ตอนที่ 4
“น้องอายไปไหนแล้ว เห็นน้องอายมั้ย”
“น้อยอายเปลี่ยนเสื้ออยู่... น้องเพียซคะ! มาแต่งหน้าค่ะลูก”
“เอาดอกไม้ป๊อบโหวตมารึยัง ทำไมไม่เห็นซุ้มเลยวะ”
“กำลังยกมาพี่ ดอกไม้ก็ให้น้องมันขับไปเอามาอยู่”
“งานเริ่มเช้านะเว้ย ไม่ได้เริ่มบ่าย รีบเลยพวกมึง!!”
เสียงโวยวายดังขึ้นตั้งแต่ยังไม่เช้านี่น่าปวดหัวมาก แต่เขาก็ทำได้แต่นั่งนิ่งๆ ออกไปไหนไม่ได้เมื่อถูกคุมตัวโดยรุ่นพี่ผู้หญิงและสาวประเภทสองถึงสามคน กันไม่ให้เขาเดินเพ่นพ่าน ลำบากเวลาเดินตามหาตอนต้องบล๊อกกิ้ง เมืองน่านในเชิ้ตสีดำสนิทปลดกระดุมสองเม็ดบน ถอดเสื้อสูทสีขาวของตัวเองออกมาพาดไว้ที่เก้าอี้ได้สักพักแล้ว เพราะถึงจะเปิดแอร์ให้ แต่หากมีคนเดินไปมามากขนาดนี้ แอร์ติดลบก็ไม่ได้เย็นขึ้นเลยสักนิด เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่ค่อยติดโทรศัพท์นัก แต่พอมาเป็นเดือนเวรนี่ เขาก็แทบไม่ห่างจากโทรศัพท์เลย
เหมือนว่ายิ้มจะยังไม่ตื่น
แน่ล่ะ เมื่อคืนกว่าจะได้นอน...นั่งรอเขาจนเที่ยงคืนนี่นะ
เขาละโคตรเกลียดไอ้การเก็บตัวดาวเดือนบ้าบอนี่จริงๆ
“น้องน่านค้า อย่าทำหน้าบูดสิลูก ไม่หล่อเลย”
“...”
“อย่ามองพี่กาก้าด้วยสายตาดุๆ แบบนั้นสิ พี่ใจละลายไปกองกับเท้าแล้ว”
“...ผมอยากออกไปข้างนอก”
“ไม่ด้ายยย!!” กาก้าร้องเสียงหลงเมื่อน้องในสังกัดทำท่าจะออกไปข้างนอกอีกคน หลังจากที่มีน้องดาวเดือนคนอื่นแอบแว่บออกไปข้างนอก ไปหาอะไรกินบ้างละ ไปหาเพื่อนบ้างล่ะ ไปถ่ายรูปบ้างล่ะ มันทำให้อย่างอื่นรวนไปหมดเลยเพราะกว่าพวกเขากลับมามันก็สายกว่าเวลาที่ขอเอาไว้โข เขาไม่มีเวลาไปตามมากขนาดนั้น จึงไม่อยากเสี่ยงให้เมืองน่านหายไปอีกคน แม้ว่าสุดหล่อของเธอจะตีหน้าน่ากลัวมากขึ้น แต่กาก้าก็ไม่อาจปล่อยไปได้จริงๆ
“เห็นใจพี่เถอะนะลูก น้องๆ เล่นหายกันไปทีละคนสองคนทั้งที่จะบล๊อกกิ้งอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าแล้ว พี่หัวใจจะวาย”
“ผมแค่อยากโทรศัพท์ ในนี้เสียงดังเกินไป”
“ไว้รอหลังบล๊อกกิ้งได้มั้ย”
“หลังบล๊อกกิ้งงานก็เริ่มแล้วไม่ใช่หรือไงครับ?”
กาก้ายิ้มหวาน “งั้นก็รอหลังงานจบ”
เมืองน่านเบือนหน้าหนีไปอีกทาง อดสบถเบาๆ ไม่ได้เลย “แม่งเอ๊ย”
เมื่อรู้ว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว เขาก็ได้แต่ส่งสติ๊กเกอร์ทักแชทของยิ้มไปรัวๆ หวังว่าเจ้าเด็กขี้เซาจะรำคาญจนลุกขึ้นมาอ่านเสียที
พี่น่าน
: ยิ้มตื่นยัง 6.23 AM
พี่น่าน
: คุณได้ส่งสติ๊กเกอร์ 6.23 AM
พี่น่าน
: คุณได้ส่งสติ๊กเกอร์ 6.23 AM
พี่น่าน
: คุณได้ส่งสติ๊กเกอร์ 6.24 AM
พี่น่าน
: คุณได้ส่งสติ๊กเกอร์ 6.24 AM
พี่น่าน
: ยิ้มครับ ตื่นมาคุยกับพี่หน่อยสิ 6.24 AM
“เฮ้อ...”
คิดถึงไอ้ยิ้มของเขาโคตรๆ ...
อย่างที่รู้ว่าการเป็นดาวเดือนมันต้องบมีช่วงเก็บตัวเพื่อฝึกซ้อมการแสดง ซ้อมเดินสารพัดสารพันจะจัดทำ ทั้งที่มันก็แค่งานโชว์ตัวเหล่าคนที่ถูกบังคับแต่แฝงหลังคำว่าหน้าที่ตัวแทน เขาจำต้องมาหมกตัวอยู่มหาลัยเป็นเวลาสามวัน! สามวันที่เขาอกไปไหนไม่ได้เลย สามวันที่เขาต้องเอาแต่ฟังเพลงตอนเดินโชว์ตัวซ้ำๆ จนเกลียดเพลงนั้นไปเลย และสามวันที่เขาทำได้แค่มองยิ้มผ่านทางเฟซไทม์ ไม่ได้นอนกอดตัวจริงด้วย... นี่มันชวนหงุดหงิดมากกว่าตอนที่เขาถูกเลือกเป็นตัวแทนเสียอีก
เขาจำได้ดีเลยว่าสีหน้าของยิ้มตอนที่รู้ว่าเขาจะต้องมาค้างในตัวม.นั้นเหวอแค่ไหน ทว่ายิ้มก็คงไม่อยากทำให้เขาต้องลำบากใจ จึงพยายามที่จะไม่งอแง หากบางครั้งในตอนที่เขาเก็บกระเป๋า เขาก็ยังสังเกตถึงความเหงาที่เจ้าเด็กน้อยพยายามที่เก็บซ่อนเอาไว้ให้มากที่สุดอยู่ดี ก่อนที่จะออกไปมหาลัย เมืองน่านจำได้ว่าเขายืนกอดยิ้มอยู่นานมาก ส่วนยิ้มเองก็พูดน้อยกว่าปกติ เอาแต่ยิ้มเหงาๆ ไล่ให้เขารีบไป ก่อนตัวเองจะเผลอรั้งเขาเอาไว้ ทั้งที่ตอนนั้นน่ะ เขาแทบอยากให้ยิ้มรั้งเขาไว้จะตาย
ไม่เห็นอยากจะไปเก็บตัวอะไรเลย ม.ก็อยู่แค่เนี้ย! เขายอมไปกลับทุกเช้าก็ยังได้
หลังจากที่เก็บตัว เขาก็ได้แต่ฝึกซ้อม นอกจากฝึกซ้อมอย่างที่กล่าวไปแล้ว เขายังต้องสละเวลาท่จะได้คุยกับยิ้มมานั่งคิดอีกว่าจะแสดงความสามารถพิเศษอะไร ซึ่งเขาก็คิดเพียงง่ายๆ โดยจะทำแค่ดีดกีต้าร์ร้องเพลงง่อยๆ ก็พอ เพราะเขาไม่ได้อยากจะไปชนะอะไรนักหนาเช่นคนอื่นที่หวังเอาไว้กับเขา เขาอยากจะให้มันรีบๆ จบเสียมากกว่า
แล้ววันสุดท้ายของการเก็บตัวก็มาถึงในคืนสุดท้ายก่อนวันแข่ง เขาจำได้เลยว่าวันนั้นเขาตั้งใจทำทุกอย่างเป็นอย่างมาก ตั้งใจซ้อมตั้งใจเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งในตอนที่พี่ๆ กำลังเอ่ยขอบคุณ เขายังฟังอยู่แค่สองสามคำก่อนจะลากไอ้เพียซแว่บขึ้นรถมอไซต์ที่ชักจะใช้เป็นเหมือนของตัวเองตรงดิ่งกลับหอ ตอนนั้นเขาได้บอกกับยิ้มเอาไว้แล้วว่าในคืนสุดท้ายเขาจะกลับมาที่หอ แต่เวลาเกือบเที่ยงคืนก็ไม่รู้ว่ายิ้มจะรอไหวหรือไม่ ทว่าเมื่อเขาไขกุญแจเข้าไปแล้วพบว่า ยิ้มนั่งรออยู่กลางห้อง ก็เหมือนกับความเหนื่อยล้าทั้งหมด ละลายหายไปกับรอยยิ้มหวานๆ และอ้อมกอดที่แสนคิดถึงจากคนที่เขาไม่เคยอยากยอมห่างไปแม้แต่วันเดียว
เขาเคยพูดว่ายิ้มน่ะติดเขา...แต่มันก็เป็นความจริงเช่นกันที่เขาก็ติดยิ้มมากเช่นกัน
ไม่ใช่เราขาดอีกฝ่ายไม่ได้ เพียงแต่...เราแค่อยากถนอมช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง
ติ๊ง!
เมืองน่านเลิกคิดฟุ้งซ่านเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของตัวเอง รีบกดปลดล๊อกแล้วเข้าหน้าแอปพลิเคชั่นที่คุ้นเคยเพื่ออ่านข้อความจากยิ้มที่เพิ่งส่งมาเมื่อครู่ รอยยิ้มที่ไม่คลี่ขยายออกแม้ในตอนที่รู้ว่าตัวเองถูกคนอื่นชมและยกให้เป็นผู้ชายที่เป็นตัวเต็งของตัวแทนคณะไปชิงตำแหน่งเดือนคณะ ค่อยๆ เผยออกมาเมื่ออ่านข้อความสั้นๆ นั้น
ยิ้มเองพี่น่าน
: แล้วยิ้มจะ (แอบ) ไปหานะ 6.29 AM Read
“หูย ก็ยังตัวใหญ่กว่ายิ้มไซส์หนึ่งอยู่ดี”
“ก็น้องยิ้มตัวเล็กกว่าพี่เต้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครสังเกตว่าน้องยิ้มไม่ใช่นักศึกษาในม.ออกก็พอแล้ว” เต้ช่วยน้องสวมไทด์ก่อนจะถอยออกมาสองสามก้าวเพื่อดูความเรียบร้อย แล้วพยักหน้าด้วยความภูมิใจกับผลงานชิ้นเอก...ไม่สิ ต้องเรียกว่าผู้สมรู้ร่วมคิดการแอบเข้าม.ไปเชียร์เมืองน่านโดยไม่ได้รับอนุญาตต่างหาก! “โอเคแล้วน้องยิ้ม เดี๋ยวเราไปรีบไปม.ไปหาที่นั่งให้มองเห็นไอ้น่านให้ชัดที่สุดกัน”
“พี่เอกไปจองไว้แล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“เผื่อเราได้ที่ดีกว่าไง ไอ้เอกมันชอบอ๊องตอนเช้าๆ บางทีมันอาจจะเลือกที่หลังสุดให้ไว้สำหรับมันนอนก็ได้นะ” เต้บ่นออกมาด้วยความไม่มั่นใจในตัวเพื่อนสนิท ก่อนจะคว้ากุญแจวิ่งลงไปหารถมอไซต์ของเอกที่ถูก (บังคับ) จอดทิ้งเอาไว้ให้เขาใช้ ส่วนสามหนุ่มที่ต้องไปม.แต่เช้า เบียดอัดรถเพียซไปตั้งแต่เช้ามืด (แน่นอนว่าเอกมันถูกบังคับไปเฉยๆ ทั้งที่มันจะนอนตื่นสายกว่านั้นก็ได้) เต้สวมหมวกกันน๊อคให้กับยิ้มแล้วออกตัวจากหอพักเร่งไปหอประชุมทันทีด้วยกลัวว่าจะไม่ทันการเปิดตัวที่เริ่มในตอน 7 โมงเช้า
โชคดีที่ถึงวันนี้ในม.จะมีรถและคนเยอะก่าปกติเพราะการประกวดดาวเดือนของคณะวิทย์ (แน่นอนว่าผู้หญิงเยอะเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้ชายปีนี้มันหล่อกว่าปกติ อย่างไอ้น่านไง!) ทว่าก็ยังพอให้พวกเขาฝ่าไปได้ไม่ยากนัก เมื่อมาถึงหอประชุมที่จัดแสดงการประกวด แม้จะเริ่มกันแล้วแต่ก็ยังไม่เยอะมากถึงขนาดที่จะทำให้เขาทั้งสองพลาดที่จะชมการเปิดตัวดาวเดือน ยิ้มใจเต้นนิดหน่อยตอนที่ถูกรุ่นพี่มองหน้า ก่อนจะลอบถอนหายใจที่เขามองเฉยๆ แล้วเลยผ่านไปไม่ได้มาจับผิดอะไร แล้วรีบเร่งฝีเท้าให้ทันเต้ที่วิ่งไปหาเอกที่อยู่แถวเกือบหน้าสุดใกล้ๆ ทางเดินตรงกลางใช้สำหรับให้ดาวเดือนเดินโชว์ตัวใกล้ชิดกับคนดู เวทีถูกตกแต่งด้วยซุ้มดอกไม้ปลอมคล้ายจะจัดเหมือนอยู่ในสวนสวรรค์ตามคอนเซ็ปต์ที่ถูกเขียนเอาไว้หน้างาน สวยงามมากทีเดียวจนยากจะเชื่อว่ามันถูกจัดขึ้นภายในห้าวันนับแต่วันที่เขากลับจากสวนสัตว์
เสียงดนตรีดังขึ้นพร้อมกับที่เสียงพูดคุยของผู้คนเบาลงจนได้ยินเสียงเบสหนักๆ ชัดเจน พิธีกรสาวสวยคู่กับพิธีกรหนุ่มที่น่าจะ...แต๋วแตกเดินเคียงคู่กันมา ก่อนจะกล่าวทักทายและพูดถึงกำหนดการณ์ต่างๆ ของวันนี้ สุดท้ายเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาอันสมควร พวกเขาก็เดินเลี่ยงไปยังขอบเวที เรียกชื่อและเอกของดาวเดือนแต่ละคนออกมา
ยิ้มมองหนุ่มหล่อสาวสวยแต่ละคนในชุดธีมสรวงสวรรค์ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ทว่าในสายตายิ้มที่รอคอยนั้นก็ยังมีแค่พี่น่านของมันเท่านั้น จนเมื่อพิธีกรกล่าวชื่อของเมืองน่านและคู่ดาวจากเอกเดียวกัน เมื่อเมืองน่านเดินออกมาจากหลังเวทีมาหยุดยืนอยู่กลางเวที และเมื่อ...นัยน์ตาคู่นั้นกวาดมาพบกับเขา ยิ้มโบกมือน้อยๆ ให้เมืองน่านก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจออกมาเมื่อเสียงกรี๊ดดังขึ้นมากกว่าปกติ เมื่อเมืองน่านที่หน้าบึ้งมาตลอด ค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา
รอยยิ้มอ่อนโยนและดวงตาที่จับจ้องเพียงยิ้มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา
“โว้วว ไม่ต้องประกวดแล้วมั้งเนี่ย ผลออกมาแล้วว่าใครจะชนะ” พี่เต้ว่ายิ้มๆ ซึ่งมีพี่เอกพยักหน้ารับเป็นคู่ ซึ่งพอได้ยินแบบนั้น ยิ้มก็ยืดกพูดตอบด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
“แน่นอน พี่น่านของยิ้มหล่อที่สุด”
“ไอ้นี่ก็อวยพี่ตัวเองจั๊ง!”
“ฮ่าๆๆ”
เมืองน่านโบกมือตามที่รุ่นพี่สั่ง แต่ใครจะรู้ว่าที่จริงแล้วเขาโบกให้กับกลุ่มเพื่อนและเจ้าเด็กน้อยที่ใส่เสื้อนักศึกษาหลวกโพรกคนนั้นต่างหาก พอเห็นยิ้มก็เหมือนกับความหงุดหงิดปลิวหายไปไหนก็ไม่รู้ ทำให้เมื่อต้องกลับหลังเวทีเตรียมการแสดงของตัวเองเขาเพิ่งจะมาคิดออกว่าเขาควรจะเล่นเพลงอะไรดี
หลังจากการโชว์ตัวจบลงก็เริ่มการแสดงส่วนบุคคลเริ่มตั้งแต่เอกแรกที่ออกมาเดินโชว์ตัวไปเรื่อยๆ แต่ละคนมีความสามารถพิเศษมะรรมดากันทั้งนั้น ซึ่งยิ้มก็นั่งดูเพลินๆ ระหว่างรอพี่น่านออกมา บางครั้งก็อ้าปากค้างกับการแสดงที่ไม่คิดว่าจะมีคนมาแสดงแบบนี้บนเวทีที่หาคนหล่อคนสวยไปเป็นตัวแทนคณะ บ้างก็หลุดหัวเราะลั่นไปกับการแสดงที่คาดไม่ถึง จนเมื่อคิวของเมืองน่านวนเวียนกลับมาอีกครั้งนั่นแหละ ยิ้มที่นึกว่าตัวเองจะไม่ตื่นเต้นก็ได้แจต่ขยับตัวยุ๊กยิ๊กไปมา ชะเง้อคอรอพี่น่านของมันให้ออกมาไวๆ เป็นที่เอ็นดูของสองเพื่อนของเมืองน่านที่กำลังมองอยู่
“...ต่อไปเป็นการแสดงของน้องเมืองน่าน เดือนจากเอกจุลชีวะ โดยจะแสดงการร้องเพลงและเล่นกีต้าร์ให้ทุกคนได้ชมกันครับ จะเพราะสมกับหน้าตาหล่อๆ ให้สาวใจละลายแค่ไหน ไปฟังกันได้เลยครับ!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
“เมืองน่าน! เมืองน่าน!”
ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำไร้สูทขาวเช่นตอนเดินตัวครั้งแรก เดินออกมาพร้อมกับกีต้าร์โปร่งตัวหนึ่ง เมืองน่านนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีไมค์ขาตั้งวางอยู่ตรงหน้า เมื่อลองเช็คไมค์พบว่าไม่มีปัญหา เขาจึงเริ่มแนะนำตัว “เมืองน่าน จากเอกจุลชีวะครับ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดด หล่อจังเลย!”
“จะเอาคนนี้!!”
“อาจจะร้องไม่เพราะเท่าไหร่ แต่ช่วยฟังกันสักครู่นะครับ เพลงนี้ผมตั้งใจร้องเพื่อ...ใครบางคนที่อุตส่าห์ตื่นเช้ามาเชียร์ผม ใครบางคนที่เหมาะกับเพลงนี้ที่สุด เพลง ยิ้ม ของ JETSET’ER ครับ”
ก็เคยมั่นใจ ในประสบการณ์ของฉัน ว่าคงมากพอ จะรับมือกับใครก็ได้
เรื่องของหัวใจ ไม่ว่าจะมาไม้ไหน ก็รู้ทัน เสมอ
เมืองน่านเปลี่ยนจังหวะดนตรีที่สนุกสนานให้กลายเป็นเพลงหวานๆ ด้วยกีต้าร์โปร่ง น้อยครั้งที่ยิ้มจะเห็นพี่น่านของมันเล่นกีต้าร์ หากไม่ใช่ในโอกาสพิเศษ พี่น่านก็มักจะทิ้งกีต้าร์โปร่งเอาไว้ที่ไหนสักมุมของบ้าน ไม่เคยเอามาเล่นสักครั้ง เรียกได้ว่า เป็นครั้งแรกจากนานๆ ทีที่เขาจะได้ฟังเมืองน่านร้องเพลงไปด้วยเล่นกีต้าร์ไปด้วย
แค่เพียงลมปากที่เอ่ยคำหวาน สายตามองหว่านให้ใจหวั่นไหว
แต่รู้ไหมอะไร ที่ทำให้ฉันต้องแพ้
จะบอกว่าไม่เขินก็คงไม่ได้ เพราะหากไม่เขินนั้นยิ้มก็คงจะเป็นคนที่ตายด้านที่สุดในโลก เมื่อถูกพี่น่านมองด้วยดวงตายิ้มๆ คู่นั้นพร้อมกับร้องเพลงที่เป็นชื่อเขาออกมา ยิ่งบางจังหวะพี่น่านแอบส่งยิ้มมุมปากให้เขา ยิ้มก็ยิ่งรู้สึกว่าบางทีคนที่ควรร้องเพลงนี้มันควรจะเป็นเขามากกว่า ที่แพ้...รอยยิ้มของคนที่กำลังร้องเพลงอยู่จนหมดท่า
แค่เพียงรอยยิ้มเล็กเล็กของเธอครั้งเดียว ก็ทำให้ฉันไม่เหลียวไปมองที่ใด
เธอสะกดฉันไว้ด้วยเวทมนตร์ที่ใช้แค่เพียงมุมปาก
ไม่เคยจะคิดว่ายิ้มของเธอคนนี้ จะทำให้ฉันนั้นห้ามใจยาก
อยากขอได้ไหมอย่ายิ้มให้ใครอย่างนี้ ฉันขอเลยเธอ
เสียงกรี๊ดและเสียงชัตเตอร์ของเหล่าคนที่กำลังถ่ายรูปหรือถ่ายวิดิโอของเมืองน่านดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้บางท่อนเขาฟังเสียงของเมืองน่านได้ไม่ชัดเท่าไหร่นัก ทว่าถึงจะเป็นแบบนั้นยิ้มก็ยังนั่งมองพี่น่านร้องเพลงต่อไปเรื่อย ยิ้มแก้มตุ่ยเวลาที่ได้ยินเสียงทุ้มๆ มีเสน่ห์ของเมืองน่านเน้นหนักของเสียงลงในคำว่ายิ้ม...ที่มีในเพลง
เมืองน่านมักจะเป็นแบบนี้
อีกคนรู้เสมอ...ว่าทำอย่างไรให้คนอื่นตกหลุมตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคนโง่
แน่นอน หนึ่งในคนที่ยอมตกหลุมนั้นด้วยความเต็มใจ ก็มีเขาอยู่...ที่หนักกว่านั้นก็คือ เขาดันไม่คิดอยากจะปีนขึ้นมาเนี่ยสิ!
เพราะเพียงรอยยิ้มเล็กเล็กของเธอครั้งเดียว ก็ทำให้ฉันไม่เหลียวไปมองที่ใด
เธอสะกดฉันไว้ด้วยเวทมนตร์ที่ใช้แค่เพียงมุมปาก
ไม่เคยจะคิดว่ายิ้มของเธอคนนี้ จะทำให้ฉันนั้นห้ามใจยาก
อยากขอได้ไหมอย่ายิ้มให้ใครอย่างนี้ ฉันขอ...
“กรี๊ดดดดดด เพราะมากค่า”
“โอ๊ยยย งานดี งานสามีในอนาคต!”
เมืองน่านและยิ้มที่ไม่ได้ละสายตาออกจากอีกฝ่าย ต่างคนต่างยิ้มให้กัน ก่อนที่เมืองน่านจะลุกขึ้นก้มโค้งตัวแทนคำขอบคุณให้กับผู้ชมที่ยังคงส่งเสียงกรี๊ดชื่นชมเขาไม่ขาด แต่หากเสียงตอบรับใดจะทำให้เขาประทับใจไม่รู้ลืมนั้น เขาได้มาแล้ว...
เมื่อตอนที่มองหน้ายิ้มแล้วเด็กคนนั้นขยับปากเป็นคำพูดไร้เสียง
‘พี่น่านของยิ้มเก่งที่สุด!’
แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
เธอมัดใจฉันเอาไว้ ทั้งใจด้วยเพียงรอยยิ้มของเธอ
“แล้วยิ้มต้องซื้อเท่าไหร่อ่ะ พี่น่านถึงจะชนะป๊อบโหวต”
“ซื้อเท่าที่ยิ้มซื้อไปเถอะ เงินนี่ไอ้น่านก็ฝากพี่มาให้เราใช้นั่นแหละ ซื้อให้ดอกเดียวยังชนะเลยมั้งนั่น” เอกว่าพร้อมกับชี้ไปยังกลุ่มของสาวๆ ที่ต่อแถวซื้อดอกไม้ป๊อบโหวต ทั้งยังส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดไม่หยุดกับการแสดงที่เพิ่งจบลงไปทั้งหมดและส่วนใหญ่นั้น ล้วนพูดถึงแต่เมืองน่าน ทำเอาคนที่เชียร์เหมือนกันอย่างยิ้ม ยิ้มไม่หุบ ภูมิใจอย่างกับตัวเองถูกชมเสียเอง
ในที่สุดยิ้มก็ตัดสินใจซื้อช่อเล็กมาช่อหนึ่ง ในหนึ่งช่อเล็กมีดอกกุหลาบแดงอยู่ห้าดอก ยิ้มยืนมองมันอยู่สักพักก่อนจะวิ่งกลับไปยังซุ้ม ท่ามกลางสายตาสงสัยจากเต้และเอกที่ทุ่มดอกไม้สามช่อเพื่อเพื่อนน่านและเพื่อนเพียซที่กำลังรออยู่
ไม่นานก็กลับมาพร้อมดอกไม้ช่อเดิม เมื่อทั้งสองถามว่ายิ้มกลับไปที่ซุ้มทำไม เด็กน้อยก็เอาแต่ส่ายหน้าลูกเดียว ยิ้มหวานไม่ยอมบอกอะไรเลย จนพวกเขาขี้เกียจถามไปเองและกลับไปนั่งที่เตรียมเดินเอาดอกไม้ไปให้เหล่าดาวเดือนเพื่อเลือกป๊อบโหวต ไม่นานเมื่อเหล่าคนดูนั่งที่เก้าอี้ของตัวเองเกือบทั้งหมดแล้ว พิธีกรก็กลับมาทำหน้าที่อีกครั้งโดยประกาศเรียกบรรดาดาวเดือนของแต่ละเอกออกมายืนเรียงหน้ากระดานโชว์ความหล่อสวยในชุดใหม่ เมืองน่านเองก็เช่นกัน ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดสูทผูกไทด์ซะหล่อเฟี้ยวอย่างกับหลุดมาจากเทพนิยาย เช่นเดียวกับดาวข้างตัวเมืองน่านที่งดงามราวกับเจ้าหญิง ยิ้มมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มที่หมองลงนิดหน่อย เพราะมันดูสมกันเหลือเกิน
ต่างจากเวลาที่เมืองน่านยืนข้างเขา เด็กกะโปโลไม่มีอะไรดีพอเลยสักอย่าง
แต่ว่านะ...แต่ว่า
“เชิญทุกคนมอบดอกไม้เลือกป๊อบโหวตที่โดนใจตัวเองมากที่สุดได้เลยครับ”
ยิ้มลุกขึ้นจากที่นั่งมองฝูงคนที่รุมกันวิ่งไปยังหน้าเวที ขณะที่สายตามองอยู่ที่คนเพียงคนเดียว
เขาอาจจะสู้คนอื่นไม่ได้ อาจจะไม่เหมาะสมเท่า ทว่าเขามั่นใจว่าเขามีความรู้สึกที่ไม่แพ้ใครและ...ไม่มีใครรู้ใจพี่น่านได้เท่าเขาอีก พอคิดแบบนั้นก็เหมือนกำลังใจจะกลับคืนตัวเองนิดหน่อย ทำให้ยิ้มรีบเดินตามพี่ๆ ทั้งสองออกไปยังหน้าเวทีเพื่อมอบดอกไม้ให้เมืองน่าน
ยิ้มฝืนแทรกฝูงคนที่รุมมอบดอกไม้ให้เมืองน่านได้ในที่สุด เด็กน้อยหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสุดหล่อของตัวเองมีสภาพไม่น่าดูเท่าไหร่ ผมเริ่มยุ่งและเสื้อผ้ายับเพราะถูกลูบไล้จากคนที่มามอบดอกไม้และถือโอกาสแต๊ะอั๋ง เมืองน่านแกล้งทำหน้าบูดก่อนจะหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นดอกไม้ช่อเล็กในมือของยิ้ม เขายื่นมันไปให้สุดเท่าที่แขนเล็กๆ นี่จะยื่นถึง ราวกับทหารต๊อกต๋อยกล้าหมายจะเด็ดดอมดอกฟ้าที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง “ให้พี่น่าน...ที่หล่อที่สุดในงานสำหรับยิ้ม”
“ขอบคุณนะยิ้ม”
“ด้วยความเต็มใจอย่างที่สุดคับ”
เมืองน่านมองช่อดอกไม้ในมือแล้วหลุดยิ้มเหมือนคนบ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเห็นว่าช่อดอกในมือคล้ายจะแตกต่างจากดอกไม้ที่คนอื่นมอบให้อยู่สักหน่อย เพราะดอกไม้ป๊อบโหวตนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกุหลาบสีแดงสด หากแต่ในช่อดอกไม้ของยิ้มนั้น...มันคือดอกกุหลาบขาวที่ถูกล้อมรอบด้วยกุหลาบแดงห้าดอก... ดอกกุหลาบสีขาวที่เขาชอบมากที่สุดดอกนั้น
ราวกับยิ้มจะพูดผ่านดอกไม้ช่อนี้ ว่าไม่ว่าจะพบผู้คนมากมายเพียงไร เขาจะเป็นคนเดียวที่อีกคนจะเฝ้ามองเสมอ
เมืองน่านหยิบดอกกุหลาบขาวออกจากช่อดอกไม้ก่อนจะส่งดอกไม้ช่อนั้นให้คนที่คอยเก็บดอกไม้เก็บไป ส่วนกุหลาบขาวนั้นเขานำมันมาจรดริมฝีปากก่อนจะถือเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
และแน่นอนเมื่อประกาศผลผู้ที่ได้รับตำแหน่งป๊อบโหวตจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเมืองน่าน ด้วยชนะอันดับสองไปด้วยดอกไม้มากกว่าสามร้อยดอก ยิ้มนั่งปรบมือให้อยู่หน้าเวที พร้อมกับขยับปากไร้เสียงส่งไปพร้อมกับคนอื่นๆ ที่กำลังร้องเรียกชื่อของเมืองน่าน ในตอนที่พิธีกรกำลังจะประกาศผู้ที่ได้รับตำแหน่งเดือนคณะเพื่อส่งไปชิงตำแหน่งเดือมหาลัยแข่งกับเดือนจากคณะอื่น ก่อนจะลุกขึ้นร้องเสียงดังเมื่อเมืองน่านคือผู้โชคดีคนนั้น
“พี่เต้ๆ ดูสิ พี่น่านได้เป็นเดือนมหาลัยแล้ว!!”
“ยัง!! นี่เดือนคณะยิ้ม ไม่ใช่เดือนมหาลัย”
ยิ้มเชิดหน้าพูดด้วยความมั่นใจ “เชื่อขนมกินได้เลย ยิ้มมั่นใจว่าพี่น่านจะได้เป็นเดือนมหาลัยแน่นอน!!”
“แต่มันอยากเป็นซะที่ไหนละยิ้ม เราไม่เห็นมันบ่นเลยหรือไงตอนที่เก็บตัวน่ะ”
“เป็นเดือนโก้จะตาย ทำไมพี่น่านถึงไม่อยากเป็นกัน”
เอกเลื่อนมือที่เขกหน้าผากเด็กที่ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่เมื่อเมืองน่านชนะ แล้วพูดต่อ “ไม่ใช่เพราะเราหรือไง”
“เพราะยิ้ม?”
“ไอ้น่านมันไม่เคยอยากเป็นเดือนเลยยิ้ม ไม่อยากเป็นแม้แต่นิดเดียวเพราะการเป็นเดือนนี่มันดึงเวลาที่มันจะได้อยู่กับยิ้มไปไง”
“...”
“มันติดเรามากซะจนพี่คาดไม่ถึงเลยล่ะ”
ยิ้มลูบหน้าผากตัวเองเขินๆ กับสิ่งที่เอกพูดออกมา ก่อนจะพึมพำเสียงค่อย เบาเสียจนได้ยินเพียงหัวใจตัวเองเต้นดังคับอก
“ยิ้มเอง...ก็ติดพี่น่านมากเหมือนกันแหละน่า”
“น้องน่านนนน!! อยู่ไหนลูก”
“น่านน ออกมาถ่ายรูปกับพี่ๆ หน่อยจ้า หายไปไหนของเขาเนี่ยย”
“มีใครเห็นน้องน่านบ้างมั้ย น้องหายไปไหน”
“น้องน๊านนน!!”
...
“ไปแล้วๆ”
“แน่นะ?”
“อื้อ ยิ้มไม่ได้ยินเสียงแล้ว” เสียงพร้อมกับการขยับตัวยุกยิกหลังม่านที่ไว้เปลี่ยนเสื้อผ้า เมืองน่านที่ล้างเครื่องสำอางและเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยมองซ้ายขวาก่อนจับมือยิ้มวิ่งออกจากหลังเวที ตรงไปยังทางออกเพื่อไปจากงานนี้เสียที ทั้งสองคนหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ที่เพิ่งสังเกตเห็นพวกเขากำลังวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว ทว่าก็ยังช้าไปอยู่ดี
“เร็วไอ้น่าน!!”
“ไอ้เอกติดเครื่องเร็วสิวะ”
“น่าน!! ยิ้ม!! มาเร็ว”
เสียงตะโกนของเต้ เอก เพียซที่รออยู่ปลายทางยิ่งทำให้ทั้งสองคนสับขาวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น ก่อนจะรีบกระโดดซ้อนท้ายมอไซต์ตรงดิ่งออกจากมหาลัยไป ยิ้มหัวเราะเสียงดังขณะเงยหน้าโต้ลมจากการนั่งมอเตอร์ไซต์ที่มีเมืองน่านเป้นคนขี่เหมือนเดิม ข้างกันนั้นก็มีรถเอกขับเคียงไม่ห่าง พวกเขาพูดคุยเฮฮาถึงเรื่องการฉลองหลังจากนี้ ทิ้งให้เหล่าคนที่รอจะถ่ายรูปกับเดือนวิทยาศาสตร์ได้แต่รอเก้อ มองรถมอไซต์ทั้งสองคันหายไปจนลับตา...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยังไม่ดราม่าเร็วขนาดนั้นหรอกเนอะ
ให้เขามีความสุขกันก่อนนน
#ยิ้มของพี่น่าน
NAVY:)