[Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว  (อ่าน 22091 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
*************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

************************************************************************

TOP FRIEND BEST FUN
[Rate 20+]
เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)


บทนำ / Sex addiction

โรคเสพติดเซ็กส์ (Sex addiction)
          ภาวะเสพติดเซ็กส์ หรือ Sex addiction หรือทางจิตเวชเรียกว่าภาวะ Hypersexual disorder เป็นความผิดปกติของพฤติกรรมทางเพศ ที่ผู้ป่วยมีความหมกมุ่นในกิจกรรมทางเพศ รวมไปถึงสื่อลามกอนาจารต่าง ๆ อย่างที่ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ที่สำคัญอาการหมกมุ่นทางเพศมักจะรุนแรงมากขึ้นหากไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกวิธี

เสพติดเซ็กส์ vs มีความต้องการทางเพศสูง
          เนื่องจากเซ็กส์เป็นกิจกรรมทางเพศอันเป็นปกติของคู่รัก ซึ่งบางคนก็มีนิสัยส่วนตัว รสนิยมส่วนตัว รวมไปถึงความต้องการทางเพศในระดับที่แตกต่างกัน ดังนั้นการจะแยกระหว่างโรคเสพติดเซ็กส์กับคนที่มีความต้องการทางเพศสูงออกจากกันนั้น ก็อาจจะดูได้จากอาการ ดังนี้
          1. หมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมทางเพศหรือการเสพสื่อลามกอนาจารจนกินเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตของตัวเอง
          2. มีความรู้สึกเสพสม มีความสุข และรู้สึกละอายต่อสิ่งที่ทำลงไปปน ๆ กัน
          3. เมื่อมีอารมณ์ทางเพศมักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้จะพยายามหักห้ามใจแค่ไหนก็ไม่ค่อยได้ผล
          4. หากมีสิ่งกระตุ้นเร้าทางเพศมายั่วยุเมื่อไร สติก็แตกเมื่อนั้น และหมดสิ้นซึ่งความยับยั้งชั่งใจ
          5. มักจะใช้กิจกรรมทางเพศเพื่อระบายความเครียด ความรู้สึกหดหู่ ความโกรธ ความเสียใจ เพราะคิดว่านี่คือสิ่งที่ทำให้หลุดพ้นจากความรู้สึกแย่ต่าง ๆ
          6. สามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นการผิดนัด ทิ้งงาน ละเลยหน้าที่ เพื่อเซ็กส์อย่างเดียว
          7. เคยมีกิจกรรมทางเพศที่ไม่ถูกต้อง น่าละอาย จนไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
          8. ชอบดูสื่อลามกอนาจารมากกว่าหนัง ละคร รายการวาไรตี้อื่น ๆ
          9. เมื่อความต้องการทางเพศมาครอบงำ มักจะลืมตัวและลืมการป้องกันตัวเองทุก ๆ อย่าง ควบคุมตัวเองไม่ได้
          10. เสียเงินเสียทองไปมากกับกิจกรรมทางเพศหรืออุปกรณ์ทางเพศ
          11. ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับคนมากหน้าหลายตา (One Night Stand) โดยไม่สนใจเรื่องความเหมาะสมหรือศีลธรรมใด ๆ
          12. รู้สึกสนุกที่ได้โชว์ของลับ หรือล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น (ในบางคน)
          13. ความต้องการทางเพศสูงมากจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน
          14. มีปัญหากับคู่ครอง ครอบครัว เพราะเรื่องทางเพศ
          15. มีปัญหาทางด้านการเรียน การงาน การเข้าสังคมเพราะเรื่องทางเพศ

          สรุปก็คือ หากอาการติดเซ็กส์นั้นไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและผู้อื่น ก็ถือว่าเป็นเพียงคนที่มีความต้องการทางเพศสูง มีอาการติดเซ็กส์แบบทั่ว ๆ ไป แต่หากอาการรุนแรงถึงขั้นกระทบต่อชีวิตประจำวัน และทำความเดือดร้อนให้ตัวเองและคนใกล้ชิดดังที่กล่าวมา แบบนี้เข้าข่ายเป็นโรคติดเซ็กส์ ซึ่งควรบำบัดรักษาต่อไป

……………………………………………

ปล. นิยายอัพทุกวัน เวลาประมาณ 21.00 น. (ยกเว้นเกิดเหตุสุดวิสัย)

คำเตือน 1 : เนื้อหาในนิยายเรื่องนี้มีการใช้ถ่อยคำรุนแรง ล่อแหลม และสื่อความหมายถึงพฤติกรรมทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง ไม่เหมาะกับผู้อ่านที่อายุไม่ถึง 20 ปี ขอได้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

คำเตือน 2 : ถ้าไม่หื่นจริง  ขอร้องงงงง!!!! อย่าอ่านเลยนะ นิยายเรื่องนี้เกินคำว่าละมุนไปมากนัก

                        
ด้วยความปรารถนาดี
                           
K.R.
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2019 12:00:14 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... เหยื่อ vs ผู้ล่า - 23/12/2018
«ตอบ #1 เมื่อ23-12-2018 18:04:53 »

TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 1 / เพื่อนรัก vs เพื่อนร้าย

ความที่ 1 จาก 2 / เหยื่อ vs ผู้ล่า









“อ้าว จะไปแล้วเหรอ” เด็กหนุ่มร่างกำยำรีบดีดตัวเองขึ้นมานั่งมองผมที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ดอยู่หน้ากระจกด้วยสายตาละห้อย โดยไม่ได้สำนึกอายเลยว่าตนเองอยู่ในสภาพเปลืองกาย “ไม่ประทับใจเหรอ เราทำได้แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“เปล่าหรอก” ผมปฏิเสธและไม่ลืมที่จะโปรยเสน่ห์ด้วยรอยยิ้มอันแสนจะภูมิใจของตัวเอง “เรามีธุระต่อน่ะ นัดเพื่อนเอาไว้”

“มีนัดเหรอ กินเหล้าหรือเปล่า?” ผู้ถามกระตือรือร้นขึ้นทันที

“ก็ประมาณนั้นแหละ”

“งั้นเราไปด้วยดิ อ่านหนังสือสอบมิดเทอมมาตั้งหลายวัน สอบเสร็จก็อยากหาอะไรดื่มเหมือนกัน”

“อย่าเลย มีแต่เพื่อนของเราทั้งนั้น ไม่รู้จักกัน เดี๋ยวจะอึดอัดซะเปล่า ยิ่งเป็นเดือนวิทย์กีฬาอย่างนาย ยิ่งไม่ควรไปสุงสิงกับแก๊งเพื่อนของเราหรอกนะ”

“เราไม่ได้ถือตัวหรอก เราไม่คิดมาก ก็แค่...”

“เห้ออออออออ” ผมถอนหายใจอย่างจงใจและส่งสายตาของความผิดหวังออกมาให้คู่สนทนาได้เห็นอย่างชัดเจน

“ท....ทำไมอ่ะ เราไปด้วยไม่ได้เหรอ” ก็ไม่น่าจะต้องถามแล้วนะ

“เราตกลงกันแล้วไง” ผมค่อยๆ เดินหันหลังกลับไป แล้วใช้มือดันมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของคนบนเตียงให้กลับไปอยู่ในท่านอนเหมือนเดิม “ก่อนจะมีอะไรกัน เราสองคนก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่า ความสัมพันธ์ของเราต้องจบตรงนี้ ไม่สานต่อ และเป็นความลับ”

“แต่มันก็แค่....”

“เดี๋ยว! คิดจะทำอะไรน่ะ!?” ผมรีบใช้มือกดหน้าผากคนที่พยายามเอาหน้าเข้ามาใกล้หน้าของผมให้แนบไปกับเตียงเช่นเดิม “เรื่องจูบนี่ก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ นายจะเอาปากไปไว้ตรงไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่บนปากของเรา”

“งั้นหอม...”

“นั่นก็ไม่ได้!!!” ผมตะโกนใส่หน้าไอ้คนไม่ทำตามข้อตกลงอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะรีบกระโจนห่างออกมา

แม่งเอ๊ย หงุดหงิดชะมัด ไม่ชอบใจพวกแบบนี้เลย

“เฮ้ย นาย เดี๋ยวดิ” มือหนาๆของไอ้คนเปลือยกายคว้ามือผมเอาไว้ “โอเคๆ เราขอโทษ ไม่จูบ ไม่หอม ไม่ไปกินเหล้าด้วย ไม่สานสัมพันธ์ต่อ แต่ชื่อล่ะ? อย่างน้อย เราขอรู้ชื่อกับคณะที่นายเรียนหน่อยก็ยังดี เผื่อเราผ่านไปแถวนั้น”

“หึ!!” คราวนี้ผมถึงขั้นสะบัดมือออก และจัดเสื้อผ้าในขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะออกจากห้องนี้

“ล....แล้วๆๆๆ” ยัง ความพยายามของไอ้หนุ่มคนนี้ยังไม่จบ นี่มือของกูบิดลูกบิดประตูแล้วนะ “เราจะได้เจอกันอีกไหม บางทีเผื่อนายรู้สึกว้อนท์ขึ้นมาอีกไง เราช่วยได้ตลอดนะ เราสัญญาว่าจะไปฝึกมาให้เก่งขึ้นกว่านี้ นายต้องติดใจแน่นอน”

หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ

ปั้นหน้ายิ้มเข้าไว้ แล้วก็หาคำพูดปิดท้ายดีๆให้ไอ้คนขี้ตื๊อนี่ฟัง ไม่งั้นแม่งไม่ยอมปล่อยกูกลับแน่เลย

“ไม่ต้องห่วงหรอกน้า” เสียงกระเส่าเลเวลหนึ่งออกปฏิบัติการ ผมหันหลังกลับไปพูดแต่เอาหลังพิงประตูไว้เพื่อเตรียมพร้อมจะออกจากห้อง “เราจะปล่อยเดือนวิทย์กีฬาอย่างนายให้หลุดมือไปได้ยังไง หล่อล่ำขาวสูง แถม.......เร่าร้อนอีกต่างหาก ชอบเข้าฟิตเนสไม่ใช่เหรอ งั้นก็อย่าขาดตกบกพร่องล่ะ เราชอบคนหุ่นดี เห็นหุ่นแบบนี้ทีไรแล้วมัน.... อดใจไม่ไหวทุกที”

“แล้วจะเจอกันอีกได้ไงอ่ะ”

“เราเจอกันที่ไหนก็ที่นั่นแหละ”

“ไซด์ก่อสร้างเนี่ยนะ?”

“เอ่อ.... ใช่ ที่แบบนั้นแหละ เราชอบดูตึกที่กำลังสร้าง... งั้น...เราไปแล้วนะ บาย” รีบปิดประตูดีกว่า ขืนไม่ชิงจังหวะนี้คงโดนถ่วงเวลาไว้อีกนานแหงเลย



กูนี่ก็ช่างพูดไม่คิดหน้าคิดหลัง คนบ้าอะไรจะไปเจอกันที่เขตก่อสร้างได้ นี่ถ้าเมื่อตอนเย็นไม่มีธุระต้องไปส่งงานอาจารย์แถวนั้นพอดีก็คงไม่เจอไอ้กล้ามโตคนเมื่อกี๊หรอก แต่ก็ดีแล้วล่ะ ไม่ได้อยากเจอเป็นรอบที่สองซะหน่อย หน้าตาอาจจะหล่อใช้ได้ หุ่นก็ถือว่าดี แต่ลีลากับความเร่าร้อนทางเพศคงต้องปรับปรุงอีกมาก เพราะเครียดจากสอบกลางภาคหรอกน่าถึงอยากใช้เซ็กส์บำบัด จังหวะเหมาะที่เขามีห้องว่าง ถุงยางพร้อม ก็เลยมาปลดปล่อยซะหน่อย แต่ก็ยังรู้สึกไปไม่สุดอารมณ์ยังไงไม่รู้ ความรู้สึกค้างคาแปลกๆ

ช่างเถอะ ไปหาอะไรดื่มแทนละกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ อาจจะมีคนที่ทำให้รู้สึกฟินมากกว่านี้ก็ได้

กี่โมงแล้วเนี่ย....?

โอ้วววว จะสามทุ่มแล้ว รีบไปร้านเหล้าดีกว่า ขืนไปสายโดนไอ้เพื่อนสองคนนั้นบ่นแหงเลย



นี่แหละครับ ชีวิตของผม คนที่รู้จักผม(หมายถึงที่ผมบอกชื่ออะนะ) เรียกผมว่า ไอ้เพลง เด็กหนุ่มหน้ามนวัย 19 ปี กับความสูง 169 เซนติเมตร และน้ำหนัก 58 กิโลกรัม ผมไม่ได้โม้นะ ถึงผมจะเตี้ยไปหน่อย แต่ใครๆก็ชอบพูดว่านี่คือสัดส่วนทองคำของรูปร่างที่สันทัด มีเสน่ห์ และน่าหลงใหล ก็ไม่รู้หรอกว่าน่าหลงใหลแค่ไหน แต่ผมก็มีคนเข้าหาตลอด ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไอ้เรื่องที่ว่าผมมีรสนิยมทางเพศยังไงก็คงไม่ต้องบอกกันแล้วมั้ง ผมก็ไม่ได้รังเกียจที่จะมีเพื่อนเป็นผู้หญิงหรอก เพียงแค่ผมไม่สนใจความสัมพันธ์ทางเพศกับบรรดาสาวๆ พวกนั้น

แล้วก็อีกอย่างนึง เอ...? จะว่ายังไงดีล่ะ คือนอกจากที่ผมจะมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศแล้ว ผมยังมีอาการทางจิตอ่อนๆ (ไม่แน่ใจว่าอ่อนหรือเปล่า) ก็คือการชอบที่จะมีเพศสัมพันธ์ อย่างน้อยๆ ในวันหรือสองวัน ผมจะต้องได้รับความสุขทางเพศจากใครก็ตามที่รู้สึกสนใจ  ผมน่ะเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาแล้วจากทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่เพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้อง เด็กมัธยมก็เคยนะ(ไม่ควรทำตามนะจ๊ะ มันไม่ดี) อาจารย์ในมหาวิทยาลัยอย่างน้อยก็สองสามคนนั่นแหละที่เคยผ่านมือผมมาแล้ว ที่อายุเยอะหน่อยก็พอมีบ้างแต่ถ้าไปถึงขั้นคุณลุงคุณตาอันนั้นผมไม่พิสมัยหรอกนะ ทนายความ ตำรวจ ทหาร หมอ พยาบาล พนักงานบริษัท ยันพวกนักรณณรงค์ต่อต้านการมีเพศสัมพันธุ์ ผมก็กวาดมาแล้วทั้งนั้น ไม่ต้องพูดถึงพวกเสือไบหรือแม้กระทั่งผู้ชายแท้ๆที่อยากลองของ

พูดแล้วก็จะหาว่าผมโอ้อวด แต่ผมเหมือนได้รับพรวิเศษในเรื่องเสน่ห์ความน่าหลงใหล เกือบร้อยเปอร์เซ็นที่ผ่านกิจกรรมทางเพศกับผม คนๆนั้นมักจะอาลัยอาวรณ์และปรารถนาในตัวผมแบบจริงจังทั้งนั้น หลังๆมานี้ผมจึงต้องสร้างข้อตกลงร่วมกันก่อนที่จะมีการเข้าด้ายเข้าเข็มให้ชัดเจนว่า ‘น้ำแตกแล้วต้องแยกทางนะจ๊ะ’ ไม่สานสัมพันธ์ต่อ ไม่งอแงหรือวอแวกับชีวิตของอีกฝ่าย ผมถึงไม่เคยอนุญาตให้ใครจรดริมฝีปากลงบนปากหรือหน้าของผมไง เดี๋ยวมันจะเป็นการทอดสะพานมากเกินไป และที่สำคัญที่สุด (อันนี้ควรทำตามนะเด็กๆ) คือการใช้อุปกรณ์ป้องกันทุกครั้ง ถึงผมจะเสพติดเซ็กส์แค่ไหน แต่ก็ต้องรู้จักที่จะรักตัวเอง ทุกวิธีที่ป้องกันได้ ผมทำหมดนั้นแหละ มันคงไม่สนุกนักถ้าต้องเจอเข้ากับโรคติดต่อร้ายแรง



ผมรู้ว่าคุณคงคิดว่าผมไม่ใช่คนดีใช่ไหมล่ะ แต่ผมไม่แคร์หรอก ใครๆก็มีเรื่องไม่ดีเป็นของตัวเองทั้งนั้น มีความสุขกับชีวิตไว้ก็พอ.....





“ไอ้เพลงงงง ไอ้เพลงงงง ทางนี้”

เสียงคนเรียกมาจากไหนหน่า.....

ผมถูกเรียกทันทีที่ลงจากรถยนต์ส่วนตัวเมื่อเดินทางมาถึงร้านเหล้าที่นัดหมายกับเดอะแก๊งไว้

“ไอ้แว่น” ผมตะโกนรับ เจอแล้ว นั่นไงเพื่อนในแก๊งของผม มันยืนโบกมือไหวๆ อยู่หน้าทางเข้าร้านเหล้าชื่อดังของย่านนี้

ผมเดินข้ามถนนไปหาไอ้แว่น

“นี่มึงแต่งตัวดีๆไม่ได้เหรอวะ” มาถึงผมก็คอมเม้นการแต่งตัวของมันก่อนเลย ก็ดูมันดิ ถึงแม้ร้านเหล้าจะไม่ได้แคร์เรื่องการแต่งตัวของลูกค้า มันก็น่าจะแคร์สายตาของคนรอบข้างหน่อย “เสื้อมึงเนีย จะใส่ทับหรือปล่อยชายกันแน่ เลือกเอาสักอย่าง รองเท้าผ้าใบมึงไม่มีมั้งเลยเหรอวะ ใส่แต่ไอ้รองเท้าแตะเก่าๆนี่แหละ แล้วแว่นตาเนีย กูบอกหลายทีแล้วว่าให้เปลี่ยน ทั้งใหญ่ทั้งหนา ไม่ได้เข้ากับหน้ามึงเลย”

“โหหหหห ไอ้เชี่ยเพลง มึงเป็นแม่กูหรือไงวะ ว่าถึงก็บ่นกูยิกๆๆ เลย” ปากก็เถียงนะ แต่มือก็จับเสื้อรวบใส่ในกางเกง ไม่ได้ดูดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย ดูเด๋อกว่าเดิมอีก ไอ้โอตาคุเอ๊ย

“มานี่ๆ เดี๋ยวกูจัดให้” ผมเอื้อยมือไปดึงชายเสื้อของมันออก

“ไม่ต้องงงง”

“เฉยเหอะ” ไอ้นี่มันพูดง่าย บอกให้นิ่งมันก็นิ่ง “วัยรุ่นที่ไหนเขาเอาเสื้อยืดใส่ในกางเกงวะ แล้วขากางเกงก็ไม่ต้องพับ ไม่ได้เข้ากันเลย จะโชว์ไอ้แตะเพื่อนรักหรือไง.... เอ้อ แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย”

“วุ่นวายนะมึงเนีย”

“ก็ดีกว่าปล่อยให้มึงแต่งตัวเองแหละวะ... เออ แล้วไอ้อาร์มอ่ะ มาถึงหรือยัง” ผมถามหาเพื่อนคนสุดท้ายของแก๊ง

“กูถามมันตอนเย็น มันบอกว่ามีซ้อมรักบี้อ่ะ แต่ก็บอกว่ามาทัน กูว่า.... ป่านนี้มันคงเข้าไปหลีหญิงข้างในร้านแล้วมั้ง ไอ้เหี้ยนี่มันไม่เคยสายอยู่แล้ว”

“กูก็ว่างั้นแหละ งั้นเราเข้าไปกันเลยไหม”

“ไปดิ”



“ขอดูบัตรด้วยครับ” พนักงานตัวใหญ่หน้าทางเข้าร้านเรียกตรวจสอบอายุของผม

ผมก็ยื่นบัตรประชาชนให้ตามปกติพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจนิดหน่อย ก่อนจะได้รับตราประทับที่แขนอันเป็นสัญลักษณ์ว่าเข้าร้านได้



“อยู่ไหนหว่า” ไอ้แว่นเริ่มมองหาเพื่อนอีกคนที่เดาว่ามันน่าจะอยู่ด้านในของร้านแล้ว

ผมก็ช่วยมองหาเหมือนกัน ข้างในนี้คนค่อนข้างพูดคุยกันเสียงดังเลยทีเดียว

“โน่นๆๆ” ไอ้แว่นสะกิด ผมก็หันไปมองตาม เห็นเด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่ในเสื้อยืดที่เกือบจะรัดรูปกำลังนั่งคุยยิ้มแย้มออกรสออกชาติกับสาวน้อยผมสั้นอยู่ที่เคาเตอร์บาร์ “กูว่าแล้วเชียว มันหลีสาวอยู่จริงๆด้วย”

“ก็ปกติเปล่าวะ ไปหามันกันเหอะ” ผมชวน

เราสองคนเดินไปจนถึงตัวผู้ที่เป็นจุดหมาย



“ไอ้อาร์ม” ผมเรียก ก่อนจะสะกิดมันด้วยหมัดเบาๆไปที่หัวไหล่

“อ้าว ทำไมมากันช้าจังวะ กูเลยต้องมาหาคนคุยคร่าเวลาเลยเนีย” ไอ้อาร์มตอบ

เหรออออออ มึงไม่ต้องเอาพวกกูมาอ้างเลย กูกับไอ้แว่นก็มาตรงเวลา  มึงนั่นแหละที่มาเร็ว กะจะมาเล็งสาวไว้ก็พูดมาเหอะ

“เออ แล้วโต๊ะที่พวกเราจองไว้อยู่ไหน” ผมเออออไปกับมัน

“แถวๆโน้นอ่ะ” มันชี้ไปที่ฝูงผู้คน ไอ้สัด กูจะรู้ไหมว่าโต๊ะไหน “เอางี้ เดี๋ยวกูพากลับโต๊ะละกัน” แล้วมันก็หันไปหาสาวผมสั้น ปากแดงระเรื่อเชียว “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับพี่สาว ถ้าว่างๆไปนั่งคุยที่โต๊ะผมได้นะ”

“นี่เพื่อนน้องอาร์มเหรอ” สาวเจ้ามองหน้าผม “น่ารักดีเนาะ มีแฟนหรือยังอ่ะ”

“อ้าวววว ทำไมพี่สาวพูดยังงั้นละครับ” ไอ้อาร์มพูดแทรกทันทีด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมนี่ยังไม่ทันได้อ้าปากตอบเลย “ผมชวนคุยด้วยตั้งนาน นึกว่าจะสนใจผมซะอีก ไหงไปอ่อยเพื่อนผมแบบนั้นล่ะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย” เอาซี ดูซิว่าระหว่างไอ้เสืออาร์มกับแม่เสือสาวคนนี้ ใครมันจะทำเสียงออดอ้อนได้มากกว่ากัน “พี่ถามเผื่อให้เพื่อนของพี่ต่างหาก” เธอชี้ไปที่ด้านหลังซึ่งมีสาวสวยอีกคนนั่งอยู่เก้าอี้ถัดไป

“อ๋อ โล่งอกไปที นึกว่าจะนอกใจผมซะแล้ว”

“ไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า... ว่าไงคะ คืนนี้ว่างหรือเปล่า” เธอหันกลับมาถามผมอีกครั้ง

“แฮๆ” ผมเอาแต่ยิ้มแห้งๆ จะให้ตอบว่าไงล่ะ กูไม่ชอบผู้หญิง แบบนี้อะเหรอ คงไม่ได้ซินะ

“มันไม่สนหรอกครับ ไอ้นี่มันกินเป็นแต่เหล้า” นี่เป็นขั้นตอนมาตรฐานที่ไอ้อาร์มจะปฏิเสธพวกผู้หญิงแทนผม “เดี๋ยวผมแนะนำเพื่อนในทีมรักบี้ให้ก็แล้วกัน โอเคไหมครับ”

สาวอีกคนยิ้มเขินๆ แต่ก็พยักหน้า

“งั้นผมขอตัวจริงๆแล้วนะ บายครับ เดี๋ยวแวะมาคุยด้วยใหม่นะ”



ออกมาได้ซะที



ไอ้อาร์มเดินถือแก้วเหล้านำผมและไอ้แว่นไปที่โต๊ะมุมสุดของอีกฝั่ง มันเป็นโลเคชั่นที่พวกเราชอบกันที่สุด เพราะไม่ดังจนเกินไปและสามารถนั่งดื่มได้โดยไม่มีใครมาเบียดเสียดนัก

หลังจากนั่งลงที่โต๊ะได้ พวกเราก็เริ่มบรรเลงปาร์ตี้กันทันที



“ทำไมสาวคนเมื่อกี๊ไม่สนใจกูบ้างวะ” ไอ้แว่นเปิดประเด็น “เวลาพวกผู้หญิงเข้ามานะ ก็มองแต่มึงกับไอ้เพลง อย่างมึงอะกูพอเข้าใจได้ หล่อ หุ่นดี เท่ สูง แถมเป็นนักกีฬา แต่ทำไมต้องเป็นไอ้เพลงวะ ทั้งๆที่มันไม่ได้ชอบผู้หญิงซะหน่อย”

“มึงจะให้กูตอบจริงๆหรือจะเอาคำตอบฮาๆ” ไอ้อาร์มเสนอ

“เออๆ มึงไม่ต้องพูดเลย กูรู้เลยว่ามึงจะพูดว่าไง คงจะพูดเหมือนไอ้เพลงนั่นแหละ คงบอกว่ากูหน้าตาเด๋อ แต่งตัวก็ไม่เป็น ผอมแห้งแรงน้อย สาวๆที่ไหนจะสนใจ แบบนี้ใช่ไหม”

“มึงก็รู้นิ”

“มึงกับไอ้เพลงแม่งใจร้ายกับกูชิบหาย กูก็รู้หรอกว่ามึงสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่โรงเรียนเก่า แต่ไม่จำเป็นต้องร้ายกาจกับเพื่อนใหม่อย่างกูก็ได้เปล่าวะ”

“กูก็เห็นไอ้เพลงแนะนำมึงเรื่องปรับเปลี่ยนตัวเองไปตั้งหลายทีแล้วไม่ใช่รึไง มึงก็ลองทำตามที่มันบอกดูดิ เผื่อจะเวิร์ค เรื่องแบบนี้ไอ้เพลงมันเก่งนะเว้ย”

“ไม่เอาอ่ะ กูจะเป็นตัวของตัวเอง คนที่ชอบกู ก็ต้องชอบที่กูเป็นกู”

“ก็มึงเป็นซะแบบนี้ไง ถึงไม่ได้แอ้มสาวซะที เอาอย่างไอ้เพลงดิ หัวกระไดไม่เคยแห้ง”

“มึงไม่ต้องมาแว้งหากูเลยไอ้อาร์ม ทำเป็นแซวกู มึงอะมีแผนชั่วอยู่ในหัว กูรู้นะ มันแสดงออกทางดวงตา”

“แผนชั่วอะไรวะ!?” นี่คือความตื่นเต้นจากไอ้แว่น

“กูดูตาก็รู้แล้วว่าไอ้อาร์มไม่ได้คิดจะแนะนำเพื่อนในทีมให้ผู้หญิงอีกคนนึงหรอก มันคิดจะฟาดทั้งสองคนเลยต่างหาก”

“จริงดิ” ไอ้แว่นร้องพร้อมกับมีสีหน้าตั้งคำถามไปที่ไอ้อาร์ม ซึ่งไอ้อาร์มก็ไม่ได้มีท่าทีจะปฏิเสธอะไรเลย “น...นี่มึงกะจะเก็บทั้งสองจริงเหรอวะ กูก็รู้นะว่ามึงเป็นเสือผู้หญิง แต่ไม่คิดว่าจะโหดขนาดนี้ เขาเป็นเพื่อนกันนะนั่น”

“นั่นยังไม่ใช่ที่เรียกว่าโหดหรอก กูจะบอกให้” ผมว่าต่อ “ถ้ากูเดาไม่ผิดนะ อย่างมันคงกะจะเล่นแบบหมู่เลยด้วยซ้ำ”

“แบบหมู่!!! หมายถึง ไอ้อาร์มจะจัดสาวสองคนนั้นพร้อมกันอะเหรอ จ...จะบ้าเหรอ ผู้หญิงที่ไหนเขาจะไปยอมวะ”

“เหอะ มึงรู้จักคารมของไอ้เสืออาร์มน้อยเกินไปแล้ว กะอีแค่เป่าหูให้สาวสองคนบำเรอมันพร้อมกัน ทำไมมันจะทำไม่ได้ คนอย่างมันนะ เก่งอยู่แล้วเรื่องหลอกฟันผู้หญิง”

“เยดดดดดโด้ โหดโคตร”

“พอๆ ไอ้เหี้ยเพลง” ไอ้อาร์มโวยวาย แต่ไม่เชิงว่าจริงจังหรอก “มึงก็น้อยกว่ากูที่ไหน”

“น้อยกว่าอะไร กูไม่เคยหลอกปี้ใคร ไม่เคยเซ็กส์หมู่ ไม่เคยสวิ้งกิ้ง แต่มึงอ่ะทำมาหมดแล้ว”

“เหรออออ แต่ก็แดกผู้ชายไม่ซ้ำชื่อ ไม่ซ้ำหน้าทุกวัน แถมไม่เปิดโอกาสให้เขาสานสัมพันธ์ต่อ อย่างน้อยกูก็เคยคบผู้หญิงเกินสองวันละเว้ย มึงอ่ะ เคยมีผัวคนเดิมเกินสองชั่วโมงหรือเปล่า”

“ก็นั่นมันเป็นข้อตกลงของกู และทุกคนเขาก็โอเค ถือว่าวินวินทั้งสองฝ่าย กูไม่ได้หลอกว่าจะคบกับเขา แต่พอได้แล้วก็หาเรื่องทิ้งเหมือนมึงละกัน”

“มันก็กาเมสุมิจฉาฯ เหมือนกันนั่นแหละวะ”

“ชิ” เถียงต่อก็ไม่จบอยู่ดี อย่างผมกับไอ้อาร์มก็เหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ “แล้วนี่มึงไม่คิดจะห้ามกูกับมันหน่อยเลยเหรอไอ้แว่น นั่งฟังเป็นรูปปั้นอยู่ได้”

“มึงก็รู้ว่ากูชอบฟังเรื่องแบบนี้นี่นา” นั่นคือเหตุผลของไอ้แว่น “กูถึงมาอยู่แก๊งเดียวกับพวกมึงนี่ไง ได้ประสบการณ์เยอะกว่าทำเองซะอีก คนนึงก็เสือหลอกฟัน อีกคนก็เหยื่อตัวท๊อป ฟังเรื่องพวกนี้แล้วแดกเหล้าอร่อยดี”

“แปลกๆนะมึงเนีย”

“เขาเรียกว่าศีลเสมอกันเว้ย.... เออ ใช่ กูว่าจะถามมึงนานแล้ว กูจำได้ว่าวันเกิดของมึงคือเดือนหน้าไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมึงถึงเข้าร้านเหล้าได้วะ มึงยังไม่ถึงยี่สิบไม่ใช่เหรอ”

“นี่มึงเดาไม่ออกจริงเหรอวะไอ้แว่น” ไอ้อาร์มพูดแทรกก่อนที่ผมจะทันได้อ้าปาก “ก็คนตรวจบัตรเสร็จไอ้เพลงแล้วอะดิ ต่อให้มันอายุเก้าขวบมันก็เข้าได้ เพราะคนตรวจเป็นคนของมัน”

“ห๊ะ!?”

“น้อยๆหน่อยมึงอ่ะ” อย่างผมรึจะปล่อยให้ตัวเองถูกสาวไส้อยู่ฝ่ายเดียว แฉมาก็ต้องแฉกลับซิครับ “ว่าแต่กู ที่แก๊งเราได้นั่งโต๊ะตรงนี้ทุกครั้งและว่างตลอดไม่ว่าจะอยากมาตอนไหน มึงลองคิดดูดิไอ้แว่น ว่ามันเป็นเพราะอะไร”

“น...นี่มึงอย่าบอกนะว่า” ไอ้แว่นเหมือนจะปะติดปะต่อเรื่องได้ “คนตรวจบัตรก็เสร็จไอ้อาร์มแล้วเหมือนกัน”

“พ่อมึงดิ ไอ้สัดแว่น” ไอ้อาร์มโวยวาย แต่ผมนี่ขำลั่นเลย “แคชเชียร์โว๊ย แคชเชียร์ต่างหาก”

“อ....อ้าวเหรอ กูก็นึกว่ามึงจะมาเวย์เดียวกับไอ้เพลง แต่....อ๊ะ! งั้นก็แปลว่าเจ๊แคชเชียร์สวยๆคนนั้นก็เสร็จมึงแล้วอะดิ”

“ก็.... เออ” ไอ้อาร์มตอบเซ็งๆ ฮ่าๆ สุดท้ายก็เผลอพูดออกมาเอง

“แม่ง มึงสองคนนี่มันไปสุดกันจริงๆ ว่าแต่ว่า ต่อให้ไอ้อาร์มได้เจ๊แคชเชียร์ไปแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าโต๊ะนี้เราจะต้องได้ตลอดนี่หว่า ส่วนมึงไอ้เพลง ไหนมึงบอกว่ามึงไม่เคยกินผู้ชายคนเดิมซ้ำสองครั้งไง แต่มึงกลับได้สิทธิ์เข้ามาร้านเหล้าตลอด งั้นก็แปลว่ามึงต้องคอยแอบกินกับพี่คนตรวจบัตรเรื่อยๆอะดิ”

“เออใช่ เรื่องนี้กูก็อยากรู้เหมือนกัน” ไอ้อาร์มสนับสนุน “คอนเซ็ปของคนอย่างไอ้เพลงไม่มีทางถูกทำลายได้ง่ายๆ ไอ้เรื่องที่มันจะยอมผิดต่อเจตนารมณ์ของตัวเองเพื่อแดกเหล้ายิ่งเป็นไปไม่ได้ งั้นก็เหลือแค่ทางเดียวแล้วคือมันต้องแอบฟั๊ดกับพี่เขาเรื่อยๆ จริงไหม?”

“ไม่มีทางเว้ย” ผมไม่อยากพูดเลยว่าตอบกลับพวกมันอย่างภาคภูมิใจ แต่มันก็ภูมิใจจริงๆนั่นแหละ “กูก็แค่กำหนดเงื่อนไขนิดหน่อยว่า ถ้าพี่เขายอมให้กูเข้าร้านเหล้าก่อนที่กูจะอายุครบยี่สิบถึงห้าสิบครั้งเมื่อไหร่ กูก็จะยอมให้พี่เขาได้แอ้มกูเป็นรอบที่สอง ถึงแม้ว่ากูจะเรียนสถาปัตฯ แต่กูก็พอคำนวณได้ว่าจนกว่าจะถึงวันเกิดของกู กูไม่น่าจะเข้าร้านเหล้าร้านนี้เกินห้าสิบครั้งหรอก เพราะงั้น กูไม่ผิดต่อวิถีนินจาของกูแน่นอน”

“ร้ายกาจ” ไอ้แว่นร้อง “แล้วนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ววะ”

“ไม่แน่ใจ น่าจะสี่สิบปลายๆแล้วล่ะ แต่ก็อย่างที่มึงรู้นั่นแหละ เดือนหน้าก็วันเกิดกูแล้ว... ตอนนี้ก็เข้าใจเหตุผลแล้วนะว่ากูเข้าร้านได้ไงโดยไม่ผิดเจตนารมณ์ แต่ไอ้เรื่องจองโต๊ะประจำนี่ซิ ยังไม่ได้เหตุผลเลย” คายความชั่วของมึงออกมาซะดีๆ ไอ้เสืออาร์ม

“เออ ใช่ๆ กูก็อยากรู้” ดีมากไอ้แว่นที่สนับสนุนกู

“กู.....” ไอ้อาร์มอ้ำอึ้งแปลกๆ

“มึงจะไม่บอกก็ได้นะ แต่กูก็จะถือว่ามึงอยู่ในประเภทไก่อ่อนเหมือนไอ้แว่น” นี่เป็นกลยุทธในตำนานของผมเพื่อใช้ล่วงความลับของไอ้เสืออาร์ม

“อ้าว ไอ้เพื่อนเชี่ย กูไก่อ่อนแล้วมันหนักหัวมึงตรงไหนวะ” ไอ้แว่นแอบน้อยใจนิดหน่อย

“อ่ะๆ กูขอโทษ งั้นจัดเป็นพวกไร้เดียงสาก็แล้วกัน” ผมแก้ให้ “มึงก็อย่าลืมรับไอ้อาร์มเข้าเป็นสมาชิกใหม่ด้วยล่ะ”

“เออๆ กูบอกก็ได้” สุดท้ายไอ้อาร์มก็ยอมเผยไต๋ คนอย่างมัน มีแต่ผมนี่แหละที่กำราบได้ “กูก็แค่... ไปหาเจ๊เค้าเดือนละครั้งสองครั้ง พวกไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตนก็งี้แหละ โดนปิ๊กะจูของกูช็อตแค่เดือนละครั้งสองครั้งก็ชุ่มชื่นหัวใจแล้ว”

“เฮ้ย มึงนี่มันเด็กขายชัดๆ” ผมเริ่มแซ็วแรง เอาจริงๆพวกเราสามคนก็พูดจากันถึงพริกถึงขิงแบบนี้ตลอดนั่นแหละ ยิ่งเหล้าเข้าปากด้วยแล้ว ไม่มีใครห้ามใครเลย

“ขายพ่อมึงดิ” ไอ้อาร์มก็เริ่มโวยวายหนัก แต่ยังไงพวกเราก็ไม่ทะเลาะกันจริงจังนะ “ถ้ากูไม่ทำแบบนี้ พวกมึงจะได้มานั่งแดกเหล้าที่ดีๆกันตลอดไหม แถมจ่ายแค่ครึ่งราคาอีก พวกมึงไม่เคยสังเกตกันบ้างหรือไงว่าทำไมถึงจ่ายค่าเหล้าถูกกว่าคนอื่นตลอด แทนที่จะสำนึกบุญคุณของกู แม่ง มาหาว่ากูเป็นเด็กขาย”

“เออใช่ ไอ้เพลง” อ้าวไอ้แว่น สองหัวนะมึงอ่ะ “เพื่อนอุตส่าทำเพื่อพวกเรานะเว้ย ที่สำคัญเจ๊แคชเชียร์คนนั้นก็โคตรสวย ไม่นึกเลยว่าจะเป็นโสด แถมยังชอบกินเด็กซะด้วย กูถือว่ามึงโชคดีแล้วโว๊ยไอ้อาร์ม กูสนับสนุนมึงนะเพื่อน”

“พูดได้ดีมากเพื่อนแว่น ต้องแบบนี้ดิวะ” เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะมึง

“ใช่ๆ ไอ้เพลง เพราะงั้นมึงต้องสำนึกผิดด้วยการเล่าให้พวกกูฟังว่า วันนี้มึงไปจัดกับใครมา” ไอ้แว่นสั่ง

“ห๊ะ!?” ผมร้อง

“มึงไม่ต้องมาทำไก๋ กูรู้นะว่าสอบเสร็จแบบนี้ มึงต้องไปจัดกับใครสักคนเพื่อแก้เครียด”

“ถูกต้อง มึงพูดถูก” ไอ้อาร์มสนับสนุน ไอ้เพื่อนเวรเอ๊ย รู้ดีกันจังนะ

“เพราะงั้นวันนี้ถือว่ามึงแพ้สงคราม กูเป็นกรรมการกลาง ตัดสินว่าไอ้อาร์มเป็นผู้ชนะแคมเปญวันนี้ ดังนั้นมึงต้องถูกลงโทษด้วยการเล่าเรื่องบนเตียงเหตุการณ์ล่าสุดของมึงให้พวกกูฟัง เล่ามาๆๆ เอาให้ระเอียดนะมึง”

“กูแพ้ตอนไหนวะ” ผมยังไม่ยอม วันนี้กะจะมาฟังเรื่องของไอ้เสืออาร์มซะหน่อย

“เออน่า กูตัดสินแล้วว่ามึงแพ้ มึงเล่ามาเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นถือว่ามึงผิดต่อเพื่อนและแก๊งสามสหายของเรา”

“ไอ้สาดดดด ชิ เออๆ กูเล่าก็ได้ ก็ไม่ได้มีอะไรนักหรอก”

“อย่างแรก ครั้งนี้เป็นใคร สาขาอาชีพไหน” ได้ทีเอาใหญ่นะไอ้แว่น

“นักศึกษา” ผมตอบสั้นๆ

“อะไรวะ มึงต้องลงรายละเอียดด้วยดิ”

“ปล่อยมันไปเหอะน่าไอ้แว่น” ไอ้อาร์มเอ่ยขึ้น “มันไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องให้มันเล่า แต่มึงอย่าลืมรับไอ้เพลงเข้าทีมไก่อ่อนของมึงด้วยนะ”

หนอยยยยย ย้อนกูเหรอ

“เดือนวิทย์กีฬาปีสอง” ผมตอบ “กูไม่ได้ไก่อ่อนเว้ย”

“เยดเข้” ไอ้แว่นร้อง “เดือนวิทย์กีฬา นั่นมันรองเดือนมหาลัยไม่ใช่เหรอวะ ไอ้ชิบหาย มึงจัดไปแล้วเหรอ”

“เออ เรียบร้อยแล้ว”

“อีกหนึ่งลิสท์จากการจัดอันดับสิบหนุ่มฮอตของมหาลัย นี่คนที่ห้าแล้วมั้งที่มึงเอาไปแดก ใช่ไหม”

“ทำไงได้อ่ะ ก็กูได้ไปแล้ว”

“เออ กูยอมในความมีเสน่ห์ของมึงละกัน งั้นก็เล่าต่อเลย แบบละเอียดนะมึง ถ้าข้ามตอนสำคัญไปกูจะปรับมึงแพ้อีกรอบหน้า”

“เออๆๆ รู้แล้วน่า... ก็คือวันนี้อ่ะ กูต้องเอางานไปส่งอาจารย์ที่ไซด์ก่อสร้างนอกมหาลัย................”

จากนั้นก็เป็นเรื่องเล่าประสบกามของผมที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ไอ้เพื่อนสองตัวฟัง



คิดว่าคงเข้าใจแล้วนะว่าทำไมพวกเราสามคนถึงเป็นเพื่อนกันได้ ถ้าไม่นับเรื่องที่ผมกับไอ้อาร์มเรียนมาด้วยกันตั้งแต่มอต้น และเราสามคนเป็นนักศึกษาปีสองเหมือนกัน ที่เหลือทั้งหมดก็คือต่างสุดขั้วไปเลย

ผมเป็นนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ แม้จะเป็นพวกเสพติดเซ็กส์ แต่ก็รักษาภาพลักษณ์ของคนคูลๆไว้ตลอด โปรยเสน่ห์นิดๆ หยิ่งหน่อยๆ ไม่ได้เรียนจนเป็นตัวท๊อปแต่ก็มีผลการเรียนที่พอจะอวดอ้างได้ ในแง่พฤติกรรมทางเพศนั่น ก็อย่างที่พอจะเดากันได้ ผมชอบมีสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าและไม่เคยซ้ำ

คนต่อมาคือไอ้อาร์ม เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของผม ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นคนที่หล่อมา โปรไฟล์ก็ดี นอกจากจะเป็นหัวกะทิของคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้ว ยังเป็นถึงนักกีฬารักบี้เยาวชนทีมชาติ ซึ่งกำลังก้าวขึ้นไปเป็นตัวหลักของทีมชาติชุดใหญ่อย่างเต็มตัว แถมยังพ่วงตำแหน่งหนึ่งในสิบหนุ่มฮอตของมหาลัยไว้ได้ถึงสองปีแบบไม่มีสั่นคลอน  ก็เพราะมันเจ๋งขนาดนี้ไงถึงได้มีสาวๆพลีกายถวายตัวให้ไม่ขาด แต่สันดานของไอ้นี่นะเหรอ หลอกฟันเขาไปเรื่อย ลองมันได้ลงดาบสักสองสามครั้งเดี๋ยวก็เบื่อ

ส่วนไอ้แว่น อันนี้ต้องเล่ายาวหน่อย เพราะมันคือเพื่อนใหม่จากวิทยาการคอมพิวเตอร์ ผมกับมันเคยไปร่วมงานสัมมาเดียวกันเกี่ยวกับเทคโนโลยีโครงสร้าง เป็นงานของมหาลัยเมื่อตอนเข้ามาเรียนปีหนึ่งใหม่ๆ แต่เรื่องมันเกิดขึ้นก็ตรงที่ว่า ไอ้แว่นดันบังเอิญเข้าไปเห็นผมกับวิทยากรที่มาบรรยายวันนั้นกำลังชูวีดูวับกันในห้องรับรองอะดิ ก็แหม วิทยากรดันมาทำเป้าตุงต่อหน้าผม แถมหน้าตาก็หล่อเหลาจนนิสิตสาวๆเสียอาการกันหมด ไม่คิดว่าการที่ผมเอาลิ้นเลียปากแค่ครั้งเดียวแล้วจะไปจบลงบนโซฟาในห้องรับรองวิทยากรได้ ตอนที่ไอ้แว่นเข้ามาเห็น นึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว แต่กลายเป็นว่ามันเว้าวอนให้ผมเล่าแต่เรื่องอย่างว่าให้มันฟัง ยิ่งเล่ามันก็ยิ่งชอบ พอพามารู้จักกับไอ้อาร์ม ได้มาฟังเรื่องของไอ้อาร์มอีกก็ยิ่งไปกันใหญ่ จากนั้นมามันก็เลยติดผมสองคนแจเลย แม้ว่ามันจะยังไม่มีประสบการณ์เรื่องเพศเลยสักครั้ง แต่ไอ้โอตาคุคนนี้ก็มีพฤติกรรมทางเพศที่แปลกๆนั่นก็คือการชอบฟังประสบการณ์เสียวจากปากคนจริงๆโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย



นี่แหละครับแก๊งสามสหายของผม ศูนย์รวมของพวก................





..............อย่าให้ผมด่าตัวเองเลยนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2018 17:14:22 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
รุนแรงเหลือเกินพี่จ๋า :impress2: :impress2: :impress2: :haun4:

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 1 / เพื่อนรัก vs  เพื่อนร้าย

ความที่ 2 จาก 2 / รักแรก vs แรกรัก









“จะว่าก็ว่านะ มึงสองคนไม่คิดจะคบใครเป็นตัวเป็นตนบ้างเหรอวะ แบบว่าจริงจังอะไรพวกนี้อ่ะ” ไอ้แว่นเปิดประเด็นใหม่หลังจากที่ฟังเรื่องจากผมจบแล้ว “เอาเข้าจริง กูว่ามึงสองคนก็เหมาะสมกันดีนะ”



พร๊วดดดดด

ทั้งผมทั้งไอ้อาร์มสำลักเหล้าออกมาโดยมิได้นัดหมาย



“มึงพูดเหี้ยอะไรของมึงวะ” ไอ้อาร์มโวยวาย “กูคนละเวย์กับไอ้เพลงนะเว้ย มึงเห็นกูเป็นยังไงวะไอ้สัดแว่น”

“ถึงกูจะชอบคนหล่อ” ผมพูดบ้าง “แต่กูไม่เอาเพื่อนตัวเองหรอกนะ จรรยาบรรณอ่ะ มึงรู้จักหรือเปล่าคำว่าบรรยาบรรณ”

“ทำไมวะ ไม่เห็นจะผิดแปลกอะไรขนาดนั้นเลย” ไอ้แว่นพยายามอธิบายเหตุผลด้วยอาการเมานิดๆ “อย่างมึงอ่ะไอ้อาร์ม มึงก็ลองของกับผู้หญิงมาตั้งเยอะแยะแล้ว แต่ก็ไม่ถูกใจใครเลยไม่ใช่เหรอ ไม่ลองทดสอบความชอบใหม่ๆกับไอ้เพลงดูวะ กูว่าไอ้เพลงหน้าตาน่ารักกว่าสาวๆหลายคนที่มึงเคยควงซะอีก”

“กูรู้ว่ามันน่ารัก แต่กูไม่ชอบแนวนี้เว้ย” ไอ้อาร์มยังต่อต้านเสียงแข็ง “แล้วกูจะบอกให้นะเว้ย มึงอาจจะคิดว่ากูมองคนที่หน้าตา แต่ที่กูชอบทำตัวเจ้าชู้เปลี่ยนสาวไปเรื่อยก็เพราะว่ากูอยากเจอคนที่เอากูอยู่ สามารถหยุดกูได้”

“งั้นก็ตรงเป๊ะเลย ตั้งแต่กูรู้จักมึงมานะ คนเดียวที่จับจุดอ่อนของมึงได้ก็คือไอ้เพลงนี่แหละ กูพูดถูกไหม”

“..................” อ้าว อย่าเงียบดิไอ้อาร์ม มึงจะมาคล้อยตามที่ไอ้แว่นพูดไม่ได้นะ

“แต่มึงก็ต้องถามกูด้วยว่ากูเอามันไหม” กูต้องออกโรงเองซินะ ขืนให้ไอ้แว่นมาจับคู่ให้ นี่คือจุดต่ำสุดของชีวิตเลย แถมเป็นไอ้อาร์มอีก ไม่เอาด้วยหรอก

“ในกรณีของมึงยิ่งเหมาะสมกว่าอีก” เหมาะสมอะไรของมึงงงงง “หนึ่ง มึงชอบผู้ชายและไอ้อาร์มก็เป็นผู้ชาย สอง มึงชอบคนหล่อและไอ้อาร์มก็หล่อ อย่างน้อยมันก็ติดตัวท๊อปๆของสิบหนุ่มฮอต สาม มึงยังไม่เคยมีอะไรกับไอ้อาร์มมาก่อน แบบนี้ไม่ถือว่าผิดเจตนารมณ์ และสี่ ที่มึงชอบเล่าว่า ที่ผ่านมามึงยังไม่ประทับใจลีลาบนเตียงของใครสักเท่าไหร่ กูขอเสนอไอ้อาร์มเลย จากที่ฟังมันเล่าและจากการคิดวิเคราะห์ของกู ไอ้อาร์มนี่แหละที่จะสามารถเติมเต็มรสชาติเซ็กส์ให้มึงได้ คิดดูนะเว้ย ถ้ามันไม่เจ๋งจริง มันจะมีผู้หญิงตามต้อยๆเป็นขบวนพาเหรดแบบนี้เหรอ”

“..................” เชี่ยยยย กูเผลอเคลิ้มได้ไงเนีย เป็นเพราะฤทธิ์เหล้าแหงเลย ไม่ได้ๆๆ เรียกสติตัวเองกลับมา “ยังไงกูก็ยืนยันว่าไอ้อาร์มไม่ใช่สเป็กของกูแน่นอน”

“แล้วสเป็กมึงเป็นแบบไหนวะ”

“ก็ไม่ใช่แบบไอ้อาร์มแล้วกัน” ถามอะไรอยู่ได้ นี่ไม่ใช่รายการเจาะใจนะ

“สเป๊กของไอ้เพลงอะนะ กูรู้” ไอ้อาร์มได้ทีจึงเปลี่ยนเรื่องทันควัน “อย่างไอ้เพลงก็ต้อง สูงๆ ขาวๆ หุ่นหมีนิดๆ ตี๋ๆ ใส่แว่น ตาชั้นเดียว บ้านมีฐานะ พ่อแม่เป็นครู มีชื่อออกจีนๆหน่อย เรียนเอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาก่อน...”

“อ...ไอ้สัดอาร์ม” ผมนี่มองแรงเลย ไอ้เพื่อนจัญไร “เงียบปากไปเลยนะมึง”

“ทำไมฟังไม่เหมือนสเป็คเลยวะ” ไอ้แว่นสงสัย “ฟังเหมือนมึงกำลังพูดถึงคนแค่คนเดียวซะมากกว่า”

“ก็กูกำลังพูดถึง....”

“ไอ้เหี้ยอาร์ม กูบอกให้หุบปากไง” ครั้งนี้ผมถึงขั้นตะโกนออกมา นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในร้านที่มีดนตรีเสียงดัง คนคงมองมาทางผมหมดแล้ว

“เฮ้ย พูดอะไรกันวะ ทำไมไอ้เพลงต้องของขึ้นด้วยอ่ะ มีอะไรที่กูไม่รู้หรือเปล่า” ไอ้แว่นเริ่มร้อนร้นที่ตนเองพลาดเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นอ่ะ” ผมตอบผ่านๆ

“เฮ้ยยยย มึงบอกกูบ้างดิ นะนะนะนะ กูก็อยากรู้เหมือนกันนะเว้ย กูก็เพื่อนมึงนะไอ้เพลง”

“ไม่ต้องมาเซ้าซี้เลยไอ้แว่น...”

“มึงก็บอกมันไปเหอะ” ไอ้อาร์มเอ่ย “เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว บอกเพื่อนไปจะเป็นอะไรนักหนาวะ ไอ้แว่นก็เพื่อนเรา แถมกูก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนถ้าคนอื่นจะรู้”

“ใช่ๆ บอกกูหน่อยดิ กูอยากรู้” ไอ้แว่นเขย่าแขนผมแบบจริงจัง ท่าทางมันจะอยากฟังจริงๆ

“มันไม่สำคัญหรอกน่า” แต่ผมไม่ได้อยากเล่านี่นา

“โหหหหห มึงง่า....”

เอ๊า ไอ้บ้านี่ เรื่องส่วนตัวบางเรื่องกูก็ไม่สะดวกจะเล่าให้ฟังหรือเปล่าวะ จะทำหน้าเศร้าอะไรขนาดนั้น

“ทำลายจิตใจเพื่อนได้ลงนะมึงอ่ะ” ดูแม่งไอ้อาร์มมันพูด ไม่ต้องมาพูดให้กูรู้สึกผิดเลย “คบกันอยู่แค่นี้ยังมีความลับกับเพื่อนกับฝูงอีก มึงก็รู้นี่หว่าว่าไอ้แว่นมันชอบฟังเรื่องเล่า ไปดับฝันมันต่อหน้าต่อตา ใจร้ายเกิ๊น”

“แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของกูนะเว้ย”

“เออๆ กูไม่อยากรู้แล้วก็ได้” ที่พูดกับที่มึงแสดงสีหน้า มันคือคนละอย่างกันเลยนะไอ้สัดแว่น ทำแบบนี้กูก็กลายเป็นเพื่อนเลวอะดิ แม่งเอ๊ยยยยย

“เออๆ อยากรู้นักใช่ไหม”

“อยากกกกกก”

“ไอ้สัด ร่าเริงเลยนะมึง” ไม่น่าหลงกลมันเลย

“เล่าเร็วๆ กูอยากฟัง”

เห้ออออออ ไม่อยากเล่าเลย

“ไอ้อาร์ม มึงเล่าแทนกูหน่อย” ผมสั่ง

“ด้ายยยยย กูเล่าเอง คันปากอยากเล่าเรื่องนี้มานานแล้ว” ให้มันน้อยๆหน่อยไอ้เพื่อนเวร “คืองี้ กูจะบอกให้ฟังนะไอ้แว่น แต่ก่อนเนี่ยนะ ไอ้เพลงที่มึงเห็นตอนนี้กับเมื่อสามสี่ปีที่แล้วคือคนละคนกันเลยนะ มันทั้งขี้อาย เจี๋ยมเจี้ยม ใส่แว่น เป็นเด็กเนิร์ดๆ.......”

“มึงไม่ต้องละเอียดขนาดนั้นก็ได้มั้ง” ผมรีบแย้ง

“มันก็ต้องปูเรื่องก่อนซิวะ เดี๋ยวไอ้แว่นไม่เห็นภาพ”

“ขี้เสือกเหมือนกันนะมึงเนีย”

“บ้า พูดอะไรแบบนั้นล่ะ พูดงี้ก็เขินแย่ดิ”

“กูไม่ได้ชมซะหน่อย”

“จะพูดแบบนั้นก็ตามใจ”

ไอ้ๆๆๆๆๆ ไอ้สัด ตลกหน้าตายนักนะมึง นี่แหละอีกหนึ่งจุดแข็งของมัน อารมณ์ขันเสมอ คารมเหลือร้าย ไม่แปลกใจเลยที่สาวๆตกหลุดพรางมันง่ายๆ

“แล้วยังไงต่อวะ” ไอ้แว่นทวง

“กูเล่าต่อนะ” ยังจะมาทำตลกใส่กูอีก

“เล่าก็เล่าไปดิ” ก็ต้องปล่อยให้มันพูดแล้วล่ะ

“เออ ก็อย่างที่กูเล่านั่นแหละ” ไอ้อาร์มเริ่มเล่าต่อ “จากเด็กอินโนเซนส์เอาแต่เรียน อยู่มาวันหนึ่งก็มีหนุ่มมหาลัยสุดหล่อ มาทำธุระแถวๆโรงเรียนเว้ย ชื่อพี่คัง เด็กผู้หญิงมองตามกันตั้งแต่หน้าโรงเรียนจนเข้าห้องอาจารย์ใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ฝึกสอนสาวๆ แต่ใครจะไปเชื่อว่าเขาดันมาสะดุดหลุมรักเพื่อนเพลงของกู”

“ถามจริง” ไอ้แว่นตาโตอย่างกับดูอุลตร้าแมนตอนแปลงร่าง

“พูดแล้วจะหาว่าเว่อ แต่แม่ง อย่างกับในหนัง”

“ยังไงวะ”

“หนุ่มตี๋สุดเนียบกำลังเดินถือเอกสารไปตามทางในโรงเรียนเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่ด้วยเพราะเบื่อการตกเป็นเป้าสายตา จึงหลบไปเดินทางที่ไร้ผู้คน แต่ในขณะนั้นเองก็มีเด็กน้อยวัยสิบหกที่แสนจะขี้อายและกลัวการอยู่ท่ามกลางเพื่อนนักเรียน กำลังนั่งอ่านหนังสือที่ม้านั่งคนเดียวด้วยจิตใจที่เหงาหงอย ทันใดนั้น ก็เหมือนบุพเพสันนิวาส สายลมเบาๆที่พัดมาจากทิศทางใดก็ไม่อาจทราบได้ ก็ได้พัดให้เอกสารของรุ่นพี่มหาลัยสุดหล่อและเอกสารของเด็กน้อยขี้อายผสมรวมกันบนทางที่ไร้ผู้คน วินาทีนั้นทั้งสองก็ได้สบตากันอย่างจัง เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกดึงดูดเขาทั้งสองให้มาพบกัน แต่ก็น่าเศร้าเหลือเกิน ทั้งคู่ต่างเขินอายเกินกว่าจะพูดจาทักทายกันและกัน พูดได้เพียงแค่คำว่า ‘ขอโทษครับ’ เท่านั้น สุดท้ายจึงได้แค่แอบมองอีกฝ่ายด้วยห่างตาและจากไป”

“ต้องเล่าด้วยน้ำเสียงแบบนั้นด้วยเหรอวะ” ผมเอ็ด “กูฟังแล้วจะอ้วก”

“เออๆ แบบนี้แหละกูชอบ มองเห็นภาพชัดดี สนุกด้วย” เอ้า ถูกใจไอ้แว่นซะงั้น “เล่าต่อดิ แล้วไงวะ”

“ได้ๆ ฟังต่อนะ..... ทั้งสองจากกันเหมือนกับว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ คนเราถ้ามันจะได้กัน เอ๊ย ถ้าจะเป็นเนื้อคู่กันแล้ว ย่อมไม่แคว้นจากกัน ในเอกสารมากมายที่ถูกสายลมพัดมาให้ผสมปนเปกันนั้น ได้มีเอกสารของรุ่นพี่หมาลัยฉบับหนึ่งที่เด็กหนุ่มผู้เขินอายบังเอิญเก็บเอาไว้ ซึ่งมีทั้งชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ และเพราะนั่นคือเอกสารสำคัญ เด็กน้อยจึงต้องโทรหารุ่นพี่ที่ไม่รู้จักมักจี่ หวังจะคืนเอกสารสำคัญให้กับเจ้าของ แต่กลายเป็นว่าเมื่อทั้งคู่ได้เริ่มสนทนากัน กลับเกิดความรู้สึกประทับใจในอีกฝ่าย นับแต่นั้นเป็นต้นมา ต้นรักต้นเล็กๆก็ค่อยๆเติบโตขึ้น จนเมื่อผ่านไปไม่นาน ดอกรักก็เบ่งบานชูช่อสวยงาม ปลุกเด็กน้อยขี้อายให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง กลายเป็นนักสุนทรพจน์ที่พร้อมยืนถือไมค์กล่าววาระสวยงามท่ามกลางผู้คนนับพัน แว่นตาที่หนาเตอะถูกโยนทิ้ง เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล รอยยิ้มพิมพ์ใจกระจายไปทั่วราชธานี จากเด็กน้อยผู้สันโดษก็กลายมาเป็นเพชรยอดมงกุฎ ทั้งหมดที่ทำนั่นก็เพื่อเอาใจแฟนหนุ่มรุ่นพี่มหาลัยและก้าวขึ้นสู่ความสูงส่งที่ทัดเทียมกัน”

“ว้าววววววว”

“ไอ้แว่น มึงไม่ต้องปรบมือก็ได้นะ” ผมคว้ามือของไอ้คนฟังไว้ “ชอบเรื่องแบบนี้ไปได้ไงวะ ขนลุกจะตาย”

“กูว่าสนุกดีออก” ไอ้แว่นยืนยัน “แล้วเกิดอะไรกับรุ่นพี่มหาลัยวะ ทำไมมึงไม่คบกับพี่เขาต่อ”

“เขาชื่อพี่คัง ไม่ใช่รุ่นพี่มหาลัย มึงอย่าบ้าจี้ตามไอ้อาร์มมากนักได้ป่ะ”

“เออ นั่นแหละ ฟังดูแล้ว ทุกอย่างก็โอเคนี่หว่า ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงกลายเป็นว่ามึงต้องมาใช้ชีวิตเป็นคนเจ้าสำราญแบบนี้”

“เพราะกูเปลี่ยนเพื่อเขาไม่ไหวแล้วไง” คิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็เศร้าทุกที “กู... สามารถเปลี่ยนตัวเองให้เลิกขี้อายได้เพราะมันก็ดีต่อตัวกูเอง กูเปลี่ยนให้ตัวเองรู้จักเข้าสังคมได้เพราะมันเป็นพื้นฐานของชีวิตที่ทุกคนควรทำ กูเปลี่ยนบุคลิกภาพตัวเองได้เพราะมันส่งเสริมให้ตัวกูดีขึ้น แต่กูเปลี่ยนความชอบของตัวเองไม่ได้วะ”

“หมายถึงอะไรวะ ความชอบที่ว่านั่นน่ะ”

“พี่คังขอให้ไอ้เพลงเลือกเรียนต่อคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่มหาลัยเดียวกันกับพี่เขา” ไอ้อาร์มช่วยอธิบายให้ฟัง

“เหวอออออ” ไอ้แว่นร้องเสียงหลง “ถึงขั้นบังคับอนาคตของมึงเลยเนี่ยนะ”

“นั่นแหละที่กูรับไม่ได้” ผมบอก “กูเปลี่ยนอะไรเพื่อเขาไปมากมายแล้ว แต่ถึงขั้นที่จะให้กูเปลี่ยนความชอบของตัวเอง ไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากเรียน อันนี้มัน... มากเกินไปจริงๆ”

“วันที่ไอ้เพลงฝืนคำสั่งพี่คังมาสอบเข้าสถาปัตฯ ที่นี่ ก็คือวันสุดท้ายนั่นแหละที่ตำนานรุ่นพี่มหาลัยกับเด็กน้อยผู้ขี้อายจบลง”

“เลิกพูดแบบนั้นได้แล้วไอ้อาร์ม เว่อตลอด”

“โด่ววว กูอุตส่าห์อยู่ข้างๆมึงตลอด ตอนมึงโดนพี่คังบอกเลิก ถ้าไม่ได้กูนะ ป่านนี้มึงกระโดดสะพานตายไปแล้ว”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ไอ้แว่นยังคงตื่นเต้นกับเรื่องนี้

“นี่ยังน้อย ถ้ามึงได้อยู่สถานการณ์จริงอย่างกูนะ มึงจะเห็นว่าคนบ้าเพราะความรักเป็นยังไง”

“เออๆ กูเข้าใจ รักครั้งแรกมันก็เจ็บแบบนี้แหละ”

“โหหหหห กล้าไปสอนคนอื่นเขานะมึงไอ้แว่น ทำอย่างกะมีประสบการณ์ความรักมากมาย”

“กูก็เก็บเกี่ยวมาจากที่ฟังพวกมึงเล่านั่นแหละ มึงก็ไม่ต้องเสียใจนะไอ้เพลง อย่างน้อยพี่คังอะไรนั่นก็ทิ้งสิ่งดีๆไว้ให้มึง”

“กูเลิกเสียใจไม่นานแล้ว” ผมรีบออกตัว “เรื่องมันผ่านมาจะสองปีแล้ว กูแข็งแกร่งพอทีจะใช้ชีวิตต่อได้เว้ย ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

“เหรอออออออออ” ไอ้อาร์มทำเสียงล้อเลียนผม “อย่าไปเชื่อมันนะไอ้แว่น ที่มันไล่เก็บผู้ชายทุกคนก็เพราะหวังจะลืมพี่คังนั่นแหละ ทำเป็นพูดว่าทำใจได้ แต่ก็โหยหาความรู้สึกมาเติมเต็มตลอด”

“อ๋อออออ แบบนี้นี่เอง” ไอ้แว่นเข้าใจ

“มึงก็เชื่อคนง่ายเนาะ” ผมโวยวายอีกครั้ง “กูไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย”

“เหรออออออออออ” ล้อเลียนกูอีกแล้วอะไอ้อาร์ม “คงไม่มีใครทำให้มึงรู้สึกเสียวซ่านนนน ได้เท่าพี่คังอะดิ สารภาพมาเถอะเพื่อน กูเป็นเพื่อนมึงมานาน อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว”

“ลิ้นพ่อมึงดิ กูบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง”

“ไม่ใช่ๆๆ” ล้อเลียนเหรอออออ

“มึงก็อย่ามาทำเป็นพูดท่านั้นท่านี้นักเล๊ย” ทีกูบ้างล่ะ “ที่มึงเที่ยวหลอกฟันผู้หญิงคนแล้วคนเล่า ก็เป็นเพราะว่ามึงโดนผู้หญิงคนที่มึงรักเขามากกกกกที่สุดสวมเขาละซิ อุตส่าห์หมายมั่นปั้นมือว่าเธอคือคนที่ใช่ ทุ่มเทซื้อของไปให้ผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่ล่ะ หลักหมื่นหรือหลักแสน ทั้งแหวนเพชร ทั้งนาฬิกา แต่กลับเจอดี จับได้ว่าผู้หญิงคนนั้นแอบคบซ้อน เสียใจจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เกือบถูกไล่ออกจากทีมรักบี้ พอตั้งสติได้ก็เลยคิดจะล้างแค้นกับผู้หญิงทุกคนในโลก...”

“มึงกล้าเอาเรื่องนี้มาพูดเหรอ”

“กูกล้ามากกว่านี้อีก จะลองให้กูเล่าแบบละเอียดให้ฟังบ้างไหมล่ะ”

“อย่านะมึง”

“ถ้างั้นก็หยุดล้อเลียนกูเดี๋ยวนี้”

“ไอ้เช....”

“อ่ะๆๆๆๆ งั้นกูเล่านะ”

“............”

“ดีมากไอ้เด็กน้อย พูดง่ายๆนะ จะได้โตไวๆ” โฮ๊ะๆๆๆๆ คิดจะเล่นกับกูเหรอ เร็วไปร้อยปีแสงไอ้น้อง



“มึงสองคนเหมาะสมกันจริงๆด้วย”

"“อย่าพูดแบบนี้อีกนะ”" การประสานเสียงของผมกับไอ้อาร์มโดยมิได้นัดหมายเกิดขึ้นอีกครั้ง



นี่แหละครับ กิจกรรมในวงเหล้าของพวกผม เถียงกัน เล่าเรื่องลามก ดื่ม และแยกย้ายกันไปนอน อาจจะดูไม่ใช่กลุ่มคนที่ปกตินัก แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษซะจนน่าสนใจ หากแต่ว่า......................







...................................เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ที่ทำให้คำว่า 'เพื่อน' เปลี่ยนไปตลอดกาล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2018 17:15:52 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
แว่น !! ชงเก่งเหลือเกินพ่อคุ้นนน 5555

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ชอบครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)



บทที่ 2 / ความฝัน vs ความจริง

ความที่ 1 จาก 2 / เพราะรัก vs เพราะแค้น









“แกๆ แกว่าสองคนนั้นเป็นป่ะ” “ก็น่าสงสัยอยู่นะแก ผู้ชายเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้”



“ไอ้เพลง” ไอ้อาร์มสะกิดผม แต่ผมไม่ว่างขานรับ เพราะมัวเรียบเรียงแล็คเชอร์จากคาบเรียนอยู่ “ไอ้เชี่ยเพลงงงง”

“อะไรวะ มีอะไรก็พูดมาดิ สะกิดอยู่ได้” คนยิ่งยุ่งๆอยู่ “อ้าว จดถึงไหนแล้ววะเนีย เพราะมึงเลยไอ้อาร์ม ทำให้กูเสียสมาธิ แล็คเชอร์วิชานี้มันสำคัญกับกูแค่ไหนรู้ไหม”

“ช่างมันก่อนเหอะ มึงดูรอบตัวก่อนดิ คนนินทากันเต็มไปหมด”

“นินทา นินทาเรื่อง?”

“ก็เขาคิดว่าเราเป็นคู่เกย์กันไง”

“อะไร แค่เนียอะนะ ไร้สาระชิบหาย เสียเวลากู อย่ามาเรียกกูอีกนะ”

“เฮ้ยยย มึงไม่เสียหายแต่กูเสียหายนะเว้ย”

“โอ๊ยยยย ทำไมวะ โดนคนเข้าใจผิดว่าเป็นคู่เกย์กับกูแล้วมันเสียหายตรงไหน เสียชื่อ? เสียหน้า? เหรอ?.”

“มึงไม่เข้าใจวิถีลูกผู้ชายอย่างกูหรอกเว้ย”

“กังวลมากนักใช่ไหม ได้เดี๋ยวกูจัดให้.... เธอๆๆๆ” ผมหันไปเรียกผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ

ตอนนี้ผมกับไอ้อาร์มมารอไอ้แว่นเพื่อที่จะกินข้าวที่อาคารเรียนรวม จึงมีคนมากมายนั่งกันอยู่แถวนี้เช่นกัน

“คะ?” หนึ่งในสองสาวขานรับผมแบบงงๆ

“อยากรู้เหรอครับว่าผมกับมันเป็นคู่เกย์กันหรือเปล่า” ผมตั้งคำถามตรงๆ

"............" สองสาวอึ้งในคำถามของผม เหมือนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่ก็ดูเหมือนว่าอยากจะรู้

“ผมเป็น แต่เพื่อนผมไม่ได้เป็น โอเคนะครับ” กูตอบให้ละกัน จะได้หายสงสัย แล้วผมก็หันกลับมาหาไอ้เพื่อนคนข้างๆ “กูเคลียร์ให้แล้ว พอใจยัง”

“เอางี้เลยเหรอวะ” ไอ้อาร์มอึ้งในความกล้าของผม

"อืม"



“ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็น” “นั่นซิ เสียดายของเนาะ หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นเกย์เลย”

อีพวกผู้หญิงพวกนี้นี่มัน.....



“ขอโทษนะครับ” ผมหันกลับไปหาสองสาวนักนินทา “ไม่ต้องรู้สึกเสียดายหรอกครับที่ผมเป็นเกย์ เพราะคำว่าเสียดาย เอาไว้ใช้ในกรณีที่เรารู้สึกว่าพลาดบางสิ่งบางอย่างไป ทั้งๆที่ควรจะได้ครอบครองสิ่งนั้น แต่ในกรณีนี้ ต่อให้ผมไม่ได้เป็นเกย์ ถ้าหน้าตาแบบคุณสองคน ผมไม่เอามาทำสะใภ้ให้แม่หรอกครับ ไม่เชื่อเหรอ ไม่เชื่อถามเพื่อนผมที่เป็นผู้ชายแท้ๆก็ได้ ว่าไงไอ้อาร์ม หน้าแบบนี้มึงเอาทำเมียไหม?”

ไอ้อาร์มทำหน้าช็อคจนตาจะถลน แต่ก็ส่ายหน้ายิกๆ

“นั่นไง เห็นไหมละครับ เพราะงั้นไม่ต้องมารู้สึกเสียดายหรอกเนาะ” จบประโยคด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจฉบับเสแสร้งแกล้งทำ

ผมกลับมาสนใจกับงานตรงหน้าตัวเองโดยไม่ใส่ใจอีผู้สองตัวนั้นว่าจะแสดงอาการอย่างไร

“ม...มึงต้องพูดขนาดนี้เลยเหรอวะ” ไอ้อาร์มกระซิบ มันมองคนรอบข้างเลิกลั่ก คงกลัวจะเป็นเป้าสายตาละมั้ง “ไว้หน้าเขาหน่อยก็ได้ เขาเป็นผู้หญิงนะเว้ย”

“ไว้หน้า? ไว้หน้าทำไม” แต่กูไม่กระซิบด้วยหรอกนะ แถมจะพูดให้ดังกว่าปกติด้วย ทำเอาไอ้อาร์มนี่ดิ้นพล่านเลย “ตอนเขานินทา เขาไว้หน้ากูไหม นี่มันโลกยุคไหนแล้ววะที่จะมามองเรื่องเพศเป็นปมด้อย กูไม่ได้อยู่ในประเทศโลกที่สามนะเว้ย กูเป็นปัญญาชน เรียนในมหาลัยมีชื่อเสียง ไม่ได้จับฉลากเข้ามา คนจะเป็นบัณฑิตที่นี่เขาวัดคุณค่าของคนที่ผลงานกับการกระทำกันทั้งนั้นแหละ ถ้ามึงมีเวลาว่างมาไว้หน้าใครก็เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่าไหม พอ เลิกพูด กูจะเขียนแล็คเชอร์ ทำเรื่องที่นักศึกษาดีๆเขาทำกัน”



“ป....ป....ไปกินข้าวที่โรงอาหารอื่นกันดีกว่านะแก” “ช...ช...ใช่ๆ ไปเถอะ”

เออ รู้ตัวนิว่ากูพูดแดกดันอยู่ อีพวกหัวคิดไม่สร้างสรรค์ ปากมีไว้พูดก็หัดพูดเรื่องดีๆซะบ้าง ไม่งั้นเจอคนแบบกูแล้วมึงจะหนาว



“เออ กูยอมแพ้” ไอ้อาร์มถอนหายใจใส่ผมหลังจากที่สองสาวนักนินทาเดินเอาแฟ้มปิดหน้าตัวเองออกไปจากโรงอาหาร “มึงนี่มันปากร้ายจริงๆ”

“เลิกพูดซะทีเหอะ เสียเวลาเขียนแล็ดเชอร์กู” ผมบอก

“เอ้า ก็มึงเองนะที่เป็นคน...”



“ขอโทษนะครับ” จู่ๆก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะของผมกับไอ้อาร์ม หึ!! หล่อแฮะ ผิวแทนๆ หน้าคมๆ ไม่บอกก็รู้ว่าภายใต้ชุดนักศึกษานั่นเต็มไปด้วยซิกแพ็คอันน่าลูบไล้ “พี่ชื่อปั้นจั้น เป็นประธานชมรมฟุตบอลของมหาลัย”

“ครับ?” ผมตอบรับแบบงงๆ “ผมเล่นฟุตบอลไม่เป็นหรอกนะพี่ ถ้าตีแบดฯ อ่ะพอไหว”

“เปล่าๆ พี่ไม่ได้จะมาชวนเข้าชมรม แค่จะมาบอกว่า... พี่ชื่นชมน้องมากเลยนะ ที่พูดออกไปเมื่อกี๊นี้”

เมื่อกี๊? อ... อ๋อ เรื่องที่ผมต่อกลอนกับสองสาวนักนินทานั่นซินะ

“ครับ ขอบคุณครับ” รอยยิ้มพิมพ์ใจเลเวลหนึ่งออกปฏิบัติการ “แต่จริงๆแล้ว ผมก็ไม่ควรพูดแบบนั้นหรอกครับ”

“คือพี่... แบบว่า... พี่สนใจน้องมากเลย แบบว่า... สนใจไปดูหนังฟังเพลงที่ห้องพี่ไหมครับบ่ายนี้”

เชดโด่แมงโก้ภูเขาไฟ ประธานชมรมฟุตบอลสนใจในตัวกู นี่มันอาหารจานหลักชัดๆ

“เอางี้ไหม....ครับ....” เสียงของผมจู่ๆมันก็เบาลง ด้วยนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เอ่อ.... ขอโทษนะครับ แต่ว่าวันนี้ผมไม่ว่าง เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะครับ”

“งั้นเหรอครับ” พี่เขาเกาหัวแกรกๆ แก้เขิน “งั้นถ้าวันไหนว่างๆ ไปเจอพี่ที่ห้องชมรมได้นะ อยู่ตึกข้างๆนี่เอง”

“โอเคครับพี่ ขอบคุณที่ชวนนะครับ” แม้จะพลาดเป้าหมายไป แต่ก็ไม่ลืมยิ้มโปรยเสน่ห์อันเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ

แล้วพี่ประธานชมรมฟุตบอลก็เดินจากไป



“นี่มึงไม่สบายหรือเปล่าวะ” ไอ้อาร์มรีบทาบหลังฝ่ามือที่หน้าผากของผม

“ไม่สบายอะไรของมึง” ผมปัดมือมันออก

“หรือว่ามึงเป็นมนุษย์ต่างดาวปลอมตัวมาในร่างของเพื่อนกู ไหนๆ เอาเพื่อนกูไปซ่อนไว้ไหน”

“มนุษย์ต่างดาวพ่อมึงดิ จะถ่างปากกูทำไม เอามือออกไปเลย มึงจะพูดอะไรกันแน่ไอ้สัดอาร์ม”

“อ่อ หยาบคายแบบนี้ คงเป็นไอ้เพลงตัวจริงซินะ”

“จะเลิกเล่นได้หรือยัง”

“ก็กูแค่สงสัยว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนกูปฏิเสธประธานชมรมฟุตบอลของมหาลัยได้อะดิ ถ้าเป็นปกติ มีผู้ชายเกรดนี้มาทอดสะพานให้ มึงควรจะทิ้งกูไปกับพี่เขาแล้ว หรือไม่แน่ว่ามึงอาจจะลากพี่เขาไปแดกในห้องน้ำของมหาลัยด้วยซ้ำ”

“จะเว่อก็ให้มันน้อยๆหน่อย”

“กูไม่ได้เว่อ มึงต่างหากที่ไม่ปกติ สารภาพกับกูมาเลยว่าเพราะอะไร มึงมีดีลที่ดีกว่าประธานชมรมฟุตบอลรออยู่ใช่ไหม”

“ไม่ใช่เว้ย”

“แล้วมันอะไรวะ เหตุผลคือ? กูขอฟังเหตุผลจากปากมึงหน่อยเหอะ”

“วันนี้เป็น.... วันเกิดของพี่คัง กูไม่อยากทำอะไรไม่ดีในวันนี้ ก็แค่นั้นแหละ”

“อ้าวววว ดึงไปดราม่าซะงั้น ไหนตอนไปแดกเหล้าครั้งล่าสุด ยังทำเป็นพูดว่า เรื่องมันผ่านไปนานแล้วอยู่เลย ที่แท้จะยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่ตลอด มึงนี่มันเด็กน้อยจริงๆ”

“.......................” ก็คงเป็นแบบที่มันพูดนั่นแหละมั้ง ไม่ว่ายังไงก็ดูเหมือนว่าผมจะไม่ก้าวไปข้างหน้าซะที วันสำคัญทั้งหมดที่เกี่ยวกับพี่คังก็ยังติดแน่นในความทรงจำ ของขวัญ ภาพถ่ายคู่ ยังเก็บไว้ในกล่องอย่างดีไม่กล้าทิ้ง

“เฮ้ยๆ ไม่ต่อกรซะงั้น นี่มึงเศร้าจริงนิ” ไอ้อาร์มคงเห็นสภาพจิตใจของผมไม่ปกติจึงเอามือมาลูบหัวของผมเบา “เออๆ โทษที ก็ไม่ตอกย้ำมึงก็ได้ รักครั้งแรกมันก็งี้แหละ ให้ลืมกันง่ายๆคงไม่ได้ แต่พี่คังนี่ก็ช่างโง่จริงๆว่ะ”

“ทำไมวะ”

“มีแฟนที่รักตัวเองขนาดนี้ยังทิ้งได้ลงคอ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่มึงยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาอีก จะไปหาแฟนที่น่ารักทั้งนิสัยและหน้าตาแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก กูละไม่เข้าใจความคิดของแฟนเก่ามึงเลย”

“มึงเพิ่งจะชมกูว่าน่ารักหรือเปล่าเมื่อกี๊?”

“ทำไมวะ มึงน่ารัก กูก็บอกว่าน่ารัก กูก็ชมมึงอยู่ตลอด มาสงสัยอะไรตอนนี้”

“เออ ไอ้หล่อ”

แปลกนะที่ไอ้อาร์มมันสามารถเปลี่ยนบรรยากาศที่กำลังเศร้าของผมให้กลับมายิ้มได้อีกครั้ง ถึงมันจะกวนตีนไปบ้าง และใช้ผมเป็นเหยื่อล่อสาวๆให้กับมัน แต่มันก็อยู่เคียงข้างผมตลอดทั้งวันที่สุขและวันที่เศร้า แม้แต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็กขี้อายคนเก่า ก็มีไอ้หล่อนี่แหละที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียว โชคดีจริงๆที่มีมันเป็นเพื่อน



“ทำอะไรกันอ่ะ!!!” ไอ้แว่นนั่นเองที่โผล่เข้ามาจากไหนไม่รู้ “มึงสองคนกำลังจีบกันอยู่เหรอ”

“บ้าเหรอ” “ไม่ใช่แล้ว” ไอ้อาร์มกับผมประสานเสียง

“แล้วมึงลูบหัวกันทำไม มองตาด้วย ยิ้มให้กันด้วย”

“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย” ผมร้อง ส่วนไอ้อาร์มก็รีบเอามือออกจากหัวของผม

“เฮ้ยๆๆ ไหนพวกมึงบอกว่าไม่ใช่แนวไง ภาพที่เห็นนี่มันกำลังสวีทกันอยู่ชัดๆ แถมทำกลางโรงอาหารซะด้วย”

“กูบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง”

“เออ กูจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็แล้วไป แต่อย่าให้กูรู้นะว่ามึงสองคนกินเพื่อนด้วยกันเอง กูจะแซวข้ามปีเลย ชอบแซวกูว่าไก่อ่อนดีนัก”

“กินพ่อมึงดิ มึงอ่ะ ทำไมมาช้าจังวะ กูหิวข้าวจะแย่แล้วเนีย”

“อยากรู้เหรอว่าทำไมกูมาช้า”

“กูไม่อยากรู้แล้ว จะไปหาข้าวกิน”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิๆ อยากรู้หน่อยนะ” ไอ้แว่นรีบโชว์สิ่งของบางอย่างออกมาให้พวกผมดู “นี่เว้ย กูมัวไปหาอันนี้มา”

“อะไรวะ ก็แค่กระดาษ”

“มันมาจากพี่รหัสของกู ในที่สุดกูก็หาเจอ”

“ไอ้พี่รหัสปริศนาของมึงนั้นนะเหรอ นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงยังไม่เคยเจอพี่รหัสของมึงเลยอ่ะ”

“ก็นี่ไง กูเจอคำใบ้ที่พี่เขาทิ้งไว้ให้กูแล้ว กว่ากูจะถอดปริศนาที่พี่เขาให้กูไว้เมื่อตอนปีหนึ่งได้โคตรเปลืองสมองเลย แล้วมึงรู้ไหมว่ามันอยู่ไหน ถ้ารู้แล้วมึงจะอึ้ง มันอยู่ใต้โต๊ะคอมตัวแรกที่กูนั่งเรียนวันแรกเลยเว้ย เป็นไง เจ๋งใช่ป่ะ”

“โหไอ้แว่น มึงนี่มันโคตรมีความอดทนเลย” ไอ้อาร์มทึ่ง “ถ้าเป็นกูนะ กูเลิกล้มความตั้งใจไปนานแล้ว ไม่ต้องมีมันแล้วพี่รหัสแบบนี้ ทำตัวลึกลับชิบหาย จนอยู่ปีสองแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าพี่รหัสตัวเองหน้าตาเป็นยังไง”

“พูดไรอย่างงั้นวะ” ไอ้แว่นยังดูภูมิใจ “แบบนี้ดิมันถึงจะน่าค้นหา กูว่านะเว้ย พี่รหัสของกูต้องเป็นสาวแบบว่าดาร์คๆ น่าค้นหานิดๆ คาวาอิหน่อยๆ พอคิดแล้วก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยวะ”

“เขาอาจจะเป็นผู้ชายก็ได้” ผมบอก

“มึงอย่ามาดับฝันกูได้ป่ะไอ้เพลง แต่กูว่านะ ยังไงก็ต้องเป็นผู้หญิง ผู้ชายเขาไม่มาทำอะไรแบบนี้กันหรอก เห้ออออ อยากเจอพี่รหัสคนสวยเร็วๆจัง”

“อย่าคาดหวังให้มันมากเลยมึง เขาอาจจะอ้วนเป็นหมูตอนก็ได้นะ ถึงไม่อยากให้มึงเจอ”

“ก็บอกว่าอย่ามาดับฝันกูไง”

“เออๆ แล้วไหน เขาเขียนอะไรไว้ให้มึง ชื่อหรือเบอร์ติดต่อ”

“มันก็เป็นอีกปริศนานึงอ่ะ” มันกางกระดาษเก่าออกให้ดู ปรากฏตัวเลขยาวเหยียด ไม่สื่อถึงความหมายอะไรทั้งนั้น

“โอ๊ะ เสียเวลาจริงเลย กูนึกว่ามึงจะได้เจอซะที ไปหาซื้อข้าวดีกว่า”

“เดี๋ยวดิว้า” ไอ้แว่นคว้าผมกับไอ้อาร์มไว้ “แต่อันนี้กูแก้ได้แล้วนะเว้ย”

“แล้วไงวะ เดี๋ยวมึงก็ไปเจอปริศนาอันใหม่ต่อไปต่อไปเรื่อยๆ กูไม่ได้บ้าฟังเรื่องไร้สาระกับมึงหรอกนะ ไปๆไอ้อาร์ม ไปหาซื้อข้าวกันเหอะ”

“โห่ พวกมึงอ่ะ” ไอ้แว่นร้องหงิงๆ แต่ก็เดินตามผมมา ส่วนไอ้อาร์มแยกไปเดินเลือกอาหารที่มันต้องการ “ทีกูยังฟังเรื่องเล่าจากพวกมึงได้นานๆเลย ทำไมพวกมึงไม่ตั้งใจฟังเรื่องของกูบ้างวะ”

“ก็เรื่องของมึงมันไม่น่าสนใจนี่หว่า”

“มันน่าสนใจนะเว้ย นี่ๆ กูจะบอกมึงให้ อันนี้นะเขาเรียกว่าภาษาซี มีแค่เด็กคอมเท่านั้นแหละที่จะเขียนเลขแบบนี้ออกมาได้”

“แล้วไง..... ป้าครับ เอาข้าวหน้าไก่หนึ่งครับ”

“แล้วไงอะไรวะ มึงถามมาได้ยังไงว่าแล้วไง.... เอ่อ ป้าครับๆ ผมเอาข้าวมันไก่ไม่เอาหนังไม่เอาน้ำจิ้มครับ....ก็นี่ไง อย่างน้อยกูก็รู้แล้วว่าพี่รหัสกูต้องเป็นนักศึกษาเอกคอมเหมือนกูแน่นอน”

“ก็คณะมึงมีอยู่ไม่กี่เอก ถ้าจะบังเอิญมีพี่รหัสจากเอกเดียวกันแล้วมันจะไปแปลกตรงไหนวะ”

“อ...เออ ถึงมันไม่แปลก แต่อันนี้ต้องแปลกแน่ มึงคิดว่าทำไมกระดาษแผ่นนี้ไปอยู่ที่โต๊ะคอมตัวแรกที่กูนั่งเรียนได้ แสดงว่าจริงๆแล้วพี่เขาต้องคอยแอบมองกูอยู่ตลอดเว้ย”

“กูนึกว่าโต๊ะเรียนในห้องคอมต้องนั่งเรียงตามรหัสนักศึกษาซะอีก ไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ใช่อ่ะ ทำไมวะ?”

“โอ๊ะ แค่นี้ก็คิดไม่ออก พี่รหัสมึงเขาก็แค่เอาไปติดไว้ที่โต๊ะที่มึงนั่งเพราะรู้อยู่แล้วว่ามึงนั่งตรงไหน เขาไม่ได้มาแอบมงแอบมองอะไรมึงทั้งนั้นอ่ะ เลิกฝันหวานได้แล้ว”

“จ...จริงเหรอวะ”

“เท่าไหร่ครับป้า.... ไอ้แว่น มึงจะกินไหมข้าวอ่ะ มาจ่ายตัง”

แล้วมันก็ยื่นเงินให้ป้าเจ้าของร้านด้วยหน้าตาเศร้าสร้อย



“อ้าว ไหงไอ้แว่นทำหน้าเศร้ากลับมาวะ” ไอ้อาร์มถามเมื่อเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของไอ้แว่นตอนกลับมานั่งโต๊ะ “กูนึกว่ามันกำลังดี๊ด๊าซะอีก”

“มันผิดหวังที่พี่รหัสไม่เป็นไปตามที่มันมโนอะดิ” ผมอธิบายพร้อมนั่งลงที่โต๊ะเดิม

“ห๊ะ มึงเจอพี่รหัสแล้วเหรอวะไอ้แว่น เป็นไง ผู้หญิงหรือผู้ชาย สวยหรือหล่อ อย่าบอกนะว่าที่มึงทำหน้าเศร้าแบบนี้เพราะว่าพี่รหัสของมึงอ้วนเป็นหมูตอนแบบที่ไอ้เพลงพูด”

“พอเลยๆ พวกมึงทั้งคู่นั่นแหละ” ไอ้แว่นร้อง “อีกคนก็ดับฝันกู อีกคนก็ไม่ให้กำลังใจ”

“มันพูดอะไรวะ” ไอ้อาร์มไม่เข้าใจ

“ช่างมันเหอะ” ผมตอบ แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นของน่าสนใจเข้าให้ “มีลาซานญ่าด้วยเหรอ มึงซื้อมาจากไหนวะอาร์ม”

“ร้านสุดท้ายโน่นอ่ะ” มันตอบ “ทำไม อยากกินเหรอ”

“ใช่ๆ เดี๋ยวกูไปซื้อบ้างดีกว่า...แต่ว่า... ไม่เอาดีกว่า กูกินไม่หมดแน่เลย ทั้งข้าวหน้าไก่ทั้งลาซานญ่า เดือนนี้เงินที่แม่ส่งมาให้ก็จะหมดแล้วด้วย ประหยัดไว้ก่อนดีกว่า เฮ้ยๆๆๆ มึงจะเอาข้าวกูไปไหน”

“อะนี่” ไอ้อาร์มเอาข้าวหน้าไก่ของผมไป แล้วมันก็ดันถาดฟอยลาซานญ่ามาให้ผม “อยากกินก็กิน เดี๋ยวกูกินข้าวหน้าไก่เอง จะได้ไม่เปลืองตังซื้อเพิ่ม”

“มันจะดีเหรอมึง”

“ไอ้สัด น้ำลายจะหกอยู่แล้ว จะกินก็กินไป ไม่ต้องมาทำเป็นเกรงใจ”

“ขอบใจนะมึง” กินซิจ๊ะ รอไร

“อ้าวๆ ไอ้แว่น มึงจะเขี่ยอะไรวะ ไม่กินเหรอข้าวอ่ะ เดี๋ยวบ่ายกลับไปเรียนไม่ทันนะมึง”

“กูไม่หิวเลย” ไอ้แว่นแซดเลเวลร้อย “พวกมึงนั่นแหละทำให้กูหมดหวัง”

“กินๆเข้าไปก่อนเหอะน่า เดี๋ยวเย็นนี้กูพาไปเลี้ยงฉลองแก้ตัว รับรองว่ามึงอารมณ์ดีขึ้นแน่นอน แล้วเดี๋ยวไอ้เพลงเล่าประสบการณ์เสียวตลอดทั้งอาทิตย์ของมันให้มึงฟังด้วย”

“เฮ้ย เกี่ยวไรกับกูวะ” ลาซานญ่านี่ทำให้ผมพูดยากชะมัด

“เอาน่ามึง ถือว่าเป็นการปลอบใจไอ้แว่น”

“ซะงั้นอ่ะ”

“สัญญาแล้วนะ” ไอ้แว่นก็ยังดูเศร้าๆ

“เออๆๆ” ผมตอบเพราะเห็นใจ “เดี๋ยวกูเล่าให้ครบทั้งเจ็ดในเจ็ดวันคนเลย เลิกเศร้า กินได้แล้ว จะได้รีบกลับไปเรียน”



หลังจากนั้นการเรียนภาคบ่ายก็มาถึง ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเรียนและเรียน ไอ้ส่วนที่น่าอึดอัดคงเป็นอาการรู้สึกขาดๆหายๆอะไรไปซะมากกว่า ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าไม่อยากทำอะไรไม่ดีในวันนี้ แต่คนแบบผมที่ได้ทำกิจกรรมทางเพศแทบทุกวัน ต้องมาหักห้ามใจตัวเองแบบนี้ มันกลับยิ่งทำให้รู้สึกต้องการมากกว่าปกติซะอีก

ไม่ได้ๆ เราจะคิดแบบนี้ไม่ได้ ที่สำคัญนี่มันก็แค่วันเดียวเอง คอยดูนะ ถ้าพรุ่งนี้มาถึงเมื่อไหร่ จะเก็บแต้มสักสามคนไปเลย





“ไอ้แว่น ไอ้สัดแว่น ทำไมมึงมาช้าจังวะ ดูหน้ากูกับไอ้เพลงนิ เมาจะเป็นหมาอยู่แล้ว” คำทักทายแรกของไอ้อาร์มเมื่อไอ้แว่นเดินทางมาถึงวงเหล้า

“เออๆ โทษที กูไปเจอพี่รหัสมา” ไอ้แว่นขอโทษ

“ห๊ะ มึงได้เจอพี่รหัสแล้วเหรอ”

“เออ”

“เป็นไงวะ สวยไหม”

“คือจริงๆแล้ว มันก็...”

“เออๆ ช่างมันเหอะ กูไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกตอนนี้ มึงแดกเหล้าได้แล้ว”

“แล้วนี่พวกมึงทำไมรีบเมากันไวจังวะ แถมมากินห้องมึงด้วย กูนึกว่าจะไปที่ร้านเดิมกันซะอีก”

“มึงอยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมกูถึงไม่ไปแดกที่ร้าน เพราะวันนี้กูกะจะเมาให้เต็มที่ เอาให้แม่งเป็นหมาไปเลย”

“อะไรของมึงวะ.... แล้วมึงอ่ะไอ้เพลง กูไม่เคยเห็นมึงเมาจนหน้าแดงขนาดนี้เลย พวกมึงสองคนเป็นอะไรกันไปวะ ไม่เหมือนปกติเลย”

“อย่ามายุ่งกับกู” นี่คือคำแรกจากปากของผม นี่แหละคือบุคลิกของผมเวลาที่เมาจนถึงจุดสูงสุด เงียบ นิ่ง ไม่อยากพูดกับใคร

“เฮ้ยๆ นี่กูเอง กูเพื่อนมึงนะไอ้เชี่ยเพลง” ไอ้แว่นเขย่าตัวผม

“เอามือมึงออกไป” ไม่รู้อ่ะ นาทีนี้จะหน้าไหนกูก็ไม่สนใจทั้งนั้น “อย่าเอามือมึงมาแตะตัวกู พวกผู้ชายอย่างมึงเนี่ยนะ แม่งเลว เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ เอาแต่ใจ กูอุตส่าห์ส่งข้อความไปแฮปปี้เบิร์ทเดย์ มันอ่าน แต่แม่งเสือกไม่ตอบ เคยแคร์ความรู้สึกกูบ้างไหม กูรักแทบเป็นแทบตาย ง้อก็แล้ว พูดดีก็แล้ว อ่อยก็แล้ว มีไหมที่จะกลับมาสนใจกูบ้าง รู้ไหมว่าวันนี้กูต้องอดใจไม่ไปเอากับใคร เพราะเห็นว่าเป็นวันเกิดของมัน ทั้งๆที่มีผู้ชายงานดีๆมาเสนอตัวให้ทั้งนั้น กูต้องเก็บกดอารมณ์ไว้แค่ไหนรู้บ้างไหม”

“น...นี่ไอ้เพลงพูดถึงใครวะ” ถ้าผมมีสติดี ผมคงบอกได้ว่าไอ้แว่นมันกำลังงง แต่ภาพที่ผมมองเห็นอยู่ตอนนี้มันเบลอไปหมด

“กูพูดถึงพวกมึงนั่นแหละ ไอ้พวกผู้ชายเฮงซวย” ยกแดกหมดแก้วแม่งเลย

“เฮ้ยๆๆๆ ใจเย็นไอ้เพลง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไปเรียนไม่ไหวหรอก”

“ปล่อยมันไปเหอะ มันกำลังเฮิร์ทเรื่องแฟนเก่า” นี่เสียงของไอ้อาร์มซินะ นี่กูต้องเมาถึงขั้นไหนวะ ถึงขั้นเริ่มแยกแยะเสียงเพื่อนตัวเองไม่ออก

“แล้วมึงอ่ะไอ้อาร์ม เฮิร์ทเรื่องแฟนเก่าอีกคนหรือไง”

“อย่างกูเนี่ยนะจะอ่อนไหวกับเรื่องแบบนั้น”

“แล้วที่เมาเละตั้งแต่หัวค่ำนี่คือยังไง”

“ศักดิ์ศรีไง มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี กูจะบอกอะไรมึงให้นะ สามปีที่ผ่านมา กูไม่เคยโดนผู้หญิงบอกเลิกซะคน แต่อีน้องเด็กบัญชี มันถือดียังไงมาบอกเลิกกูวะ บอกว่ากูทำตัวไม่น่าไว้ใจ คารมณ์ดีเกินไป”

“น้องเค้าก็พูดถูกไม่ใช่เหรอวะ”

“นั่นมันไม่ใช่ประเด็นเว้ย ประเด็นคือ กูเท่านั้นที่จะเป็นฝ่ายทิ้งผู้หญิงได้ ไม่ใช่เป็นฝ่ายถูกทิ้งเองแบบนี้ แม่ง คำบอกเลิกแรกในรอบสามปี มึงคอยดูนะ ถ้าอีน้องนั่นซมซานกลับมาขอคืนดี กูลงโทษแม่งให้สาสมที่ทำกับคนอย่างกู จะซอยให้ร้องขอชีวิตเลย”

“เห้อออออ กูได้สาระอะไรจากพวกมึงสองคนบ้างไหมเนี่ย”

“เฮ้ย ทำไมมึงพูดแบบนั้นวะ นี่กูเพื่อนมึงนะเว้ย มึงต้องรับฟังและเห็นใจความทุกข์ของเพื่อนดิ”

“เออ กูรับฟังอยู่นี่ไง แล้วไหนไอ้เพลงบอกว่าจะเล่าประสบการณ์การเสียวกับผู้ชายเจ็ดคนรวดของมันให้ฟังไง เมาเป็นหมาแบบนี้แล้วจะพูดอะไรได้วะ อ้าวๆๆๆ แดกให้มันน้อยๆหน่อยไอ้เพลง มึงยกหมดแก้วตลอดเลยนะ”

“ปล่อยกูไปเหอะ ชงให้กูหน่อยดิ” ผมสั่ง

“หรือว่า!” จู่ๆไอ้อาร์มก็ร้อง “ที่กูโดนบอกเลิก จริงๆแล้วน้องเด็กบัญชีนั่นอาจจะแค่อยากเก็บแต้มจากกู เหมือนที่ไอ้เพลงล่าแต้มผู้ชายก็ได้ แม่งเอ๊ยยย คิดแล้วแค้น คนแบบกูไม่ได้เป็นของสะสมของใครนะเว้ย”

“มึงก็ลดๆจินตนาการลงหน่อยก็ดีนะไอ้อาร์ม” ไอ้แว่นพูดพร้อมกับส่งแก้วคืนให้ผม “ใครๆก็ดูออกทั้งนั้นแหละว่ามึงมันเจ้าชู้ เหตุผลที่น้องเขาพูดก็ยังฟังขึ้นอยู่นะ”

“ไม่จริง กูไม่เชื่อ คอยดูเหอะ ผู้หญิงแบบนั้น ไม่นานก็ต้องคลานมากอดขากู ร้องไห้เรียก พี่อาร์มคะพี่อาร์มขา”

“เออ แล้วแต่มึงจะคิดก็แล้วกัน”



#เสียงโทรศัพท์

“ฮัลโหลครับ” ถึงจะตาเบลอๆ แต่ก็เห็นว่ามีสายเข้าโทรศัพท์ของไอ้แว่น “ก็ไม่ยุ่งเท่าไหร่ครับ...... จริงเหรอครับ........ ได้ครับพี่ เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้เลย”



“เฮ้ยๆๆๆ มึงจะไปไหนวะ” ไอ้อาร์มรั้งแขนไอ้แว่นที่กำลังจะลุกออกจากวงเหล้า

“กูมีธุระ” นั่นคือคำตอบของไอ้แว่น

“ธุระอะไรวะที่ทำให้มึงทิ้งกูกับไอ้เพลงได้ลงคอ”

“ธุระสำคัญก็แล้วกัน มึงสองคนอยู่ได้ไหม ต้องให้กูกลับมาดูแลหรือเปล่า”

“กระจอก คนอย่างกูไม่ต้องให้ใครมาดูแล มึงจะไปไหนก็รีบไปเลยไป”

“แน่นะ แล้วไอ้เพลงอ่ะ มึงจะปล่อยมันนอนกองอยู่ตรงนี้ไม่ได้นะ เอ....? กูว่ากูอยู่นี่ดีกว่า ไม่ไว้ใจมึงเลย”

“เฮ้ย ไม่ต้องๆ กูไม่ได้อ่อนขนาดนั้น ไอ้เพลงมันก็เพื่อนกู กูรับรองว่ากูดูแลมันได้ เดี๋ยวจะพามันขึ้นนอนบนเตียง แถมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วยเลย ไม่เชื่อมึงมาดูสภาพของมันพรุ่งนี้เช้าได้เลย”

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก แค่ให้มันนอนเป็นที่เป็นทางก็พอแล้ว”

“เออ”

“งั้นกูไปนะ ฝากไอ้เพลงด้วยนะ”

“เออ”



แล้วไอ้แว่นก็วิ่งออกไปจากห้อง เหลือไว้แค่ไอ้อาร์มที่เมาจนหน้าแดงหน้าดำ และผมที่นิ่งเงียบอยู่กับความเศร้าในใจ..............







......................และความฝันที่กำลังคืบคลานเข้ามา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2018 17:18:25 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)



บทที่ 2 / ความฝัน vs ความจริง

ความที่ 2 จาก 2 / เติมเต็ม vs ขาดหาย









‘เพลง เพลง’ เสียงใครอ่ะ ‘น้องเพลงครับ นี่พี่เองนะ พี่คังไง’

“พี่คัง” ผมร้อง พี่คังจริงเหรอ

‘ขอบใจนะสำหรับคำอวยพรวันเกิดของพี่’

“ไม่เป็นไรครับ เพลงตั้งใจส่งให้พี่”

‘พี่ขอโทษนะที่ทิ้งเพลงไป พี่รู้แล้วล่ะว่าใครคือคนสำคัญที่แท้จริงของพี่ เรากลับมาคืนดีกันนะ’

“จริงเหรอ พี่คังจะกลับมาคบกับเพลงจริงเหรอ”

‘ใช่ครับ พี่บอกแล้วไง พี่รู้แล้วว่าใครคือคนสำคัญของพี่’

“เพลงดีใจที่สุดเลย”

‘พี่คิดถึงเพลงจัง’

“เพลงก็คิดถึงพี่คังเหมือนกัน คิดถึงที่สุดเลย อยากโทรไปหาแต่ก็ไม่กล้า.... ด...เดี๋ยวก่อนครับ พ...พี่คังจะทำอะไรน่ะ....” มือหนาๆอุ่นๆล้วงเข้ามาในเสื้อผ้าของผม

‘พี่คิดถึงเพลงจนจะทนไม่ไหวแล้ว’ พี่คังพยายามซุกไซร้เข้าที่ซอกคอของผม

“ง...งั้นเหรอ งั้นก็แล้วแต่พี่คังเถอะครับ” ผมตอบรับทันที



มีความสุขจัง นี่ซินะสัมผัสของมือที่อบอุ่น ร่างกายที่สามารถกอดก่ายได้อย่างเต็มรัก มีความสุข มีความสุขจริงๆ รู้สึกเหมือนกำลังฝันไปเลย.................



เดี๋ยวนะ*!*



นั่นซิ หรือว่านี่จะเป็นความฝันกันแน่นะ

พอมาคิดดูดีๆแล้ว จะเป็นไปได้ยังไงที่พี่คังมาปรากฏตัวอยู่บนเตียงของเรา คนอย่างพี่คังเนี่ยนะที่จะพูดว่าขอโทษ

แต่ถ้าจะให้ตื่นตอนนี้ก็ไม่เอาด้วยหรอก ไหนๆก็เป็นความฝันแล้ว งั้นก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบไปเลยละกัน

อยู่ในฝันไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันอะไรทั้งนั้น เพราะงั้นก็เริ่มด้วยการลิ้มรสชาติดุ้นเอ็นอันแสนหวานของพี่คังก่อนเลยละกัน



“อือออออ.....อ.....อั๊ก....อัก”

จำไม่ได้เลยแฮะว่าพี่คังมีดุ้นที่ใหญ่โตอลังการขนาดนี้ แถมพี่เขายังกระแทกเอวอัดท่อนสวาทใส่ช่องริมฝีปากของเราอย่างรุนแรงและหื่นกระหาย นี่คงเป็นฝันจริงๆนั่นแหละ คนสุภาพอ่อนโยนอย่างพี่คังจะแสดงพฤติกรรมร่วมรักที่รุนแรงแบบนี้ได้ยังไง

‘โอ๊ยยยย เสียว เสียวสุดๆไปเลย ทำไมถึงใช้ลิ้นเก่งแบบนี้’ ยิ่งได้ยินแบบนี้ยิ่งแน่ใจว่าเป็นความฝันแน่ๆ

เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอกินพี่คังเวอร์ชั่นความฝันให้เต็มที่หน่อยแล้วกัน



ลิ้นและริมฝีปากของผมตวับกวัดแกว่ง เร่งเร้าเพลาจังหวะ ทั้งดูด ทั้งทึ้ง เอ็นอุ่นสวรรค์อย่างหิวกระจาย หากเป็นไปได้ก็อยากจะเริ่มด้วยการชิมน้ำรักที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้น

แม้จะเป็นเพียงฝัน แต่จะขอเสพสุขให้สมใจ



‘อ....อ่าซซ’ เสียงครางแห่งความสุขของพี่คังดังขึ้นพร้อมกับมีน้ำใสๆโผล่เล็ดลอดออกมาจากปลายสุดของหัวกลมๆนั่น

นี่ไงออกมาแล้ว ต้องเลียให้หมดไม่ให้เหลือ

ว้าว หวานกว่าที่คิดแฮะ มีกลิ่นคาวของความต้องการทางเพศผสมเต็มไปหมดเลย

แต่ท่อนเอ็นของพี่คังเวอร์ชั่นในฝันนี่มันใหญ่ผิดหูผิดตาจริงๆนะ เล่นเอากรามของผมแทบค้างเลย ทั้งที่พยายามครอบสุดๆแล้วก็ได้แค่ครึ่งเดียวเอง

เอาล่ะ ต่อไปขอเล่นสนุกกับลูกตุ้มสองลูกข้างล่างหน่อยนะ



‘ส...ส...สุ....โอ๊ย....สุดยอด สุดยอดจริงๆ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันสุดยอดขนาดนี้’ ยิ่งได้ยินเสียงร้องของพี่คังยิ่งเหมือนทำให้ผมคลั่งหนักขึ้น นี่เป็นการละเลงลิ้นที่หนักหน่วงที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมาเลย ถึงมันจะเป็นความฝันก็เถอะ ‘ม....ไม่.....ไม่ไหวแล้วววว’

เหวออออ ทำอะไรอ่ะ

ทำไมพี่คังมีแรงเยอะจัง ยกตัวผมที่เดียวลอยเลย

เพียงไม่กี่วินาทีร่างกายของผมก็ถูกพลิกคว่ำลงบนเตียงหนานุ่ม ใบหน้าถูกมือใหญ่หนาของคนเบื้องบนกดแนบไปกับผ้าปูเตียง กางเกงถูกดึงหลุดออกอย่างง่ายดายเสมือนว่ามันเป็นแค่กระดาษแผ่นบางๆ แขนสองข้างก็ถูกรวบไปเบื้องหลังให้ทับกันไว้ก่อนจะถูกพันทนาการไว้ด้วยมือแกร่งเพียงมือเดียว ด้วยเหตุนี้ร่างกายของผมจึงถูกบังคับให้แอ่นบั้นท้ายรอรับการจู่โจมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

รุนแรงชะมัดเลย....

แต่ก็เพราะแบบนี้แหละที่ทำให้ผมยิ่งรู้สึกอารมณ์พุ่งพลานมากขึ้น

‘จะซอยไม่ยั้งเลย’ อย่าพูดแบบนี้ได้ไหม แค่นี้อารมณ์ทางเพศก็ปะทุจนจะถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว

เพียงชั่วลมหายใจเดียวที่ร่างกายของผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่แข็งขืนมากๆพยายามยัดแทรกของมาในร่างกายของผม เริ่มรู้สึกเจ็บแปลบๆแล้วแฮะ

‘ทำไมมันฟิตแบบนี้วะ เข้าไปซะทีดิ’ ไม่คุ้นกับพี่คังที่หยาบคายแบบนี้เลย แต่ก็อย่างที่ว่า แบบนี้ซิถึงจะเป็นเซ็กส์ที่ถึงใจ ‘ไม่ยอมง่ายๆหรอก’

เอ....? ความฝันประเภทไหนกันมีการใช้สารหล่อลื่นด้วย จะยังไงก็ช่าง ขอแค่ได้......

“อ๊ากกกกกกกกก” ผมร้องลั่นออกมาโดยไม่สามารถเก็บไว้ได้จริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าความฝันจะให้ความรู้สึกที่เหมือนจริงขนาดนี้ ทั้งแน่น ทั้งเจ็บ ทั้งจุก รู้สึกได้เลยว่าเอ็นแข็งแกร่งเสียบลึกจนแตะอวัยวะภายใน “ม....แม่งเอ๊ย ค....โคตรใหญ่เลย”

‘ซี๊ดดดดด ทำไมตอดแรงแบบนี้วะ ยังไม่ได้ซอยก็เสียวขนาดนี้แล้วเหรอ’ แม้แต่คนจู่โจมยังได้รับผลกระทบจากการ่วมเพศที่รุนแรง แล้วคิดดูซิว่าผู้ถูกกระทำอย่างผมจะรู้สึกมากแค่ไหน นี่มันมิติใหม่ของความฝันชัดๆ สมจริงยิ่งกว่าหนังโฟว์ดีซะอีก

“อะ....อ๊ะ.....โอย.....โอ๊ย..... ซี๊ดดด.... อ่าซ” มันเริ่มแล้ว การขยับร่างกายของคนเบื้องหลังในจังหวะแรกได้เริ่มขึ้นแล้ว แม้ใบหน้าของผมจะถูกกดแนบกับเตียงจนมองเห็นสิ่งรอบข้างไม่ได้ แต่เพราะท่อนเอ็นขนาดใหญ่ผิดมนุษย์นี่เองที่ทำให้ผมรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

ให้ตายเถอะ โดนเสียบมาก็เยอะ เจอมาทุกขนาดทุกรูปทรง แต่ที่ทั้งใหญ่ ทั้งยาว โค้งงอได้รูปนิดหน่อย แถมแข็งโป๊กอย่างกับสากหินแบบนี้ ไม่เคยพบไม่เคยเจอจริงๆ

“อ๊ากกกกก อ่าๆๆๆ” เปลี่ยนจังหวะแล้วเหรอ อะไรวะ จังหวะเดิมยังไม่ชินเลย กำลังจะเริ่มรู้สึกดีแล้วแท้ๆ มาเร่งจังหวะแบบนี้ก็ไม่ได้ปรับตัวกันพอดีซิ “ห...หาย....หายใจไม่ทัน ขอ...ขอพัก....ขอพักก่อนได้ไหม”

‘พักอะไร นี่ยังไม่ได้ซอยด้วยซ้ำ’ เป็นความฝันที่กูควบคุมอะไรไม่ได้เลยหรือไง ‘แม่งเอ๊ยยยย เสียวชิบหาย จะฟิตไปไหนเนี่ย’

“อะ อะ อะ อะ อะ อะ อะ อะ อะ อ่า อ่า อ่า ซ.... ซ.....ซ.... ซี๊ด” ค่อยๆรู้สึกดีขึ้นแล้ว ถ้าแบบนี้ก็พอไหวอยู่ “อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ๊ากกกกกกกก”

เอาอีกแล้ว จังหวะใหม่อีกแล้ว ทั้งเร็ว ทั้งแรง ท่อนเอ็นครูดถากรอบช่องแคบของผมจนร้อนผ่าว ถึงมันจะมีความเสียวซ่านเข้ามา แต่จะให้รับมือกับการกระหน่ำระดับนี้ได้ยังไง ไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ ไม่ไหวแล้ว

​"อ๊า!!"

ด้วยว่าไม่อาจรับมือกับการกระทำที่หนักหน่วง ผมจึงดิ้นหนีออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย

‘จะไปไหน’ ผมถูกดึงกลับมาทันทีที่ดิ้นออกจากการย่ำยีได้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว

“ด...เดี๋ยวก่อน แค่แป๊บเดียวนะขอร้อง” ผมร้องขอ

‘คิดเหรอว่าจะมีสิทธิ์ได้พัก มานี่!’ รุนแรงเกินไปแล้วนะ

คราวนี้ผมถูกจิกศีรษะให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะถูกจับยกไปนอนอ้าขาจนสุดบนโต๊ะเครื่องแป้ง

นึกว่าจะมองเห็นอะไรได้บ้าง แต่ก็มองไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าไหร่เลย ทุกอย่างมืดสลัวไปหมด ยิ่งมีความเมาและความเหนื่อยหอบเข้ามาเล่นงานแบบนี้ สติที่จะสำรวจความฝันของตัวเองกลายเป็นศูนย์ไปเลย เห็นก็แต่เงาดำใหญ่โตของพี่คังที่กำลังพยายามยัดเอ็นแกร่งแข็งเข้ามาในช่องสวาทของผมอีกรอบ



“โอ๊ะ....โอ๊ยยยยย จ...เจ็บ” ผมครางพร้อมกับหลับตาปี๋ ทำไมรุนแรงเหลือเกิน

“ชิ ไม่ถนัดเลย เอางี้แล้วกัน”

นี่เป็นอีกครั้งที่ร่างกายของผมถูกจับยกขึ้นอย่างง่ายดายเหมือนตุ๊กตาที่เด็กจับเหวี่ยงไปมา

“ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด อ่าซซซซซซซซซซซซซซ์” บ้าไปแล้ว ความรู้สึกแบบนี้มันอะไรกัน

ไม่นึกเลยว่าการถูกจับกระแทกกระทั้นในขณะตัวลอยเหนือพื้น ขาสองข้างถูกถ่างและอุ้มไว้ จะให้ความรู้สึกที่เสียวสะท้านไปทุกรูขุมขนแบบนี้ นี่หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่าท่าลิงอุ้มแตง ความรู้สึกที่ขาดหายไปนานค่อยๆกลับมา ความสุขท้วมท้นที่ไม่อาจได้รับจากคนอื่น คิดไม่ผิดจริงๆที่ยอมสมสู่กับพี่คังในความฝัน “มันเสียว ส...เสียว เสียวมาก ดี....ด....ดีจัง โอ๊ย มันส์ มันส์สุดๆไปเลย”

‘อ่า..... โอ้ว...... อ่า........ สุดยอด ทำไมถึงตอดไม่หยุดแบบนี้’ เสียงของผู้กระทำที่เปิดเผยและพึ่งใจนี่มันชวนฟังจริงๆ แบบนี้จะเจ็บจะจุกแค่ไหนก็ยอมทั้งนั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ตอนนี้ไม่รู้สึกแย่เท่าไหร่แล้ว ความเสียวซ่านมันกลบความรู้สึกอื่นไว้ทั้งหมดเลย

ไม่รู้เลยว่าผ่านไปนานแค่ไหน ผมถูกเปลี่ยนท่าทางทุกๆห้านาที พอพี่คังเหนื่อยผมก็เปลี่ยนมาออกแรงช่วยแทน ท่าทางพี่เขาจะชอบใจมาก กระเส่าเสียงครางออกมาไม่เป็นภาษาเลย แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน แท่งเอ็นนั้นก็ยังแข็งตระหง่านไม่รู้ล้ม พร้อมชูชันอวดอ้างความยิ่งใหญ่ของตนเองอย่างเต็มภาคภูมิ

ทุกต่อมความรู้สึกของผมได้รับการเติมเต็มจนล้นออกมาเสียด้วยซ้ำ หากเป็นปกติผมคงต้องช่วยเหลือตัวเองไปด้วยระหว่างการทำกิจกรรมกามรม แต่ครั้งนี้ผมไม่จำเป็นต้องเอื่อยมือไปแตะอะไรเลย แค่ประคองร่างกายตัวเองไว้ไม่ให้มันหมดแรงก็เป็นพอ

ผมไม่อยากหยุดความรู้สึกนี้เลย ไม่อยากให้มันจบลง อยากหลับตาฝันอยู่แบบนี้เรื่อยไป

‘ช....ชิบ.....ไม่.....ไม่ไหวแล้ว’ แต่ความสุขก็ต้องมีวันสิ้นสุด คำพูดอันเป็นสัญญาณของสถานีปลายทางดังขึ้นจากผู้กระทำ

“ซี๊ดดดด อะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่าซซซซซซซ” ความรู้สึกเสียวซ่านของผมถูกกระชากกลับมาอีกครั้งจนต้องร้องครางเสียงดัง

แม้เป็นโค้งสุดท้าย แต่คนเบื้องบนที่กำลังจู่โจมผมอยู่ขณะนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาอัดความเร็วแรงเฮือกสุดท้ายเข้าใส่ช่องรักของผมอย่างเต็มกำลัง อวัยวะภายในดิ้นพล่านจนมวนท้อง ความรู้สึกซ่านสวาททั้งหมดค่อยๆควบรวมมาไว้ที่จุดๆเดียว ใจกลางประสาทสัมผัสทั้งสิ้นทั้งมวลเหมือนถูกรุกเร้าโดยไม่จำเป็นต้องแตะสัมผัส แล้วจากนั้นไม่นานมันก็......

‘แตก จะแตก.... จะแตกแล้ว’

ผมก็เหมือนกัน น้ำข้างในมันทนอยู่ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ระเบิด กำลังจะระเบิดออกมาแล้ว

“อ่าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ”

“แม่งเอ๊ยยยยย แตกแล้วววววววววววววววววว........”

เห้ออออออออ

อุ่นจัง เหนียวๆ หนึบๆ ความรู้สึกเหมือนมีของเหลวเหนียวๆเคลื่อนที่ไปมาเต็มท้องเลย มันคงถูกปล่อยเข้ามาในร่างกายของผมมากเกินไปซินะ สัมผัสได้เลยว่ามันดิ้นรนหาทางออก

‘มีความสุขสุดๆไปเลย’

“งื้ออออ”

สุดท้ายจบลงด้วยริมฝีปากของเราสองก็ประกบแนบชิดกันเหมือนเป็นการขอบคุณที่ส่งมอบความรู้สึกมากมายผ่านเวลาอันยาวนานแสนหวานหอม



รสจูบเป็นแบบนี้เองซินะ ไม่ได้สัมผัสมานานเลย ก็เราไม่เคยอนุญาตให้ใครได้แตะต้องมันมาก่อนนี่นา ครั้งนี้ถือเป็นกรณียกเว้นก็แล้วกัน ก็มันเป็นแค่ความฝันนี่นา แต่ความฝันแบบนี้..... ไม่อยากให้จบลงเลย



เหมือนว่าได้เติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไป







ติ๊ดๆๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆๆ



เสียงอะไรละเนีย

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ตาหนักสุดๆไปเลย เมื่อคืนคงดื่มไม่น้อยเลยซินะ



เอ๊ะ!? นี่มันนาฬิกาปลุกของใครวะ กูไม่มีนาฬิกาตั้งโต๊ะแบบนี้นี่นา



“อือออออออ” เสียงใครมาบิดขี้เกียจแถวนี้วะ

อ๋อ ไอ้อาร์มนี่เอง

“เฮ้ย!!!!” ผมร้องออกมาไม่รู้ตัว

ท....ท.... ทำไมไอ้อาร์มนอนโป๊อยู่แบนั้นล่ะ



“เหี้ย!!!!!!!” กูก็ด้วย เสื้อผ้า เสื้อผ้ากูหายไปไหน “โอ๊ย!”

อะไรวะ ทำไมรู้สึกเจ็บๆแสบๆตรงก้น



ด...เดี๋ยวนะ แล้วนี่มันน้ำอะไรเหลวๆไหลออกมาละเนีย



ผมค่อยๆสำรวจด้วยการมองต่ำไปที่เบื้องล่างของตัวเอง



น....น.....นี.........นี่มัน......................



เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ไม่ใช่ความฝันหรอกเหรอ อย่าบอกนะว่า...........









..............กูเสร็จไอ้อาร์มไปแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2018 17:19:03 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :haun4: :jul1: :pig4:  อ้ากกกรอต่อคะ

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ง้อ vs งอน - 27/12/2018
«ตอบ #9 เมื่อ27-12-2018 21:19:13 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 3 / เหมือนเดิม เปลี่ยนไป

ความที่ 1 จาก 3 / ง้อ vs งอน









“นี่มันเกิดอะไรขึ้นได้ยังไงวะ” ไอ้อาร์มเอาแต่พูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา มันนั่งกุมหัวตัวเองอยู่ปลายเตียงโดยที่ยังเปลืองท่อนบนอยู่

“กูต่างหากที่ต้องเป็นคนถามว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น” ผมประท้วง ตัวผมตอนนี้ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องและแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว “มึงมาทำเหี้ยๆ กับกูแบบนี้ทำไม”

“อย่ามาตอแหลไอ้สัดเพลง ถึงกูจะเมามากแค่ไหน แต่กูก็จำได้นะว่ามึงยินยอมพร้อมใจด้วย”

“ก...ก็กูไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงนี่หว่า กูนึกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ แล้วกูก็ไม่คิดด้วยว่าจะเป็นมึง กูนึกว่าเป็น....”

“เป็นใคร?”

“พ....พี่คัง” ผมสารภาพ

“ไอ้สัด หายใจเข้าหายใจออกมีแต่พี่คังนะมึงอ่ะ แล้วมึงไม่เอ๊ะใจบ้างรึไง อย่างพี่คังของมึงอะเหรอ จะทำให้มึงเสียวจนขึ้นสวรรค์ได้แบบกู”

“สวรรค์พ่อมึงดิ หุบปากไปเลยนะ มึงเองก็ครางเป็นหมาหิวเหมือนกันนั่นแหละ เชอะ ทำเป็นโชว์ว่าฟันผู้หญิงมาเยอะ โดนกูเล่นท่านิดหน่อยก็ร้องไม่เป็นภาษา”

“ไอ้สัด”

“ทำไม หรือไม่จริง”

“เออ!! ช่างแม่งเหอะ กูก็เข้าใจผิดเหมือนกัน นึกว่ามึงเป็นน้องเด็กบัญชี ก็เลยหูหนวกตาบอดไม่ดูอะไรเลย โอ๊ยยยยย ต่อไปกูจะไม่แดกเหล้าอีกแล้ว”

เห้ออออออออออ

“งั้นก็เอาเป็นว่าเราเข้าใจผิดกันทั้งคู่ก็แล้วกัน มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็พอ จะได้ไม่ต้องมานั่งวิตกกังวลอะไรอีก” ผมก็คิดได้แค่นี้แหละ แล้วจะให้ทำยังไงอ่ะ จะให้ยอมรับว่าเพิ่งกินเพื่อนสนิทตัวเองงี้อะเหรอ ไม่ไหวอ่ะ อีกอย่าง ถ้าพูดกันตามจริง ผมก็มีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าไม่เว้นแต่ละวันอยู่แล้ว ถือซะว่านี่เป็นเซ็กส์บำบัดอีกครั้งนึงก็แล้วกัน

“เอางั้นเหรอวะ” ไอ้อาร์มเหมือนไม่ค่อยแน่ใจในความคิดนี้

“เอางี้แหละ กูกลับแล้วนะ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิ” ไอ้อาร์มคว้าแขนผมไว้

“อ...อะไร” ก็โดนมันจับตัวออกจะบ่อยนะ แต่ทำไมครั้งนี้รู้สึกขนลุกจังวะ

“เอ่อ....คือ.....มึง....”

“จะพูดอะไรก็พูดมา” อ้ำอึ้งอยู่ได้ กูยิ่งอยากออกไปจากตรงนี้อยู่ เผื่อจะลืมได้เร็วขึ้น

“มึง.... เจ็บมากเปล่าวะ” ถามบ้าอะไรของมึงเนีย แถมยังหน้าแดงอีก แล้วกูจะเก็บอาการไว้ยังไงไหววะ

“ก็เจ็บดิ ถามได้”

“เจ็บมากเลยเหรอวะ มึง...เอ่อ....มึงไม่รู้สึกดีบ้างเลยเหรอ คือกูก็ไม่ได้จะอะไรนะเว้ย แต่ถ้ากูรู้สึกดีอยู่ฝ่ายเดียวแล้วมึงไม่มีความสุขบ้างเลย กู....รู้สึกเห็นแก่ตัวว่ะ”

“ก....ก็....ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก ก็พอจะ....รู้สึกดีบ้าง”

“ร....เหรอวะ เออๆ ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยที่กูพลาดพลั้งทำไปก็ยังพอจะทำให้มึงรู้สึกดีบ้าง”

“อืม”

นี่มันบรรยากาศแบบไหนกันวะเนีย รู้สึกหวิวๆ หน่วงๆ ใจเต้นตุบๆยังไงก็ไม่รู้

“กู....กูไปก่อนนะ” ไม่ได้ๆ ต้องรีบออกไปจากตรงนี้

“เออๆ รีบไปเหอะ” ไอ้อาร์มก็พยายามจะกลับมาเป็นปกติ “งั้นก็เจอกันที่มหาลัยนะ”

“อืม..... แต่มึงอย่าบอกเรื่องนี้ให้ไอ้แว่นรู้นะ ไม่งั้นมันล้อเราสองคนข้ามปีแน่”

“เออ กูรู้แล้วน่า”

“รู้ก็ดี กูไปละ”



เห้ออออ โล่งอกจังที่คุยกันเป็นปกติได้

เอาวะ เกิดขึ้นไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ในเมื่อทั้งผมกับไอ้อาร์มหาข้อสรุปร่วมกันได้แบบนี้ก็คงไม่มีปัญหา





“เฮ้อออออออออ” อาการสดชื่นจังเลยเช้าวันนี้

แปลกจังเลย ทั้งๆที่มามหาลัยทุกวัน แต่ทำไมวันนี้มันดูสดชื่นบอกไม่ถูก หรือจะเป็นเพราะว่า......

ไม่ๆๆๆ คงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้หรอก

บ้าเอ๊ย กลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ที่สำคัญก็คือ ไอ้ที่กูปฏิญาณไว้ว่าจะไม่มีอะไรกับใครในวันเกิดของพี่คังก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า อะดิ แถมยังทำกับไอ้อาร์มซะอีก

โอ๊ะ ไหนบอกจะไม่คิดไง

พอๆๆๆๆ



“ไอ้เพลงงง ทางนี้” เสียงไอ้แว่นนี่นา

โอ้ ตรงโน่น เจอแล้ว

ผมเร่งฝีเท้าไปหาไอ้แว่นที่นั่งรอทานอาหารเช้าอยู่ที่โรงอาหาร

ชิบหายละไง ไอ้อาร์มก็นั่งอยู่ด้วย

ไม่ซิๆ เราต้องทำตัวเป็นปกติเข้าไว้

“ว...ว่าไงเพื่อน เช้านี้หน้าตาสดใสนะมึงอ่ะ” ผมกล่าวทักไอ้แว่น

“อะไรของมึงวะ” ไอ้แว่นทำหน้าสงสัยใส่ผม

“หมายถึงอะไร” มันสงสัยอะไรวะ หรือว่าไอ้อาร์มจะเล่าเรื่องนั้นให้มันฟังแล้ว

“ก็มึงอะดิ ทำไมมานั่งฝั่งกู ปกติมึงต้องนั่งฝั่งเดียวกับไอ้อาร์มไม่ใช่เหรอ”

“กูก็...เปลี่ยนบรรยากาศบ้างไง” แถไปก่อนละกัน

“แปลกๆนะมึงอ่ะ ไอ้อาร์มก็เหมือนกัน วันนี้ดูมึงสงบปากสงบคำผิดปกตินะ”

"....." ไอ้อาร์มแค่ยักไหล่ ไม่ช่วยกูพูดอะไรเลยนะมึง

“แปลกจริงๆด้วย เมื่อคืนมึงสองคนไปทำ.....”



“ขอโทษนะจ๊ะ” ป้าเจ้าของร้านข้าวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายพวกผม

“ครับ?” ทักใครวะ

“หนูใช่คนในรูปนี้หรือเปล่า” คุณป้ายื่นภาพในโทรศัพท์ให้ผมดู ซึ่งมันก็คือภาพของผมนั่นแหละ แต่เหมือนถ่ายมาจากมุมไกลๆหน่อย

“ใช่ครับ” ผมตอบ

“อ้อ หนูนี่เอง คนที่ชื่อปั้นจั่นเขาฝากขนมพวกนี้ไว้ให้น่ะจ๊ะ บอกว่าถ้าเจอหนูแล้ว ให้เอาให้ด้วย”

“ฝากให้ผม?”

“ใช่ๆ”

“อ...อ๋อ ขอบคุณนะครับ” ผมรับของมา ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก แค่ช็อคโกแลตกับขนมขบเคี้ยวสองถุง



“ใครคือปั้นจั่นวะมึง” ไอ้แว่นถามทันทีที่ป้าจากไป

“อืมมมม รู้สึกว่าจะเป็นพี่ปีสี่ที่เป็นประธานชมรมฟุตบอลของมหาลัยอ่ะ” ผมตอบ น่าจะใช่นะ

“โหหหหห นี่มึงสอยประธานชมรมฟุตบอลมาได้แล้วเหรอ”

“ยังซะหน่อย เขาแค่สนใจกู แต่เขาก็หล่อใช้ได้นะ สบโอกาสเมื่อไหร่ก็ว่าจะลองชิมดู”

“ไม่ธรรมดาจริงๆเพื่อนกู ว่าแต่ กูขอกินขนมด้วยดิ”

“เอาดิ กินเลย”

“แต้งกิ้วเพื่อน ไอ้อาร์มๆ มากินด้วยกันดิ นานๆมีของฟรีตกถึงท้องนะมึง”

“ไม่กิน! กูแดกไม่ลง!” เฮือกกกกก อะไรของมันวะ จู่ๆก็ถมึงทึงขึ้นมา

“อ้าว แล้วมึงจะไหนอ่ะ” ไอ้แว่นพยายามเรียกไอ้อาร์มที่ลุกเดินออกไป “ไม่กินข้าวก่อนเหรอ”

“ไม่ กูไม่หิว” มันตอบสั้นๆแล้วเดินจากไป



“เฮ้ยๆ” ไอ้แว่นสะกิดผม “ไอ้อาร์มมันเป็นอะไรวะ ทำไมอยู่ดีๆมันก็อารมณ์เสียวะ”

“กู....ไม่รู้เหมือนกัน” เอาจริงๆก็ไม่ค่อยเข้าใจอะนะ หรือว่าจริงๆแล้วกูเข้าใจวะ “หาไรกินกันเหอะมึง เดี๋ยวเข้าเรียนสาย”

“เออๆ ก็ได้”





เห้ออออออออ

เรียนไม่รู้เรื่อง

หงุดหงิดในใจยังไงไม่รู้ ตั้งแต่เห็นท่าทีของไอ้อาร์มเมื่อเช้า มันชวนให้ผมเป็นกังวลยังไงไม่รู้

หรือว่ามันจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมแล้ววะ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอ่ะเหรอ

หรือว่ามันจะหงุดหงิดที่ผมได้ขนมจากพี่ปั้นจั่น แล้วมันจะหงุดหงิดด้วยสาเหตุอะไรได้ล่ะ

ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว



“ชลธร........... ชลธร!!!”

“ค...ครับ” โดนอาจารย์เรียกเหรอวะ หูดับไปตอนไหนเนีย

“คิดได้หรือยังว่าจะทำหัวข้ออะไร” อาจารย์ถามถึงหัวข้อรายงานกลุ่มที่ให้คิดเมื่อตอนต้นชั่วโมง

“ย...ยังคิดไม่ออกครับ” ยังไม่ได้คิดซะมากกว่า

“รีบหน่อยนะ จะหมดชั่วโมงแล้ว”

“ครับ” ขืนเป็นแบบนี้คิดไรไม่ออกแหงเลย “เมย์ เมย์”

“มีอะไร” เพื่อนผู้หญิงอ้วนเตี้ยที่ร่วมคลาสเดียวกับผมขานรับ

“ช่วยคิดหัวข้อให้หน่อยดิ” ผมร้องขอ “เราปวดหัวอ่ะวันนี้ คิดอะไรไม่ออกเลย”

“ก็เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าเพลงจะเป็นคนคิดหัวข้อกับเป็นคนพรีเซ็นต์ แล้วพวกเราที่เหลือจะทำรายงานให้เอง อีกอย่าง จะให้เราเนียนะเป็นคนคิด ในกลุ่มเรามีแต่เพลงเท่านั้นแหละที่หัวดีที่สุด คิดไปเถอะนะ ถ้าเพลงคิด อาจารย์คงไม่ตำหนิเท่าให้คนอื่นในกลุ่มคิดหรอก”

โอ๊ยยยย อะไรกันเนีย

เอาวะ

พระพุทธเจ้าสอนให้เราแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ งั้นผมก็ต้องเริ่มที่ต้นเหตุของปัญหานี้...



\ไอ้อาร์ม\ ผมตัดสินใจพิมพ์ข้อความไปหาไอ้อาร์ม

\ว่า\ ตอบกลับมาแล้ว แต่ตอบสั้นเกิ๊น ไม่ปกติเลย

\เรียนอยู่หรือเปล่า\

\อืม\ เดี๋ยวเถอะมึง ทำเป็นไม่อยากตอบนะ

\มึงกินข้าวเช้าหรือยัง\

\ยัง\

\ไม่หิวเหรอวะ\

\หิวดิ ถามได้\ เริ่มตอบยาวขึ้นหน่อยแล้ว

\แล้วทำไมเมื่อเช้าไม่กินข้าววะ\

\ไม่มีอารมณ์จะกิน ถามทำไม\

\ก็ไม่มีอะไร ปกติมึงไม่เคยขาดข้าวเช้า ก็เลยกลัวว่ามึงจะหิว\

\จะซื้อมาให้กูหรือไง\

\ถ้าอยากให้ซื้อก็จะซื้อให้ แต่กูคงไม่วิ่งเข้าไปให้มึงหรอกนะไอ้เวร\

\555+\ พิมพ์มาแบบนี้แปลว่าอารมณ์ดีแล้วซินะ \เออๆ เดี๋ยวพักเบรกแล้วกูจะไปหาอะไรกินละกัน\

\โอเค\



โอเคคคคคค แบบนี้ค่อยสมองโล่งหน่อย

คิดงานต่อได้



หลังจากเรียนเสร็จภาคเช้า ผมก็กลับหอพักทันที เพราะวันนี้ไม่มีเรียนภาคบ่าย กลับถึงห้องได้ก็หลับแบบยาวนานต่อเนื่องจนถึงเช้าของอีกวันเลย สงสัยเพราะพักผ่อนน้อยไปหน่อยในคืนที่ผ่านมา



เย้.... วันศุกร์หรรษามาถึงซะที วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เรียนแค่ภาคเช้า ขอบคุณบรรพบุรุษที่สร้างวันเสาร์อาทิตย์ไว้รอผม



“อ้าว ไอ้แว่นยังไม่มาอีกเหรอ” ผมทักทายไอ้อาร์มด้วยการถามหาไอ้แว่นก่อนเลย วันนี้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อยแล้ว ไม่รู้สึกเกร็งเหมือนเมื่อวาน แต่ก็ยังไม่กลับไปนั่งข้างมันนะ มันรู้สึกเขินๆบอกไม่ถูก

“ถ้ามันมาแล้ว มึงก็ต้องเห็นดิ” ไอ้สัด ตอบดีๆไม่เป็นหรือไง “ทำไมเมื่อคืนไม่รับโทรศัพท์กู”

“กูนอน” ผมตอบ

“นอนเหี้ยอะไรตั้งแต่บ่าย ค่ำก็ไม่รับ ดึกก็ไม่รับ กูโทรไปตั้งหลายสาย”

“ก็กูหลับตั้งแต่บ่ายจนถึงเช้าไง”

“ไม่จริงอ่ะ กูไม่เชื่อ”

“เอ้า กูจำเป็นต้องมาอธิบายให้มึงฟังไหมเนีย”

“จำเป็นดิวะ กูก็มีเรื่องจะคุยกับมึงอ่ะ”

“กูก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง มีไรก็พูดมาดิ”

“มึงก็บอกมาก่อนดิว่าเมื่อคืนมึงไปทำอะไรมา”

“กูก็บอกไปแล้วไงว่ากูนอนหลับ”

“มึงจะนอนอะไรเยอะขนาดนั้น”

“ก็เมื่อคืนก่อนกูแทบไม่ได้นอนเลยไง เพราะมึงนั่นแหละ...” เชี่ยละไงกู พูดแบบนี้ต่อหน้ามันก็เท่ากับเป็นการไปตอกย้ำเรื่องคืนนั้นอะดิ

“อ๋อ แบบนั้นเองหรอกเหรอ” เหมือนว่าไอ้อาร์มจะพอใจในคำตอบแฮะ หรือกูคิดไปเอง

“ล...แล้วมึงมีธุระอะไรจะคุยกับกู”

“กูอะเหรอ?”

“เออ ก็มึงบอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอ”

“กูก็..... กู เอ่อ....” ทำไมต้องนึกนานขนาดนั้น “กูกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อรองเท้าคู่ไหนดี ก็เลยจะโทรไปขอความเห็นจากมึง”

“ห๊ะ ที่โทรมาเกือบสิบสายเพราะเรื่องแค่นี้อะนะ”

“เรื่องแค่นี้ที่ไหน นี่มันสำคัญนะเว้ย มันเป็น....เอ่อ.... รองเท้าที่กูต้องใช้ในวันคัดตัวเป็นนักรักบี้ทีมชาติเลยนะ มึงไม่ใช่นักกีฬา มึงไม่เข้าใจความสำคัญของอุปกรณ์หรอก”

“ถ้ามึงจะบอกว่ากูไม่เข้าใจ แล้วจะขอความเห็นจากกูทำไม”

“ก....ก็..... มึงเลือกเสื้อผ้าเก่ง เผื่อจะช่วยเลือกสีที่มันเหมาะกับตัวกูไง ไม่รู้อ่ะ พรุ่งนี้มึงต้องไปสปอร์ตคลับเป็นเพื่อนกูด้วย กูจะซื้อรองเท้าใหม่”

“ไม่เอา ไม่ไป กูจะนอนดูหนังที่ห้อง วันหยุดของกู ใครห้ามแตะ”

“ต้องไป นี่มันเกี่ยวพันกับอนาคตทีมชาติของกู วันหยุดของมึงจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ อย่ามาพูดจาเอาแต่ใจนักได้ป่ะ”

“มึงต่างหากเล่าที่เอาแต่ใจ ไอ้....”

“พรุ่งนี้สิบโมง เดี๋ยวกูไปรับ”

“ห๊ะ”

“คืนนี้รับโทรศัพท์กูด้วย กูมีอีกหลายอย่างจะถาม ทั้งเสื้อ กางเกง กระติกน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เพราะงั้นมึงห้ามออกไปไหน ทำตัวให้ว่าง รอรับโทรศัพท์กูอย่างเดียว เข้าใจ๊?”

“ก็บังคับกูขนาดนี้แล้ว จะให้กูพูดว่ายังไงล่ะ”

“อย่าพูดอะไรแบบนั้นซิ กูเขินนะ”

“กูไม่ได้ชม” ไอ้ๆๆๆ ไอ้ตลกชินจัง ยอมความตลกหน้าตายของมึงจริงๆ



“หนูๆ” คุณป้าคนเมื่อวานปรากฏตัวขึ้นมาอีกแล้ว “คนชื่อปั้นจั่นฝากขนมมาให้อีกแล้ว”

“อ๋อ ครับผม ขอบคุณมากนะครับ.....” เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อนนะ ผมรีบเหล่มองไอ้หล่อที่นั่งอยู่ตรงข้าม ชิบหายล่ะ หน้าบอกอารมณ์อย่างชัดเจน จากที่ตัวใหญ่อยู่แล้วกลับดูตัวใหญ่ขึ้นไปอีก สงสัยจะหงุดหงิดมาก “คือ.... รบกวนคุณป้าเอาไปคืนให้พี่เขาหน่อยนะครับ บอกว่าผมไม่ขอรับไว้ดีกว่า เกรงใจน่ะครับ”

“เอาอย่างงั้นเหรอ” คุณป้าถาม

“ครับ รบกวนหน่อยนะครับ แล้วป้าไม่ต้องรับอะไรมาให้ผมอีกแล้วนะครับ เอางี้แล้วกัน” ผมควักธนบัตรออกมาให้คุณป้า “ผมให้เป็นค่าเสียเวลานะครับ”

“ไม่ต้องๆ พ่อหนุ่มคนนั้นให้ป้ามาเยอะแล้วล่ะ”

“เอ่อ... งั้นเหรอครับ งั้นก็ขอบคุณนะครับ”

“จ๊ะๆ” แล้วเธอก็เดินจากไปพร้อมของฝาก



“ฮัลโหลเพื่อนรัก” อืม ไอ้แว่นมาถึงพอดีเลย มาช่วยเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยดิ “เมื่อกี๊กูเห็นป้าร้านข้าวเดินมาคุยกับมึง ประธานชมรมฟุตบอลฝากขนมมาให้มึงอีกแล้วเหรอ”

ไอ้สัด กูให้มาเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ใช่มาย้ำเรื่องเดิม

“ไม่ใช่” ผมรีบปฏิเสธ

“อ้าว แล้วมาคุยกับมึงทำไมวะ” ยังจะถามอีก

“ไม่มีอะไรหรอก ไปหาซื้อข้าวแดกกันเหอะ เดี๋ยวจะสาย”

“เออๆ ไปก็ไป”

“เดี๋ยวก่อน” ไอ้อาร์มเรียก จากนั้นไม่นานมันก็ยื่นช็อกโกแลตแท่งมาให้ผม

“เฮ้ยๆๆๆๆ อะไรยังไงกันวะเนียไอ้อาร์ม” ไอ้แว่นตาลุกวาบเหมือนนักข่าวได้สกรุ๊ปชิ้นโต “มีซื้อช็อกโกแลตมาให้ไอ้เพลงซะด้วย”

เออ นั่นดิ กูก็อึ้งเหมือนกัน

“กูซื้อให้มึงด้วย” แล้วไอ้อาร์มก็ยื่นอีกแท่งมาให้ไอ้แว่น

“เนื่องในโอกาสอะไรวะ” ไอ้แว่นถาม

“เขาแจก กูได้มาฟรี” มันตอบสั้นๆ แล้วก็เดินออกไปซื้อข้าวเฉยเลย

“หึ? สรุปว่ามันซื้อหรือได้มาฟรีกันแน่วะ แล้วไอ้ช็อกโกแลตราคาแพงแบบนี้ ที่ไหนเขาแจกฟรีวะ ห๊ะไอ้เพลง มึงรู้ไหม เดี๋ยวจะได้ไปเอาบ้าง”

“ไม่รู้ดิ” ผมตอบเอื้อยๆ พยายามมองตามไอ้นักรักบี้ที่เดินลอยหน้าลอยตาเลือกซื้ออาหาร

“ช่างเหอะ ได้ของฟรีก็ดีแล้ว ไปซื้อข้าวกันเหอะมึง เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน กูต้องกลับไปตึกคอมอีก”

“เคๆ”



นี่ผมคิดมากเกินไปหรือเปล่านะ แต่รู้สึกเหมือนกับว่าไอ้อาร์มจะเปลี่ยนไปยังไงไม่รู้ มันดูจะหงุดหงิดที่เห็นผมยุ่งกับผู้ชายคนอื่น

เอ..... ไม่หรอกน่า ผมอาจจะคิดมากเกินไป





เย็นวันนั้นไอ้อาร์มวิดีโอคอลมาหาผมเพื่อให้ผมช่วยเลือกอุปกรณ์กีฬาให้มันอย่างที่นัดไว้จริงๆ



“สรุปว่าอันไหนดีกว่ากันแน่วะ” ไอ้อาร์มถามผ่านวิดีโอคอล

“มึงถามกูแบบนี้มาเป็นร้อยๆรอบแล้วนะเว้ย” ผมเริ่มโวยวาย “พอกูตัดสินใจให้ก็เถียงนั่นเถียงนี่ แล้วก็เอากระเป๋า เอาเสื้อ มาวนถามกูอยู่นั่นแหละ กูพูดกับมึงไม่ไหวแล้วนะ”

“โห ไรวะ แค่นี้เอง”

“แค่นี้ห่าอะไร จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว น้ำกูก็ยังไม่ได้อาบ พรุ่งนี้ก็ให้กูไปซื้อของกับมึงอีก”

“จริงดิ นี่จะเที่ยงคืนแล้วเหรอวะ”

“เออดิ กูจะหลับคามือถืออยู่แล้วเนีย”

“โทษทีๆ งั้นเอาไว้แค่นี้ก่อนก็ได้ มึงก็รีบอาบน้ำนอนนะ เดี๋ยวตื่นไม่ทันกูไปรับ ตื่นเช้าหน่อยนะ เผื่อกูเข้าไปรับเร็ว”

“เออ” กดวางแม่งเลย



บ้าชิบหาย เสียเวลาคุยกับมันตั้งห้าชั่วโมง ไม่เป็นอันทำอะไรเลย แล้วยังจะโดนมันบังคับให้รีบอาบน้ำนอนอีก ทำไมรู้สึกเหมือนเวลาว่างหายไปวะ



เห้ออออ เลิกเซ็งแล้วไปอาบน้ำดีกว่า.........................







....................พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2018 17:20:08 โดย Kings Racha »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Rate 20+] Top Friend ... ง้อ vs งอน - 27/12/2018
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-12-2018 21:19:13 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ง้อ vs งอน - 27/12/2018
«ตอบ #10 เมื่อ28-12-2018 14:44:14 »

ตอนแรกลองอ่านดู เห็นการปูเรื่องของอาร์มกับเพลงแล้วก็นึกว่าเรื่องอาจจะเป็นโรแมนซ์แบบเร่าร้อนปนดราม่า พอเห็นบทพูดเท่านั้นล่ะ นี่มันโรแมนซ์คอเมดี้นี่นา (หัวเราะ) เยี่ยมครับ ผมให้ผ่านเลยครับ

อย่าว่ากันนะ แต่ผมสงสารน้องแว่นอะ ฮะๆ อยู่ท่ามกลางหนุ่มสาวผู้เก็บแต้มแต่รั่วชิบหายขนาดนี้ (หัวเราะ) อย่างอาร์มนี่ ตอนแรกก็ดูจะเพลย์บอยมากๆ แต่พออยู่กับเพื่อนหรือพอกินเหล้าเท่านั้นละ มีมุมที่โคตรฮาเลย อย่างตอนที่ผงกหัวขึ้นมาอุทานว่าหรือว่าอีน้องเด็กบัญชีจะมาเก็บแต้มมันอีกนี่ โอ้โห คิดไปได้พ่อคุณ ฮ่าๆ แถมยังแค้นมากจนบอกว่าจะซอยให้ร้องขอชีวิตเลย โอย ผมนี่กลั้นขำแทบไม่อยู่เลยครับ

เพลงเองก็ใช่ย่อย เป็นตัวนางชั้นเยี่ยมเลย แม้จะไล่วันไนท์แสตนด์กับคนไปทั่วแต่ก็มีมาดและมีกฏอย่างดี แต่พออยู่กับเพื่อนก็เผากันแหลกเหมือนกัน ซึ่งน้องแว่นทำได้แต่ตาปริบๆคอยฟังเรื่องที่สองคนนี้ไปเจอมาและพร้อมจะเล่า

ผมว่าการบรรยายแบบนี้ดีนะครับ มันได้บรรยากาศของความอบอุ่นของการเป็นเพื่อน ในฉากที่มีน้องแว่น อาร์ม แล้วก็เพลง บทสนทนาของสามคนนี้มันทำให้เราเห็นพื้นเพและเนื้อแท้ของแต่ละคนอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องใช้บทบรรยายหรูหรา ออกจะเป็นบทสนทนาง่ายๆที่ด่ากันไปมาด้วยซ้ำ แต่มันมีความทรงพลังและทำให้คนอ่านเห็นภาพชัด โดยเฉพาะฉากที่อาร์มกับเพลงสลับกันแฉเบื้องหลังของอีกฝ่ายนี่ ผมนี่แทบน้ำตาเล็ดเลยครับ เออเวิร์คจริง เพราะในชีวิตจริงเราก็คุยกันแบบนี้

ส่วนเรื่องการดำเนินเรื่องก็โอเค ผมชอบเคมีตัวละครระหว่างกันอยู่แล้ว ด้วยการบรรยายของคุณราชามันก็ทำให้ตัวละครสมจริงขึ้นมาได้ อาจต้องตินิดนึงตรงที่ บางส่วนเหมือนจะรีบพิมพ์ไปจนตกๆหล่นๆ ไม่ได้ใช้ภาษาผิดหรือสะกดผิดนะครับ แต่บางคำเหมือนรีบพิมพ์จนสลับ เช่น
- ซอยจนขอร้องชีวิต (จริงๆต้องเป็น ร้องขอชีวิต)
- อุส่า (ต้องเป็น อุตส่าห์)
- เว่ย (ต้องเป็น เว้ย)
- เห้ย (ต้องเป็น เฮ้ย)

แต่คำหยาบอันอื่นโอเคแล้วนะครับ บางคำก็สัทเสียงเพื่อใช้กับบทสนทนาถูกต้อง (เช่น ว้า) ถ้ายังไง ผมเดาว่าคุณราชาพิมพ์ไปอย่างเมามันแล้วก็เช็คคร่าวๆแล้วเอาลงเลย เลยจะขอแนะนำว่า ให้ลองตรวจก่อนลงอีกสักรอบก่อนก็ดีครับผม จะได้พิสูจน์อักษรได้แม่นๆ รวมถึงอาจจะไม่จำเป็นต้องล็อกว่าต้องลงทุกวันตอน 3 ทุ่มก็ได้ เพราะมันอาจจะเป็นการกดดันตัวเองเกินไป บางทีพล็อตอาจจะตันได้ แต่การเขียนแบบรวดเดียวให้อารมณ์ต่อเนื่องแบบนี้ดีแล้วนะครับ เพราะมันทำให้ตัวละครสดและต่อกันติด (อาจจะไม่ต้องเอาลงถี่ๆก็ได้ แต่เขียนเก็บสต็อกไว้น่ะครับ)

อีกเรื่องนึงที่อยากแซวตัวละคร คือเพลง เป็นยังไงล่ะครับ เก็บมาหลายขนาดแล้ว เจอของนักรักบี้ทีมชาติเข้าไป ทั้งขนาด ลีลา น้ำอดน้ำทน ทำเอาหลั่งได้จากการสอดใส่อย่างเดียวนี่ไม่ธรรมดานะครับ ผมว่าสกิลฝีมือบนเตียงของสองคนนี้สูสีกันอะ เพราะมาสายเก็บแต้มพอๆกัน (หัวเราะ) อาร์มนี่อาจจะได้เปรียบบรรดาคนในอดีตของเพลงนิดหน่อยตรงที่มีสมบัติโอเวอร์ไซส์จากปกติไปมากโข แต่สกิลเพลงก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน รับกันได้จนถึงเช้านี่น่ะครับ อยากเห็นบทบนเตียงของสองคนนี้อีกจริงๆ อยากรู้จะเผ็ดขนาดไหน แล้วใครจะชิงอำนาจเหนือบนเตียงได้ (หัวเราะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2018 14:48:46 โดย Grey Twilight »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ง้อ vs งอน - 27/12/2018
«ตอบ #11 เมื่อ28-12-2018 17:04:32 »

ตอนแรกลองอ่านดู เห็นการปูเรื่องของอาร์มกับเพลงแล้วก็นึกว่าเรื่องอาจจะเป็นโรแมนซ์แบบเร่าร้อนปนดราม่า พอเห็นบทพูดเท่านั้นล่ะ นี่มันโรแมนซ์คอเมดี้นี่นา (หัวเราะ) เยี่ยมครับ ผมให้ผ่านเลยครับ

อย่าว่ากันนะ แต่ผมสงสารน้องแว่นอะ ฮะๆ อยู่ท่ามกลางหนุ่มสาวผู้เก็บแต้มแต่รั่วชิบหายขนาดนี้ (หัวเราะ) อย่างอาร์มนี่ ตอนแรกก็ดูจะเพลย์บอยมากๆ แต่พออยู่กับเพื่อนหรือพอกินเหล้าเท่านั้นละ มีมุมที่โคตรฮาเลย อย่างตอนที่ผงกหัวขึ้นมาอุทานว่าหรือว่าอีน้องเด็กบัญชีจะมาเก็บแต้มมันอีกนี่ โอ้โห คิดไปได้พ่อคุณ ฮ่าๆ แถมยังแค้นมากจนบอกว่าจะซอยให้ร้องขอชีวิตเลย โอย ผมนี่กลั้นขำแทบไม่อยู่เลยครับ

เพลงเองก็ใช่ย่อย เป็นตัวนางชั้นเยี่ยมเลย แม้จะไล่วันไนท์แสตนด์กับคนไปทั่วแต่ก็มีมาดและมีกฏอย่างดี แต่พออยู่กับเพื่อนก็เผากันแหลกเหมือนกัน ซึ่งน้องแว่นทำได้แต่ตาปริบๆคอยฟังเรื่องที่สองคนนี้ไปเจอมาและพร้อมจะเล่า

ผมว่าการบรรยายแบบนี้ดีนะครับ มันได้บรรยากาศของความอบอุ่นของการเป็นเพื่อน ในฉากที่มีน้องแว่น อาร์ม แล้วก็เพลง บทสนทนาของสามคนนี้มันทำให้เราเห็นพื้นเพและเนื้อแท้ของแต่ละคนอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องใช้บทบรรยายหรูหรา ออกจะเป็นบทสนทนาง่ายๆที่ด่ากันไปมาด้วยซ้ำ แต่มันมีความทรงพลังและทำให้คนอ่านเห็นภาพชัด โดยเฉพาะฉากที่อาร์มกับเพลงสลับกันแฉเบื้องหลังของอีกฝ่ายนี่ ผมนี่แทบน้ำตาเล็ดเลยครับ เออเวิร์คจริง เพราะในชีวิตจริงเราก็คุยกันแบบนี้

ส่วนเรื่องการดำเนินเรื่องก็โอเค ผมชอบเคมีตัวละครระหว่างกันอยู่แล้ว ด้วยการบรรยายของคุณราชามันก็ทำให้ตัวละครสมจริงขึ้นมาได้ อาจต้องตินิดนึงตรงที่ บางส่วนเหมือนจะรีบพิมพ์ไปจนตกๆหล่นๆ ไม่ได้ใช้ภาษาผิดหรือสะกดผิดนะครับ แต่บางคำเหมือนรีบพิมพ์จนสลับ เช่น
- ซอยจนขอร้องชีวิต (จริงๆต้องเป็น ร้องขอชีวิต)
- อุส่า (ต้องเป็น อุตส่าห์)
- เว่ย (ต้องเป็น เว้ย)
- เห้ย (ต้องเป็น เฮ้ย)

แต่คำหยาบอันอื่นโอเคแล้วนะครับ บางคำก็สัทเสียงเพื่อใช้กับบทสนทนาถูกต้อง (เช่น ว้า) ถ้ายังไง ผมเดาว่าคุณราชาพิมพ์ไปอย่างเมามันแล้วก็เช็คคร่าวๆแล้วเอาลงเลย เลยจะขอแนะนำว่า ให้ลองตรวจก่อนลงอีกสักรอบก่อนก็ดีครับผม จะได้พิสูจน์อักษรได้แม่นๆ รวมถึงอาจจะไม่จำเป็นต้องล็อกว่าต้องลงทุกวันตอน 3 ทุ่มก็ได้ เพราะมันอาจจะเป็นการกดดันตัวเองเกินไป บางทีพล็อตอาจจะตันได้ แต่การเขียนแบบรวดเดียวให้อารมณ์ต่อเนื่องแบบนี้ดีแล้วนะครับ เพราะมันทำให้ตัวละครสดและต่อกันติด (อาจจะไม่ต้องเอาลงถี่ๆก็ได้ แต่เขียนเก็บสต็อกไว้น่ะครับ)

อีกเรื่องนึงที่อยากแซวตัวละคร คือเพลง เป็นยังไงล่ะครับ เก็บมาหลายขนาดแล้ว เจอของนักรักบี้ทีมชาติเข้าไป ทั้งขนาด ลีลา น้ำอดน้ำทน ทำเอาหลั่งได้จากการสอดใส่อย่างเดียวนี่ไม่ธรรมดานะครับ ผมว่าสกิลฝีมือบนเตียงของสองคนนี้สูสีกันอะ เพราะมาสายเก็บแต้มพอๆกัน (หัวเราะ) อาร์มนี่อาจจะได้เปรียบบรรดาคนในอดีตของเพลงนิดหน่อยตรงที่มีสมบัติโอเวอร์ไซส์จากปกติไปมากโข แต่สกิลเพลงก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน รับกันได้จนถึงเช้านี่น่ะครับ อยากเห็นบทบนเตียงของสองคนนี้อีกจริงๆ อยากรู้จะเผ็ดขนาดไหน แล้วใครจะชิงอำนาจเหนือบนเตียงได้ (หัวเราะ)

ขอเคลียร์ทีละอย่างนะครับ
1.เรื่องการสะกิดคำผิด = ผมมีปัญหาด้านการใช้ภาษาไทยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พยายามอ่านหลายรอบ แต่เพราะอ่านอยู่คนเดียวก็เลยไม่รู้อยู่ดีว่าไอ้ที่คิดว่าถูกแล้ว มันถูกจริงหรือเปล่า
2.ผมลงทุกวันได้ครับ ไม่กดดันตัวเอง เพราะแต่งจบไปแล้ว ขออนุญาตไม่บอกจำนวนตอนนะครับว่ามากน้อยแค่ไหน แต่คงต้องใช้เวลากันเป็นเดือนกว่าจะลงหมด
3.ขอบคุณสำหรับคำชมทุกอย่างเลยนะครับ ทั้งบท ทั้งตัวละคร หรือคำชื่นชมใดๆที่มีให้กับผู้เขียน
4.หากพบคำที่ผิดพลาด รบกวนบอกได้เลยนะครับ ผมจะแก้ไขทันที และเขียนออกมาให้ดีที่สุด นี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ลงแค่วันละตอนเพราะอยากอ่านตรวจสอบให้ได้มากที่สุด

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... ว่าง vs ยุ่ง - 28/12/2018
«ตอบ #12 เมื่อ28-12-2018 17:22:23 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 3 / เหมือนเดิม vs เปลี่ยนไป

ความที่ 2 จาก 3 /  / ว่าง vs ยุ่ง









ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อกก๊อก



ห๊ะ

ไอ้อาร์มแน่ๆเลย

นี่เพิ่งจะเก้าโมงเองนะ ทำไมมาเร็วจังวะ

ดีนะที่ทำธุระทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว



ผมถอนหายใจก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู



“อ้าว ว่าไง มาถึงแล้วเหรอ” ไอ้สัดอาร์ม มาถึงก็เล่นมุกแต่เช้าเลย

“กูต้องเป็นคนพูด ไม่ใช่มึง” แล้วกูจะไปรับมุกมันทำไมวะ

“เอาน้าๆ ใครพูดมันก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“มันเหมือนกันที่ไหนเล่า แล้วมึงฟิตอะไรเนียมาแต่เช้าเลย”

“อ้าว ก็กูนัดกับมึงไว้ไง”

“มึงนัดสี่โมงเช้าไม่ใช่เหรอ นี่มันเพิ่งจะสามโมงเอง”

“อ้าว จริงดิ งั้นกูคงดูเวลาผิดละมั้ง เอาเถอะๆ ไหนๆกูก็มาแล้ว ขอเข้าไปนั่งในห้องหน่อยละกัน”

“ไม่ต้องมาเนียนเลยไอ้สัดอาร์ม” ผมรีบดันมันไว้ก่อนที่มันจะเดินเข้ามา “ห้องของกูเป็นพื้นที่ส่วนตัว กูไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาทั้งนั้น ต่อให้เป็นมึงก็ตาม”

“อ้าว อีกตั้งชั่วโมงนึง แล้วมึงจะให้กูไปรอไหนอ่ะ อะๆๆ ก็นั่งรออยู่ที่ข้างถนนหน้าหอมึงก็ได้ ถึงเวลาแล้วก็เดินไปหากูก็แล้วกัน”

“ไอ้สัด ไม่ต้องมาประชด รอนี่แหละ แป๊บนึง กูหยิบกระเป๋าตังก่อน ไหนๆมาแล้วก็ไปเลยละกัน” เชื่อมันเลยจริงๆ ทำเวลาว่างกูหายหมด

“เสร็จยางงงง”

“เร่งเพื่อ? มึงนั่นแหละที่ผิด”

“แหมมม ชมกันตลอดเลย”

“ชมบ้านมึงดิ จะไปก็ไป เร็วดิ”

“เคๆ ไปๆๆๆ”



จากนั้นผมกับไอ้อาร์มก็ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าในวันหยุดที่มันควรจะเป็นวันของผม ผมควรได้นอนดูหนังอยู่ที่ห้อง หรืออย่างน้อยก็ไปเจอผู้คน



เออใช่ พูดถึงการเจอผู้คนแล้วก็นึกขึ้นได้ นี่มันสองวันแล้วนี่นาที่ผมห่างหายจากเซ็กส์บำบัด

นั่นไง พอนึกถึงอารมณ์กำหนัดมันก็เริ่มเดือดขึ้นมาเลย เซ็งก็แต่ที่ยังติดอยู่กับไอ้ห่าอาร์มนี่แหละ ไม่ได้ๆ จบธุระกับมันวันนี้ ต้องหาของหวานมาปรนเปรอซะหน่อย เอ.... แต่ก็ไม่แน่นะ บางทีที่สปอร์ตคลับอาจจะมีอะไรแจ่มๆรออยู่ก็ได้

“ยิ้มไรวะ”

“ไม่ได้ยิ้มซะหน่อย” ผมรีบปฏิเสธ

“คิดไรอยู่อ่ะ บอกกูมานะ” ไอ้อาร์มเหมือนจะจับพิรุจผมได้

“ก็บอกว่าไม่ได้คิดไง” ไม่บอกมึงหรอก

“ให้มันจริงเถอะ” เสือกจริงๆ “ถึงแล้ว ลงซะทีดิ”

หึ ถึงแล้วเหรอ



อ๋ออออ เนี่ยนะเหรอสปอร์ตคลับ มันก็คือศูนย์ออกกำลังกายนั่นแหละ มีเครื่องออกกำลังกายเต็มไปหมดเลย

“มองอะไรของมึงวะ” ไอ้อาร์มถามอีกแล้ว

“เปล่า” ผมตอบ “กูก็แค่สงสัยว่าทำไมฟิตเนสใหญ่ขนาดนี้ถึงไม่มีคนบ้างเลย”

“ใครมันจะมาเข้าฟิตเนสตอนเช้าขนาดนี้วะ คิดหน่อยดิ”

เออใช่ จริงด้วย

แปลว่าถ้ามาเวลาอื่นคงจะมีพวกหุ่นล่ำกล้ามโตเต็มไปหมดละซินะ อืมมม น่าสนใจจัง

“ไอ้เพลง”

“ห๊ะ?”

“มาดิ ศูนย์ขายอุปกรณ์กีฬาอยู่ข้างหลังโน่น”

“เออๆ นำไปดิ” ผมเดินตามเข้าไปที่ทางด้านหลัง



“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”

โอ้ ว้าววววววว

ใหญ่โตมโหฬารมาก อุปกรณ์กีฬาจากทั้งโลกมารวมอยู่นี่หมดเลยหรือไงกันนะ สำหรับคนที่ไม่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นประจำอย่างผม ที่นี่ถือเป็นสถานที่แปลกตาพอสมควรเลย

“ผมจะดูหลายอย่างเลยอะครับ” ไอ้อาร์มคุยกับพนักงานสาว “เดี๋ยวขอเดินดูเรื่อยๆก่อนก็แล้วกันนะครับ”

“ได้ค่ะ มีอะไรสอบถามเพิ่มเติม เรียกพนักงานได้เลยนะคะ”

“ครับ.... ปะไอ้เพลง ไปดูรองเท้ากันก่อนเลย”

“ก็ไปดิ”



นี่ไอ้อาร์มมันไปอารมณ์ดีมาจากไหนวะ เลือกอุปกรณ์กีฬาอย่างใจเย็น เข้าโซนนั้น ออกโซนนี้ ชิวเหลือเกิน ทำอย่างกับอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ เที่ยงแล้วก็ยังไม่จบอีก มันยังมีหน้าพาผมไปเลี้ยงข้าวเที่ยงแล้วก็ให้กลับมาเลือกอุปกรณ์กีฬา ผมไม่เห็นว่ามันจะซื้ออะไรสักเท่าไหร่เลย เสียเวลาก็แต่ตอนเลือกกับมัวเถียงกับผมนี่แหละ

นึกว่าจะเสร็จธุระเร็ว ว่าจะออกล่าซะหน่อย



“ทั้งหมดห้าพันหกร้อยเจ็ดสิบบาทค่ะ” ในที่สุดก็ได้เช็คบิลซะที ผมมาเสียเวลาอยู่ที่นี่จนถึงบ่ายสามโมงได้ยังไงเนีย เดินจนขาแข็งหมดแล้ว “คุณลูกค้าได้รับสิทธิชมภาพยนต์ฟรีสองที่นั่งด้วยนะคะ เป็นแบบวีไอพีเบดซีท แต่ว่าต้องดูภายในวันนี้เท่านั้นนะคะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วค่ะ จะรับสิทธิไปด้วยไหมคะ”

“เอ่อออออ” มึงจะคิดทำไมวะไอ้อาร์ม ของฟรีก็เอาดิวะ เสียเงินตั้งเยอะ อย่างน้อยก็ได้ตั๋วหนังฟรี รับๆไปก่อนเถอะ “ไอ้เพลง มึงอยากดูหนังป่ะ”

“ห๊ะ?” เดี๋ยวๆ มันเกี่ยวอะไรกับกูวะ

“ก็มึงอยากดูหนังไม่ใช่เหรอ เมื่อวานมึงพูดเองไม่ใช่เหรอ” กูอยากนอนดูที่ห้องเฟ้ย

“ไม่อ่ะ กูไม่อยากดูแล้ว” เพราะกูต้องออกล่าผู้ชาย กูจะไม่ยอมเสียสถิติตัวเองแน่นอน

“เหรอ.... งั้นผมไม่รับสิทธิแล้วกันครับ ไม่มีคนไปดูด้วยอยู่ดี” เฮ้ยยยย จะบ้าเหรอ

“รับดิ” ผมรีบสะกิดไอ้โง่อาร์ม บ้าหรือเปล่า ไปปฏิเสธออกฟรีได้ไงกัน

“รับทำไมวะ มึงไม่ไปดู แล้วจะให้กูไปนั่งดูหนังคนเดียวหรือไง” ดูมันตอบ

“เออๆ กูไปดูด้วยก็ได้”

“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมยังรับสิทธิตั๋วหนังได้อยู่ไหม”

“ได้ค่ะ” พนักงานตอบ “จะรับใช่ไหมคะ”

“รับครับ”



ลำบากกูอีกแล้ว นึกว่าจะได้แยกจากไอ้บ้านี่แล้วเชียว ไม่เป็นไรน่า หนังเรื่องนึงไม่น่าจะเกินสองชั่วโมง ยังมีเวลาเหลือๆ ถือซะว่าดูหนังขั้นเวลา



“อะไรนะ!! รอบสองทุ่ม” ผมนี่โวยวายเลยหลังจากได้เห็นตั๋วหนังที่ไอ้อาร์มไปซื้อมา

“ก็เออดิ” ยังจะมาตอบหน้าตาเฉยอีก

“ดูอะไรดึกขนาดนั้นวะ” กูไม่ว่างตัวติดกับมึงทั้งวันนะ

“ก็มันเป็นที่นั่งแบบพิเศษอ่ะ มีฉายแค่รอบสองทุ่มเท่านั้นแหละ ฉายวันละรอบเว้ย”

ถามจริง

เชี่ยยย จริงด้วย

แป๊กอีกวันเลยกู กว่าหนังจะจบก็สี่ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว ไหนจะกลับหออีก

“ว่างตั้งสองสามชั่วโมง ไปหาไรกินกันก่อนดีป่ะ” ไอ้อาร์มชวน “กูอยากกินเนื้อย่าง”

“ไม่เอา ไม่กิน กูไม่มีตัง” บ้าเหรอ ของแพงขนาดนั้น กูจะไปมีปัญญาแดกช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ได้ไง

“เออ เดี๋ยวกูเลี้ยง”

“เลี้ยงอีกแล้วเหรอ มึงไปรวยมาจากไหนวะ เมื่อกี๊ก็ซื้อเสื้อกีฬาให้กู ข้าวเที่ยงก็เลี้ยง” มันอ้างว่าเป็นค่าจ้างที่ผมมาช่วยมันซื้อของ

“กูเป็นนักกีฬาอาชีพนะ”

“ก็แค่เยาวชนทีมชาติ ยังไม่ได้สังกัดสโมสรด้วยซ้ำ มึงไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอก กูรู้”

“เอาเป็นว่ากูมีก็แล้วกันนา ไปเหอะ”

“ไม่เอา มันเปลืองตัง หัดประหยัดบ้างดิวะ มึงไม่ใช่คุณชายนะเว้ย”

“อ่ะๆๆ แล้วมึงจะกินอะไร ยังไงก็ต้องใช้เวลาอีกตั้งสามชั่วโมง กว่าหนังจะฉาย”

“อืมมมม งั้นเอาเป็น.... ไปกินข้าวฟู๊ดปาร์คดีไหม กูเคยมาห้างนี้ เขามีกิจกรรมแถวๆนั้นให้ดูเพลินๆด้วย ถ้าเวลายังเหลืออีกก็... ไปเดินตลาดอาหารชั้นใต้ดิน”

“โอเค ตามนั้น”



สุดท้ายก็มาจบที่ศูนย์อาหาร หลังจากนั้นผมกับไอ้อาร์มก็ไปเดินเล่นที่ตลาดอาหารต่อ



ที่จริงแล้วระหว่างนี้ ผมก็สามารถหาเหยื่อได้นะ เห็นผู้ชายงานดีหลายคนเลยที่ชม้ายชายตามาให้ผม ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนของผม ผมคงดีลได้หลายคนอยู่ แต่มันติดอยู่ตรงที่ไอ้อาร์มนี่ซิ ไม่มีใครกล้าเข้าหาผมจริงๆเลยเพราะมีมันคุมอยู่ตลอดเวลา พวกนั้นคงคิดว่าผมกับมันเป็นคู่รักที่มาเดทกัน แถมไอ้ห่าอาร์มก็ตัวใหญ่กล้ามโตตามมาตรฐานนักรักบี้ด้วยแล้ว อย่าว่าแต่ดีลเลย แค่จะส่งสายตามาให้ยังไม่กล้ากันสักเท่าไหร่เลย



“ไอ้เพลง....... ไอ้เพลง........ เพลง”

หึ

ใครเรียกวะ

“เชี่ย!!” ผมนี่ร้องเลย “ท...ทำเหี้ยอะไรของมึงอ่ะ เอาหน้ามาใกล้กูทำไม”

“ก็กูปลุกแล้วมึงไม่ตื่นอ่ะ จะดูว่ามึงตายหรือยัง”

“ตายพ่อมึงดิ เพราะมึงนั่นแหละ ลากกูไปทำโน่นทำนี่ทั้งวัน คนเหนื่อยก็ต้องเผลอหลับดิ ว่าแต่... ถึงไหนแล้วเนีย”

“ก็หน้าหอมึงไม่ใช่เหรอ”

อ... อ้าว ถึงแล้วหรอกเหรอ กี่โมงแล้ววะเนี่ย ห๊ะ! ห้าทุ่มครึ่ง ดึกอีกแล้ว

“เห้อออออออ” อะไรคือการที่ไอ้อาร์มต้องบิดขี้เกียจแรงขนาดนั้น “เหนื่อยจัง ง่วงด้วย ขี้เกียจขับรถกลับหอแล้วอ่ะ ขอนอนห้องมึงเลยได้ป่ะ”

“หยุดเลยๆๆ ไอ้สัด อย่ามาทำตัวได้ใจเกินไป มึงก็รู้อยู่ว่ากูไม่ให้ใครเข้าห้อง แล้วที่เหนื่อยก็เพราะมึงเองไม่ใช่หรือไง กลับไปเลย หอมึงไม่ได้อยู่ไกลขนาดนั้น”

“เออๆ แม่ง ไม่มีน้ำใจ”

“เอาน้ำตาแทนไหมล่ะ กูไปละนะ”

“เดี๋ยวๆๆ”

“อะไรอีก”

“เสื้อที่กูซื้อให้อ่ะ ลืมหรือไง” มันหยิบถุงใบหนึ่งให้ผม

“เออ ขอบใจ”

“เดี๋ยวๆๆ”

“อะไรอีกกกก”

“พรุ่งนี้มึงว่างไหม”

“ไม่ว่าง กูจะไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้น” ชัดเจนไหม

“ไม่เอาเงินใช่ไหม”

“เงิน? มึงพูดถึงอะไรวะ” ไม่เห็นจะเข้าใจเลย

“ก็เมื่อกี๊ตอนที่มึงหลับอ่ะ เพื่อนกูคนนึงโทรมาถามว่ากูพอจะรู้จักคนที่ออกแบบโครงงานไหม เขามีค่าจ้างให้ กูก็เลยแนะนำมึงไป”

“แต่กูอยู่ปีสองเองนะ ไม่ใช่มืออาชีพ”

“กูก็เห็นมึงจัดนิทรรศการที่คณะปีที่แล้ว ก็มีแต่คนชมไม่ใช่เหรอ”

“ไม่รู้ดิ นั่นมันแค่งานที่จัดให้เด็กประถมดูเอง”

“สรุปว่าไม่รับ?”

“รับดิ” เงินก็ต้องเอาไว้ก่อน แถมมีคนมาจ้างงานตั้งแต่ปีสองด้วย โชคดีแท้ๆ

“ก็แค่นั้นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ากูมารับละกัน”

เดี๋ยวๆๆๆๆ “จะมารับทำไม”

“ก็พามึงไปเจอผู้ว่าจ้างไง”

“กูไปเองก็ได้ เอาเบอร์โทรมาก็พอ”

“เออ อย่าเถียงมาก กูง่วงแล้ว ลงรถไปได้แล้ว ไปๆๆๆ กูจะกลับ”

เอ้า ซะงั้นอ่ะ

แล้วผมก็โดนดันให้ออกจากรถยนต์จริงๆ









อะไรของมันวะ......

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... ว่าง vs ยุ่ง - 28/12/2018
«ตอบ #13 เมื่อ28-12-2018 17:29:37 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 3 / เหมือนเดิม vs เปลี่ยนไป

ความที่ 3 จาก 3 / อยู่ vs ไป









“ไหนวะคนที่จะจ้างกู นี่มันเที่ยงแล้วนะ กูไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะเว้ย” นี่เป็นอีกวันที่ผมติดอยู่กับไอ้อาร์ม มันควรจะเป็นวันหยุดของผมแท้ๆ ต้องมานั่งเจ่าอยู่กับมันในร้านกาแฟตั้งแต่เช้าแล้วเนีย

“เดี๋ยวก็มาแล้วมั้ง” ไอ้อาร์มตอบ นั่งจิบกาแฟสบายใจอยู่ได้ “รอๆไปเหอะน่า เค้าจ้างตั้งหลายพันเชียวนะ ไม่ใช่จะมีคนมาจ้างมึงบ่อยๆ..... อ้าว นั่นไง มาแล้ว”

“ไหนๆๆ”



มีเด็กหนุ่มผอมแห้งคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านกาแฟ หน้านี่มันเยิ่ม สิวขึ้นเขรอะเลย

เนี่ยอะนะ คนที่เป็นผู้ว่าจ้าง เห็นไอ้อาร์มบอกว่าเป็นเพื่อน นึกว่าจะเป็นเด็กวิศวะหล่อๆ เผื่อดีลทั้งเรื่องงานกับเรื่องบนเตียง แต่ถ้ามาสไตล์นี้ คงไม่ไหว



“ขอโทษนะครับที่มาช้า” เขาเริ่มด้วยการกล่าวขอโทษ “ผมติดธุระนิดหน่อย พอดีว่าแม่ป่วยน่ะครับ กว่าจะเสร็จธุระที่โรงพยาบาลก็เลยเสียเวลามากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้รอนานอะไรเลย” งานตอแหลก็ต้องมา หน้ายิ้มก็ต้องปั้นให้เป็น “งั้นเรามาเริ่มคุยงานกันเลยไหมครับ”

“ได้ครับๆ”

“งั้นกูไปนั่งรอตรงโน้นนะ” ไอ้อาร์มเดินออกไปรอที่โต๊ะอีกตัวเพื่อให้พื้นที่ผมได้ทำงาน

“เชิญนั่งครับ” ผมเริ่ม “แล้วโครงงานที่จะให้ออกแบบ เป็นโครงงานแบบไหนครับ”

“ก็เป็นโครงงานนำเสนอปลายเทอมอะครับ อยากให้ช่วยออกแบบเพื่อจัดแสดงได้ด้วย แล้วมันก็จะมีเครื่องมือนิดหน่อย เอาไว้ใช้ร่วมในการอธิบาย.....”



เวลางานของผมเริ่มในที่สุด

ผมอาจจะไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่ก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง ไอ้เรื่องงานออกแบบสร้างสรรค์พวกนี้ ผมชอบมาตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นจะถึงขั้นยอมแลกแฟนคนที่รักที่สุดกับคณะสถาปัตฯ เหรอ



“เอ.... ผมว่าที่นายต้องการ ผมก็ออกแบบจนครอบคลุมหมดแล้วนะ มันยังไม่โอเคอีกเหรอ” ผมเริ่มมีน้ำโหนิดๆแล้ว ก็ไอ้คนว่าจ้างนี่อะดิ จะเอานั่นจะเอานี่ เปลี่ยนใจไปมาไม่หยุด ไม่พอใจในการออกแบบซะที นี่ก็ทำตามทุกอย่างที่บอกแล้วนะ จะเอายังไงอีก สามชั่วโมงแล้วนะ

“แต่ผมว่ามันยัง....”

“งั้นเขียนมาเลยดีกว่าครับว่าจะเอาอะไรบ้าง ถ้ารอบนี้ผมออกแบบให้แล้วยังไม่พอใจอีก ผมก็หมดปัญญาแล้วล่ะ”

“ค....คือผม.... เอ่อ....” อ้ำอึ้งอะไรอีกล่ะ ระหว่างนั้นเองผมก็เห็นไอ้อาร์มเดินออกไปนอกร้าน

“เขียนดิ” กูเริ่มดุลูกค้าแล้วนะ

“ค...ครับๆๆ เขียนครับ”



ผมแอบเหลือบมอง มันก็เขียนอันเดิมที่คุยกันมาตั้งแต่แรกนั่นแหละ คืออะไรวะ ไอ้นี่มันกวนตีนหรือเปล่าเนีย



#เสียงโทรศัพท์

“ข...ขอรับโทรศัพท์แป๊บนึงนะครับ”

“เชิญครับ” จะรับก็รับไปดิ



“ฮัลโหล..... โอเค...... โอเค...... ได้....... ได้....... ไม่น่าจะรู้นะ...... ได้” แล้วเขาก็วางสายไป “เอ่อ... ผมขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมครับ”

“ตามสบายเลยครับ” เอ.......? มันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ ดูมีพิรุจน่าสงสัย



ตามไปดูดีกว่า เหมือนจะจับสังเกตอะไรได้สักอย่าง ไอ้ผู้ว่าจ้างคนนี้มันดูแปลกๆ ต้องมีอะไรแน่ๆเลย



ผมตามออกมานอกร้านก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำซึ่งตั้งอยู่แยกกับตัวร้านกาแฟ



“กูแถไม่ไหวแล้วนะเว้ยไอ้อาร์ม” หึ เสียงไอ้ลูกค้านิ คุยกับไอ้อาร์มอยู่เหรอ “เพื่อนมึงเริ่มดุกูแล้วเนีย ถ้ากูยังทำเฉไฉอีก เขาต้องฆ่ากูแน่เลย”

“เอาน่าเพื่อน” คุยกับไอ้อาร์มจริงๆด้วย นี่มันเสียงไอ้อาร์มชัดๆ “ถ่วงเวลาให้กูอีกสักชั่วโมงนึงก็ยังดี”

“กูจะเอาอะไรมาแถได้อีกวะ”

“เอางี้ กูเพิ่มให้มึงอีกสองพันเลย แต่ถ่วงเวลาให้กูอีกชั่วโมงนึงนะ ค่าจ้างทำโครงงานกูก็จ่ายให้ แถมมึงยังได้โครงงานไปพรีเซนอีก มีแต่ได้กับได้นะเว้ย”

“อ...เออๆ ก็ได้ แต่อีกแค่ชั่วโมงเดียวนะ”

“แค่ชั่วโมงเดียว” แบบนี้นี่เอง ไอ้สองตัวนี้นี่มันวางแผนกักตัวผมไว้นี่เอง “ไปๆ กลับไปเล่นละครต่อนะเพื่อน ว่าแต่ไอ้มุกแม่เข้าโรงบาลนี่มึงคิดได้ไงวะ เจ๋งดีวะ กูนึกว่ามึงจะ.............. พ....เพลง!”

“เออ กูเอง” ผมประกาศการมีตัวตนของผมและเป็นสัญญาณว่าผมรับรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว

“ม...มึงมาทำอะไรวะ จะมาเข้าห้องน้ำเหรอ” ยังจะมาทำเนียนอีกนะไอ้อาร์ม

“เปล่า กูจะจับผิดคนโกหก” ได้ยินกันชัดเจนพอไหม

“เอ่อ.... คือ....” จะแก้ตัวว่าอะไรอีก

“กูขอตัวก่อนนะไอ้อาร์ม พอดีว่าแม่กูอาการโคม่าว่ะ” ไอ้คนผอมแห้งรีบฉวยโอกาสหนีออกไปจากสถานการณ์ความตึงเครียดนี้

“เฮ้ยๆ กูไปเยี่ยมแม่มึงด้วยดิ”

“หยุด!” หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นแหละไอ้สัดอาร์ม ไม่ต้องคิดจะตามเขาไป มึงมีเรื่องต้องเคลียร์กับกู “ทำแบบนี้ หมายความว่าไง”

“กู..... เอ่อ.... กู....”

“มึงกักตัวกูไว้ทำไม” พอเข้าใจเรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมาด้วย “เมื่อวานนี้ก็เป็นแผนของมึงด้วยใช่ไหม เมื่อตอนที่วิดีโอคอลมาคุยกับกูตั้งหลายชั่วโมงก็ด้วย กูสงสัยอยู่แล้วเชียวว่ามันแปลกๆ มึงเคยคุยโทรศัพท์กับกูเกินห้านาทีซะที่ไหน มึงเล่นเหี้ยอะไรของมึงเนีย สนุกมากนักหรือไง”

“กูไม่ได้เล่นนะเว้ย” ไอ้อาร์มขึ้นเสียงบ้าง ดีนะที่ตรงนี้อยู่นอกร้าน ไม่งั้นคนคงมุงดูกันให้เต็มไปหมด “ไม่ได้สนุกด้วย”

“แล้วมันหมายความว่ายังไงมาปั้นหัวกูแบบนี้” ผมผลักอกไอ้คนตรงหน้า แต่แทบไม่ขยับเลย “ทำแบบนี้ก็เท่ากับยึดเวลาส่วนตัวของกูไปหมด มึงอธิบายเหตุผลที่น่าฟังมาสักข้อดิ”

“มึงอยากรู้เหตุผลมากใช่ป่ะ”

“เออ กูก็ถามมึงอยู่นี่ไง”

“งั้นตามกูมา” พูดว่าให้ตามไป แต่ที่ทำนี่มันเป็นการลากกูชัดๆ



ผมถูกจูงเข้าไปในห้องน้ำของร้านกาแฟที่ไร้ผู้คน จากนั้นก็ถูกพาเข้าไปในห้องน้ำแยกอีกที ก่อนที่ไอ้อาร์มจะล็อคห้องให้ผมกับมันอยู่ด้วยกันในนั้นสองคน



“เฮ้ย!! มึงจะทำอะไรของมึงเนี่ย!!!!” ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลงใดๆทั้งสิ้น ผมถูกไอ้คนตัวใหญ่เข้าจู่โจม มันพยายามเข้าไซซอกคอของผมอย่างหนักหน่วง “ไอ้อาร์ม ปล่อยกูนะเว้ย มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะ”

ไม่เลย มันไม่หยุด ไม่พูดด้วย

ผมนี่ดิ้นสุดแรงเลย แต่ตัวผมจะไปสู้แรงไอ้นักรักบี้ไหวได้ยังไง นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาแมวไปสู้กับเสือ

ทำยังไงดี ทำยังไงผมถึงจะรอดจากสถานการณ์นี้ได้

ถ้าให้ต้องขึ้นชื่อว่าได้กับเพื่อนสนิทตัวเอง ผมไม่โอเคแน่ๆ ครั้งแรกที่ยอมรับได้เพราะมันเป็นอุบัติเหตุ แต่ครั้งนี้ไม่ได้เมา ไม่ได้เข้าใจอะไรผิด ถ้าเสร็จไอ้อาร์มตรงนี้ ก็เท่ากับยอมรับสภาพ

“มึงเป็นเกย์เหรอ!!!!” ผมร้อง

“ว....ว่าไงนะ” ได้ผลแฮะ ไอ้อาร์มหยุดทุกการกระทำ

“กูถามว่า.... มึงเป็นเกย์เหรอ”

“........” ไอ้อาร์มไม่ตอบ แต่มันค่อยๆ ผละออกจากตัวผมช้าๆ ส่วนผมอะเหรอ เสื้อผ้าและผมกระเซิงไปหมดเลย “มึงพูดอีกทีดิ”

ได้ ถ้ามันจะทำให้มึงหยุด จะให้พูดอีกร้อยทีกูก็ไหว

“มึงเป็น....”



บั้งงงงงง



“..........” อะไรวะ กูโดนต่อยเหรอ

ไม่นี่นา ไม่ได้เจ็บซะหน่อย

ผมค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นหมัดของไอ้อาร์มต่อยเข้าใส่ผนังห้องน้ำห่างจากใบหน้าของผมไปแค่สองนิ้วเท่านั้น

“ถ้ามึงยังกล้าพูดแบบนั้นออกมาอีก กูจะซัดมึงให้จมตีนเลย” ไม่เคยเห็นไอ้อาร์มน่ากลัวแบบนี้มาก่อนเลย มันโกรธจนตาแดงและจ้องหน้าผมแบบพร้อมจะบีบคอให้ตาย

“ก....ก็มึง...ทำแบบนี้กับกูทำไม” เอาวะ ยังไงก็ต้องพูด กลัวก็ส่วนกลัว แต่ไอ้ที่ต้องพูดก็คงเก็บไว้ไม่ได้ “ถ...ถ้ามึงจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่ แล้วมึงมาทำแบบนี้กับกูทำไม”

“กู.....กูไม่รู้” ความโกรธเมื่อกี๊ของมันกำลังค่อยๆเปลี่ยนเป็นความไม่มั่นคงในอารมณ์แล้ว

“ทำไมมึงจะไม่รู้ มึงมีสติครบถ้วนดีทุกอย่าง” ไหนๆก็มีโอกาสได้พูดแล้ว รีบพูดเลยแล้วกัน “ที่มึงวางแผนก็ด้วย ที่ทำทั้งหมดเพื่อเวลาแบบนี้ใช่ไหม”

“ก....กู....” ไอ้อาร์มเหมือนจะตอบ แต่ก็ไม่ตอบ มันค่อยๆเปิดล็อคห้องน้ำออกแล้วเดินเอื้อยๆเหมือนวิญญาณไปล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า



แล้วผมจะรออะไรล่ะ รีบออกจากตรงนี้ก่อนเลย



“ตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น” ห๊ะ เมื่อกี๊ไอ้อาร์มพูดอะไรหรือเปล่าวะ ผมหันกลับไปมอง มันพูดจริงๆนั่นแหละ แต่ไม่ได้มองมาทางผม เอาแต่มองกระจก “กูก็คิดแต่อยากจะสัมผัสตัวมึงตลอด ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆมึง แล้วก็พยายามไม่ให้มึงมีเวลาไปทำเรื่องอย่างว่ากับคนอื่นได้ กูไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มันสับสนไปหมด”

“...................” ผมนี่ว่างเปล่าเลย จะบอกว่าเห็นใจก็คงไม่ใช่ แต่จะให้ยอมรับก็คงไม่ถูก ต้องจัดการอะไรสักอย่างกับความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แล้วล่ะ “ถ้ากูยังอยู่ตรงนี้ จะทำให้มึงสับสนต่อไปหรือเปล่า”

“กูไม่รู้”

“งั้นกูจะออกไปจากชีวิตมึงเอง”

“ท...ทำไมวะ” ไอ้อาร์มร้อง

“ไม่ใช่แค่มึงหรอกนะที่สับสน ขืนกูยังเห็นว่าเพื่อนสนิทของกูเปลี่ยนไปเพราะกูแบบนี้ กูจะไม่เสียใจได้ไงวะ”

“ไม่ได้นะ มึงจะไปไหน”

“ไม่รู้อ่ะ แต่ถ้าขืนเรายังคบกันเป็นเพื่อนต่อไป มึงก็คงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปัญหาเดิมๆก็จะวนกลับมาไม่รู้จบ กูออกไปอะดีแล้ว”

“ไม่ดิ ไม่เอาแบบนั้น นั่นมันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเลย” คราวนี้ไอ้อาร์มเลิกมองกระจกแล้ว มันเดินมาหยุดตรงหน้าผม และมองผมด้วยสายตารู้สึกผิด “เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะ กูไม่ให้มึงไปหรอก”

“แล้วจะให้กูทำไงอ่ะ ก็มึงเปลี่ยนไปเองอ่ะ ทั้งๆที่เราตกลงกันแล้วว่าให้ถือเรื่องคืนนั้นเป็นอุบัติเหตุ กูก็พยายามที่จะเป็นปกติ แต่สิ่งที่มึงทำกลับยิ่งตอกย้ำความผิดพลาดอ่ะ”

“กู...... งั้นกูจะไม่เปลี่ยนไปก็ได้  นะ มึงอย่าไปเลย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปกูจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง กูสัญญา แต่มึงต้องไม่เลิกคบกับกูนะเว้ย”

อะไรกันละเนีย หัวใจเต้นไม่ถูกจังหวะเลย หน้าก็ร้อนผ่าว

“อ...เออ กูไม่ไปก็ได้ แต่มึงต้องรักษาคำพูดจริงๆนะ”

“ได้ กูสัญญา”

“ห้ามพยายามทำเหมือนเมื่อกี๊กับกูอีก”

“โอเค”

“ห้ามยุ่งเรื่องที่กูไปมีอะไรกับคนอื่น”

“อ... อืม โอเค”

“มึงทำได้แน่นะ”

“ทำได้”

“ดี งั้นกลับ แต่ทางใครทางมันนะ กูอยากกลับเอง ยังไงกูก็ยังโกรธมึงอยู่”

“เดี๋ยวก่อน” ไอ้อาร์มคว้ามือผมไว้

“อะไร”

มันควักกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบเงินยัดใส่มือผม

“ค่าจ้างออกแบบของมึง” มันอธิบาย “แล้วก็นี่ กูเพิ่มให้ ค่าเสียเวลาที่มึงโดนกูแย่งเวลาว่างไป ทั้งเนื้อทั้งตัวกูมีแค่นี้แหละ”

“เอาเงินของมึงคืนไปเหอะ” ผมยัดกลับใส่มือของไอ้คนตรงหน้า ใครจะกล้ารับไว้วะ ยิ่งรู้เหตุผลด้วยแล้ว กูก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น “กูไม่ได้อยากได้เงินหรอก ขอแค่มึงกลับมาเป็นเพื่อนกูคนเดิมก็พอแล้ว กูรู้นะว่านี่เป็นเงินเก็บที่มึงได้มาจากการเล่นกีฬา เอาเก็บไว้ทำเรื่องมีประโยชน์กว่านี้เหอะ กูไปล่ะ”



รีบออกไปจากตรงนั้นดีกว่า ขืนอยู่ต่อไปได้ดราม่าขึ้นจริงๆแน่เลย



ผมเดินกลับเข้าไปในร้านกาแฟเพื่อเก็บข้าวของของตัวเองที่วางทิ้งไว้



“เพิ่งเคยมาดื่มกาแฟที่นี่ครั้งแรกเหรอครับ”

“ครับ?” ผมตอบรับไปก่อน เพราะไม่แน่ใจว่ามีคนเข้ามาคุยกับผมหรือเปล่า

เฮ้ย บาริตต้านี่หว่า อย่างหล่ออ่ะ ขาว ไม่สูงเท่าไหร่ แต่สะอาดสะอ้าน แบบนี้ต้องเก็บเข้าคอลเล็คชั่นหน่อยแล้ว

“ผมเพิ่งเคยเห็นคุณครั้งแรก” บาริสต้าพูดต่อ สายตาที่มองกูแบบนี้ เข้าใจได้ไม่ยาก สนใจกูอยู่ซินะ “เพิ่งมาร้านนี้ครั้งแรกเหรอครับ”

“ก็อย่างที่เข้าใจนั่นแหละครับ” รอยยิ้มพิมพ์ใจเลเวลหนึ่งออกปฏิบัติการ

“แล้วรสชาติกาแฟใช้ได้ไหมครับ ให้เพิ่มเติมตรงไหนอีกหรือเปล่า”

“ก็อร่อยดีแล้วนะครับ แต่ผมไม่ค่อยดื่มกาแฟเท่าไหร่หรอก ปกติจะชอบทานผลไม้มากกว่า อย่างพวก...กล้วย กล้วยท่อนใหญ่ๆ” รอมยิ้มทรงเสน่ห์เลเวลสองออกปฏิบัติการ

“อ๋อออ แบบนั้นซินะครับ” ปลาฮุบเหยื่อแล้ว “ผมกำลังจะเลิกงานพอดี ถ้าสนใจ ที่ห้องผมมีกล้วยหอมที่สุกกำลังดี รับรองอร่อยและดีต่อสุขภาพด้วยครับ”

“น่าสนใจจังเลยนะครับ” รอยยิ้มยั่วยวนเลเวลสามออกปฏิบัติการแล้ว “งั้นก็คงต้อง.........................”



ไอ้อาร์ม!!!



นั่นไอ้อาร์มนี่นาที่กำลังมองมาที่ผมผ่านกระจกมาจากนอกร้าน คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าผมกำลังคิดจะทำอะไร แต่คนอย่างมันที่เห็นเหตุการณ์แบบนี้จนชินตา คงรู้ในทันทีว่าผมกำลังจะสร้างสัมพันธ์สวาทกับคนแปลกหน้าอีกแล้ว

ใบหน้าของไอ้คนที่เฝ้ามองอยู่เศร้าสร้อยอย่างชัดเจน มันคงอยากรู้ว่าผมจะสรุปผลกับบาริสต้าคนนี้ได้หรือเปล่า ผมเป็นเพื่อนกับมันมานาน รู้ดีว่าท่าทีแบบนั้นของมันคืออะไร มันคงอยากเดินเข้ามาขัดขว้างผมซินะ แต่เพราะผมเพิ่งห้ามเรื่องนั้นกับมันไป ก็เลยได้แค่ยืนมองและลุ้นในใจอยู่แบบนั้น

บางทีผมก็รู้สึกเห็นใจนะ ท่าทางร้อนร้นแต่ทำอะไรไม่ได้แบบนั้น ไม่เหมือนไอ้อาร์มคนอารมณ์ดีที่ผมเคยรู้จักเลย



“ต้องอะไรเหรอครับ”

“เอ๊ะ?” ผมลืมไปเลยว่ากำลังสนทนาอยู่

“ว่าไงครับ รอผมเลิกงานแป๊บนึงได้ไหม แล้วเดี๋ยวผมพาไป.....”

“ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระน่ะครับ” แล้วผมก็ตัดสินใจแบบนี้ “ต้องขอตัวแล้วนะครับ กาแฟร้านนี้อร่อยมากครับ ไว้มีโอกาสผมจะมาใหม่นะครับ”

“อ่า...คือ...”



ออกมาเลยก็แล้วกัน ก็ตัดสินใจไปแล้วนิ



ผมเรียกแท็กซี่ทันทีเพื่อเดินทางกลับหอพัก พูดตามตรงว่าหมดอารมณ์จะทำเรื่องอะไรแบบนั้นไปเลย



แล้วทำไมผมถึงตัดสินใจทำแบบนี้กันนะ ทั้งๆที่ก็เพิ่งบอกไอ้อาร์มไปเองว่าให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม หรือว่า.............................









..........................คนที่เปลี่ยนไปคือผมเอง

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ว่าง vs ยุ่ง - 28/12/2018
«ตอบ #14 เมื่อ28-12-2018 22:53:59 »

เป็นแม่แม่จะเอา อาร์มค่ะลูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 555555555555 ดูท่าทางแล้วจะปรนเปรอได้สุดแล้ว จีจี

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... สำเร็จ vs ล้มเหลว - 29/12/2018
«ตอบ #15 เมื่อ29-12-2018 18:07:45 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 4 / ทนไหว vs ไม่ทน

ความที่ 1 จาก 2 / สำเร็จ vs ล้มเหลว









โอ๊ยยยยยยยย

คิดไม่ตกเลยกู พอมาคิดๆดูอีกทีแล้ว ทำไมเมื่อวานกูต้องปฏิเสธบทเพลงบรรเลงสวาทกับบาริสต้าคนนั้นด้วยนะ เป็นคนบอกให้ไอ้อาร์มไม่เปลี่ยนไปแท้ๆ แต่กูเองนี่นาที่ทำตัวไม่เหมือนเดิม

ไม่ได้ ไม่ได้แล้วแบบนี้ ขืนกูเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องเข้าขั้นวิกฤตแน่ๆ

ขอปฏิญาณเลยว่าวันนี้จะกลับมาเป็นไอ้เพลงคนเดิม



“ไง พวกมึง มากันเร็วจัง” ทักทายให้เป็นปกติเข้าไว้

ตอนนี้ผมมายังสถานที่นัดรวมตัวกินมื้อเที่ยงที่ตึกอาคารเรียนรวมเหมือนเดิม โดยมีไอ้อาร์มและไอ้แว่นมานั่งรออยู่แล้ว

“มึงนั่นแหละมาช้า” ไอ้แว่นบ่นผม พร้อมกับยื่นข้าวหน้าไก่มาให้ “พวกกูรอไม่ไหว ก็เลยซื้อข้าวไว้ก่อน กำลังจะกินพอดี อ่ะนี่ อันนี้ข้าวหน้าไก่ของมึง”

“ขอบใจนะเพื่อน” ผมกล่าว ก่อนจะคว้าจาน เบี่ยงไปนั่งข้างไอ้อาร์มเหมือนเดิม ผมบอกแล้วไงว่าจะทำตัวเป็นปกติ เริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆก่อนเลยละกัน

“อ้าว ไม่นั่งข้างกูแล้วเหรอ” ไอ้แว่นถาม

“ไม่แล้ว กูชอบอะไรเดิมๆ” ได้ยินไหมไอ้อาร์ม กูชอบให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม “เฮ้ย! ไอ้อาร์ม ข้าวผัดกระเพราะของมึงน่ากินจัง เอางี้แล้วกัน แลกกับข้าวหน้าไก่ของกูก็แล้วกันเนาะ”

“เฮ้ยๆๆๆ มึงถามกูก่อนไหม” ไอ้อาร์มโวยวาย ดีๆ อย่างไอ้อาร์มต้องพูดแบบนี้แหละ ถึงจะสมเป็นมัน

“ก็มันน่ากินอ่ะ น๊านะ แลกกันเหอะ”

“มึงนี่แม่งหน้าด้านชิบหาย ให้กูแดกแต่ข้าวหน้าไก่จนหน้ากูจะเป็นไก่อยู่แล้ว”

“แหมมมม พูดอะไรแบบนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า”

“ไอ้สัด นั่นมันมุกกู”



“เห้อออออ ในที่สุดบรรยากาศเก่าๆกลับมาแล้ว” จู่ๆ ไอ้แว่นก็พูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าผมกับไอ้อาร์มด้วยรอยยิ้ม “เห็นพวกมึงสองคนกลับมาเป็นปกติได้ กูก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย อาทิตย์ที่แล้วพวกมึงทำตัวกันแปลกๆ นึกว่าไปมีเรื่องอะไรกันมา แบบนี้ค่อยสมกับเป็นแก๊งสามสหายหน่อย”



เออ กูก็รู้สึกดีเหมือนกัน

เพียงแต่....



“น้องครับ”

เอ๋?? ใครเรียก

อ้าว นี่มัน.... “พี่ปั้นจั่น สวัสดีครับ” ผทกล่าวทักทาย

“ดีใจจัง จำชื่อพี่ได้ด้วย” พี่ปั้นจั่นยิ้นกว้าง “คือว่า... เห็นป้าร้านข้าวบอกว่าน้องไม่ยอมรับขนมที่พี่ฝากไว้ให้เหรอ ไม่ชอบทานขนมเหรอครับ”

“อ๋อ เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่เกรงใจ”

“แต่พี่เต็มใจให้นะ”

“ยังไงก็เกรงใจอยู่ดีนั่นแหละครับ”

“เพราะงี้ไงพี่ถึงชอบน้อง” พูดตรงดีแฮะ “เลิกเรียนวันนี้น้องว่างไหมครับ ไปกินมื้อเย็นกันไหม”

“แต่ว่าผม....” เอ๊... กูไม่ควรจะปฏิเสธนี่หว่า ถ้าเป็นปกติ กูก็ต้องตอบรับซิ ผู้ชายหล่องานดี แถมเป็นถึงประธานชมรมฟุตบอลแบบนี้ จะปล่อยไปได้ไง ที่สำคัญ นี่จะเป็นการตอกย้ำให้ไอ้อาร์มเห็นด้วยว่า ผมต้องการให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมจริงๆ “ได้ครับ งั้นเจอกันที่นี่หลังเลิกเรียนก็ได้ครับ”

“จริงง่ะ” พี่ปั้นจั่นร้องดีใจ

“จริงซิครับ” และก็ต้องมีรอยยิ้มพิมพ์ใจเลเวลหนึ่งด้วยตามหลักสูตรที่ถูกต้อง

“งั้นเดี๋ยวพี่มารอนะ”

“ครับ ยังไงผมขอทานข้าวกับเพื่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวจะกลับไปเรียนไม่ทันตอนบ่าย”

“โอเคครับ ว่าแต่... พี่ยังไม่รู้เลยว่าน้องชื่ออะไร”

“คือผม...” ว่าจะไม่บอกนะ เพราะปกติผมไม่เคยบอก ต้องการแค่เซ็กส์แล้วจบไป แต่เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าผมหนักแน่น งั้นก็... “ผมชื่อเพลงครับ”

“โอเคครับน้องเพลง งั้นเจอกันตอนเลิกเรียนนะ”

“บ๊ายบายครับ” จบด้วยท่าโบกมือแบบดูมีราคา



“หูยยยยยยยยย” ไอ้แว่นร้องทันทีที่พี่ปั้นจั่นจากไป “เพื่อนกูนี่มันฮอตตลอดเวลาจริงๆ นี่ถ้ามหาลัยเรามีเพจสิบหนุ่มฮอตในหมู่ผู้ชายบ้าง มึงต้องรั้งอันดับหนึ่งแน่เลย”

“ยังไม่ชินอีกเหรอ” นี่ไง ความโอ้อวดตัวเองเลเวลร้อยของผม

“ถ้าจัดกับพี่เขาแล้ว อย่าลืมเล่าให้กูฟังด้วยนะ”

“แน่นอน ไม่เกินวันนี้หรอก”

“ร้ายกาจ”

“รอฟังได้เลย ดูจากทรงแล้ว กูว่าคนนี้เด็ด”

“กูเชื่อ ถ้าออกมาจากปากมึงก็ถือว่าน่าเชื่อ”

“กินๆๆ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันตอนบ่าย”



เอ? ไอ้อาร์มมีปฏิกิริยายังไงบ้างน่า?

ผมพยายามแอบเหลือบมองมัน ก็นิ่งๆปกติ อาจจะเงียบไปหน่อย แต่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร

ฟูวววว โล่งอก มันคงกลับมาเป็นคนเดิมแล้วซินะ



“กูไปเรียนแล้วนะมึง” ผมกล่าวลาเมื่อมื้ออาหารจบลง และตารางเรียนช่วงบ่ายกำลังจะมาถึง

"โอเค" ไอ้แว่นพูด "กูเตรียมแล็กเชอร์แป๊บนึง เดี๋ยวก็จะไปแล้วเหมือนกัน"

"บายนะมึง ไอ้อาร์มด้วย"



ผมเดินออกมาจากบริเวณโรงอาหาร ระหว่างทางก็แวะห้องน้ำเป็นปกติ ผมชอบห้องน้ำที่นี่เพราะไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เคยคิดเหมือนกันนะว่าอยากใช้ห้องน้ำที่นี่เป็นแหล่งบรรเลงกาม แต่ยังไม่มีใครใจเด็ดพอกว่าทำแบบนั้น ฮึฮึฮึ ในสมองผมมันคิดแต่เรื่องแบบนี้จริงๆ

โอเค เรียบร้อย ไปเรียนต่อดีกว่า





“ทำไมมึงทำแบบนี้วะ”

หึ!? ใครวะ

อ้าว ไอ้อาร์มนี่นา มาอยู่หน้าห้องน้ำได้ไงละเนีย

“กูทำอะไรวะ” ผมถาม

“ก็ที่มึงคุยกับประธานบอลเมื่อกี๊ไง” ห๊า บ้าเอ๊ย อุตส่าห์ใจชื้นคิดว่ามันกลับมาเป็นปกติแล้วเชียว

“แล้วมันแปลกตรงไหน กูก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว กูคนเดิม มึงก็ควรจะเป็นมึงคนเดิมด้วย ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งกับกูเรื่องนี้แล้วไง”

“ไม่จริงอ่ะ มึงไม่ใช่คนเดิม ปกติมึงไม่เคยบอกชื่อมึงให้ใครรู้”

“ก...ก็แค่ชื่อหรือเปล่าวะ” ไม่คิดเลยว่ามันจะสังเกตเรื่องนี้ด้วย

“แล้วที่โอ้อวดกับไอ้แว่นอ่ะ ปกติมึงไม่เสนอตัวเล่าให้มันฟังหรอก แต่นี้มึงทำเป็นคุยสนุกปาก มึงทำเพื่อเยาะเย้ยกูชัดๆ”

“กูจะไปเยาะเย้ยมึงทำไม” ให้ตายเหอะ เรื่องนี้มันก็สังเกตเห็นเหรอวะ “กูก็พูดไปเรื่อย ไม่ได้บอกว่าจะเล่าจริงๆซะหน่อย”

“ไม่รู้อ่ะ กูถือว่ามึงทำตัวไม่ปกติก่อน เพราะงั้นมึงห้ามไปกับไอ้ประธานนั่น”

“เรื่องไรของมึงล่ะ”

“ก็มึงผิดคำพูดอ่ะ”

“ผิดเหี้ยอะไร ไม่รู้อ่ะ ยังไงกูก็จะไป กูไม่ยอมเสียสถิติเพราะมึงหรอก เสียเวลาคุยกับมึงจริงๆเลย ไปเรียนดีกว่า”

“กูบอกว่าไม่ให้ไปไง” ไอ้เชี่ยอาร์ม นี่มึงถึงกับรั้งแขนกูไว้เลยเหรอ

“มึงเป็นบ้าอะไรนักหนาวะ” ต้องให้โวยวายจริงจังแบบนี้ใช่ไหมถึงจะพอใจ “ไหนบอกว่าจะกลับมาเป็นปกติไง ยังอยากเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ นี่ยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย มึงก็งี่เง่าอีกแล้ว เป็นอะไรมากไหมมึงอ่ะ ปล่อยกู”

“เออ! กูเป็นมากเลยแหละ กูหึงมึงไง”

“!!!!...............................”

“กูหึงเพื่อนกู มันผิดตรงไหนวะ อ... เออ กูรู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นแค่เพื่อน แต่กูก็มีสิทธิจะหึงเพื่อนตัวเองบ้างไม่ได้หรือไงวะ”

“................” พูดไม่ออกเลยกู หัวใจเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว ทำยังไงดีล่ะ กูต้องพูดยังไงดี “แต่ถึงยังไงกูก็จะ...”

“คนนี้ก็ขอ” ไอ้อาร์มพูดแทรก

“ห๊ะ!?”

“เออ ไอ้ประธานชมรมฟุตบอลอะไรนั่น กูขอไว้คนนึงก็แล้วกัน อย่าไปมีอะไรกับมันเลยนะ”

“ทำไมวะ มึงไม่ชอบพี่เขาหรือไง”

“ไม่รู้อ่ะ แต่กูว่ามันเป็นคนไม่ดี กูดูออก”

“กูไม่สนว่าใครจะดีหรือไม่ดี กูต้องการให้จบบนเตียงก็พอ”

“กูขอแค่นี้ไม่ได้เหรอวะ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมากูไม่เคยขออะไรมึงเลยนะเว้ย”

“อ...อะไรของมึงวะ”

“เออ กูขอแค่นี้แหละ ทำให้กูได้ปะละ อย่าไปมีอะไรกับมันเลยนะ แล้วกูสาบานเลย ถ้าเป็นคนอื่น กูจะไม่มาพูดกวนใจมึงอีกเลย ให้กู.... ให้กูรู้สึกว่ากูหึงมึงสำเร็จสักคนนึงก็ยังดี ได้ไหม ขอร้อง”



ตึ้ก ตึ้ก



จู่ๆก็สัมผัสได้ว่าหัวใจมันเต้นอย่างรุนแรง

ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลยแฮะ ความรู้สึกของการถูกหึงหวง



“เออๆๆๆ ก็ได้” เอาวะ อีกสักครั้ง “กูไม่ไปก็ได้”

“ขอบใจ” ไอ้อาร์มยอมปล่อยแขนผมในที่สุด “งั้นมึงก็... ไปเรียนเหอะ กูก็จะไปเรียนแล้วเหมือนกัน”

“อ...อืม”

แล้วไอ้อาร์มก็เดินจากไปช้าๆ



การพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียวระหว่างผมกับไอ้อาร์มนั้น สร้างบาดแผลให้มันไว้แค่ไหนกันนะ จะจำไว้เลยว่าจะไม่ดื่มจนเสียสติแบบนั้นอีก



หลังเลิกเรียนผมต้องกลับเข้ามาที่โรงอาหารของอาคารเรียนอีกครั้งเพื่อบ่ายเบี่ยงพี่ปั้นจั่นด้วยการโกหกว่ามีธุระด่วน ซึ่งพี่เขาก็น่ารัก ไม่ว่าอะไรเลย แถมยังบอกว่าจะชวนจนกว่าจะสำเร็จ

แต่ผมนี่ซิ กะเอาไว้แล้วแท้ๆว่าวันนี้ต้องหากิจกรรมเสริมสร้างประสบกามชีวิต ก็เป็นอันต้องล้มเหลวไปอีกวัน ไม่เป็นไร แค่วันเดียว ทนไหว เอาเข้าจริงๆ ผมก็สามารถออกไปหาเหยื่อรายใหม่ได้นั่นแหละ แต่นึกถึงหน้าของไอ้อาร์มวันนี้แล้วมันไม่กล้าลงมือทำอะไรจริงๆ……





เอาล่ะ!!!

เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมกับอารมณ์ใหม่ ที่จริงมันคืออารมณ์เก่าๆของผมนั่นแหละ เพราะห่างหายจากความสุขทางเพศไปนาน ตอนนี้รู้สึกเหมือนกับมันพร้อมจะระเบิดออกมายังไงก็ไม่รู้

โอ๊ยยยยยย ไม่ได้แล้ว วันนี้ต้องหาเหยื่อให้ได้ ต่อให้ไอ้อาร์มมาร้องไห้คุกเข่าต่อหน้าผมก็จะไม่อ่อนข้อให้มันอีกเด็ดขาด

เซ็กส์บำบัด.... เตียง.... ถุงยางอนามัย..... เจลหล่อลื่น...... ต้องการเซ็กส์เดี๋ยวนี้



“มอนิ่งครับน้องซอล” มีเสียงของคนที่ผมรับรู้ได้ว่าเขาหล่อมากอยู่แถวนี้ ใครมาทำเสียงหล่อแถวๆโต๊ะกินข้าวของพวกผมกันน้า

“หวัดดีครับพี่ฮันเตอร์” หึ! ไอ้แว่นทักทายใครวะ



เฮ้ยยยยยยยยยยยยย

น....นี่.....นี่มัน......พี่ฮันเตอร์นี่นา หนุ่มหล่ออันดับหนึ่งจากเพจสิบหนุ่มฮอตของมหาลัย นอกจากจะหล่อ หุ่นดี มีชาติตระกูลแล้ว ยังเป็นถึงดาราวัยรุ่นที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ถึงผมจะไม่เคยดูละครที่พี่เขาเล่นก็เถอะ



“ข้าวมันไก่ ไม่หนัง ไม่เผ็ด สำหรับน้องซอลครับ” พี่ฮันเตอร์ยื่นกล่องข้าวด้วยมือเนียนละเอียดยิบแบบลูกคุณหนูผู้ดีให้ไอ้แว่น



เอ๊ะ แต่เมื่อกี๊พี่เขาเรียกไอ้แว่นว่าซอลหรือเปล่านะ เพราะถ้าใช่ นี่คือน่าแปลกมาก ทั้งมหาลัยนี้ ผมคิดว่ามีแค่ผมกับไอ้อาร์มเท่านั้นแหละที่รู้ว่าชื่อเล่นจริงๆของไอ้แว่นคือซอล ด้วยความที่มันสวมแว่นหนากับบุคลิกแบบโอตาคุ จึงถูกทุกคนเรียกว่าไอ้แว่นมาโดยตลอด



“ขอบคุณมากครับ” ไอ้แว่นรับกล่องอาหาร “เอ่อ.... ไอ้อาร์มไอ้เพลง นี่พี่ฮันเตอร์นะ พี่รหัสของกู”

“พี่รหัส!!!” ผมนี่ร้องเลย ไอ้อาร์มก็อึ้งไม่แพ้กัน

“ใช่”

“มึงเจอพี่รหัสแล้วเหรอ พี่เขาหายไปไหนตั้งสองปี แถมยังเป็นพี่....” กรรม ลืมตัว กูพูดมากเกินไปซินะ “ข...ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ว้าวววว เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงครองอันอับหนึ่งของหนุ่มฮอตของมหาลัย ทั้งหน้าตาและรอยยิ้ม สามารถติดตราตรึงจนเก็บเอาไปฝัน(เปียก)ได้เลย “น้องก็พูดถูกจริงๆนั่นแหละ พี่หายไปจากการทำหน้าที่พี่รหัสตั้งสองปี คนแบบพี่นี่มันแย่จริงๆ”

“ผ...ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ” รีบแก้ตัวๆ

“ไม่เป็นไรจริงๆ”

“สองคนนี้เป็นเพื่อนในแก๊งของผม ชื่อเพลงกับชื่ออาร์มครับ” ขอบใจนะไอ้แว่นที่ช่วยเปลี่ยนเรื่องให้กู

“อ๋อ สองคนนี้นะเหรอที่เล่าให้ฟัง” พี่ฮันเตอร์บอก “ที่บอกว่าไม่ค่อยฟังที่น้องซอลพูด”

“ใช่เลยครับ”

“ห๊ะ มึงพูดถึงพวกกูแบบนั้นเหรอไอ้แว่น” ผมนี่ขึ้นเลย

“ก็มันจริงอ่ะ” ไอ้แว่นยืนยัน “พวกมึงแม่งไม่เคยฟังเวลากูเล่าอะไรเลย”

อือหือออออ ไอ้แว่น มึงบังอาจพูดถึงด้านที่ไม่ดีของกูให้ผู้ชายที่หน้าตาดีระดับนี้ฟังเชียวเหรอ เดี๋ยวก่อนเถอะมึง

“แต่พี่ว่าน่ารักดีนะ เพื่อนของน้องซอลสองคนนี้”  งูยยยยย โดนพี่ฮันเตอร์ชมว่าน่ารักไปอีกกกก ขนลุกไปทั้งตัวเลยกู

เอาล่ะ กูล็อคเป้าหมายของวันนี้ได้แล้ว

“อย่าไปชมพวกมันมากเลยพี่ เดี๋ยวพวกมันเหลิง” ไอ้แว่น มึงกล้าดับฝันกูเหรอ “ยังไงก็ขอบคุณสำหรับข้าวมันไก่มากนะครับ แต่ผมก็บอกไปแล้วนะว่าไม่เป็นไรจริงๆ”

“เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ”

“โอเคครับ”

“แล้วพรุ่งนี้จะกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

“อะไรก็ได้ครับ ขอแค่ไม่เผ็ดก็พอ”

“ตกลง งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ ไปแล้วนะครับน้องๆ”

“หวัดดีครับ”

“สวัสดีคร้าบบบบบ” พี่ฮันเตอร์ของผมมมม



“อะแฮ่ม” ไอ้แว่นกระแอมใส่ผม “มากไปแล้วไอ้เพลง นั่นพี่รหัสกู”

“เพื่อนแว่นนนน เพื่อนแว่นสุดหล่อและแสนดี” เสียงอ่อนเสียงหวานก็มาว่ะกู

“อะไรของมึง จะมาจับมือกูทำไม ปล่อยเลย กูขนลุก”

“มึงช่วยติดต่อพี่ฮันเตอร์ให้กูหน่อยดิ นะนะนะนะ”

“ห๊ะ นี่มึงเจอเขาแค่สองนาที มึงก็จะรวบหัวรวบหางแล้วเหรอ แล้วพี่กูเขาก็ไม่ใช่.... หรือว่าเขาใช่วะ?”

“ก็... ไม่รู้ดิ แต่กูรู้สึกอะไรบางอย่างได้ เซนส์ของกูไม่น่าจะพลาดหรอก”

“ถามจริง”

“เอาเป็นว่ามึงติดต่อให้กู แล้วเดี๋ยวกูพิสูจน์ให้ว่าใช่หรือไม่ใช่ แบบนี้ดีไหม”

“เอางั้นเหรอวะ แต่กูกลัวพี่เขาจะโกรธกูเอาอะดิ”

“จะโกรธมึงเรื่องอะไร กูชอบเขา เกี่ยวอะไรกับมึง มึงแค่บอกพี่เขาให้หน่อยว่า กูชอบพี่ฮันเตอร์มากกกก ถ้าเป็นไปได้ มาเจอกับกูหน่อย ที่นี่ ตอนเลิกเรียน นะนะนะมึง ช่วยกูหน่อย”

“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอ่มมาจากไอ้คนข้างๆผม

“ส้นตีนติดคอมึงหรือไงไอ้สัดอาร์ม” อย่าบังอาจมาขัดขวางกูนะ วันนี้มึงห้ามกูไม่ให้เสียตัวไม่ได้หรอก

“เออๆๆๆ เดี๋ยวกูบอกพี่เขาให้” ไอ้แว่นรับปาก “กูต้องไปเจอพี่เขาอีกทีตอนบ่ายอยู่แล้ว แต่กูไม่รับปากนะเว้ยว่าพี่เขาจะโอเคด้วย”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ขอแค่มึงบอก รับรองว่ากูไม่พลาด คราวนี้กูก็จะได้มีเรื่องเล่าเด็ดๆแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบมาเล่าให้มึงฟังเป็นการตอบแทนไง”

“เออๆ”

“ขอบใจนะเพื่อนรัก”



เห้อออออ สบายใจล่ะ วันนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนและแน่นอน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกว่าโอกาสสำเร็จมีถึงห้าสิบเปอร์เซ็น

โอ๊ยยย แค่คิดก็ฟินแล้ว ได้เก็บคอลเล็คชั่นเพิ่ม แถมยังเป็นถึงอันดับหนึ่งของหนุ่มฮอตในมหาลัย เป็นดาราอีกด้วย สำหรับคนนี้จะมีเบิ้ลสองรอบก็จะไม่เกี่ยงเลย





“อ้าว แล้วไอ้อาร์มไปไหนอ่ะ” ผมถามไอ้แว่นเมื่อมื้อเที่ยงมาถึง ปกติไอ้อาร์มไม่เคยสาย มันน่าจะมาเป็นคนแรกๆ แต่ที่โต๊ะกลับมาแค่ไอ้แว่นคนเดียว

“มันโทรมาบอกว่าไม่ว่างอ่ะ” ไอ้แว่นตอบ “ให้พวกเรากินข้าวไปเลย ไม่ต้องรอ เห็นบอกว่าตอนเย็นมีซ้อมทีมรักบี้แมตสำคัญ คงจะเตรียมตัวเล่นมั้ง”

“งั้นเหรอ”

ดีเลย

สวรรค์เปิดทางให้ผมแล้ว ไม่มีไอ้อาร์มมาค่อยขัดขวาง ตอนเย็นมันก็ไม่ว่าง แบบนี้ก็หวานหมูละซิ



เห้อออออออ

เลิกเรียนซะที

เกือบจะไม่มีสมาธิเรียนแล้วเชียว มัวแต่คิดถึงเรื่องฟินๆที่จะได้ทำกับพี่ฮันเตอร์แล้วมันก็ชวนให้ความคิดเตลิดเปิดเปิงตลอดเลย ปกติผมไม่เป็นแบบนี้นะ เรียนก็คือเรียน แต่ช่วงนี้ของขาดไปนานจริงๆ

รีบไปรอที่จุดนัดหมายดีกว่า เผื่อพี่ฮันเตอร์จะมารอแล้ว



#เสียงโทรศัพท์

ห๊ะ!! ไอ้อาร์ม มันโทรมาทำไมวะ

จะรับดีไหม มันจะขัดขวางอะไรผมอีกหรือเปล่า แต่มันสัญญาแล้วนี่นาว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องของผมอีก

“ฮัลโหล มีไร” รับก็รับวะ

“ฮัลโหลๆไอ้เพลง” ไอ้อาร์มพูด น้ำเสียงฟังดูรีบร้อน “มึงช่วยมาที่สนามรักบี้หน่วยดิ ด่วนเลยๆ”

“ไม่ไปปปป กูมี....”

“รีบมานะ กูไม่มีเวลาคุยกับมึงมาก คนดูแลทีมไม่มา ไม่มีใครช่วยดูแลนักกีฬาเลยตอนนี้ เดี๋ยวกูต้องไปรายงานตัวลงสนามแล้วนะ รีบมานะมึง ไม่งั้นทีมกูอดโควตาไปทีมชาติทั้งทีมแน่ๆ แค่นี้นะ”

“แต่กูมี...” ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด

เฮ้ยยยยยยย มึงจะมาดับฝันกูด้วยวิธีนี้ไม่ได้นะไอ้อาร์มมมมม

กูทนมาตั้งกี่วันแล้ว นี่มันหลุดจากสถิติกูไปเยอะแล้วนะ ทำไมต้องเอาเรื่องทีมชาติของมึงมายุ่งกับความสุขในชีวิตของกูด้วยวะ.......







.......กูจะฆ่ามึงงงงงงงงง

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ไปดูแลทีมรักบี้อาจจะได้ของเด็ดกว่าพี่ฮันเตอร์ก็ได้นะเออ 55555555

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :pig4:

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 4 / ทนไหว vs ไม่ทน

ความที่ 2 จาก 2 / ฟรี vs ค่าบริการ (วงเล็บหนึ่ง)









#เสียงโทรศัพท์

“ไอ้สัดอาร์ม กูไปไม่ได้ มึงหาคนอื่นแทนกูเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้เพื่อนชั่ว มึงก็รู้นิว่ากูมีนัดแล้ว”

“นี่กูเอง ไม่ใช่ไอ้อาร์ม” ห๊ะ!? อ้าว

“ไอ้แว่นเหรอ มีไรมึง” ผมนี่รีบเช็คหมายเลขโทรศัพท์เลย

“คือ.... เรื่องที่มึงขอร้องให้กูไปพูดกับพี่รหัสกูอ่ะ มัน.... ไม่สำเร็จว่ะ”

“จริงดิ”

“เออ กูก็พยายามพูดแล้วนะ แต่พี่เขาดูจะโกรธมากเลย”

จริงเหรอวะ เซนส์กูพลาดขนาดนั้นเลยเหรอ

“เออๆๆๆ มึง ไม่เป็นไร ขอบใจมากนะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้พี่มึงโกรธ ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวกูช่วยอธิบายให้ละกัน”

“เออๆ งั้นก็ตามนี้นะ”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ มึงพอจะว่างไหม ตอนนี้อ่ะ”

“ทำไมวะ”

“ช่วยไปเป็นคนดูแลทีมรักบี้ให้ไอ้อาร์มหน่อยดิ คนดูแลทีมมันไม่มา”

“กูไม่ว่างอะดิ มึงไปเหอะ แค่นี้นะมึง”

“เฮ้ยไอ้แว่น แต่กู...” ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด



หือออออออ

อยากจะร้องไห้ ทำไมต้องทำกับกูแบบนี้ รู้ไหมว่าคนเราเวลาอารมณ์ทางเพศมันพุ่งพล่านมันรู้สึกยังไง เสียตัวก็ไม่ได้เสีย แถมยังต้องไปเหนื่อยทำงานอีก

หือๆๆๆ

ไปก็ได้วะ

ถ้ากูไม่เห็นแก่อนาคตทีมชาติของมึงนะไอ้อาร์ม กูจะเลิกคบเป็นเพื่อนกับมึงเดี๋ยวนี้แหละ





พระเจ้าาาาาาาาาา

นี่มันสวรรค์ของกูชัดๆ



ทันทีที่ผมเข้ามาในสนามซ้อมรักบี้ฟุตบอล ไม่มีอะไรเลยนอกจากผู้ชายกลัดมันสามสิบสี่สิบคน มีแต่หุ่นล่ำ กล้ามโต เป้าตุง แถมเข้าไปด้วยผิวกายที่มันเลื่อมไปด้วยเหงื่อ แบบนี้มัน......

ให้ตายเถอะ จริงๆก็รู้สึก​อยากจะขอบใจไอ้อาร์มนะที่ทำให้ผมได้มาอยู่ท่ามกลางสถานที่แบบนี้ แต่ในตอนนี้ที่ต้องเก็บกดอารมณ์แบบนี้ มาเจอสิ่งยั่วเย้าระรานตาขนาดนี้มันโคตรของโคตรของโคตรของโคตรทรมานเลย



“ไอ้เพลง ไอ้เพลง” เสียงไอ้อาร์มเรียกนี่นา “ทางนี้”

“อ...เออ” เพิ่งเคยเห็นไอ้อาร์มในชุดนักกีฬารักบี้ใกล้ๆแบบนี้ครั้งแรกเลย มันก็หุ่นดีเหมือนกันเนาะ ดูดิ เสื้อรัดจนกล้ามจะปลิ่นออกมาอยู่แล้ว กางเกงกีฬาชนิดนี้สั้นดีจังเลยเนาะ สั้นจนเหมือนจะซ่อนบังอะไรในนั้นไม่ได้เลย ทำไมเป้าไอ้อาร์มถึงตุงใหญ่ในขนาดนี้กันนะ.... ใหญ่แค่ไหนกัน???

“มึงมองอะไรของมึงวะ”

“ห...ห๊ะ” ชิบหายละ กูเผลอมองเป้าของไอ้อาร์มเหรอเนีย ต้องเรียกสติตัวเองกลับมา “น...ไหน... จะให้กูทำอะไร”

“มึงไปนั่งข้างสนามตรงนั้นนะ” ไอ้อาร์มอธิบาย “เดี๋ยวระหว่างแข่งจะมีนักกีฬาคอยมาขอน้ำขอผ้าเย็นจากมึง มึงก็ส่งให้เขาแค่นั้นแหละ แต่เฉพาะคนที่ใส่เสื้อสีขาวแบบกูนะ ไม่ต้องเอาไปให้ทีมสีแดง แล้วเดี๋ยวระหว่างแข่งจะมีคนมาขอให้มึงเซ็นชื่อรับรองนักกีฬา ก็แค่เซ็นไปนั่นแหละ ไม่มีอะไรมาก เข้าใจนะ”

“เออๆ เข้าใจ”

“ขอบใจที่มานะมึง กูนึกว่ามึงจะไม่ห่วงอนาคตทีมชาติของกูซะแล้ว”

“เออๆ รีบไปเหอะ แค่เซ็นชื่อแล้วก็ส่งน้ำกับผ้าเย็นใช่ป่ะ” ผมก็ปิ๋วจากพี่ฮันเตอร์หรอก ถึงมาได้

“อืม แค่นั้นแหละ” แล้วมันก็วิ่งไปรวมกับทีม



ผมเดินเลาะขอบสนามไปนั่งตามที่ไอ้อาร์มบอก ตรงนี้ก็มีแค่กระติกน้ำที่มีแก้วน้ำสำเร็จแช่ไว้กับผ้าเย็นจำนวนหนึ่ง ส่วนอุปกรณ์กีฬาที่กองอยู่ตรงนี้ผมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรมากเพราะพวกนักกีฬาเขาจัดการของเขาเอง

ปี๊ดดดดด

การแข่งขันเริ่มขึ้นจนได้

ในระหว่างแข่ง มีนักกีฬาคอยวิ่งเข้าวิ่งออกมาเอาน้ำกับผ้าเย็นตลอดเลย เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องมีคนดูแลทีม



อ๋อออ แบบนี้เองซินะ

เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้อาร์มถึงมีหวังเป็นนักกีฬาทีมชาติมากที่สุด ขนาดว่าผมดูกีฬาประเภทนี้ไม่เป็น ยังบอกได้เลยว่าฟอร์มของมันโดดเด่นกว่าคนอื่น วิ่งก็เร็ว เข้าทำก็เด็ดขาด แถมทะลุผ่านได้ทุกกำแพง ทีมที่มาแข่งด้วยดูเหมือนเป็นแค่คู่ซ้อมไปเลย



ผมใช้เวลานั่งแจกน้ำอยู่ข้างสนามพักใหญ่ ถามว่าเหนื่อยไหมก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้ที่ต้องต่อสู้กับอาการกำหนัดของตัวเองนี่ซิที่เหนื่อยสุดๆ ในบรรยากาศที่มีผู้ชายน่าเขมือบมากมายแบบนี้ เหมือนมันจะทำให้หัวใจของผมหลุดออกมาระเบิดข้างนอกได้เลย

ไม่ได้ ยังไงก็ต้องทนไว้ก่อน กูจะมาแสดงสีหน้าของคนหื่นกามต่อหน้าสาธารณชนได้ยังไง รออีกหน่อย เดี๋ยวก็จบแล้ว

แต่ว่ามันทนยากจัง ถ้าไม่ไหวจริงๆก็คงต้องช่วยตัวเองไปก่อนแล้วล่ะวันนี้

ปี๊ดดดดดดดดด

การแข่งขันสิ้นสุดลงในที่สุด โดยทีมของไอ้อาร์มชนะไปแบบไม่เห็นฝุ่น ซึ่งถ้ามีการแจกรางวัล MVP ไอ้อาร์มก็คงต้องได้รับรางวัลนี้อยู่แล้ว



แม่งเอ๊ยยยยย ไม่ต้องมากอดกันต่อหน้ากูก็ได้นะ ใครมันเป็นคนคิดวัฒนธรรมว่านักกีฬาต้องกอดกันหลังแข่งกีฬาจบวะ ยิ่งเห็นภาพแบบนี้ มันยิ่งกระตุ้นความอยากเสียตัวของกูรู้ไหม



“ขอบใจมากนะมึงที่มาช่วยงานวันนี้” ไอ้อาร์มรีบวิ่งเข้ามาขอบอกขอบใจผม

“ม...ไม่เป็นไร” ผมรีบตอบ “เสร็จเรื่องแล้วใช่ไหม งั้นกูขอตัวกลับแล้วนะ”

“เดี๋ยวดิ”

“อะไรอีกวะ” กูไม่ไหวแล้วนะ กูต้องการการระบายด่วนเลย

“เหลือเก็บเสื้อผ้าอีกอย่างนึง” ห๊ะ!! “น๊านะ อย่างสุดท้ายแล้ว ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวกูช่วย เสร็จแล้วมึงกลับได้เลย”

“แน่นะ”

“เออ แน่”

“เดี๋ยวๆ แล้วมึงจะพากูไปไหน”

“ก็ไปล็อคเกอร์นักกีฬาอะดิ.....”



ไม่น๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

กูจะทนอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง

เผลอแป๊บเดียว ผมก็มาอยู่ท่ามกลางหมู่มวลนักกีฬาที่พากันถอดเสื้อผ้า อาบน้ำ เปลี่ยนชุด โดยไม่มีคำว่าเขินอายที่จะโชว์ความเป็นลูกผู้ชายของกันและกันเลย

ห้องน้ำที่นี่มันไม่มีประตูกั้นซะหน่อยเลยรึไงวะ ให้กูมาเห็นภาพผู้ชายโชว์ผิวอาบน้ำ และหยอกล้อเล่นกัน กูจะไปตั้งสติอยู่ได้ยังไงกัน

ตอนนี้ผมเกร็งซะจนเล็บเท้าแทบจะจิกเข้าไปในรองเท้าได้อยู่แล้ว



“ไอ้เพลง ไอ้เพลง!”

“ห๊ะ!!!” มึงอย่าเรียกกูบ่อยได้ไหมไอ้อาร์ม กูไม่มีสติคิดเรื่องดีๆในหัวเลยตอนนี้

“เก็บดิวะ ของเรี่ยราดเต็มพื้นหมดแล้ว เดี๋ยวนักกีฬาก็สะดุดหัวแตกหรอก”

“อ...เออ อ...โอเค” ผมทำตาม ตอนนี้ต้องพยายามไม่คิดอะไรมาก มองพื้นเข้าไว้

“แยกเสื้อใส่ตะกร้านี้นะ ส่วนกางเกงก็ตะกร้านี้ หมวกตะกร้านี้ ผ้าเช็ดตัวตะกร้านี้ ส่วนอื่นๆก็ตะกร้านี้ ถ้าไม่แยก ร้านเขาจะไม่รับซักให้......... ไอ้เพลง!!!”

“อะไร!! กูก็เก็บอยู่นี่ไง” ผมแก้ตัว จริงๆแล้วคือเมื่อกี๊ผมสติหลุดไปแวบนึง ก็ภาพต่างๆมันชวนให้มองอ่ะ



เก็บๆๆๆ อย่าคิดอะไรทั้งนั้น

หลับตาทำงานได้ไหมเนี่ย



ผมกับไอ้อาร์มช่วยกันเก็บข้าวของที่นักกีฬาวางเกลื่อนทั่วห้อง พวกเขาใช้เวลากันแค่สิบห้าถึงยี่สิบนาทีเท่านั้นในการอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จะค่อยๆทยอยกันออกไป จนกระทั่งนักกีฬาคนสุดท้ายกำลังจะออกไป



“กูกลับแล้วนะเพื่อน” คนสุดท้ายกล่าวลาไอ้อาร์ม

“โอเค” ไอ้อาร์มตอบ

“เจอกันพรุ่งนี้ วันนี้มึงเจ๋งมาก”

“มึงก็ใช้ได้ แต่การ์ดมึงหลวมไปหน่อยนะ อย่าลืมปรับปรุงด้วยล่ะ”

“โอเคกัปตัน” แล้วคนสุดท้ายก็จากไป

“ฟูวววว” ไอ้อาร์มเป่าปาก “ที่เหลือก็ฝากจัดการต่อด้วยนะ ขออาบน้ำก่อน ไม่ไหวแล้ว”

“โอเ...........” เฮ้ยยย!!!!!

แม้กระทั่งไอ้อาร์มก็ไม่คิดจะอายซะหน่อยเลย จู่ๆมันก็ถอดเสื้อถอดกางเกงทิ้งลงพื้น แล้วคว้าผ้าเช็คตัวเดินเข้าห้องน้ำไป แล้วนั่นมัน....



ตึ้ก ตึ้ก

หัวใจเต้น

เมื่อกี๊นี่มันอะไรกัน

เพียงแวบเดียวที่ไอ้อาร์มเดินผ่านไป ผมเหลือบไปเห็นน้องชายของมัน ไม่ใช่แค่นั้น แต่ไอ้ท่อนเอ็นนั้นมันกำลังตั้งโด่ชี้ขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว คล้ายว่าต้องการอวดโฉมให้ใครก็ได้แถวนี้เข้าไปเชยชม

ฉ่าาาาาาาาาาาาาาาาาา

ไอ้อาร์มกำลังอาบน้ำแล้วซินะ เนื้อตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของมันคงเปียกปอนไปด้วยน้ำใสๆเย็นๆ



เสียว เสียวมาก ดี....ด....ดีจัง โอ๊ย มันส์ มันส์สุดๆไปเลย

ชิบหายแล้วไงกู

เสียงจากความทรงจำของการระเริงรักระหว่างผมกับไอ้อาร์มในคืนนั้น ดังขึ้นในหัวของผมอย่างชัดเจน

มือที่กำลังเก็บเสื้อผ้าของผมหมดเรี่ยวแรงไปเลย เข่าก็แทบจะอ่อนทรุดไปที่พื้น



ม....ไม่....ไม่ไหว

ไม่ไหวแล้ว

แบบนี้ใครที่ไหนมันจะไปทนได้กัน

ไม่ทนแล้วเว้ยยยยย



ขาของผม จู่ๆมันก็ออกเดินไปเอง ทั้งที่ส่วนหนึ่งของจิตใจกำลังห้ามอยู่ แต่ไอ้เท้าเจ้าปัญหานี่ซิ ไม่มีท่าทีจะหยุดเดินต่อเลย

อย่าไปดิวะ อย่าเดินต่อไปนะ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

สุดท้ายมือผมก็เคาะไปที่ผนังบุของห้องน้ำจนได้



“ใครอ่ะ” ไอ้อาร์มเอ่ยถาม ตัวมันยังคงอาบน้ำอยู่ ส่วนผมก็ยืนหลบมุมมาหน่อย ไม่ถึงขั้นโผล่พรวดเข้าไปเลย ต่อให้อยากมองแค่ไหน แต่ยังไงผมก็ยังต้องมีฟอร์มไว้บ้าง

“ก...กูเอง” ผมตอบ

เสียงฝักบัวเงียบลง แล้ววินาทีต่อมาไอ้อาร์มก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า

“มีไรวะ” มันถามทั้งที่ยังตัวเปียกและไม่มีอะไรบิดบังร่างกายไว้เลย

“กู....ก...กูเก็บของเสร็จ...หมดแล้ว” เอาจริงๆนะ ขนาดว่าสติเริ่มหลุดลอยไปแล้ว ยังรู้เลยว่าดวงตาผมจับจ้องอยู่เพียงแค่ท่อนเอ็นที่ชูชันของไอ้คนตรงหน้า สมกับที่มันชื่ออาร์มจริงๆ ความใหญ่โตแทบจะระดับเดียวกับแขนของผมเลย จำเป็นต้องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ คืนนั้นผมรับมือกับไอ้เจ้าท่อนใหญ่โตขนาดนี้ได้จริงน่ะเหรอ

“โอเค ขอบใจมากเพื่อน งั้นก็กลับเลย กูไม่รั้งมึงไว้แล้ว กูขอตัวอาบน้ำต่อก่อนนะ”

“ด...เดี๋ยว” อย่าเพิ่งไปดิวะ

“อะไรวะ”

“ค...คือ.... คือกู... คือ...”

“มึงมองอะไรของมึงเนีย....”

“ก...กู....คือ....”

“หน้าแดงแบบนี้ ตามองแต่มังกรของกูแบบนี้ นี่มึงเซี่ยนอยากเสียตัวอยู่ใช่ไหมเนี่ย”

“ป...เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย” จะบ้าเหรอ ยังไงก็ต้องปฏิเสธไปก่อน จะให้ยอมรับว่ามีอารมณ์กับมันได้ไง

“อ้าว ถ้าไม่มีอะไรงั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วครับคุณเพลง”

“ด...เดี๋ยวดิ”

“อะไรของมึงอีก”

“เออๆ” ยอมรับก็ได้วะ ช่างแม่งมันเหอะเรื่องอื่น ยังไงก็ต้องจัดการกับความกำหนัดนี้ก่อน ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“เออ? เอออะไรของมึงวะ” ถามเพื่อ? มันเข้าใจยากตรงไหนวะ

“ก็เออไง กูเซี่ยน ช...ช่วยทำกับกูหน่อยดิ...นะ” นี่กูไม่ได้กำลังทำเสียงออดอ้อนอยู่ใช่ไหม

"........." หือ? แทนที่มันจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ มันกลับยื่นมือออกมารอรับอะไรบางอย่าง

“อะไร มึงจะเอาอะไร” ผมถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ค่าบริการไง”

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 4 / ทนไหว vs ไม่ทน

ความที่ 2 จาก 2 / ฟรี vs ค่าบริการ (วงเล็บสอง)




“ห๊ะ อะไรนะ นี่กูอุตส่าห์มาช่วยงานมึงฟรีๆนะ ตอบแทนกูบ้างไม่ได้เหรอ”

“อันนั้นกูขอร้อง แล้วมึงก็เต็มใจมาช่วย ซึ่งมันจบไปแล้ว แต่อันนี้คือดีลใหม่ และถ้ามึงอยากเสียตัวกับกู มึงก็ต้องจ่ายมาก่อน กูเป็นถึงกัปตันทีมรักบี้ ไม่ทำให้ฟรีๆหรอกนะ”

“ไอ้สัด เลวชิบหายเลยมึงอ่ะ”

“สรุปว่าจะจ่ายหรือไม่จ่าย”

“เออ จ่ายก็ได้ กูมีแค่ร้อยเดียวนี่แหละ เอาไป” ผมยัดเงินใส่มือของไอ้หน้าเลือด

“ไม่พอ ต้องสองร้อย”

“โห ไรวะ เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอามาเพิ่มให้”

“ไม่ได้ ต้องเดี๋ยวนี้”

“เฮ้ย กูเพื่อนมึงนะ”

“เพื่อนกันนี่แหละตัวโกงเลย”

“ก็กูมีไม่พออ่ะ แถมตอนนี้กูก็....”

“ทำไม? จะทนไม่ไหวแล้ว ว่างั้น?”

“ก็เออดิวะ”

“เอางี้แล้วกัน” ไอ้อาร์มเอาเงินยัดคืนกระเป๋ากางเกงของผม แล้วเอานิ้วแตะที่แก้มของมัน

“อะไร?”

“ค่าบริการไง หอมแก้มกูแทนเงินสองร้อย”

“พ่อมึงดิ มึงก็รู้ว่ากูไม่หอมแก้มใครทั้งนั้น แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ”

“ไม่มีค่าบริการ ก็ไม่มีบริการ”

“ไม่เอาอ่ะ เอาเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ”

“งั้นก็บ๊ายบาย”

“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวๆๆ”

“จะเอาไง กูไม่ว่างต่อรองกับมึงนานนักหรอกนะ”

“แค่หอมแก้มอย่างเดียวใช่ไหม”

“เออ มึงไม่เสียหายนักหรอกน่ะ วันนั้นก็จูบกันมาแล้ว”

“ตอนนั้นมันเมา แต่ตอนนี้กูมีสติดีนี่หว่า”

“สรุปว่าจะหอมหรือไม่หอม”

“เออ ก็ได้ๆ หอมก็หอม”

“เอาดิ” มันยื่นแก้มมาให้ผม

เห้ออออ เอาวะ

จุ๊บ

สุดท้ายก็ต้องทำ

ชิบหายเหอะ ไม่คิดเลยว่าต้องมาหอมแก้มไอ้เพื่อนชั่วนี่

“ก็แค่นั้นแหละ” ไอ้อาร์มพูด “ทำเป็นหวงไปได้ แต่แกล้งมึงนี่กูสนุกดีนะ”

“กูทำตามที่มึงบอกแล้ว จะเริ่มได้ยัง”

“เอาดิ..... เดี๋ยวๆ มึงจะเดินไปไหน”

“ก็ไปล้างตัวไง เพราะมาช่วยงานมึงนั่นแหละ ตัวกูเหนียวหมดแล้วเนีย”

“นี่มึงคิดว่ากูจะรังเกียจมึงด้วยเหตุผลแค่นี้อะเหรอ มานี่!”

“ฮ....เฮ้ย เดี๋ยวๆๆๆ ทำอะไรน่ะ”

จู่ๆผมก็ถูกกระชากเข้าไปหาตัวของไอ้นักรักบี้ชีเปลือย ก่อนจะถูกปลดเข็มขัดและกางเกงออกไปอย่างรวดเร็ว มันแทบจะไม่สนใจเสื้อของผมเลยด้วยซ้ำ

นี่สรุปว่าใครกำหนัดกันแน่วะ เอาเหอะ กูถอดเสื้อเองก็ได้

“เฮ้ยยยย!!!”

จู่ๆ ไอ้อาร์มก็ยกผมจนตัวลอยเลย แถมจับพลิกกลับหัวกลับหางอย่างง่ายดาย นี่กูตัวเล็กขนาดนั้นเลยเหรอ

“อยากเสียตัวนักไม่ใช่งะ” มันพูด คือหน้าของผมตอนนี้ หันลงดิ่งไปที่พื้น แถมยังชนเข้ากับท่อนแข็งขืนของไอ้บ้าอาร์มอีก “เดี๋ยวกูจัดให้”

“ด...เดี๋ยว มึงจะทำอะไรน่ะ ย...อย่านะ อย่าเลียตรงนั้น ย...อย่า.... อ่าอาอ่าอาอ่าอาอ่าอาอ่า โอ๊ยยยย ซี๊ดดดดดด โอ๊ยยยยยยยยยย ย... เสียว อย่า....มันเสียว ส...เสียวเกินไปแล้ว” ร้องไม่เป็นภาษาคนเลยกู

ไม่นึกเลยว่าการถูกลิ้นอ้วนๆชอนไชแยงเย้าใส่ช่องสวาทมันจะซาบซ่านถึงใจขนาดนี้

"อี๊...ย....ย....." ไม่ได้แล้ว กูต้องหาอะไรมายัดปาก ไม่งั้นได้ร้องครางน่าอายแบบนี้ไม่หยุดหย่อนแหงเลย.... เอาไอ้นี่ก็แล้วกัน

เพื่อป้องกันไม่ให้ผมส่งเสียงน่าอายจนเกินไป ผมจึงจับท่อนเอ็นอันมหึมาตรงหน้ายัดใส่เข้าไปในปาก

ว้าว รสชาติดีจัง รสชาติของว่าที่นักรักบี้อนาคตทีมชาติมันดีขนาดนี้เลยเหรอ แข็งแต่นุ่มลิ้น

“อูวววว อี้ อูววววว” เอาวะ ถึงผมจะยังมีเสียงอู้อี้ออกมาหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าเสียงกระเส่าที่ฟังไม่เป็นภาษา

“เก็บเสียงทำไม ร้องออกมาเลย” ไอ้อาร์มหยุดเพื่อพูด

“ไอ่(ไม่)” ผมปฏิเสธในขนาดที่ยังมีท่อนแข็งคับเต็มปากอยู่

“ไม่เหรอออออ ดูซิว่าแบบนี้จะเก็บเสียงไหวไหม” แล้วจู่ๆ ไอ้อาร์มมันก็ใช้ลิ้นและริมฝีปากจู่โจมอย่างหนักเข้าใส่ช่องแคบของผมแบบไม่คิดชีวิต

“อู....อู....อูววววว อะ...อา....อ่า.... โอ๊ยยยย ส....เสียว.... เสียวไปหมดแล้ว” เก็บเสียงไว้ไม่ไหวจริงๆด้วย ถ้าผมไม่ร้องออกมาตอนนี้ คงได้อกแตกตายเป็นแน่

“อ...โอ๊ยๆๆๆ ไอ้สัดเพลง กูเสียว”  มึงคิดเหรอว่ากูจะยอมครางออกมาคนเดียว การใช้ลิ้นของกูก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครเหมือนกันนั่นแหละ “ด...ได้ มึงคิดจะแข่งกับกูเหรอ”

“ซี๊ดดดดดดดดดดด อาาาาาาาาาาาาาาาาาาาซ” ทำไมมันถึงรู้สึกซาบซ่านถึงใจไม่หยุดแบบนี้

“ช...เชี่ย... ดูดเก่งชิบหาย” ผมก็ต้องไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

นี่เป็นการแข่งทำให้อีกฝ่ายเสียวหรือไงกันนะ ใครมารู้เข้าคงอายเขาชิบหาย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ กูจะมายอมแพ้ไม่ได้



“ด....เดี๋ยว....เดี๋ยวก่อน ทนไม่ไหวแล้ว” แต่เมื่อผ่านไปไม่นาน กลับกลายเป็นว่าผมคือฝ่ายต้องขอยอมแพ้ แต่แทนที่ไอ้สัดอาร์มมันจะหยุดเลียช่องรักของผม มันกลับรุกหนักยิ่งกว่าเดิมซะอีก “ด...ด...เดี๋ยว... กู.... เดี๋ยวก่อน.... กูจะ...... อ๊อยยยยยยยย ซี๊ดดดดดด อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาซซซ”

น....นี่มันอะไรกัน

น้ำกามของผมพุ่งทะลักออกมาเฉยเลย

ของเหลวขาวข้นที่มาจากตัวผม หยดเปื้อนเต็มพื้นไปหมดเลย

แม่ง น่าอายชะมัด ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรจริงจังเลยแท้ๆ เสียเชิงคนมีประสบการณ์หมด

 “มึงนี่มันร่านจริงๆ ยังไม่ทันโดนเสียบเลย แตกซะแล้ว” ไอ้อาร์มมันเยอะเย้ยผม

“ก...ก็กู...ทนมาตั้งหลายวันนี่หว่า” ผมอ้าง

“จริงอ่ะ!?” จู่ๆ ไอ้อาร์มก็จับผมพลิกกลับ เลิกกลับหัวกลับหางแล้วมาอยู่ในท่ายืนปกติ “นี่มึงไม่ได้ไปทำอะไรกับใครมาเลยเหรอ”

“ก็เพราะมึงนั่นแหละ.... ยิ้มเหี้ยไร ถ้าไม่ใช่เพราะกูหยุดไปหลายวัน กูไม่เสร็จง่ายๆแบบนี้หรอก”

“เออๆๆ กูผิดเอง งั้นเดี๋ยวกูทำชดเชยให้ ว่าแต่ มึงยังไหวใช่ไหม หรือว่าหมดอารมณ์แล้ว”

“ก...ก็ยังหรอก”

“ใช้ได้นี่หว่า แบบนี้ค่อยคุ้มที่มึงเอ่ยปากขอหน่อย”

“พูดมากนะมึงอ่ะ รีบๆยัดเข้ามาซะทีเหอะ อะนี่ เจล”

“โอ้โห นี่มึงถึงขั้นพกเจลติดตัวเลยเหรอ กูรู้นะว่ามึงเป็นพวกขี้เซี่ยน แต่ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้... โอเค เดี๋ยวกูจัดให้ ถ้าเสียบแล้วไม่ร้อง อย่ามาเรียกกูว่าไอ้เสืออาร์ม”

“ทำให้เก่งอย่างที่ปากโม้เหอะ”

“ค่อยดูกันไป” สิ้นคำพูด ไอ้อาร์มจับตัวผมให้หันหลังและคุกเข่าไปกับพื้น ก่อนจะบังคับให้ผมเอามือทั้งสองข้างค้ำกับพื้นห้องน้ำไว้

มันคิดจะเล่นท่าด็อกกี้ซินะ ท่าแบบนี้คิดว่าจะทำให้กูร้องครางได้ มึงคิดผิดถนัดเลย นี่มันท่ามาตรฐาน กูเจอมาแล้วทุกรูปแบบ บอกเลยว่าสบายมาก

หึ! เดี๋ยวนะ ทำไมไอ้อาร์มวางเท้าของมันลึกจัง เท้าของมันอยู่ระดับเดียวกับเอวของผมเสียด้วยซ้ำ จะบ้าเหรอ แบบนี้กูก็ต้องโดนเสียบลึกจนสุดลำเลยอะดิ

“เดี๋ยว....ดิ.....อ๊ากกกก โอ๊ยยยยยย” บ้าเอ๊ย ไอ้อาร์มกำลังยัดท่อนแข็งของมันเข้ามาในช่องเสียวของผมแล้ว ผมเคยรับกับขนาดของท่อนนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงยังเจ็บแน่นเหมือนเดิมเลยล่ะ ทั้งใหญ่ ทั้งยาว ทั้งแข็งแกร่ง

“เชี่ย แม่งเอ๊ยยยยย ทำไมฟิตแบบนี้วะ น...ไหนมึงบอกว่าโดนเสียบมาเยอะแล้วไง มันไม่ควรจะฟิตแบบนี้ดิ มึงแค่โม้หรือเปล่าวะ”

“ม...โม้ ซี๊ดดด โม้เชี่ยอะไรล่ะ โอ๊ยยย ม..มึงนั่นแหละ ใหญ่ก...เกินมนุษย์มนา” ผมทั้งเถียงทั้งคราง “กูไม่เคย.... ม...ไม่เคยโดนที่ใหญ่ขนาดนี้หรอกนะ อาาาาาาาาาาซ”

“ฟูววว เข้าได้ซะที” ไอ้อาร์มบ่น “ไหนดูดิที่บอกว่าเซี่ยน มึงจะปากเก่งไปได้สักกี่น้ำ”

แล้วการขยับก็เริ่มขึ้น

“อื.....อื.......อือออออ..... งือออออออ งูยยยยยยยยยยยยยย”

“นั่นไง ไอ้สัดเอ๊ย แล้วทำปากเก่ง เพิ่งจะเริ่มขยับเอง”

“ก.... ก็มัน.... อ๊อยยย มันเสียวนี่หว่า”

“อ...เออ กูก็เสียว ต...แต่กูรู้ ว่าคนอย่างมึงไม่หายเซี่ยนง่ายๆหรอก เดี๋ยวจัดให้แรงกว่านี้”

เอาแล้วไง ไอ้อาร์มมันกำลังจะเร่งจังหวะแน่ๆเลย

“อื..... อาาาาาาาาาซ อ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียว ส...เสียว เสียวมากมึง แม่งโคตรเสียวเลย อ๊อยยย อูววววววว” ผมห้ามไม่ให้ตัวเองส่งเสียงครวญครางออกมาไม่ได้จริงๆ แค่ต้องรับมือกับท่อนขนาดใหญ่ก็พอแรงแล้ว แต่นี่มันทั้งเร็วทั้งแรง แถมความแข็งของไอ้ท่อนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทั่วร่างมันเลย



“อยากให้แรงกว่านี้ไหม”

“อ...อืม....ได้....แรงๆก็ได้”

“จัดไปอย่าให้เสีย”

“โอ๊ะ อูยยยยยย ส...เสียว เสียวโคตร ไม่เคยรู้สึกเสียวขนาดนี้มาก่อนเลย”

“ชอบแบบนี้ใช่ไหม”

เหมือนไอ้อาร์มมันจะรู้ใจผมดี มันไม่หยุดหย่อนผ่อนจังหวะบ้างเลย มีแต่จะเร็วและแรงมากขึ้นไม่ว่าจะเปลี่ยนไปท่าไหน แถมยังอึดสุดๆ นี่คงเป็นผลมาจากการที่มันเป็นนักกีฬาระดับชาติซินะ

จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ไล่ล่าเสียตัวให้ใครต่อใครมากว่าสองปี คนแรกที่ทำให้ผมร้องครวญครางจนเกือบจะร้องขอชีวิตได้ ก็มีแค่ไอ้อาร์มคนเดียวนี้แหละ ตามหาความถึงใจในกิจกรรมทางเพศมานาน ไม่คิดเลยว่าเพชรน้ำเอกจะอยู่ใกล้ตัวมาโดยตลอด



“อ...ไอ้อาร์ม” ผมหอบหนัก

“อะไรวะ” มันยังหลับหูหลับตากระแทกใส่ผมไม่ยั้ง

“ต...แตก....แตกเหอะ ก... อูยย กูไม่...ไม่ไหวแล้ว น...นะ ข....ขอร้อง”

“มึงแน่ใจนะว่ามึงจะหายเซี่ยน... โอ๊ย ไอ้สัดเพลง ซอยมาขนาดนี้แล้วทำไมมึงยังตอดอยู่ได้วะ โคตรเสียวเลย”

“เออ...อ....เออ โอ๊ย เสียวสัด ก...กูหายแล้วจริงๆ”

“หายกี่วัน วันเดียวหรือสองวัน”

“ม....ไม่รู้ เชี่ยอาร์ม กูเสียว บ...บอกว่าแตกได้แล้วไง”

“กำหนดวันมา ไม่งั้นกูจะซอยแม่งอยู่อย่างงี้แหละ เอาให้มหาลัยปิดไปเลย”

“ส...สี่ ไม่...ไม่ใช่... ห...ห้า ห้าวัน”

“ห้าวัน? แน่นะ ถ้ากูเห็น...มึงไปมีอะไรกับใครในห้าวันนี้ กูจะถือว่ามึงเป็นไอ้ไก่อ่อน ผิดคำพูด”

“อ....เอออออ แตกซะทีเหอะน่า ก....กูใจจะขาดอยู่แล้ว”

“เค งั้นกูขอเฮือกสุดท้าย.... เอาไป!”

“อ...ไอ้...อาร์ม...อ....ไอ้....สัด... อ่ะๆๆๆ ก...กู..เสียว...กู....เสียว.... โอ๊ย...แม่ง... เสียวเหี้ยๆ มันส์โคตร ม....ไม่ไหว ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว โอ๊ย โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” โดนเร่งจังหวะกระแทกเข้าไป ผมก็ต้องเสร็จเป็นรอบที่สองอะดิ

“ต...แตก แตก ออก มา แล้ว อาาาาาาาาาาาาาาาาาาซ” ไอ้อาร์มก็เหมือนกัน



มันมาอีกแล้ว ความรู้สึกท่วมท้นเต็มแน่นข้างใน ไอ้บ้าอาร์มนี่มันเป็นแหล่งผลิตน้ำเชื้อของโลกหรือไงวะ ทำไมปล่อยออกมาได้เยอะขนาดนี้ ขนาดว่ายังไม่ถอดร่างที่สอดใส่ออก ผมยังรู้สึกเลยว่าของเหลวมันล้นทะลักออกมาได้

แต่ก็รู้สึกดีชะมัดเลย ครั้งแรกที่ทำกับมันรู้สึกยังไง ครั้งนี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิมสักนิด ให้ความรู้สึกมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ

ทีแรกนึกว่าเป็นเพราะผมเมาอยู่ ก็เลยรู้สึกเหมือนอารมณ์ทางเพศถูกเติมเต็ม แต่พอได้มาทำตอนที่ยังมีสติสมบูรณ์ดีทุกอย่างแบบนี้ ก็รู้เลยว่าไอ้อาร์มนี่แหละ...ของจริง



สงสัยจริงๆว่าพวกผู้หญิงที่ผ่านมือมันมาสามารถทนกับกิจกรรมร่วมเพศระดับนี้ได้ยังไง แต่ก็อีกนั่นแหละ แบบนี้ก็ทำให้เข้าใจขึ้นแล้วว่าทำไมผู้หญิงที่เสร็จมันแล้วเกือบทั้งหมด ถึงได้อาลัยอาวรณ์มันนัก ส่วนหนึ่งก็คงเพราะความถึงใจถึงอารมณ์แบบนี้นี่เอง





“ทำเหี้ยอะไรของมึงเนีย กูบอกว่ากูอยาก แต่ไม่ได้บอกว่าต้องทำถึงขนาดนี้ ดูดิเนีย จนมหาลัยจะปิดอยู่แล้ว” ผมบ่นหลังจากเรี่ยวแรงกลับมาแล้ว

ขณะนี้ผมกับไอ้อาร์มกำลังแต่งตัวในส่วนล็อคเกอร์ เก็บเสื้อผ้ากลับมาทำหน้าที่เดิมของมัน

“ก็มึงบอกเองว่าทนมาหลายวัน” ไอ้อาร์มตอบไปด้วยเช็ดตัวไปด้วย แต่ผมแอบเห็นนะว่าน้องชายออกมันเหมือนจะยังสามารถออกศึกต่อได้อยู่เลย “กูก็เลยจัดให้หายอยาก แล้วมึงก็เป็นคนร้องขอเองด้วย จะมาบ่นอะไร”

“ไม่บ่นก็ไม่ใช่คนแล้วไหม ใครมันจะไปทนโดนปู้ยี่ปู้ย่ำได้ขนาดนั้นวะ แล้วก็จะบอกให้นะ จริงๆแล้ว กูอยากได้เพื่อนของมึงมากกว่า ถ้าไม่ติดว่าเหลือมึงอยู่คนเดียว กูไม่มีทางออกปากหรอก”

“ใคร? มึงหมายถึงไอ้พวกลูกทีมของกูอะนะ อะโด กูจะบอกให้นะเว้ย กูอาจจะไม่หล่อเท่าไอ้พี่ฮันเตอร์ที่มึงอยากได้ แต่เรื่องเสียบเรื่องซอยแบบนี้ ทั้งทีมนักรักบี้ที่ว่าโหดๆ ยังยอมซูฮกให้กูเลย มึงอ่ะโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้กะกู”

“โชคดีพ่อมึงดิ มึงอ่ะ ทำกูเสียหลักการ คนอย่างกูไม่เคยได้ใครเป็นรอบที่สอง แต่เพราะแผนการชั่วๆของมึงนั่นแหละที่ทำให้กูต้องมาเสียตัวให้มึงอีกครั้ง นี่ถ้าไอ้แว่นรู้เข้า ล้อกูชิบหายเลย”

“เอาน่า กูไม่พูด มึงไม่พูด แล้วไอ้แว่นจะรู้ได้ไง จะมีอะไรกับกูอีกสี่ห้าครั้งก็ไม่เสียหาย”

“เสียเว้ย อย่างมึงอ่ะแค่สองครั้งก็เกินพอแล้ว”

“เหอะ มึงจะไปหาคนมาเติมเต็มความเซี่ยนของมึงอย่างกูได้จากไหน ห๊ะ? ถามจริง สองปีมานี้ มึงเจอสักคนนึงหรือยัง”

“ทำไมจะไม่มี”

“ใคร? ไหนพูดมาสักคนดิ”

“ก็..........” จะอ้างชื่อใครดีวะ นึกไม่ออกสักคนเลย

“ไอ้สัด ไม่มีก็บอกว่าไม่มีเหอะ..... ก็บอกแล้วไงว่าคนอย่างกูมันหาไม่ได้ง่ายๆ โอเค มึงอาจจะหาเจอก็ได้ แต่มึงอาจจะต้องใช้เวลาอีกนานนนน แล้วทุกครั้งที่มึงเสร็จภารกิจ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ค้างคา กูพูดถูกไหม”

“........................” ไอ้เวร พูดซะถูกหมดแบบนี้ แล้วกูจะเถียงยังไงล่ะ

“เงียบแบบนี้ แสดงว่ากูพูดถูก” มันเดินมานั่งที่ม้ายาวตัวเดียวกับผม ก่อนจะพูดต่อแบบจริงจัง “เอางี้ ระหว่างที่มึงยังหาใครแบบกูไม่ได้ มึงก็ใช้บริการจากกูไปก่อน ส่วนเรื่องที่มึงกลัวว่าไอ้แว่นจะรู้เรื่อง กูสาบานเลยว่าจะไม่พูด ไม่ระแคะระคายให้มันรู้สักนิดเลย ดีซะอีก ถ้าตกลงกันให้ชัดเจนไป ความเป็นเพื่อนของเราก็ไม่เปลี่ยนไปด้วย”

“นี่มึงสะกดจิตกูอยู่หรือเปล่าเนี่ย”

“เปล่า กูก็แค่เสนอทางเลือก กูเองก็ยอมรับว่าจากที่เคยทำเรื่องแบบนี้มาทั้งหมด มึงก็เป็นแค่คนเดียวที่ทำให้กูรู้สึกดีที่สุด เพราะงั้นข้อตกลง ถือว่าเราได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่”

“......................” ที่แม่งพูดมาก็ฟังดูน่าสนใจเหมือนกันแฮะ เอาไงดีวะ

“ว่าไง จะดีลหรือไม่ดีล”

คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เอาวะ ก็ได้ “ดีล”

ผมกับไอ้อาร์มจับมือกันและจ้องตากันอย่างจริงจัง

“ก็แค่นั้นแหละ ทำอิดออดอยู่ได้ตั้งนาน ไอ้สาด”

“โอ๊ย” หนอยยย กล้าตีหัวกูเหรอ แล้วยังมีหน้าเดินหนีกลับไปเก็บของต่ออีก

“มึงมันก็แค่เหยื่อตัวน้อยๆ อย่าทำเป็นอวดเก่งกับกู เข้าใจไว้ซะ”

“โถๆๆๆ อย่ามาหลงเหยื่ออย่างกูก็แล้วกัน เหยื่ออย่างกูนี่แหละที่เหยียบนักล่ามาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ วันไหนโอดครวญหากูขึ้นมา เดี๋ยวจะหัวเราะให้ฟันหัก”

“เหอะ ใครกันแน่ที่ครวญคราง”

“ชิ”

ผมหยุดเถียงเพื่อทำสิ่งที่ควรทำ

“ยาอะไรวะ” ไอ้อาร์มสังเกตเห็นแผงยาที่ผมควักออกมาจากกระเป๋ากางเกง “นี่มึงเล่นยาเหรอ”

“เล่นยาพ่อมึงดิ นี่เขาเรียกว่ายาเพร็พเว้ย เอาไว้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก็มึงนั่นแหละที่เสียบกูสดๆ แถมปล่อยในอีกต่างหาก ครั้งที่แล้วที่เผลอทำไรกับมึงไปกูก็กินยานี่เหมือนกัน... เฮ้ย! เอามานี่ จะเอายากูไปไหน”

“มึงจะแดกทำไม”

“เอ้า ก็อธิบายให้ฟังไปแล้วไง”

“กูรู้ แต่มึงไม่จำเป็นต้องกินของแบบนี้หรอก เพราะกูป้องกันทุกครั้ง ที่ทำแบบนี้...................









.......................ก็มีแค่มึงคนเดียวนั่นแหละ”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... สงบ vs ฟุ้งซ่าน - 30/12/2018
«ตอบ #21 เมื่อ30-12-2018 22:02:51 »

TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 5 / บังคับ vs เต็มใจ

ความที่ 1 จาก 3 / สงบ vs ฟุ้งซ่าน









“เห้ออออออ”

“เป็นไรวะไอ้อาร์ม ถอนหายใจซะแรงเลย” ไอ้แว่นสงสัยแต่ตาก็ยังจ้องอยู่ที่คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของตัวเองและพิมพ์จนนิ้วเป็นระวิง

“กูนึกไม่ออกว่าสัปดาห์วิทย์จะทำอะไรดี” ไอ้อาร์มตอบ “ไม่ชอบเลย งานที่ต้องมาจัดให้เด็กประถมแบบนี้ ทำไมปีนี้คณะกูต้องร่วมจัดงานด้วยวะ เด็กวิดวะทุกคนก็เลยต้องพลอยซวยไปด้วย”

“สรุปว่ามึงมีปัญหากับงานหรือมีปัญหากับเด็กกันแน่”

“ก็ทั้งสองนั่นแหละ กูไม่ชอบพวกเด็กสมัยนี้ แม่งดื้อแพ่ง”

“พูดเหมือนมึงโตมากอ่ะ ทำไมมึงไม่ถามไอ้เพลงอ่ะ มันเคยจัดงานแบบนี้มาไม่ใช่เหรอ”

“กูยังไม่อยากกวนมัน มันเขียนแล็คเชอร์อยู่”



“เสร็จพอดี” ผมบอกพร้อมกับปิดสมุด จริงๆก็เหลืออีกนิดหน่อยนั่นแหละ แต่ไม่มีปัญหา

“งั้นมึงช่วยไอ้อาร์มคิดเรื่องงานสัปดาห์วิทย์หน่อยดิ” ไอ้แว่นเสนอ

“ไหน คิดอะไรอยู่ กูขอดูหน่อย” ผมดึงสมุดตรงหน้าไอ้อาร์มมาดู น...นี่มัน... “มึงวาดการ์ตูนเล่นนิ ไม่เห็นจะคิดเหี้ยไรเลย”

“กูลองเขียนแล้ว แต่มันคิดไม่ออก ก็เลยวาดเล่นไปเลย” เนี่ยอะนะเหตุผล กวนตีนเหมือนเดิม “แต่ไม่ต้องชมนะว่ากูวาดสวย ใครๆก็บอกอยู่แล้ว”

“วาดรูปบ้านเหรอ ก็สวยดีนะ” ผมแกล้ง

“บ้านพ่อง รูปหมูเว้ย ตาถั่วหรือไง ไอ้สัด เอามานี่เลย กูคิดเองก็ได้”

“เออๆๆ มานี่ เดี๋ยวกูช่วย ปล่อยให้มึงคิดก็ไม่ทันอาทิตย์หน้ากันพอดี ไหนๆ ขอดูแผนผังพื้นที่ส่วนที่มึงต้องจัดนิทรรศการหน่อยดิ”

“อันนี้”

“มึงเรียนเอกโยธาไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่สอนเด็กทำงานก่อสร้างอะไรง่ายๆวะ" ผมแนะนำไปด้วยคิดไปด้วย "อืมมม ลองเอาบอร์ดวางหลบมาสองฝั่งแบบนี้ แล้วจัดตรงกลางเป็นประติมากรรมสูงๆหน่อย รอบๆตรงนี้ก็จัดเป็นโต๊ะเล็กๆให้เด็กร่วมเล่นเกมส์หรือไม่ก็ทำงานปั้นอะไรสักอย่าง....”



“มึงสองคนนี่เหมาะสมกันจังเลยเนาะ” เสียงของไอ้แว่นพูดมาลอยๆ

“เมื่อกี๊มึงพูดอะไรหรือเปล่าไอ้แว่น” ผมหยุดมือแล้วถาม

“เออ กูพูด กูบอกว่ามึงสองคนเหมาะสมกันดี ช่วยงานกันกระนุ้งกระนิ้ง น่าร๊ากกก เอาจริงๆถ้ามึงสองคนได้กันก็คงดีเนาะ คนนึงออกแบบ คนนึงก่อสร้าง”

“ดีพ่อมึงดิ สไตล์กูต้องเก็บแต้มไปเรื่อยๆ ไม่ชอบผูกมัดกับใคร”

“เหรอออ แต่สองสามวันมานี้กูก็เห็นมึงสงบดีนิ ปกติช่วงบ่ายที่ไม่มีเรียนแบบนี้มึงมานั่งกับกูซะทีที่ไหน ไม่อยู่ที่ม่านรูดก็ต้องเป็นห้องผู้ชายสักคน ไปทำอะไรมาวะ เข้าวัดฝึกกรรมฐานเหรอ”

“จริงๆ กูเห็นด้วย” ไอ้อาร์มสนับสนุน “ไปได้ยาดีจากไหนมาหรือเปล่า ห๊ะ ไอ้เพลง”

อย่ามาทำเป็นแกล้งกูนะไอ้อาร์ม มึงก็รู้ดี เพราะโดนมึงจัดหนักไปซะขนาดนั้น ความต้องการทางเพศของกูมันก็เลยเงียบสงบอยู่นะซิ

“มึงก็เหมือนกันนั่นแหละไอ้อาร์ม” ไอ้แว่นแย้ง “ถึงมึงจะมาอยู่กับกู แต่ก็ไม่เคยนั่งติดโต๊ะ เที่ยวเดินไปโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ หม้อสาวตลอดเวลา ทำไมวะ ไม่มีใครในโรงอาหารนี้เหลือให้มึงหม้อแล้วเหรอ ถึงได้นั่งอยู่กับกูได้”

“นั่นนะซิ” ผมเอาบ้าง “หรือว่าไปหลงเสน่ห์เหยื่อคนไหนเข้าเป็นพิเศษหรือเปล่าไอ้อาร์ม เสืออย่างมึงโดนถอดเขี้ยวเล็บซะแล้วเหรอ”

“เขี้ยวเล็บกูยังอยู่ครบเว้ย” ไอ้อาร์มเคืองแบบเขินๆ “กูแค่ต้องทำงานก่อน”

“เหรอออ”

“พอกันนั่นแหละ มึงสองคน” ไอ้แว่นสรุป

“ว่าแต่มึงเหอะไอ้แว่น จะทำอะไรในสัปดาห์วิทย์วะ” ผมเปลี่ยนเรื่องดีกว่า พูดเรื่องไอ้อาร์มเยอะๆแล้วรู้สึกเหมือนแซวตัวเองยังไงไม่รู้

“นี่ไง” มันหันหน้าจอคอมพิวเตอร์มาให้ดู “กูจะโชว์เทคนิคการใช้รูปร่างเรขาคณิตแบบสองมิติผ่านโปรแกรมมัลติกราฟฟิคอย่างง่ายเพื่อสร้างเป็นการ์ตูนโอเอะ เป็นไง เจ๋งใช่ไหมล่ะ”

“ไม่/ไม่” ผมกับไอ้อาร์มพูดพร้อมกัน

“เรื่องของพวกมึง”

เอ๊ะ! แปลกจัง ปกติเวลาพวกผมขัดคอเรื่องความเป็นโอตาคุของมัน มันต้องโวยวายแล้วนิ แต่นี่กลับทำหน้าเฉยแล้วก็ทำงานต่อได้เลย

“เด็กสมัยนี้เขาไม่สนใจการ์ตูนญี่ปุ่นแบ๊วๆอย่างงั้นหรอกไอ้แว่น” ผมลองแกล้งแหย่มันอีกรอบ “นี่มันยุคไหนแล้ว มึงหาโปรแกรมเจ๋งๆมาโชว์ให้เด็กดู ไม่ดีกว่าเหรอ”

“ไม่ กูจะทำ” ไอ้แว่นยืนยัน มันเปลี่ยนไปจริงๆด้วย “กูเชื่อว่ามันต้องมีคนที่ชอบอะไรโมเอะๆแบบกู”



ตุ๊บ

สาวผมยาวที่ไหนมาทำหนังสือร่วงแถวนี้



“ผมช่วยครับ” ไอ้อาร์มกระโจนไปช่วยอย่างไว

“ขอบคุณค่ะ” สาวคนนั้นพูด “เอ๊ะ เรียนวิศวะเหรอคคะ”

“ครับผม รู้ได้ไงอ่ะ”

“ก็ดูที่จี้ไง ไม่เห็นยากเลย”

“งั้นเธอก็เรียนนิเทศละซิ ใช่ไหม เราก็ดูที่จี้เหมือนกัน”

“ใช่เลย เก่งนะเนี่ย เห็นว่าสัปดาห์หน้ามีงานใหญ่เหรอ เหนื่อยแน่เลยพวกวิศวะ”

“ใช่เลยครับ....”



“ดูดิๆ” ไอ้แว่นกระซิบกับผม “ไม่ทันไร ลายเสือของไอ้อาร์มก็กลับมาแล้ว คุยกันไปยิ้มกันไป แม่สาวคนนั้นไม่รู้อะไรซะแล้ว ไม่อยากเจ็บจิ๋มอย่ายิ้มให้ไอ้อาร์ม.... อ้าวๆ มึงจะไปไหนอะไอ้เพลง”

“ชมรมฟุตบอล” ผมตอบสั้นๆ แล้วก็เก็บของออกไปเลย

“อ...อ้าว ไปทำไมวะ เดี๋ยวดิ ล...แล้วพวกกูล่ะ”



ผมเรียนวิศวะ เธอเรียนนิเทศ

เชอะ

ดูก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นแกล้งทำหนังสือตกเพื่อมาอ่อยชัดๆ ไหนบอกว่าตัวเองเป็นเสืออาร์มไง ตกหลุมพรางง่ายซะเหลือเกิน ไม่เห็นแข็งแกร่งเหมือนที่โม้ไว้เลย

กูดูออกหรอกน่า ลองออกมาแบบนี้ ไม่ถึงสองชั่วโมงก็คงไปจบกันบนเตียงละซิ อย่างมึงเขาเรียกว่าไอ้แมวอาร์มไม่เห็นจะเหมือนเสือตรงไหนเลย คงจะขาดผู้หญิงไปนานซิท่า แล้วก็ทำเป็นพูดกับกูว่า ‘มึงก็เป็นแค่คนเดียวที่ทำให้กูรู้สึกดีที่สุด’ ถ้าดีจริงมึงคงไม่ไป......



“จะไปไหนวะ”

หึ!!!

ใครคว้าแขนกูไว้วะ

“อ...อ้าว ไอ้อาร์ม” มันนั่นเอง มาอยู่นี่ได้ไงวะ วิ่งตามมาเหรอ แล้วไม่คุยกับแม่สาวผมยาวคนนั้นต่อแล้วเหรอ

“กูถามว่ามึงจะไปไหน” ไอ้อาร์มถามย้ำ

“กู...จะกลับหอ”

“โกหก ไอ้แว่นบอกว่ามึงจะไปชมรมฟุตบอล ไหนกูเคยขอมึงเรื่องไอ้ประธานชมรมนั่นไว้แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงยังจะไปหามันอีก ถ้ามึงอยากเสียตัวนักก็บอกกูดิ กูก็อยู่แค่นี้เอง”

“บอกมึงเชี่ยไร มึงคงจะว่างมาทำกับกูหรอก ก็เห็นมึงกำลัง...” โฮ๊ะ ไม่อยากจะพูดต่อ

“ไอ้สัด”

“โอ๊ย มึงตีหัวกูอีกแล้วนะ”

“กูไม่ได้จะไปทำอะไรเขาซะหน่อย ก็แค่ช่วยเขาเก็บของนิดเดียว คิดเหี้ยอะไรของมึงเนีย”

“ช่วยเก็บของกันได้หวานมากกกกก คิดว่ากูดูมึงไม่ออกหรือไง แป๊บๆเดี๋ยวมึงก็พาเขาเข้าห้อง”

“จินตนาการเยอะไปแล้ว ถ้าจะหึงก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยได้ไหมวะ ฟุ้งซ่านไปเรื่อย”

“กูพูดเรื่อง.... เอ๊ะ! มึงพูดอะไรนะ กูไม่ได้หึงเว้ย กูจะหึงมึงทำไม”

“แล้วมึงเป็นอะไร เห็นกูอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแล้วเดินหนี แถมยังประชดกูด้วยการไปหาผู้ชายคนอื่นอีก แบบนี้ไม่ใช่หึงหรือไง”

“บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง กูก็แค่.... แค่หงุดหงิดที่มึงไม่พร้อมเวลาที่กูเกิดอยากเสียตัวขึ้นมา ก...ก็แค่นั้นแหละ”

“หงุดหงิด? กูไม่พร้อม? อ่ะๆ โอเค ตอนนี้กูก็พร้อมแล้วไง จะจัดเลยไหมล่ะ”

“ไม่จ่งไม่จัดอะไรทั้งนั้นแหละ หมดอารมณ์แล้ว กูจะกลับหอ ปล่อยกู”

“เออๆๆๆ กูขอโทษก็ได้ แต่ทำไมต้องกลับหอด้วยวะ กลับไปมึงก็ไม่ได้ทำไรอยู่ดี ที่สำคัญมึงยังช่วยกูเรื่องงานสัปดาห์วิทย์ไม่เสร็จเลยนะ”

“ไอ้สัด ตามมาง้อเพราะจะให้กูกลับไปช่วยงานเนี่ยนะ”

“ง้อ? ไหนบอกว่าไม่ได้หึงไง”

“ม...มึงกวนตีนกูเหรอ กูจะกลับแล้ว”

“อ่ะๆๆๆ กูหยอกเล่นหน่อยเดียวเอง ไปช่วยงานกูก่อนนะ นะนะนะ เพื่อนเพลงน่ารักที่สุดเลย ปะๆๆ กลับไปทำงานกัน”

“อย่ามาล้อกูอีกนะ”

“ครับโผมมม”





“อ้าว ไหนบอกจะไปชมรมฟุตบอลไงวะไอ้เพลง” ไอ้แว่นแปลกใจที่เห็นผมกลับมา "ตอนแรกก็นึกว่าจะไปทำไม แต่ตอนนี้นึกออกแล้ว อยากได้เนื้อสดอะดี๊ มีประธานชมรมฟุตบอลรออยู่ไม่ใช่เหรอ"

“ปากมึงอ่ะอยากแดกตีนกูไหมไอ้สัดแว่น” ไอ้อาร์มฉุนขาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“อ้าว กูผิดอะไรอ่ะ” ไอ้แว่นเหวอเลย

“ไอ้สัดอาร์ม” ผมต่อยไปที่แขนไอ้คนปากหมา “นั่นเพื่อนนะเว้ย”

เอ้า ไม่ขอโทษด้วย ปากอมตีนไว้หรือไง

“เออๆๆ โทษที กูแค่หงุดหงิดนิดหน่อย อากาศมันร้อน” ไอ้อาร์มแก้ตัว

“ไอ้อาร์มมันเป็นอะไรวะ” ไอ้แว่นถามผมไม่เชิงว่ากระซิบหรอก

“ปล่อยมันไปเถอะ” ผมตอบ “มึงเตรียมงานต่อเหอะ”

“โอเค กูจะสงบปากสงบคำก็แล้วกันนะ”

“ไม่ต้องหรอก ก็พูดอย่างเดิมนั่นแหละ เดี๋ยวถ้ามันของขึ้นอีก กูจะจัดการให้เอง” ผมมองแรงไปที่ไอ้คนหน้าหงิก

“เหรอ มึงจัดการได้ใช่ไหม อย่าให้มันกระทืบกูนะ”

“เออๆ ไม่มีอะไรหรอก”

“งั้น.... วันจัดงานมึงจะเข้ามามหาลัยยังไงวะ เขาห้ามใช้รถในพื้นที่มหาลัยไม่ใช่เหรอ”

“ก็เดินไง หอกูอยู่แค่นี้เอง”

“เดิน? ไม่มีเทคนิคกำลังภายในอะไรบ้างเลยเหรอวะ กูขี้เกียจอ่ะ ร้อนก็ร้อน”

“กูจะไปทำอะไรได้ มันเป็นข้อห้ามของมหาลัยนี่หว่า”

“มึงเคยได้กับอาจารย์มหาลัยบางคนมาแล้วไม่ใช่เหรอ ขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษไม่ได้เหรอวะ”

บั๊ก



“ช...เชี่ย!! อะไรวะไอ้อาร์ม มึงตีโต๊ะทำไมอ่ะ กูตกใจนะเนีย ยิ่งกลัวๆมึงอยู่” ไอ้แว่นเหวออีกรอบ

“ถ้ามึงหงุดหงิดมากก็ไปนั่งที่อื่นเลยไป” ผมตัดสินใจพูด



ซะงั้น ลุกออกไปจริงด้วย

จู่ๆไอ้อาร์มก็เดินไปนั่งโต๊ะริมสุดโรงอาหารโน่นเลย



“ไอ้อาร์มมันไปอารมณ์เสียเรื่องอะไรมาวะมึง” ไอ้แว่นกระซิบ จะกระซิบทำไม ไอ้อาร์มไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ซะหน่อย

“เออ ปล่อยมันเหอะ มันคงร้อนอ่ะ” ผมอ้าง โทษทีนะไอ้แว่น กูอธิบายความจริงให้มึงฟังไม่ได้

“เหรอวะ เออๆ แล้วสรุปว่ามึงพอคุยกับใครได้ไหมอ่ะ”

“มึงก็อย่าเรื่องมากนักเลยไอ้แว่น เดินแค่วันเดียว มันจะอะไรนักหนาวะ”



ผิดแล้ว ผมน่ะคิดผิดถนัดเลย ก็เพราะเดินแค่วันเดียวนั่นแหละที่ทำให้ผมจนเจอกับปัญหา ปัญหาที่จะยกระดับความสัมพันธ์ในความลับของผมกับไอ้อาร์มขึ้นไปอีกขั้น...





“ไอ้...เพลง กู ส...เสียว”

“เอาๆอิ เอี๋ยวอ้ออีอนอ้ายอินอ็อก (เบาๆซิ เดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก)” ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมผมพูดไม่ชัด ปากไม่ว่าง

“กูไม่...ไม่ไหวแล้ว มึงแน่ใจนะ...ว่าให้กูแตกได้เลย”

“อืม แอกอาเอย(แตกมาเลย)”

“ถ้างั้นก็....อะ อะ อ่าาาาาาาาาาาาาซ”

น้ำเชื้อมากมายไหลทะลักเข้าเต็มปากของผม บ้างก็ล้นเข้าไปในลำคอ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะผมต้องการอยากได้ทั้งหมดอยู่แล้ว

“ห...เฮ้ย นี่มึงแดกเข้าไปหมดเลยเหรอวะ”

“กูบอก ว...ว่า อย่าเสียงดังไง” พูดยากเหมือนกันแฮะเวลามีอะไรเหนียวอยู่ในลำคอ ผมพยายามเลียริมฝีปากเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหยดของเหลวหลงเหลือ “ถ้ากูไม่แดกเข้าไปหมด ก็เลอะชุดนักศึกษาของกูหมดอะดิ”

อืม รสชาติดีเหมือนกันแฮะ

“มึงแน่ใจนะว่าต้องการแค่นี้ ไม่ให้กูยัดท่อของกูเข้าไปปล่อยน้ำข้างใน มึงจะหายอยากเหรอวะ”

“จะบ้าเหรอ ขืนให้มึงทำแบบนั้น กูก็เผลอส่งเสียงดังออกมากันพอดี นี่มันบันไดหนีไฟนะ... ใส่กางเกงเรียบร้อยหรือยัง ไปกันได้แล้ว”

“เสร็จแล้วๆ” ไอ้อาร์มตรวจความเรียบร้อยของกางเกงนักศึกษา เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว มันจึงเดินตามผมออกมาเพื่อเดินทางเข้ามหาลัย “เดี๋ยวๆ รอกูด้วย.... ว่าแต่ ทำไมไม่เข้าไปทำกันในห้องวะ ห้องมึงก็อยู่ตรงนี้เอง”

“เรามีเวลาขนาดนั้นกันที่ไหนเล่า” ผมเอ็ดไปด้วยเดินไปด้วย “นี่ก็ต้องเดินเท้าเข้ามหาลัยอีก เดี๋ยวก็สายกันพอดี แล้วไหนต้องรีบไปเปิดบูทสัปดาห์วิทย์ให้ทันอีก”

“แล้วมึงหายอยากเหรอวะ แค่ดูดกะปู๋ให้กูเองไม่ใช่เหรอ”

“มึงจะพูดดังทำไมเนีย จะประกาศให้คนอื่นได้ยินหรือไง”

“เออๆ โทษที แต่กูเป็นห่วงมึงนี่หว่า นี่ก็เกือบสองอาทิตย์แล้วไม่ใช่เหรอที่มึงไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นเลย ตอนที่มึงโทรบอกให้กูแวะมาที่หอมึงก่อน ก็นึกว่ามึงจะอยากทำอะไรมากกว่านี้ซะอีก”

“ไอ้อยากมันก็อยากอยู่หรอก แต่ทำไงได้อ่ะ ไม่มีเวลา ใช้วิธีนี้แก้ขัดไปก่อนละกัน” อย่างน้อยกลิ่นกับรสชาติของน้ำกามก็คงพอช่วยทำให้อาการกำหนัดของผมทุเลาลงบ้าง

“ก็กูถึงบอกให้เข้าไปในห้องมึงไง ไปไหม เดี๋ยวกูเร่งให้ ไม่นานหรอก”

“ไม่ไป”

“ไปเหอะน่า แป๊บเดียว กูไม่ทำให้มึงเข้ามหาลัยช้าหรอก กูก็ต้องรีบเหมือนกัน แต่ยังพอมีเวลา”

“ไม่ไปปป กลับมานี่เลย.... อ่ะๆ กูบอกมึงให้ก็ได้ ที่กูไม่ให้มึงเข้าไปในห้องของกูก็เพราะ กูมีความเชื่อว่า คนที่กูพาเข้าไปในห้องได้ต้องเป็นคนพิเศษจริงๆเท่านั้น ถึงกูจะบ้าเซ็กส์แค่ไหน แต่กูก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ต้องการคบใครจริงจังซะหน่อย เพราะงั้นมึงเลิกคะยั้นคะยอกูได้แล้ว”

“.........................” ไอ้อาร์มเงียบเฉยเลย

“มึง... คิดมากหรือเปล่า” ผมถามให้แน่ใจ

“ก็เปล่าหรอก แค่เสียความมั่นใจนิดหน่อย กูนึกว่ากูทำให้มึงรู้สึกพิเศษกว่าคนอื่นๆแล้วซะอีก”

“จะเสียความมั่นใจทำไหมวะ มึงอ่ะเจ๋งสุดแล้วแหละ แต่กูไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องอย่างว่าอย่างเดียวซะหน่อย”

“นี่มึงชมกูเหรอ”

“เออ เจ๋งกูก็บอกว่าเจ๋ง ดีกูก็บอกว่าดี”

“งั้นวันหลังมึงก็ไปห้องกูดิวะ กูไม่ถือเรื่องใครจะเข้าห้องกูอยู่แล้ว”

“ไม่เอาด้วยหรอก ห้องมึงมีแต่กลิ่นผู้หญิง แค่ได้กลิ่นกูก็หมดอารมณ์แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเมา วันนั้นกูไม่ยอมให้เสื้อผ้าหลุดออกจากตัวของกูหรอก”

“เรื่องมากชิบหายเลยนะมึงเนีย นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่เอา เดี๋ยววันหลังกูจะเล่นตัวมั้ง ปล่อยให้แม่งคันอยู่อย่างงั้นแหละ”

“ไม่ได้นะ!! มึงตกลงกับกูแล้ว จะผิดคำพูดเหรอ”

“อ...เออ กูแค่ล้อเล่นเฉยๆ ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยวะ”

“ก็ใครใช้ให้มึงล้อเล่นเรื่องนี้วะ กูบอกแล้วไง มึงต้องพร้อมทุกครั้งที่กูเกิดอยาก”

“เอออออ แล้วถ้ากูเกิดอยากขึ้นมาบ้างอ่ะ มึงก็ต้อง...”

“อย่ามาบังคับกู ถ้ากูไม่ร้องขอ มึงห้ามทำ ไม่งั้นกูจะถือว่ามึงคุกคามทางเพศ แจ้งตำรวจจับแม่ง”

“เอาแต่ใจชิบหาย”

“บอกแล้วไงว่ากูไม่ใช่เหยื่อธรรมดา อย่ามาอวดดีกับกู เข้าใจ๊ แล้วหลังสัปดาห์วิทย์จบ ก็เตรียมตัวไว้ด้วย เดี๋ยวกูจะเรียกใช้บริการ หาสถานที่ไว้ด้วยก็ดีนะ ที่ไม่ใช่ห้องกูหรือห้องมึง ถ้ามีเตียงนุ่มๆกับบรรยากาศดีๆจะโอเคมากเลย”

“เอา... แต่... ใจ...”









หึหึหึ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: [Rate 20+] Top Friend ... สงบ vs ฟุ้งซ่าน - 30/12/2018
«ตอบ #22 เมื่อ30-12-2018 23:05:42 »

คนกลัวเมียได้ดีทุกคน จำไว้อาร์ม 55555

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ปกป้อง vs ทำร้าย - 31/12/2018
«ตอบ #23 เมื่อ31-12-2018 09:47:10 »

TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 5 / บังคับ vs เต็มใจ

ความที่ 2 จาก 3 / ปกป้อง vs ทำร้าย









หลังจากผมชนะสงครามประสาทกับไอ้อาร์มก็ได้เวลาของกิจกรรมในวันนี้ งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

ผมถูกมอบหมายหน้าที่เป็นเหมือนตัวหลักของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เพราะทำผลงานได้ดีในปีที่แล้ว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เลยทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำตลอด วันนี้เองก็ต้องเช่นกัน แม้จะมีบูทของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็จะต้องคอยดูแลภาพรวมของงานไปด้วย หนักเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะแบบนี้ไงผมถึงต้องการเศษเสี้ยวความรู้สึกทางเพศจากไอ้อาร์มตั้งแต่เช้า

จะว่ายังไงดีล่ะ เดี๋ยวนี้ผมรู้สึกอย่างกับว่า โดนกลิ่นคาวสวาทจากไอ้อาร์มกลบประสบการณ์ที่สั่งสมมาไปหมดเลย ตอนนี้ในความทรงจำมีแต่ความรู้สึกทางเพศที่รุนแรงของมัน ไอ้บ้านี่มันเล่นของอะไรหรือเปล่านะ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแบบผมสั่นคลอนไปหมดเลย





“นาย! นายนั่นเอง”

“ครับ?”

จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาทักผม รุ่นพี่มั้ง หรือว่ารุ่นเดียวกัน ไม่รู้ซิ ก็หล่อดีอะนะ ถ้าเป็นปกติผมคงดีลให้เข้ามาอยู่ในคอลเล็คชั่นแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ยุ่งมากเลย มีน้องๆนักเรียนประถมที่เข้ามาชมงานค่อยถามนั่นถามนี่ตลอด ไม่มีเวลาว่างนักหรอก   

“เราไง จำไม่ได้เหรอ” คนแปลกหน้ายังคงพูดต่อไป

“จำไม่ได้อ่ะครับ” ก็จำไม่ได้จริงๆอ่ะ ใครวะ เพื่อนจากโรงเรียนเก่าเหรอ ไม่น่าจะใช่นะ

“ก็เราที่เจอกันใน...”



“พี่ครับๆ อันนี้เล่นแบบไหนเหรอ” มีเสียงเด็กเรียก

“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ” จะเป็นใครก็ช่างเหอะ ขอไปทำงานก่อนละกัน “ไหนครับ อ๋อ อันนี้เรียกว่าเกมส์จับคู่สีห้องนอนครับ พี่จะมีเฟอร์นิเจอร์เล็กๆแบบนี้ให้ แล้วน้องก็ลองเลือกว่าจะเอาเฟอร์นิเจอร์สีไหนบ้างเข้าไปวางในโมเดลห้องนอน ถ้าหากว่าจัดออกมาสวยถูกใจพี่ แล้วเดี๋ยวพี่จะให้คูปอง เอาไว้ใช้เข้าไปในเขาวงกตนะ”

“เลือกสีไหนก็ได้ใช่ไหมครับ” น้องถาม

“สีไหนก็ได้ครับ แต่ พี่จะมีตารางการจัดสีอย่างง่ายให้ดูตรงนี้ เห็นไหมครับ อยู่บนบอร์ด ลองเลือกโทนสีที่น้องชอบดูก็แล้วกันนะ.... อ่าๆ แบบนั้นแหละ เก่งมากครับ เวลาจะจัดองค์ประกอบสีต้องเริ่มจากสีที่มีมากที่สุดอย่างผนังห้องก่อน”

“อ๋อ งั้นถ้าผมเลือกผนังเป็นสีฟ้าก็ควรเลือกเตียงเป็นสี..... อืมมมม เอาสีอะไรดีน้า น้ำเงินก็สวย เขียวเข้มก็สวย... อืม...”

“ลองทำดูนะครับ เสร็จแล้วก็เรียกพี่นะ เดี๋ยวพี่มาให้คะแนน พี่ขอไปดูน้องคนอื่นๆหน่อยนะ”

“ครับ”



หึ!! ยังไม่ไปอีกเหรอ

คนแปลกหน้าคนเดิมยังยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนรอให้ผมไปคุยด้วย

อ่ะๆ ลองคุยด้วยหน่อยละกัน เผื่อจะรู้จัก



“เพลงๆ” คราวนี้ใครเรียกอีกละเนีย อ้อ เพื่อนในเอกนั่นเอง “มีเด็กกลุ่มใหญ่มาจากวิศวะอ่ะ ช่วยไปต้อนรับน้องๆหน่อย”

“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ผมรับปากทันที “งั้นเราฝากดูบูทนี้หน่อยนะ”

“ได้เลย เพลงรีบไปเถอะ”

“โอเค”



ส่วนไอ้คนที่รอก็ปล่อยมันไว้อย่างงั้นแหละ เดี๋ยวถ้าเจอกันอีกก็คงมาทักใหม่





“อ้าว! ไอ้อาร์ม มานี่ทำไมวะ” ผมตกใจนิดหน่อยที่เห็นไอ้อาร์มเดินนำน้องๆนักเรียนกลุ่มใหญ่เข้ามา

“ก็พาน้องกลุ่มนี้มาส่งต่อให้คณะมึงนั่นแหละ” มันตอบ ก่อนจะมองไปรอบๆงานในตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

“ไหนมึงบอกไม่ชอบเด็กไง”

“ก็เห็นเขาล่ำลือกันนักหนาว่างานในตึกถาปัดยิ่งใหญ่ ก็เลยอยากมาดูด้วยตาตัวเองซะหน่อย เท่าที่ดูก็พอใช้ได้ ก็สมกับที่มึงเป็นแม่งานอะนะ ฟรุ้งฟริ้งเชียว”

“กูเก่งใช่ไหมล่า... ว่าแต่มึงไม่ต้องดูแลบูทของตัวเองหรือไง”

“ไม่อ่ะ เพื่อนในกลุ่มดูแลให้แล้ว กูว่ามึงต้อนรับน้องๆก่อนดีกว่าไหม”

เออใช่ มัวแต่คุยเพลินเลย



“สวัสดีน้องๆทุกคนนะครับ” ผมเริ่มกล่าวต้อนรับกลุ่มนักเรียนตัวน้อย

"ซา...หวาด...ดี...ครับ.../ค่า..." ยืดได้อีก ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องสอนเด็กให้พูดยืดๆแบบนี้

“มาจากโรงเรียนอะไรกันเอ่ย”

“โรงเรียน @#$%^&*()_+” เอิ่ม... ถ้าเด็กๆจะพูดไม่พร้อมกันแบบนี้ พี่ก็ฟังไม่รู้เรื่องซิครับ

“ขอต้อนรับเข้าสู่ตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นะครับบบบ ปรบมือให้พี่หน่อยก็ได้นะ” เล่นมุกนิดนึง แต่เด็กๆก็ให้ความร่วมมืออะนะ “เห็นไหมว่านี่อะไร ที่น้องๆเห็นอยู่นี้เขาเรียกว่าเขาวงกต ในนั้นก็จะมีของรางวัลอยู่เพียบเลย คนไหนอยากเข้าไปในเขาวงกตบ้าง ยกมือขึ้น”

“หนูอยาก” ผมด้วย” “หนูก็อยาก” ก็ตามสไตล์เด็กเล็กอะนะ แข่งกันยกมือใหญ่เลย

“ถ้าอยากเข้าไปละก็ มีข้อแม้นิดเดียวก็คือ น้องๆจะต้องไปเล่นเกมส์ในซุ้มไหนก็ได้ที่อยู่รอบๆเขาวงกต ถ้าใครชนะก็จะได้คูปองแบบนี้มา ได้คูปองแล้วก็มาล่าของรางวัลในเขาวงกตกันได้เลย... พร้อมกันหรือยังงงง”

“พร้อมมมมแล้ววววครับบบบ/ค่าาาาาา”

“งั้นก็ลุ้นเลยยยย”

“เย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้ย้”

“ระวังอย่าวิ่งกันเร็วนักนะครับ เดี๋ยวล้มนะ” ผมตะโกนไล่หลังน้องๆที่วิ่งกระจายออกไปคนละทิศละทาง



“มึงอยู่กับเด็กแล้วก็...น่ารักดีนะ” จู่ๆไอ้อาร์มก็ชมผมขึ้นมา ปกติมันก็พูดตรงไปตรงมาอยู่แล้วนะ แต่รอบนี้ฟังดูจั๊กจี้ยังไงไม่รู้

“กูก็น่ารักตลอดนั่นแหละ” ตลกกลบเกลื่อนไปเลยละกัน

“เออ กูรู้” อ้าว ซะงั้น นึกว่าจะพูดอะไรกวนตีนๆออกมาซะอีก

“แล้ว...มึงไม่กลับคณะวิดวะของมึงไปอ่ะ เสร็จธุระแล้วนิ” เปลี่ยนเรื่องดีกว่า

“เพื่อนกูดูแลอยู่แล้ว ไม่มีอะไรมากหรอก แถมตอนนี้ งานก็ใกล้จะจบแล้วด้วย กูว่าจะเดินเล่นแถวนี้แหละ”

“อืม ตามสบาย”

“แล้วไหนอ่ะ บูทของมึง เจ๋งสู้ของกูได้หรือเปล่า”

“ของมึงก็กูนี่แหละที่คิดให้ อย่ามาทำเป็นอวดหน่อยเลย”

“เออ กูก็ตอบแทนมึงไปแล้วไง”

“ตอบแทน?”

“ก็เมื่อเช้านี้ไง ที่มึง...”

“ไอ้สัด พูดเรื่องแบบนั้นในที่แบบนี้ได้ไงเล่า”

“ล้อเล่นๆ อ่ะๆ ไม่แหย่ก็ได้... แล้วนี่มึงคิดเองหมดเลยจริงๆอ่ะเหรอ งานพวกนี้”

“ก็ไม่หมดหรอก แต่ดูแลภาพรวมมากกว่า ที่เป็นผลงานของกูจริงๆก็มีแค่เขาวงกตนี่ กับบูทเกมส์อีกหนึ่ง”

“อ๋อเหรอ... ไอ้ความรู้แบบสถาปัตฯ นี่มันทำเป็นเกมส์ได้ด้วยเหรอวะ นึกภาพไม่ออกแฮะ”

“เยอะแยะจะตาย อย่างเกมส์ของกูก็คือการฝึกให้เด็กๆใช้จินตนาการในการจับคู่สีของเฟอร์นิเจอร์เพื่อให้เหมาะกับรูปแบบห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ห้องน้ำ ของเล่นพวกนี้จะช่วยให้เด็กเข้าใจวิธีการเลือกใช้องค์ประกอบได้ง่ายขึ้น สนุก แถมยังได้ใส่ความรู้เข้าไปโดยที่น้องๆไม่รู้สึกเบื่อด้วย”

“ไม่น่าเชื่อเลยเนาะว่าจะเป็นคนๆเดียวกัน”

“มึงพูดถึงใครเหรอ?”

“ก็มึงนั่นแหละ พี่เพลงที่ทั้งสดใสน่ารักและฉลาดของน้องๆ กับ ไอ้เพลงคนที่หิวกระหายเรื่องอย่างว่า  ดูยังไงก็ขัดแย้งกัน แต่ก็เพราะแบบนี้ซินะ มึงถึงได้ล่อปลามาติดเบ็ดได้ตลอด ตอนปกติแสดงออกว่าเป็นคนน่ารักแสนดี พอขึ้นสังเวียนก็น็อคเอ้าท์คู่แข่งซะอยู่หมัด มึงนี่มันร้ายกว่าที่เห็นจริงๆ”

“อย่างมึงไม่มีสิทธิ์มาคอมเม้นกูเรื่องการสร้างภาพหรอกนะ ทีมึงเองยังสร้างภาพเป็นหนุ่มหล่อปากหวานแสนโรแมนติก จนสาวๆทั้งมหาลัยยกขึ้นเป็นหนึ่งในสิบหนุ่มฮอต แต่เบื้องหลังก็เป็นพวกหว่านแหจับปลาไม่ยอมหยุด ใครกันแน่ที่ร้ายกว่ากัน”

“แบบนี้เองซินะ”

“แบบนี้อะไร?”

“ก็เพราะมึงกับกูมันร้ายพอๆกันนี่ไง มึงถึงได้ติดใจกูนัก”

“ต...ติดใจพ่อมึงดิ กูบอกว่าอย่าพูดเรื่องนี้ตอนนี้ไง”

“พูดความจริงหน่อย ทำเป็นรับไม่ได้ โถ่ ว่าแต่ ห้องน้ำตึกนี้อยู่ตรงไหนวะ ปวดฉี่มาทั้งวันแล้วเนีย”

“ตรงโน่น เดี๋ยวกูไปด้วยดีกว่า อั้นมาตั้งแต่เที่ยงแล้วเหมือนกัน”



ผมเดินนำไอ้อาร์มไปเข้าห้องน้ำที่ชั้นสองของตึก ที่เลือกขึ้นมาบนนี้ก็เพราะว่าไม่ค่อยมีคน ขืนไปรอเข้าห้องน้ำชั้นแรกในวันงานที่มีคนเยอะๆแบบนี้ก็คงได้ฉี่ราดกันพอดี



หลังจากเสร็จธุระแล้วผมก็เตรียมตัวออกจากห้องน้ำ

แต่ไม่ยักกะเห็นไอ้อาร์ม สงสัยออกไปรอข้างนอกแล้วมั้ง



“อ๋อ คนที่อยู่ซุ้มเกมส์จัดสีนั่นน่ะเหรอที่มึงเล่าให้ฟัง”

“เออๆ คนนั้นแหละ เห็นเพื่อนเรียกว่าเพลง คงจะชื่อเพลงละมั้ง”

หึ! ใครกำลังพูดถึงกูอยู่วะ

ผมนิ่งฟัง

“หน้าตาน่ารักใช้ได้เลยนี่หว่า แต่กูดูยังไงก็เป็นพวกเรียบร้อย เด็ดอย่างที่มึงเล่าจริงดิ ไม่น่าเชื่อเลย” เชี่ย นี่พวกมันกำลังเอาเรื่องของผมมาพูดกันอยู่นี่นา

“คำว่าเด็ดยังน้อยไป กูบอกแล้วไงว่ากูเคยลองมาแล้ว อย่างกับพวกตายอดตายอยาก เด้งก็เก่ง โม๊กก็มันส์ เห็นหนิมๆแบบนั้น แต่ร่านตัวแม่เลยนะเว้ย”

“แล้วเขาจะสนใจก็เหรอวะ ถึงมึงจะบอกว่าเขาเด็ด แต่ถ้าปฏิเสธ กูก็ไม่ได้ลองอยู่ดี”

“ลองไปแซะๆดูก่อน กูว่าไม่พลาดหรอก ไม่แน่นะว่า ร่านๆแบบนั้น อาจจะขอให้เราสองคนรุมพร้อมกันเลยก็ได้”

“ชักอยากลองแล้ววะ ไปกัน....”



“ไอ้สัดเอ๊ยยย!!!”



ตุ้บ ตั้บ ตุ้บ ตั้บ ตุ้บ ตั้บ



เฮ้ยยย! เกิดอะไรขึ้นวะ

ผมรีบวิ่งออกจากห้องน้ำเพราะได้ยินเสียงตะโกนที่คุ้นเคย ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย



“อ...ไอ้อาร์ม” ผมร้องลั่นทันที

ก็ไอ้อาร์มอะดิ กำลังนั่งคร่อมต่อยหนึ่งในสองคนที่นินทาผมอยู่แบบสุดแรงเกิดเลย ส่วนอีกคนได้แต่ยืนนิ่งหลังชิดกำแพง คงจะทั้งอึ้งทั้งกลัวทั้งตกใจ

“ไอ้อาร์ม พอ พอแล้ว” ผมพยายามคว้าแขนของมันให้ถอยกลับออกมา “หยุดได้แล้ว พอเหอะมึง”

จะบ้าเหรอ ต่อให้ไอ้คนนั้นสมควรโดนก็เถอะ แต่เกย์รุกแอ๊บแมนจะไปสู้กับชายแท้ที่เป็นนักกีฬาตัวใหญ่อย่างไอ้อาร์มได้ยังไง ถ้าไม่ห้าม ไอ้นั่นได้ตายจริงๆแน่

“มึง!! ไอ้สัด!!” แม้ว่าผมจะดึงตัวไอ้อาร์มออกมาได้สำเร็จ แต่มันก็ยังพยายามกระวีกระวาดและแหกปากพร้อมชี้หน้าด่าไม่หยุด “มึงกล้าพูดถึงไอ้เพลงแบบนี้เหรอ มึงแน่นักใช่ไหม แน่จริงมาเจอกับกูนี่”

“พอเหอะ พอได้แล้ว” ผมไม่รู้จะห้ามมันยังไง จึงหันไปหาสองคนนั้นแทน “รีบพาเพื่อนของมึงไปดิ เดี๋ยวก็โดนต่อยจนตายหรอก”



“ห...เฮ้ย...เฮ้ย ไอ้วิน ลุกดิ เดี๋ยวมันก็กลับมาต่อยมึงอีกรอบหรอก กูไม่เอาด้วยนะแบบนี้” โถ สาวแตกเชียวนะ แถมหน้าตาก็แค่ตลาดล่าง คิดจะมาแอ้มกูเหรอ หวังสูงไปไหมไอ้พวกเวร



“มึงจะไปไหน!! เก่งนักไม่ใช่หรือไง!! ไหนมึงบอก...”

“พอทีเถอะน่า!” ผมตะโกนบ้าง จะเลือดขึ้นหน้าไปถึงไหน “มันหนีไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว”

“มึงห้ามกูทำไมวะ พวกนั้นแม่งดูถูกมึงนะเว้ย แถมยังพูดถึง....”

“เออ กูเข้าใจแล้ว แต่มันก็โดนมึงต่อยไปตั้งขนาดนั้นแล้วไง”

“ก็พวกมันแม่ง... พูดถึงมึงไม่ดีอ่ะ ใครก็ห้ามพูดถึงมึงไม่ดีทั้งนั้นแหละ”

ช็อกเหมือนกันแฮะ ที่เห็นไอ้อาร์มปกป้องและโกรธแทนผมขนาดนี้

“มานี่มา” ผมจูงมือไอ้อาร์มกลับเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็เข้าไปในห้องน้ำแยกต่ออีกที

“เฮ้ยๆๆ มึงจะทำอะไรเนีย” ไอ้อาร์มตกใจที่เห็นผมนั่งคุกเข่าและพยายามถอดกางเกงนักศึกษาของมัน

“ก็ตอบแทนเรื่องที่มึงปกป้องกูไง” ผมอธิบาย

“ตอบแทน......? ไอ้สัด มึงปล่อยเลยนะ”

“อ้าว” จู่ๆ มันก็ผลักผมออก ทั้งๆที่เกือบจะเอาท่อนรักยัดเข้าปากได้อยู่แล้ว

“ทำเหี้ยอะไรของมึงเนีย”

“ก็ตอบแทนเรื่องเมื่อกี๊ไง”

“มึงแม่งคิดอะไรโง่ๆ มึงคิดว่าที่กูทำแบบนั้นเพราะกูอยากให้มึงมาทำแบบนี้ให้กูเหรอ” มันโวยวานเสียงดังพร้อมรูดปิดซิบกางเกง “มึงนี่แม่ง....โคตรเหี้ย! เลย”

แล้วมันก็ผลักประตูเดินออกไป



เอ้า ด่าเสร็จแล้วก็ไปเฉยเลย

อะไรของมันวะ



อ้าว หายไปไหนแล้ววะ

ผมวิ่งตามไอ้บ้าอาร์มออกมา แต่ก็ไม่เห็นมันแล้ว เดินเร็วจังวะ



เอ๊ะ!? ใช่ไอ้อาร์มหรือเปล่านะ

ผมเหมือนจะเห็นหลังไวๆของไอ้อาร์มอยู่ที่ทางออก จึงรีบวิ่งตามออกไป



“นิ้งๆ” ผมเรียกเพื่อนที่เจอระหว่างทาง “เรามีธุระต้องกลับด่วนอ่ะ ฝากดูแลงานต่อด้วยนะ”

“ด...ได้ แต่ว่าใครจะ...”

“เรารีบจริงๆ ขอตัวก่อนนะ” ไม่มีเวลาคุยด้วย เดี๋ยวค่อยเคลียร์ปัญหาอื่นทีหลังก็แล้วกัน



โอ๊ย เหนื่อย

ผมเริ่มหอบ จะเดินไวไปไหนวะ ขามึงกับขากูมันยาวไม่เท่ากันนะ



“ไอ้อาร์ม... ไอ้อาร์มมมม” ผมเรียก กว่าจะตามมาทันก็มาเกือบจะถึงสวนสาธารณะของมหาลัยแหนะ “รอกูก่อนดิ คุยกันก่อน”

“กูไม่คุย” มันปฏิเสธทั้งๆที่ยังเดินอยู่อย่างนั้น “กูไม่มีอะไรอยากจะคุยกับมึงทั้งนั้น”

“เออ กูขอโทษ”

“ขอโทษเหรอ” ในที่สุดมันก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาคุย ผมนี่หอบแฮกๆเลย “มึงจะขอโทษกูเรื่องอะไร”

“กู...กูก็ไม่รู้อ่ะ แล้วมึงโกรธกูเรื่องอะไรอ่ะ”

“มึงถามมาได้ยังไงว่ากูโกรธมึงเรื่องอะไร ในสมองมึงอ่ะ คิดเป็นอยู่แค่เรื่องเดียว ทั้งๆที่กูพยายามปกป้องศักดิ์ศรีของมึง แต่มึงก็เอาแต่คิดถึงเรื่องต่ำๆแบบนั้น แล้วยังมาอ้างว่าทำเพื่อตอบแทนกูอีก”

“ก็กูไม่รู้นี่หว่าว่ามึงไม่อยากให้ทำอ่ะ จะให้กูทำยังไงล่ะ คำขอบคุณเหรอ เออ กูขอบใจ พอใจยัง”

“พอใจยังเนี่ยนะ ก็เพราะมึงนั่นแหละที่เที่ยวทำตัวแบบนั้นจนเป็นขี้ปากให้คนเอาไปพูดถึง”

“แล้วมันเกี่ยวไรกับเรื่องนี้วะ”

“มันก็เกี่ยวทั้งนั้นแหละ กูไม่ว่างมาตามซัดไอ้พวกผู้ชายของมึงทุกคนหรอกนะ”

“มึงพูดไม่รู้เรื่องละ กูก็เป็นของกูแบบนี้มาตั้งนาน แต่ก่อนก็ไม่เห็นมึงจะว่าอะไร ทีตอนนี้ทำไมถึงจะมาค่อนแคะกูด้วยเรื่องนี้วะ”

“ก็เพราะแต่ก่อนมึงยัง...... ช่างแม่งเหอะ กูจะกลับแล้ว มึงอยากทำเหี้ยอะไรก็เชิญเลย กูถือว่ากูผิดเองก็แล้วกัน”

“ไอ้อาร์มมม” ผมพยายามตามต่อ

“อย่ามาเรียกกู” งอนอะไรเนีย

“เออๆ กูเข้าใจแล้ว กูขอโทษแล้วนี่ไง” มันไม่ยอมหันกลับมาฟังเลย งั้นคงต้องลองอ่อยดู วิธีนี้น่าจะได้ผล “ไปหาอะไรทำกันเหอะนะ งานเลิกแล้วด้วย มึงสัญญากับกูไว้แล้วนะว่าเลิกงานจะจัดให้กูอ่ะ ไป....ไปที่ห้องมึงก็ได้อ่ะกูยอม”

“กูไม่มีอารมณ์”

“เถอะน่า นะนะ เดี๋ยวกูจะให้มึงเล่นท่ายากเลยวันนี้”

“ไปทำกับผู้ชายพวกนั้นของมึงเหอะ”

“มันจะอะไรนักหนาวะ” ชักจะดูถูกกูมากเกินไปแล้วนะ “มึงดีแค่ไหนวะที่จะมาว่ากูแบบนี้ มึงเองมันก็เสือผู้หญิง หลอกได้เขาแล้วก็หาเรื่องทิ้ง กูยังดีกว่าซะอีกที่ไม่ได้หลอกใคร”

“เออ กูไม่ดี พอใจหรือยัง”

“เออ กูไม่ง้อแล้ว จะไปไหนก็ไปเลย ถ้าเลิกเลือดขึ้นหน้าเมื่อไหร่แล้วค่อยกลับมาก็แล้วกัน”



เอ๊ะ? กูต้องไล่มันไปไม่ใช่เหรอ ทำไมกูยังพูดเปิดช่องให้มันกลับมาอีกวะ งงตัวเอง



ช่างมันเหอะ

ผมตัดสินใจเดินตัดสวนสาธารณะเพื่อกลับหอพักของตัวเอง ตอนแรกก็ว่าจะกลับไปที่ตึกคณะนั่นแหละ แต่เดินออกมาไกลแล้ว ขี้เกียจกลับ แถมตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์จะไปปั้นหน้ายิ้มกับใครทั้งนั้นด้วย

ไม่เคยโดนไอ้อาร์มโกรธหนักขนาดนี้มาก่อน นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่ถึงขั้นเดินหนีไปแบบนี้ จะทะเลาะกันแทบตายแค่ไหน สุดท้ายก็ยังได้เห็นหน้ากันอยู่ ครั้งนี้มันคงไม่พอใจมากจริงๆ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้คนที่โดนไอ้อาร์มต่อย จะเอาเรื่องของผมมาพูดในเชิงเสียหายขนานนั้น ปกติก็จบๆกันไป ถึงจะมีอาลัยอาวรณ์บ้าง แต่พอไม่สานต่อก็มักจะโยนความลับทิ้งแม่น้ำ   

อ๋อออออ

นึกออกแล้ว ไอ้คนที่โดนไอ้อาร์มต่อย คือคนที่พยายามเข้ามาทักผมที่บูทเกมส์นั่นเอง ถึงว่าซิ ทำไมทำท่าเหมือนรู้จักผมดี ที่แท้ก็คือมีซัมติงด้วยกันมาแล้ว แต่คนแบบนี้แม่งใจหมาชะมัด ไม่น่าให้มันได้แอ้มผมเลยยย

แต่ก็ช่างเหอะ โดนไอ้อาร์มสั่งสอนไปซะขนาดนั้น คงไม่กล้าไปปากเปราะที่ไหนอีก



โฮ่ง  โฮ่ง

!!!!!!!

ส...ส....ส....เสียงนี้มัน.....

งานเข้าแล้วไง นี่มัน......







........................ ‘หมา’

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ปกป้อง vs ทำร้าย - 31/12/2018
«ตอบ #24 เมื่อ31-12-2018 14:46:38 »

งงไอ่อาร์ม อาร์มกับเพลง มันมาบรรจบกันด้วยเรื่องเซ็ก
อาร์มโมโหที่เพลงโดนพูดเสียๆ หายๆ เลยลงมือกระทืบไอ่พวกนั้น
เพลงจะให้รางวัลเป็นเรื่องเซ็ก มันก็ไม่แปลก เพราะเหตุผลที่ 2 คนนี้เข้าหากันก็คือเรื่องเซ็ก
หรืออาร์มอยากได้จุ๊บกลางกระหม่อมซักที แล้วบอก ดีมาก นุ้งอาร์ม
มันเหมือนกับอยู่ๆ อาร์มก็รังเกียจอดีตของเพลงขึ้นมาซะเฉยๆ

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 5 / บังคับ vs เต็มใจ

ความที่ 3 จาก 3 / 200 vs 500









แฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

หมาเชี่ยอะไรวะ เจอกันแค่สามวินาที มึงก็แยกเขี้ยวใส่กูเลยเหรอ

ไม่น่าเดินลัดสวนมาเลย ลืมไปเลยว่าแถวนี้มีคนชอบพาหมามาวิ่งตลอด

คนอย่างผมเนี่ยนะ กำศึกหนักมาก็มาก ระดับนักรบที่ว่าแน่ก็สอยร่วงมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ แต่ถ้ากับหมาเนีย ไม่ถูกโรคด้วยจริงๆ ไม่รู้ไปได้ความกลัวนี้มาจากไหน จำความได้ก็กลัวไอ้สี่ขาหน้าขนประเภทนี้แล้ว แล้วก็แปลก ทุกครั้งที่ผมได้ประจันหน้ากับพวกมัน จะเจอกันครั้งแรกหรือหลายครั้ง พวกมันก็มักจะสัมผัสได้เสมอว่าผมกลัวพวกมันแบบสุดๆ



โฮ่งงง  แฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ โฮ่ง โฮ่ง

ย...ย...ย...อย่านะ อย่าวิ่งมานะ

อ...เอาไงดีวะกู

วิ่งเลยดีกว่าไหม แต่ทำไม... ขามันก้าวไม่ออก



โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง

เหี้ยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

มาแล้ว มันวิ่งมาแล้ว

อย่า อย่านะ อย่าทำอะไรกูนะ



“อ๊ากกกก!!!!”



โอ๊ย!!! เจ็บ โคตรเจ็บ เจ็บชิบหายเลย.......



เอ๊ะ!?

ไม่เห็นเจ็บเลย....???

แล้วเสียงใครร้องออกมาวะ ไม่ใช่เสียงของกูหรอกเหรอ



“อ...ไอ้อาร์ม!!!”



เอ๋งงง เอ๋งงง เอ๋งงง เอ๋งงง

อือหือ หมาก็ตัวใหญ่นะ แต่ไอ้อาร์มซัดซะกระเด็นเลย



แล้วนั่นมันอะไรนะ......

“เฮ้ย!! เลือดนี่นา” ผมร้องตกใจสุดขีดก่อนจะลุกขึ้นมาดูมือที่ไอ้อาร์มถูกหมากัด ว่าแต่ กูลงไปกองกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ “ไอ้อาร์ม มึงเลือดออกอ่ะ”

“อ...เออ กูเห็นแล้ว อ๊าซ์!” ท่าทางไอ้อาร์มจะเจ็บเอาเรื่องเลย แผลลึกซะด้วยซิ

“ม...มึงเข้ามาขวางทำไม”

“ถ้าไม่ขว้างไว้มึงก็โดนกัดไปแล้วอะดิ”

ใช่เรื่องไหมเนีย ทั้งๆที่โกรธกูอยู่ แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์กลับมาช่วยกูไว้ คิดบ้าอะไรของมันวะ



“ข....ขอโทษค่า ขอโทษค่า” ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งมา “เป็นอะไรมากไหมคะ”

“นั่นหมาของคุณเหรอ” ผมตั้งคำถามทันที

“ช...ใช่ค่ะ ปกติมันไม่เคยกัดใครเลย ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆถึงวิ่งเข้าใส่แบบนั้น”

“นั่นไม่ใช่คำแก้ตัวเลยนะ หมาของคุณเองทำไมไม่รู้จักดูแลมันดีๆ” ผมนี่ขึ้นเลย

“ขอโทษจริงๆค่ะ”

“ขอโทษแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ถ้าเพื่อนผมติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง” ยิ่งพูดยิ่งมีน้ำโห

“ขอโทษจริงๆนะคะ ขอโทษจริงๆค่ะ”

“คุณก็เอาแต่พูดว่าขอโทษขอโทษอยู่นั่นแหละ”

“ไอ้เพลง พอเหอะ” ไอ้อาร์มแทรก “โอ๊ย! พากูไปหาหมอเหอะ”

“เดี๋ยว...เดี๋ยวให้ฉันพาไปเองนะคะ” ผู้หญิงคนนั้นเสนอ “ไม่ต้องห่วงเรื่องติดเชื้อนะคะ เบนโตะฉีดวัคซีนไม่เคยขาด”   

“ไม่ต้อง” ผมปฏิเสธทันทีพร้อมกับปัดมือผู้หญิงคนนั้นออกจากไอ้อาร์ม “ผมจะพาไปเอง ดูแลหมาของคุณดีๆเถอะ เดี๋ยวก็เที่ยวไปกัดคนอื่นอีกหรอก”

“ให้ฉันพา... อุ๊ย! เบนโตะไปไหนอีกแล้ว เบนโตะ เบนโตะลูก กลับมาหาแม่เร็ว” แล้วเธอก็วิ่งหน้าตั้งออกไปอีกครั้งเพื่อตามมาหมาของตัวเอง

“เจ็บมากไหมอ่ะมึง” ผมถามเสียงเศร้า “เจ็บตัวเพราะกูแท้ๆเลย”

“ก็เจ็บอ่ะ” ไอ้อาร์มบอก “แต่ก็คุ้ม อย่างน้อยมึงก็ไม่เป็นไร”



ตึ้ก ตึ้ก

อีกแล้ว หัวใจเต้นเหมือนถูกไฟฟ้าช็อคอีกแล้ว

เกิดอะไรกับความรู้สึกของผมละเนีย



“โอ๊ย!!”

“ร...รีบไปหาหมอกันเถอะ” ผมรีบเรียกสติตัวเองกลับคืนมา “ใกล้ๆทางออกนี้มีคลินิกอยู่ เดินไหวไหมมึง”

“ไหวๆ”



แล้วผมก็เดินไปหาหมอกับไอ้อาร์ม ด้วยความที่วันนี้มหาวิทยาลัยประกาศงดใช้ยานพาหนะทุกประเภท เราสองคนจึงต้องเดินอย่างเดียวเท่านั้น

ถึงไอ้อาร์มจะไม่ได้ร้องครวญครางออกมา แต่ดูจากสีหน้าก็รู้ว่ามันคงเจ็บมาก เลือดก็ไหลออกมาไม่หยุด ผมพยายามเอาผ้าเช็ดหน้ากดแผลไว้แล้ว แต่เพราะแผลมันกว้างมาก จึงไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก



ทันทีที่มาถึงคลินิก คุณหมอก็ลัดคิวให้ไอ้อาร์มเข้ารับการรักษาทันที ส่วนผมก็ได้เพียงแค่นั่งรอเท่านั้น...





“แน่ใจนะคะว่าสุนัขตัวนั้นฉีดวัคซีนแล้ว” นี่เป็นคำถามที่พนักงานจ่ายยาถามย้ำไอ้อาร์มอีกครั้ง

ตอนนี้การรักษาแผลถูกหมากัดเสร็จสิ้นดีแล้ว ก็ใช้เวลาสักพักหนึ่งเลยแหละ ตอนนี้ก็เป็นขั้นตอนของการรับยาและจ่ายค่าบริการ

“เห็นเจ้าของเขาบอกว่าฉีดแล้วอะครับ” ไอ้อาร์มตอบ

“ถ้ามีอาการอะไรผิดปกติ ก็มาหาคุณหมอได้เลยนะคะ”

“ครับ”

“ทั้งหมดห้าร้อยบาทค่ะ”

“นี่ครับ”

“เดี๋ยวๆๆ” ผมห้ามไอ้อาร์มไว้ “กูจ่ายเอง.... เดี๋ยวผมจ่ายเองครับ คือพอดีว่าผมมีเงินสดไม่พอ รับบัตรเดบิทไหมครับ”

“รับค่ะ” พนักงานตอบ

“ไม่ต้องหรอก ยุ่งยาก” ไอ้อาร์มแย้ง “เอาของกูไปก่อนนี่แหละ เดี๋ยวมึงค่อยจ่ายคืน... นี่ครับห้าร้อย”

“รับมาห้าร้อยพอดีนะคะ” พนักงานรับเงินสดจากไอ้อาร์มไปซะแล้ว “รอใบนัดคุณหมอสักครู่นะคะ เอ่อ... ผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือด จะรับกลับไปหรือจะทิ้งไปเลยคะ”

“ทิ้งไปเลยครับ” ผมตอบทันที

“ไม่ต้องทิ้งครับ” ไอ้อาร์มแทรก “ขอคืนครับ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวใส่ถุงซิบล็อคให้นะคะ”

แล้วไอ้อาร์มก็รับผ้าเช็คหน้าเปื้อนเลือดในถุงซิบล็อกด้วยมือซ้ายที่ไม่ถนัด ก่อนจะยัดใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง

มันจะเอากลับไปทำไมหว่า ของมันก็ไม่ใช่ แถมโชกเลือดซะขนาดนั้น

“นี่ค่ะใบนัด” พนักงานยื่นเอกสารนัดหมายมาให้ “อย่าลืมล้างแผลทุกเช้านะคะ คุณหมอให้น้ำเกลือกับอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลไปแล้ว ระหว่างนี้ก็พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ ถ้าจะอาบน้ำก็ระวังส่วนแผลไว้ให้ดี แต่ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้ก็อาศัยการเช็ดตัวสักสองสามวันไปก่อน รอให้แผลแห้งกว่านี้แล้วค่อยอาบน้ำนะคะ... เอ่อ... ถ้าไม่มีคนเช็คตัวให้ ก็ติดต่อมาหาพี่ที่เบอร์นี้ก็ได้นะ”

หือ!!!!!????

ว่าไงนะ

มันจะมากไปแล้วนะเธอ ถึงขั้นอ่อยคนไข้เลยเนี่ยนะ

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ” ผมแทรก พร้อมกับวางมือไปที่ใบนัดแรงๆ เรียกสติคุณพนักงานให้เห็นว่า ที่นี่ยังมีผมอยู่อีกคน “นี่เพื่อนผม เดี๋ยวผมดูแลเอง เสร็จแล้วใช่ไหมครับ”

“ค...ค่ะ เสร็จแล้ว”

“งั้นพวกผมกลับได้แล้วใช่ไหมครับ”

“ได้ค่ะ ได้แล้ว”

“ไอ้อาร์ม กลับ!” ผมสั่ง ก่อนจะหยิบใบนัดแพทย์มาและปล่อยกระดาษโน้ตที่เขียนหมายเลขโทรศัพท์ไว้ที่เดิมอย่างนั้น

จากนั้นผมกับไอ้อาร์มก็เดินออกมาหน้าคลินิกเพื่อเรียกแท็กซี่



“ทำไมต้องไปดุพี่เขาขนาดนั้นด้วยวะ” ไอ้อาร์มเอ่ยขึ้นระหว่างที่กำลังรอแท็กซี่ “เขาก็แค่อยากดูแลคนไข้เฉยๆ”

“เดี๋ยวกูก็กัดแขนมึงอีกข้างเลยนิ” ผมขู่ “โง่หรือไง ถึงดูไม่ออกว่าเขาอ่อย มีด้วยเหรอ คลินิกที่บริการหลังการขายแบบนี้”

“แปลกตรงไหน กูก็โดนผู้หญิงอ่อยเป็นประจำอยู่แล้ว”

“เออ ได้ เดี๋ยวกูกลับไปเอาเบอร์โทรมาให้”

“เฮ้ยๆ ล้อเล่น กูล้อเล่นน่า จริงจังไปได้ ช่วงนี้มึงหงุดหงิดตลอดเลยนะเวลากูโดนสาวๆให้ท่าอ่ะ”

“เดี๋ยวกูก็ต่อยแม่งเลยนิ”

“ใจร้ายเกิ๊น โอ๊ย!”

“หึ! ยังเจ็บอยู่เหรอ”

“เปล่าหรอก แค่จะเช็คว่ามึงเป็นห่วงกูหรือเปล่า”

“มันใช่เวลาไหม เดี๋ยวกูก็ต่อยจริงๆซะหรอก”

“ยอมแล้วคร้าบบบ ยอมแล้ว... โอ้! แท็กซี่มาแล้ว”



ผมสองคนขึ้นนั่งแท็กซี่ที่จอดรับ



“ไปหอพักเมืองพลอยครับ” ไอ้อาร์มบอกคนขับ “แต่ไปทางซอยสามนะครับ แวะที่หอพักนิวไลฟ์ก่อน”

“ไม่ต้องครับ ไปที่หอเมืองพลอยเลย” ผมแทรก

“ได้ครับ” คนขับรับคำ

“อ้าว มึงไม่กลับหอเหรอ” ไอ้อาร์มสงสัย

“กลับ แต่กูจะไปส่งมึงก่อน” ผมให้เหตุผล

“ไปส่งกู?”

“เออ มึงจะเช็ดตัวเองยังไง ไหนจะข้าวอีก ยังไงมึงก็เจ็บตัวเพราะกู กูก็ต้องดูแลไหมล่ะ”

“แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก กูดูแลตัวเองได้”

“กูจะไป”

“ก็ไหนมึงบอกว่าไม่ชอบกลิ่นห้องกูไง กูไม่เป็นไรมากจริงๆ กูไม่อยากเอาเหตุผลแค่นี้มาฝืนให้มึงอยู่ในที่ที่ไม่อยากอยู่”

“เออ ช่างกูเหอะน่า กูเต็มใจ”

“............” แหม ทำเป็นหลบ กูเห็นนะว่ามึงแอบยิ้ม





“เปิดได้ซะที” ไอ้อาร์มบ่น “ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดไขกุญแจประตูนี่มันยากชิบ”

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเข้ามาห้องของไอ้อาร์มโดยที่ไม่ได้มาเพื่อดื่มของเมา ก็แหงดิ ไม่มีธุระอื่นผมจะมาทำไม

“ให้เอายาวางไว้ไหนอ่ะ” ผมถาม

“ข้างๆทีวีก็ได้”

ตรงนี้ซินะ

เอ๊ะ! นี่มันอะไร ทำไมคุ้นๆ

“นี่มันตารางเรียนของกูไม่ใช่เหรอ” ผมหยิบกระดาษขึ้นมาดู

“เฮ้ย!” ไอ้อาร์มวิ่งมาแย่งกระดาษออกไปจากมือผมเลย “ม...ไม่ใช่ซะหน่อย นี่มันตารางของกูเอง”

“พ่อมึงดิ กูเห็นนะ มึงเรียนองค์ประกอบศิลป์ด้วยหรือไง”

“ไม่มี มึงอ่านผิดแล้ว”

“ไหนเอามาดูดิ”

“ไม่ให้ดู”

“ไอ้อาร์ม นี่มึงแอบเช็คเวลาว่างของกูใช่ไหม นี่หมายความว่า....”

“โอ๊ย เจ็บแผลจัง ขอยาแก้ปวดกินหน่อยดิ”

“เจ็บจริงหรือแกล้งเนีย” ไอ้นี่ชักทำตัวน่าสงสัยขึ้นทุกวัน

“เจ็บจริงๆ ขอยากินหน่อย”

“จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ไม่เคยจะยอมรับนะมึง” ผมบ่นไปด้วยเตรียมยาไปด้วย “อะนี่”

“ป้อนหน่อย”

“กินเองดิ มีมือ...”

“โอ๊ยยย เจ็บแผลจัง”

“เออๆๆๆ อ้าปาก” ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้ไอ้กระล่อนนี่ด้วยวะ “ดื่มน้ำด้วยดิ”

“ยาอะไร หว๊านหวาน”

“หวานมากไหม เอาอีกสักสิบแปดเม็ดไหม”

“พอๆๆ แค่นี้พอ”

“ไม่แน่จริงนี่หว่า”

“เห้อออออ ง่วงเหมือนกันแฮะ เจ็บแผลตุบๆด้วย นอนซะหน่อยดีกว่า” แล้วไอ้อาร์มก็เคลื่อนตัวลงไปนอนกับเตียง

“ยังเจ็บอยู่อีกเหรอ” ผมนั่งลงข้างๆแล้วจับแผลมาดูใกล้ๆ

“ก็นิดหน่อยอ่ะ แต่ไม่มากหรอก คงง่วงเพราะยาที่หมอฉีดให้มากกว่า”

“ขอบใจนะมึงที่กลับมาช่วยกูอ่ะ กูนึกว่ามึง...จะโกรธ...จนไปถึงไหนต่อไหนแล้วซะอีก”

“จริงๆกูก็โกรธนั่นแหละ กะว่าจะกลับมาลากตัวมึงมาลงโทษให้สาสม แต่พอกลับไปก็เห็นมึงช็อกจนทรุดไปนั่งกับพื้น นี่มึงยังไม่เลิกกลัวหมาอีกเหรอ”

“ก็กูกลัวนี่หว่า... เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ ที่บอกว่าลงโทษหมายถึงอะไร”

“ก็จะอะไรซะอีกล่ะ จับกดมึงไง”

“ไอ้สัด เวลาอย่างนั้นยังจะทะลึ่งได้อีกนะ”

“ก็มันโกรธนี่หว่า เออ ไอ้เพลง ค...คือ.... หลังจากนี้มึงจะ... เอ่อ...”

“อะไรวะ?” อยู่ดีๆ มันก็กล้าๆกลัวๆที่จะพูดต่อ

“ถ้ากูพูดแล้วมึงจะโกรธไหมอ่ะ”

“พูดว่า?”

“มึงรู้ไหมว่า กูโกรธมากเลยอ่ะตอนที่ไอ้เหี้ยสองตัวนั่นมันพูดถึงมึงแบบนั้น กูรู้ว่ามึงกลับไปแก้ไขอะไรที่ผ่านมาแล้วไม่ได้ แต่ว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป มึงเลิกไปมีอะไรกับผู้ชายไปทั่วได้เปล่าวะ กูคงทนได้ยินเรื่องแบบนี้ไม่ไหวอ่ะ สำหรับมึงนี่คงเป็นคำขอที่มากเกินไป แต่ยังไงซะ ช่วงนี้มึงก็สามารถเรียกใช้บริการจากกูได้ตลอด กูรับรองเลยว่ากูจะทำให้มึงรู้สึกดีกว่าผู้ชายทุกคนแน่นอน... ด...ได้ไหมวะ”

“อืม” ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าทำไมตัวเองถึงได้รับปากเร็วขนาดนั้น

“จริงอ่ะ!?”

“แต่มึงก็ต้องเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคนเหมือนกัน” ผมยื่นข้อเสนอกลับบ้าง “กูไม่ชอบได้กลิ่นผู้หญิงที่ติดอยู่บนตัวมึง”

“ดีล” ไอ้อาร์มยื่นมือขึ้นทำสัญญาอย่างกระตือรือร้น

“ด....” เดี๋ยวก่อน “แค่ในสัญญาเท่านั้นนะ ถ้าสัญญาถูกยกเลิกเมื่อไหร่ คำขอของทั้งสองฝ่ายถือเป็นโมฆะทันที”

“โอเค ตามนั้น”

“งั้นก็... ดีล”

“โอ๊ย! จับเบาๆดิ กูโดนหมากัดมานะ”

“โทษทีๆ ลืมไป... งั้นมึงนอนเหอะ เดี๋ยวระหว่างนี้กูเช็ดตัวให้”

“เดี๋ยวก่อน.... ลืมอะไรไปหรือเปล่า”

“อะไรวะ”

“ห้าร้อยบาท ค่ารักษาพยาบาลไงครับ จ่ายมาซะดีๆ” มันยื่นมือออกมารอรับเงิน

“ไม่ได้ลืม เดี๋ยวกูให้”

“ไม่ได้ ต้องเดี๋ยวนี้ เงินทองไม่เข้าใครออกใคร จ่ายมาซะดีๆ”

“กูจะเอามาจากไหนวะ ไม่ได้แวะกดตังมาซะหน่อย”

“งั้นก็...”

อีกแล้ว ท่าเอานิ้วเคาะปากอีกแล้ว หึ! เดี๋ยวนะ...

“ไม่ใช่หอมแก้มเหรอ ครั้งที่แล้วยังแค่หอมแก้มเอง”

“สองร้อยคิดเป็นหอมแก้ม แต่ถ้าห้าร้อยต้องจูบ”

“เรื่องไร กูไม่หลงกลมึงหรอก นอนแหง่วอยู่แบบนั้นแหละ” อย่าคิดว่าจะมาบังคับกูได้ทุกครั้งนะ

“เห้อออออ หมาก็โดนกัด ตังก็ไม่ได้คืน เจ็บตัวฟรีแท้ๆเลยกู ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆเลยวันนี้”

“ไอ้...” มึงเล่นพูดแบบนี้เลยเหรอ โอ๊ยยยยย  “เออ ก็ได้ จูบก็จูบ”

“มาดิ” ไอ้สัดอาร์ม เปลี่ยนท่าทีเลยนะมึง



เอาวะ

รีบจูบรีบจบ



“เดี๋ยวๆๆๆ” ไอ้อาร์มยั้งปากผมไว้ “ห้ามรีบนะมึง ไม่งั้นกูไม่นับ”

ไอ้อาร์มมมมมม “เออ จะจูบได้รึ...... อื่อออ”

จู่ๆ ไอ้คนที่นอนอยู่ก็พุ่งขึ้นมา เอาปากของมันประกบริมฝีปากของผม



นุ่มนวล นุ่มนวลมาก

จูบแรกหลังจากร้างลาไปถึงสองปีนี่มันหอมหวานขนาดนี้เชียวเหรอ เกือบลืมไปแล้วว่ารสสัมผัสของการจูบมันต่อใจถึงเพียงนี้



“ครบห้าร้อยแล้ว”

ห๊ะ

จบแล้วเหรอ...

ผมปรือตามองภาพตรงหน้าช้าๆ

ไอ้อาร์มที่พอใจในสัมผัสของริมฝีปากกลับเอนตัวลงไปนอนตามเดิม ทิ้งให้ผมยังค้างเติ่งกับความรู้สึกหวิวๆข้างใน



ทำไมตัวผมถึงรู้สึกพึ่งพอใจกับการจูบได้ขนาดนี้กันนะ มันช่างเป็น.............









.............การถูกบังคับที่น่าเต็มใจจริงๆ

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สวัสดีปี2019 เจ้าค่าาาา ♥ มารอตอนต่อไปด้วยค่ะ เลิฟๆ

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... เช้า vs สาย - 01/01/2019
«ตอบ #27 เมื่อ01-01-2019 14:56:02 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 6 / รัก vs หลง

ความที่ 1 จาก 2 / เช้า vs สาย









ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก



หือ???

ใครกันที่บังอาจมาเคาะประตูห้องแต่เช้า



หาววววววว

ตาก็ยังลืมไม่ขึ้นสักเท่าไหร่เลย ถ้าเป็นพวกมาเคาะห้องผิดกูจะด่าไปจำทางกลับไม่ได้เลยเชียว



“หวัดดีเพื่อน มาหาแต่เช้ามีธุระอะไรเหรอ”

“อ...ไอ้อาร์ม” ผมร้อง “มึงมาที่นี่ทำไม แล้วนี่มันใช่เวลาเล่นมุกไหม”

“แหมๆ พูดแบบนี้กูก็เขินแย่ละซิ” ยังจะเล่นมุกชินจังต่ออีกนะ “ขอเข้าไปข้างในหน่อยก็แล้วกัน”

“ไอ้สัด หยุดเลย อย่ามาเนียน”

“กูแค่จะ... หึ! มึงใส่ชุดอะไรของมึงเนีย”

“ก็ชุดนอนดิถามได้”

“นี่มันชุดนอนเด็กชัดๆ มีหมวก มีหู แล้วก็สีชมพู่อีก มึงใส่ชุดแบบนี้นอนจริงอ่ะ”

“ถ้าจะแค่มาแซวกูนี้ก็กลับไปเลย กูจะนอนต่อ”

“เดี๋ยวๆๆๆ”

“อะไรอีก กูง่วง แล้วมึงก็ไม่ต้องมาคะยั้นคะยอจะเข้าห้องกูเลยนะ กูบอกไปแล้วไงว่า....”

“ล้างแผลให้หน่อย”

“ห๊ะ” อือหือ เอาอุปกรณ์ล้างแผลมาครบเลย

“เช็ดตัวกับกินข้าวอ่ะ กูพอทำได้ แต่ล้างแผลนี่ดิ กูใช้มือข้างที่ไม่ถนัดทำไม่ได้จริงๆ”

“มึงก็โทรบอกให้กูไปหาก็ได้นิ จะถ่อมาถึงนี่ทำไมแต่เช้า”

“กูก็ตื่นเช้าแบบนี้ทุกวันอยู่แล้ว เออใช่ มึงช่วยรีบล้างแผลให้กูหน่อยดิ กูต้องเข้าไปที่สนามรักบี้”

“สภาพนี้ยังจะไปซ้อมอีกเหรอ”

“เปล่า กูจะไปขอลาป่วยกับโค๊ช”

“ร...เหรอ” กรรม รู้สึกผิดเลยกู ตัวก็เจ็บ กีฬาก็ไม่ได้ซ้อม

“อ่ะๆ ล้างแผลให้กูตรงหน้าห้องนี่แหละ กูไม่เข้าไปก็ได้ นั่งๆๆๆ”

“ไอ้บ้า.... เออๆ จะเข้ามาก็เข้ามา”

“จริงอ่ะ ให้กูเข้าไปจริงเหรอ”

“ก็เออดิ ถอดรองเท้าด้วยนะมึง”

“โอเค เข้ามาได้เลย” ไอ้สัดยังจะเล่นมุก “อือหือ สมกับที่เป็นเขตหวงห้าม สวยแฮะ ตู้เสือผ้าก็ใหญ่ เตียงนุ้มนุ่ม แถมยังหอมอีกต่างหาก”

“สำรวจเสร็จหรือยัง”

“ยัง” มันเปิดตู้เสื้อผ้าของผมเฉยเลย “โอ้โห เสื้อผ้ายังเรียงตามสี นี่ไง! ชุดนอนลายการ์ตูนอีกแล้ว ชุดกระต่าย ชุดวัว ชุด... อันนี้คือตัวอะไรวะ น่ารักดีนะ ใส่ให้ดูหน่อยดิ”

“พอๆๆๆ” ผมปิดประตูตู้เสื้อผ้า “จะล้างไหมแผลอ่ะ รีบไม่ใช่หรือไง”

“ล้างดิ แต่ขอดูห้องก่อน เห้ย! ห้องน้ำเจ๋งนี่หว่า มีอ่างซะด้วย นี่อะเหรอเคล็บผิวนุ่มของมึง วันหลังกูยืมแช่บ้างดิ กูก็อยากมีผิวนุ่มลื่นสีชมพูอ่อนๆเหมือนกันนะ”

“ไอ้สัด เลิกล้อกูได้แล้ว นั่งลงไปเร็วๆ”

“ก็ได้ๆ” ในที่สุดไอ้อาร์มก็นั่งลงบนเตียงได้ซะที “เตียงใหญ่ดีเนาะ ไม่เคยพาใครเข้ามานอนจริงดิ”

“ก็แหงดิ แค่ห้อง กูยังไม่ให้เข้ามาเลย แล้วจะมีคนอื่นมานอนเตียงกูได้ไง”

“งั้นกูขอเป็นคนแรกละกัน”

“เห้ยๆๆๆ มึงลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่ามานอนเตียงของกู” ตัวหนักชิบเป๋ง ดึงสุดแรงแล้วยังไม่กระดิกเลย

“กูก็ต้องนอนให้มึงล้างแผลอยู่ดี ให้กูนอนเหอะ นะ”

“ไม่เกี่ยวเลย แค่ล้างแผล ต้องนอนทำไม”

“ล้างไปเหอะน่า เร็วๆเข้า”

“มึงนี่มันหน้าด้านจริงๆ ได้คืบจะเอาศอกตลอด”

“ไม่ต้องชมกันขนาดนั้นก็ได้”

“ด่า กูด่าเว้ย.... ไหน ขอดูแผลหน่อยดิ” ผมค่อยๆดึงผ้าพันแผลออกมา “ถึงจะยังไม่หาย แต่ก็เริ่มแห้งแล้วล่ะ ไม่น่าเชื่อเนาะว่าหมากัดแขนมึงเข้าด้วย”

“แขนคนนะเว่ยไม่ใช่ท่อนไม้ ดีแค่ไหนแล้วที่มันไม่กัดที่กะปู๋สุดรักของกู ไม่งั้นมึงอดได้เสียวกับช้างน้อยเกรดพรีเมียมตลอดชีพแน่”

“โม้ชิบหาย... แต่กูล้างแผลไม่เก่ง เสียเวลาหน่อยนะ”

“ไม่เป็นไร นี่เพิ่งจะตีห้า ล้างไป เดี๋ยวกูนอนรอ”



เอ้า นอนจริงเว้ย นี่มึงจะมาล้างแผลหรือจะมานอนกันแน่

ใช้ชุดนักศึกษามาพร้อมแบบนี้ แสดงว่ากะจะลาซ้อมกีฬาจริงๆซินะ



ผมเริ่มกระบวนการล้างแผล ด้วยการทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือก่อน เช็ดเบาๆไม่ให้โดนแผลโดยตรง คงงงละซิว่าผมทำแผลเป็นได้ไง ก็เขาเขียนวิธีมาให้ไง ผมก็แค่ทำตามขั้นตอน แต่ก็แอบยากเหมือนกันนะเนี่ย.......



........สุดท้ายก็ปิดแผลอีกครั้งด้วยการพันผ้ารอบๆแบบนี้



โอเค เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

โอ้โห ใช้เวลาไปตั้งครึ่งชั่วโมงเชียวเหรอ



“เสร็จแล้วไอ้อาร์ม”

“............” เงียบ

“ไอ้อาร์ม!” ผมเรียกย้ำ

“.............” เงียบสนิทเหมือนกัน

ไอ้สัด หลับลึกเลยนี่หว่า

จะบ้าตาย

เอ๊ะ! นี่อะไร คุ้นๆ

ผมดึงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อนักศึกษาของไอ้คนนอนหลับ

ผ้าเช็ดหน้าของผม!!

สะอาดแล้วนี่นา ไม่มีคราบเลือดเลย ว่าแต่ มันชักผ้าเช็ดผ้าด้วยมือข้างเดียวได้ไงกัน นี่คงไม่ได้พยายามชักด้วยมือข้างไม่ถนัดจนสะอาดจริงๆหรอกนะ แถมยังเอามาพกติดตัวอีก



ตึ้ก ตึ้ก

เกลียดชะมัด เวลาสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นไม่เป็นส่ำแบบนี้ มันเหมือนจะทำให้ผมควบคุมอะไรไม่ได้เลย



เอ.... ตอนนี้เพิ่งจะตีห้าครึ่ง

จะเป็นอะไรไหมนะถ้าจะ..........

น่าจะยังพอมีเวลา งั้นก็......................................





“อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์ ................................... อ่าซ์ อ่าซ์ อ่าซ์”

“อือออออ อืมมมมมมมม..... เห้ย!!! ไอ้เพลง มึงทำอะไรวะ” อ้าว ตื่นซะแล้วเหรอ

“ก็... อ่าซ์ ก็นั่งเทียนไง....อ่าซ์” ผมตอบแต่ก็จะทำกิจกรรมสุดเสียวต่อไม่หยุด

“กูรู้... โอ๊ยแม่ง... แล้วทำไม...”

“ไม่...ไม่รู้ อ่าซ์ ก็ทำไป ล...แล้วนี่หว่า”

“ถึงว่า...ทำไมผันดีจัง แล้วนี่มัน....กี่โมงแล้ว”

“หกโมง.... หกโมงครึ่ง... อ่าซ อ่าซ์ อ่าซ์”

“เชี่ย... นี่มึงนั่งเทียนอยู่แบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วเหรอ”

“ก็มัน... อ่าซ์... ก็มันเสียวดี แล้วกู... อ่าซ์... ไม่รู้จะทำ...ให้เสร็จได้ยังไง ร...เร่งสุดแล้ว... อ่าซ์... ได้แค่นี้”

“ไอ้ชิบหาย ป่านนี้เขาซ้อมกันเสร็จแล้วมั้ง”

“ข...ขอโทษ ก็มัน... อ่าซ์... อดใจไม่ได้... อ่าซ์... นี่นา”

“อ...เออๆ ไม่เป็นไร แล้วอยากเสร็จหรือยัง”

“ย...อยากแล้ว”

“งั้นก็นอนลง” ไอ้อาร์มสั่ง ผมจึงนอนลงทั้งที่ทุกอย่างยังคาอยู่แบบนั้น “กูละเชื่อเลย มึงนี่มันร่านจริงๆ ไหนบอกไม่ติดใจกูไง”

“ช่างกูเหอะน่า รีบๆซอยซะทีเถอะ เดี๋ยวก็สายจริงๆหรอก”

“งั้นก็พร้อมนะ”

“เออ พร้อม..... อ่า อ่ะ อ่ะ อ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มึง กูเสียว เสียวกว่านั่งเองเยอะเลย ไม่ไหว ไหว ไม่ไหวแล้ว จะแตก จะแตกแล้ววว อ๊าาาาาาาาาาาซ”



ให้ตายเถอะ ไอ้อาร์มมันสามารถทำให้ผมไปถึงจุดสุดยอดได้แบบทันทีทันใดได้อย่างไรกัน ทั้งๆที่ผมพยายามจะไปถึงจุดนั้นด้วยตัวเองตั้งเกือบชั่วโมงแต่ก็ทำไม่สำเร็จ

ชุดนอนลายพิกเล็ตของผมเลอะเปื้อนไปด้วยของเหลวขาวขุ่น และก็เลอะมากขึ้นไปอีกเมื่อไอ้อาร์มถอดกายของมันออก ทำให้น้ำปริมาณมากมายไหลทะลักออกมา นี่เป็นชุดแบบที่มีช่องเปิดปิดทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้ ผมจึงละเลงกิจกรรมเสียวทั้งๆที่ยังสวมชุดไว้ เป็นครั้งแรกเลยที่ชุดนอนน่ารักๆของผมต้องมาเปื้อนอะไรแบบนี้



“ชุดมึง...” ผมหายใจหอบ “ไม่เปื้อนใช่ไหม”

“ไม่เปื้อน” ไอ้อาร์มตอบ “แต่เหนื่อยนิดหน่อย มึงนี่มันอยากเสียตัวได้ตลอดเวลาจริงๆ คนหลับอยู่ก็ยังไม่เว้น”

“ก็ใครจะไปคิดละว่าแค่เอาลิ้นเลียๆนิดเดียวแล้วมันจะพองขึ้นมา กูก็เสียดายของนี่นา”

“กูไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะที่โดนลิ้นเลียแล้วจะไม่แข็ง.... มึงรีบลุกไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวผ้าปูที่นอนก็เปื้อนไปด้วยหรอก”

“อืม.... เดี๋ยว มึงจะทำอะไรอ่ะ”

“คิดหาเสียหายที่มึงมาลักหลับกูไง.... จุ๊บ”

“ไอ้สัด ก...แก้มกู”

“กูรู้ ไม่ใช่แก้มกูซะหน่อย”

“มึงหอมแก้มกู”

“เออ กูทำเอง ไม่ต้องบอกหรอก ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ไอ้.....” ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาด่ามัน

“ไปๆ ไปอาบน้ำ กูจะโทรคุยกับโค๊ชแล้ว นี่กูยังไม่ได้คิดเสียหายที่มึงทำให้กูพลาดไปสนามนะ”



อะไรวะ ทำไมกูผิดทุกอย่างเลย



หลังทำภารกิจเสร็จทุกอย่าง ผมกับไอ้อาร์มก็เดินทางเข้ามหาลัย วันนี้ผมสามารถขับรถยนต์เข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นปกติแล้ว (ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอหมาอีก) แต่ที่ไม่ปกติก็คือมีผู้โดยสารมาด้วยนี่แหละ รู้สึกเหมือนไอ้อาร์มจะล่วงล้ำอธิปไตยของผมในทุกๆมิติแล้ว รถก็ได้นั่ง ห้องก็ได้เข้า ยังมีอะไรอีกไหมที่มันยังทำไม่สำเร็จ





“ไอ้แว่นนนน ทำไมมาเช้าจัง” ผมทักทายเพื่อน แต่ไอ้แว่นกลับนั่งเหม่อสายตาไร้แวว “ไอ้แว่น!”

“เชี่ย!!!” ไอ้แว่นตกใจ “ตะโกนใส่หูกูทำไมวะ”

“ก็กูเรียกแล้วมึงไม่ตอบอ่ะ”

“มึงเรียกเหรอ... เออๆ กูไม่ได้ยิน อ้าว แล้วทำไมไอ้อาร์มมาพร้อมมึงได้อ่ะ เห้ย! มือมึงไปโดนอะไรมาวะไอ้อาร์ม”   

“หมากัด” ไอ้อาร์มตอบ

“พูดจริงหรือว่ามุกเนีย” ไอ้แว่นไม่แน่ใจ

“พูดจริง จะให้เปิดโชว์ไหมล่ะ”

“ไม่ๆๆๆ กูไม่อยากเห็น แล้วไปทำยังไงถึงโดนหมากัดได้วะ”

“ช่วยคน”

“ช่วยคน? แบบ... ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเข้าไปช่วยคนจากการถูกหมากัดอะนะ”

“อือหึ” อย่ามาทำเป็นเหล่กูนะไอ้อาร์ม

“โหหหห คนนั้นคงน่ารักโดนใจมึงมากอะเนาะ ถึงขั้นทำให้ไอ้เสืออาร์มวิ่งเข้าไปขวางทางเขี้ยวไว้ได้”

“ก็น่ารักดี ไม่ดิ น่ารักมากกกกกเลย” ไอ้สัด พูดแบบนี้จะหวังให้กูเขินละซิ

“คนไหนวะ เล่าให้กูฟังหน่อยดิ เอ๊ะแต่ว่าเดี๋ยวก่อน กูรบกวนอะไรมึงหน่อยดิ”

“อะไรวะ”

“ไปซื้อข้าวให้หน่อย”

“นี่มึงกล้าใช้กูเหรอ ก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอว่ากูเพิ่งโดนหมากัดมา”

“นะเพื่อนนะ ไปซื้อให้หน่อย กูมีเรื่องจะคุยกับไอ้เพลงตามลำพังอ่ะ”

หือ????

“เรื่องอะไร ทำไมกูรับรู้ด้วยไม่ได้” ไอ้อาร์มโวยวาย

“เออ ไม่มีอะไรหรอก” ไอ้แว่นบ่ายเบี่ยง “กูแค่จะปรึกษาอะไรมันนิดหน่อยเฉยๆ”

“ไม่ได้ กูต้องอยู่ด้วย”

“เห้ยยยย มันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ กูขอร้องนะ กูไหว้ล่ะ นะเพื่อนนะ นะนะ”

“เออๆ มึงไปเหอะ” ผมบอกไอ้อาร์ม

“อะไรวะ เดี๋ยวนี้มีความลับกับเพื่อนกับฝูงนะมึงไอ้แว่น” ไอ้อาร์มบ่นแต่ก็ยอมเดินออกไป

“ว่า? มีเรื่องอะไรจะปรึกษากู” ผมเปิดประเด็นทันที

“ในฐานะที่มึงเป็นคนที่มีประสบการณ์โชกโชน ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เก็บเกี่ยวมาแล้วทุก...”

“เข้าประเด็นเลยเหอะ อย่าอารัมภบท”

“คือ.... เอ่อ.... การที่..... การที่......การที่.....”

“กาญจ์อยู่ที่ภาคตะวันตกของประเทศ”

“ไม่ใช่ กูไม่ได้หมายถึงกาญจนบุรี”

“งั้นมึงก็พูดซะทีดิ อ้ำอึ้งอยู่นั่น”

“เอ่อ.............







...............ผู้ชายกับผู้ชายคบกัน มันแปลกไหมวะ”

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: [Rate 20+] Top Friend ... เช้า vs สาย - 01/01/2019
«ตอบ #28 เมื่อ01-01-2019 16:00:02 »

สองคนนี้มันหื่นสมกันจริงๆ

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 6 / รัก vs หลง

ความที่ 2 จาก 2 / ความต้องการ vs ความต้องการ​









“เอ่อ... ผู้ชายกับผู้ชายคบกัน มันแปลกไหมวะ”

“หือ? ทำไมมึงถามกูแบบนั้น” ผมแปลกใจที่ไอ้แว่นถามอย่างนั้น

“ค...คือ...น้องกู น้องกูมีปัญหาเรื่องนี้”

“น้องมึงเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”

“ก...กูหมายถึงว่า...น้องกูมีเพื่อนผู้ชายคนนึง แต่ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะถูกผู้ชายอีกคนจีบ”

“ทำไมมันซับซ้อนจังวะ”

“เออ นั่นแหละ ช่างมันเหอะ น้องกูมาปรึกษา แต่กูไม่รู้จะให้คำปรึกษาน้องกูยังไง กูก็เลยมาถามมึงนี่ไง ในฐานะที่มึงน่าจะเข้าใจเรื่องแบบนี้ดี”

“อืมมมม ถามว่าแปลกไหมอะเหรอ สำหรับคนทั่วไปก็คงแปลกละมั้ง”

“เหรอวะ” ทำไมสีหน้าไอ้แว่นกังวลจังวะ

“แต่เดี๋ยวนี้เขาก็ยอมรับกันหมดแล้ว ใช้ชีวิตตามที่คิดว่ามีความสุขไว้ก่อนดีกว่า ไม่รู้นะ กูถือคติว่า ชีวิตกูเป็นของกู แล้วตอนที่มึงเห็นกูกับพี่วิทยากรคนนั้นมีอะไรกันเมื่อปีที่แล้ว มึงรู้สึกยังไงล่ะ”

“ไม่รู้อ่ะ กูยังไม่ทันได้คิดว่ามันแปลกหรือไม่แปลก กูแค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆ”

“แล้วหลังจากที่มึงรู้เห็น แล้วมันคิดยังไง”

“กูก็อยากรู้มากขึ้นอีก”

“กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น กูหมายถึงว่า มึงรู้สึกว่ากูแปลก แปลกจนถึงขั้นไม่อยากคบหาหรือรู้จักกูเลยหรือเปล่า”

“ถ้ากูคิดแบบนั้นแล้วกูจะมาอยู่แก๊งเดียวกับมึงได้ไงล่ะ”

“ก็นั่นไงที่กูจะพูด ถ้าอยากจะให้คำปรึกษากับน้องก็แค่บอกไปว่า เพื่อน สุดท้ายก็คือเพื่อน เพื่อน มันไม่ได้วัดกันที่ว่าเขามีรสนิยมแบบไหน ตอนที่เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้แปลว่าน้องมึงกับเพื่อนคนนั้นจะไปมีอะไรกันซะหน่อย แบบนั้นเขาไม่เรียกเพื่อนแล้ว” หึ! ทำไมกูรู้สึกเหมือนพูดอะไรที่มันขัดแย้งกับตัวเองอยู่วะ “อ...เออ เอาเป็นว่า ต่อให้อยู่ดีๆ มึงมีแฟนเป็นผู้ชายขึ้นมา กูก็ไม่รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดอะไรทั้งนั้นแหละ นี่แหละความคิดเห็นของกู ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้าไม่เดือดร้อนใครอะนะ”

“อืมมมม มึงคิดแบบนี้เองเหรอ” ไอ้แว่นพยักหน้าช้าๆ “ขอบใจสำหรับคำปรึกษานะ เดี๋ยวกูจะเอา...ไปบอกน้องอีกที”

“วุ่นวายนะมึงเนีย”



“กูมีมือเดียว ถือมาได้แค่นี้แหละ” ไอ้อาร์มกลับมาในที่สุด แล้วก็วางข้าวลงตรงหน้าไอ้แว่น

“ขอบใจมากนะเพื่อน” ไอ้แว่นบอก “กูคุยกับไอ้เพลงจบพอดีเลย”

“มันพูดอะไรกับมึง” ไอ้อาร์มขมวดคิ้วใส่ผม

“ไม่มีอะไร” ผมตอบ “เรื่องไร้สาระ”

“ไร้สาระแล้วทำไมกูฟังด้วยไม่ได้” แน๊ะ ยังจะโวยวายอีก

“เออน่า ไม่มีอะไรจริงๆ” ไอ้แว่นพยายามช่วยพูด

“มึงสองคนหัดมีความลับกับกูนะ” ไอ้อาร์มบ่น “แล้วไหนวันนี้พี่ฮันเตอร์ของมึงไม่มาส่งข้าวส่งน้ำอ่ะ”

“ห๊ะ!” ไอ้แว่นมันตกใจอะไรของมันวะ “อ...อ๋อ พี่เขาไม่ว่าง ใช่ ไม่ว่าง ก็เลยมาไม่ได้”

“กูขอให้มึงโดนพี่รหัสทิ้งอีกรอบ” โอ๊ะ พอบ่นจะง้องแง้งก็ง้องแง้งชิบหายเลยไอ้ห่าอาร์ม

“มานั่งๆ เดี๋ยวกูไปซื้อที่เหลือให้เอง” ผมบอกไอ้อาร์ม

เห้ออออ ต้องเอาใจมันหน่อย ช่วงนี้ยิ่งอารมณ์ขึ้นๆลงๆอยู่



การเรียนในวันศุกร์หรรษาเริ่มขึ้นในที่สุด ก็ไม่มีอะไรมาก ผมก็เรียนตามปกติ แค่คิดว่าเที่ยงนี้จะกินอะไรดี.............



“โอ๊ย เบาๆดิไอ้อาร์ม เดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก อูยย”

“ไม่มีใครมาเดินแถวห้องชมรมก่อสร้างตอนเที่ยงแบบนี้หรอก แล้วสรุปว่ามึงจะบอกกูได้ยังว่าคุยไรกันกับไอ้แว่น”

“ก็บอก... อูยย... ตั้งกี่รอบแล้ว ว...ว่าไม่มีอะไร... มึงอย่าถ่างขากูนักดิ แค่นี้ก็เข้าไปลึกเกินแล้วนะ”

“ถ้ามึงไม่บอก กูจะจับตอกอยู่แบบนี้แหละ รอจนให้คนเข้ามาเห็นมึงกับกูกำลังเย่อกันอยู่นี่แหละ”

“เออๆ มันแค่... อ่ะๆๆๆ แค่มาปรึกษาเรื่อง... อือ... เรื่องน้องสาวเฉยๆ”

“แล้วทำไมต้องไม่ให้กูรู้ด้วย”

“เลิกถามซะทีเถอะน่า อ๊อยยยย รีบๆแตกซะทีได้ไหม แตกแล้วเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

“ได้ งั้นก็รีบเล่ามาเลยนะ กูก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน.... มึงโดนกูไปตั้งกี่ครั้งแล้วทำไมยังฟิตอยู่ได้วะ อ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาซ์”



นั่นแหละครับชีวิตประจำวันของผมกับไอ้อาร์มในช่วงนี้ มันนึกอะไรไม่ออก จะดีใจ จะเสียใจ จะสอบผ่านหรือสอบตก ก็มาลงที่ผมอย่างเดียว

จริงๆผมก็จะไปบ่นอะไรมันมากไม่ได้อะนะ เพราะบางทีผมก็....



“ไหนมึงบอกว่าให้กูมาซ่อมไฟที่ห้องเฉยๆไง แล้วไหงมาจับมังกรกูใส่ถ้ำแบบนี้”

“ก็ไหนๆมึงมาแล้ว... โอ๊ย มึง กูเสียวอ่ะ... จะได้ไม่เสียเที่ยว”

“เซี่ยนก็บอกว่าเซี่ยนดิไอ้สัด ทำเป็นอ้าง”

“เออ กูเซี่ยน ต..แต่มึงก็แข็งรอมาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่รึไง... แรงอีกหน่อยได้ไหมมึง”

“กูก็พยายามจะเร่งแล้วเนีย แต่มึงก็ตอดกูอยู่นั่นแหละ กูก็เสียวเป็นเหมือนกันนะเว้ย”



อืมมมมม ก็ตามนั่นแหละ



ช่วงนี้กิจกรรมทางเพศของผมเกิดขึ้นถี่ยิ่งกว่าสมัยที่ออกล่าทุกวันซะอีก เพียงแต่ว่าเดี๋ยวนี้มันมาจากคนๆเดียวก็คือไอ้อาร์ม ก็ไม่อยากยอมรับหรอกนะว่าผมกับมันสนุกกับเรื่องแบบนี้มาก มากจนเริ่มจะเกินกว่าคำว่าเสพติดไปแล้ว และถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกเบื่อๆก็มีเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อย่างเช่น...



“กูมีเวลาพักเบรกแค่สิบนาทีนะ ช่วงนี้วิดวะเรียนหนัก มึงมาอยากอะไรเอาตอนนี้วะ”

“ไม่รู้เว้ย ก...ก็มันอยากอ่ะ กูอุตส่าห์วิ่งมาจากตึกถาปัดเลยนะ อูยยย ว...ว่าแต่มึงเถอะ ตอกลึกเกินไปแล้วนะ”

“ก็จะได้คุ้มที่อุตส่าได้ใช้โลเคชั่นดาดฟ้าของตึกวิศวะไง โชคดีนะที่ยังมีที่ที่หลบสายตาคนในเวลานี้ได้”

“เออๆ ร...รีบเหอะ กูก็ต้องรีบ...กลับไปเรียนเหมือนกัน อ๊าซ์...”



หรือ



“ไอ้อาร์ม จะเสร็จยัง ไอ้แว่นรออยู่ เดี๋ยวมันก็สงสัยหรอกว่าทำไมเราสองคนมาเข้าห้องน้ำนานจัง”

“ขออีกนิดนึงดิ ก็ใครบอกให้มึงมองหน้าไอ้พวกนักบาสกลุ่มนั้นล่ะ”

“กูมองยังไง... อ๊อยยย... เขามองกูต่างหาก”

“จะใครก็ช่าง ถ้ามึงมองใครอีกก็ต้องโดนแบบนี้แหละ”

"งั้นกูต้อง... อื๊อ... ควักลูกตากูออกแล้วล่ะ"

"เอาน่า เห็นเคยบอกว่าอยากลองทำในห้องน้ำอาคารเรียนรวมไม่ใช่เหรอ ก็พามาแล้วนี่ไง"

"อืม..ม...ม เร่งอีกหน่อยได้ไหม"



หรือ



“ใครบอกว่าอยากจะร้องเพลงวะ แล้วนี่มึงไม่กลัวไอ้แว่นเข้ามาเห็นว่ามึงนั่งเทียนกูอยู่ในห้องคาราโอเกะหรือไง”

“มันโทรมาบอกว่า...จ...จะเข้ามาช้าสองชั่วโมง กูไม่อยาก...ให้เสียเวลา...โดยเปล่าประโยชน์... กูเคยบอกหรือยังว่าพ่อมึงให้มาเยอะมาก....”

“ก็เห็นมึงพูดทุกครั้งนั่นแหละว่าของกูใหญ่.... แทนที่กูจะได้ร้องเพลง กลับต้องมาเล่นไอ้เพลงแทนซะงั้น”

“นานๆจะมีที่ที่ครางเสียงดังได้โดยไม่มีใครได้ยิน.... ไม่อยากพลาดโอกาส อ่ะๆๆๆๆๆ”



และแม้กระทั่งตอนนี้….



“วันหยุดไม่....ออกไปเที่ยวไหนหรือไง ว...ว่างมากเหรอ มาจับกูเสียบแต่เช้าเนีย... อ๊าๆๆ... ไอ้อาร์มๆ ช้าลงหน่อย กูยังไม่อยากรีบเสร็จ”

“ทำเป็นไล่กู แต่พอโดนซอยเข้าหน่อยก็ไม่อยากให้จบเร็ว ปากมึงนี่มันไม่เคยตรงกับใจเลยนะ”

“ก็มันเสียวดีอ่ะ... โอ๊ย เสียว... อารมณ์กูก็เตลิดอะดิ... เออๆ จังหวะนี้แหละ... แล้วนี่มันท่าอะไรของมึงวะ ไปหัดมาจากไหน”

“เขาเรียกว่าท่ายกล้อสูง กูอ่านเจอในเน็ต ก็เลยเอามาลองทำดู เป็นไง หลงลีลากูแล้วอะดี๊”

“อ...อืม ก็ลึกดี แต่เอาจังหวะนี้นะ อย่าเร่งมาก”

“ได้ ที่กูอ่านมาเขาบอกว่าถ้าโดนเลียหัวนมด้วย จะเสียวยิ่งกว่าเดิมอีก ไหนขอลองหน่อยดิ”

“โอ๊ยๆๆ ไอ้อาร์ม อ...อันนี้เสียวมาก...ไปแล้ว ด...เดี๋ยวกูก็...แตกหรอก”

“มึงไม่มีหาทางหาคนที่เด็ดเท่ากูได้อีกหรอก จะบอกให้... กูผ่อนจังหวะให้แล้วก็อย่าตอดนักดิ เดี๋ยวกูก็เผลอแตกก่อนหรอก”



ก็อย่างที่ไอ้อาร์มพูดนั่นแหละ ผมว่าผมหลงใหลได้ปลื้มในตัวมันไปแล้วล่ะ รู้สึกโหยหาความสัมพันธ์ลึกซึ้งจากมันตลอดเวลา ตอบสนองทุกครั้งที่มันต้องการ วันไหนที่มันไม่ว่างจริงๆผมก็ถึงขั้นไปขอนอนที่ห้องของมัน ถ้าจะเรียกว่าหัวปักหัวปำก็คงไม่เกินไปนัก

เห็นจะดีขึ้นมาหน่อยก็คืออาการเสพติดเซ็กส์นี่แหละ เพราะมีไอ้อาร์มคอยให้ความสุขทางเพศที่เพียงพอตลอดเวลา ผมจึงไม่เกิดอาการกำหนัดเวลาเห็นคนแปลกหน้าอีกเลย แม้กระทั่งบางคนที่หล่อมากกก ผมก็ยังปฏิเสธไปซะอย่างนั้น ก็แค่คิดได้ว่า ถ้าจบภารกิจแล้วยังรู้สึกอารมณ์ค้างๆคาๆ สู้รอทำกับคนเจ๋งๆ อย่างไอ้อาร์มไปเลยดีกว่า





“เห้อออออ เสร็จซะที เกือบชั่วโมงแน้ะ” ไอ้อาร์มพ่นลมหายใจออกมา ก่อนที่จะโน้มตัวลงมานอนทับและหอมแก้มผม เดี๋ยวนี้มันหอมแก้มผมจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว มันอ้างตลอดว่าเป็นค่าบริการ

“วันนี้มึงมีธุระที่ไหนไหม” ผมถาม หอบเหนื่อยนิดหน่อย

“ก็มีตอนบ่ายอ่ะที่ต้องเข้าไปซ้อมรักบี้” ไอ้อาร์มตอบก่อนจะค่อยๆถอดท่อนแข็งที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยออกไป

“งั้นอีกสองชั่วโมง กูขออีกรอบได้ป่ะ มึงจะมีแรงซ้อมกีฬาไหวใช่ไหม”

“กูนึกว่าจะชวนทำอะไรที่มีประโยชน์ สุดท้ายก็ว้อนอยากโดนกูซอย”

“จะทำไม่ทำ”

“เออ ก็ต้องทำดิ ไม่พลาดหรอก แต่คราวนี้ห้ามบอกให้กูผ่อนนะ”

“มึงก็อย่าโหดนักดิ เดี๋ยวก้นกูก็พังกันหมดพอดี”

“ไม่เห็นจะพังเลย กูทำกี่รอบต่อกี่รอบแล้ว แม่งก็ฟิตเท่าเดิม แถมตอดน้องชายกูตลอดเวลาอีก ถามจริง มึงมีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่าวะ”

“ถามทำไม จะเอาไปทำกับใคร”

“คิดได้เนาะ เวลาว่างทั้งหมดที่กูมี ก็เอามาให้มึงหมด กูจะไปทำอะไรกับใครได้วะ ที่สำคัญกูก็สัญญากับมึงไว้แล้วด้วย นอกจากมึงแล้ว เดี๋ยวนี้กูก็ไม่มองใครอีกเลย”

มันพูดซะผมเคลิ้มเลย ไอ้บ้าเอ๊ย จู่ๆอารมณ์กำหนัดก็กลับขึ้นมา ทั้งๆที่เพิ่งระบายออกไปเมื่อกี๊แท้ๆ

“มึงพร้อมยัง ทำกันอีกรอบเหอะ นะ” ผมร้องขอ

“ห๊ะ เอาจริงดิ มึงพร้อมแล้วเหรอ”

“พร้อมแล้ว แต่ครั้งนี้ขอกินน้ำของมึงด้วยนะ”

“ได้ แต่ต้องแลกกับจูบ”

“ไอ้สัด มึงก็หาเรื่องจูบกูตลอดอ่ะ”

“น้ำของกูมีค่า จะแดกฟรีๆได้ไง”

“เออๆ จะทำอะไรก็ทำเถอะ”

“ดีมาก เป็นเหยื่อก็ต้องรู้จักทำตัวให้สมกับสถานะตัวเอง มา เดี๋ยวกูจัดให้...”



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เชี่ยยยยยยยยย

อะไรคือการถูกขัดจังหวะวะ



“ใครครับ” ผมตะโกนถามคนที่มาเคาะประตูห้อง

“กูเอง” เสียงคุ้นๆ

“กูไหน?” ผมถามย้ำ

“กูไง ไอ้แว่นเพื่อนมึงนั่นแหละ”



หืออออออ!!!!!!!!!!!!!

มันมาไงละเนีย



ผมกับไอ้อาร์มนี่วิ่งพล่านเลย

ไอ้อาร์มรีบคว้าเสื้อผ้าที่กองเต็มพื้น ส่วนผมก็รีบสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ



“ห้องน้ำ ไปหลบในห้องน้ำ” ผมกระซิบบอกไอ้อาร์ม ซึ่งมันก็ทำตามทันที



“ไอ้เพลงงง เปิดประตูให้กูหน่อย” ไอ้แว่นร้องเรียก

“ป...แป๊บนึง ก็โป๊อยู่” ต้องถ่วงเวลาให้ไอ้อาร์มก่อน ว่าแต่กูเองเหอะ มีพิรุจตรงไหนไหมเนี่ย



ไอ้อาร์มเข้าไปหลบเงียบในห้องน้ำเรียบร้อย

คงไม่มีอะไรผิดสังเกตมั้ง



“ว...ว่าไง” ผมเปิดประตูออกไปพบไอ้แว่นยืนหน้านิ่งอยู่ที่ประตู “มาหากูมีอะไรเหรอ”

“กูมีเรื่องจะขอร้องอ่ะ” ไอ้แว่นตอบเสียงเอื่อยๆ “ขอเข้าไปคุยข้างในได้ป่ะ”

“ห...เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆ” จะมาเข้าตอนนี้ไม่ได้นะ “ม...มึงก็รู้นี่หว่าว่ากูไม่ให้ใครเข้าห้อง”

“กูไม่ได้จะเข้าไปทำอะไรกับมึงซะหน่อย กูเป็นเพื่อนมึงนะ”

“ยังไงก็ไม่ได้” ผมขวางไว้

“..........................” อ้าว นิ่งไปเลย เอ...? ทำไมไอ้แว่นดูตาแดงๆวะ “ฮือออออออออออออ”

“ห...เฮ้ย มึงร้องไห้ทำไมอ่ะ” ผมนี่ตกใจเลย จู่ๆไอ้เพื่อนโอตาคุของผมก็ฟูมฟายขึ้นมา อย่าว่าแต่ฟูมฟายเลย แค่ร้องไห้เฉยๆ ผมก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน

“ช่วย....ฮือออ...ช่วยกูด้วย” มันยิ่งร้องไห้หนักไปอีก

“อ...เออๆๆๆ เข้ามาข้างในก่อนมา” จะปล่อยให้มันมาร้องไห้หน้าห้องแบบนี้ได้ไงล่ะ “หยุดร้องก่อนมึง มีอะไรเกิดขึ้นวะ”



ไอ้แว่นขยี้ตาเดินเข้ามาในห้องของผม​



“ฮือออ... ทำ...ทำไมเตียงมึงเละจัง” ร้องไห้อยู่ก็ยังจะสงสัยเนาะ

“กู...เพิ่งตื่น ยังไม่ได้เก็บเตียงเลย”

“เหรอ... กูขอนั่งได้ไหม”

“นั่งดิ” แล้วผมกับมันก็นั่งลงบนเตียงยับยู่ยี่ “ไปไงมาไงวะ ถึงมาร้องไห้เป็นเด็กแบบนี้”

“ไอ้เพลง... มึงช่วย... ช่วยกูหน่อยดิ”

"ช่วยไรวะ"

"เปลี่ยนแปลง กูอยากเปลี่ยนแปลง"

“เปลี่ยนแปลง? ในทางไหน?”

“ก็นี่ไง เสื้อของกู กางเกงของกู หน้าตาของกู กูไม่อยากเป็นโอตาคุอีกแล้ว”

“หือออ มึงอยากให้กูเปลี่ยนบุคลิกของมึงเนี่ยนะ เพื่ออะไรวะ”

“มึงยังเคยบ่นกูเลยไม่ใช่เหรอว่ากูทำตัวโอตาคุเกินไปอ่ะ”

“กูบ่น แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้เปลี่ยนจริงๆนี่หว่า แล้วการเป็นตัวของตัวเองมันก็ไม่ได้ผิดอะไรด้วย มึงบอกกูมาดีกว่าว่าอะไรคือสาเหตุที่มึงอยากเปลี่ยนแปลงกันแน่”

“คือว่า....... กูอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองก็เพราะ....................









……………………อยากทำตัวให้สมกับเป็นแฟนของพี่ฮันเตอร์”

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด