ตอนที่ 14
ถึงเวลา
เป็นเช้าที่ตื่นขึ้นมา ด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากทุกวัน ผมบิดขี้เกียจเพื่อไล่ความง่วง และหวังว่ามันไล่ความเศร้าที่ติดค้างอยู่ในใจออกไปด้วย
เรื่องตลกอย่างหนึ่งก็คือ ต่อให้พยายามพาตัวเองออกห่างจากเรื่องไม่สบายใจแค่ไหน แต่สุดท้ายก็อดวกกลับไปหามันไม่ได้อยู่ดี หลังจากแยกย้ายกันกลับห้องพัก เมื่อไฟในห้องดับลงแล้ว ผมเสียบหูฟังเข้ากับโทรศัพท์ คลิปที่ผมถ่ายพี่คีรินทร์ร้องเพลงไว้ ก็ถูกเปิดฟังซ้ำไปซ้ำมา มันเพราะและเศร้าไปพร้อมกัน
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ลูกจันโผล่แต่หัวเข้ามา เมื่อขลุ่ยเดินไปเปิดประตูให้
“พวกมึงไม่มีใครโป๊ใช่ไหม”
“ถ้าโผล่มาขนาดนี้ก็ไม่ต้องถามแล้วมั้ง อายยังไงของมึงวะ” ฝนหัวเราะขำท่าทางของลูกจัน
“กูไม่ได้อาย แต่ของพวกมึงมันไม่น่ามอง” ลูกจันเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียง
“เป็นไงบ้างวะ”
“กูเหรอ” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “ปวดขา เมื่อยคอ เมื่อยหลัง แต่ยังไหว”
“ดูมันตอบ แต่ไหวก็ดี อาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เร็วด้วย กูหิว”
“เหลือไอ้เก้าอี้ตัวเดียว พวกกูเสร็จหมดแล้ว”
“ก็พวกมึงไม่ปลุกกู” ผมบ่น เพราะตื่นมาก็เห็นขลุ่ยกับฝนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เมื่อคืนมึงนอนดึก ช้านิดก็ไม่เป็นไร วันนี้จะได้มีแรง” ผมมองหน้าขลุ่ย แปลกใจที่เพื่อนรู้
“กูคิดว่ามึงคงอยากอยู่เงียบๆ มากกว่า เลยไม่ได้พูดอะไร”
“ทำไมมึงน่ารักอย่างนี้วะ” ผมโผเข้ากอดขลุ่ย แต่ถูกเท้ายันออกมา
“ไปอาบน้ำ”
“เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ แม้ความรักของเพื่อนกับคนรักไม่เหมือนกัน แต่ใครว่ามันแทนกันไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้หัวใจของผมก็อบอุ่นขึ้น
• • • • • • • •
ผมเคยจินตนาการไว้ล่วงหน้า ว่ามาเข้าค่ายรับน้องจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เคยพยายามถามรุ่นพี่แล้ว แต่ไม่มีใครยอมบอก เล่าแต่ว่ามันสนุก ครบรส โหด มัน ฮา ผมเชื่อที่รุ่นพี่พูด แต่ไม่คิดว่าจะฮาขนาดนี้
เช้าวันหนึ่งวันนั้น วันหนึ่งวันนั้น เจ็ดนาฬิกา
ฝนกระโดดออกมาก็บอกว่ารัก รักเรนคนเดียว
เรนก็บอกว่ารัก ก็บอกว่ารัก รักฝนคนเดียว
คนอื่นก็ไม่แลเหลียว ก็ไม่แลเหลียวให้เสียเวลานี่มันโหด มัน ฮา ของแท้ร้อยเปอร์เซ็น
โหด ที่จับคู่ฝนกับเรนออกมาเต้น
มัน เพราะเหมือนดูมวยมากกว่า
ส่วนฮา ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมขำจนท้องแข็ง และมั่นใจว่าไม่ใช่ผมคนดียวแน่นอน
เป็นการอุ่นเครื่องก่อนเริ่มเข้าฐาน ที่เหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับฝน ผมสงสัยว่าคู่นี้จะรอดครบสิบฐานหรือเปล่า หรือตีกันตายไปข้างเสียก่อน
“ฟ้าไม่เก่งนะ ขี้กลัวด้วย”
ผมหันไปมองคนพูด ที่มีผ้าสีฟ้าผูกที่ข้อมือเหมือนกับผม
“เล่นเอาสนุก ไม่เป็นไร” ผมปลอบใจบัดดี้
“ฟ้ากลัวจะไม่สนุกน่ะสิ กว่าจะผ่านแต่ละด่านคงนานกว่าคนอื่น แล้วถ้ารวมคะแนนแล้วได้ที่โหล่ ก็โดนอีก”
“ก็โดนด้วยกัน ไม่เหงาหรอก” ผมยิ้มกว้างให้ฟ้า อีกฝ่ายถึงยิ้มออกมาได้
ก่อนเริ่มเข้าฐาน มีการปล่อยเบรกสิบห้านาที เพื่อทำธุระส่วนตัว ผมเดินไปเข้าห้องน้ำ ขากลับเจอพี่คีรินทร์กับพี่เจนเดินตรงมา ผมหลุบตาลงต่ำโดยอัตโนมัติ อยากจะแกล้งยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุย แต่ติดตรงที่ไม่มีโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า
“สวัสดีครับ” ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มทักทายในจังหวะเกือบสุดท้าย เดินสวนกันจังๆ แบบนี้ แกล้งไม่เห็นก็ดูตลกเกินไป
“ไม่สบายหรือเปล่า” คำภาวนาของผมไม่เป็นผล พี่คีรินทร์หยุดเดินเพื่อคุยกับผม ทำให้ผมกับพี่เจนต้องหยุดตาม มันเศร้าชะมัดที่เห็นคู่นี้ตัวติดกัน
“เปล่าพี่” ผมส่ายหน้า
“งั้นเหรอ” พี่คีรินทร์มองหน้าผมด้วยสายตาพิจารณา ผมเผลอหลุบตาลงต่ำ
“ผมไปก่อน บัดดี้รออยู่” ผมยิ้มให้พี่เจน รีบก้าวเท้าออกมา ไม่อยากให้ความรู้สึกบั่นทอนจิตใจตัวเองในเวลานี้
“เดี๋ยว” แขนของผมถูกคว้าจากทางด้านหลัง ผมหมุนตัวกลับไปมอง มือใหญ่ของพี่คีรินทร์แตะลงบนหน้าผากและซอกคอ
“ตัวอุ่นๆ ถ้าไม่ไหวต้องบอกพี่เข้าใจไหม อย่าฝืนเล่นจนจบ”
“ผมไม่เป็นอะไร” ผมส่ายหน้าแรงๆ แต่พี่คีรินทร์ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนผม เราสบตากันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“เพราะผมขอให้พี่เทคแคร์หรือเปล่าครับ ผมล้อเล่น ไม่ต้องดูแลดีขนาดนี้ก็ได้พี่ ผมเกรงใจ” ผมหัวเราะแม้จะฝืดเฝื่อนเต็มทน
“ผมไปก่อนนะ ช้าเดี๋ยวโดนทำโทษ”
พี่คีรินทร์ยอมปล่อยแขนผม เป็นจังหวะแยกจากที่เหมือนในเอ็มวีไม่มีผิด เหมือนยันความรู้สึกเจ็บปวดข้างใน
ผมสะบัดหัวไปมาเพื่อเรียกพลัง จะเศร้าวันไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่วันนี้ ผมมีบัดดี้ขี้กลัวรออยู่
เป็นโชคดีที่บัดดี้ผมขี้กลัวอย่างที่พูด แต่เป็นขี้กลัวเกินเหตุแทน เพราะถึงเวลาจริงๆ ฟ้าสู้ทุกด่าน น่ารักน่าชังจนรุ่นพี่เอ็นดู ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ยังให้ผ่านด่านมา สมกับเป็นน้องโบว์ใหญ่ที่ผมหมายตาไว้วันแรก ที่สิเจ้าของเสียงหวีดพี่คีรินทร์ตัวจริง เสียงจริง เพียงแต่วันนี้มันไม่ใช่วันนั้นอีกต่อไป
คู่ผมผ่านด่านมาได้เรื่อยๆ ใช้เวลามากบ้าง น้อยบ้าง แต่ก็สนุกจนลืมความรู้สึกหน่วงในใจไปได้ชั่วคราว จนมาถึงฐานที่เจ็ด เป็นฐานที่หินที่สุดในจำนวนทั้งหมดสิบฐาน หรือจะบอกว่าหินที่สุดในชีวิตดีดดิ้นของผมที่ผ่านมาก็ว่าได้
พี่คีรินทร์กับพี่เจนเป็นคนคุมฐานเจ็ด ผมต้องใช้สติอย่างมาก เพื่อไม่ให้สมาธิกระเจิดกระเจิง
“เก้าอี้ครับ”
“ฟ้าค่ะ”
พวกผมขานชื่อตามธรรมเนียมการเข้าฐาน พี่คีรินทร์ยืนเอามือไพล่หลัง หล่อทะลุแสงแดดที่แยงตาผมตอนนี้มาก
พี่เจนอธิบายสิ่งที่พวกผมต้องทำให้ฟัง ด้วยเสียงนุ่มหูกับรอยยิ้มอ่อนหวาน แปลกที่มองแล้วผมดันเจ็บจี๊ดขึ้นมา อย่าทำตัวขี้อิจฉาสิโว้ย ผมได้แต่ด่าตัวเองอยู่ในใจ
ฐานของพี่คีรินทร์ไม่ยากและไม่ง่าย มีขวดน้ำวางอยู่ตรงกลางวงกลมขนาดใหญ่ มีเชือกผูกสองด้าน พวกผมผูกเชือกเข้ากับเอว ยืนตรงข้ามกัน และต้องช่วยกันยกขวดตั้งขึ้นให้ได้ โดยห้ามออกจากวงกลม มันจะง่ายกว่านี้มากถ้าในขวดมีน้ำ แต่พอเป็นขวดเปล่าไม่มีน้ำหนัก พอทำให้ตั้งได้ เผลอขยับตัวนิดเดียวก็ล้มลงอีก สมาธิก็เอาแต่แตกกระเจิง เพราะมัวแต่แอบมองพี่คีรินทร์ พออีกฝ่ายสบตาผมก็รีบหลบ เป็นอย่างนี้อยู่บ่อยครั้ง ผมนึกสงสารบัดดี้ตัวเองขึ้นมาจับใจ
พวกผมใช้เวลาปลุกปล้ำกับมันอยู่พักใหญ่ กว่าจะทำได้สำเร็จ เป็นด่านที่ต้องใช้ทั้งพลังกายและพลังใจจริงๆ
ครบสิบฐานผมกับฟ้าก็สนิทกันมากขึ้น เราล้มตัวนั่งหมดสภาพกับพื้นทราย รับขวดชาเขียวแช่เย็นเจี๊ยบจากรุ่นพี่มายกดื่ม
“สนุกเนอะ”
“อืม”
“เก้าอี้ตลกดี เราชอบ” ฟ้ายิ้มสดใส จนผมอดยิ้มตามไม่ได้
“ฟ้าก็น่ารัก”
“นี่เรานั่งชมกันเองอยู่ใช่ไหม” ดวงตาของฟ้าเป็นประกายขำ
“ใช่ เพราะอาจไม่มีคนอื่นชมพวกเรา”
“เพราะเราจะได้ที่โหล่” ฟ้าต่อคำให้ พวกผมหัวเราะเสียงดัง มันก็ไม่ใช่วันที่แย่นักหรอก อย่างน้อยก็ยังมีมิตรภาพดีๆ มีเพื่อนใหม่ และได้ทำอะไรสนุกๆ ทั้งโหดทั้งฮา มันจะเป็นความทรงจำที่ดีวันหนึ่งสำหรับผม
• • • • • • • •
“ยังไม่ไปอาบน้ำเหรอ”
ผมหยุดเท้าที่เตะทรายเล่น เมื่อเห็นว่าใครเดินมาหยุดยืนข้างๆ ผมยกยิ้มบาง
“ห้องน้ำคิวยาวครับ ผมเป่ายิงฉุบแพ้ ได้เข้าเป็นคนสุดท้ายเลย”
“หึๆ”
ผมมองตรงไปข้างหน้า ไม่กล้าหันไปมองพี่คีรินทร์ กลัวความเสียใจจะแสดงออกมาทางสายตา
“คืนนี้ช่วยอะไรพี่หน่อยสิ”
“ได้ครับ”
“ย้ายไปนั่งโต๊ะเดียวกับกลุ่มพี่หน่อย ทั้งสี่คนเลย”
ใจผมร่วงไปอยู่ที่พื้น แค่นี้ยังเกือบตาย ขืนย้ายไปนั่งโต๊ะเดียวกันจะรอดไหม
“คือผมว่า..”
พี่คีรินทร์หันหน้ามามองผม “พี่อยากให้ช่วยกระตุ้นทวีป คิดว่าทำได้ไหม”
“กระตุ้นพี่ทวีป?” ผมเลิกคิ้วขึ้น เกิดอาการงงเล็กน้อย “กระตุ้นทำไมครับ แล้วกระตุ้นเรื่องอะไร แล้วทำไมต้องเป็นพวกผมด้วย”
“ถามเป็นชุดแบบนั้นพี่จะตอบทันไหม” มือใหญ่วางลงบนหัวผม ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขำ
“ที่ให้ช่วยกระตุ้นเพราะมีคนปากแข็ง ไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง และหน้าที่นั้นคงไม่เหมาะกับพี่กับมิ่งเท่าไหร่”
“ปากแข็ง? พี่คีรินทร์พูดถึงเรื่องอะไรครับ ผมตามไม่ทัน”
“จำเพลงที่พี่ร้องเมื่อคืนได้ไหม”
“ครับ” ผมพยักหน้า พูดแล้วเจ็บจี๊ดขึ้นมาเลย
“มีใครบางคนขอให้พี่ร้อง และใครคนนั้นส่งโน้ตไปให้ทวีป มันเขียนว่า อยากให้ช่วยฟังเพลงนี้ เพราะทั้งหมดคือสิ่งที่อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม”
“ใครครับ?” คิ้วของผมขมวดเข้าหากัน ดวงตาที่มองมาเหมือนกำลังขำสีหน้าของผม
“หรือว่า...” ดวงตาของผมเบิกกว้างขึ้น “พี่เจนเหรอครับ! พี่เจนชอบพี่ทวีปเหรอครับ!!” หัวใจของผมเต้นรัว ร่างกายเหมือนได้รับพลังงานมหาศาล มันกลับมาสดใส ร่าเริงและคึกคักทันตาเห็น
“แต่..” ความสดใสผมลดลงเล็กน้อย เมื่อเริ่มลังเล “แต่พี่เจนไปไหนมาไหนกับพี่คีรินทร์ตลอด ผมไม่เคยเห็นชวนพี่ทวีปเลย ส่วนใหญ่ก็ติดสอยห้อยตามกันไปมากกว่า”
“ไม่รู้จักผู้หญิงเลยใช่ไหม”
รอยยิ้มของพี่คีรินทร์ ทำให้ดวงตาของผมเบิกกว้าง นึกเหตุผลออกทันที ที่ไม่ชวนพี่ทวีปก่อนเพราะไม่กล้าชวนสินะ ถึงต้องอาศัยพี่คีรินทร์เป็นตัวหลอก
“งั้นที่เห็นพี่เจนกับกลุ่มพี่คีรินทร์ทุกครั้งก็..”
“ใช่”
“ที่พี่เจนไปหาพี่คีรินทร์ที่ห้องวันนั้น ก็เรื่องพี่ทวีปเหรอครับ”
“ถามอะไรเยอะแยะ” พี่คีรินทร์หัวเราะขำความอะเลิร์ทของผม
“ตกลงจะช่วยพี่ไหม”
“ช่วยสิครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผิดจากเดิมเป็นคนละคน “เรื่องแบบนี้ไว้ใจพวกผมได้ จะแหย่จนพี่ทวีปไม่กล้าปากแข็งเลย คอยดูฝีมือเก้าอี้ได้เลยครับ”
“หึๆ”
“หัวเราะแบบนี้ไม่เชื่อผมเหรอ นี่เก้าอี้เลยนะครับ”
พี่คีรินทร์มองรอยยิ้มกว้างของผมนิ่ง ก่อนมือใหญ่จะวางลงบนศีรษะ
“สดใสแบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นเรา”
“ครับ?!”
“ไปอาบน้ำได้แล้ว เมื่อเช้าเราก็สายไม่ใช่เหรอ ขืนสายอีกทีระวังจะโดนทำโทษ”
“ไม่โดนหรอกครับ ผมมีพี่เทคกับพี่รหัสที่น่ารักมาก เดี๋ยวก็ช่วยแก้ตัวให้ผมเอง” ผมยิ้มประจบประแจงคนตัวสูง
“ไหนบอกพี่ว่าไม่ต้องเทคแคร์มากก็ได้ เกรงใจ”
ผมเม้มปาก ทำตาโต พูดอะไรออกไปวะกู แต่ในเมื่อพูดแล้วก็ต้อง...
“ผมไม่รู้เรื่องครับ ผมเป็นแมว” ผมทำตาวิ้งๆ ใส่พี่คีรินทร์ ผมบอกแล้วว่ามันได้ผลเสมอ เพราะคนตัวสูงหลุดยิ้มออกมา
“แมวดื้อน่ะสิ”
“ดื้อมากด้วยครับ ระวังผมไว้ให้ดีก็แล้วกัน” ผมย่นจมูกใส่พี่คีรินทร์
“ตกลงไม่ไปอาบใช่ไหม”
“เดี๋ยวก่อนก็ได้ครับ ผมแค่วิ่งผ่านน้ำเอง ไม่รีบๆ ”
“อืม งั้นพี่ไปเอง”
“อ้าวว พี่คีรินทร์~” ผมเรียกเสียงหลง แต่ร่างสูงเดินไปโดยไม่สนใจหันกลับมามองผมอีกเลย
“ใจร้าย” ผมตะโกนตามหลัง แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หัวใจพองโต มีความสุขจนร้องเพลงออกมา ทะเลทำไมมันสวยอย่างนี้วะ สวยจนหัวใจละละลายแล้ว
มานึกๆ ดู พี่คีรินทร์ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ผมช่วยเลย ทำไมถึงเล่าเรื่องพี่เจนกับพี่ทวีปให้ผมฟัง ทั้งที่ไม่ต้องเล่าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องบอกผมสักนิด เว้นแต่... ริมฝีปากของผมคลี่ยิ้มออกกว้าง หัวใจเต้นแรง เมื่อคิดถึงท่าทางและคำพูดของอีกฝ่าย
เว้นแต่...พี่คีรินทร์ไม่อยากให้ผมคิดมาก ถึงได้มาขอให้ช่วย
ใช่ ใช่ไหม!
โอ๊ยย ทำไมมันมีความสุขอย่างนี้วะ ชั่วโมงนี่ต้องมาแล้ว
มาแน่ๆ
ถึงเวลาของมันแล้วครับ
ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นไปเลยเก้าอี้เอ๊ยย เอ็งต้องได้เลื่อนขั้นแล้วงานนี้!!
-คีรินทร์-“ผมมีใครบางคนที่ต้องบอกเรื่องของเจนให้รู้ ไม่อยากให้เข้าใจผิด ได้ไหม”
“ได้สิ เราเชื่อใจคีรินทร์”
“ขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม เราต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่รบกวนคีรินทร์บ่อยๆ”
“จะเป็นไรไป เจนเป็นเพื่อนผม”
“ขอบคุณมากนะ ว่าแต่คนที่พูดถึงเป็นคนพิเศษใช่ไหม คีรินทร์ถึงไม่อยากให้เข้าใจผิด”
“แค่เด็กบ๊องน่ะ” สายตาของผมอ่อนแสงลง เมื่อนึกถึงใบหน้าทะเล้นของเก้าอี้
ก็แค่เด็กบ๊องคนหนึ่ง ที่ไม่อยากให้ทำหน้าเศร้า เพราะมันใจหายเวลาที่หันไปมอง ก็แค่กังวล ไม่สบายใจ ไม่อยากให้เข้าใจผิดเลยสักนิด
ก็แค่เด็กบ๊องคนหนึ่ง ที่ละสายตาไม่ได้แค่นั้นเอง
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin