Chapter 15
คนตัวเล็กกลับมาถึงบ้านเร็วก่อนเวลาเลิกงานเล่นเอาพรึกที่เข้ามาทำความสะอาดห้องให้น้องถึงกับขมวดคิ้ว
“เป็นอะไรเอ่ย” น้องหน้าซึม ตาไม่เป็นประกายเหมือนทุกที พรึกก็วางไม้ถูพื้นเเล้วเดินเข้ามาหา
“ไม่ได้งานเเหละ”
พรึกพยักหน้า “ทำเต็มที่เเล้วใช่มั้ยครับ”
“ตั้งใจทำจนคิดว่ามันดีมากเเล้วเเท้ๆ ครับ พอไม่ได้ก็เลย...เหมือนผิดหวังมากๆ”
ร่างสูงเข้าใจ เขาย้อนคิดไปถึงวัยเด็กที่ยังไม่เข้าใจความเป็นไปของโลกการทำงานเท่่าไหร่ เเต่พอโตขึ้นอะไรหลายๆ อย่างก็ทำให้รู้ว่าไม่มีทางได้ในสิ่งที่เราต้องการทั้งหมด และต้องรีบจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกให้ดีด้วย ถึงจะสามารถทำงานในวันต่อๆ ไปได้
“จำความรู้สึกตอนนี้ไว้นะคะ มันจะได้เป็นพลังให้งานหน้าหนูพัฒนาขึ้นไปอีก”
พลัมผละหน้าออกจากอก ทำไม่ทั้งพี่มิ้มเเละคุณพรึกเก่งจัง
“ลูกค้าบอกมั้ยว่าทำไมเราไม่ได้งาน”
พลัมส่ายหน้า อ่า...พรุ่งนี้ลองไปถามพี่มิ้มดูดีกว่า เผื่อจะพัฒนาอะไรได้อีกตามที่คุณพรึกว่า คิดได้ดังนั้นก็นับว่าครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีเเล้วกัน และครั้งหน้ามันต้องดีกว่านี้ได้อีก
“หนูเข้าใจเเล้ว หนูไม่หงอยเเล้วก็ได้”
พรึกจุ๊บเหม่งเด็ก “เก่งเร็วจัง”
“คุณพรึกพูดดี หนูก็เลยคิดได้ไว”
พรึกจุ๊บเหม่งเด็กอีกที น้องไม่ต้องอ้อนอะไรก็ดูน่ารักไปหมด
“แล้วนี่พี่มิ้มให้กลับมาก่อนหรอ”
พลัมพยักหน้า “พี่มิ้มก็ไปทำเล็บย้อมใจครับ”
พรึกเข้าใจได้ ในสายงานโฆษณามันมีความเเข่งขันสูง เพราะเม็ดเงินในเเต่ละโปรเจกต์สูงมา ความเครียดของคนทำงานก็พุ่งสูงมากเช่นกัน คุณมิ้มอาจจะไม่ได้เเสดงออกว่าผิดหวังเท่าพลัม เเต่ในใจลึกๆ ก็คงรู้สึกเเย่บ้าง จึงไล่เจ้าเด็กน้อยกลับมาซบอกเขา ส่วนตัวเองก็ไปหาเรื่องสบายใจทำ พรึกพยักหน้ากับตัวเอง นับว่าพลัมได้พี่ที่รู้จักตึงรู้จักผ่อน ไม่ได้มุ่งเเต่งานจนลืมสภาพจิตใจเพื่อนร่วมงาน
“หนูอยากทำอะไรมั้ย หรืออยากไปไหนรึเปล่า เดี๋ยวคุณพรึกพาไปโอ๋ๆ”
“คุณพรึกเอาเเต่ตามใจหนู หนูตามใจคุณพรึกบ้างก็ได้นะ”
“น่ารักเก่ง” พรึกชม
“คุณพรึกขี้เห่อหนูเกินไปเเล้ว”
“ก็หนูพลัมของคุณพรึกน่ารัก” มือใหญ่ลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ “ไปวัดมั้ยคะ ถวายสังฆฑาน ให้อาหารปลา เเล้วเย็นๆ นั่งกินร้านอาหารริมเเม่น้ำ ใจหนูจะได้สงบหน่อย”
ใจพรึกเองด้วยเเหละที่อยากสงบ อยู่ใกล้พลัมก็เหมือนอยู่ใกล้น้ำมัน ไฟกามมันพร้อมลุกพรึ่บเสียตลอดเวลา
“ที่เดทสมเป็นคุณพรึก” เจ้าตัวเล็กเอ่ยเเซว พรึกอดเเก้มร้อนไม่ได้ ก็จะให้ชวนไปที่ที่มิดชิดมากๆ อย่างโรงหนังหรือโรงเเรมตามชายหาด เขาก็กลัวศีลจะเเตกนะสิ เข้าวัดเข้าวาก็เหมาะควรกับอายุ เเละคุณภาพจิตใจตอนนี้เเล้ว
“งั้นพลัมไปเปลี่ยนชุดก่อน” เด็กน้อยใส่ชุดนักศึกษาอยู่ พรึกพยักหน้า เขาถูพื้นห้องรับเเขกต่ออีกนิดหลังจากที่น้องเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอน จากนั้นก็ไปจัดการอาบน้ำเเต่งตัวบ้าง
พรึกขับรถมาเเวะซุปเปอร์มาเก็ตเเถวบ้าน เพื่อซื้อชุดสังฆฑาน พลัมเองก็ซื้อชุดใหญ่เพราะไม่ได้ทำบุญให้พ่อ เเม่ เเละพี่สาวนานเเล้ว พรึกพอจะเดาได้เเต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความ น้องดูไม่ค่อยอยากพูดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เเต่เขาตั้งใจว่าไหนๆ ก็คบพลัมเเบบจริงๆ จังๆ แล้ว ก่อนน้องเรียนจบเเละเขาจะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของน้องมากกว่านี้ ควรจะไปไหว้พ่อเเม่ และญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่ของน้องให้เป็นเรื่องเป็นราว
พลัมเห็นพรึกเหม่อไปก็กระตุกมือ
“น้องซื้อขนมไปให้พี่หมา พี่เเมวด้วยได้มั้ย”
“ซื้อสิครับ” เเน่นอนว่าในวัดย่อมมีเพื่อนสี่ขา
“น้องซื้ออาหารพี่ปลาด้วยได้มั้ย”
“อันนี้คุณพรึกว่าไปอุดหนุนเเม่ค้าเเถวนั้นดีมั้ย”
“พี่ปลาเบื่อเเย่ กินเเต่ของเดิมๆ”
พรึกลูบหัวน้อง เด็กอะไรน่าเอ็นดู อายุขึ้นต้นด้วยเลขสองเเล้วจริงป่ะเนี่ย พรึกว่าการที่พลัมทำตัวเป็นเด็กๆ ต่อหน้าเขา ก็เหมือนน้องเปิดใจให้เขามากอยู่ เเละเเสดงออกแบบที่ตัวเองอยากเป็นจริงๆ ไม่ใช่ภาพลักษณ์เข้มเเข็งของเด็กที่ต้องการอยู่คนเดียวหลังจากคนสนิทในครอบครัวจากไปหมดแล้ว
โลกของน้องสดใส ไม่ได้มืดมน เเละพรึกก็ชอบที่เป็นเเบบนี้ บางครั้งเขายังเผลอทำเสียงเล็กๆ เสียงน้อยตอบกลับพลัมไปเหมือนยังเป็นเด็กๆ ไปด้วยกัน
พรึกเข็นรถเข็นเคียงคู่กับพลัมไปเรื่อยๆ ที่วัดยังมีโคกระบือที่คนไถ่ชีวิตไว้ น้องก็ไปเลือกซื้อผักผลไม้ที่น่าจะอร่อยกว่าที่วัดเตรียมไว้ไปฝากพี่ๆ ตัวใหญ่ของน้องด้วย เมื่อเลือกของได้จนถูกใจก็พากันไปจ่ายเงิน พลัมขอพรึกออกเงินค่าสังฆฑานเองเพราะตั้งใจทำให้พ่อกับเเม่
ไม่นานรถสีขาวคันโตก็ขับมาจอดที่วัดริมเเม่น้ำเจ้าพระยา เเต่ไม่ใช่วัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่คนพลุกพล่าน ร่างสูงเดินนำน้องเข้าไปถวายสังฆฑานกับเจ้าอาวาสก่อน จากนั้นก็ไหว้พระทำบุญกันตามสมควรเเล้วค่อยออกมาให้อาหารพี่โคกระบือ ตามด้วยเเจกจ่ายขนมกับเจ้าตูบทั้งหลาย พรึกเป็นคนคอยส่งขนมให้น้อง ปล่อยให้พลัมเล่นกับบรรดาพี่หมาอย่างเต็มที่ เมื่อขนมหมดก็พาน้องไปล้างมือที่อาจจะติดน้ำลายเจ้าสี่ขามาบ้าง แล้วค่อยไปให้อาหารปลาที่ศาลาริมเเม่น้ำ ปลาสวายดิ้นกันให้พล่าน ตัวใหญ่ขนาดที่แย่งฮุบเหยื่อที่ก็ดีดน้ำขึ้นมาใส่พลัมจนตัวเปียก
“พี่ปลาน่ากลัวจัง” พลัมคิดภาพตัวเองตกลงไปแล้วหลับตาปี๋ตัวส่ัน เนื้อเขาต้องโดนเเทะจนเละเเน่
พรึกยิ้มอ่อน ตบไหล่พลัมเบาๆ เป็นสัญญาณว่าถ้ากลัวก็ถอยออกมานั่งรับลมที่เก้าอี้เเล้วกัน วัดนี้เงียบสงบดังนั้นในศาลาจึงมีเพียงเขาสองคนเท่านั้น เเต่ทั้งคู่รู้ดีว่าที่นี่คือวัดเลยอยู่ด้วยกันอย่างสำรวม เพียงเเค่นั่งทอดสายตามองกอวัชพืชน้ำไหลเอื่อยๆ ไปตามทางเท่านั้น
พลัมดูเหมือนจะลืมเรื่องงานไปหมดเเล้ว ตากลมๆ ปรือตามความสบายของอากาศรอบตัว
“ง่วงแล้วหรอครับ”
พลัมหาวเเทนคำตอบ
“กลับบ้านนอนมั้ย”
คนตัวเล็กส่ายหน้าจนผมสะบัด
“พลัมอยากกินพี่จุ้ง จุ้งๆ ตัวโตๆ”
น้องทวงสัญญาที่พรึกบอกว่าจะพาไปกินกุ้งเเม่น้ำเผาที่ร้านเด็ดเเถวนี้
ร่างสูงพลิกข้อมือดูเวลา เขากะเวลาว่าสัก 5 โมงออกจากวัด เหลือเวลาอีกนิดหน่อย “ง่วงก็พิงคุณพรึกหลับก่อน”
พลัมหน้าตาตื่นเป็นเชิงว่าในวัดได้หรือครับ
“ไม่ได้คิดอกุศลสักหน่อย” คุณพรึกว่า
พลัมปากยื่น รู้นะที่บอกว่าไม่หนะใจแอบคิดใช่มั้ยละ อยู่ใกล้กันขนาดนี้เเต่คุณเขาไม่ได้โอบไม่ได้หอมเลย ทนได้ยังไงกันล่ะ
“เดี๋ยวออกจากวัดน้องให้หอมนะ”
ร่างสูงพรูลมหายใจ เนี่ย...พอใจเขาพยายามจะสูงน้องก็ลากลงมาตลอด เเต่ก็ยอมเพราะน้องทำไปด้วยความน่ารัก ไม่ได้หยาบโลนอะไร พรึกพยักหน้า ดูเวลาอีกที งั้นออกจากวัดไวหน่อยเเล้วกัน ถ้าร้านยังไม่พร้อมให้บริการเขาก็ไปจอดรอเเถวปั๊มข้างๆ ก่อนก็ได้
พลัมกระโดดลงจากเก้าอี้ ชะโงกหน้าไปดูพี่ปลาอีกรอบ เเหม พอไม่มีอาหารก็ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยนะ น้องบ๊ายบายผืนน้ำ บ๊ายบายสายลมเสร็จก็หันมาพยักหน้ากับพรึกเป็นเชิงว่าพร้อมไปละ
อยากบีบให้เเก้มเเตกทำไงดี จับมือก็ไม่ได้เเม่งเอ้ยเดี๋ยวลามไปอย่างอื่น คุณเขาเลยเดินเร็วมาก จนคนขาสั้นกว่าต้องวิ่งตาม เเถมพอมาถึงลานจอดรถเจอพี่หมาอีก บอกลากันอยู่อีกเกือบคร่ึงชั่วโมง
บางที่พรึกก็เกลียดความเป็นเพื่อนกับสัตว์โลกของน้องจัง
พลัมไปล้างมืออีกรอบ แล้วเดินมาขึ้นรถ BMW X1 กระชากตัวออกไปเร็ว จนหินกรวดในวัดขึ้นฝุ่นคลุ้ง อ่ะ..กับหมากับปลา คุณเค้าก็หึงเด้อ
เด็กน้อยนั่งไม่รู้เรื่อง ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับรูปเจ้าตูบที่ถ่ายติดโทรศัพท์มาด้วย
“อยากเลี้ยงพี่หมาจัง”
“เเต่อยู่คอนโดเลี้ยงไม่ได้”
พรึกตาขวาง ถ้าน้องเลี้ยงก็มัวเเต่เล่นกับหมาจนลืมคุณหมีนะสิ
“หนูก็เลี้ยงพี่เเทนไง ลูบหัวก็ได้ เกาคางก็ได้ นอนหงายให้ลูบพุงก็ได้”
“หื้อ...คุณพรึก พลัมเก็บไว้ให้เป็นฮับบี้ครับ จะมาเเย่งตำเเหน่งพี่หมาไม่ได้”
“ญาติเยอะไปหมดอะเรา พี่หมา พี่หมี พี่ปลา”
“ก็..ก็ พลัมไม่ค่อยมีครอบครัวนี่นา”
อ่า...พรึกเงียบปากเเทบไม่ทัน เผลอไปแตะเรื่องละเอียดอ่อนในใจน้องไปอีก
“คุณพรึกไม่ตั้งใจ” ร่างสูงละมือจากพวกมาลัยมารวบไหล่น้องไปกอด
พลัมอมยิ้ม ยื่นหน้าไปจุ๊บเเก้มสากเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร “ดีใจจังที่มีคุณพรึก พลัมคิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวได้ไม่เหงา จนได้มาอยู่กับคุณพรึก พลัมก็รู้ว่าจริงๆ พลัมยังต้องการใครสักคนในชีวิตอยู่ดี”
น้องเอนศีรษะซบไหล่แล้วบอกออกมาเสียงเรียบๆ
“ถ้าวันนึงคุณพรึกหายไป พลัมตายเเน่”
“ไม่เอา ไม่พูดเเบบนั้น หนูเก่ง หนูอยู่คนเดียวได้ เพียงเเค่ว่ามีคุณพรึกแล้วหนูเข้มเเข็งขึ้นเท่านั้นเอง” ร่างสูงเเก้ไขความเข้าใจให้เจ้าตัวเล็ก การที่เขาเป็นคนสำคัญของน้องนั้นก็ดี เเต่โลกนี้มีอะไรเเน่นอนบ้าง กลัวว่าถ้ายึดติดเกินไป แล้วเกิดความเปลี่ยนเเปลงขึ้นพลัมจะทนไม่ไหว
พลัมเข้าใจที่พรึกพูด เขาผ่านความสูญเสียคนสำคัญในชีวิตมาเยอะ เขาเข้าใจ
เเต่...ถ้าไม่เสียได้ มันก็จะดี
ตึกออฟฟิศย่านสาธร
เบลมายืนรอรับพลัมไปกินขนมที่ร้านตามปกติ ซึ่งทุกวันน้องจะเลิกงาน 6 โมง ถ้าวันไหนกลับดึกหรือพรึกมารับก็จะไลน์มาบอกล่วงหน้า
เกือบทุ่มเเล้ว เบลยืนดักอยู่ตรงทางออกลิฟต์ก็ไม่เจอ แถมโทรหาน้องก็เหมือนไม่ได้เปิดเครื่องด้วย ไอ้พรึกก็พอกัน เมียหายเเล้วมึงรู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย โทรติดต่อไม่ได้สักคน
“ลุง…”
สรรพนามไม่เกรงใจเซรั่มบำรุงหนังหน้าหลักหมื่นของเขาเเบบนี้มีอยู่คนเดียว
“เด็กเวร!”
“ครับ “คิวยิ้มรับหน้าชื่น พร้อมเดินเข้ามาหา
“เห็นน้องพลัมบ้างมั้ย โทรหาไม่มีสัญญาณเลยเนี่ย”
คือไม่ถูกกัน เเต่ก็คุยกันได้นั้นเเหละ อีกอย่างคิวยังวอเเวเบลชนิดเข้าหาวันละ 3 เวลาด้วย
“มันกลับไปตั้งเเต่บ่ายเเล้ว ไม่ได้บอกหรือไง”
“อ่าว...” เบลหน้าเสียไปอย่างที่คิวสังเกตเห็น เขาก้มมองกล่องขนมในมือที่เบลถือมาด้วย มันเป็นเอเเคลร์เเบบชิ้นยาว ราดครีมสีเหลืองอ่อนดูน่ากิน ด้านบนก็ตกเเต่งด้วยสตอเบอร์รี่สดชิ้นโต เเต่ครีมเหมือนจะเริ่มละลาย
“คุณมารอนานเเล้วหรอ” คือถ้าคุยกันดีๆ บ้าง คิวก็เรียกเบลว่า ‘คุณ’ ตามที่พลัมเรียกคุณพรึก
“อืม ตั้งเเต่เกือบๆ หกโมง ทำขนมเสร็จ ก็รีบเอามาให้น้องพลัม”
ไอ้พลัมคนชั่ว ถ้าเจอจะตีให้ตาย!
“ให้ผมกินเเทนได้มั้ย”
“ตะกละ!” เบลว่า แล้วหันหลังออกจากตึก เพื่อเดินกลับร้าน คิวเดินตามไปด้วยเพราะยังไงเขาก็กะจะไปขอข้าวเย็นกินตามปกติ เเต่พอกินเสร็จก็ต้องเปลี่ยนชุดเป็นเด็กเสิร์ฟจ่ายเเรงงานเเทนค่าอาหารด้วย
เบลเดินสาวเท้าไปบนฟุตบาท คิวสาวเท้าตาม สีหน้าเหงาหงอยเมื่อสักครู่ยังติดตาคิวอยู่ ทำให้เขารู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อกอบกู้จิตใจคุณเบล
“คุณเบล”
“มีอะไร” หนุ่มตี๋หันมาถาม หน้าตาเหมือนคนหงุดหงิด
“วันนี้ปิดร้านเเล้วไปไหนรึเปล่า”
“กลับบ้านดิ”
“เอ่อ...ไปดูหนังกันมั้ย”
คราวนี้เบลหยุดเดิน คิวเลยเเซงไปดักหน้า
“ถ้าไม่มีอะไรทำ เราไปดูหนังรอบดึกกันมั้ย” เด็กหนุ่มย้ำอีกครั้ง เบลอ้ำอึ้ง ถ้าถามว่าสนิทพอจะไปดูด้วยกันได้มั้ยมันก็ได้แต่เเบบรอบดึกเเล้วเขาก็ไม่ชอบเก้าอี้เบียดๆ ที่เข่าชนพนักพิงตัวข้างหน้า แต่จะให้เลือกนั่ง Honeymoon Seat กับไอ้เด็กนี้ก็...ขนลุกพิลึก
“ผมเอาคำตอบวันนี้นะ ไม่ใช่มะรืน ทำไมคิดนาน”
“ทำไมชวน”
“ก็ผมว่าง คืนวันศุกร์กลับห้องไปก็...ไม่มีอะไรทำ”
“เกมออนไลน์ โซเชียลมีเยอะเเยะ ไม่เล่นละ”
“คุณเบลเล่นพวกนั้นเเล้วหายเหงาหรือครับ”
ไอ้สัส!! หัวใจเหมือนโดนสั่นคลอน
เบลที่กอดถ้วยรางวัลคนเหงา 32 ปีซ้อนถึงกับสตั๊น
“มึงเหงา?” เขาถามย้ำคิวอย่างไม่เเน่ใจ หน้าอย่างมึงนี่ควรมีเพื่อนหรือมีสาวเยอะอยู่นะ
“หรือคุณไม่เหงา”
“ไม่อ่ะ ฉันมีเเอนโทนี่”
คราวนี้คิวทำหน้าเหวอ อย่าบอกนะว่าพี่เขามีเเฟนฝรั่งอยู่เเล้ว ไหนไอ้พลัมบอกว่าคุณเค้าโสดไง!
ไอ้พลัมเจอหน้ากันจะตีให้หัวเเตกจริงๆ!!
“เเมว” เบลเฉลยสั้นๆ เพราะเห็นหน้าคิวเหวอจนตลก
คิวตบอกแปะๆ ขอบคุณโลกใบนี้ที่มีสัตว์เลี้ยงน่ารัก แล้วเขาก็มองเบลด้วยฟิลเตอร์น่ารักอีกขึ้นเป็นกอง เลี้ยงเเมวด้วย งุ้ยๆ จัง
“เพราะฉะนั้นไม่ว่าง ต้องกลับไปเล่นกับแอนโทนี่”
“ไปเล่นด้วยได้มั้ย”
“แมวกูไม่เล่นกับคนเเปลกหน้าโว้ย” เบลเดินหนี คิวยิ้มกระโดดเด้งดึ๋งตามอย่างร่าเริง
“น่านะ คุณเบล ผมกลับห้องไปก็เหงา ให้เเอนโทนี่เยียวยาจิตใจผมหน่อย”
“รำคาญจังอ่ะ” เบลโวยวายแล้วก็ยัดกล่องพลาสติกใสใส่มือคิว
“ยัดปากเข้า จะได้เงียบๆ”
“โอเคครับ เงียบเเล้วเเปลว่าให้ไปหาเเอนโทนี่นะ”
“พ่อมึง รำคาญ”
“พ่อผมไม่รำคาญ”
“โอ้ย ไอ้เด็กเวร กูปวดหัวไปหมดเเล้ว”
“นะๆ ไม่ไปดูหนังในโรง ไปดูหนังที่ห้องคุณเบลก็ได้ เเล้วก็ได้เล่นกับเเอนโทนี่ด้วย”
“เออเเล้วเเต่มึงเลย รำค๊าญญญญ”
“น่ารัก”
“ว่าไงนะ”
“อ๋อ ผมชมเเอนโทนี่ว่าน่ารัก”
“ใช่ๆ คุณเค้าน่ารักมาก ขนฟูสุด แล้วขนก็นุ่มมากด้วย”
คิวหัวเราะกึกๆ ในใจ โอเคถึงคุณเบลจะไม่อ่อนโยน แต่ถ้าเข้าทางเจ้าเหมียวละก็ คุณเขาต้องอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟในเร็ววันเเน่ๆ
หึหึ...แอนโทนี่ลูกรัก พ่อที่พลักพรากกำลังจะไปหาหนูเเล้วน๊า!
TBC
คือเเบบกรี๊ดหนักมากตอนนี้ คือคุณเบลน่ารักเกินไปแล้วววววว (ลืมคุณพรึกกับคนรักเขาไปก่อนนะคะ)
คือเเบบตอนที่มารอน้องแล้วน้องไม่อยู่คือสงสาร แต่เจอน้องคิวแล้วแบบ แต่ละประโยคแระเเทกใจจัง งื้อ FC น้องคิวนะคะ พี่รักหนู ไปไปสู้ลูก!!!
#ทฤษฎีอ่อยเธอ
ลงไว เพราะเหงา เหงาเท่าคุณเบล 55
เย่ๆ ตอนที่ผ่านมาได้หลายคอมเม้นเลย + เราใส่วันที่อัพให้แล้วน๊า ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
ปล. เรามีแจก สคส. อยู่ ใครสนใจไปกรอกฟอร์มตามลิ้งค์นี้ค่ะ
https://goo.gl/forms/zf59nw3vW2oGto922