Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 13  (อ่าน 8819 ครั้ง)

ออฟไลน์ พิชา(ไรท์ขายหวย)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน6
«ตอบ #30 เมื่อ12-03-2019 07:25:18 »

[จ่อย]

“จะบอกได้รึยังว่าบ้านอยู่ไหน” ผมนั่งรถมากับคุณแจ็คด้วยอาการตัวเกร็งเหมือนเดิม ต่างตรงที่ครั้งนี้เกร็งเพราะถูกถามเรื่องที่อยู่ “เร็ว จะได้ไปส่งถูก”
“ไม่ต้องไปส่งผมหรอกครับ”
“อย่าให้ต้องพูดซ้ำหลายรอบ”
“ก็ฟังที่ผมพูดสิครับ คุณแจ็คก็ให้ผมพูดซ้ำหลายรอบเหมือนกันแหละ”
“เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำหรอ”
“ผมเปล่าสักหน่อยนะครับ ก็ผมต้องพูดซ้ำคำเดิมจริงๆ นี่”
“งั้นเลือก” คุณแจ็คพูดเหมือนจะยื่นข้อเสนอ “จะให้ฉันไปส่งหรือจะไปนอนบ้านฉัน”
โธ่เอ้ย นึกว่าอะไร ผมจะบอกคุณเขาไปดีไหมว่าไอ้สองข้อนั่นมันก็ที่เดียวกันนั่นแหละ
“ตอบมาเร็วเข้าจะถึงหมู่บ้านแล้ว”
“ไปบ้านคุณแจ็คก่อนก็ได้ครับ ผมยังไม่ได้ไปหาจิมเลยก็โดนคุณแจ็คพาไปทำงานด้วยซะก่อน” ไว้ค่อยให้จิมล่อคนในบ้านให้แล้วกันจะได้กลับห้อง
“ไปแล้วไม่ได้ออกมานะ คิดดีๆ
“จะขังผมไว้หรอครับ นิสัยไม่ดีนะครับ”
“ช่างสิ วันนี้ฉันโดนแม่ดุหลายเรื่องอยู่แล้ว” ผมเบื่อคนรู้ทัน
นั่งอยู่ห้องทำงานคุณแจ็คนานแล้วก็ยังไม่ได้เจอจิมสักที แอร์ก็หนาวมากจนต้องขดตัวอยู่บนโซฟา อย่าบอกนะว่าคุณจะขังไว้ที่นี่จริงๆ น่ะ
“อะ” คุณแจ็คยื่นผ้ามาให้ “ไปอาบน้ำ”
“ไม่เป็นไรครับ ค่อยกลับไปอาบที่บ้าน”
“ใครจะให้นายกลับ บนรถฉันพูดไม่เคลียร์หรอ”
“แต่คุณแจ็คครับ ผมแค่อยากมาหาจิมเอง” น้ำเสียงผมเล็กลงจนตัวเองก็รู้สึกได้ เห็นหน้าคุณแจ็คนิ่งไปนิดนึงก่อนจะพูดอะไรออกมาตะกุกตะกัก
“อะฮึ่ม ก็... ไปอาบน้ำก่อนค่อยไปเจอ” คุณแจ็คดูหน้าแดงๆ
“ให้ผมไปหาจิมนะ ผมจะได้รีบกลับบ้าน พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าด้วย นะๆๆๆ คุณแจ็คนะ” ไม่รู้ทำไมผมต้องพูดด้วยเสียงนี้แต่ก็ไม่สนใจหรอก ผมดึงมือคุณแจ็คมาบีบๆ เขย่าๆ แล้วเอาหน้าถูๆ เหมือนเวลาเจ้าตัวเล็กที่บ้านอยากให้ผมพาไปซื้อของเล่น เผื่อคุณแจ็คจะยอมใจดี
“เอ่อ.. อึ่มม” กระแอมเหมือนมีอะไรติดคอ แถมยังพูดตะกุกตะกักมาตั้งแต่เมื่อกี้ “งั้น... พรุ่งนี้ฉันจะไปหาที่ร้านนะ อะฮึ่ม... อย่ากลับบ้านดึกล่ะ ถ้าค่ำก็ให้จิมไปส่ง”
“ครับ” ผมอาศัยแรงที่มือของคุณแจ็คดึงตัวเองให้ลุกขึ้น ส่งจุ๊บที่แก้มไปอีกหนึ่งทีเพราะคุณแจ็คใจดีที่สุดในโลก แต่พอจะเดินไปที่ประตูมือคู่หนากลับไม่ยอมปล่อย “คุณแจ็คมีอะไรอีกรึเปล่าครับ ครั้งนี้ผมดีใจก็จุ๊บไปแล้วนะ”
“อื้ม” คุณแจ็คบีบมือผมแน่นก่อนจะคลายออกแล้วดึงเข้ากอดแทน “กลับบ้านดีๆ นะ ถึงแล้วไลน์บอกด้วย”
โธ่เอ๋ย นึกว่าเป็นอะไรที่แท้ก็ห่วง ทำอย่างกับผมเป็นเด็กต้องไปเข้าค่ายลูกเสือตัวคนเดียวไปได้
ผมยกแขนกอดคุณแจ็คแล้วลูบที่หลังเบาๆ “ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว ห้ามร้องไห้งอแงด้วย คิคิ”
“ไม่อยากให้ร้องก็อย่าไปสิ นอนที่นี่ก็ได้” คุณแจ็คเกยคางไว้บนไหล่แล้วเอียงหน้าพูดข้างๆ หู มันเบาราวกับเสียงกระซิบ แหบพล่าเหมือนน้ำเสียงของหมาป่าที่ผมใช้เวลาเล่าหนูน้อยหมวกแดงให้น้องสาวฟัง และนั่นทำให้ผมใจเต้นแรงไม่มีเหตุผล “นะ อยู่กับฉัน”
“เอ่อ... ไว้ ไว้คราวหน้า..นะครับ” เอนตัวออกห่างจากเสียงกระซิบผมว่าน่าจะดีที่สุด
“พูดแล้วห้ามกลับคำนะ ลูกผู้ชายรึเปล่า”
“แน่นอนสิครับ สัญญาเลย” ผมยกนิ้วก้อยให้คุณแจ็คเกี่ยว
“แค่เกี่ยวก้อยเองหรอ เด็กไปรึเปล่า”
“งั้นก็...” ผมยกมือวางบนไหล่คุณแจ็ค ทิ้งน้ำหนักกดลงเพื่อดันตัวเขย่งขึ้นจรดริมฝีปากแตะที่หน้าผากคุณแจ็ค “สบายใจได้แล้วนะครับคุณผู้ใหญ่”
“นายทำให้ฉันเคยตัวนะจ่อย”
“เรื่องอะไรหรอครับ” ผมเอียงคอถามขณะที่กลับมายืนเต็มฝ่าเท้า
“ถ้าวันนึงเราไม่ได้จุ๊บกันฉันจะเรียกร้อง”

TBC
#ห้องลับบักจ่อย

อุแง้ มาช้าจากตอนที่แล้วไปหลายวันเลย ขอโทษด้วยนะค้า วุ่นๆ นิดนึง ฝากติดตามคอมเม้นท์ให้กำลังใจด้วยนะคะ ต้องการล้นๆ ฮี่ฮี่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2019 13:26:07 โดย พิชา(ไรท์ขายหวย) »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน6
«ตอบ #31 เมื่อ12-03-2019 16:08:40 »

อ่อยกันไปมาวุ้ยยยย

ออฟไลน์ พิชา(ไรท์ขายหวย)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน7
«ตอบ #32 เมื่อ14-03-2019 16:39:42 »

7
อยากฟังคำซึ้งๆ ไม่ผ่านมือถือ
[/b]

“ถ่อนี้ก่อนเด้อแม่ มีหยังกะฟ้าวโทมาเด้อ จ่อยกินเค่าก่อน”(แค่นี้ก่อนนะครับแม่ มีอะไรรีบโทรมาเลยนะ จ่อยกินข้าวก่อน)
ติ้ด

“อ้า อิ่มจังตังค์อยู่ครบ” จิมเอนตัวเอามือลูบพุงก่อนจะคว้าเอาแก้วน้ำอัดลมมาดื่มล้างปาก
“ขอโทษด้วยนะ ไม่ได้พาไปกินที่ดีๆ กว่านี้” ผมวางสายจากแม่แล้วหันมาสนใจคนตรงหน้าที่จัดการอาหารตามสั่งจนเกลี้ยง วันนี้เงินเดือนออก พี่โยโอนเข้าบัญชีให้แต่เช้าผมจึงถือโอกาสพาจิมมาเลี้ยงตอบแทน
“พูดแบบนี้เดี๋ยวป้าได้ยินเอาตะหลิวฟาดหรอก อาหารที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว”
“ก็เราหมายถึง...”
“อาหารดีๆ ไม่จำเป็นต้องหรูต้องแพงหรือร้านต้องโด่งดังหรอกนะ แค่รู้ว่าจ่อยอยากเลี้ยงเราก็ดีใจมากแล้ว อร่อยที่สุดที่เคยกินเลยล่ะ” จิมส่งยิ้มที่แสนสดใสมาให้ผม ไม่ว่าเมื่อไหร่รอยยิ้มของจิมก็ทำให้ผมเผลออ้าปากกว้างตามได้ตลอดเลย
“จิมอยากกินอะไรอีกมั้ย”
“ไม่เอาแล้วอิ่มแล้ว ว่าแต่ เมื่อกี้คุยกับแม่ว่ายังไงบ้างโอนเงินไปให้แล้วนี่ใช่มั้ย”
“โอนแล้ว แต่ไม่รู้จะพอรึเปล่า แม่ก็มีแต่บอกว่าพอๆ แต่ค่าใช้จ่ายที่โรงเรียนน้องก็เยอะจะตาย”
“ช่วงปิดเทอมคงไม่ต้องใช้อะไรมากมั้ง”
“แต่เราโอนไปแค่สามพันเองมันจะพอหรอ กว่าจะได้ส่งไปอีกก็ต้องรอเดือนหน้า เอ้อจิม วันหยุดหน้าเราจะไปดูหอเดิมที่พี่เคยบอก ไม่รู้จะว่างอยู่รึเปล่า”
   “ดูทำไม อย่าบอกนะว่าจะทิ้งเราไปอยู่ที่อื่นน่ะ ไม่ได้นะ!” จิมจ้องผมตาเขม็ง ริมฝีปากล่างดันขึ้นจนแทบจะแตะถึงปลายจมูก
“แต่จะให้เราอยู่บ้านจิมไปตลอดได้ยังไง ถ้าถูกจับได้จิมจะไม่แย่หรอ อีกอย่างนะ เราได้เงินเดือนมาแล้วด้วย”
“ได้ก็ได้มาแค่เท่าไหร่เอง ทำงานไม่ถึงเดือน พี่โยให้เท่าไหร่”
“หกพัน แต่พี่โยหักไปสี่ร้อยบอกว่าจะเอาไปทำประกันสังคมให้” ผมแจงรายละเอียดให้จิมฟัง
“แล้วโอนให้แม่ไปสามพันก็เหลือแค่สองพันกว่า ใช้ไม่กี่วันก็หมดแล้วเหอะ จะเอาเงินไหนไปวางมัดจำห้อง”
“มีเงินที่ได้จากคุณแจ็คเมื่อวานอีกพันนึง เรื่องกินเราไม่ห่วงหรอกเราประหยัดได้”
“มันไม่ได้เชื่อสิ ค่าห้องต้องมัดจำล่วงหน้าประกันอีก ไหนจะข้าวของเครื่องใช้เงินสามพันกว่าจะไปพออะไร หัดฟังกันซะบ้างสิ คนที่เค้าได้เยอะกว่านายยังไม่พอกินพอใช้เลย ที่นี่มันกรุงเทพฯ นะอย่าลืม” จิมบ่นเป็นจริงเป็นจังจนผมได้แต่นั่งงอตัวก้มหน้าคิดตาม
“แต่เราไม่อยากให้จิมเดือดร้อน”
“เราไม่ได้เดือดร้อนสักนิด ถ้าไม่มีจ่อยสิเราจะเดือดร้อน ใครจะกินข้าวเย็นกับเรา”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาสักหน่อย”
“ไม่ใช่ที่ไหน ถ้าเราไม่มีเพื่อนเราก็จะเหงา จ่อยอยากให้เราเหงาตายใช่มั้ย ได้! งั้นก็ไปเลยทิ้งเราไว้ที่นี่แหละ จะโดนพี่แจ็คโขกสับยังไงก็ไม่ต้องมาสนใจ”
“จิมเดี๋ยว!” ผมรีบลุกตามไปคว้าแขนของจิมให้ทัน “โอเคๆ เรายังไม่ไปก็ได้ แต่เดือนหน้าถ้าได้เงินเดือนมาเราต้องไปจริงๆ นะ”
“เราไม่ได้อยากจะเอาแต่ใจนะ แต่ถ้าจ่อยไปแล้วลำบากก็อยู่กับเราไปก่อนเถอะ อดทนกันมาได้ตั้งนาน แค่เดือนเดียวจะเป็นไรไป”
“อืม” ผมส่งยิ้มเล็กๆ ให้จิม “กลับไปที่ร้านกันเถอะ ใกล้หมดเวลาพักแล้ว”
ผมเข้าใจความหวังดีของจิม ที่เขาพูดมาก็ถูกเงินแค่สามพันที่ติดตัวผมอยู่ตอนนี้ต้องใช้กินใช้อยู่ทั้งเดือน ถ้าให้เอาไปเช่าห้องด้วยมันก็รัดตัวเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นการจะหลบอยู่บ้านจิมมันก็เสี่ยง ช่วงนี้ทั้งคุณแม่และคุณแจ็คก็อยู่บ้านตลอดผมนี่ขนหัวลุกทุกทีเวลาที่มีเสียงดังแว่วมาใกล้ๆ แต่คงต้องอดทนต่อไปอย่างที่จิมบอก สักวันมันคงจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง หวังว่าอย่างนั้นนะ

[แจ็ค]
“ไปถึงไหนกันมา” ผมถามเมื่อเห็นจ่อยและจิมเดินเข้ามาในร้าน ก็ไม่ได้ต้องการจะรู้เท่าไหร่แต่ที่อยากรู้คือทำไมต้องจับมือกันเดินเข้ามามากกว่า เดินคนเดียวลมมันจะพัดปลิวไปรึไง
“พี่ไม่ไปทำงานทำการหรอทำไมมาอยู่นี่ได้ ไหนบอกว่ารับงานซ้อนไว้ไม่ใช่หรอ” จิมนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าผม แต่เจ้าจ่อยหลังจากที่ยกมือขึ้นไหว้ก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง
“ให้ไอ้บอมไปดูแทน แล้วที่ถามทำไมไม่ตอบ พากันออกไปไหนมา”
“ไปกินข้าวร้านข้างๆ นี่แหละ ว่าแต่ ถ้าพี่ให้พี่บอมไปดูก็แสดงว่างแล้วดิ”
“ทำไม ถามแบบนี้มีอะไรรึเปล่า” จิมยื่นหน้ามาจนเกือบถึงผม รอยยิ้มแป้นแล้นนั่นไว้ใจไม่ค่อยได้เลย ผมรู้จักน้องตัวเองดี
“ก็เรื่องไปเที่ยวไง อย่าบอกนะว่าลืม” สีหน้าน้องชายหุบยิ้มแทบจะทันที “พี่จะเอายังไงกับจิมกันแน่เนี่ย!”
“เบาๆ หน่อย เกรงใจลูกค้าคนอื่นบ้าง”
“ก็พี่จะผิดสัญญากับจิม” เขาลดเสียงลงมาแต่ก็ยังไม่เลิกส่งสายตาอาฆาต
“บอกแล้วหรอว่าจะไม่พาไป ยังไม่ได้พูดสักคำ คิดเองโวยวายเองอยู่คนเดียว” ผมยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเลิกสนใจสีหน้าท่าทางของน้องไปแล้ว
“งั้นบอกมาเลยว่าพี่จะพาไปวันไหน ตอนไหน ที่ไหน เมื่อไหร่ รถออกกี่โมง ถึงที่หมายกี่โมง” เจ้าเด็กนี่เอาแต่ใจจริงๆ
“จะไปไหนก็เลือกมาสิ มีเวลาให้แค่สามวัน แต่รอให้งานนี้เสร็จก่อน เพราะถึงจะให้ไอ้บอมช่วยดูแต่มันก็เป็นงานที่พี่รับมาเอง ยังไงก็ต้องอยู่รับผิดชอบก่อน บอกเพื่อนน้องรึยังล่ะ” ผมหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังง่วนอยู่กับการชงเครื่องดื่ม “จะไปด้วยรึเปล่า”
“จิมยังไม่ได้บอก แต่พี่แจ็คต้องขอลางานกับพี่โยให้จ่อยด้วยนะ แล้วก็...”
“แล้วก็อะไร” ผมละสายตาจากจ่อยอีกครั้งเพื่อมองหน้าน้อง “จะก่อเรื่องอะไรอีก”
“พี่แจ็คพาจ่อยไปที่สตูดิโอมาหรอ”
“แล้วทำไม”
“พี่ให้จ่อยไปทำอะไร งานของพี่จ่อยทำได้ด้วยหรอ ทีตอนจิมจะช่วยก็มีแต่บอกว่าอย่ายุ่งๆ”
“ที่ไม่ให้ยุ่งเพราะอยากให้เอาเวลาไปสนใจเรื่องเรียนของตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวกับงาน”
“แล้วมันยากมั้ย เหนื่อยมากรึเปล่า จิมเห็นพี่กลับบ้านมาก็เครียดอยู่บ่อยๆ”
“ห่วงด้วยหรอ” ผมมองหน้าน้องอย่างนึกแปลกใจ
“ไม่ได้ห่วงพี่หรอก ห่วงจ่อยต่างหาก ให้ไปทำงานกับคนบ้าอำนาจแบบพี่สุขภาพจิตต้องถูกบั่นทอนแน่” เด็กนี่มันวอนนัก
“ที่ถามนี่ต้องการอะไร หรือแค่จะแขวะพี่”
“ก็... ถ้างานมันไม่ยาก... พี่ให้ก็จ่อยไปทำงานที่บริษัทกับพี่ได้มั้ยล่ะ คือ... ที่บ้านจ่อยต้องใช้เงิน อีกเดี๋ยวน้องสาวก็จะเปิดเทอมแล้วค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเพิ่มอีก” จิมขยับตัวเอาแขนเท้าโต๊ะแสดงสีหน้าที่จริงจังขึ้น “ทำงานร้านกาแฟเล็กๆ ได้แค่วันละเท่าไหร่เอง ถ้าไปทำกับพี่จะได้เงินมากกว่ารึเปล่า”
“ถ้าเงินเดือนตามวุฒิมันก็ได้เกินกันไม่มากหรอก ถึงจะเป็นบริษัทพี่แต่ก็มีคนอื่นร่วมด้วยจะไปข้ามหน้าข้ามตาพวกเค้าได้ไง ก็ต้องให้ไปสมัครไปสัมภาษเหมือนคนอื่นๆ อยู่ดี ไม่ผ่านHR ทุกอย่างก็จบ”
“โถ่ พี่แจ็ค ช่วยหน่อยไม่ได้หรอ จ่อยเป็นคนขยันนะ ถึงจะซื่อๆ แต่สอนดีๆ จ่อยก็เข้าใจง่าย นะๆๆ หางานดีๆ ให้จ่อยทำหน่อย”
“เฮ้อ” วันๆ นึงผมต้องเจอคนขี้อ้อนกี่คน “ไว้จะดูให้ แต่ตอนนี้ให้ช่วยโยไปก่อน ปุบปับจะให้ออกร้านก็วุ่นวายกันพอดี”
“เนี่ย ใจดีก็เป็น” เจ้าจิมยิ้มทะเล้นให้ผม “พี่แจ็คน่ะ ช่วยได้อยู่แล้วแหละ จิมรู้”
“ชอบเค้าหรอ” ผมหลุดโพล่งถามออกไปก่อนจะคิดได้ว่าไม่น่าถาม
“ชอบใคร?” แต่เมื่อได้ถามออกไปแล้วก็อยากฟังคำตอบ
“จ่อยน่ะ เห็นตัวติดกันจัง แค่สนิทหรือว่าคิดไกลกว่านั้น”
จิมหันหน้าไปทางคนตัวเล็กหลังเครื่องชงกาแฟจังหวะเดียวกับที่หมอนั่นหันมาพอดี รอยยิ้มหวานๆ ที่ส่งถึงกันจากที่เห็นทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจในเซ้นส์ของตัวเอง และคำตอบของจิมก็ยิ่งช่วยเพิ่มความชัดเจน
“น่ารัก”

[จ่อย]
จิมบอกให้เตรียมตัวไว้จะพาผมไปเที่ยวที่สนุกๆ ทำให้ผมตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าทุกตัวถูกนำมากองรวมกันก่อนจะแยกว่าตัวไหนใส่แล้วเหมาะไม่เหมาะ แต่ก่อนหน้านี้พี่โยบอกว่าสไตล์การแต่งตัวของผมดีขึ้น ดูคล้ายคนเมืองเข้าไปทุกที ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเสื้อผ้าที่คุณแจ็คพาไปซื้อมันมีแต่ตัวสวยๆ อยู่แล้วมากกว่า
พูดถึงคุณแจ็ค หลังจากที่นั่งคุยอยู่กับจิมไม่นานหันมาอีกทีคุณเขาก็เดินออกจากร้านไปแล้ว ผมยังไม่ทันได้ทักทายเลย กะว่าลูกค้าซาจะเดินไปหาสักหน่อย เรื่องเงินพันนึงนั่นก็ยังไม่ได้ขอบคุณเลย ผมทำงานแค่นิดเดียวเองแต่คุณแจ็คจ่ายค่าแรงผมซะเยอะ คนบ้านนี้ใจดีจริงๆ
แกร็กๆ
   “หืม?” ผมรีบหันขวับไปที่ประตู ถ้าหูไม่ฝาดผมว่าผมได้ยินเสียงลูกบิด
“เอ้า ทำไมเปิดไม่ออก” คุณแจ็ค! “ลูกบิดเป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย พอไม่ได้ใช้นานเป็นแบบนี้ทุกที”
ผมรีบคว้าโทรศัพท์กดพิมพ์ข้อความแชทส่งถึงจิมทันที ในใจกระวนกระวายจนแทบอยู่ไม่สุข ได้แต่ภาวนาให้จิมรีบอ่านเร็วๆ แล้วลงมาช่วยผมก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปเพราะคุณแจ็คเริ่มเขย่าลูกบิดแรงขึ้นทุกที
จิม ได้โปรด...   
JIMMA: พี่แจ็คลงไปที่ห้องเก็บของหรอ
หนุ่มสกลคนหล่อ: เราจะทำไงดี
JIMMA: อยู่เงียบๆ นะ เดี๋ยวเราจัดการเอง
หนุ่มสกลคนหล่อ: อื้อ

ผมเงี่ยหูฟังอยู่ข้างกำแพงได้ยินเสียงเหมือนคุณแจ็คคุยโทรศัพท์แล้วเดินห่างออก คิดว่าน่าจะเป็นจิมที่หลอกล่อให้คุณแจ็คเลิกยุ่งกับห้องเก็บของ แต่ให้ตายสิแบบนี้ไม่ดีเลย ถ้าเจอแบบนี้บ่อยๆ ผมต้องเป็นบ้าแน่ ลำพังแค่ต้องเข้า-ออกบ้านหลังนี้แบบหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ให้ใครเห็นก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้วไหนจะคนในบ้าน เพื่อนบ้านอีก แต่ผมก็ยังไม่มีเงินมากพอที่จะออกไปใช้ชีวิตคนเดียวอยู่ดี
ติ้ง ติ้ง
   ผมคว้าโทรศัพท์เครื่องใหม่มาดูเพราะคิดว่าคงเป็นจิมแน่นอนแต่ผมคิดผิด ข้อความไลน์ที่ส่งมาเป็นอีกชื่อหนึ่งที่วันนี้ผมยืนมองเขาอยู่ไกลๆ
   JACK: นอนรึยัง
หนุ่มสกลคนหล่อ: ยังครับคุณแจ็ค
   JACK: แล้วทำไมนอนดึก
หนุ่มสกลคนหล่อ: ผมเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ไปเที่ยวกับจิมอยู่ครับ
   JACK: ตั้งอาทิตย์หน้า ตื่นเต้นรึไง
หนุ่มสกลคนหล่อ: ครับ ตื่นเต้น
หนุ่มสกลคนหล่อ: ผมอยากเห็นทะเล
   JACK: งั้นหรอ
   JACK: ขอโทษนะที่พาไปได้แค่ใกล้ๆ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ขอโทษทำไมกันครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ผมสิต้องขอบคุณมากกว่า
หนุ่มสกลคนหล่อ: แค่รู้ว่าจะได้ไปก็ดีใจมากๆ เลยครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: จิมใจดีกับผมมากเลย
   JACK: แล้วฉันล่ะ
หนุ่มสกลคนหล่อ: คุณแจ็คทำไมครับ
   JACK: เปล่า
   JACK: ไปนอนเถอะ
หนุ่มสกลคนหล่อ: พรุ่งนี้คุณแจ็คจะไปที่ร้านรึเปล่าครับ
   JACK: ถามทำไม
หนุ่มสกลคนหล่อ: เปล่าครับ
   JACK: มีอะไรก็พูดมาสิ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ไม่สำคัญหรอกครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: คุณแจ็คไปนอนเถอะครับ
   JACK: ไม่ได้เข้าไปหรอกนะ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: มะรืนล่ะครับ
   JACK: มีธุระอะไรกับฉันรึเปล่า
หนุ่มสกลคนหล่อ: ไม่ครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ไม่มี
หนุ่มสกลคนหล่อ: ก็คงจะคิดถึงคุณแจ็คมากๆ เลย
หนุ่มสกลคนหล่อ: วันนี้ก็รีบกลับผมก็ไม่ได้คุยด้วย

หนุ่มสกลคนหล่อ: หลับแล้วหรอครับ
   JACK: ยัง
หนุ่มสกลคนหล่อ: อ่อครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: เห็นคุณแจ็คเงียบไป
   JACK: คิดถึงฉันหรอ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ก็เจอกันทุกวันนี่ครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: พอไม่เจอก็จะคิดถึง
   JACK: แค่นั้นสินะ
หนุ่มสกลคนหล่อ: ทำไมหรอครับ
หนุ่มสกลคนหล่อ: มันไม่แค่นั้นนะ
   JACK: แล้วไง
หนุ่มสกลคนหล่อ: ก็วันนี้
หนุ่มสกลคนหล่อ: ผมยังไม่ได้จุ๊บคุณแจ็คเลย
หนุ่มสกลคนหล่อ: นึกว่าคุณแจ็คจะคิดถึงเหมือนกัน
   JACK: จ่อย
หนุ่มสกลคนหล่อ: ครับผม
   JACK: ไปนอน

   JACK: เงียบทำไม
หนุ่มสกลคนหล่อ: คุณแจ็คบอกให้นอน
   JACK: จุ๊บฉันแล้วหรอถึงนอนได้น่ะหะ
หนุ่มสกลคนหล่อ: วันนี้ไม่ได้แล้วล่ะครับ
   JACK: รับสายฉัน

   เช้านี้ผมรู้สึกง่วงเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะเมื่อคืนคุยกับคุณแจ็คดึกมาก ผมเพิ่งรู้ว่าไอโฟนมันดีแบบนี้ เราสามารถคุยกันแบบเห็นหน้าอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนจนคิดว่าอยากจะซื้อให้แม่ไว้สักเครื่อง เราจะได้เห็นหน้ากันทุกวัน
คุณแจ็คไล่ให้ไปนอนทุกครั้งที่ผมหาว แต่ก็เรียกหาทุกครั้งที่ผมเงียบไปนั่นแหละเหตุผลที่ผมงัวเงียอยู่ตอนนี้ ลำพังงานผมมันก็ไม่ได้ยุ่งยากเท่าไหร่ยังพอนั่งพักได้แอบงีบสักหน่อย แต่คุณแจ็คนี่สิ ต้องไปประชุมทีมอะไรก็ไม่รู้คุณเขาบอกเมื่อคืน จะไหวรึเปล่านะ
“ตาแดงๆ นะจ่อย เมื่อคืนนอนดึกหรอ” พี่โยถามผมพร้อมยื่นถาดขนมเค้กมาให้
“ครับ แต่ผมไหวนะครับ สบายใจได้” ผมรีบสร้างความมั่นใจให้พี่โยทันที
“ถ้าไม่ไหวก็บอกแล้วกัน อย่าฝืน” คุณโยพูดอย่างห่วงๆ แต่ก็ไม่วายเตือนผมด้วยความหวังดี “ทีหลังก็เข้านอนให้มันเร็วๆ ร่างกายเราต้องพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่งั้นจะป่วยเอาได้”
“ครับ”
“แล้ววันนี้จิมไม่มาหาหรอ ตั้งแต่ปิดเทอมเห็นมาทุกวัน”
“พาคุณแม่ไปทำธุระครับ น่าจะไม่ได้เข้ามาเพราะเห็นบอกว่าไปไกล”
“ไปต่อวีซ่าแน่เลยเห็นเมื่อวานบอกอยู่” พี่โยยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผม “เอาไปติดหน้าประตูร้านให้หน่อย ชิดๆ ขอบหน่อยนะอย่าให้มันบังร้านมาก”
ผมรับกระดาษพร้อมเทปกาวสองหน้ามาถือไว้ในมือก่อนจะเล็งพื้นที่ระดับสายตาให้คนที่ผ่านไปผ่านมามองเห็นข้อความได้ง่าย

รับสมัครพนักงานชาย 1 ตำแหน่ง
อายุ 20-30ปี
มีประสบการณ์จะพิจารณาเป็นพิเศษ
สนใจติดต่อภายในร้าน
[/b]

   ผมอ่านข้อความแล้วรีบวิ่งไปหาพี่โยทันที รับพนักงานใหม่หรอ แล้วผมล่ะ หรือว่าพี่โยไม่พอใจที่ผมนอนดึก
“พี่โยครับ ทำไมพี่ถึง...” ผมยื่นกระดาษคืนให้พี่โย “ผมทำงานไม่ดีหรอพี่ หรือว่าผมทำผิดพลาดตรงไหน ถ้าเรื่องนอนดึกผมขอโทษนะครับ ต่อไปผมจะรีบเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม หรือเรื่องที่ผมมัวแต่คุยกับจิมระหว่างทำงาน ต่อไปผมจะไม่ทำแล้วครับ แต่พี่โยอย่าไล่ผมออกเลยนะ”
“โวยวายอะไรรรรร” พี่โยลากเสียยาวใส่ผม “บอกให้เอาไปติดถือกลับมาทำไมอีก”
“พี่จะไล่ผมออกจริงๆ หรอครับ” ผมยืนหน้าสลด ตอนนี้แม้แต่หยดน้ำตาก็แทบจะไหลลงมาไม่อายลูกค้าในร้าน
“ไม่ได้จะไล่ แต่จะหาคนมาแทนไว้ก่อน”
“แทน? แทนทำไมครับ หรือว่าที่ผมจะไปเที่ยว งั้นผมไม่ไปก็ได้ครับ”
“โอ้ยยย นี่ไม่มีใครบอกอะไรนายเลยรึไงเนี่ย” พี่โยหันมาตวาดใส่ผมแต่ก็ไม่ได้เสียงดังมากเพราะลูกค้าเยอะ “พี่แจ็คเค้าหางานใหม่ให้นายแล้ว รายละเอียดก็ไปถามกันเอาเอง”
“แล้วร้านนี้ล่ะครับ”
“ร้านนี้ฉันก็ทำของฉันต่อไปสิ เดี๋ยวก็มีคนมาสมัครเองแหละ เด็กมหาลัยอยากทำพาร์ทไทม์เยอะแยะ”
“แต่พี่โยครับ จะไม่เป็นไรจริงๆ หรอ” ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เมื่อคืนที่คุยกับคุณแจ็คก็ไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้ จะให้ผมออกจากร้านจริงๆ หรอ
“ไปทำงานกับพี่แจ็คน่ะดีแล้ว เงินดีกว่าที่นี่เยอะ จะได้ส่งให้ที่บ้านได้เยอะขึ้นอีกไง ไม่ดีหรอ”
“แต่พี่โย...” ผมยังรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก งงก็งงไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เหมือนนี่ไม่ใช่ชีวิตผมเลย ผมยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรด้วยซ้ำ
“พี่แจ็คมาที่นี่เกือบทุกวันอยู่แล้ว นายเองก็อยู่แถวนี้ไม่ใช่หรอ ว่างๆ ก็แวะมาได้ตลอด ไม่ต้องมาทำหน้าผูกพันเป็นบ้านหลังที่สองขนาดนั้นหรอกน่า มีทางที่ดีก็ไปเถอะ เงินเยอะๆๆๆ ท่องไว้”
“จะดีหรอพี่” เอาเข้าจริงผมรู้สึกเหมือนกำลังจะทิ้งพี่โยยังไงก็ไม่รู้
“เชื่อเถอะน่า พี่รู้จักจิมกับพี่แจ็คดี เค้าพาเราไปในทางที่ดีกว่านี้ได้แน่ จ่อยก็บอกเองไม่ใช่หรอว่าพวกเค้าใจดีน่ะ แล้วจะกลัวอะไร”
“แล้วผมต้องไปเมื่อไหร่ครับ” เสียงผมเริ่มอ่อยๆ แผ่วเบาลงไปทุกที
“จนกว่าพี่จะได้พนักงานใหม่ ถึงตอนนั้นเราต้องอยู่ช่วยพี่สอนงานเค้าจนคล่องก่อน อีกสักพักใหญ่ๆ เลยล่ะ อย่าเพิ่งมาเศร้าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ไปรับลูกค้านู่นไป”
“คุยอะไรกันอยู่” เสียงหนึ่งขัดจังหวะของเราทั้งสองคนขึ้น
“คุณแจ็ค” ผมเผลอยิ้มกว้างออกมาแต่เพราะสถานการณ์ก่อนหน้าทำให้หุบยิ้มกลับไปอีก “คุณแจ็คครับ พี่โยจะหาคนใหม่มาทำงานแทนผมแล้ว”
“ก็ดีแล้วนี่”
“แต่ผมไม่อยากโดนไล่ออกแบบนี้นี่ครับ”
“ใครไล่นายออกพูดให้มันดีๆ” พี่โยแหวใส่ผมพร้อมที่รองแก้วในมือยกขึ้นน่าจะเตรียมขว้างใส่
“ฉันบอกโยเองแหละ ทำไมล่ะ หรือว่าอยากอยู่ที่นี่”
“อยากครับ” คุณแจ็คดูหน้านิ่งๆ ไปแต่ผมก็ตอบไปตามความจริง “ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย อยู่ๆ พี่โยก็หาพนักงานใหม่อะไรกัน จะให้ผมไปทำงานกับคุณแจ็คก็บอกก่อนสิครับ เจอแบบนี้ผมทำตัวไม่ถูกนะ ตกใจมากๆ เลยด้วย”
คุณแจ็คดึงมือผมเข้าไปใกล้ แขนอีกข้างก็เท้าเคาน์เตอร์คร่อมไว้เหมือนตั้งใจจะคุยกับผมแค่สองคน
“ไม่อยากไปทำงานกับฉันหรอ” มือหนาของคุณแจ็คปัดผมที่ปรกหน้าผมออก “ได้เจอกันทุกวันไม่ดีรึไง”
“วันนี้คุณแจ็คก็บอกจะไม่มา” ผมก้มหน้าลงมองพื้น “โกหก”
“เมื่อคืนมีคนบอกว่าคิดถึงก็เลยจะมาดูให้เห็นกับตาสักหน่อยว่าคิดถึงจริงรึเปล่า”
“คิดถึงจริงครับ แต่อีกนิดนึงผมจะโกรธคุณแจ็คแทนแล้ว”
“มาโกรธฉันเรื่องอะไร”
“ก็คุณแจ็คมาทำให้ผมง่วง แล้วไหนจะเรื่องงานอีก รู้มั้ยครับตอนเห็นป้ายนี้ผมตกใจแค่ไหน คิดว่าจะโดนไล่ออกเพราะนอนน้อยทำงานไม่เต็มที่แล้วเนี่ย ใจหายหมด"
"โย” คุณแจ็คหันไปเรียกพี่โยที่กำลังเติมกาแฟใส่โหล “วันนี้ที่ร้านยุ่งมั้ย”
“วันพุธไม่เท่าไหร่หรอก มีไรปะพี่”
“ยืมตัวจ่อยวันนึงนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาคืน”
“อีกแล้วหรอ” พี่โยเน้นเสียงทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะโบกมือไล่ให้ไปพ้นๆ
“ไปไหนครับคุณแจ็ค ผมต้องทำงานนะ” คุณแจ็คดึงผมไปไม่สนใจป้ายที่จะทำให้ผมตกงานสักนิด
“ไปนอน”

ผมนั่งอยู่ในห้องกว้าง แม้ด้านนอกแสงแดดจ้าแต่ไม่สามารถทะลุม่านสีน้ำตาลทึบเข้ามาได้ คุณแจ็คเดินวนอยู่รอบตัวผมหยิบนั่นจับนี่วางเรียงจนทุกอย่างเป็นระเบียบ
“พาผมมาที่นี่ทำไมครับคุณแจ็ค” ผมถาม เพราะตั้งแต่เข้ามาก็ปล่อยให้ผมนั่งบนเตียงไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ
“มานอนไง” คุณแจ็คทิ้งตัวลงข้างผม “แล้วใส่ผ้ากันเปื้อนมาด้วยทำไมเนี่ย”
“คุณแจ็คดึงผมมาอย่าว่าแต่ผ้ากันเปื้อนเลยครับ ใบเสร็จโต๊ะสามผมยังไม่ได้เอาไปเสียบเลย” ผมชูกระดาษใบเล็กเพื่อยืนยันสิ่งที่พูด “แล้วจะมานอนอะไรตอนนี้ครับ นี่มันเวลาทำงาน คุณแจ็คไม่ต้องไปทำงานแล้วหรอ”
“ทำที่บ้านไง”
“เอาแต่ใจจังเลยครับ ถ้างั้นผมกลับไปนอนที่ห้องของผมนะ” ผมยันตัวลุกแต่ถูกคุณแจ็คกดลงให้นั่งตามเดิม
“ห้องนายอยู่ที่ไหน” ยะ...แย่แล้ว “ไปก็ได้ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“เอ่อ... มะ...ไม่ต้องไปส่งก็ได้ครับ คือ... ผมกลับเองง่ายกว่า”
“ฉันไปหอนายไม่ได้หรอ หรือว่าพักอยู่กับใคร” คุณแจ็คดึงให้ผมหันไปเผชิญหน้า
“พัก...อยู่คนเดียวครับ แต่ผมไม่อยากรบกวนคุณแจ็คง ผมกลับเองได้”
“งั้นก็อยู่นี่แหละ”
“แต่นี่มันห้องนอนคุณแจ็คนะครับจะให้ผมนอนที่นี่ได้ยังไงครับ”
“นอนได้เพราะนายง่วง ดูสิเนี่ย ตาบวมหมดแล้ว” นิ้วโป้งหนาเกลี่ยที่ตาของผมอย่างแผ่วเบา “มองอะไร”
“คุณแจ็คเอาแต่ใจทุกอย่างเลย เหมือนที่จิมบอกไม่มีผิด ไม่เคยถามความต้องการของคนอื่น”
“โกรธฉันหรอ”
“รู้สึกเหมือนจิมเลยครับ”
“พักเรื่องจิมไว้ก่อนได้มั้ย” นิ้วเรียวบนหน้าผมเลื่อนมาแตะที่ริมฝีปาก “อย่าโกรธฉัน ฉันเอาแต่ใจก็เพื่อนาย”
ถึงเวลานี้ผมไม่ได้พูดอะไรตอบ ไม่ใช่เพราะนิ้วมือที่แตะห้ามแต่คงเพราะแววตาที่จ้องมองผมเวลาพูด และคำว่า ‘เพื่อนาย’ อยู่ๆ มันก็ทำให้ทุกอย่างรอบตัวผมหยุดนิ่งซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีแรงกดเบาๆก็ทำให้ผมเอนลงบนหมอนอย่างง่ายดาย
“รู้มั้ยว่าวันนี้ฉันไม่อยากมาเจอนายเลย” คุณแจ็คลูบแก้มผมไปมาหลังจากที่จัดการกับผ้าห่มบนตัวผม “อยากให้นายคิดถึงฉันเหมือนเมื่อคืน”
“แล้วทำไมถึงมาได้ล่ะครับ คุณแจ็คงานเยอะจะตาย”
“นั่นสิ” เขาตอบแค่นั้นแล้วส่งยิ้มที่อบอุ่นให้ผม
ผมว่าผมควรหลับตา...
   “ถ้าไม่เจอก็จะคิดถึงจริงๆ นั่นแหละครับ” ผมหลับตาพูดออกไปเพราะระยะห่างที่ไม่ห่างทำให้ผมไม่กล้าที่จะโฟกัสคนตรงหน้า
   “แย่จัง” ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งจนได้
   “อะไรแย่ครับ”
   “ฉันอยากฟังนายบอกว่าคิดถึงต่อหน้า ฟังเสียงที่ออกมาจากปากนุ่มนิ่มนี่สักหน่อยถึงได้รีบมาเจอ” ผมไม่สามารถหลับตาได้อีกราวกับว่ามันถูกสะกด “พูดให้ชื่นใจสักนิดไม่ได้หรอ”
   ผมกำลังใช้ความพยายามอย่างมากที่จะพูดออกไปตามที่คุณแจ็คเอ่ยปากขอแต่คุณรู้ไหม ผมไม่รู้จะทำยังไงก่อนระหว่างข่มใจให้นิ่งกับรังสีความน่ากลัวที่ทำให้ผมใจสั่นตลอดเวลาที่อยู่ใกล้คุณแจ็ค กับการขยับปากที่ห่างกันไม่ถึงคืบของราสองคน
   “ผม...คิดถึงคุณแจ็ค”
และนี่คงเป็นดั่งคำสั่งเสียสุดท้ายเพราะใจที่เต้นแรงทำให้ผมกำลังจะตาย

TBC
#ห้องลับบักจ่อย

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 7
«ตอบ #33 เมื่อ14-03-2019 21:41:03 »

โอ้ยยคุณแจ็ค ใจดีใหญ่แล้ว

ออฟไลน์ mutyamania

  • สามารถติดตามงานติดเรทที่ลงเล้าไม่ได้ที่ ReadAWrite ในชื่อมัสยากลับมาจากป่าช้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1898
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +794/-139
    • https://mutyawhocamebackfromthedead.readawrite.com
Re: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน7
«ตอบ #34 เมื่อ17-03-2019 12:36:22 »

เอ็นดูเจ้าจ่อยน้อย น่ารัก

ออฟไลน์ พิชา(ไรท์ขายหวย)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 8
«ตอบ #35 เมื่อ26-03-2019 00:54:08 »


8
ปวดใจดั่งไฟสุมทรวง ทะลวงอกฉัน

[แจ็ค]

   ผมนอนตะแคงเท้าแขนจ้องคนหลับอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เจ้าตัวเล็กตรงหน้าจะขยับตัวชิดเข้ามาเรื่อยๆ จนชนเข้ากับแผงอก เสียงพึมพำที่ได้ยินคือ หนาวแท้ เป็นสำเนียงแปลกๆ แต่มันก็ยังพอเข้าใจง่ายเพราะดูจากการขดตัวผมจึงดึงผ้าห่มปิดให้จนถึงแก้ม แม้ว่ามันจะบดบังสิ่งที่ดึงดูดสายตาแต่ผมก็เก็บรายละเอียดบนใบหน้าไว้หมดแล้ว ว่าเจ้าก้อนตัวนี้น่ารักแค่ไหน
“อุ่นขึ้นมั้ย” ถามไปอย่างนั้นแหละเผื่อจังหวะสะลึมสะลือจะรู้สึกตัวบ้าง
“ครับ” เขาได้ยินผมแถมยังปรือตางัวเงียขึ้นมามอง “ทำไมคุณแจ็คไม่นอน หรือว่าตื่นแล้ว งั้นผมตื่นด้วยดีกว่า กี่โมงแล้วครับ”
“นอนต่อเถอะ ฉันก็ยังไม่ได้นอนเหมือนกัน”
“รบกวนคุณแจ็ครึเปล่าครับ ผมกลับห้องดีกว่า”
ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไรแต่สอดแขนผ่านช่องว่างช่วงคอให้เขาหนุนแทนหมอนซึ่งเจ้าจ่อยก็ขยับตัวตามแต่โดยดี
“ให้เบาแอร์มั้ย” เผื่อว่าเจ้าตัวเล็กจะหลับสบายขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ อุ่นแล้ว”
เขาอาจจะอุ่นขึ้นหลังจากที่ผมห่มผ้าให้แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะมโนต่อเองว่า ที่อุ่นเพราะอ้อมกอดของผมต่างหาก ถึงแม้จ่อยจะไม่ได้พูดออกมาแต่การที่ผมนอนกอดแบบนี้มันก็ชวนคิดไม่ใช่หรอ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ผมไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มานานแล้ว คนล่าสุดที่นอนกอดคือจิมตอนที่เขาป่วยหนัก เพราะเจ้าน้องชายถ้าไม่สบายเมื่อไหร่จะอ้อนสุดฤทธิ์ อยู่ห่างแค่ 2นาทีก็ไม่ได้ ไปเข้าห้องน้ำก็ต้องให้ยืนเฝ้า แต่กับจ่อย ถ้าจะว่าเป็นเพราะเพื่อนของน้องชายก็น่าแปลกที่จะเอ็นดูเขาขนาดนี้ หรือเพราะความน่าเห็นใจกับเรื่องทางบ้านที่โยเล่าให้ฟังก็ไม่น่าเกี่ยว ผมรู้สึกเหมือนทำอะไร ไปไหน ก็จะนึกถึงเจ้าตัวเล็กนี่บ่อยครั้ง กินอะไรที่อร่อยก็อยากจะซื้อมาฝาก ไม่สิ อยากจะพาไปนั่งกินด้วยมากกว่า หรือจะว่าผมชอบเด็กนี่ แต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อจ่อยก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่ก็อาจจะชอบ แต่คงชอบในรูปแบบอื่นมากกว่าก็เป็นได้
นอนลูบหัวน้องเบิ้มอยู่สักพักตัวผมเองก็เริ่มง่วงแต่แขนเล็กที่ดิ้นออกจากหน้าท้องมาก่ายอยู่ที่เอวทำให้ผมเกร็งตัว สงสัยชายเสื้อผมจะรั้งขึ้นทำให้สัมผัสกับมือเล็กเข้าเต็มๆ แถมเจ้านี่ยังลูบไล้มันไปมาอีก ยิ่งจ่อยขยับกอดเราก็ยิ่งชิดกันมากขึ้น จนคางผมแทบจะเกยหัวเขาอยู่แล้ว
“หลับอยู่ก็สบายเลยสิ” นึกแล้วก็หมั่นไส้ คนหลับจะไปรู้เรื่องอะไร แต่คนที่ตื่นอยู่รับรู้ทุกอย่างนี่ล่ะ “แสบนัก แบบนี้ใครจะไปหลับลง”
ผมกดจูบที่หน้าผากมนอย่างเผลอตัว อาจเพราะมันอยู่ระดับเดียวกันกับปากถึงได้ทำมันซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น กลิ่นกายหอมทำให้ผมสูดมันเข้าไปไม่หยุด รู้ตัวอีกทีผมก็ไล้จนจมูกเราแตะชิดกัน ถ้าจ่อยไม่ยกมือขึ้นปัดมันอาจจะไม่หยุดที่ข้างแก้มแบบนี้
“ทำบ้าอะไรไอ้แจ็ค” ผมต้องสบถออกมาเพื่อเตือนตัวก่อนจะตัดสินใจลุกออกไปโดยขยับให้เบาที่สุดเพื่อที่จะไปฟุ้งซ่านต่อที่อื่น

[จ่อย]

ผมมาทำงานด้วยร่างกายที่สดชื่นเกินกว่าเหตุ เพราะเมื่อวานเรียกได้ว่านอนนานกว่าที่มนุษย์ควรนอนเลย ที่นอนคุณแจ็คนุ่มมาก ผ้าห่มก็ผืนใหญ่อุ่นสบาย กว่าจะตื่นก็ปาไปสองทุ่ม นั่งตอบคำถามจิมอยู่ครึ่งชั่วโมงก็กลับมานอนที่ห้องต่อ ผมรู้สึกเหมือนฝันดีจนไม่อยากจะรีบตื่น ทั้งที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าฝันอะไรแต่มันอบอุ่นหัวใจบอกไม่ถูก
จิมคะยั้นคะยอถามว่าทำไมผมถึงโผล่ไปเคาะห้องได้ ผมก็บอกไปว่าคุณแจ็คให้มาหาจิม ให้จิมพาไปส่งที่หอ แต่นั่นกลับทำให้จิมยิ่งสงสัยจนสุดท้ายก็บอกว่าจะไปถามกับคุณแจ็คเอง
“อยู่หน้าร้านไปก่อนนะ สิบโมงจะมีคนมาสัมภาษณ์งาน” พี่โยตะโกนบอกผม
“มีคนมาสมัครแล้วหรอครับ”
“ก็บอกแล้วว่าพวกนักศึกษาอยากหางานพาทไทม์ทำเยอะไป หล่อด้วย หล่อมากกกกก กอไก่แปดสิบแปดล้านตัว”
“หล่อกว่าคุณแจ็คอีกหรอครับ” ผมทึ่งกับน้ำเสียงลากยาวของพี่โย
“แหมนี่ ทั้งโลกมีอีตาแจ็คหล่ออยู่คนเดียวหรอหะ?”
“ก็ไม่รู้สิครับ แต่คุณแจ็คหล่อกว่าดาราในทีวีอีก ถ้ามีคนหล่อกว่าคุณแจ็คก็ต้องหล่อมากจริงๆ นะครับ” ผมพูดตามที่เห็น
“นี่หลงมากรู้ตัวปะเนี่ย” อยู่ดีๆ พี่โยก็แบะปากคว่ำใส่ผม “ถ้าลุงมันมาได้ยินนี่เขินดิ้นเลยมั้ง”
“ลุงพี่โยจะมาหรอครับ” วันนี้จะมีคนมาร้านเยอะจังแหะ
“เหนื่อยอะ เหนื่อยอธิบาย” พี่โยส่ายหน้าใส่ผม “ถูไปนะ”
พี่โยเดินหนีผมไปทั้งอย่างนั้น ท่าทีแบบนี้มีเฉพาะเวลาที่ผมพูดไม่รู้เรื่องข้อนี้ผมรู้ตัวดี ก็พี่โยนะชอบสรรหาแต่ศัพท์แปลกๆ มาพูดกับผม บางครั้งผมต้องจำแล้วไลน์ไปถามจิมถึงจะเข้าใจ แต่ตอนนี้ผมรอที่จะเจอกับพนักงานใหม่ไม่ไหวแล้ว อยากรู้ว่าหล่อมากๆ ของพี่โยหน้าตาจะเป็นยังไง

พี่โยเรียกคนใหม่เข้าไปสัมภาษณ์ด้านหลัง แอบได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาเป็นพักๆ ก็พี่โยน่ะ เสียงเบาๆ ซะที่ไหน ขนาดเดินออกมาแล้วยังขำกันไม่หยุด ไม่รู้มีเรื่องตลกอะไรกัน สัมภาษณ์งานผมคิดว่าจะซีเรียสซะอีก
เราทำความรู้จักอย่างเป็นกันเอง พี่เขาเป็นคนอารมณ์ดี น่ารัก มีมุกตลกกวนๆ อยู่ตลอดมิน่าถึงได้หัวเราะกันลั่น
"พรุ่งนี้เก้าโมงนะ ห้ามสาย" พี่โยย้ำกับพนักงานคนใหม่ "เผลอๆ แม๊กจะได้เป็นคนสอนงานจ่อยมากกว่าล่ะมั้ง"
"แต่ผมทำเป็นทุกอย่างแล้วนะครับ ทำมาก่อนด้วย" ผมหน้ายู่ใส่พี่โย ก็มาดูถูกความสามารถผมนี่
"พี่เคยทำร้านกาแฟที่อื่นมาก่อน แต่ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะเพราะแต่ละที่ก็มีสูตรกับเทคนิคไม่เหมือนกัน ยังไงก็ต้องพึ่งน้องจ่อยอยู่ดี” โอ้โหวรอยยิ้มของพี่เขาทำให้ผมรีบหลบหน้าไปทางอื่น อยู่ดีๆ ก็ใจสั่นขึ้นมารัวๆ หล่อมาก เข้าใจคำว่าหล่อของพี่โยแล้ว
ผมเห็นคุณแจ็คเดินเข้ามาที่ร้านแต่ตอนนั้นผมกำลังยื่นโทรศัพท์ให้พี่แม๊กอยู่เลยได้แต่ส่งยิ้มให้ไม่ได้ทักทายอะไรมาก มีแต่พี่โยที่เดินเข้าไปคุย หลังจากที่ร่ำลากันเสร็จจนพี่แม๊กเดินพ้นจาหน้าร้าน ผมถึงได้เริ่มชงกาแฟสำหรับคุณแจ็ค
“ให้เบอร์กันด้วยหรอ” เสียงทุ้มๆ เหมือนหงุดหงิดอะไรมา
“ให้ครับ ให้ไลน์ด้วย นี่ไง” ผมยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู “คุณแจ็คงานเยอะมาหรอครับ ดูเหนื่อยๆ”
“นิดหน่อย” เขาตอบแบบห้วนๆ “เมื่อไหร่จะไปทำงานกับฉัน”
“ตอนนี้ยังไมได้หรอกครับ” ผมก้มหน้าตอบ “พี่โยบอกว่าต้องสอนงานพี่แม๊กก่อน ถ้าพี่แม๊กคล่องแล้วถึงจะไปได้”
“ก็มีประสบการณ์อยู่แล้วนี่ ใส่กาแฟ ใส่ไซรัปมันจะยากตรงไหน จดๆ ไว้ให้สิ้นเรื่อง”
“มันไม่ใช่แค่นั้นสิครับคุณแจ็ค พี่แม๊กบอกว่าแต่ละที่ไม่เหมือนกัน แต่พี่แม๊กดูเก่งนะครับ ผมว่าสอนไม่นานหรอก ผมซะอีกที่เป็นตัวเด๋อๆ พี่แม๊กทั้งหล่อทั้งเก่ง” ผมคิดถึงใบหน้าตอนยิ้มแล้วแทบจะละลายจะเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“หล่อตายล่ะ”
“หล่อนะครับ ตอนพี่โยบอกผมก็ไม่ค่อยเชื่อ ไม่คิดว่าจะมีใครหล่อ หน้าคมหุ่นล่ำยิ่งกว่าดาราในทีวีเหมือนคุณแจ็ค” ได้ยินเสียงกระแอมจนคิดว่าอาจจะสำลักกาแฟ แล้วที่แอบยิ้มๆ ผมก็ไม่รู้เหตุผล “แต่พอเจอตัวจริงแล้วโอ้โหววว หล่อมากครับ ขาวๆ ขาวกว่าคุณแจ็คอีกครับ ยิ่งตอนยิ้มนะ โอ้ยย ไม่อยากจะพูดครับ ผมแทบไม่กล้าสบตา หล่อกว่าเทวดาอีกมั้งครับ เหมือนไม่ใช่มนุษย์เลย ผมว่าคุณแจ็คมีคู่แข่งแล้วล่ะครับ ร่วงลงมาอยู่ที่สองแล้ว” ผมพูดด้วยท่าทางจริงจังที่สุดเพื่อให้คนฟังเชื่อ แต่คุณแจ็คกลับวางแก้วกาแฟกระแทกโต๊ะเสียงดังแล้วทำท่าจะลุกออกไปอย่างรีบๆ จนผมต้องตะโกนถาม “คุณแจ็คจะไปไหนครับ”
“ไปเกาหลี!”
อ่อ  สงสัยจะรีบจริงๆ

ผ่านมาหลายวันหลังจากที่มีพี่แม๊กเข้ามาอยู่ในร้าน ทุกอย่างดูจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แถมลูกค้าที่เป็นนักเรียน นักศึกษาก็เต็มไปหมด จนพี่โยตั้งฉายาว่า ตัวเรียกแขก
ผมเข้าใจดีเพราะความหล่อของพี่เขามันบาดใจจริงๆ และคิดว่าคุณแจ็คคงรับไม่ได้ที่จะอยู่ร่วมกับคนที่หน้าตาดีไม่แพ้กันก็เลยไม่เห็นคุณเขามาที่ร้าน ทำให้ผมได้แต่ชะเง้อคอมองเก้อ ไลน์ไปถามก็ไม่ยอมตอบข้อความผม แต่ว่าอ่านนะ ผิดกฎของจิมด้วยล่ะบอกก่อน ถ้าอ่านแล้วไม่ตอบจิมโกรธตายเลย
หรือว่าอยู่ต่างประเทศเลยตอบไม่ได้นะ

ผมนั่งเก็บข้าวของและเสื้อผ้าบางชิ้นใส่ถุงกระสอบไว้ก่อนเพราะคงเหลือเวลาอีกไม่นานผมก็ต้องออกจากบ้านหลังนี้แล้ว ถ้าถึงวันที่ผมต้องไปทำงานกับคุณแจ็คก็คงได้เงินเดือนงวดสุดท้ายจากพี่โย และผมจะใช้เงินก้อนนั้นออกไปหาห้องพักของตัวเองสักที
การทำงานกับคุณแจ็คถ้าให้เดาคร่าวๆ เราคงต้องเดินทางไปพร้อมกันและกลับบ้านพร้อมกัน หลายครั้งมากที่คุณแจ็คมักจะถามว่าพักอยู่ไหนซึ่งผมเองก็ได้แต่อึกอัก เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้ปัญหานี้เกิดผมก็คงต้องออกไปจริงๆ และต้องใจแข็งกับความขี้อ้อนของจิมด้วย
จำได้ว่าตอนที่มาผมมีแค่กระเป๋าเป้ใบเดียว แต่ดูตอนนี้สิ แค่เสื้อผ้าก็ยัดไม่พอแล้ว ความใจดีของจิมและคุณแจ็คทำให้ผมมีเหลือมากกว่าขาด กินอิ่ม นอนสบายซะจนจะเคยตัว ผมถึงได้รักข้าวของทุกชิ้น ทะนุถนอมและหวงแหนทุกอย่างที่มีแม้แต่จะซักจะรีดก็เบามือเพราะไม่อยากให้มันบอบช้ำ
เมื่อเก็บทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อยจึงเดินเข้าไปในครัว ดูเหมือนถ้วยจานจิมจะล้างหมดแล้ว จริงๆ ก็บอกอยู่ว่าไม่ต้องทำเดี๋ยวผมจะทำเอง แต่เพราะจิมคงกลัวว่าจะถูกจับได้เลยไม่ค่อยอยากให้ผมอยู่ในนี้นานๆ
วันนี้บ้านเงียบเหมือนเดิม ทุกคนออกไปข้างนอกกันหมดผมไม่เห็นรถสักคันจึงได้เดินไปหยิบไม้กวาดและเครื่องดูดฝุ่น ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมเพื่อตอบแทนที่เขาให้ผมอาศัย อีกหน่อยถ้าผมไปจิมก็คงจะเหนื่อยคนเดียว ถ้าเป็นวันหยุดของผมแล้วไม่มีใครอยู่บ้านผมก็จะหาโอกาสทำแบบนี้ประจำและมีแค่จิมคนเดียวที่รู้ เพราะหลายครั้งเราก็ช่วยกันคนละไม้ละมือ ยิ่งได้ยินคำที่คุณแม่ชมจิมว่าดูแลบ้านดี บ้านสะอาดผมก็ยิ้มตามไปด้วย แต่พอวันนี้ไม่มีจิมอยู่ผมจึงทำความสะอาดทุกห้องคนเดียว ปกติจะแบ่งกันทำ ผมทำชั้นล่าง จิมทำชั้นบน
ไล่จากส่วนต่างๆ ห้องจิมดูจะสะอาดเรียบร้อยที่สุดแล้ว ห้องพระก็ยังมีฝุ่นบ้าง แต่ห้องทำงานคุณแจ็คนี่ไม่ไหวจริงๆ เอกสารกองกระจัดระจายเยอะแยะไปหมด ทั้งแฟ้มทั้งกระดาษเอย เครื่องเขียนเอย มีกระทั่งเหรียญ 50สตางค์ กว่าจะเสร็จก็คงใช้เวลาอยู่พักใหญ่ที่จะเคลียร์ให้รกน้อยที่สุด
“ใครน่ะ” ผมสะดุ้งตัวโยนจนเผลอปัดรูปปั้นข้างๆ เสียงนี้... “จิมหรอ”
ยังไม่ทันได้ตอบคุณแจ็คก็เข้ามาประชิดตัวผม จากที่สั่นๆ อยู่แล้วยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่เมื่อถูกกระชากออกมาจากมุมผนังข้างๆ ตู้เหล็กที่กำลังเช็ดอยู่
“จ่อย...นี่นาย...” ผมหลับตาปี๋ไม่มีสมาธิจะมาหาคำแก้ตัว ยิ่งเห็นสีหน้าที่บ่งบอกอารมณ์ไม่ได้ของคุณแจ็คก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก “นายเข้ามาทำอะไรที่นี่ เข้ามาได้ยังไง” ผมยืนนิ่งหดคออยู่ตรงหน้าจนแขนที่ถูกจับอยู่ถูกดึงอย่างแรงอีกครั้ง “ฉันถาม!!”
“ผม...คือผม” น้ำเสียงสั่นพอๆ กับตัวตอนนี้ กลัวมาก ผมกลัวเสียงตะคอกของคุณแจ็ค กลัวแรงบีบที่มือจนน้ำตาแทบไหลต้องกำผ้าเช็ดฝุ่นในมือแน่นเพื่อสะกดกลั้น
“นายทำอะไรที่ตู้เซฟของฉัน” ผมถูกดึงให้หันมาเผชิญหน้ากับคุณแจ็คตรงๆ ผมไม่รู้ว่าอะไรคือตู้เซฟ แต่คุณแจ็คตอนนี้ดูจะโกรธผมมากจริงๆ “ฉันถามว่านายทำอะไรจ่อย นายคิดจะทำอะไร!!!”
“ผม..แค่จะทำ...ทำความสะอาด”
“ในเวลาที่เจ้าของบ้านไม่อยู่แบบนี้น่ะหรอ นายคิดว่าฉันจะเชื่อรึไงหะ!!!”
“แต่ผมมาทำความสะอาดจริงๆ นะครับ” ผมเงยหน้ามองเพื่ออธิบายให้อีกคนเข้าใจ แต่ดูเหมือนคุณแจ็คจะไม่พร้อมรับฟังอะไรเลย
“ใครสั่งให้นายทำแบบนี้จ่อย”
“มะ...ไม่มีครับ”
“ฉันถามว่าใครสั่ง!” น้ำตาผมเริ่มไหลแบบกลั้นไม่อยู่ ผมไม่เคยโดนคุณแจ็คตวาดใส่รุนแรงแบบนี้ ไม่มีคุณแจ็คที่ใจดีกับผมหลงเหลืออยู่เลย
“ฮีก...ก...ไม่มี...ฮึก...ไม่มีใครสั่ง ค...ครับ”
“ไม่ต้องบีบน้ำตาเลยนะ ฉันไม่สงสารหรือเห็นใจอะไรนายแน่ แล้วไอ้มุกทำความสะอาดคิดหรอว่าฉันจะเชื่อ หรือถ้าคิดจะใช้จิมเป็นข้ออ้างขอบอกไว้ก่อนว่านายคิดผิด เพราะต่อให้เป็นน้องชายแท้ๆ ถ้าฉันไม่อนุญาตใครก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องนี้!”
“ผม...ฮึก...ผมเข้ามาทำความสะอาดจริงๆ” มือสั่นเทาของผมยกผ้าขี้ริ้วขึ้นให้คุณแจ็คดู “ผมแค่..”
“แล้วนายเข้ามาในบ้านนี้ได้ยังไง! จิมก็ไม่อยู่นายจะให้ฉันเชื่อหรอว่าแค่ทำความสะอาด แล้วถ้าฉันไม่เข้ามาเจอลายนิ้วมือบนตู้เซฟนั่นก็คงไม่เหลือแล้วสิ ฮึ... กล้ามากนะจ่อย กล้ามากที่คิดขโมยของในบ้านฉัน นายกล้าใช้ความไว้ใจของจิม ใช้ความสนิทที่ฉันให้มาทำร้ายพวกเราแบบนี้หรอ” ถ้าผมฟังไม่ผิด น้ำเสียงของคุณแจ็คก็สั่นพอๆ กับผม เขาคงผิดหวังในตัวผมมากดูจากที่กำลังเข้าใจแบบนั้นทำให้ผมเถียงอะไรไม่อออกเหมือกัน มันเจ็บนะ เจ็บ...มากๆ เลย
“ผม...ขอโทษครับ แต่ผม...”
“เก็บคำแก้ตัวของนายไปใช้กับตำรวจเถอะ”
“คุณแจ็ค...”
“อย่ามาเรียกชื่อฉัน”

TBC
#ห้องลับบักจ่อย

ออฟไลน์ mutyamania

  • สามารถติดตามงานติดเรทที่ลงเล้าไม่ได้ที่ ReadAWrite ในชื่อมัสยากลับมาจากป่าช้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1898
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +794/-139
    • https://mutyawhocamebackfromthedead.readawrite.com
Re: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 8
«ตอบ #36 เมื่อ26-03-2019 18:35:29 »

น้องงงงงง
สงสารอ่ะ
คุณแจ็คอย่าทำร้ายจิตใจน้องสิเว้ยยยยย

ออฟไลน์ พิชา(ไรท์ขายหวย)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 9
«ตอบ #37 เมื่อ28-03-2019 22:11:55 »

9
กลัว ฉันกลัวไปหมดทุกสิ่ง

[จิม]

ผมได้รับโทรศัพท์จากพี่แจ็คทำให้ต้องรีบพาแม่ออกจากห้างตรงมาที่โรงพักทันที ระหว่างทางก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟังทั้งหมดรวมถึงเรื่องที่แอบซ่อนจ่อยไว้ในบ้านเพื่อไม่ให้แม่ตกใจกับสถานการณ์ที่เกิด แต่เหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คิด
“กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ไงลูก ถ้าชักศึกเข้าบ้านจะทำยังไง” แม่ถามด้วยเสียงกังวล “ตายละ แล้วนี่ขโมยอะไรไปบ้าง ทำไมจิมเปิดบ้านให้โจรแบบนี้ล่ะลูก แล้วแม่จะวางใจได้ยังไง”
“จ่อยไม่ใช่โจรนะแม่” ผมเองก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อคือจ่อยจะไม่มีทางทำแบบนั้น “จิมว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิด”
“ไปถึงโรงพักแล้วจะเข้าใจผิดอะไรอีก พี่เค้าจับได้คาหนังคาเขา”
“จิมเชื่อว่าจ่อยมีเหตุผล พี่แจ็คนั่นแหละ ปกติฟังใครซะที่ไหน จ่อยอาจจะแค่เข้าไปทำความสะอาดเฉยๆ ก็ได้ เค้าอยู่บ้านเราเกือบสองเดือนนะครับ ถ้าจะขโมยจริงคงทำไปตั้งแต่สองวันแรกแล้ว”
“แม่ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ให้พี่เค้าเคลียร์กับตำรวจเองก็แล้วกัน เราก็ระวังตัวไว้เถอะ ทำอะไรไม่ปรึกษา รู้ทั้งรู้ว่าตาแจ็คเป็นคนยังไง”
“ก็เพราะรู้ว่าเป็นคนยังไงน่ะสิจิมถึงได้ไม่ปรึกษา เชอะ”

เมื่อถึงโรงพักผมรีบขออนุญาตเข้าไปในห้องสอบสวนทันที วินาทีที่เห็นร่างจ่อยกับกุญแจมือนั่นทำให้ผมแทบทรุด ใบหน้าที่เปื้อนด้วยน้ำตา จมูกและริมฝีปากบวมแดงจากการสะอื้นอย่างหนักจนผมอดสงสารไม่ได้
“จ่อย...”
“ฮึก...จิม” น้ำตานั่นเหมือนจะไหลออกมามากกว่าเดิม จ่อยไม่พูดอะไรเลยนอกจากเอ่ยชื่อผมแล้วส่ายหน้า
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่พี่แจ็ค” ผมถามต่อหน้าคุณตำรวจ
“เพื่อนน้องเข้าไปในห้องทำงานของพี่ แล้วอย่าได้คิดที่จะแก้ตัวแทนเพราะพี่จับได้คาตาว่ากำลังวุ่นอยู่กับตู้เซฟ”
“ขอคุยกับจ่อยตามลำพังได้มั้ยครับ” ผมหันไปขอกับทางตำรวจ
“ได้ครับ”
“ไม่ได้!”
“พี่แจ็ค!”
“นายมันหัวอ่อนจิม เรื่องเป็นมาขนาดนี้จะต้องคุยอะไรกันอีก”
“คุยอะไรที่เป็นประโยชน์มากกว่าตอบคำถามคนหัวแข็งอย่างพี่ไง” ผมสวนออกไปเพราะในใจยังเชื่อมั่นในตัวจ่อย ผมรู้ว่าคนที่อยู่ในห้องนี้ไม่มีใครเชื่อในคำพูดเขา และไม่แม้แต่จะรับฟัง
“ถ้าอย่างนั้นผมว่า อยู่คุยด้วยกันทั้งหมดดีกว่าครับ ผมจะได้บันทึกสำนวนด้วย” คุณตำรวจเอ่ยขึ้นหลังจากที่ผมกับพี่ชายตวาดใส่กันเสียงดัง
“ดีครับ ผมก็อยากรู้ว่าต่อหน้าคนที่เค้าอ้างว่ามีพระคุณ เค้าจะแก้ตัวยังไง”
จ่อยยังคงก้มหน้าร้องไห้ไม่หยุด ผมแทบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงสะอึกสะอื้น คงเพราะเขาต้องการข่มมันไว้
“เล่าให้เราฟังได้มั้ย นายไปยุ่งกับตู้เซฟพี่แจ็คจริงๆ หรอ”
จ่อยพยักหน้ารับ ทำให้ผมได้แต่ถอนใจออกมา
“ฮึ...” เสียงพ่นลมหายใจของพี่แจ็คทำให้ผมหันกลับไปมอง มันไม่ใช่เสียงของคนที่จ้องจะจับผิด แต่ผมรู้สึกได้ว่าพี่ชายผมกำลังผิดหวัง
“ทำแบบนั้นทำไม” ผมหันความสนใจมาที่จ่อยอีกครั้ง
“เราขึ้นไปทำความสะอาด ฮึก... เราเห็นว่าไม่มี...ฮึก...ไม่มีใครอยู่เราก็เลย ขึ้นไปทำ...ฮึก ทำข้างบนด้วย” จ่อยพยายามเล่า “เราก็ทำไล่มาตั้งแต่ห้องพระ จนถึง..ฮึก...ห้องทำงานคุณแจ็ค”
“แล้วก็พยายามเปิดตู้เซฟของเจ้าของบ้านเพราะเห็นว่าทางสะดวกใช่มั้ย” คุณตำรวจจดตามที่จ่อยให้การ แล้วยิงคำถามนี้ขึ้น
“เปล่านะครับ” จ่อยส่ายหน้าเป็นการใหญ่ “ผมแค่เช็ดบนชั้นวาง แล้วก็กำลังจะเช็ดตรงนั้น ยังไม่ทันได้แตะต้องด้วยซ้ำคุณแจ็คก็เข้ามาก่อน ผมแค่นั่งอยู่ข้างๆ มัน ไม่ได้ทำอะไรกับตู้เลยนะครับ” จ่อยให้การกับตำรวจก่อนจะหันมาทางพวกผม “จริงๆ นะจิม”
“พี่แจ็ค พี่เห็นว่าจ่อยกำลังงัดเซฟอยู่รึเปล่า”
“ก็...ก็เปล่า”
“แล้วพี่พาจ่อยมาส่งให้ตำรวจเนี่ยนะ! ทำไมไม่ถามจ่อยให้รู้เรื่อง”
“ถามแล้วแต่มันไม่ยอมพูด! แล้วจะให้พี่เชื่อได้ยังไงในเมื่อมันบุกรุกบ้านคนอื่น จะให้พี่ขอบคุณที่ไม่มีใครอยู่บ้านแล้วเด็กดีที่ไหนไม่รู้มาทำความสะอาดให้หรอ”
“เพราะพี่มันไม่เคยมองคนอื่นในแง่ดีไง!”
“จิม...” จ่อยเรียกผมแล้วส่ายหน้าเล็กๆ คงเพราะไม่อยากเห็นผมทะเลาะกับพี่ชาย
“ตอนนี้มีหนึ่งข้อหาที่ทางตำรวจได้ลงบันทึกไว้นะครับ คือบุกรุก ทางตำรวจจะขอไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติ...”
“ไม่ต้องเก็บอะไรทั้งนั้นแหละครับ ไม่มีใครบุกรุกอะไรทั้งนั้น”
“จิม! คำพูดแค่นี้น้องก็เชื่อแล้วหรอ ต้องรอให้ยกของมีค่าออกไปก่อนรึไงน้องถึงจะตาสว่างน่ะหะ!”
“ถ้างั้นก็ให้คุณตำรวจจับจิมไปด้วยเลย!” ผมขึ้นเสียงโต้กลับ “จ่อยไม่ได้บุกรุก ไม่ได้งัดบ้าน ไม่ได้ลักลอบทำอะไรแบบที่พี่คิด จ่อยเดินเข้ามาเอง เดินเข้าบ้านของเราได้ง่ายๆ เพราะน้องเป็นคนเปิดประตูให้จ่อยเข้ามาเอง”
“จิมอย่า...”
“จ่อยพักอยู่ที่บ้านเรามานานแล้ว นอนอยู่ใต้หลังคาเดียวกันกับพี่มาเป็นเดือน เดินเข้าออกบ้านเราได้สบายๆ ทั้งตอนที่พี่อยู่และไม่อยู่รู้ไว้ด้วย”
“ว่าไงนะ...”
“ผมจิมากร ถึงจะไม่ได้เป็นเจ้าบ้านตามกฎหมาย แต่ก็เป็นลูกชายเจ้าของบ้านเหมือนกัน ผมมีสิทธิ์ถอนแจ้งความได้มั้ยครับ”
“เอ่อ... ตามหลักแล้วเจ้าทุกข์หรือผู้ที่เป็นคนแจ้งความเท่านั้นที่จะตัดสินใจไม่เอาความได้นะครับ ผมว่าคุณทั้งสองคนลองคุยหาข้อตกลงที่แน่นอนกันก่อนดีกว่านะ แล้วค่อยมาบอกผม”
“หมายความว่ายังไงจิม อธิบายมาให้รู้เรื่อง”
“ก็หมายความอย่างที่พูด จิมพาจ่อยเข้ามาอยู่ในบ้านตั้งแต่เดือนที่แล้ว” ผมไม่สนใจมองหน้าพี่ชายอีกเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอกับอะไร ตอนนี้จ่อยสภาพไม่ต่างจากผักเหี่ยวๆ ที่เปียกปอนไปด้วยน้ำ ผมรู้ว่าเขารู้สึกยังไงแต่ที่ผมทำไปก็เพราะพยายามช่วย
“ขอโทษ ฮึก.. ขอโทษนะครับ คุณแจ็ค อย่าโกรธจิมเลยนะครับ”

ผมพาจ่อยกลับบ้านเพราะว่าแม่ช่วยพูดพี่แจ็คถึงได้ยอม อย่างน้อยก็ไม่เสียเวลาคุณตำรวจส่วนเรื่องที่บ้านก็มาจัดการกันเองเพราะถึงยังไงก็ไม่มีอะไรถูกขโมยอยู่แล้ว
พี่แจ็คเดินตามเราทุกฝีก้าวจนถึงห้องเก็บของ ผมเหนื่อยจะทะเลาะและจ่อยเองก็ดูเพลียมากเลยไม่ได้สนใจที่จะเก็บซ่อนความลับอะไรไว้อีก ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้ก็ให้รู้กันไป
ประตูห้องเปิดออกผมพาจ่อยไปนอนพัก สายตาเหลือบเห็นกระเป๋ากระสอบใบใหญ่และข้าวของที่บางตาจึงได้เอ่ยถาม
“เก็บของจะไปไหน”
“หาทางหนีทีไล่ไง งัดเซฟได้คงกะจะย้ายของหนีเลยล่ะสิ” ผมทำหูทวนลมแล้วก้มมองหน้าจ่อยเพื่อรอคำตอบที่แท้จริง
“ตั้งใจว่าได้เงินเดือนจากที่ร้านก็จะรีบไปหาหอ เราไม่อยากรบกวนจิมนานเลยเก็บที่ไม่ค่อยได้ใช้ไว้ก่อน”
ผมเหลือบขึ้นมองหน้าคนเป็นพี่ก่อนจะตวัดหางตาใส่ ได้ยินเสียงกระแอมเบาๆ แหละแต่ผมเลือกที่จะไม่ให้ค่า
“จะหนีเราไปไม่บอกไม่กล่าวเลยหรอ”
“เราเปล่านะ” จ่อยเอียงคอไปมองหน้าพี่แจ็คแล้วหันกลับมาพูดกับผม “เราต้องไปทำงานกับคุณแจ็คเลยกลัวว่าจะมีปัญหาตามมา เราไม่อยากให้จิมเดือดร้อน ไม่อยากโกหกเรื่องที่พักกับคุณแจ็คด้วย”
“แต่ก็โกหกมาตลอด ชิ” จ่อยทำท่าจะร้องไห้ผมจึงเอามือไปลูบหัวเพื่อปลอบว่าอย่าไปใส่ใจคนพรรค์นั้น
“นอนพักก่อน พรุ่งนี้เราจะพาไปหาหอ”
“แต่เรายังไม่ได้เงิน”
“ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่เราจะไปเบิกกับพี่โยเอง ที่เหลือก็เป็นเงินเดือนของนายเอาไว้ส่งให้แม่ โอเคมั้ย”
“อื้ม”
“หลับซะ ไม่ต้องสนใจมลพิษทางสายตาหรอก”
“จิม...อย่าว่าคุ...”
“นอน”
“พี่ว่าเราต้องคุยกันนะจิม” เสียงแข็งของพี่แจ็คทำให้จ่อยสะดุ้งลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“จิมไม่มีอะไรจะพูดกับพี่”
“แต่พี่มี” แรงตวาดทำให้ผมรู้ว่าไม่ควรต่อปากต่อคำด้วยอีก “คิดว่าสิ่งที่เราทำมันถูกต้องแล้วรึไง พาใครก็ไม่รู้ ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาอยู่ในบ้าน ถ้าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎมาหลอกให้น้องตายใจ ใช้ความน่าสงสารกับความใจดีของน้องแล้วจะทำยังไง ทำไมถึงไว้ใจคนง่ายแบบนี้พี่เตือนกี่ครั้งแล้ว”
“แล้วจ่อยเป็นคนแบบนั้นมั้ยล่ะ” ผมตวาดกลับอย่างไม่นึกกลัว จนจ่อยลุกขึ้นจากที่นอน “จ่อยที่พี่รู้จักเป็นคนแบบนั้นรึเปล่า”
“แล้วน้องกล้าไว้ใจได้ยังไง”
“พี่เองตอนที่เจอจ่อยครั้งแรกก็ไว้ใจไม่ใช่หรอ เอ็นดูถึงขนาดซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้ ซื้อโทรศัพท์เครื่องละเกือบครึ่งแสนทำไมไม่คิดว่าจ่อยจะมาปอกลอกพี่บ้างล่ะ ไอ้ที่รับงานมาทำเยอะๆ ก็ไม่ใช่เพราะต้องใช้หนี้บัตรรึไง หรือพี่จะเถียง” พี่แจ็คอึกอักไปพักนึง ส่วนผมเองก็ถูกจ่อยดึงแขนกระตุกๆ อยู่อย่างนั้นเพราะไม่อยากเห็นพวกเราทะเลาะกัน
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรพาเข้าบ้านแบบนี้”
“พี่เองยังพาจ่อยไปนอนถึงในห้องได้เลย”
“จิม!!”
“ไม่พอใจอะไรก็ขึ้นเสียง เอะอะก็จะเอาให้ตัวเองถูกตลอดทั้งๆ ที่ก็ทำเหมือนๆ กันแต่ทำไมจิมต้องผิดอยู่คนเดียว”
“พี่ทำเพราะพี่รู้จักเค้าแล้ว เชื่อใจเพราะเค้าเป็นเพื่อนน้องเป็นลูกจ้างโย แต่จิมจะพาใครก็ไม่รู้มาอยู่ที่บ้านไม่ได้ อย่างน้อยน้องก็น่าจะบอกพี่ ขอความเห็นพี่ก่อน ไม่ใช่มาทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ ถ้าวันนึงคนที่จับได้ไม่ใช่พี่ แต่เป็นแม่ หรือคนข้างบ้านที่เจอว่ามีใครก็ไม่รู้มาเดินเข้าๆ ออกๆจะทำยังไง มันจะไม่ยิ่งเป็นเรืองใหญ่กว่านี้หรอ อยากช่วยเพื่อนก็บอกสิ เอาเหตุผลมาคุยกัน ลำบากแค่ไหนมีทางแก้ยังไงไม่ใช่คิดอะไรเป็นเด็กๆ แบบนี้ จ่อยไม่ใช่ลูกหมาที่น้องคิดจะเก็บมาเลี้ยงก็ขังกรงไว้ แล้วนี่ก็อีกคน เค้าให้อยู่ก็อยู่ ให้ทำอะไรก็ทำ ไม่คิดจะคัดจะค้านบ้างรึไง ชอบหรอคอยย่องๆ เข้าบ้านคนอื่น สอดแนมว่าใครจะจับได้ไม่ได้ สนุกมากหรอ”
“ผมไม่ได้สนุกนะครับ” จ่อยตอบพี่แจ็คเสียงอ่อย “แต่คุณแจ็คอย่าดุจิมได้มั้ยครับ ผมผิดเอง ผมไม่อยากขัดใจจิมเพราะจิมมีพระคุณกับผม อีกอย่างผมเองก็กินง่ายนอนง่าย...”
“กินง่ายนอนง่ายไม่ได้หมายความว่าจะแอบมานอนบ้านคนอื่นได้นะ!”
“ก่อนที่จิมจะพาจ่อยมาที่นี่พี่รู้มั้ยว่าจ่อยอยู่ที่ไหน” ผมพูดเสียงเรียบเพื่อตัดความหงุดหงิดในตัวพี่แจ็ค และหวังว่าเขาจะฟังคนอื่นมากขึ้น “จ่อยนอนอยู่หน้าเซเว่น กอดกระเป๋าแน่นเพราะกลัวจะโดนคนมากรีดกระเป๋าอีก นั่งมองไอ้ขาวตาละห้อยเพราะมันได้กินอาหารดีๆ ขณะตัวเองไม่มีเงินสักบาท ถ้าจะบอกให้จิมปรึกษาพี่งั้นจิมขอถามกลับ พี่จะยอมช่วยจ่อยหรอ ในเมื่อวันที่จิมบอกพี่ พี่ยังโวยวายที่จิมออกค่าข้าวแค่สี่สิบบาทให้เค้า”
“ฮึก...พอแล้วจิม”
“จิมผิดที่ไว้ใจคนเกินเหตุ จิมก็ไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้วไอ้คนหน้าเซเว่นนั่นมันจะนิสัยใจคอเป็นยังไง พี่พูดถูก จิมรู้สึกอย่างเดียวคือถูกชะตาถ้าไม่นับเรื่องความสงสาร แต่ตอนนี้พี่ก็รู้จักจ่อยแล้ว รู้แล้วว่าเค้าเป็นคนยังพี่จะยังไล่เค้าไปอยู่รึเปล่า จิมช่วยคนไร้บ้านทั้งโลกไม่ได้แต่จิมขอไว้คนนึงได้มั้ยพี่ ตอนนี้ไม่ใช่เพราะสงสารแต่เพราะเค้าเป็นเพื่อนจิม เพื่อนของจิม เพื่อนที่คอยรับฟังทุกเรื่องทุกอย่างแทนพี่ เพื่อนที่จิมสามารถปรับทุกข์ด้วยได้ เพื่อนที่กินข้าวกับจิมทุกเย็นเวลาที่พี่กับแม่ไม่อยู่ ให้เพื่อนคนนี้อยู่กับจิมได้มั้ย จิมจะไม่ขออะไรพี่อีกเลย อยากให้จิมทำอะไรจิมก็จะทำ ให้อ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนจิมก็จะอ่าน แค่พี่ยอมอนุญาต แค่เรื่องเดียวก็พอ”
“จิม...ฮึก...” จ่อยเข้ามากอดจากผมด้านหลังตัวสั่นเป็นลูกนกตกน้ำ ผมอยากจะหันไปปลอบแต่ก็ยังต้องฟังคำตอบจากปากพี่แจ็คอยู่ ตั้งแต่ผมมีพี่ชายที่ขี้บังคับ คอยบงการทุกเรื่องในชีวิตผม ผมก็ไม่เคยเอ่ยปากถึงความต้องการอะไรในใจอีกเลย เพราะผมรู้ดีและยอมรับกับทุกอย่างรอบตัวที่บีบจนเรากลายเป็นแบบนี้ พี่แจ็คเหนื่อยผมรู้ และความอึดอัดที่อยู่ในใจผมคิดว่าพี่แจ็คก็รับรู้มันได้เหมือนกัน
ไม่มีคำตอบอะไรหลังจากที่ผมรออยู่หลายนาที จ่อยก็ยังคงกอดผมเป็นลูกลิง ส่วนพี่แจ็คที่ยืนดูอยู่เงียบๆ ก็ก้าวออกจากห้องไปทิ้งท้ายไว้แค่สายตาที่ผมเดาเอาเองว่าอยากทำอะไรก็ทำ
“สบายใจได้แล้วนะ”
“ขอโทษนะจิม เพราะเราคนเดียว ฮึก..”
“บ้าหรอ เพราะเราต่างหาก”
“ไม่ๆ เพราะเรา”
“ไม่ก็ไม่ ไม่เถียงด้วยแล้ว” ผมผลักจ่อยลงไปนอนที่เดิม “ไม่ต้องหลบต้องซ่อนใครแล้วนะ ไม่ต้องนั่งอาบน้ำเพราะกลัวใครจะได้ยินเสียงฝักบัวด้วย”
“จิมรู้ด้วยหรอ” เจ้าจ่อยตาโตใส่ผม “แอบดูเราอาบน้ำหรอ”
“แอบที่ไหนกันเล่า แต่คนขี้กลัวอย่างนายถ้ายืนอาบเดี๋ยวใครมาได้ยินเสียงน้ำเราคิดไม่ถูกหรอ”
“กะ...ก็ถูก ตกใจหมดเลย”
“ดีแล้วล่ะ ไม่เปลืองทิชชู่”
“ทิชชู่ก็รู้หรอ?”
“ฮาๆๆ ใครน้า อาบน้ำเสร็จก็เอาทิชชู่ไปซับน้ำที่พื้น เนียนเก่งงง”
“จิมมมมมมม”
“ต่อไปไม่ต้องแล้ว อยากอาบเวลาไหนก็อาบ หิวเมื่อไหร่ก็ออกมากิน อยากเจอกันก็เดินมาหาได้สบายๆ เลย”
“แล้วคุณแจ็ค...”
“เดี๋ยวก็ยอมเองแหละ”
“แล้วถ้าไม่ล่ะ”
“ถ้าไม่หรอ อืม... ลองอ้อนดูมะ เราเคยนะ เวลางอแงใส่พี่แจ็คก็จะยอมๆ หน่อย”
“ก็จิมเป็นน้องชายนี่นา เราเป็นโจร โดนจับส่งตำรวจใส่กุญแจมือด้วย ฮึก...”
“ไม่เอาไม่ร้อง เราขอโทษ เราเอารถพี่แจ็คออกไปใช้แต่ไม่ได้บอกจ่อยก่อนว่าพี่แจ็คอยู่บ้าน ขอโทษนะ” ผมจับมือจ่อยไว้แน่นเพราะเห็นเขาเอามือลูบๆ ถูๆ ส่วนที่เคยโดนล็อกกุญแจ คงเป็นบ่วงในใจไปแล้วแน่ๆ คงจะฝังใจกับเรื่องนี้ไปอีกนาน
“เรากลัว...”
“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นเชื่อสิ ช่วงนี้ก็อยู่ห่างๆ พี่แจ็คไว้ก่อน พยายามอย่าไปอยู่ใกล้ให้เค้าหงุดหงิดเข้าใจมั้ย”
“อื้ม”
“นอนได้แล้ว”
“จิมนอนกับเรา” จ่อยขยับหัวตบที่นอนแปะๆ บนที่ว่าง “อย่าเพิ่งไปไหนนะ อยู่กับเราก่อน เรากลัว”
“อื้ม จะอยู่นี่แหละ ไม่ไปไหนเลย หลับตาซะ” ผมเอนตัวลงเท้าแขนกับหมอนลูบหัวตบตูดจนคนตรงหน้าหลับไป
คิดว่าคงไม่มีอะไรที่ผมจะต้องเคลียร์อีก จ่อยเป็นคนแบบไหนเชื่อว่าพี่แจ็คก็น่าจะรู้ดี เขาเป็นคนไม่มีพิษมีภัยและเป็นคนที่จริงใจคนนึง พี่แจ็คดูคนเก่งกว่าผมมาก เชื่อว่าคงไม่คาใจอะไรกับจ่อยอีก

[จ่อย]

   ผมตื่นขึ้นมาก็พบว่าจิมไม่อยู่แล้ว ทั้งที่หลับๆ ตื่นๆ แต่ผมก็ไม่มีกระจิตกระใจจะลุกขึ้นมาทำอะไรเลย วันนี้มันเลวร้ายกว่าทั้งชีวิตที่ผมเคยเจอ คิดว่านอนข้างถนนจะแย่ที่สุดแล้วแต่เปล่า มันทำให้ผมรู้ว่าเราคาดเดาอะไรในอนาคตไม่ได้ วันนี้ว่าร้าย พรุ่งนี้มันอาจจะร้ายกว่า
ตึ่ง ตึ่ง
   JIMMA_: ตื่นยัง
   JIMMA_: ล้างหน้าล้างตามากินข้าวเร็ว
หนุ่มสกลคนหล่อ : ตื่นแล้ว
หนุ่มสกลคนหล่อ : ไม่มีใครอยู่บ้านหรอ
หนุ่มสกลคนหล่อ : เรากินที่ห้องก็ได้
   JIMMA_: มาเถอะ
   JIMMA_: จะได้ทำความรู้จักกับทุกคน
   JIMMA_: ถึงจะรู้จักอยู่แล้วก็เถอะ
   สิ้นประโยคนี้ผมรู้ได้ทันทีว่าหมายถึงอะไร จากนี้ไปผมคงต้องเผชิญหน้ากับคนในบ้านที่ไม่ใช่ในฐานะแขกผู้มาเยือนเหมือนที่คุณแจ็คเคยพามา แต่เป็นฐานะอะไรผมก็เริ่มไม่แน่ใจ

คุณแจ็คยังคงบึ้งตึงใส่ผมและประชดประชันทุกครั้งที่ผมตอบคำถามอะไรออกไปจนผมได้แต่ก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ
คุณแม่ของจิมใจดีกับผมมาก ตักอาหารให้ผมทานหลายอย่างแล้วยังเอ่ยปากขอโทษแทนคุณแจ็คที่ทำเกินกว่าเหตุแต่ผมก็ปฏิเสธคำขอโทษนั้น ถึงจะไม่ได้ขโมยอะไรแต่ยังไงคนผิดก็คือผม
“ให้เพื่อนย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านมั้ยลูก นอนห้องเก็บของแม่ว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“ก็ดีสิฮะ ให้นอนห้องเดียวกันกับจิมก็ได้”
“ไม่ได้!” คุณแจ็คขัดขึ้นเสียงดัง
“ทำไมล่ะ ห้องก็ห้องจิม จิมไม่มีสิทธิ์อนุญาตหรือไงW
“จิม ไม่เอาไม่เถียงคุณแจ็ค”
“น้องต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสำหรับเทอมหน้า แล้วไหนจะงานที่ต้องทำส่งอาจารย์อีก ถ้าอยู่ด้วยกันก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี”
“นั่นหรอเหตุผลของพี่น่ะ ยังไม่เปิดเทอมด้วยซ้ำคิดอะไรไปไกล”
“บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”
“ผมนอนห้องเดิมก็ได้ครับ จะไม่ไปกวนจิมเลยคุณแจ็คทานต่อเถอะครับ ถ้าได้เงินเดือนจากพี่โยเมื่อไหร่ผมจะย้ายออกไปทันที”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ อีกแค่ไม่กี่อาทิตย์ ทนๆ เอาหน่อยแล้วกันนะ” คุณแม่จิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย คิดว่าน่าจะเพราะลูกชายทะเลาะกัน ซึ่งแน่นอนว่าต้นเหตุมาจากผม
“เรามีห้องว่างอีกห้องนึงนี่ครับแม่ แค่เปลี่ยนหลอดไฟกับเตียงแทนอันเก่า ก็น่าจะอยู่ได้แล้วนะครับ” จิมพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางคุณแจ็ค “ช่วยกัน ทำความสะอาด นิดหน่อยก็พอ”
“ชิ” คุณแจ็ครวบช้อนแล้วลุกออกจากโต๊ะไปพร้อมทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจไว้อีก “อยากทำอะไรก็เชิญ”
“ผมทำแน่”
“จิมพอเถอะ เราขอ” ผมรีบดึงจิมให้หันกลับมาเพราะเห็นแล้วว่าเขาถลึงตาใส่พี่ชายอย่างไม่เกรงกลัว
“ที่เหลือจิมก็จัดการแล้วกันนะลูก แม่ไม่ว่า แต่อย่าดื้อดึงกับพี่เค้าให้มากนักยังไงเราก็เป็นน้อง”
“ครับ” ผมเห็นจิมหน้ายู่แต่ก็ตอบรับแต่โดยดี
“เราอยู่ห้องเก็บของตามเดิมก็ได้นะจิม” ผมพูดหลังจากที่คุณแม่ลุกไปแล้ว
“ได้ไงล่ะ ปวดหลังตายเลย เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าที่นอนมันแฟบขนาดนี้ เรานอนด้วยไม่ถึงชั่วโมงหลังแข็งจนต้องลุกออกมา ทนอยู่ไปได้ยังหะจ่อยทำไมไม่บอกเรา”
“เราอยู่ได้ ที่นี่สบายกว่าบ้านเราอีก”
“ไม่เอาอะไม่ให้อยู่” จิมเคลียร์จานบนโต๊ะเตรียมจะล้าง “เราจะรีบให้ช่างมาจัดการให้เร็วที่สุดนะ”
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะถึงพูดไปสุดท้ายก็ต้องตามใจจิมอยู่ดี เราช่วยกันล้างจานจนเสร็จก็มาดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นกันต่อ เป็นครั้งแรกที่ผมเดินอยู่ในบ้านโดยไม่ต้องกลัว ทุกคนรู้ว่าผมพักที่ไหนและสามารถเดินกลับไปได้โดยไม่ต้องหลบซ่อน
“ง่วงแล้วอะ” จิมหาวประกอบคำพูดจนดูน่าเชื่อถือ
“แต่เราเพิ่งตื่นเอง” ผมก็ตอบออกไปตรงๆ ทั้งอย่างนั้น
“จะนั่งดูทีวีไปก่อนมั้ยล่ะ แต่เราไม่ไหวแล้วนะ วันนี้ก็วุ่นวายทั้งวันเลย”
“งั้นก็ช่วยกันปิดบ้านจิมจะได้ไปนอน เราไปเล่นเกมส์ในห้องก็ได้”
“เล่นเกมส์? เดี๋ยวหัดเล่นเกมส์กับเค้าเป็นด้วยหรอ” จิมทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
“เป็นสิ พี่แม๊กสอน ตอนนี้ติดมากเลยแต่วันนี้ก็ไม่ได้เล่นทั้งวัน เพิ่งมาจับโทรศัพท์ตอนจิมไลน์มานั่นแหละ”
“ก็ดี จะได้คลายเครียด แต่ก็อย่าติดมากนะ เราไม่ชอบคนที่วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่สนใจโทรศัพท์ จ่อยต้องสนใจเรามากกว่ารู้มั้ย”
“รู้แล้ว ถ้าอยู่กับจิมเราจะไม่เล่นโทรศัพท์สัญญาเลย”

นี่เป็นครั้งที่ผมกล้าเปิดไฟนับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ผมกลัวมาตลอดว่าความสว่างจะทำให้คนภายนอกสงสัย แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ทุกวันผมต้องเสียวสันหลังตลอดว่าเวลาได้ยินเสียงอะไรมาใกล้ หรือกังวลอยู่ตลอดว่าจะตื่นทันมั้ยเพราะไม่กล้าตั้งนาฬิกาปลุก มันทำให้ผมรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สะดุ้งตัวโยนหลังจากที่ฝากสมาธิไว้ในเกมส์ แต่โอเค ผมบอกตัวเองว่าไม่ต้องกลัว เปิดได้ ไม่ต้องกลัว ทุกคนรู้หมดแล้ว ไม่ต้องกลัว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เอ่อ...” ต้องไม่ใช่จิมแน่ผมรู้สึกอย่างนั้น
“ทำอะไรอยู่เมื่อไหร่จะเปิด!” เสียงคุณแจ็คตวาดดังเข้ามาจนผมถอยครูดออกจากหน้าประตู
เสียงเคาะยังดังถี่พร้อมเสียงโวยวายที่เข้ามาเป็นระยะทำให้ผมตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก ผมไม่ชอบแบบนี้ ไม่ชอบคนดุ ไม่ชอบคนตะคอก ยิ่งเป็นคุณแจ็คผมยิ่งกลัว
“รู้นะว่าอยู่ในนั้น จะเปิดดีๆ หรือจะให้พังเข้าไป” ผมยืนพิงอยู่หน้าตู้เก็บของเงอะงะทำอะไรไม่ถูก ถ้าเปิดให้เข้ามาคุณเขาจะมาต่อยผมมั้ย จะหิ้วผมโยนออกไปจากบ้านรึเปล่า
“ฮือ...จิม...”

(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ พิชา(ไรท์ขายหวย)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 8
«ตอบ #38 เมื่อ28-03-2019 22:13:27 »

[แจ็ค]


ผมรู้สึกคาใจเลยลงมาหาเจ้าตัวต้นเรื่องที่ห้องเก็บของ อยากถามและอยากฟังเขาตอบด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีจิมมาคอยปกป้อง แต่ไม่ว่าจะเคาะยังไงคนข้างในก็ไม่ยอมเปิด ทั้งๆ ที่ผมรู้ว่าเขาอยู่ในนั้น
ลูกบิดในมือถูกกระแทกแรงด้วยข้อมือผมเอง มันเจ็บร้าวไปหมดแต่ก็น่าโมโห กุญแจในมือผมมันไขไม่ได้ ต้องเป็นเพราะเจ้าจิมมาแอบเปลี่ยนไว้แน่ๆ ครั้งที่แล้วก็ทีนึง
ทนไม่ไหวจึงออกแรงยันเข้าไป 2-3ที แล้วก็ได้ผล ประตูเก่าๆ ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานปกติก็ฝืดอยู่แล้วถึงจะเปลี่ยนลูกบิดใหม่แต่ยังไงบานไม้ก็อันเดิม กระแทกรอยทะลุของประตูโทรมๆ เอื้อมบิดปลดล็อคก็ทำให้ผมได้เข้ามาอยู่ด้านใน
“นั่งทำอะไรตรงนั้น” ภาพแรกที่ผมเห็นคือก้อนเล็กๆ นั่งขดตัวกอดเข่าอยู่ข้างซอกตู้ ทำไมผมต้องมาเห็นเจ้าเด็กนี่อยู่ข้างซอกตู้ทุกทีให้ตายสิ
“ฮืออ..ฮึก..”
“ร้องไห้หรอ ร้องไห้ทำไม” ผมแค่ยกมือแตะที่ไหล่เจ้าก้อนนี่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“อย่าทำผม อย่าทำอะไรผมเลยนะครับคุณแจ็ค ฮึก..ผมขอโทษ ฮึก”
ผมชักมือกลับแทบจะทันทีที่สิ้นเสียงจ่อย ร่างผอมขยับหนีการสัมผัสจากผมยกมือท่วมหัวเพื่อขอร้องไม่ให้เข้าไปใกล้
นี่มันอะไรกัน...
“จ่อย...” ผมรู้ตัวว่าน้ำเสียงแผ่วเบากว่าตอนแรกมาก ผมกลายเป็นคนน่ากลัวสำหรับเขาไปแล้วและมันทำให้ผมกลัวตัวเองเหมือนกัน “เงยหน้ามาคุยกับฉันก่อน”
“ฮึก....”
“ไม่ร้องๆ มานี่” ผมดึงตัวอีกคนเข้ามากอด ร่างเล็กดูจะแข็งขืนในตอนแรกแต่ก็ยอมให้ผมจับเพราะความสั่นกลัวไม่ใช่ความเต็มใจเหมือนทุกครั้ง “ไม่ร้องๆ คุยกันดีๆ”
“คุณแจ็ค ฮึก.. คุยไม่ดี”
“ดีแล้วๆ ถ้าคุยไม่ดีให้ตีเลยอะ โอเคมั้ย”
“ฮึก...ไม่โอเค” เจ้าตัวเล็กส่ายหน้าบนอกผม “ผมไม่ตีคุณแจ็ค”
“ตีได้ อนุญาต” มือก็ลูบหัวและกดจูบลงไปบนกลุ่มผมอีกทีให้เจ้าตัวเล็กเลิกสั่น “แต่ไม่ให้ร้องไห้แล้วนะ ร้องมาทั้งวันแล้วไม่เหนื่อยรึไง”
เหมือนจะได้ผลเพราะเจ้าจ่อยยกมือขึ้นปาดน้ำตาและสูดน้ำมูกฟอดใหญ่แถมยังซบหน้าลงบนอกผมถูคราบเปียกปอนกับเสื้ออีก ไอ้เด็กบ้านี่
“เลยลืมเลยว่าจะมาคุยเรื่องอะไร” ผมยกมือลูบแก้มนิ่มแล้วบีบปากบวมไปหนึ่งที
“มาดุผม” เสียงอู้อี้ตอบพร้อมเบะขึ้นอีกรอบ
“ห้ามร้องแล้วนะตกลงกันแล้ว”
“ฮึบ...ป๋มไม่ได้จะร้อง” มองหน้าที่พยายามกลั้นแล้วก็อดขำไม่ได้
“โอเค ไม่ร้องก็ไม่ร้อง แต่ทำไมห้องมันร้อนขนาดนี้เนี่ย”
“คุณแจ็คร้อนหรอครับ ออกไปอยู่ข้างนอกดีกว่าครับห้องนี้มันแคบแล้วก็อบอ้าวด้วย ไปครับ”
“นายอยู่เข้าไปได้ยังไงจ่อย พัดลมก็เล็กนิดเดียวแอร์ก็ไม่มี หน้าต่างก็ไม่เปิด”
“ผม...” เจ้าจ่อยไม่ตอบแต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้นเหมือนไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ไปแต่งตัวดีๆ ไป อาบน้ำรึยัง”
“อาบแล้วครับ แต่คุณแจ็คจะให้ผมแต่งตัวไปไหน ค...คุณแจ็คจะให้ผมออกไปอยู่ที่อื่น...หรอครับ”
“แล้วนายจะนอนยังไง ร้อนก็ร้อน”
“ผมอยู่ได้ แต่...ผมยังไปที่อื่นไม่ได้” เจ้าจ่อยยังทำหน้าหงอยเหมือนเดิม
“ไม่ได้จะพาไปไหนหรอกน่า แต่ถ้านายอยากอยู่ห้องนี้ต่อก็เชิญ ประตูห้องก็พังแล้วด้วย ใครจะเปิดเข้าเปิดออกก็ง่าย ดึกๆ มาไม่รู้จะมีใครมานั่งอยู่ข้างที่นอนรึเปล่า แต่นายเข้ากับคนแปลกหน้าง่ายอยู่แล้วนี่ งั้นก็อยู่คนเดียวไปนะ ฉันไปล่ะ”
ผมตั้งท่าจะลุกแต่โดนคว้าไว้ทั้งตัวจนเซ “จะชวนผมไปที่อื่นใช่มั้ยครับ พอดีเลยผมก็ยังไม่ค่อยง่วง แปบนะครับหาเสื้อคลุมก่อน” เฮ้อ ซื่อบื้อ หลอกง่ายแบบนี้นี่นะที่ผมคิดว่าเขาจะมาปล้นเซฟ เฮอะ...

เราเดินเล่นกันอยู่รอบๆ บ้านจนมาถึงม้านั่งที่ผมชอบออกมาสูดอากาศกลางดึกบ่อยๆ ห้องนั้นมันอุดอู้และผมก็อยากให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเลยลองใช้วิธีนี้ ซึ่งมันก็ดีนะ ผมเห็นจ่อยแหงนมองนั่นนี่ไปเรื่อยแถมนั่งคุยกับหอยทากอยู่หลายนาทีจนผมต้องลากตัวออกมาจากจินตนาการเด็ก
“หายกลัวฉันรึยัง” ผมถามหลังจากที่ดึงมือจ่อยมานั่งข้างๆ
“ผม...ไม่รู้ครับ”
“ทำไมล่ะ”
“ผมไม่รู้ว่าคุณแจ็คจะดุผมขึ้นมาอีกเมื่อไหร่”
“กลัวที่ฉันดุแค่นั้นหรอ”
“ผมไม่ชอบเวลามีคนมาตวาดใส่ครับ การตะโกนตะคอกมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย มีแต่โหมอารมณ์ปะทุขึ้นไปเรื่อยๆ จากนั้นก็จะไม่ฟังใคร ไม่สนใจคนรอบข้างเพราะดับความโกรธในใจของตัวเองไม่ได้แล้ว”
“แต่นายก็ทำผิด”
“ครับ ผมผิด ผมรู้ตัวดี ผมไม่ควรเข้าไปวุ่นวายกับข้าวของในบ้าน แต่ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำอะไรไม่ดีเลยนะครับ”
“แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน ทำไมกับจิมนายถึงยอมพูดทุกอย่างแต่กับฉันนายเลือกที่จะปิดปากเงียบ”
“...”
“ตอบฉันมาสิ”
“...เพราะจิมเค้ารับฟังผม” เป็นผมที่เงียบกลับไปบ้าง “จิมฟังผมและพร้อมที่จะเชื่อ พร้อมที่จะให้ผมอธิบายและพิสูจน์ตัวเอง แต่คุณแจ็ค...”
“ฉันดูร้ายในสายตานายมากสินะ” ถึงตอนนี้ผมแทบไม่อยากจะพูดอะไรต่อ ผมคงทำให้จ่อยรู้สึกกับผมเหมือนที่น้องชายแท้ๆ รู้สึกไปแล้ว
“คุณแจ็คจะไม่เชื่อใจผมก็ไม่ผิดหรอกครับ ทั้งปิดบังโกหกหลายอย่างแต่ยังกล้าพูดคุยเข้าหาคุณแจ็คอย่างสนิทสนม ผมเองก็น่าไม่อายเหมือนกัน”
“โกรธฉันมั้ยจ่อย”
“ผมกลัวมากกว่าครับ กลัวไปหมดทุกอย่าง” อยู่ๆ เจ้าตัวเล็กก็ทิ้งหัวลงบนไหล่ผม “กลัวว่าคุณแจ็คจะเกลียด กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอคุณแจ็คอีก คุณแจ็คจะไม่มาที่ร้านไม่ทักทาย ไม่มองหน้าผม เราจะไม่ได้พูดคุยกันดีๆ กลัวว่าผมต้องกลับบ้านไปพร้อมความรู้สึกเจ็บปวดกับทุกคนที่นี่ หรือไม่... ผมอาจจะอยู่ในคุกไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน”
“ขอโทษนะ” ผมส่งมือขึ้นลูบต้นแขนไปมาเบาๆ จ่อยขยับขึ้นเพื่อที่จะนั่งให้ถนัดโดยทิ้งน้ำหนักตัวมาที่ผม “แต่ฉันก็กลัวไม่ต่างจากนายหรอก”
“ผมไม่ได้ตวาดใส่คุณแจ็คสักหน่อยจะกลัวอะไรครับ”
“ฉันไม่ได้กลัวที่นายดุ อย่างนายน่ะหรอจะไปตะคอกใส่ใครได้” ผมดีดหน้าผากเจ้าตัวซื่อบื้อไปหนึ่งที “ฉันกลัวว่าจะเสียความเชื่อมั่นในตัวนายไปต่างหาก กลัวว่าถ้านายทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ จะเป็นยังไง นายอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน หรือกลับพร้อมความรู้สึกที่เจ็บปวด แต่คนที่อยู่ก็คงรู้สึกไม่จากต่างนายหรอก”
“แต่คนแจ็คก็เลือกที่จะส่งผมให้ตำรวจ”
“เพราะฉันอยากให้เค้าช่วยยืนยันกับฉันว่านายไม่ผิด”
“คำพูดของผมมันไม่เพียงพอหรอครับคุณแจ็ค”
“ก็คงพอ” ผมโอบคนตัวเล็กมากอดไว้แน่น “แต่ฉันคงไม่พร้อมจะฟังเหมือนที่นายบอก นายพูดไม่ผิดสักนิด ถ้าฉันยืนหยัดที่จะเชื่อนายได้สักครึ่งนึงของจิมก็คงจะดี”
“ผมรักคุณแจ็คนะครับ ผมไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ไม่มีทางทำให้จิมผิดหวังในตัวผมด้วย ผมกล้าสาบานเลย”
“อย่ามาบอกรักใครมั่วๆ แบบนี้สิ”
“ก็ผมรักคุณแจ็คจริงๆ นี่ครับ รักๆๆๆๆๆๆๆๆ ร๊ากกกกกกกก”
“ไอ้เด็กบ้าเอ้ย”

TBC
#ห้องลับบักจ่อย
[/b]

ออฟไลน์ พิชา(ไรท์ขายหวย)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 10
«ตอบ #39 เมื่อ03-04-2019 20:03:05 »

 




10
คำว่ารักที่เธอเขียนลงใจฉัน...

[แจ็ค]   
คุณคิดไหมว่าทำไมผมถึงต้องเขินกับคำบอกรักของเด็กซื่อๆ คนนึง
ก็เพราะว่าเขาซื่อนะสิ มันถึงได้ดูจริงใจเหลือเกิน
ห้องนอนที่มืดสนิทผมกำลังกอดผู้ชายตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘คนพูดอาจไม่คิดอะไร แต่ฝังลึกในใจคนฟัง’ ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่ ใจของผมยังไม่เลิกสั่นและปากของผมยังไม่สามารถหยุดยิ้มได้แต่เจ้าตัวที่ทำให้ความรู้สึกของผมวุ่นวายขนาดนี้กำลังกรนอยู่ครอกๆ
นึกถึงบทสนทนาที่ทำให้เรามาอยู่บนเตียงแล้วยังแอบขำ
“คุณแจ็คไปนอนเป็นเพื่อนผมเลยครับ รับผิดชอบเลยด้วย”
“เรื่องอะไรฉันต้องไปนอนไอ้ห้องร้อนๆ นั่นด้วยล่ะ”
“ก็คุณแจ็คทำประตูพัง”
“ถ้านายเปิดแต่แรกมันก็ไม่พังหรอก”
“ไม่รู้แหละ สุดท้ายคนลงมือก็คือคุณแจ็คครับ มากับผมซะดีๆ”
“ถ้าต้องนอนห้องนาย ให้นายขึ้นไปนอนห้องฉันไม่ดีกว่าหรอ”
“เออ...ดีกว่าจริงด้วยครับ ไปสิผมง่วงแล้ว”
ไอ้เด็กบ๊องนี่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่
จากที่เร่งเคลียร์งานมาทั้งอาทิตย์คิดว่าคงถึงเวลาได้พาพวกตัวป่วนไปเที่ยวสักที ถึงรู้ว่าปลายทางที่จะไปคือทะเลแต่ผมก็อยากจะพาไปให้พ้นจากพัทยาหน่อย แม้เวลาจะมีไม่มากแต่ก็อยากจะพาไปที่หาดสวยๆ หรือไม่ก็ตามรีวิวจากนักท่องเที่ยว ผมคงต้องวางแผนใหม่ให้ดีกว่านี้
“คุณแจ็ค...Zzz”
“หืม? ละเมอ?” ผมก้มมองใบหน้าที่อยู่แนบอกแต่ผมเผ้าก็บังจนไม่เห็นอะไร
“งื้อออ งืมมม” คนหลับยกแขนเอาข้อมือมาถูๆ ดีดตัวจนต้องคว้าไว้แล้วจับแยกออก
“เป็นอะไร ฝันหรอ” ผมตบๆ ที่หน้าเบาๆ สะกิดให้อีกคนตื่น
“ฮืออ คุณแจ็ค บอกคุณตำรวจว่าผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้...Zzz”
“...” ผมทำให้ความบริสุทธิ์ของเด็กคนนึงแปดเปื้อนไปแล้วสิ การที่ต้องใส่กุญแจมือนั่งอยู่ในห้องสอบสวน คงกลายเป็นอดีตที่เลวร้ายของเด็กผู้ชายคนนี้ไปแล้ว “ขอโทษนะ” ผมกดจูบที่ข้อมือเล็กเบาๆ จับมันไว้ไม่อยากจะปล่อย เป็นความใจร้อนของผมเอง ข้อเสียที่หลายคนพยายามเตือนแต่ผมไม่เคยสนใจจนไม่รู้เลยว่าทำลายความรู้สึกของใครไปบ้าง อย่างน้อยก็น้องชายผมคนหนึ่งล่ะ
จ่อยสงบลงและคิดว่าคงหลับสนิทไปแล้ว ผมเองคิดอะไรเพลินๆ ก็ชักจะฝืนร่างกายไม่ไหวเหมือนกัน
 “ผันดีเจ้าเบิ้ม” ผมกดจูบที่หน้าผากอยู่นานนับนาทีก่อนจะผละออกแต่ที่น่าตกใจคือ...
“ฝันดีครับ” เขาแหงนหน้าขึ้นมาจุ๊บปลายคางผม!
“นายยังไม่หลับหรอ”
“คุณแจ็คอย่ากวนนนน...Zzz”
“อ่าว ผิดอีกกู”

[จ่อย]

   เป็นอีกครั้งที่ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนุ่มๆ ห้องของคุณแจ็คยังคงมืดสนิทเหมือนเดิมจนผมต้องคว้าโทรศัพท์มาดูเวลา
ตีห้าสี่สิบเจ็ดนาทีผมยกแขนขึ้นสูงบิดขี้เกียจสลัดความง่วงเตรียมที่จะกลับไปยังห้องของตัวเอง แม้จะเสียดายความสบายภายใต้ผ้าห่มผืนหนาแต่อีกสักพักผมก็ต้องไปทำงานแล้ว
“โอ๊ะ! คุณแจ็ค?” ผมสะบัดผ้าห่มออกเตรียมจะลุกแต่ก็ถูกคุณแจ็คล็อกเข้าที่เอว
“จะไปไหน” เสียงงัวเงียกำลังถามผมพร้อมกับมือที่ไม่ค่อยมีแรงพยายามดึงตัวผมกลับไปที่เดิม
“ผมต้องไปทำงานแล้วครับ” ขยับตัวเข้าไปหาคุณแจ็คเพราะรู้ดีว่า เวลางัวเงียร่างกายจะไม่ค่อยมีแรงมากเท่าไหร่ “คุณแจ็คมีอะไรจะใช้ผมรึเปล่า”
“มี” เขาใช้ขาก่ายแล้วรวบตัวผมไว้ในผ้าห่มอีกครั้ง “นอนเป็นเพื่อนหน่อย”
“ไม่ได้ครับคุณแจ็ค ต้องไปทำงานแล้ว”
“ทำงานกี่โมง”
“เก้าโมงครับ”
“แล้วตอนนี้กี่โมง” คุณแจ็คหลี่ตาขึ้นควานหาโทรศัพท์ ผมเลยรีบตอบ
“จะหกโมงแล้วครับ”
“โห อีกตั้งสองสามชั่วโมง จะรีบไปไหน” อาใช่ ผมไม่จำเป็นต้องหลบๆ แอบๆ ก่อนใครจะตื่นมาเห็นแล้วนี่ “นอนก่อน เดี๋ยวนาฬิกาฉันก็ปลุกเองแหละ แค่หน้าปากซอยทำอย่างกับใช้เวลาเดินทางเยอะ”
จริงอย่างที่คุณแจ็คพูด ผมเดินจากบ้านไปไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ คงเพราะผมตื่นเวลานี้ทุกวันร่างกายมันเลยจำจนเป็นเรื่องปกติ
“อย่าขยับบ่อยนักสิ ฉันจะนอน”
“ก็ผมกลัวเบียดคุณแจ็คนี่ครับ” ที่นอนนี้ออกจะกว้าง ตอนผมนอนกับจิมที่ห้องเก็บของที่นอนแคบๆ ผมยังไม่เห็นจะตัวติดกันขนาดนี้เลย “เดี๋ยวผมถอยให้คุณแจ็คจะได้นอนสบายๆ”
“บอกให้นอนเป็นเพื่อนไง ถ้าแยกออกไปจะเรียกว่านอนเป็นเพื่อนหรอ”
“คุณแจ็คขี้กลัวหรอครับ”
“หะ? อ่า อื้ม นิดหน่อย” คุณเขาดูลังเลอึกอักเหมือนไม่กล้าตอบผมเลขยับเข้าไปใกล้
“โอ๋ ไม่ต้องกลัวนะครับ” ผมถือวิสาสะลูบที่ผมคุณแจ็คเบาๆ แล้วกดเข้ามาแนบอก “ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแจ็คเอง มีเจ้าที่เจ้าทางคอยเฝ้าไม่ต้องห่วงนะครับ”
สัมผัสได้ว่าคุณแจ็คตัวสั่น ไม่เห็นหน้าคุณเขาหรอกแต่คิดว่าคงเพราะกลัวจริงๆ สั่นจนไหล่ยกหน้าท้องกระเพื่อม ท่อนแขนก็กอดรัดไว้แทบหายใจไม่ออกจนผมต้องยกเจ้าที่เจ้าทางขึ้นมาปลอบให้คุณแจ็คสบายใจ
“อยู่ๆ กลัวอะไรขึ้นมาครับ นอนคนเดียวมาได้ตั้งนาน” คุณแจ็คเงยหน้าขึ้นมา ผมรู้สึกว่าหน้าแดงๆ ด้วย
“ไม่รู้สิ ฮ่าๆๆ” คุณหัวเราะลั่นแถมยังดันตัวผมออกไปนอนหงายเอามือกุมท้องแล้วเสียงไม่หยุด
“หลอกผมหรอ”
“ฉันไปหลอกอะไรนาย” เขาหันมาพูดกับผม ไอ้หน้าที่แดงๆ เพราะคงจะกลั้นขำนั่นมันน่าหงุดหงิดจริงๆ “อยู่ๆ นายก็ลากไปโอ๋เหมือนเด็ก ฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักนิด”
“ก็คุณแจ็ค... เฮ้อ ไม่อยู่ด้วยแล้วครับ เชอะ โอ้ยคุณแจ็ค!” ผมฟึดฟัดจะลุกออกมาแต่โดนแรงเหวี่ยงทีเดียวก็ล้มหน้าคว่ำกับที่นอนตามเดิม “เล่นอะไรครับเนี่ย”
“อย่าเพิ่งโมโหสิ” เขาเอามาผ้าห่มมาคลุมตัวผมไว้ “นอนก่อน อีกตั้งหลายชั่วโมง ไม่แกล้งแล้วสัญญา”
“แน่ใจนะครับ”
“แน่สิ นอนๆ กอดกันๆ” คุณแจ็คขยับเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง เอื้อมมือมากอดพร้อมกับตบที่หลังผมแปะๆ
“กอดได้แต่ห้ามจับเอวนะครับ จั๊กจี๋” ผมบอกคุณแจ็คก่อนจะชี้นิ้วย้ำอย่างจริงจังอีกครั้ง “ห้ามหมายความว่าไม่ให้ทำนะครับ ไม่ใช่ยิ่งรู้ยิ่งแกล้งนะ”
“รู้แล้ว ไม่แกล้งแล้วไง นอนเถอะ ง่วงจะตายแล้วเนี่ย” ผมเห็นคุณแจ็คหลับตาไปแล้วแต่ก็ลืมตามาถามผมใหม่ “หนาวมั้ย”
“กอดแน่นขนาดนี้คงหนาวหรอกครับ ร้อนกว่าห้องเก็บของอีก” นี่ผมพูดจากใจเลยนะ รู้สึกเหมือนในร่างกายมันร้อนๆ แปลกๆ ยิ่งเป็นคุณแจ็คที่มีรังสีความน่ากลัวทำให้ใจสั่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้ก็ยิ่งเพิ่มความร้อนในตัวให้สูงปรี้ดขึ้นอีก “แต่จริงๆ เวลาอยู่ใกล้คุณแจ็คก็รู้สึกหน้าร้อนๆ ทุกทีเลยครับ เคยมีคนบอกคุณแจ็คมั้ย”
“นายรู้สึกแบบนั้นหรอ”
“ใช่ครับ ยิ่งใกล้มากๆ ก็ยิ่งร้อนมากๆ”
“บ่อยมั้ย”
“ทุกครั้งเลยมั้งครับ บางทีก็ไม่ได้สังเกตแต่คิดว่าน่าจะ”
“แล้วถ้าใกล้แบบนี้ล่ะ” มือหนาจับที่ปลายคางของผมให้แหงนเชิดขึ้น คุณแจ็คยกตัวเองขึ้นจากหมอนแล้วก้มหน้ามาจนจะถึงผม “รู้สึกยังไง”
“...”
“ตอบสิ” เขาก้มต่ำลงมาจนปลายจมูกเราชิดกัน นั่นทำให้ผมยิ่งไม่กล้าขยับปาก
“...”
“จะให้ฉันล้วงเอาคำตอบในปากนายมั้ย”
ผมเม้มปากแน่นไม่เปิดช่องว่างให้คุณแจ็คได้ทำอย่างนั้น จริงๆ ตอบออกไปก็จบแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงขยับโต้ตอบไม่ได้เลย
“ไว้ฉันจะรอฟังคำตอบนะ” ริมฝีปากเขากดจูบลงที่ปลายจมูกผมก่อนจะกลับไปนอนบนหมอนตามเดิม อ้อมกอดที่กระชับเราทั้งคู่อยู่ตอนนี้บอกเลยว่าผมอยากหนีออกไปให้ไกลที่สุดเพื่อที่คุณแจ็คจะได้ไม่ต้องรับรู้แรงสั่นสะเทือนของหัวใจที่กำลังเต้นแรง

จิมขี่จักรยานออกมาส่งผมที่ร้าน ตอนที่เขาเดินมาหาที่ห้องก็โวยวายใหญ่ ว่าทำไมประตูทะลุแบบนี้เล่นเอาช่วงเวลาอาหารเช้าเงียบกริบแบบกลืนข้าวกันไม่ลงเลยทีเดียว แต่มารู้ทีหลังว่าที่จิมเล่นใหญ่ขนาดนั้นเพราะจะได้หาเรื่องให้คุณแจ็คจ่ายค่าซ่อมไฟกับซื้อเตียงใหม่ชั้นบนให้ผม ซึ่งมันก็ได้ผล
มาถึงตอนนี้พี่แม๊กไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรจากผมอีก แถมยังชงเครื่องดื่มในร้านได้อร่อยกว่าทั้งที่สูตรเดียวกัน ผมว่าต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ แต่พอไปถามพี่เขาก็บอกว่า ‘มันอยู่ที่หน้าตาไอ้น้อง’ ผมเลยไม่กล้าไปเถียงอะไรเขา
วันนี้คุณแจ็คมาที่ร้านพร้อมกับพี่บอม (เขาไม่ยอมให้ผมเรียกคุณ) ผมเห็นทั้งสองหน้าเครียดเลยไม่ได้เข้าไปรบกวน พอคุณแจ็คหันมาจังหวะเดียวกับที่ผมกำลังมองไปก็เลยได้แต่ผงกหัวแล้วยิ้มให้แค่นั้น
“ระวังไอ้ลุงนั่นไว้หน่อยก็ดีนะ” พี่แม๊กพูดขึ้นหลังจากที่ผมเดินไปเสิร์ฟกาแฟที่โต๊ะสอง ก็รู้นะว่าพี่เขาหมายถึงใคร เพราะทุกครั้งที่สองคนนี้เจอกันผมไม่เคยเห็นเขาญาติดีกันสักครั้ง บางทีก็ดูออกว่าเขาประชดประชันกันด้วยคำพูด แต่พอพี่โยบอกว่าอย่าไปสนใจ เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันจะเขม่นกันก็ไม่แปลก ผมถึงเริ่มคิดได้ว่า คุณแจ็คอาจจะงอนที่พี่แม๊กหล่อกว่า แต่ครั้งนี้มาบอกให้ผมระวังผมถึงได้สงสัย
“ทำไมต้องระวังคุณแจ็คด้วยล่ะครับ หรือว่าพี่รู้หรอ?”
“รู้อะไร”
“ก็คุณแจ็คไงครับ พี่รู้หรอว่าคุณเค้า...ทำกับผม...” ผมถามอย่างทึ่งๆ
“ทำอะไร!? อย่าบอกนะว่าหมอนั่นทำ...ทำนายไปแล้วน่ะ”
“พี่แม๊ก...” พี่เขารู้จริงด้วย
“นี่ บอกมาให้หมด” พี่แม๊กยังคงคาดคั้น
“ผม... ผมไม่อยากพูดถึงมันอีกครับ” ถึงตอนนี้ก็ได้แต่ก้มหน้าหงุด “ผมไม่อยากนึกถึงมันอีก”
“หนอยแนะไอ้หมอนี่! อย่าไปยอมนะ พี่จะไปจัดการมันเอง” พี่แม๊กเหวี่ยงขวดนมลงถังน้ำแข็ง ถกแขนเสื้อขึ้นอย่างกะพวกนักเลงหัวไม้ จนผมต้องดึงไว้แต่ก็นั่นแหละ ต้านแรงอะไรไม่อยู่เลย
“พี่แม๊กใจเย็นก่อน” ผมวิ่งตามหลังไปติดๆ จนถึงโต๊ะคุณแจ็ค
“นี่ลุง!” เสียงตบโต๊ะดังป้าบ! จนทุกคนสะดุ้ง “กล้าดียังไงทำกับจ่อยแบบนี้หะ เห็นเด็กมันไม่มีทางสู้เลยคิดจะทำยังไงกับมันก็ได้งั้นดิ๊”
“ฉันไปทำอะไร” คุณแจ็คยังคงนิ่ง แต่ผมล่ะเชื่อเขาเลย พี่แม๊กรู้ได้ไงทั้งที่ผมยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังด้วยซ้ำ “ออกไปได้แล้วอย่ามาเสียมารยาทแถวนี้”
“แม๊ก คนมองทั้งร้านแล้ว มีอะไรก็ค่อย ๆ คุย” พี่โยรีบวิ่งออกจากหลังร้านมาห้าม
“แต่ไอ้ลุงนี่มัน... มัน...”
“มันอะไร มีอะไรก็รีบพูด”
“มันอาปาจะเฮ้ เฮ้ จ่อยนะพี่”
ผมยืนงงกับศัพท์ใหม่ของพี่แม๊ก ตอนแรกก็คิดว่าคนอื่นจะเข้าใจ แต่พอเห็นสีหน้าของพี่โย แล้วก็ท่าเกาหัวของพี่บอมเลยคิดว่าไม่น่าใช่
“คือเหี้ยไรวะ มึงทำเหี้ยอะไรกับจ่อยนะ?” พี่บอมหันไปถามคุณแจ็ค ซึ่งรายนั้นก็ได้แต่ยักไหล่กลับมา ผมเลยต้องเป็นคนอธิบาย
“คืออย่างนี้ครับ” กลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะพูดต่อ “เมื่อวานผมแอบเข้าไปในห้องทำงานคุณแจ็คแล้วโดนจับได้เรื่องก็เลยถึงตำรวจเพราะคุณแจ็คเข้าใจว่าผมจะไปขโมยของ แล้ว...” ผมก้มหน้าเพราะไม่อยากนึกถึงเรื่องที่โดนสอบสวนโดยเฉพาะกุญแจมือนั่น
“หะ?” พี่แม๊กหันหน้ามาทางผม
“ครับ ตอนนั้นผมโดนคุณแจ็คตวาดใส่ใหญ่เลย แต่ทุกคนต้องไม่โกรธพี่แม๊กนะครับ พี่เค้าแค่บอกให้ผมระวังๆ คุณแจ็คไว้หน่อยแค่นั้นเอง”
“หะ?” พี่แม๊กยังคงร้องเสียงหลงรอบสอง “ที่เราบอกพี่ว่า...เค้าทำกับผม...หะ?”
“เลิกหะได้แล้ว!” เป็นพี่โยที่ตวาดใส่พี่แม๊กแทน “เค้าไม่ได้อาปาจะเฮ้ อะไรของแกหรอกกลับไปทำงาน”
“หะ?” พี่แม๊กถูกพี่โยลากแขนเสื้อกลับไปที่เค้าน์เตอร์โดยที่พี่เขายังไม่ทิ้งสีหน้าเดิมออกไป
“ประสาท” คุณแจ็คเหมือนจะกลั้นขำแต่ก็ส่ายหน้าเล็กๆ ให้กับท่าทีของพี่แม๊ก
“อาปาจะเฮ้ คืออะไรหรอครับ”
“มันก็คงหมายถึง เอ็งกับไอ้.../...บอม ทำงาน” กำลังจะได้คำตอบแท้ๆ แต่คุณแจ็คดันตัดบทเสียงแข็งใส่ซะอย่างนั้น
“ผมไม่กวนแล้วก็ได้ครับ”
“จะไปไหนนั่งก่อนสิ”
“ไม่ได้หรอกครับ กวนคุณแจ็คเปล่าๆ”
“ไม่อยากรู้แล้วหรอว่าที่ไอ้ขี้เหร่นั่นพูดหมายถึงอะไร”
“โห เรียกเค้าขี้เหร่ไม่ดูตัวเองเลยครับ พี่แม๊กหล่อกว่าคุณแจ็คตั้งสามร้อยเอ็มแอล”
“ไอ้เชี่ย กูเกลียดหน่วยวัด ฮ่าๆๆๆ”
“ผมไปทำจมูกบ้างดีมั้ยครับ” ผมถามคุณแจ็คไม่สนใจเสียงหัวเราะของพี่บอม
“ทำทำไม”
“ก็ผมอยากหล่อเหมือนพี่แม๊ก ถึงพี่แม๊กจะไม่ได้ทำอะไรกับหน้าเลยก็เถอะ วันก่อนมีพี่ที่คลินิกความงามให้โบชัวร์ผมมาด้วยครับ ลดราคาสุดๆ”
“ไม่ต้องเก็บเงินส่งที่บ้านแล้วรึไง” คุณแจ็ควางมือจากแป้นพิมพ์มาถามผม “รอให้รวยเงินเหลือๆ ก่อนค่อยไปทำ”
“แล้วคุณแจ็คอยากทำมั้ยครับ”
“ทำไมฉันต้องทำด้วย”
“จะได้หล่อๆ เหมือนพี่แม๊กไงครับ”
“เลิกเอาฉันไปเปรียบเทียบกับไอ้บ้านั่นสักทีเถอะน่า!”
ผมสะดุ้งสุดตัวกับน้ำเสียงและสีหน้าที่คุณแจ็คส่งมาให้ จากที่จะลุกออกไปอยู่แล้วทำให้ตอนนี้ผมเลือกจะเดินออกมาอย่างไม่ลังเลและสนใจใครอีก
ผมควรจะเชื่อพี่แม๊กแต่แรกว่าต้องระวังตัว...

[แจ็ค]

ผมเผลอไปทำให้เจ้าเด็กนั่นกลัวอีกแล้วสิ แต่มันก็น่าโมโหไม่ใช่หรอ คอยมาพูดกรอกหูว่าคนนั้นหล่อกว่าคนนี้ดูดีกว่าไปเพื่ออะไร พยายามหาคำอธิบายร้อยแปดเพื่อที่จะให้เขาเข้าใจว่าไม่มีใครชอบเรื่องแบบนี้ และไม่มีใครพอใจที่จะถูกบลูลี่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือเรื่องอะไรก็ตาม จ่อยควรต้องรู้เรื่องนี้และไม่ไปพูดแบบนี้กับใครอีก แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เขาเข้าใจง่ายที่สุด อย่างน้อยก็รับฟังผมสักนิดก่อน
“เห็นจ่อยมั้ย” ผมถามน้องชายแต่สายตาก็สอดส่องเข้าไปในห้อง
“เห็น” จิมมองตามสายตาผม “แต่จ่อยไม่อยากเจอพี่ ไปทำอะไรให้เค้ากลัวอีกล่ะ”
“ครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดพี่นะ” ผมโต้เสียงแข็ง
“บอกมาก่อนสิแล้วจิมจะเชื่อ”
“เฮ้อ” ผมชักเซ็งกับน้องชายแต่ก็จำเป็นต้องบอก “จ่อยเหยียดหน้าตาคนอื่น ถึงแม้จะไม่ได้เจตนาแบบนั้น แต่ก็พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด โชคดีที่คนๆ นั้นเป็นพี่ ถ้าเป็นคนอื่นล่ะ”
จิมฟังที่ผมพูดแล้วก้มหน้าคิดตามก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูใส่ผม ไม่นานก็เป็นจ่อยที่เปิดประตูออกมาแทนด้วยสีหน้าหงอยๆ
“ห้ามดุเกินความจำเป็นนะ ไม่งั้นจิมจะไม่ให้เจอจ่อยอีกเลย”

หลังจากที่เจ้าจิมดันหลังส่งตัวนักโทษให้ผมพร้อมคำขู่ก็ปิดประตูห้องเงียบกริบ ส่วนผมกับเจ้าเด็กหน้าหงอยนั่งกันอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของผมกันทั้งคู่
“จะเงียบอีกนานมั้ย”
“ก็จิมบอกให้มาฟังคุณแจ็คพูด”
“รู้รึเปล่าว่าตัวเองทำอะไรผิด” จ่อยไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับ “รู้ด้วยหรอ”
“คุณแจ็คไม่ชอบที่พี่แม๊กหล่อกว่า” เขาตอบเสียงอ่อย แต่นั่นก็เป็นเหตุผลเล็กๆ ที่เขาคิดได้จริงๆ
“มันไม่ได้เกี่ยวที่จะชอบหรือไม่ชอบ แต่นายไม่ควรเอาความคิดเห็นส่วนตัวไปยัดเยียดให้คนอื่น แม๊กอาจจะหล่อมากในสายตานาย แต่สำหรับคนอื่นอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น แล้วการที่นายยกคนๆ นึงขึ้นมาแล้วเอาอีกคนมาตั้งข้อเปรียบเทียบมันถูกแล้วหรอ ทำไมไม่นึกถึงใจคนอื่นบ้าง ถ้าสมมุตินายนั่งเพลินๆ ของนายอยู่ดีๆ แต่มีใครก็ไม่รู้มาบอกว่านายทำไมด้อยกว่าคนนั้นจัง ทำไมผอมกว่าคนนี้ ทำไมไม่หล่อไม่น่ารักเหมือนคนนู้น นายจะรู้สึกยังไง”
“...”
“อย่าไปพูดแบบนี้กับใครอีกเข้าใจมั้ย ถ้าอยากชื่นชมเค้าก็ไปบอกเค้าแค่คนเดียวอย่าดึงคนอื่นเข้าไปเปรียบ ความรู้สึกบางอย่างเก็บไว้ในใจบ้างก็ได้ นายไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมาทั้งหมด”
“ผมขอโทษครับ” มือเล็กๆ นั่นยกขึ้นไว้ผม ”ผมเห็นคุณแจ็คไม่ค่อยชอบคุยกับพี่แม๊ก แล้วเรียกพี่เค้าว่าไอ้ขี้เหร่อีก ก็เลยอยากจะช่วยให้คุณแจ็คหล่อกว่า”
“คิดว่าฉันอิจฉาเค้าหรอ”
“เปล่านะครับ...ครับ” เหมือนจะเถียงแต่สุดท้ายก็เลือกจะพูดความจริงออกมา
“ฉันเองก็ผิดที่ไปเรียกเค้าว่าไอ้ขี้เหร่ มันก็ไม่ควรเหมือนกันเพราะมันก็เหยียดไม่ต่างกับที่พยายามบอกนายตอนนี้ ฉันเองก็ต้องขอโทษ แต่ฉันไม่ได้อิจฉา ไม่เคยสนด้วยว่าใครจะหน้าตาเป็นยังไง”
“แต่คุณแจ็ค...”
“ฉันแค่หมั่นไส้ที่นายชอบไปให้ความสนใจกับนายนั่น”
“ผมหรอครับ”
“พอ เลิกคุยเรื่องนี้”
“อ่าว” เจ้าตัวเล็กมองตามผมที่ลุกออกไปเบาระดับแอร์ “ทำไมต้องหมั่นไส้พี่เค้าเพราะผมล่ะครับ”
“ไม่รู้ บอกให้เลิกคุยไง เอาแขนมานี่”
“จะตีผมหรอ” จ่อยเอาทั้งสองข้างไขว้หลังอย่างไว “ไม่เอา จิมให้มาฟังคุณแจ็คพูดเฉยๆ นะ ห้ามดุเกินความจำเป็นด้วย”
“เอามา” ผมเสียงแข็งใส่เขาอีกครั้ง แต่เจ้าตัวก็ยังลังเล “ยื่นมือออกมาแล้วหลับตาด้วย”
“ไม่ได้จะตีผมแน่นะ”
“ไม่ตี”
“งั้นก็ได้ครับ”
เจ้าตัวเล็กยื่นแขนด้านขวาออกมา แต่นั่นก็ทำให้ผมชะงักไปนิด
“นาฬิกาใคร ปกติไม่ใส่นี่”
“ของจิมครับ” จ่อยยังคงหลับตาแล้วตอบ “จิมให้มาเมื่อกี้ บอกว่าให้ผมใส่ไว้จะได้ไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่เคยใส่กุญแจมืออีก”
“หรอ...” ผมเห็นสีหน้ายิ้มๆ อย่างดีใจ นั่นคงทำให้จ่อยลืมเรื่องร้ายๆ ได้บ้างแล้ว ซึ่งมันก็ดี “ลืมตาสิ”
“ไหนอะครับ” เมื่อลืมตามาพบกับความว่างเปล่าเด็กนี่ก็เหมือนจะเริ่มงอแงขึ้น “ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“แล้วจะให้มันมีอะไร”
“ก็ไม่รู้แหละ แต่ถ้ายื่นมาแล้วหลับตาก็แสดงว่าต้องมีอะไรให้สิครับ คุณแจ็คหลอกผมหรอ”
“ไม่ได้หลอก ไม่ได้บอกว่าจะให้อะไรนี่”
“โธ่ คุณแจ็ค ไม่สนุกเลย” เจ้าตัวเล็กกอดอกแล้วหันหน้าหนีผมไปอีกทาง “มันต้องมีขนมสิ อย่างน้อยๆ ก็ลูกอมสักเม็ดไม่ก็หมากฝรั่ง”
“เรียกให้มารับผิดแล้วยังต้องแจกขนมอีกหรอ”
“ไม่รู้ๆ ทีหลังถ้าไม่มีอะไรจะให้ก็ห้ามขอมือแล้วให้หลับตานะครับ ตื่นเต้นหมด”
“อยากได้มากหรอ”
“ก็ต้องอยากสิครับ ลุ้นจนตัวโก่ง” เจ้าหน้ามุ่ยหันกลับมาทางผมพร้อมกระฟัดกระเฟียดใส่ “แล้วนั่นกล่องอะไรครับ”
“กล่อง...”
“แน๊...ของผมใช่ม้า เอามาเลย เอามาดูเลยยยยยย”
“ไม่ได้ ไม่ใช่ของนาย”
“ก็เมื่อกี้มันยังไม่มีเลยนี่ครับ มันเพิ่งมาตอนผมหลับตาแน่ๆ” เขาชี้หน้าผมอย่างเอาเป็นเอาตายจนผมต้องยอม
“งั้นก็ยื่นมือมาสิ” แขนขวาข้างเดิมแบมือออกแล้วหลับตาปี๋ “ขออีกข้าง”
“ก็ได้ครับ ให้สองข้างเลย”
เจ้าจ่อยนั่งตัวตรงยื่นแขนมาให้ผมพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มราวกับเด็ก ผมสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นและลุ้นตัวโก่งตามที่เขาเคยบอกแต่ผมไม่รู้ว่าของที่ผมจะให้มันน่าดีใจเท่ากับสิ่งที่เขาได้รับในความหมายเดียวกันรึเปล่า
สร้อยข้อมือเส้นนี้ผมตั้งใจซื้อเพราะอยากให้มีอะไรอยู่ที่ข้อมือเขา ทุกครั้งที่มองหรือแม้แต่ในความฝันเขาจะได้ไม่ต้องนึกถึงเรื่องราวร้ายๆ ที่ผมยัดเยียดให้อีก แต่ผมคงช้าไป ช้ากว่าน้องชายที่ปลอบใจเขาไปก่อนหน้านี้แล้ว
“สวยจังเลยครับ” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นทำให้ผมเบาใจได้หน่อย ท่อนแขนยกขึ้นระดับสายตาสะบัดข้อมือไปมามองแล้วมองอีก ผมเดาได้ว่าเขาคงจะชอบ ก็ผมตั้งใจเลือกที่เหมาะกับเขาเลยนี่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากคิดไปเอง
“ชอบมั้ย อ๊ะ”
“ชอบมากครับ” เจ้าจ่อยพุ่งเข้าหอมแก้มผมจนเผลอเสียงหลงในตอนท้าย “ชอบที่สุดเลยครับ ผมจะเก็บรักษาไว้อย่างดีเลย”
“แล้วนาฬิกาของจิมล่ะ”
“ก็ชอบมากๆๆๆๆๆ เลยครับ จิมกับคุณแจ็คใจดีที่สุดในจักรวาลลลลลล เลย” มือเล็กแผ่กว้างออกจนผมยอมเชื่อ
“แล้วจุ๊บจิมไปกี่ทีล่ะ” อย่าถามผมนะว่าทำไมถึงพูดออกไปแบบนี้ เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“อา ไม่ได้จุ๊บเลยครับ แค่กอดๆ เฉยๆ” เจ้าตัวเล็กยู่หน้าใส่ผม “จิมไม่เคยขี้น้อยใจเรื่องนี้นี่นา ไม่เหมือนคุณแจ็ค”
“แสดงว่าถ้าจิมเรียกร้องนายก็จะทำหรอ”
“ก็ทำสิครับ ผมน่ะรักจิมที่สุดเลยน้า” จ่อยก้มมองที่มืออีกครั้งก่อนจะรีบสะบัดหน้าขึ้นมามองผม “อ้อ รักคุณแจ็คด้วยครับ รักเท่ากันเลย มั๊วะ”
เขายกตัวขึ้นหอมแก้มผมอีกครั้งและนั่นตอกย้ำให้ผมรู้ว่า ตัวเองก็ไม่ได้สำคัญไปมากกว่าใคร ทั้งจิมและผมคงจะเป็นคนๆ หนึ่งในชีวิตที่ดีกับเขาจนเจ้าจ่อยคนนี้ทุ่มใจให้ และในคำว่ารักนั้นผมไม่ควรหวั่นไหว...
“กลับไปนอนได้แล้ว”
“ผมขอนอนที่นี่ได้มั้ยครับ”
“ห้องใหม่ช่างยังทำไม่เสร็จหรอ ไหนจิมบอกว่าย้ายเรียบร้อยแล้ว”
“เสร็จแล้วครับ คุณแจ็คอยากไปดูมั้ย”
“ไม่ ฉันจะนอนแล้ว”
“งั้นให้ผมนอนกับคุณแจ็คนะครับ นะๆๆๆ น้า ให้กอดด้วยก็ได้อะ”
“จ่อย...”
“ก็ได้ครับ...ผมไปก็ได้...อ๊ะ”
“นอนกับฉัน ไม่ต้องไปไหน”

สุดท้ายผมก็ไม่ฟังเสียงเตือนจากหัวใจตัวเองอยู่ดี

TBC
#ห้องลับบักจ่อย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 10
« ตอบ #39 เมื่อ: 03-04-2019 20:03:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
Re: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 10
«ตอบ #40 เมื่อ03-04-2019 20:37:35 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 10
«ตอบ #41 เมื่อ05-04-2019 00:44:33 »

คุณแจ็คถึงปากร้ายแต่ใจโคตรป๋า เปย์น้องเก่งงง

ออฟไลน์ พิชา(ไรท์ขายหวย)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 11
«ตอบ #42 เมื่อ05-04-2019 23:19:24 »


11
หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก

“ทะเลก็มีชีวิต”
“ชีวีตตตตตตตต”
“ทะเล ก็มีหัวใจ”
“ฮั่วใจจจจจจจจ”
“ไปเที่ยวทะเลนม้ายย”
“กำลังปายยยย”
“ไปดำดูปะการางงงงง”
“ตือตื้อดื่อตื่อดื่อ ตี้อดื่—“
“โอย เงียบๆ แล้วรีบลากกระเป๋าลงมาเถอะ ข้างบ้านเค้าตื่นกันหมด”
คุณแจ็คหันมาทำท่ารำคาญใส่พวกผมสองคน แต่เราก็ไม่แคร์หรอก ยังแอบขำกันในจังหวะที่รอดพ้นสายตาแล้วร้องเพลงในทำนองกระซิบกระซาบกันอยู่ดี
เราขนข้าวของลงมากันจนครบ ตอนนี้ก็ตีสี่กว่าๆ ฟ้ายังไม่ทันสว่าง แต่พวกเรากลับสดชื่นยิ่งกว่าวันทั้งวันซะอีก ในที่สุดทะเลที่รอคอยก็กำลังจะอยู่ตรงหน้า ผมว่าผมตื่นเต้นมากแล้วที่จะได้เห็นมันเป็นครั้งแรก แต่จิมที่เห็นอยู่บ่อยๆ ก็ดูจะตื่นเต้นไม่แพ้ผมสักนิด
“ไม่ลืมอะไรกันใช่มั้ย” คุณแจ็คหันมาถามพวกเราก่อนจะล็อกประตูบ้าน
“ไม่ลืมครับ จิมลืมมั้ย”
“ถ้ารู้จะเรียกว่าลืมหรอ” ยังจะหันมาตอบกวนๆ ผมอีกเดี๋ยวคุณแจ็คก็ดุ
“อย่าทำเป็นเล่น ไม่ย้อนกลับมาแล้วนะ” นั่นไง
“ไม่ลืมๆ ลืมก็ช่างมัน”
จิมก้าวขึ้นรถ ผมเองก็ก้าวขึ้นประตูหลังตาม เราเปิดเพลงร้องกันไปตลอดทางแต่คุณแจ็คก็ไม่ว่าอะไร แถมยังช่วยหาเพลงให้อีก
จริงๆ พวกเราชวนพี่โยกับพี่แม๊กมาด้วยแต่ทั้งคู่ไม่ยอมมากัน เหตุผลก็เพราะไม่อยากปิดร้านนั่นแหละ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาคนเงียบๆ เลยกลัวว่าถ้ายิ่งปิดลูกค้าจะยิ่งหายกันหมด ซึ่งคุณแจ็คบอกว่า ก็ดี ผมรู้ความหมายหรอกนะ คำว่า ก็ดี น่ะ เพราะไม่อยากให้พี่แม๊กไปด้วยอยู่แล้วล่ะสิ สองคนนี้ไม่ยอมคุยกันดีๆ สักที ยิ่งพี่แม๊กไปโวยวายใส่คุณแจ็ควันนั้นก็ยิ่งเลวร้ายไปใหญ่ ถ้าคนนึงอยู่หน้าเค้าน์เตอร์อีกคนจะไม่ยอมเฉียดไปใกล้เลย ต้องเดินไปรับออเดอร์ให้ถึงโต๊ะ คนที่ปวดหัวที่สุดเห็นจะเป็นพี่โยนั่นแหละ แกบ่นบ่อยๆ ว่าเบื่อจนอยากจะไล่ออกจากร้านทั้งคู่
“แวะซื้ออะไรมั้ย เอาขนมรึเปล่า” คุณแจ็คมองกระจกหลังแล้วถามผม ส่วนจิมก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว
“ขนมข้างหลังยังไม่หมดเลยครับ”
“อีกไกลเลยนะ จะนอนก่อนก็ได้”
“ผมนอนคุณแจ็คก็เหงาสิ ขับรถคนเดียวไม่มีเพื่อนคุยด้วยน้า”
“ก็เห็นนั่งเหม่ออย่างเดียว สนใจฉันซะที่ไหน”
“งอนอีกแล้วหรอครับ” ผมถาม เพราะเมื่อคืนก็เพิ่งจะงอนไปที
“ฉันงอนอะไรนาย อย่ามาใช้คำว่าอีกแล้วหรอ”
“ปากก็บอกว่าไม่งอนแต่ผมก็เห็นท่าทีคุณแจ็คงอนอยู่ดีนั่นแหละ ดูออกหรอกน่า ผมโดนน้องสาวงอนบ่อยๆ”
“ไม่รู้จักใส่ใจคนอื่นก็ต้องโดนงอนใส่เป็นธรรมดา ถ้าไม่อยากถูกงอนนายก็ต้องเอาใจเค้าให้มากกว่านี้ หมายถึง... น้องสาวนายน่ะ”
“โอเคครับ ผมจะเอาใจน้องสาวให้มากกว่านี้ เยอะๆๆๆ เลย ฮึ่บ”
“ทำอะไรของนาย”
“นอนไงครับ คุณแจ็คขับไปคนเดียวนะ”
“ก็ไปนอนพิงเบาะดีๆ สิ เดี๋ยวก็เมื่อยหรอก”
“ไม่เมื่อยหรอกครับ คุณแจ็คขับรถตั้งหลายชั่วโมงยังไม่เมื่อยเลย”
“บอกให้ไปนอนดีๆ เดี๋ยวถึงแล้วฉันปลุก”
“ก็ได้ครับ ขับระวังๆ ด้วยนะครับ ไม่ต้องรีบ”

[แจ็ค]

   เจ้าเด็กดื้อหลับไปได้ซักพักใหญ่ผมก็ตีโค้งเข้าใกล้จุดหมายเต็มที ระยะเวลานับตั้งแต่เราคุยกันก็เกือบสองชั่วโมงได้ ถ้าจะให้เขาหลับโดยที่ใช้สองแขนโอบรอบคอผมจากด้านหลังคงเมื่อยตัวกันพอดี แต่การยื่นหน้ามาหอมแก้มเพื่อบอกให้ผมขับระวังๆ นั่นก็อีก เหมือนเขาจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำแบบนี้ผมยิ่งไม่มีสมาธิเข้าไปใหญ่
ผมใช้คำว่าเพื่อนน้องชายกับจ่อยมาโดยตลอดแต่เวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกันมันกลับไม่มีสถานะอะไรเลย เรากอดกันหอมกันจนมันกลายเป็นเรื่องปกติ ใช่ครับ สำหรับจ่อยมันเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่สำหรับผม มันไม่มีคำว่าชิน ไม่ง่ายดายขนาดนั้น ใจที่เคยสั่นยังไงตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม ผมได้แต่นั่งมองดูอยู่ห่างๆ ระหว่างจ่อยและจิม เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมันเป็นยังไง เวลาที่เขาสองคนเดินจับมือกัน หัวเราะซบไหล่ ผมรู้สึกจี้ดในใจทุกครั้ง ผมไม่รู้ว่าจิมจะใจสั่นเหมือนผมบ้างหรือเปล่า ไม่รู้ว่าน้องชายผมเคยเรียกร้องอะไรจากจ่อยบ้างไหม แล้วถ้าใช่ล่ะ ถ้าใช่ผมจะเป็นยังไง ถ้าจิมหวั่นไหวขึ้นมาผมควรทำยังไงต่อ

ผมเลี้ยวเข้ารีสอร์ทตามที่จีพีเอสระบุ เด็กๆ ตื่นกันได้สักพักแล้วและยังคงร้องเพลงกันลั่นรถ ผมเองก็เลยตามเลยเพราะไหนๆ ก็ตั้งใจจะพาพวกเขามาสนุก ไอ้เสียงจิมคงไม่เท่าไหร่ แต่อีกคนนี่สิ อยากส่งไปหาครูอ้วนให้รู้แล้วรู้รอด
ผมเช่าบ้านสำหรับพักสี่คนแต่น่าเสียดายที่แม่มีงานด่วนซะก่อน อุตส่าห์ช่วยกันวางแผนมาแล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่เป็นไร ยังไงผมก็สัญญากับจิมไว้ไอ้ครั้นจะผิดคำพูดผมก็คงไม่ได้รับความไว้วางใจอะไรจากน้องชายอีก จากที่แทบไม่เหลืออยู่แล้ว
“เอาของไปเก็บจะได้ไปกินข้าวกัน” ผมบอกพวกเด็กๆ ที่เอาแต่วิ่งวนไปรอบบ้าน
“ผมเล่นอันนี้ได้มั้ยครับคุณแจ็ค” จ่อยวิ่งพรวดเข้ามาหาผมพร้อมชี้ไปที่สระว่ายน้ำ
“ได้ แต่เอาของไปเก็บในห้องก่อนฉันโทรไปจองโต๊ะร้านอาหารไว้แล้ว”
“ห้องผมอยู่ไหนครับ” จ่อยยกกระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่า
“อยากนอนห้องไหนก็เลือกเลย เหมือนกันหมดนั่นแหละ”
“อยากนอนห้องคุณแจ็ค”
เจ้าตัวเล็กวิ่งดุ๊กดิ๊กตามหลังผมมาจนสุดทาง ผมเลือกที่จะไม่ตอบไอ้ประโยคจั๊กจี๋หูนั่น เพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าคงเป็นไปไม่ได้
“นอนห้องตรงข้ามไปแล้วกัน”
“ทำไมล่ะครับ ผมไม่อยากนอนแปลกที่คนเดียวนี่”
“เดี๋ยวจิมก็มาพูดประโยคนี้กับนาย”
“งั้นแปลว่าจิมจะมานอนกับผมหรอครับ เย้!”
ผมมองอาการดีใจของคนที่วิ่งเข้าวิ่งออกลากทั้งข้าวของของตัวเองและของจิมมาไว้ในห้องเสร็จสรรพ
เขาไม่ได้อยากนอนกับผม เขาแค่ไม่อยากนอนคนเดียว...

   ผมนอนอ่านหนังสืออยู่บนเบาะริมขอบสระว่ายน้ำ พระอาทิตย์ทำท่าจะลับขอบฟ้า เจ้าสองแสบกำลังวิ่งขึ้นมาเนื้อตัวแดงเห็นแล้วแสบผิวแทนเลย แต่ดูจากสีหน้าและเสียงหัวเราะลั่นก็คงไม่ต้องห่วงอะไร
“พี่แจ็คไม่ลงไปเล่นกับพวกเรา สนุกจะตาย” จิมทิ้งตัวนั่งเบาะข้างๆ ยกน้ำขึ้นดื่ม “ฝรั่งเพี้ยบ สเป็คพี่ทั้งนั้น”
“รู้ได้ไงว่าพี่ชอบฝรั่ง”
“เห็นแฟนพี่แต่ละคนก็ฝรั่งทั้งนั้นนี่ อย่ามาปิดพวกเราน่า”
“แต่เซ็กซี่มากเลยนะครับ ยิ่งคนที่จิมชี้ให้ดูว่าคุณแจ็คชอบแบบนี้นะ โอ้โหว ผมล่ะอยากเห็นแฟนคุณแจ็คเลย”
“ไร้สาระน่า แล้วนี่ทากันแดดกันบ้างรึเปล่าเดี๋ยวหนังก็ลอกหมด”
“จิมทาแล้วแต่มันเอาไม่อยู่ ลงน้ำแปบเดียวก็หลุดหมด”
“แต่ข้างขวดเขาเขียนว่าควรทาทุกสองชั่วโมงนะ”
“ขี้เกียจ”
ตู้มมมมมม
เจ้าจิมกระโดดลงสระไม่สนใจแม้แต่ขวดครีมขณะที่เจ้าตัวเล็กอีกคนหัวเราะลั่นกับท่าตีลังกาของเพื่อนแล้วเตรียมตัวกระโดดลงตาม
“ว่ายน้ำเป็นรึเปล่า”
“เป็นครับ เล่นน้ำคลองบ่อย”
ตู้มมมมมม
   ผมวางหนังสือในมือลงนอนมองเด็กๆ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน คิดว่าเดี๋ยวพอกลับกรุงเทพฯ คงไม่พ้นมานั่งบนเรื่องตัวดำให้ฟัง
“คุณแจ็คก็ลงมาเล่นด้วยกันสิครับ” จ่อยตะโกนขึ้นมาจากกลางสระ
“ไม่ล่ะ ฉันเล่นไปรอบนึงแล้ว”
“เล่นอีกสิครับ เล่นกับพวกเราหน่อยมาด้วยกันทั้งที นะๆๆๆ”
“จ่อยอย่า เดี๋ยวหนังสือเปียก” ผมออกปากห้ามเพราะเจ้าตัวเล็กหวิดน้ำขึ้นมาด้านบนจนต้องเอาหนังสือหลบ
“คุณแจ็คก็ลงมาสิครับ มาเร็วๆ”
ผมเหนื่อยใจกับความขี้อ้อนของเจ้าตัวเล็กนี่ สุดท้ายก็ต้องถอดชุดคลุมพาดบนเบาะแล้วพุ่งตัวลงน้ำไป แต่ไม่ได้ตีลังกาท่าประหลาดเหมือนเจ้าพวกนี้หรอกนะ ผมลงไปแบบที่นักว่ายน้ำที่ดีควรทำต่างหาก
“ว้าว”
“มองอะไร” ผมลอยตัวใต้น้ำจนมาถึงตัวจ่อย แต่หลังจากโผล่ขึ้นมาสะบัดน้ำที่เกาะบนหน้าแล้วเสยผมขึ้นก็พบว่าเจ้าเด็กนี่กำลังจ้องอยู่
“คะ...โคตรเท่เลยครับ” สาบานว่าผมยังไม่เห็นหมอนี่กระพริบตา
“มากมั้ย” ผมก้าวเท้าไปชิดตัว ก้มลงให้เขาได้มองหน้าชัดๆ จ่อยเลือกที่จะเขยิบถอยหนี แต่ช้ากว่าแขนผมที่เล็งเอวเล็กๆ อยู่นานแล้ว “ยังไม่ตอบเลย”
“มาก..มากครับ”
“อยู่ในน้ำแบบนี้ หน้ายังร้อนอยู่รึเปล่า”
“...”
เขาไม่ยอมตอบคำถามผมแต่หันมองไปทางอื่น จิมยังคงเกาะขอบสระดูพระอาทิตย์ตกดินเป็นจังหวะที่ดีที่ผมจะขอคำตอบจากคนตรงหน้า
สองมือจับเข้าที่เอวทั้งสองข้างกดตัวจ่อยลงใต้น้ำอย่างรวดเร็ว แนบริมฝีปากกับแก้มนิ่มสลับซ้ายขวาแล้วดันตัวขึ้นมาหายใจเหนือน้ำอีกครั้ง
“อ๊า...คะ...คุณแจ็ค ผมตกใจหมดเลยเล่นอะไรอีกแล้วเนี่ย”
“ไม่ร้อนเนาะ” ผมส่งยิ้มตาหยีให้คนที่กำลังโวยวายใหญ่โต
“หนักกว่าเดิมอีกครับ ร้อนจะระเบิด” จ่อยหน้ามุ่ยใส่ผม “ไปเลยครับ ขึ้นไปเลย ผมไม่เล่นกับคุณแจ็คแล้ว ไม่อยู่ใกล้แล้วด้วย ไปเลย ไปนั่งคนเดียวข้างบนนู่น”
“สองคนทำอะไรกันน่ะ” จิมเรียกจนพวกเราชะงัก “พี่แจ็คไปดุอะไรจ่อยอีก เผลอไม่ได้เลยนะ”
“ใช่ เผลอไม่ได้เลย” จ่อยวาดแขนมาตีหน้าอกผมรัวๆ “นิสัยไม่ดีครับ นี่แน่ะ”
“นี่โกรธแล้วหรอ” ผมรวบข้อมือเล็กด้วยฝ่ามือข้างเดียว “ทำไมเหมือนชอบเลย”
“คุณแจ็ค! ห้ามมากวนประสาทผมนะครับ” จ่อยสะบัดข้อมือออกซึ่งผมก็ยอมปล่อยแต่โดยดี “เล่นอยู่ตรงนี้นะครับ เล่นคนเดียวไปเลย”

[จ่อย]

   ไม่รู้คุณแจ็คไปสั่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่พอหลังจากอาบน้ำกันเสร็จก็เห็นบรรดาอาหารทะเลมาวางอยู่หน้าบ้านแล้ว
คุณแจ็คบอกว่าเตาไฟฟ้าก็มีแต่ไม่ได้อรรถรสเท่าเตาถ่านเลยต้องก่อไฟเพิ่ม ส่วนเตาที่พวกเราเอามาจากบ้านก็ใช้ย่างเห็ดและพวกสัตว์ทะเลตัวเล็กตัวน้อยแทน
“ให้ผมทำดีกว่ามั้ยครับ” ผมเห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ ในการก่อเตาถ่านของคุณแจ็คแล้วขวางหูขวางตาบอกไม่ถูก
“จิมล่ะ”
“คุยโทรศัพท์อยู่ครับ อ่อนั่นไง มาแล้ว”
“โหวว แบบที่คิดไว้เลยพี่แจ็ค” จิมส่องดูในตะกร้าแล้วร้องเสียงหลง ผมรู้ว่าจิมชอบแบบไหน เขาเคยสาธยายให้ฟังไม่รู้กี่รอบ คิดว่าพี่ชายแท้ๆ อย่างคุณแจ็คก็น่าจะรู้ใจอยู่แล้ว “อ้า อากาศก็ดี”
“อยากกินอะไรก็เอามาย่างสิ ใช้เตาไฟฟ้าไปก่อนก็ได้”
เราใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็พร้อมให้กินแบบสดๆ ย่างไปด้วยแกะกินไปด้วยมันเพลินดีเหมือนกัน คุณแจ็คอนุญาตให้พวกเราดื่มแอลกอฮอได้แต่ผมกับจิมก็ไม่มีใครแตะ จิมไม่ชอบดื่มผมเองก็เหมือนกันเลยมีแต่คุณแจ็คที่ต้องชนกับแก้วโค้กของพวกเรา
“แก้วนี้ขอยกให้กับพี่ชายที่แสนดีของพวกเรา อ้าวชน” จิมพูดอย่างเป็นทางการพร้อมลากเสียงยาวในตอนท้ายแต่สีหน้าของคุณแจ็คก็ยังเรียบเฉย
“ทีอย่างนี้แสนดีขึ้นมาเชียว”
“ชนๆ มาเถอะน่า อย่าทำให้เสียบรรยากาศสิ” จิมยกแก้วไปเบียดๆ ให้คุณแจ็คทำตามที่บอกซึ่งคุณแจ็คก็ยอมยกในที่สุดจนผมอดยิ้มตามกับสองพี่น้องคู่นี้ไม่ได้
ใช่ครับ มันทำให้ผมคิดถึงครอบครัว คิดว่าถ้าแม่และน้องได้มาเที่ยวแบบนี้บ้างคงมีความสุขไม่น้อย เจ้าตัวเล็กได้เห็นแต่ทะเลน้ำจืด เรียกง่ายๆ ก็แม่น้ำดีๆ นี่แหละ ยังไม่เคยเห็นทะเลกว้างใหญ่แบบนี้สักครั้ง และผมก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พามาไหม
“เป็นอะไรจ่อย ทำไมนั่งเหม่อ” จิมปลุกผมขึ้นจากห้วงของความคิดถึง
“เปล่าๆ กินต่อสิ” ผมคีบกุ้ง 2-3ตัวออกจากเตามาวางเรียงให้หายร้อน
“มีอะไรก็บอกได้นะ อยากได้อะไรเพิ่มรึเปล่า”
“ใช่ๆ บอกพี่แจ็คเลย ป๋าเลี้ยงๆ”
“เราไม่ได้จะเอาอะไร แค่อยู่ๆ ก็คิดถึงคนที่บ้านน่ะ”
ผมคิดผิดที่พูดประโยคนี้ ทุกคนนิ่งกันหมดจนได้ยินเสียงแมลงกลางคืน แม้แต่ส้อมในมือก็ถูกวางลงด้วย
“วีดิโคอลสิ แบบที่เราคุยกันบ่อยๆ ไง” จิมเสนอขึ้น
“ได้ไง แม่เราไม่ได้ใช้ไอโฟน” ผมส่ายหน้าตอบ
“ไม่ได้ใช้ไอโฟนก็คอลได้ แม่เล่นไลน์รึเปล่า หรือเฟชบุ๊คมีมั้ย” คุณแจ็คถามซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้า
“ใช้กดปุ่มเหมือนที่ผมเคยใช้เลยครับ ซื้อพร้อมกันตอนมันหนึ่งแถมหนึ่ง”
“อา...” จิมทำสีหน้าผิดหวัง
“แต่ก็ดีแล้ว เราไม่อยากให้เค้าเห็นว่าเราอยู่ที่นี่หรอก น้องต้องร้องไห้อยากตามมาแน่ๆ เลย เราไม่อยากให้เค้าเห็นสภาพนี้ เห็นว่าเรามาเที่ยวเล่นมีความสุขอยู่คนเดียว”
“อย่าคิดแบบนั้นสิ” คุณแจ็คขัดขึ้น “ถ้าคิดแบบนั้นนายก็จะต้องรู้สึกผิดไปตลอด รู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวแต่มันไม่ใช่ มันก็แค่เป็นโอกาสนึงที่นายได้มา วันข้างหน้าก็อาจจะเป็นโอกาสของพวกเค้า"
“ใช่ๆ นายไม่ได้ทิ้งพวกเค้านี่นา ทุกวันนี้ทำงานเหนื่อยๆ ก็เพื่อพวกเค้าไม่ใช่หรอ เค้ารับรู้ได้น่า อย่าคิดมาก”
“อื้ม” ผมยิ้มรับให้กับคำปลอบโยนที่อบอุ่นของทั้งคู่ รู้สึกแย่นิดๆ ที่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยน “เราจะขยันเก็บเงินเยอะๆ แล้วพาพวกเค้ามาเที่ยวที่นี่ให้ได้เลย”
“ต้องอย่างนี้สิ กินๆ”
ผ่านเวลาไปพักใหญ่เราสามคนช่วยกันเคลียร์เศษซากทุกอย่างจนหมดเหลือแค่รอแม่บ้านมาทำความสะอาดตอนเช้า จิมเองก็บอกว่าดีแล้ว มาเที่ยวแบบนี้อยากจะสลัดงานบ้านให้พ้นๆ ตัวเหมือนกัน
เมื่อเราทั้งสองที่พุงกลมจนเกือบระเบิดนั่งทิ้งตัวอยู่สักพักจิมก็ขอไประบายที่ห้องเหลือแค่คุณแจ็คที่ยังกระดกเบียร์อยู่ที่ราวระเบียง
“ไปเดินเล่นกันมั้ย”
“ตอนนี้หรอครับ มืดนะ” ผมหันมองรอบๆ ก็นึกไม่ออกว่ามันจะดียังไง
“ไม่มืดหรอก สบายดีเชื่อสิ”

สายลดพัดเย็นสบายจนเริ่มหนาว เราสองคนถอดรองเท้าไว้ต้นทางก่อนจะออกเดินให้คลื่นน้ำซัดสาด ผมไม่รู้ว่าไกลแค่ไหนรู้แค่ว่ามันสบายจนแทบจะลืมความเหนื่อยล้าทั้งหมด กว่าเราจะเอ่ยปากพูดคุยก็นานพอสมควร
“ชอบมั้ย”
“ครับ สบายจริงๆ ด้วย แต่ผมเคยเห็นแบบนี้แล้วนะครับ ในทีวี”
“เคยเห็นฉันในทีวีมั้ย”
“คุณแจ็คเคยออกทีวีด้วยหรอครับ โหว ดารานี่ มิน่าถึงหล่อ”
“ฮึ ฉันไม่ได้ไปในฐานะดารา แค่เป็นผู้ร่วมผลิตรายการนะ แต่ส่วนใหญ่จะออกแค่ชื่อนะ ไม่ได้เห็นหน้าหรอก”
“อ่าว แล้วแบบนั้นผมจะเห็นได้ไงล่ะครับ พูดไปเรื่อย”
“เอาใหญ่แล้วนะ ติดนิสัยจิมมารึไง”
“นิสัยอะไรครับ”
“พูดจาไม่น่ารัก ยอกย้อนบ่อยเห็นฉันเล่นด้วยหน่อยคิดจะปีนเกลียวหรอ”
“ขอโทษครับ” ผมเดินหน้าหงอยต่อแต่ก็ลากคุณแจ็คมาด้วยเพราะเราจับมือกันอยู่ตั้งแต่แรก
“ทำไมอยู่ๆ คุณแจ็คถึงกลายเป็นคนดุหรอครับ จิมบอกว่าเมื่อก่อนคุณไม่ใช่แบบนี้”
“ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าอยู่ๆ ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน คงเพราะโตขึ้นหรือไม่ก็มีอะไรให้ต้องเข้มงวดหลายอย่าง บางทีฉันก็ไม่ได้ดุ แต่คนฟังรู้สึกไปแบบนั้นเองมันก็ช่วยไม่ได้”
“หน้าไงครับ มันออกทางสีหน้า คุณแจ็คหล่อก็จริงหรอก แต่พอหน้าคมๆ เข้มๆ มันเลยเหมือนพวกผู้ร้ายสมัยก่อนครับ”
“ก็แล้วมันดีหรือไม่ดีไอ้ที่หล่อเนี่ย”
“มันก็ดีครับ ผมก็อยากหล่อ แต่ก็ไม่เห็นต้องเก๊กเพิ่มนี่ครับ คนหล่อทำยังไงมันก็หล่ออยู่แล้ว”
“หาว่าฉันขี้เก๊กหรอ”
“มันมีส่วนนี่ครับ คุณแจ็คอาจจะไม่รู้ตัวแต่แบบว่า ต้องนิ่งไว้นะเพื่อให้คนยำเกรง ต้องใช้หางตามองเพื่อให้คนหวาดหวั่น อะไรแบบนี้ครับ”
“ฉันเป็นแบบนั้นหรอ”
“ไม่สังเกตตัวเองหรอครับ น่าจะมีคนบอกมั่งสิ”
“หลอกด่าปะ ถามจริง”
“ผมเปล่า ผมชอบซะอีก”
“ไหนบอกไม่ชอบที่ฉันดุ”
“อันนั้นไม่มีใครเค้าชอบหรอกครับ แต่ที่ผมบอกว่าชอบคือชอบเวลาที่ผมอยู่ในห้องนอนกับคุณแจ็ค”
“...”
“คุณแจ็คยิ้มกับผมหัวเราะกับผม มองหน้าผมเต็มๆ ตา ชวนคุยสารพัดเรื่องอ้อนผมด้วยครับบางที”
“ฉันไปอ้อนนายเมื่อไหร่ คิดไปเองเหอะ”
“คิดไปเองก็ได้ครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ชอบอยู่ดี ช่วยเป็นแบบนั้นทุกเวลาไม่ได้หรอครับ”
ผมหยุดเดินเพื่อที่จะหันไปมองหน้าคนที่พูดด้วยชัดๆ ที่ตรงนี้มันไม่ได้มืดเหมือนตอนที่ผมมองมา แต่แสงจันทร์ที่กระทบผืนน้ำมันทำให้ผมเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน รวมถึงใบหน้าหล่อๆ ของคุณแจ็คด้วย
“ชอบฉันหรอ”
“ครับ ชอบเวลาที่คุณแจ็คเป็นแบบนั้น”
“ฉันหมายถึงนาย...ชอบฉันหรอ”
“มัน...ต่างกันตรงไหนหรอครับ” ต่าง ผมรู้แน่ๆ ว่ามันต่างไม่อย่างนั้นใจของผมมันจะเต้นแรงขนาดนี้ทำไม
“นายจะมาอยากเปลี่ยนฉันทำไม เพื่อนาย หรือเพื่อจิม”
“...”
“ถ้าเพื่อจิม ฉันว่าฉันดูแลน้องชายตัวเองได้ต่อให้ฉันไม่เปลี่ยน เค้าจะเข้าใจฉันแม้ในวันที่เค้าไม่อยากจะเข้าใจ แล้วนายล่ะ”
“ผม...”
“ช่วยชอบทุกอย่างที่ฉันเป็นไม่ได้หรอ”
“ไม่ได้หรอกครับ... ไม่มีใครยอมรับทุกอย่างในตัวใครได้หรอกครับ คนที่รับได้คือคนที่เลือกจะปิดตาให้กับเรื่องนั้นเท่านั้นแหละ”
“แล้วนา—“
“แต่ถ้าเป็นคนที่ผมรักผมจะพยายามให้เค้าแก้ ผมไม่อยากให้ใครมองเค้าไม่ดี ไม่อยากให้มีใครมาว่าเค้าเบื่อเค้าหรือเกลียดเค้า”
“...นายห้ามความรู้สึกของทุกคนที่มีต่อฉันไม่ได้หรอก”
“แต่..”
“แต่ฉันจะพยายามทำให้คนหมั่นไส้น้อยลง”
“คุณแจ็ค...”
ถึงตอนนี้ผมยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงรูหู ขาของผมแค่ก้าวเดียวก็ชิดตัวคุณแจ็คและผมใช้ร่างกายทุกส่วนแนบกับคุณเขาโดยไม่ลังเล
“นายเองก็นิสัยไม่ดีเหมือนกันนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองผ่านแสงจันทร์ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“อยากผมปรับตรงไหนหรอครับ”
“เลิกเล่นกับใจคนอื่นสักที”

TBC
#ห้องลับบักจ่อย

ออฟไลน์ พิชา(ไรท์ขายหวย)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 12
«ตอบ #43 เมื่อ07-04-2019 02:11:33 »

12
คืนนั้นคืนไหน ใจแพ้ตัว

               ผมตื่นเช้ามาด้วยสภาพที่ปวดเมื่อยล้าไปหมด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้วันที่สองของการเที่ยวทะเลตื่นเต้นน้อยลงเลย ที่อยากจะงอแงคือการที่จิมล็อคห้องแล้วไม่ยอมให้ผมเข้าไปนอนด้วยต่างหาก คุณแจ็คบอกว่าน่าจะเผลอหลับไปแล้ว เพราะเจ้านี่ปลุกยากผมล่ะเชื่อเขาเลย กล้าทิ้งผมไว้นอกห้องคนเดียวได้ยังไง

แต่คนที่น่าจะปวดเมื่อยตัวอีกคนน่าจะเป็นคนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้ เมื่อคืนเราเดินกันไปไกลมาก ผมเองก็เพลินจนลืมไปว่าเพิ่งกินอิ่ม พอตอนจะกลับเลยจุกท้องแทบจะไม่อยากขยับ ต้องขี่หลังคุณแจ็คกลับมาจนถึงที่พัก

“ตื่นเช้าอีกแล้ว วันสบายๆ หัดตื่นสายซะบ้างสิ” มือผมถูกดึงให้ไปตามแรงจนต้องนอนกลับลงไปที่เดิม

“ผมอยากไปสูดอากาศข้างนอกนี่ครับ อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นจากทะเลด้วย”

“มันขึ้นรึยังล่ะ”

“น่าจะกำลังขึ้นครับฟ้าเทาๆ แล้ว”

“ไปสิ” คุณแจ็คขยับตัวขึ้นนั่งบิดขี้เกียจซ้ายขวา “ล้างหน้าแปบ”

 

เราออกมาจนถึงชายหาดจุดที่ยืนคุยกันเมื่อคืน ด้านข้างมีโขดหินเล็กๆ ให้คุณแจ็คนั่งรอระหว่างที่ผมยืนดูพระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นเหนือน้ำ

“หันหน้ามานี่หน่อย”

แชะ

          “แหนะ ถ่ายรูปผมทำไมครับ”

“เก็บไว้ให้นายเป็นที่ระลึกไง จะได้จำว่าครั้งหนึ่งเคยมายืนดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้”

“ผมถ่ายให้คุณแจ็คบ้างเอามั้ยครับ”

“ดูตะวันของนายต่อไปเถอะ”

ผมไม่ได้คะยั้นคะยออะไร แต่ก็เดินมานั่งห้อยขาบนโขดหินข้างๆ กัน ตอนนี้ฟ้ากำลังจะเริ่มสว่างเต็มที่ผมคว้ามือหนาขึ้นมาเล็งให้อยู่ตรงกลางก้อนอาทิตย์ดวงใหญ่ แล้วกดถ่ายด้วยไอโฟนที่ได้มาฟรี

“จะได้จำว่าครั้งหนึ่งผมนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นกับคุณแจ็ค” ผมหันไปยิ้มให้กับคนข้างๆ ซึ่งเขาก็กำลังมองมาพอดี เราสบตากันสักพักจนปลายนิ้วหนาเอื้อมปัดเส้นผมกลางหน้าผาก ถึงได้รู้ตัวว่าคุณเขาโน้มตัวมาหาจนเกือบจะชิด

“สอนไม่จำเลยนะ”

“อะไรอีกล่ะครับ ตื่นเช้ามาก็บ่นเลยหรอ”

“ชิ” คุณแจ็คขยับมือออกจากการเกาะกุมของผมแล้วไปลูบแถวๆ หน้าอกตัวเอง ก่อนจะพึมพรำเบาๆ “เลิกสั่นสักทีเถอะ”

“อะไรนะครับ?”

“เพราะนายนั่นแหละ”

“ผมไปทำอะไรให้คุณแจ็คเล่า ก็นั่งอยู่เฉยๆ”

“นั่งเฉยๆ ก็อยู่เฉยๆ ไปสิ ทำไมต้องมา...เฮ่ยย”

“อย่าหงุดหงิดใส่ผมสิครับ”

“ก็นายมัน...จึ๊ แสบนัก”

“ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ว่าผมอยู่นั่นแหละ”

 

[แจ็ค]

          หัวใจผมแทบจะหลุดตอนที่เจ้าหมอนี่พูดประโยคนั้นออกมา โอเค มันก็แค่ประโยคที่ผมพูดออกมาก่อน แต่ทำไมต้องเอาไปต่อเติมแถมยังมาจับมือผมซะแน่นแล้วถ่ายรูปซะสวยอีก เมื่อคืนเพิ่งพูดไปหยกๆ ว่าอย่าเล่นกับหัวใจคนอื่น แล้วดู ผ่านมาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเล่นเอาใจผมเกือบวาย

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ยิ้มก่อน” ผมเบือนหนีไม่สนว่าเจ้าดื้อนี่จะพยายามแค่ไหน “ยิ้มๆๆๆ”

“พอเลย มานอน”

“แต่มันเช้าแล้วนะครับ ผมตื่นเต็มที่แล้วด้วย น่าจะเล่นน้ำทะเลต่อเลยจะกลับห้องมาอีกทำไมก็ไม่รู้” จ่อยยังคงนั่งอยู่บนเตียงไม่ยอมขยับ “ผมไปว่ายน้ำที่สระนะ”

“ไม่ได้ จะไปเล่นคนเดียวได้ไง”

“จิมไงครับ เดี๋ยวผมไปชวนจิมก็ได้”

“ป่านนี้ยังไม่ตื่นหรอก เคาะไปก็เจ็บมือเปล่า”

“แต่ผมไม่อยากนอนนี่ครับคุณแจ็ค น้าๆๆๆ ให้ผมไปทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องนอนได้มั้ย”

“มีนะ” ผมจ้องไปที่นัยน์ตากลมโตนั่น ผุดรอยยิ้มที่รอจังหวะมานานกับความต้องการของผมในตอนนี้ “ที่ทำอยู่บนเตียงแต่ไม่ต้องนอน”

“สนุกมั้ยครับ”

“สุดๆ ไปเลย อยากลองมั้ย” ผมแกล้งเอียงไปกระซิบที่ข้างหูจ่อยเบาๆ

“เอ่อ...ผมว่า...มัน...ฟังดูน่ากลัวจังเลยครับ คุณแจ็คจะแกล้งอะไรผมรึเปล่าเนี่ย”

“ไม่แกล้ง”

“อ๊ะ!”

“แต่ทำจริง”

ผมกดจมูกลงที่แก้มของจ่อยไปหนึ่งข้าง สังเกตท่าทีว่าเขาจะยอมให้ผมทำซ้ำกับอีกฝั่งที่เหลือไหม แต่การนั่งอยู่นิ่งๆ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นแป้งหอมๆ โดยไม่ต้องรอให้เจ้าตัวอนุญาตอีก

“คะ...คุณแจ็ค”

“หืม?”

“ผมใจเต้นอีกแล้ว...มัน”

“เหมือนกัน”

ผมคว้ามือเล็กขึ้นมาวางทาบไว้บนจุดที่จะยืนยันว่าคำพูดของผมไม่ได้โกหก

“คุณแจ็คถะ...ถอยออกไปหน่อยได้มั้ยครับ ผมร้อน...”

“ไม่ได้...ถอยไม่ได้”

ผมเอื้อมสัมผัสใบหน้าที่บอกว่าร้อน ลูบเบาๆ อยู่อย่างนั้นกับสายตาที่เราจ้องมองกันจนคนตรงหน้าผมเลือกที่จะยอมแพ้แล้วหลับมันลง

ระยะของความใกล้ชิดทำให้ผมบอกตัวเองว่าอย่าห้ามใจอะไรอีก จ่อยต้องรับผิดชอบที่เล่นกับหัวใจของผม รับผิดชอบที่เข้ามาทำให้ผมหวั่นไหวได้มากขนาดนี้ และต้องเรียนรู้ว่าไม่ง่ายเลยที่ข่มใจให้สงบลงท่ามกลางความน่ารักที่อยู่ในอ้อมกอด

ผมกดริมฝีปากผ่านทุกพื้นที่ใบหน้า ฝ่ามือลูบท้ายทอยเกลี่ยปลายนิ้วเบาๆ ที่ใบหู ถึงแม้ว่าเขาจะสะดุ้งนิดๆ แต่ก็เลือกที่จะขยำเสื้อของผมแน่นแทนการโวยวาย

“ทีนี้รู้รึยังว่าฉันรู้สึกยังไงเวลาโดนนายหอมแก้ม”

“...”

เจ้าตัวเล็กไม่ตอบแต่เม้มริมฝีปากแน่นจนผมอดไม่ไหวต้องกดจุ๊บไปที่รอยเส้นตรงนั้น

“คุณแจ็ค!” มือเล็กคลายจากเสื้อผมยกขึ้นปิดปากตัวเอง “ตรงนี้จุ๊บไม่ได้ครับ”

“ทำไม หวงไว้ให้ใคร”

“ก็ต้องหวงไว้ให้แฟนผมสิ” ผมชะงักกับคำตอบ “คนที่จะจุ๊บตรงนี้ได้ต้องคนที่รักกันเป็นคู่กันครับ เหมือนพระเอกกับนางเอกตอนจบ”

“แล้วพระเอกกับนางเอกเค้ารักกันหรอ”

“ตัวจริงๆ เค้ารักกันรึเปล่าก็ไม่รู้หรอกครับ แต่ในเรื่องเค้ารักกันแล้ว”

“นายก็รักฉันไม่ใช่หรอ พูดเองนะ” ผมชี้หน้าคาดโทษ

“ก็ใช่ ผมรักคุณแจ็ค แต่เราไม่ได้เป็นคู่กันนี่ คุณแจ็คต้องไปคู่กับสาวฝรั่ง แล้วคุณแจ็คก็ไม่ได้รักผมด้วยไม่เคยบอกสักครั้งด้วยซ้ำ เราก็ไม่ใช่พระเอกนางเอก เพราะฉะนั้นจุ๊บไม่ได้ครับ ห้าม”

“นั่นสินะ”

“เข้าใจแล้วใช่มั้ยครับ ห้ามกินปากผมนะ”

“ซ้อมไว้ก่อนก็ไม่ได้หรอ”

“จะซ้อมไปทำไมล่ะครับ”

“เผื่อวันนึงได้เป็นพระเอกไง ฉันหล่อจะตาย”

“คำนี้ไว้ให้คนอื่นพูดเถอะครับ พูดเองมันเหมือนหลงตัวเองยังไงก็ไม่รู้”

“ด่า?”

“ไม่ได้ด่า แค่เตือนๆ ไว้ครับ คุณแจ็คอะหล่อจริงๆ แต่ให้คนอื่นบอก คุณแจ็คไม่ต้องพูด อ๊ะ! บอกว่าอย่าจุ๊บปากผมไง อ๊ะ! คุณแจ็ค ห้ามจุ๊... อื้มมม”

ขอโทษนะ อดไม่ไหวจริงๆ คุณต้องมาเห็นแบบที่ผมกำลังจ้องมองอยู่ ทุกครั้งที่เจ้าตัวเล็กพูดจางุ้งงิ้งไปพร้อมกับสีหน้าท่าทางมันดูน่ารักไปหมดจริงๆ ยิ่งเยลลี่นุ่มนิ่มที่ขยับไปพร้อมกับหลอกด่าผมแบบพาซื่อนั่นทำให้ผมเลือกที่จะหยุดมันไว้ด้วยริมฝีปากของตัวเอง

จ่อยยังคงดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนผม มันยากที่จะควบคุมจนต้องออกแรงยกให้ตัวเขามาชิดผมให้มากที่สุด อย่างน้อยสองขาก็ยังเหนี่ยวรั้งไว้ได้

มือเล็กตบที่บ่าผมเบาๆ เหมือนไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นบีบมันแทน ผมยังคงดูดดุนความนุ่มนั้นไว้จนเจ้าตัวเริ่มถอยคอออกเพราะกำลังจะขาดอากาศหายใจ

“ฮ้า...อา...” แล้วผมก็โดนฟาดที่หน้าอกเข้าหนึ่งที

“อ้าปากสิ จะได้มีลมเข้า”

“พอเลยครับ ผมไม่คุยด้ว...อื้อ อื้มมมม”

ผมกดจูบลงที่เดิมอีกครั้ง ใช้ปลายนิ้วกดที่คางลงเบาๆ ให้เขาเผยอปาก จ่อยไม่ยอมว่าง่ายเหมือนเดิมจนผมต้องดันลิ้นช่วย ซึ่งมันก็ได้ผล เขายอมรับลิ้นของผมแต่โดยดี หรือจะเรียกว่ากลัวถึงต้องยอมก็ได้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะออกแรงทำร้ายถึงจะบีบจะตีก็ทำเพียงครึ่งแรง

ผมจับมือเล็กสอดเข้ามาที่ใต้เสื้อให้มันวางไว้ที่หัวใจตรงนั้น ให้เขารับรู้ว่ามันกำลังเต้นแรงแค่ไหนกับการตอบสนองทางร่างกายของเราตอนนี้ ลิ้นและริมฝีปากของผมยังทำหน้าที่ไม่ขาด ได้แต่พยายามอ่อนโยนที่สุดเพื่อไม่ให้คนที่กลัวผมเป็นที่ตั้งต้องระแวงไปมากกว่าเดิม

จากที่ตัวเกร็งดีดดิ้นในตอนแรก ตอนนี้ทุกอย่างดูจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้น จ่อยตอบรับลิ้นผมเป็นอย่างดีแม้จะเก้กังไปหน่อย ผมรู้ว่าเจ้าตัวเล็กพยายามเลียนแบบในสิ่งที่ผมทำตามสัญชาตญาณ มือเล็กของเขาเอื้อมจับที่ท้ายทอยแทรกปลากนิ้มขยำกลุ่มผม อีกมือที่อยู่ภายใต้เสื้อก็ลูบป่ายไปทั่วโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิดว่ามันอันตรายแค่ไหน

ผมเลือกที่จะถอนริมฝีปากตัวเองออกมาอีกครั้งก่อนจะส่งมันกลับเข้าไปลิ้มรสความหวานอีกรอบ จ่อยเอียงปรับหาความถนัดด้วยตัวเองโดยที่ผมไม่ต้องควบคุมอะไรบนร่างกายเขาแล้ว แรงขยำตามเนื้อตัวหรือแม้แต่เสียงที่เล็ดรอดผ่านลำคอด้านในมันกระตุ้นให้ผมเต็มที่ในทุกการกระทำโดยไม่ต้องกลัวว่าคนตรงหน้าจะขัดขืน มันยังคงตั้งใจที่จะอ่อนโยนต่อเขาทุกอย่างแต่ไม่จำเป็นจะต้องห้ามหัวใจตัวเองใช่ไหม

“จำไว้ด้วยก็ได้นะ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยนั่งจูบกันที่นี่”

“...”

จ่อยไม่ยอมพูดอะไรแต่วางหัวซบไว้ที่ไหล่ผม เสียงลมหายใจหอบถี่ทำให้ผมต้องช่วยเอามือลูบเบาๆ ที่หลัง แขนที่โอบรอบคอผมตกลงมาข้างตัวทิ้งน้ำหนักให้ผมแบกรับมันอยู่ฝ่ายเดียว

“นายเป็นนางเอกของฉันแล้ว”

“ไม่ใช่สักหน่อย... ผมเป็นผู้ชายนะครับ”

“แล้วฉันไม่ใช่รึไง”

“นั่นแหละ เป็นพระเอกกับพระรอง ไม่มีเรื่องไหนเค้าจบแบบนี้หรอกครับ คุณแจ็คทำผิดกฎละครไทย”

“ละทำไงดี จูบก็จูบไปแล้ว”

“คุณแจ็คต้องเก็บให้เงียบเลยนะครับ” จ่อยยกหัวออกจากไหล่มาจ้องหน้าผม “ต่อไปถ้ามีแฟนคุณฝรั่งต้องห้ามหลุดปากบอกเค้านะครับ ผมจะปิดเป็นความลับช่วยให้ก็ได้”

“ฉันรักนาย”

“...!”

“นอกจากพระเอกนางเอก กับมีแฟนเป็นฝรั่ง ฉันต้องพูดคำนี้ใช่มั้ยถึงจะจูบนายได้” ผมจุ๊บที่ริมฝีปากนุ่มเบาๆ ไปอีกทีแต่จ่อยก็ไม่ได้เอียงหน้าหลบ

“พูดแค่เพราะจะจุ๊บปากผมหรอครับ” เจ้าตัวเล็กถอยลุกออกจากผม “คุณแจ็คควรจะพูดก่อนไม่ใช่หรอ ควรจะบอกว่ารักผมก่อนเหมือนที่ผมบอกมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ คุณแจ็คต้องพูดมันออกมาจากใจสิไม่ใช่มาพูดเพราะว่าหาเรื่องจุ๊บผมไปแล้ว”

“...”

“ถ้าเรามองหน้ากันไม่ติดอย่ามาว่ากันนะครับ”

“จ่อย...” ผมไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ ก่อนทำก็ไม่ได้คิดด้วย

“ผมไม่โทษคุณแจ็คหรอก คุณจะแก้ตัวไปทางไหนก็ได้ จะให้ผมเป็นนางเอก หรือให้ผมเก็บความลับช่วยผมก็ทำได้หมด”

“แล้วช่วยเชื่อคำว่ารักจากฉันไม่ได้หรอ” ผมได้แต่ลูบใบหน้าที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้นั่น “ทำไมถึงคิดว่าฉันพูดเพราะอยากจะหาข้ออ้าง”

“...”

“จิมเคยบอกว่ารักนายรึเปล่า” จ่อยหันหน้ากลับมาหาผมทันทีที่ได้ยินคำถาม “ถ้าเคยแปลว่าเค้าก็จูบนายได้รึไง”

“คุณแจ็ค...”

“ฉันไม่รู้ว่าที่นายบอกรักฉันนั่นมันรักแบบไหน นายบอกว่ารักฉันแล้วก็บอกว่ารักจิมต่อหน้าฉัน มันเหมือนกันรึเปล่า”

“ผมไม่เข้าใจที่คุณแจ็คพูด”

“นายบอกรักทุกคนที่ดีกับนาย แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ ฉันบอกรักได้แค่คนที่ฉันรักเค้าจริงๆ”

“รักของผมก็คือรักจริงๆ ครับ รักของผมมีแบบเดียว ถ้าผมรู้สึกว่ารักใครผมก็จะบอกเค้าไปเลยว่ารัก มันไม่ซับซ้อนเหมือนคนที่สมองเยอะๆ แบบคุณแจ็คหรอกครับ ผมคิดอะไรยากๆ แบบนั้นได้ที่ไหน”

“จ่อย...โธ่เว้ย...”

ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อจริงๆ เขาโกรธผมหรอที่ผมทำไปแบบนั้น หรือโกรธที่ผมไม่บอกรักไปตั้งแต่แรก โกรธที่ผมเป็นผู้ชายแล้วยกให้เขาเป็นนางเอก ไม่พอใจเรื่องไหนกันแน่

“ผมหิวข้าว”

“หะ?”

“หิวครับ คุยกับคุณแจ็คแล้วปวดหัว”

“แล้วเรื่องของเราล่ะ จะจบง่ายๆ งี้เลยหรอ”

“ทะเลาะกับตัวเองไปเถอะครับ ผมไม่อยู่เถียงด้วยหรอก อ้อ คุณแจ็คทำให้ปากผมเปื้อนน้ำลายไปหมด รับผมชอบด้วยครับ หาอะไรอร่อยๆ มาล้างปากผมเลย ผมไม่ลืมง่ายๆ เหมือนเรื่องที่โรงพักหรอกนะบอกก่อน หลายเรื่องแล้วนะคุณน่ะ ชอบทำให้ร่างกายผมมีแต่ความทรงจำเต็มไปหมด ผู้ใหญ่นิสัยไม่ดี”

“เอ้า?”

“ไปสิครับ ผมหิว”

 

[จ่อย]

 

            “โหว ไม่แพงไปหน่อยหรอพี่”

“อะฮึ่ม..ม สั่งๆ ไปเถอะน่า”

ผมนั่งฟังบทสนทนาของสองพี่น้องโดยไม่ได้โต้ตอบอะไรแทรก คุณแจ็คพาเรามาที่ร้านอาหารทะเลน่าจะใหญ่ที่สุดในเกาะ นักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มไปหมดจากที่เห็น และราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ที่สำคัญวิวมันสวยสุดจะบรรยาย แต่เพื่อแลกกับการจุ๊บในส่วนที่ผมหวงแหนมาทั้งชีวิตแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ แน่นอนว่าผมต้องเกรงใจอยู่แล้ว แต่ในเมื่อคุณแจ็คทำตัวเองจะไม่รับผิดชอบก็ดูจะไม่เป็นลูกผู้ชายใช่ไหมล่ะ

“โหว ทำไมมันตัวใหญ่จัง” เด็กเสิร์ฟยกจานกุ้งมาวางตรงหน้า เรียกว่าแบกมาเลยดีกว่าเพราะมันใหญ่มาก

“กุ้งมังกร ตอนสั่งไม่ได้อ่านรึไง” จิมหันมาตอบผมก่อนจะยกช้อนมาตักเนื้อกุ้งใส่จานให้

“เราไม่ได้อ่านอะไรเลย เห็นรูปแล้วก็ชี้ๆ”

“ชี้ถูกตัวซะด้วย” คุณแจ็คมองออกไปนอกทะเลแต่ปากก็เหมือนจะบ่น

“หักจากเงินเดือนผมไปก็ได้นะครับ แต่ขอเป็นหลังจากที่ผมย้ายหอนะ” ผมจิ้มกุ้งเข้าปากแล้วโอ้โหวพระเจ้า มันอร่อยมากก

“จะย้ายไปไหนไม่ให้ย้าย” จิมวางส้อมแล้วเสียงแข็งใส่ “คุยกันแล้วไงว่าจะอยู่ด้วยกัน ยังไงก็ต้องไปทำงานกับพี่แจ็คอยู่แล้วจะย้ายไปไหนอีก พี่แจ็คก็ช่วยพูดหน่อยสิ จ่อยดื้ออีกแล้วเห็นมั้ยเนี่ย”

คุณแจ็คทำหน้าอึกอัก ผมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่แน่หรอก เขาอาจจะอยากปล่อยให้ผมไปพ้นๆ ก็ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะต้องมานั่งรับผิดชอบชีวิตผม แค่อาหารมื้อนี้ก็มากเกินพอที่ผมจะเรียกร้องแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีสิทธิ์กับเงินของครอบครัวเขาสักบาท

“กินเถอะ อยู่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“แต่พี่”

“จ่อยไม่ไปไหนหรอกน่า รีบกินเข้าเถอะอยากไปดำน้ำไม่ใช่หรอ”

จริงๆ ผมก็อยากจะยิ้มออกมาหรอกนะ ไม่ใช่เพราะคำตอบของคุณแจ็คแต่เป็นมือที่เอื้อมมาจับผมไว้อยู่ใต้โต๊ะนี่ต่างหาก นิ้วทั้งห้าสอดเข้ามาทำให้ผมสัมผัสได้ว่าขนาดฝ่ามือของเรามันต่างกันเหลือกเกิน ขนาดตัวก็ด้วย หรือผมจะเป็นผู้หญิงนะ ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกสงสัยแบบนั้น

“ไม่เอามือแกะดีๆ ล่ะพี่ กระเด็นหมดละเนี่ย”

“พูดมากนัก! กินของตัวเองเข้าไป”

 

เรามาถึงอีกหาดหนึ่งซึ่งเป็นจุดดำน้ำตื้นดูปลาและปะการัง จิมใส่อุปกรณ์ทั้งหมดให้ผมพร้อมกำชับว่าอย่าว่ายไปไกลและห้ามแยกออกไปคนเดียว

เหล่าปลาเล็กปลาน้อยฝูงใหญ่ว่ายวนอยู่รอบตัวผม จิมเองก็มัวแต่ถ่ายรูปใต้น้ำไม่ห่วงว่ากล้องจะพัง ส่วนคุณแจ็คน่ะหรอ นู้น นั่งคุยอยู่กับชาวต่างชาติบนเรือ ยอมลงมากับพวกเราที่ไหน แล้วเจ้าอุปกรณ์ดำน้ำนี่ก็ทำให้หายใจลำบากอยู่เหมือนกัน รู้สึกเมื่อยปอดที่ต้องสูดอากาศเข้าออกบางทีก็เผลอดำลึกจนน้ำไหลลงคอเค็มไปอีก ผมเลยถอด ดึงท่อดึงแว่นออกแล้วว่ายน้ำจ๋อมแจ๋มไปที่เรือ

“ไม่เล่นแล้วหรอ” คุณแจ็คยื่นมาให้ผมระหว่างตะเกียกตะกายขึ้นบันได

“มันรัดครับ เมื่อยปากด้วย” วางอุปกรณ์ลงในตะกร้าให้คุณเจ้าหน้าที่เสร็จผมก็นั่งลงข้างๆ คุณแจ็ค

“กลับถึงบ้านจะงอแงอยากดูอีกไม่ได้แล้วนะ”

“ไม่งอแงครับ ผมดูจนจำหน้าน้องปลาได้หมดทุกตัวแล้ว”

“ฮึ ชอบมั้ยล่ะ มีอะไรที่อยากไปทำอีกรึเปล่า”

“แค่นี้ผมก็เต็มอิ่มมากแล้วครับ พลาดไปสักอย่างสองอย่างคงไม่เป็นไรหรอก” ผมยิ้มแล้วตอบคุณแจ็คไปตรงๆ ตั้งแต่พวกเรามาถึงที่นี่ผมกับจิมยังไม่หยุดเอาแต่ใจตัวเองกันเลย คุณแจ็คเองก็ไม่ห้ามไม่ว่า ตามใจจนจะหมดตัว

“หายโกรธฉันเรื่องเมื่อเช้ารึยัง”

“คะ...คุณแจ็ค” ผมเขยิบห่างออกเพื่อที่จะมองหน้าคุณเขาชัดๆ “โรคจิตหรอครับ ทำไมถึงชอบมาทำให้หน้าคนอื่นเค้าร้อนไปหมด ผมเล่นน้ำขึ้นมาเย็นสบายอยู่ดีๆ”

“เอ้า? ฉันก็ถามเพราะไม่อยากติดค้างอะไรในใจไง”

“ถ้าผมโกรธคุณแจ็คแล้วจะมานั่งคุยด้วยหรอครับ ผมอุตส่าห์เก็บมันไว้ลึกๆ แล้วคุณแจ็คยังจะไปควักมันออกมาพูดอีก”

“โอเค ฉันขอโทษ” คุณแจ็คยกสองแขนขึ้นท่ายอมแพ้ “ต่อไปฉันจะไม่พูดมันอีก”

“ดีครับ เก็บเป็นความลับ ชู่วว” ผมเอานิ้วชี้ขึ้นแตะที่ปากคุณแจ็ค “เรื่องนี้จะต้องเป็นความลับที่เราสองคนจะไม่พูดมันออกมาอีกเด็ดขาด”

“แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำมันอีกนะ” ปากนิ่มๆ ของคุณแจ็คงับที่นิ้วของผมเบาๆ สายตาเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มร้ายๆ นั่นทำให้ผมได้แต่อ้าปากค้าง แถมใจก็มาเต้นแรงจนจะระเบิด

“มะ..ไม่ได้สิครับ ห้าม ผมบอกเหตุผลไปแล้วไง”

“ฉันก็บอกรักนายไปแล้วไง”

“ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไปจุ๊บจิมได้สิ ไปจุ๊บพี่โยได้สิ อ้อ พี่แม๊กอีก”

“หมอนั่นมันบอกรักนายตั้งแต่เมื่อไหร่!”

“อย่ามาขึ้นเสียงดุใส่ผมนะ”

“ก็แล้วมันมาบอกรักนายเมื่อไหร่ เจอกันไม่กี่วันนายจะไปรักมันได้ยังไง มันทำอะไรให้นายบ้างหะ พูดมาให้หมดเลยนะเล่ามาเดี๋ยวนี้”

“อย่าเสียงดังเดี๋ยวน้องปลาตกใจ!”

“ก็รีบๆ พูดมาสิ”

“พี่เค้าไม่ได้มาบอกรักอะไรผมหรอก ผมแค่เปรียบเทียบเฉยๆ ว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ผมรักแล้วเค้าก็รักผม เราก็จุ๊บกันได้หมด มันไม่ใช่สักหน่อย”

“รู้ไว้ก็ดี ต่อไปห้ามไปบอกรักใครมั่วๆ อีก”

“แล้วจะมาสั่งผมทำไมก็ผมรักของผมอะ”

“ฉันบอกว่าห้ามก็ห้ามไงเล่า!”

“ไม่ฟังครับ คุณแจ็คไม่มีเหตุผล ห้ามมาชวนผมทะเลาะด้วย”

“จ่อย!”

“ก็หาเหตุผลดีๆ มาคุยกันสิครับ อยู่ๆ จะมาสั่งได้ไง ใจก็ใจผมทั้งนั้นคุณแจ็คไม่มีสิทธิ์ตรงนี้สักหน่อยนี่”

 

ผมกับคุณแจ็คไม่ได้คุยกันอีกจนเรากลับมาถึงที่พัก ระหว่างทางผมเห็นคุณเขายืนอยู่ท้ายเรือเอาแต่มองออกไปที่ทะเลไม่ยอมมาสนุกสนานกับพวกเราหรือแม้แต่คุณฝรั่งเพื่อนใหม่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ผมรู้ตัวว่าดื้อที่เถียงคำไม่ตกฟากกับผู้ใหญ่ไปแบบั้น แต่คุณแจ็คก็ผิด นิสัยขี้บังคับที่ชอบใช้กับจิมตอนนี้ก็เอามาใช้กับผม คิดว่าจะพยายามเปลี่ยนแล้วแท้ๆ สุดท้ายก็เหมือนเดิม

เราจัดการกับอาหารค่ำมื้อง่ายๆ ข้างรีสอร์ท ทุกคนแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวกันหมดเหลือแค่ผมที่ยังไม่รู้จะไปทางไหนดี จะกลับเข้าห้องเดิมที่ขนของไปไว้แต่แรก หรืออีกห้องที่ผมใช้พักผ่อนเมื่อคืน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“มาเอาแปรงสีฟันครับ”

               ประตูห้องเปิดออก ร่างหนาเนื้อตัวเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าเช็ดตัวที่อยู่ต่ำระหว่างเอวและอีกหนึ่งผืนเล็กที่ถูกขยี้อยู่บนเส้นผม คุณแจ็คเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ผมได้กลิ่นสบู่หอมลอยมาแตะจมูกแม้ไม่ได้ยืนใกล้

               “จะกลับไปนอนห้องนู้นหรอ” ผมอยู่ในห้องน้ำแต่ก็ได้ยินคำถามชัดเจน ประเด็นคือจะตอบอะไรออกไปในเมื่อตัวเองก็ยังไม่รู้

               “ผม...นอนที่ไหนก็ได้ครับ” ไม่รู้ว่าคุณเขาจะได้ยินไหม เพราะพูดออกไปเบาเหลือเกิน “อ๊ะ ค...คุณแจ็ค”

               “งั้นก็นอนที่นี่สิ” สัมผัสจากด้านหลังทำให้สะดุ้งจนเกือบจะลื่น ถ้าไม่ติดว่าสัมผัสนั้นคือการกางสองแขนเข้ากอดผมคงหน้าทิ่มไปพื้นแล้ว

               “มา...กอดผมทำไมครับ ตกใจหมด”

               “แม้แต่กอดก็ไม่ได้หรอ จะใช้เหตุผลอะไรมาห้ามฉันอีก” มือหนาค่อยๆ คลายลงพร้อมกับน้ำเสียงที่ทำให้ใจผมรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ทำไมฟังดูคล้ายคนพูดจะเหนื่อยใจได้ขนาดนี้

               “คุณแจ็ค เป็นอะไรรึเปล่าครับ”

               “เป็น” สายตาคมที่เคยแพรวพราวมาตลอด ตอนนี้มองผมอย่างเศร้าๆ

               “เหนื่อยหรอครับ ไปพักผ่อนก่อนมั้ย พรุ่งนี้คุณแจ็คต้องขับรถอีก หรือว่าจะไม่สบายครับ”

               “เป็นห่วงฉันด้วยหรอ”

               “เป็นห่วงสิครับ”

               “แล้วทำไมตอนนั้นพูดเหมือนไม่ได้แคร์จิตใจฉันเลย”

               “ผมขอโทษครับ แต่ผมพู..อืออ อื้มม”

               ผมถูกริมฝีปากหนาเข้าประกบจนมิดทั้งที่ยังพูดไม่ทันจบ นอกจากเขาจะไม่ฟังคำขอของผมยังฝืนบังคับทำมันอย่างเอาแต่ใจ

               ช่วงตัวที่ถูกรวบไว้จนชิดทำให้ใบหน้าผมแหงนขึ้นเพื่อรองรับการจูบแบบไม่ทันตั้งตัว ผมพยายามแล้วที่จะถอยหนีแต่นั่นกลับทำให้จนมุมมากขึ้นกว่าเดิม ไม่รู้แม้กระทั่งว่าต้องวางมือไว้ตรงไหน ระหว่างขอบอ่างล้างหน้ากับบนไหล่ของคนตัวสูง

               ผมเริ่มหายใจไม่ออกอีกครั้งจนนึกขึ้นได้ว่าต้องอ้าปากถึงจะช่วยให้มีลมเข้า คุณแจ็คยังไม่หยุดดูดดุนที่ริมฝีปากหนำซ้ำยังส่งลิ้นอุ่นๆ เข้ามาควานหาอะไรทั่วไปหมด ผมทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยอมปล่อยมือที่เกร็งแล้วให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณแจ็คต้องการ

               “ฉันไม่สนเหตุผลของนายและจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนนกว่านายจะเข้าใจสักทีว่าทำไมฉันถึงต้องทำ”

               “แค่พูดออกมามันยากกว่ารึไงครับ”

               “ฉันพูดไปแล้ว ฉันบอกนายไปแล้ว”

               “ที่บอกว่ารักผมน่ะหรอครับ”

               “อย่าบอกว่านายจะวิ่งไปจูบจิมนะ”

               “ใครจะไปทำอย่างนั้นครับ เห็นผมเป็นคนยังไง”

               “น่ารัก” คุณแจ็คสวนขึ้นมาแทบจะทันที ผมเองก็นิ่งไปเหมือนกัน “ซื่อบื้อ เด๋อด๋าไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง รักก็บอกตรงๆ ไปแล้วยังไม่เข้าใจความหมายอีก ฉันจะทำยังไงกับนายดี”

               “ก็เลยต้องจูบผมอีกหรอ”

               “จะจูบไปจนกว่านายจะเข้าใจเอง”

               “ผมจะไปเข้าใจเองได้ยังไง”

               “ยิ่งดีใหญ่ ฉันคงได้จูบนายจนปากเจ่อ”


TBC

#ห้องลับบักจ่อย

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 12
«ตอบ #44 เมื่อ15-04-2019 16:37:55 »

 :L1:

ออฟไลน์ พิชา(ไรท์ขายหวย)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 13
«ตอบ #45 เมื่อ03-05-2019 17:35:05 »

13
ตอบหน่อยได้ไหมตอบฉันหน่อย ว่าเธอคิดถึงกัน


“จบมอหกเองหรอ”
“ครับ”
“จริงๆ ที่บริษัทเราก็ไม่มีนโยบายรับวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรีหรอกนะ แต่คุณแจ็คบอกว่าจะให้เธอเป็นผู้ช่วยเวลาออกนอกสถานที่พี่ก็คงต้องจัดการไปตามนั้น”
“ครับ”
“ไปทดลองงานกับคุณโจแล้วกัน มีอะไรก็ช่วยหยิบช่วยจับไปก่อน มีประกันสังคมรึยัง”
“ทำแล้วแต่ยังไม่ได้บัตรครับ พี่ที่ทำงานเก่าทำให้เค้าบอกรอบัตรสามเดือน”
“โอเค พี่จะได้ยื่นเรื่องให้ชื่อมาอยู่ที่บริษัท เริ่มงานได้เมื่อไหร่”
“เริ่มวันนี้เลยก็ได้ครับ”
“ไม่ต้องรีบ ไว้เริ่มพรุ่งนี้แล้วกัน เข้างาน เก้าโมงเลิกหกโมงเย็น แต่ถ้าออกนอกสถานที่ปรับเวลาตามหน้างาน ออกต่างจังหวัดได้ใช่มั้ย”
“ถ้าไปกับบริษัทก็ไปได้ครับ”
“โอเค รายละเอียดงานไปคุยกับคุณโจเอานะ พรุ่งนี้ห้ามสายล่ะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
ผมเดินออกมาจากห้องของฝ่ายบุคคลพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ หลังจากที่นั่งเกร็งตอบคำถามอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง
ไม่รู้คุณแจ็คคิดยังไงของเขาถึงได้ไปคุยกับพี่โยพาผมออกมาทำงานที่บริษัททั้งที่เพิ่งจะกลางเดือนแท้ๆ ตอนแรกตกลงกันไว้ว่าสิ้นเดือนถึงจะออก โชคยังดีที่มีพี่แม๊กพี่โยเลยยอมตามใจถึงแม้จะบ่นอุบอิบตามหลังมาให้ได้ยิน
“คุยเสร็จแล้วหรอ” คุณแจ็คถามเมื่อผมเดินกลับมาหาที่ห้องทำงานอีกครั้ง
“เสร็จแล้วครับ คุณเค้าให้ผมเริ่มงานพรุ่งนี้ ให้ไปทำงานกับคุณโจด้วย”
“เฮ้อ ยายคนนี้”
“มีอะไรหรอครับ” คุณแจ็คลากเสียงยาวเหมือนไม่ค่อยพอใจ จนผมต้องเอ่ยปากถาม
“เปล่า ไปทำกับโจก็ดี หมอนั่นใจดีอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก” คุณแจ็คเงยหน้าขึ้นมาตอบผม “แต่เดินทางบ่อยหน่อยนะ ไหวมั้ย”
“ไหวสิครับ แค่เดินทางเอง”
“ไม่ใช่แค่เดินทางน่ะสิ อาจจะต้องทำกลางแจ้งด้วยยกของแบกของนั่นนี่จะทำไหวหรอ”
“ได้สิครับ อยู่ที่สกลผมก็อยู่กลางทุ่งนาทั้งวัน แบกจอบแบกเสียบถางหญ้า ไถนา หนักกว่านี้อีกครับ”
“ฮึ่ม...” คุณแจ็คถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกวักมือเรียกผมให้เดินไปหาแถมยังดึงมือให้ลงไปนั่งบนตักอีก “คิดถูกหรือคิดผิดให้นายมาทำงานที่นี่ด้วยเนี่ย”
“คุณแจ็คกลัวผมจะทำให้เสียงานใช่มั้ยล่ะครับ ไม่ต้องห่วงเลยนะ ผมจะดูแลงานที่ต้องรับผิดชอบอย่างดี ไม่ให้ใครว่ามาถึงคุณแจ็คได้เลยครับ”
“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ฉันรู้ว่านายมีความรับผิดชอบพอ” คุณแจ็คบอกพร้อมกับลูบข้อมือผมตรงสร้อยเส้นเล็กที่เขาเป็นคนใส่ให้ “แต่อยากให้นายทำในออฟฟิศอยู่กับฉันมากกว่า”
“คงเพราะว่าผมวุฒิน้อยมั้งครับ แต่ถึงยังไงเงินเดือนก็เท่ากับปริญญาตรีเลยนะครับ เค้าให้ผมตั้งหมื่นห้าแหนะ มีโอทีด้วย เบี้ยขยันอีกถ้าผมมาทำงานแต่เช้าทุกวัน”
“ฮึ ปริญญาตรีบางคนยังได้ไม่เท่านายเลย”
“จริงหรอครับ”
“อื้ม บางที่ก็ได้ไม่ถึง แต่ก็เหนื่อยหน่อยนะ อดทนไว้ล่ะ”
“มาจุ๊บข้อมือผมทำไมล่ะคุณแจ็คนี่”
“ฉันจุ๊บสร้อยของฉันต่างหาก อย่ามามั่ว”
“แสดงว่าจากนี้ผมจะมีเงินส่งให้ที่บ้านเป็นหมื่นเลยหรอเนี่ย ดีจังเลยครับ” ผมขยับตัวบนตักเบี่ยงมาข้างๆ เพื่อที่จะมองหน้าคุณแจ็คถนัดๆ เวลาคุยกัน
“ได้หมื่นก็จะส่งหมื่นเลยหรอ ไม่เก็บไว้ใช้บ้างรึไง”
“ผมใช้ไม่เท่าไหร่หรอกครับที่บ้านมีทั้งแม่แล้วก็น้องไหนจะค่าขนมไปโรงเรียนน้องอีก”
“ถึงงั้นก็ส่งให้ทั้งหมดไม่ได้ นายต้องรู้จักเก็บเงินด้วย ถ้านายส่งให้เค้าทั้งหมด เกิดวันนึงทางนั้นฉุกเฉินขึ้นมาแล้วต้องใช้เงินเพิ่มนายจะหาจากไหนให้พวกเค้า”
ผมคิดตามที่คุณแจ็คพูดแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบ
“นายต้องเก็บไว้เผื่ออนาคตด้วย แบ่งเป็นส่วนๆ ส่งทางบ้านเท่าไหร่ ใช้จ่ายเองเท่าไหร่ ที่เหลือเป็นเงินเก็บสำหรับอนาคต เงินสำรองฉุกเฉิน ถึงจะเหลือเก็บไม่เยอะแต่ก็ต้องเก็บ”
“คุณแจ็คครับ...”
“หืม?”
“เรื่องหอน่ะครับ คือว่า.../ ไม่คุยเรื่องนี้” คุณแจ็คสวนขึ้นทั้งที่ยังพูดไม่จบ
“จิมไม่ยอมให้นายย้ายไปไหนหรอก”
“แต่คุณแจ็คก็ช่วยพูดได้นี่ครับ ผมเกรงใจ”
“ให้ฉันนี่นะช่วยพูด ลองได้ไปขัดใจดูสิ ฉันไม่โดนตัดออกจากกองมรดกเลยหรอ”
“โหว คุณแจ็คก็พูดไป ใครจะกล้าตัดพี่ชายออกจากกองมรดกล่ะครับ นะๆ คุณแจ็คช่วยพูดให้หน่อย”
“ทำไมถึงอยากจะไปนักล่ะ เบื่อหน้าฉัน?”
“เปล่านะครับ แต่ผมเกรงใจจริงๆ กินฟรีอยู่ฟรี มันรู้สึกไม่สะดวกใจครับ คุณแจ็คเข้าใจความรู้สึกผมใช่มั้ย”
“แล้วนายเข้าใจความรู้สึกฉันมั้ย หมายถึง... ที่ฉันต้องไปช่วยพูดกับจิมน่ะ”
“ก็เข้าใจครับ เฮ้อ”
“ไม่ชอบเตียงฉันหรอ ไหนบอกชอบเวลาอยู่ในห้องนอนกับฉันไง”
“ก็...ช..ชอบครับ แต่”
“ถ้าชอบก็ไม่ต้องมีแต่ อยู่ที่นี่ไปนั่นแหละ ไม่มีใครว่าอะไรนายหรอก ไม่ต้องเกรงใจเกินเรื่อง ออกไปอยู่ข้างนอกค่าห้องค่าเดินทางค่ากินค่าอยู่ แล้วจะเอาเงินไหนมาเก็บ นี่พวกฉันช่วยนายประหยัดไปได้เยอะเลยนะ”
“ประหยัดผมแต่ไปเปลืองเงินคนอื่นแทนไงครับ ทำไมคุณแจ็คเข้าใจยากจัง จะไม่คุยด้วยแล้วนะ”
“เอ้า! แล้วจะมางอแงอะไรกับฉันล่ะ”
“ก็คุณแจ็คพูดไม่รู้เรื่อง”
“ใครกันแน่?” คุณแจ็คขยับขาเหมือนจะเมื่อยที่ผมนั่งทับตักอยู่นาน สุดท้ายก็ยกตัวผมขึ้นแล้วจับหันหน้าเข้าหากันให้ผมคร่อมตัวไว้แทน “เอาขาขึ้นมาไว้นี่”
“ไปนั่งคุยกันที่โซฟาดีๆ มั้ยครับ จะมาเบียดอะไรกันอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียว”
“แอร์มันหนาว”
“ห้องนอนคุณแจ็คหนาวกว่านี้อีกครับ”
“ถึงต้องให้นายมานอนด้วยไง จะย้ายไปไม่สงสารฉันหน่อยหรอ นอนหนาวคนเดียวเลยน้า”
“เบาแอร์สิครับ เปิดเหมือนอยู่โรงแช่แข็ง กลัวใครเน่าหรอ”
“ไปเอาคำพูดประชดประชันมาจากไหนหะ? ร้ายนักนะเดี๋ยวนี้”
“แล้วก็เลิกจุ๊บมือผมได้แล้วครับ สร้อยคุณแจ็คไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย”
“อ่าวหรอ” คุณแจ็คฉีกยิ้มจนตาหยี “สายตาไม่ดี เล็งไม่ถูก”
“ตกลงจะช่วยคุยให้ผมรึเปล่าครับ ไปนั่งเป็นเพื่อนก็ได้เดี๋ยวผมคุยเองคุณแจ็คค่อยรอเสริม” ผมวางมือไว้ที่พนักพิง เพราะไม่อยากพาดไว้บนตัวคนตรงหน้า
“ห้องที่จะไปอยู่ค่าเช่าเท่าไหร่”
“สองพันห้าครับ รวมตู้เตียงให้ด้วย”
“อยู่แถวไหน”
“ท้ายตลาดครับ”
“ปลอดภัยรึเปล่า มีระบบป้องกันมั้ย เปลี่ยวมั้ย เพื่อนร่วมหอเป็นยังไงไปดูมารึยัง ไม่ใช่มีแต่พวกสุมหัวกินเหล้าโวยวายเปิดเพลงเสียงดังๆ หรอกนะ”
“อันนั้นก็ไม่รู้ครับ แต่ถึงงั้นผมก็อยู่แต่ในห้องอยู่ดี ไม่ได้ลงมานั่งกินกับพวกเค้าสักหน่อย”
“ไม่ได้” คุณแจ็คเริ่มขึ้นเสียงดุ แถมยังคว้าตัวผมดันขึ้นมาจนเกือบชิดหน้าอก “ยังไงเรื่องความปลอดภัยก็ต้องมาก่อน นายอาจจะไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร แต่ก็ไม่แน่ว่าคนอื่นจะไม่มาสร้างเรื่องให้นายนี่ ถ้าหาหอที่ดีไม่ได้ฉันก็ไม่อนุญาต แล้วเลิกคุยกันเรื่องนี้”
“คุณแจ็ค”
“ไม่ต้องมาเรียก ต่อให้อ้อนก็ไม่ช่วยเด็ดขาด”
จุ๊บ
“บะ...บอกว่าไม่ต้องมาอ้อนไง” คุณแจ็คโวยวายจริงจังหลังจากที่ผมก้มลงจุ๊บหน้าผากเหม่ง เวลานั่งบนตักก็ดีเหมือนกัน มันทำให้ผมดูตัวสูงกว่าคุณแจ็ค
“ผมก็ไม่ได้อ้อน ถ้าคุณแจ็คบอกว่าไม่ช่วยผมจะทำอะไรได้ เอาเป็นว่าผมจะช่วยทำงานบ้านและงานที่บริษัทอย่างหนักเพื่อตอบแทนที่ช่วยเหลือผมแล้วกันนะครับ” ผมกดจุ๊บไปที่แก้มอีกสองข้างแล้วรอดูท่าทีจากคุณแจ็ค แต่ผมไม่ได้ทำเพราะหวังผลประโยชน์อะไรเลยนะ เชื่อสิ
“นายนี่มันร้ายขึ้นทุกวัน”
“แค่จุ๊บแก้มก็กลายเป็นผู้ร้ายแล้วหรอครับ ต่อไปผมไม่ทำแล้วก็ได้”
“จ่อย” คุณแจ็คกระตุกขาขึ้นทำให้ตัวผมโยกตามไปด้วย “เล่นลิ้นเก่งนักนะ”
“คุณแจ็คเก่งกว่าอีกครับ เรื่องเล่นลิ้นน่ะ”
“จ่อย! ไปหัดเอานิสัยพวกนี้มาจากไหน”
“จะไม่คุยให้จริงๆ หรอคร้าบบบ”
“ก็บอกให้ไปดูหอที่มันปลอดภัยมาก่อนไง เอาที่ปลอดภัยกว่าบ้านฉันแล้วค่อยมาคุยกัน”
“พูดแบบนี้ก็ให้ผมอยู่บ้านคุณแจ็คไปเถอะครับ ไม่มีที่ไหนปลอดภัยกว่าหรอก”
“เอาตามนั้นเลย” คุณแจ็คเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมไปหนึ่งที
“ชิ”
ผมก้มหน้าลงไปบนไหล่กว้างเพราะคิดว่าขอยังไงก็คงไม่สำเร็จ ว่าไปตามความจริงหอพักราคาถูกแบบนั้นคงอยู่ใครอยู่มันแบบดูแลตัวเองมากกว่า อย่าว่าแต่ระบบรักษาความปลอดภัยเลย ยามสักคนจะมีรึเปล่าก็ไม่รู้
“คุณแจ็ค!” ผมตวาดขึ้นหลังจากรู้สึกหวิวๆ “คนอะไรมันจะจุ๊บได้ทั้งตัวขนาดนั้นครับ”
“จุ๊บคอเองไม่ได้จุ๊บทั้งตัวสักหน่อย” คุณแจ็คเถียง “ใครให้เอียงมาหาเองล่ะ
“ก็คุณแจ็คให้ผมนั่งอยู่บนนี้มันก็เมื่อยสิครับ”
“เมื่อยก็นอนลงมา มา”
“นอนลงไปคุณแจ็คก็จุ๊บคอผม” ยู่ปากใส่ไปหนึ่งทีให้คุณแจ็ครู้ตัวซะบ้าง
“แค่ดมดู ฉันว่ากลิ่นมันแปลกๆ ก็เลยช่วยเช็คให้ไง”
“เหม็นหรอครับ ผมทาแป้งแล้วนะ” ผมยกเต่าขึ้นมาดมแต่ก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร
“ไม่เหม็นๆ สงสัยเป็นกลิ่นอย่างอื่นแถวๆ นี้” คุณแจ็คยกยิ้มจนริมฝีปากตึง ผมไม่ชอบรอยยิ้มแบบนี้เลย รู้สึกมันมีเลศนัยยังไงไม่รู้
“ผมไปนั่งรอที่โซฟาดีกว่าครับคุณแจ็คจะได้ทำงานสักที”
“ไม่เอา นั่งนี่แหละ”
“มันขวางครับ เมื่อยด้วยเดี๋ยวจะทำงานไม่เสร็จเอานะครับ”
“ก็ได้ แต่ขอกำลังใจหน่อย”
“กำลังใจอะไรครับ”
“กำลังใจในการทำงานไง เดี๋ยวงานไม่เสร็จ” สีหน้าคุณแจ็คเปลี่ยนเข้ามาเป็นโหมดจริงจัง
“ทำยังไงครับ” ผมเอียงคอถามเพราะปกติจะใช้วิธีพูดมากกว่า
“อื่ม” นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากตัวเองและผมก็รู้ได้ทันที “ทำหน้าที่นางเอกก่อนเร็ว”
“เสียใจครับ บอกแล้วว่าจุ๊บได้แค่ที่ทะเล”
“ใจร้ายกับคนที่ตัวเองขอให้ช่วยได้ยังไง ลงไปเลย” คุณแจ็คดันตัวผมออกจากหน้าตัก สีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดจนผมต้องขืนตัวไว้ “ลงไปสิ อึม...”
ผมประกบปากเข้าไปปิดคำพูดของคุณแจ็ค หลับตาปี๋เพราะไม่อยากเห็นสีหน้าหงุดหงิดที่มองมาทางผมแต่ก็ต้องรีบปล่อยเพราะกลัวคุณแจ็คหายใจไม่ออก
“ไม่ทันตั้งตัวเลย”
“วันนั้นผมก็ไม่ได้ตั้งตัวเหมือนกันนั่นแหละ” ผมนึกไปถึงครั้งแรกที่โดนจูบแล้วพยายามลุกจากเก้าอี้คุณแจ็คเพื่อไปรอบนโซฟาแต่กลับถูกกดตัวลงตามเดิม
“คุณนางเอก” คุณแจ็คจับคางเพื่อให้หันหน้าไปทางเขา “ปากหวานกว่าคำพูดเยอะเลย หนุ่มสกลคนซื่อหายไปไหนแล้วครับ”
“คนหล่อต่างหาก” ผมแก้ชื่อที่คุณแจ็คเรียกให้ถูก
“คนสวย คนน่ารัก” ปลายนิ้วเขี่ยที่ริมฝีปากตุ่ยๆ ของผม “ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งน่ารักใครจะอยากให้ไปนั่งที่อื่นไกลๆ ล่ะหื้ม”
“ทำงานไปเลยคุณแจ็ค” ผมมุดลงซบอกคนตรงหน้าจนหลังโก่ง แววตาคุณแจ็คเป็นประกายจนไม่กล้าที่จะมองสู้กับสายตานั้น
“รู้รึเปล่าอาการแบบนี้เค้าเรียกว่าอะไร”
“กลัวครับ”
“เค้าไม่ได้เรียกกลัว”
“กลัว คุณแจ็คมีรังสีความน่ากลัวทำให้คนอื่นใจสั่น นิสัยไม่ดีครับ”
“เขยิบขึ้นมานั่งดีๆ เร็ว” คุณแจ็คยกตัวผมขึ้นอีกครั้ง “เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง”
“ไม่ต้องทำงานแล้วหรอครับ ให้ผมมากวนอยู่ได้” ยังก้มหน้ามุดอยู่เลยเพราะกลัวว่าเงยขึ้นไปใจมันจะสั่นอีก
“ไม่ทำแล้ว นั่งมองคนน่ารักมีความสุขกว่าตั้งเยอะ”
“งื้อออ” ผมถูหน้าไปกับเสื้อเชิ้ตซึ่งใจจริงอยากจะยัดตัวเองลงไปในกระเป๋าเสื้อเล็กๆ นั่นด้วยซ้ำ “เลิกปล่อยรังสีบ้าๆ นี่ได้แล้วคุณแจ็ค”
“เอ้า เขินเองก็มาโทษคนอื่น” คุณแจ็คกางอ้อมแขนกอดผมไว้แน่น “นั่งตักเวลาขยับบ่อยๆ มันอันตรายนะ”
“ผมไม่ตกหรอกครับ ไม่ต้องกอดแน่นขนาดนี้หรอก”
“ไม่ได้กลัวนายตก กลัวงูตื่น”
“มีงูหรอครับ!! ไหน?”
“บอกว่าอย่าขยับไง ไม่มีหรอกงูน่ะ เปรียบเทียบเฉยๆ”
“แล้วไปครับอย่าพูดให้ตกใจสิ ผมตีตายมาหลายตัวนะ”
“โหดจัง”
“ทำไมเดี๋ยวนี้ทำเป็นเล่นบ่อยจังครับ คุณแจ็คที่ขรึมๆ เข้มๆ บ้างาน เป็นแค่เวลาอยู่ต่อหน้าจิมหรอ”
“เป็นเวลาอยู่ต่อหน้าทุกคน แต่มุมนี้เป็นเวลาอยู่ต่อหน้านาย” มือของผมถูกจับมาจุ๊บอีกครั้ง “แค่นายคนเดียวเลยนะ” และแน่นอนว่าใจผมสั่นจนอยากควักออกให้รู้แล้วรู้รอด
“คำพูดคุณแจ็คน่ะ ฆ่าคนได้เลยรู้รึเปล่าล่ะครับ”
“ความน่ารักของนายก็ฆ่าฉันได้เหมือนกัน”
“คุณแจ็คคคคคคคค”

[แจ็ค]
ผมนอนมองเจ้าก้อนเล็กๆ ที่กำลังฝันดีอยู่บนเตียง ใจในพลางคิดไปว่า ทำยังไงนะให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะไปจากพวกผม ทำยังไงให้เด็กนี่เลิกเกรงใจพวกเราสักที แต่มันก็เข้าใจได้ ถ้าเป็นผมหรือจิมก็คงไม่กล้าไปรบกวนใครแบบนี้เหมือนกันแต่มันจะไม่มีวิธีเลยหรอ วิธีที่จ่อยจะยอมอยู่กับพวกเราแต่โดยดีน่ะ
ติ้ง ตึ้ง
JIMMA: พี่เห็นจ่อยมั้ย
JIMMA: ผมมาหาที่ห้องไม่เจอ
JACK: อยู่ห้องพี่
   JIMMA: แล้วจ่อยไปทำอะไรห้องพี่
JACK: มาคุยธุระแล้วก็หลับ
JACK: มีอะไรรึเปล่า
   JIMMA: จิมต้องถามมากกว่า
   JIMMA: ธุระอะไรต้องคุยกันดึกดื่น
JACK: แล้วน้องไปหาจ่อยทำไมดึกดื่น
   JIMMA: ก็จิมจะมานอนกับจ่อย
JACK: แต่จ่อยมานอนกับพี่
JACK: นอนได้แล้วพรุ่งนี้ค่อยคุย
และนี่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ยังคาใจผมอยู่ ผมไม่รู้เลยว่าจิมรู้สึกกับเจ้าตัวเล็กนี้ยังไงกันแน่ บางครั้งเขาก็เหมือนเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายที่สนิทและตัวติดกัน แต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่ามันมีอะไรที่มากกว่านี้ไหม จ่อยเป็นคนซื่อเกินกว่าที่จะรู้ว่ารักคืออะไรด้วยซ้ำ สิ่งหนึ่งที่เขามีคือความจริงใจในความรู้สึกของตัวเองและนั่นก็ทำให้ผมท้อใช่ย่อย ไอ้คำว่ารักที่มีแค่แบบเดียวของเขามันจะใช้กับทุกคนได้อย่างไร
จิมก็อีก ผิดเองที่ผมทำให้น้องอยู่ห่างจนไม่สามารถพูดคุยกันทุกเรื่องเหมือนก่อน นานแล้วที่เขาไม่ได้มาเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ผมฟังทำให้ผมไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้น้องกำลังเผชิญกับอะไร แม้ว่าหลังกลับมาจากเที่ยวมันจะดีขึ้นหน่อย ตั้งแต่มีจ่อยเราทะเลาะกันน้อยลงไปเยอะ แต่เรื่องที่จะให้เขาเปิดใจคุยกับผมก็ยังยากอยู่ดี
“คุณแจ็คทำไมยังไม่ปิดไฟครับ” เจ้าตัวเล็กงัวเงียขึ้นมาถามผม
“แสบตาหรอ แปบนะ” ผมเอื้อมมือกระตุกสายที่หัวเตียงเพื่อปิดโคมไฟ “นอนต่อซะ”
“ยังไม่ง่วงหรอครับ ผมฝันไปตั้งสองเรื่องแล้วด้วย”
“นอนตั้งแต่สามทุ่มจะฝันเยอะก็ไม่แปลกหรอก”
“แต่มีคุณแจ็คทั้งสองเรื่องเลยนะ”
“ป่วนฉันทั้งตอนหลับตอนตื่นเลยหรอหื้ม” ผมยกมือลูบหัวเจ้าตัวเล็กเบาๆ เพราะรู้ว่าถ้าตื่นมาพูดเยอะขนาดนี้คงหลับต่อไม่ได้ง่ายๆ แน่
“คุณแจ็คนั่นแหละมาป่วนผม ผมนอนของผมอยู่ดีๆ”
“โอเคฉันผิด นอนต่อได้แล้ว จะพยายามไม่ป่วนนายถ้าทำได้นะ”
“ผมเคยไปอยู่ในฝันคุณแจ็คบ้างมั้ยครับ”
“เคยสิ ถามทำไม”
“อยากรู้ว่าคิดถึงผมบ้างมั้ยครับ” เจ้าตัวเล็กใช้ปลายนิ้วแตะที่ปลายจมูกผม “เค้าบอกว่าถ้าเราคิดถึงเรื่องอะไรหรือคิดถึงใครมากๆ จะเก็บไปฝัน”
“ตกลงคิดถึงฉัน หรืออยากรู้ว่าฉันคิดถึงนายที่ถามเนี่ย” ผมคว้าเอานิ้วซนๆ มาคาบไว้ในปาก
“ทั้งอยากรู้ ทั้งอยากบอก ฝันดีครับ”
ถ้าผมมุดอกเจ้านี่เหมือนที่เวลาเขาเขินผมได้ ผมคงทำไปแล้ว เด็กบ้าอะไรตื่นมาเพื่อทำตัวน่ารักใส่แล้วนอนต่อ

[จิม]
ผมลดมือที่กำลังจะส่งสัญญาณเรียกคนในห้องลงก่อนจะพาตัวเองกลับมาอยู่ในที่ที่ควรอยู่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่บทสนทนาที่ผมได้ยินมันไม่ได้มีไว้สำหรับแขกที่มาขออาศัยที่บ้านและแน่นอนว่าผมไม่เคยได้ฟังประโยคแบบนั้นจากปากจ่อยสักครั้งเลย
สองคนนี้ดูจะสนิทกันมากขึ้นทั้งที่พี่แจ็คเคยลากจ่อยส่งตำรวจ แต่เขาก็ไม่คิดจะถือโทษโกรธ สร้อยข้อมือที่จ่อยเอามาอวดยังคงใส่คู่กับนาฬิกาที่ผมตั้งใจเลือกทำให้ผมรู้ว่าตัวเองยังสำคัญ แต่ทำไมประโยคสั้นๆ ที่ได้ยินผ่านประตูถึงทำให้ผมหวั่นใจได้มากขนาดนี้ เขาสนิทกันขนาดไหน มีอะไรที่ผมยังไม่รู้รึเปล่านั่นทำให้ผมกังวลไปหมด ผมควรจะถามพวกเขาไหม หรือจะปล่อยมันไปดี

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะชวนจ่อยไปใส่บาตรด้วยกัน ตั้งใจจะถามสิ่งที่คาใจจนแทบนอนไม่หลับแต่กว่าจ่อยจะลงมาก็เกือบสายแล้วยังเร่งเพราะจะไปทำงานวันแรกไม่ทันผมเลยทำอะไรไม่ได้มากนอกจากปั่นจักรยานไปเงียบๆ
“เมื่อคืนมีอะไรรึเปล่า” จ่อยถามทั้งที่ยังกอดเอวผม “เราเพิ่งมาเห็นไลน์เมื่อเช้า”
“ไม่มีอะไร แค่ไปหาแล้วไม่เจอ”
“อ่อ เรานอนอยู่ห้องคุณแจ็ค ขอโทษทีนะ”
“ไปนอนทุกวันเลยหรอ”
“ก็ไม่ทุกวัน วันนั้นก็นอนกับจิมไง”
“เมื่อคืนเราก็ว่าจะไปนอนด้วย เคาะตั้งนานก็ไม่เปิดพอเปิดดูก็ไม่เจอใคร” ผมบอกเสียงเรียบในใจก็หวังคำตอบที่มันมากกว่าคำว่านอนอยู่ที่ห้องนั้น “ทำไมไปนอนห้องพี่แจ็คได้ล่ะ”
“เราไปช่วยคุณแจ็คเรียงเอกสารที่ห้องทำงานแต่หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ คุณแจ็คคงพาไปนอนที่ห้อง”
“ปกติพี่แจ็คไม่ยอมให้ใครเข้าห้องทำงานเลยนะ ห้องนอนก็ด้วยแต่กับจ่อยทำไมถึงได้ใจดีจัง”
“ห้องทำงานก็ไม่ให้เราเข้าเหมือนกันแหละถ้าไม่มีเรื่องจะใช้จริงๆ ล่ะก็นะ แต่ห้องนอนคุณแจ็คก็ไม่เห็นว่าอะไร
“งั้นหรอ แสดงว่ายังหวงห้องทำงานอยู่ล่ะสิ”
“ในนั้นมีอะไรหรอทำไมถึงได้ไม่ยอมให้ใครเข้า”
“ก็มีไอ้เจ้าตัวปัญหาที่ทำให้นายไปนั่งหงอยอยู่ในห้องสอบสวนไงลืมแล้วหรอ”
“อา นั่นสิ” จ่อยปล่อยมือจากเอวผมก่อนจะก้าวขาข้ามเบาะหลังจากที่รถเบรค “ไปก่อนนะ สายแล้วเดี๋ยวคุณแจ็คบ่น”
“จ่อย จ่อย!” ผมส่งเสียงเรียกแต่ไม่ทันคนที่วิ่งไวจนแทบปลิวไปตามลม “คืนนี้จะรอที่ห้องนะ”
ประโยคที่ผมได้ยินแค่คนเดียว...

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 13
«ตอบ #46 เมื่อ20-04-2020 00:03:58 »

 :pig4:
 o13

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: Secret Room ห้องลับบักจ่อย อัพตอน 13
«ตอบ #47 เมื่อ27-04-2020 00:41:44 »

ตามทันแล้ว

รอตอนต่อไปนะ สนุกมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด