Re: ดวงใจราชสีห์ |meemii lion| Chapter :: 9 ไม่ให้ไปไหนอีกแล้ว ​ | 25-12-62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: ดวงใจราชสีห์ |meemii lion| Chapter :: 9 ไม่ให้ไปไหนอีกแล้ว ​ | 25-12-62  (อ่าน 3234 ครั้ง)

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion
 :laugh:1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

*******************************************************


Lion&Deer

ดวงใจราชสีห์

"พี่สิงห์ของกวางไม่ใช่คนนี้...คนตรงหน้ากวางตอนนี้คือ

สิงห์ ราชสีห์ เสวภาคย์ผู้เรืองอำนาจเเละกำลังจะทำเรื่องระยำกับน้องของตัวเอง!"

เพราะรักมากเลยพลาดพลั้งทำผิดไป...แล้วต้องทำวิธีไหนเพื่อให้กลับมารักกันอีกครั้ง

.

.

' อีกคน...รอให้รักตอบ '

'แต่อีกคน...เก็บรักไว้ไม่ยอมให้'

"เพราะคำเดียว...พี่น้อง"

.

.

ความรักครั้งนี้มันอาจจะไม่ถูกต้อง...แต่เขาก็เลือกที่จะทำตามเสียงหัวใจ

.

.

.



" ถ้าเลือกได้ กวางไม่อยากรักพี่ "



" ต้องทำยังไงกวางถึงจะรักพี่ "

.

.

.

- ราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่...มีหัวใจคือกวางป่า -

#meemii lion

Fanpage : meemii lion

*ฝากติดตามด้วยค่ะ*

Meemii lion
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2019 02:48:22 โดย Meemii lion »

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion
Re: ดวงใจราชสีห์ |meemii lion| Chapter : 1 สิงห์
«ตอบ #1 เมื่อ16-05-2019 01:17:23 »



Chapter : 1 สิงห์

ปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนืออยู่ภายใต้การดูแลของ ตระกูลเสวภาคย์ ตระกูลเก่าแก่ มั่งคั่งไปด้วยเงินทองและอำนาจที่ใครๆ ก็ต่างยอมก้มหัวให้ เสวภาคย์เป็นใหญ่มาเสมอไม่มีใครโค่นล้มได้ เสวภาคย์ร่ำรวยมาได้จากธุรกิจค้าไม้ที่ถูกกฎหมาย และธุรกิจอีกมากมาย เช่น รีสอร์ท คอกม้า หรือแม้แต่ฟาร์มโคนมที่ทำรายได้ต่อปีได้อย่างมหาศาล ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเสวภาคย์ และใช่ว่าเสวภาคย์จะไม่มีศัตรู “นิลกาล” อีกหนึ่งตระกูลที่มั่งคั่งไม่แพ้เสวภาคย์ แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ทำให้นิลกาลยังเป็นรองเสวภาคย์ตลอดมา การแย่งชิงความเป็นหนึ่งของสองตระกูลนี้มีมาตั้งแต่รุ่นคุณทวดของทั้งสองตระกูลที่ไม่ลงรอยกันในด้านของธุรกิจเพื่อให้ได้เป็นที่หนึ่ง มันจึงกลายเป็นเรื่องชาชินไปเสียแล้วที่จะเห็นสองตระกูลนี้ถากถางกันบ่อยๆ เมื่อเจอกัน

ตอนนี้เสวภาคย์อยู่ภายใต้การปกครองของพ่อเลี้ยง พนา เสวภาคย์ ผู้สืบทอดรุ่นปัจจุบัน พนามีความคิดที่แตกต่างจากผู้สืบทอดรุ่นก่อนๆ อย่างพ่อและปู่ของเขา เขาไม่ชอบการแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจที่ทั้งสองตระกูลเป็นอยู่ เขาคิดว่าเสวภาคย์ และ นิลกาล อาจจะอยู่ร่วมกันได้สักวัน เขาคิดแบบนั้นแต่ดูเหมือนจะไม่ง่าย ในอนาคตข้างหน้าพ่อเลี้ยงคนต่อไปคงหนีไม่พ้นที่จะตกเป็นของลูกชายคนเดียวของเขา ‘ สิงห์ ราชสีห์ ‘ เด็กชายวัยสิบเอ็ดปีที่ฉายแววความเป็นผู้นำตั้งแต่เด็ก ด้วยบุคลิกที่เงียบขรึม ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ความคิดเป็นผู้ใหญ่ แต่เป็นเด็กที่ใจดี นายน้อยของเสวภาคย์มักชอบใช้เวลาว่างอยู่กับการตามพ่อไปทำงานที่ปางไม้และเรียนรู้การทำงานของพ่อด้วยตัวเอง ชอบทำแบบนี้มากกว่าไปเที่ยวเล่นกับเด็กวัยเดียวกัน ด้วยความนิ่งขรึมเกินเด็กทำให้เขาได้ฉายาจากพ่อว่า สิงห์ยิ้มยาก เพราะนอกจากจะนิ่งขรึมแล้ว เจ้าตัวยังไม่เคยยิ้มออกมาเลยสักนิดขนาดว่านั่งดูหนังตลกกับครอบครัวพ่อเลี้ยงพนาและภรรยายังไม่เคยเห็นการกระดิกกล้ามเนื้อบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย หน้านิ้วคิ้วขมวดมาตั้งแต่เด็ก เวลาโกรธหรือโมโหอย่าให้พูดเชียวล่ะ อารมณ์น่ะร้ายนัก ตอนสมัยประถมสามมักจะโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อบ่อยๆ ว่าหน้าตาย จนเจ้าตัวโมโหขว้างแปลงลบกระดานใส่หัวเพื่อนแตกด้วยหน้าตานิ่งๆ และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ยอมรับความผิดของตัวเองว่าทำเพื่อนเจ็บจนโดนคุณแม่ลงโทษไม้เรียวฟาดก้นไปหลายทีนอกจากหน้านิ่งๆ แล้วก็ไม่ร้องไห้ให้คนตีได้ยินสักเเอะเดียว

พอขึ้นประถมห้ามาสิงห์รู้จักการควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น และสิ่งที่ทำประจำเช่นเคย คือตามพ่อออกไปทำงานที่ปางไม้ จากคนที่ไม่ชอบคบใครก็กลายเป็นว่ามีเพื่อนสนิทอย่าง ‘รชต’ ลูกชายผู้จัดการที่ปางไม้ที่อายุมากกว่าเขาห้าปีที่มาคอยบอกงานในปางไม้ให้สิงห์ได้เรียนรู้งานทุกอย่างแขนงจากคนงานที่นี่ ทุกครั้งที่มาปางไม้สิงห์ก็จะดิ่งไปหารชตก่อนเป็นคนแรก รชตจึงกลายเป็นเหมือนผู้ช่วยของสิงห์ไปโดยปริยาย อย่างเช่นวันนี้สิงห์มาที่ปางไม้เพื่อเรียนรู้งานของคนงานในปางดูความเป็นอยู่ของคนงานโดยมีรชตเป็นคนคอยบอก การจะเป็นหัวหน้าคนได้จำเป็นต้องรู้งานทุกอย่างถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้าของปางไม้เองก็ตาม วันนี้รชตจะพาสิงห์ไปดูการคัดเลือกกล้าไม้ที่จะนำมาปลูกทดแทนต้นที่ตัดไป

“คุณสิงห์ครับเดี๋ยวเราต้องนั่งรถเข้าไปที่โรงเพาะกล้านะครับ เพราะว่าไกลจากที่นี่มาก”

รชตบอกเจ้านายที่อายุน้อยกว่าแต่ขนาดตัวเกือบจะเท่ากันอยู่แล้ว

“อื้ม แล้วจะเอารถอะไรเข้าไปล่ะ”

“คงต้องเอาจักรยานไปแล้วล่ะครับ รถเครื่องคนงานเอาไปใช้งานกันหมดแล้ว คุณสิงห์ไปได้มั้ยครับ?”

รชตถาม เกรงว่านายน้อยของเขาจะไม่ยอมซ้อนจักรยานเก่าๆ ที่จอดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาทั้งสอง

“ได้สิ แล้วใครปั่น?”

สิงห์เลิกคิ้วถามรชต

“เดี๋ยวผมปั่นเองครับ คุณสิงห์ซ้อนผมดีกว่า”

“อื้ม ก็ไปสิ”

ว่าจบรชตก็เดินนำเจ้านายไปที่จักรยาน สิงห์นั่งซ้อนจักรยานรชตอย่างไม่ถือตัว ไม่บ่นแม้แต่น้อย รชตปั่นไปได้สักพักก็ต้องจอดจักรยานทันทีเพราะคนงานจำนวนหนึ่งพากันวิ่งกรู่ไปทางบ้านพักคนงานหญิงหลังหนึ่ง

“พวกเค้าไปไหนกัน?”

สิงห์ถามอย่างสงสัย

“ผมก็ไม่รู้ครับ น่าจะมีเรื่องอะไรนะครับ”

“ตามพวกเค้าไป เราอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

สิงห์พูดจบก็นั่งลงเบาะตามเดิม รชตที่ได้ยินคำสั่งก็ปั่นตามคนงานไป จนไปจอดอยู่ที่บ้านพักคนงานหญิงหลังสุดท้าย ที่มีคนยืนมุงอยู่ตีนบันไดอยู่จำนวนหนึ่ง

“ลุงๆ เกิดอะไรขึ้นหรอ”

รชตเดินไปถามชายวันกลางคนหนึ่งในผู้ที่ยืนมุงอยู่

“นังผกาคนงานปลูกกล้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่น่ะสิ มันเจ็บท้องจะคลอด เห็นว่าคลอดก่อนกำหนดด้วยนะ”

“จริงหรอลุง! แล้วนี่มีใครตามหมอหรือยัง”

“ตามมาแล้วแต่เป็นหมอตำแยหมู่บ้านใกล้ๆ นะ ตามหมอโรงพยาบาลไม่ทัน”

รชตได้ยินดังนั้นจึงรีบปรี่ไปหาเจ้านายที่ยืนมองอยู่ด้านนอก

“คุณสิงห์ครับมีคนงานเจ็บท้องคลอดครับ”

สิงห์มองหน้ารชตอย่างกังวน ก่อนจะเดินปรี่ขึ้นบ้านพักไปดูคนงานที่ใกล้คลอด

“อื๊ออออ!!.. ฉันไม่่ไหวแล้ว”

เสียงเบ่งร้องเจ็บเหมือนใจจะขาดของหญิงสาวที่นอนอ้าขาให้หญิงแก่อีกคนที่ดูเหมือนจะทำคลอดให้ สองมือดึงผ้าที่ผูกกับขื่อจนเกร็งไปหมด สิงห์เห็นดังนั้นก็เกิดอาการตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก

“รชตยายแก่นั่นเป็นใคร”

“หมอตำแยครับ หมอทำคลอดชาวบ้าน”

“ว่าไงนะ มันปลอดภัยหรือไงกัน รชตโทรไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้!”

สิ้นเสียงคำสั่งสิงห์ก็เดินเข้าไปในห้องพักนั่งลงข้างๆหญิงสาวใกล้คลอดอย่างเป็นห่วง เธอดูเจ็บทรมานเหลือเกิน ยิ่งตอนที่หมอตำแยกดลงที่ท้องของเธอเธอก็ยิ่งร้องอย่างเจ็บปวด

“ยาย ยายกดท้องน้าเค้าแบบนั้นน้าเค้าก็เจ็บสิ พอก่อนเถอะ”

สิงห์เอ่ยปากว่าเมื่อเป็นยายเฒ่ากดมือลงที่ท้องอย่างไม่เบามือ

“อุว๊ะ! เอ็งเป็นใครมาบอกข้าไอ้เด็กน้อย พวกมึงข้างนอกใครปล่อยให้เด็กเข้ามาวะ”

ยายเฒ่าโมโหที่ถูกสิงห์ต่อว่า

“นี่ยายพูดให้ดีๆ นี่คือคุณสิงห์ ลูกชายพ่อเลี้ยงพนาเจ้าของปางที่นี่”

รชตที่จัดการโทรตามหมอเรียบร้อยแล้วเอ็ดยายเฒ่าเสียงแข็ง

“กูไม่สนโว้ย คนมันจะคลอดก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว กูทำคลอดมาตั้งเท่าไหร่แล้วมาทำเป็นรู้ดีกว่ากู”

“ฮืออ.! ฉันเจ็บเหลือเกินยาย เมื่อไหร่ลูกฉันจะออกสักที อื๊ออ!!”

หญิงสาวพูดเสียงแหบพล่าพลางเบ่งอย่างเจ็บปวด เหงื่อไหลอาบไปทั้งใบหน้าที่แดงก่ำสองมือจิกดึงผ้าจนเห็นเส้นเลือดปูดตามแขน

“น้าใจเย็นๆ นะฉันให้รชตโทรตามหมอให้แล้ว หายใจเข้าลึกๆ”

สิงห์พูดปลอบ สีหน้าของเขาดูเป็นกังวนอย่างเห็นได้ชัดสิงห์กุมมือที่เกร็งแข็งของหญิงสาวเอาไว้จนเวลาผ่านไปได้สักพักก็ไม่มีวี่แววว่าจะคลอดได้ง่ายๆ

“คุณสิงห์…ฮือ..ฉันทนไม่ไหวแล้ว โอ้ยย!!”

หญิงสาวแผดเสียงร้องดังลั่นออกมา สิงห์สะดุ้งตกใจหันไปมองทางยายแก่ที่พยายามใช้มืดเล่มเล็กรดไฟกรีดไปที่ปากมดลูกของหญิงสาว

“นั่นยายทำอะไรน่ะ!! รชตหมอใกล้ถึงหรือยัง เอายายแก่นี่ออกไป!!”

สิงห์โกรธจัดตวาดลั่นทำเอาคนงานและยายเฒ่าตกใจไปตามๆ กัน เลือดสีแดงไหลเปอะเปื้อนที่นอน กับเสียงกรีดร้องของหญิงสาวทำให้สิงห์แทบสติหลุด เธอต้องไม่เป็นอะไร คนงานเข้ามาในห้องนำตัวยายเฒ่าออกไปในที่สุดไม่วายได้ยินเสียงยายเฒ่าโวยวาย สิงห์ลูบหัวหญิงสาวอย่างปลอบโยนมือของเขาสั่นไปหมด

“หมอมาแล้วครับคุณสิงห์! หมอครับเชิญทางนี้ครับ”

หมอผู้ชายวัยสามสิบปลายๆ ถือกล่องอุปกรณ์เครื่องมือขึ้นมาในบ้านพักอย่างไวและเมื่อหมอเห็นสภาพของหญิงสาวแล้วอาการของเขาก็ไม่ต่างจากสิงห์เลย

“ใครทำอะไรก่อนหน้านี้ครับทำไมเธอเป็นแบบนี้”

หมอถามพลางรีบซับเลือดที่ช่องคลอดอย่างรวดเร็วพร้อมกับเตรียมอุปกรณ์ทำคลอดเบื้องต้นไว้

“ยายแก่คนนั้นเอามืดรนไฟกรีดตรงนั้นครับหมอ”

สิงห์ตอบพลางจับมือของหญิงสาว

“ผมต้องการน้ำร้อน ช่วยเตรียมให้ทีครับ ต้องทำคลอดตอนนี้เลือดออกเยอะเกินไป”

ว่าจบรชตเป็นคนไปตั้งหม้อต้มน้ำร้อนให้กับหมออย่างว่องไวเมื่อน้ำร้อนได้ที่แล้วรชตก็เทใส่กะละมังแล้วยกมาให้หมอ

“ไปต้มน้ำมาเรื่อยๆ เลยนะครับ คุณครับอดทนหน่อยนะครับปากมดลูดคุณเปิดน้อยมากแผลที่โดนกรีดอาจจะเป็นอันตรายได้ ผมสัญญาว่าเด็กจะปลอดภัย”

“อื๊อ! ฮืออ..ไม่ไหวแล้วหมอฉันเจ็บเหลือเกิน ฉัน…ฉัน ฮื๊ออ”

“น้า น้า อดทนนะน้องจะต้องปลอดภัยน้าก็ด้วย มันจะผ่านไปได้ด้วยดี”

สิงห์พูดเสียงสั่น แววตาของหญิงสาวพร้อมที่จะดับวูบได้ตลอดเวลาสิงห์จำเป็นต้องเขย่ามือของเธอไว้เพื่อเรียกสติ

“คุณสิงห์ … น้าขออะไรอย่างนึงได้มั้ยคะ…”

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งน้ำตาไหลออกจากดวงตาเป็นสาย

“ได้ครับ ว่ามาเลย”

“ถ้าน้าตาย…ดูแลเด็กคนนี้แทนหน้าด้วย อึก…น้ายกให้เด็กคนนี้เป็นของคุณสิงห์…อย่าทิ้งเค้า…นะคะ”

“ไม่ๆ น้าต้องไม่ตายสิน้า ไม่ ห้ามตาย”

สิงห์สุดจะร้อนรนเมื่อได้ยินคำของของหญิงสาวเหมือนกับว่านี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการ

“นะคะ..สัญญากับน้าว่าจะดูแลเด็กคนนี้…นะคะ น้าคงไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูเค้า ฮือ.. อึก สร้อยเส้นนี้น้าฝากคุณสิงห์เก็บไว้ให้เค้า อึก ฝากนุณสิงห์รักษามันไว้ ในอนาคตข้างหน้ามันจะตอบคำถามที่คุณสิงห์สงสัย ฮึก!”

สิงห์รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแววตาของหญิงสาวดูฝากความหวังไว้กับสิงห์มาก เธอมองสิงห์อย่างมีความหวังในคำตอบพร้อมกับกระตุกสร้อยทองเส้นเล็กๆ ที่มีจี้ล็อกเก็ตขนาดพอดีที่คอให้กับสิงห์

“ครับ..ผมสัญญา”

เธอไม่ได้ตอบออะไรเพียงแค่ยิ้มบางๆ ออกมา ก่อนที่เสียงกรีดร้องอย่างสุดแสนทรมานของเธอจะเปล่งออกมาชวนให้คนที่ได้ยินหัวใจกระตุกวาบ สองมือจิกเกร็งจนแข็งตัวสั่นเทาจากการเบ่ง เสียงสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างยากลำบากก่อนจะปล่อยเสียงเบ่งกรีดร้องอีกครั้ง เสียงสุดท้ายของเธอ ที่มาพร้อมกับเสียงสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งชีวิตที่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาลืมตาดูโลก แต่ลมหายใจของคนให้กำเนิดกลับค่อยๆ โรยรินลงทุกห่วงจังหวะหายใจ

“แงงงง๊ อุแวววว๊”

รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับน้ำตาหยดสุดท้าย ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไปพร้อมกับลมหายใจที่ขาดห่วงไปในที่สุด…

••••••••••••••••••••••••••••••••

เปิดตอนแรกผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยค่า  อ้อนลองตรวจทานดูคำผิดแล้ว หากพบเจออีกก็บอกกันได้นะคะ

ปล. ติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้ที่แฟนเพจ meemii lion ค่ะ

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion


Chapter: 2 รอยยิ้มของพี่สิงห์

สองเดือนหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นสิงห์ได้รับการชื่นชมจากคนงานในปางเป็นอย่างมากที่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ในตอนนั้นจนสามารถช่วยชีวิตเด็กให้รอดมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นสิงห์ก็ยังรู้สึกไม่ดีที่ไม่สามารถช่วยชีวิตหญิงผู้ให้กำเนิดเด็กน้อยไว้ได้ สิงห์รับเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ตามที่ให้คำมั่นสัญญากับหญิงคนนั้น โดยที่พ่อเลี้ยงพนาและนายหญิงก็ไม่มีปัญหาอะไร รู้สึกดีใจเสียอีกที่ได้มีลูกชายเพิ่มอีกคน เพราะนายหญิงเองเธอเป็นคนที่มีลูกยาก กว่าจะมีสิงห์ได้ก็เข้าพบหมออยู่หลายปี พ่อเลี้ยงและนายหญิงจดทะเบียนรับเด็กมาเป็นลูกโดยมีคำสั่งว่าห้ามคนงานนำเรื่องนี้ไปพูดไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง และเรื่องนี้เด็กน้อยต้องไม่รู้เธอไม่อยากให้เด็กน้อยคนนี้โตขึ้นมามีปมติดตัว แม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เธอก็จะเลี้ยงด้วยความรักอย่างลูกในไส้ของเธอเอง

เด็กน้อยกำลังจะออกจากโรงพยาบาลคืนสู่บ้านเสวภาคย์เป็นครั้งแรกอย่างเต็มตัวในถานะลูกชายคนเล็ก เนื่องจากแม่เด็กเสียชีวิตไปแล้วไม่มีใครสามารถให้นมได้ เพื่อความปลอดภัยของเด็กทางโรงพยาบาลจำเป็นต้องเลี้ยงเด็กไว้ก่อนเพื่อให้ร่างกายของเด็กแข็งแรงพอที่จะออกจากห้องอบ

และบ้านเสวภาคย์ก็ดูครึกครื้นเมื่อสามคนพ่อแม่ลูกต้องมานั่งช่วยกันหาชื่อให้กับลูกชายคนเล็กกันอยู่นาน พร้อมกับมีแม่นมคนสนิทที่เลี้ยงสิงห์มาช่วยคิดขื่อด้วย

“คุณคะชื่อนี้ดีมั้ยคะ?”

นายหญิงชี้ชื่อที่ถูกใจในสมุดตั้งชื่อเด็กให้สามีดูอย่างถามความเห็น

“ศรันย์หรอ ก็ดีนะผมชอบ”

“เพราะดีค่ะคุณผู้หญิง”

แม่นมเสริมทับต่อจากพ่อเลี้ยงด้วยรอยยิ้ม แต่อีกคนกลับนั่งหน้านิ้วคิ้วขมวดตั้งแต่เปิดสมุดเลือกชื่อจนถึงตอนนี้ ก่อนจะปิดสมุดลง พ่อเลี้ยงพนามองลูกชายก่อนจะถาม

“เป็นอะไรไปเจ้าสิงห์ ไม่ชอบชื่อนี้หรอ?”

“เปล่าครับก็เพราะดี แต่สิงห์ว่าไม่ค่อยเข้ากับน้องเท่าไหร่ สิงห์อยากให้ในชื่อแฝงความเป็นน้าผกาอยู่ในนั้นด้วย”

สิงห์ตอบสีหน้าเรียบ พ่อเลี้ยงและภรรยามองหน้ากันเมื่อได้ฟังความคิดความอ่านของลูกชาย

“ก็จริงอย่างที่ลูกว่านะคะคุณ ยังไงก็ลูกเค้าน่าจะแฝงชื่อแม่ของเค้าไว้ในชื่อด้วย”

สิงห์เคยไปค้นประวัติของน้าผกา ชื่อจริงของน้าผกาคือ นางสาวรัชตา เอี้ยงบุญ นามสกุลเอี้ยงบุญเหมือนสิงห์เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน สิงห์เก็บเอาไปคิดในใจเงียบๆ เขารู้สึกว่าการมาของน้าผกามันไม่ใช่แค่คนท้องแก่มาของานทำธรรมดาแน่ๆ เพราะสามีน้าผกาเป็นใครก็ไม่มีใครรู้ ไหนจะสร้อยทองที่น้าผกาฝากไว้อีก สิงห์เก็บมันไว้กับตัวไม่บอกใครเรื่องนี้เขาจะต้องหาความจริงให้ได้ว่าอะไรเป็นอะไรและมันต้องมีอะไรมากกว่านี้ อะไรที่ซับซ้อนถึงขนาดที่เด็กอย่างสิงห์ยากจะเข้าใจ

“แล้วสิงห์รู้มั้ยลูก ว่าผกาชื่อจริงว่าอะไร”

นายหญิงหันมาถามลูกชายที่เอาแต่ขมวดคิ้วเป็นปมไม่หาย

“รัชตาครับคุณแม่..รัชตา..รัช..ตะ รัชตะเป็นยังไงครับ!”

สิงห์โผลงขึ้นอย่างนึกถูกใจชื่อได้ รีบถามคนเป็นพ่อกับแม่ใหญ่ พ่อเลี้ยงและภรรยาพยักหน้าเห็นด้วยว่าชื่อเพราะ แต่ที่แปลกใจกว่านั้นคือเขาทั้งสองเหมือนแอบเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของลูกชาย จนทั้งสองมองหน้ากันและกระหยิ่มยิ้มบางออกมา นายหญิงแห่งเสวภาคย์เอาหัวเป็นประกันเลยว่าลูกชายคนเล็กคนนี้จะทำให้สิงห์ยิ้มได้แน่นอน

เช้าวันต่อมาเป็นวันหยุดสิงห์ขอไปรับน้องที่โรงพยาบาลด้วย วันนี้เป็นวันนัดรับน้องกลับบ้านหลังจากที่อยู่โรงพยาบาลตลอดสองเดือน โดยมีสิงห์และแม่เป็นคนไปคอยดูคอยเฝ้าตลอดสองเดือนที่ผ่านมา วันนี้จะต้องยื่นเอกสารหลายอย่างทั้งที่โรงพยาบาลและอำเภอเนื่องจากยังไม่ได้ตั้งชื่อให้เด็กวันนี้ก็เลยดูท่าจะวุ่นวายกับเอกสารใบเกิดของสมาชิกใหม่แน่ๆ ตลอดเวลาที่น้องอยู่โรงพยาบาลสิงห์ให้หมอใส่ชื่อน้องไว้ว่า “กวาง” รอไปก่อนจนกว่าจะมีชื่อจริงที่เหมาะกับน้อง ทีเเรกคนเป็นแม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสิงห์ถึงอยากให้ใช้ชื่อว่ากวาง จนเจอเฉลยจากดวงตาสวยคมน่าดึงดูดเหมือนกับกวางป่าของเด็กคนนี้นี่เอง แอบปลื้มในใจเบาๆ ว่าลูกชายนี่ตาถึงเข้าใจตั้งชื่อให้น้อง สิงห์นอกจากจะฉลาดแล้วยังใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของน้องอีก สิงห์ต้องเป็นพี่ชายที่ดีคนนึงอย่างแน่นอนเธอมั่นใจ

หลังจากทำธุระที่โรงพยาบาลและอำเภอเสร็จนายหญิงและลูกชายก็แวะห้างเพื่อซื้อของใช้เพิ่มเติมให้กับสมาชิกใหม่ ตลอดทางกลับบ้านสิงห์อุ้มน้องไม่ยอมวางคนเป็นแม่ขออุ้มบ้างก็ไม่ค่อยอยากจะให้อุ้มเท่าไหร่ นายหญิงอดยิ้มเอ็นดูลูกชายไม่ได้แววพี่ชายขี้หวงขี้เห่อน้องกำลังจะใกล้มาถึง

“นมเอียดครับสอนสิงห์ชงนมบ้างสิ”

สิงห์วันนี้ทั้งวันไม่ไปไหนวอแวอยู่กับน้องและแม่นมหรือที่เขาเรียกว่านมเอียดตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน ให้นมเอียดสอนนั่นสอนนี้ ไม่มีหยุด

“ได้ค่ะคุณสิงห์ลองทำตามที่นมบอกนะคะ”

นมเอียดยื่นขวดนมขวดเล็กๆ ให้สิงห์ถือไว้อย่างเอ็นดู หน้าตาของสิงห์ถึงจะนิ่งแต่ก็แอบแฝงด้วยความตื่นเต้นและตั้งใจทำตามที่บอก

“นมที่เราใช้ชงให้คุณหนูจะต้องเป็นนมแพะเท่านั้นนะคะ เพราะใกล้เคียงกับนมแม่มากที่สุด คุณสิงห์ตักผงนมใส่ขวดเต็มช้อนสองช้อนเลยค่ะ”

สิงห์ทำตามที่นมบอกบรรจงตักผงนมใส่ขวดไม่ให้หกคิ้วก็พลอยขมวดผูกเป็นปมอยู่เรื่อย

“ทีนี้เอาน้ำต้มสุกในกระบอกที่หายร้อนแล้วเทลงไปถึงขีดสูงสุดของขวดเลยค่ะ”

สิงห์ค่อยๆ เทน้ำใส่ขวดนม ก่อนจะปิดฝาเขย่านมให้ละลายกับน้ำจนเข้ากัน

“ทีนี้คุณสิงห์ก็อุ้มคุณหนูไว้แบบนี้นะคะ”

นมเอียดอุ้มคุณหนูขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนให้สิงห์ดูก่อนจะส่งคุณหนูของเธอให้สิงห์อุ้มอย่างระมัดระวัง สิงห์วางขวดนมก่อนจะรับน้องมาอุ้มอย่างเบามือ น้องลืมตามองสิงห์ก่อนจะทำเสียงอ้อแอ้คล้ายอ้อนพี่

“นม! เมื่อกี้น้องมองสิงห์ด้วย ดูเสียงเล็กๆ ของน้องสินม ว่าไงครับคนดี…หิวหรือยังเอ่ย หม่ำๆ นมมั้ย”

รอยยิ้มอ่อนโยนฉายขึ้นบนหน้าที่นิ่งขรึมของนายน้อยแห่งเสวภาคย์ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนคนมองอย่างนมเอียดแปลกใจปนตื่นเต้นที่เห็นนายน้อยยิ้มเป็นครั้งแรก ‘พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย! อีเอียดคนนี้เลี้ยงคุณมาตั้งแต่อ้อนแต่อ่อนจนโตขนาดนี้แล้วไม่เคยเห็นยิ้มสักกะที คุณหนูเป็นเทวดาตัวน้อยลงมาโปรดแท้ๆ ที่ทำให้คุณสิงห์ยิ้มได้’

เธอได้แต่ตะโกนโห่ร้องดังลั่นในใจ ถ้าเรื่องนี้คุณผู้หญิงของเธอรู้เข้าคงจะดีใจใหญ่ที่ลูกชายยิ้มกับเขาซักที เหมือนสิงห์จะไม่รู้ตัวเองเลยว่าตอนนี้ตัวเองยิ้มกว้างขนาดไหน ยิ่งตอนที่เอานิ้วแตะปากน้องแล้วน้องคิดว่าเป็นขวดนมจะดูดนิ้วตัวเองยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่

นมเอียดเอาเรื่องที่สิงห์ยิ้มไปเล่าให้คุณผู้หญิงของเธอฟังด้วยความปลาบปลื้ม คนฟังก็ตื่นเต้นดีใจไปด้วย

“ฉันว่าแล้วเชียว ว่ากวางนี่แหละที่จะทำให้สิงห์ยิ้มได้”

แต่การเลี้ยงเด็กก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยคุณหนูของบ้านไม่เอาใครเลยนอกจากสิงห์คนเดียว นี่ก็จะใกล้อายุครบปีแล้วยิ่งรู้มากว่าคนไหนคือใครจำหน้าคนแม่นอย่างกับอะไรดี เวลาสิงห์ไปโรงเรียนแทบจะเป็นปัญหาใหญ่ของบ้านได้เลยเพราะคุณหนูกวางเขาไม่เอาใครนอกจากพี่สิงห์ของเขา นมเอียดโอ๋ยังไงก็ไม่หยุดร้องจนต้องใช้วีธีโทรศัพย์หาสิงห์แล้วเปิดสปีคเกอร์โฟนให้คุณหนูกวางเขาได้ยิน พอได้ยินเสียงพี่ก็หยุดร้องทันที ทำเอาทั้งนมเอียดและนายหญิงถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนผ่านศึกใหญ่ไปได้อีกเปราะหนึ่ง

ก่อนวันครบรอบหนึ่งขวบของคุณหนูกวางสองเดือนสิงห์ขออณุญาติพ่อเลี้ยงและแม่พาน้องไปที่หลุมฝังกระดูกของน้าผกาที่เนินเขาท้ายปางที่สิงห์ขอพ่อเลี้ยงให้ทำเป็นสวนดอกไม้ไว้ที่นั่น ออกแบบสวนให้เหมือนว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ไว้ฝังกระดูกใครแต่ถ้าเดินไปถึงยอดเนินเขาก็จะพบกับต้นอโศกต้นใหญ่มีหินแผ่นใหญ่สลักชื่อผกา ตัวเล็กๆ ตั้งไว้ใต้ต้นไม้ ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็คงจะไม่เห็นชื่อ สิงห์อยากทำให้เพื่อเป็นการตอบแทนที่น้าผกาได้ให้ของขวัญที่มีค่าอย่างกวางมาให้เขา สิงห์อยากให้กวางผูกพันธ์กับสวนแห่งนี้แต่สิงห์จะไม่บอกกวางว่าที่นี่มีอะไร ทุกอย่างจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ กวางจะต้องเติบโตมาเป็นเด็กที่น่ารัก เป็นที่รักของทุกคน จะไม่มีใครมาพูดได้ว่ากวางเป็นเด็กที่เขาเอามาเลี้ยง กวางคือส่วนหนึ่งของเสวภาคย์ คือส่วนหนึ่งในความสุขของเขา

“คุณสิงห์ครับ ผมดีใจนะครับที่เห็นคุณสิงห์ยิ้มได้”

รชตที่ขับรถพาสิงห์ที่มีน้องอยู่ในอ้อมกอดและนมเอียดออกจากสวนท้ายปางกลับไปยังบ้านเสวภาคย์

สิงห์มองรชตผ่านกระจกหน้ารถก่อนจะก้มมองเด็กน้อยดวงตาสวยที่หลับคาอกแล้วยิ้มบางออกมา

“นี่ไงรอยยิ้มของเรา…”

พูดแค่นั้นทั้งรชตและนมเอียดก็ต่างยิ้มเอ็นดูในคำตอบของนายน้อยของพวกเขา

หัวค่ำพ่อเลี้ยงพนาชวนภรรยาและลูกชายคนโตมานั่งล้อมวงที่เบาะกับพื้นว่าถ้ากวางพูดคำไหนได้ก่อนระหว่างป่าป๊า ม่าม๊า และ สิงห์ คนนั้นจะได้ซื้อของขวัญวันเกิดชิ้นแรกให้กวาง เพราะเถียงกันอยู่นานสามคนพ่อแม่ลูก ว่าจะซื้ออะไรให้น้องดี พ่อเลี้ยงจึงใช้วิธีนี้ตัดสินเสียเลย

“กวางครับเดี๋ยวหนูพูดตามป๊านะครับ ป่าป๊า ป่า..ป๊า”

เด็กน้อยขมวดคิ้วงงก่อนจะเริ่มเบะงอแง จนคนเป็นพ่อถอดใจอดซื้อรถบังคับเด็กเล่นให้ลูกชาย

“คุณต้องดูฉันค่ะ ฉันเป็นแม่ยังไงลูกก็ต้องพูดม่าม๊าได้ก่อนแน่นอน”

ภรรยาเยาะเย้ยสามีที่ลูกไม่ยอมเรียก พ่อเลี้ยงพนาแยกเขี้ยวใส่ภรรยาอย่างหยอกล้อ

“น้องกวางครับ พูดม่าม๊าสิลูก ม่าม๊า ม่า..ม๊า ม๊า”

นายหญิงปรบมือทำจังหวะเรียกชื่อเหมือนที่เคยใช้ฝึกสิงห์ให้พูดตอนเด็ก แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับจากลูกชายคนเล็กคือเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจนึกว่าแม่เล่นด้วย

“ไหนครับคำว่าม่าม๊าจากปากลูก ฮ่าๆ”

“คุณอ่ะ”

นายหญิงหน้างอใส่สามีที่เยาะเย้ยเธอคืนก่อนที่สามีจะกอดปลอบใจและกลั้นขำแทบจะไม่อยู่

“เหลือคุณสิงห์คนเดียวแล้วล่ะค่ะ ถ้าคุณหนูพูดชื่อคุณสิงห์ได้จะซื้ออะไรให้คุณหนูเหรอคะ?”

นมเอียดถามยิ้มบางมองสิงห์ที่ขยับตัวเข้าหาน้อง

“ยังไม่รู้เลยครับ...คนดีครับไหนลองเรียกชื่อพี่ซิ...สิงห์ เรียกได้มั้ย?”

สิงห์มองน้องที่นอนทำหน้ายุ่งสงสัย

“ชื่อสิงห์เรียกยากยังไงน้องก็ไม่เรียกหรอก ซื้อรถแบบที่พ่อบอกดีแล้ว”

พ่อเลี้ยงพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกคนเล็กไม่พูดเสียที

“ชู่…เงียบก่อนครับ”

เสียงบอกเบาๆ ทุกคนเงียบทันทีเงี่ยหูฟังเสียงเล็กๆ ที่เริ่มอ้อแอ้ขึ้น

“สิงห์ เรียกสิครับ สิงห์”

“จี~…จี…ง…จีง คิคิ”

“น้องพูดได้ ได้ยินมั้ยครับน้องเรียกชื่อสิงห์ได้!”

สิงห์อุ้มน้องมากอดอย่างดีใจ ดีใจที่น้องพูดชื่อเขาได้เป็นคนแรก คนเป็นพ่อเบ้ปากน้อยใจจนภรรยาต้องกอดปลอบหัวเราะสามี

“ไม่ใช่ว่าน้องบอกปวดฉี่หรอ แน่ใจหรือเปล่า”

“พ่อครับ แพ้แล้วอย่าพาลครับ ฮ่าๆ”

สิงห์หัวเราะเย้ย หัวเราะ? พ่อเลี้ยง ภรรยา และนมเอียดหันมองหน้ากันอย่างอัตโนมัติ

“คุณเมื่อกี้เจ้าสิงห์มันหัวเราะใช่มั้ย?”

พ่อเลี้ยงกระซิบถามภรรยา

“ค่ะคุณ ลูกเราหัวเราะ ได้ยินมั้ยนมเอียด สิงห์หัวเราะ”

“เต็มสองหูเลยค่ะคุณ”

ทั้งสามคนนั่งมองลูกชายคนโตหยอกล้อกับน้องสนุกสนาน เห็นสิงห์ยิ้มก็ว่าดีใจแล้ว ครั้งนี้หัวเราะด้วย ดีใจจริงๆ ได้ลูกเพิ่มไม่พอลูกชายคนโตยังเริ่มยิ้มเริ่มหัวเราะอย่างคนปกติแล้ว คงจริงอย่างที่สิงห์ว่า รอยยิ้มของสิงห์ ความสุขของสิงห์ก็คือน้องกวาง

“หนูไม่ได้เป็นแค่รอยยิ้มเสียงหัวเราะ หรือความสุขของพี่นะ แต่หนูคือดวงใจของพี่นะครับคนดี”

การนอนที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของสิงห์คือการได้นอนกอดน้องแล้วหลับไปด้วยกันในทุกๆ คืน และพร่ำบอกก่อนนอนเสมอว่า กวางคือดวงใจของราชสีห์…….

_______________________•••_____________________

มาเเบบเรื่อยๆ เรียบๆ ค่ะ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion


Chapter:: 3 ของขวัญ



แปดปีที่ผ่านมาหลายอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งกิจการของเสวภาคย์ที่แตกแขนงออกไปทำไร่องุ่นเล็กๆ ที่แม่ฮ่องสอนที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วในเวลาแค่ไม่กี่ปี รวมถึงลูกชายทั้งสองของเสวภาคย์ด้วย สิงห์ในวัย18ปี กลายเป็นหนุ่มฮอตของสาวๆ ทั้งในโรงเรียนและเกือบทั้งจังหวัด ใครๆ ก็รู้จักสิงห์ ราชสีห์ ลูกชายคนโตของเสวภาค์ทั้งนั้นแหละ นอกจากจะหล่อแล้วแถมยังรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศอีก สาวๆ ต่างก็เพ้อฝันอยากจะเข้ามาเป็นสะใภ้ของเสวภาคย์กันทั้งนั้น  ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่มีใครเคยเห็นสิงห์คบหากับสาวคนไหนสักคน วันๆ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน เล่นกีฬา ช่วยงานพ่อเลี้ยงที่ปางไม้ และตัวติดกับน้องชายตลอดเวลา กวางเด็กชายวัยแปดขวบที่ติดพี่ชายอย่างกับตังเม เด็กน่ารัก ร่าเริง ยิ้มเก่ง ใครเห็นก็หลงรัก โดนเฉพาะคนพี่ที่หลงน้องจนหัวปลักหัวปลำ

“สิงห์ เลิกเรียนแล้วไปเล่นบาสกัน”

หนุ่มวัยรุ่นตัวสูงหัวเกรียนวิ่งมากอดคอเพื่อนรักอย่างสิงห์ที่เอาแต่เดินเหม่อไม่สนใจอะไร พร้อมกับชักชวนให้ไปเล่นบาสด้วยกันเหมือนทุกวัน

“วันนี้ไม่ล่ะ มีนัดสำคัญ…”

“หื้ม? คนอย่างสิงห์เนี่ยนะมีนัดกับเขาด้วย สาวที่ไหนบอกบ้างสิ”

เพื่อนรักกระเซ้าอยากรู้ใจจะขาด ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยเห็นว่าสิงห์จะมีนัดกับสาวที่ไหนเลย

“กวาง…วันนี้วันเกิดกวางต้องรีบไปเอาของขวัญ ไปนะ”

“เออ เจอกันพรุ่งนี้”

เพื่อนรักเกาหัวเก้อ ที่แท้ก็กวางน้องชายสุดที่รักของเจ้าตัวนี่เอง จะมีพี่ชายที่ไหนรักน้องได้เท่าสิงห์อีก ดีจนอยากจะยกตำแหน่งพี่ชายดีเด่นให้

สิงห์เดินทางมาที่ร้านตัดชุดแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด เขายังไม่ได้เลือกของขวัญไว้ให้กวางเลย ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้ดีแต่แวะมาร้านตัดชุดเพราะมาเอาชุดที่แม่สั่งตัดไว้

“สวัสดีครับ มารับชุดของคุณแม่ที่สั่งตัดไว้ครับ”

“เดี๋ยวเชิญคุณสิงห์รอสักครู่นะคะ”

พนักงานกล่าวก่อนจะเดินเข้าไปยังด้านหลังของร้าน ร้านนี้เป็นร้านประจำของแม่เลี้ยงจึงไม่แปลกอะไรที่พนักจะรู้จักสิงห์ สิงห์นั่งรอที่โซฟารับแขกในหัวก็กำลังครุ่นคิดว่าจะซื้ออะไรให้น้องดี นั่งคิดอยู่ได้ไม่นานสายตาคมก็เหลือบไปเห็นชุดเดรสสั้นสำหรับเด็กผู้หญิง แขนกุดสีชมพูหวาน ดูน่ารัก สิงห์เดินไปสัมผัสเนื้อผ้านิ่มๆชอบชุดเดรสก่อนจะที่จะมีรอยยิ้มฉายขึ้นบนใบหน้า

“พี่ครับ ชุดนี้เท่าไหร่ครับ?”

ตกค่ำมาสนามหญ้าหลังบ้านเสวภาคย์ก็กลายเป็นปาร์ตี้เล็กๆ สำหรับครอบครัว คืนนี้สิงห์ใส่เสื้อเชิ้ตสีขมพูอ่อนกับกางเกงขายาวสีขาวสบายๆ ตรีมในงานวันนี้เน้นสีชมพูขาวเพราะกวางชอบ แม้แต่รชตเองก็ยังต้องใส่สีชมพูด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่บ้านแม่นมคนงานสนิทที่มาร่วมงานในคืนนี้

“นี่แม่เรากับเจ้ากวางยังไม่ลงมาอีกหรอสิงห์”

พ่อเลี้ยงหันไปถามลูกชายที่นั่งจิบแชมเปญข้างๆ

“คงอีกสักพักแหละครับ…สงสัยจะมีคนเขิน”

พูดไปก็อมยิ้มไป พ่อเลี้ยงเลิกคิ้วมองลูกชายอย่างนึกสงสัยในคำพูด สงสัยว่าเจ้าลูกชายกับแม่เขาจะหาเรื่องแกล้งอะไรเจ้ากวางแน่ๆ คิดแล้วก็ได้แต่หัวเราะในลำคอรอดูว่าลูกชายคนเล็กจะโดนแกล้งยังไง

“เจ้าของงานวันเกิดมาแล้วจ้า”

แม่เลี้ยงเดินออกมาที่สวนในชุดเดรสยาวที่ชมพูอ่อนพร้อมกับลูกชายคนเล็กที่เอาแต่เอาหน้าซุกกระโปร่งแอบอยู่ข้างหลังแม่ นึกแล้วก็ขำ ให้สิงห์ไปเอาชุดที่สั่งตัดให้ แต่ไม่คิดว่าสิงห์จะซื้อมาอีกชุดให้กวางใส่คู่กับแม่ด้วย คนเป็นแม่ยิ่งชอบใจใหญ่ได้จับลูกชายมาแต่งตัวน่ารักๆ เหมือนมีลูกสาวอีกคน

“อ้าวเจ้ากวางไปแอบทำไมข้างหลังแม่ล่ะลูก”

“สงสัยเขินมั้งครับพ่อ”

“ไปแกล้งอะไรน้องล่ะ”

สิงห์ไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มก่อนจะลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปหาน้องชายที่แอบอยู่ข้างหลังแม่ แม่เลี้ยงขยิบตาให้สิงห์อย่างรู้กัน สิงห์เดินอ้อมไปข้างหลังก่อนจะนั่งยองๆ ลงให้ตัวเสมอกันกับน้อง

“ไหนดูซิ คนดีของพี่น่ารักแค่ไหน”

“ไม่เอา…กวางเขิน”

“หันมาให้พี่ดูหน่อยเร็ว”

น้องชายทำหน้ามุ้ยก่อนจะยอมหันไปหาพี่ชายแต่โดยดี ใบหน้ากลมๆ แดงแจ๋เพราะเขินอาย ก่อนจะช้อนตามองพี่ สิงห์มองน้องก่อนจะยิ้มออกมา คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องน่ารักมากแน่ๆ พอถูกพี่จ้องมากเข้ากวางก็รีบหลบสายตาด้วยการโผลเจ้ากอดคอพี่ไว้

“ฮืออ…อย่ามองนะ”

“ทำไมล่ะครับ น่ารักดีออก”

“ไม่หล่อเลย…”

“แบบนี้แหละดีแล้ว”

สิงห์ดันน้องออกจากตัวนิดหน่อย ก่อนจะจูบลงที่หน้าผากของน้องอย่างรักใคล่เอ็นดู

“เจ้าหญิงให้เกียรติเต้นรำกับกระหม่อมซักเพลงนะยะพะค่ะ”

สิงห์พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่นส่งให้น้อง น้องมองพี่ก่อนจะส่งยิ้มหวานคืนให้

“ตกลง”

กวางตอบรับถึงแม้จะยังเขินอายที่ต้องใส่ชุดผู้หญิง แต่ก็ยอมออกไปเต้นรำกับพี่โดยดี ทุกคนในงานต่างก็จดจ้องมาทางสองคนพี่น้องอย่างเอ็นดูจนละสายตาไม่ได้ เสียงเพลงจากแผ่นเสียงเก่าๆ ที่ดังคลอออกมาเบาๆ สร้างบรรยากาศให้ดูอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่นของครอบครัว

“พี่สิงห์ก้าวช้าๆ สิฮะ กวางตามไม่ทัน”

“ก็กวางขาสั้น”

“ไม่ใช่นะ!”

กวางทำหน้ามุ้ยใส่สิงห์ก่อนจะอมยิ้มออกมาอย่างมีแผน

“พี่สิงห์ถอดรองเท้าหน่อยสิฮะ”

“หืม?”

สิงห์ไม่ถามอะไรยอมถอดรองเท้าออก กวางเองก็ถอดรองเท้าออกเช่นกันและหลังจากนั้นก็ก้าวเท้าขึ้นไปยืนบนหลังเท้าของคนพี่แล้วก็ยิ้มโชว์ฟังขาวออกมา

“แค่นี้กวางก็ก้าวตามพี่สิงห์ทันแล้ว”

“ตัวแสบ หึหึ”

สิงห์โอบกอดน้องไว้ก่อนจะโยกตัวไปมาตามเสียงดนตรี

“ลูกเรารักกันดีจังเลยนะคะคุณ”

“นั่นสิ รักกันมากจริงๆ”

พ่อเลี้ยงโอบไหล่ภรรยาไว้ก่อนที่ทั้งสองจะนั่งยิ้มมองดูลูกๆ ของพวกเขา ในอนาคตข้างหน้าถ้าหากว่าเขาทั้งคู่เป็นอะไรไปก็คงหมดห่วง เชื่อว่าสิงห์จะดูแลทุกคนได้ ดูแลกิจการและน้องได้ดีแน่ๆ ถ้าหากวันหนึ่งไม่มีพวกเขาแล้วจริงๆ แต่สิงห์ก็ยังคงมีกวาง เด็กทั้งสองคนจะยังมีกันและกันเป็นครอบครัวและทุกๆ อย่างให้กัน อย่างน้อยถ้าพวกเขาจากไปในสักวัน สิงห์ก็ยังคงมีครอบครัว…กวาง

ภายในห้องนอนสีขาวสะอาดตา บนเตียงนอนกว้างรองรับน้ำหนังของสองคนพี่น้องที่พากันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาได้อย่างดี สิงห์นอนมองน้องที่กำลังสนุกกับการแกะของขวัญหลายชิ้น

“เห้อ…หุ่นยนต์อีกแล้วรชตไม่คิดจะให้อย่างอื่นนอกจากหุ่นยนต์บ้างหรือไง” .             ปากเล็กๆ บ่นอุบอิบเมื่อแกะของขวัญจากรชต ตั้งแต่จำความได้กวางได้ของขวัญจากรชตเป็นหุ่นยนต์มาโดยตลอด

“ตัวเล็กๆ ทำไมขี้บ่น”

“จิ๊! พี่สิงห์ก็ดูสิได้มาทุกปีเลย”

กวางยื่นหุ่นยนต์ซามูไรให้พี่ดู ก่อนจะเริ่มแกะของขวัญกล่องต่อไป

“กวางรู้มั้ยว่าตัวนี้แพงมากเลยนะ รชตสั่งทำให้จากญี่ปุ่นเลย อัดเสียงได้ด้วยนะ”

สิงห์ยิ้มพูดเกลี้ยกล่อมให้น้องสนใจหุ่นยนต์บ้าง เดี๋ยวรชตจะน้อยใจอุตส่านั่นคิดนอนคิดก่อนถึงวันเกิดกวางตั้งหลายคืน ไม่รู้จะซื้ออะไรให้ดีจนต้องมาปรึกษาเขา สุดท้ายก็ซื้อหุ่นยนต์ให้ เพียงแต่ครั้งนี้เจ้าตัวโทรไปสั่งทำเองเลย อยากจะบ่นอะไรเขาก็อัดเสียงใส่เจ้าหุ่นยนต์ก็แล้วกัน

“จริงหรอฮะ”

กวางวางกล่องของขวัญลงก่อนจะคลานมานอนอิงกับตัวพี่

“จริงสิเดี๋ยวพี่ทำให้ดู”

สิงห์กดปุ่มสีแดงที่หน้าอกของหุ่นยนต์ค้างไว้ก่อนจะพูด

“พี่สิงห์รักน้องกวางที่สุดในโลกเลย”

‘พี่สิงห์รักน้องกวางที่สุดในโลกเลย’

รอยยิ้มเล็กๆ เผยขึ้นบนใบหน้าทันทีที่เจ้าหุ่นยนต์มีเสียงที่พี่เพิ่งพูดไปออกมา

“กวางอยากลองบ้าง”

สิงห์มองน้องก่อนจะขำออกมาเบาๆ กับท่าทีที่สนอกสนใจหุ่นยนต์

“กดปุ่มนี้ค้างไว้นะครับ แล้วก็พูดเลยครับ”

กวางยิ้มจนตาหยีอย่างเขินๆ

“กวางก็รักพี่สิงห์มากที่สุดในโลกเลย”

‘กวางก็รักพี่สิงห์มากที่สุดในโลกเลย’

พอเจ้าหุ่นยนต์มีเสียงออกมาเจ้าตัวก็ดิ้นดุ้กดิ้กไปมาอย่างชอบใจ กดฟังใหม่อีกหลายรอบ คนพี่ก็ได้แต่มองแล้วยิ้มออกมา

“ไม่ขอของขวัญจากพี่บ้างหรอครับ”

“โอ๊ะ! จริงด้วยพี่สิงห์ยังไม่ให้ของขวัญกวางเลยนี่น่า”

นึกได้ว่าพี่ยังไม่ให้ของขวัญก็รีบดีดตัวขึ้นมานั่งทำหน้าตาออดอ้อนขอของขวัญจากพี่

“หลับตาก่อนสิ”

สิงห์ยิ้มให้บางๆ ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นมานั่งตรงหน้าน้อง กวางยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้นก่อนจะหลับตาลง อยากรู้แล้วว่าปีนี้พี่สิงห์จะให้อะไร ตั้งแต่จำความได้ก็พี้สิงห์นี่แหละที่รู้ใจซื้ออะไรมาให้ก็ถูกใจน้องไปหมด สิงห์เอื้อมมือสอดเข้าใต้หมอนหยิบกล่องไม้ขนาดพอดีมือออกมา ก่อนจะเปิดฝาออกแล้วยื่นไปตรงหน้าน้อง

“ลืมตาได้ครับ”

กวางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่พบคือสร้อยคอที่มีจี้ล็อกเก็ตเล็กๆ ห้อยอยู่ สิงห์มองใบหน้าของน้องที่ไม่ได้ผิดหวังและดีใจ ใบหน้าชวนสงสัยที่เห็นของตรงหน้าเพราะปีที่ผ่านๆ มา สิงห์ไม่เคยให้ของขวัญน้องแบบนี้มาก่อน สิงห์คิดมาหลายคืนแล้วว่าเขาสมควรที่จะคืนสร้อยให้น้องได้หรือยัง ไม่ได้คืนให้เพราะอยากให้น้องรู้ความจริง แต่คืนให้เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่แม่ของน้องทิ้งไว้ให้ ให้น้องเก็บไว้เพราะมันเป็นของๆ น้องและเป็นสิ่งที่น้าผกาขอไว้

“สร้อยเส้นนี้เป็นของกวางเก็บรักษามันไว้ให้ดีนะครับ”

กวางหยิบสร้อยออกมาจากกล่องไม้ มือเล็กๆ ค่อยๆ ลูบสัมผัสบนผิวที่มีลายแกะสลักรูปดอกผกาแก้วบนฝาของล็อกเก็ต กวางค่อยๆเปิกฝาล็อกเก็ตออกก่อนจะพบเข้ากับรูปขาวดำของหญิงสาวหน้าตาสวยคนหนึ่ง

“นี่ใครหรอฮะ”

กวางถามสิงห์อย่างสงสัย สิงห์ดึงตัวน้องให้มานั่งบนตักตัวเองก่อนจะโอบกอดน้องไว้จากข้างหลังพร้อมกับจับมือเล็กๆ ที่ถือล็อกเก็ตอยู่ขึ้นมา

“คนในรูปนี้คือนางฟ้าของกวางไงครับ เค้าจะคอยปกป้องคุ้มครองกวาง”

“นางฟ้าหรอฮะ”

“ใช่ครับนางฟ้า กวางต้องรักนางฟ้าคนนี้มากๆ นะครับรักให้เหมือนที่กวางรักคุณแม่เลยนะ”

“ฮะ กวางจะรักนางฟ้าให้เหมือนที่รักคุณม๊ากับคุณป๊าแล้วก็พี่สิงห์เลย”

กวางพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองพี่ที่เอาแค่ยิ้ม สิงห์กระชับกอดน้องให้แน่นขึ้นก่อนจะปล่อยน้องออกจากอ้อมแขน

“มาเดี๋ยวพี่ใส่ให้”

“ฮะ”

สิงห์สวมสร้อยคอให้กับกวางถึงมันจะดูยาวไปซักหน่อยแต่กวางก็ต้องโตขึ้นถึงเวลานั้นก็คงจะใส่ได้พอดี

“ขอบคุณฮะพี่สิงห์”

กวางส่งยิ้มหวานให้ พี่ก็ยิ้มตอบ

“แต่พี่อนากได้อย่างอื่นมากกว่าขอบคุณ”

“อะไรฮะ”

สิงห์ยิ้มมีมปากก่อนจะแตะนิ้วลงที่ริมฝีปากหนาเบาๆ พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้น้อง

“ขอจุ้บแทนคำขอบคุณนะครับ”

คนน้องยู่หน้าใส่ก่อนจะใช้สองมือเล็กๆ ประกบเข้ามี่ใบหน้าของพี่แล้วดึงมาจุ้บเบาๆ เข้าที่ริมฝีปากหนา สิงห์อมยิ้มนิดๆ ก่อนจะจุ้บกลับคืนหนักๆ ทำเอาคนน้องต้องรีบดันหน้าพี่ออกทันที แต่มีหรอที่คนพี่มันยอมหยุดยิ่งแกล้งน้องหนักกว่าเดิม แกล้งฟัด แกล้งเอาหนวดที่ขึ้นรำไรไปถูคอน้อง

“พี่สิงห์ ฮ่าๆ พะ พอแล้ว แฮ่กๆ พอก่อน”

“พอก็ได้ครับ แต่ขอจุ้บอีกทีนะ”

ไม่รอให้น้องอนุญาตก้มลงไปจุ้บปากน้องทันทีพร้อมกับขบริมฝีปากเล็กเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวจนมีรอยแดงๆ ที่ริมฝีปาก

“งื้อออ พี่สิงห์”

“ขอโทษครับ ใครใช้ให้น้องพี่น่ารักล่ะ รู้มั้ยว่าพี่น่ะรักเราหลงเราจนพี่รักใครไม่ได้แล้ว”

กวางพลิกตัวขยับเข้าหาอ้อมกอดพี่ก่อนจะยิ้มหวานให้

“ถ้าวันนึงกวางโตแล้วพี่สิงห์ก็โตมากแล้ว พี่สิงห์จะต้องแต่งงานพี่สิงห์ยังจะรักกวางอยู่มั้ยฮะ”

“รักสิ เพราะพี่จะแต่งงานกับกวาง หึหึ”

“อย่ามาล้อเล่นนะพี่สิงห์”

“ไม่ล้อเล่นครับ แล้วกวางล่ะจะแต่งงานกับพี่มั้ย”

“แต่งฮะ”

ไม่ว่าเปล่านิ้วก้อยเล็กๆ ก็เกี่ยวก้อยสัญญากับพี่ สิงห์กอดน้องไว้แนบอกอีกครั้ง ก่อนจะลูบผมน้องไปมา รักมากขนาดนี้สิงห์จะไปรักใครได้อีกล่ะ

-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+


ติดตามข่าวสารหรือประกาศ การอัพเดตนิยายของอ้อนตลอดเวลาได้ที่ แฟนเพจ Meemii lion ค่ะ

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion


Chapter 4 :: ความจริง



“สิงห์ คืนนี้พ่อกับแม่ต้องไปงานเลี้ยงในตัวเมืองนะลูก”

“งานเลี้ยงอะไรหรอครับพ่อ สิงห์ไปด้วยไม่ได้เหรอ?”

ลูกชายเงยหน้าจากหนังสือมองพ่อที่เอาแต่มองออกไปทางปางไม้จากระเบียงชั้นสองของบ้าน

“ไม่ได้หรอก งานนี้เป็นงานของผู้ใหญ่ สิงห์อยู่บ้านดูแลน้องดีกว่านะ”

“ได้ครับพ่อ”

พ่อเลี้ยงหันมายิ้มให้สิงห์ก่อนจะเอื้อมมือแตะที่หัวลูกชายเบาๆ

“สิงห์คือความหวังของพ่อนะลูก ถ้าวันนึงไม่มีพ่อกับแม่แล้วนายเจริญจะเป็นคนสอนงานสิงห์และดูแลปางแทนพ่อจนกว่าสิงห์จะพร้อมที่จะดูแลปางต่อ”

สิงห์มองพ่อเลี้ยงอย่างไม่เข้าใจ คำพูดที่เหมือนจะบอกกล่าว แต่ก็ฟังดูเหมือนสั่งเสีย

“ทำไมพ่อพูดแบบนี้ล่ะครับ ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้อีกนะครับ”

“หึหึ เจ้าสิงห์ที่พ่อพูดเนี่ยเพราะพ่อยอมรับในกฏของธรรมชาติ คนเราเกิดมาก็ต้องตายเป็นเรื่องธรรมดาพ่อแค่พูดเผื่อไว้เท่านั้น”

พ่อเลี้ยงโยกหัวลูกชายเบาๆ ปากก็พูดไปเหมือนไม่ได้คิดอะไร หากแต่แววตาของพ่อเลี้ยงกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วงลูกชายทั้งสอง

“สิงห์รู้ครับพ่อ แต่พ่อยังต้องอยู่กับสิงห์ไปอีกนานเลย อยู่ให้สิงห์ได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ก่อนนะครับ”

“เจ้าลูกคนนี้ ทำเป็นพูดซึ้ง”

สิงห์ขยับลงมานั่งใกล้พ่อเลี้ยงก่อนจะกอดท่านไว้จนเต็มกอด พ่อเลี้ยงหัวเราะร่าอย่างชอบใจ ถึงลูกชายคนนี้มันจะชอบทำหน้านิ่งอย่างน้อยสิงก์เริ่มที่จะแสดงออกบ้างแล้ว

ตกค่ำก็ได้ยินแต่เสียงเจ้ากวางกรี้ดลั่นบ้าน โดนรชตแกล้งหลอกผีจนต้องวิ่งร้องไห้มาฟ้องพี่

“พี่สิงห์ รชตนิสัยไม่ดีหลอกผีกวาง ฮือออ”

พี่อุ้มมากอดปลอบคนน้องก็ได้ทีเอาหน้าซุกกับไหล่พี่ร้องไห้ยกใหญ่

“ถ้าไม่ทำแบบนี้กวางก็ไม่ยอมขึ้นจากสระซักที เล่นน้ำนานเกินไปแล้วนะ ผมทำไปเพราหวังดีนะครับคุณสิงห์”

รชตฟ้องบ้างไม่ยอมให้กวางฟ้องฝ่ายเดียว สิงห์ได้แต่หัวเราะในลำคอเบาๆ ให้กับทั้งสองคนที่เป็นคู่กัดกันมาตลอด ไม่มีใครยอมใครจริงๆ นมเอียดพากวางไปอาบน้ำเตรียมตัวมาทานข้าวเย็น เห็นทีว่าวันนี้คงได้ทานข้าวกันแค่สองคนพี่น้อง เพราะพ่อเลี้ยงจะต้องไปงานเลี้ยงกับคุณแม่อย่างที่บอกไว้กับสิงห์เมื่อตอนช่วงบ่าย สิงห์ไม่อยากให้พวกท่านไปเลย สิงห์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าถ้าพวกท่านไปจะไม่ได้พวกท่านกลับมาอีก แต่สิงห์ก็ทำได้แค่สลัดความคิดนั้นทิ้งไป คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก สิงห์คงจะคิดไปเอง…

“ป๊ากับม๊าไปแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็กลับนะคะคนเก่งคืนนี้ห้ามนอนดึกนะ”

คนเป็นแม่ที่วันนี้สวมชุดราตรีสีขาวมีลูกไม้ระบายสวยอุ้มลูกชายคนเล็กขึ้นมากอด

“รับทราบฮะ!”

“สิงห์ดูน้องด้วยนะ พ่อกับแม่ไปก่อน”

“รีบกลับนะครับพ่อ”

“อื้ม”

พ่อเลี้ยงและภรรยาก็พากันเดินไปขึ้นรถหรูสีดำขรับที่สตาร์ทจอดรอไว้ได้สักพักแล้ว ก่อนจะขึ้นรถไป พ่อเลี้ยงก็หันกลับมามองสิงห์อีกครั้ง แววตาที่มองมาสิงห์ไม่เข้าใจนักว่าท่านจะสื่อถึงอะไร สิงห์ยิ้มให้ท่านอีกครั้งก่อนที่ท่านจะขึ้นรถไป

“ขึ้นนอนกันเถอะคนเก่ง”

สิงห์โน้มตัวลงมาอุ้มน้องไว้ก่อนจะพาขึ้นห้องนอน วันนี้เจ้ากวางเล่นทั้งวัน สงสัยจะเหนื่อยตาปรือตั้งแต่หัวค่ำแต่ก็อุตส่ารอส่งคุณพ่อคุณแม่ไปงานเลี้ยงก่อนถึงจะยอมขึ้นมานอน

“ตาปรือเชียว ฝันดีครับคนดีของพี่”

“ห๊าว~ ฝันดีฮะพี่สิงห์ของกวาง”

สิงห์ก้มลงจูบขมับของน้องเบาๆ เจ้ากวางขยับตัวให้เข้าที่ก่อนจะหลับสนิทในอกและอ้อมกอดของพี่อย่างเคยในทุกๆ คืน สิงห์มักจะรอให้น้องหลับก่อนเสมอแล้วค่อยขยับลุกออกจากเตียงมานั่งทำงานต่อที่โต๊ะ ปิดไฟในห้องแล้วเปิดโคมไฟบนโต๊ะแทน สิงห์เปิดแฟ้มรายงานของคนงานที่เขียนขึ้นมาให้เกี่ยวกับปัญหาหรือกระบวนการทำงานในแต่ละเดือน เพื่อให้สิงห์และพ่อเลี้ยงได้รับรู้ปัญหาจะได้หาทางแก้ไขต่อไป

ครื่น~ ครื่น~

เสียงสั่นจากโทรศัพท์ดังขึ้น สิงห์หยิบขึ้นมาดูชื่อที่โชว์ขึ้นบนหน้าจอคือชื่อของรชต สิงห์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ดึกป่านนี้แล้วมีเรื่องอะไร

“ว่าไงรชต”

[คุณสิงห์ครับ คนงานของเราจับผู้บุกรุกได้ครับ]

“ว่าไงนะ! แล้วรู้มั้ยว่ามันเป็นใคร”

[ดูจากสัญลักษณ์รอยสักบนหลังมือของมันแล้ว ผมคิดว่าเป็นพวกนิลกาลครับ]

“พวกนิลกาลเหรอ? เดี๋ยวฉันจะรีบไป”

สิงห์วางสายจากรชตก่อนจะเดินไปหยิบปืนในกล่องที่เก็บซ่อนไว้หลังตู้ ไม่ได้จะเอาไปยิงใครแต่ก็ต้องมีพกติดตัวไว้ป้องกันตัวเพราะสิงห์ไม่รู้เลยว่าพวกมันมากันกี่คน เข้ามาด้วยเหตุผลอะไร

“คุณสิงห์จะไปไหนคะดึกดื่นอย่างนี้”

นมเอียดที่เดินสวนกับสิงห์ที่ห้องโถงถามขึ้นอย่างสงสัย ดึกดื่นป่านนี้สิงห์จะไปไหนกัน ไหนจะหน้าตาบึ้งตึงที่แสดงออกอย่างชัดเจนบนใบหน้าคมนั่นอีก

“มีคนแอบบุกรุกเข้ามาในปางครับ สิงห์ฝากนมเอียดขึ้นไปดูแลกวางด้วย”

“ตายจริง ดูแลตัวเองด้วยนะคะคุณสิงห์”

“ครับ”

สิงห์รับคำก่อนจะรีบออกไป มีคนจากปางขับรถจีฟสีดำมารอสิงห์ที่หน้าบ้าน สิงห์จึงรีบขึ้นรถไปกับคนงานทันที ระหว่างทางที่มืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงพระจันทร์บนท้องฟ้า ข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ที่ปกคุมทอดยาวออกไปไกลตามถนนลูกรัง ไม่นานนักรถจีฟสีดำก็จอดสนิทที่หน้าโกดังเก็บไม้พร้อมกับขายาวๆ ของสิงห์ที่ค่อยๆ ก้าวลงจากรถ ใบหน้าเรียบตึงและแววตาที่แสนจะดูเย็นชา เขาก้าวเดินเข้ามายังโกดังที่มีคนงานของเขากำลังล้อมตัวชายผู้บุกรุกอยู่หลายคน

“คุณสิงห์”

รชตเดินมาประกบคู่กับสิงห์เมื่อเห็นว่านายของตนมาถึงแล้วพร้อมกับรายงานรายละเอียดที่ได้จากปากคนของนิลกาลให้สิงห์ฟัง

“มันบอกว่ามันถูกส่งมาให้ตามหาคนๆ นึงครับ ตอนที่คนของเราจับตัวมันได้เห็นว่ามันทำลับๆ ล่อๆ อยู่ที่สวนของน้าผกา”

“อย่างนั้นเหรอ”

“ครับ แต่มันไม่ยอมเปิดปากออกมาว่ามันมาตามหาใคร”

สิงห์เหลือบสายตาคมมองชายฉกรรจ์ที่แต่งตัวเหมือนกับคนงานของเขาที่ถูกมัดมือมัดเท้าคุกเข่าอยู่กับพื้น สิงห์สาวเท้าเดินไปตรงหน้าของมัน

“ทุกคนออกไปก่อน ส่วนรชตอยู่ที่นี่กับฉัน”

สิ้นคำสั่งคนของสิงห์ก็ต่างพากันออกจากพื้นที่ตรงนี้แต่ก็ยังคงรักษาความปลอดภัยให้กับนายน้อยของพวกเขาที่ทางเข้าถ้าหากว่ามันคิดตุกติกขึ้นมาจะได้ช่วยเหลือได้ทัน

“ฉันจะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ ถ้านายยอมบอกมาว่าแอบลักลอบเข้ามาที่นี่ทำไม”

สิงห์ย่อตัวนั่งลงถามใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ

“…”

มันนิ่งไม่ยอมเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาจากปาก สิงห์ชักปืนออกมาจ่อไปที่หน้าผากของมัน ใบหน้าของเขายังคงเป็นเช่นเดิมไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แม้กระทั่งแววตายังไม่อาจรับรู้ได้ว่าสิงห์นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ รชตที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีจะเข้าไปห้ามนายของตนใดๆ เขาเคารพทุกการกระทำของสิงห์ และคนอย่างสิงห์ไม่ได้ใจหยาบถึงกับฆ่าใครเป็นผักปลาได้ง่ายๆ

“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่มีคำสารภาพใดๆ ออกมา ก็ตายมันที่นี่แหละ”

“…”

มันยังคงเงียบแต่เหงื่อยของมันกลับผุดขึ้นตามไรผมจนไหลลงมาเปียกปลายกระบอกปืนที่จ่ออยู่กับหัวของมัน

“หนึ่ง…สอง…สะ”

“บอก!! บอกแล้ว! บอกแล้วผมบอกแล้ว”

ช่วงวินาทีสุดท้ายมันเลือกที่จะพูดออกมาด้วยเสียงสั่นหอบอย่างคนกลัวตาย สิงห์ถอนปืนออกจากหัวของมันก่อนจะลุกขึ้นยืนรอฟังสิ่งที่มันจะพูด

“พ่อเลี้ยงพงษ์ให้ผมเข้ามาสืบหาตัวเมียอีกคนของพ่อเลี้ยงครับ”

“เมีย? ใครกัน แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่”

สิงห์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“เมื่อหลายปีก่อนพ่อเลี้ยงได้ตัวหญิงชาวดอยมาเป็นเมีย พ่อผู้หญิงคนนั้นขายเธอให้พ่อเลี้ยง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รักพ่อเลี้ยงและเธอก็หนีออกมาทั้งๆ ที่กำลังตั้งท้องอยู่”

“ว่ายังไงนะ”

สิงห์รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากคำบอกเล่าของชายตรงหน้า เหมือนกับว่าสิ่งที่สิงห์หาคำตอบมาตลอดกำลังจะถูกเปิดเผย

“พ่อเลี้ยงให้คนออกตามหาเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนไปเจอกับยายเฒ่าหมอตำแยที่ท้ายปางของพ่อคุณ”

“คุณสิงห์ครับ..”

รชตที่ยืนฟังอยู่นานเห็นท่าไม่ดีว่าเรื่องที่ชายคนนี้เล่าอาจจะเกี่ยวข้องกับผกาและกวางจึงอยากจะเตือนสิงห์ให้รับรู้และไม่ควรที่จะเชื่อทุกคำที่มันบอก แต่สิงห์กลับยกมือห้ามไม่ให้รชตพูดเขาอยากฟังต่อ อยากแน่ใจว่าเรื่องที่เขากำลังคิดมันคือความจริง

“เแล้วยังไงต่อ”

“ยายเฒ่าบอกว่าเคยมาทำคลอดให้คนงานที่ปางของพ่อเลี้ยงพนาได้ยินคนเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าผกา พ่อเลี้ยงก็เลยให้ผมเข้ามาตามหาผู้หญิงที่ชื่อผกาคนนั้นครับเผื่อจะใช่คุณผกา ผมบอกคุณไปหมดแล้วปล่อยผมไปเถอะ”

เมื่อฟังมันเล่าจนจบ สิงห์นิ่งไปชั่วขณะก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายเหมือนทำงานผิดปกติ มันเต้นแรงและเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนจุกอกไปหมด ในหัวของสิงห์ไม่มีความคิดใดๆ ทั้งนั้นนอกจากหน้าของกวาง

“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากกลับไปบอกพ่อเลี้ยงพงษ์ด้วยว่าฉันอยู่ในเหตุการณ์ทำคลอดเมื่อแปดปีที่แล้วด้วย ผู้หญิงคนนั้นชื่อผกาแต่เธอตกเลือดตายระหว่างทำคลอด…ตายไปพร้อมกับลูกในท้องของเธอนั่นแหละ ใครอยู่ข้างนอกบ้างเข้ามาเอาตัวเค้ากลับไปส่งที่ปางพ่อเลี้ยงพงษ์ที”

สิ้นเสียงคำสั่งของสิงห์ คนของเขาที่ยืนเฝ้าหน้าทางเข้าโกดังก็รีบเข้ามาพาตัวมันออกไป สิงห์กำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนแขน รชตเดินเข้ามาหาสิงห์ก่อนจะหยิบปืนออกจากมือของสิงห์มาเก็บไว้เอง

“แล้วคุณสิงห์จะบอกเรื่องนี้กับพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงหรือเปล่า”

“ไม่…ความลับยังไงก็ต้องเป็นความลับต่อไป ถ้าหากว่าคุณพ่อกับคุณแม่รู้แล้วยอมคืนกวางให้พ่อเลี้ยงพงษ์ไป รชตคิดว่าเราจะอยู่ต่อไปยังไง ในเมื่อรชตเองก็รู้ดี ว่าบ้านเรากับบ้านเค้าไม่มีวันลงรอยและญาติดีกันได้”

“คุณสิงห์…”

“น้าผกายกกวางให้กับฉันแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้ใครเอากวางไปจากฉันได้ทั้งนั้น ไม่มีวัน”

“ครับคุณสิงห์ผมเข้าใจแล้ว กวางเองก็เหมือนน้องชายของผมคนนึง ผมจะเก็บเรื่องนี้ไม่ให้ใครรู้”

“ฝากด้วยนะรชต นี่ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นคำขอจากฉัน น้องชายของรชตอีกคน”

“ครับคุณสิงห์”

สิงห์พูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังกลับออกจากโกดังขึ้นรถไป สิ่งที่สิงห์พูดกับรชตไปมันไม่ใช่คำสั่งใดๆ แต่มันเป็นคำขอในถานะน้องชายต่างหาก สิงห์ไม่เคยมองว่ารชตเป็นเพียงคนงาน แต่สิงห์มองว่ารชตคือพี่ชายคือครอบครัวคือคนที่ไว้ใจมากที่สุด ส่วนรชตเองก็รู้ดีว่าสิงห์รักกวางมากแค่ไหน รักที่ไม่ใช่แค่พี่ชายที่รักน้องชาย แต่ความรักที่สิงห์มอบให้กวางมันมากกว่านั้น รชตรู้มาโดยตลอดถึงแม้ว่าสิงห์จะไม่เคยพูดมันออกมาให้ใครรับรู้ก็ตาม แม้ว่าสิงห์จะรู้ตัวดีว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้มันอาจจะไม่ได้จบอย่างสวยงามแต่สิงห์ก็ยังคงเลือกที่รัก…

“ฝั่งนิลกาลดูเหมือนจะไม่ยอมญาติดีกับเราได้ง่ายๆ เลยนะคะ”

สีหน้าและน้ำเสียงของแม่เลี้ยงมาลีดูเป็นกังวนอย่างหนักเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เจรจาเรื่องที่ดินกับทางนิลกาลเมื่อสักครู่ในงานเลี้ยงก่อนที่จะออกมา

“คุณพ่อพูดถูกแล้วนิลกาลมีแต่ความโลภเอาแต่คิดเรื่องจะเอาชนะเรา ทั้งๆ ที่เราไม่เคยคิดจะแข่งกับทางนั้นเลย ดูท่าแล้วอีกไม่นานฝั่งนั้นก็คงจะงัดทุกวิถีทางเพื่อจะได้ครอบครองพื้นที่ป่าแน่ๆ”

พื้นที่ป่าที่พ่อเลี้ยงพูดถึงคือผืนป่าต้นน้ำเล็กๆ ที่คั่นกลางระหว่างปางไม้ของทั้งสองตระกูล ป่าต้นน้ำผืนนี้ถูกจดทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์แต่ทางรัฐเห็นว่าป่าผืนนี้อยู่ท่ามกลางวงล้อมปางไม้ของทั้งสองตระกูลที่เปรี่ยมอำนาจจึงได้ให้สิทธิ์ในการดูแลป่าต้นน้ำกับทั้งสองตระกูลแต่ทางนิลกาลมีแต่ความโลภอยากได้ป่าต้นน้ำมาเป็นของตนเพื่อที่จะสร้างสิ่งปลูกสร้างที่อ้างต่อรัฐว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในจังหวัดได้มากขึ้น แต่ทางเสวภาคย์นั้นกลับไม่เห็นด้วยการมีสิ่งปลูกสร้างทับพื้นที่ต้นน้ำอาจจะทำให้ป่าต้นน้ำเสื่อมโทรมลงได้ ไหนจะพันธุ์ไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์ในป่าอีก เสวภาคย์เป็นห่วงเรื่องนี้มากและรู้ดีว่าทางนิลกาลต้องการจะทำอะไร

“ฝั่งนั้นยื่นข้อเสนอมาให้เราตั้งมากมายเพื่อให้เรายอมเซ็นต์มอบอำนาจให้เค้าไป แต่คุณปฏิเสษไปแบบนั้นจะไม่เป็นไรแน่เหรอคะ”

“ผมจะไม่เซ็นต์อะไรให้พวกมันทั้งนั้น ผมรู้ทันพวกมันทุกอย่าง ถ้าผมหลวมตัวมอบอำนาจให้พวกมันมีหวังต้นไม้ในป่าต้นน้ำไม่มีเหลือแน่ ป่าผืนนั้นมันไม่ใช่ของเราและไม่ใช่ของนิลกาลแต่มันเป็นป่าของแผ่นดินป่าของประเทศที่เรามีหน้าที่ปกป้องรักษาไม่ให้ใครมาทำลาย ขนาดพวกมันยังไม่ได้ครอบครองป่าต้นน้ำ พวกมันก็แอบลักลอบตัดต้นไม้ไปขายเป็นประโยชน์ต่อพวกมันตั้งเท่าไหร่แล้ว”

พ่อเลี้ยงบอกกับภรรยาด้วยความนึกโมโหในสิ่งที่นิลการทำ ไม่ว่านิลการคิดจะทำอะไรเขาจะเป็นคนหยุดยั้งและปกป้องป่าต้นน้ำเอง

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันเคารพทุกการกระทำและการตัดสินใจของคุณค่ะ ฉันจะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แต่ว่าคุณปฏิเสษทางนั้นต่อหน้าคนมากมายแบบนั้นพ่อเลี้ยงพงษ์คงจะโกรธน่าดูเลยนะคะ”

พ่อเลี้ยงพนาจับมือของภรายาไว้คล้ายปลอบโยนให้คลายความกังวน

“ต่อจากนี้ไปเราคงต้องระวังตัวมากขึ้น”

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันอยู่ข้างคุณเสมอนะคะที่รักและฉันเชื่อใจสิงห์ค่ะ”

พ่อเลี้ยงพนาโอบไหล่ภรรยาก่อนจะดึงเข้ามากอด

“พ่อเลี้ยงครับดูเหมือนว่ารถคันข้างหลังจะขับตามเรามานะครับ”

คนขับรถเอ่ยขึ้นมาหลังจากสังเกตเห็นว่ามีรถขับตามมาได้สักพักแล้ว พ่อเลี้ยงหันกลับไปมองก็พบว่ามีรถขับตามมาจริงๆ จะว่าเป็นรถที่ขับร่วมทางก็คงไม่ใช่ เพราะมันขับใกล้คล้ายกับว่าจะขับประกบตลอดทาง

“เร่งความเร็วมากกว่านี้! โธ่เว้ย! ไอ้พงษ์มันเล่นสกปรกกับเรา”

พ่อเลี้ยงสั่งคนขับรถก็เร่งเครื่องยนต์ให้ออกห่างจากรถที่ขับตามมากที่สุด แต่ดูเหมือนพวกมันจะรู้ว่าพ่อเลี้ยงรู้ตัวแล้วก็เร่งเครื่องยนต์ขับตามมาอย่างรวดเร็วจนประกบคู่ได้สำเร็จ มันลดกระจกลงพร้อมกับจ่อปืนมายังตำแหน่งของคนขับรถก่อนจะลั่นกระสุนออกไป

ปัง! ปัง!

กระสุนแล่นเข้าสู่ศรีษะของคนขับรถทันทีที่เสียงของมันดัง เมื่อคนขับไร้ซึ่งสติและลมหายใจแล้วรถก็ไม่มีการบังคับใดๆ จึงแล่นไปด้วยความสะเปะสะปะ

ปัง! ปัง! ปัง!

พวกมันยังคงไล่ยิงอย่างต่อเนื่อง รถของพ่อเลี้ยงเสียหลังเข้าข้างทางที่เป็นหน้าผาสูงชันก่อนจะพุ่งลงหน้าผาไปอย่างรวดเร็ว

โครม!! บึ้ม!

แสงไฟจากการระเบิดของเครื่องยนต์สว่างไปทั่วทั้งก้นผา ฝนเริ่มรินลงมาจากฟ้าทำให้บรรยากาศช่างหนาวเน็บไปถึงขั่วหัวใจแต่หากคนที่ตายไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกต่อไปแล้ว…

--------------------------------------------------

ตอนหน้าเตรียมทิดชู่ไว้ซับน้ำตากันให้ดีๆ เพราะเราจะเข้าดราม่ากันแล้ว! แงงงงงง ส่วนวันนี้ขอไปทำงานก่อนแล้วเจอกันตอนหน้าค่า บุ้ยบุ่ย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เหมือนว่าเคยอ่านแล้ว  แต่ก็จะรออ่านอีกจ้า

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:
 o13

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion
Chapter 5:: เพราะรัก

เสียงพระสวดดังมาจากศาลาพักศพของวัดแห่งหนึ่ง มีผู้คนมาร่วมงานศพของพ่อเลี้ยงผนาและแม่เลี้ยงมาลีเป็นจำนวนมาก ทั้งแขกระดับสูง เพื่อนร่วมอาชีพและคนงานในไร่ สิงห์ที่นั่งคุกเข่ารอยื่นถูปให้กับแขกที่มาไหว้ศพของท่านทั้งสอง ด้วยสีหน้าและแววตาที่นิ่งเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดออกมาทางสีหน้าและแววตาเลยสักนิด แม้จะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังถูกคนที่มาร่วมงานบางกลุ่มนินทาก็ตาม

“เด็กอะไร พ่อแม่ตายไม่ร้องไห้”

“นั่นสิ รู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่านะ”

รู้สิ…ทำไมสิงห์จะไม่รู้สึก ในเช้าวันที่ตำรวจโทรมาว่าพบศพของพ่อกับแม่ในสภาพศพที่ไหม้เกรียมเพราะรถตกเขาระเบิดนั้นรู้สึกยังไง พ่อแม่ตายทั้งคนทำไมสิงห์จะไม่รู้สึก คนพวกนี้เอาอะไรมาคิดแทนว่าเขาไม่รู้สึก เขาเจ็บแทบขาดใจ ดั่งถูกไฟเผาที่หัวใจทั้งเป็น เพียงแต่สิงห์รับรู้ถึงสถานะการณ์ตอนนี้ดี ถ้าเขาแสดงความอ่อนแอออกมาเมื่อไหร่ ก็เท่ากับว่าเขาเปิดช่องโหว่ให้คนที่คิดร้ายกับเสวภาคย์ทำงานได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญกวางยังต้องการคนปลอบ น้องยังเด็ก น้องเก็บความรู้สึกไม่เป็น มีแต่สิงห์เท่านั้นที่ต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องน้องและเสวภาคย์

“คุณสิงห์คะ พักหน่อยเถอะค่ะเดี๋ยวทางนี้นมดูแลต่อเอง”

นมเอียดเองก็เข้มแข็งพอ แม้จะร้องไห้เสียใจในช่วงแรกแต่ก็เรียกกำลังใจตัวเองกลับมาได้ ยังไงคุณหนูทั้งสองของเธอก็ยังต้องการคนดูแล ในเมื่อคุณสิงห์เข้มแข็ง เธอเองก็จะเข้มแข็งเหมือนกัน

นมเอียดนั่งลงข้างคุณสิงห์ของเธอก่อนจะแตะมือของสิงห์เบาๆ พร้อมกับบอกให้ไปพักบ้าง สิงห์นั่งอยู่แบบนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว

“ครับ แล้วกวางละครับ”

“คุณหนูกวางกำลังทานข้าวต้มค่ะ รชตเฝ้าอยู่คุณสิงห์ก็ไปทานบ้างสิคะ นมยังไม่เห็นคุณสิงห์ทานอะไรเลย”

“ครับ สิงห์ไปหาน้องนะครับ”

พูดแค่นั้นก็ลุกออกจากศาลาไปยังเต็นท์ข้างศาลาที่ไว้สำหรับทานอาหาร

“สร้อยเส้นนี้เธอได้มาจากไหน? “

น้ำเสียงที่เขร้งขรึมฟังดูน่ากลัวถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กน้อยสวมสร้อยเส้นนี้ที่คอ พ่อเลี้ยงพงษ์เองก็เดินทางมาร่วมงานเช่นกันแต่ยังไม่ทันได้เข้าไปในงานสายตาก็ดันไปปะกับกวางที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่พอดีโดยไม่มีใครเฝ้า นานๆ ทีจะได้เห็นลูกชายคนเล็กของเสวภาคย์ ได้ข่าวว่าพี่ชายหวงอย่างกับไข่ในหิน หวงขนาดนี้ทำไมถึงได้ปล่อยให้น้องชายนั่งทานข้าวอยู่คนเดียวกันนะ

ก็ว่าจะแค่เข้าไปทักทายแต่เด็กคนนี้กลับมีอะไรดึงดูดให้เขาต้องอยู่คุยต่อ หน้าตาเด็กคนนี้ไม่มีความคล้ายเสวภาคย์เลย แต่กลับคล้ายใครสักคนที่เขาเองก็นึกไม่ออก เหมือนกับว่ามันนานมาแล้ว แล้วไหนจะสร้อยคอแสนคุ้นตาอีก ทำให้เขาอยากรู้จนต้องเค้นเอามาให้ได้

“พี่สิงห์ให้กวางเป็นของขวัญวันเกิดครับ”

กวางตอบเสียงเบาเพราะเสียงแหบจากการร้องไห้มาอย่างหนักตลอดทั้งวัน ดวงตาช้ำก้มลงมองสร้อยตัวเองเพราะไม่กล้าสบตากับคนที่กำลังสนทนาด้วย

“กวาง!”

“พี่สิงห์”

ทันทีที่ได้ยินเสียงพี่ชายเรียกก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเอาใบหน้าซุกกับไหล่พี่ ไม่ยอมหันมามองคนที่เพิ่งจะคุยกันเลยแม้แต่น้อย

“มีอะไรกับน้องผมเหรอครับ”

สิงห์อุ้มกวางไว้ก่อนจะเอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงเรียบ

“อ่อ เปล่าหรอกแค่เข้ามาทักทายน่ะ ลูกชายคนเล็กของเสวภาคย์หน้าตาน่ารักไม่เบาเลยนี่ ถึงว่าเธอถึงได้หวงขนาดนี้”

“มีอะไรอีกมั้ยครับ ถ้าไม่มีผมขอตัว”

“ใจคอจะไม่เชิญฉันเข้าไปในงานหน่อยเหรอ”

พ่อเลี้ยงพงษ์พูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก อยากจะเอาชนะไอ้เด็กหัวรั้นนี่ชะมัด

“คุณสิงห์ กวาง!”

เสียงของรชตดังขึ้นก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหานายของตัวเอง เมื่อเห็นว่านายของเขานั้นกำลังยืนสนทนาอยู่กับใคร

“รชต พากวางไปหานมเอียดที”

สิงห์พูดแค่นั้นก่อนจะยกกวางให้กับรชตอุ้มต่อแม้ว่าทั้งสองมือของรชตจะเต็มไปด้วยถุงขนมของกวางก็ตาม

“เรียกผมได้ตลอดนะครับ”

สิงห์พยักหน้ารับคำแต่ไม่ละสายตาจากคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่คนตรงหน้ากลับละสายตาจากเขามองตามอีกคนที่ถูกอุ้มจากไป

“อันที่จริงพ่อเลี้ยงไม่จำเป็นต้องมาก็ได้นะครับ พ่อเลี้ยงคงไม่อยากกราบศพพ่อกับแม่ผมเท่าไหร่”

สิงห์พูดเสียงแข็ง

“ก็ไม่ได้จะมาไหว้อยู่แล้ว…แค่จะมาเคราะโลงแล้วบอกให้รู้ว่า...ตายไปได้ก็ดีจะได้หมดปัญหาเรื่องที่ดินป่าต้นน้ำซักที”

ว่าจบก็แสยะยิ้มออกมาหวังว่าคำพูดของเขาจะกรีดแทงหัวใจของสิงห์บ้าง แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาจากสิงห์คือความนิ่งไร้อารมณ์ใดๆ แม้แต่แววตาที่มองมายังเขายังแข็งกร้าวและเฉยชา

“แต่เสียใจด้วยนะครับถึงพ่อกับแม่ผมจะจากไปแล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครสานงานต่อท่าน”

“เด็กอย่างเธอน่ะเหรอ หึหึ”

นึกขำในคำพูดของเด็กตรงหน้า อวดเก่งเหมือนพ่อไม่มีผิด

“ครับ…เด็กอย่างผมนี่แหละนอกจากจะดูแลงานต่อแล้ว…”

สิงห์ขยับเข้าไปประชิดตัวคนตรงหน้าก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ

“อาจจะทำให้คุณตรอมใจตายด้วยก็ได้”

“มึง!!”

พ่อเลี้ยงพงษ์โกรธจัดเมื่อได้ยินคำพูดของสิงห์ ได้แต่กัดฟันกรอดแล้วชี้หน้าด่าในใจ

“อย่าเสียงดังไปครับ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะรู้ว่าสันดานพ่อเลี้ยงพงษ์เป็นยังไง”

“ไอ้สิงห์!”

“อย่าเรียกผมบ่อยเลยครับ…รำคาญ อ่อแล้วก็อย่ามายุ่งกับน้องผมอีกจะหาว่าผมไม่เตือน”

พูดแค่นั้นสิงห์ก็หันหลังเดินกลับไปยังศาลา ไม่สนว่าคนข้างหลังจะโมโหเดือดจัดแค่ไหน

“ให้ผมเก็บมันเลยไหมครับนาย”

ลูกน้องเอ่ยถามนาย

“ยังก่อน…ถ้ามันตายตอนนี้อีกคนตำรวจรู้แน่ว่าที่พ่อแม่มันตายไม่ใช่อุบัติเหตุ”

หลังพิธีสวดศพทั้งสามวันผ่านไปร่างของทั้งพ่อเลี้ยงพนาและแม่เลี้ยงมาลีก็ถูกทำพิธีเผาศพของท่านทั้งสองต่อ สิงห์อุ้มน้องมาส่งพ่อกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย สองคนพี่น้องยืนมองควันสีดำที่ลอยออกมาจากปล่องเมรุ

“เชื่อใจสิงห์นะครับพ่อ…แม่ สิงห์จะดูแลทุกอย่างด้วยมือของสิงห์เอง”

“พี่สิงห์…”

กวางเรียกพี่พร้อมกับเอาใบหน้าซบลงกับไหล่

“ว่าไงครับ?”

“ป๊ากับม๊าจะไปอยู่บนสวรรค์เหรอฮะ”

สิงห์ยิ้มน้อยๆ ให้กับคำถามของน้องชาย

“ใช่ครับ คุณพ่อกับคุณแม่จะไปเป็นเทวดากับนางฟ้าบนสวรรค์”

“กวางจะคิดถึงป๊ากับม๊านะฮะ”

สิงห์ลูบหัวน้องเบาๆ กวางเป็นเด็กเก่ง ถึงแม้จะร้องไห้ไม่ยอมหยุดตลอดสามสี่วันที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องส่งคุณพ่อกับคุณแม่ไปสวรรค์ กวางกลับไม่ม่น้ำตาออกมาเลย มีบ้างที่เผลอน้ำตาเอ่อมาคลอเบ้าแต่ก็จะรีบเช็ดออกทันที พี่สิงห์เลยบอกไว้ว่าถ้าร้องไห้ ท่านทั้งสองจะไม่ได้ไปสวรรค์เพราะท่านจะคอยห่วงกวาง วันนี้กวางจึงพยายามไม่ร้องออกมา

หลังจบสิ้นงานศพของท่านทั้งสอง ทนายวศิน ทนายประจพตระกูลได้เข้ามาเปิดพินัยกรรมตามหน้าที่

“นัยพินัยกรรมระบุไว้ว่า ทรัพย์สินทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเงินสดในธนาคารในชื่อบัญชีของพ่อเลี้ยงพนาและแม่เลี้ยงมาลี ไร่องุ่น ฟาร์มม้า และธุรกิจอื่นๆ ในเครือของเสวภาคย์ อีกทั้งที่ดินทุกผืน มอบไว้ให้คุณสิงห์ ราชสีห์ เสวภาคย์ทั้งหมดโดยแบ่งมรดกทั้งหมดนี้ให้กับคุณกวาง รัชตะ เสวภาคย์ สี่สิบเปอร์เซ็นเมื่อคุณกวางอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ ในส่วนของปางไม้และที่ดินอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ในพินัยกรรมพ่อเลี้ยงพนาได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ให้นายเจริญ แสนคำ หัวหน้าคนงานและเลขาส่วนตัวของท่าน ให้มาทำหน้าที่ดูและปางไม้และที่ดินอนุรักษ์ป่าต้นน้ำแทนจนกว่าคุณสิงห์จะพร้อมมาดูแลงานต่อหรือจนกว่าคุณสิงห์จะอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ พินัยกรรมมีระบุไว้เพียงเท่านี้ มีใครจะค้านอะไรไหมครับ”

ทนายวศินเอ่ยขึ้นหลังจากอ่านพินัยกรรมจนจบ สิงห์ นมเอียด รชตและนายเจริญที่เข้ามาเป็นพยานในการเปิดพินัยกรรมในครั้งนี้ต่างก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทุกคนเห็นด้วยกับการตัดสินใจของพ่อเลี้ยงพนา

“ไม่มีครับ ขอบคุณคุณลุงวศินมากครับที่เสียเวลามา”

“เสียเวลาอะไรกันสิงห์ มันเป็นหน้าที่ของลุงอยู่แล้ว พ่อเราก็เพื่อนลุง แต่ลุงว่าพินัยกรรมพ่อเรามันแปลกๆ”

ทนายวศินเอ่ยขึ้นมาอย่างนึกสงสัยเมื่อได้อ่านพินัยกรรมของเพื่อนรักอย่างพ่อเลี้ยงพนา

“ยังไงครับคุณลุง”

“ก็พ่อเราทำพินัยกรรมไว้อย่างกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

เมื่อทนายวศินพูดดังนั้น สิงห์เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จนต้องรีบพูด

“นั่นสิครับ…เพราะก่อนหน้าที่ท่านจะไปงานเลี้ยงวันนั้น ท่านก็เหมือนจะพูดเกริ่นกับผมเรื่องนี้…เดี๋ยวนะครับ นายเจริญพอจะรู้ไหมว่างานเลี้ยงที่คุณพ่อกับคุณแม่ไปเป็นงานเลี้ยงอะไร”

“เห็นพ่อเลี้ยงบอกว่าเป็นงานเสวนาป่าต้นน้ำครับหลังจบการเสวนาก็มีงานเลี้ยงต่อ…แต่แปลกที่วันนั้นพ่อเลี้ยงไม่ยอมให้ผมตามไป”

“คุณสิงห์ครับ ผมว่าเรื่องนี้ชักจะไม่ชอบมาพากลแล้วนะครับ” รชตเสริม

“ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน…คุณลุงว่ามันจะเป็นไปได้ไหมครับที่พ่อแม่ผมตายไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นการจัดฉากขึ้น”

สิงห์เอ่ยถามทนายวศินในสิ่งที่สิงห์กำลังคิด แม้ว่าภายนอกท่าทางของเขาจะดูสงบนิ่งแต่ใครจะรู้ว่าภายในใจของสิงห์นั้นเหมือนกำลังมีไฟโหมกระหน่ำท่วมทั้งภายใน เพราะถ้ามันเป็นอย่างที่สิงห์คิดจริงๆ แน่นอนว่าสิงห์จะเอาคืนพวกที่ทำให้พ่อกับแม่ของเขาต้องตายอย่างสาสม

“มันก็อาจจะเป็นไปได้นะ เพียงแต่เรายังฟันธงไม่ได้เพราะเราไม่มีหลักฐาน” ทนายวศินตอบหลานชาย

“แต่ถ้าเรื่องป่าต้นน้ำก็มีเพียงตระกูลเดียวนะครับที่มีปัญหากับเรามาตลอดตั้งแต่สมัยพ่อเลี้ยงรุ่นก่อนๆ”

นายเจริญที่เงียบฟังอยู่นานเอ่ยขึ้นอย่างนึกขึ้นได้

“นิลกาล…” สิงห์กัดฟันกรอดอย่างโกรธจัด มันจะจองล้างจองผลาญอะไรครอบครัวเขานักหนา

“ถึงแม้ว่าจะเป็นนิลกาลจริง แต่เราก็ไม่มีหลักฐานอะไรไปมัดตัวพวกมัน…เอาอย่างนี้ลุงจะฝากเพื่อนลุงที่เป็นตำรวจลื้อคดีนี้ขึ้นมาใหม่…เพราะถ้ามันเป็นการวางแผนฆาตกรรมจริง นิลกาลจบเห่แน่”

“ขอบคุณคุณลุงมากครับ”

สิงห์นั่งมองคนตัวเล็กที่วิ่งเล่นอยู่ในสวนกับรชต คงสนุกจนลืมเรื่องเศร้าไปแล้ว ก็ดีเหมือนกันเขาไม่ชอบเลยที่เห็นน้องต้องร้องไห้

“คุณสิงห์คะ…จะให้คุณหนูกวางไปอยู่ต่างประเทศจริงเหรอคะ”

นมเอียดวางขนมลงบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยถามคุณสิงห์ของเธอ สิงห์ได้บอกเธอกับรชตว่าจะให้กวางไปอยู่ที่ต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะทำไปเผื่อความปลอดภัยของกวางเอง แต่กวางเองก็ยังเด็กและเพิ่งจะเสียพ่อแม่ไปแล้วยังต้องมาไกลบ้านไกลครอบครัวอีกเธอล่ะเป็นห่วงจริงๆ

“สิงห์คงอยู่ไม่ได้ถ้าสิงห์ต้องเสียกวางไปอีกคน…เพื่อความปลอดภัยของน้อง สิงห์จำเป็นต้องทำแบบนี้”

“ค่ะ แล้วคุณสิงห์จะให้คุณหนูกวางไปเมื่อไหร่คะ”

“อาทิตย์หน้าครับ..”

นมเอียดยกมือทาบอกอย่างใจหาย มันไวมากจริงๆ ที่คุณหนูของเธอจะต้องจากบ้านจากอ้อมอกของเธอไปไกลเป็นครึ่งโลกแบบนี้

สิงห์ใช้เวลาอาทิตย์สุดท้ายของเดือนอยู่กับกวางให้มีความสุขที่สุดโดยที่กวางเองก็ยังไม่รู้ว่าอีกไม่นานก็ต้องจากบ้านจากพี่ชายคนนี้ไปไกลแสนไกลแล้ว

“กวางครับวางของเล่นแล้วขึ้นมานอนครับ”

สิงห์ตบเตียงให้น้องขึ้นมานอนข้างๆ ตัวเอง

“ก็ได้ฮะ”

เจ้าตัวเล็กเอาหุ่นยนต์ไปเก็บก่อนจะปีนเตียงขึ้นมานอนในอ้อมกอดพี่ชาย

“รีบนอนนะครับ พรุ่งนี้เราจะต้องเดินทางกันแต่เช้า”

“เราจะไปไหนกันฮะ”

กวางถามอย่างสงสัย

“เดี๋ยวก็รู้ครับ คนดีของพี่รีบนอนนะ”

ว่าจบก็ก้มลงไปจุ้บหัวน้องเบาๆ

เจ้าตัวเล็กตื่นเต้นกับการได้มาสนามบินครั้งแรก อยากจะออกไปวิ่งเล่นเสียให้ทั่วแต่ก็กลัวโดนพี่ชายตัวโตดุ ทำได้แค่บีบมือพี่ชายแล้วยิ้มหน้าบานเมื่อมองออกไปนอกอาคารเห็นเครื่องบินลำใหญ่จอดอยู่

“เราจะไปไหนกันเหรอฮะพี่สิงห์”

“ไม่ใช่เราครับ แค่กวางกับรชต”

“หมายความว่ายังไงเหรอฮะ ทำไมพี่สิงห์ไม่ไปด้วย”

เด็กน้อยเริ่มหน้าตึงใส่พี่

“พี่ต้องอยู่ทำงานครับ ส่วนกวางต้องไปเรียนต่อ รชตจะเป็นคนดูแลกวางตอนที่อยู่ที่นู่นนะ”

“ไม่เอาอ่ะ จะให้พี่สิงห์ไปด้วย”

“พี่ไปด้วยไม่ได้จริงๆ ถ้าเป็นไปได้พี่ไม่อยากให้กวางไปด้วยซ้ำ”

“ถ้าไม่อยากให้ไปแล้วจะให้ไปทำไม พี่สิงห์ไม่รักกวางแล้ว ฮึก..ไม่รัก..ไม่รักกันแล้ว”

น้ำตาใสๆ ไหลออกมาจากดวงตากลมโตอาบแก้มทั้วสองข้าง เสียงสะอื้นทำคนพี่หัวใจแทบขาดลงต่อหน้าน้อง รชตเองก็ทำได้เพียงยืนมองอยู่ห่างๆ

“ไม่ใช่นะครับกวาง พี่รักกวาง รักมากด้วยรักยิ่งกว่าชีวิตของพี่ แต่กวางต้องไปนะครับ”

“รักแล้วจะไล่ให้ไปอยู่ที่อื่นทำไม!ฮึก.. ฮือ รักแล้วจะไล่กันทำไม ฮื่อ.. ไล่ทำไม”

สิงห์ดึงน้องเข้ามากอดไว้ สิงห์ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้

“พี่ไม่ได้ไล่น้องนะครับ.. ไม่เคยคิดจะไล่เลยพี่แค่กลัว กลัวว่าถ้ากวางยังอยู่ที่นี่ จะมีคนแย่งกวางไปจากพี่”

“ใคร ใครจะมาแย่งกวางไป”

กวางดันอกสิงห์ให้อออกห่างจากตัว แต่สิงห์กลับเงียบไม่ตอบคำถามออกมา มันยิ่งทำให้กวางคิดว่าสิงห์ไม่รักกวางแล้ว

“ตอบมาสิ! ตอบมา ฮึก! ฮื่อ…ไม่รักกันแล้วก็บอกมาสิจะโกหกทำไม”

“ไม่ๆ กวาง พี่รักกวางรักมากด้วย รักที่สุดเลย”

สิงห์พยายามที่จะอธิบายให้กวางเข้าใจแต่ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้มันยากต่อการจะอธิบายอะไรให้กวางฟัง อีกอย่างเขาไม่อยากให้กวางรู้ว่ากวางไม่ใช่น้องแท้ๆ ของเขา

“คุณสิงห์ครับ ได้เวลาแล้วครับ”

รชตเดินมาบอกสิงห์เมื่อเสียงประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง

“กวางครับ ฟังพี่นะกวางไปอยู่ที่นู่นกวางต้องเชื่อฟังรชตนะครับ ถ้าหนาวก็หาเสื้ออุ่นๆ ใส่ คิดถึงพี่ก็อย่าลืมโทรมานะ พี่สัญญาจะโทรหากวางทุกวันเลย”

“กวาง…เกลียด…พี่สิงห์แล้ว เคยถามกวางมั้ยว่ากวาวอยากไปหรือเปล่า เคยถามมั้ย”

มือเล็กๆ ทุบตีอกพี่ชายอย่างโมโหและเสียใจ

“ขอโทษๆ พี่ขอโทษ เพราะพี่รักกวางถึงต้องให้กวางไป พี่ขอโทษ”

“ถ้ารักกันจริงคงไม่ไล่กันแบบนี้หรอก”

“กวางเราไปกันเถอะ ถึงเวลาแล้วนะ”

รชตอุ้มกวางจากอ้อมกอดของสิงห์ เจ้าตัวเล็กดิ้นพล่านให้หลุดจากรชต

“พี่สิงห์ ฮึก ฮืออ…กวางไม่อยากไป ไม่ไป ฮืออ ไม่ไป”

รชตอุ้มกวางเดินออกมา สิงห์ได้แต่มองน้องที่น้ำตานองหน้าเดินห่างออกไปไกลเรื่อยๆ

“กวางเกลียดพี่สิงห์ พี่สิงห์ไม่รักกวาง เกลียดพี่ที่สุดเลย”

ต่อให้คนทั้งโลกพูดว่าเกลียดเขาสักกี่พันครั้งก็ไม่ทำให้สิงห์รู้สึกสะทกสะท้านเท่ากับคำพูดว่าเกลียดเขาที่ออกจากปากกวางเพียงคำเดียว มันเหมือนมีดปลายแหลมที่ทิ่มแทงใจของเขาจนเหวอะหวะไม่มีชิ้นดี

“พี่ขอโทษ”

________________
 นิยายเรื่องนี้เคยลงเล้าแล้วครั้งนึง​ แต่ตอนนั้นดองนานไปหน่อยึ555​

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อ่านอรัภบทเหมือนแนวรักร่วมสายเลือดกะผ่านเลยไม่อ่านต่อลองอ่านต่อบทที่1โล่งอกไม่ใช่พี่น้องจริงๆ เลยขอตามต่อค่ะ :pig4:+1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion
Chapter:: 6 คิดถึงคนไกล


นี่ก็ผ่านไปสองปีไปแล้วนับตั้งแต่วันที่สิงห์ส่งกวางไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ การที่เขาต้องอยู่ห่างน้องเป็นครึ่งโลกแบบนี้ มันทำให้เขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะต้องคิดถึงกวางให้น้อยลงไม่อย่างนั้นสิงห์คงไม่เป็นอันจะทำอะไรแน่ สองปีที่ผ่านมาสิงห์ใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับการเรียนมหาวิทยาลัยและเรียนรู้งานในปางทุกอย่างจากนายเจริญที่คอยดูแลงานทุกอย่างแทนสิงห์ เมื่อเรียนจบสิงห์ก็จะได้เข้ามาคุมปางและธุรกิจทุกอย่างด้วยตัวเอง และคดีการเสียชีวิตของพ่อและแม่ของเขาจะต้องคลี่คายลงแน่นอน

“คุณสิงห์ครับพอดีว่าลูกค้าจากกรุงเทพติดต่อมาว่าอยากจะให้ส่งนมวัวเป็นห้าร้อยถังส่งไปให้ก่อนสิ้นเดือนครับ”

หัวหน้าคนงานจากฟาร์มวัวนมส่งเอกสารออเดอร์ลูกค้ามาให้สิงห์เซ็นรับออเดอร์

“บริษัทนี้ไม่เคยสั่งนมกับเรานี่ และออเดอร์ที่สั่งก็จำนวนมากเกินไปแถมให้ส่งก่อนสิ้นเดินมันจะเป็นการรัดคิวลูกค้าคนอื่นๆ นะ”

สิงห์กล่าวก่อนจะส่งเอกสารคืนให้กับหัวหน้าคนงาน

“แต่เช็คที่ทางนั้นเสนอมาก็มากกว่าลูกค้าคนอื่นๆ เลยนะครับ”

“ฉันไม่สนหรอกตัวเลขพวกนั้นน่ะ ถ้านั่นเป็นการเอาเปรียบลูกค้าคนสำคัญที่ซื้อขายกับเราตลอดหลายปี ถึงจะเป็นการสั่งจำนวนน้อยแต่ฟาร์มของเราก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาไม่ใช่เหรอ”

สิงห์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับหัวหน้าคนงานอย่างใจดีถึงจะไม่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเลยก็ตาม

“ผมดีใจนะครับที่อีกไม่นานคุณสิงห์ก็จะได้ขึ้นมาดูแลงานแทนพ่อเลี้ยงพนา คำพูดเมื่อครู่เป็นคำพูดที่พ่อเลี้ยงมักจะพูดกับพวกเราเสมอเลยครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน สวัสดีครับ”

ชายวัยกลางคนโค้งตัวให้กับว่าที่นายหัวเล็กน้อยก่อนที่เดินออกไป ทุกคนที่ทำงานกับพ่อเลี้ยงต่างก็รักใคร่และเคารพในตัวพ่อเลี้ยงทั้งนั้น คนงานจนๆ หรือแม้แต่ชาวบ้านบนดอยต่างก็ลืมตาอ้าปากได้เพราะความช่วยเหลือของพ่อเลี้ยงพนา คุณสิงห์เองก็คงลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นแน่ๆ ไม่สิ คงต้องหล่นอยู่ภายใต้ร่มเงาของพ่อเลี้ยงนั่นแหละ

พอตกดึกสิงห์วางงานทุกอย่างก่อนที่จะย้ายตัวมาอยู่ตรงหน้าแลปท็อปก่อนที่จะกดเข้าโปรแกรมสีฟ้าเพื่อวีดีโอคอลไปหาคนที่เอยู่ไกลจากเขาเป็นครึ่งโลกด้วยความคิดถึง

[สวัสดีครับคุณสิงห์]

รชตกล่าวทักทายเจ้านายเหมือนอย่างเช่นเคยทุกครั้งที่สิงห์ติดต่อมา

“เขาไปไหนล่ะ”

สิงห์ถามหาคนที่ไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นผ่านจอสี่เหลี่ยมนี่เลยสักครั้ง

[ทีแรกก็นั่งทานขนมอยู่กับเจ้าโรมี่ที่ห้องนั่งเล่นนี่แหละครับ แต่พอเห็นว่าคุณสิงห์วีดีโอคอลมาก็ชวนกันเอาขนมขึ้นไปทานข้างบนห้องแล้วล่ะครับ]

รชตเล่า เจ้าโรมี่คือเด็กลูกครึ่งหัวทอง ไทย-เยอรมัน ที่อยู่บ้านข้างๆ เป็นเพื่อนซี้ของกวางตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมาเจ้าฝรั่งน้อยหัวทองก็คุยจ้อไม่หยุดจนทั้งสองสนิทกัน

“เขาคงโกรธฉันมากจริงๆ”

[กวางยังเด็กครับผมคิดว่าพอโตขึ้นมาอีกสักหน่อยก็คงจะเข้าใจในสิ่งที่คุณสิงห์ทำ]

“ฉันเองก็หวังแบบนั้น ใกล้วันเกิดเขาเข้าไปทุกทีแล้วนี่ฉันส่งของขวัญไปแล้วน่าจะถึงก่อนวันเกิดเขา”

[ผมจะรอรับไว้ให้ครับ ว่าแต่คุณสิงห์สบายดีนะครับ]

“สบายดี นายเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ฝากกวางด้วย”

[ครับคุฯสิงห์]

บทสนทนาของทั้งคู่จบลงเพียงเท่านี้ สิงห์กดปิดแลปท็อปก่อนจะพาร่างกายกำยำขึ้นมานอนบนเตียงพลางหยิบรูปบนโต๊ะข้างเตียงมาถือไว้

“พี่คิดถึงกวางนะ คิดถึง...จนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” คนที่อยู่ไกลจะรู้บ้างไหมว่าคนทางนี้คิดถึงมากแค่ไหน

คืนนี้ลมแรงเหมือนกับว่าฤดูหนาวกำลังใกล้จะมาเยือน กวางยืนมองต้นไม้ใหญ่ที่กำลังพริวไสวตามแรงลมในช่วงสายของเช้าวันหยุด

“เดียร์ ยูไม่คิดจะโผล่หน้าไปให้พี่ชายยูเห็นบ้างเหรอ”

โรมี่ที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงของเพื่อนรักเอ่ยถามขึ้น เขาพอจะรู้เรื่องคร่าวๆ มาบ้าง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนรักของเขาถึงได้หลบหน้าพี่ชายตัวเองขนาดนี้

“ไม่เอาด้วยหรอกไม่อยากเห็นหน้าคนที่บอกว่ารักเราแต่กลับไล่เรามาอยู่ไกลขนาดนี้”

“น่าสงสารพี่ชายยูจังเลยน้า ดูเขาจะรักยูมากเลยเห็นวีดีโอคอลมาทุกวัน”

กวางกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย เจ้าหัวทองนี่ตกลงอยู่ข้างใครกันแน่

“ไม่ต้องมาช่วยพูดเลยนะโรมี่ ยังไงกวางก็ไม่ให้อภัยคนแบบนั้นหรอก”

“เดียร์ ไอรู้นะว่ายูรักพี่ชายยูมากขนาดไหนน่ะ แต่ยูอย่าลืมนะว่าสุดท้ายแล้วยูก็มีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง”

เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าหัวทองดังไม่ยอมหยุด อายุแค่สิบขวบเองแท้ๆ แต่คำพูดคำจากลับแก่แดดเกินเด็ก

“ถ้ายูพูดถึงเขาอีก กวางจะไล่ยูกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ”

กวางเตรียมจะสาวเท้าเข้ามาหาเพื่อนรักบนเตียง หวังจะลากเจ้าหัวทองออกจากห้องแต่เจ้าโรมี่กลับไหวตัวทันรีบกลิ้งตัวเองผ้าห่มห่อตัวไว้เป็นดักแด้

“No!! ไอไม่ไป ยูอย่าไล่ไอเลยนะ กว่ามัมกับแด๊ดดี้ไอจะกลับมาก็ดึกๆ นู่น อยู่คนเดียวมันเหงานะยู”

“หึหึ งั้นก็เลิกพูดถึงเขาสักที”

“โอ๊เค่”

กวางมองเพื่อนรักที่โผล่แต่หัวออกมาผ้าห่มอย่างคาดโทษก่อนจะกลับไปยืนที่เดิม

‘ทำไมกวางจะไม่คิดถึงพี่ล่ะ...อยู่ไกลขนาดนี้ประเทศนี้หนาวจะตายไป ผ้าห่มหนาขนาดไหนยังไม่อุ่นเท่ากอดของพี่เลย’

-------------------------------------------------
ตอนที่6แล้วววว​ ที่ลงถี่ไม่ใช่ไรนะเจียนไว้แล้ว55555​ ถ้าถึงตอนที่8ก็อาจจะมาอาทิตย์ละตอนเพราะแต่งไว้8ตอน5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2019 22:30:10 โดย Meemii lion »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดีนะที่พี่สิงห์ไม่มีคนอื่น  ไม่งั้นมีงอนยาววววว 555

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion


Chapter : 7 ห่างไกล



ฤดูกาลผันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตามกาลเวลาที่ล่วงเลยไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เด็กชายตัวเล็กตากลมแก้มป่องในวันนั้นได้เติบโตกลายเป็นหนุ่มหล่อเรือนผมสีน้ำตาล ดวงตาสุกใสเหมือนลูกกวางตัวน้อยๆ แสนน่ารัก รูปร่างเพียวสูงโปร่งที่แอบมีมัดกล้ามให้เห็นดูมีสุขภาพดี แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่กวางน้อยของพี่สิงห์อยู่ดี

อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดอายุครบยี่สิบปีของกวางและกเป็นวันที่กวางเรียนจบมหาวิทยาลัย คงเหนื่อยและพยายามน่าดูเลยสินะ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่สามารถเรียนจบมหาวิทยาลัยภายในอายุยี่สิบปีอย่างนี้

“คุณสิงห์คะ ป้าขอรบกวนได้หรือเปล่าคะ”

นมเอียดเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องทำงานของสิงห์ก่อนที่เรียกที่คนเอนหลังดูรูปของกวางในมือ บนเก้าอี้นวม

“ได้ครับ นมเอียดมีอะไรหรือเปล่าครับ”

สิงห์วางมือถือลงบนโต๊ะก่อนจะหมุนเก้าอี้กลับมาสนทนากับนมเอียด สิงห์ในเวลานี้กลายเป็นหนุ่มหล่อร่างกายกำยำที่แน่นไปด้วยมัดกล้ามไปทุกส่วน หนวดเคลาที่ถูกตกแต่งบนใบหน้าทำให้สิงห์ดูดีจนสาวๆ ต่างพากันหมายปองทั้งนั้น

“ป้าได้ยินมาว่าคุณหนูกวางเรียนจบวันนี้เหรอคะ”

“ผมลืมบอกนมเอียดไปซะสนิดเลย ครับกวางเรียนจบแล้ววันนี้”

“ดีจริง คุณหนูกวางเก่งจริงๆ เลยนะคะ เรียนจบทั้งๆ ที่อายุยังน้อยแบบนี้ ถ้าคุณท่านทั้งสองยังอยู่คงปลื้มใจนะคะ”

“ครับ พรุ่งนี้ผมจะส่งของขวัญไปให้กวาง นมเอียดจะฝากอะไรไปให้กวางไหมครับ”

“นมทำสาเกเชื่อมไว้ค่ะ ของโปรดคุณเขาเลยค่ะ เดี๋ยวป้าจะจัดใส่กล่องซิปล็อคไว้นะคะฝากคุณสิงห์ส่งให้ป้าด้วย”

“ได้ครับ ผมจะจัดการให้”

“เอ่อ…คุณสิงห์คะ เมื่อไหร่คุณสิงห์จะให้คุณหนูกวางกลับมาเหรอคะ”

สิงห์เงียบไปอยู่ครู่ใหญ่ แต่มันคงถึงเวลาที่จะให้กวางกลับมาแล้ว ทางนิลกาลก็ไม่ได้มีที่ท่าว่าจะสนใจอะไรกวางแล้ว

“เร็วๆ นี้แหละครับ”

ในบ้านพักเล็กๆ สองชั้นที่ทำด้วยไม้ทั้งหลัง สีขาวสะอาดตา ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้สวยๆ และต้นไม้หายากที่ถูกดูแลอย่างดี แต่เดิมบริเวรบ้านเป็นเพียงแค่สนามหญ้าโล่งๆ เท่านั้น แต่เจ้าของบ้านดันเลือกเรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สิ่งแวดดล้อม พลอยทำให้เจ้าตัวชอบการปลูกต้นไม้และดูแลต้นไม้ จึงเป็นสาเหตุให้สนามหญ้าโล่งๆ ถูกแทนที่เข้าด้วยสวนสวยๆ แทน

“กวาง พี่ชายยูจะให้ยูกลับไทยเมื่อไหร่”

โรมี่เพื่อนซี้จอมแสบคนเดียวของกวางถามขึ้นพร้อมกับช่วยเพื่อนรักลงต้นกล้าของต้นไม้ที่เพิ่งได้มาใหม่ในสวน

“ไม่รู้ เราไม่ได้อยากกลับไปเราจะสนใจทำไมว่าเขาจะให้เรากลับเมื่อไหร่”

กวางตอบพร้อมกับค่อยๆ วางต้นกล้าลงในหลุม

“อย่าคิดว่าไอไม่รู้เชียวนะ ว่าที่ยูทนอ่านหนังสือทำงานทำวิจัยจนดึกดื่นตลอดสามปีที่ผ่านมาเพราะว่ายูอยากจะเรียนจบไวๆ เพื่อที่จะได้กลับไทยน่ะ”

“โรมี่!!”

กวางส่งสายตาอำมหิตให้เพื่อนรักรู้ตัว

“Sorry~”

“เราคิดถึงนมเอียดต่างหากอีกอย่างตั้งแต่พ่อกับแม่เราเสียไปเราก็ยังไม่มีโอกาศได้ไปกราบท่านเลย”

“โถ่ ลูกกวางน้อยของโรมี่ ไอเชื่อว่าอีกไม่นานยูก็จะได้กลับบ้าน และไอก็จะรีบเร่งทำวิทยานิพน์ให้เสร็จแล้วไปหายูที่ประเทศไทยนะ”

“หึ รีบๆ เข้าล่ะ เราบอกแล้วว่าอย่าขี้เกียจ”

“กวาง~”

“ป่ะ เสร็จแล้วเข้าบ้านเถอะ”

กวางเดินไปล้างมือที่ก๊อกน้ำก่อนจะพาเพื่อนรักเข้าบ้าน ก็พบกับรชตที่กำลังจัดแจงเอาของออกจากลังใบใหญ่

“ของอะไรเยอะแยะเลยล่ะรชต”

กวางถามก่อนจะเดินเข้าไปดูว่าลังใหญ่นี้มีอะไร

“กวาง ลืมวันเกิดตัวเองหรือไง?”

รชตเอ่ยขึ้นก่อนที่คนโดนย้อยถามถึงกับชะงัก ใช่สิวันนี้เป็นวันเกิดเขานี่มัวแต่วุ่นๆ เรื่องวิจัยจนลืมวันลืมคืนไปหมดแล้ว

“Yeah! Today is your birthday!”

“หึ พูดแบบนี้แสดงว่าเธอก็ลืมวันเกิดเพื่อนรักของเธอใช่มั้ย?”

“โน่ววว! ไอไม่ได้ลืมนะลุง ไอแค่ไม่ได้พูดถึง กะจะเซอร์ไพร์สกวางต่างหากล่ะ”

“เหรอ”

“ใช่สิ”

ไม่วายที่สองคนนี้จะต้องหาเรื่องมาเถียงกันให้คนฟังอย่างกว่างต้องกุมขมับ

“เถียงกันจบยัง? ไหนตกลงของมีอะไรบ้าง”

เมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงกลางอย่างกวางเอ่ยขึ้นเพื่อห้ามทับคนทั้งสอง รชตจึงหันกลับมาหยิบของออกจากลังต่อ

“กล่องนี้ของกวางจากนมเอียด”

“จริงเหรอ ไหนๆ ขอดูหน่อยว่าปีนี้นมเอียดจะส่งอะไรมาใช้”

กวางรับกล่องซิปล็อคมาจากรชตที่หน้ากล่องแปะกระดาษสีฟ้าพร้อมกับมีข้อความจากคนส่งมาอวยพรวันเกิดให้กับเขาด้วย เมื่อไม่นานมานี้เขาได้โทรหานมเอียดแล้วบ่นว่าอยากกินสาเกเชื่อมพอมาวันนนี้ก็ได้กินสาเกเชื่อมสมใจอยากแล้ว รักนมเอียดที่สุดเลย

“กวางรักนมเอียดจัง บ่นไปไม่กี่วันว่าอยากกินแล้วนมเอียดก็ทำมาให้ด้วย กวางจะกินให้หมดเลย”

“What’s inside of this?”

โรมมี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ พอเห็นวัตถุหน้าตาแปลกๆ สีเหลืองอ่อนที่ชุ่มด้วยอะไรเหนียวๆ ก็เกิดความสงสัยขึ้น

“อ๋อ ในนี้คือขนมน่ะที่ไทยเรียกว่าสาเกเชื่อม สาเกเป็นผลของต้นไม้ชนิดนึงที่เอามาเคี่ยวกับน้ำตาล”

“อย่างนี้นี่เอง ไออยากลองชิมบ้าง”

“ได้สิ เดี๋ยวเอาไปอุ่นก่อนแล้วหลังทานข้าวเย็นค่อยกินกันนะ”

“ส่วนกล่องนี้ของคุณสิงห์นะ”

กวางชะงักหยุดทุกความเคลื่อนไหวเมื่อคนสนิทเอ่ยถึงชื่อของเขาคนนั้นออกมาพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญมาให้เขา กล่องของขวัญใบไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ห่อด้วยกระดาษสีแดงพร้อมกับการ์ดใบเล็กๆ ที่แนบมาด้วย

“เดี๋ยวกวางลงมานะ”

กวางรับกล่องของขวัญจากรชตก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนและตรงไปยังห้องนอนของเขาทันที ร่างโปร่งนั่งมองของขวัญกล่องสีแดงบนเตียงด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ไม่แน่ใจว่าดีใจ โกรธ เสียใจ ตื่นเต้น หรืออะไรกันแน่ นี่เขากำลังคาดหวังอะไรอยู่กันแน่นะ มือเรียวเอื้อมไปหยิบการ์ดที่แนบมาก มือเรียวเอื้อมไปหยิบการ์ดที่แนบมากับโบว์ที่ผูกกล่องไว้ขึ้นทาอ่าน

‘สุขสันต์วันเกิดนะครับกวางของพี่…พี่ยังขอยืนยันคำเดิมว่าทุกอย่างที่พี่ทำก็เพื่อกวางทั้งนั้น

ปล. หวังว่าจะชอบของขวัญที่พี่ให้นะ’

“เหอะ เพื่อกวางงั้นเหรอ แล้วพี่เคยถามกวางบ้างมั้ยว่ากวางต้องการหรือเปล่า”

กวางเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาที่มันคลออยู่ในดวงตาไหลออกมาก่อนที่จัดการกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ให้มันคงที่แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ แกะกระดาษสีแดงที่ห่อหุ้มกล่องของขวัญเอาไว้

“หุ่นตัวนี้…”

กวางหยิบหุ่นยนตร์ที่แสนคุ้นเคยขึ้นมา มันคือหุ่นยนตร์ที่รชตซื้อให้เขาเมื่อตอนวันเกิดอายุแปดขวบของเขา มันแตกต่างจากหุ่นยนตร์ที่เคยได้มาเพราะตัวนี้มันอัดเสียงไว้ กวางเม้มปากแน่นไม่รู้ว่าสิงห์ต้องการจะบอกอะไรถึงส่งเจ้าหุ่นยนตร์ตัวนี้มาให้ กวางพลิกไปด้านหลังหุ่นเพื่อเปิดมันก่อนที่ไฟสีแดงที่อกของมันจะเป็นสีเหลืองบ่งบอกว่ามีการอัดเสียงล่าสุดไว้เมื่อไม่นานมานี้ เขาไม่รู้เลยว่าสิงห์จะอัดเสียงอะไรมาหรือจะบอกว่าทุกอย่างนี้เพื่อเขาอีกงั้นเหรอ ตอนนี้กวางไม่กล้าหวังอะไรแล้วทั้งนั้น และเพียงอึดใจเดียวกวางก็ตัดสินใจกดปุ่มที่อกของหุ่นเพื่อฟังเสียงที่อัดไว้

‘กวาง…ได้ยินพี่ใช่มั้ย สุขสันต์วันเกิดนะปีนี้พี่ก็ไม่มีอะไรจะให้เลย ไม่รู้ว่าจะส่งอะไรไปให้กวางดีเอาไว้กลับมาไทยเมือไหร่พี่จะตามใจกวางทุกอย่างเลย เพราะงั้น…กลับบ้านเรานะ’

จากที่พยายมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมาจนเมื่อได้ยินในสิ่งที่กวางรอคอยมาตลอดจากสิงห์น้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้ กวางกอกหุ่นยนตร์ในอ้อมแขนแน่น…ในที่สุดวันที่กวางรอคอยก็มาถึง วันที่เขาจะได้กลับไปดูหน้าคนใจร้ายที่เขารักมากที่สุด

“ฮึก…กลับบ้านเรานะเหรอ ฮือ ฮึก ตัวเป็นคนไล่เค้ามาแท้ๆ ฮือ”

ทางด้านของรชตและโรมมี่ที่อยู่ด้านล่างเมื่อเห็นกวางรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่ก็จะรู้ว่ากวางคงอยากมีเวลาส่วนตัวเพื่อเปิดของขวัญของสิงห์

“ลุงไอสงสารกวาง”

โรมมี่ที่นั่งเท้าคางบนโต๊ะอาหารเอ่ยขึ้นกับรชตที่กำลังชงช็อกโกแลตร้อนให้กับเจ้าตัวในห้องครัว

“ทำไมล่ะ”

“ก็กวางน่ะอยากกลับไทยจะตาย ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากกลับแต่สีหน้าและแววตานะตรงกันข้ามมากๆ”

“ก็แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ”

รชตเอ่ยพร้อมกับวางแก้วช็อกโกแลตไว้ตรงหน้าของโรมมี่

“คุณสิงห์น่าจะมาง้อให้กวางกลับบ้านนะ เพราะกวางนะคิดว่าคุณสิงห์ไล่ให้มาที่นี่ แต่ไอก็พอจะรู้นะว่าคุณสิงห์น่ะอาจจะมีเหตุจำเป็นที่ให้กวางมาอยู่ที่นี่ ไม่งั้นคงไม่ให้ลุงมาอยู่ด้วยหรอก”

“หึ รู้ดีจังเลยนะเรื่องเรียนน่ะรู้ดีเท่าเรื่องนี้มั้ย”

“หู้ย ลุงเดี๋ยวนี้กัดเจ็บนะ”

โรมมี่ทำหน้ามุ่ยก่อนจะยกแก้วช็อกโกแลตร้อนกระดกพรวดเดียวก่อนทีจะพ่นออกมาเพราะความร้อนของช็อกโกแลตลวกปากด้วยความรวดเร็ว

“ร้อนๆๆ งื้อ ลุงทำไมไม่บอกว่าร้อนขนาดนี้”

รชตแบบกลั้นขำกับท่าทีของเด็กฝรั่งตรงหน้าก่อนจะหยิบทิชชู่ส่งให้โรมมี่

“ก็ไม่ได้ถามนี่ หึหึ บนปากยังเปื้อนอยู่เลย”

“ตรงไหนอ่ะ ตรงนี้เหรอ”

โรมมี่ปาดกระดาษทิชชู่ไปทั่วจนรชตทนดูไม่ได้ก่อนจะแย่งทิชชู่จากมือคนตรงหน้ามาเช็ดให้

“ไหนเงยหน้าซิจะเช็ดให้”

โรมมี่เงยหน้าขึ้นอย่างว่าง่ายสบกับจังหวะที่รชตเองก็ก้มลงมาพอดีทำให้หน้าของเขาทั้งคู่ห่างกันแค่คืบ ใบหน้าขาวผ่อง กับริมฝีปากกระจับสีชมพูสดที่เริ่มแดงเพราะถูกของร้อนลวกทำให้ปากดูน่าสัมผัสมากขึ้น ทิชชู่ในมือหนาค่อยๆ แตะลงที่ตรงบนริมฝีปากบนและค่อยๆ เช็ครอยเปื้อนออกให้อย่างเบามือ แต่สิ่งที่ทำให้รชตเผลอยิ้มออกมาคือเขารับรู้ได้ถึงลมหายใจที่พ่นออกมาด้วยความแรงและถี่ที่เกิดขึ้นจากความตื่นเต้นหรือหัวใจกำลังเต้นแรงของคนตรงหน้าที่เอาแต่มองหน้าเขาพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นจนเห็นได้ชัด

“ทำอะไรกันอ่ะ”

เสียงของกวางที่เดินลงมาจากชั้นบนแล้วมาเห็นทั้งคู่ในครัวก็ดังขึ้นทำให้เขาทั้งคู่หลุดจากภวังค์ทันทีก่อนจะรีบดีดตัวออกจากกัน

“ปะ เปล่านี่ อะ ไอไม่ได้ทำอะไร”

“แค่เช็ดรอยเปื้อนให้โรมมี่นะ เช็ดออกแล้วนะฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วกันเดี๋ยวลงมาทำอาหารเย็นให้”

ว่าจบก็รีบปลีกตัวออกไปจากวงสนทนาทันทีทิ้งให้กวางได้แต่งงและสับสนอนู่ตรงนั้นและไม่พ้นโรมมี่ที่กำลังเก็บอาการความเขินเอาไว้ไม่ให้เพื่อนรักอย่างกวางรู้…บ้าที่สุด ตาลุงบ้า

------------------------------------------------------------------------------------------

ช่วยสนับสนุนอ้อนด้วยน้าาา​ ชอบไม่ชอบยังไงก็ติอ้อนได้​ ❤️❤️

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion
   Chapter :: 8 sunflower

   

   เมื่อเท้าคู่นี้ก้าวมาเหยียบแผ่นดินของประเทศไทยครั้งแรกในรอบหลายสิบปี หัวใจที่เคยเหมือนจะด้านชากลับมาเต้นแรงอีกครั้งเหมือนกับว่ามันกำลังเรียกร้องหาคนที่มันรอคอยที่จะพบหน้ามาตลอด แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเก็บทุกความรู้สึกเอาไว้ให้ลึกที่สุด ต่อให้คิดถึงเขาคนนั้นมากแค่ไหนแต่ความโกรธที่มันค้างคาอยู่ในความรู้สึกยังคงไม่หายออกไปจากหัวใจ

   ”เดี๋ยวเราต้องต่อเครื่องกลับเชียงใหม่กันนะ”

   รชตเดินกลับมาหากวางที่กำลังนั่งมองผู้คนผ่านไปมา

   “ทำไมล่ะ ค้างที่กรุงเทพฯ สักคืนไม่ได้หรือไง นั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมงเมื่อยจะตายอยู่แล้ว”

   “คุณสิงห์กำชับมาว่าอยากให้กวางไปถึงให้เร็วที่สุด เอาน่ากลับไปพักที่บ้านเราดีกว่านะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้วไปถึงเชียงใหม่คงสายๆ”

   “หึ ตอนไล่เราไปที่อื่นก็อยากให้รีบไป พออยากให้กลับมาก็บอกให้ไปถึงให้เร็วที่สุด เจ้านายของรชตนี่มีปัญหาอะไรกับความเร่งรีบนักเหรอ”

   ไม่วายได้แขวะอีกคนที่เอาแต่สั่งๆ ตามใจตัวเอง

   “คุณสิงห์อยากให้กวางได้พักผ่อนต่างหาก อีกอย่างคงอยากจะเจอกวางมากๆ ด้วย”

   “จะอะไรก็ช่าง ไม่สน”

   รชตได้แต่แอบถอนหายใจให้กับคนตรงหน้าที่ยืนหน้าเหวี่ยงให้กับเจ้านายของตัวเอง อยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าเจอหน้ากันจะทำหน้ายังไง

   

   วันนี้สิงห์ตื่นเช้ากว่าปกติ เสื้อผ้าหลายชุดถูกโยนลงบนที่นอนเมื่อเจ้าตัวลองใส่แล้วรู้สึกไม่ชอบใจ ก็วันนี้กวางกลับมาแล้วนี่นา เขาก็ต้องดูดีที่สุดเพื่อไปรับกวางสิ ไม่รู้ว่าคนนั้นจะทำหน้าแบบไหนถ้าได้เจอเขาอีกครั้งจะยิ้มกว้างรับหรือว่าจะทำหน้าเหวี่ยงใส่ แต่คิดดูแล้วน่าจะอย่างหลังมากกว่า

   สิงห์หยิบเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลเข้มมาลองสวมดูก่อนจะจัดระเบียบตัวเองสีนี้คงจะดูเข้ากับเขาที่สุดแล้วล่ะ วันนี้สิงห์อยู่ใส่ชุดที่ดูธรรมดาแต่เมื่ออยู่บนร่างกายของเขาแล้วมันดูดีมากเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาล กางเกงยีนส์สีเข้ม คู่กับเข็มขัดหนังสีดำกับหัวเข็มขัดที่เป็นหัวสิงโตสีทองเข้ากันกับรองเท้าหนังแบรนด์ดัง มันทำให้เขากลายเป็นพ่อเลี้ยงที่หล่อมากเลยทีเดียว

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะประตูดังขึ้นในระหว่างที่เขากำลังพรมน้ำหอมบนร่างกาย

   “คุณสิงห์คะ มีแขกมารอพบคุณสิงห์ค่ะ”

   เสียงของนมเอียดเอ่ยขึ้นจากด้านนอก สิงห์ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างแปลกใจ เขาได้แจ้งทุกคนไว้แล้วนี่ว่าวันนี้เขาไม่รับแขก แล้วใครกันมารอพบเขา

   “ใครครับนม ผมแจ้งไปแล้วนี่ครับว่าวันนี้ไม่รับแขก”

   “คุณอรค่ะ”

   เมื่อได้ยินชื่อของแขกที่มารอพบสิงห์ก็แอบถอนหายใจเล็กน้อย อรคือลูกสาวคนเดียวของท่าน สส.วีระชัย ที่ให้ความเอ็นดูสิงห์มาตั้งแต่สิงห์ก้าวเข้ามาดูแลปางไม้แทนพ่อเลี้ยงพนา เขากับอรจึงรู้จักกันแต่เพียงในถานะพี่น้องเท่านั้น แม้เขาจะรู้ตัวดีว่าอรคิดกับเขามากกว่านั้นและท่านวีระเองก็เหมือนจะอยากจับคู่เขาให้กับลูกสาวท่านอยู่แล้ว จะปฏิเสธไปเลยก็คงดูไม่ดี เดียวจะหาว่าสิงห์หักหน้า สิงห์จึงทำได้เพียงแค่วางตัวให้ทางนั้นรู้ไปเลยว่าเขานั้นคิดยังไง แต่ก็ดูเหมือนว่าอรจะไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ ยังคงตามติดสิงห์เหมือนเดิม

   สิงห์เดินลงมาข้างล่างหลังจากแต่งตัวเสร็จก็พบกับอรที่กำลังนั่งรอเขาที่ห้องรับแขก

   “คุณสิงห์ขา แหมใจร้ายจังเลยนะคะปล่อยให้อรนั่งรอตั้งนาน”

   หญิงสาวรีบปรี่เข้ามากอดแขนพร้อมกับทำท่าทีออดอ้อนทันที่ที่เห็นร่างสูงร่างกายกำยำลงมา

   “ผมว่าผมแจ้งแล้วนะคับว่าวันนี้ผมไม่รับแขก”

   สิงห์กล่าวพร้อมกับพยายามที่จะชักแขนของตนเองกลับคืน

   “แม้แต่อรเหรอคะ”’

   “ครับ”

   สิงห์ตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินไปหยิบหมวกคาวบอยหนังสีดำที่แขวนไว้บนผนังมาสวมโดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่กำลังหน้าง้ำไม่พอใจอยู่ข้างหลัง

   “พูดแบบนี้อรน้อยใจนะคะ ว่าแต่คุณจะไปไหนเหรอคะ”

   “ไปรับคนสำคัญครับ”

   สิงห์ตอบก่อนที่จะยกกาแฟที่นมเอียดเตรียมไว้ให้บนโต๊ะขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว หญิงสาวมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยอาการไม่พอใจเมื่อได้ยินคำตอบ คนสำคัญงั้นเหรอ? ใครกัน หรือจะเป็นผู้หญิงของคุณสิงห์กันนะ หญิงสาวคิดไปต่างๆ นาๆ แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่รู้จักกับสิงห์มานั้นเธอเองก็ไม่เคยเห็นสิงห์ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนเลยสักคน

   “ใครกันคะอรรู้ได้หรือเปล่า”

   สิงห์นิ่งไปครู่หนึ่ง ในหัวพลางคิดว่าเขาควรจะตอบอย่างไรดี เขาไม่อยากเรียกกวางว่าน้องชายด้วยซ้ำแต่สถานะที่เป็นอยู่เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากพี่น้อง

   “น้องชายครับ… ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”

   “โอ๊ะ คุณสิงห์มีน้องชายด้วยเหรอคะทำไมอรไม่เคยรู้เลยล่ะคะ”

   หญิงสาวรีบเดินตามสิงห์ที่เดินออกไปอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีเมินเฉยต่อเธอ แต่เมื่อตามออกไปก็พบว่าสิงห์ขึ้นรถยนต์คันหรูออกไปเสียแล้ว

   “คุณสิงห์คะรออรด้วย คุณสิงห์ คุณสิงห์ โธ่เอ๊ย! ใจร้ายกับอรเกินไปแล้วนะคะ หึ่ย!”

   

   รถยนต์คันหรูสีดำขลับแล่นอยู่บนท้องถนนมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังสนามบิน สิงห์เปิดมือถือดูข้อความ จากรชตที่มีการส่งรูปมา ทำให้สิงห์รีบเปิดดูข้อความทันทีและรูปที่รชตส่งมาก็ทำให้เขามีรอยยิ้มบนใบหน้าได้ใบเช้านี้

   “แวะร้านดอกไม้ให้ฉันด้วย”

   “ครับคุณสิงห์”

   คนขับรถรับคำสั่งก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าข้างทางที่มีร้านขายดอกไม้สีขาวน่ารัก สิงห์เดินลงจากรถตรงไปยังร้านขายดอกไม้ เสียงกรุ๊งกริ๊งจากกระดิ่งที่ประตูดังขึ้นเมื่อร่างกายสมบูรณ์แบบของเขาเปิดประตูก้าวเข้ามาภายในร้าน

   “ยินดีต้อนรับค่า…อ้าวคุณสิงห์ทำไมแวะมาได้คะเนี่ย”

   หญิงสาวหน้าตาน่ารักในชุดแซ็กแขนกุดยาวเสมอเข่าสีชมพูผู้เป็นเจ้าของร้านเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าของเธอ วันนี้คุณสิงห์ที่เธอรู้จักหล่อเป็นพิเศษเพราะปกติที่เจอกันชายหนุ่มตรงหน้าจะต้องตัวโชกไปด้วยเหงื่อและเสื้อผ้าจะต้องเปื้อนดินเปื้อนโคลนทุกครั้งไป

   “จัดช่อดอกไม้ให้ซักช่อสิ”

   “หืม เอาไปให้สาวที่ไหนเหรอคะมีนถามได้หรือเปล่า”

   หญิงสาวแซ็วชายหนุ่มที่เอาแต่ยิ้มมุมปากเมื่อเธอพูดเช่นนั้น สงสัยจะเป็นคนพิเศษมากแน่ๆ

   “ขอดอกไม้ที่มีความหมายดีๆ นะ ไม่ได้เจอกันนานอยากให้เห็นแล้วประทับใจ”

   “ได้ค่ะ…ถ้างั้นมีนเลือกดอกทานตะวันให้แล้วกันนะคะ”

   สิงห์ยิ้มตอบเมื่อหญิงสาวเจ้าของร้านเลือกดอกไม้ชนิดนี้ให้ ความหมายของมันเขารู้ดีว่าตรงกับความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนที่จะได้รับมันไปมากแค่ไหน

   

   เครื่องบินลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่เวลาแปดโมงเช้าคนที่เอาแต่ทำหน้าเหวี่ยงมาตลอดทางก้าวฉับๆ ออกจากเก๊ตโดยไม่รอคนที่ถือของพะรุงพะรังอย่างรชตที่เดินตามหลังมาเลยจนกระทั่งลงจากบันไดเลื่อนสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลายืนถือดอกไม้รอต้อนรับเขาอยู่ไกลๆ ได้อย่างเด่นชัดอยู่ด้านล่าง แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันหลายสิบปีแต่กวางก็ยังคงจำหน้าคนใจร้ายคนนี้ได้เป็นอย่างดี กวางหยิบแว่นตาสีชาในกระเป๋าขึ้นมาสวมใส่บดบังสายที่เริ่มมีน้ำตาคลอของเขาไว้ เขาคนนั้นกำลังมองมาทางนี้ มองมาที่กวาง…

   “กวางหยุดเดินทำไมล่ะ เดินต่อสิมันขวางทางเดินคนอื่น”

   รชตที่เดินหิ้วสัมภาระตามหลังมาเอ่ยเมื่อเห็นคุณหนูของเขาหยุดเดินอย่างกะทันหัน

   “ก็เดินนำสิ”

   ว่าแค่นั้นรชตก็เดินนำหน้าตรงไปยังเจ้านายของเขาที่ยืนหอบดอกไม้ช่อโตรออยู่

   “สวัสดีครับคุณสิงห์มารอนานหรือยังครับ”

   “ก็ซักพักแล้วแหละ เดินทางกันเหนื่อยแย่เลยสิกลับไปก็อย่าเพิ่งทำงานนะฉันให้พักผ่อนหนึ่งอาทิตย์ ขอบใจมากที่ดูแลกวางให้”

   สิงห์จับบ่ารชตอย่างขอบคุณก่อนจะให้คนขับรถนำของไปเก็บที่รถ แล้วหันกลับมามองคนข้างหลังรชตที่เอาแต่กอดอกหันหน้ามองไปทางอื่น…ดูโตขึ้นเยอะมากจริงๆ

   “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะกวาง”

   น้ำเสียงทุ้มฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นเปล่งออกมาพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ให้คนตรงหน้า กวางก้มมองช่อดอกทานตะวันก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าคนให้เสียงในหัวของเขากำลังตีกันว่าอย่ารับนะหรือจะรับไว้ดี แต่สุดท้ายแล้วมือของเขาก็เอื้อมไปรับช่อดอกไม้มากอดไว้

   “รชต กวางมีบ้านที่นี่ด้วยเหรอ ลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าเคยมีบ้าน”

   คำพูดแท่งใจดำกับน้ำเสียงประชดประชันเอ่ยขึ้นต่อหน้าคนใจร้ายตรงหน้า สิงห์นิ่งงันไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา ก่อนที่จะค่อยๆ เผยรอยยิ้มมุมปากออกมา…หงุดหงิดรอยยิ้มแบบนี้ที่สุด

   “เรากลับบ้านไปพักกันดีกว่า เด็กแถวนี้เดินทางมาเหนื่อยๆ คงเริ่มอารมณ์เสียแล้วล่ะ”

   สิงห์พูดก่อนจะหันหลังเดินนำรชตและคนที่ทำหน้าบึ้งตึงมีดอกไม้ช่อโต ระหว่างทางกลับไปยังปางไม้บนรถมีแต่ความเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งๆ ที่ไม่เจอกันนานก็น่าจะพูดคุยอะไรกันซักหน่อยสิ สิงห์หันไปมองร่างโปร่งที่นั่งห่างกับเขาจนติดกับประตูอีกฝั่งพร้อมกับสัปหงกเป็นพักๆ สิงห์ขยับตัวเข้าไปนั่งชิดกับอีกคนก่อนที่จะค่อยๆ ใช้มือประคองหัวของกวางมาซบที่ไหล่ของเขาแทนหน้าต่างรถ จนกระทั่งรถเคลื่อนที่มาจอดที่หน้าบ้านคนที่นอนซบไหล่ของเขาก็ยังไม่ตื่น

   “กวางถึงบ้านแล้วนะ ตื่นได้แล้วครับ”

   ใบหน้าหล่อก้มลงกระซิบที่ข้างหูของน้องเบาๆ แต่กวางก็คงยังไม่ตื่น

   “กวาง ตื่นเร็วถึงแล้วนะ”

   “อื้อ…อ๊ะ!”

   เสียงครางในลำคอดังเบาๆ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วพบกับใบหน้าของสิงห์ที่โน้มลงมาใกล้จนใบหน้าเกือบจะชิดกัน กวางตกใจจะรีบดีดตัวออกจากคนตัวโตข้างๆ

   “ทำอะไร”

   ถามเสียงดุไม่พอยังทำหน้าดุใส่พี่อีกต่างหาก…อย่างกับแมวขู่

   “พี่แค่ปลุก…ถึงบ้านแล้ว”

   กวางหันซ้ายหันขวามองดูสิ่งรอบข้างข้างนอกรถก่อนจะหันกลับมามองค้อนใส่คนพี่แล้วเปิดประตูลงจากรถทันที

   “คุณหนูกวาง! คุณหนูของนม”

   “นมเอียด!”

   เมื่อได้พบกับคนที่เปรียบเสมือนแม่อีกคนของกวาง เขาก็รีบวิ่งถลาเข้าไปกอดหญิงวัยหกสิบปีด้วยความคิดถึง จากที่เคยใช้หน้าซุกพุงของนมเอียดในวัยเด็ก กลับกลายเป็นว่าตอนนี้กลายเป็นนมเอียดที่ใช้หน้าซุกอกของเขาแทนเสียแล้ว ก็ตัวสูงขึ้นเยอะเลยนี่เนาะ

   “คุณหนูของนม นมคิดถึงคุณกวางทุกวันเลยนะคะ ดูซิโตแล้วหล่ออย่าบอกใครเลย”

   “ถ้าหล่อก็ต้องบอกคนอื่นสินม ถ้าไม่บอกใครจะมาจีบกวางล่ะจริงไหม ฮ่าๆ”

   “นั่นสินะคะ คุณหนูของนมนี่หล่อจริงๆ”

   “แล้วเทียบกับผมใครหล่อกว่ากันครับนม”

   สิงห์ที่เดินลงจากรถตามมาทีหลังก็เข้ามาร่วมวงสนมนาด้วยเมื่อเห็นแม่นมกับคนน้องกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน

   “แหม ถ้าเทียบกับคุณสิงห์ของป้าก็ต้องให้คุณหนูน่ารักแล้วล่ะค่ะ ใครจะไปหล่อสู้คุณสิงห์ได้ล่ะคะ”

   คนน้องมองค้อนคนพี่ที่เข้ามาแทรกวงสนทนาที่กำลังสนุกสนานระหว่างเขากับนมเอียด

   “นมครับกวางขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ”

   “อ้าว ไม่ทานข้าวก่อนเหรอคะ”

   “ไม่ครับ ไม่หิวอยากนอนมากกว่า”

   ว่าจบก็เดินตัวปลิวเข้าบ้านไม่สนใจคนที่ยืนทำหน้าหงอยเลย

   “เหมือนจะยังไม่หายงอนคุณสิงห์นะคะ”

   “ครับ”

   “ปล่อยคุณหนูไปก่อนเถอะค่ะ ไว้ค่อยหาช่วงเวลาดีๆ ไปง้อนะคะ”

   สิงห์ยิ้มเล็กน้อยให้กับนมเอียดก่อนจะเงยขึ้นไปมองที่หน้าต่างห้องนอนของกวางชั้นบนที่เจ้าตัวกำลังปิดม่านที่เปิดรับแสงอยู่

   

   “ยุ่งทุกเรื่อง”

   กวางบ่นอุบก่อนจะวางช่อดอกไม้ลงบนเตียงแล้วแลบลิ้นใส่ประหนึ่งว่าเจ้าช่อดอกไม้ช่อนี้คือคนที่ให้เขามา

   Rrrrrr Rrrrrr

   เสียงมือถือดังขึ้น กวางล้วงหยิบมือถือออกจากกระเป๋าแจ็คเก็ตออกมาดูว่าใครโทรมา หน้าจอเผยเป็นชื่อของเพื่อนรักหัวทองอย่างโรมี่วีดีโอคอลมากวางไม่รอช้าที่จะกดรับสายจากเพื่อนรัก

   [Hey! เดียร์ ยูถึงประเทศไทยหรือยัง?]

   “ถึงตั้งแต่เช้าแล้วแต่เพิ่งจะมาถึงบ้านที่เชียงใหม่”

   [แล้วทำไมไม่ส่งข่าวบ้างล่ะ ไอเป็นห่วงยูนะ]

   โรมี่ทำสีหน้าและน้ำเสียงที่ดูเล่นใหญ่ไปเสียหน่อยทำให้กวางเผยรอยยิ้มมุมปากออกมาอย่างรู้ทันเพื่อนรัก

   “ไม่ต้องทำมาเป็นพูดว่าห่วง อยากสอดรู้เรื่องพี่สิงห์ล่ะสิ”

   [กวางงง ยูทำไมชอบรู้ทันไออยู่เรื่อยเลยล่ะ แล้วว่าแต่ไม่ได้เจอกันตั้งเป็นสิบๆ ปี พอมาเจอกันรู้สึกยังไงเหรอ]

   ใบหน้าที่มีรอบยิ้มของกวางเจื่อนลงมาเมื่อเพื่อนรักถาม

   “ไม่รู้สิ ก็โกรธอยู่เหมือนเดิม…แต่ก็แอบดีใจมั้งที่ได้เจอ”

   [ว้าว ไหนบอกว่าจะไม่ดีใจไงจ๊ะ]

   “เงียบไปเลยน่า จะไม่เล่าอะไรให้ฟังแล้ว”

   ร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนพร้อมกับทำสายตาอาคาดใส่เพื่อนรักหัวทอง

   [โอ๊ะ! นั่นดอกไม้นี่ พี่ชายยูให้มาใช่หรือเปล่า]

   กวางหันไปมองดอกไม้ที่ข้างหลังก่อนจะหยิบมันขึ้นมาให้เพื่อนรักดู

   “อื้อ”

   [Wow sunflower~ ยูรู้ไหมว่าดอกทานตะวันมีความหมายว่ายังไง]

   “ว่า?”

   [ก็ดอกทานตะวันเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง รักเดียวใจเดียว ถ้าได้รับดอกทานตะวันเหมือนได้รับสารว่า "แม้เธอจะเย่อหยิ่งเพียงได แต่สักวันฉันจะชนะใจเธอ" และยังหมายถึง "รักของฉันมั่นคงและภักดีต่อเธอเสมอ ดุจดั่งทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์…โหย โรแมนติกสุดๆ ไปเลยเนาะยูว่าไหม]

   เมื่อได้ฟังความหมายจากเพื่อนรักแก้มทั้งสองข้างก็เริ่มแดงระเรื่อเผยออกมาจนคนที่อยู่ในจอมือถือยังเห็นได้ชัด

   [นั่นยูหน้าแดงเหรอกวาง โอ้พระเจ้า! กวางยูหน้าแดงยูเขินใช่ไหมๆ]

   “เงียบไปเลยน่าโรมี่ เราไม่ได้เขิน ตะ..แต่อากาศเมืองไทยมันร้อนต่างหากล่ะ เราไม่คุยกับยูแล้ว…แค่นี่นะ”

   กวางรีบตัดสายเพื่อนรักไปอย่างดื้อๆ กลัวว่านอกจากใบหน้าที่แดงจนเห็นได้ชัดของตัวเองแล้วโรมี่จะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอกของเขาด้วย

   "แม้เธอจะเย่อหยิ่งเพียงใด แต่สักวันฉันจะชนะใจเธอ" และยังหมายถึง "รักของฉันมั่นคงและภักดีต่อเธอเสมอ ดุจดั่งทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์”

   “บ้าที่สุด…รักมั่นคง จะเอาชนะใจงั้นเหรอ…คอยดูเถอะกวางจะใจแข็งยิ่งกว่าหินอีก”





___________________________________________________________________



โอ๊ยยย กราบแทบเท้าคนอ่านทุกคนเลยค่ะ555 กว่าจะลงให้อ่านกันได้แต่ละตอน นานเหลือเกิน555 ลงให้อ่านก่อนยังไม่ได้แก้คำผิด เจอคำผิดก็เม้นท์บอกกันได้นะคะ วันนี้มาดึกหน่อย แต่มาแล้วนะ555 ไม่หายแน่นอน ไม่ดองด้วยจ้า แต่มาช้าหน่อย อย่าว่าอ้อนน้าาาา

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่สิงห์เอาแต่พอดีอย่ารุกแรง555

ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
โอยยยยยย
ใจละลายกับความโอนี่จังของพี่สิงห์ตอนเด็กๆเลยค่ะ

ง้อน้องเบาๆนะพี่สิงห์ น้องไม่เคย เอ้ย ผิดๆๆ 55555
ง้อน้องดีๆนะพี่สิงห์
แล้วก็จัดการกับยัยชะนีอรด้วยล่ะ
อย่าให้มาทำร้ายใจน้องได้เด็ดขาดเลยนะ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เอาใจช่วยพี่สิงห์ หาทางเอาชนะใจน้องให้ได้นะคะ

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion
Chapter :: 9 ไม่ให้ไปไหนอีกแล้ว

ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเสวภาคย์ นายน้อยของบ้านก็ยังคงขลุกตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกมาเจอหรือพูดคุยกับใครเลย โดยเฉพาะกับคนห้องข้างๆ ที่มายืนรอหน้าห้องเพราะอยากจะเจอหน้าน้องทุกวัน
“กวาง…ถ้าตื่นแล้วรีบลงมาทานข้าวนะ วันนี้ต้องเข้าปางกับพี่”
คนที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงพอได้ยินเสียงคนพี่ที่บอกว่าจะพาเข้าปางก็รีบดีดตัวขึ้นมานั่งฉีกยิ้มจนหน้าบานก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่ายังงอนพี่เขาอยู่ก็รีบกลับมาปั้นหน้ายักษ์ทันทีพร้อมกับสาวเท้ายาวๆไปเปิดประตูห้อง ที่มีคนตัวสูงยืนประชันหน้าอยู่
“หลีกสิ หิวข้าว”
คนพี่รีบเบี่ยงตัวหลีกทางให้น้องเดินผ่านลงไปยังห้องอาหารข้างล่างอย่างว่องไว พร้อมกับยกยิ้มขึ้นบนใบหน้าเดินตามหลังคนตัวโปร่งที่เดินกระแทกเท้าลงบันได้อยู่ข้างหน้า
“คุณสิงห์ขาาา~ กู๊ดมอนิ่งค่า”
เสียงแหลมแปดประหลอดของใครสักคนดังขึ้นทำเอากวางเกือบตะสะดุดบันไดหงายหลังโชคดีที่คนพี่จับไว้ทันเลยทรงตัวอยู่ได้
“คุณอรคะ อย่าเสียงดังสิคะ”
นมเอียดเอ็ดแขกสาวเบาๆ พร้อมกับเดินตามเข้ามาในบ้าน กวางทำหน้างอกอดอกมองหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปนมทะลักสีแดงฉูดฉาดที่เดินนวยนาดเข้ามาในบ้าน
“อ้าวคุณสิงห์อยู่นี่เองเหรอคะ”
อิงอรรีบถลาตัวเข้ามากอดแขนของสิงห์ทันทีที่เห็นหน้าพร้อมกับแทรกตัวเบียดจนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แบบกวางเซไปเลยทีเดียว กวางหันไปมองหญิงสาวด้วยแววตาไม่พอใจก่อนจะเลื่อนไปสบตากับคนตัวสูงข้างๆ ที่กำลังมีสีหน้าที่เรียบตึง กวางเบ้ปากอย่างนึกรำคาญก่อนจะรีบสาวเท้าออกมาให้พ้นจากตรงนั้นแล้วตรงไปที่ห้องอาหารทันทีทิ้งให้คนพี่ยืนมองตามหลังด้วยสายตาละห้อย
“รับข้าวเลยไหมคะคุณหนู”
นมเอียดถือโถข้าวไว้ในมือเตรียมพร้อมตักให้คนที่เพิ่งนั่งลง
“นมกวางบอกแล้วไงครับว่าให้นมมานั่งทานข้าวด้วยกันไม่ต้องมาบริการอะไรเลย นมอายุมากแล้วปล่อยให้คนอื่นทำเถอะครับ นะนมนะ”
“แต่ว่านมอยากดูแลคุณหนูนี่คะ”
“ไม่ต้องเลย มาๆ นมนั่งข้างๆ กวางตรงนี้เลย”
ร่างโปร่งลุกจากเก้าอีกเพื่อดึงเก้าอี้ตัวข้างๆ ให้หญิงชรานั่งก่อนจะดันเก้าอี้เข้าให้เป็นอันเรียบร้อย พร้อมกับบริการตักข้าวให้นมเอียดเองกับมือและตักให้ตัวเอง
“คุณสิงห์วันนี้จะไปไหนคะ อรว่างอยู่กับคุณได้ทั้งวันเลย…อ้าวคุณรับเด็กรับใช้มาใหม่เหรอคะ หน้าตาจิ้มลิ้มเชียว”
“คุณพระ!”
นมเอียดอุทานออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ออกจากปากหญิงสาว
“นี่กวางครับ น้องชายผม”
“อ่อเหรอคะ ตายจริงอรก็ลืมไปเลยว่าน้องชายคุณเพิ่งกลับมา โทษทีนะจ๊ะน้องกวางคงไม่ถือโทษโกรธพี่หรอกนะจ๊ะ”
“หึ กวางไม่ถือสาเอาความกับคนที่มีหัวเหมือหัวกุ้งหรอกครับ”
กวางวางโถข้าวลงกับโต๊ะก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง
“หืม อะไรคือหัวกุ้งเหรอจ๊ะ”
อิงอรถามด้วยความสงสัย
กวางเงยหน้ามองหญิงสาวก่อนจะส่งยิ้มให้แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
“มดตักข้าวให้คุณสิงห์กับคุณอรสิ”
นมเอียดหันไปสั่งแม่บ้านสาวอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“อ้าว ว่าแต่ทำไมวันนี้นมถึงมานั่งทานข้าวกับพวกเราล่ะคะ แม่บ้านไม่ทานในครัวเหรอคะ”
“อร..”
“นมเป็นคนสำคัญของบ้านหลังนี้ อีกอย่างนมไม่ใช่แม่บ้านทำไมนมต้องเข้าไปทานในครัวและที่สำคัญกวางบอกให้นมร่วมโต๊ะกับเราเองนับจากนี้เป็นต้นไป คุณอรมีปัญหาอะไรไหมครับ”
สิงห์ที่กำลังจะเอ่ยปากเอ็ดอิงอรกลับต้องรีบกลืนคำพูดของตัวเองลงคอไปเพราะคำพูดของคนน้องที่สวนขึ้น  ที่สวิตเซอร์แลนด์เลี้ยงกวางด้วยอะไรกันนะจากเด็กขี้อายในวันนั้นกลายเป็นเด็กที่ต่อปากต่อคำเก่งเสียเหลือเกิน
“ไม่จ้ะ ไม่มีเลย”
อิงอรตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของกวางแม้แต่น้อย
“วันนี้พี่จะพากวางไปดูงานในส่วนที่พี่จะให้กวางรับผิดชอบ”
คนตัวโตที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยขึ้นขณะที่กวางกำลังตักอาหารให้นมเอียด
“ว้าว ดีจังเลยนะคะน้องกวางไปอยู่เมืองนอกมาตั้งนานพอกลับมาปุ๊บคุณสิงห์ก็ไว้ใจให้ทำงานเลย”
กวางช้อนสายตาขึ้นมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“พี่สิงห์เค้าก็แบบนี้แหละครับ ขนาดคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเค้ายังปล่อยให้เดินตะโกนในบ้านแต่เช้าเลย”
ว่าจบก็ตักข้าวใสปากไม่ได้สนใจเลยว่ามีสายตาคมกำลังจ้องมาที่เขาอยู่
“อุ๊ย ตายจริง ใครกันคะคุณสิงห์”
“ทานข้าวเถอะครับ ผมมีงานที่ต้องทำอีกมาก”
บทสนทนาบนโต๊ะอาหารจบลงเพียงเท่านั้นเพราะหากยังต่อปากต่อคำกันอีกคนจะยาวไม่จบสิ้น สิงห์ลอบมองสีหน้าแววตาของน้องอยู่บ่อยครั้ง ก็รับรู้ถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปคือกวางเป็นคนที่กล้าต่อปากต่อคำ ไม่สนไม่แคร์ใครหากเขาไม่ชอบหน้า หึหึ คงเป็นผลจากการที่เขาทิ้งกวางอยู่คนเดียวนานเกินไป หลังจากมื้อเช้าจบลงสิงห์ก็รีบพาตัวกวางขึ้นรถจี๊บแล้วรีบบึ่งไปที่ปางทันทีในระหว่างที่อิงอรกำลังเข้าห้องน้ำ เพราะเขาไม่อยากให้เจ้าหล่อนไปเกะกะระหว่างทำงาน
“ทิ้งแฟนพี่ไว้ที่บ้านแบบนั้นน่ะดีเหรอ ไม่พามาด้วยล่ะ”
“พามาทำไมล่ะพี่พาเรามาทำงานนะ อีกอย่างอรเค้าไม่ใช่แฟนพี่”
สิงห์ตอบคำถามน้องขณะที่กำลังขับรถเข้าปางที่ถนนมีความขรุขระค่อนข้างมากจนคนน้องตัวโงนเงนตามจังหว่ะที่รถลงหลุม
“ไม่ใช่แฟน แต่ก็ปล่อยให้เค้าเกาะแขนเป็นปลิง”
นี่คงเป็นนิสัยอีกอย่างของกวางที่สิงห์ต้องทำตัวให้ชินคือการค่อนแคะที่ทำให้คนฟังรู้สึกแสบยิบๆ ขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่ครับ”
น้องไม่ตอบอะไรแต่กลับเบนหน้าไปมองวิวข้างทางแทนรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว รถจี๊บสีเขียวขี้ม้าค่อยๆ ชะลอลงเมื่อสิงห์ขับมาถึงเนินเขาท้ายปางโดยใช้ทางลัดที่ทำใหม่ กวางมองไปรอบๆ ตัวก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเขาทั้งคู่ถึงมาอยู่ที่นี่
“ที่นี่คือ?”
“สุสานของพ่อกับแม่ เข้าไปไหว้พ่อกับแม่เถอะตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้ไปไหว้ท่านเลยนี่เราน่ะ”
“ป๊ากับม๊าอยู่ที่นี่งั้นเหรอ”
กวางก้าวขาลงจากรถก่อนจะเดินตามหลังสิงห์ที่เดินอยู่ข้างหน้า ที่นี่รายล้อมไปด้วยดอกไม้ต่างๆ มากมายมีต้นไม้ใหญ่ยืนเด่นอยู่ที่ยอดเนินเขาเป็นร่มเงาให้กับป้ายสุสานของท่านทั้งสอง กวางค่อยๆ ก้าวเท้ามายืนอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลง มือเรียวเล็กค่อยๆ เอื้อมไปสัมผัสรูปภาพของหญิงและชายวัยกลางคนที่มีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นที่สุดในความทรงจำของกวาง
“ป๊า ม๊า กวางกลับมาหาป๊ากับม๊าแล้วนะ คิดถึงกวางไหมต้องโทษพี่สิงห์นะที่ทำให้กวางกลับบ้านเราช้า กวางคิดถึงป๊ากับม๊านะครับ คิดถึงที่สุดเลย”
น้ำตาเม็ดใสไหลออกจากดวงตากลมบ่งบอกว่าเขานั้นรู้สึกอย่างไร สิงห์ที่นั่งอยู่ข้างๆ น้องเมื่อเห็นน้ำตาน้องก็ดึงตัวน้องเข้ามากอด ร่างโปร่งเอนตัวไปซบกับอกพี่อย่าว่าง่ายพร้อมกับเสียงสะอื้นจนตัวนั้นสั่นเทาเบาๆ ให้คนกอดได้รับรู้ว่าตอนนี้เขากำลังเสียใจมากแค่ไหน ทำให้สิงห์รู้สึกผิดในใจอยู่ไม่น้อย กลับบ้านมาครั้งนี้สิงห์จะไม่มีทางปล่อยให้กวางไปที่ไหนอีกแล้ว อยากจะดูแลกวางให้ดีที่สุด
หลังจากร้องไห้กับอกของพี่อยู่นานกวางก็เริ่มสงบจิตสงบใจได้บ้างแล้วจึงค่อยๆ ผละตัวออกจากสิงห์ที่กำลังกอดเขาไว้ สิงห์ถอนกอดอย่างว่าง่ายกวางก็รีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นปัดเศษดินเศษหญ้าที่กางเกงออกก่อนจะกลับมาเป็นกวางคนเย็นชากับพี่สิงห์คนเดิมต่างจากกวางที่สิงห์กอดเมื่อครู่
“รีบไปทำงานกันเถอะกวางอยากทำงานแล้ว”
“ขึ้นรถสิ วันนี้พี่จะพากวางไปฝึกงานที่โรงเพราะเมื่อเดือนก่อนคนงานของเราเข้าไปสำรวจป่าต้นน้ำแล้วบังเอิญเจอต้นรองเท้านารีเหลืองกาญจน์เข้า”
“รองเท้านารีเหลืองกาญจน์? กล้วยไม้หายากเลยนี่นา”
กวางตาโตทันทีที่ได้ยินแบบนี้เพราะต้นรองเท้านารีเหลืองกาญจน์ เป็นพืชกล้วยไม้ที่หายากในธรรมชาติ มีดอกสีเหลืองสวยงามซึ่งอยู่ในบัญชีพืชการค้าของกรมวิชาการเกษตร ถ้าใครลักลอบเอาออกมาก็จะมีความผิดทางกฎหมาย ยกเว้นกล้วยไม้บางชนิดที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงในสถานที่เพาะเลี้ยง และขึ้นบัญชีสถานเพาะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นการรับรองว่าไม่ได้เอาออกมาจากป่าโดยตรงพบมากในจังหวัดกาญจนบุรี และสามารถพบได้ในภาคเหนืออีกด้วยแต่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีแล้วเพราะมีคนลักลอบเอาออกมาขายเป็นจำนวนมากทำให้ไม้พันธุ์นี้ค่อยๆ หายไป
“ใช่ คนของเราออกสำรวจเกือบทั่วทั้งป่าต้นน้ำแล้วพบว่ามีขึ้นอยู่แค่สองกอเท่านั้นพี่เลยติดต่อประสานงานไปกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าศูนย์วิจัยเพราะพันธุ์ไม้หายากของเราจะทำการวิจัยและขยายพันธุ์เพื่อนำกลับคือสู่ธรรมชาติต่อไป”
“แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับกวางพี่จะให้กวางเข้าร่วมการวิจัยขยายพันธุ์ด้วยหรือไง”
กวางถามคนพี่กลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกใดหากแต่ในใจกำลังหวังให้พี่ตอบว่าใช่เป็นร้อยครั้ง
“ถ้าพี่ตอบว่าใช่ล่ะ กวางจะทำไหม?”
“ทำ!”
แทบไม่ต้องรอคำตอบให้เสียเวลาเพราะคำตอบนั้นออกจากปากกวางแทบจะทันทีด้วยความดีใจพร้อมกับท่าทางดูมีความสุขของเขาทำให้สิงห์ยิ้มออกมา
“ว่าแต่ทำไมพี่ถึงไว้ใจกวางให้ทำงานนี้ล่ะ”
“ต่อให้กวางจะอยู่คนละทวีปกับพี่กวางทำอะไรพี่ก็รู้หมดนั้นแหละ งานวิจัยพันธุ์ไม้หายากเพื่อขยายพันธุ์ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของภาควิชา น้องพี่เก่งขนาดนี้ทำไมพี่จะไม่ไว้ใจให้ทำล่ะ”
“พี่สิงห์”
ร่างโปร่งจู่โจมเข้าสวมกอดพี่อย่างดีใจจนทิ้งมาดความเย็นชาที่คีพลุคมาตั้งแต่ต้นไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงกวางตัวน้อยๆ ที่กำลังดีใจกระโดดกอดสิงโตตัวใหญ่อยู่ในขณะนี้ สิงห์ตวัดแขนกอดน้องตอบ
“ขอบคุณนะ”
“ครับ พี่ขอโทษนะพี่คิดถึงกวางนะ คิดถึงตลอดเวลาเลย”
ร่างโปร่งในอ้มกอดนิ่งไปครู่ใหญ่กับคำพูดของคนที่กำลังกอดเขาอยู่
“แล้วทำไมต้องทิ้งกวางล่ะ รู้ไหมว่าไปอยู่ไกลพี่ขนาดนั้นมันยากมากเลยนะ”
“พี่ขอโทษแต่พี่มีเหตุผลจริงๆ แต่ตอนนี้พี่ยังบอกกวางไม่ได้พี่บอกกวางได้แค่ว่า…พี่คงอยู่ไม่ได้ถ้าใครจะเอากวางไปจากพี่ พี่เหลือกวางแค่คนเดียว”
สิ้นสุดคำพูดของพี่ร่างโปร่งในอ้อมกอดของพี่ก็กอดพี่แน่นขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับเอากำปั้นทุบหลังพี่เบาๆ หนึ่งที
“นี่แหน่ะ! ไม่รู้หรอกนะว่าปิดบังอะไรไว้แต่ถ้าไล่กวางอีกพี่โดนดีแน่”
“รับทราบครับไม่ให้ไปไหนแล้ว คิดถึงจะตาย”

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ยัยสบู่อิงอร น่าจะไม่ปล่อยพี่สิงห์ง่ายๆแน่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด