ตอนที่ 25
ในที่สุดเราก็...
การเจอหน้ากันของแฟนเก่าและว่าที่แฟนใหม่คือภาพประวัติศาสตร์ที่ควรเก็บเป็นที่ระทึก
ตวันยิ้มเจื่อน ส่วนศศินยิ้มแห้งเมื่อผมจับพวกเขาสองคนถ่ายรูปข้างกัน เพราะศศินไม่ยอมให้ตวันถ่ายคู่กับผม งั้นพวกเขาถ่ายกันเองแล้วกัน จบนะ!
“ไปเรียนต่อแค่สองปี ไม่เห็นต้องทำเหมือนจะไม่ได้เจอกันตลอดชีวิตเลยนี่” ผมยักไหล่กับตวันเมื่อเขาแทบจะลบภาพคู่กับศศินทิ้งทันที
“ผมกะจะหางานต่อที่ต่างประเทศเลยน่ะ” ตวันสารภาพ “ถ้าอยู่ที่นี่ก็คงตัดใจไม่ได้สักที”
ผมเหลือบมองศศินโดยอัตโนมัติ เห็นคนรักยิ้มเย็นยะเยือกจนบรรยากาศลดต่ำ เหมือนมีพายุหิมะโหมกระหน่ำ
“อ้อเหรอ อยากเจอฉันเพราะจะบอกว่ายังตัดใจจากที่รักไม่ได้หรอกเหรอ”
ผมเหยียบเท้าศศิน เจ้าตัวเลยยอมเก็บรังสีลงไปหน่อยหนึ่ง
เกือบลืมเล่า พวกเรานัดเจอกันที่ร้านอาหารนะครับ ตวันบินพรุ่งนี้เช้าซึ่งผมติดเข้าประชุมเลยตกลงกันว่ามาเจอกันช่วงเย็นเลยดีกว่า จะได้รีบเจอ รีบแยกย้าย...
อย่าคิดว่าผมไร้เยื่อใยกับคนรักเก่าและเพื่อนสมัยเด็กขนาดนี้ ดูหน้าศศินก่อน ไปถามคนขี้หวงโน่น!
“ผมแค่อยากคุยให้แน่ใจว่าคุณจะดูแลวาอย่างดี”
“อ้อ ฉันดูแลได้ดีกว่าใครบางคนแถวนี้แน่นอน”
“อ่ะแฮ่ม” ผมกระแอมกระไอ นึกสงสัยว่าตัวเองมาเป็นส่วนเกินอะไรตรงนี้
“ผมขอฝากวาด้วย”
“ฝากได้แต่ไม่ให้คืนนะ”
“อ่ะแฮ่ม!”
“ที่รักจ๋าเจ็บคอเหรอจ๊ะ มามะ ดื่มโกโก้อุ่นๆ นะ” ศศินรีบหันมาประจบเอาใจผมทันที ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าชวนหาเรื่องมาก เพราะผมเห็นจนชินแล้วเลยยังยั้งมือไม้ตัวเองทัน แต่สำหรับตวันคงจะมือกระตุกน่าดู
“ตวัน ไหนตอนแรกบอกว่าต้องเตรียมตัวเป็นปี แล้วทำไมถึงไปเร็วขนาดนี้ล่ะ”
“ผมคิดว่าไปเรียนภาษาที่นู่นเลยน่าจะเร็วกว่านะ แล้วก็ไม่อยาก...เป็นตัวต้นเหตุให้เกิดเรื่องวุ่นวายกับวาอีกด้วย”
สรุปแล้วการกระทำของพาฝันคือตัวกระตุ้นชั้นดีให้แฟนเก่าของผมละอายใจและอยากเริ่มต้นใหม่โดยสลัดเรื่องฉาวๆ ทิ้งสินะ อืม...ผมเองก็เบื่อกับเรื่องราวรักสามเส้าที่ใครคนหนึ่งไม่ยอมยุติสักทีเหมือนกัน
ถ้าตวันไม่อยู่ นอกจากเขาจะตัดใจจากผมได้ พาฝันก็คงเลิกคิดอะไรบ้าๆ ด้วย
เมื่อคุยกันเข้าใจ ไม่มีอะไรติดค้าง มื้อนั้นผมก็ยอมให้ตวันเป็นคนเลี้ยงขอโทษแม้ตอนแรกตั้งใจจะเป็นเจ้าภาพเองเพราะถึงศศินจะเปย์ให้ผมตลอด แต่ให้จ่ายส่วนของตวันด้วยคงไม่ยุติธรรมกับเขาเท่าไหร่
ถ้าไม่เพราะอยากเมาจริงๆ ผมก็ไม่คิดแตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลยมีแต่สองหนุ่มนั่นแหละที่ดูจะบันเทิงเป็นพิเศษ คนหนึ่งก็ดื่มย้อมใจ กังวลว่าไปอยู่ต่างประเทศจะรอดมั้ย อีกคนก็ดื่มข่มขวัญ หวงก้าง กลัวถ่านไฟเก่าจะคุ
ผมกินน้อยเหมือนแมวดม ไม่ทันไรก็วางช้อนแล้วหันไปสั่งของหวาน ปล่อยให้ศศินกับตวันดื่มไปกินไปเต็มที่ แม้ทั้งคู่จะเอาแต่จ้องตากัน มีอะไรอยากจะพูดแต่ไม่กล้าพูดเพราะเกรงใจผมก็ตาม
ถ้าอ่านจากสายตาตวันคือ ‘ถ้าฉันไม่ทำผิดกับวาก่อน อย่าหวังเลยว่าแกจะมีวันนี้!’
ศศินจ้องกลับอย่างเชือดเฉือนกวนโอ๊ย ‘เสียใจไปตลอดชีวิตเถอะไอ้เวร สมน้ำหน้า!’
อา...ความเงียบสงบที่มีกระแสไฟฟ้าเปรี้ยงๆ กลางอากาศคืออะไรกันนะ ผมเหม่อมองฟ้า คิดในใจว่าโกโก้ช่างอร่อยจริงๆ
แล้วมื้ออาหารก็จบลง ได้เวลาแยกจากสมใจอยากศศิน ที่ถึงแม้จะหวงผมมากแค่ไหน แต่เมื่อเดินออกมาหน้าร้านเขาก็แตะไหล่เบาๆ ก่อนจะหลบไปอีกทางที่ถึงไม่ไกลมาก แต่ก็ไม่ใกล้เกินจนได้ยินอะไรต่อมิอะไร
“เขาทำอะไร” ตวันมองศศินอย่างงุนงง
“เขาให้เราคุยกันส่วนตัวน่ะ” ผมยักไหล่ ชินกับศศินที่โคตรจะรู้ใจยิ่งกว่าพยาธิในท้อง “เพราะต่อหน้าศิน นายคงไม่กล้าพูดความในใจกับฉันใช่มั้ยล่ะ เราอาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ”
“วา...” ตวันมองผม อึกอักเล็กน้อยเหมือนไม่มั่นใจว่าควรจะพูดดีหรือเปล่า
“นายไม่พูดงั้นฉันพูดก่อนแล้วกัน ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่เด็กจนโตฉันไม่ได้ทำดีกับนายเพราะสงสาร แต่ฉันทำเพราะเห็นนายเป็นเพื่อนจริงๆ ฉันไม่เคยมีปัญหากับชาติกำเนิดของนาย ถึงจะฟังดูน่าหมั่นไส้เพราะคนพูดดันมีทุกอย่างพร้อมจนไม่เคยต้องขวนขวาย แต่ฉันก็อยากให้รู้ไว้ว่าแม้คนทั้งโลกจะคิดดูถูกนาย แต่ฉัน...นาวาคนนี้ ไม่เคยคิดทำแบบนั้นสักครั้งเดียว”
ตอนแรกก็คิดอยู่หรอกนะว่าควรพูดรึเปล่า จะยิ่งกวนน้ำให้ขุ่นมั้ย แต่เมื่อตวันตัดสินใจว่าอาจจะไม่กลับมา แล้วผมก็ไม่ได้มีงานอดิเรกชอบนั่งเครื่องบินไปไหนมาไหน ขอนอนตีพุงอยู่ห้องดีกว่า ก็เลยเลือกที่สบายใจดีกว่ามาเสียใจทีหลัง
“ผมรู้...ผมผิดเองวา” ตวันน้ำตาซึม จับมือผมกึ่งขอโทษ “เพราะผม...”
“วา!”
เสียงตะโกนของศศินดังลั่น เรียกให้ผมหันไปมองและเห็นว่าเขากระโจนมาหาผมด้วยความรวดเร็วจนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเราสองคนล้มกระแทกพื้น โดยศศินช่วยเอามือรองศีรษะและใช้แผ่นหลังช่วยกำบัง เสียงปืนที่ดังไล่เกือบจะติดๆ กันก็ทำให้ผมรู้ว่าทำไมเขาถึงลนลานขนาดนี้
ปัง!
ผมกอดศศินแน่น ใจหายวาบ แม้คิดว่าเขาไวขนาดนี้ กระโจนพาผมล้มลงก่อนเสียงปืนจะดังซะอีก ยังไงก็คงยิงไม่โดน แต่ความห่วงใยที่ท่วมท้นก็ทำให้ผมผวากอดเขา ปัดป่ายมือจนมั่นใจว่าไม่บาดเจ็บตรงไหนค่อยมีแก่ใจชะโงกหน้าดูเหตุการณ์
ตอนแรกผมก็นึกว่ามีคนร้ายหนีตำรวจก่อเหตุกลางถนนซะอีก
ปรากฏว่าคนถือปืนก็คือพาฝันเจ้าเก่าเจ้าเดิม ยังไม่ยอมปล่อยพวกเราสักที!
“ตวัน!!” เธอกรีดร้องลั่น แทบจะเสียสติ หมายจะตะเกียกตะกายมาทางผม แต่ก็โดนพี่โชคกับพี่ชัยเข้ามารวบตัวไว้ก่อน และนั่นก็ทำให้ผมเพิ่งเห็นว่าห่างจากผมและศศินที่นอนกอดกันมีร่างหนึ่งนอนโชกเลือดอย่างน่ากลัว
“ตวัน!” ผมดันศศินออกแล้วรีบไปประคองตวันทันทีเพื่อดูว่าเขาโดนยิงตรงไหน พอเห็นว่าเป็นตรงหัวไหล่ก็โล่งใจ ใช้มือหนึ่งกดห้ามเลือดขณะที่อีกมือก็กดโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล
“วา...”
“เจ้าบ้า ไม่ต้องพูด พูดแล้วเสียพลังงาน แถมเลือดยังออกเยอะกว่าเดิมด้วย นอนนิ่งๆ นั่นแหละ” ผมด่าตวันที่เหมือนอยากจะสานต่อบทสนทนา “นายโดนยิงไหล่ ไกลหัวใจจะตาย ฉะนั้นต้องยิ้มสู้นะตวัน!”
“วา...”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องพูด เจ้าบ้าเอ๊ย” ผมเอ่ยเสียงเครือ เลือดไหลเยอะมาก เยอะจนผมกลัวว่าแม้แผลจะไกลหัวใจ แต่เขาจะเสียเลือดตายรึเปล่า ดูหน้าตวันสิ ขาวซีดเหมือนเอาแป้งมาโบก แล้วทำไมรถพยาบาลยังไม่มาอีกนะ ชักช้าจริง!
ท่ามกลางช่วงเวลาที่แสนเชื่องช้าเหลือเกินในความรู้สึก ผมพูดปลอบตวันหลายครั้งโดยไม่แม้แต่จะให้เขามีโอกาสได้พูด จนกระทั่งรถพยาบาลมาถึงผมก็รีบลุกให้บุรุษพยาบาลมาห้ามเลือดและพาขึ้นเปล เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็รีบวิ่งขึ้นรถพยาบาล นำโด่งทุกคน ตั้งใจจะไปพร้อมกับตวันโดยลืมซะสนิทว่า...
ลับหลังประตูรถพยาบาลที่กำลังปิดสนิท เงาร่างหนึ่งมองผมด้วยสายตาอ่านไม่ออก
แต่กลับทำให้สติที่หลุดไปไกลของผมหวนกลับมาอย่างรวดเร็ว
เหมือนโดนค้อนทุบเข้าอย่างจัง!
“เดี๋ยวก่อนครับ!” ผมรีบตะโกนห้ามบุรุษพยาบาลที่ปิดประตูสนิทดีแล้ว “ผมขอลงก่อน ขอลงก่อน!”
ลาก่อนรักน้ำเน่า ลาก่อนความเข้าใจผิดบ้าๆ ผมไม่มีวันปล่อยให้คนรักยืนเหงาอีก
ต่อให้รถเริ่มวิ่งแล้วผมก็จะกระโดดลงไป!!
บุรุษพยาบาลทำหน้าเหวอ แต่ก็ยอมเปิดประตูให้ใหม่ ดีนะที่รถยังไม่ออก ผมเหลือบมองตวันแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเขาพยักหน้าอย่างเข้าใจก็แทบจะวิ่งร้อยเมตรไปหาร่างที่เดินหันหลังโดยไม่คิดเหลียวมอง คล้ายไม่อยากเห็นภาพของผมที่ขึ้นรถไปกับตวันแล้วทิ้งเขาไว้ตรงนั้นอย่างโดดเดี่ยว
“ศิน!”
ผมกระโจนกอดแผ่นหลังนั้นแบบสุดตัว ชนิดถ้าหวืดก็หน้าทิ่มพื้นได้เลย แต่ศศินยังไม่ใจร้ายขนาดนั้น เมื่อได้ยินเสียงตะโกนลั่น เขาก็หยุดเดิน ทำให้ผมโอบรัดร่างนั้นแนบแน่นด้วยความรู้สึกผิด จนตอนนี้ก็ขอยืนยัน ผมไม่ได้รักตวันแล้วจริงๆ แต่ยังมีความผูกพันและความห่วงใยตามประสาเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันตลอดยี่สิบห้าปี เมื่อเห็นเขาถูกยิงมีหรือจะไม่ตกใจ แต่สำหรับศศินที่เห็นความสัมพันธ์ของเราไม่ต่างกับฝันที่เป็นจริง จนหลายครั้งก็กลัวจะตื่นจากฝัน เวลาแตะตัวผมแต่ละครั้งมักทำหน้าเหลือเชื่อตลอด คงเข้าใจผิดเข้าเต็มเปา
“ฉันรักนาย ไอ้บ้าเอ๊ย!”
ผมคำรามเบาๆ ในลำคอ ใครเลยจะรู้ว่าเมื่อกี้ผมใจหายขนาดไหน ถ้าไม่รีบวิ่งลงมามีหวังเหตุการณ์พลิกตลบ จากหน้ามือเป็นหลังเท้าแน่ๆ
“ฉันรักนาย ฉันรักนาย ฉันรักนาย จะให้พูดอีกกี่ครั้งถึงจะเชื่อ เจ้าบ้าศศิน ถ้าไม่ชอบก็บอกมาตรงๆ สิ ถ้าไม่อยากให้ไปก็ดึงแขนฉันสิ แค่นี้ทำไม่เป็นรึไง!”
ผมเปลี่ยนเป็นทุบหลังศศินอย่างโมโห ก่อนจะยกมือค้างเพราะจู่ๆ คนที่ยืนนิ่งเป็นเสาปักหลักก็เปลี่ยนมาเป็นโอบกอดผมแทน นี่เป็นครั้งแรกที่ศศินกอดผมแบบแทบจะรัดเข้าไปทั้งตัวขนาดนี้ ไม่นับที่กระโจนรวบให้หลบปืนเมื่อครู่น่ะนะ...
“ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย...”
ผมชักเสียใจที่ไม่ขยันบอกว่ารักเขาให้มากหน่อย นึกว่าการกระทำทุกอย่างสื่อชัดแล้วเชียว
แสดงว่าศศินยังมองไม่ออกใช่มั้ยว่าไอ้เข็มกลัดตรงอกเสื้อที่ติดทุกวันคือจดหมายสารภาพรัก
ลืมสนิท คนที่แยกแยะความสวยงามไม่ออก จะไปเข้าใจศิลปะลายมือไก่เขี่ยของผมได้ยังไง!
“ไม่ได้ฝัน ฉันรักนาย อยากถามอะไรอีกมั้ย” ผมกอดเขาตอบ ชักเขินขึ้นมาหน่อยๆ เพราะสถานการณ์ไม่อำนวยให้พลอดรักกันเท่าไหร่ ลับหลังรถพยาบาล รถตำรวจก็เข้ามาจับกุมพาฝัน เธอไม่ขัดขืนสักนิด เหมือนยังตกใจว่าทั้งที่ตั้งใจยิงผมแท้ๆ ทำไมถึงพลาดไปโดนตวันเอาได้
เธอไม่ได้พลาดหรอก เพราะตวันเอาตัวขวางผมต่างหาก!
แต่เป็นการขวางด้วยสัญชาตญาณ โดยที่เขาไม่ทันฉุกใจว่าศศินนั้นเข้ามารวบผมก่อนพาฝันจะลั่นไกซะอีก ซึ่งหมายความว่าต่อให้ตวันไม่ทำตัวเป็นฮีโร่ ผมก็ไม่โดนยิงอยู่ดี หรือเรียกง่ายๆ คือตวันเอาตัวเข้าหาลูกกระสุนเองโดยไม่จำเป็น
ผมสรุปให้เลยแล้วกัน คนที่ซวยที่สุดในเรื่องนี้ก็คือตวันนั่นแหละ!
แต่ถึงอย่างนั้นความรักและห่วงใยที่เขาให้ผมโดยยอมแลกด้วยชีวิตก็ชวนซาบซึ้งใจไม่น้อย
“ที่รักจ๋า รักฉันมากแค่ไหนเหรอ”
“อาจจะไม่เท่าที่นายรักฉัน แต่ก็เป็นความรักแน่นอน” ผมตอบขณะผละจากกอดเปลี่ยนเป็นจับมือกัน “นี่ไม่ใช่คำถามที่อยากได้ยินสักหน่อย จะลีลาไปไหน เลิกถ่วงเวลาแล้วพูดคำนั้นมาสักที”
“ฉันรักที่รักจ๋าที่สุดเลย”
“ไม่ใช่คำนั้น”
“คิดถึงที่รักจ๋าทุกเวลาทุกวินาที”
“ก็ยังไม่ใช่”
“อยากจะอยู่กับที่รักจ๋าตลอดไป”
“แล้วยังไงต่อล่ะ”
“ก็...คงต้องขอคบแล้วล่ะ ที่รักจ๋า...ไม่สิ นาวาครับ จะคบกับศศินคนนี้มั้ยครับ” จากคนมาดยียวนกลายเป็นสุภาพบุรุษแสนอบอุ่นในพริบตา ผมแทบปรับอารมณ์ไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รีรอที่จะตอบรับในทันที
“คบ!”
“คบแล้วห้ามเลิกนะ ไม่งั้นฉันคงใจสลาย”
ไม่ทันไรจากสุภาพบุรุษแสนดีก็กลายเป็นไอ้บ้าโรคจิตซะงั้น
เอาความเขินอายของผมคืนมาได้มั้ย หน้ายังไม่ทันแดง ปากยังไม่ทันได้ยิ้มเลยนะ!
“วาไม่เคยทำผิดกับใครก่อน แต่ถ้าศินคิดลองดี...” ผมข่มขู่เขา ส่งสายตาเหี้ยมเกรียม “แค่ใจสลายยังน้อยไป!”
“ที่รักเท่จังเลย”
“เจ้าบ้านี่!”
ผมชกอกเขาอย่างหมั่นไส้ ก็ชอบยียวนแบบนี้ไง คู่เราถึงแทบไม่มีความโรแมนติกแบบหวานๆ บ้างเลย ผมฮึดฮัดขัดใจ อุตส่าห์รอเขาพร้อมจนขอคบมาตั้งนาน กะให้เป็นความทรงจำน่าคิดถึงสักหน่อย แต่เหมือนจะผิดจากที่คาดไว้อยู่โข
ไม่ทันจะเดินขึ้นรถซึ่งพี่โชคเปิดประตูรออยู่นานแล้ว ศศินก็คว้ามือผมพร้อมกระชากเข้าหา ไม่ทันจะตวาดด่าอีกยกริมฝีปากของผมก็ถูกประกบ
วินาทีนั้นผมตาเบิกกว้าง สมองระเบิดปุ้ง
เดี๋ยวนะ...นี่มัน...อะไรกัน คล้ายได้รับการปลดล็อก ศศินซึ่งไม่ต้องกลัวว่าแตะผมแล้วจะหายไป จับแล้วจะเป็นแค่ฝันหวาน โอบเอวผมให้แนบชิด โดยที่อีกมือช่วยประคองหลังคอ เพื่อให้เรียวลิ้นซุกซนนั้นสอดแทรกเข้ามาได้ง่ายดาย ผมได้ยินเสียงแลกลิ้นที่ชวนวาบหวาม รู้สึกถึงริมฝีปากตัวเองที่กำลังถูกดูดกลืนอย่างหิวกระหาย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ก็คงนานพอให้ผมแทบจะหมดสิ้นลมหายใจ ศศินก็ปล่อยผม พร้อมใช้นิ้วโป้งแตะริมฝีปากซึ่งเริ่มบวมเจ่อของผมด้วยสายตาวิบวับแพรวพราว
“จูบประเดิมคบกันวันแรก”
พูดจบเขาก็ก้มหน้าจุ๊บผมเบาๆ อีกรอบอย่างแสนรักแสนเอ็นดู ก่อนจะจับมือพาเดินขึ้นรถโดยที่ผมยังเรียกวิญญาณกลับมาสู่กายเนื้อไม่ทัน
เอ๊ะ คิดถูกหรือคิดผิดนะที่ตอบตกลงคบคนคนนี้
ทำไมเหมือนหมาน้อยแสนเชื่องจะกลายร่างเป็นหมาป่าชอบกล ผมพลาดรึเปล่าเนี่ย!!
------------------
ไหนนน ใครบอกว่าศศินจะล่มปากอ่าวค่ะ กลับคำเดี๋ยวนี้!!!!!!
ก่อนหน้านี้เพราะยังไม่ได้คบกันอย่างจริงจัง ศศินเลยถนอมวามาก ด้วยใจที่คิดตลอดว่า...จะสมหวังจริงเร้อออ ศศินมองนาวามาตลอดเจ็ดปีเต็มๆ และรู้ในใจเสมอว่านาวาไม่มีวันหันมามองตัวเอง ศศินรักวาที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่รักเดียวใจเดียว จึงเชื่อว่าไม่มีวันของตัวเองแน่น่อน จนกระทั่ง...ตวันนอกใจวา
ใครเลยจะรู้ว่ามีวันที่ตวันจะนอกใจนาวา? สำหรับศศินนั้นเป็นโอกาส แต่ในโอกาสนั้นก็แฝงความไม่มั่นใจ เวลาโดนนาวารุกใส่ศศินเลยไปไม่เป็น วางตัวไม่ถูก ไม่กล้าคาดหวัง แต่ตอนนี้นั้นตัดทุกอย่างทิ้งค่ะ ศศินคนโฮกมาแล้ว!!!
เราชอบตอนนี้มากๆ นะคะ เราชอบโมเม้นแฟนเก่าเจอแฟนใหม่ 55555 ชอบตอนนาวาวิ่งกลับไปหาศศิน และชอบตวันคนซวยด้วย ที่พาฝันมีบทในตอนนี้...เป็นความสะใจของเราล้วนๆ ที่อยากคู่ชู้คู่นี้จบทุกอย่างด้วยมือตัวเองค่ะ ตวันโดนพาฝันยิง ค่อยสาสมกับที่ทำร้ายจิตใจนาวาหน่อย โดนนาวาประจาน เอาคืน โดนจับ ยังไม่เจ็บเท่ายิงคนรักตัวเอง / โดนชู้ตัวเองยิง จริงมั้ยคะ
คราวนี้พาฝันโดนจับแน่ๆ แล้วค่ะไม่ต้องห่วง
#นาวาสไตล์
เพจ :
มาจะกล่าวบทไปTwitter :
MajaYnaja