เรื่องสั้น -- Memory Is Blue -- 14/02/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น -- Memory Is Blue -- 14/02/2019  (อ่าน 1360 ครั้ง)

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
เรื่องสั้น -- Memory Is Blue -- 14/02/2019
« เมื่อ14-02-2019 19:12:06 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



-------------------------------------------------------------------------------------------------


นิยายเรื่องนี้มาจากจินตนาการของผู้แต่ง



==========================
ผลงานเรื่องเก่าๆ ค่ะ





เรื่องสั้นค่ะ



ฝากทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คเพื่อพูดคุยหรือติดตาม ได้ที่นี่ค่ะ จิ้มตามไปเลย

:mew1: :mew1: :mew1:
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: เรื่องสั้น -- Memory Is Blue -- 14/02/2019
«ตอบ #1 เมื่อ14-02-2019 19:15:39 »


Memory Is Blue


วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์



ช่วงเวลาประมาณสิบเก้านาฬิกาหรือทุ่มหนึ่ง เวลานี้ ณฉัตร ควรจะอยู่ที่ร้านอาหารและทานดินเนอร์สุดหรูกับคนรักของเขา แต่รูปการณ์กลับไม่ใช่อย่างที่นึกคิด หากไม่ใช่ว่าเขาอยากจะไปเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่มด้วยช่อดอกไม้ช่อใหญ่ตอนห้าทุ่มกว่าในคืนวันที่สิบสาม กุมภาพันธ์ ที่คอนโดอีกฝ่าย



เขากลับมายืนอยู่ในห้องผ่าตัด ยืนมองคุณหมอและพยาบาลที่กำลังยื้อชีวิตคนไข้บนเตียงมือเป็นระวิง ได้ยินเสียงคุณหมอสบถยามที่ได้ยินว่าความดันของคนไข้ตกและหลังจากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้นอีก เขาก้าวถอยหลังกลัวจะเกะกะโดยไม่รู้ตัว



ณฉัตรไม่ควรมาอยู่ที่นี่ หากไม่ใช่ว่าคนไข้ที่อยู่บนเตียงนั้นคือร่างของเขา



เป็นเขาที่กำลังใกล้ตาย...







ตี๊ดดดดดดดดดด











...

“พรุ่งนี้เจอกันนะครับพี่ฉัตร” น้ำเสียงอ่อนหวานของคนปลายทางบอกณฉัตร



“พี่คิดถึงโอม อยากไปหาเดี๋ยวนี้เลย” ณฉัตรได้ยินเสียงหัวเราะมาตามสาย



“ผมก็คิดถึงพี่ฉัตร อย่าเพิ่งใจร้อนสิครับ พรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว”



“อืม พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ แล้วโอมเก็บกระเป๋าหรือยัง พี่จะไปรับตั้งแต่เช้า” ณฉัตรถอนหายใจ อยากจะไปหาอีกฝ่ายตอนนี้



“จะมากี่โมงครับ หกโมงเช้าเลยไหม” ปลายสายตอบพลางหัวเราะกลับมาเช่นเดิม



“ได้หรือเปล่าล่ะ”



“พี่ฉัตรคิดว่าผมจะตื่นหรือยัง”



“คนขี้เซาไม่มีทางตื่นแน่นอน แต่ไม่เป็นไรพี่จะเข้าไปปลุกโอมถึงเตียงเอง”



“พี่ยังเหมือนเดิมเลย ชอบแกล้งผมตลอด...พี่ฉัตรครับ”



“ครับ อยากให้พี่ไปหาแล้วใช่ไหม”



“เปล่าสักหน่อย ผมจะถามว่าเราคบกันมากี่ปีแล้วครับ”



“นึกไงถึงถามพี่ แต่ถ้าโอมถามพี่ก็จะตอบ ปีนี้เข้าปีที่ห้าที่เราคบกันแล้วไงครับ ลืมหรือ?”



“ไม่ลืมหรอกครับ ที่ผมถามเพราะกลัวพี่ลืมต่างหาก”



“พี่จะลืมได้ไง โอมเป็นทุกอย่างของพี่นะครับ”



“พี่ฉัตรก็เป็นทุกอย่างของผมเหมือนกันครับ พี่ฉัตรครับๆ” น้ำเสียงของโอมอินทร์เปลี่ยนไปเมื่อเรียกชื่อณฉัตร



“มีอะไร เรียกชื่อพี่รัวเชียว”



“ผมต้องรีบไปแล้วครับ”



“หืม? กลับคอนโดใช่ไหม”



“ใช่ครับ พี่ที่ออฟฟิศไปทำธุระแถวคอนโดผมพอดี ผมเลยขอเขาติดรถกลับด้วย เขากำลังจะกลับแล้ว ผมไปก่อนนะพี่ฉัตร”



“โอเคแล้วเจอกันพรุ่งนี้ ฝันดีนะครับ”



“ฝันดีครับพี่ฉัตร ผมรักพี่นะ”



“พี่ก็รักโอม”







ณฉัตรวางสายโทรศัพท์พร้อมกับรอยยิ้มทั่วใบหน้า เขาคบกับโอมอินทร์มาตั้งแต่อีกฝ่ายเรียนอยู่ปีหนึ่ง ส่วนเขาอยู่ปีสาม จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ผ่านมาห้าปีแล้ว โอมอินทร์เพิ่งเรียนจบและเริ่มทำงานทีแรกได้ไม่นานทำให้พวกเขามีเวลาเจอกันน้อยลงแต่ณฉัตรไม่มีปัญหาเพราะเมื่อเลิกงานเขาสองคนก็จะกลับมาคอนโดและใช้ช่วงเวลานั้นก่อนจะหลับไปด้วยกันแบบนี้ทุกคืน





แต่ว่า...ที่ทำงานของโอมอินทร์ไกลจากคอนโดที่พวกเขาอยู่ด้วยกันพอสมควร คอนโดของณฉัตรใกล้กับมหาวิทยาลัยแต่ไกลจากรถไฟฟ้าทำให้โอมอินทร์ไปทำงานไม่สะดวก แฟนหนุ่มของเขาต้องใช้เวลาในการเดินทางราวหนึ่งชั่วโมงถึงสองชั่วโมงต่อวัน โอมอินทร์กลับมาถึงคอนโดในแต่ละวันด้วยสภาพอ่อนเพลียจนณฉัตรเป็นห่วง ดังนั้นตอนที่โอมอินทร์ขอย้ายไปอยู่คอนโดตัวเองจึงทำให้ณฉัตรไม่ขัดหรือทักท้วง







เขามีคีย์การ์ดและกุญแจห้องที่โอมอินทร์ทำไว้ให้ แต่เขาไม่เคยใช้เลย ทุกครั้งเขามาคอนโดแห่งนี้พร้อมกับโอมอินทร์ ฉับพลันณฉัตรยกยิ้มด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์





ไหนๆ พรุ่งนี้ก็จะต้องไปรับอยู่แล้ว ทำไมไม่ไปรับตั้งแต่วันนี้เลยล่ะ





ณฉัตรไขกุญแจประตูห้องด้วยท่าทีสบายๆ เขากดสวิตช์ไฟที่อยู่ด้านข้างประตู ไฟสว่างวาบไปทั่วห้อง เขาเดินเข้าไปในห้องนอน วางกระเป๋าเดินทางไว้ที่พื้นข้างเตียง ส่วนช่อดอกไม้วางไว้บนเตียงอย่างเบามือ ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้สามทุ่มสี่สิบนาที ระยะทางจากที่เขาเดินทางมาคอนโดโอมอินทร์กับระยะทางจากออฟฟิศแฟนหนุ่มมาที่นี่ อีกฝ่ายน่าจะถึงเร็วกว่าเขาด้วยซ้ำ





ไม่เป็นไร โอมอินทร์อาจจะแวะทานข้าวก่อนกลับก็ได้





ชายหนุ่มคิด ก่อนจะเดินไปที่ครัวแล้วหาอะไรง่ายๆ มากิน เขาเจอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในตู้ที่ใช้เก็บของต่างๆ ในครัว จึงจัดการทำอย่างง่ายๆ ต้มน้ำและโยนบะหมี่ลงไปในหม้อ เพียงครู่เดียวเขาก็ถือชามที่มีควันลอยจางๆ มานั่งดูโทรทัศน์ที่โซฟาอย่างสบายใจเฉิบ อีกไม่นานโอมอินทร์คงกลับถึงบ้าน





บะหมี่หมดไปนานแล้ว เขานั่งดูโทรทัศน์ต่ออีกสักพักแต่เจ้าของห้องยังไม่กลับ ณฉัตรไม่โทรตามเพราะตั้งใจทำเซอร์ไพรส์จึงต้องอดทนรออย่างใจเย็น ร่วมชั่วโมงแล้วที่เขานั่งอยู่ตรงนี้ เขาตัดสินใจลุกเอาชามไปล้างให้เรียบร้อย เสร็จแล้วจึงเข้าไปอาบน้ำ ประมาณเวลาว่าอาบน้ำเสร็จ โอมอินทร์คงจะกลับมาถึงพอดี





ณฉัตรฮัมเพลงออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี ผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่บนคอ เขาเช็ดผมที่เพิ่งสระให้หมาด หูได้ยินเสียงไขกุญแจ ได้ยินเสียงคนรักพูดเบาๆ ‘ทำไมไฟเปิดอยู่’ เขาแย้มยิ้มออกมาทันที โอมอินทร์กลับมาแล้ว จังหวะที่อีกฝ่ายปิดประตูคือจังหวะเดียวกับที่เขาเปิดประตูห้องนอนออกไป ยังไม่ทันจะเปิดประตูออกกว้าง เขาได้ยินเสียงผู้ชายอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่เสียงคนรักพูด‘ขี้ลืมเปิดทิ้งเองไว้นะสิ’ แล้วสองคนประสานเสียงหัวเราะ ณฉัตรอาศัยช่องว่างน้อยของประตูมองไปที่โซฟาทำให้เห็นว่าโอมอินทร์ไม่ได้กลับมาตามลำพังจริงๆ





สองมือของคนรักกำลังกอดคอใครบางคนที่เขาไม่รู้จัก ริมฝีปากบดเบียดกันแน่น





ณฉัตรมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา รู้สึกกำลังถูกใครเอาค้อนขนาดใหญ่มาทุบศีรษะเขาเต็มแรง ตาเขาพร่ามัว สมองมึนงง





นี่มันเกิดอะไรขึ้น?





เขาค่อยๆ ถอยกลับมานั่งที่ปลายเตียง ดวงตาแดงก่ำยังมองคนสองคนตรงโซฟา ทั้งคู่ด้านนอกยังไม่รู้ตัวว่าถูกจ้องมองอยู่ โลกนี้มีเพียงสองเราเท่านั้น





“พี่...ช้าๆ หน่อย อืม” เสียงครางหวานหูที่ณฉัตรเคยได้ยินพูดกับคนนั้น คนที่ไม่ใช่เขา



“จะช้าได้ไง จะไม่เจอโอมตั้งสี่วัน ไม่อยากให้ไปเลย พี่หวงโอมมากนะรู้ไหม”



“สี่วันที่ไหนกันครับ สามวันเอง วันอาทิตย์ก็กลับมาแล้ว”





ณฉัตรหลับตาพลางหายใจเข้าปรับอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง วันพรุ่งนี้เขาจะมารับโอมอินทร์ไปเที่ยวทะเล ใช้เวลาสี่วันสามคืนให้เต็มไปด้วยความสุข แต่เขาอยากทำเซอร์ไพรส์เลยมาดักรออีกฝ่ายที่ห้อง ไม่คิดว่าจะเจอกลับเสียเอง เซอร์ไพรส์ใหญ่เสียด้วย



“เมื่อไหร่จะเลิกกับเขาเสียที”



“ใกล้...แล้ว” เสียงกระท่อนกระแท่นคนรักบอกคนนั้นกลับไป ณฉัตรปวดหนึบในหัวใจ มือขยุ้มบริเวณนั้นอย่างอัตโนมัติ ถ้าคำพูดฆ่าคนได้ เขาคงกระอักเลือดใกล้ตายเต็มทีแล้ว



“เมื่อไหร่” คนนั้นเร่ง



“เร็วๆ นี้”



“เร็วๆ นี้นี่เมื่อไหร่ล่ะโอม เมื่อไหร่”



“มันพูดยากพี่ก็รู้ พี่ฉัตรไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเลยไม่กล้าบอกเขา” โอมอินทร์ถอนหายใจ



“ถ้าโอมไม่เลือกสักที พี่เองก็ไม่ไหวเหมือนกัน”



“พี่พูดแบบนี้หมายความว่าไง” ณฉัตรได้ยินเสียงโอมอินทร์สั่นตอนที่ถามอีกฝ่ายไป ขาเขาก็สั่นเหมือนกันตอนเดินไปที่ประตู



“ถ้าโอมไม่เลิกกับเขา พี่คงต้องไป”



“ไม่เอา ไม่ให้ไป” โอมอินทร์กอดอีกฝ่ายไว้แน่น



ถ้าณฉัตรไปบ้าง โอมอินทร์จะกอดเขาไว้แบบนี้หรือเปล่า เขาก้าวไปทีละก้าวอย่างช้าๆ ไม่อยากให้ไปถึงประตูห้องเร็วนัก ใจมันกลัวกับคำตอบ



ทั้งที่รู้ว่าคำตอบคืออะไร แต่เขายังไม่พร้อมรับรู้



ถ้าเรารักคนแรกมากพอ จะไม่มีคนที่สองตามมา



มันยังไม่ทันตั้งตัว เขายังไม่ได้เตรียมใจเลย



“ถ้าไม่ให้พี่ไป โอมต้องบอกเลิกเขา”



“พี่...”



“พี่ให้โอกาสโอมเป็นครั้งสุดท้าย ตอนที่ไปทะเลด้วยกันก็บอกเลิกเขาให้เรียบร้อย”



“...”



“พี่ไม่ได้บังคับโอม แต่มันถึงเวลาแล้ว ถ้ามีเขาก็ไม่มีพี่เพราะพี่ไม่อยากอยู่หลบๆ ซ่อนๆ ตลอดไป และพี่ไม่อยากให้แบ่งโอมให้เขา”



“...”



“ว่าไงโอม ตอบพี่”



“ครับ ผมจะบอกพี่ฉัตรตอนที่ไปทะเล”







“งั้นบอกพี่ตอนนี้เลยก็ได้ครับ ไม่ต้องรอจนถึงทะเลหรอก” ณฉัตรพูดต่อจากประโยคของโอมอินทร์ทันที ประตูห้องนอนเปิดกว้างขึ้น เขาเดินออกมาจากห้องนอนแล้ว



“พี่ฉัตร!” น้ำเสียงของโอมอินทร์เต็มไปด้วยความตกใจ อีกฝ่ายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ในโทรศัพท์ก็ตกลงคุยกันเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ



“ครับ พี่เอง”



“พี่มาได้ไง” ณฉัตรชูกุญแจกับคีย์การ์ดให้โอมอินทร์ดูก่อนจะโยนคืนไปให้ แต่โอมอินทร์ยังตกใจจึงไม่ได้ยื่นมือไปรับสองสิ่งนั้น พวกมันตกลงบนโซฟาสีน้ำเข้มตัวนั้น



“พี่คงไม่ต้องใช้อีกแล้ว”



“พี่ฉัตร...ผมขอโทษ” โอมอินทร์ผละจากผู้ชายคนนั้นแล้ววิ่งมาสวมกอดณฉัตรเอาไว้แน่น



“ตั้งแต่เมื่อไหร่” ณฉัตรถามเสียงเรียบพร้อมกับดึงมือของคนรักออก



“ครับ?”



“ทำแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว”



“หมายถึง...” โอมอินทร์พูดไม่จบแต่หันไปทางผู้ชายอีกคน



“อืม” ณฉัตรพยักหน้า



“ตั้งแต่โอมเข้ามาทำงานที่บริษัท” ไม่ใช่เสียงโอมอินทร์แต่เป็นเสียงผู้ชายคนนั้น



“ผมขอโทษครับพี่ฉัตร” โอมอินทร์พูดเสียงเศร้า ยกมือไหว้ขอโทษ พยายามจะเข้ามากอดอีก แต่ณฉัตรจับมือของคนรักเอาไว้กันไม่ให้เข้ามา



“โอมไม่น่าทำแบบนี้กับพี่เลย” ณฉัตรตัดพ้อโอมอินทร์ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำยามที่มองคนรัก



“ผมผิดไปแล้ว” โอมอินทร์เริ่มร้องไห้



“ไม่ต้องร้องไห้หรอก โอมจะไม่ทำถ้าโอมคิดถึงใจพี่จริงๆ”



“พี่ฉัตร...” คนทำผิดเรียกชื่อณฉัตรอย่างท้อแท้เสียใจ



“พูดคำนั้นกับพี่เถอะ”



“พี่ฉัตร...คือผม...”



“พูด...กับ...พี่” ณฉัตรเน้นย้ำทีละคำ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว



“พี่ฉัตร”



“พูด!!” ณฉัตรบอกเสียงดัง



“พูดสิโอม” คนนั้นเร่งโอมอินทร์



“ฮึก...เราเลิกกันเถอะครับพี่ฉัตร” ในที่สุดโอมอินทร์ก็พูดออกมาจนได้



“อืม โชคดีนะโอม” ณฉัตรพยักหน้าเข้าใจ เขาหายเข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบกระเป๋าเดินทางติดมือออกมา



“ผมขอโทษ”



“ดอกไม้ในห้องถือเป็นของขวัญวาเลนไทน์ครั้งสุดท้ายที่พี่ให้ก็แล้วกัน”



จังหวะที่ณฉัตรเดินผ่านโอมอินทร์ไปถึงอีกคน เขาพูดกับอีกฝ่ายโดยไม่หันไปมอง



“ฝากดูแลโอมด้วย”



“อืม”







ณฉัตรออกมาจากคอนโดของโอมอินทร์นานแล้ว แต่ยังไม่ไปไหน เขานั่งอยู่ในรถยนต์มาหลายชั่วโมง ไม่อยากยอมรับว่าเสียโอมอินทร์ไปแล้วจริงๆ เขาไม่ได้ถามเหตุผลว่าทำไมโอมอินทร์ถึงทำกับเขาแบบนี้เพราะรู้ดีว่าถ้าคนไม่ใช่ มันก็คือไม่ใช่





ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่โอมอินทร์ไม่ได้เลือกเขานั่นละคือคำตอบ





เขาเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ค่อยร้องไห้ ถือคติว่าทุกอย่างมีทางออกและสามารถแก้ไขได้เสมอและเขาต้องฝ่าฟันไปให้ได้ แต่มันใช้ไม่ได้กับความรัก เพราะความรักละเมิดทุกกฎ สวนทางความรู้สึกทุกอย่าง เขาหาทางออกให้ตัวเองไม่เจอเลย น้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนไหลเปรอะเต็มหน้าตา เขาซบหน้าลงกับพวงมาลัย ใจมันปวด มันทนแทบไม่ไหว





สุดท้ายพอฟ้าใกล้สว่าง พระอาทิตย์จวนจะขึ้น แสงวันใหม่ค่อยๆ สาดเข้ามา เขาจึงตัดสินใจขับรถกลับคอนโดตัวเอง ถนนค่อนข้างโล่ง ใช้เวลาไม่นานก็ขับมาถึง ณฉัตรคิดว่าจะกังวลจนนอนไม่หลับแต่ความอ่อนเพลียจากการร้องไห้ทำให้เขาหลับไปอย่างไม่รู้ตัว





ณฉัตรตื่นขึ้นมาอีกครั้งเกือบห้าโมง เขานอนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งถึงนึกออกว่าเมื่อคืนเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เขาไม่มีโอมอินทร์ในชีวิตอีกต่อไปแล้ว จากนี้จะมีณฉัตรในโลกของเราเพียงคนเดียว เขาลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายสดชื่นปลอดโปร่งกว่านี้แต่สายตาพลันไปเห็นแสงวาบจากโทรศัพท์มือถือเข้าเสียก่อน





“ครับ”



“คุณณฉัตรใช่ไหมคะ ดิฉันโทรจากโรงแรมนะคะ”



“ใช่ครับ”



“เนื่องจากมีเหตุขัดข้องที่ห้องพักที่คุณณฉัตรจองไว้ค่ะ จึงโทรมาเรียนแจ้งว่าสะดวกย้ายห้องไหมคะ”



“ครับ?”



“ห้องที่คุณณฉัตรจองไว้เกิดเหตุท่อน้ำอุดตันค่ะ ทางโรงแรมยินดีที่จะอัปเกรดห้องพักของคุณณฉัตรเป็นห้องไทป์อื่นที่ดีและใหญ่กว่านี้ให้ค่ะ”



“อ่อ...ได้ครับ”



“ขอบคุณมากค่ะ ทางโรงแรมจะเตรียมห้องพักให้อย่างเรียบร้อย ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ”



“ไม่เป็นไรครับ”





สายจากโรงแรมวางไปแล้ว แต่ณฉัตรยังถือโทรศัพท์ไว้ดังเดิม เขากำลังคิดว่าควรจะไปพักหรือไม่ไปดี ราคาห้องพักก็ไม่ได้ถูกๆ แถมยังได้ห้องใหม่ด้วย เขาควรจะไปใช่ไหม อย่างน้อยไปรักษาแผลใจก็ยังดี





คนอกหักมักไปทะเล ใครๆ ก็ว่ากันแบบนั้น





ณฉัตรตัดสินใจแล้วเดินไปอาบน้ำ เขาแต่งตัวและคว้ากระเป๋าเดินทางใบเดิมไปวางในรถแล้วขับออกไปในช่วงหกโมงเย็น ที่นั่งข้างกายควรจะมีใครอีกคนแต่ไม่มีอีกแล้ว





เพราะมัวแต่คิดถึงอีกคนหนึ่งจนลืมระวังการขับรถ ภาพสุดท้ายที่เขาจำได้คือเขากำลังขับรถอยู่แต่มีมอเตอร์ไซค์มาตัดหน้าทำให้เขาหักหลบตามสัญชาตญาณ







รถยนต์ของเขาพุ่งชนเข้ากับรถบรรทุกอย่างจัง

...











ตี๊ดดดดดดดดดดดดดด





“แม่ง ห้ามตายนะโว้ย” ณฉัตรได้ยินเสียงคุณหมอสบถอีกแล้ว คราวนี้เสียงค่อนข้างดังมากจนพยาบาลที่อยู่ใกล้ตกใจ



“ใจเย็นๆ ค่ะคุณหมอ”



“ห้ามตาย! ผมสั่งห้ามไม่ให้ตาย ได้ยินไหมณฉัตร ห้ามตาย” คุณหมอบอกร่างไร้ลมหายใจของณฉัตรแล้วหันไปสั่งพยาบาลเพื่อเตรียมกระตุ้นหัวใจคนไข้ต่อทันที



“ฟื้นสิวะ” ร่างของณฉัตรสั่นตามแรงกดของมือหมอที่พยายามกระตุ้นหัวใจคนไข้ให้ฟื้น ณฉัตรได้แต่ยืนมองการกระทำของคุณหมอเงียบๆ



เขาตอบไม่ได้ว่าตัวเองอยากอยู่หรือตาย แบบไหนสำหรับเขาถึงจะเรียกว่าดี



“ฟื้นสิโว้ย! ณฉัตร ห้ามตาย ฟื้นสิ ฟื้น คุณจะตายง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้ ตื่นขึ้นมาก่อน” คุณหมอพูดทั้งที่ยังไม่หยุดมือ



ณฉัตรสงสัยคำพูดคุณหมอ เขารถชนนะแล้วไม่ได้ชนเบาๆ ด้วย ชนรถบรรทุกอย่างแรงเชียว รอดได้ก็ปาฏิหาริย์แล้ว



“คุณหมอคะ ญาติคนไข้รออยู่ข้างนอกแล้วค่ะ”



“อืม” คุณหมอยังกระตุ้นต่อไม่หยุด



ณฉัตรได้ยินว่าญาติคนไข้มา เขาเลยรีบออกไปดู เห็นแม่กำลังร้องไห้อย่างหนักโดยมีพ่อประคองแม่เอาไว้ไม่ให้ล้มพับลงไป





‘แม่ครับอย่าร้องไห้เลย’





“ลูกเราจะเป็นไรไหมพ่อ” แม่ถามทั้งที่น้ำตานองหน้า ถามทั้งที่รู้ว่าพ่อก็ไม่มีคำตอบ



“ฉัตรจะปลอดภัย” พ่อให้สัญญา



“จริงๆ นะ พ่อไม่หลอกแม่นะ”



“ไม่หลอก ไอ้ฉัตรมันเก่ง มันไม่ยอมตายหรอก”



“พ่อครับ แม่ครับ” ณฉัตรหันไปตามเสียง เห็นโอมอินทร์วิ่งเข้ามากอดแม่ตัวเอง ดวงตาหวานแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก



“โอมมาแล้วเหรอ” ณฉัตรมองแม่พูดกับโอมอินทร์ ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาเลิกกับอดีตคนรักแล้ว



“พี่ฉัตรเป็นไงบ้างครับ”



“ยังไม่รู้เลยจ้ะ แม่เองก็เพิ่งมา โอมพอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” ท่าทางของโอมอินทร์ดูลำบากใจ



“ผมไม่ทราบครับ”



“ฉัตรบอกแม่ว่าจะพาโอมไปเที่ยวทะเลด้วยกัน แล้วทำไมฉัตรถึงอยู่ในรถคนเดียวล่ะลูก ฉัตรไม่ได้ไปรับโอมเหรอ”



“ครับ”



“มีอะไรหรือเปล่า”



“เราทะเลาะกันนิดหน่อยครับ” โอมอินทร์บอกแม่ณฉัตรเสียงเบา



“โอม!?” แม่เสียงดังเล็กน้อยด้วยความตกใจ เธอไม่อยากคิดอกุศลว่าสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุกับลูกชายเพราะมาจากการทะเลาะกัน



“แม่ใจเย็นๆ ก่อน...ฉัตรไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ขับรถขับราระวัง คนเห็นเหตุการณ์ก็พูดตรงกันว่ามีมอ’ ไซค์ตัดหน้ารถฉัตร”



“ผมขอโทษครับ” โอมอินทร์บอก



“ไม่เป็นไรๆ อย่าคิดมากนะโอม แม่เขาก็ห่วงไอ้ฉัตรมันตามประสานั่นแหละ” พ่อตบบ่าปลอบแฟนลูกชาย ไม่อยากให้โอมอินทร์รู้สึกผิด



“ฉัตร..อย่าเป็นไรนะลูก แม่อยู่ไม่ได้นะลูก” แม่ยังร้องไห้ราวกับจะขาดใจอยู่ตรงหน้าณฉัตร เขารู้สึกเจ็บปวดที่เห็นมารดาเสียใจเพราะสาเหตุมาจากลูกชายไม่ได้เรื่องอย่างเขา





ณฉัตรมองเลยไปที่พ่อ ถึงแม้ว่าภายนอกยังดูนิ่งเคร่งขรึมแต่เขาเห็นแววตาของพ่อสั่นไหว ลึกๆ พ่อคงเสียใจและใจหายไม่น้อย แต่ไม่อยากแสดงออกให้มารดาของเขาเห็น พ่อเป็นที่พึ่งให้แม่ได้เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน พ่อยังเป็นเสาหลักคอยปลอบแม่





เห็นแม่เสียใจ เห็นพ่อเต็มไปด้วยความเศร้า ณฉัตรยิ่งไม่สบายใจ ตลอดเวลาพ่อกับแม่ไม่เคยขัดใจเขาแม้กระทั่งรักชอบผู้ชายด้วยกัน พ่อกับแม่ก็ไม่เคยห้าม เขาไม่อยากให้ทั้งสองคนเสียใจเพราะเขาอีก





เขาต้องไม่ตาย!





ณฉัตรเดินกลับเข้าไปในห้องผ่าตัด คุณหมอยังไม่ยอมแพ้ เขายิ้มในความพยายามของคุณหมอ รู้สึกขอบคุณที่ไม่ถอดใจที่จะทำให้เขารอดพ้นจากการไปเฝ้ายมบาล แต่ตัวเขาตอนนี้เป็นวิญญาณหรืออะไรก็ตามแต่จะเรียกยังยืนอยู่ตรงนี้ ทำอย่างไรถึงจะกลับเข้าไปในร่างได้





เลียนแบบในหนังพอจะเป็นได้ไหม?





ณฉัตรอธิษฐานขอให้เรื่องระหว่างเขากับโอมอินทร์เป็นอดีต เขาขออโหสิกรรมให้ก็แล้วกัน อย่ามีเวรมีกรรมต่อกันอีกเลย





สิ้นคำอโหสิกรรม เขารู้สึกเหมือนตัวเองลอยขึ้นแล้วพุ่งไปหาร่างที่นอนไร้ลมหายใจอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน





ตี๊ด...ตี๊ด...ตี๊ด...





“คุณหมอคะ ชีพจรกลับมาแล้วค่ะ” พยาบาลรีบรายงาน คุณหมอจึงหยุดมือที่ปั๊มหัวใจ



“โล่งอกไปที” คุณหมอถอนหายใจอย่างคนหมดแรง



“คุณหมอสู้มากเลยค่ะ”



“ผมไม่ยอมให้คนไข้ตายต่อหน้าผมเด็ดขาด”



เวลาต่อมานายแพทย์หนุ่มเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยสภาพอิดโรย เขาแจ้งผลกับญาติคนไข้ทันที



“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วแต่ยังต้องเฝ้าระวัง รอดูอาการก่อนนะครับ”



“ขอบคุณคุณหมอมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ” แม่ของณฉัตรเข้ามาขอบคุณคุณหมอด้วยความรู้สึกตื้นตัน



“ขอบคุณที่ช่วยลูกชายผมไว้”



“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว” คุณหมอกล่าวก่อนจะเอ่ยขอตัว











ล่วงเข้าวันที่สามแล้วแต่คนไข้ที่เพิ่งรอดพ้นจากความตายยังไม่ฟื้นสักที ญาติคนไข้คอยมาถามอาการทุกวันหากยังไม่มีวี่แววว่าคนไข้จะได้สติทั้งที่อาการภายนอกคงที่แล้ว ที่เหลือก็รักษาไปตามอาการและรอการฟื้นฟูจากร่างกายเท่านั้น



“ณฉัตร ทำไมยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก รู้ไหมพ่อกับแม่คุณ พวกเขาเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน”



“...”



“แฟนคุณชื่ออะไรนะ โอมใช่ไหม เขามาหาคุณทุกวันเลยนะ ไม่อยากตื่นมาเจอเขาเหรอ”



“...”



“หลับนานขนาดนี้ฝันอะไรอยู่ เล่าให้ผมฟังบ้างได้หรือเปล่า”



“...”



“ณฉัตร ตื่นขึ้นมาสักทีเถอะ ผมอยากเห็นคุณลืมตาแล้ว”



“...”



คุณหมอภาคย์ ศัลยแพทย์วัยสามสิบห้ามองร่างที่ยังคงหลับสนิทไม่ไหวติง ณ ตอนนี้เขายังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมณฉัตรจึงไม่ตื่นขึ้นมาเสียที













ณฉัตรได้ยินเสียงใครบางคนพูดดังอยู่ในหัว เหมือนเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนมาก่อน



คุ้นหูจัง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เสียงใครกันนะ



เขาอยากตอบเสียงนั้นว่าเขาอยากพักต่ออีกนิด ยังไม่อยากตื่นเลย ยังไม่อยากตื่นมาเจอความจริง เพราะโอมอินทร์ไม่ใช่แฟนเขาแล้ว เราไม่ได้เป็นอะไรกันอีกแล้ว





ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: เรื่องสั้น -- Memory Is Blue -- 14/02/2019
«ตอบ #2 เมื่อ14-02-2019 19:16:36 »




“เมื่อไหร่ลูกจะตื่นสักทีล่ะพ่อ” แม่ถามพลางมองลูกชายที่นอนหลับสนิท หากมองเผินๆ คงคิดว่าหลับตามปกติแต่สภาพภายนอกทั้งรอยฟกช้ำดำเขียว ศีรษะแตก แขนใส่เฝือก คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่าลูกชายของเธอประสบเคราะห์ร้ายครั้งใหญ่



คนโบราณได้กล่าวไว้ เบญจเพสคือช่วงอันตราย



“มันคงเหนื่อย เดี๋ยวมันอยากตื่นก็ตื่นขึ้นมาเอง แม่อย่ากังวลเลย”



“สองอาทิตย์แล้วนะฉัตร ทำไมนอนนานขนาดนั้น นอนจนแม่เหนื่อยแทน เนี่ยแม่เลยขอคุณหมอย้ายห้องมาพักห้องเดี่ยวธรรมดาแล้วนะ รู้ไหมมันเปลือง ถ้ายังไม่ตื่นอีก แม่จะให้ฉัตรใช้สิทธิ์ประกันสังคมแทนแล้วนะลูก ไปนอนห้องรวมแล้วกินพาราอย่างเดียวเลย” แม่แกล้งแหย่คนหลับเสียงดัง หวังว่าคำพูดจะทำให้ได้ยินบ้าง



“ถ้าไม่ตื่น พ่อจะพาแม่เอ็งไปเที่ยวแค่สองคน ไม่รอแล้วนะโว้ย” พ่อยื่นคำขู่ เพราะครอบครัวนี้จะมีทริปร่วมกันอย่างน้อยปีละครั้งทุกปี



“พ่อว่าลูกจะได้ยินที่เราพูดไหม”



“ต้องได้ยินสิ”







‘ผมได้ยินนะ พ่อกับแม่ห้ามหนีไปเที่ยวกันสองคนด้วย ผมไปด้วย แล้วแม่อย่ามาหลอกผมให้ยากเลย ผมมีประกันนะครับ แต่ตอนนี้ผมขอนอนต่ออีกนิดได้หรือเปล่าครับ ผมยังไม่อยากตื่นเลย’







“สวัสดีครับ” โอมอินทร์เคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะเดินเข้ามาทักทายบิดามารดาของอดีตคนรัก



“มาหาพี่ฉัตรทุกวันเลย เหนื่อยไหมโอม” แม่เอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง



“ไม่เหนื่อยครับ ผมอยากมา พี่ฉัตรเป็นไงบ้างครับ”



“เหมือนเดิมจ้ะ คนอะไรเอาแต่นอนท่าเดียว” คำตอบของอีกฝ่ายทำให้โอมอินทร์ยิ้มเล็กน้อยมองคนที่หลับอยู่ด้วยความเสียใจ เขาไม่รู้ว่าหากไม่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้นจะทำให้ณฉัตรต้องกลายเป็นแบบนี้หรือเปล่า



“ผมขออยู่กับพี่ฉัตรสักครู่ได้ไหมครับ”



“ได้สิจ๊ะ แม่กับพ่อว่าจะไปหาอะไรทานเหมือนกัน งั้นแม่ฝากพี่เขาหน่อยนะจ๊ะโอม”



“ครับ”

คล้อยหลังผู้ใหญ่ทั้งสองออกไปแล้ว โอมอินทร์ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงคนหลับ จับมือข้างที่ถูกเจาะน้ำเกลือขึ้นมาอย่างถนอม น้ำตาไหลรินลงมาเป็นทาง



“ผมขอโทษครับพี่ฉัตร ผมไม่ได้ตั้งใจให้พี่เป็นแบบนี้”



‘มันไม่ใช่ความผิดโอมสักหน่อย มันเป็นอุบัติเหตุ พี่ขับรถไม่ระวังเอง’



“ผมไม่น่านอกใจพี่เลย”



‘บอกตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วครับ โอมใจร้ายกับพี่ไปแล้ว’



“ผมควรมีพี่คนเดียว ไม่ควรมีคนอื่นอีก แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงทำเหมือนกัน ผมรู้ผมมันเลว”



‘…’



“ผมรักพี่ฉัตรนะครับ”



‘แต่คงรักพี่ไม่มากพอที่จะมีพี่คนเดียวใช่ไหมครับ’



“แต่ผมก็รักพี่เขาคนนั้นเหมือนกัน ขอโทษนะครับ”



‘พี่รู้’



“พี่ฉัตรตื่นขึ้นมาเถอะครับ ถ้าพี่ตื่นมาแล้วอยากให้ผมทำอะไร ผมจะทำให้พี่ทุกอย่างเลย ขอแค่พี่ตื่นขึ้นมามองผมสักครั้งนะครับ”



‘โอมอยากทำอะไรให้พี่เหรอ’



“ถ้าพี่อยากให้ผมเลิกกับเขา ลาออกจากงานแล้วมาอยู่กับพี่ ผมก็จะทำตามที่พี่บอก ผมจะไม่นอกใจ ไม่ขัดใจพี่ฉัตรอีกครับ”



‘สายไปแล้วครับ พี่อยากได้ทั้งตัวและหัวใจโอม พี่มันคนโลภไม่อยากได้แค่ตัวโอมอย่างเดียว’



“พี่ตื่นขึ้นมานะ กลับมาอยู่ด้วยกันนะครับ”



‘มันเป็นไปไม่ได้หรอก’



“ถึงเราจะเลิกกันไปแล้วแต่เรายังกลับมาคบกันได้นะครับพี่ฉัตร”





“โอมว่ายังไงนะลูก โอมเลิกกับพี่ฉัตรแล้วเหรอ?” แม่ณฉัตรลืมโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าสะพายที่วางไว้ข้างเตียงผู้ป่วย หมายจะกลับเข้ามาหยิบไป หากพอเธอมาถึงกลับทันได้ยินประโยคสุดท้ายที่โอมอินทร์พูดพอดี



“เอ่อ...ใช่ครับ” โอมอินทร์หน้าสลดลง



“ตั้งแต่เมื่อไหร่ เลิกกับพี่เขาเมื่อไหร่ ทำไมพี่ฉัตรไม่เห็นบอกแม่เลย” แม่ปรี่เข้าไปจับแขนโอมอินทร์ไว้อย่างรวดเร็วจนพ่อห้ามไว้ไม่ทัน แต่เธอไม่ได้ออกแรงมากมายจนทำให้อีกฝ่ายเจ็บแต่อย่างใด เพียงจับไว้เฉยๆ



“คืนวันที่สิบสามครับ”



“เอ๊ะ คืนก่อนที่พี่ฉัตรจะพาโอมไปเที่ยวด้วยกันนี่”



“ใช่ครับ เราเลิกกันคืนนั้น”



“โอม” แม่เรียกชื่อโอมอินทร์ด้วยเสียงปวดร้าว “พี่ฉัตรทำอะไรผิด เขาทำอะไรไม่ดี โอมถึงเลิกกับพี่เขา”



“ผม..ผม..คือ..”





ก๊อก..ก๊อก..





คุณหมอเคาะประตูที่เปิดกว้างไว้อยู่แล้ว เขาแค่ทำสัญญาณบอกคนในห้องให้รู้ตัวเท่านั้น



“หมอขอตรวจคนไข้หน่อยนะครับ”



“รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ” แม่หันไปบอกคุณหมอก่อนจะหันมาทางอดีตคนรักบุตรชาย “โอมไปคุยกับแม่ข้างนอกหน่อย”



“ครับ”



“น่าสงสารคนไข้นะคะ เอ..หรือว่าที่เกิดอุบัติเหตุจะเป็นเพราะเรื่องแฟนคะ” พยาบาลสาวที่เดินมาพร้อมกับคุณหมอเริ่มพูดขึ้นเมื่อมาหยุดที่หน้าเตียงผู้ป่วย



“เรื่องของเขา อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคนอื่น” คุณหมอตำหนิพยาบาลสาวทำให้เธอหน้าเสียทันที



“ขอโทษค่ะ”



“ทีหน้าทีหลังจะพูดอะไรก็ระวังด้วย ญาติคนไข้หรือคนอื่นมาได้ยินเข้ามันจะดูไม่ดีว่าพยาบาลที่นี่วันๆ ไม่ทำงานเอาแต่นินทาเรื่องคนไข้”



“คราวหน้าจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ”



“อืม”





ใครๆ ก็รู้ว่าคุณหมอภาคย์หน้าตาดีแต่โหดสุดๆ แล้วพยาบาลหน้าไหนจะกล้าจีบ คุณหมอถึงโสดอยู่แบบนี้ยังไงเล่า





เมื่อตรวจคนไข้ใกล้เสร็จแล้วคุณหมอภาคย์บอกให้พยาบาลไปนำแฟ้มประวัติคนไข้อีกรายหนึ่งไปวางบนโต๊ะเขาที่ห้องให้ที พยาบาลรับคำแล้วรีบออกไปตามคำสั่งทันที คุณหมอหนุ่มมองใบหน้าคนที่หลับอยู่ก่อนจะพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ



“ผมไม่รู้ว่าคุณเลิกกับแฟนแล้ว เสียใจด้วย”



“ถ้าไม่อยากให้พ่อ แม่และแฟนเก่าคุณต้องทะเลาะกัน คุณควรจะตื่นขึ้นมาได้แล้วนะครับ”



“ผมไม่กล้าคิดว่าคุณจะเป็นอย่างที่พยาบาลพูดจริงๆ เพราะฉะนั้นตื่นขึ้นมาเถอะครับ”



“ถึงผมจะไม่เคยอกหัก แต่ก็รู้ว่ามันคงเจ็บมาก ผมที่เอาแต่แอบรักคนหนึ่งข้างเดียว ขนาดรู้ว่าเขาเจ็บผมยังปวดใจไปด้วยเลย”



“ตื่นขึ้นมาสู้ได้แล้ว”



“อกหักมันไม่ตายหรอก ขนาดผมเห็นคนที่รักไปรักกับคนอื่น ผมยังไม่ตายเลย คุณห้ามตายนะเพราะถ้าคุณตาย ผมอาจจะ...อาจจะ...”



“ถ้าผมตาย คุณหมออาจจะอะไรครับ”



“ณฉัตร! คุณตื่นแล้ว” คุณหมอเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความดีใจผสมตกใจจนลืมเก็บอาการ







หลังจากนั้นคือความโกลาหลสำหรับณฉัตรอย่างแท้จริง หมอและพยาบาลจับณฉัตรตรวจนั่นตรวจนี่เพื่อให้แน่ใจทุกอย่างว่าเขาปลอดภัยแล้วจริงๆ







นอกจากนั้นทั้งพ่อและแม่ก็เข้ามาหาลูกชายด้วยเช่นกัน แม่มีน้ำหูน้ำตาไหลตลอดเวลาด้วยความดีใจ พ่อเขาก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก





ส่วนโอมอินทร์ เขาบอกพ่อกับแม่ขอเวลาคุยกับอีกฝ่ายตามลำพัง





“ไม่ต้องโทษตัวเองนะ ที่พี่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะโอม”



“แต่ถ้าเราไม่เลิกกันหรือทะเลาะกัน...”



“ไม่เกี่ยวหรอก โอมกลับไปหาเขาดีกว่า”



“แล้วพี่ฉัตรล่ะครับ”



“พี่ไม่เป็นไร พ่อกับแม่พี่ก็อยู่”



“ผมขอโทษ”



“เลิกขอโทษได้แล้ว พี่ไม่ได้โกรธ ถึงจะเสียใจที่เราเลิกกันแต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”



“ผม..”



“พี่ขอเพียงข้อเดียว”



“อะไรครับ”



“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่ากลับมาหาพี่อีกก็พอ” ณฉัตรบอกอดีตคนรักอย่างเด็ดเดี่ยว



“หมายความว่าไงครับ”



“ถ้าโอมมีปัญหา มาปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่อง แต่ยกเว้นเรื่องความรัก พี่คิดว่าพี่เป็นคนดีในระดับหนึ่งแต่ไม่ใจกว้างขนาดที่จะคอยรับฟังปัญหาความรักของแฟนเก่า และถ้าโอมจะติดต่อพี่ก็ขอให้เกี่ยวกับปัญหาจริงๆ มันคงดูไม่ดีถ้าโอมยังติดต่อแฟนเก่าทั้งที่แฟนใหม่ก็อยู่”











หลังจากที่ณฉัตรตื่นขึ้นมาเพื่อนๆ สมัยเรียนทั้งจากโรงเรียนเก่าหรือมหาวิทยาลัยต่างพากันมาเยี่ยมเยียนเขาเมื่อรู้ข่าว เนื่องจากเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งรู้เรื่องเขาจากเพื่อนอีกคนอีกทีจึงมาหาที่โรงพยาบาลเป็นคนแรก และหลังจากนั้นเรื่องที่เขาเข้าโรงพยาบาลและเลิกกับโอมอินทร์ก็ถูกถ่ายทอดไปปากต่อปาก



“เป็นไงบ้างมึง” คเชนทร์เพื่อนสนิทที่สุดมาเยี่ยมเป็นคนแรกและยังมาหาเขาอยู่เรื่อยๆ



“เออ ดีขึ้นแล้ว”



“เมื่อไหร่ได้ออกจากโรง’ บาลวะ”



“หมอบอกว่าอีกสองสามวัน”



“ก็ดี แม่มึงจะได้ไม่เหนื่อย ไม่ต้องเทียวมาเทียวไป”



“อืม กูอยากกลับบ้านแล้ว แม่มาเฝ้ากูทุกวัน จากบ้านแม่มาที่นี่ โคตรไกล” ณฉัตรเต็มไปด้วยความเป็นห่วงมารดา



“แล้วมึงเป็นไงบ้าง”



“ไอ้นี่ กูเพิ่งบอกไปไงว่าดีขึ้นแล้ว ความจำเสื่อมเหรอมึงอะ” ณฉัตรด่าเพื่อนสนิทเข้าให้



“เปล่าเว้ย กูหมายถึงเรื่องมึงกับโอม”



“มึง นี่มัน..พูดให้กูคิดถึงอีกแล้ว”



“ขอโทษเว้ย แต่กูเป็นห่วงมึง” คเชนทร์เองก็ไม่ได้อยากกวนตะกอนขึ้นมาให้ขุ่นแต่เขาก็อดไม่ได้



“กูรู้ กูโอเคมึง ถึงจะไม่มากแต่ก็ดีขึ้นจริงๆ”



“กูไม่เข้าใจว่าทำไมโอมถึงทำกับมึงแบบนี้วะ”



“ไม่มีใครตอบได้หรอก ขนาดตัวโอมเองยังไม่รู้เหมือนกัน แล้วใครจะรู้วะ”



“บ้าแล้ว คนทำมันต้องรู้ดิ มันแค่พูดให้ตัวเองดูดี”



“ช่างมันเถอะ ยังไงก็เลิกกันไปแล้ว”



“ไม่เป็นไรนะมึง แฟนหาใหม่ไม่ยากหรอก”



“ขอบใจ เรื่องแฟนกูคงต้องพักยาว ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อน แขนกูยังเดี้ยงอยู่เลย มีมือเดียวแถมถูกเจาะน้ำเกลืออีกทำอะไรลำบากมาก” ณฉัตรบุ้ยหน้าไปทางแขนที่ใส่เฝือกอย่างเซ็งๆ



“เออ เดี๋ยวก็หายน่า”



“กูว่าจะถามมึงหลายครั้งแล้ว เพื่อนมึงคนไหนวะที่บอกว่ากูเข้าโรง’ บาล”



“ไอ้ภัทรไง จำได้เปล่าวะ มันเป็นมาบอกว่ามึงเข้าโรง’ บาลอะ”



“ไอ้ภัทร? ใช่ไอ้ยักษ์ที่เรียนหมอหมาปะ?”



“เออ ไอ้ยักษ์นั่นแหละ”



“อ่อๆ จำได้ อ้าวเหรอวะมันมาโรง’ บาลทำไม ป่วยเหรอ”



“มันแวะมาหาพี่ พี่ชายมันก็เป็นหมออยู่ที่นี่เหมือนกัน มันถึงรู้เรื่องมึงไง”



“โลกกลมว่ะ ใครวะ”



“ชื่อหมอภาคย์ มึงจำได้ไหมวะ”



“ไม่ว่ะ”



“ถ้าพี่ชายไอ้ภัทรมาเป็นหมอเจ้าของไข้มึงยิ่งโลกกลมอะ”



“ไอ้เชน มึงไปแหกตาดูชื่อหมอที่หน้าประตูให้กูหน่อย” คเชนทร์ออกไปตามที่ณฉัตรบอกก่อนจะเดินกลับเข้ามา



“เชี่ย โลกกลมจริงๆ พี่ไอ้ภัทรจริงๆ ด้วย แล้วพี่มันพูดอะไรกับมึงบ้างไหมวะ” ณฉัตรทำท่าคิดเพียงครู่ก่อนจะตอบเพื่อนสนิท



“ก็ไม่นะ มาตรวจๆ ถามอาการกูแล้วก็ไป กูก็ไม่กล้าถามอะไรมาก หน้าโคตรดุ”



“มึงจำพี่ไอ้ภัทรไม่ได้จริงๆ เหรอวะ”



“จำ? ทำไมกูต้องจำได้ มีอะไร”



“เมื่อก่อนพี่มันไปรับไอ้ภัทรที่มหาลัยบ่อยๆ มึงเองก็เคยเจอ”



“ไม่คุ้นเลยว่ะ จำไม่ได้เลย”



“เอาเถอะ กูไม่แปลกใจหรอก มึงเคยสนใจใครนอกจากโอมที่ไหน ดีนะอย่างน้อยก็จำหน้าเพื่อนได้”



“ไม่เถียง”



“เออๆ กูไม่คุยกับมึงแล้ว นอนพักเยอะๆ นะเว้ยจะได้กลับบ้านไวๆ ไว้กูแวะมาเยี่ยมใหม่”



“ขอบใจมึงมาก”



“เล็กน้อยเว้ย เพื่อนใกล้ตายขนาดนี้กูต้องรีบมาดูใจ”



“ยังไม่ตายเหอะ”



“ฮ่าๆ เออ กูไปละ”



“อืม ขับรถดีๆ นะ”



“เออๆ” คเชนทร์บอกแล้วออกจากห้องไป









ความเงียบกลับเข้ามาหาณฉัตรอีกครั้ง เขารู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที นั่งๆ นอนๆ ทั้งวัน เบื่อจะตายชัก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือมาเล่นด้วยมือข้างเดียว ลำบากชะมัด มือกดเข้าไปอ่านข้อความในแอปพลิเคชันสีเขียว นอกจากกลุ่มเพื่อนของมหาวิทยาลัยและโรงเรียนเก่าแล้ว หากไม่นับพวกโฆษณาจากร้านค้าต่างๆ ก็ไม่มีข้อความจากใครอื่นอีก







แม้กระทั่งจากโอมอินทร์ก็ไม่มี แต่ก็ถูกต้องแล้วอีกฝ่ายทำตามความต้องการของเขาอย่างเคร่งครัด





เขาเปลี่ยนไปกดแอปพลิเคชันสีฟ้าบ้าง หน้าจอแสดงรูปของคเชนทร์เพื่อนเขาที่เพิ่งไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนอีกคน ณฉัตรเกิดความสงสัย ใครกันนะ หน้าตาคุ้นๆ เขาอ่านชื่อโปรไฟล์คนนั้นจึงจำได้ ภัทร เพื่อนที่คเชนทร์พูดถึงไปเมื่อสักครู่นี้ นิ้วกดเข้าไปดูโปรไฟล์ภัทรทันที หน้าโปรไฟล์อีกฝ่ายไม่ค่อยพูดถึงอะไรที่เกี่ยวกับคนหรือตนเองนัก มักมีแต่เรื่องหมาๆ แมวๆ ที่เข้ามารับการรักษา ทั้งรักษาแบบฟรีหรือแบบเสียตังหรือหนีหายไปเลยก็มี มักจะมีประกาศหาบ้านให้หมาแมวอยู่เนืองๆ







ในโพสต์หาบ้านให้แมวโพสต์หนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เขาเห็นมีอยู่สองสามคอมเมนต์ต่างบอกว่า ‘ขอให้น้องแมวได้บ้านไวๆ นะครับ/นะคะ’ จนคอมเมนต์สุดท้ายบอกว่า‘เพื่อนกูอยากได้แมวไปเลี้ยง มึงเอาตัวนี้มาที่โรง’ บาลที” ภัทรไม่ได้พิมพ์อะไรนอกจากส่งสติ๊กเกอร์ว่ารับทราบ





ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ณฉัตรกดเข้าไปในโปรไฟล์ของบุคคลนั้นทันที เขาสงสัยว่าเจ้าของคอมเมนต์นั้นคือคุณหมอเจ้าของไข้ของเขา









ก๊อก..ก๊อก..







“หมอขอตรวจหน่อยนะครับ” เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ณฉัตรที่มีมือข้างเดียวทำอะไรไม่ทัน โทรศัพท์จึงตกอยู่ข้างตัว เขารีบยิ้มให้คุณหมอเพื่อกลบเกลื่อนพิรุธตนเอง



ตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมา คุณหมอภาคย์จะคอยเข้ามาตรวจดูอาการเขาสี่เวลาแทบจะเป็นหลังอาหารเลยก็ว่าได้ เช้า เที่ยง เย็นและก่อนนอน และครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายของวัน



“เป็นไงบ้างครับ” หมอถามโดยไม่มองหน้า มือตรวจนั่นเช็กนี่ไม่หยุดแล้วก็จดอะไรยิกๆ ลงไปในกระดาษ



“เหมือนเดิมครับ”



“ถ้ามีอาการแปลกๆ เช่นหายใจไม่ค่อยออก อยากอาเจียนหรืออื่นๆ ให้รีบกดปุ่ม...”



“เรียกพยาบาลทันทีเลยนะครับ” คุณหมอยังพูดไม่ทันจบแต่ณฉัตรกลับพูดต่อให้จบอย่างเรียบร้อย



“ล้อเลียนหมอเหรอครับ” คุณหมอมองคนไข้ด้วยสายตาดุ



“เปล่าครับ แต่คุณหมอบอกผมแบบนี้ทุกวัน วันละสี่ครั้ง จนผมจำได้แล้วครับ ผมสัญญาถ้ารู้สึกไม่ดีจะรีบกดเลยครับ”



“โอเคครับ”



“ผมกลับบ้านได้หรือยังครับ” ณฉัตรถามขึ้นเขาเบื่อโรงพยาบาลเต็มทีแล้ว



“พรุ่งนี้ผมจะให้นักกายภาพบำบัดมาคุยกับคุณก่อน ถ้าอาการปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มะรืนค่อยกลับแล้วกันนะครับ”



“อีกสองวันเลยเหรอ แต่ก็ขอบคุณครับ” ณฉัตรรู้สึกเสียดายแต่อยู่ต่ออีกสองวันก็ยังดีกว่าติดแหง็กอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน



“เบื่อหรือครับ”



“ครับ นอนเฉยๆ ลุกไปไหนก็ไม่ได้ มันต้องเบื่ออยู่แล้วครับ”



“ยังเล่นมือถือเข้าไปส่องคนอื่นได้ขนาดนี้ ก็ไม่ควรเบื่อแล้วมั้งครับ” สายตาคุณหมอจับจ้องไปที่โทรศัพท์แสดงโปรไฟล์ของคุณหมอเอง ณฉัตรตกใจรีบหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วคว่ำหน้าจอไว้อย่างรวดเร็ว



“เพื่อนผม..บอกว่าคุณหมอเป็นพี่ชายของภัทร ผมเลยเข้ามาดูเฉยๆ”



“เหรอครับ”



“เราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหมครับ อย่างน้อยก็ตอนที่คุณหมอไปรับภัทร”



“พี่ภาคย์” จู่ๆ คุณหมอก็พูดขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย



“ครับ?”



“เพื่อนของภัทรเรียกผมว่าพี่ภาคย์”



“อ้อ..ครับ แล้วผมเอ่อ..” ณฉัตรไม่เข้าใจ หมายถึงคุณหมอต้องการให้เขาเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ด้วยใช่หรือเปล่า



“ถ้าคุณเป็นเพื่อนภัทรก็ควรเรียกผมแบบนั้น”



“ได้ครับ พี่ภาคย์ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยว่าเคยเจอกัน”



“คุณจำผมไม่ได้ไม่ใช่หรือ ไม่มีประโยชน์ที่จะไปเท้าความกับคนที่จำเราไม่ได้หรอกครับ เสียเวลา” คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ แต่ทำให้ณฉัตรรู้สึกคิ้วกระตุกเล็กน้อยเหมือนกำลังถูกด่า



“ครับ” ณฉัตรรับคำอย่างสลดไม่กล้าต่อความเพิ่ม



“เล่นมือถือเสร็จแล้วก็รีบนอนนะครับ เดี๋ยวผมจะให้พยาบาลเอายาก่อนนอนมาให้ ทานให้ครบด้วยนะครับแล้วพรุ่งนี้ผมจะแวะเข้ามาตรวจคุณตอนเช้าอีกครั้ง”



“ขอบคุณครับ” คุณหมอพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกลับออกไปเงียบๆ



ไม่นานจากที่คุณหมอหน้าดุออกไป พยาบาลคนสวยก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับยาก่อนนอน



“อีกสองวันจะได้กลับบ้านแล้ว คนไข้ดีใจไหมคะ” พยาบาลสาวถามขณะยื่นที่ใส่ยาไปให้คนไข้



“ครับ จริงๆ อยากกลับพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ” เขากลืนยาตามด้วยน้ำเปล่าจนหมดแก้วแล้วจึงตอบกลับไป



“เบื่อโรง’ บาลแล้วใช่ไหมคะ”



“ใช่ครับ อีกอย่างผมเกรงใจคุณหมอด้วยต้องมาตรวจอาการผมตลอด”



“เป็นหน้าที่ของคุณหมออยู่แล้วค่ะ เดี๋ยวนะคะ คนไข้บอกว่าอะไรนะคะ คุณหมอเข้ามาตรวจตลอดเลยเหรอคะ” พยาบาลสาวสะดุดหูจึงถามซ้ำ



“ใช่ครับ”



“คนไข้หมายถึงคุณหมอภาคย์ใช่ไหมคะ”



“ใช่ครับ ทำไมเหรอ”



“คุณหมอภาคย์จะราวน์วอร์ดช่วงเช้า คนไข้บอกคุณหมอมาตรวจตลอดเลยเหรอคะ”



“ครับ สี่เวลา หลังอาหารและก่อนนอน เพิ่งเข้ามาตรวจเมื่อสักครู่นี้ก่อนคุณพยาบาลเอายามาให้ผมเองครับ”



“เมื่อสักครู่นี้!?” พยาบาลทำเสียงตกใจ แต่ยังยั้งตัวเองไม่ให้เสียงดังเกินไปนัก



“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”



“ปะ..เปล่าค่ะ ที่คุณหมอมาตรวจบ่อยๆ คงเป็นห่วงคนไข้มั้งคะ” พยาบาลสาวตะกุกตะกักตอบ



“คงงั้นมั้งครับ ผมก็เพิ่งรู้ว่าคุณหมอเป็นพี่ชายของเพื่อนของเพื่อนผมอีกที งงไหมครับ”



“จะพยายามไม่งงค่ะ” พยาบาลหัวเราะแห้งๆ ก่อนถามอาการณฉัตรอีกสองสามประโยคแล้วกลับออกไปในที่สุด





ณฉัตรมองนาฬิกาเวลานี้ใกล้สี่ทุ่มแล้ว เขาเตรียมตัวเข้านอน จัดผ้าห่มให้เข้าที่เข้าทาง มือกลับสัมผัสเจอกับโทรศัพท์มือถือที่ถูกคว่ำหน้าไว้ข้างตัว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตั้งใจจะนำไปวางไว้ที่อื่น แต่หน้าจอถูกปลดล็อกอัตโนมัติ มันยังค้างอยู่ที่หน้าโปรไฟล์ของคุณหมอ เขาเลื่อนดูแต่ไม่เจออะไร คุณหมอคงหวงแหนความเป็นส่วนตัวไม่น้อย นอกจากรูปโปรไฟล์ที่เป็นภาพท้องฟ้าแล้วก็ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดอื่นๆ ได้อีกเลย





นอกเสียจากว่าจะต้องเป็นเพื่อนกันเสียก่อน ณฉัตรลังเลว่าควรจะกดขอเป็นเพื่อนกับคุณหมอดีไหม แต่กลับได้รับแจ้งเตือนจากคนที่เขาคิดถึงอยู่ว่าขอเป็นเพื่อนกับเขาเสียก่อน แค่มองปราดเดียวคุณหมอกลับจำชื่อโปรไฟล์เขาได้เสียแล้ว ตาดีเกินไปหรือเปล่า





แล้วณฉัตรจะยังลังเลอะไรอีกล่ะ?





เขากดปุ่มนั้นทันที





‘ยอมรับ’







END



======================================



HAPPY VALENTINE'S DAY KA!!!!

จริงๆ แล้วปกติวันวาเลนไทน์ มักจะกลับไปเขียนตอนพิเศษกับเรื่องเก่าๆ แต่สารภาพค่ะ เขมไม่มีเลย มันเลยงอกเป็นตอนพิเศษเรื่องใหม่มาแทน ตั้งใจทำเป็นตอนเดียวจบค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสและหากมีคนสนใจเรื่องนี้อาจจะมาแต่งต่อให้เรื่อยๆ ค่ะ แต่ไม่รับปากน้า

มีความสุขกันถ้วนหน้านะคะ

 :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: เรื่องสั้น -- Memory Is Blue -- 14/02/2019
«ตอบ #3 เมื่อ14-02-2019 20:56:20 »

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: เรื่องสั้น -- Memory Is Blue -- 14/02/2019
«ตอบ #4 เมื่อ14-02-2019 21:24:20 »

+1  มาต่อเถอะนะ   :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ kames

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เรื่องสั้น -- Memory Is Blue -- 14/02/2019
«ตอบ #5 เมื่อ14-02-2019 22:00:15 »

โอมไม่สมควรได้รับความรักจากณฉัตรเลยจริงๆ
ยังรักณฉัตรอยู่ แต่ตัวเองนอกใจแฟน แบบนี้ก็ไม่ใช่แล้วอ่ะ

เราแอบคิดถ้าณฉัตรไม่เกิดอุบัติเหตุ จะมีเหตุผลให้โอมมาหาไหม
หรือสมมุติถ้าณฉัตรดึงดันว่าจะไม่เลิก
โอมจะทำยังไง ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
มันน่าอึดอัดมากอ่ะ ทำตัวเหมือนเดิมกับพ่อแม่ทั้งๆทีเหตุผลที่ณฉัตรเจ็บก็เพราะตัวเองแท้ๆ

ส่วนตัวถ้าเขานอกใจ สิ่งที่ดีที่สุดคือตัดใจแล้วเดินออกมาอ่ะดีที่สุด
ถ้าเขารักเราจริงๆ เขาจะต้องไม่ทำแบบนี้กับเราหรอก

จากนี้ณฉัตรก็จะมีคนดีๆ มีหมอดีๆ หน้าตาดีๆ รักเรามากๆ มาดูแลแหละ

แฮปปี้วาเลนไทน์เดย์นะคะคนเขียน
ขอตอนพิเศษให้คู่นี้ด้วยนะคะ ไม่สงสารเราก็สงสารพี่หมอเถ้อะ เราอยากจะรู้ว่าเขาจะรักกันยังไงง

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: เรื่องสั้น -- Memory Is Blue -- 14/02/2019
«ตอบ #6 เมื่อ15-02-2019 22:13:24 »

ณฉัตรจะรู้แค่ว่าพี่ภาคย์เป็นพี่ชายของเพื่อนและรับแอดเฟซบุ๊คไม่ได้! ต้องรู้ว่าถูกแอบชอบ โดนเทคแคร์ โดนจีบ และเริ่มต้นใหม่กับคนดีๆด้วยยยยยยยย ไรท์คะะะมันไม่พอจริงๆ ไม่รู้สึกถึงเทศกาลวาเลนไทน์นอกจากตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์แฟน แต่โดนเซอร์ไพรส์กลับแบบรุนแรงมาก พลีสสสสสสสสสส  :hao5:

ออฟไลน์ lor7878

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
    • m88a
Re: เรื่องสั้น -- Memory Is Blue -- 14/02/2019
«ตอบ #7 เมื่อ17-02-2019 09:43:14 »

รออยู่นะคร้าบ  :hao7: :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด