(END) summer back again คิมหันต์หวนคืน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (END) summer back again คิมหันต์หวนคืน  (อ่าน 2080 ครั้ง)

ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2019 10:44:10 โดย chittaphone23 »

ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คิมหันต์หวนคืน




ใต้ผืนทรายที่ร้อนระอุ
ไม่ได้มีเพียงความแห้งแล้งไร้ชีวิต
หากแต่ยังมีรอยรักจากอดีต
ที่ยังรอคอยการหวนคืนมาของคนผู้นั้น...รอเวลาที่จะได้พบกันอีกครั้ง





นิยายเรื่องนี้คือนิยายวาย(ชายรักชาย)
เป็นเพียงสิ่งที่สร้างมาจากจินตนาการของผู้แต่ง
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานที่จริง เหตุการณ์จริงใดๆทั้งสิ้น










ทะเลทรายโกบี 2018




หลังจากทิ้งร่างนอนหงายลงบนพื้นทรายละเอียดที่ร้อนระอุของสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลทรายที่ร้อนและแห้งแล้งติดอันดับต้นๆของโลก คิมหันต์ หลับตาลงเพียงเพื่อต้องการพักสักครู่ แต่ไม่ถึงหนึ่งนาทีเขาก็ต้องถอดใจ เพราะแสงอาทิตย์บนท้องฟ้าไร้เมฆ มันสาดเข้ามากระทบร่างพอดี ผนวกกับไอความร้อนบนพื้น ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่า หากเขาเผลอหลับไป ร่างของเขาคงหลอมละลายกลายเป็นของเหลวไหลลงไปรวมกับเม็ดทรายพวกนี้แน่ๆ



เขาผุดลุกขึ้นนั่งแล้วกวาดสายตามองไปรอบกาย ทุกด้านมีเพียงเม็ดทรายที่ทับถมกันจนบางจุดเป็นเนินสูงชัน สายลมกรรโชกแรงพัดมาไม่ขาดสาย แต่ไม่ได้ช่วยขับไล่ความร้อนออกไปแม้แต่น้อย เพราะกลางทะเลทราย สายลมที่พัดผ่านย่อมต้องเป็นลมร้อนที่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย



คิมหันต์ใช้แขนเสื้อยกขึ้นปาดเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ไหลย้อยจากหน้าผากไหลมาสู่ดวงตา เขาถอดแว่นกันแดดออกเพื่อนำมาเช็ด เพราะกระจกแว่นมันมัวจากละอองฝุ่นจนแทบมองไม่เห็น



เฮ่อ…



นี่เขาคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่มาที่นี่?



ชายหนุ่มรำพึงในใจอย่างเหนื่อยล้า ไม่ใช่เพียงแค่ร่างกายที่ล้าจากการเดินบนพื้นทรายร้อนๆมาค่อนวัน แต่รวมถึงอาการเหนื่อยล้าทางใจจากเหตุการณ์แย่ๆที่พึ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ด้วย



เขาเปิดกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลแล้วล้วงมือเข้าไปหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อแก้กระหาย เมื่อเก็บขวดน้ำใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าตามเดิม พลันฝ่ามือแตะเข้ากับวัตถุบางอย่าง ซึ่งไม่ต้องเดาเขาก็รู้ว่ามันคืออะไร



กำไลหยกราคาแพงเพราะเป็นของเก่าแก่ยุคโบราณซึ่งคนรักของเขาเป็นคนมอบให้



ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าคนรักเก่าต่างหาก



ภาพชายหนุ่มผิวสีแทนผู้มีหน้ามีตาในสังคมไฮโซผุดขึ้นมาในหัวโดยที่เขาไม่ต้องพยายามนึกถึงด้วยซ้ำ



ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องระหกระเหินมาเดินร่อนอยู่กลางทะเลทรายโกบีซึ่งตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อประเทศมองโกเลียและจีนก็คือชายคนนี้แหล่ะ



เขากับอดีตคนรักคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เมื่อเรียนจบเขาก็ตัดสินใจยึดอาชีพฟรีแลนซ์ตามที่ใจตนรัก ต่างจากแฟนเก่าของเขาที่เกิดมาในครอบครัวคนรวยที่ต้องเข้าบริหารงานตามที่ทางผู้ใหญ่เห็นควร



แฟนเก่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ ตั้งแต่คบกันมาก็มีเรื่องนอกกายเข้ามาไม่ขาด แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนไม่ค่อยเก็บอะไรมาใส่ใจและยอมรับว่ารักคนๆนั้นมากกว่ารักตัวเอง จึงยอมให้อภัยมาเสมอ



จนกระทั่งครั้งล่าสุด ซึ่งมันร้ายแรงเกินกว่าเขาจะรับได้



หมอนั่นพาเด็กผู้ชายซึ่งไม่น่าจะอายุเกิน18ปีมานอนที่คอนโดของเขา ห้องนอนของเขา เตียงนอนของเขา…



มันไม่ใช่การนอกกายอย่างเดียว แต่ครั้งนี้มันคือการหยามเกียรติและไม่ไว้หน้ากันเกินไป

เขารับไม่ได้ เมื่อต้องมาเห็นภาพอุบาทนั้นด้วยตาตัวเอง



แฟนเก่าพยายามง้องอนขอคืนดีอย่างที่เคยเป็นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนๆ

เขามองอนาคตของเราสองคนว่าจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ และพบว่าคำตอบคือ เป็นเหมือนเดิม หากเขาใจอ่อนให้อภัย เราก็คงคบกันต่อไปเรื่อยๆ อีกไม่นานแฟนเก่าเขาก็ต้องทำเรื่องเลวๆนี้ซ้ำแบบเดิม วนลูปอยู่อย่างนั้น



เขาร้องไห้สลับกับหัวเราะกับความอ่อนแอของตัวเองอยู่หลายวัน จนแม่ของเขาพูดกับเขาคำหนึ่ง



“แม่เลี้ยงลูกมาอย่างดี มอบความรักให้ลูกทั้งหมด อย่าเอาชีวิตที่พ่อกับแม่ดูแลห่วงใยไปให้ใครทำร้ายอีกเลย…”

คำพูดนั้นทำให้เขาตัดสินใจเด็ดขาดที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า



เขาพยายามตัดใจ ตัดขาดทุกช่องทางการติดต่อ แต่มันทำไม่ได้ง่ายๆ เพราะแฟนเก่าเขายังคงดื้อด้านตามตื้อไม่หยุด ทั้งมาเฝ้าที่คอนโด มาดักรอเวลาเขาจะออกไปทำงาน ฝากข้อความมาทางเพื่อน ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าตนหวั่นไหวไม่น้อย เพราะใจจริงก็ยังรักยังห่วงอยู่



เขาจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาญาติคนหนึ่งซึ่งสนิทกับเขามาก เพราะญาติของเขาก็เคยมีประสบการณ์รักคุดเหมือนกัน แถมยังร้ายแรงสาหัสกว่าเขามาก แต่ญาติของเขาก็ผ่านมาได้ จนตอนนี้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนใหม่แบบแฮปปี้สุดๆไปแล้ว



และเขาก็ได้คำแนะนำดีๆมาจนได้ ญาติของเขาเล่าว่า



“การตัดใจมันโคตรยากเลยใช่มั้ย ตอนนั้นพี่ก็ทำใจไม่ได้แบบนายแหล่ะ พี่ก็เลยตัดสินใจไปปีนเขาที่อินโดนีเซีย ตอนนั้นมันโคตรลำบากเลย กว่าจะพิชิตเขาลูกนั้นได้ พี่ไม่เก่งเรื่องใช้ร่างกายนายก็รู้ แต่พี่หยุดไม่ได้ มันเหนื่อยแล้วก็ท้อมากนะ แต่พี่ตั้งใจว่าจะทำให้ได้ แล้วพอพี่ทำได้นะน้อง มันรู้สึกว่า เฮ้ย! เรื่องยากขนาดนี้กูยังทำได้กูยังผ่านมาได้ กะอีแค่ถูกทิ้งมันโคตรกระจอกสำหรับพี่เลย!”



นั่นล่ะ คือวิธีที่ญาติของเขาผ่านเรื่องเลวร้ายมาได้ เขานับถือพี่เค้ามากนะที่ทำสำเร็จ เพราะญาติคนนี้แกเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างไม่ถนัดกีฬาทุกประเภท เป็นคนขี้โรคที่ทุกคนประคบประหงม แต่แกก็พิชิตยอดเขาปุนจักจายา ยอดเขาที่มีธารน้ำแข็งปกคลุมและสูงที่สุดในอินโดนีเซียสำเร็จจนได้ เขาโคตรจะทึ่ง



ตอนแรกญาติก็แนะนำให้คิมหันต์ไปปีนเขาเหมือนกับแกนั่นแหล่ะ แต่เขาขอผ่านเพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่ชอบแน่ๆ แกก็เลยแนะให้ไปเดินป่า เขาก็ค่อนข้างเห็นด้วยนะ แต่ไปๆมาๆแกก็ค้านว่า มันง่ายไปหน่อย(เหรอ?) เลยเสนอให้ลองพิชิตทะเลทรายดูมั้ย ซึ่งน่าแปลกที่คิมหันต์กลับรู้สึกสนใจข้อเสนอนี้มากๆ



ญาติผู้พี่เลยเอาข้อมูลทะเลทรายของหลายๆประเทศมาให้เลือก แล้วแกจะเป็นคนจัดการเรื่องการเดินทาง คนนำทาง ผู้เชี่ยวชาญมาให้ รวมถึงออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย (แฟนคนใหม่แกเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับโลกเชียวนะ



สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเลือกทะเลทรายโกบี หลังจากที่เห็นเพียงภาพถ่ายสองสามภาพเท่านั้น ไม่ได้ศึกษาก่อนด้วยว่ากว้างเท่าไร เป็นอย่างไร ตาของเขามันไปสะดุดกับทะเลทรายแห่งนี้ชนิดที่ว่า ไม่ยอมละสายตาไปมองอย่างอื่นเลย



นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้เขาต้องมานั่งเหงื่อท่วมอยู่กลางทะเลทรายตอนนี้



เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ คือการเดินเท้าฝ่าทะเลทรายร้อนๆเพื่อไปยังจุดหมายที่เป็นโอเอซิสเก่าแก่อันโด่งดังของทะเลทรายโกบี ที่มีชื่อว่า ทะเลสาบเย่ว์เฉยาเฉวียน(พระจันเสี้ยว) หากไปถึงที่นั่นได้ภารกิจก็สำเร็จ



นักบินปล่อยเขาลงกลางทะเลทราย และให้เข็มทิศพร้อมกับจีพีเอสซึ่งระบุปลายทางไว้ให้แล้ว ที่ต้องทำก็แค่เดินตามคำสั่งของจีพีเอส และจากการคำนวณ เขาต้องเดินประมาณ1วันครึ่งกว่าจะไปถึง เขาจึงพกเต็นท์ขนาดพกพามาด้วย เพราะมั่นใจว่าคงต้องค้างคืนกลางทะเลทรายนี่แหล่ะ



เขาเดินมาตั้งแต่เช้าโดยไม่หยุดพัก จนตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มจะคล้อยลงต่ำแล้ว ร่างกายที่ไม่เคยทำงานหนักอ่อนแรงจนแทบจะเดินไม่ไหว จึงตัดสินใจว่าจะหยุดพักกางเต็นท์ตรงนี้ นอนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มเดินทางใหม่



คิมหันต์กางเต็นท์อย่างทุลักทุเล เรียวปากบางปิดสนิทไม่มีแรงแม้แต่จะบ่นอะไรสักคำ



กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง ดวงอาทิตย์ก็ตกดินเรียบร้อย ชายหนุ่มเปลื้องเสื้อผ้าออกแล้วใช้ทิชชู่เปียกที่พกติดตัวมาเช็ดทำความสะอาดร่างกาย ก่อนจะแต่งกายด้วยชุดที่หนากว่าตอนกลางวัน



ในยามค่ำคืน กลางทะเลทรายอากาศจะเย็นต่างจากตอนกลางวันแบบสุดขั้ว เขาจามออกมาสองสามครั้งเนื่องด้วยร่างกายคงปรับสภาพไม่ทัน



ชายหนุ่มจุดเทียนเล่มใหญ่ที่อุตส่าห์พกติดตัวมาด้วย เขาก่อกองไฟแบบในหนังในละครไม่เป็น จึงต้องอาศัยเทียนและไฟฉายเพื่อให้แสงสว่าง



แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าจนตาแทบจะปิดแต่คิมหันต์ก็ยังฝืนออกมานั่งนอกเต็นท์ ก่อนจะเหม่อมองไปบนท้องฟ้าสีดำขลับ



ดาวเต็มฟ้าเลย….



เขาชอบดูดาวมาก หากเป็นปกติ เขาคงจะรีบหยิบกล้องถ่ายภาพขึ้นมารัวชัตเตอร์ไม่หยุด แต่ทริปนี้เขาไม่ได้พกกล้องคู่ใจมาด้วย เพราะลำพังสัมภาระที่เขาแบกมาด้วยนี่ก็เยอะมากมายแล้ว



ยามค่ำคืนที่ทุกอย่างมันเงียบสงบจนเกินไปทำให้จิตใจของคนเราฟุ้งซ่านได้ง่ายกว่าปกติ



เมื่อตอนกลางวันที่เขาเดินฝ่าทะเลทรายกลางแดดเปรี้ยง เขาเหนื่อยจนในหัวไม่มีเรื่องของแฟนเก่าเข้ามากวนใจเลยสักนิด



แต่ในตอนนี้ พอทุกอย่างมันเงียบเกินไป ก็อดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึง…



เขาไม่ได้พกโทรศัพท์มาจึงไม่ต้องกังวลว่าคนๆนั้นจะติดต่อมา มีเพียงวิทยุดาวเทียมเอาไว้เรียกคนมาช่วยเวลามีเหตุฉุกเฉินเท่านั้น



เขาหยิบกำไลในกระเป๋าขึ้นมาดูอย่างลืมตัว นี่เป็นของขวัญครบรอบ1ปีที่แฟนเก่ามอบให้เขา เขารักษามันเป็นอย่างดีเพราะเป็นของขวัญชิ้นแรก หลังจากนั้น แม้จะพาเขาไปทานข้าว พาเขาไปเที่ยวทั่วโลก แต่เขาก็ไม่เคยได้รับของขวัญซึ่งเป็นของแทนใจเช่นกำไลหยกชิ้นนี้อีกเลย



กำไลนี้สำคัญกับเขามาก มันเป็นของแทนใจของแฟนเก่าที่เขารักมาก และเขาตั้งใจจะนำมาฝังที่ทะเลทรายแห่งนี้ ฝังไปพร้อมกับความรักที่เขามี ให้ผืนทรายกลืนทุกสิ่งที่ทำร้ายเขาลงไป



เขาแค่นหัวเราะให้หยกสีเขียวในมืออีกครั้งเป็นการส่งท้าย จากนั้นจึงคลานกลับเข้าไปในในเต็นท์นอน เพราะฝืนทนความง่วงไม่ไหว



 เจ้าของความสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าเอนกายนอนขดใต้ผ้าห่มผืนเล็กที่พกติดตัวมาด้วย ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็เข้าสู่นิทรา แม้ด้านนอกจะมีเสียงลมพัดผ่านที่ดังหวีดหวิวเสียดหูเป็นระยะ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่นอนหลับลึกได้เลย

 

 







 

อือ…



คิมหันต์ครางแผ่วเบาเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนวลบนศีรษะ มันเหมือนมีขนนกนิ่มๆปัดผ่านลูบไล้กลุ่มผมสีดำขลับของเขาเชื่องช้าราวกับต้องการเอาใจ



รู้สึกดีจัง…



ชายหนุ่มหลับตาพริ้มปล่อยกายเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนโยนที่เลื่อนต่ำลงมาที่พวงแก้มขาว แม้จะอยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่เขาก็แน่ใจว่าสิ่งที่ลูบไล้วนเวียนอยู่ที่แก้มและเรียวปากของเขาคือนิ้วมือของมนุษย์



แม้จะมีเศษเสี้ยวความคิดที่รู้สึกพะวงและหวาดหวั่นว่าตนกำลังถูกคุกคาม แต่ลมหายใจที่เจือด้วยไอร้อนและกลิ่นหอมอ่อนของอีกคนกลับทำให้คิมหันต์เลือกที่จะทิ้งความระแวงนั้นไปได้โดยง่าย



คิมหันต์พยายามปรือตาอย่างยากลำบาก หนังตามันหนักอึ้งเหมือนถูกหินถ่วงเอาไว้



ภาพตรงหน้าที่เห็นเพียงเลือนราง คือดวงตาของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์



นัยน์ตาของคนผู้นั้นเจือด้วยความหวานล้ำยิ่งกว่าน้ำผึ้งขณะพินิจมองหน้าเขาถ้วนทั่ว ริมฝีปากของอีกฝ่ายมีรอยยิ้มบางๆประดับไว้ ทำราวกับว่ากำลังเอ็นดูเขาเสียเต็มประดา



“ใคร…” คิมหันต์พยายามเปล่งเสียงถามด้วยความยากลำบาก ทั่วทุกอณูที่ถูกชายแปลกหน้าสัมผัสมันร้อนผ่าวราวเปลวไฟ เหมือนเขากำลังยืนอยู่กลางแดดจ้าก็ไม่ปาน



ชายแปลกหน้ารูปงามไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับโน้มลงประทับจุมพิตที่หน้าผากของคิมหันต์แผ่วเบา ขณะที่ฝ่ามือก็ยังคงวนเวียนลูบไล้ทั่วเรือนกายเพื่อแกล้งให้คนใต้ร่างทรมานราวกับจะขาดใจ



“อย่านะ” คิมหันต์รีบห้ามเมื่อรู้สึกว่ามือของอีกฝ่ายมันไล้ต่ำลงมากเกินไป แต่เสียงของเขาถูกกลืนหายเพราะถูกเรียวปากของอีกฝ่ายบดคลึงยั่วเย้าให้เขาคล้อยตาม



ผู้ชายคนนี้จูบเก่งชะมัด



คิมหันต์แม้สมองจะเบลอแค่ไหน แต่ก็อดเปรียบเทียบรสจูบของชายแปลกหน้ากับอดีตคนรักเก่าไม่ได้ แฟนเก่าของเขานั้นเป็นพวกเอาแต่ใจ การร่วมรักแต่ละครั้งก็เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองอารมณ์ตนเองให้เสร็จสม



ต่างจากชายคนนี้ ที่ทุกสัมผัสบ่งบอกได้ทันทีว่าต้องการปรนเปรอเขามากแค่ไหน มือหนาที่ลูบไล้แผ่วเบาสลับกับการบีบคลึงให้ทั้งร่างสะท้าน จุมพิตที่หยอกเหย้ากลีบปากบางให้คนถูกจูบทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายเผยอขึ้นเพื่อต้อนรับลิ้นร้อนให้แทรกเข้ามาได้ถนัดถนี่



เหมือนกับดักที่ลวงล่อให้คิมหันต์ยินยอมที่จะเดินเข้าไปหาอย่างเต็มใจ



เขาเริ่มไม่แน่ใจว่านี่คือความฝันหรือไม่ แต่หากเป็นฝัน มันก็ช่างเป็นความฝันที่ดีจนไม่อยากตื่น



ในตอนที่เรียวนิ้วยาวแทรกเข้ามาในกาย เขารู้ดีว่าตนควรต่อต้าน



หรือในตอนที่ปลายอกสีเรื่อถูกความชื้นของเรียวลิ้นลากไล้ เขาก็รู้ดีว่าตนควรจะต้านทาน



เขารู้ดีทุกอย่างว่าตนไม่ควรเผลอไผล



แต่นี่มันเป็นเพียงความฝันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเขาต้องคำนึงเหตุผลอะไรด้วย?



คิมหันต์หลับตาแน่นปล่อยกายปล่อยอารมณ์ให้อีกฝ่ายเป็นคนควบคุม ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดทางกายเกิดขึ้นแม้แต่น้อย เขารับรู้ได้เพียงว่าร่างกายของตนกำลังสุขสม ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจและเสียงครางทุ้มต่ำของคนด้านบนที่บรรจงมอบความสุขให้เขาไม่หยุด



ท้องน้อยปวดหนึบเมื่อความอุ่นร้อนอาบเข้ามาในร่าง มือเรียวจิกทึ้งกลุ่มผมของชายรูปงามที่ยาวเหยียดถึงกลางหลัง



ภาพสุดท้ายของความฝัน เขาเห็นเพียงเสื้อคลุมของอีกฝ่ายที่ดูคุ้นตา เหมือนในหนังจีนกำลังภายในหลายเรื่องที่เคยดู ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบท่ามกลางทะเลทรายยามค่ำคืน









 

 

 

ปกติแล้วเขาจะถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ทุกวัน แต่ในวันนี้เขากลับตื่นได้เองเพราะลำคอที่แห้งเป็นผงทำให้ระคายเคืองจนต้องไอออกมาหลายครั้งติดต่อกัน



คิมหันต์รีบควานหาขวดน้ำเปล่าข้างตัวแล้วยกขึ้นมาดื่มไปหลายอึกจนแทบจะหมดขวด อาการแสบคอดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ดี



“เจ็บคอชิบ แค่ก! แค่ก! โอ๊ย!”คิมหันต์ไอออกมาอีกระลอก



เขารีบสะบัดผ้าห่มให้ห่างตัวเพราะรู้สึกร้อนจนอยากจะบ้า ยามสายกลางทะเลทรายก็ไม่ต่างจากการไปยืนใกล้เตาไฟดีๆนั่นเอง



คิมหันต์ลุกไปล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำสะอาดที่เหลือเพียงน้อยนิด เขาเก็บสัมภาระอย่างไวเพราะอยากจะเดินทางไปถึงที่หมายเต็มแก่



พอกันทีกับทะเลทราย!



ผิวเขาที่เคยขาวเนียนตอนนี้มันทั้งไหม้ทั้งแสบและคันไปหมด อยากกลับบ้านใจจะขาดแล้ว!



ชายหนุ่มร่างโปร่งบางเดินลากเท้าเหมือนจะหมดแรงอยู่รอมร่อ สมองพาลคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เรื่องความฝัน…



เขาสรุปให้ตัวเองได้แล้วว่ามันคือความฝัน เพราะตอนที่เขาตื่นขึ้นมา เสื้อผ้าเขายังอยู่ครบชุด ร่างกายไม่มีร่องรอยถูกลุกล้ำใดๆ จะมีผิดแปลกไปก็แค่รอยขาวๆตรงเป้ากางเกงเท่านั้น ซึ่งมันเป็นรอยจากร่างกายเขาเอง ถ้าไปเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังพวกมันคงขำกันใหญ่ โตป่านนี้ยังจะฝันเปียกอีก สงสัยเขาจะของขาดนานไปหน่อย



ว่าแต่…ผู้ชายในฝันเมื่อคืน งานดีสุดๆเลยนะ



คิมหันต์เผลอยกยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงเรื่องชวนหวิว แม้จะเป็นฝันแต่ก็ทำเขาฟินยิ่งกว่าเรื่องจริงซะอีก



ปกติแล้วเวลาเราตื่น ภาพในความฝันจะค่อยๆเลือนรางจนมันจางหายไปจากความทรงจำ แต่จนถึงตอนนี้เขายังจำหน้าผู้ชายในความฝันได้อยู่เลย



ชายคนนั้นหน้าหวานมาก ปากนิดจมูกหน่อย แต่ไม่ได้ดูสวยเหมือนผู้หญิง ร่างกายก็สูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ผมก็นิ่มสลวยยาวตรงน่าสัมผัส



แต่…ทำไมเป็นผู้ชายแล้วไว้ผมยาวขนาดนั้นนะ?



 ช่างมันสิ มันก็แค่ความฝัน เขาจะไปใส่ใจรายละเอียดทำไม



คิมหันต์สะบัดหัวนิดๆเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แต่ภายในใจกลับรู้สึกแปลกๆเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน มันเป็นความรู้สึกโหยหาอยู่ลึกๆ



สายตาของชายคนนั้นที่มองเขา มันบ่งบอกถึงความรักที่ท่วมท้นแต่ก็เจือไปด้วยความเศร้าจนเขาอดเสียใจไปด้วย



“คุณเป็นใครกันนะ? คุณมีตัวตนหรือเปล่า? หรือคุณเป็นเพียงสิ่งที่ผมสร้างขึ้นมาเท่านั้น?”



คำถามนั้นปลิวหายไปกับละอองทราย



คิมหันต์สูดไอร้อนเข้าปอดก่อนจะตัดสินใจยกผ้าผืนบางมาปิดจมูกแล้วก้าวไปข้างหน้า เขาคิดถึงมื้ออาหารหรูๆและอ่างอาบน้ำที่คอนโดตนเองเหลือเกิน

 









 

 

ยามบ่ายของที่นี่มันไม่ต่างจากการอยู่ในนรก



คิมหันต์ปาดเหงื่อที่ยังไหลไม่หยุด มันร้อนมากจนรู้สึกว่าผิวหนังกำลังจะละลาย



ทำไมยังไม่ถึงซักที



ชายหนุ่มคิดในใจ ไม่มีแรงแม้แต่จะพูดออกมา เขาดูหน้าจอจีพีเอชที่คอยนำทางให้หลายต่อหลายครั้ง ความจริงเขาควรจะถึงทะเลสาบเย่ว์เฉยาเฉวียนได้แล้ว แต่มองไปรอบๆตัวก็เจอแต่กองทราย ไม่มีทีท่าว่าจะเห็นโอเอซิสแห่งนั้นเลย



เขาจึงได้ข้อสรุปว่า จีพีเอชมันคงเสีย



คิมหันต์ปาเจ้าเครื่องนำทางลงพื้นทรายอย่างหัวเสีย เขาทิ้งตัวหมดแรงนั่งลงกับพื้น ยกขวดน้ำขึ้นดื่มแต่ปรากฏว่าไม่เหลือน้ำแม้แต่หยดเดียว



เขาพยายามสุดๆแล้วนะ แต่ว่าถ้าฝืนไปต่อ รับรองว่าการเดินทางเพื่อเอาชนะตัวเองของเขามันคงสูญเปล่า เขาต้องกลายเป็นศพกลางทะเลทรายเพราะขาดน้ำขาดอาหารและหมดแรงแน่ๆ



คิมหันต์เลยเลือกวิธีที่คนฉลาดจะทำกัน คือยอมแพ้…



เขาลุกขึ้นยืนโงนเงนเกือบจะหมดแรง สายตามองกวาดไปรอบๆเห็นเนินทรายขนาดใหญ่ที่สูงกว่าเนินอื่นจึงฝืนร่างกายก้าวเท้าเดินขึ้นไป มันเหมือนกับการเดินขึ้นเนินเขาขนาดย่อมๆก็ว่าได้



ด้วยความพยายามเฮือกสุดท้าย เขาก็เดินมาอยู่บนยอดเนินทรายจนได้



คิมหันต์หยิบวิทยุดาวเทียมขึ้นมาเพื่อส่งสัญญาณเรียกคนมาช่วยเหลือ จากนั้นเขาก็แค่รอให้มีเจ้าหน้าที่มาพาเขากลับไป



แม้จะไม่บรรลุเป้าหมายแต่เขาก็ไม่ลืมเจตนาที่ตนเดินทางมาที่นี่

เขาตั้งใจจะทิ้งเรื่องแย่ๆเอาไว้ เขาก็ต้องทำให้ได้



ชายหนุ่มหยิบกำไลหยกขึ้นมามองอย่างถี่ถ้วนเป็นครั้งสุดท้าย มันมีรอยตำหนิตามกาลเวลาเนื่องจากเป็นสมบัติจากยุคโบราณที่แฟนเก่าเขาไปประมูลมาให้ เขาตัดสินใจจะฝังมันไว้ตรงนี้ ให้ผืนทรายกลบมันเอาไว้ และจากนี้จนชั่วชีวิตเขาจะไม่หวนกลับมาหามันอีกเลย



ขณะที่เขานั่งลงขุดทรายให้เป็นหลุมลึกเพื่อจะฝังเครื่องประดับในมือ พลันสายตากลับเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างซึ่งอยู่ห่างไปไม่ถึงเมตร



เม็ดทรายมันค่อยๆยุบตัวลงไป มันเหมือนกับเขายืนอยู่บนทรายด้านบนของนาฬิกาทรายที่กำลังไหลไปด้านล่าง



ชิบหายแล้ว!

คิมหันต์ตาเหลือกเมื่อรู้แล้วว่าตรงหน้าจะเกิดอะไรขึ้น



ทรายดูด!

เขายัดกำไลหยกใส่กระเป๋าแล้วรีบหันหลังวิ่งหนีเพื่อจะลงจากเนินทรายให้ไวที่สุด แต่ก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่อเท้าที่เหยียบพื้นทรายกลับยุบตัวลงรวดเร็วจนทั้งร่างถูกเม็ดทรายร้อนระอุดูดกลืนหายวับไปในเสี้ยววินาที





 

 

 

แรงจากการตกกระแทกพื้นดินแข็งๆเล่นเอาคิมหันต์จุกจนน้ำตาเล็ด เขานอนนิ่งเพราะเจ็บจนขยับตัวแทบไม่ได้



ชายหนุ่มส่งเสียงโอดโอยและก่นด่าในใจว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร เขาถูกแฟนนอกใจ ถูกทิ้งให้เดินกลางทะเลทรายที่โคตรจะร้อนนรกแตกยังไม่พออีกเหรอ ทำไมเขาต้องมาเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า



“อย่างน้อยก็ไม่ตายล่ะวะ”คิมหันต์ปลอบใจตัวเอง พยายามลุกขึ้นนั่งช้าๆ เขาสำรวจร่างกายว่ามีตรงไหนหักรึมีแผลหรือเปล่า แต่โชคยังเข้าข้างเขาอยู่บ้างที่ไม่มีอาการเหล่านั้น



“ที่ไหนวะ?”ชายหนุ่มกวาดตามองรอบๆแล้วต้องอ้าปากค้าง



ที่ๆเขาอยู่มันเหมือนซากเมืองโบราณซึ่งน่าจะเป็นของประเทศจีน



เหมือนราชวังของจักรพรรดิในหนังจีนหลายเรื่องที่เขาเคยดู เพียงแต่ที่นี่มันทั้งเก่าและทรุดโทรมราวกับถูกทิ้งมาหลายร้อยปีแล้ว



คิมหันต์แหงนหน้ามองด้านบนซึ่งเป็นช่องที่เคยหล่นลงมา มันมีแสงแดดสาดส่องเข้ามาถึงด้านล่างทำให้เห็นบรรยากาศรอบๆ แต่ปัญหาก็คือจากพื้นดินที่เขายืนอยู่กับด้านบนมันห่างกันมาก ไม่มีทางที่เขาจะปีนกลับขึ้นไปได้เลย



หนุ่มไทยจึงได้แต่รอความช่วยเหลือ โชคดีที่เมื่อครู่เขากดส่งสัญญาณเรียกคนมารับก่อนที่จะตกลงมา อีกไม่นานทีมช่วยเหลือคงจะมาพบเขา



คิมหันต์มองรอบๆอีกครั้ง ใจหนึ่งก็เหนื่อยจนอยากจะนั่งเฉยๆ แต่อีกใจก็อดตื่นเต้นไม่ได้ว่าตนเองอาจเป็นผู้ค้นพบเมืองโบราณแห่งใหม่ของจีนเป็นคนแรก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาคงกลายเป็นมหาเศรษฐีในพริบตา เพราะรัฐบาลจีนต้องมอบรางวัลส่วนแบ่งจากสมบัติซากอารยธรรมเหล่านี้ให้เขาบ้าง



ว่าแต่กลางทะเลทรายโกบีทำไมมีเมืองโบราณมาตั้งอยู่? เขาไม่ได้เก่งรึมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์จีนเท่าไร เท่าที่รู้คร่าวๆ ทะเลทรายโกบีก็เหมือนสุดชายแดนชองจีน ไม่น่าจะมีตำหนักใหญ่โตขนาดนี้มาตั้งที่นี่



คิมหันต์เดินสำรวจห้องใหญ่ที่ตนตกลงมา มันดูเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งสุดปลายทางมีบัลลังก์ตั้งอยู่



“เหมือนในหนังจีนเลย”คิมหันต์นึกสนุก เขาจำฉากหนึ่งจากเรื่องเปาบุ้นจิ้นได้ ที่ตัวเอกยืนอยู่ด้านล่างเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์



ที่แห่งนี้ดูมีมนต์ขลังแปลกๆ



คิมหันต์จ้องมองบัลลังก์ที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร เขาเฝ้ามองอยู่อย่างนั้นเพราะละสายตาไม่ได้ รู้ตัวอีกทีขาทั้งสองข้างก็มาหยุดอยู่ใกล้บัลลังก์แปลกตาซะแล้ว



คราบฝุ่นจากดินและทรายทับถมกันจนมองไม่เห็นลวดลายที่แกะสลักอย่างประณีต คิมหันต์เผลอวางมือบนเก้าอี้อันสูงศักดิ์ เขาห้ามตนเองไม่ได้ อยากจะสัมผัสทุกส่วนของที่แห่งนี้



มันคล้ายกับความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน ทั้งที่เขาก็ไม่เคยมาที่นี่เลย   

       

พลันสายตาเหลือไปเห็นตรงแท่นพนักพิงของบัลลังก์ซึ่งสลักลวดลายสวยงามน่ามองไว้

คุ้นตา? เหมือนเคยเห็นที่ไหน?



เคร้ง!

เสียงบางอย่างดังขึ้นข้างตัวท่ามกลางความเงียบ คิมหันต์สะดุ้งสุดตัวเพราะถูกดึงสติกลับมาจากอาการเหม่อลอย



เป็นกำไลหยกที่เขาพกติดตัวมาด้วยนี่เองที่เป็นต้นตอของเสียง



มันหล่นจากกระเป๋าตกลงบนพื้นที่ทำจากวัสดุคล้ายเหล็ก



เขาหยิบมันขึ้นมาเพื่อจะเก็บแต่พลันสายตากลับมองเห็นอะไรบางอย่างที่ดูน่าสงสัย



ลวดลายของกำไลหยกชิ้นนี้มันดูคล้ายกับลายที่อยู่บนบัลลังก์ตรงหน้าเขาเลย



คิมหันต์เพ่งมองกำไลหยกในมือสลับกับลวดลายบนบัลลังก์ตรงหน้า ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นลายเดียวกัน



ลายดวงอาทิตย์คู่กับจันทร์เสี้ยว



“เหมือนกันเปี๊ยบ”ชายหนุ่มรำพึงเบาๆ กำไลหยกชิ้นนี้แฟนเก่าของเขาก็ประมูลมาจากงานประมูลของโบราณ บางทีกำไลหยกนี้อาจถูกสร้างขึ้นที่นี่ก็ได้



ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งบนบัลลังก์เพื่อคิดทบทวน การที่เขาต้องเดินทางข้ามฟ้ามาพบสถานที่แห่งนี้ ซ้ำยังมีกำไลหยกที่ดูยังไงก็น่าจะเกี่ยวข้องกับที่นี่ มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า



“เสียงอะไร?”คิมหันต์เงยหน้ามองไปรอบๆ เขาได้ยินเสียงผิดปกติบางอย่างดังใกล้เข้ามาทุกที มันเหมือนเสียงฟ้าร้องคลืนๆก่อนจะมีพายุกระหน่ำ



“ตายห่า!”ชายหนุ่มสบถเสียงลั่น ใจตกไปอยู่ที่เท้าเมื่อภาพตรงหน้าที่เคยสงบถูกปกคลุมด้วยพายุทรายรอบทิศ!



เม็ดทรายจำนวนมหาศาลลอยวนเหมือนพายุทรายคลั่ง คิมหันต์หลับตาแน่นในหัวกรีดร้องเพราะความกลัว



นี่เขากำลังจะตายใช่ไหม? ทำยังไงดี! เขายังไม่อยากตาย!



ชายหนุ่มค้อมตัวคุดคู้อยู่บนบัลลังก์โบราณ รอบข้างได้ยินเพียงเสียงลมพายุ ผิวหนังเจ็บแสบเพราะถูกเม็ดทรายบาดไปทั่ว



คิมหันต์ไม่มีศาสนา เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงการสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าองค์ใดก็ตามที่ได้ยินเสียงนี้



ขอโอกาสให้เขาอีกครั้ง! ขอให้เรื่องนี้เป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น! อย่าให้มันเป็นเรื่องจริงเลย!









 :mew1:

ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^
#คิมหันต์หวนคืน




ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ตอนที่2








100 ปีก่อน ค.ศ.



ตำหนักหยางกวาง สุดขอบชายแดนทางเหนือของรัฐฉิน



เสียงฝีเท้าของเหล่าข้ารับใช้ทั้งชายหญิงดังขึ้นไม่ขาดสายตั้งแต่เช้า แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าแต่เสียงเซ็งแซ่แสดงความวุ่นวายก็ยังไม่เลิกรา เนื่องจากตำหนักกลางทะเลทรายแห่งนี้เพิ่งจัดสร้างเสร็จไปหมาดๆ ทำให้ภายในอาจจะยังไม่เรียบร้อยดีนัก



แม้ตำหนักแห่งนี้จะกว้างใหญ่ขนาดไหน แต่ข้ารับใช้ก็ต้องจัดการความเรียบร้อยให้เสร็จทันการ เพราะเป็นรับสั่งขององค์จักพรรดิที่มอบหมายให้ตกแต่งให้พร้อม เพื่อเป็นของรางวัลพระราชทานให้แก่แม่ทัพ ไจ้เสวียน ผู้ซึ่งได้รับความดีความชอบจากการขับไล่กบฏกลางเมืองจนสิ้นซาก ทั้งยังปราบศัตรูจากแคว้นอื่นจนหนีหัวซุกหัวซุน ทำให้จักรพรรดิทรงพอพระทัยมากถึงขั้นรับสั่งให้สร้างตำหนักขนาดใหญ่พร้อมกับมอบข้าราชบริพารมากมายให้แก่แม่ทัพไจ้เสวียน



วันรุ่งขึ้น กองทัพขนาดใหญ่ที่นำโดยแม่ทัพผู้เกรียงไกรก็เดินทางมาถึง ข้ารับใช้ไม่ต่ำกว่าร้อยคนรีบกุลีกุจอเข้าไปรับใช้บรรดาทหารที่เดินทางไกลฝ่าลมร้อนจากไอแดดจ้ากลางทะเลทรายมา



“ท่านแม่ทัพ ข้าชื่อไป๋หูเป็นหัวหน้าข้ารับใช้ที่นี่ จากนี้ไปข้าจะขอรับใช้ดูแลปรนนิบัติท่านจนสิ้นชีพด้วยความภักดี”ชายร่างท้วมค้อมตัวจนแทบติดพื้นให้แก่ชายผิวขาวที่ดูสง่างามแม้กระทั่งการตวัดกายลงจากหลังม้าก็ดูดีราวองค์ชายที่ถูกอบรมมาอย่างดี



“ขอบใจเจ้ามาก”เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆแต่กลับทำให้ไป๋หูแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาทำงานรับใช้นายท่านหรือคุณหนูผู้รากมากดีมามากมายแต่ไม่เคยมีใครจะให้เกียรติเอ่ยคำขอบคุณเช่นนี้เลย



จริงอย่างที่เขาเล่าลือ แม่ทัพไจ้เสวียนแห่งราชสำนัก ไม่ได้เป็นเพียงบุรุษที่รูปงามเพียงภายนอก หากแต่ยังมีไมตรีจิตที่ทำให้ทุกคนยอมสยบได้อย่างเต็มใจ



“ข้าได้เตรียมอาหารรสเลิศให้ท่านเรียบร้อยแล้ว เชิญทางนี้”ไป๋หูเอ่ยอย่างน้อมนอบ



“ยังก่อน ข้าต้องการอาบน้ำ”ไจ้เสวียนพูดพลางหันไปมองด้านหลังของตน กองทัพของเขาเดินทางมาหลายวันแต่ละคนล้วนเหนื่อยล้าจากการกรำศึก แต่พอมาถึงตำหนักแห่งนี้ หน้าตาของแต่ละคนก็ดูสดชื่นขึ้น นับว่าเป็นเรื่องดี



“พวกเจ้ารีบไปเตรียมน้ำให้ท่านแม่ทัพ”ไป๋หูหันไปสั่งลูกน้อง



“ท่านแม่ทัพ ด้านหลังของตำหนักมีน้ำตกไหลวนอยู่ ท่านอยากไปอาบที่นั่นหรือไม่”ไป๋หูนึกขึ้นได้เลยรีบทูล เขาเรียนรู้การเอาอกเอาใจเจ้านายมาตั้งแต่เด็กจนเคยชินเป็นนิสัย



“น้ำตก กลางทะเลทรายเนี่ยนะ”ไจ้เสวียนถามขึ้นอย่างสงสัย คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย



“มีถ้ำขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ด้วย หากท่านสนใจข้าจะนำทาง…”



“เจ้าอยากไปดูไหม?”



ยังไม่ทันที่ไป๋หูจะพูดจบ แม่ทัพไจ้เสวียนก็หันกลับไปถามชายอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ชายคนนั้นร่างเล็กกว่าแม่ทัพไจ้เสวียนมาก อันที่จริง รูปร่างแบบนี้ไม่สมควรได้รับเลือกให้เป็นทหารศึกได้เลยด้วยซ้ำ เหมาะจะเป็นขันทีรับใช้ในวังเสียมากกว่า ยิ่งไป๋หูพินิจดูใบหน้าชายร่างเล็กชัดๆก็ยิ่งคิดย้ำว่าเหมาะจะเป็นขันทีรูปงามมากกว่าขุนศึกจริงๆ



“ข้ายังไม่ได้ตรวจดูที่นี่ให้ถ้วนทั่ว เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย”ชายร่างเล็กกวาดสายตามองรอบๆอย่างหวาดระแวงเป็นนิสัยส่วนตัวที่แก้ไม่หายเสียที



“ถ้าเช่นนั้นก็อาบในห้อง”ไจ้เสวียนสรุปทันที



“ท่านแม่ทัพเชิญตามข้ามา”ไป๋หูผายมือเพื่อจะนำทางไปยังห้องอาบน้ำส่วนตัวที่เตรียมไว้ให้



“พาข้าไปดูก่อน ข้าต้องตรวจตราเพื่อความปลอดภัยของท่านแม่ทัพ”ชายร่างเล็กเอ่ยขัด เขาจ้องหน้าไป๋หูนิ่งๆ แววตาดูเยือกเย็นขึ้นเมื่อเห็นความไม่พอใจในสายตาของไป๋หู แม้จะมีเพียงชั่วครู่แต่เขาก็จับสังเกตได้



ไป๋หูค้อมศีรษะให้ แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจคนตรงหน้าแต่เขาที่เป็นเพียงคนรับใช้จะไปขัดอะไรได้ และยิ่งเห็นว่ามุมปากของท่านแม่ทัพรูปงามยกขึ้นเล็กน้อยก็ยิ่งรู้ตัวว่าไม่ควรไปขัดใจชายร่างเล็กที่แสนหยิ่งยโสคนนี้



ดูท่าจะเป็นคนสนิทของท่านแม่ทัพ



ไป๋หูลอบสังเกตชายร่างบางที่เดินตามมา สายตาของชายคนนี้กวาดมองไปรอบๆอย่างระวังภัย ชุดเกราะที่สวมใส่ก็ดูหรูหราว่านายทหารคนอื่น คนๆนี้คงมีตำแหน่งใหญ่โตในกองทัพ



และข้อสันนิษฐานของไป๋หูก็ได้รับการยืนยัน เมื่อตรวจตราทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ชายร่างเล็กผู้นี้ก็เดินกลับไปยังห้องของตนเองบ้าง โดยไม่ลืมที่จะถืออาวุธประจำกายติดไปด้วย



ทวนยาวที่มีพู่สีแดงเลือดนกติดอยู่





นั่นเป็นอาวุธของขุนศึกคนสำคัญอีกคนในกองทัพของแม่ทัพไจ้เสวียน



หลี่หย่งชิน ทหารคนสนิทที่ฝีมือการรบนั้นเลื่องลือพอๆกับแม่ทัพไจ้เสวียน นิสัยของชายคนนี้ที่ได้ยินมาคือเก่งกาจ เย็นชา และไร้ปราณี เป็นทั้งนายทหารและองครักษ์ของท่านแม่ทัพ ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาหลายต่อหลายศึก



ไม่คิดเลยว่า ตัวจริงจะดูเป็นหนุ่มน้อยรูปงามเหมือนบันฑิตหน้าอ่อนในเมืองหลวงขนาดนี้

 











ถ้าไม่นับเรื่องอากาศที่ร้อนกว่าในเมืองหลวง ที่นี่ก็จัดว่าสะดวกสบายและน่าพึงพอใจไม่น้อย ในแต่ละวันของไจ้เสวียนหมดไปกับการฝึกทหาร แม้ช่วงนี้ไม่มีศึกสงคราม แต่เขาก็ไม่ประมาท กองทัพของเขาต้องเตรียมพร้อมไว้เสมอ ยิ่งตอนนี้ถูกย้ายมาอยู่ติดชายแดนก็ยิ่งต้องตื่นตัว



แม้องค์จักรพรรดิจะบอกว่าการสร้างตำหนักขนาดใหญ่พร้อมไพร่พลมากมายให้เขานี้เป็นรางวัล แต่ไจ้เสวียนรู้ดีว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ในรางวัลชิ้นงามนี้



การที่เขาต้องถูกพามาอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง เขามั่นใจว่าเพราะจักรพรรดิไม่อยากให้กองกำลังของเขาอยู่ใกล้ราชวังมากไป เพราะอาจเกิดกบฏ ซึ่งผู้นำก็คงเป็นเขาเอง



ไจ้เสวียนเป็นคนถ่อมตน ไม่ได้ชอบข่มใคร แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่าความเก่งกาจของเขานั้น มันทำให้จักรพรรดิหวั่นใจไม่น้อย อีกทั้งยังมีกองทหารมากฝีมือดีที่จงรักภักดีกับเขาอีก ไม่แปลกใจที่พระองค์จะสั่งย้ายเขามาสุดชายแดนนี้



อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นสาเหตุหลักก็คงเป็นเรื่อง พวกโจรทะเลทราย



พวกกองโจรนี้ซ่องสุมกำลังมาช้านาน ปล้นสะดมตามแนวชายแดนนี้มาหลายปี การให้เขามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อตามกำจัดพวกมันนั่นเอง



ไจ้เสวียนถอนหายใจ การรบกลางทะเลทรายไม่ใช่เรื่องที่เขาชำนาญนี่เป็นข้อเสียเปรียบของกองทัพ



“ท่านแม่ทัพ ถึงตาท่านแล้ว”เสียงของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเรียกสติให้ไจ้เสวียนกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า



“เจ้าดักข้าทุกทางเลย”ไจ้เสวียนหัวเราะเบาๆเมื่อมองตัวหมากสีขาวของตนที่ถูกล้อมด้วยหมากสีดำของฝ่ายตรงข้าม แทบไม่มีทางที่จะหนีไปได้เลย



“ท่านไม่มีสมาธิเอง”หย่งชินพูดเหมือนไม่ยินดียินร้าย ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเสียจนคนที่ได้เห็นนึกเสียดายว่าหากยอมเผยรอยยิ้มเสียหน่อย คงจะดูดีไม่หยอก



“ไม่เคยชนะเจ้าได้เลย”ไจ้เสวียนถอดใจเมื่อมองไม่เห็นหนทางที่ตนจะชนะในการเล่นหมากล้อมกับหย่งชิน



“ก็แค่เรื่องนี้เท่านั้น”หย่งชินกระตุกยิ้มเพียงนิดเมื่อเห็นว่าไจ้เสวียนยอมแพ้ แต่ในชีวิตนี้มันก็มีแค่เรื่องหมากล้อมเท่านั้นแหล่ะที่ตนอยู่เหนือแม่ทัพไจ้เสวียน นอกจากนั้นตนก็เป็นรองอีกฝ่ายเสมอ



หย่งชินยื่นจอกของตนส่งให้ข้ารับใช้รินสุราไผ่เขียว ก่อนจะยกดื่มรวดเดียวจนหมด สายตาสังเกตเห็นว่าท่านแม่ทัพมองตนยกจอกเหล้าดื่มไม่วางตา



“อยากได้สักจอกไหม เหล้าไผ่เขียวที่นี่รสชาติดีนัก”หย่งชินเอ่ยถามสิ่งที่ตนก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว



“ข้าไม่ดื่มสุรา เจ้าก็รู้ แต่หากเป็นชา ข้าก็ยินดี”แม่ทัพไจ้เสวียนเอ่ยแค่นั้น นางกำนัลที่ได้ยินก็รีบจัดหามาให้โดยไม่ต้องสั่ง



“พวกเจ้าทั้งหมด ออกไปก่อน”หย่งชินเอ่ยไล่ทุกคนให้ออกห่าง ไจ้เสวียนเห็นท่าทางแบบนั้นก็อดชื่นชมไม่ได้ หย่งชินรู้ใจเขาเสมอ เช่นเดียวกับที่เขาเองก็รู้ว่าหย่งชินจะต้องถามเขาแน่



“ท่านดูมีอะไรในใจ อยากเล่าให้ข้าฟังไหม”หย่งชินจ้องมองชายตรงหน้าไม่ละสายตาเหมือนต้องการค้นหาความจริงในดวงตาคู่นั้น



“เรามาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งฤดูกาลแล้ว ยังไม่ได้ข่าวการเคลื่อนไหวของพวกโจรเลย”ไจ้เสวียนพูดจบหย่งชินก็คิ้วขมวด



“ข้าก็คิดว่ามันน่าแปลกเช่นกัน มันเป็นเรื่องดีที่ไม่มีการปล้นสะดมเกิดขึ้น แต่…ข้าส่งคนของเราไปตามหารังโจรหลายต่อหลายครั้งก็ยังไม่พบ เราคงยังนิ่งนอนใจไม่ได้” หย่งชินเองก็แปลกใจไม่น้อย ก่อนหน้าที่กองทัพจะย้ายมาตั้งตำหนักที่นี่ มีข่าวการปล้นสะดมตามเขตชายแดนบ่อยครั้ง แต่ตอนนี้กลับเงียบหายไปเลย



“พรุ่งนี้ข้าจะไปสำรวจในตลาดเสียหน่อย จะไปถามข่าวจากชาวบ้านแถวนั้นเผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม”



“เอาทหารไปไม่ต้องมาก เตรียมม้าให้ข้าด้วย”ไจ้เสวียนนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ตนยังไม่เคยเข้าไปในเมืองเลย แม้จะเป็นทะเลทรายแต่ก็ยังมีหมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายอยู่ เขาควรจะไปเยี่ยมชมสักหน่อย



“ท่านแม่ทัพ ข้าว่าท่านควรอยู่ในตำหนัก ออกไปข้างนอกอาจเกิดอันตราย หากมีคนลอบทำร้ายท่านจะทำ…”



“หย่งชิน”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยชื่อทหารคนสนิท



“ที่ข้าพูดไป เจ้าคิดว่าเป็นคำขอร้องหรือเป็นคำสั่ง”ไจ้เสวียนพูดเสียงเรียบพร้อมจ้องมองคนตรงหน้าที่เริ่มหน้าเสีย



“ข้าจะเตรียมม้าให้ท่าน เราจะออกเดินทางกันยามอาทิตย์ขึ้น”หย่งชินพูดด้วยเสียงที่เบากว่าเดิม ดวงตาหลุบมองต่ำลงไม่กล้าสบสายตาอีกคน เขาเผลอทำนิสัยแย่ๆออกไปอีกแล้ว เผลอตัวทำแบบเมื่อก่อน เมื่อตอนที่เราสองคนยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งให้องค์จักรพรรดิ



แม่ทัพไจ้เสวียนพยักหน้ารับเพียงนิด



ด้านหย่งชินก็เตรียมจะออกจากบริเวณนี้ไปเพราะรู้ว่าตนได้ทำให้ท่านแม่ทัพไม่พอใจหากแต่ว่ากลับถูกเสียงทุ้มรั้งไว้



“ทำไมเจ้าจึงไม่อยากให้ข้าไป”ไจ้เสวียนถามพร้อมกับจ้องตาของนายทหารคู่ใจ เขาเห็นนัยน์ตาของหย่งชินมันวูบไหวเพียงนิดก่อนที่เจ้าตัวจะปรับให้มันกลับมานิ่งสงบเช่นเดิม



“เพราะมันอันตราย ในตลาดมีผู้คนชุกชม พวกโจรอาจแฝงตัวเข้ามาลอบทำร้ายท่านได้”หย่งชินตอบคำถาม เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่หน้าผากเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าของแม่ทัพมันแข็งกระด้างขึ้น



“แค่นั้นรึ”ไจ้เสวียนถามย้ำ ยังคงจ้องชายร่างโปร่งบางตรงหน้าแบบไม่กระพริบตาราวกับกำลังเค้นหาความจริงอะไรบางอย่าง



“เอ่อ…”หย่งชินไม่รู้จะตอบอย่างไร อันที่จริงเขาไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ท่านแม่ทัพต้องการจะบอกนัก



“หย่งชิน…เจ้าไม่อยากให้ข้าไป เพราะอะไรกัน”คราวนี้น้ำเสียงที่ถามดูอ่อนลง แต่นัยน์ตาคมยังไม่ยอมละจากดวงตารียาวของหย่งชิน



หย่งชินพยายามทำใจให้สงบนิ่ง จ้องมองประสานสายตาตอบโต้ท่านแม่ทัพหนุ่มกลับไป



“หรือท่านคิดว่าข้ามีแผนร้ายซ่อนอยู่ ท่านคิดว่าข้าเป็นไส้ศึกของพวกกองโจรรึ”หย่งชินถามกลับ นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาคิดได้ ไม่อย่างนั้นไจ้เสวียนคงไม่ถามอะไรแปลกๆเช่นนี้หรอก



แต่แทนที่ไจ้เสวียนจะออกคำสั่งลงโทษเขาที่บังอาจพูดจาเช่นนี้กลับหลุดหัวเราะออกมาจนแก้มทั้งสองข้างมีรอยบุ๋มลึกลงไป



นางกำนัลที่แอบมองจากที่ไกลๆเมื่อได้เห็นว่าท่านแม่ทัพรูปงามมีลักยิ้มน่ามองก็ยิ่งอดชื่นชมจนแทบเก็บอาการสำรวมไว้ไม่อยู่



“ท่านหัวเราะอะไร”หย่งชินเริ่มหัวเสียนิดๆเมื่อเห็นว่าท่านแม่ทัพยังคงเผยยิ้มกว้างทำราวกับเขาเป็นตัวตลก เขาไม่ขำด้วยหรอกนะ หากไจ้เสวียนคิดว่าเขาปองร้ายเป็นไส้ศึกจริงๆเขาก็อดน้อยใจไม่ได้



เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เหตุใดจึงคิดว่าเขาจะทรยศ



“หลี่…หย่ง…ชิน”ไจ้เสวียนฝืนกลั้นหัวเราะเพราะเห็นว่าคนตัวเล็กตรงหน้าเริ่มหน้าหงิกจนเสียอาการแล้ว



หย่งชินมองกิริยาของอีกฝ่ายก็ยังไม่เข้าใจ แม้แต่ตอนที่ท่านแม่ทัพเดินมาใกล้พร้อมยื่นมือมาหาเขา ตอนแรกเขานึกว่าไจ้เสวียนจะบีบคอเขาเสียแล้ว แต่ที่ไหนได้ ท่านแม่ทัพกลับเลื่อนมือผ่านคอของเขาไปจับปอยผมแทน ไม่เพียงเท่านั้น ไจ้เสวียนยังยกปอยผมของเขาขึ้นมามองแล้วลูบไล้ไปจนถึงปลายเส้นผมที่ถูกปล่อยสยายยาวจนถึงกลางหลัง



การกระทำเช่นนี้หากเป็นคนอื่นคงได้โดนเขาใช้ทวนฟันมันจนคอขาดไปแล้ว แต่นี่เป็นไจ้เสวียนที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่เขาจึงได้แต่ยืนนิ่ง หัวใจสั่นรัวคงเป็นเพราะความโกรธ เขาเบนหน้าหลบไปทางอื่น ไม่อยากเห็นว่าสายตาของไจ้เสวียนที่กำลังมองปอยผมในมือหนานั้นมันเหมือนกับสายตาที่กำลังมองเด็กทารก หรือสุนัขตัวน้อยที่น่าเอ็นดูอย่างไรอย่างนั้น



ยิ่งคำพูดที่ไจ้เสวียนโน้มมากระซิบใกล้หูเขานั้น ยิ่งทำให้หย่งชินแทบควันออกหู ใบหน้าแดงก่ำเหมือนถูกต้อนให้จนมุม



“แค่พูดว่าเป็นห่วง มันไม่ได้ยากเลย หย่งชิน…”








ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0



หลังจากเดินตรวจตราความเรียบร้อยและจัดการมอบหมายงานให้บรรดาข้ารับใช้เสร็จแล้ว ไป๋หูก็กลับมายังห้องนอนของตน บรรจงวาดปลายพู่กันลงบนกระดาษไขแผ่นบางเพื่อจดบันทึกอย่างที่ตนเคยทำทุกวัน นี่เป็นเวลาดึกมากแล้ว ทั่วทั้งตำหนักจึงเงียบสงัดไม่มีเสียงจอแจเช่นตอนกลางวัน แต่พลันในหูกลับได้ยินเสียงอึกทึกบางอย่างแว่วมา ฟังดูคล้ายเสียงฝีเท้าของม้า



ไป๋หูชะงักมือที่กำลังจับพู่กันเพื่อเงี่ยหูฟัง หลังจากมั่นใจแล้วว่าตนไม่ได้หูฝาดจึงเดินลุกไปเปิดประตูเพื่อมองหาต้นเสียง



ทหารที่ออกไปสำรวจในเมืองเมื่อเช้ากลับมาแล้วนั่นเอง นำโดยท่านแม่ทัพไจ้เสวียนที่ควบม้าเข้ามาในตำหนักโดยไม่ชะลอฝีเท้า ไป๋หูจึงต้องรีบหลบเข้าด้านข้างไม่เช่นนั้นคงจำถูกม้าเหยียบตายแน่



“ตามหมอมาเดี๋ยวนี้!!”ไจ้เสวียนแผดเสียงดังลั่นก้องไปทั่วตำหนัก



“ท่ะ ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น”ไป๋หูถามเสียงสั่น ไม่เคยเห็นแม่ทัพไจ้เสวียนโกรธเกรี้ยวขนาดนี้ สายตาของผู้ต่ำต้อยเพิ่งลอบเห็นว่าบนหลังม้าไม่ได้มีแค่แม่ทัพไจ้เสวียนเพียงคนเดียว ท่านแม่ทัพประครองกอดร่างคนๆหนึ่งไว้ด้านหน้าและชายคนนั้นเลือดท่วมตัว



“ไปตามหมอมา!”ไจ้เสวียนตะคอกซ้ำจนคนถูกตะคอกผวาวิ่งหนี



แม่ทัพหนุ่มตวัดร่างลงจากหลังม้าพร้อมกับอุ้มร่างที่ได้รับบาดเจ็บลงมาด้วย ทหารที่ตามมาด้านหลังล้วนหน้าซีดเผือด เพราะตั้งแต่ร่วมรบมา นี่เป็นครั้งแรกที่ทหารคนสนิทของท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บแทบปางตายขนาดนี้



เมื่อยามเช้า ทหารยี่สิบนายนำโดยแม่ทัพไจ้เสวียนและหลี่หย่งชิน เดินทางไปยังในตัวเมืองเพื่อสืบหาเบาะแสจากชาวบ้านเกี่ยวกับโจรทะเลทราย แต่ก็ได้ข้อมูลมาไม่มาก เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ หรือไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก



ทุกคนเดินวนในตลาดขนาดย่อมแทบทั้งวันโดยที่ไม่มีอะไรผิดสังเกต จนคล้อยเย็นที่ฟ้าใกล้มืด พวกเราถูกลอบโจมตีจากกองโจรทะเลทราย พวกมันอาศัยจังหวะที่แม่ทัพไจ้เสวียนกำลังเลือกซื้อภาพวาดกับหย่งชินบุกเข้าโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว



มันเป็นการต่อสู้ที่ทุลักทุเลมาก เพราะทหารไม่ชินพื้นที่ และพวกโจรทะเลทรายก็มีฝีมือ พวกเราได้รับบาดเจ็บหลายคน แต่ยังโชคดีที่แม่ทัพไจ้เสวียนมีฝีมือเหนือพวกมัน สุดท้ายพวกมันจึงเลือกจะล่าถอย แต่ท่านแม่ทัพไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะจับกุมตัวพวกโจร จึงรีบตามพวกมันไป ซึ่งตอนนั้นมันก็มืดมากแล้ว ทำให้ฝ่ายได้เปรียบกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบ



แม่ทัพไจ้เสวียนถูกกองโจรต้อนจนมุม ในวินาทีที่กำลังจะถูกปลิดชีพ นายทหารคนสนิทกลับเอาตัวเองปกป้อง ทำให้คมดาบของศัตรูแทงเข้าท้องจนเกือบทะลุ



ร่างของหย่งชินล้มไปกองกับพื้นทราย เลือดสีแดงไหลทะลัก



หลังจากนั้น ท่านแม่ทัพก็ขาดสติ พละกำลังมากมายคืนกลับมาในฉับพลัน เพียงแค่พริบตา โจรทะเลทรายกว่าสิบคนก็นอนตายแทบเท้า ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรและไม่เหลือแม้แต่เบาะแสที่จะสืบหาต้นตอของรังโจรได้



“หย่งชิน หย่งชิน”แม่ทัพไจ้เสวียนพร่ำเรียกชื่อคนในอ้อมกอดที่เปลือกตาปิดสนิท เสียงที่เคยทรงอำนาจมันสั่นเครือเหมือนกับแก้วที่กำลังจะแตกสลาย



“กลับมา…หย่งชิน กลับมาหาข้า”ไจ้เสวียนเติบโตในตระกูลอันสูงศักดิ์ ชั่วชีวิตไม่เคยต้องขอร้องใคร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าจะยอมทุกอย่าง จะให้คุกเข่าอ้อนวอนเขาก็ยินดีจะทำ



ใจของแม่ทัพหนุ่มเหมือนถูกกระชากเมื่อคนในอ้อมกอดสั่นผวากระตุกเฮือกพร้อมกับลมหายใจที่แผ่วลงเรื่อยๆ

 

 











 

 

               งานเลี้ยงฉลองจัดขึ้นในคืนพระจันทร์เต็มดวง เหล่าทหารหาญเริ่มมึนเมาเพราะฤทธิ์สุรา เสียงดนตรีบรรเลงไพเราะโดยมีนางรำที่งามราวกับนางสวรรค์คอยร่ายรำให้ความสำราญกับทุกคนยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้ครึกครื้นยิ่งนัก



               “ท่านหย่งชิน ข้าขอดื่มให้ท่านสักจอก ข้านับถือความกล้าหาญของท่านนัก”นายทหารคนหนึ่งเดินเซเข้ามารินเหล้ารสเลิศให้แก่หย่งชินที่นั่งดื่มเงียบๆไม่เข้าไปร่วมสังสรรค์กับคนอื่น



               “ข้าด้วย ข้าด้วย ดื่มเยอะๆแผลจะได้หายดี ฮ่าๆๆ”นายทหารอีกคนเข้ามาร่วมวง



หลี่หย่งชินแม้จะไม่เห็นด้วยเรื่องที่ว่าดื่มเหล้าแล้วทำให้แผลหาย แต่เขาก็ไม่ขัดที่จะยกจอกเหล้าขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่า สิ่งที่เขาอยากทำตอนนี้มีเพียงดื่มสุราเท่านั้น



วีรกรรมการเอาตัวเข้าปกป้องแม่ทัพไจ้เสวียนจนเกือบตาย ทำให้นายทหารในกองทัพต่างชื่นชมและยกย่องความกล้าหาญของเขานัก แต่ถามว่าดีใจไหม บอกตรงๆว่าไม่



จริงอยู่ว่าเขายอมตายแทนไจ้เสวียนได้ อันที่จริงเขาอยากให้ตนเองไม่ต้องฟื้นขึ้นมาด้วยซ้ำ ถ้าไม่ตายแต่ต้องมารับรู้สาเหตุที่ทุกคนจัดงานฉลองในคืนนี้ เขาขอเลือกให้ตัวเองหลับต่อไปดีกว่า



“ดื่มให้กับท่านแม่ทัพไจ้เสวียนที่กำลังจะได้เป็นราชบุตรเขย”นายทหารยกจอกเหล้าให้แก่ชายที่นั่งตีหน้าเรียบเฉยอยู่บนบัลลังก์ไม้



หย่งชินนอนสลบไปหลายต่อหลายคืน เพราะความสาหัสของบาดแผล ระหว่างนั้นเอง แม่ทัพไจ้เสวียนสั่งทหารให้ออกค้นหารังโจรอย่างหนัก แทบทั้งวันทั้งคืน จนไปเจอพวกโจรจนได้ เกิดการปะทะกันรุนแรง แต่พวกโจรถ่อยไม่มีทางเอาชนะแรงโทสะของไจ้เสวียนได้เลย



โจรทะเลทรายหลายร้อยชีวิตสิ้นชีพโดยน้ำมือของกองทัพของไจ้เสวียน



ข่าวการปราบปรามกองโจรรู้ถึงพระเนตรพระกรรณขององค์จักรพรรดิ พระองค์จึงมีรับสั่งให้แม่ทัพเดินทางไปเข้าเฝ้าในวังหลวงในอีกสามวันข้างหน้าเพื่อตกรางวัลใหญ่ ซึ่งจากข่าวลือที่แพร่ออกมา รางวัลชิ้นงามคือองค์หญิงของแคว้นฉินนั่นเอง



หลี่หย่งชินลอบมองไปทางแม่ทัพหนุ่มและพบว่าไจ้เสวียนเองก็กำลังมองมาทางเขาเช่นกัน



มันก็สมควรแล้ว ไจ้เสวียนทำความดีความชอบขนาดนี้ ก็ต้องได้รับรางวัลอย่างงาม…



หย่งชินยกจอกเหล้าในมือจ่อริมฝีปาก ก้มศีรษะลงเพียงนิดให้ท่านแม่ทัพเพื่อสื่อความหมายถึงการร่วมยินดีแก่ไจ้เสวียน ก่อนจะยกดื่มจนหมด เหล้ารสชาติดีวันนี้ช่างขมเฝื่อนคอยิ่งนัก



 หย่งชินยังคงยกเหล้าขึ้นดื่มไม่หยุด เสียงดนตรียังบรรเลงไม่ขาดสายแต่แทนที่จะฟังรื่นหู เขากลับรู้สึกรำคาญจนอยากจะเดินไปพังเครื่องสายทั้งหลายทิ้ง สายตาเรียวเหลือบมองไปยังบัลลังก์ซึ่งตอนนี้มันว่างเปล่า ผู้ที่ควรจะอยู่ หายไปเสียแล้ว



“ท่านแม่ทัพไปไหน” หย่งชินถามเสร็จก็ยกจอกเหล้าดื่ม ดวงตาแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา



“ท่านแม่ทัพเดินไปด้านใน น่าจะไปอาบน้ำ”นางกำนัลที่คอยปรนนิบัติเขา ตอบเสียงเบา



หย่งชินยื่นจอกเหล้าที่ว่างเปล่าให้นาง มือของชายหนุ่มสั่นเล็กน้อยเพราะอาการมึนเมา



“ท่านหย่งชิน ท่านเมามากแล้ว ร่างกายก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่ ข้าว่า พอก่อนดีกว่า…”นางกำนัลสาวยังไม่ทันจะพูดจบหย่งชินก็ถือวิสาสะหยิบไหสุราที่นางถืออยู่เอาไปครอบครองเสียเอง



“ท่านหย่งชินจะไปไหนเจ้าคะ”นางรีบเข้าไปประครองแขนของหย่งชิน เพราะเห็นว่าชายหนุ่มกำลังเดินเซเหมือนจะล้ม



“ไปนอน”หย่งชินตอบสั้นๆ สะบัดหัวไล่ความมึนงงแล้วมองตรงไปข้างหน้า



“ให้ข้า…อยู่รับใช้ท่านคืนนี้นะเจ้าคะ”หญิงงามข้างกายเอ่ยเสียงแผ่วเบา ใบหน้างามขึ้นสีเล็กน้อย หย่งชินมองหญิงสาวข้างกายแล้วต้องลอบถอนใจ ไม่ใช่ว่าไม่รู้เจตนาของนาง แต่วันนี้เขามีเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จ ทำให้มันจบสิ้น แล้วหลังจากนั้น เขาอาจกลับมาคิดเรื่องของนางอีกครั้ง



“เจ้าไม่ต้องไปรับใช้ใครทั้งนั้น คืนนี้กลับไปพักได้แล้ว และไม่ต้องตามข้ามา”หย่งชินนึกสงสารเมื่อเห็นนางหน้าหมองลง



หย่งชินกระดกเหล้าในมือขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะพยายามประครองร่างกายให้เดินได้ตรงทางและไม่ล้มไปเสียก่อนจะถึงที่หมาย









 

 

 

บ่อน้ำขนาดย่อมด้านหลังของตำหนักหยางกวางคือที่ที่เขาโปรดปรานที่สุด กลางทะเลทรายที่แสนจะแห้งแล้ง กลับยังมีน้ำตกที่ไหลรินมาจากถ้ำหินเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติโดยแท้



ไจ้เสวียนยืนนิ่งกลางบ่อน้ำมาพักใหญ่ น้ำกลางบ่อนั้นค่อนข้างลึก ขนาดตัวเขาที่สูงร้อยแปดสิบยังโผล่พ้นน้ำมาแค่บริเวณปลายคางเท่านั้น สายน้ำที่ไหลวนรอบกายเย็นเยือกก็จริงแต่กลับทำให้รู้สึกสบายตัวแทนที่จะหนาวเหน็บ ชายหน่มดำผุดดำว่ายอยู่หลายครั้ง คิดถึงยามเด็กที่เคยว่ายน้ำเล่นกับสหายในเมือง พอมาอยู่ท่ามกลางทะเลทรายเช่นนี้ก็แทบไม่มีโอกาสแบบนั้นอีก



เมื่อคิดถึงเรื่องราวยามเด็ก สหายคนที่อยู่ในความทรงจำก็เดินมาทางเขาพอดี



ไจ้เสวียนมองชายหนุ่มที่โตกว่าเขาเพียงหนึ่งปีที่กำลังเดินเซมาทางนี้ ในมือถือไหสุรามาด้วย และจากที่ดูดวงตาที่แดงก่ำหวานฉ่ำนั้น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหย่งชินกำลังเมา



แผลยังไม่ทันจะหายดีก็ริอาจดื่มน้ำเมาเสียเยอะแยะ ช่างดื้อด้านเหลือทน



สายตาของไจ้เสวียนที่แข็งกร้าวขึ้นปะทะกับดวงตาเรียวที่หวานฉ่ำด้วยฤทธิ์สุรา ดูท่าคนขี้เมาจะรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจ แต่แทนที่จะสำรวมและก้มหน้าหลบไปเพราะตนเป็นทหารรับใช้กลับส่งสายตาต่อต้านท้าทายมาให้แทน



ไจ้เสวียนยังคงยืนนิ่งเพื่อรอดูว่าอีกคนต้องการอะไร เขาจ้องมองหย่งชินที่เดินมาใกล้ขอบบ่อแล้วทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิ มือเล็กๆสองข้างวักน้ำในบ่อขึ้นมาลูบหน้าหลายต่อหลายครั้ง



“จ้องข้าขนาดนี้จะลงมาอาบด้วยกันไหมล่ะ”ไจ้เสวียนเป็นคนทำลายความเงียบเพราะขืนไม่พูดอะไร หย่งชินก็คงนั่งนิ่งจ้องเขาแบบนี้ทั้งคืนโดยไม่ยอมบอกสิ่งที่อยู่ในใจเสียที



คนเมาไม่พูดตอบโต้อะไรแต่กลับยกไหสุราในมือขึ้นกรอกปากแทน นั่นทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของไจ้เสวียนยิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม



“หยุดดื่มได้แล้ว”แม่ทัพหนุ่มกดเสียงต่ำแต่คนถูกดุก็ยังทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร ตีหน้าเรียบแล้วจ้องมองคนในน้ำนิ่งๆเช่นเดิม



“หลี่หย่งชิน เจ้าเป็นอะไร ทำไมเจ้าถึง…”ไจ้เสวียนเม้มปากแน่น คำถามมากมายแล่นขึ้นมาจนจุกอก แต่ไม่รู้จะเอ่ยออกไปอย่างไร



ทำไมเจ้าถึงทำเหมือนไม่อยากอยู่ใกล้ข้า



ตั้งแต่หย่งชินฟื้นขึ้นมาก็แทบไม่พูดกับเขาเลย จะพูดก็ต่อเมื่อเขาถาม รึหากไม่จำเป็น หย่งชินก็พยายามหลีกหนีเจา ทำเหมือนไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากเจอหน้า เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น



รึหย่งชินไม่พอใจที่ต้องมาเกือบตายแทนเขา ไม่เข้าใจจริงๆ



“เลิกดื่มเสียที!”ไจ้เสวียนตะคอกคนที่อยู่บนบกเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่ากระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง แต่หย่งชินไม่เพียงแต่จะไม่สลดกลับหัวเราะนิดๆ พร้อมกับยกชายเสื้อเช็ดสุราที่รินไหลอยู่มุมปาก



“ข้าเพียงแค่อยากดื่มเพื่อแสดงความยินดีกับเจ้า ศิษย์น้องเจิ้ง ใยเจ้าต้องโมโหขนาดนี้ด้วย”



หย่งชินกำลังเมามาก ไจ้เสวียนมั่นใจ เพราะหากไม่เมาจริงๆ หย่งชินคงไม่เรียกเขาแบบนี้



ไจ้เสวียนแววตาอ่อนลง แม้จะไม่พอใจกิริยาหลายอย่างของร่างเล็กที่แสดงออกมา แต่พอถูกเรียกด้วยชื่อที่คุ้นเคย ก็อดยินดีไม่ได้



“ศิษย์พี่หลี่…”ไจ้เสวียนมั่นใจว่าตนไม่ใช่คนเดียวที่ใจสั่น เมื่อเห็นแววตาวูบไหวของคนตรงหน้าเขาก็ยิ่งมั่นใจ



นานเหลือเกินที่เราสองคนไม่ได้เรียกหากันแบบนี้



ชายทั้งสองจ้องมองกันเนิ่นนาน ไม่มีใครยอมหลบสายตา เพราะเกรงว่า หากพลาดเวลานี้ไปคงจะไม่มีวันได้เห็นความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่เบื้องลึกนี้ได้อีกแล้ว



“ศิษย์พี่หลี่…”ไจ้เสวียนตกใจ เมื่อจู่ๆนัยน์ตาของคนตรงหน้าก็เอ่อล้นด้วยน้ำสีใส หย่งชินไม่พยายามที่จะปิดกลั้นน้ำตาที่ไหลรินออกมา ยังคงจ้องหน้าแม่ทัพไจ้เสวียนอยู่อย่างนั้น ใบหน้าของหย่งชินแดงก่ำเพราะกลั้นเสียงสะอื้นในลำคอไว้เพื่อไม่ให้ตนเองฟูมฟายออกมา



“ข้า…ข้า ยินดี ฮึก กับเจ้าด้วย…ยินดี”หย่งชินพูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดลงเพราะบางอย่างจุกแน่นอยู่ในอก ร่างเล็กก้มหน้าลงหลับตาแน่นแต่น้ำตาก็ยังเล็ดรอดออกมาจนได้



ไจ้เสวียนไม่พูดอะไร แต่เลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้คนที่นั่งก้มหน้าอยู่ริมขอบบ่อ ฝ่ามือแกร่งที่จับแต่ดาบมาทั้งชีวิตยกขึ้นเชยคางคนที่กำลังร้องไห้ให้เงยขึ้นมาประจันหน้ากัน



“เจ้า…ท่านเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เจ็บแผลรึเปล่า”น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนไม่ต่างจากนิ้วเรียวที่กำลังเกลี่ยน้ำตาให้พ้นใบหน้าของชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันมาก่อน



“เจ็บ…เกิดมาไม่เคยต้องเจ็บขนาดนี้เลย”หย่งชินไม่ได้โกหกแม้แต่คำเดียว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายตรงหน้าจะเข้าใจหรือไม่ว่าที่เขาเจ็บมันไม่ใช่ที่แผล ไม่เลยสักนิด



เขาผ่านศึกสงครามมาตั้งกี่ครั้ง รับบาดเจ็บมาไม่รู้ต่อกี่หน แต่ความเจ็บปวดที่เคยรับมันเทียบไม่ได้เลยกับตอนที่เขารู้ข่าวว่าไจ้เสวียนกำลังจะได้อภิเษกกับองค์หญิงของแคว้น



เขาอิจฉาองค์หญิงจนแทบกระอักเลือดและเขาเกลียดตัวเองที่ร่วมยินดีกับความก้าวหน้าของไจ้เสวียนจากใจจริงไม่ได้ เขามันคนเห็นแก่ตัว



ตอนนี้ไจ้เสวียนคงจะรู้แล้วว่าเขารู้สึกอย่างไร ท่านแม่ทัพจะรังเกียจเขาไหม จะยอมให้เขาคอยอยู่ข้างกายอีกหรือไม่ เขาคงได้แต่ยอมรับ หากสวรรค์ยังเห็นใจเขาอยู่ ท่านคงจะช่วยดลใจให้ไจ้เสวียนยังเมตตาไม่ขับไล่เขาที่มีใจคิดไม่ซื่อ



หลี่หย่งชินไม่ได้ร้องไห้แบบนี้มานานแล้วครั้งสุดท้ายคือตอนที่เสียท่านพ่อท่านแม่ไป และในตอนนั้นคนที่อยู่ข้างๆก็คือชายตรงหน้านี่เอง



ไจ้เสวียนเป็นเด็กใจดี เป็นคุณชายที่มีเมตตาไม่รังเกียจที่เขาเป็นเด็กกำพร้า ยอมก้มหัวคำนับเขาในฐานะศิษย์พี่ด้วยความเต็มใจ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก มิตรภาพเหนียวแน่นขึ้นเรื่อยๆจนมันแปรเปลี่ยนความรัก คนอย่างไจ้เสวียนใครอยู่ใกล้ก็ย่อมห้ามใจไม่ให้รักไม่ได้ ตัวเขาเองก็เช่นกัน



แต่ในเมื่อวันนี้มาถึง เขาเองก็ต้องยอมรับได้แล้ว อีกไม่นานไจ้เสวียนจะได้อภิเษกกับองค์หญิง มีบุตรมากมายเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูล ส่วนตัวเขาเอง…ก็ต้องมีทางเดินชีวิตของตนเช่นกัน



หย่งชินลืมตาขึ้นเพื่อมองคนตรงหน้าชัดๆ ใบหน้าของไจ้เสวียนนั้นงดงามสมบูรณ์แบบ ดวงตาของท่านแม่ทัพมันอ่อนโยนยามมองมาที่เขาเสมอ



“ศิษย์น้องเจิ้ง”หย่งชินเรียกอีกคนด้วยเสียงที่เบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ ริมฝีปากแห้งผากพอๆกับหัวใจที่แห้งแล้ง



“ข้าฟังอยู่”ไจ้เสวียนมองย้ำเข้าไปในดวงตาของคนที่กำลังสับสน หย่งชินที่เคยปกปิดการแสดงสีหน้านั้นหายไปแล้ว มีเพียงศิษย์พี่หลี่ที่กำลังทำหน้าเหมือนตอนนั้น ตอนที่ถูกอาจารย์จับได้ว่าแอบขโมยตำรามาให้เขาฝึก



หย่งชินสูดหายใจเข้าปอดลึกๆติดกันหลายครั้ง ภายในใจสั่นรัวเหมือนมันจะหลุดออกมาจากอก เขาชั่งใจหลายตลบว่าจะพูดดีไหม แต่สุดท้าย ฤทธิ์สุราก็ทำให้เขามีความกล้ามากพอ



ในเมื่อไจ้เสวียนกำลังจะกลายเป็นของคนอื่นจริงๆ ตัวเขาเองก็ต้องเลิกหวังลมๆแล้งๆ



แต่สักครั้ง แค่เสี้ยวเดียวก็ได้ ให้เขาได้อยู่ในความทรงจำของไจ้เสวียนไม่ใช่ในฐานะ ศิษย์พี่ รึทหารคนสนิท แต่เป็นหลี่หย่งชิน ชายที่รักไจ้เสวียนหมดหัวใจ



“ข้าปกป้องเจ้าโดยเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก เจ้าจะหาว่าข้าลำเลิกบุญคุณก็ได้ แต่ข้า…ข้าอยากขอรางวัล จากเจ้า”



หย่งชินมองเห็นความประหลาดใจบนสีหน้าของไจ้เสวียน แต่ท่านแม่ทัพก็ยังไม่พูดอะไรต่อ นั่นหมายความว่าไจ้เสวียนยอมรับฟังคำขอของเขา



หย่งชินก้มหน้าลงก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ตนปรารถนา



“ข้าขอให้เจ้าจูบข้า เช่นเดียวกับที่คนรักจะมอบให้กัน…”หย่งชินกลั้นหายใจในตอนที่พูดออกไป เขาได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวและไม่แน่ใจว่าเป็นของตนหรือของชายตรงหน้า เพราะตอนนี้เราทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมาก มากจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของท่านแม่ทัพที่กำลังเป่ารดหน้าผากเขา



ความเงียบเข้าครอบงำบรรยากาศ ทั้งสองนิ่งกันอยู่นาน จนหย่งชินตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมอง หัวใจกระตุกวูบเมื่อเห็นแววตาของไจ้เสวียน แววตาที่มองเขามันดูล้ำลึก เดาไม่ออกว่าไจ้เสวียนกำลังโกรธเขาอยู่หรือเปล่า



เขาไม่น่าพูดเลย ไจ้เสวียนคงจะเกลียดเขาแล้ว



หย่งชินน้ำตารื้นเตรียมจะลุกขึ้นยืนหากแต่ถูกฝ่ามือใหญ่คว้าเขาที่ท้ายทอยให้กล้าเผชิญหน้ากัน เพียงเสี้ยววินาทีเรียวปากอุ่นร้อนก็ถูกทาบทับแผ่วเบา ในตอนแรกหย่งชินไม่ทันตั้งตัวเตรียมจะผละออกไปหากแต่ถูกท่อนแขนแกร่งโอบรอบเอวไว้แน่นไม่ให้หลีกหนี



หย่งชินหอบหายใจถี่รัว เมื่อท่านแม่ทัพถอนเรียวปากออกไป ทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่ง ดวงตาลึกล้ำของไจ้เสวียนไม่ยอมละจากเรียวปากบางที่ขึ้นสีของหย่งชินแม้แต่วินาทีเดียว



หย่งชินไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองแต่เมื่อก้มหน้าลงก็ยิ่งอับอายยิ่งกว่าเดิม เพราะเขากำลังจ้องเรือนกายของท่านแม่ทัพที่ยืนโผล่พ้นน้ำมาครึ่งตัว และน้ำในบ่อก็ใสเสียจนแทบจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ



“ศิษย์พี่หลี่…มองข้าสิ”เสียงทุ้มเรียกชื่อคนที่หน้าแดงเรื่อให้กล้าเงยหน้าขึ้นมา



ทันทีที่สายตาของทั้งสองประสานกัน หย่งชินก็รู้แล้วว่าตนต้านทานชายคนนี้ไม่ได้



หย่งชินหลับตาลงเมื่อเห็นว่าใบหน้าของท่านแม่ทัพเคลื่อนมาใกล้ เรียวปากหยักที่เย็นนิดๆเพราะแช่น้ำมานานโน้มมาบดคลึงริมฝีปากร้อนผ่าวเพราะฤทธิ์เหล้าแผ่วเบา ไม่เร่งรีบ จูบที่มุมปากสลับกับการดูดเม้มริมฝีปากทั้งบนล่าง เชื่องช้าแต่กลับทำให้คนถูกจูบแทบจะกลายเป็นขี้ผึ้งที่ถูกลนไฟ



ร่างเล็กหายใจติดขัดเมื่อลิ้นชื้นของอีกคนสอดเข้าในปาก เกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้นของตนราวกับเป็นของหวานที่น่าฉกชิม



ไจ้เสวียนจุมพิตเขาอย่างอ่อนโยน บรรจงจูบเนิ่นนานและยอมถอนเรียวปากออกเพียงนิดเพื่อให้เขาได้พักหายใจจากนั้นจึงกลับมาครอบครองเรียวปากรสหวานไม่หยุดจนคนถูกจูบที่กำลังมึนเมาแทบหลอมละลาย



เราจูบกันนานมาก…



เมื่อถอนริมฝีปากออกห่าง เขาเห็นไจ้เสวียนลอบยิ้มอ่อนโยน ดวงตาของแม่ทัพหนุ่มมองหน้าเขาทุไล่จากดวงตา จมูกโด่งรั้น และมาหยุดที่เรียวปากบางอีกครั้ง



“พอ พอแล้ว”หย่งชินกระแอมติดกันหลายครั้งกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ เขาแทบไม่กล้ามองหน้าไจ้เสวียนเพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ตนร้องขอมันน่าอายขนาดไหน



คนตรงหน้าไม่พูดอะไรสักคำจนหย่งชินนึกแปลกใจ แต่พอมองสายตาของไจ้เสวียนหย่งชินก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาดื้อๆ



สายตาที่ไจ้เสวียนมองเขานั้นมันเหมือนดวงตาของราชสีห์ที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ…



“ท่านแม่ทัพ!!”หย่งชินร้องเสียงหลงเมื่อถูกอุ้มลงน้ำโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กไอออกมาหลายครั้ง น้ำในบ่อเย็นเฉียบจนทั้งร่างหนาวสั่น เขาผวากอดไจ้เสวียนไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว แม้น้ำตรงข้างขอบบ่อจะลึกไม่มาก แต่ขาทั้งสองข้างแทบทรงตัวไม่อยู่เนื่องจากดื่มเหล้ามาเสียเยอะ



แม่ทัพไจ้เสวียนรั้งเอวคนตัวเล็กเข้าไปกอด ทั้งสองร่างแนบชิดจนไม่มีที่ว่าง



แม่ทัพหนุ่มกระตุกยิ้มเมื่อเห็นคนในอ้อมกอดพยายามดิ้นรน เขาไม่สนว่าคนตัวเล็กจะอยากหนีแค่ไหน ก่อนจะกดจมูกหอมแก้มนิ่มไปฟอดใหญ่



“แต่ข้ายังไม่พอ…”

 



 :mew1:

เรื่องนี้มี4ตอนจบค่ะ ถ้าเจอคำผิดแจ้งได้นะคะ

#คิมหันต์หวนคืน


ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนที่3



จุมพิตที่ร่างสูงมอบให้นั้นทำให้คนในอ้อมกอดแทบยืนไม่อยู่
   
ไจ้เสวียนรู้ดีว่าร่างเล็กในอ้อมกอดพยายามจะยับยั้งไม่ให้ทุกอย่างเลยเถิด
พยายามสะกดอารมณ์ใคร่ให้จมดิ่งลงไป แต่เป็นเขาเองที่จะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น

“อื้อ!”หย่งชินครางประท้วงเมื่อริมฝีปากถูกท่านแม่ทับจงใจกัดย้ำหนักจนเลือดซิบ

ท่านแม่ทัพกำลังลงโทษที่ร่างบางบังอาจดื้อด้านขัดใจ ไม่ยอมโอนอ่อนตามสิ่งที่ไจ้เสวียนชี้นำ

“คิดว่าข้าอดทนมานานเท่าไร…ศิษย์พี่”เสียงทุ้มทรงอำนาจกระซิบหยอกล้อ
เรียวปากอิ่มของร่างสูงวนเวียนจูบย้ำคนที่เป็นศิษย์พี่ไม่ห่าง
ยิ่งเห็นหย่งชินอ้าปากหอบหายใจบวกกับดวงตาที่เคยพยศเย่อหยิ่งตอนนี้ดูหวาดหวั่นและลังเล แม่ทัพหนุ่มยิ่งนึกสนุก

หย่งชินกำลังต่อสู้กับตัวเองและสู้กับเขา
ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างแม่ทัพไจ้เสวียนที่ไม่เคยพ่ายศึกใด ย่อมไม่ปล่อยให้หย่งชินเอาชนะเขาได้แน่

“ข้าว่าเราควรพอ…ควรหยุ…”

“ไม่พอและข้าจะไม่หยุด”ไจ้เสวียนกระตุกยิ้มเอ็นดูคนตัวเล็กที่สั่นเทา เขาอดทนมาตลอด เราทั้งคู่อดทนมาเนิ่นนาน

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหย่งชินมีใจให้เขา ไม่ว่าเจ้าตัวจะพยายามปกปิดแค่ไหนแต่ไม่อาจรอดพ้นสายตาเขาได้

เพราะสายตาของเขามันก็เฝ้ามองหย่งชินมาตลอดตั้งแต่แรกเจอเช่นกัน หากหย่งชินกล้าจะมองตาเขาตรงๆสักครั้ง
ร่างเล็กก็คงรับรู้ความรู้สึกเขาได้


แต่เพราะรู้ว่ามันไม่ควร รู้ว่าไม่ไม่เหมาะสมและหย่งชินเองก็เลือกที่จะเก็บไว้ ตัวเขาเองก็ยินยอมที่จะตามใจ อย่างน้อย เราก็ยังได้อยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นในฐานะสหายคนสนิทก็ตาม

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเหมือนคนที่กำลังหิวโซ จ้องมองอาหารจานโปรดอยู่ตรงหน้าแต่ก็ยื่นมือออกไปชิมไม่ได้ ทำได้แค่ยับยั้งใจตนเองเท่านั้น

ซึ่งวันนี้เขาจะโยนมันทิ้งไปซะ

“ท่านแม่ทัพ”หย่งชินเสียงสั่นเมื่อถูกฝ่ามือแกร่งจับที่กรอบหน้าเพื่อบังคับให้เงยขึ้นสบตากัน

“ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว” ไจ้เสวียนจูบเบาๆที่แก้มขาวนวล

“ไม่ต้องสนใจอะไร”ร่างสูงจับแขนเรียวของอีกคนให้ยกขึ้นมาคล้องคอเขาไว้

“มองตาข้า”ไจ้เสวียนกระชับโอบเอวร่างเล็กแน่นกว่าเดิม 

 ทันทีที่จ้องมองดวงตาสีนิลของแม่ทัพหนุ่ม หย่งชินก็ต้องยอมรับว่าตนแพ้แล้ว เขาจะต่อต้านชายที่เขารักได้อย่างไร

ร่างสูงคลายยิ้มอ่อนโยนให้อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆบดคลึงเรียวปากหวานที่ยินยอมตอบรับสัมผัสของเขาเพียงผู้เดียว

มือเล็กสอดเข้าไปในกลุ่มผมสีดำขลับของท่านแม่ทัพ รู้สึกตัวเบาหวิวในตอนที่ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปากของตน เกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนให้ยอมจำนน

จุมพิตที่เคยอ่อนโยนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไจ้เสวียนไม่เคยรู้มาก่อนว่าการได้จูบกับคนที่ตนรักนั้นมันจะรู้สึกดีขนาดนี้
เขาแทบจะห้ามตัวเองไม่ไหวตอนที่หย่งชินจูบตอบเขา เสียงครางประท้วงอื้ออึงในลำคอกลับยิ่งปลุกอารมณ์หนุ่มให้กระเจิง

ร่างสูงดันคนในอ้อมกอดให้ถอยหลังไปชิดขอบบ่อน้ำ เขายอมถอนจุมพิตรสหวานออกมาเพื่อจะได้มองหน้าร่างเล็กชัดๆ
ใบหน้าของหย่งชินแดงก่ำ นัยน์ตาหวานล้ำมองเขาอย่างหลงใหล ริมฝีปากบางบวมแดงขึ้นเพราะถูกเขารังแก

 ไจ้เสวียนกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อมองต่ำลงไป ไล้จากคอระหงลงมาถึงร่างกายท่อนบนที่เปียกชุ่ม อาภรณ์สีขาวซึ่งเป็นสีที่หย่งชินชอบมันเปียกลู่แนบเนื้อและบางจนเห็นผิวเนียนน่าสัมผัส

มือแกร่งค่อยๆปลดสายผ้าคาดเอวของหย่งชินออก ก่อนจะแหวกสาบเสื้อสีขาวให้แยกจากกันเผยให้เห็นแผ่นอกบอบบางน่าถนอม

ร่างสูงเลียริมฝีปากแห้งผากของตนเอง ร่างกายของหย่งชินทำให้เขาแทบบ้า มันทั้งอยากจะปลอบประโลมถนอมไม่ให้ช้ำและอยากจะบดขยี้ย่ำยีให้แหลกคนมือไปพร้อมๆกัน

แต่พอเห็นสายตาของร่างบางที่มองเขาเหมือนหวาดหวั่นและอ้อนวอนให้ปราณี เขาก็เลือกที่จะยั้งอารมณ์ดิบของตนเองไว้ดีกว่า

ไจ้เสวียนมอบจุมพิตอ่อนโยนให้อีกครั้งก่อนจะเลื่อนใบหน้าคมมาที่ซอกคอขาว ซุกไซร้ช้าๆเพราะไม่อยากให้อีกคนตื่นกลัว
เรียวปากหยักขบเม้มใบหูที่ขึ้นสี นึกเอ็นดูที่ร่างเล็กผวาเมื่อเขาใช้ลิ้นร้อนลากไล้คอเรียวเรื่อยลงมาจนถึงกระดูกไหปลาร้า ก่อนจะเข้าครอบครองยอดอกสีเรื่ออย่างที่ตนหมาย

“ไจ้เสวียน หย่าสิ อื้ออออ” ร่างเล็กครางอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อแม่ทัพหนุ่มไม่เพียงใช้ลิ้นโลมเลียจุดอ่อนไหวที่แผงอก ยังถือโอกาสครอบครองดูดดุนช้าๆเหมือนต้องการแกล้งให้ทรมาน

มือข้างหนึ่งของร่างสูงบีบเค้นสะโพกนิ่มหนักหน่วง ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นเกลี่ยยอดอกที่แข็งเป็นตุ่มไตโดยไม่สนเสียงประท้วงของหย่งชินแม้แต่น้อย

ร่างเล็กหลับตาแน่นเมื่อความเสียวซ่านจู่โจม ยิ่งหย่งชินพยายามปิดกลั้นเสียงครางหวานหูไจ้เสวียนก็ยิ่งรังแกหนักขึ้น ฝ่ามือหนาละจากสะโพกมนเพื่อมาสัมผัสส่วนอ่อนไหวที่ชูชันด้านล่างของหย่งชินแทน

“ไม่! อื้อออ ไจ้เสวียน” ร่างเล็กประท้วงเมื่อส่วนนั้นถูกมือหนาครอบครอง แต่แม่ทัพหนุ่มไม่สนใจกลับละเรียวปากจากยอดอกเพื่อกดจูบร่างบางซ้ำๆไม่ให้อีกคนเอ่ยห้ามอะไรได้อีก

หย่งชินจับไหล่คนตัวสูงไว้แน่นไม่เช่นนั้นตนเองคงจะเข่าอ่อนล้มลงแน่ ขาทั้งสองข้างแทบจะไม่มีแรงเหลือ มือของไจ้เสวียนไม่ยอมหยุดรังแกส่วนล่างที่อยู่ใต้น้ำ และยังขยับขึ้นลงเชื่องช้าสลับกับบีบเน้นส่วนปลายจนคนตัวเล็กแทบขาดใจ

“งามมาก”ไจ้เสวียนพูดออกมาอย่างลืมตัว เมื่อมองใบหน้าของหย่งชินที่ตอนนี้เต็มไปด้วยแรงอารมณ์เพราะเขา

“อ๊ะ!”คนตัวเล็กลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า เมื่ออยู่ๆร่างสูงก็หยุดฝ่ามือที่กำลังปรนเปรอให้เขา

“ท่านไม่ชอบดื่มเหล้านี่”หย่งชินถามขึ้นเมื่อเห็นว่าไจ้เสวียนหยิบไหสุราไผ่เขียวที่วางไว้ใกล้มือยกขึ้นดื่มหลายอึก

“ไม่ชอบ ใช่ว่าจะดื่มไม่ได้”ไจ้เสวียนยกยิ้มแล้วโยนไหกระเบื้องเคลือบในมือเขวี้ยงทิ้งไป แล้วก้มลงจูบเบาๆลาดไหล่ของหย่งชิน

“ที่ไม่อยากดื่ม เพราะถ้าเมา ข้าจะคุมตัวเองไม่ได้”ไจ้เสวียนเชยคางคนตัวเล็กแล้วโน้มใบหน้าเพื่อประทับจูบอ่อนโยน

หย่งชินรู้สึกดีเมื่อรสจูบของไจ้เสวียนมันเจือไปด้วยรสสุราที่เขาชอบ

“ตอนเด็กๆข้าเคยดำน้ำแข่งกับท่าน”ไจ้เสวียนยกยิ้มนิดๆ

“แล้วเจ้าก็ชนะ”หย่งชินตอบ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมไจ้เสวียนจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

จนกระทั่งได้เห็นสายตาของแม่ทัพหนุ่มที่มันแปรเปลี่ยนไป จากเดิมที่อ่อนโยนหวานล้ำ ตอนนี้มันกลายเป็นดวงตาของสัตว์ป่าดุร้ายที่กำลังจะขย้ำเหยื่อซึ่งหมายถึงตัวเขาเอง

“เจ้าจะทำอะไร!”หย่งชินร้องลั่นเมื่อไจ้เสวียนลดตัวลงไปใต้น้ำ ไม่เพียงเท่านั้น เรียวปากของท่านแม่ทัพตรงเข้าครอบครองแกนกายร้อนของเขาทันที

หย่งชินหลับตาแน่นแต่ไม่สามารถสะกดกลั้นเสียงครางไว้อยู่ เมื่อไจ้เสวียนจงใจใช้ปากปรนเปรอด้านล่างให้คนตัวเล็กสุขสม
ดูดเม้มส่วนปลายแล้วครอบครองแกนกายจนมิด เพียงไม่นานร่างเล็กก็ปลดปล่อยความสุขออกมาเป็นน้ำคาวสีนม

“เจ้า เจ้าแกล้งข้า”หย่งชินหอบหายใจแทบหมดแรง เขาทุบอกร่างสูงเบาๆเพื่อทำโทษแต่ไจ้เสวียนกลับเหยียดยิ้มเอ็นดู

“ข้ายังแกล้งได้มากกว่านี้”ไจ้เสวียนกระซิบบอกก่อนจะจับร่างบางที่หอบหายใจให้หันหลังแล้วดันให้หย่งชินโน้มกายลงแนบหน้าไปบนพื้นดินแซมหญ้าในขณะที่สะโพกมนยังอยู่ใต้น้ำ

มือของไจ้เสวียนบีบคลึงเอวคอดและสะโพกกลมเชื่องช้า เขารู้ว่าหย่งชินกำลังหวั่นใจ เขาเองก็เช่นกัน

ร่างเล็กเกร็งกระตุกทันทีที่เรียวนิ้วของไจ้เสวียนแทรกเข้าไปในช่องทางด้านหลัง เริ่มจากหนึ่งนิ้วขยับไปเป็นสาม
เขาเห็นหย่งชินกัดปากแน่นจึงผ่อนแรงตนเองขยับนิ้วเข้าออกเชื่องช้าเพื่อให้ร่างกายของหย่งชินผ่อนปรนพอจะรองรับเขาได้

เมื่อรับรู้ว่าร่างบางเริ่มโอนอ่อนบ้างแล้ว ไจ้เสวียนที่แทบอดทนรออีกไม่ไหวจึงรีบปลดเปลื้องอาภรณ์ตนเองออก เขาพรมจูบเบาๆที่แผ่นหลังขาวเนียนของหย่งชินอย่างรักใคร่ แล้วใช้มือกระตุกเชือกรัดผมของหย่งชินออก

เรือนผมยาวเหยียดสยายอยู่บนแผ่นหลังของหย่งชิน ไจ้เสวียนยกปอยผมขึ้นมาสูดดมหลายฟอด เขากำลังมัวเมาในร่างกายของศิษย์พี่หลี่จนถอนตัวไม่ขึ้น

แม่ทัพหนุ่มไม่อาจอดทนรอได้อีกแล้ว ตัวตนเครียดขมึงเรียกร้องอยากเข้าไปเสพสมความสุขในร่างของคนที่ตนรัก
ร่างสูงใช้นิ้วแทรกเข้าไปเปิดทางในกายของร่างบางอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆถอนนิ้วออกแล้วดันส่วนใหญ่โตแข็งแกร่งเข้าไปแทน

“อ๊ะ! เจ็บ!”หลี่หย่งชินร้องเสียงหลงเมื่อความปวดร้าวเกิดขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าแท่งร้อนของอีกคนกำลังดันเข้ามาและมันเจ็บมาก มากจนอยากจะกรีดร้อง

“ศิษย์พี่ อย่าดิ้น อย่าขืนข้า”ร่างสูงขบกรามแน่นเมื่อตัวตนถูกบีบรัด ช่องทางของหย่งชินปิดกลั้นให้เขาผ่านไปได้เพียงนิด
มือแกร่งจับเอวของคนตัวเล็กไว้มั่นไว้ให้ถอยหนี ยิ่งหย่งชินดิ้นหนี ส่วนล่างก็ยิ่งบดเบียดกันจนเขาจะคุมสติไม่อยู่ เขาไม่อยากทำรุนแรงกับหย่งชิน แม้จะสงสารที่ทำให้ร่างเล็กเจ็บแต่จะให้หยุดเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

“ใจเย็นๆ ศิษย์พี่หลี่ ข้าไม่ทำร้ายท่าน รู้ใช่ไหม”ไจ้เสวียนปลอบโยน เขาโน้มตัวไปหาหย่งชิน จูบที่ขมับเปียกชื้นหลายครั้งพร้อมกับเอ่ยปลอบประโลมให้ร่างเล็กคลายใจ

“เชื่อใจข้านะ ได้โปรด ข้ารักท่านแต่ข้าไม่ไหวแล้วจริงๆ”ไจ้เสวียนเม้มปากแน่น ลมหายใจเริ่มติดขัดเพราะพยายามข่มอารมณ์ดิบเถื่อนของตนเอง หากเขาไม่ยั้งไว้ เดินหน้าบุกไปหย่งชินจะเจ็บหนัก

หย่งชินไม่เคยใจแข็งกับไจ้เสวียนได้เลย ยิ่งเห็นร่างสูงกำลังทรมาน ตัวเขาเองก็ยิ่งเห็นใจ แม้จะกลัวมากแค่ไหนแต่หย่งชินก็เลือกจะอดทน เขาโน้มใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มลงมาใกล้แล้วบรรจงจูบแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยคำอนุญาต

“ทำให้ข้าเป็นของท่าน”

ไจ้เสวียนรู้สึกได้ว่าร่างกายของหย่งชินไม่เคร่งเครียดเช่นเดิม จึงค่อยๆฝืนดันตัวตนเข้าไปลึกขึ้น ช่องทางด้านหลังของหย่งชินบีบรัดเขาจนเริ่มปวดหนึบ

ยอดขุนพลเช่นเขาร่างกายย่อมใหญ่โตหนำซ้ำหย่งชินเองก็เป็นบุรุษร่างเล็ก การจะเข้ากันได้ย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา

“อือออ หย่งชิน”ร่างสูงครางต่ำเมื่อแกนกายรุกล้ำเข้าไปได้สุดทาง เขาเลือกจะหยุดนิ่งไม่ขยับกายเพื่อให้ร่างกายของหย่งชินปรับตัวคุ้นเคยกับขนาดของเขาให้ได้เสียก่อน

เมื่อเห็นว่าร่างเล็กเริ่มหอบหายใจแผ่วเบา เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหย่งชินกำลังเรียกร้อง

“ไจ้เสวียนข้า อ๊ะ!”หย่งชินไม่เคยทรมานเช่นนี้มาก่อน ส่วนล่างที่หลอมรวมกันถูกกระทำจนใจจะขาด แต่ยิ่งอีกคนเคลื่อนกายเข้าออกย้ำหนักขึ้นกลับมีความรู้สึกบางอย่างปนเปมากับความเจ็บปวด

“ซิ๊ดดดด” ร่างสูงหลับตาแน่น สองมือจับสะโพกบีบเค้นพร้อมกับสวนกระแทกกายเข้าไปในตัวของร่างเล็กไม่หยุด

เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังผสมกับเสียงน้ำในบ่อฟังดูน่าอายแต่กลับกระตุ้นความต้องการของทั้งคู่ให้ลุกโชนยิ่งกว่าเก่า
หย่งชินกัดฟันแน่น เมื่อมือของท่านแม่ทัพเลื้อยมากอบกุมส่วนหน้าที่ชูชันอีกรอบ ขยับรูดขึ้นลงพร้อมกับด้านหลังที่ยังไม่หยุดเข้าออก

ไจ้เสวียนหลงลืมจนหมดสิ้นว่าตนอยากจะถนอมหย่งชินแค่ไหน แก่นกายที่เน้นย้ำนั้นหนักหน่วงขึ้นทุกที

“อ๊ะ ศิษย์น้อง มันโดน อื้ออออ!” หย่งชินใบหน้าบิดเบี้ยวเมื่อส่วนปลายของร่างสูงกระแทกเข้าตรงจุดกระสันในกาย

เมื่อรู้ว่าจุดไหนที่ทำให้หย่งชินสุขสม ไจ้เสวียนก็ไม่รีรอที่จะตอกย้ำตรงจุดนั้นติดๆกันจนคนถูกกระทำเสียวกระสันถึงขั้นปลดปล่อยน้ำกามมาอีกครั้ง

   เมื่อส่งร่างบางถึงฝั่งฝัน ก็เป็นคราวของเขาบ้าง

ไจ้เสวียนตอกย้ำความเป็นชายเข้าไปลึก โถมเข้าออกหนักหน่วงและเร็วขึ้นจนหย่งชินหายใจหายคอไม่ทัน
เสียงครางต่ำของไจ้เสวียนดังแหบห้าว
ใบหน้าคมเข้มบิดเบี้ยวแล้วเร่งอัดสะโพกเข้ามารัวเร็วโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของคนใต้ร่าง เพียงอึดใจแต่นานเหมือนชั่วกาล ร่างสูงก็ปลดปล่อยความรักที่อัดอั้นเข้าไปในกายของหย่งชินจนหมดทุกหยาดหยด

แม่ทัพหนุ่มหมดแรงซบใบหน้าแอบอิงกับแผ่นหลังของคนรัก

“ข้ารักเจ้า ไจ้เสวียน”เสียงกระซิบบอกรักแผ่วเบาทำให้ไจ้เสวียนกลั้นยิ้มไม่อยู่ เขาถอนกายออกมาช้าๆแล้วพลิกร่างคนตัวเล็กให้ยืนขึ้นมาประจันหน้ากัน

“ข้าก็รักท่าน ศิษย์พี่”ไจ้เสวียนหอมแก้มคนตัวเล็กกว่าฟอดใหญ่

ทั้งสองสวมกอดกันแน่น นี่เป็นกอดแรกที่ทั้งคู่รู้ว่าไม่ใช่การกอดแบบสหาย

“อีกสามวัน ท่าน…”หย่งชินพูดได้แค่นั้น เขาไม่กล้าพูดอะไรต่อ

ไจ้เสวียนรับรู้ว่าหย่งชินหมายถึงอะไร เขาไม่มีคำตอบให้ ทำได้เพียงโอบกอดคนตัวเล็กแน่นกว่าเดิมเพื่อจดจำช่วงเวลานี้และภาวนาขอให้อีกสามวันข้างหน้าจะไม่เป็นอย่างที่เขากลัว









วันที่ท่านพ่อท่านแม่ตาย เขาจำได้ ว่าความเจ็บปวดนั้นมันมากมายเพียงใด

การต้องสูญเสียคนที่รักไปตลอดกาลมันทรมานจนอยากจะละทิ้งชีวิตของตนแล้วเลือกเดินตามคนที่จากไป นั่นคงจะดีกว่าการต้องมีชีวิตจมอยู่กับความเศร้าไม่จบสิ้น

แต่ความรู้สึกนั้นมันจางหายไป และเขาก็จำได้ดี ว่าใครคือคนที่ฉุดเขาขึ้นมาจากหลุมมืดนั้น

เจิ้งไจ้เสวียน คุณชายรูปงามที่ฝากตัวเข้ามาเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับเขา ช่างเป็นคุณชายที่น่ารำคาญ คอยตามตอแยอยากเป็นเพื่อนเขาอยู่ทุกวัน

แต่น่าแปลก ที่ความรู้สึกรำคาญใจนั้นมันช่วยกลบความเศร้าได้

น่าแปลกที่ความรู้สึกรำคาญใจนั้นมันจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นความรักได้

และน่าแปลก ที่ความรู้สึกรักนั้นจะนำพาความเจ็บปวดแสนสาหัสกลับคืนมาหาเขาอีกครั้ง


มือเล็กๆที่สั่นเทาบรรจงหยิบพู่กันจุ่มลงในหมึกสีดำ ดวงตาหลุบต่ำจ้องมองกระดาษไขว่างเปล่าบนโต๊ะ
ใบหน้างามเกินหญิงเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ผิดกับดวงตากลมโตที่ตอนนี้มันหม่นหมองดำมืดยิ่งกว่าน้ำหมึกเสียอีก
 
หย่งชินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วจรดปลายพู่กันเขียนในสิ่งที่ตนคิดลงไป

น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นแต้มลงบนกระดาษแผ่นบาง ชายหนุ่มจ้องมองตัวหนังสือที่เขาเขียนสลับกับมองกำไลหยกสีเขียวที่ตนใส่ติดตัวไว้เสมอ กำไลหยกชิ้นนี้เป็นสมบัติตกทอดของตระกูลเจิ้ง เป็นของกำนัลที่ไจ้เสวียนมอบให้เขาในคืนที่เราเป็นของกันและกัน

หย่งชินปาดร่องรอยความเศร้าบนใบหน้าทิ้งไป และตะโกนเรียกคนรับใช้ที่รออยู่นอกห้อง









ไจ้เสวียนรินน้ำชาลงในจอกแล้วยกขึ้นดื่มเพื่อแก้กระหาย เหลือบมองหญิงงามร่างเล็กที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้าจิ้มลิ้มไร้เดียงสาดูไม่เข้ากันกับชุดเจ้าสาวสีแดงสดที่เจ้าตัวสวมใส่

ยามนี้ก็ดึกมากแล้วแต่ในใจเขาว้าวุ่นจนนอนไม่หลับ ทั้งๆที่วันนี้ใครต่อใครก็ร่วมอวยพรให้เขามีความสุข แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงมันเลยแม้แต่น้อย

นี่เป็นคืนเข้าหอของเขากับองค์หญิงแห่งแคว้นฉิน

 พิธีสมรสพระราชทานถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทุกอย่างเป็นเรื่องของการเมือง และองค์หญิงที่ตอนนี้กลายเป็นฮูหยินของเขาก็คือหมากตัวหนึ่งที่เอาไว้ใช้ควบคุมเขาให้ยอมรับใช้องค์จักรพรรดิ

ในเมื่อไม่อาจข่มตาให้หลับได้ ไจ้เสวียนจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องหอ

เขาคิดถึงหย่งชิน เป็นห่วงว่าศิษย์พี่หลี่จะเสียใจแค่ไหนที่ต้องเห็นเขาแต่งงานกับหญิงอื่น

เราสองคนใช้เวลาร่วมกันในฐานะคนรักได้เพียงหนึ่งปี เป็นระยะเวลาสั้นๆที่แสนมีความสุข จนกระทั่งวันนี้มาถึงจนได้

สองเท้าก้าวเดินอย่างมั่นคง ตรงไปยังห้องนอนของคนรัก ยามวิกาลเช่นนี้แทบไม่มีผู้คนเดินให้เกะกะสายตา

ไจ้เสวียนเคาะประตูสองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา หรือหย่งชินจะหลับไปแล้ว

“ท่านแม่ทัพไจ้เสวียน”เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ไจ้เสวียนหันกลับมาดูก็พบว่าเป็นไป๋หูนั่นเอง

“เจ้านั่นเอง ทำไมไม่ไปนอน มายืนทำอะไรแถวนี้”ไจ้เสวียนถามพลางสังเกตว่าไป๋หูมีท่าทีคล้ายหวาดหวั่นอะไรบางอย่าง ใบหน้าซีดเผือดนั้นมีเหงื่อท่วม

“คือ…ข้า”ไป๋หูอ้ำอึ้งยิ่งสร้างความรำคาญให้แก่ไจ้เสวียน

“หย่งชิน หย่งชิน”ไจ้เสวียนไม่สนใจไป๋หู ส่งเสียงเรียกคนในห้องแต่ก็ได้รับแต่ความเงียบตอบกลับมา เขาจึงผลักประตูเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาตและไม่อายสายตาใคร เพราะทุกคนที่นี่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเขากับนายทหารคนสนิทมีความสัมพันธ์แบบใด

ภายในห้องนั้นว่างเปล่า มีเพียงแสงสลัวจากตะเกียงที่ส่องพอให้เห็นเลือนราง

“ไม่อยู่”ไจ้เสวียนกวาดสายตามองโดยรอบ นึกรำคาญใจที่ไป๋หูเดินตามเข้ามาในห้องด้วย

“คือ คือ”

“หย่งชินไปไหน”ไจ้เสวียนหันกลับมาถามไป๋หูที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“ข้าถามว่าหย่งชินไปไหน”เอ่ยถามเสียงนิ่งแต่ดวงตากลับฉายแววขุ่นเคือง

“ความจริงข้าตั้งใจจะ จะนำไปให้ท่านยามเช้า…เพราะ เพราะคืนนี้ท่านแม่ทัพเข้าหอ คงไม่อยากหะ ให้ใครไปกวน”ไป๋หูค้อมตัวต่ำ

“นำอะไรมาให้ข้า”ไจ้เสวียนทั้งหงุดหงิดและใจไม่ดีที่หย่งชินหายตัวไป เจ้าคนรับใช้นี่ก็พูดไม่รู้เรื่อง ช่างน่าลงโทษนัก

“คือ คือ”

“อะไร!!”ไจ้เสวียนตะคอกเสียงดังลั่นจนคนต่ำต้อยกว่ารีบคุกเข่าเอ่ยขอทาแล้วยื่นบางอย่างส่งให้ท่านแม่ทัพ

แม่ทัพหนุ่มหยิบกระดาษจากมือไป๋หูขึ้นมาอ่าน ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อเห็นข้อความในจดหมาย

“ท่านแม่ทัพ”ไป๋หูเรียกเสียงแผ่ว หวาดผวาเมื่อเห็นใบหน้าของแม่ทัพไจ้เสวียนในตอนนี้

“ออกไป”ไจ้เสวียนขบกรามแน่น เส้นเลือดที่ขมับปูดโนน นัยน์ตาแดงก่ำราวกับปิศาจ

ไป๋หูไม่อยู่รอให้ไจ้เสวียนต้องพูดซ้ำ เขารีบถลาวิ่งออกจากห้องนอนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของหลี่หย่งชินทันที และไม่ลืมที่จะปิดประตูเพื่อให้ท่านแม่ทัพมีเวลาส่วนตัว

ไป๋หูวิ่งออกไปยังลานกว้าง เขาเป็นพวกอ่อนไหวง่ายและขี้สงสาร แม้จะเกรงกลัวแม้ทัพไจ้เสวียนเพียงใดแต่ภาพที่เห็นเมื่อครู่ก่อนประตูจะปิดลงนั้นก็ทำให้เขากลั้นสะอื้นแทบไม่อยู่

ชายที่เป็นยอดขุนพลคนนั้น ชายที่ศัตรูต่างให้สมญานามว่าปิศาจ…กำลังเสียใจ



ข้าขออภัยที่ต้องทำเช่นนี้ ข้านั้นเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะทนรับรู้ได้
ได้โปรดยกโทษให้ข้าและอย่าออกตามหา ข้าจะกลับมาในวันที่ใจข้าเข็มแข็งมากพอ…ข้าสัญญา
ข้ารักท่าน และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
…ศิษย์พี่หลี่…




ปิศาจตนนั้นกำลังร้องไห้เพราะหัวใจของตนได้จากไปแล้ว






----------------------
 :mew1:

#คิมหันต์หวนคืน

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
สนุกมากๆ ขอบคุณ

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :mew1:  ชอบมากค่ะ  สนุกมากๆ  จะมีต่อตอน 5 ไหมคะ 

ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
บทสุดท้าย




ชนบททางตอนใต้ของเมืองหลวง



รวงข้าวสีทองยามต้องสายลมอ่อนนั้นพลิ้วไหวโอนเอนไปในระนาบเดียวกัน ช่างเป็นภาพที่น่ามองนัก ไม่มีสิ่งใดรบกวน ไม่มีความวุ่นวาย มีเพียงความสงบจากธรรมชาติที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจของผู้ที่มีบาดแผล

ชายหนุ่มรูปงามสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด อาภรณ์สีขาวที่บางจุดมีรอยด่างสีน้ำตาลบ้างดำบ้างเพราะเป็นผ้าเก่าไม่ได้ทำให้ความสง่างามของเจ้าตัวลดน้อยลงเลย

“ท่านอาจารย์หยาง ท่านอาจารย์มาอยู่นี่เอง ข้าตามหาเสียทั่ว”เสียงเจื้อยแจ้วดังเข้ามาใกล้ ทำให้คนที่กำลังทอดอารมณ์ชมธรรมชาติต้องหันกลับไปดู

“ตามหาข้าทำไม วันนี้ไม่มีสอนหรือเจ้าอยากได้บทเรียนเพิ่ม”ชายผู้เป็นอาจารย์หยอกล้อลูกศิษย์ตัวน้อยที่ยังไม่เป็นชายหนุ่มเต็มตัว

“ไม่นะ คือ ท่านพ่อของข้าจับตัวโจรขโมยซาลาเปาได้ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดีเลยให้มาถามท่าน”เด็กชายรีบบอกจุดประสงค์ของตน

“อืม ไม่มีใครบาดเจ็บใช่ไหม”

“ไม่มี ท่านอาจารย์ ท่านรีบไปดูเถอะ”

“ไปสิ”ชายหนุ่มเดินตามเด็กชายไปโดยง่าย เขาไม่แปลกใจที่ชาวบ้านอยากให้เขาเป็นคนตัดสินใจนักแทนที่จะจับตัวส่งทางการ เพราะที่หมู่บ้านอันห่างไกลนี้ เขาเปรียบเสมือนเสาหลักที่คอยดูแลผู้คนมาโดยตลอด

ใช้เวลาเดินเท้าไม่นานจากทุ่งนามายังหมู่บ้าน เมื่อมาถึงก็พบผู้คนล้อมวงมุงดูขโมยอยู่ พอเห็นว่าเขาเดินมาก็รีบแหวกทางให้เขาเข้าใกล้เจ้าโจรโดยง่าย

“เจ้าโจรนี่มาขโมยซาลาเปาจากร้านข้า อาจารย์หยางว่าเราควรทำอย่างไรกับมันดี”หญิงสูงวัยรีบฟ้อง

“อย่าทำร้ายเขา เดี๋ยวข้าจะพาเขาไปส่งให้ทางการเป็นคนตัดสิน”อาจารย์หยางบอกแค่นั้นทุกคนก็เห็นด้วยยกเว้นตัวขโมยที่รีบก้มกราบข้อร้อง

“อย่า! อย่าพาข้าไปส่งทางการเลย! จะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้ ให้ข้าทำงานชดใช้ก็ได้ ได้โปรด!”ชายที่เป็นขโมยก้มกราบอาจารย์หยางหลายครั้ง จนกระทั่งสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าได้รูปสง่างามที่ยืนมองอยู่



“ท่าน ท่านหย่งชิน”โจรขโมยซาลาเปาพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เพราะตนเคยฝึกทหารมาเป็นเวลานานจึงทำให้ประสาทหูไวกว่าคนทั่วไป

“เจ้าเองรึ”ไม่ใช่เพียงแค่ไป๋หูที่ตกใจ หย่งชินเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาจำได้ว่าชายคนนี้เป็นหัวหน้าคนรับใช้ในตำหนักหยางกวาง แต่ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้

“ทำไมท่าน…”ไป๋หูจำต้องหุบปากลงเพราะถูกสายตาของชายที่ตนเคยรับใช้สั่งให้เงียบลงโดยไม่ต้องเอ่ยออกมา

“ท่านอาอาจารย์หยางรู้จักเจ้าขโมยผู้นี้งั้นรึ”หนึ่งในชาวบ้านถามขึ้นตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น หย่งชินที่บัดนี้เป็นที่รู้จักกันในนามหยางกวางไม่ตอบคำถามนั้น ทำเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยอย่างสำรวม

“ถ้าหากเจ้าขโมย เอ่อ ชายผู้นี้เป็นสหายของอาจารย์หยาง เช่นนั้นข้าก็ไม่ถือสาแล้วกัน ถือว่าตอบแทนที่ท่านอาจารย์สั่งสอนอบรมบุตรหลานของข้าเป็นอย่างดี”เจ้าของร้านซาลาเปาพูดอย่างนอบน้อม

“ข้าขอเป็นคนชดใช้ให้ท่านแทนเขาเอง เถ้าแก่”หย่งชินให้เงินจำนวนหนึ่งแก่เถ้าแก่ที่ตอนแรกจะไม่ยอมรับ แต่เมื่อเห็นว่าท่านอาจารย์คะยั้นคะยอเลยต้องจำยอม

“จากนี้ข้าจะเป็นคนดูแลชายผู้นี้ไม่ให้ทำเรื่องเดือดร้อนแก่พวกท่านอีก ต้องขอภัยแทนสหายของข้าด้วย”หย่งชินค้อมศีรษะเล็กน้อยให้เหล่าชาวบ้านที่ยืนมุงดู เมื่อเหตุคลี่คลายทุกคนจึงสลายตัวกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ

หย่งชินถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อมองชายร่างผอมโซที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ไม่นึกฝันว่าจะต้องกลับมาเจอกันอีก

การปรากฏตัวของไป๋หูเป็นเหมือนสิ่งย้ำเตือนให้ระลึกถึงความเจ็บปวดที่เขาพยายามกดทับไว้ในใจมาตลอด

 “ทำไมหัวหน้าข้ารับใช้ของตำหนักหยางกวาง ถึงกลายมาเป็นหัวขโมยต่ำต้อยเช่นนี้”น้ำเสียงของหย่งชินที่เอ่ยออกมา ทำให้คนฟังเริ่มสั่น แม้ตอนนี้หย่งชินจะดูเปลี่ยนไปบ้างแต่ความเข้มงวดและเด็ดขาดต่อผู้กระทำผิดนั้นยังเหมือนเดิม

“ท่านหย่งชิน ข้ามีความจำเป็น ได้โปรด อย่าลงโทษข้าเลย”ไป๋หูก้มกราบอีกหลายต่อหลายครั้ง

“ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาไม่ได้เป็นนายทหารเช่นแต่ก่อน ไม่มีสิทธิ์ไปลงโทษเจ้าได้หรอก”หย่งชินมองไป๋หูอย่างเวทนา สภาพของหัวหน้าข้ารับใช้ในตอนนี้เหมือนคนจรจัด เสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวผอมแห้งต่างจากแต่ก่อนที่เคยเป็นบุรุษร่างท้วม ความเป็นอยู่ของไป๋หูคงย่ำแย่อย่างหนักจนถึงขั้นต้องขโมยของกินจากผู้อื่น

“ท่านหย่งชิน ช่วยข้าด้วย ข้าไม่มีเงินติดตัวเลย ข้าจำเป็นต้องได้อาหาร ได้โปรดเถอะ”ไป๋หูน้ำตาคลอรู้สึกอับจนหนทาง แม้ในอดีตเขาจะเคยไม่ชอบหน้านายทหารคนสนิทของท่านแม่ทัพแค่ไหน แต่ตอนนี้ มีสิ่งที่สำคัญมากกว่าทิฐิรอเขาอยู่

“รอข้าอยู่ตรงนี้”หย่งชินพูดแค่นั้นแล้วเดินกลับเข้าไปในตลาด เขาซื้อซาลาเปาและของกินอีกสองสามอย่างเพื่อนำกลับมาให้ไป๋หู อย่างน้อยก็ขอให้อิ่มท้องก่อนจากนั้นค่อยมาว่าเรื่องราวกันทีหลัง

แต่ไป๋หูยังไม่ยอมกินสิ่งที่เขาซื้อมา กลับกระซิบอ้อนวอนขอให้เขาเดินตามไปยังที่ๆหนึ่งแทน

แม้หย่งชินจะแปลกใจ แต่เมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของไป๋หูเขาก็ยินยอมที่จะเดินตามชายผู้นี้ไปยังนอกเขตเมือง



ไป๋หูพาหย่งชินลัดเลาะไปตามแนวป่าที่ติดกับด้านหลังหมู่บ้าน สายตาของอดีตนายทหารจับจ้องไปที่หลังของไป๋หูไม่คลาดสายตา

“ไป๋หู รู้ใช่ไหม หากเจ้าคิดร้ายกับข้า ชีวิตเจ้าจะพบจุดจบเช่นไร”หย่งชินเอ่ยเตือน เขายังระแวดระวังภัยในทุกฝีเก้าที่เดินลึกเข้าไปในป่า

“ท่านหย่งชิน ข้าไม่ได้คิดร้ายกับท่านอย่างแน่นอน หากท่านสงสัยจะฆ่าข้าก็ได้ แต่ได้โปรด ไปให้ถึงที่หมายก่อน …”ไป๋หูละล่ำละลักบอก เขาเห็นแววตาของหย่งชินฉายแววอำมหิตมาวูบหนึ่งก่อนจะกลับไปนิ่งสงบเช่นเดิม

“นำไป”หย่งชินยอมรับฟัง ถึงแม้จะเป็นกัปดักแต่เขาก็มั่นใจในฝีมือตนเองว่าจะเอาตัวรอดได้ เขาได้ยินเสียงไป๋หูบ่นพึมพำว่า รออีกนิด อีกนิดเดียว ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร พลันในใจกลับวูบโหวงในใจว่าบางทีไป๋หูอาจจะพาเขาไปพบคนๆนั้น

เท้าที่ก้าวเดินหยุดชะงัก ทำให้คนที่เดินนำหน้าหันกลับมามองอย่างสงสัย

“ท่านหย่งชิน รีบเดินสิท่าน นางรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

“นาง? ผู้หญิงรึ เจ้าไม่ได้จะพาข้าไปพบ…”หย่งชินไม่อาจเอ่ยชื่อคนผู้นั้นได้ เขาไม่พูดชื่อนั้นมานานมากแล้ว

“ใช่ๆ เมียข้าเอง…”

 

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดไม่ใช่เรื่องที่ไป๋หูมีภรรยา เพราะตนเคยเข้าใจมาตลอดว่าไป๋หูนั้นน่าจะเหมือนพวกขันทีในวัง ซึ่งไม่นิยมชมชอบสตรี แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้น คือภรรยาของไป๋หูเป็นคนที่เขารู้จักดี





แม้กาลเวลาจะล่วงไปหกปีจนทำให้ร่างของเด็กสาวรูปงามแปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวโตเต็มวัย แต่เขาก็จำหญิงผู้นี้ได้ เพราะนางคือ ฮูหยินของตระกูลเจิ้ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นฉิน!

หย่งชินจ้องมองหญิงสาวร่างกายซูบเซียวที่สวมเสื้อผ้ามอซอกำลังกัดกินซาลาเปาอย่างเอร็ดอร่อย ดูก็รู้ว่านางคงหิวมาก และที่น่าเห็นใจยิ่งกว่านั้น คือลูกในท้องของนางซึ่งตอนนี้มันกลมนูนใหญ่โตก็คงจะหิวโซเช่นเดียวกับมารดา

“ค่อยๆกินนะ เดี๋ยวสำลัก เหวออออออ”ไป๋หูร้องเสียงหลงเมื่อมือที่กำลังลูบหลังภรรยาถูกหลี่หย่งชินกระชากออกแล้วเหวี่ยงร่างของเขาจนกระเด็นไปกองกับพื้น

“เจ้า! บังอาจนัก! เป็นแค่คนรับใช้แต่กลับกล้าลักพาตัวเจิ้งฮูหยินเชียวรึ! ความตายยังน้อยไปสำหรับคนต่ำช้าเช่นเจ้า!”หย่งชินเลือดขึ้นหน้า ควักมีดสั้นของตนหมายจะปลิดชีพชายที่บังอาจลบหลู่ดูหมิ่นผู้นำตระกูลเจิ้ง แม้เขากับไจ้เสวียนจะลาจากกันแล้วแต่ตนก็ยังคงภักดีและปกป้องเกียรติของชายคนรักเสมอ

“หยุดนะ!”

มือที่กำลังเงื้อมีดจำต้องหยุดชะงักเพราะเจิ้งฮูหยินถลาตัวเข้ามาบังเจ้าคนรับใช้ต่ำต้อยนั้นไว้

“ฮูหยิน ท่านไม่ควรทำเช่นนี้”หย่งชินมองหญิงที่เป็นภรรยาของคนที่เขารักไม่วางตา สองแขนของนางโอบกอดไป๋หูไว้แน่น ดวงตาเว้าวอนให้เชายั้งมือ

ไม่ใช่การลักพาตัว แต่นี่เป็นการสมคบคิดพากันหนี น่าโมโหเสียยิ่งกว่า!

“ท่านเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพ เหตุใดจึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้”หย่งชินกัดฟันถาม เขาโกรธจนตัวสั่น เขายอมละทิ้งหัวใจของตนเดินหนีออกมาเพื่อให้ครอบครัวของไจ้เสวียนสมบูรณ์ไร้ข้อครหา แต่นางผู้นี้กลับประพฤติตนต่ำช้าลักลอบคบชู้กับคนรับใช้สวมเขาให้ไจ้เสวียน

“ท่านหย่งชิน! ให้ข้าได้อธิบายก่อน!”ไป๋หูรีบพูด

“หุบปาก!”หย่งชินตะคอกเสียงกร้าว

“ท่านหย่งชิน โปรดฟังสิ่งที่ข้าจะเล่าให้จบก่อนแล้วค่อยจะตัดสินโทษเราสองคนก็ยังไม่สาย”เจิ้งฮูหยินพยายามรวบรวมสติแม้ในใจจะหวาดกลัวแค่ไหน

แม้จะโกรธแค้นเพียงใด แต่ยังไงสตรีผู้นี้ก็เป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้น หย่งชินจึงจำใจลดมีดในมือลงแต่ดวงตายังคงจดจ้องชายหญิงคู่นี้อย่างอาฆาต

องค์หญิงฉินชิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้ายอมลดมีดลง สองมือของนางบรรจงลูบท้องกลมนูนของตนเพื่อปลอบขวัญลูกน้อยในท้อง ก่อนจะเผยเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้น

เริ่มจากคืนเข้าหอของนาง

 

……………………………

 

ความร้อนของไอแดดกลางทะเลทรายเทียบไม่ได้กับความร้อนในใจเขา

หลี่หย่งชินกระชับเชือกในมือแน่นยิ่งกว่าเดิม สองเท้ากระตุ้นม้าหนุ่มสีน้ำตาลที่ตนขี่ให้วิ่งทะยานไปข้างหน้าไม่หยุด

เขาออกเดินทางไม่ได้พักมาตลอดสิบกว่าวันในที่สุดก็ใกล้จะถึงปลายทางแล้ว

จากหมู่บ้านที่เขาอยู่จนมาถึงที่นี่ หย่งชินต้องแวะเปลี่ยนม้าไปหลายตัว เนื่องจากเขาไม่มีเวลาให้พาหนะที่เป็นสัตว์สี่เท้านี้ได้หยุดพักหายเหนื่อย

เขาต้องรีบไป ต้องรีบกลับไป

 

“ข้ากับท่านพี่ไจ้เสวียนเราไม่ได้ร่วมหอกัน ตอนนั้นข้าอายุเพียงสิบสองเท่านั้น แม้เราจะสมรสกันแต่ท่านพี่ไม่เคยล่วงเกินข้า มองข้าเป็นเพียงน้องสาวเพราะในใจของท่านแม่ทัพมีเจ้าของอยู่แล้ว ท่านหย่งชิน ข้าคงไม่ต้องบอกว่าคนผู้นั้นคือใคร”

 

“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านพี่เอาแต่หมกมุ่นกับการฝึกทหารและท่องตำรา ผู้ที่คอยดูแลข้าคือหัวหน้าข้ารับใช้ในตำหนัก ข้าผิดที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อสามี แต่ว่าความรักมันห้ามกันได้ที่ไหน!”


 

หย่งชินเม้มปากแน่นเมื่อนึกถึงคำพูดขององค์หญิงฉินชิงที่พูดกับตนในป่า เขาเข้าใจดี เพราะตัวเขาเองก็หลีกหนีความจริงข้อนี้ไม่ได้เช่นกัน

หย่งชินกลั้นสะอื้นเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ไป๋หูและองค์หญิงฉินชิงเล่าให้ฟังต่อจากนั้น

 

“ท่านแม่ทัพไจ้เสวียนรอคอยท่านกลับไป ไม่ออกตามหาอย่างที่ท่านร้องขอและไม่เคยสิ้นหวังในคำสัญญาของท่าน”

 

ใช่ เขาสัญญาไว้ เขาอยากทำตามสัญญานั้น อยากจะกลับไป เพียงแต่…เขาทำไม่ได้ ใจของเขาไม่เข้มแข็งพอจะทำใจยอมรับได้ ไม่อาจฝืนบังคับใจให้เลิกรักได้ สุดท้ายแล้วจึงเลือกจะอยู่ห่างไกลเช่นเดิม โดยไม่เคยคิดเลยว่า ไจ้เสวียนจะรอเขา ในเมื่อข้างกายของท่านแม่ทัพมีภรรยาคอยดูแลอยู่แล้ว

เขาขี้ขลาดจนทุกอย่างมันสายเกินไป





ไม่!



มันยังไม่สาย เขาจะต้องไปทัน ไจ้เสวียนรอเขาอยู่!





หย่งชินกระตุ้นม้าหนุ่มให้ออกวิ่งไวกว่าเดิม อีกแค่นิดเดียว อีกไม่ไกลก็ถึงตำหนักหยางกวางแล้ว

ความทรงจำเก่าๆที่เขาพยายามจะลืมมันย้อนกลับมาในหัวราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้น

ตอนวัยเด็ก เขารำคาญเจิ้งไจ้เสวียน ศิษย์น้องคนใหม่ของสำนักที่คอยจะเดินตามเขา พูดจ้อไม่หยุด จนเขาเอือมระอา ไม่ว่าเขาจะเอ่ยปากไล่อย่างไรไจ้เสวียนก็ไม่เคยเดินหนีไปจากเขา

ไจ้เสวียนไม่เคยผลักไสเขาเลย สักครั้งก็ไม่เคย…

แต่เขาเองกลับเลือกที่จะทิ้งทุกอย่าง เลือกที่จะใช้ชีวิตโดยไม่มีไจ้เสวียน ทั้งที่อีกคนไม่เคยปล่อยมือจากเขาสักครั้ง

คิดแค่ว่าตัวเองเจ็บ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าไจ้เสวียนที่เป็นคนต้องถูกทิ้งให้ยืนอยู่ที่เดิมคนเดียว จะเจ็บปวดสักแค่ไหน





……………………………

 

 

หลี่หย่งชินตวัดตัวลงจากหลังม้า ทั่วทั้งกายปวดร้าวเพราะเดินทางโดยไม่ได้หยุดพัก เขาก้าวเดินไปยังเนินทรายสูงชัดเทียมเท่าภูเขาใหญ่จนกระทั่งอยู่บนจุดสูงสุด

หลี่หย่งชินทิ้งร่างลงคุกเข่ากับพื้นทรายร้อนระอุ เงยหน้าขึ้นมองไปยังดวงอาทิตย์ที่ขึ้นตรงศีรษะ หัวใจบีบรัดเหมือนกำลังจะระเบิด เขากัดปาดตัวเองจนเลือดซิบแล้วเปล่งเสียงตะโกนกรีดร้องดังก้องฟังดูคล้ายเสียงของสัตว์ป่าที่ร้องโหยหวนยามต้องอาวุธ

 

“ท่านหย่งชิน จะกลับไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เมื่อปีก่อน ตำหนักหยางกวางถูกอาเพศ พายุทรายลูกใหญ่โหมกระหน่ำสลับกับห่าฝน ทำให้เสาของตำหนักทานแรงกดไม่ไหว ค่อยๆถล่มลงมา ยังดีที่ท่านแม่ทัพสั่งอพยพผู้คนออกมาได้ทัน แต่ว่า…ตัวท่านแม่ทัพ ไม่ยอมออกมาด้วย”



“ข้าไปไม่ได้ หย่งชินสัญญาว่าจะกลับมา ข้าต้องอยู่รอ…”



นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ไจ้เสวียนบอกกับไป๋หู

 





“ฮึก ไจ้เสวียน …ไจ้…เสวียน…ข้า กลับมา แล้ว”หย่งชินทิ้งร่างลงกลางเนินทราย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของตำหนักหยางกวาง ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านเหมือนจะแตกสลายแสงสว่างรอบกายพลันดับวูบเหลือไว้เพียงความมืดมิด…





…………………………………………….……

 

 

 





ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

“คิมหันต์ คิม ตื่นสิวะ บ้าเอ๊ย! คิมหันต์!!”

เฮือก!!!

คิมหันต์ตาเบิกโพลงแล้วสะดุ้งสุดตัวทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ฟื้นแล้ว เป็นไงบ้าง! คิม มองพี่!”

เสียงคุ้นหูดังข้างตัวแต่คิมหันต์ไม่อาจส่งเสียงตอบอะไรออกไป ตอนนี้ในใจเขาถูกบีบอัดไปด้วยแรงอารมณ์สิ้นหวังจนแทบหายใจไม่ออก

“เฮ้ย! ร้องไห้ทำไม เจ็บตรงไหน ไอ้คิม!”

คิมหันต์ปล่อยโฮออกมาโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง มือข้างขวายกขึ้นกุมหัวใจที่เต้นถี่รัวซ้ำยังมีอาการเจ็บจนพูดไม่ออก

“คิม พี่ใจไม่ดีแล้วนะ เป็นไรวะ พี่จะไปตามหมอมาให้ นายอดทนไว้นะ!”เหมันต์รีบวิ่งออกจากห้องพักไปเพราะเห็นว่าน้องชายมีอาการผิดปกติ

คิมหันต์ลุกขึ้นนั่งชันเข่า แล้วซบหน้าลงร้องไห้โฮ เรียวปากส่งเสียงสะอื้นสลับกับเรียกชื่อไจ้เสวียนอยู่อย่างนั้น ยิ่งเรียกใจก็ยิ่งร้าว เพราะรู้ดีว่าเจ้าของชื่อไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว

 

 

 

 

ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่คิมหันต์จะยอมหยุดร้องไห้ แพทย์ที่เข้ามาดูได้ให้ยาคลายเครียดไว้เพื่อให้คิมหันต์ได้พักอย่างเต็มที่

เหมันต์มองดูน้องชายที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยความหนักใจ เมื่อสองวันก่อน คิมหันต์กดส่งสัญญาณเรียกคนไปรับหลังกลางทะเลทรายโกบีที่ตนเป็นคนแนะนำให้น้องชายมา ทีมช่วยเหลือรายงานว่าไปพบคิมหันต์นอนสลบอยู่กลางเนินทรายในสภาพอิดโรยเพราะขาดน้ำ ตัวเขาจึงรีบบินตรงมาที่นี่ทันที

แพทย์วินิจฉัยว่าคิมหันต์ไม่ได้รับอันตรายอะไรเพียงแค่ร่างกายอิดโรยพักสักหน่อยก็หาย เขาจึงตัดสินใจพาน้องมาค้างที่โรงแรมในเมืองตุนหวงซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด รอให้น้องฟื้นค่อยพากลับไทย

คิมหันต์สลบไปเกือบสองวัน เขาให้แพทย์คอยดูแลอยู่ตลอด กังวลเหลือเกินว่าน้องจะเป็นอะไร จนเมื่อเช้า อยู่ๆคิมหันต์ก็กรีดร้องเหมือนเจ็บปวด เขารีบวิ่งมาดูพบว่าน้องกำลังดิ้นอยู่บนเตียงเหมือนคนกำลังชัก และในที่สุดคิมหันต์ก็ลืมตาขึ้นและร้องไห้อย่างหนัก

ไม่เพียงเท่านั้น คิมหันต์ยังพูดเรื่องบ้าบอบางอย่างที่เขาฟังแล้วขนลุกขนชันขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ น้องเล่าทั้งน้ำตาว่าหล่นลงไปในทรายดูด ข้างล่างเป็นเมืองโบราณของจีน ชื่อตำหนักหยางกวาง

เขารีบอธิบายว่าตอนที่ทีมช่วยเหลือไปพบ คิมหันต์นอนสลบอยู่บนพื้นทรายไม่ได้โดนทรายดูดที่ไหน เมืองโบราณอะไรนั่นก็ไม่มี น้องคงจะฝัน แต่คิมหันต์กลับเอาแต่ส่ายหน้าร้องไห้และพูดเรื่องตำหนักโบราณอะไรนั่นต่อ

เขาไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นตอนเดินทางพิชิตทะเลทรายหรือเปล่า แต่ร่างกายของน้องก็ปกติดีเพียงแค่อ่อนแรงเท่านั้น



เหมันต์คิดไม่ตกกังวลไปทุกอย่างและเริ่มหงุดหงิดเพราะความหิว จึงเดินลงมาด้านล่างของโรงแรม แล้วสั่งอาหารสองสามอย่างมากิน ในสมองยังคงคิดเรื่องของน้องจนแทบกินอะไรไม่ลงพอเริ่มเครียดจึงรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาหมายเลขทางไกลที่คุยกันอยู่ทุกวัน

“ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ น้องฟื้นแล้ว อืม ไม่ค่อยดีเท่าไร น้องดู…”เหมันต์เม้มปากแน่นไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เขานึกคำภาษาอังกฤษที่อธิบายอาการของน้องไม่ถูก คนปลายสายจึงบอกให้ใจเย็นๆแล้วค่อยๆเล่า

“น้องบอกว่าหล่นลงไปในทรายไปโผล่เมืองโบราณ ตำหนักหยางกวาง คุณพอจะคุ้นมั้ย”



เคล้ง!



เสียงบางอย่างดังขึ้นใกล้ตัว เหมันต์ตกใจรีบหันไปดู พบว่ากลุ่มคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆทำแก้วน้ำหล่น

“ขอโทษครับ”ผู้ชายที่ทำแก้วน้ำหล่นเอ่ยขอโทษเป็นภาษาจีน เหมันต์ผงกหัวให้นิดนึงเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

“ผมก็ไม่เคยได้ยินชื่อตำหนักหยางกวางอะไรนั่นนะ น้องเพ้อเยอะมากว่าเคยอยู่ที่นั่นแล้วก็ร้องไห้ไปด้วย ผมเลยฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง”เหมันต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาได้ยินเสียงเก้าอี้ถูกลากดังใกล้ๆ คิดไปเองหรือเปล่าว่าผู้ชายที่ทำแก้วน้ำหกเมื่อครู่ขยับเข้ามา ดูท่าคงอยากจะเข้ามาทำความรู้จักกับเขาอีกล่ะสิ

ถ้าเขาไม่มีแฟนก็อาจจะยอมเล่นด้วยหรอกนะ เพราะก็หล่อเข้าตาอยู่เหมือนกัน มีลักยิ้มซะด้วย แต่ขอโทษนะ ถ้าแฟนเขารู้รับลองเละทั้งเขาทั้งคนที่มาจีบแน่

“หมอบอกว่าคิมอาจจะฝัน หรือเห็นภาพหลอนเพราะร้อนจัดอะไรประมาณนั้น ครับ ผมจะให้น้องพักอีกสักคืนสองคืนแล้วจะพากลับไทย คุณจองตั๋วเครื่องบินให้หน่อยได้มั้ย…เอางั้นเหรอครับ ก็ได้ ไปเครื่องส่วนตัวของคุณก็ได้ ดีเหมือนกัน ขอบคุณนะครับ” เหมันต์ยกยิ้มขณะกดวางสายแล้วลุกขึ้นเพื่อเดินกลับไปยังห้องพักของน้องชายตน

 



……………………………

 



ผ้าชุบน้ำเย็นถูกประคบที่ดวงตาบวมปูดของคิมหันต์อย่างเบามือ

“ขอบคุณครับพี่ พอแล้ว”คิมหันต์พยายามฝืนยิ้มให้ญาติคนสนิทที่เข้ามาช่วยประคบดวงตาให้หายช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“ดีขึ้นรึยัง”เหมันต์ลูบหัวน้องชายคนสนิทที่หน้าตาละม้ายคล้ายเขาราวกับพี่น้องท้องเดียวกัน

“ไม่ดีเลยครับ”คิมหันต์ตอบตามตรง

“ยังคิดถึงมันอยู่เหรอ”เหมันต์ชี้ไปยังกำไลหยกในมือของน้องชาย เพราะตั้งแต่เช้า คิมหันต์ก็เอาแต่นั่งจ้องกำไลหยกชิ้นนี้ที่ได้รับมาจากไอ้แฟนเก่าเฮงซวยของน้อง

“คิดถึงคนให้ครับ”คิมหันต์ยอมรับ

“มันทำไม่ดีกับเราขนาดนั้นเลิกคิดถึงมันได้แล้ว”เหมันต์พูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ผมไม่ได้คิดถึงธัน ผมคิดถึงคนให้กำไลหยกครับ”

เหมันต์ทำหน้างง ก็คนให้กำไลหยกนี่มันก็ไอ้ธันแฟนเก่าน้องไม่ใช่เหรอ คิมมันสับสนอะไร

“พี่เหมันต์ ผมมีเรื่องจะขอร้อง”อยู่ๆคิมหันต์ก็พูดขึ้น

“อะไรล่ะ ให้ได้ก็จะให้”เหมันต์ลูบหัวน้องชายอย่างเอ็นดู

“ผมขอไปที่ทะเลทรายตรงจุดที่ผมตกลงไปได้มั้ยครับ”

สิ่งที่คิมหันต์ขอทำให้เหมันต์ถอนใจเฮือกใหญ่

“ไม่ได้หรอกคิม เราไม่รู้ตำแหน่งเดิมแล้ว ทะเลทรายมันก็เหมือนกันหมด ทีมช่วยเหลือเขาบอกว่าเผลอลบตำแหน่งที่คิมส่งสัญญาณมาให้แล้ว ยังไงก็กลับไปที่นั่นไม่ถูกหรอก”เหมันต์เลือกที่จะโกหกเพราะไม่อยากให้น้องกลับไปอีก

“และอีกอย่างนะ พี่บอกแล้วนี่ว่าคิมไม่ได้หล่นลงไป มันไม่มีทรายดูดรึเมืองอะไรพวกนั้น คิมคงฝัน”

คิมหันต์รู้อยู่แล้วว่าเหมันต์ต้องปฏิเสธ เขาไม่โทษพี่ชายหรอก เพราะรู้ว่าเหมันต์ห่วงเขาจริงๆ แต่…ก็เหมือนเดิม เขามั่นใจว่าตนไม่ได้ฝัน

ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง

ความเจ็บปวดนั้นเป็นเรื่องจริง

ความรักของหย่งชินกับไจ้เสวียนก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน

“ครับ ผมขอนอนหน่อยนะพี่ ไม่ไหวแล้ว ง่วง”คิมหันต์ใช้ข้ออ้างนี้เพื่อไล่พี่ชายให้ออกจากห้องไป

คิมหันต์จ้องมองกำไลหยกในมืออีกครั้ง ในฝัน ไม่สิ ในชาติก่อน เขาได้มอบกำไลหยกชิ้นนี้ให้ไป๋หูและองค์หญิงฉินชิงไปเพื่อให้ทั้งสองนำไปขายแล้วเอาเงินไปประทังชีวิต เพราะสองคนนั้นยังต้องหลบหนีจากองค์จักรพรรดิไปอีกนาน สุดท้าย ของขวัญชิ้นนี้ก็กลับมาอยู่ในมือเขาจนได้

แม้จะสายไปแล้วก็ตาม

คิมหันต์ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล เขาไม่เข้าใจ และไม่รู้จะโทษใคร

ทำไมต้องให้เขาเห็นเหตุการณ์ในชาติที่แล้ว ทำไมต้องถ่ายทอดความเจ็บปวดของหย่งชินให้เขาต้องรับรู้ไปด้วย ทำไปเพื่ออะไร

เขาถูกแฟนเก่านอกใจว่าเจ็บแล้ว ยังไม่เท่าความเจ็บที่ได้รับผ่านความทรงจำของหย่งชิน

แล้วเขาจะใช้ชีวิตต่อจากนี้อย่างไร

หลี่หย่งชินรักแม่ทัพไจ้เสวียนมากขนาดไหน ตัวเขาเองเข้าใจดี เพราะเขาก็รักไจ้เสวียนเช่นกัน

เขารักผู้ชายที่ตายไปเป็นพันๆปีแล้ว

มันยิ่งกว่าความทรมานเมื่อต้องนึกถึงว่าต่อจากนี้ทุกวันเขาจะต้องตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกโหยหาคนที่ไม่สามารถไขว่คว้ามาได้

“ฮึก ไจ้ เสวียน อึ่ก!”สองมือปิดปากกลั้นสะอื้น เมื่อต้องพร่ำเรียกชื่อนั้น สัมผัสของไจ้เสวียนที่เคยโอบกอดเขา จนตอนนี้เขายังรู้สึกถึงและดูเหมือนจะไม่มีวันจางหายไป

 

 

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง คิมหันต์รีบเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากให้เหมันต์ต้องคิดมากอีก เขานั่งรอที่เตียงเช่นเดิมแต่เหมันต์ก็ยังไม่เปิดเข้ามา จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบ คิมหันต์จึงมั่นใจว่าคนที่อยู่หน้าห้องคงไม่ใช่พี่ชายตนเอง

ชายหนุ่มยกผ้าห่มขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปรอะหน้าแล้วเดินลากเท้าไปเปิดประตู

“ครับ” คิมหันต์เลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อพบว่าคนที่อยู่หน้าประตูเป็นคนที่ตนไม่รู้จัก

ผู้ชายคนนี้ตัวสูงกว่าเขาเป็นคืบ หน้าก็ยังเห็นไม่ชัดเพราะใส่แว่นกันแดดบังไว้ ซึ่งคิมหันต์ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าอยู่ในโรงแรมจะใส่แว่นกันแดดไปเพื่ออะไร

“มีอะไรครับ”คิมหันต์ถามขึ้นเมื่อผู้ชายตรงหน้ายังยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ในใจเริ่มกลัวว่าจะเป็นคนร้ายเข้ามาทำอันตรายหรือเปล่า จึงมองไปนอกห้องก็พบว่ามีคนเดินอยู่ประปราย หากมีอันตรายเขาคงต้องร้องให้คนพวกนั้นช่วย

“พูดจีนได้มั้ย อังกฤษก็ได้”ผู้ชายคนนั้นพูดภาษาอังกฤษใส่เขา คิมหันต์จึงพึ่งรู้ตัวว่าตนกำลังพูดภาษาไทยอยู่ คนตรงหน้าคงไม่เข้าใจ

“มีอะไรหรือเปล่า”คิมหันต์ถามอีกครั้ง รู้สึกอึดอัดเมื่อรู้ว่าดวงตาใต้แว่นกันแดดแบรนด์เนมนั้นกำลังจ้องมาที่เขา

“คุณชื่ออะไรครับ”ชายคนนั้นถามขึ้น คิมหันต์ขมวดคิ้วเป็นปม คนไม่รู้จักกัน อยู่ๆมาเคาะห้องแล้วมาถามชื่อแบบนี้ ท่าทางไม่ดีแน่

“คุณมีธุระอะไรกับผม”เสียงของคิมหันต์แข็งขึ้นชัดเจน แต่ผู้ชายแปลกหน้ากลับยกยิ้มมุมปากนิดๆซึ่งสายตาของคิมหันต์สังเกตได้

“นี่คุณ! มากไปแล้วนะ!”คิมหันต์ตวาดพร้อมกับปัดมือที่ถือวิสาสะยกขึ้นมาเหมือนจะจับหน้าเขา

“ร้องไห้ทำไมครับ”

น้ำเสียงที่พูดขึ้นเหมือนกับห่วงใยเขามากมายทำให้คิมหันต์ใจกระตุก ร่างบางไม่ตอบอะไรซ้ำยังปิดประตูใส่หน้าผู้มาเยือนอย่างแรงจนเกิดเสียงดังปัง!

คิมหันต์จ้องมองประตูห้องของตนที่ปิดสนิทอีกครั้ง รอดูว่าคนข้างนอกจะเคาะห้องอีกมั้ย ถ้าเคาะ เขาจะได้โทรบอกให้พี่เหมันต์เรียกผู้ดูแลโรงแรมมาพาตัวออกไป

บ้าอะไรของเค้า ไม่รู้จักกันซะหน่อย อยู่ๆมาเคาะห้องมาถามชื่อแล้วยังจะ…

คิมหันต์หน้าร้อนวูบเมื่อคิดถึงน้ำเสียงที่ถามเขาอย่างห่วงใย

ร้องไห้ทำไมครับ?

บ้าเอ๊ย! เลิกคิดเลยนะ

คิมหันต์ตีหน้าผากตัวเองเบาๆ นาทีนี้เขาต้องโมโหและก็กลัวสิ หมอนั่นเป็นใครก็ไม่รู้ น่ากลัวจะตาย

พลันสายตาของคิมหันต์เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างตรงด้านล่างของประตู ลองเดินเข้าไปใกล้พบว่ามันเป็นกระดาษใบเล็กๆถูกสอดเข้ามาในห้อง

เขาจ้องประตูอยู่พักใหญ่เพื่อรอดูว่าคนข้างนอกจะทำอะไรอีกมั้ย จนแน่ใจว่าคนๆนั้นไปแล้วจึงเดินไปหยิบกระดาษแผ่นเล็กที่ถูกสอดเข้ามา

คิมหันต์ยกขึ้นมาดูพบว่ามันเป็นนามบัตรที่มีภาษาจีนแทบทั้งนั้น มีภาษาอังกฤษแค่คำเดียวคือตำแหน่งงาน

นักโบราณคดี…

ผู้ชายคนนั้นเป็นนักโบราณคดีงั้นเหรอ? คือดูจากการแต่งตัวไม่ได้เหมาะกับทางนี้เลย น่าจะเป็นพวกดารานักแสดงที่มาถ่ายหนังกันมากกว่า

คิมหันต์พลิกนามบัตรไปด้านหลังแล้วหัวใจก็หล่นวูบเมื่อเห็นข้อความบนนั้น

 





ผมเป็นนักโบราณคดี กำลังศึกษาเรื่องตำหนักเก่าที่หายสาบสูญกลางทะเลทรายอยู่ ซึ่งคุณอาจจะช่วยผมได้ หากไม่รบกวน เย็นนี้ผมขอเลี้ยงอาหารคุณนะครับ

Ps.ผมไม่ดื่มเหล้า หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจชา










คิมหันต์อ่านข้อความบนกระดาษจนครบสิบรอบแล้วรีบโทรไปหาพี่เหมันต์ทันที



“พี่เหมันต์ คือผมมีเรื่องให้ช่วย ไม่ ไม่ใช่ครับ ไม่ได้จะให้พาไปที่นั่น คือผม…ผมขอยืมชุดพี่หน่อยครับ แบบชุดที่มันดูดีอ่ะครับ ผมไม่มีมาเลย…เปล่าๆ ไม่ได้จะไปไหน  พอดีผมเจอ…คนรู้จักน่ะครับ”

คิมหันต์กดวางสาย เขาฉีกยิ้มกว้างให้ภาพสะท้อนตัวเองในกระจกเงา น้ำตาที่ไหลออกมาตอนนี้ เขาไม่รู้เลยว่ามันมาจากความรู้สึกไหน

ชายหนุ่มมองกำไลหยกที่วางอยู่ข้างเตียงอีกครั้งก่อนจะเดินไปหยิบมันมาสวมใส่ที่ข้อมือโดยไม่ลังเล

เขามองไปที่หน้าต่างซึ่งเปิดกว้าง พลางคิดในใจว่าอยากให้พระอาทิตย์โน้มตัวลงในทิศตะวันตกให้ไวกว่านี้จัง….















...............................................................................




 :mew1:


ขอบคุณที่ติดตามมาจนบทสุดท้ายนะคะ

ขอทิ้งท้ายนิดนึงว่าอาจจะมีตอนพิเศษ ถ้ามีคนอยากอ่าน

เพราะใจจริงเราเองก็อยากเขียน แห่ะๆ

อย่าลืมเม้นให้กันบ้างน๊าคะ ขอบคุณค่า



#คิมหันต์หวนคืน

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: (END) คิมหันต์หวนคืน
«ตอบ #9 เมื่อ12-05-2019 21:56:12 »

 :z3:  ไปพบเค้าเลยคร้า  นักโบราณคดี   

คุณผู้แต่งเขียนเถอะค่ะ  สนุกมาก  รออ่านค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (END) คิมหันต์หวนคืน
« ตอบ #9 เมื่อ: 12-05-2019 21:56:12 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mamaiow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: (END) คิมหันต์หวนคืน
«ตอบ #10 เมื่อ12-05-2019 23:17:32 »

อยากอ่านต่อค่ะ อยากรู้ตอนเขาเจอกัน ได้โปรดด พรีสสสสส :katai1:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: (END) คิมหันต์หวนคืน
«ตอบ #11 เมื่อ13-05-2019 19:27:19 »

แง้ จบแล้วเหรอ ให้ไปคิดต่อเองไปอีกกกก ไม่ดีนะคะ ชาตินี้เค้ายังไม่ได้เคลียร์เรื่องชาติที่แล้วกันเลย (ห้ะ55555555555) มีตอนพิเศษเถอะค่ะ  :heaven

ออฟไลน์ poshbear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: (END) คิมหันต์หวนคืน
«ตอบ #12 เมื่อ30-05-2019 15:06:19 »

ไม่นะ อย่าจบแบบนี้เลยครับ ขอร้องง ต้องการตอนพิเศษ สนุกมากจนหยุดอ่านไม่ได้เลย ลงแดงแน่ๆ ฮืออ

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
Re: (END) คิมหันต์หวนคืน
«ตอบ #13 เมื่อ03-06-2019 13:33:11 »

ชอบเรื่องนี้มาก
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียน
รออ่านผลงานเรื่องต่อๆไป
และรออ่านตอนพิเศษของเรื่องนี้ค่ะ

 :L2:

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: (END) คิมหันต์หวนคืน
«ตอบ #14 เมื่อ09-06-2019 01:53:05 »

อ่านแล้วอินมาก ๆ เลยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด