มีฉากไม่เหมาะสมโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
.
.
เสียงเปิดประตูเรียกให้เด็กน้อยร่างบางที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างผวาเฮือก เปลวถอยกรูดไปจนชิดผนังตามสัญชาติญาณด้วยความเคยชิน โซ่เหล็กที่ล่ามข้อเท้าขาวข้างขวาไว้กระทบกับพื้นเสียงดังตามจังหวะการขยับเท้า แต่พอเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาคือแม่บ้านวัยชราที่เดินเข้ามาพร้อมกับถืออาหารว่างเข้ามาด้วยก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
รอยยิ้มอ่อนโยนของหญิงชราทำให้เปลวพอจะคลายหวาดกลัวลงได้บ้าง เพราะในบ้านหลังนี้คนที่ใจดีกับเขาที่สุดก็คือคุณป้า
แม้แต่คนที่เปลวเรียกว่าพ่อยังไม่เคยเห็นเขาเป็นลูกเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่จำความได้คุณพ่อก็พูดจาไม่ดีกับเขามาตลอด บางครั้งก็ตีเจ็บๆ ยิ่งหลังจากหย่าขาดกับคุณแม่เมื่อปีก่อนคุณพ่อยิ่งใจร้ายกับเขาขึ้นทุกวัน
“วันนี้คุณท่านกลับดึก คุณหนูอยากลงไปข้างล่างไหมคะ”
เปลวมองโซ่ที่ข้อเท้าของตนเอง นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธในที่สุด ครั้งก่อนที่คุณพ่อรู้เข้าว่าเขาออกไปจากห้องก็โดนทำโทษจนเข็ดขยาด แม้แต่คุณป้าที่เป็นคนปลดโซ่ให้ก็ยังโดนดุด่าไปด้วย เปลวไม่อยากให้คุณป้าต้องมาเดือดร้อนเพราะเขาอีกแล้ว ไม่ได้ออกไปก็ไม่เป็นไรหรอก เขาน่ะอยู่แต่ในห้องนี้จนชินแล้ว
“เอาไว้ป้าจะลองพูดกับคุณท่านให้อีกครั้งนะคะว่าให้ปล่อยคุณหนูออกไปข้างนอกบ้าง อยู่แต่ในห้องไม่ได้โดนแดดจนผิวขาวเป็นกระดาษแล้ว” หญิงชราพูดอย่างเห็นใจ แต่หล่อนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรได้มากนัก แม้จะอยู่รับใช้มาตั้งแต่สมัยคุณพ่อของคุณท่านแต่ก็ใช่ว่าหล่อนจะได้รับความเกรงใจจากผู้เป็นนาย
ครั้งก่อนที่ลองหยั่งเชิงว่าให้ปล่อยคุณหนูตัวน้อยออกมาจากห้องบ้าง แค่ให้ลงมาข้างล่างก็ยังดีแต่ก็โดนคุณท่านตวาดใส่เข้า หล่อนสงสารคุณหนูแต่ก็ทำได้เพียงแค่ช่วยดูแลเท่าที่ทำได้
ร่างบางส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร มองคุณป้าที่วางแก้วน้ำหวานกับเค้กเนยสดที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆลงบนโต๊ะให้
“คุณหนูทานขนมรองท้องไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพออาหารเย็นเสร็จแล้วป้าจะยกขึ้นมาให้”
เปลวพยักหน้า รอจนคุณป้าเดินออกจากห้องไปจึงเดินกลับมานั่งที่เตียง เสียงโซ่ล่ามข้อเท้าบาดลึกลงในใจของเขาทุกครั้งที่ได้ยิน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยชินเสียที หลายๆครั้งที่เปลวคิดว่าเขาเป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก แต่ทำไมคุณพ่อถึงทำเหมือนกับว่าเขาเป็นสัตว์เลี้ยง
นับตั้งแต่ที่คุณพ่อคุณแม่หย่ากันเปลวไม่เคยได้ออกไปข้างนอก ไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่ได้เจอเพื่อน ชีวิตของเขาถูกจำกัดอยู่แค่ในห้องนี้เท่านั้น
ดวงตากลมโตมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีส้มบอกให้รู้ว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ไม่นานนักความมืดก็เข้าปกคลุมไปทั่วห้องกว้าง เปลวเดินคลำทางในความมืดเพื่อหาสวิตช์ไฟจนเผลอปัดแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะตกลงมาแตก
เพล้ง!เด็กน้อยนิ่วหน้าเมื่อเท้าเหยียบกับเศษแจกันเข้าเต็มๆ ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆคลอเอ่อ เปลวเอื้อมมือไปเปิดไฟก่อนจะก้มลงมองเท้าขวาของตนเอง เลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกของมีคมบาดส่งกลิ่นคาวคลุ้งจนอยากอาเจียน เพราะไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่ทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ใช้มือกดห้ามเลือดแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะเลือดสีแดงเข้มไหลออกมาเปรอะเปื้อนเต็มมือเล็ก
สุดท้ายจึงตัดสินใจพาตนเองขยับมาใกล้ประตูอย่างยากลำบาก มือเล็กเปื้อนเลือดทุบประตูติดๆกันหลายครั้งเสียงดังจนเขาเองยังนึกกลัวว่าประตูจะพัง
กลิ่นคาวของเลือดทำให้เปลวเริ่มมึนหัว เขาอยากจะอาเจียนเพราะเห็นเลือดที่เจิ่งนอง เท้าข้างที่เป็นแผลเจ็บจนชาแทบไร้ความรู้สึก เปลือกตาหนักอึ้งจนฝืนลืมตาแทบไม่ไหว สติทั้งหมดกำลังจะดับมืดลง
สิ่งสุดท้ายที่รับรู้คือประตูที่เปิดออกพร้อมกับเสียงร้องอย่างตกใจของคุณป้า
“คุณหนู!!”
...
ชายหนุ่มวัยสามสิบห้ามองคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง สายตาว่างเปล่ายากจะคาดเดาว่ารู้สึกยังไงอยู่ มือหนาลูบไปตามเท้าเล็กที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล เขาต้องยกเลิกนัดกับลูกค้าคนสำคัญและรีบกลับบ้านเพราะแม่บ้านโทรไปบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่าเปลวบาดเจ็บ
พอมาถึงก็เห็นคนรับใช้ช่วยกันทำแผลให้อยู่ ส่วนเจ้าตัวสลบไม่ได้สติไปก่อนที่เขาจะมาถึง แม่บ้านบอกว่าแจกันตกลงมาแตกและเปลวคงจะเผลอเหยียบเข้าจนได้แผล
แต่ภคินไม่คิดแบบนั้น อยู่ๆแจกันจะตกลงมาแตกเองได้ยังไง เปลวก็แค่อยากเรียกร้องความสนใจ หลายๆครั้งที่วันไหนเขาต้องกลับบ้านดึกก็จะต้องมีเหตุให้ต้องกลับบ้านมาก่อนเวลาเพราะเจ้าเด็กนี่เป็นไข้บ้างล่ะ ปวดหัวบ้างล่ะ แต่ครั้งนี้ถึงกับลงทุนทำร้ายตัวเอง ลูกชายของเขาชักจะเอาใหญ่แล้ว
“ป้าว่าปลดโซ่ออกก่อนดีไหมคะคุณท่าน คุณหนูเธอเจ็บอยู่”
“คุณหนูของป้าไม่ตายง่ายๆหรอก โดนมามากกว่านี้ก็ไม่เห็นจะเป็นไร” ภคินว่าเสียงนิ่ง ทำให้หล่อนไม่กล้าพูดอะไรอีก
“มีอะไรก็ไปทำเถอะ ฉันจะดูเปลวเอง”
ผู้อาวุโสรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องไป ภคินถอดสูทตัวนอกพาดไว้ที่เก้าอี้เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำที่พับแขนขึ้นจนถึงข้อศอก นิ้วยาวไล้ไปตามกรอบหน้าหวานขาวซีด จดจ้องใบหน้าของคนหลับไม่วางตา ยิ่งโตเปลวก็ยิ่งเหมือนคนเป็นแม่แทบทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งใบหน้างดงามอ่อนหวานหรือแม้กระทั่งดวงตากลมสุกใส
ผู้หญิงมักมากไม่รู้จักพอนอกจากจะทิ้งเขาไปหาผู้ชายคนใหม่แล้วยังทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอไว้ข้างหลังเพื่อให้เป็นหนามคอยทิ่มแทงใจตอกย้ำเขาว่าตลอดหลายปีที่แต่งงานกันมาผู้หญิงคนนั้นไม่เคยซื่อสัตย์ต่อเขาเลย
เธอทิ้งลูกไปอย่างไม่ใยดี ไม่เคยแม้แต่จะติดต่อกลับมาถามว่าเปลวเป็นยังไงบ้าง ขนาดเธอเป็นแม่แท้ๆยังไม่รักลูกของตนเอง นับประสาอะไรกับเขาซึ่งไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเด็กคนนี้ทางสายเลือด
นอกจากคำว่าพ่อที่เปลวใช้เรียกเขาเพราะเข้าใจมาตลอดว่าเขาเป็นพ่อแท้ๆ แต่ให้ตายเขาก็ทำใจยอมรับลูกชู้ไม่ลง
ภคินชักมือกลับเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับตัว เปลือกตาสีอ่อนเปิดขึ้นช้าๆ และก็เป็นอย่างที่คิดว่าพอเห็นเขาเปลวก็ลุกขึ้นและถอยกรูดไปชิดกับหัวเตียงโดยไม่กลัวว่าจะกระทบกับแผล ริมฝีปากอิ่มขยับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
เอาแต่เงียบทำตัวเหมือนคนใบ้จนคนใช้ในบ้านเข้าใจว่าคุณหนูเปลวพูดไม่ได้เพราะเสียใจที่คุณพ่อคุณแม่แยกทางกัน
มีแต่เขาเท่านั้นที่ได้ยินเสียงของเปลว เพราะเด็กน้อยจะยอมเปล่งเสียงออกมาก็แค่ตอนมีเซ็กส์กับเขา
“สนุกไหมเปลวที่เอาเท้าไปเหยียบแจกันเล่น” ภคินถามพลางกระตุกยิ้มมุมปาก ร่างบางส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่าตนเองไม่ได้ทำแบบนั้น ชายหนุ่มหัวเราะหึ มือหยาบวางลงบนต้นขาของคนเป็นลูกพร้อมทั้งบีบขยำ
“คิดถึงพ่อจนถึงขนาดยอมทำร้ายตัวเองเลยเหรอ เรียกร้องความสนใจเก่งไม่เบานี่”
เปลวปัดมือหนาออกก่อนจะดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมร่างตนเองไว้ นั่นทำให้ภคินไม่พอใจ นัยน์ตาสีเข้มวาวโรจน์อย่างน่ากลัว
“เธอมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยหรือไง” ร่างสูงใหญ่ขยับขึ้นมาคร่อมทับ กดสองขาเรียวไว้ด้วยขาของตนเองจนเปลวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ พยายามผลักอกกว้างให้ออกห่างแต่คนมากวัยกว่ากลับรวบมือนั้นไว้และบีบแน่น
“อยากให้ฉันทำอะไรกับเธอดีล่ะเด็กน้อย แบบที่เธอชอบดีไหม” เขาหัวเราะเบาๆและดึงร่างบางให้นอนลงบนเตียง
เปลวดิ้นไปมาทำให้โซ่ที่ล่ามข้อเท้าอยู่กระทบกันจนเกิดเสียง รู้ได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้เพราะเขาต้องพบเจอกับมันอยู่แทบทุกคืน เด็กน้อยสะอื้นเมื่อเสื้อถูกฉีกกระชากออกจากร่างกาย เผยให้เห็นผิวขาวๆที่เต็มไปด้วยรอยจูบและรอยฟันที่ยังหลงเหลือร่องรอยอยู่
“ชอบล่ะสิ เวลาที่ฉันเอาเธอน่ะ” ใบหน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้ เปลวได้กลิ่นบุหรี่จากลมหายใจของคุณพ่อ ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะบดจูบลงมาอย่างรุนแรง จูบของคุณพ่อไม่เคยอ่อนโยน ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาได้กลิ่นเลือดและรสขมปร่าในโพรงปาก เรียวลิ้นถูกดูดดึงไม่ต่างจากกลีบปากที่ถูกขบกัดจนบวมช้ำ
ลิ้นร้อนลากเลียมายังปลายคางได้รูป เรื่อยมาจนถึงลำคอขาวหอมกลิ่นแป้งอ่อนๆ ฟันคมกัดผิวเนื้อบางให้ปรากฏรอยห้อเลือด เปลวจิกเล็บลงบนไหล่กว้างโดยอัตโนมัติยามเมื่อริมฝีปากชื้นเข้าครอบครองยอดอก ปลายลิ้นฉกชิมตวัดเลียอย่างช่ำชอง แผ่นอกบางแอ่นขึ้นตามความต้องการของร่างกายที่ถูกปลุกเร้า
“ร้องออกมาสิเปลว ให้ฉันได้ฟังเสียงของเธอหน่อย” ภคินเหลือบมองคนที่อ้าปากหอบกระเส่า เขาสะกิดยอดอกสีหวานด้วยปลายลิ้นย้ำๆก่อนจะดูดดึงจนติดริมฝีปาก เพียงเท่านั้นก็เรียกเสียงครางหวานๆได้ไม่ยาก
“อือ…อ๊ะ”
ชายหนุ่มใช้เวลาถอดปราการช่วงล่างของเด็กน้อยออกให้พ้นทางอย่างรวดเร็ว ส่วนน่ารักข้างล่างนั่นซื่อตรงต่ออารมณ์ของเจ้าของดีเหลือเกิน มันตั้งแข็งสั่นระริกน่าเอ็นดู ภคินเพียงใช้มือกำรูดเบาๆส่วนปลายสีชมพูก็มีน้ำปริ่ม
เปลวรู้สึกง่ายมาแค่ไหนแต่ไร แค่กระตุ้นนิดๆหน่อยๆก็พร้อมจะให้เขาสอดใส่เข้าไปเสียเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ยังก่อน วันนี้เขาอยากจะเล่นกับลูกชายสุดที่รักนานๆหน่อย
ภคินยกคนตัวเล็กขึ้นเปลี่ยนท่าให้อีกฝ่ายนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า เขาเอนหลังพิงหัวเตียงมองคนที่รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรแต่กลับนั่งนิ่งไม่ยอมทำ
“ทำสิ” เสียงทุ้มบอกสั้นๆ ดวงตาฉ่ำน้ำช้อนขึ้นมองพร้อมทั้งส่ายหน้า แต่พอถูกเขาจ้องกลับด้วยสายตาดุดันมือเล็กก็ยอมช่วยถอดเสื้อตามด้วยกางเกงของเขาออกในที่สุด แท่งเนื้อขนาดใหญ่ดีดเด้งออกมาเมื่อไร้ปราการขวางกั้น
มือสั่นเทาแตะลงบนส่วนร้อนจัดแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านั้นชายหนุ่มก็ขัดขึ้น
“เอามือออกแล้วใช้ปากของเธอ”
ร่างเปลือยเปล่าโก้งโค้งอยู่ตรงหน้าคนออกคำสั่ง ใบหน้าหวานก้มลงจนส่วนปลายของแท่งเนื้อสัมผัสโดนแก้ม เปลวประคองมันด้วยสองมือก่อนจะค่อยๆแลบลิ้นออกมาเลียบริเวณส่วนหัวแดงก่ำ ตวัดเลียจนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายและเปลี่ยนมาใช้ริมฝีปากครอบลงไป เพราะขนาดที่ยาวใหญ่ทำให้อมเข้าไปได้เพียงครึ่ง ส่วนที่เหลือจึงใช้มือช่วยรูดรั้ง
หัวกลมขยับเข้าออกตามจังหวะการใช้ปาก น้ำใสๆไหลย้อยลงมาตามมุมปากอิ่มเป็นภาพที่ละสายตาไม่ได้สำหรับคนมอง ภคินครางต่ำในลำคอ กระแทกเข้าใส่โพรงปากนุ่มอย่างยั้งไม่อยู่ เมื่อเปลวไอค่อกเพราะสำลัก ทำท่าจะผละออกไปเขาจึงกดหัวอีกฝ่ายไว้
“ทำให้เสร็จ อย่าดื้อ”
เปลวไม่เคยขัดคำสั่งของคุณพ่อได้สักครั้ง นิ้วเล็กเกี่ยวเส้นผมที่ตกลงมาระเกะระกะใบหน้าทัดหูก่อนจะอมส่วนแข็งขืนนั้นเข้าไปอีกครั้งจนสุดความยาว เลียวนรอบๆเน้นย้ำตรงส่วนหัวที่ปริ่มน้ำข้นขาว เสียงกระเส่าของชายหนุ่มทำให้เปลวรู้สึกเสียววูบในท้อง เขารู้สึกดีหากทำให้คุณพ่อพอใจได้
“อา…ดีมาก อ่า…ใกล้แล้ว” มือหนาจับหัวเล็กที่สั่นคลอนไว้แน่น ขยับสะโพกใส่อีกเพียงไม่กี่ครั้งก็ใกล้ถึงจุดหมาย ภคินถอนแท่งเนื้อร้อนฉ่าออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ปล่อยให้น้ำกามแตกพรูใส่เต็มใบหน้าหวาน มือเล็กปาดคราบคาวออกจากใบหน้า กลีบปากบวมช้ำจากการกระทำที่เพิ่งจบลง พวงแก้มขาวซีดเริ่มมีสีเลือดฝาด
เปลวร้องอย่างตกใจเมื่อถูกยกตัวขึ้นให้นั่งบนตักของคนเป็นพ่อ
ภคินกดสะโพกมนให้แนบชิดกับส่วนนั้นของเขา เสียงโซ่ที่กระทบกันของเปลวยามที่เจ้าตัวขยับดิ้นยิ่งทำให้ความต้องการของเขาพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิม ร่างบางขยับไปมาอยู่บนตักกว้างดื้อจะดิ้นหนี แต่ก็ถูกชายหนุ่มกดขาไว้
“อย่าดิ้น ไม่เจ็บแผลหรือไง”
“อือ…อื้อ” ภคินรู้ว่าทำไมลูกชายของเขาถึงได้พยศแบบนี้ ส่งเสียงประท้วงจิกไหล่เขาไม่หยุด เปลวไม่ชอบเวลาเขาจับให้อยู่ในท่านี้ แต่น่าเสียใจแทนเด็กดื้อที่เขาดันชอบมัน
“บอกฉันสิว่าเธอจะเอาอะไร” มือหนานวดเฟ้นแก้มก้นอิ่มตึง ยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่ม เขาพอใจกับความคับแน่นที่บีบรัดเหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง สองนิ้วขยับช้าๆอยู่ในร่างกายของคนบนตัก เปลวครางแผ่วๆยอมพูดออกมาในที่สุด
“อ๊ะ…คุณพ่อ”
“ครับ ว่าไง”
“เปลวไม่ชอบ…แบบนี้” เสียงหวานปนแหบเอ่ยบอก สองแขนโอบรอบคอคนเป็นพ่อไว้เมื่อสองนิ้วร้ายกาจขยับเร็วขึ้นจนเกิดเสียงเฉอะแฉะ ภคินกระทุ้งนิ้วแรงๆแกล้งร่างบนตักให้บิดเร่าอย่างทรมาน ตัวขาวๆแดงจัดน่ามอง เขาถึงชอบนักที่ได้แกล้งเปลวให้เกิดความต้องการอย่างหนัก
“แต่ฉันชอบนะ ชอบให้เธอขย่มบนตัวฉัน” ชายหนุ่มบอกชิดริมฝีปากสีสดพร้อมทั้งยกสะโพกของอีกฝ่ายขึ้น ก่อนจะสั่งเพราะรู้ว่ายังไงเปลวก็ไม่มีทางปฏิเสธเขาได้
“นั่งลงมา”
เด็กน้อยกัดริมฝีปากตนเอง ทิ้งตัวลงให้ช่องทางร้อนค่อยๆกลืนกินแท่งเนื้อใหญ่ทีละนิด ภคินขบกรามอย่างอดกลั้น เขาอยากจะกระแทกเข้าไปให้สุดเสียตอนนี้ แต่ก็อยากเห็นเปลวเป็นฝ่ายทำเองมากกว่า
เมื่อนั่งลงมาจนสุดร่างบางถึงกับตัวสั่น มือหนาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าอย่างปลอบประโลม
เปลวชอบให้เขาทำรักอย่างอ่อนโยน แต่ก็ไม่บ่อยนักที่เขาจะควบคุมตนเองได้ บ่อยครั้งถึงได้ลงแรงจนเช้าวันต่อมาลูกชายตัวน้อยถึงกับนอนซม
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ขยับ” ภคินลูบมือไปตามส่วนเว้าโค้งของร่างกายบอบบาง ประคองเอวของคนตัวเล็กไว้ในยามที่เปลวเริ่มขยับตัวขึ้นลง พอได้ที่แล้วเขาแทบไม่ต้องช่วยอะไรเพราะอีกฝ่ายสามารถทำเองได้อย่างถึงอกถึงใจทีเดียว ร่างขาวๆที่ขย่มอยู่บนตัก บิดเร่าไปมาส่งเสียงครางหวานหู
เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเหตุผลที่เขาอยากจะเก็บเปลวไว้คนเดียวไม่อยากให้ใครเห็น
ถึงปากจะชอบบอกว่าไม่ แต่ภคินรู้ว่าเจ้าตัวน้อยเสพติดในเซ็กส์จนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ร่างกายนี้ราวกับถูกสร้างมาเพื่อรองรับความต้องการของเขา
“อ๊ะ…อึ่ก คุณพ่อ อื้อ…เจ็บ” เปลวร้องบอกในตอนที่ชายหนุ่มกระแทกสะโพกสวนขึ้นมา ช่องท้องของเขาจุกจนบิดเกร็ง เล็บยาวจิกหัวไหล่หนาไว้แน่น ทั้งเจ็บและจุกขยับแทบไม่ไหว
“เรียกชื่อฉันสิ อยากให้ทำนักไม่ใช่เหรอ ถึงกับยอมเจ็บตัวเชียวนะเปลว” น้ำเสียงของคนพูดกลั้วหัวเราะ จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมจากซอกคอขาวซ้ำๆ ยิ่งเวลามีอะไรกันแบบนี้กลิ่นกายของเปลวยิ่งหอมเย้ายวน สองมือของภคินขยำสะโพกอวบอิ่ม จับแก้มก้นแหวกออกเล็กน้อยก่อนจะกดคนบนตักให้ขย่มเร็วขึ้น
“อา…แน่นมาก เสียวไหมคนดีของพ่อ”
“ฮึ่ก…อ๊า คิน มันจะออก อ๊ะ” ร่างบางครางเรียกชื่อคนที่รังแกเขาจนแทบหายใจไม่ทันอยู่แล้ว แท่งเนื้อที่เสียดสีอยู่กับหน้าท้องแกร่งเปียกแฉะไปด้วยของเหลวสีขุ่น ภคินช่วยรูดรั้งส่วนอ่อนไหวที่สั่นระริกอย่างน่าสงสารนั่น เปลวตัวเกร็งกระตุกปลดปล่อยออกมาเต็มมือของเขา
ช่องทางที่เพิ่งเสร็จสมหมาดๆตอดรัดถี่ยิบจนชายหนุ่มแตกใส่ข้างในโพรงร้อนตามไปติดๆ
“อื้อ…ไม่ชอบให้ปล่อยข้างใน”
“ไม่ทันแล้วครับ พ่อแตกใส่ข้างในตัวหนูไปแล้ว” ภคินขยับอีกครั้งเพื่อฉีดพ่นน้ำรักไว้ในตัวอีกฝ่ายจนหมดทุกหยาดหยด พอเขาปล่อยมือออกจากเอวบางเท่านั้นเปลวก็ตัวอ่อนปวกเปียกเอนซบลงมาบนอก มองเลยไปยังข้อเท้าเล็กที่เป็นรอยแดงจากการเสียดสีของโซ่และเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผล
“ดิ้นมากแผลปริเลยเห็นไหม เดี๋ยวฉันเรียกคนมาทำแผลให้ใหม่” ชายหนุ่มถอนกายออกมาส่งผลให้ของเหลวข้นคลั่กบางส่วนไหลย้อยออกมาด้วย ก่อนจะอุ้มลูกชายตัวน้อยลงจากตักให้นอนลงบนเตียง
เปลวส่ายหน้ามุดตัวหายเข้าไปในผ้าห่มเพราะไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นเขาในสภาพแบบนี้ แต่พอพูดไม่รู้ฟังก็ไม่พ้นโดนดุอีก
“ถ้าไม่ทำแผลก็ตัดเท้าทิ้งไปซะ เลือกเอา”
เปลวไม่มีทางเลือกซ้ำยังกลัวคำขู่ของคุณพ่ออีกต่างหากเลยยอมพยักหน้า
“ก็แค่นั้น” ภคินหยิบเสื้อผ้าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาใส่ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ดวงตากลมโตมองตามกระทั่งประตูปิดลง มือเล็กเลิกผ้าห่มออกเพื่อมองแผลของตนเองที่มีเลือดซึมออกมาจริงๆ ตอนนั้นเองที่เปลวรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด
คุณพ่อก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันใช่หรือเปล่านะ
…
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆว่าพอวันถัดมาเปลวจะป่วยเพราะแผลที่เท้า แม่บ้านขอร้องภคินว่าให้หยุดงานสักวันเพื่ออยู่เฝ้าตัวปัญหาเพราะเวลาป่วยเปลวจะงอแงจนใครต่อใครก็รับมือไม่อยู่ แต่กับเขาเปลวไม่กล้าจะเอาแต่ใจด้วยนักหรอก แค่ตวาดใส่ทีเดียวก็กลัวจนตัวสั่นแล้ว
เด็กนั่นกลัวเขามาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ก็ดีแล้ว กลัวเขาเยอะๆน่ะดีจะได้ไม่กล้าหนีไปไหน
สาวใช้ที่เพิ่งถือถาดอาหารออกมาจากห้องนอนค้อมศีรษะให้เขา ภคินมองข้าวต้มในชามที่ไม่พร่องลงไปเลยแม้แต่น้อย เปลวคงจะไม่ยอมแตะสักคำ
“ไม่ยอมกินเหรอ”
“ค่ะคุณท่าน คุณหนูดื่มนมไปแค่นิดเดียวแต่ไม่ยอมทานข้าวเลย เธอตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้ด้วยค่ะ”
เขาโบกมือบอกให้เธอไปได้ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องของคนป่วย เจ้าตัวเล็กนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงโดยหันมองออกไปนอกหน้าต่าง ชายหนุ่มยืนไปหยุดอยู่ปลายเตียง เจ้าของห้องรับรู้ถึงการมาของเขาจึงหันมามอง ภคินสังเกตเห็นว่าตากลมโตนั้นแดงก่ำ
“ทำไมไม่กินข้าว”
เปลวส่ายหน้าแทนคำตอบว่าไม่หิว ภคินถอนหายใจพร้อมนั่งลงบนเตียง แตะมือไปตามใบหน้าหวานและลำคอเพื่อวัดอุณหภูมิ ตัวยังรุมๆอยู่เล็กน้อยแต่เด็กรับใช้บอกว่าเพิ่งให้กินยาไป ตาแดงๆฉ่ำน้ำของร่างบางทำเอาเขาหงุดหงิดขึ้นมา
เข้าใจได้ว่าคนป่วยมักจะอารมณ์อ่อนไหว แต่คิดจะร้องไห้ก็ร้องอย่างไม่มีเหตุผลมันน่ารำคาญ
“แล้วร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรเธอ”
คนป่วยเม้มปากส่ายหน้าอีกครั้ง คราวนี้ถึงกับโดนชี้หน้าดุจนสะดุ้ง
“อย่าเงียบใส่ฉัน พูดออกมาเปลว” เขาไม่เคยบังคับเรื่องที่เปลวจะพูดหรือไม่พูด อยากจะมีเสียงไว้ร้องแค่ตอนนอนด้วยกันเขาก็ไม่ว่า แต่บางเรื่องเอาแต่ส่ายหน้าอยู่แบบนี้คงจะรู้เรื่องกันหรอก
“เปลวคิดถึงคุณแม่”
ภคินถึงกับกำมือแน่นเมื่อได้ฟังคำตอบ ไม่พอใจทุกครั้งหากเปลวพูดถึงคนอื่น ถึงแม้จะเป็นแม่ของเจ้าตัวก็ตาม ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวคนนั้นไม่ควรได้รับความคิดถึงจากใครทั้งนั้น
“ป่านนี้แม่เธอคงมีลูกใหม่ไปแล้ว อาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีเธอเป็นลูกอีกคน” ถ้อยคำร้ายกาจหลุดออกมาจากปากด้วยอารมณ์โมโห เปลวส่ายหน้าน้ำตาไหลพร่างพรู ถอยหนีเมื่อคุณพ่อเข้ามาใกล้และกระชากแขนเขาพร้อมทั้งตวาดเสียงดัง
“อยู่กับฉันเธอจะคิดถึงคนอื่นทำไม! หรือว่าอยู่กับฉันแล้วไม่มีความสุข”
“คุณพ่อโกรธเปลวเหรอ” เด็กน้อยถามเสียงเบาอย่างหวาดกลัว แต่ถึงอย่างนั้นก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธมากกว่า ถึงคุณพ่อจะใจร้ายชอบทำให้เจ็บอยู่เรื่อยแต่เขาก็รักคุณพ่อมากที่สุดอยู่ดี มือเล็กแตะมือที่บีบแขนเขาอยู่และลูบเบาๆคล้ายจะบอกให้ใจเย็นลง
“ขอโทษ เปลวไม่คิดถึงคุณแม่แล้วก็ได้” ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองใบหน้านิ่งเฉยของคนตรงหน้า แรงบีบที่แขนคลายลงก่อนที่ภคินจะพรูลมหายใจและหันหน้าหนี
เปลวขยับเข้ามาใกล้ ยืนเข่าอยู่ตรงหน้าคนเป็นพ่อ สองมือเล็กๆประคองใบหน้าคมให้หันกลับมา
“อยู่กับคุณพ่อเปลวมีความสุขนะ”
ภคินจับมือเล็กมาจูบเบาๆ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเปลว แต่ตอนนี้ริมฝีปากสีสดนั่นกำลังคลี่ยิ้มน้อยๆ นิ้วยาวลูบนิ้วเรียวสวยของลูกชายตัวน้อยอยู่แบบนั้น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีอัลมอนด์ก่อนจะถาม
“รักฉันไหม ชอบหรือเปล่าที่ฉันกอดเธอ จูบเธอ”
“เปลวรักคุณพ่อ ชอบทุกอย่างที่คุณพ่อทำกับเปลว อย่าโกรธเปลวเลยนะครับ”
ชายหนุ่มรั้งเอาร่างบอบบางเข้ามากอด มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ฝ่ามือหนาลูบแผ่นหลังร้อนผ่าวเพราะพิษไข้แผ่วเบา บอกชิดใบหูขาวซึ่งเด็กน้อยก็พยักหน้าตอบรับในทันที
“อยู่กับฉันตลอดไปนะเปลว”
“อื้อ เปลวจะอยู่กับคุณพ่อตลอดไปเลย”
ภคินยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบนั้น เปลวจะต้องอยู่กับเขาตลอดไป เพราะต่อให้เปลวมีปีกสามารถบินหนีไปได้ดั่งใจ เขาก็จะตามร่างบางกลับมาและหักปีกนั้นทิ้งเสีย
END.
เราแต่งเรื่องสั้นไว้เยอะมาก ส่วนมากก็แนวๆนี้5555 ชอบไม่ชอบยังไงก็บอกกันได้ค่ะ
เจอกันโอกาสหน้านะคะ จะแว้บมาลงบ่อยๆเมื่อขยัน รักค่า
#คลังเรื่องสั้นคป