“เมื่อไหร่ลูกจะตื่นสักทีล่ะพ่อ” แม่ถามพลางมองลูกชายที่นอนหลับสนิท หากมองเผินๆ คงคิดว่าหลับตามปกติแต่สภาพภายนอกทั้งรอยฟกช้ำดำเขียว ศีรษะแตก แขนใส่เฝือก คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่าลูกชายของเธอประสบเคราะห์ร้ายครั้งใหญ่
คนโบราณได้กล่าวไว้ เบญจเพสคือช่วงอันตราย
“มันคงเหนื่อย เดี๋ยวมันอยากตื่นก็ตื่นขึ้นมาเอง แม่อย่ากังวลเลย”
“สองอาทิตย์แล้วนะฉัตร ทำไมนอนนานขนาดนั้น นอนจนแม่เหนื่อยแทน เนี่ยแม่เลยขอคุณหมอย้ายห้องมาพักห้องเดี่ยวธรรมดาแล้วนะ รู้ไหมมันเปลือง ถ้ายังไม่ตื่นอีก แม่จะให้ฉัตรใช้สิทธิ์ประกันสังคมแทนแล้วนะลูก ไปนอนห้องรวมแล้วกินพาราอย่างเดียวเลย” แม่แกล้งแหย่คนหลับเสียงดัง หวังว่าคำพูดจะทำให้ได้ยินบ้าง
“ถ้าไม่ตื่น พ่อจะพาแม่เอ็งไปเที่ยวแค่สองคน ไม่รอแล้วนะโว้ย” พ่อยื่นคำขู่ เพราะครอบครัวนี้จะมีทริปร่วมกันอย่างน้อยปีละครั้งทุกปี
“พ่อว่าลูกจะได้ยินที่เราพูดไหม”
“ต้องได้ยินสิ”
‘ผมได้ยินนะ พ่อกับแม่ห้ามหนีไปเที่ยวกันสองคนด้วย ผมไปด้วย แล้วแม่อย่ามาหลอกผมให้ยากเลย ผมมีประกันนะครับ แต่ตอนนี้ผมขอนอนต่ออีกนิดได้หรือเปล่าครับ ผมยังไม่อยากตื่นเลย’
“สวัสดีครับ” โอมอินทร์เคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะเดินเข้ามาทักทายบิดามารดาของอดีตคนรัก
“มาหาพี่ฉัตรทุกวันเลย เหนื่อยไหมโอม” แม่เอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เหนื่อยครับ ผมอยากมา พี่ฉัตรเป็นไงบ้างครับ”
“เหมือนเดิมจ้ะ คนอะไรเอาแต่นอนท่าเดียว” คำตอบของอีกฝ่ายทำให้โอมอินทร์ยิ้มเล็กน้อยมองคนที่หลับอยู่ด้วยความเสียใจ เขาไม่รู้ว่าหากไม่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้นจะทำให้ณฉัตรต้องกลายเป็นแบบนี้หรือเปล่า
“ผมขออยู่กับพี่ฉัตรสักครู่ได้ไหมครับ”
“ได้สิจ๊ะ แม่กับพ่อว่าจะไปหาอะไรทานเหมือนกัน งั้นแม่ฝากพี่เขาหน่อยนะจ๊ะโอม”
“ครับ”
คล้อยหลังผู้ใหญ่ทั้งสองออกไปแล้ว โอมอินทร์ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงคนหลับ จับมือข้างที่ถูกเจาะน้ำเกลือขึ้นมาอย่างถนอม น้ำตาไหลรินลงมาเป็นทาง
“ผมขอโทษครับพี่ฉัตร ผมไม่ได้ตั้งใจให้พี่เป็นแบบนี้”
‘มันไม่ใช่ความผิดโอมสักหน่อย มันเป็นอุบัติเหตุ พี่ขับรถไม่ระวังเอง’
“ผมไม่น่านอกใจพี่เลย”
‘บอกตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วครับ โอมใจร้ายกับพี่ไปแล้ว’
“ผมควรมีพี่คนเดียว ไม่ควรมีคนอื่นอีก แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงทำเหมือนกัน ผมรู้ผมมันเลว”
‘…’
“ผมรักพี่ฉัตรนะครับ”
‘แต่คงรักพี่ไม่มากพอที่จะมีพี่คนเดียวใช่ไหมครับ’
“แต่ผมก็รักพี่เขาคนนั้นเหมือนกัน ขอโทษนะครับ”
‘พี่รู้’
“พี่ฉัตรตื่นขึ้นมาเถอะครับ ถ้าพี่ตื่นมาแล้วอยากให้ผมทำอะไร ผมจะทำให้พี่ทุกอย่างเลย ขอแค่พี่ตื่นขึ้นมามองผมสักครั้งนะครับ”
‘โอมอยากทำอะไรให้พี่เหรอ’
“ถ้าพี่อยากให้ผมเลิกกับเขา ลาออกจากงานแล้วมาอยู่กับพี่ ผมก็จะทำตามที่พี่บอก ผมจะไม่นอกใจ ไม่ขัดใจพี่ฉัตรอีกครับ”
‘สายไปแล้วครับ พี่อยากได้ทั้งตัวและหัวใจโอม พี่มันคนโลภไม่อยากได้แค่ตัวโอมอย่างเดียว’
“พี่ตื่นขึ้นมานะ กลับมาอยู่ด้วยกันนะครับ”
‘มันเป็นไปไม่ได้หรอก’
“ถึงเราจะเลิกกันไปแล้วแต่เรายังกลับมาคบกันได้นะครับพี่ฉัตร”
“โอมว่ายังไงนะลูก โอมเลิกกับพี่ฉัตรแล้วเหรอ?” แม่ณฉัตรลืมโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าสะพายที่วางไว้ข้างเตียงผู้ป่วย หมายจะกลับเข้ามาหยิบไป หากพอเธอมาถึงกลับทันได้ยินประโยคสุดท้ายที่โอมอินทร์พูดพอดี
“เอ่อ...ใช่ครับ” โอมอินทร์หน้าสลดลง
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ เลิกกับพี่เขาเมื่อไหร่ ทำไมพี่ฉัตรไม่เห็นบอกแม่เลย” แม่ปรี่เข้าไปจับแขนโอมอินทร์ไว้อย่างรวดเร็วจนพ่อห้ามไว้ไม่ทัน แต่เธอไม่ได้ออกแรงมากมายจนทำให้อีกฝ่ายเจ็บแต่อย่างใด เพียงจับไว้เฉยๆ
“คืนวันที่สิบสามครับ”
“เอ๊ะ คืนก่อนที่พี่ฉัตรจะพาโอมไปเที่ยวด้วยกันนี่”
“ใช่ครับ เราเลิกกันคืนนั้น”
“โอม” แม่เรียกชื่อโอมอินทร์ด้วยเสียงปวดร้าว “พี่ฉัตรทำอะไรผิด เขาทำอะไรไม่ดี โอมถึงเลิกกับพี่เขา”
“ผม..ผม..คือ..”
ก๊อก..ก๊อก..
คุณหมอเคาะประตูที่เปิดกว้างไว้อยู่แล้ว เขาแค่ทำสัญญาณบอกคนในห้องให้รู้ตัวเท่านั้น
“หมอขอตรวจคนไข้หน่อยนะครับ”
“รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ” แม่หันไปบอกคุณหมอก่อนจะหันมาทางอดีตคนรักบุตรชาย “โอมไปคุยกับแม่ข้างนอกหน่อย”
“ครับ”
“น่าสงสารคนไข้นะคะ เอ..หรือว่าที่เกิดอุบัติเหตุจะเป็นเพราะเรื่องแฟนคะ” พยาบาลสาวที่เดินมาพร้อมกับคุณหมอเริ่มพูดขึ้นเมื่อมาหยุดที่หน้าเตียงผู้ป่วย
“เรื่องของเขา อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคนอื่น” คุณหมอตำหนิพยาบาลสาวทำให้เธอหน้าเสียทันที
“ขอโทษค่ะ”
“ทีหน้าทีหลังจะพูดอะไรก็ระวังด้วย ญาติคนไข้หรือคนอื่นมาได้ยินเข้ามันจะดูไม่ดีว่าพยาบาลที่นี่วันๆ ไม่ทำงานเอาแต่นินทาเรื่องคนไข้”
“คราวหน้าจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ”
“อืม”
ใครๆ ก็รู้ว่าคุณหมอภาคย์หน้าตาดีแต่โหดสุดๆ แล้วพยาบาลหน้าไหนจะกล้าจีบ คุณหมอถึงโสดอยู่แบบนี้ยังไงเล่า
เมื่อตรวจคนไข้ใกล้เสร็จแล้วคุณหมอภาคย์บอกให้พยาบาลไปนำแฟ้มประวัติคนไข้อีกรายหนึ่งไปวางบนโต๊ะเขาที่ห้องให้ที พยาบาลรับคำแล้วรีบออกไปตามคำสั่งทันที คุณหมอหนุ่มมองใบหน้าคนที่หลับอยู่ก่อนจะพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“ผมไม่รู้ว่าคุณเลิกกับแฟนแล้ว เสียใจด้วย”
“ถ้าไม่อยากให้พ่อ แม่และแฟนเก่าคุณต้องทะเลาะกัน คุณควรจะตื่นขึ้นมาได้แล้วนะครับ”
“ผมไม่กล้าคิดว่าคุณจะเป็นอย่างที่พยาบาลพูดจริงๆ เพราะฉะนั้นตื่นขึ้นมาเถอะครับ”
“ถึงผมจะไม่เคยอกหัก แต่ก็รู้ว่ามันคงเจ็บมาก ผมที่เอาแต่แอบรักคนหนึ่งข้างเดียว ขนาดรู้ว่าเขาเจ็บผมยังปวดใจไปด้วยเลย”
“ตื่นขึ้นมาสู้ได้แล้ว”
“อกหักมันไม่ตายหรอก ขนาดผมเห็นคนที่รักไปรักกับคนอื่น ผมยังไม่ตายเลย คุณห้ามตายนะเพราะถ้าคุณตาย ผมอาจจะ...อาจจะ...”
“ถ้าผมตาย คุณหมออาจจะอะไรครับ”
“ณฉัตร! คุณตื่นแล้ว” คุณหมอเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความดีใจผสมตกใจจนลืมเก็บอาการ
หลังจากนั้นคือความโกลาหลสำหรับณฉัตรอย่างแท้จริง หมอและพยาบาลจับณฉัตรตรวจนั่นตรวจนี่เพื่อให้แน่ใจทุกอย่างว่าเขาปลอดภัยแล้วจริงๆ
นอกจากนั้นทั้งพ่อและแม่ก็เข้ามาหาลูกชายด้วยเช่นกัน แม่มีน้ำหูน้ำตาไหลตลอดเวลาด้วยความดีใจ พ่อเขาก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก
ส่วนโอมอินทร์ เขาบอกพ่อกับแม่ขอเวลาคุยกับอีกฝ่ายตามลำพัง
“ไม่ต้องโทษตัวเองนะ ที่พี่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะโอม”
“แต่ถ้าเราไม่เลิกกันหรือทะเลาะกัน...”
“ไม่เกี่ยวหรอก โอมกลับไปหาเขาดีกว่า”
“แล้วพี่ฉัตรล่ะครับ”
“พี่ไม่เป็นไร พ่อกับแม่พี่ก็อยู่”
“ผมขอโทษ”
“เลิกขอโทษได้แล้ว พี่ไม่ได้โกรธ ถึงจะเสียใจที่เราเลิกกันแต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
“ผม..”
“พี่ขอเพียงข้อเดียว”
“อะไรครับ”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่ากลับมาหาพี่อีกก็พอ” ณฉัตรบอกอดีตคนรักอย่างเด็ดเดี่ยว
“หมายความว่าไงครับ”
“ถ้าโอมมีปัญหา มาปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่อง แต่ยกเว้นเรื่องความรัก พี่คิดว่าพี่เป็นคนดีในระดับหนึ่งแต่ไม่ใจกว้างขนาดที่จะคอยรับฟังปัญหาความรักของแฟนเก่า และถ้าโอมจะติดต่อพี่ก็ขอให้เกี่ยวกับปัญหาจริงๆ มันคงดูไม่ดีถ้าโอมยังติดต่อแฟนเก่าทั้งที่แฟนใหม่ก็อยู่”
หลังจากที่ณฉัตรตื่นขึ้นมาเพื่อนๆ สมัยเรียนทั้งจากโรงเรียนเก่าหรือมหาวิทยาลัยต่างพากันมาเยี่ยมเยียนเขาเมื่อรู้ข่าว เนื่องจากเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งรู้เรื่องเขาจากเพื่อนอีกคนอีกทีจึงมาหาที่โรงพยาบาลเป็นคนแรก และหลังจากนั้นเรื่องที่เขาเข้าโรงพยาบาลและเลิกกับโอมอินทร์ก็ถูกถ่ายทอดไปปากต่อปาก
“เป็นไงบ้างมึง” คเชนทร์เพื่อนสนิทที่สุดมาเยี่ยมเป็นคนแรกและยังมาหาเขาอยู่เรื่อยๆ
“เออ ดีขึ้นแล้ว”
“เมื่อไหร่ได้ออกจากโรง’ บาลวะ”
“หมอบอกว่าอีกสองสามวัน”
“ก็ดี แม่มึงจะได้ไม่เหนื่อย ไม่ต้องเทียวมาเทียวไป”
“อืม กูอยากกลับบ้านแล้ว แม่มาเฝ้ากูทุกวัน จากบ้านแม่มาที่นี่ โคตรไกล” ณฉัตรเต็มไปด้วยความเป็นห่วงมารดา
“แล้วมึงเป็นไงบ้าง”
“ไอ้นี่ กูเพิ่งบอกไปไงว่าดีขึ้นแล้ว ความจำเสื่อมเหรอมึงอะ” ณฉัตรด่าเพื่อนสนิทเข้าให้
“เปล่าเว้ย กูหมายถึงเรื่องมึงกับโอม”
“มึง นี่มัน..พูดให้กูคิดถึงอีกแล้ว”
“ขอโทษเว้ย แต่กูเป็นห่วงมึง” คเชนทร์เองก็ไม่ได้อยากกวนตะกอนขึ้นมาให้ขุ่นแต่เขาก็อดไม่ได้
“กูรู้ กูโอเคมึง ถึงจะไม่มากแต่ก็ดีขึ้นจริงๆ”
“กูไม่เข้าใจว่าทำไมโอมถึงทำกับมึงแบบนี้วะ”
“ไม่มีใครตอบได้หรอก ขนาดตัวโอมเองยังไม่รู้เหมือนกัน แล้วใครจะรู้วะ”
“บ้าแล้ว คนทำมันต้องรู้ดิ มันแค่พูดให้ตัวเองดูดี”
“ช่างมันเถอะ ยังไงก็เลิกกันไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรนะมึง แฟนหาใหม่ไม่ยากหรอก”
“ขอบใจ เรื่องแฟนกูคงต้องพักยาว ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อน แขนกูยังเดี้ยงอยู่เลย มีมือเดียวแถมถูกเจาะน้ำเกลืออีกทำอะไรลำบากมาก” ณฉัตรบุ้ยหน้าไปทางแขนที่ใส่เฝือกอย่างเซ็งๆ
“เออ เดี๋ยวก็หายน่า”
“กูว่าจะถามมึงหลายครั้งแล้ว เพื่อนมึงคนไหนวะที่บอกว่ากูเข้าโรง’ บาล”
“ไอ้ภัทรไง จำได้เปล่าวะ มันเป็นมาบอกว่ามึงเข้าโรง’ บาลอะ”
“ไอ้ภัทร? ใช่ไอ้ยักษ์ที่เรียนหมอหมาปะ?”
“เออ ไอ้ยักษ์นั่นแหละ”
“อ่อๆ จำได้ อ้าวเหรอวะมันมาโรง’ บาลทำไม ป่วยเหรอ”
“มันแวะมาหาพี่ พี่ชายมันก็เป็นหมออยู่ที่นี่เหมือนกัน มันถึงรู้เรื่องมึงไง”
“โลกกลมว่ะ ใครวะ”
“ชื่อหมอภาคย์ มึงจำได้ไหมวะ”
“ไม่ว่ะ”
“ถ้าพี่ชายไอ้ภัทรมาเป็นหมอเจ้าของไข้มึงยิ่งโลกกลมอะ”
“ไอ้เชน มึงไปแหกตาดูชื่อหมอที่หน้าประตูให้กูหน่อย” คเชนทร์ออกไปตามที่ณฉัตรบอกก่อนจะเดินกลับเข้ามา
“เชี่ย โลกกลมจริงๆ พี่ไอ้ภัทรจริงๆ ด้วย แล้วพี่มันพูดอะไรกับมึงบ้างไหมวะ” ณฉัตรทำท่าคิดเพียงครู่ก่อนจะตอบเพื่อนสนิท
“ก็ไม่นะ มาตรวจๆ ถามอาการกูแล้วก็ไป กูก็ไม่กล้าถามอะไรมาก หน้าโคตรดุ”
“มึงจำพี่ไอ้ภัทรไม่ได้จริงๆ เหรอวะ”
“จำ? ทำไมกูต้องจำได้ มีอะไร”
“เมื่อก่อนพี่มันไปรับไอ้ภัทรที่มหาลัยบ่อยๆ มึงเองก็เคยเจอ”
“ไม่คุ้นเลยว่ะ จำไม่ได้เลย”
“เอาเถอะ กูไม่แปลกใจหรอก มึงเคยสนใจใครนอกจากโอมที่ไหน ดีนะอย่างน้อยก็จำหน้าเพื่อนได้”
“ไม่เถียง”
“เออๆ กูไม่คุยกับมึงแล้ว นอนพักเยอะๆ นะเว้ยจะได้กลับบ้านไวๆ ไว้กูแวะมาเยี่ยมใหม่”
“ขอบใจมึงมาก”
“เล็กน้อยเว้ย เพื่อนใกล้ตายขนาดนี้กูต้องรีบมาดูใจ”
“ยังไม่ตายเหอะ”
“ฮ่าๆ เออ กูไปละ”
“อืม ขับรถดีๆ นะ”
“เออๆ” คเชนทร์บอกแล้วออกจากห้องไป
ความเงียบกลับเข้ามาหาณฉัตรอีกครั้ง เขารู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที นั่งๆ นอนๆ ทั้งวัน เบื่อจะตายชัก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือมาเล่นด้วยมือข้างเดียว ลำบากชะมัด มือกดเข้าไปอ่านข้อความในแอปพลิเคชันสีเขียว นอกจากกลุ่มเพื่อนของมหาวิทยาลัยและโรงเรียนเก่าแล้ว หากไม่นับพวกโฆษณาจากร้านค้าต่างๆ ก็ไม่มีข้อความจากใครอื่นอีก
แม้กระทั่งจากโอมอินทร์ก็ไม่มี แต่ก็ถูกต้องแล้วอีกฝ่ายทำตามความต้องการของเขาอย่างเคร่งครัด
เขาเปลี่ยนไปกดแอปพลิเคชันสีฟ้าบ้าง หน้าจอแสดงรูปของคเชนทร์เพื่อนเขาที่เพิ่งไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนอีกคน ณฉัตรเกิดความสงสัย ใครกันนะ หน้าตาคุ้นๆ เขาอ่านชื่อโปรไฟล์คนนั้นจึงจำได้ ภัทร เพื่อนที่คเชนทร์พูดถึงไปเมื่อสักครู่นี้ นิ้วกดเข้าไปดูโปรไฟล์ภัทรทันที หน้าโปรไฟล์อีกฝ่ายไม่ค่อยพูดถึงอะไรที่เกี่ยวกับคนหรือตนเองนัก มักมีแต่เรื่องหมาๆ แมวๆ ที่เข้ามารับการรักษา ทั้งรักษาแบบฟรีหรือแบบเสียตังหรือหนีหายไปเลยก็มี มักจะมีประกาศหาบ้านให้หมาแมวอยู่เนืองๆ
ในโพสต์หาบ้านให้แมวโพสต์หนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เขาเห็นมีอยู่สองสามคอมเมนต์ต่างบอกว่า ‘ขอให้น้องแมวได้บ้านไวๆ นะครับ/นะคะ’ จนคอมเมนต์สุดท้ายบอกว่า‘เพื่อนกูอยากได้แมวไปเลี้ยง มึงเอาตัวนี้มาที่โรง’ บาลที” ภัทรไม่ได้พิมพ์อะไรนอกจากส่งสติ๊กเกอร์ว่ารับทราบ
ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ณฉัตรกดเข้าไปในโปรไฟล์ของบุคคลนั้นทันที เขาสงสัยว่าเจ้าของคอมเมนต์นั้นคือคุณหมอเจ้าของไข้ของเขา
ก๊อก..ก๊อก..
“หมอขอตรวจหน่อยนะครับ” เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ณฉัตรที่มีมือข้างเดียวทำอะไรไม่ทัน โทรศัพท์จึงตกอยู่ข้างตัว เขารีบยิ้มให้คุณหมอเพื่อกลบเกลื่อนพิรุธตนเอง
ตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมา คุณหมอภาคย์จะคอยเข้ามาตรวจดูอาการเขาสี่เวลาแทบจะเป็นหลังอาหารเลยก็ว่าได้ เช้า เที่ยง เย็นและก่อนนอน และครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายของวัน
“เป็นไงบ้างครับ” หมอถามโดยไม่มองหน้า มือตรวจนั่นเช็กนี่ไม่หยุดแล้วก็จดอะไรยิกๆ ลงไปในกระดาษ
“เหมือนเดิมครับ”
“ถ้ามีอาการแปลกๆ เช่นหายใจไม่ค่อยออก อยากอาเจียนหรืออื่นๆ ให้รีบกดปุ่ม...”
“เรียกพยาบาลทันทีเลยนะครับ” คุณหมอยังพูดไม่ทันจบแต่ณฉัตรกลับพูดต่อให้จบอย่างเรียบร้อย
“ล้อเลียนหมอเหรอครับ” คุณหมอมองคนไข้ด้วยสายตาดุ
“เปล่าครับ แต่คุณหมอบอกผมแบบนี้ทุกวัน วันละสี่ครั้ง จนผมจำได้แล้วครับ ผมสัญญาถ้ารู้สึกไม่ดีจะรีบกดเลยครับ”
“โอเคครับ”
“ผมกลับบ้านได้หรือยังครับ” ณฉัตรถามขึ้นเขาเบื่อโรงพยาบาลเต็มทีแล้ว
“พรุ่งนี้ผมจะให้นักกายภาพบำบัดมาคุยกับคุณก่อน ถ้าอาการปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มะรืนค่อยกลับแล้วกันนะครับ”
“อีกสองวันเลยเหรอ แต่ก็ขอบคุณครับ” ณฉัตรรู้สึกเสียดายแต่อยู่ต่ออีกสองวันก็ยังดีกว่าติดแหง็กอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน
“เบื่อหรือครับ”
“ครับ นอนเฉยๆ ลุกไปไหนก็ไม่ได้ มันต้องเบื่ออยู่แล้วครับ”
“ยังเล่นมือถือเข้าไปส่องคนอื่นได้ขนาดนี้ ก็ไม่ควรเบื่อแล้วมั้งครับ” สายตาคุณหมอจับจ้องไปที่โทรศัพท์แสดงโปรไฟล์ของคุณหมอเอง ณฉัตรตกใจรีบหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วคว่ำหน้าจอไว้อย่างรวดเร็ว
“เพื่อนผม..บอกว่าคุณหมอเป็นพี่ชายของภัทร ผมเลยเข้ามาดูเฉยๆ”
“เหรอครับ”
“เราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหมครับ อย่างน้อยก็ตอนที่คุณหมอไปรับภัทร”
“พี่ภาคย์” จู่ๆ คุณหมอก็พูดขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ครับ?”
“เพื่อนของภัทรเรียกผมว่าพี่ภาคย์”
“อ้อ..ครับ แล้วผมเอ่อ..” ณฉัตรไม่เข้าใจ หมายถึงคุณหมอต้องการให้เขาเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ด้วยใช่หรือเปล่า
“ถ้าคุณเป็นเพื่อนภัทรก็ควรเรียกผมแบบนั้น”
“ได้ครับ พี่ภาคย์ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยว่าเคยเจอกัน”
“คุณจำผมไม่ได้ไม่ใช่หรือ ไม่มีประโยชน์ที่จะไปเท้าความกับคนที่จำเราไม่ได้หรอกครับ เสียเวลา” คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ แต่ทำให้ณฉัตรรู้สึกคิ้วกระตุกเล็กน้อยเหมือนกำลังถูกด่า
“ครับ” ณฉัตรรับคำอย่างสลดไม่กล้าต่อความเพิ่ม
“เล่นมือถือเสร็จแล้วก็รีบนอนนะครับ เดี๋ยวผมจะให้พยาบาลเอายาก่อนนอนมาให้ ทานให้ครบด้วยนะครับแล้วพรุ่งนี้ผมจะแวะเข้ามาตรวจคุณตอนเช้าอีกครั้ง”
“ขอบคุณครับ” คุณหมอพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกลับออกไปเงียบๆ
ไม่นานจากที่คุณหมอหน้าดุออกไป พยาบาลคนสวยก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับยาก่อนนอน
“อีกสองวันจะได้กลับบ้านแล้ว คนไข้ดีใจไหมคะ” พยาบาลสาวถามขณะยื่นที่ใส่ยาไปให้คนไข้
“ครับ จริงๆ อยากกลับพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ” เขากลืนยาตามด้วยน้ำเปล่าจนหมดแก้วแล้วจึงตอบกลับไป
“เบื่อโรง’ บาลแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ อีกอย่างผมเกรงใจคุณหมอด้วยต้องมาตรวจอาการผมตลอด”
“เป็นหน้าที่ของคุณหมออยู่แล้วค่ะ เดี๋ยวนะคะ คนไข้บอกว่าอะไรนะคะ คุณหมอเข้ามาตรวจตลอดเลยเหรอคะ” พยาบาลสาวสะดุดหูจึงถามซ้ำ
“ใช่ครับ”
“คนไข้หมายถึงคุณหมอภาคย์ใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ทำไมเหรอ”
“คุณหมอภาคย์จะราวน์วอร์ดช่วงเช้า คนไข้บอกคุณหมอมาตรวจตลอดเลยเหรอคะ”
“ครับ สี่เวลา หลังอาหารและก่อนนอน เพิ่งเข้ามาตรวจเมื่อสักครู่นี้ก่อนคุณพยาบาลเอายามาให้ผมเองครับ”
“เมื่อสักครู่นี้!?” พยาบาลทำเสียงตกใจ แต่ยังยั้งตัวเองไม่ให้เสียงดังเกินไปนัก
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ปะ..เปล่าค่ะ ที่คุณหมอมาตรวจบ่อยๆ คงเป็นห่วงคนไข้มั้งคะ” พยาบาลสาวตะกุกตะกักตอบ
“คงงั้นมั้งครับ ผมก็เพิ่งรู้ว่าคุณหมอเป็นพี่ชายของเพื่อนของเพื่อนผมอีกที งงไหมครับ”
“จะพยายามไม่งงค่ะ” พยาบาลหัวเราะแห้งๆ ก่อนถามอาการณฉัตรอีกสองสามประโยคแล้วกลับออกไปในที่สุด
ณฉัตรมองนาฬิกาเวลานี้ใกล้สี่ทุ่มแล้ว เขาเตรียมตัวเข้านอน จัดผ้าห่มให้เข้าที่เข้าทาง มือกลับสัมผัสเจอกับโทรศัพท์มือถือที่ถูกคว่ำหน้าไว้ข้างตัว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตั้งใจจะนำไปวางไว้ที่อื่น แต่หน้าจอถูกปลดล็อกอัตโนมัติ มันยังค้างอยู่ที่หน้าโปรไฟล์ของคุณหมอ เขาเลื่อนดูแต่ไม่เจออะไร คุณหมอคงหวงแหนความเป็นส่วนตัวไม่น้อย นอกจากรูปโปรไฟล์ที่เป็นภาพท้องฟ้าแล้วก็ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดอื่นๆ ได้อีกเลย
นอกเสียจากว่าจะต้องเป็นเพื่อนกันเสียก่อน ณฉัตรลังเลว่าควรจะกดขอเป็นเพื่อนกับคุณหมอดีไหม แต่กลับได้รับแจ้งเตือนจากคนที่เขาคิดถึงอยู่ว่าขอเป็นเพื่อนกับเขาเสียก่อน แค่มองปราดเดียวคุณหมอกลับจำชื่อโปรไฟล์เขาได้เสียแล้ว ตาดีเกินไปหรือเปล่า
แล้วณฉัตรจะยังลังเลอะไรอีกล่ะ?
เขากดปุ่มนั้นทันที
‘ยอมรับ’
END
======================================
HAPPY VALENTINE'S DAY KA!!!!
จริงๆ แล้วปกติวันวาเลนไทน์ มักจะกลับไปเขียนตอนพิเศษกับเรื่องเก่าๆ แต่สารภาพค่ะ เขมไม่มีเลย มันเลยงอกเป็นตอนพิเศษเรื่องใหม่มาแทน ตั้งใจทำเป็นตอนเดียวจบค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสและหากมีคนสนใจเรื่องนี้อาจจะมาแต่งต่อให้เรื่อยๆ ค่ะ แต่ไม่รับปากน้า
มีความสุขกันถ้วนหน้านะคะ