29
ตลอดเวลาครึ่งชั่วโมงที่เรือแล่นเข้าฝั่ง ดอกเตอร์เกาะติดผมอย่างกับเงาตามตัว จนกระทั่งเรือเทียบท่าแล้ว พี่กู่ก็ยังไม่มา ผมพยายามโทรหาแต่กลับไม่มีสัญญาณ จนผมถูกดอกเตอร์และคนของคุณนายเหมิ๋นต้อนลงเรือ
ผมยังคงมองหาพี่กู่ และเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีแล้ว ผมรอจนแขกที่มากลับไปหมด เหลือแต่พวกพนักงานที่อยู่บนเรือ ซึ่งน่าจะเก็บกวาด ทำความสะอาด ผมพยายามหาทางแอบขึ้นไปบนเรืออีกครั้งเพื่อตามหาพี่กู่
“นายจะไปไหน?”
“ดอกเตอร์ พี่กู่เขา...”
“นายตามฉันมานี่” ดอกเตอร์ลากผมไปยังรถที่จอดรออยู่”
“ผมยังไม่กลับ ผมยังไม่เจอพี่กู่เลย”
“ถ้านายอยากเจอนักสืบผาน นายก็ตามฉันมา”
“ดอกเตอร์เห็นพี่กู่ลงมาจากเรือตั้งแต่เมื่อไร”
“ฉันไม่ได้เห็น แต่คนของฉันเห็น”
“ตอนไหน ทำไมคุณไม่บอกผม”
“นานแล้ว และฉันก็บอกนายอยู่นี่ยังไง”
ผมกำลังจะว่าดอกเตอร์แต่ก็ต้องเงียบลง เพราะบนรถที่ผมเพิ่งถูกจับยัดเข้ามานั้นไม่ได้มีแค่ผมกับเขาสองคน ยังมีเหมิ๋นหลี่ต๋านั่งอยู่ด้วย หลังจากนั้นดอกเตอร์ก็ย้ายไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ
“คุณหนานไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสบายเถอะค่ะ”
“ครับ”
ระหว่างอยู่บนรถ ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย ถึงผมจะอยากรู้เรื่องของพี่กู่แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ ไม่กล้าถามอะไรมาก เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มชินกับความเงียบ ทำให้ผมมองไปรอบ ๆ ซึ่งเห็นว่ารถกำลังขับไปที่ไหน
“ที่นี่...”
“เรากำลังจะเข้าไปที่ท่าเรือ ข้างโกดังของเยี่ยนหวอ”
“แล้ว...พี่กู่”
“นายดูเหมือนจะเป็นห่วงนักสืบผานมากเลยนะ”
“หยวนฮ่าง” คุณนายเหมิ๋นเรียกดอกเตอร์ก่อนหันมาพูดกับผม “ตอนนี้ไม่มีใครนอกจากพวกเราและที่นี่ก็ปลอดภัยพอสมควร ดังนั้นเรื่องที่คุณหนานอยากรู้ ฉันก็จะเป็นคนบอกเอง”
“ครับ?”
“นักสืบผานโดนทำร้ายตอนอยู่บนเรือ”
“หา!! แล้วพี่กู่...เออ...ขอบคุณคุณนายเหมิ๋นที่ช่วยพี่กู่ไว้ ตอนนี้พี่กู่...”
“ตอนนี้นักสืบผานอยู่ในความดูแลของคนของฉัน แต่อาการบาดเจ็บนั้นก็ถือว่าหนักเอาการ”
“เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยัง แล้วตอนไหนกันครับ”
“นักสืบผานน่าจะถูกแทง แล้วผลักตกเรือ”
“ตกเรือ!! ”
“ไม่ต้องห่วง คนของเยี่ยนหวอไม่ประมาทอยู่แล้ว ถึงเราจะถูกจำกัดให้พาคนติดตามไปได้ไม่กี่คน แต่ท่านประธานก็ไม่ไว้ใจ ให้เรือของเราตามอยู่ห่าง ๆ”
“เฮ้อ...โล่งอก คุณฝู่นี่รอบคอบจังเลยนะครับ”
“ไม่ใช่อาเถิงหรอก แต่เป็นหงส์ต่างหาก”
“คุณนายฝู่?”
“เรื่องต่าง ๆ ภายในครอบครัวของพวกเรา นอกเหนือจากนี้ อีกไม่นานคุณคงจะได้รับรู้”
“ผมมีเรื่องสงสัย”
“เรื่องอะไรถ้าฉันตอบได้ ฉันก็จะตอบ”
“ตอนที่คุณคุยอยู่กลับเยียนจูเฟิง ต่อหน้านักข่าว คนของคุณคุยอะไรกับดอกเตอร์?”
“หยวนฮ่าง?”
“ตอนนั้นลุงคีบอกกับผมว่า มีชาวอาหรับคนหนึ่งที่เป็นแขกบนเรือ เดินเข้าไปที่ห้องด้านหลังเวที”
“แล้วคุณพูดภาษาอะไร แล้วทำไมต้องพูดภาษาอื่น”
“ต่อหน้านักข่าว ลุงคีไม่อยากให้ใครรู้ว่าพวกเราสนใจเรื่องอะไรกันอยู่จึงเลือกที่จะพูดภาษาไทย”
“ภาษาไทย?”
ผมรู้สึกคุ้น ๆ เรื่องนี้อยู่ ถ้าจำไม่ผิดคุณนายฝู่เคยใช้สัญชาติไทยอยู่ช่วงหนึ่ง ผมยังไม่ทันได้ยืนยัน รถก็มาจอดที่ท่าเรือขนส่งสินค้า ภายในโซนโกดังของเยี่ยนหวอ ดอกเตอร์ลงจากรถและอ้อมไปเปิดประตูให้กับคุณนายเหมิ๋น ผมจึงก้าวตามลงไป
พวกเรายืนรอกันอยู่ที่ท่าเรือ ไม่นานก็มีรอลำไม่ใหญ่มากแล่นเข้ามาเทียบท่า ดู ๆ แล้วเรือลำนี้น่าจะบรรทุกได้ประมาณ 20-25 คน คนที่ลงเรือและวิ่งเข้ามาหาพวกเรา เมื่อมองใกล้ๆ
“พี่ชุน?”
.........................................................................
เหยินหยางผิงเข้ามาที่สำนักงานแต่เช้า หวังจะได้พบกับผานกู่ แต่กลับไม่เจอ หลังจากที่เขา เหมี่ยนจื่ออู่และตู้เห่า ช่วยกันคัดดูคดีคนหายที่เป็นหญิงสาวก็พบว่ามีอยู่ 34 ราย คงใช้เวลาไม่นานในการโทรสอบถามญาติของผู้สูญหาย ว่าพวงกุญแจเดซี่ดั๊กนั้นเป็นของใคร
ตู้เห่าเดินเข้ามาที่แผนกพร้อมกับจุ้ชุน ทั้งสองเดินไปก็คุยกันเรื่องคดีคนหายไปพลาง จนกระทั่งเห็นเขาเข้า
“หยางผิง จื่ออู่ละ มารึยัง”
“ยังไม่เห็นนะ แล้วพี่กู่ละ”
“พี่กู่มีปัญหาเมื่อคืน คงไม่ได้เข้าสถานีอีกหลายวัน”
“ไอ้ที่ว่ามีปัญหาเนี่ยคงไม่ได้หมายถึง”
“บังเอิญว่าใช่”
“หนักไหม?”
“ปลอดภัยดี พักอีกวันสองวันก็มาทำงานได้แล้ว”
“แล้วเฟ่ยซานละ เป็นอะไรรึเปล่า”
“ปลอดภัยดี”
“นายรู้ข้อมูลในคดีฆ่ารัดคอรึยัง”
“อืม อาเห่าบอกฉันแล้ว และฉันคิดว่า พวกเราคงต้องแยกกันตรวจสอบแล้วละ”
“แยกกันตรวจสอบ”
“ใช่ อาชุนบังเอิญได้ข้อมูลเกี่ยวกับคนที่หายไป เมื่อวานนี้ตอนที่ไปสืบคดีพร้อมพี่กู่ ฉันว่าจะไปโกดังต้องสงสัย” ตู้เห่าเป็นคนอธิบายสถานการณ์
“ถ้าอย่างนั้น เรื่องตรวจสอบคดีฆ่ารัดคอ ฉันกับจื่ออู่จะจัดการเอง”
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?” ชิวกัมหงที่เดินตามเข้าสถานีมาอาสาช่วยเหลือ
“กัมหง นายไปช่วยหยางผิงก็แล้วกัน ฉันกับอาชุนต้องไปที่โกดัง” ตู้เห่าสั่งการ
“ไปกันสองคนอย่างนั้นเหรอ?” เขาหันไปถามตู่เห่า
“ไม่หรอก จะเอาเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นโกดังนิดหน่อย”
“เอ้ย ไหนพี่กู่เคยบอกว่า ไม่ให้กระโตกกระตากไปยังไงละ?” เขาตกใจที่ตู้เห่าตัดสินใจแบบนี้ ตอนนี้หัวหน้าทีมของเขาก็นอนเจ็บอยู่ คนตักสินใจและสั่งการจึงเป็นตู้เห่าไปโดยปริยาย
“ครั้งที่แล้วน่ะใช่ แต่ครั้งนี้มีความเป็นไปได้มากว่าโกดังต้องสงสัย น่าจะซุกซ่อนอะไรสักอย่างไว้ แล้วยังได้รับอนุญาตจากเยี่ยนหวอให้ตรวจโกดังได้”
“นายจะไปตอนไหน” ชิวกัมหงถาม
“รายงานพร้อมขอกำลังคนหัวหน้าเสร็จเมื่อไร ก็ไปทันที”
“ฉันไปด้วย ส่วนกัมหง นายอยู่นี่รอจื่ออู่ งานที่นายกับจื่ออู่ต้องทำยังมี เอานี่อ่านซะ” เขาส่งเอกสารให้ชิวกัมหง “ทำงานนั่งโต๊ะไปก่อน รอให้ร่างกายของนายหายดีเมื่อไร พวกเราจะไม่ห้ามถ้านายจะออกภาคสนาม”
เขาพูดจบก็เดินนำตู้เห่าและจู้ชุนไปยังห้องของหัวหน้า และให้จู้ชุนเล่ารายละเอียดเบาะแสที่ได้มาให้เขาฟังคร่าว ๆ อีกครั้ง
.........................................................................
เหมิ๋นหยวนฮ่างมารอจู้ชุนอยู่ที่หน้าโกดัง F13-F14 ของต้วนเจียจง เมื่อเช้าเขาได้โทรหาเพื่อนของเขาคนนี้แล้ว แต่ทางนั้นกลับอยู่ที่ฮ่องกง อ้างว่าเดินทางไปเจรจาธุรกิจกับลูกค้า แต่ภาพที่ได้นั้นเห็นชัด ๆ ว่าเมื่อคืนต้วนเจียจงอยู่บนเรือของไลน์อ้อนเฟอรี่
ขบวนรถจากสถานีวิ่งตรงเข้ามาหาเขาหลายคัน คันแรกที่มาถึง จู้ชุนเดินเข้ามาพร้อมกับนักสืบอีก 2 คน ส่วนเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ได้แต่ยืนเพื่อรอคำสั่ง
“สวัสดีครับ ดอกเตอร์เหมิ๋น ขอบคุณมากที่คุณยอมให้ความร่วมมือ” จู้ชุนเป็นผู้เอ่ยกับเขาอย่างเป็นทางการ
“ที่ผมมาเพราะโกดังนี้ถูกเช่าด้วยเพื่อนของผม เดิมทีผมจะคุยกับเขาเพื่อให้คุณเข้าตรวจค้น แต่บังเอิญเขาไปติดต่อธุรกิจอยู่ที่ฮ่องกงหลายวันแล้ว คาดว่าจะกลับถึงมาค่ำนี้”
“อย่างนั้นเหรอครับ” จู้ชุนพูดออกมาด้วยความแปลกใจ ซึ่งเขารู้ว่าจู้ชุนเข้าใจความหมายของเขา
“ถ้าอย่างนั้น ที่เราพาคนเข้ามาวันนี้ คงไม่ใช่ว่าจะคว้าน้ำเหลวหรอกนะครับ?” นักสืบอีกคนถามเขาขึ้นมาอย่างใจร้อน
“หยางผิง เสียมารยาท ต้องขอโทษด้วยนะครับดอกเตอร์ หวังว่าดอกเตอร์จะไม่ถือสา” ส่วนอีกคนที่มาด้วยกลับห้ามปราม
“พวกคุณสามคนจะตามผมเข้าไปก็ได้ คนที่นี่พอจะจำผมได้ ส่วนคนของคุณ...” เขามองไปทางเจ้าหน้าที่ร่วม 10 นายที่ยืนรอคำสั่งอยู่
“ผมจะให้เขารออยู่ที่นี่ จนกว่าจะได้รับคำสั่ง” นักสืบคนนี้ ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าทีมในภารกิจบอกกับเขา ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับก่อนเดินนำพาคนทั้งสามเข้าไปในโกดัง
“พวกคุณควรจะเก็บตราของพวกคุณไปก่อนนะ”
เมื่อเข้าไปถึง คนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ช่วยของต้วนเจียจงเดินเข้ามาต้อนรับเขา และมองไปยังทั้งสามคนที่เดินตามหลังเขามา
“คุณเหมิ๋น เจ้านายบอกว่าคุณจะพาลูกค้ามาดูโกดังของเรา”
“อืม เมื่อเช้าฉันคุยกับเจียจงแล้ว คงขอดูแค่ส่วนของโกดัง F14 เท่านั้น ไม่นานก็จะไป”
“แต่ตรงนั้นยังปรับปรุงไม่เสร็จ ผมเกรงว่า...”
“นั่นแหละสิ่งที่ฉันอยากให้พวกเขาดู ว่าเขาสามารถปรับปรุงโกดังได้มากแค่ไหน เพื่อไม่ให้เป็นการผิดสัญญา หากจะเช่าโกดังของเยี่ยนหวอ”
“ถึงจะไปตรงนั้น แต่พวกเขาก็เข้าไปในโซนก่อสร้างไม่ได้อยู่ดี มันอันตราย”
“ไม่เป็นไร ฉันให้เขาดูอยู่ข้างนอกก็ได้” เขาเห็นผู้ช่วยของต้วนเจียจงมีท่าทางอึดอัด “จะให้ฉันโทรหาเจียจงอีกครั้งก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณเหมิ๋นทางนี้”
“ไม่ต้อง นายมีอะไรทำก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวฉันขับรถพาแขกของฉันไปเองได้” เขาพูดพร้อมทั้งแบมือของกุญแจรถกอล์ฟ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังทีท่าทางอึดอัด แต่สุดท้ายก็วางกุญแจรถบนมือของเขา
เมื่อรถเคลื่อนตัวเข้ามาในโกดัง F14 ได้ไม่นาน และดูแล้วก็ไม่มีคนตาม เหมิ๋นหยวนฮ่างก็ตอบคำถามที่คิดว่า เหล่านักสืบน่าจะสงสัย
“พวกคุณคงสงสัยว่าทำไมผมถึงเจาะจงพาไปดูที่โกดัง F14”
“ใช่ คุณรู้ข้อมูลพวกนี้ได้ยังไง”
“หนานเฟ่ยซานเคยขอให้ฉันพาเขาเข้ามาที่นี่ แต่ตอนนั้นฉันปฏิเสธ”
“แล้วทำไมครั้งนี้คุณถึงยอมช่วยทางเรา”
“ผมรู้จักต้วนเจียจงมานาน เราเป็นเพื่อนกัน ผมอยากจะยืนยันความบริสุทธิ์ของเขาให้เห็นกับตาตัวเอง”
“แล้วคุณคิดว่าคุณต้วน ทำอะไรอยู่”
“ผมไม่รู้ แล้วพวกคุณละ?”
“พวกเราคิดว่า”
“หยางผิง” คนที่เป็นหัวหน้าทีมขัดขึ้น “เราไม่มีหลักฐานอะไรที่จะกล่าวหาคุณต้วนลอย ๆ เราแค่อยากจะตรวจสอบโกดังที่รับซื้อสิ่งของจากโกดัง F23 เท่านั้น”
“โดยการพาเจ้าหน้าที่มามากมายขนาดนี้”
“โกดังของคุณกว้างมาก และโกดังที่รับซื้อของจากโกดัง F23 ก็มีไม่ใช่น้อย การที่ผมพาคนมาเท่านี้ ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ”
“ถึงแล้ว”
“ทำไมคุณถึงพาพวกเรามาที่นี่?”
“พวกคุณก็เห็นว่าโซนด้านหน้าเป็นส่วนของแรงงานคน ผมไม่คิดว่าเจียจงจะซ่อนอะไรไว้ที่นั่น แต่ที่นี่”
“เมื่อครู่ คนที่โกดังโน้นบอกว่าที่นี่เป็นส่วนปรับปรุง”
“พื้นที่ทุกตารางเมตรมีค่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาเช่าโกดังของเรามักจะใช้พื้นที่ให้คุ้มกับเงินที่เสียไป และการที่จะก่อสร้างแค่ชั้นวางของกับที่พักคนงาน พวกคุณคิดว่ามันน่าจะใช้เวลาเท่าไรถึงจะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป”
“คุณหมายความว่า”
“ตั้งแต่ผมเข้ามาที่นี่กับเจียจง จนกระทั่งตอนนี้ สภาพมันยังคงเดิม”
“คุณกำลังจะบอกว่า เพื่อนของคุณอาจจะซ่อนอะไรเอาไว้”
“ผมกำลังจะบอกคุณว่า ที่นี่น่าสงสัยที่สุด”
“พอๆ หยางผิง ทำไมวันนี้นายถึงได้อารมณ์ร้อนอย่างนี้”
“ดอกเตอร์” จู้ชุนเดินเข้ามาใกล้ ก่อนกระซิบว่า “เฟ่ยซานไม่มีอะไรน่าห่วง ดอกเตอร์เองก็ใจเย็น ๆ เถอะครับ”
เหมิ๋นหยวนฮ่างได้ฟังก็เอาแต่เงียบ และปล่อยให้นักสืบทั้งสาม สำรวจรอบ ๆ สถานที่ก่อสร้างอย่างใจเย็น ทั้งที่ตอนนี้ ใจเขานั้นคิดถึงแต่คนที่ยังนอนไม่ได้สติตั้งแต่เมื่อคืน
.........................................................................
ภายในห้องที่ปิดสนิททุกด้าน กลับสว่างไสวไปด้วยไฟนีออนหลายสิบดวง เสียงดังที่เกินจากการทำงานดังก้องอยู่ภายในห้อง จนแยกไม่ออกว่าเสียงนั้นต้นเสียงมาจากภายใน หรือภายนอกกันแน่
คนงานต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเองไป ถึงแม้จะเหนื่อย และง่วงสักเพียงไหน แต่พวกเขาก็ต้องเร่งงานตามคำสั่ง ทั้งที่เมื่อคืนนี้ พวกเขายังไม่ได้นอนกันเลย
“น้าฟาน ๆ เป็นอะไรไหม?” มู่เฉินที่นั่งทำงานอยู่ข้างๆ กันเห็นร่างโงนเงนของเว่ยซานจึงรีบลุกขึ้นไปประคอง
“น้าหน้ามืดนิดหน่อย”
“ไอ้พวกนี้ก็ใจร้าย ไม่รู้จะเร่งอะไรหนักหนาไม่ให้เราได้หลับได้นอน” มู่เฉินพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
“คงเป็นเพราะช่วงนี้พวกมันหาคนมาเพิ่มไม่ได้นะสิ” เฝิงฟงที่นั่งอยู่ถัดไปบ่นออกมา
“นี่ ตรงนั้นน่ะ คุยอะไรกัน คิดจะอู้งานกันอย่างนั้นเหรอ?” คนที่ยืนคุมอยู่หน้าประตูห้องตะโกนออกมา
“ตรงนี้มีคนป่วย” มู่เฉินทำใจกล้าพูดขึ้นมา ทำให้ทุกคนต่างพากันมองไปที่มู่เฉินและเว่ยฟาน งานในมือก็หยุดลง จนเสียงภายในห้องเงียบลง มีเพียงแต่เสียงการทำงานที่ด้านนอกเท่านั้น
หนึ่งในคนคุมจึงเดินฝ่าวงของคนงานเข้ามาหาเว่ยฟานที่หน้าซีดอยู่ เขาจับคางของเว่ยฟานเอาไว้แน่น ก่อนหันซ้ายที ขวาที จากนั้นก็สะบัดมืออย่างแรง จนเว่ยฟานเสียการทรงตัว ดีที่มีมู่เฉินประคองเอาไว้
“พี่ นังนี่ท่าทางจะไม่ไหวจริง ๆ เอาไงดีพี่”
“ให้มันขึ้นไปพัก ส่วนแกอาเฉิน สาระแนดีนัก เพราะงั้นงานของนังนี่แกต้องรับผิดชอบแทนมัน”
มู่เฉินไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เขาได้แต่มองตามชายที่หิ้วปีกของเว่ยฟานไปอย่างโกรธแค้น เขาเห็นชายคนนั้นพาเว่ยฟานไปยังส่วนของห้องพัก
“อาเฉิน นายแบ่งงานของน้าฟานมา ฉันช่วยนายเอง”
“ของนายมันก็หนักอยู่แล้ว ตั้งแต่ฉินฉินหนีไปได้ งานในส่วนของฉินฉิน นายก็ต้องเป็นคนทำ แค่นี้ฉันทำเองได้”
เมื่อทุกอย่างกับเข้าสู่สภาวะปกติ เสียงของการทำงานในห้องก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่เพียงไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนกะของคนคุม ทำให้คนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องระวังตัวมาก ก่อนจะแง้มประตูเล็กน้อย พอเป็นช่องให้มองเห็นหน้าคนภายนอก
“อ่าว นายนี่เอง มาทำอะไร หรือคุณต้วนต้องการอะไร?”
“ไม่ใช่ เพื่อนคุณต้วนมาที่นี่ พวกนายก็อย่าส่งเสียงดังให้มากนัก ไว้ถ้าเขาไปกันแล้ว ฉันจะมาบอก”
“แต่คุณต้วนเร่งงานไม่ใช่เหรอ?”
“แค่ 15-20 นาทีคงจะไม่เป็นไร พวกนายอยู่กันเงียบ ๆ สักพัก” ชายคนที่อยู่หน้าประตูเดินออกไปแล้วคนพวกนั้นก็ให้เขาพักได้
“ฉันให้พวกนายพัก 20 นาที จะทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามส่งเสียง”
“ก๊อกๆ ๆ”
“อะไรอีก?” ชายคนนั้นหันไปเปิดประตู “อุก”
มู่เฉินเห็นเหตุการณ์นั้นพอดี จึงรีบหยิบส่วนประกอบของปืนที่เป็นเหมือนท่อยาวไว้ในมือ อาศัยช่วงชุลมุนที่คนคุมตกใจ วิ่งเข้าไปฟาดคนที่ใกล้ตัวที่สุด เฝิงฟงเองก็วิ่งเข้าไปหาอีกคนตั้งแต่เห็นมู่เฉินคว้าท่อนเหล็กนั้นแล้ว
คนที่บุกเข้ามาเป็นชายร่างสูง 4 คน พวกเขาเป็นเพียงเด็กแต่ก็มีอีกหลายคนที่เข้ามาช่วย จนกระทั่งความวุ่นวายนั้นจบลง มีเด็กได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โชคดีที่พวกนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ปืนในมือไร้ความหมาย
“พวกเธอเป็นใครกัน” ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามกลุ่มของพวกเขาที่ยืนบังพวกน้า ๆ ที่ด้านหลัง ในมือก็กระชับท่อเหล็กไว้แน่น
“มู่เฉิน นายคือมู่เฉินใช่ไหม?” ชายอีกคนหนึ่งในกลุ่มที่เข้ามาใหม่ถามเขา
“คุณรู้จักผมได้ยังไง?” มู่เฉินถามอย่างหวาดระแวง
“คุณเป็นใคร” เฝิงฟงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก้าวออกมาราวกับจะปกป้องเพื่อนของเขา
“เฝิงฟง?”
“คุณรู้จักพวกเรา?” เฝิงฟงมองหน้ามู่เฉิน สรหน้าเริ่มมีความหวัง
“พ่อแม่นายแจ้งความว่าพวกนายหายตัวไป”
“พวกคุณเป็นตำรวจอย่างนั้นเหรอ ฉินฉินบอกให้คุณมาช่วยพวกเราใช่ไหม?” เฝิงฟงเก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่
“เฝิงฉินฉิน?”
“ใช่ ตอนนี้ฉินฉินปลอดภัยดีแล้วใช่ไหม?”
“อย่าเพิ่งคุยกันตอนนี้เลย ให้เราพาพวกนายออกไปจากที่นี่ก่อน”
“เดี๋ยว ห้องข้าง ๆ ยังมีพวกมันอีกคน มันพาน้าฟานไปพักกับคนอื่น ๆ ยังไม่กลับมาเลย”
“ป่านนี้มันคงไหวตัวทัน มันมีอาวุธไหม?” เด็กน้อยสองคนพยักหน้า “อาชุน นายกับดอกเตอร์ช่วยพาคนที่นี่หลบออกไปก่อน แล้วแจ้งคนของเราให้เข้ามาเสริม ส่วนหยางผิง นายมากับฉัน”
มู่เฉินและเฝิงฟงเดินตามตำรวจสองคนออกไปจากห้อง เหมือนคนอื่น ๆ แต่เมื่อเดินออกมาได้ไม่เท่าไร เขาก็เห็นคนที่เข้ามาเคาะประตูคนแรกนอนสลบอยู่กับพื้น
“อาชุน นายพาเด็กกับผู้หญิงออกไป ฉันจะไปช่วยตัวประกัน”
“ดอกเตอร์ ไม่ได้นะครับ ถ้าคุณฝู่รู้เข้า”
“ไม่เป็นไร นายทำงานของนายไป”
“ดอกเตอร์ ถือว่าผมขอร้อง ในนั้นมีอาเห่ากับหยางผิงรับมืออยู่ กำลังเสริมก็กำลังจะมา ได้โปรดอย่าเอาตัวไปเสี่ยงเลยครับ”
“ฉันอยากจบงานนี้เร็ว ๆ”
“ผมว่า คุณไปกลับไปดูเฟ่ยซานดีกว่า”
พวกเขาทั้งหมดเดินออกมาจนถึงด้านข้างโกดัง คนทั้งสองก็หยุดคุยกันอยู่นาน สุดท้ายแล้วผู้ชายที่ใส่แว่นกรอบสีทองก็ยอม และพาพวกเขาไปที่รถตำรวจที่จอดอยู่ข้างหน้ากันหลายคัน
“ฉันว่าฉินฉิน คงจะแจ้งให้ตำรวจพวกนี้มาช่วยเราแหละ ไม่อย่างนั้นเขาจะหาเราเจอได้ยังไง”
“ค่อยยังชั่วหน่อย เป็นห่วงฉินฉินมาหลายวัน เฮ้อ...ฉันไม่เคยคิดถึงพ่อกับแม่มากขนาดนี้มาก่อนเลย”
“ฉันก็เหมือนกัน ฮ่าฮ่าฮ่า”
เด็กทั้งสองต่างหัวเราะกันอย่างเป็นสุขที่จะได้ออกจากสถานที่แห่งนี้สักที เขามองดูตำรวจอีกหลายนายวิ่งเข้าไปในโกดัง นั่งอยู่ในรถไม่นาน คนที่ป่วยและไม่สบายต่างก็ได้รับความช่วยเหลือจนครบ รวมถึงเว่ยฟาน
To Be Continue