Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 16 บรรจงจูบ new!! 26/4/62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 16 บรรจงจูบ new!! 26/4/62)  (อ่าน 3470 ครั้ง)

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



......................................................................................
    เมื่อใครก็ตามที่ได้ฟังเรื่องราวของผมและเขา มักจะบอกเป็นเสียงเดียวว่า

"พรหมลิขิตเกิดขึ้นได้ทุกที่ แม้แต่ร้านชานมไข่มุก...ก็ไม่เว้น"

.
.
.
.
คนน้องชื่อ "มัค" ชอบสั่งหวานน้อย

ส่วนคนพี่ชื่อ "คินตา" ชอบสั่งเพิ่มหวาน

และแล้วเรื่องราวหวานๆของทั้งคู่ก็เริ่มต้นที่... ร้านชานมไข่มุก


Milk tea of love...


ฝากติดตามด้วยนะครับ ความท้าทายนี้เกิดขึ้นเพราะคำท้าของเพื่อน

ว่า "คนไม่เคยมีแฟนจะแต่งนิยายรักได้อย่างไร"

ปล.ตัวละครในเรื่องเกิดจากจินตนาการล้วนๆ ฝากด้วยครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2019 00:59:41 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 01 (100%)
«ตอบ #1 เมื่อ28-02-2019 01:11:41 »

                                                                 
                                                                                                  ตอนที่ 01








       ผมเชื่อว่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ สิ่งที่โปรดปรานที่สุดของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆคือ การนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้อง  ดูซีรี่ย์  หรือแม้แต่การนอนกอดแฟน… แต่ไม่ใช่สำหรับผมในวันนี้ เพราะคุณเพื่อนสนิทแชทมาถามแต่เช้า จนทำให้สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนั้นต้องเป็นอันต้องเก็บพับไว้ก่อน

ติ๊ง…

Ppond : เพื่อนคิน ตื่นหรือยัง ?

kkinn : เพิ่งตื่นเลยจ๊ะเพื่อน มีอะไรหรือเปล่า

Ppond : วันนี้ว่างไหม

kkinn : วันนี้ว่าจะอยู่กับแฟนอะ

Ppond : เฮ้อออ นี่ยังไม่เลิกหวานกันอีกหรอ

kkinn : ฮ่าๆๆ สรุปจะชวนไปไหน วันหยุดทั้งที ว่าจะพักสักหน่อย

Ppond : ก็…อาจารย์จิ๊บนัดทานข้าวที่พารากอนอะ ช่วงเย็นๆ

kkinn : หูยย อาจารย์นัดทั้งที ก็ต้องไปปะวะแก

Ppond : โอเค เจอกันวะเพื่อนคิน…  พาแฟนมาด้วยก็ได้นะ อิอิ


      ที่ปอนด์เพื่อนสนิทของคินตาทักมาก็เพราะว่าเรื่องธุระในการเรียนต่อปริญญาโทกับอาจารย์จิ๊บ ซึ้งอาจารย์จิ๊บก็เคยเป็นที่ปรึกษาตอนที่คินตาและปอนด์เป็นนักศึกษาปริญญาตรี  จนตอนนี้จบออกมาก็ยังคงติดต่อกันอยู่เรื่อย เพราะว่าสายนั้นเขาอัพเดทเรื่องเรียนต่อกันอยู่เรื่อยๆ คินตาก็พลอยได้อนิสงค์ไปด้วย

 
“อ่า ดีจังเลย วันนี้มีแฟนตื่นมาทำกับข้าวให้กิน” คินตาเดินออกมาจากห้องนอนด้วยผมชี้ฟู เสื้อผ้าย้วยๆ ที่เจ้าตัวชอบใส่เป็นประจำ

“ตื่นแล้วหรอครับพี่คิน ไปล้างหน้าล้างตาก่อนครับ ข้าวผัดหมูสุดพิเศษใกล้เสร็จแล้วครับ” มัคถามในขณะที่กำลังผัดข้าวผัดหมูอยู่ เมนูง่ายๆที่เด็กตัวสูงชอบทำให้อีกคนทาน

“อือ เราตื่นเพราะเพื่อนทักแชทมา”

“พี่ปอนด์หรอครับ จะชวนกันไปไหนละครับ” มัคถามไปยิ้มไปเพราะเอ็นดูในใบหน้าคนพี่ที่ชอบทำหน้าบู้บี้เวลานอนไม่เต็มอิ่ม

“ก็…อาจารย์จิ๊บนัดให้มาทานข้าวด้วยกัน แล้วฝากบอกเราให้พาแฟนมาด้วย คุณแฟนสนใจไหมครับ” คินตาถามด้วยสีหน้ากวนๆ

“วันนี้ไปไม่ได้ครับ ผมต้องออกไปทำงานที่คณะ ไปคุมรุ่นน้องทำงานเตรียมรับน้องครับ”

“อ่า…แล้วเป็นยังไงช่วงนี้ เหนื่อยไหมทั้งเตรียมรับน้อง ทั้งเตรียมโปรเจค”

มัคเอี้ยวตัวหันมาหาคินตาหลังจากนำอาหารใส่จาน

“แค่มีคนถามว่าเหนื่อยไหม ด้วยความเป็นห่วง ผมก็มีพลังไปสู้งานแล้วแหละครับ”

“…. บ้าน่า ใครเขาเป็นห่วงกัน ไม่มีแล้ว วุ้วว” คินตาพูดเสร็จก็รีบเข้าห้องน้ำทันที แล้วส่องกระจกก็พบว่า ใบหน้าของตนแดงก่ำจนถึงใบหูเลย
       

   ช่วงเวลาเย็นในวันเสาร์ ณ ห้างพารากอนผู้คนก็จะเยอะมากเป็นพิเศษ คนตัวขาวที่แต่งกายด้วยเสื้อเชิดสีน้ำเงินกับกางเกงสแล็คดำพร้อมรองเท้าคู่สวย ในมือถือแก้วชานมไข่มุกเพิ่มหวานของโปรดเจ้าตัวมาด้วย



ติ้งๆ

Ppond : อยู่ไหนแล้วเพื่อน

kkinn : เพิ่งซื้อชามนมไข่มุกเสร็จ เดินรอในห้างนะ

Ppond : รอเดี๋ยวนะ กำลังหาที่จอดรถอยู่ ตอนนี้อยู่บนรถอาจารย์จิ๊บ

kkinn : อ่อ…แล้วจะไปร้านไหนละ จะได้ไปรอถูก

Ppond : อาจารย์บอกให้แกเลือกเลย ได้ร้านแล้วก็บอกมานะ

kkinn : ok


          คนตัวขาวตัดสินใจเดินจากพารากอนมายังสยามเซ็นเตอร์ ชั้นที่รวมร้านอาหารมากมาย เขาได้เลือกร้านอาหารร้านหนึ่งที่เป็นอาหารไทยๆ ติดฟีลชั่นหน่อยๆ น่าจะเหมาะกับอาจารย์ของเขา วันนี้เขาได้เลือกนั่งที่มุมเดิมๆ ที่เขาเคยมากับเด็กตัวโตคนนั้น เมื่อได้ที่เรียบร้อยเขาจึงแชทบอกเพื่อนว่ามาที่ร้านนี้

“สวัสดีครับอาจารย์  เป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีไหมครับ” คินตาเอ่ยสวัสดีอาจารย์ของเขาเมื่อท่านเดินทางมาถึงโต๊ะ

“อาจารย์สบายดีจ๊ะ แล้วหนูเป็นอย่างไรบ้าง” อาจารย์คนสวยถามไถ่เขาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลังจากเรียนจบ

“สบายดีครับ ผมอยากบ่นเรื่องงานมากครับ มันอัดอั้นตันใจไปหมด ไหนจะเรื่องเรียนต่อ ป.โทอีก” คินตายู่ปากทันทีที่พูดจบประโยค

“อุย งั้นเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลยเนาะ เรียกพนักงานมาสั่งอาหารทานก่อนไหม”

 จากนั้นเขาก็เรียกพนักงานให้มารับออเดอร์ โดยที่พวกเขาสั่งแต่เมนูเดิม เพราะเขากับเพื่อนชอบมาร้านนี้อยู่แล้ว แต่พักหลังไม่ค่อยได้มาด้วยกันเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็มากับแฟนเด็กตัวโตเสียมากกว่า

“ก่อนอื่นเลย ที่อาจารย์มาวันนี้ คืออยากมาเห็นคนกำลังมีความรัก ไหนอัพเดทให้อาจารย์ฟังสิ ”

“อ่า…อาจารย์ครับ เข้าเรื่องนี้เลยหรอครับ” คินตาอึ้งไปสักพักเมื่อได้ยินคำถาม

“ฮ่าๆ อาจารย์เริ่มเร็วไปหรอคะลูก งั้นเอาเรื่องงานก่อนก็ได้ค่ะ”

“ครับ ตอนนี้ผมทำงานที่บริษัทแถวสีลม ฝ่ายกฎหมายมาได้สักเกือบจะ2ปีแล้วครับ งานก็เรื่อยๆด้วยซ้ำ อาจจะมีบางช่วงที่ต้องเคลียร์งานถึงดึกดื่น บางครั้งก็ต้องออกต่างจังหวัดบ้างไปตามศาลประมานนี้ครับ คนที่ทำงานก็ร่วมงานกันดี ผมก็ได้แค่หวังว่าจะไม่วุ่นวายไปมากกว่านี้นะ
ครับ”

“อืม อาจารย์ได้เห็นลูกศิษย์ของอาจารย์ได้งานดี อาจารย์ก็พลอยดีใจไปด้วย แล้วจะเอายังไงกับป.โท”

 “ก็คิดว่าจะลองสอบเข้าสาขาที่ชอบดูก่อน แล้วมาดูว่ามันชนกันงานหรือเปล่า ก็จะพยายามให้มันลงตัวกันมากที่สุดละครับ”                                                             

“อย่าเพิ่งกังวลไปเลยหนูคิน ดูอย่างเจ้าปอนด์เพื่อนเราสิ ยังไม่เห็นจะซีเรียสอะไรเลย ”

“หืม ว่าไปครับอาจารย์ เมื่อวันก่อนมันยังโทรมาบ่นให้ฟังอยู่เลย รีเสิร์ตงานยากมาก ไม่อยากทำแล้ว อยากไปเที่ยวกับเพื่อน…” คินตาพูดความจริงของเพื่อนให้อาจารย์ฟัง ส่วนปอนด์ได้แค่ยักไหล่ให้คินตา เพราะเจ้าตัวกำลังสนใจกับอาหารที่ทยอยมาเสริฟเรื่อยๆจนครบ อาจารย์กูพูดขึ้นว่า

“หมดเรื่องงานแล้วเนาะ อยากฟังเรื่องหัวใจแล้วละสิ”

“แง๊ ต้องพูดแล้วหรอครับ TT”

“ค่ะลูก สักทีเถอะ ถ้าไม่พูด มื้อนี้จ่ายเองนะคะ”





................................................................................

ฝากติดตามด้วยนะครับ จะพยายามปั่นให้ทุกคนได้อ่าน ช่วยติ-ชมด้วยนะครับ จะพยายามทำให้ดีที่สุด
มาช่วยลุ้นให้คนที่ไม่เคยมีความรัก เขียนนิยายรักให้สำเร็จด้วยครับ...

by Anikarn
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2019 22:16:40 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 02 (100%)
«ตอบ #2 เมื่อ02-03-2019 02:36:09 »

                                                                     

                                                                                     ตอนที่ 2



ตอนที่ 2 มัคคิน



“อาจารย์ครับ เรื่องมันยาวนะครับ”
“ยาวแค่ไหนก็เล่ามาเถอะลูก อาจารย์มีเวลา”
“เพื่อน ที่ไม่เล่านี่คือ เขิน หรืออาย หรืออารมย์ไหน” ปอนด์ละสายตาจากอาหารแล้วหันมาพูดกับคินตา
“อะไรเล่าแก ก็แค่ไม่รู้จะเริ่มไหนนี่หว่า”
“งั้นให้เพื่อนเริ่มให้ละกัน …ร้านชานมไข่มุกร้านนั้น”



……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


          ในช่วงเดือนเมษาของปีที่แล้ว จะเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของปี ซึ่งมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มอย่างคินตานั้นก็ต้องเดินปาดเหงื่อเพราะทั้งวันต้องเจอกับความวุ่นวาย เนื่องจากหลังจากที่เจ้าตัวเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาเลือกที่จะหางานทำแทนที่จะเรียนต่อปริญญาโทเช่นเดียวกันกับเพื่อนรักของเขา วันทั้งวันนี้ของเขาต้องนั่งเรียนรู้เอกสารและระบบงานทั้งหมดจากพี่ๆในแผนกที่ช่วยกันแนะนำ จนกระทั่งเลิกงานเจ้าตัวที่ไม่รู้จะไปที่ไหนต่อเลยตัดสินใจใช้บริการของรถไฟฟ้า BTS มาที่สยาม เขาได้ลองโทรชวนเพื่อนรักของเขาให้มาเจอกันที่สยาม แต่เพื่อนเขาดันไม่ว่างซะอย่างนั้น เหตุเพราะต้องนั่งอ่านหนังสือทั้งต้องพิมพ์รายงานที่ต้องส่งในคลาสถัดไปอีกด้วย จึงทำให้เขาต้องมาอยู่ที่สยามคนเดียวท่ามกลางผู้คนมากมาย เขาเหลือบมองไปเห็นร้านชานมไข่มุกร้านดังเข้า พอเห็นคนกำลังว่างจีบเดินเข้าไปโดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครอีกคนกำลังเดินเข้าไปพร้อมเขาเหมือนกัน

“ขอชานมไข่มุกเพิ่มหวานครับ” ///  ”ขอชานมไข่มุกหวานน้อยครับ” ทะว่าเสียงที่เปร่งออกมาเพื่อที่จะสั่งชานมไข่มุกนั้นไม่ได้มาจากเขาเพียงคนเดียว เขาเลยหันไปมอง ก็พบกับเด็กตัวโตที่หันมามองทางเขาเช่นกัน เด็กคนนั้นใส่ชุดเสื้อช็อปโดยที่เสื้อหลุดออกนอกกางเกง สะพายกระเป๋าสีดำมาด้วย ผิวแทนๆ หน้าคมๆหน่อย น่าจะซักเด็กมหาลัยปี2-3ละมั้ง

“เอ่อ น้องสั่งก็ได้ครับ” ///  “เชิญสั่งก่อนก็ได้ครับ” ทั้งคู่ก็อ้ำอึ้งใส่กันเพราะก็ตั้งตัวไม่ถูกเช่นกัน

“งั้นพี่สั่งก่อนนะ ขอชานมไข่มุกเพิ่มหวานที่แก้วครับ ” คินตาบอกพนักงานพร้อมส่งเงินให้พนักงานไป

“ส่วนของผม ขอชานมไข่มุกหวานน้อยครับ” เด็กคนนั้นก็สั่งไป แล้วยื่นเงินจ่ายให้พนักงานไป

“ขอทราบชื่อลูกค้าด้วยนะคะ จะได้เรียกให้มารับตามคิวคะ”
“คินตาครับ “ พอเขาบอกชื่อเสร็จอีกคนก็พูดต่อ “มัคครับ”


           หลังจากที่คินตาได้รับชานมไข่มุกแก้วนั้นแล้ว เขาก็เดินแยกออกจากร้านนั้นทันที เขาค่อนข้างพอใจกับชานมไข่มุกร้านนี้ ดูดไปเช็คมือถือ ตาก็มองทางบ้าง โดยที่ไม่ได้หันกลับไปสนใจข้างหลังเลยว่ามีใครบางคนแอบเดินตามมาตั้งแต่ที่ร้านนั้นอย่างเงียบๆ

          ด้วยความที่เป็นช่วงเย็นของวันพฤหัสบดี เมื่อเขาเลือกแวะสยามแล้ว เขาก็ไม่อยากที่จะรีบกลับคอนโดเพราะกลับไปก็ไม่มีอะไรให้ทำนอกเสียจากจะเปิดทีวีแล้วเลือกดูรายการที่ตัวเองชื่นชอบเท่านั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ตัดสินใจเดินจากสยามมาเซนทรัลเวิด์ล ขุมเขาวงกตแห่งสยามประเทศ ผู้ที่เข้าไปมักหาทางออกไม่เจอ

         ระหว่างทางเชื่อมของสถานที่ทั้งสองนั้น เมื่อคินตากำลังเดินดูดชานมไข่มุกในมืออยู่ เขาก็เพิ่งเอะใจเหมือนว่าจะมีใครสักคนเดินตามเขามา เขาตัดสินใจหยุดเดินแล้วหันไปมอง พอหันกลับไปก็ไม่พบใครที่เป็นพิรุธ ทุกคนก็ดูปกติ เขาเลยเดินห่างออกมาระหว่างเสาอีกต้นหนึ่งที่ตั้งระหว่างทางแล้วเดินอ้อมเสาเพื่อสังเกตบางอย่าง ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นเด็กคนนั้นที่ใส่เสื้อช็อปถือแก้วชานมไข่มุกจากร้านเดียวกันนั่นแหละ ทำท่าชะเง้อมองหาใครสักคน เขาเลยตัดสินใจเอานิ้วไปจิ้มที่ไหล่ของเด็กตัวโตนั่น

จึกๆ

“นี่ๆ น้องครับ หาอะไรอยู่ครับ” เขาตัดสินใจถามเด็กนั่น แต่เด็กคนนั้นกลับตกใจใส่เขาซะอย่างนั้น

“เย้ย !! พี่ พี่เอ่อ ตกใจหมดเลย”

“ว่าไงครับ หาอะไรอยู่” คินตาถามอีกครั้งด้วยความสงสัย

“ก็หาพี่ไง เอ้ย ไม่ใช่ครับ ผม…ผมไปดีกว่า” เด็กคนนั้นทำท่าอ้ำอึ้ง แล้วจะเดินหนีเขาไป ด้วยความที่สงสัยอยู่แล้ว ก็ยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก เขาจึงเดินตามไปแล้วรีบจับข้อมือของอีกคนไว้

“เอ้ย พี่ อะไรอีกเนี่ย ” ไหงมาอารมณ์เสียใส่เขาอีกเนี่ย งงนะ

“ก็จะอะไรละครับ ก็เมื่อกี้น้องบอกว่าตามหาพี่นี่ แล้วอยู่ดีๆก็เดินหนีพี่สะงั้น”

“ก็…” เด็กตัวโตนั่นยังอ้ำอึ้ง

คินตาเลยเดินเขาไปมองหน้าใกล้ๆ แล้วถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ

“ไหนบอกพี่สิครับ ว่าเป็นอะไร” คนพี่หารู้ไม่ว่าการพูดแบบนี้มันทำให้คนน้องใจบางไปหมดแล้ว

“ก็แค่อยากจะคุยด้วยเท่านั้นเอง” พอได้คำตอบคินตาก็ยิ่งงงใหญ่

“คุยอะไรหรอครับน้อง…เอ่อ น้องชื่ออะไรนะ”

“ชื่อมัคครับ มัคภัทร” เด็กทำหน้าอมยิ้มเมื่อได้พูดชื่อตนให้คนพี่ได้ฟัง

“ครับน้องมัค มีอะไรอยากจะคุยกับพี่หรอครับ”

“ก็ไม่มีอะไรครับ” ก็ยังจะเฉไฉในคำตอบอยู่ “ผมว่าชานมไข่มุกร้านนี้อร่อยดี พี่ว่าไหม”

“หืม ชานมไข่มุกร้านนี้นะหรอ ก็อร่อยดีนะ พอใจเลยแหละ ”

“ครับ ผมก็พอใจ พอใจมากๆด้วย” คนน้องอมยิ้มให้

“สรุปเดินตามมาตั้งนาน จะถามแค่เนี้ยหรอ ตลกจังแฮะ ไอ้เราก็นึกว่ามิจฉาชีพ”

“โหยพี่ มิจฉาชีพอะไรจะมาหล่อแบบนี้ ”

“ก็ใครจะไปรู้เล่า ทำตัวลับๆล่อๆ น่ากลัวจะตาย”

“ก็พี่อะ ความรู้สึกโคตรช้าเลย ผมตามพี่มาตั้งแต่ที่ร้านชานมนั่นแล้ว”

“เอ๊ะ ตามพี่มาแบบนี้ คิดไรปะเนี่ย” คินตาแกล้งๆถามเด็กนั่นอย่างไม่คิดอะไร

“อะไรเล่าพี่ ไม่คิดหรอกครับ ไม่จีบพี่หรอก สบายใจได้” เด็กนั่นก็ตอบมาแบบขำๆเหมือนกัน

“อืม…ก็ดีแล้ว พี่ไม่ค่อยชอบเด็กสักเท่าไหร่หรอก งั้นพี่ไปแล้วนะ” พอสิ้นคำของคินตาก็ทำให้มัคภัทรต้องนิ่งอึ้ง เพราะคำตอบที่ดูจริงจังของคนพี่ นี่เขาต้องแห้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยหรอเนี่ย อ๊ากก!!




................................................................................

ฝากติดตามด้วยนะครับ จะพยายามปั่นให้ทุกคนได้อ่าน ช่วยติ-ชมด้วยนะครับ จะพยายามทำให้ดีที่สุด
มาช่วยลุ้นให้คนที่ไม่เคยมีความรัก เขียนนิยายรักให้สำเร็จด้วยครับ...
แค่แวะมาอ่านก็ดีใจมากๆแล้ว
by Anikarn
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2019 22:16:06 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re:Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 02 (100%)
«ตอบ #3 เมื่อ04-03-2019 01:45:13 »

ตอนที่ 3



       หลังจากที่คินตาได้เอ่ยคำนั้นออกไป เขาก็ได้หันหลังให้อีกคน แล้วรีบเดินตรงไปยังลานหน้าห้องเซนทรัลเวิร์ล ที่ช่วงนี้มีเทศกาลอาหาร เบียร์ และดนตรีสด และแม้ว่าเขาจะรีบเดินขนาดไหนก็ตาม ก็ยังคงมีเด็กตัวสูงนั่นเดินตามเขาอยู่แถมยังยิ้มกวนๆอยู่เสมอเมื่อเขาเหลือบหางตาไปมอง จนในที่สุดความอดทนของเขาก็สิ้นสุดลงอีกครั้ง

“ตามมาทำไมอีกเนี่ย”

“เปล่าครับ ไม่ได้ตามนะ พี่อะ คิดมาก” เด็กนั่นก็ยังคงตอบคำถามกวนโอยต่อไป
เพี๊ยะ! เสียงคินตาใช้มือตีแขนคนน้อง จนต้องร้องโอ๊ยขึ้นมา

“อย่าเวอร์หน่า แค่นี้ยังน้อยไปเถอะ”

“งั้นผมขอถามพี่บ้าง พี่จะรีบไปไหนครับ”

“พี่บอกไปแล้วพี่จะได้อะไรครับ อีกอย่างเราไม่รู้จักกัน”

“ง่า ไม่รู้จักกันงั้นหรอ เดินตามมาตั้งนานเนี่ยนะ ถือว่ารู้จักกันแล้วครับ”

“ตรรกะอะไรของนายเนี่ย” คินตาส่ายหน้าหน่ายๆ

“งั้นเอางี้ ถ้าพี่ยอมบอกผมว่าพี่จะไปไหน ผมยอมเลี้ยงชานมอีกแก้วนึงเลย”

“น้องครับ พี่ไม่ได้เห็นแก่กินขนาดนั้นนะ ก็บอกแล้วไงว่าเราไม่รู้จักกัน”

พอสิ้นเสียงของคินตา มัคก็โพล่งขึ้นมาจนคินตาตกใจ

“ก็ผมอยากรู้จักพี่นี่!!” เด็กตัวโตนั่นกว่าจะรู้ว่าตัวเองหลุดปากพูดอะไรที่ในหัวนั่นคิดอยู่ตลอดเวลา ก็พลางต้องหันหน้าหนี เพราะไอ้ความร้อนที่มันสุมอยู่บนใบหน้าเขานั่นแหละ

“หืม ยังไงกันนะ ” คินตาถามพลางใช้มือสกิตที่ไหล่ของคนน้อง

“ก็ตามนั้นแหละครับ” แล้วเจ้าตัวก็หันกลับมาสบตาคินตาด้วยใบหน้าอ้อนๆเหมือนน้องหมาเวลามันหิว
“เห้อ ช่างมันเถอะ หิวแล้ว ไปด้วยกันไหม ที่ลานเซ็นทรัลเวิด์ลมีงานอาหาร” คินตาพูดแบบปลงๆ เพราะขี้เกียจทนดูใบหน้าของเด็กนั่น

“ไปครับ” ทีนี้ละยิ้มใหญ่เชียว เจ้าหมาโง่

“รีบตามมานะครับ น้องชายคนใหม่” คินตาพูดเสร็จก็เดินไปในขณะที่อีกคนได้แต่อึ้งไป

“ไม่พี่ ไม่น้องชายดิ ไม่เอาเด็ดขาด”



            ภายในงานเทศกาลอาหาร เบียร์ และดนตรี ที่จัดภายในลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิด์ลจะแบ่งเป็นสองโวยชันเจนคือมีร้านค้า ร้านอาหารเป็นซุ้มจำนวนมาก มีซุ้มเบียร์ แลละอีกส่วนก็จะเป็นส่วนที่จะแสดงโชว์ดนตรีสดโดยมีทั้งนักร้องทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพสลับกันขึ้นแสดง

“พี่คินตาครับ” มัคสกิตไหล่พี่คนขาวที่กำลังเลือกเดินซื้ออาหารที่ถูกใจอยู่ข้างหน้า

“หืม ว่าไงอีก” คินตาหันมาเล็กน้อยแต่ก็หันไปมองหาอาหารต่อไป

“ทำไมเราไม่ไปนั่งทางในห้างครับ เอ่อ ผมแค่สงสัย”

“อ่อ วันนี้อยากได้ฟีลนี้อะ แค่นั้นแหละ มีอะไรหรือเปล่า” คินตาถึงกลับหันมาตอบคำถามมัค ปกติเขาชอบไปไหนมาไหนคนเดียว เขาไม่จำเป็นต้องสนใจใครด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้มีคนติดตามมาด้วย เขาจึงต้องถามความสมัครใจของอีกคนด้วย

“เปล่า ผมแค่กลัวพี่ร้อนเฉยๆ”

“ไอ้ร้อนมันก็ร้อนแหละ ตกลงว่า ไม่มีปัญหาอะไรกับอาหารข้างนอกห้างนะ กินได้ใช่ไหม” คินตาถามด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง

“โถ่พี่ ผมนะกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ไม่ได้ลูกคุณหนูติดแอร์ขนาดนั้น”คนน้องพูดพลางให้คนพี่สบายใจว่าเขานะ เป็นคนง่ายๆไม่ซีเรียสกับอะไรพวกนี้อยู่แล้ว

“เอ่อพี่ ปกติพี่มาคนเดียวบ่อยไหม”

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่เรียนป.ตรี ก็จะไปกับปอนด์ที่เป็นเพื่อนสนิทตลอดนะ แต่ตอนนี้พี่ต่างทำงานส่วนเพื่อนก็เรียนต่อป.โท นานๆก็จะเจอกันที พี่เลยต้องมาคนเดียว ”

“มาคนเดียวเหงาไหมครับ ถ้าเป็นผม ผมคงลากใครสักคนมาด้วยอะ ”

“ไอ้เหงามันก็เหงาอยู่หรอก แต่มันก็ไม่ต้องรอการตัดสินใจจากใครไง รวดเร็วทันใจ สบ๊าย”

“……….”

“แต่มันก็…เงียบๆหน่อยละมั้ง” พอคนพี่พูดเสร็จก็เลือกเดินต่อไป ทำให้คนน้องได้แต่คิดว่า ต่อไปนี้ เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้วแหละ เพื่อไม่ให้คนๆนี้ต้องเหงาเกินไป



          พอทั้งคู่ได้อาหารเครื่องดื่มเต็มไม้เต็มมือมา คิดตาก็เริ่มมองหาที่จะนั้งทานกันสองคน เพราะตอนนี้ทั้งเขาและน้องก็เริ่มจะหิวกันแล้ว

“นั่งไหนดีละเนี่ย คนเยอะมากๆเลย”

“นั่นสิครับ นั่งตรงไหนดี ” พอมัคพูดเสร็จ สบตาเขาก็เหลือบมองไปเห็น

“อะนั่นๆ มีคนลุกแล้ว ไปพี่ รีบแทรกๆไปเลยครับ”
หลังจากที่ได้โต๊ะที่ว่างมาแล้ว ทั้งคู่ก็วางอาหารลงบนโต๊ะ หลังจากนั้นก็เริ่มทานอาหารของใครของมัน พร้อมฟังเพลงเพราะๆจากศิลปินที่ขึ้นแสดงด้วย

“ผมว่า อาหารมื้อนี้ดีที่สุดตั้งแต่ที่ผมได้กินมาแล้วอะ” อยู่ดีๆเด็กตัวโตก็พูดขึ้นมา

“ทำไมอะ อร่อยละสิ ” คินตามองหน้าน้องงงๆ

“ครับ อร่อย แต่อร่อยเพราะพี่นะ” มัคทำท่าพูดจริงจัง จนคินตาส่ายหน้าให้

“พูดไปเรื่อย คนเป็นพี่น้องพูดแบบนี้ได้หรอ” คินตาถามยิ้มๆ

“โถ่พี่ ผมจีบขนาดนี้ ยังจะบอกพี่น้องกันอีก”

“ก็เพิ่งรู้จักกันยังไม่ได้ 24ชั่วโมงเลย จะจีบกันซะแล้ว”
“………..” มัคถึงกับเงียบ

“เป็นพี่เป็นน้องกันก่อนก็ได้ ค่อยๆรู้จักกันไป อีกอย่างคบเป็นพี่เป็นน้องกันไป ก็ไม่เลิกกันนะ”

“นี่พี่ พี่ดูหนังมากไปปะเนี่ย ” มัคบ่นคนพี่อย่างเซงๆ

“เอ๊ะ เจ้าเด็กนี่ ”

“อะๆ พี่น้องก็พี่น้อง ” มัคอยากจะพูดคำที่อยู่ในใจตอนนี้มากว่า ไม่อยากเป็นน้องโว้ย อยากเป็นแฟน!!!!





หลังจากนั้นทั้งคู่ก็นั่งเงียบกันไปสักพักเพราะได้ยินเพลงเพลงนึงจากนักร้องที่อยู่บนเวทีแสดงนั่น

 “ตกลงคือพรหมลิขิตใช่มั้ย ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น
 ตกลงให้เรารักกันใช่มั้ย อย่างนั้นขอได้รึไม่
โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก ให้เรารักกัน
เนิ่นนานถึงจนวันตาย โอ้ว โอว ฉันขอได้มั้ย….”

“ผมว่า บางครั้งชีวิตคนเรา ก็ต้องปล่อยให้พรหมลิขิตนำทางไปเจอคนที่ใช่ พี่ว่างั้นไหมครับ” มัคหันไปพูดกับคินตาเมื่อเพลงนั้นจบท่อนพอดี

“หรอ อืม…พี่ว่าเราค่อนข้างอารมณ์ศิลปินนะบางที ”

“ยังไงนะครับ” มัคสงสัยในคำตอบของคินตา

“หมายถึงเพ้อเจ้อหน่ะ ฮ่าๆๆๆ” หลังจากนั้นมัคก็ได้รู้ว่า คนอย่างพี่คินตา ไม่ใช่คนที่โรแมนติคสักเท่าไหร่นัก เห้อออ เหนื่อยใจกับพี่คินตาคนนี้จริงๆ เดี๋ยวค่อยหามุขใหม่มาเสนอละกัน …


................................................................................

ฝากติดตามด้วยนะครับ จะพยายามปั่นให้ทุกคนได้อ่าน ช่วยติ-ชมด้วยนะครับ จะพยายามทำให้ดีที่สุด
มาช่วยลุ้นให้คนที่ไม่เคยมีความรัก เขียนนิยายรักให้สำเร็จด้วยครับ...
แค่แวะมาอ่านก็ดีใจมากๆแล้ว
by Anikarn
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2019 22:18:17 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 04 new!!
«ตอบ #4 เมื่อ06-03-2019 09:48:12 »

                                                                                    ตอนที่4

            หลังจากที่ทั้งคู่ได้จัดการกับอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะจนหมดซะทุกอย่าง เวลาก็ล่วงมาจรถึงเวลาเกือบ2ทุ่มครึ่ง ทั้งพี่ทั้งน้องก็ต่างนั่งลุบพุงตัวเองอย่างสบายๆ โดยไม่ได้สนใจว่า เขาทั้งคู่เพิ่งรู้จักกัน ควรจะวางตัวดีๆต่อกัน แต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจอะไร คงจะเป็นความรู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องมาประดิษฐ์อะไรให้มาก

         ด้วยบรรยากาศทั้งแสงสีดนตรีทุกอย่างมันชวนให้คินตาต้องหยิบมือถือแล้วเปิดหน้ากล้องถ่ายรูปบรรยากาศในงาน แล้วโพสอวดเพื่อนเขาในอินสตาแกรม แล้วโพสข้อความใต้รูปภาพว่า ”สบายใจจังเพื่อนไม่มาด้วย” ข้อความที่ดูย้อนแย้งกันของคินตาก็ทำให้เขาเองต้องยิ้มนิดๆใส่มือถือจนคนน้องที่นั่งอยู่ข้างๆหันมาสนใจ

“พี่คินยิ้มอะไรคนเดียวครับ” มัคถามด้วยความสงสัย

“ไม่บอกหรอก ความลับ” คินตแกล้งบอกน้องไปแบบขำๆ

“พี่คินนน ความลับอะไร บอกผมหน่อย” คนน้องทำอ้อนๆ

“เปล่า พี่แค่ลงรูปเฉยๆ” เขาตอบไปพลางดูคอมเมนท์ในรูปที่มีเพื่อนเขามาตอบตัดพ้อว่า ใช่สิ เรามันตัวคนเดียวอยู่แล้วนี่!

“อะไรกันพี่ ถ่ายรูปแล้วแท็กแฟนงี้หรอ ไหนว่าไม่มีแฟนไง” มัคถามอย่างรนๆ ใจนึงก็กลัวใจนึงก็อยากรู้

“หืม พี่เคยบอกหรอว่าพี่มีแฟน” คินตาทำหน้างงๆใส่

“ไม่รู้ดิครับ ยังไม่ได้ถามเลย แต่ดูทรงแล้ว น่าจะไม่มีใครกล้ายุ่ง” มัคตอบขำๆใส่คินตา แต่คินตาไม่ยักจะขำด้วยเลยเอาเท้าเตะไปใต้โต๊ะ

“โอ๊ะ รุนแรงอีกแล้วนะพี่”

“ก็ชอบมาว่าคนอื่น รีบตัดสินคนอื่นทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันจริงๆ นิสัย!!” คินตาพูดขึ้นพลางทำให้อีกคนสะอึกไปชั่วครู่

“เอ่อ พี่คิน ผมขอโทษ อะๆ ไม่งอนนะ” มัคทำมือง้ออีกคน แต่อีกคนปัดมือหนี

“พี่…หายงอนนะ นะครับ” ในเมื่อไม่หายงอน ก็ต้องง้อ

“พอๆ พอเลยมัค” คนพี่ว่าให้ แล้วกลับไปสนใจมือถือตัวเองต่อ
        คนน้องที่รู้ว่าพี่ยังไม่อยากคุยด้วยเลยต้องหาวิธีคุยด้วยต่อไปแม้อาจจะดูน่ารำคาญไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าต้องนั่งอืมครืมกันไปทั้งๆที่เพิ่งได้ทำความรู้จักกันเอง เขาเลยหยิบมือถือเปิดกล้องแล้วถ่ายรูปคนพี่ที่นั่งเล่นมือถือไปแค่ครึ่งตัว แล้วหยิบมาโพสลงอินสตราแกรมส่วนตัวของเขา ที่มียอดฟอลโล่วหมื่นกว่าๆ เอาจิงมัคก็ค่อนข่างเป็นที่กริ๊ดกร๊าดสำหรับรุ่พี่รุ่นน้อง เพราะเจ้าตัวเป็นคนสูงใหญ่ ผิวดี หน้าคมๆ ทั้งยังเป็นประธานฝ่ายกิจกรรมของคณะอีกด้วย เลยทำให้เขาเป็นที่รู้จักอยู่พอควร เมื่อคนน้องถ่ายรูปได้มุมได้แสงแล้ว ก็ลืมว่า เขายังไม่มีอินสตราแกรมของคนพี่เลย

“พี่คินครับ”

“……..?”

“ผมขออินสตราแกรมของพี่หน่อยได้ไหม” มัคทำหน้าอ้อนๆ

“เอาไปทำไม ของพี่ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”

“ก็…อยากฟอลไว้ เผื่อมีอะไรจะได้คอนแทคหาไง”

“อ่าๆ ก็ได้ ชื่อ kintaa_09”

“ครับ ผมฟอลพี่แล้วนะ พี่ก็อย่าลืมฟอลผมกลับด้วย” มัคบอกกลับหลังจากที่เขากดฟอลคนพี่แล้ว
“เรื่องอะไรจะฟอลกลับละ หึ ”

“อื้ม ในอินสตราแกรมของผมมีแต่รูปดีสวยๆนะครับ ถ้าไม่เชื่อลองเปิดดูสิครับ”

        ว่าเสร็จ คินตาก็เลยลองเปิดดูอินสตราแกรมเห็นว่ามีการแท็ครูปมาหาเขาอยู่รูปหนึ่ง เป็นรูปเขาเองกำลังเล่นมือถืออยู่ แต่เห็นเพียงแค่ครึ่งล่างเท่านั้นพร้อมแค็ปชั่นว่า “ยินดีที่ได้รู้จัก…คุณชานม” พอคินตาได้อ่าน ก็หันมาทำหน้างงๆใส่มัค

“คุณชานมคืออะไร”

“ก็พี่ไง ชอบกิน ชื่อนี้ก็…น่ารักดี”

“เกี่ยวอะไรกันละ เห้อ” คินตาพูดพลางส่ายหน้าไปกับความอารมณ์ดีของอีกคน

“หายโกรธผมนะ เรื่องเมื่อกี้อะ” มัคพูดขึ้นอีกครั้ง

“อ่าๆ ทีหลังอยากรีบด่วนตัดสินใครนะ บางคนภายนอกเป็นอีกแบบ ภายในอาจจะเป็นอีกแบบโดยที่เราอาจจะเซอไพรซ์ก็ได้เมื่อเราได้รู้จักเขา”

“ครับ ขอบคุณนะครับพี่คินตา”

       เมื่อเขาทั้งสองคนใช้เวลาอยู่กับเรื่องของอินสตราแกรมอยู่นานสองนาน ตอนนี้ก็เวลาประมาณสามทุ่มกว่า จนจะถึงเวลาต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว คินตาเลยหันไปถามมัคว่า “สามทุ่มกว่าแล้ว กลับไปพักผ่อนดีกว่าไหม”

“ผมว่าจะไปไหว้พระขอพรซะหน่อย อยากโชคดีกว่านี้ พี่ไปกับผมไหม”

“หมายถึงพระพรหมกับพี่ตรีมูรติใช่ไหม”

“ใช่ครับ เขาบอกว่าถ้าไหว้วันพฤหัสตอนสามทุ่มเป็นต้นไป จะยิ่งโชคดีใหญ่”

“จริงจังหรอ ?” คินตาทำหน้าไม่เชื่อ

“จริงครับ…ถ้าไม่เชื่อพี่ต้องพิสูจน์ครับ” เด็กตัวสูงพูดจบก็คว้าแขนของคนพี่ไปด้วย คนพี่ที่ไม่ได้ตั้งตัวก็ต้องรีบก้าวเท้าให้ทันเพราะเดี๋ยวจะสะดุดหกล้มได้ และทั้งคู่ก็ยืนอยู่หน้าร้านขายดอกไม้ธูปเทียน โดยที่คนน้องบอกกับแม่ค้าว่าเอา 2 ชุดครับ แม่ค้าก็จัดเตรียมของที่ต้องไหว้มาให้เขาทั้งสอง มีทั้งธูป เทียน ดอกไม้สีเหลืองสำหรับไหว้พระพรหม ดอกไม้สีแดง และน้ำแดงสำหรับไหว้พระตรีมูรติ

“เขาบอกว่าให้จุดธูป จุดเทียน แล้วว่าตามบทสวด สุดท้ายก็อธิษฐานต่อพระพรหมขอให้ประสบความสำเร็จด้านการงานเรื่องเรียน และที่สำคัญขอให้สิ่งที่ขอพรจากพระตรีมูรตินั้นสำเร็จด้วย  ”

“ขอพรจากพระตรีนี่คือ”

“ความรักครับ”

“อ่า…..”

“ขอให้มีความรักดีๆจากเด็กๆงี้ก็ได้นะครับ”

“อ่า…หื้ม ใช่หรอ”

“ความรักดีๆ มันดีจริงๆนะครับ”

“มีแล้ว รู้แล้วว่ามันดีจริงๆ”
“เอ้ย พี่ มีได้ไง ไหนว่าไม่มีแฟน”

“จากครอบครัวไง คิดไปถึงไหนละ ไหนเคยบอกว่าคนอย่างพี่ไม่มีคนกล้ายุ่ง”

“ล้อเล่นครับ อะๆ ขอพรดีกว่าเนอะ”

          จากนั้นทั้งสองคนก็ต่างขอพรโดยเริ่มจากพระพรหม คนพี่ขอให้การงานราบรื่น คนน้องก็ขอให้เรื่องเรียนประสบความสำเร็จพอวางดอกไม้เสร็จ ก็ขยับมาที่พระตรีมูรติ คนพี่ที่ตอนแรกไม่อยากขอ แต่ว่าก็ลองดูไม่เสียหายอะไร เลยขอให้เจอความรักดีๆบ้าง ถ้าหากเจอก็ขอให้อยู่ด้วยกันนานๆ ส่วนคนน้องก็ขอว่า กับพี่คินตาอย่าได้แค่พี่น้องกันเลย ขอมากกว่านั้น สาธุ

“พี่คิน บอกผมหน่อยว่าพี่ขออะไร”

“ถ้าบอก มันจะสำเร็จไหมเนี่ย”

“งั้น ผมอวยพรขอให้พี่สำเร็จในคำขอพรนะครับ”

พอคินตาได้ฟัง ก็นึกขึ้นได้ ก็พลางหันหน้าหนีอีกฝ่ายเพราะไอ้ความรู้สึกแปลกนั่น
        เมื่อทั้งคู่ไหว้พระเสร็จก็ต้องแยกย้ายกันกลับแล้ว เขาทั้งสองเดิมมายังทางเดินระหว่างเซนทรัลเวิด์ลกับสยาม เพื่อจะได้แยกย้ายกันจริงๆ คนพี่ต้องกลับฝั่งพญาไท คนน้องต้องกลับบ้านที่ฝั่งธน

“พี่คิน วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ดีใจมากๆที่เจอพี่ด้วย”

“ขอบใจเหมือนกัน”

“พี่ พี่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม ผมเชื่อนะถ้ามันทำให้เราได้เจอกัน”

“เจอกันที่ร้านชานมไข่มุกอะนะ”

“โถ่พี่ อย่าเพิ่งเอาฮาดิ” มัคทำหน้าเซงๆ ใส่คนพี่

“อะๆ ก็เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง แต่ไม่ได้ลบหลู่นะ”

“พรหมลิขิตนะพี่ ไม่ใช่ผี”

“เออ นั่นแหละ ที่บอกว่าไม่เชื่ออะ พี่ว่า…”

“……….”

“การเจอกันครั้งนี้เราอาจจะเจอกัน ไม่ว่าจะเพราะพรหมลิขิตหรืออะไรก็แล้วแต่”

“………”

“แต่สำหรับครั้งหน้า….”

“………”

“เรานัดกันเจอน่าจะง่ายกว่า”

“…..?.....” คินตาพูดจนคนน้องตามไม่ทัน พลางทำหน้างงใส่

“เอามือถือมาเร็ว ยัง ยังจะมาทำหน้างงใส่อีก” คินตาแบมือขอมือถือของอีกฝ่าย

“ครับ?”

“จะเอาไหมเบอร์ติดต่ออะ ติดต่อง่ายกว่าไดเรคอินสตราแกรมนะ!”

“…..”

“มัค!!”

“เอาครับ เชิญครับบบ”
      ก็อย่างที่บอกแหละครับ บางครั้งพรหมลิขิตมันก็ทำงานช้าเกินไป ดังนั้น เราก็ต้องมีตัวเร่งพรหมลิขิตให้มันทำงานเร็วๆ ไม่ต้องมานั่งรอนั่นรอนี่ และผมหวังอย่างยิ่งว่า การดำเนินการของพรหมลิขิตครั้งนี้มันจะต้องเป็นไปได้สวย คุณคิดว่างั้นไหมละครับ?

.........................................................

ฝากตอนใหม่ด้วยเน้อ จะพยายามมาปั่นต่อให้เร็วๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2019 22:19:00 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 05 new!!
«ตอบ #5 เมื่อ10-03-2019 02:26:13 »

                                                                                       ตอนที่4

            หลังจากที่ทั้งคู่ได้จัดการกับอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะจนหมดซะทุกอย่าง เวลาก็ล่วงมาจรถึงเวลาเกือบ2ทุ่มครึ่ง ทั้งพี่ทั้งน้องก็ต่างนั่งลุบพุงตัวเองอย่างสบายๆ โดยไม่ได้สนใจว่า เขาทั้งคู่เพิ่งรู้จักกัน ควรจะวางตัวดีๆต่อกัน แต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจอะไร คงจะเป็นความรู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องมาประดิษฐ์อะไรให้มาก

         ด้วยบรรยากาศทั้งแสงสีดนตรีทุกอย่างมันชวนให้คินตาต้องหยิบมือถือแล้วเปิดหน้ากล้องถ่ายรูปบรรยากาศในงาน แล้วโพสอวดเพื่อนเขาในอินสตาแกรม แล้วโพสข้อความใต้รูปภาพว่า ”สบายใจจังเพื่อนไม่มาด้วย” ข้อความที่ดูย้อนแย้งกันของคินตาก็ทำให้เขาเองต้องยิ้มนิดๆใส่มือถือจนคนน้องที่นั่งอยู่ข้างๆหันมาสนใจ

“พี่คินยิ้มอะไรคนเดียวครับ” มัคถามด้วยความสงสัย

“ไม่บอกหรอก ความลับ” คินตแกล้งบอกน้องไปแบบขำๆ

“พี่คินนน ความลับอะไร บอกผมหน่อย” คนน้องทำอ้อนๆ

“เปล่า พี่แค่ลงรูปเฉยๆ” เขาตอบไปพลางดูคอมเมนท์ในรูปที่มีเพื่อนเขามาตอบตัดพ้อว่า ใช่สิ เรามันตัวคนเดียวอยู่แล้วนี่!

“อะไรกันพี่ ถ่ายรูปแล้วแท็กแฟนงี้หรอ ไหนว่าไม่มีแฟนไง” มัคถามอย่างรนๆ ใจนึงก็กลัวใจนึงก็อยากรู้

“หืม พี่เคยบอกหรอว่าพี่มีแฟน” คินตาทำหน้างงๆใส่

“ไม่รู้ดิครับ ยังไม่ได้ถามเลย แต่ดูทรงแล้ว น่าจะไม่มีใครกล้ายุ่ง” มัคตอบขำๆใส่คินตา แต่คินตาไม่ยักจะขำด้วยเลยเอาเท้าเตะไปใต้โต๊ะ

“โอ๊ะ รุนแรงอีกแล้วนะพี่”

“ก็ชอบมาว่าคนอื่น รีบตัดสินคนอื่นทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันจริงๆ นิสัย!!” คินตาพูดขึ้นพลางทำให้อีกคนสะอึกไปชั่วครู่

“เอ่อ พี่คิน ผมขอโทษ อะๆ ไม่งอนนะ” มัคทำมือง้ออีกคน แต่อีกคนปัดมือหนี

“พี่…หายงอนนะ นะครับ” ในเมื่อไม่หายงอน ก็ต้องง้อ

“พอๆ พอเลยมัค” คนพี่ว่าให้ แล้วกลับไปสนใจมือถือตัวเองต่อ
        คนน้องที่รู้ว่าพี่ยังไม่อยากคุยด้วยเลยต้องหาวิธีคุยด้วยต่อไปแม้อาจจะดูน่ารำคาญไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าต้องนั่งอืมครืมกันไปทั้งๆที่เพิ่งได้ทำความรู้จักกันเอง เขาเลยหยิบมือถือเปิดกล้องแล้วถ่ายรูปคนพี่ที่นั่งเล่นมือถือไปแค่ครึ่งตัว แล้วหยิบมาโพสลงอินสตราแกรมส่วนตัวของเขา ที่มียอดฟอลโล่วหมื่นกว่าๆ เอาจิงมัคก็ค่อนข่างเป็นที่กริ๊ดกร๊าดสำหรับรุ่พี่รุ่นน้อง เพราะเจ้าตัวเป็นคนสูงใหญ่ ผิวดี หน้าคมๆ ทั้งยังเป็นประธานฝ่ายกิจกรรมของคณะอีกด้วย เลยทำให้เขาเป็นที่รู้จักอยู่พอควร เมื่อคนน้องถ่ายรูปได้มุมได้แสงแล้ว ก็ลืมว่า เขายังไม่มีอินสตราแกรมของคนพี่เลย

“พี่คินครับ”

“……..?”

“ผมขออินสตราแกรมของพี่หน่อยได้ไหม” มัคทำหน้าอ้อนๆ

“เอาไปทำไม ของพี่ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”

“ก็…อยากฟอลไว้ เผื่อมีอะไรจะได้คอนแทคหาไง”

“อ่าๆ ก็ได้ ชื่อ kintaa_09”

“ครับ ผมฟอลพี่แล้วนะ พี่ก็อย่าลืมฟอลผมกลับด้วย” มัคบอกกลับหลังจากที่เขากดฟอลคนพี่แล้ว
“เรื่องอะไรจะฟอลกลับละ หึ ”

“อื้ม ในอินสตราแกรมของผมมีแต่รูปดีสวยๆนะครับ ถ้าไม่เชื่อลองเปิดดูสิครับ”

        ว่าเสร็จ คินตาก็เลยลองเปิดดูอินสตราแกรมเห็นว่ามีการแท็ครูปมาหาเขาอยู่รูปหนึ่ง เป็นรูปเขาเองกำลังเล่นมือถืออยู่ แต่เห็นเพียงแค่ครึ่งล่างเท่านั้นพร้อมแค็ปชั่นว่า “ยินดีที่ได้รู้จัก…คุณชานม” พอคินตาได้อ่าน ก็หันมาทำหน้างงๆใส่มัค

“คุณชานมคืออะไร”

“ก็พี่ไง ชอบกิน ชื่อนี้ก็…น่ารักดี”

“เกี่ยวอะไรกันละ เห้อ” คินตาพูดพลางส่ายหน้าไปกับความอารมณ์ดีของอีกคน

“หายโกรธผมนะ เรื่องเมื่อกี้อะ” มัคพูดขึ้นอีกครั้ง

“อ่าๆ ทีหลังอยากรีบด่วนตัดสินใครนะ บางคนภายนอกเป็นอีกแบบ ภายในอาจจะเป็นอีกแบบโดยที่เราอาจจะเซอไพรซ์ก็ได้เมื่อเราได้รู้จักเขา”

“ครับ ขอบคุณนะครับพี่คินตา”

       เมื่อเขาทั้งสองคนใช้เวลาอยู่กับเรื่องของอินสตราแกรมอยู่นานสองนาน ตอนนี้ก็เวลาประมาณสามทุ่มกว่า จนจะถึงเวลาต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว คินตาเลยหันไปถามมัคว่า “สามทุ่มกว่าแล้ว กลับไปพักผ่อนดีกว่าไหม”

“ผมว่าจะไปไหว้พระขอพรซะหน่อย อยากโชคดีกว่านี้ พี่ไปกับผมไหม”

“หมายถึงพระพรหมกับพี่ตรีมูรติใช่ไหม”

“ใช่ครับ เขาบอกว่าถ้าไหว้วันพฤหัสตอนสามทุ่มเป็นต้นไป จะยิ่งโชคดีใหญ่”

“จริงจังหรอ ?” คินตาทำหน้าไม่เชื่อ

“จริงครับ…ถ้าไม่เชื่อพี่ต้องพิสูจน์ครับ” เด็กตัวสูงพูดจบก็คว้าแขนของคนพี่ไปด้วย คนพี่ที่ไม่ได้ตั้งตัวก็ต้องรีบก้าวเท้าให้ทันเพราะเดี๋ยวจะสะดุดหกล้มได้ และทั้งคู่ก็ยืนอยู่หน้าร้านขายดอกไม้ธูปเทียน โดยที่คนน้องบอกกับแม่ค้าว่าเอา 2 ชุดครับ แม่ค้าก็จัดเตรียมของที่ต้องไหว้มาให้เขาทั้งสอง มีทั้งธูป เทียน ดอกไม้สีเหลืองสำหรับไหว้พระพรหม ดอกไม้สีแดง และน้ำแดงสำหรับไหว้พระตรีมูรติ

“เขาบอกว่าให้จุดธูป จุดเทียน แล้วว่าตามบทสวด สุดท้ายก็อธิษฐานต่อพระพรหมขอให้ประสบความสำเร็จด้านการงานเรื่องเรียน และที่สำคัญขอให้สิ่งที่ขอพรจากพระตรีมูรตินั้นสำเร็จด้วย  ”

“ขอพรจากพระตรีนี่คือ”

“ความรักครับ”

“อ่า…..”

“ขอให้มีความรักดีๆจากเด็กๆงี้ก็ได้นะครับ”

“อ่า…หื้ม ใช่หรอ”

“ความรักดีๆ มันดีจริงๆนะครับ”

“มีแล้ว รู้แล้วว่ามันดีจริงๆ”
“เอ้ย พี่ มีได้ไง ไหนว่าไม่มีแฟน”

“จากครอบครัวไง คิดไปถึงไหนละ ไหนเคยบอกว่าคนอย่างพี่ไม่มีคนกล้ายุ่ง”

“ล้อเล่นครับ อะๆ ขอพรดีกว่าเนอะ”

          จากนั้นทั้งสองคนก็ต่างขอพรโดยเริ่มจากพระพรหม คนพี่ขอให้การงานราบรื่น คนน้องก็ขอให้เรื่องเรียนประสบความสำเร็จพอวางดอกไม้เสร็จ ก็ขยับมาที่พระตรีมูรติ คนพี่ที่ตอนแรกไม่อยากขอ แต่ว่าก็ลองดูไม่เสียหายอะไร เลยขอให้เจอความรักดีๆบ้าง ถ้าหากเจอก็ขอให้อยู่ด้วยกันนานๆ ส่วนคนน้องก็ขอว่า กับพี่คินตาอย่าได้แค่พี่น้องกันเลย ขอมากกว่านั้น สาธุ

“พี่คิน บอกผมหน่อยว่าพี่ขออะไร”

“ถ้าบอก มันจะสำเร็จไหมเนี่ย”

“งั้น ผมอวยพรขอให้พี่สำเร็จในคำขอพรนะครับ”

พอคินตาได้ฟัง ก็นึกขึ้นได้ ก็พลางหันหน้าหนีอีกฝ่ายเพราะไอ้ความรู้สึกแปลกนั่น
        เมื่อทั้งคู่ไหว้พระเสร็จก็ต้องแยกย้ายกันกลับแล้ว เขาทั้งสองเดิมมายังทางเดินระหว่างเซนทรัลเวิด์ลกับสยาม เพื่อจะได้แยกย้ายกันจริงๆ คนพี่ต้องกลับฝั่งพญาไท คนน้องต้องกลับบ้านที่ฝั่งธน

“พี่คิน วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ดีใจมากๆที่เจอพี่ด้วย”

“ขอบใจเหมือนกัน”

“พี่ พี่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม ผมเชื่อนะถ้ามันทำให้เราได้เจอกัน”

“เจอกันที่ร้านชานมไข่มุกอะนะ”

“โถ่พี่ อย่าเพิ่งเอาฮาดิ” มัคทำหน้าเซงๆ ใส่คนพี่

“อะๆ ก็เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง แต่ไม่ได้ลบหลู่นะ”

“พรหมลิขิตนะพี่ ไม่ใช่ผี”

“เออ นั่นแหละ ที่บอกว่าไม่เชื่ออะ พี่ว่า…”

“……….”

“การเจอกันครั้งนี้เราอาจจะเจอกัน ไม่ว่าจะเพราะพรหมลิขิตหรืออะไรก็แล้วแต่”

“………”

“แต่สำหรับครั้งหน้า….”

“………”

“เรานัดกันเจอน่าจะง่ายกว่า”

“…..?.....” คินตาพูดจนคนน้องตามไม่ทัน พลางทำหน้างงใส่

“เอามือถือมาเร็ว ยัง ยังจะมาทำหน้างงใส่อีก” คินตาแบมือขอมือถือของอีกฝ่าย

“ครับ?”

“จะเอาไหมเบอร์ติดต่ออะ ติดต่อง่ายกว่าไดเรคอินสตราแกรมนะ!”

“…..”

“มัค!!”

“เอาครับ เชิญครับบบ”
      ก็อย่างที่บอกแหละครับ บางครั้งพรหมลิขิตมันก็ทำงานช้าเกินไป ดังนั้น เราก็ต้องมีตัวเร่งพรหมลิขิตให้มันทำงานเร็วๆ ไม่ต้องมานั่งรอนั่นรอนี่ และผมหวังอย่างยิ่งว่า การดำเนินการของพรหมลิขิตครั้งนี้มันจะต้องเป็นไปได้สวย คุณคิดว่างั้นไหมละครับ?


......................................................

มาต่อแล้วครับ ขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่เข้ามาแวะอ่าน ขอบคุณมากจริงๆ
ฝากติดตามเรื่องรักของเขาทั้งสองด้วยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2019 22:19:29 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milktea of love :: มัคคิน ตอนที่ 06 new!! (14/3/62)
«ตอบ #6 เมื่อ14-03-2019 01:27:32 »

                                                                                          ตอนที่6

          วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันดีๆที่คินตาได้ตื่นมาในช่วงสาย เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งเขาไม่ได้ต้องรีบตื่นแต่เช้าไปทำงาน หรือต้องไปเบียดเสียดกับใครเพื่อใช้บริการสาธารณะกับใคร วันนี้เขาตั้งใจว่า จะตื่นมาซักผ้า ทำความสะอาดห้อง แล้วหาอะไรกินในละแวกคอนโดที่เขาพัก ถ้าไม่ขี้เกียจไปมากกว่านี้คงจะไปหาร้านกาแฟสงบๆนั่งอ่านหนังสือสักเล่ม อยากใช้ชีวิตนิ่งๆเงียบๆดูบ้างสักวัน แต่สุดท้ายเขาก็ได้โทรหาปอนด์เพื่อนสนิทของเขาให้มาเจอเขาบ้าง
 
“ฮัลโหล ปอนด์ ”

“ว่าไงคินตา” ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ

“ทำไรอยู่อะ ทำไมดูเร่งรีบจัง”

“อ่อ วันนี้มีนัดส่งงานกับอาจารย์ที่ปรึกษาป.โทวะ”

“อ่า นึกว่าจะว่างเสียอีก อยากเจอเพื่อนอะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลย”

“ขอโทษทีวะ งานนี้ด่วนมากจริงๆ นี่ก็หัวฟูไปส่งงานเหมือนกัน เอาไว้เป็นวันหลังเนาะแก ”

“แกอ่า น้อยใจจัง รอบหน้าต้องเจอกันนะ”

“เออๆ สัญญาด้วยชานมแก้วนึงเลย แค่นี้นะ เดี๋ยวรถชนตายห่าก่อนส่งงาน”

         ว่าแล้วปอนด์ก็วางสายเขาทันที คินตาได้แต่ส่ายหน้าให้ความเด็กเรียนของเพื่อนเขา เมื่อเพื่อนบอกว่าไม่ว่างเขาก็ทำงานบ้าน อย่าไม่เร่งรีบ เหนื่อยก็พัก แล้วมาทำต่อ พอเสร็จทุกอย่างก็อะไรกินรองท้องเบาๆ แต่งตัวพร้อมหยิบหนังสือมาด้วย1เล่ม…


        เมื่อคินตามีเป้าหมายว่าจะออกมาหาที่อ่านหนังสือ เขาไม่รู้จะเลือกร้านไหน จึงต้องเปิดดูแอฟพลิเคชั่น รีวิวร้านกาแฟน่าลองในย่านอารีย์ เมื่อคินตาได้ดูรีวิวก็เห็นว่ามีร้านหนึ่งที่ดูเหมือนจะเปิดใหม่ บรรยากาศน่านั่ง รอบๆบริเวณร้านมีต้นไม้ใบหญ้าตกแต่งน่าร่มรื่น ดีต่อการพักสายตาเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงเลือกเลือกทางมาที่ร้านนี้ เมื่อเขาได้มาที่ร้านก็ไม่ผิดหวัง บรรยากาศดีสมกับที่รีวิวได้ 8/10 เลย ที่นั่งอ่านหนังสือก็มีมุมไม่โดยเฉพาะ ส่วนคนที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ก็มีที่ให้นั่ง เขาจึงเดินไปสั่งกาแฟที่เคาท์เตอร์

        “พี่ครับ ขออเมริกาโน่น้ำผึ้งเย็นแก้วนึงครับ” เขาว่าพร้อมกับส่งเงินให้พนักงานไป แล้วจึงเลือกหาที่นั่งตามใจชอบ เมื่อเขาได้ที่นั่ง พนักงานก็น้ำกาแฟที่เขาสั่งมาเสิร์ฟ เขาเริ่มนั่งอ่านหนังสือไปสักพัก เขาก็ต้องพักสายตาโดยการจ้องมองไปที่สีเขียวของใบไม้ใบหญ้า สักพักเขาก็หยิบมือถือขึ้นมา เปิดเขาแอพอินสตราแกรม เลื่อนๆดูสตอรี่คนอื่นไปเรื่อยๆ จนพบกับสตอรี่ของใครคนนั้นที่เขาบังเอิญเจอเป็นรอบที่2 ที่บีทีเอสสยาม ซึ่งมีรูปแก้วชานมไข่มุกถืออยู่บริเวณด้านหลังของเขาที่ได้ลงไว้เมื่อ19ชม.ที่แล้ว แสดงว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้เปิดมือถืออีกเลยสินะ ตั้งแต่มาถึงห้อง มิน่าหล่ะ นอนหลับเต็มอิ่มแบบนี้นี่เอง

       เมื่อคินตานั่งเล่นมือถือไปสักพัก เขาก็อยากจะถ่ายรูปภายในร้านเก็บไว้ เขาจึงเลือกหามุมที่ดีที่สุด แล้วโพสลงในอินสตราแกรมของเขา แต่เมื่อเขาลงรูปไปได้สักพักก็มีการแจ้งเตือนขึ้นมาเพราะมีใครบางคนมาคอมเมนท์

“อยากกินกาแฟจัง จะมีใครชวนไหมนะ” เมื่อคินตาได้อ่านเข้า ก็

ยิ้มนิดๆแล้วพิมพ์กลับว่า “วันนี้มีโปรลด10% จะมีใครมาไหมนะ”

สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์เบอร์เป็นของ “มัค”

“ครับ” คินตากดรับสาย

“พี่คิน อยู่ไหนครับ อยู่กับใครเอ่ย ” มัคถามมา เขาได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วดังลอดมาในสาย

“มาอ่านหนังสือคนเดียวแถวอารีย์”

“ทำไมไปคนเดียวครับ”

“เพื่อนไม่ว่างครับ”

“ชวนผมมาสิ ผมอยากไปใช้โปรลด10%”

“มาไหม อยากใช้โปรเหมือนกัน”

“อ่า พี่พูดแบบนี้ ผมอยากเปิดว้าปทันทีเลย”

“ฮ่าๆ ว่างก็มานะ”

“ตอนนี้ผมมาดูน้องปี2ทำงานกันอยู่ที่คณะ คงปลีกตัวไปยาก …แต่ผมอยากไปจริงๆนะพี่คิน”

“ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ทำหน้าที่ของตัวเองไป” คินตาเอ่ยอย่างเสียดายเล็กๆ

“เอางี้ ผมจะรีบทำงานให้เร็วๆ แล้วจะรีบไปหาพี่”

“มัค มัคมีหน้าที่ต้องทำ เพราะฉะนั้นทำให้เต็มที่นะ โอกาสหน้าก็ได้”

“ก็ได้ครับ แต่ผมอยากเจอพี่จริงๆนะ”

“งั้น….เดี๋ยวไปหา”

“ห๊ะ มาจริงหรอพี่คิน พี่จะมาถูกไหมอะเนี่ย”

“ถูกสิ พี่ศิษย์เก่าที่นั่นนะ”

“เอ้ย พี่ก็เป็นรุ่นพี่ที่มอผมนะสิ ดีใจจัง”

“อืม แค่รุ่นพี่ …. แล้วจะกินอะไรไหม เดี๋ยวซื้อไปให้”

“ขอกาแฟแก้วเดียวครับ รุ่นพี่คินตา ผมจะรอครับ” เมื่อทั้งคู่วางสายโทรศัพท์ คินตาก็เลือกที่จะเก็บของบนโต๊ะแล้วเดินไปสั่งกาแฟ อีก2แก้ว โดยใช้โปรลด 10% กับทางร้าน วันนี้เขาก็ได้ใช้โปรลด สมใจอยากแล้วสินะ…

         เมื่อคินตาลงบีทีเอสสยามมา เขาก็เดินลัดเลาะไปในสถาบันเก่าที่เขาเคยเรียนมาเมื่อช่วงปริญญาตรี เขาเดินมาจนถึงหน้าคณะวิศวะกรรมศาสตร์ อาคารใหญ่โต มีนิศิษย์อยู่กันเป็นกลุ่มประปราย เขาเลยเลือกที่จะนั่งรอบริเวณโต๊ะใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วจึงโทรไปบอกมัคว่าเขาถึงแล้ว

“พี่คิน ”

“………” คินตาหันไปตามเสียงเรียก

“เหนื่อยไหมครับ ขอบคุณครับที่มาหา”

“อ๋อ ไม่เป็นไร ถือสะว่ามาเยี่ยมสถาบันเก่า” คินตายิ้มให้แล้วหันไปมองรอบๆบริเวณมหาวิทยาลัย
“……..”

“อะ กาแฟ ละลายหมดแล้ว ไม่น่ารีบซื้อเลย เสียดายของ” คินตายกแก้วกาแฟให้มัคว่าพลางเสียดายเล็กๆที่เขาไม่น่ารีบตัดสินใจซื้อเพราะเห็นแก่ของลดราคา

“ขอบคุณครับ ยังกินได้อยู่ ” มัครับไว้แล้วดุดขึ้น

“อื้อ แต่ก็เสียดายอะ”

“พี่คิน รีบไปไหนไหมครับ เข้าไปนั่งรอผมข้างในก่อนไหม”

“อืม ไม่เป็นไร ว่าจะนั่งอ่านหนังสือเล่นๆบริเวณนี้แหละ”

“มันร้อนนะครับ เข้าไปเถอะ”

“ไม่เป็นไรจริงๆ ” คินตายืนยันเสียงเดิมว่าเขาจะนั่งอ่านหนังสือตรงนี้

“อ่า งั้นเอาเป็นว่า ผมไปทำงานให้เต็มที่เหมือนที่พี่บอก แล้วจะมาหาพี่นะครับ เสร็จแล้วไปกินข้าวกันนะครับ”

“หืม พี่บอกหรอว่าจะรอมัคกินข้าวด้วยกันตอนเลิก” คินตาเลิกคิ้วขึ้นแล้วกลั้นยิ้มหน่อยๆ

“พี่คินตา ” มัคกดเสียงต่ำใส่เขา

“โอเคๆ เดี๋ยวจะรอนะครับ ”

         เมื่อคินตาว่าแบบนั้นเด็กหนุ่มก็ยิ้มร่าเดินออกไปทำงานทันที ส่วนเขาก็นั่งอ่านหนังสือที่เขาพกมาจากคอนโด เขาอ่านไปสักพักก็มีคนมาสะกิด เป็นเด็กผู้หญิง2 คนเขามาหาเขา

 “สวัสดีคะ พี่เอ่อ…” เขาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วบอกชื่อเขาไป สักพักน้องก็พูดขึ้นต่อว่า

 “คือพวกหนู2คน กำลังทำแบบสอบถามเกี่ยวกับค่านิยมของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยว่ามีค่านิยมอะไรบ้างในตัวคุณที่อยากบอกต่อกับสังคมทั่วไป ซึ่งจะใช้เป็นส่วนหนึ่งของคอลัมย์ในหนังสือรายสัปดาย์ของมหาวิทยาลัยและเพจของหมาวิทยาลัยอะค่ะ”

“พี่ไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนะครับแต่ก็เป็นศิษย์เก่านะ” คินตาบอกไปแบบนั้นตามความจริง
“พวกเราไม่ซีเรียสค่ะพี่ เราอยากได้ความคิดเห็นที่หลากหลายอยู่แล้วอะค่ะ พี่พอจะให้สัมพาทย์หนูได้ไหม” น้องพูดขึ้นพร้อมทำหน้าตาสงสารใส่เขา

“สัมพาทย์เลยหรอ พี่ไม่ค่อยมั่นใจเลย”คินตาว่าไปพลางลูบคอเล็กๆ

“ง่ายๆเลยค่ะพี่ จะมีเพื่อนหนูถือกล้องถ่ายพี่เป็นคลิปนะคะ แล้วหนูจะสัมพาทย์พี่เอง”

        เมื่อคินตาตอบตกลง เขาทั้งสามคนรวมถึงน้องผู้หญิงอีก2คนด้วยก็เริ่มทำงานกัน ช่วงแรกๆเขายังไม่ชินกับกล้องเท่าไหร่ เขาเลยขอเบรกสักครู่ แล้วให้น้องเริ่มใหม่ในทันที โดยครั้งที่สองนั้น คินตาไม่มีความประหม่าแล้วยังตอบคำถามด้วยควายไหลลื่น ด้วยภาษากายที่แสดงออกอย่างดี ด้วยตัวเขายังแปลกใจว่าทำได้อย่างไร ทั้งที่ปกติเขาไม่ค่อยชอบกับอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ เมื่อเขาให้สัมพาทย์เสร็จ เขาถูกของให้ถ่ายรูปเดี่ยวด้วยในอิริยาบถต่างๆเพื่อลงเป็นภาพประกอบการสัมพาทย์ด้วย



         เมื่อถึงเวลาที่มัคเสร็จจากหน้าที่ เขาก็รีบบึ่งมาหาคินตาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบจับมือคนพี่ไปจนคนพี่ก้าวขาแทบไม่ทัน จนเขาต้องถามขึ้น

 “มัค เป็นอะไร รีบไปไหน ใจเย็นๆสิ” พอมัคได้สติแล้วจึงหยุดเดิน แต่มือก็ยังคงจับมือพี่อยู่

“ผมหิวครับพี่คิน” มัคที่ตอบคำถามดูมีท่าทางพิรุธ

“มัค ! เอาความจริงครับ” คินตาย้ำอีกครั้ง

“เอ่อ ก็ เพื่อนผมมันจะตามมาจับผิดผม ผมไม่อยากให้มันเห็นพี่ เดี๋ยวพี่อึดอัด” มัคตอบด้วยเสียงหงอยๆ

“ไม่เป็นไร พี่ไม่อึดอัด พี่โอเค ยินดีที่จะได้รู้จักเพื่อนมัคทุกคนนะครับ” คินตาตอบ

“งั้นขอผมไปคุยกับพวกมันก่อน แล้วจะพามาแนะนำ ”

“ครับ งั้นไปหาอะไรทานกันเนาะ”

“ครับ ไปกินไรดี พี่คินคิดไว้หรือยัง”

“ยังเลย มัคละ อยากทานอะไร”

“เอาง่ายๆไหม ”

“ก๋วยเตี๋ยว ง่ายพอไหม”

“ก็ง่ายเกินไป ฮ่าๆๆ”

         แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เลือกทานก๋วยเตี๋ยวกัน โดยคนพี่สั่งบะหมี่ต้มยำ ส่วนน้องทางเส้นเล็กต้มยำ ต่างกันก็พากันน้ำหูน้ำตาออกกัน เพราะเป็นมนุษย์กินเผ็ดไม่ได้ทั้งคู่ จากนั้นเขาจึงพากันไปหากินของหวานกัน เลือกกันอยู่สักพัก สุดท้ายก็…ชานมไข่มุกคนละแก้ว


......................................................................
มาต่อแล้วครับ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะครับ ขอให้แฮปปี้กันทุกคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2019 22:21:01 โดย anikarn »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Pearl tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 06 new!! (14/3/62)
«ตอบ #7 เมื่อ15-03-2019 17:21:03 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 07 new!! (19/3/62)
«ตอบ #8 เมื่อ19-03-2019 02:26:59 »

 :3


ตอนที่ 7


        จากคนที่ไม่เคยสนใจใคร ทำอะไรคนเดียวตลอด ด้วยเหตุผลที่ว่า สบายจะตาย ไม่เห็นต้องรอความเห็นจากใครให้ยุ่งยาก เมื่อก่อนก็ไม่ใช่คนที่ติดโทรศัพท์ แต่เดี๋ยวไม่รู้เป็นอะไร ว่างเป็นจับขึ้นมาดูตลอดว่ามีใครคนนั้นทักมาหรือเปล่า เฮ้อ…เขานี่เป็นเอามาก  นับตั้งแต่ที่เขาและเด็กคนนั้นเจอกันล่าสุดก็วันหยุดที่แล้วจนวันนี้วันศุกร์ เราก็ไม่ว่างมาเจอกันเลย ไม่ว่าจะด้วยตัวเขาเองงานค่อนข้างเยอะ บวกกันต้องออกนอกสถานที่ไปยื่นเอกสารตามศาลต่างๆเกือบจะทั่วกรุงเทพ แค่เดินทางไปกลับระหว่างคอนโดกับที่พักก็เหนื่อยจะแย่ ยังจะต้องมาเดินทางไปศาลอีก ชีวิตนักกฎหมายจบใหม่ช่างหน้าสงสารนัก ส่วนอีกคนหรอ เห็นว่าช่วงนี้ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ทั้งเจ้าตัวต้องควบคุมน้องๆปี2 ให้ช่วยกันจัดการกับกิจกรรมวันแรกพบเพื่อต้อนรับเด็กปีหนึ่ง เหล่าเฟรชชี่ทั้งหลายนั่นแหละ ถึงตัวจะหายไปบ้าง แต่เขาก็หาเวลามาโทรคุย หรือไม่ก็ทักมาบ้าง หรือบางครั้งก็หายไปเลยแล้วก็โผล่มาอีกทีมีแจ้งเตือนขึ้นว่า นอนเพิ่งตื่น… บางครั้งก็สงสัยว่า เด็กกิจกรรมเคยได้นอนกันเต็มๆกันบ้างไหม เพราะจากประสบการณ์ของเขาต่อกิจกรรมในมหาวิทยาลัยช่างน้อยนิดเสียจริงๆ

     และวันนี้ก็เป็นวันศุกร์ที่คินตาและทุกคนรอคอยอีกเช่นกัน งานวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่พิมพ์งานตามฟ้องคดีที่ได้รับมอบหมายมาจากหัวหน้า แล้วเอาไปปริ้น แล้วต้องรีบวิ่งเอาไปให้พี่ทนายพร้อมนัดแนะเวลากำหนดตามที่ศาลนัด ทำแบบนี้ทั้งวัน วันละหลายรอบ เพราะว่าเรื่องนัดหมายที่ทนายต้องไปศาลนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ หากผิดพลาดไปแม้แต่น้อย ผู้ที่จะเสียหายก็คือลูกความเรานั่นเอง
   
       เมื่อเขาเดินทางมาถึงคอนโดของเขา ก็รีบหาข้าวกินเพราะต้องการจะหลับมาก เห็นแล้วอยากจะไหลลงเตียงมาก เขาคิดมาตั้งแต่ก่อนเลิกงานแล้วว่า ถ้าได้นอนสักตื่น จะตื่นลุกขึ้นมาดูหนังในเนตฟิค เขาชอบดูหนังแนวแฟนตาซี อะไรที่ค่อนข้างเกินจริงเขาจะชอบมาก มันได้ความรู้สึกว่า เขาได้หลุดออกจากกรอบบ้าง เพราะในชีวิตจริงเขาก็อยู่แต่ในกรอบตลอด

       หลังจากที่เขาได้หลับสักตื่นแล้วนั่น เขาก็ลุกไปอาบน้ำ แต่ก่อนที่จะอาบน้ำเขาก็เปิดดูโทรศัพท์ว่ามีใครโทรมาหรือเปล่า ปรากฎว่า ก็ไม่มีแจ้งเตือนอะไร ทั้งจากที่บ้าน เพื่ิอนสนิทของเขา และใครคนนั้นด้วย รายนั้นคงสลบอยู่ที่ไหนสักที่นั่นแหละ แต่ว่าช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้คุยกับคนที่บ้านเลยตั้งแต่เริ่มทำงานมา ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาก็แล้วกัน ตอนนี้ก็ดึกแล้วน่าจะหลับก็หมดแล้วแหละ

      เมื่อเขาเปิดหนังดูได้สักพักก็มีเสียงเรียกเข้าจากใครคนนั้น เขาจึงพักหนังไว้สักครู่
“ครับ?”

“พี่คิน ผมเหนื่อย อยากพัก อยากเจอพี่”
“ฮ่าๆ เป็นรุ่นพี่จะมีทำเสียงอ้อนๆไม่ได้นะ ไม่อายน้องๆหรอ?”
“ไม่อายครับ ตอนนี้ผมเดินออกมาจากห้องทำงานแล้ว”
“แล้วเป็นอย่างไรบ้าง งานใกล้เสร็จหรือยังละ?”
“คืนนี้คืนสุดท้ายแล้วครับ เพราะอาทิตย์หน้าเด็กปี1ก็เริ่มทยอยมากันแล้วครับ”
“อืม ว่าแล้วก็อยากกลับไปเป็นเด็กปี1 ถ้ารู้ว่าเป็นเด็กกิจกรรมมันจะสนุกแบบคุณขนาดนี้ ผมไม่วิ่งหนีหรอกฮ่าๆ”
“สนุกอะสนุกจริงพี่ แต่โคตรเหนื่อยเลย ทั้งต้องคุมคนอีก เห้ออ “
“ก็คามีตำแหน่ง ก็ย่อยเหนื่อยเป็นธรรมดา อดทนนะ”
“ครับ ผมจะอดทน อดทนรอเจอพี่นี่แหละ”
“จะอดทนรอทำไม อยากเจอก็มาสิ ฮ่าๆ”
“พี่คิน ผมไปจริงนะ! ไปหาได้ไหม อยากชาร์ตพลัง”
“อย่ามานะ คุณมีงานต้องทำ ผมไม่อยากใครมาด่าผมว่าชักชวนให้คนทำงานหายไป”
“…. ผมงอแงได้ไหมครับ”
“หืม งอแงยังไงละ?”
“ผมอยากให้พี่มาหาที่นี่เลย อยากกินแฮมเบอร์เกอร์ เฟรนฟราย อะไรก็ได้ ขอแค่พี่มา”
“…..”
“ได้ไหม สงสารผมเถอะ ผมแค่อยากเจอจริงๆ”
“อ่า งั้น…รอแปป 30นาทีเจอกัน”

      เมื่อคินตาว่าไปแบบนั้น ก็มานึกย้อนว่าอะไรของเขาเนี่ย จากที่จะได้พักผ่อนดูหนังสบายๆ ยังต้องเปลี่ยนชุดเพื่ออกมาข้างนอก เห้อ… ช่างเถอะ อยากเจอเหมือนนี่หว่า บ้าเอ้ยยยย….
     
      เขาเลือกที่จะขับรถที่ปกติจอดที่คอนโด เพราะสำหรับวันปกติเขาจะใช้บริการบีทีเอส แต่ทว่าวันนี้ เขาต้องแวะซื้อเบอร์เกอร์กับเฟรนฟรานไปให้อีกคนกินก่อน ไม่ได้ห่วงอะไรนะ แค่…ไม่อยากให้อดตายแค่นั้นแหละ

“ฮัลโหล มัค”
“ครับพี่คิน ถึงแล้วหรอ”
“อืม ถึงหน้าคณะแล้ว”
“ได้ครับ สักครู่นะครับ”

     เมื่อคินตาเห็นอีกคนกำลังวิ่งออกมาจากตึก เขาก็ลดกระจกข้างลง พร้อมโบกมือให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าเขาอยู่ในรถคันนี้
“เอ้า ขับรถมาหรอครับ นึกว่าจะมาบีทีเอสแล้วแท็กซี่มาซะอีก”
“อื้อ ขับรถมาบ้าง ไม่อยากเสียหลายต่อ อีกอย่างตอนนี้เกือบจะห้าทุ่มแล้ว รถไม่ได้ติดอะไร”
คินว่าเสร็จพร้อมยกของที่อีกฝ่ายร้องขอขึ้นมา
“อ้ะ ของคุณ”
“ขอบคุณครับ ผมไม่คิดว่าพี่จะซื้อมาจริงๆ ผมแค่คิดว่า ถ้าพี่มาจริงๆ ผมจะชวนไปกินข้าวต้มมื้อดึกสักหน่อย”
“ข้าวต้มงั้นหรอ อยากกินอะ “
“อยากกินหรอครับ แต่ผมกว่าจะเสร็จงานก็อีกสักพัก คงไม่เกินเที่ยงคืนอะครับ ผมกลัวพี่หิว”
“ตอนนี้ไม่ค่อยหิว มื้อเย็นรองท้องมาแล้ว”
“…..”
“งั้น พี่รอที่รถนะ คุณก็ไปเคลียร์ของคุณสะเถอะ”
“พี่รอได้แน่นะ”
“อืม เอาเนตฟิคขึ้นมาดูก็ได้”
    หลังจากมัคเดินกลับไป คินตาก็หยิบแท็ปเลตขึ้นมาเปิดหนังดู ต่อจากที่หยุดไว้เมื่อชั่วโมงก่อนนั้น เขานั่งดูไปสักพักก็เริ่มเมื่อยตา เขาจึงลงจากรถแล้วเดินเล่นบริเวณนั้น เขาคิดในใจ จะมีใครมาว่าเขาเป็นผีไหมนะ ฮ่าๆ สักพักใหญ่ก็เริ่มมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กกลุ่มหนึ่ง เดินออกมาจากตึกด้วยสภาพนึกว่าไปฟัดกับใครมา เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นเขาจึงรีบเดินกลับไปที่รถ เพราะคงจะไม่หรอกมั้ง ถ้ามีใครสักคนสงสัยว่าเขาเป็นใคร และมาทำอะไรแถวนี้ดึกๆดื่นๆ ใครจะไปกล้าตอบละ ว่ามารอเด็ก…
     เมื่อมัคที่เห็นว่าทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านแล้ว เขาจึงเดินเลียบๆมาที่รถ เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขากลับยังไง เพราะไอ้พวกเพื่อนเขากำลังสงสัยว่าทำไมหมู่นี้เขามีท่าทีลับๆล่อๆ เหมือนปิดบังอะไรไว้
มัคเปิดประตูขึ้นมาที่รถของคินตา แล้วยิ้มให้ ทั้งเอาทือลูบพุงตัวเองจนคินตาอดสสงสัยไม่ได้ว่า
“ที่ลูบพุงแบบนี้ หิวหรือไม่หิวครับ”
“ฮ่าๆ พี่ก็ อย่าว่างั้นว่างี้เลยนะครับ เปลี่ยนจากข้าวต้มมื้อดึกเป็นเยาวราชได้ไหมครับ”
“เยาวราชงั้นหรอ เอาสิ งั้นเยาวราชนะ”
“ให้ผมขับไหม อยากลองขับมินิดูบ้าง”
คินตาไม่ว่าอะไร เขาลงจากรถแล้วให้อีกคนที่อาสาเป็นคนขับรถให้มาขับ ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่ต้องไปหาที่จอดรถ
“มัค จะไม่ชนใช่ไหม”
“ฮ่าๆ ไม่ครับ ไม่ชน เพราะปกติก็ขับอยู่แล้ว แค่ช่วงนี้รถแค่ไม่ว่างเท่านั้นเอง”

      หลังจากที่เขาทั้งคู่หาที่จอดรถได้ ตอนนี้เขาก็มายืนอยู่ข้างถนนเยาวราชแล้ว ร้านค้าพ่อค้าแม่ค้าต่างเรียกลูกค้ากันเสียงดัง ลูกค้าก็มีทั้งไทย จีน ฝรั่ง ที่ชื่นชอบอาหารสไตล์สต่รีทฟู๊ด
“มัค อยากกินท่าโร่ผัด กับหอยทอดซอยแปลงนามอะ”
“ครับ นำเลยพี่ ผมจำไม่ได้ว่าแปลงนามอยู่ตรงไหน”

      เมื่อคินตาเดินนำอีกคนมายังซอยแปลงนามที่มีร้านอาหารขึ้นชื่อเรื่องผัดๆ ท่าโร่ผัด หอยทอดผัดร้อนๆ สุกี้น้ำ สุกี้แห้ง และที่สำคัญ มีน้ำส้มคั้นสดด้วย พอได้ที่นั่ง คินตาก็รีบสั่งเมนูที่ตนอยากกินทันที แล้วหันไปถามอีกคนว่าอยากกินอะไร
“อืม เราสั่งมา3อย่าง แล้วเรามาแชร์กันดีไหมพี่คิน”
“เอางั้นหรอ จะรังเกียจปะเนี่ย”
“ไม่รังเกียจหรอกพี่”
“ป่าว หมายถึงพี่อะ จะรังเกียจมั้ย ฮ่าๆ “
       
          เมื่อได้รับอาหารพร้อมอุปกรณ์ในการกินแล้ว ทั้งสองต่างพากันก้มหน้ากินอาหารที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่มีใครพูดกันเลย มีแต่รอยยิ้มเล็กที่เกิดขึ้นเท่านั้น หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น มัคเลยชี้ไปที่ร้านบัวลอยนมสด ทั้งคู่ก็สั่งมาคนละถ้วย พอเดินไปสักพัก ก็เจอร้านขนมปังที่ยัดไส้ทะลัก ซึ่งมีลูกค้ากำลังรอคิวกันอย่างเนืองแน่น
“พี่คิน พี่สู้ไหม”
“อืม สู้”
“โอเค ถ้าพี่สู้ ผมก็สู้ เรามาถูกทางแล้ว ฮ่าๆ “
       หลังจากนั้นเมื่อการรอคอยได้สิ้นสุด เขาก็ได้ขนมปังมาอยู่ในมือ มัคเห็นท่าทางอร่อยๆของคินตา ก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายสตอรี่ลงในไอจี แต่ก็ไม่ได้เห็นชัดว่าในรูปนั้นคือใคร ยังคงสร้างปริศนาให้กับเพื่อนในแก็งและผู้ติดตามของเขาต่อไป หลังจากที่ทั้งคู่ อิ่มหนำกับมื้อดึกที่เยาวราชแล้ว ก็เริ่มพากันเดินย่อยเพื่อไปขึ้นรถกลับ แต่ทว่าคินตาก็ชงักขึ้น
“พี่คิน หยุดทำไมครับ”
“ถ่ายรูปมุมนี้ให้หน่อยสิ อยากลงรูปบ้าง”
คินตาว่าพลางส่งมือถือให้มัค มัคก็กดถ่ายให้ ได้มุมได้องศาที่ดี
“มัคถ่ายบ้างไหม มาๆ เดี๋ยวพี่ถ่ายให้”
ว่าแล้วคินตาก็ดันหลังมัคให้มายืนในมุมเดียวกัน
“ปะ กลับกันเถอะ”
“พี่คิน ทางกลับคอนโดพี่ กับบ้านผมมันคนละทางกัน”
“….?”
“ผมเลยคิดว่า แยกกันตรงนี้เลยไหมครับ”
“มันดึกแล้วไม่อยากให้กลับคนเดียว”
“ผมเป็นผู้ชายนะ ไม่ต้องห่วง แถมตัวใหญ่ด้วย เดี๋ยวเบ่งกล้ามให้ดู”
“จะเป็นเพศไหน ก็ต้องห่วง!”
“…..”
“เดี๋ยวไปส่งที่บ้านเอง”
“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ไปคอนโดพี่ดีกว่า ถือสะว่าไปส่งพี่ด้วยละกันนะ”
“มัค พรุ่งนี้มีนัดหรือเปล่า?”
“ไม่มีครับ วันหยุดพวกผมพอดี”
“พรุ่งนี้ไปวัดกัน อยากไปทำบุญ”
“……”
“เพราะฉะนั้น คืนนี้นอนที่คอนโดพี่ก่อน “
พอคินตาพูดจบ อีกคนก็ตาโตใส่ทันที เพราะไม่คิดว่าคนพี่จะกล้าชวนเขาไปนอนที่คอนโด แค่คิดก็จะตายแล้ว
“คิดอะไรลามกอยู่ละสิ”
“…….”
“จะให้นอนโซฟาข้างนอกต่างหากเล่า ไอ้เด็กบ้า”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2019 22:21:55 โดย anikarn »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Pearl tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 07 new!! (19/3/62)
«ตอบ #9 เมื่อ19-03-2019 09:19:22 »

 :pig4:
เห็นรายการอาหารซะอยากตามไปกินแบพี่คินกะน้องมัคมั่ง
 :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Pearl tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 07 new!! (19/3/62)
« ตอบ #9 เมื่อ: 19-03-2019 09:19:22 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 08 new!! (3/4/62)
«ตอบ #10 เมื่อ03-04-2019 22:48:18 »

ตอนที่8

       หลังจากที่รถของคินตาเลี้ยงเข้ามาจอดที่คอนโดหลังจากที่ไปตระเวนกินที่เยาวราชกันมา โดนขากลับคินตาเป็นคนขับบ้าง ส่วนอีกคนที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆเขา ในหัวกำลังคิดเป็นตุเป็นตะ ว่าเข้าห้องพี่จะทำตัวอย่างไร เอาจริงๆเขาก็แอบเครียด เพราะไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ขึ้นมาห้องพี่คินแบบนี้ แล้วที่สำคัญ คืนนี้และพรุ่งนี้ คงต้องยืมชุดพี่ใส่ เพราะเขามาแต่ตัวจริงๆ แต่คิดว่าถ้ามีร้านสะดวกซื้อแถวคอนโดคงจะขอแวะไปซื้อของส่วนตัวบ้าง เอาจริงๆก็เกรงใจเจ้าของห้องอยู่ แต่ทำไงได้วะ อยากมาก็อยากมา เอาวะ สู้! สู้อะไรวะ เห้ออ
     
       เมื่อรถจอดมัคแอบเห็นร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆคอนโดของพี่ จึงขอพี่ว่า อยากซื้อของส่วนตัวสักหน่อย คนพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคิดว่ามาซื้อน้ำเปล่าและขนมเข้าห้องด้วย พอเข้ามาถึงร้านสะดวกซื้อ มัคเดินแยกไปซอยแรกเพื่อเลือกหยิบแปรงสีฟันและอีกอย่างที่สำคัญ กางเกงในกระดาษ เพราะเขาคิดว่าพี่คงไม่ยอมให้ยืมอะไรแบบนั้นแน่นอน ถ้าเขาขอยืมเขาคงโดนพี่ด่าแน่ๆ เพราะฉะนั้น นี่คือทางออกที่ดีที่สุด ส่วนอีกคนแยกไปซอยสุดท้าย เลือกน้ำมา1แพ็คใหญ่ พร้อมด้วยขนม3ห่อใหญ่ พอจะจ่ายตังค์ มัคก็ให้พี่จ่ายก่อนเพราะเขาอายนิดหน่อยถ้าพี่รู้ว่าเขาซื้ออะไรมา

       ระหว่างที่ขึ้นลิฟท์มา มัคเริ่มใจไม่อยู่สุขอีกครั้ง จนอีกคนเริ่มงงว่าเป็นอะไรไปอีก ตอนนั่งรถก็เป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป น้องคงเครียดเรื่องงานแหละมั้ง พอมาถึงหน้าห้อง คินตาก็เปิดประตูเข้ามา เปิดไฟ เปิดแอร์ ส่วนอีกคนที่เดินตามเข้ามา ก็ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าโซฟา จนคินตาอดไม่ไหว

“มัค”

“……….”

“เป็นอะรหรือเปล่า เห็นเป็นแบบนี้มาสักพักแล้วนะ ตั้งแต่ในรถจนถึงห้อง”

“เอ่อ พี่คิน … ไม่มีครับ ไม่มีอะไร” ยิ่งพูดก็ยิ่งมีพิรุธ

“หืม แน่ใจนะ ” คินตาถามอีกครั้งพร้อมเอาหลังมือไปวัดที่หน้าผากแล้วต่อด้วยแก้มของน้อง

“………..” คนที่โดนมือของพี่อังที่หน้าผากและแก้มเริ่มนิ่ง นิ่งกว่าเดิม แถมตาจะถลนออกมาแล้ว

“ก็ตัวไม่ร้อนนะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอาผ้ามาให้แล้วมัคไปอาบน้ำนะ” ว่าแล้วก้หายตัวไปสักพัก ส่วนอีกคนก็เริ่มทรุดนั่งที่โซฟา แล้วเอามือจับอกตัวเองอยู่แล้วพรางคิดในใจว่า คืนนี้กูจะตายไหมวะ?

       พอทั้งคู่ต่างก็อาบน้ำเสร็จแล้ว แต่หัวก็ยังเปียกกันอยู่ คินตาจึงเรียกมัคมาใกล้ที่โต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆของเขาที่มีครีมบำรุงอยู่ประมาณหนึ่ง เพราะเขาก็ไม่ใช่คนสำอางอะไรมากมาย คินตาจับมัคนั่งลงก่อนแล้วหยิบไดรเป่าผมขึ้นมา มัคที่นั่งให้พี่เป่าผมให้ ก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ความตื่นเต้นก็เริ่มหายไป แต่กว่าจะตั้งสติได้ก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควรในห้องน้ำ เขาไม่อยากจะสารภาพเลยว่าเขาทำอะไรบ้างในห้องน้ำ บัดสีที่สุดแล้ว
 
 “อะ เสร็จแล้วครับ ทั้งหมด100บาทครับ ” คินตาว่าขึ้นเมื่อเห็นว่าผมของน้องแห้งแล้ว

“ขอบคุณครับ แต่ถึงตาช่างทำผมคนนี้ต้องมานั่งบ้างแล้วนะครับ” มัคก็เล่นต่อด้วยพร้อมลุกให้พี่มานั่งแทนที่เขา

“ครับ เอาดีๆนะครับ ”

“จะเอาดีๆเลยครับ ฮ่าๆ”

“ลกมกอีกแล้ว คนเรา!!” คินตาค้อนใส่อีกคนที่ยืนเป่าผมให้เขาอยู่

          เมื่อทั้งคู่ผมแห้งแล้วก็ออกมานั่งที่โซฟาสักพัก ทั้งที่เวลาก็ล่วงเลยมาจะตี2แล้ว เขาเปิดหนังดู ซึ่งอีกคนก็ท่าจะชอบเหมือนกัน เห็นนั่งดุอย่างตั้งใจ มีวิจารย์บ้างเล็กน้อย แสดงว่าคงหายเกรงแล้วสินะ พอหนังมาถึงตอนจบของเรื่องก้เป็นฉากที่พระเอกนางเอกจูบกัน มัคก้เริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้ง แล้วหันมามองพี่ด้วยสายตาเขินๆนิดหน่อย ส่วนคนพี่ก็นั่งก้มหน้าเพราะรู้ว่าอีกคนนั่งมองเขาอยู่

“พี่…..” มัคเรียกเบาๆ

“อื้อ อะไร” คินตาก็ตอบมาเบาๆเช่นกัน

“ก็เขา จูบ กันอะ”

“เออ รู้แล้ว…”

“ผม เขิน วะ แม่มไม่คิดว่าจะได้มานั่งตรงนี้ข้างๆพี่ แล้วมานั่งดูหนังที่ ที่…เขาจูบกันด้วย”

“………” มัคพูดเสร็จ สีหน้าคินตาก็แดงขึ้น

“พี่เขินเหมือนผมไหม ”
“อืม เขิน ” ว่าแล้วคินตาก็หยิบรีโมทมาปิดทีวี แล้วเดินหนีเข้าห้องไป

“เอ้าพี่ หนีไปไหนอะ แล้วจะให้ผมนอนที่ไหนครับ” มัคท้วงขึ้น

“ไม่รู้เว้ย อยากนอนไหนก็นอนเลย” คินตาตะโกนออกมาจากในห้อง

“งั้นผมนอนบนเตียงข้างพี่นะ” พอได้ยินแบบนั้น คินตาก็อึ้งไปสักพัก แล้วพยักหน้าให้อีกคน

“ขอบคุณครับ” ^^

“แต่เอาหมอนข้างกันนะ ห้องทำอะไรบ้าๆด้วย ไม่งั้นจะถีบให้ตกเตียงแน่ๆ”

“ได้ครับ ได้หมด ยอมทุกอย่างเลยครับนาทีนี้”

“เห้อ เหมือนพาจระเข้เข้าห้องอะ”

“ฮ่าๆ มาครับมานอนกัน”

          พอมัคและคินตานอนลง คินตาก็ทำการปิดไฟทันที เพราะขืนเถียงกันแบบนี้ ไม่มีทางได้นอนกันแน่ๆ เพราะอาจจะนอนดึกกว่านี้ แล้วทำให้ไปวัดไม่ทัน ทีนี้เป็นตาคินตาบ้างที่เริ่มไม่อยู่สุข เพราะเขาไม่คิดว่าในชีวิตต้องมาเจอสถานการแบบนี้ ต่างจากอีกคนที่นอนหันตะแคงข้างมามองหน้าเขาอยู่
“มัค รู้นะว่ายังไม่นอน แล้วจะมองหน้าทำไม ” คินตาพูดขึ้นทั้งๆที่ก็ไม่ได้หันไปมองอีกคนในที่มืด

“นอนไม่หลับครับ ตื่นเต้น”

“เลิกตื่นเต้นได้แล้ว แค่นอนเอง วู้ว” คินตาพูดพรางหันหน้ามานอนตะแคงเพื่อมองอีกคนคืน

“พี่ไม่เป็นผม พี่ไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไง”

“ทำไมจะไม่รู้ละ ก็ไม่ต่างกันหรอก บ้าเอ้ย”

“ฮ่าๆ พี่รู้ไหม ใจผมเต้นแรงมาก แรงจนแทบจะหลุดออกมา”

“จริงหรอ อาการเป็นยังไง บอกหมอหน่อยสิ้” คินตาทำท่าไม่เชื่อจึงได้เลื่อนมือไปสัมผัสตรงอกข้างซ้ายของน้อง
คนๆนึง นี่ทำไมต้องขยันทำให้ใจเต้นแรงตลอดเวลาด้วยนะ เห้อ! แล้วแบบนี้จะหลับลงไหมเนี่ย!!

....................................................................
เรากลับมาแล้ว หลังจากที่ติดสอบช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
วันนี้เลยเอามาฝากอีกสัก1ตอนเบาๆ เบาจริงๆ
ตอนหน้าจะพาเข้าวัด ไปในฐานะนักท่องเที่ยวด้วยกันนะครับ

รักและคิดถึง เจอกันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2019 22:22:50 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 09 new! 5/4/62)
«ตอบ #11 เมื่อ04-04-2019 23:55:44 »

 :call:

ตอนที่ 9
        ทุกคนครับ ให้ทายว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ใบ้ให้ง่ายๆ วัดสวยกลางเมืองหลวง ข้างๆมีสนามใหญ่ ถัดไปอีกหน่อยมีแม่น้ำสายหลักของประเทศที่มีเรือลอยลำอยู่กลางน้ำเต็มไปหมด… อืม ทุกคนคงรู้ตอบนั่นแล้วสินะ ครับ…ตอนนี้เราอยู่วัดพระแก้ว ถ้าถามว่ามาได้ยังไงนะหรอ อืม คงเป็นเพราะพวกเราตื่นสายกันละมั้งครับ จากที่จะไปแค่วัดใกล้ๆคอนโด ใส่บาตรตอนเช้า ให้อาหารปลาแล้วก็กลับมาพักผ่อนกัน แต่ไหง ลืมตาอีกทีเกือบเที่ยง!! คงผิดที่ผมเอง ลืมตั้งนาฬิกา แล้วก็ไม่ได้บอกแพลนกันอีกคนว่าจะไปไหนบ้าง ก็เลย… รีบอาบน้ำแต่งตัวกัน แล้วมานั่งคิดว่า จะไปวัดไหนดี นั่งคิดสักพัก เด็กตัวโต ก็พูดออกมาว่า อยากกินซูชิวังหลัง… ผมก็อืม แล้วไงอะ พอนึกดีๆ อ๋อ วัดพระแก้วอยู่ใกล้ๆนี่นา

        วันนี้ผมและเขามาในลุค นักท่องเที่ยว ถามว่าชุดใคร ก็ของผมไง คินคงไม่กลับบ้านไปเปลี่ยนหรอก คนนั้นนะ ตอนแรกบอกจะไปหาซื้อใหม่ นี่เลยต้องรีบเบรคก่อน ถ้าได้เข้าห้างคือจบเลยนะทริปไหว้พระอะ จนอีกฝ่ายโอเคด้วย เลยต้องรีบหาเสื้อผ้าที่ไซด์ใหญ่หน่อยให้อีกคนใส่

       เราทั้งคู่ เดินเข้ามาในเขตพระราชวัง ซึ่งต้องมีการตรวจสิ่งของว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ ส่วนใครที่แต่งกายไม่เรียบร้อย จะมีผ้าถุงให้ยืมใส่ เมื่อเดินมาสักพัก คินบอกให้ผมไปยืนรอเพื่อถ่ายรูปซึ่งฉากหลังเป็นเจดีย์สีทองตัดกับพื้นสนามหญ้า พอกดถ่ายไปสักพัก ก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มหนึ่งมายืนบังมุมที่เราจะถ่ายรูปกัน ซึ่งไกด์ก็บอกให้เราออกไปจากมุมนั้น เขาจะถ่ายบ้าง ไอ้เราก็งงๆอยู่ จนมัคได้เดินมาลากไป..
“อะไรอะ โดนไล่เฉย”
“ฮ่าๆ ไปเถอะ ได้รูปสวยๆมาอยู่” มัคบอกพลางส่งรูปให้ดู ซึ่งกล้องที่ถ่ายในมือเขานั้นก็ของผมนั่นแหละ ได้มาเป็นของขวัญวันรับปริญญาจากครอบครัว แต่… ก็ใช้ไม่ค่อยเป็น หามุมสวยๆไม่เป็นเลย พอคินเห็นเลยขอยืมมาถ่ายวันนี้ด้วย
“นี่ๆ อยากเข้าไปดูนิทรรศการผ้าของสมเด็จพระราชีนีจัง เห็นแม่มารีวิวให้ฟังว่าสวยมาก แต่ไม่รู้อยู่ส่วนไหน” คินตาเอ่ยถาม
“เปิดดูในโบว์ชัวร์เดี๋ยวนะครับ อ่า… เจอแล้ว เลี้ยวซ้ายกันเลยครับ นี่ไงเหมือนในรูปเลย” มัคชี้บอกทางอีกคนแล้วลากมือไปด้วย

       พอเดินเข้ามาในตัวอาควรเราทั้งคู่ก็เดินมาจนถึงโถงกลาง มีพนักงานคอยบอกข้อมูลว่าในตัวอาคารมีอะไรบ้าง และสำหรับค่าเข้าชมก็ไม่แพงนัก ผู้ใหญ่ 150บาทเท่านั้นเอง ซึ่งผมคิดว่าคุ้มนะ ถ้าได้มาดูชุดที่สมเด็จพระราชินีทรงสวมใส่ในการออกงานสำคัญต่างๆ

     เมื่อเราเข้าชมนิทรรศการผ้าเสร็จ เราก็พากันเดินออกมาเพื่อไปสักการะพระแก้วมรกตซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิของประเทศเรา คินพามัคมายืนอยู่หน้าอ่างน้ำแล้วบอกให้เอาบัวใส่หัวแล้วไหว้ขอพร สักพักมีชาวต่าชาติเข้ามาถามว่าทำทำไม เราเลยตอบไปว่า เป็นความเชื่อของพวกเรา หากเอาบัวจุ่มน้ำแล้วเคาะหัวจะทำให้โชคดี พอเขาได้ฟังเช่นนั้น ก็ทำตามแล้วขอบคุณ… และเราทั้งคู่ก็ได้เดินเข้ามาในสถานที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต เราก็เริ่มกราบ และสวดมนต์อธิฐาน ผมก็ขอให้การงานราบรื่นประสบความสำเร็จ ส่วนอีกคนจะอธิษฐานว่ายังไงต้องรอถาม
“ขอพรไรอ่า” คินตากระซิบถาม
“พี่อยากรู้จริงหรอ” มัคกระซิบกลับใกล้ๆใบหูพร้อมสีหน้ากรุ้มกริ่ม
“เอ่อ ไม่อยากรู้ละ ไปถ่ายรูปดีกว่า” ว่าเสร็จก็เดินออกไป

     คินตาเลือกเดินมาที่มุมเจดีย์สีทองที่มีรูปมโนราห์และยักษ์ซึ่งอยู่รอบๆเจดีย์ เขาเห็นฝรั่งกำลังทำท่าตามยักษ์ เลยสะกิดบอกมัคให้ไปทำตาม มัคก็บ้าจี้ไปทำตาม ก็เลยได้รูปนั้นมา แม้จะไม่ได้มุมที่สวยมาก มัคก็คิดว่าจะลงรูปนี้ในอินสตราแกรม เพียงเพราะคนพี่ถ่ายให้แค่นั้น

     เมื่อทั้งคู่ไหว้พระและแวะถ่ายรูปในมุมต่างๆเสร็จแล้ว ก็ต้องรีบเดินออกไปยังหน้าเขตพระราชวัง เพราะอากาศตอนนี้ร้อนมาก ร้อนสุดๆไปเลย เขาทั้งสองมาหยุดอยู่ที่ร้านขายน้ำเปล่า มัคถามราคาแม่ค้าและจ่ายตังค์ไปให้เขา และรับน้ำมาถือ2ขวด แต่พอหันกลับมายังคินตา ก็พบว่ามีกระดาษทิชชู่ถืออยู่ในมือ และมือเริ่มเข้ามาใกล้หน้าเขามาก และก็ถูกซับเข้าที่ใบหน้าเขา พอซับเสร็จ อีกคนก็ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และรับน้ำไปเปิดดื่มต่อ… อ่า ใจบางจังโว้ยยยย
 
      แต่ทะว่า หากสักเกตุดีๆ มีเด็กสาวกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆเขา ต่างยืนกริ้ดเอามือปิดปากต่างพากันพูดว่า “เป็นแฟนกัน….ดูออก”


     ตอนนี้ทั้งคินตาและมัคกำลังจะเดินขึ้นเรือ เพื่อข้ามฝั่งไปวังหลัง ไปตามหาซูชิเจ้าอร่อยในราคาแสนถูกกัน แต่ก่อนที่จะข้ามน้ำนั้น คินตาเหมือนจะเวียนหัว อาจจะเพราะเมาเรือ มัคที่เห็นอีกคนหน้าซีดเช่นนั้น เลยบอกให้มองไปไกลๆ พร้อมเอามือพัดให้ พอเรือจอดเทียบท่า คินตารีบเดินมาหยุดสักพักเพื่อหายใจหายคอให้เป็นปกติ แล้วจึงเดินต่อไปยังร้านซูชิ
 
     เมื่ออาหารมาครบพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งเหล่าซูชิเซทใหญ่และข้าวแกงกะหรี่หมู มัคก็ได้กดอัพเดทในสตอรี่ไอจี ว่ามาวังหลังกับใครสักคนที่ยังไม่มีใครรู้ข้อมูลแน่ชัดว่าเขามากับใคร แม้จะทักมา เขาก็ไม่ตอบใครทั้งนั้น หึ! หลังจากนั้นทั้งเขาและพี่ก็พากันกินจนแก้มป่องทั้งคู่ ต่างก็แย่งกันกินกันเป็นเด็กๆ
“อะพี่ ชิ้นสุดท้าย แฟนหล่อ” มัคยื่นซูชิชิ้นสุดท้ายให้คินตา
“อิ่มแล้วก็บอกว่าอิ่ม อย่ามาทำเป็นให้”
“ให้จริงๆ ไม่เชื่อหรอ ว่าจะได้แฟนหล่ออะ”
“ไม่อะ ไม่คิดจะมีแฟนหล่อหรอก มีแฟนสวยดีกว่า”
“งั้นผมต้องไปแปลงเพศใช่ไหม พี่ถึงจะรัก”
“จะบ้าหรอ ใช่ที่ไหนกันเล่า”
“งั้น…ก็แสดงว่าเป็าผมได้ใช่ไหมครับ”
“อะ พูดมากจัง เอามานี่เดี๋ยวกินเอง” พอว่าเสร็จก็ก้มหน้าก้มตากิน หูนี่แดงเถือก จนอีกคาอดยิ้มให้ไม่ได้เลยแกล้งๆเอามือถือขึ้นมาเล่น แต่แอบกดถ่ายรูปนั้นไป แต่ไม่คิดจะลงหรอกนะ หวง!!



     ตอนนี้ทั้งคู่นั่งงเรือข้ามฝากมาฝั่งท่ามหาราชกัน รอบนี้คินตาไปมีท่าทางว่าจะมีอาการเช่นเดียวกันรอบแรก คินตาบ่นอยากกินของหวาน เลยชวนน้องมาฝั่งนี้ ตรงนี้ก็เหมือนจะเรียกว่าอเวนิวท่ามหาราชมั้งนะ มีร้านค้าหลายร้าน ทั้งคาว ทั้งหวาน บางร้านก็หวานจนเบาหวานเรียกพี่ แต่สำหรับเขาทั้งคู่นั้นมุ่งตรงไปที่ร้านชานมไข่มุก ณ เวลานี้เขาต้องการชมนมไข่มุกฉีดเข้าเลือดเท่านั้น
“พี่ครับของหวานน้อยแก้งนึง เพิ่มหวานแก้วนึงครับ” มัคสั่งเผื่ออีกคนที่ลังเลว่าจะกินอะไร
“เอ้า สั่งเร็วจังอะ ยังไม่ทันเลือกเลย” คินตาทำหน้างงใส่อีกคน
“พี่กินอย่างอื่นเป็นด้วยหรอ นอกจากอันนี้” มัคถามให้
“เหอะ เจอกันกี่ครั้งเชียว ทำมาเป็นรู้ดี” คินตาค้อนใส่ แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก
“3 ครับ และจะเจอกันอีกเรื่อยๆ และตลอดไป”
“เห้อ พูดไปเรื่อยอะ ไปรอนุ้นนะ” ว่าเสร็จก็รีบหันหนีทันที จนอีกคนได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆให้
จนคนขาย ต้องถามขึ้นว่า “เพิ่งเริ่มจีบหรอครับ สู้ๆนะ” มัคได้แต่ยิ้มแล้วเอามือมาเกาหลังคอเพราะดันมาเขินต่อหน้าคนขาย
“นี่ครับ ของพี่”มัคยื่นแก้วชานมไข่มุกให้
“ขอบใจนะ” คินรับมาแล้วรีบดูจนแก้มป่องออกมา
“ค่อยๆดูดครับ เดี๋ยวแก้มแตก” พูดไปพรางเอามิอจับแก้มไว้
“อ่อย อือ เออ อะ”
“อะไรนะครับ?”
“ปล่อยมือเลย อย่าเนียนๆ”
พอมัคได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะขึ้นแล้วรีบปล่อยมือออกจากแก้มอีกฝ่ายแล้วทำเป็นดูดชานมของตัวเองบ้าง


       ทั้งคู่ได้เดินมาด้วนบน ซึ่งจะมองเห็นวิวของคุ้งน้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะมองเห็นฝั่งวังหลัง มัคบอกให้คินตานั่งอยู่เฉยๆตรงนี้ เพื่อเขาจะได้เดินถอยออกไปถ่ายรูปให้ รูปที่ได้มาเป็นฉากหลังที่สวยมาก แสงตกกระทบมาพอเหมาะพอเจาะ และเขาคิดว่า ถ้ามีโอกาสคงอยากจะลงรูปนี้เพื่ออวดเพื่อนๆเขา แต่คิดไปคิดมา ก็หวง ไม่ลงดีกว่า…

“ พี่คิน รูปสวยไหม” มัคยื่นให้อีกคนดู
“อืม สวยมาก สวยกว่าพี่ถ่ายมาก ฮ่าๆ”
“ครับ แล้วพี่อยากลงรูปไหม?”
“ไม่หรอก แค่อยากเก็บไว้”
“ทำไมละครับ รูปสวยนะ”
“ก็… แค่อยากเก็บไว้ ไม่ได้อยากอวดใคร” พูดเสร็จก็อมยิ้มเล็กให้อีกคน
“ครับ ผมก็ไม่อยากอวดใครเหมือนกัน”
“………..”
“รู้ไหมครับทำไม?”
“…..?.....”
“ผมหวงไง ไม่อยากให้ใครเห็นเลย ว่าคนในรูป น่ารักแค่ไหน”
ว่าแล้วก็พ่างงงงงง พี่คินตาหน้าแดง หูแดง จนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ดูไข่มุกในมือจนหมดจนเม็ดสุดท้าย บ้าเอ้ยยยย….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2019 22:23:47 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 10 new!! 6/4/62)
«ตอบ #12 เมื่อ06-04-2019 22:06:49 »

ตอนที่ 10

คนเดียวที่คิดถึง
ที่รักเธอเป็นดั่งดวงใจ
เธอไม่มาด้วยเหตุใด
จะไปไหนเธอไม่บอก
ทิ้งฉันไว้คนเดียว…

อืมม กี่วันแล้วนะ ที่เราไม่ได้เจอกัน ถ้านับจากวันนั้นหรอ สัก7วันได้ละมั้ง
ถ้าถามว่าทำไมไม่เจอ ก็ผมเป็นเฮทหลักในการรับน้องปีนี้ไง
แล้วถ้าถามว่า ทำไมไม่ไปหาละ
อืม… ก็พี่บอกให้หน้าที่ของตัวเองให้เสร็จก่อนก็ได้ ค่อยมาเจอกัน
แล้วผมต้องทำไง นั่งทำงานต่อไปไง อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันรับน้องจริงๆแล้ว

คนเดียวที่คิดถึง
ป่านนี้ใจเธอคิดอะไร
คิดถึงฉันหรือเปล่า
ว่านอนหนาวหัวใจ
หนาวเกินคำบรรยาย

ถามว่าหนาวไหม หนาวสิ ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องชมรมที่เปืดแอร์เกือบจะ20องศา
กว่าจะเคลียร์รายชื่อเด็กปี1เสร็จ อื้อหือ ไม่ง่ายเลยครับงานเอกสาร
แล้วทำไมผมไม่ให้คนอื่นทำหน่ะหรอ อืม… แค่ไม่ไว้ใจใครมั้ง แค่แบ่งงานไปให้ทุกฝ่ายทำ
ก็ปวดหัวจะแย่ ถ้างานเอกสารจะต้องมาผิดพลาดแล้วต้องมานั่งแก้อีก ผมว่าผมทำเองดีกว่า …



เลยเวลาเธอไม่มาหา
รู้บ้างไหมว่าฉันคอย
กำลังใจเริ่มจะถดถอย
น้ำน้อยๆล้นออกตา

อืม ถ้าถามว่าน้ำตาจะไหลไหม ก็คงไหลตกในอะครับ ไม่ใช่ว่างานยากงานเยอะนะ
ผม แค่คิดถึงพี่ อยากเจอตัวเป็นๆ ไม่ใช่แค่โทรหาหรือแชทหาเท่านั้น

คิดถึงเธอแทบใจจะขาด
อยากให้เธอกลับมาสักที
คิดถึงเธอทุกวินาที
อยากจะพบเธอคนเดียว

อืม เอาละ ความรู้สึกผมเริ่มหมดความอดทนแล้ว ละไอ้เพื่อนคนไหนมัยเปิดเพลงนี้วะ
เรียกอารมย์ผมสุดๆ แม่มเอ้ย!! ไม่ทนแล้วโว้ย!!!

“ไอ้มัค! จะไปไหนวะ งานเสร็จยัง?” เพื่อนเบอร์1ถาม เมื่อเห็นเขาลุกออกจากโต๊ะพร้อมกำมือถือไปด้วย
“ขอเวลานอกแป็ปดิ จะลงแดงละเนี่ย” มัคว่าพลางเปิดประตู
“ลงแดงไรวะ แม่ม” เพื่อนเบอร์2ถามต่อ
“คิดถึงชานมไข่มุก!”
“โทรสั่งไลน์แมนดิ หรือไม่ก็ให้พวกปี2ซื้อมาให้”
“โว้ยย ชานมแก้วนี้กูจะไปเอาเอง! ไปละเดี๋ยวมา” ว่าเสร็จก็เดินหนีโดยไม่สนใจเพื่อนที่ทำงานอยุ่ด้วยกัน

เมื่อคนที่คิดถึงชานมไข่มุกมาก จนถึงขึ้นเกือบจะลงแดงตาย เดินลงมาหน้าตึกคณะแล้วมือถือขึ้นมาเพื่อโทรหาใครอีกคน
“ตื้ดๆๆ”
“โทรไม่ติดว่ะ พี่คินทำไรอยู่เนี่ย”
เมื่อโทรไม่ติด อาจจะเพราะแบตหมด หรือไม่มีสัญญาณ เอ๊ะ หรือว่าจะ…
เห้อไม่หรอกมั้ง คิดไรของผมวะเนี่ย สักพักก็มีคนโทรเข้ามา…
“มัค โทรไปไม่ติดอ่า” คินตาถามขณะที่กำลังหาที่จอดรถอยู่
“ครับ ผมก็โทรหาพี่ไม่ติดเหมือนกัน”
“สงสัยโทรชนกันมั้ง”
“พี่คินนน อยู่ไหนครับ อยากเจอวะพี่ทำงานโคตรเหนื่อยเลย ไม่น่ารับงานนี้มาเลย”
“เอ้า นี่อ้อนหรอ อยากเจอก็เดินมาสิ รออยู่ในรถ จอดแถวหน้าตึก”
“เอ้ย พี่มาจริงหรอ แป็ปนะครับ” มัควางสายแล้วรีบเดินหามินิของพี่ทันที เมื่อเห็นก็รีบเปิดประตูรถทันที

ความรู้สึกแรกที่เจอพี่นะหรอ อยากกอด อยากสัมผัส แต่ผมทำได้แค่ยิ้มให้ แค่นี่ก็รู้สึกว่าได้ชาร์ต
พลังแล้ว อ๊าา คนแบตเต็มความรู้สึกเป็นแบบนี้นี่เอง…

“อ้ะ เย็นครับ” มัคตกใจทันทีที่คินยื่นแก้วชานมไข่มุกมาทาบที่ข้างแก้ม
“ชานมไข่มุกหวานน้อยครับ 40บาท จ่ายด้วย” คินตาแบมือขอ
“ให้100นึงเลย แต่อยู่กับผมทั่งคืนนะ” มัครับแก่วนั้นมาแล้วดูด
“ขาดทุนแย่เลย ไม่เอาละ ฮ่าๆ”
“…..”
“เป็นไง เหนื่อยไหม สู้ๆนะ ใกล้วันจริงแล้ว ทำให้เต็มที่ อย่าลืมพักผ่อนด้วยละ”
คินตาพูดด้วยความเป็นห่วง แม้ตัวเขาจะไม่ใช่นักกิจกรรม แต่ก็พอรู้ว่าคนที่ทำ
งานแบบนี้ ต้องใช้พลังงานเยอะแค่ไหน
“ขอบคุณสำหรับกำลังใจแก้วนี้นะครับ”
“แล้วนี่กินข้าวหรือยัง ดึกแล้วนะ”
“กินเรียบร้อยแล้วครับ แต่คงรอกินรอบดึกหลังเลิกงานแหละครับ”
“วันนี้เลิกกี่ทุ่ม” คินตาถามอีกครั้ง
“เวลาเดิมครับ เที่ยงคืน”
“งืม ป่านนั่นพี่คงหลับไปแล้วฮ่าๆ”
“แล้วนี่พี่เลิกงานแล้วขับรถออกมาอีกหรอ หรือว่าวันนี้ขับรถไปทำงาน”
“วันนี้ขับรถไปทำงานที่ศาลต่างจังหวัด เพิ่งกลับมา เลยแวะมาดูเหล่าซอมบี้ที่ไม่ยอมพักผ่อนกัน”
“พี่ว่าซอมบี้ตัวนี้น่ารักปะ”
“หื่อ ไม่อะ น่ากลัวมากกว่า ฮ่าๆ”
“พี่อ่า ผมอุตส่าทำท่าน่ารัก พี่ไม่คิดจะรักบ้างหรอ”
“……………….”คินตาเงียบไปสักพัก
“อะ เงียบ งั้นเปลี่ยนคำถามไหม”
“เปลี่ยนว่าไงอะ”
“เกือบอาทิตย์ที่ไม่เจอหน้ากัน คิดถึงผมบ้างไหม?” มัคจ้องตาคินตาหวังรอคำตอบจากคินตา
“ก็ ถ้าไม่คิดถึง คงไม่แวะมาหาหรอก”

จากคำตอบครั้งนี้ของพี่ ผมว่าผมตายอะ อยากจะเรียกเพื่อนลงมาเก็บศพผมมาก แต่ไม่ได้หรอก
เดี๋ยวมันเห็นพี่ หวงวะ


“ไงเมิง ยิ้มกลับมาเชียวนะ ได้ชานมหรือกัญชามาวะเนี่ย”เพื่อนเบอร์1ถามเมื่อเขาเดินยิ้มเข้ามา
นั่งทำงานต่อที่ห้องสโม
“อยากด่าไร ก็ด่าเลยครับ ตอนนี้กูแฮปปี้ครับ” มัคบอกกับเพื่อนเบอร์1
“ไอ้*** ไอ้***” เพื่อนเบอร์2 ด่า
“ไอ้เวร ด่ากูเพื่อ” มัคถามเพื่อเบอร์2อย่างงงๆ
“เอ้า ก็เมิงบอกให้ด่า ด่าอะไรก็ได้”
“เห้ออออ ทำงานๆ อย่าอู้!” มัคบอกเพื่อน
“เมิงนั่นอู้ พวกกูทำงานรอเมิงทั้งนั้นเนี่ย เมิงแม่มหนีไปหาสาวสะงั้น”
“อ้ะ ขอโทษคร้าบ เพื่อนคร้าบ”

หลังจากที่ทำงานด้วยความคึกครื้นทั้งเสียงก่นด่าจากเหล่าเพื่อนๆของเขา
จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงเที่ยง ถึงเวลาอันสมควรที่ทุกคนจะต้องกลับไปพักผ่อน
เพื่อตื่นมาเคลียร์งานในวันสุดท้ายก่อนจะถึงวันรับน้องจริง ผมก็หวังว่างานครั้งนี้ของ
พวกเรามันจะประสบความสำเร็จ และได้รับคำชื่นชมจากน้องๆที่มาใหม่ในฐานะเฟรชชี่ ผมก็
อยากทำให้ครั้งหนึ่งในการเป็นเฟรชชี่ของพวกเขามีความสุขมากที่สุดก็แค่นั้น

      จากที่พวกผมคิดว่า ถ้าเลิกงานวันนี้จะไปหากินข้าวรอบดึกกัน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นแยกย้ายกัน
กลับบ้าน เพราะต่างคนก็ต่างไม่ไหว บางคนก็กลับหอ กลับบ้านกัน ส่วนผมก็กำลังโบกแท็กซี่
เพื่อกลับฝั่งธนอยู่ เลยตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแชท เพื่อบอกฝันดีให้อีกคน และบอกว่า
กำลังนั่งแท็กซี่กลับบ้านครับ

       หลังจากที่ผมส่งข้อความนั้นไป ก็ได้รับข้อความในช่วงเช้าตอบกลับมาว่า
“พรุ่งนี้เตรียมเสื้อผ้ามานอนที่นี่ด้วย จะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”
จากที่ผมกำลังงัวเงียเพราะนอนดึกตื่นเช้า เมื่อเห็นข้อความของพี่ กลับตาสว่างขึ้นทันที
YES!!!!ไอ้พี่บ้าเอ้ย! สั่งมาขนาดนี้ ผมก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะสิ

        ผมที่ไม่รู้ว่าวันนี้จะต้องเจออะไรบ้าง อุปสรรคในการทำงานมันจะยากแค่ไหน แต่ผมรู้แค่ว่า
เย็นนี้ผมจะได้เจอพี่ ผมก็พร้อมจะสู้ชิบหายวายป่วงแล้วอะ ขอบคุณพระเจ้าโว้ยยยย!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2019 22:24:45 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 11 new!! 8/4/62)
«ตอบ #13 เมื่อ08-04-2019 23:43:46 »

ตอนที่ 11

คืนก่อนวันแรกพบ

        นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ชั้นปีที่3 คณะวิศวกรรมศาสตร์กำลังยืนทำหน้าเบลออยู่ใต้คอนโด รอพี่ลงมาเปิดประตู
ให้ด้วยความที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาและเพื่อนต่างก็รีบเร่งงานให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันการผิดพลาด
ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้แม้ว่าวันนี้เขาจะเตรียมแผนสำรองไว้หลายอย่าง แต่ถ้าเหตุมันจะเกิดมันก็คงต้องเกิด ดังนั้น ก็ต้อง
รอดูหน้างานเท่านั้น

      เมื่อพี่ลงมาถึง ครั้งแรกที่มองมายังมัค ก็ได้แต่อุทานในใจว่าไอ้**** ทำไมสภาพเละแบบนี้ผมเผ้าไม่เป็นทรง เสื้อผ้า
หลุดลุ่ย อีกทั้งหน้าตากำลังเบลอได้ที่ เขาจึงเดินเข้ามายังตัวมัค แล้วบอกให้นั่งรอที่โซฟารับแขกของล็อบบี ้คอนโดสักครู่
ส่วนตัวเขาก็เดินไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ
“ซื้ออะไรดีละ”
“แบรนด์หรอใช่ๆ บำรุงสมองหน่อย”
“เอ๋ ลืมถามเลย ว่ากินอะไรมาหรือยัง อืม… ซื้อไปเลยละกัน ถ้าไม่กิน เดี๋ยวจัดการเองได้”

      ทะว่าบทสนทนานั้นไม่ใช่บทสนทนาของคินตากับใครทั้งนั้นแต่ทะว่าเขาคุยคนเดียว ตัดสินใจคนเดียว ด้วยเห็นสภาพน้องเมื่อสักครู่แล้ว ก็สงสาร กลัวเป็นลมเป็นแล้งไป จึงตัดสินใจหยิบๆทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่มบำรุงต่างไปจนเต็มตะกร้า
“มัค มาแล้วๆไหวไหมเนี่ย”เสียง คินตาที่ซื้อของเสร็จกำลังวิ่งมาทางมัค
“พี่คิน ค่อยๆเดิน อย่างวิ่ง” มัคเตือนเบาๆ
“อะ ปะๆไปได้แล้ว”
คินตาลากแขนอีกคนเข้ามาในลิฟท์แล้วกดชั้นของตนเอง อยู่ในลิฟท์สักพักก็สังเกตสีหน้าอีกคน
“สภาพไม่ไหวจริงๆ” คินตาพูดพลางส่ายหน้า
“ครับ ไม่ไหวอยากกอดพี่จังอยากเพิ่มพลัง” มัคพูดอ้อนๆ
“อะ พูดขนาดนี้แสดงว่าหายแล้ว งั้นพวกนี้ไม่ต้องกินแล้วแหละ”
พอลิฟท์เปิด ก็เดินมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าห้อง พอเข้ามาในห้อง คินตาก็เอาของที่ซื้อมาไปไว้ที่โซนครัว แล้วถือแซนวิช
ร้อนๆ กับน้ำเปล่ามาให้อีกคน
“อะ กินก่อน เดี๋ยวเป็นลม”
“พี่รู้ได้ไงว่าผมยังไม่กินอะไร”
“หึดูสภาพสิยับเยินอะบอกเลย พรุ่งนี้จะไหวไหมเนี่ย” คินตาว่าพลางเอามือทาบบนหน้าผาก
“....................”
“ตัวรุมๆงั้นกินแซนวิทนี่แล้วกินยานะ เดี๋ยวไปหยิบยามาให้” ว่าเสร็จก็เดินเข้าห้องไปค้นหายาพารามาเตรียมไว้ให้อีกคน
 
      ส่วนมัคที่พอได้ยินคำสั่ง ก็ต้องค่อยๆกันแซนวิชนั่น แล้วค่อยๆยิ้มออกมา ...การที่มีใครสักคนเป็นห่วงเรานี่มันดีต่อใจ
แบบนี้นี่เอง คนอะไร โคตรน่ารักเลย ให้ตายสิอยากจับมาฟัดชะมัด...

      เมื่อมัคที่อาบน้ำเสร็จแล้ว กำลังนั่งเป่าผมอยู่ คินตาก็เดินเข้าในห้องนอน
“วันนี้นอนก่อนได้เลยนะแล้วอย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกด้วย”
“พี่ยังไม่ง่วงหรอครับ 4ทุ่มแล้วนะ”
“ขออ่านหนังสือสักหน่อยก่อนนะ นอนก่อนเลย”
“งั้น พี่คิน ฝันดีนะครับ”
“อืม ฝันดีล่วงหน้า”

      หลังจากที่คินตาบอกฝันดีอีกคน เขาก็กลับมานั่งอ่านหนังสือเพราะอีกไม่ถึงเดือนเขาต้องเข้าสอบใบอนุญาตว่าความ
ของทนาย ซึ่งการสอบครั้งนี้มันสำคัญต่อเขามาก แม้จะเป็นครั้งแรกที่สอบเขาก็ต้องทุ่มเทให้กับมันอย่างมาก เพราะถ้าเกิด
สอบผ่าน นั่นหมายความว่าอาชีพทนายอยู่แค่เอื้อม ดังนั่นเขาจึงต้องตั้งใจเป็นพิเศษ

        การสอบของเหล่านักกฎหมายก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากท่อง ท่อง แล้วก็ท่อง พอท่องได้ต้องมาฝึกทำข้อสอบให้ชินมือ
เพื่อเวลาเข้าห้องสอบจะได้ไม่ตื่นเต้น เป็นการลดความประหม่าลงได้เยอะ ใครที่เรียนด้านนี้มา จะพบแต่ความกดดัน
เพราะการสอบทั้งชีวิตจะไม่เจอข้อสอบกากบาทเลย เจอแต่ข้อสอบเขียน เขียนให้เยอะและต้องได้สาระอีกด้วย ถ้าถามว่า
เครียดไหม อืม… ก็เครียดมาก ถึงขนาดว่าเพื่อนในคณะแอบหนีไปปั่นเป็นกลางน้ำคนเดียวแล้วท่องประมวล แต่สำหรับเขา
แล้ว ก็ไม่ได้เครียดนัก เพราะทำเต็มที่ในแบบของเรา ไม่เอาความสำเร็จของคนอื่นมาเป็นแรงกดดัน แต่ให้เอามาเป็นแรง
พลักดัน

       คินตาตัดสินใจวางหนังสือในมือเมื่อเห็นนาฬิกาล่วงเลยมาจนถึงเวลาเกือบเที่ยงคืน เขาจึงปิดไฟข้างนอกตรงที่เขานั่ง
อ่านหนังสือแล้วเปิดประตูเข้าไป เขามีความกังวลว่าคนที่โหมงานหนักที่นอนอยู่ตรงหน้าจะป่วย จึงเอามือทาบบนหน้าผาก
อีกครั้ง แล้วพบว่ามันกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆเขาจึงตัดสินใจลดแอร์ลง แล้วเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาวางไว้บนหน้าผาก
ตกดึกประมาณตี3ใครคนนั้นที่กำลังป่วย เริ่มบ่นว่าร้อน แล้วผลักผ้าห่มออก จนคินตาตื่นมาดูอีกทีจึงกำชับผ้าห่มให้
แน่นเพื่อพิษไข้จะได้ระบายออกทางขุมขน แล้วจัดการเอาผ้าชุบน้ำมาลุบตัวจนทุกอย่างสงบลงอีกที

ติ้ดๆๆๆๆ
เสียงเตือนจากนาฬิกาของมัคที่ดังขึ้นในเวลาตี5.45 น. คินลืมตาขึ้นมาก่อน แล้วกดปิดเสียงไว้
“หืม ตั้งปลุกเช้าขนาดนี้เลยหรอเนี่ย”
“แล้วเป็นไข้ขนาดนี้จะไหวไหมเนี่ย”

      หลังจากนั้นคินตาจึงค่อยๆปลุกมัคให้ตื่นขึ้นมา เมื่อคนไข้ถูกปลุกขึ้นมาในเวลาเกือบ6โมงเช้าก็เริ่มงอแงว่าไม่อยากตื่น
“อืมมม พี่คิน ผมปวดหัว ไม่อยากลุกเลย” มัคส่งเสียงบอกคินตา
“นอนต่อดีไหม วันนี้ไม่ต้องไปงานหรอก”
“เอ่ออไม่ได้ครับ ผมเป็นเฮท ไม่ไปไม่ได้เดี๋ยวผมลุกแล้ว”
“มัค ไม่ไหวอย่าฝืนสิ” คินตาเริ่มส่งเสียงดุให้
“พี่คิน... อย่าดุสิช่วยผมลุกขึ้นก่อนนะ”
ว่าแล้วคินตาก็ต้องช่วยอีกคนลุกขึ้นแล้วพาไปเข้าห้องน้ำ พร้อมเตรียมผ้าชุบน้ำไว้ให้อีกคน
“ห้ามอาบน้ำนะ เช็ดตัวเอา เข้าใจไหม เดี๋ยวจะไปเตรียมอะไรรองท้องให้แล้วจะได้กินยา” ว่าเสร็จก็หันหลังให้มัคทันที
ซึ่งมัคได้ยินเช่นนั้น ก็คงต้องทำตาม เออไม่อาบก็ไม่อาบวะ ฉีดน้ำหอมเอาก็ได้

       ในเวลาเกือบ7โมงเช้าคินตาที่กำลังขับรถมาส่งอีกคนที่บริเวณหน้าคณะวิศวะ ที่ภายในบริเวณเต็มไปด้วยการประดับ
ตกแต่งทำให้เห็นความชัดเจนว่า วันนี้คือแรกพบ แล้วที่สำคัญ ประธานกิจกรรมกำลังป่ วย!!!
“งานเลิกกี่โมง”
“เอ่อเกือบๆ4โมงเย็นครับ แต่อาจจะเลทหน่อยนะครับ”
“วันนี้สายๆ พี่จะเข้าออฟฟิตนะ คงเลิกประมานเวลาใกล้ๆกันนั่นแหละจะกลับยังไงก็โทรมาบอกด้วยละ”
“ขอบคุณครับพี่คิน ถ้าไม่ได้พี่ ผมพังกว่านี้เเน่ๆ”
“อืม ยังไงก็ดูลิมิตตัวเองด้วย กินยาหลังอาหารด้วย”
“เห้อ... มาป่วยต่อหน้าพี่แถมให้พี่ดูแลอีก แม่ม ไม่คูลเลย”
“เออให้หายแล้วค่อยมาคูลก็ได้ ไม่รีบ”
“ฮ่าๆขอบคุณครับ จอดตรงนี้แหละครับ เดี๋ยวผมเดินไปหาเพื่อนๆเอง”

“เข้าไปอีกหน่อยไหม จะเดินไหวหรอ”
“ไหวครับ อีกอย่าง ผมไม่อยากให้ใครเห็นพี่ตอนนี้ที่สภาพเพิ่งตื่นแล้วรีบออกมาขับรถ”
“หึ สภาพนี้จะทำไม เซ็กซี่จะตาย เดินลงไป มีแต่คนมองแน่”
“นั่นแหละครับ ห้ามๆ ห้ามลงไปในสภาพแบบนี้เด็ดขาด หวงวะพี่”
“เออ หวงก็หวงสิไปๆไปได้แล้ว นี่จะได้รีบกลับไปเปลี่ยนชุดสักที”


       หลังจากที่มัคเดินลงมาจากรถของคินตา ก็เดินเอื่อยๆ มาจากถึงลานหน้าคณะซึ่งก็มีทั้งปี3 ปี2และเหล่าเฟรชชี่
ทั้งหลายที่เริ่มทยอยกันมาลงทะเบียน ซึ่งขั้นตอนแรกก็ไม่มีอะไรมานอกจากแจ้งซื่อแล้วรุ่นพี่ปี2 ก็จะให้ป้ายชื่อคล้องคอไว้
ขณะที่มัคกำลังเดินเข้ามานั้น ทุกคนก็เริ่มให้ความสนใจเพราะทั้งหน้าตาส่วนสูงของมัคนั้น เอาจริงถ้าพูดตามตรงก็
คือ คนหล่อดีๆนี่แหละแต่ด้วยวันนี้ใส่แมสปิดปากมาด้วย ก็เลยถูกจับจ้องเป็นพิเศษ
“เฮ้ ไอ้ประธานมาแล้วเว้ย” ไอ้เพื่อนเบอร์1ของเขาทักเขาขึ้น จนทำให้น้องๆปี2ที่รู้จักเขาก็ต่างสวัสดีเขากัน
“พี่มัคหวัดดีพี่/ ดีค่าพี่ประธาน”
“ทำไมใส่แมสมาวะไอ้ประธาน”เพื่อนเบอร์2ถามขึ้น
“ไม่สบายนิดหน่อยวะ เกือบมาไม่ได้” มัคบอกผ่านแมสไป
“เอ้ย จริงปะเนี่ย ไม่สบายทำไมไม่บอกวะ เมิงก็พักๆไปเลยก็ได้ทางนี้พวกกูดูเเลเองได้เว้ย” เพื่อนเบอร์2เข้ามาเอามือทาบ
หน้าผากแล้วบอกมัคเสียยกใหญ่
“ไม่ได้หรอกวะ ที่ผ่านมาเราทุ่มเทกันมามาก เพื่อวันนี้โดยเฉพาะ ไม่มาไม่ได้” มัคบอกเพื่อนไป
“แต่เมิงป่วย ป่วยชิบหาย สภาพพังสุดๆเลยเนี่ยนะ”เพื่อนเบอร์2ว่า
“เมิงก็เวอร์ไป ดีขึ้นแล้ว เมื่อคืนได้พยาบาลดีวะ” ว่าเสร็จก็ยักคิ้วขึ้นจนเพื่อนหมั่นไส้จนอดยกมือมาจะตบหัวมัคไม่ได้
“หยุดๆ กูป่วยอยู่”
“ป่วยแต่กวนส้น***แบบนี้มันสมควรโดน!!”
“ป๊าป!!!!!” “โอ้ย.... ไอ้พวก****”

       เมื่อบทสนทนาของเขาและเพื่อนจบลงด้วยการทำร้ายร่างกายกันเล็กน้อย กิจกรรมก็เริ่มขึ่นในเวลาแปดโมงจนลาก
ยาวไปจนถึงสี่โมงเย็น วันทั้งวันก็มีกิจกรรมให้ทุกคนร่วมสนุกกันทั้งปี2และน้องปี1ให้ทุกคนแนะนำชื่อและช่วยกันจดจำชื่อ
เพื่อนข้างๆกายและชื่อรุ่นพี่ปี2 พร้อมด้วยกิจกรรมสอนเต้นรับน้องระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง พอพักเที่ยงก็ให้รุ่นพี่นั่งสับหว่างรุ่น
น้องแล้วนั่งกินข้าวพร้อมกัน ไม่มีการแบ่งแยกอะไรกันทั้งนั้น ทุกคนเท่าเทียมกัน ต่างกันแค่ใครมาก่อนเป็นพี่ ใครมาทีหลัง
เป็นน้อง แค่นั้นเอง เมื่อกิจกรรมดำเนินไปจนสุดท้าย มัคที่เป็นประธานของกิจกรรมครั้งนี้ก็ต้องลุกขึ้นมากล่าวขอบคุณ
เล็กๆน้อยๆ
“วันนี้ขอบคุณปี1ทุกคนที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ปี2ด้วยนะครับที่มาสร้างประสบการณ์ดีๆ ความทรงจำดีๆให้กับรุ่นน้อง
และคณะของเรา พี่จะบอกว่า นี่แค่เริ่มต้น ของจริงรอเปิดเทอมนะครับ และสุดท้ายจะจบลงด้วยการรับเกียร์รุ่น และพี่หวัง
ว่า น้องๆทุกคน จะได้รับเกียร์รุ่นจากพวกพี่นะครับ ขอบคุณครับ”
พอมัคกล่าวเสร็จ ก็มีปี2ที่สนิทกันพอสมควรเอ่ยขึ้น
“อยากฝากเกียร์ไว้กันพี่มัคจังเลยค่า”
“อยากได้เกียร์พี่จังค่ะ งุ้ยย”
คำเอ่ยของปี2พวกนี้ต่างสร้างเสียงหัวเราะได้ไม่น้อยจนมัคต้องพูดขึ้น
“พี่ฝากเกียร์ที่ใครไม่ได้แล้วแหละครับ มีคนจองแล้ว”
สิ้นเสียงของมัค ก็มีเสียงโหยหวนขึ้นทันทีจากเหล่าบันดาแฟนคลับทั้งหลาย
“พี่คะ ทำไมไม่ไม่ถอดแมสสักทีพี่ไม่สบายหรอคะ” น้องปี1ถามขึ้น
“ครับ ไม่สบายกระทันหันครับ โหมงานหนักไปหน่อย”
“งุ้ยยยย พี่มัคไม่สบาย เดี๋ยวหนูดูแลน้า”
“แล้วพี่ไม่อยากจะเปิดแมสให้พวกหนูได้เห็นหน้าพี่หรอคะ”
“....เอ่อ ต้องเปิดหรออุตส่าปิดมาทั้งวัน กลัวเอาไข้มาติดคนอื่นนะครับ”
“เปิด2วิก็ได้ค่าเปิดน้าๆ”
“อ่าได้ครับ” สิ้นเสียง มัคก็จัดการเปิดแมสออก ต่างก็ได้ยินเป็นเดียวว่า “ไอ้*** หล่อ***”

       เมื่อถึงเวลาต้องเลิกกิจกรรม ทั้งตัวมัคและเพื่อนเขาปี3 ถูกรุ่นน้องปี2บอกให้กลับได้เลย เพราะช่วยงานปี2มามาก
พอแล้วอีกอย่างอยากให้เขาไดเกลับไปพักผ่อน ดังนั้นเขาจึงเดินออกมาจากคณะแยกย้ายจากเพื่อนของเขา จึงตัดสินใจ
โทรหาใครอีกคนที่ตอนนี้น่าจะกำลังเลิกงานแล้ว
“พี่คินครับ ท อะไรอยู่ครับ”
“อืม กำลังจะปิดคอม พอดีว่างานเพิ่งเสร็จเลยเลทหน่อย”
“ครับ ผมก็เพิ่งแยกย้ายกับเพื่อนนี่เอง ผมไปหาพี่นะได้ไหม?”
“ได้สิงั้นเจอที่BTS สีลมนะ “
จากนั้นมัคก็ตัดสินใจนั่งวินมอเตอร์ไซด์มาสีลมทันทีค่ารถก็ไม่ได้แพงอะไรเมื่อเทียบกับความว่องไวในเวลานี้เมื่อเดิน
มาถึงก็เห็นคินตากำลังถือกระเป๋ างานมาด้วย จึงเดินเข้าไปหวังจะช่วย
“มาครับช่วยถือ”
“หืม หายดีแล้วหรอครับ ถือมาช่วยถือ”
“ก็ยังครับ แต่ช่วยได้”
“งั้น ยังไม่ให้ช่วยดีกว่า ตัวเองก็มีของที่ต้องถืออยู่ ปะๆ หาไรกินดีกว่า จะได้กินยาด้วย”
“ได้ครับ”

       หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตกลงกันว่าจะกินข้าวหมูแดงหมูกรอบจากร้านอาแปะที่ขายมานานบริเวณมาขขึ้นBTS ฝั่งสีลมคอม
เพล็ค แม้จะไม่ได้ทานอาหารราคาแพง ร้านไม่ติดแอร์แต่ว่าได้นั่งข้างกัน เข่าชิดติดกัน ก็... เหมือนเติมพลังให้กันและกัน
แล้ว สำหรับวันนี้คงเพียงพอแล้ว….

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 11 new!! 8/4/62)
«ตอบ #14 เมื่อ09-04-2019 12:31:45 »

 :3123:
 :pig4:

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 12 new!! 13/4/62)
«ตอบ #15 เมื่อ13-04-2019 10:12:46 »




ตอนที่ 12

        บรรยากาศบนโต๊ะอาหารระหว่างมื้อของอาจารย์สาวและลูกศิษย์ทั้งสองของเขาเต็มไปด้วยเรื่องเล่าที่แสนจะน่ารัก และเมื่อเรื่องราวได้ถูกเล่าโดยคนที่ธรรมดาแต่เปี่ยมไปด้วยความน่ารักอย่างคินตา ยิ่งทำให้เรื่องราวระหว่างคินตาและแฟนเด็กของเขาดูน่ารักขึ้นไปอีก แม้ช่วงแรกๆที่เจอกันจะมีแต่เรื่องราวที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทั้งเรื่องที่เจอกันที่ร้านชานมไข่มุกจนมาถึงเซนทรัลเวิด์ลและมาจบด้วยการเฝ้าไข้ของแฟนเด็กอย่างมัคภัทร

       อาหารบนโต๊ะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องเพราะเพื่อนอย่างปอนด์ที่กินไปฟังไปโดยไม่แน่ว่าตั้งใจฟังหรือตั้งใจกินมากกว่ากัน แต่สำหรับคนเล่านั้น เมื่อได้โอกาสเล่า ก็เล่าออกมาด้วยความเต็มใจ ส่วนอาจารย์ของเขานั้นก็นั่งทานแล้วได้แต่อมยิ้มเล็กๆให้กับความเอ็นดูของคินตา

     สักพักปอนด์เริ่มบ่นว่าอยากกินของหวาน คินตาจึงได้หยุดที่จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อ แล้วจึงหันไปเรียกพนักงานมารับออเดอร์ของหวานให้เพื่อนของเขาต่อ

“เออ คิน นี่ถามหน่อย ”

“อืม ถามว่า?”

“ที่ให้มัคขึ้นห้องตอนนั้น มั่นใจแล้วใช่ไหมวะ”

“มั่นใจเรื่องไรอ่า”

“ก็… แกไม่เคยได้ยินข่าวหรอ พาคนแปลกหน้าขึ้นห้องแล้วคนพวกนั้นก็เข้ามาลักขโมยของในห้องไปอ่า”

“อืม เรื่องนั้นก็คิดอยู่แหละ แต่ก็มีความเชื่อเล็กๆ ว่าเขาจะไม่ทำกับเรา”

“แล้วเรื่องคืนนั้น จบแค่นอนหลับไปหรอวะ อิ๊ๆ”

“อิ๊ๆ ไรเล่า จบแค่นั้นแหละ อย่าทะลึ่งน่าปอนด์”

“เปล่าทะลึ่งสักหน่อย ก็มันจริงไหมละ”

“หึ อย่าให้ถึงทีแกบ้างนะ จะล้อบ้าง”

      หลังจากนั้นปอนด์ยังคงแซวเพื่อนรักต่อไปจนของหวานที่สั่งไปเริ่มมาเสิร์ฟ คินตาเริ่มคิดว่าที่แก้มของปอนด์มันเริ่มบวมๆขึ้น เพราะไอ้ของพวกนี้หรือเปล่า ยิ่งช่วงนี้นานๆเจอกันที ไม่ค่อยได้เตือนเรื่องอาหารหวานเลย

“คิน แล้วเรื่องเนตไอดอลละ” ปอนด์ยังคงถามต่อไป

“เนตไอดอลอะไรหรอหนูคิน” อาจารย์จิ๊บเอ่ยถามอย่างสงสัย

“อ่อ เนตไอดอล นึกถึงแล้วตลกครับอาจารย์” คินตาหันมาบอกกับอาจารย์ของเขา

“ยังไงเอ่ย อยากฟังเรื่องนี้”

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


       หลังจากที่จบวันแรกพบของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มัคและเพื่อนก็นัดพบน้องๆปี2 เพื่อมาคุยงานกันต่อในเรื่องการลงเชียร์ภายในคณะและแผนดำเนินการของการรับน้องต่อจากนี้ทั้งหมด เพราะอาทิตย์หน้าทางมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้ว นักศึกษาปีที่ 1 คงเริ่มเข้ามาเรียนกันแล้ว เขาไม่อยากให้กิจกรรมต้องชะงักเลยต้องนัดกันมาวันนี้

“ครับ วันนี้ที่พี่นัดทุกคนมาวันนี้นะครับ ก็เป็นเรื่องแผนการดำเนินการรับน้องที่จะต้องเรียบร้อยก่อนเปิดเทอมนะครับ ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือด้วยครับ”

       มัคที่ลุกขึ้นพูดเพื่อเปิดการประชุมระหว่างนักศึกษาชั้นปีที่ 3 และชั้นปีที่ 2 ส่วนพี่ปี4 ต้องปล่อยให้ขึ้นหิ้งเริ่มทำโปรเจ็คจบกันแล้ว 

      เมื่อการประชุมสรุปข้อตกลงได้เกือบจะทั้งหมด เพราะบางอย่างเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ จึงอาศัยหน้างานเป็นหลัก แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้บางคนจากออกนอกเรื่องไปบ้างแต่มัคก็ดึงกลับมาเรื่องงานได้ทุกที นี่คงเป็นจุดเด่นของมัคที่ทำให้ทุกคนยอมรับในฝีมือจึงมั่นใจให้คนๆนี้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหลักของงาน ควบคู่ไปกับประธานชั้นปี

    เมื่อจบการประชุมทุกคนต่างพากันแยกย้ายกลับไปพักผ่อน เพื่อวันถัดไปจะได้มาเริ่มงานส่วนต่อไปกันต่อ แต่มีเพียงแค่กลุ่มเพื่อนชั้นปี3 ยังคงอยู่ต่อ ที่อยู่ต่อไม่ใช่ว่ามีงานค้างกันนะ แต่เพราะขี้เกียจจะไปไหน เลยขอนั่งตากแอร์สักพัก แล้วไปหาอะไรทานที่ห้างข้างๆมหาวิทยาลัย

“เห้ย เมิงๆ เพจมหา’ลัยลงบทสัมพาทย์ใครก็ไม่รู้วะ” เพื่อนเบอร์หนึ่งพูดออกมาขณะที่ตาก็จ้องมองมือถือของตนอยู่

“ทำไมวะ เมิงก็ดูชื่อเขาสิ จะถามกูให้ได้อะไร ในเมื่องพวกกูยังไม่ได้ดูเลย” เพื่อนเบอร์สองว่าขึ้น

“เออ ไอ้*** กูดูแปป” เมื่อเพื่อนเบอร์หนึ่ง เลื่อนอ่านบทสัมพาทย์ที่ทางเพจมหา’ลัยโพส ก็พบว่า ทำไมไม่เคยเจอคนนี้มาก่อนทั้งๆที่หน้าตาก็ดูดี

“อะ เจอแล้ว เขาชี้เป้าแค่ว่า ชื่อคินตา บัณฑิตคณะนิติศาสตร์เมื่อปีที่แล้ววะ” พอมัคได้ยินเช่นนั้น ก็หยิบมือถือของตนขึ้นมาเปิดหาเพจที่ลงบทสัมพาทย์นั้นทันที

“ไอ้*** หน้าตาธรรมดา แต่โคตรน่ารักเลย ยิ่งบทสัมพาทย์ที่ลงไป ยิ่งทำให้โคตรมีเสน่ห์ ” เพื่อนเบอร์หนึ่งยังคงพูดไป ขณธที่มัคยังคงขมวดคิ้วอยู่กับหน้าจอตรงหน้า

“ไหนๆ ขอดูดิ” เพื่อนเบอร์สองบอกเพื่อนเบอร์หนึ่ง

“เช็ดโด ของแรย์นิหว่า แต่กูไม่เห็นเห็นมาก่อนเลยนะเว้ย หายไปอยู่ไหนมาวะ” เพื่อนเบอร์สองยังคงพูดไป

“กูบอกเลยว่า ถ้ากุเจอ กูจะเข้าไปขอเบอร์แล้วจีบสะ คนอะไรดุธรรมดา แต่น่ารักโคตร”เพื่อนเบอร์สองว่า

“ไอ้*ส*” อยู่ๆมัคก็โพล่งขึ้นจนเพื่อนทั้งสองหันไปมองอย่างงงๆ

“ด่าใครวะเมิง” เพื่อนเบอรืหนึ่งถามมัค

“ห้ะ เอ่อ… กูด่าเกมส์ในมือกูเนี่ย” มัคมองหน้าเพื่อนอย่างเลิ่กลัก

“เออ กูก้นึกว่าด่ากู แต่ทำไมในนี้ไม่เปิดว้าปไว้วะ อย่างส่องวะ” เพื่อนเบอร์สองยังพูดต่อไป

“ไอ้**ห**เอ้ย” มัคยังหลุดปากต่อ

“ด่าใครอีกเนี่ย ด่ากูปะเนี่ย”เพื่อนเบอร์สองว่าต่อ

“เปล๊า ไม่มีไรๆ พวกเมิงตามสบายเลยนะวันนี้ กูต้องกลับแล้ววะ” อยู่ๆมัคก็ลุกขึ้นเก็บของแล้วรีบเดินออกไป จนไม่ได้มองเพื่อนของเขาทั้งสอง

“ช่วงนี้มันมีพิรุธนะเบอร์หนึ่ง”

“เออ กูก็ว่างั้นแหละเบอร์สอง”

       ในขณะที่มัคเดินออกมาจากตึกก็ก้มมองนาฬิกาก็พบว่าเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว พี่คินน่าจะเลิกงานแล้ว จึงกดโทรไปหาทันที

ตึ้ดๆๆๆ

“ครับ ว่าไงมัค” คินตารับสายในขณะที่กำลังเก็บของลงกระเป๋า

“พี่คินเลิกงานหรือยังครับ”

“อืม กำลังเก็บของลงกระเป๋าอ่า มีอะไรหรอ”

“ผม…อยากเจอพี่ครับ”

“ตอนนี้หรอ ได้สิ ที่ไหนดีละจะได้ไปถูก”

“สยามก็ได้ครับ พี่ไม่ต้องรีบนะครับ อีกสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ครับ”

“อ่า ได้ๆ เจอกันนะ”

      เมื่อคินตาถึงเวลาเลิกงานก็รีบเดินออกจากตึกที่ทำงานแล้วใช้บริการของBTS เพื่อมายังสยาม ส่วนอีกคนคงจะเดินมานั่นแหละเพราะมหา’ลัยเจ้าตัวอยู่แค่นั้นเอง เมื่อคินตามาถึงก็รอสักพักก็พบคนๆนั้นที่มีเหงื่อผุดออกมาจากรูขุมขน นึกในใจคงเหนื่อยสิท่า และน่าจะเดินมาด้วย  แล้วทำไมไม่ขึ้นวินมอเตอร์ไซมา

“เหนื่อยไหม เหงื่อออกเชียว เดินมาละสิ” คินตาถามพลางยิ่นทิชชู่ให้อีกคน

“ขอบคุณครับ ผมออกเดินออกกำลังกายครับ แต่มันดันร้อนนิดหน่อย”

“แบบนี้น่าจะเรียกว่าร้อนมาก ไม่ใช่แค่นิดหน่อยแล้วแหละ”

“ฮ่าๆ พี่อยากกินอะไรไหม”

“อืม กินไรละ ปะ วันนี้ชาบูกัน”

“ครับ ชาบูก็ชาบู ฉลองด้วย”

“ฉลองอะไร ฉลองหายไข้หรอ” คินตาเอ่ยแซว

“โหย พี่อ่า อย่าพูดดิ มันไม่คูล”

       จากนั้นทั้งคู่ก็หาร้านชาบูที่เป็นบุพเฟย์ แล้วจัดการหยิบของที่ตนอยากกินมา ซึ่งของที่ทั้งคู่หยิบมาก็มีแต่หมู หมึก กุ้ง ไม่มีผักใบเขียวใดๆทั้งสิ้น จนคินาหัวเราะขึ้น

“ฮ่าๆ มีแต่เนื้อทั้งนั้น ไม่มีใครหยิบผักมาเลยหรอ”

“วันนี้ผมมาล่าสัตว์ครับ ”

“อ่อ พันธุ์ล่าเนื้อนี่เอง ไม่ใช่พวกกินพืชสินะ ฮ่าๆ”

“ครับ ถ้าเจอเนื้อที่ไหน ผมจะกินให้หมด” ไม่ว่าเปล่า แต่มัคส่งสายตาสื่อความนัยไปยังคินตาจนคินตาคว้าไปหยิบผมแล้วจับโยนลงหม้อทันที

“อะนี่ ผัก กินเลยจะได้พัฒนาสมองไม่ให้คิดแต่เรื่องแบบนั้น”

“หูย แรงวะ แต่ไม่เป็นไร แค่พี่ด่า ผมก็กินชาบูได้สบายใจละ”

“สะงั้นคนเรา ”

     ทั้งสองต่างกันหยิบต่างกันทานมาสักพัก มัคที่นึกได้ว่า ที่นัดเจอพี่วันนี้เพราะอยากจะเอาโพสที่ทางเพจมหาลัยโพสเรื่องบทสัมพาทย์ให้พี่ดู ว่าแล้วมัคก็หยิบโทรศัพท์แล้วเปิดเพจ ยิ่นให้พี่ดู

“อะไรอ่า” คินตาถามพลางรับมือถือของมัคมาดู

“บทสัมพาทย์ครับ ของพี่ ที่ไปให้สัมพาทย์ตอนไหนก็ไม่รู้”

“อ๋อ นึกออกแล้ว ไม่คิดว่าจะเอามาโพสลงในเพจนี้ เพจดังของมอสะด้วย”

“ใช่ เพจดัง แล้วตอนนี้คนก็ตามหาว้าปพี่กันสะเยอะเชียว”

“เห้ย จริงหรอ ตามหาทำไมอ่า”

“ส่องความธรรมดาแต่น่ารักพี่มั้ง” มัคยังพูดเคืองถึงคำพูดของเพื่อนตนเองอยู่

“หืม อะไรคือความธรรมดาแต่น่ารักวะเนี่ย”

“คำนิยามในตัวพี่ไง แม่ม ผมโคตรหงุดหงิดเลย แต่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งเวลาไอ้เพื่อนของผมมันพูดถึงพี่นะว่าถ้าเจอตัวจะขอจีบงี้ ผมเผลอด่ามันไปด้วย หึ!!”

“ฮ่าๆ ใจเย็นๆสิ พี่ยังไม่อะไรเลย ออกจะเฉยๆด้วยซ้ำ”

“นั่นแหละครับ ผมก็พยายามตั้งสติอยู่ ขอโทษที่พูดไม่ดีออกไป”

“ไม่เป็นไรๆ ไม่ซีเรียส ถ้าเขาอยากได้ว้าปอะไรนั่น เขาก็ต้องหาเอง อีกอย่างพี่ไม่ใช่คนดังแบบมัคนะ ที่ใครๆก็รู้จัก”

“คนดังอะไรเล่าพี่ ไม่ใช่สักหน่อย”

“ครับๆ ไม่ดังก็ไม่ดัง แค่คนตามอินสตราแกรมหมื่นนิดๆเอง”

“พี่หึงหรอ งั้นให้ผมลบอินสตราแกรมไหม”

“บ้า เอาอะไรมาหึง ไม่หึงหรอก ไร้สาระ”

       เมื่อเรื่องราวเริ่มออกอ่าวไปเรื่อย มัคจึงดึงเรื่องที่จะถามออกไปกลับมาอีกครั้ง

“ตกลงพี่ไปให้สัมพาทย์ตอนไหน แถมยังถ่ายรูปอีกด้วย”

“อ๋อ ตอนที่มาส่งกาแฟตอนนั้นไง ก็เลยได้นั่งรอใครบางคนทำงานแล้วมีน้องนักศึกษามาขอสัมพาทย์นิดหน่อยแล้วขอถ่ายรูปไป นี่ก็ให้แค่ข้อมูลเบื้องต้นไปว่าชื่ออะไร เรียนที่ไหน ไม่ได้ให้อินสตราแกรมหรือเบอร์ติดต่ออะไรเลยนะ”

“พี่รู้ตัวป่าว ว่ากำลังจะเป็นคิ้วบอยคนต่อไป”

“หืม ไม่เป็นหรอก แค่ทำงานก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ”

     หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งทานกันอีกนิดหน่อย แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สังเกตรอบข้างเลยว่ามีเพื่อนทั้งสองคนของมัคที่แอบยืนดูอยู่หน้าร้านมอง

“เมิง กูคิดว่า กูไขปริศนาของไอ้มัคได้แล้ววะ” เพื่อนเบอร์หนึ่งว่า

“เออ กุก็กระจ่างแล้ว หึ” เพื่อนเบอร์สองว่าต่อ




...


สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ เล่นน้ำอย่างมีสตินะ ส่วนใครไม่ได้ไปไหนก็อ่านนิยายกันต่อไปนะครับ รักแหละ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 12 new!! 13/4/62)
«ตอบ #16 เมื่อ13-04-2019 16:36:27 »

แหมคุณเพื่อนก็ช่างสายเผือกเนอะ 555
 :katai2-1:
 :pig4:
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 13 special


     “สงกรานต์ไปไหนดีครับ?”

      หนึ่งกระทู้เด็ดในเวปพันทิปที่ผมกำลังเปิดดูในเฟสบ็คตอนนี้ หลังจากนั่งคิดกับไอ้เพื่อนเบอร์หนึ่งและเบอร์สองมาทั้งวัน ซึ่งตอนนี้ผมและไอ้เพื่อนทั้งสองตัวกำลังนอนเล่นเป็นผักอยู่ห้องของไอ้เบอร์หนึ่ง เนื่องจากกระผมนายมัคภัทรคนนี้ไม่ได้รับอนุญาตจากนายแม่ให้มาอยู่หอเพราะเหตุว่าบ้านใกล้ พูดแล้วก็เศร้าใจนะครับ ตอนมัธยมก็คิดกับเพื่อนว่าถ้าขึ้นมหา’ลัยจะใช้ชีวิตเด็กหอกัน แต่พอสอบติดแม่ก็ไม่อนุญาตสะอย่างนั้น ผมเลยต้องมาขออาศัยอยู่ห้องไอ้พวกนี้อยู่บ้างในบางเวลา อย่างเช่นตอนนี้
   
      พวกเรารวมตัวกันตั้งแต่เช้าว่าจะไปเล่นน้ำสงกรานต์ แต่ยังตกลงกันไม่ได้เลยตัดสินใจรอดูกระแสในโซเชียลก่อนว่าจะไปที่ไหนดี พอรอตัดสินใจนานๆ ก็เริ่มหิว พอเริ่มหิวก็เลยสั่งเคเอฟซีมากินกัน พอเจอแอร์เย็นๆในห้องกับความอิ่มจากไก่ที่สั่ง ก็ทำให้ไม่มีใครอยากออกไปไหนสุดท้ายก็จบที่พื้นห้องนอนและบนเตียงไอ้เบอร์หนึ่ง

     ผมที่กำลังลืมตาอยู่คนเดียวในห้องเพราะไอ้สองตัวนั้นกำลังนอนหลับกันอยู่ เลยหยิบมือถือขึ้นมาเล่น และก็พบกับกระทู้ในพันทิปว่า “สงกรานต์ไปไหนดีครับ?” ผมเห็นว่าน่าสนใจก็เลยกดเข้าไป

“มาเชียงใหม่จ้า ผู้เยอะแยะเลย ขาวๆอวบๆ หื้ม จุกค่า”

“มาลำปางครับ มาไหว้พระขอพร ไหว้ตาทวดด้วยครับ”

“มาถนนข้าวเหนียวที่ขอนแก่นครับ ผู้ชายเยอะเลย” หืมมม ได้หรอวะ ฮ่าๆ

“มาหาดใหญ่ค่า เย็นนี้มีโฟมด้วย หร่อยแรงนิ”

“ถนนข้าวสารจ้า เก๋กรุบสุด สายฝ.มาเพี๊ยบ”

“เชิญมาทานข้าวไข่เจียวที่สยามซอย2 ได้นะครับ พ่อค้ามือใหม่อยากขาย”

       หลายหลายคอมเมนท์ แต่ผมกลับสะดุดตาที่คอมเมนท์สุดท้าย ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ แค่สยามซอย2มันใกล้แค่นี้เอง ไปง่าย กลับง่าย แค่นั้นเอง แต่ว่า จะไปยังไงดี อ๋อ ควรเริ่มจากการปลุกไอ้สองตัวที่นอนหลับอยู่นี่ก่อนเลยละกัน




…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..


      อีกฟากของชีวิตที่คาดหวังว่าสงกรานต์จะได้นอนอยู่ห้องสบายๆ ดูหนังชิล กลับต้องโดนพี่รหัสตัวดีที่อยู่ดีๆก็ลากเขาออกจากห้องมาเล่นน้ำสงกรานต์ในย่านใจกลางเมืองอย่างสยาม นี่ถ้าพี่มันไม่มาตามผมถึงห้องผมก็ไม่มีทางออกไปหรอก เพราะปกติผมกับพี่มันไม่ค่อยได้ติดต่อกันหรอก แต่เพราะมันเห็นผมขึ้นสเตตัสในเฟสบุ๊คว่า “สงกรานต์จะนอนให้ครบ24ชม.เลยครับ” หลังจากนั้นพี่มันก็โทรมาบอกว่า ให้มาสยามซอย2หน่อย มีอะไรให้ช่วย ผมก็ถามว่า ช่วยอะไรครับ พี่มันบอกว่า มาช่วยขายข้าวไข่เจียวหน่อย เดี๋ยวเลี้ยงขนม บอกให้โทรชวนปอนด์มาด้วยก็ได้ ผมก็พยายามปฏิเสธแล้วนะ แต่พี่มันบอกว่า ถ้าไม่มาจะไปตามถึงห้อง อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าอยู่ที่ไหน ถึงแม้จะไม่ค่อยมีตัวตนในคณะก็ตามเถอะ สุดท้ายผมก็ต้องออกมาสยามในอากาศที่ร้อนระอุ อีกทั้งผู้คนก็มากมาย บอกเลยว่าไม่ใช่ชีวิตผมสุดๆ

       ตอนนี้ ผมนายคินตาผู้ที่ใส่เสื้อลายดอกที่พี่มันเตรียมไว้ให้ผมเมื่อผมเดินทางมาถึงร้านข้าวไข่เจียวในช่วงเวลาเย็นๆ พี่มันบอกว่า ให้ช่วยเรียกลูกค้า คิดเงิน ส่วนหน้าที่เจียวไข่กับตักข้าวให้พี่มันกับเพื่อนทำเอง

      ในระหว่างที่รอลูกค้ามาซื้อข้าวไข่เจียวผมก็นั่งไถเฟสบุ๊คไปด้วย ผมเปิดเจอกระทู้เด็ดพันทิปเข้า “สงกรานต์ไปไหนดีครับ?” ผมก็เลยกดเข้าไปอ่าคอมเมนท์ข้างล่าง ผมก็เลยตัดสินคอมเมนท์ไปว่า “เชิญมาทานข้าวไข่เจียวที่สยามซอย2 ได้นะครับ พ่อค้ามือใหม่อยากขาย”

“คินตา เพื่อนเอ็งไม่มาหรอ” พี่รหัสเขาถามถึงปอนด์ที่ไม่เห็นมาด้วยกับเขา

“พี่คิดว่าคนอย่างมันจะมาเจออะไรแบบนี้หรอ” คินตาตอบขณะเงยหน้าขึ้นไปตอบพี่รหัสเขา

“เออ คิดดิ แต่อยากให้มันมานะเว้ย สงสารมัน ไม่มีเพื่อน”

“โอ้ยพี่ คนไม่เล่นน้ำวันนี้ใช่ว่าจะไม่มีเพื่อนนะ เผลอๆบางทีอาจจะชอบก็ได้ เช่นผมไง”

“ดีตรงไหนวะ สงกรานต์ได้เจอสาวๆนะเว้ย”

“ไม่อะพี่ ถ้าผมเลือกได้ตอนนี้คือผมจะกลับไปนอนเปิดแอร์เย็นๆ”

“เอ่า เวรกรรม เอาสะพี่รู้สึกผิดเลย” คำพูดและสีหน้าที่แสดงออกมาไม่ได้ไปด้วยกันเลยครับพี่

“เออๆ ขายไปเถอะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว”

“พี่ ผมอยากกินชานมไข่มุกวะ แถวนี้มีขายไหม”

“มีนะมี แต่เอ็งต้องเดินไปอีกซอย ไปไหมละ เดี๋ยวให้เงินไป”

“หืม เดินไปอีกซอยหรอ งั้นผมไปนะ อยากกินจริงๆ”

“เออ เอาแว่นปิดตาไว้ด้วย เอาปืนฉีดน้ำด้วยมั้ย จะได้เล่นไปด้วย”

“ไม่เอาอะพี่ เอาแต่เงินไปละกัน ไปนะ เดี๋ยวมาครับ”

       หลังจากนั้นเขาก็เดินมาอีกซอย พยายามมองหาร้านชานมไข่มุก แต่ก็ยังไม่เจอ เจอแต่คนมาเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์เสียมากกว่า ร้านค้าพ่อค้าแม่ค้าก็เยอะแยะ แต่ไม่ยักเห็นขายชานมไข่มุกเลยอะ เอาจริงเขาเริ่มท้อแล้ว แต่… เขาก็เดินมาเจอร้านชานมไข่มุก

“เอาชานมไข่มุกเพิ่มหวานแก้วนึงครับ” // “ขอชานมไข่มุกหวานน้อยครับ” เสียงที่ส่งไปยังพนักงานนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากเสียงของเขาเพียงคนเดียว แต่กลับมีเสียงจากใครอีกคนข้างกันๆ ซึ้งไม่แน่ใจว่าเขาหรือคนๆนั้น ใครกันแน่ที่มาก่อนมาหลัง

“เชิญก่อนเลยครับ” เขาเป็นคนผายมือให้ผมเลือกสั่งก่อน แล้วเขาก็สั่งตาม เราทั้งสองยืนรอชานมไข่มุกในคนละมุมร้าน พอพนักงานบอกว่าถึงคิวหมายเลขของผม ผมก็เดินมารับแล้วเดินกลับไปยังร้านไข่เจียวของพี่รหัสเขาทันที

“พี่ๆ ผมมาแล้ว มาๆ เดี๋ยวคิดเงินเอง”

“เออ มาสักที นึกว่าโดนใครฉุดที่ไหนละ” ว่าเสร็จพี่รหัสผมก็หันกลับไปตอกไข่เพื่อใช้สำหรับเจียวอีกครั้ง

“ฉุดอะไรเล่าพี่ ผู้ชายนะ”

“ก็ผู้ชายอย่างเอ็งนี่แหละ จะโดนฉุดไป”

“พูดไปเรื่อยอะพี่ ของลูกค้าทั้งหมด150 บาทครับ ขอบคุณครับ” คินตาหันมาพูดกับพี่รหัสเขาแล้วหันกลับไปคุยกับลูกค้าต่อด้วยรอยยิ้มที่นานๆจะยิ้มออกมาที เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้ยิ้มเท่าไหร่นัก มักจะอยู่เงียบๆกับปอนด์เสียมากกว่า มาวันนี้รู้ว่าต้องเรียกแขกเลยต้องยิ้มแย้มหน่อย

“เออพี่ วันนี้เลิกกี่ทุ่มอะ”คินตาหันมาถามพี่รหัสอีกครั้ง

“ทำไมวะ พรุ่งนี้ไปไหนแต่เช้าหรือเปล่า” พี่รหัสเขาหันมาตอบ

“ก็ว่าจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ด้วย เขานัดกินข้าวกัน ทำบุญกัน”

“เอาจริงวันนี้พี่ว่าจะเลิกเที่ยงคืนพร้อมงานอะ แต่ถ้าพรุ่งนี้เอ็งไม่ว่างต้องตื่นเช้าก็เอาสัก 4 ทุ่มค่อยกลับได้ไหม”

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา ว่าแต่พี่อยู่ทำต่อได้ใช่ไหม” คินตาเอ่ยอย่างเกรงใจ

“เออหน่า แค่เอ็งออกจากหลุมมาช่วยพี่ได้ก็ขอบคุณมากพอแล้วเว้ย คินตา”

      เวลาเล่นน้ำของคนกรุงในย่านสยามก็ดำเนินมาจนถึง3ทุ่ม ทั้งคินตาและพี่รหัสเขาพร้อมทั้งเพื่อนก็ทั้งสนุก ทั้งเหนื่อยจากการต้องมาทอดไข่เจียวขาย เขาไม่อยากนึกถึงกำไรที่ได้จากวันนี้เลย พี่เขาคงรวยเละไปอีกหลายวัน แต่ถ้าแลกกับความเหนื่อยที่ทำมา ก็คงคุ้มแหละ สำหรับพ่อค้ามือใหม่อย่างเขาและพี่รหัสของเขา

“พี่ครับๆ เอาข้าวไข่เจียว3จานครับ” สักพักมีลูกค้าเดินเข้ามา3คนพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยแป้งจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดๆ รู้แค่ว่าเด็ก3คนนี้ ตัวสูงและหุ่นสมส่วนกันทั้งนั้น ช่วงเลือกคบกันเนาะ

“ได้ครับ สักครู่นะครับ ทั้งหมด150บาทครับ” คินตาที่รับเงินมาแล้วยืนจานข้าวไข่เจียวให้กับบุคคลทั้ง3ด้านหน้าเขา

“ขอยืนกินข้างหน้าได้ไหมครับ ไม่มีที่ยืนแล้วครับ” ใครสักคนในกลุ่มลูกค้าถามคินตาขึ้น

“ได้ครับ ราดซอสไหม น่าจะอร่อยขึ้นนะ” คินตาหยิบซอสมะเขือเทศขึ้นแล้วบอกบุคคลตรงหน้าไป

“ได้ครับ กำลังอยากได้อยู่พอดีเลย” ใครคนนั้นยื่นจานเข้ามาใกล้เขา แล้วเขาก็บีบซอสใส่จานให้

“เอ่อ มีน้ำขายไหมครับ” คนๆนั้นเอ่ยถามขึ้นทันทีที่รู้สึกว่าต้องการน้ำ

“ที่ร้านไม่มีขายครับ” คินตาเอ่ยกลับ

“พี่ แต่ข้าวติดคอผม ไม่ไหวแล้ว” ใครคนนั้นพูดขึ้นขอร้องกับเขา แต่เขาจะทำยังไงได้ละ

“มีแต่น้ำขวดของพี่นะ กินได้ไหม เหลืออยู่นิดนึง” คินตายกขวกน้ำขึ้นโชว์

“รบกวนด้วยครับ ไม่ไหวจริงๆครับ” คนๆนั้นคว้าขวดน้ำไปแล้วยกขึ้นดื่มทันที

      เมื่อปัญหาทุกอย่างคลี่คลายด้วยน้ำขวดที่เหลืออยู่ไม่มากของคินตา อีกฝ่ายก็กล่าวขอบคุณที่ช่วยเหลือเขา และเลือกที่จะเดินไปต่อเพราะพวกเขายังต้องการเล่นน้ำต่อ แต่ท้ายที่สุกก็มีใครคนนั้นเดินกลับมาโดยบอกให้เพื่อนอีก2คนรอแถวนั้นก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหน ส่วนตัวเขานั้นเดินกลับมายังร้านขายไข่เจียวนั่น

“พี่ครับ” ใครคนนั้นเอ่ยเรียกให้คินตาเงยหน้าขึ้น

“………………….?.........” คินตาเงยหน้าขึ้นพร้อมทำหน้างง ที่อยู่เห็นคนนั้นยืนอยู่หน้าเขาและกำลังยิ้มอยู่ ทั้งๆที่หน้ามีแต่แป้ง

“ขอปะแป้งได้ไหมครับ” คนๆนั้นยื่นมาที่มีแป้งอยู่นิดหน่อยมาแปะที่แก้มทั้งสองข้างของคินตาโดยที่คินตายังไม่ได้อนุญาตใดๆทั้งสิ้น

“แก้มนุ่มดีนะครับ ขอบคุณมากที่ช่วยผมเมื่อกี้” ว่าเสร็จก็เดินจากไปส่วนคินตาได้แต่ยืนอึ้งและงง ว่าเกิดอะไรขึ้น จนมีมือข้างหลังจากพี่รหัสเขามาสะกิต

“แหม๋ นิ่งเชียวนะ อย่าคิดว่าพี่ไม่เห็นนะเว้ย ยืนมาทั้งวัน คนขอปะแป้งมาตั้งเยอะปฏิเสธหมด แต่พอคนนี้ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น”
“เอ้ย ไม่ใช่พี่ นี่ยังงงอยู่เลย ว่ามาแป้งได้ไงอะ ยังไม่อนุญาตเลยนะพี่”

“เห้อ เมื่อกี้เบลอสินะ พี่ละสงสารไอ้เด็กนั่นจัง ฮ่าๆ”

“พี่ควรสงสารผมดิ ผมน้องพี่นะ”

       นี่แหละครับ สงกรานต์ของผมที่โดนใครสักคนที่ไม่เห็นหน้า เพราะมีแป้งติดอยู่เต็มหน้า อยู่ๆเอามือมาปะแป้งผมสะงั้น ทั้งๆที่ทั้งวันนี้ผมปฏิเสธมาหมด แต่ เห้อ ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก หวังว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วแหละ

     ด้านใครอีกคนนั้น เมื่อกลับมายังห้องของไอ้เพื่อนเบอร์หนึ่งก็นั่งนึกยิ้มถึงคนที่เจอที่ร้านชานมไข่มุกที่สยาม ทั้งบังเอิญเจอที่ร้านขายไข่เจียว แถมยังถือวิสาสะไปปะแป้งเขาอีก นึกแล้วก็เสียดาย น่าจะขอคอนแทคไว้ติดต่อ แต่ก็หวังว่าเร็วๆนี้เราจะได้เจอกันอีกนะครับ

    จากวันสงกรานต์ในช่วงซัมเมอร์ปี1ของมัคและปี3 ของคินตาที่เจอกันโดยบังเอิญ ทั้งคู่ก็กลับมาเจอกันอีกที่ร้านชานมไข่มุกที่สยามอีก และถ้าถามว่าครั้งนี้คือพรหมลิขิตใช่ไหม ต้องตอบว่าใช่ ส่วนครั้งต่อไปละ …หึ!



…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

สุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังครับทุกคน มีความสุขมากๆนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2019 13:51:27 โดย anikarn »

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เรื่องราวน่ารัก ๆ ของคินตา และ น้องมัค

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 14 new!! 19/4/62)
«ตอบ #19 เมื่อ19-04-2019 22:07:40 »

ตอนที่ 14


       จากวันนั้นที่ทางเพจได้ลงบทสัมพาทย์ของเขาพร้อมรูป ก็ทำให้ใครหลายๆคนได้รู้จักเขาในนามศิษย์เก่าที่ไม่มีใครรู้จัก ถ้าจะให้เรียกดีๆก็คงเป็นผู้ลึกลับแห่งคณะนิติศาสตร์ เพราะอย่างที่เขาบอกไป ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรม เลยมีเพื่อนน้อย สายรหัสก็นิดๆหน่อยๆ นานๆทีจะติดต่อกันมาเลี้ยงมาพบปะกันบ้าง แต่ในวันนี้ทางเพจได้ลงเป็นคลิปที่สัมพาทย์เลย ไม่ใช่แค่รูปภาพเท่านั้น มันยิ่งทำให้ทุกคนได้เห็นภาพเคลื่อนไหวมากขึ้น

“พี่คิน พี่ให้เขาถ่ายคลิปด้วยหรอ นึกว่าแค่แค่ภาพนิ่งเฉยๆ” นี่คือคำถามที่มัคถามเขาหลังจากที่เพจดังได้ลงคลิปเขา

“อื้อ มีอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย” คินตาที่รับสายหลังจากทานมื้อเที่ยงเพิ่งเสร็จแล้วรีบขึ้นออฟฟิตทันทีเพราะมีงานเร่ง

“ก็…. โว้ย อะไรกันวะเนี่ย” อยู่ๆคนในสายก็โวยวายขึ้น เขาก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ

“เอ้า อะไรเนี่ยคนเรา อยู่ๆก็มาหัวร้อนใส่เขา” คินตาว่าพลางกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นข้างบน

“เห้อ ยิ่งทางเพจลงคลิปพี่นะ ยิ่งมีคนตามหาพี่อะว่าเล่นเฟสบุ๊ค หรืออินสตราแกรมอะไรไหม”

“อ่า ยังไงต่อครับ”

“ก็ พี่จะวุ่นวายไง ไม่ชอบไม่ใช่หรอ” อีกฝ่ายยังข้างๆคูๆต่อไป

“อืม ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ปิดเฟสไปนานแล้ว เหลือแต่อินสตราแกรม”

“จริงดิ มิน่าละผมหาแทบตายก็ไม่เจอ”

“จริงดิ ขี้เกียจเล่นอะ แค่นั่งไถอินสตราแกรมก็หมดเวลาไปเป็นชั่วโมงแล้ว นี่ยังต้องมาเล่นเฟสบุ๊คอีกหรอ”

“แล้วพี่จะเข้างานอีกแล้วหรอครับ เหมือนกำลังรีบอะ” อีกฝ่ายคงจับได้เพราะน้ำเสียงที่ดูเร่งรีบ

“วันนี้มีงานเร่งด่วนมาหน่ะ สักพักคงต้องวางแล้ว ขอปั่นงานก่อนนะ”

“งั้นวางเลยก็ได้ครับ ผมก็หนีเพื่อนมาคุยกับพี่เหมือนกัน เจอกันตอนเย็นนะครับ”

      จากนั้นคินตาก็กลับเข้าไปทำงานอย่างว่าต่อ ส่วนอีกคนก็กลับไปหาเพื่อนในกลุ่มที่กำลังเล่นเกมส์อยู่โต๊ะหน้าห้องเรียนเพื่อรอเวลาเข้าเรียนช่วงบ่าย วันนี้วันทั้งวันมัคมีเรียนตลอด ตอนเย็นก็เห็นว่านัดปี2 มาประชุมอีกนิดหน่อย ก็คงแยกย้ายกลับในวันนี้

“ไปไหนมาวะมัค” ไอ้เพื่อนเบอร์หนึ่งถามขึ้นเมื่อเห็นเขาเดินกลับมา

“ไปคุยกับแม่มาวะ” มัคเลือกไม่บอกความจริงกับเพื่อน

“จริงหร๊อ เห็นยิ้มเล็กยิ้มน้อย” ไอ้เบอร์สองหันมามองจ้องตาเขาอย่างเอาเรื่อง

“ไม่มีไร๊เมิง เลิ่กลั่กๆ ฮ่าๆ ไปเข้าเรียนละเมิง” เขาเดินหยิบกระเป๋าแล้วเดินเข้าห้อง

“หึ เมิงหนีกูไม่พ้นหรอก” เพื่อนเบอร์หนึ่งหันมาบอกเพื่อนเบอร์สอง

        หลังจากที่เรียนเสร็จเขาและเพื่อนๆปี3 ก็เข้ามาในห้องประชุมโดยมีปี2อยู่ด้วย วันนี้เขานัดทุกคนมาประชุมเพราะจะมานัดหมายกันอีกรอบสำหรับการรับน้องคณะที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน เขาพูดคุยกันเรื่องรายละเอียดที่จะเกินขึ้นในวันนั้น และแผนต่างๆของกิจกรรม รวมถึงงบประมาณที่ต้องใช้กันด้วย โดยที่ปี2 ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี มีเอกสารมายืนยันกันครบทุกฝ่าย ไม่ต้องให้มีปัญหาใหญ่ๆต้องคอยแก้ ส่วนปัญหาเล็กๆก็มีบ้าง แต่ทุกคนในที่ประชุมก็ช่วยกันแก้ปัญหากันได้

       เมื่อการประชุมของทั้งสองชั้นปีเสร็จสิ้นเขาและเพื่อนก็รอให้ทุกคนออกจากห้องก่อน เขาเลือกที่จะออกจากห้องเป็นกลุ่มสุดท้ายเช่นทุกครั้งเพื่อจะได้ตรวจเช็คความเรียบร้อยของห้องก่อนออกว่าไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่

“เอ้อ เมิงเห็นคลิปที่ทางเพจเอาลงหรือยังวะ” เพื่อนเบอร์หนึ่งแกล้งพูดกับเพื่อนเบอร์สอง

“คลิปไรว้า” เพื่อนเบอร์สองแกล้งทำเป็นตอบ

“เอ้า ก็คลิปพี่คินตาศิษย์เก่าคณะนิติไง แต่ก่อนลงแต่ภาพนิ่งไง ล่าสุดลงเป็นเคลื่อนไหวเลยเมิงเวลาพูดเวลาขยับตัวอะ โคตรมีเสน่ห์อ่ะบอกเลย”

“จริงดิ เอามาดูสิ้วะ” ว่าแล้วเพื่อนเบอร์หนึ่งก็ส่งมือถือที่ปรากฏคลิปของคินตาให้เพื่อนเบอร์สองดู

“งื้อ พี่คินตา น่ารักโคตร ถ้าเจอจะวิ่งไปกอดเลยเมิง” เพื่อนเบอร์สองแกล้งพูดเพื่อให้ไอ้เพื่อนจอมปากแข็งติดกับดัก

“ไม่ให้กอดโว้ย!!!” อยู่ดีๆมัคก็โพล่งขึ้น

“เป็นใครมาสั่งกู /เป็นใครมาสั่ง” เพื่อนทั้งสองก็พูดขึ้นพร้อมกันแล้วยิ้มมุมปากให้มัค

“ก็…เมิงจะไปกอดเขาได้ไง ไม่กลัวเขาด่าหรอวะ” มัคว่า

“ไม่ด่าหรอก กูจะบอกว่ากูชอบพี่เขา แบบว่าเอฟซีอะ” เพื่อนเบอร์สองว่า

“พอเลยเมิง ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาเลย เมิงไม่มีสิทธิ” มัคบอกไปพลางหยิบมือถือขึ้นมา

“พูดเหมือนเมิงมีสิทธิอะ เอ๊ะหรือว่า…..” เพื่อนเบอร์สองเดินเข้ามาชาร์ตที่ตัวมัค

“อะไรๆ ออกไปไอ้****” มัคเอามือผลักเพื่อนให้ออกไป

“บอกมาสะดีๆ รู้จักพี่เขาหรือเปล่า”

“รู้จักก็บ้าแล้ว เขาไม่ได้เรียนแล้วนี่ จะมาเจอกูได้ไงเล่า”

“หึ อย่าให้กูสืบนะเมิง กูจะเอาให้พูดไม่ออกเลย” เพื่อนเบอร์สองพูดไปพลางทำท่าปาดคอ

       หลังจากที่มัคเจอคำขู่จากเพื่อนตัวเอง เขามีความรู้สึกว่า ชีวิตแม่มจะอยู่ไม่สุขละ ที่เขาไม่อยากบอกใคร ก็กลัวเรื่องเดียวนั่นแหละ กลัวพี่จะอึดอัด แค่มีใครก็ไม่รู้ที่พยายามจะเปิดว๊าปพี่ เพราะพี่ไม่ได้เล่นเฟสบุ๊ค เล่นแต่อินสตราแกรมซึ่งนานๆทีจะโพสรูปตัวเอง เอาจริงๆพี่เป็นค่อนข้างไพรเวท ไม่ชอบทำตัวเด่นทั้งๆที่ตัวเองก็เด่น ยิ่งนิ่งยิ่งมีเสน่ห์ตามนิสัยของคนเรียนกฎหมายอะ

“พี่คิน ถึงไหนแล้วครับ” มัคตัดสินใจกดโทรศัพย์ เพราะเวลานี้พี่คงไม่หยิบมือถือขึ้นมาไถเล่นแน่ๆ

“กำลังจะออกจากบีทีเอสอ่า เจอกันที่คอนโดนะ ขอนอนก่อนได้ไหม วันนี้เหมือนโดนสูบพลังไปอ่า”

       คินตาบอกอีกฝ่ายและตัดสินใจลงจากบีทีเอสเพื่อเข้าไปคอนโดตัวเอง เขาเลือกที่จะอาบน้ำ และเปิดแอร์นอนเพื่อรออีกคนที่บอกว่าจะเข้ามา ไม่รู้เลยว่าวันนี้จะทานอะไรเป็นมื้อเย็น คงต้องรออีกฝ่ายนั่นแหละ ตอนนี้คงต้องรอสักพักกว่าอีกคนจะกลับมา แต่แล้วคินตาก็หมดพลังเลยล้มลงนอนที่โซฟาหน้าห้อง ส่วนมือถือก็กำไว้รออีกคนโทรเข้ามา

ตื้ดๆๆๆๆ

“อืมมม ถึงแล้วหรอ” คินตางัวเงียขึ้นมารับสาย

“ครับถึงแล้วครับ ลงมารับหน่อยนะครับ ซื้อของมาเยอะเลย”

       ว่าแล้วคินตาก็เดินไปเอาน้ำลูบหน้า แล้วหยิบคีการ์ดห้องแล้วลงไปรับอีกคนมา เมื่อมาถึงเขาก็พบว่าอีกคนถือถุงข้าวมาเต็มมือ เขารู้สึกผิดทีปล่อยให้น้องซื้ออะไรก็ไม่รู้มาเยอะแยะ แต่อีกใจนึงก็ดีใจที่มีใครสักคนใส่ใจเราขนาดนี้

“มาๆ ช่วยถือๆ” คินตาเดินเข้าไปขอถือช่วย อีกคนก็แบ่งให้

“เอาเท่าที่ถือไหวนะครับ ของกินทั้งนั้นเลย นี่ๆมีชานมไข่มุกด้วย2แก้ว อย่าทำตกนะครับ” มัคว่าไปเหลือบมองสีหน้าอีกคนที่กำลังงัวเงีย คงเพิ่งตื่นสินะ

        ทั้งคู่เดินเข้าห้องมาพร้อมข้าวของเต็มไปหมด คินตาอาสาเอาของที่ซื้อมาไปจัดวางดีๆ เพื่อให้อีกคนไปล้างหน้าล้างตา แล้วมาหาอะไรกินกัน เพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว อีกคนคงหิวน่าดู แต่อย่างไงก็แล้วแต่ เขาขอเจาะชานมไข่มุกดูดสักหน่อยก็แล้วกัน

“เจาะแล้วหรอครับ อยากกินจัง” มัคที่เดินเช็ดหน้าออกมาจากห้องน้ำขอคินตาเมื่อเห็นว่าคินตากำลังดูดชานมไข่มุกอยู่

“เอาใหม่ไหม เดี๋ยวเจาะให้เลย” คินตาว่าพลางจะหยิบหลอดแล้วแก้วชานมอีกแก้วให้มัค

“ไม่เป็นไรครับ ขอแก้วนี้ได้ไหมครับ”

“อ่า ได้สิ คนจ่ายตังค์ได้สิทธินั้นอยู่แล้ว” ว่าแล้วก็ยื่นแก้วที่ตนดูดให้อีกคนทันที

      มัครับแก้วนั้นมาแล้วดูดไปทันที แล้วพูดขึ้นว่า

“ใช้หลอดเดียวกันแล้วนะครับ”

“ห้ะ อะไรนะ”

“จูบทางอ้อมไงพี่”

“เอิ่ม เอางี้หรอ ฮ่าๆ” คินตาทำจะขำทั้งจะเขิน แต่คงไม่เท่าไหร่เพราะเจ้าตัวดันพูดขึ้นมาว่า

“อยากจูบทางตรงไหนละ หึ!!”


      หลังจากที่ต่อปากต่อคำกัน ทั้งคู่ก็เปิดกับข้าวกินกัน อาหารมื้อนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นอาหารง่ายๆที่หาซื้อได้ทั่วไป คนที่ซื้อมาคงเห็นว่าเขาไม่ซีเรียสเรื่องราคาของที่ทานแต่ละมื้อว่าจะต้องแพงแค่ไหนหรือมาจากร้านดังแค่ไหน ขอแค่อร่อยและสะอาดเท่านั้น ชีวิตคนธรรมดาอย่างเขาก็ดำรงต่อไปได้แล้วแหละ

       หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จ มัคก็ต้องขอตัวกลับไปบ้านเพราะที่บ้านเรียกตัวแล้ว แต่คงไม่ได้ทานข้าวร่วมกับครอบครัว คินตาเลยต้องลงมาส่งมัคที่ข้างล่างของคอนโด

“คืนนี้อย่านอนดึกนะครับ”

“อื้อ อ่านหนังสือสัก2ชั่วโมงก็คงนอนแล้วแหละ เพราะอีกไม่กี่อาทิตย์ก็ใกล้สอบตั๋วทนายแล้วแหละ”

“เต็มที่นะครับ ถ้าจะนอนอย่าลืมทักมาบอกบ้าง ผมจะรอนะครับ”

“ได้สิ บอกแต่คนอื่น ตัวเองก้อย่านอนดึกนะ รู้แหละว่าช่วงนี้วุ่นๆกับคณะ พักผ่อนด้วย เดี๋ยวไม่สบายอีก มันจะไม่คูล”

“ป่วยก็ดีครับ เพราะได้พยาบาลมาดูแลดีขนาดนี้”

“พูดดีไปเถอะ ไปได้แล้ว ฝันดีล่วงหน้านะ”

      หลังจากนั้นคินตาก็กลับขึ้นมาอ่านหนังสืออย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะการสอบครั้งนี้เขาเริ่มจะจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจะงานทั้งจะสอบ เขาคงต้องแบ่งเวลาให้ดีเลยทีเดียว เขาคงต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออะไรที่ดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เขาอยากจะขอบคุณอีกคนที่เข้ามาในชีวิต รู้แหละว่าพยายาม แต่ก็อยากบอกเหมือนกันว่าพยายามอยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากจะบอกหรอก เดี๋ยวนายนั่นได้ใจ








...


เจอกันอาทิตหน้าเลยนะครับ ขออนุญาตไปตามความฝันก่อน

ฝากสวดมนต์ให้เราด้วย มีสอบสัมพาทย์งาน ขอไปเตรียมตัวก่อนน้า รักแหละ #มัคคิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 14 new!! 19/4/62)
« ตอบ #19 เมื่อ: 19-04-2019 22:07:40 »





ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: Milk tea of love :: มัคคิน ตอนที่ 14 new!! 19/4/62)
«ตอบ #20 เมื่อ19-04-2019 23:59:29 »

ค่อยขยับความสัมพันธ์กันเข้าไปทีละนิด

//ขอให้นักเขียนสัมภาษณ์งานผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ ^^

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 15


       นับวันชิวิตในโลกโซเชียลของคินตาก็ยิ่งวุ่นวาย เพราะนับตั้งแต่วันที่มีเพจมหาลัยมาสัมภาษณ์เขา ก็ต่างมีแต่คนมาจับจ้องจะหาตัวตนของเขา ไม่ว่าจะทางเฟสบุ๊ค หรือทางอินสตราแกรม และที่มันวุ่นวายไปกว่านั้นคือการที่เพื่อนของเขาที่ชื่อปอนด์ได้คอนเมนท์ในเพจหลักว่า “เปิดว๊าปจ้า” พร้อมบอกชื่ออินสตราแกรมของเขา แล้วนับแต่วันนั้นก็มีใครต่อใครต่างได้เรกเมสเซสมาให้เขารับฟอลโล่วด้วย ถ้าถามเขาว่าเขาโกรธเพื่อนของเขาหรือเปล่าที่ทำแบบนั้น เขาตอบได้ว่าไม่โกรธหรอก เรื่องแค่นี้เอง แต่ทำไมต้องให้ชีวิตเขาวุ่นวานขนาดนี้ด้วย ทั้งๆที่อยู่เงียบๆแบบแต่ก่อนก็ดีอยู่แล้ว

“พี่คินตา รับฟอลหนูด้วยนะคะ”

“คินตาครับ รับฟอลผมเถอะนะครับ”

“พี่ขา เปิดไอจีให้หนูส่องเถอะนะพี่คินตา”

“ถ้าพี่เปิดไอจี หนูจะซื้อของมาเปย์พี่ หนูสัญญาค่ะ” เอิ่ม เปย์หรอ เปย์ชานมไข่มุกเราสิ

      ดูจากข้อความในไดเรกแล้วก็มีแต่ประมานนี้เท่านั้น ก็แปลกดีนะ ทีอยู่ดีๆก็มีคนมาสนใจเราทั้งๆที่เมื่อก่อนตอนเรียนมหา’ลัย ก็แทบจะไม่มีใครสนใจเขาเลย แต่มาวันนี้ มันอะไรกันละเนี่ย
 
ตึ้ดๆๆๆ

“เป็นไงครับ เนตไอดอล” อ๊ะ อยู่ดีๆปอนด์ก็โทรหาเขามาทั้งๆที่ปกติก็ไม่เคยจะโทรมา สงสัยวันนี้ว่างแล้วละสิ

“ไอดอลบ้าอะไรละปอนด์ อยู่ไหนตอนนี้ ว่างใช่ไหม” เขาถามปอนด์กลับทันที

“เออ ว่างแล้ว เจอกันไหม หิวข้าววะ”

“เออ ว่างเหมือนกัน เพิ่งเลิกงานเนี่ย โทรมาได้เมื่อเหมาะเจาะจัง”

“สยามไหม ง่ายดี”

“โอเค ดีล”

       เมื่อเขาและเพื่อนตกลงกันเรียบร้อย เขาจึงใช้บริการรถไฟฟ้าอีกครั้งในช่วงเวลาหลังเลิกงาน เป้าหมายของเขาในวันนี้ คือขอชำระแค้นเล็กๆที่เพื่อนเขาได้ก่อขึ้น เพราะสิ่งที่ทำไปนั้น มันทำให้มือถือของเขาอยู่ไม่สุข

“ดีเมิง” ปอนด์ทักเขาด้วยรอยยิ้มที่แปลกๆ

“ทำไมยิ้มได้ปลอมขนาดนี้วะคนเรา” เขาว่าให้

“เอ้า ทำไมว่าเพื่อนแบบนี้ละ คุณเนตไอดอลคนใหม่ ที่ทุกคนพยายามตามหา” ปอนด์ว่าเสร็จก็หัวเราะให้ แต่เขาทำได้แค่เบะปากเล็กๆให้

“ปะๆ กินไรดี เดี๋ยววันนี้เป็นเจ้ามือ” ปอนด์ว่าเสร็จก็เอามือคล้องคอเขาทันที

“วันนี้แกต้องเลี้ยงเราอยู่แล้วแหละเพื่อน คนทำผิดต้องโดนลงโทษ”

“ทำไรผิดอ่า ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”

“หึ ยัง ยังจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ที่ไปคอมเมนท์แบบนั้นไงละ”

       จากนั้นทั้งคู่ก็ได้เลือกร้านไก่เกาหลีชื่อดัง เขาเลือกสั่งไก่เซทใหญ่มาเลย พร้อมหนังไก่ที่ออกใหม่ และซุปกิมจิ พออาหารมาเสริฟตรงหน้า ต่างคนก็ต่างกิน จนไม่ได้สนใจใครรอบข้างเลยว่ามีใครอีกคนกำลังมองมาตรงนี้ จนกระทั่งความอททนของใครคนนั้นหมดลง

ตึ้ดๆๆๆๆ

“สวัสดีครับพี่คิน” คินตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นรับสาย เมื่อเห็นว่าใครโทรมา

“ครับ ว่าไง” คินตาเลี่ยงตอบโดยที่ไม่ได้เอ่ยชื่อออกไป เพราะยังไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

“พี่ทำอะไรอยู่ครับ ตอนนี้ผมเหนื๊อยเหนื่อย อยากเจอพี่จัง”

“อ่อ มาทานข้าวกับเพื่อนที่สยาม” คินตาตอบไปอย่างนั้น ขณะที่ตาก็แอบมองเพื่อนที่นั่งตรงข้ามไปด้วย

“อ่อครับ ทานให้อร่อยนะครับ ผมไปคุยงานกับเพื่อนต่อก่อนนะครับ”

       พอใครคนนั้นได้คำตอบที่ค่อนข้างพอใจว่าคนในสายไม่ได้โกหกแต่อย่างใดว่าอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ แต่ว่ามากับใครนี่สิ พี่บอกว่าเพื่อน เพื่อนจริงหรอวะ กินข้าวไป หัวเราะไป อ้อ ก่อนหน้านั้นที่เดินเข้าร้านมา เขาก็เห็นนะเว้ยว่าเดินกอดคอกันมาด้วย เห้อ ทำไมยิ่งคิดยิ่งปวดใจวะ บ้าเอ้ย
 
“ใครโทรมาวะคินตา” ปอนด์เอ่ยถามเขาหลังจากที่เขาวางสายนั้น

“อ่อ คนที่ออฟฟิตหน่ะ เหมือนจะโทรมาคุยเรื่องงาน แต่ก็วางสายไปก่อน”

     พอคินตาว่าเช่นนั้น ปอนด์ก็ไม่อยากจะซักอะไรให้มากความ เพราะยังไงก็เรื่องของเพื่อน ไม่ใช่เรื่องของเขา แต่ที่เขามาวันนี้ก็เพื่อนจะมาถามไถ่เรื่องบทสัมภาษณ์นั่นต่างหาก

“เออ คินตา แล้วเรื่องที่เพจโพสนั่นมันยังไงวะ เล่าดิ้”

“ก็ไม่มีอะไร แค่วันนั้นบังเอิญไปทำธุระที่มหา’ลัย แล้วมีน้องมาของสัมพาทย์แล้วขอถ่ายรูป แค่นั้นแหละ”

“ธุระอะไรวะ ปกติไม่เห็นจะเข้ามอเลย” ปอนด์ถามอย่างสงสัย

“เอ่อ ก็ไม่มีอะไรนะ แค่เปลี่ยนที่อ่านหนังสือเฉยๆ”

“แน่นะ ไม่ใช่ว่าแอบไปทำอะไรแล้วไม่บอกเพื่อนนะ งอนนะเว้ย เดี๋ยวให้เลี้ยงข้าวคืนเลย”

“โอ้ย แอบอะไรเล่า อย่าคิดมากน่า”

       หลังจากที่เพื่อนรักทั้งคู่ทานอาหารเย็นและเฮฮาตามประสาเพื่อนเก่าที่นานๆมาเจอกันที พอเวลาล่วงเลยมาเกือบ1ทุ่ม เขาและเพื่อนของเขาต่างก็ต้องแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน เพื่อวันต่อไปต้องไปทำงานต่อ ส่วนอีกคนก็คงกลับไปอ่านหนังสือต่อละมั้ง

      ในขณะที่เขากำลังจะเดินขึ้นไปบนรถไฟฟ้า ก็มีใครสักคนมาสกิตที่ด้านหลังของเขา

“อ๊ะ” เขาตกใจเมื่อหันหลังไปพบว่า

“ดีครับ พี่คิน”มัคเอ่ยทักทายเขา

“มัค มาได้ไง เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม” คินตามักจะแสดงความห่วงใยให้ใครต่อใครเสมอ แต่เขาจะรู้บ้างไหมว่าแค่คำถามว่าเหนื่อยไหยของเขา มันทำให้อีกคนฮึดสู้อีกครั้ง

“เดินมากับเพื่อนครับ แต่แยกย้ายกันแล้ว วันนี้ก็เหนื่อยครับ แต่ได้กำลังใจดี เลยหายเหนื่อยแล้ว” มัคตอบเขาด้วยรอยยิ้มที่มักจะใช้เป็นพิเศษเฉพาะกับคนที่พิเศษจริงๆ

“ทานอะไรมาหรือยัง เมื่อกี้พี่เพิ่งไปทานข้าวกับเพื่อนมา”

“ทานมาเรียบร้อยแล้วครับ ทานกับเพื่อนเหมือนกันครับ แถวๆนี้แหละ” เขาละอยากบอกเหลือเกินว่าวันนี้เขากินข้าวคนเดียว อยู่ร้านฝั่งตรงข้ามกับร้านที่พี่นั่ง นั่งกินไป นั่งดูพี่กับเพื่อนไป เฮ้อ พูดขึ้นแล้วน้ำตาจะไหล

“แล้วจะไปไหนต่อไหม หรือจะกลับบ้านเลย”

“อยากไปห้องพี่ครับ แต่ไม่รู้พี่จะให้ไปได้ไหม”

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้น จะไปก็ไป”

       จากนั้นทั้งคู่ก็ฝ่าวิกฤตบนรถไฟฟ้ามายังคอนโดของคนพี่ได้สำเร็จ เพราะวันนี้คนใช้บริการเยอะมาก คงเป็นเพราะช่วงเวลานี้ด้วยแหละ

“เอ้อ นี่ เรื่องที่เพจเอาไปลงอะ” อยู่ๆคินตาก็เอ่ยขึ้น ขณะกำลังอยู่ในลิฟท์

“ครับ ทำไมหรอครับ” มัคเอ่ยอย่างสงสัย

“ก็มีคนไปโพสเปิดว้าปอินสตราแกรมพี่แล้วนะ เพื่อนพี่เอง ฮ่าๆ”

“แล้วเป็นไงครับ วุ่นวายไหม” มัคเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะคงรู้ดีว่าพี่อาจจะไม่ชอบเรื่องแบบนี้

“ก็วุ่นวายนิดหน่อย แต่ไม่ซีเรียสอะไร ไดเรกมาเยอะ บอกให้เปิดสาธารณะ หรือไม่ก็ให้รับฟอลโลวด้วย”

“พี่อยากเปิดไหม เอาจริงๆเปิดไปก็ไม่ได้มีผลเสียอะไรนะ เพราะในอินสตราแกรนมของพี่ รูปก็สวยดี แถมน่ารักด้วย”
“อืม น่ารักจริงๆแหละ ก็เจ้าของน่ารักอะเนาะ ฮ่าๆ”

“อะ งั้นพี่ปิดไว้เหมือนเดิมแหละ ไม่ต้องเปิดมันแล้ว หึ” มัคเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด

“จะหน้าบึ้งทำไมเนี่ย ไปๆ เข้าห้องก่อน” คินตาเอื้อมมือมาจับหน้าอีกคนที่รู้ว่าแสร้งตีหน้าบึ้งใส่เขา แล้วรีบบอกให้เข้าห้อง

“รอแปปนะ ขออาบน้ำ10นาที อยากทำอะไรก็ทำเลย”

“ทำอะไรก็ได้จริงหรอครับ งั้นอาบน้ำด้วยได้ไหมครับ”

        พอมัคว่าเสร็จ คินตาเลยคว้าผ้าเช็ดตัวได้ แล้วโยนไปที่มัคทันที

“โอ้ย ขอบคุณครับ ที่ไม่เผลอหยิบแก้วปาใส่หน้าผม ฮ่าๆ”

        ว่าแล้วคินตาก็เดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวคืน แต่แล้วอีกคนก็เจ้าเลย์ไม่ยอมให้คินตาได้ผ้าเช็ดตัวคืนไปง่ายๆ เอาอาศัยจังหวะเอาผ้าเช็ดตัวพันตัวเขาไว้ แล้วกอดให้แน่น

“โอ้ย ไอ้เด็กบ้า ปล่อยนะเว้ย จะไปอาบน้ำ” คินตาขัดขืน พยายามจะลุกหนีให้ได้แต่อีกคนก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น

“ผมไม่อยากปล่อยพี่เลย นานๆทีจะมีโอกาส”

“อ๋อ เป็นพวกฉวยโอกาสสินะ นิสัยไม่ดี”

“ยอมเป็นคนนิสัยไม่ดีครับ อิอิ”

“อิอิ อะไรของนายเล่า ปล่อยว้อย” คินตาพยายามดิ้น แต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด เลยเลือกที่จะอยู่นิ่งๆสะ เพราะเหนื่อยจะดิ้นแล้ว

“ทำไมนิ่งละครับพี่” มัคถามอย่างสงสัย

“หึ เหนื่อยแล้ว จะทำอะไรก็เชิญเลยเถอะ”

“อย่างอนเลยนะครับ ขอผมได้กอดพี่สัก5 นาทีเถอะ การที่ผมได้กอดพี่ก็เหมือนการชาร์ตพลังกาย ส่วนพี่ถูกผมกอดก็คงได้ชาร์ตพลังใจเหมือนกันนั้นแหละ เห็นไหมละ คุ้มสุดคุ้ม”

“เห้อเปลืองตัวชะมัด พอเถอะ อยากอาบน้ำจริงๆ เหนื่อยอะ อยากนอนแล้ว”

คินตาเอ่ยพร้อมกับซบลกไปที่อกของอีกฝ่าย พร้อมเอ่ยคำอ้างที่ดูจะไม่มีอะไร แต่ในใจอีกคนคือพร้อมระเบิดแล้ว

“พี่กำลังทำให้ผมตายนะ อย่าอ้อนนักสิครับ”

“ไม่ได้อ้อนนะ แค่อยากพักผ่อนจริงๆ” คินตาเงยหน้าขึ้นมาพูด

     หลังจากนั้นมัคก็ได้ปล่อยตัวคนพี่ไป เพราะถ้าหากไม่รีบปล่อย ก็กลายเป็นเขานั่นแหละที่จะตายก่อน แค่นี้ก็แทบไม่รอดแล้ว บ้าเอ้ย คนอะไร น่ารักชิบ

     เมื่อคินตาออกมาจากห้องน้ำจึงหยิบมือถือขึ้นมาเชคดูว่ามีใครติดต่อมาหาเขาหรือไม่ พอเขาเปิดอินสตราแกรมก็พบว่ามีแอดมินจากทางเพจมหา’ลัยติดต่อมา อยากขอสัมภาษณ์อีกรอบ เขาตอบไปเพียงว่า “ขอดูเวลาและโอกาสก่อนนะครับ ว่าจะเป็นไปได้ไหม” เขาไม่ได้เล่นตัวอะไรนะ เพราะเขาต้องทำงาน ไหนจะความวุ่นวายที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงอีก

“นี่ๆ แอดมินเพจทักมาอะ ดูสิ” คินตายื่นมือถือให้มัคดูข้อความที่เขาคุยกันกับแอดมิน

“อ่อ พี่ว่าไง ผมก็ว่างั้นแหละครับ แต่ต้องเอาที่พี่สะดวกนะ เพราะยังไงพี่ก็คงต้องเลือกงานก่อน ใช่ไหมละ”

“ก็คงเป็นแบบนั้นแหละ เห้อ อยู่ดีไม่ว่าดี ช่างมันเถอะ แล้วคืนนี้จะยังไงเนี่ย นอนนี่หรือจะกลับบ้านตัวเอง”

“นอนนี่ได้ไหมครับ ผมเตรียมเสื้อผ้ามาแล้ว”

“อะ งั้นก็ไปอาบน้ำ นี่ง่วงแล้ว ไม่ไหวอะวันนี้ วุ่นทั้งออฟฟิต”

      เหตุการณ์ในโลกโซเชียลยังคงเป็นไป เมื่อแอดมินเพจได้แค้ปข้อความที่คุยกับคินตาแล้วมาลงในเพจว่าถ้ามีเวลาและโอกาสจะมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง แต่จุดสังเกตไม่ได้มีแค่นั้น เพราะหน้าอินสตราแกรมของคินตาแม้จะไม่ได้เปิดสาธารณะไว้ แต่ก็ยังมีใครอีกคนที่สามารถฟอลโลวได้ และยังถูกฟอลโลวกลับด้วย คนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากพ่อประธานชั้นปีที่3แห่งวิศวะกรรมศาสตร์นั่นเอง



...

เรากลับมาอัพนิยายต่อแล้ว หลังจากที่ไปตามความฝัน แต่ผลออกมา คือ ก็ยังคงเป็นความฝันต่อไป และเราคงไม่หยุดแค่นั้น

เลยมาสร้างกำลังใจจากการเขียนนิยายซึ่งเป็นสิ่งที่เราชอบ

หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับเรื่องราวเล็กๆ ที่กำลังดำเนินไปด้วยความเรียบง่ายของเขาทั้งสอง #มัคคิน

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 16


       “สวัสดีค่ะ พี่คินตา เมื่อไหร่คิวพี่จะว่างค่ะ พวกเรารอพี่อยู่นะคะ”

      นี่คือไดเรกเมสเซทล่าสุดท่าเขาได้รับจากแอดมินเพจ หลังจากที่เขาปฏิเสธมาตลอด1สัปดาห์ เขาไม่ได้จะเล่นตัวจริงนะ ก็เพราะว่าช่วงนี้เขาไม่ค่อยว่างเลย งานหนัก ไหนจะต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบใบอนุญาตว่าความอีก แต่ถ้าถามว่าได้เจอกับอีกคนไหม ก็บอกว่า เจอบ้าง หลังเลิกงาน หรือหลังจากที่อีกฝ่ายเลิกจากกิจกรรม ก็เท่านั้น

     แต่ที่ยังเจอเรื่อยๆนั่นคือคำขอจากแอดมินเพจที่อยากได้เวลาจากเขาจริงๆ เขาก็ไม่เข้าใจนะ ว่าทำไมต้องเจาะจงเป็นเขา ทั้งๆที่เด็กใหม่ๆมีให้สัมภาษณ์เยอะแยะ เขาเริ่มลังเล เพราะจากคำแนะนำของอีกคนนั่นคือ ยังไงก็แล้วแต่เขา อืม…ยังไงดีละ

“มัค ถามอีกรอบได้มั้ย” คินตาตัดสินใจทักอีกคนเพื่อถามคำถามเดิมอีกครั้ง

“ครับ เรื่องแอดมินเพจอีกหรอครับ”

“อืม เอาไงดี เขาทักมาถามอีกแล้วอะ”

“เอางี้ พรุ่งนี้วันเสาร์พี่ว่างไหม ถ้าว่างพี่ตอบรับเลยก็ได้”

“พรุ่งนี้หรอ ก็ว่างแหละ แต่ไปคนเดียวก็ไม่เอาอะ”

“พรุ่งนี้พี่ไม่ได้ไปคนเดียวครับ ผมจะไปด้วย” อ่า แบบนี้ค่อยยังชั่ว จะให้ไปคนเดียวคงแปลกๆอะ

“ได้ครับ ให้นัดกี่โมงดีละ ช่วงบ่ายดีไหม” เขาถามความเห็นอีกรอบ

“ได้ครับ ยังไงก็ได้ แต่คืนนี้ผมไปนอนด้วยนะ ผมเอาเสื้อผ้ามาแล้ว ไม่อยากหอบกลับบ้านTT”

“……………….อะ น่าสงสารเขานะครับ ! …………………”

       จากนั้นคินตาก็ได้ตกลงนัดกับเหล่าแอดมินเพื่อมาให้สัมภาษณ์ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งสถานที่นัดพบกันก็เป็นคณะเก่าของเขานั่นเอง เพื่อให้เข้ากับตรีมซึ่งเกี่ยวกับการศึกษาในมหาวิทยาลัย เมื่อเขานัดแนะกันเรียบร้อย เขาจึงกลับมานั่งดูทีวีอีกครั้ง พลางคิดว่าวันนี้จะกินอะไรกันดี เริ่มเบื่ออาหารแถวนี้แล้วละสิ เอาไว้ค่อยชวนอีกคนออกไปข้างนอกดีกว่า เวลาผ่านสักเกือบชั่วโมง อีกคนเพิ่งโทรมาบอกว่ากำลังเดินเข้าคอนโด ให้ลงมารับด้วย เขาจึงรีบคว้าคีการ์ดแล้วรีบลงลิฟท์ไป

“ท่านประธานกลับมาแล้ว วันนี้ท่านประธานเหนื่อยไหมครับ ” คินตาแกล้งทำเป็นเอาใจอีกคนแต่ในใจได้แต่หัวเราะคิ้กๆ

“กวนอะคนเรา วันนี้ท่านประธานเหนื่อยมากครับ ขอกำลังใจหน่อย” มัคทำท่าจะเดินเข้าไปกอดแต่อีกคนยกมือห้ามไว้ก่อน

“หยุดเลยนะ คิดจะทำอะไรหน่ะ” เขาว่าพร้อมยู่วปากใส่

“เอ้า ก็ขอกำลังใจไง แค่กอดเอง” มัคทำท่าจะกอดเอาให้ได้ แต่อีกคนก็ได้แต่ถอยหลังหนีไป

“ไม่ได้เว้ย รีบขึ้นไปข้างบนเลย”

      ว่าแล้วทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปลิฟท์ไป  มัคก็เอาของไปเก็บแล้วจัดการล้างหน้าล้างตา แล้วออกมาหาอีกคนที่ตั้งหน้าตั้งตาดูทีวี

“เย็นนี้กินอะไรดี”

“อืม คิดมาตั้งแต่เย็นแล้ว ว่าเบื่ออาหารแถวนี้ ” คินตาทำท่าเอานิ้วมาจิ้มๆที่ปากพลางนึกตอบไป

“งั้นไปทองหล่อกันไหม เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อีกอย่างวันนี้วันศุกร์แห่งชาติด้วย”

“หืม เอางั้นหรอ แต่พรุ่งนี้มีงานนัดสัมภาษณ์นะ อย่าลืมดิ”

“นัดตั้งบ่าย ไปทันชัวร์”

     เมื่อเขาทั้งสองตกลงกันได้ จึงจัดการเปลี่ยนชุดเพื่อออกทานอาหารเย็นที่ไม่น่าจะเย็นแล้ว ดูท่าคงจะดึกนั่นแหละ เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว มัคก็อาสาขับรถให้ และจัดการเลือกร้านอาหารให้เสร็จสรรพ โดยเขามีหน้าที่แค่ไปกินแค่นั้นพอ

      การเดินทางในช่วงค่ำวันศุกร์ทุกคนน่าจะรู้ว่าหนักหนาแค่ไหน ตอนนี้เขาและคนขับรถส่วนตัวกำลังอยู่บนถนนกำลังจะเลี้ยวเข้าเส้นทองหล่อ มัคบอกว่าอีกสักพักจะถึงแล้ว

       ร้านที่มัคเลือกมานั้นเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน ตอนแรกเขาบอกไม่ถนัดแนวนี้ เขาอยากจะเดินออกทันที แต่ก็ไม่ทันเมื่ออีกคนดันหลังเขาให้เข้ามาแล้ว

“งื้อ ทำไมต้องร้านนี้ด้วยอะ นึกว่าจะเข้าร้านปิ้งย่างอะไรง่ายๆสะอีก” คินตาเริ่มงอแงเมื่อรู้ว่าตนไม่ค่อยถูกกับอาหารอิตาเลี่ยน

“ร้านนี้แหละ มาเถอะครับ ผมสั่งรอให้แล้ว แค่กินปกตินั่นแหละ ไม่ต้องซีเรียส” มัคบอกให้เขาสบายใจ แต่ยังไง๊ยังไงเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นหรอก ก็คนมันคาดหวังจะได้กินปิ้งย่างนี่หว่า

“เห้อ ให้ตายเถอะ ไปก็ได้” เขาได้แต่เดินคอตกทั้งๆที่อีกคนได้แต่ยิ้มให้กับท่าทางหงอยๆนั่น

       เมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาในร้าน คินตากระซิบบอกมัคขอนั่งมุมด้านในที่คนไม่ค่อยพลุกพล่านนะ มัคก็ตามใจให้ แล้วบอกพนักงานให้จัดการที่นั่งให้

       คินตานั่งไปสักพัก พนักงานก็นำอาหารมาเสริฟให้ตามออเดอร์ที่มัคจัดการโทรมาสั่งให้ก่อน สิ่งที่วางบนโต๊ะนั้นเป็นAppetizer ซึ่งเปิดออกมาสลัดลอบเตอร์ หอยเชลฮอกไกโดและไวน์ขาวในแก้วทรงสวยที่วางอยู่ข้างๆ และแจกันดอกกุหลาบที่วางตรงมุมโต๊ะ มาพร้อมเสียงเพลงคลอเบาๆและแสงไฟสลัวๆ คินตาเห็นว่ามื้ออาหารพิเศษดี เลยจัดการหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดถ่ายและอัพโหลดลงในอินตราแกรม

“ถ่ายรูปหรอครับ งั้นผมขอถ่ายบ้างได้ไหม”

“อื้อ เอาสิ” คินตาขยับแขนออกเพื่อให้อีกคนถ่าย แต่อีกคนได้จะถ่ายนั้นไม่ได้ถ่ายแค่จานอาหารที่วางบนโต๊ะ แต่กลับเลือกมุมที่เห็นมือของอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วย แล้วจึงอัพโหลดลงบนอินสตราแกรมเช่นกัน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้จัดการติดแท็กอะไรหาอีกฝ่ายเช่นกัน

“พี่ลองชิมไวน์สิครับ น่าจะเข้ากับลอบเตอร์นะครับ” มัคแนะนำพร้อมหยิบแก้วขึ้นมา

“อ่า ได้สิ” คินตาเลยหยิบแก้วขึ้นมาบ้างแต่ก่อนจะชิมจึงจับแก้วมาชนกันมัค

“วันนี้เป็นมื้อพิเศษนะครับ พี่ว่าไหม” มัคบอกเขาเช่นนั้น

“หืม พิเศษมั้ง ไม่รู้ดิ ไม่ชินเลย เนื่องในโอกาสอะไรเนี่ย วันนี้ก็ไม่นึกว่าจะจบมื้อค่ำด้วยอะไรแบบนี้ บอกเลยว่าคาดหวังกับปิ้งย่างมาก ฮ่าๆ” คินตาพูดเสร็จก็เกาจมูกตนเอง

“มื้อพิเศษครับ ส่วนปิ้งย่างไว้พรุ่งนี้หลังเสร็จงานที่มหา’ลัยก็ได้ครับ” มัคเอ่ยปลอบคนที่ไม่ได้กินในสิ่งที่อยากกิน

“เอางั้นก็ได้” หลังจากที่ทานAppetizer กันเรียบร้อย พนักงานจึงนำMain Courses มาเสริฟ ซึ่งนั่นก้คือเมนูปลาหิมะย่างเสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศ ปลาแอนโชวี่ และซอสมะกอกกับเคเปอร์ ทานคู่กับโพเลนต้าย่าง และผักโขม  คินตาจึงหยิบส้อมกับมีดขึ้นมาลองจิ้มๆดูก่อน แล้วจึงเลือกทานตัวปลาหิมะที่อยู่ด้านบนก่อน

“อื้ม รสชาติดี ดีกว่าข้างคอนโดอะ”

“……………………………….” มัคไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็ได้แต่หยิบส้อมมาตักชิมเช่นกัน

“มื้อนี้คือที่สุดเลย แต่มาบ่อยๆไม่ได้แน่ๆอะ” คินตาว่าแล้วก็ขำนิดๆ

“พี่คิน ” มัคเรียกคินตาที่กำลังสนใจกับเมนูอาหารตรงหน้าอยู่

“……………………………..” คินตาไม่ตอบอะไรได้แต่แค่ทำหน้าสงสัยว่ามัคเรียกตนทำไม

“พี่รู้ไหม กว่าผมจะได้มาทานมื้อนี้กับพี่ ผมรอมานานมากนะ ”

“อ่า…”

“ผมเคยเจอพี่ในงานสงกรานเมื่อปีที่ผ่านมา แต่พี่คงจำผมไม่ได้หรอก” มัคยังคงพูดไป แต่อีกคนได้แต่งงอยู่แบบนั้น

“…………..”

“ครั้งนั้นที่เจอพี่อะ ผมพลาดอย่างนึง นั่นคือการเข้าไปทำความรู้จัก”

“…………..”

“ครั้งนี้ผมก็ได้เจอพี่อีก ผมก็เลยเดินตามพี่ไป และเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตพี่ ทั้งๆที่พี่ไม่ต้องการความวุ่นวายเลย แต่พี่ก็ยังให้ผมเข้าไปวุ่นวายด้วย”

“…………..”

“ตอนแรกที่พี่บอกว่าให้ผมเป็นแค่พี่น้องอะ ผมแทบร้องไห้อะ เพราะผมไม่ได้ตั้งใจอยากจะเป็นพี่น้องกับพี่เลย” มัคเล่าไปก็นึกตลกตัวเองไป

“……………”

“และตลอดเวลาที่ผมเข้ามาวุ่นวาย ผมชัดเจนเสมอว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่”

“…………….”

“พี่รู้ใช่ไหมครับ ว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่” สิ้นคำพูดสุดท้าย เขาจึงเหลือบตามองอีกคนที่กำลังหน้าแดงเพราะคำพูดของเขา

“………………”

“พี่รู้ตัวไหม ตอนนี้พี่หน้าแดงมากอะ” มัคแกล้งแหย่อีกคน

“ตัวเองก็หน้าแดงเถอะ หูแดงด้วยอะ” คินตาว่าแล้วทำหน้ายู่ๆให้

“ก็ผมเขินนี่” มัคว่าเสร็จก็เกาท้ายทอยตัวเองทันที

“อืม เขินเหมือนกันโว้ย”

       จากเหตุการณ์สารภาพของเด็กตัวโตที่มีต่อรุ่นพี่ คินตาก็ไม่กล้ามองหน้ามัคอีกเลย ทั้งๆที่มื้ออาหารก็จบสิ้นแล้ว และตอนนี้เขาทั้งคู่กำลังขับรถกลับคอนโด

“พี่ยังไม่เลิกเขินผมอีกหรอ” มัคหันมาถามคินตาเมื่อเห็นว่าไฟแดงอยู่

“เหอะอย่ามาว่าคนอื่นหน่อยเลย ตัวเองก็ยังหน้าแดงอยู่เลย” คินตาว่าไปแบบนั้นเพราะในรถค่อนข้างมืด เห็นได้แค่ไฟจากหน้ารถที่มากระทบแค่นั้น แต่เขาก็มั่นใจว่าอีกคนหน้าแดงแน่ๆ

“ก็ผมเขินอยู่ ยิ่งคิดยิ่งเขิน ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้” นั่นปะไร หน้าแดงอยู่จริงๆนั่นแหละ

       คินตาเหลือบไปเห็นไฟแดงที่แสดงเลข40อยู่จึงตัดสินใจบางอย่างเพื่อบอกให้อีกคนทราบว่า ขอบคุณที่พยายามเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเขา

“มัค หันหน้ามาหน่อยสิ” คินตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาๆ

“ครับ มีอะ…ไร….ครับ…อื้มมมม” คินตาโน้มตัวเข้ามาชิดกับมัค แล้วใช้ริมฝีปากบรรจงจูบลงที่ริมฝีปากอีกคน แต่กระนั้นการจูบเบาๆของเขาก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของอีกฝ่าย เมื่ออีกฝ่ายได้สติจึงใช้มือรั้งท้ายทอยคินตาแล้วดันปากตนเองเขามาอีก แล้วจัดการเม้มปากลงหนัก แต่กระนั้นเวลาก็ไม่เคยพอ เพราะสัญญาณไฟขึ้นเป็นสีเขียวแล้ว

ปรึ้นๆๆๆ

    เสียงแตรดังเตือนจากรถคันหลังเป็นสัญญาณให้เขาทั้งสองผละออกจากกัน แล้วมัครีบออกรถไป ในขณะที่อีกคนกำลังนั่งเบาะแล้วหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้สายตาโฟกัสที่ไหน แต่รู้แค่ว่า พี่คงเขินแหละ ผมคิดงั้นนะ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2019 12:46:33 โดย anikarn »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด