✽สวัสดีฟามรัก✽ :: ตอนที่19 ❂ สวัสดีHappy Cow [Update 13/6/2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✽สวัสดีฟามรัก✽ :: ตอนที่19 ❂ สวัสดีHappy Cow [Update 13/6/2019]  (อ่าน 7572 ครั้ง)

ออฟไลน์ Evilkun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ตอนที่18 ・สวัสดีครับเราเคยรู้จักกันรึเปล่า

 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : ตอนจีบจะจีบกี่คนก็ได้แต่ยามขอแต่งงานนั้นเลือกได้เพียงคนเดียว

 

พอกลับมาด้วยสภาพเปียกปอนกันทั้งคู่ก็ทำเอาสองสามีภรรยาเจ้าของโรงแรมแตกตื่นกันยกใหญ่ คุณไบรอันแทบจะสั่งให้อาคาริหยุดงาน อาคาริรีบเบรกเขาพร้อมกับอธิบายว่าไม่ได้เป็นอะไรมากรวมถึงผมต้องช่วยยืนยันอีกเสียงด้วยว่าพวกเราแค่เผลอตกน้ำกันไปเท่านั้น กระทั่งพวกเขาแน่ใจแล้วว่าทั้งผมทั้งอาคาริไม่มีใครบาดเจ็บจึงได้ปล่อยให้พวกเราขึ้นห้องมาอาบน้ำล้างตัว ส่วนปลาที่ตกได้ผมก็ยกให้คุณเจนเอาไปต้มยำทำแกงแล้วเรียบร้อย

 

ที่สำคัญกว่านั้นคือตอนนี้ผมกำลังสอดส่องสำรวจห้องของอาคาริ ห้องนอนของเขาเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมไม่คิดจะมาเหยียบเลยสมัยที่เล่นเกม เคยเห็นผ่านๆจากภาพประกอบในคู่มือเท่านั้น ทำไมน่ะเหรอ? ก็ห้องส่วนตัวชาวบ้านมันต้องสนิทกับเขาก่อนถึงจะเข้าได้น่ะสิ แล้วผมผู้ผูกใจเจ็บจากการอกหักครั้งแรกสุดๆจะไปตีสนิทกับNPCที่ตัดหน้าแต่งงานกับสาวที่ผมหมายปองไปทำไมกัน

 

“เหมือนห้องข้างๆเลยนี่หว่า” ห้องเรียบๆมีเตียงมีตู้มีโต๊ะหน้ากระจก วัสดุส่วนใหญ่ทำจากไม้ ไม่ต่างจากห้องอื่นๆในโรงแรมเท่าไหร่ ดีแล้วที่แต่ก่อนผมไม่เปลืองแรงตีสนิทมัน

 

“ก็โรงแรมนี่นะ” เจ้าของห้องกล่าวตอบขณะวาดมือมาล็อกคอลากผมเข้าห้องน้ำเพื่อไม่ให้ผมพาตัวเปียกๆเดินไปเดินมาพาให้พื้นห้องสกปรกมากกว่าที่เป็นอยู่

 

 “ไว้จะพาไปที่บ้านแล้วกัน” ไม่พอเจ้าตัวยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เปียกชื้นแนบผิวกายไปด้วยขณะที่กล่าว จนผมเผลอมโนว่าหมอนี่กำลังเชิญชวนอะไรอยู่รึเปล่าวะ แต่โทษทีนะ…

 

“ห้องที่บ้านนายฉันเคยเห็นแล้วอ่ะ” ถ้าตีสนิทกับคุณอเล็กซานเดอร์จนเข้าไปหลังร้านไวน์ได้ มันจะโชว์พื้นที่ทั้งบ้านของครอบครัวเขาเลยครับ

 

อาคาริหันมาเลิกคิ้วให้ แต่จากนั้นคงนึกขึ้นได้ว่าผมไปหาดูมาจากไหน “ไม่เหมือนได้เข้าไปเห็นเองหรอก”

 

“ทำไม ห้องนายจริงๆซุกหนังสือโป๊เอาไว้รึไง?” ผมแกล้งทำตาวาว ผลคือถูกทำหน้าหน่ายใส่

 

“คิดแต่เรื่องแบบนี้”

 

“ธรรมชาติของชายฉกรรจ์วัยกลัดมันน่า”

 

“ชายฉกรรจ์?” ทวนอย่างเดียวไม่ว่าแม่งเอามือมาบีบพุงกูด้วยยยยยย

 

“เฮ้ย” ผมรีบโยกเอวหลบแล้วปั้นเสื้อเชิ้ตที่ถอดแล้วเป็นก้อนปาใส่หน้ามัน หนีไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกอาคาริจับสายเอี๊ยมเอาไว้ ซึ่งผมยังไม่ได้ถอดออก แค่ปลดลงมาแถวเอวเอาให้พอถอดเสื้อได้เท่านั้น พอมั่นใจว่าผมไปไหนไม่รอดเขาก็กระตุกสายดึงผมกลับมา

 

“โอ๊ยปล่อย อย่าบีบสิวะ” เป็นแฟนแล้วกอดได้อยู่หรอก แต่ไม่อนุญาตให้เล่นพุงเฟ้ย

 

“ดูตัวเล็ก แต่มีพุง” กูไม่ได้ตัวเล็ก แต่กูจะไปตัวโตเท่าลูกครึ่งอย่างมึงได้ยังไงไหวครับ

 

“ฉันอ้วนเพราะนายนั่นล่ะ” ผมโวยวาย ใครใช้ให้มันทำอาหารอร่อยเล่า

 

โทษว่าเป็นความผิดอาคาริก็ไม่ถูก อันที่จริงก็เนื้อเหลวเป็นก้อนไขมันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วครับ สมัยเรียนผมก็เหมือนเด็กมหาลัยทั่วๆไป มีฉลองอะไรก็เข้าบุฟเฟ่ต์ กินเสร็จก็กลับมานั่งอ่านหนังสือเล่นเกม มันจะเอาอะไรไปเผาผลาญกัน

 

“แปลว่าต้องคุมอาหารสินะ” เขายังไม่หยุดเล่นไขมันหน้าท้องของผม แถมยังก้มลงมาซุกไซร้อยู่แถวๆลาดไหล่อีกต่างหาก

 

“อะไรก็ได้ ถ้านายทำอร่อยฉันก็กินอยู่ดี” คำพูดของผมทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะหึดังขึ้นข้างๆหูขวา

 

“นายนี่นะ” อาคาริตัดบทเพียงเท่านั้นแล้วก็จับคางให้ผมหันไปรับจูบ

 

คราวนี้เป็นจูบง่ายๆที่ไม่มีการรุกล้ำเกิดขึ้น ผมประสานมือข้างหนึงกับมือของเขาที่โอบเอวผมเอาไว้ ปิดเปลือกตาลงแล้วจูบตอบกลับไป ค่อยๆเพลิดเพลินไปกับการดูดดึงริมฝีปากของกันและกัน เขาพาผมเขยิบไปที่ใต้ฝักบัวทั้งที่ริมฝีปากของเรายังแนบชิดกันอยู่ จุมพิตดำเนินไปอย่างเนิบช้าเนิ่นนาน และสิ้นสุดลงเมื่อเราต่างพาความรู้สึกเดินทางมาสู่เส้นกั้นก่อนถึงจุดที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้

 

“อร่อยมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะที่ยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ผมเลียริมฝีปากคนถามซ้ำอีกครั้งก่อนจะตอบออกไป

 

“เค็ม”

 

ก็ลงทะเลกันมานี่นะ อันที่จริงตอนจูบกันมันก็หวานไปหมดนั่นแหละ แต่มันกระดากปากเกินกว่าจะพูดแบบนั้นออกไปอยู่ดี

 

ซ่า

 

“เชี่ย!”

 

คำตอบไม่ถูกใจรึยังไงก็ไม่รู้ ผมตอบเสร็จปุ๊บอาคาริก็ยื่นมาไปเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นๆมันสาดลงมาราดเราทั้งคู่แบบไม่ทันให้ผมตั้งตัว ไอ้สัส เสื้อผ้ายังถอดไม่หมดเลย ผมสะดุ้งกับความเย็นของสายน้ำจนเผลอเบียดกายเข้าหาคนที่ตัวใหญ่กว่าโดยอัตโนมัติ เจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยการกอดผมเอาไว้เสียแน่นพร้อมกับจับผมอาบน้ำสระผมทั้งอย่างนั้น คิดอีกแง่ก็อาจดีแล้วที่ท่อนล่างยังส่วมใส่อาภรณ์กันเอาไว้อยู่ ดูจากทรงหมอนี่แล้วขืนเปลือยหมดมีหวังได้พากันไปถึงไหนต่อไหนตั้งแต่ยังไม่ทันพ้นห้องอาบน้ำแน่

 

•••••

 

“เป็นไง” ผมที่อาบน้ำล้างตัวเรียบร้อยแล้วกำลังนอนยกแข้งยกขาอยู่ในห้องของอาคาริ บนเตียงของอาคาริ ด้วยชุดของอาคาริ

 

เจ้าของห้องหันมาตามเสียงเรียก จ้องผมผู้นอนทำท่าแปลกๆอยู่บนที่นอนของเขา สักพักจึงเอ่ยถาม “อะไร”

 

“ก็นั่นไง ที่เขาบอกว่าผู้ชายชอบให้แฟนใส่เสื้อผ้าของตัวเองอ่ะ เนี่ย เซ็กซี่ป้ะ” มุกนี้ผมเล่นได้ เพราะผมตัวเล็กกว่ามัน เสื้อเชิ้ตขาวของเจ้าตัวที่ผมใส่อยู่จึงยาวคลุมมาถึงสะโพก แต่ไม่ถึงกับหลวมโพรกจนปิดสิ่งสงวนได้หมด ท่อนล่างเลยยังใส่กางเกงขาสั้นที่หาหนังยางมัดขอบไว้ไม่ให้ร่วงหลุดลงมาไว้ด้วย ผมแกล้งนอนบิดตัว ถลกขากางเกงขึ้นให้เห็นขาอ่อนแล้วชี้ขาข้างหนึ่งขึ้นเพดานด้วยอินเนอร์ที่คิดเอาเองว่าเซ็กซี่ที่สุดในโลก

 

การโพสท่าอันแสนเย้ายวนของผมได้รับฟี้ดแบ็คกลับมาเป็นสายตาแสนเย็นชาของผู้ชม

 

“อย่าไปบอกใครว่าเคยทำแบบนี้ ขายขี้หน้า”

 

อูย พูดเบาๆก็เจ็บ

 

“ก็ได้วะ” ผมหุบขากลับไปนอนคว่ำ เท้าคางดูอาคาริที่ยังแต่งตัวไม่เสร็จ เขากำลังยืนปาดเจลเซ็ตผมอยู่หน้ากระจกอย่างไม่รีบร้อนนัก ยังมีเวลาอีกชั่วโมงนิดๆก่อนจะถึงเวลาเข้างานบาร์เทนเดอร์

 

“เดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้าไปซักข้างล่าง” ผมฟังที่เขาพูดแล้วร้องเหยดในใจ สาบานว่านายเพิ่งหัวใจสีเขียว ทำให้กันขนาดนี้เรียกว่าเมียเลยดีกว่า ผมขอหมอนี่แต่งงานเลยได้มะ

 

เสื้อผ้าที่ใส่ไปทะเลมายังแค่ใช้น้ำสะอาดล้างเกลือและทรายออกไปแบบลวกๆเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ยังพาดกันเอาไว้บนขอบอ่างล้างหน้าอย่างขอไปทีอยู่ “เดี๋ยวระหว่างนายทำงานฉันเอาลงไปซักให้ก็ได้” ผมอาสา เห็นแบบนี้ผมก็ไม่ได้อยากจะงอมืองอเท้าใช้งานชาวบ้านเขาอย่างเดียวหรอกนะครับ อยู่คนเดียวมาตั้งสี่ปี งานบ้านง่ายๆผมทำเป็นน่า

 

“ชุดนายน่าจะแห้งไม่ทัน” เออก็จริง เอี๊ยมผมเป็นผ้ายีนส์อย่างหนาสำหรับงานไร่ คงต้องตากแดดหลายชั่วโมงถึงจะแห้งสนิท และเดาว่าที่หมู่บ้านนี้ต้องไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเครื่องอบผ้าแน่นอน

 

ผมเงียบเพื่อคิดว่าจะเอายังไงดี เหลือบมองชุดที่ตัวเองใส่อยู่สลับกับอาคาริ ซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังจ้องผมกลับมาเช่นกัน ผ่านไปสักพักพวกเราก็โพล่งออกมาพร้อมกันว่า

 

“ใส่ชุดฉันกลับไปก่อน / คืนนี้ฉันค้างนี่แล้วกัน”

 

อ้าว

 

“ค้างไม่ได้เหรอ?”

 

“ก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้ากลับไม่ได้เพราะไม่มีชุด ฉันก็แค่ให้นายยืมชุด” คู่สนทนาว่าพลางขยับไปเปิดตู้เสื้อผ้า “เดี๋ยวลองหาตัวที่นายน่าจะใส่ได้”

 

อาคาริ ไอ้… ไอ้สุภาพบุรุษ! จังหวะแบบนี้มันต้องหลอกแฟนให้ค้างด้วยกันดิวะ เจ้าบ้า นายทำให้ฉันดูแย่

 

ผมหดขายันตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ “โห พูดขนาดนี้ฉันกลับก็ได้”

 

เขาเงยหน้าขึ้นมอง ปิดประตูตู้แล้วเดินมาหา เขาแวะหยิบอะไรบางอย่างที่โต๊ะก่อนจะมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆผมบนเตียง “ถ้าอยากค้างก็บอก ไม่ต้องมาอ้างเหตุผล”

 

“ทีนายมาค้างบ้านฉันยังมีเหตุผลเลย”

 

“ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นอะไรกัน เหมือนตอนนี้ที่ไหน” บาร์เทนเดอร์ผู้แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยแล้วกล่าวพลางแบมือให้เห็นไอเทมที่เขาหยิบติดมาด้วย ซึ่งก็คือกิ๊บสีฟ้าที่เจ้าตัวให้ผมมาเมื่อก่อนหน้านี้ ผมเอียงหน้าให้เขาช่วยเอามาติดศีรษะได้อย่างถนัดขึ้น 

 

“หรือนายไม่อยากให้ฉันค้าง” 

 

“ฉันไม่มั่นใจว่าจะอดทนไม่ทำอะไรนายได้”

 

ผมเลิกคิ้ว “อยากทำก็ทำสิ”

 

อันนี้ไม่ได้คิดจะเชิญชวนอะไรนะ แต่เป็นแฟนกันมีอะไรกันมันก็ไม่แปลกสักหน่อย ว่าแต่ที่นี่มีถุงยางมั้ย ไม่สิ ผมยังต้องใช้ถุงยางอยู่รึเปล่า

 

แล้วคนดีศรีหมู่บ้านอย่างอาคาริก็ขมวดคิ้วราวกับได้ยินผมบอกว่าหมาที่บ้านโตขึ้นมาเป็นอัลปาก้า “เร็วไป เพิ่งคบกันวันแรก”

 

นายทำให้ฉันดูแย่อีกแล้ว! นี่ถ้าผมปล้ำมันตั้งแต่ตอนนี้มันจะวิ่งร้องไห้ลงไปฟ้องคุณไบรอันเลยมั้ยเนี่ย 

 

ผมได้แต่กลอกตาไปมา “แล้วแต่นายเลย”

 

“คิดดีแล้วสินะ”

 

“หือ หมายความว่าไง?”

 

อาคารินิ่งไปครู่หนึ่งจึงค่อยเอ่ยต่อ “ไม่รู้สึกแปลกเหรอที่มาคบกับคนที่เคยคิดว่าเป็นแค่ตัวละครน่ะ”

 

อ๋อ เรื่องนี้นี่เอง

 

“นายคิดมากเรื่องที่ฉันบอกว่านายเป็นNPCเกินคาดแฮะ” ผมขยับขาไปวางพาดบนตักอาคาริ “ปล่อยเรื่องนั้นไปเถอะ ตอนนี้ฉันอยู่กับนายตรงนี้แล้ว พวกเราก็เหมือนๆกันนั่นแหละ”

 

“นั่นสินะ” เขาฉีกยิ้มบางพลางใช้มือบีบนวดน่องให้ผม

 

“ฉันสิต้องถามนาย นายโอเคกับเพศเดียวกันจริงๆเหรอ หมายถึง… หากเราคิดจะทำอะไรมากกว่านั้น… ไหวแน่นะ?” กับตัวผมเองในตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะไหวหรอก แต่ด้วยความอยากรู้จึงทำให้ลอง จนถึงก่อนหน้ายังคิดอยู่เลยว่าคงเป็นแค่ความโลดโผนหนึ่งในชีวิต สุดท้ายยังไงก็คงลงเอยกับผู้หญิงอยู่ดี

 

“กับคนที่ชอบทำไมจะไม่ไหว”

 

แต่เห็นทีผมคงต้องคิดใหม่เสียแล้ว

 

“นาย… จริงจังแค่ไหนน่ะ เอ่อ… ฉันถามเกินไปรึเปล่า หัวใจเพิ่งสีเขียวเองนี่หว่า”

 

“ใครบอก มันแทบจะแดงตั้งแต่นายมาขอเป็นแฟนแล้ว”

 

โอ๊ย… ตอนนี้ผมเขินจนทนสายตาที่มองมาของอาคาริไม่ได้แล้ว ได้แต่เม้มปากเสมองนู่นมองนี่ในห้อง แม้แต่ตอนที่ได้ยินเสียงเขาขยับเข้ามาชิดแล้วใช้น้ำเสียงทุ้มลึกกระซิบข้างหู ผมก็ยิ่งรู้สึกหน้าร้อนจนจะระเบิด “ตัดสินใจคบแล้วฉันจริงจังเสมอนั่นล่ะ”

 

ผมสวนไปแทบจะทันที “ตอแหล! ฉันยังจำได้นะว่านายเลิกกับหลินยังไง…” และแล้วสายตาผมก็ไปหยุดอยู่กับไอเทมสองสิ่งบนโต๊ะหน้ากระจก กล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆหนึ่งกล่องกับหลอดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มากหนึ่งหลอด ตอนแรกผมมองผ่านๆนึกว่าเป็นบุหรี่กับโฟมล้างหน้า แต่เมื่อมองอีกครั้งก็เหมือนจะไม่ใช่…

 

“อาคาริ นั่นน่ะ… อย่าบอกนะว่า…”

 

“อืม ถุงยางกับเจล”

 

ฟังแล้วอยากจะเหลือกตาให้ลูกตาดำมันพลิกกลับเข้าไปในเบ้า

 

เอาความละอายใจของผมเมื่อก่อนหน้าคืนมาเลยนะโว้ย!!

 

“ตะกี๊พูดว่าเร็วไปไม่ใช่รึไง!”

 

ผมถูกอีกฝ่ายหอมแก้มหนึ่งทีก่อนจะได้รับคำตอบด้วยน้ำเสียงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนที่ถูกผมโวยใส่ “ซื้อมาเผื่อไว้ตั้งแต่ก่อนหน้า เดี๋ยวจะเกือบกันแบบวันนั้น”

 

หมายถึงวันที่เขานวดให้ผมสินะ ก็คือซื้อไว้เผื่อได้กันก่อนคบ แต่คบกันแล้วก็เร็วไปที่จะได้กันตั้งแต่วันแรก ผมขอเรียกมันว่าตรรกะอาคาริ และจะไม่ออกความเห็นอะไรทั้งนั้น เหนื่อยใจ

 

“ฉันพูดได้แค่ว่าแล้วแต่นายนั่นแหละ ว่าแต่ที่นี่มีขายถุงยางกับเจลหล่อลื่นด้วยแฮะ” หมู่บ้านที่ห่างไกลแบบนี้ก็ไม่ละเลยเรื่องคุมกำเนิด ดีแล้วครับ

 

“มีที่คลินิก”

 

”อ๋อ… ฮะ คลินิก?” ผมหันขวับกลับมามองหน้าคู่สนทนา “ซื้อกับหมอหรือว่า…”

 

“ของแค่นี้ซื้อหน้าเคาท์เตอร์ก็ได้”

 

“……แต่พยาบาลหน้าเคาท์เตอร์เป็นแฟนเก่านายนี่”

 

“แล้วไง”

 

กูนี่ปวดหัวจี๊ดเลย

 

ผมงั่งเองที่ก่อนหน้านี้ดันคิดว่าหมอนี่เป็นคนดี

 

“แล้วพวกนายไม่รู้สึกอะไรกันมั่งเลยรึไง” ผมแทบจะเป็นบ้าแทน

 

“จะให้รู้สึกอะไร ยัยนั่นถูกขอแต่งงานไปแล้ว” เขายังคงใช้น้ำเสียงราบเรียบเล่าเรื่องแฟนเก่าตัวเอง “เลยแวะไปแสดงความยินดีพร้อมกับซื้อของพวกนั้น”

 

นั่นข่าวใหม่เลยนะ! 

 

“จะแต่งกันแล้วเหรอ ฉันยังไม่ทันได้ไปทักทายทั้งคู่เลย งี้ก็อดเห็นอีเว้นท์แล้วอ่ะดิ…” ขนาดยาชูกำลังยังไม่เคยโผล่ไปซื้อเอง ดอยของอาคาริมาทั้งนั้น

 

“อีเว้นท์อะไร” เขาถามขณะที่ตวัดแขนโอบเอวผมไปด้วย รู้สึกมาได้สักพักแล้วว่าแฟนผมนี่ชอบสกินชิพเอาเรื่องเลย

 

“อีเว้นท์จีบสาวไง ถ้าเก็บไม่ครบขอแต่งงานไม่ได้เลยนะ” ผมยิ้มซนๆให้เขา ครับ ผมจงใจพูดออกมาเองแหละ

 

คู่สนทนาหรี่ตาลงเล็กน้อย มองผมด้วยสายตาที่ผมเดาว่าคงคาดโทษผมอยู่ “ยังคิดจะจีบสาวอีก”

 

“จริงๆตอนแรกฉันอยากจีบไอริส” ผมสารภาพ “สมัยยังคิดว่าที่นี่เป็นเกมก็เคยชอบไอริส แต่โดนนายแย่งไปอ่ะ โคตรเกลียดนายเลยตอนนั้น”

 

สายตาคาดโทษหายไป กลายเป็นสายตาว่างเปล่าแทน “ฉันเนี่ยนะ”

 

ผมพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “คนสร้างเกมเขาสร้างให้นายมาแย่งไอริสกับคนเล่นแน่ะ”

 

“ฉันไม่เห็นจะอยากเสวนาด้วยเลย” เออ เชื่อ… อีเว้นท์แรกของนายกับเจ้าหล่อนก็โดนขยี้ทิ้งซะราบคาบเลยนี่

 

“จะไปรู้เหรอ ก็มีข้อมูลติดหัวมาอย่างนี้” ผมขำเบาๆ “แต่ตอนนี้ไม่ค่อยเชื่อข้อมูลเกมแล้วล่ะ”

 

“เพราะแบบนี้ช่วงแรกถึงได้ขู่ฉันเป็นแมวสินะ”

 

ทำไมถึงเป็นแมว… ผมสงสัยแต่ไม่ได้ถาม พร้อมกับแสร้งลอยหน้าลอยตาโม้ต่อ “เห็นงี้ฉันเคยจีบน้องสาวนายจนแต่งงานกันมาแล้วด้วย”

 

“เดี๋ยวเถอะ” พอเป็นเรื่องน้องสาวหมอนี่ไม่ปล่อยให้รอดเลยจริงๆ อาคาริพลิกตัวผมให้นอนราบบนเตียงและก้มลงมากัดปากผมหนึ่งครั้ง “เลิกคิดจะแต่งงานกับคนอื่นให้หมด”

 

“รู้น่า” ผมส่งยิ้มซนๆให้ “แค่นี้ก็แทบจะไปไหนไม่รอดแล้ว”

 

นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบเทากวาดสายตาขึ้นลงมองสภาพผมที่ถูกกดแนบเอาไว้ ประกายวิบวับจากสายตาของเขาทำให้ผมเขินขึ้นมาอีกรอบ “มุมนี้ยั่วกว่าท่ายกขาตอนแรกอีกนะ”

 

บ้าเอ๊ย ระเหิดหายไปเลยได้มั้ย!

 

•••••

 

แม้อาคาริจะบอกว่ายั่วเยแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปมากกว่านั้นครับ เพราะจวนเจียนเวลาเข้างานพอดีหมอนั่นเลยผละออกไป ส่วนผมกลิ้งเล่นอยู่อีกสักพักก็หอบเสื้อผ้าลงไปขอซักที่ห้องด้านในของโรงแรม คุณเจนมองผมในชุดของอาคาริด้วยสายตาเอ็นดูเล็กน้อยก่อนจะอนุญาตให้ผมใช้กะละมังซักผ้า และด้วยความเด็กบ้านรวยอาศัยคอนโดเคยใช้แต่เครื่องซักผ้าแบบโยนผ้าเข้าเครื่อง เทน้ำยากดปุ่มเริ่มแล้วสะบัดก้นไปนั่งรออย่างเดียว ความทุลักทุเลในการซักมือจึงบังเกิดขึ้น คุณเจนเดินมาสอนอยู่ในช่วงแรกๆ ซึ่พอผมพยายามดูตัวเองมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี… มั้ง อย่างน้อยเสื้อเชิ้ตอาคาริไม่ขาดคามือผมก็ถือว่าดีแล้วแหละ

 

เมื่อเรียบร้อยแล้วผมก็หอบเสื้อผ้ากลับขึ้นมาตากไว้ที่ระเบียงห้องนอน ในจังหวะที่เสร็จพอดีท้องของผมก็ร้องหาข้าวเย็นอย่างประจวบเหมาะ เลยต้องวกกลับลงไปที่ครัวอีกครั้ง ซึ่งคุณเจนได้นำปลาที่ผมตกได้มาย่างจัดเข้าชุดอาหารให้เป็นมื้อพิเศษ ผมละเลียดกินด้วยรอยยิ้มจนตัวแม่ครัวเองก็ดูจะปลื้มปริ่มตามไปด้วย

 

“แหม กินได้ท่าทางน่าอร่อยแบบนี้ ในฐานะคนทำก็เป็นปลื้มเหลือเกิน”

 

“แหะๆ ครับ”

 

ความจริง… สาเหตุที่ยิ้มแฉ่งเสียขนาดนี้เพราะไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสกินข้าวที่โรงแรมฟรีๆต่างหากครับ ปกติของที่ไม่เสียเงินในคาเฟ่กับบาร์ก็มีแค่น้ำเปล่าที่เพิ่มแรงกายให้ทีล่ะหนึ่งจุดเท่านั้น ส่วนเมนูอื่นก็ราคาแบบว่าผมต้องขุดหน่อไม้สามท่อนไปขายคุณเจมส์เพื่อได้จะกินเมนูที่ราคาถูกที่สุดในโรงแรม ไอ้ที่กล้าโผล่หัวมาที่บาร์บ่อยครั้งก็สั่งเหล้าเองได้ไม่เกินสองแก้วหรอก ส่วนกับแกล้มก็ทำตัวตลกบริโภคไปจกโต๊ะคนอื่นกินเอา ถ้าวันไหนโชคดีหน่อยก็มีชาวบ้านใจดีเลี้ยงเหล้าเพิ่ม อาศัยความอัธยาศัยดีเฟรนด์ลี่ของตัวเอง วันไหนเหงาๆก็สั่งน้ำเปล่ายาวไป เป็นแค่ชาวไร่มือใหม่แต่ใจดันติดหรูชีวิตมันก็จะยากแบบนี้แหละ เพราะงั้นตอนนี้ต้องดื่มด่ำกับข้าวฟรีให้มากเข้าไว้ ประทับใจเสียจนอยากจะรักษาโมเม้นท์นี้ไว้นานๆ ผมคิดพลางใช้ช้อนหั่นเนื้อปลาอันแสนนุ่มชุ่มฉ่ำตักขั้นมาพร้อมกับหนังที่ถูกย่างจนกรอบหอมกลิ่นเครื่องเทศส่งเข้าปากเคี้ยวอย่างมีความสุขเพิ่มความประทับใจแก่คุณเจนอีกระลอก

 

“คุณเจน ล้างเสร็จแล้วครับ”

 

“โอเคจ๊ะ วางไว้ตรงนั้นได้เลย”

 

ถึงจะบอกว่ากินฟรีแต่สุดท้ายผมก็ตอบแทนค่าข้าวเย็นวันนั้นด้วยการเป็นลูกมือคอยหยิบนู่นล้างนี่ช่วยคุณเจนที่หลังครัวอยู่ประมาณชั่วโมงสองชั่วโมง เมื่อปริมาณงานคงตัวแล้วผมก็โดนไล่กลับขึ้นมาอยู่บนห้องอาคาริดังเดิม 

 

“……”

 

ว่างอ่ะ… ปกติผมมักจะฆ่าเวลาว่างช่วงก่อนนอนด้วยการหาหนังสืออ่าน ชีวิตดูเป็นเด็กอนามัยขึ้นมาสิบเท่าเมื่อไม่สามารถพกสมาร์ทโฟนทะลุมิติมาได้ บางทีผมก็คิดถึงสารพัดเกมในโทรศัพท์บ้างนะเวลาเบื่อๆ และด้วยความว่างนี่ล่ะผมเลยถือวิสาสะสำรวจห้องอาคาริเล่น

 

“โอมจงเงยขึ้นมา เงยขึ้นมา เงยขึ้นมา~”

 

แกร๊ก ครืดด 

 

ผมฮัมเพลงไปพลางเปิดนู่นค้นนี่ไปพลาง ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ ตู้เสื้อผ้าก็มีแต่เครื่องแบบหน้าตาเหมือนกันเด๊ะแขวนเรียงกันไว้ บนโต๊ะหน้ากระจกสิ่งที่ดูน่าแตกตื่นที่สุดก็คือไอ้กล่องถุงยางกับหลอดเจลที่เป็นประเด็นเมื่อตอนเย็นนั่นแหละ ที่เหลือก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ยกเว้นเรื่องที่หมอนั่นเครื่องประทินผิวเยอะเป็นบ้า สารพัดครีมอะไรไม่รู้เต็มไปหมด นี่เหรอเคล็ดลับความหน้าตาดี ผมแอบจำชื่อยี่ห้อไว้ในใจเผื่อไปหาใช้บ้าง ไม่รู้ที่คลินิกจะมีขายรึเปล่า ในลิ้นชักโต๊ะมีหนังสือสูตรอาหาร สูตรค็อกเทล สูตรหมักไวน์ซุกไว้เต็มไปหมด ผมหยิบมาเปิดดูผ่านๆสองสามเล่มแล้วเก็บกลับเข้าที่เดิม เอาไว้ที่บ้านมีครัวก่อนค่อยมาขอยืมแล้วกัน แล้วผมก็ย้ายก้นไปสอดส่องที่แถวตู้เย็นต่อ

 

“โห” พอมาเปิดตู้เย็นเล็กๆในห้องก็เจอยาชูกำลังอัดแน่นอยู่ทุกภาคส่วน นอกจากน้ำเปล่าสามสี่ขวดเสียบอยู่ฝั่งประตูตู้แล้ว ที่เหลือก็คือAllยาชูกำลังไปเลย อะไรของมันวะ ถ้าเป็นเหล้าเป็นเบียร์ยังพอให้ด่าได้ว่าไอ้ขี้เมาอ่ะนะ แต่เจอแบบนี้ผมไม่รู้จะคอมเม้นท์ว่ายังไงดีเลย ว่าแล้วก็หันไปพบว่ายังมีอีกหลายขวดอยู่ในกล่องลังข้างๆตู้เย็น นี่มันจะรักยาชูกำลังอะไรขนาดนั้น! 

 

เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องถูกเปิดออก อาคาริเข้ามาเจอผมที่อยู่ในสภาพนั่งยองๆอยู่หน้าตู้เย็นพอดี

 

“นายหิว?”

 

“เปล่า!” ผมปฏิเสธ

 

เขาเลิกคิ้วกลับมาให้ “แล้วมาทำอะไรตรงนี้”

 

“ก็…” ผมหลุกหลิกนิดหน่อย ก่อนจะสารภาพไปตามจริง “ฉันว่าง… เลยคุ้ยห้องนายเล่นน่ะ”

 

“……”

 

ผมถูกอาคาริหิ้วคอเสื้อลากกลับไปนั่งสงบเสงี่ยมบนเตียง “ถ้านายบอกว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นแมวฉันก็เชื่อ”

 

ห๊ะ “ทำไมอ่ะ”

 

“รู้สึกว่าเหมือน… จากหลายๆอย่าง”

 

ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ถ้าเจ้าตัวคิดแบบนั้นไปแล้วจะปฏิเสธไปก็ใช่ที่

 

“เพิ่งเคยจะมีคนบอกกับฉันแบบนี้นี่ล่ะ” ผมแกล้งยกมือสองข้างทำท่าให้เหมือนกับแมวแล้วกวักมือไปมาตรงหน้าเขา

 

“?”

 

“แมวยั่วสวาทไง”

 

“มีคนเคยบอกนายมั้ย” เขายึดข้อมือผมเอาไว้ “ว่ายั่วแล้วเจ๊งตลอด”

 

“ไม่เคย ปกติก็ได้ตลอด” ยั่วสวาทไม่รอดก็ยั่วโมโหแล้วกันถนัดกว่า ซึ่งอีแบบนี้ก็ได้ผลทุกที อาคาริก้มตัวลงมากัดแก้มผมหนึ่งทีแล้วพูดขู่ข้างๆหู

 

“ได้อะไร”

 

“ก็ได้…” ผมทำเป็นใช้ความคิด “ผู้หญิงบ้างผู้ชายบางแล้วแต่โอกาส”

 

คนฟังก้มลงมาจูบแรงๆอีกที สัมผัสได้ถึงความหมั่นไส้ที่ส่งผ่านมาทางสายตา “ไม่ต้องห่วง คืนนี้ได้แน่”

 

ว้าย กลัวจังค่า (กรุณาอ่านด้วยน้ำเสียงโมโนโทน) แต่เดี๋ยวก่อน…

 

“ไหนว่าคบกันวันแรกมันเร็วไปไง” ผมท้วง

 

“เล้าโลมไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เลยเที่ยงคืน พอเปลี่ยนวันค่อยไปขั้นสุดท้ายก็ได้” เขาตอบกลับมาราวกับกำลังอธิบายว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ผ้าที่ซักไว้ก็แห้งแล้ว

 

คนสร้างคาร์แรคเตอร์นายร้องไห้แล้วอาคาริ…

 

“งั้นก็ไปอาบน้ำไป เหม็นเหล้า”

 

ดวงตาเรียวๆสีฟ้ากระพริบให้ผมสองสามครั้ง “นึกว่าจะโวยวาย”

 

“นายคิดว่าตัวเองคบกับสาวน้อยอินโนเซ้นส์ผู้โตในทุ่งดอกไม้อยู่เรอะ” ทำยังกับผมใสตายล่ะ ถุงยางก็พร้อมอะไรก็พร้อม แถมแฟนหน้าตาดี ยังจะรออะไรอีก ถ้าไม่ติดว่ากลัวเสียงภาพพจน์ที่เหลืออยู่แสนน้อยนิดก็จะปาดน้ำลายให้ดูแล้วเนี่ย บ้าเอ๊ย นี่ผมอยากขนาดนี้เลยเหรอวะ รู้สึกทุเรศตัวเองนิดหน่อย

 

“ก็จริงของนาย งั้นเดี๋ยวมา” อาคาริว่าก่อนจะหันไปคว้าเสื้อผ้าและเข้าห้องน้ำไป ระหว่างนั้นผมเลยนอนนับเงินในกระเป๋าเล่น รู้ตัวอีกทีเงินที่มีก็ซื้อวัวมาเลี้ยงสักสองตัวได้สบายๆ เยี่ยมไปเลย ผมมีงานทำระหว่างช่วงเปลี่ยนฤดูกาลแล้ว

 

เมื่อนับเสร็จผมก็เก็บเงินลงกระเป๋านอนรออาคาริ คิดเรื่องเลี้ยงวัวเพลินๆอยู่ในหัวจนเปลือกตาเริ่มปิด พอกำลังเคลิ้มได้ที่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อริมฝีปากถูกอะไรสักอย่างดูดกลืน ซึ่งอะไรสักอย่างที่ว่าก็คือริมฝีปากเย็นๆของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ คราวนี้อีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาด้วย ถูกจูบแบบจัดเต็มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวก็ทำเอาผมปรับลมหายใจไม่ทัน กว่าเขาจะผละออกก็เล่นเอาหอบไปข้างหนึ่ง

 

“ไม่ให้หลับหนีไปก่อนหรอก”

 

ผมหันหน้าไปด้านข้าง หลบสายตาที่มองมา “ก็นายช้าเองนี่หว่า”

 

“ง่วงเหรอ” คนที่คร่อมร่างผมไว้เอ่ยถาม ผมเห็นเขาขยับมือมาเขี่ยปลายเส้นผมของผมที่กระจายแผ่บนหมอนไปมา

 

“นิดหน่อย”

 

“นอนไหม”

 

 มันน่าต่อยสักหมัดจริงๆ มาทำให้ตาสว่างเพื่อถามว่าจะนอนมั้ยเนี่ยนะ ผมส่ายหัว ยกมือขึ้นไปคล้องคอคนบนร่าง “อยากทำมากกว่า”

 

ผมเป็นคนตรงๆแบบนี้แหละ ชินกันได้แล้วน่า…

 

สีหน้าอาคาริคืออึ้งไปแล้ว เขานิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะหลุดยิ้มออกมาทั้งปากและแววตา ถ้าความหน้าด้านไร้ยางอายของผมทำให้เขาทำสีหน้าแบบนี้ได้ก็นับว่าคุ้มล่ะนะ

 

ผมเห็นนัยน์ตาสีฟ้าซีดที่ยังเจือแววยิ้มอยู่เลื่อนเข้ามาใกล้ จนรู้สึกได้ว่าหน้าผากของเราแนบชิดกัน “ฉันยอมนายเลยจริงๆ”

 

พูดใหม่ดิ๊ จากตำแหน่งตอนนี้มันควรเป็นใครที่ต้องยอมใครเฮ้ย

 

ผมรู้สึกได้ถึงฝ่ามือที่คลืบคลานเข้ามาใต้เสื้อนอน “ว่าแต่… นายเคยทำเหรอ… กับผู้ชายน่ะ” 

 

“จะไปเคยได้ยังไง” เออเนอะ ไม่น่าถามเลยผม

 

“แล้วทำเป็นรึไง”

 

“ไม่รู้” เขาจูบแก้มผมด้วยท่าทางไม่ยี่หระ “ติดขัดตรงไหนนายก็สอนแล้วกัน”

 

นี่มันจะทำรอดใช่มั้ย…

TBC.


 

 

ออฟไลน์ Evilkun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
*้เราลงตอนที่18-19พร้อมกัน ยังไงก็ไปอ่านตอน18กันก่อนนะคะ*

ตอนที่19 ・สวัสดีHappy Cow

 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : สามารถประหยัดค่าอาหารวัวแกะได้ด้วยการปลูกหญ้า

 

“อ๊ะ” 

 

ผมเผลอส่งเสียงร้องเมื่อถูกนิ้วเรียวขยับผ่านไปมาบริเวณยอดอก

 

“ผู้ชายก็รู้สึกตรงนี้เหมือนกันหรอ” อาคาริเหลือบมองลงมายังหน้าอกของผมซึ่งโชว์หราให้เขาได้เชยชมหลังจากที่เสื้อนอนของผมถูกเลิกขึ้นมากองถึงไหปลาร้าเรียบร้อยแล้ว

 

“ลองให้ฉันกัดหัวนมนายดูมั้ยล่ะ” ผมแหย่

 

“ไม่เป็นไร ตอนนี้ให้ฉันเป็นคนลองน่าจะง่ายกว่า” ไม่พูดเปล่า เขายังก้มลงมาใช้ฟันขบที่ยอดอกข้างหนึ่งจนผมเผลอร้องออกมา

 

“รู้สึกสินะ” เขาพูดทั้งที่ใบหน้ายังแนบอยู่บนหน้าอกนั่น

 

“เออ ถ้ารู้แล้วก็ปล่อย” ผมกัดฟันพูด รู้สึกเสียววูบด้วยลมหายใจของเขาที่เป่ารดอยู่เป็นบางจังหวะ

 

“ไม่”

 

“เดี๋ยว... อื้อ” ผมสะดุ้งเมื่อยอดอกถูกดูดอย่างแรง อาคาริทั้งกัดทั้งเลีย แถมยังใช้มือเล่นกับหน้าอกข้างที่ยังว่างอีกด้วย ผมยกมือขึ้นเกาะไหล่คนบนร่าง ดิ้นไปมาด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน เริ่มมีเสียงหอบปะปนมาขณะหายใจ เผลอแยกขาออกเมื่ออาคาริค่อยๆขยับกายเข้ามาอยู่ระหว่างขา อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงความต้องการของอีกฝ่ายที่ดุนดันอยู่ที่ต้นขาด้านในจนผมเบียดสะโพกเข้าหามันโดยไม่รู้ตัว

 

“เพทาย” 

 

ผมเหลือบตามองตามเสียงเรียก ผมชอบให้เขาเรียกชื่อผมจัง…

 

“ฉันลืมถาม” เขาพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “นายอยากอยู่ตำแหน่งไหน”

 

นัยน์ตาซึ่งกำลังฉ่ำเยิ้มจากอารมณ์เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินคำถาม “นายว่าไงนะ”

 

“นายอยากรุกหรือรับ” ผมฟังคำถามแล้วแทบอยากกลิ้งลงไปนอนกับกองฝุ่นที่ใต้เตียง อาจหยาบคายกว่าปกติไปเสียหน่อย แต่ขอโทษนะครับ…

 

แหกขากูขนาดนี้แล้วเพิ่งจะมาถามเนี่ยนะ!

 

“ทำไมจู่ๆถึงถามอ่ะ” ผมปล่อยมือจากบ่าของเขาและใช้ศอกยันลำตัวที่นอนราบอยู่บนเตียงให้ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย “มากันขั้นนี้ละนึกว่านายอยากรุกฉันซะอีก”

 

“ก็อยาก...” เขาลดมือลงมาลูบไล้ไปตามลำแขนของผมขณะที่เอ่ย “แต่ฉันไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย ปกติถ้ามีอะไรกับผู้หญิง ผู้ชายก็ต้องเป็นฝ่ายอยากกอดอยู่แล้ว”

 

“ก็กอดสิ ฉันก็นอนให้กอดอยู่นี่ไง” ผมขมวดคิ้ว อาคารินี่ก็แปลกคนเหลือเกิน ตรงนั้นของเขาดันขาผมขนาดนี้แล้วยังมีเวลาแวะคุยกับผมอีกนะ

 

“แต่นายไม่ใช่ผู้หญิง ฉันถึงถาม… นายอยากเป็นคนกอดหรืออยากถูกกอดมากกว่า”

 

“ฉันได้หมดทุกตำแหน่งนั่นล่ะ นายอยากทำอะไรก็ทำเถอะ” เคยทำมาหมดทุกแบบแล้ว แต่เพิ่งจะเคยถูกนอนถามคำถามแบบนี้เป็นครั้งแรกนี่ล่ะ พิลึกดีเหมือนกัน

 

“ฉันไม่ได้ถามว่านายได้ตำแหน่งไหนบ้าง ฉันถามความต้องการของนายต่างหาก”

 

“......”

 

“พวกเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็ไม่แปลกถ้าจะเกิดความต้องการเหมือนๆกัน ถ้านายถามว่าฉันอยากทำอะไร...” อาคาริโน้มตัวลงมาจนหน้าผากของเราแนบชิดกัน “ฉันอยากตามใจนาย”

 

อาจเป็นเพราะช่วงหลังฝึกงานผมนั้นยุ่งหัวหมุนกับการเรียนจนห่างหายเรื่องความรักไปพักใหญ่ ไม่งั้นคงไม่รู้สึกใจเต้นแทบบ้าขนาดนี้......

 

ผมผินหน้าออกไปด้านข้าง พึมพำด้วยเสียงเบาแต่มั่นใจว่าระยะแค่นี้อาคาริต้องได้ยินแน่นอน “ทำแบบที่นายอยากทำเถอะ”

 

ผมซาบซึ้งในความใจกว้างของเขานะ แต่ผมนึกภาพตัวเอกกอดอาคาริไม่ออกเท่าไหร่

 

อีกฝ่ายขยับปากมาชิดใบหูของผม ขบเบาๆแล้วกระซิบด้วยเสียงทุ้มๆที่พลังทำลายล้างสูงมากในสถานการณ์แบบนี้ “งั้น… จะกอดแล้วนะ”

 

มากกว่านี้ใจผมคงรับไม่ไหว... ตัดฉับเข้าฉากโคมไฟไปเลยได้มั้ย

 

……

 

ก็บอกว่าให้ตัดเข้าฉากโคมไฟไง!!

 

“อ๊า” ผมหลุดเสียงครางเมื่อนิ้วมือที่ชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นของอาคาริปัดผ่านจุดหนึ่งในร่างกาย ซึ่งอาคาริเหมือนจะจับสังเกตได้ เขาจึงวนนิ้วกลับมาตรงบริเวณนั้น

 

“อ๊ะ... เดี๋ยว...”

 

“แถวนี้เหรอ” เขาควานนิ้วหาอยู่บริเวณนั้นอีกสักพักก่อนจะจับได้จากปฏิกิริยาของผม

 

“อื้อ ฮึก” ผมกัดปากไม่ให้ตัวเองส่งเสียงไปมากกว่านี้ เพราะไม่มั่นใจว่าผนังห้องของโรงแรมนั้นเก็บเสียงได้มากน้อยแค่ไหน อีกฝ่ายก็ช่วยเหลือด้วยการขยับเข้ามาปิดปากผมด้วยริมฝีปากของเขาเอง ผมหลับตาลงรับสัมผัสที่เขาส่งมาให้ หยอกล้อกับลิ้นของอีกฝ่ายรวมถึงไล่ตามเข้าไปถึงโพรงปากฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะเผลอครางออกมาหลังจากถูกอาคาริดูดลิ้นจนเกิดเสียงน่าอาย เบื้องล่างเองก็รู้สึกได้ถึงนิ้วที่สองและสามที่ค่อยๆตามเข้ามาขยับขยาย

 

ผมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายปรนเปรอตัวเองอยู่คนเดียว จังหวะของนิ้วมือที่ขยับเตรียมความพร้อมอยู่ในกายสะดุดกึกเมื่อผมเอื้อมมือไปจับแก่นกลางลำตัวที่กำลังชูชันได้ที่ของคนรัก

 

เชี่ย… ฝรั่งเขาเบอร์นี้กันนี่เอง

 

พอจินตนาการว่าสิ่งที่เต็มไม้เต็มมือผมอยู่ตอนนี้มันจะฝังเข้าไปในร่างตัวเองในไม่ช้าแล้วก็ทำเอาผมแอบตัวสั่น และในจังหวะที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนบนร่างผมก็ดูจะหมดความอดทนพอดี เขาถอนนิ้วออกพร้อมกับขยับตัวย้ายมาอยู่กึ่งกลางระหว่างขาของผมแทน คว้าเครื่องป้องกันมาสวมใส่ เรียบร้อยแล้วก็โน้มตัวลงมาหาพร้อมกับจุ๊บปากผมเร็วๆหนึ่งครั้ง 

 

“เพทาย” น้ำเสียงแหบพร่าคอมโบกับความทุ้มต่ำเป็นทุนเดิมในเวลานี้ทำให้ผมแทบสติแตก ผมคว้าลำแขนแกร่งไว้เป็นที่ยึด หลับตาลงแล้วพยักหน้าเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพร้อมที่จะรับตัวตนของอีกคนเข้ามาในกายตนแล้ว

 

จากนั้นผมก็จำไม่ได้ว่าต้องคอยให้อาคาริจูบเพื่ออุดเสียงร้องของตัวเองไปกี่หนในคืนนั้น

 

••••••

 

เหนื่อยฉิบหาย

 

นี่คือสิ่งแรกที่ผมคิดเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา รู้สึกปวดเมื่อยไปหมด โดยเฉพาะช่วงเอวลงไปนี่เรียกได้ว่ารวดร้าวราวกับเสียซิงอีกครั้ง ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามานานนี่ไม่เท่าไหร่ ยังมาโดนจัดหนักจัดเต็มเข้าไปอีกใครมันจะไปรับไหว… เออ แต่ผมก็รับไปแล้วล่ะ

 

เมื่อโงหัวมองหานาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงเช้าเหมือนทุกที บ้าเอ๊ย หกโมงเช้าอีกแล้ว เพลียขนาดนี้ให้กูนอนยาวๆบ้างสิฟะ อยากหลับตาอยู่อย่างนั้น ทำอยู่อย่างนั้น ฝันถึงเงินเรื่อยไป~ โดนชาวบ้านด่าสักวันไม่เป็นไรหรอก ไว้ค่อยไปล้างบาปที่โบสถ์เอาก็ได้น่า 

 

ทว่าที่แตกต่างออกไปจากเช้าอื่นๆคือข้างกายของผมมีบุรุษผมสั้นสีดำขลับนอนหลับตาพริ้มอยู่ด้วย ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดี จากที่เคยนอนค้างด้วยกันแล้วอาคาริมักจะตื่นก่อนผมอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้เขายังอยู่กับผมบนเตียง ผมยื่นมือไปเขี่ยผมที่ปรกใบหน้าของเจ้าตัวเล่น ทันใดนั้นก็เปลือกตาที่ปิดอยู่ก็ลืมขึ้นมาจ้องมอง ไร้ซึ่งท่าทีง่วงงุนใดๆ พอถูกจ้องกลับแบบไม่ทันตั้งตัวในสถานการณ์แบบนี้ก็ทำเอาทำตัวไม่ถูกยังไงไม่รู้

 

“อรุณสวัสดิ์” เสียงทุ้มเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยก่อน

 

“อรุณสวัสดิ์ เอ่อ… ตื่นแล้วหรอกเหรอ”

 

“ก่อนหน้านายไม่นาน”

 

ผมพยักหน้ารับรู้ จากนั้นเราทั้งคู่ก็นอนมองหน้ากันเงียบๆ มองไปมองมาอาคาริก็เริ่มเขยิบเข้ามาใกล้เพื่อแนบจูบ ถึงจะละจูบออกมาก็ยังคงอ้อยอิ่งขบริมฝีปากผมเล่นแล้วก็จูบซ้ำ แหม พอที่ทำงานอยู่แค่ชั้นล่างก็มีเวลาเพลินเชียวนะ

 

จูบกันไปจูบกันมาร่างกายก็เริ่มขยับเข้ามาชิดกันมากขึ้น เมื่อกายเปลือยเปล่าเบียดเสียดกันไปเรื่อยๆอารมณ์ของเราทั้งคู่ก็ถูกจุดจนติด เมื่อไม่มีใครเบรกใครอะไรต่อมิอะไรก็เลยเถิดรับช่วงเช้ากันไปอีกหนึ่งยก ทำเอาอาคาริเกือบเข้างานสาย

 

ส่วนผมน่ะเหรอ… นอนระบมลุกไม่ขึ้นอยู่บนเตียงมันยันเที่ยงนี่ล่ะหลังคนมีงานต้องทำออกจากห้องไปก็ว่าจะงีบหลับอีกสักสองชั่วโมงค่อยลุกกลับฟาร์ม แต่สรุปพอตื่นมาก็ได้แค่นอนโง่ยาวไปจนกระทั่งดวงตะวันตรงหัว อาคารินะอาคาริ ทำมาบอกว่าให้สอน ผมไกด์ไปคร่าวๆแค่ช่วงแรกเท่านั้นล่ะ ที่เหลือมันก็จับทางของมันเอง พอคุ้นแล้วก็จัดหนักราวกับเชี่ยวชาญมานานแรมปี ทำเอาผมได้แต่นอนเป็นผักหลังศึกหนักเสร็จสิ้นลง เรียกได้ว่าใช้เวลาสิบสองชั่วโมงแรกในวันที่สองของการคบกันนอนทอดกายอยู่บนเตียงของหมอนั่นอย่างเต็มพิกัด…แม้เกินครึ่งจะเป็นการนอนหลับก็เถอะ จนก่อนเวลาเลิกงานกะเช้าของอาคาริไม่ถึงชั่วโมงผมจึงได้ฤกษ์พาสังขารตัวเองคลานลงจากเตียงไปอาบน้ำอาบท่า ชุดที่ซักไว้เมื่อคืนแห้งแล้ว ยับยู่ยี่ตามแรงขยี้ตอนซักแต่ก็หอมแดดเชียว แม่ครับ เพทายซักผ้าให้หอมๆแบบแม่ได้แล้ว

 

บ่ายโมงเศษเจ้าของห้องก็กลับเข้ามา ผมนั่งอ่านหนังสือสูตรรวมเมนูกับแกล้มพร้อมกระดกยาชูกำลังที่จกมาจากตู้เย็นรอเขาอยู่จึงยกมือทักทาย

 

“หิว มีไรกินป่ะ” แล้วผมก็ได้ข้าวปั้นไส้ไก่คาราเกะมาสองก้อน

 

“นึกว่าจะยังไม่ตื่น”

 

“แค่นี้ฉันก็น่าจะโดนชาวบ้านสาปแช่งกันหมดแล้วมั้ง” ถ้าเป็นสมัยเรียนอย่างเช่นหลังสอบเสร็จ การนอนเลยเที่ยงก็เป็นไปได้อยู่สำหรับผมอ่ะนะ

 

อาคาริดูไม่เข้าใจที่ผมพูดเท่าไหร่ “ทำไมทุกคนถึงต้องแช่งนาย”

 

“อ้าว ก็ถ้านอนตื่นสายค่าความสนิทจะลด จนชาวบ้านไม่ชอบขี้หน้าเรานี่”

 

“ใครมันจะไปถูกเกลียดเพราะเหตุผลแค่นั้น อย่างมากก็โดนนินทาว่าขี้เกียจ”

 

ผมหูผึ่ง “แบบนี้แปลว่าไม่ต้องไปสารภาพบาปเรื่องตื่นสายแล้วอ่ะดิ”

 

“ต่อให้เป็นบาทหลวงแต่ถ้านายเข้าห้องสารภาพบาปไปด้วยเรื่องไร้สาระก็โดนตะเพิดได้นะ”

 

“ขอบคุณท่านเทพธิดาที่เจลเบรกระบบมาให้แล้ว” ผมยกมือขึ้นพนมจรดหน้าอก เงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วเอ่ยออกมาราวกับเสียงจะส่งไปถึงทะเลสาบ ไม่สนว่าหรอกว่าไอ้คนที่ได้ยินประโยคนี้แทนเทพธิดาจะเข้าใจรึเปล่า

 

อาคาริขยี้ศีรษะผมเสียจนเละเทะ จะด้วยความหมั่นไส้อะไรก็ตามแต่ สุดท้ายเขาก็ต้องมานั่งจัดทรงให้ผมใหม่อยู่ดี “สรุปว่าเทพธิดาทะเลสาบมีตัวตนอยู่จริงเหรอ”

 

ผมพยักหน้า “เจ้าตัวเป็นคนพาฉันมาที่นี่ ฉันลืมตามาก็เห็นเทพธิดาเป็นคนแรก บอกเลยว่าโคตรช็อคอ่ะ” เหมือนคุณโดนัลด์เคยบ่นไว้นี่นะว่าเดี๋ยวนี้คนในหมู่บ้านไม่ค่อยศรัทธาเหล่าเทพในภูเขากันแล้ว “ทำไมเพิ่งถาม วันก่อนนายก็เจอเทพพิทักษ์เหมืองมาแล้วนี่”

 

“ตอนนั้นมีหลายเรื่องให้คิดมากกว่า เลยไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่” เรื่องของผมแน่เลย ขอหลงตัวเองแป๊บครับ

 

พูดถึงแล้วเกมนี้ก็ไม่มีอีเว้นท์ที่ตัวละครในหมู่บ้านจะได้เผชิญหน้ากับNPCเทพนี่นะ อาคาริคงเป็นชาวบ้านคนแรกเลยมั้งที่ได้ประสบพบเจอด้วยตัวเอง

 

“ไว้ถ้านายอยากเจอ ช่วงเช้าๆเอาผักหรือไม่ก็ผลไม้ไปโยนที่ทะเลสาบดิ เดี๋ยวเทพธิดาก็โผล่มาเซย์ไฮเอง”

 

“ฉันไม่มีธุระอะไรให้ไป” อาคาริดูไม่ใส่ใจการมีอยู่ของเทพเจ้าเหาเห็บอะไรอย่างที่เจ้าตัวพูดไว้จริงๆ “จากนี้นายจะไปไหนต่อ”

 

ผมเหลือบดูนาฬิกาที่ข้อมือ “ตอนแรกว่าจะกลับฟาร์มก่อน แต่บ่ายขนาดนี้แล้วฉันไปหาฮานนาดีกว่า”

 

“ไปหายัยนั่นทำไม” เสียงแข็งมาเชียว ผมแกล้งส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้คู่สนทนาผ่านกระจกสะท้อน อีกฝ่ายเอาก้มตัวลงมาเท้าแขนกับขอบโต๊ะเพื่อกักตัวผมเอาไว้ ขยับริมฝีปากมาเอ่ยคำพูดที่ใบหู “บอกมา”

 

ดูเหมือนอาคาริจะรู้แล้วว่าผมแพ้เวลาเขาทำแบบนี้ ผมเอียงหน้าหนีเล็กน้อยก่อนเฉลยออกมา “ก็แค่จะไปซื้อวัวมาเลี้ยงเอง นายแม่งขี้โกงว่ะ”

 

“นายแหย่ฉันก่อน” กล่าวจบเขาก็ตามมาหอมผมต่อ ดูเขาจะชอบจูบชอบหอมมากกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ สักวันจะไม่ถูกเขาฉีกเนื้อแก้มไปเคี้ยวใช่มั้ย

 

“นายจะไปด้วยหรือจะไปเก็บบลูเบอร์รี่”

 

“ช่วงนี้หมดหน้าบลูเบอร์รี่แล้ว เข้าฤดูร้อนจริงๆจังๆเมื่อไหร่ฉันค่อยขึ้นไปเก็บอย่างอื่น” คนพูดยืดตัวขึ้นพร้อมกับดึงผมให้ลุกขึ้นตาม “แต่ฉันมีเรื่องอื่นต้องทำ”

 

••••••

 

เรื่องอื่นที่ว่าของอาคาริคือการไปเปิดเหล้าผลไม้ที่หมักทิ้งไว้เมื่อช่วงฤดูนี้ของปีก่อน ผมแอบสนใจนิดหน่อยแต่เอาไว้วันหลังค่อยขอตามไปดูอีกที ตอนนี้ผมสนใจเรื่องเลี้ยงวัวมากกว่า พอจะสำนึกขึ้นมาว่าตัวเองควรจะเริ่มการทำปศุสัตว์ได้แล้ว นี่มันจะหมดฤดูแรกแล้วแท้ๆ

 

แต่เพิ่งจะฤดูแรกก็ดันได้แฟนไปเรียบร้อยแล้วอีกนั่นแหละ… เอาน่า เกมปลูกผักเริ่มมาใครๆเขาก็ต้องรีบจีบตัวละครทำคะแนนก่อนสร้างเนื้อสร้างตัวกันทั้งนั้น แม้กรณีนี้จะยังงงๆอยู่ว่าใครเป็นคนจีบใครก็ตามเถอะนะ

 

“ยินดีต้อนรับค่า อ้าว เพทายนี่นา” ผมเจอฮานนาตั้งแต่เดินผ่านประตูรั้วฟาร์มวัวแกะเข้ามา ผิวของเธอดูคล้ำลงนิดหน่อย คงเพราะช่วงนี้อากาศร้อนแดดแรงขึ้นมั้ง เธอวางถังน้ำในมือลงแล้วเดินมาหาผม

 

“สวัสดีฮานนา”

 

“ไง รับวัวกี่ตัวดีเอ่ย~ โปรโมชั่นพิเศษซื้อวัวตอนนี้แถมบริการขโมยไก่จากฟาร์มข้างเคียงฟรีจ้า” แล้วเธอจะไปขโมยไก่เขาเพื่อ…?

 

“ถ้าฉันซื้อสองตัวไปเลี้ยงทีเดียวจะสาหัสไปสำหรับมือใหม่รึเปล่า”

 

“ก็ไม่ยากขนาดนั้นหรอก… เอ๊ะ ฉันแค่แซวเล่นนะ นี่นายจะซื้อจริงเหรอ!?” เออผมก็งงอยู่เนี่ยว่าหน้าผมมันเขียนคำว่า ‘จะซื้อวัวจ้า’ เอาไว้เรอะถึงถามอย่างกับว่ารู้มาก่อน

 

“ใช่น่ะสิ ไม่งั้นฉันจะมาทำอะไรเล่า” ผมหัวเราะ

 

“ดีเลยๆ ที่มีอยู่ในคอกตอนนี้ขนสวยร่างกายแข็งแรงทั้งนั้น อยากได้ใช้งานแนวไหน เอาตัวใหญ่มากมั้ย แล้วอยากเลี้ยงตัวผู้หรือตัวเมียล่ะ แล้วกะเพาะพันธุ์ด้วยรึเปล่า ไปหาคุณลุงฉันกันเลยเนอะ” ผมยังไม่ทันได้เรียบเรียงสารพัดคำถามที่ถูกยิงใส่ก็ถูกลากเข้าไปในตัวบ้านเพื่อคุยรายละเอียดกับคุณลุงแอนโธนีเรื่องการซื้อขายวัวต่อ และพบว่ายังมีเรื่องยิบย่อยที่ผมต้องรู้อีกเยอะมากจนต้องหาสมุดมาจดบันทึกไว้ ผมผิดเองแหละที่คาดหวังว่าจะเดินเข้าไปหน้าเคาท์เตอร์กดเลือกไอคอนรูปวัวก็จะมีลูกวัวโผล่มาอยู่ในฟาร์มเราทันที นี่ไม่ได้คิดจะมายืนเลือกวัวเองเลยสักนิด เฮ้ เจ้าตัวนั้นมีลายสีดำที่ตาสองข้างเหมือนหมีแพนด้าเลย น่ารักชะมัด

 

เอาเถอะ อย่างน้อยพอตั้งสติได้แล้วท้ายที่สุดการติดต่อขอซื้อโคนมไปเลี้ยงของผมก็ผ่านไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งสามารถมาถึงขั้นตอนการเขียนแบบฟอร์มขึ้นทะเบียนวัว ซึ่งผมมีหน้าที่แค่ตั้งชื่อวัวกับยืนยันตัวตนเป็นเจ้าของวัวเท่านั้น

 

ผมเหม่อคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะกรอกชื่อที่นึกออกลงไป คุณแอนโธนีหยิบฟอร์มขึ้นไปกวาดสายตาอ่านแล้วขมวดคิ้ว ส่วนฮานนาที่นั่งอยู่ข้างกันก็ชะโงกหน้ามาดูด้วย

 

“นี่ชื่อวัวเหรอ นายคิดดีแล้วจริงๆนะ”

 

อย่ามามีปัญหากับชื่อสัตว์เลี้ยงผมกันนักสิ!

 

อันที่จริงฟาร์มวัวไม่มีบริการขโมยไก่แบบที่ฮานนาโฆษณา…ก็แหงล่ะ ทว่ามีบริการช่วยขนวัวไปส่งที่คอกให้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม และปัจจุบันผมกำลังทำความรู้จักรวมถึงแปรงขนให้สองสมาชิกใหม่ของฟาร์มอยู่ในคอกวัวแกะ แอบเสียดายวัวที่หน้าเหมือนมีแพนด้าตัวนั้นจัง ผมชอบมันมากเลยนะ แต่ว่ามันดันเป็นตัวผู้เสียนี่ ซึ่งเวลานี้ผมอยากเลี้ยงเพื่อรีดนมมากกว่าเลยต้องตัดใจจากเจ้าแพนด้านั่นไป และซื้อวัวตัวน้อยๆเพศเมียที่ต้องเลี้ยงดูไปอีกสักพักถึงจะโตพอจนมีน้ำนมให้รีดเก็บ

 

ทุกอย่างราบรื่นดี เจ้าวัวทั้งคู่เป็นมิตรกับผม เวลาเรียกหาแค่ขานชื่อก็เดินมาหาอย่างง่ายดายไม่ต้องเสียเวลาสั่นกระดิ่งเลย เป็นอีกครั้งที่ต้องขอบคุณความสามารถพิเศษของตัวเอง แม้แบบนี้จะเช็คระดับความรักของสัตว์ยากแต่ก็ยังถือว่าดีกว่าการรับมือสัตว์เลี้ยงตัวเองไม่ได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตชาวไร่ของผมคงปวดหัวกว่าเดิมหลายเท่าแน่

 

วันต่อมาหลังจากเสร็จงานในฟาร์มผมก็แวะไปเอาอุปกรณ์ที่ฝากคุณเฮลฟ์อัพเกรดเอาไว้ เหลือบไปเห็นที่ชั้นวางสินค้ามีอุปกรณ์รีดนมวัววางขายอยู่ด้วย อยากได้อ่ะ แต่ผมเพิ่งควักเงินจำนวนหนึ่งจ่ายค่าลูกวัวไปเลยตั้งใจว่าจะค่อยมาซื้อหลังจากเจ้าสองตัวนั้นโตขึ้นกว่านี้

 

 จอบทองแดงมาอยู่ในมือผมแล้ว ของใหม่ย่อมมาพร้อมกับอาการตื่นเต้นอยากลองของ แม้จะเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจนทำให้ไม่สามารถปลูกพืชผักอะไรขึ้น แต่ยังมีต้นหญ้าที่เจริญเติบโตในทุกฤดูกาลอยู่ ประจวบเหมาะกับที่ผมเริ่มเลี้ยงวัวก็ถือว่าเป็นการเตรียมแหล่งอาหารให้พวกมันได้พอดี

 

สารภาพว่าผมยังแยกไม่ออกว่าวัชพืชที่ขึ้นเกะกะอยู่บนแปลงมันต่างกับต้นหญ้ายังไง สงสัยต้องลองปลูกดูก่อนถึงจะรู้ละมั้ง

 

ระหว่างทางเดินไปซื้อเมล็ดพันธุ์หญ้าที่ซูเปอร์มาเก็ตผมก็บังเอิญสวนทางกับแฟนตัวเองเข้า

 

“บ่ายสวัสดิ์”

 

อีกฝ่ายผงกหัวรับคำทักทายผมแล้วถามกลับมา “ไปไหน”

 

“ว่าจะไปซื้อหญ้ามาปลูกเลี้ยงวัว”

 

อาคาริเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ซื้อวัวแล้วสินะ”

 

“ใช่ ซื้อมา2ตัว น่ารักเชียว ไว้นายมาบ้านฉันจะพาไปดู” นี่ถ้าผมมีโทรศัพท์ถ่ายรูปได้ หน่วยความจำในเครื่องต้องเต็มไปด้วยรูปสัตว์เลี้ยงในฟาร์มตัวเองแน่เลยว่ะ

 

“ได้ แล้วนายตั้งชื่อว่าอะไร” ปกติเขาไม่ได้ถามกันตอนเจอตัวเป็นๆหรอกเหรอ แปลกคนนะเรา

 

“หลินปิง” 

 

ผมเลือกชื่อนี้เพราะตอนที่กรอกฟอร์มผมยังนึกเสียดายวัวหน้าแพนด้าตัวนั้นอยู่

 

อาคาริพยักหน้ารับรู้ “แล้วอีกตัวล่ะ”

 

“หลินปิง MarkII”

 

“หลินปิงกับมาร์คทู?”

 

“หึ” ผมสั่นหน้าปฏิเสธ “หลินปิง กับ หลินปิงมาร์คทู”

 

“ถามจริง?”

 

“อื้อ” ตั้งชื่อเป็นซีรีส์เดียวกันเวลาทำลิสต์สัตว์เลี้ยงมันจำง่ายกว่าแยกชื่อ ไม่รู้ผมเป็นคนเดียวรึเปล่าที่คิดแบบนั้น ทีแรกจะใส่ว่าหลินปิงสอง แต่ชุ่ยไปหน่อยเลยใส่ให้ดูเท่ๆแบบไอXอนแมนแล้วกัน

 

“ถ้าเลี้ยงอีกตัวก็…”

 

“หลินปิง MarkIII ไง”

 

“สมมติถ้าฉันกับนายมีลูกด้วยกันได้ ฉันจะไม่ให้นายตั้งชื่อลูกแน่” เทพธิดาพาผมทะลุมิติมาได้ ก็อาจทำให้ผมท้องได้ก็ได้นะ… แต่ไม่ ผมไม่คิดจะหาเหาใส่หัว เคยเห็นเกมภาคตัวละครหญิงวิ่งทำฟาร์มช่วงตั้งครรภ์ ดูทรมานชีวิตเป็นบ้า

 

“ชื่อคนกับชื่อสัตว์มันจะใช้เกณฑ์เดียวกันตั้งได้ยังไง” ผมเถียง

 

“แต่ดูจากเกณฑ์ตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงของนายแล้วฉันก็ไม่รู้สึกไว้ใจเกณฑ์การตั้งชื่อคนของนายอยู่ดี”

 

หยาบคาย ผมทำแก้มป่องหน้าใส่คนตัวสูงกว่า ผลคือแก้มถูกมือใหญ่ยกขึ้นบีบจนปากยู่

 

“อื้ออ อ่อยอั๋น” ผมจับข้อมือเพื่อพยายามดึงออก แต่ไอ้คนที่บีบแก้มผมอยู่ก็เอามืออีกข้างมาวางทับมือผมอีก

 

ยุดยื้อกันสักพักอาคาริก็คลายมือออกจากแก้มผม แล้วหมุนข้อมือมาผสานนิ้วเข้ากับมือของผมที่ยังไม่ได้ปล่อยออกจากเขา กลายเป็นตอนนี้เขาใช้มือทั้งสองข้างกุมมือผมอยู่

 

“ชอบเล่นอะไรปัญญาอ่อนไม่เข้ากับหน้า” ผมบ่น

 

“หยอกแมวมันสนุก” ผมทำท่าแยกเขี้ยวใส่ ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มขึ้นบางๆ สักพักผมก็เผลอยิ้มตามไปด้วย

 

“อุ๊ย” เสียงมีอุทานดังขึ้น ผมกับอาคาริก็ผละออกจากกันทันทีราวถูกน้ำร้อนลวก เราทั้งคู่หันไปมองต้นเสียงก็พบว่าเป็นคุณมิเกล คุณนายร้านซูเปอร์มาร์เก็ต หรือก็คือภรรยาคุณอดัม

 

“สวัสดีครับ” ผมเป็นคนที่ส่งเสียงทักทายออกไปก่อน พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ

 

“สวัสดีครับ” ส่วนอาคาริถึงแม้จะกล่าวทักทายแต่ก็กลับไปทำหน้านิ่งเหมือนเดิมแล้ว

 

“สวัสดีจ้ะ ทั้งสองนี่คนสนิทกันดีนะ” แปลว่าเมื่อกี๊คุณมิเกลคงเห็นฉากจับมือเต็มสินะ

 

ผมกับอาคาริลอบสบตากันนิดหน่อย “ก็… พอสมควรครับ” สมที่คนเป็นแฟนควรจะทำกันนั่นล่ะครับ

 

“แหม แต่สนิทกันไว้ก็ดีแล้วเนอะ” คุณมิเกลว่าพลางยกมือขึ้นแนบแก้มตัวเอง 

 

“พอดีจะใกล้เวลานัดปาร์ตี้น้ำชากับพวกคุณซูแล้ว” ปาร์ตี้น้ำชาที่อ่านว่าจับกลุ่มเม้าท์มอยแน่ๆ คุณมิเกลเป็นหนึ่งในเมมเบอร์สมาคมแม่บ้านประจำเมือง ตารางชีวิตของเธอนั้นคือการต้องออกมาจับกลุ่มสนทนากับคุณนายจากบ้านนู้นบ้านนี้ในช่วงบ่ายของทุกวัน “ยังไงฉันขออนุญาตเดินผ่านหน่อยนะจ๊ะ”

 

ก็เดินผ่านไปสิครับถนนตั้งกว้าง อันที่จริงไม่ต้องหยุดสนใจพวกผมคุณก็ผ่านไปได้สบายๆนะครับ ไม่สิ ผมจะไปแซะเขาทำไมเนี่ย ต้องทำตัวเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์เข้าไว้ “เชิญเลยครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ” ตบท้ายด้วยการโบกมือบ๊ายบายส่งจนคุณมิเกลเลี้ยวหายไป

 

“แล้วนี่นายกำลังจะไปไหนอ่ะ” ผมหันกลับไปสนใจแฟนของตัวเองต่อ

 

“ขนเหล้า” เมื่อผมทำสีหน้าว่าอยากได้คำอธิบายเพิ่ม อีกฝ่ายก็เล่าต่อ “เมื่อวานที่ไปเปิดเช็คมา ต้องเคลียร์ที่ไว้ให้ส่วนของปีนี้ เลยจะขนตัวที่บ่มได้แล้วมาไว้โรงแรม”

 

“อ๋อ ให้ช่วยมะ”

 

“นายไม่ได้จะไปซื้อเมล็ดหญ้าเหรอ”

 

“เออว่ะ งั้นนายไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันแวะไปซูเปอร์มาเก็ตก่อนแล้วตามไปอีกที”

 

“ก็ได้ ถ้านายสะดวก”

 

“ไว้นายมาช่วยฉันหว่านเมล็ดหญ้าด้วยแล้วกัน”

 

“ไม่มีปัญหา”

 

“โอเค ที่ๆนายบอกฉันเมื่อวานใช่ป่ะ” พอตกลงกันเรียบร้อยผมกับอาคาริก็แยกกัน หลังจากผมจัดการธุระตัวเองเสร็จจึงตามไปสมทบที่โรงเก็บไวน์หลังสวนองุ่นที่ร้านของครอบครัวเขา ระหว่างทางเข้าสวนก็ได้เจอคุณเหมย มารดาของอาคาริ เมื่อเธอหันมาเห็นผมก็ปรี่เข้ามาชวนคุย

 

“อ้าวตายแล้ว เพทาย มาทำไมไม่บอกไว้ก่อน ไหนๆวันนี้มาทำอะไรจ๊ะ”

 

“สวัสดีครับ มาช่วยอาคาริขนเหล้าที่บ่มไว้น่ะครับ”

 

“เอ๊ะ อาคาริกลับมาเหรอ ตายแล้วเจ้าลูกคนนี้ กลับบ้านมาทั้งทีไม่รู้จักโผล่มาทักทายเล้ย นี่ถ้าไม่เจอเพทาย ป้าก็คงไม่รู้ว่าอาคาริกลับมานะเนี่ย”

 

“แหะๆ ไว้จะไปบอกให้นะครับ”

 

อันที่จริงผมกับคุณเหมยค่อนข้างสนิทกัน ถ้าไม่นับว่าผมยังไม่ได้บอกเธอว่าผมเคลมลูกชายเธอไปแล้วอ่ะนะ… คุณเหมยรู้ว่าผมกับอาคาริซี้กันอยู่แล้วเพราะเจ้าตัวชอบแวะมาให้กำลังใจลูกชายที่ทำงานพิเศษช่วงกลางวันในคาเฟ่ ผมเลยได้เจอกับเธออยู่บ้าง ต่างจากคุณอเล็กซานเดอร์ที่เจอกันไม่กี่ครั้งเวลาเดินผ่านหน้าร้านไวน์

 

ขอโทษนะอาคาริ ฉันขอใช้โอกาสเพิ่มคะแนนความประทับใจกับแม่นายหน่อย ขนเหล้าคนเดียวรอไปก่อนแล้วกัน…

 
TBC
******

ชื่อตอนเกี่ยวกับวัวแต่วัวออกมานิดเดียว... เอาเป็นว่าHappyตามส่วนหนึ่งของชื่อนั่นไง! /คำว่าHappy Cowเราไปหยิบมาจากคลิปของยูทิวเบอร์ฝรั่งช่องนึงค่ะ ค่อนข้างเก่าแล้วแต่ไปปเสิร์ชดูกันได้ มันโคตรเกรียน55555 ไว้จะแปะไว้ในทวิตเตอร์นะคะ

เรามาลงเรื่องนี้ในเล้าทีหลัง ตอนนี้ในเล้าก็ทันกันทุกเว็บแล้ว ซึ่งปกติเราเป็นคนแต่งนิยายช้า TuT ยังไงก็จะพยายามอัพตอนใหม่ให้ได้ไวที่สุดนะคะ!

ปล.เรื่องนี้ไม่Mpregนะคะ เพทายมันพูดขึ้นมาเฉยๆ แง55555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากนะคะ สามารถคอมเม้นท์ติชม+ทักท้วงคำผิดได้ทั้งในนี้หรือในแท็กทวิตเตอร์ #สวัสดีฟามรัก ได้เลยค่ะ<3



     twitter:  @evilkunbk

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด