7
อยากฟังคำซึ้งๆ ไม่ผ่านมือถือ
[/b]
“ถ่อนี้ก่อนเด้อแม่ มีหยังกะฟ้าวโทมาเด้อ จ่อยกินเค่าก่อน”(แค่นี้ก่อนนะครับแม่ มีอะไรรีบโทรมาเลยนะ จ่อยกินข้าวก่อน)
ติ้ด
“อ้า อิ่มจังตังค์อยู่ครบ” จิมเอนตัวเอามือลูบพุงก่อนจะคว้าเอาแก้วน้ำอัดลมมาดื่มล้างปาก
“ขอโทษด้วยนะ ไม่ได้พาไปกินที่ดีๆ กว่านี้” ผมวางสายจากแม่แล้วหันมาสนใจคนตรงหน้าที่จัดการอาหารตามสั่งจนเกลี้ยง วันนี้เงินเดือนออก พี่โยโอนเข้าบัญชีให้แต่เช้าผมจึงถือโอกาสพาจิมมาเลี้ยงตอบแทน
“พูดแบบนี้เดี๋ยวป้าได้ยินเอาตะหลิวฟาดหรอก อาหารที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว”
“ก็เราหมายถึง...”
“อาหารดีๆ ไม่จำเป็นต้องหรูต้องแพงหรือร้านต้องโด่งดังหรอกนะ แค่รู้ว่าจ่อยอยากเลี้ยงเราก็ดีใจมากแล้ว อร่อยที่สุดที่เคยกินเลยล่ะ” จิมส่งยิ้มที่แสนสดใสมาให้ผม ไม่ว่าเมื่อไหร่รอยยิ้มของจิมก็ทำให้ผมเผลออ้าปากกว้างตามได้ตลอดเลย
“จิมอยากกินอะไรอีกมั้ย”
“ไม่เอาแล้วอิ่มแล้ว ว่าแต่ เมื่อกี้คุยกับแม่ว่ายังไงบ้างโอนเงินไปให้แล้วนี่ใช่มั้ย”
“โอนแล้ว แต่ไม่รู้จะพอรึเปล่า แม่ก็มีแต่บอกว่าพอๆ แต่ค่าใช้จ่ายที่โรงเรียนน้องก็เยอะจะตาย”
“ช่วงปิดเทอมคงไม่ต้องใช้อะไรมากมั้ง”
“แต่เราโอนไปแค่สามพันเองมันจะพอหรอ กว่าจะได้ส่งไปอีกก็ต้องรอเดือนหน้า เอ้อจิม วันหยุดหน้าเราจะไปดูหอเดิมที่พี่เคยบอก ไม่รู้จะว่างอยู่รึเปล่า”
“ดูทำไม อย่าบอกนะว่าจะทิ้งเราไปอยู่ที่อื่นน่ะ ไม่ได้นะ!” จิมจ้องผมตาเขม็ง ริมฝีปากล่างดันขึ้นจนแทบจะแตะถึงปลายจมูก
“แต่จะให้เราอยู่บ้านจิมไปตลอดได้ยังไง ถ้าถูกจับได้จิมจะไม่แย่หรอ อีกอย่างนะ เราได้เงินเดือนมาแล้วด้วย”
“ได้ก็ได้มาแค่เท่าไหร่เอง ทำงานไม่ถึงเดือน พี่โยให้เท่าไหร่”
“หกพัน แต่พี่โยหักไปสี่ร้อยบอกว่าจะเอาไปทำประกันสังคมให้” ผมแจงรายละเอียดให้จิมฟัง
“แล้วโอนให้แม่ไปสามพันก็เหลือแค่สองพันกว่า ใช้ไม่กี่วันก็หมดแล้วเหอะ จะเอาเงินไหนไปวางมัดจำห้อง”
“มีเงินที่ได้จากคุณแจ็คเมื่อวานอีกพันนึง เรื่องกินเราไม่ห่วงหรอกเราประหยัดได้”
“มันไม่ได้เชื่อสิ ค่าห้องต้องมัดจำล่วงหน้าประกันอีก ไหนจะข้าวของเครื่องใช้เงินสามพันกว่าจะไปพออะไร หัดฟังกันซะบ้างสิ คนที่เค้าได้เยอะกว่านายยังไม่พอกินพอใช้เลย ที่นี่มันกรุงเทพฯ นะอย่าลืม” จิมบ่นเป็นจริงเป็นจังจนผมได้แต่นั่งงอตัวก้มหน้าคิดตาม
“แต่เราไม่อยากให้จิมเดือดร้อน”
“เราไม่ได้เดือดร้อนสักนิด ถ้าไม่มีจ่อยสิเราจะเดือดร้อน ใครจะกินข้าวเย็นกับเรา”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาสักหน่อย”
“ไม่ใช่ที่ไหน ถ้าเราไม่มีเพื่อนเราก็จะเหงา จ่อยอยากให้เราเหงาตายใช่มั้ย ได้! งั้นก็ไปเลยทิ้งเราไว้ที่นี่แหละ จะโดนพี่แจ็คโขกสับยังไงก็ไม่ต้องมาสนใจ”
“จิมเดี๋ยว!” ผมรีบลุกตามไปคว้าแขนของจิมให้ทัน “โอเคๆ เรายังไม่ไปก็ได้ แต่เดือนหน้าถ้าได้เงินเดือนมาเราต้องไปจริงๆ นะ”
“เราไม่ได้อยากจะเอาแต่ใจนะ แต่ถ้าจ่อยไปแล้วลำบากก็อยู่กับเราไปก่อนเถอะ อดทนกันมาได้ตั้งนาน แค่เดือนเดียวจะเป็นไรไป”
“อืม” ผมส่งยิ้มเล็กๆ ให้จิม “กลับไปที่ร้านกันเถอะ ใกล้หมดเวลาพักแล้ว”
ผมเข้าใจความหวังดีของจิม ที่เขาพูดมาก็ถูกเงินแค่สามพันที่ติดตัวผมอยู่ตอนนี้ต้องใช้กินใช้อยู่ทั้งเดือน ถ้าให้เอาไปเช่าห้องด้วยมันก็รัดตัวเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นการจะหลบอยู่บ้านจิมมันก็เสี่ยง ช่วงนี้ทั้งคุณแม่และคุณแจ็คก็อยู่บ้านตลอดผมนี่ขนหัวลุกทุกทีเวลาที่มีเสียงดังแว่วมาใกล้ๆ แต่คงต้องอดทนต่อไปอย่างที่จิมบอก สักวันมันคงจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง หวังว่าอย่างนั้นนะ
[แจ็ค]
“ไปถึงไหนกันมา” ผมถามเมื่อเห็นจ่อยและจิมเดินเข้ามาในร้าน ก็ไม่ได้ต้องการจะรู้เท่าไหร่แต่ที่อยากรู้คือทำไมต้องจับมือกันเดินเข้ามามากกว่า เดินคนเดียวลมมันจะพัดปลิวไปรึไง
“พี่ไม่ไปทำงานทำการหรอทำไมมาอยู่นี่ได้ ไหนบอกว่ารับงานซ้อนไว้ไม่ใช่หรอ” จิมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าผม แต่เจ้าจ่อยหลังจากที่ยกมือขึ้นไหว้ก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง
“ให้ไอ้บอมไปดูแทน แล้วที่ถามทำไมไม่ตอบ พากันออกไปไหนมา”
“ไปกินข้าวร้านข้างๆ นี่แหละ ว่าแต่ ถ้าพี่ให้พี่บอมไปดูก็แสดงว่างแล้วดิ”
“ทำไม ถามแบบนี้มีอะไรรึเปล่า” จิมยื่นหน้ามาจนเกือบถึงผม รอยยิ้มแป้นแล้นนั่นไว้ใจไม่ค่อยได้เลย ผมรู้จักน้องตัวเองดี
“ก็เรื่องไปเที่ยวไง อย่าบอกนะว่าลืม” สีหน้าน้องชายหุบยิ้มแทบจะทันที “พี่จะเอายังไงกับจิมกันแน่เนี่ย!”
“เบาๆ หน่อย เกรงใจลูกค้าคนอื่นบ้าง”
“ก็พี่จะผิดสัญญากับจิม” เขาลดเสียงลงมาแต่ก็ยังไม่เลิกส่งสายตาอาฆาต
“บอกแล้วหรอว่าจะไม่พาไป ยังไม่ได้พูดสักคำ คิดเองโวยวายเองอยู่คนเดียว” ผมยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเลิกสนใจสีหน้าท่าทางของน้องไปแล้ว
“งั้นบอกมาเลยว่าพี่จะพาไปวันไหน ตอนไหน ที่ไหน เมื่อไหร่ รถออกกี่โมง ถึงที่หมายกี่โมง” เจ้าเด็กนี่เอาแต่ใจจริงๆ
“จะไปไหนก็เลือกมาสิ มีเวลาให้แค่สามวัน แต่รอให้งานนี้เสร็จก่อน เพราะถึงจะให้ไอ้บอมช่วยดูแต่มันก็เป็นงานที่พี่รับมาเอง ยังไงก็ต้องอยู่รับผิดชอบก่อน บอกเพื่อนน้องรึยังล่ะ” ผมหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังง่วนอยู่กับการชงเครื่องดื่ม “จะไปด้วยรึเปล่า”
“จิมยังไม่ได้บอก แต่พี่แจ็คต้องขอลางานกับพี่โยให้จ่อยด้วยนะ แล้วก็...”
“แล้วก็อะไร” ผมละสายตาจากจ่อยอีกครั้งเพื่อมองหน้าน้อง “จะก่อเรื่องอะไรอีก”
“พี่แจ็คพาจ่อยไปที่สตูดิโอมาหรอ”
“แล้วทำไม”
“พี่ให้จ่อยไปทำอะไร งานของพี่จ่อยทำได้ด้วยหรอ ทีตอนจิมจะช่วยก็มีแต่บอกว่าอย่ายุ่งๆ”
“ที่ไม่ให้ยุ่งเพราะอยากให้เอาเวลาไปสนใจเรื่องเรียนของตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวกับงาน”
“แล้วมันยากมั้ย เหนื่อยมากรึเปล่า จิมเห็นพี่กลับบ้านมาก็เครียดอยู่บ่อยๆ”
“ห่วงด้วยหรอ” ผมมองหน้าน้องอย่างนึกแปลกใจ
“ไม่ได้ห่วงพี่หรอก ห่วงจ่อยต่างหาก ให้ไปทำงานกับคนบ้าอำนาจแบบพี่สุขภาพจิตต้องถูกบั่นทอนแน่” เด็กนี่มันวอนนัก
“ที่ถามนี่ต้องการอะไร หรือแค่จะแขวะพี่”
“ก็... ถ้างานมันไม่ยาก... พี่ให้ก็จ่อยไปทำงานที่บริษัทกับพี่ได้มั้ยล่ะ คือ... ที่บ้านจ่อยต้องใช้เงิน อีกเดี๋ยวน้องสาวก็จะเปิดเทอมแล้วค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเพิ่มอีก” จิมขยับตัวเอาแขนเท้าโต๊ะแสดงสีหน้าที่จริงจังขึ้น “ทำงานร้านกาแฟเล็กๆ ได้แค่วันละเท่าไหร่เอง ถ้าไปทำกับพี่จะได้เงินมากกว่ารึเปล่า”
“ถ้าเงินเดือนตามวุฒิมันก็ได้เกินกันไม่มากหรอก ถึงจะเป็นบริษัทพี่แต่ก็มีคนอื่นร่วมด้วยจะไปข้ามหน้าข้ามตาพวกเค้าได้ไง ก็ต้องให้ไปสมัครไปสัมภาษเหมือนคนอื่นๆ อยู่ดี ไม่ผ่านHR ทุกอย่างก็จบ”
“โถ่ พี่แจ็ค ช่วยหน่อยไม่ได้หรอ จ่อยเป็นคนขยันนะ ถึงจะซื่อๆ แต่สอนดีๆ จ่อยก็เข้าใจง่าย นะๆๆ หางานดีๆ ให้จ่อยทำหน่อย”
“เฮ้อ” วันๆ นึงผมต้องเจอคนขี้อ้อนกี่คน “ไว้จะดูให้ แต่ตอนนี้ให้ช่วยโยไปก่อน ปุบปับจะให้ออกร้านก็วุ่นวายกันพอดี”
“เนี่ย ใจดีก็เป็น” เจ้าจิมยิ้มทะเล้นให้ผม “พี่แจ็คน่ะ ช่วยได้อยู่แล้วแหละ จิมรู้”
“ชอบเค้าหรอ” ผมหลุดโพล่งถามออกไปก่อนจะคิดได้ว่าไม่น่าถาม
“ชอบใคร?” แต่เมื่อได้ถามออกไปแล้วก็อยากฟังคำตอบ
“จ่อยน่ะ เห็นตัวติดกันจัง แค่สนิทหรือว่าคิดไกลกว่านั้น”
จิมหันหน้าไปทางคนตัวเล็กหลังเครื่องชงกาแฟจังหวะเดียวกับที่หมอนั่นหันมาพอดี รอยยิ้มหวานๆ ที่ส่งถึงกันจากที่เห็นทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจในเซ้นส์ของตัวเอง และคำตอบของจิมก็ยิ่งช่วยเพิ่มความชัดเจน
“น่ารัก”
[จ่อย]จิมบอกให้เตรียมตัวไว้จะพาผมไปเที่ยวที่สนุกๆ ทำให้ผมตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าทุกตัวถูกนำมากองรวมกันก่อนจะแยกว่าตัวไหนใส่แล้วเหมาะไม่เหมาะ แต่ก่อนหน้านี้พี่โยบอกว่าสไตล์การแต่งตัวของผมดีขึ้น ดูคล้ายคนเมืองเข้าไปทุกที ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเสื้อผ้าที่คุณแจ็คพาไปซื้อมันมีแต่ตัวสวยๆ อยู่แล้วมากกว่า
พูดถึงคุณแจ็ค หลังจากที่นั่งคุยอยู่กับจิมไม่นานหันมาอีกทีคุณเขาก็เดินออกจากร้านไปแล้ว ผมยังไม่ทันได้ทักทายเลย กะว่าลูกค้าซาจะเดินไปหาสักหน่อย เรื่องเงินพันนึงนั่นก็ยังไม่ได้ขอบคุณเลย ผมทำงานแค่นิดเดียวเองแต่คุณแจ็คจ่ายค่าแรงผมซะเยอะ คนบ้านนี้ใจดีจริงๆ
แกร็กๆ “หืม?” ผมรีบหันขวับไปที่ประตู ถ้าหูไม่ฝาดผมว่าผมได้ยินเสียงลูกบิด
“เอ้า ทำไมเปิดไม่ออก” คุณแจ็ค! “ลูกบิดเป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย พอไม่ได้ใช้นานเป็นแบบนี้ทุกที”
ผมรีบคว้าโทรศัพท์กดพิมพ์ข้อความแชทส่งถึงจิมทันที ในใจกระวนกระวายจนแทบอยู่ไม่สุข ได้แต่ภาวนาให้จิมรีบอ่านเร็วๆ แล้วลงมาช่วยผมก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปเพราะคุณแจ็คเริ่มเขย่าลูกบิดแรงขึ้นทุกที
จิม ได้โปรด...
JIMMA: พี่แจ็คลงไปที่ห้องเก็บของหรอ
หนุ่มสกลคนหล่อ: เราจะทำไงดี
JIMMA: อยู่เงียบๆ นะ เดี๋ยวเราจัดการเอง
หนุ่มสกลคนหล่อ: อื้อ
ผมเงี่ยหูฟังอยู่ข้างกำแพงได้ยินเสียงเหมือนคุณแจ็คคุยโทรศัพท์แล้วเดินห่างออก คิดว่าน่าจะเป็นจิมที่หลอกล่อให้คุณแจ็คเลิกยุ่งกับห้องเก็บของ แต่ให้ตายสิแบบนี้ไม่ดีเลย ถ้าเจอแบบนี้บ่อยๆ ผมต้องเป็นบ้าแน่ ลำพังแค่ต้องเข้า-ออกบ้านหลังนี้แบบหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ให้ใครเห็นก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้วไหนจะคนในบ้าน เพื่อนบ้านอีก แต่ผมก็ยังไม่มีเงินมากพอที่จะออกไปใช้ชีวิตคนเดียวอยู่ดี
ติ้ง ติ้ง ผมคว้าโทรศัพท์เครื่องใหม่มาดูเพราะคิดว่าคงเป็นจิมแน่นอนแต่ผมคิดผิด ข้อความไลน์ที่ส่งมาเป็นอีกชื่อหนึ่งที่วันนี้ผมยืนมองเขาอยู่ไกลๆ
JACK: นอนรึยัง
หนุ่มสกลคนหล่อ: ยังครับคุณแจ็ค
JACK: แล้วทำไมนอนดึก
หนุ่มสกลคนหล่อ: ผมเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ไปเที่ยวกับจิมอยู่ครับ
JACK: ตั้งอาทิตย์หน้า ตื่นเต้นรึไง
หนุ่มสกลคนหล่อ: ครับ ตื่นเต้น
หนุ่มสกลคนหล่อ: ผมอยากเห็นทะเล
JACK: งั้นหรอ
JACK: ขอโทษนะที่พาไปได้แค่ใกล้ๆ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ขอโทษทำไมกันครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ผมสิต้องขอบคุณมากกว่า
หนุ่มสกลคนหล่อ: แค่รู้ว่าจะได้ไปก็ดีใจมากๆ เลยครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: จิมใจดีกับผมมากเลย
JACK: แล้วฉันล่ะ
หนุ่มสกลคนหล่อ: คุณแจ็คทำไมครับ
JACK: เปล่า
JACK: ไปนอนเถอะ
หนุ่มสกลคนหล่อ: พรุ่งนี้คุณแจ็คจะไปที่ร้านรึเปล่าครับ
JACK: ถามทำไม
หนุ่มสกลคนหล่อ: เปล่าครับ
JACK: มีอะไรก็พูดมาสิ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ไม่สำคัญหรอกครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: คุณแจ็คไปนอนเถอะครับ
JACK: ไม่ได้เข้าไปหรอกนะ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: มะรืนล่ะครับ
JACK: มีธุระอะไรกับฉันรึเปล่า
หนุ่มสกลคนหล่อ: ไม่ครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ไม่มี
หนุ่มสกลคนหล่อ: ก็คงจะคิดถึงคุณแจ็คมากๆ เลย
หนุ่มสกลคนหล่อ: วันนี้ก็รีบกลับผมก็ไม่ได้คุยด้วย
หนุ่มสกลคนหล่อ: หลับแล้วหรอครับ
JACK: ยัง
หนุ่มสกลคนหล่อ: อ่อครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: เห็นคุณแจ็คเงียบไป
JACK: คิดถึงฉันหรอ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ก็เจอกันทุกวันนี่ครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: พอไม่เจอก็จะคิดถึง
JACK: แค่นั้นสินะ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ทำไมหรอครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: มันไม่แค่นั้นนะ
JACK: แล้วไง
หนุ่มสกลคนหล่อ: ก็วันนี้
หนุ่มสกลคนหล่อ: ผมยังไม่ได้จุ๊บคุณแจ็คเลย
หนุ่มสกลคนหล่อ: นึกว่าคุณแจ็คจะคิดถึงเหมือนกัน
JACK: จ่อย
หนุ่มสกลคนหล่อ: ครับผม
JACK: ไปนอน
JACK: เงียบทำไม
หนุ่มสกลคนหล่อ: คุณแจ็คบอกให้นอน
JACK: จุ๊บฉันแล้วหรอถึงนอนได้น่ะหะ
หนุ่มสกลคนหล่อ: วันนี้ไม่ได้แล้วล่ะครับ
JACK: รับสายฉัน
เช้านี้ผมรู้สึกง่วงเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะเมื่อคืนคุยกับคุณแจ็คดึกมาก ผมเพิ่งรู้ว่าไอโฟนมันดีแบบนี้ เราสามารถคุยกันแบบเห็นหน้าอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนจนคิดว่าอยากจะซื้อให้แม่ไว้สักเครื่อง เราจะได้เห็นหน้ากันทุกวัน
คุณแจ็คไล่ให้ไปนอนทุกครั้งที่ผมหาว แต่ก็เรียกหาทุกครั้งที่ผมเงียบไปนั่นแหละเหตุผลที่ผมงัวเงียอยู่ตอนนี้ ลำพังงานผมมันก็ไม่ได้ยุ่งยากเท่าไหร่ยังพอนั่งพักได้แอบงีบสักหน่อย แต่คุณแจ็คนี่สิ ต้องไปประชุมทีมอะไรก็ไม่รู้คุณเขาบอกเมื่อคืน จะไหวรึเปล่านะ
“ตาแดงๆ นะจ่อย เมื่อคืนนอนดึกหรอ” พี่โยถามผมพร้อมยื่นถาดขนมเค้กมาให้
“ครับ แต่ผมไหวนะครับ สบายใจได้” ผมรีบสร้างความมั่นใจให้พี่โยทันที
“ถ้าไม่ไหวก็บอกแล้วกัน อย่าฝืน” คุณโยพูดอย่างห่วงๆ แต่ก็ไม่วายเตือนผมด้วยความหวังดี “ทีหลังก็เข้านอนให้มันเร็วๆ ร่างกายเราต้องพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่งั้นจะป่วยเอาได้”
“ครับ”
“แล้ววันนี้จิมไม่มาหาหรอ ตั้งแต่ปิดเทอมเห็นมาทุกวัน”
“พาคุณแม่ไปทำธุระครับ น่าจะไม่ได้เข้ามาเพราะเห็นบอกว่าไปไกล”
“ไปต่อวีซ่าแน่เลยเห็นเมื่อวานบอกอยู่” พี่โยยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผม “เอาไปติดหน้าประตูร้านให้หน่อย ชิดๆ ขอบหน่อยนะอย่าให้มันบังร้านมาก”
ผมรับกระดาษพร้อมเทปกาวสองหน้ามาถือไว้ในมือก่อนจะเล็งพื้นที่ระดับสายตาให้คนที่ผ่านไปผ่านมามองเห็นข้อความได้ง่าย
รับสมัครพนักงานชาย 1 ตำแหน่ง
อายุ 20-30ปี
มีประสบการณ์จะพิจารณาเป็นพิเศษ
สนใจติดต่อภายในร้าน
[/b]
ผมอ่านข้อความแล้วรีบวิ่งไปหาพี่โยทันที รับพนักงานใหม่หรอ แล้วผมล่ะ หรือว่าพี่โยไม่พอใจที่ผมนอนดึก
“พี่โยครับ ทำไมพี่ถึง...” ผมยื่นกระดาษคืนให้พี่โย “ผมทำงานไม่ดีหรอพี่ หรือว่าผมทำผิดพลาดตรงไหน ถ้าเรื่องนอนดึกผมขอโทษนะครับ ต่อไปผมจะรีบเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม หรือเรื่องที่ผมมัวแต่คุยกับจิมระหว่างทำงาน ต่อไปผมจะไม่ทำแล้วครับ แต่พี่โยอย่าไล่ผมออกเลยนะ”
“โวยวายอะไรรรรร” พี่โยลากเสียยาวใส่ผม “บอกให้เอาไปติดถือกลับมาทำไมอีก”
“พี่จะไล่ผมออกจริงๆ หรอครับ” ผมยืนหน้าสลด ตอนนี้แม้แต่หยดน้ำตาก็แทบจะไหลลงมาไม่อายลูกค้าในร้าน
“ไม่ได้จะไล่ แต่จะหาคนมาแทนไว้ก่อน”
“แทน? แทนทำไมครับ หรือว่าที่ผมจะไปเที่ยว งั้นผมไม่ไปก็ได้ครับ”
“โอ้ยยย นี่ไม่มีใครบอกอะไรนายเลยรึไงเนี่ย” พี่โยหันมาตวาดใส่ผมแต่ก็ไม่ได้เสียงดังมากเพราะลูกค้าเยอะ “พี่แจ็คเค้าหางานใหม่ให้นายแล้ว รายละเอียดก็ไปถามกันเอาเอง”
“แล้วร้านนี้ล่ะครับ”
“ร้านนี้ฉันก็ทำของฉันต่อไปสิ เดี๋ยวก็มีคนมาสมัครเองแหละ เด็กมหาลัยอยากทำพาร์ทไทม์เยอะแยะ”
“แต่พี่โยครับ จะไม่เป็นไรจริงๆ หรอ” ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เมื่อคืนที่คุยกับคุณแจ็คก็ไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้ จะให้ผมออกจากร้านจริงๆ หรอ
“ไปทำงานกับพี่แจ็คน่ะดีแล้ว เงินดีกว่าที่นี่เยอะ จะได้ส่งให้ที่บ้านได้เยอะขึ้นอีกไง ไม่ดีหรอ”
“แต่พี่โย...” ผมยังรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก งงก็งงไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เหมือนนี่ไม่ใช่ชีวิตผมเลย ผมยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรด้วยซ้ำ
“พี่แจ็คมาที่นี่เกือบทุกวันอยู่แล้ว นายเองก็อยู่แถวนี้ไม่ใช่หรอ ว่างๆ ก็แวะมาได้ตลอด ไม่ต้องมาทำหน้าผูกพันเป็นบ้านหลังที่สองขนาดนั้นหรอกน่า มีทางที่ดีก็ไปเถอะ เงินเยอะๆๆๆ ท่องไว้”
“จะดีหรอพี่” เอาเข้าจริงผมรู้สึกเหมือนกำลังจะทิ้งพี่โยยังไงก็ไม่รู้
“เชื่อเถอะน่า พี่รู้จักจิมกับพี่แจ็คดี เค้าพาเราไปในทางที่ดีกว่านี้ได้แน่ จ่อยก็บอกเองไม่ใช่หรอว่าพวกเค้าใจดีน่ะ แล้วจะกลัวอะไร”
“แล้วผมต้องไปเมื่อไหร่ครับ” เสียงผมเริ่มอ่อยๆ แผ่วเบาลงไปทุกที
“จนกว่าพี่จะได้พนักงานใหม่ ถึงตอนนั้นเราต้องอยู่ช่วยพี่สอนงานเค้าจนคล่องก่อน อีกสักพักใหญ่ๆ เลยล่ะ อย่าเพิ่งมาเศร้าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ไปรับลูกค้านู่นไป”
“คุยอะไรกันอยู่” เสียงหนึ่งขัดจังหวะของเราทั้งสองคนขึ้น
“คุณแจ็ค” ผมเผลอยิ้มกว้างออกมาแต่เพราะสถานการณ์ก่อนหน้าทำให้หุบยิ้มกลับไปอีก “คุณแจ็คครับ พี่โยจะหาคนใหม่มาทำงานแทนผมแล้ว”
“ก็ดีแล้วนี่”
“แต่ผมไม่อยากโดนไล่ออกแบบนี้นี่ครับ”
“ใครไล่นายออกพูดให้มันดีๆ” พี่โยแหวใส่ผมพร้อมที่รองแก้วในมือยกขึ้นน่าจะเตรียมขว้างใส่
“ฉันบอกโยเองแหละ ทำไมล่ะ หรือว่าอยากอยู่ที่นี่”
“อยากครับ” คุณแจ็คดูหน้านิ่งๆ ไปแต่ผมก็ตอบไปตามความจริง “ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย อยู่ๆ พี่โยก็หาพนักงานใหม่อะไรกัน จะให้ผมไปทำงานกับคุณแจ็คก็บอกก่อนสิครับ เจอแบบนี้ผมทำตัวไม่ถูกนะ ตกใจมากๆ เลยด้วย”
คุณแจ็คดึงมือผมเข้าไปใกล้ แขนอีกข้างก็เท้าเคาน์เตอร์คร่อมไว้เหมือนตั้งใจจะคุยกับผมแค่สองคน
“ไม่อยากไปทำงานกับฉันหรอ” มือหนาของคุณแจ็คปัดผมที่ปรกหน้าผมออก “ได้เจอกันทุกวันไม่ดีรึไง”
“วันนี้คุณแจ็คก็บอกจะไม่มา” ผมก้มหน้าลงมองพื้น “โกหก”
“เมื่อคืนมีคนบอกว่าคิดถึงก็เลยจะมาดูให้เห็นกับตาสักหน่อยว่าคิดถึงจริงรึเปล่า”
“คิดถึงจริงครับ แต่อีกนิดนึงผมจะโกรธคุณแจ็คแทนแล้ว”
“มาโกรธฉันเรื่องอะไร”
“ก็คุณแจ็คมาทำให้ผมง่วง แล้วไหนจะเรื่องงานอีก รู้มั้ยครับตอนเห็นป้ายนี้ผมตกใจแค่ไหน คิดว่าจะโดนไล่ออกเพราะนอนน้อยทำงานไม่เต็มที่แล้วเนี่ย ใจหายหมด"
"โย” คุณแจ็คหันไปเรียกพี่โยที่กำลังเติมกาแฟใส่โหล “วันนี้ที่ร้านยุ่งมั้ย”
“วันพุธไม่เท่าไหร่หรอก มีไรปะพี่”
“ยืมตัวจ่อยวันนึงนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาคืน”
“อีกแล้วหรอ” พี่โยเน้นเสียงทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะโบกมือไล่ให้ไปพ้นๆ
“ไปไหนครับคุณแจ็ค ผมต้องทำงานนะ” คุณแจ็คดึงผมไปไม่สนใจป้ายที่จะทำให้ผมตกงานสักนิด
“ไปนอน”
ผมนั่งอยู่ในห้องกว้าง แม้ด้านนอกแสงแดดจ้าแต่ไม่สามารถทะลุม่านสีน้ำตาลทึบเข้ามาได้ คุณแจ็คเดินวนอยู่รอบตัวผมหยิบนั่นจับนี่วางเรียงจนทุกอย่างเป็นระเบียบ
“พาผมมาที่นี่ทำไมครับคุณแจ็ค” ผมถาม เพราะตั้งแต่เข้ามาก็ปล่อยให้ผมนั่งบนเตียงไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ
“มานอนไง” คุณแจ็คทิ้งตัวลงข้างผม “แล้วใส่ผ้ากันเปื้อนมาด้วยทำไมเนี่ย”
“คุณแจ็คดึงผมมาอย่าว่าแต่ผ้ากันเปื้อนเลยครับ ใบเสร็จโต๊ะสามผมยังไม่ได้เอาไปเสียบเลย” ผมชูกระดาษใบเล็กเพื่อยืนยันสิ่งที่พูด “แล้วจะมานอนอะไรตอนนี้ครับ นี่มันเวลาทำงาน คุณแจ็คไม่ต้องไปทำงานแล้วหรอ”
“ทำที่บ้านไง”
“เอาแต่ใจจังเลยครับ ถ้างั้นผมกลับไปนอนที่ห้องของผมนะ” ผมยันตัวลุกแต่ถูกคุณแจ็คกดลงให้นั่งตามเดิม
“ห้องนายอยู่ที่ไหน” ยะ...แย่แล้ว “ไปก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“เอ่อ... มะ...ไม่ต้องไปส่งก็ได้ครับ คือ... ผมกลับเองง่ายกว่า”
“ฉันไปหอนายไม่ได้หรอ หรือว่าพักอยู่กับใคร” คุณแจ็คดึงให้ผมหันไปเผชิญหน้า
“พัก...อยู่คนเดียวครับ แต่ผมไม่อยากรบกวนคุณแจ็คง ผมกลับเองได้”
“งั้นก็อยู่นี่แหละ”
“แต่นี่มันห้องนอนคุณแจ็คนะครับจะให้ผมนอนที่นี่ได้ยังไงครับ”
“นอนได้เพราะนายง่วง ดูสิเนี่ย ตาบวมหมดแล้ว” นิ้วโป้งหนาเกลี่ยที่ตาของผมอย่างแผ่วเบา “มองอะไร”
“คุณแจ็คเอาแต่ใจทุกอย่างเลย เหมือนที่จิมบอกไม่มีผิด ไม่เคยถามความต้องการของคนอื่น”
“โกรธฉันหรอ”
“รู้สึกเหมือนจิมเลยครับ”
“พักเรื่องจิมไว้ก่อนได้มั้ย” นิ้วเรียวบนหน้าผมเลื่อนมาแตะที่ริมฝีปาก “อย่าโกรธฉัน ฉันเอาแต่ใจก็เพื่อนาย”
ถึงเวลานี้ผมไม่ได้พูดอะไรตอบ ไม่ใช่เพราะนิ้วมือที่แตะห้ามแต่คงเพราะแววตาที่จ้องมองผมเวลาพูด และคำว่า ‘เพื่อนาย’ อยู่ๆ มันก็ทำให้ทุกอย่างรอบตัวผมหยุดนิ่งซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีแรงกดเบาๆก็ทำให้ผมเอนลงบนหมอนอย่างง่ายดาย
“รู้มั้ยว่าวันนี้ฉันไม่อยากมาเจอนายเลย” คุณแจ็คลูบแก้มผมไปมาหลังจากที่จัดการกับผ้าห่มบนตัวผม “อยากให้นายคิดถึงฉันเหมือนเมื่อคืน”
“แล้วทำไมถึงมาได้ล่ะครับ คุณแจ็คงานเยอะจะตาย”
“นั่นสิ” เขาตอบแค่นั้นแล้วส่งยิ้มที่อบอุ่นให้ผม
ผมว่าผมควรหลับตา...
“ถ้าไม่เจอก็จะคิดถึงจริงๆ นั่นแหละครับ” ผมหลับตาพูดออกไปเพราะระยะห่างที่ไม่ห่างทำให้ผมไม่กล้าที่จะโฟกัสคนตรงหน้า
“แย่จัง” ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งจนได้
“อะไรแย่ครับ”
“ฉันอยากฟังนายบอกว่าคิดถึงต่อหน้า ฟังเสียงที่ออกมาจากปากนุ่มนิ่มนี่สักหน่อยถึงได้รีบมาเจอ” ผมไม่สามารถหลับตาได้อีกราวกับว่ามันถูกสะกด “พูดให้ชื่นใจสักนิดไม่ได้หรอ”
ผมกำลังใช้ความพยายามอย่างมากที่จะพูดออกไปตามที่คุณแจ็คเอ่ยปากขอแต่คุณรู้ไหม ผมไม่รู้จะทำยังไงก่อนระหว่างข่มใจให้นิ่งกับรังสีความน่ากลัวที่ทำให้ผมใจสั่นตลอดเวลาที่อยู่ใกล้คุณแจ็ค กับการขยับปากที่ห่างกันไม่ถึงคืบของราสองคน
“ผม...คิดถึงคุณแจ็ค”
และนี่คงเป็นดั่งคำสั่งเสียสุดท้ายเพราะใจที่เต้นแรงทำให้ผมกำลังจะตาย
TBC
#ห้องลับบักจ่อย