...หลงรูป... (18+) หลงที่1. หลงรูป(ภาพ) 4/4 Up 06/05/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...หลงรูป... (18+) หลงที่1. หลงรูป(ภาพ) 4/4 Up 06/05/61  (อ่าน 5487 ครั้ง)

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






      ความรักที่บิดเบี้ยว ความหลงใหลคลั่งไคล้ที่ไม่อาจจะห้ามใจ ส่งผลให้เกิดความหอมหวานดุจดังยาพิษร้ายที่หากเพียงได้ลิ้มรส ก็ไม่อาจจะถอนตัว





       เรื่องสั้น5เรื่องในหลงรูป ที่จะบอกเล่าถึงความบิดเบี้ยวที่ชวนให้หลงใหล หรือความคลั่งไคล้จนสามารถกระทำบางสิ่งลงไปได้

 

 

-รูปภาพ-

    เรื่องราวของเฟียซมนุษย์เงินเดือนทั่วไปที่เกิดถูกใจและหลงใหลไปกับภาพของจิตกรชื่อดังนามว่า เหมันต์ ที่แม้ปรารถนาจะครองครองเท่าไหร่ก็ไม่อาจจะสู้ราคาได้ แต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การกดซื้อบัตรเข้าชมนิทรรศการงานภาพเขียนของเหมันต์เท่านั้น แม้ว่าไม่ได้ครอบครองแค่ได้มองก็ยังดี แต่ใครจะรุ้ว่า ชีวิตของเฟียซจะไม่เหมือนเดิมอีกนับจากวันนั้น...

 

 

 

 

-รูปร่าง

Loading

 

 

-รูปทรง-

Loading

 

 

-รูปงาม-

Loading

 

 

-รูปโฉม-

Loading

 

 

               แมวเขียนเรื่องนี้ให้เป็นเซ็ตของหลงรูป ที่มีคำว่ารูปเป็นตัวแปรหลัก พร้อมกับสะท้อนสังคมและความแปลกแหวกแนวเหมือนที่ผ่านมา ใครเคยอ่านคลินิกมารักษ์มาก่อนคงจะรู้ แต่รับรองความแซ่บว่ายังคงเดิมไม่เปลี่ยน แต่เพิ่มความโรคจิตเข้าไปอีกนิดให้มีรสชาติเพิ่มขึ้น เรื่องนี้แน่นอนว่าสิบแปะ แค่ก แอด บวกนะจ๊ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2019 13:47:14 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ...หลงรูป... (18+)
«ตอบ #1 เมื่อ30-12-2018 12:34:26 »

ติดตามค่ะ
 :katai5:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ...หลงรูป... (18+)
«ตอบ #2 เมื่อ30-12-2018 19:10:55 »

เข้ามารอ....ออออออออ ความ 18+   :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: ...หลงรูป... (18+)
«ตอบ #3 เมื่อ30-12-2018 20:16:09 »

ปูเสื่อรอออออออ  :impress2:

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
 ในวันอาทิตย์ที่แสนจะวุ่นวาย ผม นายอัศดล หรือเฟียซต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าทั้งที่เป็นวันหยุด ในวันนี้มีนิทรรศการรูปภาพของจิตรกรชื่อดังที่ผมชื่นชมเขาอย่างมาก ทั้งที่ผลงานส่วนใหญ่ราคาจะสูงจนเรียกได้ว่าแพงหูฉี่ ราคาถูกสุดก็เริ่มที่เลขหกหลัก ซึ่งมนุษย์เงินเดือนแบบผมคงไม่มีหวังที่จะได้ครอบครอง แต่ผมเคยเดินผ่านแถวๆ ตลาดที่มีคนนำเอาภาพก๊อบปี้มาขายในราคาหลักพัน ซึ่งผม...ไม่ซื้ออย่างแน่นอนครับ

ในเมื่อผมชื่อชอบผลงานของเหมันต์ ผมย่อมไม่สนับสนุนคนที่ลอกเลียนแบบผลงานอันน่าชื่นชมมาขายเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองหรอก แล้วอีกอย่าง...อารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมาในรูปนั้นมันก็ไม่มีความคล้ายคลึงกันเลย ผมคือคนที่คลั่งไคล้ผลงานของจิตรกรเหมันต์ ไม่ใช่รูปกะโหลกกะลาที่สักแต่ว่าจะวาดออกมาให้เสร็จ

โทนสีและการไล่แสง ความลงตัวของลวดลายและสิ่งต่างๆ ที่เขาวาดมันลงไป ช่างดึงดูดผมได้ดีเหลือเกิน คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจในเรื่องของศิลปะ ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ได้เก่งจนสามารถเข้าใจถึงจิตวิญญาณของพวกเขา แต่มีเพียงแค่ผลงานของเขาเท่านั้นที่ทำให้ผมหลงใหลจนร้อนรุ่มอยากได้มาครอบครอง

ผมยืนมองบัตรเข้างานที่พยายามแทบตายกว่าจะกดซื้อมาได้ด้วยการยอมอดหลับอดนอนนั่งโอทีอยู่หลายคืน เพื่อจะมาซื้อบัตรที่แสนแพงใบนี้ จนในที่สุดมันก็มาอยู่ในมือของผมเสียที ผมสูดลมหายใจลึก มองประตูที่ผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้าไปด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นสุดๆ หัวใจของผมเต้นโครมครามไม่หยุด มันพองโตจนคับอกเล่นเอาผมหายใจแทบจะไม่ออก

ผมควรเดินเข้าไปเลยไหม? หรือควรจะทำอะไรก่อนดี

ผมเดินเข้าประตูไป แต่แทนที่ผมจะเดินมุ่งไปสู่ห้องจัดการแสดงภาพ ผมกลับเดินเข้าไปในห้องน้ำแทน ผมยืนมองตัวเองหน้ากระจก มองดวงตาที่แสนดำคล้ำจากการอดนอนด้วยความอนาถใจ เสื้อผ้าหน้าผมของผมก็ใช่ว่าจะดูแพงดูหรู เป็นแค่เสื้อยืดสกรีนลายเจ้าหนูสีกำชุดแดงที่เป็นการ์ตูนดังที่ผมซื้อมาในราคา199บาทหน้าตลาด กางเกงยีนสีซีดที่บ่งบอกได้อย่างดีว่าถูกใช้งานมานานกว่า3ปี ผมที่เริ่มยาวจนใกล้จะปกคลุมดวงตาทำให้ผมต้องเอากิ๊บสีดำของน้องมาติดเอาไว้ไม่ให้มันร่วงลงมาบดบังการมองเห็น

ผมก็แค่คนผิวสีแทนธรรมดา ไร้เสน่ห์ดึงดูดใดๆ ให้สาวๆ มาสนใจผม แต่ส่วนใหญ่ผมจะมองที่หน้าอกหน้าใจของพวกเธอเสียมากกว่า ไม่ใช่คิดจะเอาพวกเธอมาเป็นแฟน แค่เป็นความรู้สึกแบบ...มันดึงดูดสายตามากกว่าใบหน้าหรือนิสัย ผมไม่ใช่คนหื่น แค่ชอบและมองในสิ่งที่ผมชอบเท่านั้น และมันก็ไม่ได้แปลกอะไรจริงไหม คนเรามักจะชอบมองในสิ่งที่ชอบ เหมือนที่ผมชอบมองภาพของคุณเหมันต์ ก็เพราะผมชอบเช่นกัน

ผมเลิกมองตัดสินใจเดินออกมาจากห้องน้ำเมื่อนึกได้ว่าควรจะเข้างานไปได้แล้ว ไม่อย่างงั้นผมคงเสียเงินไปเปล่าๆ

ภาพมากมายถูกนำมาแสดง ผมมองหาคนที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นคุณเหมันต์คนนั้น ผมอยากได้ลายเซ็นเขา อยากจะถามเขาตรงๆ ว่าในระหว่างที่เขาวาดรูปไปนั้น เขาคิดถึงอะไรกัน คนอื่นอาจจะวาดมันด้วยความเศร้า ความเสียใจ หรือความสุข แต่ของคุณเหมันต์ผู้นี้กลับเต็มไปด้วย ความเร่าร้อน ความทะเยอทะยาน และความร้อนแรงที่แทบจะแผดเผาให้มอดไหม้จนเป็นจุณ

เมื่อชะเง้อคอมองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ผมจึงเลิกล้มความตั้งใจและหันไปสนใจรูปของเขาแทน รูปแรกที่ทำให้เขาโด่งดังคือภาพของท้องทะเลสีแดงกับความบิดเบี้ยวของมัน ผมหยุดมองมันไม่ได้เลย ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเองถูกกอดรัดอย่างรักใคร่หลงใหลจนไม่อยากปล่อยจากอ้อมแขนของใครบางคน ผมรับรู้ความรู้สึกของภาพนั้นได้ดีจนน่ากลัว ยิ่งมองมากเท่าไหร่ยิ่งหนีจากความรู้สึกที่ประดังเข้ามาไม่ได้

“โอ๊ะ! ขอโทษด้วยครับ” ผมยิ้มให้เขาพร้อมกับผงกหัวรับคำกล่าวขอโทษของเขาอย่างไม่ถือสา ออกจะอยากขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ดึงเอาผมออกมาจากความหลงใหลนั้น

มันน่ากลัวเหลือเกิน แต่ก็น่าค้นหาไม่ต่างกัน

ผมอยากจะยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามรูปภาพนั้น แต่ก็ไม่อาจแตะต้องมันได้ ด้วยสองมือของผมมันต่ำต้อย อาจจะทำให้คราบต่างๆ ติดไปกับความสวยงามนี้จนทำให้เกิดรอยมลทินที่จะทำให้ภาพนั้นเสียราคาไป ผมคงทนไม่ได้ที่จะเป็นคนทำลายผลงานที่แสนยอดเยี่ยมนี้ด้วยมือของตัวเอง

สวยงามจนต้องหลงใหล งดงามจนแทบจะคลั่งไคล้

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองต้องมนต์กับภาพนั้น ได้แต่มองมันด้วยความปรารถนา สิ่งที่ผมทำได้คือมอง แค่มองมันเพียงแค่นั้น ผมไม่มีสิทธิ์จะครอบครอง ไม่มีสิทธิ์จะไปหลงใหลกับความงดงามนี้ คนที่ไม่มีเงินหกหลักจะสามารถเป็นเจ้าของความสวยงามนี้ได้ยังไง คุณเหมันต์ช่างเก่งกาจเหลือเกิน สามารถถ่ายทอดห้วงอารมณ์ที่ซับซ้อนออกมาได้อย่างลงตัวแบบนี้ มันช่างน่าปลาบปลื้มใจ ผมอยากจะเจอเขาสักครั้ง อยากรู้จักกับคนที่ทำให้ผมแทบบ้าแบบนี้สักที

ภาพตรงหน้าเริ่มถูกบดบัง ผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนมองมันมานานเท่าไหร่ แต่มันคงนานมากเพราะในตอนนี้ผู้คนเริ่มมากขึ้นจนเต็มพื้นที่ไปหมด การเบียดเสียดจึงเกิดขึ้น ผมเอื้อมมือออกไปข้างหน้า หวังจะไขว่คว้าเอาความสวยงามนั้นมาไว้ในมือ แต่ผมก็จับต้องได้เพียงแค่สายลม แค่ความว่างเปล่าของอากาศที่ลอดผ่านระหว่างนิ้วไป

อยากได้เหลือเกิน อยากให้มันมาเป็นของผม

ผมคิดแบบนั้นจริงๆ ผมหลงใหลมันจนถอนตัวไม่ขึ้น เขาใช้มนต์สะกดไหนกันถึงสามารถทำให้ผมทุรนทุรายกับภาพเพียงภาพเดียวได้ขนาดนี้ แต่ผมไม่มีเงิน ในบัญชีมีแค่หลักหมื่นซึ่งไม่เพียงพอให้ได้ครอบครองมัน แม้ว่าผมจะโหมทำงานจนร่างกายพังไป มันก็คงทำให้ผมตายฟรีเสียมากกว่า เพราะกว่าที่ผมจะได้เงินครบ คงมีเศรษฐีสักคนมาซื้อมันพร้อมกับเอากลับบ้านไปแล้ว ผมครุ่นคิดอย่างจริงจัง จนความคิดบางอย่างแล่นผ่านหัวไปอย่างรวดเร็ว

ดวงตาของผมฉายแววมุ่งมั่น ผมคงยอมให้ใครครอบครองมันไม่ได้ ผมถูกใจ ต้องใจมันมากกว่าใครในนี้ จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจความน่าหลงใหลของมัน ทุกคนล้วนแต่มาเพราะชื่อเสียงของคุณเหมันต์เท่านั้น มีแค่ผมคนเดียวที่ชอบผลงานของเขา ไม่คิดจะเห็นหน้าค่าตา ผมชอบสิ่งที่เขาวาดออกมา ไม่ใช่ตัวของเขา เพราะแบบนั้น มันถึงควรจะไปอยู่กับผม มันถึงได้เหมาะกับผมมากกว่าใครคนไหน และผมจะไม่ยอมปล่อยมันไป

“รอ...รอนะ บทเพลงแห่งเกลียวคลื่น

ผมยิ้มน้อยๆ พร้อมกับบอกให้ภาพนั้นได้รอผม คืนนี้ คืนนี้ผมจะทำในสิ่งที่ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดทำมาก่อน แต่เพื่อมัน เพื่อรูปบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นนี้ ผมยินดีจะเสี่ยงทุกอย่างให้ได้มันมา!







•~*.*~• •~*.*~• •~*.*~• •~*.*~•


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2019 14:10:05 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
เมื่อแสงไฟจากตัวอาคารถูกปิดลง ผมก็เริ่มขยับเนื้อตัวเพื่อเตรียมพร้อมกับสิ่งที่คิดจะทำต่อไปนี้ ซากเศษอาหารและน้ำดื่มที่ผมกินมันเพื่อรอเวลายังคงอยู่ไม่ไกล แต่เพื่อการทำลายหลักฐานที่อยู่หรืออะไรต่างๆ ผมจึงเก็บพวกมันไปทิ้งลงถังอย่างดี ก่อนจะกลับมายืนที่เดิมอีกครั้ง และเฝ้ารอคอยเวลา...

พี่ยามเริ่มขยับ พนักงานคนสุดท้ายเดินออกมาแล้ว

ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่ผมทำโอทีจากบริษัทของผมแล้ว ทุกครั้งที่ไม่มีคน ประตูหน้าไม่ได้ถูกล็อก มีแต่พี่ยามเท่านั้นที่เฝ้าประตูเอาไว้ แต่ทุกคนย่อมมีความประมาท พี่ยามที่ต่างๆ ก็มักจะชอบหลับเช่นกัน ผมจึงต้องรอ และรอเวลานั้น และเชื่อเถอะว่ามันคงไม่นาน

พี่ยามเริ่มง่วงแล้ว เขาเริ่มปิดปากหาว

จากนั้นก็เริ่มเอนศีรษะลงนอนบนโต๊ะด้านหน้าอย่างเคย ผมเห็นแบบนี้จนชิน มองดูแล้วเหมือนเห็นสเต็ปการนอนของคนหนึ่งคนเท่านั้น แต่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีประโยชน์ขึ้นมาในตอนนี้ มือผมสั่นไปหมด ขาผมก็สั่นจนแทบจะยืนไม่ไหว ยิ่งใกล้เวลามากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งตื่นเต้นจนแทบจะอยู่ไม่เป็นสุข กาแฟแก้วที่สองถูกบีบจนบุบเมื่อผมดื่มมันจนหมด ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าตัวเองไม่ควรกินกาแฟมาก แต่ในเวลานี้คงคิดถึงร่างกายตัวเองไม่ได้ เพราะในหัวผมมีแต่ภาพนั้นเท่านั้น

ยังไงก็ต้องช่วงชิงมาให้ได้!

ผมมองจนแน่ใจว่าพี่ยามคนนั้นได้นอนหลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้เดินเข้าด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุด ผมหันซ้ายแลขวาด้วยความหวาดระแวง กลัวเหลือเกินว่าจะมีใครเข้ามาเห็นผมในตอนนี้ ผมค่อยๆ ก้าวเข้าไปช้าๆ เสียงกรนดังขึ้นมาจนกระทบประสาทหู ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าในตอนนี้พี่ยามคงจะกำลังฝันดี ผมเม้มริมฝีปากแน่น มือจับประตูกระจกเอาไว้ ค่อยๆ ผลักมันให้เปิดออกช้าๆ ด้วยกชัวว่ามันจะเกิดส่งเสียงดังจนพี่ยามของเราจะตื่นขึ้นมา

แล้วผมก็ทำสำเร็จ! ผมสามารถเข้ามาในนี้ได้แล้ว!

ผมแทบจะตะโกนร่องไชโยด้วยความดีใจ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เสร็จภารกิจผมจึงรีบวิ่งเข้าไปด้านในแม้ว่าไฟจะถูกปิดหมดแล้วก็ตาม ผมล้วงเอามือถือตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกง เปิดไฟฉายจากตัวเครื่องแล้วส่องไปตามทาง ความมืดมันน่ากลัวนะครับ ถ้าเป็นปกติผมก็คงไม่เข้ามาหรอก แต่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ ผมเดินไปตามทางที่คุ้นเคย มองตรงไปข้างหน้าก่อนจะเห็นจุดนั้นที่ผมเคยยืนอยู่ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

ผมต้องรีบสาวเท้าเข้าไปอย่างใจร้อน มองภาพที่ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าผมอีกครั้งอย่างหลงใหล ผมไม่สามารถยับยั้งช่างใจได้เลย มันคือความงดงามที่เรียกร้องให้ผมพามันกลับไปด้วย ให้ผมครอบครองและเป็นเจ้าของมันแต่เพียงผู้เดียว ภาพบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นมันเป็นภาพเดียวที่ผมปล่อยไปไม่ได้ ผมพยายามห้ามตัวเองแล้ว พยายามตัดใจแล้ว แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้เลยสักนิด ผมจึงเลือกทำแบบนี้ แทนการกลับบ้านไปนอนร้องไห้ไง

ผมรีบสวมถุงมือที่อยู่ในกระเป๋าแล้วเอื้อมมือไปหยิบเอารูปภาพนั้นมาถือไว้ พอได้มันมาไว้ในอ้อมแขน ผมก็กอดมันแน่นด้วยความดีใจ

ผมได้มันมาแล้ว ได้มันมาแล้ว!

รอยยิ้มกว้างจนล้นทะลักความสุขออกมาทางใบหน้า อยากจะตะโกนออกมาให้ทุกคนรู้ แต่ขืนผมทำอะไรแบบนั้นคงถูกจับได้เสียก่อน ผมกอดกระชับรูปเอาไว้แนบอก หันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงกลัวว่าจะมีใครมาเห็น เมื่อเห็นว่าทางสะดวกผมก็ปิดไฟฉายจากโทรศัพท์แล้วเก็บมันลงกระเป๋าไป ผมรอจนสายตาเริ่มชินกับความมืดค่อยออกเดิน เพราะรู้ดีว่าไม่อย่างนั้นผมคงจะทำให้รูปเกิดรอยขีดข่วนได้

จนเดินมาถึงหน้าประตู พี่ยามยังคงหลับอยู่ ผมค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้หน่อย ยิ่งเวลาเดินผ่านประตูที่ผมเปิดไว้ ผมยิ่งแทบจะกลั้นหายใจกับการกระทำนั้นของตัวผมเอง มันทั้งลุ้นทั้งกลัว แต่มันก็ตื่นเต้นจนผมอยากให้มันจบเร็วๆ เมื่อผมแทรกตัวออกมาได้ ผมจึงคว้าประตูแล้วปิดทันที โดยลืมไปว่ามันจะเกิดเสียงหนึ่งขึ้นมา

กึก!

ไม่นะ อย่าตื่นขึ้นมานะ!

ผมสะดุ้ง แอบมองพี่ยามอย่างหวาดระแวง กลัวเหลือเกินว่าแกจะตื่นขึ้นมา พี่ยามเริ่มขยับตัว พลิกหน้าจากขวาไปซ้ายแล้วหลับต่อ เสียงกรนเบาๆ ยังคงทำให้ผมใจชื้น ด้วยมือของผมตอนนี้เริ่มชื้นเหงื่อ ผมจึงถอยหลังโดยไม่ละสายตาจากร่างของพวกพี่ยาม ก่อนจะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

ต้องรีบกลับบ้าน ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกเห็นได้

ถึงแม้ว่าในตอนนี้นั้นจะเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว แต่ใช่ว่าจะไม่มีผู้คนเดินอยู่ข้างนอกเลย แม้ว่าจะน้อยนิดแต่ก็ยังคงมี ผมก้มหน้าพยายามไม่สบตาใครกอดรูปเอาไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ กลัวว่าใครจะเห็นว่ารูปนี้คือรูปอะไร พอวิ่งมาได้สักพักก็มาถึงซอยบ้านของผม ผมมีความสุขจนลูบภาพนั้นอย่างเบามือราวกับของมีค่าที่แสนเปราะบาง ได้แล้ว ผมได้มันมาครอบครองแล้ว ต่อไปมันจะเป็นของผม ผมจะสามารถมองมันได้ทุกวันที่ต้องการ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม

เมื่อมาถึงหน้าบ้านผมก็เปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็วและเบามือที่สุด จะให้แม่กับน้องชายของผมตื่นขึ้นมาเห็นผมในสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าแม่ผมรู้ว่าผมทำในสิ่งที่ผิดแบบนี้ มีหวังก้นผมคงลายไปหลายวันแน่นอน ยิ่งเจ้าน้องชายตัวดีของผมที่ต้องเอาไปล้อว่าเพียงเพราะภาพวาดภาพเดียวทำให้ผมกลายเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้า ขโมยของคนอื่นมาแบบนี้ แต่ใครจะมาเข้าใจผม ผมหลงใหลมันมากจนไม่สามารถยกมันให้ใครได้

ผมทิ้งตัวลงบนเตียงทั้งที่ยังกอดรูปภาพเอาไว้แน่น สมบัติที่แสนล้ำค่าของผม จะไม่มีวันที่ผมจะคืนมันกลับไปให้ใคร ผมมองรูปในมือด้วยความปลื้มปริ่ม ผมไม่คิดหวังให้ใครมาเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของผมที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ผมเพียงต้องการแค่รูปภาพนี้เท่านั้น เพียงแค่มีมันผมก็รู้สึกพึงพอใจจนไม่จำเป็นต้องมีอะไรอีกในชีวิต ผมจะยืนมองมันทุกวัน จะใช้เวลาเฝ้ามองมันจนหลับไป

ไม่สิๆ ผมควรจะนอนร่วมเตียงกับมันต่างหาก

ใช่! ผมจะให้รูปรูปนี้นอนข้างๆ ผมทุกๆ คืน ดีจัง...ผมมีความสุขเหลือเกิน









 
•~*.*~• •~*.*~• •~*.*~• •~*.*~•







ผมตื่นเช้าขึ้นมาเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมเพราะผมได้นอนร่วมกับสิ่งที่ผมหลงใหล ผมอาบน้ำแต่งตัวออกมาจากห้องน้ำอย่างมีความสุข ฮัมเพลงไปมาหลายเพลงจนแทบจะเต้นไปด้วย พอเดินลงมาทางด้านล่างก็เจอน้องชายกับพ่อแม่ผมที่กำลังนั่งกินข้าวกันอย่างเคย ผมจึงยิ้มและติดกระดุมเสื้อที่เหลือให้ครบพร้อมกับร่างที่เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะเช่นกัน

“โห...ของโปรดผมทั้งนั้นเลย” เฟอร์เหลือบมองผมด้วยหางตาก่อนจะหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ ผมหมั่นไส้น้องชายตัวเองยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกว่าช่วงนี้เฟอร์มันแปลกๆ ยิ่งแววตาที่มันมองผมแล้วด้วย ยิ่งแปลกเข้าไปอีก

“ชอบก็กินเยอะๆ แม่เขาตื่นมาทำตั้งแต่เช้า” พ่อกางหนังสือพิมพ์อ่านต่อแม้ว่าคำพูดจะพูดกับผมแต่กลับไม่ได้มองหน้าลูกชายอย่างผมเลยสักนิด

“คร๊าบๆ เออเฟอร์ วันนี้ไม่ไปเรียนหรือ?” เจ้าเฟอร์มันตักเอาไข่คนในจานตรงหน้ามาไว้ในจานแล้วหันมาหาผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ไม่ล่ะพี่ วันนี้ผมลา ว่าจะไปธุระเสียหน่อย” ธุระอะไรวะ เด็กมหา’ ลัยมีธุระจนต้องลาเลยหรือ

“แม่! พ่อ! นี่ยอมให้ไอ้เฟอร์มันลาเหรอครับ?” พ่อกับแม่ผมหันมามองเหมือนสงสัยว่าผมจะโวยวายทำไม ไม่ใช่สิ! มันต้องสงสัยว่าเฟอร์มันลาทำไมต่างหาก

ผิดประเด็นแล้วแม่! พ่อ!

ผมได้แต่กลอกตาไปมา ตักอาหารตรงหน้าเข้าปากเคี้ยวๆ แล้วรีบลุกไปทำงานทันที ด้วยผมกลัวว่าจะไปสาย ผมนึกถึงเรื่องที่ทำลงไปเมื่อคืนแล้วใจหนึ่งก็รู้สึกผิด รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำมันดูเลวร้ายเพราะไปขโมยของเขามา แต่เพราะใจผมปล่อยภาพนั้นไปไม่ได้จริงๆ ผมจึงได้เลือกที่จะทำแบบนี้ ผมเฝ้ารอข่าวการหายไปของภาพด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ลุ้นระทึกกับการตามหาตัวคนร้ายอย่างใจจดใจจ่อ แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่การออกข่าวของทีวี

ผมติดใจและอดสงสัยไม่ได้ เพราะโดยปกติแล้ว เมื่อผลงานของจิตรกรชื่อดังสูญหายไปมันก็ควรจะเป็นข่าวใหญ่ ซึ่งผมเองก็ยังคิดกลัวเองเลยว่าจะทำอย่างไรดีถ้าเขารู้ว่าผมเป็นคน

แต่จนแล้วจนรอดก็ไร้วี่แววของข่าว ผมที่นั่งทำงานไปเงี่ยหูคอยฟังข่าวไปก็พลันสงสัยขึ้นมา พอเลิกงานผมจึงได้กลับไปที่บ้านทันที อยากจะถามพ่อกับแม่ให้แน่ใจว่ามันไม่มีข่าวออกมาจริงๆ จะว่าไปแบบนี้มันก็ดีต่อผมอยู่หรอก แต่ปัญหาคือมันแปลกเกินไปไหม ผลงานหายไปแต่เจ้าของกลับไม่มีการแจ้งความเลยหรือ เพราะถ้าเป็นผมคงจะไม่ปล่อยให้มันจบง่ายๆ แน่ แต่เดี๋ยวสิ! ผมควรจะคิดว่ามันดีแล้วไม่ใช่หรือ แล้วผมจะไปคิดในส่วนของคุณเหมันต์ทำไมล่ะเนี่ย!

“เอ๊ะ? มีคนย้ายเข้ามาใหม่ด้วยเหรอ?” ผมพึมพำถามตัวเอง ชะงักเท้าที่กำลังเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้านอย่างสงสัย ข้างบ้านผมนั้นว่างมานานหลายปี คนล่าสุดที่อาศัยอยู่ตอนนี้ก็ไปต่างประเทศมีผัวใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ภาพที่ผมเห็นตอนนี้คือการขนของเข้าบ้านอย่าฃวุ่นวาย แถมแต่ละคนไม่มีใครที่คุ้นหน้าสักนิด ผมจึงเดินเข้าไปใกล้อีก เพื่อจะดูให้ชัดๆ ว่าใช่พี่แก้วที่เคยอาศัยอยู่หรือเปล่า

แต่ผมกลับต้องผิดหวัง เมื่อคนที่ย้ายมาในตอนนี้เป็นชายตัวสูงผิวเข้มตาคมดุกับความหล่อเหลาชนิดที่ผมเห็นแล้วอิจฉามาก! เขากำลังสั่งคนว่าควรจะวางอะไรไว้ตรงไหน ซึ่งขาผมมันก้าวไม่ออกเลย ได้แต่ยืนมองเขานิ่งๆ อย่างตกตะลึง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หัวใจของผมดันเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา ความรู้สึกคล้ายๆ กับบางสิ่งที่ผมเคยเขอมันให้ความคุ้นเคยแปลกๆ เหมือนผมเคยรู้จักเขาทั้งที่ความจริงผมไม่เคยเจอเขาเลย

เขามองตรงมาที่ผมพร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาหาผมแล้วยิ้มให้บางๆ

“สวัสดีครับ...” คำทักทายที่แสนสุภาพกับน้ำเสียงทุ้มอันทรงเสน่ห์เล่นงานจนหัวใจผมเต้นแรงเข้าไปอีก ผมเลิ่กลั่กขยับตัวหันซ้ายขวาแล้วเอ่ยตอบเขาเบาๆ

“เอ่อ สวัสดีครับ เพิ่งย้ายมาหรือครับ?”

“ใช่ครับ แล้วนี่คุณอยู่บ้านหลังไหนครับเนี่ย” ผมรู้สึกว่าเขาดูชิลๆ ถามผมด้วยท่าทางสบายๆ ซึ่งมันก็ทำให้ผมสบายใจตามไปด้วย

“ข้างๆ บ้านคุณเลยครับ พอดีผมเพิ่งจะเลิกงาน ฮ่าๆ”

“ผมชื่อเห อา เหมครับ คุณล่ะ?”

“อ๋อ...ผมชื่ออัศดล เรียกเฟียซก็ได้ครับ” ผมฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี เหมดูเป็นคนดีไม่มีพิษมีภัย แต่ชั่วครู่หนึ่งผมรู้สึกถึงสายตาวาววับที่จับจ้องมาแปลกๆ แต่พอมองเหมกลับไม่พบเจอสายตาแบบที่รู้สึก ผมจึงคิดว่าคงคิดไปเองมากกว่า อาจจะเป็นเพราะผมกังวลถึงเรื่องรูปที่ขโมยมาก็เป็นได้

“ครับเฟียซ แล้วเฟียซอายุเท่าไหร่ครับ ทำงานอะไร อา...หวังว่าผมคงไม่ละลาบละล้วงมากไปนะครับ”

“โอ๊ยๆ ไม่หรอกครับ อย่าคิดมากเลย ปีนี้ผมก็อายุ 28 พอดีเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไปครับ” เหมกระตุกยิ้มผ่านเพียงวูบเดียวก่อนที่มันจะหายไปเหลือแต่รอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมาให้ผม

“อ๋อ แบบนี้ผมก็ต้องเรียกเฟียซว่าพี่สินะครับ ผมอายุน้อยกว่าเฟียซ2ปี น่าเสียดายจัง” ผมรู้สึกเอ็นดูเขานะครับ คงรู้สึกเสียเปรียบที่ผมเกิดก่อนผมจึงตบไหล่เขาเบาๆ แล้วยิ้มให้

“เอาน่า ไม่ต้องเรียกผมว่าพี่ก็ได้ครับ เรียกที่คุณถนัดเลย”

“งั้นเรียกว่า ที่รัก เป็นไงครับ?”





TBC



 

 จะมาเรียกที่รักได้ยังไงล่ะคะ บ้าบอ!!!ไม่ลอกเลียนแบบนะจ๊ะเด็กดี การขโมยของๆคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะงั้น ห้ามทำตามเด็ดขาด มารอดูกันว่า น้องเหมเป็นใครและจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่เฟียซคนดี~

​​​​​​​ ปล. ให้เจ็บแค่ไหน ดิ่งเท่าไหร่ก็จะลง เมื่อมีคนบอกว่าอยากอ่าน ❤️

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2019 14:11:28 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ lostinthelight

  • 엑소엘
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ...หลงรูป... (18+)
«ตอบ #6 เมื่อ30-12-2018 20:48:29 »

ชอบการบรรยายมากค่ะ สนุกมากก รอมาต่อนะคะ

ออฟไลน์ Saiias0005

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ...หลงรูป... (18+)
«ตอบ #7 เมื่อ31-12-2018 07:36:31 »

รอค่าาา ชอบมากกก :hao7:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ...หลงรูป... (18+)
«ตอบ #8 เมื่อ31-12-2018 08:24:57 »

คนเด็กกว่าจะมาดีหรือมาร้ายนะ..

 :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ...หลงรูป... (18+)
«ตอบ #9 เมื่อ31-12-2018 13:56:14 »

มีความหวาดระแวงแทนพี่เฟียซ   :katai1: :katai1: :katai1:
@คุณllมว_น้oe ช่วยลงวันที่อัพท้ายชื่อเรื่องหน้าหลักด้วยได้ไหมจ๊ะ เกือบพลาดอ่านแต่อินโทร..ดีที่กดเข้ามา  :hao5: :hao5: :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ...หลงรูป... (18+)
« ตอบ #9 เมื่อ: 31-12-2018 13:56:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
 :katai3:หลงรูป(ภาพ) 2/4


“งั้นเรียกว่า ที่รัก เป็นไงครับ?”

ผมตะลึงจนแทบลืมหายใจ มือที่จับไหล่ยังค้างอยู่เผลอมองตาคู่นั้นอย่างต้องการค้นหาในคำตอบ ผมมองไม่เห็นอะไรเลย มันเป็นเหมือนกับความว่างเปล่าที่ชวนให้หดหู่และน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน แต่รอยยิ้มของเขากลับสว่างไสวจนชวนให้มองตามได้ไม่ยาก พอเห็นว่าผมอึ้ง เหมถึงกับหัวเราะดังลั่นแล้วจับมือผมของจากไหล่เขามากุมไว้แล้วตบหลังมือเบาๆ สองสามครั้ง

“ผมล้อเล่นครับ เฟียซคงไม่ได้คิดว่าจริงใช่ไหม” ผมที่ในตอนนี้หน้าตาเอ๋อแดกมาก กะพริบตาถี่ๆ อยู่หลายครั้งกว่าสติจะกลับมาจนครบถ้วน

“จะบ้าหรือ ผมจะไปคิดว่ามันจริงได้ยังไง ฮ่าๆ”

ฮ่าๆ เกือบปล่อยไก่ไปแล้วสิ

จังหวะที่ผมหันสายตาหนีไปมองรั้วข้างบ้านผมรู้สึกเหมือนตัวเองเห็นริมฝีปากเหมกระตุกขึ้นแปลกๆ กับสายตาที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงบางอย่าง แต่พอผมหันกลับมามันก็หายไปเหมือนไม่เคยมี เป็นแบบนี้บ่อยเหลือเกิน สองครั้งแล้วที่ผมรู้สึกแบบนั้น หรือผมจะกังวลมากจนเพี้ยนไปแล้ว?

ผมมองข้าวของมากมายที่ถูกขนเข้าไปภายในบ้าน มีจานสี ผ้าใบสำหรับวาดภาพ และพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งใหญ่เล็ก แต่สิ่งที่ผมสะดุดใจคือบุคลิกของเขาดูไม่น่าจะใช่คนที่ชอบวาดภาพเลย แต่ก็อย่างว่า คนเราจะดูคนจากภายนอกไม่ได้ ดูอย่างผมสิ หน้าตาธรรมดา แต่งตัวเหมือนหนุ่มออฟฟิศธรรมดา ใครจะคิดว่าผมบ้ารูปภาพของคุณเหมันต์จนต้องขโมยมันแบบนี้ บอกพ่อบอกแม่ก็คงถูกทำหน้าตาตลกใส่แล้วจับส่งโรงพยาบาลบ้า

“ทานข้าวหรือยังครับ อยู่ทานข้าวกับผมไหม?” ผมเลิกคิ้วขึ้น บอกตรงๆ ว่าผมแปลกใจ ปกติไม่มีใครที่ไหนชวนคนแปลกหน้าเข้าไปร่วมกินข้าวเย็นหรอกนะ

“เอ่อ ผมว่าไม่ดีกว่า ขอบคุณมากครับ แต่ตอนนี้พ่อแม่ผมคงรอทานข้าวอยู่แล้ว ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ” มันไม่แปลกที่ผมจะรู้สึกไม่ไว้ใจเขา แต่ผมก็ยังคงยิ้มให้เขาเหมือนเดิม แค่ปฏิเสธคำชวนของเขาเท่านั้น เหมดูเศร้าลงถนัดตากับคำตอบของผม หรือว่าผมคิดมากไป ที่เขาชวนอาจจะเพราะเหงาก็เป็นไปได้

“ไม่เป็นไรครับ ยังไงเราก็ยังต้องเจอกันอีกนาน...ผมหมายถึง ผมยังอยู่ที่นี่อีกนานน่ะครับ”

“อ๋อ ฮ่าๆ ครับ แล้วพบกันใหม่นะครับ”

“ครับ...แล้วพบกัน...”

ผมเดินผ่านรอยยิ้มของเขาแล้วกลับเข้าบ้านของตัวเอง ถอดรองเท้าพร้อมถุงเท้าออกแล้วรีบเดินขึ้นห้องไป สิ่งแรกที่ผมมองหาคือรูปภาพเมื่อคืนที่ผมนอนกอดเอาไว้ทั้งคืน โชคดีหน่อยที่มันยังอยู่ที่เดิมบนเก้าอี้ข้างเตียง ผมจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ผมใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปทานข้าว ทุกอย่างดูปกติ ผมและพ่อแม่กับน้องชายต่างก็พูดคุยกันในเรื่องทั่วๆ ไปไม่ได้มีอะไรพิเศษนัก พอดึกหน่อยผมก็กลับเข้าห้องไป ทั้งที่ปกติผมจะใช้เวลานั่งเล่นข้างล่างไม่ได้รีบนอนตั้งแต่หัวค่ำ ขึ้นมาบนห้องผมก็นั่งลงบนเตียง มองภาพที่ดึงดูดอารมณ์ผมด้วยแววตาว่างเปล่า ห้วงอารมณ์ค่อยๆ จมดิ่งลงไป จากความรู้สึกหลงใหลก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาเป็นพายุลูกเล็กๆ ที่หมุนวนอยู่ในห้องน้อย

มันร้อนวาบ คล้ายๆ กับจะจับไข้

ลมหายใจผมเริ่มติดขัด ความร้อนรุ่มแผ่กระจายไปจนทั่วทั้งร่างก่อนจะลงมารวมตัวอยู่เพียงแค่กลางร่างกาย เส้นเลือดเริ่มขยายตัวจนบางสิ่งที่อยู่ในร่มผ้าดีดตัวขึ้นมาโชว์ตัว ผมค่อยๆ ไล่มือลงไปกอบกุมมันเอาไว้ ขยับมือช้าๆ เป็นจังหวะทั้งๆ ที่ดวงตาของผมยังจับจ้องไปที่รูปตรงหน้า

มันช่าง...ให้ความรู้สึกแปลกใหม่เหลือเกิน มันชวนให้ผมลุ่มหลงไปกับมัน

“อือ...” ความปรารถนายิ่งเพิ่มทวีคูณจนต้องเร่งมือเข้าไปอีก ริมฝีปากของผมเริ่มแห้งจนต้องใช้ลิ้นเลียไปมาจนชุ่มน้ำลาย

ทำไมผมถึงได้รู้สึกมากขนาดนี้ ราวกับว่าถูกจับจ้องด้วยสายตาคู่ไหนสักคู่จากภาพภาพนั้น

“อา...”

ไม่ไหว ผมทนไม่ไหวแล้ว

ความต้องการของผมมันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องเร่งจังหวะของมือให้เร็วและแรงขึ้นด้วย ความองอาจในมือของผมแข็งขืนจนความรู้สึกที่สัมผัสกับความองอาจนั้นรุนแรงจนต้องแอ่นตัวขึ้นตามความเสียวซ่านที่หมุนวนอยู่ในท้อง ผมใช้ปลายนิ้วถูเข้าที่ส่วนปลาย ค่อยๆ เร่งจังหวะขึ้นอีกจนในหัวขาวโพลนแต่ผมกลับยังละสายตาจากภาพตรงหน้าไม่ได้ ผมกระตุกปลดปล่อยหยาดรักสีขุ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนเต็มมือไปหมด

ผมยังหอบหายใจยังคงรู้สึกถึงความเสียวซ่านที่วาบหวามอยู่ในร่างไม่จางหาย ผมทิ้งร่างลงทรุดอยู่ข้างเตียงอย่างหมดแรง พยายามขยับตัวหยิบเอาทิชชู่มาเช็ดไปตามพื้นที่เปรอะเปื้อนและตามนิ้วมือ ผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเกิดอารมณ์กับรูปภาพ มันก็แค่รูปภาพที่ถูกวาดขึ้นมา แต่กลับทำให้ผมรู้สึกร้อนไปทั้งตัว จนอยากกระทำรักกับมัน

บ้าจริง! ไม่ได้! นี่ผมบ้าไปแล้วหรืออย่างไงกัน!

แต่แล้วหัวใจผมก็ต้องหล่นวูบ...เมื่อผมหันไปแล้วพบว่าตนเองไม่ได้ปิดหน้าต่าง! แถมยังลืมแม้แต่ล็อกประตู แล้วเมื่อกี้นี้ล่ะจะมีใครเห็นหรือเปล่า ถ้าเกิดว่ามีคนเห็นขึ้นมาผมต้องซวยแน่ๆ

ผมกัดเล็บตัวเองด้วยสีหน้าที่เครียดสุดๆ ในตอนนี้ผมแทบจะคิดอย่างอื่นไม่ออก หัวใจเหมือนหลุดลอยหายไปไกลจนไม่รู้ว่าผมจะเอามันกลับมาได้ยังไงดี รูปวางอยู่ในตำแหน่งที่เด่นชัด อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ว่าใครก็สามารถมองเห็นได้ทางหน้าต่าง โดยเฉพาะ...บ้านข้างๆ ที่ห้องเราตรงกัน มันทำให้ผมต้องรีบลุกขึ้นทั้งที่ไม่ได้เก็บน้องชายเข้าไปในกางเกงด้วยซ้ำ ผมเกาะขอบหน้าต่างมองดูผ้าม่านที่ปิดและไฟที่ไม่ถูกเปิด ก่อนจะค่อยๆ ลอบถอนหายใจออกมา

ผมเก็บน้องชายเข้าไปข้างใน จัดการรูดซิปกางเกงแล้วหาผ้ามาคลุมรูปบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นไว้ อย่างน้อยก็ควรปลอดภัยไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะมีปัญหาตามมาก็ได้

แต่ใครจะรู้ล่ะว่า...หลังผ้าม่านและไฟที่ไม่ถูกเปิดของบ้านหลังนั้น...จะมีสายตาคู่หนึ่งที่มองมาทางผมด้วยสายตาวาววับ ถ้าผมฉุกใจแล้วหันกลับไปมองให้ดีอีกครั้ง ชีวิตผมคงไม่ต้องเจอความซวยที่กำลังย่างก้าวเข้ามา...







 
•~*.*~• •~*.*~• •~*.*~• •~*.*~•









ในเช้าวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดของผม มันทำให้ผมไม่ต้องตื่นเช้านัก เพราะเวลาปกติของการตื่นนอนของผมนั้น จะเป็นเวลาช่วง10โมงเช้าเป็นต้นไป แต่ไม่ใช่กับวันนี้ ที่ผมรู้สึกเหมือนได้ยินทั้งเสียงหัวเราะ และเสียงพูดคุยดังอยู่ไม่ห่าง แม้จะใช้หมอนยกขึ้นมาปิดหูเอาไว้เท่าไหร่ ก็ยังได้ยินเสียงดังอยู่ดี

ผมหงุดหงิด เพราะอยากพักผ่อน วันนี้มันวันหยุดของผม แต่กลับมีเสียงดังจนทำให้นอนไม่หลับอีก!

ผมลุกขึ้นนั่งใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ขยี้หัวตัวเองอย่างแรงอย่างไม่ชอบใจนัก ผมจัดการดึงตัวเองขึ้นจากเตียงแล้วลงไปหาสาเหตุและที่มาของเสียงว่าอะไรกันแน่ที่มันสำคัญระดับชาติจนทุกคนลืมไปว่า วันนี้เป็นช่วงเวลาของผมโดยเฉพาะ แต่ภาพที่ผมเห็นคือ...เฟอร์ พ่อผมและแม่ผมพร้อมกับผู้ชายที่ผมเห็นเพียงแผ่นหลังเท่านั้นที่คุยกันอย่างสนุกสนาน

ใคร? ญาติผมหรือ?

“อ้าว! ตื่นแล้วเหรอเฟียซ มารู้จักเหมสิลูก เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ข้างๆ บ้านเรานี่เอง” หืม? คนข้างบ้าน? เหม? อ๋อ...ผู้ชายคนเมื่อวานที่ขนของย้ายมาใหม่นั่นเอง ผมหันไปยิ้มให้เขา ไม่กล้ายิ้มให้เห็นฟันนักหรอก เพราะผมเพิ่งตื่นโดยแม้แต่หน้าก็ยังไม่ได้ล้าง

“เราเคยเจอกันแล้วครับ สวัสดีอีกครั้งนะครับเฟียซ...” ผมพยักหน้ารับคำทักทายของเขา โดยมีสีหน้างุนงงเล็กน้อยของพ่อแม่และน้องชายตัวดีของผม

“ครับ สวัสดีครับ มาทำอะไรครับเนี่ย? แต่เช้าเลย ฮ่าๆ” ผมเคือง ยังเคืองอยู่เพราะผมง่วงมาก! เลยอดไม่ได้ที่จะจิกกัดเขาไป

“เฟียซ!” เสียงของแม่ที่เรียกชื่อของผมเสียดัง คงเพราะว่าผมเสียมารยาทไป ไม่ได้ๆ คุณแม่ไม่ปลื้มมมม

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ผมว่าเฟียซตลกดี ผมชอบ หึหึ” ผมรู้สึกว่าสายตาที่ถูกมองมันแปลก แปลกจนเลือดในกายของผมพลุ่งพล่านไปหมด ทำไมความรู้สึกที่ผมกำลังเป็นตอนนี้กับเมื่อคืนที่ผมมองรูปบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นแล้วเกิดอารมณ์มันถึงคล้ายกันล่ะ? ผมสะบัดไล่ความคิดและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านให้หายไป ก่อนจะหันมาสบตากับเหมตรงๆ อีกครั้ง

“เออใช่! แล้วนี่พ่อเหมคิดยังไงย้ายเข้ามาในช่วงนี้ล่ะ?” จริงสินะ ช่วงนี้มันไม่ใช่เวลาที่คนทั่วไปเขาย้ายบ้านกันด้วยสิ ช่วงกลางๆ เดือนคนส่วนใหญ่ที่ไหนเขาจะมีเงินมาเช่าบ้านใหม่กัน

“ทำไมล่ะครับ ช่วงนี้มีอะไรหรือ?” ดูท่าทางเหมจะไม่เข้าใจความหมาย แม่ผมถึงพยายามช่วยอธิบายในสิ่งที่พ่อผมหมายถึง

“อ๋อ เปล่าหรอก แต่ช่วงกลางเดือนแบบนี้ คนส่วนมากเงินจะไม่พอย้ายบ้าน เพราะค่าเช่ามันแพง” เหมถึงได้เข้าใจในคำถามของพ่อผม เขาส่งยิ้มให้กับพ่อผมก่อนจะพูดตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง

“เรื่องนี้เอง พอดีผมซื้อบ้านหลังนี้ไว้แล้วน่ะครับ ไม่ได้เช่าผมเลยย้ายมาช่วงนี้ได้”

“จริงๆ พ่อเหมไม่น่ามาซื้อแถวนี้เลย อากาศไม่ดี ผู้คนก็น้อยจนแทบจะร้าง อะไรเป็นสิ่งที่พ่อเหมสนใจล่ะ หรือว่าเพราะมันถูก?” ผมเห็นเหมมันหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้า

“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่...พอดีผมกำลังตามหาคนอยู่ แล้วเขาเองก็เหมือนจะอยู่แถวนี้ ผมเลยเลือกที่นี่น่ะครับ” ผมเองก็พอร้องอ๋อไปด้วยในใจ ที่แท้ก็มาตามหาแฟนนี่เอง มิน่าล่ะถึงอยู่คนเดียวในบ้านหลังนั้น ทั้งๆ ที่มีข้าวของมากมาย คงกำลังหาทางง้อเมียอยู่แน่ๆ

แปล๊บ...

ว่าแต่...ทำไมผมเจ็บที่ใจแปลกๆ หรือว่าเลือดลมของผมไหลเวียนไม่ดีกัน อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะครับ ผมอาจจะกำลังป่วยแน่ๆ ผมเลิกสนใจผู้ชายตรงหน้า หันมาสนใจของว่างที่แม่ผมยกมาให้แขกมากกว่า คุกกี้กับนมในแก้วของเฟอร์ที่เหลือครึ่งแก้วทำให้ผมคว้ามากินไม่สนใจว่าเฟอร์มันจะกินต่ออีกหรือเปล่า

สายตาของมันจิกกัดผมเบาๆ เหมือนกับกำลังจะร้องตะคอกให้ผมหยุดมือ แต่ความหิวทำให้ผมเลือกจะเมินสายตาของมัน เป็นน้องชายผมแท้ๆ กลับมาทำท่าทางใหญ่โต คิดว่าจะมาบังคับขู่เข็ญพี่ชายคนนี้ได้งั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก!! ผมยกดื่มจนหมดแก้มแล้วหันไปยักคิ้วใส่มันที่นั่งมองผมด้วยสายตาที่พร้อมจะเข้ามาฆ่าฟันกับผม การได้แกล้งน้องสุดที่รักมันก็เป็นอะไรที่สนุกแบบนี้ล่ะครับ แต่ผมแกล้งมันได้คนเดียวนะ คนอื่นห้ามเด็ดขาด

“ใครล่ะ ให้ลุงกับป้าช่วยหาไหม?” หูผมกระดิกทันทีเพื่อรอสอดส่องเรื่องของเหม แต่ความจริงผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก ก็แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าคนที่เขารอ...จะต้องสวยแค่ไหน

“ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้แม้ว่าผมจะยังจับเขาไม่ได้ แต่สักวันหนึ่ง ผมจะจับให้แน่นๆ แล้วเอามาไว้ในมือของผมอย่างแน่นอนครับคุณลุงคุณป้า” ผมรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ รู้สึกเหมือนถูกใครบางคนจ้องอย่างเอาเป็นเอาตายชนิดที่ว่าแค่ขยับตูดนิดเดียวก็เรียกสายตาสนใจได้แล้ว แต่ในบ้านไม่มีใครสนใจผม หันมองรอบบ้านก็ไม่มีใครอื่นอีก ถ้าอย่างนั้นความรู้สึกที่ว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไงล่ะครับแบบนี้? มันคาใจผมเหลือเกิน

“ดีๆ ลุงเองเมื่อสมัยหนุ่มๆ ป้าเขาก็หนีลุงไปเหมือนกัน พอลุงหาเจอนะ ก็จัดการรวบ...มาไว้ในมือเลย ฮ่าๆ” ผมแทบจะหันไปถามแม่ด้วยซ้ำถึงเรื่องที่เกิดมาหลายปีไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยสักครั้ง นี่เหมมันมาได้ไม่กี่นาที...ความลับที่ผมไม่เคยรู้ก็ถูกเปิดเผยหมดเลย พวกผมที่เป็นลูกยังสำคัญไหมเนี่ย?

“เฟียซ! อย่ากินมูมมามสิลูก อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ อายพ่อเหมเขาไหม” ผมหันไปมองหน้าแม่ของผมทันที ตอนแรกไม่มีหรอกความองความอายอะไรนั่น แต่พอถูกแม่ทักแล้วหันไปเห็นสายตาล้อเลียนจากเหม ผมก็อายขึ้นมาทันที

“เลอะปาก...น่ะครับ” ผมชะงักกับสิ่งที่เขาทำ ไม่คิดว่าคนอย่างเหมจะเอื้อมมือมาหยิบเอาเศษคุกกี้ออกจากมุมปากของผมแล้วเอาเข้าปากตัวเอง ความร้อนแล่นขึ้นมาบนใบหน้าจนตอนนี้มันแดงซ่านไปหมด แต่ความร้อนยังไม่เท่ากับการถูกจับจ้องผ่านสายตาอีกหลายคู่ ทั้งพ่อแม่และน้องชายของผม รวมถึงสายตาที่ทรงเสน่ห์ของเหมก็ด้วย

ผมเลิ่กลั่กมองหน้าแต่ละคนด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ มีอย่างที่ไหนมาทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน ถ้าผมเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง ไม่ใช่สิๆ มันต้องบอกว่ามันไม่ควรทำต่างหากไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย อีกอย่าง...เขาอายุน้อยกว่าผม ถึงผมจะบอกว่าไม่ให้เรียกพี่ แต่แบบนี้มันไม่เคารพกันเลยด้วยซ้ำ ผมทั้งอายทั้งโกรธ ทั้งโมโหจนอกจะแตกตาย แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้จนถึงที่สุด

“ขอบใจ...” กัดฟันพูดล้วนๆ ไม่มีคำไหนที่ออกมาจากใจผมจริงๆ เลยสักคำ แต่แทนที่เขาจะรู้ตัว กลับยิ้มพอใจมาให้ผมเสียอย่างนั้น ให้ตายสิ!

แล้วเมื่อไหร่หมอนี่จะกลับกัน หา!!! ไม่มีบงมีบ้านให้กลับหรือไงกัน ฮึ่ย!!







•~*.*~• •~*.*~• •~*.*~• •~*.*~•









แม้แต่ตอนเย็นเหมก็ยังนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับบ้านผม ดูเหมือนกับว่าเหมจะถูกใจพ่อกับแม่ผมเหลือเกิน ส่วนน้องชายตัวดีของผมไอ้เฟอร์นั้น ในตอนนี้หายหัวไปไหนก็ไม่รู้ตั้งแต่ตอนกลางวันจนตอนนี้ดึกดื่นค่ำคืนก็ยังไม่กลับบ้าน แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ตามมันด้วย บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าพ่อกับแม่จะปล่อยอะไรมันขนาดนั้น ถึงแม้จะไม่ตามก็ใช่ว่าจะไม่ห่วง ส่วนใหญ่มันจะส่งข้อความมาบอกผมก่อนหรือโทรมาบอกก่อน

นั่นไง...พูดถึงมือถือผมก็ดังขึ้นมาพอดี

ผมหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามีข้อความเข้ามา

วันนี้มีเรื่องนิดหน่อย อย่าบอกแม่ เดี๋ยวจัดการเอง อาจจะไม่ได้กลับบอกแม่ด้วย

ผมกลอกตามองข้อความที่เหมือนคำสั่งตากน้องชายด้วยความเยื่อหน่ายใจ ทุกครั้งก็เป็นแบบนี้ ผมต้องคอยแก้ตัวกับแม่กับพ่อให้มันเสมอ แต่วันนี้ผมไม่อยากตอบคำถาม เพราะอย่างนั้น...ผมจะทำแบบนี้แทนแล้วกัน

“แม่ครับ!! วันนี้เฟอร์มันนอนบ้านกลมนะครับ!” ผมใช้เสียงบอกลั่นบ้านให้แม่ได้ยิน

“จ้า!” แม่เองก็ตอบกลับมาเสียงดังเหมือนกัน ผมจึงไม่ได้สนใจต่อได้แต่ตอบกลับข้อความของน้องชายไปสั้นๆ ว่า

เรียบร้อยแล้ว พี่บอกแม่ว่าแกค้างบ้านเจ้ากลม ตอบให้ตรงกันด้วย!

พอพิมพ์เสร็จผมก็ปล่อยมือถือไว้ไกลหูไกลตาไม่สนใจว่ามันจะไปอยู่ตรงซอกไหน ผมเป็นคนไม่ติดโซเชียล ไม่ติดมือถือเหมือนคนอื่นๆ แต่ส่วนใหญ่ผมจะใช้เวลาอ่านนิตยสารที่มีรูปวาดของคุณเหมันต์ลงมากกว่า บอกแล้วว่าผมสนใจในงานของเขา ผมชื่นชม ปรารถนาในรูปของเขาจนเรียกได้ว่าคลั่งไคล้และหลงใหล ผมเฝ้ามองมันทุกวัน เปิดดูหน้าซ้ำๆ แทบจะทุกคืน แม้แต่ในตอนนี้ก็เช่นกัน

หากแต่มันต่างกันตรงที่ผมในตอนนี้ กำลังครอบครองบทเพลงแห่งเกลียวคลื่น แม้จะได้มาโดยมิชอบแต่ผมก็ไม่คิดจะคืนมันไป ความหลงใหลของผมนั้นมันยิ่งทบทวีคุณกว่าเก่า ยิ่งได้มาเป็นเจ้าของก็ยิ่งหวงแหนจนไม่อยากจะให้ใครมอง ให้ใครได้เห็น ไม่อยากแม้แต่จะเอามันออกมาโชว์ใคร ผมตื่นเต้นทุกครั้งที่จับจ้องไปที่ภาพนั้น หัวใจเต้นแรงแปลกๆ ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่อาจจะหาสาเหตุได้ ต่อให้ผมโง่จนเป็นควายก็รู้ได้เลยว่าผมในตอนนี้...กำลังหลงรักรูปภาพรูปนั้นอยู่

ผมอดตกใจกับความคิดของตัวเองไม่ได้ แม้มันจะขัดแย้งอยู่บ้างแต่ความรู้สึกโดยรวมแล้ว มันคงสรุปได้แค่ว่า ผมหลงรักสิ่งที่ไม่มีชีวิต และเจ้าสิ่งนั้นก็คือรูปอันแสงจะแพงของจิตรกรนามว่าเหมันต์ ชื่อของเขาฟังดูแล้วหนาวจนแทบจะแข็งตาย แต่ภาพวาดของเขากลับให้ความรู้สึกร้อนแรงและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ยากจะอธิบายออกมาให้ใครฟังได้ ผมรู้สึกถึงมันได้จริงๆ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นมองบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นนี้อย่างไร แต่ในสายตาของผม มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เรียกร้องให้ได้รัก ความดันทุรังและดื้อดึงจนนึกสงสัยว่าคุณเหมันต์ใส่ความเป็นตัวเองลงไปแค่ไหน เพราะผมก็ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน

นิตยสารหลายฉบับเคยออกมาพูดว่าติดต่อขอสัมภาษณ์คุณเหมันต์ยากมาก แทบจะไม่มีใครเคยได้พบตัวจริงของคุณเหมันต์มาก่อน เหมือนเป็นบุคคลลึกลับที่ผมเองยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาของเขาเป็นยังไง อันที่จริงต้องบอกว่าแม้แต่เพศก็ไม่มีใครเคยรู้นอกจากคนสนิท แต่คนสนิทก็ถูกห้ามไม่ให้เอาเรื่องของคุณเหมันต์มาพูด ไม่ให้เอาออกมาขายหรือทำเพื่อผลกำไรใดๆ ซึ่งนั่นยิ่งเป็นจุดขายหลักของภาพพวกนี้ พรสวรรค์ที่คุณเหมันต์แสดงออกมาในรูปวาดของตัวเองบวกกับความลึกลับที่หาตัวจับยากของเขา ทำให้ราคาภาพพุ่งขึ้นสูงจนน้อยคนนักที่จะสามารถซื้อหามันได้

และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

ผมชอบรูปวาดทุกใบ แต่จะให้ผมขโมยมาหมดก็คงไม่ได้ แค่หยิบเอาของเขามาแค่รูปเดียวผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว ขืนขนมาหมดงานคุณเหมันต์คงได้เผาพริกเผาเกลือทั้งสาปทั้งแช่งผมแน่ๆ กระซิกๆ

กึก!

เสียงอะไร? หรือว่าจะเป็นผี!!

ผมหันไปมองซ้ายขวา ตามที่มาของเสียงแต่ผมก็ไม่เจออะไรเลย จนผมเลิกสนใจเสียงเดิมก็กลับมาซ้ำๆ ห่างกันราวๆ สิบวินาทีได้ ผมหันไปมองจนรอบแล้วก็ไม่เห็นว่ามีอะไรตก ฝ้าเพดานก็ไม่ได้ถล่ม ไม่มีแม้แต่รอยแตกใดๆ ผมจึงได้แต่มองประตูตรงระเบียงที่ถูกผ้าม่านผืนหนาทึบปิดอยู่อย่างสงสัยจนต้องลุกขึ้นไปเปิดให้คลายความคับข้องใจ แต่สิ่งที่ผมเห็นนอกจากจะไม่ใช่ผีแล้ว ยังเป็นคนหล่อที่ยืนยิ้มอยู่ตรงระเบียงห้องที่ต่อมาประชันหน้ากันอย่าง เพราะอยู่ติดกันแล้วระเบียงบ้านก็ดันสร้างไว้ด้านข้าง ผมเลยจำใจ เน้นตัวดำๆ ที่ขีดเส้นใต้สองเส้นว่าจำใจ เปิดประตูออกไปมองเม็ดถั่วที่อยู่ในมืออีกฝ่ายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มที่พร่ำเพรื่อนั่นอย่างหน่ายใจ

เขาไม่เมื่อยปากบ้างหรือไง ผมล่ะเมื่อยแทน

“ยังไม่นอนอีกหรือครับเหม?” ประโยคคำถามที่แสนธรรมด๊าธรรมดา ทว่าความจริงแล้วมันหมายความว่ารบกวน จนชัดเจนเชียว จะมีก็แต่รอยยิ้มบนหน้านี่แหละที่เอาลงไม่ได้

ยังไม่ลืมนะครับว่าเขาทำอะไรกับผมเอาไว้! ฮึ่ม!

“ยังครับ...ผมนอนไม่หลับเห็นไฟห้องเฟียซเปิดเลยจะมาชวนคุย” ผมกอดอกพิงขอบประตูกระจกก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า

“ที่จริงผมหลับไปแล้ว” แต่แทนที่อีกฝ่ายจะนึกเห็นใจและยอมจบ กลับยิ้มกริ่มแล้วบอกกับผมว่า

“ไม่มั้งครับ เสียงคุณเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการวิ่งรอบสนามมาสักยี่สิบรอบ อีกอย่าง...คุณเปิดไฟอยู่” เออ เอากับมันสิ! นี่คือจะคุยกับผมให้ได้สินะ ตกลงแล้วผมได้เพื่อนบ้านขี้เหงาสินะครับ?

“ผมชอบนอนเปิดไฟ”

“กลัวผีหรือครับถึงต้องนอนเปิดไฟ?” คิ้วของผมกระตุกอย่างช่วยไม่ได้ ก็ใครใช้ให้เหมมันกระตุกต่อมความระแวงของผมล่ะ จริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะเอามาพูดกันในตอนนี้หรือเปล่า เกือบเที่ยงคืนนี่เขาว่าเวลา...ที่เขา...ออกมานะ

“คะ ใครจะไปกลั๊ว ผีเผอมีที่ไหนกัน” ปากเก่งไปอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงแล้ว ผมนี่แหละที่โคตรกลัวผี!

“โอเคครับ โอเค แล้วนี่เฟียซทำอะไรอยู่หรือครับ?” ผมถอนหายใจโน้มตัวเท้าแขนทั้งสองข้างไว้กับระเบียงห้องอย่างเหนื่อยหน่าย

“ผมหรือ ผมเพิ่งจะโกหกแม่มา ว่าแต่คุณเหมเถอะครับ ทำไมยังไม่นอน?” ผมถามเขากลับด้วยไม่อยากให้เขาถามผมมากมายเกี่ยวกับเรื่องที่ผมเพิ่งจะโกหกออกไป บอกตรงๆ เห็นสนิทกับพ่อแม่ผมแล้วผมเกิดกลัวยังไงไม่รู้

กลัวเขาจะเป็นสายลับของพ่อแม่มาหลอกถามผมนี่ล่ะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมคงถูกเตะโด่งออกจากบ้านแน่ๆ

“ผมนอนไม่ค่อยหลับครับ สงสัยจะแปลกที่” แล้วจะมาแปลกทงแปลกที่อะไรเอาวันที่สอง วันแรกก็หลับได้สบายดี แบบนี้ก็ได้หรือยังไง หรือเขาเป็นคนรู้สึกตัวช้าว่าควรแปลกที่กัน?

“แปลกที่? ใช่หรือครับ?” บ้าจริง! ผมดันใส่อารมณ์ถามออกไปแบบไม่คิดเสียแล้ว แต่แทนที่อีกคนจะโกรธกลับยิ้มขำผมแล้วส่ายหน้าปฏิเสธแทนจนผมต้องย่นคิ้วอย่างสงสัย

“ไม่หรอกครับ ความจริงผมอยากคุยกับคุณมากกว่า...” อารมณ์เหมือนถูกคู่ต่อสู้ปล่อยหมัดฮุกเข้าจังๆ จนมึนไปหมด แต่ผมเพียงแค่ไม่มึนเพราะหมัดพิฆาต แต่เขินเพราะคำพูดของผู้ชายที่อายุน้อยกว่าตรงหน้านี่ล่ะ!

ผมรู้เลยว่าตอนนี้หน้าผมแดงอยู่แน่นอน ดูจากสายตากรุ้มกริ่มที่น่าหมั่นไส้จนอยากหาอะไรมาทิ่มให้มันบอดก็รู้ได้ว่า ผมกำลังถูกเขาล้อเล่นกับท่าทีของผมเอง ผมไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูแล้ว so hot! จะมาชอบผู้ชาย! มันย่อมเป็นไปไม่ได้ พอคิดแบบนั้น เหตุผลที่เขาทำและพูดคงจะเพราะอยากแกล้งผมมากกว่า ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะหันไปสบสายตากับเหมตรงๆ อีกครั้ง ไม่ยอมให้หลุดความเคอะเขินออกมาเด็ดขาด!

“เกิดคิดถึงผมขึ้นมาหรือไงครับ ถึงต้องคุยกับผมดึกๆ ดื่นๆ ทำเหมือนว่าจะนอนไม่หลับถ้าไม่ได้คุยกับผมอย่างนั้นล่ะ” ผมเล่นหูเล่นตากลับ เมื่อเขาแกล้งผมได้แล้วทำไมผมถึงจะต้องเป็นฝ่ายถูกแกล้งอยู่เพียงคนเดียวด้วยล่ะ? จริงไหม? แต่แทนที่อีกคนจะเลิกเล่นแล้วแยกย้ายกัน กลับกลายเป็นผมไปเปิดสวิทช์บางอย่างเข้าให้จนนัยน์ตาคมพราวระยับจนระงับมันเอาไว้ไม่อยู่ ผมเผลอถอยหลังกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากกับรอยยิ้มที่ชวนขนลุกนั่น

“ถ้าบอกว่าผมคิดถึงเฟียซมาก เฟียซจะอยู่คุยกับผมไหมล่ะครับ?”

“เอ่อ...แหม! คุณนี่ก็ชอบพูดเล่นกับผมตลอดเลย ผมไม่หลงกลหรอกนะครับคราวนี้” ผมหัวเราะกลบเกลื่อนอาการใจเต้นระส่ำที่เกิดขึ้นมาโดยไม่ให้เขาเห็นว่าผมกำลังรู้สึกแบบไหน ชั่วครู่หนึ่งสายตาของผมเหมือนว่าจะเห็นใบหน้าที่จริงจังของเหมขึ้นมา แต่มันก็แค่ครู่หนึ่งเท่านั้น เพราะเมื่อผมมองเขาให้ดีอีกครั้ง ผมกลับเจอแค่รอยยิ้มขี้เล่นดังเดิม

“ว้า...แบบนี้แสดงว่าผมถูกปฏิเสธสินะครับ ใครจะคิดว่าเฟียซจะใจร้ายกับผมขนาดนี้” เขาเก่ง! เหมเหมือนสามารถรู้ได้ว่าควรใช้คำพูดแบบไหน น้ำเสียงแบบไหนในการคุยกับใคร เพื่อให้คนคนนั้นพ่ายแพ้ และผมเองการถูกตัดพ้อออกมาจากน้ำเสียงทุ้มนุ่มหูก็ช่างเหมือนถูกกระชากหัวใจออกไปจนใจผมอ่อนยวบ

เอาเถอะ! แค่คุยเป็นเพื่อนก็คงไม่เป็นไร...

“โอเคครับ โอเค คุยก็คุย...เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมรังแกเด็ก” เหมตาวาววับจุดรอยยิ้มขึ้นมุมปากอย่างสนเท่ห์

“แล้วถ้าผมอยากรังแกผู้ใหญ่บ้างนี่จะเป็นอะไรไหมครับ”

อุก! ทำไมรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย







TBC

















โอ๊ย ขอมองเหมแรงๆ ได้ไหมคะ หมั่นไส้ นิ่งเป็นจับ ขยับเป็นหยอด พ่อขนมครกของพรี่~

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2019 14:12:16 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่เหมเป็นใคร คน? ผี? อาราย..ยยยยยยย   :ruready :ruready :ruready

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เหมต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆเลย

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ถ้าสรุปเหมคือเจ้าของรูปภาพก็จะโป๊ะแตกเลยนะเฟียซ

ออฟไลน์ oohsg94

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากรู้ต่อแล้วว่าเหมคือใครร

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[3/4]



ผมไม่ว่าเลยนะถ้าเขาพูดแบบนี้แต่ไม่ได้ทำสายตาเจ้าเล่ห์พร้อมกับกวาดสายตามองผมทั้งตัว มันเหมือนกับเขากำลังจะชวนผมขึ้นเตียงอย่างนั้นล่ะ แต่ผมที่ตอนแรกยิ้มเฮฮาตอนนี้เหลือแต่รอยยิ้มเจื่อนๆ บนใบหน้า อยากจะตะโกนใส่หน้าว่า ไม่ได้โว้ย ก็เกรงใจคนอื่นๆ แต่จะให้ยืนฟังคำพูดบ้าๆ แบบนี้ทั้งคืนผมก็คงกระโดดระเบียงตายแน่ๆ

“เป็น...เป็นอันว่าเรากลับไปนอนกันดีกว่าครับ” ผมแทบจะปาดเหงื่อออกจากหน้าตัวเอง ยิ่งคุยผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเขาดึงเข้าไปหาหลุมดำตรงหน้ายังไงไม่รู้ แต่ผมเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองพลาดไป เมื่อได้ยินประโยคต่อไปของเหมที่พูดกับผมพร้อมกับรอยยิ้มทรฃเสน่ห์

“จะดีหรือครับชวนผมแบบนี้ เกิดผมทำมิดีมิร้ายเฟียซขึ้นมา จะมาโทษผมไม่ได้น๊า~” ไอ้เด็กเปรต!

ผมแทบจะกระโดดกัดหัวของเหมที่อยู่อีกฝั่งอย่างหงุดหงิด นิดๆ หน่อยๆ ก็หยอดได้ไม่เว้นจริงๆ หายใจหายคอได้ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องมานั่งเครียดกับมุขบ้าๆ ที่หมอนี่ขยันหามาหยอด คิดว่าผมจะแพ้หรือไง! ไม่มีทางอยู่แล้ว ผมยืดตัวขึ้นเอียงใบหน้าไปทางซ้ายมองสบตาของเขาด้วยแววตาท้าทายอยู่

“มีปัญญาก็ทำสิ หรือจริงๆ เก่งแต่ปาก?” ผมขนลุกจนแทบจะเอามือลูบไปตามแขน รู้สึกหนาววูบวาบเหมือนตัวเองขุดหลุมฝังตัวเองยังไงก็ไม่รู้ เหมเลียริมฝีปากในขณะที่ยังไม่ละสายตาไปจากผม เป็นผมเองด้วยซ้ำที่เกิดปอดแหกอยากจบเกมที่เล่นอยู่นี้เสียที

“เปิดประตูรอได้เลยครับเฟียซ ผมจะทำให้ดูเอง...”

ปัง!

“ชาติหน้าเถอะ!” ผมปิดประตูระเบียงพาตัวเองเข้ามาแล้วตะโกนกลับไปให้อีกฝ่ายได้ยิน

เออ! ยอมก็ได้ รอบนี้ผมแพ้เอง แต่ใครใช้ให้หมอนั่นทำหน้าทำตามีท่าทีจริงจังแบบนั้นล่ะ

ผมได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดูท่าทางจะชอบมากที่ผมแสดงออกไปแบบนั้น คิดแล้วเชียวว่าเหมมันต้องแกล้งผมแน่ๆ พอมานึกได้แบบนี้ผมก็อดเจ็บใจไม่ได้ ยิ่งผมได้ยินเสียงคนอีกฟากฝั่งหัวเราะมันก็ยิ่งทำให้ผมยิ่งเจ็บใจเข้าไปอีก ผมแพ้! แพ้เพราะผมไม่กล้าพอจะรับคำนั้น ผมแพ้เพราะผมไม่กล้าพอจะเดิมพัน ผมแพ้เพราะผมไม่สามารถห้ามหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นแรงให้มันหยุดลงได้

ยกนี้ผมแพ้เหมเต็มๆ!

.

.

.

.

.

.

.

.

.

เหมือนว่าช่วงนี้ข่าวจะเงียบแปลกๆ ผ่านไปเกือบอาทิตย์แล้วก็ยังไร้วี่แววของข่าวการหายไปของภาพเขียนที่โด่งดังของคุณเหมันต์หายไป แต่กลับไม่มีแม้แต่การประกาศตามหาหรือการเล่นข่าวเรื่องนี้เลย ราวกับว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาก่อน ถามว่ามันดีหรือเปล่า ผมว่ามันดีนะครับ แต่จะว่ามันดีก็ไม่สุด เพราะมันกลายเป็นความสงสัยมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

จะบอกว่าผมขโมยมาผิดก็เป็นไปไม่ได้ ภาพนี้ผมเอามันมาจากงานนั้น งานของคุณเหมันต์ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน แต่แล้วทำไมล่ะ ทำไมถึงได้เงียบเข้ากลีบเมฆแบบนี้ คุณเหมันต์คิดอะไรอยู่ ไม่สนใจเลยหรือยังไงกับผลงานชิ้นแรกที่มากมูลค่าแบบนี้

แต่เดี๋ยวนะ! ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองอยากให้เขามาตามคืน ไม่ใช่ๆ ผมแค่ระแวงเท่านั้นเพราะมันผิดปกติ

ผมเดินกลับบ้านเหมือนเช่นเคย แต่วันนี้ผมรู้สึกเหนื่อยล้ามากจนอยากกลับไปพักผ่อน อยากกลับไปนอนกอดรูปของคุณเหมันต์จะแย่อยู่แล้ว กำลังใจที่ทำให้ผมยิ้มได้และผ่อนคลายมีแค่บทเพลงแห่งเกลียวคลื่นเท่านั้น ผมอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ครอบครองงานทุกชิ้นของคุณเหมันต์เอาไว้ แต่ผมก็หน้าไม่ด้านพอจะไปโจรกรรมงานของเขามาเหมือนกับภาพนี้ ผมสำนึกผิดอยู่ทุกวันด้วยการดูแลภาพบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นอย่างดี ให้ความสำคัญค่อยๆ ไล่มือไปตามความงดงามนั้นตลอดเวลา เชื่อผมเถอะครับว่าผมรักมันมากๆ จริงๆ

ผมกลับมาถึงบ้านก็ตรงดิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่คิดแม้แต่จะแงะดื่มน้ำดื่มท่าใดๆ ในใจตอนนี้ของผมต้องการ...สิ่งที่ช่วยผ่อนคลายผมให้ออกจากความเครียดและความกังวล มันเหมือนผมถูกดึงเข้าไปในเกลียวคลื่นที่คุณเหมันต์สร้างมันเอาไว้ ทั้งๆ ที่รูปมันถูกบิดเบี้ยวไปตามจินตนาการของผู้วาด แต่ผมกลับรู้สึกดีจนต้องระบายยิ้มออกมา

แต่พอผมสูดลมหายใจเข้าปอดกลับต้องชะงัก กลิ่นแปลกปลอมที่ปะปนกับความคุ้นชินนี้มาจากที่ไหนกัน ผมมั่นใจเลยว่าไม่ได้เปิดหน้าต่างเอาไว้ เพราะว่าผมกลัวว่าหากว่าช่วงที่ผมทำงานอยู่แล้วเกิดฝนตกลงมา ความชื้นอาจจะมาทำลายภาพอันแสนรักของผมก็ได้ เพราะงั้น เมื่อมีกลิ่นที่ไม่คุ้นจมูก จึงทำให้ผมอดตกใจไม่ได้จนต้องรีบวิ่งลงมาที่ชั้นล่างด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

“แม่ครับ! มีใครเข้ามาในห้องของผมหรือเปล่า?” ผมกังวลไปหมด

ถ้าเกิดมีคนเข้ามาเห็นล่ะ เกิดคนพวกนั้นจำได้ว่านี่คือภาพของคุณเหมันต์ล่ะ แล้วผมต้องทำยังไง

“อ๋อแม่ให้ตาเหมเข้าไปหยิบของในห้องลูกให้แม่น่ะ ทำไมหรือ?” เหม! ไม่นะ แย่แล้ว! เขาต้องเห็นแล้วแน่ๆ ยิ่งเป็นจิตรกรเขายิ่งต้องรู้จักคุณเหมันต์ ผมจะทำไงดี! จะทำยังไงดี! ผมต้องตายแน่ๆ

“ละ แล้ว แล้วเขาพูดอะไรไหมครับแม่! เขาพูดอะไรบ้างไหมครับ!” ผมลนลานถามแม่อย่างร้อนใจ ผมหวาดกลัว ผมกังวล และยอมรับจากใจจริงเลยว่าผมตื่นตระหนกมันอย่างช่วยไม่ได้

“เอ๋...ก็ไม่นี่ลูก ทำไมหรือจ๊ะ?”

“ปละ เปล่าครับ ไม่มี ไม่มีอะไรครับแม่”

แปลกจัง เหมไม่บอกแม่ของผมเรื่องภาพที่เห็น ถ้าเป็นปกติคนอื่นๆ ก็คงจะเอามาพูดไปแล้ว แต่ทำไมล่ะ ทำไมเหมถึงไม่บอกแม่ หรือเขาไม่รู้จักคุณเหมันต์ แต่มันจะเป็นไปได้หรือ ในเมื่ออยู่ในวงการเดียวกัน ผมได้แต่ถามตัวเองไปตลอดทางโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาอยู่ในห้องของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเฝ้าคิดแล้วคิดอีก เวียนวนคิดอยู่อย่างนั้นไม่จบไม่สิ้นถึงเหตุผลที่เหมไม่พูดมันออกมา หัวใจของผมเต้นแรง ภายในช่องท้องเหมือนมีบางอย่างคอยบินวนอยู่ภายใน

ไม่! เขาคงไม่รู้จักมัน เพราะถ้าหากว่าเหมรู้จักมันแล้วละก็ เหมคงพูดมันออกมาแล้ว ใช่! ต้องใช่แน่ๆ

ผมยิ้มกับตัวเอง ลูบแผ่นอกผ่านผิวเสื้อเบาๆ อย่างปลอบประโลมตัวเองอยู่ในที ความสบายใจเริ่มเกาะกุมหัวใจจนผมผ่อนคลายความกังวลลงไปได้ ผมนั่งลงตรงหน้าภาพบทเพลงแห่งเกลียวคลื่น ยิ่งจ้องมองยิ่งหลงใหล ยิ่งได้อยู่ใกล้ผมก็ยิ่งถูกดึงดูดเข้าไปในห้วงอารมณ์อันร้อนแรงจนแทบจะแผดเผาให้กลายเป็นจุณ

ร้อนไปหมด จนอยากจะปลดปล่อย

เพียงแค่คิด มือของผมก็ปลดซิปกางเกงของตัวเองออกช้าๆ ดึงความองอาจออกมาจนถูกโอบล้อมไปด้วยอากาศภายนอก ผมรู้สึกร้อนจนแทบบ้า เหมือนถูกสายตาคมกริบของใครบางคนจับจ้องและกระตุ้นความกระหายให้โหมกระพือ มือของผมกอบกุมมันเอาไว้ ขยับเป็นจังหวะขึ้นลงช้าๆ อย่างไม่รีบร้อน

“อืม...” ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนถูกมอง ตัวตนของผมก็ยิ่งขยายมากขึ้น ความกระสันก็ยิ่งแผ่ซ่านไปทั้งร่างกายจนริมฝีปากแห้งผาก ผมหลับตาจินตนาการว่ารูปใบนี้เป็นคนคนหนึ่ง ใบหน้าที่มองไม่เห็นในความมืดมิด กับสายตาพราวระยับที่ปรากฏความปรารถนาและความร้อนแรงออกมายิ่งทำให้ผมต้องกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้

“ซี๊ด อา...” มือปริศนาเอื้อมออกมาช้างหน้าในความรู้สึกของผม หรือจะเรียกมันว่าจินตนาการก็ได้ มือนั้นค่อยๆ ลูบไล้ไปตามใบหน้าของผม สัมผัสไปตามผิวแก้มจนมาถึงริมฝีปาก ปลายนิ้วสอดเข้ามาภายในปากร้อนที่ชุ่มฉ่ำ กวาดปลายนิ้วหยอกเย้าเล่นกับปลายลิ้นของผมอย่างสนุกสนานจนผมเผลอครางออกมา นิ้วเรียวถูกดึงออกก่อนจะไล่ลงมาที่ลำคอของผมจนต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้น

ทุกครั้งที่ความร้อนจากปลายนิ้วกดสัมผัสลงที่บริเวณลำคอ มันทำให้ผมรู้สึกราวกับถูกจูบซับอย่างรักใคร่ก่อนที่มันจะไล่ลงมาจนถึงผิวเนื้อผ้าที่ทาบทับร่างกายของผมอยู่ นิ้วเรียวค่อยๆ ลากไล้ไปยังยอดสีอ่อนที่เริ่มชูชันดันผิวเสื้อออกมา สะกิดมันแผ่วเบาแต่กลับทำให้ผมสั่นสะท้านจนแทบจะทนไม่ไหว แรงปัดผ่านไม่ได้มากมายเลย แต่มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์ที่ถูกจุดให้ยิ่งโหมกระพือยิ่งขึ้น

“อ๊ะ อื้ม อ๊ะ”

ภาพในจินตนาการของยิ่งหนักขึ้น อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าถูกริมฝีปากร้อนของใครบางคนครอบครองความองอาจในมือของผมเข้าไปในปากจนสุดตัว เขาเร่งเร้าไปพร้อมๆ กับมือของผมที่ยิ่งขยับรุนแรงขึ้น ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าถูกถอนริมฝีปากออกจากตัวตนของผมไป ร่างของใครคนนั้นเดินไปตรงหน้าผม ขยับออกห่างเรื่อยๆ จนผมอยากจะร้องห้ามแต่กลับไม่สามารถขยับริมฝีปากพูดคำใดได้ ริมฝีปากสีระเรื่อยกยิ้ม ก่อนจะขยับพูดบางสิ่งออกมา

“ทำสิครับ ทำมันเลย ทำให้มันแรงกว่านี้สิครับ เฟียซ”

“อ๊ะ อา อืม” ผมเริ่มหอบหายใจเมื่อร่างกายทนไม่ไหวอีกต่อไป ผมขยับมือแรงขึ้นตามคำบอกของใครคนนั้น เสียงทุ้มแปร่งๆ ที่เอ่ยมาบอกผมนั้นมันช่างคุ้นหูเหลือเกิน แต่อารมณ์ของผมตอนนี้ไม่สามารถคิดหรือวิเคราะห์สิ่งใดให้ออกมาเป็นหลักเหตุและผลได้ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการขยับมือให้เร็วขึ้นแรงขึ้น

“ดีครับ แรงๆ แบบนั้น เงยหน้าขึ้นสิครับ ให้ผมได้เห็นหน้าคุณในตอนที่คุณปลดปล่อย เอาสิ ปล่อยมันออกมาสิครับเฟียซ”

“อ๊า!” ผมขยับมืออยู่สี่ห้าครั้งก่อนที่ร่างของผมจะกระตุกเกร็งปลดปล่อยกลิ่นคาวสีขุ่นออกมาจนเลอะฝ่ามือตัวเอง ความเสียวซ่านค่อยๆ ถูกพัดหายไปตามหยาดรักที่ออกมา ผมยังคงทิ้งกายหอบหายใจอยู่อย่างนั้นก่อนที่สติที่ถูกความปรารถนาครอบครองไว้จะกลับมาอย่างเต็มร้อย ผมเริ่มคิด...เสียงที่ได้ยินมันช่างคุ้นหู ทั้งมือนั่น ริมฝีปากสีระเรื่อนั่น ไหนจะวิธีการพูดของเขา แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือผมปลดปล่อยได้เพราะผู้ชาย! ผู้ชายทั้งแท่งด้วย!

ผมเริ่มหวาดวิตกอย่างไม่อาจจะห้ามได้ นี่ผมกลายเป็นพวกที่มีอารมณ์และถึงจุดหมายได้โดยการจินตนาการถึงผู้ชายไปได้อย่างไรกัน! มันไม่ควรจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาสิ ผมเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง และเป็นคนที่หลงใหลรูปภาพบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นเท่านั้น แล้วทำไมล่ะ ทำไมมันถึงกลับกลายเป็นว่าผมเสร็จเพราะผู้ชายกัน!

แถมเสียงของคนในความคิดของผมมันก็เหมือนกับ...เหม

บ้าจริง! ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

ผมปล่อยให้มันรบกวนหัวใจอยู่อย่างนั้นแล้วเลิกสนใจมันไป ในตอนนี้ผมเลือกที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อจะล้างเนื้อล้างตัวและล้างมือของตัวเองที่เปรอะเปื้อนคราบรักสีขุ่นที่ตอนนี้เริ่มเหนียวเหนอะหนะจนน่ารำคาญ โดยไม่เห็นบางสิ่งที่สะท้อนแสงออกมาจากรูปภาพนั้น

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

...เหมันต์...

เช้าวันนั้นผมได้รับรายงานจากเพทายผู้ดูแลควบคู่กับตำแหน่งญาติผู้น้องของผมรายงานว่ารูปภาพบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นได้หายไปจากงาน ผมทั้งหงุดหงิด ทั้งโมโหกับการดูแลรักษาความปลอดภัยที่แสนสะเพร่าของทางตึกที่ผมได้ไปเช่าพื้นที่จัดแสดงภาพเอาไว้ ยิ่งโมโหเมื่อมีคนออกมารับผิดเพียงแค่ยามที่เฝ้าไว้เมื่อคืนเท่านั้น เขาคิดว่ารูปภาพที่ผมวาดมีมูลค่าเท่าไหร่? ไม่ใช่เลย มันไม่ได้มีค่ากับผมเพียงเพราะจำนวนเงินที่จะถูกซื้อ แต่มันคือสิ่งแรก ที่ทำให้ผมรู้ว่าแรงบันดาลใจคืออะไร

ผมวาดมันออกมาจากความรู้สึกที่อยู่ลึกในหัวใจ สิ่งที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ถูกผมถ่ายทอดออกมาเป็นภาพเกลียวคลื่นที่เกรี้ยวกราดแห่งท้องทะเล บีบรัดมันจนบิดเบี้ยวด้วยความร้อนเร่าที่ผมเผาไหม้มันออกมา ผมอยากให้ทุกคนมองเห็นสิ่งที่ผมสร้างสรรค์ อยากให้ทุกเข้าใจในความรู้สึกที่ผมได้ใส่มันลงไป

แต่ไม่เลย! ทุกคนมองเพียงว่ามันสวยงามและดึงดูดใจ แต่ไม่มีใครเข้าใจมันเลยสักคนเดียว

แล้วจะให้ผมขายมันให้คนพวกนั้นงั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!

กลับมาที่เรื่องเดิม ผมเดินตรงไปด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่สายตากลับเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ไม่อาจจะปิดบัง ฝีเท้าเร่งขึ้นเมื่อมองเห็นห้องควบคุมอยู่ตรงหน้า โชคดีแต่ไหนที่ยังมีกล้องวงจรปิดพอให้ผมมองดูภาพคนร้ายได้ สิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคือภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่เคยเห็นหน้า ไม่แม้แต่จะคุ้นหน้าด้วยซ้ำ เขาดู...ไม่ใช่เศรษฐี แต่เขาอาจจะเป็นผู้ถูกว่าจ้างมาก็ได้ ใครจะไปรู้

แต่เขามีบางอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น เขาดูระมัดระวัง ดูทะนุถนอมราวกับหลงรักภาพของผม มันทำให้ลมหายใจของผมชะงัก จังหวะการเต้นของหัวใจถี่ขึ้นจนแน่นอก เขาทำราวกับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผม ทำเหมือนกับว่าเข้าใจมันดีจนผมเผลอกลั้นใจและคาดหวัง ผมมองหน้าเขาไม่ชัดเพราะความมืดที่อยู่รอบๆ แต่ก็มีบางจังหวะที่พอจะเห็นได้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งผมจดจำมันได้ดีเหลือเกิน

เพทายเตรียมกดมือถือเพื่อโทรแจ้งความแต่ผมก็หยุดเขาเอาไว้ พร้อมกับสั่งให้ทุกคนห้ามใครปริปากหรือให้ข่าวในเรื่องนี้ หากเกิดการเล่นข่าวหรือมีคำเล่าลือออกไป ผมจะให้พวกเขาชดใช้จนหมดตัว แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครอยากเสี่ยงกับการเสียเงินทองมากมายกับการเป็นคดีความ ทุกคนจึงได้เก็บงำความลับเอาไว้

ผมให้เพทายหาที่อยู่ของคนที่ขโมยของสำคัญของผมไป ไม่ถึงสองชั่วโมงข้อมูลที่อยู่ก็ถูกส่งมา ผมจัดการหาบ้านใกล้ๆ หรือที่อยู่ใกล้ๆ ให้ตัวเองทันที โชคดีเหลือเกินที่มีคนประกาศขายบ้านหลังข้างๆ ที่อยู่ติดกับเขา ผมซื้อมันทันทีโดยไม่ต้องคิด ยอมใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยเพราะอยากจะเฝ้าดูเขา อยากจะรู้ว่าเขาขโมยของของผมไปทำไมอะไร

ระหว่างย้ายบ้านผมได้เจอกับเขา เขามองดูพวกคนงานที่ผมจ้างให้ขนของมาให้อย่างสนใจ ท่าทางของเขาดูเอื่อยเฉื่อยจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคือคนคนเดียวกันกับคนที่กล้าขโมยของของผม จนผมเดินเข้าไปใกล้เขาสีหน้าที่ฉายแววว่าสนใจก็แปรเปลี่ยนเป็นผิดหวัง

ผิดหวังที่เป็นผม? ผู้หญิงแทบทุกคนหรือแม้แต่ผู้ชายบางคนเห็นผมก็อยากกระโจนเข้าใส่ทั้งนั้น! แต่เขากลับมีสีหน้าผิดหวังเนี่ยนะ! กล้าดีเหลือเกิน!

ผมสะกดกลั้นความไม่พอใจ...กับสีหน้าที่เขาแสดงออกมาเอาไว้ ก่อนจะส่งยิ้มให้เขาราวกับไม่มีความขุ่นเคืองใดๆ เกิดขึ้น เขาเองก็ยิ้มให้ผมด้วยใบหน้าที่แสนธรรมดานั่น แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากธรรมดาๆ คือหัวขโมย ตัวดีที่บังอาจย่องเข้ามาขโมยสิ่งที่แสนสำคัญไปจากผมอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน

“สวัสดีครับ...” ผมเอ่ยทักทายกับเขาก่อนด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจบนใบหน้า ทั้งที่ในใจกลับตื่นเต้นจนตัวสั่น

“เอ่อ สวัสดีครับ เพิ่งย้ายมาหรือครับ?” เสียงเขาช่างนุ่มหู ดูแผ่วเบาราวกับคนที่ขาดความมั่นใจ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงว่าเขาทำความผิด ผมพินิจพิเคราะห์คนตรงหน้าจนอยากจะมองให้ทะลุเข้าไปภายใน ผมหมายถึง...หัวใจของเขา

“ใช่ครับ แล้วนี่คุณอยู่บ้านหลังไหนครับเนี่ย” ผมทำเป็นไม่รู้ หันซ้ายหันขวามองหาบ้านของเขาอย่างตั้งใจ

“ข้างๆ บ้านคุณเลยครับ พอดีผมเพิ่งจะเลิกงาน ฮ่าๆ”

“ผมชื่อเห อ่า เหมครับ คุณล่ะ?” เกือบไปแล้วสิ การที่เห็นเขาหัวเราะอยู่แบบนี้ทำให้ผมเกือบจะเผลอบอกชื่อจริงๆ ของผมออกไปเสียแล้ว หน้าตาใสซื่อนั่นเล่นเอาผมลืมเสียทุกอย่าง หึหึ น่าสนใจจริงๆ

“อ๋อ...ผมชื่ออัศดล เรียกเฟียซก็ได้ครับ”

“ครับเฟียซ แล้วเฟียซอายุเท่าไหร่ครับ ทำงานอะไร อา...หวังว่าผมคงไม่ละลาบละล้วงมากไปนะครับ”

“โอ๊ยๆ ไม่หรอกครับ อย่าคิดมากเลย ปีนี้ผมก็อายุ 28 พอดีเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไปครับ”

“อ๋อ แบบนี้ผมก็ต้องเรียกเฟียซว่าพี่สินะครับ ผมอายุน้อยกว่าเฟียซ2ปี น่าเสียดายจัง” ผมตีหน้าเศร้าให้ดูน่าสงสาร อยากเห็นว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไง

“เอาน่า ไม่ต้องเรียกผมว่าพี่ก็ได้ครับ เรียกที่คุณถนัดเลย” ผมยกยิ้มนัยน์ตาพราวระยับกับคำตอบของเขา

“งั้นเรียกว่า ที่รัก เป็นไงครับ?” เฟียซยิ้มค้าง นิ่งอึ้งกับคำพูดของผม ผมเองยังอดขำไม่ได้กับใบหน้าของเขาที่ตอนนี้ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างอย่างตกใจ ผมจึงได้แต่แก้ตัวออกไปให้เขาเบาใจลง

“ผมล้อเล่นครับ เฟียซคงไม่ได้คิดว่าจริงใช่ไหม” เขากะพริบตาสองสามครั้งเพื่อเรียกสติ ก่อนจะใช้เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนมันไป แต่ผมก็ยังเห็นร่องรอยสีแดงบนผิวแก้มของเขา จนอดคิดไม่ได้ว่า...

น่ารักชะมัดเลย

“จะบ้าหรือ ผมจะไปคิดว่ามันจริงได้ยังไง ฮ่าๆ”

จริงๆ เขาเองก็ดูมีเสน่ห์นะครับ เขาสามารถดึงดูดสายตาผมได้แสดงว่าเขาต้องมีอะไรดี ผมไม่ค่อยสนใจใครอื่นมากเท่าไหร่ คนที่พอจะอยู่ในสายตาได้ก็เห็นแต่จะมีเพียงแค่เพทายญาติตัวดีของผม คนอื่นผมแทบไม่อยากจะพบใครหรือพูดคุยกับใคร แต่กับเขา คนที่อยู่ตรงหน้าของผมมันไม่ใช่ ผมอยากรู้จักเขามากขึ้นโดยที่ผมยังหาสาเหตุของมันไม่ได้ อยากพูดคุยกับเขามากกว่านี้ และมันไม่ใช่เพราะเขาขโมยสิ่งสำคัญของผมไป แต่เป็นเพราะอะไรผมก็หาข้อสรุปไม่ได้เหมือนกัน

“ทานข้าวหรือยังครับ อยู่ทานข้าวกับผมไหม?” เขาละสายตาจากการจับจ้องผู้คนที่ยกของของผมเข้าไปมามองผมแล้วยิ้มเจื่อนๆ

“เอ่อ ผมว่าไม่ดีกว่า ขอบคุณมากครับ แต่ตอนนี้พ่อแม่ผมคงรอทานข้าวอยู่แล้ว ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ยังไงเราก็ยังต้องเจอกันอีกนาน...ผมหมายถึง ผมยังอยู่ที่นี่อีกนานน่ะครับ” ใช่...เขายังต้องเจอผม อีกนานทีเดียว

“อ๋อ ฮ่าๆ ครับ แล้วพบกันใหม่นะครับ”

“ครับ...แล้วพบกัน...” ผมบอกแค่นั้นแต่สายตาไม่ได้ละไปจากแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไปเลยแม้แต่น้อย พี่เฟียซงั้นหรือ หึ! เดี๋ยวก็รู้ว่าคุณเป็นคนยังไง!









ตัดฉับๆ ฮ่าๆ พาร์ทของเหมันต์ยังไม่จบนะคะ มาลุ้นกันว่า...น้องเหมันต์กับคุณพี่เฟียซจะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านหลงรูป (ภาพ) ตอนสุดท้ายได้วันพรุ่งนี้ค่ะ รักทุกคน ❤
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2019 14:13:01 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
กลับมาต่อแล้ว...คิดถึงๆๆๆๆๆ    :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[4/4]

เขาทำให้ผมตะลึงงันจนนิ่งค้าง ความรู้สึกที่เขามีให้มันช่างแปลกประหลาดจนผมแทบจะทรุดตัวลงพื้น ทิ้งกายแล้วหอบหายใจอย่างรุนแรงต่อสิ่งที่ผมได้เห็น เขากำลังเล่นกับตัวเองต่อหน้ารูปของผมที่เขาขโมยมันมา เขากำลังทำราวกับว่า ภาพที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น...คือสิ่งเร้าที่เร่งให้ปฏิกิริยาในร่างกายยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ใบหน้าที่แดงระเรื่อกับริมฝีปากเรียวบางที่ในตอนนี้ทั้งขบเม้มและกัดเอาไว้อย่างสะกดกลั้นเสียงครวญครางช่างน่ามองเหลือเกิน

เสียงครางกระเส่าที่ลอยล่องอยู่ในสายลมถูกพัดเข้ามากระทบประสาทหูของผมอย่างไม่อาจจะต้านทานได้ บางสิ่งที่มันหลับสนิทอยู่ใต้กางเกงสีเข้มก็ผงาดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เพียงได้ยิน ได้เห็นภาพความร้อนระอุของเขา ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวขโมย ก็สามารถทำให้ผมที่ปกติไม่เคยตื่นขึ้นมาง่ายๆ ต้องทรมานกับการปวดช่วงล่างอย่างน่าสงสาร

อยากเข้าไปฟังใกล้ๆ อยากไปได้ยินให้ชัดกว่านี้

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมนึกอิจฉารูปของตัวเองเหลือเกินที่มันถูกวางเอาไว้ตรงนั้น ตรงหน้าเขาที่สามารถรับรู้ ได้ยิน ได้เห็นทุกอย่างของเขาคนนั้น ได้อิงแอบแนบชิด ได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้จนลมหายใจแทบจะประสานกัน หากตรงนั้นเป็นผมมันก็คงจะดี ถ้าที่ตรงนั้นมีผมยืนอยู่ ผมคงจะดีใจกว่านี้มากนัก ผมอยากให้เขาทำให้ผมได้เห็นต่อหน้า อยากเป็นที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาในตอนที่เขาช่วยตัวเองแบบนี้

อิจฉา อิจฉาจนแทบจะคลั่งตาย อยากกระโจนเข้าไปหาแล้วบังคับให้อีกคนอ้าขารับความเป็นผมเป็นไปภายใน อยากถูกเขาบีบรัด อยากจะสอดประสานจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกกับผมแบบไหน ผมอยากย่ำยีให้เขาต้องร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างของผม ให้เขาได้รู้สึกสุขสมไปกับตัวตนของผมที่ขยับอยู่ภายใน

ผมเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างกระหาย แต่ทำได้เพียงข่มใจเอาไว้ในมุมมืดของตัวเอง ผมเห็นเขาเช็ดคราบน้ำรักบนมือของตัวเองออก ก่อนจะลนลานเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเปิดหน้าต่างเอาไว้ แต่เขาก็คือเขา เขาไม่มีทางคิดได้หรอกว่าผมมองเห็นเขาได้โดยไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยตัว เฟียซเป็นคนคิดน้อยจนเรียกว่าซื่อ เขาขโมยงานของผมมาเพียงเพราะตัวเองต้องการจะครอบครองเท่านั้น

หลังจากนั้นผมก็คอยเฝ้ามองเขาอยู่ตลอด เขาเอาบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นของผมขึ้นไปนอนกอดบนเตียง มองมันราวกับมันคือสมบัติล้ำค่า คือคนรักที่ได้รับมาจากฟากฟ้าใหญ่ นั่นยิ่งทำให้ความอิจฉาของผมพุ่งสูงจนแทบจะสะกดมันเอาไว้ไม่ได้

ผมอยากอยู่ตรงนั้น อยากเป็นคนที่ถูกเขาโอบกอดไว้จนหลับไป ไม่ใช่รูปที่ไร้ชีวิต

พอวันต่อมาผมก็บุกไปที่บ้านเขาทันที ใช้การทำความรู้จักเป็นใบเบิกทางเข้าหาอย่างง่ายๆ จนครอบครัวของเขารับผมได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ดูเหมือนว่าเขาเองมากกว่าที่ตะขิดตะขวงใจกับผม ผมมองเขาที่นั่งกินคุกกี้อย่างเอร็ดอร่อยจนเศษของมันติดอยู่ที่ผิวแก้มใกล้ๆ กับริมฝีปาก แต่เจ้าตัวไม่ได้รับรู้ถึงมันเลยด้วยซ้ำ กลับยังคงเอาแต่ทานมันไม่หยุดปากทั้งที่ถูกเสียงของผู้เป็นแม่เอ่ยดุ

เขาน่ารักจนผมอดเอื้อมมือออกไปหยิบเศษเล็กๆ นั่นออกไม่ได้ แต่แทนที่ผมจะทิ้งมัน ผมกลับเอามันเข้าปากตัวเองอย่างไม่คิดรังเกียจใดๆ

ตกดึงผมเห็นไฟห้องของเขาเปิดอยู่จึงได้แกล้งหาอะไรใกล้มือปากระทบกับกระจกระเบียงของเขา แล้วมันก็ได้ผล เขาออกมาด้วยใบหน้าติดขุ่น มองผมอย่างไม่ชอบใจนัก แต่เมื่อถูกผมหยอกเย้าออกไป แทนที่เฟียซเขาจะโกรธ กลับนิ่งแล้วช้อนสายตาขึ้นมามองผม ก่อนจะโต้ตอบคำพูดออกมาไม่ต่างกัน นั่นทำให้ใจของผมเต้นแรงจนไม่อาจจะระงับได้ ผมเผลอมองเขาอย่างจริงจัง เผลอพูดความในใจออกไปหน้าตายจนอีกคนปิดประตูระเบียงใส่จนเสียงดัง ผมถึงได้หัวเราะออกมาอย่างชอบใจในการกระทำของเขา

กล้าอ่อยแต่ไม่กล้าเล่น น่ารักเหลือเกินนะเฟียซของผม

เช้าวันต่อมาในตอนที่เขาไปทำงานแล้ว ผมก็เข้าไปตีสนิทกับคุณพ่อคุณแม่ของเฟียซด้วยใจจริง ผมถือคติที่ว่าชอบเขาก็ต้องเข้าหาพ่อแม่เขาด้วย เพราะอย่างนั้นผมจึงได้ถือของฝากเล็กน้อยไปให้อย่างไม่สนว่าสมควรหรือเปล่า เป็นคนอื่นคงจะมองว่าแปลก แต่สำหรับพ่อกับแม่ของเฟียซ...พวกเขาใสซื่อเหมือนกับเฟียซไม่มีผิด

ผมจับกระเป๋าตัวเองแน่น ลูบมันจนแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน ของสำคัญ ที่ถูกเก็บไว้ในนี้ มันจะทำให้ผมไม่ต้องอิจฉารูปของตัวเองอีก เพียงแต่ผมจะต้องหาวิธีเข้าไปในห้องของเฟียซให้ได้ ไม่อย่างนั้น เรื่องนี้ก็คงไม่มีวันจะเกิดขึ้นมา!

แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์เป็นใจให้ผม เมื่อแม่ของเฟียซขอให้ผมขึ้นไปบนห้องของเฟียซแล้วนำตำราอาหารที่ชั้นหนังสือออกมาให้ ผมไม่รีรอให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจใดๆ ผมก็รีบตรงเข้าไปในห้องของเขาทันที เพียงแค่ประตูเปิดออกเท่านั้น กลิ่นกายที่ติดร่างของเขาลอยฟุ้งอยู่ในห้องจนผมเผลอสูดดมมันเก็บเอาไว้จนแน่นอก ผมตรงเข้าไปหาภาพของผมที่ถูกผ้าสีขาวคลุมมันเอาไว้ ก่อนจะดึงผ้านั้นออกอย่างเบามือ

มันยังคงเหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยความเสียหายใดๆ แม้แต่น้อย บอกได้เลยว่าเฟียซดูแลมันดีแค่ไหน

ผมล้วงเอากล้องขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะติดมันเอาไว้กับภาพแล้วเอาผ้าสีขาวคลุมเอาไว้เช่นเดิมราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ผมยืนยิ้มกับความสำเร็จของตัวเองอยู่เงียบๆ เฝ้ามองมันอย่างตื่นเต้นจนหัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ อีกไม่นาน เมื่อเขากลับมา เขาจะอยู่ในสายตาของผม ผมจะสามารถเห็นเฟียซได้ทุกอย่าง จะเห็นได้ในทุกการกระทำของเขาเหมือนผมอยู่ตรงหน้าของเขาเอง เหมือนผมอยู่ในห้องห้องนี้กับเขาด้วย

อา...แค่คิดก็สนุกแล้ว

พอกลับมาจากบ้านของเฟียซ ผมก็หมกตัวอยู่ในห้อง เปิดภาพจากกล้องในห้องของเฟียซเพื่อรอดูผลงานพร้อมกับใส่หูฟังเอาไว้ ความชัดของเลนส์กล้องมันทำให้ผมพึงพอใจอย่างมาก แม้ว่าราคามันจะสูงแต่ก็ถือได้ว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปเหลือเกิน เฟียซเดินเข้ามา หยุดอยู่ที่เบื้องหน้าของภาพ หัวคิ้วของเขาขมวด ก่อนจะมีสีหน้าราวกับถูกผีหลอก ในใจผมหวาดหวั่นว่าเขาจะพบมันเข้าหรือเปล่า เสียงตึงตังจากการวิ่งกระทบกับหูจนผมต้องนิ่วหน้าสงสัย

แต่ไม่นานเขาก็กลับมา พร้อมกับสีหน้าที่ยุ่งยิ่งกว่าเก่า ผมเห็นท่าทางของเขาก็พอจะเบาใจได้อย่าง อย่างน้อยเขาก็ยังไม่รู้ตัวว่าผมเอากล้องไปติดเอาไว้ แต่เขาคงจะสงสัยว่ามีใครเข้าไปหรือเปล่า ผมยกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเขาสะบัดหน้าทิ้งความสงสัยเอาไว้ด้านหลัง เขากลับมาจับจ้องผม ไม่สิ รูปภาพอีกครั้งอย่างหลงใหล ในแววตาของเขานั้นช่างเต็มไปด้วยความร้อนแรงที่เร่งเร้าปฏิกิริยาในร่างของผมให้ตื่นขึ้นมา

ผมดึงความองอาจออกมาจากกางเกงตัวเองเมื่ออีกคนในจอกำลังทำมันเช่นกัน ผมมองปฏิกิริยาตรงหน้าของเขา จดจำใบหน้าและความกระสันที่ฉายชัดทางใบหน้าอย่างนึกชอบใจ ยิ่งมองเห็นริมฝีปากแดงขบเม้มมันเข้าหากัน ผมก็ยิ่งกระหายอยากจะเข้าไปจูบมันเสียให้หนำใจ มือของผมขยับตามจังหวะของคนในจอ อยากจะกลืนกินเขาให้หมดไม่ยอมให้หลงเหลือให้ใครได้มองเห็น อยากจะจับเขามารอรับหยาดรักที่เกือบจะพ่นออกมาเพียงแค่เห็นเขาหอบหายใจและส่งเสียงคราง

หิวกระหายเสียจนไม่อาจจะหยุดยั้ง ต้องเร่งเร้าตามแรงอารมณ์ทั้งของผมและของเฟียซ ตัวเฟียซเองก็ใกล้จะไปถึงฝั่งฝัน ร่างกายบอบบางกระตุกเกร็งก่อนจะปลดปล่อยความต้องการออกมาจนเปรอะเปื้อน

ผมก้มลงมองคราบสีขุ่นในมืออย่างหมดแรง ก่อนจะละสายตาไปมองคนในจอที่บัดนี้เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ผมไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่า คนอย่างเหมันต์คนนี้ จะปลดปล่อยได้เพียงแค่การเห็นใครอีกคนทำกับตัวเองแบบนั้น ผมไม่ใช่เกย์ เป็นผู้ชายแท้ที่ชอบผู้หญิง แต่ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า เมื่อครู่ มันรู้สึกดีมาก แต่มันจะดีกว่านี้ หากมีเขามาทำให้ผม

ไม่ได้แล้ว ผมจะปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว มันถึงเวลาที่ผมจะต้องจัดการมันเสียที!

(ว่าไงวะ?)

“ไอ้เพชร! กูต้องการคน” ผมบอกความต้องการกับเพทายอย่างจริงจัง จนอีกฝ่ายถามออกมาอย่างร้อนใจ

(เอากี่คน? มึงจะเอาไปทำอะไรวะ?) ผมยกยิ้ม มองใบหน้าของคนในจออีกครั้งด้วยแววตาพราวระยับ

“3คน กูจะงัดเข้าไปเอาของๆ กูคืน!”

หมดเวลาแล้วครับเฟียซ ผมปล่อยให้คนสนุกมานานเกินพอแล้ว คราวนี้ ตาผมคุมเกมบ้างแล้ว

....จบพาร์ทเหมันต์....



.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ฉิบหาย! ฉิบหายแล้วแน่ๆ ผมกำลังจะบ้าตายอยู่แล้ว กลับมาบ้านหลังจากทำงานเหนื่อยๆ แต่สิ่งที่ควรจะอยู่ในห้องของผม สิ่งที่ผมจะเห็นทุกครั้งที่กลับเข้าห้องมา แต่วันนี้มันไม่มีอีกแล้ว ภาพที่แสนรักของผมหายไป! มันหายไปแล้ว! ผมกระวนกระวาย ใจจนอยากจะไปแจ้งความไว้ด้วยซ้ำ ติดแค่ผมเองก็คือขโมย การที่ขโมยจะไปแจ้งความว่าถูกขโมยของที่ขโมยมามันคงบ้าสิ้นดี

แล้วภาพหายไปไหนล่ะ ใครเอาภาพของผมไป!

ผมหยิบกระดาษแผ่นสีขาวขึ้นมาด้วยมือสั่นๆ ผมรู้สึกได้เลยว่าน้ำตาของผมกำลังจะไหล ผมต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่ให้หยาดน้ำตาออกไป ตอนนี้ ผมต้องอ่านเนื้อหาที่เขียนอยู่ในกระดาษให้เข้าใจก่อน ไม่งั้นผมคงต้องร้อนรนใจแบบนี้ไปตลอดแน่

ภาพอยู่กับผม...มาเจอผมที่โรงแรม....ชั้น.....

ปล. บอกเขาว่ามาพบคนที่พักห้อง.... แล้วเจอกัน

ไม่ลงชื่อ กระดาษแผ่นนี้ที่มีข้อความแต่กลับไม่มีชื่อลง ผมบังคับมือตัวเองไม่ให้สั่น พยายามอย่างยิ่งในการควบคุมความหวาดกลัวของตัวเอง ในสมองก็ตั้งคำถามว่าใครกันที่เอาของของผมไป ใครกันที่ทำแบบนี้

แต่ว่าแม้ผมจะพยายามหาคำตอบเท่าไหร่ผมก็ไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่าเป็นใคร สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือการที่ยอมมาที่นี่! ที่ที่เขานัดผมให้ออกมา ในใจของผมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พยายามก้าวเท้าทุกฝีก้าวให้มั้นคง แต่เพียงได้ยินเสียงรถบีบแตรไล่หลัง ผมก็ตกใจจนสะดุ้งโหยงแล้ว มันอาจจะดูแปลก แต่ผมกลัวจริงๆ นะครับ ยิ่งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร ผมก็ยิ่งหวาดกลัว

ผมมองโรงแรมสุดหรูข้างหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในใจอดชื่นชมการจัดแต่งโรงแรมของเขาไม่ได้ มันสวยงามมาก มากจนผมคิดว่าโรงแรมแถวบ้านผมคงไม่มีที่ไหนจะสวยได้เท่านี้ และความสวยมันย่อมมาควบคู่กับราคาที่สูง ผมว่าผมเองก็คงไม่มีปัญญาจะได้พักมันแน่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกสั่งให้มาพบตามนัด! ผมเดินเข้าไปหาผู้หญิงสามคนที่ยืนอยู่ตรงเคาท์เตอร์ช้าๆ ฉีกยิ้มเจื่อนๆ ให้พวกเธอน้อยๆ

“ติดต่อเรื่องอะไรคะท่าน”

ท่าน! ท่านเลยหรือ! ผมตกใจจนอ้าปากพะงาบๆ จนต้องสูดลมหายใจเข้าออกอยู่หลายครั้งกว่าจะสงบสติอารมณ์ของตนเองลงไปได้

“เอ่อ ผมมาพบ เอ่อ คนที่พักห้อง...น่ะครับ” เธอยิ้มให้ผมกว้างขึ้นอย่างเข้าใจ

เข้าใจอะไรวะ?
“อ๋อ...ถ้าอย่างนั้น เชิญทางนี้เลยค่ะ” เธอเดินนำผมไปยังลิฟต์ กดเรียกมันให้ผมเรียบร้อยก่อนจะยิ้มส่งผมเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ผมทำได้แค่ยืนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปภายใน เธอเอี้ยวตัวจากภายนอกเข้ามากดชั้นให้ผม เมื่อเลขชั้นขึ้นสีส้ม เธอก็ผละตัวออกอย่างไม่ให้เสียเวลา

“ขอให้สนุกนะคะ...”

ขอให้สนุก? เธอคิดว่าผมมาทำอะไรที่นี่ครับ มาเล่นบิลเลียตหรือ? ผมกำลังถูกใครไม่รู้แบล็คเมล์ สั่งให้ผมมาที่นี่ทั้งที่ผมไม่อยากจะมา ผมอยากจะร้องไห้ออกมาเสียงดังๆ หรือไม่ก็ตะโกนให้คนในโรงแรมนี้ได้รู้กันไปเลยว่าผมโคตรอึดอัดใจขนาดไหน แต่ผมก็ทำได้แค่นิ่งเฉยๆ ยืนขาสั่นอยู่ในลิฟต์เงียบๆ คนเดียวโดยที่ไม่มีใครมาล่วงรู้ถึงความคิดของผมได้ ว่ามันหวาดกลัวจนตัวสั่นขนาดไหน


ลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นที่ถูกกดเอาไว้ ผมสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจลอบมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง แต่ไม่เลย ไม่มีใครเดินผ่านมาสักคนแม้กระทั่งพนักงานทำความสะอาด ผมเริ่มใจไม่ดี เริ่มคิดอยากจะหนีไปจากที่นี่แล้วไม่ต้องกลับมาอีก ลืมเรื่องทุกเรื่องไปเสียให้หมด ทั้งรูปภาพที่หายไป ทั้งเรื่องที่ผมเคยเข้าไปขโมยมันออกมา แต่เพียงแค่ขยับเท้าเดินหันหลังหวังจะเดินไปหาลิฟต์ตัวที่เพิ่งออกมา ผมก็เกิดความรู้สึกโหยหา และคิดถึงภาพบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นเหลือเกิน

ผมถอนหายใจแล้วสูดลมหายใจเข้าอยู่หลายครั้งก่อนจะเดินออกห่างจากลิฟต์แล้วเดินตรงไปยังหมายเลขห้องที่ผมถูกบอกให้มา ผมมองประตูสีช็อกโกแลตนิ่งๆ ทำใจอยู่พักหนึ่งถึงจะเคาะประตู ผมรออยู่นานแต่ก็ไม่มีการเปิดออกของประตู ผมจึงได้เปิดมันออกเอง โชคดีที่ประตูไม่ได้ล็อกเอาไว้ ผมจึงสามารถเข้าไปได้ ภายใน ปรากฏความว่างเปล่าออกมาทำให้ผมต้องมองเข้าไปเพื่อค้นหาร่างของใครสักคน ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนมองเห็นภาพของผมที่ถูกใครเอาออกมา ผมดีใจจนเผลอยิ้มออก รีบถลาร่างเข้าไปหามันอย่างรวดเร็ว

มันยังสวย มันยังคงงดงามเหมือนก่อนจะออกมา ทุกอย่างยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2019 13:45:11 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
(ต่อค่ะ)





“ชอบมันมากหรือครับ เจ้านี่?” เสียงทุ้มอันคุ้นหูทำให้ผมสะดุ้งและรีบหันไปมอง ผมยิ่งตกใจเมื่อคนที่เอาภาพผมมา ทิ้งข้อความเอาไว้ แบล็คเมล์ผมให้ผมตามมาที่นี่คือเหม ผู้ชายที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใกล้บ้านของผมเอง!

ไม่จริงน่า! เป็นไปได้ยังไงกัน!

“เหม...” ผมเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียกว่า เบาแสนเบา เหมยิ้มบางๆ แต่ดวงตากลับแพรวพราวจนน่ากลัว

“ครับเฟียซ ผมเอง...เหม” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก คิดแล้วเชียวว่าเหมต้องเห็นภาพของผมในวันนั้นที่เขาเข้าไปในห้องของผม

“คุณ...ต้องการอะไร?” ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมถามออกไปมันถูกหรือเปล่า ผมแค่อยากให้มันจบเร็วๆ ยิ่งจบเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี

“ทำไมรีบร้อนนักล่ะครับ ไม่อยู่ทานไวน์กับผมก่อนหรือ...รสเยี่ยมเชียวล่ะ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ หันหลังกลับไปหวังจะคว้าเอาภาพมาแล้ววิ่งออกไป

“อ๊ะ!” แต่ทว่าความคิดของผมถูกทำให้สลายหายไป แขนของผมถูกเหมกระชากจนต้องถอยห่างจากภาพแสนรัก ผมเจ็บจนต้องนิ่วหน้าแต่เหมกลับยังคงรอยยิ้มเอาไว้ไม่เปลี่ยน

“รีบร้อนเหลือเกินนะครับ เหมือนเมื่อตอนที่แอบลอบเข้าไปขโมยมันมาเลย”

“คุ คุณ...”

“เอาล่ะ ผมจะคืนภาพให้คุณ แต่นั่นย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนนะครับ” ปลายนิ้วของเหมปัดผ่านผิวแก้มผมไปอย่างแผ่วเบา ใบหน้าหล่อค่อยๆ โน้มลงมากระซิบเสียงแหบพร่าริมใบหูจนความร้อนจากริมฝีปากกระจายเข้าสู่ร่างกายของผม “ทำให้ผมดูสิครับเฟียซ...”

“อะ อะไรนะ?” ทำ? ทำอะไรกัน?

“ถอดกางเกงของคุณออก แล้วทำกับตัวเองให้ผมดูหน่อยสิ แล้วผมจะคืนภาพที่แสนพิเศษนี้ให้กับคุณ” ผมส่ายหน้า นี่มันบ้าไปแล้ว ให้ผมช่วยตัวเองต่อหน้าเขางั้นหรือ! มันบ้า บ้าชัดๆ ผมไม่มีวันทำแน่ๆ

“คุณบ้าไปแล้วหรือไง! ทำไมผมต้องมาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ด้วย” ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมเหมจะต้อง....ให้ผมทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น มันไม่มีเหตุผลเลย

“ไม่เอาน่าเฟียซ คุณรักมันมากไม่ใช่หรือ ทำเพื่อมันหน่อยสิ หรือจะปล่อยให้ผมเอามันไป” ผมกัดฟันแน่น เขารู้ ว่าผมรักมันมาก มากเสียจนแม้จะรู้ว่ากำลังตัดสินใจทำเรื่องบ้าๆ แต่ผมก็ยังยอมทำ

“ตกลง...ผมจะทำ”

ผมเลือกจะนั่งเตียงส่วนเหมเลือกจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเตียงที่ผมนั่งอยู่ ซึ่งเท่ากับว่าผมกับเขานั่งตรงข้ามกัน ซึ่งข้างๆ ของเหมนั้นก็มีรูปภาพวางอยู่ ผมปลดกางเกงของตัวเองลงพร้อมกับดึงชั้นในลงไปเช่นกัน ผมใช้มือดึงความองอาจออกมาจากกางเกง ความอ่อนตัวของมันถูกผมจับเอาไว้ พยายามปลุกเร้าความเสียวซ่านให้ตื่นตัวขึ้นมา แต่มันกลับไม่ได้ผล ผมไม่มีความรู้สึกร่วมใดๆ มีแต่อาการสั่นจากความรู้สึกตื่นเต้นทั้งนั้น

“ไม่เอาน่าเฟียซ...ทำแบบนั้นมันไม่แข็งหรอกคุณก็รู้ ถูส่วนปลายมันด้วยสิครับ แบบนั้นล่ะ” ผมใช้มือถูไถส่วนปลายตามที่เหมบอก ขยับมือให้รูดรั้งความองอาจที่เริ่มขยายตัวขึ้นมาทีละน้อยอย่างช้าๆ ผมขบริมฝีปากตัวเองเอาไว้ จดจ้องกับรูปบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผมทำ ผมอยากให้มันจบๆ ไปเสียที

แต่มันไม่ง่าย อารมณ์ที่เคยถูกดับลงด้วยภาพ บัดนี้กลับโหมกระพือจนผมไม่สามารถควบคุมมันได้

“อื้อ...” มันเสียววาบจนชวนให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยอยู่ในอากาศ ยิ่งถูกจับจ้องด้วยสายตาคมกริบของเหม ความรู้สึกแปลกใหม่ก็ทำให้ผมต้องขยับมือมากขึ้นอีก ของเหลวสีใสเริ่มไหลปริ่มขึ้นมาที่ส่วนปลายจนเปื้อนมือของผม เสียงเฉอะแฉะยามขยับรูดรั้งมันช่างชวนให้ผมอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ผมกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้จนซีด ข่มกลั้นความเสียวซ่านที่กำลังไหววูบอยู่ในกายอย่างสุดกำลัง

แต่ถึงจะข่มกลั้นสักเท่าไหร่ ร่างกายของผมก็สั่นระริกอย่างไม่อาจจะห้ามได้อยู่ดี เหมจ้องการกระทำของผมไม่วางตา ริมฝีปากของเหมถูกปลายลิ้นสีสดเลียจนชุ่ม ภาพนั้นทำให้ร่างกายของผมร้อนวูบไปหมด ความกระสันตีขึ้นมาจนผมหลุดครางออกมาเสียงเบา ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอ ในหัวเริ่มขาวโพลนจนต้องเร่งขยับมือยิ่งขึ้นไปอีก ผมไม่แน่ใจกับอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสร้อนที่บริเวณลำคอ หรือแม้กระทั่งเสียทุ้มที่เอ่ยกระซิบอยู่ริมใบหูก็ตาม

“แฮ่กๆ อื้อ อ๊ะ”

“เฟียซ...ขยับแรงกว่านี้สิครับ” ร่างกายตอบกลับคำพูดเขาโดยอัตโนมัติ มือเร่งขยับจนรุนแรง แผ่นอกสะท้านจากแรงหอยหายใจจนผมคิดว่าคงเป็นภาพที่น่าสงสารมาก

“อึก มะ อื้อ ไม่ไหว ละ แล้ว อ๊ะ!” ผมใกล้จะเดินเข้าสู่เส้นชัยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทว่า...อาการล่องลอยในอากาศก็พลันถูกดับวูบไป คล้ายกับถูกกระชากลงมาจากฟากฟ้ากว้างใหญ่เมื่อถูกมือใหญ่ของใครอีกคนจับเอามือของผมออกไป ร่างกายของผมบิดไปมากับความรู้สึกถูกปล่อยเอาไว้ครึ่งทาง กางเกงตัวนอกและชั้นในถูกดึงออกไปจากร่างกายจนตอนนี้เบื้องล่างไร้สิ่งใดปกปิด

ผมปรือตามอง พยายามมองแววตาของเหมที่บัดนี้จับจ้องเรียวขาทั้งสองข้างที่กางออกจากกันจนมองเห็นทุกอย่าง นัยน์ตาของเหมวาววับอย่างประหลาดก่อนที่ผมจะถูกมือของเหมผลักลงบนเตียงกว้าง เสื้อยืดถูกดึงออกทางศีรษะจนปรากฏแผ่นอกกว้างที่ประดับด้วยไข่มุกเม็ดสวยสองเม็ดที่ชวนให้ลิ้มลองรสหวาน

“อื้อ...” ริมฝีปากของผมถูกเหมครอบครอง ดูดดึงกลีบปากจนมันเจ็บ ก่อนที่จะถูกปลายลิ้นไล่เลียปลอบประโลมแล้วประกบลงมาใหม่ ลิ้นร้อนถูกสอดแทรกเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผมอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมแพ้ รสชาติของผมและเหมหวานล้ำจนเราทั้งคู่ไม่สามารถผละออกจากกันและกันได้ แขนสองข้างของผมโอบรอบลำคอหนาเอาไว้ มือช้างหนึ่งขยุ้มลงบนเส้นผมของเหม อย่างแผ่วเบาเพื่อระบายอารมณ์

เสียงดูดดึงปลายลิ้นและริมฝีปากดังไม่หยุด ผมไม่รู้เลยว่าเหมปลดเปลื้องชุดของเขาออกตอนไหนเพราะถูกรสชาติแสนหวานจากจูบอันเร่าร้อนตรึงสติและการรับรู้เอาไว้ เมื่อเขาถอนจูบออกผมถึงเห็นว่าเขาเปลือยเปล่าไม่ต่างจากผม เราสองคนมองหน้ากันและกันก่อนที่เขาจะซุกไซร้ใบหน้าลงที่ซอกคอของผม ริมฝีปากของเหมขบเม้มไปทั่วลำคอจนผมเจ็บ สติถูกดึงกลับมาจากความเจ็บปวดน้อยนิดนั่นอย่างน่าตกใจ ผมตกใจมากเมื่อเห็นสภาพของผมและเขา ผมพยายามผลักเขาออกไปแต่เขาไม่ยอมปล่อย ไม่แม้แต่จะผ่อนแรง เสียงครางอย่างขัดใจดังขึ้นในลำคอของเขา มันยิ่งทำให้ผมต้องรีบผลักเขาออกไป

“เหม! หยุดนะ! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!” ผมใช้แรงทั้งหมดผลักเขาออกไป ก่อนที่จะดึงผ้าห่มมาปกปิดร่างกายของผมเอง ส่วนเขาที่ถูกผมดันออกจากเตียงก็ยืนตรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ชวนให้ผมขนลุก สายตาหวานหยาดเยิ้มกับการเลียริมฝีปากตัวเองทำให้ผมรู้สึกว่าควรออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!

“เหม...ผะ ผมไม่เอารูปนั่นแล้ว ผะ ผมต้องรีบกลับบ้าน” ผมบอกเขา พยายามให้เขาปล่อยผมไป แต่เขาก็ก้าวเข้ามาใกล้ในทุกครั้งที่ผมหายใจ ผมกลัว ความกลัวฉายชัดยิ่งขึ้นเมื่อขาของผมถูกดึงจนร่างกายของผมถลาไปอยู่ใต้ร่างของเขา

“ไม่เอาน่าเฟียซ อย่าปฏิเสธไปเลย คุณรู้ดีใช่ไหมครับ...ว่าจริงๆ แล้วคุณออกจะชอบมัน ผมก็ด้วย” ผมส่ายหน้า สองมือดันอกกว้างเพื่อให้ระยะห่างของเรามากขึ้น เหมยึดแขนทั้งสองข้างของผม กดมันลงบนเตียงแล้วพาร่างกายที่แข็งแรงเข้ามาใกล้จนใบหน้าของเราแทบจะติดกัน ไม่มีช่องว่าใดให้อากาศได้ผ่านร่างกายของเรา

“เหม...อย่าทำแบบนี้ อย่างน้อยผมก็อายุมากกว่าคุณนะ!” เมื่อไม่มีสิ่งไหนจะสามารถหยุดเขาได้ ผมจึงเลือกที่จะใช้ความอาวุโสมาข่มเขา หวังให้เขายอมหยุดและตั้งสติได้

“จริงของพี่...ผมผิดเอง”

ผมหายใจเข้าสะดวกขึ้น รู้สึกราวกับว่าเรื่องบ้าๆ นี่กำลังจะจบ แต่เปล่าเลย! มันไม่ใช่ คำพูดหรือรอยยิ้มของเหมไม่ได้มีอะไรที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย กลับกันมันยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก เหมจับผมพลิกร่างคว่ำหน้าลงกับหมอน สะโพกถูกมือหนายกขึ้นสูงจนน่าหวาดเสียว

“งั้นผมจะช่วยทำให้พี่รู้เองว่า การขโมยของของผม มันจะมีบทลงโทษยังไง...”

“พะ พูดเรื่องอะไร...” ผมหูอื้อตาลายไปหมด ความไม่เข้าใจกำลังทำให้ผมเป็นบ้า

“งั้น...เอาแบบนี้ก็แล้วกันนะครับพี่เฟียซ” เหมยกยิ้มขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี

“...”

“สวัสดีครับ ผมเหมันต์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่เฟียซ”

“หะ เห เหมันต์ ไม่...ไม่จริง” น้ำเสียงของผมเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อหู บริเวณสะโพกของผมสัมผัสได้ถึงความตื่นตัวของเหม มันดันออกมาแสดงความต้องการจนร้อนไปหมด ผมไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายที่กำลังกดตัวของผมเอาไว้กับเตียงจะเป็นผู้ที่เสกสรรภาพวาดที่เขาหลงใหล เหมหรือเหมันต์ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ กวาดสายตามองร่างกายของผมไม่หยุด จนสายตาคมจับจ้องอยู่เพียงจุดเล็กๆ บนแผ่นอกของผม

“จริงสิครับ ผมนี่ล่ะ คือเหมันต์ ผู้ชายที่เป็นเจ้าของภาพที่พี่เป็นคนไปขโมยมันมาอย่างไรล่ะ” ผมตัวสั่น ความน่ากลัวจากนัยน์ตาคมคู่นั้นมันกำลังกลืนกินผม ริมฝีปากบางของเขาที่คอยบอกว่าเขาคือเหมันต์มันไม่ได้ทำให้ผมได้สติ ตอนนี้ผมสติแตกจนอยากจะเป็นลมไม่ก็ตายๆ ไปเลย

“ยะ หยุด! หยุดนะ ผมขอโทษ ผะ ผมขอโทษ ฮื่อ อย่าทำผมเลย ผมจะคืนให้คุณทุกอย่าง ฮือๆ ๆ” ผมไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว เพียบแค่เขาก้มหน้าลงมา ซุกไซร้ไปตามลำคอของผมอย่างหื่นกระหาย ผมก็ยอมแพ้เอ่ยขอโทษกับสิ่งที่ผมทำ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง ขอเพียงเขาหยุดทำแบบนี้ ให้ผมได้ออกไปจากที่นี่ก็พอ

“อืม ตัวของเฟียซหอมจัง”

“ขะ ขอร้อง จะแจ้งตำรวจจับผมก็ได้ ผมยอมติดคุก แต่ได้โปรด ปล่อยผมไป อย่าทำกับผมแบบนี้เลย” ความสิ้นหวังมันถาโถมเข้ามา จนผมต้องยกมือขึ้นไหว้ร้องขอความเมตตาจากเด็กอายุน้อยกว่า ผมพลาดเองที่ให้ความลุ่มหลงเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจ ทำให้วันนี้ผมต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้ายที่ผมไม่เคยคิดถึงมัน

“แจ้งตำรวจ? ทำไมผมต้องแจ้งตำรวจด้วยครับ?” สำหรับเหมันต์แล้ว คำถามที่ออกมาจากปากของเขานั้นไม่แตกต่างจากการหัวเราะในคำพูดของผม ผมดันเขาออก พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนและเนื้อตัวที่โตเต็มที่ของเหมันต์

“ผมจะ จะหาเงินมาจ่ายให้ จะให้คุณทุกอย่าง ขอร้องแค่…แค่คุณปล่อยผมไป” เหมันต์หัวเราะ ส่ายหน้าเบาๆ จนผมต้องรีบขยับตัวหนี

“ผมไม่เอาหรอกครับเงินของเฟียซ เงินน่ะผมมีเยอะแล้ว แต่สิ่งที่ผมอยากได้ คือตัวของเฟียซมากกว่า”

“ไม่ ไม่ อย่าา”

ผมร้องตะโกนลั่นห้อง เมื่อเหมันต์ดึงเสื้อผ้าของผมออกจนหมดไม่มีเหลือติดร่างกายผมแม้แต่ตัวเดียว ผ้าห่มผืนหนาที่ใช้ปกปิดเรือนร่างก็ถูกเหมันต์กระชากออกไปทิ้งไว้ข้างเตียงอย่างไม่คิดจะสนใจ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ไปตามซอกคอของผม ดูดเม้มจนเจ็บไปหมด

แขนทั้งสองข้างถูกตรึงไว้ข้างกายเพราะผมทั้งทุบ ทั้งตีเขาอย่างแรงจนเขาเกิดความรำคาญ เสียงร้องอ้อนวอนของผมดังไม่หยุด แต่เขาก็ไม่คิดสนใจ บดเบียดร่างกายเบื้องล่างเสียดสีเข้ากับกลางร่างของผม จนความองอาจที่สงบนิ่งไปแล้วนั้นเกิดตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เหมันต์ตวัดลิ้นร้อนไล่วนไปบนเม็ดไข่มุกสีชมพูทั้งสองข้างสลับกับดูดดึงมันอย่างแรงจนผมสะท้านไปทั้งร่าง

“อึก อื้ออ”

เรี่ยวแรงที่เคยมีหดหายไปพร้อมกับการดูดดึงเม็ดไข่มุกในแต่ละครั้ง แผ่นอกกระตุกราวกับว่าถูกกลั่นแกล้งให้ความเสียวซ่านจนแทบขาดใจ เหมยังไม่คิดจะหยุด เขายังคงทิ้งร่องรอยความปรารถนาสีแดงไปทั่วทั้งแผ่นอกของผม สายตาที่เคยเห็นทุกอย่างชัดเจน ตอนนี้พร่ามัวไปด้วยความรู้สึกที่เหมหลอกล่อผมให้ตกลงไปในนั้น ร่างกายของผมบิดไปมา เหมือนการอำนวยความสะดวกให้คนตรงหน้าของผม ได้สำรวจเรือนร่างของผมจนกว่าจะพอใจ

อารมณ์ที่ผมกำลังถูกเชื้อเชิญให้ลิ้มลอง มันช่างหอมวานและรัญจวนใจจนแทบจะคุมสติไม่อยู่ มือทั้งสองข้างถูกปล่อยเป็นอิสระ แต่ผมก็ยังทำได้เพียงแค่พยายามผลักเขาออกไป ทั้งที่มือทั้งสองข้างยังสั่นเทา ใบหน้าหล่อเหลาขยับพรมจูบลงไปยังหน้าท้องที่ตอนนี้หดเกร็งกับสัมผัสแผ่วเบาที่ชวนให้วูบไหว ริมฝีปากหนาปัดผ่านแอ่งสะดือไปจนถึงกลางกายที่บัดนี้มีความองอาจที่เปิดเผยตัวตนอยู่

“จะทำอะไร ไม่ ไม่เอานะ” ผมเอ่ยเสียงสั่น พยายามคุมสติตัวเองให้ได้มากที่สุดเมื่อเหมกำลังจะใช้ปากร้อนๆ นั่น กระทำในสิ่งที่ผมหวาดกลัว

“ผมจะเอ็นดูมันให้เองนะครับที่รัก”

“อ๊ะ อ๊า” รอยยิ้มของคนตรงหน้ามันเป็นของปลอม ผมร้องครางเสียงดังลั่นเมื่อความองอาจที่ไม่เคยถูกสัมผัสจากคนอื่น กลับถูกเขา ดูดกลืนราวกับว่ามันคือไอศกรีมเลิศรส ผมจิกทึ้งผ้าปูเตียง งอตัวเพื่อหลบหนีแรงดูดปากร้อน แต่มันก็ไร้ผล ขาทั้งสองข้างของผมถูกเขาจับแยกออกจากกันจนกว้าง สายตาคมมองจ้องขึ้นมาราวกับต้องการเห็นปฏิกิริยาน่าอายของผมทุกอย่าง

“ฮึก อื้ม” ผมไม่ยินยอมจะส่งเสียง กัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่นจนเจ็บ แต่ยังดีกว่าต้องส่งเสียงน่าอายออกไปให้คนตรงหน้าได้ยิน ผมเห็นแววตาของเขาวาววับ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะถอนออกจากความองอาจของผม ลิ้นร้อนถูกใช้เป็นสิ่งต่อมาในการลิ้มรส เหมตวัดลิ้นเลียไปจนสุดความยาว ก่อนที่ความองอาจจะถูกกลืนกินอีกครั้ง

“ยะ หยุด อือ”

แต่เหมไม่คิดจะหยุดตามที่ผมบอก เขากลับกลืนกินความองอาจของผมอย่างแรง เร่งจังหวะของการกลืนกินด้วยความเร่งร้อนจนผมต้องยกสะโพกสวนกลับไปโดยไม่รู้ตัว เสียงครางแผ่วเบาที่ถูกสะกดกลั้นและเสียงหอบหายใจของผมดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ยิ่งเหมขยับริมฝีปากกลืนกินผมเร็วและลึกแค่ไหน ผมก็ยิ่งยกสะโพกตัวเองขึ้นสวนกลับริมฝีปากมากเท่านั้น

“อะ ออก อื้อ ออกไป อะ จะออกละ แล้ว อ๊า” ผมปลดปล่อยความต้องการออกมาจนเต็มริมฝีปากของเหม ในขณะที่เหมปล่อยความองอาจของผมออกจากริมฝีปากร้อนๆ นั่นแล้ว ทั้งๆ ที่ผมควรจะหนีไป ฉวยโอกาสตอนนี้ที่เขากำลังหาอะไรสักอย่างอยู่แล้ววิ่งไปให้ไกลที่สุด ทั้งที่ควรทำแบบนั้น แต่ร่างกายของผมกลับทำได้เพียงแค่นอนหอบหายใจอย่างแรง

ผมมองเห็นเขา เหม…ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าผม เขาในตอนนี้มีเพียงกางเกงสีดำที่ถูกปลดเข็มขัดออก ปลดกระดุมและซิปกางเกงออกจนเห็นชั้นในเนื้อดีสีดำกำลังถือบางอย่างและก้าวเข้ามาหาผม ผมรู้ว่าสัญชาตญาณกำลังร้องเตือนถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา แต่ผมทำได้เพียงส่ายหน้าและอ้อนวอนเขาด้วยสายตาและคำพูด พร้อมกับการขยับตัวอันยากลำบากที่ผมต้องฝืนธรรมชาติมากที่สุด

“อย่า ขอร้อง อย่าทำผมเลย” เหมกลับยิ้มราวกับทุกอย่างปกติ มือข้างหนึ่งบีบหลอดบางอย่างในมือลงบนฝ่ามืออีกข้างอย่างใจเย็น

“ไม่เอาน่าเฟียซ มันออกจะโรแมนติกออกที่เราจะทำกัน”

ไม่! ไม่เลยสักนิด ไม่มีอะไรปกติเลยสักอย่าง

“ผมจะคืนรูปให้คุณ ฮึก ขอร้องล่ะครับ ปล่อยผมไป” น้ำตาผมไหลนองบนใบหน้า ยกมือขึ้นไหว้เด็กอายุน้อยกว่าอย่างหมดทางสู้ ขอแค่เขาปล่อยผม ให้ผมกราบลงที่เท้าเขาผมก็จะทำ แต่เหมกลับไม่สนใจท่าทางของผมสักนิด เขายังคงก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง ดวงตาฉายแววอันตรายจนผมตัวสั่น

น่ากลัว

“ที่จริงผมไม่ชอบให้เฟียซต้องมาไหว้ผมเลย…แต่คิดอีกที ฝึกไหว้สามีไว้ก็ดีนะครับ ต่อไปชีวิตจะได้ดีขึ้น มาสิครับ ผมจะให้รางวัล”

“ไม่ ไม่ อ๊ะ!”

ขาของผมถูกมือของเหมดึงเข้าไปหาตัว เหมดันขาผมให้อ้าออกกว้าง ก่อนจะนำเนื้อเจลที่ถูกบีบเอาไว้มาป้ายลงไปที่จีบรักของผม ความเย็นจากเนื้อเจลทำให้ผมสะดุ้ง ผมพยายามดิ้นรนหนีแต่กลับถูกมือของเหมดันขาจนเข่าทั้งสองข้างของผมชิดกับอกตัวเอง ใช้แขนข้างหนึ่งสอดไปใต้ข้อพับขาเพื่อกั้นเอาไว้ไม่ให้หล่นลงมาเกะกะ

ปลายนิ้วเรียวที่ชุ่มไปด้วยเจลถูกกดเข้ามาอย่างช้าๆ ผมเกร็งตัวจนจีบรักรัดรึงไม่ยินยอมให้เขาเข้ามาสำรวจภายในร่างกายผมได้ ผมเป็นเจ้าของ ยังไม่เคยสักครั้งที่จะทำแบบนั้น นี่เขาเป็นใคร ถึงกล้าทำแบบนี้กับผม ผมพยายามดิ้นหนี หวาดกลัวและโกรธเกรี้ยวกับการกระทำอันต่ำช้าที่ไม่แตกต่างจากการขืนใจ ผมเป็นผู้ชาย ที่ชื่นชอบผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายที่จะนอนให้ใครมาเสียบก็ได้แบบนี้ ผมยอมตายดีกว่าต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้!

“เฟียซ! ผมใจดีกับคุณมากแล้วนะ ถ้ายังดื้ออยู่แบบนี้ ผมจะไม่ใจเย็นอดทนรออะไรอีกต่อไป!” น้ำเสียงประกาศกร้าวชัดเจนถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัว แต่ผมไม่คิดจะสนใจ เขาน่ะหรือที่อดทน ผมสิที่ต้องอับอายกับการกลั่นแกล้งเอาคืนบ้างๆ นี่ไม่ยอมหยุด ผมผิดไหม ใช่ ผมผิด ผมขโมยของของเขา แต่การที่เขาทำแบบนี้กับผม มันเกินไป! เกินไปจริงๆ!

ผมตวัดสายตามองเขาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวไม่แพ้กัน

“ก็เลิกบ้า แล้วปล่อยผมกลับบ้านสักทีสิ! ผม ฮึก ไม่เอารูปของคุณแล้วก็ได้ ผมขอโทษที่ขโมยมันมา ผมจะไม่ทำอีก จะจับผมส่งตำรวจก็ได้ แต่หยุดเถอะนะครับคุณเหมันต์ หยุดแกล้งผมด้วยวิธีนี้สักที!”

สีหน้าของเหมดูน่ากลัว ใบหน้าหล่อเหลามืดครึ้ม แววตาไร้ความแวววับที่แสนขี้เล่น มีเพียงแค่ความดุดันที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ปลายนิ้วของเหมถูกดึงออกทันที รอยยิ้มเหยียดอันแสนร้ายกาจปรากฏขึ้นบนใบหน้าจนผมต้องรู้สึกเสียวสันหลังอย่างไม่อาจจะอธิบายได้ แต่รอยยิ้มและแววตาของเขา มันยิ่งทำให้ผมไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป ผมดิ้นรนด้วยแรงทั้งหมด พยายามออกไปจากร่างกายใหญ่โตที่บังคับให้ผมต้องอยู่ใต้ร่างของเขา

หลุดแล้ว ผมกำลังจะรอดจากเขาแล้ว!

แต่ความดีใจมีได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที ผมก็ถูกกระชากกลับลงมาที่เตียงใหญ่อีกครั้ง สองมือถูกตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว ร่างกายใหญ่โตของเหมแทรกเข้ามาอยู่ระหว่างขาของผมพร้อมกับใบหน้าที่แทบจะชิดกัน

“แกล้งเล่นหรือครับ ดี! ถ้าเมื่อครู่ที่ผมทำทั้งหมดเป็นการแกล้งเล่น งั้นจากนี้ไป…มันจะเป็นของจริง!”

“อะ อ๊าก! อื้อ!!!” ผมเบิกตากว้างแหกปากร้องและดิ้นทุรนทุรายเมื่อถูกบางอย่างที่แข็งขืนสอดแทรกบุกรุกเข้ามาภายในจีบรักอย่างรุนแรง มือของเหมปิดปากของผมเอาไว้แน่น แท้จะสะบัดหน้าหนีจากมือหนาแค่ไหนก็ไม่อาจจะหนีไปได้ ขาทั้งสองข้างสั่นระริก ความเจ็บปวดเบื้องล่างนั้น มันทำให้ผมไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย

จีบรักอันบอบบางถูกผู้ชายที่ชื่อเหมันต์ย่ำยีอย่างรุนแรง สอดแทรกความองอาจของตัวเองเข้ามาโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของผมเลยแม้แต่น้อย น้ำตาเม็ดใสหยดลงสู่หมอน ผินหน้าหนีไม่อยากจะมองใบหน้าของผู้ชายเลวๆ ที่ทำร้ายผมจนไม่หลงเหลืออะไร มันควรจะจบสิ้นได้แล้ว ในเมื่อเขาทำให้ผมเจ็บจนอยากตายได้แล้ว เขาควรจะลุกออกไปจากตัวผมสักที

“อา…” เสียงครางของเขาดังอยู่ข้างใบหู ผมรับรู้ได้ถึงการสอดใส่ที่มากขึ้น เมื่อเขาพยายามจะเข้ามาในตัวผมทั้งหมด เขาไม่ไยดีผม ไม่สนใจว่าผมจะเป็นจะตายยังไง แม้ว่าผมจะดิ้นรนอย่างไม่ยินยอมสักแค่ไหน เขาก็ยังคงดึงดันเข้ามาในร่างกายผมจนหมดสิ้น จนในที่สุดตัวเขาก็เข้ามายึดครองพื้นที่ของผมจนเต็ม ไม่หลงเหลือให้ใครอีก

“เฟียซ อืม รัดแน่นจัง”

ผมส่ายหน้า แววตาแดงก่ำขอร้องอ้อนวอนต่อเขา แต่เหมันต์ช่างไร้หัวใจ เขาไม่สนใจความต้องการของผม สิ่งที่เขาทำคือการครอบครอง สอดแทรกและขยับกายเสียดสีกับเนื้ออุ่นๆ ภายใน มือหนาปลดอแกจากริมฝีปากของผม ข้อมือก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เพราะรู้ดีว่าผมไม่สามารถจะหนีเขาไปไหนได้อีกแล้ว

“ฮึก โอ๊ย ฮื่อๆ” เสียงร้องไห้ของผมดังไปไม่ถึงเขา เขาไม่คิดจะสนใจแม้ผมจะเจ็บมากแค่ไหน กลิ่นคาวของเลือดยังลอยฟุ้งจนชวนให้อาเจียน แต่ผมต้องทนเมื่อความเจ็บปวดของเบื้องล่างนั้นมีมากกว่า

“ซี๊ด เฟียซ อา”

“อย่า…” ผมร้องห้ามเมื่อเขาคว้าเอาความองอาจของผมไปไว้ในมือ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงใช้ปลายลิ้นหยอกล้อกับเม็ดไข่มุกทั้งสองข้างกลางอก จากความทรมานที่อยากตายๆ ไปเสียให้พ้นๆ กลับกลายเป็นอารมณ์วาบหวามที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ความองอาจในมือของเหมตื่นตัว แผ่นอกแอ่นขึ้นรับปลายลิ้นและริมฝีปากร้อนที่ดูดกินราวกับทารกที่หิวกระหาย

ความองอาจที่ขยายตัวในจีบรักยังคงถูกขยับเข้าออกเป็นจังหวะ ผมส่ายหน้าร้องอืออาไม่เป็นภาษาเมื่อถูกปรนเปรอทั้งบนและล่างจนแทบจะขาดใจกับความเสียวซ่านนั้น เหมละริมฝีปากออกจากเม็ดไข่มุก เขาก้มลงมาประกบจูบร้อนแรง กวาดต้อนลิ้นของผมให้ตอบรับอย่างเมามัน ผมมึนเบลอกับรสชาติหวานๆ และความวาบหวามที่เกิดขึ้น หลงลืมไปหมดสิ้นว่าต้องดิ้นรนหนีอย่างไร

มือทั้งสองข้างของผมโอบรอบลำคอของเหมอย่างไม่รู้ตัว ผมขยับสะโพกตอบรับจังหวะที่เหมกระแทกเข้ามา ในตอนนี้มีแต่ความเสียวซ่านมาแทนที่ความเจ็บปวดทั้งหมด ยิ่งถูกมือใหญ่ของเหมปลุกเร้าสะโพกของผมก็ยิ่งขยับตอบรับอย่างไร้สติ

มันชวนให้หลงใหลเหมือนกับรูปของเขาที่ผมหลงใหล ความดุดันของเขาช่างรัญจวนใจ เสียงเตียงดังกระทบผนังห้องตามจังหวะอย่างรุนแรงที่ความองอาจรุกล้ำเข้าออกในจีบรัก เสียงเปียกแฉะดังแข่งกับเสียงหัวเตียงกระแทกผนัง ยิ่งมีเสียงหอบหายใจกับเสียงครวญครางของเราทั้งสองก็ยิ่งทำให้ความร้อนในร่างของผมพุ่งสูงจนไม่อาจจะหยุดได้อีกแล้ว

“ดูเหมือนเฟียซจะชอบ’ ของของผม’ สินะ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธตามสัญชาตญาณ ทั้งที่ริมฝีปากของผมยังคงปลดปล่อยเสียงครางน่าอายออกมาไม่หยุดหย่อน

“อึก อื้อ อ๊ะ”

“งั้นลองบอกผมหน่อยสิครับว่า…ระหว่างของผมที่อยู่ในตัวคุณตอนนี้ กับรูปของผมที่คุณขโมยมันมา สิ่งไหนกันแน่ที่คุณชอบ”

“อื้อ! อ๊ะ ไม่” ลิ้นร้อนของเหมเลียไปตามใบหูของผม สะโพกของเขายังคงขยับสอดใส่เข้ามาเป็นจังหวะอย่างเชื่องช้า ราวกับว่ากำลังกลั่นแกล้งผมจนผมแทบจะดิ้นพล่าน

เขากำลังแกล้งผม กำลังแกล้งผม!

“ว่าไงครับเฟียซ อา ค…ของผมหรือรูปที่ผมวาด” หยะ หยาบคาย! ผมหน้าแดงก่ำกับคำพูดของเขา เม้มริมฝีปากแน่นแล้วผินหน้าหนีไปอีกทางทั้งที่ร่างกายเสียวซ่านจนแทบจะขาดใจ

“รูป!” ทั้งที่ผมตอบออกไปอย่างไม่คิดอะไร แต่สายตาของเหมกลับวาววับด้วยความโกรธ รอยยิ้มเหยียดตรงทั้งที่สันกรามบดกันจนเกิดเสียง

“รูปหรือ ดี!”

“จะทำอะไร อย่านะ อ๊าา” ผมถูกพลิกกายให้คว่ำลง มือหน้าจับสะโพกของผมขึ้นสูงก่อนจะถูกความองอาจที่ใหญ่โตสอดเข้ามาอย่างไม่ปรานีจนผมต้องร้องลั่น ขาสองข้างสั่นระริก จีบรักรัดรอบความองอาจอย่างรุนแรงกับการสอดแทรกที่รุนแรงยิ่งกว่า

สองแขนของผมถูกมือใหญ่จับเอาไว้ ดึงร่างของผมจนแผ่นหลังชิดกับอกกว้างของเหม แรงขยับกายทำให้อกของเขาและหลังของผมเสียดสีกันอย่างแรงตามจังหวะที่สอดใส่ จีบรักที่แน่นอยู่แล้วยิ่งรัดแน่นขึ้นอีกจนผมมีใบหน้าเหยเก ร้องครางกระเส่ากับความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น

“ดูสิครับเฟียซ หันหน้าไปมองสิ”

“อ๊ะ อ๊า” ใบหน้าของผมถูกมือใหญ่จับเอาไว้ ให้เงยหน้าขึ้นมองรูปแสนรักของผม รูปที่ผมขโมยมันมาจากเขา

“ให้มันได้เห็นว่าผมเข้าไปในตัวของเฟียซลึกแค่ไหน”

“อึก อื้อ” ผมพยายามดิ้นหนีจากมือใหญ่ที่ยึดปลายคางของผมเอาไว้

“ผมสิที่ให้ความสุขกับเฟียซได้ ไม่ใช่มัน!”

“อ๊ะ ย๊าาาา” ผมถูกกระแทกกระทั่นอย่างรุนแรงเสียจนจุกไปหมด ต้องร้องออกมาอย่างน่าสงสารแต่ก็ไร้ความเห็นใจจากเขา เหมยังคงสอดแทรกร่างเข้ามาอย่างหนักหน่วง ทุกจังหวะการสอดแทรกเข้าออกมันทำให้ผมตาพร่าสมองมึนและเบลอไปหมด

มือหนาของเหมลูบขึ้นมาจนถึงแผ่นอก ใช้ปลายนิ้วสะกิดหยอกล้อกับยอดสีหวานทั้งสองข้างอย่างสนุกสนาน ปลายความองอาจของผมเปียกแฉะไปหมด จีบรักด้านหลังยิ่งชื้นแฉะยิ่งกว่าแต่ทว่ากลับร้อนระอุจนแทบจะทนไม่ไหว

“มะ ไม่ ฮึก อ๊า ไม่เอา อ๊ะ แล้ว”

“ไม่ได้ครับ ผมจะฝังเข้าไปลึกอีก ให้เฟียซจดจำแค่ผม แค่ผมเท่านั้น ผมที่เป็นผัวของพี่ ไม่ใช่รูปที่ผมวาดมัน!”

“อ๊ะๆ ๆ มะ ไม่ อ๊ะๆ”

ผมหมดเรี่ยวแรงจะขัดขืน ทิ้งกายลงสู่พื้นเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงเมื่อเขาปล่อยมือจากการจับกุมและการลูบไล้ มาเป็นกอบกุมสะโพกของผมเอาไว้สูง ยึดมันก่อนที่จะขยับกายเข้าออกอย่างรุนแรงจนตัวผมสั่นไหว นอนหอบหายใจรับความเสียวซ่านที่ถูกมอบให้ไม่รู้จบ

“เฟียซ อา เฟียซครับ ผมรักเฟียซ ซี๊ด ที่รักของผม”

“อ๊ะ อ๊าาา”

เหมเร่งจังหวะแรงและเร็วขึ้นจนผมต้องยกสะโพกขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกกับการกระแทกเข้ามาของเขา ผมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่สูงจนแทบจะลอยตัว ก่อนเสียงหวีดร้องของผมจะดังขึ้นเมื่อได้ปลดปล่อยสายธารรักเป็นหยาดสีข้นออกมาจนเปื้อนผ้าปูที่นอน เหมกดร่างค้างไว้ปล่อยให้ความองอาจของเขาพ่นพิษเข้ามาในร่างของผมจนหมด หลงเหลือแค่เพียงเสียงหอบหายใจที่ดังไม่หยุด

“มันจะไม่จบแค่นี้หรอกนะครับ เมีย”

“มะ ไม่เอานะ อ๊า”

บทเพลงแห่งเกลียวคลื่นอันแสนดุเดือดถูกวาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมหมดเรี่ยวแรงทั้งคืนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมตอกและย้ำสถานะของผมซ้ำๆ จนผมไม่สามารถปฏิเสธได้อีก เขาทำให้ผมจดจำเพียงเขา ให้ผมหลงลืมบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นที่เป็นเพียงภาพวาด ให้จดจำแต่เพียงบทเพลงแสนรุนแรงที่เสียวซ่านนั้นแทน ตีตราผมให้เป็นของเขาตลอดไป




The End



มาแล้วค่าาาาา ตอนจบของพี่เฟียซและน้องเหม เป็นไงคะ น้องเหมเยดุถูกใจแม่ๆกันไหมเอ่ยยย ที่ตัดจบแบบนี้เพราะมันจะมีคาบเกี่ยวกับตอนอื่นๆ ความสัมพันธ์ของเหมและเฟียซจะดำเนินต่อไปในจินตนาการของทุกคนนนนน //โดนตบ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :jul1: น้องเหมแซ่บๆ

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
แซ่บมาก :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
โอ่ยยยยย แซ่บเวอร์  :m25:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
สนุกมาก

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด