ลงตอนพิเศษที่ 2 -end- #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ {yaoi} ll ตอนที่ 15
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลงตอนพิเศษที่ 2 -end- #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ {yaoi} ll ตอนที่ 15  (อ่าน 21569 ครั้ง)

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่





การแต่งงานที่เกิดจากความต้องการของผู้ใหญ่
ทำให้ขุนเขาต้องมาผูกมัดกับข้าวหอม ลูกชายคนเล็กของเพื่อนแม่
ที่จากตัวเท่าเมี่ยงจนตอนนี้สูงเท่าคางก็ยังดื้อไม่มีเปลี่ยนแปลง

"ใครจะอยากได้เด็กผู้ชายเป็นเมียวะ หอม ยิ่งเด็กดื้อแบบนี้ด้วยเนี่ย"

"คิดว่ามาทำตัวใจร้ายใส่แล้วหนูจะยอมแพ้เหรอ
ไม่มีทางหรอกเพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่! "






 ขุนเขา- บวรวิทย์  อินท์วันธร (27)
{ ลูกชายเจ้าของไร่มะเขือเทศ }

 ข้าวหอม - จีรภัทร เทพภวันภรณ์  (19)
{ สะใภ้ไร่มะเขือเทศ —ต้องได้เป็น ยังไงนี่ก็ตำแหน่งของหนู}




ถ้าพี่ทิ้งหนู หนูจะฟ้องแม่พี่แน่ จำไว้สะใภ้บ้านพี่คือหนูคนเดียวเท่านั้น จัม





#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่


 :mew1:สารบัญ :mew1:

:: ตอนที่หนึ่ง ::
:: ตอนที่สอง ::
:: ตอนที่สาม ::
:: ตอนที่สี่ ::
:: ตอนที่ห้า ::
:: ตอนที่หก ::
:: ตอนที่เจ็ด ::
:: ตอนพิเศษสงการนต์ ::
:: ตอนที่เก้า ::
:: ตอนที่สิบ ::
:: ตอนที่สิบเอ็ด ::
:: ตอนที่สิบสอง ::
:: ตอนที่สิบสาม ::
:: ตอนที่สิบสี่ ::
:: ตอนที่สิบห้า :: -end-
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2019 23:58:30 โดย Butterfly8ffect »

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1





#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่


หนึ่ง , ๑

 



โดนหลอก

 

            นี่มันหลอกกันชัด ๆ

 

            "ก็นี่แหละพี่ขุน อย่างที่ย่าบอก พี่ขุนก็โตขึ้นทุกวัน ส่วนหนูหอมก็อายุกำลังดี" คุณย่าสมสมัย ย่าผู้เป็นที่รักของเขาพูดจบแล้วก็ยิ้มกว้าง แต่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ได้ฟังกลับยิ้มไม่ออก

 

            "ใช่แม่ก็ว่าดี แต่งเดือนหน้าฤกษ์กำลังเหมาะนะ เนี่ยป้าขิมก็เห็นด้วยกับแม่" คุณนายน้ำทิพย์แม่บังเกิดเกล้าก็หัวเราะรับคำของคุณย่าอย่างไม่มีขัด ไม่ได้มองลูกชายคนโตวัยเฉียดสามสิบเลยว่าหน้าตึงเคร่งไปแค่ไหนแล้ว

 

            "ที่แม่บอกให้ผมรีบลงมาจากเชียงใหม่เพราะเกิดเรื่องด่วนกับย่า คือเรื่องนี้เหรอครับ นี่มันหลอกกันชัด ๆ รู้ไหมผมรีบขับไปสนามบินรถแทบคว่ำ" ขุนเขาโวยเสียงเย็น เขาไม่ได้ประชดประชันหรือพูดเกินจริง รถเขาแทบจะลงคูเมืองเพราะรีบร้อนกลัวจะขึ้นเครื่องเที่ยวบินเร็วสุดที่เพิ่งจองตั๋วไม่ทัน

 

            แล้วหวยก็ออกมาว่า เขาโดนหลอก

 

            "ทำไมพี่ขุนพูดเหมือนอยากจะแช่งให้ย่าเป็นอะไรไป แทนข่าวดีแบบนี้" คุณย่าสมสมัยทำเสียงตัดพ้อน้ำตาคลอได้ภายในหนึ่งวินาที ไม่เสียทีเป็นนางเอกเก่าตั้งแต่ยุคโทรทัศน์จอขาวดำ ความสวยไม่สร่างแม้อายุจะมากมายสิ่งที่ไม่โรยราด้วยก็คือฝีมือการแสดง

 

            ใช่ครับใช่ ไอ้ขุนมันโง่ รู้อยู่เต็มอกว่าย่าไม่ได้เศร้าจริง แต่ก็ทำเอาใจอ่อนยวบ

 

            "ย่านั่นแหละครับอย่าพูดแบบนั้นสิ ย่าก็รู้ว่าผมรักย่า" เสียงทุ้มนุ่มลงทันควัน หลังแข็ง ๆ ตาดุ ๆ ก็อ่อนลงแทบทันที

 

            "ย่ารู้ว่าพี่ขุนรักย่า รักแม่" แล้วก็เข้าทางคุณสมสมัยเขาล่ะ ปลายนิ้วเหี่ยวย่นเช็ดน้ำตาอย่างมีจริตความสวย ยิ้มหวานมาให้หลานชายคนโต

 

            "เนี่ยเจ้าเขตก็แต่งงานจนหนูเพลงคลอดเจ้าแฝดแล้ว ย่าไม่ห่วงเรื่องหลาน มีก็แต่อยากไปงานแต่งพี่ขุน" ย่าพูดไปถึงหลานชายคนเล็กอย่างเขตแดน

 

            พอได้ฟังชื่อน้องชายแล้วขุนเขาก็ถอนหายใจ เคยคิดว่าเขตแดนมันแต่งงานมีเมียมีทายาทสืบสกุลแล้วตัวเองก็จะพ้นเรื่องนี้ กลายเป็นว่าการที่น้องชายมีครอบครัวก่อนดันทำให้ญาติมิตรร้อนใจกลัวเขาเหงาตายขึ้นมาอีก

 

            "งั้นพี่ขุนคิดว่ายังไง แม่กับป้าขิมคุยกันอยู่ว่าจะหมั้นเช้าแต่งเย็นเลยดี หรือว่าจะหมั้นอาทิตย์หน้า อีกสองเดือนค่อยแต่ง แต่เอแบบนั้นมหาลัยหนูหอมจะเปิดหรือยังนะ ขิม" คุณนายน้ำทิพย์คว้าแขนลูกชายหมับแล้วก็พูดต่อทันที

 

            “อีกสามเดือนมหาลัยหนูหอมถึงจะเปิดจ้ะทิพย์”

 

            “งั้นก็เดือนหน้าเลยดีกว่าย่าว่า หรือช้าไปไหม”



ขนาดโดนฤทธิ์น้ำตาคุณย่าไปแล้วหนึ่งที ขุนเขายังลอบถอนหายใจ

 

            ช้าบ้าบออะไรกัน เดือนเดียวนี่จัดงานแต่งหรือเพาะปลากัด

 

            "มันเร็วไปครับ แม่ ย่า ป้าขิม"

 

            "หนูว่าไม่เร็วไปหรอกนะครับ" เสียงนุ่มหวานปนห้าวนิด ๆ ตามประสาเด็กผู้ชายดังแทรกเข้ามาทันควัน ขุนเขาปลายตาที่ปรับให้ดุเต็มขั้นจ้องตัวปัญหาอันดับหนึ่งที่นั่งตัวผอมแต่แก้มออกกอดแขนป้าขิม แม่ของเจ้าตัวไว้จนแน่น

 

            พอเห็นเขาทำตาดุใส่ก็ไม่มีสะทกสะท้านยังยิ้มหวานล่อหน้าล่อตา รู้ล่ะสิว่าตอนนี้กำลังแต้มต่อเหนือเขาเป็นไหน ๆ

 

---  ว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่

 

            ไอ้ประเภทแม่ผัวลูกสะใภ้ไม่ถูกกันนี่ไม่มีหรอกครับบ้านนี้ ตั้งแต่รุ่นย่ามาหาแม่ จนแม้แต่ลูกสะใภ้ของแม่ก็ดูจะราบรื่นไปเสียหมด มันก็ควรจะดี

 

            ถ้าไม่ใช่ว่า ลูกสะใภ้ที่ถูกใจทั้งแม่ย่าแม่ยายนั้น เขาที่ต้องแต่งด้วยไม่ได้ร่วมเลือก !

 

            "พี่ว่าพี่ไม่ได้ถามหอมนะ"

 

            "ก็งานแต่งหนูเหมือนกัน หนูออกความคิดเห็นไม่ได้เหรอพี่ขุน" ข้าวหอมรีบเถียงกลับมาทันควันจนน่าดึงปาก และขุนเขารู้สึกว่าตนดวงตาเห็นธรรมอยู่คนเดียว ที่มองเห็นความดื้อความแสบของเด็กนี่ ไม่เหมือนแม่เหมือนย่าและญาติมิตรของสองตระกูลเราหรอกที่มองว่าข้าวหอมทำอะไรก็น่ารัก

 

            ตระกูลอินท์วันธรของเขากับตระกูลเทพภวันภรณ์ของอีกฝ่าย สนิทกันมานานและยิ่งแม่ของเขากับป้าขิมเป็นเพื่อนรักกันก็คงอยากจะให้แน่นแฟ้นจนรวมเป็นทองเป็นแผ่นเดียวกันจริง ๆ

 

            ทั้งแม่เขาทั้งป้าขิมไม่มีลูกสาว ส่วนเขา เขตแดนผู้เป็นน้องชายและข้าวกล้องพี่ชายของข้าวหอมก็ไม่ได้มีความน่ารักน่าเอ็นดูเข้าตาอะไรแบบนั้นสักกะนิด

 

            ในขณะที่ข้าวหอมเกิดมาน่ารัก ผิวขาวจั๋วจับนิดก็ขึ้นรอยแดง ตัวก็หน่อยนึง ไหล่แคบ เอวคอดหน้าตาจิ้มลิ้มถูกใจทั้งแม่ ทั้งย่าเขา ยิ่งพอรู้ความก็ช่างอ้อน ย่าจ๊ะ ป้าจ๋า หนูหอมอย่างนั้นหนูหอมอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแต่เล็ก แม่เขานี่แทบจะขโมยลูกชายคนเล็กป้าขิมมาเป็นลูกตัวเองอยู่หลายที ถ้าพ่อไม่ห้ามเอาไว้ก่อนน่ะนะ

 

            หนูหอมของย่าทำอะไรก็ไม่ผิด หนูหอมของป้าทิพย์ทำอะไรก็สดใสถูกใจ

 

            ถึงได้ดื้อเอา ๆ อยู่นี่ไง

 

            "งื่ออ พี่ขุนจะตีหนู" นั่นไง ยังไม่ทันไรก็ทำเสียงอ่อย โยนโทษมาให้แล้ว ทั้งที่เขาแค่ชี้หน้าว่าอย่าดื้อนักถึงจะเกิดมาสูงเกินร้อยแปดสิบแขนยาวขายาว แต่ขุนเขาเชื่อว่าตัวเองแขนไม่ยาวพอข้ามฟากโต๊ะไปตีอีกคนได้แน่ ๆ

 

            "พี่ขุนอย่าแกล้งน้องสิ อย่างนี้ป้าขิมไม่ไว้ใจให้หนูหอมมาเป็นสะใภ้บ้านเราพอดี"

 

            "แบบนั้นก็ดีสิครับแม่"

 

            "ไม่ดี ไม่ดีครับ" ข้าวหอมรีบแก้ทันที

 

            "ป้าทิพย์จ๋า พี่ขุนตีหนูหอมก็ได้ หนูหอมไม่เป็นไร" พูดเสียงอ่อนเสียงหวานแล้วก็ไหลจากเก้าอี้ไปนั่งกอดขา เกยแก้มไว้บนเข่าคุณย่าสมสมัยที่ยิ้มอย่างถูกอกถูกใจทันที

 

            อะ ใครหมา กูไง

ขุนเขาไงจะใครอีกกกก

 

            "ครับ ตามใจทุกคนเลยครับ" ขุนเขาจนใจ ทิ้งตัวกับเก้าอี้โอ่อ่าสมราคาของบ้านคุณย่าที่สะสมไว้ตั้งแต่ยังเป็นสาว ตามประสาคนชอบอะไรสวย ๆ งาม ๆ ขัดกับเสื้อเชิ้ตเก่าใช้ทำงานในไร่มะเขือเทศธุรกิจใหญ่ของครอบครัวอินท์วันธรได้อย่างไม่กลัวเปื้อนกลัวเลอะที่หลานชายคนโตใส่อยู่

 

            ขุนเขาใช้ดวงตารีเล็กตามสายเลือดจากจีนแผ่นดินใหญ่ในกายจ้องเขม็งมองว่าที่เจ้าสาวที่ยังพูดจ๊ะจ๋าเรื่องงานแต่งที่เจ้าบ่าวอย่างเขาไม่ได้ขอไม่หยุดปาก ก่อนจะกลอกตาเสไปมองเพดาน เสาบ้านแก้เบื่อแทน

 

              สองแขนแข็งแรงจากการชอบออกกำลังกายและทำงานสมบุกสมบันมาตลอดจนผิวขาวเหลืองตามธรรมชาติบริเวณส่วนนอกร่มผ้าย้อมเป็นสีแทนเพราะทำงานกลางแดดเป็นหลัก

 

            คุณย่าสมสมัยเป็นคนสวยเครื่องหน้าคมชัดแบบไทย ได้ตบแต่งกับพ่อค้าคนขยันที่หน้าตาหล่อเหลาตามแบบสายเลือดจีน ออกมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวตกทอดมาถึงขุนเขาที่จัดได้ว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีแบบที่ทำให้คนเหลียวหลังกลับมามองได้ไม่ยาก

 

            หากไม่ติดว่าชอบลืมดูแลตัวเอง  อย่างผมเฝ้าสีดำขลับเงาสลวยก็ไม่ได้ไปตัดมานานเสียจนต้องมัดรวบเป็นจุกสั้น ๆ ไว้ด้านหลัง ดีที่ยังเป็นคนรักสะอาดอาบน้ำสระผมทุกวันส่วนหนวดก็โกนบ้างถ้าไม่ขี้เกียจ

 

            อย่างวันนี้ก็รีบออกจากไร่บินจากเชียงใหม่ต่อรถมาที่บ้านย่าแท้ ๆ กลางสวนสวย ชานเมืองกาญจนบุรี หนวดเคราไม่ได้โกนมาหลายวัน จนล้อมกรอบเขียวรอบหน้าให้ว่าที่ลูกสะใภ้แม่อย่างข้าวหอมได้ยิ้มเขินเวลาแอบมอง

 

            แต่ข้าวหอมชอบพี่ขุนตอนหน้าเกลี้ยง ๆ มากกว่านะ แบบนี้ดูดิบไป ไม่เอาเดี๋ยวสาวหลง หนูหอมหวง คนเด็กกว่าคิดในใจและคงจะจ้องอย่างไม่ลดละเกินไป ถึงโดนตาเรียวตวัดกลับมาจ้องดุกันอีกรอบ

 

            แต่ถ้าตาดุ ๆ คู่นั้นเป็นพี่ขุน ข้าวหอมก็มีแต่ยิ้มรับจนเห็นฟันขาว

 

            "เหอะ" ขุนเขาร้องเหอะในลำคอกับตัวเอง ที่เด็กตรงหน้ายิ้มใส่จนตาหยีแบบนั้น

 

            เขาไม่เถียงหรอกนะว่าข้าวหอมน่ะน่ารัก น่ารักมากเลยล่ะ รูปร่างหน้าตาน่ะนะ และไม่ได้นึกรังเกียจด้วยที่อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ชาย

 

            แต่เด็กก็คือเด็กไหม ส่วนเขาก็ไม่ใช่พวกมีความอดทนอะไรนักกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กช่างเถียงพูดอะไรไม่ฟัง รั้นก็ที่หนึ่ง

 

            "สรุปแล้วหมั้นเช้าแต่งเย็นเนอะ ขิมว่าไหม"

 

            "อืม เราเห็นด้วยนะทิพย์"

 

            "ก่อนเราจะไปกันไกลกว่านี้ ผมขอคุยกับข้าวหอมเป็นการส่วนตัวก่อนได้ไหมครับ" ขุนเขาเอ่ยขัดขึ้นมา ยังไงทั้งย่า ทั้งแม่ ทั้งป้าก็เกินกำลังอยู่แล้ว

 

            แต่จัดการเด็กดื้อน่าจะง่ายกว่า

 

            "แค่พาไปคุยยังยาก จะให้แต่งงานมาอยู่กินกับผมนี่จะไหวเหรอครับ"

 

            "งั้นก็ออกไปคุยด้วยกันที่ชิงช้าในสวนก็ได้พี่ขุน เดี๋ยวหนูหอมพาไป" เจ้าตัวเล็กรีบขันอาสาแล้วก็เดินนำหลานแท้ ๆ ของเจ้าของบ้านไปทันที

 



ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 



             "อยากได้อะไรวะ หอม"

 

            "อะไรของพี่ขุนเนี่ย"

 

            "ก็พี่ถามว่าอยากได้อะไร ถ้าไม่แพงเกินเดี๋ยวซื้อให้" ขุนเขาเริ่มต่อรองทันทีที่เข้ามาในสวนซึ่งไม่มีใครนอกจากเราสองคน ตาคมมองลูกชายคนเล็กของป้าขิม ที่ตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยงจนตอนนี้ตัวเท่าคางแล้วก็ยังทำหน้าดื้อเก่งไม่เปลี่ยน

 

            "พี่ขุนจะติดสินบนหนูเหรอ"

 

            "เออ หอม อยากได้ไรล่ะ คอมใหม่เหรอ หรือกระเป๋าแบรนด์เนม มือถือไหม หรืออยากได้รถยนต์ก็ได้นะ มาเดี๋ยวพาไปซื้อ"

 

            "ไม่เอาอะ หนูไม่อยากได้ คอมพี่กล้องเพิ่งซื้อให้ใหม่ มือถือเพิ่งใช้ได้สองปีเองจะซื้อใหม่ทำไมอะ" ข้าวหอมยืนกอดอก ตาโตวาววับช้อนมองหน้าพี่ชายที่ตัวเองแอบชอบ

 

            พอมายืนข้างกันแบบนี้แล้ว ดูเหมือนว่าหลายปีที่ผ่านมาพี่ขุนเขาจะยิ่งสูงขึ้นกว่าเดิมอีกนะ ขนาดข้าวหอมสูงมาตั้งหลายเซ็น เอาเข้าจริงก็ต้องเงยหน้าคุยด้วยอยู่ดี

 

            "งั้นจะเอาอะไร บอกมาจะหามาให้ทุกอย่างเลยมา"

 

            "หนูจะเอาพี่ขุน"

 

            "พูดจาน่าเกลียดว่ะ หอม เป็นเด็กเป็นเล็กนะมึงอะ" ไม่พูดเปล่ามือใหญ่ ๆ ยังใช้นิ้วชี้เคาะกะโหลกคนเด็กกว่าไปที

 

            "หื้อ พี่ขุนพูดไม่เพราะกับน้องอะ แกล้งหนูด้วยเดี๋ยวฟ้องป้าทิพย์เลย" ข้าวหอมโวยวาย ก่อนจะนิ่งคิดตามคำพูดของคนพี่ แล้วก็ยิ้มหวานตาเป็นประกายเมื่อคิดออก

 

            "แหน่ะ พี่ขุนอะคิดไม่ดีอยู่ล่ะสิ  ถึงมาว่าหนูพูดน่าเกลียด"

 

            "พอเลย พอ" ขุนเขากอดอกใช้หน้าดุ ๆ ปรามเด็กตรงหน้า แต่ข้าวหอมก็คือข้าวหอมยังทำตาใสใส่กลับไม่มีสะท้าน

 

            "ตกลงอยากได้อะไร ถึงจะยกเลิกงานแต่งงานนี่ซะ บอกพี่มาหอม"

 

            "ก็หนูอยากแต่งงานกับพี่ขุนทำไมหนูต้องยกเลิกอะ"

 

            "ก็พี่ไม่อยากแต่งกับมึงไง หอม"

 

            "ทำไมอะ ทำไมพี่ไม่อยากแต่งกับหนูอะ"

           

            "ใครจะอยากได้เด็กผู้ชายเป็นเมียวะ หอม ยิ่งเด็กดื้อแบบนี้ด้วยเนี่ย"

 

            "พี่ไม่ชอบเพราะหนูเป็นผู้ชายอ่อ ไม่จริงอะจะผู้หญิงน่ารักหรือผู้ชายน่ารัก  พี่ขุนก็ชอบหมดแหละ ไม่ใช่เหรอไง"

 

            "เออ ที่ไม่อยากแต่ง ไม่ใช่พี่ชอบผู้ชายไม่ได้ แต่พี่ไม่ชอบมึงไงหอม"

 

            "...." หน้าตาน่ารักของข้าวหอมงอแทบทันที ตาวาวใสเริ่มขุ่น ปากกลม ๆ ยิ่งกลมกว่าเดิมเพราะมุ่ยขึ้นอย่างชัดเจน

 

            "คิดว่ามาทำตัวใจร้ายใส่แล้วหนูจะยอมแพ้เหรอ ไม่มีทางหรอกเพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่! "

 

            "ดื้อว่ะ"

 

            "พี่ขุนก็ดื้อกับหนู"  ข้าวหอมก้าวเข้ามาประชิด เชิดหน้าใส่จนปลายจมูกแทบจะจิ้มหนวดตรงคางขุนเขา สองไหล่แคบก็แอ่นอกเข้าแทบจะชนอกเหมือนหาเรื่องเต็มที่ แม้ทำแล้วจะยิ่งจมเข้าไปในอ้อมอกของขุนเขาก็เถอะ

 

            "ตัวเท่าลูกหมา คิดว่าพี่จะกลัวเหรอวะ หอม" นี่ถ้าเขาเบียดกลับไปหน่อย คงได้ล้มกองกับพื้น ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่

 

            "ใครอยากให้พี่ขุนกลัวหนูล่ะ คนที่พี่ต้องกลัวคือแม่พี่กับย่าพี่ต่างหาก" ข้าวหอมยิ้มทันที เออ แบ็กมันดีเรื่องนี้ขุนเขาต้องยอมจริง ๆ คิดแล้วก็ได้แต่จิ๊ปากอยู่คนเดียว

 

            "เตรียมตัวมางานแต่งของเราด้วยนะพี่ขุน" พูดจบ ไอ้ลูกหมาก็ยิ้มแฉ่งใส่ก่อนจะเดินตรงกลับไปที่บ้านทันที

 

            ขุนเขาท้าวเอว กลอกตาขึ้นฟ้าอย่างจนใจกับเด็กดื้อ

 

“เออ อยากแต่งก็แต่ง แต่งได้ก็เลิกได้วะ”

 

ตาคมกริบจะตวัดมองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ ของว่าที่เจ้าสาวที่เดินห่างออกไป

 

            เป็นลูกเป็นหลานนะ จะเลาะก้านมะยมมาฟาดให้ขาลาย

           

             

 

            ขุนเขาฟึดฟัดหัวเสีย โดยไม่รู้เลยว่าเด็กดื้อที่ตัวเองกำลังเดินหาต้นมะยมจะเอากิ่งก้านมาตีน่องขาว ๆ นั้น เดินไปก็ตาแดงไปอยู่คนเดียว

 

            “หนูทนแอบรักพี่มาตั้งหลายปี ฮึก คิดว่าแค่นี้หนูจะทนไม่ไหวเหรอ” ปากอิ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาลวก ๆ กอดอกสูดลมหายใจลงปอดเข้าลึกก่อนจะเดินเข้าบ้านแบบสดใสไร้น้ำตาไม่ให้ญาติผู้ใหญ่ต้องเป็นกังวล

 

             “ตอนนี้ยังไม่ชอบหนูเหรอ ก็เรื่องของพี่สิ ก็หนูชอบพี่ขุนอะ” 

 

            ยังไงคนที่ได้แต่งงานกับพี่ขุนก็คือหนู หนูหอมคนเดียว

 

ทำให้แต่งด้วยได้ก็ต้องทำให้รักกลับมาได้เหมือนกันแหละ

 

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

           



ฝากพี่ขุนและหนูหอมไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยค่ะ  :mew2:







 







ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่าสนใจจจ น้องงงง

อ้อ อย่าลืมแปะกฎเล้านะคะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
สู้สู้จ้าหนูหอม
 :katai2-1:
 :3123:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
น้อนนหอม สู้ๆนะหนู

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สมัครเข้าร่วมทีมคุณย่าและคุณแม่
น้องข้าวหอมสู้ๆนะลูก
  :pig4:

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ  มือใหม่มาก ๆ เดี๋ยวจะไปหามาแปะนะคะ
ลงกฎเล้าก่อนเริ่มนิยายด้วยค่ะ
ลองดูตัวอย่างจากนิยายเรื่องอื่นๆนะคะ^^

โมฯเล้า

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
น่าสนใจจจ น้องงงง

อ้อ อย่าลืมแปะกฎเล้านะคะ

ขอบคุณค่ะ จะรีบแก้ไขนะคะ

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1


#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่



สอง , ๒





            เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนที่เขาเคยบอกกันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ



            ขุนเขาเชื่ออย่างสนิทใจ



เมื่อเผลอแปปเดียวเท่านั้น ยังไม่ทันจะได้เตรียมตัวรับมือกับความวุ่นวาย ตัวปัญหาก็มายืนยิ้มแฉ่งอยู่ที่หน้าบ้านของเขากลางไร่มะเขือเทศในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว



            "ย่าว่าจัดมุมสวย ๆ หลายที่ดีไหม เวลาเพื่อนหนูหอมมาจะได้มีจุดถ่ายรูปเยอะ ๆ "



            "หนูหอมว่าดีจ้ะ ย่าจ๋า หนูหอมเห็นด้วย"



            นั่นไงมายืนจ๊ะจ๋ากับย่าเขา เดินชี้ตรงนั้น ชี้ตรงนี้ประหนึ่งว่าเป็นเจ้าของบ้านไปแล้ว ส่วนเจ้าของบ้านตัวจริงอย่างขุนเขาน่ะเหรอ



            ก็หมาไงครับ หมาหัวเน่าตามระเบียบ



            แต่มันน่าเบื่อกว่านั้นคือ ไม่สนใจจะฟังหรอกว่าเขาไม่อยากแต่งด้วยมากแค่ไหน แต่ไอ้ขุนคนนี้ก็หนีไปตรงอื่นไม่ได้ ห้ามไป ต้องเดินต้อย ๆ ตามคุณย่าที่รักกับตัวปัญหาไปเรื่อย ๆ ส่วนพ่อเขากับลุงขจรพ่อของเด็กดื้อไหวตัวทัน แยกไปเตรียมที่สำหรับจอดรถของแขกที่จะมาร่วมงานแต่งอยู่แถวหน้าไร่



            ความจริงมันควรจะต้องแต่งกันที่กาญจนบุรี ที่บ้านของป้าขิมให้ทางฝั่งนี้ยกขันหมากไปขอ



            แต่ก็มีตัวปัญหาช่างฉอเลาะแถวนี้แหละ บอกว่ากลัวพี่ขุนหนีไม่ยอมมางานแต่ง ก็เลยขนมาจัดที่เชียงใหม่ที่บ้านของเขาเลย รู้ว่าเขาห่วงไร่จะทิ้งไปไหนนาน ๆ ไม่ได้ มาที่นี่ยังไงก็ได้เจอกัน



            นี่ขนาดขอว่าให้มาแค่ห้าวันก่อนจัดงานพอไม่งั้นวุ่นวายนานเกินไป กลัวจะเสียสมาธิกันหมดเก็บมะเขือเทศส่งศูนย์กระจายสินค้าไม่ทัน แล้วก็ผิดจากที่คิดตรงไหน มาถึงวันแรกก็เหมือนไร่อินท์วันธรอันแสนสงบสุขแทบจะแตก



            ดีที่มีลานกว้าง ๆ เป็นลานกิจกรรมให้ใช้ตามใจชอบอยู่เกือบสองไร่ไม่งั้นตัวปัญหาคงพาเดินเข้าไปยุ่งย่ามกับต้นไม้เขาเละหมด



            “ย่าจ๋าหนูว่าถ้าเราจัดแบบมีดอกไม้เยอะ ๆ น่าจะเข้ากับที่นี่นะครับ”



            "ย่าก็เห็นด้วย ตรงนั้น ๆ จัดเหมือนสวนสรรค์เลยเนอะพี่ขุน ย่าว่าทำน้ำตกเอยอะไรเอย เลยก็ดี" คุณย่าสมสมัยมีหัวด้านความงามเป็นเลิศ  และมีเงินมากพอจะเนรมิตทุกอย่างที่คิดออกมาให้เป็นจริง



            "เหมือนป่าหิมพานต์เลยไหมครับ หูวว ย่าจ๋าแค่คิดหนูหอมก็ว่าต้องสวยแน่ ๆ เลย" ตัวปัญหาร้องบอกเสียงตื่นเต้นแบบนั้นปุ๊บ ย่าก็พยักหน้าปั๊บว่าเอา เพราะว่าที่หลานสะใภ้ชอบ



            ป้าขิม แม่เขา เออออพยักหน้าเห็นด้วยไม่มีใครขัด จนออแกไนซ์เซอร์ร่างอวบจดมือเป็นระวิงว่าต้องสรรค์หามาให้ได้



            "ผมว่างานแค่วันเดียวเราไม่จำเป็นจะต้องทุ่มเงินไปมากมายขนาดนั้นหรอกนะครับ" ขุนเขาทนไม่ไหวจนต้องเสนอความคิดเห็นออกมา เมื่อใช้ตัวสูง ๆ มองวิวได้กว้างกว่าเหลือบไปเห็นคนของร้านที่จ้างมาจัดง่ายประเมินเลขคร่าว ๆ ของการจัดงานครั้งนี้ลงกระดาษ



            แปดหลักเลยนะ จะบ้าตาย เขาปลูกมะเขือเทศเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะได้ มาละลายในงานบ้าบออะไรวันเดียวหมด กลุ้มครับกลุ้ม



            "จะงกอะไรพี่ขุน เดี๋ยวย่าช่วยออกเงินจัดให้ ย่ารวย ย่ามีเงิน" คุณย่าสมสมัยยิ้มพราย สะบัดพัดในมือเล็กน้อยอวดแหวนวงที่เพชรเม็ดเล็กที่สุดที่มีทว่าก็หลายกระรัตเพราะเป็นแหวนแต่งงานตั้งแต่สมัยคุณปู่ยังไม่ล่ำซำแต่ก็กัดฟันทำงานหาแหวนน้ำงามมาขอแต่งคุณนางเอกจอเงิน



            "ผมรู้ครับว่าบ้านเรารวย บ้านป้าขิมก็รวย แต่เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ใจไม่ใช่เหรอครับ เดี๋ยวคนก็จับได้หมดนะครับ ว่าความจริงไม่อยากแต่งกันแล้วต้องทำงานใหญ่กลบเกลื่อน"



            "หนูอยากแต่ง ไม่ใช่งานที่จัดเพราะไม่มีใครอยากแต่งสักหน่อย" ตัวปัญหาพูดขึ้นมาเสียงดังทำปากยื่น ขุนเขามองเด็กตัวขาวที่ตอนนี้หน้าเริ่มแดงเพราะอยู่กลางแดดต่อให้จะมีร่มที่เขาถืออยู่ให้ย่าบังเงาให้บางส่วนก็ตาม



            "ก็อยากแต่งอยู่คนเดียว งั้นเดี๋ยวพี่ทำแสตนดี้รูปพี่ให้ไหม นั่งรดน้ำสังค์กับมันก็ได้ เหมือนกันแหละ" ขุนเขาเปรยเสียงนิ่ง ไม่ได้ดุ แต่อีกฝ่ายหน้างอไปอีกแล้ว



            อะไรวะ ก็พูดความจริงไหม



            "พี่ขุนทำไมพูดจาใจร้ายกับน้องแบบนี้ โอ๋หนูหอมลูก ไม่ต้องไปฟังพี่ขุนหรอก พี่เขาเหนื่อยงาน" ย่าผู้เป็นที่รักดุหลานในไส้พร้อมดึงอีกคนไปกอดไปโอ๋ทันที แถมขุนเขายังโดนตำหนิทางสายตาจากทั้งย่าและแม่อีก



            ตัวปัญหาก็คือตัวปัญหาจริง ๆ จนกว่าจะหายหงุดหงิดก็จะไม่เรียกชื่อหรอก จะเรียกตัวปัญหานี่แหละ



            "ผมอยากแต่งไหม เด็กของย่าก็ไม่สนใจ แล้วอยากให้ในงานแต่งเป็นแบบไหนก็ไม่ฟังกันอีก ก็เหมือนแต่งคนเดียวไม่ใช่เหรอครับ"



            "งั้นหนูฟัง พี่ขุนอยากได้อะไรบอกมาเลย เปลี่ยนได้ทุกอย่างเลย ยกเว้นเปลี่ยนหนู" ข้าวหอมรีบบอกจ้องมาตาใส สิ่งที่ขุนเขาอยากเปลี่ยนที่สุดรีบดักคอกันทันทีว่าห้ามเปลี่ยน



            เออแต่อย่างน้อยก็ฟังกันล่ะวะ



            "อย่างแรก ป่าหิมพานต์ราคาเป็นล้านน่ะเอาออก อยากได้ต้นไม้ ดอกไม้เยอะ ๆ เดี๋ยวพาไปดูพืชสวนโลกเอาก็พอ  โอเคไหม" ขุนเขาจ้องมองแต่ตัวปัญหาที่ทำหน้าดื้อคิดอยู่แปปนึง



            ทำหน้าแบบนี้มา คำตอบดูท่าจะขัดใจเขา



            "โอเค หนูหอมโอเค"  แต่พอคนเด็กกว่าตอบตกลงเสียงใส ขุนเขาก็เผลอยิ้มมุมปากออกมาหน่อย



            "แล้วชุดหมั้นเช้าแต่งเย็น งานสาย งานกลางคืนหกเจ็ดชุดน่ะพัก เอาสองชุดก็พอ โอเคไหม"  ขุนเขาว่าเรื่องนี้ก็ไม่ไหว ชุดผู้ชายมันก็มีไม่กี่แบบเอง หรือต่อให้จะเป็นผู้หญิงก็เถอะ งานแต่งวันเดียวจะเปลี่ยนอะไรเยอะแยะ



            "โอเค แต่พี่ขุนต้องให้หนูเลือกนะว่าจะเอาชุดไหนไว้"



            "อืม โอเคเหมือนกัน" คำตอบถูกใจข้าวหอมก็ยิ้มแฉ่งเหมือนเดิม



            "แล้วพี่ขุนอยากแต่งงานกับหนูหรือยัง"



            "ก็ยังไม่อยากแต่งอยู่ดี" แต่พอได้ฟังเสียงทุ้มบอก ข้าวหอมหน้ามุ่ยลงทันที



            "แต่ก็ไม่ทำแสตนดี้แล้ว เดี๋ยวนั่งมือเปียกอยู่ข้าง ๆ ให้ โอเคไหมล่ะ"



            "โอเค แค่นี้หนูหอมก็โอเคแล้ว" เด็กตัวสูงเท่าคางเขย่งตัวขึ้นลงทำมือเป็นเครื่องหมายโอเค หน้าแป้นแล้นทันที



            "ย่าจ๋า แม่จ๋า ป้าจ๋า เราเข้าไปคุยในร่มกันดีกว่าจ้ะ พี่ขุนถือร่มนานเมื่อยแล้ว" ว่าแล้วก็เดินไปกอดแขนย่าสมสมัย อ้อนซ้ายอ้อนขวาจนพาขบวนเดินกลับบ้านได้



            เออ ว่าง่าย ๆ แบบนี้หน่อยค่อยคุยกันรู้เรื่อง



ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ



            นั่นไง ตัวปัญหาก็คือตัวปัญหา ชมนิดชมหน่อยก็เหมือนกูแค่เมาแดดแล้วเลอะเลือน



            "นี่มันอะไรวะ หอม" ขุนเขาถอนหายใจ ตาเรียวคมดุดันชัดเจน ตอนกวาดตามองของมากมายตรงหน้า แล้วก็มาหยุดที่ไอ้ตัวดีที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้



            "ก็ของของหนูไง พี่ขุน"



            "แล้วขนมาทำไมเยอะแยะ อยู่อีกห้าหกวันก็กลับบ้านแล้ว" ขุนเขาท้าวมือทั้งสองข้างกับเอว กวาดตาประเมินดูนี่เหมือนจะย้ายมาอยู่เป็นปี ของอะไรไม่รู้เยอะแยะหกเจ็ดลัง



            "ใครแต่งงานเสร็จละกลับบ้านอะพี่ขุน แต่งงานแล้วหนูก็ต้องอยู่กับสามีสิพี่" ฟังแล้วขุนเขาก็ถอนหายใจใส่ข้าวหอมดัง ๆ เพราะตอนนี้มีในห้องนั่งเล่นกันแค่สองคน ส่วนญาติ ๆ คนอื่นก็ยังคงสนใจเกี่ยวกับรายละเอียดงานแต่งอยู่ด้านนอก



            ความจริงคือย่าเห็นว่าหนูหอมสุดที่รักของย่าหน้าแดงตัวแดงเพราะตากแดดนานเกินไปก็เลยให้เข้ามาเปิดแอร์เย็น ๆ พักในบ้าน แต่กลัวว่าจะเหงาก็เลยใช้ให้เขามาอยู่เป็นเพื่อน



            แล้วก็เจอกองของที่คนงานเพิ่งขนมาวางให้เยอะแยะเต็มห้อง



            "แล้วหนูก็ไม่ไปอยู่หอด้วย หนูจะขับรถจากบ้านพี่ขุนไปเรียน ขนมาให้หมดก็ถูกแล้วนี่"



            "หมายความว่ายังไง"



            "ก็หมายความว่าหนูจะเรียนที่เชียงใหม่ บ้านพี่ขุนก็อยู่เชียงใหม่ หนูจะอยู่กับพี่ขุนตั้งแต่วันนี้ แล้วก็อยู่ไปเรื่อย ๆ เลยไงพี่ขุน" พูดจบยังมีการยิ้มหน้าซื่อตาใส



            ขุนเขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพราะเริ่มรู้สึกร้อนกรุ่น ๆ ตั้งแต่อกลามไปถึงหัว



            "ไหนเคยบอกพี่อยากเรียนมอในกรุงเทพฯ ไม่ก็ไปเรียนที่อังกฤษ แล้วจู่ ๆ มึงก็ทิ้งหมดมาเรียนที่เชียงใหม่นี่เหรอหอม"



            "ก็ที่อื่นไม่มีพี่ขุน แต่ที่นี่มีพี่ขุน" ข้าวหอมตอบหน้าซื่อ ย่นคิ้วใส่มาอีกว่าไม่เห็นเข้าใจที่พี่อีกคนมาโวยวายใส่



            "ว่าแต่ พี่ขุนจำได้ด้วยเหรอว่าหนูเคยบอกอะไร หูวว ตั้งแต่เมื่อตอนนู้นเลยนะ" พอคิดถึงตรงนี้ข้าวหอมก็ยิ้มแฉ่งตาหยี



            "พี่ไม่ได้อยากจะจำเว้ย หอม แต่ไม่ลืมสักอย่างหรอกเรื่องวันนั้น จำได้ด้วยว่ามึงดื้อแค่ไหน "



            "ก็หนูขอโทษไปแล้วไง แถมวันนั้นหนูนี่เสียหาย  พี่ขุนก็ดุหนูไม่เลิกเลย แก่แล้วเหรอคิดถึงแต่เรื่องอดีต" ดูมันขอโทษยังไง เหมือนให้เขารู้สึกว่าโดนด่าวะ



            "แล้วพี่ขุนก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะ มหา’ลัยเขาก็ออกจะดีมีมาตรฐาน แถมเพื่อนหนูก็ติดที่เดียวกับหนู หนูไม่เหงาหรอก "



            "ใครห่วงมึง หอม พี่ไม่อยากต้องเจอหน้ามึงทุกวันต่างหาก"



            "พี่ขุนอะ!" โวยใส่เสียงดัง จนขุนเขาต้องจ้องดุชี้หน้าว่าอย่าตะโกนใส่แบบนี้ แต่ว่าที่เจ้าสาวตัวดีไม่มีสลดทั้งยังลุกเดินมาเขย่งเท้ายื่นหน้าใส่ใกล้ ๆ



            "ทำเป็นเย็นชาไปเหอะ ไงพี่ก็ต้องเจอหนูทุกวันอยู่ดี" พูดจบแล้วก็ย่นจมูกใส่ ฮัมเพลงลัลล้าเดินออกไปจนขุนเขาได้แต่ถอนหายใจ



            นี่ถ้าถอนหายใจหนึ่งครั้งอายุสั้นหนึ่งปี หมดวันนี้ขุนเขาคิดว่าตัวเองก็คงตายเลยพอดี



 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 



            "มาเว้ย ๆ เจ้าของงานคืนสละโสดของเรามาแล้วโว้ยยยย"



            "มานั่งนี่เลยมึงไอ้ขุน" เพื่อนสนิทสมัยเรียนที่แห่แหนรวมตัวกันในวาระงานแต่งเพื่อน ที่ถึงจะไม่ใช่คนสุดท้ายในกลุ่ม แต่ก็ว่าก็ท้ายมากแล้ว



            เพื่อนมีเกือบสิบคน เหลือโสดอยู่ก็แค่สามสี่คน



            ส่วนเรื่องเพศคู่แต่งงานของเพื่อนไม่ใช่สาระที่พวกเขาจะใส่ใจ เพื่อนไงก็คือเพื่อน



            "แหม่ ๆ ว่าที่น้องเขยกูไม่คิดจะโกนหนวด ตัดผมหน่อยเหรอวะ" ข้าวกล้องร้องทักคนคุ้นหน้าที่กำลังจะแต่งงานกับน้องชายตัวเอง เจ้าของงานเลี้ยงสละโสดที่พวกเขาปิดโซนในคลับชื่อดังของเมืองหนึ่งโซนเพื่อฉลองกัน



            งานเลี้ยงสละโสดที่เร็วกว่าวันแต่งสองวัน เพราะคุณย่าของขุนเขาเห็นด้วยกับข้าวหอมว่าเดี๋ยวเจ้าบ่าวเมาหนักแล้วตื่นไปไม่ทันงานเช้า



            ข้าวกล้องนี่หัวเราะจนปวดฟัน ปกติข้าวหอมน้องชายเขาไม่ใช่เด็กรอบคอบหรือฉลาดทันโลกอะไรนักหรอก แต่กับงานแต่งครั้งนี้เหมือนว่าขุดความระแวดระวังจากทุกเซลล์สมองของทั้งชีวิตมาใช้เเพราะกลัวงานล่ม



            "น้องพี่นี่แม่งยังไงวะพี่กล้อง อยากเอาไม้เรียวฟาดวันละแปดรอบ ดื้อฉิบ เด็กอะไร" ขุนเขามาถึงก็บ่นเสียงดัง หน้าตาหงุดหงิดฟ้องเลยว่าเพิ่งทะเลาะกับว่าที่เจ้าสาวมาแน่ ๆ



            "พ่อแม่พี่ก็อีก เลี้ยงลูกมายังไงวะ"



            "เอ้า มึงนี่ด่าน้องกูไม่พอ ด่าพ่อแม่กูอีก ไอ้เหี้ย ฮ่าฮ่า" ข้าวกล้องหัวเราะครืน ตลกมากกว่าจะโกรธเพราะเดิมที่ก็สนิทกันอยู่แล้ว ขุนเขาถอนหายใจยกมือไหว้ขอโทษเรื่องลากป้าขิมกับลุงขจรมาบ่นด้วย



            "แต่ผมจริงจังนะพี่กล้อง น้องพี่นี่แม่งแทนที่จะสนใจเรื่องเรียนมาเป็นที่หนึ่ง ดันมาสนใจแต่จะมีผัว"



            "เอ้า ก็ว่าที่ผัวน้องกูก็คือมึงไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้ขุนเขา" ข้าวกล้องชงเหล้าให้เสร็จก็ยื่นให้ว่าที่น้องเขย ขุนเขาฟังแล้วก็รับมาดื่มทันทีไปอึกใหญ่



            "แล้วบอกให้นอนอีกห้อง ซื้อเตียงซื้อตู้ให้ใหม่ก็ไม่ยอมไปอยู่ แบกของมาไว้ในห้องผมอยู่ได้ ขนไปขนกลับมารอบที่ห้าแล้วเนี่ย แค่ต้องวุ่นวายกับคนจัดงานแต่งที่จะเอานั่นเอานี่ พ่วงไฟต้องโน้นเพิ่ม ตัดไม้ตรงนั้นทิ้งก็ปวดกบาลจะตายแล้ว" ขุนเขาได้ทีระบายยกใหญ่ กระดกเหล้าเข้าปากอีกครึ่งแก้ว



            "แต่ปวดหัวสุดก็หนูหอมน้องพี่เลยว่ะ" ว่าจบก็วางแก้วลงกระแทกโต๊ะ คนชงก็ยื่นแก้วใหม่ให้ทันที



            "งั้นมึงก็ไม่ต้องแต่ง รู้ไหมถ้าไม่ใช่มึงนะขุนเขา บ่นน้องกูขนาดนี้ กูยิงว่าที่น้องเขยกูไส้แตกไปแล้วป่านนี้" ข้าวกล้องพูดจริงจากที่คิด แต่เพราะเป็นขุนเขาที่ไว้ใจได้ แล้วน้องชายตนก็รักแทบเป็นแทบตายนี่ล่ะ แต่ฟังที่มันบ่นมาก็ชักจะเป็นห่วงน้องแล้วว่ะ



            ดูท่าแต่งงานแทนที่จะได้ผัว จะได้พ่อที่ดุกว่าพ่อจริง ๆ มาแทนน่ะสิ



            "ไม่แต่งได้ก็ทำไปแล้วพี่ แม่ง เอามาอีกแก้วเลยมา"



            "ฮ่าฮ่า ทำได้แค่บ่นมึงก็กระดกไป เอ้า ๆ ชน ชน"



 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 



            "พี่ขุน”



“....”



“พี่ขุนตื่น”



“.....”



“ตื่นได้แล้ว ตื่นพี่ขุนนนน" เสียงแห่งความจริงมาปลุกกันตั้งแต่เช้า ขุนเขาลืมตาขึ้น ห้องเขาห้องเดิม แต่กระเป๋าสี่ใบตรงหน้าตู้เสื้อผ้าไม่ใช่ของเขา ถอนหายใจไปหนึ่งเฮือกแล้วก็ยันตัวลุกขึ้น



            เมาค้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่



            พอเห็นว่าที่เจ้าบ่าวลุกขึ้นนั่ง ข้าวหอมก็เลิกคุกเข่าบนพื้นใช้สองมือพยายามดึงผู้ชายอายุยี่สิบเจ็ดที่ทั้งหนวดทั้งผมไม่เรียบร้อยให้ลุกขึ้นมา



            "ย่ากับป้าทิพย์ให้หนูมาตาม บ่ายแล้วเนี่ยพี่ขุนยังไม่ได้ทำอะไรเลย พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเลยนะ" ไอ้ลูกหมายังบ่นไป ดึงแขนไปแต่เพราะขุนเขาไม่ผ่อนแรงตามนั่งทิ้งน้ำหนักอยู่บนเตียง ข้าวหอมก็เลยทำได้แค่ดึง



            พอขุนเขาตั้งใจกระตุกแขนกลับคนที่จับอยู่ก็เลยถลาลงมานั่งบนพื้นที่ว่างบนเตียงด้วยกัน ข้าวหอมยิ้มเขินที่ได้มีโมเมนต์อยู่บนที่นอนคู่กันกับคนที่แอบชอบครั้งแรก



            "หอม มาคุยกันก่อนเรื่องห้องนอน" แต่พอขุนเขาเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาปากกลม ๆ ก็มุ่ยรอ   ตั้งท่าจะลุกเดินหนีแต่ถูกกำข้อมือจนต้องนั่งลงที่เดิม



            "ถ้าเรื่องแค่นี้ไม่คุยกันให้รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องมาเป็นลูกสะใภ้แม่พี่นะ"



            "ไม่เอา หนูจะเป็น" ข้าวหอมรีบห้าม



            "จะดุอะไรหนูอีกอะ ก็พูดมาเลยมา" แล้วก็ทำหน้าเศร้า ช้อนตามองเหมือนปรามาสว่าขุนเขาใจร้ายใจดำทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ



            "หอมรู้ไหมว่า ย่าบังคับพี่ให้ยอมปล่อยมึงมานอนด้วย"



            "...." ข้าวหอมไม่ตอบ ได้แต่ผงกหัวรับนิด ๆ ทำไมจะไม่รู้ล่ะก็ข้าวหอมไปอ้อนขอคุณย่า เกาะแขนเกยแก้มมาเองกับมือ



            "แล้วรู้ไหมว่าของมึงเยอะมาก แล้วห้องนี้พี่ไม่ได้สร้างมาเก็บของสำหรับสองคน" ที่จริงขุนเขาอยากจะพูดว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่ต้องการปัญหามาทำรกและเกะกะ แต่ก็ยังมีอาการเมาค้างมากเกินกว่าจะฟังเสียงงอแงของเด็กดื้อ



            "รู้ หนูรู้" เสียงอ่อยพอกับไหล่แคบผอมที่ลู่ตก



            "หอม ถ้ามึงยอมขนของทั้งหมดไปไว้ห้องนู้น พี่จะยอมให้มึงมานอนด้วยบ้างก็ได้"



            "จริงอะ ได้เลย ได้เลยพี่ขุน หนูตกลง" ข้าวหอมขานรับเสียงดัง หน้าหุบ ๆ บานด้วยรอยยิ้มตาหยีทันที ดีใจเกินเหตุจนขุนเขาต้องดีดหน้าผากไปหนึ่งที



            "งื่อ พี่ขุนอะหนูเจ็บนะ" ลูบหัวตัวเองป้อย ๆ ฟ้อง



            "ดีใจเกินว่ะ หมั่นไส้"



            "ฮึ่ย ก็หนูดีใจจริง ๆ นี่"  ถึงหน้าผากจะมีรอยแดงแต่ข้าวหอมก็ยิ้มไม่หุบ ขุนเขาแน่ใจว่าตัวเองแทบไม่ได้ออกแรงตอนดีดเลย แต่เด็กตัวขาวนี่ก็ผิวแดงง่ายเกินไปจริง ๆ



            คอยดูเถอะ จากแก้มยื่น ๆ ก้นกลม ๆ ถ้าเอาไปทิ้งไว้กลางไร่มะเขือเทศหน่อยได้แห้งกรอบแน่



            "ป่ะ ลุกได้แล้วพี่ขุน เดี๋ยวพี่ต้องไปตัดผม โกนหนวด ลองชุดอีก ซ้อมอีก  หนูตื้นเต้นแล้วเนี่ย" สองมือผอมเริ่มดึงแขนขุนเขาให้ลุกขึ้นต่ออีกรอบ ร้องเร่งเสียงดื้อไม่หยุด



            "เออ ๆ ลุกแล้วเว้ย หอม มึงนี่น่ารำคาญจริง" ต่อให้โดนบ่นว่าน่ารำคาญซึ่งหน้าแต่หน้าตาน่ารักก็ไร้แววสลด ขุนเขาจนใจลุกขึ้นไปเตรียมตัวอย่างเหนื่อยหน่าย



            "พี่ขุนอะ ผมหนูยุ่งหมดแล้วนะ" แต่ก็ไม่วายหยิบผ้าห่มมาคุมหัวเด็กดื้อด้วยความหมั่นไส้ ขอแกล้งหน่อยเหอะ



            ข้าวหอมมุดหัวออกมาจากผ้าห่มทันที่ประตูห้องน้ำจะปิดไปพอดี



            "เร็วนะพี่ขุนเร็ว หนูรออยู่นะ มีอะไรให้ทำเยอะแยะเลย เพราะพรุ่งนี้เราจะแต่งงานกันแล้ว" ตะโกนบอกเองข้าวหอมก็ฉีกยิ้มกับตัวเองจนตาเป็นประกาย ทิ้งตัวลงบนที่นอนที่ยังอุ่น ๆ จากไอร่างมนุษย์เพราะขุนเขาเพิ่งลุกขึ้น



            พรุ่งนี้หนูก็จะได้แต่งงานกับพี่ขุน ได้เป็นสะใภ้อินท์วันธรเต็มตัว



งื่ออ หนูหอมรอไม่ไหวแล้ว

 




ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ





ฝากพี่ขุนเขาและหนูหอมไว้ในอ้อมใจของทุกท่านด้วยนะคะ คิกคิก

ฝากความเอ็นดูหนูหอมและแรงยุยงลงในแท็ก #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ได้เบยยยน้าาา /ฮาร์ททึ









ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดื้อจริงๆจ้า5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
กองหนุนดีอยู่แล้วเน๊อะ ข้าวหอม จะกลัวอาราย 55
 :katai2-1:
 :3123:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ดื้อแท้เลย กลัวพี่ขุนรำคาญจัง แต่เป็นเราคงรำคาญไปแล้วล่ะนิสัยแบบนี้ง่อแง่งจริง ๆ

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1






   
#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่
สาม , ๓


 ติ๊ด

 ติ๊ด

 ปึก!

 หลังทำลายเสียงรบกวนเวลานอนอันมีค่าดั่งทองไปได้ แต่ในที่สุดขุนเขาก็ต้องดึงร่างโต ๆ ของตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเพราะรู้ดีว่าไม่มีทางจะได้นอนต่ออย่างใจหวัง

ตาเรียวคมไม่ทิ้งเชือสายลูกหลานคนจีน ตอนนี้ไม่เหลือความคมเพราะง่วงนอน แต่ความเรียวและเล็กยังคงอยู่อย่างครบถ้วน


 ตีห้าพอดีเป๊ะ

 มองตัวเลขของนาฬิกาหัวเตียงก็ถอนหายใจ เดินไปขยี้ผมไปเพื่อล้างหน้า อาบน้ำแปรงฟัน เตรียมพร้อมสำหรับไปงานแต่งงาน
งานแต่งงานของเขาเอง งานที่ชายหนุ่มขอจัดให้เป็นความเหนื่อยอันดับหนึ่งของชีวิต


 เหนื่อยยิ่งกว่ารับน้องตอนเรียนมหาลัย เหนื่อยยิ่งกว่าลงแปลงขึ้นสวนมะเขือเทศใหม่ยกโรงเรือน


ขนาดเมื่อวานนี้เป็นแค่ก่อนวันจริงหนึ่งวันยังต้องเลือกไอ้นั่น ลองอันนี่ทำเอาล้าไปหมด นู่นกว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง


 ที่เหนื่อยที่สุดเมื่อวานก็คือหาเหตุผล มางัดข้อกับเด็กช่างเถียงว่าอันไหนที่เขาไม่เลือกเหมือนข้าวหอมเพราะอะไร ทำไมเขาไม่อยากได้ ทำไมถึงอยากได้อีกอย่าง

 ปวดกบาล

 เด็กอะไรเถียงเก่ง พอจะแพ้ก็ทำหน้างอ ย่ากับแม่เขาก็โอ๋ทันที ใช่สิ กองหนุนดีสู้กี่ทีขุนเขาก็แพ้ คอยดูเถอะย่ากับแม่กลับไปกาญจนบุรีเมื่อไหร่นะ


 "สวัสดีครับป้าขิม ลุงขจร" ว่าที่ลูกเขยยกมือไหว้ทันทีที่เดินลากตัวเองเข้ามาเพื่อเปลี่ยนชุดในห้องเตรียมตัวที่เต็มไปด้วยผู้คนคลาคล่ำตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ด้านนอกเสียงอึกทึกคึกโครมสมกับการเตรียมงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้น

 ขุนเขาคิดว่าตัวเองคงตื่นเป็นคนสุดท้ายแน่ ๆ เมื่อเห็นว่าบรรดาญาติผู้ใหญ่เริ่มแต่งหน้าเตรียมตัวกันไปเยอะแล้ว

 แต่เหมือนท่ามกลางเสียงดังวุ่นวายก็ยังจะดูสงบเกินไป

 "แล้วหนูหอมของย่ากับแม่อยู่ไหนเหรอครับ"

 "ตีห้าจะครึ่งแล้วเนอะ ได้เวลาพอดี" คุณนายน้ำทิพย์ที่กำลังให้ช่างเกล้าผมให้หยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา

 "เมื่อคืนน้องตื่นเต้นมากไม่ยอมนอน แม่เลยบังคับให้ไปนอนเมื่อตอนตีสามนี่เอง ขุนไปปลุกน้องมาหน่อยไปจะได้เตรียมตัว" แม่บอกเสียงหวานเหมือนนางงามแต่สายตาที่จับจ้องมามองแบบบังคับข่มขู่กันเต็มที่

 "ใช่พี่ขุน ไปปลุกน้องหน่อย เดี๋ยวเตรียมตัวไม่ทันฤกษ์แปดโมง" คุณย่าสมสมัยแท็กทีมมาอีกคน ขุนเขาเหนื่อยจะค้าน เดินย้อนกลับขึ้นไปชั้นสองหน้าประตูห้องที่ใช้ผนังร่วมกันกับห้องนอนตัวเอง

 ก้อก ก้อก

 "หอม ตื่นได้แล้วหอม" เสียงที่แหบต่ำกว่าปกติเพราะเพิ่งตื่นเรียกเสียงดังแต่ก็เงียบกริบ มือหนาบิดเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อคเข้ามาอย่างง่ายดาย

 กดสวิทซ์ไฟให้สว่างโร่ทันทีอย่างไม่มีเกรงใจ

 แล้วก็ได้เห็นสภาพท่านอนกลางก้อนผ้าห่มฉบับหนูหอมของย่าและแม่ แขนข้างหนึ่งชูขึ้นพาดกับหมอน ขาอีกงอไปทาง อีกข้างดีดไปทาง พอมองดี ๆ ระหว่างรอยต่อของผ้าห่มก็คือขอบชายเสื้อยืดที่ร่นเปิดไปยันซี่โครง ดีที่ผ้าคลุมไปจนเห็นเนื้อขาว ๆ นิดเดียว

 ส่วนหน้าตางัวเงียก็ซ่อนอยู่ใต้ผมยาวหน้าม้าที่คลุมหน้า

 "หอม เอ๋ย หอม" ขุนเขาพึมพำส่ายหน้า นอนกินที่กินทางไม่เรียบร้อยตั้งแต่เด็กยันโต

 "หอม! ตื่น ย่ากับแม่ให้มาปลุก" ตะโกนปลุกไปก็เดินไปหยิบผ้าห่มอีกผืนมาคลุมทับให้ก่อนที่จะได้เห็นทั้งหน้าท้องพร้อมนมและซี่โครงของลูกเพื่อนแม่

 "อื้ออ จ้า หนู ตื่น อื้มมม...." แล้วก็เงียบกริบหัวทิ่มหมอนต่อ ขุนเขาถอนหายใจเฮือก หลับลึกจนลืมไปแล้วมั้งว่าวันนี้ต้องทำอะไร

 "ถ้าไม่ตื่นไปเตรียมตัวจนไม่ทันเวลา พี่ก็ถือว่าหอมยกเลิกงานแต่งเองนะ" บอกเสียงไม่ดังไม่เบาให้โอกาสเด็กขี้เซาว่าจะเอายังไง

 "....."


      "โอเค หอมยกเลิกงานแต่งใช่ไหม"         

   "งื่อออ ไม่! พี่ขุนอย่ามาเนียนกับหนูนะ" เด้งผึงขึ้นมาจากที่นอนได้ก็โวยวายเสียงดังทั้งที่ปากยังเจ่อตายังตูบบวม ขุนเขาอดหัวเราะไม่ได้ว่าง่วงแทบเตียงดูดพอเอาเรื่องนี้มาขู่ก็ตื่นจริงว่ะ

 "ยังไงหนูก็ต้องได้เป็นลูกสะใภ้ของแม่พี่ อย่ามาคิดว่าหนูง่วงนิดหน่อยแล้วพี่ขุนจะหนีหนูได้นะ" โวยวายเสียงใสทั้งที่เพิ่งตื่นได้ทันที ตัวขาว ๆ รีบปีนจากบนที่นอนลงมาทำปากยื่นใส่ จ้อเหยง ๆ ทั้งที่หัวยังกระเซิง คราบน้ำลายยังเห็นอยู่รำไรใกล้ปากสีแดงสด


 "เออ งั้นก็ไปอาบน้ำสระผม ได้แล้วไป จะได้หอมสมชื่อ" สิ้นคำขุนเขา เด็กดื้อหน้างอก็วิ่งจี๋เข้าห้องน้ำไปทันที ไม่มีรีรอลีลาเลยสักนิด


 "พี่ขุนห้ามหนีไปไหนด้วย " ไม่วายจะยังโผล่หน้ามาร้องเย้ว ๆ ก่อนจะผลุบกลับเข้าห้องน้ำต่อ

 ว่าที่เจ้าบ่าวได้แต่ส่ายหัวอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจ ร่างโต ๆ เดินไปเก็บที่นอนให้กับเด็กที่รีบร้อนจนทิ้งเตียงไว้เป็นกองผ้าขยุ้มใหญ่ให้เรียบร้อย

 "เฮ้อ ไอ้ดื้อเอ๊ย" บ่นพึมพำไปก็พับผ้าห่มเสร็จพอดี


 "หนูเสร็จแล้ว ๆ รอหนูอีกแปปนึง" เสียงที่ตะโกนบอกหลังประตูไม้ทำให้ขุนเขาถอนหายใจออกมาอีกรอบรับเช้าวันงานมงคล
 ดูท่าวันนี้จะเหนื่อยน่าดู


ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ


 วันแต่งงานไม่เหนื่อยเท่าที่ขุนเขาคิด อันที่จริงวันก่อนแต่งที่ต้องเตรียมงานทุกอย่างนั่นเหนื่อยมากกว่า แต่วันงานแต่งงานนี่มันติดอยู่ตรงที่ปากเมื่อยปากไปหน่อยก็เท่านั้นเอง

 เพราะชายหนุ่มที่ชอบทำหน้านิ่ง ๆ ต้องคอยยิ้มตลอดทั้งงาน ตอนไหนเผลอทำหน้าปกติ หรือมุ่นคิ้วถอนหายใจก็จะมีมือเทวดาจากย่ากับแม่บังเกิดเกล้ามาจิ้มไหล่จิ้มหลังให้ยกมุมปากขึ้นอยู่ตลอด

 ป้าทิพย์จ๋ากับคุณย่าจ๋าของหนูหอมกลัวว่ารูปที่ออกมาอารมณ์จะไม่สมดุลกัน ถ้าขุนเขาทำหน้าตึง แล้วอีกฝ่ายที่ยืนข้างกันอย่างหนูหอมนั้นยิ้มกว้างปากแทบฉีกจนตาหยีรีกลายเป็นจันทร์เสี้ยว หัวเราะคิกคักไม่มีเมื่อยหน้าอย่างขุนเขาสักนิด

 "กรามจะล็อคไหมวะเนี่ย" ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองสองมือก็นวดข้างแก้มไปด้วย วันนี้เขาใช้โควต้าการยิ้มของปีนี้ไปเกือบหมดแล้ว

 เริ่มตั้งแต่แปดโมงเช้าได้ฤกษ์งามยามดี เขตแดนผู้เป็นน้องชายก็ตั้งนำช่วยโห่พาขบวนขันหมากตั้งแต่หน้าป้ายไร่อินท์วันธรกันเข้ามาเลย ในขบวนมีคนไม่เยอะนัก มีแค่ญาติๆแล้วก็บรรดาเพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งหลายแต่ครบตามประเพณีควรจะเป็น แต่ละคนแต่งตัวชุดไทยกันมาไม่มียอมกัน

สีสันจัดจ้านพอ ๆ กับชุดไทยโทนสีแดงที่ขุนเขาสวมอยู่ โทนสีและแบบเดียวกันกับว่าที่เจ้าสาวที่รออยู่ข้างในใส่ ต่างกันแค่ของข้าวหอมจะเล็กมากกว่า

 แน่นอนว่าหน้าสุดของขบวนมีแม่กับย่าผู้เป็นที่รักกับพ่อของขุนเขาที่ทำหน้าที่เถ้าแก่คอยยื่นซองให้ผ่านแต่ละด่านตามพิธี
 แถมไม่พอตอนกั้นประตูเงินประตูทอง เพื่อนของข้าวหอมอย่างแป้งนุ่มมาฟ้องเขาด้วยว่าเจ้าสาวไม่ให้เรียกค่าซองผ่านประตูเยอะหรือตั้งเงื่อนไขอะไรยาก เพราะกลัวขุนเขาจะถอดใจไปไม่ถึงด่านสุดท้าย


 เอากับมันว่ะเด็กคนนี้


 แห่ขบวนมาขนาดนี้แล้วไหม ทำเหมือนขุนเขาจะวิ่งหนีออกไปกลางงานได้ตามใจนึก


 ตอนที่ทำพิธีแลกกันสวมแหวนกับรดน้ำสังค์ไม่มีใครร้องไห้ไปกรีดนิ้วซับน้ำตาไปเล่นใหญ่กว่าคุณย่าสมสมัยของเขาอีกแล้ว เล่นใหญ่กว่าป้าขิมเสียอีก


 แต่ก็นั่นล่ะ วันนี้ทั้งวันรอยยิ้มของย่ากับแม่ก็กว้างไม่แพ้ใคร


 "พี่ขุนนนนนน อาบน้ำเสร็จหรือยังงงง" เสียงใส ๆ ที่ปลายเสียงแปล่งนิด ๆ ซึ่งเริ่มคุ้นหูขึ้นทุกวันร้องเรียกเสียงดัง ขุนเขาถอนหายใจอีกเฮือก

 ลูกสะใภ้ของแม่เขาอย่างเต็มตัว ไม่มีว่าที่อีกต่อไป สมใจเด็กดื้อ


 "เสร็จแล้ว  เก็บกลีบดอกไม้ลงจากเตียงหมดหรือยัง" ขุนเขาตะโกนถาม เพราะหลังจากที่ข้าวหอมอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาก็บอกให้อีกฝ่ายกวาดดอกไม้ที่โรยเป็นรูปหัวใจบนเตียงนอนทิ้ง


 แค่ขุนเขาต้องสละห้องนอนของตัวเองมาเป็นห้องหอก็เกินพอแล้ว ถ้ายังต้องนอนทับดอกไม้อีกก็เกินไปละ  แถมจะออกจากห้องหรือส่งลูกสะใภ้แม่ออกไปที่อื่นก็ไม่ได้ เพราะคุณย่าท่านกำชับเต็มที่ว่าห้ามเด็ดขาด


 ก็มาจนถึงขนาดนี้แล้ว ขุนเขาคิดว่าตัวเองก็ทำได้แค่ตามน้ำไปก็แล้วกัน ยังไงก็แค่คืนเดียว


 "เสร็จแล้ว ๆ พี่ขุนมาดูสิ” ข้าวหอมในชุดนอนลายช้างน้อยดัมโบ้สีเทายิ้มแฉ่งรอด้วยความกระตือรือร้นอยู่หน้าห้องน้ำทันทีที่เปิดประตูก็ใช้สองมือคว้าหมับเข้าแขนโต ๆ ลากมาที่เตียงนอน จนขุนเขาต้องก้าวตามไปมืออีกข้างก็เช็ดผมที่เพิ่งสระไปด้วย

 'ขุนเขา ღ ข้าวหอม'

 "นี่คือมึงเก็บแล้วเหรอวะหอม" ตาคม ๆ มองอดีตกลีบกุหลาบรูปหัวใจดวงโตที่ตอนนี้เรียงใหม่เป็นชื่อคู่กันพร้อมหัวใจตรงกลางอยู่เต็มเตียง กูคาดหวังความว่านอนสอนง่ายบอกอะไรก็ฟังจากใครวะเนี่ย

 "ก่อนทิ้งก็ต้องใช้ก่อนสิพี่ขุน เนี่ยสวยไหมหนูนั่งเรียงตั้งนานเลยนะ มา เรามาถ่ายรูปกันก่อน" เด็กตัวสูงเท่าคางว่าแล้วก็วิ่งวุ่นไปหยิบมือถืออายุใช้งานสองปีที่แสนจะภาคภูมิใจมาตั้งท่าจะเซลฟี่แต่ถูกมือหนาคว้าฉับ

 "พี่ขุนกลัวหน้าหนูอ้วนเลยจะถือกล้องให้เหรอ ก็ได้นะ มา มา" หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวแล้วชูสองนิ้วรอ แต่พอโดนตาดุ ๆ กับหน้าโหด ๆ จ้องใส่ก็รู้ละว่าไม่เล่นด้วย

 พี่ขุนหน้าดุใส่ ข้าวหอมก็ตาพอง ปากกลมใส่ได้เหมือนกันแหละ

 "พี่ขุนเอาคืนมานะ หนูจะถ่ายรูป" ขุนเขาใช้แขนยาว ๆ ชูขึ้นเหนือหัวตัวเองจนสุดปลายแขนที่ข้าวหอมจะคว้าได้แม้ว่าจะกระโดดเหยง ๆ ก็ตาม

 "พี่บอกให้มึงทำอะไร หอม"

 "...."

 "บอกให้เก็บกุหลาบทิ้งให้หมดใช่ไหม"

 "อื้อ"

 "เก็บ! ไม่ใช่ดื้อจะมาถ่ายเล่น"

 "..." คนถูกดุยังเงียบทำตาใสมอง เขย่งตัวสุดขาจะคว้ามือถือคืนแต่ก็ไม่มีหวัง

 "เก็บ จะเก็บไม่เก็บ"

 "...."

 "ข้าวหอม"

 "เก็บก็ได้"  ฟึดฟัดรับคำสั่งแล้วก็เดินไปคว้าถังขยะสีเงินมารอใส่กุหลาบที่อุตส่าห์นั่งเรียงตั้งนาน พี่ขุนทำมาเป็นเข้ม ทำมาเป็นใจร้าย ฮึ่ย คืนนี้หลับเมื่อไหร่นะจะแอบถอนขนหน้าแข้งให้ดู

 "หอม"

 "อะระ.."

 แชะ

 "เก็บทิ้งให้หมดล่ะ" มือหนาวางมือถือลงบนเตียงใกล้ ๆ เจ้าของมันที่ยืนกอดถังขยะทำหน้าเหวออยู่ แล้วก็เดินตรงไปห้องแต่งตัวเพื่อเป่าผมให้แห้ง

 "พี่ขุนอะ ทำไมถ่ายแบบนี้ล่ะ ดูสิพี่ยิ้มหล่อเลย แต่หนูหน้าอย่างขี้เหร่ ปากก็จู๋ คิ้วก็ย่น หน้าก็กลม พี่ขุนอ่า ก่อนถ่ายให้หนูทำหน้าดี ๆ ก่อนสิ พี่ขุนอะ "

 นอกจากเสียงไดร์เป่าผมที่ดังแล้ว ก็ดูเหมือนเสียงโวยวายของเด็กขี้ดื้อแถวนี้จะดังไม่แพ้กัน


ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ


 "เฮ้อ" พอได้ล้มตัวลงนอนที่นอนนุ่ม ๆ แสนจะคุ้นเคย ขุนเขาก็อดจะผ่อนลมหายใจอย่างสบายตัวออกมาไม่ได้ มือหนากดรีโมทปิดไฟในห้องลง แต่มันก็ยังไม่มืดสนิทเพราะมีแสงจันทร์เรื่อ ๆ เข้ามาในห้อง ทำให้พอจะเห็นได้ว่าคนที่นอนอยู่อีกฝั่งเตียงยังจ้องตาใสมองมา

 "ทำไม ต้องนอนเปิดไฟหรือไง" ขุนเขาถาม วันนี้ข้าวหอมดูจะใช้พลังร่วมงานแต่งไปเยอะยิ่งกว่าเขาซะอีก แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะหลับตานอนเลยสักนิด

 "นอนปิดไฟอย่างนี้ก็ได้ หนูโตแล้วนะพี่ขุน" แต่ที่ยังนอนตาวาวอยู่ก็เพราะใจมันเต้นตึกตักน่ะสิ หนูหอมได้เป็นสะใภ้อินท์วันธรแล้ว ไม่ใช่แค่ว่าที่ บอกแล้วว่ายังไงนี่ก็ตำแหน่งของหนู

 "อื้ม งั้นก็นอน" ตาคมตวัดไปมองหน้าขาว ๆ ของข้าวหอมที่ตะแคงข้างทับจนแก้มล้นกับหมอนเป็นก้อนกลม ๆ ที่เขายอมให้อีกฝ่ายมานอนด้วยบนเตียงก็เพราะว่าเขาจะนอนเตียงของตัวเอง แล้วจะให้คนขี้งอแงไปนอนพื้น เช้าพรุ่งนี้ก็คงฟ้องจนย่ากับแม่มาทึ้งหัวเขาแน่ ๆ

 "นอน ห้ามดื้อ พี่ง่วงแล้ว" ขุนเขาบอกเสียงนิ่ง

 "แต่พี่ขุน" นั่น ไม่ทันขาดคำ

 "พี่เขตบอกหนูว่า ถ้าคืนเข้าหอคืนแรก ไม่ได้เข้าหอกันจริง ๆ อะ ต่อไปเจ้าบ่าวจะกลัวเจ้าสาวด้วยนะพี่ พี่ขุนจะกลัวเมียนะ พี่ขุนยอมอ่อ" ข้าวหอมบอกเสียงจริงจัง ขุนเขาถอนหายใจคิดถึงหน้าไอ้น้องชายที่คลานตามกันมาอย่างเขตแดน

 ก็ถึงว่าตอนงานเลี้ยงฉลองเมื่อหัวค่ำ มันลากข้าวหอมไปคุยอะไรที่แท้ก็ยัดความคิดประหลาด ๆ เข้าหัวลูกป้าขิมนี่เอง

 "เห็นไอ้เขตมันแทบจะกราบเพลงเช้าเย็นอยู่แล้ว เชื่อได้หรือไง เพ้อเจ้อ อย่าไปเชื่อมันมาก"


 "พี่กล้องก็บอกหนูนะพี่ขุน ว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ"


 เอ้อ ให้มันได้อย่างนี้ทั้งไอ้เขตทั้งพี่ข้าวกล้อง เจริญ เสี้ยมสอนกันแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้น


  "ก็นี่ไง ตอนนี้เราก็อยู่ในห้องหอด้วยกันจริง ๆ แล้วไง ก็เข้าหอกันจริง ๆ  แล้วเนี่ย พี่ไม่ใช่แสตนดี้ หอมก็เป็นคนจริง ไหมล่ะ" ขุนเขาเอ่ยบอก


 "อื้อ เนอะ จริงด้วยพี่ขุน" ข้าวหอมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเป็นมั่นเป็นเหมาะ ขุนเขาได้แต่หัวเราะหึอยู่คนเดียว เออ หลอกง่ายดีว่ะ


 "แล้วไม่ชอบหรือไง ถ้าต่อไปพี่จะกลัวเจ้าสาวที่แต่งงานด้วยวันนี้" พูดอ้อมค้อม แต่ขุนเขาก็หมายถึงข้าวหอมที่นอนทับแก้มอยู่ข้าง ๆ กัน


 "หนูไม่เห็นอยากจะให้พี่ขุนกลัวหนูเลย" ข้าวหอมอยากได้ความรู้สึกอย่างอื่นคืนมาต่างหากเถอะ ถ้าวันหนึ่งได้ความรักกลับมาจากพี่ขุนเขาจริง ๆ งื้ออ แค่คิดก็เขินแล้วเนี่ย


 "พี่ขุน ฝันดีนะ" สะใภ้ใหญ่หมาด ๆ แห่งอินท์วันธรบอกขึ้นมาเสียงดังฟังชัดเมื่อเห็นพี่ชายตัวโตที่ตัวเองแอบรักปิดตาหลับไปแล้ว
 พี่ขุนเวลาหลับก็ยังหล่อ หล่อเหมือนทุกครั้งที่มองเลย


 "พี่ขุนบอกฝันดีหนูคืนหน่อยสิ"


 "ไม่ล่ะ"


 "ฮื่ออ พี่ขุนอะ" เสียงโวยวายแบบที่ขุนเขาแอบลืมตามองก็เห็นเลยว่าหน้าตาคนพูดกำลังดื้อใส่ไม่ผิดเสียงที่ได้ยินสักนิด
 ขุนเขานอนตะแคงไปอีกทางจนข้าวหอมเห็นแต่แผ่นหลังกว้างหนาเหมือนกำแพงโรงเรียนที่เคยปีนแทนที่จะเป็นหน้าหล่อ ๆ ให้มองเป็นกำไร


 ขี้งก คนอะไร เดี๋ยวก็รักน้อยลง 0.022% เลยนี่ ฮึ่ย ข้าวหอมบ่นพึมพำในใจตัวเองปากขมุบขมิบ



 "คืนนี้อย่าฝันร้ายแล้วกันมึงน่ะ"



 แล้วก็เปลี่ยนมายิ้มแฉ่งทันควัน

 เนี่ย เป็นคนแบบนี้อะ แล้วจะให้หนูตัดใจเลิกแอบรักแอบชอบพี่ได้ยังไงล่ะ




ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ





มาแล้วจ้ะ อิอิ
ฝากความรักความเอ็นดูไว้ได้ที่ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ นะจ๊ะ ღ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2019 10:22:13 โดย Butterfly8ffect »

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1



#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่



สี่ , ๔





            “บะเดวป้าเอาหนมนมเนยไปหื้อตางในหนาเจ้า (เดี๋ยวป้าเอาของว่างไปให้ที่ห้องนั่งเล่นนะคะ)”

 

“ขอบคุณครับป้าช่อ” ชายหนุ่มยิ้มให้หัวหน้าแม่ครัว ที่เจอกันตรงหน้าบ้านหลังโตซึ่งสร้างผสมผสานระหว่างไม้กับปูนได้อย่างลงตัว ส่วนไหนต่อเติมเพิ่มก็จะดูเข้าสไตล์โมเดิร์นมากหน่อยทว่าก็ไม่ได้ทิ้งตัวบ้านเดิมจนดูไม่เข้ากัน

 

เก้าโมงหน่อย ๆ สำหรับวันปกติที่ไม่ได้ทำอะไรมากนัก

 

ขุนเขาตรวจงานในไร่รอบเช้าเสร็จ ไร่อินท์วันธรมีพื้นที่ส่วนใหญ่ปลูกมะเขือเทศ ทว่าก็มีพืชอย่างอื่นผสมผสานไว้เก็บผลกิน หรือถ้าชนิดไหนออกดอกออกผลดี ราคาตลาดดีก็แบ่งออกไปขายบ้าง

 

            นี่คือบ้านที่ขุนเขาอยู่

 

            และเป็นบ้านที่ถูกยึดครองโดยมนุษย์ตัวสูงแค่คางแต่ความดื้อนี่สูงพอ ๆ กับดอยสุเทพ

 

            "เฮ้อ" แค่คิดขุนเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้ว ยิ่งตอนนี้พี่ป้าน้าอาบรรดาเครือญาติทั้งหลายนำทีมโดยคุณย่าสมสมัยพากันไปขึ้นม่อน ขึ้นดอย เที่ยวพักผ่อนกันตั้งแต่เช้าก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านของแต่ละคนในช่วงเย็น ๆ

 

            ถ้ามองว่าข้าวหอมจะไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจให้ไปฉอเลาะออดอ้อน พุ่งเป้ามาที่ขุนเขาคนเดียวก็ดูจะมองโลกในแง่ร้าย ทว่าหากมองโลกในแง่ดี แบ็กใหญ่ ๆ ไม่อยู่แล้ว เด็กดื้อจะดื้อได้สักแค่ไหนกันเชียว

 

            พอคิดมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็เริ่มยิ้มออก

 

            ถอดรองเท้าบู๊ทสีเข้มเก็บเข้าที่ ล้างเท้าเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์สีเดียวกัน เดินเข้าไปก็คงเจอเด็กตัวแสบวิ่งแป้นแล้นมาหา

 

            เมื่อคืนนี้เจองานแต่งเข้าไปก็คงจะเหนื่อยน่าดูตอนหกโมงเช้าที่ขุนเขาตื่นมาก็ยังนอนหลับอุตุ หลับไม่หลับเปล่ายังสวิงแขนมาโดนอยู่หลายทีจนต้องจับเอาผ้าห่มมาห่อเด็กนอนดิ้นไว้ข้างใน

 

            แต่สายป่านนี้น่าจะตื่นแล้วล่ะมั้ง

 

            "ไม่ต้องแล้วครับ ๆ"

 

            "สูงเกินไปแล้วครับ พอแล้ว ๆ"

 

            แต่เสียงคุ้นหูของลุงเดช ผู้จัดการไร่ที่มีเสียงโหวกเหวกของลูก ๆ คนงานวัยประถมปนทำให้ขุนเขาขมวดคิ้วฉับ เดินตามเสียงออกมา แล้วก็เห็นกลุ่มก้อนต้นเรื่องอยู่ไม่ไกล ขายาวรีบก้าวย่ำพื้นหญ้าไปทั้งสลิปเปอร์

 

            "พี่ขุนนนนนน" เสียงเรียกพร้อมยิ้มร่าโชว์ฟันขาวจากระยะสองเมตร ขุนเขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าแป้น ๆ ที่อยู่บนต้นตะลิงปลิง

 

            คลาดสายตาไม่ได้เลยจริง ๆ ว่ะ

 

            "พี่ขุนเอาไหมเดี๋ยวหนูเก็บตะลิงปลิงเผื่อ คุณย่าจ๋าบอกว่าชอบกิน ป้าช่อก็อวดว่ามีน้ำพริกสูตรเด็ด ฮี่ ย่าจ๋าต้องชอบแน่ ๆ " ข้าวหอมโม้ใหญ่พร้อมหัวเราะคิกคัก ขุนเขากอดอกมอง

 

            "ขึ้นไปทำไม ตกมาขาหักจะขำให้!" ขุนเขาตะโกนถาม เด็กดื้อก็ทำปากยื่น

 

            "หนูไม่หล่นง่าย ๆ ให้พี่ขุนได้ขำหรอก ก็ตะลิงปลิงลูกนิดเดียวกว่าลุงเดชจะสอยเสร็จก็เที่ยงพอดี เนี่ยหนูขึ้นมาเก็บ ๆ เด็ด ๆ แปปเดียวก็ได้เป็นตะกร้าแล้ว" ข้าวหอมพูดไปมือผอมก็คว้าอีกสองสามที หันมาอวดเจ้าของไร่ว่าเนี่ยเต็มมือเลย

 

            "ได้เยอะแล้วก็ลงมา ถ้าตกมาเจ็บตรงนั้นนิด ช้ำตรงนี้หน่อย ย่าได้ตีพี่จนหัวแบะแน่"

 

            "หนูอะไม่ยอมให้ย่าตีพี่ขุนหัวแบะหรอก ตีแค่เจ็บ ๆ สามสี่ทีก็พอ" ข้าวหอมรีบออกตัวปกป้อง แบบที่ขุนเขาฟังแล้วก็ทะแม่งชอบกล

 

            "แล้วก็ถ้าหนูตกลงไปก็ดีสิ แบบในซีรีย์ไงพี่ขุน พี่ก็รับหนูไว้ใช่ป่ะ แล้วเราก็จะปากชนกัน หูย โรแมนติกมากเวอร์ หนูปีนพลาดดีไหมเนี่ย" เด็กตัวขาวหัวเราะคิกคักอารมณ์ดี ค่อย ๆ ส่งตะกร้าใส่ตะลิงปลิงลงมาตามเชือกรอก ส่วนคนยังนั่งห้อยต่องแต่งอยู่ข้างบน

 

            "พี่ไม่รับหรอกนะ จะให้หล่นลงมาจูบดินจนปากดำเลย"

 

            "หึ ทำมาเป็นใจร้าย คอยดูเถ๊อะ วันไหนได้จูบหนูสักทีแล้วจะติดใจ ปากหนูนุ่มมากนะ สครัปน้ำตาลสูตรแม่จ๋าอาทิตย์ละหน" ข้าวหอมอวดใหญ่ จู้ปากสีชมพูเต่งตึงประกอบคำโฆษณาเต็มที่ แต่พอเห็นสายตาดุ ๆ จ้องเขม็งก็ยอมไต่ลงมาจากต้นตะลิงปลิง

 

            จ้องเก่ง ดุเก่ง ตาก็มีอยู่แค่นั้น

 

            แต่ก็หล่อดี หนูให้อภัยก็แล้วกัน

 

            คิดในใจกับตัวเองแต่ก็อดจะหัวเราะคิกคักไม่ได้จนตาโตหรี่หยี

 

            "ไปละขี้เกียจฟังเด็กแถวนี้ขี้โม้"

 

            "ฮื่ออ ไม่ได้นะพี่ขุน รอหนูก่อนสิ อะ!"

 

            ตึง

 

            ตัวผอมปีนลงจากต้นไม้ได้ไม่มีสะดุดแต่มาตกม้าตายเอาก็ตอนที่ถึงพื้นแล้วรีบวิ่งตามคนตัวโตที่จะเดินหนีจนลื่นล้มกองกับพื้นหญ้าชื้น ๆ

 

            "อูยยย เจ็บอ่าา" เสียงโอดครวญดังแผ่ว ๆ เหมือนแมวร้อง ขุนเขายืนเท้าเอวจ้องมองเด็กตัวผอมที่นอนหงายท้องอยู่บนพื้น

 

            "ไงล่ะหอม พี่เตือนมึงก็ไม่เคยฟัง"

 

            "หนูลื่นต่างหาก ไม่ได้ตกจากต้นไม้นี่"

 

            "ก็เจ็บตัวเหมือนกันไหม"

 

            "ห่วงหนูเหรอ" ข้าวหอมยิ้มแฉ่งออกมาอีกแล้วแม้จะเจ็บ ๆ ชา ๆ ตรงก้นกบกับน่องก็ตาม

            "เปล่า แค่กลัวเด็กแถวนี้ไปฟ้องแม่ ว่าพี่ไม่ดูแล"

 

            "พี่ขุนเป็นห่วงหนูแบบนี้ หนูไม่ฟ้องแม่พี่หรอก จะอวดด้วยว่าพี่ขุนรักหนู"

 

            "เพ้อเจ้อ นอนเยอะเลยฝันตอนตื่นเหรอหอม" ขุนเขาพูดหน้าไม่เปลี่ยนสี ข้าวหอมทำหน้าเบะ ก่อนจะทำหน้าเป็น ยื่นหน้างอ ๆ เข้าไปใกล้ฟ้องว่าใจร้ายได้ก็ใจร้ายไป

 

            "ไม่ต้องยื่นหน้าเข้ามามาก"

 

            "ทำแมะ หนูน่ารักล่ะซี่"

 

            "ขี้เหร่จะตาย ใครบอกน่ารัก"

 

            "ฮื่ออ พี่ขุนอะ" ข้าวหอมโวยวาย มือผอม ๆ ทุบต้นแขนแน่นไปสองทีฐานพูดจาหยาบคาย ขุนเขาไม่สะทกสะท้าน ตาตามแบบฉบับลูกหลานคนจีนกวาดมองสำรวจการบาดเจ็บ

 

            ขาข้าวหอมคล้ายขาเด็กผู้ชายทั่วไป ใหญ่ยืนได้มั่นคงแต่เป็นน่องบวมไขมันนุ่ม ๆ มากกว่ากล้ามเนื้อ ทว่าผิวนั้นเนียนขาวไปทั้งตัวตามประสาลูกคนเล็กที่ถูกประคบประหงม ลามมายันแม่กับย่าเขาที่ช่วยโอ๋

 

            จะมีจุดด่างพร้อยเดียวก็คือหัวเข่าทั้งสองข้างที่เป็นรอยปูดนูนของแผลเป็น โดยเฉพาะเข่าซ้ายที่แผลใหญ่เป็นจุดดึงสายตา โดยเฉพาะยามที่ใส่กางเกงขาสั้นสีเหลืองมัสตาร์ทแบบนี้

 

            "มัน... เป็นแผลเป็นเหรอ" ขุนเขาจับจ้องมองแผลบนหัวเข่าข้าวหอมที่ตนไม่มีวันลืมสาเหตุ

 

            "อื้ออ แต่หนูไม่เจ็บแล้วนะพี่ขุน ปกติ ๆ เลย" ข้าวหอมพลิกขาไปมาอวดให้ดูว่าขยับได้คล่องแคล่วแค่ไหน

 

            " แต่มันปูด ๆ ไม่สวย  ปกติหนูก็จะไม่ใส่ขาสั้นไปไหนหรอก อายเขา"

 

            "ชอบใส่ขาสั้นไหม"

 

            "ถ้าเข่าไม่มีแผลเหรอ ชอบสิพี่ขุน อื้ม หนูชอบ หนูชอบ"

 

            "ถ้าชอบต่อไปก็ใส่บ่อย ๆ ขาสั้นเหมาะกับมึงนะหอม เหมาะมาก ๆ " ขุนเขาพูดเสียงจริงจัง เขาอยากให้ข้าวหอมก้าวข้ามและลืมแผลนี้ไป มีแค่ขุนเขาที่ยังหวนคิดถึงมันแล้วก็เจ็บใจตัวเองก็พอ

 

            "อื้ม หนูเชื่อพี่ขุน" ข้าวหอมยิ้มแฉ่งมีความสุขจนล้นออกมาทางสีหน้า

 

            "พี่ขุนอุ้มหนูเข้าบ้านหน่อยสิ เจ็บอะ" เห็นขุนเขาใจดี ลูกชายคนเล็กของบ้านเทพภวันภร ก็ขอได้คืบจะเอาศอกอีกนิด พอขุนเขาออกแรงฉุดให้ลุกขึ้นนั่งก็อดไม่ได้จะหัวเราะคิกคัก

 

            "งื่ออ อุ้มสิพี่ขุน ขึ้นหลังก็ได้ ท่าเจ้าหญิงก็ได้ แค่ประคองแบบนี้ไม่อินเลย" เสียงโวยดังมาทันทีที่แขนแกร่งกระชับรอบเอวคอดผอมเหมือนไม่ค่อยมีข้าวกินของเด็กข้างกาย ก่อนขุนเขาจะพยุงพาเดินตรงไปที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกล มาตอนนี้เองที่ขุนเขานึกรู้ตัวว่าสลิปเปอร์ที่ใช้ใส่ในบ้านเปียกชุ่มเปรอะดินจนเอามาใช้หน้าที่เดิมไม่ไหวแล้ว

 

            "เดี๋ยวทิ้งให้นั่งที่เดิมดีไหม ดื้อนัก"

 

            "ไม่เอา ๆ แบบนี้ก็ได้" ไม่พูดเปล่ายังจะกระแซะเข้าหาจนผมสีน้ำตาลเข้มไล้ไปกับปลายคางของขุนเขา อื้ม ผมนิ่มดีอยู่ หอมมันใช้ยาสระผมขวดไหนในห้องน้ำวะ หอมดี

 

            "แต่จะว่าไป วันนี้พี่ขุนใจดีจัง ใช่พี่ขุนตัวจริงป่ะเนี่ย"

 

            "ไม่ใช่ผีผักบุ้งมาสิง"

 

            "ไรอะ อย่ามาแช่งผักบุ้งนะ ผักบุ้งยังไม่ตายสักหน่อย" ข้าวหอมรีบท้วงทวงสิทธิ์ให้แทนเจ้าแมวขนสีส้มของลุงเดชกับป้าช่อ ที่บ่อย ๆ ก็จะมาเดินนวยนาดอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านขุนเขาเหมือนเป็นเจ้าของ มันน่ารักดีขุนเขาก็เลยเล่นกับมันแทนที่จะไล่อยู่เสมอ

 

            "พี่ขุน หนูขอบคุณนะ" ที่วันนี้ใจดีด้วยตั้งหลายอย่างแหน่ะ งื่ออ หนูรักพี่ขุนจังเลย

 

            "อื้ม" ถึงขุนเขาจะตอบมาแค่นี้แต่คนฟังก็ยิ้มจนหน้าบานอยู่ดี

 

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

            "อย่าแกล้งน้องล่ะพี่ขุน" ถึงเวลากลับไปกาญจนบุรี คุณย่าบังเกิดเกล้าก็ไม่วายจะกำชับหลานในไส้อีกรอบ ให้ขุนเขาถอนหายใจ ก่อนจะมีโอกาสเข้าไปกอดย่าบ้าง แทนหลานนอกไส้ที่ตอนนี้เปลี่ยนไปกอดแม่ของเจ้าตัวอย่างป้าขิมแล้ว

 

            "ผมเคยแกล้งหนูหอมของย่าเหรอครับ มีแค่ดุแค่สอนเพราะดื้อเพราะซนก็แค่นั้น"

 

            "นั่นแหละ หนูหอมตัวนิดเดียว พี่ขุนก็อย่าใจร้ายกับน้องนัก" ว่าแล้วคุณนายน้ำทิพย์ แม่ของขุนเขาที่ลืมลูกคนโตตัวเองไปแล้วก็ดึง เด็กตัวนิดเดียวที่พูดออกมาได้เต็มปากไปหอมหัว ทั้งที่จริงแล้วข้าวหอมก็สูงระดับมาตรฐานผู้ชายไทยที่ร้อยเจ็ดสิบปลาย ๆ ทั่วไปนี่แหละ

 

            ถึงจะตัวผอม ๆ ไหล่แคบ ๆ สูงเท่าคางของขุนเขา แต่หนูหอมของย่ากับแม่ก็ห่างไกลกับคำว่าเด็กตัวนิดเดียวแน่นอน

 

            "งั้นต่อไปถ้าดื้อผมจะตีแทนแล้วกันนะครับ"

 

            "ย่าจ๋า ป้าทิพย์จ๋า แม่จ๋า" เด็กดื้อที่มีแววถูกตีโวยวายลั่น เกาะแขนกอดย่าไว้เป็นแหล่งหลบภัย ทำหน้าดื้อปากยู่ใส่ขุนเขาอีก

 

            "ห้ามตีน้องนะพี่ขุน" คุณนายน้ำทิพย์รีบดุเสียงเขียว

 

            "ถ้าต่อไปพี่ขุนใจร้ายกับหนู โทรมาฟ้องแม่ได้เลยนะลูก เดี๋ยวแม่จัดการให้หนูหอมเอง" ว่าแล้วแม่ผัวดีที่หนึ่งในโลกก็บอกลูกสะใภ้เสียงหวานต่างจากตอนคุยกับลูกชายตัวเองลิบลับ ขุนเขาได้แต่ถอนหายใจ ยิ่งเห็นไอ้เขตแดนน้องชายยืนอุ้มลูกหัวเราะจนตาหายโชว์ฟันกระต่ายก็ยิ่งหงุดหงิด ให้เมียมันบิดหูให้สักทีเถอะ

 

            "ครับ ครับ" ขานรับอย่างจนใจจะเถียง

 

            "แม่จ๋าพ่อจ๋า ถ้าคิดถึงก็โทรหาหนูน้าา โทรมาทุกคืนเลยเนอะ" ลูกชายคนเล็กบอกกับพ่อแม่ก่อนจะหอมแก้มป้าขิมกับลุงขจรไปคนละที

 

รีบกลับเพราะย่าบอกว่าไม่อยากอยู่ขัดจังหวะคู่ข้าวใหม่ปลามัน

 

            เฮ้อออออ

 

             สถานที่จัดงานแต่งงานตอนนี้สะอาดเรียบกริบตั้งแต่คืนจัดงานที่คุณออแกไนซ์เซอร์มาขนของกลับอย่างว่องไว มีแค่หญ้าในสนามที่ตายฟ้องถึงการจัดงานเท่านั้น

 

“ตอนเขตแดนกับหนูเพลง ย่าอวยพรขอให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง แล้วก็ได้เจ้าแฝดมาเร็วเชียว คำพูดย่าน่ะเห็นผลนะ” คุณย่าสมสมัยลูบหัวข้าวหอมกับขุนเขาด้วยมือคนละข้าง รอยยิ้มหวานงดงามไม่ทิ้งออร่านางเอกเก่า

 

            “ย่าขอให้พี่ขุนกับหนูชอบมีความสุขมาก ๆ รักกันมากขึ้นทุกวัน อยู่ด้วยกันก็ต้องให้ความรักและความเข้าใจกันและกันนะลูก” น้ำเสียงหวานของคุณย่าบอกอย่างเปี่ยมสุข

 

            แม้ว่าจะฟังดูแล้วไม่ค่อยเข้ากับความคิดนัก ทว่าพอเป็นความตั้งใจดี ๆ ของคุณย่า ขุนเขาก็เงียบฟังไม่ได้โต้เถียง ส่วนข้าวหอมก็โถมตัวไปกอดย่าแน่น ๆ อีกทีแทนคำขอบคุณ

 

            หลังจากล่ำลากันอีกพอสมควร ขบวนญาติผู้ใหญ่ก็ย้ายกันกลับไปพร้อมของฝากติดไม้ติดมือขนานใหญ่ โดยเฉพาะคุณย่าสมสมัยที่ได้ตะลิงปลิงพร้อมน้ำพริกสูตรเด็ด จากแรงปีนไปเก็บของหลานสะใภ้สุดที่รัก

 

            ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวขุนเขากลับมาคล้ายปกติ

 

            มีแค่สองอย่างที่ไม่ คือแหวนสีเงินที่นิ้วนางข้างซ้าย

 

            "พี่ขุนนนนน" กับเด็กที่โน้มมากอดแขนขุนเขาแน่นพร้อมเอาแก้มอืด ๆ เหมือนซาลาเปาน้ำมาถูอยู่ตอนนี้

 

            "อย่ามาเกาะน่ะหอม ร้อน"

 

            "ร้อนอะไรเล่า แอร์ก็เปิด หนูหนาวจนสั่นแล้วเนี่ย" ร้องโวยวายพร้อมกอดแน่นกว่าเดิมอีก

 

            "พี่ขุนปลอบหนูหน่อยสิ หนูห่างบ้าน ห่างพ่อห่างแม่นาน ๆ ครั้งแรกเลยนะ"

 

            "แล้วใครใช้ให้แต่งงานมาอยู่ที่นี่ล่ะ พี่ขอมึงไหม ก็ไม่ เลือกเองก็ต้องยอมรับผลเอง ยอมรับไม่ได้ก็วิ่งตามไปขึ้นรถป้าขิมกับลุงขจรตอนนี้เลย" ขุนเขาว่าไปก็ดึงตัวเกาะแกะไป จนในที่สุดก็แกะออก ดีดเหม่งไปหนึ่งทีข้อหาวุ่นวาย

 

            "พี่ขุนอะหนูเจ็บนะ"

 

            "ไป ๆ ไปอาบน้ำได้แล้วมึงน่ะหอม หัวเหม็นไม่สมชื่อเลย"  ขุนเขาทำย่นจมูกใส่ จนคนตัวผอมพยายามดึงผมตัวเองมาดม แต่ผมก็สั้นเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้ ดูไปก็ตลกดีเหมือนกัน

 

            "ไม่ต้องมายิ้มล้อหนูเลย มาว่าคนอื่นหัวเหม็นยังจะมายิ้มใส่อีก พี่ขุนนิสัยไม่ดี"

 

"เลิกดื้อ ๆ ไปอาบน้ำ"

 

            "งั้นหนูรีบอาบน้ำ แล้วไปนอนรอพี่ขุนบนเตียงนะ"

 

            "ไปนอนห้องตัวเองเลยมึงอะหอม อย่าเนียน"

 

            "หนูจะนอนกับพี่ขุน ถ้าพี่ขุนไม่ยอมหนูฟ้องแม่พี่แน่" พูดจบก็ยิ้มแฉ่งใส่ก่อนจะรีบจ้ำเท้าขึ้นบันไดไป วิ่งฉิวแซงไปเข้าห้องนอน

 

            ขุนเขาได้แต่ถอนหายใจพร้อมส่ายหัว เออดีแต่งงานนอกจากได้เมีย ยังได้น้องนิสัยดื้อยิ่งกว่าเลี้ยงลูกไม่รู้จักฟังมาอีก

 

            มัลติฟังชั่นไหมล่ะ

 


ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ







พี่ขุนเขากับหนูหอมมาแล้วคิกคิก

ตอนนี้แอบหย่อนอะไรลงไปหลายจุดเหมือนกัน อิอิ


ส่วนตอนหน้าจะเริ่มเจ้มจ้นขึ้นเล้กน้อย อิอิ





                              #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1


#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่



ห้า , ๕







            เข้าสู่วันที่เจ็ดของชีวิตหลังแต่งงาน

 

            และเป็นคืนที่เจ็ดเช่นกันที่บางสิ่งก็ยังเหมือนเดิม

 

            "หอม ลุกไปนอนห้องตัวเอง"

 

            "หนูหลับแล้ว" ตอบมาหน้าซื่อสองตาปิดปี๋สนิทแล้วก็ซุกหน้าไปกับหมอน ขุนเขามองเด็กหนุ่มในชุดนอนลายมิกกี้เมาส์อย่างเหนื่อยใจ

 

            "หอม มึงจะมาเนียนนอนเตียงพี่ทุกคืนไม่ได้โว้ย"

 

            "พี่ขุนบอกหนูเองป่ะว่าจะให้หนูมานอนด้วยได้อะ ผิดคำพูดหัวล้านนะ" โห เล่นแรง พันธุกรรมลุงขจรผมดกดำหน่อยไม่ได้เลยนะ

 

            เขาเรียกว่าบางระดับเริ่มต้นป่ะ ยังห่างไกลจากการล้านอีกเยอะ ขนาดตอนก่อนปู่จะขึ้นไปทำสาโทหมักกับทวดบนสวรรค์ยังไม่ล้านเลย แค่ใกล้ ๆ

 

            "พี่บอกแค่ว่า ให้นอนบ้าง แต่นี่มึงมานอนทุกคืนเลยนะหอม"

 

"โห พี่ขุนขี้งกอะ หนูนอนคนเดียวโดนตุ้งแช่ แฮ่ ๆ ทำไงอะ หนูยิ่งขวัญอ่อนอยู่ แล้วเนี่ยหนูตัวนี๊ดดดดดเดียว ขอหนูนอนด้วยไม่ได้เหรอ" พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน กลิ้งมานอนแผ่ที่ฝั่งของขุนเขาทำตาปริบ ๆ อวดอ้างว่าตัวเล็กนิดเดียว แค่เล็กพอให้ขุนเขาบังมิดก็เท่านั้นไหม คิดว่าน่ารักเหรอ ก็แค่นิดหน่อยป่ะวะ

 

            "นะ น้าา พี่ขุนจ๋า ให้หนูหอมนอนด้วยอีกคืนนะ" พอเห็นขุนเขาเริ่มเงียบก็เข้าทาง ปีนมาเกาะแขนด้วยปลายนิ้ว เพราะเสื้อนอนแขนยาวกินมือ ขุนเขาถอนหายใจใส่ไปที คราวนี้ก็เอาแก้มถูอย่างที่ถนัด

 

            "พี่ขุนจ๋า พี่ขุนสุดหล่อของหนู"

 

            "เออ ๆ อยากนอนก็นอน แต่พรุ่งนี้ต้องนอนห้องตัวเองเข้าใจไหม" ขุนเขาดึงแขนออก กำชับไม่จบคำดี เด็กตัวผอมก็โดดผึงไปซุกตัวใต้ผ้า

 

            "หนูนอนละ ฝันดีพี่ขุน" ไม่ตอบรับใด ๆ บอกฝันแล้วก็หลับไปทั้งรอยยิ้มเปื้อนหน้า

 

            ขุนเขานวดขมับตัวเองสองที เอนตัวลงนอนบ้างตอนที่กดปิดไฟก็ถอนหายใจอีกรอบ มองหัวกลม ๆ ที่ผมสีน้ำตาลถูไปกับหมอนข้างตัว

 

            ถึงจะไม่ได้เตรียมไว้ให้คนอื่นมานอนด้วย แต่เตียงขุนเขาก็ใหญ่พอให้ข้าวหอมมานอนเพิ่มอีกคนได้พอดีจริง ๆ ปัญหาสำคัญคือพฤติกรรมการนอนของเด็กดื้อนี่ต่างหาก

 

            นอนดิ้นก็ที่หนึ่ง แต่การขาก่าย แขนเกยมาบนตัวขุนเขายังไม่เท่าไหร่ ไม่ได้เจ็บแต่ถ้ารำคาญกวนเวลานอนมากนักก็ดึงหมอนข้างมาช่วยรับแรงปะทะแทนได้

 

            แต่ปัญหาใหญ่สุดเลย คือต่อให้ก่อนนอนคืนนั้นเสื้อนอนหนูหอมจะตัวใหญ่แค่ไหน ตื่นเช้าก็มีอันเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหน หวิดจะเห็นนมน้องมันมาหลายรอบแล้วเนี่ย

 

            มันก็ไม่ได้ปะวะ หอมมันลูกมีพ่อมีแม่ ถึงจะผู้ชายเหมือนกันก็เถอะ...

 

            ถึงจะแต่งงานกันแล้วก็เถอะ

 

            วันนี้ขุนเขาก็เลยบอกให้ข้าวหอมเอาชุดนอนตัวที่ซื้อมาใหญ่สุดใส่แทน แขนกินมือ ชายเสื้อคลุมสะโพกมิดชิดแนบสนิท

 

            "ถ้าวันนี้เสื้อเปิดได้อีกนะ จะให้นอนในถุงนอน" ขุนเขาพึมพำกับตัวเอง

 

            ปึก

 

            แขนขาวที่ถูกคลุมด้วยผ้าเนื้อลื่นฟาดเข้ากลางอกตั้งแต่ต้นคืน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก ดึงแขนข้าวหอมไปวางแนบข้างกายเจ้าของตามเดิม

 

 

 

 

            ถุงนอนนี่มันราคาเท่าไหร่วะ

 

            "พี่ขุนไม่กินข้าวเหรอ วันนี้ป้าช่อทำต้มผักกาดจออร่อยมากเลยนะ" คำถามจากเด็กหนุ่มที่นั่งตรงข้ามดังมา ก่อนแก้มขาว ๆ จะขยับมุบมับตอนเคี้ยวมื้อเช้าอย่างสบายใจ

 

            ต่างจากเจ้าของผู้ดูแลไร่อินท์วันธรที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับตั้งแต่เช้า

 

            ขุนเขาไม่เข้าใจ ข้าวหอมมันเล่นกายกรรมเปียงยางตอนนอนเหรอ เสื้อยาวกรอมสะโพกยังเปิดไปถึงสะดือ ยังไง ยาวไม่พอเหรอวะ ต้องยาวแค่ไหนเนี่ย

 

            "พี่ขุนดูทำหน้าดิ แต่ไม่เป็นไรหน้าเหี่ยวหนูก็รัก หนูทำใจละแหละ รักคนแก่อะ พี่จะเหี่ยวจะหง่อมก่อนก็ธรรมดา" ข้าวหอมพูดไปหัวเราะคิกคักไป มือก็ตักไส้หมูคั่วเกลือใส่จานให้ขุนเขาไปอีกชิ้น ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าหน้าเคร่ง ๆ เรียกตีนกาของขุนเขาก็เกิดจากตัวเองทั้งนั้น

 

            "มึงนอนดิ้นมากนะหอม รู้ตัวไหม"

 

            "พี่กล้องก็เคยบอกหนูนะ แต่ว่าเด็ก ๆ นอนกับหนูได้นะพี่ขุน" เด็ก ๆ ของข้าวหอมก็คือบรรดาแก๊งตุ๊กตายัดนุ่นเป็นกระตักตอนอยู่บ้านเดิมที่จะเวียนเปลี่ยนมานอนด้วยบนเตียงครั้งละสามสี่ตัว ขุนเขานึกสภาพไม่ออกคำว่านอนได้ นี่ได้นอนบนพื้นหรือเปล่า

 

            "พี่ขุนกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวกินอิ่มค่อยบ่นหนูต่อ" เด็กตัวขาวท้วง ขุนเขาถอนหายใจเฮือก เริ่มลงมือกินจัดการกับมื้อเช้าอย่างจริงจัง พลางคิดไปว่าสงสัยจะได้ซื้อถุงนอนแล้วจริง ๆ



 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ



 

            "หอม พี่บอกมึงแล้วไงว่าไม่ต้องมา เขาจะทำงานกัน" ขุนเขาดุเด็กที่ขยับตัวยุกยิกอยู่ข้าง ๆ จ้องตาไม่กระพริบเข้าไปในโรงเรือนขนาดใหญ่ซึ่งกำลังลงท่อเพาะกล้าต้นมะเขือเทศแบบกินสดรอบใหม่

 

            "ฮื่อออ หนูอยากมาช่วยนี่พี่ขุน เนี่ย หนูมาช่วยงานบ้างพี่ขุนจะได้รักหนูไว ๆ ไง" ข้าวหอมบอกเสียงดัง มือผอมรับถุงมือผ้าที่ลุงเดชส่งมาให้

 

            "ไม่เอา ในโรงเรือนโคตรร้อน เป็นลมขึ้นมาทิ้งที่นี่เลยนะ อยากซนก็ไปเดินเล่นข้างนอก ห้ามวุ่นวายในนี้" ขุนเขาปรามอีกรอบ แล้วถามว่าเด็กนี่ฟังที่ไหน ตั้งแต่นั่งแหมะบนรถเข้าสวนไม่ยอมลงแล้ว จะหิ้วออกก็ทำปากเบะตาเศร้าจนคนงานช่วยกันขอให้ปล่อยมาด้วย เก่งนักเรื่องอ้อนผู้ใหญ่เนี่ย

 

            "หูวว ร้อนแค่นี้หนูไหวน่าพี่ขุน เห็นอย่างนี้หนูเรียน นศท. มาแล้วด้วยนะ ผ่านครบทุกหลักสูตร จะใช้งานอะไรหนูบอกได้เลย ด้วยรักที่หนูมีให้พี่ขุน หนูทำได้ทุกอย่างเลยยยย" บอกเสียงเริงร่ายิ้มแฉ่ง

 

            "งั้นออกไปเล่นข้างนอก"

 

            "ฮื่อ อย่างนั้นเรียกทำงานที่ไหน" ข้าวหอมทำหน้ายู่

 

            "มา พี่ขุนเข้าไปข้างในกัน" ว่าแล้วมือผอมก็คว้าหมับกับท่อนแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม บวรวิทย์ อินท์วันทรถอนหายใจเฮือกแต่ก็ต้องก้าวตามไป

 

            ถ้ามัวแต่เถียงกับเด็กดื้อ งานไม่เสร็จกันพอดีวันนี้

           

 

 

            พอเข้ามาข้างในโรงเรือนขนาดใหญ่ข้าวหอมก็หูตาพราวด้วยความตื่นเต้น มองไปทางไหนก็มีท่อสีฟ้าขนาดใหญ่กำลังถูกเอาขึ้นบนโครงเหล็กที่วางยาวสามแถวจนสุดโรงเรือน คนงานราวสิบคนกำลังทำงานของตัวเองอย่างที่เรียนรู้มา

 

ข้าวหอมอดไม่ได้จะเดินไปตรงนั้นตรงนี้ สำรวจดูอย่างสนอกสนใจตามประสาคนเคยเห็นครั้งแรก

 

            "หอม มึงอย่าซนล่ะ" ขุนเขาละความสนใจมาบอกอีกรอบ ก่อนจะกลับไปดูงานที่กำลังทำอยู่ต่อ แม้จะขึ้นชุดการปลูกใหม่ครั้งที่นับไม่ถ้วน แต่ทำงานกับสิ่งที่พูดไม่ได้ ผลหมากรากไม้ก็มีอะไรให้เรียนรู้ แก้ไขกันอยู่เสมอ

 

            "ลุงเดช ผมว่ารอบนี้เตรียมสายให้สูงหน่อยแล้วกัน" ขุนเขาบอกสเป็กงานคร่าว ๆ ที่ต้องปรับ เช่นเชือกที่จะเอาไว้พยุงต้นอ่อน ดูงานตรงนั้น แก้งานตรงนี้ก็เผลอลืมเด็กที่ตามมาด้วยไปในที่สุด

 

            ส่วนข้าวหอมเองเดินไปเดินมาก็ชักจะเบื่อแล้ว สุดท้ายมาหยุดอยู่ไม่ไกลจากตรงที่ขุนเขาอยู่นัก มองพี่คนงานผู้หญิงสี่คนที่กำลังช่วยกันวางแนวท่อสีฟ้าลงบนโต๊ะเหล็ก

 

            "พี่จ๊ะขอหนูลองทำได้ไหม" ข้าวหอมคิดว่างานนี้ตัวเองน่าจะทำได้ไม่ยาก พอทำได้แล้วก็ต้องเรียกพี่ขุนเขามาดูแล้วก็อวดกันหน่อย ให้ออกปากชมให้ได้เลย

 

            "มันอิด มันยากเน้อคุณหอม ละอ่อนน้อยยะบ่เปิงก่าเจ้า (มันเหนื่อย มันยากนะคะ เด็กไม่เคยทำอย่างคุณหอมไม่น่าทำได้นะคะ)"

 

            "ขอหนูลองนะ ๆ” ข้าวหอมยืนยันอีกที ถึงจะยังพูดเหนือไม่ได้แต่ก็พอฟังออกอยู่บ้าง สี่สาวมองหน้ากัน แต่ก็ยอมละมือให้คนตัวผอมจับท่อหลักต่อกับสายน้ำ โดยมีพวกเธอคอยช่วย

 

            แม้จะทุลักทุเลแต่ในที่สุดข้าวหอมก็ทำได้

 

            "เห็นไหมพี่ ๆ หนูทำได้" ข้าวหอมยิ้มแฉ่งจนแก้มโย้

 

รีบวิ่งปรื๋อตรงไปหาร่างสูงใหญ่เด่นในกรอบสายตาอย่างขุนเขาเพื่ออวดฝีมือตัวเอง

 

            ปึก โครมมมม

 

            แต่รีบวิ่งไปหน่อยพอเหยียบกับผ้าใบเปียกน้ำลื่น ๆ ก็ทำเอาเสียหลัก ตัวข้าวหอมเหวี่ยงมาชนกับท่อสีฟ้าที่วางเกยไว้ยังจับขึ้นที่ตั้งไม่ครบ แถมสองมือดันโดนท่อที่ขึ้นวางแล้วแต่ยังไม่ได้ประกอบล็อคท่อยึดกับเหล็ก

 

            เคร้ง เคร้ง เคร้ง

 

            เสียงท่อดึงกันจนร่วงระเนระนาดดังต่อกันเหมือนโดมิโนยักษ์ล้ม ท่อของโต๊ะแถวที่ข้าวหอมชนร่วงพื้นยกแถว ไม่พอสายน้ำที่เชื่อมต่อไว้แล้วบางส่วนก็หลุดจนพ่นน้ำเปียกแฉะยิ่งกว่าเดิม

 

 

 

 

            "พัง! พังหมด" เสียงเข้มดุดังลั่น แต่คราวนี้ข้าวหอมไม่เอ่ยเถียงสักแอะ เพราะก็เห็นเต็มตาเหมือนกันว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน สองมือบีบแน่น ก้มหน้า หลับตาปี๋เป็นพัก ๆ ตั้งแต่ที่ถูกดึงออกมาดุหน้าโรงเรือน ในขณะที่คนงานด้านในช่วยกันจัดการให้เรียบร้อย

 

            "พี่บอกมึงแล้วหอม มึงฟังพี่ไหม ไม่เคยฟัง แม่ง!" ขุนเขาสบถออกมาอีกรอบ มือใหญ่เสยผมของตัวเองก่อนจะกอดอกทั้งสองข้าง ดวงตาคมจ้องเขม็งน่ากลัวแบบที่แค่เงยมาสบตาปุ๊บ ข้าวหอมก็รีบก้มหน้างุดต่อทันที

 

            "ดื้อ ดื้อฉิบหาย มึงรู้ไหมหอมนอกจากเสียเงินแล้วมันเสียเวลา มึงคิดว่ากว่าจะซ่อม กว่าจะทำใหม่เสร็จมันต้องใช้เวลามากแค่ไหน มึงคิดไหมหอม"

 

            "...."

 

            "พี่ถามว่ามึงเคยคิดไหม!" เสียงดังเค้นถามอีกรอบ ข้าวหอมรู้สึกผิดก็รู้สึกผิด กลัวก็กลัว นี่ขนาดโดนน้ำกระเซ็นมาโดนนิดหน่อยแต่รู้สึกเหมือนหนาวจนตัวสั่นไปหมด

 

            "ข้าวหอม ตอบ"

 

            "หนะ หนะ หนู ไม่ ไม่ได้ตั้งใจพี่ขุน หนู..."

 

            "ไม่ได้ตั้งใจ มึงก็แก้ตัวได้แค่นี้!"

 

            "....."

 

            "พี่บอกมึงแล้วว่าอย่าดื้อ อย่าซน หอม ไม่เคยฟัง ไม่เคยคิดจะทำตาม วุ่นวายฉิบหาย"

 

            "หนูแค่อยากช่วย หนูขอโท...."

 

            "ช่วยให้ยิ่งแย่น่ะสิ บอกว่าไงทำเพราะรักเหรอ เหอะ เอ้า รักแล้วทำได้ทุกอย่างใช่ไหม งั้นมึงเดินกลับบ้านเองหอม! เดินไปเลยสองโลจากตรงนี้ พลังแห่งรักมึงเหลือเยอะนัก เดิน!"

 

            "....ถ้าหนูทำพี่ขุนจะหายโกรธไหม" ถามเสียงอ้อมแอ้ม ไม่กล้ามองสายตาที่จ้องเขม็งดุมา

 

            "ถ้า ..พี่หายงั้นหนูเดินได้ แค่นี้เอง"

 

            "เออดี  มึงเดินไปเลยนะ อย่าวุ่นวายกับอะไรอีก ตัวปัญหา!"

 

            "..." ข้าวหอมเม้มปากตัวเอง ตาโตแดงแจ๋พองร้อนตอนก้มมองพื้น ต้องฮึบไว้  ฮึบไว้ก่อน

 

            ข้าวหอมไม่ชอบเวลาที่ขุนเขาเห็นตัวเองร้องไห้

 

            "แล้วผมบอกเลยนะ ถ้าใครช่วยเด็กนี่ไม่ให้เดินกลับบ้านเอง ถือว่าช่วยสร้างความวุ่นวายไม่เข้าเรื่องและต้องได้รับโทษเหมือนกัน!" ขุนเขาตะโกนประกาศชัดเจน จนคนงานที่ยืนดูกันสลอนรีบวกกลับไปทำงานของตัวเอง

 

            "งั้น งั้น..หนูไปแล้วนะ"

 

            "เออ"

 

            "..." ข้าวหอมพยักหน้ารับแล้วก็เดินคอตกกลับไปตามทางเดิมที่นั่งรถมาเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ พอเดินมาได้พ้นหนึ่งเลี้ยวโค้ง รู้ว่าจะไม่มีใครเห็นแผ่นหลังผอมยามสะอื้นแล้ว

 

            ตาแดง ๆ ที่เก็บน้ำตาจนคลออยู่ด้านในมานานก็ปล่อยให้น้ำอุ่น ๆ ร่วงเผาะลงมาจนเต็มแก้ม

 

            "ฮึก ... งื่อออ อึก" ข้าวหอมสะอื้นฮัก สองมือเช็ดน้ำตาตัวเองไปสองขาก็เดินไปด้วย ความรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ที่หัวไหล่กับช่วงเอวฟ้องว่าตอนที่ล้มไปชนไม่ได้มีแค่ท่อสีฟ้าที่เสียหาย

 

            แดดที่ส่องลงมาร้อนจัดโดนผิวขาวที่ไร้หมวกป้องกันของข้าวหอมตรง ๆ ทว่าก็ไม่ได้ทำให้น้ำตาแห้งไป

           

            “ฮึก .. หนู หนูขอ อึก ขอโทษ ฮึก พี่ขุน หนู ฮึก ขอโทษ” ข้าวหอมร้องไห้จนตัวโยน ปล่อยทุกความเสียใจ น้อยใจออกมาเมื่ออยู่คนเดียว ปากอิ่มสีแดงสดพึมพำไปร้องไห้ไป แล้วก็รู้ดีด้วยว่าตัวเองสมควรถูกดุในครั้งนี้

 

            ทว่าความน้อยใจ เสียใจก็ไม่เห็นจะลดลงเลย ยิ่งมีความรู้สึกผิดเข้ามาก็ทำให้น้ำตาไหลออกมามากขึ้นอีก

 

            "ฮื่อออ อีกไกลไหม ฮึก"  พยายามเช็ดน้ำตาออกจนหน้าแดง ยิ่งโดนแดดก็ยิ่งแดง จ้องมองทางข้างหน้าที่ไกลอย่างน้อยก็หนึ่งกิโลกับอีกห้าร้อยเมตรแน่ ๆ ที่ต้องเดินต่อ พอเห็นระยะทางที่เหลือก็ได้แต่เม้มปากตัวเองแน่นพยายามกลืนก้อนสะอื้น

 

"พี่ขุน อึก พี่ขุน ฮึก ใจร้าย ฮื่อออ"

 

ถ้าตัวเองไม่ได้ทำผิดแล้วโดนดุแบบนี้ ก็คิดเหมือนกันว่าจะแกล้งเอาแก๊งมดแดงไปเคาะใส่รองเท้า จะทำพริกเกลือจิ้มตะลิงปลิงแบบใส่น้ำตาลแทนเกลือให้พี่ขุนกิน

 

            "ฮึก อึก" แต่ตอนนี้รู้ว่าผิดและต่อให้คิดอะไรไปเรื่องอื่นแค่ไหน จมูกโด่งรั้นก็แดงจัด ตาแดง ๆ ทั้งสองข้างก็ยังคงเปื้อนน้ำตาอยู่ดี

 

            “หนูไม่ได้ ฮึก ตั้งใจจริง ๆ ...หนูขอโทษ”

 

            ความรู้สึกแย่ ๆ ยังเกาะหนึบอยู่รอบหัวใจข้าวหอมไม่ไปไหน

           

            "คุณข้าวหอมครับ"

 

            "อะ ลุงเดช" ข้าวหอมหันไปมองมอเตอร์ไซค์ที่ขับมาจอดตีคู่ด้วยความตกใจเล็กน้อย เพราะมัวแต่คิดถึงคนที่สั่งให้ตัวเองเดินมาเลยไม่ทันได้ฟังเสียงรถ

 

            "เดินตากแดดแบบนี้จะแย่เอานะครับ"

 

            "หนูทนไหวลุงเดช แค่นี้ทำไม่ได้ ฮึก พี่ขุนก็ดูถูกความรักหนูหมดพอดี" ตอบกลับเสียงขึ้นจมูกปนสะอื้นแม้จะพยายามเช็ดน้ำตาอย่างสุดความสามารถก็ตาม

 

            "งั้นคุณข้าวหอมเอาหมวกนี่ใส่ครับ แดดมันร้อนจะเป็นลมเอา" ลุงเดชจอดรถแล้วยื่นหมวกผ้าปีกรอบด้านสีดำมาให้ มันเป็นแบบทั่ว ๆ ไปที่คนงานในไร่ใช้รวมทั้งเจ้าของไร่ก็ด้วย

 

            ดูสิ เอาแต่คิดถึงพี่ขุน ขนาดตอนใส่หมวกข้าวหอมก็ได้กลิ่นเหมือนเวลาอยู่ใกล้ ๆ พี่ขุนด้วย

 

            "แล้วก็นี่ครับคุณหอม น้ำเย็น ๆ ชื่นใจ ลุงเพิ่งขี่รถไปเอาที่ล้งกลางมาให้" ลุงเดชเอ่ยถึงล้งกลางที่เป็นอาคารไว้เก็บผลผลิตซึ่งตั้งอยู่กลางไร่ จะมีตู้น้ำเย็น ตู้ขนมให้คนงานไปหยิบมากิน ดื่มดับกระหายได้

 

            "ขอบคุณลุงเดชมากนะครับ" ข้าวหอมยิ้มกว้างพร้อมยกมือไหว้ รับถุงน้ำเปล่ากับน้ำอัดลมมาอย่างละขวด สไปซ์แบบที่ชอบมาตั้งแต่เด็กด้วย

 

            "งั้นลุงกลับไปรายงาน เอ๊ย ไปทำงานก่อนนะครับ สู้ ๆ ครับคุณหอม"

 

            "ขอบคุณครับลุง" ข้าวหอมไหว้ลาลุงเดชอีกที

 

            ยืนดูดน้ำสีเดียวกัน แต่ต่างรสชาติอย่างละอึกให้ชื่นใจ ขยับหมวกบนหัวให้กระชับแล้วก้าวเดินต่อไป

 

            อีกแค่โลครึ่งเอง ความรักของหนูหอมน่ะ ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แค่นี้หรอก

 

 

 

           

            ไม่ธรรมดาจริง ๆ

 

            ระยะหนึ่งกิโลกับอีกครึ่งไม่ใช่อะไรง่าย ๆ จริง ๆ ขนาดใส่หมวก มีน้ำสองขวดเป็นเชื้อเพลิง ร่างผอม ๆ ของข้าวหอมก็เดินฝ่าแดดมาถึงบ้านหลังสวยตรงหน้าแบบโซซัดโซเซ

 

            ใบหน้าน่ารักแดงจนซีดแล้วในตอนนี้ ความเจ็บจากตอนที่ล้มผสมกับการเดินตากแดดมาคนเดียวทำให้เจ็บจนล้าไปหมด

 

            แกรก

 

            ข้าวหอมทิ้งขวดเปล่าทั้งสองขวดลงในทั้งขยะ ทิ้งตัวนอนบนโซฟาพร้อมกดเปิดแอร์ด้วยสภาพหายใจเร็วและเหนื่อยล้า

 

            มันเหนื่อยเป็นพิเศษเพราะไม่ใช่แค่เสียเหงื่อ แต่ว่าเสียน้ำตาไปตลอดทางที่เดินกลับมา จนสองตาโตแดงช้ำ จมูกโด่งรั้นก็จ้ำแดงไม่แพ้กัน ร้องไห้จนตอนนี้รู้สึกปวดตึบ ๆ ในหัว

 

            พี่ขุนจะหายโกรธแล้วใช่ไหม หนูเดินกลับมาได้เองอย่างที่พี่สั่งแล้ว

 

            จะเห็นค่าความรักของหนูขึ้นมาบ้างหรือเปล่านะพี่ขุน

 

            แอร์เย็น ๆ โชยมา ร่างกายที่เหนื่อยล้าก็ทำให้เปลือกตาบวมช้ำปิดหลับสนิทลงทั้งที่นอนพาดอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

            ติ๊ก ติ๊ก

 

            "อื้อออ" วันนี้เปลือกตาที่รู้สึกหนักเป็นพิเศษค่อย ๆ เปิดปรือขึ้น ข้าวหอมกวาดมองรอบตัว เห็นเป็นห้องนอนเดิมซึ่งตัวเองนอนมาตลอดเจ็ดวัน นาฬิกาปลุกที่วางอยู่ไม่ไกลบอกว่าคือเวลาเจ็ดนาฬิกาของเช้าวันใหม่

 

            ใช้เวลาแค่แปปเดียวข้าวหอมก็นึกออกว่าเมื่อวานตัวเองสร้างวีรกรรมอะไรไว้ แล้วก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจที่ตัวเองขึ้นมาอยู่บนห้องนอน

 

            "เมื่อวานหลับไปที่โซฟาไม่ใช่เหรอ"

 

            "มึงเดินละเมอขึ้นมาไงหอม" เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยทำให้ร่างผอมรีบหันไปมอง ทำเอาเมื่อยขบไปทั้งตัว ร่างสูงใหญ่ของขุนเขาเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเรียบร้อยแล้ว

 

            "หนูละเมอเหรอ"

 

            "ใช่น่ะสิ มึงน่ะละเมอเดินขึ้นมาเอง จำไม่ได้เหรอหอม" ขุนเขาบอกอีกรอบ พอเห็นตาโตเบิกโพลงทำหน้าตกใจก็ได้แต่กระตุกยิ้ม และรู้สึกว่ามากไปหน่อยจนต้องยกกาแฟขึ้นมาบัง

 

            แม้ว่าความจริงรู้แก่ใจว่าข้าวหอมตัวหนักแค่ไหนเวลาหลับเพราะอุ้มขึ้นมานอนด้วยตัวเอง

 

            "แต่หนูไม่เคยละเมอเดินเลยนะพี่ขุน"

 

            "เอ้า ไม่งั้นคิดว่าตัวเองขึ้นมานอนบนห้องได้ไง ดื้อแล้วยังจะอ๋องอีก" ขุนเขาพูดหน้าตาย ก็ถ้าจะมีสติหน่อย ไม่เด๋อมากข้าวหอมก็คงเห็นว่าชุดที่ตัวเองใส่ไม่ใช่ชุดเดิมแล้ว

 

ก็กลับมาเห็นนอนฟุบอยู่ตรงโซฟา ไม่ชอบใจนิดหน่อยที่ตาแดงหน้าแดงขนาดนั้น เห็นแล้วมันไม่เจริญตา สุดท้ายก็อุ้มขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้

 

             แล้วก็เช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นอนสบายตัวหน่อย แต่ก็พยายามจะหลับตาทำมากที่สุด แม้ว่าจะแอบมองนมน้องมันไปหน่อยตอนเปลี่ยนชุดให้ก็เถอะ

 

            "อื้ม" ขุนเขากระแอมไออยู่เล็กน้อย แต่ก็กลับมาอยู่ท่าเดิมได้

 

            "ตื่นแล้วก็อาบน้ำแปรงฟัน ป้าช่อทำกับข้าวรอแล้ว" พอบอกจบก็หันหลังตรงไปที่ประตูทันที

 

            "พี่ขุน"

 

            แต่สุดท้ายก็หยุดตามเสียงเรียกอยู่ดี

 

            "หนูขอโทษนะ หนูขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้งานพี่เสียหาย" ข้าวหอมบอกสิ่งที่อยากบอกตั้งแต่เมื่อวานออกมาชัด ๆ ตรงไปตรงมาทุกถ้อยคำแทนความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจ

 

            "อื้ม" ขุนเขาขานรับ

 

            "พี่ก็ขอโทษมึงเหมือนกัน หอม ที่ดุแรงไป" คำขอโทษที่ได้รับกลับมาทำให้ข้าวหอมใจชื้นมากขึ้นเป็นกอง

 

            "ที่พี่ให้หนูเดินมา หนูเดินมาเองเลยนะ ลุงเดชเป็นพยานได้ แกมาเห็นตอนหนูเดินด้วย พี่ขุนหายโกรธหนูแล้วใช่ไหม"

 

            "อื้ม"

 

            "อื้ม... อื้มอะไรอะ"

 

            "อื้ม หายโกรธแล้ว" พอขุนเขาย้ำ รอยยิ้มที่ซีดจางหายไป ก็ฉายชัดบนใบหน้าที่ยังมีร่องรอยจากการร้องไห้

 

            ทว่าก็สดใสมากขึ้นใกล้เทียบเคียงเดิม

 

            "แล้วพี่ขุนรักหนูบ้างยัง"

 

            "ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึงอะ"

 

            "ก็หนูได้ทีแล้วนี่"

 

            ขุนเขามองลูกสะใภ้ของแม่แล้วก็หัวเราะหึก่อนจะเดินหนีไป ทิ้งให้ข้าวหอมทำหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว ก่อนที่จะยิ้มออกมาอีกรอบ

 

            วันนี้ก็ถือว่าเป็นวันที่ดีล่ะนะ

 

            แต่ว่าปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลย งื่ออออ

 

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ


 







ตอนนี้เจ้มจ้นนิดนึง แต่ก็แค่นี้แหละ พี่ขุนกับหนูหอมไม่เหมาะกับมาม่าเยอะ เพราะเขากินมะเขือเทศกัน คิกคิก

รออ่านฟีดแบคน้าาาา จะสิงสถิตในแท็ก #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ รอคอยเลยยย งื่ออ แอบตื่นเต้นมากอยู่กับเนื้อหาตอนนี้




                  #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่


ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1









#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่



หก , ๖
[/b]





               กลิ่นหอม ๆ ของขนมจีนน้ำเงี้ยวที่เป็นมื้อเช้าของวันลอยขึ้นมาเร่งให้รีบเตรียมตัวจนข้าวหอมน้ำลายสอ อยากรีบลงไปกินตามที่เจ้าของบ้านมาชวน แต่ถึงรีบแค่ไหนตอนที่จะเดินไปอาบน้ำแปรงฟัน ข้าวหอมก็เห็นนะว่าชุดที่ตัวเองใส่ไม่ใช่ชุดเดิม

 

               "นี่ละเมอถึงขั้นเปลี่ยนชุดเองเลยเหรอ" ปากอิ่มพึมพำ ตาโต ๆ สำรวจชุดตัวเองจากกระจกโต๊ะเครื่องแป้งที่กำลังเดินผ่าน

 

               "อูยย เจ็บจัง" หมุนซ้าย บิดขวามองตัวเองเผื่อจะนึกอะไรออกว่าเดี๋ยวนี้ไม่แค่นอนดิ้นแต่หนักถึงขั้นละเมอเดิน ละเมอเปลี่ยนชุดเองแล้วหรือไง พอขยับตัวแรง ๆ ก็รู้สึกเจ็บตื้อ ตามไหล่ตามหลังจนทนไม่ไหว

 

               มือผอมถกเสื้อตัวเองดูพอเห็นรอยจ้ำเขียว ข้าวหอมก็ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมมันถึงเจ็บ ๆ เมื่อย ๆ แบบนี้ นี่คงได้มาตอนล้มทับท่อแน่ ๆ ถึงได้เป็นรอยยาวแบบนี้

 

               "เอาไงดีอะ" เรื่องความเจ็บข้าวหอมพอทนได้ มันไม่ได้เยอะอะไรมากแค่ดูช้ำน่ากลัวไปหน่อย แต่ปกติแล้วเวลาเจ็บน่ะจะเล็กจะใหญ่ ข้าวหอมติดจะไปอ้อนให้ญาติผู้ใหญ่โอ๋ ๆ โดยไม่มีน้ำตาสักหยดแต่สีหน้ามาเต็มตลอด ถึงแม้ว่าถูกโอ๋แล้วแผลไม่ได้หายก็เถอะ แต่มันรู้สึกอุ่นใจขึ้นนี่

 

               แล้วญาติผู้ใหญ่ในบ้านคนเดียวตอนนี้ที่ข้าวหอมอยากอ้อน อยากให้โอ๋มากที่สุดก็คือพี่ขุน

 

               แต่รอยนี่ได้มาตอนทำข้าวของพัง มีหวังพี่ขุนซ้ำมากกว่าโอ๋แน่นอน แล้วข้าวหอมก็รู้สึกผิดอยู่แล้วด้วย ของพวกนั้นต้องพังเยอะกว่าที่ตัวเองเจ็บแค่นี้แน่ ๆ ปกติได้แผลไม่ได้ทำของใครพังนี่

 

               ถ้าไปหาพี่ขุนแทนที่จะได้คำปลอบคงเป็นโดนด่าซ้ำแทน

 

               แบบนั้นถ้าเผลอหลุดร้องไห้ออกมาก็แย่กันพอดี ไม่ชอบเศร้าให้พี่ขุนเห็นอะ

 

               "หอม"

 

               "พี่ พี่ขุนมีอะไรเหรอ" สองมือรีบดึงเสื้อตัวเองลงหันหลังแนบไปกับตู้เสื้อผ้า หน้าตาช่างอ้อนตอนนี้หลุกหลิกชัดเจนเหมือนคนที่กำลังซ่อนความผิดอยู่

 

               ก็ซ่อนจริง ๆ แหละ หวังว่าพี่ขุนจะไม่ทันเห็นรอยช้ำนะ

 

               "เป็นแผลเหรอ ไหนมาดูหน่อย" ขุนเขาเดินตรงเข้ามาหน้าเครียดบอกชัดว่าคงเห็นหมดแล้ว

 

               "เร็ว ๆ หอม!" เสียงก็เข้มจัง คนใจแป้วกลัวจะโดนดุเลยยิ่งไม่กล้า นี่ถ้าเป็นแม่จ๋า แม่ทิพย์ ย่าจ๋านะ ข้าวหอมเปิดแผลโชว์พุงอวดไปแล้ว

 

               "ห้ามซ้ำหนูนะ"

 

               "ซ้ำ? มึงจะให้พี่ซ้ำอะไรวะหอม"

 

               "ก็หนูทำตัวเองอะ สมน้ำหน้าได้แผลนี้มาเองแถมทำของพังด้วยอะ" ข้าวหอมชิงพูดถมตัวเองก่อนเลยจนปากขมุบขมิบ ขุนเขาถอนหายใจเฮือกมือใหญ่ดึงเสื้อเนื้อนิ่มขึ้นดูแผล เห็นรอยช้ำ ๆ บนตัวผอมแล้วก็ยิ่งถอนหายใจ

 

               "มึงไม่ควรดื้อ"

 

               "...."

 

               "แล้วมึงก็ไม่ควรเจ็บ หอม"

 

               "...."

 

               "ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวหายามาให้" พอพี่ขุนใจดีแบบนี้ ข้าวหอมยิ่งรู้สึกผิดใหญ่

 

               "หนูขอโทษนะ"

 

               "เออ รู้แล้ว ไปอาบน้ำ"

 

               "อื้ออ หนูจะรีบอาบเลย"

 

               แบบนี้พี่ขุนก็จะโอ๋ ๆ หนูเหรอ งื่ออ ต้องโรแมนติกแน่ ต้องออเซาะเยอะ ๆ เลย อิอิ









 

               "หอม พอมึงพอ"

 

               "อะไรเล่าพี่ขุนแก่แล้วเอาใจยาก ไหนว่าให้ถก" เสียงโวยกลับมาเย้ว ๆ จนปากยู่

 

               "ก็พอแล้วโว้ยหอม"

 

               "ก็ไหนบอกให้เปิดเสื้อจะทายาให้หนู ไม่เปิดสูง ๆ แล้วจะเห็นได้ไงว่าต้องทาตรงไหนอะพี่ขุน"

 

               "ก็มึงเปิดเยอะไป แค่นี้ก็พอแล้วจะถกอะไรนักหนาวะ มันเห็นนม" เสียงทุ้มที่ทั้งดุทั้งอ่อนใจทำให้คนโดนดุหันไปมองหน้ามุ่ย

 

               "เห็นนมแล้วมันทำไมอะ พี่ขุนไม่ชอบนมหนูเหรอ"

 

               “ไม่อยากเห็นโว้ยยยย”

 

               “นมหนูเล็กเหรอพี่ขุนเลยไม่อยากเห็นอะ ใช่ซี้ พี่ขุนล่ำนมใหญ่กว่าหนูอีก หนูมันแห้ง ๆ แบน ๆ นี่” ข้าวหอมทำหน้าเบะใส่ ส่วนขุนเขาได้แต่ถอนหายใจ พอพูดเรื่องนมน้องมันแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนลามก ยิ่งพูดออกมายิ่งดูไม่ดีป่ะวะ

 

               พอคิดถึง ตาก็เผลอจ้องไปที่นมน้องมันอีกทีแล้วเนี่ย ไม่ได้ป่ะวะ ไอ้ขุนตั้งสติ! มึงห้ามเป็นคนเหี้ย

 

               "พี่ไม่คุยกับมึงเรื่องนี้แล้วเว้ยหอม" ขุนเขาบอกตัด มือใหญ่จับหัวทุย ๆ ของข้าวหอมให้หันหน้าไปทางเดิม ก่อนจะดึงเสื้อยืดสีขาวให้มันปิดลงมาหน่อย เหลือแค่เห็นรอยช้ำรำไร ๆ ให้พอป้ายยาถูกก็พอ

 

               "อื้อ มันเย็นอะพี่ขุน" ข้าวหอมท้วงนิดหน่อย ยึกเอวหนีไปอีกทางเพราะมันทั้งเย็นผิวทั้งมีปลายนิ้วหยาบมาไต่ตามผิวจนบ้าจี้ขึ้นมาอีก

 

               "อยู่นิ่ง ๆ สิวะหอม"

 

               "ก็มันหยึย ๆ เจลก็เย็นมือพี่ขุนก็ร้อนอะ หนูจั๊กจี้" ข้าวหอมบอกตามจริงเสียงอ่อน ขุนเขาถอนหายใจรับเช้าวันใหม่รอบที่แปด แล้วก๋ากั่นอยากแต่งงานกับเขา แค่จับตัวนิดหน่อยก็ดิ้นหนีเป็นลูกลิง โยกซ้าย ขยับขวาหลบมือเขาที่แตะตัวแบบนี้แล้ว

 

               โดนลูบ โดนขย้ำผิวขาวจนตัวแดงขึ้นมาจริง ๆ เด็กตัวเท่าคางนี่จะเอาอะไรมาสู้ไหววะ 

 

               "มึงนี่มันเด็กจริง ๆ เลยหอม เด็กแล้วยังจะทำแก่แดด"

 

               "อะระ หนูไม่เด็กแล้วสักหน่อย" ข้าวหอมรีบเถียงทันที เรื่องนี้ปล่อยไม่ได้หรอก พี่ขุนอะชอบอ้างเรื่องอายุเพื่อทิ้งหนูหอมตลอดแหละ

 

               ทีพี่ขุนแก่หนูยังไม่บอกว่าจะทิ้งเลย ขี้โกง

 

               "หนูโตแล้วเหอะ โตจนมีผัวได้แล้วเนี่ย โอยย งื่อ" ข้าวหอมร้องเสียงหลงเพราะหันมาเถียงแล้วโดนดีดปากไปเต็ม ๆ

 

               "พี่ขุนอะหนูเจ็บนะ ตีหนูทำไมอะ" ปากยิ่งเต่ง ๆ อยู่ เดี๋ยวก็แตกอีก กินมะม่วงไม่อร่อยนะ

 

               "ก็ดูมึงพูดจาเข้า ผัวเผออะไรไม่น่ารักเลย"

 

               "เอ้า ก็จริงป่ะ งั้นโตจนมีสามีแล้วก็ได้ โตจนแต่งานได้แล้วเหอะ แล้วหนูก็แต่งงานแล้วด้วย คิก" จากหน้ามุ่ย ๆ ก็หัวเราะคิกคักออกมา

 

               "แหม อารมณ์ดีง่ายดีจังเลยนะมึงเนี่ย" ขุนเขากลอกตาขึ้นฟ้า เช็ดนิ้วกับจากางเกงยีนส์ก่อนจะปิดหลอดยาเก็บใส่ถุง พร้อมดึงเสื้อที่เจ้าตัวเปิดค้างปิดเนื้อขาว ๆ ให้

 

               "ก็หนูมีความสุขนี่ ได้อยู่กับพี่ขุน"

 

               "เออ ๆ เรื่องของมึง" ขุนเขาบอกปัดไป ขี้เกียจรำคาญหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นแทน นี่ถ้าเขาพูดว่าแต่งงานกันได้ก็หย่าได้ ก็เลิกได้ให้ข้าวหอมมันได้ยิน คงต้องทนฟังเสียงโวยวายจะไปฟ้องแม่จนหูดับแน่ ๆ

 

               "แล้วมึงไม่มีอะไรทำเหรอหอม ไปเที่ยวแถวมหา'ลัย ไปชวนพวกแป้งนุ่มมาสำรวจเมืองเชียงใหม่ดูก็ได้เดี๋ยวให้ลุงเดชขับรถให้"

 

               "นุ่มมันคงอยู่กาญฯยาว ๆ มาเชียงใหม่ตอนมหาลัยเปิดเลยอะพี่ขุน ทำภารกิจพิชิตใจอะไรมันก็ไม่รู้ นี่ก็เอาคินอยู่เป็นกองหนุนด้วย ตอนแรกคินมันจะขึ้นมาเที่ยวที่ไร่พี่ขุนแหละ"

 

               "คิน ..อนาคินที่ขาว ๆ ตัวสูง ๆ น่ะเหรอ" ขุนเขานึกถึงเพื่อนข้าวหอมซึ่งตนเจอล่าสุดเมื่อตอนงานแต่งงานของตัวเองที่ผ่านมา จากเด็กผู้ชายตัวผอมสูงในวัยมัธยมต้น ตอนนี้สูงโดดจากครั้งสุดท้ายที่เคยเจอตอนเด็กตั้งเยอะ

 

               "ใช่ ๆ โห พอคินมันยิ่งสูงนะสาวตามกันตรึมเลย ยิ่งไปเรียนเต้นมา ขึ้นงานโรงเรียนทีพวกรุ่นน้องกรี๊ดกันใหญ่"

 

               "แล้วทำไมมึงไม่โตกับเขาบ้าง ตั้งสี่ปี" ขุนเขาว่าไปถึงครั้งสุดท้ายที่เจอกันก่อนจะต้องมาแต่งงานกับน้องมันเนี่ย ข้าวหอมสูงขึ้นนิดหน่อยที่เหลือเหมือนเดิมโดยเฉพาะนิสัย ดื้อ

 

               "โห หนูก็สูงขึ้นตั้งเยอะเถอะ นุ่มมันยังเตี้ยกว่าหนูเลยนะ พี่ขุนไม่เห็นเหรอ" ข้าวหอมพูดถึงเพื่อนที่ตัวเองสนิทมาตั้งแต่ประถมแล้ว

 

                 อย่างแป้งนุ่มนี่ขุนเขาก็รู้จักมานานเพราะเป็นเพื่อนกับข้าวหอมตั้งแต่ประถมต้น

 

               แล้วไงล่ะ เด็กผู้ชายวัยประถมหน้าตาน่ารัก ชื่อนุ่มกับหอม ช่างอ้อนช่างฉอเลาะครูจ๊ะครูจ๋าเรียนเก่ง กีฬาห่วยสองคนมาเจอกัน เหอะ ก็โดนแกล้งแล้วแกล้งอีก โดนแกล้งทุกวัน เด็กก็โหดใช่เล่นที่ไหน

 

               เห็นน้องมันโดนแกล้งจนบางทีขุนเขาต้องเข้าไปปรามบ้าง แล้วกูก็โตกว่าแปดปี ผู้ใหญ่รังแกเด็กสัด ๆ แต่เด็กบางคนแม่งก็ร้ายเกินเด็กจริง ๆ พอนึกดูแล้วขุนเขาก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองเคยทำลงไปนั้นถูกแล้ว

 

               "พี่ขุนนน" ข้าวหอมเรียกอีกรอบเมื่อเห็นพี่ชายที่ตัวเองแอบรักมานานจนพิชิตเป็นสามีได้เอาแต่นั่งนิ่งจ้องหน้าจอมือถือเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

 

               ตัวผอมรีบขยับมาดูใกล้ ๆ อย่างเงียบเชียบ เห็นหน้ามือถือเปิดเฟสบุ๊คค้างไว้เป็นรูปหมู่ตอนมหาวิทยาลัยของขุนเขา เห็นแค่นั้นข้าวหอมก็เบ้ปาก

 

               เหอะ คุยกับหนูอยู่ดี ๆ แล้วจิตหลุดเพราะงี้เองเหรอ นิ่งไปแบบนี้คงไม่พ้นมัวแต่มองแล้วก็คิดถึงคนที่ยืนข้างกันในรูปหมู่นี่น่ะสิ

 

               ...คนที่ทำให้ข้าวหอมรู้ว่า ถ้าเป็นผู้ชายน่ารัก ๆ พี่ขุนเขาก็ชอบ ...มารหัวใจ

 

               "พี่ขุน!" ข้าวหอมยื่นหน้าตัวเองมาบังมือถือในมือหนาจนหน้าแทบจะเบียด ปลายจมูกขาวแทบจะชนคางขุนเขา ทำเอาพี่ชายตัวโตผงะถอยหนีแทบไม่ทัน

 

               "อะไรมึงเนี่ยหอม จู่ ๆ ก็ยื่นหน้าเข้ามาพี่ตกใจหมด"

 

               "ทำแมะ มัวแต่คิดอะไรอยู่หนูเรียกก็ไม่สน" ข้าวหอมโวย ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม

 

               "ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องพูดออกมานะ หนูไม่อยากฟัง" ใครจะไปอยากฟังชื่อมารหัวใจจากปากคนที่ชอบอะ หึ ไม่อยากให้คิดถึงด้วย

 

               อยากให้พี่ขุนคิดถึงหนูคนเดียวเลย ไม่ได้เหรอ

 

               "พี่ขุน จะว่าไปหนูอยู่เฉย ๆ ก็ชักจะเบื่อละเนี่ย" ความจริงข้าวหอมชอบนอนโง่ ๆ ในห้องแอร์เย็นฉ่ำกับพี่ขุนเขาแบบนี้มากที่สุดแล้ว แต่ถ้านั่งเอื่อยเฉื่อยด้วยกันพี่ขุนก็มีเวลาคิดถึงคนอื่นสิ

 

               "พี่ขุนว่างไหม ที่สัญญาว่าจะพาหนูไปเดทอะ ไปวันนี้เลยสิ" ข้าวหอมไหลตัวนิ่ม ๆ ลงมากอดแขนล่ำ เอาแก้มเกยอย่างออเซาะ แต่ก็โดนขุนเขาแกะออกจนได้

 

               "อะไรของมึงหอม พี่ไปสัญญากับมึงตอนไหน เดทอะไร"

 

               "ก็ตอนเตรียมงานแต่งงานอะ พี่ขุนบอกหนูว่างานไม่ต้องมีดอกไม้เยอะ ๆ หรอก เดี๋ยวพี่ขุนพาไปเดินพืชสวนโลกเอา เนี่ยพี่ขุนชวนหนูไปเดท หนูก็เลยตกลงไง" พอข้าวหอมพูดออกมาแล้วขุนเขาก็ชักจะนึกออก

 

               เออว่ะ เคยพูดไปจริง ๆ

 

               "จะไปวันนี้เลยเหรอ มันร้อนนะ แล้วมึงก็ปวดตัวไม่ใช่เหรอ"

 

               "ได้ พี่ขุนได้ หนูไหว ป่ะ ไปกัน"

 

               "เออ ๆ"

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

               เด็กดื้อก็คือเด็กดื้อจริง ๆ

 

               ขุนเขามองเด็กตัวขาวที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นตัวแดง เดินใช้สองมือเกาะไหล่ขุนเขาไว้ไม่ห่างเหมือนวิญญาณตามติดเพราะเดินไม่ไหวทั้งแดด ทั้งเมื่อยตัว นี่เพิ่งเดินดูดอกไม้ในพืชสวนโลกไปแค่ไม่กี่โซนเอง

 

               "ไงดื้อ บอกแล้วว่ามึงไม่ไหว"

 

               "ไหว หนูไหว" ตอบเสียงเนือย ๆ ยกขวดน้ำขึ้นมาดูดอีกสองอึก

 

               "พี่ขุนนน ไปตรงโน้นกันเถอะ" ดันหลังกว้างให้พาเดินเข้าไปในโซนจัดแสดงดอกไม้นานาชาติที่ปรับอากาศให้เย็นพร้อมทั้งเปิดไอน้ำโชยไว้ พอเจออากาศเย็นข้าวหอมก็หน้าตาสดชื่นขึ้น ชวนดูนั่นดูนี่เสียงเจื้อยแจ้ว

 

               "เดินดี ๆ เดี๋ยวก็ตกน้ำ" มือใหญ่ ๆ ดึงคอเสื้อเด็กตัวเท่าคางไว้ก่อนที่จะเดินหมุนจนตกร่องน้ำซึ่งต่อยาวออกมาจากน้ำตกจำลอง พอโดนดุข้าวหอมก็เดินมาเกาะแขนทำหน้าอ้อนต่อ

 

               แต่ดูแล้วขุนเขาคิดว่าน่าจะเพราะหมดโซนเย็นจะออกแดดอีกแล้ว เด็กมันขี้เกียจเลยจะเกาะขุนเขาเป็นตุ๊กแกไม่ต้องออกแรงเดินเองมากกว่า

 

               "พี่ขุนนู่นอะไรอะ ขาว ๆ ที่มีพระองค์ใหญ่ ๆ" ขุนเขามองตามที่ข้าวหอมชี้ไปบนยอดดอยไม่ไกลนัก

 

               "อ่อ พระธาตุดอยคำ"

 

               "พระธาตุดอยคำที่มีพระเจ้าทันใจใช่ไหมพี่ขุน ที่แม่ทิพย์บอกว่าขออะไรก็ได้ใช่ป่ะ พี่ขุนจ๊ะ พี่ขุนจ๋าพาหนูหอมขึ้นไปหน่อยน้า น้า " ข้าวหอมบอกสรรพคุณตามความเชื่อออกมาได้ถูกต้อง เอ้อ เรื่องแบบนี้ล่ะรู้ดี สมกับเป็นลูกสะใภ้ของแม่เขาจริง ๆ     

 

               "จะไปเลยหรือจะดูดอกไม้ต่อก่อน"

 

               "ไปเลย ๆ ป่ะ พี่ขุนเราไปที่รถกัน" ข้าวหอมว่าแล้วก็เดินนำใช้สองมือจับแขนขุนเขาเดินตรงไปที่รถ วันนี้ดีหน่อยที่ขุนเขาเอารถใหญ่ออกมาเป็นกระบะสี่ประตูแรงดีจะได้ขับขึ้นทางโค้ง ๆ ฉวัดเฉวียนขึ้นเขาของดอยคำได้

 

               ขนาดไม่ใช่วันหยุดแต่คนที่มาสักการะบนพระธาตุดอยคำก็มีไม่น้อย พวงมาลัยมะลิที่ถูกเอามาไหว้พระทั้งแก้บนวางอยู่หน้าลานในศาลาที่มีองค์พระเจ้าทันใจอยู่จนส่งกลิ่นมะลิหอม ๆ เต็มไปหมด

 

               ขุนเขาจุดธูปสามดอกให้คนตัวผอมข้าง ๆ ที่มองรอบตัวท่ามกลางผู้คนเบียดเสียดด้วยความตื่นเต้น ไม่รู้คิดจะขออะไรถึงได้ทำตาเป็นประกายแบบนั้น

 

               "ขอบคุณจ้ะพี่ขุน" ขานตอบพร้อมรับธูปที่ขุนเขาจุดให้ไปนั่งท่าเทพธิดาพนมมืออ่านป้ายคำแนะนำในการไหว้ตาแป๋ว ขุนเขาเลือกนั่งอยู่ข้าง ๆ ไหว้พระขอพรให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุขสงบเป็นมงคลชีวิตตามทั่วไป ไม่ได้เจาะจงบนบานขออะไรเป็นพิเศษ

 

               แต่ข้าวหอมนี่นั่งขยับปากมุบมิบจนแก้มล้น ๆ ขยับตามเป็นก้อน ตาโตกลมแบ๋วแน่วแน่จนเห็นขนตายาวรับกลับปลายจมูกกลม ๆ

 

               พอไม่เถียงจนปากสีสวย ๆ นี่ยื่นก็น่ารักดี

 

               เอ่อ น่ารักแค่นิดหน่อยนั่นแหละ

 

               "เพี้ยงงงง" ข้าวหอมยกมือที่พนมจับธูปไว้ขึ้นจรดกระหม่อม ก่อนจะเอาธูปไปปัก ไม่พอยกมือไหว้พระท่านซ้ำอีกที

 

               ขุนเขาพาคนตัวผอมเดินมารับลมเย็นเอื่อย ๆ จากจุดชมวิวของวัดเพราะเป็นช่วงเย็นแดดร่มลมตกแล้วเลยไม่ร้อนมากนัก วิวตรงหน้าทำให้เห็นวิวเมืองเชียงใหม่จากด้านบนก็แปลกตากับคนต่างถิ่นอย่างข้าวหอมไปอีกแบบ

 

               "หอม ขออะไรล่ะมึง ขอซะนานเชียว" ขุนเขาอดจะถามไม่ได้ เพราะข้าวหอมเป็นเด็กที่เกิดมาพร้อมทุกอย่าง ครอบครัวก็ดี ฐานะทางบ้านยิ่งไม่ต้องพูดถึง ป้าขิมลุงขจรก็มีเงิน แล้วยิ่งมาเป็นลูกสะใภ้บ้านเขาอยากได้อะไรจ๊ะจ๋าเอาหน่อย ย่ากับแม่เขาก็พร้อมจะประเคนให้ทุกสิ่ง

 

               "เรื่องแบบนี้เขาไม่ให้บอกกันพี่ขุน เดี๋ยวไม่ได้ผล" ข้าวหอมโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าบอกไม่ได้จริง ๆ 

 

               เพราะข้าวหอมอยากให้เรื่องนี้มันได้ผล อยากให้สำเร็จ

 

               ถึงที่รู้มาว่าขอเรื่องความรักไม่ได้ แต่มาถึงจุดนี้ข้าวหอมก็ขอหน่อยเถอะ อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยหนุนหลังอยู่บ้าง

 

               ก็เลยขอให้พี่ขุนรักข้าวหอมไว ๆ รักข้าวหอมคนเดียว

 

               ให้พระท่านดลใจสักนิดสักหน่อยก็ยังดี ลำพังแค่ตัวข้าวหอมเองไม่รู้จะทำได้ไหม ก็ขอเล่นของนิดนึง เผื่อพี่ขุนจะมอบความรักคืนมาให้ข้าวหอมได้ฟังจนชื่นใจสักครั้ง

 

               ข้าวหอมยืนจ้องมองเสี้ยวหน้าคมในชุดลำลองข้างกาย จมูกโด่ง ๆ ตาเรียวเล็กที่เต็มไปด้วยพลังรับเส้นผมสีดำเงาของขุนเขาก็ยังหล่อโดนใจเหมือนทุกครั้งที่มอง

 

               "เบื่อหรือยัง จะกลับไร่เลยไหม จะได้โทรบอกให้ป้าช่อทำกับข้าวเผื่อ"

 

               "ยังงงงง หนูยังไม่เบื่อ อยู่ต่ออีกแปปนะพี่ขุน"

 

ข้าวหอมยังไม่อยากให้เดทแรกของเราจบ อยากให้นานขึ้นอีกหน่อย

 

               อยากให้พี่ขุนไม่คิดถึงใครเลยนอกจากหนูหอมคนเดียว

 

               "อื้ม แล้วแต่มึงหอม"             

 

               พอถูกตามใจหน่อยข้าวหอมก็ยิ้มแฉ่งจนตาเหลือแค่เสี้ยวเดียวแข่งกับลูกหลานคนจีนเชื้อสายตระกูลอินท์วันธรข้าง ๆ

 

               "เอ้า น้ำ เดี๋ยวมึงไม่สบายขึ้นมา แม่ด่าพี่อีก" น้ำสไปซ์ที่ซื้อจากร้านหน้าวัดตอนเดินขึ้นมาถูกยื่นหา ข้าวหอมรีบรับไว้มองคนให้ตาเป็นประกายหวานหยด

 

               งื่อออ วันนี้พี่ขุนใจดีจัง ใจหนูเต้นตึกตักไปหมดแล้ว

 

               "พี่ขุนจ๋า ถ้าสิ่งที่หนูขอสำเร็จ พี่ขุนพาหนูมาแก้บนได้ไหม"

 

               "อืม ก็ได้นะ"

 

               "พี่ขุนออกค่าพวงมาลัยให้หนูด้วยนะ" เพราะที่นี่เขาให้แก้บนด้วยพวงมาลัยมะลิ เวลาจะแก้ก็หาซื้อตามร้านข้างล่างที่มีขายแล้วก็เอาขึ้นมาแก้กับพระท่านข้างบนนี้ ข้าวหอมเองก็ขอไปแค่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

 

               "เอาสิ แล้วบนไปเท่าไหร่"

 

               "หนูบนไปหมื่นพวงจ้ะ"

 

               "ห๊ะ! หมื่นพวง มึงขออะไรเนี่ยหอม มึงบนเวอร์ไปไหม"

 

               "ไม่เวอร์นะพี่ขุน เพราะของที่หนูขออะชิ้นใหญ่มากเลย ชิ้นใหญ่สุด ๆ หมื่นพวงหนูว่ายังน้อยไปเลยด้วย"

 

               "เออ ๆ แล้วแต่มึงหอม พี่เชื่อละว่าใหญ่จริง มึงบนซะขนาดนี้" ขุนเขาขานรับอย่างจนใจ ก็ขอไปแล้วนี่ถ้าได้อย่างใจตอนนั้นค่อยพาน้องมันมาแก้ หมื่นพวงก็ไม่กี่หมื่นหรอก แต่ก็เชื่อแล้วว่าเรื่องที่ตั้งใจขอคงสำคัญสำหรับหอมมันมากจริง ๆ ไม่งั้นคงไม่บนจัดเต็มขนาดนี้

 

               พอเห็นว่ามีคนพร้อมจ่ายเงินค่าพวงมาลัยให้ ข้าวหอมก็ยิ้มแฉ่ง

 

ของที่ขอน่ะใหญ่ที่สุดแล้วล่ะ ตั้งความรักของพี่ขุนเขาเลยนะ

 

               ใหญ่เท่าโลกทั้งใบของข้าวหอมเลย

 

 
ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 


 



หนูหอมมาแล้วจ้ะพี่ๆจ๋าาา
ตอนนี้พี่เขาก็พาน้องไปเดทจ้าา งื่ออ /หอมหัวหนูหอมม

จะนั่งรอนอนรอ งั่มๆ มะเขือเทศรอในแท็ก #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ นะทู้กกกคนนนนน




             #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1



#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่



เจ็ด , ๗
[/b]





 

            "ทำอะไรน่ะหอม" ขุนเขาถามด้วยความสงสัยกับเด็กตัวเท่าคางที่ลุก ๆ นั่ง ๆ อยู่ตรงโต๊ะกินข้าว ขุนเขาเพิ่งกลับเข้ามาจากดูไร่ตอนเช้า ยืนมองมาห้านาทีแล้วอีกฝ่ายก็ไม่หันมาสนใจอย่างทุกที

 

            "พี่ขุนมาแล้วเหรอออ คิดถึงจังเลยจ้ะ" ข้าวหอมบอกพร้อมหันมายิ้มแป้นให้หนึ่งทีอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันไปหยิบเยลลี่หมีถุงสีเทามาแกะอีกถุง

 

            "หนูทำขนมอยู่พี่ขุน" พร้อมเทเหล่าเจ้าหมีหลากสีลงไปในขวดน้ำสีใส ขุนเขาเดินมามองใกล้ ๆ

 

            "กับแค่เอาหมีใส่ขวดน้ำนี่บ้านพี่ไม่เรียกทำขนมนะ" พูดแกล้งเข้าหน่อย แต่วันนี้ไม่หันมาเบะปากใส่ เพราะสองแก้มขยับตุ้ย ๆ เคี้ยวหมีเขียวอยู่

 

            "เยลลี่เดินลงน้ำเองได้ที่ไหนอะ หนูนี่แหละทำขนมถูกแล้ว" แต่ก็ยังไม่วายจะเถียง ขุนเขาหัวเราะหึในใจ

 

            "เนี่ยคินมันเคยทำให้หนูกิน เอาเยลลี่หมีแช่สไปซ์ป่ะ แล้วก็ปิดฝาแช่เย็น รอแปปนึงเอามางั่ม ๆ ต่อ อร่อยไปอีกแบบดีนะพี่ขุน" ข้าวหอมโม้ใหญ่ มือก็จกเยลลี่ต่อ

 

            "เออ คุ้น ๆ ตอนพี่เรียนมหาลัยเคยกินอยู่ แต่พี่แช่ในวอดก้ากินตอนเมา ๆ ก็ใช้ได้" ขุนเขานึกถึงชีวิตช่วงมหาวิทยาลัยที่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว

 

            ตอนนั้นข้าวหอมตัวยังไม่ถึงราวนมขุนเขาเลย

 

            แต่ความดื้อนี่ใหญ่เกินตัวมาแต่ไหนแต่ไร

 

            "โห จริงอะพี่ขุน อร่อยใช่ป่ะ งั้นรอบหน้าหนูไม่เอาสไปซ์ละ ใช้วอดก้าดีกว่า ผู้ใหญ่โตแล้วแบบหนูเนี่ย ฮี่ฮี่" ข้าวหอมยิ้มกว้างทำหน้าเจ้าเล่ห์ หยิบโทรศัพท์อายุสองปีขึ้นมาพิมพ์โน้ตเตือนว่าอย่าลืมซื้อเยลลี่อีกสองถุงกับวอดก้า

 

            "ฮื่ออ พี่ขุน หนูใช้มือถืออยู่ ดึงไปทำไมอะ"

 

            "พอก่อนมึงอะ หอม วอดกงวอดก้าอะไร ยี่สิบแล้วเหรอมึง ยังโว้ยยังไม่วันเกิด ยังเป็นผู้เยาว์อยู่" เนี่ยพอพูดออกจากปาก ขุนเขาก็รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อีกรอบ ว่าเพิ่งแต่งงานกับเด็กอายุสิบเก้า รู้สึกควรส่งตัวเองเข้าคุก

 

            "อะระ พี่ขุนรู้เปล่าถ้าแต่งงานแล้วก็คือไม่เป็นผู้เยาว์แล้วนะ" ก่อนจะไปอ้อนแม่ทิพย์จ๋า ย่าจ๋า แม่จ๋าให้พาพี่ขุนมาแต่งงานด้วย หนูหอมก็หาอ่านมาเถอะ แถมก็ตั้งสิบเก้าแล้วไหม จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วด้วยนะ

 

            "ยังเป็นผู้เยาว์สำหรับพี่โว้ย"

 

            "งั้นยี่สิบก็กินได้ใช่ไหม เดี๋ยวหนูพาน้องหมีลงอาบวอดก้ารอเลย พอวันเกิดนะจะนั่งกินแทนเค้กเลย" ข้าวหอมพูดจนปากขมุบขมิบ ทั้งกวนทั้งคิดจริง

 

ตอนแรกก็เฉย ๆ นะ ที่วันเกิดในอีกหลายเดือนข้างหน้าจะไม่มีเลขหนึ่งนำแล้ว แต่พอพี่ขุนมาพูดแบบนี้ก็ชักตื่นเต้น

 

            "ยังโว้ย เหล้าเบียร์อะมึงอย่าเพิ่ง" ขุนเขาพูดเสียงเคร่งก่อนจะนิ่งคิดแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับคนที่ตัวเองแต่งงานด้วย

 

            "หรือว่ามึงควรกินเป็นดี หอม" ขุนเขาพึมพำกับตัวเองไม่ดังนัก มองหน้าขาว ๆ ตาโตจมูกมนปากฉ่ำ ๆ กับแก้มเป็นก้อนที่ยังเคี้ยวเยลลี่หมีเต็มปาก

 

            ชีวิตมหาวิทยาลัยไอ้เรื่องกินเหล้าเมายานี่มันก็หนีไม่พ้นไหมวะ ยิ่งถ้าเจอเพื่อนหรือสายรหัสแข็ง ๆ มันก็มักจะมีพี่ในสายที่เป็นเหี้ยอะไรไม่รู้ชอบมอมเหล้าเด็กปีหนึ่ง ยิ่งน่ารัก ๆ นี่จะไปเหลืออะไร

 

            แล้วดูหน้าข้าวหอมมันสิ เป็นพี่ดี ๆ ก็คงจะกลายเป็นพี่เหี้ย ๆ กันหมด ได้หมอบคาแก้วเหล้าเวลาเลี้ยงสายแน่

 

            ถ้าไม่มีภูมิต้านทานเลย ไม่รู้เลยว่าเมาง่ายหรือเมายาก คอแข็งไหม เมาแล้วเป็นไง มันก็แย่ปะวะ

 

            "หอม ถ้าอยากลองดื่มเหล้า ดื่มทุกอย่างที่มันจะทำให้เมาอะ รอโตกว่านี้ก่อนเดี๋ยวพี่สอนเอง"

 

            "พี่ขุนพูดจริงเหรอ" ข้าวหอมยิ้มร่าทำตาโตยื่นหน้าข้าวโต๊ะกินข้าวมาใกล้ด้วยความตื่นเต้น

 

            "หรือไม่ควรให้มึงลองดีวะ ถ้าใครมาชวนก็บอกว่าดื่มไม่เป็นไปเลยจบกว่า"

 

            "พี่ขุนเอาไงเนี่ย" นักล่าเยลลี่ทำหน้าหน่ายก่อนจะเอาหมีตัวที่สีแดงน้อยกว่าปากตัวเองมาเคี้ยวต่อ

 

            "แต่หนูโหวตว่าจะสอนนะ หนูอยากลองอะพี่ขุน เนี่ยตอนแรกหนูนะจะไปเที่ยวทะเล หลังจบมอหกกับคินและก็นุ่มมันใช่ป่ะ ก็ว่าจะไปเหมาพวกเหล้ามาหลาย ๆ สีเลย ปูเสื่อริมหาดแล้วก็ลองดื่มกัน ว่ามันจะเป็นไง อร่อยไหม" พอพูดถึงเรื่องเที่ยว ปากอิ่ม ๆ ก็ขยับมุบมับใหญ่

 

            "แต่หนูจัดงานแต่งงานกับพี่ขุนไง ก็เลยต้องพับเรื่องเที่ยวไปก่อน"

 

            ขุนเขาเพิ่งจะเห็นข้อดีของงานแต่งงานที่ตัวเองโดนหลอกให้แต่งขึ้นมาก็วันนี้

 

            "มึงพักเลยความคิดแบบนั้นน่ะ มีแต่เด็ก ดื่มเหล้าริมหาดโคตรอันตราย ถึงคินมันจะตัวโตแต่ดูแลมึงกับนุ่มไม่ได้หรอกนะ" ขุนเขาบ่นเสียงเขียว คิ้วขมวด

 

พี่ข้าวกล้องนี่แม่งไม่ดูแลน้องเลยเหรอวะถึงได้ให้วางแผนจัดทริปไปเที่ยวกันแบบนี่น่ะ ทั้งที่พี่มันโตกว่ากูอีกแม่ง

 

แล้วดูสภาพถ้าเมาอยู่ริมหาดจะไม่โดนลากไปหรือไง โอ้โห กูเมมเบอร์พี่กล้องไว้ใช่ไหมวะ เดี๋ยวกูโทรไปด่าแม่ง น้องเนิ้งนี่มึงเลี้ยงมาอย่างนี้ได้ไง มันใช่เรื่องไหม

 

            "พี่ขุนอย่าทำหน้าดุสิ หนูก็ไม่ได้ไปจริงสักหน่อย" เสียงขี้โม้ช่างจ้อหงอยลงไปเยอะเหมือนสองไหล่แคบที่ลู่ตก ข้าวหอมหลบตามองแต่เยลลี่ในถุงไปเลย ขุนเขาก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วก็จะทำหน้าตาดุไปหน่อย ไม่แปลกที่น้องมันจะกลัว

 

            เมื่อสมัยตอนเป็นพี่ว๊าก ขุนเขายืนหนึ่งด้านความไม่ต้องอ้าปากแค่คิดใส่อินเนอร์ในตัวเองเยอะ ๆ ว่าต้องดูเข้ม ๆ แล้วเดินไปจ้องหน้า น้องก็ขวัญหนีฝ่อกันหมด นี่ถ้าตะคอกเพิ่มด้วยขนาดเพื่อนก็ยังหัวหด

 

            หน้าตาเรียกตีนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำไมกูจะไม่รู้ตัว

 

            ก็ยังนึกสงสัยอยู่ว่าทำไมเด็กบางคนที่ดูขวัญอ่อน ๆ แต่พร่ำบอกว่าชอบเขาอยู่ได้



            "อะหนูง้อ ยิ้มให้หนูหน่อย ไม่เอาตาขวาง"  นิ้วเรียว ๆ คีบเยลลี่หมีสีขาวส่งมาให้

 

            ง้อด้วยขนมก็สมกับเป็นหนูหอมดี ขุนเขาคิดในใจก่อนจะแบมือรับเจ้าเยลลี่หมีตัวนุ่มดึ๋งดั๋ง

 

            "เนี่ยสีขาวด้วยนะ แบบที่พี่ขุนชอบไง" พอข้าวหอมพูดขึ้นมา ขุนเขาก็นิ่งคิดอยู่นานก่อนจะนึกออก

 

ที่เคยพูดไปส่ง ๆ แต่คนฟังไม่เคยฟังผ่าน ๆ

 

            "จำได้ด้วยเหรอ โคตรนานพี่ยังลืมแล้วเลย"

 

            "เรื่องเกี่ยวกับพี่ขุนหนูไม่ลืมหรอก" ข้าวหอมยิ้มแฉ่งจนตาหยีออกมาอีกรอบเมื่อเห็นของง้อที่ส่งให้ถูกจัดการเรียบร้อย

 

            "จะบอกให้หนูจำเรื่องพี่ขุนได้แม่นกว่าสูตรดิฟที่จะเอาไปสอบอีก คินบอกว่าถ้ามีสอบเรื่องพี่ขุนนะหนูจะต้องได้เต็ม แน่นอนอยู่แล้วป่ะ นี่ใคร หนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ขุนไง" มือผอมตบอกอย่างภาคภูมิใจ กลับมาหน้าแป้นเมื่อตาตี่ ๆ ของพี่ขุนตอนนี้ไม่ดุแล้ว

 

            "หอม เรื่องดื่มเหล้าน่ะ ไว้วันเกิดเราก่อนแล้วกัน ถ้าทำตัวดี ๆ พี่จะสอนให้ แต่ถ้าพี่ยังไม่สอนห้ามไปดื่มที่ไหนเองก่อนเข้าใจไหม"

 

            "โห แบบนั้นหนูก็อดแน่อะ ยังไงพี่ขุนก็จะสรุปว่าหนูดื้ออยู่ดีป่ะ" ข้าวหอมทำปากยื่นใส่

 

            "เนี่ย ตอนนี้ก็เริ่มดื้ออีกละหอม"

 

            "ไรอะ หนูยังไม่ได้ดื้อเลยนะ"

 

            "นั่งหายใจเฉย ๆ ก็ดื้อละมึงอะ"

 

            "ใช่ที่ไหนล่ะ หนูนั่งหายใจเฉย ๆ แล้วน่ารักก็ว่าไปอย่าง" แล้วก็หัวเราะคิกคักออกมาคนเดียว

 

            "เออ ๆ เอาที่มึงสบายใจเถอะหอม" ฟังแล้วยิ่งหัวเราะ เนี่ย ถือว่าพี่ขุนเห็นด้วย

 

            "หูย หมีเหลือง" ข้าวหอมทำเสียงตื่นเต้น พอนึก ๆ ดูแล้วขุนเขาเหมือนจะเคยได้ยินเด็กตัวเท่าคางอวดอยู่เหมือนกันว่าเยลลี่หมีตัวสีเหลืองอร่อยที่สุดแล้ว ขุนเขาถึงได้พูดเรื่องเยลลี่หมีสีขาวเพื่อให้มีเรื่องคุยกับเด็กที่ถูกแกล้งจนร้องไห้

 

            ทั้งที่ความจริงแล้ว สำหรับขุนเขาเยลลี่หมีสีไหนมันก็รสชาติเหมือนกันหมด

 

             ขุนเขามองซองเปล่าของขนมที่ถูกเอาไปแช่แล้วสอง ในมือผอม ๆ ของข้าวหอมอีกหนึ่งบนโต๊ะอีกสาม บอกได้สองอย่างว่าข้าวหอมชอบกินเยลลี่มากกับอีกไม่นานจะต้องฟันผุแน่ถ้ากินแบบนี้

 

            "กินขนมไร้สาระมาก มันอ้วนนะรู้ไหม"

 

            "เยลลี่ไม่ไร้สาระนะพี่ขุน!" ทำตาลุกวาวใส่ทันทีว่าเรื่องนี้จริงจังมาก

 

            "แล้วหนูก็ไม่อ้วนด้วย"

 

            อืม ก็มีแค่ก้นกับแก้มนั่นแหละที่กลม ๆ  ส่วนตัวที่เหลือผอมเหมือนไม่มีข้าวกินแต่จะมาสมบูรณ์ขึ้นเพราะขนม เดี๋ยวจะได้เบาหวานแถมมาป่ะวะ

 

            "อ้วน หอม"

 

            "งื่อ หนูไม่อ้วนนะ แค่เป็นมิตรกับขนมเฉย ๆ"

 

            "ก็อ้วนอยู่ดีปะวะ"

 

            "พี่ขุนก็อ้วนเถอะ ถึงตอนนี้ยังมีซิกแพ็กจะกล้ามแน่น ๆ นมใหญ่ ๆ แต่ถ้ากินแต่เบียร์ต่อไปก็จะลงพุง แล้วก็หัวล้านด้วย" เถียงจนแก้มเบียด

 

            "แต่ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้นหนูก็รักพี่ขุนอยู่ดี" แล้วก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว

 

            "พี่ขุนเดินหนีไปไหนอะ พี่ขุน" ข้าวหอมรีบเรียกใหญ่ เมื่อเห็นคนตัวโตจู่ ๆ ก็หันหลังใส่เดินไปที่บันไดเสียเฉย ๆ

 

            "จะไปอาบน้ำแล้ว ปล่อยมึงเพ้อเจ้อไปให้สบายใจ" ตอบทั้งที่ไม่หันมามองหน้า แดดในไร่คงร้อนจริง ๆ แหละ เพราะเหมือนข้าวหอมจะแอบเห็นผิวตรงหูของพี่ขุนแดง ๆ ด้วย

 

            "พี่ขุนบ่ายนี้ว่างไหมอะ"

 

            "ทำไม"

 

            "หนูเบื่อ ๆ อะ ไม่มีไรทำ" ที่จริงวางแผนว่าจะชวนไปเดทนั่นแหละ เนี่ยนะ ถ้าอยู่ด้วยกันในบ้านนอนตากแอร์ก็จะเป็นเดทแบบชิล ๆ

 

            ถ้าพี่ขุนเข้าไปในไร่ ข้าวหอมตามไปด้วยก็จะเป็นเดทท่ามกลางธรรมชาติ (แต่รอบนี้ต้องระวังไม่ทำอะไรพังเดี๋ยวโดนดุอีก พี่ขุนเวลาดุน่ากลัวอย่างกับยักษ์ ตัวใหญ่ ๆ หน้าดุๆ ถึงพี่ขุนแบดบอยก็หล่อดี แต่หนูหอมไม่ชอบโดนดุ)

 

            ถ้าออกไปข้างนอกเหมือนที่ไปพืชสวนโลกเมื่อสี่ห้าวันก่อนก็จะเป็นเดทนอกสถานที่

 

            ถ้าพี่ขุนเอามะเขือเทศไปส่ง ข้าวหอมก็จะนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ ยามเธอขับรถอยู่ข้าง ๆ ก็คือเดทแบบชมวิว

 

            งื่ออ แค่ได้อยู่กับพี่ขุนสองคนหนูหอมก็จะนับเป็นเดทให้หมดเลย เพราะชอบเดทที่หนึ่งมาก ๆ เลย อยากมีเดทที่สอง สาม สี่ห้า ลากยาวไปถึงร้อยเลยอีกเยอะๆ

 

            "ก็ว่าจะไปข้างนอกอยู่" พอคิดดูดี ๆ แล้วขุนเขาก็มีเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่ลืมทำมาหลายวันแล้วเหมือนกัน

 

            "ไปไหนเหรอ หนูไปด้วยนะจ๊ะพี่ขุนจ๋า นะนะ"

 

            "เออ ๆ จะไปก็ไป ไปเซนเฟสเดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จจะไปเลย"

 

            "หูวว ไปห้างเหรอ ไปด้วยยย เดี๋ยวหนูเตรียมตัวรอนะจ๊ะ" ข้าวหอมรับคำอย่างอารมณ์ดี รีบวิ่งวุ่นเก็บถุงขนมทิ้งทันที

 

            เดี๋ยวต้องไปรอดูว่าพี่ขุนใส่เสื้อสีอะไร จะได้ใส่ด้วยเป็นเสื้อคู่อวดให้ทุกคนรู้เลยว่ามาด้วยกัน อิอิ

 

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

 

            แอร์เย็นฉ่ำทำให้ข้าวหอมอารมณ์ดี เดินตามคนตัวโตข้างกายไปต้อย ๆ ถึงแม้ว่าห้างนี้จะไม่ได้ใหญ่เท่าห้างเครือเดียวกันที่กลางกรุงหลาย ๆ สาขา ซึ่งข้าวหอมเคยขึ้นรถจากกาญฯ ไปเดินเล่น แต่ว่าที่นี่ก็กว้างมากพอใจข้าวหอมแล้ว

 

            ดีงามต่อใจที่สุดในโลก เพราะว่าได้เดินดูนั่นดูนี่โดยมีพี่ขุนเขาอยู่ข้าง ๆ

 

            ที่ไหนก็ดีหมดเลย

 

            "พี่ขุน ๆ พี่ขุนมาซื้อไรอะ" มือขาวกระตุกเสื้อสีเขียวขี้ม้าที่ขุนเขาใส่ ข้าวหอมไม่มีเสื้อสีนี้แต่มีกางเกงก็เลยเอากางเกงมาใส่แมตสีแทน เป็นชุดคู่ บอกเลยว่านับหมด

 

            "ซื้อของในโซนเซนทรัล ถ้าเบื่อจะไปรอตรงไหนก็บอกเสร็จแล้วพี่ไปหา"

 

            "ไม่เอา ๆ " แยกกันก็ไม่เหมือนมาเดทสิ



            "หนูแค่เห็นป้ายร้านขนมตรงนู้นน่ากิน เดี๋ยวเราไปกินได้ไหมอะพี่ขุน"

 

            "ขนมอีกละ บอกแล้วว่าอ้วน"

 

            "ก็มันน่ากินอะพี่ขุน มันก็เป็นความอ้วนที่คุ้มค่านะ" ปากอิ่มขยับจ็อบแจ็บเหลียวมองป้ายรูปชีสเค้กสตอเบอร์รี่สีสันสดใสชวนน้ำลายสอ

 

            "เลือกได้ชิ้นเดียวพอ"

 

            "สองชิ้นได้ไหมอะพี่ขุนจ๋า"

 

            "จะกินไหม"



            "ชิ้นเดียวก็ได้จ้ะ แหะแหะ" พอได้ขนมแน่ก็ยิ้มเอาใจคนจ่ายเงินไปอีกที ก่อนจะเดินไปเงียบ ๆ พอเห็นขุนเขาเดินไปคุยกับพนักงาน ข้าวหอมก็เดินดูเสื้อผ้าที่มีจัดหลายร้านประเภทเดียวกันวางเรียงเป็นโซน ๆ เต็มไปหมด
 

            ข้าวหอมจะหาเสื้อสีเดียวกับพี่ขุน รอบหน้าพี่ขุนใส่สีไหน ก็จะได้มีเอาไว้ใส่คู่กัน อิอิ

 

 

 



            "แล้วคุณลูกค้าอยากได้เป็นแบบไหนคะ" พนักงานหญิงวัยกลางคนดูใจดีถามยามที่ขุนเขากำลังกวาดสายตาดูของที่ต้องการซึ่งวางละลานตาอยู่ตรงหน้า

 

            ใครว่าถุงนอนเป็นของที่เลือกง่ายวะ

 

            ขุนเขาทำใจร่ม ๆ เย็น ๆ มาหลายวันแล้ว สุดท้ายก็ไม่ไหวจริง ๆ เมื่อคืนนี้เอาผ้าห่มผืนใหม่ยาวกว่าเดิมมาให้ข้าวหอมใช้เผื่อจะดีขึ้นกลายเป็นว่าน้องมันถีบกระเด็นไปมุมห้องนู่น

 

            เมื่อเช้าคือไม่ใช่แค่เกือบ กูเห็นนมน้องสองข้างไปเต็ม ๆ ตาแล้ว

 

            ไม่ได้ป่ะวะ ไม่ได้ปะ จะมานมชมพูตัวขาวอะไรแถวนี้ !!

 

            "เอาแบบที่ไม่ค่อยร้อนครับ" นอนเสื้อเปิดทุกคืน ก็ต้องขี้ร้อนพอตัวล่ะ

 

            "เอ๋ แต่ถ้าไม่หนานุ่มพอ เวลาไปนอนบนพื้นแข็ง ๆ จะเจ็บหลังนะคะ แล้วถ้าเอาไปใช้ออกค่ายบนเขาก็จะกันหนาวได้ไม่ค่อยดี"

 

            "ไม่เป็นไรครับพอดีว่าผมจะเอาไปนอนบนเตียงอยู่แล้ว แอร์ก็เปิดอุณหภูมิห้องเรื่องอากาศเย็นไปไม่ใช่ปัญหา" ขุนเขาบอกความต้องการของตัวเอง แล้วก็ได้สายตาสงสัยกลับมาจากคุณป้าพนักงานขาย

 

            "ถ้าบาง ๆ แบบนั้นทางเราน่าจะไม่มีขายนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นเกรดออกป่าค่ะ ให้ดิฉันแนะนำเป็นอย่างอื่นแทนไหมคะ สำหรับความต้องการของคุณลูกค้า" คุณป้าทำท่ามุ่งมั่น

 

            ขุนเขาเกาคิ้วตัวเองแกรก ๆ เอาวะจะได้ไม่ต้องไปหาที่อื่น มีอะไรพอแก้ได้ก็ซื้อไปก่อนจะได้ไม่เสียเที่ยว

 

            “ครับ งั้นผมรบกวนหน่อย”

 

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

 

            "พี่ขุนจ๋าาา ขอบคุณนะวันนี้ซื้อของให้หนูด้วย" ข้าวหอมอ้อนเสียงหวาน ในมือกำถุงไว้หลายใบ มีถุงเสื้อผ้าหนึ่งถุง ถุงปากกาใหม่หนึ่งถุง ส่วนที่เหลือเป็นถุงของกินทั้งหมด หนูหอมฟินมาก ๆ เลยล่ะ

 

            "เอาไปแช่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยกิน" ขุนเขารีบห้าม เพราะนี่จะสองทุ่มแล้ว

 

จากบ่ายสามลากยาวมาถึงตอนนี้เพราะพอขุนเขาเผลอบอกไปว่าวันนี้ไม่มีงานอะไรแล้ว ก็ถูกชวนดูหนังต่อ เห็นเป็นเรื่องที่อยากดูอยู่พอดีก็เลยดูด้วย แล้วมื้อเย็นวันนี้ข้าวหอมก็ชวนไปกินอาหารญี่ปุ่นแถวคูเมืองที่เปิดรีวิวเจออีก กว่าจะวนกลับมาที่ไร่ก็มืดพอดี

 

            "ไปอาบน้ำได้แล้วไป หอม"

 

            "จ้า พี่ขุน" วันนี้พี่ขุนใจดีด้วยเยอะมาก ข้าวหอมก็จะทำตัวเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซนตอบแทนค่าขนมที่พี่ขุนซื้อให้ เห็นมะ หนูหอมเป็นเด็กดี

           

 

 



            ข้าวหอมที่เป่าผมจนแห้งสนิทเอียงคอมองของถุงสีแดงสกรีนลายคุ้นตาซึ่งยื่นมาให้ตรงหน้าด้วยสายตาฉงนสงสัย

 

            "พี่ขุนให้หนูเหรอ" ถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ

 

            "อืม" ก่อนที่จะรีบคว้าไว้ก่อนจะหล่นพื้นเพราะคนให้ปล่อยถุงใบย่อมออกจากมือ

 

            "พี่ขุนให้หนูเหรอ ให้หนูจริง ๆ เหรอ" ข้าวหอมทำตาโตรีบหยิบของในถุงออกมาดู พอเห็นเป็นชุดนอนผ้าลื่น ๆ สีแดงแขนยาวขายาวข้าวหอมก็ไม่ได้ตื่นเต้นน้อยลงเลย นี่มันต่างจากของที่ข้าวหอมอ้อนให้ขุนเขาจ่ายเงินให้



               เพราะนี่เป็นของขวัญที่พี่ขุนเห็นแล้วคิดถึงแล้วตั้งใจซื้อมาให้อะ งื่ออออ พี่ขุนน่ารักที่สุดในโลกเลย

 

            "พี่ขุนให้ของขวัญหนูอะ งื่อ พี่ขุนให้หนู " ข้าวหอมบอกเสียงดังตื่นเต้นโดดไปโดดมา ชวนให้ขุนเขาคิดถึงฉากที่ด็อบบี้ เอลฟ์ประจำบ้านได้ถุงเท้าจากหนังเรื่องดังที่ดูรีรันฆ่าเวลาไปเมื่อวันก่อน

 

            "หนูใส่นอนคืนนี้เลยนะพี่ขุน หนูไปเปลี่ยนแล้ว" เด็กตัวขาวรีบวิ่งเข้าห้องแต่งตัวไปทันที ความจริงแล้วแม่จ๋าสอนว่าจะใส่ชุดใหม่ให้ซักก่อน แต่ข้าวหอมตื่นเต้น พี่ขุนให้ของขวัญทั้งทีต้องใส่เลย

 

            "พี่ขุน ซื้อมาผิดไซส์หรือเปล่า" เสียงหวานแปร่งที่ตะโกนถามมาจากในห้องน้ำทำให้ขุนเขาเสียสมาธิกับเกมในมือถือที่เล่นอยู่พอสมควร เอาจริง ๆ ก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าคำแนะนำของคุณป้าพนักงานขายไฟแรงจะเป็นยังไง จะได้ผลไหม

 

            "ไม่ผิด ๆ ตัวนั้นแหละ ถูกแล้ว" ขุนเขาตะโกนตอบ

 

            แกรก

 

            ไม่กี่อึดใจข้าวหอมในชุดนอนใหม่ก็เดินมาหยุดที่ปลายเตียงอวด ขุนเขากวาดสายตามองชุดที่ตัวเองซื้อมา ตัวขาว ๆ ตัดกับสีแดงก็ดีไม่หยอก

 

            "ทำไมไม่ใส่กางเกงขายาวที่ซื้อมาพร้อมกัน" ถามเมื่อเห็นน่องขาว ๆ ฟ้องว่าข้าวหอมใส่ไม่ครบชุด

 

            "โห พี่ขุน กางเกงใครจะไปใส่ได้ ชุดนี้อะอย่างใหญ่อย่างกับผ้าม่าน แค่หนูใส่แต่เสื้อก็ยาวถึงหัวเข่าแล้ว แถมแขนเสื้อยาวเลยมือหนูมาเป็นฝ่ามือต้องคอยดึง ๆ ตลอดเลย"

 

            อะไรกัน ขุนเขาก็ซื้อไซส์ที่ตัวเองใส่นอนหลวม ๆ หน่อยมาป่ะวะ เผื่อสุดท้ายมันไม่เวิร์คถกจนเห็นนมอยู่ดี ไม่ใช่แค่ใส่เสื้อตัวใหญ่หน่อยจะได้ไม่เปิดอย่างที่คุณป้านักขายแนะนำ ขุนเขาจะได้เอาชุดนี้มาใส่เองไม่เสียเงินเปล่า

 

            "ทำไมพี่ขุนซื้อชุดนอนให้หนูตัวใหญ่จังอะ"

 

            "มันลดราคา" ขุนเขาตอบปัด ๆ ไป ให้บอกว่ากลัวเห็นนมเดี๋ยวก็งอแงใส่อีก

 

            "ไม่เป็นไร กี่บาทหนูก็ชอบหมดแหละเพราะพี่ขุนซื้อให้หนู" ข้าวหอมยิ้มแฉ่ง หมุนตัวซ้ายหมุนตัวขวาหน้ากระจกมองชุดนอนใหม่อย่างชอบใจ

 

            "ไปเอากางเกงนอนขาสั้นมาใส่ซ้อนไป หอม"

 

            "หนูก็ว่าจะไปเอามาใส่อยู่ พอไม่ได้ใส่กางเกงเลย ใส่แต่เสื้อตัวเดียวมันหวิว ๆ ไง ไม่รู้อะ" ว่าแล้วก็เดินดุ๊ก ๆ ชายเสื้อสะบัดผ่านหัวเข่าตามจังหวะการเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว

 

            "มึงหมายความว่าไงนะหอม ปกติไม่ได้ใส่กางเกงข้างในเหรอ"

 

            "ใช่สิพี่ขุน ใครเขาใส่กางเกงในนอนกันอะ มันอึดอัด ๆ หนูไม่ชอบ เขาก็ใส่แค่กางเกงนอนตัวเดียวกันทั้งนั้นแหละ" ฟังแล้วขุนเขาก็กลืนน้ำลายอึก

 

            หมายถึง ที่ผ่านมาหลายคืนนี่ ...หอมมันใส่แค่ชุดนอน แค่ชุดนอนอย่างเดียวน่ะเหรอ!

 

            "หอม มึงทำแบบนี้ไม่ได้ มึงจะมาล่อนจ้อนนอนข้างพี่ไม่ได้โว้ย"

 

            "อะไรอะพี่ขุน ปกติตอนนอนต้องใส่น้อยชิ้นไม่ใช่เหรอ ทำมาบ่นพี่ขุนก็ไม่ใส่เกงในนอนเหมือนกันแหละ ตอนพี่ออกจากห้องน้ำหนูไม่เคยเห็นขอบเกงในพี่ขุนเลยสักวัน ใส่แต่เสื้อนอนกับกางเกงขายาวป่ะ โทงเทง" ข้าวหอมเถียงกลับมาเสียงดัง

 

            กูโทรฟ้องแม่กูได้บ้างไหมวะ เด็กแม่งแก่แดดขนาดนี้

 

            "หอม เอ๊ย หอม" ขุนเขาถอนหายใจ ตบหน้าผากตัวเองสองสามที นี่เขาอุตส่าห์แต่งตัวเหมาะสมให้นะ     ปกติใส่แค่กางเกงบ็อกเซอร์หรือกางเกงขาวยาวนอนตัวเดียวเท่านั้นแหละ แต่เพราะมีเด็กมานอนด้วยทุกคืนถึงได้แต่งตัวดี ๆ หน่อย

 

            แต่เด็กแม่ง

 

            "งั้นถ้ามึงมานอนกับพี่แล้วไม่ยอมใส่กางเกงในด้วย พี่ก็จะใส่ชุดที่พี่นอนปกติเหมือนก่อนที่มึงจะเนียนมานอนด้วยเอาไหมล่ะหอม"

 

            "ก็ตามใจพี่ขุนสิ"

 

            เออ ได้

 

            พอข้าวหอมตอบมาแบบนั้นขุนเขาก็จัดการถอดเสื้อกับกางเกงขายาวออกให้เป็นชุดนอน ตามปกติที่ตัวเองใส่นอนช่วงฤดูร้อนมาตลอด

 

            "พะ พี่ขุน ทำไรอะ" ข้าวหอมร้องเสียงหลง รีบถอยกรูเข้าห้องแต่งตัวไปทันทีที่เดินออกมาแล้วเห็นแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่า เห็นตัวโต ๆ ที่ปกติได้แต่มองเคลิ้มอยู่ทุกวันตอนนี้เห็นกล้ามเนื้อแน่น ๆ ไปทั้งตัวเพราะมีแค่กางเกงบ็อกเซอร์สีดำตัวเดียว

 

            ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่พี่ขุนเขาคือผู้ชายที่ชอบและแอบรักมานาน พอมาเห็นแบบนี้ข้าวหอมหัวใจเต้นโครมครามรู้สึกหน้าร้อนตัวร้อนไปหมด จะมองตรง ๆ ก็ใจเต้นแรงเกินไป จะไม่มองก็รู้สึกเสียโอกาส งื่อออ พี่ขุนหุ่นแซ่บอะ  หนูหอมสับสนไปหมดแล้ว ว่าจะมองไม่มองดี

 

            ใครจะไปคิดไปฝันว่าจะได้มาเห็นแบบนี้ ปกติพี่ขุนถกเสื้อมาเช็ดเหงื่อก็จะตายแล้ว

 

            "ปกติพี่นอนชุดนี้" ขุนเขาเลิกคิ้วยามที่ตอบ ไม่พอยังก้าวเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นอีกสองก้าว

 

            "มึงเลือกเอาหอม จะให้พี่ใส่ชุดนอนปกติแบบนี้ หรือว่ามึงจะใส่กางเกงในมานอนห้องพี่"

 

            "หนู ใส่ ใส่เอง เกงหนูอยู่ไหน เกงหนู" ข้าวหอมรีบวิ่งกลับไปคุ้ยตู้เสื้อผ้าขุนเขาที่ตัวเองเนียนแขวนชุดไปด้วยครึ่งตู้แล้วทันที

 

            "เออ เลือกถูกแล้วหอม" ขุนเขาพึมพำกับตัวเองตอนที่หยิบเสื้อนอนกับกางเกงขายาวมาใส่เหมือนเดิม เอนหลังลงบนเตียง

 

นอนรออีกเกือบสิบนาที เด็กตัวขาวที่ตอนนี้หน้าแดงพอ ๆ กับสีเสื้อก็คลานกลับมานอนบนเตียงข้าง ๆ กัน

 

            "หนูใส่กางเกงในนอนแล้ว" ข้าวหอมรีบรายงาน

 

            "พี่ขุนไม่ต้องหันมาเลย"

 

            ปึก

 

            แล้วก็กลายเป็นว่าคืนนี้คนที่ชอบแอบหยิบหมอนข้างออกอย่างข้าวหอม เป็นฝ่ายที่หยิบเจ้าหมอนยัดผ้านุ่มอันยาวขึ้นมาวางขวางไว้เอง

 

            "ใจหนูยังไม่หายเต้นแรงเลย เห็นหน้าพี่ขุนอีกหนูนอนไม่หลับแน่" โวยวายเสร็จก็หยิบผ้าห่มมานอนคลุมโปงหนีไปเลย

 

            ขุนเขาหัวเราะหึ ส่ายหัวให้กับเด็กที่อยากเป็นลูกสะใภ้แม่เขาใจจะขาด

 

            เมื่อกี้คิดว่าตัวเองเขินคนเดียวเหรอวะ

 

            ขุนเขาก็ไม่ไหวเหมือนกันป่ะ แต่ก็ต้องทำใจนิ่งไว้

 

เพราะเด็กมันดื้อ

 

 

 
ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ


 





สำหรับพี่ขุนกับหนูหอม ตอนนี้ยาวที่สุดแล้วตั้งแต่เขียนมา 5555555 หว่านไว้หลายท็อปปิก งื่อออ อยากให้คนอ่านหนุกหนานบันเทิงใจเหมือนคนแต่งเช่นกันน้าาา คิคิ

จะนั่งรอนอนรอฟีดแบคในแท็ก รอเมนต์นะจ๊ะทุกคน จัดมาหนักๆเบย  ช้อบชอบหมด จะชวนเพื่อนมาอ่านก็ดี๊ดีนะจ๊ะ ฮาร์ทึฮาร์ททึ





#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่




ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1




#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่

สงกรานต์จ๋า สงกรานต์ หนูหอมมาแล้วววว




{ตอนพิเศษ ; ช่วงเวลาหลังจากเนื้อหาหลัก

เป็นช่วงที่พี่ขุนไม่กลัวการเห็นนมหนูหอมแล้วจ้ะ}










            "พี่ขุนเร็ว ๆ หน่อยซี่หนูอยากรีบไปคูเมืองแล้ว"  เสียงเย้ว ๆ ดังมาจากคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องแต่งตัวเป็นรอบที่สี่ของวัน เสื้อลายดอกสีฟ้าชมพูใส่คู่กับกางเกงขาสั้นสีดำ ผมหน้าม้ายุ่ง ๆ จัดเซ็ททรงอย่างขอไปทีเพราะพร้อมเปียกเต็มที่

 

            ขุนเขาที่นั่งกอดอกอยู่บนเตียงกวาดตามอง นิ้วชี้กระดิกไปมาเป็นเชิงให้หมุนตัว

 

            "ได้ยังอะพี่ขุน ชุดนี้หนูว่าน่ารักแล้วนะ เสื้อตัวนี้แม่ทิพย์จ๋าซื้อให้หนูด้วยนะ" ข้าวหอมบ่น ตอนนี้จะเก้าโมงแล้วกว่าจะไปถึงถนนเส้นรอบคูเมืองก็คงอีกพักใหญ่

 

            ถึงจะอยู่ที่เชียงใหม่มาสองปีแล้ว ได้วนมาเจอสงกรานต์อีกรอบ แต่ว่ายิ่งปีก่อนสนุกมาก ปีนี้ก็เลยยิ่งตื่นเต้นใหญ่อยากไปเล่นปีนี้ไว ๆ

 

            ส่วนคนแก่ที่วันนี้เรื่องมากบ่นเยอะผิดปกติก็กำลังคิดเยอะคิดแยะเหมือนตอนดูสามชุดแรกที่ให้น้องมันไปเปลี่ยนนั่นแหละ

 

            ชุดแรกคือเลวร้ายสุด ข้าวหอมมันจัดเสื้อยืดขาวกางเกงยีนส์สั้นแทบไม่พ้นก้น บอกว่าแบบนี้ฮิต ขุนเขาแทบจะเลาะก้านมะยมมาตีให้ตัวลาย กางเกงก็คือสั้นจนเลิกเรียกตัวเองว่ากางเกงเถอะ ส่วนเสื้อขาวโดนสาดตู้มเดียวก็เห็นหมดแล้วไหม

 

            ไม่ได้ปะวะ กว่าจะกล้ามองนมน้องไม่ใช่ง่าย ๆ แล้วทำไมกูต้องให้คนอื่นมามอง!

 

            ชุดสองก็แย่พอกัน สีเหลืองแต่ผ้าบางแบบแค่ใส่เดินออกมาก็เห็นมันแนบเนื้อข้าวหอมไปหมด

 

            ส่วนชุดสามนี่เป็นความผิดของกางเกงอีกสั้นไป สีสว่างไป ไม่ผ่านโว้ยยย

 

            "เสื้อก็ดูหนาดี กางเกงก็ไม่สั้นมากผ้าดูหนาใช้ได้" ขุนเขาพึมพำยามพิจารณากับตัวเอง ตัวนี้สั้นแค่เห็นหัวเข่าที่ถึงจะเป็นแผลก็น่ารักดี ไม่ได้สั้นเกินไป ผ้าหนาพอที่จะเปียกน้ำได้

 

            "โอเคละ พี่ว่าชุดนี้แหละ"

 

            "เย้ พี่ขุนไปกันเร็ว ไปเล่นน้ำกันนนน" ข้าวหอมกระโดดหยองแหยงอย่างดีใจ เปลี่ยนชุดมาเป็นยี่สิบนาที ในที่สุดก็ได้ไปเล่นน้ำตู้ม ๆ สักที

 

            "หอม พี่ว่าเสื้อตัวนี้คอมันลึกไปนะเวลามองจากข้างบน" ขุนเขาออกปาก โห ฝรั่งรอบคูเมืองเยอะด้วยสูงกว่ากูก็มากมาย ได้เหรอวะ

 

            "โห พี่ขุน ไปได้แล้ว ๆ ไม่มีใครมามองหรอก เร็ว ๆ แก่แล้วไม่ขี้บ่นสิ" ข้าวหอมกอดเอวหนา เงยหน้าทำตาปริบ ๆ อ้อน แต่ตาตี่ ๆ ของอาตี๋ตระกูลอินท์วันธรก็ยังดูไม่ปล่อยวาง

 

            "ถ้าพี่ขุนให้หนูเปลี่ยนอีกชุดนะ ตอนเล่นน้ำหนูจะถอดเสื้อเฟวี้ยงลงคูเมืองไปเลยด้วย ถ้าตำรวจจะจับที่ทิ้งขยะลงคูเมืองหนูก็จะขอเงินแม่ทิพย์จ๋ากับย่าจ๋ามาจ่ายค่าปรับ" ข้าวหอมขู่จนปากมุ่ย

 

            "กล้าเหรอวะหอม"

 

            "ก็หนูจะไปเที่ยวแล้วอะ พี่ขุนวุ่นวายอะ"

 

            ขุนเขาร้องฮึ่มอยู่ในใจเมื่อโดนคำที่ใช้บ่นข้าวหอมไปนับครั้งไม่ถ้วนย้อนกลับเข้าตัวเอง เดี๋ยวนี้เก่งเหลือเกิ๊น ก็ต้องให้ภาษีข้าวหอมหน่อยล่ะ เป็นสะใภ้ใหญ่ของแม่เขามาสองปีแล้วนี่

 

            ได้ความรักมาจากแม่เขา ย่าเขา เป็นพลังอำนาจมาเกินตัวตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว ตอนนี้ได้เพิ่มมาจากเขาอีกที่ด้วยนี่

 

            "มึงนี่นะหอม" ใช้สองข้อนิ้วบีบปลายจมูกมนเบา ๆ ไปที มันเขี้ยวขี้ดื้อ

 

            แต่คนโดนบี้จมูกยิ้มเผล่ เพราะหน้าเคร่ง ๆ มีรอยยิ้มให้เห็นแล้ว

 

            "ไปเล่นน้ำกันได้ยัง พี่ขุน"

 

            "เออ ๆ "

 

            "สงกรานต์จ๋า สงกรานต์ หนูหอมมาแล้ววววววว"

 



ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 



            เริ่มแรกของการมาเล่นน้ำรอบคูเมือง สำหรับสายชอบเดินอย่างข้าวหอมก็คือการหาที่จอดรถ ขุนเขาเลือกไปฝากรถกับวัดรอบนอกเส้นเล่นน้ำหลัก หยอดกล่องบริจาคไปแบงค์ใหญ่ก่อนจะพาคนอายุยี่สิบเอ็ดที่วันนี้ก็ยังตัวเท่าคางพาเดินเข้าไปคูเมือง

 

            แน่นอนว่าเดินไปออกจากวัดไม่ถึงสามก้าวก็เปียกแล้ว

 

            "นี่แหน่ะ มาให้ยิงเลยนะ" ข้าวหอมตะโกนปนเสียงหัวเราะใส่เด็กวัยไม่เกินประถมสองคนที่สาดน้ำมาใส่เปิดการเล่นน้ำของปีนี้ ข้าวหอมใช้ปืนฉีดน้ำอันใหญ่เบ้อเริ่มสีเขียวนีออนอันเดียวกับที่ขุนเขาซื้อให้เมื่อปีที่แล้วยิงคืนไป

 

            ส่วนขุนเขาเองไม่ได้ช่วยรุมเพราะคู่ต่อสู้เป็นแค่เด็ก ยืนถือปืนฉีดน้ำหน้าตาเหมือนของข้าวหอมแต่ว่าอันเล็กเล็กกว่า ที่จริงปีที่แล้วตอนซื้อขุนเขาซื้ออันนี้ให้ แต่ข้าวหอมมาขอเปลี่ยนอยากได้ปืนใหญ่ใส่น้ำได้เยอะ ๆ ยิงสนุก

 

            ขุนเขาก็ให้คนที่อยากเล่นมากที่สุดไปตามใจ เพราะตัวเองมาเป็นเพื่อนเฉย ๆ ส่วนกิจกรรมที่อยากทำมากสุดในช่วงสงกรานต์ก็คือนอนจิบเบียร์อยู่ในห้องแอร์มากกว่า

 

            "มา ๆ พี่ขอปะแป้งหน่อย" ข้าวหอมบอกเด็กหญิงวัยประถมทั้งสอง แล้วก็เอาซองใส่ดินสอพองที่ใส่กระป๋องห้อยติดตัวออกมาเปิดผาบีบใส่มือ

 

            ดินสอพองนี่ก็ไม่ธรรมดา ขุนเขาเห็นข้าวหอมทำตามสูตรที่ย่าสมสมัยสอนเป๊ะ ๆ

 

ไปซื้อดินสอพองมานั่งบดเองตั้งแต่วันที่สิบสอง เอาน้ำสะอาดไปลอยมะลิทั้งคืน เมื่อเช้าตื่นตั้งแต่หกโมงมานั่งผสมดินสอพองที่ต้องเหยาะน้ำอบลงไปสองสามหยดทุก ๆ หนึ่งถุง แล้วนั่งทำมาเป็นสิบ

 

            สงกรานต์ของหนูหอมก็เลยหอมฉุยสมชื่อ

 

            โคตรจะไฟท์ นั่งผสมดินสอพองเองด้วย ขุนเขายอมใจเลยล่ะ รู้แล้วว่าชอบสงกรานต์มากจะไม่พามาเที่ยวทุกปีก็ใจร้ายเกิน

 

ย่ามผ้าที่ขุนเขาสะพายให้นอกจากมือถือกับเงินในถุงกันน้ำก็คือแบกดินสอพองให้ข้าวหอมนี่แหละ

 

            "ไปละ ๆ เดี๋ยวตอนเย็นพี่กลับมาทางนี้ใหม่ อย่าเพิ่งรีบเลิกนะ" ข้าวหอมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากนัดแนะกับแก๊งเด็กประถม แล้วเดินหน้าเปื้อนเหมือนหนวดแมวที่สองข้างแก้มมาหาขุนเขา

 

            "อะ หนูปะให้พี่ขุนคนแรกเล้ย" ข้าวหอมหัวเราะเมื่อป้ายนิ้วของตัวเองลงบนหน้าที่เปียกนิดหน่อยของขุนเขา

 

            หน้าขาว ๆ แก้มกลมนุ่ม ๆ ผมหน้าม้าเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ ยิ้มเห็นฟันจนตาหยีมีแป้งปะอยู่นิดหน่อย

 

            ภาพที่เห็นแบบนี้จะทำให้ขุนเขารู้สึกยังไงกันล่ะ

 

            มันก็คงมีได้แค่ความรู้สึกเดียวนั่นแหละ

 

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

 

            "พี่ขุนไปตรงนู้น ๆ " ข้าวหอมในสภาพเปียกชุ่มและเปื้อนดินสอพองบ้าง แป้งบ้างไปทั้งตัวรีบกวักมือชวนคนแก่ตัวโตให้ไปหาแก๊งเล่นน้ำที่ตั้งถังขนาดใหญ่อยู่ริมคูเมือง

 

            ตรงไหนคนเยอะข้าวหอมก็พุ่งไปร่วมด้วยตลอด บอกว่ายิ่งคนเยอะก็ยิ่งสนุก

 

            "พี่ขุนหนูขอดินสอพองเพิ่มหน่อย" ปากอิ่มร้องบอกในขณะที่มือยังยิงปืนไม่หยุด ตอบโต้กับฝรั่งผมทองที่ยิงกลับมาอย่างเมามันส์

 

            ขุนเขาละปืนที่ช่วยน้องมันยิงมาหยิบให้ แน่นอนว่าก็โดนน้ำสาดใส่เต็ม ๆ ไปตามระเบียบ

 

            "เอ้าหอม"

 

            "พี่ขุนแกะให้หนูด้วย" ขุนเขาเห็นรอยยิ้มของคนที่กำลังติดลมก็จัดการแกะให้ ดึงมือขาว ๆ มาบีบใส่มือให้พร้อม

 

            ข้าวหอมปรี่ไปปะแป้งคนอื่นทันที พุ่งหาคนหมู่มากเหมือนทุกหน แต่ขุนเขาเห็นทางที่ข้าวหอมจะผ่านแล้วต้องหรี่ตาเขม็งรีบกึ่งวิ่งเดินไปหา

 

            "ขอพี่ปะแป้งหน่อยน้องหอม เจอกันทั้งที"

 

            "ใช่ ๆ ขอพี่ลงแป้งหน่อยนะครับ"

 

            "วันนี้ห้องหอมก็ยังตัวหอมสมชื่อเหมือนเดิมเลยนะครับ เปียกน้ำแท้ ๆ"

 

            "กลิ่นดินสอพองจ้ะพี่ ๆ หอมเอาน้ำอบหยดใส่ เอาน้ำดอกมะลิผสม หอมใช่ไหมพี่" ว่าแล้วเด็กขี้อวดก็บีบดินสอพองใส่เต็มมือ ยื่นให้รุ่นพี่ตัวโตจากมหาวิทยาลัยเดียวกันตรงหน้าได้ดม

 

            โอกาสมาถึงมือรุ่นพี่คนนั้นก็คว้ามือเรียวหมับ

 

            "พอละ" แล้วก็หลุดปั๊บทันที เมื่อมีเงาดำทะมึนในเสื้อลายดอกสีดำน้ำเงินที่ทำตัวไม่ต่างจากเงาแค้นมาดึงมือรุ่นน้องที่แสนน่ารักของพวกตนคืน           

 

            "สะ สวัสดีครับพี่ขุนเขา โห อายุยืนนะครับ ยังไม่ทันพูดถึงก็มาเลย" รุ่นพี่ที่โดนจ้องเขม็งอยู่หน้าสุดรีบยกมือไหว้ทันที พูดแซวเล่น แต่ขานี่สั่นพั่บ ๆ

 

            โน ๆ กูจะไม่ลองดีกับบ่าพี่นี่ของน้องข้าวหอมอีกเป็นเด็ดขาด

 

            "พี่ขุน พี่ขุนจำรุ่นพี่ที่คณะหนูได้ไหม" ข้าวหอมกระตุกเสื้อของคนที่ตัวเองแต่งงานด้วยเหยง ๆ

 

            "จำได้สิ" ขุนเขาตอบเสียงนิ่ง ยิ้มให้ข้าวหอมหนึ่งที แต่พอรอยยิ้มพวกนั้นมาถึงแก๊งรุ่นพี่ สิ่งที่ได้เห็นก็คือไม่ต่างจากการแสยะยิ้ม ขนหัวลุกมากครับไอ้พี่ขุน

 

            "พวก พวกพี่ขอตัวก่อนนะครับ น้องหอม" คนที่ยืนใส่แว่นอยู่ด้านหลัง ยกมือไหว้แล้วชิงเดินไปก่อนเลย เพื่อนที่เหลือก็รีบยกมือลา เดินฝ่าสายน้ำไปอย่างไว

 

            "แล้วเจอกันตอนเปิดเทอมนะครับพี่ ๆ โชคดีครับ สุขสันต์วันปี๋ใหม่เมืองงงงง" ข้าวหอมกระโดดโหยงเหยงโบกมือลาให้แก๊งรุ่นพี่เป็นการใหญ่

 

            ขุนเขาถอนหายใจเฮือก พวกรุ่นพี่หลายคนมันก็วอนจริง ๆ นี่ยังไม่ได้ไปเจอเลยว่าพวกรุ่นน้องข้าวหอมมีใครที่ต้องบอกให้รู้ชัดถึงขอบเขตอีกด้วยหรือเปล่า

 

            อันตรายว่ะ

 

            "หอม" แขนแข็งแรงหนัก ๆ พาดไหล่ข้าวหอม พร้อมดึงให้แผ่นหลังแคบมาแนบชิดอกของขุนเขา

 

            "ไปเล่นตรงนู้นกัน พี่เห็นเด็กเพียบเลย"

 

            "ไปพี่ขุนไป เล่นกับเด็กประถมสนุกสุดแล้ว หนูชอบ" ข้าวหอมรีบเดินจ้ำไปทางที่ขุนเขาชี้ทันที  ดวงตาคมมองตามพลางหัวเราะหึ ชอบเพราะมีแค่เด็กที่ตัวเองทำสงครามปืนฉีดน้ำชนะล่ะสิ

 

            แต่ขุนเขาก็ชอบเหมือนกันนะเวลาข้าวหอมเล่นกับเด็ก

 

            จะปะแป้งยังไงก็ปะไปเหอะ เด็กประถมเนี่ย

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

            สงกรานต์วันแรก วันปี๋ใหม่เมือง เริ่มมีฝนตกลงมาเหมือนเป็นธรรมเนียมของทุกปี ข้าวหอมยืนมองเม็ดฝนด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างจากปีที่แล้ว

 

            "เขาแห่พระพุทธสิหิงค์เข้าไปในโบสถ์แล้วใช่ไหมอะพี่ขุน ฝนตกใหญ่เลย โห สุดยอด" ตะโกนถามคนตัวโตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ใต้ร่มผ้าใบสีแดงของร้านของริมคูเมืองที่ขอหลบฝนเม็ดใหญ่สักครู่ ก่อนจะออกไปเปียกน้ำต่อ

 

            "น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละหอม เวลาก็ได้ละ" ขุนเขาตอบ ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร แต่พอแห่พระพุทธสิหิงค์รอบเมืองแล้วพาไปถึงวัดทีไร ฝนได้ตกทุกปี

 

            ปีที่แล้วขุนเขาเล่าให้ฟัง พอฝนตกจริงๆ ข้าวหอมตื่นเต้นใหญ่ ปีนี้ถึงได้อยากมาดูฝนตกอีกพอเห็นฝนตกมาจริง ๆ ก็ตื่นเต้นใหญ่ เออ เลี้ยงง่ายดีว่ะ พามาเที่ยวที่เดิม แต่น้องมันก็ไม่เบื่อเลย

 

            "งั้นรอฝนซา ไปหาอะไรกินก่อนไหม หอม"

 

            "ไป ๆ เมื่อเช้ากินข้าวซอยแล้ว หนูอยากกินข้าวขาหมูกับข้าวเหนียวมะม่วง"

 

            "ทำไมกินขาเพื่อน"

 

            "พี่ขุนอะ ทำมาเป็นว่าหนู ระวังเถอะตาลุงเมาเบียร์ กล้ามจะอยู่กับพี่อีกไม่นานแน่" ข้าวหอมแยกเขี้ยวใส่ ใช้สองมือจิ้ม ๆ ท้องขุนเขาด้วยความหงุดหงิด ขุนเขาก็เลยคว้าแก้มข้าวหอมมาบี้ ๆ เหมือนกัน

 

            "พี่ขุนอ่าา ปล่อยเลย ปล่อย ครีมกันแดดหลุดหมดแล้ว" เสียงโวยที่ทำให้ขุนเขาหัวเราะดังกว่าเดิม

 

            "ครีมกันแดดมันไปตั้งแต่เด็กปาดแป้งรอบแรกแล้วไหม หอม"

 

            "งั้นต้องเอาดินสอพองมาพอกหน้าเยอะ ๆ เหมือนหน้ากากเลย กันแดด" ยอมใจคนอยากเล่นน้ำแต่กลัวดำจริง ๆ ว่ะ

 

            "พอ ๆ เดี๋ยวค่อยทำ ไปหาอะไรกินก่อน" ขุนเขาดึงข้อมือที่ทำท่าจะจกดินสอพองหอม ๆ มาปะหน้าตัวเองไว้ก่อน คิดสภาพข้าวหอมเวอร์ชั่นหน้ากากดินสองพองแล้วคงจะเหมือนที่เคยเห็นรูปหมาตกไปหน้าจุ่มโคลนไม่มีผิด



            คงจะตลกแบบน่ารัก ๆ ดี

 

 

 

 

            "ฝนหยุดตกแล้วนะ หอม" ขุนเขาบอกคนที่นั่งเก้าอี้พลาสติกสีแดงอยู่ตรงข้าม รอบข้างตอนนี้เปียกไปทั่วแต่ไม่มีน้ำจากบนท้องฟ้าแล้ว

ช่วงสงกรานต์มีร้านอาหารมาตั้งอยู่ในวัดใกล้คูเมืองตามมุมที่จะไม่เปียกอยู่หลายร้าน เพราะถ้าเข้าร้านอาหารสภาพชุ่มน้ำเห็นทีแม่ค้าจะเอาชามไล่ตี

 

            "เดี๋ยวพี่ขุน เดี๋ยว เราจะทิ้งน้องมะม่วงไว้ไม่ได้" ข้าวหอมบอกทั้งที่ปากยังเคี้ยวตุ้ย ๆ มือขาวที่แดดเริ่มไหม้จนแดงก็ตักข้าวเหนียวมะม่วงรอเข้าปากอีกช้อนแล้ว

 

            ข้าวหอมกินข้าวขาหมูไปหนึ่งจาน ลูกชิ้นอีกสามไม้ แล้วก็ต่อข้าวเหนียวมะม่วงอีกสองจาน จานที่สองเลยเหลือเป็นครึ่งแบบนี้

 

            "กินแบบนี้เดี๋ยวไปวิ่งเล่นน้ำต่อก็จุกกันพอดี"

 

            "งื่ออ หนูไม่อยากทิ้งอะ ป้าเขาทำอร่อยด้วย" ชมเสียงดังจนแม่อุ๊ยเจ้าของร้านยิ้มอย่างเอ็นดู พลังอ้อนผู้ใหญ่ของข้าวหอมนี่ไม่เคยมีตกจริง ๆ

 

            ขุนเขาถอนหายใจไปที ไอ้เด็กดื้อขี้งก

 

            "งั้นป้อนพี่ จะได้ไม่ต้องเหลือทิ้ง" ขุนเขาแตะนิ้วชี้ที่ปากตัวเอง

 

            "ทำไมไม่กินเองอะ" ข้าวหอมย้อนหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ แต่ช้อนในมือนี่เตรียมยื่นให้แล้ว

 

            "ก็ช่วยกินไง ต้องบริการพี่ดิ"

 

            "งั้นพี่ขุนก็อ้าปากกว้าง ๆ เลย อ้ามม" ป้อนให้คำโต ๆ เลย

 

            "อร่อยไหมพี่ขุน"

 

            "อื้ม หวานดี" ตอบตอนที่มองรอยยิ้มของคนตรงหน้า

 

            "เนอะ หนูก็ว่า ข้าวเหนียวก็กำลังดีด้วย" ข้าวหอมเจื้อยแจ้วด้วยไปตามประสา มือก็ตักป้อนอยู่เรื่อย ๆ ส่วนขุนเขาก็อมยิ้มอยู่ในใจคนเดียว

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

            พอกินข้าวเสร็จสงครามสาดน้ำก็เริ่มต่อทันที แต่ตกบ่ายหลังฝนตก แดดเมืองเชียงใหม่กลางเดือนเมษาก็ไม่เคยปราณีใคร

 

            เล่นน้ำตากแดดตอนบ่ายได้ไม่ถึงชั่วโมงขุนเขาก็ลากเด็กตัวเท่าคางเข้าร้านข้างทางเพื่อซื้อหมวกให้

 

            "ป้าเจ้า น้องขอน้ำหื๋อเต๋มกระบอกเลยได้ก่เจ้า (ป๋าจ๋า หนูขอน้ำให้เต็มกระบอกเลยได้ไหมจ๊ะ)" ข้าวหอมอู้เมืองแบบที่ป้าช่อสอน ยิ้มออดอ้อนขอเติมน้ำใส่ปืนกับร้าน แน่นอนว่าคุณป้ารายนี้ก็ต้องเติมให้เด็กช่างจ๊ะจ๋า

 

            ขุนเขาก็เลยยืนเลือกหมวกให้แทน หมวกไผ่สานเป็นทรงแหลมจะดูเหมาะสมดี ปีกรอบข้างที่กว้างออกมาคงจะกันแดดไม่ให้ส่องโดนก้อนแก้มของข้าวหอมได้

 

            "คิดรวมกับค่าน้ำได้เลยครับ"

 

            "บ่เป็นหยัง ๆ  ป้าหื้อฟรี น้องคนตัวขาวอู้ม่วน ป้ามักขนาด ( ไม่เป็นไร ๆ ป้าให้ฟรี น้องคนตัวขาวพูดเพราะ ป้าชอบ)" ฟังแล้วขุนเขาก็หัวเราะ ควักเงินออกจากถุงกันน้ำเป็นค่าหมวกอย่างเดียวตามที่ป้าว่า

 

            "น้อง ๆ"   เสียงวัยรุ่นที่ดังขึ้นประกอบเสียงโห่แซวทำให้ขุนเขารีบหันไปมองทันที ไม่ผิดจากที่คิด เมื่อเห็นแก๊งวัยรุ่นชุมชนชายสามคนทำหน้าตาก้อร่อก้อติกเดินตรงเข้ามาตรงที่ข้าวหอมยืนรออยู่

 

            "น่าฮักขนาด มาคนเดียวก่า ขอหมู่ปี้ปะแป้งกำเลาะ (น้องน่ารักจัง มาคนเดียวเหรอ ขอพวกพี่ปะแป้งหน่อย)"

 

            "ไม่ได้มาคนเดียวครับ มากับผัว" ขุนเขาตอบให้แทนพร้อมวางมือบนหัวข้าวหอมแล้ววางคางตัวเองลงไปทับอีกที บอกกันชัดเจนว่าผัวที่ว่านี่ใคร

 

            กูไงครับ กูเอง

 

            "โหวววว ฮาหยังมาขึด ปะคนน่าฮักก็เจ้าที่แฮงแต๋ อั้นปี้ไปก่อนละน้อง (โห ทำไมกูดวงไม่ดีเลย เจอคนน่ารักก็เจ้าที่แรง งั้นพี่ไปก่อนนะน้อง)" มาไวไปไว จนขุนเขานึกชอบหน้าตาดุดันไม่เป็นมิตรกับร่างกายสูงใหญ่ที่เป็นของติดตัวตั้งแต่เกิดขึ้นมาทันที

 

            "น่ารักเกินไปแล้วมึงอะหอม มีแต่คนจะปะแป้ง"

 

            "ก็สงกรานต์นี่นาพี่ขุนจ๋า ก็ต้องมีปะแป้งสิ" ข้าวหอมกอดแขนแกร่งเอาแก้มเปียก ๆ ถูผิวแขนทันทีเป็นการเอาใจ ยังเล่นไม่หายสนุกเลย โดนพากลับไร่จะทำไง

 

            "คนอื่นเขาก็ได้แค่เอามือมาวน ๆ แก้มหนู แต่หนูให้พี่ขุนเอาจมูกมาถู ๆ คนเดียวนะ" คำอ้างของข้าวหอมพอได้ฟังแล้วขุนเขาจะไปโกรธยังไงต่อได้

 

            "พี่ขุน เราต้องเล่นน้ำกันต่อนะ" รีบถามดักทันที

 

            "เออ ๆ ตามใจ แต่ใส่หมวกนี่ไว้ด้วย จะได้ผิวไม่ไหม้" ขุนเขาสวมหมวกให้ ยืนมองแล้วก็ยิ้มกว้างกับผลงานของตัวเอง หมวกใบนี้เหมาะกับข้าวหอมดีจริง ๆ

 

            แล้วเจ้าหมวกใบนี้ก็ดูแล้วจะยิ่งขับความน่ารักให้ข้าวหอม ดึงดูดชาวต่างชาติให้มาเล่นน้ำด้วยเยอะขึ้น อันที่จริงมันมาทุกชาติแหละ สาดน้ำ ยิงปืนใส่กัน ขอปะแป้งก็เยอะ ขุนเขาก็ปล่อยบ้างห้ามบ้าง

 

            ถึงอยากจะห้ามทุกคนปะแป้ง แต่ห้ามเยอะไปข้าวหอมก็หมดสนุกพอดี ไม่ได้กลัวลูกสะใภ้แม่เสียใจจริง ๆ นะ ขี้เกียจง้อเฉย ๆ  เขาพูดจริง ทำไมไม่เชื่อล่ะเฮ้ย

 

            "ขอปะแป้งหน่อยได้ไหมครับ" นั่นไงยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงขอมาอีกแล้ว แต่คราวนี้มันดังมาจากข้างตัวขุนเขาฝั่งที่ไม่มีข้าวหอม

 

            "เพื่อนหนูขอปะแป้งพี่ได้ไหมคะ พี่คนหล่อ" แล้วพอหันไปก็เจอผู้ชายหน้าตาน่ารักตัวสูงประมาณไหล่ขุนเขา ผิวขาวใส่เหล็กดัดยืนอยู่ท่าทีเคอะเขิน ล้อมรอบด้วยแก๊งสาววัยเดียวกันที่ไม่น่าเกินมหาลัยอีกสามสี่คน

 

            "ถ้าพี่ให้เพื่อนหนูปะ พวกหนูขอปะด้วยนะคะ" สาวน้อยคนที่มัดแกะสองข้างพร้อมขันสีเขียวว่าต่อ

 

            "เนี่ยมันชวนหนูเดินข้ามสะพานแดงมาจากฝั่งนู้นเลย แต่ก็เอาแต่มองไม่ยอมมาขอสักที ตั้งนานกว่ามันจะกล้ามา ขอปะแป้งหน่อยนะพี่นะ" สาวหน้าม้าอีกคนดุนหลังเพื่อนชายในกลุ่มตัวเองให้เข้ามาใกล้ขุนเขามากขึ้น

 

            "อ่า ก็ได้ครับ ทุกคนเลยก็ได้ สงกรานต์ปะแป้งกันก็ธรรมดา" ขุนเขายิ้มบาง ๆ ให้ เพราะรู้ว่าตัวเองหน้าไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ เด็กสาวสี่คนกำมือกันกรี๊ดกร๊าดใหญ่ ในขณะที่หนุ่มน้อยของกลุ่มเริ่มหน้าแดง มือก็ควักแป้งป้ายไปที่หน้าขุนเขา

 

            ไม่ไหวแล้ว หัวใจจะวายคนหล่อจอยมาก

 

             ปิ้ว

 

            แต่พอจะป้ายแป้งที่แก้มคนหล่ออีกข้างก็โดนปืนฉีดน้ำที่ไหนไม่รู้ฉีดใส่เข้ามาเต็ม ๆ มือจนแป้งละลายตกพื้นไปเกือบหมด

 

            "มาเล่นน้ำกันเถอะจ้ะ" ข้าวหอมตะโกนตามเข้ามาก่อนจะกระหน่ำยิงน้ำเข้าใส่จนอีกฝ่ายสาดน้ำกลับมาตอบโต้จนลืมการปะแป้งไป เผลอแปปเดียวข้าวหอมก็ดึง ๆ ขุนเขาให้เดินตามออกมาจนพ้นระยะ

 

            "พี่ขุน" พอได้จังหวะข้าวหอมก็ทำหน้ามุ่ยตาพองเรียกทันที

 

            "เขาชอบพี่ขุนไม่รู้อ่อ ทำไมให้เขาปะแป้งอะ เห็นเขาน่ารักใช่มะ"

 

            "ก็มันสงกรานต์ก็ต้องมีปะแป้งไม่ใช่เหรอ" ขุนเขาย้อนคำพูดของเด็กแถวนี้คืน ข้าวหอมขยับปากขมุบขมิบบ่นอะไรสักอย่าง ก่อนจะบีบดินสอพองหอม ๆ ของตัวเองเต็มมือป้ายขุนเขาไปทั้งสองแก้ม

 

            "ต้องแบบนี้สิ" คนตัวขาวมองผลงานตัวเองด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างพอใจ ขุนเขาหัวเราะหึ แล้วก็เดินตามข้าวหอมไปลุยน้ำเปียก ๆ ด้วยกันต่อ

 

            ดูแล้วถ้าตะวันไม่ตกดิน ข้าวหอมก็คงไม่ยอมแพ้กลับบ้าน พรุ่งนี้คงเพลียจนขุนเขาต้องแงะออกจากเตียงเพื่อขึ้นเครื่องกลับไปเยี่ยมหาบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่กาญจนบุรีในช่วงวันสงกรานต์แน่ ๆ

 

            ความจริงควรไปตั้งแต่วันนี้ แต่เพราะมีเด็กแถวนี้อยากเล่นน้ำรอบคูเมืองก่อน ขบวนการผู้ใหญ่ใจดีก็เลยตามใจหนูหอมกันถ้วนหน้า

 

            "หอมมาให้พี่ปะแป้งบ้าง" ขุนเขาดึงเสื้อข้าวหอมหันกลับมา มือใหญ่ทั้งสองข้างเต็มไปด้วยดินสอพองเปียก ๆ บรรจงปาดซ้าย ปาดขวา สุดท้ายแต้มเล็ก ๆ ไว้ที่ปลายจมูกของข้าวหอมอีกที

 

            มองผลงานตัวเองด้วยรอยยิ้มกว้าง

 

            ถึงว่าใคร ๆ ก็อยากจะปะแป้งข้าวหอม 

 

            ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

            "พี่ขุน ๆ ยื่นมือมา" เสียงเรียกทำให้ขุนเขาหันไปมองข้าวหอมที่ยกขันขนาดกลางที่ใส่น้ำส้มป่อยไว้ซึ่งมีขันเล็กอีกใบลอยอยู่มาวางบนโต๊ะ

 

            เมื่อเช้านี้ก่อนออกไปคูเมือง ขุนเขากับข้าวหอมร่วมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ที่จัดกันพร้อมกับคนในไร่ ผู้ใหญ่ที่อาวุโสสุดเห็นจะเป็นลุงเพิ่ม ลุงเดชแล้วก็ป้าช่อ

 

            แล้วดูเหมือนว่าข้าวหอมจะไปขอป้าช่อแบ่งน้ำส้มป่อยไว้ให้

 

            "เอามาทำไม"

 

            "ก็เมื่อเช้าเรารีบไป หนูยังไม่ได้รดน้ำผู้อาวุโสของหนูเลย เนี่ยพี่ขุนแก่ใช้ได้แล้วนะ ต้องให้พรหนูสิ" ข้าวหอมบอกด้วยยิ้มแฉ่ง ตาเป็นประกายตื่นเต้น ขุนเขาถอนหายใจแต่ก็อดจะอมยิ้มไม่ได้

 

            "เอาหอมว่าเถอะงั้น" พอได้ยินคำตกลง ข้าวหอมก็นั่งลงบนเก้าอี้เตรียมตักน้ำใส่ขัน ส่วนขุนเขานั้นยืนยื่นมือมาให้

 

            เรื่องอื่นเถียงเด็กมันได้ เรื่องแก่นี่ต้องยอมรับ

 

            "หนูขอให้พี่ขุนสุขภาพแข็งแรงดี ขอให้กินเบียร์แค่ไหนก็ไม่ลงพุง แก่ไปหัวไม่ล้าน ขอให้มะเขือเทศดก ๆ คนซื้อเยอะ ๆ แล้วก็รักหนูหอมมาก ๆ เลย" น้ำส้มป่อยหอม ๆ ถูกเทรดมือขุนเขาจนเปียกชุ่ม

 

            สองมือใหญ่ ๆ กดลงแนบผมสีดำสนิทของหัวทุยเบา ๆ

 

            "ขอให้เรียนผ่านทุกตัว ขอให้สุขภาพดีเหมือนกัน ไม่เป็นเบาหวานก่อน"

 

            "ฮื่ออ พี่ขุนอะ"

 

            "ผู้ใหญ่ให้พร อย่าแทรก"

 

            "จ้ะ หนูขอโทษ" ข้าวหอมรีบยกมือขึ้นพนมมือ หลับตาปี๋รอรับพรอย่างเต็มที่ น่าเอ็นดูมากพอจะเรียกรอยยิ้มจากขุนเขาให้กว้างขึ้น

 

            "ขอให้มีความสุข ขอให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ขอให้เจอแต่คนที่เข้าใจและเอ็นดู แล้วสุดท้ายขอให้สามีรักสามีหลงมาก ๆ นะ หนูหอม" อวยพรจบตบมือลงไปเบา ๆ สองทีพร้อมหอมกระหม่อม

 

            แล้วคนอวยพรก็เดินลิ่ว ๆ ขึ้นห้องไปทันที

 

            ทิ้งให้หนูหอมประมวลผลคำอวยพรอยู่คนเดียว

 

            "พี่ขุน!" คนตัวเล็กกระโดดเหยง

 

            งื่ออออ เมื่อกี้น่ะเหมือนถูกบอกรักเลยไม่ใช่เหรอไงล่ะ

 

            "พี่ขุนอ่าา งื่อ หนูชอบคำอวยพรสุดท้ายที่สุดเลย ใช่แล้วจ้ะ ๆ สามีของหนูหอมอะ ต้องรักหนูเยอะ ๆ เลย งื่อออ พี่ขุนน รักหนู ๆ " ข้าวหอมร้องบอกเสียงดังมาถึงชั้นสองจนขุนเขาได้แต่หัวเราะคนเดียว

 

            "พี่ขุนอะ หน้าร้อนหมดแล้วเนี่ย"  สองมือจับแก้มตัวเองที่ตอนนี้ร้อนฉ่าไปหมด แล้วก็แดงแจ๋สมความร้อนจริง ๆ

 

            สงกรานต์ที่ไร่อินท์วันธรปีที่สองนี้ข้าวหอมก็ยังมีความสุขสุด ๆ ไม่แพ้ปีแรกเล้ยยยย

 

            ต้องเป็นเพราะว่าที่นี่มีพี่ขุนแน่ ๆ เลย  คิคิ

 

 

 
ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ



สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะทุกคน 5555

เรื่องราวในเรื่องก็คือตอนที่หนูหอมแต่งงานกับพี่ขุนได้สองปีแล้ววว เล่นน้ำรอบคูเมืองกันวันค่ำไปเล้ยยย 55555



ปกติไม่เคยจะเขียนตอนพิเศษเกี่ยวเทศกาลเลย แต่ว่า ไหน ๆ พี่ขุนกับข้าวหอมก็อยู่ที่เชียงใหม่กันแล้ว มันก็ต้องจัดกันซักหน่อยเนอะ 


ใครอ่านแล้วชอบไปชวนเพื่อนมาตามติดชีวิตพี่ขุนหับหนูหอมด้วยกันได้เลยน้าาาา มาอ่านกันเย้อๆ จะได้ไม่เหงาาาา

ฮาร์ททึๆ







  #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่

 








ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1


#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่



แปด , ๘
[/b]



 



 

ถือว่าน่าพอใจ

 

            เป็นเช้าวันใหม่สดใสนกกาโบยบินที่ขุนเขารู้สึกโล่งอกปนเสียดายเล็กน้อย แต่เดี๋ยวก่อนเขารู้สึกดีมากกว่ามาก เพราะเช้านี้นมน้องรอดจากการถูกมองเห็นแล้วเรียบร้อย

 

            คุณป้านักขายไม่หลอกเขาจริง ๆ

 

            เสื้อนอนตัวใหญ่ไซส์ที่ขุนเขาใส่นอนสามารถคลุมไปยันเข่าของข้าวหอมได้ และเช้านี้การนอนดิ้นเหมือนกายกรรมเปียงยางของข้าวหอมก็ไม่ได้ถกจนถึงหน้าอกอย่างทุกที

 

            เห็นก็แค่สะดือกับพุงขาว ๆ แต่อันนี้ก็ดูได้แหละไม่เป็นไร สะดือเกือบจุ่นกับพุงนุ่มนิ่มนี่ก็ดูน่ารักดีไปอีกแบบ

 

ส่วนสิ่งที่เป็นอะไรมากกว่าคือกางเกงนอนของข้าวหอม มันทั้งตัวเล็กทั้งสั้นคุมแค่ต้นขา ยาวเลยขอบกางเกงในมาหน่อยเดียว ขนาดนี้นี่ควรลาออกจากการเป็นกางเกงแล้วป่ะวะ

 

เกินไปมาก ๆ

 

            "ไม่มีกางเกงที่ยาวกว่านี้ให้ใส่เหรอวะ" ขุนเขาบ่นพึมพำ มือใหญ่ดึงผ้าห่มมาคลุมทับทั้งสะดือ ทั้งต้นขาขาว ๆ ที่ก้นกลมแทบจะเบียดออกจากกางเกงนอนตัวกระจิ๋วให้ได้เห็น

 

            แล้วลองคิดดูว่าถ้าเมื่อคืนไม่ไล่ให้ข้าวหอมไปใส่กางเกงนอน แล้วตอนเช้าเสื้อเปิดพึบพับขนาดนี้ ไม่เห็นนมแต่จะเห็นต่ำกว่าสะดือลงไปทั้งหมดแทน

 

 

            โอ้โห กระดิ่งร้องคุก ๆ ในหัวขุนเขานี่ดังระงม

 

            "แต่งตัวให้มันดี ๆ หน่อยสิวะหอม บอกอะไรไม่เคยจะฟังพี่เลย" ปากบ่นไปมือก็ขยี้ผมที่เดิมนั้นยุ่งเหยิงอยู่แล้วของข้าวหอมจนยิ่งชี้ไปสารพัดทาง ขยำผมน้องจนพอใจแล้วขุนเขาก็ลุกจากเตียงแต่งตัวเตรียมไปตรวจไร่ตามปกติ

 

            แต่ก่อนไปก็ยังไม่วายจะลากผ้าห่มจากเอวข้าวหอมขึ้นมาปิดจนถึงคอ ให้สมกับความเปิดเก่งของเสื้อ

 

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

 

            "หูววว ป้าช่อจ๋า หอมน่ากินจังเลย" ข้าวหอมออกปากชมแม่ครัวคนเก่งของบ้านในทันที ตาโตวาววับกวาดตามองอาหารไทยปนอาหารเมืองที่เห็นแล้วอยากจะคดข้าวสวยร้อน ๆ มากินให้พุงกาง

 

            วันนี้ข้าวหอมตื่นสายเป็นพิเศษเพราะเมื่อคืนมัวแต่นอนใจสั่นไปค่อนคืนกว่าจะหลับลง แถมได้นอนตากแอร์เย็นฉ่ำม่านทึบในห้องของขุนเขาไม่มีใครมาปลุกก็นอนเพลินจนมาตื่นเอาเกือบสิบโมงเช้า

 

            ปกติเป็นเด็กตื่นเช้า พอมาตื่นสายท้องก็ร้องจ๊อก ๆ รีบล้างหน้าล้างตา เดินตามกลิ่นอาหารหอมกรุ่นเข้ามาในครัว

 

            "วันนี้กับข้าวเยอะจัง น่ากินทุกอย่างเลยจ้ะป้าช่อ" ข้าวหอมชม พลางย่อตัวอุ้มเจ้าผักบุ้งแมวที่ป้าช่อเลี้ยงไว้ขึ้นมาแนบอก กวาดตาเป็นประกายมองอาหารมือก็เกาคอเกาคางเจ้าแมวไทยตัวผอมไปด้วย

 

            "คุณขุนเปิ้นมาบอกป้าบะเดวก่าคุณหอม ว่าหื้อยะเพิ่มเปิ้นมีหมู่มาหา คุณหอมบ่ฮู้จักก่าเจ้า (คุณขุนมาบอกให้ป้าทำเพิ่มเมื่อครู่นี่เองค่ะคุณหอม ว่ามีเพื่อนมาหา คุณหอมไม่รู้หรือคะ)" ป้าช่ออู้กำเมืองใส่ ข้าวหอมยืนแปลตามอยู่ครู่ใหญ่ พอเข้าใจก็มุ่นคิ้วเข้าหากัน

 

            ใครมาอะ พี่ข้าวกล้องเหรอ

 

            ข้าวหอมเดินออกจากครัวเพื่อตามหาเจ้าของบ้าน มือก็ลูบหัวเจ้าผักบุ้งไปด้วย พอได้ยินเสียงของพี่ขุนเขาสุดที่รักก็เดินไวขึ้นอีกหน่อยตรงไปหน้าบ้าน

 

แล้วก็เห็นผู้ชายสองคนกำลังยืนคุยท่ามกลางสนามเขียวขจีที่มีแปลงดอกไม้สีสวยเป็นควันหลงจากการนำมาปลูกเมื่อตอนจัดงานแต่งงานของขุนเขากับข้าวหอม

 

            แต่ไม่ใช่พี่ข้าวกล้อง พี่ข้าวกล้องไม่มีทางเหลือตัวแค่นั้นแน่

 

            แล้วก็ไม่ดีเอาซะเลยที่ข้าวหอมรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพี่ขุนคือใคร

 

            "แง้ววว" เจ้าผักบุ้งเรียกร้องความสนใจเมื่อมือที่ควรจะเกาคอตัวเองหยุดนิ่งไป

 

            "สวัสดีครับ น้องข้าวหอมใช่ไหม โตขึ้นเยอะเลยแต่หน้าตาน่ารักไม่เปลี่ยนเลย" เสียงทักทายหวานนุ่มจากผู้ชายคนที่ตัวไม่สูงไปกว่าข้าวหอมสักเท่าไหร่ ยังคงมีรอยยิ้มประกอบกับลักยิ้มที่จมลงในสองข้างแก้มก็ดูน่ารักดีนั่นแหละ แต่ทำให้ข้าวหอมปากเบะกว่าเดิม

 

            "ข้าวหอม นี่พี่การันต์ไง จำได้ไหม" ขุนเขาเดินตามมาแนะนำตัวต่อให้ทันที

 

            ใครจะจำคนที่ทำให้ข้าวหอมรู้ว่าขุนเขาชอบผู้ชายน่ารัก ๆ ไม่ได้ล่ะ

 

            คนที่ทำให้ข้าวหอมรู้สึกว่าควรจะสู้เพื่อให้พี่ขุนรัก ว่าการที่ข้าวหอมเป็นผู้ชายเหมือนกันไม่ได้ทำให้พี่ขุนไม่รักข้าวหอม แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกว่าอยากจะยอมแพ้ เพราะ ขุนเขาชอบผู้ชาย แต่คนคนนั้นไม่ใช่ข้าวหอม

 

            "หอม จำได้ไม่ได้ก็ยกมือสวัสดีพี่รันต์เขาหน่อยสิ" ขุนเขาดุเด็กข้างตัวที่ยังทำยืนนิ่ง ๆ ข้าวหอมมือวางอันดับหนึ่งของเด็กมือไม้อ่อนไหว้ทุกคน จ๊ะจ๋ากับผู้ใหญ่ไม่เป็นรองใครแต่ตอนนี้ทำหน้ามึน ความรู้สึกกระดี๊กระด๊าเมื่อก่อนหน้านี้หายวับไปหมด

 

            "หอม"

 

            "หนูอุ้มผักบุ้งอยู่ มือไม่ว่าง"

 

            "หอมมึงนี่นะ"

 

            "อย่าดุน้องสิครับขุน รันต์โอเค"

 

            "ไม่ได้สิครับรันต์ อย่าให้ท้ายหอมมันสิ เคยตัว"

 

            แหวะ ทำมาคงมาครับ ทีกับพี่การันต์คนนี้อะขานรับเสียงนุ่มเชียว ทีกับข้าวหอมจะยิ้มให้สักครั้งก็ยังจะมาบ่นว่ากลัวจะเคยตัว พี่ขุนนิสัยไม่ดี เสียงประท้วงดังขึ้นในใจข้าวหอม หน้าตาน่ารักงอง้ำอย่างไม่คิดจะปิดบัง ปากเบะตาพอง หน้ามุ่ยยิ่งกว่าเจ้าผักบุ้งที่ถูกกอดอยู่ในอ้อมแขนอีก

           

            ไม่ยุติธรรม พี่ขุนลำเอียง ขอถอนความรักคืน0.002เปอร์เซ็นต์

 

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

 

            "อันนั้นเผ็ด รันต์ไม่กินเผ็ดนี่ครับ"

 

            "ขุน ยังจำได้ด้วยเหรอครับว่ารันต์ไม่กินเผ็ด รันต์ก็จำได้นะว่าขุนไม่ชอบกินผักชี"

 

            "หนูก็จำได้พี่ขุนไม่ชอบผักชี แต่ว่าชอบต้นหอม" ข้าวหอมพูดขึ้นมาต่อทันที ขี้เกียจฟังเขาจ๊ะจ๋ากัน ฮึ่ย รันต์ครับอย่างนั้น รันต์ครับอย่างนี้ ฟังมาก ๆ แล้วผื่นจะขึ้น

 

            " เนี่ยพี่ขุนชอบกินต้นหอม แล้วก็ชอบกินจิ๊น(เนื้อหมู)ทอดเกลือของป้าช่อด้วย หนูรู้ ๆ " ข้าวหอมบอกเสียงดังให้ฟังชัด กระแซะตัวเข้าหาตัวโต ๆ ของขุนเขาที่นั่งอยู่ข้างกัน ตอนที่ตักหมูทอดเกลือก็เลือกใช้มือซ้ายแม้ว่าจะไม่ถนัดเพื่อให้พี่การันต์คนดีได้เห็นชัด ๆ กับตาว่านิ้วนางข้างซ้ายหนูหอมมีแหวนอยู่

 

            "อะพี่ขุน หนูตักให้" ข้าวหอมวางหมูลงในจานขุนเขาแบบทุลักทุเลนิดหน่อย คนตัวโตไม่ได้ว่าอะไร แค่ขยับแขนซ้ายที่มีเด็กตัวเท่าคางมาเกาะจนขยับตัวยากก็เท่านั้น

 

            พอโดนสะบัดออกเบา ๆ ข้าวหอมยิ่งเกาะแน่นกว่าเดิม เอาแก้มเกยด้วยเลยนี่แหน่ะ

 

            "ขุนดูสนิทกับน้องข้าวหอมมากขึ้นนะ"

 

            "ไม่ใช่แค่สนิทนะ พี่รันต์หนูกับพี่ขุนน่ะแต่งงานกันแล้วด้วยจ้ะ ไหน ๆ พี่ขุนโชว์แหวนหน่อยยย" ข้าวหอมรีบบอกทันทีเมื่อได้โอกาส ออกแรงมากพอดูตอนที่จะดึงมือใหญ่ ๆ ขึ้นมาชูแหวนแบบเดียวกันบนนิ้วของเราสองคนให้กับพี่ชายหน้าตาน่ารัก (แต่หนูว่าน้อยกว่าหนูนิดหน่อย) ให้ได้เห็น

 

            หนูได้แต่งงานกับพี่ขุนแล้วป่ะหนูก็ต้องอวดสิ อวด! อวดเยอะ ๆ เลยด้วย 

 

            "เฮ้ย จริงเหรอขุน นึกว่าที่ส่งเมล์ไปชวนมางานแต่งตอนนั้นเล่นมุกซะอีก ยินดีด้วยนะครับ" พี่การันต์ยิ้มกว้างจนตาหยีเห็นลักยิ้มจมในแก้มขาว ส่วนขุนเขาก็ถอนหายใจอีกรอบ

 

            ปกติข้าวหอมได้ยินเสียงถอนหายใจเบื่อๆ จากขุนเขามาเป็นสิบเป็นร้อยรอบต่อวันก็ยังเฉย ๆ แต่วันนี้ ตอนนี้แค่ได้ยินก็ทำเอาน้อยใจไปหมด

 

            แต่หนูก็จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ  คอยดู ฮึ่ม แกงฮังเลจงมอบพลังในการสู้ศึกนี้แก่หนูหอมด้วยเถิด

           

            “ขอโทษนะครับ ที่รันต์ไม่ได้มาร่วมงานแต่งขุนเลย ตอนนั้นธุระยังติดพันน่ะก็เลยกลับมาจากอังกฤษไม่ได้”

 

            “ไม่เป็นไรหรอกครับรันต์ งานมันจัดแบบฉุกละหุก” ขุนเขาปรายตามามองตัวตั้งตัวตีจัดงานแต่ง ถวายตัวเองมาเป็นลูกสะใภ้ของแม่เขาที่เกาะแขนอยู่แบบแน่นหนึบ

 

            ยิ่งเห็นขุนเขาหันมามอง ข้าวหอมยิ่งกอดแน่นกว่าเดิม

 

            "แล้วพี่การันต์ยังไม่มีแฟนเหรอจ๊ะ" พอได้กลืนแกงฮังเลคลุกข้าวสวยไปสองคำ ข้าวหอมก็มีแรงโจมตีฝ่ายตรงข้ามต่อ

 

            "อ่า เรื่องนั้นน่ะคือ ..." พี่การันต์ดูจะยิ้มเจื่อนไปทันทีจนข้าวหอมก็ยังสังเกตเห็น

 

            "หรือพี่เพิ่งเลิกกับแฟนเหรอ"

 

            "....เอ่อ...ก็"

 

            "คำถามหนูทำให้พี่รู้สึกไม่ดีเหรอ" ชักจะรู้สึกผิดแล้วสิ หรือคำถามนี้ไปจี้ปมอะไรในใจพี่เขาหรือเปล่า ข้าวหอมไม่ได้ตั้งใจให้พี่การันต์ต้องเสียใจนะ

 

            "หนูขอโท..."

 

            "คำถามแบบนี้ใครเขาถามกันวะหอม มึงไม่มีมารยาทเลยนะ" ขุนเขาปรามขึ้นมาเสียงดุ ตอนนี้คนที่หน้าเจื่อนกว่าการันต์กลายเป็นข้าวหอมแทนแล้ว ยิ่งพอขุนเขาขยับแขนข้างที่ข้าวหอมเกาะอยู่ให้พอรู้สึกได้ว่ากินข้าวไม่ถนัด ให้รู้สึกได้ว่ารำคาญ

 

            สองมือที่เกาะแขนขุนเขาแน่นหนึบค่อย ๆ คลายออก ตัวที่เอนซบขยับห่างมาเล็กน้อย ข้าวหอมเลือกที่จะนั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ ตักข้าวใส่ปากตัวเองเงียบ ๆ

 

            ทั้งรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่ถามไปให้พี่การันต์เสียใจ แล้วก็น้อยใจพี่ขุนด้วย

 

            แต่หนูหอมก็ยังไม่คิดจะลุกไปจากโต๊ะหรอก จะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ

 

            มันเป็นที่ของหนูแล้วไม่ใช่เหรอ หนูพยายามจนได้แต่งงานกับพี่ขุนแล้วนะ ก็ถ้าจะมีใครสักคนที่ได้ครอบครองความรักของพี่ขุน ...มันก็ควรจะเป็นหนูคนที่พี่ขุนแต่งงานด้วยไม่ใช่เหรอ

 

            "แล้วรันต์อยากถ่ายตรงไหนบ้างครับ ขุนจะได้ให้ลุงเดชไปเตรียมไว้รอ เดี๋ยวเรากินข้าวเสร็จจะได้ออกไปดูเลย" เสียงทุ้มนุ่มเริ่มถามเรื่องธุระที่ทำให้เพื่อนสมัยเรียนอย่างการันต์ซึ่งไม่ได้เจอกันมานานหลายปีแล้ว มาหาถึงไร่อย่างปุบปับในวันนี้

 

            "คงเกี่ยวกับทำมะเขือเทศทั้งหมดแหละครับ ขอบคุณขุนมากเลยนะครับที่จู่ ๆ รันต์ก็มาแต่ก็มีข้อมูลให้รันต์เอาไปเขียนงานได้เลย เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกแล้วโดนบรีฟเกี่ยวกับเกษตรไทย คือในหัวรันต์ คิดถึงขุนคนแรกเลย ขอบคุณนะครับ"

 

            "ครับ ขุนดีใจนะ ที่รันต์ไม่ลืมขุน"

 

            ขนาดข้าวหอมรู้สึกเหมือนวิญญาณจะออกจากร่างแต่พอฟังถึงตรงนี้ก็เบะปาก มองบนอย่างอดไม่อยู่ ทีกับข้าวหอมอะมึงมาพาโวยได้ตลอด หอมมึงอย่างนั้น หอมมึงอย่างนี้ สองมาตรฐาน!

 

            ถึงจริง ๆ แล้วข้าวหอมจะไม่ได้น้อยใจกับการที่พี่ขุนเรียกมึงอะไรนักหรอก แต่ที่น้อยใจอะ น้อยใจน้ำเสียงมากกว่า คุยกับข้าวหอมก็มีแต่ดุนั่นแหละ!

 

            “พี่ขุนลำเอียง" ข้าวหอมพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว มองไปที่จานผัดพริกแกงเนื้อแสนเผ็ด ข้าวหอมก็ไม่กินเผ็ดเหมือนกัน ไม่ชอบกินเผ็ดที่สุดเลยล่ะ

 

            แต่ก็ยังไปจับช้อนทำท่าจะตักมาใส่จานเพราะอยากโดนท้วงด้วยความเป็นห่วงบ้าง

 

            หอมไม่กินเผ็ดนี่ครับ ...อยากฟังแบบนี้บ้าง

 

            "...."

 

            แต่จับช้อนอยู่นานแล้วก็ไม่เห็นจะได้ยินประโยคที่อยากฟัง มีแต่เสียงขุนเขายังคุยเรื่องงานกับการันต์ต่อไป

 

ทั้งที่นั่งอยู่ข้างกันแท้ ๆ ป่ะ มองไม่เห็นหนูเหรอ

 

            คนที่อยู่นอกสายตา จะไปสู้อะไรกับคนที่อยู่ในหัวใจได้ล่ะ

 

            แกร๊ง

 

            สุดท้ายมือขาวก็ปล่อยช้อนผัดพริกแกงเนื้อไว้ที่เดิม ข้าวยังเหลือในจานอีกเป็นครึ่งแต่รู้สึกว่าหมดอารมณ์จะกินต่อยังไงก็ไม่รู้ กับข้าวมื้อนี้ฝีมือป้าช่อก็ยังสุดยอดแต่ข้าวหอมไม่อยากกินแล้ว

 

            กึก

 

            แล้วจู่ ๆ ก็มีช้อนแปลกปลอมตักไข่เจียวหมูสับหอมฉุยของโปรดมาวางโปะบนข้าวที่เหลือครึ่งจานของข้าวหอม พร้อมดันขวดซอสมะเขือเทศที่ป้าช่อเก็บผลจากในไร่มาทำเอง เอามาวางใกล้ ๆ ให้ด้วย 

           

            ไข่เจียวหมูสับราดซอสมะเขือเทศแบบที่ข้าวหอมชอบกินมาก ๆ เลย

 

            ข้าวหอมยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีอย่างห้ามไม่อยู่ หันไปมองคนตัวโตซึ่งยังคงคุยกับคนอื่นอยู่ แต่ว่ามือกำลังรินน้ำเติมในแก้วของข้าวหอมแบบที่ชอบทำให้เป็นประจำ

 

            หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวตอนนี้ข้าวหอมเหมือนได้ยินเสียงมันถูกสูบลมเข้ามาจนพองเกือบเท่าเดิม มือขาวกำช้อนตักข้าวไข่เจียวราดซอสสุดอร่อยเข้าปากคำโต

 

            เติมทั้งแรงกายและแรงใจให้สู้ไม่ถอย

 

            ยังไงข้าวหอมก็ไม่ยอมแพ้หรอก ดูปากข้าวหอมนะ ว่าไม่ยอม

 

ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ

 

            "หนูขอไปด้วย ไป! ด้วย! " ข้าวหอมบอกย้ำเสียงสองครั้งที่ปลายประโยค คนตัวเล็กเกาะติดหลังขุนเขาที่กำลังเตรียมตัวจะเข้าไปไร่ไม่ห่าง

 

            "ถ้าจะไปก็ห้ามดื้อห้ามซนเข้าใจไหมหอม"

 

            "หนูไม่ดื้อเลยพี่ขุน ไม่มีดื้อสักกะนิดนึง" ข้าวหอมบอกเสียงใส พอเห็นขุนเขาเออออก็ยิ้มแป้นจะเดินขึ้นรถไปนั่งเบาะหน้า เพราะดูแล้วขุนเขาต้องเป็นคนขับแน่นอน

 

            หนูไม่ยอมให้ใครมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถพี่ขุนแทนหนูหรอกอยากบอกให้รู้ไว้

 

            "มึงอย่าเพิ่งขึ้น หอม" แต่ก็ถูกมือมารใหญ่โตดึงคอเสื้อกันไว้ก่อน

 

            "อะไรอะพี่ขุน"

 

            "หมวกที่ลุงเดชให้มาตอนนั้นอยู่ที่ไหน"

 

            "หมวก? อ๋อ ใบสีดำเหรอ อยู่บนห้องพี่ขุน"

 

            "ขึ้นไปเอามา ถ้าไม่ใส่หมวกใบนั้นพี่ไม่ให้ไปด้วยนะ" ขุนเขาบอกเสียงนิ่ง ข้าวหอมมองหมวกสานไม้ไผ่ที่การันต์และขุนเขาใส่อยู่ แต่หมวกนั่นเป็นหมวกผ้าสีดำใบโต แบบนี้ข้าวหอมก็ไม่ได้ใส่หมวกคู่กับพี่ขุนสิ

 

            "หอมไปเอามา"

 

            "หนูอยากใส่แบบของพี่ขุนอะ ไม่มีแล้วเหรอ"

 

            "หอม"

 

            "ก็ด้ะ" ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยอะ ดุเก่งจังเป็นเสือกลับชาติมาเกิดเหรอไง ข้าวหอมนินทาในใจก่อนจะรีบจ้ำเดินเข้าไปเอาหมวกตามที่ถูกสั่ง

 

            "ห้ามทิ้งหนูนะ ออกมาไม่เจอใครล่ะก็หนูโทรไปฟ้องแม่พี่แน่! พี่ขุน" แต่ก็ไม่วายหันมาร้องขู่ก่อนที่จะรีบวิ่งจี๋

 

            "วิ่งไปตกบันไดพี่ไม่พามึงไปหาหมอนะเว้ย หอม" ขุนเขาตะโกนตามหลังไป กอดอกตัวเองพิงหลังกับรถบรรทุกคันสีน้ำเงินคันโต อดไม่ได้จะถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

            หมวกใบสีดำใบนั้นที่เคยฝากลุงเดชเอามาให้เป็นหมวกใบที่ปีกใหญ่ที่สุดแล้วที่ขุนเขามี จะได้กันแดดไม่ให้ส่องโดนข้าวหอมมากนักยิ่งตัวแดงผิวแดงง่าย ๆ อยู่

 

            "น้องน่ารักนะครับ ขุน"

 

            "ดื้อมากกว่าครับรันต์"  ขุนเขาบอกเสียงเหนื่อยใจ ส่วนการันต์ฟังแล้วก็หัวเราะ

 

            "บ่นน้องหอมดื้อ แต่ก็แต่งงานกับน้องไม่ใช่เหรอครับ"

 

            "ลองไม่สิครับ แม่ได้ฆ่าขุนตายแน่ แม่ขุนเองนี่แหละไม่ใช่ป้าขิม ฆ่าไม่พอเอาขุนไปหั่น ๆ สับๆ ฝังเป็นปุ๋ยเลี้ยงต้นไม้ต่อด้วยเถอะ"

 

            "ฟังขุนพูดเข้า ป้าทิพย์ใจดีนะ รันต์จำได้"

 

            "ถ้าแตะลูกสะใภ้สุดที่รักของแม่เขาล่ะก็ไม่มีใจดีด้วยแน่ ขุนยังไม่ลองดีด้วยเลย" ขุนเขาเอ่ยขึ้นมาก่อนจะหัวเราะในลำคอ

 

            "ก็อย่างว่าแหละรันต์ ช่างจ๊ะจ๋าขนาดนั้นผู้ใหญ่คนไหนจะไม่เอ็นดูข้าวหอมได้ล่ะ"

 

            "ผู้ใหญ่ที่ว่านี่รวมถึงขุนด้วยหรือเปล่า" การัตน์ถามเพื่อนสมัยเรียนของตัวเองกลับ แถมไล่จี้ด้วยสายตากึ่งล้อที่ขยับเข้ามาจ้องใกล้ ๆ มากกว่าเดิมอีกก้าวพอเห็นขุนเขาหลบตาหันไปมองนั่นมองนี่ไม่ยอมสบตาก็หัวเราะเสียงใส

 

            “อย่ามาหัวเราะเหมือนล้อกันแบบนั้นสิครับรันต์”

 

            “ก็ขุนตลกอะ ตัวเองก็เอ็นดูน้องหอมป่ะ”

 

            “รันต์รู้ไหมหอมนะ ทั้งดื้อทั้งกินเก่ง ตู้เย็นขุนมีแต่ขนมของหอมมันแน่นไปหมดเบียร์เบอถูกย้ายไปชั้นเก็บผักนู่น ที่แต่งงานด้วยก็เพราะแม่กับย่าขอนั่นแหละ”

 

            “ขุนก็รู้ตัวนี่ ว่าขุนไม่ใช่คนใจดีขนาดนั้น” การันต์เปรยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ขุนเขาไม่ใช่คนที่จะใจดีทำในสิ่งที่ฝืนใจตัวเองจนสุดกู่ได้ การันต์รู้ดี ดวงตากลมวาวจ้องมองกลุ่มเมฆบนท้องฟ้าที่ตอนนี้ดูไปก็คล้ายกับกองทัพกระต่ายปุกปุย

 

            “น้องหอมคนนี้ นี่ใช่คนเดียวกับเมื่อตอนนั้นใช่ไหม”

 

            “....”

 

            “ที่สนามบาส”

 

            “...ครับ ใช่”

 

            “ถึงว่าแผลที่หัวเข่านั่น ...น้องเขาจำได้ไหม”

 

            “ก็คงจำได้อยู่บ้าง แต่จำไม่ได้เลยคงดีกว่า” แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือไม่เคยเกิดขึ้นเลย

 

            "หนูมาแล้วพี่ขุนนน" ข้าวหอมตะโกนเสียงดังมาแต่ไกล นอกจากหมวกสีดำปีกกว้างที่ใส่มาแล้ว ข้าวหอมยังเปลี่ยนเสื้อด้วยจากเสื้อสีขาวเมื่อเช้านี้ก็เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตแขนบัวสีเหลืองมัสตาร์ท สีที่พี่ขุนชอบ

 

            เพราะว่าพี่ขุนเคยชมตอนข้าวหอมใส่เสื้อสีนี้อยู่สองสามหนว่าน่ารักดี แสดงว่าพี่ขุนต้องชอบสีเหลืองมัสตาร์ทนี้แน่ ๆ แต่ว่ามันเปื้อนง่ายก็เลยไม่มีไว้ประดับตู้เท่าไหร่ นี่แหละข้าวหอมจะโจมตีด้วยการใส่เสื้อตัวนี้เล้ย

 

            "พี่ขุนมาขับรถเร็ว เร้ววว" ข้าวหอมรีบโดดขึ้นนั่งเบาะหน้าทันที  กวักมือเรียกหยอย ๆ พอเห็นว่าตัวเองได้นั่งข้าง ๆ ขุนเขา ส่วนการันต์นั่งอยู่เบาะหลังคนเดียว ก็ยื่นหน้าโต้ลมยิ้มกว้างขึ้นมาได้หน่อย

 

            ขุนเขาชำเลืองมองแล้วก็คิดในใจว่า ชอบยื่นหน้าออกมารับลมแล้วก็ช่างจ้อแบบนี้เหมือนพาลูกหมาที่เคยเลี้ยงตอนเด็ก ๆ ออกมาเที่ยวไม่มีผิด

 

           

 

 


ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ



ตอนนี้ก็พาเนื้อหาทั้งหมดมาลงที่ไทยบอยเลิฟจนถึงตอนล่าสุดแล้วนะคะ
จากนี้ก็จะเขียนลงตอนต่อตอนเลย  หยอดปุ๋ยให้มะเขือเทศงอกงามด้วยเมนต์และฟีดแบค ให้ปั่น ๆ ตอนต่อไปได้เลยนะคะ
เป็นครั้งแรกที่เขียนนิยายซึ่งมีพล็อตและฟีลเตอร์อารมณ์สดใส กุ๊งกิ๊งแบบนี้ ก็ประหม่าตื่นเต้นอยู่มากมายเลยค่ะ

ตอนนี้เจ้มจ้นนิดนึง แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้เน้นกินมะเขือเทศเย้อๆๆ พี่ขุนรวยเราจะไม่ค่อยกินมาม่ากัน เราจะกินแกงฮังเลลลล

คนในอดีตคนที่หนึ่งย้อนมาแล้วววก็จะค่อย ๆ ย้อนไปถึงอดีตที่ผ่านมาให้ได้รู้กันมากขึ้นนนน

นั่งรอ กลิ้งรอในแท็ก #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ นะคะทุกคนนน แท็ก ๆ กันมากได้เต็มที่เลยน้าาา อยากรู้ฟีดแบคมาก ๆ เลย ถ้าอ่านแล้วถูกอกถูกใจก็เชื้อเชิญชวนเพื่อนมาร่วมอ่านด้วยกันได้เลยน้าาา

เลิฟจ้ะ ฮาร์ททึฮาร์ททึ





#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
น่ารักมากเลย :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Emmaline

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สู้ๆนะหอม​ อีกหน่อยพี่ขุนจะหลงเราหัวปำ¡¡¡

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
หนูหอมมม น่าเอ็นดูว์  :m3: :m3: :m3:

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
 
   





#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่
เก้า , ๙


            "เฮ้อออ" ข้าวหอมถอนหายใจเฮือกยาวเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ที่แทบจะไม่เข้ามาเฉียดตั้งแต่แต่งงานเข้ามาอยู่กับขุนเขาแล้วย้ายข้าวของรวมทั้งตัวเองไปนอนห้องของสามีอย่างเป็นทางการไล่ก็ไม่ไป

แต่วันนี้ข้าวหอมเลือกจะเดินเข้ามาในห้องของตัวเอง มากกว่าไปในที่ที่รู้ดีว่าจะเจอกับพี่ขุนเขา

            มือผอมกดเปิดแอร์ไล่ความร้อนออกจากห้องในขณะที่อีกมือจิ้มหน้าจอมือถือเครื่องโปรดซ้ำ ๆ เพื่อหาชื่อที่ต้องการ
            อากาศ ณ เมืองเชียงใหม่กลางไร่อินท์วันธรนั้นร้อนเหลือใจ

            นอกจากทั้งเหนื่อยทั้งร้อนทั้งล้าแล้ว ข้าวหอมก็กลับมาใจฟีบอีกหน ตอนที่เข้าไปในไร่ พี่การันต์คอยถามนู่นถามนี่จากพี่ขุนจากลุงเดช ถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้ โดยมีเจ้าของไร่ตามอยู่ไม่ห่างคอยอำนายความสะดวกทุกคำถาม

            ข้าวหอมน้อยใจนิดหน่อยแต่ก็รู้ว่าพี่การันต์กำลังทำงานก็เลยไม่อะไร แต่ความสองมาตรฐานของพี่ขุนนั่นแหละ

            ข้าวหอมพยายามตามติดไปเหมือนกัน ตามพี่ขุนทุกก้าวยิ่งกว่าเงา แล้วก็โดนพี่ขุนบ่นทุกการขยับตัวว่าอย่าทำนั่นพังนะ อย่าแตะอะไร อย่ายุ่งกับของชิ้นนั้น อย่าใกล้ของชิ้นนี้

จนบางทีแค่ข้าวหอมยกมือมาเกี่ยวผมทัดหูก็ยังโดนบ่น

            เอาแต่บ่น  เอาแต่ดุ  ทั้งที่ตาเรียว ๆ คู่นั้นแทบจะไม่หันมามองข้าวหอมด้วยซ้ำ

 ถ้าอยากอยู่ในสายตาบ้างต้องทำยังไงเหรอ ขนาดใส่เสื้อสีที่ชอบก็ยังไม่ช่วยอะไรเลย ยังไม่ทำให้ถูกสนใจเลย ต้องหาอะไรมาดึงดูดความสนใจของพี่รันต์ให้ออกไปห่าง ๆ จากพี่ขุนบ้าง

 [ฮัลโหลว่าไงวะหอม ] เพราะฉะนั้นต้องมีมาตรการที่สอง

            "คินนนนน มีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น คินต้องรีบมาช่วยเรานะ" ข้าวหอมร้องบอกปลายสายเสียงร้อนใจ ที่ต้องเข้ามาในห้องตัวเองก็เพราะแบบนี้แหละ ต้องแอบมาโทรหาอนาคินเพื่อนรักให้รีบตามมาช่วยกัน
ข้าวหอมต้องการกำลังเสริมด่วน!

            ส่วนแม่ทิพย์จ๋าเป็นไพ่ไม้ตายสุดท้าย ถ้าสู้ไม่ไหวเมื่อไหร่ล่ะก็ข้าวหอมจะต้องอัญเชิญไพ่ใบนี้ลงสู่กระดานแน่ แต่ตอนนี้ยังไม่อยากกวนผู้ใหญ่ ฟ้องคินก่อน

 [มีอะไรวะหอม ทางนี้นุ่มมันก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นไงเลย นี่คินต้องไปเชียงใหม่ด้วยอ่อ]

            "ใช่คิน เรื่องของเรามันด่วนมาก ๆ นุ่มว่างไหมอะ อยากให้ทั้งนุ่มทั้งคินมาเลยอะ เราต้องการกำลังเสริม"

 [นุ่มน่าจะยังไปไม่ได้ว่ะหอม ไหนว่าพี่ขุนแต่งงานด้วยแล้วอีกไม่กี่วันก็ต้องรักหอมแน่ ๆ ไงวะ แล้วมีปัญหาอะไรอะ มันร้ายแรงระดับไหนวะบอกมาหน่อย]

             "ร้ายแรงระดับพี่การันต์มาที่นี่น่ะสิคิน ร้ายแรงมาก ๆ"

 [การันต์ไหนวะ ...อ๋อ การันต์ผู้ชายหน้าตาน่ารักตัวเล็ก ๆ ที่หอมบอกว่าพี่ขุนชอบใช่ไหม คนที่ตอนนั้นหอมเห็นจูบกับพี่ขุน...]

 “คิน! ทำไมต้องพูดถึงเรื่องนี้ด้วยอะ ห้าม ๆ ฟังแล้วไม่ชอบเลย ไม่อยากได้ยินอะ คินนน” ข้าวหอมโวยวายใหญ่ เรื่องนี้อุตส่าห์
ไม่นึกถึงแล้วนะ ถึงจะนานหลายปีแล้วแต่ข้าวหอมก็ยังจำได้เถอะ บาดจิตบาดใจทำไมอนาคินต้องมาย้ำด้วย

 [จ้า ๆ คินขอโทษจ้า คืออยากให้คินไปหาใช่ไหม สรุป]

 "ใช่! คินต้องมาด่วน เราต้องการคนช่วย" ข้าวหอมย้ำเสียงหนักแน่น

 [เออๆ เดี๋ยวขอเตี่ยกับม๊าก่อนว่าจะไปต่างจังหวัด น่าจะสักพักนะ แต่จะไปให้ไวที่สุดนะเว้ย หอม]

            "โอเค มาเร็ว ๆ นะคิน เราจะรอคินนะ" ข้าวหอมย้ำกับปลายสายอีกทีก่อนวางมือถือไว้บนอก นอนแผ่ร่างไปบนที่นอนนุ่ม ๆ รับแอร์เย็นฉ่ำที่เป่ามา

            "เฮ้อออ" แล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ

            ตอนนี้พี่การันต์กำลังสรุปข้อมูลที่ได้มาจากชมไร่ โดยมีพี่ขุนคอยช่วย ตอนแรกข้าวหอมก็ไปวุ่นวายอยู่ใกล้ ๆ นั่นแหละแต่โดนดุมา แล้วอยากจะโทรตามพวกมาช่วยด้วยก็เลยเดินเลี่ยงขึ้นมาบนห้องนอน

            นี่กำลังคิดอยู่ว่าจะแกล้งทำเป็นอดอาหารเย็นต่อต้านพี่ขุนที่ลำเอียงใส่ เพราะข้าวหอมไปดีลกับป้าช่อมาแล้วว่าให้แอบเก็บกับข้าวไว้หนึ่งชุด

ถ้าจะให้ไม่กินข้าวเย็นจริง ๆ ข้าวหอมก็ไม่ไหวหรอก วันนี้ป้าช่อทำแก้งส้มชะอมไข่กุ้งเลยนะ อร่อยมาก ๆ ด้วย ของชอบเลยจะไม่กินได้ยังไง

            แถมทั้งวันข้าวหอมก็โดนดูดพลังไปตั้งเยอะแล้ว ไหนจะต้องคอยเดินตามไปทั่วไร่ร้อน ๆ ไหนจะต้องมาใจฟีบเพราะถูกสามีที่แต่งงานด้วยเมินแล้วไปสนใจคนอื่นอีก

วันนี้เป็นวันแย่ ๆ ของข้าวหอมขนาดนี้แล้วทำไมยังต้องทนหิวข้าวอีกล่ะ อย่างน้อยก็ควรได้กินอะไรอร่อย ๆ เยียวยาจิตใจ
            แต่ว่าจะแกล้งไม่กินข้าวก่อน เผื่อพี่ขุนจะมาง้อ

            "เฮ้อออออ" ถึงจะคิดแผนแกล้งขุนเขาอย่างทุกที แต่ข้าวหอมก็ยังรู้สึกห่อเหี่ยวอยู่ดี
 ตึ้ง

            มือผอมยกมือถือที่มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นดู เห็นสเตตัสของอนาคิน แท็กชื่อของตัวเองมา
 '@จีรภัทร อินท์วันธร (เทพภวันภรณ์) ระหว่างที่รอคินไปหา ก็ฟังเพลงไปก่อนนะเว้ยเพื่อน --- เลือกได้ไหม (room39 x the toy)  '

            ข้าวหอมเอียงคอจ้องมองหน้าจอจนแก้มเบียดกับคอ ...เพลงนี้ไม่เคยฟังแฮะ
 ~~อยากจะถามสักคำบอกมาได้ไหมจะฟัง

          แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม เลือกให้เธอไม่ไปได้หรือเปล่า ~~

            พอฟังมาถึงตรงนี้ข้าวหอมก็กดหยุดชั่วคราว ออกมาที่แอฟเดิมซึ่งอนาคินเพื่อนรักแท็กเพลงมาให้ ก่อนจะส่งการแจ้งเตือนล่าสุดไปหาอีกฝ่าย

            -จีรภัทร อินท์วันธร (เทพภวันภรณ์) กดโกรธสิ่งนี้-

            กดโกรธนี่แหละถูกต้องที่สุดแล้ว  เพลงมีตั้งเยอะแยะแล้วทำไมคินต้องเลือกส่งเพลงที่จี้ใจดำมาด้วยอะ คินใจร้าย แกล้งกันชัด ๆ เลย   

 ~~ หากไม่ยอมให้ไป จะตามใจฉันหรือเธอ ~~

            แต่สุดท้าย ข้าวหอมก็วนกลับมากดเพลงให้เล่นต่ออยู่ดี ถึงมันจะเศร้าแต่ฟังแล้วก็รู้เหมือนว่ากำลังมีคนที่เข้าใจความรู้สึก ฟังแล้วก็เจ็บหนึบ ๆ ดี

 ~~ ฉันจะเลือกให้เธอเลือกฉันแล้วไม่ต้องไปกับเขาได้หรือเปล่า~~

            นั่นสิ ได้ไหมอะ พี่ขุนจะเลือกแต่หนูหอมได้ไหม ไม่เลือกคนอื่นได้หรือเปล่า

            แต่ดูอย่างตอนนี้สิจะหนึ่งทุ่มแล้ว ผ่านเวลามื้อเย็นมาเป็นสิบนาที ทั้งที่ข้าวหอมไม่ลงไปกินข้าวแต่พี่ขุนก็ไม่เห็นจะสนใจกันเลย

            แล้วพี่ขุนจะมาเลือกข้าวหอมได้ไง ตอนนี้พี่ขุนก็คงนั่งเอาใจ นั่งยิ้มหวานขานรับครับรันต์อย่างนั้น ครับรันต์อย่างนี้อยู่
            ใช่สิก็นี่มันข้าวหอมนี่

            เบื่อพี่ขุนแล้ว

 ~~ สิ่งที่เธอถามมาจะตอบอย่างไรได้หรือเธอ ไม่มีทางให้เลือกเลย ~~

            เบื่อคินด้วย ส่งเพลงอะไรมาอะ ทำไมเศร้าจัง

            "ฮึก" เพราะอยู่คนเดียว ข้าวหอมก็เลยนอนซุกกับกองผ้าห่มแล้วก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ ความเสียใจ ความน้อยใจของทั้งวันนี้ที่ถูกสะสมมา แม้จะมีความใจดีของพี่ขุนมาปัดเป่าไปได้บ้างแต่มันก็แค่นิดเดียว

            เหมือนตอนที่รีบจะกินขนมแล้วไปหยิบทั้งที่ยังร้อน ๆ จนนิ้วพอง ตอนแรกก็เหมือนว่าจะไม่เจ็บเอาน้ำแข็งประคบก็ชา ๆ เหมือนจะลืมไปได้บ้าง แต่ความจริงมันก็ยังเจ็บ แล้วก็แสบปลายนิ้วไม่หายเลย

            ความรู้สึกข้าวหอมก็เหมือนกัน ยังร้อน ๆ แสบ ๆ อยู่ที่หัวใจ

            วันนี้ทั้งวันข้าวหอมพยายามทำทุกอย่างให้ขุนเขาหันมามองบ้าง แต่ก็ถูกเมินตลอดเลย หรือถ้าหันมาก็หันมาดุ ดุอย่างเดียวเลย

            "ฮึก พี่ขุนอะ" แล้วต้องทำยังไงเหรอ ข้าวหอมรู้นะว่าพี่ขุนชอบคนน่ารัก ๆ อย่างพี่การันต์ ชอบคนที่ไม่ดื้อ ชอบคนที่ไม่ใช่เด็กกะโปโลแบบนี้ที่ข้าวหอมเป็น

            แต่ข้าวหอมก็อยากเป็นตัวของตัวเอง แล้วก็ถูกพี่ขุนรักด้วยไม่ได้เหรอ

            ตรงไหนที่ตัวเองดื้อเกินไปจนพี่ขุนโกรธก็พร้อมจะปรับ แต่ก็ไม่เคยคิดที่อยากจะไปเป็นคนอื่นเพื่อให้ได้ความรักจากพี่ขุน

 แกก

            "หอม"

            ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ข้าวหอมก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ภายใต้ผ้านวมผืนหนาคือสองมือผอมที่พยายามเช็ดน้ำตาตัวเองให้แห้งไวที่สุดก่อนที่พี่ขุนจะเห็นว่าร้องไห้

            ไม่อยากให้พี่ขุนเห็นน้ำตา ไม่เอา

            "หอม ทำไมมานอนห้องนี้ล่ะ"

            แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ น้ำตาไม่ยอมหยุดแถมไหลมากกว่าเดิม ข้าวหอมก็เลยซุกหน้าไปกับหมอน ถูหน้าไปถูหน้ามาหวังให้ปลอกหมอนลายดัมโบ้ซับน้ำตาให้แห้งให้หมด

            "หอม" ขุนเขามองก้อนผ้าห่มที่ยังขยับยุกยิกไปมา แต่เด็กตัวเท่าคางที่ซ่อนตัวอยู่ก็ไม่ยอมขานรับ ทำเงียบแบบนี้จะแกล้งหลับอีกหรือไง โคตรไม่เนียน

            "หอมวันนี้มึงรู้ไหมว่าป้าช่อทำกับข้าวอร่อยมากเลยนะ พี่ว่าจะต่ออีกสักสองชาม ไม่ลงไปกินเหรอหอม" เสียงถามของขุนเขาใกล้เข้ามา รับกับความรู้สึกที่เตียงนอนยุบลงตามน้ำหนักคนนั่ง คนตัวเล็กรีบสูดน้ำมูกกลืนก้อนสะอื้นลงไปลึก ๆ สองมือกำผ้าห่มเช็ดน้ำตาอีกยกใหญ่หวังว่ามันจะแห้งสนิท

            "แล้วพี่เห็นป้าช่อเก็บข้าวไว้ในตู้หนึ่งชุด ว่าจะไปเอามากินละเพราะวันนี้ป้าทำอร่อยมาก"

            "ไม่ได้นะ" ข้าวหอมโวยขึ้นมาเสียงติดสั่นที่ฟังแล้วเดาไม่ยากว่าผิดปกติ จนคนพูดต้องรีบกระแอมไอให้เสียงกลับมาปกติให้ไวที่สุด

            "ป้าช่อเก็บไว้ให้หนู ป้าช่อทำให้พี่ขุนกับพี่คนนั้นตั้งเยอะแล้ว มาแย่งหนูทำไม" เสียงเถียงไม่ดังนักฟังดูอู้อี้ลอดมาจากผ้าห่ม ขุนเขาเอนตัวนอนไปกับเตียง เท้าศอกยันเตียงค้ำฝ่ามือรองหัวเข้ามาฟังเจ้าก้อนผ้าห่มใกล้ ๆ

            ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าผิดปกติ แต่ถ้าจู่ ๆ ขุนเขาเปิดผ้าออกก็มีอันได้เรื่องยาวกว่าเก่า เผลอ ๆ จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นอะไร
           
อยู่กับเด็กก็ต้องมีดุบ้าง ผ่อนบ้าง

            "แล้วทำไมหอมไม่ลงไปกินด้วยกันกับพี่" เสียงทุ้มนุ่มที่ค่อย ๆ ถาม ทำเอาใจข้าวหอมอ่อนยวบ มืออุ่น ๆ ที่แตะลงบนผมทำให้รู้สึกได้ว่าหน้าหล่อเหลาของพี่ขุนเขาต้องอยู่ใกล้มากจนอยากจะเปิดผ้าออกไปดูให้เต็มตา

            แต่เพราะน้ำตายังไม่แห้งหมดไปจากหน้านี่แหละ ข้าวหอมถึงยังไม่กล้าจะให้พี่ขุนเห็น

            "ก็ตอนแรกหนูเพลีย หนูง่วง หนูปวดหัว หนูจะนอนแล้ว" ข้าวหอมแอบไขว้นิ้วเมื่อรู้สึกตัวว่าจงใจพูดโกหกออกไป รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ถ้าแม่จ๋าพ่อจ๋ารู้ต้องดุแน่ ๆ เลย

            "จะนอนทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำนี่น่ะเหรอ" ขุนเขาถามเมื่อเห็นชายเสื้อสีเหลืองตัวเดิมกับกางเกงขาสั้นแบบเดียวกับเมื่อเช้านี้ ส่วนมือใหญ่ก็รีบไล่จับไปตามตัวข้าวหอมว่าตัวร้อนหรือเปล่าถึงบ่นปวดหัวแม้ว่าส่วนใหญ่จะจับโดนแต่ผ้าห่มก็ตามแต่ก็รู้สึกได้ว่าตัวน้องเย็นสมอากาศในห้อง

            "ก็เปิดแอร์แล้วมันเย็นอะ หนูเพลิน นี่ห้องหนู ถ้าหนูอยากจะนอนทั้งที่ไม่อาบน้ำก็ได้"

            "ถ้างั้นคืนนี้ก็กลับมานอนห้องนี้เลยสิ เพราะถ้านอนห้องพี่ต้องอาบน้ำนะ" ได้ยินที่ขุนเขาบอกข้าวหอมอ้าปากหวอทันที ถ้าเป็นปกติคงรีบท้วงไปแล้ว เพราะตั้งแต่แต่งงานมานี่จะเป็นคืนแรกที่ข้าวหอมไม่ได้นอนกับขุนเขา

            แต่เพราะรู้ว่าตัวเองคงไม่ตาหายแดงจากการร้องไห้ง่าย ๆ เหมือนทุกทีที่ร้องครั้งไหนก็ตาช้ำไปเป็นวัน ๆ ถึงได้เอาแต่เงียบ

            "อื้ม แล้วแต่พี่ขุนเลย" และตอบในสิ่งที่ฝืนใจตัวสุด ๆ ออกมา

            ขุนเขามองก้อนกลม ๆ ใต้ผ้าห่มคิ้วขมวด หรือว่าจะไม่สบายจริง ๆ วะ

            "งั้นคืนนี้พี่มานอนห้องนี้บ้างได้ไหม"

            "จริงเหรอ พี่ขุนจะมานอนกับหนูเหรอ" ข้าวหอมรีบโผล่หน้าออกมามองคนตัวโตทันที ลืมไปเลยว่าจะแอบซ่อนหน้าแดงตาแดงฟ้องหลักฐานการร้องไห้ ส่วนขุนเขาก็ตาอ่อนแสงลงแทบทันทีที่เห็นตาแดง ๆ ของข้าวหอม

            หลังมือหนาแตะกับหน้าผากมนเพราะกลัวจะเป็นไข้หนักขึ้นมาจริง ๆ

            ข้าวหอมกับโรงพยาบาลไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนักสำหรับขุนเขา

            "อื้ม จริงสิ" ตัวไม่ร้อนมากแค่อุ่น ๆ เบาใจได้หน่อย แต่ก็คงต้องให้กินยาดักไว้ก่อน

            "ก่อนพี่จะอาบน้ำ พี่ว่าจะไปกินข้าวอีกรอบ หอมไปกินเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ " พอได้ยินขุนเขาพูดถึงมื้อเย็น ข้าวหอมก็กลืนน้ำลายอึก

            "ไป ๆ หนูจะไปกินเป็นเพื่อนพี่ขุนก็ได้" หน้าตาน่ารักพยักหน้ารับหลายที ขุนเขาระบายยิ้ม

            "แล้วพี่รันต์อะ"

            "เข้าห้องนอนแขกไปทำงานตั้งนานแล้ว ทำไม อยากเจอเหรอ”

            "เปล่าจ้ะ ให้พี่เขาทำงานไปเถอะ" ข้าวหอมส่ายหน้าพรืดทันทีจนขุนเขาอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ พอ ได้เห็นรอยยิ้มของขุนเขา ข้าวหอมก็รู้สึกว่าหัวใจฟีบ ๆ ได้รับการเติมลมเข้ามาอีกแล้ว

            แต่ครั้งนี้มันไม่ได้พองจนเต็มล้นเหมือนเคย  เหมือนมันยังมีรอยรั่วเล็ก ๆ ที่ทำให้เจ้าลมใจดีของขุนเขาแอบลอดหนีออกไป แทนที่จะเติมให้หัวใจของข้าวหอมฟูฟ่องเหมือนเก่า

            และถ้าขุนเขาเป็นคนเข้ามาปะรอยรั่วเล็ก ๆ  นั้น ข้าวหอมก็คงจะมีความสุขมาก ๆ เลย

            "พี่ขุน"

 ~~ ฉันจะเลือกให้เธอเลือกฉัน และไม่ต้องไปกับเขาได้หรือเปล่า ~~

            "หืม"

            "เปล่าหรอก ไม่มีอะไร"

            "แน่ใจ?"

            ข้าวหอมไม่กล้าถามหรอก กลัวจะไม่ชอบคำตอบ

            "หนูอยากกินไข่เจียวด้วย แกงส้มชะอมไข่ โปะด้วยไข่เจียวอีกรอบ พี่ขุนจ๋า พี่ขุนทำให้หนูได้ไหม" เลือกอีกสิ่งที่อยู่ในความรู้สึกออกมาตอบให้ฟังแทน

            "เอาสิ"

 อยากให้พี่ขุนชอบ ให้พี่ขุนรักข้าวหอมมาก ๆ เหมือนกับที่ข้าวหอมรู้สึกกับพี่ขุน


 “พี่ขุนพูดจริงนะ พี่จะทำให้หนูกินเหรอ”  ข้าวหอมทำตาโต ไข่เจียวที่พี่ขุนทำอร่อยสู้ป้าช่อทำไม่ได้หรอก แต่หนูน่ะชอบที่พี่ขุนทำมากกว่านิดนึง งื่ออ หวังว่าป้าช่อจะงอนหนูนะ

 “จริงสิครับ”

            “อะไรอะพี่ขุน ทำไมจู่ ๆ ก็มาพูดแบบนี้ใส่” จู่ ๆ ก็มาพูดเพราะทำเสียงทุ้มนุ่มนวลใส่ ทำเอาข้าวหอมได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองเต้นตึกตัก

            “ก็เห็นวันนี้ทำท่าเหมือนอยากให้พี่พูดแบบนี้ด้วย ไม่ชอบเหรอ”

            “ชอบ! หนูชอบ” ข้าวหอมบอกตามที่ใจคิดเสียงดัง

            “พี่ขุนพูดเหมือนเดิมหนูก็ชอบ พูดเพราะ ๆ ด้วยหนูก็ชอบ แต่พี่ขุนพูดเพราะ ๆ กับหนูเฉพาะตอนที่อยากพูดก็พอนะ ถ้าตอนไหนไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำหรอก” คนตัวเล็กพูดอย่างจริงจัง

ข้าวหอมยังอยากให้พี่ขุนชอบข้าวหอมตอนที่เป็นตัวข้าวหอมเองเลย

            เพราะฉะนั้นแล้วก็อยากให้ขุนเขาเป็นตัวของตัวเองเหมือนกัน เพราะเป็นแบบนั้นแหละ คือสิ่งที่ทำให้ข้าวหอมชอบขุนเขาที่สุด

            “เอางั้นเหรอ พี่ตามใจหอมแล้วกัน”

            “จ้ะ” ข้าวหอมพยักหน้า

            “แล้วทำไมพี่ขุนถึงพูดเพราะกับพี่รันต์ตลอดเลยล่ะ” คำถามของข้าวหอมทำให้ขุนเขาอมยิ้ม

            “ก็รันต์เขาพูดเพราะกับพี่ พูดครับกับพี่ พี่ก็ต้องพูดเหมือนกันกลับสิ หอม”

            “งั้นถ้าหนูพูดแบบที่พี่รันต์พูดกับพี่ขุน พี่ขุนก็จะพูดแบบนั้นกลับคืนมาให้หนูเหรอ”

            “เป็นอย่างเป็นนี่แหละ หอม ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นคนอื่นหรอก มึงเป็นตัวของตัวเอง มีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำเสมอมานั่นแหละดีที่สุดแล้ว” ขุนเขาบอกเสียงจริงจังเจือด้วยความใจดีแบบที่ทำให้ข้าวหอมรับรู้ว่าไม่ได้ประชด จนเด็กตรงหน้ายิ้มกว้าง

            “แต่ถ้าดื้อน้อยกว่านี้หน่อยก็จะยิ่งดี”

            “พี่ขุนอะ หนูกำลังซึ้งเลย”

            “ซึ้งหรือหิว”

            “ซึ้งสิ ...แล้วก็หิวด้วย” ข้าวหอมบอกเสียงอ้อมแอ้ม ขุนเขาหัวเราะครืน ดึงเด็กตัวเท่าคางมาขยำผมเล่นให้สมกับความมันเขี้ยว

            “งั้นก็ไปกินข้าวกันได้แล้ว เดี๋ยวพี่อุ่นแกงส้มให้”

            “ได้เลยจ้ะพี่ขุน หนูหิวจนท้องร้องจ๊อก ๆ แล้วเนี่ย” ข้าวหอมตาเป็นประกายแม้ว่าตาโตคู่นั้นยังคงแต่งแต้มด้วยสีช้ำก็ตามที

            ขุนเขาถอนใจหายใจไม่ดังนักเพียงลำพัง จะเป็นไข้หรือร้องไห้ก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ




ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ





 เช้าวันใหม่ที่สดใสมาถึงไวกว่าที่ข้าวหอมคาดคิดไว้ไม่น้อย


            "ขอบคุณมากเลยนะครับที่ขุนมาส่ง" ข้าวหอมรู้สึกว่าเสียงหวาน ๆ ของพี่การันต์เพราะที่สุดในโลกก็ตอนที่บอกลาเนี่ยแหละ

 พี่รันต์มาเมื่อวานนี้พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็กลับเลย รวดเร็วทันใจมาก ๆ อนาคินที่ข้าวหอมโทรไปตามให้มาช่วยยังไม่มีแววว่าจะมาหาเลยด้วยซ้ำ

            "ถ้างานมีปัญหาต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มรันต์ก็มาที่ไร่ได้ตลอดเลยนะครับ"

            "หนูขอให้งานของพี่รันต์ผ่านฉลุย ดีทุกอย่างไม่มีจุดติตำหนิตรงไหนเลยนะจ๊ะ พี่รันต์จ๋า" ข้าวหอมรีบอวยพรต่อทันที จนการันต์ฟังแล้วหัวเราะจนตาหยีเห็นขีดเล็กใต้ตาโตทั้งสองข้าง

            "ขอบคุณน้องหอมมากนะครับ" การันต์บอกคนเด็กกว่าที่ตัวพอ ๆ กันตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าจ้องมองใบหน้าคมคายของเพื่อนสมัยเรียนซึ่งตอนนี้เป็นเจ้าของไร่มะเขือเทศเต็มตัวไปแล้ว

 ขุนเขายังดูเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยน แค่มีไรหนวดชัดมากขึ้นและเปลี่ยนจากชุดนักศึกษา มาเป็นเสื้อกล้ามดำที่ทับด้วยเสื้อลายสก๊อตน้ำเงินตัดเขียวเข้ม

            "รันต์ดีใจที่ได้เจอกับขุนอีกครั้งนะครับ" การันต์ยิ้มยามบอก ก่อนเสียงประกาศถึงเที่ยวบินเดียวกับตั๋วในมือจะบอกการันต์ว่าได้เวลาไปขึ้นเครื่องแล้ว เหมือนกับที่ถูกตามตัวให้กลับไป

            "เดินทางปลอดภัยนะครับรันต์"

            "ครับขุน ส่วนน้องหอมก็มีความสุขมาก ๆ นะครับ"

            "จ้ะ พี่รันต์" ข้าวหอมยิ้มแฉ่ง คำอวยพรของพี่การันต์เห็นผลทันตา แค่พี่เขาลากกระเป๋าเข้าเกทเพื่อขึ้นเครื่องบินไปจากเมืองเชียงใหม่ข้าวหอมก็มีความสุขจนยิ้มไม่หุบแล้ว

            "แหมหอม ยิ้มหน้าบานแก้มเป็นลูกเชียวนะมึง"

            "ก็หนูมีความสุขอะ หนูก็ต้องยิ้มสิจ๊ะพี่ขุน" ข้าวหอมหัวเราะคิกคักคนเดียว

            “เออ เอามึงว่าเถอะหอม”

 ถึงพี่ขุนจะทำเสียงหน่าย ๆ ใส่ แถมยังมาขยำจนผมเสียทรงแต่ข้าวหอมก็ไม่สะทกสะท้านหรอก เมื่อคืนได้กินแกงส้มสุดอร่อยของป้าช่อโปะด้วยไข่เจียวฝีมือพี่ขุน  แถมพี่ขุนมานอนด้วย ตื่นเช้ามาศัตรูหัวใจก็ไม่อยู่ใกล้ ๆ พี่ขุนแล้ว

งื่ออ หนูรู้สึกดีที่สุดเลย ใครจะมามีความสุขเท่าหนูอีกวันนี้

 Rrrrr

 เสียงเพลงดังมาพร้อมแรงสั่นครืด ๆ ในกระเป๋ากางเกงจนต้องรีบล้วงออกมาดู -คิน- พอเห็นชื่อของเพื่อนรักข้าวหอมก็รีบกดรับทันที

            "คินเหรอ เรากำลังจะโทรไปบอกเลยอะว่าไม่ต้องมาแล้ว"

 [ไม่ทันแล้วเว้ยหอม จะโทรมาบอกว่าให้คนไร่พี่ขุนมารอรับด้วย คินเดินผ่านเกทเข้ามาแล้ว]

            "อ้าวมาแล้วเหรอ งั้นมาเที่ยวกัน ๆ เดี๋ยวเราพาทัวร์"

 [โอเค มีคนคิดถึงรอไปเจอหอมด้วยกันเนี่ย ห๊ะ อ่อ ๆ แค่นี้นะต้องวางละ]

            "จ้า คินเดี๋ยวเรากับพี่ขุนรอรับนะ เราก็คิดถึงอยากเจอคินเหมือนกัน" ข้าวหอมบอกปลายสายปนเสียงหัวเราะคิกคัก

            นี่มันวันที่ดีของข้าวหอมจริง ๆ ถ้าแป้งนุ่มมาด้วยนะต้องสนุกกันมากแน่ ๆ เลย แต่เจอคินคนเดียวก็ยังดีกว่าไม่เจอทั้งคู่แหละนะ

            ข้าวหอมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงด้วยรอยยิ้มกว้าง แล้วก็หันมาเจอเข้ากับตาคม ที่จ้องเขม็งดุ ๆ มาไม่วางตา

            "คุยกับใคร"

            "คินไงพี่ขุน คินจะมาหา"

            "แล้วคุยกันแบบนี้ประจำเลยเหรอ"

            "แบบไหนอะ"

            "แบบที่คุยเมื่อกี้ไง" แบบที่บอกคิดถึงเสียงหวานพอกับตอนที่คุยกับเขาไงล่ะเว้ย หอมเสียงอ้อน ๆ เนี่ยมึงไม่ควรจะใช้พร่ำเพื่อป่ะวะ

            "อื้ม ประจำแหละ ทำแล้วคินชอบ คินจะตามใจตลอดเลย" ก้มหน้าก้มตอบ มือก็ง่วนอยู่กับมือถือ

            "พี่ขุนเดี๋ยวอยู่รอรับคินได้ไหมอ่า คินกำลังขึ้นเครื่องมาหาหนูที่เชียงใหม่" ข้าวหอมถามต่อ กดดูรูปเที่ยวบินที่อนาคินส่งมาให้ในแชทส่วนตัวว่าจะมาถึงอีกราวชั่วโมงครึ่ง

ข้าวหอมคิดว่าชวนพี่ขุนไปเดินเซนทรัลแอร์พอร์ตแล้วรอรับอนาคินเลยน่าจะดีกว่ากลับไปที่ไร่แล้วมาใหม่ ดีล่ะ เดี๋ยวชวนพี่ขุนไปนั่งเดทในร้านขนมหวานด้วยกันดีกว่า อิอิ

            "พี่ขุนระหว่างรอรับคินเราไปหาหนมกินกันนะ" คนตัวเล็กถามย้ำ

            "ทำไมต้องรอรับ คินมันก็เคยมาที่ไร่เราไม่ใช่เหรอ"

            "คินมันจำทางไม่ได้หรอกพี่ขุน"

"ในจีพีเอสมีปักหมุดไร่อินท์วันธรไว้ ให้คินมันหารถแดงเอาเอง"

            "โห พี่ขุน กว่ารถแดงจะไปถึง เมื่อไหร่หนูจะได้เจอคินอะ ไม่เจอกันตั้งนานแล้วนะ"

            "เออ ให้มันนั่งรถแดงไปเอง!"



ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ
 


เมื่อมีคนแรกมาก็ต้องมีคนที่สองสามมา อย่างที่บอกไป การันต์เป็นแค่ตัวชงเปิดเพียงเท่านั้น อิอิ เดี๋ยวเราจะย้อน ๆ ไปสู่อดีตกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความอินเนอร์ทีมโอ๋หนูหอมเราจึงวางแผนไว้ว่าจะย้อนอดีตในแบบที่จะมีลุงแถวนี้ใจร้อนรน มิใช่ลูกเรา 555555555555555 
อนาคินถามว่าผมผิดอะไรครับ 5555

                            #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่



สิบ , ๑๐





 

            หลังจากไปส่งการันต์ ขุนเขากลับมาถึงบ้านในเวลาราว ๆ บ่ายสามและเลือกที่จะเข้าไปสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยในไร่ช่วงบ่ายอีกหน

 

 โดยไม่ลืมที่จะย้ำกับลูกสะใภ้ของแม่ว่าอย่าได้คิดดื้อจะให้ลุงเดชหรือคนงานคนไหนเอารถออกไปที่สนามบินอีก

 

            มาจากกาญฯถึงเชียงใหม่ได้ แค่สนามบินมาไร่มันก็คงไม่ตายหรอกป่ะวะ

 

            แกก

 

            แอร์เย็น ๆ โชยเข้าปะทะหน้าทันทีที่มือหนาเปิดประตูเข้ามาในบ้าน วันนี้เจ้าของไร่มะเขือเทศแสนขยันเดินดูไร่ได้แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ตัดสินใจกลับมาที่บ้านแล้วเพราะขุนเขารู้สึกว่าไม่ค่อยมีสมาธินัก อยากเข้าบ้าน

 

            สงสัยวันนี้อากาศในไร่อินทร์วันธรจะร้อนเป็นพิเศษ

 

            ดวงตาเรียวคมกวาดมองหาตัวป่วนของบ้านที่จะเจื้อยแจ้วเป็นปกติ ทว่าตอนนี้กลับเงียบสนิท

 

            หรือว่าดื้อไปรับอนาคินที่สนามบินแล้ววะ แต่ไปตอนนี้ก็มีแต่จะสวนกันไหม เครื่องน่าจะลงมาสักพักแล้ว เดี๋ยวก็ไปนั่งรอเก้อ

 

            "หูววว สุดยอดเลยจ้ะป้าช่อ"

 

            เสียงคุ้นหูดังไกลมาจากในครัว ทำให้มือหนาแขวนกุญแจรถกลับไปไว้ที่เดิม ขุนเขาเดินเสยผมที่เปียกเพราะเหงื่อออกขึ้นไปลวก ๆ ในขณะที่เดินสำรวจตรงไปพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เนรมิตของอร่อยของป้าช่อ

 

            "ต้องทำแบบนี้ใช่ไหมจ๊ะ โอเค ๆ หนูเข้าใจละ" เสียงข้าวหอมดังขึ้นตอนที่ขุนเขาเดินมาถึงประตูครัวพอดี ทันเห็นตอนที่เด็กตัวสูงเท่าคางรับตะหลิวจากมือของป้าช่อแม่ครัวประจำไร่

 

            ป้าช่อเป็นหญิงชาวเหนือตัวขาวจั๋วร่างอวบดูใจดีที่สูงราว ๆ หัวไหล่ของข้าวหอมเท่านั้น แต่เธอเดินไปเดินมาได้คล่องแคล่วว่องไว โดยเฉพาะถ้าที่นั่นคือครัวของเธอ

 

            "จะอั๋นละค่าคุณหอม ควงป้ากจะอั๋น อั้นเหนาะๆ เหม๊าะขนาดคุณหอม (อย่างนั้นเลยค่ะคุณหอม ขยับตะหลิวแบบนั้นแหละ ใช่เลย)" ป้าช่อส่งเสียงเชียร์ข้าวหอมเสียงดังประหนึ่งกำลังเชียร์มวย ทำเอาแขนผอม ๆ ยิ่งขยับคลุกเคล้าหมูผัดเค็มในกระทะยกใหญ่ แม้ว่าจะกะแรงไม่ถูกทำเอาเจ้าก้อนหมูคลุกซอสหอม ๆ กระเด็นออกข้างทางไปเสียมากก็ตาม

 

            ตัวขาว ๆ ของข้าวหอมผิวเริ่มแดงโดยเฉพาะสองแก้มที่สีสวยชวนให้คิดถึงมะเขือเทศซึ่งกำลังออกผลพอดีที่สุดพร้อมกิน

 

            "ป้าช่อช่วยชิมให้หนูหน่อยนะจ๊ะ ว่าโอเคหรือยัง" ข้าวหอมยิ้มแฉ่งบอก ยืนกำตะหลิวรอแม่ครัวฝีมือดีใช้ช้อนยาวตักของในกระทะขึ้นมาชิมรส สักพักป้าช่อที่รับหน้าที่เป็นคุณครูด้วยก็พยักหน้ารับจนข้าวหอมยิ้มแฉ่งวุ่นวายกับกระทะเสียงดังโป๊งเป๊งอีกพักใหญ่

 

            ขุนเขายืนกอดอกพิงประตูครัวมองอยู่สักพักจนกระทั่งข้าวหอมตักกับข้าวในกระทะลงใส่จานกระเบื้องสีขาวใบสวย

 

            "ทำอะไรน่ะหอม"

 

            "พี่ขุนนนนน พี่ขุนมาดูนี่หนูเก่งไหมหนูทำกับข้าวแหละ" ข้าวหอมรีบวิ่งไปดึงแขนเจ้าของไร่ให้มาดูฝีมือการทำอาหารของตัวเองไว ๆ ถึงจะดูสีคล้ำกว่าที่ป้าช่อทำไปนิด แต่จัดว่าน่ากิน คงเพราะแม่ครัวมือดีคอยกำกับดูแลอยู่ไม่ห่าง

 

            "อยู่ ๆ ทำไมมาเข้าครัว" ขุนเขานิ่งคิดไปครู่เดียว ก่อนตาคม ๆ จะจ้องเขม็งไปที่เด็กตัวขาวเจ้าของรอยยิ้มแป้นแล้น

 

            "หรือว่าจะทำให้คินมันกิน"

 

            "ใช่เลยยย พี่ขุนฉลาดอะ" นั่นยิ้มแฉ่งไม่มีสลด

 

            "ทำไม มันสำคัญมากหรือไง มันมาหาถึงได้ต้องลุกมาเข้าครัวทำอาหารให้มันกินน่ะ ห๊ะ"

 

            "ก็หนูอยากอวดคินมันนี่ ว่าหนูทำกับข้าวได้แล้วนะ เก่งขึ้นตั้งเยอะ คินมันยังทอดไข่ไหม้อยู่เลย" ข้าวหอมบอกปนเสียงหัวเราะ แต่พอเห็นตาตี่ ๆ ที่มองมาดุแสนดุไม่ลดลง ตัวขาวก็โผไปกอดแขนล่ำจนแน่นไม่แคร์คราบเหงื่อ

 

            "แต่พี่ขุนไม่ต้องอิจฉาคินมันน้าา หนูอะตั้งใจเรียนเข้าครัวกับป้าช่อเพื่อพี่ขุนต่างหาก แต่วันนี้อยากอวดคินมันก็เลยมาทำก่อน” พอฟังเสียงออดอ้อนแล้วขุนเขาก็หน้าหายตึงอย่างไม่รู้ตัว ดีที่ยังรู้ทันข่มมุมปากตัวเองไว้ไม่ให้กระดกขึ้นมาได้

 

            "ใครจะอิจฉาเพื่อนมึงวะหอม กินได้ไหมก็ไม่รู้"

 

            "พี่ขุนอะ" ข้าวหอมทำปากมุ่ย

 

            "ของอย่างนี้มันต้องชิมก่อนถึงจะบอกได้ป่ะวะ" ขุนเขาว่า แขนยาวก็เอื้อมไปคว้าช้อนในช่องเก็บมา ก่อนจะตักหมูผัดเค็มเข้าปากคำใหญ่จนข้าวหอมจ้องมองตาเป็นประกายวิบวับลุ้น

 

            คนที่ข้าวหอมอยากฟังคำว่าอร่อยจากปากมากที่สุดก็คือพี่ขุนนี่แหละ

 

            "เป็นไงบ้างพี่ขุน" ทนรอไม่ไหวในที่สุดก็ถามเร่งคนที่เอาแต่เคี้ยวอยู่

 

            "ใช้ได้ ดีเลยล่ะสำหรับทำครั้งแรก" พอได้ฟังแบบนี้ข้าวหอมก็ยิ้มแฉ่งจนตาหยี

 

            "แต่อร่อยสู้ป้าช่อทำเองไม่ได้นะ" ขุนเขาพูดตามจริง เหมือนหมูบางชิ้นจะสุกไปหน่อย บ้างชิ้นในปากก็ไม่ค่อยสุกดี น่าจะพลิกตะหลิวไม่ครบวง

 

            "หูยยย แน่นอนอยู่แล้วจ้ะพี่ขุน ใครจะทำอร่อยได้เท่าป้าช่ออีกไม่มีแล้วจ้ะ ป้าช่อ" ข้าวหอมหัวเราะคิกคักก่อนจะโถมตัวย่อเข่าไปซบไหล่ป้าช่อที่กำลังเด็ดพริกอยู่ พอได้ฟังคำชมป้าช่อก็หัวเราะชอบใจใหญ่

 

            Rrrr

 

            "อะ คินโทรมาแล้ว หนูฝากป้าช่อด้วยนะจ๊ะ หนูรอกินทุกอย่างเลยยย" ข้าวหอมรีบพูดก่อนจะกดรับสายแล้วก้าวฉับ ๆ เดินออกไปหน้าบ้าน เดินกึ่งวิ่งไวจนแม้แต่ขุนเขาก็ยังคว้าคอเสื้อไว้ไม่ทัน

 

ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรือไงวะ

 

            ขุนเขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะรีบก้าวตามออกไป

 

            อารมณ์ดี ๆ ก่อนหน้านี้มลายหายไปอีกรอบ แม้แต่แอร์เย็น ๆ ก็ดูจะไม่ช่วยอะไร

 

            "คินนนนนนนนน คินมาแล้ววววว คินจ๋าาาา" ข้าวหอมตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง อนาคินเป็นผู้ชายตัวสูงกว่าขุนเขาเล็กน้อยมีผิวขาวจัดกว่าข้าวหอมเสียอีก ยิ่งย้อมผมสีทองเกือบขาวแบบขัดใจครูฝ่ายปกครองแบบนี้ยิ่งเด่นมาแต่ไกล

 

            "โห คินทำผมสีใหม่อย่างคูลเลยอะ" ข้าวหอมร้องบอกวิ่งฉิวไปหาถึงประตูไร่ อนาคินทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าที่ถืออยู่เหมือนรู้ชะตากรรม ยืนหอบแฮ่ก ๆ แต่ก็ต้องอ้าแขนรับให้เพื่อนตัวเล็กกว่ากระโดดกอด

 

            "คิดถึงคินมากเลยยย"  ข้าวหอมกอดเพื่อนจนแน่น รัดจนอนาคินคิดว่าตัวเองเป็นปลากระป๋อง ทั้งแป้งนุ่มทั้งข้าวหอมเลยที่ชอบกอดแบบนี้ ตัวเล็ก ๆ แต่กอดแน่นเป็นบ้า เห็นอนาคินเป็นเสาไม้เหรอวะ ทนให้กอดยังไงก็ไม่อึดอัดอะ

 

            "เออ ๆ เข้าบ้านก่อนได้ไหมอะหอม เพื่อนร้อนมากเลย"  อนาคินตบหลังเพื่อนส่ง ๆ ตอนนี้คิดถึงห้องแอร์กว่าคิดถึงเพื่อนอีก ลุงรถแดงพาอ้อมเมืองไปก็อ้อมเมืองมาแน่ ๆ ครั้งก่อนที่คนไร่อินทร์วันธรไปรับแปปเดียวถึง

 

            นี่นานก็นาน ควันรถแดงก็ดำ แถมนั่งข้างหลังมา ร้อนมาก ลูกหลานพ่อค้าผู้เคยชินกับห้องแอร์อย่างคนาคินไม่ถูกใจสิ่งนี้

 

            "ปล่อย ๆ ร้อนโว้ยหอม คินร้อน"

 

            "ทำแมะ กอดนิดกอดหน่อยไม่ได้หรือไงทำเป็นหวงตัวเหรอคินอะ เมื่อก่อนก็ให้กอดป่ะ ทำสีผมใหม่แล้วคนมันหล่อจัดให้เพื่อนกอดไม่ได้หรือไงอะ"

 

            "คนที่ควรจะหวงเนื้อหวงตัวน่ะมันมึง หอม" เสียงดุมาพร้อมกับมือหนาที่ออกแรงดึงจนเด็กตัวเท่าคางหลุดออกจากเพื่อนมายืนอยู่ข้าง ๆ ตัวเอง

 

            คราวนี้ขุนเขาเอาแขนหนักพาดไหล่เด็กมันไว้เลยจะได้ไม่วิ่งทะเล่อทะล่าไปกอดคนอื่นไปทั่วอีก

 

            ส่วนไอ้ตัวขาวผมทองนี่ก็อีกคน ขุนเขาเห็นนะว่ากอดตอบกันเสียจนกลมแทนที่จะห้ามเพื่อน ไม่มีหรอก เพื่อนมึงแต่งงานแล้วนะโว้ย อนาคิน ต้องห้ามเพื่อนด้วยสิวะ

 

            "ต่อไปไม่ต้องเจอแล้วพุ่งไปกอดแบบนี้นะ"

 

            "ทำไมล่ะก็หนูคิดถึงคิน"

 

            "แล้วเจอพี่กลับมาจากในไร่มึงไม่คิดถึงบ้างเหรอไง" ขุนเขาย้อนถาม เมื่อก่อนยังมีนั่งรอ หลัง ๆ มานี่เดินเข้ามาไม่เห็นแม้แต่เงา ใช่ซี้ ขุนเขามันเจอจนเบื่อแล้วนี่

 

             "ทำไมจะไม่กอด หนูเจอใครที่หนูอยากกอดก็กอดทุกคนแหละ จะเพื่อนหรือญาติก็เถอะ พี่ขุนหนูก็อยากพุ่งไปกอดมากที่สุดกว่าทุกคนเลย พี่ขุนเองแหละที่บอกหนูว่าอย่ามากอดอะ" ข้าวหอมรีบท้วงเถียงจนปากกลมเป็นก้อน แต่น่าแปลกรอบนี้ขุนเขาไม่นึกขัดใจแต่กลับระบายยิ้มออกมา

 

            ก็เป็นคนที่อยากจะกอดมากที่สุดน่ะนะ หึหึ

 

            "พี่ก็ไม่ได้ห้ามตั้งนานแล้วไหม"  พอขุนเขาบอกแบบนี้ข้าวหอมก็ทำตาโต หมายความว่าให้กอดได้เหรอ แต่ยังไม่ทันจะได้ถามต่อ แขนยาว ๆ ของขุนเขาก็ดึงตัวข้าวหอมมาใกล้ยิ่งขึ้น

 

            ริมฝีปากหยักแนบชิดกับใบหูขาวของเด็กตัวเท่าคาง

 

            "แล้วเวลาคุยกับเพื่อนน่ะไม่มีใครเขาทำเสียงงอแงหรอกมึงรู้ไหม หอม เลิกทำ เลิกอ้อน"

 

            "ทำไมอะพี่ขุน"

 

            "มันตลก เสียงมึงแง๊ว ๆ อย่างกับลูกแมว ไว้ทำเสียงแบบนั้นกับที่บ้านพอ อย่างตอนนี้ก็ทำแค่กับคนในไร่ที่อยู่ใกล้ตัว"

 

            "เสียงหนูออกจะแหบห้าวทุ้มนุ่ม ใช่ไหมคิน!" ข้าวหอมรีบแย้งแล้วหันมาถามเพื่อนรักที่ตอนนี้เหงื่อตก ไม่ใช่แค่เพราะกลางแดดบ่ายจัดในฤดูร้อนของเมืองเชียงใหม่มันร้อนเหลือใจ แต่เพราะสายตาดุ ๆ ของพี่ชายตัวใหญ่ที่จ้องเขม็ง

 

            "คินบอกมาสิว่าคินชอบเสียงเรา" ข้าวหอมไม่ยอมแพ้หาพวกให้ได้ ส่วนขุนเขาก็ยิ่งจ้องมา ตัวก็ใหญ่ น่ากลัวเป็นบ้า

 

            อนาคินเศร้าใจ ทำไมเพื่อนชอบทำเหมือนเห็นกูเป็นสนามอารมณ์

 

            "พอก่อนเว้ยหอม ค่อยว่าได้ป่ะ พาคินเข้าบ้านก่อนตอนนี้เหงื่อไหลไปทั้งตัวจนชุ่มถุงเท้าหมดแล้วเนี่ย" อนาคินรีบเปลี่ยนเรื่องทันที และเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ตัวเองต้องการที่สุดด้วย

 

            "โทษที ๆ งั้นคินเข้าบ้านก่อน มาเราช่วยถือของให้ป้าช่อทำอาหารไว้รอเพียบเลย อร่อยทุกอย่างงง"

 

            "คิน คิน แบงค์พันที่เราจ่ายลุงเขามีแต่เหรียญทอน กูก็เลยขอให้ลุงนับใส่ถุงมาให้" เสียงดังที่ตะโกนตามเข้ามาจากหน้าไร่ พร้อมเสียงติดเครื่องยนต์รถทำให้ทั้งสามคนหันไปมอง

 

            "เออ ลืมไปเลยว่ะว่ามันด้วย" อนาคินหัวเราะแหะแหะ ตั้งแต่ลงรถมาใจก็คิดถึงแต่ห้องแอร์ ยื่นแบงค์พันแล้วก็เดินตัวปลิวเลย

 

            "ใครมาด้วยอะคิน นุ่มเหรอ แต่เสียงไม่เหมือนนุ่มเลย"

 

            "นนท์ไงหอม"  คำตอบของอนาคินทำให้ขุนเขาขมวดคิ้วฉับ ในขณะที่เด็กอายุใกล้ยี่สิบกำลังไล่ลำดับเพื่อนของตัวเองอยู่ว่านนท์ที่ว่านี่นนท์ไหน

 

            นนท์นี่อย่าบอกนะว่า... ขุนเขาจ้องประตูเขม็งไม่ละสายตา

 

            "มึงมานี่เร็วไอ้นนท์ ให้ไว กูอยากเข้าห้องแอร์แล้ว" อนาคินตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง ครู่เดียวชายหนุ่มที่ตัวสูงพอกันก็เดินเข้ามาพร้อมเป้ที่สะพายหลัง เส้นผมสีดำขลับชื้นเหงื่อแต่ก็ยังมีรอยยิ้ม

 

            "หอมจำเราได้ไหม เรานนท์ไงที่เคยเรียนมอต้นด้วยกัน"

 

            "อ๋อออ นนท์ เราจำได้ นนท์เลขที่สิบแปดใช่ไหม" ข้าวหอมร้องอ๋อเสียงดัง พอนึกออกก็ยิ้มแฉ่งจะก้าวตรงไปหาแต่ทว่ากลับไม่ทันคนข้างกาย

 

            ขุนเขาหน้านิ่ง ดวงตาเรียวคมแข็งกร้าว ขายาวขยับไม่กี่ครั้งก็เดินมาหยุดตรงหน้าของคนมาใหม่ ที่ไม่ได้แปลกหน้า

 

            "มึงออกไปจากไร่กูเดี๋ยวนี้!" ขุนเขากัดฟันพูดจนสันกรามเบียดแน่น

 

            "สวัสดีครับพี่ขุนเขา" แต่นนท์นั้นยกมือไหว้ด้วยรอยยิ้มอยู่ดี

 

            "มึงยังมีหน้ามายิ้มอีกเหรอ! มึงยังมีหน้ามาให้กูเห็นอีกเหรอ" ขุนเขาปรี่ตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมเสียงดังจนอนาคินต้องรีบวิ่งมาห้าม ข้าวหอมตั้งสติได้ก็รีบวิ่งมากอดเอวขุนเขาดึงให้ออกห่างเพื่อนตัวเองเหมือนกัน

 

            "พี่ขุนเป็นอะไรอย่าทำเพื่อนหนูนะ"  ข้าวหอมร้องท้วงในสถานการณ์ชุลมุนกลัวว่าเพื่อนจะถูกทำร้าย แต่เหมือนว่าขุนเขาก็ยังมีสติอยู่บ้างเพราะแค่อนาคินช่วยดึงไหล่ไว้ก็หยุดคนตัวโตที่ออกกำลังกายผ่านการทำงานทุกวันได้

 

            ส่วนนนท์นั้นไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วนอกจากยืนนิ่ง ๆ  แม้ทุกอย่างจะเข้าสู่ความนิ่งแต่บรรยากาศไม่ได้มาคุน้อยลงเลยสักนิด

 

            "มึงเอาไอ้เหี้ยนี่ออกไปจากไร่กูเลยนะคิน! มึงอย่าให้มันมาเหยียบบ้านกู" ขุนเขาชี้หน้านนท์ ตะคอกเสียงดังแบบที่ข้าวหอมไม่เคยเห็นมาก่อน

 

            "ก็ ก็นนท์มันเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก มันคิดถึงเพื่อนผมก็เลยพามาด้วยครับพี่ขุน" อนาคินรีบตอบเสียงไม่ดังนัก รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ๆ ยิ่งกว่าคนจะโดนต่อยอีก

 

             นนท์มันยังยืนนิ่ง ส่วนอนาคินหน้าซีดหมดแล้ว จากที่ขาวอยู่แล้วตอนนี้แทบเป็นกระดาษ แดดร้อน ๆ ก็ไม่ช่วยให้ดูมีสีเลือดมากขึ้น

 

            อนาคินกับข้าวหอมจ้องตากันด้วยความงุนงงว่ามันเรื่องอะไรกัน ขุนเขาทำไมต้องโกรธนนท์เป็นฟืนเป็นไฟเหมือนมีเรื่องหมางใจกันมาแต่ชาติปางไหนแบบนี้ด้วย

 

            "บ้านกูไม่ต้อนรับไอ้เหี้ยนี่ เอามันออกไป!" ขุนเขาบอกรอดไรฟัน ดูคุกรุ่นจนข้าวหอมต้องรีบวิ่งมาขวางตรงกลาง สองแขนกางปกป้องเพื่อนตัวโตไว้ข้างหลัง ส่วนหน้าก็เชิดขึ้นจ้องมองคนที่ตัวเองแต่งงานด้วย

 

            "พี่ขุนใจเย็นสิ เป็นอะไรอะ พี่รู้จักนนท์ด้วยเหรอ มีปัญหาอะไรกับนนท์ถึงต้องหาเรื่องเพื่อนหนูแบบนี้" ข้าวหอมถามเสียงเครียดไม่แพ้กัน ขุนเขากัดฟันกรอดพ่นลมหายใจฟึดฟัด ดวงตาคมจ้องมองหน้าข้าวหอมชั่วครู่ ดวงตาคู่คมลดความแข็งกร้าวลงแต่ก็ไม่อาจสงบนิ่งหรืออบอุ่นอย่างเคย

 

            "มันเป็นเรื่องของพี่ หอม"

 

            พอขุนเขาตอบแบบนี้ข้าวหอมยิ่งหน้ามุ่ย ทั้งด่าทั้งโมโหใส่เพื่อนข้าวหอมแบบที่ไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้มาก่อน แล้วยังจะมาพูดเหมือนว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ข้าวหอมควรจะรู้อีกเหรอ

.

            ข้าวหอมมีความสำคัญอยู่ตรงไหนในชีวิตพี่ขุนเหรอ

 

            พอคิดแบบนี้ก็รู้สึกน้ำตามันรื้นขึ้นมาแต่ข้าวหอมก็รีบฮึบ หายใจเข้าลึก ๆ

 

            "ถ้าพี่ขุนไม่บอก หนูก็ขอตัดสินใจว่าพี่ขุนไม่มีสิทธิ์ไล่เพื่อนหนูไป เราแต่งงานกันแล้ว นี่ก็เป็นบ้านหนูแล้วเหมือนกัน แม่ทิพย์จ๋าบอกว่าจะยกให้หนูด้วย ถ้าพี่ขุนจะมานอนบ้านนี้ก็ต้องขอหนูแม่ทิพย์จ๋าบอก" ข้าวหอมรีบพูดเร็วปรื๋อทวนคำของแม่สามีออกมาชัดเจน ขุนเขาถอนหายใจ

 

            "แต่พี่มีกุญแจบ้าน แล้วพี่ก็ไม่ต้อนรับมัน คินนอนนี่ได้ แต่ไอ้เหี้ยนั่นให้มันไสหัวออกไปจากที่นี่ ไป!"  เสียงทุ้มนุ่มเปลี่ยนเป็นดังเคล้าอารมณ์โกรธทันทีที่ขุนเขาละสายตาจากข้าวหอมเป็นนนท์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง

 

            อนาคินรีบเอี้ยวตัวหลบไม่ให้บังเพื่อนอีกคนทันที ไม่อยากรับสายตาดุ ๆ ของพี่ขุนเขาที่เหมือนมีประกายไฟเดือดพล่านอยู่ในนั้นแทน

 

            น่ากลัวฉิบหายเหมือนพร้อมจะวิ่งมากระทืบตลอดเวลา

 

            พี่ขุนเป็นคนหล่อที่หน้าตาไม่น่าคบเหมือนเดิมเลยว่ะ อนาคินเห็นจะมีก็แต่ข้าวหอมนี่แหละที่เคลิ้มเช้าเคลิ้มเย็นไฟท์จีบพี่ขุนเขามาแต่ไหนแต่ไรตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยงจนคว้าเอามาแต่งงานได้

 

            "คินกับนนท์อุตส่าห์บินมาตั้งไกลมาเยี่ยมหนู พี่ขุนจะมาไล่เพื่อนหนูไปที่อื่นได้ยังไงอะ ทำไมใจร้ายล่ะ" ข้าวหอมบอกอย่างไม่ยอมแพ้ ครั้งนี้พี่ขุนเขาไม่มีเหตุผล จะถูกดุ จะถูกเสียงดังใส่แค่ไหน ข้าวหอมก็ไม่ยอมหรอกนะ

 

            "ข้าวหอม!"

 

            "ถ้าเพื่อนหนูไม่นอนที่นี่ทุกคน หนูก็จะไม่นอนที่นี่เหมือนกัน"

 

 

            "...."

 

            "...."

 

            "อย่าดื้อกับพี่"

 

            "ก็ครั้งนี้พี่ขุนไม่มีเหตุผล"

 

            "หอมพี่ไม่ให้มึงออกไปกับมันแน่"

 

            "งั้นพี่ขุนก็ให้นนท์นอนนี่ด้วยนะ พี่ขุนนะ" ข้าวหอมใช้น้ำเสียงติดอ้อนเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการอย่างเคยชิน ขุนเขากลืนน้ำลายที่ขมไปทั้งคอ สีหน้ายังเต็มไปด้วยความไม่ยินดี

 

            "เข้าบ้านไปกินข้าว" มือหนาคว้าข้อมือผอมของข้าวหอมแล้วดึงตรงเข้าไปในบ้าน

 

            "พี่ขุนเดินช้า ๆ หน่อย หนูก้าวไม่ทัน" โวยไปแค่นั้น การเคลื่อนที่ก็อยู่ในความเร็วที่ข้าวหอมก้าวได้อย่างมั่นคงจนเอี้ยวตัวหันมากวักมือเรียกเพื่อนอีกสองคนให้เดินตามเข้ามาด้วย

 

            แบบนี้ข้าวหอมสรุปได้ว่าพี่ขุนอนุญาตแล้ว แต่ไม่อยากพูดออกมาตรง ๆ เพราะฉะนั้นได้โอกาสต้องรีบคว้าไว้

 

            อนาคินยกมือขึ้นลูบอก ตอนนี้แม้แต่ความร้อนก็ลืมไปเลย ชีวิตกูทำไมตื่นเต้นนักวะ

 

            "แล้วมึงกับพี่ขุนเคยมีปัญหาอะไรกันวะ นนท์ ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย" หันมาถามเพื่อนที่ตัวพอกันข้างกาย นนท์แค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหลุบตาลงมองรอยยับบนเสื้อของตัวเองที่เกิดจากช่วงชุลมุนเมื่อครู่

 

            "มึงคงต้องถามพี่ขุนเขาเองว่ะ คิน"

 

            "ใครจะไปกล้าถาม โคตรน่ากลัว ถ้ากูถามอยู่แล้วยันหน้ากูขึ้นมาจะทำยังไงวะ" อนาคินทำตาเหลือก ตัดสินใจช่างมันไปก่อนแล้วเดินตรงไปหาห้องแอร์ที่รอคอยสักที

 

            โดยมีนนท์เดินตามเข้ามาด้วยอยู่ข้าง ๆ

 

 


ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ







นนท์ชื่อจริงว่านนท์เลยค่ะ  อนาคินก็ดูจะตกเป็นสนามอารมณ์หน่อย ๆ 5555

ก็จะเจ้มจ้นนิดโหน่ยย ใกล้แน้ว ๆ แต่ออกตัวไว้ก่อนเลยน้าว่าปมของเรื่องและอดีตไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรือมากมายเท่าไหร่นัก ไม่อยากให้เสียคอนเซปฟามคิ้กค้ากของเรื่อง เราจะให้ไร่อินท์วันธรเป็นพื้นที่แห่งฟามสดใสสส

พี่ขุนกับหนูหอม เราไม่ได้ทำเล่มเองน้าา แต่รายละเอียดต่างๆยังไงจะมาบอกอีกที
ในแท็ก #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ คอยติดตามกันได่นะคะ





#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่

#พี่ขุนหนูหอม

@Butterfly8ffect
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2019 15:26:17 โดย Butterfly8ffect »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ Aimlovelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ถ้าเราถามพี่ขุนจะตอบมั้ย เค้าอยากรู้... มีคนซึนหนึ่งอัตราคร่าาาา

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
 
   


#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่
สิบเอ็ด , ๑๑

 บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นไม่ค่อยสุขสันต์มากนัก แม้ว่ารสมือของป้าช่อยังคงยอดเยี่ยมอย่างเคย ข้าวหอมเองก็รู้สึกว่าวันนี้กินได้น้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็นทั้งที่มีของชอบของตัวเองมากมาย

น้อยเสียยิ่งกว่าตอนที่มีพี่การันต์ร่วมโต๊ะด้วยเสียอีก

ไม่ใช่จากบรรยากาศมาคุอึดอัดจนกินไม่ลง เพราะนอกจากความเงียบเป็นพิเศษของพี่ขุนเขากับนนท์ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น

แต่เป็นเพราะข้าวหอมสังเกตเห็นว่าพี่ขุนเขากินข้าวน้อยกว่าที่เคยต่างหากล่ะ

               "ป้าช่อครับ มีอะไรอีกไหม ยกมาได้หมดเลยนะครับ ผมอยากกินหมดเล้ยย" จะมีคนที่เจริญอาหารเกินพิกัดอยู่คนเดียวก็คงเป็นอนาคิน ที่หัวเราะชอบใจตั้งแต่ของคาวกับข้าวเต็มโต๊ะ

แม้แต่ฝีมือของข้าวหอมก็ทำตาโต แล้วชมเปราะเลยว่าคนสอนสอนเก่งมากแน่ ๆ ที่นี้ได้กินฝีมือป้าช่อสารพัดอย่างตอกย้ำว่าป้าช่อนี่ฝีมือทำอาหารนั้นแน่จริง อนาคินก็ฟาดไม่ยั้งตั้งแต่ของคาวต่อมาด้วยของหวาน

พอมานั่งหน้าทีวีจอยักษ์ในห้องนั่งเล่น เพื่อฆ่าเวลาช่วงหัวค่ำอนาคินก็ขอของอร่อยจากป้าช่อยกใหญ่

               "คิน ป้าช่อทำยำตะลิงปิงอร่อยมาก ขนาดเราไม่ชอบกินเผ็ดยังติดใจเลย" ข้าวหอมยื่นหน้าข้ามตัวโต ๆ ของขุนเขามาบอกเพื่อน อนาคินกลืนน้ำลายอึก หน้าขาวจั๊วผมสีอ่อนเกือบจะขาวราวกับหมาโกเด้นตัวโตหันไปยิ้มร่าอ้อนคุณป้าชาวเหนือ

               "ป้าช่อ ขอยำตะลิงปิงให้คินได้ไหมครับ"

               "ในตู้เย๋นมีอยู่แหม บะเด๋วป้ายะฮื้อเน้อเจ้าคุณคิน" พอป้าช่อรัวภาษาเหนือมาอนาคินก็หันคอมาทางเพื่อนรักทันที

               "ป้าช่อบอกเดี๋ยวทำให้กิน" ข้าวหอมแปลให้แค่นั้น ตัวโต ๆ ของอนาคินก็ขยับไปมาตอนเจ้าตัวพยักหน้ายกใหญ่

               "ขอบคุณค้าบบบ คินเลิฟป้าช่อออ" ไม่พอยังทำมือไอเลิฟยูส่งให้จนคนแก่หัวเราะคิกด้วยความเอ็นดูแล้วเลี่ยงเข้าครัวไปทำยำตะลิงปิงให้ตามที่หนุ่มเมืองกาญฯอ้อนขอ

               "ป้าช่อทำกับข้าวอร่อยขนาดนี้ อยากจะขอป้าช่อไปไว้ที่บ้านสักคนจังเลย เตี่ยต้องมีความสุขแน่ ๆ ได้กินของอร่อยทุกวัน” อนาคินพูดกลั้วหัวเราะ โถมตัวไปข้างหลังนิดนึงเพื่อคุยกับเพื่อนที่มุดหน้าออกจากแขนล่ำ ๆ ที่ขวางทางออกมา

พูดตรง ๆ อนาคินคิดว่าชีวิตในการมาเชียงใหม่ครั้งนี้ลำบากลำบนไม่น้อย ยังดีที่มีอาหารของป้าช่อไม่งั้นใจห่อเหี่ยวแล้ว

หลังจากกินข้าวเสร็จ มันยังเร็วไปที่จะแยกย้ายไปนอน หรือจะออกไปเที่ยวไหนก็เหนื่อยเกิน สุดท้ายก็จบลงที่ว่าจะเปิดอะไรจากเว็บสตรีมมิ่งดูฆ่าเวลาไป คุยกันไปตามประสาเพื่อนเจอเพื่อน

แน่นอนว่ามีข้าวหอมมาเจ้าของบ้านที่เพื่อนของอนาคินไปแต่งงานด้วยก็ต้องมา แล้วก็มีนนท์อีกคน

นนท์นั่งอยู่ขวาสุด อนาคินก็เลยเลือกนั่งข้างเพื่อนเก่าไม่ให้มันรู้สึกประหม่าหรือโดดเดี่ยว แต่คนถัดมาดันไม่ใช่ข้าวหอม แต่เป็นตัวโต ๆ ของพี่ขุนเขา ส่วนข้าวหอมก็นั่งอยู่ที่ตำแหน่งซ้ายสุด

ปัญหาไม่มีอะไรเล้ย นอกจากที่พี่ขุนเขาตัวใหญ่จนกูนึกว่ากำแพงวัด ไหล่นี่กว้างเป็นเอเคอร์หรือไงกูถามจริง บังข้าวหอมเสียจนมิดจะคุยอะไรกันทีก็ต้องโยกซ้ายโยกขวาที จนเพื่อนของเขานี่เหมือนเห็ดหูหนูที่โผล่ออกมาแต่หน้า

               "หอม คินขโมยป้าช่อกลับบ้านได้ไหมเนี่ย"

               "ถ้าจะเอาป้าช่อไปที่ไหนก็คงต้องขอลุงเดชก่อน ทั้งสองคนแต่งงานอยู่กินกันมานานแล้วจู่ ๆ จะมาขโมยหรือเสนอหน้ามายุ่งกับคนที่คนอื่นแต่งงานด้วยก็คงจะไม่ได้หรอก" ขุนเขาพูดขึ้นมาเสียงนิ่งจนอนาคินร้องอู้วเบา ๆ ขึ้นมา

เหมือนพี่แกยิ่งธนู เป้าหมายไม่น่าใช่ตนแต่อนาคินก็รู้สึกได้ว่าปลายลูกธนูมันทะลุมาโดนให้จึก ๆ อยู่เหมือนกัน

               "ผมล้อเล่นค้าบพี่ขุน ขอได้กินกับข้าวฝีมือป้าช่อเวลามาหาหอมมันก็บุญปากแล้ว" อนาคินยกมือไหว้ผัวเพื่อไปที ดีที่ยำตะลิงปิงรสเด็ดของป้าช่อถูกเอามาเสิร์ฟตรงหน้าช่วยเยียวยาจิตใจได้พอดี

               "ป้าปิ๊กบ้านแล้วเน้อเจ้าคุณขุน (ป้ากลับบ้านแล้วนะคะคุณขุน)"

               "วันนี้ขอบคุณมากนะครับป้าช่อ" ขุนเขาบอกพร้อมเด็กอีกสามคนที่ยกมือไหว้ขอบคุณ เสียงของซีรีย์เกี่ยวกับอดีตบุตรชายคนโปรดของพระเจ้าที่ปัจจุบันทำหน้าที่ดูแลนรกยังคงดำเนินต่อไป เคล้ากับเสียงคุยเล่นกันของอนาคินกับข้าวหอม

ขุนเขามองข้าวหอมที่เท้าศอกไว้กับหน้าขาตัวเองเพื่อยืนหน้าไปคุยกับเพื่อนถึงเรื่องต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน ความจริงแล้วก็พอจะรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำอยู่มันเกะกะวัยรุ่นที่จะกลับมาเจอกัน

แต่ตนก็ไม่อยากให้ข้าวหอมเข้าใกล้เกินไปนัก

ดวงตาเรียวคมปลายตาไปมองคนที่นั่งอยู่ริมสุดอีกด้าน นนท์ยังคงนั่งนิ่งดูความเป็นไปในทีวีจอยักษ์มีขยับปากตอบคำถามจากอีกสองคนบ้าง

มันมาที่นี่ทำไม มันต้องการอะไรอีกกันแน่

               "พี่ขุน ...พี่ขุนจ๋า" แรงสะกิดที่หน้าอกทำให้ขุนเขาหันมามองก็เห็นหน้าตาจิ้มลิ้มแสนคุ้นเคยของข้าวหอม

               "มือถือพี่ขุนดังใหญ่แล้วอะ" มือผอมยื่นมือถือเครื่องบางมาให้ ชื่อที่อยู่บนหน้าจอบอกชัดถึงโรงงานที่รับซื้อมะเขือเทศสำหรับนำไปทำซอสรายใหญ่ของไร่อินท์วันธร

               "สวัสดีครับคุณชาติ" ขุนเขาขานรับ คงมีเรื่องสำคัญมากพอดูถึงได้เลือกโทรมาเวลานี้ ขุนเขามองรอบตัวและสุดท้ายจึงจำใจลุกออกไปเพื่อคุยโทรศัพท์ที่หน้าบ้าน

               "อย่าอยู่ห่างจากคินนะ" บอกข้าวหอมไว้อีกที ไม่วายจะส่งสายตาข่มขู่ไปที่แขกไม่ได้ยินดีจะต้อนรับ แต่นนท์ก็แค่ยิ้มบาง ๆ อย่างเดิม

พอขุนเขาเดินออกไป ข้าวหอมก็หันไปมองตาม ถอนหายใจเฮือกใหญ่ อนาคินเขยิบเข้ามาหาจนติดกับเพื่อนรัก

               "หอม คินเกร็งไปหมดเลยว่ะ" อนาคินออกปากบ่นทันที มือหนึ่งคว้ารีโมทมากดลดเสียงทีวีจนแทบไม่ได้ยินเหลือแต่เสียงฝนเปาะแปะที่เริ่มลงเม็ด อีกมือก็คว้าส้อมจิ้มยำตะลิงปิงรสจัดจ้านเข้าปาก

               "แล้วนี่นนท์หายไปไหนอะ"

               "นนท์มันบอกว่าขอไปสูบบุหรี่แปปอะ" นิ้วขาวชี้ไปทางระเบียงด้านหลังบ้านที่เห็นแผ่นหลังกว้างของนนท์กับควันสีเทาโพยพุ่งขึ้นมาโดยมีหยาดฝนเป็นฉากหลัง

               "แต่ใช่เล่นนะเว้ยหอม คินเห็นพี่ขุนออกอาการหึงหอมไม่หยุดเลยอะ" อนาคินยิ้มเผล่แซวเพื่อนรัก แต่คนที่มีความรู้สึกในหัวใจไวต่อผู้ชายชื่อ บวรวิทย์ อินท์วันธรเป็นพิเศษคราวนี้กลับทำหน้าหงอยไม่ยิ้มเขินอย่างทุกที

               "ไม่น่าจะใช่หึงหรือหวงเราไหมอะคิน เหมือนที่พี่ขุนตึง ๆ ก็เพราะไม่ชอบใจนนท์" ข้าวหอมเอ่ยขึ้นมา อาการตั้งแต่แรกเจอจนตอนนี้ของพี่ขุนชัดเจนว่าไม่ชอบนนท์ แล้วก็ดูจะเป็นเรื่องที่ใหญ่มากด้วย

แต่พอถามพี่ขุนก็บอกชัดแล้วว่าไม่ใช่เรื่องของข้าวหอม

แล้วสิ่งที่ทำให้มีอาการมากขนาดนี้ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก

                "นนท์ได้บอกคินไหมว่ามีเรื่องอะไรกับพี่ขุน"

               "ไม่อะ มันบอกให้ถามพี่ขุนเอาเอง คินไม่กล้าอะ" อนาคินบอกตามจริง ข้าวหอมทิ้งตัวพิงกับพนักโซฟา ถอนหายใจอีกหลายเฮือก ดูหมดพลังแบบที่เพื่อนตั้งแต่วัยเด็กไม่คุ้นตา

อีกเหตุผลที่ข้าวหอมอยากให้นนท์เข้ามาพักด้วยกันก็เพราะอยากให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ไม่นนท์ก็พี่ขุนเผยออกมาว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไรกันแน่ แต่ใจข้าวหอมก็เชื่อไปแล้วว่าเป็นเรื่องของใคร

               "ไม่ใช่น่าใช่เรื่องที่บ้านหรือที่ไร่แน่ แล้วทำให้พี่ขุนโกรธขนาดนี้ สำคัญขนาดนี้ ...ต้องเป็นเรื่องพี่การันต์แน่เลย คิน" ข้าวหอมนอนจ้องเพดานพยายามประคองน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา

รู้ดีว่าตอนนี้ห้ามไม่ให้มันออกอาการเลยก็คงยากไป

เพราะตอนนี้ใจข้าวหอมฟีบจนแทบจะแห้งเหี่ยวแล้ว

               "อาจจะไม่ใช่ก็ได้นะหอม ไม่ร้องดิวะเพื่อน" มือขาวคว้าทิชชู่มาหลายแผ่นก่อนจะวางลงโปะบนตาทั้งสองข้างของข้าวหอมให้

สองมือผอมกดทิชชู่บนหน้าตัวเองถูไปถูมา สั่งน้ำมูกอีกสองฟืด สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

ข้าวหอมไม่ชอบความรู้สึกของตัวเองตอนนี้เลย ..ไม่ชอบที่เป็นแบบนี้เลย

               "คินจะไปไหนอะ" ร้องถามเพื่อนตัวโตที่เพิ่งลุกขึ้นเสียงอู้อี้ คินควรจะมาปลอบใจกันสิไม่ใช่ลุกหนีแบบนี้

               "คินปวดท้อง สงสัยยำตะลิงปิงป้าช่อจะแสดงอิทธิฤทธิ์ ห้องน้ำอยู่ไหนอะหอม"

               "นู่น ประตูสีขาวข้าง ๆ ครัว"

               "โอเค ขอบคุณค้าบบ เดี๋ยวรีบมาให้บ่นให้ฟังต่อ ฮึบไว้ ๆ แปปนึง" อนาคินหัวเราะแหะแหะก่อนจะพาตัวขาว ๆ เดินฉิวไปที่ห้องน้ำ

ข้าวหอมถอนหายใจเฮือก พยายามจะฮึบ ๆ อย่างที่อนาคินบอกแต่พอมานั่งอยู่คนเดียวมีแต่เสียงฝนแบบนี้ก็รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม

ดวงตากลมโตร้อนผ่าวเลือกที่จะปิดลงกักล้อมความร้อนและหยดน้ำตาไว้ด้านใน พยายามนึกถึงสิ่งที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข พยายามนึกถึงของอร่อยที่ป้าช่อจะทำให้กินพรุ่งนี้ นึกถึงเยลลี่หมีที่จะขอพี่ขุนไปซื้อ

นึกถึงพี่ขุนเขา ...คนที่ข้าวหอมชอบมาตลอด คนที่ทำให้ใจเต้นแรง แต่ตอนนี้กลับทำให้รู้สึกเจ็บหนึบ ๆ ในหัวใจมากกว่าปกติเล็กน้อย

“ปวดหัวจัง” ถอดถอนหายใจกับตัวเอง คนตัวเล็กลุกขึ้นเดินตรงไปที่ตู้เก็บยาตรงหน้าห้องครัวเพื่อหายาแก้ปวดมาบรรเทาอาการที่กำลังรู้สึกไม่ดี

               หวังว่าจะช่วยได้ …คิดยามที่กลืนยาเม็ดเขื่องลงไปพร้อมน้ำ

ตึง!

               เสียงดังสนั่นทำให้ข้าวหอมรีบวิ่งมาดู

โครม!

ทันได้เห็นร่างของนนท์ที่ลอยหวือออกไปกระแทกโคมไฟตั้งโต๊ะ และยังไม่ทันได้ตั้งตัวนนท์ก็ถูกกระชากตามแรงดึงของขุนเขาก่อนจะต่อยตามไปอีกหมัด

               "มึง! ไอ้เวรเอ๊ย" ขุนเขาตะคอกเสียงดัง เหวี่ยงกำปั้นไปอีกหมัดแต่คราวนี้นนท์ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เหมือนเมื่อตอนเย็น สวนหมัดกลับไปทันที ขายาวออกแรงถีบตัวขุนเขาเพื่อหาจังหวะได้เปรียบ

               ร่างสูงใหญ่ทั้งสองออกหมัดปะทะกันกวาดเอาข้าวของรอบตัวล้มระเนระนาดไปด้วย ข้าวหอมยืนมองด้วยความงุนงงและทำอะไรไม่ถูก ทั้งตกใจทั้งกลัว

               กลัวพี่ขุนเขาจะบาดเจ็บ กลัวจะทำให้นนท์เจ็บหนักแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่ด้วย

               "หยุดนะ! พี่ขุนหยุด นนท์หยุด!" ข้าวหอมตะโกนห้าม มือก็ปาหมอนเข้าไปแต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ยอมเลิกรา

               "เฮ้ย! อะไรกันวะ" อนาคินร้องลั่นเมื่อวิ่งตามเสียงดังออกมาก็เจอมวยแบบนี้

               "คินเข้าไปห้ามเลย"

               "เฮ้ยย เขาต่อยกันจริงจังเดี๋ยวโดนลูกหลง หอมก็ห้ามเข้าไปนะเว้ย" อนาคินร้องลั่น

               โครม!

               โต๊ะล้มไปอีกตัว ข้าวหอมเห็นสีเลือดเปื้อนบนหน้าพี่ขุนเขาแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี ร่างผอมกระโดดขึ้นยืนบนโซฟา คว้ามือถือขึ้นมาเปิดเสียงนกหวีด

               "ไฟไหม้! ไฟไหม้แล้ว ไฟไหม้บ้านแล้ว ไฟไหม้!" ตะโกนออกมาเสียงดัง สัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ทำให้มวยนอกสังเวียนชะงักไปชั่วครู่ ข้าวหอมรีบอาศัยจังหวะนั้นวางไปแทรกกลางทันที

               "ทำบ้าอะไรกันเนี่ย! คุยกันไม่ยอมคุย แต่ต่อยกันได้งี้เหรอ" ข้าวหอมออกแรงดันขุนเขาให้ออกห่างจากนนท์ ยิ่งเห็นหน้าตาของทั้งคู่เป็นแผลก็ยิ่งไม่ชอบใจ โดยเฉพาะหน้าหล่อ ๆ ของพี่ขุนที่ทั้งปากแตก ทั้งคิ้วมีเลือดซึม

               "มันถึงขนาดนี้แล้วพี่ขุนจะบอกหนูได้หรือยัง มันเรื่องอะไรกันแน่!" คนที่ตัวเล็กที่สุดในสถานการณ์นี้เดินตรงเข้าไปหาคนที่ตัวโตที่สุดอย่างไม่นึกกลัว

               "พี่ขุนบอกหนู บอก!" ใช้เสียงที่ดังขึ้นบอกว่าจริงจังมากแค่ไหน ทั้งตัวรู้สึกร้อนโดยเฉพาะใบหน้า รู้สึกได้ว่าน้ำตากำลังรื้นขึ้นมาด้วยความรู้สึกขับข้องใจ

               "มัน .. มันไม่ใช่เรื่องที่หอมต้องรู้"

               และคำตอบก็น่าผิดหวังอย่างมากสำหรับข้าวหอม

               น่าผิดหวังและตอกย้ำว่าสิ่งที่คิดนั้นเป็นจริง

               "เอะอะก็ไม่เกี่ยว หนูไม่สำคัญพอที่จะรู้ใช่ไหม!" สองมือผอมผลักอกขุนเขาอย่างแรงแต่ก็ทำได้แค่ดันอีกฝ่ายถอยไปหนึ่งก้าว

               "พี่ขุนไม่อยากบอกแต่หนูก็รู้ เรื่องของพี่รันต์ใช่ไหมล่ะ พี่ขุนถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้ คนนอกอย่างหนูจะไปมีสิทธิ์อะไรที่จะรู้" เสียงของข้าวหอมเบาขึ้นเรื่อย ๆ แล้วการที่พยายามจะไม่ร้องไห้ จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมาก็ยากมาก ๆ ในเมื่อรู้สึกอึดอัดในอกแทบจะระเบิดแบบนี้

               "หนูรู้ ไม่ ฮึก ไม่สำคัญ อึก ก็คือหนู"  บอกเสียงปนสะอื้นทั้งตัวสั่นเทา ตาโตทั้งสองข้างแดงแจ๋ แต่ก็พยายามที่จะกำมือไว้แน่น ๆ ให้ตัวเองได้เจ็บ เจ็บมากพอจะไม่ปล่อยให้น้ำตาหยดลงมา

               ไม่เอานะ ...ห้ามให้พี่ขุนเห็นน้ำตานะ

               สุดท้ายเมื่อเห็นว่าไม่มีทางที่จะห้ามได้ ข้าวหอมก็หันหลังวิ่งตรงไปที่บันไดเพื่อที่จะขึ้นไปหลบอยู่บนห้อง อย่างน้อยในพื้นที่ส่วนตัวข้าวหอมก็ยังจะปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ได้

กึก แต่อย่างไรก็ไม่มีทางทันคนขายาวที่เดินตามมา

               ข้าวหอมมองต้นแขนตัวเองที่ถูกคว้าไว้ด้วยมือใหญ่ของขุนเขาตอนที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดขั้นแรก

               "พี่ขุนปล่อย ฮึก หนูนะ" ร้องบอกทั้งที่ตาแดงแจ๋ น้ำตาบางหยดเริ่มไหลออกมาอย่างเกินควบคุม และข้าวหอมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

               ขุนเขาไม่พูดอะไรแต่ออกแรงอุ้มข้าวหอมพาดบ่าแล้วเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วเท่าที่ขายาว ๆ จะทำได้

               ตุบ

               ข้าวหอมถูกจับวางลงที่ปลายเตียงของขุนเขา โดยที่บนพื้นมีเจ้าของห้องนั่งอยู่ 

               การนั่งมองหน้าขุนเขาเป็นหนึ่งในสิ่งที่ข้าวหอมชอบทำมากที่สุด ทว่าการที่กำลังนั่งจ้องตาเรียวคมคู่นั้นในตอนนี้เป็นสิ่งที่ข้าวหอมไม่อยากทำ

               เพราะยิ่งมอง น้ำตามันก็พาลจะไหลออกมาไม่หยุด

               ไม่เอา ...ไม่ร้องนะข้าวหอม ..อย่าร้องนะ

               "ฮึก" ฟันคมขบกันจนริมฝีปากเม้มแน่น แต่ภาพตรงหน้าก็ยังคงเบลอเลือนฟ้องข้าวหอมว่าตัวเองไม่อาจห้ามน้ำตาได้ สองมือผอมยกขึ้นถูสองดวงตาของตนเองอย่างแรงหวังว่ามันจะปิดซ่อนและขับไล่น้ำตาให้หายไปได้หมด

               "ห้าม ฮึก ห้ามมอง พี่ขุน ฮึก ไปที่อื่น ฮึก อย่ามองหนูร้องไห้ ...ไม่เอา" ละล่ำละลักบอกปนเสียงสะอื้น เหมือนไหล่ผอมบางทั้งสองข้างที่สั่นอย่างน่าสงสาร

               ข้าวหอมตอนที่ร้องไห้ดูราวกับจะแตกสลายเหมือนทุกครั้งที่ขุนเขาเคยเห็น

               "ทำไม ...ทำไมพี่อยู่ตรงนี้ไม่ได้" น้ำเสียงทุ้มหนักเอ่ยถาม ขุนเขานั่งคุกเข่ากับพื้น ขยับเข้ามาใกล้ มองใบหน้าของคนตัวเล็กที่อยู่สูงกว่าตนเพียงเล็กน้อย ปกติชอบทำแสนดื้อตอนนี้แดงช้ำอย่างน่าสงสาร ยิ่งพยายามจะกลั้นน้ำตากลับยิ่งดูเปราะบาง

               "หอม ...บอกพี่ได้ไหมครับ"

               น้ำเสียงนุ่ม ๆ กับมือคู่อุ่นที่ลูบผมยิ่งทำให้น้ำตาของข้าวหอมไหลออกมาไม่หยุด ยากที่จะห้ามมันไว้เสียยิ่งกว่าเดิม

               "ฮึก พี่ขุน เห็นหนูตอน ฮึก ร้องไห้ ไม่ ..ไม่ได้"

               "เพราะอะไร หอมบอกพี่ได้ไหม...แล้วพี่เองก็จะบอก" ขุนเขานิ่งคิดไปชั่วครู่

               "บอกเรื่องที่หอมถามเหมือนกัน" แต่มันก็คงถึงเวลาของมันแล้ว

               ข้าวหอมใช้หลังมือเช็ดน้ำตาตัวเองอีกที ตาโตสบประสานกับตาเรียวคมที่ยังคงสะท้อนภาพใบหน้าของตัวเองเอาไว้ รอยแตกช้ำบนหน้าขุนเขามีเลือดซิบอยู่นิดหน่อยตรงปากกับหางคิ้ว รอยแผลพวกนี้ดูน่ากลัว แต่ไม่ได้ทำให้ข้าวหอมกลัวเลยสักนิด 

ใบหน้าของชายที่ตนหลงรักมาเสมอยังคงให้ความรู้สึกเหมือนเก่า

               เหมือนตั้งแต่ตอนประถม ตั้งแต่เด็กที่พี่ขุนคอยปกป้องอยู่เสมอ แม้จะชอบดุอยู่บ่อย ๆ แต่ก็เคียงข้างไม่ไปไหนกัน

               จนกระทั่ง...

               "ถ้าฮึก หนูร้องไห้พี่ขุนก็จะทิ้ง ..ทิ้งหนูอีก เหมือนกับที่ตอนนั้น ที่ทิ้งหนูมาอยู่เชียงใหม่ สี่ ฮึก ตั้งสี่ปี" พอพูดออกแล้ว น้ำตาที่เพิ่งหยุดไปก็เอ่อขึ้นมาคลอขอบตาโตของคนตัวเล็กอีกรอบ

               "เหมือนวันนั้น ฮึก ที่โรงพยาบาล ที่หนูร้อง ...ร้องไห้ พี่ขุนบอกว่าไม่อยากให้หนูร้องไห้ ไม่ชอบที่หนูร้องไห้ บอกว่าหนูเหมาะกับความสดใส เหมาะกับรอยยิ้ม แล้ววันนั้นหนูร้องไห้เยอะ อึก เยอะมากเลย แล้วพี่ขุนก็ทิ้งหนูไป"

               "...."

               "ถึงหลาย ๆ หน หนู ฮึก อยากจะร้อง ก็จะทำ ..ทำคนเดียว" เสียงของข้าวหอมทั้งสั่น ทั้งเบาปนสะอื้นยิ่งตอกย้ำให้ขุนเขารู้สึกผิดและเจ็บปวดอยู่ในอก

               ขุนเขาอยากให้ข้าวหอมยิ้ม ไม่อยากให้ร้องไห้หรือเสียใจ ชอบความสดใสเพราะการมีความสุขเหมาะกับเด็กคนนี้ที่สุด แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าประโยคที่พยายามปลอบจะสร้างความคาดหวังที่เหมาะสมในใจข้าวหอมแบบนี้

               มือหนาจับสองมือผอมไว้ในฝ่ามือของตัวเอง

               "หอม พี่ชอบที่หอมยิ้มพี่เลยพูดแบบนั้น แต่ถ้าหอมอยากจะร้องไห้มันก็ไม่เป็นไรหรอกนะ การที่หอมเป็นคนยิ้มง่าย เป็นคนร่าเริง มันไม่ได้แปลว่าเวลาที่หอมร้องไห้มันจะผิด" ฝ่ามือใหญ่ลูบผมของข้าวหอม ตาของขุนเขาขึ้นรอยริ้วแดง ทว่าก็มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนมอบให้

               "ต่อไปถ้าหอมอยากร้องไห้ หอมมาร้องกับพี่ได้นะ พี่ปลอบไม่เก่งหรอก แต่จะคอยเช็ดน้ำตาให้ดีไหม"   

               "พี่ขุน ฮึก พี่ขุน" ยิ่งฟังน้ำตาข้าวหอมก็ยิ่งหยดลงมาจนเปียกสองแก้ม ความรู้สึกที่เหมือนกำแพงบาง ๆ ในใจของข้าวหอมมลายหายไป ด้วยความอบอุ่นของมือคู่ใหญ่ที่ค่อย ๆ เช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้

               แต่ข้าวหอมก็รู้ตัวว่าต่อให้มือของพี่ขุนจะใหญ่แค่ไหน จะอุ่นมากเท่าไหร่ก็ไม่พอที่จะปรามเหล่าน้ำตาของตัวเองได้หมด

               "พี่ขุน .. ฮึก หนู หนูขอยืมเสื้อหน่อย" เสียงขอที่แม้จะชวนสงสัยแต่ขุนเขาก็พยักหน้ารับ มือผอมคว้าเสื้อยืดสีดำของขุนเขามาไว้ในมือแล้วก็จุ่มหน้าลงไปถู ๆ เช็ด ๆ น้ำตากับน้ำมูกเสียยกใหญ่

               "งื่ออ เปื้อนเยอะจัง" บ่นพึมพำเสียงแผ่ว แล้วมือผอมก็ดึงเสื้อตัวเองมาถู ๆ รอยเปื้อนออกให้จากเสื้อของขุนเขา สรุปแล้วตอนนี้เสื้อของเราทั้งคู่ต่างก็เปื้อน

ขุนเขาอดไม่ได้จะระบายยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

               ข้าวหอมก็คือข้าวหอมจริง ๆ

               แต่อย่างน้อยน้ำตาบนหน้าของลูกสะใภ้แม่ก็จางลงบ้างแล้ว

               "หอม แล้วเรื่องนั้นน่ะมันก็ไม่ใช่เลย" รอยชื้นบนเสื้อถูกละความสนใจและเป็นใบหน้าคมคายที่ข้าวหอมจ้องมอง

               "ที่พี่มาเชียงใหม่ไม่ได้เป็นเพราะหอมร้องไห้ตอนนั้นหรอกนะ" ถึงจะบอกว่าไม่ใช่ แต่มันก็ไม่ได้แยกออกจากกันได้ขนาดนั้น.

               "รวมทั้งเรื่องของไอ้เวรนนท์นั่นด้วย"

                ขุนเขารู้ดี

               "แล้วที่พี่บอกไปก่อนหน้านี้มันไม่ใช่หรอก เพราะมันเกี่ยวกับหอม ....ทุกอย่างเลย"


ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ


ตอนต่อไปที่ว่าตอนสิบสองนี่ความจริงต้องเป็นสิบเอ็ดจุดห้า 555 เพราะว่าจะเอาให้จบในตอนสิบเอ็ด บ่ได้จ้า ยาวเกิน เดี๋ยวมาย้อนๆอดีตกันอีกหน่อยเนอะ คิคิ ตอนนี้ก็เจ้มจ้นอีกนิดหน่อยยยยย มันก็ต้องมีกันบ้างชิมิล่ะ 5555
จะนั่งรอ นอนรอในแท็ก #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ เช่นเคยน้าาาา มาๆๆ ชวนเพื่อนมาอ่านกันก็ได้น้าาา คิกคิก


#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่
#พี่ขุนหนูหอม
@Butterfly8ffect

ออฟไลน์ Butterfly8ffect

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1




#เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่

สิบสอง , ๑๒





“เกี่ยวกับหนูเหรอ?”

“หอมจำวันที่เกิดแผลตรงหัวเข่าได้ไหม”

ทำไมข้าวหอมจะจำวันนั้นไม่ได้ล่ะ ใครจะไปลืมได้ลง



วันนั้น เป็นวันจันทร์ของสัปดาห์หลังสอบปลายภาคที่คุณครูให้นักเรียนทุกคนมาโรงเรียนเพื่อตามตรวจสอบงานที่ตกค้าง

ถึงแม้ว่าข้าวหอมจะทำข้อสอบได้คะแนนค่อนข้างดีและส่งงานได้อย่างครบถ้วนมาตั้งแต่ประถม จนถึงการสอบของมัธยมปีที่สามในวันนั้น แต่ก็ยังต้องมาอยู่ดีเพื่อเช็คความเรียบร้อย

ครูบอกว่าใครที่ไม่มีงานค้างแล้วสามารถกลับบ้านได้ แต่ต้องใต้เงื่อนไขว่าให้มีผู้ปกครองมารับเท่านั้น

ข้าวหอมอยากออกจากโรงเรียน แต่ไม่ได้โทรหาพ่อจ๋าแม่จ๋าเพราะว่าจุดหมายปลายทางที่อยากไปไม่ใช่บ้านน่ะสิ

‘วันนี้พี่ขุนมีแข่งบาสแหละคิน นุ่ม’ ข้าวหอมบอกเพื่อนอีกสองคนที่ตัวสูงพอกัน ต่างแค่ว่าแป้งนุ่มแก้มอ้วน แต่อนาคินอวบอ้วนไปทั้งตัวจนเหมือนซาลาเปาก้อนใหญ่ติดแขนขากลม ๆ

‘เหรอแล้วยังไงอะ หอม’ อนาคินถามมือก็หยิบปลาเส้นเข้าปาก

‘ก็เราจะไปดูพี่ขุนแข่งบาสน่ะสิ เป็นรอบชิงของกีฬามหาลัยด้วยนะแล้วพี่ขุนอยู่ปีสี่แล้วอะจะได้แข่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเรียนจบด้วย จะขาดกองเชียร์ที่สำคัญที่สุดไปได้ไงล่ะคิน’ ข้าวหอมบอกตาโต พอพูดถึงพี่ขุนแล้วก็บิดตัวเขิน

‘แล้วพี่ขุนแข่งกี่โมงเหรอหอม’ แป้งนุ่มถามตอนที่หยิบขนมในถุงมาเปิดแบ่งกับอนาคินกินต่อ

‘บ่ายสอง’

‘เอ้า แบบนั้นก็ไปไม่สิ หรือว่าหอมจะให้ลุงขจรกับป้าขิมมารับ’

‘บอกแม่จ๋าพ่อจ๋าไม่ได้หรอกเดี๋ยวโดนดุที่ไปวุ่นวายกับพวกพี่โต ๆ อะ ก็เลยคิดว่าคงต้องโดดเรียนไป’

‘โดดเรียนเหรอ หอม ไม่ดีมั้ง’ แป้งนุ่มส่ายหน้าดิกจนแว่นกรอบกลมแทบตกจากหน้า เบะปากทำหน้าขยาดตามแบบฉบับของเด็กเรียนที่ไม่เคยลา ไม่เคยสายหรือว่าขาด แล้วจู่ ๆ จะมาโดดเรียนมันเป็นก้าวที่ใหญ่เกินไปสำหรับเด็กที่กำลังจะจบมอสามอย่างแป้งนุ่ม

‘ไม่เป็นไรหรอก นุ่มอยู่นี่แหละ คอยรับหน้าครูเเทนเรา’ ยิ้มบอกพร้อมตบไหล่เพื่อนไปสองที ข้าวหอมเข้าใจเพราะแป้งนุ่มขี้กลัวกว่าตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร และที่สำคัญถ้าไม่ใช่ว่าไปหาพี่ขุนเขา ข้าวหอมก็ไม่คิดที่จะออกจากโรงเรียนก่อนเวลาเหมือนกัน

‘งั้นเราเตรียมตัวกันเถอะคิน ต้องหาวิธีแอบแวบจากโรงเรียนด้วย’ ข้าวหอมยันตัวลุกขึ้นยืนข้างโต๊ะนักเรียนที่สูงประมาณอกตัวเอง ข้าวหอมตัวเล็กกว่าเด็กผู้ชายมอสามในรุ่นเดียวกันแต่ไม่ได้ผอมแห้งกลับดูนุ่มนิ่มน่ารัก พี่ข้าวกล้องปลอบอยู่บ่อย ๆ ว่าเดี๋ยวขึ้นมอปลายก็สูงแล้ว

ถ้าตัวสูงกว่านี้เมื่อไหร่ก็จะได้หอมแก้มพี่ขุนเขาถึงไงล่ะ ตอนนี้อะต้องหาเก้าอี้มาต่อหน้าถึงจะเฉียดคางพี่ขุน กว่าจะลากเก้าอี้มาเสร็จพี่ขุนก็เดินหนีไปแล้ว

‘คินก็อยากไปนะหอม แต่ว่างานซ่อมวิชาภาษาไทยกับคณิตยังไม่เสร็จเลยอะ’ อนาคินยิ้มแหะแหะ พลางดึงหนังสือจากใต้โต๊ะออกมาให้ดูสองเล่มโต พร้อมกระดาษอีกปึก

‘อ้าว เห็นนั่งกินขนมนึกว่าเสร็จแล้ว’

‘ก็เหลือเวลาอีกตั้งวัน นี่ก็จะเที่ยงแล้วอะ คินก็หิวสิหอม’ อนาคินบอก เอี้ยวตัวกลมขาวไปหยิบขนมในกระเป๋าแป้งนุ่มมาอีกถุง

‘เอาไงดีอะ’

‘ถ้าหอมจะโดดเรียนไปคนเดียวก็ไม่ดีนะ น่ากลัว’ แป้งนุ่มเตือนอีกรอบ ข้าวหอมคิดตรงกันแต่ใจที่อยากไปเชียร์พี่ขุนเขาข้างสนามมันก็ไม่สงบสุขเลย

พี่ขุนตอนชู้ตบาสน่ะเท่ห์มาก ๆ ไหนจะตอนที่ยิ้มเวลาทำแต้มได้อีก โอยย แค่คิดข้าวหอมก็ใจเต้นตึกตักจะละลายแล้ว อยากดูอะ อยากดู

‘เด็กอนามัยจะโดดเรียนเหรอ’ เสียงเพิ่งแตกแหบแปร่ง ๆ ดังมาจากข้างหลัง ข้าวหอมหันไปกอดอก เชิดหน้ามองนายเพื่อนที่ตัวสูงที่สุดในชั้นตอนนี้

ถ้าข้าวหอมโตช้า นายหมายเลขสิบแปดนี่ก็โตไวเกินใครเลย

‘แล้วจะทำไม นนท์ชอบว่าเราขี้ฟ้องก็คงจะไม่เอาไปฟ้องบ้างหรอกใช่ไหมล่ะ’ ข้าวหอมทำหน้าตาไม่ทุกข์ร้อน แต่รีบพูดดักทันที เพราะนนท์ชอบแกล้งข้าวหอมกับแป้งนุ่มมาตั้งแต่ตอนปอหกแล้ว แกล้งเอารองเท้าไปซ่อนบ้าง แกล้งเลื่อนเก้าอี้บ้าง แกล้งไม่ได้แรงมากถ้าเทียบกับบางคน แต่ข้าวหอมก็ไม่ชอบอยู่ดี

พอโตขึ้นก็ยังมีแกล้งบ้างแต่ข้าวหอมเลือกที่จะฟ้องครูแล้วครูก็จัดการสั่งสอนทั้งตีนนท์ไปหลายที หลัง ๆ มานี้ก็เลยไม่โดนแกล้ง แต่นนท์ก็ชอบมาพูดกวน มาดึงผม จิ้มแก้มเวลาที่ข้าวหอมเผลออยู่ดี

‘ฟ้องตอนนี้จะไปได้อะไรอะ ใครจะเชื่อฉัน เขาก็เชื่อแต่เด็กอนามัยตัวเท่าไม้จิ้มฟันกันทั้งนั้นแหละ’ นนท์ยักคิ้วบอก คนที่โดนว่าตัวเท่าไม้จิ้มฟันแยกเขี้ยวใส่

‘แล้วจู่ ๆ ทำไมถึงจะโดดเรียน’

‘เราอยากโดดบ้างไม่ได้เหรอ สร้างประสบการณ์ชีวิตไง ทีนนท์ยังโดดไปบ่อย ๆ ‘

‘ใช่วันนี้ฉันก็จะโดด’ นนท์ยักไหล่อย่างไม่ปฏิเสธ

‘งั้นฉันช่วยพาออกไปไหมล่ะ’ ขอเสนอของนนท์ทำเอาข้าวหอมหูผึ่ง ตาโตเป็นประกายทันที

‘จริงเหรอ’

‘อื้ม ก็ถ้าข้าวหอมก็โดดไปพร้อมฉัน คราวนี้ก็จะเอาเรื่องฉันไปฟ้องครูไม่ได้แล้วไงล่ะ’ นนท์ระบายยิ้มราวกับบอกว่าแบบนี้แหละ วิน-วิน

‘ได้ ๆ วันนี้ถือว่าเราเป็นพันธมิตรกันนะนนท์’

‘งั้นเจอกันหลังตึกสี่ตอนเที่ยงสิบห้านาที’ นนท์บอกเวลานัดหมายอย่างชัดเจนก่อนจะเดินเลี่ยงกลับไปที่โต๊ะตัวเอง

‘เย้ จะได้ไปดูพี่ขุนแข่งบาสแล้ว’ ข้าวหอมยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดี

‘มันจะดีเหรอหอม’

‘โดดกับนนท์ดูมีโอกาสผ่านกว่าไปเองอีกนะ นุ่ม ไม่เป็นไรหรอก นนท์ก็ไม่ได้นิสัยแย่ขนาดนั้นนี่’ ข้าวหอมเอาแก้มไถไปกับต้นแขนของแป้งนุ่มให้เบาใจขึ้น ส่วนอนาคินก็นั่งตาลายอยู่กับกองงานแก้ตรงหน้าไปแล้ว



เที่ยงสิบห้านาทีพอดีเป๊ะ ข้าวหอมก็มายืนรอหลังตึกสี่ไม่ได้เอากระเป๋ามาด้วยเพราะกลัวมีพิรุธแค่ใส่เสื้อฮู้ดสีดำมาด้วยจะได้พลางชุดนักเรียนสีขาวกางเกงน้ำเงินขาสั้นตอนเดินอยู่ริมถนนได้

รออย่างใจจดใจจ่อ หันซ้ายหมุนขวาด้วยความระแวงอยู่หลายนาทีในที่สุดเพื่อนตัวสูงอย่างนนท์ก็มาถึง นนท์อยู่ในชุดนักเรียน เสื้อออกนอกกางเกงหนีบกระเป๋าเรียนมาหนึ่งใบแบบไม่กลัวถูกจับได้ใด ๆ นนท์จัดว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครหล่อสู้พี่ขุนเขาได้หรอก

‘มาจริง ๆ ด้วยว่ะ’

‘มาจริงสิ เราจริงจังนะนนท์ จะออกจากโรงเรียนยังไงอะ’ ข้าวหอมถามด้วยความตื่นเต้น นี่ครั้งแรกของชีวิตเลยนะ ปกติแถวนี้เป็นตึกของพวกพี่มอปลาย ข้าวหอมไม่ค่อยอยากผ่านมาหรอก

‘ตรงนู้นมีช่องที่รั้วมันถอดได้ ปีนนิดลอดหน่อยก็ออกได้แล้ว’ นนท์ชี้ไปด้านหลังที่เป็นแถบหญ้ารกแคบ ๆ ก่อนจะต่อไปซอยเล็กซึ่งเชื่อมกับถนนใหญ่

‘ดูเหมือนจะไม่ยากนะ รีบไปกันเถอะเดี๋ยวไม่ทัน’ ข้าวหอมกำข้อมือเพื่อนตัวโตให้รีบเดินตรงไปจุดหมาย

‘แล้วตกลงจะไปไหน บอกได้หรือยัง อะไรทำให้เด็กอนามัยอย่างเด็กชายจีรภัทร เทพภวัณภรณ์โดดเรียนได้วะ’ นนท์ขานชื่อเต็มอย่างก่อกวนแต่ข้าวหอมที่กำลังตั้งใจปีนรั้วโรงเรียนอยู่ไม่ได้สนใจนัก

‘ไปหาพี่ขุนเขา’ จนกระทั่งปีนออกมาได้แล้วถึงตอบ มือผอมดึงฮู้ดขึ้นมาสวมบังหน้า

‘ขุนเขา ไอ้ผู้ชายตัวใหญ่ แก่ ๆ ตาขวาง ๆ นั่นน่ะเหรอ’

‘อย่าว่าพี่ขุนนะนนท์’

‘ก็จริงนี่ แล้วทำไมต้องรีบปีนรั้วออกไปหา มันจะตายเหรอ’

‘ปากเสีย! เราจะไปดูพี่ขุนแข่งบาสต่างหาก หล่อมากเลยล่ะรู้ไหม’ ข้าวหอมทำเสียงดุ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเขิน ก้มตัวมุดออกจากช่องตรงกำแพงไปถนนใหญ่ตามหลังนนท์ไปติด ๆ

‘เนี่ยเดี๋ยวเราจะขึ้นรถตู้ไปสองต่อก็ถึงหน้ามหาวิทยาลัยของพี่ขุนเลย น่าจะไปทันดูพี่ขุนแข่งครึ่งหลังพอดี หรือถ้าโชคดีก็จะได้ดูแข่งทั้งเกมส์เลย’

‘จะไปคนเดียวนี่นะ เพื่อไอ้พี่นั่นทำขนาดนี้เลยเหรอ ไม่กลัวอะไรเลยเหรอไง’

‘เราเคยขึ้นรถตู้กับพี่กล้าบ่อย ๆ เพื่อไปเจอพี่ขุนอะ แค่นี้จิ๊บจ๊อย’ ข้าวหอมหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เลี้ยวไปทางขวาเพื่อหาวินมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่ท่ารถตู้

‘เดี๋ยวไปด้วย’

‘นนท์จะไปด้วยกันเหรอ’ ข้าวหอมหันมามองคนตัวสูงที่วิ่งตามมาด้วยความแปลกใจ

‘เออ อยากไปดูน้ำหน้าไอ้นั่นมันแพ้’

‘ฮ่าฮ่า นนท์ไม่ได้เห็นหรอก เพราะถ้าเราไปเชียร์พี่ขุนจะชนะแน่นอน’ ข้าวหอมบอกอย่างมั่นใจ ดึงแขนนนท์ให้ตามมาด้วยกันพลางคิดในใจว่าความจริงแล้วนนท์ก็เป็นคนใจดีเหมือนกันนะเนี่ย



ღ #เพราะหนูคือลูกสะใภ้ของแม่พี่ ღ



ผลการแข่งขันบาสออกมาเป็นยังไงทั้งข้าวหอมและนนท์ไม่มีโอกาสที่ได้รู้ เมื่อรถตู้เจอรถที่ตรงเข้ากรุงเทพติดยาวอีกพักใหญ่ เมื่อมาถึงสนามบาสของมาหาวิทยาลัยใหญ่โต การแข่งขันก็จบไปแล้วตรงนี้ก็แทบจะไม่เหลือคน

อันที่จริง ถ้าแถวสนามบาสไม่มีใครอยู่เลยข้าวหอมอาจจะแค่เสียดาย แต่ไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้

พี่ขุนเขาเป็นคนตัวใหญ่แล้วก็หล่อมาก ๆ สำหรับข้าวหอม เพราะฉะนั้นท่ามกลางคนเยอะแค่ไหน ข้าวหอมก็จะเห็นพี่ขุนก่อนเสมอ แล้วครั้งนี้ก็เหมือนกัน

แม้จะเป็นริมสนามบาสใกล้ ๆ กับอัฒจันทร์ข้าวหอมก็เห็นพี่ขุนเขาทันที เห็นพร้อมกับพี่ชายอีกคนที่แม้จะเตี้ยกว่าพี่ขุน แต่ก็โตกว่าข้าวหอมจนเมื่อยืนอยู่หน้าพี่ขุนเขา ปากของทั้งคู่ไม่ได้อยู่สูงต่างกันนัก

แบบที่ข้าวหอมกำลังเห็นพี่ขุนกับพี่การันต์จูบกันอยู่ตอนนี้ เป็นจูบที่เห็นเต็มตาว่าปากทั้งคู่กำลังประกบแนบกัน

‘ฮึก’ ข้าวหอมน้ำตาร่วงอย่างห้ามไม่อยู่ ได้แต่ยืนคอตกร้องไห้กับภาพบาดตาบาดใจ

ที่ผ่านมาก็เคยได้ยินพี่เขตแดนกับพี่ต้นกล้าแซวว่าพี่ขุนกับพี่รันต์เป็นแฟนกัน ข้าวหอมก็จะวิ่งไปกอดแขนพี่ขุนแล้วบอกทุกครั้งว่า ไม่ใช่ พี่ขุนเป็นแฟนหนูหอมต่างหาก จะโดนพี่ขุนดุว่าแก่แดด แต่พี่คนอื่นก็หัวเราะชอบใจ

คิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นเหรอ ไม่ใช่สักหน่อย

เด็กมอสามไม่มีหัวใจหรือไง รักพี่ปีสี่ไม่ได้เหรอไงล่ะ

‘พี่มันมีแฟนแล้วเหรอ’

‘ไปเหอะนนท์’ ข้าวหอมบอกเสียงสั่น น้ำตาบังทางจนต้องใช้เเขนเสื้อฮู้ดเช็ดเอาหลายทีกว่าจะมองทางเห็น

แกร๊งงง

แต่พอขยับเดินก็ยังเตะโดนกระป๋องจนเสียงดังสนั่นอยู่ดี

‘หอม นั่นมึงเหรอหอม หอม!’ เสียงทุ้มคุ้นหูของขุนเขาร้องเรียกเสียงดัง ข้าวหอมไม่พร้อมที่จะมองหน้าขุนเขาตอนที่เพิ่งจะจูบคนอื่นมาแบบนี้สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่คว้ามือของนนท์แล้วรีบวิ่งออกไปจากที่นี่เท่านั้น

พี่ขุนชอบพี่การันต์ พี่ขุนจูบกับพี่การันต์แล้วเด็กอย่างข้าวหอมจะไปสู้อะไรได้ล่ะ



“เฮ้อ คิดถึงกี่รอบใจหนูก็เจ็บ” พอทบทวนมาถึงตรงนี้ข้าวหอมก็ทำปากเบะหยุดพูดไปเสียดื้อ ๆ มองหน้าเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนพื้น

“แล้วต่อจากนั้นล่ะจำได้ไหม”

“จำได้สิ แล้วหนูก็เจอ ...เรื่องยุ่ง ๆ” ข้าวหอมตอบเสียงไม่ดังนัก ตาโตหลุบมองพื้น มือผอมทั้งสองข้างบีบกันจนแน่น

คำว่าเรื่องยุ่ง ๆ ของข้าวหอมทำให้ขุนเขาถอนหายใจ



มันไม่ใช่แค่เรื่องยุ่ง ๆ ...ไม่ใช่เลยสำหรับขุนเขา

หลังจากวิ่งหนีขุนเขาออกมาจากสนามบาส สุดท้ายก็ออกมาอยู่ข้างนอกไม่ไกลจากบริเวณมหาวิทยาลัยของขุนเขามากนัก

‘แล้วจะไปไหนต่อ’

‘ก็ ฮึก ก็คงกลับโรงเรียนนั่นแหละ เดี๋ยวมีคนมารับแล้วไม่เจอจะถูกดุ’ ข้าวหอมบอกพึมพำเสียงไม่ดังนัก นนท์มองเวลานาฬิกาที่ข้อมือ

‘งั้นเดี๋ยวไปหาน้ำล้างหน้าล้างตาก่อน กลับไปทั้งแบบนี้คนอื่นจะตกใจเอา’

‘อื้ม’ ข้าวหอมพยักหน้าเดินตามเพื่อนตัวสูงอย่างนนท์ไปเรื่อย ๆ เพราะเอาแต่ก้มหน้าเช็ดน้ำตาที่เปื้อนออกแล้วก็ไว้ใจเพื่อนคนนี้ถึงได้ไม่ดูทาง

รู้ตัวอีกทีก็หยุดยืนอยู่หน้าตึกแถวที่ดูโทรม ๆ ที่ส่วนใหญ่ประตูถูกปิดไว้จนหมด

‘รออยู่ตรงนี้นะ ข้าวหอม เดี๋ยวฉันมา’ นนท์บอกพลางชี้นิ้วไปที่ร้านขายของริมทางที่อยู่ตรงตึกแถวอีกฝากถนน ข้าวหอมพยักหน้ารับกระชับเสื้อคลุมตัวโตกอดตัวเองด้วยความรู้สึกที่ยังห่อเหี่ยวเหมือนเดิม

ปกติเวลาคิดถึงพี่ขุนเขาข้าวหอมจะยิ้มไม่หุบ แต่ตอนนี้คิดแล้วก็จะร้องไห้ ...รอข้าวหอมโตก่อนเถอะจะไปแย่งพี่ขุนกลับมาเลยด้วย

ถ้ามีโอกาสนะจะจับพี่ขุนแต่งงาน ไม่ให้ไปรักใครคนอื่นอีกเลยด้วย

‘เฮ้ย นั่นมันเด็กตัวหอม ๆ ที่อยู่มอสามนี่หว่า’ เสียงที่ดังอยู่ไม่ไกลทำให้เด็กที่ยังไม่จบมัธยมต้นเงยหน้าขึ้นมองตาม เห็นวัยรุ่นชายเกือบสิบคนเดินตรงมา และเกือบครึ่งก็ใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกับข้าวหอม แต่กางเกงเป็นสีดำของพี่มอปลายกับเสื้ออยู่นอกกางเกงไม่เรียบร้อย

‘โว้วว อยู่คนเดียวด้วยว่ะ นี่มันยังไม่เลิกเลย โดดเรียนมาเหรอจ๊ะ น้องหนู’ คนที่ใส่ชุดนักเรียนหัวเราะเสียงดัง ข้าวหอมจำคนนี้ได้ คนนี้เป็นพี่มอห้า แต่ชอบแกล้งข้าวหอมแกล้งแรง ๆ มาตั้งแต่อยู่ประถมแล้ว เคยตีข้าวหอมจนเป็นแผลด้วย

พอคิดแบบนี้สองขาผอมก็เริ่มถอยหลัง

ตั้งกรุงเทพก็ยังจะมาซวยมาเจอพี่พวกนี้อีกเหรอ

‘จุ๊ ๆ จะหนีไปไหนเหรอจ๊ะ ไม่รอดหรอกที่นี่ไม่มีใครให้ฟ้องด้วยน้าาา น้องข้าวหอม’

‘อย่ามายุ่งกับหนูนะ!’

‘เด็กผู้ชายทำไมแทนตัวว่าหนูวะ แต่หน้าแม่งก็หวานดีว่ะ แม่งเอ๊ย น่าสนุก’

‘ใช่ไหมพี่ มันต้องลองกันสักทีว่าอย่างอื่นจะหวานเหมือนหน้าไหม’ เดินกร่างเข้ามาใกล้อย่างใจเย็น ข้าวหอมมองไปหานนท์ที่อยู่ถนนฝั่งตรงข้ามแต่รายนั้นก็ยังอยู่ในร้านไม่ได้หันมามอง ถ้ามัวแต่รอนนท์ พวกพี่นิสัยไม่ดีก็คงมาถึงตัวก่อนแน่

ข้าวหอมตัดสินใจที่จะหันหลังวิ่งหนีให้สุดแรงเกิด เดี๋ยวค่อยหาตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญโทรไปบอกนนท์ทีหลังแล้วกันว่าขอโทษที่ไม่ได้รอที่เดิม

‘คิดว่าจะหนีพ้นเหรอวะ!’ เสียงตะคอกไล่หลังเริ่มดังขึ้น ยิ่งทำให้สองขาผอมออกแรงวิ่งมากกว่าเดิม

พลั่ก!

‘โอ๊ยย’ แต่เพราะแรงผลักที่กลางหลังทำให้ข้าวหอมล้มโครมไถลไปกับพื้น น้ำตาทะลักลงมานองหน้าทันทีไม่ต้องมองข้าวหอมก็รู้ว่าต้องมีแผลใหญ่แถวเข่าแน่ ๆ เพราะมันเจ็บจี๊ดก่อนจะชาหนึบ

‘เห็นไหม กูบอกแล้วว่ามึงหนีไม่รอดหรอก’ เสียงหัวเราะดังเข้ามาใกล้ ข้าวหอมพยายามจะดันตัวเองลุกขึ้นทั้งที่สองมือเป็นแผลถลอกจนเลือดซิบ ตอนนั้นเองถึงได้เห็นว่าเลือดสีแดงฉานเปื้อนหัวเข่าตัวเองทั้งสองข้าง โดยเฉพาะข้างซ้ายที่เลือดข้นย้อมแดงไปจนถึงถุงเท้าขาวที่ใส่อยู่

ข้าวหอมพยายามจะวิ่งต่อไปทั้งที่เจ็บหนักแบบนั้นแต่ก็ช้าเสียจนแทบจะไม่ช่วยอะไร

‘ฮึก อย่ามายุ่งกับหนูนะ!’ ข้าวหอมร้องลั่นเมื่อยิ่งวิ่งหนีก็ยิ่งถูกผู้ชายกลุ่มนี้ไล่ต้อนเข้าไปในตรอกแคบ ๆ ที่ทั้งอับทั้งสกปรก แต่ในความรู้สึกข้าวหอมไม่มีอะไรน่าขยะแขยงเท่ากับพวกรุ่นพี่ที่กำลังเข้ามาใกล้

‘พวกห่านี่เสียของหมด ให้เอากับเลือดเหรอ กูแทบหมดอารมณ์’ คนที่ดูจะเป็นหัวโจกของกลุ่มซึ่งข้าวหอมไม่คุ้นหน้าเดินเข้ามาใกล้ที่สุดท่ามกลางคนอื่นที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ

‘ก็เอาเสื้อมันพัน ๆ ไว้ที่ขาแหละพี่ ไงก็ต้องจับอ้าอยู่ดี หรือพี่ไม่ ผมขอไม้แรกนะ’

‘กูก่อนสิวะ’ ว่าแล้วมือน่ารังเกียจก็พยายามจะรูดซิบดึงเสื้อคลุมสีดำของเด็กผู้ชายตรงหน้าออก ข้าวหอมทั้งดิ้นทั้งตีทั้งถีบแม้ว่าขยับทีจะเจ็บแผลไปทั้งตัวก็ตาม

‘อยู่เฉย ๆ มึงนี่’ มันสบถเสียงดัง ร่างผอมบางสะอื้นไห้จนตัวสั่นโยน สองมือพยายามขยุ้มกำเสื้อไว้แน่นไม่ให้ถูกดึงออกไปได้

ทั้งเจ็บ ทั้งกลัวถูกตีเจ็บมากกว่านี้

‘ตัวแค่นี้แรงดีฉิบหาย มึงมาสองคนมาช่วยกูจับมันหน่อย’ ตะโกนบอกลูกน้อง พลางย่างสามขุมเข้ามาหา รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางหนีแต่ข้าวหอมก็ยังคงขยับถอยออกไป

โครม!

ปัง!

เสียงดังเหมือนอะไรสักอย่างหนัก ๆ ล้มลงไปกับพื้นพร้อมแสงที่ถูกบังไว้ลอดเข้ามาได้มากขึ้น ตอนนั้นเองที่ข้าวหอมเห็นหน้าที่ไม่ว่าจะถูกแกล้งหรือรังแกกี่ครั้งก็ยังคงมาช่วยอยู่เสมอ

‘ฮึก พี่ อึก พี่ขุน’ ข้าวหอมเรียกเสียงสั่น ซึ่งมันเบาราวกับเสียงกระซิบท่ามกลางเสียงรอบข้าง ของร่างสูงใหญ่ที่ปลิวหวือไปติดผนังด้วยท่อเหล็กยาวครึ่งเมตรในมือของขุนเขา

ขายาวยันอกของคนเด็กมอปลายแต่สันดานชั่วที่อยู่ใกล้สุดไปเต็มแรงจังหวะเดียวกันก็ฟาดท่อนเหล็กใส่อีกคนที่กรูเข้ามาต่อย เพราะโดนรุมจึงทำให้ขุนเขาได้แผลอยู่ไม่น้อย แต่ถึงจะแปดต่อหนึ่ง แต่พวกนี้ก็แค่เด็กที่พ่อแม่ส่งมาเรียนแต่ดันจับกลุ่มทำตัวเหลือขอเป็นหมาบ้า

ความจริงไม่ได้เก่งสักเท่าไหร่ ยิ่งโดนท่อนเหล็กผสมรองเท้าผ้าใบฟาดจนล้มลงกับพื้นซึ่งหน้าคนแล้วคนเล่า บางคนก็เริ่มใจฝ่อวิ่งหนี

‘พี่ผมขอโท...’

ผัวะ มือหนากระชากเสื้อให้มันกลับมา กำปั้นลุ่น ๆ ต่อยใส่หน้าจนร่วง

ดวงตาเรียวคมของขุนเขาที่ตอนนี้ขวางเขม็งด้วยความโมโหกวาดมองไปทั่วบริเวณ เห็นมันอีกแค่คนเดียวที่ยังยืนอยู่ มือสกปรกของมันแตะอยู่บนเสื้อของข้าวหอม ใบหน้าซีดเผือดจ้องมองมาที่ขุนเขา

‘หอมหลับตา’ เสียงแข็งบอกดังขึ้น ข้าวหอมหลับตาปี๋อย่างเชื่อฟังทันที

ปัง! ท่อนเหล็กก็ฟาดเข้าใส่มันสุดแรงแต่มันก็ยังออกหมัดเท้าสู้กลับมา จึงฟาดซ้ำไปอีกสองครั้งจนร่วงลงกับพื้นและเหวี่ยงเท้าฟาดหนัก ๆ ใส่บริเวณท้องมันไปอีกหลายที

ร่างสูงใหญ่ของนักศึกษาปีสี่ยืนหอบหายใจมองไปรอบตัว พวกมันล้มกองร้องโอยโอดอยู่เต็มพื้น ขุนเขาทั้งโกรธ ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ ทั้งรู้สึกผิด

ตาคมจ้องมองร่างผอมของข้าวหอมที่นั่งร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่น สองตาหลับปี๋อย่างที่ขุนเขาบอก สองมือผอมจิกขยุ้มเสื้อคลุมสีดำที่ถูกดึงจนยับและขาดไว้แน่น ตามผิวขาวเนียนมีรอยถลอกและเป็นแผล โดยเฉพาะหัวเข่าที่แดงฉานเต็มไปด้วยเลือด

ข้าวหอมไม่ควรต้องเจ็บแบบนี้ไม่ควรเลย

‘หอมลืมตาได้แล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ’ ขุนเขาบอกด้วยเสียงที่พยายามจะนิ่งมากที่สุด มือหนาค่อย ๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าสีแดงผืนใหญ่ที่เอาไว้ซับเหงื่อตอนแข่งกีฬาออกมาผูกทับหัวเข่าซ้ายเพื่อห้ามเลือด หลังจากที่ใช้เสื้อนักศึกษาตัวเองเช็ดเลือดให้หัวเข่าทั้งสองข้างอย่างลวก ๆ

ขุนเขาช้อนตัวข้าวหอมไว้ในสองแขน เด็กมอสามตัวผอม ๆ ไม่ได้หนักอะไรนักแต่เป็นความรู้สึกในใจของขุนเขามากกว่าที่เต็มไปด้วยตะกอนหนักอึ้ง

‘พี่ขุน ฮึก’

‘ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ไม่มีใครทำอะไรหอมได้ทั้งนั้น ไม่มี’ เสียงทุ้มกระซิบปลอบเด็กที่ซุกหน้าร้องไห้อยู่กับอกของตัวเอง ขายาวพยายามก้าวเดินออกมาให้เร็วแต่ก็ทะนุถนอมคนเจ็บในอ้อมกอดมากที่สุด

ตำรวจกำลังตรงมาที่นี่เพื่อจัดการกลุ่มวัยรุ่นสันดานเสียพวกนั้นต่อ แต่สิ่งที่ขุนเขาไม่ได้คาดการณ์ไว้คือรถพยาบาล แท็กซี่คันแรกที่เจอจึงเป็นสิ่งที่ตนต้องการ

โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดถูกบอกกับคนขับเป็นปลายทาง ข้าวหอมยังคงถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนและนั่งอยู่บนตักขุนเขาแม้แต่ตอนที่นั่งอยู่ในรถก็ตาม เพราะไม่อยากให้ขยับมากจนได้เจ็บกว่าเดิม

‘ฮึก..’ เสียงสะอื้นยังดังขึ้นมาให้ได้ยินแม้ว่าข้าวหอมจะร้องไห้จนเพลียหลับอยู่ในอ้อมแขนตอนนี้แล้วก็ตาม

ขุนเขาไม่อยากคิดว่าถ้าตัวเองมาช้าไปกว่านี้จะเป็นยังไง ที่จริงแล้วตนก็มาช้าเกินไปจนเกิดเรื่องแย่แบบนี้ ปลายจมูกโด่งกดแนบกับกลุ่มผมที่ชื้นและเปื้อนฝุ่นของข้าวหอม

ทุกครั้งที่เห็นรอยแผล ที่ได้ยินเสียงสะอื้นขุนเขายิ่งปวดใจ

วันนี้หลังจากที่แข่งบาสเสร็จ ทีมของขุนเขาชนะ หลังการแข่งการันต์นัดตนให้อยู่ต่อเพื่อสารภาพรัก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชอบแต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกดี ๆ กับเพื่อนผู้ชายที่มีรอยยิ้มน่ารัก ๆ คนนี้

เพราะแบบนั้นตอนที่การันต์เดินมาจูบขุนเขาถึงไม่ห้าม แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงกระป๋องและเห็นข้าวหอมวิ่งหนีไป ขุนเขาทิ้งทุกสิ่งที่กำลังทำ ทิ้งทุกคนและรีบวิ่งตาม

ใจหนึ่งบอกตัวเองว่าเขาตามไปดุเด็กดื้อที่หนีโรงเรียนมา แต่อีกความรู้สึกที่ผลักดันให้ขุนเขาตามมันอธิบายไม่ถูก และขุนเขาไม่คิดจะหาคำตอบ ทว่ายังคงวิ่งหาข้าวหอมไปทั่วด้วยความร้อนใจ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเด็กที่ชื่อนนท์เขาก็คงหาข้าวหอมไม่เจอ และถ้าไม่ใช่เพราะเด็กที่ชื่อนนท์ข้าวหอมก็คงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้

ทำไมวะ โกรธเกลียดอะไรกันถึงได้ต้องแกล้งกันแรงขนาดนี้

ตอนที่กำลังวิ่งตามหาข้าวหอมอยู่หลังมอ จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้ชายตัวสูงในชุดแบบเดียวกับข้าวหอมเดินสวนมาด้วยสีหน้าที่ไม่ปกติ ทั้งดูกลัวและทั้งกังวล

ขุนเขารีบยื้อไว้เพื่อถาม เพราะคงไม่บังเอิญแน่ที่จะมีนักเรียนโรงเรียนเดียวกับข้าวหอมมาอยู่แถวนี้อีกคน แต่เหมือนนนท์จะจำขุนเขาได้ทันที

นนท์บอกอย่างสติแตกว่าข้าวหอมกำลังแย่แล้ว และยิ่งพูดก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง สุดท้ายแม้จะตัวโตแค่ไหนเด็กมอสามที่ยังคงเป็นเด็กชายอายุสิบต้น ๆ ก็ร้องไห้โฮยื่นมือถือของตัวเองให้ขุนเขาอ่าน

มันเป็นข้อความที่นนท์ส่งให้แก๊งหัวโจกของรุ่นพี่โรงเรียนตัวเอง เหมือนว่านนท์อยากจะเข้าร่วมกับแก๊งเด็กเวรพวกนี้มาพักใหญ่ นนท์บอกว่ามีของที่พวกพี่กลุ่มนี้อยากลองเล่นมานานจะมาให้ ให้มารอแถว ๆ มหาวิทยาลัยของขุนเขา สบโอกาสเมื่อไหร่จะรีบพาออกมาส่งให้

ของที่ว่าก็คือข้าวหอม นนท์หลอกเอาเพื่อนตัวเองมาเซ่นเพื่อขอเข้ากลุ่มด้วย พวกเวรนั่นตอบรับทันทีอย่างสนุกสนาน

พอได้โอกาสนนท์ก็ทำตามแผนทันที ส่งข้อความตามพวกรุ่นพี่ ทิ้งข้าวหอมไว้ตรงจุดนัดแล้วหนีไปอีกฝั่ง ปล่อยให้เพื่อนคนนั้นเผชิญชะตากรรมเลวร้ายที่ตัวเองมีส่วนร่วมก่อ

และเพราะเป็นแบบนั้นนนท์ถึงทนไม่ไหวและกลัว แต่ตัวเองก็ไม่กล้าพอ

ขุนเขารีบตรงไปช่วยข้าวหอม และตอนที่จัดการพวกเวรนั่นเสร็จ ตอนที่อุ้มข้าวหอมออกมาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนนท์





 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด