(เรื่องสั้น) ❊Sugar Flower❊ (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) ❊Sugar Flower❊ (END)  (อ่าน 6930 ครั้ง)

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
(เรื่องสั้น) ❊Sugar Flower❊ (END)
« เมื่อ06-12-2018 10:35:31 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลงหรืออื่น ๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเว็บบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใด ๆ ไปโพสที่อื่น ๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรืออีเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเมนท์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่าง ๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเว็บ  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใด ๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเว็บอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดี ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านจริง ๆ นั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดี ๆ ให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่าง ๆ มาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดี ๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดี ๆ ไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้น ๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใด ๆ บนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใด ๆ ก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใด ๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






:L2: :L2: :L2:




พาน้องน้ำตาลกลับมาอีกครั้ง เรื่องเก่าแล้วเนาะ สำนวนก็จะยังแบ๊ว ๆ ตามประสาวัยสะรุ่น แหะ
ทุกเรื่องที่เคยลงในเล้าจะกลับมาอยู่ในที่ของมันตามเดิมครัช





Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 09:15:33 โดย wanmai »

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Flower Kiss Series❊ Sugar Flower (1) 06/12/2018
«ตอบ #1 เมื่อ06-12-2018 10:36:39 »



Flower Kiss Series.

Sugar Flower.

- 1 -



เสียงดนตรีดังแว่วมาจากตึกกิจกรรมของโรงเรียนแห่งหนึ่ง หลังหมดคาบเรียนหลัก เด็กนักเรียนหญิง-ชายก็มาออกันที่หน้าห้องซ้อมดนตรี ซึ่งภายในห้องมีกลุ่มนักเรียนชายกำลังซักซ้อมเพลงกันอยู่

HOTNESS เป็นการรวมตัวกันของเด็กหนุ่ม 5 คน คือ ออกัส นักร้องนำของวงผู้เป็นที่นิยมของนักเรียนทั้งหญิง-ชาย ด้วยบุคลิกที่ดูโดดเด่นบวกกับน้ำเสียงที่น่าฟัง รวมถึงลักษณะนิสัยที่เข้ากับคนอื่นง่ายและไม่ถือตัว ทำให้เขาเป็นนักร้องนำที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งในวง

และอีกหนึ่งหนุ่มที่ได้รับความนิยมไม่ต่างกัน แต่เป็นการนิยมชมชอบอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เสียมากกว่าคือ เป้ มือกลองของวง เขาเป็นคนค่อนข้างขี้เบื่อ ไม่ค่อยชอบวุ่นวายกับใครสักเท่าไร ด้วยบุคลิกที่ไม่สนใจโลกทำให้มักมีคนขวางหูขวางตาจนมีเรื่องกับใครต่อใครอยู่บ่อยครั้ง แต่สาว ๆ ก็ยังคงชอบเขามากพอดู

นอกจากนั้นก็ยังมีพุฒ หัวหน้าวงผู้เข้มงวด ทำหน้าที่เป็นมือคีย์บอร์ด โอโซน มือกีตาร์ และธนิน มือเบสที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเจ้าชู้ของวง ต่างคน ต่างบุคลิก ต่างนิสัย แต่เมื่อรวมตัวกันแล้วกลับเข้ากันได้ดีจนกลายเป็นวงดนตรีที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ของโรงเรียนไปแล้ว

ทางเดินหน้าห้องซ้อมเวลานี้เต็มไปด้วยเด็กนักเรียน หนุ่มน้อยแว่นหนาก็เป็นอีกคนที่มาเมียงมองอยู่ไม่ไกล แว่นตาอันโตบดบังใบหน้าเอาไว้เสียเกือบครึ่ง ทำให้ดูเฉิ่มเชยไร้ที่ติ เขาแหวกเพื่อนนักเรียนเพื่อหาทางเข้ามาให้ถึงหน้าประตูห้องซ้อม เมื่อโผล่หน้าเข้ามาได้แล้วก็ขยับแว่นตาอันโตให้เข้าที่ สายตาภายใต้กรอบแว่นจ้องมองมือกีตาร์ของวงแล้วเปิดยิ้ม เพื่อนนักเรียนรายรอบผงะถอยกับบรรยากาศแปลก ๆ ที่เด็กแว่นปล่อยออกมารอบกาย ขณะที่ด้านหลังก็ดันกันเข้ามาเพราะอยากเห็นกลุ่มหนุ่มหล่อเขาซ้อมดนตรีบ้าง น้องแว่นเลยถูกชนล้มกลิ้งลงไปกลางห้อง

เสียงดนตรีเงียบลงพร้อมกับเสียงวี้ดว้ายของนักเรียนหญิงที่นิ่งสนิทแบบไม่ได้นัดหมาย แม้แต่เสียงพูดคุยก็ยังไม่มีแว่วมา ทุกสายตามองมายังน้องแว่นเป็นตาเดียว ร่างที่ฟุบหน้าอยู่บนพื้นนั้นค่อยขยับลุกขึ้นยืน เสียงรอบกายยังคงเงียบอยู่ ทำให้พอยืนขึ้นมาแล้วได้แต่ก้มหน้านิ่ง ไม่กล้ามองใคร

เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยซุบซิบดังขึ้นรอบกายราวกับกดปุ่มเปิด คนที่ยืนตัวลีบอยู่ในห้องซ้อมดนตรีรู้สึกอายแสนอายกับสถานการณ์ตอนนี้ หน้าเขาร้อนผะผ่าวไปหมด ได้แต่โทษตัวเองที่ซุ่มซ่ามจนเกิดเรื่องเช่นนี้

ขณะที่มีแต่คนหัวเราะกลับมีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาหา อุ้งมือใหญ่จับแขนของเขาแล้วดึงออกจากห้องไป กลุ่มนักเรียนหน้าห้องต่างหลีกทางให้โดยไม่ต้องเอ่ยปาก น้องแว่นก้มหน้างุด ๆ เดินตามคนที่จับแขนตนเอง ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนลงมาจับมือเขาแล้วรั้งให้เดินตามไป เวลานี้น้องแว่นมองเห็นแต่ปลายเท้าของตนเองเวลาก้าวเดินเท่านั้น เพราะไม่กล้าพอที่จะเงยขึ้นมองใครอีกคน

“แว่นอันโตไปนะ”

เสียงของคนที่เดินอยู่ด้านหน้าเอ่ยทัก เด็กแว่นโตเลยเผลอยกมือขึ้นจับมัน ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ความอายกับสถานการณ์เมื่อครู่ยังไม่จางไปไหน กลับมาอายเรื่องแว่นของตนเองต่อเสียแล้ว

“มันทำให้ลำบากในการมองเห็นหรือเปล่า?”

เสียงนั้นยังคงดังมาให้ได้ยิน แต่น้องแว่นก็ยังคงเงียบอยู่ ไม่รู้ว่าคนด้านหน้ากำลังจะพาตนเองไปไหน แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือเขายอมตามมาง่าย ๆ แบบนี้

เสียงเปิดประตูบานเลื่อนดังขึ้นทำให้เขาชะงัก ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเมื่อจมูกได้กลิ่นยาลอยมา... ห้องพยาบาล??

“อาจารย์ครับ”

ผู้ที่พาเขามาเอ่ยเรียกอาจารย์ประจำห้องพยาบาล เขามองเห็นเพียงด้านหลังที่ช่างแสนคุ้นตา

“อ้าว? กวิน มีเรื่องมาอีกแล้วหรือเรา?”

“โธ่ อาจารย์”

เสียงอาจารย์ห้องพยาบาลเอ่ยเย้าลูกศิษย์คงไม่ทำให้น้องแว่นสนใจได้เท่าชื่อของคนตรงหน้านี้ กวิน? พี่กวิน?? พี่...

“ทำแผลหน่อยไหม?”

“.......” แว่นน้อยชะงักเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาถาม ดวงตาเบิกโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพี่กวินที่ว่าคือ พี่เป้ มือกลองวง HOTNESS มิน่า ถึงได้คุ้นชื่อนัก

เด็กหนุ่มรุ่นพี่เห็นน้องแว่นทำหน้าเอ๋อเลยชี้ที่ขาของอีกฝ่าย ดวงตาภายใต้กรอบแว่นมองตามมือรุ่นพี่ถึงได้เห็นว่าขาถูกน่าจะถูกอะไรครูดถลอกจนเลือดซิบ เพิ่งมารู้สึกว่ามันเจ็บก็ตอนเห็นเลือดออกนี่เอง

อาจารย์ห้องพยาบาลจัดการทำแผลให้ มันเป็นเพียงแผลถลอก อีกไม่กี่วันคงตกสะเก็ดและหายไปเอง เป้เดินตามเข้าไปยืนดูจนน้องแว่นทำแผลเสร็จจึงจะกลับไปซ้อมดนตรีต่อ

“พี่ครับ!”

“......?” เสียงเรียกนั้นทำให้เป้หันกลับมามองเชิงถาม

“ขอบคุณนะครับ”

“หึ” มีเพียงเสียงหึในลำคอกับอาการยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนที่ตัวสูง ๆ นั้นจะเดินออกจากห้องพยาบาลไป

น้องแว่นมองตามหลังหนุ่มรุ่นพี่ ก่อนก้มลงมองมือของตนเองที่พี่เขาจับมาตลอดทางโดยที่อาจไม่รู้ตัว ริมฝีปากอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกถึง เหมือนจะไม่สนใจใคร แต่กลับใจดีกว่าที่คิด



บ้านสองชั้นหลังกะทัดรัดในเวลาหลังโรงเรียนเลิก หนุ่มน้อยวัยมัธยมวิ่งเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว ไหว้สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ของตนแล้วก็ตรงขึ้นห้องทันที เขาวางกระเป๋าไว้บนที่นอนก่อนที่จะค้นกล่องเหล็กในลิ้นชักใต้ตู้เสื้อผ้าออกมา เปิดดูของในนั้นแล้วอมยิ้ม เดินถือกล่องไปวางที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วหยิบกระดาษสำหรับเขียนจดหมายมากางบนโต๊ะ จรดปากกาเขียนจดหมายแบบที่มักจะทำทุกครั้งเมื่อมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับตนเอง เขียนจดหมายถึงใครบางคน เก็บใส่ซองเอาไว้แต่ไม่ได้ส่ง

กระดาษแผ่นบางสีสันสวยงามถูกบรรจงเขียนข้อความลงไปอย่างตั้งใจ มือที่จับปากกายกปลายมันขึ้นแตะคางเมื่อคิดหาถ้อยคำดี ๆ ที่จะเขียนลงไป ก่อนริมฝีปากจะเปิดยิ้มเมื่อนึกออก ก้มหน้าก้มตาเขียนจนเสร็จ คนเขียนก็ค่อย ๆ พับมันใส่ซอง ตรวจดูความเรียบร้อยอีกนิด เมื่อเห็นว่าสมบูรณ์แบบดีแล้วก็จรดปากกาเขียนชื่อของตนเองด้านหลังซองเป็นการปิดท้าย

From Sugar.

เมื่อเขียนจนเสร็จก็วางมันลงในกล่องแล้วปิดฝาให้สนิท ก่อนถือกล่องนั้นมานั่งที่เตียง กอดมันเอาไว้แนบอกพลางยิ้มกับตนเอง กล่องที่เต็มไปด้วยความสุขของเขา

“ทำอะไรน่ะ ชูการ์?”

เสียงทักที่ดังมาจากหน้าประตูห้องทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก เบี่ยงตัวแล้วรีบซ่อนกล่องที่ตนกอดไว้ด้านหลัง ดวงตาภายใต้กรอบแว่นอันโตฉายแววแตกตื่น ขณะที่เอ่ยปฏิเสธแบบมีพิรุธจนเห็นได้ชัด

“ป... เปล่า ก้าไม่ได้ทำอะไร...”

เด็กหนุ่มหน้าประตูหรี่ตาจับผิด เขาเห็นแล้วว่าอีกคนซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง แต่เมื่ออยากให้มันเป็นความลับ เขาจึงทำเป็นมองไม่เห็นไปอย่างนั้น

“พี่โซนมีอะไรหรือเปล่า?” เอ่ยถามเมื่ออีกคนเดินเข้ามาในห้อง

“แค่จะมาดูว่าที่หกล้มเป็นไงบ้าง”

พอพูดถึงเรื่องหกล้ม ตากลมก็ก้มลงมองขาตนเอง ที่ห้องซ้อมดนตรีนั่นเขาตั้งใจไปดูพี่ชายซึ่งก็คือโอโซน มือกีตาร์วง HOTNESS ผู้ที่กำลังนั่งลงจับขาเขาพลิกไปพลิกมาเพื่อดูแผลอยู่ตอนนี้ แต่กลับโดนเบียดจนล้มคะมำ น่าขายหน้า

“แค่ถลอกนิดหน่อย น่าจะครูดกับขอบประตูตอนล้ม ครูห้องพยาบาลใส่ยาให้แล้ว เดี๋ยวก็หาย” น้องแว่นที่ถูกเรียกว่าชูการ์รายงานให้พี่ชายได้รับทราบ

“พวกนั้นก็จริง ๆ เลย จะเบียดอะไรกันนักหนา” คนเป็นพี่บ่น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันยากเกินควบคุมได้ ยิ่งคนเยอะยิ่งพูดกันลำบาก แถมหัวหน้าวงอย่างพุฒก็สั่งห้ามไม่ให้พูดจาทำร้ายจิตใจแฟนคลับที่มารอดูเพราะชื่นชอบพวกเขา แต่หนนี้มันเกินไปจริง ๆ น้องของเขาต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ มันน่านัก!

“พี่โซนฮอทไง พวกเขาก็เหมือนก้าแหละ อยากเห็นเวลาพี่ซ้อม โคตรเท่เลย” น้องแว่นชื่นชม

“บ๊อง” เขกเหม่งไปที มีน้องเป็นแฟนบอยหรือไงวะ

โอโซนลุกขึ้นยืน มองสำรวจห้องนอนของน้องแล้วคิ้วขมวด บนโต๊ะเขียนหนังสือและหน้าทีวีเต็มไปด้วยหนังสือเรียนและวิชาการ ซึ่งเกือบทุกเล่มถูกคั่นด้วยสติ๊กเกอร์ที่มาร์กจุดสำคัญเอาไว้ สมเป็นเด็กคงแก่เรียนเสียจริง

“ชูการ์ เรื่องเรียนอย่าไปเครียดกับมันมากนะ วัน ๆ พี่เห็นเราอ่านแต่หนังสือ” เอ่ยเตือนเพราะอีกหน่อยน้องอาจจะต้มหนังสือกินแทนข้าว

ถ้าไม่บอกคงไม่มีใครรู้ว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน ก็ชูการ์เล่นเฉิ่มเชยปานนั้น ในขณะที่พี่ชายเป็นถึงมือกีตาร์ของวงดนตรีดังในโรงเรียน มันเป็นเรื่องที่ชูการ์รู้สึกว่าเป็นปมด้อย จึงพยายามทุ่มเทที่จะเรียนให้เก่งเทียบเท่าพี่ แม้ความเท่จะมีไม่ติดฝุ่นก็ตาม

“ก็ก้าอยากเก่งเหมือนพี่บ้างนี่” ชูการ์บอกเสียงเบา ที่เขาต้องอ่านหนังสือเยอะขนาดนี้ก็เพราะอยากเก่งแบบพี่นะ “พี่โซน สอนก้าหน่อยสิ”

โอโซนที่กำลังเปิดดูหนังสือของน้องชายส่ายหน้าทันทีที่ได้ฟังคำขอ “ไม่เอาอะ แค่นี้ยังบ้าเรียนไม่พออีกเหรอ?”

ชูการ์หน้ามุ่ยที่พี่ปฏิเสธทันควัน เขาก็แค่อยากเก่งเหมือนพี่ อยากเท่เหมือนพี่ อยากมีคนชื่นชมบ้าง ตอนนี้แม้แต่จะบอกว่าเป็นน้องชายของโอโซนวง HOTNESS ยังไม่กล้าพูดเลย แถมเพิ่งไปทำเรื่องขายขี้หน้าที่ห้องซ้อมดนตรีมาอีกต่างหาก

“ดูทำหน้าเข้า เออ ๆ เดี๋ยวให้เพื่อนมาช่วยสอน มันเรียนเก่งนะ... แต่ประวัติไม่ค่อยดีเท่าไร” ประโยคหลังพี่ชายพึมพำเพียงเบา ๆ

“ใครอะ ก้ารู้จักไหม?”

ชูการ์หูผึ่งเมื่อได้ฟังว่าพี่ชายจะให้เพื่อนมาช่วยสอน เพื่อน ๆ พี่มีแต่หัวกะทิคั้นสดทั้งนั้นล่ะ หนุ่มน้อยแว่นหนาตากลมโตคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าพี่จะให้ใครมาสอนตนเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่ออกัสแสนใจดี หรือจะเป็นพี่พุฒ แต่ถ้าเป็นพี่ธนินคงไม่ดีเท่าไร เพราะพี่เขาชอบแกล้งชูการ์อยู่เรื่อย

“เป้” เสียงพี่ชายแทรกเข้ามาในความคิด

“หา?” ชูการ์ป้องหู เอียงคอเล็กน้อย ทำท่าขอฟังอีกที

“เป้ กวิน มือกลองวง HOTNESS

ชัดเป๊ะ!

ชูการ์ถึงกับนิ่งสนิท จะให้พี่เป้มาสอนเขาหรือ พี่เป้นี่นะ เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม ไม่ใช่เขาไม่ชอบพี่เป้หรืออะไร เพราะเมื่อกลางวันพี่เขาเพิ่งช่วยพาไปห้องพยาบาลมา เขารู้ว่าพี่เป้เป็นคนใจดี แต่ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม ฮือออ


.........


ถึงจะคร่ำครวญในใจไปหลายล้านรอบ แต่สุดท้ายชูการ์ก็มายืนเจี๋ยมเจี้ยมต่อหน้าพี่เป้อยู่ดี เมื่อวันหยุดพี่ชายอย่างโอโซนพาเพื่อนอย่างเป้มาจริง ๆ พอสองหนุ่มมายืนข้างกันแบบนี้ทำให้ชูการ์รู้สึกว่าตนเองเหมือนอยู่ห่างไกลไปอีกหลายล้านปีแสง

“ฝากด้วยนะเว้ย” โอโซนตบบ่าเพื่อนปุ ๆ

เป้ปรายตามองคนที่มันโยนภาระมาให้เขาแล้วเอ่ยถาม “กูสงสัย”

“ว่า?”

“ทำไมมึงไม่สอนน้องมึงเองวะ?” ขณะที่ถาม สายตาก็พลอยมองจ้องเด็กแว่นตรงหน้าไปด้วย

“.........” ชูการ์ยืนก้มหน้าบิดมือไปมา ไม่รู้จะวางมันไว้ตรงไหน ดูมันเกะกะไปหมดทุกอย่าง

“กูขี้เกียจ จบนะ” ตอบได้หน้าตาเฉยมากสำหรับคนเป็นพี่ชาย

เป้ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น นอกจากเดินตามชูการ์ขึ้นไปบนห้องนอนซึ่งเป็นแหล่งรวมหนังสือสารพัดอย่าง หนังสือหลายเล่มวางอยู่บนโต๊ะเตี้ย ๆ หน้าทีวี เป้เดินไปนั่งลงบนเบาะนุ่มรูปผลไม้ดูน่ารักคิกขุ ไม่สมกับเป็นห้องของเด็กผู้ชายเอาเสียเลย เขาไล่เปิดดูหนังสือเรียนบนโต๊ะ ก่อนเหลือบสายตาขึ้นมองเด็กที่นั่งตัวลีบอยู่ใกล้ ๆ แล้วจึงเอ่ยถาม

“เรียนถึงไหนแล้ว?”

“หา! เอ่อ…” เพียงแค่คำถามธรรมดากลับทำให้ชูการ์สะดุ้งได้

“.........” เป้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ใช่ยักษ์นะ จะกลัวอะไรหนักหนา

ชูการ์ดูลนกับการหาหนังสือบทที่เรียนมา มือคว้าหนังสือที่เป้ถืออยู่มาเปิดหาด้วยอีกเล่ม คนที่ถือมันอยู่เมื่อครู่ยกมือค้างเพราะถูกแย่งหนังสือไปแล้ว

พอหันกลับมาชูการ์ก็ถึงกับหน้าเจื่อน พี่เป้ทำหน้าดุทำไมอะ “ขอโทษครับ…”

“ทำอะไรผิด?”

“เอ๊ะ... ก็เปล่าครับ…”

“แล้วขอโทษทำไม?”

น้ำเสียงที่ดูเรียบเฉยยิ่งทำให้ชูการ์ประหม่า เด็กแว่นนั่งเงียบ ใจมันแป้วกลัวทำให้พี่เขาโกรธ

“ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็อย่าขอโทษพร่ำเพรื่อ เดี๋ยวมันติดนิสัย” เป้ถอนใจเบาเมื่อเอ่ยประโยคนั้น

“ครับ” ชูการ์รับคำ ไม่กล้าเงยหน้ามองคนพูด ถึงพี่เขาจะไม่ได้ดุเสียงดัง แต่เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดุอยู่นี่นา

“ตกลงเรียนถึงไหนแล้ว?” คนพี่พยายามเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าน้องแว่นดูจะจ๋อยลงไป เขาไม่ได้ว่านะ แค่บอกเฉย ๆ เอง

“อ... อ๋อ นี่ครับ”

ชูการ์เลื่อนหนังสือเข้าไปให้เพื่อนพี่ชายดู ซึ่งอีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาเพื่อที่จะได้ดูใกล้ ๆ พอเงยหน้าขึ้นมาทำให้สบตากันโดยไม่ตั้งใจ

“แว่น...”

“ครับ?”

“อันโตไปนะ”

“พี่เคยพูดแล้ว” ชูการ์ว่า นิ้วเรียวขยับแว่นตาตนเองเล็กน้อย พี่เป้ชอบทักเรื่องแว่น ไม่รู้ว่าแกล้งหรืออะไร แต่มันทำให้เขาไม่มั่นใจทุกทีที่ถูกทัก

“หึ นั่นสิ” คนพูดทำน้ำเสียงเห็นด้วย ก่อนเอ่ยถามต่ออีก “ไม่คิดเปลี่ยนบ้างเหรอ?”

“มันดูไม่ดีหรือครับ?” แตะขาแว่นทั้งสองข้างของตนเอง ชักจะไม่มั่นใจขึ้นมาจริง ๆ แล้ว

“อืม” เป้ก็กลับตอบรับตัดกำลังใจน้องเสียอย่างนั้น

“ใจร้าย”

“แค่พูดความจริง”

“.........” ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันเมื่อฟังพี่พูด ไม่เห็นต้องพูดตรงแบบนั้นเลย คนยิ่งไม่มั่นใจอยู่

ชูการ์หยิบหนังสือที่วางอยู่ใกล้มือมาเปิดอ่าน ไม่อยากพูดกับพี่เป้แล้ว เป้เองก็ปล่อยให้น้องนั่งหันหลังให้ไป ส่วนตนเองก็เปิดหนังสือเล่มที่น้องให้มานั้นอ่านไปเรื่อย ๆ หยิบกระดาษกับปากกามาจดส่วนที่สำคัญควรจำไว้ให้น้องด้วย ต่างคนต่างอยู่คนละมุม ไม่รู้สอนกันแบบไหนถึงไม่พูดไม่จากันเลย

ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ เป้ถึงได้ขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งเมื่อรู้สึกเมื่อยขึ้นมา หันไปมองน้องแว่นก็เห็นว่าหลับไปเสียแล้ว จึงวางหนังสือในมือลงก่อนลุกเดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ มองคนหลับกลางกองหนังสือแล้วยิ้มบาง ก่อนจะค่อย ๆ ถอดแว่นตาหนาเตอะนั่นออกช้า ๆ เมื่อไร้สิ่งบดบังใบหน้าแล้วเด็กคนนี้กลับดูดีกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก สมกับเป็นน้องโอโซน แพขนตายาวปิดสนิทเมื่อเจ้าตัวยังคงหลับไม่รู้เรื่อง

เด็กหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปหา แตะจูบริมฝีปากอมชมพูนั้นแผ่วเบาก่อนผละออกมาช้า ๆ เปลือกตาคนหลับขยับเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอม ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วกะพริบเพื่อปรับการมองเห็น

ชูการ์ขยับลุกนั่ง ก่อนหันไปมองอีกคนที่ยังนั่งเปิดหนังสืออยู่ที่เดิมแต่กลับเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไร จึงยกมือจะจับแว่นตามความเคยชิน แต่ปรากฏว่าแว่นตาของตนเองหายไปเสียแล้ว หนุ่มน้อยหันรีหันขวางมองหา ขณะที่เพื่อนพี่ชายเหลือบมองมาแต่ไม่พูดอะไร

“พี่” ชูการ์เอ่ยเรียกเมื่อหาแว่นไม่เจอ

“หือ หลับสบายไหม?”

“อ่า…” คนถูกทักถึงกับไปไม่เป็น เขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย มันหลับไปเอง แต่ก็ไม่กล้าเถียงไปแบบนั้นเพราะรู้ตัวว่าตนเองผิด “พี่เป้ แว่นผมหาย”

ชูการ์เอ่ยบอกอย่างต้องการความช่วยเหลือ ก่อนจะเพ่งมองดูคนที่ตนเองกำลังพูดด้วย คล้ายจะเห็นว่าพี่เขาใส่แว่นหรือเปล่านะนั่น พอเขม้นมองดูดี ๆ ถึงได้รู้ว่าแว่นที่คนพี่ใส่นั้นมันแว่นของตนเอง

“พี่เป้ แว่นผม…”

“ยืม” เป้ตอบกลับมาสั้น ๆ ทำให้เจ้าของแว่นหน้ามุ่ย

“ไม่เห็นรู้เรื่อง” น้องแว่นแอบบ่น

“หึ” คนถูกบ่นแค่หัวเราะในลำคอ ไม่ได้ให้ความสนใจไปมากกว่านั้น ยังคงอ่านหนังสือและขีดเขียนอะไรบนกระดาษที่วางซ้อนอยู่ในนั้นต่อไป

“ผมมองไม่ชัด” ประท้วงอีกเมื่อเพื่อนพี่ชายทำท่าว่าจะไม่ยอมคืนแว่นให้ ไม่ได้หวงแว่น แต่เขามองไม่ชัดจริง ๆ

“มาถอดเอาสิ”

“.........” พอถูกยื่นข้อเสนอมาแบบนั้นชูการ์ก็นั่งนิ่ง

และดูท่าว่าคนตั้งข้อเสนอเองก็ไม่คิดจะคืนให้เหมือนกันหากไม่มาถอดเอาเองดังว่า เป้วางหนังสือที่อ่านค้างไว้ลงข้างกาย นั่งมองน้องแว่นที่ตอนนี้ไม่มีแว่นแล้วว่าจะเอาอย่างไร

ชูการ์เม้มปาก ท่าทางอึดอัดกับสถานการณ์ อยากได้แว่นคืน แต่ไม่กล้าเข้าไปเอา นั่งจ้องกันอยู่พักหนึ่งถึงได้ค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้พี่ มือเอื้อมไปจับขาแว่นตาเพื่อจะถอดออกมา แต่เมื่อพี่เหลือบสายตาขึ้นมามอง ชูการ์ก็ชะงัก เผลอหลุบตามองปากพี่แล้วก็หน้าแดงเมื่อนึกพิเรนท์อะไรไม่รู้

พอถอดแว่นออกมาได้แล้วชูการ์จึงจะผละออกไป แต่เป้กลับจับแขนน้องกระตุกเบา ๆ ตัวบางเซมาหา มือเกาะบ่าเขาเป็นหลักยึด เสมือนเวลาหยุดนิ่งอยู่แค่นั้นเมื่อสบตากันในระยะใกล้ เป้ค่อยเลื่อนมือมาที่เอวน้อง มองสบตากลมไร้สิ่งบดบังนั้นแล้วจึงค่อยเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ทีละนิด

ชูการ์หลับตาปี๋เมื่อพี่เข้ามาใกล้จนเกินไป ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นนุ่มที่ข้างแก้ม ตากลมเบิกโตด้วยความตกใจ ยกมือแตะข้างแก้มของตนเองขณะมองพี่ตาโต

“ชูการ์ หวานจริงเหมือนชื่อหรือเปล่า อยากชิม”

ไม่เพียงแต่พูดเท่านั้น เมื่อริมฝีปากของคนพูดเลื่อนมาแตะจูบเพื่อพิสูจน์ความหวานจริงดังว่า ตากลมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับตนเอง หัวใจเต้นระรัวกับสัมผัสเพียงแผ่วผิวนั้น

“หวาน” คนเป็นพี่เอ่ยบอก รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาบนริมฝีปาก

ชูการ์เพิ่งเคยเห็นพี่เขายิ้มแบบนี้เป็นครั้งแรก ปรกติชอบทำหน้านิ่งตลอด แก้มเขาแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เฉหลบสายตาของพี่ที่มองมาด้วยแววประหลาดที่เขาไม่อยากเข้าใจมันสักนิด ทำอย่างไรดี หัวใจเขาเต้นแรงไม่หยุดเลย…


.........


ร้านขายหนังสือในห้างสรรพสินค้า

ชูการ์หอบหนังสือเดินตามเป้ที่เดินเฉยไม่ยอมช่วยกันเลย ทุกวันหยุดเป้จะมาช่วยสอนช่วยติวหนังสือให้น้องชายเพื่อน ชูการ์ยอมรับว่าพี่เขาสอนเข้าใจง่าย แถมยังช่วยจดตรงที่สำคัญเอาไว้ให้ท่องจำด้วย วันนี้เขาอยากได้หนังสือแนวข้อสอบเพิ่มเติมอีก พี่เป้เลยออกมาเป็นเพื่อน พอซื้อเสร็จกลับไม่มีน้ำใจช่วยถือเลยสักนิด น้องแว่นเลยได้แต่แอบบ่นในใจ

“ไหวไหม?” เป้หันกลับมาถามน้องที่ถือถุงหนังสือหนักจนตัวเอียง มุมปากติดจะยิ้มเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถาม

“ทำไมเพิ่งมาถาม” น้องแว่นบ่นอุบ

“หึ ก็เห็นอยากได้นักไม่ใช่เหรอ ถือเองก็ถูกแล้ว”

ชูการ์ส่งค้อนให้พี่วงโต ก็จริงที่พี่เขาบอกแล้วว่าไม่ให้ซื้อเพิ่มอีก เพราะเท่าที่มีอยู่มันก็เยอะมากแล้ว ทำความเข้าใจกับพวกนั้นก็พอ แต่ชูการ์ยังดื้ออยากมาเอง

“พี่หิวแล้ว แวะกินอะไรหน่อยนะค่อยกลับ”

เป้เปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นน้องหน้างอยิ่งกว่าเดิม แอบสงสารอยู่เหมือนกันนะที่ถือของหนักแบบนั้น ยิ่งผอม ๆ อยู่เสียด้วยสิ แต่ให้ทำไงได้ บอกว่าไม่ต้องซื้อแล้ว เพราะที่มีอยู่ก็มากมายหลายเล่มจนไม่รู้จะอ่านไปทำไมหนักหนา มันก็คล้าย ๆ กันทุกเล่มนั่นล่ะ

ชูการ์เดินตามเพื่อนพี่ชายเข้าไปในร้านอาหารต้อย ๆ เมื่อเข้ามาในร้านแล้วก็ได้แต่นั่งมองพี่กิน ไม่ยอมสั่งอะไรมากินด้วย เขาอยากกลับบ้านไปอ่านหนังสือมากกว่า เหมือนว่าพี่เป้จะรู้เลยแกล้งถ่วงเวลา ก็ดูสิ กินไปยิ้มไปแบบนั้นน่ะ ยิ้มบ่อยขนาดนี้แกล้งเขาชัวร์

“ไม่กินเหรอ?” เป้เลิกคิ้ว ทำท่าทีไม่รู้เรื่องว่าน้องกำลังเขม่นตนเอง แถมยังสั่งราดหน้าผักรวมของชอบน้องมาอีกจาน

ชูการ์มองแล้วส่ายหน้า อยากจะบอกให้พี่รีบกินเร็ว ๆ มากกว่า สั่งมาทำไมตั้งสองจาน จะกินหมดหรือไงกัน

“อร่อยนะ”

“พี่เป้…”

“ชิม” คนพี่ทำหูทวนลมแถมยังตักอาหารให้น้องชิมอีก

ชูการ์เบี่ยงหน้าหนี มองพี่ตาคว่ำ “ไม่เอา”

ถึงจะบอกไปแบบนั้นแต่เป้ก็ยังไม่ยอมเอาช้อนออกไป จะให้น้องชิมให้ได้ ชูการ์มองเพื่อนพี่ชายขี้แกล้งอย่างอ่อนใจ ว่าพี่ธนินขี้แกล้งแล้ว เวลานี้คงสู้พี่เป้ไม่ได้ พอจะจับคันช้อนเองพี่เขาก็ไม่ยอม น้องแว่นจึงต้องอ้าปาก ยอมให้ป้อนตามใจ

พอน้องยอมกิน เป้ก็ยิ้มพอใจ ก่อนยกจานราดหน้าที่สั่งมาเผื่อให้น้องไป ส่วนตนเองก็กินต่อ ลอบมองน้องที่ค่อยตักราดหน้ากินช้า ๆ แล้วก็ยิ้ม สุดท้ายก็ยอมกิน ถึงหน้าจะดูบึ้งไปหน่อยก็เถอะนะ

“เป้”

เสียงทายทักนั้นทำให้ชูการ์ที่กำลังจะตักราดหน้าเข้าปากเงยหน้าขึ้นมอง เป้เองก็หันไปมองตามเสียงเช่นกัน ก่อนเอ่ยเรียกชื่อผู้ที่เข้ามาทัก

“ฮันนี่”

ชูการ์หันมามองเป้ ก่อนหันกลับไปมองคนที่ถูกเรียกว่าฮันนี่คนนั้น พี่ผู้ชายหน้าหวานนี่ใครกันน่ะ?

“ขอพวกเรานั่งด้วยคนนะคะ เป้” เพื่อนผู้หญิงที่มากับเด็กหนุ่มชื่อฮันนี่เอ่ยขอ

เป้หันมามองชูการ์ที่ท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราวกับใครเขา ก่อนจะหันไปตอบเด็กสาวในกลุ่มของฮันนี่

“เรามากับน้อง คงไม่สะดวก”

เด็กสาวในกลุ่มนั้นพากันหน้าเจื่อนไปที่ถูกปฏิเสธ ขณะที่ฮันนี่ยิ้มขำก่อนขอตัวไปนั่งโต๊ะอื่น แต่สาว ๆ ยังไม่เดินตามไป พอมองหน้าชูการ์แล้วหนึ่งในนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเสียงแหลม

“เอ๊ะ! น้องแว่นนี่ดูคุ้น ๆ จัง น้องเป้จริง ๆ เหรอ?”

ชูการ์ขยับแว่นตาเล็กน้อยตามความเคยชินเมื่อรู้สึกประหม่า เป้มองท่าทางของน้องแล้วปรายสายตามองคนพูด เพราะคำพูดนั้นทำให้ชูการ์วางช้อนส้อม เลิกกินของที่น้องชอบ

“คนนั้นไงแก ที่หกล้มหน้าทิ่มในห้องซ้อมดนตรีน่ะ”

“เออ ใช่ ๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นน้องเป้” อีกคนเออออตามกันเมื่อนึกขึ้นได้

“นั่นสิ ดูเฉิ่ม ๆ แถมซุ่มซ่ามอีก ต่างจากเป้อย่างกับอะไร”

เสียงซุบซิบนินทานั้นทำให้คนถูกนำไปเป็นหัวข้อก้มหน้านิ่ง ทั้งที่เรื่องมันผ่านมาแล้ว และเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิดเสียหน่อย เป้มองน้องที่ก้มหน้าก้มตาก่อนที่จะเรียกพนักงานเก็บเงิน วางเงินไว้บนโต๊ะแล้วเดินอ้อมมาหา ถือถุงหนังสือที่วางอยู่ข้าง ๆ ก่อนจับมือน้องพาออกจากร้านไป ไม่สนใจว่าใครจะว่าอย่างไร

ชูการ์มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่อย่างขอบคุณ นึกว่าพี่จะไม่สนใจ ปล่อยให้โดนว่าอยู่อย่างนั้นเสียอีก มือข้างที่ไม่ถูกจับวางทับมือพี่อีกที เป้ชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสนั้น ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงเพื่อให้น้องมาเดินข้างกัน

“อย่าคิดมาก”

“ครับ” คนน้องรับคำอย่างว่าง่าย

“พี่เป้…”

“หือ?”

“ขอบคุณนะครับ”

“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” เป้เลิกคิ้วงง ๆ กับคำขอบคุณนั้น

ชูการ์ยิ้มให้ ถึงพี่จะบอกว่ายังไม่ได้ทำอะไรให้ แต่แค่พี่ไม่ทิ้งให้เขาถูกว่าอยู่แบบนั้น เขาก็ขอบคุณมาก ๆ แล้ว

“ยิ้มบ่อย ๆ นะ”

คำพูดลอย ๆ นั้นทำให้น้องแว่นเอียงคอมองพี่งง ๆ “ครับ?”

“ชอบ”

“.......” ถึงจะรู้ว่าพี่เขาไม่ได้หมายความไปในทางที่ตนเองกำลังคิดอยู่ แต่ชูการ์ก็อดหน้าแดงกับคำพูดนั้นไม่ได้ ทำไมเขาเขินได้ง่ายดายปานนี้

“หน้าแดง”

“เปล่าสักหน่อย”

“หึ ๆ”



เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชูการ์ก็ตรงขึ้นห้องเพื่อเอาหนังสือออกมาดูทีละเล่ม เป้เข้ามานั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ ช่วยน้องจัดการกับหนังสือเล่มหนาพวกนั้นขณะที่มองหน้าน้องไปด้วย ชูการ์ที่เข้าสู่สถานะตั้งใจเรียนทำให้สนใจแต่หนังสือ ไม่ได้รู้เรื่องว่ามีใครมองตนเองอย่างไรทั้งสิ้น เป้ได้แต่แอบคิดขำ ๆ ในใจ มันคือความสามารถพิเศษสินะ

เริ่มเรียนกันไปสักพักใหญ่โอโซนก็เข้ามาพร้อมถาดของว่าง เอามาวางไว้แล้วขอลงไปเอามาอีกรอบเพราะตนเองจะกลับขึ้นมากินด้วย เมื่อโอโซนออกไป เป้จึงให้น้องวางมือจากหนังสือทุกเล่มแล้วพักกินอะไรสักหน่อยก่อน ทั้งที่อยากทำต่ออีกสักนิดแต่ชูการ์ก็จำต้องวางเพราะสายตาดุของพี่เป้ หนุ่มน้อยเก็บของแล้วมานั่งข้างพี่ ตักพุดดิ้งนมสดของโปรดที่คุณแม่ทำไว้ให้กินอย่างอร่อย พี่ชายอย่างโอโซนเพิ่มวิปปิ้งครีมใส่ในถ้วยของน้องให้เป็นพิเศษ ชูการ์เลยจ้วงใหญ่ ของชอบอยู่แล้ว

“เลอะแก้ม”

“.....?” จับแก้มตนเองเมื่อพี่ทัก

“ไม่ใช่ตรงนั้น”

มือเรียวปัดเช็ดไปทั่วเพราะไม่รู้ว่ามันเปื้อนตรงไหน เป้เอื้อมมาจับมือน้องไว้ โน้มหน้ามาใกล้แล้วตวัดเลียมุมปากเร็ว ๆ ก่อนผละออกไปนั่งกินขนมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้น้องนั่งอึ้ง กะพริบตาปริบ ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วเมื่อครู่นี้

“โหย กินเร็วจังวะ กูลงไปแป๊บเดียวเองนะเว้ย” โอโซนโผล่เข้ามาในห้องพร้อมของกินแล้วโวยเพื่อน

“มึงมาช้าแล้วโทษคนอื่นเหรอวะ?”

ปล่อยสองหนุ่มเพื่อนซี้เขาเถียงกันไป ส่วนชูการ์เขยิบออกมาอีกนิดให้พี่ชายนั่งตรงกลาง ในมือยังถือถ้วยพุดดิ้งติดมาด้วย หันหลังให้พี่ชายกับพี่เป้ที่ยังเถียงกันอยู่ ตักพุดดิ้งเข้าปากแล้วยิ้มเขินอยู่คนเดียว







+TBC+

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Flower Kiss Series❊ Sugar Flower (2) 06/12/2018
«ตอบ #2 เมื่อ06-12-2018 15:12:05 »


- 2 -


กล่องเหล็กสีเงินที่ติดรูปตัวการ์ตูนประดับประดาตามแต่ใจเจ้าของถูกยกมาวางบนเตียง มือเรียวเปิดกล่องแล้วหยิบจดหมายออกมาหนึ่งฉบับ สอดไว้ในหนังสือเรียนก่อนเก็บใส่กระเป๋าเป้ของตนเองอีกที ชูการ์จะทำเช่นนี้ทุกวันก่อนไปโรงเรียน เอาจดหมายที่ตนเองเขียนแล้วไม่ได้ส่งนั้นติดตัวไปด้วย ถือเป็นเคล็ดให้พบแต่เรื่องดี ๆ ตลอดทั้งวัน

เมื่อมาถึงโรงเรียน หลังจากหมดคาบเรียนหลักในช่วงเช้าแล้วเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มก็เข้ามาหาชูการ์ ลักษณะท่าทางของเธอก็ดูคงแก่เรียนไม่ต่างจากเขาแม้แต่น้อย ชูการ์ที่กำลังทำการบ้านขณะมีเวลาว่างเงยมองเพื่อนที่มายืนหน้าโต๊ะ เท่าที่เห็น เพื่อนของเขาท่าทางจะมีเรื่องลำบากใจนะ

“ช่วยอะไรเราอย่างสิ ชูการ์” สาวน้อยแว่นโตดูขวยเขิน

“อะไรเหรอ?” ชูการ์ยิ้มถาม แต่เมื่อฟังคำร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนแล้ว รอยยิ้มนั้นก็เจื่อนลง...

อาจจะเป็นเพราะความใจดีหรือไม่ก็เพราะความที่เป็นคนปฏิเสธใครไม่เป็น ทำให้เวลานี้ชูการ์ต้องมาทำภารกิจแสนระทึก เพื่อนของเขาวานให้เอาจดหมายรักฉบับน้อยมาให้พี่ออกัส เพราะแอบชอบแอบชื่นชมพี่เขามานานแล้วแต่ไม่กล้าบอก จึงถ่ายทอดมาเป็นตัวหนังสือสื่อให้พี่เขารู้ รวบรวมความกล้าเขียนจดหมายได้แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าส่งมันอยู่ดี ทำให้ต้องมาขอร้องชูการ์ที่เป็นน้องชายของโอโซนให้ช่วยเธอด้วย

เพื่อนในกลุ่มจะรู้ว่าชูการ์กับโอโซนเป็นพี่น้องกัน ตอนแรกมักไม่มีใครเชื่อ จนโอโซนมายืนยันถึงยอมเชื่อ มันน่าท้อใจสำหรับชูการ์มาก ขนาดเพื่อนยังไม่มีใครเชื่อเลย เขาจึงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครนอกจากเพื่อนสนิทที่รู้กัน

จดหมายที่เพื่อนให้มาตั้งแต่เช้านั้น จนบัดนี้ใกล้ถึงเวลาเลิกเรียนแล้วชูการ์ถึงเพิ่งเอามาให้พี่ออกัส ถึงเขาจะเป็นน้องชายพี่โอโซนก็จริง แต่การเอาจดหมายรักฉบับน้อยมาให้เพื่อนพี่ชายมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาอยู่ดี ก็เขาเป็นผู้ชายนี่นา จะถือเทิ่ง ๆ มาให้เลยมันก็คงแปลกน่าดู

ชูการ์เดินมาหากลุ่มของพี่ชายที่นั่งเล่นกันอยู่หน้าอาคารเรียนมัธยมปลาย สายตาหลายคู่มองมาที่เขาเมื่อเดินเข้าไปหาพี่ออกัส พอมาถึงที่แล้วน้องแว่นก็ยืนอึก ๆ อัก ๆ ไม่กล้าเอ่ยบอกธุระของตนเอง พี่ชายอย่างโอโซนก็มองมาอย่างมีคำถาม รวมทั้งสายตาของพี่เป้ก็ด้วย เลยยิ่งรู้สึกกดดันไปกันใหญ่

“มีอะไรให้ช่วยไหมชูการ์?” ออกัสเอ่ยถามน้องชายเพื่อนอย่างคนมีน้ำใจดี

ชูการ์เหลือบมองพี่ชายและเพื่อนของพี่ที่มองมา ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นซองจดหมายที่มองยังไงมันก็เป็นจดหมายรักให้พี่ออกัส มีรูปหัวใจดวงน้อยแปะอยู่หน้าซองเสียด้วย โอโซนที่เห็นน้องชายทำเช่นนั้นก็ถึงกับอึ้ง น้องของเขาให้จดหมายรักกับออกัส!!?

“คือ... ช่วยรับไว้ด้วยครับ” ชูการ์ช้อนสายตามองพี่ออกัส ไม่กล้ามองพี่เขาเต็มตา มันเขิน

“ให้พี่?” ออกัสชี้ที่ตนเองเพื่อความแน่ใจ

“ครับ”

คำตอบรับนั้นทำเอาพี่ชายอย่างโอโซนกุมขมับ ก็พอเข้าใจนะว่าออกัสเสน่ห์แรง แต่อย่ามาแรงกับน้องชายกูได้ไหมเพื่อน!

“ขอบคุณนะ แต่พี่คงรับไว้ไม่ได้หรอกครับ ชูการ์”

“ทำไมล่ะครับ!?” หนุ่มน้อยเอ่ยถามอย่างตกใจ ตากลมเบิกโตขึ้นมาตามอารมณ์เจ้าของ เพื่อนของเขาอุตส่าห์ตั้งใจเขียน จะไม่อ่านสักหน่อยหรือ?

“พี่ไม่ได้ชอบแบบนี้น่ะ”

ออกัสอยากจะบอกว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่เห็นหน้าตาตื่น ๆ ของน้องชายเพื่อนแล้วก็เลือกที่จะไม่พูดไปดีกว่า แต่นั่นกลับทำให้ชูการ์เข้าใจไปว่าออกัสไม่ชอบเพื่อนตนเองที่ท่าทางแก่เรียนแบบนั้น สีหน้าหนุ่มน้อยสลดลงเมื่อนึกไปถึงจิตใจเพื่อน

“พี่ไม่ชอบเพราะเห็นว่าเชยเหรอ?”

“เอ่อ... มัน…” สีหน้าจ๋อย ๆ นั่นทำให้ออกัสไปไม่เป็น... โอโซน มาเอาน้องมึงไปเก็บทีว้อยยยยย

“เฮ้ย! พี่เป้ นั่นมันของพี่ออกั...ส...”

เงาสูงที่ทอดมาด้านหลังไม่ได้ทำให้ชูการ์รู้ตัว จนเมื่อจดหมายในมือถูกแย่งไปถึงได้ร้องตาม เป้เดินลิ่วไม่สนใจเสียงประท้วงนั่นสักนิด ชูการ์หันมามองออกัสที่ยิ้มเจื่อนส่งมาให้ก่อนวิ่งตามเป้ไป พี่ชายอย่างโอโซนยังมึนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หาย พุฒจึงช่วยนวดขมับเรียกสติให้มือกีตาร์ของวงที่ชักจะออกอาการเพ้อ... ไม่จริงใช่ไหม ชูการ์น้องรัก โธ่~

“พี่เป้ พี่เป้ เดี๋ยว นั่นมันของพี่ออกัสนะ”

ตัวบาง ๆ นั้นวิ่งไปดักหน้า เป้เบือนไปทางอื่นไม่มองหน้าน้อง ท่าทางนั้นทำให้ชูการ์เม้มปาก ในใจมันวูบโหวงแปลก ๆ ที่พี่แสดงอาการแบบนั้น ก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าแล้วค้างอยู่จนพี่หันกลับมามอง

“ขอคืนด้วยครับ”

“จดหมายรัก?”

คำถามไร้รูปประโยคนั้นได้รับการพยักหน้าตอบกลับมา เป้พยายามข่มอารมณ์ ยิ่งมองหน้าซื่อ ๆ ของน้องแว่นแล้วเขายิ่งจะข่มใจไม่ไหว ซองจดหมายถูกยัดใส่มือน้องก่อนที่ตัวสูง ๆ นั่นจะเดินจากไปด้วยความหงุดหงิด

ชูการ์ก้มลงมองจดหมายในมือ ก่อนมองตามหลังพี่งง ๆ แล้ววิ่งกลับมาหาออกัส ยื่นจดหมายให้นักร้องนำวง HOTNESS อีกครั้ง

“พี่กัส ช่วยรับไว้ด้วยครับ เพื่อนผมเขาให้ด้วยใจ ถึงมันจะไม่ใช่แบบที่พี่ชอบ แต่ก็ช่วยรับน้ำใจของเพื่อนผมด้วยครับ” ชูการ์พูดยาวกว่าที่เคยเป็นเพราะไม่อยากให้เพื่อนต้องเสียใจจริง ๆ อย่างน้อย ๆ ให้พี่ออกัสรับเอาไว้ก็ยังดี

“ของเพื่อนชูการ์เหรอ?”

“ครับ”

“.......”

เกิดความเงียบขึ้นกับหนุ่ม ๆ วง HOTNESS ออกัสเหลียวกลับไปมองโอโซนที่อึ้งรอบสอง พุฒส่ายหน้าไปมาเมื่อพากันหน้าแตกยกขบวน ขณะที่ธนินยิ้มขำเพื่อน ทั้งหมดพากันหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเรื่องกลับตาลปัตร นี่พวกเขาเข้าใจว่ามันคืออะไรกัน?

“พี่รับไว้แล้วนะ ภารกิจเสร็จสิ้นเนอะ”

ออกัสรับจดหมายฉบับน้อยนั้นมา คนนำส่งเลยอมยิ้มแก้มป่อง หนุ่มฮอทยีผมน้องแว่นเล่น น้องโอโซนนี่น่าเอ็นดูจริง ๆ เลยน้า



ชูการ์กลับมาที่บ้านหลังเลิกเรียน กิจวัตรประจำวันยังคงเป็นการเขียนจดหมาย น้องแว่นของเราเปิดกระเป๋าเพื่อที่จะเอาจดหมายซองน้อยที่พกติดตัวออกมาดู มีรอยยิ้มน้อย ๆ ติดริมฝีปากอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อค้นทั้งกระเป๋าแล้วไม่เจอของที่ต้องการก็ชักจะรู้สึกใจหวิวหวั่นขึ้นมา

เขาย้ายไปค้นลิ้นชักที่ตนเองเก็บของสำคัญเอาไว้ แต่ค้นเท่าไรก็ไม่เจอ ลองค้นหาทุกที่ในห้องก็ไม่เห็น ชูการ์เหลียวมองรอบห้องแล้วทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมา หากใครมาเห็นจดหมายนั่นเข้าจะทำอย่างไรดี เพราะความโก๊ะของเขาแท้ ๆ เลย เอาไว้ที่ไหนก็ไม่รู้

ขณะที่กำลังว้าวุ่นเพราะของสำคัญหาย จดหมายฉบับหนึ่งก็หล่นลงมาจากกระเป๋า ชูการ์รีบวิ่งเข้าไปเก็บขึ้นมาด้วยความดีใจที่เจอมัน แต่แล้วกลับต้องชะงักงันเมื่อมันไม่ใช่ของตน มันเป็นของ... เพื่อน

“ไม่จริงใช่ไหม…”

ชูการ์อ้าปากหวอ กะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกเหมือนโดนทุบหัวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองให้จดหมายผิดซองกับพี่ออกัสไปเสียแล้ว… แย่แล้วชูการ์!


………


ชูการ์เดินซึมลงมาจากบนบ้าน มานั่งร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับครอบครัวก่อนไปโรงเรียน โอโซนเอ่ยถามน้องชายว่าเป็นอะไรไปถึงได้ดูซึมกระทือแบบนั้น แต่คนเป็นน้องก็เอาแต่ส่ายหน้า ก็จะให้บอกได้อย่างไรว่าจดหมายที่ให้พี่ออกัสไปน่ะ มันของเขา พี่ชายเขาคงได้พุ่งไปหาพี่ออกัสแล้วอ่านมันแน่นอน

เพราะความกลุ้มใจทำให้ชูการ์น้อยมานั่งถอนหายใจอยู่ภายในห้องเรียนต่อ หลังจากมาถึงโรงเรียนแล้วก็ยังไม่กล้าไปหาออกัส ได้แต่มานั่งเท้าคางเซื่องซึมอยู่ที่โต๊ะเรียน บรรยากาศมืดมัวรอบกายทำให้เพื่อนในห้องไม่กล้าเข้าใกล้

เพื่อนผู้หญิงที่ให้ชูการ์เอาจดหมายไปให้ออกัสเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม “ชูการ์ เมื่อวานน่ะ…”

“ขอโทษนะ เพลิน เราไม่ได้เอาจดหมายให้พี่ออกัสน่ะ เราให้ไปผิดอัน” ก่อนที่เพื่อนจะได้เอ่ยอะไรออกมา ชูการ์ก็ชิงพูดก่อน หนุ่มน้อยเอื้อมมือเข้าไปใต้ลิ้นชักโต๊ะเพื่อหยิบจดหมายของเพื่อนมาส่งคืนให้

เพลินรับมันมางง ๆ ก่อนจะบอกกับชูการ์ด้วยรอยยิ้มแย้มพราย “ไม่เป็นไร ๆ เพราะเมื่อวานเรามีโอกาสบอกพี่เขาด้วยตัวเองแล้ว พี่เขาน่ารักมากเลย ไม่ดูถูกเราด้วย”

น้องเพลินบอกกับเพื่อน แววตาวาวระยับด้วยความสุขที่ได้เอ่ยบอกความในใจของตนเองกับคนที่แอบชอบ ถึงแม้พี่เขาจะไม่ได้ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้มองเธออย่างดูถูก แถมยังคุยกับเธอเป็นอย่างดีเสียด้วย เพียงเท่านี้ก็ทำให้สาวน้อยร้อยชั่งอย่างน้องเพลินแว่นหนามีความสุขแล้ว ชูการ์มองบรรยากาศสดใสของเพื่อนแล้วยิ้มแห้ง เพลินที่เพิ่งนึกขึ้นได้จึงเอ่ยถาม

“ว่าแต่เมื่อวานชูการ์ไม่ได้ให้อันนี้ไป แล้ว... ให้อะไรไปอะ?”

คำถามของเพื่อนเพลินทำให้ชูการ์ต้องกุมขมับ เพราะให้จดหมายไปผิดซองนั่นล่ะเขาถึงมานั่งกลุ้มอยู่อย่างนี้ ไม่รู้จะเอาคืนอย่างไร ที่สำคัญพี่ออกัสจะอ่านหรือยัง ถ้าเกิดพี่เขาอ่านแล้วจะถูกล้อไหม และคำถามอีกล้านแปดที่ชูการ์คิดไม่ตก

เมื่อรวบรวมความกล้ามาทั้งวันแล้วชูการ์จึงออกเดินหาพี่ออกัสเสียทั่ว ไปหาพี่เขาที่ห้องแล้วแต่ไม่มีใครอยู่ จะถามใครแถวนั้นก็ไม่กล้า จึงมาเดินหาเอาเอง จนเห็นร่างสูงแสนคุ้นตาเดินอยู่ไม่ไกล ชูการ์ก็เปิดยิ้มกว้างก่อนเอ่ยเรียก

“พี่เป้”

“...?” เป้ชะงักเท้าก่อนหันกลับมา เลิกคิ้วมองเมื่อน้องวิ่งมาหา

“พี่ออกัสล่ะครับ?”

คิ้วเข้มขมวดเมื่อน้องแว่นเอ่ยถามถึงคนอื่น แต่ถึงจะไม่สบอารมณ์อย่างไรก็ยังเอ่ยตอบน้องอยู่ดี “สนามบอล”

“สนามบอล... ขอบคุณครับ” ชูการ์ทวนคำก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณพี่พร้อมรอยยิ้มแล้ววิ่งไปทางสนามบอลตามคำบอกกล่าว

เป้มองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งห่างออกไปแล้วเผลอกำหมัด พอรู้ตัวก็คลายมือออก เด็กหนุ่มหมุนกายเพื่อที่จะย้อนกลับไปทางเดิมที่ตนเองเดินมา ไม่ไปแล้วสนามบอล

ขณะที่เดินดุ่มกลับไปทางเดิมก็มีใครบางคนจงใจมาเดินชนไหล่เขา เพราะมันแรงมากกว่าจะกระทบโดยไม่ตั้งใจ เป้ปรายมองคนทำที่ก็มองมาอย่างท้าทาย หมัดหนัก ๆ เหวี่ยงใส่หน้าอย่างไม่มีเวลาให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว...

ชูการ์ไปหาออกัสที่สนามฟุตบอล พี่ชายอย่างโอโซนก็อยู่กลางสนามด้วยกัน เสียงกองเชียร์ดังอยู่ข้างสนาม ถึงหนุ่ม ๆ เขาจะเตะกันเอาสนุก แต่กองเชียร์ก็ยังเชียร์กันเต็มที่ ชูการ์มองพี่ ๆ ที่เตะบอลกันอยู่ในสนามก่อนตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำ เพราะเขาไม่มีทางเลือก เมื่อมันใกล้เลิกเรียนเต็มทีจึงได้ตะโกนเรียกออกัสอยู่ข้างสนาม

“พี่ออกัส!!”

เสียงเรียกของเขาไม่ได้มีเพียงพี่ออกัสเท่านั้นที่มองมา เพราะแทบทุกสายตาที่อยู่บริเวณนั้นมองเขาราวกับตัวประหลาด พี่ชายของเขาเสยผมชื้นเหงื่อของตนเองเล็กน้อยก่อนลากพี่ออกัสวิ่งมาหาเขาที่ข้างสนาม

“กล้าขึ้นนะเดี๋ยวนี้ ค่อยสมกับเป็นน้องชายโอโซนหน่อย” พี่ชายยักคิ้วให้เมื่อมาหยุดตรงหน้า

ชูการ์บุ้ยปาก ไม่ได้อยากได้คำชมประหลาด ๆ จากพี่สักหน่อย

“เรียกพี่ มีอะไรเหรอครับ ชูการ์?” ออกัสเอ่ยถามน้องชายเพื่อนด้วยรอยยิ้ม

“คือว่า...”

“พี่ ๆ ครับบบบ แย่แล้ววววว”

รุ่นน้องชายคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งมาหาออกัสกับโอโซนขณะที่ชูการ์กำลังจะพูดธุระของตนเอง ธนินกับพุฒที่เดินออกจากสนามฟุตบอลมาบอกให้รุ่นน้องคนดังกล่าวใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูด เพราะท่าทางจะวิ่งมาเหนื่อย ชูการ์หน้าตาเหลอหลา ขยับเข้าไปยืนชิดพี่ชายของตนเองแล้วจึงค่อยโผล่หน้ามามองสถานการณ์ รุ่นน้องชายคนนั้นบอกว่าเป้ถูกเรียกเข้าห้องปกครองเพราะก่อเรื่อง ทำให้สี่หนุ่มมองหน้ากันอย่างตกใจ ก่อนที่จะรีบไปยังห้องปกครอง

ชูการ์เองก็รีบวิ่งตามพี่ ๆ เมื่อไปถึงห้องปกครองพี่เป้ก็ออกไปแล้วเพราะคุยกับอาจารย์เรียบร้อย ทั้งหมดจึงยกขบวนกันไปที่ห้องเรียน เห็นพี่เป้สะพายกระเป๋ากำลังจะออกจากห้องพอดีจึงพากันเข้าไปหา โดยที่ชูการ์ได้แต่เมียง ๆ มอง ๆ อยู่หลังพี่ ๆ พอพี่เป้เหลือบมามองก็รีบหลบสายตา

“เกิด’ไรขึ้นวะ?” พุฒเอ่ยถาม สีหน้าเคร่งเครียด

“กูแค่คันมือนิดหน่อย” เป้ยักไหล่ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ

“ถึงกับเข้าห้องปกครองนี่นะ?” เด็กหนุ่มหัวหน้าวงยังข้องใจ แอบหมั่นไส้ท่าทางไม่ยี่หระของเพื่อนเล็กน้อยถึงปานกลาง

“เออ”

เป้ตอบรับส่ง ๆ ไม่มีใครซักไซ้เป้อีก เพียงแต่ถามถึงบทลงโทษที่อาจารย์มอบให้เป้เพื่อนรักว่าหนักหนาแค่ไหน ซึ่งเป้ก็ยังคงตอบหน้าตาเฉยว่าโดนทัณฑ์บน อย่าก่อเรื่องอีก เพื่อนเลยหมดคำจะพูด ก็ขนาดเจ้าตัวเขายังดูไม่เดือดร้อนอะไรเลยนี่นะ ต่างคนเลยเดินไปที่โต๊ะของตนเองเพื่อที่จะเตรียมตัวกลับบ้านด้วยเช่นกัน

“เออ แล้วชูการ์มีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ เห็นตามหาพี่ซะทั่ว”

เมื่อสถานการณ์ดูจะคลี่คลายลงแล้วออกัสจึงหันมาถามน้องแว่นที่ยืนเงียบมาตั้งแต่ต้น ทำให้เป้หันมาสนใจน้องอีกครั้ง

“คือ... เรื่องจดหมาย…”

พอเกริ่นมาแบบนั้นทำให้สายตาสี่คู่มองตรงมาอย่างอยากรู้เรื่องด้วย ชูการ์ดึงพี่ออกัสออกไปคุยข้างนอก หนุ่มน้อยดึงเพื่อนพี่ชายให้นั่งยอง ๆ ลงบนพื้นข้างห้องเรียนแล้วคุยกัน

“จดหมายนั่นน่ะ พี่กัสเปิดอ่านหรือยัง?” ชูการ์เอ่ยถาม ท่าทางหวั่นใจในคำตอบ

“อ่านแล้ว” ออกัสเอ่ยบอกแล้วอมยิ้มขำ เมื่อน้องแว่นตาโตขึ้นมาอย่างตกใจ

“หา!? เอ่อ... จริงเหรอครับ?”

“อื้อ” หนุ่มนักร้องนำพยักหน้ายืนยัน

สายตาล้อเลียนนิด ๆ นั่นทำให้ชูการ์ทำตัวไม่ถูก เอ่ยขอพี่เขาเสียงค่อย “ผมขอคืนได้ไหม?”

“ทำไมล่ะ ของเพื่อนชูการ์ไม่ใช่เหรอ หรือเขาไม่อยากให้พี่แล้ว?” ออกัสเลิกคิ้ว ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“เปล่าครับ เมื่อเช้าเพื่อนผมบอกว่าบอกกับพี่ด้วยตัวเองไปแล้วเมื่อวานนี้”

“หือ เมื่อวาน?”

“ครับ ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ” น้องแว่นขยายความเสียงค่อยลงเรื่อย ๆ

“อ้อ แล้วยังไงล่ะ ทำไมถึงอยากได้คืน?”

“พี่กัสอ่านจริงหรือเปล่า?” พอถูกซัก ชูการ์เลยเอ่ยถามกลับ หน้าตามู่ทู่เพราะเพื่อนพี่ชายเอาแต่ยิ้มล้อ

“อ่านสิ ก็ในจดหมายบอกว่าเฝ้ามองพี่มาตลอด ถึงพี่จะไม่เคยมองเห็นหรือรับรู้ แต่ก้าก็ยังชอบพี่…”

“พี่ออกัส!” ชูการ์แทบอยากจะโดดตะปบปิดปากเพื่อนพี่ชาย ฮือออ อ่านจริงด้วยยย

“ของชูการ์ใช่ไหม?” ออกัสขยับเข้าไปใกล้น้องแว่นที่หน้าแดงขึ้นมาด้วยความอาย

“.........” ชูการ์พยักหน้าเบา ๆ ยอมรับว่ามันเป็นของตนเอง ก็พี่เขาอ่านไปแล้วนี่นา

“เขียนให้ใคร?”

“คืนให้ผมนะ” น้องแว่นตอบไม่ตรงคำถาม

“บอกพี่ก่อนว่าเขียนให้ใคร?”

“พี่กัส…”

“บอกก่อน ไม่งั้นไม่คืนนะ” ออกัสตั้งเงื่อนไขต่อรอง ยิ่งเห็นน้องอายยิ่งอยากแกล้ง

ชูการ์มองเพื่อนพี่ชายแล้วหลุบตาลงมองพื้น ไม่อยากบอกอะ แต่ถ้าไม่บอก พี่ออกัสก็จะไม่คืนจดหมายให้ ทำไมต้องกดดันก้าด้วยล่ะ

“ก็... เขียนให้...”

“เกะกะ”

เสียงคลื่นแทรกทำให้ออกัสกลอกตาเซ็ง ๆ ชูการ์เงยขึ้นมอง เห็นเป้ยืนหน้าบึ้งอยู่จึงลุกขึ้นยืนแล้วหลบหลังพี่ออกัสที่ส่งยิ้มให้พี่เป้ เป้มองน้องที่หลบอยู่ข้างหลังเพื่อนด้วยความไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะเดินผ่านไป

“อันธพาลว่ะ” ออกัสเอ่ยกลั้วหัวเราะ ซึ่งเป้เพื่อนรักก็ชูนิ้วกลางให้ด้วยใจรักยิ่ง

ชูการ์ได้แต่ทำหน้าพิกล พี่เป้เป็นคนใจดี แต่บางทีพี่เป้ก็น่ากลัวด้วยเหมือนกัน...


.......


หลังจากวันที่ไปขอจดหมายคืนจากออกัส จนวันนี้ชูการ์ก็ยังไม่ได้คืน ออกัสบ่ายเบี่ยงที่จะนำมันมาคืนให้ จนชูการ์ไม่คาดหวังแล้วว่ามันจะได้คืน เมื่อวันหยุดมาถึง พี่ชายของเขาก็มาบอกว่าเป้จะไม่มาสอนอีกแล้ว

“ไปทำอะไรให้มันโกรธหรือเปล่า?” พี่ชายเอ่ยถาม เพราะนึกไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมเพื่อนถึงได้มายกเลิกกลางคันแบบนี้

“ก้าเปล่านะ!” ชูการ์ปฏิเสธเสียงหลง ก่อนจะเอ่ยถามพี่เสียงหงอย “พี่เป้เขาโกรธก้าเหรอพี่โซน?”

“ไม่รู้ อยู่ ๆ มันก็ไม่ยอมมา จะให้คิดไง?”

“แต่ก้าไม่ได้ทำอะไรนะ อาทิตย์ก่อนพี่ก็เห็นอะ” คนเป็นน้องยังยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ

“ก็จริง” โอโซนพยักหน้าอย่างเห็นตามนั้น เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาก็ยังดี ๆ กันอยู่ แล้วมันเกิดอะไรที่เขาไม่รู้อย่างนั้นหรือ?

ในขณะที่คนเป็นพี่เกิดความสงสัย น้องชายเองก็ไม่ได้ต่างกัน แต่ภายใต้ความสงสัยนั้นกลับมีความกังวลเพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะความที่ไม่เคยมั่นใจในตนเองทำให้มีแต่ความคิดด้านลบ บางทีพี่เป้อาจจะรำคาญก็ได้ที่ต้องมาสอนคนอย่างเขา...


.........


ห้องซ้อมดนตรี

เป้มาลองซ้อมกลองก่อนเพื่อน ๆ ในวง พักนี้รู้สึกมันหงุดหงิดง่ายจนพาลจะมีเรื่องกับใครบ่อย ๆ การตีกลองช่วยให้อารมณ์เขาเย็นลงได้

ชูการ์ที่หมดคาบเรียนของวันแล้วก็ค่อยย่องมาแอบส่องอยู่ข้างหน้าต่างเมื่อได้ยินเสียงกลอง หนุ่มน้อยนั่งยอง ๆ โผล่แต่หน้าขึ้นมามองพี่ เป้เหลือบมาเห็นแล้วว่ามีคนเกาะขอบหน้าต่างมองเขาอยู่แต่ไม่สนใจ ยังคงตีกลองไปเรื่อย พอมองมาอีกทีชูการ์ก็หายไปเสียแล้ว

เด็กหนุ่มชะเง้อมองแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่ตรงนั้น จึงลุกเดินไปที่หน้าต่างห้องซ้อมที่ก่อนหน้านี้มีคนเกาะอยู่ เมื่อมาหยุดยืนชิดขอบหน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอกก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่

เป้จิ๊ปาก รู้สึกหงุดหงิดที่น้องหายไป แต่พอจะเดินย้อนกลับไป หางตาก็เห็นตัวกลม ๆ ขดอยู่บนพื้น เขากอดอกมองก่อนยื่นมือไปขยี้ผมน้องที่นั่งกอดเข่าพิงผนังปูนใต้กรอบหน้าต่าง ทำให้น้องหันมามองเขาตาโต

“มานั่งทำอะไรตรงนี้?”

“ขอโท…”

ด้วยความตกใจทำให้หนุ่มน้อยแว่นหนาดีดตัวลุกขึ้น เกือบเอ่ยคำว่าขอโทษไปแล้ว แต่เมื่อนึกได้ว่าคนตรงหน้าเคยบอกว่าถ้าไม่ได้ทำผิดก็อย่าขอโทษเลยหุบปากฉับ

“....?” เป้เลิกคิ้วมองน้องที่ท่าทางทำอะไรไม่ถูก

“ผมไปดีกว่า”

ชูการ์ตัดบทฉับแล้วจะเดินหนีเอาดื้อ ๆ แต่เป้คว้าจับแขนน้องไว้ ทำให้ตัวบาง ๆ นั้นเซกลับมาตรงหน้าเขาเหมือนเดิม

“มีอะไร?”

“........” หนุ่มน้อยเฉหลบตาเมื่อพี่เอ่ยถาม ดูอึก ๆ อัก ๆ จนพี่ต้องเรียกซ้ำ

“ชูการ์”

“พี่เป้โกรธอะไร?” ชูการ์โพล่งขึ้นมา

“หา?”

“ทำไมไม่มาติวให้ผมเหมือนเคย... พี่โซนบอกว่าพี่เป้โกรธผม” ใบหน้าเรียวก้มต่ำอีกครั้งเมื่อเอ่ยบอก น้ำเสียงออดอ่อยไร้ความมั่นใจ

เป้มองน้องที่ก้มหน้าก้มตาแล้วถอนใจ ก่อนบอก “ไม่ได้โกรธ”

“งั้นทำไมล่ะ?”

พอพี่บอกว่าไม่ได้โกรธ ชูการ์ก็เงยหน้าขึ้นมามองก่อนเอ่ยถาม สีหน้าน้องแว่นดูไม่เชื่อสักสักนิดว่าพี่ไม่โกรธ ก็ถ้าไม่ได้โกรธแล้วทำไมต้องเลิกมาติวหนังสือให้โดยไม่บอกเหตุผล แล้วไหนจะชอบทำหน้าตาน่ากลัวเวลาที่เขามาหาอีก ต้องโกรธแน่ ๆ

“ขยับมานี่ซิ”

“..…?” ชูการ์ค่อยเขยิบไปหาพี่ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของกรอบหน้าต่าง

เป้โน้มตัวออกมานอกหน้าต่างแล้วจูบหน้าผากน้องเบา ๆ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นมองพี่ไม่กะพริบด้วยความอึ้ง

“พี่ไม่ได้โกรธชูการ์นะ เชื่อยัง?”

หนุ่มน้อยเม้มปากแล้วส่ายหน้าทั้งที่หน้าแดงเพราะความเขิน เป้อมยิ้มก่อนโน้มตัวไปหาน้องอีกครั้งเพื่อจะแตะจูบริมฝีปากอมชมพูนั่น ยิ่งพี่ใกล้เข้ามาเท่าไร ชูการ์ก็ยิ่งใจเต้นแรง ไม่สามารถหลบไปไหนได้ ดวงตากลมมองพี่ ใจเต้นตึกตักกับลมหายใจอุ่น ๆ ที่ปะทะแก้ม และความนุ่มที่แตะลงมาบนกลีบปากเบา ๆ ...

แกร๊ก

“อ้าว เชี่ยเป้ มาไม่บอกเพื่อนเลยนะมึง”

เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมเสียงทักทายของเหล่าสมาชิกวง HOTNESS ทำให้ชูการ์ผลุบลงไปนั่งที่พื้น ขณะที่เป้หันไปมองเพื่อนที่ทยอยเข้ามาในห้องซ้อมก่อนหันกลับมามองน้อง เมื่อไม่เห็นจึงชะโงกลงไปมอง เห็นตัวบาง ๆ นั่นคลานหนีไปแล้วก็หัวเราะออกมา

“อะไรของเขา?”

“อะไรวะ?” โอโซนโผล่มาข้าง ๆ ไม่ให้สุ้มให้เสียง

“เปล่า แมวน่ะ” เป้บอกหน้าตาย

โอโซนเลิกคิ้วทวนคำ “แมว? มึงยิ้มให้แมว??”

คำถามนั้นทำให้เป้ยิ้มกว้างกว่าเดิม “ก็มันน่ารัก”

“หา!!?”

สมาชิกวง HOTNESS ประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียง พากันอึ้งไปทั้งวง คนอย่างเป้นี่นะเห็นว่าแมวน่ารัก ทุกสายตามองมาที่เป้อย่างไม่อยากจะเชื่อ ซึ่งคนถูกมองก็ไม่ได้ใส่ใจกับสายตาเหล่านั้น ก็เขาเห็นว่าน่ารักก็น่ารักสิ

‘ใช่ น่ารักมากเชียวล่ะ’

ชูการ์วิ่งหน้าแดงกลับมาที่ห้องเรียน โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้น หนุ่มน้อยมองเบอร์ของพี่ชายที่โทรเข้ามาแล้วกดรับ

“ครับ พี่โซน?”

“ชูการ์”

ชูการ์ชะงักเมื่อเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของพี่ชาย ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกเมื่อมันยังดังอยู่ข้างหู ได้แต่ต่อว่าหัวใจตัวเองให้หยุดเต้นแรงเสียทีได้ไหม เดี๋ยวพี่เขาก็ได้ยินกันพอดี

“ชูการ์ ได้ยินพี่ไหม?”

“อ่า ครับ... พี่เป้” ตอบรับกลับไปเสียงเบา

“เดี๋ยวเสาร์นี้พี่ไปหาที่บ้านนะ”

“ห๊ะ?” ชูการ์อุทานงง ๆ

แต่ก่อนที่เป้จะได้พูดอะไรต่อจากนั้น เสียงของโอโซน เจ้าของโทรศัพท์ตัวจริงก็ดังแทรกเข้ามา

“เฮ้ย! แอบใช้โทรศัพท์กูเหรอมึง จ่ายมาเลยค่าโทรอะ นาทีละสามสิบ”

“มึงจะเอาไปรักษาหมาในปากเหรอโซน?”

เสียงโวยวายของพี่ชายตนเองกับพี่เป้ยังคงดังมาให้ได้ยิน เถียงกันเรื่องอะไรไม่รู้สามสิบบาทเอาไปรักษาหมา ชูการ์ฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนที่สายจะถูกตัดไป แต่แค่รู้ว่าวันหยุดนี้พี่เป้จะมา ชูการ์ก็รู้สึกดีใจจนยิ้มไม่หุบ






+TBC+

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (3) 07/12/2018
«ตอบ #3 เมื่อ07-12-2018 11:36:13 »

- 3 -




เสียงแตรรถหน้าบ้านชูการ์ดังขึ้นในช่วงสายของวัน โอโซนที่นั่งทำงานของตนเองอยู่ชั้นล่างชะเง้อมองก่อนลุกขึ้นไปดูว่ามีใครมา ขณะที่น้องชายของเขาวิ่งลงมาจากชั้นบน ไหว้คุณพ่อคุณแม่ก่อนวิ่งผ่านหน้าเขาไป

“ไปแล้วนะพี่โซน”

“เออ” โอโซนเออออไปกับน้องอย่างมึน ๆ พอนึกขึ้นได้เลยรีบร้องถาม “เฮ้ย! ไปไหนน่ะชูการ์?”

ชูการ์หันกลับมามองพี่แล้วยิ้ม โอโซนเพิ่งได้สังเกตว่าน้องแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอก มีสะพายกระเป๋าด้วย ไม่ดีแล้วมั้งแบบนี้ แต่จะห้ามก็ไม่ทันแล้วเมื่อน้องชายที่น่ารักขึ้นรถคันงามที่มาจอดรอหน้าบ้านไปเสียแล้ว

โอโซนวิ่งออกมาทันได้เห็นแต่ท้ายรถที่พาน้องของตนเองไปต่อหน้าต่อตา รู้สึกคุ้น ๆ เหมือนว่าจะเคยเห็นรถคันนี้ที่ไหน ไม่ใช่สิ ไม่ใช่แค่เคยเห็น มันชัดเลย

“ไอ้เป้!!”

ขณะที่เพื่อนอย่างโอโซนฮึดฮัดอยู่หน้าบ้านเพราะไม่สามารถทำอะไรได้ เป้กลับนั่งอมยิ้มอยู่ในรถข้าง ๆ น้องแว่น กำลังคิดอยู่ว่าถ้าชมว่าน้องแต่งตัวน่ารัก น้องจะเขินไหม วันที่เขาใช้โทรศัพท์โอโซนโทรหาน้อง แน่นอนล่ะว่าเขาต้องจิ๊กเบอร์น้องมาแล้วเรียบร้อย พอกลับมาบ้านหลังเลิกเรียนก็ใช้เบอร์ตัวเองโทรไปหา ซึ่งดูเหมือนน้องจะตกใจน่าดูที่รู้ว่าเป็นเขา

“พี่เป้”

“หืม?” เป้ขานรับเมื่อน้องเอ่ยเรียกขึ้นมา

ท่าทางชูการ์ดูจะอึดอัดเพราะนั่งเคาะเท้าตั้งแต่ขึ้นมาบนรถแล้ว ตอนที่คุยกันทางโทรศัพท์เขาชวนน้องไปเที่ยวที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อไปดูท้องฟ้าจำลองกัน อยากอยู่ใกล้ก็ต้องใช้ของที่น้องชอบมาล่อสักเล็กน้อย ชูการ์ดูอยากไปเมื่อได้ฟังที่เขาพูด เป้จึงรวบรัดตัดตอนนัดว่าจะมารับน้องในวันนี้ ซึ่งน้องก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก็จะปฏิเสธได้อย่างไรกัน เขามัดมือชกเสร็จสรรพไปแล้วนี่นะ

“ว่าไงครับ ชูการ์?” เอ่ยถามอีกเมื่อน้องไม่พูด

“คือ... ผมไม่ได้บอกพี่โซนว่าจะออกมากับพี่”

หนุ่มน้อยตอบพี่เสียงเบา พอออกห่างบ้านมาก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนตนเองกำลังแอบหนีเที่ยว มันไม่เหมือนคราวที่ออกมาซื้อหนังสือกับพี่เป้ เพราะตอนนั้นมันคือการมาซื้อหนังสือ แต่ตอนนี้มันคือการมาเที่ยว จุดประสงค์ต่างกันเห็น ๆ

“โทรบอกก็ได้นี่” เป้เอ่ยแนะ

“...ไม่กล้า”

“เดี๋ยวพี่บอกให้ ชูการ์โทรแล้วเอามาให้พี่พูดมา” เป้เสนอทางออกให้น้อง ถ้าน้องยังกังวลแบบนี้ การมาเที่ยวด้วยกันคงสูญเปล่า

ชูการ์ก้มหน้าก้มตาเปิดกระเป๋าเอาโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ ก่อนจะนำมาแนบหูเป้ เมื่อโทรออกแล้วเสียงรอสายยังไม่ดังสักแอะ เสียงพี่ชายก็โวยวายมาตามสายแล้ว หนุ่มน้อยยิ้มแหยให้เป้ที่อยากจะเบี่ยงหน้าหนี แต่เพราะกำลังขับรถอยู่ แถมบอกว่าจะคุยกับโอโซนแทนน้อง ทำให้ต้องทนฟังเสียงโวยวายของเพื่อนไปโดยปริยาย

“กูพาน้องมาเรียนนอกสถานที่ไงมึง ขอบใจกูซะสิ”

เป้เอ่ยแทรกเมื่อมีโอกาส เล่นสวดยับขนาดไม่หายใจแบบนั้น เขาแทบหาทางแทรกไม่ได้ แอบค่อนเพื่อนในใจว่าหวงน้องมากเกินไป แต่พอมองเด็กน้อยตาแป๋วที่นั่งอยู่ข้างกันก็พอจะเข้าใจว่าทำไมหวงนัก เป็นเขา เขาก็หวง

“กูไม่อนุญาตโว้ย!!” โอโซนตะคอกมาตามสาย ไม่เกรงว่าหูเพื่อนจะหนวกเลยสักนิด

“มึงเมาเหรอ โซน กูพาน้องมึงมาแล้ว” เป้ย้อนกวน

“ไอ้เป้…”

“แค่นี้ก่อนนะ กูขับรถ มันอันตราย”

เป้ตัดบทก่อนที่คำด่าของโอโซนจะตามมาอีก บอกให้น้องกดวางสายไป ชูการ์ก็กดวางตามพี่บอกแบบงง ๆ กำโทรศัพท์เอาไว้บนตัก สีหน้าดูไม่ดีเอาเสียเลย

“ไม่ต้องคิดมาก ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้างไม่เห็นแปลก”

คำพูดเรียบ ๆ ทั้งสีหน้านิ่งเฉยทำให้ชูการ์ไม่กล้าโต้แย้ง ได้แต่นั่งเงียบไปจนถึงศูนย์วิทยาศาสตร์ มือยังกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น พี่ชายของเขาต้องโกรธแน่ถึงได้ไม่โทรมาอีก ถ้าเป็นปรกติแล้วต้องโทรมากระหน่ำแน่ แต่นี่เงียบไปเลย ชูการ์ได้แต่เป็นกังวลกับการออกมาข้างนอกของตนเอง จนเข้าไปด้านในอาคารที่จัดให้ชมท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่แสนตื่นตาถึงได้ทำให้หน้าหงอย ๆ นั่นดูสดชื่นขึ้นมาหน่อย



ทางด้านคนหวงน้องอย่างโอโซนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะปล่อยให้น้องไปกับเป้ ตอนแรกไม่คิดหรอกว่าเป้จะมีนอกมีในอะไรเพราะเป็นคนที่ไม่สนใจใครมากที่สุดในวงแล้ว แต่ที่จริงแล้วเงียบ ๆ แบบนั้นยิ่งไว้ใจไม่ได้ต่างหาก

พอถูกน้องตัดสายไปอย่างไร้เยื่อใย โอโซนก็กะว่าจะโทรไปกระหน่ำให้หนำใจ แต่ก็มีไอ้เพื่อนสุดฮอทมาหาถึงที่บ้านเสียก่อนนี่สิ วันนี้มันเป็นวันอะไร ทำไมบ้านเขาถึงได้รับความนิยมจากหนุ่มวงฮอทเนสแบบนี้ ทั้งไอ้เป้ ทั้งไอ้ออกัส

“มา’ไมวะ?” โอโซนถามนักร้องนำวงฮอทเนสที่เดินยิ้มเข้ามาในบ้าน เก็บโทรศัพท์มือถือที่กำลังจะโทรหาน้องลงกระเป๋ากางเกง

“คิดถึงมึงมั้ง” หนุ่มนักร้องนำยักคิ้วกวน

โอโซนเบือนหน้าไปทำท่าอยากจะอ้วก ก่อนโบกหัวเพื่อนด้วยความคิดถึงยิ่งกว่า

“สัด”

ออกัสไม่ใส่ใจกับคำสบถของเพื่อน สายตานักร้องนำวงงฮอทเนสเมียงมองหาอะไรบางอย่าง โอโซนโยกตัวมองตาม คิ้วนี่ขมวดจนจะเป็นโบอยู่แล้วถ้าออกัสไม่เลิกเหลียวหาอะไรอยู่อีกล่ะก็นะ

“น้องมึงไปไหน?” เมื่อหาสิ่งที่ต้องการไม่เห็น ออกัสจึงเอ่ยถาม

“ถามหาน้องกูทำไม พวกมึงนี่ชักจะแปลก ๆ แล้วนะ” โอโซนนิ่วหน้า อยู่ ๆ มาถามหาน้องชายเขา มันไม่แปลกหรือ

“พวกกูไหน?” ออกัสเอ่ยถามกลับ ไม่ใช่แค่เขา แต่เป็นพวกเขา แสดงว่ามีคนมาหาชูการ์ก่อนหน้าเขาอย่างนั้นสิ

“มึงกับเชี่ยเป้” โอโซนตอบ

“ไอ้เป้? มันทำไมวะ?”

“มันพาน้องกูไปไหนแล้วไม่รู้เนี่ย เออ มัวแต่คุยกับมึงลืมน้องเลยสัด!”

หนุ่มมือกีตาร์สบถอีกรอบก่อนล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรใหม่ สีหน้าของโอโซนดูเครียดจนออกัสลุ้นตาม โอโซนเอาโทรศัพท์ออกจากหูแล้วหันมามองออกัสที่เลิกคิ้วเชิงถามก่อนบอก

“ไม่ติดว่ะ”

สองหนุ่มกอดอกทำท่าครุ่นคิด ก่อนที่โอโซนจะเอ่ยถามเพื่อนขึ้นมา

“เป้มันเคยบอกอะไรมึงหรือเปล่า?”

“เรื่องอะไร?”

“น้องกู”

คำบอกเล่าสั้น ๆ นั้นทำให้ออกัสชะงัก เด็กหนุ่มยกยิ้มมุมปากก่อนที่จะตอบกลับเพื่อนไป

“มึงน่าจะรู้ เป้มันไม่เคยสนใจใคร” ออกัสว่า คำพูดนั้นทำให้คนหวงน้องคิ้วขมวด

“แล้วน้องกู... ไม่จริงน่า อย่านะเว้ยเป้~~~~”

โอโซนโหยหวนก่อนกดโทรศัพท์หาน้องอีก ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่ตนเองคิด อุตส่าห์ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงมาอย่างดี เรื่องอะไรจะให้เป้มาคว้าไปรับประทานกันเล่า ไม่ได้ ต้องรีบห้ามมันก่อนจะเกิดอะไรขึ้น!



เป้พาชูการ์เข้าไปในห้องที่จัดไว้สำหรับฉายท้องฟ้าจำลอง ดูน้องจะชอบใจกับการดูดาวมากจริง ๆ ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นดูเป็นประกายระยับ เป้มองรอยยิ้มของน้องเวลาที่กำลังฟังเจ้าหน้าที่บรรยายประกอบการฉายรูปดวงดาวต่าง ๆ ให้ดูแล้วก็พลอยอมยิ้มมีความสุขตามน้อง มือใหญ่ค่อยเลื่อนไปแตะมือน้องที่วางอยู่บนพนักเก้าอี้

ชูการ์สะดุ้งจะชักมือกลับ แต่พอมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่ที่มีรอยยิ้มน้อย ๆ นั่นแล้วก็วางมือลงที่เดิม นิ้วเรียวถูกเกี่ยวด้วยนิ้วมือพี่ ก่อนมืออุ่น ๆ นั้นจะกุมทับ ชูการ์ยิ้มเขิน ไม่กล้าหันไปสบตาคนข้างกันเลยสักนิด ได้แต่นั่งฟังบรรยายต่อไปยิ้ม ๆ

จนออกมาข้างนอก มือของทั้งคู่ก็ยังกุมกันอยู่ ชูการ์มองมือของตนเองที่ถูกพี่จับแล้วเหลียวมองรอบ ๆ เป้หันกลับมามองน้อง เลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อน้องหันมาสบตากับเขาพอดี ดวงตาคมกวาดมองรอบกาย มีแต่พ่อ แม่ ลูก ที่มากันเป็นครอบครัว ไม่มีใครสนใจหรอกว่าเขาจะจับมือกับน้องอยู่ แต่ดูเหมือนน้องจะอาย

เป้ปล่อยมือน้อง ถึงจะแอบเสียดายนิดหนึ่งก็เถอะ แต่น้องไม่ชอบจะทำอย่างไรได้ เด็กหนุ่มเดินนำออกไปจากอาคารโดยมีน้องแว่นวิ่งต๊อก ๆ ตามมา

เมื่อขึ้นมานั่งบนรถกันเรียบร้อย เป้ก็ขับรถออกจากหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์ไป วันนี้เขากับชูการ์คุยกันนับคำได้ นอกจากในห้องดูท้องฟ้าจำลองนั่น น้องก็ดูเกร็งอยู่ตลอด กลับไปดูดาวกันอีกทีดีไหมนี่

ชูการ์ที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ เมื่อไม่รู้จะทำอะไรดีจึงเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดเครื่อง ตอนเข้าไปในห้องท้องฟ้าจำลองนั่นเขาต้องปิดมันเอาไว้ กลัวไปรบกวนคนอื่นถ้ามันเกิดดังขึ้นมา พอกดเปิดเครื่องเท่านั้น เสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้นทันที ชูการ์หันไปมองเป้ ก่อนจะกดดูข้อความที่ส่งมาบอกว่ามีสายไม่ได้รับกี่สิบสาย และทั้งหมดนั่นเป็นชื่อของโอโซนทั้งนั้นเลยด้วย

“พี่จะแวะซื้อของหน่อย เดี๋ยวพากลับ” เป้บอกเสียงเรียบ เมื่อเห็นน้องดูกังวลใจกับข้อความในมือถือ

เด็กหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พาน้องไปซื้อของอย่างที่บอกเอาไว้ ร้านกิฟท์ชอปที่เต็มไปด้วยของน่ารัก ชูการ์มองหน้าคนพามาอึ้ง ๆ เอ่อ... มันดูไม่ค่อยจะเข้ากับพี่เป้สักเท่าไรเลยนะเขาว่า

เป้เข้าไปสอบถามพนักงานร้านถึงของที่ตนเองต้องการ ชูการ์ยืนมองของในร้านไปเรื่อย ดู ๆ ไปมันก็เพลินดีเหมือนกัน จนพี่กวักมือเรียกให้ไปหาที่หน้าเคาน์เตอร์ ชูการ์ถึงได้เดินเข้าไปหางง ๆ

ของที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นเป็นอะไรไม่รู้ลูกกลม ๆ ชูการ์มองสำรวจแล้วจึงได้รู้ว่ามันคือเครื่องทำท้องฟ้าจำลอง เอาไว้ฉายในห้องที่มีบริเวณกว้างหน่อย

เป้เอ่ยถามน้องว่าชอบดูดาวใช่ไหม พอน้องพยักหน้าจึงส่งบัตรให้พนักงานร้านไปรูดเพื่อจ่ายตังค์ค่าเครื่องทำท้องฟ้าจำลองนั่น เมื่อพนักงานจัดการใส่ถุงมาให้เรียบร้อย เป้ก็ส่งให้น้อง

“พี่ให้”

สองคำสั้น ๆ นั้นทำให้หนุ่มน้อยตาโต

“พี่เป้ จะให้ผมจริงเหรอ มันแพงมากนะ” ชูการ์กระซิบบอกพี่เพราะกลัวพนักงานร้านได้ยิน มีเหลือบไปมองเขาอีก พอพนักงานส่งยิ้มมาให้ก็ยิ้มแหย ท่าจะกลัวจริง

“เก็บไว้ที่ชูการ์น่ะแหละ” คนซื้อบอก

“เก็บไว้?”

“ใช่ ไว้ว่าง ๆ พี่จะไปดูที่ห้องชูการ์ เอ... หรือจะเก็บไว้กับพี่แล้วชูการ์มาดูที่บ้านพี่ดี?” คนเป็นพี่เอ่ยเชิงหารือ หรี่ตานิด ๆ เมื่อเอ่ยคำ

“มันเป็นเงินพี่นี่นา” ชูการ์ตอบอย่างเกรงใจคนให้ โดยที่ไม่รู้ว่ามันเข้าทางพี่เขาแล้วแบบนั้น

“หึ ตกลงเก็บไว้ที่พี่ใช่ไหม?”

“........” น้องแว่นพยักหน้า ส่งถุงคืนให้พี่

“ถ้าชูการ์อยากดูเมื่อไรก็บอกพี่นะ”

“ครับ”

เมื่อตกลงกันได้ดังนั้นแล้ว เป้จึงจูงมือน้องออกมาจากร้านค้า ก่อนพากันไปกินข้าวและซื้อของที่ชูการ์อยากได้อีกเล็กน้อย ขณะที่กำลังเดินดูของ โทรศัพท์ของชูการ์ก็ดังขึ้นมา โอโซนโทรมาบอกให้น้องรีบกลับ เป้จึงขอเป็นคนคุยเอง บอกกับเพื่อนว่ายังพากลับไม่ได้ เพราะยังมีที่ต้องพาชูการ์ไปอีก

“มึงจะล่อลวงน้องกูใช่ไหม เป้ ไม่ได้นะ น้องกูยังเด็ก ยังอ่อนต่อโลก มึงเข้าใจไหมมม”

“โวยวายทำไมวะ โซน ไม่ดีเหรอได้เพื่อนอย่างกูเป็นน้องเขย?”

เอ่ยจบเท่านั้นเป้ก็วางสาย ทำให้โอโซนโวยกลับมาไม่ทัน ส่งโทรศัพท์คืนให้น้องที่ยืนมองตาปริบ ๆ และเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นทันทีเหมือนกัน แต่คราวนี้คนที่โทรมาเป็นออกัสไม่ใช่โอโซน

“ครับ พี่กัส?” ชูการ์กดรับสาย เหลือบมองเป้เล็กน้อยเมื่อเอ่ยชื่อคนโทรมา สีหน้าคนเป็นพี่แปลกไปเมื่อรู้ว่าชูการ์กำลังคุยกับใคร

“รีบกลับได้ไหมครับ ชูการ์?” ออกัสเอ่ยถามมาตามสาย

“เอ่อ…”

“ถ้าไม่มาพี่เอาจดหมายนั่นให้โอโซนดูนะ”

“ห๊ะ!! อย่านะพี่กัส!”

คำขู่ของออกัสดูเหมือนจะได้ผล เมื่อชูการ์ร้องห้ามเสียงหลง มันเป็นจุดอ่อนของเขาเลยนะเรื่องนี้ ไม่คิดว่าพี่ออกัสจะเอามันมาขู่เลย เมื่อไม่รู้จะทำเช่นไรดี น้องแว่นจึงช้อนตามองพี่เป้อย่างลำบากใจ พี่เขาเริ่มกอดอกแล้วอ่า ฮือออ

“กลับก็ได้ครับ พี่กัสอย่าทำนะ” น้องน้อยตอบกลับเสียงเบาหวิว ทั้งใจก็หวิว อย่ามองอย่างนั้นได้ไหมล่ะพี่เป้ ก้ากลัวนะ

“ไม่ทำหรอก ถ้ากลับมาถึงก่อนครึ่งชั่วโมง” ออกัสยังตั้งเงื่อนไข ลอบยิ้มเมื่อชูการ์โวยวายกลับมา

“มันจะไปทันได้ไง!”

“บอกเป้สิ รับรองทันก่อนครึ่งชั่วโมงชัวร์” เด็กหนุ่มทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นแล้ววางสายไป เป็นการบังคับกลาย ๆ ให้รีบมาแต่โดยดี

“ออกัสว่าไง?” เป้เอ่ยถามเมื่อน้องเอาโทรศัพท์ออกจากหู

“พี่กัสให้รีบกลับ”

“พี่ยังไม่ให้กลับ” เป้แย้งเสียงเข้ม ทำให้น้องหน้าเจื่อนไป

“แต่ว่า…”

“ทำไมต้องฟังออกัส?” คำถามนั้นได้รับเพียงอาการก้มหน้าแล้วเคาะเท้าตอบกลับมา เป้ถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนบอก “ช่างเถอะ กลับก็กลับ”

ตัวสูง ๆ นั้นจะก้าวนำหน้าน้องไปอย่างทุกที แต่มือน้องกลับดึงชายเสื้อเอาไว้ทำให้เขาชะงัก ก่อนหันกลับมามองดวงตากลมที่ช้อนมองเขา

“อย่าโกรธผมนะ”

น้ำเสียงออดอ่อยกับสีหน้าหงอยนั่นทำให้เป้พ่นลมหายใจแรง ๆ ปลดมือน้องออกจากชายเสื้อตนเองแล้วเปลี่ยนมากุมไว้แทน

“อย่าทำหน้าแบบนั้น พี่ไม่ได้โกรธ” พูดออกไปแล้วก็ชักรู้สึกอยากหัวเราะตัวเองอย่างไรชอบกล แพ้ลูกอ้อนแมวน้อยหรือไงนี่

“จริงนะครับ” ชูการ์เอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ

“อือ”

พอพี่ยืนยันคำตอบ รอยยิ้มก็กลับมาบนใบหน้าคนเป็นน้องอีกครั้ง เป้ยิ้มขำ เอาเถอะ ยอมบ้างเพื่อรอยยิ้มเดียวมันก็ยังดีน่ะนะ

“ปะ กลับเถอะ เดี๋ยวพวกนั้นก็ได้โทรมาตามอีก”

เมื่อพี่เอ่ยชวน ชูการ์จึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าไว้เหมือนเดิม ในหัวเริ่มคิดกังวลว่าตอนก่อนออกมาจากศูนย์วิทยาศาสตร์บรรยากาศมันดีกว่านี้ตั้งเยอะ แต่ก็คงเป็นเพราะเขาเองที่ทำให้มันแย่ลง ไม่ได้เรื่องจริง ๆ เลย พี่เป้คงเบื่อแน่...

“อย่าคิดอะไรไปเองนะ ชูการ์”

“ครับ?”

“หน้าตาเรามันฟ้องน่ะ”

“เอ่อ…” ชูการ์หน้าเจื่อนเมื่อพี่เดาได้ตรงเผง

“พี่ไม่ได้เบื่อ ไม่ได้อะไรทั้งนั้น ดีใจมากด้วยซ้ำที่ชูการ์ยอมมาด้วย”

“..........” หนุ่มน้อยได้แต่เงียบฟังพี่พูด อดเขินกับคำพูดและแววตาของพี่ไม่ได้ เขาชักจะเขินบ่อยเกินไปแล้วเดี๋ยวนี้

“อยากพาไปที่อื่นด้วย แต่ชูการ์คงกลัวโอโซนดุใช่ไหม?”

“ครับ ขอโทษครับ พี่เป้”

“ช่างเถอะ ไว้วันหลังเรามาด้วยกันใหม่เนอะ” เป้ยิ้มบาง ทำให้น้องพลอยยิ้มตอบกลับมาด้วย

“อื้อ”

แบบนี้สิถึงจะสมเป็นแมวน้อยน่ารักของเขาหน่อย ทั้งสองคนพากันเอาของไปไว้หลังรถแล้วขึ้นรถกลับกัน ถึงการออกมาเที่ยวด้วยกันวันนี้อะไร ๆ มันจะดูขลุกขลักไปบ้าง แต่อย่างน้อยตอนปลายมันก็ดีล่ะน่า ว่าไหม?



“เป็นไงวะ?”

ทางด้านโอโซนที่รออยู่บ้านอย่างร้อนใจนั้น พอเห็นเพื่อนคุยกับน้องชายของตนเสร็จแล้วจึงรีบเอ่ยถามทันที

ออกัสยักไหล่เล็กน้อยก่อนบอก “อีกครึ่งชั่วโมง นับเวลารอเลย”

“นานไป” พี่ชายขี้หวงว่า

“งั้นมึงโทรไปใหม่เลยไป” ออกัสทำหน้าเซ็งเพื่อนอย่างเปิดเผย

“มันยอมให้น้องกูพูดกับกูที่ไหนเล่า!”

“งั้นรอไป อย่าบ่น!”

“เออ!” สุดท้ายมือกีตาร์วงฮอทเนสก็จำต้องฟังนักร้องนำอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อตนเองทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน

พอออกัสบอกให้นับเวลารอ คนร้อนใจก็บ้านับเวลาจริง ๆ ออกัสไม่รู้จะด่ามันว่าอย่างไร หวงน้องเข้าขั้นจริง ๆ เขาว่าโอโซนคงรู้สึกดีใจอยู่ลึก ๆ ที่น้องชายของตนเองทำตัวเฉิ่มเชยจนไม่มีคนสนใจ เพราะคนอย่างหมอนี่หวงน้องอย่างกับอะไร พอมีคนมาพาน้องไปเลยออกอาการเสียมากมายขนาดนี้

เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน โอโซนรีบลุกออกไปแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียง เห็นเป้กำลังล่ำลากับน้องชายตนเองอยู่หน้าบ้านก็รีบเข้าไปคั่นกลาง สายตาขวางขุ่นตวัดมองเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ก่อนคว้าถุงข้าวของในมือมันมาแล้วดันตัวชูการ์ให้เดินเข้าบ้าน

ก่อนไป จงอางหวงไข่ยังหันมาขู่เพื่อนฟ่อ ๆ สองพี่น้องเดินผ่านออกัสที่เดินสวนออกมา ออกัสส่ายหน้าขำเพื่อน ก่อนมาหยุดตรงหน้าเป้แล้วพยักพเยิด

“เป็นไงวะ แอบมาขโมยของหวงของมันแบบนี้ เดี๋ยวมันได้กัดไม่ปล่อย”

“คิดว่ากูกลัว?” เป้เลิกคิ้วกวน

“เออ มึงเก่ง แต่กูจะบอกอะไรมึงให้นะเว้ย...” พูดแล้วออกัสก็พาดแขนกอดคอเพื่อนมาใกล้ ๆ สีหน้าเวลาพูดประโยคถัดมาดูมีลับลมคมใน “อย่ามั่นใจนักว่ามึงจะเอาชนะใจชูการ์ได้ เพราะบางทีอาจจะมีใครบางคนที่เหนือกว่ามึงก็ได้”

พูดจบแล้วยังมีการยักไหล่แถมท้ายอีก กวนกูสินะ? เป้คิด

“มึงหมายถึงใคร?”

“ไม่รู้สิ กูแค่เดา” ออกัสตอบกลับมาหน้าตาเฉย

“กวนนะมึง”

“หึ ๆ” คนกวนหัวเราะในลำคอ ยอมรับข้อกล่าวหาอย่างไร้ข้อโต้แย้ง

“กลับพร้อมกูเลยไหม?” เป้เอ่ยชวนเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่ตนเองต้องกลับได้แล้ว

“ก็ดี กูขี้เกียจอยู่ฟังโอโซนบ่น”

“แล้วมึงก็มาให้มันบ่นให้ฟังนะ”

“กูคิดถึง”

เป้ปรายสายตามองคนพูดก่อนว่า “พูดเล่นมาก ๆ มันจะเป็นจริงสักวัน”

“คิดว่ากูกลัว?” ออกัสเอาคำพูดเพื่อนมาย้อน

เป้ทำเสียงหึในลำคอ ก่อนจะพากันขึ้นรถ เมื่อเข้ามานั่งแล้วเป้ก็ผลักหัวเพื่อนไปโขกกับประตูรถอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ออกัสคลำหัวแล้วมองเพื่อนตาขวาง ก่อนหัวเราะออกมาอย่างไม่ได้ถือสาอะไร พวกเขาเล่นกันเจ็บ ๆ แบบนี้บ่อยจนกลายเป็นเคยชินไปแล้ว เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปเปิดเครื่องเล่นเพลงในรถเพื่อนแล้วฮัมเพลงตามสบายใจเฉิบ เจ้าของรถอย่างเป้แค่ปรายตามอง อารมณ์สุนทรีย์จริง ๆ เลยเพื่อนกู

ชูการ์ที่ถูกพี่ชายดันตัวเข้ามาในบ้านก็ถูกเทศนากัณฑ์ใหญ่ที่ออกไปไหนไม่บอกก่อน บ่นจนพี่พอใจแล้วชูการ์ถึงได้เอาของขึ้นมาเก็บ พอดูของที่พี่ชายอย่างโอโซนกระชากจากมือเป้มาแล้วชูการ์ก็เลิกคิ้ว เมื่อมันมีกล่องเครื่องทำท้องฟ้าจำลองรวมอยู่ในนั้น จะโทรไปตอนนี้ก็เกรงว่าพี่อาจจะกำลังขับรถอยู่ ชูการ์จึงตัดสินใจว่าเอาไปคืนพี่เขาวันหลังจะดีกว่า


........

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (3) 07/12/2018
«ตอบ #4 เมื่อ07-12-2018 11:36:51 »


เช้าวันจันทร์

ชูการ์พกกล่องเครื่องทำท้องฟ้าจำลองมาโรงเรียนด้วย พยายามซ่อนไว้ไม่ให้พี่ชายเห็น พี่ชายเขาเป็นอะไรไม่รู้ อยู่ ๆ ก็เกิดไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้พี่เป้เสียอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนให้พี่เป้มาสอนเขาเองแท้ ๆ อารมณ์แปรปรวนนะพี่โอโซนนี่

พอถึงช่วงหมดคาบเรียนคาบสุดท้าย ชูการ์ก็ลุกออกจากห้องเรียนแล้วตรงมาที่ห้องซ้อมดนตรี เพื่อที่จะเอาของมาคืนให้เป้ เพราะรู้ว่าเป้จะมาที่ห้องซ้อมก่อนคนอื่นในวง หนุ่มน้อยชะโงกหน้าเข้ามาเยี่ยม ๆ มอง ๆ ดูลาดเลาในห้องก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อเห็นเป้กำลังซ้อมกลองอยู่คนเดียวอย่างที่คาดเอาไว้จริง ๆ ชูการ์จึงได้เดินเข้าไปหา

เป้หยุดตีกลองเมื่อเห็นน้องเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเพราะไม่คิดว่าน้องจะมาหา ชูการ์จึงชูถุงในมือให้พี่ดู

เป้เดินอ้อมออกมาหาน้อง มองถุงใส่ของในมือน้องก็พอจะรู้ว่ามันคืออะไร อืม จะว่าอย่างไรดี เรียกว่าเขาจงใจให้โอโซนเอาไปจากมือได้ไหมนะแบบนี้ เขาไม่ได้เจ้าเล่ห์ แค่ชอบวางแผนนิดหน่อย

เป้รับถุงเครื่องทำท้องฟ้าจำลองมาจากมือน้อง ทำเป็นเปิดปากถุงดูของข้างใน ก่อนมองน้องนิ่ง ๆ อยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยถาม

“ไปดูด้วยกันที่บ้านพี่ไหม?”



ท้องฟ้าจำลองถูกฉายจนสว่างระยับด้วยแสงดาวทั่วทั้งห้องนอนกว้างของมือกลองวงฮอทเนส มันคงดูหวานและโรแมนติกมากหากได้อยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวเช่นนี้กับคนที่ตนเองพึงพอใจเพียงสองคน ใช่ ถ้าได้อยู่กันเพียงสองคนโดยไม่มีก้างชิ้นใหญ่มาขวางคอ

“เพิ่งรู้ว่ามึงก็ชอบซื้ออะไรปัญญาอ่อนแบบนี้มาไว้ที่บ้านด้วย”

เสียงก้างขวางคอชิ้นแรกดังแว่วมา ที่จริงมันก็ดังอยู่ข้าง ๆ นี่ล่ะ เจ้าของห้องนอนอย่างเป้เหลือบมองด้วยหางตา แต่ก้างชิ้นโตก็ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ขณะที่อีกด้านหนึ่งของมุมห้อง ก้างอีกชิ้นก็นั่งขวางคอลูกแมวน้อยของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา

“พวกมึงจะมาทำไมวะ?”

เป้เอ่ยถามอย่างอดรนทนไม่ไหว เขาอุตส่าห์จะชวนชูการ์มากันเพียงสองคน แต่ไอ้พี่ชายจอมหวงอย่างโอโซนดันมาได้จังหวะพอดิบพอดี ทำให้ความคิดที่ว่าจะเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับน้องล่มไม่เป็นท่า เมื่อโอโซนขอมาด้วยเพราะอยากจะดูดาวขึ้นมา คิดจะแกล้งเขาล่ะไม่ว่า หน้าอย่างโอโซนน่ะหรืออยากดูดาว

“มึงไม่น่าถาม กูก็ต้องมาดูดาวอยู่แล้ว มึงจะพาน้องกูมาดูดาวไม่ใช่เหรอ หรือยังไง?”

โอโซนหรี่ตาเมื่อเอ่ยถาม ชูการ์นั่งเกร็งอยู่ข้าง ๆ พี่ชาย ไม่เงยมองใครเลยสักคนเดียว

“มึงก็ไม่น่าถามเลยนะ โซน เป้มันก็ต้องพาน้องมาดูดาวอยู่แล้ว ดาวเต็มห้องขนาดนี้ ใช่ไหมเป้?” ก้างอย่างออกัสเสริมโรง เหมือนจะเข้าข้างหนุ่มมือกลอง แต่ฟังไปฟังมามันคล้ายจะช่วยมือกีตาร์จับผิดเสียมากกว่ากระมัง

“เออ”

เป้ตอบส่ง ๆ สายตามองน้องน้ำตาลแว่นโตที่นั่งเงียบ ดาวก็ไม่ดู ก้มลงดูแต่พื้นห้อง จ้องอยู่นานเป้ก็กวักมือให้ออกัสขยับมาใกล้ ๆ เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาหางง ๆ เป้ก็ใช้ลูกถีบกับเพื่อนเสียเต็มแรง ทำให้ร่างสูงเพรียวของหนุ่มนักร้องนำพุ่งไปหาสองพี่น้องที่นั่งอยู่ข้างกัน

“เฮ้ย!!!”

โอโซนร้องเสียงดังเมื่อออกัสล้มมาทับตนเอง ชูการ์อ้าปากค้าง กะพริบตาปริบ ๆ เมื่อตนเองเกือบโดนทับไปด้วย ดีที่เบี่ยงตัวออกมาทัน ยังไม่ทันหายตกใจ แขนเรียวก็ถูกเจ้าของห้องฉุดให้ลุกขึ้น เสียงโอโซนดังไล่หลังมาแต่เป้ก็ยังพาน้องออกจากห้องไป ไม่สนใจเสียงเพื่อนอยู่ดี

“เป้! เชี่ยเป้!! จะพาน้องกูไปไหน ปล่อยเลยนะโว้ย โอ๊ย! กัส!! มึงลุกไปได้ไหมเนี่ย จะเสียหลักอะไรนานขนาดนี้ กูจะแบนแล้ว!!”

โอโซนโวยคนนั้นแล้วหันมาว่าคนนี้มั่วไปหมด เมื่อคนหนึ่งก็พาน้องเขาหนี อีกคนก็เหมือนจะเป็นใจให้ ชักจะเริ่มสงสัยแล้วว่าออกัสจะเป็นพวกเดียวกับเป้ มาทำตัวอ่อนปวกเปียกทับตัวเขาอยู่นี่ โว้ย! เดี๋ยวพ่อถีบให้!



“พี่เป้ พาผมมาที่นี่ทำไม?”

ชูการ์เหลียวมองรอบกายอย่างแปลกใจ เป้พาน้องขึ้นรถแล้วขับออกมาจากบ้าน ไม่ได้พาน้องไปไหนไกลเพราะมันก็ใกล้ค่ำเต็มที ลานกิจกรรมของหมู่บ้านจัดสรรจึงเป็นที่ที่เป้นำรถเข้ามาจอด ก่อนจูงมือน้องมาเดินริมสระน้ำ สถานที่พักผ่อนของคนในหมู่บ้าน

ชูการ์ที่เดินตามพี่มาเงียบ ๆ เมื่อไม่เห็นว่าพี่จะพูดอะไรกับตนเองจึงเอ่ยถามฝ่าความเงียบขึ้นมา อยู่กับพี่เป้สองคนแบบนี้เขาประหม่า แถมวันนี้ยังมีเรื่องที่เขาไม่เข้าใจตั้งหลายอย่าง เขาตามอารมณ์พวกพี่ ๆ ไม่ทันกันสักคน ที่รู้แน่ ๆ คือตอนนี้พี่ชายของเขาต้องโกรธแน่ที่ออกมากับพี่เป้

“พี่อยากอยู่กับชูการ์แค่สองคน ไม่ใช่สามหรือสี่เหมือนที่บ้านพี่เมื่อกี้น่ะ” เป้หันกลับมาพูดกับน้อง มองสบสายตากลมนั้นนิ่ง น้องมีแววกังวลให้เห็น คงไม่พ้นเรื่องโอโซน เพราะชูการ์เป็นห่วงความรู้สึกของพี่ชายมากกว่าใคร

“ผม... ผมว่าเรากลับกันดีกว่าครับ”

“กลัวโอโซนดุเหรอ?”

ชูการ์พยักหน้ารับเมื่อพี่คาดเดา เป้ถอนใจเบาก่อนจับจูงมือน้องเดินต่อไปจนถึงริมสระน้ำอีกฟากฝั่ง ปล่อยเวลาให้ผ่านไปในขณะที่เดินข้างกันไปเงียบ ๆ ตัวเป้เองกำลังครุ่นคิด เขาควรบอกน้องได้หรือยังว่าภายในใจของเขาตอนนี้กำลังคิดเช่นไร รู้สึกแบบไหนกับน้อง มันเร็วไปไหมหากจะบอกออกไป

“ชูการ์”

“ครับ?”

“พี่... ชอบชูการ์นะ”

“.........”

เกิดความเงียบขึ้นมาเมื่อเป้เอ่ยจบ สายลมยามเย็นที่พัดพามาแผ่วเบาทำให้ทั้งสองราวตกอยู่ในภวังค์ เป้กุมมือน้องทั้งสองข้าง ค่อยเอ่ยบอกน้องช้า ๆ และชัดเจนทุกถ้อยคำ สายตาไม่ได้ละจากใบหน้าน้องไปไหน

“มันอาจจะเร็วไป แต่พี่ก็ไม่อยากปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย อยากให้ชูการ์รับรู้ความรู้สึกของพี่ อยากให้…”

“……...”

“อยากให้รู้สึกเหมือนกันกับพี่”

ชูการ์มองพี่ด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความสับสนว้าวุ่นใจ เป้เอื้อมแตะแก้มน้องเบา ๆ ให้จุดสนใจมาอยู่ที่เขาในตอนนี้แล้วจึงเอ่ยต่อ

“ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ แค่อยากให้รู้ว่ามีพี่รออยู่ตรงนี้”

เด็กหนุ่มค่อยแตะจูบหน้าผากน้อง เมื่อจะโน้มไปแตะจูบกลีบปากอิ่ม น้องก็ผงะถอยเล็กน้อย มองสบตากลมที่มีแววหวั่นนั้นแล้วเป้ก็แทบลืมหายใจ กลัวว่าน้องจะโกรธเพราะเห็นนิ่งไป ทำใจกล้าเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด เมื่อน้องไม่ถอยหนีอีก เป้จึงจูบริมฝีปากอมชมพูนั้น แผ่วเบาราวขนนก แต่กลับทำให้ใจเต้นระรัวแรง...



เป้กลับมาส่งชูการ์ที่บ้านของน้อง โอโซนกับออกัสกลับมาที่บ้านแล้วตั้งแต่ที่เขาพาชูการ์ไป รถของเขามาจอดลงหน้าบ้าน ภายในรถ ทั้งสองคนยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มีใครขยับไปไหน มือใหญ่กุมมือน้องไว้ไม่ปล่อยเมื่อเอ่ยบอกก่อนที่น้องจะลงจากรถไป

“พี่รออยู่นะครับ”

ชูการ์เม้มปากก่อนพยักหน้ารับคำที่มีความนัยซ่อนอยู่นั้น หนุ่มน้อยก้าวลงจากรถ เมื่อหันกลับมาอีกทางก็เห็นว่าพี่ชายอย่างโอโซนกับออกัสมารออยู่แล้ว

ครั้งนี้โอโซนไม่ได้โทรตามทั้งคู่ให้รีบกลับ เพราะเขาคิดว่าเป้ก็น่าจะรู้ดีว่าควรพาน้องกลับได้แล้ว โอโซนบอกให้น้องเข้าบ้านไปก่อน ส่วนตนเองขออยู่คุยกับเป้ด้วยสีหน้าจริงจังที่ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ นอกจากเรื่องครอบครัว

เมื่อน้องเข้าบ้านไปแล้ว โอโซนจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้วนะ เป้ ถ้ามึงยังทำแบบนี้อีก กูคงต้องพิจารณามึงใหม่ในฐานะคนอื่น ไม่ใช่เพื่อนกู”

“เฮ้ย! แรงไปเปล่าวะโซน?” ออกัสเอ่ยแย้ง มองเพื่อนทั้งสองคนสลับกันไปมา จะทำหน้าตาจริงจังกันเกินไปแล้ว

โอโซนเพียงมองออกัสด้วยหางตา เพราะจุดสนใจของเขาตอนนี้มันอยู่ที่เป้ พี่ชายขี้หวงยังเอ่ยต่อ “กูจะบอกว่าน้องกู กูก็หวงและห่วงมันมาก อย่ามาทำนิสัยเหี้ย ๆ กับมัน ถ้ามึงไม่จริงจัง อย่ามายุ่งกับมัน มึงเข้าใจไหม เป้?”

“เข้าใจ แล้วกูก็กำลังทำอยู่ ถ้ามึงเป็นห่วงเรื่องนั้น มึงไม่ต้องห่วงเลย เพราะถ้ากูไม่แคร์ ถ้ากูไม่รัก กูจะไม่ยุ่ง”

ประโยคจริงจังจากเพื่อนทำให้โอโซนพยักหน้าเนิบช้า ก่อนเดินเข้าบ้านตนเองไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อโอโซนเดินพ้นไปแล้วอีกสองหนุ่มที่เหลือจึงหันมาคุยกันเอง

“มึงทำอะไรมัน?” เป้เอ่ยถามขึ้นมาก่อน

“ทำอะไร?” ออกัสเลิกคิ้ว ตีหน้าซื่อราวไม่รู้เรื่องว่าเพื่อนหมายถึงอะไร

“มันอารมณ์บูด”

“เพราะมึงพาน้องมันไปไม่ใช่’ไง?”

เป้เหล่มองหน้าคนเฉไฉนิ่ง ๆ ออกัสเบือนสายตาไปทางอื่นเมื่อเจอสายตารู้ทันจากเพื่อน

“เออน่า กูไม่ได้ปล้ำมันหรอก”

“กูเชื่อ เพราะถ้ามึงทำ มันคงไม่เอามึงไว้” เป้ยกยิ้มมุมปาก

“มึงว่ากูกลัวไหม?”

“กลัวไว้บ้างก็ดี มันยิ่งไม่เหมือนใครอยู่”

ออกัสจิ๊ปากเมื่อฟังคำเตือนของเพื่อน ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ จนคนข้าง ๆ หมั่นไส้ เป้เงยมองห้องน้องชูการ์แล้วถอนใจเบา เมื่อคิดจะเดินหน้าแล้ว เขาไม่มีทางถอยแน่ ได้แต่หวังว่าพี่ชายอย่างโอโซนจะเข้าใจ



ชูการ์มาหาพี่ชายที่ห้องหลังจากเดินวนอยู่ในห้องตนเองไปมาหลายรอบตั้งแต่กินข้าวเย็นเสร็จ เพราะพี่ไม่ถาม ไม่ซักไซ้ เรื่องที่หายไปกับพี่เป้ หากเป็นปรกติต้องถูกเทศนาไปหลายยกแล้วป่านนี้ แต่นี่กลับเงียบกริบ เงียบจนชูการ์ไม่สบายใจ พี่ชายของเขาโกรธมากหรืออย่างไรจึงไม่คุยกับเขาเลยสักคำ

“พี่โซน…” ชูการ์โผล่แต่หน้าเข้ามาในห้องนอนของพี่ชาย ส่งเสียงเรียกนำทางไปก่อน

“.........” โอโซนหันมามองน้องที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ที่ประตูห้องนอนของตนเอง ก่อนหันกลับไปทำงานบนโต๊ะเขียนหนังสือต่อ

ชูการ์ก้าวเข้ามาในห้องแล้วยืนเก้ ๆ กัง ๆ อย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี พี่ไม่พูดกับเขาเลย ไม่ตอบรับเลยด้วย หนุ่มน้อยขยับเข้ามาใกล้พี่ชายที่กำลังทำงานของตัวเอง ราวไม่รับรู้ว่าเขาเข้ามาใกล้แล้วอย่างนั้น

“พี่ครับ”

“อืม”

คราวนี้มีเสียงขานรับมาพอให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ชูการ์ยิ้มนิด ๆ กับการตอบรับของพี่ชาย ก่อนพูดกับพี่ต่อจากนั้น

“โกรธก้าเหรอ ก้าขอโทษนะ” เอ่ยเสียงเบาทั้งเมียง ๆ มอง ๆ ว่าพี่จะหันมาโวยวายใส่หรือเปล่า

โอโซนวางปากกาในมือลง หมุนเก้าอี้มาทางที่น้องยืนอยู่ สีหน้าดูจริงจังเมื่อเอ่ยคำ “พี่ไม่ได้โกรธเรา โกรธคนพาเราไปต่างหาก”

“เอ่อ... พี่เป้เขา…”

“ไม่ต้องแก้ตัวแทนกัน”

เสียงดุ ๆ จากพี่ชายทำให้น้องน้ำตาลหน้าเบ้ โอโซนชี้บอกให้น้องไปนั่งที่เบาะหน้าทีวี วางงานที่ทำอยู่ไว้ก่อนเพื่อที่จะมาคุยกับน้อง ชูการ์นั่งทับขาเสียเรียบร้อย รู้สึกเกร็งเมื่อถูกพี่ชายจ้อง โอโซนจ้องมองน้องนิ่ง ๆ บรรยากาศดูกดดันแปลก ๆ ซึ่งคนที่กดดันคงเป็นชูการ์คนเดียว เพราะเล่นนั่งเกร็งขนาดนั้น

“ถามจริง ๆ ชอบเป้เหรอ?”

คำถามเรียบ ๆ แต่ตรงเผงจากพี่ชายส่งผลให้คนเป็นน้องหน้าแดงขึ้นมาทันตาเห็น ชูการ์นั่งก้มหน้าเงียบ ไม่ได้ตอบคำถาม แต่อาการหน้าแดงแบบนั้นก็ทำให้คนเป็นพี่พอเดาออกอยู่หรอก

“รู้หรือเปล่าว่ามันเป็นคนยังไง ทั้งนิสัยใจคอและเรื่องราวเกี่ยวกับตัวมัน ไม่ใช่หลงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของมันนะ” โอโซนว่าต่อ

“ก้าเปล่า ก้าไม่ได้ชอบแค่เพราะพี่เขาหล่อนะ…!!” พอเผลอพูดไปแบบนั้นแล้วชูการ์ก็หุบปากฉับเมื่อรู้ตัว

สายตาพี่ชายยังจ้องมองมานิ่ง ๆ เหมือนเคย ก่อนน้ำเสียงเรียบเฉยจะดังตามมา “ก็ดี แล้วรู้หรือเปล่าว่ามันเคยมีแฟนมาก่อนและรักกันมาก?”

ชูการ์ชะงักเมื่อพี่ชายเอ่ยถามมาเช่นนั้น เขาไม่เคยรู้ ไม่รู้หรอกเรื่องแบบนั้นน่ะ...

“มัน... มันก็แค่อดีตใช่ไหมล่ะ?” น้องชายว่าตะกุกตะกัก คำถามจากพี่ชายทำเขาเสียศูนย์

“อดีตที่ลืมไม่ลง” โอโซนยังย้ำ

“พี่โซนไม่อยากให้ก้าคบกับพี่เป้…?” ชูการ์เงยขึ้นมามองพี่ชายเต็มตา เท่าที่ฟังดูเหมือนว่าพี่ชายกำลังทำให้เขาสับสนและไม่มั่นใจในตัวพี่เป้อย่างไรไม่รู้

“ชูการ์ เราเป็นน้องพี่นะ พี่เห็นเรามาตั้งแต่เกิด อะไรที่ไม่ดี พี่ไม่เคยจะให้มันมาเฉียดใกล้เราอยู่แล้วล่ะ”

“พี่เป้ไม่ดีเหรอ?” คนเป็นน้องย้อนถามเสียงหงอย

“เป้มันเป็นเพื่อนพี่ และเพราะแบบนั้น พี่ถึงไม่อยากให้ชูการ์คบกับมัน ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น พี่ต้องอยู่ข้างชูการ์แน่อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าชูการ์โกรธมัน พี่จะโกรธด้วยหรือเปล่า”

“ก้าทำให้พี่ลำบากใจสินะ?”

ท่าทางจ๋อย ๆ ของน้องทำเอาโอโซนต้องถอนใจ ก่อนเอ่ยขยายความเพราะไม่อยากให้น้องเศร้า มือใหญ่โยกศีรษะกลมเบา ๆ

“มันแค่ความบ้าของพี่เอง ถ้าชูการ์ชอบเป้จริง และอยากคบกันจริงจัง พี่ก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม พี่แค่บอกเอาไว้ว่าพี่รักเรา และหากว่าใครมาทำอะไรน้องของพี่ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร พี่ก็พร้อมจะเป็นศัตรูกับมัน”

“พี่โซน ก้ากลัวนะแบบนี้” ชูการ์ทำท่าหวาด ๆ กับท่าทางจริงจังของพี่

“กลัวคนหล่อทำไม โห่~” โอโซนเอ่ยเย้าน้องชาย

รอยยิ้มสดใสกับท่าทางขี้เล่นของพี่ชายกลับมาแล้ว ทำให้ชูการ์อมยิ้ม หนุ่มน้อยขยับเข้าไปกอดพี่พร้อมคำขอบคุณ

“ขอบคุณนะครับ รักพี่เหมือนกันนะ”

รอยยิ้มเขินนิด ๆ แก้มแดงหน่อย ๆ ทำให้โอโซนกอดรัดน้องแน่น น่ารักจริง ๆ เลย น้องใครวะ เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม ไม่อยากยกให้ไอ้เป้แล้วว้อยยยยย






ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (4) 07/12/2018
«ตอบ #5 เมื่อ07-12-2018 12:54:09 »


- 4 -




เช้าวันต่อมา ชูการ์ไปโรงเรียนแต่เช้าเพราะนัดให้คำตอบพี่เป้ในวันนี้ ที่เดิมที่จะพบพี่เป้ได้ง่าย ๆ คือห้องซ้อมดนตรี เพราะงานโรงเรียนใกล้เข้ามาแล้วทำให้พี่ ๆ วงฮอทเนสเขาซ้อมกันหนักขึ้น พี่ชายของชูการ์เองก็มาแต่เช้าเหมือนกัน พี่บอกว่าก่อนเข้าห้องเรียนก็อยากซ้อมสักรอบสองรอบก็ยังดี ชูการ์ไม่ได้ว่าอะไรหากพี่จะมาพร้อมกันกับตนเอง

เมื่อเข้ามาในห้องซ้อมไม่ได้มีเพียงเป้เท่านั้นที่อยู่ในห้อง ยังมีหัวหน้าวงอย่างพุฒและมือเบสอย่างธนินอยู่ด้วย เช้า ๆ แบบนี้ไม่ใช่เวลาตื่นของธนิน ทำให้เด็กหนุ่มนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟายาว โอโซนเดินเข้าไปใช้ขากระทุ้งเพื่อนให้ลุกขึ้น ก่อนพาน้องชายของตนเองมานั่งหน้าตาเฉย

หนุ่มมือเบสมองเพื่อนเคือง ๆ แต่พอเห็นว่ามีเด็กน้อยแว่นโตมานั่งข้าง ๆ สีหน้าก็พลันเปลี่ยน ชูการ์ขยับไปชิดขอบโซฟาอีกด้าน ดวงตากลมมองเพื่อนพี่ชายอย่างระแวง พี่ธนินชอบแกล้งเขา

หลังจากนั้นไม่นานออกัสก็ตามมาสมทบ ทั้งหมดจึงได้เริ่มซ้อมกันจริงจังเมื่อครบองค์ ชูการ์ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับเป้เลยตั้งแต่เข้ามา คงต้องรอให้พี่ ๆ เขาซ้อมเสร็จก่อน พอนึกถึงเรื่องที่ตนเองจะพูด น้องแว่นก็นั่งเขินอยู่คนเดียว แก้มแดง ๆ นั่นอาจจะทำให้มือกลองตีผิดจังหวะไปบ้างก็อย่าได้ถือสากัน

ภายนอกประตูห้องซ้อมเริ่มมีเด็กนักเรียนทยอยมาดูการซ้อมของวงฮอทเนส จุดสนใจของทุกคนรวมอยู่ที่นั่น ทำให้ไม่มีใครทันสังเกตว่ามีน้องแว่นมานั่งยิ้มอยู่ในห้องด้วย จนเมื่อมีหนึ่งคนเห็น คนที่สองที่สามก็ตามมา ชูการ์ที่ยังไม่รู้ว่าตนเองกลายเป็นจุดสนใจก็ยังนั่งมองพี่ชายตนเองเล่นกีตาร์ท่าทางเคลิ้ม ๆ อยู่อย่างนั้น แอบวอกแวกไปหามือกลองบ้างเป็นบางครั้ง จนเมื่อการซ้อมจบลงทำให้เสียงซุบซิบรายรอบดังมาเข้าหู หลายคนต่างอยากรู้ว่าน้องแว่นหนาคนนั้นคือใคร มีสิทธิพิเศษอะไรถึงได้เข้ามาอยู่ในห้องซ้อมดนตรีได้ทั้งที่ไม่ใช่สมาชิกของวง

เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบเหล่านั้น ชูการ์ก็เริ่มออกอาการประหม่าให้เห็น มือเรียวขยับแว่นสายตาของตนเองไปมาเมื่อทำตัวไม่ถูก เขาไม่คุ้นชินกับการเป็นเป้าสายตาแบบนี้ และสายตาแต่ละคู่ที่มองมาก็ไม่ได้มีเพียงความสงสัยใคร่รู้เท่านั้น แต่บางคนยังมีแววดูถูกอยู่ในที เขาไม่ควรอยู่ในห้องนี้รวมกับพี่ ๆ สินะ

“ขอโทษนะครับ คนที่พวกน้องพูดถึงอยู่น่ะ น้องชายพี่เอง”

เกิดอาการเงียบกริบขึ้นมาเมื่อโอโซนพูดจบ รุ่นน้องที่ซุบซิบกันเมื่อครู่มองหน้ากันไปมาก่อนเสียงถามกันเองจะดังขึ้น เพราะไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้น มันไม่น่าเชื่อสักนิดเลยเถอะ

โอโซนมองรุ่นน้องที่ยังคงมีข้อข้องใจไม่หายแล้วจึงพูดย้ำขึ้นมาอีก “ถ้ายังข้องใจไม่หายก็มาคุยกับพี่”

“.........”

“อย่าให้พี่ได้ยินอีกนะว่าใครนินทาน้องพี่ แล้วจะหาว่าหล่อไม่เตือน!”

เมื่อพูดไปแล้วโอโซนคิดว่ารุ่นน้องต้องไม่พอใจแน่ แต่เขาไม่เห็นแคร์ถ้าแฟนคลับจะลดน้อยลงไป ในเมื่อเขาทำเพื่อน้องชายของเขา ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างสิ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ใช่ความไม่พอใจแต่เป็นเสียงกรี๊ด โอโซนถึงกับเหวอ ในขณะที่ออกัสหัวเราะขำ ตบบ่าเพื่อนที่เกาหัวงง ๆ สองที ก่อนกอดคอแล้วรั้งเข้ามาในห้องซ้อม ยิ้มให้รุ่นน้องแฟนคลับนิด ๆ ตามสไตล์ออกัส ก่อนปิดประตูห้องซ้อมลง

“เลิกขำได้แล้วเชี่ยกัส!” โอโซนเสียงดังใส่ ปลดแขนออกัสออกจากคอตนเอง

“โอ๊ย กูฮา หน้ามึงเมื่อกี้นะ โคตรตลก”

ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ เพราะออกัสหัวเราะไม่หยุด โอโซนเตะขาเพื่อนพาล ๆ ออกัสโดดหลบแล้วหัวเราะในลำคอ มันน่าหมั่นไส้มากกว่าเดิมเสียอีก

พุฒมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วเพียงส่ายหน้าขำ เก็บข้าวของเพื่อเตรียมไปเข้าห้องเรียน ด้านหลังมีธนินนอนพิงอยู่ เมื่อครู่วิญญาณศิลปินเข้าสิงทำให้หนุ่มมือเบสลุกขึ้นมาซ้อมได้ แต่พอซ้อมเสร็จ ไฟมอดเสียอย่างนั้นเลยหลับต่อ แถมยังลำบากคนอื่นเขาอีก

“เฮ้ย มีใครเห็นน้องกูบ้างวะ?”

คำถามของโอโซนทำให้ทุกคนหันมามองหน้ากัน เพิ่งสังเกตว่าชูการ์ไม่ได้อยู่ในห้องนี้จริง ๆ ด้วย โอโซนมองหาน้องทั่วห้องแล้วไม่เจอ แถมเป้ยังมาหายไปด้วยแบบนี้คงไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ เรื่องพาน้องเขาหนีนี่เก่งนักนะ เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย ไอ้เป้!

ขณะที่โอโซนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ทางโน้น ทางด้านคนที่พาน้องคนอื่นหนีก็กำลังลุ้นระทึก เมื่อชูการ์กำลังจะให้คำตอบเรื่องที่เขาสารภาพรักกับน้องไปเมื่อวานนี้ ลุ้นยิ่งกว่าตอนหวยออกอีกนะนี่ ให้ตายเหอะ!

มือเรียวเอื้อมจับมือพี่ เป้ชะงัก มองมือของตนเองที่ถูกกุมทับด้วยมือของน้อง ก่อนเลื่อนขึ้นมามองหน้าน้องที่ค่อยเงยขึ้นมามองเขาเช่นกัน ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ท่าทางน้องคงตื่นเต้นไม่ต่างจากเขา เป้เอาแต่มองริมฝีปากอมชมพูนั้นด้วยความเผลอไผล กลัวใจ กลัวว่ามันจะเอ่ยคำปฏิเสธรักเขาออกมา เมื่อริมฝีปากน้องขยับ หัวใจเขาก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ใจเย็นเป้...

“หัวใจของผม... ฝากพี่ช่วยดูแลมันด้วยนะครับ”

ประโยคแสนน่ารักนั้นทำให้ตัวเพรียวบางถูกรวบเข้ามากอดทันทีที่เอ่ยจบ รอยยิ้มคนฟังกว้างขวางเสียจนไม่คิดว่าตนเองจะยิ้มได้แบบนี้ ไม่เพียงหัวใจน้องที่เต้นแรง ตอนนี้เสียงหัวใจของเขามันคงดังแข่งกับน้องไปแล้ว ตื่นเต้นชะมัด

“ชูการ์”

“?”

“ขอหอมได้ไหม?”

“ไปซื้อเอาที่ตลาดโน่น”

เสียงที่ตอบกลับมานั้น แน่ล่ะว่ามันไม่ใช่คำตอบของชูการ์ เมื่อคนพูดเดินกร่างเก๋าเข้ามาหาทั้งคู่ที่กำลังสร้างบรรยากาศหวานชื่นกันอยู่ โอโซนรั้งตัวน้องออกห่างจากเป้ ในขณะที่เป้มองเพื่อนเซ็ง ๆ และชูการ์ที่เงยมองพี่ชายตนเองสลับกับพี่เป้ตาปริบ ๆ

เป้กำลังคิดว่าตนเองเป็นต่อโอโซน เพราะในตอนนี้ชูการ์บอกเขาแล้วว่าให้เขาช่วยดูแลหัวใจ น้องมอบใจให้เขาแล้วเว้ย!

โอโซนเองก็ไม่คิดว่าตนเองจะด้อยกว่าเป้สักนิดเดียว เขามีภาษีดีกว่าตั้งเยอะ เขาเป็นพี่ชาย ถึงอย่างไรน้องต้องอยู่ข้างเขาเว้ย หึ!!

สองสายตาฟาดฟันไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครถามคนกลางเลยด้วยว่าจะเอาอย่างไร ต่างก็คิดเข้าข้างตนเองไปแล้วเรียบร้อย ชูการ์กุมหัว อยากจะตะโกนบอกพี่ ๆ ดัง ๆ

‘ก้าปวดหัววววววว’


.........


วงฮอทเนสต้องซ้อมกันหนักขึ้นในช่วงนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุด เพราะเดี๋ยวก็มีงานโรงเรียนต้องขึ้นแสดง แถมยังได้รับเชิญไปเล่นงานดนตรีของต่างโรงเรียนด้วย หลังจากที่โอโซนได้ประกาศกับแฟนคลับไปว่าชูการ์แว่นโตคือน้องชายของตนเอง ชูการ์ก็ได้มาที่ห้องซ้อมด้วยทุกวัน ในตอนแรกก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้าง แต่เมื่อเห็นกันจนชินตาก็เลิกพูดกันไปเอง แม้การมีเด็กแว่นโตมาอยู่ร่วมในห้องซ้อมดนตรีมันจะดูขัดกันนักกับพี่ ๆ วงฮอทเนสที่พากันหน้าตาดียกวง แต่สาว ๆ ก็พลอยเบาใจไปได้ว่าเด็กแว่นไม่ใช่คู่แข่งของพวกเธอ

ในขณะที่เพื่อน ๆ ในวงเขาซ้อมกัน นักร้องนำอย่างออกัสก็ขอเวลาพักสักครู่ เด็กหนุ่มเดินมานั่งกับชูการ์ที่โซฟาภายในห้อง ชูการ์หันมายิ้มให้แล้วหันกลับไปมองพี่ชายตนเองด้วยแววตาชื่นชม ออกัสนั่งมองน้องยิ้ม ๆ ท่าทางจะชื่นชมพี่ชายอย่างจริงจัง นั่งมองอยู่พักหนึ่งจึงเอื้อมมือไปจับผมของน้อง

“ผมยาวแล้วนะ ไม่อยากตัดบ้างเหรอ ชูการ์?”

พอพี่เขาทักมา ชูการ์เลยจับผมของตนเอง ที่จริงมันก็ยาวแล้วอย่างที่พี่ออกัสว่า แต่เขายังไม่ได้สนใจจะไปตัดมัน ก็มันไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตประจำวันเลยลืม ๆ มันไป

“แว่นตานั่นมันก็เชยออกนะ อยากลองเปลี่ยนตัวเองดูไหม ตัดผมให้สั้นและเป็นทรงกว่านี้แล้วใส่คอนแท็คแทนแว่นตา ไม่ก็เปลี่ยนอันใหม่ที่ดูวัยรุ่นมากกว่าแว่นตาซูเปอร์โบนี่” ออกัสนำเสนอราวกับเป็นสไตลิสต์ดาราดัง

“ไม่เอาดีกว่าครับ ผมไม่ใช่พี่โซนนะ จะได้ดูดีขึ้นมาเพียงเพราะเปลี่ยนแว่น” น้องยิ้มบอกแล้วหันกลับไปสนใจการซ้อมดนตรีของพี่ ๆ ต่อ เขาก็คือเขา มันจะเปลี่ยนไปได้แค่ไหนกันเชียว

“โถ เด็กน้อย น้องโอโซนก็ต้องดูดีเหมือนโอโซนอยู่แล้ว เชื่อมือพี่ไหมล่ะ?” ออกัสท้าทายยิ้ม ๆ

รู้หรอกว่าน้องก็อยากเปลี่ยน แต่เพราะพี่ชายอย่างโอโซนไม่เคยสร้างความมั่นใจให้น้อง แถมยังทำตัวเสียเด่นในขณะที่น้องหมดความมั่นใจลงเรื่อย ๆ มันเลยเป็นแบบนี้อย่างไรล่ะ

เมื่อพี่ออกัสบอกว่าจะทำให้ดูดีขึ้นได้เหมือนพี่ชาย ชูการ์ก็ชักจะเริ่มลังเลขึ้นมา ดูพี่ออกัสก็เท่ไม่แพ้พี่ชายของเขาเลย คงจะมีเคล็ดลับอยู่บ้างล่ะน่า เขาคงไม่ได้คาดหวังมากไปใช่ไหม?

ออกัสพาน้องไปร้านเสริมสวย โดยบอกกับโอโซนที่เมามันกับการซ้อมอยู่ว่าจะพาน้องไปซื้อของ ซึ่งพี่ชายขี้หวงก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากบอกให้รีบกลับ เป้มองเพื่อนนักร้องนำตาขวาง แต่คนถูกมองยิ้มเฉย แถมยังพาชูการ์เดินออกไปต่อหน้าต่อตา มันท้าทายกันเห็น ๆ นะแบบนี้!

“โซน” เป้เอ่ยเรียกเพื่อนมือกีตาร์ที่นั่งปรับสายกีตาร์อยู่ไม่ไกลกัน ก็นักร้องนำไม่อยู่ เลยต้องหยุดซ้อมกันตามระเบียบ

“อะไรวะ?” โอโซนขานรับแต่ไม่ได้หันมามองเพื่อน

“มึงให้น้องไปกับออกัสง่ายจังวะ?” เป้เอ่ยถามอย่างข้องใจ

“แล้วไง?” โอโซนหันมาย้อนถามด้วยสีหน้ายียวนกวนอารมณ์

“มึงไม่หวงบ้างหรือไง กับกูนี่กีดกันจังนะ” อดไม่ได้ที่จะเหน็บเพื่อน ทั้งที่เขาเป็นแฟนน้องแท้ ๆ กลับไม่มีสิทธิ์มีเสียง

“มึงมันไม่น่าไว้ใจ” โอโซนชี้ชัดตรงประเด็น

“เชี่ยกัสมันน่าไว้ใจมาก ว่างั้น?”

“ก็น่าไว้ใจกว่ามึงอะ” ว่าแล้วคนพูดก็หัวเราะเสียงประหลาด ท่าทางจะสะใจที่ตอกกลับเพื่อนได้

เป้หมดคำจะพูด เล่นสองมาตรฐานแบบนี้ เขาจะเอาอะไรไปสู้ เดี๋ยวก่อนเถอะ จะยุออกัสจัดการเสียให้เข็ด ไอ้พี่ชายขี้หวง!



หลังจากพาน้องเข้าร้านทำผมเพื่อเสริมเติมความน่ารักแล้ว ออกัสก็พาไปหาซื้อแว่นตาอันใหม่ แถมซื้อคอนแทคเลนส์ไว้ให้น้องลองใส่ด้วย งานนี้เรียกได้ว่าป๋าออกัสจัดให้เต็มที่ เพราะเสร็จจากนั้นยังพาน้องไปลองชุดอีก ชูการ์ได้แต่วิ่งตามเพื่อนพี่ชายหัวแทบหมุน ถ้ามันลำบากขนาดนี้ เขาก็ไม่อยากดูดีแล้วอ่า

ออกัสเลือกชุดที่ดูว่าเหมาะกับน้องแล้วพาไปห้องลองชุด ดันตัวบาง ๆ นั้นเข้าไปแล้วปิดประตูทันที ส่งน้องเข้าไปแล้วก็ใช่ว่าตนเองจะไปไหน เพราะออกัสก็ยังยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องนั่นล่ะ ถือเป็นการมัดมือชกน้องไปเรียบร้อย

“พี่มีเรื่องอยากถาม” ยืนรอนาน ๆ ออกัสก็เลยหาเรื่องคุยกับน้อง

“เรื่องอะไรครับ?” เสียงน้องเอ่ยถามมาจากห้องลองชุด

“เรื่องจดหมาย”

“..........”

“ถ้าให้พี่เดา คนในจดหมายที่ชูการ์เขียนถึงคือ...”

ออกัสเว้นวรรคให้คนรอฟังใจเต้นตึกตักที่มีคนรู้ความลับของตนเองเข้า เมื่อพี่เงียบไป ชูการ์จึงยืดตัวไปหาประตูเพื่อเอียงหูฟังให้ชัดมากขึ้นอีก

“เป้…”

โครม!!

“ชูการ์! เป็นอะไรหรือเปล่า!?” ออกัสเอ่ยถามเสียงตื่นเมื่อได้ยินเสียงดังโครมคราม

“มะ... ไม่ครับ ไม่เป็น” ชูการ์ร้องบอกออกไปขณะที่ลุกขึ้นยืนใหม่ เมื่อกี้เขาเสียศูนย์เซล้มไป โธ่เอ้ย น่าอายชะมัดเลย ฮือออ

“ไม่เป็นอะไรแน่นะ ชูการ์?” ออกัสยังเอ่ยถามอีกเพราะเป็นห่วงน้อง

“ไม่ครับ”

ชูการ์ตะโกนตอบกลับไป รีบสวมชุดที่พี่ออกัสให้มาลองให้เสร็จจะได้กลับไปที่ห้องซ้อมเสียที อยู่กับพี่ออกัสนาน ๆ ความลับอาจจะถูกเปิดเผยก็ได้ ชูการ์พลอยคิดไปว่าที่พี่เขาไม่ยอมคืนจดหมายให้เสียทีเพราะจะเอามาแบล็คเมล์หรือเปล่า แต่จะเอามาแบล็คเมล์เขาเรื่องอะไรกัน? บ้าไปแล้ว

เมื่อการพาน้องไปแปลงโฉมได้ผลลัพธ์ออกมาดูดีเป็นที่น่าพอใจ ออกัสจึงพาน้องกลับมาที่ห้องซ้อม โอโซนกับเป้กำลังเถียงกันเรื่องอะไรอยู่ไม่รู้ สองคนนี้มีเรื่องเถียงกันได้ตลอด เป้ที่ไม่ค่อยพูดก็กลายเป็นคนพูดมากเพราะเถียงกับโอโซน

ชูการ์กับออกัสก้าวเข้ามาในห้องทำให้สองหนุ่มหยุดเถียงกัน พุฒที่กำลังไล่คีย์เครื่องดนตรีประจำตำแหน่งก็หยุดไปเฉย ๆ ทำให้ธนินที่นอนเอกเขนกยกตัวขึ้นมามอง เมื่อเห็นน้องแว่นตัวน้อยเปลี่ยนไป ทุกคนก็พากันอึ้ง แม้แต่โอโซนกับเป้ก็ด้วย

พอพี่ ๆ จ้องมองมา ชูการ์ก็ชักจะไม่มั่นใจ มือเรียวจะจับแว่นตาตามความเคยชิน แต่มันกลับไม่ได้อยู่บนใบหน้าเสียแล้ว เมื่อออกัสให้น้องใส่คอนแทคเลนส์แทน ขณะที่เป้ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้ามาหาน้อง

“ดูดีใช่มะ?” ออกัสยักคิ้ว เอ่ยถามเป้ที่มองน้องตาไม่กะพริบ

“ไม่เลย ไม่เห็นดีสักนิด”

รอยยิ้มเขินอายกลายเป็นเจื่อนลงไปเมื่อได้ยินพี่พูดเช่นนั้น ชูการ์หน้าจ๋อย ก้มหน้าลงอย่างหมดความมั่นใจ จับผมตัวเองที่ถูกจัดแต่งมาอย่างดีแล้วดึงลงมา ราวจะให้มันช่วยปิดบังความขายหน้าที่ตนเองมีอยู่เวลานี้

เป้จับมือน้องเอาไว้แล้วว่า “พี่ไม่ชอบแบบนี้”

“ผมรู้ว่ามันดูไม่ดี ขอโทษที่ไม่เจียมตัว” ชูการ์เอ่ยบอกเสียงหงอย

“ไม่ มันน่ารักมากต่างหาก”

“แต่พี่บอกว่าไม่ชอบ?” ชูการ์เงยมองหน้าพี่ ขมวดคิ้วแล้วทวนคำอย่างไม่เข้าใจ

“ใช่ พี่ไม่ชอบ โอโซนก็ไม่ชอบเหมือนกัน เชื่อพี่สิ”

“ทำไมล่ะ?”

มือใหญ่เกลี่ยแก้มน้องเบา ๆ มองสบตากลมแล้วเอ่ยบอก

“พี่หวง”

คำสารภาพสั้น ๆ จากพี่ทำให้ชูการ์เม้มปาก ตอนนี้เขาอาย มันไม่ใช่อับอาย แต่เป็นเขินอาย เขินสายตาของพี่ เสียงผิวปากจากมือเบสวงฮอทเนสดังแทรกมายิ่งทำให้น้องอายเข้าไปใหญ่ โอโซนจะเข้าไปจับแยกแต่ถูกออกัสล็อคคอเอาไว้ ปล่อยให้เขาสองคนหวานกันบ้างเถอะน่า

“เป้”

เสียงเรียกจากหน้าประตูห้องซ้อมทำให้ทุกคนหันไปมองโดยพร้อมเพรียง คนเรียกเป็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับสมาชิกวงฮอทเนส รอยยิ้มประดับบนดวงหน้าหวานเมื่อเดินเข้ามาหาเป้

“วงเป้ซ้อมเสร็จยัง เราจะยืมห้องซ้อมหน่อยน่ะ”

ชูการ์มองรุ่นพี่หน้าหวานแล้วเอียงคอนึก เหมือนเขาจะเคยเห็นพี่คนนี้ที่ไหนมาก่อน พอพี่เขาหันมายิ้มให้ ชูการ์ก็ชะงัก ก่อนยิ้มตอบกลับไปเขิน ๆ ที่เผลอจ้องจนโดนจับได้

“เอาสิ ซ้อมเสร็จพอดี”

เมื่อเป้บอกเช่นนั้น เด็กหนุ่มหน้าหวานจึงบอกขอบคุณยิ้ม ๆ ผงกหัวทักทายสมาชิกวงฮอทเนสทุกคน ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เพราะเขาเองก็เล่นดนตรีจึงต้องซ้อมเหมือนกัน ถึงจะไม่ดังเท่าวงฮอทเนสก็ตาม

“ไปครับ ชูการ์ กลับบ้านกัน”

เมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นออกจากห้องไปแล้ว เป้จึงหันมาชวนน้องกลับ ชูการ์ยิ้มรับคำชวนแล้วไปเก็บของโดยไม่ทันสังเกตว่าท่าทางพี่ ๆ เขาแปลกไปตั้งแต่ที่พี่หน้าหวานคนนั้นเดินเข้ามา

ทั้งหมดเดินออกจากห้องซ้อมมาพอดีกับที่วงดนตรีของเด็กหนุ่มหน้าหวานเดินสวนเข้าไป โอโซนเดินมาชนไหล่เป้ที่เดินอยู่ข้างน้องชายของตนเอง ก่อนพูดให้ได้ยินกันเพียงสองคน

“อย่านะมึง”

“เออ”

เป้ตอบรับคำพูดสื่อความหมายนั้นเพียงสั้น ๆ ชูการ์ที่ได้ยินเหมือนคนคุยกันแว่ว ๆ จึงหันมาเลิกคิ้วมองพี่ ๆ เป้กับโอโซนชะงักกับสายตาสงสัยจากน้อง ก่อนจะพากันยิ้มให้ ชูการ์เลยยิ้มตามงง ๆ


.........


เมื่อวันหยุดมาถึง เป้ไม่ได้ไปติวให้น้องที่บ้าน แต่กลับขออนุญาตพาน้องมาบ้านของตนเองแทน โอโซนยื่นคำขาดให้เวลาไม่เกินสี่โมงเย็น ทีแรกพี่ชายขี้หวงบอกให้เวลาแค่เที่ยงด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนเป้มาขออนุญาตพ่อแม่ก็เกือบสิบโมงเช้าเข้าไปแล้ว เป้จึงต่อรองว่าให้น้องกินข้าวกลางวันก่อน แล้วอยู่ติวกันสักพัก ตนเองก็จะพามาส่ง รับรองว่ากลับไม่เกินสี่โมงเย็น พ่อแม่เองก็เห็นด้วยตามนั้น ถ้ากลับเร็วไปมันจะไม่ได้ติว ไปเสียเที่ยวกันเปล่า ๆ โอโซนจึงจำต้องยอมตามเสียงข้างมากอย่างช่วยไม่ได้

ห้องนั่งเล่นของบ้านเป้ถูกใช้เป็นที่ติวหนังสือ ถึงน้องจะเป็นผู้ชาย แต่เขากับน้องก็ได้ชื่อว่าคบกันแบบคนรักแล้ว ถ้าอยู่ในที่ลับหูลับตา เป้ก็ไม่แน่ใจว่าจะอดใจไม่ล่วงเกินน้องได้

ชูการ์นั่งเกร็งกับการมาบ้านพี่ในครั้งนี้ เมื่อครั้งก่อนมีพี่ชายของเขากับพี่ออกัสอยู่ด้วย ความรู้สึกมันก็ไม่ใช่แบบนี้ แต่ครั้งนี้มีแค่พี่เป้อยู่คนเดียว ทำให้หนุ่มน้อยทำตัวไม่ถูก

มือเรียวจับแว่นสายตาของตนเอง แว่นอันนี้ก็ยังได้พี่ออกัสเป็นคนเลือกให้ใช้แทนอันเดิมที่บอกว่ามันเชย มันก็สวยดี แต่ชูการ์ไม่ชินกับการใส่มันเท่าไร

เป้มองน้องที่ทำท่าอึก ๆ อัก ๆ แล้วก็อมยิ้มขำ พอน้องเห็นเลยถูกงอนเข้าให้

“พี่เป้อะ”

“ครับ ๆ ไม่ขำครับ” เป้พยายามหยุดยิ้มเมื่อน้องทำหน้างอ

เด็กหนุ่มขยับมานั่งลงข้างน้องแล้วมองหน้า ยิ่งใกล้แบบนี้ ชูการ์ก็ยิ่งเขิน ไม่รู้จะวางสายตาของตนเองไว้ที่ไหนเมื่อพี่มองจ้อง

“เป็นอะไร?” คนเป็นพี่เอ่ยถามทั้งที่รู้ดี ยิ่งเห็นน้องหน้าแดงยิ่งชอบใจ

“ผมเขิน” ชูการ์หลบสายตาพี่เมื่อเอ่ยตอบตามตรง

“หึ ๆ” เป้หัวเราะในลำคอ ก็ถ้าแกล้งแล้วน้องมีปฏิกิริยาตอบรับแบบนี้ เขาก็อยากแกล้งนะ

ตัวสูงขยับเข้าไปชิดน้องมากขึ้น ไออุ่นจากตัวพี่ทำให้ชูการ์ใจหวิวจึงขยับถอยห่างอีกนิด เว้นระยะให้หัวใจตนเองเต้นเบาลงบ้าง เต้นแรงจะแย่แล้วอะ

“เวลาพูดกับพี่ ชูการ์ช่วยเรียกแทนตัวเองเหมือนที่เรียกกับโอโซนได้ไหม?”

“เอ่อ…”

“นะ พี่ชอบ น่ารักดี” พี่เอ่ยอ้อน น้องก็ยิ่งเขิน

“ผมอาย”

“ไม่เห็นน่าอายเลย ไหนลองพูดซิ”

“ไม่เอา”

“น่า”

เป้ค่อยยื่นหน้าเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ทำให้น้องต้องเอนหนี แขนของพี่ยันพื้นคร่อมตัวเพรียวบางเอาไว้จนหนีไม่ได้

“พี่เป้ แกล้งก้าอะ”

เป้อมยิ้มเมื่อได้ดั่งใจ โน้มตัวไปจูบหน้าน้องผากเบา ๆ ชูการ์หลับตาปี๋เมื่อพี่จะจูบ จนเมื่อความรู้สึกอุ่นนุ่มแนบลงมาบนหน้าผาก อาการเกร็งเมื่อครู่จึงคลายลง

“น่ารักมาก”

เป้กระซิบแผ่ว เคลื่อนใบหน้าลงมาเพื่อจะจูบริมฝีปากอมชมพูที่เผยอน้อย ๆ นั่น แต่ก่อนที่จะสัมผัส น้องก็ยกหนังสือขึ้นกั้นเอาไว้แล้วลืมตาขึ้นมาหัวเราะเขิน ๆ เป้จับหนังสือที่กั้นกลางออกไป มองสบนัยน์ตากลมโตแล้วค่อย ๆ นาบริมฝีปากประกบจูบน้อง ลงน้ำหนักอีกนิดเพื่อให้น้องเปิดปากรับ ค่อยเลาะเล็มริมฝีปากนุ่มช้า ๆ เมื่อน้องเริ่มคล้อยตามจึงแทรกปลายลิ้นเข้าไปกวาดชิมความหวาน มือเรียวกำแน่นเมื่อตื่นเต้นเกินระงับ สัมผัสนุ่มนวลจากปลายลิ้นลื่นทำให้แทบสำลักลมหายใจ

เป้ถอนจูบช้า ๆ มองแก้มน้องที่แดงก่ำแล้วกดจูบย้ำอีกครั้งเมื่อห้ามใจไม่อยู่ เมื่อพี่ถอยห่างไป ชูการ์จึงก้มหน้าลงต่ำมองน้องที่ก้มหน้างุดแล้วเป้ก็เอื้อมมือไปแตะแก้มเนียนเบา ๆ เพียงเท่านั้นน้องก็สะดุ้ง

“โกรธพี่เหรอครับ?”

ชูการ์ส่ายหน้ากับคำถาม จะว่าโกรธไหม เขาก็ไม่ได้โกรธหรอก แต่จะให้อธิบายอย่างไรดี เขาไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนนี่นา กับสถานการณ์แบบนี้ เขาควรทำอย่างไรดีล่ะ?

เป้เกี่ยวนิ้วเรียวก่อนจะกุมมือน้องแล้วยกขึ้นมาจูบเบา ๆ ตากลมมองตามการกระทำของพี่ ก่อนสบเข้ากับสายตาพี่ที่มองมาอย่างมีความหมาย

“รักชูการ์นะครับ ไม่ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง พี่อยากให้ชูการ์เชื่อใจพี่นะ”

“...ครับ”

“เด็กดี”

เป้จูบหน้าผากน้องอีกครั้งก่อนรวบกอด น้องเป็นเด็กดีอย่างที่พูดจริง ๆ ใสซื่อและบริสุทธิ์ เขาอยากจะปกป้องดูแลน้องให้ดี จะไม่มีวันทำให้น้องเสียใจอย่างแน่นอน


........

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (4) 07/12/2018
«ตอบ #6 เมื่อ07-12-2018 12:54:55 »


เช้าวันจันทร์

สมาชิกวงฮอทเนสมาโรงเรียนกันแต่เช้าเพื่อเผื่อเวลาซ้อมดนตรีก่อนเข้าห้องเรียน คนที่ไม่เคยจะชินกับการตื่นเช้าอย่างธนินก็ยังคงหาวหวอด ออกัสส่งลูกอมให้เพื่อนเผื่อจะทำให้สดชื่นขึ้นมาบ้าง ธนินจึงส่งต่อให้พุฒช่วยแกะ พุฒรับลูกอมจากมือเพื่อนมาก่อนจับยัดปากเพื่อนทั้งที่ยังไม่แกะออกจากห่อ คราวนี้ธนินเลยตื่นเต็มตาโดยไม่ต้องอาศัยลูกอมเพราะต้องไล่เตะหัวหน้าวงแทน

ทุกอากัปกิริยาของพวกเขายังคงดึงดูดสายตาคนรอบข้างได้เสมอ แต่วันนี้กลับดึงดูดมากกว่าทุกวัน เมื่อในกลุ่มนั้นมีเด็กน่ารักรวมอยู่ด้วย ต่างก็พากันสงสัยว่าแล้วน้องแว่นไปไหน?

ชูการ์ไร้แว่นถูกขนาบข้างโดยพี่ชายและเป้ นั่นยิ่งส่งให้น้องกลายเป็นจุดสนใจมากขึ้นไปอีก การไม่มีแว่นแบบนี้ยิ่งทำให้หนุ่มน้อยขาดความมั่นใจ เพราะสายตาที่มองมาโดยไม่รู้ว่าคนที่มองกำลังคิดอะไรอยู่ทำให้เขาประหม่า และเขาก็ไม่ชินกับคอนแทคเลนส์จนต้องกะพริบตาอยู่ตลอดด้วยความเคือง

มือเรียวยกขึ้นจะขยี้ตา ลืมไปว่าตัวเองใส่เลนส์อยู่ เป้ที่คอยสังเกตน้องอยู่ตลอดรีบจับมือน้องไว้แล้วช่วยดูให้ มันเป็นภาพที่แฟนคลับไม่เคยเห็น ดูแลกันแบบนี้คืออะไร ทำไมมันถึงมีรัศมีสีชมพูวิ้ง ๆ ลอยออกมาด้วย หรือจะตาฝาด?

“เคืองตาเหรอ?” เป้เอ่ยถามน้องเมื่อช่วยดูตาให้

“ครับ รู้สึกแสบ ๆ แล้วด้วย”

พอน้องบอกแบบนั้นหนุ่ม ๆ ก็พากันมารุมอย่างเป็นห่วง โอโซนจับหน้าน้องให้หันมาหาตนเอง จิ๊ปากเพราะขัดใจตัวเองที่ไม่ดูน้องก่อนออกจากบ้าน

“เอาแว่นตามาด้วยหรือเปล่า?”

ชูการ์ส่ายหน้าเมื่อพี่ชายเอ่ยถาม หนุ่ม ๆ เริ่มพากันกอดอก ช่วยกันคิดหาวิธีช่วยน้อง

“ถ้าถอดออกจะมองเห็นได้ไกลแค่ไหน?” เป้เอ่ยถามน้องต่อ เขาต้องให้น้องถอดเลนส์ออกก่อนในตอนนี้ ตาเริ่มแดงแล้วด้วยสิ

“ก็... ถ้าเลยเมตรก็ไม่ชัดแล้วอะ” ชูการ์บอกเสียงอุบอิบ เห็นพี่ ๆ มามะรุมมะตุ้มแบบนี้ก็กลัวจะโดนว่าเอาที่ทำตัวมีปัญหา

“สั้นมากเลยนะเนี่ย”

“ทำไงดีวะ?”

พี่ ๆ ชักเป็นกังวล น้องสายตาสั้นแบบนี้คงลำบากแย่ถ้าไม่ใส่แว่น ออกัสมองน้องแล้วก็รู้สึกผิด เพราะเขาเป็นคนแนะนำให้น้องใส่เอง และเมื่อคิดหาทางออกได้ ออกัสจึงเอ่ยถามน้อง

“ชูการ์มีเพื่อนสนิทปะ?”

“มีครับ ชื่อเพลิน”

“งั้นชูการ์ถอดเลนส์ออกนะ แล้วเวลาจะไปไหนมาไหนให้ไปกับน้องเพลิน โอเคไหม?”

น้องพยักหน้ารับคำรัว ๆ เพราะมันเริ่มเคืองมากขึ้นแล้ว หันไปหาพี่ชายแล้วเอ่ยเรียกเสียงออด

“พี่โซน”

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวไปถอดออกก็หายแล้ว เลิกเรียนพี่จะพาไปหาหมอเพื่อความชัวร์ โอเคไหม?”

“อื้อ”

คำปลอบของพี่ชายทำให้ชูการ์คลายกังวลลงไปได้บ้าง จึงตอบรับไปเบา ๆ โอโซนโยกหัวน้องด้วยความเอ็นดู ก่อนหันไปบอกเพื่อน

“เดี๋ยวกูพาน้องไปห้องน้ำแป๊บ”

“เออ รีบไปเหอะ”



ชูการ์เข้าไปถอดคอนแทคเลนส์หน้ากระจกในห้องน้ำ โอโซนรออยู่ข้างนอก เขาไม่พิสมัยกลิ่นห้องน้ำสักเท่าไรอะนะ เมื่อจัดการเก็บเลนส์ไว้เรียบร้อย ขณะที่จะออกมาหาพี่ชายด้านนอกก็ชนกับใครคนหนึ่งเข้าจนเซล้ม เสียงร้องของน้องชายทำให้โอโซนรีบเข้ามาหา ขณะเดียวกันคนที่ชนกับชูการ์เมื่อครู่ก็เข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม

“ขอโทษนะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“มะ... ไม่ครับ พี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ผมขอโทษนะ ไม่ทันเห็นว่าพี่เข้ามา” ชูการ์รีบพูดเสียงรัว

“ไม่หรอก พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ”

คนพูดอมยิ้มเมื่อเด็กตรงหน้าเผยยิ้มออกมา เมื่อครู่ยังทำหน้าตาตื่นตกใจ ตอนนี้กลับยิ้มซื่อให้เขาเสียอย่างนั้น ดูใสซื่อจนอยากทำให้แปดเปื้อนจริง ๆ หึ

“มีปัญหาอะไรกัน?”

โอโซนก้าวเข้ามารั้งให้น้องไปหลบด้านหลังตนเองเมื่อเห็นว่าน้องอยู่กับใคร มองจ้องอีกคนที่ยิ้มมุมปากกวน ๆ เขม็ง ไอ้เกมส์ ศัตรูคู่ปรับของเพื่อนเขา... คู่อริของไอ้เป้

“ก้าชนพี่เขาอะ ก้าไม่ทันเห็น”

ชูการ์เป็นฝ่ายเอ่ยบอกพี่ชายแทน เพราะเห็นว่ามองพี่ผู้ชายอีกคนแบบหาเรื่องอย่างไรไม่รู้ แต่จริง ๆ ก็ต่างฝ่ายต่างมองอย่างหาเรื่องมากกว่าน่ะนะ

“อ๋อ ขอโทษแทนน้องด้วยนะ”

โอโซนเอ่ยบอกอย่างไร้อารมณ์ร่วม แค่พูดไปอย่างนั้น ก่อนดันหลังน้องให้เดินออกไป แต่เสียงของอีกคนก็หยุดการก้าวเดินของสองพี่น้องเอาไว้

“น้องชายมึงเหรอ?”

“ทำไม?” โอโซนถามกลับเสียงห้วน

“เปล่า” อีกฝ่ายยักไหล่ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คิ้วโอโซนขมวด เขาพาน้องออกไปสมทบกับเพื่อน ๆ ขณะที่ในหัวครุ่นคิดเป็นกังวล



เมื่อน้องกลับมา เป้ก็ดึงน้องมายืนใกล้ ๆ เชยคางให้เงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะดูให้ว่าตามันบวมไหม น้องเพลินเพื่อนของชูการ์เดินเข้ามาหาเมื่อชูการ์โทรเรียกให้มา สาวน้อยยืนบิดอยู่ข้าง ๆ ชูการ์ด้วยความเขินอายพี่ออกัส ยิ่งพี่เขาส่งยิ้มมาให้ก็ยิ่งเขินหนัก

“เป้ มึงมานี่ดิ๊” โอโซนพยักหน้าเรียกเพื่อน

เป้เลิกคิ้วสงสัยก่อนบอกให้น้องไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนกับพุฒและธนิน แล้วจึงเดินมาหาโอโซน

“อะไร?”

“ระวังไอ้เกมส์หน่อยก็ดี”

“มันทำอะไร?” เป้ถามเสียงเครียด

“ยัง แต่กูกลัวว่ามันจะมายุ่งกับน้องกู”

ทั้งสองคนหันกลับไปมองชูการ์ที่นั่งอยู่กับเพื่อนของพวกเขา เห็นน้องนั่งหน้างอเพราะโดนธนินแกล้งเอา ขณะที่ออกัสยืนกอดอกมองมาทางนี้

“ก็ลองดู” เป้ว่าอย่างนั้น

“เฮ้ย! อย่าพูดเหมือนมันเป็นเรื่องเล่น ๆ นะเว้ย อย่าแม้แต่จะให้มันมาเฉียดใกล้น้องกู เข้าใจไหม!?”

“กูสัญญา” เป้บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่ต้องสัญญา แค่ทำให้ได้ก็พอ”

“ต่างกันตรงไหนวะ?”

“ต่างกันตรงการกระทำไง” คนพูดยักคิ้ว

“โว๊ะ!” เป้ทำหน้าเซ็งกับสำบัดสำนวนและความกวนของเพื่อน

สองหนุ่มเดินกลับไปรวมกับทุกคนอีกครั้งเพื่อที่จะได้ไปห้องซ้อมกัน ออกัสมองเพื่อนทั้งสองคนด้วยแววตามีคำถาม โอโซนจึงพยักพเยิดเป็นเชิงบอกว่าค่อยคุยกัน เพราะมีน้องของตนเองกับเพื่อนของน้องที่ท่าทางแสนซื่อพอกันรวมอยู่ด้วย ออกัสจึงไม่ได้ซักไซ้อะไร

เรื่องที่โอโซนกังวลมันยังไม่เกิด แต่หากจะเตรียมการป้องกันไว้ก่อนก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะเป้มันคนมีประวัติ แถมประวัติไม่ดีเสียด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจสร้างศัตรู แต่ก็มีหลายคนที่อยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับเป้ ถ้าจะหาเรื่องเขา เขาไม่ว่า แต่อย่าคิดหวังว่าจะมาแตะต้องน้องน้ำตาลของเขาเป็นอันขาด!



หลังเลิกเรียน หนุ่ม ๆ วงฮอทเนสพาชูการ์กับน้องเพลินมากินข้าวที่ร้านแห่งหนึ่ง เมื่อสั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ขณะรอ น้องเพลินก็บอกกับชูการ์ว่าร้านนี้เขามีความพิเศษที่น้อยคนจะรู้ คือมีรุ่นพี่ที่โรงเรียนเราคนหนึ่งทำงานอยู่ที่ร้านนี้ และเขาสามารถมองเห็นอนาคตได้ ชูการ์น้อยเลยถามว่าเขารับดูดวงหรือ น้องเพลินจึงได้อธิบายให้ฟังว่าเขาแค่เพียงเห็นว่ามันอาจจะเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับเราในไม่ช้า แต่พี่เขาไม่ได้รับดู ถ้าอยากรู้ต้องลองขอเขา แต่ในโต๊ะไม่มีใครอยากรู้อยู่แล้ว แค่ปัจจุบันยังเอาตัวไม่รอด รู้อนาคตด้วยคงแย่แน่ถ้ามันออกมาไม่ดี

“ชูการ์อยากดูเหรอ?” เป้เอ่ยถามน้องที่นั่งฟังน้องเพลินพูดแล้วพยักหน้าหงึกหงักตามตลอด

“เปล่าครับ พี่เขาคงไม่อยากให้ใครมองว่าเป็นหมอดูหรอก ไม่งั้นคงเปิดสำนักดูดวงไปแล้ว” ชูการ์บอกแล้วยิ้ม

“เหย รู้ใจเขาไปซะหมดนะเรา” โอโซนแกล้งแซวน้อง ขณะที่ออกัสโยกศีรษะกลมอย่างเอ็นดู

ชูการ์อมยิ้ม หดคอเมื่อมือพี่ออกัสยีผม เป้กับโอโซนปัดมือออกัสออกโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะหันขวับมามองหน้ากันเอง ออกัสมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วอมยิ้มมีเลศนัย ทำให้โอโซนที่นั่งใกล้ผลักนักร้องนำหัวทิ่มแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ คนถูกผลักชี้หน้าคาดโทษ แต่โอโซนก็หาสนใจไม่ และก่อนที่ทั้งสองหนุ่มจะเปิดศึกกันเองอาหารก็มาเสิร์ฟ พุฒเลยชวนทุกคนลงมือกินข้าวกันเสียที

เป้นั่งข้างชูการ์ โดยอีกข้างหนึ่งคือน้องเพลินและโอโซน ฝั่งตรงข้ามมีออกัส ธนิน และพุฒ เป้ที่อยู่ใกล้ก็คอยตักของที่น้องเอื้อมไม่ถึงให้ ชูการ์ที่มีคนคอยตักให้แล้วจึงตักให้น้องเพลินต่ออีกทอดหนึ่ง พี่ ๆ มองน้องเล็กสองคนดูแลกันแล้วก็ยิ้ม ถ้าวันนี้ชูการ์ใส่แว่นมาด้วยคงเข้ากันดีกับน้องเพลิน

พอรู้สึกว่าถูกมอง ชูการ์จึงหันมาทางเป้ คนพี่ยิ้มนิด ๆ ก่อนหยิบทิชชูมาเช็ดมุมปากให้น้อง

“แต๊ะอั๋งน้องกู”

ชูการ์หัวเราะพี่ชายที่ส่งเสียงมาข่มขู่พี่เป้เพราะตัวอยู่ไกล เป้ถอนใจ กลอกตาไปมาหน่ายเพื่อนเต็มที่ ก่อนจะชวนกันกินต่อ

เมื่อถึงเวลาจ่ายตังค์ หนุ่ม ๆ วงฮอทเนสก็ช่วยกันออกคนละครึ่ง ชูการ์กับน้องเพลินที่หยิบตังค์ออกมาให้พี่ ๆ ด้วย แต่พี่ ๆ ไม่รับ บอกว่าเป็นน้องไม่ต้องออก

ทุกคนพากันไปรอข้างนอกเมื่อเป้จะพาชูการ์ไปล้างมือในห้องน้ำเลยจะไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์เอง เป้รอน้องออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่เด็กหนุ่มประจำเคาน์เตอร์ก็กำลังคิดค่าอาหารให้ เมื่อจัดการจ่ายเงินเสร็จน้องก็ออกมาพอดี

ชูการ์มาหยุดยืนข้างพี่ สายตาเห็นสร้อยที่พี่พนักงานประจำเคาน์เตอร์ใส่จึงมองอย่างสนใจ เมื่อพากันออกมาข้างนอก เป้จึงได้เอ่ยถามขึ้นมา

“อยากได้เหรอ?”

“ครับ?”

“เห็นมองสร้อยที่นายคนนั้นใส่เขม็งเลยนี่”

“อ่า... ก็... มันสวยดีนะ พี่เป้ไม่คิดแบบนั้นเหรอ?” หนุ่มน้อยอึกอักเมื่อถูกพี่จับได้ว่ามองสร้อยของพี่พนักงานคนนั้น ก่อนเอ่ยถามเชิงขอความเห็น

“พี่ซื้อให้” เป้เอ่ยเอาใจ

“ไม่เอา” น้องบอกปฏิเสธทันควัน

คนเป็นพี่เลิกคิ้วสงสัย “ทำไมล่ะ?”

“พี่ ๆ วงฮอทเนสนี่เหมือนกันทุกคนเลยหรือเปล่า ชอบซื้อของแพง ๆ ให้คนอื่นโดยไม่เสียดายตังค์สักนิด”

เหมือนจะโดนบ่น เป้อมยิ้มที่ได้ฟังเช่นนั้น ก่อนเอ่ยบอก “ก็คงไม่เหมือนกันหรอกมั้ง คนอื่นซื้อให้ชูการ์เพราะอะไรพี่ไม่รู้ แต่ที่พี่อยากจะซื้อให้เพราะ... พี่ชอบชูการ์นะ อยากเอาใจแฟนตัวเองบ้างมันผิดตรงไหน?”

สายตาหวาน ๆ จับจ้องจนน้องขวยเขิน มือใหญ่เอื้อมจับมือน้อง ชูการ์ก้มหน้านิด ๆ ทั้งอมยิ้มน้อย ๆ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังเขินกับสายตาของพี่เป้อยู่ดี

เมื่อมารวมกับคนอื่น ๆ แล้วทั้งหมดจึงจะตรงกลับบ้านกันโดยอาศัยรถประจำทาง วันธรรมดาที่ต้องมาเรียน พวกเขาไม่คิดที่จะใช้รถของตนเอง ถึงแม้จะมีกันครบทุกคนก็ตาม

ออกัสฉายเดี่ยวเพราะบ้านอยู่คนละทางกับเพื่อน ๆ เป้กลับกับน้องและโอโซน บ้านเขาไม่ได้อยู่ทางเดียวกัน แต่ก็อยากไปส่งน้อง ส่วนอีกสองหนุ่ม ธนินกับพุฒอาสาไปส่งน้องเพลินเพราะกลับทางเดียวกัน

“บ้านมึงกับไอ้พุฒอยู่คนละทางไม่ใช่หรือไงนิน?” ออกัสเอ่ยท้วงเมื่อเพื่อนทั้งสองคนขึ้นรถไปด้วยกัน

“วันนี้กูจะค้างที่บ้านมันไง”

“อ้อ” เพื่อน ๆ พากันพยักหน้าเข้าใจกับเหตุผลนั้น

“ไปแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน”

“เออ”

รถพาสองหนุ่มกับหนึ่งสาวน้อยออกตัวไป ชูการ์โบกมือลาน้องเพลินที่หันกลับมาโบกมือตอบ ออกัสคือคนถัดไปที่ได้ขึ้นรถกลับ ก่อนที่ชูการ์ เป้ และโอโซนจะกลับบ้านตามกันไป





ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (5) 07/12/2018
«ตอบ #7 เมื่อ07-12-2018 13:57:32 »



- 5 -



ทุก ๆ ปีโรงเรียนของหนุ่ม ๆ จะจัดงานใหญ่ เด็กนักเรียนแต่ละชั้นก็วุ่นวายกันไปทุกปี ประธานนักเรียนในปีนี้คือเกมส์ ศัตรูคู่อาฆาตของเป้ ฮอทเนส ถึงหน้าตาเกมส์จะดูเถื่อนไปหน่อย แต่ท่าทางก็ดูเป็นผู้นำดี

เกมส์สั่งให้รุ่นน้อง ม.4 มาช่วยจัดสถานที่ในหอประชุมที่จะใช้ทำกิจกรรมบันเทิงและนันทนาการต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่น้อง ๆ ก็มีงานของห้องตนเองต้องทำอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะประธานนักเรียนสั่ง

ชูการ์กับน้องเพลินถูกเกณฑ์มาช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะตัวเล็กด้วยกันทั้งสองคน ครั้งแรกที่ได้เจอพี่ประธานในหอประชุม ชูการ์ก็จำไม่ได้ เพราะวันที่ชนกับพี่เขาในห้องน้ำนั่น ชูการ์ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ แถมตายังเจ็บอีกด้วย พอเกมส์เข้ามาทักเลยได้แต่งงแล้วยิ้มให้ เพราะไม่รู้จักกัน

ชูการ์น้อยมาที่ห้องซ้อมดนตรีกับน้องเพลินหลังจากเสร็จภารกิจที่หอประชุมเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็เรียบร้อยเฉพาะวันนี้เท่านั้น เพราะพรุ่งนี้ยังต้องไปทำกันอีก

ชูการ์เล่าให้พี่ ๆ ที่ห้องซ้อมฟังว่าเจอพี่ผู้ชายคนหนึ่ง น่าจะเป็นพี่ประธาน น้องเพลินจึงเอ่ยเสริมว่าพี่เกมส์ ประธานนักเรียนรุ่นปัจจุบัน แค่เพียงได้ยินชื่อนั้น สมาชิกวงฮอทเนสก็หูผึ่ง โอโซนเกือบร้องถามน้องไปแล้วว่ามันทำอะไรน้องหรือเปล่า แต่ก็ยั้งไว้ทันเพราะกลัวน้องสงสัย จึงได้อยู่นิ่ง ๆ ให้น้องเล่าให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“พี่เขามาทักก้า แต่ก้าจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักเขา เหมือนพี่เขาจะโกรธด้วย แต่ก้าไม่ได้ตั้งใจนะ ก้าจำไม่ได้จริง ๆ” น้องขยายความให้ฟังด้วยความไม่สบายใจ บางทีเขาอาจจะเคยเจอเคยทักทายกับพี่เกมส์คนนั้นมาก่อนก็ได้ แต่จำไม่ได้เอง พี่เขาต้องรู้สึกไม่ดีแน่ ๆ

“จำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปจำมัน ต่อไปก็อยู่ให้ห่างมันด้วยนะ ไอ้ประธานนั่นน่ะ” โอโซนว่าอย่างใส่อารมณ์

พุฒตบบ่าเพื่อนให้ใจเย็น ๆ เข้าไว้ เพราะเท่าที่ฟังน้องเล่า เกมส์ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเข้ามาทัก ชูการ์หันไปมองหน้าน้องเพลินเมื่อเจอคำสั่งจากพี่ชายให้อยู่ห่างพี่ประธานนักเรียนคนนั้น ก่อนจะเอ่ยแย้ง

“แต่ว่า…”

“ไม่ต้องมีแต่” โอโซนสวนกลับไม่ยอมให้น้องได้อุทธรณ์

“ต้องมีสิ ก็... ก็ ม.4 ต้องไปช่วยจัดสถานที่ แล้วพี่เขาก็เป็นคนคุมด้วย…”

คำอธิบายจากน้องในครั้งนี้ทำให้พี่ ๆ ชักจะเครียด โอโซนเหลือบมองเป้เชิงถามว่าจะเอาอย่างไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องในวันนี้ไม่รู้ว่าเกมส์ตั้งใจหรือเปล่า แต่นี่มันงานโรงเรียน ใครช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ดังนั้น จะไปจำเพาะเจาะจงว่าเกมส์จงใจก็ไม่ได้ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยเกิดขึ้นในใจอยู่ดี ว่าแล้วทำไมต้องมาเจาะจงให้ ม.4 เป็นคนทำด้วย

หลายสิ่งที่หนุ่ม ๆ เป็นกังวลจนถึงขั้นส่งหน่วยสืบราชการลับไปแฝงตัวดูแลน้องน้อย สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง เกมส์ไม่ได้ทำอะไรน้อง ยังคงรักษามาดประธานนักเรียนผู้เข้มงวดไว้ทุกกระเบียด แต่ที่มากไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้หนุ่ม ๆ วงฮอทเนสยังไม่คลายเป็นกังวลก็คือการที่เกมส์เข้ามาตีสนิทน้องชูการ์น้อยของพวกตน มันต้องกำลังวางแผนอะไรอยู่แน่ ๆ


.........


เมื่อวันงานโรงเรียนมาถึง ทุกสถานที่ภายในโรงเรียนถูกแปรสภาพ มีซุ้มกิจกรรมของแต่ละชั้นเรียนอยู่มากมายหลายซุ้มตามแต่ความคิดสร้างสรรค์ ของซื้อของขายก็มีมากมาย ไหนจะยังของที่ระลึกในงานโรงเรียนครั้งนี้อีก และที่ได้รับความสนใจอย่างมากในทุก ๆ ปีคือกิจกรรมในหอประชุมที่มีทั้งร้อง เล่น เต้นประกวด

วงฮอทเนสไม่ได้ขึ้นไปแข่งขันกับวงอื่น พวกเขาได้รับเกียรติให้ขึ้นไปเล่นเปิดเวที เมื่อขึ้นเวทีมา กระแสความนิยมของหนุ่ม ๆ ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ยังได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม

ช่วงพักเบรกพูดคุยกับน้อง ๆ พวกเขาก็พากันปล่อยมุกสร้างเสียงฮาเสียงกรี๊ดกันเป็นระยะ ชูการ์กับน้องเพลินที่ดูอยู่ข้างล่างยังต้องยิ้มและหัวเราะตาม

เห็นทุกคนมีความสุขและร่วมสนุกสนานด้วยกันไปแบบนี้แล้วหนุ่ม ๆ ก็พลอยปลื้มใจ จนการแสดงทุกอย่างของวงฮอทเนสจบลงก็มีวงรับเชิญอีกวงที่จะมาแสดงเป็นการปิดท้ายขึ้นมาเพื่อแนะนำตัวกับทุกคนก่อน ซึ่งวงนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นวงดนตรีของเด็กหนุ่มหน้าหวานที่ทำให้วงฮอทเนสออกอาการแปลก ๆ คนนั้นเอง

ชูการ์กับน้องเพลินเมื่อดูพี่ ๆ แสดงจบแล้วก็ออกไปเดินเที่ยวกันสองคน ทำให้ไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างต่อจากนั้น สองเพื่อนซี้ไปเล่นเกมตามซุ้มต่าง ๆ ได้ของรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นขนมบ้าง พวงกุญแจบ้าง เพราะพากันไม่มีความสามารถด้านนี้สักคน เดินกันมาเรื่อย ๆ จนถึงซุ้มหมอดู หนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มกับรุ่นพี่ที่ขนาดตัวใกล้เคียงกันแต่ต่างกันที่ความสูงยืนเรียกลูกค้าอยู่หน้าซุ้ม พอเห็นชูการ์เดินมาก็ชักชวนให้เข้าไปลองใช้บริการดู บอกดูสนุก ๆ ไม่ต้องเครียดอะไรมาก

สองเพื่อนซี้เข้ามาด้านในซุ้ม มีพี่ผู้ชายสองคนอยู่ในนั้น คนหนึ่งใส่เสื้อคลุมแบบมีฮู้ดนั่งอยู่ที่โต๊ะ ส่วนอีกคนยืนอยู่ข้าง ๆ ชูการ์สะดุดตาเพราะคุ้นกับสร้อยคอของคนที่ยืนอยู่เป็นอย่างมาก มันเหมือนของพี่พนักงานร้านอาหารคนนั้นเลย สีเขียวอมฟ้าและมีแสงเรือง ๆ นั่น เหมือนมาก ๆ

“จะดูเรื่องอะไรครับ?”

เสียงของคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียกให้ชูการ์หันมาสนใจ น้องเพลินดันเพื่อนให้ไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะนั้น ชูการ์ก็ยอมนั่งลงแบบงง ๆ

“อ่า เรื่อง... เรื่อง…”

“เรื่องความรักค่ะ”

“เพลิน”

เมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่เอ้อ ๆ อ้า ๆ น้องเพลินเลยตอบแทนให้ ชูการ์หันขวับมามองเพื่อนที่ตอบแทนตนเองไปแล้วเรียกชื่ออีกฝ่ายงอน ๆ เขาไม่ได้จะมาดูเรื่องนี้นะ

“ทำไมล่ะ ถามไว้ก็ไม่เสียหายนี่นา นะชูการ์ ดูเถอะ” น้องเพลินเขย่าแขนเพื่อนอ้อน ๆ ชูการ์เลยต้องยอมดูตามใจเพื่อน

“ความเชื่อใจเป็นพื้นฐานของความรักครับ”

“ครับ?” หนุ่มน้อยเอียงคองง ๆ เมื่อยื่นมือให้พ่อหมอดูแล้วพ่อหมอพูดมาอย่างนั้น

“ถ้ามีความไว้เนื้อเชื่อใจให้กัน ปัญหาทุกอย่างก็จะไม่เกิดครับ เหมือนกับคู่ของน้องที่จะคอยดูแลกันไป ไม่ว่านานแค่ไหน”

พ่อหมอเอ่ยขยายความแล้วยิ้ม แต่ชูการ์ก็ยังไม่เข้าใจความนัยที่อีกฝ่ายสื่ออยู่ดี น้องเพลินจึงช่วยเพื่อนถาม

“มันคือเรื่องดีใช่ไหมคะพี่อาร์ดิว... เอ้ย! พ่อหมอ” สาวน้อยแตะปากตัวเองที่เผลอเรียกชื่อพ่อหมอไป ก่อนยิ้มแหยเมื่อเอ่ยถามจบ

“ดีสิ ความรักคือสิ่งที่สวยงาม” พ่อหมอของน้องเพลินเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง

“ไม่เห็นเข้าใจเลย” ชูการ์พึมพำกับตัวเองเมื่อเดินออกมาจากซุ้มหมอดูแล้ว

“พี่เขาบอกแล้วไงว่ามันคือสิ่งที่ดี แสดงว่ามันต้องดีแน่” น้องเพลินเชียร์อัพ

“แต่เขาบอกให้เชื่อใจกัน” ชูการ์น้อยยังมีข้อท้วงติง

“มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนรักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องกังวล?”

“พูดเหมือนเคยมีความรัก” ชูการ์เอ่ยล้อเพื่อนที่พูดราวกูรูผู้รอบเรื่องความรัก

“แหม ก็ศึกษามาบ้างอะ” น้องเพลินตีแขนเพื่อนด้วยความเขินอาย

ชูการ์ยิ้มขำ ก่อนที่จะหันไปตามเสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลัง

“ชูการ์” เป้ที่ลงจากเวทีมาแล้วไม่เห็นน้องก็เที่ยวเดินหา จนมาเจอน้องที่นี่จึงรีบเข้ามาทัก “ไปเดินเที่ยวกันครับ”

“อ่า…” ชูการ์อึกอักเมื่อมองเพื่อนสนิทของตนเอง

น้องเพลินก็ช่างรู้ใจเพื่อน เอ่ยบอกกับเพื่อนไม่ให้เป็นกังวล “ไปเถอะ เดี๋ยวเราเดินเล่นอยู่แถวนี้”

สาวน้อยดันหลังเพื่อนไปหาพี่เป้ ชูการ์ยังเหลียวมามองอย่างเป็นห่วง แต่น้องเพลินก็ยิ้มให้ บ่งบอกว่าเธออยู่คนเดียวได้จริง ๆ

“น้องเพลิน เดี๋ยวไปเจอกันที่ซุ้มน้ำปั่นห้องพวกพี่นะครับ” เป้หันมาบอกกับเพื่อสนิทน้อง ขณะที่จูงมือน้องเดินไปด้วยกัน

“ค่า~” สาวน้อยรับคำก่อนโบกมือให้ทั้งสองหนุ่ม

“ชูการ์อยากไปที่ไหน?” เป้หันมาถามน้องที่เดินข้างกันมาช้า ๆ

“อืม... เดินไปเรื่อย ๆ ก่อนก็ได้ครับ” หนุ่มน้อยนิ่งคิดก่อนเอ่ยบอกพี่ยิ้ม ๆ

ทั้งสองคนจึงเข้าซุ้มนั้นออกซุ้มนี้ไปเรื่อย ๆ เมื่อมาถึงซุ้มของห้อง ม.6 ห้องของเพื่อนเป้ที่จัดให้เป็นซุ้มยิงปืนเอาของรางวัล เป้ก็พาน้องแวะเข้าไปด้วย เด็กหนุ่มเล็งเจ้าตุ๊กตาหมีตัวโตขนปุยนั่นเอาไว้ในใจเพราะเห็นว่าน้องชอบ ในห้องนอนของน้องเต็มไปด้วยตุ๊กตาน้อยใหญ่ ถ้าเพิ่มเจ้าตัวนี้ไปอีกตัว มันคงไม่รกสักเท่าไรหรอกมั้งนะ แถมมันยังเป็นรางวัลใหญ่เลยนะนั่น แต่มันคงไม่พ้นมือเขาหรอก เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วเป้จึงเข้าไปเล่น มีน้อง ๆ กรี๊ดกันเป็นแบคกราวน์ให้ทุกครั้งที่ยิงถูกเป้าหมาย จนในที่สุดก็ได้ตุ๊กตาหมีตัวโตมาอย่างใจ

เจ้าของซุ้มอุ้มตุ๊กตาตัวโตมาให้ขณะที่แอบบ่นไปด้วย “มึงไม่น่ามาเลย ดูดิ๊ ตัวนี้เรียกลูกค้าเลยนะเว้ย ต้องจากกันซะแล้วลูกพ่อ”

ชูการ์เห็นพี่เจ้าของซุ้มเขาท่าทางจะเสียดายจริง ๆ จึงกระตุกแขนเสื้อพี่แล้วบอกหน้าเจื่อน “เอ่อ... พี่เป้ ก้าไม่เอาก็…”

“ไม่ได้” เป้แทรกก่อนที่น้องจะทันได้พูดจนจบ ดึงตุ๊กตาจากมือเพื่อนที่เป็นเจ้าของซุ้มมายื่นให้น้อง “เราทำตามกติกาทุกอย่างนะ มันถูกต้องแล้วที่เราจะได้มา ไม่ต้องไปสนใจเสียงนกเสียงกาแถวนี้”

เป้ว่าอย่างนั้นแล้วปรายตามองเพื่อนที่แสดงละครเก่งจนน้องเชื่อ

“เอาไปเถอะครับน้อง พี่แค่หยอกเล่น ดูทำหน้าเข้า” เพื่อนเป้โน้มตัวไปมองหน้าตาใสซื่อนั่นแล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู แหม เชื่อคนง่ายนะเราอะ

“ถ้าน้องร้องไห้นะ มึงโดน” เป้ข่มขู่

“โหย ไอ้โหด!” เพื่อนร้องด่าอย่างไม่จริงจังนัก

เป้ยักคิ้วกวนก่อนหันมาชวนน้องไปที่อื่น “ปะ ไปเดินเที่ยวต่อดีกว่า มีอีกหลายที่เลยที่เรายังไม่ได้ไป”

“ครับ”

ชูการ์รับคำอย่างว่าง่าย ก่อนไปยังหันมาหาพี่เจ้าของซุ้มอีกทีแล้วเอ่ยขอบคุณ จริง ๆ พี่เจ้าของซุ้มต้องเสียดายอยู่แน่ ๆ ตุ๊กตาที่เขาอุ้มอยู่ตอนนี้น่ะ

“ขอบคุณนะครับ” หนุ่มน้อยเอ่ยบอก

“โอ้ ไม่เป็นไรมิได้ครับกระผม”

ชูการ์หัวเราะกับความทะเล้นของพี่เขา ก่อนก้าวเดินเคียงพี่เป้ไป มือเรียวจับมือพี่ เพื่อนเป้มองตามทั้งสองคนที่เดินออกจากซุ้มไปพร้อมของรางวัลแล้วถอนใจ เสียดายอยู่นะ แต่เห็นว่ามันเหมาะกับน้องคนนั้นก็ต้องยอมยกให้อะนะ

“หนักไหม?” เป้ถามน้องที่กอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ เดินนาน ๆ ก็กลัวว่าน้องจะเมื่อย

“ไม่เป็นไร ก้าถือได้” น้องยิ้มบอก ถึงมันจะหนักแต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอจนถือเองไม่ได้หรอกน่า

“พี่ถือให้ดีกว่า มา”

“........” เมื่อพี่ขอถือให้ ชูการ์ก็มองหน้าพี่นิ่ง จนพี่พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ส่งมา ชูการ์จึงได้ส่งน้องหมีตัวโตให้พี่

เป้รับมาแล้วใช้แขนกอดแนบข้างตัวตนเอง มืออีกข้างยังจับมือน้องไม่ปล่อย เดินคู่กันไปโดยมีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เป็นพร็อพเสริม รุ่นน้องแฟนคลับมองตามแล้วก็แทบทึ้งผ้าเช็ดหน้าอย่างรับไม่ได้ นี่มันหมายความว่าเช่นไรคะ พี่เป้~

ทั้งสองคนกลับมาที่ซุ้มขายน้ำปั่น น้องเพลินกลับมาถึงแล้ว นั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมน้ำปั่นกับขนม ชูการ์ไปนั่งโต๊ะเดียวกับเพื่อนแล้วสั่งมากินบ้าง หนุ่ม ๆ วงฮอทเนสกลายร่างเป็นพ่อค้าจำเป็นทำให้ขายดีอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่ชูการ์นั่งกินน้ำปั่นอยู่กับพี่เป้ รุ่นพี่ผู้ชายหน้าหวานก็มาซื้อ ชูการ์เงยขึ้นมาสบตากับพี่เขาแล้วยิ้มให้ ก่อนที่จะกินน้ำปั่นต่อ

“อยู่กันครบเลย มิน่าลูกค้าเพียบ” เด็กหนุ่มหน้าหวานเอ่ยเย้าหนุ่ม ๆ วงฮอทเนสที่อยู่กันพร้อมหน้า

ธนินที่วันนี้คึกจัดเสนอตัวเป็นพ่อค้าผู้แสนดีแนะนำรายการเครื่องดื่มให้กับคุณลูกค้าผู้น่ารัก “รับน้ำอะไรดีครับ คุณหนู ร้านเรามีบริการทุกอย่าง สดใหม่ไม่ใส่สารปนเปื้อน ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้ม น้ำมะนาว แอปเปิ้ล กีวี่ แตงโม โซดา หรือจะรับเป็นน้ำใจคนขายก็ยินดีครับ”

“ฮิ้วววววว” เพื่อน ๆ ส่งเสียงฮิ้วปิดท้ายวลีเด็ดของธนิน ขณะที่เจ้าตัวตีมือกับออกัส

หนุ่มหน้าหวานหัวเราะขำก่อนที่จะสั่งเครื่องดื่ม “เอาโอรีโอ้ปั่น ไม่ต้องใส่ใจคนขายนะ กลัวท้องเสีย”

“แรง บอกได้คำเดียวว่าแรงมาก”

ชูการ์นั่งยิ้ม ขำพี่ ๆ ที่ส่งเสียงโหวกเหวก เป้มองน้องที่ยิ้มแก้มป่องแล้วเกลี่ยแก้มน้องเบา ๆ ทำให้น้องหันมามองแล้วยิ้ม ก่อนเอ่ยบอก

“กินสิครับ เดี๋ยวละลายหมด” ว่าพลางชี้ที่แก้วน้ำปั่นของพี่ที่มันเริ่มละลายแล้ว

“หึ ๆ”

เสียงหัวเราะในลำคอทำให้ชูการ์เลิกคิ้วสูง “อะไรครับ?”

“เปล่า” คนพี่บอกปฏิเสธยิ้ม ๆ ใช้หลอดตักไข่มุกในแก้วของตนเองที่ปล่อยทิ้งไว้จนจะละลายแล้วยื่นให้น้อง “กินไหม?”

น้องน้อยอ้าปากรับไม่อิดออด ทำให้คนตักให้อมยิ้มเอ็นดู ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อน้ำแข็งก้อนเล็กถูกปามาโดนหัวเหมือนจับวาง เป้หันไปมองโอโซนที่ยืนเท้าสะเอวตาขวาง มือคว้าแก้วน้ำปั่นของตนเองแล้วจะเขวี้ยงไปทั้งแก้ว แต่โอโซนก็ไวปานวอก รีบหลบหลังออกัสทันที เรื่องอะไรเขาจะยอมโดน ฮะฮ่า

“ยังเล่นกันเป็นเด็กเหมือนเดิมเลยนะ พวกนายน่ะ” เด็กหนุ่มหน้าหวานว่ายิ้ม ๆ

หนุ่ม ๆ ทำหน้าแปลก ๆ มองหน้ากันล่อกแล่กก่อนจะหันไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน เมื่อได้ของแล้วหนุ่มหน้าหวานก็เดินออกไป คงไม่ได้คิดไปเองที่เห็นสมาชิกวงฮอทเนสพากันถอนใจอย่างโล่งอกแล้วหันมามองชูการ์พร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย น้องกำลังตักไข่มุกแก้วที่พี่เป้ยกให้มากินต่อ เงยมาเห็นพี่ ๆ มองตนเองอยู่ก็ยิ้มให้ เลยพลอยทำให้พี่ ๆ สะดุ้งกันไปเป็นแถบ โอโซนยิ้มให้น้องก่อนแยกเขี้ยวใส่เป้ที่นั่งหันหลังให้ตนเอง

‘อย่าเชียวนะมึ๊งงงง’


.........


“พี่หน้าหวานคนนั้นเป็นใครเหรอ พี่โซน?”

“แค่ก ๆ ๆ ๆ” โอโซนที่กำลังดื่มน้ำอยู่ตกใจจนสำลักเมื่อน้องชายเอ่ยถาม

เด็กหนุ่มเก็บขวดน้ำแล้วปิดตู้เย็นก่อนหันมาหาน้อง หลังกลับจากงานโรงเรียนมา ชูการ์ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดที่แสดงออกมาให้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปรกติ จนตอนนี้กำลังจะไปนอนกันแล้วด้วยซ้ำ แต่น้องกลับมาถามคำถามแปลก ๆ นั่น โอโซนมองน้องที่ยืนรอฟังคำตอบตาแป๋ว ดูอย่างไรชูการ์ก็ยังคงเป็นชูการ์ที่หน้าตาใสซื่ออยู่เหมือนเดิม แต่คำถามเมื่อครู่นี้เล่นเอาเขาสะดุ้ง หน้าใสซื่อมันไม่ได้แปลว่าต้องโง่ด้วยสักหน่อย

“ก็... เพื่อนในกลุ่มน่ะ” โอโซนยิ้มบอกไปแบบนั้น หวังว่าน้องจะเชื่อมันนะ

“เหรอ…” หนุ่มน้อยพึมพำ ก้มมองพื้นแล้วเคาะเท้าเบา ๆ

โอโซนมองท่าทางนั้นของน้องแล้วจึงเอ่ยถามกลับ “สงสัยอะไรหรือไง?”

“เปล่า ถ้าพี่ไม่อยากบอก ก้าก็ไม่อยากรู้... ไปนอนแล้วดีกว่า ฝันดีนะครับพี่ชาย” ชูการ์พูดเร็วก่อนวิ่งตื๋อขึ้นบันไดไป

“.........” โอโซนกอดอก คิ้วขมวดอย่างครุ่นคิด ชูการ์ต้องสงสัยอะไรแล้วแน่ ๆ

ชูการ์วิ่งเข้าห้องแล้วปิดประตูลง ถอนใจเบาก่อนเดินไปยังที่เก็บของสำคัญ เปิดลิ้นชักแล้วนำมันออกมาวางที่เตียง กล่องเหล็กสีเงินที่บรรจุจดหมายมากมายที่เขาเขียน พักนี้ไม่ได้เขียนมันเลยสักฉบับ ตัวบางลุกไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบกระดาษกับปากกามานั่งเขียนความในใจที่มี เมื่อเขียนเสร็จก็ลงชื่อตนเองก่อนพับใส่ซองอย่างทุกทีแล้วเดินกลับมาที่เตียง วางจดหมายอีกหนึ่งฉบับลงไปในนั้นก่อนปิดฝากล่อง

มือเรียวลูบฝากล่องเบา ๆ สีหน้าดูเป็นกังวล ทั้งที่ในกล่องนี้มันเคยเต็มไปด้วยความสุข แต่ทำไมตอนนี้ในใจของเขามันถึงได้เหมือนมีอะไรมาถ่วงเอาไว้ จะยิ้มก็ทำได้ไม่เต็มที่

“พี่ครับ ผมไม่สบายใจเลย พี่รู้ไหม?”





ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: ❊Sugar Flower❊ (5) 07/12/2018
«ตอบ #8 เมื่อ07-12-2018 14:03:48 »

 :L1:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: ❊Sugar Flower❊ (5) 07/12/2018
«ตอบ #9 เมื่อ07-12-2018 15:47:24 »

เป็นคู่พี่น้อง ที่น่ารักมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❊Sugar Flower❊ (5) 07/12/2018
« ตอบ #9 เมื่อ: 07-12-2018 15:47:24 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ❊Sugar Flower❊ (5) 07/12/2018
«ตอบ #10 เมื่อ07-12-2018 19:03:22 »

เอ็นดูซูการ์ น้องน่ารักมากเลยค่ะ
น้องเด๋อ ซื่อ สดใส แต่น้องไม่บื้อนะ

ซูการ์ เชื่อใจนะ จำได้ไหม เรื่องความรักที่พี่หมอดูบอก

โอโซนเนียนมานาน มาพังเพราะออกัสเลย
ทำน้องน่ารักกว่าเดิม ตอนเด๋อ ก็หวงหนักแล้ว

เป้ประวัติไม่ดี แต่ไม่ใช่คนไม่ดี แค่อารมณ์ร้อน
เป้ไม่ทำน้องเสียใจหรอกเนาะ

แต่ทำไมทุกคนดูระแวง จนทำน้องสงสัย

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: ❊Sugar Flower❊ (5) 07/12/2018
«ตอบ #11 เมื่อ07-12-2018 20:03:26 »

ความเชื่อใจเป็นพื้นฐานของความรักนะน้องก้า

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ❊Sugar Flower❊ (5) 07/12/2018
«ตอบ #12 เมื่อ07-12-2018 20:05:28 »

เรื่องใหม่ จิ้มๆๆรอเลย :katai2-1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ❊Sugar Flower❊ (5) 07/12/2018
«ตอบ #13 เมื่อ08-12-2018 11:53:02 »

ก้าไปรู้อะไรมา..กังวล

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (5) 07/12/2018
«ตอบ #14 เมื่อ08-12-2018 15:28:01 »

หนุ่มหน้าหวานนั้นคือฮันนี่หรือเปล่าแล้วก็เป็นคนที่เป้เคยรักด้วยไหม? อยากให้ไม่ใช่  :call:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (6) 09/12/2018
«ตอบ #15 เมื่อ09-12-2018 09:13:37 »


- 6 -



โอโซนมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อคุยกับเป้ในเรื่องที่ตนเองกำลังสงสัย เขาล็อคคอเพื่อนมาหาที่คุยกันเป็นการส่วนตัว เลือกที่จะทำแบบนั้นเพราะนี่มันเป็นเรื่องของน้องชายตนเองกับเป้ ไม่อยากให้เพื่อนคนอื่นต้องคิดมากตามไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อเรื่องนี้มีใครอีกคนที่สมาชิกในวงรู้จักกันดีเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาก็ยิ่งไม่อยากให้รู้

“อะไรวะ?” เป้มองเพื่อนที่ทำหน้าเครียดจนผิดสังเกตแล้วเอ่ยถาม

“ถ้ามึงไม่อยากให้เกิดปัญหาทีหลัง บอกเรื่องฮันนี่ให้น้องกูรู้เอาไว้ก่อนดีไหม?” โอโซนตอบคำถามนั้นพร้อมเสนอแนะแนวทางกลับไป

เป้ขมวดคิ้วกับคำพูดของเพื่อน “มีอะไร?”

“กูว่าน้องกูเริ่มสงสัยละว่าเรามีความลับเรื่องฮันนี่”

คราวนี้สีหน้าคนฟังเปลี่ยนเป็นเครียดไม่ต่างจากอีกคนสักนิด ชูการ์เริ่มสงสัยแล้วอย่างนั้นหรือ ตั้งแต่ตอนไหนกัน เห็นน้องเอาแต่ยิ้มก็นึกว่าน้องจะไม่ได้สนใจเสียอีก ที่จริงเก็บทุกรายละเอียดอยู่หรอกหรือ

“ขอบใจเว้ยที่บอก” เป้ตบบ่าเพื่อนอย่างขอบคุณที่นำข่าวมาบอก เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ทันสังเกตไปอีกนาน

“กูทำเพื่อน้องกู อย่าทำมันเสียใจนะมึง”

โอโซนย้ำอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาพูดคำนี้ไปกี่รอบแล้วตั้งแต่ที่น้องชายของเขาคบกับเป้ เขาอาจจะห่วงน้องมากไป แต่ในฐานะที่เป็นพี่ชาย เป็นคนที่คอยดูแลน้องมาตลอด หากจะฝากไว้ในมือใคร เขาก็อยากให้น้องได้รับแต่สิ่งดี ๆ จากคนคนนั้น ไม่ผิดใช่ไหมที่คิดแบบนี้

“เออ ถึงมึงไม่บอก กูไม่มีทางทำให้น้องเสียใจ” เป้ยืนยันหนักแน่น

“แล้วกูจะคอยดู”

พูดเพียงเท่านั้นแล้วสองหนุ่มก็แยกกันเดินกลับไปหาเพื่อนคนอื่น ตอนออกมาก็ไม่มีคนเห็น ขากลับก็ควรที่จะไม่ให้ใครเห็นด้วยเช่นกัน



หลังหมดคาบเรียน น้องเพลินกับชูการ์น้อยก็ออกจากห้องเรียนเพื่อตรงมายังห้องซ้อมดนตรี แวะข้างทางเพื่อเล่นกับลูกแมวน้อยของแม่ค้าในโรงอาหารโดยที่ไม่รู้ว่ามีใครคอยมองอยู่

เกมส์เดินเข้ามาหาทั้งสองคนที่นั่งยอง ๆ เล่นกับลูกแมวแล้วจึงเอ่ยทัก “ทำอะไรอยู่?”

เสียงที่เอ่ยทักขึ้นด้านหลังทำให้สองเพื่อนซี้ดีดตัวลุกขึ้นมาแล้วยืนตัวลีบอยู่ข้างกัน พยายามที่จะไม่มองหน้าพี่เขา ก็พี่โอโซนเคยบอกว่าไม่ให้ยุ่งด้วย แถมพี่เขาก็ดูดุ ๆ ทั้งสองคนเลยกลัว

“ทำท่ากลัวพี่ขนาดนั้น พี่เสียใจนะ” เกมส์แกล้งว่า

ชูการ์กับน้องเพลินหันมามองหน้ากันอย่างตกใจ

“ขอโทษครับ” ชูการ์บอกขอโทษทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด พี่เป้จะว่าหรือเปล่าไม่รู้ที่ทำแบบนี้อีกแล้ว แต่ตอนนี้เขาอยากไปจากตรงนี้นี่นา

หนุ่มน้อยจูงมือเพื่อนเดินเลี่ยงพี่เกมส์ออกมา แต่กลับโดนพี่เขาจับแขนข้างหนึ่งไว้ ทำให้น้องเพลินเผลอเอากระเป๋าฟาดแขนพี่เขาด้วยความตกใจไปกับเพื่อนด้วย ก่อนที่จะพากันวิ่งหนีแบบไม่เหลียวหลังจนถึงห้องซ้อมดนตรีแล้วหยุดยืนหอบอยู่หน้าห้อง

“ม... เมื่อกี้เราเอากระเป๋า... กระเป๋าฟาดพี่เขาดะ... ด้วย”

น้องเพลินพูดติด ๆ ขัด ๆ เพราะหายใจไม่ทัน ชูการ์ช่วยลูบหลังเพื่อนขณะที่ตนเองก็หอบแฮ่กไม่ต่างกัน

“ท... ทำไงดี ถ้าพี่เขาเอาเรื่องล่ะ?” ชูการ์เอ่ยถามเพื่อนเสียงตื่น

“ไม่รู้อ่า ก็เรากลัวนี่ พี่เขาน่ากลัวยังไงไม่รู้” น้องเพลินเบ้หน้าเมื่อนึกถึง

“นั่นสิ พี่โซนก็บอกให้อยู่ห่าง ๆ เราว่าที่จริงพี่เขาก็ไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนั้น แต่ทำไมเราถึงรู้สึกว่าไม่ควรอยู่ใกล้ก็ไม่รู้”

เหมือนจะพูดกับตนเองมากกว่าปรึกษาเพื่อน สองเพื่อนซี้สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อไล่ความหอบ ก่อนที่น้องเพลินจะกระซิบถาม

“เราจะถูกฆ่าไหมอะ?”

“บ้าแล้ว ใครจะมาฆ่าเรา ไม่ใช่ในหนังนะ”

“แหะ ๆ” น้องเพลินยิ้มเจื่อน ก็เธอกลัวจนหลอนไปแล้วนี่ แต่จะว่าไปมันก็มากไปจริง ๆ เธอท่าจะบ้าอย่างที่ชูการ์ว่าแล้ว

ซุบซิบกันแล้วทั้งสองคนก็โผล่หน้าไปมองพี่ ๆ วงฮอทเนสที่อยู่ในห้องซ้อม ก่อนหันมาปรึกษากันเบา ๆ

“เราจะบอกเรื่องนี้กับพี่ ๆ ดีไหม?” น้องเพลินถามความเห็น

“แต่พี่ประธานเขาไม่ได้ทำอะไรพวกเรานะ มีแต่เราที่วิ่งหนีเขามา”

“จริง”

“ซุบซิบอะไรกันครับ เด็กน้อย?”

ออกัสยืนพิงกรอบประตูมองเด็กน้อยสองคนคุยกันยิ้ม ๆ ชูการ์กับน้องเพลินหันมามองตามเสียงแล้วยิ้มแหย หนุ่มนักร้องนำชวนน้องเข้ามาข้างใน ด้านในห้องนั้นพี่ ๆ กำลังอ่านหนังสือกองโต หลังจบจากงานโรงเรียนก็มีสอบเก็บคะแนนกันต่อ แถมตอนนี้สมาชิกวงฮอทเนสทุกคนใกล้จะจบมัธยมปลายกันแล้วยิ่งต้องเรียนหนักขึ้นอีก เรื่องดนตรีก็เล่นกันน้อยลง เอาเรื่องเรียนไว้ก่อน พวกเขาจึงขอใช้ห้องดนตรีเป็นที่ติวหนังสือ ซึ่งอาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันก็เป็นประโยชน์กับตัวนักเรียนเอง

ชูการ์เดินมานั่งข้างพี่ชาย เอากระเป๋าวางไว้ตรงกลางระหว่างตนเองกับน้องเพลินที่ตามมานั่งข้างกัน สองเพื่อนซี้เอางานของตัวเองออกมาทำบ้าง คิดว่าถ้าทำตอนนี้ก่อนกลับบ้านน่าจะได้หลายข้ออยู่

“เหาโดดใส่กันแล้วน่ะ” โอโซนแซวน้องที่ก้มหน้าก้มตาไม่เงยมาคุยกับใครเลยตั้งแต่เข้ามา

“บ้า พี่โซน ก้าไม่มีเหา!” แว่นน้อยประท้วง ตีแขนพี่ชายเบา ๆ ที่บอกว่าตนเองมีเหา

โอโซนหัวเราะอารมณ์ดีเลยพลอยทำให้เพื่อนคนอื่นยิ้มตามไปด้วย มีน้องน้อยมาอยู่ด้วยนี่ก็ครึกครื้นดีเหมือนกันนะ


.........


เป้มาติวให้น้องในวันหยุดเช่นทุกที คราวนี้มาที่บ้านของน้องเพราะจะเอาหนังสือมาอ่านกับโอโซนด้วย นั่งติวกันอยู่สักพักโอโซนก็พยักพเยิดให้พูดกับน้อง ส่วนตัวเองลุกออกจากห้องโดยให้เหตุผลว่าจะลงไปเอาอะไรมาให้กิน พักสายตากันสักเดี๋ยวหนึ่ง ก่อนไปโอโซนยังชี้นิ้วเป็นเชิงสั่งกำชับว่าหากกลับขึ้นมาอีกทีหวังว่าจะเข้าใจตรงกันเรียบร้อยแล้ว

เป้ส่ายหัวไล่หลังเพื่อนเมื่อประตูปิดลง เรื่องนั้นเขายังไม่กล้าบอกน้องเพราะเพิ่งคบกัน กลัวว่าถ้าพูดไปแล้วน้องจะเป็นกังวลมากกว่าเดิม พอคิดเช่นนั้นแล้วก็ชักจะเครียด เขาเข้าใจว่าโอโซนห่วงความรู้สึกน้อง แต่ถ้าหากบอกไปแล้วน้องเกิดคิดมากจะทำอย่างไร

“พี่เป้ดูกังวลจัง คบกับก้าแล้วเหนื่อยเหรอ?” ชูการ์เอ่ยถามขึ้นมา ขณะที่มือยังเก็บหนังสือบนโต๊ะให้เข้าที่เข้าทาง รอพี่ชายกลับขึ้นมาพร้อมของกิน

“ใครบอก?” คิ้วพี่ขมวดเมื่อเอ่ยถามกลับ แต่น้องยังเงียบ ไม่มีคำตอบให้ ซึ่งนั่นก็พอจะทำให้เป้เดาได้ว่าน้องคงกำลังคิดมากเรื่องเขาอยู่ “อย่าคิดไปเองสิ ชูการ์

“..........”

“พี่ทำให้คิดมากเหรอ?” เป้ขยับเข้ามาใกล้ รั้งให้น้องหันมาเผชิญหน้ากัน

“ตอนงานโรงเรียน…”

“...?”

ชูการ์มองหน้าพี่ ท่าทางสับสน คำพูดของพี่หมอดูในงานโรงเรียนเขายังจำได้ พี่คนนั้นบอกให้เชื่อใจกัน นั่นยิ่งทำให้ชูการ์คิดมาก ทั้งที่ไม่คิดอยากจะรู้อะไร แต่พอพี่ ๆ ทำท่าทีมีลับลมคมในกันแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะคิด

“ชูการ์ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นนะครับ ที่พี่ยังไม่บอก เพราะพี่กลัวเราจะกังวล แต่ถ้าการที่พี่ทำแบบนั้นมันทำให้ชูการ์กังวลมากกว่า พี่ก็จะบอกทุกอย่างที่ชูการ์อยากรู้” เป้พูดเมื่อเห็นว่าน้องท่าทางเป็นกังวลจริงจัง

“มันเหมือนก้าบังคับให้พี่ต้องพูด” น้องแว่นคิ้วขมวด

“ไม่ พี่อยากบอกเอง เพียงแต่ชูการ์บอกพี่มาว่าอยากรู้เรื่องอะไร พี่ก็เต็มใจจะเล่า” เป้ยิ้มบาง ให้น้องวางใจว่าเขาจะบอกทุกอย่าง

“ก้าไม่อยากรู้แล้ว”

“อ้าว?” คนเป็นพี่อุทานที่อยู่ ๆ น้องก็ไม่อยากรู้เสียอย่างนั้น

“ก้ากลัวนี่นา” ใบหน้าเรียวมุ่นมุ่ย ทั้งยังว่าเสียงออด

“กลัวอะไร?” เป้เอ่ยถามกลั้วหัวเราะ มาทำปากยื่นนะ

เมื่อน้องไม่ยอมพูดออกมา เป้จึงต้องเป็นฝ่ายพูดมันเอง ถ้าหากบอกไปแล้วมันจะทำให้น้องสบายใจ เขาก็จะเล่าให้ฟัง

“เขาชื่อฮันนี่…” เป้เริ่มพูดแล้วหยุดเมื่อเห็นน้องก้มหน้าทำปากยื่นแก้มพอง ก่อนเอ่ยถามยิ้ม ๆ “ทำหน้าแบบนั้นทำไม ชื่อเขาเหมือนชูการ์เหรอ?”

“หวานกว่าอีก”

“เด็กขี้อิจฉา” มือใหญ่หยิกแก้มน้องน้อยแสนงอน เพิ่งเคยเห็น น่ารักไม่เบา

“ก้าไม่ได้ขี้อิจฉาสักหน่อย” เอ่ยแก้ตัวทั้งที่หน้ายังมุ่ยอยู่จนพี่จับได้

“จริงอะ?” คนพี่หรี่ตา ริมฝีปากยังยิ้มล้อ

ชูการ์หันหน้าหนีเพราะชักจะเริ่มอายขึ้นมาแล้วที่ทำตัวแบบนั้น พอเห็นน้องอาย เป้จึงต้องเลิกล้อแล้วเริ่มต้นพูดเรื่องที่น้องอยากรู้อีกครั้ง

“ที่จริงก่อนนี้วงฮอทเนสต้องมีกันทั้งหมดหกคน แต่ว่า... มีเหตุให้หนึ่งในหกต้องออกจากวงไป”

เมื่อต้องย้อนนึกถึงอดีตที่ผ่านมาซึ่งมันไม่ค่อยดีนัก ทำให้สีหน้าเป้ดูหมองลง ทั้งน้ำเสียงที่ใช้ก็เศร้าจนน้องจับสังเกตได้ ชูการ์กุมมือตัวเองแล้วบีบเบา ๆ เมื่อรู้สึกแปลก ๆ ได้แต่ปลอบตัวเองว่าพี่เขาแค่เสียใจที่เพื่อนต้องออกจากวง ไม่มีอะไรสักหน่อย

“ฮันนี่เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของวง เพราะมีเขา ทุกคนถึงได้มารวมตัวกัน มาเป็นเพื่อนกัน และตั้งวงขึ้นมา”

เป้ยังคงเล่าต่อ พยายามรวบรัดแต่ให้น้องเข้าใจได้ง่าย ๆ ขณะที่น้องก็เพียงแต่นั่งฟังเงียบ ๆ เงียบจนเกินไปด้วยซ้ำ

“ชื่อของวงก็มาจากการตั้งของฮันนี่ เพราะเขาเป็นตัวตั้งตัวตีทำเรื่องนี้ ทุกคนจึงได้ยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ชื่อวงว่าฮอทเนส แต่สุดท้ายคนที่สร้างมันขึ้นมาก็ทิ้งมันไป...”

พอเห็นพี่เงียบไป ชูการ์ก็พลอยอึดอัด เขาไม่ได้ถามถึงสาเหตุที่พี่คนนั้นทิ้งวงฮอทเนสไป เพราะมันคงเป็นสิ่งที่ไม่ควรถามนัก แต่เรื่องที่คาใจในตอนนี้คือเรื่องของพี่เป้ คือความรู้สึกของพี่ที่มีต่อคนคนนั้นต่างหาก

“พี่... พี่เป้ชอบเขาใช่ไหม?” น้องเอ่ยถามเสียงค่อย กลัวคำตอบแต่ก็อยากจะรู้ให้ชัด เสียงถอนใจของพี่ยิ่งทำให้ใจดวงน้อยเต้นช้าลง

“ถ้าพี่บอกว่ามันคืออดีต…” เป้พูดเพียงเท่านั้นเมื่อน้องเงยหน้าขึ้นมามอง น้องกำลังผิดหวัง...

“พี่โซน...” ชูการ์พูดแล้วก็หยุด ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดมันออกไปดีไหม แต่เมื่อเห็นพี่รอฟังอยู่จึงพูดต่อ “พี่โซนเคยบอกว่า... พี่เป้เคยมีคนรักที่รักกันมาก ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะเป็นอดีตไปแล้ว แต่... แต่มันก็เป็นอดีตที่ลืมไม่ลง”

เสียงน้องเบาลงเรื่อย ๆ เมื่อเอ่ยถึงสิ่งที่พี่ชายเคยเตือนก่อนคบกัน เป้จับมือน้องที่บีบกันแน่น น้องค่อยคลายมือออกให้พี่กุมไว้ในอุ้งมือใหญ่ แววตาสับสนเงยมองพี่

“พี่ไม่ปฏิเสธว่าอดีตบางอย่างของคนเรามันก็ยากที่จะลืม พี่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรมันได้ แต่พี่ก็อยากให้ชูการ์เชื่อ ว่าพี่จะไม่นำมันมาเป็นอุปสรรคในความรักของเรา จะไม่นำมันมาเปรียบเทียบว่าใครดีกว่าใคร เพราะในตอนนี้คนที่พี่รักมีเพียงคนเดียว คนคนนั้นก็คือชูการ์ แค่ชูการ์...”

ทั้งที่เป้ไม่ใช่คนช่างพูด แต่สองพี่น้องโอโซนกับชูการ์กลับทำให้เขากลายเป็นคนพูดเยอะเกินไป กับโอโซนเพราะเถียงกันบ่อย แต่กับชูการ์... เพราะน้องคือคนสำคัญ หากมีเรื่องใดมากระทบใจน้อง เขาก็พร้อมที่จะอธิบายและแก้ไขมัน แม้จะต้องพูดยืดยาวแค่ไหนก็ตาม

“พี่เคยบอก... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้ชูการ์เชื่อใจ แต่ถ้าวันนี้ชูการ์ยังไม่เชื่อใจพี่ พี่ก็พร้อมจะพิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ว่าพี่รักชูการ์แค่คนเดียว” เป้ย้ำกับน้องอีกครั้ง เขาพร้อมที่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ

“ก้าบ้าไปเอง” น้องต่อว่าตนเอง เพราะความคิดมากของตนเองทำให้พี่ต้องลำบากไปด้วย

“ไม่หรอก ถ้าชูการ์กังวล ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ช่วยบอกให้พี่รู้สักนิด พี่พร้อมจะแก้ไขมันเพื่อให้เราได้อยู่ข้างกันตลอดไป”

มือเอื้อมไปสัมผัสแก้มน้อง มองสบตากลมที่มีแววสับสนว้าวุ่นใจไม่จางหาย เขาจะทำเช่นไรให้ความสดใสกลับมาอยู่กับน้องเหมือนเคย

“ก่อนหน้านี้พี่ได้เจอเด็กผู้ชายคนหนึ่ง...”

เป้เริ่มต้นเล่าเรื่องบางอย่าง สีหน้าน้องฉายแววฉงนแทนที่ความกังวลเมื่อครู่ เขาจึงได้เล่าต่อ

“คนที่ไม่กลัวแม้ว่าเนื้อตัวหน้าตาพี่จะมีแต่คราบเลือด คนที่มีรอยยิ้มสดใสอยู่เสมอ คนที่มักจะเขินอายเวลามีใครมอง คนที่คอยให้กำลังใจคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็อยากร้องไห้ และเป็นคนที่มักจะมองโลกในแง่ดีซะจนอดเป็นห่วงไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะมอง อดไม่ได้ที่จะสนใจ อดไม่ได้ที่จะ... รัก”

เป้อมยิ้มเมื่อเอ่ยคำสุดท้ายจบแล้วน้องเสหลบสายตา เด็กหนุ่มเชยคางน้องให้เงยขึ้นมามองสบตา ก่อนเอ่ยถามแฝงความนัยในน้ำเสียง

“รู้หรือเปล่าว่าคนคนนั้นเป็นใคร?”

“ไม่รู้” เอ่ยตอบทั้งยังไม่กล้ามองสบตาพี่

“จริงเหรอ?” พี่ยังไล่ต้อนอีก

“ก็พี่เป้ไม่บอก ก้าก็ไม่รู้สิ” น้องน้อยทำเฉไฉ

“ว้า” เป้ทำเสียงเสียดายที่น้องไม่รู้ ก่อนจะเสนอ “งั้น... ให้เก็บไปคิดเป็นการบ้าน”

“ห๊ะ?”

“คิดให้ออกด้วยนะ ว่าคนคนนั้นเป็นใคร”

“ถ้าคิดไม่ออกอะ?”

“คิดไม่ออกจะโดนทำโทษ”

“พี่เป้จะตีก้าเหรอ!?” น้องน้อยทำตาโตหน้าตื่น พี่เป้จะตีเขาอะ!

“ใช่ จะตีแรง ๆ เลย” คนเป็นพี่รับสมอ้าง

“ใจร้าย”

“ว่าพี่ใจร้ายก็จะโดนทำโทษเหมือนกัน”

“อ๊ะ! พี่เป้...!”

มือคว้าตัวน้องแล้วรั้งมาใกล้ เมื่อใบหน้าพี่อยู่ใกล้เพียงนิด ชูการ์ก็ชะงัก ตากลมมองพี่ที่ค่อยโน้มมาหา เผลอเอนตัวหนีเมื่อพี่จะแตะจูบ เป้อมยิ้มนิด ๆ ก่อนกดจูบริมฝีปากอมชมพูของน้องเบา ๆ ค่อย ๆ ละเลียดชิมช้า ๆ ไม่ให้น้องตื่นตกใจ ยิ่งได้สัมผัสยิ่งหลงใหล ความไร้เดียงสาของน้องยิ่งทำให้เขาอยากสอนน้องมากกว่านี้ แต่ก็เพราะความไร้เดียงสานั้นทำให้เขาต้องห้ามใจเช่นกัน เป้ผละจากริมฝีปากหวานอย่างแสนเสียดาย กดจมูกหอมแก้มนุ่มเบา ๆ อีกทีก่อนละมามองดวงหน้าที่ก้มหลบสายตาของเขา

“ทำโทษอะไรแบบนี้” น้องบ่นอุบอิบทั้งแก้มแดงน่ามอง

“ใครจะไปกล้าตี พี่รักของพี่จะตายไป” กระซิบเบาข้างหูน้องแล้วยิ้ม เมื่อแก้มน้องแดงยิ่งกว่าเก่า

“ทำไมชอบทำให้ก้าเขินอยู่เรื่อย” น้องว่า ก่อนซุกหน้ากับอกพี่ปิดบังความเขินอายที่แสดงออกทางสีหน้า

“พี่ชอบมองนี่ แก้มแดง ๆ น่ารัก” เป้กระเซ้า

น้องซุกกายกับอ้อมกอดเขามากขึ้น นั่นทำให้เขาอมยิ้ม กดจูบหน้าผากน้องเสียอีกทีแล้วจึงกอดไว้เงียบ ๆ ปล่อยเวลาผ่านไปช้า ๆ ก่อนที่จะเอ่ยถามน้องที่นั่งนิ่งให้กอด

“หายกังวลหรือยัง หรือมีเรื่องอะไรที่อยากถามพี่อีกไหม?”

ศีรษะกลมส่ายไปมา ก่อนวงแขนจะกอดคนถามแน่นขึ้น “ก้าไม่ถามหรอก พี่บอกว่ารักก้า ก้าก็จะเชื่อแบบนั้น”

คำตอบของน้องทำให้เป้ยิ้มได้มากขึ้นกว่าเดิม น้องช่างเป็นเด็กดี จูบผมนุ่มแล้วกระชับอ้อมกอด ในวันนี้เขาไม่จำเป็นต้องลังเลอะไรอีกแล้วว่าใครที่เขาควรจะให้ความสำคัญ คนที่เขาควรจะรักอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วในตอนนี้ ชูการ์ แค่น้องคนเดียวเท่านั้น


........


ชูการ์น้อยโดดขึ้นมาบนเตียงแล้วนอนกลิ้ง แขนกอดหมอนข้างทั้งยิ้มตาหยีด้วยเขินความคิดของตนเอง เมื่อนึกถึงสิ่งที่พี่เป้ถามเรื่องเด็กผู้ชายที่เคยเจอและรักมาจนวันนี้แล้วชูการ์ก็แทบทึ้งหมอน พี่จำได้ด้วย

รอยยิ้มยังเกลื่อนใบหน้า ดวงตากลมพราวด้วยความสุข เขายกตัวขึ้นมาเอื้อมคว้าพี่หมีตัวโตที่ได้มาจากงานโรงเรียน กอดตัวอ้วนกลมของพี่หมีเอาไว้แล้วเอียงแก้มนอนซบพุงนุ่ม

“เป็นอะไร นอนยิ้มอยู่คนเดียว?”

โอโซนโผล่เข้ามาในห้องนอนของน้อง เห็นเจ้าของห้องนอนยิ้มหวานอยู่บนพุงหมีแล้วนึกขำก่อนเอ่ยทัก

“พี่โซน” ชูการ์ลุกขึ้นมานั่งทับขา เขินที่พี่ชายเข้ามาเห็นตอนตนเองเพ้อ

“คุยกันรู้เรื่องแล้วใช่ไหม เป้มันว่าไงบ้าง?” โอโซนนั่งบนเตียงแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม เป็นห่วงความรู้สึกน้องอยู่เหมือนกัน

“พี่เป้เล่าเรื่องพี่ฮันนี่ให้ฟัง” น้องน้อยเอ่ยบอก

“อืม แล้วเรารู้สึกยังไง?”

“ก็ไม่รู้สึกยังไง ก้าเข้าใจว่ามันเป็นอดีต ก้าไม่คิดมากหรอก ดีกว่าไม่รู้แล้วคิดไปเองใหญ่โต”

โอโซนโยกหัวน้องเบา ๆ ความคิดน้องดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เขาคิด พี่ชายอย่างเขาก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีเรื่องใดมาทำให้น้องไม่สบายใจ

“ดีแล้ว” คนเป็นพี่ยิ้มบอก ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “เออ พรุ่งนี้อย่าลืมนะ พ่อกับแม่จะพาไปกินข้าวกับเพื่อนท่านน่ะ”

“แล้วพี่โซนอะ?” ชูการ์รีบถามเพราะไม่อยากไปคนเดียว

“พี่ไม่ไปหรอก น่าเบื่อจะตาย เผลอ ๆ จะจัดฉากให้ลูก ๆ เจอกันมากกว่า” โอโซนเบ้ปาก เขาเคยไปแล้วเจอเหตุการณ์แบบนั้น มันเซ็งขั้นสุดจริง ๆ งานนี้เลยต้องหาทางเลี่ยงไม่ยอมไป

“งั้นก้าก็ไม่ไป” คนเป็นน้องลอยหน้าบอก ก็พี่ไม่ไป เขาก็ไม่อยากไปเหมือนกัน

“เฮ้ย! ไม่ได้ เสียมารยาทแย่เลย”

“พี่โซนยังไม่ไปเลยนี่ ก้าก็ไม่ไปเหมือนกัน” หนุ่มน้อยกอดอก บทจะดื้อขึ้นมาก็น่าดูเหมือนกัน

“พี่ต้องติวหนังสือ ใกล้สอบแล้วเนี่ย” โอโซนรีบอ้างเรื่องสอบ ที่จริงเขาก็กำลังจะสอบนะ ไม่ได้โกหก

“ก้าก็ใกล้สอบแล้วเหมือนกันแหละ” น้องแว่นยังไม่วายแย้ง

“แต่ของพี่สำคัญกว่า”

คนน้องหน้ามุ่ย ไม่พอใจที่พี่ชายเอาตัวรอดคนเดียว ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเวลาไปกินข้าวกับผู้ใหญ่มันน่าเบื่อแค่ไหน ถ้าไปกันแค่ครอบครัวตัวเองยังพอว่า ไปกับคนอื่นด้วยมันเกร็งจะแย่ กลัวทำอะไรไม่ดีไป แถมยังต้องมานั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันเรื่องที่ตัวเองไม่เข้าใจอีก แล้วแบบนี้ทำไมต้องให้เขาไปคนเดียวด้วย ไม่ยุติธรรมเลยอะ พี่โซน


........


ต่อให้อิด ๆ ออด ๆ ไม่อยากไป แต่สุดท้ายแล้วน้องแว่นของเราก็ต้องไปอยู่ดี แว่นตาอันโตถูกนำมาใช้อีกหน เพราะมันคงทำให้มั่นใจขึ้นกว่าเดิมมาก โอโซนมองการแต่งตัวของน้องแล้วทำหน้าอึ้งจนคนถูกมองอยากวิ่งขึ้นไปเปลี่ยนใหม่ แต่โอโซนก็บอกว่ามันดูดีแล้ว แถมคุณพ่อกับคุณแม่ที่น่ารักยังเอ่ยเร่งให้ไปขึ้นรถ ชูการ์เลยต้องรีบไป

เมื่อมาถึงร้านอาหาร ชูการ์ก็เดินตัวลีบตามหลังคุณพ่อกับคุณแม่ จนมาถึงโต๊ะที่ครอบครัวเพื่อนคุณแม่นั่งอยู่ ดวงตากลมฉายแววตระหนกปนมึนงงเล็ก ๆ เมื่อเห็นว่ามีใครนั่งรวมอยู่ที่โต๊ะนั้นด้วย ยิ่งสองครอบครัวพากันแนะนำลูกของตนเอง ชูการ์ก็ยิ่งรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด

คนที่ทำให้ชูการ์เป็นเช่นนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ประธาน หรือ เกมส์ ศัตรูคู่แค้นของเป้ ฮอทเนส เกมส์ที่เห็นว่าใครเดินเข้ามาพร้อมเพื่อนคุณแม่ตนเอง ความเซ็งที่มีก็ดูจะหายเป็นปลิดทิ้ง มาให้กินถึงที่เชียว น้องน้ำตาลแสนหวานฉ่ำ


....

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (6) 09/12/2018
«ตอบ #16 เมื่อ09-12-2018 09:14:32 »


“น้องไปกินข้าวกับใครวะ โซน?” เป้เอ่ยถาม เมื่อเพื่อนอย่างโอโซนบอกว่าวันนี้น้องไปกินข้าวกับพ่อแม่

“เพื่อนพ่อแม่กูน่ะ ใครไม่รู้ กูไม่สนใจ”

โอโซนพูดราวไม่ใส่ใจจริง ๆ เอาดินสอเหน็บไว้บนหูแล้วเปิดหนังสือเพื่อสรุปใจความที่อ่านมาแล้วขีดตรงสำคัญเอาไว้ ในห้องนั่งเล่นบ้านเป้คือสถานที่ติวหนังสือกันในวันนี้ และจะเวียนไปเรื่อย ๆ จนครบทุกบ้าน พุฒกับธนินและออกัสก็นั่งเคร่งเครียดอยู่คนละมุม

เสียงโทรศัพท์ของเป้ดังขึ้น พอหยิบมาดูแล้วเห็นว่าเป็นน้องชูการ์จึงลุกออกไปรับสายด้านนอก

“ครับผม” กดรับแล้วเอ่ยทักทาย รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้ ดีใจนะนี่ที่น้องโทรมาหาเขาก่อนพี่ชายอย่างโอโซน

“พี่เป้ ก้าเบื่อจัง” น้ำเสียงน้องอ้อนมาตามสาย

เป้ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม แค่ได้ยินเสียงก็พอจะนึกหน้าน้องออกแล้วว่าเป็นอย่างไร จึงเอ่ยถามกลั้วหัวเราะกลับไป

“ไหงงั้นล่ะ?”

“ก้าฟังผู้ใหญ่คุยกันไม่รู้เรื่อง” น้องว่าเสียงออด

เป้กับน้องคุยกันอยู่ครู่ใหญ่ น้องก็เล่าให้ฟังว่าตัวเองโก๊ะแค่ไหน เกือบทำเปิ่นต่อหน้าผู้ใหญ่ไปหลายที แอบบ่นพี่ชายอย่างโอโซนด้วยว่าทิ้งน้อง ขณะที่คุยกันเพลิน ๆ เป้ก็ได้ยินเสียงของใครไม่รู้เรียกน้องแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ทำให้ชะงักไป อดไม่ได้ที่จะตั้งใจฟังตอนน้องคุยกับใครอีกคนปลายทาง ครู่เดียวน้องก็ขอวางสายไป

คิ้วเป้ขมวดมุ่น ตัวสูง ๆ นั้นเดินกลับเข้ามาหาเพื่อน ๆ ในห้อง ทั้งที่ยังคาใจกับเสียงที่แทรกเข้ามาตอนคุยกับน้องเมื่อครู่



เกมส์เดินหาเด็กน้อยแว่นโตเสียทั่วร้าน เริ่มจะหงุดหงิดเพราะหาไม่เจอเสียที จนได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์แว่วมา เห็นน้องกำลังคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งของทางเดินไปห้องน้ำ ท่าทางจะคุยเพลิน ขนาดเขาเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก เขาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง จนได้ยินว่าน้องกำลังคุยกับใครอยู่จึงเอ่ยเรียกให้เสียงแทรกเข้าไปในสายด้วย

“ชูการ์”

ลูกแกะน้อยหันมามองเขาด้วยความตกใจ ตาโต ๆ นั่นยิ่งโตขึ้นกว่าเดิมเสียอีก อย่าทำหน้าแบบนั้นบ่อยนักนะน้องน้ำตาล เดี๋ยวพี่จะอดใจไม่ไหวเอาได้

“พ่อแม่ให้เข้าไปข้างในได้แล้วครับ” เกมส์บอกน้องด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ดูน้องน้อยจะกลัวเขานะ เขยิบไปเสียห่างเชียว

“อ... อ๋อ ครับ เดี๋ยวผมตามไป” ชูการ์เอ่ยบอก เอามือปิดโทรศัพท์กันเสียงลอดเข้าไป ก่อนที่จะยกมันมาแนบหูอีกครั้งเพื่อบอกปลายสาย “พี่ครับ ก้าต้องวางแล้วนะ พ่อกับแม่ตามแล้วอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่นะ... ครับ... บายครับ”

เมื่อบอกคนในสายเรียบร้อย ชูการ์ก็เดินตามเกมส์เข้าไปในร้านอีกครั้ง แต่ยังพยายามรักษาระยะห่างเอาไว้อยู่ ขณะที่เกมส์ชะลอฝีเท้าให้น้องเดินมาใกล้แล้วจึงเอ่ยลอย ๆ ขึ้นมา

“ท่าทางชูการ์จะสนิทกับวงฮอทเนสนะ”

“ครับ” ชูการ์ตอบไปเพียงเท่านั้น เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

“โดยเฉพาะเป้…” เกมส์ยังพูดต่ออีก

น้องแว่นตัวน้อยเพียงแต่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรต่อ อยากเดินไปให้ถึงโต๊ะที่พ่อกับแม่อยู่เร็ว ๆ มากกว่า ตอนนี้เขารู้สึกกลัวสายตาพี่เกมส์จริง ๆ



เมื่อกลับมาที่บ้าน ชูการ์ก็รีบไปหาพี่ชายที่ห้อง ป่านนี้พี่คงกลับมาแล้วแน่ ๆ หนุ่มน้อยเปิดประตูเข้าไปในห้องของพี่ชาย ก่อนที่จะชะงักค้างอยู่หน้าประตู

พะ... พี่ชายของเขา...

“อ่า... ขอโทษครับ”

เกิดอาการติดอ่างกะทันหัน หันหลังกลับแล้วหลับตาปี๋ แก้มแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ก็ไม่คิดว่าจะเข้ามาเจอพี่ชายของตัวเองกับเพื่อนเล่นกันแบบนี้นี่นา

พี่โอโซนที่ถูกพี่ออกัสล็อคเอาไว้กับพื้นห้อง ตัวพี่ออกัสกึ่งเกยทับพี่ชายของเขาที่ยกตัวขึ้นมามองเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามา แถมมือพี่ออกัสข้างหนึ่งยังวางอยู่ที่เอวพี่โอโซนด้วย ส่วนอีกข้างก็กดแขนพี่โอโซนเอาไว้ มันท่าอะไรกันไม่รู้ แต่ชูการ์น้อยก็เขินหน้าแดงไปแล้ว

“เดี๋ยว ชูการ์!”

ตัวบาง ๆ นั้นหยุดกึกเมื่อคนเป็นพี่ดึงกลับเข้ามาในห้อง โอโซนปิดประตู หมุนพลิกตัวน้องให้หันหน้ามาหาตนเอง ก้มลงไปถามน้องที่ยืนเอ๋อด้วยสีหน้าเครียด

“เมื่อกี้เห็นอะไร?”

“ม... ไม่เห็นอะไรเลย” ชูการ์ส่ายหน้าหวือ สองมือโบกไปมายืนยันคำพูดของตนเอง

“ไม่ใช่ไม่เห็น แต่กำลังเข้าใจผิดใช่ไหม?” โอโซนเอ่ยแก้อย่างรู้ความคิดน้อง

“เปล่า ก้าไม่เห็นนะ” นอกจากส่ายหน้าปฏิเสธแล้วยังเอามือกุมแก้มตนเองอีก

พี่ชายตีหน้าผากน้องเบา ๆ มาทำหน้าแดงแบบนี้คงเชื่อหรอกว่าไม่เห็น เขาถอนใจ ไม่รู้จะอธิบายกับน้องว่าอย่างไรในเมื่อน้องคิดไปไกลเสียแล้ว

“แล้วมีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่หรือเปล่า เห็นวิ่งหน้าตั้งมา” โอโซนเปลี่ยนเรื่อง

“คือ…” น้องแว่นตัวน้อยเหลือบมองพี่ออกัสที่กำลังลูบมุมปากตัวเอง เห็นมันแดง ๆ ด้วย ไปโดนอะไรมา?

“ให้พี่ออกไปก่อนไหม?” ออกัสเอ่ยถามขึ้นมา

“อ่า... ไม่ต้องก็ได้ครับ” น้องยิ้มบอก ก่อนหันมาพูดกับพี่ชาย “คือวันนี้ก้าเจอพี่ประธานด้วย”

“ใคร?” โอโซนขมวดคิ้ว ใครคือพี่ประธาน ลูกของเพื่อนพ่อกับแม่หรือ?

“พี่ประธานไง” น้องบอกเสียงเง้างอด ทำไมพี่จำไม่ได้ล่ะ

“ไอ้เกมส์” ออกัสช่วยเสริม เมื่อเห็นว่าโอโซนยังคิดไม่ออกว่าไอ้พี่ประธานที่ว่านั่นคือใคร

“ใช่ ๆ พี่เกมส์น่ะ” ชูการ์น้อยพยักหน้าหงึกหงัก โอโซนถึงเพิ่งจะออกอาการแตกตื่น

“จริงเหรอ เจอที่ไหน?”

“ไปกินข้าวด้วยกันกับพ่อแม่”

สีหน้าคนเป็นพี่เครียดกว่าเดิมเมื่อได้ยินน้องว่าอย่างนั้น เขาไม่นึกว่าเพื่อนของพ่อกับแม่ที่ว่าจะเป็นครอบครัวของเกมส์ รู้อย่างนี้ไม่ปล่อยน้องไปคนเดียวดีกว่า

“แล้วมันทำอะไรเราหรือเปล่า?”

โอโซนจับตัวบาง ๆ นั้นหมุนไปหมุนมาเพื่อสำรวจหารอยขีดข่วนบนตัวน้อง ชูการ์หมุนจนมึน เซไปหาพี่ออกัส ซึ่งพี่เขาก็ยิ้มขำ ทั้งยืนเป็นหลักยึดให้เกาะ

“เปล่า แต่พี่เขามองก้าแปลก ๆ ก้าอึดอัดมากเลย ดีนะพ่อแม่พากลับเร็ว”

โอโซนคว้าบ่าน้องมาจับพร้อมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ชูการ์ ต่อไปถ้าเจอมันอีกให้บอกพี่นะ ไม่ว่ามันจะทำอะไร พูดอะไร ต้องรีบบอกพี่หรือไม่ก็พี่ทุกคนในฮอทเนส บอกได้หมด”

“เขาเป็นคนไม่ดีเหรอ พี่โซน?”

ชูการ์เอียงคอ เอ่ยถามพี่สีหน้าฉงน ทำไมพี่ชายของเขาถึงได้ย้ำเช่นนั้นกัน หรือว่าที่จริงแล้วพี่ประธานจะเป็นคนไม่ดี แต่เขาเป็นถึงประธานนักเรียนเลยนะ

“พี่แค่อยากให้ระวังตัวไว้น่ะ เราไว้ใจใครไม่ค่อยได้หรอก จริงไหม?”

โอโซนพยายามเลี่ยงไป กลัวน้องจะคิดมากและเป็นกังวลจนถึงขั้นกลัวมากมาย เรื่องนี้เขาจะปรึกษาเป้เพื่อให้หาทางดูแลน้องอีกที ส่วนชูการ์ก็พยักหน้าเมื่อคิดตามที่พี่บอก มันก็จริงที่ว่าคนเราไว้ใจกันยาก เห็นหน้าตาดี ๆ ก็ใช่จะเป็นคนดีเสมอไป


.........


เด็กนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งยืนด้อม ๆ มอง ๆ บ้างก็ดันกันไปมาเหมือนจะส่งหน่วยกล้าตายไปออกรบ หนุ่ม ๆ วงฮอทเนสพากันหันมามองแล้วก็ยิ้ม เหล่าสาวน้อยยิ่งหลบสายตากันเป็นระวิง จนในที่สุดก็เหมือนจะได้ผู้กล้ามาหนึ่งคน เธอค่อยเดินเข้ามาหาพี่ ๆ วงฮอทเนสที่นั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะยาว โดยที่บนโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดเพื่อติวกันก่อนสอบ น้องน้อยทั้งสองอย่างชูการ์กับน้องเพลินก็มานั่งตาแป๋วอยู่กับพี่ ๆ ด้วย

“พี่เป้คะ พวกเราขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม อย่าหาว่าละลาบละล้วงเลยนะคะ คือ…” สาวน้อยอึก ๆ อัก ๆ เหลียวมองเพื่อนที่ยืนลุ้นให้กำลังใจอยู่มุมเสา ช่างเป็นเพื่อนที่รักกันมาก

“....?” เป้เลิกคิ้วมองรุ่นน้องเชิงถามเมื่อเธอหยุดพูดไป

“พี่กับน้องคนนี้คบกันอยู่จริงเหรอคะ?” ในที่สุดเธอก็ถามออกมาจนได้ นิ้วเรียวชี้มายังชูการ์ที่นั่งตาโตอยู่ข้างพี่ชาย เงยขึ้นมาจากกองหนังสือปุบปับแว่นตาแทบร่วงแหนะ

“ไปได้ยินมาจากไหนครับ?” เป้เอ่ยถามกลับ สีหน้ายังนิ่งอยู่ ทั้งที่ในใจกำลังอมยิ้มกับคำถามของน้องเขา

“ก็เห็นพี่ดูแลเขาแปลก ๆ เหมือคนเป็นแฟนกันเลย” สาวน้อยนางนั้นว่า ไม่ใช่แค่เธอที่เห็นว่ามันเป็นแบบนั้น เพื่อน ๆ ของเธอก็ด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ส่งเธอมาเป็นทัพหน้าแบบนี้

เป้ที่ฟังรุ่นน้องพูดแบบนั้นก็ถึงกับหลุดยิ้ม ก่อนตอบคำถามของเธอด้วยการถามกลับ “แล้วคิดว่ายังไงล่ะครับ?”

รุ่นน้องสาวน้อยที่เพิ่งเคยเห็นพี่เขายิ้มแบบนี้ก็พากันอึ้ง อดไม่ได้ที่จะกรี๊ดในใจ ไม่คิดว่าพี่เขาจะยิ้มแบบนี้เป็น เห็นทำแต่หน้านิ่ง ๆ ไม่ก็ยิ้มมุมปาก เมื่อได้คำตอบแบบนั้นแล้วเธอก็รีบกลับไปหาเพื่อน ก่อนเสียงกรี๊ดจะดังมาให้หนุ่ม ๆ ได้ยินหลังจากนั้น

“แบบนั้นจะดีเหรอครับ ถ้าแฟนคลับพี่หายไปทำไงอ่า?” ชูการ์เอ่ยถามพี่อย่างเป็นกังวล เขามันไม่เท่าไรหรอก เพราะไม่มีคนรู้จักมากเหมือนพี่ ๆ วงฮอทเนส แต่พี่เป้นี่สิ ถ้าแฟนคลับรับไม่ได้ทำไง

“อย่าคิดมาก พวกน้องเขาไม่ใช่คนใจแคบขนาดนั้น” ว่าพลางโยกหัวน้องอย่างเอ็นดู

พอพี่บอกมาแบบนั้นชูการ์จึงยิ้มออก ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหยิบหยี ก่อนจะละความสนใจเรื่องแฟนคลับพี่มาที่หนังสือเรียนต่อ ก้มหน้าก้มตาปรึกษากันงุ้งงิ้งอยู่สองคนกับน้องเพลิน มองแล้วเป้ก็อมยิ้ม ก่อนหันมาสนใจอ่านหนังสือของตัวเองบ้าง



บนทางเดินตึกเรียนที่สามารถมองลงมาเห็นลานกิจกรรมด้านล่างที่วงฮอทเนสนั่งอยู่ เกมส์ยืนอยู่ตรงนั้น มุมปากหนุ่มประธานนักเรียนยกยิ้ม สายตามาดร้ายมองลงมาด้านล่าง

“กล้าประกาศตัวขนาดนี้ สงเคราะห์มันหน่อยเป็นไง”

คนพูดยิ้มแสยะ สายตามองหนุ่มน้อยที่อยู่กลางวงล้อมขององครักษ์อย่างฮอทเนสแล้วยิ่งรู้สึกว่ามันดูท้าทายขึ้นไปอีก ปกป้องกันเข้าไปสิ พอของสำคัญโดนฉกไปแล้วจะได้รู้สึกว่ามันเจ็บมากแค่ไหน

“สงเคราะห์ใคร?”

เสียงทุ้มหวานที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มตัวโตสะดุ้งในใจ ก่อนจะหันมามองคนพูดที่กอดอกมองมาท่าทางเอาเรื่อง

“หือ? สงเคราะห์ใคร?” คนนั้นยังถามย้ำเพื่อเอาคำตอบ

“ยุ่ง’ไรด้วย?”

เกมส์ถามกลับน้ำเสียงเย็นชา ก่อนเดินชนไหล่บางอย่างจงใจแล้วก้าวผ่านไปโดยไม่ขอโทษ ขณะที่คนโดนชนกลอกตาสีหน้าหน่ายใจ หมุนตัวกลับแล้วเดินไปทางเดียวกัน





บวกขอบคุณทุกท่านค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: ❊Sugar Flower❊ (6) 09/12/2018
«ตอบ #17 เมื่อ09-12-2018 11:05:45 »

เกมส์จะมาดีหรือมาร้าย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ❊Sugar Flower❊ (6) 09/12/2018
«ตอบ #18 เมื่อ09-12-2018 12:39:32 »

เอาแล้ว...ววววววว  :katai1:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (7) 09/12/2018
«ตอบ #19 เมื่อ09-12-2018 14:13:01 »


- 7 -




หลังเลิกเรียน เป้ไปรับน้องกลับบ้านพร้อมกัน โอโซนถูกออกัสลากไปที่ไหนแล้วไม่รู้ แต่ก็ดี เพราะเป้จะได้มีเวลาหวานกับน้องนาน ๆ หน่อย

ทั้งคู่เดินข้างกันไปช้า ๆ เป้พาแวะซื้อพุดดิ้งนมสดของโปรดน้องก่อนกลับ ทำให้ชูการ์น้อยต้องขอนั่งกินพุดดิ้งที่ม้านั่งแถวร้านค้านั้นก่อน กว่าจะถึงบ้านกลัวมันจะหายเย็นแล้วต้องเอาใส่ตู้เย็นใหม่ รอนานกว่าจะได้กินอีก ท่าจะชอบอย่างจริงจัง

“เรื่องที่พี่ให้ไปคิด ได้คำตอบหรือยัง?” เป้เอ่ยถามน้องที่ตักพุดดิ้งในถ้วยกินท่าทางอร่อย ส่งทิชชูให้น้องไว้เช็ดปาก

หนุ่มน้อยชะงักกับคำถามของพี่ ก่อนอมยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา “ยัง”

“หือ จริงดิ?” เป้หรี่ตาไม่เชื่อ พอน้องพยักหน้ารับหงึกหงัก คนเป็นพี่เลยอมยิ้มบ้างแล้วว่า “ถ้างั้นคงต้องพาไปสถานที่จริง”

พอพี่ว่าอย่างนั้น ชูการ์ก็หันขวับมามองตาโต ปากยังคาบช้อนพุดดิ้ง ตากลมกะพริบปริบ เมื่อพี่ลุกขึ้น น้องน้อยก็เขยิบถอย มือพี่เลยเอื้อมคว้าแขนเรียวให้ลุกตาม เอาถ้วยขนมที่น้องกินหมดแล้วไปทิ้งถังขยะ ก่อนจูงมือพาน้องไปสถานที่ ‘จริง’ อย่างที่ว่าไว้

สวนสาธารณะในยามบ่ายคล้อยหลังโรงเรียนเลิก มีคนมาทำกิจกรรมกันประปราย บ้างวิ่ง บ้างมานั่งพักผ่อน บ้างพากันออกกำลังกายตามจังหวะเพลง เป้พาน้องเดินไปเรื่อย ๆ มองหาจุดหมายที่ตนเองต้องการ เดินวนไปเวียนมาเหมือนจะจำไม่ค่อยได้แล้ว

“อืม... ตรงไหนนะ” พึมพำกับตัวเองก่อนพาน้องเดินวนอีกรอบ

ทั้งสองคนเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ชูการ์แหงนหน้ามอง ต้นไม้ใหญ่ที่ตอนนี้มีดอกสีชมพูบานเต็มต้น บ้างหล่นร่วงลงมาตามสายลมพัดทำให้เขาเผลอหยุด ไม่เดินตามแรงดึงของพี่

เป้อมยิ้มนิด ๆ ก่อนหันกลับมาทำหน้าราวไม่รู้เรื่อง “ตรงนี้เหรอ?”

“........” ชูการ์ที่เพิ่งนึกได้ว่าตนเองทำอะไรลงไปก็ชะงักค้าง อ้าปากหวอ กะพริบตาปริบ ๆ

รอยยิ้มของคนเป็นพี่เผยออกมาเมื่อเห็นว่าน้องรีบก้มหน้าซ่อนอาย ก่อนพาไปใต้ต้นไม้ต้นนั้น เงยมองความสวยงามและสูงใหญ่ของมัน ก่อนก้มมองหน้าน้องที่ยืนอยู่ข้างกัน

“ตรงนี้สินะ ที่ที่เราได้เจอกัน”

ชูการ์ช้อนสายตามองพี่ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันไม่ใช่ มือใหญ่เอื้อมมาแตะข้างแก้มน้อง สายตาที่มองสบมามันช่างหวานจนน้องต้องหลบด้วยความเขิน

“ขอบคุณที่วันนั้นคนที่เดินเข้ามาหาพี่คือชูการ์ คือเด็กผู้ชายน่ารักคนนี้ ขอบคุณจริง ๆ”

คำพูดแสนหวานหู สายลมที่พัดเอื่อยทำให้ดอกไม้ปลิดปลิว ค่อยลอยระเรื่อยลงมาบนพื้น และความอบอุ่นจากริมฝีปากของพี่ที่กดลงมาบนหน้าผาก ทำให้ชูการ์ค่อยหลับตาลงช้า ๆ ซึมซับสัมผัสอบอุ่นจากพี่ ใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งนี้ ที่ที่ได้พบกันครั้งแรก...

ทางเดินที่ทอดยาวในสวนสาธารณะ ทั้งสองข้างทางร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ที่ปลูกเอาไว้ประดับตกแต่งและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เป้กับน้องน้ำตาลน้อยค่อยก้าวช้า ๆ เคียงกันไป ถุงพุดดิ้งในมือน้องมีไอน้ำเกาะเพราะความเย็นเริ่มคลายลง มันเริ่มจะไม่เย็นแล้ว แต่คนชอบกินก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากไปกว่าคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ

แขนของทั้งคู่เหมือนจะชนกันบ่อย ๆ ให้พออมยิ้มได้กับบรรยากาศหวานแปลก ๆ นั่น แต่เป้ก็ไม่ได้เอื้อมมือไปจับมือน้อง เพียงแต่ปล่อยให้มันปัดผ่านกันไปเบา ๆ เวลาก้าวเดินเท่านั้น ด้วยกลัวว่าน้องจะเขินมากกว่าเดิม ถึงเขาจะชอบมองเวลาน้องเขินหน้าแดงมากแค่ไหนก็เถอะนะ ขอเก็บไว้มองคนเดียวดีกว่าเปิดเผยให้คนอื่นได้เห็น เขาหวง

ก่อนหน้านี้เป้ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเด็กน้อยแสนสดใสที่เคยแต่เพียงเฝ้ามอง จะกลายเป็นคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างกันเช่นตอนนี้ เป้มองน้องที่ก้มหน้าแล้วอมยิ้มน้อย ๆ พลอยทำให้คนมองอย่างเขาอมยิ้มตาม เรื่องราวก่อนหน้านี้มันไม่น่านำพาให้เขากับน้องมาพบกันได้เลย ถึงแม้ชูการ์จะเป็นน้องชายของโอโซน เพื่อนสนิทของเขาเอง แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาสนใจน้องชายเพื่อนที่ชื่อแสนหวานเลี่ยนนี่สักนิด จนกระทั่งวันนั้น...

“พี่เป้... พี่เป้ครับ”

“ครับผม?” เป้เลิกคิ้วมองน้องเมื่อมือเรียวแตะแขนเขา เมื่อครู่เขาเผลอนึกอะไรเพลินไปหน่อย

“เหม่ออะไรครับ?” ชูการ์น้อยเอ่ยถาม เพราะเดินมาถึงหน้าถนนใหญ่แล้ว แต่พี่กลับดูเหม่อเหมือนคิดอะไรอยู่

“คิดถึงเรื่อง...” เป้มองหน้าน้อง ค้างคำพูดไว้แล้วยิ้มนิด ๆ

“เรื่อง?”

“เรื่องใต้ต้นไม้นั่น”

รอยยิ้มของพี่หลังคำพูดนั้นทำให้ชูการ์เขิน ใต้ต้นไม้นั่นก็ตอนที่พี่จูบหน้าผากเขาสินะ มือเรียวยกขึ้นจับติ่งหูตัวเองเพราะทำตัวไม่ถูก เป้อมยิ้มขำแกมเอ็นดู จับมือน้องที่เดี๋ยวเกาแก้ม เดี๋ยวจับผม มากุมไว้

ชูการ์น้อยชะงัก เงยหน้ามองพี่ที่ยิ้มมาให้แล้วยิ่งเขินไปกันใหญ่ มือใหญ่กระชับมือน้องเอาไว้ ว่าจะไม่จับมือ ว่าจะไม่ทำให้น้องเขิน สุดท้ายเป้ก็ทำมันทั้งสองอย่างอยู่ดี

ทั้งสองคนยืนรอรถอยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นรถวิ่งมา เป้จึงโบกเรียกแล้วพากันขึ้นไปนั่ง ได้เวลาพาน้องกลับบ้านแล้ว ขืนอยู่นานกว่านี้ได้โดนคุณพ่อคุณแม่น้องดุเอาแน่ที่พาน้องเถลไถล



2 ปีก่อน

เรื่องราวในวันนี้มันทำให้เป้นึกย้อนไปถึงก่อนหน้าที่จะได้พบกับชูการ์น้อย เขามันพวกมีเรื่องได้ไม่เว้นแต่ละวัน ก็ไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนั้นชอบหาเรื่องเขานัก ทั้งที่เขาก็อยู่ของเขาดี ๆ ไม่ชอบสุงสิงกับใครเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีคนมาท้าตีท้าต่อยไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะศัตรูตัวฉกาจอย่าง... เกมส์

เกมส์คือเพื่อนของฮันนี่ คนรักของเขาในเวลานั้น เป้ไม่รู้ว่าเหตุผลแท้จริงที่เกมส์มักจะคอยลอบกัดเขาเป็นเพราะอะไร แค่หมั่นไส้หรือมีอะไรมากกว่านั้น เพราะพอเห็นหน้ากันเป็นต้องมีเรื่องอยู่เสมอ จนท้ายที่สุดแล้วเขาถึงได้รู้ว่าเพราะมันรักฮันนี่ ด้วยเหตุนั้นถึงได้แค้นใจที่ถูกแย่งมา

นั่นมันไม่สมเหตุสมผลสักนิด ฮันนี่มีสิทธิ์ที่จะเลือกคบกับใครก็ได้ และอีกอย่าง เกมส์ก็เป็นเพียงเพื่อน ไม่จำเป็นว่าคนที่มาก่อนอย่างเกมส์ต้องได้เสมอไป ตรรกะแบบนี้เกมส์คงไม่เข้าใจมัน เพราะเป็นพวกอยากได้อะไรต้องได้เสมอ ทำให้การที่ฮันนี่มาคบกับเป้ เกมส์จึงคอยจองเวรกันไม่จบ ด้วยความคิดที่ว่าถ้าเขาไม่ได้ ใครหน้าไหนก็อย่าคิดว่าจะได้

“ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาอีกวะ?”

คำถามนี้เป้มักจะได้ยินมันอยู่เป็นประจำ เมื่อเขาเดินเข้าห้องซ้อมดนตรีมาด้วยสภาพราวไปฟัดกับน้องหมามาจริง ๆ วันนี้เจ็บหนักหน่อยเพราะมากันหลายคน แต่นั่นก็ไม่ได้คณามือเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่รอดกลับมาให้เพื่อนสรรเสริญแบบนี้

“มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวันเลยนะมึงนี่” โอโซนว่าแล้วเอานิ้วจิ้มมุมปากที่แตกจากการชกต่อยเมื่อเพื่อนนั่งลงข้างตนเอง

“เจ็บ ไอ้ห่า!” เป้ปัดมือเพื่อนออก มองตาขวาง

“หน้ามึงกวนส้นไงเป้” ออกัสซ้ำเติม แถมยักคิ้วกวนมาให้อีก

เป้ทำเสียงเหอะไปที มองธนินนอนหนุนตักออกัสที่นั่งแกะเนื้อเพลงแล้วฮึมฮัมในลำคอด้วยสีหน้าประหลาด

“พวกมึงสองคนพากูคิด”

“.....?” ออกัสเลิกคิ้ว ก้มมองธนินที่นอนได้นอนดีแล้วเงยขึ้นมายักคิ้วกวน ก่อนแกะเนื้อเพลงต่อไม่พูดอะไร

โอโซนเอากล่องยามาวางบนโต๊ะ นั่งลงข้างเป้แล้วเอ่ยบอก “กูว่ามึงไปล้างหน้าก่อนไหม เดี๋ยว...”

“เป้!!”

“ไม่ทันละ” โอโซนว่าอย่างนั้น เมื่อเสียงเรียกชื่อเป้ดังแทรกคำพูดของตนเองขึ้นมา พูดยังไม่ทันขาดคำ มาแล้วนั่นไง

เพื่อน ๆ พากันอมยิ้มเมื่อเจ้าของเสียงเรียกเดินเข้ามาดูเป้อย่างเป็นห่วง ธนินงัวเงียลุกขึ้นมานั่งมึน ๆ งง ๆ ออกัสเลยตบหลังแล้วบอกให้ไปล้างหน้าล้างตา ธนินจึงยกมือทักทายคนที่เข้ามาใหม่แบบมึน ๆ แล้วเดินโผเผออกจากห้องไป

“ทำไมเป็นแบบนี้!?” คนเข้ามาใหม่แตะแก้มเป้เบา ๆ ด้วยกลัวว่าจะเจ็บไปกว่าเดิม สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด

เป้กุมมือทับมือของอีกคนไว้ มองดวงหน้าหวานแล้วยิ้มบาง เพื่อน ๆ พากันเบือนหน้าหนี จะสวีทกันให้พวกกูดูอีกแล้วใช่ไหม?

“พวกขี้อิจฉาน่ะ อย่าสนใจเลย” เป้เอ่ยบอกให้คนเป็นห่วงคลายกังวล

“เป้ต้องเจ็บตัวทุกวันแบบนี้ไม่ดีเลย เราเป็นห่วงนะ” เด็กหนุ่มหน้าหวานว่า ปลดมือจากการเกาะกุมมาจัดแจงทำแผลและทายาให้

“ทำไงได้ล่ะ ฮันนี่ ถึงเป้มันจะอยู่เฉย ๆ พวกมันก็ยังเข้ามาหาเรื่องอยู่ดี สงสัยมีป้ายติดอยู่บนหน้าผากเชี่ยเป้ว่า ‘ช่วยยำตีนกูหน่อยครับ กูวอนท์มั่กมาก’ ฮ่า ๆ ๆ”

โอโซนแซวเพื่อนแล้วหัวเราะ ทำให้อีกสองหนุ่มหัวเราะตามไปด้วย เป้ส่ายหน้าเซ็ง ๆ ให้เพื่อน ขณะที่เจ้าของชื่อฮันนี่เพียงยิ้มเล็กน้อยก่อนหันมาหาเป้

“ไม่เป็นไรหรอก เป้รู้ว่าฮันนี่เป็นห่วง เป้จะพยายามเลี่ยงเท่าที่จะทำได้ ฮันนี่จะได้ไม่ต้องลำบากมาทำแผลให้เป้ทุกวัน”

เป้มองตาของอีกฝ่ายแล้วยิ้มในสีหน้า คนถูกมองเองก็ยิ้มเขิน เพื่อน ๆ ทำท่าขนลุก โอโซนถึงกับลุกขึ้นเอามือปัดมดแมงแถวนั้น มันก็หวานไป๊

ฮันนี่ เด็กหนุ่มหน้าหวานเหมือนชื่อ หนึ่งในสมาชิกวงฮอทเนสและเป็นต้นกำเนิดความคิดที่จะตั้งวงดนตรีนี้ขึ้นมา จนเกิดการรวมตัวกันของหกหนุ่มในนามของฮอทเนส และเริ่มจะเป็นที่รู้จักกันบ้างแล้วภายในโรงเรียนแห่งนี้ ห้องว่าง ๆ ที่ถูกแยกมาจากตึกใหญ่ พวกเขาขออนุญาตผู้อำนวยการใช้เป็นห้องซ้อมของวง ซึ่งท่านก็เห็นว่ามันไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรอื่นจึงได้อนุมัติมาให้เป็นห้องซ้อมดนตรีตามที่ขอ

การที่ได้อยู่ด้วยกันทุกวันทำให้ทั้งหกคนสนิทกันกว่าใคร และฮันนี่ที่มีความอ่อนโยนและรอมชอมที่สุดในกลุ่มนี้ก็เป็นเหมือนศูนย์กลางของกลุ่ม ทุกคนให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มหน้าหวานคนนี้เป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อเป้และฮันนี่คบกัน ทำให้นอกจากห่วงแล้ว บางทียังเกิดอาการหวงแทนเพื่อนอีกด้วย ก็ฮันนี่เล่นมีมนุษยสัมพันธ์ต่อผู้อื่นดีเสียจนมีคนเข้าหาไม่หยุดหย่อนแบบนั้น หนุ่ม ๆ วงฮอทเนสเลยต้องคอยปัดแมงรำคาญช่วยเพื่อนอีกแรง ช่างเป็นวงที่สมัครสมานสามัคคีกันดีจริง

ความหวานที่มีจนเพื่อนพากันอิจฉา เป้ไม่คิดว่ามันจะจืดจางลงในสักวันหนึ่ง เมื่อมันเริ่มมีบางอย่างผิดปรกติเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ เกมส์มักจะมองเขาแบบเย้ยหยัน นั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรเท่ากับความเปลี่ยนแปลงของคนใกล้ตัวอย่างฮันนี่ มันมีบางอย่างไม่เหมือนเดิม ฮันนี่ยังคงดูแลเขา ยังเอาใจใส่ แต่ที่แปลกไปคือชอบเหม่อจนบางทีเป้ก็คิดว่าตัวเองตาฝาดที่เห็นว่าคนรักทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้ พอถามก็บอกแต่ว่าไม่มีอะไร จนเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

ฮันนี่ที่มีรอยยิ้มสดใสคนนั้นหายไปไหน?

ฮันนี่ที่มองโลกในแง่ดีคนนั้นล่ะ ยังอยู่ไหม?

ฮันนี่ที่มีความสุขและทำให้คนรอบข้างมีความสุขทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหัวเราะนั่นล่ะ ไม่มีอยู่แล้วใช่ไหม?

เกิดอะไรขึ้น?

ความลับ ไม่จำเป็นต้องรอเวลาเนิ่นนาน เมื่อมีคนไม่อยากปิดจึงนำมาซึ่งความเจ็บปวดที่ไม่น่าเกิด เกมส์เป็นคนเปิดเผยมันเพื่อที่จะทำร้ายศัตรูหัวใจอย่างเป้ โดยไม่นึกถึงจิตใจของอีกคนที่ถูกกระทำด้วยเลยแม้แต่น้อย หรือที่จริงแล้วไม่เคยนึกถึงเลยสักนิด เมื่อฉุดกระชากลากฮันนี่มาประกาศตัวต่อหน้าวงฮอทเนสว่าตนเองทำสิ่งใดกับฮันนี่ลับหลังเป้บ้าง

เป้มองคู่อริอย่างเดือดดาล สมาชิกวงฮอทเนสเองก็ไม่ต่างกัน พวกเขารักฮันนี่ แม้ไม่ใช่ความรักแบบที่เป้รัก แต่ฮันนี่คือศูนย์รวมของทุกคนในวงเลยก็ว่าได้ แต่เกมส์กลับมาทำลายคนสำคัญของพวกเขาแบบนี้ แล้วยังเอามาเยาะเย้ยเป้ถึงที่โดยไม่สนจิตใจใคร พวกเขาเจ็บ แต่คนที่เจ็บกว่าคงเป็นฮันนี่

“ถ้ากูไม่ได้ มึงก็อย่าหวังว่าจะได้เลย” เกมส์ยังเย้ยต่อแบบไม่สะทกสะท้านใด ๆ

“ไอ้เกมส์!!”

เมื่อสิ้นสุดความอดทน เป้ก็พุ่งเข้าใส่จนเกิดการชกต่อยกันชุลมุน เพื่อน ๆ ในวงไม่มีใครคิดจะห้าม หนำซ้ำอยากเข้าไปช่วยเป้กระทืบมันด้วย ฮันนี่จึงเดินออกไปเอาน้ำที่รุ่นน้องกำลังจะหิ้วไปถูพื้นมาสาดใส่ทั้งคู่แล้วทุ่มถังลงพื้นแรง ๆ มองทั้งสองคนเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่ได้ร้องออกมา ก่อนที่จะพูดกับเป้เป็นคนแรก

“พอเถอะ เป้ ขอโทษที่มันเป็นแบบนี้”

เพียงแค่ฮันนี่พูดมาเท่านั้น เป้ก็แทบหมดแรงเมื่อคาดเดาได้ไม่ยากเลยว่า ‘คนรัก’ ของเขากำลังจะทำสิ่งใดต่อไป

“ไม่ ฮันนี่ อย่าทำแบบนี้ เป้รักฮันนี่นะ เป้รู้ว่ามันบังคับฮันนี่” เป้เว้าวอน เรื่องนี้ฮันนี่ไม่ผิด คนก่อเรื่องแบบเกมส์ต่างหากที่ผิด

“ถึงมันจะเป็นแบบนั้น แล้วเป้จะสนิทใจไหมเวลาอยู่กับเรา?”

“.........” คำถามนั้นพาเป้นิ่งงัน อยากปฏิเสธ แต่ก็ทำไม่ได้ในเวลานี้

“มันไม่เหมือนเดิม ถึงเป้จะบอกว่าไม่คิดอะไร แต่ไม่ว่ายังไงเป้ก็ไม่มีทางลืมหรอกว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นกับเรา ทุกครั้งที่เห็นหน้าเรา ทุกครั้งที่เห็นหน้าเกมส์ เป้จะไม่นึกถึงมันจริงเหรอ?”

หัวใจคนฟังเหมือนจะขาด ฮันนี่พูดถูกทุกอย่าง และเหนือสิ่งอื่นใด ทุกครั้งที่มองคนรัก เขาคงรู้สึกผิดมากมายที่ดูแลได้ไม่ดีพอ จนคนรักของเขาต้องถูกทำร้ายแบบนี้ มันคงเป็นความรู้สึกที่ตัดออกจากใจไม่ได้

“เรารักเป้นะ ยังรักอยู่ แต่เรารับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ไหว รับตัวเองที่ทำอะไรลับหลังเป้ไม่ไหว ถึงแม้จะบอกว่าถูกบังคับแล้วยังไง ในเมื่อเรื่องบ้า ๆ นั่นมันก็เกิดขึ้นอยู่ดี...”

เป้นิ่งเงียบ ขณะที่เกมส์ยิ้มแสยะ ฮันนี่หันมาหาเกมส์บ้าง ไม่ได้แสดงอาการโกรธเกรี้ยวหรืออะไร แต่คำพูดที่เอ่ยออกไปกลับทำให้คนฟังนิ่งงัน

“ถึงวันนี้กูกับเป้จะห่างกันไป แต่ไม่ใช่ว่ากูจะยินดีมอบใจให้คนที่ทำร้ายกูนะ กูไม่ได้รักมึง ยิ่งมึงทำแบบนี้ กูยิ่งไม่คิดที่จะรัก ไม่มีวันที่จะรัก”

หลังเหตุการณ์นั้น เป้ออกจากโรงเรียนมาด้วยจิตใจไม่มั่นคง มันเจ็บจนอธิบายเป็นคำพูดให้ใครฟังไม่ได้ว่ามากแค่ไหน ได้แต่มานั่งทอดอารมณ์อยู่คนเดียว ตอนนี้เขาต้องการความสงบ แต่ดูเหมือนจะมีคนไม่อยากสงบ เมื่อกลุ่มวัยรุ่นท่าทางนักเลงกลุ่มหนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา สายตาเป้กวาดมองปลายเท้าของแต่ละคนที่ก้าวเรียงตัวเข้ามาแล้วจึงเงยขึ้นมองหน้า ขยับลุกขึ้นบิดแขนบิดขา หมุนคอไปมาเล็กน้อย ในเมื่ออยากมาก เดี๋ยวเขาจัดให้!



โคนต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ยามที่พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ เด็กผู้ชายตัวโตเดินโซซัดโซเซมานั่งลงตรงโคนต้นไม้ สภาพดูสะบักสะบอมพอทน เขาเหนื่อยจนแทบหมดแรงเดิน แผ่นหลังแนบไปกับลำต้น หน้าอกกระเพื่อมจากอาการหอบเหนื่อย เหมือนจะขาดใจ แต่ก็ยังหายใจได้อยู่ ยังคงหายใจอยู่

ผู้คนที่เดินผ่านไปมามองเขาเหมือนตัวประหลาด แต่ใครจะสนใจกัน ตอนนี้เขากำลังเจ็บ เจ็บตัวมันคงไม่เท่าไร แต่ใจของเขาที่มันเจ็บปวดอยู่ในตอนนี้ทำเอาไม่อยากขยับเขยื้อนไปไหนเลย อยากอยู่นิ่ง ๆ ให้เวลามันผ่านไปช้า ๆ เผื่อความเจ็บร้าวนี้มันจะหายไป

ขวดน้ำเปล่าถูกยื่นมาตรงหน้า เป้เงยขึ้นมองตามมือที่จับมันอยู่ เด็กผู้ชายแว่นหนาท่าทางคงแก่เรียน ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นมองมาที่เขาอย่างหวาด ๆ แต่ก็ยังทำใจกล้ายื่นน้ำขวดนั้นมาให้ ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ มืออีกข้างล้วงกระเป๋าเสื้อนักเรียนตรงหน้าอก หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นส่งให้พร้อมขวดน้ำอีกครั้ง

เป้ยังคงมองนิ่ง ไม่ยอมรับมา แต่ดูเหมือนว่าหากเขาไม่รับ เด็กคนนี้คงจะไม่ยอมไปไหน มือที่มีเลือดซึมจากข้อนิ้วยื่นไปเพื่อจะรับขวดน้ำใจกับผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยนั้นมา แต่อีกคนกลับถกกลับเหมือนจะตกใจ คิ้วเป้ขมวด สีหน้าเด็กชายเลยดูเจื่อนลง ก่อนจะค่อยยื่นของในมือกลับมาให้เขาอีกครั้ง เป้จึงรับมาแบบกระชากเล็ก ๆ ถ้ากลัวขนาดนั้นเอามันมาให้เขาทำไมกัน

เมื่อคนตัวโตที่สภาพดูไม่ได้รับน้ำใจจากตนเองไป เด็กชายก็ยิ้มออกมา ก่อนรอยยิ้มนั้นจะกว้างขึ้นจนตาหยี เป้มองรอยยิ้มแสนสดใสนั้นนิ่ง วูบหนึ่งรู้สึกว่าเด็กคนนี้ช่างน่าอิจฉา เพราะรอยยิ้มนั้นดูใสซื่อและจริงใจ ดูเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดีและคงมีความสุขมากที่ไม่ต้องดิ้นรนอะไร ต่างกับเขาที่กำลังจมดิ่งลงไปในก้นบึ้งของความเศร้าเสียใจ และอ่อนแอลงทุกที

“พี่ครับ อย่าร้องไห้…”

คำปลอบประโลมจากริมฝีปากอิ่มทั้งสีหน้าดูแตกตื่นนั้นทำให้เป้เพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาตนเองไหล มือของเขากำผ้าเช็ดหน้าที่เด็กคนนั้นให้มาแน่น ไม่ได้ใช้มันเช็ด เพราะเขาไม่อยากให้มันต้องมาเปื้อนเพราะความอ่อนแอของเขาเอง

“ขอบคุณนะ แต่พี่คงไม่ได้ใช้ เก็บไว้เถอะ” เขาส่งมันคืนเจ้าของ

“ผมคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์ อ... เอ่อ... กับพี่มากกว่าผม... นะ... ครับ” ท้ายประโยคเสียงเริ่มแผ่วลงเพราะกลัวอีกฝ่ายโกรธ

เป้พยักหน้าเนิบช้า มุมปากมีรอยยิ้มเล็ก ๆ แม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็ตาม

“ขอบคุณ...”

เขาบอกกับอีกฝ่ายเสียงแผ่ว เหมือนเด็กน้อยตรงหน้าจะพูดอะไรกับเขา แต่เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน เด็กคนนั้นเอ่ยขอตัวแล้วเดินออกไปพร้อมกดรับสาย

“อย่าดุก้าสิพี่โซน ก้ากำลังจะกลับแล้วคร้าบ”

“หึ” มองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินห่างไปแล้วเป้ก็อมยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์เง้างอดดังแว่วมา แทนตัวเองด้วยชื่อเสียน่ารักเชียว เด็กน้อย

เขาถอนใจเบา ขยับลุกขึ้นเมื่อคิดว่าตนเองก็ควรจะกลับบ้านได้เสียทีแล้ว ก้มมองผ้าเช็ดหน้าในมือนิ่งอยู่เป็นนานอย่างตัดสินใจ ก่อนเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อไว้แล้วออกก้าวเดินเพื่อกลับบ้านบ้าง สภาพดูไม่ได้ขนาดนี้จะมีรถที่ไหนจอดรับเขาไหมวะ?



จากวันนั้นมาทุกคนไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก เพราะไม่อยากให้มันไปกระทบใจฮันนี่ เมื่อเรื่องราวทุกอย่างเกิดขึ้นมาเช่นนั้นแล้วฮันนี่ก็ไม่สามารถที่จะอยู่ในวงได้อีกต่อไป เพราะคงมองหน้าทุกคนลำบาก จึงได้ขอเดินออกมา แต่ไม่ว่าในวันนี้ฮอทเนสจะเหลือกันอยู่กี่คน ฮันนี่ก็อยากให้ทุกคนยังคงเป็นฮอทเนสและสานฝันกันต่อไป

เวลาที่ผ่านไปค่อย ๆ ทำให้ใจของทุกคนเข้มแข็งขึ้น ฮันนี่ที่รักในเสียงดนตรีเมื่อออกจากฮอทเนสมาได้พักใหญ่ จนเหมือนจะสามารถลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้แล้วจึงได้ตั้งวงของตนเองขึ้นมา ไม่ได้คิดจะแข่งกับฮอทเนส แต่อยากทำตามความฝันของตนเองเท่านั้น

และในเวลาต่อมา เป้ก็ได้รู้ว่าทฤษฎีโลกกลมมันยังคงใช้ได้เสมอ เพราะเขาเพิ่งได้รู้ว่า น้องน้ำตาล หรือ ชูการ์ น้องชายของโอโซนที่เขาคิดว่าชื่อหวานเลี่ยนเป็นคนเดียวกันกับเด็กผู้ชายที่เจอใต้ต้นไม้ใหญ่ในวันนั้น...


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❊Sugar Flower❊ (7) 09/12/2018
« ตอบ #19 เมื่อ: 09-12-2018 14:13:01 »





ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (7) 09/12/2018
«ตอบ #20 เมื่อ09-12-2018 14:13:46 »


ขณะที่เขารอเพื่อนอยู่ในห้องซ้อม เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทำให้เขาต้องเหลียวไปมองว่าเพื่อนมีมารยาทขนาดเคาะประตูก่อนเข้ามาด้วยหรือ แต่คนที่เห็นกลับไม่ใช่เพื่อนของตน กลับเป็นเด็กผู้ชายที่แสนคุ้นหน้า ที่เด่นชัดคงเป็นแว่นที่นำโด่งมาเลยเมื่อเด็กคนนั้นโผล่หน้าเข้ามาในห้องอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“เอ่อ... พี่โซนมาหรือยังครับ?” เด็กน้อยเอ่ยถามมาเสียงเบา

“ยัง มีธุระอะไร?” เป้ตอบกลับไปเสียงเรียบ เหมือนเด็กคนนี้จะจำเขาไม่ได้นะ

“พี่โซนบอกว่าหลังเลิกเรียนให้มารอที่ห้องซ้อม ต... แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกใจ…”

“ยังไม่ได้ว่าอะไร เข้ามาสิ” เป้เอ่ยดักคำพูดที่กำลังจะตามมาของอีกฝ่าย พร้อมทั้งบอกให้เข้ามาเพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาไม่ได้ลำบากใจอะไร

“ขอบคุณครับ”

เสียงบอกขอบคุณนั้นยังคงเบาอย่างต่อเนื่องจนเป้สงสัยว่ามีแรงพูดได้เพียงแค่นั้นเองหรือ เมื่อตัวบาง ๆ นั้นเดินเข้ามานั่งที่โซฟาอีกตัวก็เหมือนจะมีบรรยากาศกดดันแปลก ๆ เกิดขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบ แล้วน้องแว่นก็เอาแต่ขยับตัวยุก ๆ ยิก ๆ จนเป้รำคาญ

“เป็นอะไร?”

เสียงที่เอ่ยถามคงห้วนไปเลยทำให้น้องสะดุ้ง ก่อนจะส่ายหน้าหวือแล้วเขยิบออกไปให้ห่างจากเขาอีกนิด คิ้วเป้ขมวด ทำไมต้องขยับหนีด้วย

ไม่นานเพื่อนคนอื่น ๆ ในวงก็โผล่เข้ามาในห้อง ก่อนที่โอโซนจะเอ่ยทัก

“อ้าว มานานแล้วเหรอ?”

“นานแล้ว/ไม่ครับ”

สองเสียงเอ่ยตอบพร้อมกันทำให้สมาชิกวงฮอทเนสเลิกคิ้วแล้วยิ้มขำ เป้หันมามองหน้าน้องน้อยหนึ่งเดียวในห้อง น้องเองก็หันมามองเขาเช่นกัน

โอโซนหัวเราะหึ ๆ ก่อนเดินเข้ามาใกล้เด็กน้อยแล้วว่า “ชูการ์ มานานหรือยัง?”

“ยังครับ” เจ้าของชื่อเอ่ยตอบ

“หือ น้องมึง?” เป้มีสีหน้าแปลกใจที่ได้รู้เช่นนั้น มองหน้าน้องสลับกับพี่ไปมา

“เออ ทำไม หรือมึงแกล้งอะไรน้องกู?” โอโซนเท้าเอวทำท่าหาเรื่อง น้องข้าใครอย่าแตะนะโว้ย

“เปล่า” เป้ยักไหล่ สายตาคมมองน้องน้อยที่มีท่าทีเหนียมอาย ไม่อยากเชื่อว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้เลย ให้ตาย

“อะ นี่ พี่แวะซื้อที่ร้านสหกรณ์โรงเรียน ดีนะเขาเพิ่งเอามาลง ได้ของใหม่” โอโซนคว้าถุงขนมจากมือออกัสมาให้น้อง แล้วเอ่ยบอกอย่างภูมิใจที่ไปได้ทันเวลา

“ว้าว พุดดิ้ง” น้องชายตาวาวทันทีที่เห็นว่าในถุงนั้นมันคืออะไร ของโปรดของเขาเชียวล่ะ ริมฝีปากอมชมพูเปิดยิ้มเสียกว้างขวาง ขณะเอ่ยขอบคุณพี่ชายที่รู้ใจ “ขอบคุณนะ พี่โซน”

“ขอบคุณพี่นี่ ชูการ์ เพราะนั่นน่ะเงินพี่ พี่ชายชูการ์มันงก” ออกัสนั่งลงข้างน้องแล้วกระซิบบอกความจริง

โอโซนแยกเขี้ยวใส่คนพูดที่มาทำเป็นเอาหน้า น้องยิ้มให้แล้วจึงเอ่ยขอบคุณเพื่อนพี่ชายเช่นเดียวกัน

“ขอบคุณครับ พี่กัส”

“น่ารักมาก”

ออกัสหยิกแก้มน้องเบา ๆ ก่อนชักชวนให้กินขนมที่โอโซนเอาเงินเขาซื้อมาให้น้อง แต่เจ้าภาพยังไม่ทันได้เปิดงาน ธนินกลับแย่งของน้องไปแล้วถ้วยหนึ่ง

“เอ๊ พี่นิน ของผมนะ!” มือเรียวคว้ากลับคืน เอาใส่ถุงแล้วเบี่ยงหนีกลัวโดนแย่ง พี่ ๆ พากันหัวเราะขำ

“นิดหน่อยหวงเหรอ?”

ธนินทำเป็นปรายตามองน้อง มือเอื้อมไปจะแย่งของน้องอีก แต่เจ้าของเขาก็ไม่ยอมยกให้ แถมกอดเอาไว้แน่นทั้งถุงเลยด้วย

“พี่กัสซื้อให้ผม มาแย่งน้องอะ” คนเป็นน้องบุ้ยปากใส่

“หื้มมมม” ธนินยีผมน้องอย่างมันเขี้ยว

พุฒผลักหัวเพื่อนที่ไปแกล้งน้องแบบนั้น ทำให้คนถูกผลักลุกขึ้นไล่เตะ น้องน้อยลูบผมตนเองที่ถูกเพื่อนพี่ชายยีจนมันยุ่งเสียทรงไปหมด วางถุงใส่ขนมสุดโปรดลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบถ้วยพุดดิ้งออกมาเพื่อจะกิน เห็นเป้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองมาก็ชะงักกึก หลบสายตาเหมือนทำอะไรไม่ถูก

“เป้ อย่าจ้องมาก น้องกูกลัว” โอโซนว่า ยิ้มทะเล้นล้อเลียนน้อง น้องเลยหน้ามุ่ยให้พี่ง้อ แต่พอพี่เอาใจช่วยแกะขนมให้หน่อยก็อมยิ้มแล้วรับไปตักกินเฉย เอาใจง่ายจังนะ

เป้มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ของเด็กผู้ชายตรงหน้าแล้วอมยิ้ม รอยยิ้มที่เขาจำมันได้ดี และรอยยิ้มนี้ก็กลายเป็นสิ่งเยียวยาเขาจากความเศร้าทั้งปวง การคอยเฝ้ามองยามที่น้องเผลอมันเป็นกิจวัตรของเขาไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รู้แต่ว่าพอรู้สึกตัวทีไรสายตาก็มักจะมองน้องอยู่เสมอ บางทีน้องก็ทำตัวโก๊ะแบบไม่ตั้งใจ เห็นแล้วก็เพลินดี

จากที่แค่มอง แค่นึกเอ็นดู จนมานึกชอบ และในที่สุด เป้ก็มีน้องมาอยู่เคียงข้างแล้วในวันนี้ และสัญญากับตัวเองว่าจะรักให้ดีที่สุด...


.........


สมาชิกวงฮอทเนสยกโขยงมาบ้านเป้เพื่อติวหนังสือกัน ชูการ์ติดสอยห้อยท้ายพี่ชายมาด้วย พี่ ๆ เขาคร่ำเคร่งกันจนชูการ์ไม่อยากกวน จึงปลีกตัวออกมานั่งเล่นด้านนอก เพิ่งรู้ด้วยว่าที่บ้านพี่เป้มีน้องหมาตัวโต ชูการ์เลยมาเล่นกับมัน

“อย่ากัดก้านะ ตัวโต นายใจดีใช่ไหม?”

หนุ่มน้อยพูดกับน้องหมา ตากลมแป๋วมองมาที่เขาแล้วแลบลิ้นแผลบ ๆ ก่อนจะเอาหัวมาถูขาอย่างออดอ้อน ชูการ์หัวเราะ นั่งยองลงลูบหัวมัน

“น่ารักมาก”

“คุยกับหมารู้เรื่องด้วย?”

กำลังหยอกเล่นกับน้องหมาอยู่ เสียงเจ้าของบ้านก็ดังขึ้นด้านหลัง ชูการ์ขยับลุกแล้วหัวเราะแหะ ๆ ขณะที่เจ้าหมาตัวโตหูตั้งหางกระดิก เข้ามาคลอเคลียพันแข้งพันขาเป้ เมื่อเป้ทำเสียงดุในลำคอ น้องหมาจึงได้หยุดแล้วนั่งแหงนหน้ามองตาแป๋ว

“พี่เดินหาตั้งนาน มาเล่นซนตรงนี้เอง ไม่ไปติวล่ะครับ?”

“พี่ว่างแล้วเหรอ ก้าว่าก้าน่าจะไปเรียนพิเศษกับเพลิน” ประโยคหลังน้องพึมพำเสียงเบา แต่เป้ก็ยังได้ยิน

“ทำไมล่ะ พี่สอนไม่ดีเหรอ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถาม รู้สึกบกพร่องต่อหน้าที่อย่างไรไม่รู้

“เปล่า แต่ว่าถ้าพี่มาสอนก้า พี่ก็ไม่ได้อ่านหนังสือน่ะสิ” น้องให้เหตุผล

“อ่านตอนกลางคืนก็ได้ แต่เรียนพิเศษกับครูจริง ๆ ก็ดีนะ คงดีกว่าพี่” เป้เอ่ยบอกอย่างเห็นดีด้วย เขาก็แค่เคยเรียนมา และทำมันออกมาได้ดีเท่านั้น แต่ครูสอนพิเศษคงมีหลักสูตรลัดที่ทำให้น้องมีความรู้แน่นกว่าที่เขาสอน

“ไม่หรอก พี่เป้สอนเข้าใจง่าย” น้องว่า กลัวคำพูดตัวเองจะทำให้พี่ใจเสียและเสียใจ

“จริงเหรอ งั้นมาทบทวนบทเรียนกัน ถ้าพี่สอนเข้าใจง่ายจริงต้องจำได้ ใช่ไหม?” เอ่ยถามแล้วเป้ก็อมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อน้องทำหน้าเอ๋อ

“อ่า...”

หมดหนทางจะปฏิเสธ มือเรียวถูกพี่กุมแล้วพากลับเข้ามาในบ้าน เป้แยกมามานั่งติวให้น้องขณะที่เพื่อน ๆ พากันพัก คุณแม่ของเป้สั่งแม่บ้านให้เอาขนมกินเล่นมาให้ทุกคนรองท้องกันไปก่อน ก่อนที่อาหารมื้อหลักจะตั้งโต๊ะ

โอโซนมานั่งข้างน้องพร้อมถ้วยพุดดิ้งนมสด สงสัยเป้คงเตรียมการไว้แล้วถึงได้มีของชอบน้องชายเขาด้วย เด็กหนุ่มเปิดให้น้องแล้วสองพี่น้องก็นั่งหันหน้าเข้าหากันกินขนมไป แม้แต่ในตอนนี้ที่นั่งกินขนมด้วยกัน ชูการ์ก็ยังมีพี่ ๆ รายรอบ เป็นหลักประกันได้เลยว่าทุกคนคงไม่ยอมให้อันตรายใดเข้ามาใกล้น้องได้เป็นแน่ ในเมื่อน้องเป็นที่รักและเอ็นดูขนาดนี้


.........


สายฝนโปรยปรายลงมาในช่วงบ่ายของวัน เด็กนักเรียนในโรงเรียนเช่นชูการ์ต้องวิ่งหาที่หลบฝน การเรียนการสอนนอกอาคารเรียนจึงต้องหยุดลงโดยปริยาย อากาศที่ร้อนอบอ้าวมาตั้งแต่เช้า มาตอนนี้มันส่งผลให้เม็ดฝนตกลงมาเช่นนี้เอง

ภายใต้อาคารเรียน ชูการ์มองฟ้าครึ้มฝนแล้วยิ้มกับบรรยากาศที่เริ่มมีไอเย็นจากละอองฝนมากระทบกาย เขาชอบหน้าฝน แต่ฝนหลงฤดูแบบนี้ ถ้าไม่หลบเข้ามาอยู่ใต้อาคารคงได้เป็นหวัดแน่ หนุ่มน้อยมองซ้ายมองขวาหาเพื่อนสนิท เมื่อครู่ตอนวิ่งมาก็ยังเห็นอยู่ แยกกันตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้เขาเลยอยู่ท่ามกลางเด็กห้องอื่นที่ยืนอยู่คนละมุม ไม่รู้จักใครสักคนเลย

ขณะที่ยืนเคว้ง หัวไหล่เล็กก็ถูกชนเบา ๆ ชูการ์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นพี่เกมส์ ขาเรียวก็เผลอก้าวถอย บรรยากาศรอบอายพี่เกมส์มันไม่ชวนให้เข้าใกล้ แถมพี่ชายยังบอกให้อยู่ห่างด้วย ชูการ์ยิ่งกลัว

หนุ่มน้อยเหลือบมองหาทางหนีทีไล่ เด็กนักเรียนคนอื่นก็อยู่ห่างไป ไม่ได้หันมาสนใจเขาด้วยซ้ำ ถ้าจะเดินออกไปเลยชูการ์ก็ไม่กล้าทำ เพราะมันคงดูเป็นการเสียมารยาทกับอีกฝ่าย จะทำอย่างไรดี...

“ทำหน้าเหมือนกลัวพี่เลยนะ พี่ดูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” เกมส์เอ่ยถามมาราวตัดพ้อ

น้องเงียบ ไม่ยอมตอบ ทำให้เกมส์ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ชูการ์กระสับกระส่าย รู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหว จึงตัดสินใจก้าวหนีมันเอาดื้อ ๆ ฮือ พี่โซน ช่วยก้าด้วย~~

ขาพาน้องน้ำตาลวิ่งตรงมายังห้องเรียนของพี่ชาย ไม่รู้ว่าพี่จะเรียนอยู่ไหม แต่เขาต้องการที่พึ่ง ขณะที่น้องวิ่งหนี เกมส์กลับเดินตามสบาย ๆ ทางเดินบนตึกเรียนในขณะที่ฝนตกจนมืดครึ้มแบบนี้ยิ่งส่งให้บรรยากาศมันดูอึมครึมและยิ่งเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก

ไฟในอาคารเปิดพรึ่บขึ้นพร้อมกันในขณะที่ชูการ์กำลังกลัวพอดิบพอดี หนุ่มน้อยหลับหูหลับตาวิ่งด้วยความตกใจ แขนเรียวถูกกระชากดึงจากคนด้านหลัง ขณะเดียวกันกับที่ด้านหน้าก็ชนกับใครอีกคน ชูการ์หลับตาปี๋ คว้ากอดคนข้างหน้าเอาไว้แน่น เพราะรู้ดีว่าอีกคนที่จับแขนตนเองอยู่ด้านหลังคือพี่เกมส์

“ชูการ์”

เสียงเรียกที่เหมือนมันจะดังอยู่เหนือหัว ทำให้น้องน้อยเงยหน้าขึ้นมามอง พอเห็นว่าเป็นพี่เป้ ชูการ์ก็หน้าเบ้ราวจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เป้มองน้องแล้วจึงละมามองหน้าเกมส์

“ปล่อยมือ” เป้ออกคำสั่งเสียงเข้ม

“..........” เกมส์มองสบตาคนสั่งนิ่งอย่างไม่คิดจะทำตาม อุ้งมือใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยแขนน้อง

“กูบอกให้มึงปล่อย” เป้เพิ่มระดับน้ำเสียงแทบจะเป็นคำรามแล้วตอนนี้ อยากกระชากมือมันออกจากแขนน้องเสียจริง

“หึ” เกมส์ทำเสียงหยันทั้งรอยยิ้มแสยะ “หวงนักเหรอมึง?”

หน้าตายียวนกวนอารมณ์นั่นทำให้เป้แทบอดใจไว้ไม่อยู่ เด็กหนุ่มปัดมือของเกมส์ออกจากแขนน้อง ก่อนเบี่ยงให้น้องมาอยู่ด้านหลัง เกมส์ทำเป็นยกมือยอมแพ้ทั้งที่ยิ้มเย้ย เป้มองนิ่ง ดวงตาวาวาวับบ่งบอกอารมณ์โกรธกรุ่น แต่ไม่ได้พูดอะไรที่จะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก

“ดูแลกันให้ดี ๆ ล่ะ” ทิ้งท้ายไว้เท่านั้นแล้วเกมส์ก็เดินจากไปทิศทางเดิมที่ตนเองมา

เป้กำหมัดแน่น ขบกรามจนขึ้นสันนูน แววตาดูน่ากลัว แต่เมื่อมือน้องเอื้อมมาแตะแขน เป้ถึงได้รู้สึกตัวและพยายามระงับอารมณ์ หันมาหาน้องที่มีสีหน้าเป็นกังวล

“มันทำอะไรเราหรือเปล่า?” เป้เอ่ยถามอย่างห่วงใยปนเปไปกับความกลัวที่ซ่อนลึกภายในใจ

“........” น้องส่ายหน้าไปมา แต่สีหน้ายังไม่ดีขึ้น

“กลัวเหรอ?”

เป้เอ่ยถามน้องอีก คราวนี้น้องพยักหน้ารับเพราะพูดไม่ออก เมื่อกี้รู้สึกกลัวจริง ๆ ยิ่งมีบรรยากาศหม่น ๆ เสริมเข้ามา แถมบวกกับความคิดที่เตลิดเปิดเปิงของตน ยิ่งทำให้มันน่ากลัวมากขึ้นไปอีก

“ขอโทษที่ทำให้ชูการ์มาเจอกับอะไรแบบนี้ แต่พี่ก็เห็นแก่ตัวเกินไปที่ไม่สามารถทำแค่มองชูการ์อยู่ห่าง ๆ อยู่ใกล้พี่อาจจะทำให้ชูการ์มีอันตราย การปล่อยชูการ์ให้ไว้ไกลตัวมันก็ยังไม่ใช่ทางออก แต่พี่สัญญาว่าจะปกป้องชูการ์ให้ดีที่สุด” มือเกลี่ยแก้มน้องเบา ๆ ไล่ความรู้สึกตื่นตระหนกของน้องให้หมดไป

“ครับ ก้าอาจจะกลัว แต่ก้าไม่ได้ขี้ขลาดจนต้องปล่อยมือพี่ไป”

รอยยิ้มบางเบากับคำพูดแสนน่ารักทำให้เป้นิ่งไป อยากจุ๊บหน้าผากน้องสักทีแต่สถานที่มันไม่เอื้ออำนวยให้ทำอะไรแบบนั้น เป้จึงทำได้เพียงกุมมือน้องไว้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยส่งผ่านไปถึงน้อง บรรยากาศหน้าฝนมันมืดมัวเพราะเกมส์ แต่เมื่อมีพี่เป้มาอยู่ข้างกัน ถึงมันจะมืดจนมองไม่เห็นทางเดินข้างหน้า ชูการ์กลับมั่นใจว่ามันจะต้องปลอดภัย





ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (7) 09/12/2018
«ตอบ #21 เมื่อ09-12-2018 14:15:07 »

โอโซนกับออกัสมีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า  :z1: ต้องมาลุ้นว่าออกัสจะทำสำเร็จไหมเราเชียร์อยู่ ๆ  :mc4: (อันนี้เมนท์ตอนหกทำไมมาต่อท้ายตอนเจ็ดหว่า)

เรื่องราวของฮันนี้กับเป้อย่างน้อยก็จากกันด้วยดีนะเราว่าไม่มีความโกรธแค้นตามเอาคืนกันทีหลังแต่สำหรับเกมส์มันคงเกินเยียวยาคนพาลยังใงก็คนพาล  :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2018 16:32:45 โดย O-RA DUNGPRANG »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ❊Sugar Flower❊ (7) 09/12/2018
«ตอบ #22 เมื่อ09-12-2018 17:45:18 »

อย่าปล่อยให้เกมส์ลอยนวล  :angry2:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (8) 09/12/2018
«ตอบ #23 เมื่อ09-12-2018 19:36:30 »



- 8 -



เมื่อรู้ว่าเกมส์กำลังจ้องจะเล่นงานเขาโดยใช้น้องเป็นเป้านิ่ง เป้จึงมารับน้องที่บ้านทุกวัน ไม่เปิดโอกาสให้เกมส์ได้เข้าถึงตัวน้องเวลาที่พวกเขาไม่อยู่ บอกโอโซนด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อที่จะให้ช่วยกันหาทางดูแลปกป้องน้อง

การทำเพิกเฉยเมื่อมีคนมาระรานอย่างที่ผ่านมาเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องปรกติ มาเวลานี้เป้กลับรู้สึกอยากย้อนเวลาได้ อยากกลับไปทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้ตนเองไม่เป็นที่สะดุดตาสะดุดเท้าใคร แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ รู้สึกผิดกับน้องจริง ๆ ที่ต้องมาคอยระแวงระวังเพราะตัวเขาเองที่ทำให้มันเป็นไป แม้ไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ก็ไม่รู้ว่าเกมส์จะตามรังควานเขาไปถึงไหน ไม่คิดจะหยุดบ้างเลยหรืออย่างไร แค่เรื่องฮันนี่ก็หนักหนาพออยู่แล้ว...

คาบว่าง ชูการ์น้อยกับน้องเพลินและเพื่อนในห้องพากันไปห้องสมุด ขณะที่นั่งอ่านหนังสือกันอยู่ ฮันนี่ก็เข้ามานั่งโต๊ะเดียวกัน น้องเพลินลุกไปหาหนังสือที่อยากยืมกลับไปอ่านที่บ้าน ทำให้ชูการ์เงยขึ้นมาจากหนังสือตรงหน้าแล้วสบตากับฮันนี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี นั่นทำให้ทั้งคู่ชะงักไป ก่อนจะเป็นคนน้องที่เปิดยิ้มให้พี่ก่อน พี่ฮันนี่จึงยิ้มตอบกลับมา

เด็กหนุ่มหน้าหวานลอบมองปฏิกิริยาน้องอยู่เงียบ ๆ ดูน่ารักใสซื่อแบบนี้น่าเป็นห่วงจริง...

“มีอะไรติดอยู่บนหน้าผมหรือเปล่าครับ?”

“หือ?” คำถามจากชูการ์ทำให้ฮันนี่หลุดจากภวังค์ มัวแต่มองน้องเพลิน

“คือ... เห็นพี่มองนานแล้ว...” น้องขยายความตะกุกตะกัก มีพี่ชายหน้าตาน่ารักมาจ้องเอา ๆ แบบนี้ เขาเขินแย่

“อ๋อ ขอโทษครับ น้องน่ารัก พี่เลยมองเพลิน” ฮันนี่ว่าอย่างนั้น เห็นน้องเขินแล้วรู้สึกอยากแกล้งอย่างไรไม่รู้สิ หนุ่ม ๆ วงฮอทเนสจะเป็นเหมือนเขาไหมนี่

เมื่อได้ฟังคำตอบ ชูการ์ก็อ้าปากหวอ เขาควรจะดีใจไหมที่ถูกชมว่าน่ารักจากคนที่น่ารักยิ่งกว่าอีก รู้สึกทำตัวไม่ถูกแฮะ

“พี่ชื่อฮันนี่นะ”

คำแนะนำตัวจากพี่ชายหน้าหวานฝั่งตรงข้ามทำให้น้องกะพริบตาปริบ ประมวลผลไม่ทัน ก่อนที่ริมฝีปากอมชมพูจะเผยยิ้มออกมาแล้วแนะนำตัวเองกลับบ้าง

“ผม... ชูการ์ครับ”

“ชื่อเราประเภทเดียวกันเลยเนอะ” ฮันนี่ชวนคุยยิ้ม ๆ

“ครับ”

น้องตอบรับแล้วยิ้มแหย แบบว่ายังไม่สนิทกัน เขาจึงค่อนข้างจะประหม่า ไม่สิ ประหม่ามาก ๆ เลยต่างหาก ยิ่งรู้ว่าพี่เขาเคยสนิทสนมกับพี่ ๆ วงฮอทเนสโดยเฉพาะพี่เป้มาก่อน ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจที่จะคุยด้วยอย่างไรไม่รู้ พี่เขาดูดีอะเนอะ

เมื่อน้องเพลินได้หนังสือกลับมาแล้วทั้งสองคนจึงได้ขอตัว เอาหนังสือไปลงชื่อยืมกับพี่บรรณารักษ์เพื่อจะได้เอากลับไปอ่านที่บ้าน เสร็จแล้วจึงพากันออกมา เดินผ่านพี่ผู้ชายคนหนึ่งแล้วเขาหันมามองแปลก ๆ ก่อนจะยิ้มให้ ชูการ์เหลียวกลับไปมองพี่เขาคอแทบหลุด เมื่อจำได้ว่าเป็นหมอดูในงานโรงเรียนเมื่อคราวก่อน

“เพลินว่าพี่หมอดูคนนั้นเขาทำหน้าแปลก ๆ หรือเปล่า?” ชูการ์กระซิบถามเพื่อน

“ทำไมเหรอ?” น้องเพลินหันกลับไปมองด้านหลังแล้วขยับแว่นตนเองให้เข้าที่

“ไม่รู้สิ เพลินบอกว่าเขาเห็นอนาคตนี่ เมื่อกี้เขาเห็นอะไรหรือเปล่านะ?” หนุ่มน้อยเอียงคอครุ่นคิด เริ่มเป็นกังวลกับสีหน้าคนอื่นเสียแล้วสิ

“ไม่หรอกมั้ง แค่เดินชนกันเอง” น้องเพลินให้เหตุผล แค่เดินผ่านแล้วชนกันนิดเดียว เรียกว่าเฉียดดีกว่า แค่เฉียด พี่เขาคงไม่เห็นอะไรได้รวดเร็วขนาดนั้นหรอกมั้งนะ

“กลับไปถามพี่เขาเลยดีกว่า”

ชูการ์น้อยพึมพำแล้วตั้งท่าจะหมุนตัวกลับไปถามพี่หมอดูให้หายคาใจ แต่กลับมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเขา เด็กชายยิ้มตาหยีก่อนวางของบางอย่างลงบนมือของชูการ์ แถมเงยขึ้นมาแจกยิ้มแป้นแล้นให้อีกทีด้วยสิ

“อะไรครับ?” ชูการ์เอ่ยถามเด็กชายคนดังกล่าวงง ๆ เอาอะไรมาให้เขานี่

“ดิวให้มา บอกว่าใส่ติดตัวไว้” เด็กชายตัวผอมเอ่ยบอก

ชูการ์มองวัตถุชิ้นเล็กที่ส่องแสงแวววาวในมือแล้วจึงเอ่ยถามอีก “มันคืออะไร?”

“แก้วมุกดา แพงมากนะ” คนพูดทำหน้าทำตาประกอบให้รู้ว่ามันแพงจริง ๆ

“หา!? งั้นเอากลับไปเถอะ”

พอชูการ์ยื่นมันกลับมาให้ เด็กชายก็หัวเราะ มือเรียวเล็กดันมือชูการ์กลับมาแล้วยิ้ม

“ให้ฟรี ไม่คิดตังค์หรอก ไปนะ”

“เอ่อ…”

ชูการ์อึกอัก ไม่รู้จะพูดอะไรดีเพราะยังงงกับสถานการณ์ ก้มมองแก้วมุกดาที่ว่านั่นในมือของตนเองแล้วจึงเงยขึ้นมาร้องบอกขอบคุณคนที่กำลังจะก้าวเข้าห้องสมุด

“ขอบคุณนะ”

“คร้าบบบ”

หน้าตาจิ้มลิ้มยังอุตส่าห์โผล่ออกมารับคำขอบคุณจากเขาก่อนเข้าห้องสมุดไป ส่งเสียงดังอย่างไม่กลัวว่าพี่บรรณารักษ์จะดุเอา แต่จะว่าไปก็เพราะเขาเองที่ทำให้น้องคนนั้นเสียงดัง ชูการ์อมยิ้ม กำสิ่งที่อยู่ในมือแน่น ไม่รู้ว่าให้มาทำไม แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมีน้ำใจ หากเขาจะรับไว้คงไม่เป็นไรมั้งนะ


........


“อะไรน่ะ ชูการ์?”

โอโซนเอ่ยถามเมื่อออกจากห้องน้ำมาเห็นน้องนอนดูอะไรไม่รู้อยู่บนเตียงของตนเอง แขนเรียวยืดออกไปจนสุดแล้วมองมันอยู่อย่างนั้น เด็กหนุ่มเดินมาชะโงกดู เห็นมันเป็นเหมือนพวกอัญมณีที่ใสคล้ายแก้ว เม็ดเล็ก ๆ ถูกล้อมรอบด้วยเชือกถัก ร้อยกับสร้อยเงินที่น่าจะเป็นของชูการ์เองเพราะเคยเห็นใส่อยู่ แต่จี้ไม่ใช่อันนี้

“มีน้องคนหนึ่งให้ก้ามา บอกว่ามันคือแก้วมุกดา” ชูการ์ลุกขึ้นมานั่งแล้วยื่นให้พี่ชายดู เข้ามาเพราะจุดประสงค์นี้เลย

“ใช้ทำอะไรได้?” โอโซนจับพลิกไปพลิกมา ความใสของแก้วล้อแสงไฟแวววาว

“ไม่รู้สิ แต่มันสวยดีนะพี่โซน”

“อืม” โอโซนเห็นด้วย ก่อนส่งมันคืนไปให้น้อง ดูแล้วมันคงไม่มีพลังบางอย่างซ่อนอยู่หรอกมั้ง ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องเรียกริว จิตสัมผัสมาตรวจสอบ... ว่าไปนั่น

พอคืนน้องไปแล้วโอโซนก็ไม่ได้สนใจอะไรกับของชิ้นนั้นอีก เพียงแต่ถามว่าใครให้มาจะได้ไปขอบคุณเขาถูก เมื่อเอาไปให้พี่ชายดูแล้วชูการ์น้อยก็กลับมาที่ห้องของตนเอง ก่อนจะนอนก็เขียนจดหมายตามความเคยชิน วันนี้ไม่ได้มีเพียงเรื่องที่เขียนอยู่ทุกวัน แต่ยังมีเรื่องของที่ตนเองได้มาเพิ่มเข้าไปด้วย

เมื่อเขียนเสร็จแล้วชูการ์ก็เก็บใส่กล่องไว้อย่างเดิม เดินไปปิดไฟก่อนขึ้นเตียงนอน วางสร้อยที่ตนเองเอามาร้อยจี้แก้วมุกดาเอาไว้บนหัวเตียง สวดมนต์ไหว้พระแล้วจึงล้มตัวลงนอน ริมฝีปากอิ่มประดับด้วยรอยยิ้ม คืนนี้รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเลย



ห้องนอนของเด็กหนุ่มที่เป็นตัวอันตรายสำหรับวงฮอทเนสในตอนนี้ ประตูห้องเปิดออก ฮันนี่ก้าวเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แฝงความไม่พอใจเอาไว้เต็มเปี่ยม เด็กหนุ่มหน้าหวานยืนกอดอกมองเจ้าของห้องที่ยังเล่นเกมในคอมพิวเตอร์ไม่หันมาสนใจตนเอง ก่อนที่จะเอ่ยถามออกไป

“คิดจะทำอะไร เกมส์?”

“ไม่ยุ่งสักเรื่องได้ไหม?”

เกมส์ตอบกลับทั้งที่ยังไม่หันมามอง เสียงยิงกันในจอดังสนั่น ดูมันจะเพิ่มระดับเสียงมากขึ้นไปอีกหรือเปล่าฮันนี่ก็ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่ามันหนวกหูมาก

“กูขอ”

ฮันนี่พูดสื่อความหมายเพียงเท่านั้นแล้วเงียบ ได้ยินเสียงสบถของเกมส์ดังแว่วมาพร้อมกับหน้าจอขึ้นคำว่าแพ้ เกมส์ดันเก้าอี้ให้หมุนมาทางที่ฮันนี่ยืนอยู่ ดวงตาคมดุมองคนหน้าหวานตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์

“ทำไม ยังรักมันอยู่หรือไง ถ้าใช่ มึงน่าจะร่วมมือกับกูมากกว่านะ กูได้เด็กนั่นมา ส่วนมึงก็ได้ไอ้เป้กลับไป” เกมส์ว่า ยิ่งพูดยิ่งขุ่นมัว

“เด็กคนนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องของพวกเราไม่ใช่เหรอ อย่าทำให้เขาแปดเปื้อนเพราะมึงจะดีกว่า เขาอยู่สูงกว่ามึงเยอะ”

ยอมรับว่ารู้สึกแปลบปลาบในใจกับคำพูดของคนนี้ เกมส์กำมือเกร็งแน่นก่อนจะผ่อนมันลงแล้วคลายออก มุมปากยกยิ้มหยัน ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้า มือล้วงกระเป๋าท่าทางกวนโทสะ

“เอาจริง ๆ เลยไหม?”

“.........”

“กูชอบน้องเขา และกูต้องได้”

น้ำเสียงจริงจังและฟังดูดื้อดึงจนฮันนี่ถอนใจเฮือกใหญ่

“จะเอาให้ได้ใช่ไหม?” เด็กหนุ่มหน้าหวานเอ่ยถามกลับเสียงราบเรียบเช่นเดิม

เกมส์นิ่ง ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทั้งคู่มองกันไม่หลบ ราวกับว่าคนที่หลบสายตาก่อนจะแพ้กระนั้น เมื่อเกมส์ไม่ตอบอะไร ฮันนี่จึงได้พยักหน้าเนิบช้าเชิงรับรู้

“กูจะได้รู้ไว้...” พูดเพียงเท่านั้นแล้วฮันนี่ก็ออกจากห้องไป

เกมส์ยืนนิ่ง สีหน้าสับสนว้าวุ่นใจแต่ก็ยังไม่ยอมขยับ สุดท้ายก็ตัดสินใจก้าวไปที่ประตูแล้วกระชากเปิด ด้านนอกมีเพียงความว่างเปล่า เกมส์จึงรีบวิ่งลงมาด้านล่างแต่ก็ไม่ทันอีกคนเสียแล้ว ได้แต่ยืนฮึดฮัดสารพัดจะเป็นอยู่ตรงหน้าบ้านนั่น

“โธ่เว้ย!”

ขายาว ๆ ได้แต่เตะลมเตะแล้งไปตามเรื่อง ไม่รู้จะโทษใครเพราะที่ผ่านมามันความผิดตัวเองทั้งนั้น และเขาก็ไม่เคยคิดทำมันให้ดีขึ้นเลยด้วยซ้ำ

เกมส์ผ่อนลมหายใจยาวยืด แค่หมอนั่นมาก็ทำให้อึดอัดคับข้องจนหายใจติดขัด เขาท่าจะอาการหนักแล้ว มือใหญ่ขยุ้มเสื้อตรงอกด้านซ้าย แค่คิดถึงก็เจ็บ แย่ชะมัด


..........


วันต่อมา

พอหมดคาบเรียนของวัน เด็กนักเรียนก็ทยอยออกจากห้องมา ชูการ์กับน้องเพลินออกมานั่งรอเวลาพี่ ๆ เลิก เอาการบ้านมาทำฆ่าเวลาไปพลาง ๆ สักพักโอโซนก็โทรมาบอกว่าเลิกแล้วเหมือนกัน ชูการ์จึงบอกให้พี่ชายมาหาที่โต๊ะหินอ่อน

เด็ก ๆ พากันเก็บของใส่กระเป๋า น้องเพลินขอไปเข้าห้องน้ำ ชูการ์น้อยจึงนั่งรอเพราะตนเองเป็นผู้ชาย ไม่กล้าเดินไปกับเพื่อนด้วย มองบรรยากาศรอบกายไปเรื่อยเปื่อย จนสายตาสะดุดเข้ากับพี่เจ้าของสร้อยที่ตนเองใส่ เหมือนพี่เขาจะรู้ว่ามีเด็กน่ารักแถวนี้แอบมองเลยหันมา พี่เขาส่งยิ้มมาให้ ชูการ์น้อยจึงยิ้มตอบ ตั้งแต่ได้สร้อยมายังไม่ได้ขอบคุณพี่เขาอย่างจริงจังเลย ต้องหาโอกาสเหมาะ ๆ หาของไปตอบแทนเสียแล้วสิ

“เจอกันอีกแล้ว”

ชูการ์น้อยหันขวับไปมองที่มาของเสียงทักนั้น รอยยิ้มของรุ่นพี่หน้าหวานส่งนำมาก่อน ทำให้ชูการ์น้อยยิ้มตอบพี่เขากลับไป ฮันนี่อมยิ้มนิด ๆ เมื่อมองน้อง พอถูกจ้องมองมากเข้าชูการ์ก็รู้สึกเก้อกระดาก เอียงคอน้อย ๆ มองตอบรุ่นพี่อย่างมีคำถาม

“น่ารักจริง ๆ นั่นแหละ” พี่พูดขึ้นมายิ้ม ๆ

ชูการ์เกาแก้มเบา ๆ เพราะทำอะไรไม่ถูก เหลือบมองพี่เขาแล้วก็หลบสายตาด้วยความเขินอยู่อย่างนั้น นั่นยิ่งทำให้รอยยิ้มของฮันนี่กว้างขึ้นไปอีก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวงฮอทเนสถึงพากันหวงเด็กคนนี้นัก

“ฮันนี่” เป้เดินมาพร้อมเพื่อน ๆ เอ่ยทักฮันนี่ที่ยืนอยู่กับน้อง สมาชิกที่เหลือก็ยิ้มทักทาย

“หวัดดี”

ฮันนี่ทักกลับยิ้มแย้ม ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเป้ก้าวเข้ามาใกล้ชูการ์แล้วเลื่อนมือมาเกี่ยวนิ้วก้อยของน้องก่อนจะกุมมือน้องไว้ ชูการ์เองก็เงยมองพี่ เมื่อพี่ยิ้มให้จึงกระชับมือพี่ตอบ

“ไปก่อนนะ” ฮันนี่เอ่ยขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนเกินอย่างไรไม่รู้

“กลับบ้านดี ๆ”

เสียงเป้ที่ดังตามหลังทำให้ก้าวเดินของเด็กหนุ่มหน้าหวานชะงัก ค่อยหันกลับมามองคนพูดแล้วยิ้ม

“อืม เหมือนกัน”

เมื่อพี่หน้าหวานเดินห่างออกไปจนลับสายตาแล้ว ชูการ์น้อยก็เอ่ยขึ้น “ทักทายกันเฉย ๆ”

“หือ?” เป้เลิกคิ้วข้างหนึ่ง อยู่ ๆ น้องก็พูดขึ้นมาทั้งที่เขายังไม่ทันจะได้ถาม

“ก็พี่จะถามว่าคุยอะไรกันใช่ม้า?” น้องน้ำตาลคาดเดาอย่างตรงเผง

เป้อมยิ้ม ท่าทางน้องจะเข้ามานั่งในใจเขานะนี่ รู้ด้วยว่าเขาจะถามอะไร เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอ โยกหัวน้องเบา ๆ น้องก็ทำเป็นหดคอแล้วยิ้มตาหยีก่อนจะหัวเราะออกมา

โอโซนเข้ามาโอบบ่าน้อง ชูการ์เงยหน้าขึ้นมองพี่แล้วโอบเอวพี่ตอบ ก่อนทั้งหมดจะพากันกลับบ้านเมื่อน้องเพลินกลับมาสมทบ

ช่วงนี้เป้กับน้องน้ำตาลน้อยตัวติดกันตลอด เขาไปรับน้องที่บ้านทุกวันจนคุณพ่อคุณแม่แปลกใจ ตอนนี้เขายังมีเวลาทำอยู่ อีกหน่อยคงปลีกเวลาลำบากเพราะต้องตะลุยสอบ อาจไม่ค่อยได้เจอน้องสักพัก ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะกันน้องให้ห่างเกมส์ได้ ที่คิดไว้ตอนนี้คงต้องให้คนช่วยดูน้องให้ ไม่อยากประมาทเพราะไม่รู้ว่าเกมส์จะมาไม้ไหนอีก แต่ช่วงที่พวกเขายุ่ง เกมส์ก็คงไม่ต่างกันนัก

เรื่องเกมส์มีส่วนทำให้เป้ได้อยู่ใกล้ชิดน้องมากขึ้น แต่ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้เขาก็อยากอยู่ใกล้น้องอยู่ดี สายตาคมมองน้องที่พูดคุยหัวเราะอยู่กับโอโซนแล้วยิ้มจาง ไม่อยากให้อะไรมากล้ำกรายน้องเลยจริง ๆ


.......


“แม่ น้องไปไหนครับ?”

โอโซนวิ่งลงมาจากชั้นบนเมื่อไปหาน้องชายที่ห้องแล้วไม่เจอ วันนี้เขาตื่นสายชะมัด พอลงมาชั้นล่างก็เห็นคุณแม่กำลังทำข้าวเช้าอยู่ ส่วนคุณพ่อไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวาน คงอีกสาม-สี่วันถึงกลับ

“เสียงดังอะไร โอโซน?” คุณแม่เอ่ยถามขณะที่ปิดเตาหลังจากทำอาหารเสร็จ หันมาจัดการล้างอุปกรณ์ทำครัว

“ชูการ์ไปไหนครับ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามซ้ำขณะเดินเข้ามาช่วยท่านเก็บกวาด

“อ้อ น้องไปข้างนอกน่ะ พอดีมีคนมารับ”

“เป้เหรอครับ?” โอโซนคาดเดา มาตอนเขาเผลออีกแล้วไอ้นี่ เผลอเป็นฉกน้องเขาไปตลอด ๆ

“เปล่าจ้ะ ไม่ใช่เป้ ลูกชายเพื่อนแม่น่ะ ที่แม่กับพ่อพาชูการ์ไปกินข้าวด้วย”

คุณแม่ยิ้มบอกอย่างไม่คิดอะไร แต่คุณลูกที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับตาเหลือก

“ไอ้เกมส์!!” โอโซนเสียงดังอย่างตกใจ พลอยทำให้คุณแม่สะดุ้งตกใจตามไปด้วย “แม่ให้น้องไปกับไอ้เกมส์ได้ไง มัน…”

พอจะพูดแล้วโอโซนก็หยุด ไม่รู้ควรบอกเรื่องนี้กับคุณแม่ดีไหม มันเหมือนเรื่องเด็กทะเลาะกันแล้วเอามาฟ้องแม่อย่างไรไม่รู้

“มันทำไม?” คุณแม่เอ่ยถามเมื่อโอโซนทำท่าจะพูดอะไรแล้วก็ไม่พูดต่อ สายตาท่านมองมาอย่างสงสัย

“มันไม่ค่อยถูกกับโซนแล้วก็เพื่อน ๆ ในวงด้วย” โอโซนเอ่ยบอกเสียงเบา ไม่กล้าสู้สายตาคุณแม่

“ถึงขั้นเลวร้ายแล้วใช่ไหม?” ท่านเอ่ยถามเสียงเรียบ หัวคิ้วเริ่มขมวด

“ก็เสี่ยงมากอยู่ครับ โซนโทรเรียกเพื่อนก่อนดีกว่า” โอโซนบอก แล้วหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์โทรออก ขณะรอสายก็เอ่ยถามคุณแม่ถึงที่มาที่ไป “ว่าแต่ทำไมไอ้เกมส์มันมารับชูการ์ได้ล่ะ มันบอกแม่ว่ายังไง แม่ถึงยอมให้น้องออกไปกับมัน”

“น้องขอ”

“น้องนี่นะขอ... เออ ไปบ้านเชี่ยเกมส์เดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวกูจะรีบไป โทรบอกพุฒกับนินด้วย กูจะโทรหาไอ้กัส”

โอโซนทำเสียงแปลกใจในทีแรก ก่อนจะคุยโทรศัพท์เมื่อปลายสายกดรับเสียที ท่าทางเด็กหนุ่มดูร้อนใจ เตรียมจะออกจากบ้านไปอย่างที่บอกกับเพื่อนเมื่อวางสาย คุณแม่เดินตามออกมาขณะที่โอโซนขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์แล้วสวมหมวกเตรียมสตาร์ท

“แม่จะไปพาน้องกลับ จะบอกทางโน้นด้วยว่าลูกชายเขาทำอะไร” คุณแม่เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง

“เอ่อ มันไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอกครับ แม่ โซนจัดการได้นะ อย่าให้แม่กับเพื่อนต้องทะเลาะกันเลย” เด็กหนุ่มหน้าเจื่อน เหมือนเขาจะนำความร้อนใจมาให้คุณแม่เสียแล้วสิ

“จัดการได้แน่นะ?” คุณแม่ยังเอ่ยถามเป็นกังวล

“ครับ” โอโซนรับปากหนักแน่นแล้วสตาร์ทรถ

“มีอะไรโทรบอก” คุณแม่ตะโกนตามหลังเมื่อลูกชายเร่งเครื่องออกตัวไป

“ครับ”

โอโซนตอบรับคำขณะที่ขับรถพ้นจากรั้วบ้านของตัวเองไปแล้ว ขออย่าให้เกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับน้องชายของเขาเลย



รถของสมาชิกวงฮอทเนสมาถึงบ้านของเกมส์ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทุกคนลงจากรถแล้วเดินเข้ามารวมกันหน้าบ้าน กดกริ่งแล้วรออย่างร้อนใจ อยากจะพังประตูเข้าไปหากทำได้

เมื่อคนด้านในมาเปิด ห้าหนุ่มก็ก้าวเดินแล้วเปลี่ยนเป็นวิ่งเข้าไปในบ้าน แม่บ้านพากันตกใจที่เด็กหนุ่มทั้งห้าคนบุกเข้ามา แต่ก่อนหน้านั้นได้รับคำสั่งให้อยู่กันเงียบ ๆ หากมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนได้แต่เลี่ยงออกไปเพราะไม่อยากมีปัญหา

เพียงแค่พวกเขาพ้นส่วนห้องโถงมายังห้องนั่งเล่นก็เห็นชูการ์น้อยกำลังนั่งกินพุดดิ้งอยู่กับฮันนี่ที่โซฟาตัวยาว ไม่ไกลกันนั้นคือเกมส์ที่นั่งกอดอกมองทั้งสองคนหน้าตาบูดบึ้ง มีผ้าสีขาวปิดที่ข้างขมับ เห็นเลือดซึมออกมาเป็นวง

หนุ่ม ๆ พากันชะงักกึก มองสถานการณ์ด้วยความมึนงง ก่อนที่เป้จะเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าไปกระชากคอเกมส์ขึ้นมาแล้วต่อยคว่ำ ชูการ์อ้าปากค้าง ช้อนพุดดิ้งแทบร่วง ขณะที่ฮันนี่เอามือปิดตาน้องไว้ ทำให้น้องหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่กเพราะมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้ยินแต่เสียงตุ้บตั้บอะไรไม่รู้

“โอโซน พาน้องออกไปก่อน” ฮันนี่บอกโอโซนที่กำลังจะเข้าไปรุมยำเท้าร่วมกับเพื่อน พร้อมดันตัวน้องไปให้

มือของพี่ชายคว้าแขนน้องแล้วดึงให้เดินตามออกมาจากห้อง พอน้องจะหันไปมอง พี่ชายก็รั้งใบหน้าให้หันกลับมาแล้วพาออกไป ที่เหลือให้เพื่อนช่วยจัดการไปก่อน


ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (8) 09/12/2018
«ตอบ #24 เมื่อ09-12-2018 19:38:48 »


“พี่โซน” ชูการ์เอ่ยเรียกพี่ที่เดินดุ่มจนเขาเดินตามจะไม่ทัน

“ไม่ต้องห่วงหรอก พวกนั้นมันจัดการได้” โอโซนพูดเสียงนิ่ง พยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ เพราะอยากกลับไปจัดการเกมส์ด้วยตัวเองเหลือเกินในตอนนี้

“พี่โซน…”

น้องยังเรียกอีกทำให้โอโซนผ่อนฝีเท้าลง ถอนใจยาวแล้วหยุดเดินก่อนหันมาหา จับไหล่เล็กเอาไว้แล้วมองสำรวจ ก่อนเอ่ยถามอย่างห่วงใย

“มันทำอะไรเราหรือเปล่า หืม?”

คำถามของพี่ชายคงกระทบใจทำให้น้องน้อยโผเข้ากอด โอโซนชะงัก รู้สึกใจสั่น กลัวว่าน้องจะถูกทำอะไรไป กลัว...

“ชูการ์…”

ชูการ์ส่ายหน้ารัว พูดเสียงอู้อี้กับอกพี่ชาย “ก้าไม่รู้ ตื่นมาก็เห็นพี่เกมส์หัวแตกแล้ว แต่... แต่ว่า…”

“อะไร? แต่อะไร!!?”

โอโซนดันตัวน้องออกมาเอ่ยถามร้อนใจ หัวใจเขาเต้นระทึกด้วยความกลัว ยิ่งน้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ โอโซนยิ่งแทบจะคลั่งตาย

“ชูการ์ บอกพี่สิ!”

น้องยังเงียบ ไม่ยอมพูด มือดึงชายเสื้อตัวเองลงทั้งที่มันไม่ได้ถลกขึ้นมาสักนิด สายตาพี่ชายค่อยเลื่อนมาที่มือน้องจับ ก่อนเงยขึ้นมามองหน้าน้อง กลืนน้ำลายหนืดคอแล้วแกะมือน้องออกจากเสื้อ ถลกชายมันขึ้นมาดู ตัวขาว ๆ ปรากฏรอยแดงอยู่ประปราย หัวใจเขาแทบหยุดเต้น

“ไอ้เหี้ย!!” โอโซนสบถแล้ววิ่งกลับไปทางเดิมที่ตนเองพาน้องเดินมา

“พี่โซน!!”

ชูการ์รีบวิ่งตามไปดึงพี่ไว้ แต่โอโซนก็ยังเข้าไปในห้องที่เกมส์อยู่จนได้ เด็กหนุ่มฝ่าเพื่อน ๆ เข้าไปโดดถีบเกมส์เข้ากลางลำตัว แล้วตามไปเตะซ้ำ เพื่อน ๆ รีบเข้าไปห้ามเมื่อเห็นท่าทางโอโซนไม่ปรกติ

“พี่โซน…”

ชูการ์ร้องไห้อย่างทำอะไรไม่ถูก พี่ชายเขากำลังโกรธจัดจนใครก็ห้ามไม่อยู่ เป้ก้าวเข้ามาหาน้องที่ยืนร้องไห้เรียกพี่ชายอยู่ ขณะที่ออกัสใช้แรงที่เหนือกว่ารวบตัวโอโซนแล้วดึงออกห่างจากเกมส์ที่ลงไปนอนขดอยู่บนพื้น

“มึงกล้าทำน้องกู ไอ้สัด!!” โอโซนตะคอกดัง ดวงตาแดงก่ำด้วยความแค้นใจ ดิ้นสุดแรงจะให้พ้นจากแขนของออกัส

“พอแล้วโซน!”

“กูไม่พอ กูจะฆ่ามัน!!”

“มึงฟังกู!”

“ไม่!!”

โอโซนไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น เมื่อออกัสตะคอกมา หนุ่มมือกีตาร์ก็ตะคอกกลับ ขืนปล่อยไปโอโซนได้ทำอย่างที่พูดแน่ ออกัสจึงต้องลากเพื่อนออกไปจากสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย

เป้กอดน้องเอาไว้ ลูบหลังน้องที่สะอึกเพราะร้องไห้ สายตาเหลือบมองเกมส์ที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา เมื่อเกมส์เงยขึ้นมามองน้อง เป้ก็เบี่ยงตัวกันน้องไว้ น้ำตาน้องยังไหลอาบแก้ม ซุกหน้ากับอกพี่สะอื้นเบา ๆ

“พอแล้วเหรอ กูยังไม่ตายเลย” เกมส์ยิ้มเย้ยทั้งที่สภาพตัวเองดูไม่ได้

“ท้าทายเขาทำไม?” ฮันนี่เสียงดุ มือขยุ้มดึงผมเกมส์จนหน้าหงาย ไม่อ่อนหวานเหมือนชื่อเลยสักนิด

“มันเจ็บ!” เกมส์เอี้ยวหน้ามามองคนทำตาเขียวขุ่น

“รู้ว่าเจ็บแล้วยังไปท้าทายเขาอีก ถ้าอยากตายมากเดี๋ยวกูจะจัดให้ ไม่ต้องให้ถึงมือคนอื่นหรอก!” เด็กหนุ่มหน้าหวานกัดฟัน เกมส์ที่หน้าบูดอยู่แล้วเลยบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม

“พวกกูหวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ลงมือลงไม้กับมึงนะ เชี่ยเกมส์ กูรังเกียจเลือดชั่ว ๆ ของมึงว่ะ ติดมือกูด้วย แหวะ” ว่าแล้วธนินก็ทำเป็นสลัดมือ ทำหน้าขยะแขยงเต็มทนจนเกมส์จะพุ่งเข้ามาหา

“ไอ้...”

เกมส์พูดได้เพียงเท่านั้นเมื่อลืมไปว่าฮันนี่ยังไม่ได้ปล่อยมือ ฮันนี่กระตุกผมคนทำตัวกร่างก่อนหันไปมองกลุ่มเพื่อนแล้วว่า

“มันจะไม่มีอีกแล้ว นิน ต้องขอโทษพวกนายด้วยที่เราปล่อยให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับน้องชูการ์”

“มันไม่ใช่ความผิดของฮันนี่สักหน่อย ออกรับแทนมันทำไม!” พุฒเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ ธนินพยักหน้าเห็นด้วย

“ไม่หรอก มันเป็นความผิดของเราเองที่ไม่ดูแลหมาบ้านี่ดี ๆ ปล่อยให้ไประรานคนอื่นเขาไปทั่ว ต่อไปจะจับล่ามโซ่ไว้ใส่กุญแจไว้เลย ไว้ใจได้” ฮันนี่ยืนยันมั่นเหมาะ

“ไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพกูซักคำ”

“บ่นอะไร!”

เกมส์เบือนสายตาไปทางอื่น ใช้หลังมือปาดเลือดแล้วจิ๊ปากเมื่อเห็นว่ามันซึมติดหลังมือมา ฮันนี่ส่ายหน้าหน่ายใจแล้วปล่อยมือจากผมของเกมส์ ก้าวมาหาเป้กับชูการ์ มองน้องที่มีน้ำตาอาบแก้มแล้วก็รู้สึกผิด ถึงใครจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเขาก็เถอะ แต่เห็นเด็กคนนี้ร้องไห้แล้วมันอดรู้สึกผิดไม่ได้จริง ๆ

“พี่ขอโทษนะ ชูการ์”

น้องน้อยส่ายหน้าอยู่ในอ้อมแขนพี่เป้ ฮันนี่เอื้อมมือมาเกลี่ยน้ำตาที่แก้มน้องแล้วยิ้มเศร้า ก่อนที่จะเบือนสายตามามองเป้

“ขอโทษนะ เป้ ที่เราไม่เคยทำอะไรให้มันดีขึ้นเลย”

“เป้เข้าใจว่าฮันนี่คงไม่อยากยุ่งกับมันเท่าไร แล้วอีกอย่าง สันดานไอ้เกมส์มันก็เป็นแบบนั้น”

ว่าแล้วเป้ก็ปรายตาไปมองเจ้าของชื่อที่มองจ้องมาที่เขาเช่นกัน ก่อนหันกลับมาหาฮันนี่ พูดด้วยความห่วงใย

“ฮันนี่ เป้อยากให้ฮันนี่เจอคนดี ๆ ที่จะดูแลฮันนี่ได้ดีกว่ามัน”

“คนคนนั้นอยู่ไหนล่ะ เป้?” ฮันนี่เอ่ยถามกลับ สีหน้าเว้าวอนอย่างไม่ตั้งใจ

เป้ชะงัก มองดวงตาคู่เดิมที่เขาเคยสบด้วยความรัก ตอนนี้มันช่างเหงาและเศร้า แต่ก่อนที่จะได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น แขนของน้องก็กอดเขาแน่นขึ้น ทำให้เขารู้สึกตัว ก้มมองน้องที่ก้มหน้าซ่อนความรู้สึก แต่แขนที่กอดแน่นก็พอจะบอกอะไรเขาได้อยู่ เขาลูบหลังน้องเบา ๆ ทำให้อ้อมแขนนั้นคลายลง ก่อนผละออกมายืนข้างเขาแทนการกอด ไม่ยอมเงยขึ้นมามองหน้าเขาสักนิด

เมื่อสถานการณ์คลี่คลายทุกคนจึงจะพากันกลับ ไม่อยากจะอยู่ในที่ของศัตรูนาน ๆ โอโซนที่ถูกออกัสล็อคตัวไว้ก็ยังฮึดฮัดจะไปซ้ำเกมส์อีก แต่ก็โดนลากออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะได้ทำเช่นนั้น เป้เองก็อยากทำอย่างโอโซน แต่หน้าที่สำคัญในตอนนี้คือปลอบน้องต่างหาก

ทุกคนมารวมตัวกันที่บ้านของเป้ เด็กหนุ่มบอกกับพ่อและแม่ของตนเองว่ามีปัญหาเกิดขึ้นเล็กน้อย ขอรบกวนที่บ้านสักพัก ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร เพราะรู้ดีว่าถ้ามันหนักหนา เป้ต้องบอก

ชูการ์เล่าให้พี่ ๆ ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น น้องบอกว่าเกมส์มาที่บ้านเพื่อคุยเรื่องเป้กับฮันนี่ พอได้ฟังเช่นนั้นหนุ่ม ๆ ก็พากันมีสีหน้าเครียด แต่ก็ยังให้น้องเล่าต่อไป ชูการ์จึงเล่าต่อว่าเกมส์บอกกับตนเองว่าแค้นเป้เป็นการส่วนตัว ที่เป้มีเรื่องกับคนอื่นจนมีข่าวลือถึงเป้ในทางเสียหายก็เพราะเกมส์ และเกมส์ไม่คิดจะหยุดมัน จะทำให้มันมากขึ้นทุกวัน ชูการ์ไม่คิดว่าตัวเองจะช่วยอะไรพี่ได้ ที่เกมส์มาพูดเช่นนี้เพราะต้องการอะไรไม่รู้ จึงไม่คิดอยากจะฟัง

แต่เกมส์กลับไม่ยอมปล่อยให้ได้ทำอย่างใจคิด จะพาไปคุยที่บ้านแต่น้องไม่ยอม ทำให้เกมส์โทรบอกพรรคพวกเตรียมเล่นงานเป้ ชูการ์น้อยได้แต่อ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าคนคนนี้กล้าทำได้อย่างไร จะเรียกพี่ชายมาช่วยจัดการ แต่พี่ก็ยังไม่ตื่น จะวิ่งไปบอกคุณแม่ แต่เกมส์ก็รีบบอกว่าแค่คุยกัน แถมที่บ้านก็มีพ่อแม่ มีคนรับใช้อยู่ตั้งเยอะ คงไม่ทำอะไรน้องหรอก แถมยังบอกว่าจะให้ฮันนี่มาคุยด้วย อยากให้ชูการ์ช่วยบอกฮันนี่ทีว่ารักกันกับเป้ดี ให้ฮันนี่เลิกหวังในตัวเป้ ถ้าชูการ์พูดให้ฮันนี่เข้าใจตามนั้นได้ เกมส์จะเลิกยุ่งกับเป้เป็นการถาวร

ถึงจะเสนอมาเช่นนั้นแต่น้องก็ยังกลัวเกมส์อยู่ดี แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าพี่เป้จะถูกเล่นงานเอาอีก เพราะเคยเห็นตอนที่พี่ถูกทำร้ายจนเจ็บตัวแล้วก็พาลคิดหนัก ไม่รู้ควรจะทำอย่างไรดี

ชูการ์น้อยก็เลยขอให้คุณแม่ช่วยบอกพี่ชายด้วยว่าตนเองไปกับพี่เกมส์ เพราะไม่มีโอกาสแม้จะได้โทรบอกพี่เป้เมื่อเกมส์ไม่ให้โอกาสได้ทำ คุณแม่เองเมื่อเห็นว่าเป็นลูกชายเพื่อน แถมยังเป็นประธานนักเรียนโรงเรียนที่ลูกของตนเองเรียนอยู่ก็ไม่ได้เอ่ยห้าม จนเมื่อมาถึงบ้านของเกมส์ เด็กหนุ่มให้น้องนั่งรอในห้อง บอกว่าเดี๋ยวตนเองจะไปตามฮันนี่มา แม่บ้านนำน้ำ นำขนมมาให้ ชูการ์ก็ไม่แตะอะไรสักอย่าง แต่กลับมีบางอย่างภายในห้องที่ชูการ์ไม่รู้ กลิ่นหอมแปลก ๆ ที่ลอยวนอยู่เต็มห้องจนมึนหัว กว่าจะมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นว่าฮันนี่นั่งอยู่ข้างเตียง

ฮันนี่พาไปล้างหน้าล้างตาแล้วพาลงมาข้างล่างเพื่อรอ เพราะเดี๋ยวคงมีคนมารับแน่ ๆ ชูการ์ไม่ได้รู้สึกหวาดระแวงฮันนี่เหมือนเกมส์เลยสักนิด พอฮันนี่ให้กินอะไรรองท้อง ชูการ์เลยยอมกิน ขณะที่นั่งกินอยู่ เกมส์ก็เดินเข้ามา เห็นว่าอีกฝ่ายหัวแตก แต่ชูการ์ก็ไม่ได้ถามว่าทำไม เพราะตอนเข้าห้องน้ำชูการ์เห็นแล้วว่าบนตัวของตนเองมีรอยแดง ทีแรกก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดจากอะไร รู้แต่ว่ามันไม่ใช่รอยยุงกัดแน่ ๆ พอเปิดดูแล้วก็ใจสั่นจนอยากร้องไห้ เมื่อร่องรอยพวกนั้นมันปรากฏให้เห็นบนร่างกายมากกว่าหนึ่งหรือสอง แต่เมื่อออกจากห้องน้ำมา ฮันนี่ก็บอกว่ามันไม่มีอะไร บอกให้คอยดูน้ำหน้าเกมส์จะได้รู้ว่าตนไม่ได้โกหก

ฟังถึงตรงนี้พี่ ๆ ก็พากันลอบถอนใจอย่างโล่งอกไปเปาะหนึ่ง อย่างน้อยก็ยังไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับน้อง แต่เรื่องจิตใจน้องคงต้องคอยดูแลกันให้ดี เพราะพวกเขาประมาทเลินเล่อ ทำให้เกมส์บุกประชิดตัวได้แบบนี้ มีกันตั้งห้าคนแต่ดูแลน้องไม่ได้ แย่ชะมัด

“ถ้าพ่อกับแม่รู้ กูตายแน่” โอโซนโอดครวญเมื่อชูการ์ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องกับเป้ ลูบหน้าตัวเองแรง ๆ รู้สึกเครียดอย่างบอกไม่ถูก

“มึงจะไม่บอกแม่เหรอ?” ออกัสที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างกันเอ่ยถาม

“กูไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง จะบอกว่ากูดูแลน้องไม่ดี ทำให้น้อง... ทำให้... โอ๊ย ไอ้เหี้ย!!” คราวนี้พี่ชายน้องน้ำตาลถึงขั้นเอาหัวโขกโต๊ะ อึดอัดจนจะบ้าตายแล้ว

“เมื่อกี้มึงโทรบอกแม่ว่าไง?”

“ก็... ไม่ต้องห่วง มันไม่มีอะไร ตอนนี้กูกับน้องอยู่บ้านไอ้เป้” โอโซนวางคางบนโต๊ะที่ตนเองเอาหัวโขกเมื่อครู่

“แล้วแม่ว่าไง?”

“เดี๋ยวแม่คงตามมาที่บ้านนี้ กูไม่น่าทำให้แม่เป็นห่วงเลย... ไม่ได้เรื่อง” ลงท้ายประโยคเสียงแผ่ว ในอกรู้สึกเจ็บที่ตนเองดูแลน้องไม่ได้

ออกัสเอื้อมมือมาลูบผมเพื่อน ตาเขียว ๆ นั้นตวัดมองฉับ

“อย่าเล่นหัวกู”

“หึ มึงนี่ กูอุตส่าห์จะปลอบ”

หนุ่มนักร้องนำหัวเราะในลำคอ ถอยมือกลับเมื่อเจ้าของเขาไม่อนุญาตให้ลูบ ต่างคนต่างก็เงียบไป แต่ก็ยังนั่งอยู่ข้างกันไม่ไปไหน

“เมื่อไรไอ้เป้มันจะลงมาวะเนี่ย?” โอโซนพูดฝ่าความเงียบขึ้นมา ขยับยกหัวขึ้นจากโต๊ะมานั่งเอนหลังพิงโซฟา

“ให้เวลามันหน่อย มันก็เสียใจไม่แพ้มึงหรอก”

ได้ยินเพื่อนพูดเช่นนั้นแล้วโอโซนก็ถอนใจ ตอนนี้เขาอึดอัดมาก มันอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก มันหนักมันหน่วงไปหมด แย่สุด ๆ



ในห้องนอนของเป้ น้องเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เป้ให้น้องใส่ชุดของตนเองไปก่อน น้องนั่งเช็ดผมอยู่ปลายเตียงขณะที่เป้ยืนกอดอกมองอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่จะก้าวเข้าไปหา

ชูการ์เงยหน้าขึ้นมามองพี่ ตกใจเล็กน้อยที่อยู่ ๆ พี่ก็เข้ามากอด ขณะที่เป้ก็กอดน้องนิ่งอยู่อย่างนั้น จนมือน้องยกขึ้นมาลูบหลังเขาเบา ๆ ถึงได้คลายอ้อมแขน เปลี่ยนมานั่งลงที่ปลายเตียงข้างกายน้อง มองดวงตากลมที่ฉายแววฉงน

“พี่ขอโท...”

นิ้วเรียวยกแตะริมฝีปากพี่ เมื่อพี่จะพูดคำนั้นอีกแล้ว

“อย่าขอโทษก้าอีกเลยนะ มีแต่คนขอโทษก้า ก้ายกโทษให้ไม่ไหวแล้ว” น้องพูดติดตลก

เป้รวบกอดน้องไว้แน่น เสียงสั่น ๆ เอ่ยเรียกชื่อน้อง

“ชูการ์”

“หือ?”

“ชูการ์”

“อือ” แขนเรียวยกขึ้นกอดตอบพี่ รู้สึกได้ว่าไหล่พี่สั่น ดวงตากลมเลยรื้นขึ้นมาอีกครั้ง

แม้เป้จะรู้ดีว่าฮันนี่ช่วยน้องเอาไว้ทัน แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจ เสียใจที่ปกป้องน้องไม่ได้อย่างที่พูด ผิดหวังกับตัวเองที่ดีแต่ปาก

“พี่เป้” เสียงน้องเอ่ยเรียกแทรกความคิดเป็นกังวล

“ครับ”

“รักก้าไหม?”

คำถามของน้องได้รับอ้อมกอดกระชับแน่นตอบกลับมา

“รัก รักมาก” เป้บอกน้องดังที่ใจคิด

ชูการ์น้อยนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าน้องกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนมือเรียวจะดันตัวพี่ออกห่าง เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แล้วว่า

“ถ้างั้นพี่อย่าคิดมากเลยนะ ก้าไม่เป็นอะไรสักหน่อย พี่เป้กับพี่ ๆ ฮอทเนสดูแลก้าดีมาก ๆ ไหนจะยังมีพี่ฮันนี่อีก เยอะแยะเลยเห็นไหม?” น้องเจื้อยแจ้วแต่กลับมีน้ำตาคลอเบ้า

มือใหญ่เกลี่ยแก้มน้องเบา ๆ เพียงเท่านั้นน้ำตาน้องก็ร่วง ก่อนจะไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ เป้จูบหน้าผากน้องเบา ๆ เห็นน้องสะอื้นแล้วใจจะขาด ไม่รู้น้องกังวลอะไร แต่เขาอยากปัดเป่ามันไปให้หมด อยากทำให้มันหายไปให้หมด

“รักชูการ์นะ รักที่สุดเลย”

น้องพยักหน้าตอบรับหงึกหงักทั้งก้มหน้า เสียงสะอื้นยังดังมาให้ได้ยิน เป้กุมมือน้องไว้ นั่งอยู่เป็นเพื่อนน้องเงียบ ๆ เผื่อน้องอยากมีที่พักพิง เขาก็อยากเป็นคนนั้น

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เป้หันกลับไปมอง ชูการ์เองก็เงยหน้าขึ้นมาเพราะเสียงนั้น ดวงตากลมเบิกโตไม่แพ้คนเป็นพี่ที่นิ่งอึ้งไปแล้ว เมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นคือคุณแม่ของชูการ์เอง

“มีเรื่องอะไรยังไม่ได้บอกแม่อยู่อีกไหม ทั้งสองคน?”

ไม่รู้ว่าคุณแม่เปิดประตูเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนและเห็นอะไรไปบ้าง มองเลยไปด้านหลังก็เห็นโอโซนกับออกัสที่มีสีหน้าจืดเจื่อน คุณแม่ของน้องเองก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

เป้ลุกขึ้นมาขณะที่น้องนั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง คุณแม่กอดอกมองทั้งสองคนนิ่ง ไม่มีคำพูดใด มีเพียงบรรยากาศกดดันที่ก่อเกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบของทุกคน




ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ❊Sugar Flower❊ (8) 09/12/2018
«ตอบ #25 เมื่อ09-12-2018 21:06:14 »

 :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (8) 09/12/2018
«ตอบ #26 เมื่อ10-12-2018 03:06:47 »


ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ❊Sugar Flower❊ (8) 09/12/2018
«ตอบ #27 เมื่อ10-12-2018 18:17:17 »

ซูการ์ น้องเป็นเด็กสดใส ใจดี
เจอเรื่องแบบนี้ไป ก็ใจเสียเหมือนกันนะ
ทั้งระแวง ทั้งห่วงความรู้สึกคนอื่น
ความคิดคงสับสนพอดู สงสารน้อง

เป้เอ้ย บางอย่างเราบังคับไม่ให้เกิดไม่ได้

โอโซนโหมดโหดมาเลยจ้า ใครก็เอาไม่อยู่

ครอบครัวทีมนี้โอเคนะ พ่อแม่ดูเข้าใจ
ลุ้นตอนนี้นี่แหละ แม่น้องจะทำอะไรไหม

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (9) 10/12/2018
«ตอบ #28 เมื่อ10-12-2018 19:45:26 »


- 9 -



ชูการ์เดินตามคุณแม่ลงมาชั้นล่าง เหลียวกลับไปมองพี่เป้ที่เดินตามหลังมาช้า ๆ แต่เมื่อมือคุณแม่กระตุกแขนจึงต้องหันกลับแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย

โอโซนตบบ่าเป้ ให้กำลังใจเพื่อนที่เจอกับสถานการณ์คับขัน ก่อนจะเลี่ยงเดินตามน้องชายกับคุณแม่ไปเช่นกัน เหลือเพียงออกัสกับพุฒและธนินที่ยังอยู่ ทุกคนต่างหนักใจแทนเพื่อน ได้แต่เอาใจช่วยให้คุณแม่เข้าใจและยอมให้คบกันต่อไป

บนรถแท็กซี่มิเตอร์ ชูการ์นั่งเกร็งอยู่ข้างคุณแม่ที่เงียบมาตลอดทาง ในขณะที่พี่ชายอย่างโอโซนขับรถตามหลังมา เขาไม่กล้าเอ่ยปากใด ๆ เพราะไม่รู้ว่าเวลานี้คุณแม่กำลังรู้สึกเช่นไร การที่เข้าไปเห็นเขากับพี่เป้แบบนั้น ท่านจะโกรธมากไหมนะ

“ชูการ์”

“ค... ครับ!” ชูการ์น้อยสะดุ้งเมื่อคุณแม่เอ่ยเรียกขึ้นมา ใจเต้นรัวเพราะกลัวความผิด

“แม่จะบอกว่าถึงบ้านเราแล้ว ตกใจอะไรกัน?” คุณแม่ย่นหัวคิ้วแล้วส่ายหน้า ก่อนเปิดประตูรถลงไป

ชูการ์ก้มหน้าน้อย ๆ แล้วรับคำเสียงอ่อน “ครับ”

ขณะเปิดประตูเข้าบ้าน โอโซนก็ขับรถมาถึงพอดี สองพี่น้องจึงได้มานั่งเป็นจำเลยให้คุณแม่ได้ซัก ดวงตาสวยจ้องมองลูกชายทั้งสองด้วยแววดุ สองพี่น้องแทบไม่กล้าขยับตัว เวลาคุณแม่โกรธ ใครก็ห้ามไม่อยู่ ตอนนี้คงยังไม่โกรธ อาจจะแค่ ‘กำลังจะ’ โกรธ

“ปิดเงียบเลยนะ ทั้งพี่ ทั้งน้อง”

เพียงประโยคแรกก็เล่นเอาสองพี่น้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก และเป็นพี่ชายอย่างโอโซนที่ทำใจกล้าเอ่ยปากปกป้องน้อง

“โซนผิดเองครับที่ไม่บอกแม่ ขอโทษครับ”

“แม่ไม่ได้ต้องการให้ลูกพากันโทษว่าตัวเองผิดแล้วออกรับแทนกัน แม่ต้องการคำอธิบาย”

“.........” เงียบสนิท

“หรือว่า... จะให้พ่อเป็นคนกลับมาถามเอง?”

“หา! ไม่เอา!” น้องน้อยร้องเสียงหลง หน้าเบ้เมื่อคุณแม่พูดถึงคุณพ่อ

“ถ้าอย่างนั้น... บอกแม่ก่อน ความผิดจะลดลงกึ่งหนึ่ง”

สองพี่น้องหันมามองหน้ากัน ทำหน้าจะร้องไห้ทั้งพี่ทั้งน้อง ขณะที่คุณแม่กอดอกมองนิ่ง



หลังจากถูกคุณแม่ซักเสียจนขาวสะอาด สองพี่น้องก็ขึ้นมาบนห้อง เข้ามานั่งคุยกันในห้องของชูการ์

“พี่โซน แน่ใจเหรอว่าแม่ไม่โกรธอะ?” น้องนั่งเท้าคางหน้าม่อย

“ไม่รู้ดิ”

“อ้าว” ลากเสียงยาวเมื่อพี่ตอบมาแบบนั้น

“ไม่เป็นไรหรอกน่า แม่บอกแล้วนี่ว่าสารภาพก่อน ความผิดลดลงกึ่งหนึ่ง” โอโซนปลอบใจน้อง ทั้งที่ตนเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน

“แล้วพ่ออะ?”

“อาจจะดับเบิ้ล”

“พี่โซนนนน” เขย่าแขนพี่รัว ๆ จะทำยังไงกันดี ฮือออ

“ใจเย็น พ่อ... พ่อต้องเข้าใจแหละ พ่อรักชูการ์จะตาย”

“ฮืออออ”

ชูการ์ปล่อยแขนพี่ชายแล้วโดดใส่พี่หมีตัวใหญ่บนเตียง ซุกหน้ากับพุงพี่หมีแล้วร้องฮือ ๆ ริมฝีปากอิ่มเบะเหมือนจะร้องไห้ แก้มแนบไปกับความนุ่มของตุ๊กตาตัวโต สีหน้าครุ่นคิดเป็นกังวล มือของพี่ชายเอื้อมมาลูบผมเบา ๆ ทำให้รู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยก็มีพี่อยู่เป็นกำลังใจข้าง ๆ กัน



ทางด้านเป้ เมื่อน้องกลับไปแล้วก็มานั่งกังวล กลัวน้องถูกดุ เดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้องของตนเองเสียหลายรอบ จนกระทั่งทนไม่ไหวจึงตัดสินใจโทรหาน้อง เพียงแค่น้องรับสาย เป้ก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“เป็นไงบ้าง ชูการ์ แม่ว่าอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่าครับ แม่แค่ถาม” น้องตอบกลับมาเสียงเบา

“พี่จะไปคุยกับแม่ จะบอกแม่ว่าพี่รักชูการ์”

“อย่าเลยครับ พี่เป้”

“ทำไมล่ะ แม่โกรธจริง ๆ ใช่ไหม?” คิ้วเป้ขมวดเมื่อน้องเอ่ยห้าม

“ก้าว่า...” พูดเท่านั้นแล้วชูการ์ก็เงียบ

เป้ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจที่เป็นเช่นนั้น “ชูการ์... บอกพี่สิครับ พี่รอฟังอยู่”

น้องยังเงียบไปอีกครู่ใหญ่ แต่ไม่ได้วางสาย เป้เองก็รอฟังอย่างตั้งใจ ไม่คิดจะวางหากน้องยังอยู่ในสาย จนในที่สุด ชูการ์ก็พูดออกมา

“เราอาจจะไม่ได้คบกันต่อก็ได้” เสียงน้องสั่นจนใจพี่ก็พลอยสั่นไหว

“ไม่หรอก อย่าเพิ่งถอดใจ” เป้ปลอบน้องแล้วนิ่งไป อะไรที่ทำให้น้องคิดแบบนั้น เกิดอะไรขึ้นที่บ้านของน้อง?

“.........”

“กังวลอะไรอยู่บอกพี่ได้ไหมครับ?” เขาตะล่อมถาม อยากรู้ปัญหาจะได้แก้ไขให้ถูกจุด

“ก้ากลัว” ชูการ์น้อยสารภาพ

“เรื่อง?”

“กลัวพี่เปลี่ยนใจ”

คนฟังถึงกับนิ่ง ที่น้องร้องไห้นั่นมันเพราะเขาต่างหาก เรื่องเกมส์อาจจะกระทบใจน้อง แต่คงไม่เท่าท่าทีของเขาที่น้องเห็น เขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจเลยจริง ๆ

“พี่ไม่เปลี่ยนใจ ไม่คิดจะเปลี่ยน พี่บอกว่ารักชูการ์ก็คือรัก” เป้ให้ความมั่นใจกับน้อง อดีตมันจบลงไปแล้ว ปัจจุบันเขามีแต่น้อง และจะมีแค่น้องคนเดียว

“พี่เป้...”

“ครับ”

“รักพี่นะ รักมาตั้งนานแล้ว ถึงรู้ดีว่าพี่คงไม่หันมามอง แต่ก้าก็ยังรักพี่ อย่าปล่อยมือจากก้านะ”

น้ำเสียงเว้าวอนดังลอดมาตามสาย น้องไม่มั่นใจในคำว่ารักของเขา ยิ่งฟังคำสารภาพเรื่องที่เขาไม่เคยรู้แบบนี้แล้ว ยิ่งจุกในอก

“ชูการ์...”

เรียกชื่อน้องเสียงแผ่ว ละโทรศัพท์จากหูมาแตะริมฝีปาก ส่งจูบผ่านสายโทรศัพท์ไปถึงน้อง ชูการ์ค่อยหลับตาลงช้า ๆ ฟังเสียงกระซิบว่ารักจากปากพี่


........


ฝ่ายคุณแม่ของชูการ์และโอโซน เมื่อได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากลูกแล้วก็ได้คุยเรื่องของเกมส์กับเพื่อนของตนเอง ซึ่งก็คือคุณแม่ของเกมส์นั่นเอง ท่านเล่าเรื่องเพียงคร่าว ๆ สรุปใจความสำคัญให้คุณแม่ของเกมส์ฟัง และบอกให้ทางนั้นช่วยจัดการเรื่องดังกล่าวให้ ขอให้เกมส์เลิกมายุ่งกับทางนี้แล้วท่านจะถือว่าเรื่องดังกล่าวมันไม่เคยเกิดขึ้น เพราะอย่างไรเสีย ท่านกับคุณแม่ของเกมส์ก็เป็นเพื่อนกันมานานเนิ่น ไม่อยากให้ลูกของทั้งสองฝ่ายมาทะเลาะกันเช่นนี้ ซึ่งคุณแม่เกมส์ก็รับปากแต่โดยดี

เมื่อคุณพ่อกลับมาจากสัมมนา เรื่องราวทุกอย่างจึงถูกถ่ายทอดผ่านคุณแม่ให้คุณพ่อได้รับทราบ ให้คุณแม่เป็นคนพูดย่อมดีกว่าให้สองพี่น้องบอกเองอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหากให้พูดเองคงพูดไม่ออก เพียงเพราะเจอสีหน้าดุ ๆ ของคุณพ่อเท่านั้น

หลังจากได้ฟังความจากคุณแม่แล้ว คุณพ่อก็เรียกโอโซนมาคุย ชูการ์ได้แต่ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ คิดว่ารายต่อไปต้องเป็นตนเองแน่ เตรียมคำพูดสารพัดสารพันที่จะพูดกับคุณพ่อ แต่กลับไม่ได้ใช้ เพราะคนต่อไปที่คุณพ่อต้องการพบคือ... พี่เป้

เป้มาถึงที่บ้านของน้องก็เข้าไปพบคุณพ่อเลย ด้านในยังมีโอโซนอยู่อีกคน ขณะที่เจ้าของเรื่องราวอย่างชูการ์กลับถูกกันไว้ข้างนอก น้องน้อยรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่ไม่ได้เข้าไปร่วมรับรู้กับทุกคน แต่เมื่อเป็นคำสั่งคุณพ่อ ชูการ์ก็ต้องทำตาม

“ได้ข่าวไม่สู้ดีเรื่องเรามานะ เป้” คุณพ่อเอ่ยขึ้นมาเมื่อเป้นั่งลงข้างโอโซนนานแล้ว ปล่อยให้หนุ่ม ๆ หายใจไม่ทั่วท้องเสียนานเลย

“เรื่องอะไรครับ พ่อ ถ้าเรื่องที่เขาลือกัน พ่อก็รู้นี่ครับว่าเป้มันไม่ใช่คนแบบนั้น มันไม่เคยหาเรื่องใครก่อน” โอโซนรีบแก้แทนเพื่อน เมื่อได้ฟังคำที่พ่อพูด

“ใจเย็น โอโซน พ่อยังไม่ทันพูดอะไรเลย” คุณพ่อติงลูกชายที่ร้อนรนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนหันมาหาเป้ที่ยังเงียบอยู่ “เขาว่าเรากับน้องกำลังคบหากันอยู่เหรอ เป้?”

“ครับ ผมชอบน้องครับ” เป้ยอมรับ ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังดังที่พูด นั่นทำให้คุณพ่อของน้องถอนใจยาว

“ยังเด็กกันทั้งนั้นเลยนะ ชูการ์ยิ่งเด็ก เด็กมาก จริงไหมเป้?” ท่านเอ่ยราวถามความเห็น

“ครับ” เป้เพียงตอบรับสั้น ๆ บรรยากาศกดดันจนเขาหายใจไม่สะดวก

“น้องไม่ประสีประสาอะไรเลย เป้เป็นพี่ น่าจะดูแลน้องมากกว่านะ” คุณพ่อยังกล่าวต่อเนิบช้า ท่าทางสบาย ๆ แต่กลับทำให้อีกสองหนุ่มในห้องเครียดยิ่งกว่าเก่า

“ขอโทษที่ดูแลน้องไม่ดีครับ พ่อ แต่ขอโอกาสให้ผมกับน้องได้ไหมครับ มันคงฟังดูเห็นแก่ตัวเกินไป แต่ผมชอบน้องจริง ๆ อยากดูแลน้องให้มากกว่านี้”

เมื่อเป้พูดจบ คุณพ่อก็เงียบ ใจเด็กหนุ่มเต้นระทึก หวาดหวั่น หวาดกลัว สารพัด ที่มากสุดคือกลัวไม่ได้อยู่ข้างน้อง กลัวต้องกลับไปเป็นแบบเดิม เป็นเพียงเพื่อนพี่ชายกับน้องชายเพื่อน หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพียงคนอื่นไกลที่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าใกล้น้องอีก ความคิดเป้ดิ่งลงไปในแนวลบเมื่อความเงียบจากคุณพ่อของน้องยังคงอยู่ เขาไม่อาจละสายตาไปจากท่านได้ กลัวจะพลาดคำหนึ่งคำใดไป

คุณพ่อถอนหายใจอีกครั้ง “ถ้าพ่อขอให้หยุดเพื่ออนาคตน้อง... เป้จะทำได้ไหม?”

เหมือนความเจ็บมันพุ่งชนเป้จากรอบทิศทาง คำว่าพ่อไม่อนุญาตให้คบกันมันดังก้องอยู่ในหัว และตามมาด้วยคำถามว่าทำไม... ทำไม... และทำไม...?

เป้ออกมาจากห้องอย่างหมดแรง ชูการ์รีบวิ่งมาหา มือเรียวจับมือพี่ทั้งสองข้าง เงยขึ้นมองด้วยแววหวั่นใจ เป้ก้มมองน้อง กลืนน้ำลายฝืดคอ ไม่อยากจะพูดคำนี้เลย

“ขอโทษนะ”

“.........” เพียงพี่เอ่ยมาเท่านั้น ชูการ์ก็ชะงักงัน ปล่อยมือพี่ที่ตนเองจับอยู่ ดวงหน้าเรียวก้มลงช้า ๆ ไม่มีแรงจะเงยขึ้นมามองพี่ได้อีกแล้ว

“ชูการ์...”

“ก้าเข้าใจ”

“.........”

“ก้าเข้าใจ...” น้องพูดย้ำเสียงเครือ

เป้ได้แต่ยืนนิ่ง ยกมือขึ้นจะแตะตัวน้อง แต่ก็จำต้องถอยมือกลับ พยายามข่มใจที่จะไม่ทำเช่นนั้นทั้งที่อยากปลอบน้อง อยากกอดน้องเอาไว้ อยากกอด...



เป้กลับไปแล้วหลังจากนั้น ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันมากไปกว่าที่เป้เอ่ยขอโทษ แค่คำว่าขอโทษ ชูการ์ก็รับรู้ได้ว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว

“ชูการ์โกรธพ่อไหมที่ทำแบบนี้?”

คุณพ่อเดินเข้ามาหาลูกชายคนเล็กที่แอบมานั่งทอดอารมณ์อยู่คนเดียว ร่างสูงใหญ่นั่งลงข้าง ๆ โยกหัวกลมเบา ๆ แล้วรั้งมาพิงไหล่

“........” ชูการ์เอนหัวไปพิงไหล่คุณพ่อแล้วนิ่งเงียบ ไม่มีคำตอบสำหรับคำถาม กลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ให้เห็น

“ได้คุยกับพี่เขาหรือยัง?” คุณพ่อยังถามต่อ ลูกชายส่ายหน้าแต่ยังไม่ยอมเอ่ยปากใด ๆ “ถ้าอย่างนั้นชูการ์ก็คงกำลังคิดว่าพ่อใจร้ายอยู่สินะ ใช่ไหม?”

“เปล่าครับ”

เมื่อลูกชายปฏิเสธ คุณพ่อก็อมยิ้ม นึกว่าจะไม่ยอมพูดกันเสียแล้ว

“แล้วกำลังคิดอะไรอยู่ล่ะครับ บอกพ่อได้ไหม?”

พออยู่กับลูกชายคนเล็ก คุณพ่อดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มาดนิ่ง เคร่งขรึม จนทำเอาเป้กับโอโซนหายใจลำบากนั่นหายไปไหนแล้วไม่รู้

“พ่อ... พ่อว่า... พี่เป้เป็นคนดีไหม?” ชูการ์น้อยเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ

“ดีสิ เพื่อนโอโซนดีทุกคนล่ะ” คุณพ่อตอบกลับมาง่าย ๆ จนคิ้วลูกชายขมวดไม่เข้าใจ

“แล้ว... แล้วทำไม...”

“ทำไมถึงไม่ให้ลูกคบกับพี่เขาน่ะเหรอ?”

“.........” ช้อนสายตามองคุณพ่อแล้วก็พยักหน้าหงึก หน้าจ๋อยอย่าบอกใคร

“ใครบอก?” คุณพ่อเอ่ยถาม

“ก็...” ชูการ์เอียงคอครุ่นคิด เออ นั่นสิ ใครบอก แล้วตกลงคบกันได้หรือไม่ได้ล่ะ?

“ขอพ่อดูพฤติกรรมก่อนนะครับ เด็กขี้แย” คุณพ่อว่ายิ้ม ๆ

“ดูพฤติกรรม... ของก้าเหรอครับ?” เด็กขี้แยของคุณพ่อยังมึน ๆ งง ๆ

“จะดูพฤติกรรมหนูทำไมล่ะลูก?”

“อ้าว”

“ขอดูพฤติกรรมพี่เป้ของชูการ์ก่อนว่าน่าไว้ใจไหม จะมาหลอกลูกชายพ่อหรือเปล่า”

“พี่เป้ไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ ไว้ใจได้” หนุ่มน้อยยืนยันมั่นเหมาะ

“แหนะ ไม่ทันไรเข้าข้างกันซะแล้ว” คุณพ่อเอ่ยล้อ หรี่ตาแล้วอมยิ้มเล็ก ๆ

แขนของคนเป็นลูกวาดมากอด วางคางเกยบนอก ดวงตากลมช้อนขึ้นมอง

“พ่อครับ”

“หืม?”

“รักพ่อนะ รักมาก ๆ ๆ ๆ เลยอะ ขอบคุณนะครับ”

น้ำตาที่คลอพาลจะไหลทำให้ใจคุณพ่ออ่อนยวบ มือหนาลูบหลังลูบไหล่ปลอบลูกชายคนเล็กเบา ๆ เฮ้อ แพ้ลูกอ้อนทุกทีสิน่า

ท่านก็พอเข้าใจว่าเรื่องรักแรกหรืออะไรแบบนี้มันเกิดขึ้นกันได้ แต่ชูการ์เพิ่งพ้นช่วงเด็กชายมาไม่นาน พอมีความรักครั้งแรกก็เป็นเพศเดียวกันเสียอีก คุณพ่อรู้ว่าไม่ควรจริงจังกับมันนัก เด็กวัยนี้ก็วูบวาบไปตามประสา รัก ๆ เลิก ๆ ก็มีให้เห็นกันบ่อยไป แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าความวูบวาบที่ว่ามันอยู่ในสายตาพ่อแม่ อย่างน้อย ๆ เวลามีปัญหาอะไรมา ลูกจะได้กล้ามาปรึกษา เพราะรู้ว่ายังมีพ่อแม่อยู่ตรงนี้ และเข้าใจเขาเสมอ

ว่ากันตามจริง ในฐานะของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่มีใครอยากให้ลูกเสียใจ ไม่อยากให้ลูกต้องผิดหวัง แต่ต่อไปในวันข้างหน้า ลูกก็ยังต้องพบเจอผู้คนอีกมากมาย ไม่ว่าจะในรั้วโรงเรียน มหาวิทยาลัย ในที่ทำงาน หรือกระทั่งสังคมภายนอกสถาบันเหล่านั้น การประคบประหงมจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก แต่การให้เผชิญทุกอย่างลำพังก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีเช่นกัน จึงต้องคอยดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้ต้องอึดอัด แต่ก็ไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยว ไม่มีที่พึ่งพิง

ครอบครัวชูการ์เลี้ยงลูกมาแบบเปิดใจ ทำให้ช่องว่างภายในครอบครัวมีน้อย สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง ถึงแม้คุณพ่อจะดูดุไปหน่อย แต่ก็เพราะรักและเป็นห่วงทั้งนั้น

“มาอ้อนอะไรกันอยู่ตรงนี้ สองพ่อลูก ไปกินข้าวได้แล้วไป”

คุณแม่เดินเข้ามาหาสองพ่อลูกที่นั่งกอดกันกลม ชูการ์หันมาตามเสียง ลุกขึ้นเดินมากอดคุณแม่ด้วยอีกคน

“อ้อนอะไร เด็กดื้อ?” คุณแม่กอดตอบ อมยิ้มน้อย ๆ สีหน้ารู้ทัน

“ก้าไม่ดื้อสักหน่อย” เด็กดื้อของคุณแม่ปฏิเสธ

“แน่ใจเหรอ เราน่ะดื้อจะตาย” มือเรียวสวยบีบจมูกลูกชายคนเล็กแล้วยิ้มบาง ถอนใจเบาก่อนกระชับอ้อมแขน “เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ โตเป็นหนุ่มแล้ว”

“อื้อ” ชูการ์พยักหน้ารับคำกับอกคุณแม่

คุณพ่อลุกขึ้นมาลูบผมด้วยความเอ็นดู ทำให้ชูการ์เอี้ยวหน้ามาหาแล้วยิ้มให้

“สร้างบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์อยู่ตรงนี้เอง ไม่ชวนกันเลย”

เห็นหายกันไปนาน โอโซนเลยตามมาบ้าง หรือที่จริงคือแอบดูอยู่นานแล้วต่างหาก พอเห็นจังหวะเหมาะเลยเข้ามาผสมโรงสักหน่อย เด็กหนุ่มก้าวเข้ามาหมายจะกอดรวบน้องชายกับคุณแม่ด้วย แต่น้องกลับเบี่ยงตัวคุณแม่หนี

“ของก้า” ย่นจมูกใส่พี่แล้วหัวเราะชอบใจ

“หนอย น้องแว่น กล้าหือเหรอ?” โอโซนเข่นเขี้ยว

“เออ”

น้องตอบกลับมาพาเอาพี่อ้าปากค้าง ก่อนจะงับปากลง ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพุ่งเข้าหาน้องทันที

“อ๊ากกก พี่โซน งื้อออ ไม่เอาา!”

ชูการ์วิ่งหนีพี่ชายที่จะเข้ามาตะครุบตัว หาที่กำบังคือหลังของคุณพ่อ ซึ่งท่านก็เล่นด้วย กอดอกฉับมองหน้าโอโซนที่ไล่ตามน้อง ทำให้โอโซนชะงักกึก หัวเราะแหะ ๆ ด้วยความเกรงอกเกรงใจ

ชูการ์น้อยโผล่หน้าออกมาแลบลิ้นใส่พี่ กอดเอวคุณพ่อแล้วเงยหน้าขึ้นมองพร้อมส่งยิ้มหวาน ทำให้คุณพ่อโยกหัวเขาเบา ๆ ขณะที่โอโซนมองภาพนั้นแล้วก็ถอนใจ รอยยิ้มบางเบาติดริมฝีปาก ดีใจด้วยนะ น้องรัก


........

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
Re: ❊Sugar Flower❊ (9) 10/12/2018
«ตอบ #29 เมื่อ10-12-2018 19:46:02 »


เมื่อชูการ์เข้าใจจุดประสงค์ของคุณพ่อแล้วก็เบาใจ แต่พี่เป้นี่สิ จะเข้าใจที่คุณพ่อทำไหม ข้อห้ามที่ชูการ์ต้องทำคือห้ามบอกเรื่องนี้กับพี่เป้ ซึ่งชูการ์ไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้ เขาปิดความลับเก่งที่ไหนกันล่ะ แต่เมื่อรับปากกับคุณพ่อแล้วก็ต้องทำให้ได้

หน้ากระจกเงาในห้องของชูการ์ เด็กผู้ชายในชุดนักเรียนมัธยมปลายกับแว่นสายตาอันโตกลับมาอีกครั้ง รู้สึกว่าใส่แบบนี้แล้วมั่นใจขึ้นเยอะเลย มั่นใจว่าพี่เป้จะจับโกหกไม่ได้ กลับมาเป็นน้องแว่นเฉิ่มเชยและให้พี่เป้เป็นเพียงเพื่อนพี่ชายอย่างเดิมดีกว่า

หลังหมดคาบเรียน ชูการ์ก็ไปหาพี่ชายที่ห้องซ้อมดนตรีซึ่งตอนนี้กลายเป็นที่ติวหนังสือของฮอทเนสชั่วคราว พอมาถึงหน้าห้องก็ชักใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ลังเลว่าจะเอาอย่างไรดี ถ้าเปิดเข้าไปเจอพี่ ๆ คนอื่นคงไม่เป็นไร แต่ถ้าเจอพี่เป้ล่ะ?

ยืนมองประตูห้องอยู่นานกว่าชูการ์จะเปิดเข้าไปเมื่อข่มความตื่นเต้นได้ แต่เพียงแค่บานประตูเปิดออกก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่อยู่ในห้องเป็นพี่เป้จริง ๆ ตัวเป็น ๆ แบบขยับได้เลยด้วย

เป้มองน้องที่กลับมาใส่แว่นเหมือนเดิมนิ่ง ๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่ชูการ์พอถูกพี่มองก็ทำตัวไม่ถูก ปลายนิ้วดันแว่นขึ้นไปทั้งที่มันก็ไม่ได้เลื่อนตกลงมา ทั้งหลุบสายตามองต่ำ ไม่กล้าสบตาพี่

“มาหาไอ้โซนเหรอ?” เป้เอ่ยทักขึ้นมาก่อน ถือหนังสือเดินไปนั่งที่เก้าอี้ริมหน้าต่างแล้วเปิดอ่าน “มันยังไม่มาหรอก เร่งงานกลุ่มจนหัวฟูอยู่ที่ห้องสมุดน่ะ”

“อ้อ” ชูการ์พยักหน้ารับรู้ มองพี่ที่สนใจแต่หนังสือแล้วก็เงียบ แต่ไม่ได้เดินออกไป ยังยืนอยู่หน้าประตูเงียบ ๆ แบบนั้น

ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างกันพาให้อึดอัด สุดท้ายเป้ก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว ปิดหนังสือที่อ่านไปก็ไม่รู้เรื่องแล้วหันไปถามน้องที่ยืนซึมอยู่หน้าประตู

“เข้ามาก่อนไหม?”

รอยยิ้มจากน้องพาให้ใจเขาสั่น ตัวบาง ๆ นั้นก้าวเข้ามาก่อนงับปิดประตู เอากระเป๋าไปวางที่โต๊ะมุมห้องแล้วนั่งลงเปิดกระเป๋าค้นหนังสือและอุปกรณ์ช่วยจำออกมา มองแล้วเป้ก็ได้แต่ถอนใจ น้องอยู่ใกล้แค่นี้เอง เขาจะอดทนไปได้อีกนานแค่ไหนกัน

อาทิตย์หน้าระดับมัธยมปลายมีสอบ แต่งานที่ค้างก็ยังไม่เสร็จเลยต้องเร่งกันหน่อย หนุ่ม ๆ วงฮอทเนสไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันทุกคน ตอนนี้คงยังทำงานกลุ่มกับเพื่อนในห้องอยู่ ส่วนเป้ที่แยกมาก่อนเพราะในกลุ่มมีผู้หญิง ค่อนข้างจัดการอะไรเรียบร้อยก่อนครบกำหนดส่งเสมอ ตัวรายงานไม่น่าเป็นห่วง ที่น่าเป็นห่วงคือตัวเป้มากกว่า เพราะพวกเธอเล่นโยนหน้าที่พรีเซ้นต์หน้าห้องมาให้ ช่างเหมาะกับคนพูดน้อยอย่างเป้จริง ๆ

“แล้วงานกลุ่มของพี่เป้เสร็จแล้วเหรอครับ?” ชูการ์ชวนคุย ไม่ชินกับความเงียบที่มีเพียงเสียงกระดาษเวลาเปิดหนังสือดังมาให้ได้ยิน

“เสร็จนานแล้ว โอโซนมันลืมเพราะหลายงานเกิน แล้วในกลุ่มก็ไม่เตือนกันเลย คงลืมเหมือนกัน” เป้ขำเพื่อน ก่อนแยกมาเขายังได้ยินมันบ่นไม่จบไม่สิ้นที่ต้องเร่งทำให้เสร็จภายในวันเดียวแบบนี้

ชูการ์มองพี่แล้วยิ้ม ยังดีที่พี่พูดด้วย ถึงจะเป็นเพราะเผลอหรืออะไรก็ตามแต่ พอสบตากันเข้า รอยยิ้มของคนพี่ก็ค่อยหุบลง หันกลับไปเปิดหนังสืออ่านต่อ ชูการ์จึงเริ่มอ่านของตัวเองบ้าง

พวกเขาอยู่ภายในห้องเงียบ ๆ อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก แต่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดจนอยากลุกหนี กลับอยากยืดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ออกไปให้นาน ๆ เสียมากกว่า


.......


พอวันสอบของระดับมัธยมปลายมาถึง ทุกคนคร่ำเคร่งอยู่กับการสอบจนไม่มีเวลานึกถึงเรื่องอะไรที่นอกเหนือไปจากนั้น กระทั่งสอบเสร็จถึงได้มีเวลามาเฮฮากันบ้าง

บ้านโอโซนเป็นจุดนัดพบ พี่ ๆ ฮอทเนสต่างสรวลเสเฮฮา แต่น้องน้อยกลับได้แต่หลบมุม ออกัสกับธนินแยกตัวมานั่งข้างน้อง ตากลมหันมองพี่ทั้งสองคนที่มานั่งขนาบข้างตนเอง

“อดทนอีกนิดนะ น้องน้ำตาล” ธนินว่า ทำให้น้องเลิกคิ้วงง

“อะไรครับ?”

“เปล่า พี่พูดลอย ๆ ไม่ได้เจาะจงอะไร” คนเป็นพี่ยักไหล่ ก่อนลุกออกไปตักของกินที่โต๊ะ

ออกัสจับปลายผมน้องที่ยาวเลยคิ้วมาเยอะแล้ว ปลดกิ๊บสีดำตัวเล็กจากผมของตัวเองมาติดให้น้อง

“เสียทรงหมดแล้ว พี่อุตส่าห์พาไปตัด” มือจัดผมน้องเบา ๆ เมื่อติดกิ๊บให้เสร็จ

“ขอโทษครับ”

ออกัสรั้งน้องมาใกล้ กระซิบเพียงเบา ๆ ให้ได้ยินกันสองคน “พี่เอาใจช่วยอยู่นะ อย่าเพิ่งยอมแพ้”

เมื่อผละออกมา น้องก็ยิ้มให้ ออกัสยิ้มบาง แม้จะรู้สึกถึงรังสีพิฆาตจากใครบางคน แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ทั้งยังแอบสะใจเล็ก ๆ หวงดีนัก เอาให้อกแตกตายไปเลย

“เขยิบดิ๊”

เรียกว่าพูดยังไม่ทันขาดคำ เมื่อโอโซนพุ่งมาแทรกกลางระหว่างตนเองและชูการ์ ในมือถือจานของกินมาด้วย พอนั่งลงแล้วก็จ้วงกินหน้าตาเฉย แต่คนถูกเบียดอย่างออกัสก็ไม่ขัดเคืองอะไร กลับเอ่ยถามขึ้นมายิ้ม ๆ ด้วยนึกขำมากกว่า

“มึงไม่เห็นเหรอว่ากูนั่งอยู่?”

“เพราะเห็นไง เลยมานั่ง” ลอยหน้าลอยตาไปอีก

“อ๋อ อยากอยู่ใกล้ชิดกูก็ไม่บอก” ทำเป็นเข้าอกเข้าใจ พาดแขนโอบไหล่อีกคนไปเนียน ๆ

“ส้นตีนกูหนิ ถอยไปไกล ๆ” โอโซนเบี่ยงตัวปัดแขนเพื่อนออก เอะอะโอบ เดี๋ยวพ่อตบด้วยจานข้าว

“มึงมาใกล้กูเอง” ออกัสว่า

“ก็มึงเสือกมาใกล้น้องกูก่อน”

“หวงมากไปแล้วมึงอะ เดี๋ยวกูจีบจริง ๆ เลยแม่ง”

โอโซนทำเสียงเหอะ มองเหยียดเพื่อนเต็มที่ “พูดอะไรไม่เกรงใจพ่อกูเลยนะ อยากโดนแบบไอ้เป้เหรอ?”

“กูว่ากูไม่โดน

“มึงมีอภิสิทธิ์อะไร?”

“กูหล่อ”

“ไอ้สัด” ชูนิ้วกลางให้ด้วยความรัก

ออกัสหัวเราะ การกวนใจโอโซนคืออดิเรกของเขา ได้ต่อปากต่อคำ โดนมันจิกมันกัดบ้างก็สนุกดี เขาท่าจะโรคจิตนิด ๆ แล้วแฮะ

นั่งคุยเล่นกับพี่ ๆ อยู่พักหนึ่ง ชูการ์ก็ขอไปเข้าห้องน้ำ เจอเป้ที่เดินสวนมา ดวงตาภายใต้กรอบแว่นอันโตลอบมองพี่ แต่พี่กลับหลบสายตาแล้วเดินเลี่ยงไป นั่นทำให้น้องหน้าจ๋อย อดทนอะไร ไม่อยากทนแล้วอะ

เมื่อเป้กลับมารวมกับเพื่อน ๆ ก็เห็นจานขนมวางอยู่บนโต๊ะ หันไปถามว่าของใคร เพื่อนก็บอกว่าเป็นของเขา แต่ไม่รู้ว่าใครเอามาให้

“ใครวะ?” เป้ยังไม่เข้าใจว่าเล่นอะไรกัน

“มึงว่าใครล่ะ?” โอโซนยักคิ้วกวน คนอื่นก็พากันอมยิ้มนิด ๆ

เป้เหลียวมองหาน้อง แต่น้องก็ไม่อยู่แล้ว อยู่แต่คุณพ่อที่มองจ้องเขม็งจนต้องยิ้มเจื่อน คุณพ่อน้องจับตามองเขาทุกฝีก้าวเลยจริง ๆ

ชูการ์เข้ามาในห้องนอนของตนเอง เหงาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกลับมาอยู่จุดเดิม ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่พอพี่หลบตา ใจน้องกลับแป้วจนพาลอยากเลิกทำตามที่คุณพ่อห้าม อยากลุกขึ้นมาโวยวายเอาแต่ใจ แต่แบบนั้นมันคงยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง คุณพ่อคุณแม่คงเห็นว่าเขาเป็นเด็กน้อยจนไม่สามารถวางใจให้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้ด้วยตนเอง

กล่องใส่จดหมายถูกนำออกมาเปิดดูอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไร ไม่รู้ว่าจดหมายในกล่องมันมีมากแค่ไหนแล้ว มีแต่เขียน แต่ไม่เคยส่ง จนมันพอกพูนมากขึ้นเหมือนความรู้สึกของคนเขียน จดหมายพวกนี้ควรส่งให้เจ้าของได้แล้วล่ะมั้ง แต่แอบหวั่นใจเพราะไม่รู้ว่าเขาจะอยากอ่านมันไหม


.........


หลังสอบเสร็จยังต้องไปเก็บงานที่เหลือส่งก่อนปิดเทอม วันต่อมาชูการ์เลยเอากล่องจดหมายไปไว้ในล็อคเกอร์ของพี่เป้ เวลาสองปีที่เขาเขียนมันมาตลอด เขียนโดยไม่ได้ส่ง แต่จดหมายทุกฉบับก็ยังอยู่ดี ยังบรรจุความรู้สึกดี ๆ ของเขาที่มีต่อคนในจดหมายเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม พี่ออกัสพูดถูก จดหมายพวกนี้เป็นของพี่เป้ พี่เป้คนเดียว

กล่องสีเงินที่ประดับลวดลายน่ารักถูกใส่เอาไว้ในล็อคเกอร์เป็นที่เรียบร้อย เมื่อปิดแล้วหันกลับมาเจอฮันนี่ยืนอยู่ด้านหลัง ชูการ์ก็สะดุ้งตกใจ ก่อนจะวิ่งงุด ๆ หนีไป

ฮันนี่มองตามหลังน้องแล้วหันมามองล็อคเกอร์เป้งง ๆ ขณะที่เป้เดินเข้ามาเห็นคนหน้าหวานยืนอยู่จึงเอ่ยถาม

“อะไรเหรอ ฮันนี่?”

ฮันนี่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วเดินไปที่ล็อคเกอร์ของตนเอง ทำให้เป้หันมาเปิดล็อคเกอร์ของตนเองบ้าง ของบางอย่างที่ไถลเลื่อนออกมาทำให้เป้รีบคว้าเอาไว้ก่อนที่มันจะตกลงพื้น คิ้วเขาขมวดเมื่อมองมัน กล่องอะไร?

เป้จับมันพลิกไปมา เสียงเพื่อนเรียกดังมาทำให้ละความสนใจจากกล่องปริศนาดังกล่าว จัดการเอาของเก็บในล็อคเกอร์แล้วก้าวยาว ๆ ไปหาเพื่อน จนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียนถึงได้กลับมาให้ความสนใจกล่องนั้นอีกครั้ง ก่อนจะได้เวลากลับบ้านจริง ๆ เขาก็ถือมันไปด้วยเสียทุกที่ ผู้ชายหน้านิ่งกับกล่องลวดลายน่ารัก มันดูขัดกันอย่างไรไม่รู้

ชูการ์นั่งรวมกลุ่มอยู่กับพี่ ๆ ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ ที่ประจำที่ชอบมานั่งกับน้องเพลิน ตอนนี้กลายเป็นที่ประจำของพี่ ๆ ฮอทเนสไปด้วยแล้ว น้องน้อยเหลียวมองหาคนสำคัญที่หายไปจากกลุ่ม พอไม่เห็นก็หน้าจ๋อยเพราะคิดว่าคงไม่มาแล้ว พี่ ๆ พากันมองหน้ากันเองแล้วอมยิ้ม ธนินเห็นแบบนี้แล้วยิ่งอยากแกล้งน้อง แต่กลัวทำน้องร้องไห้แล้วโดนเพื่อนที่เหลือรุมสกรัมเลยต้องหยุดความคิดของตนเองเอาไว้เพียงเท่านั้น

ไม่ปล่อยให้น้องต้องรอนาน เมื่อเป้ก้าวเข้ามาให้เห็นในระดับสายตา สีหน้าน้องน้ำตาลก็ดูจะดีขึ้น ยิ่งเห็นพี่ถือกล่องใส่จดหมายของตนเองมาด้วยก็พาลจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่

เป้เหลือบมองน้องที่นั่งก้มหน้าซ่อนยิ้มแล้วนึกไปว่าน้องหลบหน้า จากตอนแรกที่จะนั่งลงกลับผุดลุก นั่นทำให้น้องเงยขึ้นมามองทันทีจนต้องนั่งลงไปใหม่ รู้สึกงงตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่น้องไม่ได้เรียกไว้เสียหน่อย แต่ก็ไม่กล้าพอจะลุกไปนั่งที่อื่น

“กล่องไรวะ เป้ แหววเชียวมึง” โอโซนเอ่ยแซวเพื่อนอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

“ไม่รู้ว่ะ มันอยู่ในล็อคเกอร์กู ว่าจะเอาไปทิ้ง...”

“อย่านะ!” ชูการ์โพล่งขึ้นมาแล้วชะงักกึก เมื่อพี่ ๆ หันมามองเป็นตาเดียว

“อะไร ของชูการ์หรือไงครับ?” ธนินปากไว อดไม่ได้ที่จะล้อน้อง

“เปล่า เห็นว่ามันสวยดี อ... อาจจะมีอะไรสำคัญอยู่ในนั้นก็ได้... นะ...”

“ทำไมต้องตะกุกตะกักเหมือนแผ่นสะดุดแบบนี้ด้วยครับ ชูการ์?” ไม่ใช่แค่ธนิน แม้แต่พุฒยังแกล้งน้อง ชูการ์บุ้ยปากหน้างอที่ถูกพี่ ๆ ไล่ต้อน

“เลิกแกล้งน้องสักทีพวกมึง” เป้ดุเพื่อน

“โห่ ไม่ค่อยปกป้องกันเล้ย” ธนินยังแซวไม่เลิก

เป้ไม่ได้ใส่ใจคำแซวของเพื่อน สายตาจับจ้องมองน้องที่ก้มหน้าหลบสายตา พอเหลือบขึ้นมามองแล้วเห็นเขามองอยู่ก็ก้มลงไปอีกจนเป้หลุดขำ พอน้องเงยมามองก็ทำหน้านิ่ง เนียนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สี่หนุ่มวงฮอทเนสเบือนหน้าหนีไปคนละทาง ถ้าจะสร้างบรรยากาศแปลก ๆ กันแบบนี้บอกกันก่อนก็ดีนะ บอกตรง ๆ เหม็นความรักว้อยยย



กลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่เป้ทำคือเอากล่องแสนหวานแหววนั่นมาเปิดดู เพราะแน่ใจว่ามันเป็นของชูการ์แน่นอน และเมื่อเปิดฝากล่องออกก็ถึงกับอึ้ง ซองจดหมายมากมายในนั้นมันคืออะไร?

เป้วางกล่องลงบนโต๊ะ หยิบจดหมายขึ้นมาดู ทุกฉบับลงชื่อว่าจากชูการ์ แต่ไม่ได้จ่าหน้าถึงใคร เขาแกะมันออกมาอ่าน น้องเขียนถึงเขาทั้งนั้น ความรู้สึกบางอย่างพุ่งขึ้นมากลางอก มองจดหมายแต่ละฉบับที่วางซ้อนกันในกล่องใบใหญ่แล้วอดทึ่งไม่ได้ นี่น้องใช้เวลาเขียนนานแค่ไหนกันถึงได้เยอะขนาดนี้

ไม่รู้เป้นั่งอ่านจดหมายของน้องอยู่นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่ามันยังไม่พร่องลงไปถึงครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ มีบางฉบับเขียนถึงเรื่องที่เขาเองก็ยังจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเกิดขึ้น น้องเคยเจอเขามาก่อนหน้าที่เขาจะเจอน้องเสียอีก แน่ล่ะ ก็ชูการ์เป็นน้องของโอโซน คงมีแต่เขาที่ไม่เคยสนใจน้องเลย และสิ่งที่ตอกย้ำเขาก็คือคำลงท้ายจดหมายทุกฉบับที่ได้อ่าน


‘วันหนึ่งพี่คงจะหันกลับมา และมองเห็นว่าผมอยู่ตรงนี้’





บวกขอบคุณทุกท่านค่ะ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด