ตอนที่ 23
ทิ้งไพ่ตาย
เพราะประกาศกร้าวเองว่าพร้อมน้อมรับผลที่ตามมา สายตาของคนในบริษัทที่โคตรจะทิ่มแทงกันนั้นเลยไม่ทำให้ผมสะทกสะท้านสักนิด ซึ่งส่วนใหญ่คงจะเชื่อทางพาฝัน เพราะการปรากฏตัวของตวัน...ทั้งที่ไม่ควรจะมีหน้าเข้ามาในบริษัทนี้นั้น...ค่อนข้างตรงกับคำบอกเล่าของพาฝันได้ดีเยี่ยมทีเดียว
ผมเริ่มคิดแล้วว่าคนที่เป็นตัวซวยอาจเป็นตวันมากกว่า ไม่ใช่ผม!
“จะเอายังไงต่อดีคะคุณนาวา...”
“ก็ไม่ยังไง ขายต่อไปสิ ยอดก็ยังดีไม่ใช่เหรอ”
ต้องขอบคุณวิดีโอทำให้เมื่อเทียบกันจริงๆ ผมมีหลักฐานแน่นกว่าพาฝัน แต่ด้วยปากคนที่ชอบเรื่องซุบซิบนินทา ไม่อยากให้เรื่องจบง่ายเกินไป เลยพากันสนใจคำบอกเล่าของพาฝันมากกว่า ผลตอบแทนที่ได้รับจากข่าวฉาวคือมีลูกค้ากลุ่มใหม่รู้จักดาราลัยจิวเวลรี่มากขึ้น ด้วยราคาของคอลเล็กชั่นใหม่ที่ไม่ได้สูงมากเกินเอื้อมจึงทำให้มียอดสั่งซื้อต่อเนื่อง
หลายคนพูดไม่ออก ต่างรู้กันว่ายอดดีแค่ครั้งนี้ แลกกับชื่อเสียงในอนาคต
โคตรไม่คุ้ม!
การประชุมวันนี้ไม่มีอะไรคืบหน้า เมื่อใกล้เที่ยงศศินก็มารับผมไปทานข้าว ก่อนจะพาไปเถลไถลเพราะรู้ว่าผมยังไม่อยากเข้าบริษัท
“พาวามาที่ไหนเนี่ย”
“ค่ายมวย” ศศินยิ้มกริ่ม ก่อนจะจับมือผมเข้าไปในค่ายมวยที่มีนักมวยฝึกซ้อมกันอยู่ และนั่นทำให้ผมรู้ว่าแม้ข่าวภายนอกจะโด่งดังจนแทบทุกคนรู้จักชื่อของนาวาและพาฝัน แต่ที่ค่ายมวยแห่งนี้นั้นแทบไม่สนใจข่าวพรรค์นี้ ทุกคนมองผมแล้วก็ผ่านเลยไป นับเป็นสถานที่ดีๆ ที่ไม่เคยคิดมาก่อน
“เอาเลยที่รักจ๋า ต่อยมาเลย!”
ศศินคงติดต่อกับเจ้าของค่ายไว้ก่อนแล้ว เมื่อเดินไปมุมหนึ่งเลยมีกระสอบทรายแขวนไว้พร้อมใช้ ศศินช่วยสวมนวมให้ผม ก่อนจะตีกระสอบทรายปุๆ เป็นเชิงให้ผมจัดการมันจนสิ้นซาก!
อารมณ์ที่อัดอั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนวานพร้อมปะทุทันที ผมทั้งเตะทั้งต่อยไม่ยั้ง คิดซะว่าเจ้ากระสอบทรายนี้เป็นพาฝัน ไอ้เรารึเคยหวังดี ให้เธอกับตวันคืนดีกัน คนที่ทำลายครอบครัวแสนอบอุ่นก็คือเจ้าของคำโกหกนั้นไม่ใช่ผมสักหน่อย! แล้วถือดีอะไรมาเอาคืนเจ็บแสบขนาดนี้ ถือดีอะไร ยัยผู้หญิงบ้า!!
ผ่านไปแค่ห้านาที ผมก็เริ่มหอบ มือที่ต่อยคล้ายไร้เรี่ยวแรง ขาที่เตะปักๆ ก็ยกไม่ขึ้น นี่ละนะคนไม่ค่อยออกกำลังกาย พอเงยหน้าขึ้นก็เพิ่งเห็นว่าศศินกำลังกลั้นขำ ในมือถือโทรศัพท์ถ่ายตั้งแต่ต้นจนจบ
“ศศิน!”
แค่นึกว่าเมื่อกี้ตัวเองทุเรศขนาดไหน ผมก็กระโจนประเคนหมัดให้ศศินทันที คนเจ้าเล่ห์แสนยียวนวิ่งวนรอบๆ กระสอบทราย หลบหลีกไม่ยากเย็นแถมยังหันกล้องถ่ายวิดีโอต่ออีกต่างหาก ผมวิ่งไล่เขาเหมือนวัวตกมัน แต่ผ่านไปอีกห้านาทีก็ยืนหอบแฮกขยับตัวไม่ไหวแล้ว
“ที่รักจ๋า แบตหมดแล้วเหรอ” ศศินจิ้มแขนผมดูเชิง เลยโดนแยกเขี้ยวใส่ “น่ารัก เอ๊ย น่ากลัวจังเลย แยกเขี้ยวจนกลัวตัวสั่นแล้วครับเนี่ย”
“ไอ้บ้าศศิน!” ผมคิดจะวิ่งไล่เขาอีกครั้ง แต่ก็หมดแรงจนลงไปนั่งแปะกับพื้น ส่งสายตาค้อนให้อย่างหงุดหงิด ผลคือศศินหัวเราะลั่น ก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างกัน ช่วยเกลี่ยผมชื้นเหงื่อทัดหูให้ “ไม่ต้องมาแตะเลย”
“โธ่ งอนเหรอครับที่รัก” ศศินยิ้มกว้างชอบใจ “เหงื่อออกเยอะขนาดนี้ระวังไม่สบายนะ ไปอาบน้ำเถอะ ที่นี่มีห้องอาบน้ำด้วย แต่ไม่มีน้ำอุ่นนะครับ”
“แต่วาไม่มีเสื้อเปลี่ยน” ผมมองชุดตัวเก่งของตัวเองที่โชกเหงื่อก็เบ้ปาก น้ำอุ่นน้ำเย็นไม่ใช่ปัญหาแล้ว
“งั้นที่รักใส่เสื้อวอร์มของที่นี่ไปก่อนเนอะ”
แค่เห็นเสื้อวอร์มซึ่งปักชื่อค่ายมวยอย่างไม่แฟชั่นเอาซะเลยผมก็ส่ายหน้าว่องไว
“แล้วเดี๋ยวศินคนนี้จะพาที่รักจ๋าไปช็อปปิ้งนะครับ”
ข้อเสนอนี้ค่อยน่าฟังหน่อย ผมยื่นมือให้ศศินช่วยถอดนวม ก่อนจะโบกแขนไปมาให้เขาช่วยฉุดขึ้น
ศศินยิ้มร่า ออกแรงนิดเดียวตัวผมก็แทบจะปลิวไปแปะกับเขาแล้ว พอได้ออกกำลังกาย อาบน้ำเย็น ผมก็เริ่มอารมณ์ดี ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าการใส่เสื้อวอร์มโคตรเชยและหมวกปักชื่อค่ายมวยนั้น...ทำให้คนอื่นจำผมไม่ได้เมื่อไปช็อปปิ้งในห้างดัง
ผมเงยมองศศิน คิดไม่ถึงว่าเขาจะใส่ใจรายละเอียดมากขนาดนี้
“อะไรครับ ที่รักจ๋าอยากได้อะไรเหรอ”
“เปล่า” ผมมองมือที่เกาะกุมกันอย่างคุ้นชินแล้วบีบแน่นขึ้น ซึมซาบความอบอุ่นใส่ใจที่แม้ไม่พูด แต่แสดงให้เห็นด้วยวิธีประหลาด ต้องยั่วให้ผมด่าสักยกสองยกทุกที
เป็นไอ้โรคจิต
ไม่สิ เป็นคนรักที่โรคจิต...ที่มักอยู่เคียงข้างในยามที่ต้องการได้ดีที่สุดในโลกเลย
เห็นเงียบๆ แต่ผมไม่ได้นั่งเฉยๆ นะครับ
ถึงการออกตัวของพาฝันจะทำให้ผิดคาดมากก็ตาม แต่แผนจับหัวขโมยในบริษัทนั้น...ยังราบรื่น
ไม่แน่ใจว่าทุกคนยังจำได้รึเปล่าว่าผมคิดจะทำเข็มกลัดลายพระจันทร์ออกหลังจากช่วงฮัลโลวีนเป็นวันลอยกระทงด้วย โปรเจ็กต์นี้เล็กกว่าและไม่ได้มีรายละเอียดเยอะเท่าเลยไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงนัก แต่ความจริงแล้วยังทำมาตลอดซึ่งก็ได้เวลาที่ต้องเปิดตัวเร็วกว่ากำหนดเพื่อกลบกระแสข่าว
“จะได้ผลเหรอคะคุณนาวา”
ในที่ประชุมผมยังคงโดนมองอย่างคลางแคลงใจ เพราะในสายตาพนักงานทั้งหลายคงแทบไม่มีความเชื่อมั่นในตัวประธานบริษัทคนนี้แล้ว
ยิ่งเวลาผ่านไปคำด่าสงสัยก็ยิ่งทบทวี
“พวกคุณแค่ทำตามคำสั่งก็พอ”
เมื่อมาถึงขั้นจะทำอะไรก็ติดขัดตะกุกตะกักไปหมด ผมก็เล่นบทโหดซะเลย
พนักงานหลายคนซ่อนความไม่พอใจไว้ แต่เพื่อเงินเดือนและโบนัสสิ้นปีจึงยอมทำงานต่อไป
และเมื่อมีคนถามเรื่องตวัน ผมก็โยนความผิดให้ตวันว่าเป็นคนขโมยงานให้พาฝันเป็นการจบปัญหา โทษทีนะตวัน แต่ทั้งหมดเริ่มเพราะความนอกใจของนายทั้งนั้น ยอมบากหน้ารับผิดไปซะเถอะ!
ผมติดต่อตวันน้อยลง แม้เขาจะโทรหาสายแทบไหม้ก็ตาม เมื่อมาที่บริษัทก็โดนขวางไว้หน้าประตู โดนพนักงานเขม่นใส่พร้อมเพรียงว่านี่เองคือตัวการ ตวันงุนงงมาก ส่งข้อความมาว่า ‘ผมไม่ได้ทำนะ วา เชื่อผมสิ!’
แหงอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้ทำ ทั้งเรื่องขโมยงานพาฝันให้ผมและเรื่องขโมยงานผมให้พาฝัน
เพื่อไม่ให้เขาอาการทรุดหนักจนไปพบจิตแพทย์อีกครั้ง ผมจึงส่งข้อความไปว่าเชื่อ แต่ทางที่ดีที่สุดเราอย่ามาพบกันสักพักจะดีกว่า
ตวันจึงถูกกันออกจากเรื่องราวสุดชุลมุนไปอย่างมึนๆ เช่นนี้
ตัดปัญหาเรื่องตวันได้ ความคืบหน้าของเครื่องประดับชิ้นใหม่ก็ทำให้ทุกคนเริ่มมีความหวัง แต่ละคนร่วมแรงร่วมใจกัน หวังกอบกู้สถานการณ์นี้ให้จงได้!
แต่แล้ว...ทุกอย่างก็พลิกกลับตาลปัตร!!
คราวนี้ไม่ทันได้กลับบ้านด้วยซ้ำ ระหว่างที่กำลังประชุมงานเตรียมจะเปิดขายสินค้าวันพรุ่งนี้ พนักงานคนหนึ่งก็ขออนุญาตเข้ามาในห้องประชุม พร้อมโทรศัพท์ที่เปิดหน้าร้านของบริษัทคู่แข่ง
...ว่าเขาลงขายตัดหน้าหนึ่งวันอีกครั้ง!!
ทุกคนในห้องช็อกค้างทันที มองผมอย่างไม่เข้าใจ ตวันก็โดนเตะโด่งไปแล้ว ทำไมยังโดนขโมยผลงานอีก จะบอกว่าโดนพร้อมกับคอลเล็กชั่นก่อนหน้านี้ก็ไม่ถูก เพราะเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมเพิ่งจะเรียกให้ทีมช่างแก้แบบให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันปัญหานี้
ผมใจเย็นมาก เรียกให้พนักงานคนนั้นส่งโทรศัพท์ให้ดู เพราะเวลาเข้าประชุมผมจะปิดโทรศัพท์เสมอ และเมื่อเห็นเข็มกลัดจันทร์เต็มดวงที่ฉลุลายน่ารัก ผมก็หัวเราะลั่น!
“คะ...คุณนาวา”
ทุกคนช็อกหนักกว่าเดิม คิดว่าผมเสียสติ
ไม่ ผมไม่ได้เสียสติ แต่ดีใจที่แผนการลุล่วงต่างหาก!!
“พรุ่งนี้เตรียมเปิดขายทันที”
“นาวา! ครั้งนี้ฉันไม่ยอมแล้วนะ นายจะทำลายดาราลัยจิวเวลรี่ไปถึงไหน” ประจักษ์คัดค้านคนแรกตามเคย ผมเลยอนุญาตให้ทุกคนในห้องประชุมเปิดโทรศัพท์เพื่อดูลายเข็มกลัดนั้นชัดๆ
ตอนแรกทุกคนยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อผมอธิบายอย่างใจเย็น สายตาที่มองมาอย่างคลางแคลงก็เปลี่ยนไป
“นี่มัน...”
“เชื่อฉัน เปิดขายพรุ่งนี้ แล้วเราจะเห็นอะไรสนุกๆ กัน!”
ข่าวเก่าไม่ทันซา การขโมยผลงานครั้งใหม่ก็มาให้ตามขุดอีกครั้ง
คราวนี้ผมได้รับเชิญให้ออกรายการเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือครั้งนี้พาฝันมาด้วย เธอคงจะได้รับการต้อนรับอย่างดีเลยสินะ จากสาวน้อยซูบผอมเมื่อสองสัปดาห์ก่อน กลายเป็นหญิงสาวใบหน้าเปล่งปลั่ง พร้อมออกโทรทัศน์หวังมีแมวมองมาทาบทามทันที
“ใครจะเป็นคนพูดก่อนดีครับ” พิธีกรเอ่ยถาม ลังเลระหว่างเราสองคนที่ส่งสายตาฟาดฟันกัน
“เลดี้เฟิร์สเลยครับ” ผมผายมือให้พาฝัน แทบกลั้นยิ้มไม่อยู่
ในเมื่อได้ออกโทรทัศน์คู่กับผม เธอย่อมเตรียมการบ้านมาพรั่งพร้อม ข้ออ้างเดิมๆ ถูกหยิบยกมาอีกครั้ง พร้อมด้วยภาพร่างหลายร้อยใบที่ตอนนี้แทบไม่นับว่าเป็นหลักฐาน เพราะแค่ขีดเขียนลงกระดาษ ใครๆ ก็ทำได้
ครั้งแรกก็จบอย่างคลุมเครือแบบนี้
แต่ครั้งนี้จะไม่เป็นแบบเดิม!
“จบรึยังครับ”
“จะ...จบแล้วค่ะ” พาฝันชะงักเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงยิ้มกริ่มไม่หยุด
“ไม่มีอะไรเพิ่มเติมจริงๆ นะครับ” ผมถามย้ำ ซึ่งพาฝันเองก็พยักหน้าอย่างงุนงงแกมระแวง “ถ้างั้น...ทุกคนครับ โปรดดูให้ดี ลวดลายในเข็มกลัดของดาราลัยจิวเวลรี่และของอีกบริษัทนั้นไม่เหมือนกัน!”
ผมหยิบตัวอย่างทั้งสองชิ้นมาเทียบ แวบแรกอาจมองไม่ออก แต่ถ้าสังเกตดีๆ...จะพบความแตกต่าง
เข็มกลัดเงินแท้ทรงพระจันทร์เต็มดวงหรือวงกลมฝังเพชร ด้านในฉลุลายรูปแมวนอนหลับพริ้มน่ารัก รอบๆ แมวเป็นเกลียวคลื่นม้วนตัวแลอบอุ่นอ่อนโยน ประเด็นคือตรงเกลียวคลื่นที่เหมือนวาดขึ้นมาตามอารมณ์นี้เส้นสายที่ปัดพาดอย่างสะเปะสะปะ...แท้จริงแล้วผ่านการจัดวางอย่างดิบดี
“หากให้ซูมกับตัวเข็มกลัดเองอาจจะมองยากหน่อยเพราะรายละเอียดมันเล็กมาก ถ้างั้น...ขอยืมภาพร่างของคุณพาฝันหน่อยนะครับ” ไม่พูดเปล่า ผมก็หยิบภาพร่างตัวต้นแบบของเธอมาวางกางบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเขียนทับบนรอยคลื่นซึ่งใช้ดินสอเขียน “จริงๆ แล้วคลื่นรอบตัวแมวไม่ใช่ว่าผมวาดเล่นหรอกนะ แต่เป็นตัวอักษรที่ผมจงใจใส่เข้าไปให้เป็นลูกเล่นจับผิดคนขี้ขโมยน่ะครับ”
ผมกลั้วหัวเราะ เมื่อเขียนทับจนออกมาเป็นตัวอักษรสองคำ ก็หันกระดาษแผ่นในให้กล้องถ่ายชัดๆ
เผยออกมาเป็นคำว่า
‘Pafun Asshole (พาฝันคนโง่)’
ทั้งห้องเงียบกริบในทันดล
“เพื่อหลอกขโมย เมื่อสองสัปดาห์ก่อนตอนเพิ่งเกิดเรื่องผมเลยแก้แบบใส่ตัวอักษรชุดนี้ลงไป โดยของดาราลัยจะไม่มีข้อความนี้ ในเมื่อของทั้งสองชิ้นแตกต่างกัน โดยที่คนอ้างว่าออกแบบเองและกล่าวหาว่าผมขี้ขโมยยังดูไม่ออก แถมฝั่งของตัวเองยังใส่ข้อความบอกว่าตัวเองโง่เง่าด้วย ทุกคนครับ ผมว่านี่คือหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด คิดเห็นอย่างไรแล้วแต่ทุกท่านจะพิจารณา!”
พูดจบผมก็เดินออกจากห้องส่งอย่างไม่สนใจอะไรอีก ต่อให้โดนเรียกก็ไม่หัน เพราะผมพูดในสิ่งที่อยากพูดทั้งหมดแล้วและไม่อยากฟังคำแก้ตัวจากพาฝันด้วย หลักฐานชัดคาตาขนาดนี้จะแถว่าอยากด่าตัวเองเล่นๆ ก็ไม่ใช่มั้ง
แก้ต่างความบริสุทธิ์ของดาราลัยจิวเวลรี่ได้หมดจด
สะใจจริงๆ โว้ย! เมื่อผมเดินไปลานจอดรถ รถคันหนึ่งก็จอดเทียบอย่างรอคอยอยู่แล้ว และเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปนั่ง ศศินก็โบกโทรศัพท์ที่มีการถ่ายทอดสดภาพในห้องส่งว่าพาฝันเองก็เดินหนีเพราะไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น
ต่างก็แต่ผมเดินออกมาอย่างผู้ชนะ ส่วนพาฝันคือผู้แพ้
ถ้าเธอไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ยึดติดผมกับตวัน แล้วใช้ความสามารถนั้นในโอกาสที่ได้ร่วมงานกับอีกบริษัทอย่างเหมาะสมก็คงดีกว่านี้ เอ...แต่พาฝันก็ไม่ได้เก่งกาจ ถึงขนาดสามารถวาดภาพจากความว่างเปล่าได้ซะด้วยนี่สิ เธอเก่งแต่วาดเลียนแบบ ไม่ก็ต่อยอดจากของเดิมต่างหาก
ช่างเรื่องพาฝันก่อน เพราะบนอกเสื้อของศศินตอนนี้...มีเข็มกลัดซึ่งเป็นประเด็นอย่างมากในโซเชียลติดอยู่
“ถ้าเข็มกลัดอันนั้นไว้เปิดโปงขโมย แล้วอันนี้ล่ะครับ ที่รักจ๋าคงไม่แค่วาดคลื่นเฉยๆ หรอกใช่มั้ย”
รู้ใจผมดีนัก
รู้ดีจนน่าหมั่นไส้ จนต้องยื่นมือไปหยิกแก้มที่ยิ้มแป้นแล้นนั้นระบายความเขิน
“เรื่องอะไรวาต้องตอบด้วย ดูเอาเองสิ”
ใช่ เรื่องอะไรจะต้องตอบ ในเมื่อเข็มกลัดที่ผมออกแบบจนวางขายทั่วประเทศนั้น...ถ้าสังเกตดีๆ และลากเส้นให้ถูกต้อง จะเห็นคำว่า
‘Moonny My Love’
มูนนี่ของที่รัก...
พระจันทร์...ที่ผมรัก
------------------
นาวาลากพาฝันมาตบที่กลางสี่แยกเรียบร้อยค่ะ!!!
แถมยังด่าโง่กลางรายการอีก ไม่เด็ดจริงทำไม่ได้นะคะ แบบนี้พาฝันไม่เหวอไม่ได้แล้ว ไปก็อปเขามาไม่พอ ดันก็อปคำด่าตัวเองมาอีก เหมือนทำเองด่าตัวเองประจานเอง สมน้ำหน้า 5555555
แต่นอกจากสมน้ำหน้าพาฝัน...ในที่สุดตอนนี้นาวาก็สารภาพรักกับศศินค่ะ...ผ่านเข็มกลัด
ศศินจะรู้ตัวหรือไม่นั้น...อืม...จากเซนส์ด้านความงามติดลบแล้ว...อืม...น่าจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้ตัวนะคะ!! โธ่ศศิน คำที่อยากฟังอยู่ใกล้แค่เอื้อม ติดอยู่บนอกดันไม่รู้ตัว น่าสงสารเขานะคะ 5555
#นาวาสไตล์
ตัวอย่างตอนต่อไป ใครคือหนอนบ่อนไส้??
"ฉันอยากรู้ว่าทำไมนายถึงร่วมมือกับพาฝัน นายไม่น่าจะโง่ขนาดนั้นนะ”
เพจ :
มาจะกล่าวบทไปTwitter :
MajaYnaja