเป็นห่วงปรินซ์
ปรินซ์เอื้อมมือมาขยี้หัวผม “เป็นห่วงพี่ก่อนตัวเองซะอีก”
“ก็จริงนิ กระทบอะไรไหม”
“อืม.. จะว่าไม่ก็ไม่ จะว่ามีก็มี”
“???”
“ธามเชื่อใจพี่ใช่ไหม”
“อืม”
.
.
“สวัสดีครับทุกคน ผม..ปรินซ์ ที่เรียกทุกคนในบริษัทวันนี้เพราะมีข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับตัวผมในสื่อ ซึ่งอาจทําให้ทุกคนตั้งคําถาม วันนี้ ผมเลยต้องการบอกทุกคนให้ได้รับรู้จากปากของผมเอง เพราะผมเห็นทุกคนเป็นครอบครัว เป็นพี่น้อง ที่จะทํางานร่วมกันโดยไร้ข้อสงสัยใดๆในตัวผม.. เรื่องนั้นก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณธัญญ์ หรือน้องธามที่หลายคนคงเคยได้ร่วมงานด้วยแล้ว ผมกับธามเป็นแฟนกัน.. นี่คือความจริง และเรื่องที่เดือนก่อนหน้านี้ผมสูญเสียความทรงจําก็เป็นเรื่องจริง และตอนนี้ผมจําได้แล้ว ขอให้ทุกคนไว้วางใจผมและทํางานไปด้วยกันนะครับ”

“โอยย คุณปรินซ์เท่ห์เวอร์อ่ะ รับแบบแมนๆ เลย”
“ก็เคลียๆ พวกเราจะได้เข้าใจ”
“ยิ่งพูดชัดๆแบบนี้ ฉันยิ่งโอเคนะ แบบยอมรับ ไม่ปิดบัง ซื้อใจฉันไปอีก”
“ปกติว่าหลงมากตอนนี้ยิ่งรักใหญ่ เจ้านายที่ดี”
“ปลื้มแทนน้องธามเน๊อะ”
“อือ นํ้าตาจะไหล”

“สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่าความรักของผมจะไม่เป็นอุปสรรคกับงานแน่นอน ขอให้เชื่อใจผม ขอบคุณครับ”
.
.
[กลับมาแล้วเหรอครับคุณมึง]
“เออ มึงนี่ก็อย่างกับนกรู้ มีไรวะ”
[ก็เรื่องพี่ปรินซ์ไง หายไปหลายวัน รู้ข่าวรึยัง]
“พอจะรู้”
[เตรียมตัวรับให้ไหว]
“กูมั่นใจในตัวปรินซ์”
[เออดี พรุ่งนี้แล้วนิที่พี่ปรินซ์จะแถลงข่าว]
“อืม”
[มึงไปด้วยป่ะ]
“ปรินซ์ไม่ได้บอกให้ไป ขนาดวันนี้ยังให้กูหยุดต่ออีกวัน ไม่ยอมให้ไปออฟฟิศ”
[คงไปเคลียอะไรบางอย่าง]
“...”
[แล้วนี่พี่ปรินซ์จําได้แล้ว มึงจะยังทํางานกับพี่ปรินซ์หรือมึงจะกลับไปทํางานที่เดิมวะ]
“กูคุยกับปรินซ์เรื่องนี้แล้ว กูอยากกลับไปทําที่เดิม ปรินซ์ก็โอเค”
[แม่ะ กลัวจะไม่ได้ทํางานอ่ะดิถ้าอยู่ใกล้กัน]
“เอ๊อออ กูยอมรับ”
[โหย เดี๋ยวนี้ไม่มีปฏิเสธ]
“ก็ชีวิตคงเรามันไม่มีอะไรแน่นอนนิหว่า ยอมรับความจริงง่ายๆ จะได้ไม่เสียใจที่ทําอะไรขัดกับความรู้สึกจริงๆ”
[แล้วไมไม่อยู่ทํางานใกล้ๆ พี่ปรินซ์ไปเลยวะ ตัวจะได้ติดกัน]
“ห่างกันบ้างจะได้คิดถึงกันไง ตอนเย็นก็ได้เจอกัน กลางคืนก็อยู่ด้วยกัน เช้าก็ตื่นมาเจอกันอยู่แล้ว อีกอย่าง กูอยากให้ปรินซ์ตั้งใจทํางานมากกว่า”
[โหววววว คนดี]
“เออ กูคนดี”
.
.
.
“น้องธาม / น้องธาม / คุณปรินซ์”
“สวัสดีครับพี่ๆ” ผมยกมือไหว้พี่ๆ ที่เจอกันในตึกออฟฟิศ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทํางานที่นี่
“พี่ขึ้นไปก่อนนะ” ปรินซ์กระซิบที่ข้างหูผม และเดินเลี่ยงไปก่อน
“พี่ดีใจด้วยนะน้องธามที่คุณปรินซ์จําน้องธามได้แล้ว”
“พวกพี่รู้?”
“ใช่จ้า เมื่อวานคุณปรินซ์เรียกประชุมทุกคนในออฟฟิศเลยล่ะ ประกาศต่อหน้าพวกเราเลยทั้ง เรื่องเสียความทรงจํา เรื่องน้องธาม พวกพี่ล่ะปลื้มแทน”
“..งั้นเหรอครับ” ผมอดอมยิ้มไม้ได้
“สู้ๆ นะวันนี้ พวกพี่เป็นกําลังใจให้”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“ไม่ว่าแถลงเสร็จจะดีจะร้าย พวกพี่ก็เชื่อมั่นในตัวคุณปรินซ์นะ”
“ขอบคุณแทนปรินซ์ด้วยครับ”
“โอยหัวใจฉัน น่ารักจริงคู่นี้”
ผมยิ้ม ดีใจที่ทุกคนในบริษัทปรินซ์รับได้ แต่ที่น่าดีใจกว่าคือปรินซ์พูดเรื่องของเรากับทุกคน
.
.
“สวัสดีครับทุกท่าน”
แสงแฟลชสาดกระหนํ่าตรงหน้าของปรินซ์ที่นั่งอยู่ต่อหน้ากล้องนับสิบ ไมค์จากสํานักข่าวช่องต่างๆถูกวางเรียงราย ปรินซ์ในชุดสูทสีกรมเข้มนั่งนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่มีรอยยิ้ม ส่วนผม..กําลังนั่งดูปรินซ์ผ่านจอคอมพิวเตอร์ของช่องข่าวที่นําเสนอแบบเรียลไทม์ ไม่คิดว่าเรื่องของปรินซ์จะใหญ่โตระดับประเทศขนาดนี้ อาจเพราะผมอยู่กับปรินซ์มาตั้งแต่เด็ก ปรินซ์ก็ยังคงเป็นปรินซ์เหมือนเดิม ไม่เคยทําให้ผมรู้สึกว่าปรินซ์เปลี่ยนสถานะทางสังคมไป
“..ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ๆสื่อทุกท่านที่ให้ความสนใจกับเรื่องของผมครับ นั่นทําให้วันนี้ผมต้องออกมาพูด เพื่อไขข้อข้องใจทั้งหมดตลอดหลายวันที่ผ่านมา เรื่องแรกคือ ผมเคยสูญเสียความทรงจําเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นความจริงครับ แต่ตอนนี้ผมกลับมาจําได้แล้ว แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็ไม่มีผลกับเรื่องงานแน่นอนครับ ส่วนอีกเรื่อง คือความสัมพันธ์ระหว่างผมกับน้องผู้ชายที่ถูกพูดถึง เป็นเรื่องจริงครับ ผมคบกับน้องเขาแบบจริงจังมาได้เจ็ดปีแล้ว นี่คือเรื่องที่ผมจะมาแถลงครับ”
“คุณอชิระคิดว่า การคบกับคนเพศเดียวกันจะมีผลกับภาพลักษณ์ขององค์กรไหมคะ”
“ผมว่าไม่น่ามีผลนะครับ ความรักเป็นเรื่องส่วนตัว เฉพาะบุคคล ไม่ได้มีผลกระทบกับใครอยู่แล้ว และยิ่งในวงธุรกิจ ผมว่าเรื่องศักยภาพ ความสามารถขององค์กร หรือบุคลากรน่าจะเป็นสิ่งสําคัญมากกว่าการเพ่งเล็งมาที่ตัวบุคคลคนใดคนหนึ่งขององค์กรครับ”
“ทางจีนทราบข่าวรึยังครับ”
“ผมไม่แน่ใจครับ แต่อย่างที่บอกไป เราร่วมมือกันได้เพราะเห็นในเป้าหมายธุรกิจตรงกัน เพราะฉะนั้นเรื่องส่วนตัวของผมไม่มีผลอะไรกับทางจีนแน่นอนครับ”
“ขอถามได้ไหมคะ ว่าน้องคนนั้นคือใคร”
“ผมขอไม่ตอบนะครับ ผมคงบอกได้แค่ว่า เรา..รู้จักกันมาตลอดชีวิตครับ และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป”
เสียงนักข่าวส่งเสียงฮือฮาดังจนผมได้ยิน
“ถ้าพี่ๆหมดคําถามแล้ว ผมขอจบการแถลงข่าวเพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณทุกคนมากครับ”
ปรินซ์ลุกขึ้นยกมือไหว้สื่อมวลชนก่อนจะเดินหลบไปทางด้านข้าง

..ไม่รู้หรอกว่ากระแสสังคมจะเป็นยังไง แต่การพูดของปรินซ์วันนี้ทําผมรู้สึกโคตรดี คืนนี้จะทําอะไรให้ปรินซ์กินดี และที่สําคัญคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์.. ผมยิ้มเขินกับความคิดของตัวเอง..
.
.
.
..ภูผา

“ว่าไงสตีฟ ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่”
“โอวเฟรนด์ ฉันชอบมางานเอ็กซ์โปรอยู่แล้ว”
“ดีใจนะที่เจอนาย”
“นายรู้ข่าวเรื่องนายเจ้าชายรึยัง คนที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง”
“ออ อื้ม แน่นอน”
“ฉันล่ะอึ้งไปเลยที่เขายอมรับความจริงแบบนั้นต่อหน้าสื่อมวลชน มันโคตรคูล คนจริง ฉันล่ะนับถือ”
“นั่นสิ เก่ง ฉลาด แล้วก็จริงใจ เพอร์เฟ็คแมน”
“อื้อ ถึงฉันจะรังเกียจพวกรักเพศเดียวกัน แต่เจอคนแบบนี้เข้าให้ ก็ต้องยอมใจ”
“นายคิดถูกแล้ว เขาคูลจริงๆ นั่นแหละนายเจ้าชาย..”
.
.
.
.
จบบริบูรณ์


*มาต่อแบบรวดเดียวจบเลย เอาให้ต่อเนื่อง ไม่อยากให้ขาดช่วง ขอเม้นท์ให้เค้าบ้างนะ 555+
**เชิญชวนให้อ่าน The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE เรื่องที่สองที่แปะจบแล้ว ^^
***ติดตามอัพเดทเรื่องที่จะแต่งหรืออะไรๆ ได้ที่ facebook : @afterfivepmwriter
****สุดท้าย ขอบคุณฮะที่เข้ามาอ่านกัน  :hao5:  :bye2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด