>>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)  (อ่าน 41863 ครั้ง)

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตบะแตกได้แล้วค่ะคุณพรึก กองเชียร์รออยู่  :hao6:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
โอ๋ๆ กอดน้องพลัมงานหน้าเอาใหม่นะ

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
โอย...อ่านไปเขินไป ตัวจะแตกแล้ว :katai2-1:  :-[ :o8: :impress2:

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 15





คนตัวเล็กกลับมาถึงบ้านเร็วก่อนเวลาเลิกงานเล่นเอาพรึกที่เข้ามาทำความสะอาดห้องให้น้องถึงกับขมวดคิ้ว

“เป็นอะไรเอ่ย” น้องหน้าซึม ตาไม่เป็นประกายเหมือนทุกที พรึกก็วางไม้ถูพื้นเเล้วเดินเข้ามาหา

“ไม่ได้งานเเหละ”

พรึกพยักหน้า “ทำเต็มที่เเล้วใช่มั้ยครับ”

“ตั้งใจทำจนคิดว่ามันดีมากเเล้วเเท้ๆ ครับ พอไม่ได้ก็เลย...เหมือนผิดหวังมากๆ”

ร่างสูงเข้าใจ เขาย้อนคิดไปถึงวัยเด็กที่ยังไม่เข้าใจความเป็นไปของโลกการทำงานเท่่าไหร่ เเต่พอโตขึ้นอะไรหลายๆ อย่างก็ทำให้รู้ว่าไม่มีทางได้ในสิ่งที่เราต้องการทั้งหมด และต้องรีบจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกให้ดีด้วย ถึงจะสามารถทำงานในวันต่อๆ ไปได้

“จำความรู้สึกตอนนี้ไว้นะคะ มันจะได้เป็นพลังให้งานหน้าหนูพัฒนาขึ้นไปอีก”

พลัมผละหน้าออกจากอก ทำไม่ทั้งพี่มิ้มเเละคุณพรึกเก่งจัง

“ลูกค้าบอกมั้ยว่าทำไมเราไม่ได้งาน”

พลัมส่ายหน้า อ่า...พรุ่งนี้ลองไปถามพี่มิ้มดูดีกว่า เผื่อจะพัฒนาอะไรได้อีกตามที่คุณพรึกว่า คิดได้ดังนั้นก็นับว่าครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีเเล้วกัน และครั้งหน้ามันต้องดีกว่านี้ได้อีก

“หนูเข้าใจเเล้ว หนูไม่หงอยเเล้วก็ได้”

พรึกจุ๊บเหม่งเด็ก “เก่งเร็วจัง”

“คุณพรึกพูดดี หนูก็เลยคิดได้ไว”

พรึกจุ๊บเหม่งเด็กอีกที น้องไม่ต้องอ้อนอะไรก็ดูน่ารักไปหมด

“แล้วนี่พี่มิ้มให้กลับมาก่อนหรอ”

พลัมพยักหน้า “พี่มิ้มก็ไปทำเล็บย้อมใจครับ”

พรึกเข้าใจได้ ในสายงานโฆษณามันมีความเเข่งขันสูง เพราะเม็ดเงินในเเต่ละโปรเจกต์สูงมา ความเครียดของคนทำงานก็พุ่งสูงมากเช่นกัน คุณมิ้มอาจจะไม่ได้เเสดงออกว่าผิดหวังเท่าพลัม เเต่ในใจลึกๆ ก็คงรู้สึกเเย่บ้าง จึงไล่เจ้าเด็กน้อยกลับมาซบอกเขา ส่วนตัวเองก็ไปหาเรื่องสบายใจทำ พรึกพยักหน้ากับตัวเอง นับว่าพลัมได้พี่ที่รู้จักตึงรู้จักผ่อน ไม่ได้มุ่งเเต่งานจนลืมสภาพจิตใจเพื่อนร่วมงาน

“หนูอยากทำอะไรมั้ย หรืออยากไปไหนรึเปล่า เดี๋ยวคุณพรึกพาไปโอ๋ๆ”

“คุณพรึกเอาเเต่ตามใจหนู หนูตามใจคุณพรึกบ้างก็ได้นะ”

“น่ารักเก่ง” พรึกชม

“คุณพรึกขี้เห่อหนูเกินไปเเล้ว”

“ก็หนูพลัมของคุณพรึกน่ารัก” มือใหญ่ลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ “ไปวัดมั้ยคะ ถวายสังฆฑาน ให้อาหารปลา เเล้วเย็นๆ นั่งกินร้านอาหารริมเเม่น้ำ ใจหนูจะได้สงบหน่อย”

ใจพรึกเองด้วยเเหละที่อยากสงบ อยู่ใกล้พลัมก็เหมือนอยู่ใกล้น้ำมัน ไฟกามมันพร้อมลุกพรึ่บเสียตลอดเวลา

“ที่เดทสมเป็นคุณพรึก” เจ้าตัวเล็กเอ่ยเเซว พรึกอดเเก้มร้อนไม่ได้ ก็จะให้ชวนไปที่ที่มิดชิดมากๆ อย่างโรงหนังหรือโรงเเรมตามชายหาด เขาก็กลัวศีลจะเเตกนะสิ เข้าวัดเข้าวาก็เหมาะควรกับอายุ เเละคุณภาพจิตใจตอนนี้เเล้ว

“งั้นพลัมไปเปลี่ยนชุดก่อน” เด็กน้อยใส่ชุดนักศึกษาอยู่ พรึกพยักหน้า เขาถูพื้นห้องรับเเขกต่ออีกนิดหลังจากที่น้องเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอน จากนั้นก็ไปจัดการอาบน้ำเเต่งตัวบ้าง

พรึกขับรถมาเเวะซุปเปอร์มาเก็ตเเถวบ้าน เพื่อซื้อชุดสังฆฑาน พลัมเองก็ซื้อชุดใหญ่เพราะไม่ได้ทำบุญให้พ่อ เเม่ เเละพี่สาวนานเเล้ว พรึกพอจะเดาได้เเต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความ น้องดูไม่ค่อยอยากพูดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เเต่เขาตั้งใจว่าไหนๆ ก็คบพลัมเเบบจริงๆ จังๆ แล้ว ก่อนน้องเรียนจบเเละเขาจะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของน้องมากกว่านี้ ควรจะไปไหว้พ่อเเม่ และญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่ของน้องให้เป็นเรื่องเป็นราว

พลัมเห็นพรึกเหม่อไปก็กระตุกมือ

“น้องซื้อขนมไปให้พี่หมา พี่เเมวด้วยได้มั้ย”

“ซื้อสิครับ” เเน่นอนว่าในวัดย่อมมีเพื่อนสี่ขา

“น้องซื้ออาหารพี่ปลาด้วยได้มั้ย”

“อันนี้คุณพรึกว่าไปอุดหนุนเเม่ค้าเเถวนั้นดีมั้ย”

“พี่ปลาเบื่อเเย่ กินเเต่ของเดิมๆ”

พรึกลูบหัวน้อง เด็กอะไรน่าเอ็นดู อายุขึ้นต้นด้วยเลขสองเเล้วจริงป่ะเนี่ย พรึกว่าการที่พลัมทำตัวเป็นเด็กๆ ต่อหน้าเขา ก็เหมือนน้องเปิดใจให้เขามากอยู่ เเละเเสดงออกแบบที่ตัวเองอยากเป็นจริงๆ ไม่ใช่ภาพลักษณ์เข้มเเข็งของเด็กที่ต้องการอยู่คนเดียวหลังจากคนสนิทในครอบครัวจากไปหมดแล้ว

โลกของน้องสดใส ไม่ได้มืดมน เเละพรึกก็ชอบที่เป็นเเบบนี้ บางครั้งเขายังเผลอทำเสียงเล็กๆ เสียงน้อยตอบกลับพลัมไปเหมือนยังเป็นเด็กๆ ไปด้วยกัน

พรึกเข็นรถเข็นเคียงคู่กับพลัมไปเรื่อยๆ ที่วัดยังมีโคกระบือที่คนไถ่ชีวิตไว้ น้องก็ไปเลือกซื้อผักผลไม้ที่น่าจะอร่อยกว่าที่วัดเตรียมไว้ไปฝากพี่ๆ ตัวใหญ่ของน้องด้วย เมื่อเลือกของได้จนถูกใจก็พากันไปจ่ายเงิน พลัมขอพรึกออกเงินค่าสังฆฑานเองเพราะตั้งใจทำให้พ่อกับเเม่

ไม่นานรถสีขาวคันโตก็ขับมาจอดที่วัดริมเเม่น้ำเจ้าพระยา เเต่ไม่ใช่วัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่คนพลุกพล่าน ร่างสูงเดินนำน้องเข้าไปถวายสังฆฑานกับเจ้าอาวาสก่อน จากนั้นก็ไหว้พระทำบุญกันตามสมควรเเล้วค่อยออกมาให้อาหารพี่โคกระบือ ตามด้วยเเจกจ่ายขนมกับเจ้าตูบทั้งหลาย พรึกเป็นคนคอยส่งขนมให้น้อง ปล่อยให้พลัมเล่นกับบรรดาพี่หมาอย่างเต็มที่ เมื่อขนมหมดก็พาน้องไปล้างมือที่อาจจะติดน้ำลายเจ้าสี่ขามาบ้าง แล้วค่อยไปให้อาหารปลาที่ศาลาริมเเม่น้ำ ปลาสวายดิ้นกันให้พล่าน ตัวใหญ่ขนาดที่แย่งฮุบเหยื่อที่ก็ดีดน้ำขึ้นมาใส่พลัมจนตัวเปียก

“พี่ปลาน่ากลัวจัง” พลัมคิดภาพตัวเองตกลงไปแล้วหลับตาปี๋ตัวส่ัน เนื้อเขาต้องโดนเเทะจนเละเเน่

พรึกยิ้มอ่อน ตบไหล่พลัมเบาๆ เป็นสัญญาณว่าถ้ากลัวก็ถอยออกมานั่งรับลมที่เก้าอี้เเล้วกัน วัดนี้เงียบสงบดังนั้นในศาลาจึงมีเพียงเขาสองคนเท่านั้น เเต่ทั้งคู่รู้ดีว่าที่นี่คือวัดเลยอยู่ด้วยกันอย่างสำรวม เพียงเเค่นั่งทอดสายตามองกอวัชพืชน้ำไหลเอื่อยๆ ไปตามทางเท่านั้น

พลัมดูเหมือนจะลืมเรื่องงานไปหมดเเล้ว ตากลมๆ ปรือตามความสบายของอากาศรอบตัว

“ง่วงแล้วหรอครับ”

พลัมหาวเเทนคำตอบ

“กลับบ้านนอนมั้ย”

คนตัวเล็กส่ายหน้าจนผมสะบัด

“พลัมอยากกินพี่จุ้ง จุ้งๆ ตัวโตๆ”

น้องทวงสัญญาที่พรึกบอกว่าจะพาไปกินกุ้งเเม่น้ำเผาที่ร้านเด็ดเเถวนี้

ร่างสูงพลิกข้อมือดูเวลา เขากะเวลาว่าสัก 5 โมงออกจากวัด เหลือเวลาอีกนิดหน่อย “ง่วงก็พิงคุณพรึกหลับก่อน”

พลัมหน้าตาตื่นเป็นเชิงว่าในวัดได้หรือครับ

“ไม่ได้คิดอกุศลสักหน่อย” คุณพรึกว่า

พลัมปากยื่น รู้นะที่บอกว่าไม่หนะใจแอบคิดใช่มั้ยละ อยู่ใกล้กันขนาดนี้เเต่คุณเขาไม่ได้โอบไม่ได้หอมเลย ทนได้ยังไงกันล่ะ

“เดี๋ยวออกจากวัดน้องให้หอมนะ”

ร่างสูงพรูลมหายใจ เนี่ย...พอใจเขาพยายามจะสูงน้องก็ลากลงมาตลอด เเต่ก็ยอมเพราะน้องทำไปด้วยความน่ารัก ไม่ได้หยาบโลนอะไร พรึกพยักหน้า ดูเวลาอีกที งั้นออกจากวัดไวหน่อยเเล้วกัน ถ้าร้านยังไม่พร้อมให้บริการเขาก็ไปจอดรอเเถวปั๊มข้างๆ ก่อนก็ได้

พลัมกระโดดลงจากเก้าอี้ ชะโงกหน้าไปดูพี่ปลาอีกรอบ เเหม พอไม่มีอาหารก็ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยนะ น้องบ๊ายบายผืนน้ำ บ๊ายบายสายลมเสร็จก็หันมาพยักหน้ากับพรึกเป็นเชิงว่าพร้อมไปละ

อยากบีบให้เเก้มเเตกทำไงดี จับมือก็ไม่ได้เเม่งเอ้ยเดี๋ยวลามไปอย่างอื่น คุณเขาเลยเดินเร็วมาก จนคนขาสั้นกว่าต้องวิ่งตาม เเถมพอมาถึงลานจอดรถเจอพี่หมาอีก บอกลากันอยู่อีกเกือบคร่ึงชั่วโมง

บางที่พรึกก็เกลียดความเป็นเพื่อนกับสัตว์โลกของน้องจัง

พลัมไปล้างมืออีกรอบ แล้วเดินมาขึ้นรถ BMW X1 กระชากตัวออกไปเร็ว จนหินกรวดในวัดขึ้นฝุ่นคลุ้ง อ่ะ..กับหมากับปลา คุณเค้าก็หึงเด้อ

เด็กน้อยนั่งไม่รู้เรื่อง ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับรูปเจ้าตูบที่ถ่ายติดโทรศัพท์มาด้วย

“อยากเลี้ยงพี่หมาจัง”

“เเต่อยู่คอนโดเลี้ยงไม่ได้”

พรึกตาขวาง ถ้าน้องเลี้ยงก็มัวเเต่เล่นกับหมาจนลืมคุณหมีนะสิ

“หนูก็เลี้ยงพี่เเทนไง ลูบหัวก็ได้ เกาคางก็ได้ นอนหงายให้ลูบพุงก็ได้”

“หื้อ...คุณพรึก พลัมเก็บไว้ให้เป็นฮับบี้ครับ จะมาเเย่งตำเเหน่งพี่หมาไม่ได้”

“ญาติเยอะไปหมดอะเรา พี่หมา พี่หมี พี่ปลา”

“ก็..ก็ พลัมไม่ค่อยมีครอบครัวนี่นา”

อ่า...พรึกเงียบปากเเทบไม่ทัน เผลอไปแตะเรื่องละเอียดอ่อนในใจน้องไปอีก

“คุณพรึกไม่ตั้งใจ” ร่างสูงละมือจากพวกมาลัยมารวบไหล่น้องไปกอด

พลัมอมยิ้ม ยื่นหน้าไปจุ๊บเเก้มสากเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร “ดีใจจังที่มีคุณพรึก พลัมคิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวได้ไม่เหงา จนได้มาอยู่กับคุณพรึก พลัมก็รู้ว่าจริงๆ พลัมยังต้องการใครสักคนในชีวิตอยู่ดี”

น้องเอนศีรษะซบไหล่แล้วบอกออกมาเสียงเรียบๆ

“ถ้าวันนึงคุณพรึกหายไป พลัมตายเเน่”

“ไม่เอา ไม่พูดเเบบนั้น หนูเก่ง หนูอยู่คนเดียวได้ เพียงเเค่ว่ามีคุณพรึกแล้วหนูเข้มเเข็งขึ้นเท่านั้นเอง” ร่างสูงเเก้ไขความเข้าใจให้เจ้าตัวเล็ก การที่เขาเป็นคนสำคัญของน้องนั้นก็ดี เเต่โลกนี้มีอะไรเเน่นอนบ้าง กลัวว่าถ้ายึดติดเกินไป แล้วเกิดความเปลี่ยนเเปลงขึ้นพลัมจะทนไม่ไหว

พลัมเข้าใจที่พรึกพูด เขาผ่านความสูญเสียคนสำคัญในชีวิตมาเยอะ เขาเข้าใจ

เเต่...ถ้าไม่เสียได้ มันก็จะดี





ตึกออฟฟิศย่านสาธร

เบลมายืนรอรับพลัมไปกินขนมที่ร้านตามปกติ ซึ่งทุกวันน้องจะเลิกงาน 6 โมง ถ้าวันไหนกลับดึกหรือพรึกมารับก็จะไลน์มาบอกล่วงหน้า

เกือบทุ่มเเล้ว เบลยืนดักอยู่ตรงทางออกลิฟต์ก็ไม่เจอ แถมโทรหาน้องก็เหมือนไม่ได้เปิดเครื่องด้วย ไอ้พรึกก็พอกัน เมียหายเเล้วมึงรู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย โทรติดต่อไม่ได้สักคน

“ลุง…”

สรรพนามไม่เกรงใจเซรั่มบำรุงหนังหน้าหลักหมื่นของเขาเเบบนี้มีอยู่คนเดียว

“เด็กเวร!”

“ครับ “คิวยิ้มรับหน้าชื่น พร้อมเดินเข้ามาหา

“เห็นน้องพลัมบ้างมั้ย โทรหาไม่มีสัญญาณเลยเนี่ย”

คือไม่ถูกกัน เเต่ก็คุยกันได้นั้นเเหละ อีกอย่างคิวยังวอเเวเบลชนิดเข้าหาวันละ 3 เวลาด้วย

“มันกลับไปตั้งเเต่บ่ายเเล้ว ไม่ได้บอกหรือไง”

“อ่าว...” เบลหน้าเสียไปอย่างที่คิวสังเกตเห็น เขาก้มมองกล่องขนมในมือที่เบลถือมาด้วย มันเป็นเอเเคลร์เเบบชิ้นยาว ราดครีมสีเหลืองอ่อนดูน่ากิน ด้านบนก็ตกเเต่งด้วยสตอเบอร์รี่สดชิ้นโต เเต่ครีมเหมือนจะเริ่มละลาย

“คุณมารอนานเเล้วหรอ” คือถ้าคุยกันดีๆ บ้าง คิวก็เรียกเบลว่า ‘คุณ’ ตามที่พลัมเรียกคุณพรึก

“อืม ตั้งเเต่เกือบๆ หกโมง ทำขนมเสร็จ ก็รีบเอามาให้น้องพลัม”

ไอ้พลัมคนชั่ว ถ้าเจอจะตีให้ตาย!

“ให้ผมกินเเทนได้มั้ย”

“ตะกละ!” เบลว่า แล้วหันหลังออกจากตึก เพื่อเดินกลับร้าน คิวเดินตามไปด้วยเพราะยังไงเขาก็กะจะไปขอข้าวเย็นกินตามปกติ เเต่พอกินเสร็จก็ต้องเปลี่ยนชุดเป็นเด็กเสิร์ฟจ่ายเเรงงานเเทนค่าอาหารด้วย

เบลเดินสาวเท้าไปบนฟุตบาท คิวสาวเท้าตาม สีหน้าเหงาหงอยเมื่อสักครู่ยังติดตาคิวอยู่ ทำให้เขารู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อกอบกู้จิตใจคุณเบล

“คุณเบล”

“มีอะไร” หนุ่มตี๋หันมาถาม หน้าตาเหมือนคนหงุดหงิด

“วันนี้ปิดร้านเเล้วไปไหนรึเปล่า”

“กลับบ้านดิ”

“เอ่อ...ไปดูหนังกันมั้ย”

คราวนี้เบลหยุดเดิน คิวเลยเเซงไปดักหน้า

“ถ้าไม่มีอะไรทำ เราไปดูหนังรอบดึกกันมั้ย” เด็กหนุ่มย้ำอีกครั้ง เบลอ้ำอึ้ง ถ้าถามว่าสนิทพอจะไปดูด้วยกันได้มั้ยมันก็ได้แต่เเบบรอบดึกเเล้วเขาก็ไม่ชอบเก้าอี้เบียดๆ ที่เข่าชนพนักพิงตัวข้างหน้า แต่จะให้เลือกนั่ง Honeymoon Seat กับไอ้เด็กนี้ก็...ขนลุกพิลึก

“ผมเอาคำตอบวันนี้นะ ไม่ใช่มะรืน ทำไมคิดนาน”

“ทำไมชวน”

“ก็ผมว่าง คืนวันศุกร์กลับห้องไปก็...ไม่มีอะไรทำ”

“เกมออนไลน์ โซเชียลมีเยอะเเยะ ไม่เล่นละ”

“คุณเบลเล่นพวกนั้นเเล้วหายเหงาหรือครับ”

ไอ้สัส!! หัวใจเหมือนโดนสั่นคลอน

เบลที่กอดถ้วยรางวัลคนเหงา 32 ปีซ้อนถึงกับสตั๊น

“มึงเหงา?” เขาถามย้ำคิวอย่างไม่เเน่ใจ หน้าอย่างมึงนี่ควรมีเพื่อนหรือมีสาวเยอะอยู่นะ

“หรือคุณไม่เหงา”

“ไม่อ่ะ ฉันมีเเอนโทนี่”

คราวนี้คิวทำหน้าเหวอ อย่าบอกนะว่าพี่เขามีเเฟนฝรั่งอยู่เเล้ว ไหนไอ้พลัมบอกว่าคุณเค้าโสดไง!

ไอ้พลัมเจอหน้ากันจะตีให้หัวเเตกจริงๆ!!

“เเมว” เบลเฉลยสั้นๆ เพราะเห็นหน้าคิวเหวอจนตลก

คิวตบอกแปะๆ ขอบคุณโลกใบนี้ที่มีสัตว์เลี้ยงน่ารัก แล้วเขาก็มองเบลด้วยฟิลเตอร์น่ารักอีกขึ้นเป็นกอง เลี้ยงเเมวด้วย งุ้ยๆ จัง

“เพราะฉะนั้นไม่ว่าง ต้องกลับไปเล่นกับแอนโทนี่”

“ไปเล่นด้วยได้มั้ย”

“แมวกูไม่เล่นกับคนเเปลกหน้าโว้ย” เบลเดินหนี คิวยิ้มกระโดดเด้งดึ๋งตามอย่างร่าเริง

“น่านะ คุณเบล ผมกลับห้องไปก็เหงา ให้เเอนโทนี่เยียวยาจิตใจผมหน่อย”

“รำคาญจังอ่ะ” เบลโวยวายแล้วก็ยัดกล่องพลาสติกใสใส่มือคิว

“ยัดปากเข้า จะได้เงียบๆ”

“โอเคครับ เงียบเเล้วเเปลว่าให้ไปหาเเอนโทนี่นะ”

“พ่อมึง รำคาญ”

“พ่อผมไม่รำคาญ”

“โอ้ย ไอ้เด็กเวร กูปวดหัวไปหมดเเล้ว”

“นะๆ ไม่ไปดูหนังในโรง ไปดูหนังที่ห้องคุณเบลก็ได้ เเล้วก็ได้เล่นกับเเอนโทนี่ด้วย”

“เออเเล้วเเต่มึงเลย รำค๊าญญญญ”

“น่ารัก”

“ว่าไงนะ”

“อ๋อ ผมชมเเอนโทนี่ว่าน่ารัก”

“ใช่ๆ คุณเค้าน่ารักมาก ขนฟูสุด แล้วขนก็นุ่มมากด้วย”

คิวหัวเราะกึกๆ ในใจ โอเคถึงคุณเบลจะไม่อ่อนโยน แต่ถ้าเข้าทางเจ้าเหมียวละก็ คุณเขาต้องอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟในเร็ววันเเน่ๆ

หึหึ...แอนโทนี่ลูกรัก พ่อที่พลักพรากกำลังจะไปหาหนูเเล้วน๊า!



TBC 



คือเเบบกรี๊ดหนักมากตอนนี้ คือคุณเบลน่ารักเกินไปแล้วววววว (ลืมคุณพรึกกับคนรักเขาไปก่อนนะคะ)

คือเเบบตอนที่มารอน้องแล้วน้องไม่อยู่คือสงสาร แต่เจอน้องคิวแล้วแบบ แต่ละประโยคแระเเทกใจจัง งื้อ FC น้องคิวนะคะ พี่รักหนู ไปไปสู้ลูก!!! 



#ทฤษฎีอ่อยเธอ 

ลงไว เพราะเหงา เหงาเท่าคุณเบล 55
เย่ๆ ตอนที่ผ่านมาได้หลายคอมเม้นเลย + เราใส่วันที่อัพให้แล้วน๊า ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
ปล. เรามีแจก สคส. อยู่ ใครสนใจไปกรอกฟอร์มตามลิ้งค์นี้ค่ะ

https://goo.gl/forms/zf59nw3vW2oGto922








ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 16





เดินกลับมาถึงร้านด้วยกัน ร่างสูงโดดเด่นเเละเครื่องหน้าที่ดูดีคนละเเบบ ฝั่งหนึ่งขาวตี๋พิมพ์นิยม อีกคนคมเข้มสไตล์พระเอกละครไทย สาวๆ ที่นั่งอยู่ในร้านเห็นถึงกับเเก้มเเดง แต่ก็จะมีสาวอยู่ประเภทหนึ่งที่ไม่ได้เขินอายเพราะตัวเองอยากได้ แต่...

“แกว่าใครรุกใครรับ”

“จุดนี้ต้องสลับโพสิชั่นป่ะว่ะ”

“รุกวันคู่รับวันคี่แบบนี้หรอ”

“เขินหวะ จะรุกจะรับ แต่เเมนๆ คุยกันแบบนี้ชอบหวะ”

“ฉันจะมากินร้านนี้ทุกวันเลย ฉันจะจับตาดูคู่นี้”

“มาด้วยๆ”

เสียงเม้าท์ของสาวๆ ไม่ได้ดังไปถึงหูเบลกับคิวหรอก เจ้าของร้านเดินเข้าไปในครัว คิวตามเข้าไปอย่างรู้งาน คุณเบลไปเเย่งเตาเชฟ เทๆ ของที่มีใกล้มือกระดกกระทะสองทีก็ได้ข้าวผัดหมูกรอบให้คนที่ตัวโตเหมือนยักษ์

“กินเสร็จก็รีบไปทำงาน ขยันให้คุ้มค่าข้าว”

“ครับ ได้ครับ” อยากจะเติมคำว่าทูลหัวลงไปแต่ก็กลัวโดนกระทะฟาดหน้า รอให้ได้งาบพี่เค้าก่อนเเล้วกันค่อยเรียกใหม่

เบลผัดข้าวเสร็จ ก็เดินออกไปหน้าร้าน กะจะไปหาของกินย้อมใจที่ถูกลูกชายหัวเเก้วหัวเเหวนเมินสักหน่อย

เหลือคิวนั่งอยู่ที่เคาเตอร์ในครัว เขาหยิบช้อนซ้อมมากินอาหารที่เบลทำเหมือนง่ายๆ แต่กลับอร่อยเหาะ พ่อครัวเเละเด็กครัวคนอื่นๆ เห็นเเล้วก็อมยิ้ม ที่พนันกันไว้ต้องมีคนได้คนเสียกันบ้างล่ะ

คิวทานเสร็จก็สวมผ้ากันเปื้อนเเล้วติดป้าย Trainee ออกมาช่วยด้านหน้า เขาทำมาหลายวันเเล้วจึงคล่องเเคล่วว่องไว คุ้มค่าข้าวของคุณเบลเเน่นอน ฝ่ายเจ้าของร้านที่นั่งว่างๆ ก็มองตามไปเรื่อยเปื่อย เด็กมันก็หล่อเเหละ ดูสิพวกพนักงานออฟฟิสสาวๆ เรียกไปสั่งอาหารกันใหญ่ ไม่เว้นเเม้เเต่ๆ หนุ่มๆ หลายคนก็ส่งตาสื่อความหมายให้คิวด้วย เหอะ! ขนลุก คือเขาไม่ได้รังเกียจนะ เพราะไอ้พรึกก็มีเเฟนเป็นหนูพลัม แถมเขาเองก็ยังนิยมก้นเด็กน้อยตัวขาวอมชมพู เเต่คิดภาพว่าไปยักคิ้วหลิ่วตาให้คิวก็เลยรู้สึก บรึ๋ย ขึ้นมาหน่อย

ร้านเบลปิด 4 ทุ่ม กว่าจะเคลียร์บัญชี แบ่งทิป และทำความสะอาดเสร็จก็เกือบห้าทุ่ม เพลียจะตายห่าอยู่เเล้ว ยังอุตส่าห์ต้องมีเด็กตัวควายๆ เกาะติดหนึบกลับไปคอนโดมิเนียมด้วยอีก คิวหิ้วกระเป๋าผ้าเเนวฮิปสเตอร์มาด้วยใบนึง เเล้วก็กระโดดขึ้นรถไปด้วยอย่างไม่เขินอาย

ที่พักเบลก็อยู่ในย่านสาธรไม่ไกลจากร้านนี่เเหละ

เบลเดินนำไปที่ห้องพัก พอประตูเปิดก็เห็นสิ่งมีชีวิตตัวฟูนั่งรอตาเเป๋วอยู่เเล้ว เบลย่อตัวนิดหน่อยมันก็ถอยหลังวิ่งเท

คตัวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างขี้อ้อน

“ไฮ แอนโทนี่” คิวทัก

ฟ่อววววว!!!

ขู่ทำเชี่ยอะไร กูว่าที่พ่อมึงนะโว้ย คิวส่งสายตาดุใส่

ฟ่อวววววววววว!!!!

“โอ๋ๆ ลูก เพื่อนปะป๊าเองครับ” เบลตบตูดลูกหน้าขนอย่างเอาใจ แล้วเดินไปเปิดลิ้นชักตรงชั้นใกล้ๆ หยิบซองพลาสติกยาวๆ มายื่นให้คิว

“ป้อนขนมคุณเค้าสิ ฉันไม่เคยพาใครมาที่ห้อง คุณเค้าคงไม่คุ้น”

ไม่ใช่ไม่คุ้น แต่แอนโทนี่ได้กลิ่นเหม็นๆ ต่างหาก รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะหัวเน่า เลยขู่ศัตรูคู่อาฆาตไว้ก่อน

อยากจะหยิ่ง เเต่เกิดเป็นเเมว เเล้วขนมของปะป๊าก็อร่อยมาก ยื่นลิ้นไปเลียก็ได้ ดูดหมับๆ แป๊บเดียวยอมเเปรพักตร์แหล่ว ถ้าพี่คนนี้เค้ามาบ่อยๆ หนูจะได้กินขนมเพิ่มใช่หรือไม่

“เมี้ยวววว ม๊าววววว” อ้อนเป็นเเมวเชื่องๆ ให้คิวเกาคางลูบหัวเลยจ้า

พอคุณชายของบ้านยอมทำตาพริ้มใส่ คิวก็ขออุ้มบ้าง หนักเหมือนกันนะเราน่าจะหกเจ็ดกิโลกรัมเลยมั้งเนี่ย แต่คิวก็อุ้มไว้ด้วยมือเดียว อีกมือก็เกาพุงเอาใจคุณเขาต่อ

“ฮ้อยยยย~ น่ารัก” คิวถึงกับครางออกมา มันนุ่ม มันลื่นไปหมด สมเป็นลูกรักของพ่อครับ เเขนล่ำๆ นั้นยกลูกขึ้นไปเเนบจมูก แล้วกระซิบท่องมนตร์ให้คุณเขามาเป็นพวก

‘หนูมาเป็นลูกคุณพ่อนะครับ ไหนลองเรียกสิครับ พ่อ’

“อยาเเดกหูเเมวกู” เบลคว้าคุณเขากลับไป แล้วปล่อยให้ลงไปเดินย่อย ซึ่งเดินไปได้สามเก้าก็เเหมะขาเเบะลงกับพื้น

“ขี้เกียจจริงๆ เลยคุณเเอนโธนี่”

“อย่าดุลูก”

“หืม? เมื่อกี้มึงพูดว่าไงนะ”

“อย่าดุลูก” คิวอมยิ้ม อ่า...เรียกคุณเค้าว่าลูกแล้วรู้สึกดีจัง ละมุนไปทั้งหัวใจ

“มีสิทธิ์อะไรมาเรียกคุณเค้าว่าลูก นั้นลูกกูโว้ย”

“เเอนโธนี่เป็นลูกพ่อคิวมั้ยครับ” คิวเดินไปนั่งยองๆ แล้วจับเจ้าสี่ขาพลิกหงายท้อง โดนเกาพุงเข้าอีกหน่อยก็ร้องตอบว่า “ม๊อวววว~”

“เนี่ย ลูกเรียกว่าพ่อละ”

“โอ้ย ปวดหัว อยู่กับเเม่งเเล้วมีเเต่เรื่องปวดหัว”

คิวยิ้มกริ่มอีก คือเขาเป็นเด็กผู้ชายวัยฉกรรจ์และค่อนข้างสัปดนตามนิสัยที่เป็นกันทั้งคณะ วันนี้คุณเขาปวดหัวด้านบน เเต่อยู่ด้วยกันไปนานๆ รับรองเลยว่าต้องปวดหัวด้านล่าง ร้องเรียกหาให้ช่วยลูบไล้คลายความเจ็บหนึบทุกวันเเน่นอน

“จะดูหนังก็ไปนั่งที่โซฟา เดี๋ยวไปทำป็อปคอร์นให้”

อยากจะกรี๊ด ว่าที่เมียเอาเอาใจเก่งจังอ่ะ อร๊ัง~

“แอนโธนี่มาหาพ่อครับ ไปดูหนังกัน”

คิวตบมือตรงหน้าเจ้าเหมียวที่หงายท้องเองเม้ง มันพลิกตัวกลับเเล้วเทคตัวขึ้นหาอ้อมแขนอีกฝ่ายอย่างไว ขนมเเมวซองเดียวก็เปลี่ยนใจจากทาสคนเก่าได้ เชื่อเขาเลย!

เบลงอนพลัม แล้วยังต้องมางอนแอนโธนี่อีก คิดแล้วก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าครัว ไปเอาป็อปคอร์นสำเร็จรูป แกะใส่ชามโยนเข้าตู้อบ

ปุ้งปั้งอยู่แป๊บเดียวกลิ่นหอมเนยก็ลอยกรุ่นไปทั่วห้อง เขาเดินเอามันไปวางหน้าคิว ที่กำลังเปิด Netflix หาหนังที่น่าสนใจ เบลเดินหายเข้าไปในครัวอีก แล้วค่อยออกมาพร้อมเเก้วเก็บความเย็นใบใหญ่ใส่น้ำอัดลม พร้อมหลอดดูสองอัน

เปรมปรีดิ์ยิ่งกว่าไปดูที่โรงภาพยนตร์

ระบบไฟห้องเบลควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล เขากดดิมให้มันสลัว บรรยากาศยิ่งดีเข้าไปอีก คิวนั่งโดยมีแอนโธนี่นอนทับพุงตาเเป๋ว ส่วนเบลชำเลืองไปมองไอ้ลูกชายจอมทรยศเเล้วก็ได้เเต่คว้าหมอนอิงมากอด

หนังเเอคชั่นเบาสมองเรื่องหนึ่งถูกฉายขึ้นบนจอ LCD ขนาดใหญ่ เบลจ้องหนังในจอตาไม่กระพริบเพราะเรื่องนี้เขายังไม่เคยดู มือก็หยิบเอาป๊อบคอร์นจากโถเเก้วที่วางไว้ข้างตัวเข้าปากไปด้วย

“คุณป้อนบ้างสิ”

“มือมึงไม่มีหรือไง”

“ลูบขนให้คุณแอนโธนี่อยู่”

เบลถึงกับต้องสละสายตาจากภาพยนตร์หันมาหาไอ้เด็กรุ่นน้องข้างตัว

“นี่ไง ถ้าเอามือออกคุณลูกก็จะหงุดหงิด” คิวลองยกมือออกห่าง ซึ่งเเอนโธนี่ก็ร้องเมี๊ยวขึ้นมาเสียงเเหลมเหมือนขัดใจ กำลังสบายตัวเลย จะมาหยุดเกาตัวหนูได้ยังไง!

“รำคาญโว้ย” เบลโวยวาย เเต่มือก็ยอมหยิบข้าวโพดอบเนยยัดเข้าปากคนข้างๆ พอต้องป้อนก็ต้องขยับเข้าไปใกล้ แถมเพื่อให้หยิบสะดวกก็ต้องเอาชามเเก้วมาถือไว้เอง กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่มีอะไรมาคั่นกลาง

“กินดีๆ อย่างับโดนนิ้วได้ป่ะ”

เบลดุ แต่คิวอมยิ้ม เขานิยามมันในใจเงียบๆ ว่าเเอบจุ๊บต่างหาก ไม่ใช่การงับสักหน่อย

กว่าหนังจะจบเขาก็แอบเม้มปลายนิ้วคุณเบลเบาๆ ไปหลายรอบ ก็ไม่มีส่วนไหนที่สัมผัสตัวคุณเขาได้เลยนี่นา การหาเศษหาเลยเล็กๆ แบบนี้ก็นับว่าโคตรสุขใจ

เบลลุกไปเก็บกระติกน้ำเเละโถใส่ป๊อปคอร์นในมือ ขาเดินกลับมาคิวเห็นว่าคนตัวขาวเเอบหาวหวอดใหญ่ เขาพลิกดูนาฬิกาข้อมือก็ตีสองเข้าไปเเล้ว หนังยาวจริงๆ

“ลุกๆ เดี๋ยวขับรถไปส่ง” เบลคว้ากุญเเจรถ เเต่คิวส่ายหน้า

“คุณง่วงเเล้ว อย่าขับเลย เดี๋ยวผมกลับเเท็กซี่เองได้”

เบลมองหน้าคิว วันก่อนตอนหัวค่ำมึงยังเถียงคอเป็นเอ็นอยู่เลยว่านั่งเเท็กซี่คนเดียวอันตราย พอดึกเข้าหน่อยเเล้วเปอร์เซ็นต์อาชญากรรมมันจะลดลงหรือไง

“ไปส่งผมแค่ที่ลิฟต์ก็พอ” คิวย้ำอีก เพราะคอนโดเบลต้องใช้คีย์การ์ดไปแตะเซ็นเซอร์ในลิฟต์เพื่อกดลงไปยังชั้น 1

“เเล้วดึกๆ มึงไม่กลัวเเท็กซี่เเล้วหรือไง”

“ก็กลัวเเหละ เเต่จะให้พี่ขับรถไปส่งผม แล้วขับกลับมาคนเดียวก็กลัวหลับในอ่ะ ผมเป็นห่วง”

“เฮาะ! ทีเมื่อก่อนเเล้วบังคับกูไปส่งจัง”

“อ่ะ พอวันนี้ไม่บังคับ ก็เร้าหรือจะไปส่ง คุณนี่ยังไง”

“มึงมึง!! ไอ้เด็กเวร”

“คุณเบลอย่าขึ้นบ่อย ตีนกาถามหายอีกสามเส้นเเล้วหนะ”

คิวยิ่งเต้นเข้าไปใหญ่ที่โดนว่าจุดอ่อนของคนเริ่มเเก่

“ไปเร็ว ยิ่งเซ้าซี้ยิ่งดึก” คิวกวักมือ เขาหอมหัวเเอนโธนี่เบาๆ เเล้วกระซิบบอกว่า “ไว้พ่อจะมาหาอีกนะครับ”

“ม๊าววว” แอนโธนี่ดูรักพ่อมาก เกาะเเขนเเน่นไม่ยอมลง หนูหวังขนมอีกซองอยู่นะครับ

“มาอุ้มลูกไปหน่อย งอเเงเเล้ว” คิวยื่นเเมวตัวใหญ่ไปให้เจ้าของตัวจริง

ถามว่าเขินไหมสัส! พูดจาเหมือนคู่พ่อเเม่ที่ลูกอ่อนพึ่งคลอดจากโรงพยาบาล

“เดี๋ยวกูไปส่ง วางคุณเขาลงที่พื้นนั่นเเหละ”

“เเม๊ววววววว” เเหนะ แอนโธนี่รู้นะครับว่าปะป๊า กับคุณพ่อจะทิ้งให้หนูอยู่ตัวเดียวดึกๆ

“ไม่เอาดิ ผมบอกแล้วไงว่าพี่ง่วงเเล้ว ขับรถคนเดียวมันอันตราย”

“ทำไมมึงพูดไม่รู้เรื่องว่ะ”

“พี่นั่นเเหละพูดไม่รู้เรื่อง”

“งั้นมึงนอนบ้านกู จบ รำคาญสัส”

หัวร้อนได้น่ารักจังอ่ะ! คิวกลั้นยิ้มจนเมื่อยเเก้ม คนบ้า คนผีทะเล ชวนผู้ชายนอนบ้านเฉย

“งั้นรบกวนด้วยนะคร๊าบบบบ”

“หน้าชื่นตาบานเชียวนะมึง”

“แอนโธนี่ครับ คืนนี้คุณพ่อนอนกอดน๊า”

“ม๊าวววว”

ลูกรักกระโดดขึ้นอ้อมเเขนคุณพ่อทันที หนมหนม!

เบลหมั่นไส้ขั้นสุดทั้งพ่อทั้งลูก เจ้าของบ้านเดินหายไปในห้องนอนเเล้วกลับมาพร้อม เสื้อยืด กางเกงขาสั้นสำหรับนอน เเล้วก็ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่

“ซักกางเกงในเเล้วตากไว้ตรงระเบียงพรุ่งนี้จะได้มีอะไรใส่”

“ครับ” คิวรับคำอย่างว่าง่าย และไม่กวนตีน เพราะเเค่เบลอนุญาตให้เขานอนด้วยก็ถือว่าเหนือความคาดหมายไปมากแล้ว

“มึงใช้ห้องน้ำข้างนอก เดี๋ยวกูไปใช้ห้องน้ำในห้องนอน ห้องนอนเเขกอยู่ตรงนั้น เปิดเข้าไปนอนได้เลย”

“ครับ...” คิวตอบเบล แล้วหันไปพูดกับเจ้าลูกหน้าขนว่า “คืนนี้นอนกับคุณพ่อนะครับ คุณพ่อจะลูบขนหนูทั้งคืนเลย”

“ไม่!! แอนโธนี่ต้องนอนกับกู คุณเค้าติดกู”

“ลูกจะนอนกับใครครับ” คิวหันไปถาม แล้วเเอบเกาคางกระตุ้นมันเล็กน้อย หน้าพร้อมซบอกคนเจ้าเล่ห์อย่างไว

“แอนโธนี่ ปะป๊าจะโกรธเเล้วนะ!!” เบลหัวร้อนขั้นสุด

“ลูกอยากนอนกับผม ถ้าคุณอยากนอนกับลูก ก็มานอนกับผมสิ”

“ไม่!! กูจะนอนที่เดิม มึงกับลูกนั่นเเหละที่ต้องมานอนเตียงกู”

“โอ้ย ดีลครับ!” คิวชอบจัง ชอบเวลาคุณเบลหัวร้อนเเล้วเผลอคิดไม่ทันเเบบนี้ มันเข้าทางเขาทุกทีสิน่า



ร่างสูงใหญ่สมวัยเดินเข้าไปในห้องนอนเบล คนตัวขาวสวมชุดนอนเเขนสั้นขายาวที่เป็นเซ็ตเดียวกันนั่งอยู่บนเตียงเเล้ว คือมิดชิดมาก เเต่พออยู่บนตัวคนหน้าตี๋ ที่กำลังหาวหวอด ผมยุ่งๆ ทำไมมันรู้สึกเซ็กซี่จังว่ะ คิวเดินไปนั่งลงที่อีกฝั่งของเตียงหกฟุต

“เอาคุณเเอนโธนี่มาวางตรงกลาง” เบลสั่งเสียงเเข็ง

ไม่ขัดใจเลยค่ะที่รัก จะวางตรงไหนก็ได้

คิวปล่อยคุณเขาให้ลงไปนวยนาดบนเตียงนุ่ม เจ้าขนทิ้งตัวลงแปะเเล้วขดเป็นวงกลม หลับตาพริ้ม เบลนอนบ้างแต่ยื่นมือข้างหนึ่งมาลูบๆ ตรงก้นของคุณเขาอย่างที่ทำทุกคืน คิวก็เนียนลูบบ้าง ให้มือเผลอไปโดนเบาๆ

“ไอ้!”

“ชู่ว~ เดี๋ยวลูกตื่น”

มีเป็นหมื่นเเสนล้านคำในใจเบลที่อยากด่า เเต่เห็นว่าเเอนโธนี่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา เขาจึงไม่ได้อ้าปาก

“คุณเบลฝันดีนะ”

“…”

“บอกกลับบ้างดิ”

“รำคาญ” ไม่มีคนบอกเขาเเบบนี้มากี่ปีเเล้วว่ะ

“อยากบอกคุณเเบบนี้ทุกคืนเลย แล้วคุณก็ตอบกลับบ้าง มันคงมีความสุขดี”

“เหอะ ได้ยินเสียงมึงก่อนนอนทุกคืน ฝันร้ายกันพอดี”

“แต่ถ้าได้ยินคุณบอก ผมคงหลับฝันดี”

“เพ้อเจ้อ”

“นอนเถอะครับดึกแล้ว” คิวตัดบท เพราะไม่รู้ว่าเถียงกันไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา

“อือ...ฝันดีก็ได้ เด็กบ้า!”

คุณน่ารักเกินไปแล้ว!!



TBC 



เธอกรี๊ดเหมือนที่ฉันกรี๊ดมั้ย B1 

ตอนนี้แอร์ไทม์เป็นของคู่นี้เท่านั้น จาเป็นลมในความน่ารักน่าเอ็นดู​ ใครชอบก็หวีดกันได้เด้อ

#ทฤษฎีอ่อยเธอ

ทวิตเตอร์ไรต์ @sweeterthansw


ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คู่พรึกพลัมว่าละมุนแล้วนะพอเจอคู่คิวเบลไปละมุนเว่อร์ แถมคู่นี้มีลูกด้วยกันอีก ครอบครัวสุขสันต์เลย คุณพรึกรีบปั๊มลูกกับน้องพลัมได้แล้วเดี๋ยวตามเพื่อนไม่ทันน๊า  :o8:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เนียนมากจ๊ะคุณพ่อ แหม เรียกลูกเรียกพ่อเชียว (น้องพลัมคุณพรึกยังคงน่ารัก) รอตอนต่อไปค่ะ ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 17





‘ไอ้คิวสารภาพมาเดี๋ยวนี้ ว่าในไอจีมึงคืออะไร’

My Son and Sea

บ่ายๆ วันเสาร์ พลัมพิมพ์ไลน์เร็วมากเว่อร์ เมื่อเห็นไอจีของเพื่อนเเจ้งเตือนรูปใหม่ขึ้นมา มันเป็นเเมวขนฟูหน้าหล่อตัวหนึ่ง ยืนอยู่ตรงระเบียงที่เห็นชายหาดเเละทะเลอยู่ไกลๆ แถมอยู่กันมาจนถึงปีสามไอ้คิวคนปากหมาก็ไม่มีทางพ่นเเมวออกมาจากปากได้หรอก

‘ไม่เสือกดิ’

‘ได้ ได้ ไอ้เพื่อนเวรกูจะฟ้องมัมมัมเดี๋ยวนี้ว่ามึงมันหลายใจ’

เปิดกล้อง ปาดฟ้าบไปเห็นเเผ่นหลังขาวๆ ของใครบางคนดำผุดดำว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำส่วนตัวของห้องพักริมทะเล

คิวปิดกล้อง แล้วรออ่านคำด่าจากพลัม

‘มึงอยู่กับมัมมัมหรอ’

‘เออดิ’

‘อิเหี้ย ตื่นเต้นเว่อร์ อะไรยังไงอ่ะ คบกันเเล้วหรอ กูยังไม่ทันทำอะไรเลย ทำไมกัปตันกูเเล่นเรือไวจังอ่ะ’

‘รอมึง ลูกกูก็กำพร้าพ่อนานสิ’

เปิดกล้อง ให้เห็นความน่าร๊ากกก ของคุณเอนโธนี่ที่อยู่ในอ้อมแขน

‘ฟิลเตอร์อ่อนโยน ฟิลเตอร์คุณพ่อ บ้าไปแล้ว’ พลัมโวยวายในเเชท จนคิวหัวเราะ

‘มึงงงง คุณเบลเลี้ยงแมว แล้วเเทนตัวเองว่ะปะป๊า กูใจบาง กูจะทรุดอ่ะ น่ารักชิปหาย’

‘มัมมัมแม่งโคตรน้อง น้องกว่ากูอีกอ่ะ อ่อนโยนไปหมด’

‘พลัมมึงมีผัวเเล้ว ห้ามเเย่ง’

‘จิตอกุศล นั่นเเม่มั้ย’

‘ระเเวงบอกตง คุณเค้าน่ารักงุ้ยๆ ไปหมด’

‘กูเชื่อเเล้วว่าฟิลเตอร์น่ารักของเเต่ละคนไม่เท่ากัน’

‘แล้วมึงหลอกล่อมัมมัมอีท่าไหน ทำไมไปเฉิดฉายกันที่ทะเลได้’

‘มึงอ่ะไอ้ลูกไม่รักดี ทิ้งที่รักกูให้เหงาหงอย’

‘ที่ร้งที่รัก กูขออนุญาตไปอ้วกแป๊บ’

‘ทำไมพลัม ทำไม มึงเป็นหนักกว่ากูเหอะ อย่ามาทำเป็นไม่เคยเก็บเอาหน้าคุณพรึกไปช่วยตัวเอง’

‘เซ็นเซอร์มึงได้มั้ย เเจ้งตำรวจมาจับก็ได้ ข้อหายังมีเยาวชนหลุดรอดเข้ามาอ่าน’

‘อย่านอกเรื่อง!! มึงอ่ะ กลับบ้านไม่บอกคุณเบล คุณเค้าเอาขนมไปรอมึงใต้ตึก น่าสงสารรอต้ังนานลูกใจหมาก็ไม่โผล่หน้ามาให้เเม่เห็น’

‘แง้ น้องสำนึกผิดไม่ทันเเล้ว’ พลัมทำหน้าจ๋อย เมื่อวานเขาซึมๆ เรื่องงานกลับบ้านก็มัวเเต่อ้อนคุณพรึก เเบตโทรศัพท์หมดก็ไม่ได้ชาร์ต อย่างว่าเเหละ พอเขาอยู่กับคุณพรึก โทรศัพท์ก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้นี่นา

‘โทรมาขอโทษคุณเบลเลย เขาคิดว่ามึงไม่รักเค้าเเล้ว ตอนทำหน้าเหงานี่น่าสงสารสัส’

‘มึงก็เลยใช้ช่องโหว่ตรงนี้จู่โจมเขาสินะ’

‘อย่าเรียกว่าจู่โจม ให้เรียกว่ารู้จักใช้สถานการณ์ให้ตัวเองเป็นต่อ’

‘หึ มึงมันร้าย ขอบคุณกูซะที่เปิดโอกาสให้มึงทำคะเเนน ต่อไปนี้ให้เรียกกูว่า ท่านพลัมผู้มีพระคุณ’

‘อนาคตมึงก็ลูกกูอ่ะ อย่ามาลามปากกับป๊ะป๊านะครับ’

‘เกลียดมึงอะคิว รู้สึกได้ว่ามัมมัมกูไม่ปลอดภัย’

‘มีกูเป็นผัว ปลอดภัยกว่ามีมึงเป็นลูกแน่นอนไอ้เตี้ย เเค่นี้นะ ไปเล่นน้ำกับ My Bell My Bae~ ดีกว่า’

พลัมเเทบกรี๊ด เขาเหมือนเห็นมีสายรุ้งเเละโพนี่ทะลุจอออกมา มึงจะรักกันได้ลั้ลลาเกินไปแล้วไอ้เพื่อนคิว!!





ย้อนกลับไปตอนเช้าที่คอนโดของเบล

เจ้าของห้องตื่นมาพร้อมอาการงุนงงว่า ไอ้สิ่งอุ่นๆ ที่กอดมาทั้งคืนทำไมรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนเเอนโธนี่ แต่เป็นเป็นเเขนหนึ่งท่อนใหญ่ๆ ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแบบน่าอิจฉาเเทน

นี่กูนอนกอดไอเด็กเวรมาตลอดทั้งคืนใช่ไม่ใช่ แล้วเเอนโธนี่ลูกรักละ ปกติต้องมานอนคลอเคลียให้ปะป๊ากอดเซ่~

“เมี๊ยว~” นั่นไอลูกไม่รักดี นั่งเลียฝ่าเท้าอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของตัวคิว พูดง่ายๆ ว่าเเขนข้างหนึ่งของคิวโอบแอนโธนี่ ส่วนแขนอีกข้างโดนเบลยึดไว้

“โว้ยขนลุก!” เบลเผลอคำรามออกมา จนคิวลืมตาเเล้วหันมามองของกลาง

“พี่นอนกอดผมหรอ”

“พ่องงงงมึงงงงงง”

“เช้ามาก็ให้ศีลให้พรเลยนะครับ”

“พ่องงงงงมึงงงงงง ออกไปจากเตียงกูได้แล้ว” เอาตีนถีบแบบเบาๆ เหมือนแมวสะกิด

“แหนะ ลักษณะเหมือนคนเขิน”

“เขินเหี้ยไร”

“เขินที่กอดเเขนผมนอนใช่มั้ย”

“กอดเหี้ยไร มึงเเม่งมั่ว”

“ก้มมาดมดูได้ ผมว่ากลิ่นนำ้ลายบูดพี่ชัวร์ ตรงเนี่ยที่หัวไหล่อ่ะ” คิวพยักเพยิดไปตรงจุดเกิดเหตุ เบลทำหน้ายี้

“เนี่ยทำอะไรไม่รับผิดชอบ เสื้อเค้ามีพ่อมีเเม้ จะมาทิ้งน้ำลายไว้แล้วไม่สนใจได้ไง”

“แค่น้ำลายหก มึงจะให้กูรับผิดชอบอะไร”

“พาผมไปเที่ยวหน่อย วันเสาร์ทั้งที”

“มึง 6 ขวบหรือไอ้เด็กยักษ์ ที่จะไปเที่ยวแล้วต้องให้ผู้ปกครองพาไป”

คิวไม่ตอบ หันไปอุ้มคุณเเอนโธนี่มานอนบนอก แล้วเนอะเนาะกับเเมวหนุ่มเเทน

“ลูกอยากไปเที่ยวทะเลมั้ยฮับ ถ้าปะป๊าเค้าไม่อยากไป เราไปกันสองคนพ่อลูกก็ได้เนาะ”

“เมี๊ยว เมี๊ยววววว”

จะออดอ้อนอะไรขนาดนั้นครับแอนโธนี่ ช่วยหยิ่งให้เข้ากับหน้าตาเเละสายพันธ์หน่อยได้มั้ยลูก

“ลูกคงอยากวิ่งเล่นบ้าง คุณจะใจร้ายปล่อยให้เค้าอยู่แต่ในห้องแคบๆ แบบนี้หรอ”

แค่ประโยคสองประโยคกูก็กลายเป็นคนทารุณกรรมสัตว์เลยนะไอเด็กเวร คอนโดกู 112 ตารางเมตร รวยสุดในย่านสาธรเเล้วนะโว้ย ยังไม่กว้างพอให้คุณเขาวิ่งเล่นอีกหรออออ

“สงสารลูกจัง”

“หงิงหงิง” เเอนโธนี่ครางน่าสงสารเป็นลูกหมาเลย

“คุณเบลจะอุดอู้อยู่ในห้องก็ไม่เป็นไรนะ เเต่ผมขอพาเเอนโธนี่ไปหัวหิน พาคุณเขาไปรับอากาศบริสุทธิ์หน่อย”

“จะไปยังไง”

“ก็คงไปขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ ไปกันแบบลำบากๆ สองคนพ่อลูก ขอเเค่ให้ลูกได้เห็นทะเลสักครั้งในชีวิตผมก็มีความสุขเเล้ว”

ดึงดราม่าขนาดนี้ มึงโพสลงรายการวงเวียนชีวิต อ้อนขอความเมตตาจากสังคมเลยมั้ยละ

“ถ้าคุณมีน้ำใจ ก็ไปส่งผมกับลูกที่ท่ารถก็พอ”

“เหี้ย! รำคาญ ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวกินข้าวเช้าเเล้วไปหัวหินกันก็ได้ แต่กูไม่ขับนะขี้เกียจ”

คิวนี่อยากพุ่งไปกอดรวบเอว เเล้วหอมพรมให้ทั่วหน้า เวลาคุณเขาหัวร้อนเเล้วน่ารัก น่ารัก น่ารักเป็นอินฟินิตี้เลยโว้ย

และด้วยความเป็นผู้ชายทั้งคู่ เลยทำทุกอย่างว่องไว เบลทำเเซนวิซใส่กล่อง เทกาเฟดริปใส่กระติกเก็บความร้อน เเล้วจัดการเอาของเล่นเเมวเเละอาหารใส่ตะกร้า เเวะไปเอาเสื้อผ้าที่หอคิวอีกไม่เกิน 10 นาที สองคนหนึ่งเเมวก็มุ่งหน้าสู่ทะเลอย่างเบิกบาน สมเป็นครอบครัวสุขสันต์ หรอ?

ที่พักเบลเคยเสิร์ซๆ ไว้บ้างแล้วก่อนหน้านี้ เพราะก็อยากพาคุณลูกเขามาเที่ยว เเต่ติดว่าไม่รู้จะมากับใครก็เลยไม่ได้มาสักที วันนี้เจ้าเด็กคิวชวนเขาเลยไม่ได้ใจเเข็งปฏิเสธ

ระหว่างคิวขับรถ เบลก็เลยติดต่อหาที่พักเสร็จสรรพ ในที่สุดช่วงเที่ยงเขาก็เข้าเช็คอินน์ที่โรงเเรมเเห่งหนึ่งริมชายหาด แถมยังเป็นห้องที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย ค่าห้องเบลก็เป็นคนจ่าย เพราะยังไงเขาก็เป็นเจ้าของกิจการมีรายได้ ส่วนคิวนั้นยังเป็นนักศึกษา เจ้าเด็กตัวโตขนของลงจากรถ ส่วนเบลอุ้มเเค่คุณเเอนโธนี่เดินไปยังห้องพัก เเลดูเหมือนลูกชายสุดที่รักจะอยากมาทะเลจริงๆ พอเจอสถานที่เเปลกตาเข้าหน่อยก็วิ่งไปวิ่งมาสำรวจอย่างร่าเริง

“สั่งอาหารมากินในห้องมั้ย ออกไปตอนนี้ก็ร้อน” เบลออกความเห็น ส่วนคิวเขามีหน้าที่เเค่ตามใจอยู่แล้วเลยไม่ขัด

ทั้งคู่ได้อาหารไทยที่ทำปรุงจากวัตถุดิบทางทะเลสดๆ ก็อิ่มเอมฟินไป เจ้าเหมียวเองเบลก็สั่งเนื้อปลาต้มสุกมาให้เป็นมื้อพิเศษด้วย

เบลน่ังย่อยเเป๊บเดียวก็ฝากแอนโธนี่ไว้กับคิว ตัวเองไปเปลี่ยนกางเกงขาสั้นลงเล่นน้ำเป็นเด็กเลย เเละนั่นก็เป็นช่วงเวลาท่ีคิวถ่ายรูปลูกชายลงโซเชี่ยล พร้อมทั้งคุยอวดพลัมถึงชีวิตรักอันเเสนโรเเมนติก





“คุยกับใครครับคนเก่ง หน้าตาบู้บี้เชียว” พรึกเดินมารวบเอวน้องไปนั่งตัก พลางวางกีวี่เย็นเจี๊ยบที่เขาปอกใส่ตู้เย็นไว้ลงบนโต๊ะหน้าโซฟา

“ไอ้คิวพาคุณเบลไปทะเลครับ”

“หนูอยากไปบ้างหรือคะ” คุณพรึกถามเสียงนุ่ม จุ๊บเเก้มหอมๆ ที่เขาปะเเป้งให้กับมือเสียหนึ่งที

“เราเพิ่งไปกันมาเอง หนูเเค่ได้นอนเล่นนั่งเล่นกับคุณพรึกทั้งวันแบบนี้ก็เเฮปปี้เเล้ว”

“ทำไมอ้อนเก่งขึ้นทุกวันเลยอ่ะ”

“ก็คุณพรึกหล่อ ใจดี สปอร์ต น่าอ้อนนี่นา ถ้าไม่อ้อนจะให้พลัมทำอะไรละ”

“หลงจะเเย่เเล้วค่ะ”

พรึกฟัดเเก้มนุ่มๆ เป็นการยืนยันคำพูดอีกหลายฟอด

“นี่ๆ น้องช้ำหมดเเล้ว”

“รอวันทำให้ช้ำกว่านี้จะไม่ไหวแล้ว เมื่อไหร่จะเรียนจบอะคะคนดี”

“ฮ้อย~ น้องก็อยากจบเเล้ว น้องอยากเล่นกับพี่มอนสเตอร์ตัวจริงเเล้ว”

“แล้วตัวไม่จริงคืออะไร”

“ก็น้องอันเล็กๆ สีชมพู”

“น้อง!!!” พรึกขึ้นเสียงจนพลัมทำหน้าจ๋อง

“ก็..ก็จะให้หนูทำไงอ่ะ หนูอยู่ใกล้คุณพรึกก็มีอารมณ์นะ หนูเป็นวัยกำลังมีความต้องการ”

“อยากตีให้เจ็บๆ ได้มั้ยคะ”

พรึกบีบก้อนก้นด้วยความมันเขี้ยว ทำยังไงดีๆ เขากับพลัมเหมือนน้ำมันที่ใกล้ไฟ จะห้ามใจได้ถึงวันรับปริญญามั้ยเนี่ย

“คุณพรึกไม่ตบะเเตกสักหน่อยหรือครับ คุณพรึกทนน้องได้ไงน๊า สงสัยจัง”

ไม่ว่าเปล่าบดก้นสู้มือพรึกไปอี๊ก!!

“พลัมคุณพรึกว่าเราเเยกย้ายกันสักครู่มั้ย แล้วเดี๋ยวค่อยเจอกันตอนมื้อเย็น”

“คุณพรึกสองชั่วโมงเลยหรือครับ” เจ้าเด็กน้อยทำตาโต

“รอบเดียวไม่เคยพอ หนูทำคุณพรึกให้เป็นคนหมกมุ่นในกามรู้มั้ยคะ”

“หนูผิดหรอที่น่ากินขนาดนั้น”

“ไม่ผิดค่ะ” ทั้งกอดทั้งหอมจนพลัมจั๊กจี้ไปหมด

“ให้หนูช่วยมั้ยละ”

“ไม่เป็นไร คุณพรึกแอบถ่ายหนูไว้หลายรูป พอจะเเทนกันได้อยู่”

“คุณพรึก!!” พลัมฟาดอกคนไหล่กว้างไปหลายที นิสัยไม่ดี เอารูปคนอื่นไปทำอะไรก็ไม่รู้

“จูบทีสิคะ” พรึกอ้อน พลัมยังหน้างอ แต่ก็ยอมจูบตอบ ผลัดกันงับปากไปมาสักพักก็ได้เรื่อง

“เจอกันมื้อเย็นนะคะ คุณพรึกต้องไปแล้ว” พรึกดันน้องออกจากตัว คว้าโทรศัพท์แล้วก็วิ่งพุ่งไปในห้องน้ำ ปล่อยให้พลัมเขินบิดกัดหมอนอยู่คนเดียว บ้าบอที่สุด





TBC 

เป็นไง งุ้ยๆ มั้ย คุณเบล ไรต์กรีดร้องเว่อ


ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 18





วันสุดท้ายของการฝึกงานพี่ๆ ในเอเจนซี่โฆษณารวมตัวกันพาน้องๆ ไปเลี้ยงข้าวเย็น เเละพากันไปต่อที่ผับชื่อดังเพราะทุกคนอายุเกิน 20 หมดเเล้ว พลัมบอกพรึกไว้ล่วงหน้า ดังนั้นอาจารย์หนุ่มจึงมารอรับกลับบ้านได้อย่างไม่มีธุระอะไร พรึกมารอรับพลัมก็ไม่เเปลก เเต่ทำไมบนโต๊ะ VIP ชั้นสองถึงมีเบลนั่งอยู่ด้วย พันวาเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนของผับนี้หันมองทั้งคู่สลับกันเเล้วอดคันปากไม่ได้

“มึงมาทำอะไรว่ะเบล”

“พันวาครับ กูมาเเดกเหล้าฟรีมึงไง”

“เนี่ยๆ นิสัย กูจะปริ้นท์รูปมึงแปะไว้ที่หน้าผับละ เห็นตี๋หน้าเหี้ยไม่ต้องให้เข้ามา”

“พันวาครับ กูเพื่อนมึงไง ไม่มีกู มึงก็ไม่มีใครคบเเล้วนะ”

“เบลเยี่ยมครับ มึงถามกูบ้างหรือยัง ว่าอยากคบมึงหรือเปล่า”

เบลยกนิ้วกลางให้เพื่อนสนิท เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาได้ดี วันนี้พวกเขาไม่ครบเเก๊ง เพราะเเคมป์นักธุรกิจสายอสังหาริมทรัพย์อีกคนไม่ได้มาร่วมวงด้วย เหตุผลเดิมๆ คือภรรยาลากไปออกงานเลี้ยงไฮโซที่ไหนสักเเห่ง

“เบลมึงอย่ามาซึน มาเฝ้าเด็กก็บอก” พรึกชงกลับไปบ้าง เพราะเขาก็เป็นฝีพายที่ดีให้พลัม

“เออ กูมาเฝ้าหนูพลัมลูกกูไม่ให้มีผีร้ายมาเกาะเเกะกร้ำกราย”

“หรา เบล หรา ไหนหนูพลัมของมึงอยู่ไหนชี้สิ”

“นั่นไงเต้นกับเพื่อนอยู่หน้าเวทีตรงนั้นอ่ะ” เบลชี้ไปซึ่งตรงนั้นมีเเค่คิวเพราะ...

“คุณพรึก~” น้องเสียงอ้อนอยู่ข้างตัวนี่เอง

เบลสะดุ้งเฮือก ฉิบหาย เเล้วสายตาเขาเอาเเต่จับจ้องใครว่ะเมื่อกี้

“สวัสดีครับมัมมัม สวัสดีครับคุณพันวา” น้องยกมือไหว้อย่างน่ารัก

“มากราบตรงอกป๋า เเล้วเอาผับ เอารถ เอาบ้าน ไว้ไปเป็นของรับขวัญเลยจ้า”

“เบาหน่อย นี่เเฟนเพื่อนไง”

พลัมหัวเราะ เพื่อนคุณพรึกนี่ออกลายเสี่ยอยากเลี้ยงหนูๆ ทุกคนเลย

พรึกรับพลัมมานั่งตัก เอามือข้างนึงกอดเอวไว้หลวมๆ แล้วยื่นพาวเวอร์เเบงค์พร้อมสายชาร์ตให้น้องต่อเข้ากับโทรศัพท์ พลัมไลน์มาบอกตั้งเเต่เมื่อสักครู่เเล้ว ว่าจะขึ้นมาที่ชั้นสอง ในขณะที่ไอ้เบลเยี่ยมจอมปากเเข็ง ไม่ได้รับรู้อะไรเลย เพราะตามัวเเต่จ้องเพื่อนสนิทของพลัมที่มีสาวๆ หนุ่มๆ มาชนเเก้วเหล้าด้วยไม่ขาด

พลัมกระตุกอกเสื้อพรึก ให้เเล่นเรือต่อ

“หวงมึงก็ลงไปเฝ้าดิ๊ มองอยู่ไกลๆ ใครจะรู้ว่าน้องมีเจ้าของเเล้ว”

พันวาตาโต มองพรึกกับเบลอย่างต้องการใส่ใจหาความรู้สุดๆ

“โปรดอธิบายเพิ่มเติมกูทีครับสังคม”

“ใครเฝ้าใคร ใครเป็นเจ้าของใคร ไอ้เหี้ยพรึก มั่ว!”

“มีคนมาขอไลน์คิวเต็มเลยครับมัมมัม คิวปฏิเสธว่ามีเเฟนเเล้วก็ไม่เชื่อบอกว่ามีเเฟนจริงๆ เเฟนต้องมาคุมสิ จะปล่อยให้ไปยืนเต้นคนเดียวได้ไง”

เบลเยี่ยมเริ่มยกเล็บมากัด มันฮอตขนาดนั้นเลยหรอว่ะ ไอ้เด็กยักษ์อ่ะ

“เนี่ย ตอนพลัมยืนอยู่ยังพอช่วยกันไว้ได้ พอพลัมมาไม่รู้คิวคนใสใสจะรับมือได้หรือเปล่า”

“เเต่หนูต้องชาร์ทเเบตนะคะ คุณพรึกต้องกักตัวไว้ตรงนี้ก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวติดต่อกันไม่ได้ คุณพรึกใจไม่ดี”

พลัมพยักหน้า ซบเเก้มอ้อนกับกล้ามแขน

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพรึก ยังไงเจ้าคิวมันก็ไม่มีคนคอยหวงอยู่เเล้ว ก็ปล่อยใส่พานไปถวายคนเเถวนั้นไปแล้วกัน”

“เห็นเพื่อนโสดมานานก็สงสาร เนี่ยยิ่งพอพลัมมาเป็นเเฟนคุณพรึกนะ มันก็เหงากายเหงาใจ ไม่มีใครคอยไปเที่ยวด้วย พลัมสงส๊ารสงสารครับ”

“โอ๋ๆ หนูนะคะ ทำไมน่ารักขนาดนี้ เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนเหลือเกิน”

สองสามีภรรยาเล่นละครได้อย่างหมั่นไส้ และคนหัวไวอย่างพันวาก็เข้าใจทุกสิ่ง ยกเว้นเบลเยี่ยม

“กูลงไปกินเหล้ากับไอ้เด็กคิวดีกว่า หนูพลัมมานั่งบนนี้เเล้วเดี๋ยวมันเป็นภาระคนอื่น”

พูดจบเบลก็หายพรวดไปพร้อมเเก้วน้ำส้มแฟนต้า เนื่องจากว่าคืนนี้ต้องขับรถกลับ หรือที่จริงก็มารอรับไอ้เด็กฮอตอย่างไฟเยอร์คนนั้นเเหละกลับ

พลัมกับพรึกหันมาชนหมัดกันอย่างอารมณ์ดีที่เเผนสำเร็จ พันวาอยากมีส่วนเอี่ยวด้วย เลยยื่นมือมาบ้าง พรึกได้เเต่ตีๆ ไล่พวกเนียนเกาะเเกะเเฟนคนอื่น

“เอาจริงหรือว่ะ กูนึกว่าไอ้เบลจะชอบเเนวๆ หนูพลัมเสียอีก” พันวาว่า

“คุณเบลควรมีคนดูเเลครับ เเละพลัมเชื่อว่าคิวเพื่อนพลัมก็จะทำหน้าที่นั้นได้ดี ในฐานะญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายก็ขอโอกาสสู่ขอคุณเบลจากคุณพันวาเเละคุณพรึกเลยนะครับ เราจะได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันไวไว”

“โอ้ย ไอ้ตัวเล็กนี่น่ารักจังโว้ย” พันวาเเทบจะพุ่งเข้ามาบีบเเก้มพลัมให้เเตก มันเขี้ยวเหลือเกิน ตัวจิ๋วๆ เเก้มกลมๆ ปากเเดงๆ ช่างพูดช่างเจรจา

พรึกกอดน้องไว้เเน่น

“ถ้าชอบเดี๋ยวพลัมหาน้องๆ ที่เหงาใจมาให้คุณพันวาเอ็นดูนะครับ”

“เอาที่บรรลุนิติภาวะเเล้วนะ พี่ไม่อยากเข้าคุก”

“คบเเค่ไอ้เหี้ยเบลก็เสี่ยงพรากผู้เยาว์มาทั้งชีวิตเเล้ว”

“ครับ” พลัมอมยิ้มรับคำ แล้วก็นั่งจิบเหล้าผสมอ่อนๆ มองดูความเป็นไปข้างล่างต่อ แหม...คุณเบลไม่หวง เเต่กันทุกคนเเตกวงออกห่างเชียวนะ





ประมาณเที่ยงคืนทุกคนก็เตรียมเเยกย้ายกลับ พลัมเเจ้งกับพี่มิ้มว่าผู้ปกครองมารับก็เป็นอันเข้าใจกัน ส่วนคิวก็เช่นกัน เด็กหนุ่มมึนหน่อยเเต่ก็พอรู้ตัวว่าต้องกลับกลับเบล

“สองคู่ชู้ชื่น ส่วนกูชู้ไม่มา เมียก็ไม่มี” พันวาโหยหวน

พรึกได้เเต่ตบไหล่ เเล้วช่วยเบลประคองคิวที่ตัวใหญ่ไปให้ถึงรถ รอจนเพื่อนขับรถออกไปแล้วก็หันมาสบตาเป็นประกายเเวววาวราวดวงดาวของพลัม

“เหมือนส่งลูกเข้าหอเลยครับ”

“เเล้วหนูเป็นคุณเเม่หรือคะ”

“ครับ คุณพรึกเป็นคุณพ่อ”

“น่ารัก” พรึกลูบผมนุ่มๆ ที่ชื้นเหงื่อเพราะไปวาดลวดลายเต้นอย่างถึงพริกถึงขิงมา พรึกไม่หวงพลัมมากนัก เพราะรู้ว่าตั้งเเต่คบกันน้องทำตัวดีมาตลอด จะทะลึ่งทะเล้นก็กับเขาคนเดียว เเล้วจะทำอะไรก็บอกทุกอย่างทั้งกลับดึก ทั้งมาเที่ยว เเล้วน้องก็ชอบด้วยที่ให้เขามาน่ังเฝ้าเเสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นการที่น้องจะมาสนุกกับพี่ๆ ที่ฝึกงานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนกลับไปเรียนหนังสือปกติเขาก็เลยไม่มีเหตุผลต้องหวงหรือดุ

ความรักที่เข้าใจกัน และมีระยะห่างกำลังดีแบบนี้ทำให้พรึกเองก็รู้สึกดี

พลัมกดเปลี่ยนคลื่นวิทยุในรถอย่างคุ้นเคย พอเจอเพลงรักความหมายดีๆ ก็หันไปเอนซบคุณพรึกอย่างช่างอ้อน

“ง่วงเเล้ว อยากไปนอนกอดพี่หมี แล้วให้คุณพรึกกอดซ้อนอีกทีจะเเย่แล้ว”

“คุณพรึกก็อยากนอนกอดหนูแล้วค่ะ รอเเป๊บเดียวนะ”

“อื้อ” พลัมพยักหน้า เเล้วก็ฮัมเพลงเจื้อยเเจ้วเป็นเพื่อนพรึกขับรถไปเรื่อยๆ





ฝ่ายเบลที่เอารถมาจอดบนตึกเสร็จ ก็หันกลับมาดูเด็กที่หลับไปเเล้ว

“ตัวเเม่งอย่างควาย ลำบากกูอีก!!!” บ่นไปก็เท่านั้น ปลดเซฟตี้เบลท์ แล้วลงจากรถไปเปิดประตูอีกข้าง ชะโงกหน้าเข้าไปตบเเก้มมันเบาๆ เพื่อปลุก เท่านั้นเเหละได้เรื่อง แรงผีห่าซาตานที่ไหนไม่รู้กดหลังคอเขาจมูกทิ่มพรวดเข้าไปที่หน้าไอ้เด็กยักษ์ แล้วปากก็โดนงับหมับเข้าให้

เบลดิ้นขลุกขลัก แต่จังหวะนั้นคิวไม่ปล่อยเเล้ว เขาจูบจ้วงเอาเเต่ใจตามประสาคนเมาหน่อยๆ แล้วทำให้สำนึกผิดชอบชั่วดีมันน้อยลง

“มึงแม่ง!!” เบลดิ้นจนหลุดแล้วทำหน้าหงุดหงิดใส่ “เห็นว่ามึงเมานะ ไม่งั้นกูต่อยกรามเเตก”

“คุณ เป็นเเฟนกันเหอะ”

“เป็นกับส้นตีนมึงดิ ลุกขึ้น ง่วงจะตายห่าเเล้วเนี่ย”

“คุณเบล” คิวขยับตัวคว้ามือเบลไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นกว่าเดิม

“วันนี้ที่คุณหวงผมที่ผับผมดีใจมากนะ”

“หวงเหี้ยไร”

“ไม่หวงเเล้วคุณจะมายืนใกล้ๆ หรอ”

“กูกลัวมึงเมาเเล้วทำลายข้าวของร้านเพื่อนกูมั้ย”

“เมื่อกี้ลองเเล้วก็ปากไม่เเข็งนี่นา” คิวเอียงคอ

“อย่าพูดอะไรหมาๆ อีกนะ ไม่งั้นกูปล่อยมึงนอนตรงนี้เเหละ”

“คุณเบล ที่ผ่านมาไม่รู้สึกอะไรสักหน่อยหรอ ผมไม่อยากเสียเวลาเเล้วอ่ะ คุณก็เเก่ขึ้นทุกวัน ถ้ายังเล่นตัวอีก ก็เนื้อยุ่ยติดมือเเล้วนะ ตกลงตอนที่ยังเต่งตึงเถอะ”

“สาบานว่ามึงกำลังขอความรักกู ไม่ใช่ด่าว่ากูเเก่”

“ผมมัลติทาร์สกิ้ง ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน”

“ขนาดไม่เป็นอะไรกับมึงกูยังปวดหัววันละหลายๆ รอบเลย”

“ก็ลองเป็นเเฟนดู นอกจากปวดหัว ก็ยังปวดตัวด้วยนะ เหมือนได้ของเเถม”

“นี่มึงกำลังโน้มน้าว หรือไม่โน้มน้าวนะ กูงง”

“ไม่โน้มน้าว แต่อยากให้ฟังเสียงของหัวใจ”

“อย่าโสดตายให้เป็นภาระยมบาลเลยครับ มาคบกันให้หัวใจมันกระชุ่มกระชวยเถอะ”

“อะไรของมึงว่ะเนี่ย”

“เเอนโธนี่อยากมีพ่อ”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณเค้า”

“Love you Love your cat เกิดไปหาคนใหม่มาเเล้วเข้ากับเเอนโธนี่ไม่ได้จะเป็นปัญหานะ”

“แม่งหน้ามึนฉิบหาย”

“นะนะ คบกันเหอะ เข้าโปรสามเดือนก่อนก็ได้ หลังจากนั้นให้อนุมัติเลื่อนขั้นเป็นฮับบี้อีกที”

“ไปตายไป๊ ไอ้เด็กเวร”

“ไม่ๆ ผมไม่อยากให้คุณเสียใจ”

“โว้ย รำคาญมึงอ่ะคิว”

“ไม่รับรักก็ไม่เป็นไรครับคุณเบล ผมมันก็เเค่เด็กที่ซื่อสัตย์และมั่นคง ถ้าคุณเบลไม่รับตอนนี้ ผมก็ทำได้เเค่ตามตื้อ ตื้อไปเรื่อยๆ ตื้อจนคุณเบลรำคาญ ด่าว่าทุบตี สุดท้ายผมทนไม่ไหว ข้าวปลาก็กินไม่ลง ความอยากอาหารไม่มี ซูบผอม อ่อนเเอ เจ็บป่วย ไม่ได้ไปเรียนหนังสือ โดนไทร์ พ่อเเม่สะเทือนใจ เป็นภาระสังคม...”

“โว้ย เเค่กูไม่รับรักนิดเดียว Effect มันสะเทือนถึงดวงดาวขนาดนั้นเลยหรือว่ะ”

“ครับ แค่จุดเล็กๆ ที่คุณไม่เเคร์ ประเทศชาติอาจจะเสียเยาวชนที่มีคุณประโยชน์ไปตั้งหนึ่งคนเลยนะครับ”

“ช่วยชาติง่ายๆ แค่รับผมเป็นเเฟนครับคุณเบล”

เบลทำหน้างงเป็นลิงเลย

“แต่ถ้าคุณเบลยังคิดไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรครับ ยังไงประเทศเราก็มีคนไม่ดีเยอะเเล้ว เพิ่มผมไปอีกสักคน เศรษฐกิจและสังคมคงไม่เเย่ลงไปมากกว่านี้ เฮ้อ...”

“มึงเงียบปาก แล้วขึ้นไปนอน”

“ขึ้นไปในฐานะอะไรหรือครับ”

“มึ๊ง!! จะให้กูพูดให้ได้เลยใช่มั้ย”

“ถ้าไม่พูด ผมจะรู้ได้ไงว่าผมมีสิทธิ์ในตัวคุณเเค่ไหน สุดท้ายเเล้วเป็นคนรัก หรือเป็นเเค่คนรู้จัก คบมั้ย หรือเเค่ควงเล่นๆ ทำร้ายจิตใจผมเเค่ไหน ต้องเสียน้ำตาเท่าไหร่...”

“พอๆ คบๆ พอใจยัง ไอ้เด็กเหี้ย รำคาญพล่ามอยู่นั้น อีลูกช่างพูด อีนกแก้วนกขุนทอง!!!” เบลด่าออกมาเป็นชุด เเต่คิวไม่โกรธเลยสักนิด

“ก็บอกไว้ก่อนเลยนะ อยู่บนเตียงกูไม่เป็นรับ”

“ทำไมเเฟนคิดไกล ผ่านโปรสามเดือนเเล้วค่อยตัดสินใจโพสิชั่นก็ได้ครับ”

“ฮึ่ย!! อย่ามาเรียกอะไรขนลุกแบบนั้นได้มั้ย”

“แล้วคุณเบลอยากให้ผมเรียกว่าอะไร”

“คุณเบลเหมือนเดิมนั้นเเหละ ส่วนมึง เอ่อ...นาย...เธอ เหี้ยต้องเรียกว่าอะไรดีว่ะ”

“เรียกผมว่าที่รักครับ จบทุกปัญหากระดากอายเวลาพูด”

“ที่รัก...แบบนี้หรอ”

“ฟินโว้ย” คิวหันไปซบหน้ากับพนักพิงอย่างเขินอาย ใจบางไปหมดเเล้ว ขนาดเขาเรียกด้วยความห่ามชวนต่อยก็เถอะ

“ครับ ที่รัก” คิวได้สติ ค่อยยอมหันมาพูดด้วย

“ฝันไปเถอะ ว่าจะเรียก ไอ้เด็กสมองกลับ ฉันจะเรียกเเค่เธอๆ หรือไม่ก็มึงเหมือนเดิม แต่เเบบไม่ค่อยอยากพูดไม่เพราะกับเเฟนเลยหวะ” ถึงเเม้จะเป็นการบ่นคนเดียวของเบล แต่คิวก็ใจบางไปหมดเเล้ว คุณเค้าน่ารัก นารักจนเป็นระยะอนันต์

“เรียกอะไรก็ได้ครับ เรียกไอ้หมาไอ้เเมวผมก็มองว่าคุณเบลเรียกผมด้วยความรักและเอ็นดูทั้งนั้นเเหละ”

“เธอมันบ้า!”

“ครับ บ้าครับไม่เถียง”

“โว้ยรำคาญ ขึ้นห้องดีกว่า ขึ้นมาช้านอนนอกห้อง ไม่ได้กอดคุณเเอนโธนี่”

คิวรีบกระโดดผลุงลงจากรถ ดวงตาเเจ่มใสไร้คราบคนเมา เพราะถ้าได้นอนกอดคุณเเอนโธนี่ก็เเปลว่าได้นอนเตียงคุณเบลนะสิ คิวเเฮปปี้ เป็นเด็กดีไม่ดื้อเลย





TBC 

Finally จองสถานที่แต่งงานให้ที ส่งลูกเข้าหอไปแล้ว พลัมๆ เป็นคุณแม่ที่เก่งที่สุด 

ส่วนน้องคิวหน้ามึนสุดอ่ะลูก ได้แต่ยินดีไปด้วย ชอบให้รักกันเร็วๆ อิอิ 

#ทฤษฎีอ่อยเธอ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 :mew4: :mew4: :mew4:

น่ารัด..เอ้ย!....น่ารัก


คือแบบมันดีอ่ะเรื่องนี้ ฟิน~~~~~

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 19





ปี 3 เทอม 2 เริ่มขึ้นด้วยความคึกคัก พลัมไม่ต้องเรียนกับพรึกแล้วค่อยหายใจทั่วท้องหน่อย เพราะเทอมที่เเล้วมันตุ้บๆ ต่อมๆ เพราะกลัวว่าความลับที่คบกันจะรั่วไหล ถึงไม่มีเจตนาทำผิด และพลัมก็ตั้งใจอ่านตั้งใจทำข้อสอบวิชาเรียนของคุณพรึกด้วยตัวเอง เเต่ด้วยกาลเทศะ พวกเขาถึงเลือกไม่โพนทะนาให้โลกรู้ และก็คิดว่าจะเก็บมันไว้เงียบๆ แบบนี้เเหละ ค่อยๆ ทะยอยบอกเอาเเค่กับคนสนิทก็พอ

เปิดเทอมมาได้ไม่ถึงเดือนคุณพรึกก็ได้รับเลือกเป็นตัวเเทนคณะให้ไปประชุมวิชาการที่ญี่ปุ่นคู่กับอาจารย์สุริยาที่มีวัยไล่เลี่ยกัน ทั้งคู่ถือเป็นอาจารย์รุ่นใหม่ที่มีผลงานดีดังนั้น นับว่าเป็นความหวังของคณะ

กลับมาถึงคอนโด พรึกบอกกำหนดการให้พลัมฟัง น้องไม่ได้งอเเงเเต่กอดเอวไว้เเน่น

“หนูต้องคิดถึงคุณพรึกมากเเน่ๆ เลย” เจ้าเด็กขี้อ้อนทำปากอูฐ

“ต้องกินข้าวให้ครบสามมื้อนะคะ คุณพรึกไม่อยู่ต้องตื่นมากินข้าวเช้าด้วย”

“กลับมาถ้าเเก้มยุบลง คุณพรึกจะตีเเรงๆ เลยนะ”

“คุณครูคนนี้ดุจัง” พลัมบีบจมูกโด่งเป็นสันแล้วบิดไปมา

“เค้าเรียกว่าเป็นห่วงค่ะ ไม่ได้ดุ”

“เราห่างกันครั้งเเรกตั้งเเต่คบกันมาเลยนะครับ” พลัมนึกขึ้นมาได้

“3-4 วันเองครับหนูพลัม สั้นๆ”

“หนูจะฮึบๆ แต่ถ้าหนูเหงามากๆ หนูขอไปนอนห้องมัมมัมกับไอ้คิวนะ” เเน่นอนว่าข่าวคบกันอย่างเป็นทางการของคู่นั้นได้เเถลงออกมาเเล้ว เเละคิวก็เเทบจะย้ายสัมมะโนครัวไปอยู่กับคุณเบล เพราะอ้างว่าเเอนโธนี่ต้องการพ่อ

หน้าด้านหน้าทนไม่มีใครเกินล่ะ

“คืนไหนนอนที่ไหนก็ต้องรายงานคุณพรึกด้วย ห้ามติดต่อไม่ได้นะ อยู่ไกล ใจเป็นห่วง”

พลัมกอดเอวพรึกเเน่นกว่าเดิมเเล้วซุกหน้าลงไปฟัดๆ กับอก คุณพรึกดีต่อใจเหลือเกิน

“หนูจะไม่ทำให้คุณพรึกเป็นห่วง หนูโตเเล้วจะดูเเลตัวเองให้ดีครับ”

“เก่งมาก เด็กเก่งต้องได้รับจูบฮอตๆ เป็นรางวัล”

“คุณพรึกเอาเปรียบหนู อื้อ!!”

เดี๋ยวนี้คุณเขาอัพเลเวล พลัมเถียงไม่ทันเลย



วันที่พรึกเดินทางพลัมไม่ได้ไปส่งเพราะมันเป็นไฟลท์ดึกจะให้น้องมาเเล้วกลับเองก็เป็นห่วง อีกอย่างยังเดินทางพร้อมอาจารย์อีกท่านในคณะด้วย พวกเขาบอกลากันที่ห้อง พรึกนั่งเเท็กซี่ไปเอง เเต่ก็คุยเล่นกันในไลน์ตลอด เเม้ว่าจะตัวติดกันมาหลายเดือน เเต่ในอดีตพลัมก็เป็นเด็กที่ใช้ชีวิตคนเดียวได้มีสติดี ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางเพราะฉะนั้นพรึกจึงไม่ได้ห่วงมาก แม้จะกำชับเบลให้ช่วยดูเเลจนหูชาก็เถอะ

พลัมมาเรียนตามปกติ แต่คิวที่รู้ว่าคุณพรึกไม่อยู่ ตอนบ่ายก็ชวนพลัมให้ไปนั่งเล่น เเละกินข้าวที่ร้านเบลด้วยกัน โดยมีกะทิติดสอยห้อยตามไปด้วย หญิงสาวคนเดียวของกลุ่มบ่นไปตลอดทางว่าเหลือเธอคนเดียวที่ยังไม่มีคู่ เเล้วหนุ่มๆ ก็ได้กันเองไปหมดเเล้ว ชีวิตช่างแห้งเหี่ยว

เบลเข้าครัวเองเพื่อเตรียมอาหารให้เด็กๆ มีทั้งยำเเซลม่อนเเซ่บรสจัดจ้านเเบบที่คิวชอบ สปาเกตตี้ครีมซอสไข่กุ้งปูรสอ่อนๆ หน่อยของหนูพลัม แล้วก็สเต็กปลากระพงไขมันต่ำของสาวน้อยอย่างกะทิ

“แล้วคุณเบลทานอะไร” คิวโอบเอวถามอย่างใส่ใจ เขาเห็นตรงหน้ามีเเต่เมนูของคนอื่น

“คุณเบลยังไม่หิว ให้เด็กๆ ทานก่อน” อยู่กันไปนานๆ ความห่ามชวนต่อยก็ลดลงผกผันกับความหวานอ่อนๆ

“ทานด้วยกัน ไม่เห็นหน้าเเล้วกินไม่ลง”

“มึงกำลังบอกว่าอาหารที่กูทำไม่อร่อย?” ถือว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้อ่านผ่านคำว่า ‘หวาน’ ของคู่นี้เเล้วกันนะทุกคน

“โห เเฟน?” คิวทำหน้างอเเง “ตีความผิดชีวิตเปลี่ยนเลยนะ นี่ออดอ้อนไง อ้อนเเฟน น่ารัก งุ้ยๆ ทำไมเเฟนชวนมีเรื่องอีกแล้วอ่ะ”

“รำคาญหน้า จะกินดีๆ หรือกินด้วยน้ำตา”

คิวสะอื้นกระซิกๆ คว้าจับจานเเซลม่อนไว้เเน่น “ลูกพ่อลงมาเเหวกว่ายในกระเพาะพ่อเถอะนะ”

“ก็เเค่เนี่ย ลีลา”

“มึงๆ เค้ารักกันจริงๆ ใช่ป่ะ” กะทิ ที่ไม่ชินกับความรักรูปแบบใหม่ถึงกับสะกิดถาม

“เออ...ทะเลาะกันเเบบเนี่ย ลูกดก รอดูดิ”

กะทิพยักหน้าตาม เธอต้องศึกษาเรื่องพวกนี้เพิ่มซะเเล้ว

หลังทานอาหารเสร็จ เบลก็ยกของหวานมาเสิร์ฟอีก เเม้จะทะเลาะกับคิวตลอดเวลา เเต่ก็มีของอร่อยมายัดปากไม่ห่างเช่นกัน เเละเพราะกลัวพลัมเหงา วันนี้คิวจึงได้รับอภิสิทธิ์ไม่ต้องไปเป็นเด็กเสิร์ฟแลกค่าข้าว ปล่อยให้นั่งทำงานกลุ่มอยู่กับพลัมเเละกะทิที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน

“มึงๆ คุณพรึกไปสองสามวันเเล้วมึงเหงาป่ะ ไปกับอาจารย์สุริยาด้วย ระเเวงมั้ย ได้ข่าวว่าแฟนมึงก็ฮอตในหมู่อาจารย์อยู่นะ”

“กะทิ!! ใช่เวลาถาม” คิวเเทบจะมะเหงกลงกลางกระหม่อมเพื่อนสาวตัวจ้อย

“ก็กูอยากรู้ง่ะ” เธอกุมหัวตั้งการ์ดรอ

พลัมลืมตาเป็นประกายปิ๊ง

“ก็ VDO call กันทุกคืนนะ ไม่เหงาอะไร เเต่คืนนี้มีไม้เด็ด”

“Sex phone หรอ”

พลัมตบกบาลคิวอย่างไม่เกรงใจ “กูกลัวมึงเเทนมัมมัมเเล้วเนี่ย”

“อ่าว จะไปรู้หรือ นึกว่าเปิดกล้องคุยเรื่องเสียวไรกันงี้”

“คุณพรึกเขาสูงส่งกว่ามึงมากนัก ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”

“ค่า... นุ่งขาวหมข่าว ทั้งที่ในใจมึงนี่ส่ันริกๆ”

“งือ อย่าว่าเเต่ใจเลยก้นกูก็สั่นดุ๊กดิ๊กจนจะทนไม่ไหวอยู่ละ”

“ลืมไปเสียเถอะว่ามีกะทิ ที่เป็นผู้หญิงเวอร์จิ้นนั่งอยู่ตรงนี้”



เบลขับรถมาส่งพลัมที่คอนโดตอนหัวค่ำ หอมหัวกันอยู่หลายนาทีค่อยยอมปล่อยลูกน้อยออกจากอก

“เรียกกูว่าพ่อสิพลัม” คิวอยากมีบทด้วยในฉากนี้

“พ่อง!! พอใจม่ะ กูไม่นับมึงเป็นญาติโว้ย มีมัมมัมคนเดียวก็พอ มัมมัมของหนู” เปลี่ยนสีเร็วนัก คิวนึกอยากดีดหน้าผาก แต่ก็กลัวเมีย เคารพเมีย เดี๋ยวทำคุณเบลไม่ปลื้มอีก กลับไปแกล้งเเอนโธนี่ลูกคนโปรดก็ได้

หลังจากแยกย้าย พลัมวิ่งกลับขึ้นมาบนห้อง แล้วกระโจนพรวดเข้าไปในห้องคุณพรึก ถอดชุดนักศึกษาออกทีเดียวเเทบจะพร้อมกันทั้งเสื้อเเละกางเกง ส่องดูหุ่นตัวเองแล้วยังน่าหมับเหมือนเดิม ก้นนี่เด้งสู้มือนัก

พลัมเปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของอาจารย์หนุ่มมาใส่ เเถมยังดึงปกเสื้อมาดมฟุตฟิตเหมือนลูกหมา

“ฮ่า...กลิ่นคุณพรึกสดชื่นจัง รักรักนะครับ” บอกรักกับเสื้อเสร็จ ก็ปีนขึ้นเตียงยีหัวให้ฟู (ทำไม...ในเมื่อจะถ่ายเเค่ท่อนล่าง)

น้องนั่งแบะขาอยู่บนเตียง ยกกล้องถ่ายมุมสูง ให้เห็นชายเสื้อปิดมาถึงแค่ส่วนชวนจินตนาการ เหลือท่อนขาขาวๆ เหนือหัวเข่าอีกหลายคืบ ขยับขาเรียวๆ อยู่หลายแชะแล้วเเต่งเเสงนิดหน่อย ส่งไปให้เจ้เพจน้อง พร้อมแคปชั่น ‘ฮับบี้หนูอยู่ไหน...’





ติ๊งๆ ๆ ๆ!

เสียงไลน์เด้งรัวๆ อินิสัยเสียแบบนี้มีคนเดียว เบลเยี่ยมเพื่อนรัก แต่เดี๋ยวนะตั้งเเต่เข้าทางน้องตัวน้อยกับน้องตัวยักษ์มาสักพัก เราก็ไม่ค่อยได้เปิดประตูนรกกันเท่าไหร่ แล้วมันไลน์มาทำไม

พรึกขมวดคิ้ว เขานั่งอยู่ในงานเลี้ยงที่จัดโดยเจ้าภาพของการสัมมนาครั้งนี้ หลายคนกินดื่มกันอย่างครื้นเครง ส่วนพรึกดื่มเบียร์ท้องถิ่นเข้าไปนิดหน่อยเท่านั้น

‘เข้าเว็บน้องเดี๋ยวนี้ มึงเอ้ย!!’ ประโยคเดิมเป๊ะ สมเป็นเบลเยี่ยม มีผัวเป็นตัวเป็นตนเเล้วยังไม่ถอยห่างเส้นทางสายบาป

‘ทำไมมึง น้องทำไมอีก’

‘ลูกกู ใจบางมาก ตามหาฮับบี้มึงเอ้ย กลับไทยได้ต้องกลับ ตอนนี้คนลงบัตรคิวเป็นบี้ของน้องยาวไปถึงดาวพลูโตเเล้ว’

น้องที่ทำให้ไอ้เบลหวีดมีอยู่น้องเดียว...ฉิบหาย น้องที่เป็นเเฟนกูนี่เเหละ ดูเเป๊บ

อื้อหือ!! ไอ้หนูพลัม ไอ้เด็กไม่ดีของเเด๊ดดี้ ฮับบี้หนูอยู่นี่ไงคะ จะไปถามหาในโลกออนไลน์หาสามีเพิ่มทำไมละลูกกกกก!!

‘มึง น้อง น้องกู งือ กูไม่ไหว จับกูที ว่าที่เมียพลังทำลายล้างสูงมาก’

‘กลับไม่กลับ ตอบ!!’

‘ไฟลท์พรุ่งนี้เช้ามั้ย’

‘โว้ย ลงอีกรูปแล้วมึง’

‘ไหน?’

รูปเสื้อยับๆ วางทิ้งอยู่บนเตียง แฟนคลับน้องกรีดร้องยิ่งกว่าภาพที่เห็นน้องใส่เสื้อวับๆ แวมๆ อีก

‘หนูพลัม ไอ้เด็กดื้อ ไอ้เด็กขี้อ่อยยยยย’ พรึกเองก็กรีดร้องไม่ต่าง ฮับบี้หนูจะขาดใจแล้ว

‘กลับช้าน้องหาฮับบี้ใหม่อย่าหาว่ากูไม่เตือน’

‘เสื้อกูอ่ะมึง เชิ้ตตัวนั้นกูจำได้’ พรึกยิ้มเหมือนคนบ้า

‘ไอสัส เเล้วเพจน้องเอามาพรีออเดอร์ Sold out จ้า ทุกคนอยากมีเสื้อฮับบี้น้อง’

‘มึงพรีหรือไม่ไอ้เบล’

‘สองตัวเลยสัส กูอินน์ กูอยากเป็นฮับบี้น้องบ้าง’

‘เลวไม่มีใครเกิน นั่นลูก แล้วข้างกายมึงผัวเด็กมึงนอนอยู่ใช่ไม่ใช่’

‘แล้วไง ใครเเคร์’

‘กูแคปฟ้องน้องคิว’

‘กูฟ้องหนูพลัม มึงเอาดิ เลือดข้นกว่าน้ำนะโว้ย ลูกที่กูเบ่งออกมาจะต้องเข้าข้างเเม่อย่างกู!!’

‘รำคาญมึงอ่ะเบล กูไปละ’

‘ไปไหน’

‘ซื้อคอนดอมไอสัส’

‘ใช้กับใคร’

‘ใช้กับคนที่ตามหาฮับบี้นี่เเหละ รอเรียนจบนะ น้องต้องใส่เสื้อตัวนั้นนอนอยู่บนเตียงกูสามวันสามคืน’

‘มึงนี่มันภัยสังคมนะพรึก กูเเจ้งตำรวจแล้ว’

‘กูเข้า มึงก็ต้องเข้ากับกูอ่ะ จองที่นรกไว้ให้มึงเเล้วด้วย’





ฝ่ายพลัมที่ส่งรูปไปตั้งเเต่หัวค่ำไม่มีอะไรทำก็เลยงีบอยู่บนเตียงคุณพรึก เเถมใส่เสื้อเชิ้ตคุณพรึกเเล้วนอนสบ๊ายสบาย ก้นโด่งอยู่อย่างเกียจคร้าน เขารู้สึกตัวอีกครั้งเกือบๆ สี่ทุ่ม ที่ญี่ปุ่นก็เที่ยงคืนแล้วคุณพรึกยังไม่ Line Call มาเลย พลัมเปิดโซเชี่ยลเล่นไปเรื่อยเปื่อยจนไปเจอเฟสบุ๊คของเพื่อนๆ ที่เม้าท์ๆ กันมาเห็นรูปถ่ายคุณพรึกคู่กับอาจารย์สุรียาในปาร์ตี้เลี้ยงปิดสัมมนา

เเก้มเเนบเเก้มเชียว ย๊ากส์!!! หัวร้อน

ที่หนูตามหาฮับบี้ไป ฮับบี้ยังไม่สะดุ้งสะเทือนเลยใช่มั้ย แล้วนี่ไม่โทรหาอีก หายไปไหนบ้าจริง

พลัมกด Line Call ข้ามประเทศอย่างไว โทรอยู่สองรอบกว่าคุณพรึกจะรับ

ภาพแบคกราวน์ไม่ใช่ห้องนอน เหมือนย่านร้านค้าที่มืดๆ หน่อย

“ฮับบี้หนูอยู่ไหน” พลัมเบะปากถาม

พรึกเเพนกล้องไปด้านหลัง เท่านั้นเเก้มขาวก็ขึ้นสีเเดงเเปร๊ด

18+ ร้านขายของเล่นผู้ใหญ่บ้าบอ

“คุณพรึกไปทำไม”

“เห็นหนูเหงาหงอยออนไลน์ คุณพรึกเลยมาซื้อของเล่นไปฝากไงคะ”

“ซื้ออะไรมาบ้างง่ะ”

“อันที่เป็นตุ่มๆ เหมือนชานมไข่มุก”

“งื้อหนูกลัว แต่กลับมาแล้วเล่นเลยนะ”

“ไม่ๆ เก็บไว้เล่นกับหนูหลังรับปริญญา”

“โห หมดอายุกันพอดี” พลัมทำปากยู่ เเต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าจุดประสงค์หลักที่โทรมาคืออะไร

“รูปในเฟซบุ๊คคืออะไรครับ”

“หืม? รูปอะไรคุณพรึกยังไม่ได้เล่นเลยเนี่ย เเอบหนีออกจากงานเลี้ยงได้ ก็มาซื้อของฝากหนู”

“ออกมาคนเดียวหรือครับ”

“ซื้อของ 18+ ขนาดนี้ คุณพรึกควรชวนใครมาด้วยหรือครับ”

“ใครจะไปรู้ละ เผื่อมีคนขอตามไป”

“หึงคุณพรึก กับใครรึเปล่าเนี่ย” ร่างสูงถาม พลางซุกมืออีกข้างลงในกระเป๋าเสื้อกันลม

“หนูไม่ได้หึง” พลัมส่ายหน้ารัว “หึงมันคืออาการงอเเงไร้สาระ หนูไม่หึง หนูไม่หึง หนูโตเเล้ว” พลัมเหมือนท่องให้ตัวเองฟังมากกว่า พรึกดูอาการเเล้วก็รู้ว่าน้องคงไม่ถูกใจอะไรนั่นเเหละ เเต่ฮึ่ย!! งอเเงเเบบนี้มันน่ารักชะมัดเลยไม่ใช่หรือไง เขาชอบให้พลัมเเสดงความเป็นเจ้าของเขาจัง

“หึงสิคะ คุณพรึกชอบให้หนูเเสดงความรู้สึกกับคุณพรึกนะ”

“รูปในเฟซบุ๊ค มีคนเเชร์ๆ มา เค้าเเซวคุณพรึกกับอาจารย์สุ”

“ว่าเเล้ว...”

“นี่ตั้งใจหรอ” พลัมเเทบจะยื่นหน้าทะลุจอไปหาคนขี้เเกล้ง

“เปล่าครับ ก็มีเรื่องเดียวที่คิดออก”

“ไม่ได้มีอะไรใช่มั้ยครับ พลัมเเค่คิดมากไปเองถูกมั้ย” คนตัวเล็กถามหาเอาคำตอบในเเบบที่น่ารักเหลือเกินในความรู้สึกคนที่อยู่ไกล

พรึกส่ายหน้า แล้วมองพลัมด้วยสายตาอ่อนโยน

“คุณพรึกมีหนูคนเดียว รักหนูคนเดียว คุณพรึกชอบก้นครับ ไม่ได้ชอบหน้าอกตู้มๆ”

“คุณพรึก!!” พลัมเขินถึงขั้นต้องเอาหน้าอัดลงไปกับหมอน เดี๋ยวนี้คุณเขาชอบทะลึ่ง กรี๊ดอัดขนเป็ดอยู่นานจึงค่อยลุกขึ้นมาสู้กับคุณเขาใหม่

“หึ ไม่รู้เเหละ หนูขอร่ายมนต์ใส่ก่อน โอม...รักหนู หลงหนู มองแต่หน้าหนู”

“คุณพรึกขอมองก้นเพิ่มด้วยได้มั้ยคะ”

พลัมอ้าปากค้าง เหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอ

“ตบมั้ยคุณพรึก เดี๋ยวนี้หื่นจนหนูจะสู้ไม่ไหวเเล้วนะ”

“ก็หนูเเซ่บ”

“เเซ่บเซิ่บอะไรเล่า ลองเเล้วหรอถึงรู้”

“หนูหนะร้ายนัก คุณพรึกยังไม่ได้ตีเลยนะ ไปเปิดรับบัตรคิวฮับบี้ได้ยังไง ไอ้เบลบอกคิวยาวไปถึงดาวพลูโตเเล้ว”

พลัมหัวเราะคิกคัก ยักคิ้วให้อย่างน่าบีบเเก้มบีบปากให้เเตกไปคามือ

“คิวเเรกอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ ต้องถามคิวเเรกว่าจะอนุญาตให้มีคิวที่สองมีสิทธิ์มั้ย”

“อยากจูบหนู อยากกอดหนู อยากฟัดหนูให้จมเตียงไปเลย คุณพรึกทำยังไงดี คุณพรึกจะผ่านคืนนี้ไปได้ยังไง” คุณเค้าอ้อนจนพลัมหัวเราะ

“คุณพรึกขี้เว่อร์”

กดส่งภาพหลังถอดเสื้อฮับบี้ไปให้ดู พรึกรูดแป้นยาว เหมือนเกิดอาการช็อตฉับพลัน

“พลัมรู้เเล้วว่าคิดถึง ทนอีกไม่กี่ชั่วโมงนะครับ ฮึบฮึบ”

“อยากตีหนูจัง หนูอย่าลงรูปอ่อยคุณพรึกบ่อยสิคะ คุณพรึกถือศีลลำบากมั่กๆ เลย มันจะขาดเอาทุกที”

พลัมส่ายหน้าด้วยความหมั่นไส้ เดี๋ยวนี้คุณเขากล้าหยอด กล้าอ้อน แบบที่พลัมไม่เคยจิตนาการเลยว่าหมีบื้อๆ ที่เลือดกำเดาไหลในวันนั้นจะเดินทางมาถึงจุดนี้

“คุณพรึก หนูรักคุณพรึกนะ เเล้วก็ขอบคุณคุณพรึกมากนะครับที่อดทนเพื่อหนู”

พรึกอมยิ้ม ถามว่าอยากหมับพลัมมั้ย...อยากมากๆ แต่อยากถนอมให้น้องรู้สึกว่าร่างกายตัวเองมีค่ามากกว่า พรึกรู้สึกได้ว่าค่ำคืนเเรกของเราต้องอ่อนหวานไม่ต่างจากดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เเน่นอน เพราะเข้าใช้เวลาเฝ้ารอและทะนุถนอมตั้งนานกว่าจะให้ได้มา

อ่า...เเล้วพรึกก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ก่อนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เขาควรขอน้องจากพ่อเเม่ให้เป็นเรื่องเป็นราว เเถมยังต้องมีสินสอดของหมั้นเตรียมให้สมเกียรติด้วยสิ ไม่ได้การล่ะ ต้องรีบทำทุกอย่างให้พร้อมก่อนน้องรับปริญญา เพราะเมื่อวันนั้นมาถึง หึหึ จะได้ไม่มีเสื้อผ้ามาขวางกั้นเราสองคนอีกต่อไป

“คุณพรึก...เหม่ออะไร คิดบาปกับพลัมอีกเเล้วป่ะเนี่ย”

“ไม่ค่ะ ครั้งนี้คิดดี หนูนอนได้แล้ว ดึกเเล้ว”

“รอคุณพรึกถึงห้องก่อน หนูเป็นห่วง”

“หนูน่ารักจัง”

“หนูน่ารัก ให้คุณพรึกรักมากๆ ไงครับ”

พรึกช็อตอีกรอบ!!



TBC

 เกินไปมาก น้องพลัมเอ้ย 

ชอบเวลาเบลกับพรึกคุยกันหลังดูเพจน้องอ่ะ มันแบบสองคนบาปที่แท้ทรู 

รักน้อง ส่งกำลังใจมาทางคอมเม้นและ #ทฤษฎีอ่อยเธอ นะคะ 


ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 20





พรึกกลับถึงไทยเเล้ว เเละก็กำลังวางเเผนบางอย่างในใจเลยต้องการเพื่อนร่วมอุดมการณ์นิดหน่อย สี่คาสโนว่าอดีตนักเรียนอังกฤษจึงรวมตัวกันอีกครั้งที่ผับดังของพันวา โดยปราศจากแฟนเด็กมาวอแว

เบลเยี่ยมคึกคักเป็นพิเศษ เหมือนเสือร้ายได้คืนถิ่น ยืนเกาะรั้วระเบียงชั้นสอง เป่าปากเเซวสาวนุ่งสั้นเปี้ยวป้าว ได้อ้อนตีนมาก

“เปรี้ยวตีนไม่มีใครเกิน มีเรื่องกันกูก็จะห้ามการ์ดไม่ให้เข้าไปช่วยคอยดู” หุ้นส่วนผับส่ายหน้า เเล้วรินวิสกี้เข้มๆ ให้เพื่อนร่วมวง

“เบลเด็กปล่อยออกจากบ้านหน่อยเเล้วคึกคักเชียวน๊า” แคมป์เเซวบ้าง เขาพึ่งได้ข่าวว่าไอ้เพื่อนรักพึ่งเริ่มคบหาดูใจกับเด็กมหาวิทยาลัย

“อิอิ มันไม่รู้หรอกว่ากูมาเเรด”

“เเล้วน้องไปไหน”

“ทั้งคิวทั้งพลัมทำงานกลุ่มอยู่ที่บ้านเพื่อนหนะ ค้างบ้านเพื่อนด้วย กูเลยมีโอกาสเเว้บออกมาปรึกษาพวกมึงไง” พรึกบอก

“เรียกว่าถ้าน้องไม่ห่างกาย มึงก็จะกกลูกกูไม่ปล่อยเลยใช่มั้ย” เบลถาม

“ดูหน้ามึงสิเบล เเล้วดูหน้าหนูพลัมของกู คิดว่ากูอยากสนทนากับใครมากกว่า”

“หลงเมียไม่มีใครเกิน”

“เเฟน ยังไม่ใช่เมีย”

“ค่าาาาาา ต้องอดทนเเค่ไหน ถึงไม่ขย้ำก้นลูกกูสักที”

“เลี้ยงไว้ รอให้หนุบหนับได้ที่เเล้วกูจะฟัดไม่ปล่อยเลย”

“ตำรวจ!!! โจรอยู่ตรงนี้ค้าบบบบ”

ทั้งกลุ่มหัวเราะครืน

“งั้นคืนไม่ต้องแดกเหล้า เดี๋ยวน้องๆ เป็นหม้าย” พันวา ที่นึกขึ้นมาได้ว่าคนพวกนี้มีพันธะรวบเเก้วทรงเตี้ยจากทุกคนคืนมา กวักมือเรียกเด็กมาสั่งน้ำอัดลมเเทน ถึงเขาจะเป็นเจ้าของภาพ แต่ก็รณรงค์ให้ทุกคนดื่มอย่างมีความรับผิดชอบ แค่มีเเอลกอฮอล์ตกถึงท้องไปเเค่คำเดียวก็ไม่ควรขับยวดยานพาหนะไปบนท้องถนนให้เป็นภาระสังคม

“งั้นกูขอน้ำส้มคั้นสดได้มั้ย ไม่อยากได้น้ำตาลสังเคราะห์”

“เออ เอาที่มึงสบายใจเลยเบล เอาน้ำมะพร้าวด้วยมั้ย ลูบหน้าสักหน่อยช่วงนี้ดูหมองๆ ไปนะ”

“ห่า กูยังไม่ตาย”

“ก็ใกล้ละ หนีผัวเที่ยวเนี่ย อายุไม่ยืนนะรู้ยัง”

“คนไม่มีคู่อย่างมึงจะรู้อาร๊ายยย ตายไปก็เป็นภาระยมบาล”

“จ้าเบลลลลล” พันวาคร้านจะเถียงกับไอ้ตี๋ปากมาก หันมาเข้าเรื่องดีกว่า

“ว่าไงไอ้พรึก ระดมพลขนาดนี้จะขอน้องเเต่งงานหรอ”

“เออดิว่ะ”

คำตอบของพรึกเล่นเอาผงะทั้งกลุ่ม

“กูนึกว่ามึงคบเล่นๆ สรุปจริงจัง?” แคมป์เป็นคนเเรกที่เอ่ยปาก

“มึงอายุก็เท่านี้เเล้ว มีบ้าน มีรถพร้อม ขาดเเค่เมียเนี่ย ยังต้องคบเล่นๆ อีกมั้ย”

“จบกันชีวิตโสด เราต้องหยุดที่ใครสักคนกันจริงๆ แล้วหรือว่ะ” เบลเยี่ยมกุมขมับ

“เบล มึงคบน้องเล่นๆ ก็ได้นะ เเต่กูว่าน้องคิวเค้ามีทางเลือกอีกมาก ส่วนมึงป้ายหน้าก็โลกกับเมรุเเล้ว ยังจะซ่า”

“สาธุ กูจะไม่จากไปคนเดียวเเน่ๆ ไอ้พัน มึงต้องโดนกูเกี่ยวก้อยลงไปด้วยกัน”

พันวาส่ายหน้าพรืด อีกสองหนุ่มได้เเต่หัวเราะ

“แต่ก็ยินดีกับมึงด้วยนะพรึก ได้แต่งกับคนที่รัก ชีวิตที่เหลือต่อไปคงมีเเต่ความสุข” เเคมป์ตบบ่า เขาเป็นคนที่แต่งงานก่อนใครเพื่อน เเละแต่งกับผู้หญิงที่ทางบ้านอยากให้เกี่ยวดองทางธุรกิจ จึงทำให้ชีวิตหลังเเต่งงานไม่ราบเรียบเท่าไหร่นัก

“เนี่ยจะมาปรึกษามึงไงแคมป์ ซื้อเเหวนร้านไหนดี แล้วต้องทำพิธีอะไรบ้าง”

“กูว่า..” เบลเเย่งพูด พันวาถึงกับต้องตะปบปาก

“ไอ้พรึกมันถามคนมีประสบการณ์ มึงไม่ต้องเสร่อตอบ”

เบลเยี่ยมฮึดฮัด เรียกเสียงฮา เเต่ก็ยอมให้คนที่จะดูมีประโยชน์คนเดียวในกลุ่มตอบ

“ร้านเเหวนกูมีเเนะนำ เป็นญาติกูนี่เเหละ ราคาลดได้ เเหวนยังไงน้องก็ยังเด็กเป็นผู้ชายด้วยเเบบเรียบๆ มีดีเทลเล็กๆ กูพอเห็นอยู่ ส่วนงานแต่งมึงก็ทำพิธีสงฆ์เพื่อเป็นสิริมงคลก็ได้นะ ไปแต่งที่บ้านพ่อกับแม่มึงที่เชียงใหม่ หือ...พูดเเล้วเปรี้ยวปาก อยากไปกินอาหารเหนือ”

“สาระ!” เบลได้ที่ตบหัวแคมป์บ้าง

“สาระทั้งชีวิตมึงรวมกันยังมีไม่เท่ากูพูดประโยคเดียวเลยเบล”

พรึกยกมือห้ามทัพ เดี๋ยวก็นอกเรื่องไปไกลอีก

“แล้วถ้ามึงจะเลี้ยงข้าวญาติๆ ก็ต่อจากพิธีสงฆ์ไป ชวนเเค่คนสนิทๆ ก็พออ่ะ มึงเข้าใจใช่ป่ะ”

พรึกพยักหน้า อาจจะกินข้าวเเค่กับพ่อเเม่นั้นเเหละ เพราะเขาก็ไม่อยากให้น้องถูกมองหรือตั้งคำถามจากผู้ใหญ่ที่ยังไม่เปิดกว้างเรื่องเพศ

“ส่วนเพื่อนๆ น้องมึงเชิญไปร่วมงานที่เหนือ หรือจะมาจัดปาร์ตี้เลี้ยงสนุกๆ ก็ได้ ถ้าอยากให้มีคนรับรู้เยอะหน่อยอะนะ”

“เล่ามาซะยาว หรือมึงจะเเค่สวมเเหวนให้น้อง แล้วพาไปให้พ่อเเม่มึงผูกข้อไม้ข้อมือก็พอ บางครั้งงานแต่งงานใหญ่โตก็ไม่ได้การันตีว่าความรักมันยิ่งใหญ่”

“อ่ะ เเซะตัวเองไปอีก” เบลเยี่ยมเจ้าเก่าพูดตรงเสียจนทุกคนในวงถอนหายใจ

“แต่กูยินดีกับพวกมึงจริงๆ นะเว้ย ที่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักจริงๆ อ่ะ มันคือคนที่เราต้องอยู่ไปด้วยอีกทั้งชีิวิตอ่ะ”

“ถ้ามึงจะเศร้าสร้อยขนาดนั้น มีเมียน้อยมั้ยละ”

“เบลเยี่ยม!!” ทุกคนพร้อมใจกันฟาดมือลงกลางกระหม่อมหนุ่มตี๋คนละที “ไม่สร้างสรรค์อย่าเสือกเสนอความคิดมาอีก”

“แล้วระวังเหอะ ไปยุยงบ้านคนอื่น เดี๋ยวน้องคิวของมึงไปแอบมีกิ๊ก มาร้องห่มร้องไห้ พวกกูจะกระทืบซ้ำให้”

“ทำไมทุกคนไม่อ่อนโยนกับนุ้งเบล”

“กูถีบตอนนี้เลยได้มั้ยรำคาญหน้า” แคมป์เงื้อเท้า พรึกต้องช่วยปราม ส่วนพันวาได้เเต่ส่ายหัวด้วยความขำ เเก่ๆ กันเเล้วก็ยังเล่นเหมือนเด็กไม่มีผิด

“มึงจะเข้าไปดูเเหวนวันไหนพรึก แอบไปวัดไซส์นิ้วน้องมาด้วยนะ” แคมป์กลับมาที่สาระ

“ได้ เดี๋ยวนัดวันไปอีกที”

“เพื่อนจะเเต่งเมีย ตื่นเต้นว่ะ” เบลกลับมาคึกคักอีกรอบ

“มึงจะเเต่งผัว กูก็ตื่นเต้น” พันวาแซว เล่นเอาเบลอ้าปากพะงาบๆ เถียงต่อไม่ถูก แล้วใครจะไปนึกว่าเห็นหื่นๆ จ้องจะงาบเด็กอยู่ดันโดนเด็กงาบเสียเอง

“จะผัวหรือเมียตอนนี้ยังไม่คอนเฟิร์มโว้ย” ตี๋ของกลุ่มยังพยายามโวยวาย

“จ้า...วันเข้าหอ พี่เเคมป์ขออนุญาตตั้งกล้องนะจ๊ะนุ้งเบล”

“นุ้งพ่อง!!”

ทุกคนหัวเราะที่เเกล้งให้เพื่อนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยวงได้ แต่ที่ทำทั้งหมดก็เพราะเอ็นดูล้วนๆ

“เห้อ...แพรคงดีใจที่มึง Move on อ่ะพรึก” เบลพูดถึงคนในอดีตขึ้นมา

“เหี้ยเบล” พันวาปราม จะรู้ได้ไงว่าเเผลในใจพรึกหายหรือยัง

“อยากไปไหว้แพรสักครั้ง อยากไปขออโหสิ เเต่สืบไม่ได้เลยหลังจากคุยกับพ่อเค้าครั้งนั้น ก็โทรหาไม่ได้อีกเลย บ้านในบัตรประชาชนก็ไม่มีคนอยู่”

“พ่อแพรโกรธมากนิ” พันวานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์สมัยเรียนจบ ป.โท ใหม่ๆ

“ก็ไม่ให้เพื่อนสักคนไปเผา ไม่ให้ไปงานศพอ่ะ โกรธมั้ยละ”

“เบลเยี่ยม!!” พันวาเเละเเคมป์เอ็ดตกลงมันจะพูดให้สถานการณ์ดีขึ้นมั้ยเนี่ย

“กูไม่รู้เลยเหอะว่าเเพรท้อง จนเค้าเสียนั้นเเหละ พึ่งรู้ว่าลูกกูก็ไปพร้อมเค้าด้วย”

“มึงไม่ตั้งใจป่ะว่ะ” เจ้าของผับตบไหล่ อยากจะเปลี่ยนจากน้ำส้มเป็นเหล้าเข้มๆ ละ ดราม่าเฉย

“ถึงไม่ตั้งใจกูก็ผิดอ่ะ เพราะรักสนุก เพราะลองไม่คิดไง กลายเป็นว่ามีเรื่องที่ต้องติดอยู่ในใจไปตลอดชีวิตเลย” พรึกถอนหายใจยาว บรรยากาศสนุกสนานเมื่อสักครู่หดหู่ขึ้นมาทันที

“มีหนูพลัมก็ไม่ช่วยหรอ” พันวาถาม

“มันคนละแบบ กูกับเเพรไม่ได้รักกันก็จริง แต่ความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ผู้หญิงคนนึงจากไปอย่างโดดเดี่ยว รวมถึงลูกกูด้วย มันทำให้กูรู้สึกว่าชดใช้เท่าไหร่ก็ไม่พอ”

“ถึงขั้นไม่กล้ามีอะไรกับผู้หญิงอีกเลยอ่ะมึงคิดดู” เบลเยี่ยมอีกแล้วนะ! เพื่อนอยากจะสามัคคีเอาตีนลูบหน้าละ

“มันไม่ใช่เเค่ไม่กล้ามีอะไรกับผู้หญิงเว่ย มันเเบบกูคู่ควรจะมีความรักได้จริงๆ หรือเปล่า กูดูเเลคนอื่นได้ดีมั้ยอะไร คนอย่างกูสมควรจะมีชีวิตที่ดีจริงหรอ ทั้งที่ตอนเอากันสนุกทั้งคู่ เเต่เป็นเเพรที่ได้รับผลแบบนั้น ส่วนกูก็ยังลอยนวลอยู่”

“แพรเป็นคนดี เค้าไม่โกรธมึงหรอก เขาเเค่มาบอกมึงไม่ได้ว่าไม่โกรธ มึงทำอะไรไปให้เค้าตั้งเยอะเเล้ว ทั้งบวช ทั้งเป็นคนดี บริจาคอุปการะเด็กอีก ตอนนี้มึงกำลังจะมีความสุข เขาก็น่าจะยินดีกับมึง” พันวาปลอบ

“ก็หวังว่าความดีทั้งหมดที่กูพยายามทำ จะช่วยให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของกูมีความสุขได้”

“มึงก็เลยรักหนูพลัมมาก ดูเเลเขาทุกอย่าง” เบลสรุป

“อืม...มันกึ่งๆ เหมือนเลี้ยงทั้งเมียทั้งลูกไปพร้อมกัน”

“ไอสัส 191 ต้องมาเเล้วจุดนี้” เบลพยายามเล่นมุก เพราะสถานกาณ์จะได้ดีขึ้น ที่เหลือหัวเราะได้นิดหน่อย เมฆหมอกแห่งความเครียดเมื่อสักครู่ค่อยๆ จางไปเเล้ว

“พวกกูอยู่ข้างๆ มึงนะ” เบลรวบคอเอาทุกคนมากอด อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณมิตรภาพดีๆ ที่ยังคงอยู่ ณ ตอนนี้

ย้อนไปเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ที่ลอนดอน เพื่อนที่เรียนจบรุ่นเดียวกันบางคนกลับไทยไปก่อน แล้วค่อยกลับมารับปริญญา เพราะยูฯ ที่พวกเขาเรียนมีช่วงว่างรอรับปริญญาประมาณ 6 เดือน เเต่หลายคนก็อยู่เที่ยวต่อเลย เเละไม่ต้องเสียเวลาบินไปกลับด้วย

พอถึงวันที่ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตา กลับไม่มีชื่อของ ‘เเพร ภาวิตา เลอเลิศวานิช’ ขึ้นรับ ถึงจะไม่สนิทมาก เเต่เพราะเป็นคนไทยด้วยกันเรียนคณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความสงสัยว่า ‘เพื่อน’ หายไปไหน

ตอนแรกก็คิดกันว่าแพรจะรับรอบปีการศึกษาอื่น หรือไม่ก็ให้ส่งใบปริญญาไปที่บ้าน เเต่ด้วยความกังวลบางอย่าง พรึเลยตัดสินใจโทรถามสักหน่อย กลายเป็นว่าเบอร์เเพรที่เคยมีติดต่อไม่ได้ จนต้องไปตามหาจากประวัตินักศึกษา จนโทรไปเจอพ่อของเเพร

ข่าวที่ได้รับจากปลายสายทำให้พรึกตัวชา เเพรเสียเเล้วเพราะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ แถมตอนนั้นเเพรท้องอยู่ด้วยเลยเเท้งและเสียเลือดมากจนรักษาไม่ทัน

“แพรท้องกับมึงหรือไง ถึงทำหน้าตาเหมือนจะตายตามไปอย่างนั้น” แคมป์ถามคำถามนี้หลังพรึกเล่าทั้งหมดออกมา

“จำคืนที่เราไปปาร์ตี้ตอนสอบเสร็จได้ป่ะ” พรึกถาม

“ได้ดิ เด็กไทยก็ไปด้วยกันหมด เเพรก็ไป”

“กูกับเเพรตื่นมาบนเตียงเดียวกัน กูไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีรอยเลือดบนเตียงนิดหน่อย”

“สัสพรึก”

“จำอะไรไม่ค่อยได้ เพราะคืนนั้นไอ้เบลเอาตัวใหม่มาให้ลอง”

“มึงทำเค้าท้องใช่มั้ย” แคมป์ถามด้วยหน้าเครียด

“ไม่รู้ ไม่เห็นซากถุงยาง”

“แล้วแพรว่าไง”

“แพรก็จำไม่ได้ บอกว่าภาพตัดไปตั้งเเต่อยู่ข้างนอก เขาบอกว่าเครียดๆ ช่วงสอบเลยดื่มไปเยอะเหมือนกัน”

“คนอย่างเเพรน่าจะไม่เคยนอนกับใคร” แคมป์ออกความเห็น

“อืม ปกติแพรเรียบร้อยจะตาย ถ้าคืนนั้นไม่ใช่เพราะโดนยาเข้าไปเขาคงไม่ปล่อยให้ตัวเองไม่มีสติ”

“กูก็เหี้ยสุด ไม่ควบคุมสติอะไรเลย” พรึกกุมขมับ

“อย่าคิดมากเลยพรึก ก็สนุกด้วยกันป่ะว่ะ”

“เออ ตอนลองก็สนุกอ่ะ เเต่ตอนนี้กูสนุกไม่ออกไปตลอดชีวิตเลย”

….

เหตุการณ์ในครั้งนั้นยังเด่นชัดในความทรงจำของพรึก แม้จะเกิดเพราะความรักสนุกจนไม่มีสติของทั้งสองคนก็ตาม แต่สิ่งเล็กน้อยที่เรามองไม่เห็นคุณค่าในวันนั้น อาจจะเป็นบทเรียนราคาเเพงไปทั้งชีวิต

แพรจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ส่วนพรึก...จมกับความผิดไปอีกนานเเสนนาน

“ดึงดราม่ามาเยอะเเล้ว ดื่มหน่อยเว้ย ฉลองสละโสดให้ไอ้พรึกล่วงหน้า” เบลสะกิดทุกคน เเคมป์ที่เงียบไปตั้งเเต่เข้าเรื่องนี้กับพันวาก็ค่อยคึกคักขึ้นมาหน่อย ทั้งสี่หนุ่มหยิบเเก้วตรงหน้ามายกเเตะกันดังกริ๊ง หวังว่า 10 ปีคงเพียงพอกับการชดใช้กรรมของพรึกเเล้ว



ทางฝ่ายหนุ่มใหญ่ที่มัวเเต่เครียดกัน ทางหนุ่มเล็กๆ ก็แอบหนีมาเที่ยวที่ผับอื่นโดยไม่บอก

“กลัวคุณพรึกรู้” พลัมงอแงใส่คิว

“กูบอกไปเบลว่าพวกเรานอนบ้านกะทิ” เพื่อนตัวใหญ่ว่า

“มึงก็นิสัยไม่ดีคิว ถ้ามัมมัมรู้ว่ามึงโกหกต้องโกรธมาก”

“ก็ไม่ให้รู้สิ กูไม่อยากให้เค้าต้องวนรถออกมารับป่ะ ดึกๆ ขับรถคนเดียวก็เป็นห่วงมั้ย หรือมึงไม่ห่วงคุณพรึก”

“ก็ห่วง!!” พลัมหน้างอ แต่ก็ไม่มีเเรงทัดทาน เพราะกะทิเเละสาวๆ คนอื่นที่มาทำงานกลุ่มด้วยกันอยากออก เเล้วพลัมกับคิวที่เป็นผู้ชายก็ต้องมาช่วยดูเเลสาวๆ

แถมยังต้องเป็นสุภาพบุรุษสุดๆ ด้วยการดื่มเหล้าที่คนอื่นมาชนแก้วกับพวกเธอให้ด้วยในบางครั้ง

ปกติพลัมก็ไม่ขี้เมาหรอก เพราะเขาอยู่คนเดียว เลยต้องระมัดระวังดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เเต่เหมือนว่าคืนนี้เครื่องดื่มที่คนอื่นยื่นมาให้เพื่อนสาวๆ จะชงเข้มเป็นพิเศษ เเถมหลากหลายสำนักทั้งวอดก้า วิสกี้ บรั่นดี ผสมกันมั่วไปหมด

“ตาลอยเเล้วไอ้พลัม” คิวว่า พลางรับเเก้วที่กำลังยื่นมาซดเสียเอง

“เหี้ย วอดก้าน้ำเปล่ารสชาติจัญไรสุด” คิวเเทบพ่นออกมากับส่วนผสมที่ไม่ได้เข้ากันเลย แถมยังกะให้เมาเต็มที่

สาวๆ ที่ให้พลัมกับคิวเป็นไม้กันหมาให้เต้นกันสนุกเชียว เเละพอช่วงใกล้เที่ยงคืนดีเจก็จัดเพลงเเดนซ์หนักๆ รัวมาให้ใส่กันยับๆ

ไอ้พลัมก็ยับ! ไปเต้นอยู่กับกะทิแล้วจ้า

“เมากว่าใครเพื่อนเลยไอ้เตี้ย” คิวสบถ เขาก็ดื่มไปเยอะ แต่ด้วยร่างกายที่กล้ามเนื้อเยอะกว่า แถมยังกินข้าวมาอิ่มสุดๆ ทำให้ระดับความเมายังน้อยกว่าพลัมมาก



หลังจากสี่หนุ่มคุยเรื่องเซอร์ไพรส์จบ พันวาก็ชวนไปตรวจตลาดผับเปิดใหม่ที่กำลังดังในหมู่วัยรุ่น เพราะถ้าเขาไปคนเดียวก็จะดูเหมือนมาสืบเกินไป ได้เพื่อนหน้าตาดีไปด้วยค่อยดูเหมือนแก๊งเสี่ยที่มาตกเด็กหน่อย แคมป์เองก็ว่างๆ พรึก คิวก็ไม่ต้องรีบกลับไปโอ๋เอ๋เด็กเข้านอน เลยสามารถไปช่วยเพื่อนได้อย่างไม่อิดออด

“มึง ถ้าหนูพลัมหนีเที่ยวมึงจะโกรธมากมั้ยว่ะ” เบลสะกิดถามเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในสถานบันเทิงที่เสียงบีทกำลังอัดหนักๆ ได้สักพัก ทั้งสโมค ทั้งเลเซอร์คลุ้งจนมองใบหน้าใครเเทบไม่ชัด

“โกรธดิ กูไม่เคยห้ามเที่ยว แค่บอกก่อนกูก็อนุญาตหมด ไปรับด้วย น้องจะได้กลับบ้านปลอดภัย”

“ผัวประเสริฐ”

“ผัวน้องพลัมมีคนเดียวครับ อย่ายัดเยียดชื่อชู้มาให้”

“โอ้ย กูเล่นมุก ควาย!!”

“ควายนี่ด่ามึงด้วยนะ ไม่ใช่คำสร้อย”

พรึกอยากตบกบาลเพื่อนให้สักหนึ่งที

สี่หนุ่มยืนโยกเบาๆ คูล พร้อมสั่งเบียร์ขวดเล็กมาถือเป็นพร็อพ พันวากวาดสายตาไปรอบๆ ดูทั้งการตกแต่ง เครื่องดื่มที่ขายเเละการเเสดงอื่นๆ ในร้าน มีสาวๆ ที่ชอบหาคนส่งเสียเข้ามาชนด้วยเบาๆ ซึ่งคนที่พอจะชนได้ก็มีหุ้นส่วนผับคนเดียวนั่นแหละที่เหลือมีเจ้าของหมดเเล้วจ้า แต่มันก็ทำให้เบลภูมิใจว่าเสน่ห์ของเขายังล้นเหลือ

“ดูๆ อะไรพวกนี้แล้วนึกถึงตอนวัยรุ่น เที่ยวยันเช้าแล้วไปเรียนยังไหว เดี๋ยวนี้สี่ทุ่มกูก็ตาปรือละ” แคมป์เปรย

“แก่ไอ้สัส” พันวาว่า เขาต่างจากเพื่อนๆ หน่อยเพราะทำธุรกิจกลางคืนเสียส่วนใหญ่ จึงนอนเกือบเช้าเเล้วไปตื่นเอาเที่ยงๆ แทน

“พรึก กูว่ากูเห็นหนูพลัม” เบลเยี่ยมสะกิด เพราะถึงมีผัวแล้วแต่สัญชาตญาณล่าน้องของเขายังไม่ได้หายไปด้วย กวาดแกว่งสายตาหาอยู่ไม่นานดันแจ๊คพ็อตไปเจอลูกตัวเองเสียอีก แถมข้างลูกก็เป็นไอ้คิว!!

บอกว่าไปทำรายงานแต่มาโผล่ในผับ อยากเอาขวดเหล้าฟาดให้ได้เลือด!!

“อ่ะกูรอดูหนังพิศาลเลยสัส ตบจูบต้องมา” แคมป์เเซว

“ไม่อ่ะ กูรอดูเหมือนกันว่าน้องจะกลับยังไงไหว จะโกหกกูยังไงต่อ”

เบลซี้ดปาก โมโหไอ้เด็กคิวก็ใช่ แต่เป็นห่วงลูกก็อีกเรื่อง พรึกดูโกรธมากทั้งที่เมื่อกี้ยังรักหลงบูชาน้องน้อยอยู่เลย

“ตั้งแต่มีเรื่องแพร ชีวิตกูก็ซีเรียสขึ้นเยอะ แล้วดูดิมาเมาแบบนี้จะปลอดภัยได้ยังไง แล้วกูก็นึกว่าน้องอยู่บ้านเพื่อน เกิดเป็นอะไรไป กว่าจะตามเจอยังจะเหลือสภาพดีอยู่มั้ย”

“มึง น้องมากับเพื่อน” พันวาปราม

“แล้วดูมีใครรอดสักคนมั้ย สาวๆ เมาหมดแล้วมั้งนั้น เหลือน้องคิวคนเดียว เเล้วคิวก็ต้องดูเเลน้องผู้หญิงก่อนอยู่เเล้ว”

“กูจะรอดูว่าจะเอาตัวรอดยังไง” พรึกกัดฟันเเน่น เขาทั้งโมโหและหงุดหงิด ไม่อยากให้พลัมเกิดเรื่องไม่ดี เหมือนที่ตัวเองเคยเจอ แถมหน้าตาน้องก็แสนดึงดูด หุ่นเล็กตัวบางแบบนั้นมีผู้ชายคนไหนบ้างไม่ชอบ แล้วพอมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ เขาก็ไม่ได้มานั่งแยกแยะคน want กับคนไม่ want กันหรอกนะ Perception แรกก็คือทุกคนรักสนุกกันทั้งนั้นเเหละ ... One night Stand ใครแข็งแกร่งก็รอดไป แล้วที่ไม่รอด ต้องมานั่งเสียใจอีกเท่าไหร่ ผลที่ตามมามันใหญ่หลวงแค่ไหน ทำไมน้องไม่คิดบ้าง

“สัส มาคุเหมือนสัตว์ปะหลาดกำลังจะออกมา” เบลหันไปสะกิดพันวา

“แล้วผัวหนีเที่ยว นุ้งเบลไม่โมโหบ้างหรือคะ” แคมป์ถามบ้าง

“ดูที่เจตนาก่อน ถ้ามันคิดมีชู้ก็เลิก ถ้ามันแค่กลัวกูด่าเเล้วไม่บอก ก็ค่อยลงโทษตามสมควร”

“เป็นคนมีเหตุผลนะเรา”

“กูแค่เป็นห่วงป่ะ เมาเเล้วจะกลับยังไง เกิดเจอคนไม่ดีมันจะสู้ไหวมั้ย ถ้ามาเที่ยว แล้วให้กูมารับกลับกูก็สบายใจกว่าแค่นั้นเอง”

“มึงน่ารักอ่ะเบล” พันวาชม

“เสียใจด้วยนะ มึงมาช้าไป กูให้สิทธิ์ความเป็นพ่อของแอนโธนี่กับไอ้เด็กคิวไปแล้ว”

“แค่ชมไอห่า ไม่ได้อยากเอามึงมาให้รุงรังชีวิต”

“สาธุ อย่ามาสารภาพรักกูทีหลังนะ บัตรคิวกูเต็มยาวไปถึงชาติหน้าแล้ว”

“สาธุ อย่าให้คิวมึงว่าง เสียดายชีวิตที่เหลืออยู่ของกูเอง”

พรีึกไม่ได้ตลกไปกับเบลเเละเพื่อนอีกสองคน เพราะสายตาเขาจับจ้องอยู่เเค่เจ้าเด็กน้อยหน้าเวทีเท่านั้น แล้วนั้นมีคนเข้าไปจับเอวน้องแล้วไง เเถมยังตัวสูงใหญ่ชนิดบังพลัมมิด

“มึง!! กูไปก่อนนะ”

“ไอ้สัสเดี๋ยวพวกกูไปช่วยบวก” เบลเดินตามไปอย่างไว พันวากับแคมป์ก็เช่นกัน แต่ความแน่นของผับก็เดินยาจังเลยโว้ย

พลัมกำลังโดนผู้ชายแปลกหน้าโอบไหล่ออกไปจากกลุ่มเพื่อนๆ คิวไม่อยู่เพราะพากะทิไปห้องน้ำ จุดน่ากลัวที่สุดที่จะโดนลาก เพื่อนตัวใหญ่เลยต้องไปคุม

พลัมเมามากแต่ก็มีสติเหลืออยู่บ้าง เขาพยายามขัดขืนเแต่สู้แรงไม่ได้เลย ตะโกนให้ช่วยก็เสียงดังไม่สู้กับลำโพง และก็ไม่มีใครอยากสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่น

จนกระทั่งออกมาด้านประตูหนีไฟที่เชื่อมไปยังลานจอดรถมืดๆ หลังผับ

“ดีดๆ แบบนี้ชอบนัก”

“ปล่อยนะครับ ผมแค่มาสนุกกับเพื่อน ไม่ได้มาหาคนไปต่อ”

“ไม่ต้องอายหรอก อยากโดนก็บอกดีๆ”

“ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง พลัมไม่ได้จะไปต่อ พลัมมีแฟนแล้ว!” เสียงตะโกนที่ดังอ้อแอ้กลับดูน่าย่ำยีเข้าไปอีก

พลัมโดนลากแขนไปยังรถเก๋งญี่ปุ่นคันนึง เจ้าตัวเล็กจิกรองเท้ากับพื้นกรวด แล้วขืนตัวไว้

“อย่าให้ต้องใช้กำลังได้มั้ย ชอบซาดิสม์หรือมึงอ่ะ” อีกฝ่ายเริ่มหมดความอดทน พลัมสะบัดแขนจนเจ็บไปหมด ภาวนาให้คิวรู้ตัวไวไว

“ปล่อยได้มั้ยครับ ผมให้เงินไปซื้อกับคนที่เต็มใจก็ได้ แต่อย่ายุ่งกับผมเลย” พลัมพยายามจะพูดดีด้วยเพื่อเตือนสติอีกฝ่าย

“แต่กูอยากเอามึง เห็นเต้นแรงมาตั้งแต่ข้างในแล้ว เอวแม่งอย่างน่าโดน” ไม่ว่าเปล่าเริ่มจะลวนลามพลัมด้วย พลัมรู้สึกท่าไม่ดี เลยยอมอ่อนโอน ผ่อนเเรงไม่ดิ้นแล้ว

“ถ้าพลัมยอม ก็จะอ่อนโยนใช่มั้ยครับ ไม่อยากรู้สึกเหมือนโดนข่มขืน”

“พูดง่ายๆ แต่แรกก็รู้เรื่องแล้วไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อย” อีกฝ่ายปล่อยมือแล้วเปลี่ยนเป็นเข้ามาโอบเอวแทน พลัมใช้จังหวะนั่นกระทบเท้าอีกฝ่ายเต็มเเรง แล้วกระทุ้งหัวเข่าเข้าหน้าท้อง ก่อนจะหันหลังวิ่งโดยเร็ว อีกฝ่ายโอดโอยได้ไม่นานก็วิ่งตามมา พลัมกลัวสุดชีวิตแต่บอกตัวเองว่าต้องรอดเหมือนกัน จึงกัดฟันดึงสติให้มากที่สุด

พลั่ก!! เพราะวิ่งจนไม่ดูจึงพุ่งชนเข้ากับของสูงใหญ่บางอย่าง ที่เอื้อมแขนมาช้อนรอบเอวไว้ ไม่ให้แรงปะทะนั้นทำพลัมล้ม

“คุณพรึก!!!” พลัมโคตรดีใจเหมือนเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จากที่ใช้พลังฮึดสุดท้ายไปสักครู่ ก็เหมือนจะตัวสั่นขึ้นมาเพราะหมดแรง

พรึกที่อยากจะดุ เห็นน้องเป็นแบบนั้นก็ได้แต่เก็บความโมโหไว้ก่อน เขารวบพลัมไปไว้ด้านหลังแล้วก็ยันฝ่าเท้าไปที่หน้าท้องผู้ชายคู่กรณีที่วิ่งตามมาจะหาเรื่อง

“เมียกูมึงเสือกอะไร” ไอ้คนร้ายตะโกนลั่น พรึกถึงขั้นฟาดหลังมือตบใส่ปากมันไปอีกที

“พูดมาได้ ไอ้เหี้ย!”




ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
เเคมป์กับพันวาวิ่งตามมาทัน พร้อมกับการ์ดของร้าน เพราะพันวาไปแจ้งว่ามีการฉุดกันเกิดขึ้นที่ลานจอดรถ การ์ดรวบจับอีกฝ่ายทันที

“ปล่อยนะโว้ย มึงรู้มั้ยกูลูกใคร”

พันวาส่ายหัว เขาเฝ้าผับมาทุกคืน เจอประโยคนี้คืนละไม่ต่ำกว่าร้อยรอบ ถึงขั้นต้องไปมองหน้ามันชัดๆ

“เอ้า ไอ้โคตรซวย” เจ้าของผับพูดกึ่งหัวเราะ แล้วเดินไปกระซิบบอกการ์ดว่าให้รวบตัวดีๆ เพราะหน้าตาอีกฝ่ายเหมือนผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจหาตัวอยู่ เนื่องจากเข้าไปปล่อยยาในสถานบันเทิงมาแล้วหลายแห่ง แถมที่ผับพันวา กล้องวงจรปิดก็พึ่งจับภาพได้เมื่อไม่นานมานี่เอง

หนึ่งในการ์ดที่ชำนาญการรีบโทรหาตำรวจในท้องที่ทันที เสียงหวอดังมาอย่างรวดเร็ว แล้วคนผิดก็โดนคุมตัวไป

เด็กน้อยที่พึ่งหวิดโดนเหตุการณ์เสี่ยงตายมาหน้าซีดจนขาว ตัวสั่นเกาะเอวคุณพรึกแน่น

“ไม่ต้องกลัวแล้วครับ คุณพรึกอยู่กับหนูนะ” พรึกโกรธเเหละ แต่ดุไม่ลงเลยรวบตัวมากอดก่อน พลัมฝังหน้าไปกับอกคุณพรึก แล้วสะอื้นฮึก

“ร้องทำไมคะคนดี” แม้คืนนี้น้องจะไม่เป็นเด็กดีเท่าไหร่ แต่เพราะรักมาก ก็อดจะถนอมมากไปด้วยไม่ได้ ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายต้องสะเทือนใจไปมากกว่านี้ กะว่ารอให้น้องหายตกใจก่อน แล้วค่อยสอนทีเดียว

“หนู ฮึก หนูขอโทษ” พลัมรู้ตัวว่าผิด “ฮือ...ถ้าคุณพรึกมาไม่ทัน ฮึก หนูจะทำยังไง หนูเสียใจ หนูขอโทษที่ออกมาเที่ยวโดยไม่บอกคุณพรึก”

น่าสงสารขนาดนี้แล้วพรึกจะตีลงได้ยังไง

“กูพาน้องกลับก่อนนะ”

ร่างสูงช้อนน้องขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว เพราะเจ้าตัวเล็กขาอ่อนเเรงไปหมดแล้ว จะเดินให้ตรงคงไม่ไหว

“จะแจ้งความไหมครับ” การ์ดของร้านเข้ามาถามพันวาเพื่อเเสดงความรับผิดชอบ เนื่องจากรู้ตัวว่าพวกเขาก็มีส่วนผิดที่ดูแลไม่ทั่วถึง พันวาส่ายหน้าอย่างไรคนผิดก็คงต้องรับโทษเรื่องสารเสพย์ติดอยู่แล้ว และรู้ว่าเพื่อนตัวเองคงยังไม่อยากให้พลัมที่กำลังตกใจต้องไปให้ปากคำกับตำรวจอีก

“ขอโทษด้วยนะครับที่เกิดเรื่อง” หัวหน้าการ์ดโค้งขอโทษ จนพันวาแทบสะกิดให้ไปทำงานด้วยกัน

“ผมขอเบอร์ติดต่อไว้หน่อยได้มั้ยครับ ทางร้านอยากจะส่งกระเช้าไปขอโทษ” พันวายกนิ้วอยู่ในใจ แล้วยื่นนามบัตรไป ผับนี้เขาเทรนด์มาดีจริงๆ สงสัยต้องไปฝึกพนักงานตัวเองใหม่บ้างแล้ว

“หล่อไปอีกเพื่อนกู เจ้าชายขี่ม้าขาวสัส” เบลมองตามพรึกที่เดินไปจนลับตา เห็นหนูพลัมซุกตัวหงอย แล้วไอ้พรึกหล่อสง่าสุดๆ ก็อดชมไม่ได้

“เพื่อนมึงขี่ BM”

“พันวาครับ ทำไมมึงไม่โรแมนติก”

ไม่ทันได้คุยเล่นกันต่อ คิวก็วิ่งหน้าเริ่ดออกมาพร้อมกะทิ

“คุณเบล!! ไอ้พลัมมีเรื่องหรอ”

“หือ..มึงมาได้จังหวะเลยไอ้เด็กเลว” เบลตรงเข้าไปบิดหูคิวจนร้องโอดโอย “ไปเคลียร์กันที่บ้าน ผิดหลายกระทงเลยคืนนี้”

“คุณเบาก่อน!!” เด็กหนุ่มร้องโหยหวน

“ต้องไปส่งกะทิกับเพื่อนๆ ก่อน”

ยัง...ยังจะเป็นคนดี เบลส่ายหน้า “มึงจะไปส่งยังไง หน้าเมากว่ากะทิอีก”

กะทิตัวลีบ เข้าใจสถานการณ์ได้ทันทีว่าเธอลากเพื่อนมาซวยแล้ว

“คิวขับรถของที่บ้านกะทิมาค่ะ แต่ทุกคนดื่มเหล้า เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับกันก็ได้”

“ขึ้นรถพี่ดีกว่าค่ะเดี๋ยววนไปส่งให้ครบทุกหลังเลย มึงด้วยเบลเดี๋ยวกูไปส่งที่คอนโด” พันวาตัดบท เพราะตอนมาเขาก็ให้คนขับรถเอา Alphard มาส่งทุกคน มีแค่พรึกที่แยกขับรถมาเอง แคมป์โบกมือลาด้วย เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับบ้านใหญ่

เด็กๆ ที่พึ่งรู้ว่าเกิดเรื่องหน้าจ๋อยไปตามๆ กัน เดินตามพันวาต้อยๆ ไปขึ้นรถ

“ฟีลเหมือนมารับลูกๆ กลับบ้านเลยว่ะ” พอขึ้นรถมาได้ เจ้าของธุรกิจกลางคืนก็พูดติดตลก

“หนูๆ ห้ามซนอีกนะคะ ถ้าจะไปเที่ยวทีหลังไปผับพี่เมาได้อย่างปลอดภัย แล้วก็ห้ามโกหกที่บ้าน หรือแฟนอีกนะว่ามาเที่ยว เกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วจะตามตัวกันไม่ถูก” ได้ทีก็สอนเสียเลย

“ค่ะ/ครับ”

เบลยังไม่เลิกบิดหูคิว ส่วนเจ้าตัวโตก็จ๋องไม่กล้าหืออือ





พลัมนั่งเงียบมาตลอดทางที่กลับบ้าน พรึกไม่ดุเขาสักคำ ทำให้พลัมยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก เมื่อรถมาจอดที่คอนโด พรึกก็เดินอ้อมมาหายังฝั่งที่พลัมนั่ง

“เดินไหวมั้ยคะ ให้คุณพรึกอุ้มมั้ย”

พลัมปลดเบลท์ แล้วขยับตัวห้อยขาออกไปนอกรถ ช้อนตามองคนที่ยืนอยู่สูงกว่าแล้วกระตุกชายเสื้อเบาๆ

“คุณพรึกดุหนูสิ”

“คุณพรึกต้องดุหนูเรื่องอะไรคะ”

“หนูโกหกว่าไปทำรายงาน แต่กลับออกไปเที่ยว”

“แล้วทำไมถึงโกหกคะ”

“ทำรายงานเสร็จเร็ว แล้วกะทิกับเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆ ก็อยากเที่ยวขึ้นมา พลัมขัดไม่ได้

“แล้วทำไมไม่โทรมาบอกคุณพรึกสักคำ”

“คิวบอกว่าเป็นห่วงคุณเบลถ้าต้องให้ขับรถมารับดึกๆ พลัมก็เลยคิดเหมือนคิว พลัม..พลัมไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้”

“หนูเป็นห่วงคุณพรึกหรอ”

“ครับ”

“หนูรักคุณพรึกมั้ย”

“รักครับ พลัมรักคุณพรึกนะ” น้องทำหน้าเหมือนจะร้อง

“แล้วพลัมรักตัวเองมั้ย”

“เอ่อ...เกี่ยวยังไงครับ”

“ถ้ารักตัวเอง ก็ต้องรู้ใช่มั้ยครับ ว่าจะไม่พาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย”

น้องพยักหน้า

“ถ้าหนูเป็นอะไรไป รู้มั้ยว่าใจคุณพรึกจะเป็นยังไง”

“พลัมขอโทษ! พลัม...คิดไม่รอบคอบ”

“ขอบคุณที่พลัมเป็นห่วงคุณพรึกนะครับ แต่ถ้าพลัมไม่รักตัวเองก่อน ไม่ดูเเลตัวเองให้ดีก่อน พลัมก็จะดูเเลใครไม่ได้”

พรึกย่อตัวลง เพื่อที่จะมองหน้าอีกฝ่ายได้ชัดขึ้น

“ยิ่งรู้ว่าคุณพรึกรักหนูมาก ห่วงหนูมาก หนูยิ่งต้องไม่ทำให้คุณพรึกเป็นห่วงรู้มั้ยครับ”

พลัมพยักหน้าพร้อมน้ำตาที่หยดลงมาบนหลังมือ หลายหยด พรึกรวบมือคู่นั่นมาจูบ

“คุณพรึกยังไม่ได้ดุเลยสักคำ ร้องไห้ทำไมคะ”

“พลัมเจ็บตรงนี้ ที่ทำให้คุณพรึกเสียใจ” พลัมขยุ้มเสื้อตรงหน้าอก “ถ้าวันนี้พลัมหนีไม่ทัน หรือคุณพรึกไม่ไปเจอ พลัมต้องทำคุณพรึกใจสลายแน่ๆ พลัมขอโทษนะครับ ต่อไปนี้พลัมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว พลัมจะรายงานคุณพรึกทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี พลัมจะปรึกษาคุณพรึกก่อน เราจะคุยกันด้วยเหตุผล พลัมจะไม่คิดไปเองอีก ฮึก ฮือ ฮือ”

น้องพูดรัวๆ จนหน้าแดงตัวเเดงแถมยังสะอื้นอีก พรึกถอนหายใจ เชยหน้าน้องขึ้น ใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจากหางตาเบาๆ

“หนูน่ารักขนาดนี้ คุณพรึกจะไม่หลงยังไงไหวคะ ไหนบอกคุณพรึกสิ”

“คุณพรึก...ตีหนูหน่อยได้มั้ย ตีหนูเจ็บๆ ให้หนูรู้สึกผิดน้อยลงหน่อย”

พรึกอมยิ้มอ่อนโยน ประคองเเก้มชุ่มน้ำตาไว้แล้วจุ๊บปากช่างอ้อนเเสนน่ารักนั้นเบาๆ

“คุณพรึกจะตีลงได้ยังไง หนูเจ็บ พี่เจ็บกว่านะครับ”

พลัมอยากมุดหน้าหนีเข้าไปในอกเขาจัง คำพูดว่าอ่อนโยนเเล้ว แต่สายตาคุณพรึกที่ใช้มองมานั้น พลัมสู้ไม่ไหวเลย ทั้งที่พลัมทำผิดมากขนาดนั้น เขายังใจดีกับพลัมอีก

“บ้าจัง” พลัมพึมพำแสนเบา แต่พรึกกลับได้ยิน

“อะไรบ้าจัง”

พลัมเม้มปากสลับปากยื่นสลับกลั้นยิ้มเพราะทำหน้าไม่ถูก

“หนูรู้สึกหัวใจมันพองไปหมด ฮึ่ย...ทั้งที่พึ่งทำผิดมา แต่แบบ...คุณพรึกทำให้หนูรู้สึกว่าโชคดีที่สุดเลยที่มีคุณพรึกเป็นของตัวเอง”

“ครับ คุณพรึกก็มีหนูพลัมเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้น เราเป็นของกันเเละกันแล้วต้องดูแลตัวเองดีๆ ไม่ทำให้อีกคนเสียใจนะครับ”

“รับทราบครับ หนูไม่ทำให้คุณพรึกเสียใจอีกแน่นอน”

“ทำให้คุณพรึกเห็นนะครับ ไม่พูดให้คุณพรึกหลงอย่างเดียวนะ”

“อื้อ...พลัมจะเป็นคนรักที่ดีของคุณพรึก ให้คุณพรึกรู้สึกโชคดีที่สุดที่คบกับหนู”

“คุณพรึกก็รู้สึกแบบนั้นแล้วค่ะตอนนี้”

“กอดหนูหน่อย”

“กอดกอด”

“หอมหนูหน่อย”

“หอมหอม”

“หนูนอนซุกคุณพรึกได้มั้ยคืนนี้”

“ได้เสมอค่ะที่รัก”

“งื้อ ตายไปเลย พลัมจะตายอยู่แล้ว อย่าอ่อนโยนขนาดนี้ได้มั้ย” เจ้าตัวเล็กร้องโหยหวนจนพรึกต้องบีบจมูก เขาฉุดน้องให้ลุกขึ้นจากตัวรถ แล้วจัดการล็อครถ ก่อนจะสอดแขนไปกับช่วงเอวบางๆ ที่ชอบแล้วประคองน้องขึ้นไปยังห้องนอน

ถ้าอาบน้ำให้ด้วยได้แล้วใจไม่คิดบาปก็จะอาบ

ถ้าปะแป้งให้แล้วยั้งมือไม่ลวนลามน้องได้ก็จะทำ

แต่นี้ไม่ได้เลย...ต้องปล่อยให้น้องเข้าห้องน้ำไปคนเดียว แล้วเขาก็ไปจัดการตัวเองที่ห้อง

วันนี้จะนอนห้องพลัม เพราะเป็นที่ปลอดภัยของน้อง

พรึกกลับมาก็เห็นพลัมนั่งกอดคอเจ้าหมีรออยู่บนเตียงแล้ว น้องตบเตียงปับๆ เมื่อเห็นคนตัวโตเดินเข้ามา ตัวขาวๆ หอมๆ ขยับที่ว่างให้พรึก แล้วก็ทำกิจกรรมที่ทำร่วมกันก่อนนอนเสมอ นั่นคือนั่งคุกเข่าพนมมือแล้วก็สวดมนต์ พรึกสอนให้พลัมทำจนติดเป็นนิสัย และพลัมก็คิดว่ามันเป็นกุศโลบายที่ดี เพราะเมื่อเขาตั้งสมาธิท่องบทสวดภาษาบาลียาวๆ สมองก็เหมือนรวบรวมเอาความคิดที่กระจัดกระจายมาตลอดทั้งวันมารวมกันที่จุดเดียว ไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่นอีก เป็นแบบนั้นแล้วก็หลับง่าย แถมหลับลึกเพราะไม่มีเรื่องกวนใจก่อนนอน

พลัมสวดเสร็จก่อนคุณพรึกนิดหน่อย รอจนคุณพรึกกราบหมอน ก็ค่อยล้มตัวลงนอนพร้อมกัน พลัมขยับไปเบียดตรงหัวไหล่ แล้วยืดปากไปจุ๊บปลายคางคุณพรึกเบาๆ

“ฝันดีครับ”

“ฝันดีครับ”





TBC 

เม้นให้บ้างนะคะอย่าให้ไรต์เหงา 

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
ดีใจที่ในที่สุดคุณพรึกก็ move on นะคะ
ชอบที่ความสัมพันธ์ของคู่นี้ค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ
ส่วนมัมมัมก็หวังว่าพอมีคิวแล้ว จะหลุดพ้นจากการโดนเพจน้องล่อลวงนะคะ 55555

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อย่าบอกนะว่า แพร คือพี่สาวน้องพลัม ไรต์จ้ะ ไม่เอามาม่าน้ำข้นน้ะ ขอมาม่าน้ำใสก็พอ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
โห้ยยยยย....คู่นี้เขาหวานกันดีแล้วอยาเอามาม่านะได้โปรด

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 21



ในที่สุดเรื่องแหวนที่พรึกตั้งใจดูให้พลัมก็มาอยู่ในมือเรียบร้อย เขาสั่งตามแบบที่ถูกใจแล้ว เป็นเพชรเม็ดเล็กที่จะเอามาฝังลงบนแหวนทองคำขาวดีไซน์มินิมอล สลักชื่อ PP grow old old tgt ที่ด้านใน

และเพื่อให้ได้ไซส์ที่ถูกต้อง โดยน้องไม่รู้ตัว พรึกต้องขโมยแหวนแฟชั่นที่โต๊ะเครื่องแป้งน้องไปให้ที่ร้านวัดไซส์ก่อน พลัมก็ฟึดฟัดหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปสิที่แหวนวงโปรดหาย ใจเย็นๆ นะคะ คุณพรึกกำลังจะเอาแหวนโปรดวงใหม่มาให้หนู

ชีวิตรักที่ลงตัวทุกอย่างแล้วดำเนินไปอย่างเรียบง่าย หลายเรื่องเราปรับจูนกันได้ทั้งหมด แม้กระทั่งการลงรูปในเพจน้อง พลัมก็ทำน้อยลง เลือกชุดที่มันดูไม่วาบหวามมากเพราะเกรงใจคุณพรึก แล้วไปรับจ๊อบเสิร์ฟอาหารที่ร้านเบลเพื่อหารายได้เสริมแทน

พรึกรอให้น้องสอบปลายภาคเทอม 2 เสร็จ ก็เรียกร้องให้พลัมพาไปไหว้พ่อกับแม่ ส่วนเขาเองกะว่ารอพลัมจบฝึกงานประจำเทอมนี้ ก็จะพาขึ้นไปรู้จักกับครอบครัวเขาที่เชียงใหม่เช่นกัน

ก่อนหน้านี่พรึกเกริ่นกับแม่และพ่อไว้บ้างแล้วเรื่องมีแฟนที่เป็นผู้ชายด้วยกัน พ่อแม่ให้อิสระพรึก เนื่องจากมีวุฒิภาวะที่โตจนรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว แถมยังดูแลพ่อแม่ได้ดีไม่มีขาด ส่งเงินให้แม่ไว้ใช้จ่ายทุกเดือน ฉะนั้นถ้าเรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่จะสร้างความสุขให้พรึก คนเป็นพ่อกับแม่ก็ไม่เห็นเหตุผลที่ต้องขัดขวาง และพ่อแม่ยังให้เหตุผลด้วยว่าพวกเขาไม่สามารถอยู่กับพรึกได้นานเท่าคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตอย่างพลัมหรอก

ฝ่ายพลัมเองเคยเล่าพรึกเช่นกันว่าครอบครัวที่เสียไปนั้นมีพ่อแม่และพี่สาว วันนี้พรึกจึงตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวใส่ปิ่นโตเพื่อไปถวายเพล พลัมก็ลุกขึ้นมาช่วยเตรียมด้วย เพราะอยากให้พ่อแม่ได้ชิมฝีมือตัวเอง

คุณแม่เสียตอนคลอดพลัม

พี่สาวที่อายุห่างกันหลายปีเสียเพราะอุบัติเหตุ

ส่วนคุณพ่อเสียเพราะตรอมใจเรื่องพี่สาว เหมือนวันที่เธอเกิดอุบัติเหตุ เป็นเพราะพ่อไม่ว่างเลยไม่ได้ขับพาไปโรงพยาบาลตามที่สัญญาไว้นี่แหละ พ่อเลยเก็บมาคิดมากจนเป็นโรคเครียด นอนไม่หลับอยู่เป็นปี ประกอบกับโรคที่มาพร้อมวัยเลขห้า ทั้งเบาหวาน ไขมันสูง รวมๆ กันอยู่ในร่างกายที่ไม่แข็งแรง เลยไปทำให้เส้นเลือดในสมองแตก แล้วเสียชีวิตหลังจากนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ในโรงพยาบาลเกือบเดือน

พลัมต้องเข้มแข็งแค่ไหนที่ผ่านเรื่องเหล่านั้นมาได้ โชคดีที่ยังมีคุณป้าญาติฝ่ายพ่อที่เอ็นดู และรับมาอยู่ที่บ้านด้วยจนจบ ม.ปลาย พลัมค่อยให้ป้าใช้เงินมรดกของคุณพ่อซื้อคอนโดให้แล้วย้ายมาอยู่เอง

ฟังเรื่องราวเหล่านั้นแล้วพรึกก็อยากทุ่มเทความรักทั้งหมดที่เขามีเพื่อกอบกู้หัวใจและเป็นครอบครัวที่อยู่กับน้องไปอีกนานๆ

หลังเตรียมทุกอย่างเสร็จพลัมก็หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมมาด้วย เพราะหลังไปวัดเสร็จก็จะไปนอนค้างบ้านป้าบัวสามคืน เนื่องจากลูกพี่ลูกน้องไปสัมมนาที่ต่างประเทศ และไม่อยากให้ป้าอยู่คนเดียว เลยโทรมาขอให้พลัมไปนอนเป็นเพื่อน

ฝ่ายพรึก นอกจากปิ่นโต 2เถาใหญ่แล้ว เขายังแอบหย่อนกล่องแหวนลงกระเป๋ากางเกงด้วย มันอาจจะโรแมนติคแบบแปลกๆ หน่อยที่จะสวมแหวนน้องในวัด แต่...พรึกว่ามันดีแล้ว เขาอยากให้พ่อแม่และพี่สาวน้องเป็นพยานด้วย จะได้รู้ว่าเขาจริงจังนะไม่ได้จะหลอกฟันน้องเพราะก้นกลมๆ กับกางเกงลูกไม้สุดน่าบีบหมึบหมับตัวนั้น

ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงวัดตามที่พลัมบอกทาง บรรยากาศร่มรื่นและสงบเพราะอยู่ในเขตปริมณฑล แถมยังเป็นวัดที่ไม่ได้ใหญ่มากด้วย พรึกจอดรถใต้ร่มไม้ แล้วก็หิ้วปิ่นโตไปยังโรงฉันของวัดที่พระสงฆ์กำลังเตรียมฉันเพล ที่นี่มีพระจำวัดน้อยองค์ อาหารที่พรึกทำมาสองเถาปิ่นโตจึงพอเพียง ร่างสูงจัดวางอย่างคล่องแคล่วสมกับที่เคยบวชมาก่อน ฝ่ายพลัมก็เด๋อๆ ด๋าๆ แต่พยายามสำรวมจนพระท่านยังนึกเอ็นดู

หลังจากถวายเพลและกรวดน้ำเรียบร้อย พรึกก็ให้น้องพาไปไหว้โกศใส่กระดูก จะมีใครรู้มั้ยว่าฝ่ามือพรึกตอนนี้ชื้นเหงื่อมาก กลัวพ่อตาไม่ยกลูกชายให้ ถ้าไอ้เบลรู้เรื่องคงด่า...มาขอน้องจากพ่อตรงพื้นที่อันตรายเชียว

พลัมเดินลั้ลลาไปยังสิ่งก่อสร้างทรงแหลมสูงที่เรียงรายโดยไม่ได้เศร้าสร้อยอะไร เขาทำใจได้นานแล้ว แต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งมาลัยร้อยสวยๆ มาไหว้ด้วยหนึ่งพวง

พรึกเดินตามน้องไปหยุดหน้าโกศ พลัมคุกเข่าลงตรงพื้นปูนแล้วพนมมือไหว้

“พ่อครับ แม่ครับ พี่แพร พลัมพาคุณพรึกมาหา”

ร่างสูงตัวเย็นเฉียบ มองตัวอักษรสีทองที่สลักอยู่ตรงหน้า ซึ่งมีทั้งหมด 4ชื่อ แต่ชื่อที่สะดุดตากลับเป็น

ภาวิตา เลอเลิศวานิช ชาตะ ... มรณะ...

และเมื่อสักครู่พลัมก็พึ่งเรียก ‘พี่แพร’

แต่เขาจำนามสกุลพลัมได้ มันไม่ใช่เลอเลิศวานิช แต่พออ่านให้ดีก็รับรู้ได้ว่านั่นคงเป็นนามสกุลพ่อ พลัมใช้นามสกุลแม่ แล้วก็มีอีกชื่อ

น้องพีชเลอเลิศวานิช

“น้องพีชด้วย... นี่คนรักของน้าพลัมนะครับ”

“พลัม น้องพีชคือ...”

“ลูกพี่แพรครับ แต่ว่า...น้องเสียตั้งแต่ในท้องครับ ตอนพี่แพรรถคว่ำ ก็แท้งน้องด้วย”

“อ่อ ครับ”

ลูกแพร...ลูกเขา!!

ใจพรึกเต้นเชื่องช้าจนเหมือนจะหยุดไป เขาเหมือนหายใจไม่ออก มันจุกไปหมด

ที่มีคนกล่าวว่าเด็ดดอกไม้ดอกเดียวสะเทือนไปถึงจักรวาลไม่เกินความจริงเลย ทุกการกระทำบนโลกใบนี้เชื่อมโยงกันไปหมด เรื่องเมื่อ 10ปีก่อน ก็ยังส่งผลมาถึงปัจจุบัน และดูเหมือนจะส่งผลต่อไปในอนาคตด้วย

หรือแพรจะไม่ให้อภัย...ถึงให้พรึกต้องเจอกับสถานการณ์ที่กำลังจะมีความสุข...แต่ก็มีไม่ได้ พรึกยังต้องเดียวดายเฉกเช่นที่แพรเคยทุกข์ทรมานใช่หรือไม่

ทำไม่ตอนนั้น...แพรไม่บอกพรึกสักคำว่า...กำลังท้องลูกของเรา

“คุณพรึกเป็นอะไรรึเปล่าครับหน้าซีดจัง” พลัมเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาเป็นห่วง

“แถวนี้ลมไม่ค่อยพัด ร้อนด้วย คุณพรึกรีบไหว้ แล้วเราออกไปพักข้างนอกกัน”

ร่างสูงทรุดลงข้างๆ พลัม เขายกมือขึ้นพนมแล้วหลับตาอธิฐาน เขาขอขมาพ่อแม่ของพลัม รวมไปถึงทักทายแพรและลูกที่ไม่รู้แม้กระทั่งต้องเรียกว่าลูกชายหรือลูกสาว

ไหล่กว้างสั่นอย่างรุนแรงเพราะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

“คุณพรึก!!” พลัมตกใจ เข้าไปโอบไหล่กว้าง

“คุณพ่อคุณแม่อย่าแกล้งคุณพรึกนะ” น้องหันไปว่ากับอากาศรอบตัว พรึกส่ายหน้าไม่มีใครทำอะไรเขาหรอก มีเพียงเขานี่แหละที่ทำร้ายตัวเอง

“ลุกครับคุณพรึก ไปนั่งข้างนอกกัน ถ้าพามาแล้วร้องไห้ คราวหลังพลัมไม่พามาแล้ว” น้องดุหน้าตาจริงจัง จนพรึกต้องฝืนพูดคลายใจ

“คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ทำอะไรคุณพรึกครับ คุณพรึกแค่เสียใจนิดหน่อย”

“สงสารหนูหรอ” พลัมถาม

พรึกพยักหน้า...ใช่เขาสงสาร

ถ้าพลัมรู้ว่าคนที่ตัวเองรัก คือสาเหตุหลักที่ทำให้พี่สาวตัวเสียชีวิต เป็นพ่อของหลานในท้อง พลัมจะเสียใจแค่ไหนนะ

“โอ้ยหนูไม่รู้สึกอะไรแล้ว เนี่ยหนีไปเที่ยวกันเก่ง ทิ้งพลัมไว้คนเดียว พลัมโป้งหมดแล้ว ไม่สนใจหรอก”

แม้จะยิ้มปลอบก็ยิ้มไม่ออก แต่พรึกก็ไม่อยากให้สถานการณ์แย่ไปกว่านี้ ได้แต่พึมพำขอโทษลูกกับแพรในใจ แล้วลุกขึ้นไปตามแรงจูงของพลัม

เขากลับไปเก็บปิ่นโตเงียบๆ แล้วไปส่งพลัมที่บ้านของป้า พรึกสวัสดีป้าบัวและแนะนำตัวนิดหน่อย คราวแรกเขากะจะนั่งคุยเรื่องน้องด้วยนานๆ แต่พอเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ไม่สามารถสู้หน้าได้อีก

ขนาดกล่องแหวนหมั้นของหนูพลัม พรึกยังไม่กล้าแตะเลย

เขายังคู่ควรกับน้องอยู่ไหมในตอนนี้



คุณพรึกกลับไปแล้ว พลัมเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับป้าบัวพี่สาวของพ่อ บ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลางๆ ในหมู่บ้านจัดสรรย่านชานเมือง เก่าลงไปตามกาลเวลา แต่ก็เป็นสถานที่ใช้เก็บความทรงช่วงม.ปลายของพลัมได้เป็นอย่างดี พอกลับมาก็อดคิดถึงวัยเยาว์ไม่ได้

“หิวหรือยัง” ป้าถามด้วยน้ำเสียงใจดีเหมือนเดิม

“ถ้าป้าบัวหิว ทานกันเลยก็ได้ครับ”

ป้าตัวเล็กกว่าพลัมอีก แต่ก็ยังแข็งแรงไม่เปลี่ยน เธอจับมือพลัมแล้วเงยหน้าขึ้นมองอย่างเอ็นดู

“คิดถึงแฟนแล้วหรือลูก เขาพึ่งออกรถไปเมื่อกี้เอง”

พลัมขบริมฝีปากอย่างเขินอายทำไมป้าจับได้ บ้าจริง

“เห็นพลัมมีความสุขป้าก็ดีใจ” คนสูงวัยลูบผมหลานชายช้าๆ เธอนึกสงสารตัวแค่นี้ต้องผ่านการสูญเสียไม่รู้กี่ครั้ง ตอนที่มาอยู่ด้วยกันเธอก็พยายามให้ความรักเต็มที่ แต่พลัมเหมือนจะปิดกั้นตัวเองเพราะกลัวว่าจะต้องสูญเสียอีก กลายเป็นเด็กที่ชอบอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว พอมาเห็นว่าหัดอาลัยอาวรณ์คนอื่นเป็นแล้วก็อดดีใจไม่ได้

“คุณพรึกดีกับพลัม” เด็กน้อยบอก

“ดีแล้วลูก”

“วันนี้ก็ไปไหว้พ่อกับแม่ สงสัยไปขอ” เจ้าตัวเล็กพูดติดตลก

“หื้อ บอกมาขอกับป้านี่ จะยกให้แล้วแถมข้าวสารให้ไปด้วย”

“ป้าบัว พลัมเกเรหรือไง ทำไมดูลดแลกแจกแถมขนาดนั้น”

หญิงสูงวัยหัวเราะ “ใครกันแน่ที่อยากไปอยู่กับเขาจนทนไม่ไหว”

“พลัมเอง” พูดแล้วก็หัวเราะขึ้นมาเอง “ป้าบัวอ่ะ พลัมดูเป็นเด็กไม่ดีไปเลย”

“ไม่ดียังไงลูก รักใครแล้วได้อยู่กับเขาก็ดีแล้ว ชีวิตมันสั้น อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็รีบทำเถอะ”

“ครับ”

“ไปทานข้าวดีกว่า ป้าทำของชอบไว้ให้”

“มานอนสามคืน พลัมต้องกลิ้งกลับไปแน่ๆ เลย”

“จ้า อ้วนๆ ก็ดีแล้วน่ารัก นี่ก็ดูมีแก้มกว่าครั้งก่อนนะ สงสัยพ่อพรึกเขาเลี้ยงดี”

“ครับ คุณพรึกทำอาหารอร่อย แล้วก็ชอบดูแลสุขภาพ บังคับให้พลัมกินข้าวเช้าทุกวันเลย เพื่อนคุณพรึกก็เปิดร้านขนม พลัมกินจนพุงกางไปหมดแล้ว”

“ดีแล้วลูก ถ้าเขาใส่ใจเราแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นเรื่องกินที่เป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิต เรื่องอื่นป้าก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง คบกับคนโตกว่ามากๆ มันก็ดีไปอีกแบบเนาะ”

พลัมพยักหน้ารับ แล้วเดินตามป้าไปนั่งลงบนโต๊ะอาหาร ป้าบัวเคี่ยวหมูพะโล้ไข่เค็มไว้ให้ พร้อมกับแกงเขียวหวานไก่น้ำข้นคลั่ก ตัดรสชาติจัดจ้านด้วยดอกขจรผัดไข่ พลัมยิ้มแปล้

“ขอบคุณครับ”

“ทานเยอะๆ ลูก”

เธอตักข้าวมาสองจานแล้วนั่งลงตรงข้ามพลัม สามีป้าบัวเลิกรากันไปนานแล้วแต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน รวมไปถึงส่งเงินมาให้เลี้ยงดูพี่ๆ จนเรียนจบ ลูกป้าบัวมีสองคน หญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง พี่สาวทำงานเป็นแอร์โฮสเตสที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ส่วนพี่ชายที่รับราชการก็ดันติดไปอบรมที่ต่างประเทศพร้อมกันพอดี

“พรุ่งนี้พลัมจะทำอะไรหรือเปล่า”

“ไม่นะครับ ป้าบัวจะไปไหนหรอ พลัมไปเป็นเพื่อนได้นะ แว๊นซ์มอไซค์ไป”

ป้าบัวหัวเราะ ลูกสาวลูกชายเธอโตกว่าพลัมมากก็ขับรถเก๋งกันไปหมดแล้ว มอเตอร์ไซค์คันเล็กที่เธอไว้ใช้ไปตลาดใกล้ๆ ก็มีแต่เจ้าพลัมนี่แหละที่ขี่เป็นแล้วพาเธอไปนู่นไปนี่ตั้งแต่เรียนม.ปลายแล้ว

“ไปวัดอีกรอบได้มั้ย ป้าว่าจะทำกับข้าวที่พ่อแม่แล้วก็แพรชอบไปถวายหลวงพ่อ แล้วเราค่อยไปเดินตากแอร์เย็นๆ ในโลตัสกัน”

“ได้สิป้าบัว เดี๋ยวพลัมพาไป”

เธอมองพลัมด้วยรอยยิ้ม แล้วเริ่มลงมือทานอาหารกันต่อ



ป้าบัวตื่นมาแต่เช้าตรู่เพื่อทำกับข้าว ส่วนพลัมเดินสะลึมสะลือลงมาจากห้องตอนเจ็ดโมง แต่ก็แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมออกจากบ้าน

“งัวเงียขี้ตาขนาดนี้ พาป้าลงคูข้างทางป่ะเนี่ย”

พลัมหัวเราะคิกคัก

“นี่ใคร พลัมขาแว๊นซ์ ไม่เคยออกนอกเส้นทางอยู่แล้วครับ”

ตบอกเสร็จ ก็เดินไปช่วยหยิบกล่องใส่อาหารไปวางที่ตะกร้าหน้ารถมอเตอไซค์แม่บ้าน ป้าบัวตัดดอกกล้วยไม้มาอีกสองสามก้านเพื่อถือไปวัดด้วย

พลัมขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทรถแล้วบิดเสียงดังแง๊นนนนแง๊นนนนนซ์ กวนโอ้ยเพื่อนบ้าน ป้าบัวต้องรีบวิ่งมาตีแขน ให้มันทะลึ่งทะเล้นน้อยลงหน่อยเถอะ พลัมแลบลิ้น แล้วรอป้าบัวใส่หมวกกันน็อคให้เสร็จ

“เกาะเอวพลัมดีๆ นะครับ จะพาซิ่งแล้วนะ”

“เบาหน่อยลูก ป้าบัวแก่กว่าตอนหนูอยู่มัธยมนะ”

“โถ ยังสาวยังสวย ใครว่าป้าบัวแก่ พลัมจะเอามอเตอร์ไซค์ไปบดยอดหน้ามัน”

“เจ้าเด็กคนนี้หนิ” ป้าบัวส่ายหน้า ตัวเล็กๆ หน้าตารึก็จิ้มลิ้มน่ารัก แต่ทะโมนนัก

ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงวัด พลัมจอดรถแอบไว้หน้าโรงฉัน เห็นพระกำลังทยอยเดินกลับจากบิณฑบาต ป้าบัวเลยเดินเร็วๆ ไปยังโรงครัวด้านหลัง เพื่อเอาอาหารใส่จานถวายพระด้วย ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ที่มีเวลาก็จะทำแบบนี้กัน ถวายเสร็จ รอพระฉันท์ รอฟังเทศน์ แล้วค่อยกลับ พลัมเจอป้าๆ ในละแวกบ้านอีกหลายคน ป้าบัวเลยมีเพื่อนคุยอย่างออกรส

พระท่านนำท่องบทกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ญาติที่ล่วงลับ และเจ้ากรรมนายเวร พอเสร็จพิธีทั้งหมด พลัมก็ยกเครื่องทองเหลืองเล็กๆ ไปเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วค่อยเอากลับมาวางคืนที่ชั้น

ป้าบัวให้พลัมเปิดสำรับกับข้าวที่เตรียมมารับประทานร่วมวงกับป้าๆ ท่านอื่นๆ รออาหารบางอย่างที่พระท่านฉันไม่หมด มาทานเป็นสิริมงคลด้วย ชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบนี้ก็ทำให้จิตใจสงบดี

ป้าบัวเม้าท์มอยจนแดดเริ่มแรง ป้าๆ วัยเดียวกันทยอยเก็บปิ่นโตกลับ บางท่านก็ขอตัวไปนั่งสมาธิสวดมนต์ต่อ

สองป้าหลานเลยแยกวงบ้าง พากันจูงมือไปทางหลังวัดที่เป็นศูนย์รวมโกศน์ มากี่ครั้งก็ไม่ชิน วังเวงอะไรขนาดนั้น แถมวันนี้ยังได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ด้วย พลัมเบ้หน้า เขาไม่ชอบอะไรแบบนี้ที่ต้องมาแสดงความเสียอกเสียใจทีหลัง ตอนเป็นๆ ไม่ทำดีกับเขาละ คนตายไปแล้วเขาจะต้องมารับรู้มั้ย ทำไมไม่ปล่อยให้เขาไปอย่างไม่ห่วง คนอยู่ก็ควรจะเข้มแข็งให้ได้สิ ฉายาพลัมสามศพ ไม่สิสี่ศพไม่ได้มากันเล่นๆ อยากจะเดินเข้าไปสั่งสอนนัก

แต่ขาที่เดินกร่างเป็นนักเลงโตนั้นต้องเบรกเอี๊ยด แถมคว้าฝ่ามือป้าบัวให้หยุดไปด้วยกัน

ป้าหันมาเลิกคิ้วสงสัย พลัมได้แต่ยกมือจุ๊ให้เงียบ

เสียงสะอื้นมาจากหน้าโกศน์ครอบครัวพลัมเอง ตอนแรกก็สงสัยว่าเรายังมีญาติที่พลัดพลากอีกหรอ แต่พอเห็นแผ่นหลังชัดๆ พลัมจำได้ ทั้งรูปร่างทั้งเสื้อที่ใส่ มันคือเสื้อฮับบี้หนูอยู่ไหนของคุณพรึกที่เขาเคยเอามาใส่เล่น

คุณพรึกยังโศกไม่เลิกอีกหรอ พลัมเลิกโศกนำไปหลายปีแล้วนะ

“น้องพีช...คุณพ่อขอโทษครับ”

เสียงที่ลอยมาตามลมทำให้พลัมใจกระตุก

“ป้าว่าเรากลับกันก่อนมั้ย”

อุณภูมิที่ฝ่ามือป้าบัวสัมผัสได้มันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

“พ่อน้องพีช...คุณพรึกคือคนที่ทำให้พี่แพรท้องหรือครับ” พลัมพึมพำออกมา ป้าบัวไม่ตอบ แต่ออกแรงจูงหลายชายออกมาจากตรงนั้น แถมยังแย่งเอากุญแจรถมาถือไว้เองเถอะ

“ขากลับ ป้าพาแวนซ์เองนะลูกนะ”

พลัมไม่หือไม่อือ เหมือนสติหลุดไปแล้ว







TBC 

คือมีนักอ่านเดาถูก แต่เราไม่อยากให้เศร้ามาก ก็จะมีมุกตลกอยู่บ้างปะปราย (คนอ่านบอกไม่ตลก) แง้ 



ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 22



แพรอายุห่างกับพลัม 12ปี จะเรียกว่าพลัมเป็นลูกหลงก็ได้ แพรเป็นพี่สาวที่น่ารัก เพราะโตกว่ามากและเพราะพลัมเสียแม่ไปตั้งแต่เกิด แพรจึงพยายามชดเชยความรักให้พลัมอย่างเต็มเปี่ยม

ตอนพลัมพึ่งเข้าเรียนป.5พี่แพรก็ไปเรียนต่อโทที่อังกฤษ พลัมจำได้ว่าร้องไห้หนักมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ต้องอยู่ห่างจากพี่สาว

ช่วงที่เขาจะขึ้นม.1แพรกลับมาเพราะเป็นช่วงรอรับปริญญา แต่พี่สาวเปลี่ยนไปจนพลัมรู้สึกได้ จากที่เคยร่าเริงสดใส ก็เงียบไม่พูดไม่จา แถมดวงตาแพรก็ช้ำบ่อยๆ เหมือนคนที่ร้องไห้ไม่รู้จักจบจักสิ้น พลัมเลยไปถามพ่อว่าเกิดอะไรขึ้น

“พี่แพรมีน้องตัวเล็กอยู่ในท้อง”

ตอนพ่อบอกแบบนั้นพลัมดีใจ ที่จะมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่ม

“แต่พ่อของเด็กไม่ยอมรับ บอกว่าเขาแต่งกับแพรไม่ได้เพราะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว” ครอบครัวเขาบอกกันตรงๆ แบบนี้เพราะพลัมก็โตพอจะรับรู้ปัญหา

พลัมจำได้ว่าโกรธมาก อยากจะลากผู้ชายที่ทำให้พี่สาวเขาเสียใจมากระทืบให้ไส้ไหล ให้สาสมกับที่ทำให้พี่แพรร้องไห้

“พี่แพรรักผู้ชายคนนั้นนะลูก อย่าไปพูดอะไรให้พี่เขาสะเทือนใจ”

พ่อเดาความคิดลูกชายได้ เลยเตือนไว้ก่อน คราวนี้พลัมเย็นลงแล้วพยักหน้า ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจความรักเท่าไหร่ แต่อะไรที่ทำให้พี่แพรเสียใจน้อยลง เขาก็จะยอมทำมัน

“เราอยู่กันแค่นี้ก็ได้นะพ่อ พลัมเลี้ยงหลานเอง”

“ตัวแค่นี้เก่งจังเลย” พ่อขยี้ผมพลัมอย่างเอ็นดู พลัมยังจำได้ถึงความอบอุ่นของมือคู่นั่น

แม้จะมีความหม่นหมองอยู่ในอากาศ แต่พลัมก็เพียรซื้อของกินที่มีสรรพคุณบำรุงครรภ์มาให้พี่แพร เข้าไปอ่านความรู้ในอินเตอร์เนตเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสมาชิกใหม่

ฝ่ายพ่อเองก็ไม่ดุด่าว่าพี่แพรให้เสียน้ำใจ เพราะถ้าหากลูกรักใครพ่อก็รักด้วย และอีกอย่างพ่อก็รักพี่แพรมาก แค่ผู้ชายคนนั้นทำร้ายจิตใจพี่เแพรคนเดียวก็เกินพอแล้ว

พลัมรู้แค่ว่าเป็นเพื่อนคนไทย ที่เจอกันที่อังกฤษนั่นแหละ

พี่แพรคงไม่กลับไปรับปริญญาแล้ว และคงจะเลิกติดต่อกับทุกคนไป เพื่อให้เวลาเยียวยาจิตใจ พ่อพาพี่แพรไปฝากครรภ์ พาไปหาหมอไม่ได้ขาด ผู้ชายสองคนในบ้านผลัดกันดูแลจิตใจหญิงสาวที่ถูกทำร้ายให้หายจากการบาดเจ็บ

แต่อย่างว่าคนท้องอารมณ์แปรปรวนเสมอ ช่วงใกล้คลอดมีกำหนดไปหาหมอ แต่วันนั้นพ่อดันมีธุระด่วนที่บริษัท เลยไม่ได้ขับรถให้พี่แพรตามปกติ พลัมเองก็ไปเรียน พี่แพรรั้นจะขับรถไปเอง และช่วงบ่ายวันนั้นพลัมก็ต้องออกจากโรงเรียนเร็วกว่าปกติแล้วตรงไปโรงพยาบาล

พี่แพรรถคว่ำ พยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าอยู่ๆ รถก็แฉลบไปชนแท่งปูนริมทางก่อนจะหมุนหลายตลบ พลเมืองดีเข้าไปช่วยนำส่งโรงพยาบาล แต่เพราะแรงกระแทกทำให้พี่แพรแท้งน้อง เสียเลือดมาก เข้าห้องฉุกเฉินได้ไม่นานคุณหมอก็ออกมาแจ้งข่าวร้าย

หลานแปดเดือนแล้วแท้ๆ ใกล้ออกมาเป็นแก้วตาดวงใจของน้าพลัมและคุณตา แต่วาสนาที่มีต่อกันคงน้อยไป เราเลยต้องล่ำรากันตั้งแต่ยังไม่ทันพบหน้า

พ่อโทษตัวเอง ปล่อยปละละเลยชีวิต ในที่สุดไม่กี่ปีต่อมาพ่อก็ตามไปเลี้ยงน้องพีชให้พี่แพรที่โลกอื่น

พลัมไม่เข้าใจว่าทำไมคนผิดที่สุดคือผู้ชายคนนั้นถึงไม่เป็นคนที่จากไป ทำไมถึงกลายเป็นเหยื่อ3ชีวิต ที่พยายามประคับประคองจิตใจกันและกันเป็นฝ่ายต้องสูญเสีย...แล้วที่ตลกร้ายที่สุดคือพลัมเอง ที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

ผู้ชายคนนั้น...คนที่ทำให้ชีวิตพลัมต้องโดดเดี่ยว

กลับเป็นผู้ชายที่พลัมรักที่สุดตอนนี้

คุณพรึก!

พลัมปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ จนชุ่มปลอกหมอน ตั้งแต่กลับจากวัดพลัมก็หมกตัวอยู่ในห้อง เพียงบอกป้าบัวว่าอยากคิดอะไรเงียบๆ

เขาน่าจะเอะใจตั้งแต่วันที่ไปวัดด้วยกัน คุณพรึกมีอาการแปลกๆ แถมยังถามแปลกๆ พลัมยังโง่ คิดว่าเพราะตื่นเต้นที่เจอพ่อแม่พลัมเสียอีก

เขาคือคนร้าย คนใจร้ายที่สุดที่พลัมเคยเจอเลย!

ก๊อก ก๊อก!

“เย็นแล้วพลัม ออกมาทานข้าวหน่อยลูก”

พลัมต้องรวบรวมแรงฮึดใหญ่ลุกจากเตียง เขาโตพอที่จะไม่ดื้อกับป้าบัวแล้ว อุตส่าห์ว่าจะพาป้าบัวเที่ยว กลายเป็นต้องให้คนสูงวัยมาดูแลตัวเองเสียอีก

“ครับป้า”

ป้าบัวเงยหน้ามองหลานชายแล้วส่ายหน้า เธอว่าเธอพอจะเดาออกหลังจากเห็นอาการพลัม โลกนี้โหดร้ายกับหลานชายเธอเกินไปหรือเปล่า แววตาเต็มไปด้วยความสุขตอนที่พูดถึงเขาเมื่อวาน เทียบกับแววตาอับแสงในวันนี้ ต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ไปกินของอร่อยๆ ก่อน สมองจะได้ไม่ตื้อ”

“ครับ”

พลัมเดินตามไปโดยง่าย

ป้าทำยำปลาทู ทอดมันปลากรายและแกงจืดหมูสับไว้ให้ ของโปรดพลัมเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือตักไปอย่างละคำ

“อย่าให้คนแก่เสียใจสิ” ป้าบัวโอด พลัมถอนหายใจทำหน้าจะร้อง แต่ก็ฝืนทานต่ออีกหน่อย

“เจ็บจังป้าบัว”

“ตอนนั้นพลัมเกลียดผู้ชายคนนั้นชนิดที่อยากฆ่าให้ตายตามพี่แพรไป แต่ตอนนี้พลัมกลับรักเขาเสียเอง รักมากชนิดที่ว่าพลัมจะตายเสียเอง”

พูดไปน้ำตาก็ไหลลงไปในชามข้าว

ป้าบัวถอนหายใจยาว

“เขาไม่บอกพลัมสักคำนะป้าบัว ว่าเคยทำเรื่องร้ายกาจอะไรไว้ เขามาหลอกให้พลัมรักเขาขนาดนั้นทำไม”

“ใครจะอยากเป็นคนไม่ดีในสายตาคนที่เรารักละพลัม”

“ป้าบัว...พลัมโง่มากมั้ย”

คนเป็นป้าส่ายหน้า แล้วพยายามเอ่ยรั้งสติของเด็กน้อยที่กำลังใจเตลิด

“ค่อยๆ คิดดีๆ นะพลัม ตอนนั้นพวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของน้องพีชชื่ออะไร จะมาด่วนสรุปเพียงเพราะเห็นเขาไปร้องห่มร้องไห้ที่หลุมศพแพรได้ยังไงกัน”

“ชื่อพรึกไงครับ!” พลัมเผลอขึ้นเสียง

“ขอโทษครับป้าบัว พลัมรู้สึกแค้นไปหน่อย”

พลัมคิดทวน มัมเบลเคยบอกว่าพรึกเคยทำความผิดร้ายแรง ทำให้ไม่กล้าขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนไหนอีก ขนาดเป็นพลัมคุณพรึกยังไม่ทำเลย คงเพราะเคยไปทำคนอื่นท้องแล้วไม่ได้รับผิดชอบสินะ เขาอุตส่าห์หลงว่าคุณพรึกเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติกัน ที่แท้...เพราะความชั่วมันคอยกัดกินหัวใจสินะ

“รักก็ไม่ได้ เกลียดก็ไม่ลง พลัมควรทำยังไงดีป้าบัว”

ป้าบัวถอนหายใจอีก

“เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ให้อภัยไม่ได้หรือลูก”

“ป้าบัวครับ พลัมให้อภัยเขาได้หรอ ถึงเขาไม่ได้ลงมือ แต่เขาคือฆาตรกรทางอ้อมที่ทำให้ พี่แพร น้องพีช แล้วก็คุณพ่อไม่อยู่นะครับ”

“ป้าเข้าใจว่าลูกแค้น ลูกโกรธ พลัมเก็บเนื้อเก็บตัวตั้งแต่ตอนนั้น แต่เมื่อวานที่พลัมมีความสุข ป้าก็ยังอยากเห็นพลัมยิ้มแบบนั้น พลัมเข้าใจป้ามั้ย ป้าที่รับหนูมาจากวัด วันที่ส่งคุณพ่อไปสวรรค์”

“ป้าบัว” พลัมวางช้อน แล้ววิ่งไปคุกเข่าลงแทบเท้าญาติผู้ใหญ่ กอดเธอไว้แน่น

ตอนนั้นถ้าไม่ได้ป้าบัวคอยดูแลอย่างใจเย็น พลัมจะเตลิดไปถึงไหนกันนะ

“พลัมขอโทษที่ทำให้ป้าบัวเป็นห่วงครับ”

มือวัยชราวางลงกลางกระหม่อมหลานชาย

“ป้าเป็นห่วงหนะไม่เป็นภาระอะไรหรอก แต่ถ้าพลัมไม่ปล่อยวาง พลัมจะไม่มีความสุขไปอีกนานแค่ไหนละลูก”

“ใจเย็นๆ ลองคิดทบทวนให้ดี ว่าใช่เขาแน่หรือเปล่า แล้วถ้าใช่เราจะอยู่ร่วมกับเขายังไง ถ้าจะไม่คบกันต่อ ยังจะเป็นเพื่อนเป็นพี่ที่เคารพได้มั้ย หรือจะตัดขาดไปเลย แต่ถ้าตัดแล้วใจลูกจะอยู่ไหวมั้ย ป้าไม่อยากให้ซึมเป็นเด็กใบ้เหมือนตอนม. ปลายแล้วนะ”

“ป้าบัวอย่าล้อ”

“ไม่ได้ล้อ ป้าพูดตามที่เฝ้าดูพลัมเติบโตมา”

“คุณพรึกไม่บอกความจริงกับพลัม”

“แล้วถ้าเขาบอก หนูจะตอบกลับไปอย่างไรละ หืม... ลองคิดสิว่าถ้าเป็นพลัม พลัมจะกล้าบอกมั้ย”

พลัมคิดตามแล้วก็ใจเย็นลงอีกหน่อย เขาต้องขอบคุณป้าบัว ที่อยู่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตมาโดยตลอด

“ป้าบัวว่าอันไหนคือตัวจริงของคุณพรึก อดีตหรือปัจจุบันที่พลัมเจอตอนนี้”

“หนูเล่าป้าสิ”

“ก็คุณพรึกที่พลัมรู้จักเป็นคนดี เป็นอาจารย์ เข้าวัดทำบุญ บริจาคเงินให้เด็กกำพร้า เข้าใจพลัม โอ๋พลัม ให้กำลังใจพลัม ดูแลพลัมดี เหมือนพ่อผสมกับแฟนอ่ะ เขาดี...จนพลัมไม่เคยเผื่อใจถึงความไม่ดีของเขาเลย”

“บางทีคนเราก็เปลี่ยนกันได้ อดีตที่เคยทำผิด ก็เป็นเครื่องมือสร้างปัจจุบันที่ดีกว่า”

“แต่คุณพรึกดูเป็นคนพื้นฐานจิตใจดี” พลัมแย้งในสิ่งที่ลึกๆ แล้วใจยังค้านกับหลักฐานทางสายตา “คนแบบนั้นไม่น่าไม่รับลูกในท้อง ถึงจะอ้างว่าเพราะมีคู่หมั้นแล้วก็เถอะ”

“เอ๊ะ! คู่หมั้นหรอ” พลัมสะดุ้งสุดตัวเหมือนคิดอะไรออก แล้วเชื่อมโยงข้อมูลในความทรงจำอย่างรวดเร็ว ตัวเล็กๆ บอกลาป้าบัวแล้ววิ่งเร็วจี๋ขึ้นไปบนห้อง เพื่อรื้อเอาไดอารี่ของแพรมาอ่านอีกรอบ



ฝ่ายพรึกหลังจากกลับจากวัด ก็ตรงเข้าไปปรึกษาเบลที่ร้าน

“โลกมันกลมหรือคนมันซวย ไหนตอบ” เบลฟังเรื่องแล้วกุมขมับ

“หากันมาเป็นจะสิบปีไม่เจอ เสือกไปเจอตอนไหว้หลุมศพพ่อตาแม่ยาย”

“กูไม่กล้าบอกหนูพลัมเลย โชคดีที่ช่วงนี้เขาไปอยู่บ้านป้า”

“แล้วยังไงอ่ะ มึงยังเหมือนเดิมมั้ย”

“รักหนูพลัมเหมือนเดิม แต่...รู้สึกว่าตัวเองเลวเกินกว่าจะเป็นอยู่กับหนูพลัมได้”

“เงียบๆ ไปสิ หนูพลัมไม่รู้หรอก”

“มึงคนที่มีชะนักปักหลังหนะ ใช้ชีวิตยังไงก็ไม่มีความสุขหรอก” พรึกซบหน้าลงกับฝ่ามือ เขาอุตส่าห์คิดว่าตัวเองจะหลุดพ้นได้แล้วเชียว แต่ถ้าให้คิดตามกฎแห่งกรรมแล้วละก็ แพรคงกำลังกันเขาออกจากน้องชายตัวเองสินะ

“แล้วถ้าหนูพลัมรู้ สายตาที่เขามองกู ยังจะเต็มไปด้วยความรักเหมือนเดิมมั้ยวะ”

ติ้ง!

“ลูกแม่ร่วง!!” เบลอุทานแล้วทำโทรศัพท์หลุดมือจนมันไถลไปอยู่หน้าพรึก

‘มัมมัม หนูมีเรื่องจะปรึกษา นัดเจอกันโดยไม่มีคุณพรึกได้มั้ย’

“เฉียบ กรรมติดจรวด!!” เบลลากเอาโทรศัพท์กลับมาดู

“มึง หนูพลัมรู้แล้วหรอว่ะ”

“มึงจะบ้าหรอ น้องอาจจะนัดคุยหาเรื่องเซอร์ไพรส์ใดใดมึงก็ได้”

‘คุณพรึกเคยทำผู้หญิงท้องใช่มั้ยครับ’

“ตาเถรรรร แม่มึ๊งงงง!!” เบลเยี่ยมตาเหลือก พรึกเองก็เห็นข้อความ

“หนูพลัมของกู ทำไงดีอ่ะเบล น้องรู้แล้ว” พรึกลนไปหมด

“ตั้งสติ!! มึงรักหนูพลัมมั้ย”

“รัก”

“อยากอยู่กับเขาเหมือนเดิมมั้ย”

“อยาก”

“ก็ช่างหัวแพรไปก่อน ไปทำยังไงก็ได้ให้น้องรู้ว่ามึงจริงใจ เรื่องอดีตอ่ะควรเลิกเอามาทำร้ายตัวเองได้แล้ว”

“มันไม่ง่ายป่ะว่ะ”

“สัส!! โลกนี้จะง่ายจะยากก็อยู่ที่ใจมึง อยากเป็นลูซเซ่อร์ไปตลอดชีวิตก็เชิญ มึงทิ้งหนูพลัมตอนนี้แล้วมีอะไรดีขึ้น มึงเสียใจ หนูพลัมเสียใจ แพรไม่ฟื้น”

“แล้วน้องจะรับกูได้มั้ย”

“กูไม่ใช่น้อง!! กูเบล อยากรักก็ต้องเสี่ยง น้องไม่ยอมมึงก็ทำให้ยอม”

“เบลกูไม่ใช่พระเอกแบบตบจูบ”

“กูไม่ได้บอกให้ไปใช้กำลัง กูจะให้มึงไปคุกเข่าขอความเห็นใจ”

“เบลลล กูไม่กล้า”

“มึงมันกากพรึก พรึกคนกากกลับมาอีกแล้ว!!”

‘มัมว่างมั้ยครับวันนี้ น้องขอไปหาที่ร้านตอนนี้เลย’

‘น้องอยากรู้ความจริง’

‘มาเลยครับ มัมรออยู่’

“เหี้ยเบล กูล่ะ”

“มึงคุยกันสามคนนี้แหละ กูช่วยมาตั้งแต่ต้น ตอนนี้มึงเจอปัญหา กูก็ต้องช่วยอีก ในฐานะที่กูเป็นมัมมัม!!”

“มึงมีคุณค่าที่สุดในชีวิตตั้งแต่กูรู้จักมาเลย”

“ไอ้พรึก!! ฟังแล้วอยากยุให้แม่งแตกหัก”

พรึกกับเบลนั่งรอพลัมมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ จู่ๆ อาจารย์หนุ่มก็ตบโต๊ะอาการดังปัง

“แล้วน้องจะมายังไง นั่งแท็กซี่หรอ กูเป็นห่วง”

‘พลัมพลัม หนูมายังไงครับ’ เบลพิมพ์ถามให้

‘แท็กซี่ครับ จะถึงแล้ว’

‘มัมมัมเป็นห่วง ส่งเลขทะเบียนมาหน่อย’

‘แง ทส 9989’

‘ร้องทำไมครับ’

‘เปล่าครับ’

‘รีบมาให้มัมมัมกอดครับ’

‘รักมัมที่สุด’

สองหนุ่มเห็นแท็กซี่ชะลอตัวริมฟุตบาทแล้วก็จอดสนิท หนูพลัมก้าวเท้าลงมาคุณพรึกนี่หลบวืดลงไปใต้โต๊ะ

“กลัวไรไอ้กาก”

“กูทำใจไม่ได้ น้องเกลียดกูมั้ย”

“ไม่เกลียดก็แปลกแล้ว”

“ไปหลบใต้โต๊ะนู่นนะ จะแอบฟังเงียบๆ ถ้าน้องไม่เกลียดมาก กูค่อยออกมาสารภาพบาปนะ”

“เอาที่มึงสบายใจอ่ะ” เบลโบกมือแบบรำคาญ ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ทำไมกูยังต้องมาตลกกับท่าทางของเพื่อนตัวใหญ่ๆ ที่ิ่วิ่งหลบเป็นหนูท่อ

พรึกรีบหายตัวไปซ่อนอยู่หลังพนักพิงแบบยาว ของโต๊ะถัดไป ที่สามารถบังร่างเขาได้มิด ฉิวเฉียดกับที่อีกคนเดินเข้ามา พลัมสวมเสื้อยืดสบายๆ กับกางเกงขาสั้นดูน่ารักน่าชังจนเบลต้องอ้าแขนรับเข้าไปกอดและหอมหัว น่ารักไปหมดลูกมัมมัม

“ตาบวมเชียว” เบลทัก พรึกหูผึ่ง พลัมปากยื่น

“สั่งอะไรก่อนมั้ยคะ”

“โกโก้เข้มๆ ก็ได้ครับ ที่จริงอยากดื่มเหล้าไปเลย แต่พลัมรู้ว่าในเวลานี้ควรมีสติ จึงดื่มไม่ได้”

เปิดเรื่องมาก็ดึงดราม่าละ เบลหันไปสั่งเด็กในร้าน แล้วก็หันมามองหน้าพลัม

“มีอะไรจะถามมัม ก็ว่ามาครับ”

“มัมมัม คุณพรึกเคยทำผู้หญิงท้องจริงๆ ใช่มั้ย”

มาถึงขั้นนี้แล้วก็พยักหน้าเถอะเบล

“หนูรู้ได้ยังไง”

“หนูพาคุณพรึกไปไหว้โกศของครอบครัว ตอนแรกคุณพรึกซึมๆ หนูก็ไม่คิดอะไร แต่พอหลังจากนั้นหนูไปวัดกับป้า ก็เห็นคุณพรึกนั่งร้องไห้ ขอโทษน้องพีชหลานหนูอยู่หน้าโกศ”

ความแตกเพราะความกากของมึงอีกแล้วพรึก

“แต่หนูรู้สึกว่ามันแปลก ถ้าคุณพรึกดูเสียใจขนาดนั้น ทำไมตอนนู่นคุณพรึกปฏิเสธที่จะยอมรับพี่แพรกับลูก เพราะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ใครคือคู่หมั้นคุณพรึกหรือครับ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน!!”

เบลกำลังจะอ้าปากตอบ แต่แล้วก็ชะงัก

“คู่หมั้น!? ไอ้พรึกมีคู่หมั้นตอนไหน”

“ก็คุณพ่อเล่าให้ฟัง ว่าผู้ชายที่ทำพี่แพรท้อง เขาไม่สามารถแต่งงานกับพี่แพรได้ เพราะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว พี่แพรเลยตรอมใจกลับมาอยู่บ้าน”

“อ่ะ หนังคนละม้วนละทีนี้” เบลพึมพึมขึ้นมา เขาชะโงกหน้าไปดูว่าหลังพนักพิงของพลัม ไอ้เพื่อนกากฟังอยู่หรือเปล่า

“คุณพรึกไม่เคยมีคู่หมั้น!!” เสียงคุ้นหูทำให้ใบหน้าหวานหันไปมองแล้วกำหมัดแน่น

“มัมมัม ทำไมคุณพรึกอยู่ด้วย ไหนบอกว่าจะคุยกับหนูสองคน มัมเบลไม่รักหนูแล้วใช่มั้ย!!” พลัมตะโกนแทบจะดังลั่นร้าน โชคดีที่บ่ายๆ แบบนี้ลูกค้าไม่มีเลย

“โอ๋ๆ ใจเย็นก่อนลูก แล้วใช่บทมึงมั้ยเนี่ย ผู้กำกับยังไม่เรียกเข้าซีนมาทำเชี่ยไร”

พรึกไม่สนใจเบลที่โวยวาย รีบหันไปอธิบายให้ดวงใจของตัวเองฟัง

“หนูพลัม คุณพรึกพูดเรื่องจริงนะครับ คุณพรึกไม่เคยมีคู่หมั้น และคุณพรึกก็ไม่รู้ด้วยว่าแพรท้อง จนถึงงานรับปริญญาแพรไม่กลับไปที่อังกฤษ คุณพรึกเลยลองโทรกลับมาหาที่ไทยเป็นเบอร์คุณพ่อหนู แล้วท่านก็แจ้งว่าแพรเสียแล้วเพราะแท้งลูก”

“พี่แพรรักคุณมาก คุณทำแบบนั้นกับพี่แพรได้ยังไง!!”

คราวนี้ทั้งเบลทั้งพรึกยิ่งงง

“ไอ้พรึกกับแพรไม่ได้รักกัน” เบลว่า “ไม่ๆ หมายถึงแพรไม่เคยบอกพรึกว่ารักสักคำ แอบรักหรอว่ะ...”

“ไม่ได้รักแล้วคุณก็เลยทำชั่วๆ ยังไงก็ได้กับพี่สาวพลัมงั้นหรอ!!” น้องกัดฟันอย่างโมโห หน้าเล็กๆ นั้นแดงไปหมด

“พลัมฟังคุณพรึกก่อนครับ หลังสอบปลายภาคเสร็จ นักเรียนไทยก็ไปปาร์ตี้ฉลองกัน คืนนั้นทั้งแพรและคุณพรึกเมามาก ตื่นมาตอนเช้าเราอยู่บนเตียงเดียวกัน แต่เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไป แต่ด้วยสภาพเตียงและเนื้อตัวคุณพรึกก็คิดว่าล่วงเกินแพร”

พลัมยังคงมองตาขวาง ยิ่งอธิบายยิ่งดูเลวขึ้นทุกที

“แพรไม่เอาเรื่อง เพราะบอกว่าตัวเองก็เมามากเหมือนกัน” เบลช่วยอธิบายต่อ “ไอ้พรึกกำชับแพรแล้วว่าถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบบอก”

“มัมมัมไม่ได้ช่วยคุณพรึกปกปิดใช่มั้ย”

เบลส่ายหน้า “คืนนั้นมัมผิดเอง ที่เอายาตัวใหม่ไปไล่ป้ายลิ้นทุกคน เพราะความคึกคะนองไม่คิดของมัมเอง เรื่องมันเลยเป็นแบบนี้ มัมมัมก็มีส่วนผิด และยังรู้สึกผิดกับแพรและไอ้พรึกมาถึงตอนนี้”

“ไม่งั้นมัมมัมจะช่วยชงหนูกับไอ้พรึกหรอ พรึกมันจมกับความผิดมาเกือบสิบปีแล้ว มันไม่กล้าแม้กระทั่งจะแตะต้องผู้หญิงอีกแล้วด้วยซ้ำ”

พลัมขมวดคิ้ว ถ้าเป็นแบบนั้นจริงมันเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เบลกับพรึกเองก็รู้สึกตะหงิด จากที่จะก่อสงคราม กลายเป็นว่าสงบศึกแล้วมาช่วยกันคิด

“หนูเล่าเรื่องแพรที่รู้มาหน่อย” พรึกถามตะล่อม

“ก็ไม่มีอะไรมากครับ พี่แพรซึมๆ พ่อก็เลยประคบประหงม บอกว่าพวกเราช่วยกันเลี้ยงหลานเองก็ได้ เวลาไปหาหมอพ่อก็จะพาไป จะมีแต่วันที่พี่แพรครบกำหนดจะไปรอคลอด พ่อเกิดติดธุระด่วนที่บริษัทพอดี พ่อจะรีบกลับมาพาไปตอนเย็น แต่พี่แพรก็ไม่รอ ดื้อจะขับรถไปเอง สุดท้ายประสบอุบัติเหตุ”

พรึกนึกย้อนไป ระยะเวลาหลังสอบเสร็จ ถึงวันรับปริญญาของยูที่เขาเรียนมันแค่ช่วง6เดือนเองไม่ใช่หรอ

“แพรจะคลอดตอนกี่เดือน”

“8กำลังจะเข้าเดือนที่ 9”

“ไอ้สัสขนลุก” เบลลูบแขน

“ทำไมหรอครับ”

“ก็ถ้านับจากคืนที่ปาร์ตี้ ถึงวันที่ไอ้พรึกโทรไปหาพ่อหนู มันไม่เกิน 6เดือนนะสิ”

พรึกรู้สึกกล้ามเนื้อที่ใบหน้ากระตุก เขาไม่รู้ว่ากำลังจะร้องไห้หรือยิ้มก่อนดี แต่ที่แน่ๆ ลูกเหล็กหนักอึ้งในอกเหมือนถูกยกออกไปแล้ว ส่วนพลัมก็ขอโทษแพรอยู่ในใจ ทั้งที่ควรสลดใจ แต่พลัมกลับหลุดยิ้มเล็กๆ ออกมา

เด็กน้อยกลืนยิ้มลงไปอย่างรวดเร็ว ถึงจะโล่งอกที่ไม่ใช่คุณพรึก แต่คนร้ายตัวจริงก็ยังไม่ปรากฎ

“แบบนี้ก็จับมือใครดมไม่ได้เลยสิ” เบลกัดปาดครุ่นคิด

“พี่แพรเสียใจหนักๆ เพราะเขามีคู่หมั้น เหมือนพี่แพรโดนหลอกให้รักเลยครับ ตอนนั้นเพื่อนที่เรียนด้วยกันกับคุณพรึก มีใครหมั้นแล้วบ้างครับ”

พรึกกับเบลตัวชาอีกรอบ

“ไอ้แคมป์!!” พอชื่อนั้นหลุดจากปากเบล สมองของเขาก็เหมือนย้อนภาพไปถึงวันวานอย่างรวดเร็ว จุดเล็กๆ ที่เขาแทบลืมไปแล้ว คนที่ยื่นยาตัวใหม่ให้ก่อนเข้าปาร์ตี้ แล้วเอ่ยอ้างสรรพคุณหนักหนาก็คือแคมป์ แถมยังกำชับให้เขาลองแกล้งแพรที่เป็นผู้หญิงเรียบร้อยไม่เคยลองของแปลกๆ กับไอ้พรึกที่ปกติก็ลั้ลลาอยู่แล้ว เขาก็ซื่อเชื่อเพื่อนเพราะเห็นว่ามันเป็นแค่อะไรสนุกๆ

ที่พอรู้ความจริงแบบนี้แล้ว...ไม่สนุกเลย

“ขนลุกหวะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนเหี้ยขนาดนี้อยู่จริงบนโลก”

เบลเป็นคนรักเพื่อนมาก เป็นตัวฮาของกลุ่ม เป็นเหมือนกาวใจที่คอยลากทุกคนมาประสานกันเสมอ พอได้มารับรู้ว่าคนที่เขาคบหาด้วยมีนิสัยน่ารังเกียจขนาดนี้ก็รับไม่ได้

“มัมมัม” พลัมเอื้อมมือไปกุมมือคุณเบล แล้วบีบเบาๆ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าช็อคขนาดไหน ส่วนคุณพรึกก็กำหมัดจนเส้นเลือดปูด

“มันทำแบบนี้ได้ยังไงว่ะ ไม่ให้เกียรติแพรเลยสักนิด” เบลพ่นคำพูดออกมาอย่างเจ็บปวด “แล้วพวกเราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย กล้าทำแบบนี้กับไอ้พรึกได้ยังไง”

พลัมเจอเรื่องแบบนี้เข้า กลายเป็นว่านอกจากสงสารพี่แพรแล้วยังต้องสงสารผู้ใหญ่สองคนนี้เพิ่มไปอีก

“กูจะไปเอาเลือดหัวมันออก มันต้องไปกราบแพรเดี๋ยวนี้” พรึกประกาศกร้าว

ถึงพรึกและเบลจะไม่ได้สนิทกับแพรมาก แต่คำว่ามนุษยธรรม และสามัญสำนึกมันร่ำร้องว่าแพรกับลูกต้องไม่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว

“แต่เราไม่มีหลักฐานเลยนะพรึก” เบลเตือนสติ “เรื่องผ่านไปตั้ง10 ปีแล้ว ไปรัก ไปได้กันตอนไหนว่ะ”

“พลัมมีไดอารี่ของพี่แพร คุณพรึกคุณเบลลองอ่านดูมั้ย พี่แพรไม่ระบุชื่อตรงๆ แต่มีเล่าถึงเหตุการณ์ที่อยู่กับคนนั้นอยู่บ้าง”

เบลกับพรึกนั่งสุมหัวกันอ่านทันที

‘ฉันตกหลุมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ โดยเฉพาะปีกเล็กๆ ที่แผ่นหลัง ฉันอยากเป็นปีกที่แท้จริงให้คุณจัง จะได้พาคุณบินหนีไปจากกรงที่กักขัง แล้วไปใช้ชีวิตอิสระในที่ที่มีแต่เราสอง’

พรึกปิดสมุดบันทึกที่เก่าไปตามกาลเวลา

“แคมป์มีรอยสักรูปปีก”

พอมาถึงตรงนี้พลัมก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา เลยงับลงไปที่แขนอีกฝ่ายเต็มเขี้ยว

“คันฟันอะไรครับ”

“ถ้ายอมแก้ผ้าให้พลัมเห็นตั้งแต่แรกนะ พลัมก็รู้แล้วมั้ยว่าไม่ใช่คุณพรึก”

“เอ้า...นี่คุณพรึกผิด”

“พลัมอ่านไดอารี่พี่แพรมาจนจำได้ขึ้นใจว่าคนนั้นมีลักษณะยังไง”

พรึกอ้าแขน “ขอกอดหน่อยได้มั้ยครับ คุณพรึกอยากเติมพลัง”

พลัมเบียดตัวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว เขาเองก็อยากได้พลังจากคุณพรึกเช่นกัน

“มัมมัมก็หมดแรงครับ ขอเติมด้วยได้มั้ย”

พลัมหันมายิ้มร้ายใส่ “คุณมัมก็โทรเรียกคิวคิวมาสิ”





TBC 

เผื่อหยุดสามวันแล้วใครไม่ได้ไปไหน เลยมาลงต่อยาวๆ จ้า สไลด์ลงไปเร็ว ลงอีก


ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 23



เบลทำเป็นนัดเพื่อนดื่มเหมือนเคย โดยโทรไปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พันวาฟังก่อน เจ้าของผับถึงขั้นจัดห้องรับรอง VIP ที่เก็บเสียงไว้ให้เพื่อการจับกุมผู้ร้ายโดยเฉพาะ

แคมป์มาถึงเป็นคนสุดท้าย รู้สึกงงนิดหน่อยที่เห็นพลัมนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยแต่ก็ไม่คิดอะไร หยอกเล่นตามปกติ

“ดื่มกับเค้าด้วยหรือเจ้าตัวเล็ก”

เป็นเมื่อก่อนคงยิ้มให้และพูดคุยตามปกติ แต่หลังจากรู้ความจริง พลัมก็รู้สึกขยะแขยงเพื่อนคนนี้ของคุณพรึกอย่างห้ามไม่ได้

พันวาเดินไปล็อกห้อง แคมป์ขมวดคิ้ว บรรยากาศเริ่มกดดันแปลกๆ

“หนูพลัมเป็นน้องของแพร” เบลเปิดเรื่องอย่างไม่อ้อมค้อม

“แพร…”

“แพรที่มึงทำเขาท้อง แล้วโบ้ยให้ไอ้พรึกรู้สึกผิดมาตลอดสิบปีอ่ะ” เบลตบโต๊ะ

“มึงพูดเหี้ยไรเนี่ยเบล”

“แพรเขียนไดอารี่ไว้ เขารักคนที่มีรอยสักรูปปีกที่หลัง”

“คือมึง” เบลชี้หน้าอย่างไม่รักษามารยาทอีกต่อไป

“คนสักเยอะแยะป่ะว่ะ”

“แพรเสียตอนท้องได้แปดเดือนกว่า ถ้านับเวลาที่นอนกับไอ้พรึกจริงๆ คือแค่หกเดือน เพราะฉะนั้นไม่มีทางใช่ไอ้พรึก”

“แล้วมึงมีหลักฐานหรอว่าไอ้พรึกไม่ได้นอนกับแพรก่อนหน้านั้น”

“พี่แพรบอกคุณพ่อว่า ผู้ชายไม่แต่งงานกับพี่แพรเพราะมีคู่หมั้นอยู่แล้วครับ” พลัมพูดด้วยความสุภาพ “คุณแคมป์จะไม่รับผิดชอบก็ได้ พลัมไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาพอจะเอาผิดคุณได้อยู่แล้ว”

พลัมสูดลมหายใจลึกเพื่อข่มอารมณ์ก่อนจะพูดต่อ

“เพียงแค่ถ้าคุณแคมป์ยังมีจิตสำนึกสักนิด ก็แวะไปขอโทษพี่แพร แล้วไปทักทายน้องพีชบ้าง หลานพลัมคงอยากเห็นว่าพ่อแกหน้าตาเป็นยังไง ที่จริงถ้าพี่แพรไม่ประสบอุบัติเหตุครอบครัวเราคงมีความสุขดีนั้นแหละครับ ไม่ได้จะเรียกร้องอะไรจากคุณหรอก”

ทั้งห้องเงียบกริบ ไม่แม้กระทั่งจะหายใจดัง พรึกเพียงกุมมือพลัมไว้เพื่อให้กำลังใจเท่านั้น

“แพรอยู่ที่ไหน” ในที่สุดแคมป์ก็ถาม

พลัมบอกชื่อวัดแล้วก็เดินออกไปจากห้อง เขาโมโหและเกลียดผู้ชายไร้ยางอายคนนั้นเกินกว่าจะทนมองหน้าไหว พรึกเดินตามออกมา ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าตัวเองคงเป็นเพื่อนกับแคมป์ไม่ได้อีกต่อไป

ในห้องจึงเหลือแค่เบลและพันวา

“ถึงมึงไม่รู้สึกผิดต่อแพร แต่มึงน่าจะคิดถึงใจไอ้พรึกบ้าง มึงทำได้ยังไงว่ะ ทำให้ไอ้พรึกรู้สึกเหมือนตกนรกมาเกือบ 10ปี” พันวาถาม

“พวกมึงคิดว่ากูเป็นคนผิดไปแล้วจะพูดอะไรก็ได้สินะ แล้วมึงก็เชื่อหรือว่าไอ้พรึกไม่ได้ทำ”

“ไม่ว่าจะมึงหรือไอ้พรึกทำแพร กูก็ไม่ได้โกรธ เพราะพวกมึงคือเพื่อนกู แต่ที่กูเสียใจคือถ้าไอ้พรึกไม่ได้ผิดจริง ทำไมมันต้องมาทนรับความรู้สึกผิดแบบนั้น แล้วคนผิดจริงกลับลอยนวลมีความสุข”

“มึงคิดว่ากูมีความสุขหรือว่ะ ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก อยากเห็นหน้าลูกสักครั้งในชีวิตก็ไม่มีโอกาส!!!” แคมป์ระเบิดออกมา

“เมียที่แม่กับพ่อกูหามาให้ เหมือนเป็นเจ้ากรรมนายเวรของกูอ่ะ กูต้องทนอยู่กับเขามีกี่ปีแล้วและต้องทนไปอีกตลอดชีวิต เป็นแพรยังดีเสียกว่า มีอิสระ ตอนนี้เขาคงมีความสุขกว่ากูมาก”

“แคมป์ ไอ้เหี้ย มึง กูไม่มีอะไรจะพูด”

“กูแค่คิดโง่ๆ ว่า คนที่จะดูแลแพรและลูกได้ดีน่าจะเป็นไอ้พรึก กูบอกแพรให้ไปบอกพรึกว่าท้อง มันเป็นคนดี ต้องรับผิดชอบแน่ๆ”

“มึงคิดได้ยังไง” พันวาถึงกับกุมขมับ

“ในเมื่อกูดูแลเขาไม่ได้ ก็ต้องหาคนที่คิดว่าดีที่สุดให้เขาป่ะวะ”

“แต่แพรรักมึง นั้นลูกของมึง”

“กูก็กะจะเป็นพ่อทูนหัวของลูกอยู่แล้ว”

เบลขยี้ผมอย่างหงุดหงิด พอกับพันวาที่สบถคำหยาบคายออกมาไม่ได้หยุด

“ป๊ากับม๊ากูเป็นยังไงมึงก็รู้ เขาไม่ยอมให้กูแต่งกับแพรแน่ๆ จะให้เป็นน้อยก็ไม่มีทาง แล้วจะให้กูทำยังไง”

“มึงรักแพรมั้ย”

แคมป์เงียบไปนาน และให้น้ำตาที่ไหลอาบแก้มแทนคำตอบ

“วันที่เขาจะไปเตรียมคลอด เขาโทรมาขอกำลังใจจากกู อยากให้กูไปอยู่กับเขาในห้องคลอด แต่กูทำไม่ได้ ตอนนั้นกูถึงขั้นคิดว่าจะพาเขากับลูกหนีไป หนีไปสร้างครอบครัวเล็กๆ กันสามคน แต่กูก็ไม่กล้า กูมันขี้ขลาด กูได้แต่บอกเขาไปว่าตัดใจเถอะ”

แคมป์พยายามเงยหน้าเพื่อให้น้ำตาไหลกลับเข้าไป

“แล้วกูก็ได้ยินเสียงแพรกรี๊ด เสียงกระแทก”

“ตอนเขาจะไป กูอยู่ในสายด้วย”

ทั้งห้องเงียบกริบ

ชีวิตไม่ง่ายเลยจริงๆ



พรึกขับรถมาส่งพลัมที่บ้านป้าบัว หลังจากสวัสดีญาติผู้ใหญ่เสร็จก็ขอตัวกลับ คนสูงวัยกว่ามองหน้าสองคนแล้วก็อมยิ้ม ตอนพลัมไปนี่ร้อนอย่างกับไฟลุก แต่พอตอนกลับมา ก็สงบเงียบเหมือนแม่น้ำสายใหญ่ คนตัวสูงนั่นคงดับไฟในใจให้เจ้าตัวเล็กแล้ว

“ไม่ค้างที่นี่หรือคะ” ป้าบัวถามด้วยรอยยิ้มใจดี พรึกถึงกับหน้าร้อน เขาเองก็คิดถึงพลัมใจจะขาด ยิ่งพึ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มาด้วยกันด้วย แต่เพียงรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเท่านั้น น้องยังเรียนไม่จบ และเขาก็ยังไม่ได้ผูกข้อไม้ข้อมือน้องให้เป็นเรื่องเป็นราว

“ไม่ดีกว่าครับ”

คนสูงวัยกว่ายิ้มอีก “ป้ารู้นะว่าเจ้าพลัมก็ไปรบกวนคุณที่ห้องบ่อยๆ ไหนๆ จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็มาสนิทกันให้มากขึ้นเถอะ”

“คุณป้าครับ” พรึกทอดเสียงอ่อน ดีใจในความโชคดีหลายๆ อย่างของตัวเอง

“ผมกลัวไม่เหมาะสม ผมยังไม่ได้ผูกข้อไม้ข้อมือน้องให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย”

ป้าบัวยิ้มถูกใจ “ก็ป้ายกให้แล้วไง ส่วนพิธีนะเดี๋ยวไปหาฤกษ์หายามให้”

“งั้นกลับจากบ้านป้าแล้ว ผมขออนุญาตพาพลัมขึ้นไปไหว้พ่อแม่ผมที่เชียงใหม่นะครับ”

“ก็ตามที่พ่อพรึกสะดวกเลยจ้ะ”

“แล้วผมจะรอฤกษ์จากคุณป้าอีกที เราค่อยทำพิธีกันดีมั้ยครับ ผมอยากทำที่วัดด้วยซ้ำ เพราะพ่อแม่ แพรและน้องพีชจะได้ช่วยเป็นสักขีพยานด้วย”

“นี่คุณพรึกกำลังขอหนูแต่งงานหรอ” พลัมถามอย่างพาซื่อ

“ตอนแรกก็ว่าจะใส่แหวนหมั้นไว้ก่อน แล้วรอหนูเรียนจบค่อยทำพิธี แต่ไหนๆ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วก็ทำให้มันเสร็จสิ้นไปเลยแล้วกัน”

“แล้วเราละ จะแต่งกับพี่เขามั้ย” ป้าบัวถาม

พลัมเม้มปากกลั้นยิ้มที่จะทำให้หน้าเป็นกระด้ง พยักหน้าหงึกๆ

“ก็แค่นี้แหละ” ป้าบัวลูบหัวอย่างเอ็นดู

“ป้าฝากน้องด้วยนะ”

“ครับ ดูแลไปตลอดชีวิตเลยครับ”

“งั้นก็ขึ้นไปพักผ่อนกันเถอะจ้า ป้าว่าวันนี้น่าจะเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”

ทั้งสองรับคำ



ติ๊ง!

ระหว่างที่พรึกอาบน้ำ โทรศัพท์พลัมก็มีเสียงเตือนจากแอคเค้าท์ที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนาน

“พี่แตม?” พลัมขมวดคิ้ว นึกไปถึงรุ่นพี่ที่เคยตามจีบ แล้วก็ข้อความสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้พลัมขยาด

‘ขอบคุณที่รู้สึกดีกับพลัมนะพี่แตม เราเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะครับ’

‘พี่คงเป็นพี่น้องกับคนที่ทำให้เสียใจไม่ได้หรอกครับ เอาเป็นว่าถ้าพี่ดีขึ้นเมื่อไหร่ พี่จะทักมาบอกนะครับ’

วันนี้พี่แตมทักมาด้วยประโยคที่ว่า

‘พี่กลับมาเป็นพี่น้องกับพลัมได้แล้วนะ’

‘ตอนนี้พี่มีความสุขกับแฟนพี่แล้ว เลยนึกขึ้นมาได้ ต้องขอบคุณพลัมด้วยซ้ำที่ปล่อยพี่เร็ว ทำให้พี่ได้ไปเจอกับคนที่ใช่จริงๆ’

พลัมอ่านแล้วก็ยิ้มขึ้นมาได้

‘พี่แตม พลัมยินดีด้วยนะครับ’

‘พลัมเองก็มีความสุขมากๆ นะ ที่ผ่านมาพี่อโหสิให้’

อโหสิ...คำนี้สินะที่ทำให้ใจเรามีความสุขได้อย่างแท้จริง

พลัมอมยิ้มกับโทรศัพท์ กดปิดหน้าจอก็เห็นคุณพรึกที่อาบน้ำเรียบร้อย สวมเสื้อผ้าตัวใหญ่ของลูกป้าบัวเดินเข้ามา คนน้องอ้าแขนกว้างอ้อนให้คนพี่เข้ามากอด พรึกเดินมานั่งลงบนเตียงเดี่ยวขนาด 3.5ฟุต ของพลัม

“ผมเปียก พลัมเช็ดให้นะครับ”

พรึกพยักหน้ารับ แล้วเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองลงไปนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงระหว่างปลายเท้าทั้งสองข้างของน้อง

พลัมวางผ้าขนหนูบนเรือนผมสีดำสนิท ลงมือเช็ดๆ เบาๆ ไปเรื่อยๆ

“พลัมครับ”

“ครับ”

“ขอบคุณที่ให้โอกาสคุณพรึกนะ”

“พลัมแค่ตามหาความจริง ถ้าเป็นคุณพรึกทำจริงๆ พลัมก็คง...ไม่รู้จะไปต่อยังไงเหมือนกัน”

จู่ๆ พรึกก็จับมือน้องออกจากศีรษะ แล้วถอดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ออก

“คุณพรึก!” พลัมหน้าแดงก่ำ หุ่นพี่เขาดีจริงกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เหมือนพระเอกหนังพอร์นที่แอบดูในอินเตอร์เนตเลย...เดี๋ยวสิพลัมนั่นไม่ใช่ประเด็น

“คุณพรึกให้พลัมดูให้แน่ใจ ว่าคุณพรึกไม่ใช่เจ้าของรอยสักรูปปีก” ร่างสูงยืนยันตัวอีกครั้ง พลัมพยักหน้าเข้าใจ มือเล็กลงบนแผ่นหลังแล้วลูบไปมาเบาๆ

“คุณพรึกไม่ต้องสักปีก เพราะคุณพรึกมีอิสระที่จะรักใคร ชอบใครก็ได้”

พรึกนิ่งฟังว่าน้องจะพูดอะไรต่อ

“แต่คุณแคมป์ไม่ใช่”

“อย่างน้อยพี่แพรยังมีอิสระที่จะรักใครก็ได้ แต่คุณแคมป์ไม่มีเลย”

“สงสารเขานะครับ ยิ่งพลัมมาคิดๆ ดูแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณแคมป์ทรมานกว่าทุกๆ คนเลย”

“เขาอาจจะรู้สึกผิดมาก แต่ไม่แสดงออกมาก็ได้”

“หนูพลัม มากอดหน่อยสิ เก่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” พรึกเองยังตะลึงที่น้องมีความคิดแบบนี้ เก่งกว่าคนที่โตกว่าอย่างเขาเสียอีก

ตัวเล็กๆ โดนกอดจนจมเข้าไปในอก พลัมทั้งเขินทั้งอุ่น ที่ใบหน้าได้แนบไปกลับเนื้อแน่นๆ ไร้เสื้อผ้าขวางกั้น

“พวกเราโชคดีนะครับที่ได้รักกัน” พลัมอุบอิบพูด

“คุณพรึกต้องขอบคุณแพร ที่ทำให้คุณพรึกใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังจนได้มาเจอหนู รวมถึงไอ้แคมป์ด้วย ที่สร้างบทเรียนสำคุญให้กับชีวิตคุณพรึก”

“พลัมอโหสิให้คุณแคมป์ หวังแค่ว่าสักวันนึงเขาจะไปขอโทษพี่แพรด้วยความจริงใจเท่านั้นเอง”

“จริงๆ แล้วแคมป์ก็ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไรหรอกนะ มันเป็นเพื่อนที่ดีของทุกคน เพียงแต่ว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวบังคับให้มันต้องทำแบบนั้น” พรึกนึกย้อนไปถ้าไม่นับเรื่องนี้ ลูกชายตระกูลดังก็ดีกับเขามากจริงๆ

“คุณพรึกว่าคุณแคมป์รักพี่แพรมั้ย”

“คำถามนี้คุณพรึกตอบไม่ได้ครับ”

พลัมถอนหายใจ แต่ในเมื่อคิดได้ว่าควรปล่อยวางเรื่องราวในอดีต เขาก็ไม่ควรเก็บมาใส่ใจคิดอีก

“นอนกันเถอะครับ พรุ่งนี้ พี่แบงค์ กับพี่แบมลูกป้าบัวจะกลับมาแล้ว จะได้ลงไปทานข้าวเช้าด้วยกัน”

“ครับ ฝากตัวเป็นครอบครัวหนูพลัมด้วยคนนะครับ”

พลัมฉุดพรึกขึ้นมาจากพื้น ร่างสูงปีนขึ้นเตียง ขยับตัวไปจนชิดผนัง แล้วเหลือพื้นที่เยอะๆ ให้เด็กน้อยขึ้นมาซุก พลัมยิ้มกว้าง เขาดีใจที่ยังมีพื้นที่ตรงนี้เหมือนเดิม อ้อมกอดอุ่นๆ และคนที่คอยกล่อมให้หลับฝันดี

“Good night ค่ะที่รัก”

“พลัมหัวใจเต้นแรงจนนอนไม่หลับแล้วครับ”

“บอกรักคุณพรึกครั้งที่ 1 - 100สิคะ จะได้หลับฝันดี”

“งื้อ... หนูไม่ให้คุณพรึกแกล้งแล้ว “

พลัมซุกหน้าลงไปกับหมอนเป็นการหนี พรึกเลิกแกล้ง ก้มลงไปจุ๊บแก้มน้องหนึ่งทีแล้วค่อยหลับตาลงบ้าง





TBC 



คนไม่ดี ก็รับผิดกันไป รู้สึกยังไงแชร์กันได้น๊า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
โลกกลมไปอี๊กกก ดีนะที่นุ้งพลัมมีสติ ทุกอย่างเลยคลี่คลาย

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
แล้วผู้ร้ายตัวจริงก็ปรากฏ ดีใจกับคุณพรึก

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
นุ้งพลัมน่ารัก น่าบีบจัง รักกันมากๆ มีอะไรก็ให้อภัยกันนะลูก อยากส่งลูกเข้าหอ :กอด1:

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 24



หลังผ่านเรื่องวุ่นๆ พลัมก็เข้าฝึกงานที่เอเจนซี่เดิมจนครบสามเดือน ช่วงก่อนเปิดเทอมพรึกชวนน้องไปไหว้พ่อกับแม่ที่เชียงใหม่ พลัมตื่นเต้นไม่น้อย และพยายามระมัดระวังคำพูดคำจาให้มากเพื่อให้เป็นที่น่าเอ็นดู

พรึกเห็นน้องเกร็ง ก็นั่งจับมือให้กำลังใจไปตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน จนเมื่อจมูกได้สัมผัสอากาศเมืองเหนือ พลัมค่อยดูสดชื่นขึ้นหน่อย

พลัมไม่เคยมาเที่ยวทางเหนือ เลยหันไปสนใจกับสิ่งต่างๆ รอบตัวเป็นพิเศษ แค่รูปปั้นหมีแพนด้าที่สนามบินก็ทำน้องตาโตได้แล้ว โอ๊ยเห็นแล้วอยากจะหอมหัว แล้วอุ้มไปดูสัตว์ก้อนๆ ที่สวนสัตว์เลยค่ะแฟน

พรึกรอหยิบกระเป๋าที่โหลดอยู่บนสายพาน เมื่อได้ครบแล้วค่อยมาจูงแฟนเด็กของตัวเองออกด้านนอกอาคาร พี่ชายกับพี่สะใภ้วนรถมารอรับแล้ว

น้องมือเย็นมาก พรึกเอ็นดู ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นละ

ทั้งคู่เดินไปขึ้นรถแลนด์โรเวอร์หน้าหล่อสีเทาที่เปรอะโคลนนิดๆ พรึกดันก้นน้องขึ้นไปก่อน พลัมตัวไม่ใหญ่มาก พอมาอยู่กับรถคันโตๆ แบบนี้แล้วมันดูปุ๊กปิ๊กน่ารักอย่างไรก็ไม่รู้ หรืออาจจะเป็นฟิลเตอร์หลงแฟนของพรึกเองก็ได้ที่ไม่ว่าน้องทำอะไรก็น่าเอ็นดูไปหมด

“พี่ภพ พี่กรีน นี่พลัมครับ...แฟนผม”

“พลัม นี่พี่ชาย กับพี่สะใภ้คุณพรึกครับ”

เด็กน้อยยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ภพกับกรีนรับไหว้ด้วยรอยยิ้ม แล้วออกรถ

“จะแวะซื้ออะไรก่อนมั้ย หรือเข้าบ้านเลย แม่ทำขนมจีนน้ำเงี้ยวไว้รอแล้ว พวกพี่ก็ลาภปากไปด้วย” ภพขับรถเบรกๆ หยุดๆ เดี๋ยวนี้เชียงใหม่เองก็การจราจรติดขัดไม่แพ้กรุงเทพ

“ไปที่บ้านเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวพรึกค่อยพาหนูพลัมออกมาเดินเล่นในเมืองตอนเย็นๆ เอง”

เจ้าบ้านพยักหน้า แล้วเบี่ยงพวงมาลัยพาทุกคนไปยังถนนเลียบแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพ่อแม่พรึก และภพที่แยกออกมาตั้งโฮมออฟฟิศรับออกแบบบ้านเพราะทั้งตัวเองและภรรยาเป็นสถาปนิก

รถคันใหญ่จอดลงหน้าตึกโมเดิร์นลอฟต์ปูนเปลือยที่เป็นสำนักงาน พรึกบอกว่าบ้านหลังเดิมต้องเดินเข้าไปอีกหน่อย พลัมลงมาจากรถ พอลึกเข้าไปในพื้นที่ของตระกูลแดดก็เริ่มอ่อนลง เพราะมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นปกคลุมไปทั่ว สมกับเป็นบ้านเก่าที่อยู่มานาน

พลัมชอบบรรยากาศที่เหมือนหลุดมาอีกโลกแบบนี้ หญิงสูงวัยหน้าตาใจดียืนปาลูกบอลอยู่กับ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ตัวใหญ่ที่ลานหน้าประตูบ้าน

“นั่นแม่ กับข้าวโพด” พรึกแนะนำ

มารดาของพรึกเงยหน้าขึ้นมอง แล้วบอกเจ้าสี่ขาขนฟูให้หยุดเล่นก่อน ข้าวโพดเองก็แสนรู้คาบบอลไปยัดใส่มือพลัมเป็นการผูกมิตรเสียอย่างนั้น

“พี่หมา ตัวฟูมากเลย พลัมกอดหน่อยนะ” น้องย่อตัวคุกเข่าแล้วอ้าแขนกอดๆ ข้าวโพดครางหงิงได้เพื่อนใหม่แล้ว เย่

“ลูกตาภพไปเรียนซัมเมอร์ ไม่มีใครเล่นด้วยเลยอ้อนไปทั่ว” คนเป็นแม่เปรย พลัมสะดุ้งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้สวัสดีผู้ใหญ่ ก็บอกลาเพื่อนใหม่ก่อน แล้วเดินเข้าไปใกล้แม่คุณพรึกเพื่อทำความเคารพ

“หนูพลัมใช่มั้ย ยินดีต้อนรับนะลูก”

“พลัมกอดข้าวโพดไปแล้ว แต่พลัมอยากกอดคุณป้าด้วยได้มั้ยครับ”

“ฮื้อ!! เรียกป้าแล้วจะให้กอดได้ยังไง เรียกแม่สิลูก เรียกเหมือนตาพรึกนั้นแหละ”

“คุณแม่” พลัมยังไม่ชินปาก แต่พอเรียกแล้วก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นรุนแรงพุ่งเข้าจู่โจมหัวใจ แม่กอดพลัมแน่นๆ อยู่นาน ส่วนเจ้าตัวเล็กเองก็สัมผัสได้ถึงความใจดี จนครู่หนึ่งคนสูงวัยกว่าก็ตบบ่าเบาๆ แล้วคลายกอด

“คุณพ่อเขาออกไปเม้าท์ที่ร้านกาแฟแถวนี้ เดี๋ยวแม่ตามกลับมากินข้าวก่อน” ว่าแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากด

“คุณแม่น่ารัก พี่ภพ พี่กรีน ข้าวโพดก็น่ารัก” พลัมหันไปกระซิบกับคนข้างๆ

“คุณพรึกละ”

“คุณพรึกหล่อ อบอุ่น หุ่นหมี มีมอนสเตอร์ใหญ่”

“ทะลึ่งจังเลยเด็กคนนี้” มือพรึกบีบเข้าที่ปากช่างพูด

คู่รักหยอกล้อกันงุ้งงิ้ง ผู้ใหญ่ที่จับตามองอยู่ส่ายหน้าด้วยความเหม็นเบื่อ ตอนแรกที่พรึกอัพเดทครอยครัวว่าคบกับเด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าหลายปี ที่บ้านก็มีแอบกลัวว่าจะไม่รอด แต่พอมาเห็นเขาจุ๊งจิ๊งกันก็...เอ้อ น่ารักเข้ากันดี

ไม่นานเสียงมอเตอไซค์เบาๆ ก็มาจอดหน้าบ้าน คุณพ่อของอาจารย์หนุ่มเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น พลัมรีบยกมือไหว้ ดวงตาคมที่เหมือนคุณพรึกเป๊ะ แต่ผ่านกาลเวลามานานกว่ามองสำรวจแล้วก็ยิ้มมุมปาก มันขาวมันใสน่าเอ็นดูไปหมด

“ไปหลอกน้องเขามาได้ไงะพรึก” พ่อแซว

พรึกเข้าไปกอดพ่อด้วยความคิดถึงแล้วบอกด้วยรอยยิ้ม “ก็ผมหล่อ เด็กมาติดเป็นธรรมดา”

พี่กรีนถอนหายใจ พอกันตอนพี่ภพพาเธอเข้าบ้านก็แบบนี้ ยอมรับว่าหน้าตาดีเป็นกรรมพันธุ์ แต่ความหลงตัวเองนี่ต้องถ่ายทอดผ่านดีเอ็นเอด้วยมั้ยล่ะ

“น้องพลัมไปช่วยพี่กับแม่จัดโต๊ะดีกว่า ปล่อยหนุ่มๆ เขาทักทายกันก่อน” กรีนชวน พลัมพยักหน้ารับแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย

“มาอยู่กี่วันคะ”

“นอน 5คืนครับ คุณพรึกกับพลัมจะเปิดเทอมแล้ว”

กรีนพยักหน้ารับ

“พี่กรีน พลัมต้องหัดทำอาหารเหนือไว้ให้คุณพรึกทานมั้ย”

คราวนี้หญิงสาวถึงกับหัวเราะร่วน เธอเป็นสาวเหนือจึงพอทำเป็นอยู่บ้างแต่ไม่ได้เก่งมากนัก แต่ภพก็เรียกร้องให้ทำให้ทานบ้างเหมือนเป็นการเติมเต็มความหวานให้ชีวิตคู่

“คุยอะไรกันคะเด็กๆ” แม่คุณพรึกเข้ามาร่วมวงด้วย

“แม่สอนน้องทำของชอบน้องพรึกหน่อย”

แม่ยิ้มแบบเหมือนจะเห็นคำว่าแหม...พุ่งออกมา

“เจ้าพรึกจะปล่อยให้มาเข้าครัวเร้อ...แม่ว่าน่าจะกระเตงพาน้องไปเที่ยวเสียมากกว่ามั้ง เห็นว่าไม่เคยมาเชียงใหม่เลยใช่มั้ยลูกพลัม”

“ครับ แต่พลัมก็อยากทำเป็นสักอย่างสองอย่าง เอาไว้ล่อคุณพรึกกลับบ้าน เดี๋ยวคบกันไปนานๆ เกิดไปติดกับข้าวที่อื่น บ้านช่องไม่กลับจะทำยังไงละครับ”

มันพูดเก่งอ้อนเก่ง แม่นี้อดหยิกแก้มไม่ได้

“เดี๋ยวแม่กักตัวไว้ แล้วสอนอันที่ทำง่ายๆ ให้”

“เย่ ขอบคุณครับ”

“ป่ะ ไปช่วยพี่กรีนเขาตักเส้นขนมจีนใส่ถ้วย แม่ไปอุ่นน้ำแกงหน่อย”

“ครับ” พลัมรับคำพยักหน้า

เมื่ออาหารพร้อม พี่กรีนก็ไปตามหนุ่มๆ เข้ามาร่วมโต๊ะ ข้าวโพดมาป้วนเปี้ยนด้วย

“พี่หมาอยากกินอะไร” พลัมก้มลงไปถาม

“ข้าวโพดมันอ้วนเป็นหมีแล้วค่ะ เดี๋ยวให้มันกินมื้อเย็นทีเดียว” พรึกปราม อ้อนเก่งนัก

พลัมทำตาปริบ หันไปส่ายหน้ากับข้าวโพดว่าช่วยไม่สำเร็จ แต่มันก็ไม่ว่าอะไรแถมยังส่งยิ้มซื่อๆ มาให้พลัมด้วย



หลังมื้อเที่ยง แม่กับพ่อเรียกพลัมและพรึกไปคุยด้วย

“พ่อกับแม่ฝากพี่พรึกด้วยนะ ถ้าตกลงว่าจะอยู่ด้วยกันแล้วก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน หนักเบาอภัยกันได้ก็ทำนะลูก จะได้อยู่ไปด้วยกันนานๆ” คุณพ่อบอกเบาๆ แล้วหยิบซองเอกสารอันหนึ่งยื่นให้พลัม

“พ่อกับแม่รับขวัญเข้าบ้านนะ” พลัมรับมาแล้วเปิดดูอย่างงงๆ

“โฉนดที่ดินหรือครับ” เด็กน้อยเห็นตาครุฑและรูปวาดลายเส้นพื้นที่สี่เหลี่ยม

“อือ แปลงข้างๆ นี่แหละ เผื่อเบื่อกรุงเทพอยากมาอยู่เชียงใหม่ก็จะได้มาอยู่ด้วยกัน”

“คุณพ่อให้คุณพรึกเถอะครับ พลัมไม่กล้ารับ พลัม...” น้องหันไปหาพรึกให้ช่วย เขาไม่คิดว่าจะต้องมามีสินสอดอะไรแบบนี้หรอก ถึงอย่างไรเขาก็รักคุณพรึก และอยากอยู่กับคุณพรึกด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว

“ถือว่าเป็นความจริงใจจากพ่อจากแม่นะ ที่รักหนูเอ็นดูหนูเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน” แม่ช่วยพูด “เดี๋ยวก็พากันไปเซ็นเปลี่ยนชื่อกันให้เรียบร้อยที่ที่ดินนะลูก”

พลัมยังทำหน้าไม่ถูก แม่เลยจับมือมากุมแล้วบอกว่า “ผู้ใหญ่ให้ของต้องรับห้ามปฏิเสธ”

“ก็ได้ครับ”

“แล้วนี่เช็ค พ่อให้เป็นขวัญถุงแต่งงาน ถึงเราจะไม่ได้จัดงานแต่งเป็นจริงเป็นจังก็เถอะแต่พ่อก็ให้เก็บไว้ในบัญชีหนูพลัม เผื่อวันไหนจำเป็นต้องใช้พลัมจะได้ไม่ลำบากนะลูกนะ”

ตัวเลขที่ปรากฏไม่มากไม่น้อย แต่ก็ทำให้อยู่สบายๆ โดยไม่ต้องทำงานได้เป็นปี พลัมลุกจากเก้าอี้ไม้สัก แล้วทรุดลงไปนั่งพับเพียบ ก้มลงกราบแทบเท้าบุพการีทั้งสอง

“พลัมขอมาเป็นลูกบ้านนี้ด้วยนะครับ” คำพูดเรียบง่ายแค่นั้นแต่ทำเอาคุณแม่น้ำตาไหล ส่วนคุณพ่อก็พยักหน้าอย่างเอื้อเอ็นดู

พลัมไม่ได้อยากมาเป็นลูกบ้านนี้เพราะของกำนัลมากมายที่พ่อกับแม่มอบให้ แต่เพราะความให้เกียรติ ความเห็นคุณค่าในตัวพลัม และให้อิสระในความรักของพลัมกับคุณพรึก ทำให้พลัมรู้สึกว่าบ้านนี้น่าเคารพและน่าอยู่

“มาเป็นครอบครัวเดียวกันลูก”

พลัมกอดคุณแม่อีกครั้ง คุณพ่อก็ลูบผมอย่างเอ็นดู ดีใจจังที่อยู่ๆ ครอบครัวพลัมก็ใหญ่ขึ้นเป็นกอง

“พลัมครับ คุณพรึกก็มีอะไรจะให้หนูนะ” พระเอกของเรื่องขอซีนบ้าง พลัมผละจากเอวคุณแม่หันไปมอง พรึกนั่งลงมาใกล้ๆ แล้วหยิบกล่องหนังเรียบหรูออกมา เขาเปิดมันช้าๆ ด้านในบรรจุแหวนสองวงเคียงกัน

“ให้พ่อแม่เราสองคนเป็นพยานนะครับ”

“อยู่กับพี่ไปนานนานนะคะ อยู่เป็นบ้านให้พี่ชื่นใจ”

พลัมน้ำตาไหลอีกครั้ง น้องเม้มปากแล้วพยักหน้ารับ

“กรีน ภพ! มาถ่ายรูปนาทีชีวิตไว้ให้น้องหน่อย หลังจากนี้ไอ้พรึกไปไหนไม่รอดแล้ว” พ่อเรียกเสียตัดอารมณ์ซึ้งของทุกคน พลัมเองยังหัวเราะทั้งน้ำตา

พรึกผ่อนคลายลงอีกหน่อย ทั้งที่คิดว่ามันเรียบง่ายนิดเดียว แต่พอได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ ได้มองหน้าน้องที่น้ำตาไหล มือเขาเองก็พาลจะสั่นเอาดื้อๆ

“เพชรเม็ดไม่ใหญ่ แต่เพชรแพงนะครับ” พรึกบอก เล่นเอาพี่กรีนฮาไปอีก

“แต่ของพี่อ่ะ เม็ดไม่ใหญ่แล้วก็ไม่แพงด้วยครับ” ภพช่วยรับมุก แล้วรวบเอามือซ้ายของภรรยาไปโชว์ตรงหน้าพลัม

“โอ้ยไอ้คู่นี้ก็เล่นเป็นเด็กๆ” คุณพ่อกุมขมับ

“เอ้าจะสวมแหวนก็ทำซะให้มันเป็นเรื่องเป็นราว” เสียงขรึมว่า

พลัมยื่นมือไปตรงหน้าพรึกอย่างสั่นๆ พรึกเองก็กลืนน้ำลายเหนียวหนืดอย่างยากลำบาก

นิ้วมือใหญ่ประคองแหวนให้ไหลผ่านข้อนิ้วไปช้าๆ สุดท้ายสัญลักษณ์ของการเป็นผู้กุมหัวใจกันและกันก็ประทับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของคนทั้งคู่

พลัมก้มลงกราบตักคุณพรึก ขอบคุณที่รักและเอ็นดู พรึกเองก็รวบน้องเข้ามากอด เป็นคู่กันแล้วก็จับจูงเดินไปเสมอกันไม่มีใครก้าวนำก้าวตาม

“จูบเลยๆ” ภพเอ่ยอย่างคึกคัก ข้าวโพดเองก็ส่งเสียงเห่ารับ เหมือนรู้ว่านี่เป็นเรื่องน่ายินดี กรีนโอบเจ้าหมาอ้วนของบ้านมาลูบหัวเบา แล้วบอกมันว่า “พี่คนใหม่ของบ้าน อย่าดื้ออย่าซนกับพี่เค้านะคะ”

บ๊าว!

“ส่วนฤกษ์ผูกข้อมือที่พรึกอยากให้แม่กับพ่อลงไปที่กรุงเทพฯ ได้วันเมื่อไหร่ก็บอกมา”

“ครับ พ่อแม่น้องจะได้วางใจด้วยว่าส่งลูกมาให้ถูกคนแล้ว”

“มั่นใจอะไรขนาดนั้นพ่อคุณ” ภพแซว

“ผมก็ได้พี่มาทั้งนั้น ใช่มั้ยครับพี่กรีน”

“พอกันทั้งพี่ทั้งน้องค่ะ”

พลัมอมยิ้ม ความสุขมันเป็นแบบนี้แหละ มันเป็นแบบนี้ ^^



เวลาไม่กี่วันที่พลัมอยู่ที่เชียงใหม่เด็กน้อยพยายามตื่นแต่เช้ามาตักบาตรกับคุณแม่ บางวันก็ไปเดินจ่ายตลาดด้วย คุณแม่ก็แนะนำกับคนที่เข้ามาทักทายว่าเป็นคนรักคุณพรึกอย่างไม่ปิดบัง ผู้ใหญ่บางคนทำหน้าปะหลาดเหมือนยังรับไม่ได้ แต่หลายๆ ท่านก็เอ็นดูและเข้าใจ ส่วนแม่ก็สตรองมากไม่สนไม่แคร์หรอกถ้าใครจะทักท้วงว่าไม่เหมาะ แม่บอกว่าลูกแม่ แม่เลี้ยงมา รู้ว่าพรึกมีความรับผิดชอบและคิดเองได้แล้ว ไม่ต้องให้คนนอกครอบครัวมาคอยสั่งสอน และแม่ก็มีความสุขดีที่พลัมเป็นเด็กสดใสน่ารัก เหมือนได้ลูกคนเล็กเพิ่มมาในบ้านอีกคนไม่มีผิด

สายๆ ของแต่ละวันพลัมก็จะเรียนทำอาหาร แม่สอนทำน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แกงฮังเล แล้วก็ขนมจีนน้ำเงี้ยว แม่จดสูตรไปให้อย่างละเอียดด้วย และถ้าถึงวันที่จะทำแล้วทำไมได้ ก็ค่อยโทรมาถามไถ่ แม่จะได้ไม่เหงา

พรึกเห็นแม่กับพลัมเข้ากันได้ดีก็มีความสุข ชีวิตเขาเหมือนถูกเติมเต็มแล้ว เวลาที่เหลือก็แค่ประคับประคองให้มันมีความสุขเพิ่มขึ้นทุกวันเท่านั้นเอง

ถึงกำหนดกลับกรุงเทพฯ พลัมได้ของเสบียงจากแม่ไปหลายกระปุก รวมทั้งพวกไส้อั่วที่ขนไปฝากมัมมัมเบลด้วย พี่ภพขับรถไปส่งที่สนามบินเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือไอ้ตัวโตขนสีทองนั่งหน้าสลอนมาด้วย พลัมทำตาปริบๆ ยามต้องโบกมือลาข้าวโพด พรึกเห็นแล้วก็รู้ว่าสงสัยคงต้องพามาบ่อยๆ แล้วกระมัง ก็ดีที่น้องเข้ากับบ้านเขาได้ดี



วันเวลาค่อยๆ ผ่านไปคู่รักกลับมาใช้ชีวิตในรูปแบบปกติ พลัมเปิดเทอม ขึ้นปีสี่แล้ววิชาเรียนน้อยลงก็จริงแต่งานโปรเจคต์สำหรับแต่ละเทอมก็เข้มข้นมากขึ้น ส่วนพรึกก็ยังทำงานปกติ ขาดแค่ในคลาสไม่ได้มีเด็กตาใสมานั่งจ้องเหมือนก่อนอีกแล้ว

คิวกับเบลก็คบกันจริงจัง เป็นความรักที่เรียบง่ายไม่หวือหวา แต่ก็ไม่เคยมีความสุขน้อยลงเลยในแต่ละวัน

ในที่สุดฤกษ์ผูกข้อมือของพลัมกับพรึกก็มาถึง ทุกคนไปรวมตัวกันเพื่อทำพิธีสงฆ์ที่วัด พระท่านสวดเจริญพระพุทธมนต์ และสวดบทมลคลสูตรให้ จากนั้นก็ถวายอาหารเพล และดำเนินการอื่นๆ ต่อจนครบขั้นตอนพิธีมงคล

พรึกกับพลัมผูกข้อมือรับพรจากผู้ใหญ่เรียบร้อยก็พากันเดินไปไหว้พ่อกับแม่พลัมที่ด้านหลังวัด แต่กลับปรากฎร่างของอีกบุคคลที่คุ้นตา

“คุณแคมป์?” พลัมหันไปกระตุกชายเสื้อพรึก เบลกับพันวาที่มาร่วมงานด้วยก็มองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วน

ร่างสูงของนักธุรกิจหนุ่มมีชื่อเสียง บัดนี้ดูไม่สง่าผ่าเผยเท่าไหร่ เขาเดินมาไหว้ญาติผู้ใหญ่ทั้งหมด แล้วมองมาที่หน้าของพลัม

“ยินดีกับหนูด้วยนะ” แคมป์เอ่ยเสียงเรียบๆ แล้วยื่นเอกสารบางอย่างให้ พลัมรับมาอย่างงุนงง

“หุ้นบางส่วนจากพี่ ให้หนูในฐานะน้องของแพร”

“พลัมไม่อยากได้”

“ที่จริงพี่จะให้น้องพีช แต่ก็ไม่ทันแล้ว พลัมรับไว้เถอะ”

พลัมพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกไปอย่างไร

“ขอโทษมึงด้วยพรึก ที่ทำให้ต้องรับผิดชอบความรู้สึกแย่ๆ มานาน”

พรึกส่ายหน้า วันก่อนที่คุยกับพลัม พลัมอโหสิ เขาก็ไม่ติดใจเอาความ

“แล้วมึงโอเคมั้ย”

แคมป์ส่ายหน้า “กูเลิกกับอิงอรละ ฟ้องหย่าแบ่งสมบัติอยู่ ปวดหัวชิบ”

คราวนี้เบลกับพันวาตาค้างบ้าง

“แม่กูกดดันเขาเรื่องอยากได้หลาน อรเลยอาละวาดใหญ่ กูเลยบอกพ่อกับแม่ว่ากูก็ไม่ไหวแล้วขอเลิก”

“แล้วพ่อแม่มึงยอม”

“เขาคงเห็นกูไม่ไหวแล้วมั้งเลยคิดได้”

“แล้วหลานพ่อแม่มึงอ่ะ”

แคมป์ส่ายหน้า “ตอนกูมีก็ไม่รักษาไว้ไง จะมาเรียกร้องตอนนี้ก็คงไม่ได้”

พลัมหันไปกระซิบกับพรึกว่าน่าสงสาร

“แล้วนี่มึงมาหาแพรหรอ” เบลถาม

“อือ...กูมาขอโทษแล้วก็...มาบอกรัก” แคมป์ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วก้มมองบางอย่างที่ห้อยไว้กับสร้อยคอ มันเป็นแหวนหน้าตาเหมือนกันสองวง

“ถ้าตอนนั้นกูสู้ไปกับแพร ตอนนี้กูคงมีความสุขเหมือนไอ้พรึกกับหนูพลัม”

เบลกับพันวาตบบ่าไหล่เพื่อนเบาๆ ถึงมันจะทำผิด แต่เพราะคำว่าเพื่อนก็ทอดทิ้งไม่ได้เช่นกัน

“ยังไงก็รับพี่เป็นพี่เขยได้มั้ยครับ”

พลัมอ้าแขนกอดแคมป์ ผู้ชายที่เคยแข็งแกร่งก็ร้องไห้เป็นเด็กเลย วันเวลาไม่เคยหวนกลับ บางครั้งโอกาสในชีวิตก็มีแค่ครั้งเดียว

“พี่แคมป์ นับจากนี้ไปมีความสุขได้แล้วนะครับ”

“พี่แพรรักพี่ น้องพีชรักพี่ เพราะฉะนั้นพวกเขาคงอยากเห็นพี่มีความสุข”

“พี่จะพยายาม ขอบคุณที่พลัมไม่โกรธพี่นะ”

พลัมพยักหน้า คนที่น่าสงสารที่สุดได้รับการปลดปล่อยสักที



TBC


ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
Chapter 25



ชายวัยสามสิบกว่าสองคนนั่งกุมขมับอยู่ในร้านคาเฟ่ข้างตึกออฟฟิศสูงใหญ่ย่านสาธร พลัมกับคิวสอบเสร็จแล้วยังไม่ทันได้นอนให้ครบ 12ชั่วโมงด้วยซ้ำก็ต้องเข้าทำงานต่อทันที เอเจนซี่โฆษณาที่ทั้งสองคนฝึกงานทาบทามไว้ตั้งแต่ยังอยู่ปีสี่ และต้องการตัวมาช่วยงานให้ไวที่สุด

สองคนแก่ที่หวังจะกอดฟัดเด็กให้อิ่มเอมใจหลังจากน้องเป็นซอมบี้ช่วงทำโปรเจตจ์จบ กลายเป็นว่าฝันสลายลงไปกับตา ได้แต่นั่งมองหน้ากันรอรับน้องกลับบ้าน

“ได้กินลูกกูไปสักคำสองคำหรือยัง”

พรึกส่ายหน้าพรืด

“มึงละเบล”

“ก็กูเชื่อมึงไง ถือศีลรอน้องรับปริญญา แล้วเป็นไงนั่งแห้งอยู่เนี่ย”

“ดูทรงหลังรับปริญญาก็ไม่น่าได้กิน”

“ตบปากมึงตามอายุเดี๋ยวนี้อย่ามาพูดให้เป็นลางไม่ดีนะโว้ย” เบลเยี่ยมแทบจะข้ามโต๊ะไปทึ้งหัวพรึก



แล้วคำพรึกก็แสนจะศักสิทธิ์ ช่วงเวลาสามเดือนตั้งแต่วันที่สอบเสร็จยันรับปริญญา พลัมกับคิวก็หัวหมุนกับงานจนแทบลืมไปเลยว่าใบปริญญามันสำคัญอย่างไร สองหนุ่มโบ้ยให้กะทิจัดเตรียมทุกอย่าง เนื่องจากเพื่อนสาวเตรียมไปต่อโทที่อังกฤษ ยังไม่ได้เข้าทำงานเลยว่างกว่าใครทั้งกลุ่ม เธอจัดการจองโรงแรมเพื่อใช้แต่งหน้าทำผม จองช่างภาพให้เสร็จสรรพ ขนาดชุดครุย กะทิยังขับฝ่ารถติดไปรับให้ที่ท่าพระจันทร์เลย

วันซ้อมและวันรับจริงพลัมลางานไปซึ่งนับว่าเป็นหายนะอยู่พอสมควร เนื่องจากจำนวนงานจะพอกพูนไปอีก

พรึกและเบลทำหน้าที่แฟนที่ดี ขับรถไปส่งน้องที่โรงแรมแต่เช้ามืดให้ช่างแต่งหน้าทผมให้ จากนั้นก็ส่งตรงถึงหน้าประตูหอประชุม พรึกเองที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยก็ต้องสวมครุย รอแสดงความยินดีกับลูกศิษย์ แต่ช่วงที่ทุกคนเข้าหอประชุมไปแล้วก็ปลีกตัวไปนั่งกินข้าวรอที่โรงอาหารเป็นเพื่อนเบลได้ ทั้งคู่ดูถ่ายทอดสดบัณฑิตที่ขึ้นรับปริญญาบัตรไปด้วยกันอย่างปลื้มปริ่ม

พรึกจำเด็กๆ หลายคนได้ จบกันไปแล้วอีกรุ่น เขาก็มีหน้าที่ส่งรุ่นต่อๆ ไปให้ถึงฝั่งฝัน

พอถึงเวลาที่เด็กน้อยทั้งคู่ออกจากหอประชุม ผู้ใหญ่สองคนก็เดินหน้าตื่นเต้นไปหาพร้อมช่างภาพ

เอาจริงคุณพรึกกับคุณเบลตื่นเต้นกว่าพลัมกับคิวไปอีก

ช่างภาพเรียกให้ไปถ่ายรูปกันที่มุมสวยๆ ของมหาวิทยาลัย พรึกอยู่กับพลัมช่วงหนึ่ง ช่วยถือของและรับแขกให้ เพื่อนๆ ที่พึ่งรู้ถึงความสัมพันธ์ของอาจารย์สุดหล่อกับพลัมก็แซวกันใหญ่โต ร้อนให้พลัมต้องจุ๊ปากด้วยเกรงว่าคุณพรึกจะถูกมองไม่ดี

สักพักคุณพรึกก็ต้องขอปลีกตัวไปที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เพราะตามธรรมเนียมจะมีเด็กๆ ไปขอถ่ายรูปด้วย ร่างสูงรับเอาของขวัญชิ้นโตๆ ของพลัมไปเก็บที่รถก่อน ฝากเจ้าเด็กน้อยไว้กับมัมมัมเบล แล้วนัดเจอกันตอนเย็น

นับเป็นอีกหนึ่งวันที่เหนื่อยแต่ก็มีความสุข พลัมได้รับความรักมากมายจากคนรอบตัวที่มาในรูปแบบคำพูดแสดงความยินดี ข้อความในการ์ด ช่อดอกไม้

ป้าบัว พี่แบงค์ พี่แบม มาถ่ายรูปพร้อมขนมของโปรดพลัมที่ป้าบัวทำมาฝาก

พี่ภพกับพี่กรีนยังเป็นตัวแทนคุณพ่อคุณแม่บินเอาของขวัญลงมาให้

“ข้าวโพดก็อยากมา แต่พี่ยัดกระเป๋ามาไม่ได้จริงๆ” ภพพูดติดตลก

สองสามีภรรยาอยู่ถ่ายรูปและพูดคุยด้วยไม่นาน ก็ตีรถกลับไปสนามบิน เพื่อบินกลับเชียงใหม่ พลัมเห็นความพยายามและความจริงใจนั่นแล้วก็ปลื้มปริ่ม

แคมป์ก็มาแสดงความยินดีพร้อมลูกโป่งช่อโต เขาบอกว่าเลขาฯ รายงานว่าเด็กสมัยนี้ชอบ พลัมขอบคุณและถ่ายรูปด้วยอย่างไม่ติดใจอะไรแล้ว ซึ่งมันก็โล่งดี โล่งกว่าหลายๆ ปีที่พลัมแสร้งคิดว่าตัวเองเข้มแข็ง ทั้งที่จริงก็ยังเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่ในใจ

แคมป์ให้ของขวัญอีกอย่างพลัมคือใบแสดงรายชื่อผู้บริจาคเงินสนับสนุนให้แผนกเด็กอ่อนโรงพยาบาลในจังหวัดห่างไกล ยอดเงินหลายบาทและหลายโรงพยาบาล แคมป์บอกว่าเขาคงมุ่งมั่นทำบุญสายนี้ แต่ก็ให้เป็นชื่อพลัม

คุณพันวาก็แวะมาเฝ้าเป็นเพื่อนมัมมัมเบล โดยคุณพันวาให้เหตุผลว่าอยากมาอ่อยเด็กๆ ดูบ้างเผื่อจะได้อะไรงุ้ยๆ กลับไปให้ชุ่มชื่นหัวใจ

คนรักพลัมมากมายจนโอบอุ้มหัวใจชุ่มชื่นไปหมด พลัมมีความสุข

พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แสงธรรมชาติหมดแล้ว บัณฑิตทุกคนโบกมืออำลาสถานศึกษาที่มอบวิชามาตลอด 4ปี สถานที่ที่ไม่ใช่ให้แค่ความรู้ แต่ยังสอนวิธีดำเนินชีวิต ที่มาพร้อมมิตรภาพอีกมากมาย พลัมได้แต่นึกขอบคุณตัวเองที่เขาใช้ 4ปีในที่แห่งนี้ได้อย่างคุ้มค่า และก็เป็นเหมือนรากฐานที่ดีให้เขาได้ทำงานที่ชอบต่อไป

พรึกที่อยู่แสดงความยินดีกับบัณฑิตที่คณะจนครบแล้วก็เดินมาหาหนูพลัมตามนัด เก็บภาพสุดท้ายด้วยกัน แล้วค่อยกลับไปพร้อมหัวใจที่อิ่มเอม

อาจารย์หนุ่มขับรถมาจอดที่คอนโด ขนเอาบรรดาของกำนัลจากทุกคนขึ้นไปเก็บที่ห้องน้อง แล้วก็นึกฮึกเหิมในใจ ที่เฝ้าถนอมมาสองปีกว่า เนื้อเน้นๆ ก้นเด้งๆ สุกงอมแล้วจ้า พร้อมหมับให้ฉ่ำมือ

ความเป็นคนดีของอาจารย์พรึกเหมือนจะสะบั้นขาดลงแล้ว!

ร่างสูงนึกครึ้ม เข้าไปช่วยน้องถอดชุดครุย แล้วก็ชุดพิธีการด้านใน พลัมเห็นพรึกมาแปลก แต่คิดว่าคุณพรึกดูแลดีตามปกติก็ปล่อยให้อีกฝ่ายค่อยๆ ปลดกระดุมออก

เสื้อสีขาวโดนดึงออกจากแขนไปโยนลงตะกร้า กางเกงเองก็ลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า พลัมสะท้านเยือกขึ้นมานิดหน่อย เมื่อต้องมาเปล่าเปลือยอยู่ภายใต้สายตา...หิวโหย

“แช่น้ำอุ่นด้วยกันมั้ยครับคุณพรึกผสมให้”

แค่จินตนาการว่าได้ขบเม้ม แทะเล็มหัวไหล่น้องในอ่างช้าๆ หอมกลิ่นอโรม่าอ่อนๆ มอนสเตอร์ของพรึกก็นึกอยากเคารพธงชาติแล้ว คืนนี้มันคือเข้าหอชัดๆ

Life is complete

หรา...พรึก

“ไม่ได้ครับ พลัมต้องรีบอาบน้ำคืนนี้มีปิดผับเลี้ยงบัณฑิต”

พรึกตาลอย ธรรมเนียมคณะพลัมเขาต้องรื้อให้หมด เขาจะฟ้องอธิการบดี!!!

“แล้วยังไงอ่ะ” สองมือที่ยกขึ้นเตรียมหมับ คว้าได้แต่อากาศเท่านั้นแหละ

“พลัมก็ต้องไปสิครับ ทำงานมาสามเดือนเครียดเหมือนสามปี ขอไปปลดปล่อยหน่อยเถอะครับ จังหวะสุดท้ายที่จะได้สนุกกับเพื่อนแล้วครับ”

“แล้วคุณพรึกล่ะ” คุณหมียกนิ้วจิ้มหน้าอกตัวเองอย่างน่าสงสาร

“คุณพรึกก็มารับพลัมไงครับเที่ยงคืน หรือจะไปแดนซ์ด้วยกัน แต่มีแต่เด็กๆ คณะพลัมนะ ทั้งรั่วทั้งแรง พลัมว่าคุณพรึกไปแล้วน่าจะไม่สนุกเท่าไหร่”

“ครับแฟน” พรึกหันหน้าเข้ามุม ลงไปนั่งกอดเข่าน้ำตาซึม

“งั้นพลัมอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะครับ”

น้องปิดประตูห้องน้ำไปอย่างไร้เยื่อขาดใย ไม่เป็นไร อย่าพึ่งให้เด็กตื่น เรายังมีเวลา พรึกปลอบใจตัวเอง คืนนี้ปล่อยน้องไปสนุกกับเพื่อนก่อนก็ได้ หึหึ ไหนๆ ก็เป็นคืนสุดท้ายแล้วที่พวกเด็กๆ จะอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นพลัมก็จะเป็นของพรึกอย่างถาวร พี่จะทำให้น้องจำว่าใครคือผัวหนู!!

...

แต่ก็สงสารเขานะครับ เพราะวันที่พรึกรอคอยไม่มีอยู่จริง!!!

หลังจากปาร์ตี้คืนนั้นที่น้องกลับมาสลบแบบซ้อมตาย พลัมก็ยังยุ่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยงานที่เยอะเพราะกำลังเตรียม Pitching Project ใหม่ และพลัมเองก็ยังทำงานได้ไม่คล่องแคล่วเท่ามือเก๋าๆ อย่างพี่มิ้ม บางวันเลยต้องอยู่โยงจนดึกเพื่อเคลียร์ให้เสร็จ แถมบางครั้งก็ขนกลับมาทำที่บ้านด้วย

แล้วพอพรึกจะเข้าไปหมับ น้องก็ทำหน้าเหนื่อยใส่ ตากลมๆ นั้นน่าสงสารเกินกว่าจะรังแก ได้แต่หอมหัวแล้วบอกว่า ‘โอ๋นะคะ เดี๋ยวคุณพรึกไปอุ่นนมร้อนให้’

‘เมื่อยหรือคะ คุณพรึกนวดให้’

‘ง่วงหรือคะ คุณพรึกตบตูดนอนเนาะ’

เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว...ยักเว้น ‘ผัว’ ที่น้องไม่ยอมให้เป็นสักที อุแง้

ตอนที่ว่างก็ไม่รู้จักจะหมับๆ ใครจะคิดว่าเด็กน้อยของเขาจะยุ่งไวขนาดนี้ กลายเป็นว่าหลังจากนี้คงต้องเป็นพรึกเสียเองที่ ‘อ่อย’ น้อง ไม่งั้นมีหวังไม่ได้กินน้องไปตลอดชีวิต

พรึกกางตำราใหม่ ‘ทฤษฎีอ่อยเธอ’ ฉบับคุณหมีต้องเริ่มแล้วล่ะ!!!



— จบบริบููรณ์ ---



เย่ ในที่สุดก็ถึงตอนจบ อย่าเพิ่งปาอะไรใส่ไรต์​นะคะ ที่ให้คุณพรึกไม่ได้หมับน้อง เพราะเป็นความหมั่นไส้ล้วนๆ ค่ะ ตอนน้องอ่อยก็ไม่ยอมทำ นี่น้องหมดโปรแล้วคุณก็อดกินไปสิ!! ก่อนจากกัน ขอขอบคุณทุกคนเลยที่อยู่ด้วยกันมาถึงตอนนี้นะคะ หวังว่าใน #ทฤษฎีอ่อยเธอ จะทำให้ยิ้มกันได้นะคะ

-------------------------
และขออนุญาต แจ้งข่าวนิดนึงค่ะ เรื่อง ทฤษฎีอ่อยเธอ รวมเล่มตี พิมพ์กับ อ่านนานสำนักพิมพ์ นะคะ (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ในทวิตเตอร์ไรต์ได้นะคะ @sweeterthansw)

ในเล่มมีตอน พิเศษ 9 ตอนน๊า ต้องขอลงแค่ในเล่มนะคะ ไม่มีลงออนไลน์ ตัวอย่างตามด้านล่างเลยค่ะ


อ่อยพิเศษ 1 : อ่อยแบบหมี

“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าครับ” น้องถาม

“ช่วงนี้คุณพรึกรู้สึกกล้ามแน่นๆ ใส่เสื้อแล้วมันคับๆ หนูลองจับดูมั้ย”

“ไม่ตื่นเต้นหน่อยหรือครับ”

อีกาบินผ่าน ก๊า กา ~



อ่อยพิเศษ 2 : คืนเข้าหอ

“แซ่บ”

“ยกแรกในห้องน้ำ ยกสองบนโซฟา ยกสามที่เตียง ยกสี่ระเบียง ดีมั้ยพี่มิ้ม”



อ่อยพิเศษ 3 : Adopt Me Meow!!

“ดีมั้ยคะ”

“ดีย์~ ฮ้อย~”

“แล้วดีกว่าหางของหนูมั้ย”

“ของคุณพรึกไม่สั่นอ่ะ”



อ่อยพิเศษ 4 : อย่าอ่อยหมีด้วยลูกไม้

‘มึงอย่าบอกนะว่าจัดลูกกูที่อื่น อิพรึก อิโรคจิต’

‘ยิ้มร้าย แบบผู้ชายแบดๆ แค่นี้นะ กูไปถูพื้นครัว เช็ดกระจกระเบียง เปลี่ยนปลอกหมอนอิงโซฟา ส่งพรมซักก่อน’



อ่อยพิเศษ 5 : คำถามจากเพจน้อง

16. เคยเอ้าดอร์มั้ย

ตอบ ...



อ่อยพิเศษ 6 : Slow Down ค่ะหนู

“คุณพรึกเป็นอะไรมากไหมครับ”

“คนไข้มีอาการเอวเคล็ดนะคะ..."



อ่อยพิเศษ 7 : ของหวาน (คิวXเบล)

“เอาตัวนี้ไปทิ้ง เดี๋ยวกูซื้อตัวใหม่ที่มันถอดง่ายๆ ให้”

“ตัวนี้คุณก็ซื้อมาเอง เกือบหมื่น ใจเย็นนะเมีย”



อ่อยพิเศษ 8 : ขอหึงได้ไหมครับ (คิวXเบล)

“แดกมั้ย ของฟรี อย่าลำไย”

“เมียดุจังอ่ะครับ”

“ใครจะอ่อนอ้อนน่ารักเหมือนเด็กฝึกงานมึงล่ะ”

O.o



อ่อยพิเศษ 9 : แอนโธนี่แต่งเมีย

ปริศนาธรรมนะตอนนี้​  จะปิดจบด้วยบทสรุปของคุณแคมป์ค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 22:50:08 โดย ofious »

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เอ้ออออ สนุกดีน้าาาา 555555 น้องกะคุณหมีน่ารักมาก ชอบเวลาเค้าคุยกัน มุ้งมิ้งมากเลย
ตลกช่วงแรกๆที่คุณหมีเค้ามโนว่าหมับน้องเป็นฉากๆ 55555
อีกคู่ที่ชอบมากคือมัมมัมกะคิวคิว น่ารักจริงๆมัมมัมคือมีฟีลเตอร์น้องจริงๆนะ 555
ขอบคุณที่นิยายคิ้วๆให้อ่านน้าาา จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่ะ
อ้อ ปล. ชื่อเรื่องแอบไปเหมือนกับอีกเรื่องนึงน้าาา แอบสับสนเลยค่ะ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โอ๊ยยยย ไม่ไหวแล้ว
รักเรื่องนี้
ดีงามทุกอย่าง
ชอบทุกคน
รักมากกกกก
วงวารคุณพรึก เริ่มทฤษฏีอ่อยนะ 555+
มัมเบลล์ ได้โพสิชั่นยัง 555+
โอ๊ยย รัก!!!!

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนน้องอ่อยไม่กิน อดเลยเป็นไงละ  :jul3:

ออฟไลน์ _tosssalad

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
วงวารคุณพรึก 55555 ขอบคุณที่แต่งนิยายดีให้อ่านนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
สงสารคุณพรึก 5555555 บุญมีแต่กรรมบังสุดๆ
ตอนน้องว่างๆให้หนับๆก็เล่นตัว ตอนนี้ก็เช็ดำตาไปนะ 5555

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้นะคะ จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปค่ะ ทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้ it always makes my day!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด