#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่
สงกรานต์จ๋า สงกรานต์ หนูหอมมาแล้วววว
{ตอนพิเศษ ; ช่วงเวลาหลังจากเนื้อหาหลัก
เป็นช่วงที่พี่ขุนไม่กลัวการเห็นนมหนูหอมแล้วจ้ะ}
"พี่ขุนเร็ว ๆ หน่อยซี่หนูอยากรีบไปคูเมืองแล้ว" เสียงเย้ว ๆ ดังมาจากคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องแต่งตัวเป็นรอบที่สี่ของวัน เสื้อลายดอกสีฟ้าชมพูใส่คู่กับกางเกงขาสั้นสีดำ ผมหน้าม้ายุ่ง ๆ จัดเซ็ททรงอย่างขอไปทีเพราะพร้อมเปียกเต็มที่
ขุนเขาที่นั่งกอดอกอยู่บนเตียงกวาดตามอง นิ้วชี้กระดิกไปมาเป็นเชิงให้หมุนตัว
"ได้ยังอะพี่ขุน ชุดนี้หนูว่าน่ารักแล้วนะ เสื้อตัวนี้แม่ทิพย์จ๋าซื้อให้หนูด้วยนะ" ข้าวหอมบ่น ตอนนี้จะเก้าโมงแล้วกว่าจะไปถึงถนนเส้นรอบคูเมืองก็คงอีกพักใหญ่
ถึงจะอยู่ที่เชียงใหม่มาสองปีแล้ว ได้วนมาเจอสงกรานต์อีกรอบ แต่ว่ายิ่งปีก่อนสนุกมาก ปีนี้ก็เลยยิ่งตื่นเต้นใหญ่อยากไปเล่นปีนี้ไว ๆ
ส่วนคนแก่ที่วันนี้เรื่องมากบ่นเยอะผิดปกติก็กำลังคิดเยอะคิดแยะเหมือนตอนดูสามชุดแรกที่ให้น้องมันไปเปลี่ยนนั่นแหละ
ชุดแรกคือเลวร้ายสุด ข้าวหอมมันจัดเสื้อยืดขาวกางเกงยีนส์สั้นแทบไม่พ้นก้น บอกว่าแบบนี้ฮิต ขุนเขาแทบจะเลาะก้านมะยมมาตีให้ตัวลาย กางเกงก็คือสั้นจนเลิกเรียกตัวเองว่ากางเกงเถอะ ส่วนเสื้อขาวโดนสาดตู้มเดียวก็เห็นหมดแล้วไหม
ไม่ได้ปะวะ กว่าจะกล้ามองนมน้องไม่ใช่ง่าย ๆ แล้วทำไมกูต้องให้คนอื่นมามอง!
ชุดสองก็แย่พอกัน สีเหลืองแต่ผ้าบางแบบแค่ใส่เดินออกมาก็เห็นมันแนบเนื้อข้าวหอมไปหมด
ส่วนชุดสามนี่เป็นความผิดของกางเกงอีกสั้นไป สีสว่างไป ไม่ผ่านโว้ยยย
"เสื้อก็ดูหนาดี กางเกงก็ไม่สั้นมากผ้าดูหนาใช้ได้" ขุนเขาพึมพำยามพิจารณากับตัวเอง ตัวนี้สั้นแค่เห็นหัวเข่าที่ถึงจะเป็นแผลก็น่ารักดี ไม่ได้สั้นเกินไป ผ้าหนาพอที่จะเปียกน้ำได้
"โอเคละ พี่ว่าชุดนี้แหละ"
"เย้ พี่ขุนไปกันเร็ว ไปเล่นน้ำกันนนน" ข้าวหอมกระโดดหยองแหยงอย่างดีใจ เปลี่ยนชุดมาเป็นยี่สิบนาที ในที่สุดก็ได้ไปเล่นน้ำตู้ม ๆ สักที
"หอม พี่ว่าเสื้อตัวนี้คอมันลึกไปนะเวลามองจากข้างบน" ขุนเขาออกปาก โห ฝรั่งรอบคูเมืองเยอะด้วยสูงกว่ากูก็มากมาย ได้เหรอวะ
"โห พี่ขุน ไปได้แล้ว ๆ ไม่มีใครมามองหรอก เร็ว ๆ แก่แล้วไม่ขี้บ่นสิ" ข้าวหอมกอดเอวหนา เงยหน้าทำตาปริบ ๆ อ้อน แต่ตาตี่ ๆ ของอาตี๋ตระกูลอินท์วันธรก็ยังดูไม่ปล่อยวาง
"ถ้าพี่ขุนให้หนูเปลี่ยนอีกชุดนะ ตอนเล่นน้ำหนูจะถอดเสื้อเฟวี้ยงลงคูเมืองไปเลยด้วย ถ้าตำรวจจะจับที่ทิ้งขยะลงคูเมืองหนูก็จะขอเงินแม่ทิพย์จ๋ากับย่าจ๋ามาจ่ายค่าปรับ" ข้าวหอมขู่จนปากมุ่ย
"กล้าเหรอวะหอม"
"ก็หนูจะไปเที่ยวแล้วอะ พี่ขุนวุ่นวายอะ"
ขุนเขาร้องฮึ่มอยู่ในใจเมื่อโดนคำที่ใช้บ่นข้าวหอมไปนับครั้งไม่ถ้วนย้อนกลับเข้าตัวเอง เดี๋ยวนี้เก่งเหลือเกิ๊น ก็ต้องให้ภาษีข้าวหอมหน่อยล่ะ เป็นสะใภ้ใหญ่ของแม่เขามาสองปีแล้วนี่
ได้ความรักมาจากแม่เขา ย่าเขา เป็นพลังอำนาจมาเกินตัวตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว ตอนนี้ได้เพิ่มมาจากเขาอีกที่ด้วยนี่
"มึงนี่นะหอม" ใช้สองข้อนิ้วบีบปลายจมูกมนเบา ๆ ไปที มันเขี้ยวขี้ดื้อ
แต่คนโดนบี้จมูกยิ้มเผล่ เพราะหน้าเคร่ง ๆ มีรอยยิ้มให้เห็นแล้ว
"ไปเล่นน้ำกันได้ยัง พี่ขุน"
"เออ ๆ "
"สงกรานต์จ๋า สงกรานต์ หนูหอมมาแล้ววววววว"
ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ
เริ่มแรกของการมาเล่นน้ำรอบคูเมือง สำหรับสายชอบเดินอย่างข้าวหอมก็คือการหาที่จอดรถ ขุนเขาเลือกไปฝากรถกับวัดรอบนอกเส้นเล่นน้ำหลัก หยอดกล่องบริจาคไปแบงค์ใหญ่ก่อนจะพาคนอายุยี่สิบเอ็ดที่วันนี้ก็ยังตัวเท่าคางพาเดินเข้าไปคูเมือง
แน่นอนว่าเดินไปออกจากวัดไม่ถึงสามก้าวก็เปียกแล้ว
"นี่แหน่ะ มาให้ยิงเลยนะ" ข้าวหอมตะโกนปนเสียงหัวเราะใส่เด็กวัยไม่เกินประถมสองคนที่สาดน้ำมาใส่เปิดการเล่นน้ำของปีนี้ ข้าวหอมใช้ปืนฉีดน้ำอันใหญ่เบ้อเริ่มสีเขียวนีออนอันเดียวกับที่ขุนเขาซื้อให้เมื่อปีที่แล้วยิงคืนไป
ส่วนขุนเขาเองไม่ได้ช่วยรุมเพราะคู่ต่อสู้เป็นแค่เด็ก ยืนถือปืนฉีดน้ำหน้าตาเหมือนของข้าวหอมแต่ว่าอันเล็กเล็กกว่า ที่จริงปีที่แล้วตอนซื้อขุนเขาซื้ออันนี้ให้ แต่ข้าวหอมมาขอเปลี่ยนอยากได้ปืนใหญ่ใส่น้ำได้เยอะ ๆ ยิงสนุก
ขุนเขาก็ให้คนที่อยากเล่นมากที่สุดไปตามใจ เพราะตัวเองมาเป็นเพื่อนเฉย ๆ ส่วนกิจกรรมที่อยากทำมากสุดในช่วงสงกรานต์ก็คือนอนจิบเบียร์อยู่ในห้องแอร์มากกว่า
"มา ๆ พี่ขอปะแป้งหน่อย" ข้าวหอมบอกเด็กหญิงวัยประถมทั้งสอง แล้วก็เอาซองใส่ดินสอพองที่ใส่กระป๋องห้อยติดตัวออกมาเปิดผาบีบใส่มือ
ดินสอพองนี่ก็ไม่ธรรมดา ขุนเขาเห็นข้าวหอมทำตามสูตรที่ย่าสมสมัยสอนเป๊ะ ๆ
ไปซื้อดินสอพองมานั่งบดเองตั้งแต่วันที่สิบสอง เอาน้ำสะอาดไปลอยมะลิทั้งคืน เมื่อเช้าตื่นตั้งแต่หกโมงมานั่งผสมดินสอพองที่ต้องเหยาะน้ำอบลงไปสองสามหยดทุก ๆ หนึ่งถุง แล้วนั่งทำมาเป็นสิบ
สงกรานต์ของหนูหอมก็เลยหอมฉุยสมชื่อ
โคตรจะไฟท์ นั่งผสมดินสอพองเองด้วย ขุนเขายอมใจเลยล่ะ รู้แล้วว่าชอบสงกรานต์มากจะไม่พามาเที่ยวทุกปีก็ใจร้ายเกิน
ย่ามผ้าที่ขุนเขาสะพายให้นอกจากมือถือกับเงินในถุงกันน้ำก็คือแบกดินสอพองให้ข้าวหอมนี่แหละ
"ไปละ ๆ เดี๋ยวตอนเย็นพี่กลับมาทางนี้ใหม่ อย่าเพิ่งรีบเลิกนะ" ข้าวหอมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากนัดแนะกับแก๊งเด็กประถม แล้วเดินหน้าเปื้อนเหมือนหนวดแมวที่สองข้างแก้มมาหาขุนเขา
"อะ หนูปะให้พี่ขุนคนแรกเล้ย" ข้าวหอมหัวเราะเมื่อป้ายนิ้วของตัวเองลงบนหน้าที่เปียกนิดหน่อยของขุนเขา
หน้าขาว ๆ แก้มกลมนุ่ม ๆ ผมหน้าม้าเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ ยิ้มเห็นฟันจนตาหยีมีแป้งปะอยู่นิดหน่อย
ภาพที่เห็นแบบนี้จะทำให้ขุนเขารู้สึกยังไงกันล่ะ
มันก็คงมีได้แค่ความรู้สึกเดียวนั่นแหละ
ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ
"พี่ขุนไปตรงนู้น ๆ " ข้าวหอมในสภาพเปียกชุ่มและเปื้อนดินสอพองบ้าง แป้งบ้างไปทั้งตัวรีบกวักมือชวนคนแก่ตัวโตให้ไปหาแก๊งเล่นน้ำที่ตั้งถังขนาดใหญ่อยู่ริมคูเมือง
ตรงไหนคนเยอะข้าวหอมก็พุ่งไปร่วมด้วยตลอด บอกว่ายิ่งคนเยอะก็ยิ่งสนุก
"พี่ขุนหนูขอดินสอพองเพิ่มหน่อย" ปากอิ่มร้องบอกในขณะที่มือยังยิงปืนไม่หยุด ตอบโต้กับฝรั่งผมทองที่ยิงกลับมาอย่างเมามันส์
ขุนเขาละปืนที่ช่วยน้องมันยิงมาหยิบให้ แน่นอนว่าก็โดนน้ำสาดใส่เต็ม ๆ ไปตามระเบียบ
"เอ้าหอม"
"พี่ขุนแกะให้หนูด้วย" ขุนเขาเห็นรอยยิ้มของคนที่กำลังติดลมก็จัดการแกะให้ ดึงมือขาว ๆ มาบีบใส่มือให้พร้อม
ข้าวหอมปรี่ไปปะแป้งคนอื่นทันที พุ่งหาคนหมู่มากเหมือนทุกหน แต่ขุนเขาเห็นทางที่ข้าวหอมจะผ่านแล้วต้องหรี่ตาเขม็งรีบกึ่งวิ่งเดินไปหา
"ขอพี่ปะแป้งหน่อยน้องหอม เจอกันทั้งที"
"ใช่ ๆ ขอพี่ลงแป้งหน่อยนะครับ"
"วันนี้ห้องหอมก็ยังตัวหอมสมชื่อเหมือนเดิมเลยนะครับ เปียกน้ำแท้ ๆ"
"กลิ่นดินสอพองจ้ะพี่ ๆ หอมเอาน้ำอบหยดใส่ เอาน้ำดอกมะลิผสม หอมใช่ไหมพี่" ว่าแล้วเด็กขี้อวดก็บีบดินสอพองใส่เต็มมือ ยื่นให้รุ่นพี่ตัวโตจากมหาวิทยาลัยเดียวกันตรงหน้าได้ดม
โอกาสมาถึงมือรุ่นพี่คนนั้นก็คว้ามือเรียวหมับ
"พอละ" แล้วก็หลุดปั๊บทันที เมื่อมีเงาดำทะมึนในเสื้อลายดอกสีดำน้ำเงินที่ทำตัวไม่ต่างจากเงาแค้นมาดึงมือรุ่นน้องที่แสนน่ารักของพวกตนคืน
"สะ สวัสดีครับพี่ขุนเขา โห อายุยืนนะครับ ยังไม่ทันพูดถึงก็มาเลย" รุ่นพี่ที่โดนจ้องเขม็งอยู่หน้าสุดรีบยกมือไหว้ทันที พูดแซวเล่น แต่ขานี่สั่นพั่บ ๆ
โน ๆ กูจะไม่ลองดีกับบ่าพี่นี่ของน้องข้าวหอมอีกเป็นเด็ดขาด
"พี่ขุน พี่ขุนจำรุ่นพี่ที่คณะหนูได้ไหม" ข้าวหอมกระตุกเสื้อของคนที่ตัวเองแต่งงานด้วยเหยง ๆ
"จำได้สิ" ขุนเขาตอบเสียงนิ่ง ยิ้มให้ข้าวหอมหนึ่งที แต่พอรอยยิ้มพวกนั้นมาถึงแก๊งรุ่นพี่ สิ่งที่ได้เห็นก็คือไม่ต่างจากการแสยะยิ้ม ขนหัวลุกมากครับไอ้พี่ขุน
"พวก พวกพี่ขอตัวก่อนนะครับ น้องหอม" คนที่ยืนใส่แว่นอยู่ด้านหลัง ยกมือไหว้แล้วชิงเดินไปก่อนเลย เพื่อนที่เหลือก็รีบยกมือลา เดินฝ่าสายน้ำไปอย่างไว
"แล้วเจอกันตอนเปิดเทอมนะครับพี่ ๆ โชคดีครับ สุขสันต์วันปี๋ใหม่เมืองงงงง" ข้าวหอมกระโดดโหยงเหยงโบกมือลาให้แก๊งรุ่นพี่เป็นการใหญ่
ขุนเขาถอนหายใจเฮือก พวกรุ่นพี่หลายคนมันก็วอนจริง ๆ นี่ยังไม่ได้ไปเจอเลยว่าพวกรุ่นน้องข้าวหอมมีใครที่ต้องบอกให้รู้ชัดถึงขอบเขตอีกด้วยหรือเปล่า
อันตรายว่ะ
"หอม" แขนแข็งแรงหนัก ๆ พาดไหล่ข้าวหอม พร้อมดึงให้แผ่นหลังแคบมาแนบชิดอกของขุนเขา
"ไปเล่นตรงนู้นกัน พี่เห็นเด็กเพียบเลย"
"ไปพี่ขุนไป เล่นกับเด็กประถมสนุกสุดแล้ว หนูชอบ" ข้าวหอมรีบเดินจ้ำไปทางที่ขุนเขาชี้ทันที ดวงตาคมมองตามพลางหัวเราะหึ ชอบเพราะมีแค่เด็กที่ตัวเองทำสงครามปืนฉีดน้ำชนะล่ะสิ
แต่ขุนเขาก็ชอบเหมือนกันนะเวลาข้าวหอมเล่นกับเด็ก
จะปะแป้งยังไงก็ปะไปเหอะ เด็กประถมเนี่ย
ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ
สงกรานต์วันแรก วันปี๋ใหม่เมือง เริ่มมีฝนตกลงมาเหมือนเป็นธรรมเนียมของทุกปี ข้าวหอมยืนมองเม็ดฝนด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างจากปีที่แล้ว
"เขาแห่พระพุทธสิหิงค์เข้าไปในโบสถ์แล้วใช่ไหมอะพี่ขุน ฝนตกใหญ่เลย โห สุดยอด" ตะโกนถามคนตัวโตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ใต้ร่มผ้าใบสีแดงของร้านของริมคูเมืองที่ขอหลบฝนเม็ดใหญ่สักครู่ ก่อนจะออกไปเปียกน้ำต่อ
"น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละหอม เวลาก็ได้ละ" ขุนเขาตอบ ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร แต่พอแห่พระพุทธสิหิงค์รอบเมืองแล้วพาไปถึงวัดทีไร ฝนได้ตกทุกปี
ปีที่แล้วขุนเขาเล่าให้ฟัง พอฝนตกจริงๆ ข้าวหอมตื่นเต้นใหญ่ ปีนี้ถึงได้อยากมาดูฝนตกอีกพอเห็นฝนตกมาจริง ๆ ก็ตื่นเต้นใหญ่ เออ เลี้ยงง่ายดีว่ะ พามาเที่ยวที่เดิม แต่น้องมันก็ไม่เบื่อเลย
"งั้นรอฝนซา ไปหาอะไรกินก่อนไหม หอม"
"ไป ๆ เมื่อเช้ากินข้าวซอยแล้ว หนูอยากกินข้าวขาหมูกับข้าวเหนียวมะม่วง"
"ทำไมกินขาเพื่อน"
"พี่ขุนอะ ทำมาเป็นว่าหนู ระวังเถอะตาลุงเมาเบียร์ กล้ามจะอยู่กับพี่อีกไม่นานแน่" ข้าวหอมแยกเขี้ยวใส่ ใช้สองมือจิ้ม ๆ ท้องขุนเขาด้วยความหงุดหงิด ขุนเขาก็เลยคว้าแก้มข้าวหอมมาบี้ ๆ เหมือนกัน
"พี่ขุนอ่าา ปล่อยเลย ปล่อย ครีมกันแดดหลุดหมดแล้ว" เสียงโวยที่ทำให้ขุนเขาหัวเราะดังกว่าเดิม
"ครีมกันแดดมันไปตั้งแต่เด็กปาดแป้งรอบแรกแล้วไหม หอม"
"งั้นต้องเอาดินสอพองมาพอกหน้าเยอะ ๆ เหมือนหน้ากากเลย กันแดด" ยอมใจคนอยากเล่นน้ำแต่กลัวดำจริง ๆ ว่ะ
"พอ ๆ เดี๋ยวค่อยทำ ไปหาอะไรกินก่อน" ขุนเขาดึงข้อมือที่ทำท่าจะจกดินสอพองหอม ๆ มาปะหน้าตัวเองไว้ก่อน คิดสภาพข้าวหอมเวอร์ชั่นหน้ากากดินสองพองแล้วคงจะเหมือนที่เคยเห็นรูปหมาตกไปหน้าจุ่มโคลนไม่มีผิด
คงจะตลกแบบน่ารัก ๆ ดี
"ฝนหยุดตกแล้วนะ หอม" ขุนเขาบอกคนที่นั่งเก้าอี้พลาสติกสีแดงอยู่ตรงข้าม รอบข้างตอนนี้เปียกไปทั่วแต่ไม่มีน้ำจากบนท้องฟ้าแล้ว
ช่วงสงกรานต์มีร้านอาหารมาตั้งอยู่ในวัดใกล้คูเมืองตามมุมที่จะไม่เปียกอยู่หลายร้าน เพราะถ้าเข้าร้านอาหารสภาพชุ่มน้ำเห็นทีแม่ค้าจะเอาชามไล่ตี
"เดี๋ยวพี่ขุน เดี๋ยว เราจะทิ้งน้องมะม่วงไว้ไม่ได้" ข้าวหอมบอกทั้งที่ปากยังเคี้ยวตุ้ย ๆ มือขาวที่แดดเริ่มไหม้จนแดงก็ตักข้าวเหนียวมะม่วงรอเข้าปากอีกช้อนแล้ว
ข้าวหอมกินข้าวขาหมูไปหนึ่งจาน ลูกชิ้นอีกสามไม้ แล้วก็ต่อข้าวเหนียวมะม่วงอีกสองจาน จานที่สองเลยเหลือเป็นครึ่งแบบนี้
"กินแบบนี้เดี๋ยวไปวิ่งเล่นน้ำต่อก็จุกกันพอดี"
"งื่ออ หนูไม่อยากทิ้งอะ ป้าเขาทำอร่อยด้วย" ชมเสียงดังจนแม่อุ๊ยเจ้าของร้านยิ้มอย่างเอ็นดู พลังอ้อนผู้ใหญ่ของข้าวหอมนี่ไม่เคยมีตกจริง ๆ
ขุนเขาถอนหายใจไปที ไอ้เด็กดื้อขี้งก
"งั้นป้อนพี่ จะได้ไม่ต้องเหลือทิ้ง" ขุนเขาแตะนิ้วชี้ที่ปากตัวเอง
"ทำไมไม่กินเองอะ" ข้าวหอมย้อนหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ แต่ช้อนในมือนี่เตรียมยื่นให้แล้ว
"ก็ช่วยกินไง ต้องบริการพี่ดิ"
"งั้นพี่ขุนก็อ้าปากกว้าง ๆ เลย อ้ามม" ป้อนให้คำโต ๆ เลย
"อร่อยไหมพี่ขุน"
"อื้ม หวานดี" ตอบตอนที่มองรอยยิ้มของคนตรงหน้า
"เนอะ หนูก็ว่า ข้าวเหนียวก็กำลังดีด้วย" ข้าวหอมเจื้อยแจ้วด้วยไปตามประสา มือก็ตักป้อนอยู่เรื่อย ๆ ส่วนขุนเขาก็อมยิ้มอยู่ในใจคนเดียว
ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ
พอกินข้าวเสร็จสงครามสาดน้ำก็เริ่มต่อทันที แต่ตกบ่ายหลังฝนตก แดดเมืองเชียงใหม่กลางเดือนเมษาก็ไม่เคยปราณีใคร
เล่นน้ำตากแดดตอนบ่ายได้ไม่ถึงชั่วโมงขุนเขาก็ลากเด็กตัวเท่าคางเข้าร้านข้างทางเพื่อซื้อหมวกให้
"ป้าเจ้า น้องขอน้ำหื๋อเต๋มกระบอกเลยได้ก่เจ้า (ป๋าจ๋า หนูขอน้ำให้เต็มกระบอกเลยได้ไหมจ๊ะ)" ข้าวหอมอู้เมืองแบบที่ป้าช่อสอน ยิ้มออดอ้อนขอเติมน้ำใส่ปืนกับร้าน แน่นอนว่าคุณป้ารายนี้ก็ต้องเติมให้เด็กช่างจ๊ะจ๋า
ขุนเขาก็เลยยืนเลือกหมวกให้แทน หมวกไผ่สานเป็นทรงแหลมจะดูเหมาะสมดี ปีกรอบข้างที่กว้างออกมาคงจะกันแดดไม่ให้ส่องโดนก้อนแก้มของข้าวหอมได้
"คิดรวมกับค่าน้ำได้เลยครับ"
"บ่เป็นหยัง ๆ ป้าหื้อฟรี น้องคนตัวขาวอู้ม่วน ป้ามักขนาด ( ไม่เป็นไร ๆ ป้าให้ฟรี น้องคนตัวขาวพูดเพราะ ป้าชอบ)" ฟังแล้วขุนเขาก็หัวเราะ ควักเงินออกจากถุงกันน้ำเป็นค่าหมวกอย่างเดียวตามที่ป้าว่า
"น้อง ๆ" เสียงวัยรุ่นที่ดังขึ้นประกอบเสียงโห่แซวทำให้ขุนเขารีบหันไปมองทันที ไม่ผิดจากที่คิด เมื่อเห็นแก๊งวัยรุ่นชุมชนชายสามคนทำหน้าตาก้อร่อก้อติกเดินตรงเข้ามาตรงที่ข้าวหอมยืนรออยู่
"น่าฮักขนาด มาคนเดียวก่า ขอหมู่ปี้ปะแป้งกำเลาะ (น้องน่ารักจัง มาคนเดียวเหรอ ขอพวกพี่ปะแป้งหน่อย)"
"ไม่ได้มาคนเดียวครับ มากับผัว" ขุนเขาตอบให้แทนพร้อมวางมือบนหัวข้าวหอมแล้ววางคางตัวเองลงไปทับอีกที บอกกันชัดเจนว่าผัวที่ว่านี่ใคร
กูไงครับ กูเอง
"โหวววว ฮาหยังมาขึด ปะคนน่าฮักก็เจ้าที่แฮงแต๋ อั้นปี้ไปก่อนละน้อง (โห ทำไมกูดวงไม่ดีเลย เจอคนน่ารักก็เจ้าที่แรง งั้นพี่ไปก่อนนะน้อง)" มาไวไปไว จนขุนเขานึกชอบหน้าตาดุดันไม่เป็นมิตรกับร่างกายสูงใหญ่ที่เป็นของติดตัวตั้งแต่เกิดขึ้นมาทันที
"น่ารักเกินไปแล้วมึงอะหอม มีแต่คนจะปะแป้ง"
"ก็สงกรานต์นี่นาพี่ขุนจ๋า ก็ต้องมีปะแป้งสิ" ข้าวหอมกอดแขนแกร่งเอาแก้มเปียก ๆ ถูผิวแขนทันทีเป็นการเอาใจ ยังเล่นไม่หายสนุกเลย โดนพากลับไร่จะทำไง
"คนอื่นเขาก็ได้แค่เอามือมาวน ๆ แก้มหนู แต่หนูให้พี่ขุนเอาจมูกมาถู ๆ คนเดียวนะ" คำอ้างของข้าวหอมพอได้ฟังแล้วขุนเขาจะไปโกรธยังไงต่อได้
"พี่ขุน เราต้องเล่นน้ำกันต่อนะ" รีบถามดักทันที
"เออ ๆ ตามใจ แต่ใส่หมวกนี่ไว้ด้วย จะได้ผิวไม่ไหม้" ขุนเขาสวมหมวกให้ ยืนมองแล้วก็ยิ้มกว้างกับผลงานของตัวเอง หมวกใบนี้เหมาะกับข้าวหอมดีจริง ๆ
แล้วเจ้าหมวกใบนี้ก็ดูแล้วจะยิ่งขับความน่ารักให้ข้าวหอม ดึงดูดชาวต่างชาติให้มาเล่นน้ำด้วยเยอะขึ้น อันที่จริงมันมาทุกชาติแหละ สาดน้ำ ยิงปืนใส่กัน ขอปะแป้งก็เยอะ ขุนเขาก็ปล่อยบ้างห้ามบ้าง
ถึงอยากจะห้ามทุกคนปะแป้ง แต่ห้ามเยอะไปข้าวหอมก็หมดสนุกพอดี ไม่ได้กลัวลูกสะใภ้แม่เสียใจจริง ๆ นะ ขี้เกียจง้อเฉย ๆ เขาพูดจริง ทำไมไม่เชื่อล่ะเฮ้ย
"ขอปะแป้งหน่อยได้ไหมครับ" นั่นไงยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงขอมาอีกแล้ว แต่คราวนี้มันดังมาจากข้างตัวขุนเขาฝั่งที่ไม่มีข้าวหอม
"เพื่อนหนูขอปะแป้งพี่ได้ไหมคะ พี่คนหล่อ" แล้วพอหันไปก็เจอผู้ชายหน้าตาน่ารักตัวสูงประมาณไหล่ขุนเขา ผิวขาวใส่เหล็กดัดยืนอยู่ท่าทีเคอะเขิน ล้อมรอบด้วยแก๊งสาววัยเดียวกันที่ไม่น่าเกินมหาลัยอีกสามสี่คน
"ถ้าพี่ให้เพื่อนหนูปะ พวกหนูขอปะด้วยนะคะ" สาวน้อยคนที่มัดแกะสองข้างพร้อมขันสีเขียวว่าต่อ
"เนี่ยมันชวนหนูเดินข้ามสะพานแดงมาจากฝั่งนู้นเลย แต่ก็เอาแต่มองไม่ยอมมาขอสักที ตั้งนานกว่ามันจะกล้ามา ขอปะแป้งหน่อยนะพี่นะ" สาวหน้าม้าอีกคนดุนหลังเพื่อนชายในกลุ่มตัวเองให้เข้ามาใกล้ขุนเขามากขึ้น
"อ่า ก็ได้ครับ ทุกคนเลยก็ได้ สงกรานต์ปะแป้งกันก็ธรรมดา" ขุนเขายิ้มบาง ๆ ให้ เพราะรู้ว่าตัวเองหน้าไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ เด็กสาวสี่คนกำมือกันกรี๊ดกร๊าดใหญ่ ในขณะที่หนุ่มน้อยของกลุ่มเริ่มหน้าแดง มือก็ควักแป้งป้ายไปที่หน้าขุนเขา
ไม่ไหวแล้ว หัวใจจะวายคนหล่อจอยมาก
ปิ้ว
แต่พอจะป้ายแป้งที่แก้มคนหล่ออีกข้างก็โดนปืนฉีดน้ำที่ไหนไม่รู้ฉีดใส่เข้ามาเต็ม ๆ มือจนแป้งละลายตกพื้นไปเกือบหมด
"มาเล่นน้ำกันเถอะจ้ะ" ข้าวหอมตะโกนตามเข้ามาก่อนจะกระหน่ำยิงน้ำเข้าใส่จนอีกฝ่ายสาดน้ำกลับมาตอบโต้จนลืมการปะแป้งไป เผลอแปปเดียวข้าวหอมก็ดึง ๆ ขุนเขาให้เดินตามออกมาจนพ้นระยะ
"พี่ขุน" พอได้จังหวะข้าวหอมก็ทำหน้ามุ่ยตาพองเรียกทันที
"เขาชอบพี่ขุนไม่รู้อ่อ ทำไมให้เขาปะแป้งอะ เห็นเขาน่ารักใช่มะ"
"ก็มันสงกรานต์ก็ต้องมีปะแป้งไม่ใช่เหรอ" ขุนเขาย้อนคำพูดของเด็กแถวนี้คืน ข้าวหอมขยับปากขมุบขมิบบ่นอะไรสักอย่าง ก่อนจะบีบดินสอพองหอม ๆ ของตัวเองเต็มมือป้ายขุนเขาไปทั้งสองแก้ม
"ต้องแบบนี้สิ" คนตัวขาวมองผลงานตัวเองด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างพอใจ ขุนเขาหัวเราะหึ แล้วก็เดินตามข้าวหอมไปลุยน้ำเปียก ๆ ด้วยกันต่อ
ดูแล้วถ้าตะวันไม่ตกดิน ข้าวหอมก็คงไม่ยอมแพ้กลับบ้าน พรุ่งนี้คงเพลียจนขุนเขาต้องแงะออกจากเตียงเพื่อขึ้นเครื่องกลับไปเยี่ยมหาบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่กาญจนบุรีในช่วงวันสงกรานต์แน่ ๆ
ความจริงควรไปตั้งแต่วันนี้ แต่เพราะมีเด็กแถวนี้อยากเล่นน้ำรอบคูเมืองก่อน ขบวนการผู้ใหญ่ใจดีก็เลยตามใจหนูหอมกันถ้วนหน้า
"หอมมาให้พี่ปะแป้งบ้าง" ขุนเขาดึงเสื้อข้าวหอมหันกลับมา มือใหญ่ทั้งสองข้างเต็มไปด้วยดินสอพองเปียก ๆ บรรจงปาดซ้าย ปาดขวา สุดท้ายแต้มเล็ก ๆ ไว้ที่ปลายจมูกของข้าวหอมอีกที
มองผลงานตัวเองด้วยรอยยิ้มกว้าง
ถึงว่าใคร ๆ ก็อยากจะปะแป้งข้าวหอม
ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ
"พี่ขุน ๆ ยื่นมือมา" เสียงเรียกทำให้ขุนเขาหันไปมองข้าวหอมที่ยกขันขนาดกลางที่ใส่น้ำส้มป่อยไว้ซึ่งมีขันเล็กอีกใบลอยอยู่มาวางบนโต๊ะ
เมื่อเช้านี้ก่อนออกไปคูเมือง ขุนเขากับข้าวหอมร่วมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ที่จัดกันพร้อมกับคนในไร่ ผู้ใหญ่ที่อาวุโสสุดเห็นจะเป็นลุงเพิ่ม ลุงเดชแล้วก็ป้าช่อ
แล้วดูเหมือนว่าข้าวหอมจะไปขอป้าช่อแบ่งน้ำส้มป่อยไว้ให้
"เอามาทำไม"
"ก็เมื่อเช้าเรารีบไป หนูยังไม่ได้รดน้ำผู้อาวุโสของหนูเลย เนี่ยพี่ขุนแก่ใช้ได้แล้วนะ ต้องให้พรหนูสิ" ข้าวหอมบอกด้วยยิ้มแฉ่ง ตาเป็นประกายตื่นเต้น ขุนเขาถอนหายใจแต่ก็อดจะอมยิ้มไม่ได้
"เอาหอมว่าเถอะงั้น" พอได้ยินคำตกลง ข้าวหอมก็นั่งลงบนเก้าอี้เตรียมตักน้ำใส่ขัน ส่วนขุนเขานั้นยืนยื่นมือมาให้
เรื่องอื่นเถียงเด็กมันได้ เรื่องแก่นี่ต้องยอมรับ
"หนูขอให้พี่ขุนสุขภาพแข็งแรงดี ขอให้กินเบียร์แค่ไหนก็ไม่ลงพุง แก่ไปหัวไม่ล้าน ขอให้มะเขือเทศดก ๆ คนซื้อเยอะ ๆ แล้วก็รักหนูหอมมาก ๆ เลย" น้ำส้มป่อยหอม ๆ ถูกเทรดมือขุนเขาจนเปียกชุ่ม
สองมือใหญ่ ๆ กดลงแนบผมสีดำสนิทของหัวทุยเบา ๆ
"ขอให้เรียนผ่านทุกตัว ขอให้สุขภาพดีเหมือนกัน ไม่เป็นเบาหวานก่อน"
"ฮื่ออ พี่ขุนอะ"
"ผู้ใหญ่ให้พร อย่าแทรก"
"จ้ะ หนูขอโทษ" ข้าวหอมรีบยกมือขึ้นพนมมือ หลับตาปี๋รอรับพรอย่างเต็มที่ น่าเอ็นดูมากพอจะเรียกรอยยิ้มจากขุนเขาให้กว้างขึ้น
"ขอให้มีความสุข ขอให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ขอให้เจอแต่คนที่เข้าใจและเอ็นดู แล้วสุดท้ายขอให้สามีรักสามีหลงมาก ๆ นะ หนูหอม" อวยพรจบตบมือลงไปเบา ๆ สองทีพร้อมหอมกระหม่อม
แล้วคนอวยพรก็เดินลิ่ว ๆ ขึ้นห้องไปทันที
ทิ้งให้หนูหอมประมวลผลคำอวยพรอยู่คนเดียว
"พี่ขุน!" คนตัวเล็กกระโดดเหยง
งื่ออออ เมื่อกี้น่ะเหมือนถูกบอกรักเลยไม่ใช่เหรอไงล่ะ
"พี่ขุนอ่าา งื่อ หนูชอบคำอวยพรสุดท้ายที่สุดเลย ใช่แล้วจ้ะ ๆ สามีของหนูหอมอะ ต้องรักหนูเยอะ ๆ เลย งื่อออ พี่ขุนน รักหนู ๆ " ข้าวหอมร้องบอกเสียงดังมาถึงชั้นสองจนขุนเขาได้แต่หัวเราะคนเดียว
"พี่ขุนอะ หน้าร้อนหมดแล้วเนี่ย" สองมือจับแก้มตัวเองที่ตอนนี้ร้อนฉ่าไปหมด แล้วก็แดงแจ๋สมความร้อนจริง ๆ
สงกรานต์ที่ไร่อินท์วันธรปีที่สองนี้ข้าวหอมก็ยังมีความสุขสุด ๆ ไม่แพ้ปีแรกเล้ยยยย
ต้องเป็นเพราะว่าที่นี่มีพี่ขุนแน่ ๆ เลย คิคิ
ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะทุกคน 5555
เรื่องราวในเรื่องก็คือตอนที่หนูหอมแต่งงานกับพี่ขุนได้สองปีแล้ววว เล่นน้ำรอบคูเมืองกันวันค่ำไปเล้ยยย 55555
ปกติไม่เคยจะเขียนตอนพิเศษเกี่ยวเทศกาลเลย แต่ว่า ไหน ๆ พี่ขุนกับข้าวหอมก็อยู่ที่เชียงใหม่กันแล้ว มันก็ต้องจัดกันซักหน่อยเนอะ
ใครอ่านแล้วชอบไปชวนเพื่อนมาตามติดชีวิตพี่ขุนหับหนูหอมด้วยกันได้เลยน้าาาา มาอ่านกันเย้อๆ จะได้ไม่เหงาาาา
ฮาร์ททึๆ
#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่