ตอนที่18 ・สวัสดีครับเราเคยรู้จักกันรึเปล่า
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : ตอนจีบจะจีบกี่คนก็ได้แต่ยามขอแต่งงานนั้นเลือกได้เพียงคนเดียว
พอกลับมาด้วยสภาพเปียกปอนกันทั้งคู่ก็ทำเอาสองสามีภรรยาเจ้าของโรงแรมแตกตื่นกันยกใหญ่ คุณไบรอันแทบจะสั่งให้อาคาริหยุดงาน อาคาริรีบเบรกเขาพร้อมกับอธิบายว่าไม่ได้เป็นอะไรมากรวมถึงผมต้องช่วยยืนยันอีกเสียงด้วยว่าพวกเราแค่เผลอตกน้ำกันไปเท่านั้น กระทั่งพวกเขาแน่ใจแล้วว่าทั้งผมทั้งอาคาริไม่มีใครบาดเจ็บจึงได้ปล่อยให้พวกเราขึ้นห้องมาอาบน้ำล้างตัว ส่วนปลาที่ตกได้ผมก็ยกให้คุณเจนเอาไปต้มยำทำแกงแล้วเรียบร้อย
ที่สำคัญกว่านั้นคือตอนนี้ผมกำลังสอดส่องสำรวจห้องของอาคาริ ห้องนอนของเขาเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมไม่คิดจะมาเหยียบเลยสมัยที่เล่นเกม เคยเห็นผ่านๆจากภาพประกอบในคู่มือเท่านั้น ทำไมน่ะเหรอ? ก็ห้องส่วนตัวชาวบ้านมันต้องสนิทกับเขาก่อนถึงจะเข้าได้น่ะสิ แล้วผมผู้ผูกใจเจ็บจากการอกหักครั้งแรกสุดๆจะไปตีสนิทกับNPCที่ตัดหน้าแต่งงานกับสาวที่ผมหมายปองไปทำไมกัน
“เหมือนห้องข้างๆเลยนี่หว่า” ห้องเรียบๆมีเตียงมีตู้มีโต๊ะหน้ากระจก วัสดุส่วนใหญ่ทำจากไม้ ไม่ต่างจากห้องอื่นๆในโรงแรมเท่าไหร่ ดีแล้วที่แต่ก่อนผมไม่เปลืองแรงตีสนิทมัน
“ก็โรงแรมนี่นะ” เจ้าของห้องกล่าวตอบขณะวาดมือมาล็อกคอลากผมเข้าห้องน้ำเพื่อไม่ให้ผมพาตัวเปียกๆเดินไปเดินมาพาให้พื้นห้องสกปรกมากกว่าที่เป็นอยู่
“ไว้จะพาไปที่บ้านแล้วกัน” ไม่พอเจ้าตัวยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เปียกชื้นแนบผิวกายไปด้วยขณะที่กล่าว จนผมเผลอมโนว่าหมอนี่กำลังเชิญชวนอะไรอยู่รึเปล่าวะ แต่โทษทีนะ…
“ห้องที่บ้านนายฉันเคยเห็นแล้วอ่ะ” ถ้าตีสนิทกับคุณอเล็กซานเดอร์จนเข้าไปหลังร้านไวน์ได้ มันจะโชว์พื้นที่ทั้งบ้านของครอบครัวเขาเลยครับ
อาคาริหันมาเลิกคิ้วให้ แต่จากนั้นคงนึกขึ้นได้ว่าผมไปหาดูมาจากไหน “ไม่เหมือนได้เข้าไปเห็นเองหรอก”
“ทำไม ห้องนายจริงๆซุกหนังสือโป๊เอาไว้รึไง?” ผมแกล้งทำตาวาว ผลคือถูกทำหน้าหน่ายใส่
“คิดแต่เรื่องแบบนี้”
“ธรรมชาติของชายฉกรรจ์วัยกลัดมันน่า”
“ชายฉกรรจ์?” ทวนอย่างเดียวไม่ว่าแม่งเอามือมาบีบพุงกูด้วยยยยยย
“เฮ้ย” ผมรีบโยกเอวหลบแล้วปั้นเสื้อเชิ้ตที่ถอดแล้วเป็นก้อนปาใส่หน้ามัน หนีไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกอาคาริจับสายเอี๊ยมเอาไว้ ซึ่งผมยังไม่ได้ถอดออก แค่ปลดลงมาแถวเอวเอาให้พอถอดเสื้อได้เท่านั้น พอมั่นใจว่าผมไปไหนไม่รอดเขาก็กระตุกสายดึงผมกลับมา
“โอ๊ยปล่อย อย่าบีบสิวะ” เป็นแฟนแล้วกอดได้อยู่หรอก แต่ไม่อนุญาตให้เล่นพุงเฟ้ย
“ดูตัวเล็ก แต่มีพุง” กูไม่ได้ตัวเล็ก แต่กูจะไปตัวโตเท่าลูกครึ่งอย่างมึงได้ยังไงไหวครับ
“ฉันอ้วนเพราะนายนั่นล่ะ” ผมโวยวาย ใครใช้ให้มันทำอาหารอร่อยเล่า
โทษว่าเป็นความผิดอาคาริก็ไม่ถูก อันที่จริงก็เนื้อเหลวเป็นก้อนไขมันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วครับ สมัยเรียนผมก็เหมือนเด็กมหาลัยทั่วๆไป มีฉลองอะไรก็เข้าบุฟเฟ่ต์ กินเสร็จก็กลับมานั่งอ่านหนังสือเล่นเกม มันจะเอาอะไรไปเผาผลาญกัน
“แปลว่าต้องคุมอาหารสินะ” เขายังไม่หยุดเล่นไขมันหน้าท้องของผม แถมยังก้มลงมาซุกไซร้อยู่แถวๆลาดไหล่อีกต่างหาก
“อะไรก็ได้ ถ้านายทำอร่อยฉันก็กินอยู่ดี” คำพูดของผมทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะหึดังขึ้นข้างๆหูขวา
“นายนี่นะ” อาคาริตัดบทเพียงเท่านั้นแล้วก็จับคางให้ผมหันไปรับจูบ
คราวนี้เป็นจูบง่ายๆที่ไม่มีการรุกล้ำเกิดขึ้น ผมประสานมือข้างหนึงกับมือของเขาที่โอบเอวผมเอาไว้ ปิดเปลือกตาลงแล้วจูบตอบกลับไป ค่อยๆเพลิดเพลินไปกับการดูดดึงริมฝีปากของกันและกัน เขาพาผมเขยิบไปที่ใต้ฝักบัวทั้งที่ริมฝีปากของเรายังแนบชิดกันอยู่ จุมพิตดำเนินไปอย่างเนิบช้าเนิ่นนาน และสิ้นสุดลงเมื่อเราต่างพาความรู้สึกเดินทางมาสู่เส้นกั้นก่อนถึงจุดที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้
“อร่อยมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะที่ยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ผมเลียริมฝีปากคนถามซ้ำอีกครั้งก่อนจะตอบออกไป
“เค็ม”
ก็ลงทะเลกันมานี่นะ อันที่จริงตอนจูบกันมันก็หวานไปหมดนั่นแหละ แต่มันกระดากปากเกินกว่าจะพูดแบบนั้นออกไปอยู่ดี
ซ่า
“เชี่ย!”
คำตอบไม่ถูกใจรึยังไงก็ไม่รู้ ผมตอบเสร็จปุ๊บอาคาริก็ยื่นมาไปเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นๆมันสาดลงมาราดเราทั้งคู่แบบไม่ทันให้ผมตั้งตัว ไอ้สัส เสื้อผ้ายังถอดไม่หมดเลย ผมสะดุ้งกับความเย็นของสายน้ำจนเผลอเบียดกายเข้าหาคนที่ตัวใหญ่กว่าโดยอัตโนมัติ เจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยการกอดผมเอาไว้เสียแน่นพร้อมกับจับผมอาบน้ำสระผมทั้งอย่างนั้น คิดอีกแง่ก็อาจดีแล้วที่ท่อนล่างยังส่วมใส่อาภรณ์กันเอาไว้อยู่ ดูจากทรงหมอนี่แล้วขืนเปลือยหมดมีหวังได้พากันไปถึงไหนต่อไหนตั้งแต่ยังไม่ทันพ้นห้องอาบน้ำแน่
•••••
“เป็นไง” ผมที่อาบน้ำล้างตัวเรียบร้อยแล้วกำลังนอนยกแข้งยกขาอยู่ในห้องของอาคาริ บนเตียงของอาคาริ ด้วยชุดของอาคาริ
เจ้าของห้องหันมาตามเสียงเรียก จ้องผมผู้นอนทำท่าแปลกๆอยู่บนที่นอนของเขา สักพักจึงเอ่ยถาม “อะไร”
“ก็นั่นไง ที่เขาบอกว่าผู้ชายชอบให้แฟนใส่เสื้อผ้าของตัวเองอ่ะ เนี่ย เซ็กซี่ป้ะ” มุกนี้ผมเล่นได้ เพราะผมตัวเล็กกว่ามัน เสื้อเชิ้ตขาวของเจ้าตัวที่ผมใส่อยู่จึงยาวคลุมมาถึงสะโพก แต่ไม่ถึงกับหลวมโพรกจนปิดสิ่งสงวนได้หมด ท่อนล่างเลยยังใส่กางเกงขาสั้นที่หาหนังยางมัดขอบไว้ไม่ให้ร่วงหลุดลงมาไว้ด้วย ผมแกล้งนอนบิดตัว ถลกขากางเกงขึ้นให้เห็นขาอ่อนแล้วชี้ขาข้างหนึ่งขึ้นเพดานด้วยอินเนอร์ที่คิดเอาเองว่าเซ็กซี่ที่สุดในโลก
การโพสท่าอันแสนเย้ายวนของผมได้รับฟี้ดแบ็คกลับมาเป็นสายตาแสนเย็นชาของผู้ชม
“อย่าไปบอกใครว่าเคยทำแบบนี้ ขายขี้หน้า”
อูย พูดเบาๆก็เจ็บ
“ก็ได้วะ” ผมหุบขากลับไปนอนคว่ำ เท้าคางดูอาคาริที่ยังแต่งตัวไม่เสร็จ เขากำลังยืนปาดเจลเซ็ตผมอยู่หน้ากระจกอย่างไม่รีบร้อนนัก ยังมีเวลาอีกชั่วโมงนิดๆก่อนจะถึงเวลาเข้างานบาร์เทนเดอร์
“เดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้าไปซักข้างล่าง” ผมฟังที่เขาพูดแล้วร้องเหยดในใจ สาบานว่านายเพิ่งหัวใจสีเขียว ทำให้กันขนาดนี้เรียกว่าเมียเลยดีกว่า ผมขอหมอนี่แต่งงานเลยได้มะ
เสื้อผ้าที่ใส่ไปทะเลมายังแค่ใช้น้ำสะอาดล้างเกลือและทรายออกไปแบบลวกๆเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ยังพาดกันเอาไว้บนขอบอ่างล้างหน้าอย่างขอไปทีอยู่ “เดี๋ยวระหว่างนายทำงานฉันเอาลงไปซักให้ก็ได้” ผมอาสา เห็นแบบนี้ผมก็ไม่ได้อยากจะงอมืองอเท้าใช้งานชาวบ้านเขาอย่างเดียวหรอกนะครับ อยู่คนเดียวมาตั้งสี่ปี งานบ้านง่ายๆผมทำเป็นน่า
“ชุดนายน่าจะแห้งไม่ทัน” เออก็จริง เอี๊ยมผมเป็นผ้ายีนส์อย่างหนาสำหรับงานไร่ คงต้องตากแดดหลายชั่วโมงถึงจะแห้งสนิท และเดาว่าที่หมู่บ้านนี้ต้องไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเครื่องอบผ้าแน่นอน
ผมเงียบเพื่อคิดว่าจะเอายังไงดี เหลือบมองชุดที่ตัวเองใส่อยู่สลับกับอาคาริ ซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังจ้องผมกลับมาเช่นกัน ผ่านไปสักพักพวกเราก็โพล่งออกมาพร้อมกันว่า
“ใส่ชุดฉันกลับไปก่อน / คืนนี้ฉันค้างนี่แล้วกัน”
อ้าว
“ค้างไม่ได้เหรอ?”
“ก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้ากลับไม่ได้เพราะไม่มีชุด ฉันก็แค่ให้นายยืมชุด” คู่สนทนาว่าพลางขยับไปเปิดตู้เสื้อผ้า “เดี๋ยวลองหาตัวที่นายน่าจะใส่ได้”
อาคาริ ไอ้… ไอ้สุภาพบุรุษ! จังหวะแบบนี้มันต้องหลอกแฟนให้ค้างด้วยกันดิวะ เจ้าบ้า นายทำให้ฉันดูแย่
ผมหดขายันตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ “โห พูดขนาดนี้ฉันกลับก็ได้”
เขาเงยหน้าขึ้นมอง ปิดประตูตู้แล้วเดินมาหา เขาแวะหยิบอะไรบางอย่างที่โต๊ะก่อนจะมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆผมบนเตียง “ถ้าอยากค้างก็บอก ไม่ต้องมาอ้างเหตุผล”
“ทีนายมาค้างบ้านฉันยังมีเหตุผลเลย”
“ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นอะไรกัน เหมือนตอนนี้ที่ไหน” บาร์เทนเดอร์ผู้แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยแล้วกล่าวพลางแบมือให้เห็นไอเทมที่เขาหยิบติดมาด้วย ซึ่งก็คือกิ๊บสีฟ้าที่เจ้าตัวให้ผมมาเมื่อก่อนหน้านี้ ผมเอียงหน้าให้เขาช่วยเอามาติดศีรษะได้อย่างถนัดขึ้น
“หรือนายไม่อยากให้ฉันค้าง”
“ฉันไม่มั่นใจว่าจะอดทนไม่ทำอะไรนายได้”
ผมเลิกคิ้ว “อยากทำก็ทำสิ”
อันนี้ไม่ได้คิดจะเชิญชวนอะไรนะ แต่เป็นแฟนกันมีอะไรกันมันก็ไม่แปลกสักหน่อย ว่าแต่ที่นี่มีถุงยางมั้ย ไม่สิ ผมยังต้องใช้ถุงยางอยู่รึเปล่า
แล้วคนดีศรีหมู่บ้านอย่างอาคาริก็ขมวดคิ้วราวกับได้ยินผมบอกว่าหมาที่บ้านโตขึ้นมาเป็นอัลปาก้า “เร็วไป เพิ่งคบกันวันแรก”
นายทำให้ฉันดูแย่อีกแล้ว! นี่ถ้าผมปล้ำมันตั้งแต่ตอนนี้มันจะวิ่งร้องไห้ลงไปฟ้องคุณไบรอันเลยมั้ยเนี่ย
ผมได้แต่กลอกตาไปมา “แล้วแต่นายเลย”
“คิดดีแล้วสินะ”
“หือ หมายความว่าไง?”
อาคารินิ่งไปครู่หนึ่งจึงค่อยเอ่ยต่อ “ไม่รู้สึกแปลกเหรอที่มาคบกับคนที่เคยคิดว่าเป็นแค่ตัวละครน่ะ”
อ๋อ เรื่องนี้นี่เอง
“นายคิดมากเรื่องที่ฉันบอกว่านายเป็นNPCเกินคาดแฮะ” ผมขยับขาไปวางพาดบนตักอาคาริ “ปล่อยเรื่องนั้นไปเถอะ ตอนนี้ฉันอยู่กับนายตรงนี้แล้ว พวกเราก็เหมือนๆกันนั่นแหละ”
“นั่นสินะ” เขาฉีกยิ้มบางพลางใช้มือบีบนวดน่องให้ผม
“ฉันสิต้องถามนาย นายโอเคกับเพศเดียวกันจริงๆเหรอ หมายถึง… หากเราคิดจะทำอะไรมากกว่านั้น… ไหวแน่นะ?” กับตัวผมเองในตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะไหวหรอก แต่ด้วยความอยากรู้จึงทำให้ลอง จนถึงก่อนหน้ายังคิดอยู่เลยว่าคงเป็นแค่ความโลดโผนหนึ่งในชีวิต สุดท้ายยังไงก็คงลงเอยกับผู้หญิงอยู่ดี
“กับคนที่ชอบทำไมจะไม่ไหว”
แต่เห็นทีผมคงต้องคิดใหม่เสียแล้ว
“นาย… จริงจังแค่ไหนน่ะ เอ่อ… ฉันถามเกินไปรึเปล่า หัวใจเพิ่งสีเขียวเองนี่หว่า”
“ใครบอก มันแทบจะแดงตั้งแต่นายมาขอเป็นแฟนแล้ว”
โอ๊ย… ตอนนี้ผมเขินจนทนสายตาที่มองมาของอาคาริไม่ได้แล้ว ได้แต่เม้มปากเสมองนู่นมองนี่ในห้อง แม้แต่ตอนที่ได้ยินเสียงเขาขยับเข้ามาชิดแล้วใช้น้ำเสียงทุ้มลึกกระซิบข้างหู ผมก็ยิ่งรู้สึกหน้าร้อนจนจะระเบิด “ตัดสินใจคบแล้วฉันจริงจังเสมอนั่นล่ะ”
ผมสวนไปแทบจะทันที “ตอแหล! ฉันยังจำได้นะว่านายเลิกกับหลินยังไง…” และแล้วสายตาผมก็ไปหยุดอยู่กับไอเทมสองสิ่งบนโต๊ะหน้ากระจก กล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆหนึ่งกล่องกับหลอดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มากหนึ่งหลอด ตอนแรกผมมองผ่านๆนึกว่าเป็นบุหรี่กับโฟมล้างหน้า แต่เมื่อมองอีกครั้งก็เหมือนจะไม่ใช่…
“อาคาริ นั่นน่ะ… อย่าบอกนะว่า…”
“อืม ถุงยางกับเจล”
ฟังแล้วอยากจะเหลือกตาให้ลูกตาดำมันพลิกกลับเข้าไปในเบ้า
เอาความละอายใจของผมเมื่อก่อนหน้าคืนมาเลยนะโว้ย!!
“ตะกี๊พูดว่าเร็วไปไม่ใช่รึไง!”
ผมถูกอีกฝ่ายหอมแก้มหนึ่งทีก่อนจะได้รับคำตอบด้วยน้ำเสียงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนที่ถูกผมโวยใส่ “ซื้อมาเผื่อไว้ตั้งแต่ก่อนหน้า เดี๋ยวจะเกือบกันแบบวันนั้น”
หมายถึงวันที่เขานวดให้ผมสินะ ก็คือซื้อไว้เผื่อได้กันก่อนคบ แต่คบกันแล้วก็เร็วไปที่จะได้กันตั้งแต่วันแรก ผมขอเรียกมันว่าตรรกะอาคาริ และจะไม่ออกความเห็นอะไรทั้งนั้น เหนื่อยใจ
“ฉันพูดได้แค่ว่าแล้วแต่นายนั่นแหละ ว่าแต่ที่นี่มีขายถุงยางกับเจลหล่อลื่นด้วยแฮะ” หมู่บ้านที่ห่างไกลแบบนี้ก็ไม่ละเลยเรื่องคุมกำเนิด ดีแล้วครับ
“มีที่คลินิก”
”อ๋อ… ฮะ คลินิก?” ผมหันขวับกลับมามองหน้าคู่สนทนา “ซื้อกับหมอหรือว่า…”
“ของแค่นี้ซื้อหน้าเคาท์เตอร์ก็ได้”
“……แต่พยาบาลหน้าเคาท์เตอร์เป็นแฟนเก่านายนี่”
“แล้วไง”
กูนี่ปวดหัวจี๊ดเลย
ผมงั่งเองที่ก่อนหน้านี้ดันคิดว่าหมอนี่เป็นคนดี
“แล้วพวกนายไม่รู้สึกอะไรกันมั่งเลยรึไง” ผมแทบจะเป็นบ้าแทน
“จะให้รู้สึกอะไร ยัยนั่นถูกขอแต่งงานไปแล้ว” เขายังคงใช้น้ำเสียงราบเรียบเล่าเรื่องแฟนเก่าตัวเอง “เลยแวะไปแสดงความยินดีพร้อมกับซื้อของพวกนั้น”
นั่นข่าวใหม่เลยนะ!
“จะแต่งกันแล้วเหรอ ฉันยังไม่ทันได้ไปทักทายทั้งคู่เลย งี้ก็อดเห็นอีเว้นท์แล้วอ่ะดิ…” ขนาดยาชูกำลังยังไม่เคยโผล่ไปซื้อเอง ดอยของอาคาริมาทั้งนั้น
“อีเว้นท์อะไร” เขาถามขณะที่ตวัดแขนโอบเอวผมไปด้วย รู้สึกมาได้สักพักแล้วว่าแฟนผมนี่ชอบสกินชิพเอาเรื่องเลย
“อีเว้นท์จีบสาวไง ถ้าเก็บไม่ครบขอแต่งงานไม่ได้เลยนะ” ผมยิ้มซนๆให้เขา ครับ ผมจงใจพูดออกมาเองแหละ
คู่สนทนาหรี่ตาลงเล็กน้อย มองผมด้วยสายตาที่ผมเดาว่าคงคาดโทษผมอยู่ “ยังคิดจะจีบสาวอีก”
“จริงๆตอนแรกฉันอยากจีบไอริส” ผมสารภาพ “สมัยยังคิดว่าที่นี่เป็นเกมก็เคยชอบไอริส แต่โดนนายแย่งไปอ่ะ โคตรเกลียดนายเลยตอนนั้น”
สายตาคาดโทษหายไป กลายเป็นสายตาว่างเปล่าแทน “ฉันเนี่ยนะ”
ผมพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “คนสร้างเกมเขาสร้างให้นายมาแย่งไอริสกับคนเล่นแน่ะ”
“ฉันไม่เห็นจะอยากเสวนาด้วยเลย” เออ เชื่อ… อีเว้นท์แรกของนายกับเจ้าหล่อนก็โดนขยี้ทิ้งซะราบคาบเลยนี่
“จะไปรู้เหรอ ก็มีข้อมูลติดหัวมาอย่างนี้” ผมขำเบาๆ “แต่ตอนนี้ไม่ค่อยเชื่อข้อมูลเกมแล้วล่ะ”
“เพราะแบบนี้ช่วงแรกถึงได้ขู่ฉันเป็นแมวสินะ”
ทำไมถึงเป็นแมว… ผมสงสัยแต่ไม่ได้ถาม พร้อมกับแสร้งลอยหน้าลอยตาโม้ต่อ “เห็นงี้ฉันเคยจีบน้องสาวนายจนแต่งงานกันมาแล้วด้วย”
“เดี๋ยวเถอะ” พอเป็นเรื่องน้องสาวหมอนี่ไม่ปล่อยให้รอดเลยจริงๆ อาคาริพลิกตัวผมให้นอนราบบนเตียงและก้มลงมากัดปากผมหนึ่งครั้ง “เลิกคิดจะแต่งงานกับคนอื่นให้หมด”
“รู้น่า” ผมส่งยิ้มซนๆให้ “แค่นี้ก็แทบจะไปไหนไม่รอดแล้ว”
นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบเทากวาดสายตาขึ้นลงมองสภาพผมที่ถูกกดแนบเอาไว้ ประกายวิบวับจากสายตาของเขาทำให้ผมเขินขึ้นมาอีกรอบ “มุมนี้ยั่วกว่าท่ายกขาตอนแรกอีกนะ”
บ้าเอ๊ย ระเหิดหายไปเลยได้มั้ย!
•••••
แม้อาคาริจะบอกว่ายั่วเยแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปมากกว่านั้นครับ เพราะจวนเจียนเวลาเข้างานพอดีหมอนั่นเลยผละออกไป ส่วนผมกลิ้งเล่นอยู่อีกสักพักก็หอบเสื้อผ้าลงไปขอซักที่ห้องด้านในของโรงแรม คุณเจนมองผมในชุดของอาคาริด้วยสายตาเอ็นดูเล็กน้อยก่อนจะอนุญาตให้ผมใช้กะละมังซักผ้า และด้วยความเด็กบ้านรวยอาศัยคอนโดเคยใช้แต่เครื่องซักผ้าแบบโยนผ้าเข้าเครื่อง เทน้ำยากดปุ่มเริ่มแล้วสะบัดก้นไปนั่งรออย่างเดียว ความทุลักทุเลในการซักมือจึงบังเกิดขึ้น คุณเจนเดินมาสอนอยู่ในช่วงแรกๆ ซึ่พอผมพยายามดูตัวเองมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี… มั้ง อย่างน้อยเสื้อเชิ้ตอาคาริไม่ขาดคามือผมก็ถือว่าดีแล้วแหละ
เมื่อเรียบร้อยแล้วผมก็หอบเสื้อผ้ากลับขึ้นมาตากไว้ที่ระเบียงห้องนอน ในจังหวะที่เสร็จพอดีท้องของผมก็ร้องหาข้าวเย็นอย่างประจวบเหมาะ เลยต้องวกกลับลงไปที่ครัวอีกครั้ง ซึ่งคุณเจนได้นำปลาที่ผมตกได้มาย่างจัดเข้าชุดอาหารให้เป็นมื้อพิเศษ ผมละเลียดกินด้วยรอยยิ้มจนตัวแม่ครัวเองก็ดูจะปลื้มปริ่มตามไปด้วย
“แหม กินได้ท่าทางน่าอร่อยแบบนี้ ในฐานะคนทำก็เป็นปลื้มเหลือเกิน”
“แหะๆ ครับ”
ความจริง… สาเหตุที่ยิ้มแฉ่งเสียขนาดนี้เพราะไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสกินข้าวที่โรงแรมฟรีๆต่างหากครับ ปกติของที่ไม่เสียเงินในคาเฟ่กับบาร์ก็มีแค่น้ำเปล่าที่เพิ่มแรงกายให้ทีล่ะหนึ่งจุดเท่านั้น ส่วนเมนูอื่นก็ราคาแบบว่าผมต้องขุดหน่อไม้สามท่อนไปขายคุณเจมส์เพื่อได้จะกินเมนูที่ราคาถูกที่สุดในโรงแรม ไอ้ที่กล้าโผล่หัวมาที่บาร์บ่อยครั้งก็สั่งเหล้าเองได้ไม่เกินสองแก้วหรอก ส่วนกับแกล้มก็ทำตัวตลกบริโภคไปจกโต๊ะคนอื่นกินเอา ถ้าวันไหนโชคดีหน่อยก็มีชาวบ้านใจดีเลี้ยงเหล้าเพิ่ม อาศัยความอัธยาศัยดีเฟรนด์ลี่ของตัวเอง วันไหนเหงาๆก็สั่งน้ำเปล่ายาวไป เป็นแค่ชาวไร่มือใหม่แต่ใจดันติดหรูชีวิตมันก็จะยากแบบนี้แหละ เพราะงั้นตอนนี้ต้องดื่มด่ำกับข้าวฟรีให้มากเข้าไว้ ประทับใจเสียจนอยากจะรักษาโมเม้นท์นี้ไว้นานๆ ผมคิดพลางใช้ช้อนหั่นเนื้อปลาอันแสนนุ่มชุ่มฉ่ำตักขั้นมาพร้อมกับหนังที่ถูกย่างจนกรอบหอมกลิ่นเครื่องเทศส่งเข้าปากเคี้ยวอย่างมีความสุขเพิ่มความประทับใจแก่คุณเจนอีกระลอก
“คุณเจน ล้างเสร็จแล้วครับ”
“โอเคจ๊ะ วางไว้ตรงนั้นได้เลย”
ถึงจะบอกว่ากินฟรีแต่สุดท้ายผมก็ตอบแทนค่าข้าวเย็นวันนั้นด้วยการเป็นลูกมือคอยหยิบนู่นล้างนี่ช่วยคุณเจนที่หลังครัวอยู่ประมาณชั่วโมงสองชั่วโมง เมื่อปริมาณงานคงตัวแล้วผมก็โดนไล่กลับขึ้นมาอยู่บนห้องอาคาริดังเดิม
“……”
ว่างอ่ะ… ปกติผมมักจะฆ่าเวลาว่างช่วงก่อนนอนด้วยการหาหนังสืออ่าน ชีวิตดูเป็นเด็กอนามัยขึ้นมาสิบเท่าเมื่อไม่สามารถพกสมาร์ทโฟนทะลุมิติมาได้ บางทีผมก็คิดถึงสารพัดเกมในโทรศัพท์บ้างนะเวลาเบื่อๆ และด้วยความว่างนี่ล่ะผมเลยถือวิสาสะสำรวจห้องอาคาริเล่น
“โอมจงเงยขึ้นมา เงยขึ้นมา เงยขึ้นมา~”
แกร๊ก ครืดด
ผมฮัมเพลงไปพลางเปิดนู่นค้นนี่ไปพลาง ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ ตู้เสื้อผ้าก็มีแต่เครื่องแบบหน้าตาเหมือนกันเด๊ะแขวนเรียงกันไว้ บนโต๊ะหน้ากระจกสิ่งที่ดูน่าแตกตื่นที่สุดก็คือไอ้กล่องถุงยางกับหลอดเจลที่เป็นประเด็นเมื่อตอนเย็นนั่นแหละ ที่เหลือก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ยกเว้นเรื่องที่หมอนั่นเครื่องประทินผิวเยอะเป็นบ้า สารพัดครีมอะไรไม่รู้เต็มไปหมด นี่เหรอเคล็ดลับความหน้าตาดี ผมแอบจำชื่อยี่ห้อไว้ในใจเผื่อไปหาใช้บ้าง ไม่รู้ที่คลินิกจะมีขายรึเปล่า ในลิ้นชักโต๊ะมีหนังสือสูตรอาหาร สูตรค็อกเทล สูตรหมักไวน์ซุกไว้เต็มไปหมด ผมหยิบมาเปิดดูผ่านๆสองสามเล่มแล้วเก็บกลับเข้าที่เดิม เอาไว้ที่บ้านมีครัวก่อนค่อยมาขอยืมแล้วกัน แล้วผมก็ย้ายก้นไปสอดส่องที่แถวตู้เย็นต่อ
“โห” พอมาเปิดตู้เย็นเล็กๆในห้องก็เจอยาชูกำลังอัดแน่นอยู่ทุกภาคส่วน นอกจากน้ำเปล่าสามสี่ขวดเสียบอยู่ฝั่งประตูตู้แล้ว ที่เหลือก็คือAllยาชูกำลังไปเลย อะไรของมันวะ ถ้าเป็นเหล้าเป็นเบียร์ยังพอให้ด่าได้ว่าไอ้ขี้เมาอ่ะนะ แต่เจอแบบนี้ผมไม่รู้จะคอมเม้นท์ว่ายังไงดีเลย ว่าแล้วก็หันไปพบว่ายังมีอีกหลายขวดอยู่ในกล่องลังข้างๆตู้เย็น นี่มันจะรักยาชูกำลังอะไรขนาดนั้น!
เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องถูกเปิดออก อาคาริเข้ามาเจอผมที่อยู่ในสภาพนั่งยองๆอยู่หน้าตู้เย็นพอดี
“นายหิว?”
“เปล่า!” ผมปฏิเสธ
เขาเลิกคิ้วกลับมาให้ “แล้วมาทำอะไรตรงนี้”
“ก็…” ผมหลุกหลิกนิดหน่อย ก่อนจะสารภาพไปตามจริง “ฉันว่าง… เลยคุ้ยห้องนายเล่นน่ะ”
“……”
ผมถูกอาคาริหิ้วคอเสื้อลากกลับไปนั่งสงบเสงี่ยมบนเตียง “ถ้านายบอกว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นแมวฉันก็เชื่อ”
ห๊ะ “ทำไมอ่ะ”
“รู้สึกว่าเหมือน… จากหลายๆอย่าง”
ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ถ้าเจ้าตัวคิดแบบนั้นไปแล้วจะปฏิเสธไปก็ใช่ที่
“เพิ่งเคยจะมีคนบอกกับฉันแบบนี้นี่ล่ะ” ผมแกล้งยกมือสองข้างทำท่าให้เหมือนกับแมวแล้วกวักมือไปมาตรงหน้าเขา
“?”
“แมวยั่วสวาทไง”
“มีคนเคยบอกนายมั้ย” เขายึดข้อมือผมเอาไว้ “ว่ายั่วแล้วเจ๊งตลอด”
“ไม่เคย ปกติก็ได้ตลอด” ยั่วสวาทไม่รอดก็ยั่วโมโหแล้วกันถนัดกว่า ซึ่งอีแบบนี้ก็ได้ผลทุกที อาคาริก้มตัวลงมากัดแก้มผมหนึ่งทีแล้วพูดขู่ข้างๆหู
“ได้อะไร”
“ก็ได้…” ผมทำเป็นใช้ความคิด “ผู้หญิงบ้างผู้ชายบางแล้วแต่โอกาส”
คนฟังก้มลงมาจูบแรงๆอีกที สัมผัสได้ถึงความหมั่นไส้ที่ส่งผ่านมาทางสายตา “ไม่ต้องห่วง คืนนี้ได้แน่”
ว้าย กลัวจังค่า (กรุณาอ่านด้วยน้ำเสียงโมโนโทน) แต่เดี๋ยวก่อน…
“ไหนว่าคบกันวันแรกมันเร็วไปไง” ผมท้วง
“เล้าโลมไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เลยเที่ยงคืน พอเปลี่ยนวันค่อยไปขั้นสุดท้ายก็ได้” เขาตอบกลับมาราวกับกำลังอธิบายว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ผ้าที่ซักไว้ก็แห้งแล้ว
คนสร้างคาร์แรคเตอร์นายร้องไห้แล้วอาคาริ…
“งั้นก็ไปอาบน้ำไป เหม็นเหล้า”
ดวงตาเรียวๆสีฟ้ากระพริบให้ผมสองสามครั้ง “นึกว่าจะโวยวาย”
“นายคิดว่าตัวเองคบกับสาวน้อยอินโนเซ้นส์ผู้โตในทุ่งดอกไม้อยู่เรอะ” ทำยังกับผมใสตายล่ะ ถุงยางก็พร้อมอะไรก็พร้อม แถมแฟนหน้าตาดี ยังจะรออะไรอีก ถ้าไม่ติดว่ากลัวเสียงภาพพจน์ที่เหลืออยู่แสนน้อยนิดก็จะปาดน้ำลายให้ดูแล้วเนี่ย บ้าเอ๊ย นี่ผมอยากขนาดนี้เลยเหรอวะ รู้สึกทุเรศตัวเองนิดหน่อย
“ก็จริงของนาย งั้นเดี๋ยวมา” อาคาริว่าก่อนจะหันไปคว้าเสื้อผ้าและเข้าห้องน้ำไป ระหว่างนั้นผมเลยนอนนับเงินในกระเป๋าเล่น รู้ตัวอีกทีเงินที่มีก็ซื้อวัวมาเลี้ยงสักสองตัวได้สบายๆ เยี่ยมไปเลย ผมมีงานทำระหว่างช่วงเปลี่ยนฤดูกาลแล้ว
เมื่อนับเสร็จผมก็เก็บเงินลงกระเป๋านอนรออาคาริ คิดเรื่องเลี้ยงวัวเพลินๆอยู่ในหัวจนเปลือกตาเริ่มปิด พอกำลังเคลิ้มได้ที่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อริมฝีปากถูกอะไรสักอย่างดูดกลืน ซึ่งอะไรสักอย่างที่ว่าก็คือริมฝีปากเย็นๆของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ คราวนี้อีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาด้วย ถูกจูบแบบจัดเต็มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวก็ทำเอาผมปรับลมหายใจไม่ทัน กว่าเขาจะผละออกก็เล่นเอาหอบไปข้างหนึ่ง
“ไม่ให้หลับหนีไปก่อนหรอก”
ผมหันหน้าไปด้านข้าง หลบสายตาที่มองมา “ก็นายช้าเองนี่หว่า”
“ง่วงเหรอ” คนที่คร่อมร่างผมไว้เอ่ยถาม ผมเห็นเขาขยับมือมาเขี่ยปลายเส้นผมของผมที่กระจายแผ่บนหมอนไปมา
“นิดหน่อย”
“นอนไหม”
มันน่าต่อยสักหมัดจริงๆ มาทำให้ตาสว่างเพื่อถามว่าจะนอนมั้ยเนี่ยนะ ผมส่ายหัว ยกมือขึ้นไปคล้องคอคนบนร่าง “อยากทำมากกว่า”
ผมเป็นคนตรงๆแบบนี้แหละ ชินกันได้แล้วน่า…
สีหน้าอาคาริคืออึ้งไปแล้ว เขานิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะหลุดยิ้มออกมาทั้งปากและแววตา ถ้าความหน้าด้านไร้ยางอายของผมทำให้เขาทำสีหน้าแบบนี้ได้ก็นับว่าคุ้มล่ะนะ
ผมเห็นนัยน์ตาสีฟ้าซีดที่ยังเจือแววยิ้มอยู่เลื่อนเข้ามาใกล้ จนรู้สึกได้ว่าหน้าผากของเราแนบชิดกัน “ฉันยอมนายเลยจริงๆ”
พูดใหม่ดิ๊ จากตำแหน่งตอนนี้มันควรเป็นใครที่ต้องยอมใครเฮ้ย
ผมรู้สึกได้ถึงฝ่ามือที่คลืบคลานเข้ามาใต้เสื้อนอน “ว่าแต่… นายเคยทำเหรอ… กับผู้ชายน่ะ”
“จะไปเคยได้ยังไง” เออเนอะ ไม่น่าถามเลยผม
“แล้วทำเป็นรึไง”
“ไม่รู้” เขาจูบแก้มผมด้วยท่าทางไม่ยี่หระ “ติดขัดตรงไหนนายก็สอนแล้วกัน”
นี่มันจะทำรอดใช่มั้ย…
TBC.