{จบแล้ว} #ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ UP [19] การเดินทาง END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {จบแล้ว} #ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ UP [19] การเดินทาง END  (อ่าน 6693 ครั้ง)

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


---------------------------------------------------------------------------

#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ
มีแต่ความคิดถึง...

talk :: สำหรับคนที่หลงเข้ามาอ่าน โปรดทำใจเอาไว้ก่อนตอนจบอาจไม่เป็นแบบที่คุณคิด สำหรับเรามันถือว่าจบดี แต่อาจเป็น bad end ของคนอื่น เราเป็นนักหัดเขียนไม่ได้เชี่ยวชาญเท่าไหร่ภาษาที่ออกมาอาจดูแย่ไม่สละสลวยเท่าที่ควร แต่จะพยายามเกลาออกมาให้ดีที่สุด


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2019 13:42:21 โดย SHu »

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: #ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ
«ตอบ #1 เมื่อ19-01-2019 16:27:06 »

#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ
มีแต่ความคิดถึง...
[1] การกลับมา
ตื่อดึ่ง ♪♫
ชายล้วน ( 8 )
แดนเหนือ : พวกมึง
เอ็มฬ้อย : ตากุฟาดมะ เห็นไลน์ไอ้เหนือเด้งขึ้นมา
กั้งไม่ใช่กุ้ง : ฝาด*
เอ็มฬ้อย : เป็นพระคุณอย่างสูง
แดนเหนือ : กูกำลังจะแต่งงานนะ
แดนเหนือ : มาด้วย
วิกเตอร์ : เห้ย หายไปสามปีจู่ๆทักมาบอกว่าแต่งงาน เอาจริงดิ
แดนเหนือ : ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อพวกมึงเลย มันยุ่งๆ
ซอ.โซ่ : แต่งตอนไหนกับใคร ทำไมพวกกูไม่รู้เรื่องเลย
แดนเหนือ : งานแต่งจะจัดขึ้นอีกสามเดือนหน้า
แดนเหนือ : กูจะแต่งงานกับมิ้น
เจ้านายด์คนละชั้ล : ทำไมรีบแต่งวะ ทำสาวท้องเหรอ
เดือนหนาว : เปล่า
ซอ.โซ่ : ต้องถามว่าแบบไอ้เหนือจะทำสาวท้องได้ด้วยเหรอ สงสัย
คุณเมือง : อีก 3 เดือนมึงจัดงานทันเหรอไอ้เหนือ
ซอ.โซ่ : ข้อความกูส่งไม่ไปเหรอทำไมข้ามกันจัง
กั้งไม่ใช่กุ้ง : แต่กูเห็นนะ
กั้งไม่ใช่กุ้ง : แต่ไม่อยากตอบ อิอิ
แดนเหนือ : พวกมึงจะโกรธกูปะ
แดนเหนือ : กูจัดเตรียมงานไว้ตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่พึ่งมาชวนพวกมึงเนี่ยแหละ
แดนเหนือ : มาให้ได้นะ
แดนเหนือ : กูจะรอ
-Read 8 –


ใครจะเป็นเศรษฐี (4)
วิกเตอร์ : พวกมึง
วิกเตอร์ : ไปดูในไลน์กลุ่มชายล้วน
วิกเตอร์ : ด่วน
เอ็มฬ้อย : กุเห้นแล้วแบ่บ...
กั้งไม่ใช่กุ้ง : ข้อความของเหนือกริบยิ่งกว่าข้อความไอ้โซ่อีก ไม่มีใครกล้าตอบกลับกันสักคน
เอ็มฬ้อย : ทุกคนกำลังทำหน้าเลิกลั่กอยู่
กั้งไม่ใช่กุ้ง : @KRAm
วิกเตอร์ : @KRAm
เอ็มฬ้อย : @KRAm แท็กไรกันวะ
KRAm : อืม
กั้งไม่ใช่กุ้ง : มึงโอปะคราม
KRAm : กูไม่โอได้ด้วยเหรอวะ
วิกเตอร์ : มึงลืมไอ้เหนือได้ยัง ?

แฟนเก่าที่เลิกกันไปสามปี จู่ๆก็ทักมาและชวนไปงานแต่ง เป็นคุณ คุณจะไปหรือไม่ไป ?
ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมและปล่อยให้เสียงไลน์เด้งแจ้งเตือนอยู่แบบนั้น ถึงแม้ว่าในกลุ่มพวกเพื่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกันแล้ว แต่ในหัวผมยังติดอยู่ในคำถามของไอ้วิก เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของผม
ผมกับเหนือเราเคยคบกันตอนสมัยที่ยังเรียนมหาลัย น่าจะสี่ปีได้ ไม่สิ เกือบสี่ปีเพราะดันมาเลิกกันซะก่อน ความหวัง ความฝันที่เคยใช้ร่วมกันก็จบลงไปตั้งแต่วันนั้น
ครอบครัวของเหนือไม่ยอมรับผม พวกเขาต่อต้านการคบเพศเดียวกัน แต่เราก็ฝืนจนเกือบ 4 ปี หลังจากเลิกกันเหนือก็ไปเรียนต่างประเทศ ผมกับเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เหมือนว่าเหนือจะจงใจหายไปจากชีวิตผมแม้แต่เพื่อนในกลุ่มเขาก็ไม่ติดต่อกลับมาสักคน
ผมเอนตัวพิงกับพนักพิงก้าวอี้และหลับตาลง ภาพอดีตในวันที่เราเลิกกันมันยังชัดเจนแม้จะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม
3 ปีก่อน
หลังเลิกงานพาร์ทไทม์ผมก็รีบกลับมาที่ห้องเพราะเหนือแฟนของผมบอกว่ามีไรจะคุยด้วย ผมสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเลยไม่ได้แวะที่ไหน แม้จะมีเพื่อนชวนไปเที่ยวเล่นที่อื่นแต่ผมก็ปฏิเสธไป ใจผมมันรู้สึกว้าวุ่นแปลกๆกับคำพูดของเหนือ
แอ๊ด
“…” เมื่อผมเปิดประตูห้องออกก็ต้องยืนนิ่งค้างที่เดิมเพราะในห้องไม่ได้มีแค่เหนือแฟนของผมคนเดียว แต่ยังมีอีกคนอยู่ด้วย เขาคือพ่อของเหนือ
“สวัสดีครับพ่อ” ผมยกมือไหว้ท่าน พ่อของเหนือไม่รับไหว้ผมไม่พอท่านยังเชิดหน้าขึ้นและแลมองผมอย่างเหยียดหยาม ผมรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีแล้ว
“ฉันจะให้เวลาคุยกับมัน 5 นาทีแล้วรีบเก็บของกลับบ้านซะ”
“ครับพ่อ” เหนือเม้มปากและมองมาที่ผม สักพักพ่อของเหนือก็เดินออกจากห้องไปทิ้งให้เราสองคนอยู่ด้วยกันในความเงียบ
“พ่อนายมาเพราะเรื่องเดิมๆใช่ปะ”
“อืม ครามคราวนี้เรายื้อกันไม่ไหวแล้วว่ะ ฉันว่าเราเลิกกันดีไหม?”
“ทำไม ทุกครั้งเราก็ผ่านกันไปได้ตลอดหนิ”
“แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน นายเข้าใจฉันด้วย”
“มึงบอกเลิกกูทั้งกำลังใกล้จบเนี่ยนะ แล้วกูจะเอากำลังใจที่ไหนมาทำธีสิสต่อวะ อยู่เป็นกำลังใจให้กูก่อนไม่ได้เหรอ”
“เราฝืนกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆคราม”
“เหนือ...”
“หยุดเถอะ พอสักที จบได้แล้ว ฮึก...”
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ”
“ฉันต้องไปเก็บของแล้ว เดี๋ยวพ่อรอ”
“เหนือคุยกันก่อนสิ” ร่างบางตรงหน้าผมหันหลังและเดินไปเก็บเสื้อผ้าและของสำคัญตัวเองใส่กระเป๋า มือข้างหนึ่งก็ปาดน้ำตาตัวเองไปลวกๆ
ตอนนั้นผมทั้งกอดทั้งรั้งเขาเอาไว้สุดท้ายก็ไม่สำเร็จและเป็นวันสุดท้ายที่เราคุยกัน เราเจอกันบ้างในมหาลัยเพราะอยู่กลุ่มเดียวกันแต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกัน ผมพยายามหาทางแทรกเข้าไปแต่เหนือกลับปิดทุกทาง จนเรียนจบ
ชีวิตผมตอนนั้นดาวน์มาก พังทุกอย่าง ร้องไห้จมอยู่กับความเศร้า ผมเอาแต่ถามตัวเองว่าทำไมถึงต้องจบแบบนี้ เพราะว่าเราเป็น
ผู้ชาย ?
งั้นเหรอถึงคบกันไม่ได้ ทำไมครอบครัวของหนาวต้องกีดกัน พ่อของเหนือเกลียดผมตั้งแต่ที่รู้ว่าเราเริ่มคบกัน ครั้งหนึ่งเหนือเลือกผมและหนีมาอยู่กับผม แต่ตอนนี้เหนือกลับไปเลือกครอบครัวตัวเอง เหนือไม่ผิดหรอก สิ่งที่ผิดคือความรักของเราต่างหาก มันไม่น่าเกิดขึ้นตั้งแต่แรก
พอเรียนจบเหนือก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ เหนือไม่ได้ติดต่อใครสักคนเขาได้หายไปจากชีวิตผมไปเลยช่วงหนึ่ง จนมาถึงวันนี้
ผมลืมตาขึ้นและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เหนือยังใช้ไลน์เดิม แต่คนใช้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทุกครั้งที่ผมหลับตาลงผมมักจะฝันถึงเรื่องเก่าสมัยที่เรายังเคยคบกัน
เรื่องของเราจะเรียกว่าจบดีก็ไม่เต็มปาก ผมไม่ได้โกรธเหนือเพราะผมเข้าใจแม้จะเสียใจไปบ้างแต่ก็ทำไงได้ แต่จะให้ผมกลับไปคุยกับเหนือเหมือนเดิมคงทำไม่ได้ตอนนี้ เพราะผมยังเจ็บกับแผลที่เขาเคยฝากเอาไว้ และต้องมารู้ว่าเขาไม่ใช่ของผมอีกต่อไป
เหนือกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งเธอเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเรา ผมไม่ค่อยสนิทกับเธอเท่าไหร่และไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปทำท่าไหนถึงแต่งงานกันได้ ชีวิตของเหนือกำลังดีขึ้นโดยที่ไม่มีผมอยู่ข้างๆ ผมเหมือนเป็นรอยด่างดำในชีวิตของเขาช่วงหนึ่ง
ผมควรยินดีกับเรื่องของเหนือไม่ใช่มานั่งเศร้าจมปรักอยู่แบบนี้
ยินดีกับเขาในฐานะของคนเคยรักกัน
ในช่วงเวลาหนึ่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2019 17:23:16 โดย SHu »

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: #ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ
«ตอบ #2 เมื่อ19-01-2019 17:22:17 »

#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ
มีแต่ความคิดถึง...

[2] ไม่พร้อม

ใครจะเป็นเศรษฐี (4)
กั้งไม่ใช่กุ้ง : พวกมึง
วิกเตอร์ : ว่า
เอ็มฬ้อย : ว่า
กั้งไม่ใช่กุ้ง : ทีงี้ตอบเร็ว
กั้งไม่ใช่กุ้ง : มึงว่าไอ้เหนือแต่งงานเร็วเกินไปปะ พึ่ง 25 เอง
กั้งไม่ใช่กุ้ง : พวกมึงว่ามันต้องมีไรแปลกๆมะ
วิกเตอร์ : กูจะไปรู้ไอ้เหนือมันเหรอ
เอ็มฬ้อย : ทำสาวท้องชัวร์!
กั้งไม่ใช่กุ้ง : กูว่าเรื่องนี้ต้องสืบแล้วว่ะ ไอ้ครามมึงรู้ไรบ้างปะ
เอ็มฬ้อย : มึงเมินกู๊วว
กั้งไม่ใช่กุ้ง : คำตอบไม่สร้างสรรค์ขอข้ามนะค้าบ
วิกเตอร์ : มึงอย่าไปถามมันเลย สงสัยกำลังช็อกอยู่
เอ็มฬ้อย : ครามมันเงียบแปลกๆคงไม่ได้คิดสั้นนะ
กั้งไม่ใช่กุ้ง : ข่าวด่วน! พบชายหนุ่มชื่อครามยืนอยู่ระเบียง
เอ็มฬ้อยได้ไล่ กั้งไม่ใช่กุ้ง ออกจากลุ่ม
เอ็มฬ้อยได้เชิญ กั้งไม่ใช่กุ้ง เข้าร่วมกลุ่ม
เอ็มฬ้อย : เตือนครั้งที่หนึ่ง
เอ็มฬ้อย : พูดไม่สร้างสรรค์ออกจากกลุ่มไปนะค้าบ
กั้งไม่ใช่กุ้ง : เพื่อนก็มีน้อยอยู่ล่ะ ยังไล่กันออกกลุ่มอีก
กั้งไม่ใช่กุ้ง : ไอ้ครามหายจริงจังเลยนะเนี่ย
KRAm : กูไม่รู้
วิกเตอร์ : มึงได้คุยกับเหนือบ้างยัง
วิกเตอร์ : ตั้งแต่เรื่องวันนั้น ?
เอ็มฬ้อย : คำถามแต่ละคำถามมึงติดคริติคอลกับสตั้นโคตรแรง
KRAm : ไม่ได้คุย
จากนั้นพวกเพื่อนผมก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกันแทน ผมพยายามที่จะไม่คิดเรื่องของเหนืออีกเพราะยังไงก็เลิกกันไปแล้ว กว่าผมจะก้าวผ่านจุดนั้นมาได้ต้องแลกด้วยน้ำตาและคำว่าเสียใจเกือบหนึ่งปีเต็มถึงจะกลับมาเป็นแบบเดิมได้
เวลาผ่านไปนานถามว่ายังรู้สึกอยู่ไหม ?
ตอบเลยว่า โคตรรู้สึก
ถ้าเลือกได้ผมไม่อยากรักเหนือหรอก ผมไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่มันเลือกไม่ได้ มันเกิดขึ้นไปแล้วและยากที่จะหยุดมันลง ผมอยากรู้ว่าหนาวรู้สึกแบบผมรู้สึกบ้างรึเปล่า ทรมาน
ถึงแม้ว่าจะเสียใจแต่ชีวิตของผมก็ต้องดำเนินต่อไป
“ไงมึง มาทำงานเช้าเชียว” เสียงไอ้วิกเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของผมทักขึ้นเมื่อผมเดินเข้ามาในร้าน พวกเรา 4 คนหลังจากเรียนจบก็รวมทุนกันเปิดร้านกาแฟเล็กๆใจกลางเมือง เพราะการตกแต่งที่ไม่เหมือนใครและรสชาติกาแฟที่ถูกปากคนหลายๆคนเลยทำให้ร้านผมเป็นที่นิยมในระแวงนี้มาก
โดยร้านนี้มีเจ้าของอยู่ 4 คน คือ ผม เอ็ม วิก กั้ง วันนี้เป็นเวรของผมกับไอ้วิกที่ต้องมาเฝ้าร้าน บรรยากาศก็เหมือนเดิม ลูกค้าเข้ามาเยอะตั้งแต่เช้าจนพนักงานวิ่งวุ่นไปทั่ว ผมยืนรับออเดอร์อยู่หน้าเคาท์เตอร์แคชเชียร์โดยมีวิกอยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าพวกผมจะเป็นเจ้าของ แต่ก็ทำงานไม่ต่างจากลูกจ้าง
“ตอนเช้าไอ้เหนือเอามาให้” เมื่อลูกค้าเริ่มบางตาลงวิกที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยื่นซองจดหมายมาให้ผม ผมรับก่อนจะกลั้นใจเปิดมันดู แค่ชื่อของคนที่ฝากมาก็เล่นเอาใจผมกระตุกแปลบๆแล้ว
 
ศรัณ    ❤        มทนาลัย
        WEDDING DAY

ผมเปิดมันขึ้นมาครึ่งหนึ่งก่อนจะเก็บมันเข้าในซองเหมือนเดิม และคืนให้กับวิก
“จะไม่ไป?”
“กูไม่พร้อม”
“ไอ้เหนือฝากเอาให้มึงโดยเฉพาะเลยนะเว้ย ยังไงคนเคยรักกันมึงไม่ไปแสดงความยินดีด้วยสักครั้ง”
“เป็นมึง มึงจะไปปะ งานแต่งแฟนเก่า”
“เป็นกู กูไป แต่กูไม่ได้ไปในฐานะแฟนเก่าแต่จะไปในฐานะเพื่อน ถึงจบจากคำว่าแฟนไปแล้วยังไงก็เพื่อนกันปะวะ”
“กูไม่เข้มแข็งขนาดนั้นว่ะ”
“เรื่องมันผ่านมานานแล้วทำไมมึงไม่คุยกับมันตรงๆดู ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกมึงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว แต่ก็เป็นยังอื่นได้อยู่ ถ้ามันจบไปแล้วสู้ให้มันจบสวยๆไม่ดีกว่าเหรอ มึงก็ไม่ได้เกลียดอะไรไอ้เหนือหนิ”
“…”
“ส่วนการ์ดงานแต่งมึงก็เก็บไว้เผื่อเปลี่ยนใจที่จะไป ห้ามฉีกทิ้งซะล่ะ”
“ตอนเช้า... ตอนที่เหนือมา มันเป็นไงบ้าง”
“ก็ดี สบายดีเหมือนเดิม”
“เหรอ ก็ดี”
“มันก็ถามถึงมึงอยู่แหละ ถ้ามึงไม่กล้าพูดกับมันต่อหน้าทำไมไม่ทักไลน์ไปคุยเอาล่ะ”
“ไว้กูจะเก็บไปคิดดู”
เมื่อผมปิดร้านเสร็จก็เดินทางกลับมาที่บ้าน จนกลายเป็นชีวิตประจำวันของผมไปแล้ว ตื่นมาไปทำงานและกลับมานอนที่บ้าน ไม่มีที่ให้แวะระหว่างกลับ ไม่มีใครรออยู่บ้าน มีแต่ความเงียบและความเหงาอยู่เป็นเพื่อน
กลับไปคุยกับเหนืองั้นเหรอ
ผมเคยพยายามอยู่ในช่วงหนึ่งหลังจากเลิกกันใหม่ๆ แต่เหนือกลับไม่อยากคุยกับผม ผมเลยล้มเลิกความคิดนั้นและใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ จะให้กลับไปคุยกับคนที่ไม่อยากคุยกับเรางั้นเหรอ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่และทิ้งตัวนอนลงบนเตียง
ทำไมต้องกลับมาด้วย
ทำไมต้องกลับมาแบบนี้ด้วย
เหมือนกับที่เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า ใช้เวลาลืมเป็นปีเจอหน้ากันวินาทีเดียวเริ่มต้นลืมใหม่ นี่ขนาดผมยังไม่เจอหน้ามัน แค่ได้ยินชื่อ ได้ยินเรื่องราวของมันผ่านคนอื่น ผมยังขนาดนี้ ความรักนี้มันน่ากลัวจริงๆ
ถ้าเลือกได้ผมอยากรู้ถึงเรื่องราวของเหนือด้วยตัวผมเอง ไม่อยากรู้ผ่านคนอื่น แต่ผมไม่มีสิทธิ์นั้นแล้วน่ะสิ แย่เนอะ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเข้าไปที่ไลน์ ‘แดนเหนือ’ คือชื่อที่ผมตั้งให้เหนือ เราทั้งสองต่างตั้งชื่อให้กันและกัน เป็นชื่อที่มีแค่เราสองคนที่รู้ ผมกดเข้าไปที่โปรไฟล์ของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีอะไรอัพเดทมาก เพราะเหนือมักจะมีไลน์เอาไว้คุยแชทเฉยๆไม่ได้เล่นในส่วนอื่น ส่วนรูปโปรที่ใช้ก็เป็นรูปแมว
ยังไม่เปลี่ยนไปเลยสินะ
ผมนึกว่าเขาจะบล็อกไลน์ผมทิ้งหรือเปลี่ยนไลน์ใหม่ไปแล้วแต่ไม่เลย ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ทำแบบนั้น แต่ผมก็ไม่กล้าทักไปอยู่ดี อ่อนแอซะมัด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครมาแทนที่เหนือได้เลยสักคน พอเริ่มรู้สึกกับใครก็ต้องเริ่มตัดใจเพราะกลัวจบแบบเดิม ผมกลายเป็นคนกลัวความรักกลัวที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ สุดท้ายก็เลือกที่จะอยู่คนเดียว แต่ก็ยังดีมีเพื่อนๆคอยอยู่เคียงข้างทำให้ชีวิตผมไม่น่าเบื่อเท่าไหร่แม้ว่าจะดูวุ่นวายและปวดหัวบ้างในบางครั้ง
เหนือเป็นเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มผม ซึ่งกลุ่มของผมมีทั้งหมด 8 คน พวกเราเรียนคณะเดียวกันสาขาเดียวกัน ผมกับเหนือเรารู้จักกันตั้งแต่วันที่รับน้องวันแรก ถึงแม้ว่าจะมีเพื่อนเยอะแต่เพื่อนที่ผมจะสนิทด้วยมีแค่ วิก กั้ง เอ็ม ส่วนพวกโซ่ นายด์ เมืองจะสนิทกับเหนือมากกว่า
แต่ยังไงเราก็เพื่อนกลุ่มเดียวกันพอคุยกันได้ตลอด ตั้งแต่ผมกับเหนือเลิกกันแชทกลุ่มนั้นก็เงียบลง ไม่มีใครพูดเล่นกันเหมือนแต่ก่อน พวกเพื่อนๆก็เริ่มแตกกันไปคนละทาง 
ผมเปิดเพลงเดิมขึ้นฟังซ้ำอีกรอบและให้น้ำตามันไหลลงข้างแก้มเงียบๆ ยอมรับเลยว่าเหนือเคยเป็นแรงผลักดันในการใช้ชีวิตของผม และตอนนี้มันก็ยังคงเป็นอยู่แบบนั้น เพลงไหนที่เราเคยฟังด้วยกัน ผมจำไม่เคยลืม อะไรที่เคยทำร่วมกันผมก็ยังทำเหมือนเดิม ทั้งต้นไม้ที่เคยปลูก เสื้อผ้าที่ต้องพับอย่างเป็นระเบียง ใส่รองเท้าเวลาอยู่ในห้อง ผมยังทำทุกอย่างเหมือนเดิม
จม
ผมกำลังจมลงกับความทรงจำในอดีตที่เคยมีความสุขทั้งที่ตอนนี้มันพัง
ยังไงมันก็จบไปแล้วสู้ให้มันจบแบบดี ไม่ดีกว่าเหรอ
ผมกดเข้าไลน์และพิมประโยคหนึ่งสั้นๆแต่กว่าจะทำใจส่งไปได้ก็ใช้เวลาพอสมควร ผมพิมและลบมันไปมาหลายครั้ง ควรทักไปว่าอะไรดี ถ้าทักไปเขาจะตอบมันกลับหรือเปล่า หรือว่าจะมีแต่ความเงียบเหมือนเดิม
KRAm : เป็นไงบ้าง?

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ


มีแต่ความคิดถึง...
[3] ละครฉากใหญ่

ฟ้าคราม: เป็นไงบ้าง?

     “เหนืออย่าเอาเล่นแต่โทรศัพท์สิลูก มาทานข้าวได้แล้ว” ผมหันไปยิ้มให้กับแม่และเก็บโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ แค่เห็นชื่อไลน์ของคนที่ส่งมาเมื่อกี้ก็ทำให้ผมมือไม้สั่นจนโทรศัพท์เกือบร่วงลงไปข้างล่าง แต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะกำลังอยู่หน้าครอบครัว แม้ในใจจะเต้นโครมดั่งมีคนตีกลองอยู่ข้างใน แต่ใบหน้าก็ต้องเรียบเฉยและทำตัวเหมือนว่ามีความสุขกับสิ่งตรงหน้าเต็มประดา

     “คุยกับใครอยู่เหรอคะ?”

     “เพื่อนในกลุ่ม คุยกันเรื่องแต่งงานแหละ” ผมหันไปยิ้มให้กับมิ้นว่าที่เจ้าสาว วันนี้เราทานข้าวพร้อมหน้ากันสองครอบครัวที่ร้านอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง บ้านของมิ้นค่อนข้างมีฐานะดีกว่าผม การนัดทานข้าวเลยต้องนัดในสถานที่ค่อนข้างหรูให้สมกับฐานะของเธอ ปกติพ่อผมเป็นคนประหยัดหรือเรียกว่างกจะไม่ยอมเสียเงินง่ายๆ ขนาดตอนไปเรียนยังให้ผมนั่งรถโดยสารไป แต่ก็แปลกท่านยอมให้ผมไปเรียนต่างประเทศ ยอมเสียเงินมากกว่ายอมเสียหน้า ท่านไม่อยากให้ผมได้เจอกับครามหรือว่าไม่อยากเห็นหน้าผมก็ไม่รู้ ถึงส่งไปไกลขนาดนั้น

     “ค่ะ”

     “ใกล้งานแต่งเข้ามาทุกวันแล้วดูแลสุขภาพกันให้ดีด้วยนะจ๊ะเด็กๆ”

     “ครับแม่”

     “พ่อดีใจมากเลยในที่สุดแกก็แต่งงานสักที” ผมกับมิ้นหันมายิ้มให้กัน แม้ในใจผมกำลังเศร้าหรือหน่วงแค่ไหนแต่ผมก็ต้องยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

     พ่อจะไม่ดีใจได้ไงล่ะ ก็คือสิ่งที่พ่อต้องการ อยากให้ผมเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งและแต่งงานกับผู้หญิงสักคน ถึงแม้ว่าผมไม่ได้แต่งงานกับมิ้น ในอนาคตพ่อคงต้องหาผู้หญิงสักคนเข้าบ้านและบังคับให้ผมแต่งงานอยู่ดี สู้ให้ผมเลือกเองไม่ดีกว่าเหรอ

     ตอนคบกับครามพ่อด่าผมสารพัดเหมือนผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ทั้งด่าทั้งทำร้ายร่างกาย แต่วันหนึ่งผมกลับมาที่บ้านและบอกกับพ่อว่าจะแต่งงานกับมิ้น พ่อผมกลายเป็นคนละคนท่านกอดผมและบอกว่า ดีมากลูกรัก

     เหอะ

     “ฝากดูลูกแม่ด้วยนะจ๊ะเหนือ”

     "ครับ แม่ริน ผมจะดูแลมิ้นให้ดี”

     “พ่อไม่เสียใจเลยจริงๆ ที่ยกยัยมิ้นให้กับเหนือ” ผมพยักหน้าและยกมือไหว้ขอบคุณพ่อแม่ของมิ้นที่พวกท่านไว้ใจและฝากฝังมิ้นไว้กับผม แม้ว่าเราจะคบกันไม่นานแล้วรีบแต่งงานกันก็ตาม ผมกุมมือมิ้นเอาไว้ให้เธอได้มั่นใจในตัวผม ว่าผมจะรักและดูแลเธอให้ดีแต่ความสุขตลอดไป

     เวลาตอนทานข้าวกับครอบครัวเป็นอะไรที่ผมอึดอัดมากที่สุดแล้ว ผมไม่มีความสุขเลย ผมเหนื่อย หน้ากากที่เรียกว่ารอยยิ้มของผมกำลังจะแตกสลายไป ถ้านานกว่านี้ผมคงได้เผยสีหน้าที่แท้จริงออกมาแน่

     “เดี๋ยวผมไปส่งมิ้นให้เองนะครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”

     “ฝากยัยมิ้นด้วยนะเหนือ” พ่อของมิ้นตบไหล่ผมหนึ่งทีก่อนจะพาแม่ของมิ้นขึ้นรถไป ผมยกมือไหว้ลาพวกท่านทั้งสอง เมื่อเห็นว่าพ่อแม่ของมิ้นไปไกลแล้วเลยขอตัวแยกไปที่รถตัวเองบ้าง ถึงแม้ว่าผมกับมิ้นจะใกล้แต่งงานกันแล้วแต่เราก็ไม่เคยล่วงเกินอะไรกันเกินจับมือ เรื่องนอนค้างที่บ้านผมไม่มีวันเกิดขึ้นเพราะบ้านของมิ้นค่อนข้างเข้มงวด

     การที่เขายอมให้ผมไปส่งมิ้นก็แสดงว่าเขามั่นใจในตัวผมประมาณหนึ่ง มิ้นอาศัยอยู่ที่คอนโดในตัวเมืองเพราะใกล้ที่ทำงาน ผมไม่ได้ชักถามเธอมากในเรื่องส่วนตัวอะไรที่เธอบอกว่าดี ผมก็ว่าตาม และมิ้นก็ไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมด้วยเหมือนกัน เราต่างให้เกียรติกันและกันอยู่เสมอ และนั่นก็เป็นข้อดีของเธอ



     “ขอบคุณเหนือมากนะ”
     “ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก ถึงห้องแล้วรีบเข้านอนได้แล้วนะครับ”
     “ตอนทานข้าวเหนือทำหน้าเหนื่อยๆ เป็นไรรึเปล่าคะ? ”

     “ไม่หรอกครับ”

     “เรื่องแต่งงานเหรอ? ”
     “นิดหนึ่ง พอดีวุ่นๆ เรื่องชวนแขกกับแจกบัตรเชิญให้กับพวกเพื่อนน่ะ แต่มิ้นไม่ต้องเป็นห่วงเรานะ”
     “มีอะไรก็แบ่งให้เราช่วยบ้างก็ได้ เหนือไม่ได้แต่งคนเดียวนะเราก็แต่งด้วย”

     “ครับ ขอบคุณนะ”

     “เป็นห่วงนะคะ”

     “ไปนอนพักได้แล้วเดี๋ยวดึก อย่ามัวแต่ทำงานจนไม่ได้พักผ่อนล่ะ”

     “ค่ะ เหนือขับรถระวังๆ ด้วยนะ ถึงบ้านแล้วไลน์บอกเราด้วย”

     “รับทราบครับ” ผมลูบหัวของมิ้นทีหนึ่งก่อนที่เธอจะเดินลงรถไป ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้รักเธอเลยก็ตามแต่ผมก็อยากดูแลเธอให้ดีที่สุดแม้ไม่ใช่ในฐานะคนรัก ก็ในฐานะเพื่อนก็ได้ ผมอยากให้เธอมีความสุขที่เธอเลือกผม แม้ว่าผมจะไม่ได้รักเธอเลยก็ตาม ทุกอย่างมันคือหน้าที่ หน้าที่ที่ไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง หัวใจของผม ผมได้มอบให้คนหนึ่งไปนานแล้ว คราม

     ถาม : คนเราสามารถแต่งงานกับใครสักคนโดยไม่รักได้รึเปล่า

     ผมสามารถตอบได้เลยว่า : ได้

     ผมขับรถมาถึงบ้านตอนแรกกะจะเดินเข้าห้องตัวเองเลย แต่ก็เจอกับแม่ที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขก ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายเดินไปหาท่านแทน

     “คนสวยทำไรอยู่เหรอครับ” ฟอด ผมหอมแก้มแม่ข้างหนึ่งและเงยหน้าขึ้นมอง ท่านลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

     “ดูรูปของเราเนี่ยแหละ ว่าจะเอาไปอัดแล้วใช้ในงานแต่ง”

     “แล้วได้รึยังครับ? ”

     “รูปเยอะมาก แม่เลือกไม่ถูกเลยเหนือช่วยแม่เลือกหน่อยสิ”

     “ครับ” ผมช่วยท่านเลือกรูปมาประมาณสองสามรูปได้ แม่ของผมท่านป่วยอาการไม่ค่อยดีแม้ว่าจะมาอยู่ที่บ้านแต่ก็ยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ท่านอยากให้ผมแต่งงานเพราะกลัวว่าตัวเองจะอยู่ไม่ถึงตอนที่เห็นผมใส่ชุดแต่งงาน ผมเลยรีบแต่งตามที่ท่านต้องการ

     “เหนือ ลูกไปนอนพักได้แล้วพรุ่งนี้จะต้องไปดูสถานที่จัดงานแต่งอีก”

     “แค่นี้จิ๊บๆ ครับ ไม่เหนื่อยหรอก”

     “ลูกมีความสุขดีใช่มั้ยจ๊ะ? ”

     “...ครับ” ผมยิ้มให้ท่านเหมือนทุกที ท่านพยักหน้าก่อนจะยกมือตวัดไล่ผมไปนอน ผมอยากบอกกับแม่ว่า ผมไม่ไหวแล้วครับแม่ ผมเหนื่อย ผมไม่อยากแต่งงาน

     “ลูกกับเพื่อนคนนั้นยังติดต่อกันอยู่รึเปล่า”

     “เพื่อนคนไหนเหรอครับ? ”

     “ที่ชื่อครามอะไรนั่น”

     “อ่า ไม่ครับ แต่ผมก็ชวนเขามางานแต่งด้วยแม่จะว่าอะไรรึเปล่า”

     “แม่จะว่าอะไรได้ ยังไงก็งานแต่งลูก แต่อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นนะ ลูกก็รู้ว่าพ่อเขาเป็นยังไง” แม่ผมแม้ว่าท่านจะรับไม่ได้ในสิ่งที่ผมเคยเป็น แต่ท่านก็เข้าใจตัวผมพอสมควร ต่างกับพ่อ รายนั้นไม่เคยฟังไม่เคยเข้าใจอะไรเลย

     "แม่ครับ"

     "หื้ม? "

     "ตอนที่แม่แต่งงานกับพ่อ แม่รักพ่อรึเปล่า"

     "มันนานมากแล้วนะเหนือ"

     "แล้วตอนนี้แม่รักพ่อรึเปล่าครับ"

     "ไม่รู้สิ แม่ก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ตอนนี้แม่รักลูกที่สุดนะ"

     "ครับ ผมไปนอนแล้วนะ"

     "แม่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับพ่อของลูกเลย แต่พอแม่มีลูกแม่ก็เข้าใจว่าความรักมันคืออะไร แม่รู้ว่าเหนือกำลังรู้สึกยังไงตอนนี้ แต่วันหนึ่งถ้าลูกโตขึ้นลูกจะเข้าใจเองว่า รักมันไม่ใช่ทุกอย่าง"

     ผมเข้าใจแล้วครับแม่ ผมเข้าใจดีเลย... ผมเลยเลือกทิ้งความรักไว้ข้างหลังและเดินไปข้างหน้าแบบนี้ไง

     ผมขึ้นมาที่ห้องตัวเองและหลับตาลง ผมชอบนอนและหลับตาลงบนเตียงนิ่งๆ มันทำให้หัวผมโล่งตอนนี้ผมไม่อยากคิดอะไรนอกจากนอนเฉยๆ ทำไมชีวิตแต่ละวันของผมมันผ่านไปอย่างยากลำบากแบบนี้นะ หลังจากกลับมาจากต่างประเทศผมก็ไม่ได้ติดต่อใครเลยเพราะวุ่นกับเรื่องงานแต่ง ผมหวังว่าเพื่อนของผมจะไม่โกรธที่ผมหายเงียบไป

     คราม

     อีกครั้งแล้วที่ชื่อนี้ทำให้ผมเสียศูนย์ ทั้งที่พยายามจะไม่คิด ทั้งที่พยายามจะไม่รู้สึก ในวันที่ผมเลือกครอบครัวมากกว่าเขาก็แสดงว่าเรื่องทุกอย่างของผมและครามได้จบลงแบบสมบูรณ์แล้ว

     ผมกับครามเราคบกันสมัยยังเรียนมหาลัย เราเริ่มรู้จักกันในฐานะเพื่อนและเลื่อนขึ้นมาเป็นแฟน เพราะความใกล้ชิด ความเข้าใจประกอบกับอะไรหลายๆ อย่างทำให้ผมเปิดใจให้เขามากกว่าเพื่อนคนอื่น ในตอนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันมากกว่าเพื่อน เราไม่อยากยอมรับว่าเรากำลังรักเพศเดียวกัน และผมไม่ได้มองว่ามันคือเรื่องแปลก มันคือความรัก ผมรักครามเพราะเขาคือคราม ไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้ชาย

     เพราะเกิดเป็นลูกชายคนเดียวที่บ้านเลยคาดหวังเอาไว้มาก ผมเคยทำให้พ่อผิดหวังหลายครั้งตั้งแต่เรื่องเรียนที่ไม่สามารถเข้าคณะที่ท่านต้องการได้ เหมือนในสิ่งที่ผมเป็นคือสิ่งที่พ่อไม่ต้องการมาตลอด ผมไม่ต่างจากหุ่นยนต์ที่ถูกพ่อบังคับให้ทำนั่นนี่ ผมเริ่มแหกกฎต่างๆ ตั้งแต่เจอกับคราม พอพ่อรู้เข้าเขาก็รับไม่ได้ นั่นคือสาเหตุที่พ่อเกลียดคราม

     ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ สายตาผมเอาแต่จ้องข้อความที่ครามส่งมา แค่คำถามสั้นๆ ไม่กี่ประโยคทำให้ผมรู้สึกหน่วง ผมต้องตอบว่าอะไร สบายดีงั้นเหรอ ทั้งที่ใจผมกำลังร้องไห้

     สุดท้ายแล้วผมก็เลือกที่จะปิดโทรศัพท์ลงเหมือนเดิม

 


ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: #ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ
«ตอบ #4 เมื่อ20-01-2019 16:50:59 »

หน่วง   :katai1:

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[4] สบายดี

สุดท้ายเขาก็ไม่ตอบกลับมา


     ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผมทักเหนือไป อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเปิดอ่านมันเลยด้วยซ้ำ มีแค่ความเงียบตอบกลับมากับความหวังลมๆ แล้งๆ นั่นสิผมคาดหวังอะไรอยู่ แค่อยากรู้ว่าเขาสบายดีด้วยตัวผมเองไม่ใช่ผ่านคนอื่น จริงๆ ผมอยากอยู่ในเรื่องราวในชีวิตเขา แต่ทำไม่ได้แล้ว



ชายล้วน ( 8 )

ซอ.โซ่ : เพื่อนรักกกกกกกก

ซอ.โซ่ : ว่างกันวันไหนบ้างวะ

วิกเตอร์ : มีไร

ซอ.โซ่ : จะชวนพวกมึงไปลองชุดเพื่อนเจ้าบ่าวอะ

แดนเหนือ : นัดกันมาๆ กูจะได้บอกที่ร้านให้

กั้งไม่ใช่กุ้ง : พวกกูต้องดูร้านอะ นานปะ

วิกเตอร์ : ต้องไปพร้อมหน้ากันปะ กูไม่อยากปิดร้าน

แดนเหนือ : งั้นกูนัดร้านไว้สองวัน พวกมึงผลัดกันมาได้ปะ จริงๆ อยากให้มาวันเดียวกัน

แดนเหนือ : กูอยากให้พวกมึงเลือกชุดคล้ายๆ กันอะจะได้ไม่หลุดตรีม กลัวมาคนละวันแล้วใจไม่ตรงกัน

เจ้านายด์คนละชั้ล : งานแต่งมึงตรีมสีไรวะ

แดนเหนือ : ขาวแดง

คุณเมือง : สมกับเป็นลูกคนจีนสัสๆ

แดนเหนือ : จีนบ้านมึง พ่อแม่กูไทยหมด เจ้าสาวเขาชอบสีแดงกูเลยเอาสีแดง

เอ็มฬ้อย : กุว่างานนี้ต้องสูทแดงกางเกงแดงแล้วว่ะ

เอ็มฬ้อย : แต่ลืมไปไอ้วิกเห็นไม่ได้

กั้งไม่ใช่กุ้ง : ทำไมวะ

เอ็มฬ้อย : เพราะมันจะวิ่งไปขวิด

คุณเมือง : 5555555555555555555555

เอ็มฬ้อย : เนี่ยเพื่อนแท้ หัวเราะทุกมุขของกุหยักดั้ยเปงผัวเลย

คุณเมือง : ห่า กูกลัว

กั้งไม่ใช่กุ้ง : จิ้นได้ปะค้าบ

วิกเตอร์ : สัส

วิกเตอร์ : พึ่งเห็น

วิกเตอร์ : ฝากไว้ก่อนนะมึง

กั้งไม่ใช่กุ้ง : จริงๆ เอ็มก็เหมาะกับสีแดงนะเว้ย

เอ็มฬ้อย : เพราะกุหล่อ?

กั้งไม่ใช่กุ้ง : ถ้าใส่สีดำมันจะกลืนไปหมด

เอ็มฬ้อย : ว่ากุดำหรอ

คุณเมือง : 555555555555555555555555555555555

เอ็มฬ้อย : อห. นี่ก็หัวเราะทุกมุข

ซอ.โซ่ : ไม่อยากได้เป็นผัวแล้วเหรอ 55555555

แดนเหนือ : สรุปยังไงก็บอกมานะพวกมึง

แดนเหนือ : ใครที่จะไปหรือไม่ไปก็บอกด้วย

วิกเตอร์ : แล้วมึงอยากให้ใครไป ไม่อยากให้ใครไปรึเปล่า

เอ็มฬ้อย : ตู้ม



ใครจะเป็นเศรษฐี (4)

กั้งไม่ใช่กุ้ง : ไอ้ครามเงียบเลยว่ะ

เอ็มฬ้อย : ภาพจำมันชัดเจนนนน เหมือนเดิมทุกอย่าง

กั้งไม่ใช่กุ้ง : มึงร้องถูกใช่ปะ

เอ็มฬ้อย : กุว่าใช่เพราะเปิดเน็ตดู

กั้งไม่ใช่กุ้ง : เพลงไรวะ

เอ็มฬ้อย: ภาพเดิมปะ

วิกเตอร์ : กูว่าอันนี้ไม่

เอ็มฬ้อย : ไม่ส.เน้อ

กั้งไม่ใช่กุ้ง : 55555555555555555555555555

KRAm : กูว่า กูไม่ไปดีกว่า

KRAm: พวกมึงก็รู้ว่าบ้านเหนือไม่ชอบกูแค่ไหน

วิกเตอร์ : เรื่องตั้งนานแล้วปะ อีกอย่างงานนี้เป็นงานของไอ้เหนือไม่ใช่งานพ่อมันสักหน่อย

เอ็มฬ้อย : ชงเก่ง

วิกเตอร์ : กูพูดจริงๆ มึงอาจได้เจอมันครั้งสุดท้ายที่งานนี้แล้วก็ได้

กั้งไม่ใช่กุ้ง : ดราม่าปะหนิ กูจะได้ออกจากกลุ่ม

วิกเตอร์ : โคตรรดราม่า ดราม่าชิบหาย มึงจะออกเลยปะ

กั้งไม่ใช่กุ้ง : ล้อเล่นขำๆ จ้า

วิกเตอร์ : เออ กูอยากให้มึงเก็บไปคิดนะคราม โตๆ กันละ

เอ็มฬ้อย : ถ้าครามไปจะให้มันไปในฐานะอะไร

กั้งไม่ใช่กุ้ง : ผัวเก่า

เอ็มฬ้อย : คนนี้ทุกวันยังคึดฮอดเจ้า

กั้งไม่ใช่กุ้ง : โคตรได้ 555555555

เอ็มฬ้อย : มึงว่าปะ

เอ็มฬ้อย : แชทเราเอาไปแต่งลงจอยลดาได้เลย

กั้งไม่ใช่กุ้ง : มึงว่าจะมีคนอ่านปะ

เอ็มฬ้อย : มีอย่างน้อยก็มี มึงกู มึงกูแล้ว

วิกเตอร์ : สรุปไปลองชุดเอาไง

กั้งไม่ใช่กุ้ง : กระผมกั้งขอเสนอให้ปิดร้านหนึ่งวันเต็มเลยครับ

วิกเตอร์ : รวยเนอะมึง

กั้งไม่ใช่กุ้ง : เอ้า ก็งานเพื่อนทั้งที

วิกเตอร์ : เออๆ เดี๋ยวกูทักไปบอกไอ้เหนือให้

     ในที่สุดแชทไลน์ในกลุ่มเพื่อนผมก็เงียบลง ผมไล่อ่านทุกข้อความแต่ไม่ได้ตอบกลับไป และเพื่อนก็เข้าใจดีจึงไม่ถามจี้อะไรผมมาก เขาสามารถตอบไลน์กลุ่มได้ ไม่สิเขาสามารถตอบไลน์ทุกคนได้แต่ไม่สามารถตอบไลน์ผมได้



     “หายหัวจากห้องแชทเลยนะ”

     “ขี้เกียจพิม” ผมเดินเข้ามาในร้านเสียงไอ้เอ็มก็ตะโกนขึ้นมาก่อนคนแรก ตามด้วยเสียงไอ้กั้งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ใกล้          “มึงจะไปงานแต่งไอ้เหนือปะถามจริง”

     “อ่า เหลืออีกตั้งหลายเดือนกูขอคิดก่อน”
     “ไม่ไปแน่ๆ สินะตอบงี้” เป็นวิกที่พูดแทรกขึ้นมา วันนี้มาเฝ้าร้านครบกันทั้งสี่คน ปกติเราจะแบ่งกันมาเฝ้าร้าน เพราะตรงกับวันหยุดลูกค้าเลยเยอะแถมพนักงานที่ร้านผมก็ลางานวันนี้เยอะมาก พวกผมเลยต้องมาดูแลร้านกันเอง

     “วิกก็บอกให้กูไป ในฐานะเพื่อนก็ได้แล้วมันให้กูไปคุยกับเหนือดู มึงรู้ปะกูทำตามที่มันบอกแล้ว สุดท้ายเหนือไม่ตอบกู” ผมหันไปตอบไอ้กั้งก่อนจะเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่

     ร้านของผมตกแต่งออกแนวดาร์กๆ มืดมนโทนสีขาวดำแดง ผ้ากันเปื้อนที่ผมใส่ก็เป็นสีดำมีดอกไม้สีแดงสดเสียบอยู่ตรงอก และเสื้อด้านในเป็นสีขาว เพราะปกติร้านกาแฟร้านคาเฟ่ทั่วไปมักตกแต่งด้วยสีสันสดใสพาสเทล แต่ร้านของเราต่างไป ลูกค้าเลยสนใจเยอะ และอีกอย่างร้านผมพนักงานทุกคนเป็นผู้ชายหมด เป็นร้านกาแฟที่มีกลิ่นอายความดิบเถื่อนอยู่ในตัว

     “แล้วมึงไม่ทักซ้ำ? ”

     “แค่แชทเดียวก็พอแล้ว”
     “เพื่อนกูเป็นคนขี้เกรงใจตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นกู กูรัวไปร้อยแชทแล้ว”
     “นั่นมึง เป็นกูแค่แชทเดียวก็พอแล้ว”

     “ทำไมอยู่กับมึงให้ความรู้สึกดราม่าจังวะ”

     “กูล่ะสงสัยว่าระหว่างไอ้ครามกับไอ้เอ็มใครมืดมนกว่ากัน”

     “กูออกจะสดใส”

     “กูหมายถึงสีผิว”

     “ไอ้สัสกั้ง ปากมึงเนี่ยนะ” ผมปลีกตัวจากความวุ่นวายทั้งหมดก่อนจะเตรียมของเปิดร้าน สักพักก็มีไอ้วิกเดินมาอยู่ข้างๆ

     “เหนือบอกว่านัดร้านไปดูชุดไว้อาทิตย์หน้า”

     “อ่า”

     “ให้กูไปดูให้แทนปะ? ”

     “เปลืองเงินมึงเปล่าๆ ”

     “จะไม่ไปจริง? ”
     “คงงั้นแหละ”
     “ตามใจ” มันตบไหล่ผมปุบๆ ก่อนจะแยกไปทำงานของตัวเองต่อ ผมกลับมาสนใจงานที่ตัวเองต้องทำจนหมดวันไป ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมก็เช่นกันชีวิตประจำวันของผมก็คงมีแค่นี้จริงๆ

     “แย่แล้ว” ผมเดินไปดูต้นแคคตัสที่ตัวเองปลูกไว้เมื่อพบว่ามันกำลังจะตาย คงต้องเอาทิ้งอีกแล้ว ผมคงไม่เหมาะกับการที่มีสิ่งมีชีวิตในห้องจริงๆ นี่ก็เป็นต้นที่ร้อยได้แล้วมั้งที่ผมเอามาปลูกแล้วตาย

KRAm: มึง

วิกเตอร์ : ว่า

KRAm: ตายอีกแล้วว่ะ

วิกเตอร์ : แคคตัส?

KRAm: อืม

วิกเตอร์ : แล้วทำไง

KRAm: คงทิ้งแหละ

วิกเตอร์ : อะไรที่มันตายมึงยังทิ้งได้แล้วทำไมความรักที่ตายไปแล้วมึงถึงทิ้งไม่ได้สักที

ผมขมวดคิ้วกับข้อความของไอ้วิกก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม สุนทรภู่ผู้เข้าสิงมันรึไง

ตื่อดึ่ง

     เสียงไลน์เด้งขึ้นอีกรอบคราวนี้คงเป็นแชทของเพื่อนสักคนแหละหรือไม่ก็ไอ้วิกที่ส่งข้อความมาอีก ผมไม่คิดที่จะหันไปมองมันด้วยซ้ำทิ้งให้มันอยู่ที่เดิมและหันมาสนใจกับการทำความสะอาดมุมแคคตัสต่อ ทิ้งไปเลยดีกว่ายังไงก็ตายอยู่ดี

    แดนเหนือ : สบายดี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2019 21:54:04 โดย SHu »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
วิกเตอร์ คนวางระเบิดประจำกลุ่ม ตู้ม!

 :pig4:

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[5] สิ่งที่ต้องเกิดขึ้น

NORTH- : สบายดี

     ชิบหายแล้ว

     ผมกุมขมับและขยี้หัวจนผมตัวเองยุ่งไม่เป็นทรงเหมือนเก่า ทั้งที่จะไม่ตอบกลับไปแท้ๆ แต่มือผมดันเผลอกดไปอ่านแชทเข้า ผมเป็นคนค่อนข้างถือถ้าเปิดอ่านแชทใครต้องตอบ ถ้าไม่ตอบคือไม่อ่านไม่ตอบเลย ผมคิดว่ามันคือมารยาทอย่างหนึ่ง

     ผมจ้องโทรศัพท์ไม่วางตา ใจหนึ่งก็ลุ้นว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาแบบไหนจนเวลาผ่านไป

15 นาที

20 นาที

30 นาที

     เงียบ... อีกฝ่ายเงียบไปเลย หรือว่าครามนอนไปแล้ว แต่พึ่งสี่ทุ่มเองครามไม่ใช่คนนอนเช้าซะด้วย แล้วเขาทำอะไรอยู่ อาบน้ำเหรอ รายนั้นอาบน้ำไม่กี่นาทีเอง

ตื่อดึ่ง

     ฟรึบ ผมสไลด์ตัวนอนลงบนเตียงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้รอ ... จริงๆ

     การแจ้งเตือนจากกลุ่ม เฟรนด์โซน 1 การแจ้งเตือน

เฟรนด์โซน (4)

ซอ.โซ่ : กูลางานทั้งวันเพื่อจะไปงานแต่งไอ้เหนือโดยเฉพาะ

เจ้านาย์ด์คนละชั้ล : มึงลาล่วงหน้า 3 เดือนเลยเหรอวะ

ซอ.โซ่ : เยป เพื่อนซี้ทั้งคน กูโคตรซาบซึ้งแบบเห็นไอ้เหนือมาตั้งแต่เด็ก ในที่สุดมันก็ได้แต่งงาน

คุณเมือง : มึงเป็นลุงนัมเหรอ

NORTH-: ล้อชื่อพ่อกู

คุณเมือง : ตอบแชทเร็วนะ รอแชทใครอยู่เปล่า

NORTH-: ไร้สาระ

คุณเมือง : ได้คุยกับไอ้ครามบ้างยัง

คุณเมือง : ไอ้ครามไม่ตอบแชทกลุ่มใหญ่เลย สรุปมันไปงานแต่งมึงปะ

     ไม่รู้... ผมไม่รู้ ความสัมพันธ์ของผมกับครามตอนนี้ไม่ดีขึ้นเลย ต่างคนต่างอยู่ ผมก็ งง ตัวเอง ทำไมถึงชวนครามมางานแต่ง หรือเพราะผมอยากให้ครามได้เห็นและรู้ว่าผมโตขึ้นแล้วล่ะมั้งเลยชวนไป อยากให้เขารู้ว่าผมเข้มแข็งขึ้นแล้วไม่ต้องเป็นห่วง ผมสามารถมีชีวิตอย่างมีความสุขและลืมเรื่องต่างๆ สามารถเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่มีเขาอยู่ข้างๆ อยากให้เขาเริ่มต้นใหม่บ้าง เหมือนผม

     ตั้งแต่เลิกกันผมก็ไม่ได้ติดต่อใครสักคน ทั้งเพื่อนในกลุ่มรวมถึงครามด้วย เพราะผมไม่อยากคิดถึงเขาอีก การเลิกกับใครสักคนทั้งที่ยังรักกันอยู่โคตรทรมาน ผมเก็บโทรศัพท์วางลงที่เดิม เมื่อคนที่ตอบกลับมาไม่ใช่คราม

     คิดถึงจัง คิดถึงตอนที่คบกัน

     ถือว่าเป็นความสุขเพียงหนึ่งเดียวที่ผมได้รับเลยก็ว่าได้ตั้งแต่มีชีวิตมา รอยยิ้มที่เกิดจากใจไม่ใช่การใส่หน้ากาก

ตื่อดึ่ง

ฟ้าคราม : ส่งสติกเกอร์

     ตาของผมเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาคือคราม แม้จะเป็นติ้กเกอร์ไลน์ฟรีหน้าโง่ๆ แต่กลับทำให้ผมใจเต้นแรงแปลกๆ

NORTH-: แล้วนายล่ะ เป็นไงบ้าง

ฟ้าคราม : ก็ดีใช้ชีวิตเรื่อยๆ ฉันคิดว่านายจะไม่ตอบกลับมาแล้วซะอีก

     ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะตอบกลับไปเหมือนกันแหละ แต่นิ้วมันลั่นไปกดอ่าน

NORTH-: พอดียุ่งๆ

ฟ้าคราม : เข้าใจ ก็ใกล้งานแต่งแล้วหนิ

NORTH-: อ่า

NORTH-: ตอบแชทช้ามัวทำไรอยู่

ฟ้าคราม : เก็บแคคตัสไปทิ้งน่ะพอดีมันตายหมดแล้ว

NORTH-: ต้นกระบองเพชร?

ฟ้าคราม : แคคตัส

NORTH-: มันไม่เหมือนกันเหรอ

ฟ้าคราม : คนละอย่างกัน

NORTH-: ยังชอบปลูกต้นไม้อยู่อีกหรอ

ฟ้าคราม : แค่เห็นว่าน่าสนใจ แต่พอเอามาปลูกทีไรตายตลอด

NORTH-: ให้น้ำเยอะเกินไปรึเปล่า

ฟ้าคราม : ไม่รู้สิ เพราะมันไม่ได้โดนแดดด้วยมั้งเลยเฉาตาย

NORTH-: นายเอามันไว้ในห้องตลอดเลยรึไง

ฟ้าคราม : ใช่ ฉันไม่ได้อยู่ห้องตลอดเลยไม่อยากเอาไปไว้ที่ระเบียงกลัวว่าวันไหนฝนตกแล้วจะกลับมาไม่ทัน แต่พอเอาไว้แต่ในห้องสุดท้ายมันก็ตายเหมือนเดิม

ฟ้าคราม : หรือว่าฉันควรเอาให้คนอื่นดูแลแทนดี

ฟ้าคราม : ไม่ว่าอะไรฉันก็ดูแลไม่ได้เลย

ฟ้าคราม : รวมถึงนายด้วย

NORTH-: ไม่คราม นายน่ะดูแลทุกอย่างได้ดีตลอด ถ้าเป็นอะไรที่นายรักหรือนายสนใจนายมักจะดูแลมันอย่างเต็มที่

ฟ้าคราม : ขนาดฉันดูแลนายอย่างดีนายยังป่วยเลย

     หลายปีก่อน

     “คราม ฉันปวดหัวไม่ไหวแล้ว”

     “ทนอีกนิดนะเดี๋ยวฉันไปซื้อยาให้”

     “แต่ว่าตอนนี้ฝนตก...”

     “ร้านยาใกล้ๆ นี่เองไม่เป็นไรหรอก เหนือนอนพักเถอะนะ” ร่างสูงข้างๆ ลูบหัวผมและบอกกับผมว่าไม่ต้องห่วง ผมหลับตาลงสักพักครามก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปข้างนอก ผมร่างกายอ่อนแอมักจะป่วยอยู่บ่อยๆ เพราะเมื่อวานมีการซ้อมรับน้องทั้งวันเลยทำให้ผมล้มป่วยในวันนี้ และคนที่ต้องลำบากก็คือคราม แฟนของผมเอง

     แอ๊ด

     “ตื่นขึ้นมาทานยาก่อนนะ”

     “ไม่เอาอยากนอน” ผมส่ายหัวไปมาและซุกตัวลงในผ้าห่มจนมิด มือของครามสอดเข้ามาใต้ผ้าห่มและวางบนหัวผม “มือเย็นจังคราม”

     “โทษที รีบมาเลยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ” ผมหรี่ตาขึ้นมองก็พบว่าครามเปียกโชกไปทั้งตัว เขายิ้มแห้งๆ ให้ผมก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ

     “ทานยาก่อนค่อยนอนนะ”

     “ทำไมเปียกงี้ ลุยฝนไปเหรอ” ผมเอื้อมมือไปจับปลายผมของอีกฝ่ายทีเปียกลู่ลงมาแนบกับใบหน้า เพราะผมเขาเลยต้องมาลำบากแบบนี้

     “เปล่าๆ ก็ใส่เสื้อกันฝนแหละเปียกนิดหนึ่งไม่มากเท่าไหร่” เขากำลังโกหก เพราะรอยน้ำหยดตามพื้นห้องมันกว้างและใหญ่มากบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเปียกโชกแค่ไหนตอนเดินเข้ามา

     “เหนื่อยรึเปล่าคราม”

     “ไม่เหนื่อยเลย”

     “ขอบคุณนะ”

     “หอมแก้มก่อน” ครามเอียงแก้มมาให้ผม ผมยันตัวลุกขึ้นก่อนจะฝังจมูกลงบนแก้มสาก เขาต้องย่อตัวลงมาใกล้เพื่อที่จะให้ผมหอมแก้มได้ถนัดแม้ว่าผมจะเขย่งขึ้นไปแล้วก็ตาม เขาสูงประมาณ 180 เกือบ 190 ส่วนผมสูง 175 ตามมาตรฐานชายไทยทั่วไป

     “แค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว”

     “ครามไปเช็ดผมให้แห้งก่อน”

     “โทษทีมันลืมตัว” เขาผละออกก่อนจะลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาซับผมตัวเองจนแห้ง และตามด้วยเช็ดคราบน้ำบนพื้น ถึงแม้ว่าเราจะอยู่หอด้วยกันแต่เราไม่ค่อยมีอะไรลึกซึ้งกันหรอก เขาบอกว่าอยากอยู่กับผมเพราะความรักไม่ใช่ความใคร่ และนั่นมันทำให้ผมมีความสุข

     “นอนแล้วนะครับ” เพราะผมป่วยครามเลยต้องลงไปนอนข้างเตียง จริงๆ แล้วเขาดื้อดึงจะขึ้นมานอนกับผมแต่เป็นผมเองที่สั่งให้เขาไปนอนข้างล่าง แค่ผมป่วยคนเดียวก็ลำบากแล้ว ผมไม่อยากให้เขามาป่วยตามผมอีก

     ผมหลับตาลงหลังจากที่อีกฝ่ายได้ลุกไปปิดไฟทำให้ทั้งห้องมืดสนิท ครามดึงมือผมไปกุมเอาไว้ ทุกคืนเรามักจะนอนกอดกันหรือไม่ก็ต้องจับมือกันก่อนนอนไม่อย่างนั้นจะนอนไม่หลับ มือเย็นเฉียบของครามกุมมือผมเอาไว้หลวมๆ ผมนอนตะแคงข้างและลืมตามองอีกฝ่ายที่นอนอยู่ข้างล่าง

     “นอนได้แล้วเหนือ”

     “ก็นอนอยู่”

     “นอนอะไร ก็เห็นว่าลืมตาอยู่”

     “มันไม่ชิน”

     “ไม่ชินอะไรเหรอ”

     “ที่ข้างๆ ไม่มีนายนอนอยู่ รู้สึกเหงาแปลกๆ ”

     “ให้ขึ้นไปนอนด้วยรึเปล่างั้น”

     “แต่ฉันก็กลัวนายติดไข้ ย้อนแย้งเนอะ”

     พรึบ เสียงผ้าตกลงพื้น ครามลุกขึ้นมานอนข้างๆ และสวมกอดผมเอาไว้ ไออุ่นที่ผมต้องการมาตลอดอยู่ข้างหน้าแล้ว

     “ดื้อนะคราม”

     “ฉันยอมป่วยดีกว่าถ้าไม่ได้นอนกอดนาย ขอโทษที่ดูแลได้ไม่ดีนะทั้งที่สัญญาเอาไว้แล้วแท้ๆ ”

     “ไม่หรอก ฉันอยากป่วยบ่อยๆ ด้วยซ้ำถ้ามีนายคอยเป็นหมอมาดูแล”

     “ให้ดูแลทั้งชีวิตเลยก็ได้”



ตื้อดึ่ง

ฟ้าคราม : เงียบ

ฟ้าคราม : นอนแล้วเหรอ?

NORTH-: พอดีคิดเรื่องอดีตนิดหน่อยน่ะ

NORTH-: โทษที

ฟ้าคราม : ยังคิดถึงอยู่อีกเหรอ

NORTH-: ก็มีบ้าง

ฟ้าคราม : ฉันก็คิดถึงตลอด

ฟ้าคราม : คิดถึงนาย

....

     เหมือนผมลืมหายใจไปชั่วขณะกับข้อความที่ครามส่งมา แค่คำสามคำกลับทำให้ผมน้ำตาไหลพรากออกมา คิดถึงแล้วไง คิดถึงไปก็กลับมาไม่ได้อยู่ดี มันทรมานยิ่งกว่าอะไร กับการที่ต้องคิดถึงในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้

ฟ้าคราม : ตอนนั้น

ฟ้าคราม : ถ้ารู้ว่าเลิกกันแล้วทรมานงี้

ฟ้าคราม : เราไม่น่าเลิกกันเลยว่ะ

แปะ แปะ แปะ

     “ฮึก...” ในมือผมกำโทรศัพท์แน่นน้ำตาไหลหยดบนหน้าจอโทรศัพท์จนภาพเบลอไปหมด ตัวผมที่สั่นไหวเหมือนคนมีไข้ขึ้นสูงริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นเป็นเส้นตรง ผมพยายามที่จะไม่ส่งเสียงร้องออกมาเพราะกลัวคนข้างนอกได้ยิน

     การกลับมาคุยกับครามเป็นอะไรที่แย่ที่สุด ผมยังคงคิดถึงเขาอยู่สุดหัวใจ

NORTH-: คราม

NORTH-: เราเลิกกันแหละดีแล้ว

NORTH-: ต่อให้เราคบกันต่อก็ไม่ได้อะไร

NORTH-: เพราะไม่ช้าหรือเร็วเราก็ต้องเลิกกันอยู่ดี

NORTH-: เราแค่เลิกกันเร็วไปหน่อย

NORTH-: ก็แค่นั้น

     หน้าจอโทรศัพท์ผมเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด ไม่ได้เข้มแข็งขึ้นเลย สุดท้ายแล้วเวลาก็ไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนไป ผมยังคงเป็นแดนเหนือคนเดิม และเขาก็ยังคงเป็นฟ้าคราม แต่ที่เปลี่ยนไปคือสถานะความสัมพันธ์ อีกไปกี่เดือนผมกำลังจะเป็นของคนอื่น  มันแน่นอนพอๆกับความรู้สึกที่ผมมีให้เขา มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้แล้ว

     จากนั้นทั้งคืน ครามก็ไม่ได้ตอบกลับผมมาอีกเลย


---------------------------------------------------------------------------------

PS. ครามจะเห็นไลน์ของเหนือชื่อ [แดนเหนือ]

เหนือจะเห็นไลน์ครามชื่อ [ฟ้าคราม]

ส่วนชื่อไลน์จริงๆของทั้งสองคือ

KRAm [คราม]

NORTH- [เหนือ]

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้ย หน่วงเหลือเกิน

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[6] ในรอยร้าว I

  หากหลับตาลงแล้วสามารถย้อนกลับไปในอดีตได้ ผมก็ไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเหมือนกัน แต่ความบัดซบของชีวิตคือ แม้ว่าเราจะอยากตายแค่ไหนแต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่เหมือนเดิม

     ครามยังอยู่ที่เดิม รักเรายังคงอยู่เหมือนเดิมในดินแดนแห่งความฝัน โลกที่ผมสร้างเอาไว้ไม่เคยมีใครเข้ามา ดินแดนเหนือที่มีแต่ท้องฟ้าสีคราม

     ย้อนกลับไปในสมัยที่ยังเรียนมหาลัย

     ช่วงเวลาปีหนึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นใหม่ในรั้วมหาลัย

     “น้องชื่ออะไร น้องชื่ออะไร”

     “ชื่อครามครับ”

     “ชอบทำท่ายังงี้ยังงี้”

     “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”

     “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงดังขึ้นโดยล้อมรอบเด็กหนุ่มหน้าตาดีเอาไว้ ผมมองกลุ่มคนพวกนั้นอย่างปลงๆ ก็เป็นปกติของมหาลัยเวลาเจอเด็กหน้าตาดีก็มักจะรุมล้อมเอาไว้ ส่วนเด็กหน้าตาธรรมดาแบบผมก็ต้องถอนหายใจเหี่ยวๆ เพราะรุ่นพี่ไม่สนใจ

     “ไอ้เหนือมึงดูผู้ชายคนนั้นสิอย่างหล่อเลย หล่อจนกูอาย” โซ่เพื่อนสมัยเด็กของผม เราสนิทกันเพราะบ้านใกล้กัน เรียนที่เดียวกัน พ่อแม่สนิทกัน จนขึ้นมหาลัยก็ยังมาอยู่คณะเดียวกันอีก ตอนนี้มันเลยเป็นเพื่อนในมหาลัยคนแรกของผม

     จริงๆ แล้วผมโคตรเอียนหน้ามันเลย แต่ก็ต้องทนเพราะผมมีเพื่อนไม่เยอะแถมมนุษยสัมพันธ์ยังเรียกได้ว่าติดลบอีก ที่บ้านผมค่อนข้างเคร่งเรื่องคบเพื่อน พ่อมักบอกกับผมว่าให้สนใจแต่เรื่องเรียนไม่ต้องไปสนใจเรื่องอย่างอื่น สุดท้ายผมเลยไม่มีเพื่อน ขนาดมาเรียนมหาลัยยังต้องเรียนมหาลัยในจังหวัด ให้ตายเถอะ การเป็นลูกชายคนเดียวทำไมมันเหนื่อยแบบนี้

     “คนไหนวะ”

     “ที่ชื่อครามอะไรนั่นน่ะ” ผมมองตามที่ไอ้โซ่ชี้ แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายก็รู้ว่าผมมองแถมยังเอานิ้วชี้เข้าที่ตัวเองประมาณว่า พวกผมชี้มันเหรอ

     “ชิบหาย มันเห็นด้วยว่ะ”

     “นายชี้เราเหรอ” ผู้ชายที่ชื่อครามเดินเข้ามาหาพวกผมที่อยู่ด้วยกันสองคน พอมาอยู่ใกล้ๆ ผมรู้สึกกลายเป็นคนแคระไปเลยอีกฝ่ายสูงชะลูดเหลือเกิน คงเพราะพ่อชอบให้ผมอ่านหนังสือและเล่นอยู่ในบ้านเลยไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ทำให้ผมตัวเล็กกว่าผู้ชายคนอื่น ทั้งผอมแห้งและไม่มีกล้ามเนื้อ

     “นายหล่อดีๆ ”

     “ขอบคุณ เราชื่อครามนะ แล้วนาย? ” แปลกคน แถมไม่โกรธด้วยที่ชี้หน้า ปกติผมมักจะเจอแบบ มึงมองหน้ากูหา***มึงเหรอ ประมาณนี้มากกว่าเพราะสังคมไทยมันโหด

     “ชื่อโซ่ ส่วนไอ้เอ๋อข้างๆ ชื่อเหนือ แต่เกิดภาคกลางนะ” ผมยิ้มทักทายอีกฝ่าย มันก็ยิ้มตอบกลับมาสักพักพอเด็กปีหนึ่งมารายงานตัวกันครบรุ่นพี่ก็เริ่มประกาศออกโทรโข่ง

    "ให้น้องๆจับคู่แล้วเขียนป้ายชื่อให้กันนะคะ” เสียงรุ่นพี่ประกาศผ่านโทรโข่ง พวกเรายืนอยู่ด้วยกันสามคนมองหน้ากันไปมา โดยปกติผมต้องคู่กับไอ้โซ่แหละแต่คนด้านหน้ากลับทำหน้าเศร้าและพูดออกมาเสียงหงอยๆ “ฉันยังไม่มีคู่....”

     “เห้ย งั้นเดี๋ยวนายคู่กับไอ้เหนือไป ฉันจะไปหาสาวๆมาคู่แทนก็ได้” พอได้ทีไอ้โซ่ก็รีบสลัดผมทิ้งทันทีแบบไร้เยื่อใยให้ผมอยู่กับเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกันไม่กี่วิ

     “น้องคนไหนที่ได้รับป้ายชื่อแล้ว ตั้งชื่อให้เพื่อนโดยมีชื่อเดิมอยู่ด้วยแล้วเพิ่มคำเข้าไป เช่น เพื่อนพี่ชื่อตัง ก็ตั้งว่า ตังหมด ไรงี้ เข้าใจมั้ยคะ” รุ่นพี่ประกาศออกโทรโข่งอีกครั้ง ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้า แล้วผมจะตั้งชื่อมันว่าอะไร           คราม

     สีคราม ทะเลสีคราม อะไรประมาณนี้เหรอ

     “นายเขียนก่อนเลย” เหมือนว่าอีกฝ่ายก็คิดไม่ออกเหมือนกันเลยโยนให้ผมก่อน ผมรับปากกาเมจิกมาและนึกอยู่สักพัก

     ‘ฟ้าคราม’

     “ฟ้าคราม?”

     “ไม่มีความหมาย นายรีบเขียนป้ายชื่อฉันได้ละ” มันรับปากกาเมจิกในมือผมไปก่อนจะลงมือเขียน คนนี้มันมีอะไรที่ไม่เพอร์เฟคบ้างวะ ขนาดยืนเขียนตัวหนังสือยังไม่เอียง

     ‘แดนเหนือ’ โอโห้ ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้ามันไม่ใช่ชื่อที่รุ่นพี่ พวกเพื่อน เรียกผมไปตลอดหนึ่งปี แดนเหนือกับได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ชื่อโคตรลิเก

     เอาเถอะสักวันหนึ่งคนอื่นลงลืมเลื่อนไปแหละ

     แต่มีเรื่องตลกอย่างพอผมกลับจากทานข้าวป้ายชื่อของผมและครามได้หายไปตลอดกาล ผมไม่รู้ว่ามันหายไปได้ไง รุ่นพี่เลยเขียนให้ผมกับครามใหม่ แต่ก็ชื่อเหนือกับครามนั่นแหละ เหมือนว่าฟ้าครามกับแดนเหนือจะเป็นชื่อที่ผมกับครามเท่านั้นที่รู้และเห็นมัน

     หลังจบรับน้องนั้น พอรู้ตัวอีกทีผมก็มีเพื่อนเยอะแล้ว คงเพราะมีคราม มีโซ่อยู่เลยดึงดูดผู้คนเข้ามา ในกลุ่มผมเป็นกลุ่ม ชายล้วน มีอยู่ด้วยกัน 8 คน เริ่มจาก ผมผู้ชายธรรมดา หน้าตาระดับกลาง ส่วนสูงระดับชายไทย ปากพูดจาระดับคนใบ้ ผมเป็นคนผู้ไม่เก่ง พอพูดต่อหน้าใครมักจะกระตุกกุกกัก มันเลยกลายเป็นปมจนผมไม่อยากจะพูดกับใครเท่าไหร่ถ้าไม่สนิทจริง

     โซ่ เพื่อนสมัยเด็กที่ต่างกับผมสุดขั้ว มันพูดเก่งอัธยาศัยดีมีคนอยากเป็นเพื่อนกับมันเยอะแยะ แต่แปลกที่มันคบผมคนเดียวตั้งแต่เด็กยันมหาลัย มิตรภาพของผมกับมันพังลงบ่อยๆ เพราะมันสามารถทิ้งผมไปอย่างง่ายดายถ้ามีสาวอยู่ข้างหน้า โคตรเพื่อนตาย

     คราม ผู้ชายหน้าหล่อที่จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่อย่าง งงๆ เขาเป็นคนที่ตรงข้ามกับผมโดยสิ้นเชิงดูซื่อๆ แต่ก็เจ้าเลห์ เป็นคนที่โดดเด่นทุกอย่างทั้งหน้าตาและส่วนสูง เป็นคนประเภทที่ไม่น่าจะมาคบกับพวกผมได้เลยเพราะเรามันคนละไทป์ เปรียบกับครามเป็นไทป์เจ้าชายสูงศักดิ์ ส่วนผมเป็นไทป์ตัวประกอบประชาชนเดินผ่านชัดๆ

     ส่วนคนอื่นที่เข้ามาทีหลังก็จะมี วิกเตอร์ ชื่อฝรั่งหน้าโคตรไทย แต่ไอ้โซ่บอกว่าที่จริงผมชื่อวิกผมเพราะบ้านทำร้านเสริมสวยแต่พอขึ้นมหาลัยเลยเปลี่ยนเป็นวิกเตอร์ให้ดูคูล แปลกคน มันเป็นคนเงียบๆ คล้ายกับครามแต่วิกเป็นคนพูดตรงและแรง จนรุ่นพี่หลายคนไม่ชอบขี้หน้าเพราะนิสัยของมัน

     ต่อมาเอ็ม เขาเป็นคนที่มีรูปร่างพอๆ กับผมแต่สูงกว่าผมนิดหน่อยเขามีผิวสีแทนและเข้ม แต่นิสัยมันไม่สมกับชื่อและลักษณะภายนอกเท่าไหร่ ทั้งตุ้งติ้งทั้งระริกระรี้จริตจะก้านคล้ายกับสาวสอง แต่มันก็บอกว่ามันแมนเต็มร้อยที่เห็นแค่แสดง เป็นตัวชงมุกตบมุกในกลุ่ม แม้จะเป็นมุกโง่ๆ แต่ก็ฮาดี ฮาที่ได้ด่ามันเวลาเล่นมุก เอ็มเป็นคนที่ไม่คิดมาก ง่ายๆ ใครด่าอะไรก็ไม่โกรธ หรือว่าตามไม่ทันไม่รู้

     นายด์ที่เดินหลงๆ เข้ามา มันหลงเข้ามาจริงๆ มานั่งข้างผมและเรียกผมว่าเพื่อนรัก จากนั้นก็ตามมาอยู่ในกลุ่มพวกผม ทำท่าทีซี้กับพวกผมเหมือนรู้จักกันมาแล้วประมาณ 10 ปีได้ ทั้งที่พึ่งเจอกัน 10 นาที

     จากนั้น ไอ้กั้งที่ถูกเพื่อนกลุ่มอื่นเทจนต้องมาเล่นกับพวกผม จริงๆ ก็ไม่แปลกเพราะนิสัยกวนตีน เล่นไม่รู้จักเวลามันเลยถูกเพื่อนกลุ่มอื่นเท แต่นิสัยมันก็ไม่เลวร้ายอะไร แค่กวนตีนเกินไปแค่นั้น

     ส่วนคนสุดท้ายไอ้เมือง ที่ชื่อคล้องจองกับผมเหลือเกิน และบังเอิญมันดันมาเป็นบัดดี้ผม เวลาคนอื่นจะเรียกก็เรียกว่าเมืองเหนือๆ เมืองเป็นคนที่เข้ากับคนยากพอๆ กับผมได้ เลยทำให้มันมาอยู่กลุ่มกับพวกผมตั้งแต่วันที่จับบัดดี้

     พวกเราสนิทกันและอยู่ในความสัมพันธ์แบบ งงๆ แต่แปลกพวกเราดันคบกันมาเรื่อยๆ ไม่เคยมีปัญหาอะไร และผมก็รู้สึกไว้ใจพวกมันมาก

     แต่คนหนึ่งที่ผมรู้สึกต่างจากคนอื่นคือ ไอ้คราม ครามเป็นคนที่ชอบใส่ใจคนรอบข้าง เอาใจใส่ทุกรายละเอียด ขนาดเสื้อของผมมีรอยยับนิดเดียวมันยังทัก ผมรู้สึกว่ามันเป็นคนดี ไม่รู้ว่ามันดีแบบนี้กับคนอื่นภายนอกด้วยรึเปล่า

     “เหนือตอนเช้าได้ทานข้าวปะเนี่ย เดินดูเพลียๆ”

     “ไม่อะ ไว้ทานตอนเที่ยงรอบเดียว”

     “อดข้าวอีกแล้วนะ ผอมแล้วผอมอีก” วันนี้มีผมกับครามมาเรียนด้วยกันสองคนเพราะเพื่อนคนอื่นเมาค้างทำให้ขาดเรียนเกือบหมดกลุ่ม ที่ผมมาเรียนได้เพราะพ่อไม่อนุญาตให้ผมไปดื่มกับเพื่อน

     “ก็เดี๋ยวจะสาย ว่าแต่นายนี่ยังมาเรียนไหวอยู่นะ”

     “แค่นี้จิ้บๆ ” มันยกมือขึ้นทำท่าจีบ และขยิบตามาให้ผม ถ้าเป็นคนอื่นทำท่านี้ผมว่าพังแต่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่ชื่อครามไง ทำอะไรออกมาก็ดูดี ครามถือว่าเป็นคนที่ฮอตที่สุดในกลุ่มเลยก็ว่าได้ แต่ผมไม่เคยเห็นมันคบใครเลยสักคน เคยมีเพื่อนในกลุ่มถามมัน มันก็ตอบว่าจะไม่คบใครมั่ว ถ้าจะคบกับใครสักคนต้องเป็นคนที่รักจริงๆ เพอร์เฟคไปอีกพ่อคุณ

     “นินทาเราอยู่ปะเนี่ย”

     “เปล่า”

     “แต่แววตานายมันฟ้อง” และเรื่องแปลกอีกอย่างคือ ผมกับมันจะพูดแทนกันฉันนาย ฉันนาย แต่เพื่อนคนอื่นก็พูดมึงกูปกติ เพราะมันไม่พูดหยาบกับผม ผมเลยไม่พูดหยาบกับมัน แค่นั้น

     “จริง? ”

     “ล้อเล่น ฮ่าๆ นายนี่หลอกง่ายดีจัง”

     “ไม่ตลกเลย ไปซื้อข้าวให้ด้วยเดี๋ยวจองโต๊ะให้”

     “ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำตก ลูกชิ้นหมู ไม่เครื่องใน ไม่ผัก ไม่เผ็ด พริกปลายซ้อน น้ำตาลครึ่งซ้อน น้ำปลาสามหยด โรยหน้าด้วยถั่วงอกนิดหน่อย ถ้ามีถั่วป่นให้ใส่ถั่วป่นด้วย ใช่ปะ”

     “แสนรู้มากเจ้าคราม” ครามเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมรู้ว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ผมจะทานข้าวในวันที่เรียนหนักๆ เพราะต้องการพลังงาน และทานก๋วยเตี๋ยวในวันที่เรียนน้อย ขนาดผมยังไม่ได้บอกว่าจะทานอะไรแต่อีกฝ่ายก็รู้หมดแล้ว นิสัยที่ใส่ใจรอบข้างของมันนี่มีประโยชน์จริงๆ ถ้าใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคดีมากแน่

     “โฮ่งๆ ”

     “กวนตีน รีบไปเดี๋ยวคนเยอะ”

     “ค้าบ คุณชาย” มันยีหัวผมจนฟูก่อนจะวิ่งออกไป ผมชูนิ้วกลางให้มันอีกรอบแต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะคิกคัก คิดว่าตัวสูงกว่าผมแล้วจะทำไรก็ได้รึไง

     ‘แกคู่จิ้นครามเหนือแหละ’

     ‘แกว่าเขาเป็นคู่จริงมะ’

     ‘มองจากดาวพลูโตก็รู้ปะชัดเจนขนาดนี้’

     เสียงซุบซิบดังอยู่ใกล้ๆ ปัญหาในมหาลัยของผมตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเรียนไม่ใช่เรื่องเพื่อน แต่เป็นเรื่องคู่จิ้นเนี่ยแหละ ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตนไหนดลบันดานให้ผมกับไอ้ครามจิ้นกันได้ ผมหยิบสมอลทอร์คเสียบเข้ากับโทรศัพท์และเปิดเพลงฟังเพื่อกลบเสียงรอบข้าง เพื่อนก็มีตั้งหลายคนทำไมต้องมาจิ้บผมกับไอ้หมาครามด้วย

     พอจะเข้าโซเซียลหน้าฟีดก็เต็มไปด้วย #ครามขึ้นเหนือ ทั้งนิยาย ทั้งรูปแอบถ่ายจนผมคิดว่าชีวิตผมไม่ปลอดภัยแล้ว เหมือนดาราดังในทีวีที่ไปไหนก็มีแต่คนถ่ายรูป แต่เหมือนว่าจะมีแค่ผมที่เดือดร้อน เพราะครามยังดูชิลๆ กับการใช้ชีวิต ตลกปะ จากชีวิตเด็กไทป์ธรรมดากลายเป็นที่สนใจเพราะมีเพื่อนดัง ชีวิตพลิกผันเหมือนกันนางซินในนิทานไม่มีผิด

     “อ้ะ ได้แล้วครับคุณชาย”

     “ไปนาน นึกว่าโดนลากไปแล้ว”

     “คิดถึงเหรอ”

     “ขนลุก” ผมเก็บสายสมอลทอร์คและโทรศัพท์ใส่กระเป๋าไว้เหมือนเดิม ครามแค่ยักคิ้วกวนประสาทผมเท่านั้น ผมคิดว่าประโยคเมื่อกี้สาวข้างๆ คงเก็บไปจิ้นไหนถึงไหนกันแล้ว

     “เฮ้ รีบทานไปไหนเดี๋ยวก็ติดคอหรอก”

     “แค่กๆ ”

     “พูดยังไม่ทันขาดคำ” คงเพราะผมรีบทานมากเกินไปเลยทำให้สำลัก ใครจะอยากอยู่กับบรรยากาศกดดันแบบนี้ ในตอนแรกจะรีบทานแล้วรีบแยกกับคราม กลายเป็นว่าช้ากว่าเดิม ครามหยิบทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าตัวเองและซับที่มุมปากผมให้ เสียงซูดปากของเหล่าสาววายข้างๆ ทำให้ผมรู้สึกขนลุก ถ้าครามทำมากกว่านี้พวกสาวๆ ไม่เลือดกำเดาไหลพุ่งจนหมดตัวเลยรึไง

     “พอ นายไม่ต้องยุ่งกับฉันมากหรอก ทานของตัวเองไป” ผมกะจะปัดมือมันออกแต่อีกฝ่ายกลับกุมมือผมเอาไว้

     ‘กรี๊ดดดด แก๊เห็นแบบที่ฉันเห็นปะ’

     ‘ชัดเต็มสองตาเลยจ้า แบบนี้ต้องลงทวิต’

     ‘ครามจะขึ้นเหนือแล้ววว’

     บ้าบอ ผมสะบัดมือมันออกและลุกเอาถ้วยก๋วยเตี๋ยวไปทิ้ง ไม่ทงไม่ทานมันแล้ว จะอ้วก ตอนแรกผมคิดว่าครามคงทานข้าวต่อแต่ที่ไหนได้มันกลับเดินตามผมมาด้วย

     “รอก่อนเหนือ”

     “ว่ามา”

     “ซื้อขนมก่อน”

     “เป็นเด็กรึไงถึงให้รอ”

     “แปปเดียวๆ ” ผมยืนรอมันหน้าเซเว่นในม. ครามรีบวิ่งเข้าใช้เวลาสักกลับมาพร้อมกับขนมถุงใหญ่ๆ มันยื่นมาให้ผมพร้อมบอกว่า “อ้ะ เห็นทานข้าวนิดเดียวกลัวไม่โต ทานขนมกับนมเยอะๆ นะ” โชคดีตรงนี้คนไม่เยอะเท่าที่โรงอาหาร ไม่งั้นฉากนี้คงกลายเป็นฉากในตำนานในฟิคนิยายแน่ๆ ถามว่าผมรู้ได้ยังไงว่ามีเรื่องพวกนี้ เพราะผมก็เล่นโซเซียลไงล่ะ แถมผมเป็นพวกชอบล่มเรือซะด้วย แต่ยิ่งล่มเรือยิ่งผุดมาเยอะกว่าเดิม

     ผมก็อยากจะสร้างแฮชแท็กของตัวเองเหมือนกัน #เหนือปวดหัวไม่อยากมีผัวนะครับ

     ครามเดินมาส่งผมจนถึงป้ายรถเมล์และรอจนผมขึ้นรถเมล์มันถึงจะยอมเดินกลับ เป็นคนที่ชอบดูแลคนอื่นจริงๆ เลย ผมอยากจะประกาศให้คนอื่นรู้ถึงคุณงามความดีของมันจริงๆ แต่ติดที่ว่าถ้าผมทำแบบนั้น #ครามขึ้นเหนือ ได้ขึ้นเทรนโลกแน่ๆ

     ผมกลับมาถึงบ้านก็เปิดทวิตขึ้นมาเล่นเหมือนทุกที ทวิตของผมก็ไม่มีอะไรมากนอกจากไอ้กั้งกับไอ้เอ็มทวิตด่ากัน แล้วก็ทวิตดราม่าตัดพ้อชีวิตรักของไอ้เมือง ผู้ชายที่เข้ามหาลัยมาอกหักไปแล้วแปดแสนล้านครั้งได้ และที่เยอะไม่ต่างจากเพื่อนเลยคือทวิตที่ไอ้นาย์ด รีมา #ครามขึ้นเหนือ กลัวผมไม่เห็นรึไงถึงรีมาเป็นร้อย เหมือนว่ามันรีทุกอันเวลามีคนทวิตเกี่ยวกับแฮชแท็กนี้

     สิ่งที่ผมไม่พอใจอย่างหนึ่งคือ ทำไมผมต้องเป็นรับ และไอ้ครามต้องเป็นรุกด้วย



คุณดุ๊กอินวันเด้อแล้นดึ @HGIJBs

     ฉันว่าคู่นี้ต้องแอบคบกันแน่ๆ ดูมือที่กุมกัน ดูสายตานั่นสิ แฟนกันเว่ออออ #ครามขึ้นเหนือ



ผมว่าไม่นะ และไม่มีวันเกิดขึ้นด้วย



ครามเหนือเรือผีในสายหมอก @111115lih

     #ครามขึ้นเหนือ แฟนกันต้องดูแลกันปะมีซื้อคงซื้อข้าวให้กันด้วย สามีที่ดี สามีแห่งชาติ สามีของเหนือสุด



อันนี้ผมว่าหนักกว่าอันแรก



สาววายหนึ่งอีเอ @YYYYY0i

     จะมีผู้ชายสักกี่คนที่พกทิชชู่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายชอบทานเลอะ จะมีผู้ชายทสักกี่คนที่ยอมต่อคิวซื้อของที่ชอบ จะมีผู้ชายสักกี่คนที่#$%^&* () _#$%^&* () #$%^&* () #ครามขึ้นเหนือ



พร่ำเพ้อมาก ผมทนอ่านไม่ได้จริงๆ อ่านจบไมเกรนขึ้นแหงๆ



ผู้ใช้ทวิต @kjijbbbb

     สายข่าวบอกมาว่าทั้งกลุ่มไม่มีใครมาเรียนนอกจากเหนือเพราะเมาค้าง แต่ครามไม่อยากให้เหนือเรียนคนเดียวเลยฝืนลุกมาเรียนด้วย จากข่าววงใน #ครามขึ้นเหนือ



วงไหนวะ ผมจะได้ไปถามว่ารู้ได้ไง ผมกดออกจากทวิตก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นเฟซแทน แจ้งเตือนของผมขึ้นเต็มไปหมด ผมขมวดคิ้วและกดเข้าไปดู เอาอีกแล้ว ในเฟซก็ไม่เว้นเหรอวะ ขอพื้นที่ส่วนตัวให้ผมที

KANG KUNG ได้แท็กคุณในโพส

วิภพ พเนจร ได้แท็กคุณในโพส

แคนดี้ มาเฟ้ย ได้แท็กคุณในโพส

ก.ไก่ ไม่มีไข่นะจ๊ะ ได้แท็กคุณในโพส

     เหล่าเพื่อนและใครต่อใครไม่รู้ต่างแท็กผมไปที่โพสของเพจคู่จิ้นของมหาลัย เป็นรูปที่ผมกับครามนั่งทานข้าวด้วยกันพร้อมกับแคปชั่นแสนเลียนน้ำตาไหล ปิดเฟสดีมั้ยวะ ผมกดปิดเน็ตเมื่อเล่นไปก็ไม่มีไรดีขึ้นนอกจากปวดหัวเหมือนเดิม ทนๆ ไปเดี๋ยวเขาก็เลิกจิ้น

     การที่เด็กหน้าตาธรรมดาแบบผมได้รับความสนใจแบบนี้คงต้องขอบคุณกระแสคู่จิ้น ทำให้ผมรู้สึกโด่งดังและมีตัวตน ผมเคยถามครามถึงเรื่องนี้แต่มันกลับบอกทนๆ ไปเถอะ เดี๋ยวเขาก็เลิกจิ้น ปีหน้าก็มีเด็กใหม่เข้ามาเรื่องของพวกเราก็จะกลายเป็นอดีต

     “มาเรียนสายจังเลยนะน้องเหนือ”

     “ใครน้องมึง” ผมโยนกระเป๋าใส่ไอ้กั้ง พอผมเข้ามาในห้องเรียนก็มีแต่เสียงมันเนี่ยแหละ ผมเลิกสนใจและทิ้งตัวลงบนที่ประจำ วันนี้รถติดมากกว่าจะมาถึงม. ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ปกติแค่ 30 นาทีก็ถึงแล้วแท้ๆ

     “ไม่ได้ทานข้าวมาอีกแล้วเหรอ หน้าซีดๆ ” ครามที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมทักขึ้นมา เพราะผมรีบมาเลยไม่ได้ทานข้าวแถมคนบนรถเมล์ก็เยอะเบียดกันไปเบียดกันมาหน้าผมเกือบมืด

     “ใช่ พอดีรีบๆ ”

     “เอาขนมปังไปทานรองท้องก่อนปะ”

     “ขอบใจ” ผมรับขนมปังจากไอ้ครามและแกะกินเหมือนทุกทีแต่สายตาที่พวกเพื่อนมองมามันแปลกๆ “มองหน้ากูมีไร”

     “เปล๊า”

     “พูดมาไอ้เอ็ม”

     “ตอนแรกกูไม่คิดนะ แต่พอคิดแล้วมันก็หยุดคิดไม่ได้”

     “เรื่อง? ”

     “คราม มึงจีบไอ้เหนือเหรอวะ”

     “ตลก” ผมส่ายหัวกับความคิดอกุศลของไอ้เอ็มก่อนจะปาถุงขนมปังใส่หน้ามัน สงสัยถูกอุปทานหมู่ของพวกสาววายลวงไปแน่ๆ

     “เปล่า เพื่อนกัน” เป็นครามที่ตอบบ้าง ผมก็โล่งใจที่มันไม่คิดอะไร แต่ครามยังไม่พูดจบแค่นั้น “ไว้คิดอะไรเกินเพื่อนกูค่อยบอกพวกมึง”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ดูจากอดีตที่หวานชื่นแล้วไม่น่าหน่วงขนาดนี้เลย

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[7] ในรอยร้าว II

“เหนือรอก่อน เดี๋ยวฉันไปส่ง”

     “อ่า” หลังเลิกคลาสเรียนครามก็ไปส่งผมขึ้นรถเมล์มันเป็นแบบนี้ทุกวันจนผมเริ่มชิน

     “เข้าค่ายอาทิตย์หน้า นายไปปะ”

     “คงต้องถามพ่อก่อนแหละ”

     “ทำไมนายต้องถามพ่อก่อนตลอดเลย พ่อนายดุมากเหรอ”

     “ก็ใช่” จะเรียกว่าดุก็ไม่เชิงท่านค่อนข้างเข้มงวดกับผมมาก เวลาไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาตท่านมักจะกักบริเวณผมเอาไว้ แต่พ่อผมไม่เคยตีหรือทำร้ายร่างกายผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว

     “อยากให้นายไปให้ได้นะ พวกเราจะได้ครบแก๊งกันสักที”

     “ไว้จะลองขอพ่อดู”

     “แล้วที่พูดในคลาสเมื่อกี้ พูดเล่นนะอย่าคิดมาก”

     “รู้แล้ว ไม่ได้คิดอะไร”

     “…จริงๆ ก็อยากให้นายคิดนะ”

     “โทษทีรถมาแล้ว เมื่อกี้ว่าไงนะ”

     “ปะ เปล่า ไปเถอะเดี๋ยวไม่มีที่นั่ง”

     “อ่า ถ้าถึงบ้านเดี๋ยวไลน์บอก”

     พอผมกลับมาที่บ้านก็ลองขอพ่อเรื่องที่จะไปเข้าค่ายและผลที่ได้ พ่อไม่ยอมให้ผมไปแบบที่คิดเอาไว้ ผมก็ไม่เสียดายอะไรเพราะชินแล้ว

     ชายล้วน ( 8 )

     NORTH- : คงไม่ได้ไปแล้วอะ

     กั้งไม่ใช่กุ้ง : ม่ายยยยยยยยยยยยยย

     เอ็มฬ้อย : ไอ้ครามล้องไห้แร้ว

     กั้งไม่ใช่กุ้ง : มึงได้ภาษาไทยเกรดไรวะ กุปวดหัวกะมึงแร้วอั้ยเอ้ม

     คุณเมือง : พวกมึงสองตัวก็พอกันเลย

     คุณเมือง : ไม่เป็นไรมึง ไว้โอกาสหน้า

     ซอ.โซ่ : พ่อมึงนี่เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

     NORTH- : เออ

     ก๊อกๆ

     “เหนือลูก”

     “ครับแม่” ผมปิดเน็ตและวางโทรศัพท์ไว้บนเตียง ก่อนจะลุกไปเปิดประตูให้แม่เข้ามาในห้อง

     “เพื่อนลูกมาหาน่ะ”

     “เพื่อน? ใครเหรอครับ”

     “ที่ชื่อคราม”

     “เขามาทำไมเหรอ”

     “ลงไปดูเองสิจ๊ะ” ผมเดินลงไปข้างล่างก็เจอครามนั่งคุยกับพ่อผมอยู่ ครามนั่งหลังตรงและเกร็งไปทั้งตัวมีเหงื่อซึมออกตรงหน้าผากนิดหน่อย ผมอยากจะหัวเราะจริงๆ แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ ที่เขาหายไปจากแชทกลุ่มเพราะมาบ้านผมงั้นเหรอ จะว่าไปก็ไม่มีเพื่อนคนไหนเคยมาบ้านผมเลยนอกจากไอ้โซ่ แต่นานๆ จะมาทีเพราะโซ่รู้จักพ่อผมดีว่าท่านเป็นคนยังไง

     “ผมจะดูแลเหนือเองครับ ไม่เมา ไม่มีอันตรายแน่ๆ แถมค่ายนี้ก็มีอาจารย์ไปด้วยเยอะแยะ ส่วนมากมีแต่เพื่อนในมหาลัยรุ่นพี่ไม่มีคนนอก ถ้าคุณพ่อไม่เชื่อใจผม ในกลุ่มผมก็มีโซ่อยู่ด้วย เขาน่าจะดูแลเหนือได้” ที่แท้ครามมาที่บ้านผมเพื่อขอพ่อให้ผมไปงานค่ายของคณะนี้เอง ปกติไม่เคยมีใครทำแบบนี้เลย

     “มันสำคัญมากเลยเหรอ? ”

     “ครับ มันช่วยกระชับความสัมพันธ์และได้ความรู้ควบคู่มาด้วย ผมได้ยินมาว่าพวกรุ่นพี่จะแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่างๆ ด้วย น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเด็กปีหนึ่ง”

     “คุณคะ เหนือก็เริ่มโตแล้วให้เขามีสังคมของเขาบ้างก็ได้นะคะ” แม่ผมช่วยพูดให้อีกแรงจนพ่อยอมใจอ่อน สุดท้ายผมก็ได้ไปค่ายพร้อมกับทุกคน ยอมรับว่าดีใจอยู่หน่อยๆ

     “ขอบคุณมากนะ”

     “พ่อนายนี่น่ากลัวเป็นบ้า”

     “ธรรมดาแหละ”

     “ไม่เครียดตายเหรอมีพ่อแบบนี้”

     “ก็ไม่ ว่าแต่นายรู้บ้านฉันได้ไง”

     “ถามโซ่มา” ผมเดินมาส่งครามที่หน้าบ้านระหว่างทางก็มีคุยกันบ้างเล็กน้อย ส่วนค่ายจะจัดขึ้นในอาทิตย์หน้า ปีนี้ค่ายของผมถูกจัดขึ้นที่ทะเลพ่อผมเลยไม่ค่อยอยากให้ไปเพราะผมว่ายน้ำไม่เป็นและเห็นข่าวรับน้องโหดในทีวี ท่านกลัวว่าผมจะได้รับอันตราย

     ถึงวันค่าย ครามมารับผมที่หน้าบ้านและคุยกับพ่อผมเรื่องที่จะดูแลผมให้ดี ตอนนี้พ่อผมเริ่มเชื่อในครามไปแล้ว 30%เลยก็ว่าได้ เพราะครามดูน่าเชื่อถือด้วยแหละ

     พอมาถึงทะเลผมก็จ้องมองมันไม่วางตามันสวยกว่าภาพถ่ายซะอีก นั่นเส้นขอบฟ้า มีเปลือกหอยอยู่บนหาดทรายด้วย ใจผมอยากจะลองโดดน้ำเล่นซะตอนนี้แต่เพราะแดดยังร้อนอยู่พวกรุ่นพี่เลยให้เอาของไปเก็บที่ห้องและพักผ่อนรอทำกิจกรรมตอนเย็น

     หลังจากทำกิจกรรมต่างๆ เสร็จพวกรุ่นพี่ก็ปล่อยให้ผมพักผ่อนตามอัธยาศัยได้ ผมเลยเลือกที่จะมานั่งอยู่ริมหาดให้ลมทะเลพัดหน้าเล่น สดชื่นจังไม่เห็นรู้สึกได้กลิ่นเค็มๆ เหมือนที่คนอื่นบอกเลย

     “หน้านายตอนมีความสุขก็ไม่เลวหนิ” ครามเดินมาข้างๆ ผมตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ พอรู้อีกทีเขาก็ลงมานั่งใกล้ผมแล้ว เพื่อนๆ คนอื่นออกไปซื้อของฝากและอาบน้ำกัน ส่วนผมที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้วเลยว่างมาก ส่วนพวกของฝากผมก็ไม่รู้จะซื้ออะไรไปให้พ่อกับแม่ พวกท่านคงไม่อยากได้มันหรอก

     “เหรอ”

     “ฉันอยากเห็นสีหน้าของนายหลายๆ แบบนะ”

     “คราม”

     “หื้ม? ”

     “ทำไมตอนนั้นถึงตั้งชื่อฉันว่าแดนเหนือวะ โคตรลิเก”

     “ไม่ชอบเหรอ? เวลามองนายแล้วรู้สึกสงบดี ได้ฟิลเย็นๆ แผ่ออกมาเหมือนไปเที่ยวภาคเหนือมั้ง นายเคยไปรึเปล่า? ”

     “ไม่เคย”

     “อ่าว แล้วทำไมนายถึงชื่อเหนือล่ะ”

     “พ่อฉันคงอยากให้ฉันเป็นเจ้าคนเหนือคนมั้งเลยตั้งชื่อนี้ หรือไม่ก็มาจากดาวเหนือ”

     “นึกว่าพ่อนายพบรักแม่นายที่ภาคเหนือซะอีก”

     “ไม่หรอก ชีวิตมันไม่ได้โรแมนติกขนาดนั้น พ่อกับแม่ฉันแต่งงานกันเพราะที่บ้านเห็นว่าเหมาะสมกันดี พวกท่านรักกันรึเปล่าฉันก็ยังไม่รู้เลย”

     “ดราม่าปะเนี่ย”

     “ไม่ แล้วทำไมนายถึงชื่อครามเหรอ”

     “พ่อฉันเป็นจิตกรส่วนแม่เปิดร้านเครื่องเขียนแล้ววันนั้นสีหมดพ่อฉันเลยออกไปซื้อ”

     “เอาจริงดิ อย่าบอกว่าพ่อนายซื้อสีน้ำเงินแล้วพบรักกับแม่นาย”

     “ก็ประมาณนั่นแหละ ตอนแรกพ่อจะตั้งชื่อฉันว่าน้ำเงิน หรือไม่ก็ฟ้า แต่แม่บอกว่าชื่อไม่เพราะเอาเป็นชื่อครามดีกว่า”

     “โรแมนติกเป็นบ้า”

     “นิดหนึ่ง”

     “พอได้ยินชื่อนายแล้วฉันนึกถึงท้องฟ้า ท้องฟ้าสีคราม ฟ้าครามงี้ ตอนเจอหน้ากันครั้งแรกที่รับน้องเลยตั้งชื่อนายว่าฟ้าคราม”

     “ฟ้าคราม ฉันชอบชื่อนี้นะ”

     “ทะเลก็สีคราม”

     “ทะลสีครามไม่นานก็เช้า”

     “มุกโคตรแป๊ก ฮ่าๆ ”

     “แต่ฉัน ชอบ ชื่อนายมากจริงๆ ”

     “ทำไม ชื่อฉันเพราะว่างั้น”

     “ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าชอบมาก”

     “นายพูด งงๆ เล่นกัญชาปะ”

     “ไม่มีหรอกกัญชา มีแต่กันและกัน”

     “ตลก”

     “ยิ้มหน่อยงั้น”

     “ขี้เกียจยิ้ม”

     “ขอยิ้มไม่ได้อ่อ”

     “นายทำให้ฉันคิด 18+” ผมหันหน้าไปหามัน ทุกครั้งที่ผมหันไปมักจะสบตากับอีกฝ่ายเสมอเหมือนว่าครามได้จ้องผมเอาไว้ตลอด จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เราคุยกันเยอะขนาดนี้ ปกติเราไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ ส่วนมากก็มีเรื่องทั่วไปเรื่องเรียน

     “พระอาทิตย์จะตกแล้ว ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเคยเห็นพระอาทิตย์ตกทะล”

     “ฮ่าๆ เล่นมุกปะ”

     “ก็มันตกทะเลจริงๆ นายจะขำทำไมเสียบรรยากาศโรแมนติกหมด”

     “อะไรคือความโรแมนติกของนายวะเนี่ย กลิ่นปลาหมึกย่างเหรอ”

     “หุบปากไป”

     “ทำไมเป็นคนที่อินอะไรง่ายๆ จังเลย” ผมไม่อยากหันไปสนใจครามแล้วเพราะสิ่งที่ผมสนใจที่สุดคือพระอาทิตย์ตรงหน้า ผมลุ้นมากว่าเมื่อไหร่มันจะตกลงไปในทะเลจนมิด ผมจ้องมันแทบไม่กะพริบตาจนคนข้างๆ ต้องสะกิด

     “อะไร? ”

     “จะจ้องจนมันตกลับขอบทะเลเลยรึไง”

     “เออดิ อย่ามาชวนคุยได้ปะ ฉันอยากเก็บภาพบรรยากาศนี้ไปนานๆ ” เพราะผมไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนผมจะมาทะเลอีก มันอาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของผมเลยก็ได้

     วันต่อมาพวกเรามีเข้าฐานกันบ้างเล็กน้อย ผมที่ว่ายน้ำไม่เป็นเลยไม่ได้ลงเล่นในฐานที่เกี่ยวกับทะเล และครามคอยดูแลผมอย่างดีตามที่ได้สัญญากับพ่อผมไว้ ผมรู้สึกผิวตัวเองคล้ำขึ้นนิดหน่อยหลังจากที่ตากแดดมาทั้งวัน

     คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ทะเลพวกรุ่นพี่เลยแอบซื้อเหล้าเบียร์มาโดยชวนพวกปีหนึ่งไปดื่มด้วย ส่วนตัวผมนั้นได้แค่นั่งและคุยกับพวกเพื่อนในกลุ่ม และคอยดูแลพวกมันตอนเมา แม้ว่าเพื่อนผมจะยื่นแก้วเหล้าให้แต่ครามมักจะตัดหน้าและยกขึ้นดื่มเองจนหมด

     พวกเพื่อนผมเมาแล้วเรื้อนกันมาก เอ็ม กั้ง โซ่ นายด์เปิดคอนเสิร์ตย่อมๆ ล่อตีนห้องข้าง ส่งเสียงดังจนผมรู้สึกละอายใจแทน ส่วนเมืองกับวิก รายนั้นพอเมาละเพ้อกันถึงสัจธรรมชีวิต เออ แปลกดี ส่วนครามรายนั้นเมาจนล้มลงนอนไปแล้ว ผมเห็นว่าพวกเพื่อนๆ เริ่มใช้การไม่ได้เลยจัดการพยุงครามกลับห้องเอง

     “อยากตากลมเย็นๆ ยังไม่อยากนอน”

     “นายก็เดินดีๆ สิ น้ำเสียงตอนพูดเหมือนไม่เมาแต่ทำไมเดินเซจัง” ผมพาครามมายังห้องพักตัวเอง ห้องพักแต่ละห้องจะจัดแบบ 4 คนต่อหนึ่งห้อง โดยห้องของผมประกอบด้วย คราม วิก โซ่ แต่วิกกับโซ่ยังเมาแล้วรุงรังเลยทิ้งไว้อีกห้องหนึ่ง ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมกับมันสองคน

     ผมเปิดประตูระเบียงและพามันไปนั่งบนพื้นเพื่อที่จะให้มันได้รับลมจากทะเลบ้าง พอตัวมันถึงพื้นก็ทรุดลงกึ่งนั่งกึ่งนอน ผมอยากจะถ่ายคลิปแล้วเอาลงโซเซียลซะมัด ครามสุดหล่อของคณะเมาแล้วโคตรเรื้อน จนผมต้องนั่งลงข้างๆ มันและดึงมันลุกขึ้นกลายเป็นว่ามันพิงตัวผมเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองล้มไปนอน ถ้าได้สติเมื่อไหร่จะบ่นให้หูชา เมาแล้วลำบากคนอื่น

     “ตอนแรกฉันก็พยายามจะไม่คิด.... แต่สุดท้ายฉันก็หยุดคิดไม่ได้เลย”

     “...? ”

     “ทำไมนายน่ารักจังวะ”

     “เมาลมรึไงพูดแปลกๆ ” ผมหัวเราะแห้งๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีล้อเล่นเลยแม้แต่น้อยตอนพูดออกมา จากคนที่ดูเมามากเมื่อกี้ก็เหมือนคนละคน ครามโน้มใบหน้ามาใกล้ผม สถานการณ์นี้ผมไม่รู้จะทำอะไรนอกจากหลับตาลง ริมฝีปากบางเฉียบแนบสัมผัสลงกับริมฝีปากผม มันแค่แตะอยู่แบบนั้นแต่สิ่งที่ทำให้ผมอายคือเสียงหัวใจของเราทั้งสองต่างเต้นแรงไม่แพ้กัน

     จูบแรกของผมกับผู้ชาย

     “น่ารักจริงๆ ด้วยว่ะ”

     “นายเมาแล้วคราม ตั้งสติหน่อยสิ”

     “ถ้าฉันไม่เมา ฉันก็จะพูดประโยคนี้ประโยคเดิม”

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[8] ในรอยร้าว III

หลังกลับจากค่ายผมก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม วันนั้นครามคงเมาหนักมากและไม่น่าจะจำเรื่องที่มันทำกับผมได้ เพราะหลังจากนั้นมันก็ไม่พูดถึงอีกเลย ผมก็ไม่อยากถามซ้ำด้วย แต่ช่วงนี้มันไม่ค่อยเข้ามาคุยกับผมเหมือนเก่าแต่เวลาผมหันไปมองมัน มันก็จ้องผมและรีบหลบตาอย่างมีพิรุธ แปลกคน

     พอจบจากค่ายก็เข้าสู่การเรียนแบบเต็มรูปแบบไม่มีกิจกรรมให้ทำอีก จริงๆ ผมชอบทำกิจกรรมมากกว่าเรียน เพราะผมเรียนไม่เก่งเลยชอบทำกิจกรรมแทน พวกผมกลายเป็นเด็กปีหนึ่งเต็มตัว ผมพยายามปรับตัวให้เรียนตามเพื่อนทันแม้จะมีบางจุดที่ผมไม่เข้าใจผมก็ยังมีเพื่อนช่วย ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งในชีวิต



ตื่อดึ่ง

ชายล้วน ( 8 )

กั้งไม่ใช่กุ้ง : กูขอเปิดหัวข้อสนทนาวันนี้

ซอ.โซ่: ไรวะ

เอ็มฬ้อย : ขอเชิญประทานกั้งเปิดหัวข้อการประชุมได้ครับ

คุณเมือง : กูจะถือว่าไม่เห็นแล้วกันขี้เกียจแก้

เอ็มฬ้อย : ประธาร

เจ้านายคนละชั้ล : เกือบถูกละอีกนิด

กั้งไม่ใช่กุ้ง : โปรดสนใจมาที่ผม

วิกเตอร์ : ลีลา

กั้งไม่ใช่กุ้ง : พวกมึงคิดว่าถ้าเป็นแฟนกับเพื่อนแล้วตอนเลิกกันจะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ปะ

ซอ.โซ่ : ถามแปลกๆ มึงแอบชอบใครในกลุ่มเหรอ ถ้าเป็นกูมึงหยุดเลยนะ

กั้งไม่ใช่กุ้ง : -ได้ส่งโลเคชั่น-

กั้งไม่ใช่กุ้ง : เอาแผนที่ไปเห็นมึงหลงๆ

NORTH- : ไม่เป็นแฟนกันตั้งแรกก็จบแล้วปะ แค่นี้ก็ไม่มีเรื่องให้ปวดหัวละ

เอ็มฬ้อย : และ MVP ก็ลงที่น้องเหนือนะค้าบบบ

เจ้านายด์คนละชั้ล : สมกับเป็นน้องเหนือผู้ชอบล่มเรือ

วิกเตอร์ : ไอ้ครามกระอักเลือดแล้ว

NORTH- : มันเป็นไร? ป่วยเหรอ

คุณเมือง : อะเฮือก อะเฮือก กูก็กระอักตาม เข้าใจดีฟิลนี้

เอ็มฬ้อย : wtf

เอ็มฬ้อย : welcome to friendzone

เจ้านายด์คนละชั้ล : @KRAm

กั้งไม่ใช่กุ้ง : @KRAm

วิกเตอร์ : @KRAm

เอ็มฬ้อย : รู้เรยนะคับว่าหมายถึงอะไร

     ผมขมวดคิ้วและไม่ตอบไลน์กลุ่มอีก พวกเพื่อนผมชอบพูดอะไร งงๆ ผมก็ตอบตามที่ผมคิดไป

     เหตุการณ์มันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวผม ผมเลยไม่รู้ว่าจะตอบยังไงรอวันนั้นมาถึงค่อยคิดก็ยังไม่สาย อีกอย่างมันคงไม่เกิดขึ้นกับผมหรอก เพราะผมมีแต่เพื่อนผู้ชาย ถ้าเกิดขึ้นจริงผมตอบอย่างไม่คิดเลยว่า ได้

     “คนอื่นยังไม่มาอีกเหรอ? ”

     “คงใกล้ละ เข้าไปรอในโรงก่อนปะ”

     “อ่า ก็ได้” วันนี้ผมมีนัดดูหนังกับเพื่อนแต่พอมาถึงโรงก็เจอแต่ครามคนเดียว ก็ไม่แปลกใจพวกนั้นคงเข้ามาใกล้ๆ ฉายแหละ จะว่าไปผมก็ไม่ได้คุยกับมันอีกเลย ตั้งแต่วันนั้น... วันที่จูบกัน เอ่อนั่นแหละ ลืมๆ ไปเถอะ มันไม่ค่อยมองหน้าผมเหมือนเดิม เป็นไรของมันวะ

     “หนาวปะ”

     “นิดหน่อยทนได้”

     ฟึบ มันถอดเสื้อมาคลุมตัวผม เออก็ดีเหมือนกันผมหันไปขอบคุณมันก่อนจะหันไปมองข้างหน้าเหมือนเดิม จนหนังเริ่มฉายพวกเพื่อนผมก็ไม่มาสักที

     “เหนือ”

     “ว่า”

     “พวกนั้นบอกว่าหิวข้าวแล้วแวะทานข้าวกันคงไม่ได้เข้ามาดูแล้ว”

     “อ่าๆ ” ผมพยักหน้าเข้าใจ ก็ปกติพวกนั้นชอบเทนัดอยู่แล้วให้ผมกับครามอยู่ด้วยกันตลอด

     จนหนังจบผมก็เดินออกมาข้างนอก เศร้า โคตรเศร้าผมไม่คิดเลยว่าจะเป็นหนังที่เศร้าแบบนี้ ผมแทบจะห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

     “ร้องไห้เหรอ? ”

     “เปล่าเกือบๆ หนังมันเศร้า”

     “ออกไปเดินเล่นข้างนอกปะ”

     “ก็ได้” ข้างหน้าห้างมีตลาดนัดเปิดท้ายขายของอยู่ ผมก็เดินดูของผ่านๆ เพราะยังไม่มีอะไรที่อยากได้ในตอนนี้แถมเพราะยังเช้าอยู่ร้านที่ขายเลยมีนิดเดียว ถ้าเป็นช่วงเย็นคงมีคนมากขึ้นและร้านเยอะกว่านี้แน่นอน

     “นายจะซื้ออะไรรึเปล่า”

     “อ่า ไม่” ผมเห็นครามหยุดเดินอยู่หน้าร้าน ร้านหนึ่งไม่ยอมขยับไปไหน เขาเอาแต่ยืนจ้องอยู่แบบนั้น มองหนึ่งร้อยเมตรก็รู้ว่ามันอยากได้

     “ชอบต้นไม้? ”

     “ก็ชอบ มันน่ารักดี เล็กๆ บอบบาง น่าดูแล” มันก้มมามองหน้าผมและพูดประโยคนั้นออกมา

     “ชอบก็ซื้อสิ ถ้าไม่ซื้อระวังจะเสียดายทีหลัง”

     “นั่นสิ งั้นซื้อ นายช่วยเลือกหน่อยนะ”

     “อ่าๆ ”

     “นายชอบอันไหน? ” ผมกับครามเดินเข้ามาในร้าน มันหยิบต้นกระบองเพชรที่ชื่อแคคตัสกับต้นไม้หน้าตาประหลาดๆ ที่เหมือนเป็นผลส้มจิ๋วอยู่ด้านบน

     “อันนี้”

     “นายชอบอะไร ฉันก็ชอบตาม” ผมชี้ไปที่ต้นกระบองเพชร ครามพยักหน้าและเดินไปจ่ายตัง ช่วงนี้มันแปลกไปจริงๆ ผมไม่อยากคิดไปเอง พวกเราสองคนเดินมาถึงลานจอดรถของห้างมันกอดประคบประหงมต้นไม้อย่างดีจนผมหมั่นไส้

     “ชอบขนาดนั้นเลย? ”

     “อืม ชอบ ไม่เคยปลูกเลย”

     “ระวังมันตาย”

     “อย่าพูดเป็นลางสิ เขาบอกว่าถ้าปลูกต้นแรกตายต้นหลังๆ ก็จะตายตาม”

     “เพ้อเจ้อ”

     “ไปที่ห้องฉันปะ ช่วยกันปลูก”

     “ต้นไม้ต้นเดียวถึงต้องใช้สองคนปลูกเลยเหรอวะ”

     “กะ ก็ไม่เคยปลูก เห็นบ้านนายต้นไม้เยอะน่าจะรู้ดี”

     “ก็ได้ๆ ” นานทีจะได้ออกจากบ้านรอดึกค่ำๆ ค่อยกลับก็ได้ ให้ครามไปส่งด้วยพ่อผมคงไม่ดุอะไร ผมซ้อนมอไซครามมายังหอพักของมัน จะว่าไปไม่เคยมาหอมันเลยสักครั้ง

     “รกหน่อยนะไม่ว่ากัน”

     “โคตรรก” ผมก้าวเท้าเข้ามาในห้องก็สัมผัสได้ถึงห้องของลูกผู้ชายแท้ๆ เสื้อผ้าที่ใส่ทิ้งไว้กองๆ กัน ไหนจะฝุ่นอีก ผมที่เป็นภูมิแพ้รีบเอามือปิดจมูกแทบไม่ทัน ไอ้ครามมึงจะฆ่ากูทางอ้อมใช่มั้ยเนี่ย

     “เห้ย เป็นไรเนี่ย”

     “แพ้ฝุ่นอะ ไม่ชอบ”

     “เดี๋ยวฉันทำความสะอาดห้องก่อนละกัน นายไปรอข้างนอก”

     “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันช่วย” ถ้าจะให้ครามทำคนเดียวมีหวังไม่ได้ทำไรแน่วันนี้ ผมรีบเก็บกวาดห้องครามให้สะอาดเรียบร้อย เราใช้เวลาจนถึงเย็นพอห้องสะอาดผมก็หมดแรงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของครามอย่างถือวิสาสะ โชคดีที่ดูหนังรอบแรกเลยมีเวลาทำความสะอาดห้องครามเยอะ

     สวบ ฟุบ

     “เหนื่อยรึเปล่า? ”

     “โคตร” ครามนอนลงข้างๆ ผมพอหันไปมองมัน ครามก็ยิ้มจนตาแทบปิดเหนื่อยจะตายอยู่ละยังมายิ้มอยู่ได้ ผมเอามือไปจิ้มที่ระหว่างคิ้วของมัน น่าหมั่นไส้ มันเลื่อนมือมากุมมือผมเอาไว้ทำให้ตัวผมชะงักสักพักร่างสูงตรงหน้าก็เลื่อนใบหน้ามาใกล้ ครั้งที่สองที่ริมฝีปากเราสัมผัสกันแบบนี้ แค่ริมฝีปากแตะกันเท่านั้นแต่ทำไมผมไม่มีแรงขัดขืนเลย ผมกลั้นใจและถามมันออกไปตรงๆ

     “นายเป็นเกย์? ”

     “การที่ฉันรู้สึกดีกับนายมันเรียกว่าเกย์เหรอ? ”

     “เออ ไม่รู้สิ แต่นายทำแบบนี้ทำไม”

     “ฉันก็ไม่รู้ แค่อยากทำ”

     “บ้าบอ”

     “ฉันหยุดไม่ได้ว่ะเหนือ พออยู่ใกล้นายแล้วเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง”

     “นายเพี้ยนไปแล้วรึไง”

     “ฉันรู้สึกแบบนี้กับนายคนเดียว คนเดียวจริงๆ ฉันไม่ได้รู้สึกกับผู้ชายทุกคนบนโลกนี้แต่ฉันรู้สึกกับนายคนเดียว”

     “ครามนายกำลังสับสน”

     “ถ้าความรู้สึกนั่นมันเรียกว่าชอบ ฉันก็คงชอบนาย”

     “ฉันเป็นผู้ชายนะ นายก็รู้”

     “ใช่ฉันรู้ และฉันไม่ได้ชอบนายเพราะนายเป็นผู้ชาย แต่ฉันชอบที่นายเป็นนาย”

     “...”

     “เหนือฉันถามตรงๆ ถ้าตัดเรื่องเพศออก นายรู้สึกยังไงกับฉันวะ”

     “ฉันก็รู้สึกดี”

     “ตอนจูบกันนายรังเกียจรึเปล่า”

     “ไม่’

     “งั้นเรามาลองคุยกันก่อนดีไหม? ”

     “ถ้าพ่อฉันรู้ นายตายแน่” เหมือนทั้งชีวิตผมถูกขังเอาไว้ในกรงและขีดเส้นให้อยู่ในกรอบตลอด แต่ครามพยายามพังกรงนั่นออกและจูงมือผมออกไป ถ้าผมตอบตกลงมันหมายความว่าสักวันหนึ่งพ่อผมต้องเอาผมตายแน่ พ่อไม่มีวันยอมรับเรื่องแบบนี้แน่นอน แต่ใจหนึ่งผมอยากลอง ผมอยากรู้ความรู้สึกว้าวุ่นในใจมันคืออะไร ผมอยากหาคำตอบให้ตัวเอง ผมอยากออกไปนอกกรงบ้าๆ นี่สักที

     “พ่อนายไม่รู้หรอก”

     “…”

     “ถ้านายไม่พูด ถ้าเราเก็บเป็นความลับ” ผมสบตาคราม เหมือนมีแสงสว่างส่องเข้ามาในโลกที่เคยมืดมิดของผม ข้างหน้าคือท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ โลกภายนอกที่กำลังรอให้ผมสำรวจอยู่ ผมลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปล่งเสียงพูดออกมา

     “งั้นลองคุยกันก่อนก็ได้”

     หนึ่งจูบทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยน ผมไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์ในวันนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมไม่สามารถตัดครามออกจากชีวิตผมได้

     เขาคือแฟนคนแรก

    แต่ไม่ตลอดไป

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง..
.

[9] ในรอยร้าว IV


  “เหนือถ้าแต่งงานอยากได้ตรีมงานแต่งสีไรวะ”

     “นายเพ้อหนักละนะคราม” ผมนอนเล่นอยู่บนเตียงครามและหันไปมองอีกฝ่ายที่นั่งเล่นเกมอยู่ตรงโต๊ะคอม วันนี้อาจารย์ยกคลาส ผมยังไม่อยากกลับบ้านเลยมานอนเล่นที่หอพักของคราม พวกเราไม่ได้คบกันแต่ยังคุยๆ กันอยู่ในฐานะที่มากกว่าเพื่อน

     “ฉันจริงจังตอบดีๆ”

     “สีอะไรก็ได้ แต่ต้องมีสีขาวด้วย”

     “โคตรจืด”

     “เขาเรียกว่าบริสุทธิ์เว้ย”

     “หรา” ครามมักจะชอบพูดเรื่องอนาคตในเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันทำให้ผมยิ้มได้และคิดตาม ถ้าในอนาคตนั่นมีเราอยู่แบบนี้ตลอด คงมีความสุขไม่น้อย ผมเริ่มไม่ฟังพ่อและเอาความคิดของตัวเองว่า มีบางครั้งที่ทะเลาะกันแต่ก็ไม่หนักเท่าไหร่ และครอบครัวผมยังไม่รู้ว่าผมกำลังคุยกับคราม



     “แล้วชอบฟังเพลงปะ? ”

     “ก็ฟังได้”

     “ปกติฟังแนวไหนอะ”

     “เก่าๆ ”

     “ลาบานูน อินคา? ”

     “บีโธเฟน”

     “….”

     “ทำไม”

     “ว่าจะร้องให้ฟังตอนแต่งงาน”

     “นายคิดไปขนาดนั้นแล้วเหรอ”

     “ขอแค่ได้คิดก็สุขใจแล้ว”

     “ครามเอาโทรศัพท์มาหน่อย”

     “เอาไปสิ รหัสเป็นวันที่จูบนายครั้งแรกจำได้ปะ” ผมอมยิ้มและใส่รหัสปลดล็อกโทรศัพท์คราม และเข้าไปที่ไลน์ ผมตั้งชื่อไลน์ตัวเองว่าแดนเหนือ เพราะผมก็ตั้งชื่อไลน์ของครามว่าฟ้าคราม ผมรู้สึกชอบชื่อนี้มากเพราะคนที่ตั้งให้คือครามนั่นแหละ

     “แดนเหนือ?”

     “อืม เวลาฉันไลน์ไปนายจะได้ตอบเร็วๆ”

     “แค่ขึ้นว่าชื่อนายฉันก็ตอบแล้วปะ”

     ผมกับครามเราคุยกันแบบนี้เรื่อยๆ จนความสัมพันธ์ขยับมาอยู่ในสถานนะที่เรียกว่าคนรักกัน พ่อผมไม่รู้ไม่มีใครรู้นอกจากลุ่มเพื่อนผม แต่พวกเราก็ยังทำตัวเหมือนเดิม ผมอยากให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือ...

     ตลอดไป

     “เหนือนี้มันหมายความว่าอะไร!” พอผมกลับมาที่บ้านพ่อผมก็เปิดโน๊ตบุ๊คและเข้าไปที่เฟสผม ในเฟสมีข้อความบอกรักของคราม วันครบรอบต่างๆ ที่ผมกับครามตั้งค่าให้เห็นแค่เราสองคน

     “พ่อคือ...”

     “แกคบกับมันเหรอ!!!”

     “พ่อผมขอโทษ คือผม” วินาทีนั้นผมพูดอะไรไม่ออก พ่อผมท่านตะคอกและด่าผมหลายประโยค สารพัดคำด่าที่เกิดมาไม่เคยได้ยินมันออกมาจากปากของพ่อ แม่ก็ห้ามพ่อเอาไว้บอกให้ใจเย็นก่อนแต่เหมือนว่าพ่อผมจะโกรธเกินไปจนสะบัดแม่ผมออก

     “ออกไป มึงออกไป บ้านกูไม่มีลูกผิดเพศ”

     “พ่อ”

     “น่ารังเกียจ!” ผมหันหลังและวิ่งออกจากบ้านไปไม่ฟังเสียงแม่ที่รั้งเอาไว้ ความรักของผมมันผิดมากรึไง ทำไมไม่ยอมฟังที่ผมอธิบายก่อน เหมือนใจผมถูกมีดกรีดเป็นแผลยาวจนแทบกระอักเลือด พ่ออาจโกรธเลยพูดไม่คิดแต่ทุกคำที่พ่อพูดออกมามันได้ฝั่งลึกลงในใจผมไปเรียบร้อยแล้ว โชคดียังมีโทรศัพท์กับกระเป๋าตังอยู่แต่เงินแค่ 150 จะไปไหนได้

     คราม

     ชื่อแรกที่ผมคิดถึง ผมโทรหาครามและเล่าทุกอย่างให้ฟังไม่เกินสิบนาทีครามรีบมารับและพาผมไปที่ห้องตัวเอง เขากอดผมและบอกให้ผมไม่ต้องคิดอะไร ผมอ่อนแอเหลือเกิน ทั้งคืนมีแต่เสียงสะอื้นของผมเท่านั้น

     ครามบอกให้ผมกลับไปที่บ้านและคุยกับพ่อให้เข้าใจ ตอนแรกเขาจะเข้าไปคุยด้วยแต่ผมบอกว่าผมจัดการเองดีกว่า ถ้าครามเข้าไปมีหวังว่าเรื่องได้บานปลายแน่ๆ

     “ยังมีหน้ากลับมาอยู่นะลูกชั่ว ไปอยู่กับมันตั้งหลายวัน”

     “พ่อผมขอโทษ”

     “ไปเลิกกับมัน!”

     “ผมรักคราม”

     “แกไม่รู้สึกอายบ้างเหรอที่พูดคำนี้ออกมา แต่ฉันอายถ้าบ้านอื่นรู้ว่าลูกฉันผิดเพศ ฉันจะเอาหน้าไว้ที่ไหน”

     “พ่อ...”

     “แกจะเลือกฉันหรือมัน ถ้าเลือกมันก็เก็บของออกจากบ้านฉันไปเลย”

     “ฮึก... พ่อ” ผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปนอกจากเรียกชื่อพ่อซ้ำๆ ผมขึ้นไปเก็บของแบบที่พ่อบอก คนอื่นอาจมองว่าผมเนรคุณ แต่ผมทิ้งไม่ครามไม่ได้...เขาคือความสุขที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อนตั้งแต่เกิดมา

     “เหนือลูก ฮึก จะไปจริงๆ เหรอ อยู่บ้านเถอะเดี๋ยวพ่อเขาก็หายโกรธ”

     “พ่อเขาไม่มีวันหายโกรธผมหรอกครับ ถ้าผมยังคบกับครามอยู่”

     “ลูกเลิกกับเขาไม่ได้เหรอ ถือว่าแม่ขอด้วยคน”

     “ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้ค้นพบคำว่าความสุขมาก่อนเลย จนได้เจอคราม ผมขอโทษครับแม่ที่ผมเกิดมาเป็นแบบนี้ ผมไม่อยู่แล้วแม่ดูแลตัวเองดีๆด้วย ผมรักแม่แต่ผมอยู่ที่บ้านไม่ได้จริงๆ” แม่สวมกอดผมเอาไว้และร้องไห้ จะให้อยู่แต่บ้านแบบนี้ตลอดชีวิตไม่เอาหรอก

     ตั้งแต่เกิดมาผมทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่าง ตอนนี้ผมอยากทำตามใจตัวเองดูบ้าง

     ผมบอกรักแม่และเดินออกจากบ้านไปไม่หันหลังกลับมามอง แม่ร้องไห้เรียกตะโกนผมอยู่ด้านหลัง ครั้งที่สองแล้วที่ผมทำให้ท่านร้องไห้และเรียกให้ผมกลับบ้าน ผมกลั้นใจและวิ่งออกไป ขอโทษครับแม่

     “ไม่ดีขึ้นเหรอ? ”

     “อืม นายจะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันจะมาขออยู่ด้วย”

     “เอาสิ แฟนทั้งคน”

     ในตอนนั้นผมเลือกที่จะหนีจากบ้านและอยู่กับคราม แม้ว่าจะลำบากไปบ้างแต่ผมก็มีความสุข ผมหางานพิเศษทำ ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ผมรู้สึกว่าผมโตขึ้นผมสามารถมีชีวิตเองโดยไม่ต้องพึ่งเงินของพ่อทั้งค่าเทอมค่ากินเป็นเงินที่ผมหาเอง มีบางครั้งที่แม่ผมแอบโอนตังมาให้ แต่ผมไม่คิดที่จะแตะมัน ผมอยากให้พ่อเห็นว่าผมโตแล้ว และผมก็มีชีวิตของผม แม้ไม่มีพ่อ ผมก็อยู่ได้ และครามก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตผมพังด้วย ผมไม่ได้ทำงานจนทิ้งเรื่องเรียน การเรียนของผมก็ยังดีอยู่เหมือนเดิม

     “กอดหน่อยสิเหนือ”

     “มาสิ” ครามเป็นผู้ชายที่น่าหมั่นไส้ที่สุดคนหนึ่ง เขามักจะเข้ามากอดมาอ้อนตอนผมกำลังยุ่ง แต่ผมก็ไม่เคยห้ามเขาได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

     “ทำไรอยู่ครับ”

     “เล่นเกม”

     “ติดเกมแล้วนะเรา” ใช่ ผมกำลังติดเกม ผมไม่เคยเล่นเกมมาก่อนเลยจนอายุ 20 เพื่อนผมได้แนะนำให้ผมเล่นเกม จนตอนนี้ผมกำลังจะขึ้นปีสี่ ผมก็ยังเล่นเกมอย่างหนักทุกวัน

     “มันสนุก”

     “แล้วเกมกับฉันอยากเล่นอะไร”

     “ถ้ารู้คำตอบนายอาจหนีไปร้องไห้ก็ได้คราม”

     “เศร้าเลยกู”

     “ตบปาก”

     “ค้าบๆ ” ผมยกมือไปบีบปากคนที่กอดรัดผมอยู่ น่าตีให้ตาย

     “เหนือ”

     “ว่า”

     “อยากแต่งงานตอนไหนเหรอ”

     “อ่า สัก 25 มั้งกำลังดีครึ่ง 50”

     “แล้วระหว่างนั้นอะ”

     “คงอยากคบกับนายไปเรื่อยๆ จน 25”

     “ตอบดี” ครามมักถามผมถึงเรื่องงานแต่งอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าความจริงมันจะริบหรี่ก็ตามแต่ผมก็ชอบจินตนาการตามเขา เวลานั้นผมคงมีความสุขมาก ตัวผมในชุดสีขาวแบบที่ผมเคยเห็นในหนังและยืนมองคนที่รักอยู่ข้างๆ เวลานั้นผมจะรู้สึกยังไงนะ

     “ลุกขึ้นไปดูแลต้นไม้ได้แล้วคราม”

     “รอก่อนไม่ได้เหรอ มันไม่ตายหรอกแค่ให้น้ำช้า”

     “ดูแลดีๆ เหมือนตอนที่ขอปลูกหน่อยสิ” ผมยู่ปากก่อนจะดันครามลุกขึ้น เขาเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อไปรดน้ำต้นไม้ทุกต้นที่ซื้อมา เวลาเห็นอะไรน่ารักหรือน่าสนใจครามมักจะซื้อมันมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ระเบียงเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ครามปลูก

     “โตไวๆ นะลูก”

     “มีเมียเป็นนางไม้รึไง” ผมเลิกเล่นเกมแล้วไปยืนพิงกระจกมองครามที่คุยกับต้นไม้ของเขา ครามมักจะรดน้ำต้นไม้เยอะๆ เพื่อที่จะไม่ต้องรดอีก สุดท้ายมันก็ตาย

     “มีเมียเป็นเหนือจ้า”

     “กวน”

     ชีวิตคนเรามันสั้น ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ผมอยากเก็บเกี่ยวความสุขให้มากๆ อยากกอดผู้ชายคนนี้ทุกวัน อยากอยู่กับผู้ชายคนนี้ตลอดไป จนเราทั้งสองเหลือแค่ชื่อบนโลกนี้ กุมมือกันจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต นั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการ

     “เหนือ”

     “ว่า”

     “ถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้แต่งงานกัน นายจะไปแต่งกับคนอื่นปะ” ผมอมยิ้มและหันไปมองที่มัน ก่อนจะตอบไปด้วยน้ำเสียงกวนๆ

     “แต่งแน่”


ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[10] ในรอยร้าว V


ถ้าเป็นละครชีวิตของผมในตอนนี้คงใกล้ถึงตอนจบแล้ว

     ช่วงใกล้จบชีวิตของผมวุ่นมายมาก ทั้งงานพาร์ทไทม์ทั้งธีสิสจบ แม้จะมีครามและเพื่อนๆ คอยช่วยซัพพอร์ตแต่มันก็ยังวุ่นวายเหมือนเดิม วันนี้ครามมีงานพาร์ทไทม์ต้องทำพวกเราเลยแยกกันกลับส่วนตัวผมนั้นเป็นวันหยุดเลยสามารถกลับมานอนพักที่ห้องได้อย่างสบายใจ

     Rrrrrrrr

     -พ่อ-

     ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หลายปีที่พ่อไม่ติดต่อมาและผมไม่คิดที่จะติดต่อกลับไป ภาพเหตุการณ์ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านมามันยังจำฝังใจ ผมถูกเลี้ยงอยู่ในกรอบตลอด วันหนึ่งผมเลือกที่จะแหกกรอบนั้นออกมา และผมได้เห็นว่าโลกภายนอกมันสวยและงดงามเพียงไหน ผมไม่มีวันที่จะกลับไปอยู่ในกรอบบ้าๆ นั่นอีกเป็นครั้งที่สองแน่

     ผมลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกดรับสายท่าน เหนือนายเข้มแข็งและโตขึ้นมากแล้ว ถ้าท่านจะโทรมาด่าผมอีก ผมก็แค่กดวางสายไปเท่านั้นไม่จำเป็นต้องเก็บไปคิด

     [สวัสดีครับพ่อ]

     [อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกหนีไปไหนนะ]

     [มีอะไรเหรอครับ? ]

     [ลงมาหาฉันที่ข้างล่างหอเดี๋ยวนี้]

     ตื้ด

     พ่อกดวางสายไปแบบรวดเร็ว ผมชั่งใจอยู่นานว่าจะลงไปตามที่ท่านบอกรึเปล่าแต่ผมก็ไม่อยากหนีปัญหาแล้ว ผมไม่สามารถหนีพ่อไปได้ตลอด ผมเลยตัดสินใจที่จะลงไปพบพ่อข้างล่าง พอผมลงไปข้างล่างก็เจอท่านอยู่

     “พาฉันขึ้นไปบนห้อง”

     “ครับ” ผมเดินนำพ่อขึ้นไปภาวนาอยากให้ครามกลับมาเร็วๆ ผมไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนี้คนเดียว แต่อีกใจหนึ่งผมก็ไม่อยากให้ครามกับพ่อเจอกันกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ กลัวพ่อทำร้ายคราม

     “ห้องยังกับรังหนู เหอะ”

     “พ่อมีอะไรเหรอ”

     “แม่แกกำลังป่วยหนัก”

     “แม่รักษาตัวอยู่ที่ไหนครับ” ผมพยายามที่จะรวบรวมสติ ไม่ให้ตัวและเสียงผมสั่น ตอนนี้ผมเป็นห่วงแม่มาก อยากดูแลท่านถึงแม้ว่าผมจะหนีออกจากบ้านมาแต่ผมไม่เคยคิดที่จะสัมพันธ์กับครอบครัว

     “เหอะ ยังจำพ่อแม่ได้อยู่เหรอ”

     “พ่อครับ...”

     “ถ้าอยากไปเยี่ยมแม่ก็เลิกกับมันซะ”

     “พ่อ...”

     “ถ้าทำไม่ได้แกก็ไม่ต้องไปให้แม่เห็นหน้า การที่แม่แกล้มป่วยก็เพราะแกทั้งนั้นลูกเนรคุณ” ผมเอาแต่ปาดน้ำตาทิ้งอยู่แบบนั้นคำพูดถากถางของพ่อก็พูดให้ผมเสียความรู้สึกจนประคองสติตัวเองแถมไม่อยู่

     ผมควรทำยังไงดี

     คราม

     ช่วยผมด้วย

     “พ่อครับผมต้องการเวลา”

     “ฉันให้เวลาแกแค่วันนี้ถ้าอยากเจอหน้าแม่อยู่ก็เก็บของแล้วกลับบ้านซะ ห้ามติดต่อกับมันอีก พวกเพื่อนแกทุกคนก็เลิกคบด้วย”

     “พ่อ...” พ่อให้เวลาผมคิดแค่หนึ่งชั่วโมง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเลือกครอบครัว ผมอยากให้ครามเข้าใจ ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอหน้าครามในฐานะคนรัก ผมมายังไงผมก็กลับอย่างงั้น

     ผมไม่อยากให้ครามต้องร้องไห้เพราะผมเลย แค่ผมร้องคนเดียวก็แย่พอแล้ว ถ้าตอนนั้นผมไม่คบกับคราม ไม่รักครามเรื่องทุกอย่างมันจะจบแบบนี้รึเปล่านะ

     แต่ตอนนี้ผมรักเขาเหลือเกิน

     หลังจากออกจากห้องครามมาพ่อก็พาผมไปเยี่ยมแม่ แม่ของผมป่วยเป็นมะเร็งระยะแรกโชคดีที่ตรวจพบทันก่อน ผมเฝ้าอยู่ข้างแม่ตลอดไม่อยากไปคิดเรื่องครามให้ฟุ้งซ่าน

     หลังจากเรียนจบผมก็หายไปจากชีวิตของทุกคน ครั้งหนึ่งผมเคยมีความสุข เคยมีความรัก ตอนนี้เหลือแค่ตัวของผมคนเดียว ผมหวังว่าอากาศหนาวในต่างประเทศจะช่วยให้ใจของผมมันเยือกเย็นและไร้ความรู้สึกขึ้นบ้าง

     ผมทิ้งความรู้สึกทุกอย่างไว้ที่นู่นทั้งความทรงจำ ทั้งความสุข และกลายเป็นคนใหม่

     ชีวิตแต่ละวันของผมไม่ต่างจากคนตาย ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับครามผมทิ้งมันเอาไว้ในห้องของครามหมดเพราะผมไม่อยากคิดถึงมันอีก พ่อผมคงไม่อยากให้ผมเจอครามและอยากให้ผมตัดครามทิ้งจากชีวิต จึงส่งผมไปอยู่ที่ไกลๆ และการที่พ่อไม่เจอหน้าผม มันคงจะดีขึ้น ไม่ใช่ง่ายๆ เลยที่จะใช้ชีวิตต่อโดยไม่มีคราม ผมอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไงบ้าง

     ก็ตอนนั้นที่เลิกกันผมยังไม่ทันได้อธิบายอะไรให้ครามฟังเลย พอหายมาแบบนี้ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นไงต่อ จะมีแฟนใหม่รึยัง ครามออกจะหน้าตาดีเดี๋ยวก็คงมีคนใหม่มั้ง... ถ้าแฟนใหม่ของครามเขาจะดูแลครามดีรึเปล่า แล้วแฟนใหม่ของครามจะเป็นชายหรือหญิง

     ทุกวันผมเอาแต่คิดเรื่องของครามอยากกลับไปหาคราม

     แต่สุดท้ายก็คือชีวิต ผมใช้ชีวิตคนเดียวจนเข้าใจว่าชีวิตคนเราต้องเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่จมอยู่กับอดีต ผมเลือกที่จะคบคนใหม่ เธอชื่อมิ้น เป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง เธอเป็นเพื่อนร่วมคณะของผม และเธอก็มาเรียนต่อที่เดียวกับผมเราเจอกันด้วยความบังเอิญเพราะผมไม่มีเพื่อน เพราะผมไม่มีใครเธอเริ่มแทรกเข้ามาในชีวิตผมเรื่อยๆ

     เธอเป็นคนดี

     แล้วเราก็คบกัน

     เมื่อก่อนผมเคยสงสัยว่าคนเราสามารถคบใครโดยไม่รักได้รึเปล่า

     วันนี้ผมเข้าใจแล้วว่า มันสามารถทำได้

     “มิ้น”

     “คะ เหนือ? ”

     “อยากกลับไทยรึเปล่าครับ”

     “เหนืออยากกลับเหรอ? ”

     “อืม อยากไปคุยเรื่องของเรากับพ่อแม่มิ้นน่ะ” แม่ของผมล้มป่วยอีกรอบ จากอาการที่ดีมาหลายๆ ปีก็เริ่มกลับมาทรุด หมอบอกว่าแม่ผมอาจมีชีวิตอยู่ต่ออีกไม่นาน... วินาทีนั่นผมต้องกลับไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนผมก็ต้องกลับไปให้ได้

     “พ่อครับนี่มิ้นแฟนผม และผมกำลังจะขอมิ้นแต่งงาน”

     “จริงเหรอเหนือ! ? ”

     “ครับ มิ้นนี่พ่อเรา”

     “สวัสดีค่ะ”

     “ฮ่าๆ ดีดี ลูกรักของพ่อ ทำดีมาก” พ่อผมหัวเราะลั่นและดึงผมไปกอด ตอนนั้นแม้ว่าปากผมจะยิ้มออกมาก็ตามแต่ผมกลับรู้สึกเฉยชาซะจนไม่รู้สึกอะไร

     บางทีผมก็สงสัยว่าผมจะตายไปเมื่อไหร่เพราะร่างตอนนี้ก็เหมือนไม่มีชีวิตเลย

     แม่ของผมบอกว่าอยากเห็นผมแต่งงานมีครอบครัว ตอนนั้นผมไม่ลังเลอีกต่อไปเลยผมขอมิ้นแต่งงานและเธอก็ตกลง แม้ว่าเราจะคบกันไม่นานแต่เธอก็เลือกที่จะฝากชีวิต ฝากทุกอย่างไว้กับผม ผมไม่รู้ปมหลักอะไรของเธอมาก แค่รู้ว่าเธอเป็นคนดี ต้องทำดีด้วยก็เท่านั้น

     ชีวิตผมประกอบด้วยความเศร้า 95% ส่วนอีก 5 % คือความสุขที่ผมเคยได้รับ

     ผมเลิกโทษนู่นโทษนี้และก้าวออกมาจากอดีตและเริ่มต้นใหม่ ผมอยากให้ครามเห็นว่าผมเข้มแข็งแล้วนะ และอีกสามเดือนก็จะถึงงานแต่งของผมแล้ว

     ผมอยากให้เขามา

     ผมอยากให้เขาเห็นกับตาว่าผมเข้มแข็งขึ้นแล้ว

     ส่วนนาย

     คราม

     ลืมผมได้แล้ว เริ่มต้นใหม่สักที

     หลังจากที่กลับไทยมาผมก็ได้ยินข่าวของครามจากพวกเพื่อน ครามยังไม่มีใคร ครามยังรอผม แต่ตอนนี้ผมอยากบอกกับครามว่า ผมกลับมาแล้ว และไม่ต้องรอผมแล้ว โปรดมีความสุขในส่วนของผมด้วย ผมอยากเห็นเขายิ้ม

     แม้ข้างกายเขาจะไม่มีผมแล้วก็ตาม 



------------------------------------------------------------------------------------------

   จบลงไปแล้วกับพาร์ทอดีต พาร์ทอดีตถือเป็นตอนที่ฟิลกู๊ด(?)มากๆของเรื่องเลยก็ว่าได้ พร้อมนะคะ หน่วงไปพร้อมกัน พบกันตอนหน้า
อยากตอบขอบคุณทุกคอมเม้นเลย แม้จะน้อยแต่เราก็ซึ้งใจมากๆ แต่เราตอบไม่เป็น การอัพนิยายต่อๆกันพึ่งทำเป็นในเล้า ขอบคุณมากนะคะ
To be continued!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2019 20:37:24 โดย SHu »

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[11] เลิกรอได้แล้ว


อีก 3 เดือนก่อนงานแต่งเหนือ

     ผมนอนจ้องปฏิทินอยู่ในห้องตัวเอง ตั้งแต่วันนั้นที่ได้คุยกัน จะเรียกว่าเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกันในฐานะแฟนเก่าก็ว่าได้ ผมเป็นฝ่ายที่เลือกจะไม่ตอบกลับไปเอง เพราะผมไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดได้มากกว่านี้แล้ว

     ตอนเขาตอบกลับมาดีใจแทบบ้า แต่พอรู้ความจริงก็อยากลืมๆมันไปให้หมดและคิดว่าการไม่คุยกันเลยคงดีกว่าซะอีก วันนั้นผมจำได้ว่าผมร้องไห้ อ่า ผมร้องไห้หนักมากๆ หนักจนคุมตัวเองแทบไม่อยู่ ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนกับเด็กสามขวบ

     คบกันไปก็ไม่ได้อะไรงั้นเหรอ ?

     แล้วที่ผ่านมามีแค่ผมที่มีความสุขรึไง การที่เราเลิกกันมันดีแล้วจริงๆ งั้นสินะ

     สภาพจิตใจของผมโคตรแย่เลยวันนี้ ผมจึงเลือกที่จะลางานให้คนอื่นไปดูแลร้านแทน ถ้าฝืนไปมีแต่จะทำให้งานพังเปล่าๆ พอนอนอยู่ที่ห้องก็จมอยู่กับความเศร้าอีก คิดจะออกไปข้างนอกก็ไม่รู้ว่าจะออกไปไหน นอกจากบ้านกับร้านชีวิตของผมมันก็มีแค่นี้

     ออกไปเดินเที่ยวข้างนอกก็ได้วะ

     ผมออกมาเดินเล่นข้างนอกเรื่อยๆ บางทีก็ขึ้นรถเมล์บ้าง อยากนั่งไปไกลๆ แบบในซีรีย์เหมือนกันแต่จราจรประเทศไทยไม่อำนวยเท่าไหร่ พอผมเดินลงจากรถเมล์ก็เจอกับป้ายมหาลัยเก่าผม นี่ใจผมลอยมาถึงนี่เลยเหรอ

     เสียงดนตรีรับน้องดังออกมายังข้างนอกมหาลัย ชีวิตเด็กมหาลัยนี้ดีจังเลยน๊าไม่ต้องมาคิดอะไรมาก พอทำงานก็ต้องคิดว่าเงินเดือนนี้ต้องใช้เท่าไหร่ จะอยู่ถึงสิ้นเดือนรึเปล่า ไหนต้องคิดเมนูใหม่เอาใจลูกค้า เหนื่อยกับลูกค้าบางประเภทอีก อยากกลับไปเรียน อยากกลับไปเจอ เหนือ

     “อ่าว...” คนที่ผมกำลังคิดถึงแล้วไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ดันมาอยู่ข้างหน้าผมได้ เหนือนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาลัย เขามาทำอะไรที่นี่ ผมควรวิ่งหนีดีปะ

     เหนือดูโตขึ้นไม่ใช่ร่างกายแต่เป็นภาพรวมด้านนอกจะว่าไงดี เหนือเมื่อก่อนมักจะดูเหมือนเด็กๆ บอบบางน่าทะนุทะนอมไม่ทันคน แต่คนตรงหน้ากับนั่งหลังตรงใบหน้านิ่งเฉยเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอด มีกลิ่นอายของผู้ใหญ่แผ่ออกมา เขาดูห่างไกลกับผมในตอนนี้มากๆ

     “เอ่อ...”

     “ไง”

     “งะ ไง” เสียงอย่าสั่นสิไอ้คราม ผมกำมือและจิกเล็บลงบนฝ่ามือแรงๆ ตอนนี้เหมือนว่าไม่ใช่แค่เสียงที่สั่นทั้งตัวผมก็สั่น แค่เจอหน้าแฟนเก่าเฉยๆ ไม่ได้เข้าห้องปกครองซะหน่อย อยากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วตั้งกระทู้ในพันทิปว่า เจอหน้าแฟนเก่าควรชวนคุยอะไรกันดี เพราะหัวสมองผมตอนนี้มันตันมากๆ

     “ไม่เจอกันนานเลยนะ”

     “ก็ใช่”

     “นายมาทำอะไรที่มหาลัยเหรอ” เหนือเป็นฝ่ายชวนผมคุยก่อน เขาทำท่าทีสบายๆ เหมือนกับเรื่องที่คุยกันในไลน์วันนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนผมนะเหรอเกร็งยิ่งกว่าเจอหน้าพ่อเหนือครั้งแรกซะอีก

     “ผ่านมาเฉยๆ แล้วนาย? ”

     “คิดถึงมหาลัยน่ะ เลยกลับมา”

     “ใจตรงกันเลยเนอะ”

     “แล้วเป็นไงบ้าง”

     “อย่างที่เห็น เรื่อยๆ และยังคิดเรื่องเดิมอยู่”

     “เปลี่ยนเรื่องเถอะ นานๆ จะได้เจอกันทีคุยเรื่องอื่นบ้าง”

     “งั้น ทำไมถึงแต่งงานงั้นเหรอ? ” ผมถามในสิ่งที่อยู่ในใจผมตลอดออกมา ผมเห็นแค่เพียงเสี้ยวหน้าหนึ่งของเหนือที่จ้องมองออกไปทางถนนใหญ่ ผมมักจะมองเหนือจากข้างๆ แบบนี้เสมอ ตั้งแต่ปีหนึ่งที่ผมส่งเหนือกลับบ้านพอรู้ตัวอีกทีผมก็แอบเฝ้ามองใบหน้าด้านข้างของเหนือมาตลอด

     “ให้ทาย”

     “ถูกบังคับ? ”

     “เปล่า ฉันเป็นคนขอพ่อแต่งเอง” จึ๊ก เจ็บไปอีก ดอกแรกแทงเข้าไปที่หัวใจแบบเน้นๆ ผมเอนตัวพิงเสาเอาไว้และเลือกที่จะเก็บความรู้สึกเจ็บไว้ข้างใจ

     “รักเขาแล้วเหรอ”

     “...คราม บางทีความรักไม่ใช่ทุกอย่างหรอกนะ” สำหรับผมความรักมันคือทุกอย่าง ความรักคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตของผมก้าวไปข้างหน้า ความรักคือแรงผลักดันให้ผมเป็นผู้ใหญ่ก่อนคบกับเหนือผมก็เด็กคนหนึ่ง แต่พอรู้จักกับความรัก ผมอยากโตขึ้น ผมอยากดูแลเหนือ อยากเป็นที่พักพิงให้เขาได้ ตั้งใจเรียนให้เก่ง ต้องทำงาน ต้องมีเงิน ต้องทำให้พ่อเหนือยอมรับ ผมคิดงั้นมาตลอด

     “เพราะความเหมาะสม? ”

     “อ่า ก็ใช่” ผมพูดอะไรไม่ออกสักอย่าง เหนือดูนิ่งออกไปต่างจากเดิมจนเหมือนไม่ใช่เหนือคนเกาที่ผมรู้จักเวลาที่ผ่านมาเหนือต้องเจออะไรมาบ้าง เขาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ เขาเลือกที่จะไม่เชื่อและศรัทธาในความรักอีกต่อไป ไม่แปลกที่เขาจะก้าวไปข้างหน้าได้ไวและทิ้งให้เรื่องของเราเป็นอดีต

     “แล้วเจอผู้หญิงคนนั้นได้ไง ตั้งแต่สมัยเรียนเลยรึเปล่า”

     “เปล่าหรอก เจอตอนที่เรียนต่างประเทศ”

     “เขาเป็นคนดีรึเปล่า”

     “เธอเป็นคนดี”

     “...ก็ดี”

     “แคคตัสน่ะ อย่าให้น้ำมันเยอะไป นายน่ะคงรดน้ำมันแค่ตอนเช้าเยอะๆ สินะ”

     “อืม”

     “ยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้”

     “หัวใจก็ดวงเดิมแหละ”

     “หน่วงดีเนอะว่ามั้ย”

     “อยากวิ่งหนีไปไกลๆ เหมือนกัน”

     “สรุปงานแต่งฉัน นายจะมารึเปล่า”

     “ถ้าไม่ไปจะเป็นไรไหม”

     “ฉันอยากให้นายมาน่ะคราม”

     “ให้ฉันช้ำใจตายเหรอเหนือ”

     “นายนี่เหมือนรถเมล์ที่วิ่งไปมาจริงๆ วิ่งวนอยู่ที่เดิมนั่นแหละไม่ยอมออกนอกสาย”

     “เพราะมันเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำหนิ”

     “แต่ฉันเป็นคนบนรถเมล์นะ ถึงแม้ว่ารถแม้จะวนกลับมาที่เดิมแต่คนบนรถเมล์ที่ขึ้นเป็นคนใหม่ตลอด”

     “มันก็มีหนิคนเก่าขึ้นรถเมล์คันเดิม”

     “คราม”

     “…”

     “เลิกรอได้แล้ว”

     “เหนือ....”

     “เขาไปขึ้นรถเมล์สายใหม่แล้ว”

     “เปล่า เขาเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟฟ้าแล้วต่างหาก เขาไม่คิดที่จะขึ้นรถเมล์แล้วด้วยซ้ำ”

     “มาให้ได้ล่ะ...” เหนือหันมาพูดกับผมประโยคสุดท้ายก่อนร่างบางจะเดินขึ้นรถเมล์ไป ภาพเก่ายังซ้อนทับมาเป็นภาพของเหนือที่ผมเคยส่งกลับบ้าน เขากลับไปแล้ว และเขาก็ไม่กลับมาเหมือนอดีต

     เมื่อกี้เขาอยู่ห่างกับผมเพียงแค่หนึ่งเอื้อมมือแท้ๆ แต่ตอนนี้ต่อให้พยายามคว้ามือไปข้างหน้ายังไงก็คว้าไม่ถึง เขาไปไกลแล้ว เขาไม่อยู่แล้ว ตอนนี้มีแค่ผมคนเดียวที่ยังจมอยู่กับอดีตยังไม่ได้ก้าวออกไปไหน

     ต้องให้เขาย้ำอีกสักกี่ทีถึงจะจำได้คราม

     เลิกรอได้แล้ว

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...


[12] ถ้าเธอยังรู้สึก

   อีก 2 เดือนก่อนงานแต่งเหนือ

     ตื่อดึ่ง

ชายล้วน ( 8 )

แดนเหนือ : ชุดที่ไปลองวันนั้นได้แล้วนะ ที่ร้านเขาทักมาบอกเมื่อกี้

เอ็มฬ้อย : แบบนี้กุก้เปนไคไทแล้นได้แล้ว

ซอ.โซ่ : เป็นใครนะ

เอ็มฬ้อย : ไค

ซอ.โซ่ : แล้วใครล่ะ

เอ็มฬ้อย : แม่ค้าบผมมีเพื่อนโง่

กั้งไม่ใช่กุ้ง : มึง

กั้งไม่ใช่กุ้ง : เพื่อนจะแต่งงานทั้งที่ ทำไมเราไม่มีปาร์ตี้สละโสดกันวะ

วิกเตอร์ : ทำงานให้เก่งแบบที่หาเรื่องหยุดงานบ้าง

เจ้านายด์คนละชั้ล : เป็นไงโดนลูกแม่แววดุไปเงียบเลยนะไอ้กั้ง

วิกเตอร์ : แม่กู

วิกเตอร์ : เพื่อนเล่นเจ้านายด์เหรอครับ

ซอ.โซ่ : อุ้ย

เอ็มฬ้อย : อุ้ย

คุณเมือง : แต่กูเห็นด้วยกับกั้งนะ พวกเราก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วย

คุณเมือง : @NORTH- ลองขอพ่อมึงดู

เอ็มฬ้อย : คุณเมืองที่รักผู้หยุดทุกดราม่า

แดนเหนือ : จะไปวันไหนกันล่ะ

ซอ.โซ่ : เนี่ยยยยยยยยยยยย ไอ้เหนือสามารถออกจากบ้านได้แบบไม่ต้องขอพ่อแล้วว้อย

เจ้านายด์คนละชั้ล : ดีใจเหมือนลูกตัวเองเลยสัส

เอ็มฬ้อย : แปลกเหรอเหนือก็ 25 แล้วนะ

กั้งไม่ใช่กุ้ง : เหนือไม่ได้แรดแบบมึงนะ

กั้งไม่ใช่กุ้ง : เสียซิงตั้งแต่ 15 เนี่ย

เอ็มฬ้อย : แล้วเหนือเสียซิงตอนไหนอะ

วิกเตอร์ : ตอนมหาลัย

เจ้านายด์คนละชั้ล : ฉายาไอ้วิกปากหมาลูกแม่แววนี่ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ 

วิกเตอร์ : มึงอะไรกับแม่กูเยอะ

เอ็มฬ้อย : สงสัยอยากเป็นลูกเขยเจ๊แววร้านเสริมสวยท้ายซอย

วิกเตอร์ : ไม่ชอบแดกเพื่อนอะ จบไม่สวย



ใครจะเป็นเศรษฐี (4)

เอ็มฬ้อย : ไอ้วิกแม่งมือวางระเบิดจริงๆ ว่ะ งานหลักคือชงกาแฟ งานรองสร้างความร้าวฉานปะวะ

กั้งไม่ใช่กุ้ง : กูนี่แทบจะกลายเป็นคนกู้ระเบิดละ

เอ็มฬ้อย : กูอยากให้ระเบิดมันแตกเลย

กั้งไม่ใช่กุ้ง : นี่เพื่อนเองเน้อ

กั้งไม่ใช่กุ้ง : กูสงสัย

เอ็มฬ้อย : ว่า

กั้งไม่ใช่กุ้ง : ไอ้ครามยังอยู่ในกลุ่มชายล้วนปะ

วิกเตอร์ : เดือนแล้วไอ้ครามไปเจอเหนือมา

กั้งไม่ใช่กุ้ง : ยังไงๆ ๆ ๆ

วิกเตอร์ : พอกูไปหามันที่ห้อง

เอ็มฬ้อย : รีบเล่าๆ กุตื่นเต้นมากๆ

วิกเตอร์ : มันก็นั่งกอดน้ำยาล้างห้องน้ำอยู่

เอ็มฬ้อย : @กั้งไม่ใช่กุ้ง มึงว่าคนแบบนี้ควรแตะออกจากกลุ่มปะ

กั้งไม่ใช่กุ้ง : อย่า ไอ้วิกมันคือคนที่กุมบัญชีของร้านเราเอาไว้

เอ็มฬ้อย : ลูกแม่แววนี่มัน! //เสียงไอ้นาย

วิกเตอร์ : กูว่าคนที่สมควรโดนน้ำยาล้างห้องน้ำกรอกปากคือพวกมึงสองคนเนี่ย

กั้งไม่ใช่กุ้ง : สรุปมันเป็นไง

วิกเตอร์ : มาถามเอง ตอนนี้มันอยู่ที่ร้าน

เอ็มฬ้อย : @กั้งไม่ใช่กุ้ง มึงว่าแผนปะวะ

วิกเตอร์ : ก็มาดิค้าบ



     “วิกทำงานได้แล้ว เอาแต่เล่นโทรศัพท์” ผมหันไปมองไอ้วิกที่หัวเราะคิกคักกับโทรศัพท์ เป็นบ้ารึไง แถมช่วงนี้ก็ติดโทรศัพท์หนักด้วยเหมือนคุยกับใครอยู่ วันนี้ลูกค้าน้อยพวกเราเลยทำตัวชิลได้ ที่จริงผมอยากให้ลูกค้าเยอะกว่านี้นะ จะได้รวยๆ สักที

     “เออโทษทีๆ มัวคุยกับพวกไอ้เอ็มกับไอ้กั้งเพลินไปหน่อย”

     “ไม่เป็นไร เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นึกว่าแอบคุยกับสาวอยู่”

     “เพ้อเจ้อ!!! สาวที่ไหนไม่มี๊ ไอ้กั้งชวนไปดื่ม ไปปะ”

     “ทำไมมึงดูร้อนตัวแปลกๆ แล้วไปดื่มในโอกาสไรวะ”

     “ปาร์ตี้สละโสด”

     “ทำไมมึงทำเหมือนว่ากูไม่รู้สึกอะไรแล้ววะ”

     “ฮาย เพื่อนๆ ”

     “วันนี้ไม่ใช่เวรมึงหนิไอ้กั้ง”

     “กูมาร้านไม่ได้เหรอคราม”

     “ก็เปล่า” ผมยักไหล่ให้มัน ปกติพวกเพื่อนผมเป็นคนขี้เกียจถ้าไม่ใช่เวรมันก็จะไม่มาเฝ้าร้าน ส่วนไอ้วิกจะทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ยอมใจในความขยัน

     “มึงเป็นไงบ้างวะ”

     “เชี่ย ไอ้เอ็ม” แปลกพอๆ กับไอ้กั้งก็ไอ้เอ็มเนี่ยแหละ วันนี้ลูกค้าก็น้อยไม่น่าเชื่อว่าพวกมันจะมาครบองค์ประชุมกันได้

     “กูไม่ใช่ผี”

     “ตกใจ เจอพวกมึง”

     “พวกกูมาช่วยปิดร้านจะได้เสร็จไวๆ ”

     “อ่า”

     “มึงไปดื่มปะคราม”

     “ไม่อะ” ผมหันไปตอบไอ้เอ็มคำตอบเดียวที่ได้ให้ไว้กับไอ้วิกเมื่อกี้ พอเอ็มถามจบไอ้กั้งก็ถามต่อ ผมว่าที่มันมาร้านเพราะอยากถามเรื่องผมมากกว่า

     “ไอ้วิกบอกกับพวกกูว่ามึงไปเจอเหนือมา”

     “เจอเดือนที่แล้ว”

     “เนี่ยแล้วไม่บอกเพื่อนบอกฝูงบอกแต่ไอ้วิก เจอกันแล้วเป็นไงบ้างเคลียร์ปะ”

     “เขาบอกให้กูเลิกรอ”

     “จบ”

     “เออจบจริง”

     “คราม เหนือมันก็ชัดเจนขนาดนั้นแล้วมึงก็ทำใจเถอะ”

     “พวกมึง กูไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงดีว่ะ” ผมเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พวกเพื่อนฟังถึงแม้ว่าพวกมันจะช่วยอะไรผมไม่ได้มากแต่ก็สบายใจขึ้นเยอะตอนได้ระบายออกมา

     “ตอนนี้เขาไม่ใช่ของมึงแล้วคราม มึงจะยึดติดไปทำไม เขาชัดเจนในส่วนของเขาไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่มึงที่ยังรอ ก็แบบที่เหนือบอกมึงอะ เลิกรอแล้วเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว ถ้ากูหน้าแบบมึงไม่โสดให้สาวๆ เสียดายหรอก”

     “เชี่ย กั้งพูดดีใครสิงเพื่อนกู”

     “เออ กูนึกว่าไอ้วิกสอง” ผมหันไปมองกั้ง เป็นครั้งแรกเลยที่มันพูดยาวและมีเหตุผล เชื่อปะต่อให้เพื่อนๆ มีร้อยเหตุผลมาพูดกับผม สุดท้ายแล้วผมก็มีเหตุผลเดียวเลยคือ ยอมทนเจ็บคิดถึงเหนือและไม่ก้าวไปไหน

     “ทำไมมึงรักไอ้เหนือขนาดนั้นวะคราม”

     ทำไมนะเหรอ? ผมคิดตามคำพูดไอ้วิก ไม่รู้สิ ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมผมถึงรักเหนือมากขนาดนั้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเหนือเป็นคนที่มีรอยยิ้มที่เย็นชาที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ เป็นยิ้มแค่ที่ปาก แต่ตาไม่ยิ้มกัน หรือที่คนอื่นเรียกว่าหน้ายิ้มแต่ใจไม่ยิ้มตาม แต่ตอนแรกผมก็มองมันเป็นแค่เพื่อน แค่เท่านั้นจริงๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเริ่มชอบเหนือ ผมจำไม่ได้พอรู้อีกทีผมก็ตัดเขาไม่ออกแล้ว รักมันไร้เหตุผลสิ้นดี

     ถ้าถามว่าทำไมถึงรัก คงเพราะอยากดูแล อยากปกป้องพอได้ยินเรื่องของเหนือแล้วเกิดสงสารขึ้นมาทำไมคนคนหนึ่งถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ผมอยากเห็นเขามีความสุข และสาเหตุของรอยยิ้มนั่นมาจากผม อยากเป็นความสุขของเหนือ

     อ่า จะว่าไปตอนนี้เขาก็กำลังมีความสุข

     โดยไม่มีผม

     “เลิกเศร้าแล้วไปแดกเหล้ากัน”

     ผมค้านแทบตายสุดท้ายก็ถูกพวกเพื่อนๆ ลากคอมา พอผมเข้ามาในร้านเหล้าก็พบกับพวกเพื่อนหน้าเดิมๆ จะว่าไปเราก็ไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแปดคนนานแล้ว ยังจำตอนปีหนึ่ง ตอนที่ดื่มเหล้าตอนรับน้องด้วยกันได้ ตอนที่ผมจูบเหนือครั้งแรก ผมมีสติ แต่ผมแค่แกล้งเมา ตอนนั้นผมไม่อยากยอมรับตัวเองว่าผมกำลังชอบเหนือ ผมกลัวอีกฝ่ายจะเกลียดจึงแกล้งเมาและหลับไปแท้ที่จริงแล้วผมรู้สึกและจำได้ทุกอย่าง

     “เหนือมาจริงด้วยว่ะ” ไอ้กั้งซุบซิบอยู่ข้างหลังผมอย่างมีพิรุธ จริงๆ มันพูดออกมาเลยก็ได้โคตรไม่เนียน คนอื่นรู้หมดละว่าเรากำลังคุยอะไรกันอยู่ ผมนั่งห่างกับเหนือพอประมาณแทบจะไม่เห็นหน้ากันเลยก็ว่าได้ แบบนี้ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย

     “ยังกับหมาขี้แพ้เลยไอ้คราม”

     “เงียบละแดกไป” ผมหันไปมองดุๆ ใส่มันรอบหนึ่ง ตอนนี้ร้านเหล้ากำลังเริ่มเปิด สงสัยมาเช้าไปคนเลยไม่ค่อยเยอะ

     “มึงว่าบรรยากาศมันแปลกๆ ปะ” ไอ้โซ่พูดขึ้นกลางวงจะไม่ให้แปลกได้ไง ก็ผมกับเหนือแทบจะนั่งนิ่งเหมือนมานั่งสมาธิในร้านเหล้าแบบนี้

     “ไอ้กั้งบอกDJเปิดเพลงหน่อยสิ”

     “เออๆ ไอ้กั้งไป” ไอ้กั้งลุกขึ้น ทำให้ข้างๆ ผมมันว่างและทำให้เห็นหน้าเหนือชัดเจนขึ้น มีบางครั้งที่เราสบตากันบ้าง ก็เป็นเหนือเองที่หลบตาไป

♩♪ ส่งมือมาให้ฉัน ลองดูกันอีกครั้ง

ก่อนเธอจะคิด ก่อนจะตัดสินใจ

เธอกำลังสับสน สงบอารมณ์ไว้
♫♬

     “เชี่ย”

     “เชี่ยแล้วไง” พอเพลงดังขึ้น ตอนแรกพวกเพื่อนผมคงอยากได้เพลงมาปิดบรรยากาศมาคุแต่เพลงที่ได้มันแบบ... เออ ถ้าร้องไห้ได้ผมก็อยากร้องเหมือนกันแหละ

หลับตาลืมเหตุผล ให้โลกมีเราแค่สองคน

ถ้าเขาไม่มีตัวตน เราสองคนจะเป็นอย่างไร

ความสุขในวันนั้น จะหลงเหลืออยู่บ้างไหม

ความรู้สึกดี ๆ กับคน คนนี้ยังมีบ้างไหม


     “เดี๋ยวกูไปตามไอ้กั้งก่อนแล้วกัน” ไอ้เอ็มรีบลุกพรวดและวิ่งออกไป ตอนนี้ระยะห่างผมกับเหนืออยู่ใกล้กันกว่าเดิม แค่ผมขยับตัวและเอื้อมมือไปก็ถึงตัวเหนือแล้ว

     “...ถ้าเธอไม่รู้สึก ฉันพร้อมจะเดินจากไป” ผมฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอ และมองไปที่เหนืออย่างสื่อความหมาย เหมือนกับคนรอบข้างไม่มีตัวตนมีแค่ผมกับเหนือแค่สองคนตรงนี้ เขาหันมามองผมด้วยสายตาสั่นระริก ไม่เอาไม่ร้องไห้...

     “แต่ถ้าเธอยังรู้สึกมาเริ่มกันใหม่อีกสักครั้ง…”

     พึบ เหนือลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโต๊ะไป หลังจากท่อนนี้จบDJ ก็เปลี่ยนเพลงใหม่ ผมก้มหน้าลงและมองมือที่กุมเอาไว้ เพื่อนผมเริ่มดื่มกันและยื่นแก้วเหล้ามาให้ผม ไม่รู้ว่าผมดื่มไปกี่แก้วแล้วแต่รู้สึกว่าโลกมันหมุน ใครจะพูดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง อยากดื่มอยากลืม จากตอนแรกก็มีกัน 8 คนพอนานๆ ไปคนนอกก็ชวนผมไปชนแก้วบ้าง จนผมลืมไปเลยว่าเหนือก็อยู่ใกล้ๆ นี้ และไม่รู้ว่าเขากลับมานั่งโต๊ะตั้งแต่ตอนไหน

     “เอ้า!! หมดแก้ว!!!” เพื่อนผมเฮลั่นเมื่อผมยกจนหมดแก้วตอนแรกก็มีผสมโค้กผสมโซดาบ้าง แต่พอนานๆ ไปก็เริ่มดื่มเพียวกัน

     มีบางครั้งที่ผมแลตาไปมองเหนือบ้าง อีกฝ่ายก็ดูสนุกดีและยิ้มออกมาอย่างธรรมชาติ ยิ้มสวยจัง น่ารักว่ะ ทำไมน่ารักแบบนี้

     “เฮ้ย ไอ้ครามตั้งสติก่อนเว้ย”

     “แยกๆ มึงแยกไอ้ครามกับไอ้เหนือออกกันก่อนเดี๋ยวยุ่ง”

     “ครามปล่อยก่อนไอ้เหนือจะหายใจไม่ออกแล้ว” ปล่อย? ปล่อยอะไร พอผมแพ่งสายตาไปมองก็พบว่าหน้าของเหนือซุกไหล่ผมอยู่ อะไรเนี่ย ทำไมอยู่ใกล้กัน ใกล้มากๆ เลย

     "คนใจร้าย ทิ้งกันได้ลงคอ เอิ๊ก"

     “ครามไปแล้วว่ะ กลับเลยปะ”

     "แต่กู กู ก็รัก"

     "พอมึงพอไอ้คราม"

     "รัก..."

     "กลับกันเถอะว่ะ"

     “ม่ายกลับ จายู่ จะอยู่กับเหนือ...ฮึก”

     “แล้วใครจะเอามันกลับ ไอ้เหนือไหวปะ”

     “อ่า ก็ได้อยู่”

     "อยากอยู่กับเหนือตลอดไป...."

     “ไปส่งไอ้ครามก่อนงั้น แล้วเดี๋ยวค่อยแยกกันกลับทีหลัง” ก็บอกว่าไม่กลับไง ผมถูกหิ้วขึ้นรถของใครสักคนไป แอร์เย็นๆ ทำให้หนังตาผมมันหนักขึ้นแต่พอหลับตาลงก็รู้สึกคลื่นไส้อาเจียนอยากอ้วก ไม่ได้เมาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ววะ

     “เหนือมึงไหวปะเนี่ย หน้านิ่งตั้งแต่ออกจากร้านละ”

     “ไม่ๆ กูไหว ไม่ได้ดื่มเยอะเท่าไหร่” เสียงคุ้นๆ จังแต่พยายามนึกยังไงก็ดึกไม่ออก ฟังไม่รู้เรื่องด้วยว่าคุยอะไรกัน

     “กูหมายถึงที่มึงมาเจอครามแบบนี้มึงไหวปะ”

     “อ่า... ก็ไม่ได้แย่”

     “ใจร้ายจังวะ”

     “ถึงกูสองคนจะเลิกกันไปแล้ว แต่กูก็ไม่เคยเลิกรักครามเลยแม้แต่วันเดียว แค่กูกับเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะรักกันได้แล้วเท่านั้น”

     “เท่านั้นจริงๆ เหรอวะ? ”

     “กูทำได้แค่เก็บความรักนั่นเอาไว้ลึกสุดหัวใจ ฮึก... และบอกให้ครามเริ่มต้นใหม่เท่านั้น”

     “พอๆ อย่าร้อง”

     “คืนนี้กูขออยู่เป็นเพื่อนครามได้ไหม ไอ้โซ่”

     “แล้วที่บ้านมึงไม่ว่ารึไง”

     “ถึงกูอยู่กับครามในคืนนี้มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อยู่แล้ว”

     “อืม”

     “เพราะกูไม่สามารถกลับมาเลือกครามได้เหมือนอดีต”

     “...”

     “การแต่งงานของกูมันจะเกิดขึ้นและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”



_____________________________________________________________________

เพลงประกอบ STAMP : ถ้าเธอไม่รู้สึก

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[13] ตัดทิ้ง

 ผมกับไอ้โซ่พยุงครามมายังบ้านของมัน โดยมีวิกไขกุญแจเข้าไปข้างในบ้านให้ ตอนแรกวิกบอกว่าจะทิ้งครามนอนบนโซฟาเนี่ยแหละ แต่ผมค้านให้เขาพาไปส่งที่ห้องนอน

     “ตัวหนักเป็นบ้า ถ้าเกิดไรขึ้นก็โทรหากูได้เสมอนะ”

     “กูไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะโซ่”

     “ก็ห่วง”

     “เออรู้แล้ว กลับได้แล้วพวกมึง”

     “อยู่ด้วยกัน ก็คุยกันให้เคลียร์ด้วย” วิกเอ่ยขึ้นมาเสียงเอื่อยๆ วิกเป็นคนที่ค่อยข้างสนิทกับครามมากกว่าใคร ทุกคำพูดที่มันพูดย่อมสื่อความหมายได้หลายอย่าง พวกเพื่อนคนอื่นเริ่มทยอยกันกลับไปหมดแล้ว เหลือแค่ผมกับวิกและโซ่เท่านั้นที่ยังพอมีสติ

     “ตอนนี้คงคุยไรกันไม่รู้เรื่องแล้วแหละ”

     “กูเคยบอกไอ้ครามให้ไปคุยกับมึงให้จบๆ ไปซะ แต่สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น”

     “อ่า...”

     “ครามมันไม่มีวันตัดใจจากมึงได้ มึงรู้ปะ”

     “กูรู้วิก กูรู้”

     “แล้วมึงจะทำไง”

     “กูคงบอกให้ครามตัดใจต่อไป”

     “คิดว่ามันทำได้? ”

     “...” ไม่ ครามยึดติดมากเกินไป ผมรู้

     “มึงทำได้ไงวะ ให้คนคนหนึ่งเป็นบ้าได้ขนาดนี้”

     “วิก มึงโกรธกูปะ ที่กูทิ้งครามไป”

     “เออ”

     “ไอ้วิกใจเย็นไอ้เหนือมันไม่ได้อยากทิ้งไอ้ครามไปหรอก”

     “โซ่หยุดไม่ต้องพูด”

     “เหตุผลอะไรล่ะ ทำไมไม่บอกครามมันตรงๆ มันรอมึงมาสามปี พอมึงกลับมาก็บอกว่าจะแต่งงานเนี่ยนะ ง่ายไปปะ”

     “กูไม่เคยบอกให้ครามรอ”

     “มึงโคตรใจร้ายเลยว่ะไอ้เหนือ”

     “อืม”

     “ยังไงก็เรื่องของพวกมึง ในเมื่อมึงเลือกที่จะจบก็ทำให้มันกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิมให้ได้ด้วยล่ะ”

     “กูจะทำให้ได้”

     “ทั้งมึงทั้งครามต่างก็เป็นเพื่อน กูไม่อยากเสียเพื่อนคนไหนไปมึงเข้าใจปะเหนือ คืนนี้ทั้งคืนกูยกมันให้กับมึง จัดการให้จบอย่าให้ค้างคาอีก”

     ผมหันไปมองครามที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง พอบ่นเสร็จวิกก็เดินออกจากบ้านไป ส่วนโซ่ตบไหล่ผมสองสามทีก่อนจะเดินออกตามวิก ทิ้งให้ผมอยู่บ้านกับครามสองคน ผมเดินไปหาผ้าเช็ดหน้ากับน้ำเย็นๆ มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ครามเผื่อจะสร่างขึ้นมาบ้าง

     “อื้ม...เย็น ออกไป”

     “ทำไมดื้อแบบนี้นะ” ผมโปะผ้าลงบนตาอีกฝ่ายจะได้ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ไม่คิดว่าครามจะเมาหนักขนาดนี้ ปกติเขาเป็นแบบนี้ใครดูแลเขากัน หรือนอนไปทั้งที่สภาพแบบนี้เลย ทำไมไม่รักตัวเองเลยวะ

     “อยากอ้วก....”

     “อะไรนะครามเดี๋ยวก่อน”

     “อุก อ้วกก”

     “ครามเห้ย” ครามเด้งตัวลุกขึ้นนั่งและอ้วกลงกับพื้นห้อง โชคดีที่ไม่อ้วกลงบนเตียง โชคดีกับผีสิ ผมรีบไปเอาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ครามใหม่หมด

     “คนใจร้าย...”

     “อืม รู้แล้ว”

     “ทำไมถึงทิ้งกันไป”

     “...” ผมเม้มปากตัวเองและนั่งนิ่งไปสักพักครามก็นอนนิ่งคงจะหลับไปแล้ว ผมเลยเก็บถังน้ำกับผ้าเช็ดตัวไปตากข้างนอก ยังปลูกอยู่จริงๆ ด้วยไอ้ต้นแคคตัสบ้าบอนี่ ผมทรุดตัวนั่งลงตรงระเบียงห้องและจ้องมองมันมีบางต้นที่เริ่มตายแล้ว มีบางต้นที่ดูเหมือนซื้อมาใหม่เพราะยังไม่ได้ลงกระถาง

     ทำไมถึงไม่รู้จักเข็ดบ้างนะ เอาแต่เริ่มต้นใหม่ทั้งที่รู้ว่ายังไงมันก็จะจบแบบเดิมแน่ๆ

     ผมหันไปมองครามที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะเดินสำรวจทั่ว ไหนๆ ก็ไม่มีไรทำแล้วก็ขอเดินดูสักหน่อยแล้วกัน อยากรู้ว่าเขาเป็นอยู่ยังไงในช่วงที่ผ่านมา บ้านของครามเป็นบ้านชั้นเดียว มีสองห้องนอน ครามนอนห้องใหญ่ส่วนอีกห้องเอาไว้เก็บของ ห้องน้ำห้องครัวห้องรับแขกมีอย่างละหนึ่ง เป็นบ้านของหนุ่มโสดโดยแท้ สักวันเขาแต่งงานไปเขาคงย้ายออกหรือไปก็ขยายบ้าน เพราะแค่นี้คงอยู่ทั้งครอบครัวไม่ได้ ไม่สิถ้าเขาอยู่กับภรรยาหนึ่งห้องส่วนอีกห้องให้ลูกก็คงได้อยู่แหละ คงเป็นครอบครัวที่อบอุ่นน่าดู ครอบครัวที่ครามเป็นพ่อ

     ครอบครัวของครามคงเป็นครอบครัวที่มีความสุขครอบครัวหนึ่งเพราะครามเป็นคนที่รักใครสักคนแล้วรักจริง ลูกที่เกิดมาคงถูกตามใจ และถูกรักด้วยความรักอันเปี่ยมล้น ผมยิ้มขื่นๆ ให้กับตัวเอง ทำไมผมต้องไปจินตนาการถึงครอบครัวของครามกันนะ ในตอนที่ผมจินตนาการอยู่ภาพคนที่ข้างๆ ครามก็ยังเป็นผม ทั้งที่ความจริงมันไม่สามารถเป็นได้เลย

     บ้าบอ

     ยังเก็บเอาไว้อีกเหรอ ผมเงยหน้าขึ้นมองห่วงดักฝัน ที่ตัวเองเคยทำเอาไว้ในตอนที่คบกันอยู่ ช่วงนั้นมีซีรีย์ที่ฮิตมากๆ เรื่องหนึ่ง แต่ผมก็จำชื่อเรื่องไม่ค่อยได้แล้ว แต่ในเรื่องมีห่วงดักฝันที่เป็นของนางเอก ตอนนั้นผมอยากได้มาก ผมเลยตัดสินใจถักมันขึ้นมาเอง แม้ว่าสภาพมันจะไม่สวยเท่าไหร่แต่ครามก็ขอและเก็บเอาไว้

     ตอนนี้เขาแขวนมันเอาไว้ตรงหน้าประตูบ้าน ไม่เห็นสวยเลยทำไมต้องเอามาไว้ตรงนี้ด้วยนะ อีกอย่างเขาให้เอาไว้ตรงหัวเตียงเวลาหลับจะได้ไม่ฝันร้าย สงสัยครามจะคิดว่าเป็นโมบายห้อยหน้าประตูรสนิยมแย่เป็นบ้า

     บ้านก็ยังรกเหมือนเดิมเลย เมื่อไหร่จะเปลี่ยนไปสักทีนะ ผมตัดสินใจเก็บกวาดบ้านของครามอย่างถือวิสาสะ พอได้ขยับตัวทำอะไรแบบนี้ก็ทำให้หัวโล่งๆ ขึ้นบ้าง ไม่ต้องมาจมอยู่กับเรื่องเดิม ผมอยากหยุดเวลาเอาไว้แค่นี้จริงๆ แหละ ไม่อยากให้ผมเดินไปข้างหน้าเลย

     แกร๊ก ตุบ

     ‘แดนเหนือ’

     ‘ฟ้าคราม’

     “ฮึก....” ผมหยิบของที่หล่นลงไปข้างล่างขึ้นมาดูมันคือป้ายชื่อสมัยที่ผมยังเรียนมหาลัยอยู่ ทำไมถึงชอบเอาขยะมาเก็บไว้กัน เพราะแบบนี้ไงถึงไม่ไปไหนสักที

     ผมเอะใจตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้ว ของทุกอย่างเป็นของที่เราเคยใช้ร่วมกันถึงแม้ว่าจะไม่อยู่หอพักเดิม แต่ของทุกอย่างที่อยู่ในนี้เป็นของเดิมหมด เจ้าบ้า เจ้าบ้าคราม เลิกกันไปตั้งนานแล้วนะเว้ย ผมเก็บของทุกอย่างให้เป็นระเบียบด้วยมือสั่นๆ ไม่โอเคเลยว่ะแบบนี้ ผมฝันอยากให้เขามีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่จมอยู่กับความเศร้า แล้วแบบนี้ผมจะหมดห่วงได้ยังไงกัน ผมเองเป็นคนผิดที่ทำให้เขาต้องทรมาน

     ขอโทษนะคราม

     “เหนือ... ไม่อย่าไป”

     “…”

     “อย่าทิ้งเราไป กลับมา...” ผมเดินเข้ามาในห้องครามนอนตะแคงข้างกอดผ้าห่มเอาไว้แน่นน้ำตาของเขาไหลอาบแก้มและย้อยหยดลงบนผ้าห่มจนชื้น

     เหนือไม่อยู่แล้ว ครามตั้งสติสักทีสิ เหนือเป็นของคนอื่นไปแล้ว

     ไม่ว่ายามตื่นหรือยามฝัน

     เขาก็ร้องคว่ำครวญหาคนเดิมๆ

     ผมเอามือปิดหน้าและร้องไห้ลงข้างเตียงของคราม ทุกคืนผมก็ทรมานไม่ต่างจากเขา คืนแรกที่ต้องห่างกันทั้งเหงา ทั้งเศร้า ทั้งที่นอนคนเดียวมาตั้งแต่เกิดแท้ๆ แต่กลับไม่ชินเมื่อต้องห่างกัน ผมก็ไม่ได้เก่งขึ้นเลย

     ผมแค่คนใจร้ายที่ทิ้งเขาไปเท่านั้น

     “เหนือกลับมาหาครามแล้วเหรอ...” เขาหันมามองผมที่ร้องไห้อยู่ข้างเตียง รอยยิ้มเศร้าๆ ถูกส่งมามันทำให้ผมรู้สึกจุกจนพูดอะไรไม่ออก ไม่อยากเห็นนายยิ้มแบบนี้เลยว่ะคราม

     ผมทิ้งครามไปโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง

     “ทำไมเหนือถึงร้องไห้ ไม่เอานะครับ ไม่ร้องสิคนดี” เขาพยายามเอื้อมมือมาหาผมแต่คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เลยทำให้ตัวเขาอ่อนแรง มือของครามเลยตกลงบนเตียงแค่นั้น

     “จับมือหน่อยได้ไหม แค่จับมือก่อนนอน”

     “...คราม”

     “เพราะมันคือความฝันของเรา เราจะทำอะไรก็ได้ใช่รึเปล่า กอดเราหน่อยนะเหนือ บอกรักเรา แล้วอยู่ข้างๆ เราตลอดไป” มันไม่ใช่ฝันคราม เหนือที่อยู่ตรงหน้านายคือความจริง ผมนั่งนิ่งมองเขาที่พร่ำเพ้ออยู่แบบนั้น แค่ผมหายใจยังทรมานเลย

     “ขนาดในฝันเหนือยังใจร้ายเลย ทำไมไม่ทำตามที่เราขอ” ผมจะถลำลึกลงกว่านี้ไม่ได้เพราะสุดท้ายเองก็เป็นผมที่ตัดใจไม่ลง

     “ถ้าฉันใจร้ายแล้วจะรักทำไม จะรอทำไม” ผมเปิดปากถามครามที่ไม่ได้สติอยู่ ถามคนเมาจะไปรู้เรื่องได้ไง ขนาดตัวผมเป็นๆ นั่งอยู่ตรงนี้เขายังไม่รู้เรื่องเลย

     “เคยรักใครสักคนแล้วให้เขาเป็นแรงผลักดันในการใช้ชีวิตปะ”

     “เคย...”

     “เขาแม่งฉุดกูขึ้นจากความน่าเบื่อ ให้กูออกจากวงเวียนชีวิตเดิมๆ เขามาเติมความสุขมาสร้างความฝัน เขาแม่งอยากให้กูมีชีวิตต่อในวันที่โลกกูกำลังพัง แต่สุดท้ายเขากลับเดินออกไป” ไม่ใช่แค่ครามที่เป็นแบบนั้นคนเดียว เพราะครามก็ได้เดินเข้ามาในชีวิตผมและเปลี่ยนให้มันมีสีสันขึ้น จากโลกที่มีแค่สีเทา เขาเข้ามาเติมสีวาดแต่งเรื่องราวเข้าไป

     ผมทำร้ายเขาทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด

     “ฝากถามเหนือที ทำไมต้องเลิกกันด้วยวะ กลับมาไม่ได้แล้วเหรอ...”

     “คราม...”

     “ฮึก... รู้ปะ ชีวิตแต่ละวันมันทรมานแค่ไหน ตอนนอนก็ไม่ได้กอดแค่เสียงก็ยังไม่ได้ยิน สิ่งที่ทรมานที่สุดคือต้องรู้ชีวิตแต่ละวันของเขาผ่านคนอื่น ทั้งที่เขาควรอยู่ข้างๆ กันแบบนี้”

     “ไม่ใช่แค่นายที่ทรมาน ฉันก็เกือบตายเหมือนกัน กว่าจะผ่านมันได้ฉันก็อยากตาย อยากตายจริงๆ ...” ผมคิดเรื่องที่จะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอดวันละสิบครั้งได้ แต่ผมกลับไม่อยากให้ครามจมอยู่กับความเศร้าตลอดไป ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่เขาคงลืมได้สักวัน แต่ถ้าผมตายลงไป เขาจะจมกับความเศร้าทุกครั้งที่คิดถึงผม เขาจะมีห่วง และผมก็จะไม่มีความสุข

     “ทำไมเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย ฉันไม่เข้าใจ โลกนี้มันโหดร้ายหรือว่าเขาโหดร้ายเอง”

     “นอนหลับเถอะนะ ตอนนี้นายแค่กำลังอยู่กับฝันร้ายพอนายตื่นขึ้นมาต้องมีเรื่องดีๆ แน่”

     “เรื่องที่ดีที่สุดสำหรับฉันคือนาย”

     “...”

     “เหนือ...” ครามนอนนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรอีกเลย คงจะหลับไปแล้วแน่ๆ ผมปาดคาบน้ำตาที่แห้งเกรอะอยู่บนใบหน้าตัวเองและลุกไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ

     นี่มันบททดสอบของพระเจ้ารึไง ในห้องน้ำของครามมีแปรงฟันอยู่สองอัน อีกอันเป็นสีที่ผมชอบคือสีฟ้า ส่วนอีกอันเป็นด้ามสีดำสนิทด้ามโปรดของครามที่นิยมใช้ตั้งแต่สมัยเรียน

     พอกันทีกับความรู้สึกเจ็บแบบนี้

     อย่าดึงผมลงให้จมไปกว่านี้ได้โปรด



     “มึงนอนยัง”

     [อห. เวลาตีสี่ มึงคิดว่ากูนอนรึยังไอ้เหนือ]

     “กูไม่รู้จะทำไงดีว่ะไอ้โซ่” ผมตัดความว้าวุ่นในใจไม่ได้เลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนเพื่อหาคำปรึกษากับเรื่องที่เกิดขึ้น

     [ทำไม ครามมันปล้ำมึงเหรอ]

     “มึงคิดว่าผู้ชายมันทำอะไรกันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

     [เอ้า ก็มึงโทรมาหายกูเวลานี้กูก็คิดได้แค่ไม่กี่เรื่องแหละ]

     “แย่ที่สุด”

     [เออ ด่ากูอีก สรุปมีไร]

     “กูคิดตามที่ไอ้วิกพูดแล้ว กูจะทำได้จริงๆ เหรอวะ เป็นเพื่อนกับครามเนี่ย มึงลองคิดตามกูนะ แบบเราไปเที่ยวกันมีกู แฟนกู แล้วคราม มันจะสนุกปะ คนเราสามารถเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าแบบสนิทใจได้ด้วยเหรอ”

     [เหนือ...]

     [มึงจำคำพูดของมึงได้ปะ ที่บอกว่าสามารถเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ในตอนนั้น]

     “ก็ตอนนั้นกูไม่คิดว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นกับกูหนิ”

     [ตั้งแต่มึงเริ่มคบกับคราม มึงไม่เคยคิดถึงสิ่งที่จะตามมาเลยเหรอวะ]

     “กู...”

     [ตอนนี้ปัญหามันเกิดขึ้นแล้วเว้ย จริงๆ มันเกิดตั้งแต่มึงสองคนแอบคบกันละ มีสองทางเลือก จะตัดมันทิ้งต่างคนต่างอยู่ กูว่าข้อนี้ทำไม่ได้แน่ๆ กับอีกอย่างคือ อึก]

     “ไรวะ พูดต่อดิ”

     [โทษทีคอแห้ง เออ ต่อนะก็แบบที่ไอ้วิกบอกอะ เป็นเพื่อนกันเถอะยังไงก็จบละ อาจเจ็บหน่อยช่วงแรกๆ แต่มึงก็อย่าให้ความหวังมันอีก ตัดทุกทาง]

     “อืมกูเข้าใจแล้ว”

     [ไอ้วิกฝากบอกมา ยังไงมันก็จบแล้วสู้ให้มันจบแบบดี ไม่ดีกว่าเหรอ]

     “อ่า กูวางละนะ”

     [คืนนี้จะนอนบ้านไอ้ครามเหรอ]

     “อืม ว่าจะรอคุยตอนเช้า เพราะคุยตอนนี้คงไม่รู้เรื่อง ครามเอาแต่เพ้อแล้วร้องไห้”

     [กูเห็นนะ ตอนเข้าไปในบ้านตุ๊กตาหมีคุมะที่มึงอยากได้ มันยังเก็บเอาไว้อยู่]

     “…”

     [คนที่จำรายละเอียดเล็กน้อยมึงได้ คนที่ยอมตากฝนไปซื้อยา คนที่ยอมนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ มึงคิดว่าคนแบบนี้จะหาได้ง่ายๆ เหรอวะเหนือ]

     “…”

     [มึงจะตัดคนแบบนี้ทิ้งจริงๆ เหรอ]




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[14] สัญญาที่ไม่เป็นจริง

ปวดหัว

     ความรู้สึกแรกหลังจากที่ตื่นขึ้นมา ปวดเนื้อปวดตัวร้าวทั้งร่าง ผมขยับตัวนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองรอบๆ ห้อง ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนโลกยังไม่แตก ผมยันตัวลุกขึ้นมานั่งตั้งสติสักพักระลึกถึงเรื่องเมื่อคืนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และกลับมาที่ห้องได้ยังไง ปกติพวกเพื่อนผมมาส่งผมมักจะนอนอยู่ที่โซฟา แต่นี่ผมนอนอยู่บนเตียง ชุดใหม่ หรือว่าผมเมาถึงขั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง ก็ไม่น่าใช่อีก

     ผมสะบัดหัวตัวเองสองสามทีก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ และออกมาหาไรทานง่ายๆ พอหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้จะบ่ายโมงแล้ว

     เมื่อคืนผมฝัน ฝันว่าได้เจอกับเหนือ มันเป็นความรู้สึกที่สมจริงมาก เขาอยู่ใกล้ผม ผมกอดเขาและนอนหลับไป ดีใจที่ได้กอดเขา แต่เสียใจที่มันเป็นความฝัน

     แกร๊ก

     “อ่าว ตื่นแล้วเหรอ”

     “...” เชี่ย ผมตะโกนเชี่ยในใจดังๆ เหนือเปิดประตูเข้ามาในห้องผม ในขณะที่ผมกำลังแต่งตัวอยู่ อย่าบอกว่าเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน ตอนที่ผมเพ้อถึงเหนือ ตอนที่ผมขอกอด อย่าบอกสิ่งที่เกิดขึ้นและคนตรงหน้าคือเหนือจริงๆ

‘ขอกอดนะครับ...’

‘ครามอย่า นายเมาแล้วควรนอน’

‘กอดผมหน่อยได้โปรด’

 พระเจ้า

     “ข้างนอกมีข้าวต้มอยู่นะ”

     “อ่า” เข้าใจคำว่าทำตัวไม่ถูกปะ ผมมองตัวเองผ่านกระจกสภาพตัวเองแย่มาก ทั้งขอบตาดำ ทั้งโทรมตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่ได้ดูแลตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ ไหนจะไรหนวดอ่อนๆ นี่อีก ผมเข้าไปห้องน้ำอีกรอบก่อนจะจัดการตัวเองให้เรียบร้อย และออกมาข้างนอก เหนือนั่งทานข้าวอยู่ ส่วนผมค่อยๆ เดินเข้าไปมาและนั่งตรงข้ามเขา เหนือทำตัวปกติเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาคิดว่าผมจำไม่ได้รึไง เขาทำตัวเหมือนตอนที่เราจูบกันครั้งแรก ไม่ร้อนเนื้อร้อนตัวต่างกับผมนี่ร้อนรนเหมือนโดนไฟเผา เมื่อคืนเรากอดกัน เราจูบ... เราสัมผัสร่างกายกัน ฉันสะบัดหน้าลบภาพเมื่อคืนทิ้ง มันไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง

     ควรทำไงดีวะ

     ตลอดระยะเวลาทานข้าวเหนือไม่ได้พูดอะไรกับผมเลยมีแต่ความเงียบ ผมไม่ได้รับรู้รสชาติของอาหารที่ทานไปเลยแม้แต่น้อย

     “ทำเองเหรอ? ”

     "เปล่าซื้อมา”

     “เอามานี่สิ” ผมเห็นว่าเหนือเขี่ยๆ ต้มหอมออกเลยอาสาตักมาใส่จานตัวเอง เพราะเลือกกินแบบนี้ไงเลยไม่โตสักที

     “กินได้” เหนือตักต้นหอมทั้งหมดใส่ปากตัวเองและเคี้ยวๆกลืนอย่างยากลำบาก ผมมองเขาที่พยายามทานต้นหอมให้หมด เหนือเคยบอกว่าไม่ชอบกลิ่นและรสสัมผัสของมันเลยไม่ชอบกิน อะไรที่เขาชอบ อะไรที่เขาไม่ชอบ ผมจำได้หมดแหละ เพราะเขาคือคนสำคัญ

     “เมื่อก่อนเห็นไม่ชอบ...”

     “แต่ตอนนี้พอทานได้แล้ว”

     “งั้นเหรอ เก่งจังนะ”

     “ทานข้าวเสร็จแล้วฉันมีไรอยากจะพูดกับนาย”

     “ว่ามาตอนนี้เลยสิ”

     “อ่า ก็ได้ นายโกรธฉันไหม ที่บอกเลิกไปตอนนั้นและไม่ได้อธิบายอะไรให้นายฟังเลย”

     “ก็โกรธ เสียใจมาก ก็พอเข้าใจแหละแต่ยังตัดใจไม่ได้สักที”

     “ฉันขอโทษ”

     “ช่วยเล่าให้ฉันฟังได้รึเปล่า และขอเหตุผลด้วยว่าทำไม”

     “อืม... ได้สิ”

     “...” ผมเงียบและเงยหน้าจ้องมองคนตรงหน้า เหนือนั่งหลังตรงและมีแววตาที่นิ่งเฉย เหมือนกับว่าการที่คิดถึงอดีตที่ผ่านมาไม่เจ็บปวดเลย ต่างกับผมที่นั่งงอไหล่ตัวลีบเพราะกลัวความจริง

     “แม่ฉันป่วย พ่อฉันบอกว่าถ้าอยากเจอแม่ให้เลิกกับนายซะ”

     “แบบนี้เองงั้นเหรอ...”

     “อืม ตอนนั้นฉัน... เลือกไม่ได้จริงๆ ”

     “ก็ดีแล้ว ถ้าหากว่านายเลือกฉัน แล้วแม่นายเป็นอะไรไป ฉันคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่ๆ ”

     “แม่ฉันป่วย ฉันเป็นลูกที่ไม่ดีเองที่ไม่ได้ดูแลท่าน ทำให้ท่านคิดมาก”

     “มันไม่ใช่ความผิดของนายเลยเหนือ ฉันเองที่รั้งนายเอาไว้ตลอด”

     “ฉันไม่เคยไม่รักนายเลย ฉันไม่ได้อยากทิ้งนายไป ฉันขอโทษ มาพูดตอนนี้คงสายเกินไปแล้ว”

     “ตอนนี้ นายยังรักฉันอยู่รึเปล่า เหนือ? ”

     “... อืม” เหนือยิ้มขื่นๆ มาให้ผมและปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง รู้สิ ผมรู้ว่าเขารักผม งั้นเมื่อคืนเขาไม่นอนกอดผมหรอก

     “ฉันก็รักนาย”

     “...” เขาไม่ตอบกลับมา เราต่างเงียบและนั่งจ้องหน้ากันโดยมีโต๊ะอาหารเล็กๆ กั้นอยู่ รักกันอยู่แล้วทำไงได้ ยังไงเขาก็ต้องเป็นของคนอื่น รักที่เป็นไปไม่ได้

     “แล้วทำไมถึงไปแต่งงานกับคนอื่นได้ล่ะ”

     “แม่ฉันท่านคงอยู่อีกไม่นานแล้ว... ฉันเลย ตัดสินใจไปแบบนั้น”

     “นายเป็นลูกที่ดีจริงๆ” ผมพอจะปะติดปะต่ออะไรได้แล้ว ที่เหนือบอกว่าไม่ได้รักเธอแต่ต้องแต่งงานด้วย สาเหตุของงานแต่ง สาเหตุของการเลิกรา สาเหตุของทุกอย่างมันมีเหตุผลของมันอยู่ แต่มันยากที่จะยอมรับมัน

      “แคคตัสน่ะอย่าให้น้ำมันเยอะ เดี๋ยวมันจะตายเอา” เหนือแลตามองแคคตัสตรงโต๊ะอาหาร ผมปลูกมันไว้รอบๆ บ้าน เพราะเวลามองมันแล้วทำให้คิดถึงเวลาปลูกกับเหนือ

     “ว่าจะเลิกปลูกแล้ว”

     “...”

     “นายพูดเหมือนว่านายรู้วิธีปลูกมันดี ทั้งที่นายไม่รู้อะไรเลย แคคตัสน่ะ เขาบอกให้น้ำมันสามวันครั้งไม่ได้ให้ทุกวัน”

     “นั่นสิ ฉันนี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ”

     “ฉันก็รู้มาตลอดเหมือนกัน แต่ฉันก็เลือกที่จะเชื่อนาย”

     “ทำไมถึงเชื่อฉันล่ะ เพราะงั้นไงมันถึงตาย”

     “ถึงจะตายก็ช่าง แต่ถ้าเป็นนายฉันยอม”

     “เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ฉันคงต้องกลับบ้านก่อนนะ”

     “คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่ไหม? ”

     “การที่ฉันกลับมามันทำให้นายทรมานรึเปล่าคราม”

     “เจียนตายเลยแหละ”

     “การที่ไม่มีฉันในชีวิตนายมันดีรึเปล่า”

     “ไม่เลย ฉันอยากให้นายอยู่ในชีวิตฉัน”

     “มันเป็นไปไม่ได้แล้วไง ถ้านายไม่โอเคที่จะมองหน้าฉันในฐานะเพื่อน ฉันจะหายไปจากชีวิตนายเอง”

     “...” ผมเม้มปากตัวเองแน่นและผลุบตามองมือที่กำเอาไว้ใต้โต๊ะ “เป็นเพื่อนกันก็ได้ ไม่ทรมานเท่าไหร่หรอก” สุดท้ายผมเลือกที่อยากให้เขามีตัวตนในชีวิตผมไม่ใช่ให้นายไปจากความทรงจำ แม้สถานะที่อยู่ด้วยกันจะต่างออกไป

   

     “ตอนเลิกกันนายเสียใจรึเปล่า ร้องไห้หนักไหม”

     “ร้อง ฉันร้องทุกวัน จนตอนนี้ก็ยังร้อง” เหนือทำท่าจะลุกขึ้นพอผมถามคำถามนี้ไปเขาก็ซะงักและตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ เหมือนทุกที ทำไมต้องฝืนยิ้มด้วย ทำไมต้องทำอะไรเกินตัวทุกที

     พรึบ ผมลุกขึ้นยืนและคว้าข้อมือของคนตรงหน้าก่อนจะแรงกระตุกให้เขามาอยู่ในอ้อมกอด ผมสวมกอดเขาเอาไว้หลวมๆ หน่วงดีจังความรู้สึกแบบนี้

     “ทำอะไร ปล่อย”

     “ทำไมวะ ทำไมเรื่องของเราต้องจบแบบนี้ด้วย”

     “นายกำลังคาดหวังให้เรื่องของเรามันจบแบบไหนเหรอคราม”

     “อยากให้จบเหมือนกับนิยายน้ำเน่าแหละมั้ง ที่สุดท้ายพระนางก็คู่กัน”

     “เรื่องของเรามันไม่มีพระนางตั้งแต่แรกแล้ว มันเลยไม่ได้จบแบบที่นายคาดหวังไง”

     “...”

     “ครามนี่มันชีวิตจริง ไม่ใช่นิยายที่จะต้องจบแบบแฮปปี้เอ็น”

     “ฉันควรทำไงดีวะเหนือ”

     “ในอนาคตนายอาจเจอกับคนที่เหมาะสมกับนาย คนที่ยอมรับตัวตนนาย ใครสักคนที่ช่วยมารักษาแผลครั้งนี้ให้นาย และทิ้งให้คนที่ชื่อว่าแดนเหนือเป็นอดีต ฉันเชื่อว่าสักวันนายคงได้เจอคนแบบนั้นแน่ๆ ”

     “ฉันทิ้งให้นายเป็นอดีตไม่ได้”

     “พอแล้วคราม...ฮึก” เราสองคนกระชับกอดกันแน่น ผมก้มหน้าลงจ้องมองคนข้างล่างกอดจะกดริมฝีปากจูบซับคราบน้ำตาจนมันเริ่มแห้งเหือด และเลื่อนริมฝีปากกดประทับลงกับริมฝีปากบางเฉียบของอีกฝ่าย เหนือหลับตาลงเราจูบแลกสัมผัสกันเนิ่นนาน

     พอแล้วกับความรู้สึกแบบนี้

     “ชุดของนาย” เหนือยื่นชุดสูทให้ผม ผมรับมันเอาไว้ในมือแต่ไม่ได้เปิดออกดู เราเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์เอาไว้แค่นั้น แม้จะรู้สึกมากแค่ไหนแต่ก็สานต่อไม่ได้อยู่ดี เป็นจูบที่แย่ที่สุด ไม่มีความวาบหวามอะไรเลยมีแต่ความเศร้ากับน้ำตา มันเป็นจูบลา

     “อืม”

     “คราม ฉันรักษาคำพูดได้แล้วนะ ที่บอกว่าจะแต่งงานตอนอายุ 25 และตรีมสีขาว” ใช่ เขาทำแบบที่พูดทุกอย่างแต่ติดที่ว่าเราไม่ได้คบกัน เราไม่ได้แต่งงานด้วยกันแค่นั้น

     “เก่งมากแล้ว”

     “มาให้ได้นะ”

     “ฉัน...”

     “ฉันอยากให้นายเห็น ว่าฉันโตขึ้นแล้วจริงๆ ”

     “...”

     “และฉันก็มีความสุขดี”

     “….”

     “ไม่ต้องเป็นห่วงฉันแล้วนะ”

     “รู้แล้ว ฉันรู้แล้ว”

     “นายเริ่มต้นใหม่บ้างได้แล้ว อย่าฝังตัวเองไว้กับความเศร้าเลย”

     “เหนือ”

     “ว่า”

     “ฉันจะไปงานแต่งนาย”

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[15] ก้าว

อีก 1 เดือนก่อนงานแต่งเหนือ

     “เหนือคะ”

     “ครับว่าไง? ”

     “ใจลอยๆ พอดีมิ้นจะถามว่าเราไปดูของชําร่วยด้วยกันไหม”

     “ได้ครับ วันนี้เลยไหม”

     “ค่ะ หลังจากที่เราไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ของเหนือเสร็จ” ผมพยักหน้าและยิ้มให้กับเธอ ก่อนจะพามิ้นเข้าไปในบ้าน หลังจากกลับบ้านของครามผมก็ไปรับมิ้นที่คอนโดและพามาที่บ้าน เธอหยุดคุยกับพ่อแม่ผม ส่วนผมก็ขอตัวแยกไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่

     เหนื่อย

     ‘ฉันจะไปงานแต่งนาย’

     แบบนี้ดีแล้วจริงๆ สินะ เป็นการจากลาด้วยน้ำตา และจูบครั้งสุดท้าย น่าใจหาย เราไม่สามารถกลับไปต่อจิ๊กซออันเดิมได้แล้ว ไม่ใช่เพราะมันเสร็จสมบูรณ์แต่เพราะจิ๊กซอตัวหนึ่งมันอยู่ผิดที่ตั้งแต่แรกต่างหาก เลยทำให้ภาพนั้นไม่สมบูรณ์

     ผมนำตัวเองออกมาจากชีวิตของครามเพื่อให้ชีวิตของเขาสมบูรณ์มากขึ้น ในอนาคตข้างหน้าชีวิตเขาคงสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ โดยไม่มีผม คงมีใครสักคนเข้ามาทำให้ชีวิตของครามสมบูรณ์แบบได้

     ขอให้กลับมามีรอยยิ้มเหมือนเดิม

     ซ่า ซ่า ซ่า

     “ฮึก....” ผมยืนอยู่ใต้ฝักบัวและร้องไห้ออกมา เหนื่อยเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาแล้วแบบนี้ ไม่อยากทนไม่อยากยอมรับเลย ผมอยากเป็นอิสระ

     ผมใช้เวลาอาบน้ำไปเกือบชั่วโมงเพราะเอาแต่ร้องไห้ พยายามดึงตัวเองกลับมาให้เป็นปกติที่สุด เก่งขึ้นมากแล้วเหนือ ผมยืนยิ้มให้กับตัวเองในกระจก

     “อาบน้ำนานเกินไปแล้วเจ้าเหนือ” พ่อผมทักขึ้นหลังจากที่เห็นผมเดินลงมาจากชั้นสอง

     “ขอโทษครับ พอดีกลิ่นเหล้ามันแรงกลัวมิ้นจะเหม็น”

     “ไม่หรอก เมื่อกี้นั่งในรถมาด้วยกันกลิ่นก็ไม่แรงขนาดนั้น”

     “ครับ ไปกันเถอะนะ”

     “ดูล้าๆ ไหวแน่นะเหนือ”

     “ไหวสิแค่นี้เอง” ผมเอื้อมมือไปยีหัวมิ้นจนฟูขึ้นมานิดหนึ่ง เธอทำหน้ายู่แต่ก็จ้องมองผมไม่วางตา ไม่มีใครผิดสังเกตหรอก เพราะผมแสดงละครเก่งไงล่ะ เสียใจแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้

     ผมเปิดประตูให้เธอก่อนจะเดินกลับมาฝั่งคนขับก่อนจะพาเธอไปยังที่หมาย เพราะสถานที่ไปค่อนข้างไกลและรถติดเลยใช้เวลาเดินทางนาน

     “เหนือไม่เห็นอัปเดตอะไรลงในโซเซียลเลย”

     “พอดีไม่ได้เล่นนานแล้วน่ะ”

     “เราอยากเจอเพื่อนๆ ของเหนือบ้างจัง”

     “ได้สิ ไว้ว่างๆ เราจะพามิ้นไปนะ”

     “เหนือใจดีมากเลย”

     “แล้วไม่ชอบ? ”

     “ชอบบบ”

     “ครับ”

     “เหนือๆ ตอนมหาลัยมีคู่จิ้นใช่ปะ”

     “อ่า อืม”

     “ยังติดต่ออยู่เปล่า ตอนนั้นเราชงหนักมากเลยแฮชแท็กอะไรนะ ครามขึ้นเหนือปะ”

     “...ไม่รู้สิ มันนานมาแล้ว” ผมเม้มปากตัวเองนิดหน่อย เมื่อเธอพูดถึงเรื่องอดีตที่ผมไม่อยากคิดถึงเท่าไหร่

     “แล้วคนชื่อครามเป็นเพื่อนสนิทเหนือรึเปล่า เขามางานแต่งด้วยไหม”

     “เพื่อนในกลุ่มแหละ ไม่ค่อยเท่าไหร่ ก็ชวนไปแล้วเห็นว่าจะมาอยู่”

     “กรี๊ด มิ้นขอถ่ายรูปเหนือกับเพื่อนชื่อครามคู่กันได้ปะ”

     “ถ้ามีเวลาน่ะนะ”

     “เหนือ”

     “ว่าไง”

     “เขาเป็นสาเหตุของความเศร้าใช่ปะ”

     “...”

     “ใช่จริงๆ ด้วยสินะ”

     “เปล่าหรอก ความเศร้าอะไรกัน”

     “มิ้นเห็นนะ บางครั้งเหนือก็ทำเหมือนว่าอยากร้อง แล้วทำตาเศร้าตลอดเวลา เพราะเขาเหรอ”

     “คิดมากน่า ไม่มีไรซะหน่อย”

     “เหนือ อีกหนึ่งเดือนเราจะแต่งงานกันแล้วนะ เหนือจะปิดบังมิ้นไปถึงเมื่อไหร่” เธอจ้องมาที่ผม แม้ว่าเธอจะเรียนคณะเดียวกับผม แต่เรื่องผมกับครามคบกันค่อนข้างเป็นความลับ อาจดูสนิทเกินเพื่อนแต่คนอื่นก็คิดว่าเพื่อนกันเฉยๆ

     “ขอโทษจริงๆ มิ้น เราไม่อยากคิดถึงมันอีก”

     “รักเขาอยู่ใช่เปล่า...”

     “ถึงแล้ว ลงกันเถอะนะ”

     “เหนือเดี๋ยวก่อน” ผมเปิดประตูลงจากรถโดยมีมิ้นเดินตามมาด้วย ผมเข้าไปข้างในร้านโดยไม่รอเธอเพราะไม่อยากตอบคำถามที่มิ้นถามออกมา กลัวว่าจะเผยพิรุธออกมาจนเธอจับได้ กลัวเธอเอาไปบอกพ่อ กลัวไปหมดทุกอย่าง

     “ขอบคุณที่ใช้บริการนะคะ ที่ร้านเราจะจัดส่งให้ก่อนงานแต่งไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ”

     “เหนือโกรธมิ้นเหรอ”

     “เปล่าหนิครับ”

     “ตั้งแต่ในร้านแล้ว ทำไมไม่ยอมพูดอะไรเลย”

     “แค่คิดอะไรนิดหน่อย”

     “มิ้นขอโทษนะ”

     “เดี๋ยวเหนือไปส่งมิ้นกลับคอนโดเลยนะครับ” ผมพาเธอมาส่งที่คอนโดตามเดิม มิ้นขอโทษผมตลอดทางแต่ผมกลับฟังผ่านๆ ใครจะบอกความจริงกัน ใครจะยอมรับกัน ผมไม่อยากให้ชีวิตผมต้องพังลงอีก ถ้ามิ้นรู้เรื่องทุกอย่างแล้วเกิดยกเลิกงานแต่งไปครอบครัวผมจะเป็นยังไง

     “เหนือทานข้าวกันลูก”

     “อ่าครับ”

     “ไปส่งหนูมิ้นมาเป็นไงบ้าง”

     “เรียบร้อยดีครับแม่” ผมนั่งลงตรงข้ามแม่โดยมีพ่อนั่งอยู่หัวโต๊ะ ทานตักข้าวให้ผมเต็มจานและหันไปตักให้พ่อต่อ แม่มักจะดูแลทุกคนอย่างดีเสมอ ถ้าเกิดวันหนึ่งไม่มีแม่ขึ้นมาล่ะ ใครจะดูแลเรื่องพวกนี้ต่ออีก

     “พ่อไปดูรายชื่อแขกที่เชิญมา ทำไมแกถึงเชิญไอ้นั่นมาด้วย”

     “ใครเหรอครับ? ”

     “ไอ้คราม”

     “ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้วครับ”

     “พ่อก็บอกแล้วรักของพวกแกมันก็แค่ตามกระแสเฉยๆ รักไปได้ไงเพศเดียวกัน”

     “...ครับพ่อ” ผมหันไปยิ้มให้กับท่านและก้มหน้าลงทานข้าวต่อ ผมเคยบอกไปแล้วว่าช่วงเวลาทานข้าวกับครอบครัวเป็นอะไรที่ทรมานที่สุด ไม่มีใครเข้าใจผมจริงๆ สักคนหรอก

     ผมกลับขึ้นห้องคงเพราะเพลียมากๆ พอหัวถึงหมอนก็นอนหลับไปทันที เหนื่อย อยากหนีไปให้พ้นกับชีวิตเฮงซวยแบบนี้

ตื่อดึ่ง

ตื่อดึ่ง

เฟรนโซน (4)

ซอ.โซ่ : ไอ้เหนือ สรุปไอ้ครามไปงานแต่งมึงปะ

ซอ.โซ่ : เหลือเดือนเดียวละนะ

NORTH- : ไป

NORTH- : มันบอกงั้น

เจ้านายด์คนละชั้ล : เหยดดดดดดดดดด

คุณเมือง : มึงใช้คาถาอะไรไปโน้มน้าวใจมันวะ

NORTH-: เปล่า ก็แค่ชวนปกติ

ซอ.โซ่ : มึงกำลังมีความลับนะ!

     ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพราะเสียงไลน์กลุ่มแจ้งเตือนรัวๆ จนไม่สามารถที่จะนอนต่อได้ พอเปิดมาก็มีแต่คำถามเดิมๆ เรื่องของคราม

ซอ.โซ่ : กูถามจริง คืนนั้นเกิดไรขึ้นทำไมมันถึงยอมไป

ไอ้โซ่ทักไลน์แยกผมมาอีกที มันคงสงสัยแหละทำไมครามถึงยอมไปทั้งที่มันแสดงท่าทีว่าจะไม่มาแน่ๆ

NORTH-: ก็เคลียร์กันให้จบ ไม่มีอะไรมาก

ซอ.โซ่ : กูเพื่อนมึงนะ โตมาพร้อมมึง

ซอ.โซ่ : กูว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

ตืด ตืด ตืด

[ว่าไงไอ้เหนือ ถึงขั้นโทรมาเลยเหรอมีไรวะ]

“กูกับครามจบกันแล้วจริงๆ มึง...”

“อืม... ร้องไห้อยู่เหรอ”

“กู อึก เปล่า”

ผมปาดน้ำตาตัวเองทิ้งลวกๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา จริงๆ มันจบไปตั้งนานแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมจำสักที

[มึงเก่งมากแล้วเหนือ]

“มึงกูเจ็บ กูทรมาน เหมือนกูจะหายใจไม่ออกเลย...”

[อาการอกหักก็เป็นงี้แหละ]

“กูแม่งแย่ว่ะ ทิ้งเขาไปไม่พอยังทำให้เขาเจ็บอีก ทำไมคนที่เจ็บไม่เป็นกูคนเดียววะ”

[เหนือ สุดท้ายแล้วความรักมันเป็นแค่ความฝัน พอตื่นขึ้นมาเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ใช่จมอยู่กับมัน]

“ฮึก...”

[มึงชอบบอกไอ้ครามว่าให้มันก้าวเดินไปข้างหน้าใช่ปะ มึงก็ต้องทำบ้าง พอเลิกร้องได้แล้วคุณเจ้าบ่าว อีกหนึ่งเดือนจะแต่งงานละ ยิ้มเข้าไว้]

“ขอบคุณมึงมากนะโซ่”

[เออ กูก็ทำได้แค่นี้แหละ]

“มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูจริงๆ ”

[กูรักมึงจริงๆ นะไอ้เหนือ กูอยากเห็นมึงมีความสุข]

“…”

[ความสุขจริงๆ ความสุขที่สามารถทำให้มึงยิ้มได้โดยไม่ต้องใส่หน้ากาก]

“อืม วันนี้มิ้นถามกูเรื่องของครามด้วย”

[มึงยังไม่ได้บอกความจริงกับเธองั้นเหรอ? ]

“กูไม่คิดจะบอก”

[ไม่ว่ายังไงมิ้นก็คือคนที่จะใช้ชีวิตร่วมกับมึงไปอีกสิบปี ยี่สิบปี จนแก่ตาย มึงจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับตลอดไปรึไง กูว่ามิ้นก็ไม่ได้แย่อะไร ทำไมมึงไม่ลองบอกเธอดู]

“กูกลัว กลัวว่าเขาจะรังเกียจ”

[เหนือ ทำไมมึงถึงแต่งงานกับคนนี้วะ ผู้หญิงมีเป็นร้อยเป็นพันแต่มึงกลับเรื่องคนนี้ มึงถามใจมึงดู มึงเลือกเขามาเพื่อดึงเขามาทรมานกับมึงรึไง]

“อ่า กูจะบอกเรื่องครามกับมิ้น”

“มันจะดีใช่มั้ยวะ ไอ้โซ่”

[อืม ทุกอย่างมันจะดีขึ้น]

     หลังจากวางสายจากโซ่ไปผมก็ลุกขึ้นยืนมองตัวเองผ่านกระจกและแลสายตาไปมองชุดเจ้าบ่าวที่อยู่ข้างๆ ใกล้แล้วสินะ ใกล้ถึงงานแต่งแล้ว ชุดเจ้าบ่าวของผมเป็นสีขาวทั้งชุดมีเนกไทสีแดง แม้ว่าจะดูขัดๆ แต่ก็ลงตัวแบบประหลาด

วันนี้แค่เจ็บ แต่ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้อาจหายเจ็บแล้วก็ได้

“มิ้นครับ ว่างคุยรึเปล่า? ”

[คะ? ]

“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย เรื่องที่มิ้นสงสัย เรื่องของครามกับผม”





-----------------------------------------------------------------------------------


สำหรับเรื่องนี้เราคงแต่งแบบปลายเปิดเพื่อเป็นประตูเชื่อมต่อไปในเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครอื่นๆ ทุกเหตุการณ์ย่อมมีที่มาที่ไปของมัน สปอยไว้ก่อนเลย ครามกับเหนือคงไม่ได้คู่กันแน่ๆ แต่เราจะโฟกัสหลังจากนี้ หลังจากที่ครามผ่านความเจ็บชีวิตเขาจะเป็นยังไง แล้วชีวิตเพื่อนๆที่เหลือของเขา ส่วนเรื่องราวของเหนือ มันได้จบลงแล้วที่เหนือเลือกครอบครัว และเป็นลูกที่ดี สามีที่ดี

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ

มีแต่ความคิดถึง...

[16] วันสำคัญของเขา


ชายล้วน #วันสำคัญ ( 8 )

ซอ.โซ่ : พวกมึงอยู่ไหนกันแล้ว

ซอ.โซ่ : วันนี้แล้วนะเว้ย

ซอ.โซ่ : รีบๆ

วิกเตอร์ : สรุปมึงหรือไอ้เหนือที่แต่งวะ กู งง

คุณเมือง : ใครอยู่ในงานแล้วบ้าง

ซอ.โซ่ : มีกู ไอ้กั้ง ไอ้นายด์ละ เหลือพวกมึงเนี่ย

วิกเตอร์ : รถติดมึงใจเย็นๆ

เอ็มฬ้อย : เมื่อวานแดกเยอะไปหน่อยใส่กางเกงไม่ได้

เจ้านายด์คนละชั้ล : ไอ้เอ็มแม่งพิมถูกด้วยว่ะ

เอ็มฬ้อย : มั่ยมีคำหนัยที่พิมวิบัดดั้ยง่า

วิกเตอร์ : กูขับรถก่อนนะ เจอกันที่งาน

ซอ.โซ่ : เออๆ

เอ็มฬ้อย : ....

พรึบ

     ผมหยิบเสื้อสูทสีขาวมาสวมใส่และจ้องมองตัวเองในกระจก ผมที่มีกางเกงขายาวสีแดงเลือดหมู กับเสื้อเชิ้ตด้านในสีขาวติดกระดุมสามเม็ด และเพิ่มสูทให้ดูเป็นพิธีการมากขึ้นอีกหนึ่งชั้น นานแล้วที่ไมได้แต่งตัวดูดีแบบนี้ ทั้งที่เป็นวันที่น่ายินดีแท้ๆ แต่กลับหยุดร้องไห้ไม่ได้เลย

     รีบไปได้แล้วครามเดี๋ยวมันจะสายเอา

     ผ่านอะไรมามากจริงๆ

     ผมหยิบกุญแจรถออกจากบ้านไป ระหว่างทางผมอยากให้เกิดอุบัติเหตุ จากให้รถชนและให้ผมความจำเสื่อมจำอะไรไม่ได้เลยก็ยิ่งดี หรือให้โลกแตกๆ ไปซะ แต่เหมือนว่าพระเจ้าจะไม่ได้ยินคำอธิษฐานของผมเลย

     ผมยืนอยู่หน้างานและจ้องมองไปด้านใน งานแต่งของเหนือจัดที่สวนด้านนอก ในงานมีแค่เจ้าบ่าวเพราะเจ้าสาวยังไม่มา แต่อีกไม่มาก็คงจะมาแล้ว เหนือยิ้มและขอบคุณแขกเหรื่อที่มารวมงาน ในขณะที่ผมกำลังลังเลใจอยู่ว่าจะเข้าหรือไม่เข้าดี ก็ดันไปสบตากับเหนือเข้า เขายิ้มมาให้ผมนิดหน่อยก่อนจะเบนสายตาหนี

    มาแล้วนะเหนือ

     “มาด้วยเหรอวะมึง” ไอ้วิกเดินมาหาผมที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ยอมเข้าไปในงานสักที เหมือนว่ามันก็พึ่งจะมาถึงเหมือนกัน ถ้าสังเกตดีๆ ในงานทุกคนส่วนมากมักจะใส่เสื้อสีแดงกัน มีแต่ผมกับเหนือเท่านั้นที่ใส่เสื้อสูทสีขาว บังเอิญแหละมั้ง

     “อ่า”

     “ปะ เข้าไปในงานกัน” ผมเดินตามไอ้วิกเข้าไป ทุกก้าวที่ก้าวเดินเหมือนว่าวิญญาณผมจะหลุดออกจากร่างยังไงยังงั้น ทั้งที่งานแต่งก็ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามแท้ๆ แต่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผมเลยแม้แต่น้อย สายตาของผมยังเอาแต่มองผู้ชายที่เคยจืดจางคนนั้นอยู่ เขาอยู่ไกลและเจิดจรัสจนผมเอื้อมไม่ถึงอีกต่อไปแล้ว

     “มึงเอาไรมาเนี่ยไอ้คราม”

     “ของขวัญให้เหนือมันเหรอ? ” พอผมเดินเข้าไปใกล้กลุ่มเพื่อนไอ้กั้งกับไอ้เอ็มก็ทักขึ้นมาก่อนเลย เออ ก็ดีนะมีเพื่อนแบบพวกนั้น ไม่ต้องพูดไรขึ้นมาพวกมันก็ถามตัดหน้าก่อนแล้ว

     “อืม”

     “ต้นกระบองเพชรเนี่ยนะ? ”

     “อืม”

     “ไอ้ครามมมมมมม มึงเอาวิญญาณมาด้วยปะ” ไอ้นายด์เข้ามาเขย่าตัวผมแรงๆ เพื่อเรียกสติ

     “ปล่อยมันไปเถอะ”

     “เชี่ย มาจริง” ไอ้โซ่เดินเข้ามาในกลุ่ม แปลกมากรึไงที่ผมมาเนี่ย

     “กูยอมใจมันเลยว่ะ เป็นกูไม่มาแล้วเนี่ย”

     “ใครจะป๊อดแบบมึงวะไอ้เมือง” ไอ้วิกพูดสวนแทนผม จากนั้นพวกเราก็เปลี่ยนเรื่องคุย จนเวลาล่วงไปสักพัก เหนือติดแขกอยู่เลยไม่ได้มาทักทายพวกผม

     “มึงๆ เจ้าสาวจะมาละ ไปยืนข้างไอ้เหนือกัน”

     “กูไม่อยากไป...” ผมหันไปมองพวกมัน

     “ครามมึงเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนะเว้ย จะยืนอยู่เป็นแขกในงานเฉยๆ ไม่ได้” อีกแล้ว โดนลากไปใกล้เขาอีกแล้ว ทั้งที่ไม่อยากอยู่ไกลแบบนี้เลย

     สุดท้ายผมก็ยืนข้างหลังเหนือ ผมมองเขาจากด้านหลัง เหมือนกับครั้งแรกที่เจอตอนรับน้อง เหมือนกับตอนที่มองเหนือตรงป้ายรถเมล์ มุมที่ผมคุ้นเคย

     “คอเสื้อพับอีกแล้วนะ” ผมเอื้อมมือไปจับปกคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างเคยชิน

     “....ขอบคุณ” เหนือสะดุ้งและหันมามองผมและกล่าวขอบคุณเรียบๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจด้านหน้าแทน ใช่แล้ว เขาไม่ควรสนใจผมนานเพราะเจ้าสาวของเขากำลังเดินมา

     ถ้าจำไม่ผิดเธอชื่อว่ามิ้น มิ้นเดินจับมือพ่อของเธอเดินเข้ามา แม้จะมีผ้าคลุมเอาไว้แต่ก็มองออกว่าวันนี้เธอสวยแค่ไหน ตาถึงดีหนิ ผมนึกชมเหนือในใจและมองทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ เหนือกุมมือเธอเอาไว้และเดินไปยังลานพิธี

     จึก จึก จึก

     ผมหันไปด้านข้างเพราะรู้สึกเหมือนว่ามีคนสะกิดผมอยู่ พอหันไปมองก็ต้องรีบยกมือไหว้ แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยแต่ผมไม่มีวันจำผิด ท่านคือแม่ของเหนือ

     “ครามใช่มั้ย? ”

     “ครับ”

     “สะดวกออกมาคุยกันหน่อยไหม? ”

     “...ได้ครับ” เพราะตอนนี้เป็นพิธีสำคัญระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาว พวกเพื่อนๆ เลยได้แค่ยืมหลบมุมอยู่ ผมพยักหน้าตกลงและเดินตามแม่ของเหนือออกไป ท่านเดินนำผมไปยังอีกโซนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่

     “ขอโทษที่เรียกมาระหว่างงานนะ รบกวนเธอแย่”

     “ไม่หรอกครับ แม่ เออ คุณป้ามีอะไรรึเปล่าครับ” ท่านส่งสายตามาหาผมตอนที่ผมเรียกท่านว่าแม่ พอยิ่งมองสายตาของเหนือกับแม่ชั่งเหมือนกันเหลือเกิน ตามที่โบราณบอกลูกชายคนแรกจะเหมือนแม่มากกว่าพ่อ

     “ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะมา”

     “ครับ”

     “ไม่ต้องเกร็งหรอก ฉันไม่ได้เรียกเธอมาดุมาด่า แค่อยากมาคุยด้วยเฉยๆ ”

     “คุยเรื่องอะไรเหรอครับ? ”

     “เธอคิดยังไงกับเหนือตอนนี้”

     “แค่เพื่อนครับ”

     “เหรอ? ”

     “ถ้าผมบอกว่าคิดมากกว่านั้นท่านจะว่ายังไงครับ”

     “ยังเป็นคนที่พูดตรงๆ เหมือนเดิมเลยนะ”

     “ครับ”

     “นายเป็นเพื่อนคนแรกที่กล้าเข้ามาที่บ้าน และชวนเหนือออกไป คนแรกเลยจริงๆ ที่ทำให้เด็กคนนี้เติบโตขึ้น”

     “...”

     “ตั้งแต่ฉันเลี้ยงเด็กนั่นมา ฉันไม่เคยเห็นเขายิ้มแบบนั้นเลย รอยยิ้มนั้นที่ไม่เคยได้รับจากสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว”

     “ผม...”

     “ฉันทั้งโกรธและขอบคุณนาย”

     “...”

     “ฉันรู้ว่านายยากที่จะพูด เพราะนายเป็นคนนอก แต่ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ของเขา ฉันกลับบกพร่องในการเลี้ยงดู ทั้งที่พ่อแม่ควรจะสนับสนุนเขาทุกอย่างแต่สุดท้ายกลับกีดกันอนาคตลูกตัวเอง ขอโทษที่พูดอะไรไม่รู้ออกมานะคราม”

     “ไม่หรอกครับ เป็นอย่างที่ท่านพูด เพราะผมเป็นคนนอกผมเลยแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้”

     “ขอบคุณที่สอนให้เขาใช้ชีวิต และขอโทษที่ทำลายความรักของนายทั้งสอง”

     “ครับ”

     “นายคิดว่าถ้านายยังคบกับเหนืออยู่ จะได้มีโอกาสแบบนี้รึเปล่า”

     “ผมไม่เคยคิดครับ” ซะที่ไหน... ผมคิด คิดมากตลอด ทั้งเรื่องแต่งงาน เรื่องอนาคต เรื่องทุกอย่างที่มีเหนืออยู่ในนั้น

     “งั้นก็ปล่อยเหนือไปเถอะ นายก็เห็นแล้วว่าเขากำลังมีอนาคตที่ดี”

     “ครับ ผมแค่มาแสดงความดีใจในฐานะเพื่อนเท่านั้น”

     “เรื่องของนายกับเหนือเป็นไปไม่ได้หรอก ขอโทษนะ”

     ก็เพราะพวกท่านทำให้มันเป็นไปไม่ได้เอง ไม่ใช่เหรอ?


ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
"เจ้าปลาหนุ่มเกิดคำถามขึ้นในใจ"

"หากความรักคือสิ่งสวยงาม"

"มันยังจำเป็นต้องครอบครองความรักหรือไม่"

"ในเมื่อไม่มีสิ่งใดเป็นนิรันดร์"

:: Part Time Musicians - Message In A Bottle [Official Video]

 

     สิ้นสุดพิธีที่เป็นดั่งภาพฝัน ผู้คนต่างอวยพรให้กับคู่บ่าวสาวให้มีความสุข ภาพตรงหน้าพร่าเบลอไม่ใช่เพราะกลีบดอกไม้ที่ได้โปรยลงมาแต่เป็นเพราะน้ำตาที่ไหลจนห้ามไม่อยู่ ผมย่างก้าวเข้าไปหาทั้งสองมือข้างหนึ่งปาดน้ำตาที่ไหลอยู่อาบหน้าออกไปอย่างลวกๆ และพยายามกลั้นมันเอาไว้ ส่วนอีกมือถือต้นกระบองเพชรแน่น

     “เหนือ”

     “คราม?” เสียงอืออึงรอบข้างเงียบลงสนิทจากตอนแรก

     “ให้มิ้นไปก่อนมั้ย?”
     “ไม่ครับ ผมอยากคุยกับคุณด้วย”

     “คะ?”

     “ช่วยฟังคำขอของผมหน่อยได้มั้ย”

     .

     “ช่วยรักเหนือ จนไม่สามารถรักใครได้อีก” ผมหันไปมองเธอที่อยู่ข้างๆ มิ้นยิ้มและพยักหน้าตกลง ส่วนเหนือได้แต่ยืนนิ่ง ใช่คำพูดนี่ผมเคยพูดเอาไว้กับเขาครั้งหนึ่ง

     ‘ฉันจะรักนายและจะไม่รักใครอีก’

     “ขอให้เธอดูแลเหนือในยามที่ป่วยไข้”

     ‘ฉันจะเป็นหมอคอยรักษานายตอนป่วย’

     “ขอให้เธอดูแลเหนือจนแก่เฒ่า”
     ‘ถ้านายแก่ตัวขึ้นมาฉันจะดูแลนาย'

     “และช่วยดูแลเขาในส่วนที่ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะสามารถทำได้แล้ว...”
     “ไอ้ครามหยุด”

     “ขอโทษด้วยนะ” ผมพยายามยิ้มกว้างที่สุดให้กับทั้งคู่ พวกเพื่อนผมพยายามที่จะลากตัวผมออกไปจากตรงนี้ แต่ผมกลับยื้อหยุดตัวเอาไว้

     “ปล่อย เหนือฉันเอาให้ถือเป็นของขวัญวันแต่งงาน”

     “แคคตัส?”

     “อืม จะเลิกแล้ว จะเลิกปลูกมันแล้ว”

     “ขอบคุณนะคราม ขอบคุณจริงๆ...”

     “ไม่ต้องร้องแล้วนะ” ไม่ต้องฝืนเข้มแข็งอีกต่อไปแล้วเหนือ ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไง ไม่ต้องหันกลับมาแล้ว เดินไปข้างหน้าเถอะ และฉันก็จะเดินไปข้างหน้าเหมือนกัน ข้างหน้าที่ไม่มีเราเหมือนในอดีต

     ทิ้งความรักให้เป็นเพียงภาพฝัน

     ครั้งหนึ่งเขาอาจชอบในท้องฟ้าที่เคยมองด้วยกัน ชอบพระอาทิตย์ตก ชอบอาหารรสจืด แต่ใช่ว่าเขาจะชอบสิ่งนั่นตลอดไป

ผมเคยได้เข้าไปเป็นเพลย์ลิตโปรดของเขาแต่สุดท้ายพอถึงเวลาก็ต้องถูกลบอยู่ดี

     เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นในสักวันหนึ่ง

     ตอนแรกเราอาจรู้สึกเศร้า แต่พอผ่านไปเราจะรู้สึกขอบคุณมัน

     งานแต่งงานยังดำเนินต่อไปโดยผมยืนมองดูอยู่ข้างหลังฉาก เราอาจกลายเป็นตัวประกอบของความรักคนอื่นเสมอ ถ้าคนนั้นไม่ได้เลือกเรา

     “ไหวมั้ยมึง ร้องออกมาหนักๆเลยก็ได้นะ”

     “อืม วันสุดท้ายแล้วที่จะร้อง”

     “พวกกูเป็นห่วงมึงนะเว้ย”

     “ขอบคุณมากนะวิก”

     “ทำไมขอบคุณแต่วิกอะ ขอบคุณพวกกูด้วยสิ” เพื่อนผมเดินเข้ามาล้อม ผมได้แต่ยิ้มและยกมือขึ้นยีหัวพวกมันจนฟู

     “โหย ไอ้ครามผมยุ่งหมดแล้วเนี่ย”

     “ก็ดี”

     “ยิ้มได้แล้วหนิ?”

     “จะเศร้าไปทำไมล่ะ”

     “มึงจะกลับแล้วเหรอคราม”

     “แล้วจะอยู่ไปทำไมอีก งานก็ใกล้จบแล้ว จะให้กูอยู่ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอด้วยเลยรึไง”

     “มึงไม่พูดอะไรกับเหนือแล้วเหรอ?”

     “วิก กูพูดกับเหนือมามากพอแล้ว” ใช่ มันมากพอแล้วในฐานะของผมตอนนี้

     ผมลากตัวเองออกจากงานและเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ และหยุดลงที่ป้ายรถเมล์ก่อนจะเดินผ่านไป เวลาที่ผ่านมาไม่ต่างจากตลกเลย

     ขอให้มีความสุขตลอดไปนะเหนือ

 

--------------------------------------------- END -------------------------------------------------------

จบภาค Blue Sky ┇ North


I hate myself for still waiting for you.



To be continued!!!!

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
งานแต่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่

แต่สำหรับผมมันคือสิ่งที่ใช้ในการจบความสัมพันธ์กับคนหนึ่ง

[18] ทางที่เขาเลือก

     “ขอบคุณ” ผมฝืนยิ้มและพูดคำว่าขอบคุณด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เราสองคนยืนจ้องหน้ากันโดยมิได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมาอีกเลย มีแต่เสียงดนตรีรอบข้างที่ดังจนกลบทุกอย่าง เขามองผมและผมก็มองเขา เจ้าสาวของผมที่ยืนข้างๆ เขากุมมือผมเอาไว้แน่นและกระซิบบอกถามตลอดว่าไหวไหม

     คราม

     ขอให้นายมีความสุข มีความรักที่สมหวัง

     ผมจ้องใบหน้าของเขาและจดจำมันอย่างละเอียด จากกันคราวนี้ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม อาจนานเป็นปีหรือตลอดไป แต่ผมขอสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าหัวใจดวงนี้ในส่วนที่มันยังรู้สึกอยู่ ขอเก็บเอาไว้รักผู้ชายที่ชื่อครามคนเดียวตลอดไป

     ให้รักเราเป็นนิรันดร์

     ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่จะจดจำแค่เขาเพียงผู้เดียว

     ครามหันหลังเดินจากไปอย่างเชื่องช้า ผมจ้องมองแผ่นหลังนั้นหายลับไปกับฝูงคน ผมคว้าเจ้าสาวตรงข้างมากอดและร้องไห้โฮออกมา ผมทำดีที่สุดแล้ว

     “เจ้าบ่าวมีอะไรจะพูดอีกมั้ยครับ” หลังจบจากพิธีการก็เข้าสู่ท้ายก่อนปิดงาน พิธีกรหันมาถามผมอีกที ผมพยักหน้าและรับไมค์มาถือไว้ เมื่อก่อนผมเป็นคนที่ไม่มั่นใจในการพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ผมไม่กล้าสบตาใคร แต่ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะสามารถส่งข้อความไปหาเขาได้ ได้โปรดฟังผมหน่อยเถอะ

     “อย่าได้กลัวความรัก แม้ว่ามันจะเจ็บปวดแต่ครั้งหนึ่งมันก็ทำให้เรามีความสุข” สิ้นเสียงของผมแขกเหรื่อในงานก็ตบมือให้ ผมโอบเอวประคองมิ้นลงจากเวทีหลังจากจบพิธี เป็นวินาทีเดียวที่ผมเห็นครามเดินออกจากงาน

มันจบแล้ว

     "หน้าดูเพลียๆนะลูก"

     "เหนื่อยนิดหน่อยน่ะครับแม่" แม่เดินมาส่งผมเข้าหอ ตอนนี้เหลือเพียงครอบครัวผมเท่านั้น เพราะเจ้าสาวนั่งรออยู่ข้างในแล้ว

     "ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยเจ้าเหนือ"

     "พ่อครับ พ่อภูมิใจในตัวผมไหม?"
     "แกถามอะไรของแก"

     "ผมเป็นลูกชายที่พ่อต้องการรึยัง?"

     "เหนือไปพักได้แล้ว ลูกคงเหนื่อยคุณอย่าไปสนใจเลยนะคะ"

     "ครับ ผมคงเหนื่อยมากไปหน่อย เลยพูดในสิ่งที่คิดมากไปหน่อย"

     "..."

     "จริงๆแล้วคนที่ต้องพักน่ะ ไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็นพ่อกับแม่ต่างหาก"

     "เหนือ..."

     "ผมทำที่พวกท่านสั่งมามากพอแล้ว ต่อไปนี้ขอผมใช้ชีวิตของผมเองเถอะ"

     "ได้ ถ้าแกสัญญาว่าจะไม่กลับไปหามันอีก"
     "พ่อไม่ต้องกังวนไปแล้ว ทุกอย่างมันพังตามแบบที่พ่อต้องการแล้ว"

     "..."

     "รวมถึงตัวผมด้วย" ตัวผมกำลังพัง ผมเดินเข้าไปในห้องโดยไม่ได้แลกลับมามองพ่อกับแม่อีกต่อไป ถามว่าผมรักครอบครัว รักพ่อแม่ผมไหม ตอบเลยว่ารัก รักมากจนผมไม่ได้รักตัวเองเลย

     บางที่การทดแทนบุญคุณก็คือการฆ่าความสุขของตัวเอง

     แต่ช่างเถอะ

-ฟ้าคราม-

Delete Name

-KRAm-

     “เหนือทำอะไรอยู่เหรอคะ? ”

     “อ่า ผมกำลังคุยกับเพื่อนอยู่น่ะ”

     “ค่ะ รีบอาบน้ำเข้านอนได้แล้ววันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ”

     “ครับ มิ้นนอนก่อนเลย” ผมหันไปยิ้มให้กับเธอ ก่อนจะกดล็อกหน้าจอไว้เหมือนเดิม ต่อไปนี้คงไม่มีฟ้าครามกับแดนเหนืออีกต่อไป

     “คนนั้นที่มาคุยกับเราตอนงานแต่ง คือครามสินะคะ”

     “ครับ”

     “เขาดูเป็นคนดีมากเลยนะคะ”

     “ครับ”

     “เหนือกำลังเสียใจอยู่ใช่มั้ย”

     “…”

     “ไม่โทษตัวเองนะคะ” ผมกัดปากและจิกเล็บลงฝ่ามือตัวเองก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้อีกคน แต่เหมือนว่าวันนี้ผมจะฝืนมากเกินไปเลยทำให้น้ำตาไหลออกมาทั้งที่ปากตัวเองกำลังยิ้มอยู่

     “รักเขามากเลยสินะ”

     “ครับ รัก รักมากเหลือเกิน...”

     “อือ”

     “แต่ต่อไปคงไม่มีแล้ว”

     “อยากอยู่คนเดียวก่อนมั้ยคะ? ”

     “ครับ” เธอพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินออกไปข้างนอก คืนวันเข้าหอที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ได้อยู่ด้วยกัน ภาพอดีตยังคงวนเวียนซ้ำไปมาในหัว ทั้งที่บอกกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าไม่คิด

     ชุดที่เขาใส่มาในงานคือชุดที่ผมเคยจินตนาการเอาไว้ ถ้าแต่งงานกันผมอยากให้เขาใส่ชุดนั้น ตลอดที่คบกันเราไม่มีหรอกโมเม้นใส่ชุดคู่ ถ่ายรูปคู่ หรือของที่คู่กัน มีแต่เพียงสิ่งของที่มองแล้วคิดถึงอีกฝ่ายเท่านั้น

     ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว

     เราจะคาดหวังไปทำไมในเมื่อความรักก็เป็นเพียงความฝัน สุดท้ายคนเราต้องอยู่กับความจริงไม่ใช่ความฝัน

     ทำไมผมถึงต้องชวนเขามางานแต่งนะเหรอ เพราะผมอยากให้เขาเข้มแข็งและก้าวไปข้างหน้า นั่นคือสิ่งที่ผมบอกเขา และผมคอยหลอกตัวเอง ผมแค่อยากเจอหน้าเขา ครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างกายผมจะเป็นของคนอื่น

     เขาทรมานแต่ผมกำลังตายทั้งเป็น ไม่สนุกเลยที่เป็นแบบนี้

     ขอให้คนที่จับมือนายต่อจากผมเป็นคนดีและทำให้นายยิ้มได้

     ขอให้ผมในความทรงจำเขาเป็นเพียงคนใจร้ายก็เพียงพอแล้ว

     ขอให้มีความสุขตลอดไปนะคราม



-----------------------------------------END---------------------------------

ออฟไลน์ SHu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 “ครามแล้วมึงจะทำยังไงกับชีวิตต่อไปวะ? ”

     “เรื่อยๆ ” ผมวางแก้วที่พึ่งเช็ดเสร็จลงที่เดิม และหันไปคุยกับวิก ชีวิตของทุกคนต้องเดินไปข้างหน้าต่อให้จมกับความเศร้าไปก็ไม่ได้อะไร

     “มึงดูแลตัวเองบางเถอะ กูนึกว่าคุยกับศพ”

     “จริงๆ แล้วร่างนี้คือวิญญาณร่างที่แท้จริงกูนอนอยู่ในห้อง มึงไม่รู้เหรอ”

     “มุขมึงนี่ตลกร้ายจริงๆ ”

     “ฮ่าๆ ”

     “มึงอยากไปพักหน่อยมั้ย”

     “ไว้จะเก็บไปคิดดูนะ จริงๆ กูก็อยากลองไปเที่ยวดู”

     “งั้นเราไปทริปกันมั้ย วันหยุด? ”

     “กูอยากไปคนเดียว”

     “…”

     “เห้ย กูไม่ได้หมายความแบบนั้นไอ้วิก”

     “กูไม่ได้คิดว่าตัวเองไม่ได้สำคัญเล๊ย”

     “มึงน่ะสำคัญ ทุกคนก็สำคัญ”

     “ค่อยชื่นใจมาหน่อย กลับบ้านกันเถอะ” ผมกับวิกต่างพากันแยกย้ายกลับไปที่บ้าน ตลอดระยะเวลาที่เดินผมก็เอาแต่ทบทวนเรื่องเดิมๆ ผ่านมาแล้ว เหมือนกับฝันเลย แต่ลืมไปว่าความฝันมันไม่เจ็บ

     พอผมกลับมาถึงบ้านผมก็เก็บของเก่าๆ ทิ้งขยะไป ของอะไรที่ทำให้คิดเหนือผมก็โยนทิ้ง คงถึงเวลาเริ่มต้นใหม่แบบที่เขาต้องการจริงๆ นั่นแหละ

     ผมไม่อยากเริ่มต้นใหม่แต่ถูกผลักให้เริ่มต้นใหม่ต่างหาก

     ชายล้วน #งานสำคัญ ( 8 )

แดนเหนือ : ขอบคุณพวกมึงมากเลยนะที่มาช่วยงานวันนี้

กั้งไม่ใช่กุ้ง : งานสนุกมากมึง

เอ็มฬ้อย : สะกดจิต

เจ้านายด์คนละชั้ล : 55555555555555555555555555555555

คุณเมือง : เออ งานสนุกดี

วิกเตอร์ : ไว้งานหน้ากูจะไปใหม่นะ

ซอ.โซ่ : ปากมึงนี่แม่ง

วิกเตอร์ : งานวันเกิด

ซอ.โซ่ : แล้วไป

วิกเตอร์ : แตะไม่ได้เลย

KRAm : ขอให้มีความสุขมากๆ นะ

คุณเมือง :....

วิกเตอร์ : ….

เจ้านายด์ : ….

กั้งไม่ใช่กุ้ง : …

เอ็มฬ้อย : เชี่ย เหตุการณ์สำคัญแบบนี้กูมาไม่ทันได้ไง

เอ็มฬ้อย : ตกใจจนพิมถูก

แดนเหนือ : อืม นายก็เหมือนกันนะ

แดนเหนือ : ขอบคุณที่มางานนะ

ใครจะเป็นเศรษฐี (4)

กั้งไม่ใช่กุ้ง : ไอ้ครามเอาเรื่องว่ะ

เอ็มฬ้อย : มะ มือกุมันสั่นไปหมดแร้ว มันแบ่บ บเดเกเดกวเดกวท้ทดกด

วิกเตอร์ : มึงจะรัวแป้นหาพ่อ

กั้งไม่ใช่กุ้ง : หยาบคาย

KRAm : ฮ่าๆ

เอ็มฬ้อย : หัวเราะแบบพระเอก

     ก็แค่ทำตัวปกติมันยากมากรึไง ทำไมต้องทำให้ตื่นเต้นกันด้วย ผมกดเข้าไปที่หน้าไลน์ของเหนือก่อนจะกดลบชื่อที่เคยตั้งให้กับเขาออก

     เขาไม่ใช่แดนเหนือของผมอีกต่อไปแล้ว

     เขาเป็นของคนอื่นแล้ว

     ทั้งคืนผมเอาแต่ร้องไห้และขดตัวอยู่บนเตียง ปล่อยให้ความเศร้าอยู่เป็นเพื่อน จำได้ตอนเลิกกันไม่เห็นทรมานแบบนี้เลย ตอนนี้ไม่มีทั้งความหวัง ไม่มีทั้งเขา มันจบไปแล้ว

     “ไงมึง มาทำงานแต่เช้าเลยนะ”

     “วันนี้เวรมึงเหรอไอ้กั้ง”

     “เออดิ โคตรเซ็ง”

     “มาทำงานบ้างก็ดีนะไอ้กั้ง” ไอ้วิกเดินเข้ามาข้างในร้านทันประโยคที่ผมคุยกับไอ้กั้งพอดี ปกติที่ร้านมักจะมีคนมาคุมแค่สองคน

     “ครามมึงจะเป็นไอ้วิกสองเหรอ มาทำงานทุกวันเลย”

     “กูไม่มีไรทำ”

     “ครามมึงจะลาพักร้อนก็ได้นะ”

     “ยังไม่รู้จะไปไหน”

     “เออ มึงพักบ้าง ทำตัวสมกับเป็นพระเอกนิยายรักหน่อย ทำไมมึงมืดมนเป็นตัวประกอบแบบนี้”

     “เพ้อเจ้อ” ผมเดินเข้าไปข้างในร้านเพราะคุยกับพวกมันไปดีแต่เสียเวลา

     “มึงไม่เบื่อที่จะใช้ชีวิตไปวันๆ บ้างเหรอ”

     “มึงจะสื่ออะไรไอ้กั้ง”

     “หนุ่มโสดแบบเราๆ ต้องหาอะไรมาเป็นสีสันในชีวิตเว้ย”

     พลั๊ก

     “โอ๊ย ไอ้วิกมึงจะตีหัวกูทำไมเนี่ย”

     “เดี๋ยวมึงจะพาไอ้ครามไปเสียคน”

     “กูยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย มึงอะคิดมาก”

     “เหรออออไอ้กั้ง คราวแล้วมึงกับไปเอ็มไปเที่ยวไหนกันมาล่ะ”

     “กะ ก็...”

     “เนี่ย ไอ้เอ็มก็หายหัวไปเลยไม่มาทำงาน”

     “ไอ้เอ็มมันติดสาวนั่งดริ้งค์”

     “เนี่ยเพราะมึงพาไอ้เอ็มไปนะสิ มันยิ่งไม่ทันคนอยู่ มึงว่าอะไรนะไอ้กั้ง!!!”

     “กะ กูล้อ เล้น”

     “ไอ้เชี่ยกั้ง!!!”

     “พอๆ เลิกเล่นลูกค้าจะเข้าร้านแล้ว” ผมจับทั้งสองคนแยกก่อนที่จะทะเลาะกันหนักกว่านี้ จริงๆ ก็ไม่ได้เจอไอ้เอ็มนานเหมือนกัน พึ่งรู้ว่ามันไปติดสาวข้างนอก

     จริงๆ ผมก็คิดเอาไว้เหมือนกันนะว่าเบื่อชีวิตตัวเองที่เป็นอยู่ในตอนนี้อยากออกไปใช้ชีวิตข้างนอกสักพักบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี

     ‘ไม่รู้สิ เวลามองนายแล้วรู้สึกสงบดี ได้ฟิลเย็นๆ แผ่ออกมาเหมือนไปเที่ยวภาคเหนือมั้ง นายเคยไปรึเปล่า?’

     ‘ไม่เคย’

     อยากลองไปสักครั้งเหมือนกันนะ ภาคเหนือ

     “ไอ้วิก”

     “ว่า”

     “เรื่องพักร้อนกูคิดๆ มาแล้ว”

     “มึงจะไป? ”

     “ใช่ แต่ยังไม่ได้คิดสถานที่ ถ้าได้แล้วเดี๋ยวมาบอก”

     “ตามใจมึง”

     เอาเถอะถือว่าทำตามความฝันของคนอื่นละกัน




-------------------------------------------------------------------------------------------



    สำหรับคำถามว่านิยายเรื่องนี้จบยัง อ่า แบบที่เคยบอกนิยายเรื่องนี้จะเป็นจุดเปิดของทุกตัวละคร ส่วนเรื่องราวของเหนือได้จบลงไปแล้ว

     ทำไมครามกับเหนือถึงไม่ได้คู่กัน ตามชื่อเรื่องเลย ไม่มีฟ้าครามในดินแดนเหนือ คือมันไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว ไม่มีทั้งฟ้าคราม และไม่มีทั้งแดนเหนือต่อไป สุดท้ายก็เหลือแค่เจ้าคราม เจ้าเหนือ คนธรรมดาที่เดินผ่านกันเท่านั้น ทำไมถึงแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเหรอ เพราะอยากให้เหนือเป็นลาสบอสในเรื่องของคราม

     สำหรับในมุมมองของเรา ครามคือคนที่รักเหนืออย่างสุดใจ คนที่ทำเพื่อเหนือได้ทุกอย่าง ส่วนเหนือคือคนที่สามารถทิ้งทุกอย่างได้โดยไม่สนความรู้สึกใคร เพราะความที่เป็นครามนั่นแหละเลยทำให้เขาเสียตัวตนไป ทำให้เขาเปิดกั้นตัวเองและกลายเป็นคนกลัวความรัก สุดท้ายในเมื่อชีวิตยังไม่จบก็ย่อมมีความรักเกิดขึ้นมาใหม่ได้เสมอ จึงเป็นการเปิดเรื่องในลำดับถัดไป

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เรื่องมันเศร้า ขอเหล้าเข้มๆ ทำใจทำใจ  :sad4: :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด