พิมพ์หน้านี้ - >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ofious ที่ 26-11-2018 22:00:22

หัวข้อ: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 26-11-2018 22:00:22
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 1-3
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 26-11-2018 22:02:25
Chapter 1
   

‘ผมเชื่อว่าผู้ชายในโลกทุกคนย่อมมีจินตนาการเซ็กส์ที่ผาดโผนอยู่ในใจ และประเทศญี่ปุ่นก็เหมือนเป็นศาสดาของเรา ไหนๆ ก็เหงาจนไม่รู้จะระบายกับใคร สั่งหนังสือพอร์นๆ มาชื่นชมสักเล่มคงไม่เป็นไร ทว่าความหายนะก็เกิดขึ้นทันที เมื่อเปิดกล่อง... ฉิบหายไม่ใช่ของกู ถึงจะชอบแนวคอสเพลย์ แต่ผู้ชายตัวหมีอย่างผมต้องไม่สั่งชุดนักเรียนญี่ปุ่นไซส์จิ๋วหลิวแบบนี้มาใส่เองสิ!!’
[/i]


   ชายไทยวัย 32 ร่างกายสูงใหญ่ด้วยพันธุกรรม อาหารและการออกกำลังกาย ยืนกุมขมับอยู่เหนือกล่องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่กลางห้องนั่งเล่นของคอนโดมิเนียมระดับกลางใกล้มหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่ง สายตาหลังแว่นเลนส์ใสกวาดมอง ‘กางเกงในลายลูกไม้ ชุดนักเรียนมัธยมปลายกระโปรงสั้นจู๋ และถุงเท้ายาวสีขาวลายอุ้งเท้าแมว’ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมและแก้มคร้ามก็ร้อนผ่าว

   พรึกปิดกล่องฉับผนึกมันด้วยเทปกาวสีใส ทำยังไงก็ได้ให้เจ้าของตัวจริงไม่รู้ว่าเขาเผลอเปิดมันแล้ว ร่างสูงก้มลงมองบ้านเลขที่บนกล่องอีกครั้ง...มันเป็นของห้องข้างๆ ที่ติดกัน สงสัยตอนนิติบุคคลที่ดูแลคอนโดหยิบกล่องสลับกัน แถมชื่อคนส่งก็เป็น ‘เพจน้อง’ เจ้าเดียวกับที่เขาสั่งหนังสือภาพถ่าย ‘คอสเพลย์น้องน่ารัก’ มาดูอีก
 
   ชักอิจฉาเจ้าของตัวจริงของกล่องนี้แล้วแหะ สงสัยสั่งมาเล่นจ้ำจี้กับคุณแฟน แค่มโนว่ากำลังขึ้นเตียงกับคู่นอนที่แต่งตัวแบบนี้ เขาก็แทบต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ ชายไทยที่อยู่คนเดียว เหงากายเปล่าเปลี่ยวอย่างเขาเองก็อยากมีไลฟสไตล์ทางเพศที่สนุกสนานแบบนั้นบ้างจัง ติดตรงที่เหตุการณ์สะเทือนใจรุนแรงสมัยวัยรุ่นทำให้เขาไม่สามารถมีอะไรกับผู้หญิงได้อีกต่อไป
   โชคดีที่ยังมีเพื่อนสนิทชี้ทางสว่างมาให้ พรึกเลยใช้ ‘เพจน้อง แหล่งรวมภาพเซ็กซี่ ของเด็กผู้ชายผิวขาวอมชมพู’ ประทังชีวิตที่เหี่ยวแห้งของเขาต่อไป

   เดี๋ยวพรึก!!! อย่าพึ่งจมไปกับวิถีความกากของตัวเอง เพราะปัญหาตอนนี้คือ ‘หนังสือรวมภาพน้อง’ เซตใหม่ล่าสุดของเขามันไปตกอยู่ที่ห้องไหนแล้วว่ะ หวังว่านิติบุคคลจะไม่ยื่นไปให้ห้องข้างๆ ที่อยู่ติดกันหรอกนะ ไม่งั้นฉิบหายกันพอดี ภาพลักษณ์อาจารย์ผู้ทรงภูมิที่ลูกศิษย์ค่อนคณะให้ความเคารพจะถูกสั่นคลอนด้วยก้นกลมๆ ของน้องไม่ได้!!

   พรึกยกกล่องออกจากห้องเขาหันซ้ายหันขวามองโถงทางเดินหน้าห้อง บัดนี้มันเงียบกริบไร้สัญญาณของสิ่งมีชีวิต ร่างสูงกว่า 180 cm. เลยรีบสาวเท้าไปยังลิฟต์ หัวใจเขาเต้นระทึกเหมือนกำลังลักลอบเป็นชู้กับแฟนชาวบ้านทั้งที่จริงก็เปล่า แค่เอากล่องของร้อนในมือไปคืนที่นิติคอนโดเท่านั้น ใจก็ภาวนาไปด้วยว่าขอให้กล่องของเขายังอยู่ดีไม่มีใครเปิด แต่ทว่าพระเจ้าไม่เคยเข้าข้างคนกาก เพราะเมื่อเดินไปถึงลิฟต์ที่กำลังจะปิดประตู แทรกร่างเข้าไปแล้วก็ต้องตัวเย็นเฉียบ ในนั้นมีเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักยืนอยู่หนึ่งอัตรา ในมือกำลังหอบกล่องหน้าตาเหมือนเขาทุกกระเบียดนิ้ว แล้วพรึกจะไม่หลั่งน้ำตาเลยถ้าไม่เห็นว่ามันมีร่องรอยการเปิดแล้วเช่นกัน

   ความลับ...คนกาก ไม่เป็นความลับอีกต่อไป

   จะเดินหนีออกไปทำใจก็ไม่ได้ ในเมื่อกล่องโดยสารกำลังดิ่งลงจากชั้น 23 สู่ชั้น 1 เป็นช่วงเวลาไม่กี่วินาทีที่พรึกอยากจะเสกเวทย์มนต์ให้ตัวเองหายวับไปได้จริงๆ

   เขาลอบมอง ‘น้อง’ เด็กผู้ชายคนนั้นที่ยังไม่รู้ว่าโจรโรคจิตกำลังยืนอยู่ข้างๆ
พรึกเรียกอีกฝ่ายว่า ‘น้อง’ เพราะเหมือนเห็นสิ่งที่อยู่ในหนังสือรวมภาพอวตารมาเป็นคนเป็นๆ จับต้องได้ หมับหมับก้นได้
   ร่างขาวสว่างเหมือนแม่จับแช่โอโม่ตั้งแต่เด็กนั้นตัวขนาดพอดีกอดให้จมอก มีแก้มอวบอิ่ม ริมฝีปากสีชมพูน่างับ เจ้าตัวกำลังขยับงุ้ยงุ้ยไปมา ตาน้องกลมสุกใสเหมือนแอบเอาดาวทั้งจักรวาลใส่ลงไป จมูกน้อยๆ เชิดรั้น แค่คิดว่าเอามาซุกไซร้แล้วคงจั๊กจี้ดีๆ

   ไหนๆ มองหน้าน้องที่สะท้อนมาจากผนังลิฟต์แล้วก็มองต่ำลงไปอีกหน่อย น้องใส่เสื้อยืดย้วยมาก คนใจบาปที่ตัวสูงกว่าหลายเซ็นต์จึงสามารถมองทะลุไปเป็นน๊มนมสีเหมือนขนมปังเย็นได้ถนัดตา ไอ้บ้าเอ้ยหัวใจแม่งเต้นหนักกว่าเดิมมาก แล้วไหนจะช่วงเอวที่บางแค่หยิบมือ แถมกางเกงนอนเอวยืดสั้นๆ ปิดแค่พอดีก้นก็พอจะให้จินตนาการบาปไปได้อีกประมาณ 3 ขุมนรก
 
   เหมือนเห็นท่านยมทูตมากวักมือเรียกอยู่ยิกๆ เลยหวะ ไม่แน่ว่าท่านอาจจะมารออยู่ตอนประตูลิฟต์เปิดก็เป็นได้
   น้องมันย้ายมาอยู่ชั้นเดียวกับเขาตั้งแต่ตอนไหนว่ะทำไมไม่เคยเห็นเลย ฮึ่ย!!

   ทะเลาะกับจิตใต้สำนึกตัวเองอยู่หลายวินาทีประตูลิฟต์ก็เปิดออก พรึกต้องรีบกลับมาเก๊กหน้าขรึม เขากำลังจะต้องเผชิญกับความหน้าสิ่วหน้าขวานสุดขีด ขอให้น้องเปลี่ยนกล่องกับเขานิ่งๆ อย่ากระโตกกระตากให้ต้องอายไปมากกว่านี้เลยนะ

   ในความร้อนรนยังมีความพอร์นซ่อนอยู่ พรึกกำลังเชื่อมโยงบางอย่าง ตาคมหลังแว่นกลมใสมองเอวน้องสลับกับกล่องในมืออย่างครุ่นคิด หุ่นเล็กๆ บางๆ แบบนี้ไม่ควรมีเมียไง น้องควรมาเป็นเมียพี่! พรึกส่ายหน้าไล่ความคิดสัปดนออกไปแล้ววิเคราะห์ใหม่ ถ้า ‘กางเกงในลูกไม้ กระโปรงม.ปลาย และถุงเท้าอุ้งตีนแมว’ ไม่ใช่ของผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่เป็นของเด็กผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้

   พรวด!!!
   “คุณ!!”

   เสียงใสดุจระฆังแก้วที่นิยายสมัยก่อนพรรณนาไว้ ไม่ใช่เรื่องเกินเลยไปสักนิด พรึกพิสูจน์แล้วว่ามันจริง จังหวะที่น้องเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ แล้วตะโกนเรียกออกมา พร้อมมีดาววิ้งค์สีขาวระยิบระยับเป็นแบคกราวด์ พรึกก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ‘ก่อนตายเขาต้องได้หมับหมับแจ้มจ้นของเด็กผู้ชายเพื่อให้ตายไปแล้วไม่อายยมบาล!’

   “เลือดกำเดาไหลใหญ่เลยคุณ บีบจมูกไว้ก่อนเร็ว” น้องล้วงหาผ้าเช็ดหน้าในกางเกงแต่หาไม่เจอ น้องดูตกใจมากจนวางกล่องที่หอบไว้ในอกลงกับพื้น แล้วดึงเอาของในมือพรึกวางลงเช่นกัน จัดการฉีกเทปใสออกดังเควก แล้วหยิบเอากางเกงในลูกไม้สีขาวขึ้นมาหน้าตาเฉย

   อย่าบอกนะว่า
   “เอานี่ซับไว้ก่อนนะครับ”
   !!!

   พรึกมองชั้นในตัวจิ๋วแล้วส่ายหน้าแรง รู้ตัวว่าโรคจิตที่คิดอยากเคลมเด็กอยู่เมื่อไม่กี่นาทีก่อน แต่ขอจิตเงียบๆ ในสมองตัวเองได้มั้ยละ จะมาประเจิดประเจ้อเอากางเกงในอุดจมูกโชว์ตรงหน้าลิฟต์ชั้นหนึ่งก็ใช่ที่

   “แล้วคุณจะปล่อยให้เลือดไหลหมดตัวตายหรือไงครับ”
   “ดะเดี๋ยวไปหาอะไรบนห้องเช็ดก็ได้” พรึกตอบออกไปอย่างประหม่า
   ใบหน้าน่ารักยังคงอมยิ้มเล็กๆ แล้วเม้มปาก
   “เอ่อ งั้นผมขึ้นไปช่วยคุณดีกว่า”
   คราวนี้พรึกขมวดคิ้ว มองไปที่กล่องเจ้าปัญหาที่วางเคียงกันอยู่บนพื้น
   “เอ่อ...ฉัน”
   เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม แล้วแหงนหน้าขึ้นมามอง
   “ผมคิดว่าเราคงมี ‘บางอย่าง’ ที่ชอบคล้ายๆ กัน ถ้าผมแต่งตัวแบบในกล่องนั้น คุณจะว่าไง”    
   พรวด!!! อีเลือดกำเดา มึงอย่าพึ่งไหลซ้ำออกมาประจานความบาปในใจกู๊วววว
   “มะไม่ใช่ของฉันนะ เพื่อนมันฝากสั่ง...”
   “แต่ผมเห็นนะครับ ว่าตอนอยู่ในลิฟต์คุณแอบมองก้นผม!!”
   “ไม่ใช่สิ!!”
   “แล้วที่เลือดกำเดาไหลเป็นก๊อกแตกแบบนี้ คงเป็นเพราะคุณ...คิดไม่ดีกับผมในหัวสินะครับ”
   “ธะเธอ” พรึกตัวสั่นริก ชี้หน้าเทวดาตัวน้อยที่บัดนี้เขาเริ่มเห็นว่ามันมีเขาแหลมงอกออกมา
   เด็กน้อยปัดมือของพรึกออกแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้อีกหน่อย มือน้อยขย้ำหมับเข้าที่อกเสื้อ อีกข้างก็...
   “ผมว่า...คุณน่าจะคิดถึงผมที่ใส่แค่กางเกงในตัวนี้”
   แกว่งไกว ผับผับ~
   “นอนรอคุณอยู่บนเตียงสินะครับ”
   อึ้งแดก~
   “เอ๊...หรือในหัวคุณตอนนั้น ผมกำลังเป็นนักเรียนม.ปลายด้วย”
   มือขาวล้วงไปหยิบกระโปรงจีบรอบสั้นจู๋มาประกอบคำอธิบาย
   “ถ้าชอบอะไรเหมือนกันแบบนี้เราก็มาสนุกกันได้นะครับ^^” ยิ้มกริ่ม~

   พรึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ที่ต้องเผยความลับให้เจ้าเด็กน้อยตาใสข้างห้องรับรู้ เขาวิ่งกลับเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปิดทันที ขออนุญาตกลับไปตั้งหลักบนห้องก่อนเหอะ แต่แม่งเอ้ยลืมกล่องของกลางอีก

   ลิฟต์เปิดออกมาอีกครั้ง เจ้าปิศาจน้อยยังยืนยิ้มกริ่มอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือยื่นกล่องใส่หนังสือ ‘รวมภาพคอสเพลย์น้อง’ ให้เขาด้วย รับมาแบบปลายนิ้วเราสัมผัสกันเล็กน้อย แต่กระแสไฟฟ้านี่แล่นฟาดไปทั่วร่าง เล่นเอาถอยเท้ากลับเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปิดแทบไม่ทัน

   “คิก!”
   พลัม มองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าร้อนรนของคุณหมีโคตรตลก หายขำเสร็จก็ค่อยเก็บกางเกงในของกลางและกระโปรงจีบรอบให้เรียบร้อย ก่อนจะก้มลงไปอุ้มกล่องของตัวเองขึ้นมาแล้วกดลิฟต์รอเที่ยวต่อไป

   ตอนนี้ในใจของพลัมกำลังชุ่มฉ่ำเว่อร์ ตอนแรกที่เปิดกล่องออกมาแล้วเห็นสมุดรวมภาพที่คุณคนข้างห้องสั่งมา พลัมกลัวแทบตายเพราะไม่รู้ว่าเจ้าของกล่องนี้จะเป็นคนแบบไหน จะเป็นลุงหื่นโรคจิตแบบในหนังเอวีญี่ปุ่นหรือเปล่าก็ไม่รู้

   พลัมระแวงไปหมดเพราะที่จริงแล้วเขาก็เป็นหนึ่งใน ‘น้อง’ ที่อยู่ในเพจน้องนั่นไง มันเป็นงานพิเศษที่จะรับชุดมาจากทางแอดมินแล้วก็ใส่ถ่ายรูปส่งกลับไปเพื่อเป็นการรีวิวสินค้าให้กับแฟนๆ แต่ภาพของพลัมยังไม่เคยรวมเล่มออกมาเหมือนเล่มที่คุณคนนั้นสั่งมาดูหรอกนะ

   เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ของที่เป็นของตัวเอง พลัมกะจะเอามาคืนที่นิติคอนโดเงียบๆ แต่ดันได้มาเจอผู้ชายตัวโตสวมแว่นหนาเตอะ อุ้มกล่องหน้าเด๋อๆ เข้ามาในลิฟต์ตัวเดียวกัน พลัมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่กระจกที่กรุรอบด้านในลิฟต์มันก็สะท้อนให้เห็นสีหน้าทั้งหมดของคุณหมีหมดแล้วว่าทั้งแอบมอง ทั้งเขินอาย แล้วก็ทำหน้ายุ่งเหมือนทะเลาะกับตัวเองที่เผลอคิดลวนลามเขาทางสายตา

   ภายนอกเขาดูสุภาพ แต่เดาว่าถ้าได้ลากขึ้นเตียงแล้วคงร้อนแรงสุดๆ

   แม้คุณเขาจะรับรสนิยมตัวเองไม่ได้ แต่พลัมกลับมองว่ามันโคตรจะน่ารักที่ผู้ชายลุคเหมือนคุณหมีอยากมีไลฟ์สไตล์ทางเพศผาดโผนบ้าง มันทำให้พลัมตังปณิธานกับตัวเอง ว่าต้อง ‘อ่อย’ ทุกวิถีทางเพื่อสานฝันคุณหมีข้างห้องให้ได้
   เรามาสนุกกันเถอะครับ ^^



TBC
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 1-3
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 26-11-2018 22:08:29
Chapter2

        ห้อง 2311   
   ติ๊ง!
   ‘น้องพลัม รับโทรศัพท์พี่หน่อยสิคะ’
   ‘น้องพลัมทำไมโทรไปไม่รับเลย’
   ‘อยากทานอะไรมั้ย เดี๋ยวพี่ไปรับ’

   พลัม ปภาวินท์ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ที่กำลังจะขึ้นปี 3 มองข้อความในแอพลิเคชั่นไลน์ที่เด้งมาไม่หยุดไม่หย่อนแล้วก็ถอนหายใจ อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ต่างคณะ ที่เจอกันในผับเมื่อเดือนก่อน รู้แล้วว่าเข้ามาจีบ แต่หลังจากคุยไปสักพักพลัมก็รู้ว่าเราอีกฝ่ายไม่สไตล์ที่ชอบ เลยกำลังถอยออกมา แถมตอนนี้พลัมยังเจอเป้าหมายใหม่ที่ต้อง ‘อ่อย’ ให้สำเร็จด้วย
   นึกถึงคุณหมีข้างห้องแล้วก็ได้แต่ดีดขาผับๆ อยู่บนเตียง เอาหน้าไปซุกกับ ‘พี่หมี’ ตุ๊กตาสัตว์หน้าขนตัวใหญ่ที่ใช้เป็นหมอนข้างมาตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่คอนโดแห่งนี้ตอนปีหนึ่ง

   รสนิยมพลัมเป็นแบบนี้ ชอบตัวอุ่นๆ ตัวใหญ่ๆ แล้วก็หน้าตาใจดีเด๋อด๋า

   ติ๊ง!
   ‘พลัมครับ รู้ใช่มั้ยว่าพี่ชอบ เราคบกันดีมั้ย’
   โว้ย นี่ก็ขัดจินตนาการจังอ่ะ เขาอุตส่าห์วางแผนว่าจะจากกันไปเงียบๆ แต่พอเห็นอีกฝ่ายพิมพ์มาแบบนี้ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ชอบให้เป็นคนใจร้ายที่พูดตรงๆ ใช่มั้ยเนี่ย
   ‘พี่แตม พลัมคบกับพี่ไม่ได้นะครับ’
   ‘ทำไมครับ พี่ยังมีอะไรที่น้องพลัมไม่ชอบ บอกพี่ให้ปรับปรุงได้นะ’

   คนตัวเล็กนั่งมองตัวอักษรบนจอนิ่ง เขาพยายามนึกถึงข้อเสียของรุ่นพี่ ที่จริงก็ไม่มีอะนะ หน้าตาดี สายเปย์ เอาใจใส่เขาดี แต่...เหมือนเขายังไม่สามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่มากกว่า พี่แตมดูชอบคนที่เพอร์เฟคตลอดเวลา ซึ่งพลัมไม่ใช่ประเภทนั้น
อีกอย่างความลับที่เขาเป็น ‘น้อง’ ในเพจก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายรับไม่ได้ก็ได้

   ไม่เหมือนคุณหมีที่แค่กล่องสลับ เราก็เหมือนรู้จักตัวตนหลังฉากสีขาวสะอาดกันเรียบร้อย และนี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ดีที่สามารถหักดิบความสัมพันธ์คลุมเครือ

   ‘พลัมมีคนอื่นแล้ว’
   เงียบไปประมาณ 1 นาทีให้คนรออ่านคำด่าใจตุ๊บๆ ต่อมๆ
   ‘พี่เข้าใจแล้วครับ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ พี่น่าจะเอะใจตั้งแต่เราเริ่มไม่รับโทรศัพท์แล้วเนาะ’
   พลัมเห็นข้อความนั้นแล้วก็ใจเสียนิดหน่อย ยังไงก็คนเคยรู้สึกดีๆ ให้กัน แต่ว่าถ้าเขายังใจอ่อนละก็ต้องสลัดพี่แตมไม่หลุดแน่ๆ
   ‘ขอบคุณที่รู้สึกดีกับพลัมนะพี่แตม เราเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะครับ’
   ‘พี่คงเป็นพี่น้องกับคนที่ทำให้เสียใจไม่ได้หรอกครับ เอาเป็นว่าถ้าพี่ดีขึ้นเมื่อไหร่ พี่จะทักมาบอกนะครับ’
   พลัมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าแตมจะรู้สึกมากขนาดนั้น มันพึ่งเดือนกว่าๆ เองไม่ใช่หรือไง เด็กหนุ่มยกมือขึ้นมาขยี้ผมจนฟูฟ่อง แล้วหันไปมองหน้าตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่นอนเคียงกันอยู่บนเตียงอย่างขอความเห็น

   “พลัมผิดมากมั้ยครับพี่หมี”  เลือกใช้เสียงสองที่เหมือนเสียงน้องน้อยตัวเล็กพูดกับตุ๊กตาที่ตัวเองนับเป็นญาติ อาจจะเป็นเพราะพลัมอยู่คนเดียวมาได้เกือบสามปีแล้ว เขาเลยต้องมีสิ่งมีชีวิตในจินตนาการคอยพูดคุยด้วยบ้างไม่งั้นชีวิตจะเหงาเกินไป

   ติ๊ง!
   พลัมสะดุ้งอีกรอบกลัวพี่แตมจะส่งข้อความมาขู่ฆ่า แต่ก็เปล่าเป็นไลน์จากเจ้าของเพจ ‘น้อง’ ที่ส่งเสื้อผ้ามาให้เขาใส่ถ่ายรูปไปลงรีวิวนั่นเอง

   ‘อย่าลืมรูปชุดใหม่เจ๊!!’
   ลืมสนิท เพราะมัวแต่เพ้อเจ้อเรื่องคุณหมีอยู่ พลัมแลบลิ้นแล้วพิมพ์ลงไปเร็วๆ
   ‘จัดให้ภายใน 5 นาที’
   
        ‘เออเกิน 5 นาที หักตังค์!!’

   พลัมรีบโดดลงจากเตียง ไปรื้อกล่องที่ได้มาเมื่อวาน เขาถอดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้ออกอย่างไวจนทั้งร่างกายเปลือยเปล่า หยิบเอากางเกงในลูกไม้ลายดอกเล็กๆ สีขาวที่ด้านหลังเป็นระบาบโปร่งบาง มีโบว์เล็กๆ ร้อยไว้พอน่ารักขึ้นมาใส่ ดึงผ่านข้อเท้า ขาอ่อน จัดพลัมน้อยให้เข้าที่แล้วดึงมันขึ้นมาประชับก้น ดีดดังปึ๋งๆ ตามสไตล์คนทะเล้น

   พลัมจัดมันให้เข้าตำแหน่งที่ดูดีคือขอบกางเกงในพาดกลางตรงแก้มก้น โชว์หนั่นเนื้อกลมเนียนกิ๊งเพราะพอกครีมหอยทากก่อนนอนทุกวัน

   เขาหันไปเช็คกับกระจก แล้วใช้มือตัวเองฟาดเพี๊ยะๆ ลงไปเบาๆ เพื่อให้ก้อนเนื้อขึ้นสีชมพูระเรื่อแบบไม่ต้องผ่านแอพ พลัมโพสต์หันซ้ายหันขวากับกระจก แล้วเดินเข้าไปเลือกสเวตเตอร์ขนๆ ตัวใหญ่ ดูอ่อนนุ่มน่ากอดมาหนึ่งตัว สวมมันบนร่างกายที่เปลือยเปล่า ไม่ลืมเร่งแอร์ให้อุณหภูมิต่ำลงด้วย เพราะที่นี่ประเทศไทย และชั้น 23 ที่เขาอยู่ก็รับแดดดีนักแหละ

   แอร์ไม่เย็นถ่ายๆ ไปอาจมีเป็นลม

   พลัมหยิบอุปกรณ์หากินคือกล้องมิลเลอร์เลสตัวจิ๋วมาตั้งตรงโซฟา หันจอแสดงภาพไปทางที่ตัวเองจะใช้เป็นฉาก รู้สึกว่าชั้นในลูกไม้ตัวนี้มันน่าจะเหมาะกับอะไรที่ใสๆ บริสุทธิ์ ภาพย้อนแสงที่เกิดจากแดดธรรมชาติและผ้าม่านโปร่งลายเล็กๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดี คอนเซปต์ภาพจึงเหมือนเทวดาตัวน้อยที่กำลังเล่นซนอยู่บนโลกมนุษย์ พอมีเสื้อไหมพรมตัวโคร่งๆ มาใส่อีกยิ่งเชิญชวนให้คนที่เห็นรู้สึกอยากถอด เอ้ย...อยากกอดสิ!!

   นายแบบนิรนามตั้งเวลาถ่ายแล้วก็โพสต์ไปเรื่อยๆ เป็นท่าจับชายเสื้อกำลังจะถอดออกจากลำตัวบ้างละ นิ้วเกี่ยวขอบกางเกงในลงนิดหน่อยบ้างล่ะ พอมานั่งเช็คก็เห็นว่าน่ารักดีแล้ว จึงส่งไฟล์เข้าโทรศัพท์มือถือตัวเองทันที แล้วกดส่งมันต่อไปยังพี่เจ้าของเว็บไซต์ ที่...วางเลย์เอ้าท์เสียโคตรญี่ปุ่น จนตกคนไทยนับล้านให้เข้ามาเสพได้อย่างไม่เขินอาย

   พี่เขาให้เหตุผลว่ามันจะได้ปลอดภัยต่อเด็กๆ ที่ทำงานพิเศษรีวิวสินค้าให้พี่เขาด้วย นายแบบที่ปรากฏในเว็บจริงๆ ก็เรียนๆ กันอยู่ในมหาวิทยาลัยนี่แหละ พี่เจ้าของเว็บเองก็จบไปจากคณะเดียวกันกับพลัม เป็นผู้หญิงหน้าเนิร์ด ที่ใครจะคิดว่าจับทางตลาดเก่งเหลือเกินเปิดเว็บสินค้าพอร์นสายน้องแล้วก็บู้ม!! ดังเป็นโกโก้ครันซ์ที่กระจายทั่วทุ่งข้าวสาลีเลย

   ‘ฝากเจ๊ใส่แคปชั่นว่า อย่าเลือดกำเดาไหลอีกนะครับ’
   ‘แหนะ ฝากให้ใครพิเศษหรือเปล่าอิหนู’
   ‘ก็แฟนคลับ ผมว่าเซ็ตนี้ผมดูน่าหมับสุดๆ’
   ‘ชอบความมั่นก้นของมึงอ่ะพลัม’
   ‘หรือเจ้ว่าไม่จริง’
   ‘ที่สุดค่ะลูก ชุดนักเรียนก็ตามมาเร็วๆ’
   ‘ชุดนักเรียนนี่ว่าจะหาคุณครูมาช่วยถ่ายให้ คริคริ’
   ‘อิหนูพลัม! ไหนว่าเป็นความลับไง ให้ใครรู้เนี่ย เดี๋ยวเจอแฟนคลับโรคจิตปล้ำทำไง’
   ‘คุณหมีกรุบกรุบ เห็นแล้วอยากชวนมาสนุกด้วยกันบนเตียง ระเบียง โซฟา’
   ‘มานี่มาให้แม่เอาก้านมะยมฟาด’
   ‘แค่นี้นะแม่ ขอหาวิธีอ่อยคุณครูก่อน’
   ‘นักลูกแรด’
   
   ห้อง 2312
   ติ๊งๆๆๆ!
   เสียงไลน์เด้งรัวๆ ทำให้พรึกต้องถอดแว่นสายตาออก วางมันลงข้างคอมพิวเตอร์ที่เขากำลังเตรียมสไลด์สอนนักศึกษา แล้วควานหาเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่ส่งเสียงจนน่ารำคาญ
   ‘เข้าเว็บน้องเดี๋ยวนี้ มึงเอ้ย!!’ เป็นไลน์จากเบลเยี่ยม ไม่ใช่ชื่อประเทศ แต่เป็นชื่อเพื่อนผู้ชี้ทางลงนรกให้พรึกเอง
   ‘ทำไมมึง’
   ‘ลูกไม้มึง ลูกไม้ น้องคนเด็ดที่อยากให้รวมเล่มใจจะขาด นี่กูเซฟรูปรัวๆ’
   คีย์เวิร์ดลูกไม้ทำหัวใจพรึกเต้นรัวเป็นกลองเลย แต่ก็ต้องคีพคูลต่อล้อต่อเถียงเพื่อนอีกสักหน่อยก่อน
   ‘ไม่เห็นหน้ามึงแยกออกด้วยว่าใครเป็นใคร’
   ‘คนนี้พิเศษ ก้นเนียนเด้งเหมือนทาครีมหอยทาก กูจำขึ้นใจ’
   ‘ไหนดู’
   พรึกหันไปหน้าคอมแล้วคลิกเปิด Private tab ขึ้นมาเพื่อเข้าเว็บที่คุ้นเคย
   อย่าเลือดกำเดาไหลอีกนะครับ

   พรวด!!
   ไม่ทัน หาทิชชูมาซับแทบไม่ทัน
   ชายหนุ่มจำของกลางที่อยู่บนบั้นท้ายกลมกลึงนั่นได้ดี งานนี้ไม่ต้องสืบว่าข้อความใต้ภาพอีกฝ่ายส่งถึงใคร ไม่นึกไม่ฝันว่า ‘น้อง’ ที่เขากับเพื่อนเฝ้าบูชาเช้าเย็น แท้จริงแล้วมันคือปิศาจตาใสที่สถิตอยู่ห้องข้างๆ นี่เอง

   ‘เป็นไงมึงเข้าห้องน้ำเลยป่ะ’ เพื่อนเบลส่งมาอีกรอบ แต่คราวนี้พรึกอ่านแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของ ‘น้อง’ คนนี้แล้วกระมังจึงไม่อยากให้เพื่อนพูดอะไรในเชิงลบกับอีกฝ่าย
   ‘มึงให้เกียรติเค้าหน่อย’
   ‘พรึก มึงป่วยป่ะเนี่ย น้องเค้าถ่ายแบบนั้นก็หวังโดนเยอยู่แล้วป่ะ’
   ‘เบล ทำไมกูถึงคบกับคนใจบาปอย่างมึงได้ว่ะ’
   พรึกรู้สึกงุ่นง่านขึ้นมาอีกระดับ เมื่อรู้สึกว่าเทวดาตัวน้อยเอ้ยเจ้าปิศาจของเขากำลังถูกคุกคามโดยที่เจ้าตัวไม่มีทางปกป้องตัวเองได้เลย
   ‘อย่าทำเหมือนมึงไม่คิดพรึก ถึงขั้นสั่งหนังสือรวมภาพมาดูที่บ้าน มึงหื่นกว่ากูใช่ไม่ใช่’
   ‘เออกูมันหื่น พอใจมึงยัง แค่นี้นะเตรียมสอน’
   ‘หงุดหงิดเหี้ยไรว่ะเนี่ย คนหล่องง’
   ‘ถ้ามึงหล่อ ประเทศเราก็ไม่มีคนหน้าเหี้ยแล้ว จรัม!!’
   พรึกจะคว่ำมือถือลง แต่เบลเยี่ยมก็ส่งมาอีกข้อความ
   ‘มึง เรื่อง แพร อ่ะมันหลายปีแล้วนะ มึงเลิกโทษตัวเองแล้วกลับมาใช้ชีวิตมีความสุขได้แล้ว’
   ‘กูก็มีความสุขดีนะ’
   ‘มึงบวช มึงเลิกมีเซ็กส์ มึงเป็นอาจารย์เพราะเป็นอาชีพที่ได้บุญ ทั้งที่จบบริหารธุรกิจเนี่ยนะ’
   ‘กูอยากขอบคุณแพรที่ทำให้กูเป็นคนดี ไม่เหมือนมึงลากลงเหวตลอด’
   ‘สัส โดนด่าเฉย กลับมาบันเทิงกับน้องต่อดีกว่า เห็นแล้วแบบแม่ง ฮึ่ย อยากบีบให้แตกคามือ’
   ‘เพลาลงหน่อยมึง ไปทำอะไรที่ให้ประโยชน์กับสังคมบ้าง’
   ‘อ่ะด่ากูไร้ประโยชน์อีก’
   ‘กูไม่ได้ด่า แต่มึงไร้ประโยชน์จริง’

   พรึกคว่ำมือถือเขาขี้เกียจคุยกับเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่ม.ปลาย จนถึงเรียนปริญญาโทที่อังกฤษมันก็ไปด้วยกัน จนป่านนี้อายุล่วงเลยมาเลขสามแล้วมันก็ยังไม่ไปไหน ถึงด่ามันหยาบคายแค่ไหนแต่ใจลึกๆ แล้วเบลเยี่ยมก็นับเป็นเพื่อนที่เขาไว้ใจที่สุด
   อาจารย์หนุ่มทำท่าจะทำงานต่อ แต่พอนึกถึงประโยคที่เบลพิมพ์ในเชิงคุกคามเจ้าเด็กห้องข้างๆ แล้วเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่รู้มีคนกี่ล้านคนเห็นรูปก้นมัน แล้วเชื่อว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ต้องคิดเหมือนเพื่อนเขา

   “ไปเตือนสักหน่อยดีมั้ยนะ”
   แต่ถ้าไปเตือนก็เท่ากับว่าเขากดดูรูปมันไปแล้วหนะสิ พรึกดึงทึ้งหัวตัวเอง เพราะต้องตบตีกับความคิดด้านดีด้านชั่ว แต่ในที่สุดเทวดาในตัวก็ชนะ เขาไถเก้าอี้ออกจากโต๊ะทำงาน แล้วเปิดประตูห้องออกไป
   ร่างสูงเกินมาตรฐานชายไทยเดินช้าๆ เพราะกำลังเรียบเรียงประโยคในหัวไปด้วยมาหยุดยืนที่หน้าประตูไม้ห้องติดกัน คอนโดเขาไม่ได้ราคาแพงอะไร เพราะฉะนั้นวัสดุมันก็ไม่ดีมาก แล้วเรื่องเก็บเสียงนี่อย่าหวัง ถ้าเกิดมีอะไรเสียงดังขึ้นกว่าปกติหน่อย ก็ได้ยินกันชัดเจนเชียวล่ะ ดังเช่นตอนนี้

   “ah ah ahhh”
   “Fuck Fuck Fuck”
   “can I cum~”

   ฉ่า!! พรึกรู้สึกแก้มร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงไม่ควรเล็ดลอดออกมาจากห้องเด็กน้อย ไม่อยากสาบานให้ฟ้าผ่าแต่ในหัวเขาจินตนาการอีกแล้วว่าก้นกลมๆ ของมันคงถูกใครสักคนเกี่ยวเจ้าลูกไม้ขาวตัวจ้อยลง แล้วถูกทั้งบีบทั้งขยำ พร้อมให้มันกลืนกินท่อนเนื้อใหญ่โต แถมยังต้องขยับสไลด์ไปมาบนตัวอีกฝ่ายอีกต่างหาก แล้วไม่รู้ว่าเสื้อไหมพรมตัวโคร่งๆ ที่ทำให้รู้สึกโคตรน่าเอ็นดูนั่นถูกดึงออกจากลำตัวไปยัง

   “เหี้ย! พรึก” ชายหนุ่มตบแก้มตัวเองอย่างแรง มึงพึ่งก่นด่าไอ้เบลว่าคิดหยาบช้ากับน้อง แต่นี้มึงมายืนจินตนาการบาปอยู่หน้าห้อง แล้วให้ตายเหอะถ้าเขาไม่ได้สติเสียก่อน หน้าของผู้ชายที่นอนอยู่ตรงโซฟา โดยมีน้องนั่งควบขยับอยู่มันต้องเป็นใบหน้าที่เหมือนเขาร้อยเปอร์เซ็นต์แน่ๆ

   “เหี้ย ไม่รู้จะเตือนเรื่องอะไรก่อนดีเลยระหว่างแต่งตัวโป๊ลงเว็บ กับมีเซ็กส์เสียงดังตรงห้องรับแขกที่อยู่ติดประตูหน้าห้อง”
   พรึกดึงทึ้งผมจนแทบจะล้านอยู่แล้ว แค่เจอไอ้หนูนั้นวันเดียวเขาก็มีเรื่องปวดหัวเต็มไปหมด ปวดหัวบนอย่างเดียวจะไม่ว่า เสือกปวดหัวที่อยู่กลางลำตัวด้วยดิ

   เอาละหลบกลับไปตั้งหลักที่ห้องก่อนแล้วกัน คราวแรกว่าจะเคาะประตูเรียกออกมาตักเตือน เห็นทีจะไม่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กๆ แค่นั้นจะทำกิจกรรมอยู่กับใคร ขืนทะเล่อทะล่าเข้าไปได้ข้อหาชู้โดนชักปืนมายิงตายคาคอนโด ให้ลำบากเพื่อนร่วมตึกไปอีก
   ขายาวๆ ถอยกลับไปยังห้อง เสียงปิดประตูดังลั่นจนคนที่แอบมองอยู่ตรงตาแมวได้ยินแล้วก็หัวเราะคิกคัก 
   พลัมที่แต่งตัวครบชิ้นดี ทั้งเสื้อยืดตัวโคร่งและกางเกงขาสั้น ส่วมสลิปเปอร์ยืนแอบมองพรึกอยู่นานแล้ว ตั้งแต่อีกฝ่ายเปิดประตูออกมา เสียงปลดล็อกประตูห้องของอีกฝ่ายมันดังพอจะให้เขาเดาว่าไม่นานคุณหมีเด๋อของเขาต้องผ่านหน้าห้อง

    พลัมเลยกดเล่นคลิปพอร์นในเว็บ เร่งเสียงลำโพงให้ดังสุดเท่าที่จะดังได้ เขาแค่อยากกระตุ้นให้พรึกมีอารมณ์ แล้วเลิกห้ามใจ เอาร่างกายมาทำความรู้จักกับเขาสักที แต่ดูเหมือนจะผิดแผน พรึกทำหน้าหงุดหงิดจนน่ากลัวแล้วก็เดินปึงปังกลับห้องไปแล้ว
   อุตส่าห์เจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกันทั้งที ถ้าไม่ได้มาสนุกด้วยกันคงเสียดายแย่ คิดอะไรเพลินๆ ก็มีกระดาษแผ่นสีขาวเสียบสอดเข้ามาใต้ช่องว่างประตู พลัมรีบก้มลงไปหยิบมาดู

   ‘อย่าเสียงดังเกรงใจห้องอื่นบ้าง’
   ‘ก้นไม่สวยเลยสักนิด ไม่ต้องรีวิวแล้ว’
   พลัมอ่านลายมือหวัดที่เขียนมาแล้วก็กอดกระดาษไว้แนบอก วิ่งตึงตังไปกรี๊ดอัดหูพี่หมีในห้องนอน ผู้ชายสายซึน ผู้ชายปากแข็งไม่พูดตรงๆ ชอบหวะ!!

   เค้าเป็นห่วงใช่มั้ย เค้าไม่อยากให้เราดูไม่ดี แล้วเขาก็ไม่ชอบให้เราโป๊
   ดีดเหมือนกินเอ็มร้อยเข้าไป พลัมใช้เวลาสงบสติอยู่หลายนาที ค่อยบรรจงเขียนลายมือน่ารักลงบนกระดาษ เดินย่องส่องตาแมวหน้าห้องดูก็เห็นว่าคุณเขาไม่อยู่แล้ว เลยเปิดประตูออกไปแล้วสอดกระดาษเข้าไปตรงช่องว่างใต้ประตูบ้าง ไม่ลืมเคาะบอกให้เขารู้ตัวด้วย

   พรึกที่นั่งงุ่นง่านอยู่ตรงโซฟาได้ยินก็รีบสาวเท้าไปดู
   ‘เป็นอะไรกับพลัมหรอถึงมาสั่ง 0.o?’
   “ชื่อพลัมหรอ” น่ารัก~ นึกภาพน้องแทนตัวเองว่าพลัมไม่ไหวแล้ว เข้ามาในตัวพลัมนะครับคุณพรึก และอีกหลากหลายพลัม...

   เดี๋ยวพรึก อีกแล้วนะมึง!! มโนบาปได้ Fast pass ไปนรกอีกแล้ว นี่เพราะหมกมุ่นเกินไป ห่างหายเรื่องอย่างว่าไปนาน หรือคบกับไอ้เหี้ยเบลว่ะ พอเจอเด็กถูกใจเข้าหน่อยก็คิดจัง เขาโขกหัวตัวเองกับประตู โขกให้เลือดออกตายก็หยุดคิดไม่ได้จึงเดินกลับเข้าไปทำงานต่อดีกว่า อ่าหวังว่าการเรียนการสอนในวันพรุ่งนี้จะช่วยให้จิตใจที่พลุ่งพล่านของเขาสงบลงได้นะ

TBC
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 1-3
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 26-11-2018 22:14:23
Chapter 3



   ยัง ยังไม่ทันที่พรึกจะได้สงบใจเสียงเคาะประตูรัวๆ หน้าห้องก็ดังขึ้น ร่างสูงถอนหายใจทิ้งแรงๆ ที่โต๊ะทำงาน แล้วถอดแว่นออก พลางสไลด์เก้าอี้ทำงานออกจาตัวโต๊ะ เขาเดินลงเท้าแรงๆ ไปยังประตูหน้าห้องแล้วส่องประตูตาแมว

   ฉิบหาย!! เด็กม.ปลายญี่ปุ่นหลงมาทำอะไรตรงนี้

   น้องเอามือปิดตาไว้ข้างหนึ่ง ทำหน้าแสนน่าสงสารเงยเป็นมุมให้เขาเห็นจมูกน้อยๆ และปากเบะๆ ได้ถนัดถนี่ แล้วมืออีกข้างก็ยังเคาะประตูห้องเขารัวๆ

   “มาทำอะไร” พรึกทำเสียงขรึมตะโกนถามออกไป ทั้งที่อยากเปิดประตูรับน้องเข้ามาโอ๋ใจจะขาด
   “คุณ...อะไรเข้าตาไม่รู้ ดูให้หน่อย” น้องฟ้องปากยื่นปากยาว แต่มันช่างดูงุ้ยๆ น่าเอ็นดูในสายตาชายไทยใจหื่นยิ่งนัก พรึกห้ามความสงสารของตัวเองไม่ไหว เปิดประตูผัวะ เขาหันมองซ้ายมองขวาตามทางเดินเมื่อไม่เห็นใคร ก็จับข้อมือให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้อง จูงแขนอย่างวิสาสะไปนั่งลงบนโซฟา

   “ไหนดูสิ” เสียงทุ้มปรับให้นุ่มลง แต่หัวใจนี่ปรับระดับให้เต้นช้าลงกว่านี้ไม่ได้เลย
   “เจ็บจัง” พลัมยังฟ้องเสียงน่าสงสาร พรึกนึกอยากดึงมาโอ๋ๆ นัก แต่ก็ต้องห้ามใจไว้ก่อน
   “ตาแดงหมดแล้ว” เขาว่า แล้วก้มลงไปดูใกล้ๆ ใบหน้าขาวใส เพื่อให้เห็นชัดๆ ว่าอะไรหลุดรอดเข้าไปในดวงตาประกายดาวของเจ้าตัวเล็ก

   ทั้งห้อง มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศครางเครืออยู่เบาๆ คลอไปกับทำนองเพลง easy listening ของ Jason Mraz ที่พรึกเปิดให้ใจเขาสงบลงพอที่จะเตรียมการสอนได้

   แต่ทว่าในเหตุการณ์แบบนี้ที่ใบหน้าเขากับพลัมอยู่ใกล้กันขนาดที่มองเห็นว่าขนตาของอีกฝ่ายยาวงอน ช่วยขับให้ดวงตาที่เขาจับจ้องนั้นหวานขึ้นไปอีก กลิ่นผิวเด็กบริสุทธ์โชยเข้าจมูกแบบที่ไม่สามารถกลั้นใจไม่ให้สูดดมเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นได้ พรึกอยากลองสัมผัสดูว่าแก้มเนียนที่มือเขาลูบไล้อยู่นั้น จะนุ่มมากขึ้นไหมถ้าปากเขาได้ลองสัมผัส
   There's no need to complicate 'Cause our time is short
   เนื้อเพลงที่แล่นมาถึงท่อนนี้เหมือนปลุกปั่นใจที่บาปอยู่แล้วให้เข้มข้นขึ้น
   this is our fate, I'm yours

   เส้นแห่งความถูกผิดไม่สามารถรั้งพันสัตว์ร้ายในใจชายหนุ่มอีกต่อไป พรึกตัดสินใจประทับริมฝีปากตัวเองลงไปบนเยลลี่สีแดงสวย เขาดูดดึงมันอย่างหยาบคาย ตัวของพลัมสั่นระริกเหมือนตกใจที่อยู่ๆ ก็มีสัตว์ร้ายกระโจนจ้วงเข้าครอบครองปากตัวเอง น้องพยายามจะจูบตอบเพื่อให้ตัวเองได้หายใจทัน แต่เด็กตัวน้อยเพียงเท่านั้นจะสู้รบปรบมือกับอดีตคาสโน่ว่าแห่งลอนดอนได้อย่างไร พรึกรุกจูบจนพลัมหอบสะท้าน ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดง ต้องยกมือขึ้นเกาะกุมไหล่อีกฝ่ายเพื่อประคองตัวเองไม่ให้หลอมเหลวไปเพราะรสจูบแสนร้อนแรงเสียก่อน

   ความหวานใสและบริสุทธิ์ของเทวดาตัวน้อยตรงหน้าทำให้พรึกจูบเอาเท่าไหร่ก็ไม่พอ เขาต้องการมากกว่านั้นอีก แม้น้ำตาเม็ดน้อยจะซึมจนขนตางอนเปียกชื้น เขาก็แค่เคลื่อนหน้าขึ้นไปจูบซับให้ แล้วซอนไซร้กับซอกคอที่กรุ่นกลิ่นหอมไม่แพ้กัน ไม่รู้ตอนไหนที่แผ่นหลังพลัมสัมผัสกับเบาะนุ่มของโซฟา มือใหญ่โตสอดไล้เข้าไปใต้กระโปรงนักเรียนตัวสั้น

   พรึกมือสั่น เขาตื่นเต้นที่ต้องลุ้นว่าเนื้อผ้าบางเบาที่โอบอุ้มก้นนุ่มไว้ จะเป็นลูกไม้สีขาวตัวจิ๋วที่เข้าแอบเก็บไว้ในซอกจินตนาการหรือไม่ แล้วมันก็ใช่ พรึกใช้ปลายนิ้วชี้เกี่ยวมันลงมาช้าๆ น้องทำท่าเหมือนจะยกแขนห้าม

   “เด็กดี ฉันจะทำให้เธอมีความสุข”

   นัยน์ตาคมเห็นภาพสะท้อนของเด็กตัวน้อยๆ พยักหน้า ชั้นในตัวจิ๋วจึงถูกเกี่ยวหลุดลงมาโดยง่าย พรึกปล่อยให้มันข้างอยู่ที่ช่วงขาท่อนบนของน้อง ก่อนจะหันไปสนใจชายกระโปรงของอีกฝ่าย เขาจับมาแล้วเตรียมจะถลกขึ้นแต่ก็ต้องชะงัก

   “คุณ!!!”
   “คุณ!!!!! ตกลงอะไรเข้าตาผมเห็นรึยัง” ที่ต้องถามเพราะคุณเขาแหกตาพลัมค้างอยู่หลายนาทีแล้ว

   เหี้ย!! พรึกดีดตัวถอยหลังจนล้มก้นกระแทกไปกับพื้นพรม เขามองภาพตรงหน้าชัดๆ อีกครั้ง พลัมยังอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี นั่งมองเขางงๆ จากโซฟากลางห้องนั่งเล่น พรึกก้มลงมองกระโปรงที่คลุมมาถึงกลางขาอ่อนของอีกฝ่าย และถุงเท้ายาวสีขาวที่ดึงยาวขึ้นมาถึงหัวเข่า เสื้อยูนิฟอร์มนักเรียนม.ปลายญี่ปุ่น ที่ถูกดีไซน์ให้สั้นเสมอนม โชว์พุงขาวเนียนมีเนื้อพอน่าบีบ

   “แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้เข้าห้องผู้ชาย!” เขาขึ้นเสียงดังกลบเกลื่อนสิ่งที่จินตนาการในใจเมื่อสักครู่ บาปฉิบหาย ทำไมบาปได้ขนาดนี้ว่ะพรึก

   “ก็ ก็พลัมกำลังจะถ่ายรูปรีวิว แต่ไม่รู้อะไรเข้าตาก่อน มันเจ็บมากจนต้องวิ่งมาเคาะห้องให้คุณช่วยดูให้”
   พรึกถอนหายใจ เขาเดินเข้าไปใกล้เจ้าปิศาจน้อยอีกครั้ง ใช่เขาให้มันเป็นปิศาจเพราะขยันปลุกด้านมืดในใจเขาให้ตื่นขึ้นเหลือเกิน ร่างสูงมือสั่นอีกรอบ ไม่กล้าจับตัวอีกฝ่าย ทั้งที่จริงควรจะช้อนแก้มหรือเชยคางเพื่อให้มองได้สะดวกๆ

   “คุณไม่ต้องดูให้แล้วก็ได้ พลัมไม่เจ็บแล้ว”
   นั่น เสียงตัดพ้อไปอีก
   “ขอโทษ เมื่อกี้คิดอะไรเพลินไปหน่อย เลยเหม่อหนะ”
   “พลัมมันไม่สำคัญ พลัมรู้ตัว” เม้มปากใส่แม่งเลย
   ขยี้เข้าไปไอ้หนู
   “งอนหรือไง” พรึกไม่เข้าใจว่าพอเห็นมันทำหน้าแบบนั้นแล้วทำไมหัวใจเขาต้องวูบไหวด้วย
   “พลัมนึกว่าคุณรังเกียจ ไม่อยากเข้าใกล้พลัมแล้ว”
   หึ เจ้าหนู ถ้าได้มาเห็นจินตนาการในหัวเขาละก็รับรองว่าจะไม่กล้ามาทำหน้าตาน่าสงสารให้เขาเห็นแบบนี้เด็ดขาด
   “ทำยังไงจึงจะหายงอน”

   พลัมเอานิ้วจิ้มปากเหมือนกำลังใช้ความคิด แล้วก็ตาโต ขนาดการเคลื่อนไหวบนหน้าเล็กน้อยแค่นั้นพรึกยังมองเพลิน
   “คุณช่วยถ่ายรูปให้หน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากได้ภาพที่ตัวเองอยู่บนเตียง แต่แบบจะตั้งกล้องถ่ายเองก็ไม่ได้เลย”
   “เอ่อ…” พรึกคิดภาพตาม เหี้ยเอ้ยทำไมเห็นน้องนอนหอบตัวแดง น้ำตาไหล น้ำลายเปรอะมุมปากไปได้ 
   “นะครับคุณครู~” พลัมถลาลงมาจากโซฟาตัวใหญ่แล้วประชิดตัวพรึกทันที ร่างสูงพึ่งได้สติ แทบจะยกเท้าถีบด้วยความตกใจ โชคดีที่ยังยั้งไว้ทันไม่งั้นก่อนลงนรก มีได้แวะไปจ่ายค่าปรับที่สน.ตำรวจโทษฐานทำร้ายร่างกายเด็กก่อน
 
   พลัมยิ้มกริ่ม แล้วหมุนตัวให้กระโปรงสั้นๆ ขอบพะเยิบชวนลุ้นนัก
   พรึกเห็นแล้วอยากคว้าไม่เรียวมาฟาดให้ก้นลาย โอ้ย!! ทำยังไงถึงจะเอาไอตัวชั่วร้ายในหัวออกไปได้นะ สงสัยเขาอยู่กับไอ้เบลมากไปหน่อย เลยคิดอะไรเข้ารกเข้าพงตลอดเลย

   พอนึกถึงเบลเยี่ยมเพื่อนรัก แผนแก้เผ็ดที่มันคิดหื่นกับน้องก็บรรเจิด แสงแดดที่ตกกระทบเข้ามาในห้องทำให้พลัมเหมือนเห็นประกายปิ๊งขึ้นมาในดวงตาคุณหมีของเขา

   “ได้ฉันจะถ่ายให้”
   “เย่ คุณน่ารักที่สุดเลย”
   พรึกหัวเราะกึกๆ กับตัวเอง เขาจะต้องถ่ายให้มันไม่โป๊เลยสักกระเบียดนิ้วเดียวคอยดูสิ!! ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าหวังจะได้เห็นผิวขาวๆ ของเจ้าปิศาจน้อยอีก พรึกขอเอาจิตวิญญาณความเป็นคนดีของตัวเองรับประกัน
   “เธอจะถ่ายบนเตียงใช่มั้ย”
   “ครับ”

   พลัมแอบตื่นเต้น ที่มีโอกาสเดินเข้าสู่ห้องนอนของชายหนุ่มที่พึ่งรู้จักกันได้แค่หนึ่งวันกว่าๆ จะว่าไปเขายังไม่รู้จักชื่ออีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
   ห้องของคุณหมีมีเฟอร์นิเจอร์เหมือนห้องพลัมทุกประการ เพียงดูเรียบร้อยเป็นระเบียบกว่ามาก หน้าตามันเหมือนยังเป็นห้องตัวอย่างที่ไม่มีใครใช้จริง พลัมแอบบวกคะแนนความดีงามลงไปในตัวผู้ชายร่างใหญ่ที่เดินตามเขามาด้านหลัง
   ตากลมกวาดมองเตียงกว้างสีน้ำเงินเข้มน่านอนกลางห้อง ผ้าปูเรียบตึง มีผ้านวมหนานุ่มพับเรียบร้อยวางอยู่ข้างๆ ตู้เสื้อผ้ากรุกระจกบานใหญ่ฝังอยู่กับผนังด้านหนึ่งของห้อง

   “นอนลงเด็กดื้อ”    
   เสียงเข้มๆ สั่ง เขาทรุดนั่งลงบนเตียงนอนนุ่ม คุณเขาย่างสามขุมเข้ามาใกล้ พลัมหัวใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น สถานการณ์ล้อแหลมพร้อมโพสต์อ่อยขั้นสุด แต่ก็ต้องรีบหลอกให้คุณหมีตายใจด้วยสีหน้าเอาการเอางานก่อน
   “นี่ reference ภาพที่อยากได้ครับ” พลัมยื่นโทรศัพท์ตัวเองที่เซฟรูปมาจากอินเตอร์เนตให้พรึกดู ชายหนุ่มมองผ่านๆ แล้วได้แต่เข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันในใจ ท่าโพสต์แก่แดดแบบนั้นฝันไปเถอะว่าเขาจะยอม
   “ใช้กล้องมือถือได้มั้ย” คุณเขาถาม
   “ได้ครับ”    

   แล้วพลัมก็ไม่เอะใจเลยสักนิดว่าพรึกจะใช้ไอโฟนเอ็กส์ของตัวเองเป็นเครื่องมือสำหรับถ่าย พลัมกลิ้งตัวขึ้นไปกลางเตียงทำท่าจะโก่งก้นอวดช่วงขาขาวเนียนให้อีกฝ่ายถ่ายแต่พรึกกลับส่ายหน้า มือใหญ่กดสะโพกของปิศาจตัวจิ๋วให้ลดลงจนล้มฟุบลงไปกับเตียง ก่อนจะโยนผ้านวมผืนใหญ่เข้าใส่เล่นเอาพลัมมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด มีเพียงขาที่ใส่ถุงเท้ายาวสีขาวลายอุ้งเท้าแมวเท่านั้นที่โผล่ออกมาได้ พรึกถ่ายมันรัวๆ และจังหวะที่พลัมโผล่แค่ดวงตาเหมือนลูกแมวๆ ตื่นๆ ของตัวเองออกมาได้พรึกก็รีบกดชัตเตอร์เก็บภาพนั้นไว้ แต่พอจมูกและปากโผล่ตามมาด้วยเขาก็หยุดถ่าย

   “เสร็จแล้ว” ชายหนุ่มพูดเรียบๆ
   “อ้าวคุณ” พลัมงง ยังไม่ทันได้โพสต์อะไรเลย เสร็จไวจังอ่ะ
   “ดู” ร่างสูงกวักมือเรียกอีกฝ่ายมาใกล้ๆ พลัมที่ยังทุลักทุเลอยู่กับผ้านวมผืนหนาหอมกลิ่นคุณเขานิดๆ ขยับตัวเข้ามานั่งใกล้ๆ พรึกสไลด์ภาพที่ตัวเองบันทึกได้ให้ดู มันมิดชิดจนพลัมเบ้หน้า แทบไม่เห็นเลยเหอะว่าเขาใส่ชุดอะไร
   “คุณ...มันไม่เห็นอะไรเลย”
   “เห็นแค่นี้ก็โคตรยั่วแล้วเถอะ จะให้เห็นอะไรนักหนา”
   “คุณ…”
   “เชื่อสิ ฉันเป็นคนดูนะ”

   คราวนี้พลัมเม้มปากหน้าร้อนเห่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
   “คิดไม่ดีกับผมอีกแล้วใช่มั้ยครับ”
   “ใคร ใครจะคิดไม่ดีกับเด็กอย่างเธอ”
   “คุณน่ารัก” พลัมยิ้มจนตาหยี
   “กลับห้องไปได้แล้ว!” พรึกขึ้นเสี่ยงกลบเกลื่อน แค่เด็กชมว่าน่ารักทำไมหน้าเขาต้องร้อนด้วย    
   “คุณหูแดง”
   “พูดมาฉันจะตีเธอแล้วนะ”
   พลัมเบ้หน้า แอบขำกับตัวเอง คุณหมีเด๋อๆ แบบนี้น่ารักที่สุด
   “เอ่อ คุณส่งภาพให้ผมด้วยนะ”
   “อืม เอาโทรศัพท์มาแอดไลน์สิ”
   “ครับ”
   พลัมเปิดคิวอาร์โค้ดให้อีกฝ่ายสแกน แล้วไม่นานเราก็มีช่องทางสื่อสารระหว่างกัน
   “เอ่อคุณชื่อพรึกหรอ”
   “ใช่”
   “ผมชื่อพลัมนะครับ”
   “รู้แล้ว”
   “พ เหมือนกันเลย สงสัยเนื้อคู่”
   “เพ้อเจ้อแล้วเจ้าหนู หมดธุระแล้วก็กลับห้องไปสักที”
   พลัมทำปากยื่น “ผมอ่อยขนาดนี้คุณก็ยังไม่รู้สึกหรือครับ”

   เกลียดความตรงไปตรงมาของไอ้เด็กนี้จังว่ะ
   “กลับไปแต่งตัวให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้ แล้วอีกอย่างนะ ขอเตือนว่าให้เพลาๆ เรื่องถ่ายรูปวาบหวิวหน่อย มันไม่ดีหรอกนะที่ใครจะเอารูปเธอไปวิจารณ์เสียๆ หายๆ”

   “คุณเป็นห่วงหรอ”
   พรึกกรอกตา ถอนหายใจเสียงดัง
   “แล้วถ้าบอกว่าใช่เธอจะเชื่อฟังมั้ย”
   พลัมตาเป็นประกายทันที “ถ้าเป็นสามีจะเชื่อฟัง แต่ถ้าเป็นคุณพรึก พลัมให้โปรโมชั่น เชื่อฟังตั้งแต่ตอนดูใจกันก็ได้ครับ”
   พรึกส่ายหน้าดิก “ใครเค้าไปดูใจกับเธอไม่ทราบ”
   “พลัมชอบง่ะ โคตรอยากได้” เกาะแขนหนึบ เอาแก้มแนบอ้อนเป็นน้องเหมียว ให้สมกับใส่ถุงเท้าลายแมว พรึกละอยากจะดีดหน้าผาก ทำไมมันแก่แดดได้ขนาดนี้ว่ะ
   “โอ้ย ฉันไม่จีบเธอหรอกนะเจ้าเด็กดื้อ เสียเวลาทำงาน”
   “แหม...ผมจีบเองก็ได้นะ”
   “ไปหาอะไรทำให้มันมีประโยชน์กว่านี้เถอะ”
   “ผมทำให้คุณมีความสุข ก็นับเป็นประโยชน์สูงสุดของโลกใบนี้แล้วครับ”
   ความสุขหรอ? พรึกมองให้ลึกลงไปในดวงตาที่สดใสร่าเริงนั้น เขาไม่แน่ใจมันอาจจะแค่พูดเล่นออกมาให้เขาดีใจ
   “หึ...แน่ใจหรือว่าจะทำได้”
   “คุณพรึก!!” พลัมขึ้นเสียงดัง “คุณกำลังท้าทายความพยายามของเด็กตัวเล็กๆ น่ารักอย่างผมหรอ”
   พรึกอ่อนใจกับความอวยตัวเองของอีกฝ่าย
   “แค่คุณพรึกไม่ขัดขวาง รับรองเลยว่าไม่นานต้องยอมทอดกายให้ผมเป็นเจ้าของ”
   “เพ้อเจ้อใหญ่แล้วพลัม กลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”
   เจ้าตัวเล็กยังคงหน้างอ พรึกเลยใช้สองมือดันไหล่อีกฝ่ายให้เดินออกจากห้องนอน แล้วไปส่งถึงหน้าประตูห้อง
   “ผมไลน์มาหาคุณพรึกได้มั้ย”
   “คุยเฉพาะธุระ”
   “งั้นผมจะหาธุระมาคุยกับคุณ”
   “อย่าวอแวนะพลัม ไม่งั้นฉันบล็อก”
   “ทำไมคุณหมีใจร้ายกับน้อง”
   มาน้งมาน้อง!!!  พรึกแทบอยากจะเผยร่างสองที่ใจบาปและร่างสามที่พร้อมกระชากน้องไปกระทำชำเราให้เห็นนัก เด็กอะไรช่างไม่กลัวความใจชั่วในตัวผู้ชายเอาเสียเลย 
   “ฉันไม่ชอบเด็ก!!”
   “ฮึก คุณ คุณใจร้ายจริงๆ ด้วย”
   “ใช่ฉันไม่ชอบอะไรที่มันตัวเล็กๆ ขาวๆ อ้อนๆ หรอกนะ แบบเธอหนะโคตรไม่ใช่สเป็ค”

   พลัมเบะปากแล้วเตรียมร้องไห้ เสน่ห์เหลือร้ายที่ทำยอดเว็บ ‘น้อง’ ดังทะลุเป้าขนาดนั้นจะไม่สามารถหลอมละลายจิตใจคุณหมีข้างห้องได้เลยหรอ
   พรึกมองตาแดงๆ ของเจ้าปิศาจน้อยแล้วก็ใจยวบ ไอ้บ้าเอ้ย อย่าเชียวถ้าน้องร้องเขาต้องห้ามใจไม่กอดมันไม่ได้แน่ๆ
   “เข้าใจแล้วครับ ว่าคุณพรึกไม่ชอบเด็ก ตะแต่...อย่าใจร้ายกับน้องได้มั้ย เราคุยกันบ้างได้มั้ย น้องแค่เหงา”
   เกลียดคำว่า ‘น้อง’ ของมันจังโว้ย
   “เออ ถ้าไม่ยุ่งจะคุยด้วย พอใจรึยัง”

   พลัมรีบพยักหนัาผับๆ เป็นลูกหมาดีใจ ยอมเดินเข้าห้องไปแต่โดยดี เขาก็ไม่อยากรุกพรึกมากเกินไป ค่อยๆ อ่อยไปวันละนิดจิตแจ่มใสก็แล้วกันนะ



   ติ๊งๆๆๆ!
   เสียงไลน์เด้งรัวๆ อินิสัยเสียแบบนี้มีคนเดียว เบลเยี่ยมเพื่อนรัก มาชี้ทางลงนรกให้เขาอีกแล้วมั้งเนี่ย
   ‘เข้าเว็บน้องเดี๋ยวนี้ มึงเอ้ย!!’ เดาไม่ผิด ประโยคเดิมเป๊ะ
   ‘ทำไมมึง น้องทำไม’
   ‘น้องกูต้องมีเจ้าของแล้วแน่ๆ ภาพล่าสุดทำหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างกูใจสลายมาก’
   ‘กล้าพูดว่าเป็นพ่อเป็นแม่’
   ‘yes daddy please Fxxx me harder’
   ‘เบลมึงอยากแดกอะไรในคุก กูต้องแจ้งตำรวจจับมึงเดี๋ยวนี้ อย่าอยู่ให้เป็นปัญหาสังคมอีกเลย’
   ‘แหมคุณพรึก โหดจังนะครับ’
   ‘แล้วทักกูมามีอะไร’
   ‘เกือบลืม ลูกกูมึงลูกกูลงรูปใหม่ ใจสลายมาก’
   ‘ใจมึงสลายหลายรอบมาก อย่าลำไยพูดมาสักที’
   ‘ต้องมีคนถ่ายรูปให้น้องแน่ๆ คราวนี้อยู่บนเตียงผ้านวมปิดมิด แพลมออกมาแค่ข้อเท้า’
   ‘แค่ข้อเท้าน้อง ใจมึงก็บาปแล้วหรอว่ะ’
   ‘เออ!! ไม่เห็นหน้าเจ้า เห็นแค่ข้อเท้าก็ยังดี’
   
‘อุ้งตีนแมว แง้วๆ น่าร๊ากกกก’
   พรึกส่ายหน้า แอบกรอกตาคิดถึงข้อเท้าเล็กๆ ของเจ้าเด็กพลัม หือ...ถ้าได้จูบลงไปสักทีน้องจะทำสีหน้ายังไงนะ
   ‘กูไม่อยากจะจินตนาการว่าใต้ผ้านวมผืนนั้น ตัวน้องต้องเปล่าเปลือย ฮือ...ลูกกูอ่ะมึง กูดูมาตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อย’
   ‘ดูอะไรน้อง หน้าอย่างมึงอ่ะ’
   ‘ดูเท่าที่มึงได้ดูอ่ะกากพรึก ครั้งนี้น้องถ่ายไม่โป๊เลย แต่กูคิดว่าพลังทำลายล้างรุนแรงมาก ถ่ายปิดๆ แบบนี้จินตนาการได้บาปกว่าถ่ายเปิดๆ อีกหวะ’
   เป็นพรึกที่กุมขมับ เขาพยายามแทบตายที่จะถ่ายเจ้าปิศาจน้องให้วับแวมน้อยที่สุด แต่ความเซ็กซี่ที่ทะลุถุงเท้าขาวออกมาดันไปจุดไฟบาปให้คนหยาบช้าอย่างไอ้เบลอีก
   ‘แค่นึกว่าน้องเอาอุ้งเท้าเหมียวๆ มาลูบตรงนั้น ตรงนี่แล้วก็ อะจึ๊ย’
   ‘มึงมันดับเบิ้ลเหี้ย’
   ‘แล้วภาพเกรนเยอะๆ เหมือนผัวน้องแอบถ่ายหลังกินลูกกูเสร็จอ่ะ เรียลเว่อร์’
   ‘โถลูก แม่ใจบางไปหมดแล้วค่ะ’
   เบลยังเพ้อเจ้อไม่หยุดหย่อน พรึกแทบจะคว่ำโทรศัพท์หนี ไม่ใช่รำคาญเพื่อนนะแต่เขิน บ้าเอ้ย!! ทำไมจินตนาการมึงเหมือนนั่งอยู่ในใจกูขนาดนี้ว่ะเบล แม่งอยากจะพิมพ์ขิงเพื่อนใจจะขาดว่าไอ้คนที่มึงคิดว่าเป็น ‘ผัว’ น้องก็กูนี่ไงครับ กรี๊ดดดดด เลือดลมสูบฉีดเว่อร์
   ‘แต่เดี๋ยวนะ กูว่ากูคุ้นลายผ้านวมที่น้องห่มมากๆ’
   อ้าวฉิบหาย คราวนี้พรึกเริ่มหน้าซีด ผู้คุมกวักมือเรียกเขาหย็อยๆ แล้วมั้ยละ
   ‘เคยเห็นที่ไหนว่ะ’
   ‘ละครช่องทูป่ะมึง’
   ‘คงใช่’
   พรึกทำท่าจะบอกลา แต่เบลก็ส่งสติ๊กเกอร์กรี๊ดแตกมารัวๆ อีก
   ‘มึงไม่ต้องไปเยี่ยมกูในคุกแล้วพรึก มึงไปเยี่ยมกูบนสวรรค์ได้เลย’
   ‘อะไรของมึงอี๊กกกก’
   ‘เว็บลงรูปน้องอีกรูป มึงเง้ย ตาน้อง ตาลูกกู เอ็นดูแลง’
   ‘ไอ้เบล เช็คสมองบ้างมึง แค่ตาคนไม่รู้จักมึงอย่าหวีดให้มันเกินเบอร์’
   ‘พรึกมึงมันคนใจหยาบ อิแข็งกระด้าง ดวงตาลูกแมวตัวน้อยๆ ของกู เหมือนพึ่งตื่นแล้วรู้ตัวว่าผัวแอบกระทำชำเราไป’
   อิเบล อิคนเลวววววว นี่มึงนั่งอยู่กลางใจกูใช่ไม่ใช่ ทำไมเดาอะไรตรงแผงขนาดนั้นว่ะ
   ‘เบลไปทำอะไรที่มีประโยชน์กับสังคมได้แล้ว แค่นี้นะ กูจะทำงาน’
   ‘อมวัดมาพูดกูก็ไม่เชื่อว่ามึงไม่คิดไอ้พรึก!!’

   กูแทบอมทั้งชมพูทวีปแล้ว มึงเชื่อกูเถอะเบลลลลล ว่ากูห้ามใจแล้ว แต่แรงปะทะของเจ้าเด็กพลัมมันยิ่งใหญ่จริงๆ มึงเห็นแค่ภาพยังบาปขนาดนั้น กูนี่อยู่ใกล้ห้องแค่นี้ใจมันจะไม่บาปได้ยังไง!!! 




TBC
สวัสดีค่ะ ลง 3 ตอนติด แวะพักทักทายกันสักนิดนึงค่ะ
ฝากเอ็นดูหนูพลัมด้วยนะคะ รับสมัครทีมแม่น้องพลัมค่ะ
หรือใครจะไปทัวร์นรกกับเบลเยี่ยม ก็ไม่ว่ากันจ้า

#ทฤษฎีอ่อยเธอ
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 1-3
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 26-11-2018 23:00:04
ตามค่ะ น่ารักเว่อร์ :mew1:
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 1-3
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 27-11-2018 21:14:07
Chapter 4
   

   หลังหยุดเรียนมานาน ในที่สุดวันแรกของการเรียน ปี 3 ก็เริ่มขึ้น พลัมเดินออกจากห้องพัก ไม่ลืมจะเอาหูไปแนบประตูห้องติดกันเพื่อเช็คดูว่าด้านในมีความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ เมื่อเช้าเขานอนขี้เซาไปหน่อยเลยไม่ทันฟังว่าคุณหมีห้องข้างๆ เปิดประตูออกไปทำงานหรือยัง แปลกใจจังที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน แล้วบทที่จะเห็นหน้ากันก็ดันโป๊ะแตกว่าเรามีสิ่งที่ชอบเข้ากันเสียอีก สงสัยจะเป็นพรหมลิขิต พลัมคิดเข้าข้างตัวเองแล้วก็หัวเราะคิกคัก ก่อนจะเดินลั้ลลาไปที่โถงลิฟต์

   เขามีเรียนวิชาแรกตอนสิบโมง จากคอนโดมิเนียมเดินไปถึงตึกคณะใช้เวลาแค่สิบห้านาที อ่าตอนนี้ก็เก้าโมงห้าสิบแล้ว ออกจะลุ้นไปสักหน่อย สงสัยต้องใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์เสียแล้ว

   พลัมมาถึงหน้าตึกคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีด้วยเวลาฉิวเฉียด แถมยังต้องเสียเวลาหาห้องเรียนบนตึกที่ไม่คุ้นเคยอีก พลัมเรียนสาขาโฆษณาของคณะนิเทศฯ ที่อยู่อีกฝากหนึ่งของมหาวิทยาลัย แต่มีวิชาบังคับเป็นการตลาดเบื้องต้นที่สอนโดยคณะบัญชีฯ เลยจำเป็นต้องมาถึงที่นี่

   นักศึกษาตัวจิ๋วสาวเท้าไปตามทางที่เพื่อนในกลุ่มไลน์มาบอก และพอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นทั้งห้องก็หันพรึ่บมามอง มันเป็นคลาสใหญ่ที่เรียนรวมกับคณะอื่นด้วย แก๊งนิเทศศาสตร์เป็นเพียงชนกลุ่มน้อยเท่านั้นจะซ่ามากก็คงไม่ได้

   สิ่งที่พลัมตะลึงไม่ใช่จำนวนเด็กในห้อง แต่เป็นหน้าตาของอาจารย์ผู้สอนต่างหาก

   “คุณหมี~”

   อิเหี้ย!! น้องบุก อย่าว่าแต่พลัมที่ตะลึง พรึกที่กำลังแนะนำตัวกับนักศึกษาอยู่ก็แทบทำไมค์ช็อตปาก โลกมันกลมหรือพรหมมันลิขิตจริงๆ ว่ะ

   พลัมอมยิ้มน่ารัก ส่งวิ้งค์ให้อาจารย์ร่างสูงใหญ่ที่ยืนตะลึงอยู่กลางห้อง

   “ฝากตัว และหัวใจด้วยนะครับอาจารย์”

   ฮิ้ววววว~

   เอาแล้วไอ้เปี๊ยกซ่าเล่นเค้าแล้วมั้ยละ มันทิ้งระเบิดบอมบ์ใหญ่ไว้แล้วก็วิ่งขึ้นบนยอดสุดของห้องสโลป

   พรึกแทบไม่มีสมาธิในการสอนเพราะพลัมเล่นจ้องหน้าเขาตลอดเวลา แล้วเขาก็แพ้สายตาที่เป็นประกายเหมือนดวงดาวของน้อง ไม่สิต้องเรียกว่าลูกศิษย์ถึงจะถูก

แม้จะอยู่ไกลกัน ตาเขาก็ยังดันเห็นอิริยาบถต่างๆ ได้ชัดเจน แล้วยิ่งนั่งเท้าคางเอาข้อมือขาวๆ มาเบียดจนแก้มโย้ไปข้าง ปากสีชมพูก็บู้บี้น่าคีบน่าจับ งื้อ...พรึกครางในใจ ความน่ารักของพลัมมีอานุภาพทำลายล้างสูงมาจริงๆ



   ทางด้านนักศึกษาด้านบนยอดสุดของห้อง

   “อาจารย์เค้าสอนอะไรเยอะแยะว่ะคาบแรก ปกติแจกแค่ course syllabus ป่ะ” กะทิ เพื่อนผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่เป็นกลุ่มเดียวกับพลัมเริ่มงอแง

   “มึงอย่าว่า อาจารย์เค้าตั้งใจสอน” พลัมหันไปดุเพื่อน เล่นเอาหลายคนในกลุ่มถึงกับเลิกคิ้ว ปกติพลัมมันตั้งใจเรียนขนาดนี้หรอ เกรดเฉลี่ยที่ผ่านมาสองปีก็แบบกลางๆ คือแตะๆ สาม เรียนๆ เล่นๆ เอาสนุก พอเปิดเทอมปีสามแล้วพฤติกรรมเปลี่ยนแบบนี้ บอกเลยว่าเพื่อนไม่ชิน

   “มึงชอบอาจารย์หรอ” คิว เพื่อนผู้ชายที่ตัวโตกว่าใครถาม

   พลัมหันมายักคิ้วให้

   “อย่าบอกนะว่าที่มึงหักอกพี่แตมเพราะชอบอาจารย์พรึก”

   “มึงเคยเจออาจารย์มาก่อนป่ะ หรือนี่ครั้งแรก”      

   “พลัมมันจะเคยเจออาจารย์ได้ไง ปกติเราก็ไม่ได้ข้ามมาเรียนตึกนี่ป่ะ”

   “เออหวะ แล้วมึงหักอกพี่แตมทำไม เห็นรุ่นพี่เม้าท์ๆ กันว่าพี่แกเสียศูนย์ไปเลยนะเว้ย ไปกินเหล้าเมาเป็นหมาเลย”

   พลัมหันไปฟังคนนั้นพูดที คนนี้พูดทีโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตอบก็ได้แต่ถอนหายใจปลงๆ เอาเถอะพวกนักคิดวิเคราะห์ทั้งหลาย ออกความเห็นกันให้สนุกปากไป เขาหันไปสนใจคุณหมีต่อดีกว่า ตอนคุณเขาทำหน้าตั้งใจสอนนี่หล่อจังเลยน๊า แล้วจู่ๆ พลัมก็คิดแผนชั่วร้ายขึ้นมาได้หนึ่งอย่าง เป็นแผนที่มั่นใจว่าคุณหมีจะปฏิเสธเขาไม่ได้อีกต่อไป

   เลิกเรียนเพื่อนๆ ทยอยออกจากห้องไป พลัมบอกกะทิว่าจะตามไปเจอที่โรงอาหาร เขาขอแวะคุยกับอาจารย์นิดนึง

   “คุณครู~”

   พรึกกรอกตาบนทันที ไอ้เด็กปิศาจหน้าตาน่างับมันโผล่มาอีกแล้ว

   “มีอะไร”

   “มีดีลมาให้ครับ”

   “ดีลอะไรอี๊ก”

   “ให้เป็นผัว”

   “ว่าไงนะ ทำไมพูดจากไม่สุภาพแบบนี้นักศึกษา!!”

   “ผัวทูนหอ ผอทูนหัว เอ้ย พ่อทูนหัวไง” ยิ้ม ^______________^

   ขออนุญาตเออเร่อแป๊บ

   “พลัม!! ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะว่าไม่ชอบเด็ก แล้วนี่เธอยิ่งเป็นลูกศิษย์ในคลาสด้วย ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้”

   หน้างอ งอ งอ จนจมูกกับปากจะติดกันอยู่แล้ว

   “ถ้าคุณพรึกไม่ยอมเป็น พลัมจะแหกปากให้ลั่นเลย ว่าคุณปล้ำพลัม หลักฐานก็มี นี่ไง!!” พลัมยื่นมือถือที่มีภาพตัวเองนอน
อยู่ในกองผ้านวมอีกฝ่าย มองยังไงก็รู้สึกได้ว่าน้องพึ่งโดนจัดหนักมาแน่ๆ

   พรึกกุมขมับ ปวดหัวเลยกู ฝ่ายดีกับฝ่ายร้ายในหัวตีกันหนักมากอ่ะ คือถามว่าอยากลากน้องเข้าซอกแล้วหมับหมับให้ฉ่ำมือมั้ยก็อยาก แต่ด้วยหน้าที่การงานและปณิธานการเป็นคนดีมันก็ค้ำคอไง

   “เป็นอะไร ทำไมอยากคบกับฉันนัก”

   “จริงๆ อยากปล้ำคุณ แบบบดๆ แล้วกดลงไปให้ลึก”  พลัมตอบ เล่นเอาพรึกนึกอยากตีให้ตาย

   “ก็ ก็...คุณเข้าใจมั้ยอ่ะ ว่าคนที่จะมีรสนิยมเหมือนกันมันหาไม่ง่ายนะครับ แล้วนี่เราสองคนดันมาสลับกล่องของอย่างว่ากัน คุณไม่คิดว่าเป็นพรหมลิขิตที่คิวปิดกำลังแผลงศรใส่หรอ”

   นอกจากไอ้เบลคนเพ้อเจอ ในชีวิตพรึกต้องมาเจอปิศาจน้องช่างมโนอีกคนใช่มั้ย

   “นี่แยกประเด็นก่อนนะพลัม รัก กับเซ็กส์มันคนละเรื่อง และฉันไม่สามารถมีอะไรกับคนที่ไม่รักได้”

   “งั้นคุณพรึกก็รักพลัมสิครับ”

   พรึกอึ้งไป

   There's no need to complicate 'Cause our time is short

   เนื้อเพลง I’m yours ท่อนหนึ่งไหลเข้ามาในหัวเขาอีกครั้ง    

   “พลัมไม่ดีตรงไหนหรอ คุณถึงรักไม่ได้”  เจ้าเด็กน้อยยังคงถามอย่างเรียกร้อง พรึกถอนหายใจ ด้วยช่วงวัยและประสบการณ์หัวหกก้นขวิดที่ผ่านมาสมัยเป็นวัยรุ่นทำให้เขาพึงระลึกเสมอว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่เพียงนึกสนุกก็คบกันได้

   ทุกสิ่งที่กระทำไปแล้วมันส่งผลในระยะยาวเสมอ เหมือนตอนนี้ที่เขายังข้ามความรู้สึกผิดไม่ได้

   “ไม่ใช่ว่ารักไม่ได้ แต่มันเร็วไป เรายังรู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์เลยนะพลัม”

   “แล้วชีวิตคุณยาวนักหรอ ที่ต้องทำอะไรให้มันยาก”

   เมื่อก่อนเขาก็คิดแบบนั้นแหละ แค่นอนกับคนที่เจอกันในคลับ แล้วก็จากกันตอนเช้ามันจะยากอะไร แต่เมื่อมีบางเหตุการณ์ที่แก้ไขไม่ได้เกิดขึ้น เขาก็รู้เลยว่า... ทุกเรื่องบนโลกใบนี้ไม่ง่าย    

   “พลัม พูดแบบนี้คือเด็กที่คุยไม่รู้เรื่อง”

   “คุณก็ไม่ชอบเด็กอยู่แล้วหนิ ผมจะพูดรู้เรื่องมั้ยคุณก็ไม่รักอยู่ดี”

   พรึกถอนหายใจ มองเด็กตรงหน้าด้วยสายตาที่จริงจังขึ้น “ไปคิดให้ดีว่าที่ทำอยู่นี่เพราะอะไร อยากเอาชนะ เล่นสนุก หรืออยากให้เรารักกันจริงๆ”

   ทิ้งท้ายไว้เท่านั้น แล้วเขาก็ก้าวออกจากห้องเรียนไป ทิ้งพลัมที่เม้มปากแน่นไว้ด้านหลัง

   ‘ความรัก’ มันสำคัญอะไรขนาดนั้นว่ะ
   






   ‘มึง คืนนี้ทองหล่อมั้ย’ นิ้วไซส์มินิพิมพ์ลงไปในกลุ่มเพื่อนด้วยความหงุดหงิด นึกอะไรไม่ออกก็ชวนเพื่อนไปแดนซ์ในสถานที่อโคจรหน่อยแล้วกัน

   ‘เจอกัน 2 ทุ่ม’

   ‘กินข้าวแถวนั้นก่อน สี่ทุ่มค่อยไป’

   ‘ดีล’

   พลัมเลิกเรียนตอนเย็น ก็ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้ากับเพื่อนแก้เบื่อ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปแต่งตัว ช่วงที่จะไขประตูเข้าห้องตัวเองอดไม่ได้ที่จะเหล่ดูประตูห้องข้างๆ มันก็ปิดสงบเหมือนเดิม พลัมเผลอเม้มปากด้วยความหงุดหงิดอีกรอบ

   คุณหมีนะคุณหมีไม่ได้ดั่งใจพลัมเลย

   เขาเป็นเด็กเอาแต่ใจเขารู้ตัว ทั้งจักรวาลแทบจะต้องโคจรตามตัวเขานั้นแหละ พลัมติดนิสัยนี้มาตั้งแต่เด็กเพราะเป็นลูกชายคนเล็กที่อายุห่างกับพี่สาวเป็นสิบปีจึงมีแต่คนโอ๋ แถมตอนเขาเกิดคุณแม่ก็เสียชีวิตทันทีด้วย ทุกคนเลยโอ๋เขามากขึ้นไปอีกเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าขาดความรักจากแม่ มาถึงตอนช่วง ม.ต้นพี่สาวเขาประสบอุบัติเหตุและจากไปก่อนวัยอันควร ตามด้วยคุณพ่อที่ร่างกายทรุดโทรมจากการตรอมใจ และจากไปด้วยอีกคน ช่วงม.ปลายพลัมเลยต้องไปอาศัยอยู่กับครอบครัวญาติฝ่ายพ่อแทน มันทำให้เขายิ่งต้องเข้มแข็งและอยู่ได้ด้วยตัวเอง จนจบม.ปลาย แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ป้าบัวก็นำเงินมรดกของคุณพ่อมาซื้อคอนโดให้ตามความประสงค์ที่แจ้งว่าอยากแยกออกมาอยู่คนเดียว ใกล้กับสถานศึกษา

   พลัมชอบที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ดี และทุกอย่างต้องหมุนรอบตัวเขาตามต้องการ

   ยกเว้นเสียแต่ ‘คุณหมี คุณพรึกนิสัยไม่ดี ทำไมต้องขัดใจเขาขนาดนี้ด้วยนะ!!’

   พลัมกระแทกประตูเข้าไปในห้อง แล้วอาบน้ำดับความรุ่มร้อนในใจ เมื่อซับตัวแห้งดี ก็เดินตัวเปลือยเปล่าออกมาหยุดยืนหน้ากระจก เขาหมุนตัวเช็กหุ่นตัวเองเหมือนที่ชอบทำก่อนแต่งตัวทุกครั้ง ส่วนสูงกำลังดีไม่ได้เก้งก้าง เนื้อตัวดูนุ่มนิ่มไม่ผอมจนมีกระดูกส่วนไหนปูดโปนออกมาให้น่าเกลียด จุดบนอกเป็นสีชมพูรับกับฐานสีเข้ม หน้าท้องเขาเรียบแบน มีสะดือทรงอัลม่อนด์สวย พลัมยกแขนขึ้นยืดตัวนิดหน่อย พลางจ้องมองสะดือตัวเองที่ยืดตาม เขาชอบที่รูปทรงมันเป็นแบบนี้ เขาชอบช่วงท้องของตัวเองที่มันดูเซ็กซี่รับกับกระดูเชิงกราน และส่วนอวัยวะเพศที่ขนาดกำลังดี แถมยังมีสีอ่อนดูสะอาดตา พลัมยิ้มชื่นชมร่างกายตัวเอง ก่อนจะหันดูด้านข้างบ้าง ช่วงเอวเขาบางๆ รับกับก้นกลมกลึงและต้นขาที่เรียกว่าเรียวยาวน่ามอง พลัมหันหลัง ขยับสะโพกเข้าใกล้กระจกกว่าเดิมแล้วมองก้อนเนื้อดึ๋งดั๋งเหมือนซาลาเปาลูกใหญ่ของตัวเอง เขาชอบที่มันเรียบเนียนและอมสีเลือดฝาดดูสุขภาพดี พลัมภูมิใจกับรูปร่างสุดเพอร์เฟคของตัวเอง แล้วก็อดไปได้จะแหวกส่วนซ่อนเร้นสีชมพูอ่อนที่มั่นใจว่าใครเห็นแล้วก็ต้องอดใจไม่ไหว

   พลัมแก้มแดงเมื่อคิดว่าใครคนนั้นน่าจะเป็นคุณหมีข้างห้อง ร่างเล็กบิดแก้มตัวเองที่คิดเพ้อเจ้อแล้วหันมาดูหน้าตัวตัวเองต่ออีกหน่อย

   ใบหน้าเขาออกไปทางหวานน่ารัก คงได้คุณแม่มามากหน่อย แต่นิสัยพลัมก็ห้าวๆ และลามกตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ ไม่ได้อ่อนหวานอ่อนโยนเหมือนเลดี้ที่ต้องมีใครมาดูแลนักหนา

   ส่วนเรื่องที่เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงนั่นเป็นรสนิยมที่เริ่มชัดมาตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมแล้ว และเพราะหน้าตาและรูปร่างที่เหมาะเจาะขนาดนี้ จึงเริ่มชอบการแต่งตัวคอสเพลย์แบบต่างๆ เลียนแบบสื่อญี่ปุ่นด้วย 

   แล้วเหมือนชีวิตมาถูกทาง เพราะเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็มีนายหน้านามว่า ‘เจ้’ ที่เป็นพี่บัณฑิตคณะเดียวกันชวนให้มาทำงานพิเศษ ถ่ายรูปรีวิวสินค้าเพจน้อง

   แล้วมันก็โชคดีมากที่ได้เจอคนที่เอ็นจอยกับเด็กผู้ชายที่เป็นคอสเพลเยอร์ ถึงแม้ว่าคุณหมีจะยังไม่ยอมรับใจตัวเองก็เหอะ

   ฮึ่ย!! ทำไมเอาแต่คิดถึงคนใจร้ายแบบนั้นได้นะ พลัมอ่อยจนหมดหน้าตักแล้วคุณเขาก็ไม่สนใจเลย แถมยังดุพลัมเสียเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ ที่ไม่รู้ความอีก

   พลัมไม่รู้จักความรัก ก็มาสอนสิ!!

   มือบางกระแทกบานสไลด์ตู้เสื้อผ้าด้วยอารมณ์กรุ่นๆ อีกครั้ง หลังบานกระจกขนาดใหญ่อัดแน่นด้วยเสื้อและกางเกงแฟชั่นนำสมัยมากมาย พลัมเลือกเสื้อเชิ้ตขาวตัวโคร่งๆ มาตัวหนึ่ง กับกางเกงยีนส์ที่ขาดเยอะถึงขั้นอยากจะเอ่ยปากว่า ขาดขนาดนี้ก็ไม่ต้องใส่ไปเลยมั้ย เห็นไปหมดแล้วตั้งแต่ขาอ่อนลงมาจนเกือบถึงข้อเท้า หยิบเอาเข็มขัดแบรนด์เนม และกระเป๋าคลัทมาเลือกถือให้เข้ากัน พลัมมีเงินซื้อสินค้าราคาแพงบ้าง เพราะเงินมรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ และอาชีพรีวิวสินค้าในเพจน้องนั้นแหละ

   เมื่อใกล้เวลานัด เขาก็โทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่คอนโดเรียกแท็กซี่เข้ามาให้ ร่างโปร่งดูดีเช็กสภาพตัวเองที่กระจกอีกครั้งก่อนจะเดินออกมานอกห้อง ดวงตาไม่รักดีก็คอยแต่จะเหลือบแลไปห้องข้างๆ คุณเขาจะคิดมากเหมือนเขาบ้างมั้ยนะ ออกตัวไปชัดขนาดนั้น ทั้งวิ่งตาม ทั้งงอแงใส่ ทำไมถึงใจแข็งนักก็ไม่รู้ พลัมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบอกตัวเองให้เลิกสนใจ ขาเรียวก้าวฉับ ไปยังโถงลิฟต์ แล้วบังคับสมองให้คิดไปถึงเมนูอาหารที่จะสั่งเมื่อถึงร้ายซูชิที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ผับดังดีกว่า






   “เอ้าชนหน่อยเว้ย” เสียงเบลชายหนุ่มหน้าตี๋ขัดกับชื่อที่ยุโรปมากดังขึ้นกลางกลุ่มของหนุ่มใหญ่วัยขึ้นต้นด้วยเลขสามที่รวมตัวกันอยู่รอบโต๊ะ VIP บนชั้น 2 ของผับดัง หนึ่งในกลุ่มหนุ่มหล่อที่นั่งรวมกันอยู่นี้เป็นหุ้นส่วนของร้านนี้ด้วย จึงสามารถมีที่นั่ง VIP รองรับได้ในทันทีแม้เวลาที่ตัดสินใจจะรวมตัวกันมันเกือบจะห้าทุ่มแล้วก็ตาม

   “เหมือนกูส่งลูกจบปริญญาตรีได้สำเร็จ วันนี้เสือพรึกคืนรัง”

   “เอ้าชน!!!” เบลที่เอะอะหาเรื่องหมดแก้วครึกครื้นเป็นพิเศษ มันตรงตามที่แคมป์ผู้บริหารหนุ่มจากบริษัทอสังหาชื่อดังบอก นานๆ ทีจะเห็นพรึก อดีตคาสโนว่าที่ถอดเขี้ยวเล็บจำศีลจะออกมานั่งส่องเด็กมหา’ลัย ยักย้ายส่ายเอวเบียดเสียดเนื้อตัวกันในสถานบันเทิงยอดฮิตของวัยรุ่นแห่งนี้

   “แล้วเมียมึงไม่ว่าหรอ ออกมาดึกๆ แบบนี้”

   “ทะเลาะกันจนเบื่อ โอนเงินค่ากระเป๋าใบใหม่ไปให้แล้วเลยเงียบไปหน่อย” แคมป์ตอบ

   “แฮปปี้ใช่มั้ยมึง” เบลเยี่ยมคือคนเสือกที่หมู่บ้านต้องการ ถามอะไรตรงประเด็นไปหมด

   “ไม่แฮปปี้แล้วไงว่ะ ม๊าป๊ากูต้องการให้กูมีลูกกับคนนี้เท่านั้น” แคมป์ทำหน้าเซ็งแล้วซดแชมเปญรวดเดียวเกือบหมดแก้ว ลูกหลานตระกูลที่มีธุรกิจพันล้านส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ

   “โดยที่ม๊าป๊ามึงไม่รู้เลยว่าอรไม่อยากท้องเพราะกลัวเสียหุ่น” พันวาพูดบ้าง เรื่องคู่หมั้นที่ถูกบังคับแต่งตั้งแต่เรียนจบของแคมป์ยังเป็นที่โจษจันกลุ่มเพื่อนเสมอ

   “เลิกคุยเรื่องบ้านกูเหอะ คืนนี้เสือพรึกออกล่าเหยื่อทั้งที มาเล็งเหยื่อเด็ดๆ กันดีกว่า” แคมป์เปลี่ยนเรื่อง แล้วหันไปยักคิ้วใส่หนุ่มโสดผู้ครองตัวอยู่ในศีลในธรรมตั้งแต่กลับมาจากลอนดอนเมื่อเกือบสิบปีก่อน

   “ยังไงมึงพรึก พร้อมออกศึกมั้ยคืนนี้” พันวาหุ้นส่วนของผับดังถาม

   “มีแต่เด็กๆ มั้ยพวกมึงเดี๋ยวก็เข้าคุกกันหมดหรอก”

   “เข้าผับกูได้ก็ 20+ แล้วมั้ย ปลอดภัยไร้ข้าวผัดและโอเลี้ยง” 

   “ซึ่งจริงๆ 30+ อย่างพวกมึงไม่สมควรได้รับอนุญาตให้เข้ามา เสียลุคผับกูหมด การ์ดตรวจยังไงว่ะ” พันวาตบมุขเองแล้วก็หัวเราะขำ พรึกฟังแล้วค่อยหัวเราะตามได้หน่อย วันนี้ที่เขาออกปากชวนเพื่อนๆ มานั่งดื่มก็เพราะมีเรื่องกวนใจจะปรึกษานั้นแหละ

   ดวงตาของพลัม หรือนายปภาวินท์ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ปี 3 เขาจำชื่อมันมาจากใบลงทะเบียน ตาของพลัมปกติจะสดใสสุกสกาวเหมือนพ่อแม่แอบเติมดวงดาวบนท้องฟ้าลงไปตอนที่มีการปฏิสนธิในท้อง แล้วก็เลี้ยงให้เติบโตมาอย่างจิ้มลิ้มน่ารัก แต่วันนี้เขากลับทำให้ดวงตาใสๆ นั้นขุ่นมัวไปด้วยน้ำตา เขาไม่รู้ว่าพลัมรู้รึเปล่าว่าตัวเองร้องไห้ แต่เขาเห็นว่ามีเม็ดน้ำกลมกลิ้งอยู่ในดวงตาคู่นั่น และเขาก็ไม่ชอบเอาเสียเลย สายตาผิดหวังเหมือนโลกพังของพลัมทำให้ตลอดบ่ายเขาไม่มีสมาธิสอนเลย หนักถึงขั้นโทรหาเบลเยี่ยมเพื่อนัดมันมาดื่ม แต่กลับได้มาครบแก๊งมีแคมป์ และพันวาที่สนิทกันตั้งแต่ตอนไปเรียนมาด้วย

   ที่จริงคือไอ้เบลมันประหยัดค่าแอลกอฮอล์ไง ไอ้พันเปิดโต๊ะก็ลงบิลชื่อมันไม่ต้องจ่ายให้ระคายกระเป๋า   

   “อ่ะ หนักใจอะไรไหนเล่า” เบลเปิดบทสนทนาให้ หลังจากนอกเรื่องไปเกือบชั่วโมงแล้ว

   “มึงว่ากูมีความรักได้ป่ะว่ะ”

   แคมป์สำลักแชมเปญจนไอโขล่ก พันวาก็แทบพ่น DOM PERIGNON มูลค่าขวดละห้าหลักออกมาใส่หน้าไอ้เบล

   “เชี่ยยิ่งกว่าเสือคืนถิ่น คือมึงจะเลิกจำศีลแล้ว”  เจ้าของผับแหกปากแข่งกับเสียงเพลงด้านล่าง

   “แต่น้องแม่งเด็กหวะ”

   “เชี่ยสายน้องด้วยหรอว่ะ ไม่เสียแรงที่กูส่งวาร์ปไปประตูนรกให้มึงเสพมาร่วมปี”  เบลเยี่ยมนี่แทบลุกขึ้นมานั่งเบียดพรึก เพื่อให้การเสือกได้อรรถรสเพิ่มขึ้น

“แล้วน้องแบบไหนว่ะมึง แบบ...” หนุ่มตี๋ชะโงกลงไปดูด้านล่างที่เห็นเด็กน้อยจำนวนมากกำลังโยกตัวไปมาตามบีทหนักๆ ของดนตรี EDM

   สายตาแหลมคมของสมาชิกแก๊งคาสโนว่าวัยเก๋า แม้แสงในนี้จะน้อยมาก แต่ช้างเผือกก็จะไม่มีทางหลุดรอดสายตาพี่เขาไปได้

   “น้องแบบคนนั้นมั้ยมึง” เบลสะกิดให้เพื่อนที่จำศีลมานานเกือบสิบปีชะโงกดู เด็กน้อยตัวบางๆ แก้มกลมๆ ในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่ง สุดยอดชุดเซ็กซี่อันดับหนึ่งในโพลชายไทย

   น้องกำลังน้วยเอวจนเบลเองต้องควักผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำลายที่ปาก

   “เหี้ยเอ้ยเซ็กซี่มาก พรึก เรื่องหนักใจมึงพอสไว้ก่อนได้มั้ย กูอยากไปขยับเอวเป็นจังหวะเข้าสุด ออกสุดกับน้อง”

   “เหี้ยเบล เหี้ยถาวรจริงๆ มึง” แคมป์ตะปบไหล่คนเตรียมชิ่ง

   ร่างสูงมองตามปลายนิ้วของเพื่อนสนิทแล้วก็เงียบไป ถ้าสายตาเบลจะดีพิเศษ สมองของพรึกก็เป็นเลิศไม่แพ้กัน มองเห็นแค่รูปร่างระยะไกลเขายังรู้เลยว่าน้องที่ไอ้เบลชี้ชื่ออะไร เสือซ่อนเล็บอย่างพรึกยกโทรศัพท์ขึ้นมาปล็ดล็อก เขาลังเลเล็กน้อยว่ามันสมควรที่จะใส่ใจเรื่องส่วนตัวกันมากขนาดนี้มั้ย แต่ความ ‘เป็นห่วง’ ที่พุ่งพล่านเหมือนตัวเองเป็นผู้ปกครองของเจ้าเด็กนั้นก็กระตุ้นเร้าให้กดเข้าแอพพลิเคชั่นที่มีคอนแทคของพลัม

   ‘อยู่ไหน’
   อ้อมโลกเข้าไว้ไอ้พรึก!

   โทรศัพท์ในมือสั่น จนเด็กน้อยที่กำลังเมามันส์อยู่กับบีทหนักต้องยกขึ้นมาดู ตาโตเบิกกว้างแล้วส่ายหน้า เมาถึงขั้นเห็นว่าคุณพรึกไลน์มาหาได้ยังไง ยิ่งเห็นแบบนั้นพลัมยิ่งสะเทือนใจซดแก้วเหล้าผสมเข้าไปทีเดียวหมดแก้ว

   ฮือ! กูจะแรด กูจะเต้นยั่ว กูจะมีหลัวคนใหม่

   เสียงเฮลั่นจากกลุ่มพลัมเรียกสายตาคนในผับได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงกลุ่มของพรึกที่เกาะกระจกดูจากชั้นสองด้วย

   “เด็ดสัส อกหักมาป่าวว่ะซัดเอาๆ ย้อมใจ เห็นแล้วอยากลากน้องออกไปปลอบเลย”

   “เหี้ยเบล พูดอะไรระวังปากหน่อย”

   “พรึก มึงหัวร้อนอะไรเนี่ย”

   เพื่อนตัวโตไม่ตอบ แต่คิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งเหยิงกลับทำให้หนุ่มตี๋เบิกตากว้าง

   “เหี้ยพรึก อย่าบอกนะว่า น้องยังเด็กที่ทำให้เสือจำศีลอย่างมึงว้าวุ่นคือ…” เบลหันมามองสลับกันระหว่างหน้าเพื่อน และเด็กน้อยข้างล่าง

   “เออ...คนนั้นแหละ”

   “เชี่ย เอาได้มึง เอาได้เลยน้องคนนี้ ไม่ท้อง”

   พันวาตบหัวเพื่อนเบลไปอีกหนึ่งที “ใจมึงนี่ก็มีแต่เรื่องจัญไรนะครับ”

   “อ่าว ก็ทุกวันที่เพื่อนมึงบำเพ็ญตนอยู่ในถ้ำก็เพราะกลัวไปทำผู้หญิงท้องอีกไง คราวนี้ถ้ามึงจะเอากับน้องคนข้างล่างอ่ะ ยังไงก็ปลอดภัยชัวร์”

   แคมป์ตบหัวเบลเยี่ยมสมทบไปอีกหนึ่งทีในฐานะที่ใจเลวเกินจะรับได้

   “ไอ้พรึกมันก็ถามอยู่ว่ารักได้มั้ย มึงนี่ก็มุ่งมั่นให้มันใช้อาวุธลับกับน้องเค้าจังว่ะ”

   “โอ้ย ไอ้พวกมือถือสากปากถือศีล จะเป็นคนดีกันไปไหนว่ะเนี่ย รู้ๆ กันอยู่ว่าใจอ่ะหวังฟัน ใช่มั้ยพรึก เอ้า..เหี้ย ไอ้พรึกหายไปไหนแล้ว”

   เพราะพวกเขาสามคนเกาะขอบกระจกระเบียงชั้นสองมองลงไปด้านล่าง จึงไม่เห็นว่าเพื่อนอีกคนเดินหายไปตอนไหน

   “นู่น อยู่ข้างล่าง” พันวาสะกิดให้มองตาม พรึกรูปร่างสูง และตัวหนาเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ หน้าตาก็สามารถเป็นนายแบบได้สบาย เพียงแต่เจ้าตัวชอบหาแว่นหนาๆ มาสวมเพื่อลดความฮอตในตัวลงเท่านั้น แล้วพอมาเที่ยวแบบนี้ที่ต้องแต่งตัวให้เข้ากับสถานที่ สลัดแว่นคุณครูทิ้ง ขับลุคแบดบอยที่เก็บงำไว้มันก็ปะทุออกมาอย่างปิดไม่มิด บวกกับอายุที่เลยช่วงวัยรุ่นมาแล้วยิ่งเสริมให้อีกฝ่ายดูสุขุมน่าเชื่อถือ ทำให้เป็นจุดเด่นได้ไม่ยาก การันตีได้จากสายตาสาวๆ ที่หันมองพรึกกันให้ควัก

   “มึ๊งงงง ใครว่ะหล่อเหี้ย” ไม่เว้นแม้แต่กะทิ สาวน้อยในกลุ่มนักศึกษายังต้องหันไปสะกิดพลัมยิกๆ

   พลัมเห็นแล้วก็ทำเป็นเมิน ตอนแรกก็ตกใจหรอกว่าเจอคุณพรึกที่นี่ แต่บอกแล้วว่าคืนนี้เขาจะแรด เขาจะยั่ว เขาจะอ่อยเรี่ยอ่อยราด ถ้าคุณพรึกยังถือศีลได้อยู่อีกก็ช่างแม่งคุณพรึกแล้ว

   และไอ้หนุ่มลูกครึ่งข้างๆ นี่แหละที่ต้องตกเป็นเหยื่อสนามอารมณ์ของเรา คิดแล้วก็หันไปกอดคออีกฝ่ายหมับ เบียดกระแซะตัวเข้าไปใกล้ เต้นบดๆ ให้แม่งขาดใจตายไปเลย

   เพลงแม่มาช่ามา!!
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 27-11-2018 21:17:52

   พรึกเดินดุ่มๆ เข้าไปหาเจ้าเด็กดื้อที่ทำให้เขาขาดสติโดยไม่สนใจเสียงรอบตัวสักนิด คว้าหมับเข้าให้ที่ข้อมือ
   “พลัม เมาแล้วกลับบ้าน”

   “กรี๊ดใจแม่” เบลเยี่ยมที่วิ่งตามเพื่อนลงมาด้วยกรีดร้อง

   “เบล อย่าตุ๊ด” แคมป์เอามือปิดปากเพื่อนแทบไม่ทัน ที่จริงเบลเยี่ยมมันก็แมนๆ ชอบกินเด็กนี่แหละ แต่ออกจะทะลึ่งทะเล้นโอเว่อร์แอคติ้งเรียกเสียงฮาไปหน่อยเท่านั้น

   กลุ่มคนหล่อสี่คนที่ปรากฏตัวขึ้นกระทันหันทำให้รอบบริเวณนั้นแตกฮือ แล้วสะกิดนิ้วกันเป็นทอดๆ เพื่อต่อยอดความใส่ใจว่าผู้ชายเหล่านี้เป็นใคร ทำไมเล็งกันตั้งนานถึงไม่เห็น

   “พลัมครับ!” พรึกไม่ได้สนใจเสียงอื่นๆ เขาโฟกัสที่เด็กน้อยแก้มแดงตาหวานเชื่อมเท่านั้น

   “คุณพรึก!!”

   “ใช่”

   “อาจารย์สวัสดีค่ะ /ครับ” ทั้งกลุ่มพลัมมารยาทดีทันที กะทินี่ไหว้ย่อแทบถึงพื้นไม่นึกว่าครูเนิร์ดๆ ที่ตั้งใจสอนสไลด์ในห้องจะกลายเป็นลุค ดุมาก แบดบอย พระเอกร้อยฟิค ได้ขนาดนี้

   “นักศึกษาอย่ากลับดึกนะครับ พึ่งวันจันทร์พวกคุณก็ดื่มหนักกันขนาดนี้ วันพรุ่งนี้ร่างกายจะพร้อมรับความรู้ได้ยังไงพ่อแม่ส่งมาให้เรียนนะครับไม่ใช่มาเที่ยวเตร่ ถ้าจะเที่ยวผมแนะนำให้เป็นคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์ดีกว่า จะได้มีเวลาพักผ่อนให้ร่างกายพร้อมไปเรียนครบทั้ง 5 วัน”

   “ในผับ มึงยังเทศนาเด็กได้ กูยอมใจอาจารย์พรึก” เบลเยี่ยมที่ยืนกอดอกดูเชิงอยู่กับเพื่อนอีกสองคนเปรย
   “พลัม เมามากแล้ว กลับบ้านกับคุณพรึกนะครับ”
   “โอ้ยใจบาง เกรี้ยวกราดกับทุกคนแต่อ่อนโยนกับเธอคนเดียว”
   “เบลมึงพล่ามเหี้ยไรเนี่ย” พันวาตบหัวเพื่อนตัวเอง
   “กูพากย์เพื่ออรรถรส คนอ่านเค้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เค้าไม่เห็นหรอกว่าเพื่อนพรึกของเราสายตาอ่อนโยนกับน้องขนาดไหน”

   “กูยังไม่เห็นไอ้พรึกเกรี้ยวกราด”
   “มึงไม่เห็นหรอ น้องผู้หญิงน้ำตาไหลแล้ว กูว่าน้องอายอ่ะแม่ง มาเที่ยวทั้งที่เจออาจารย์เทศไปกัณฑ์ใหญ่”

   “นอกจากอายุจะเกินแล้ว ยังจะทำผับกูเจ๊งด้วยมั้งเนี่ยเพื่อนพรึก ถ้าน้องเค้าไม่กล้ามาเที่ยวอีกทำไงว่ะ” พันวาเริ่มเห็นด้วยกับเบล แล้วก็ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าต่อ ร่างสูงๆ ที่ดูฮอตเว่อร์เดินฝ่าวงเด็กๆ เข้าไปคว้าข้อมือเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักออกมาจากซอกโต๊ะ ท่ามกลางสายตาหาเรื่องของเด็กผู้ชายวัยรุ่นอีกคนที่ดูร้ายพอตัว

   วางมวยแน่ อ่ะนอกจากเทศนาเด็กในผับแล้ว อาจารย์พรึกจะทะเลาะวิวาทโชว์ด้วยมั้ย

   พันวายกวอสื่อสารตัวเล็กที่เขาพกไว้ เรียกการ์ดให้เข้ามาดูแลทันที    

   “คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาพาน้องเขากลับ” ไอ้หนุ่มหน้าตาหล่อร้ายคว้าไหล่พรึกไว้ แล้วกระชากเสียงอย่างหาเรื่อง

   พรึกถอนหายใจแรง แล้วก้มลงไปมองเด็กน้อยที่ตัวอ่อนเพราะฤทธิ์แอลกอฮออล์แล้วซบอยู่ตรงอกเขา

   “พลัม อยากให้คุณพรึกเป็นอะไรครับ” เขาก้มลงไปกระซิบกับเด็กเมา ตาหวานๆ นั้นขุ่นขึ้นมาทันที ปากยื่นปากยาวอย่างน่าเอ็นดูสงสัยยังโกรธอยู่ไม่หาย

   “พลัมโกรธคุณหมีแล้ว พลัมไม่ให้เป็นอะไรทั้งนั้น”

   “ไม่งอนได้มั้ยคะ คุณหมีมารับกลับบ้านแล้วนี่ไง”

   “นี่คือเพื่อนเราใช่มั้ย เพื่อนเราตัวจริงกลับมาแล้ว น้ำตากูไหลแรง” เบลเยี่ยมหันไปซบหน้าลงบนบ่าธันวา เล่นเอาเจ้าของผับต้องทำหน้าแขยงใส่

   “คุณพรึก คุณพรึกหลอกพลัมรึเปล่า” เด็กน้อยงอแงทำปากแบะ

   “คุณพรึกไม่ได้แกล้ง คุณพรึกขอโทษ แต่คุณพรึกเห็นพลัมเมาแบบนี้แล้วไม่ชอบเลย”

   “ทำไมครับ”

   “คุณพรึกรู้ว่าพลัมไม่ได้เมาด้วยความสนุก แต่เมาเพราะกำลังเจ็บปวด”

   “พลัมกอดคุณพรึกได้มั้ย”

   “ตามใจเลยครับ”

   เด็กตัวเล็กกอดซุกเข้ากับอกกว้าง พรึกทำอะไรไม่ได้นอกจากหันไปยักคิ้วกับเด็กอีกคนที่ตั้งท่าจะหาเรื่องเขาเมื่อครู่ การกระทำของพลัม และบรรยากาศเราสองแม้ว่าไลฟ์ดนตรีสดบนเวทีจะดังมากก็ตามเมื่อสักครู่น่าจะเป็นหลักฐานชั้นยอดที่ทำให้รู้ได้แล้วว่าเจ้าปิศาจน้องน้อยของเขาเลือกใคร

   “เพื่อนกู๊ว!” เบลเยี่ยมยังคงกรีดร้อง แม้พรึกจะโอบไหล่น้องเดินออกไปแล้ว พันวาส่งสัญญาณให้การ์ดเข้าไปเคลียร์สถานการณ์ แล้วตบไหล่เพื่อนอีกสองคนเดินกลับไปที่ชั้นสอง

   “สรุปพวกกูยังสำคัญกับเรื่องนี้อยู่มั้ย และสรุปไอ้พรึกยังอยากได้คำปรึกษามั้ยนะ” เบลหันไปถามเอากับแคมป์กับพันวา

   “กูว่ามันน่าจะเข้าใจตัวเองแล้วนะ อยู่ๆ ก็พรวดพราดไปลากน้องออกมาแบบนั้น แล้วยังเสือกแทนตัวเองว่าคุณพรึก กูฟังแล้วจะเป็นลม เขินหวะ น้องก็ตัวเล็กๆ น่าจับปั้นก้อนกิน” แคมป์จิบแชมเปญที่ค้างไว้ต่อ

   “มึงสายน้องกำลังมา น่าร๊าก กูส่งวาร์ปให้มั้ย”    

   “เบลลลล มึงจะพาทุกคนลงนรกไปกับมึงไม่ได้” แคมป์โวย แล้วทั้งสามก็ชนแก้วกันอีกรอบ

   “มึงว่าพรุ่งนี้น้องจะไปเรียนได้มั้ย กูคิดดีไม่ได้เลย อาจารย์พรึกจะดุนักศึกษาทั้งคืนมั้ยครับ”

   “เหี้ยเบลลลล!!”

   

ฝั่งพรึกที่ออกจากผับ ก็เจอเข้ากับรถ BMW X5 ของตัวเองที่พันวาแจ้งการ์ดให้เอามาจอดรอ เขาเปิดประตูให้แล้วประคองเด็กที่เมาตัวอ่อนให้ขึ้นไปนั่ง ก่อนจะอ้อมไปฝั่งคนขับ พลัมหลับตาคงเมามากจนอยากหลับ พรึกคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้องแล้วก็ออกรถไปนิ่มๆ

   ไม่นานก็มาถึงคอนโดมิเนียมของทั้งคู่ เขาวนขึ้นไปจอดรถบนตึก แล้วประคองพลัมที่สติเหลือน้อยเต็มทีให้เดินเข้าตึก เหมือนเหล้าที่พลัมดื่มเข้าไปรัวๆ พึ่งออกฤทธิ์ น้องเมาจนแทบเดินไม่ไหว พรึกเห็นท่าไม่ดีจึงช้อนอุ้มไว้ในท่าเจ้าสาวแทน แม้พลัมจะเป็นเด็กผู้ชายแต่ด้วยความสูงและความหนาของกล้ามเนื้อที่น้อยกว่าพรึกมาก อุ้มน้องในท่านี้จึงเบาหวือ ทรมานน้อยกว่าที่เขายกเวทในยิมอีก

   จากลิฟต์จะเดินมาถึงห้องของพลัมก่อน พรึกลังเลว่าควรจะส่งเจ้าปิศาจน้อยของเขาที่ไหนดี จะถามหารหัสเข้าห้องเอากับคนเมาคงลำบาก พรึกเลยใช้ความเป็นผู้ใหญ่ตัดสินใจให้ว่าจะพาน้องไปพักที่ห้องตัวเองก่อน อ่า...อุ้มเด็กเมาเข้าห้อง มันจะไปขอหลักฐานจากกล้องวงจรปิดคอนโด ร้องแรกแหกกระเชอหาว่าเขาทำมิดีมิร้ายมันอีกมั้ยเนี่ย

   ร่างสูงปัดเรื่องรำคาญใจออก แล้วใช้มือข้างขวากดรหัสเขาห้องอย่างทุลักทุเล เสียงดนตรีเบาๆ ส่งสัญญาณให้รู้ว่าประตูกำลังจะเปิดออก แล้วเขาก็เบี่ยงตัวพาน้องเข้าไป ระมัดระวังไม่ให้ศีรษะทุยๆ นั้นฟาดเข้ากับขอบประตู

   เตียงหรือโซฟา แม่งเอ้ยเลือกยากกว่าตอนคณะสอบเอ็นท์ โซฟาก็สุภาพดี แต่น้องจะนอนไม่สบาย แต่ถ้าบนเตียงมันจะดูคุกคามไปหน่อยมั้ยว่ะ

   “อะอ้วก...จะอ้วก”

   อ่ะ...มาเบอร์นี้ก็ไปห้องน้ำเลยลูก พรึกค่อยๆ วางขาน้องลงกับพื้น มันดูมีสติพอจะยืนได้เองแล้ว แต่ตายังปรือปรอยอยู่

   “นี่ห้องคุณพรึกนะ พลัมเมาคุณพรึกเลยพามาพักที่นี้”

   “อุ่ก..อุ้ก” พลัมไม่รับรู้ความเป็นสุภาพบุรุษอะไรทั้งนั้น พ่นเอาแซลม่อนประมาณหนึ่งกิโลให้ออกมาแหวกว่ายบนเสื้อเชิ้ตของพรึก อ่ะ...อาร์มานี่กูราคาเหลือเท่าถุงพลาสติกในตลาดเลย

   “ขะขอโทษ อุ่ก!” 

   มาอีกลูก มาให้หมดท้อง

   พลัมแหวะเอาอาหารผสมแอลกอฮอล์ออกมาจนหมดก็เริ่มสบายตัว เขามองอาจารย์พรึกของนักศึกษาตาปริบ เนื้อตัวคนหล่อฮอตในผับบัดนี้เต็มไปด้วยเศษอาหารส่งกลิ่นคลุ้ง

   “ขอโทษครับ” พลัมเอ่ยเบาๆ กลัวพรึกจะยิ่งเกลียดตัวเองกว่าเดิม แต่ใบหน้าร่างสูงก็ยังเรียบเฉย มีเพียงดวงตาคมๆ ที่วันนี้ไม่มีเลนส์แว่นปกปิดจ้องมองมาเท่านั้น

   “ล้างตัวเองไหวมั้ย”

   “ครับ”

   “ล้างหน้าล้างตาซะ จะได้นอน”

   “อ่า...ครับ”

   “งั้นพลัม..เอ่อพลัมกลับห้องก่อนนะครับ”

   “คืนนี้จะอ้วกอีกมั้ย..”

   “มะไม่รู้”

   “งั้นก็นอนที่นี้สิ คุณพรึกจะได้ช่วยลูบหลังให้ถ้าอ้วกอีก”

   พลัมตาโตขึ้นกว่าเดิมอีก ซึ่งพรึกมองว่ามันน่าเอ็นดู

   “ขอบคุณครับ”

   “รีบไปอาบน้ำเร็ว คุณพรึกไม่อยากอยู่กับกองอ้วกนานหรอกนะ” ร่างสูงว่าพลางชี้เสื้อตัวเองที่เละไม่มีชิ้นดีประกอบ

   “อะเอ่อ...งั้นคุณพรึกอาบน้ำพร้อมพลัมเลยมั้ย”

   พรึกมองหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อนิดๆ อย่างเอ็นดู

   “ก็..ก็เผื่อพลัมยังเมาค้างแล้วแบบจะล้มในห้องน้ำไง คุณพรึกจะได้ช่วยจับ”

   “เธอยั่วฉันอยู่รู้มั้ยเจ้าตัวเล็ก”

   “พลัมไม่ได้ยั่วสักหน่อย” เจ้าตัวเล็กของคุณพรึกเถียง “พลัมแค่ ‘อ่อย’ นิดๆ เอง”

   “เธอกำลังล้อเล่นกับสัตว์ร้ายในตัวฉัน”

   “พลัมไม่ได้ล้อเล่นนะ เพราะถ้าคุณพรึกจะทำอะไรพลัม พลัมก็ยอม พลัมเป็นแค่กระต่ายตัวเล็กๆ จะสู้คุณหมีตัวใหญ่ร้ายกาจ
อย่างคุณได้ไง”

   “พลัมกำลังน่ารักใส่คุณพรึก”

   ปิศาจน้อยของพรึกยิ้มหวานอย่างเอียงอายที่ถูกเอ่ยชมซึ่งๆ หน้า ฝ่ามือใหญ่จึงเอื้อมไปสอดประสานที่ร่องนิ้วเล็กๆ นั้นก่อน
จะจับจูงเข้าไปในส่วนของห้องน้ำ

   พรึกถอดเสื้อของตัวเองก่อน พลัมมองตามท่วงท่าที่ปลดกระดุมที่ทำอย่างเชื่องช้าแต่ดูดี ร่างสูงใหญ่ดึงเสื้อออกจากลำตัว เผยมัดกล้ามสวยภายใต้ร่างกายใหญ่โต และกางเกงยีนส์ทรงสวยของพรึกก็เลอะเช่นกัน พลัมมองตามฝ่ามืออีกฝ่ายที่ปลดซิปกางเกงลงช้าๆ แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำลาก วีไลน์ของคุณพรึกวิ่งหายไปในขอบกางเกงในไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจุดจบมันคืออะไร ไม้เรียวยักษ์ใหญ่ของคุณครูที่ขนาดว่ามันนอนสงบยังโป่งนูนขนาดนั้น

   พลัมแก้มแดงขึ้นอีกแล้ว พรึกยิ้มล้อเด็กลามกที่แอบดูร่างกายของคนอื่นแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ ยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวให้บ้าง สาปเสื้อค่อยๆ แบะออก พรึกดึงมันให้กว้างจนสามารถหลุดออกจากไหล่บางได้ช้าๆ เนินเนื้อสีขาวละมุนทำเอาสายตาพรึกพร่าเลือนไปชั่วขณะ จุดเล็กๆ อมชมพูแข็งเป็นตุ่มไต อาจจะเพราะอากาศที่หนาวขึ้นกระทันหัน หรือไม่ก็เจ้าเด็กไม่ดีกำลังมีอารมณ์เพราะเห็นสรีระแบบกัปตันอเมริกาของเขา

   พรึกมองใบหน้าพลัมที่แดงซ่านเหมือนกุ้งต้มเข้าไปทุกที น้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น พรึกยิ่งนึกเอ็นดูและอยากแกล้ง เขาครอบริมฝีปากลงบนตุ่มไตนั้น น้องตัวสั่นด้วยความไร้เดียงสา พรึกได้ใจเขาตวัดลิ้นเลียแรงๆ สลับกับดูดจูบให้เกิดเสียงหยาบคายลั่นไปทั่วห้องน้ำแคบๆ

   “คะ..คุณพรึก”

   พลัมส่งมือมายันช่วงไหล่กว้างให้ถอยห่างออกไปหน่อย

   “ไม่ชอบหรือคะคนดี”

   “พลัม..อื้อ...พลัมจะขาดใจ”

   “ไม่เป็นไร คุณพรึกไม่ทำให้หนูขาดใจตอนนี้หรอกค่ะ”

   “อื้อ คุณพรึก คุณพรึกร้ายกาจ”

   พรึกลงแรงเข้าไปอีกนิด เท่านั้นเด็กน้อยก็ผวากอดรอบศีรษะเขาไว้แน่น

   “เด็กไม่ดี ทำแบบนี้หมายความว่าจะไม่ให้คุณพรึกขยับไปไหนเลยใช่มั้ย”

   “มะไม่ใช่” พลัมส่ายหน้ารัว เขาไม่รู้จะจัดการกับตัวเองยังไงดี เพราะทุกครั้งที่ความเปียกชื้นนั้นสัมผสลงบนยอดอก ร่างกายเขาก็ร้อนขึ้นทุกที

   “งั้นปล่อยคุณพรึกก่อนสิ แล้วคุณพรึกจะทำให้หนูรู้สึกดีกว่านี้”

   เด็กน้อยพยักหน้าเชื่อฟัง พรึกเลยก้มลงไปจัดการกางเกงยีนส์ขาดเยอะชนิดที่ว่าเห็นแล้วหงุดหงิด เขาปลดซิปดึงมันให้ร่วงไปกองตรงข้อเท้า แล้วลูบไล้ฝ่ามือลงไปบนกางเกงในผ้าสีขาวสะอาดตา

   “ทำไมวันนี้ไม่เป็นลูกไม้ตัวนั้นคะ”

   “คะคุณพรึกชอบหรอครับ”

   “ชอบที่เห็นหนูพลัมใส่”    

   “คุณพรึกร้ายกาจอีกแล้ว”

   “แต่คุณพรึกชอบตอนได้ถอดมากกว่า”

   “คุณพรึกง่ะ!” พลัมฟาดไหล่เขาอย่างน่าเอ็นดู พรึกหัวเราะในลำคอ แล้วรวบเอาสะโพกคนตัวเบาให้ขึ้นไปนั่งบนเคาร์เตอร์
อ่างล่างหน้า เขาก้มลงไปจูบทักทายส่วนกลางลำตัวที่ดูน่ารักนั้นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เกี่ยวมันลงและเห็นว่าเจ้าหนอนน้อยเด้งออก
มาพร้อมสู้งาน

   “รู้สึกขนาดนี้แล้วหรอคะ เด็กไม่ดี...”

   ผั๊วะ!!!

   “กากพรึก!!!”

   ร่างสูงมึนงงไปชั่วขณะ หนอนน้อยของหนูพลัมฟาดปากเขาแรงขนาดที่เลือดกลบเลยหรอว่ะ ยกหลังมือขึ้นมาเช็ดเลือดพร้อมขยับกรามในปากให้เข้าที่โชคดีที่แค่กระพุ้งแก้มด้านในแตกไม่ใช่ฟันหลุด แข็งอะไรขนาดนั้นคะหนูพลัม

   “คุณพรึก!!”

   ครั้งแรกน่าจะเป็นเสียงไอ้เบล ครั้งที่สองนี่พอลืมตามองชัดๆ ก็เห็นว่าเป็นหนูพลัม...แล้วพอมองเลยไปข้างหลังก็เป็นไอ้
หนุ่มที่หน้าตาพร้อมบวกมาก หูเขาเริ่มหายวิ้งค์แล้วได้ยินเสียงเพลงจากบนเวทีชัดเจน

    เหี้ยแล้วไงไอ้พรึก...เหตุการณ์ในหัวเขามันนานมาก ทั้งที่ในความเป็นจริงมันพึ่งผ่านไปเพลงเดียว หนูพลัมที่เขินอายในห้องน้ำมันมีจริงที่ไหน

   “ยูถอยไป ไอจะต่อยมันอีกหมัด”

   ไอ้นักเลงพร้อมบวกกระชากไหล่พลัมออก แล้วเตรียมคร่อมลงมาตั๊นหน้าเขาอีกรอบ ดีที่พรึกคว้าหมัดมันไว้ได้ทัน แล้วบิดพลิกจนอีกฝ่ายร้องโอดโอย หมัดแรกที่มันได้เลือดจากเขาคงเป็นเพราะมัวแต่มโนมากไปหน่อย ครั้งนี้พอได้สติจึงป้องกันตัวได้บ้าง พรึกผลักไอ้เด็กเวรที่เขาเห็นว่ากำลังม่อเจ้าปิศาจน้อยของเอาจนเซไปด้านหลัง การ์ดของไอ้พันวามาล็อกตัวไว้พอดี

   เขาเองก็ไม่อยากมีเรื่องมาก เดี๋ยวจะเสียประวัติเลยหันไปสนใจตัวต้นเหตุที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ แทน

   “กลับบ้านได้หรือยัง”

   พลัมตาโตเชิดหน้าขึ้นด้วยยังมีความน้อยใจอยู่ “มีสิทธิ์ไรมาสั่งพลัม!!”

   “ฉันเป็นอาจารย์”

   “ที่นี่นอกมหาวิทยาลัย”

   “เป็นคนข้างห้อง กลับด้วยกันประหยัดน้ำมัน”

   เหตุผลเหี้ยไรของมึงว่ะพรึก

   “ไม่กลับ!!”

   “ทำยังไงถึงจะยอมกลับ”

   “พลัมเชื่อฟังแค่พั่ว”

   “พั่วทูนหออ่ะนะ”

   “เออ เอ้ยครับ!”

   “ถ้ากลับตอนนี้ จะยอมคุยดีลด้วยก็ได้”

   “คุณพรึกอย่าหลอกพลัมนะ”

   “ไม่หลอก”    

   คราวนี้พลัมถึงกับกลั้นยิ้มไม่อยู่ ยอมพยักหน้ายื่นมือออกไปให้อีกฝ่ายจูงออกไปจากวงล้อมของกองเชียร์ สงสัยแค่เรื่องในครอบครัวทะเลาะกัน ละครจบแล้วแยกย้าย
   

   “ถ้าจะเริ่มคุยกันอย่างจริงจัง ต้องสัญญาก่อนว่าจะคุยกับฉันแค่คนเดียว”

   “ดีล”

   บทสนทนานี้เริ่มต้นขึ้นตอนประมาณตีหนึ่งกว่าในรถของพรึกที่มือซ้ายถือน้ำแข็งประคบแก้ม มือขวาประคองพวงมาลัย เขาพึ่งพาเจ้าปิศาจน้อยไปกินข้าวต้มรอบดึกที่ร้านอร่อยเส้นสุขุมวิทเสร็จแล้วขับรถกลับคอนโด

   “ห้ามถ่ายรูปเซ็กซี่ลงเว็บอีก”

   “ไม่เซ็กซี่สักหน่อย”

   “เห็นแก้มก้นไม่เซ็กซี่ได้ไง”

   “คุณพรึกแอบดูรูปพลัมหรอ แล้วไหนบอกว่าไม่ชอบ กิ๊วๆ ผู้ใหญ่ขี้โกหก” เจ้าหนูหันมาทำหน้าล้อ จนผู้ใหญ่แก้มร้อน

   “พลัม!!”

   “คุณพรึกน่ารัก เหมือนคุณหมีตัวโตๆ ที่ทึ่มๆ ขี้อายแต่ใจดี”

   พรึกกรอกตาบน เขาไม่รู้คิดถูกหรือผิดที่ยอมคุยกับเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานแบบนี้เพื่อลองพัฒนาความสัมพันธ์

   “แล้วตกลงว่าไม่ถ่ายได้มั้ย“

   พลัมเม้มปาก เขาเคยวางแผนไว้ว่าจะทำมันไปจนกว่าจะหางานที่รายได้โอเคแล้วค่อยหยุด

   “คุณพรึกหวงพลัมหรอ”

   พรึกแทบกระทืบเบรกจอดลงตรงนั้น แล้วบดจูบปากมันให้แตกช้ำเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของจะได้ไม่กล้าถามอะไรที่ไม่ควรแบบนี้อีก แต่เดี๋ยวก่อนพรึก!! หยุดมโนเสียตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่นรกจะเพิ่มปีการชดใช้กรรมให้มึง เดี๋ยวก็ได้อยู่นานกว่าไอ้เบลหรอก

   “ถ้าบอกว่าใช่ เธอจะว่าไง”

   “เขิลลลล~ คนบ้าพูดแบบนี้ได้ไง” พลัมกระทืบเท้าปับๆ อยู่กับพื้นใต้เบาะ

   “เบา พลัมเบา” พรึกปรามคนที่แก้มขึ้นสีแดงซ่าน...น่ามอง

   “พลัมให้คุณพรึกถ่ายให้ได้มั้ย แล้วก็ให้คุณพรึกเลือกรูปที่คุณพรึกโอเคแล้วค่อยส่งให้เจ้เจ้าของเพจ”

   “ทำไมดื้อ”

   “พลัมไม่ได้ดื้อ แต่มันเป็นอาชีพพลัมนะ พลัมต้องใช้เงิน”

   “พ่อแม่ไม่ให้เงินค่าขนมแล้วหรอ”

   “พลัมไม่มีพ่อแม่มานานแล้ว”

   “อ่า...ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้”

   “คุณพรึก พลัมไม่ได้เศร้า ไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดขนาดนั้น” เด็กน้อยยิ้มหวานให้ เล่นเอาคนที่อายุเยอะกว่าเป็นรอบใจอ่อน

   “เข้าใจแล้ว ฉันจะพยายามๆ ค่อยๆ เข้าใจความเป็นพลัมนะ”

   “อื้อ...เรามาค่อยๆ ทำความรู้จักกันนะครับ”



TBC

งื้อมั้ยคะ
ถ้างื้อ ขอให้ส่ง มินิฮาร์ทมาให้น้องด้วย
ใครเซียนทวิต ก็เชิญที่ #ทฤษฎีอ่อยเธอค่ะ
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 27-11-2018 21:27:08
Chapter 5
   
   คำว่าค่อยๆ ทำความรู้จักของเราไม่เท่ากัน ผ่านไปเป็นเดือนแล้วพรึกยังไม่แตะเนื้อต้องตัวเขามากไปกว่าจับข้อมือเลย พลัมนั่งถอนหายใจเฮือกๆ กับพี่หมีตุ๊กตาตัวใหญ่บนเตียง ถามว่าเป็นสุภาพบุรุษหนะดีมั้ยมันก็ดี แต่คุณพรึกไม่เข้าใจหรือไงว่าพลัมเป็นวัยรุ่น พลัมมีความต้องการจะนัวเนียหนุบหนับ เปิดลิ้นชักใต้เตียงมาดูแล้วก็อ่อนเพลีย มีแต่น้องเล็กๆ ที่ใช้จนเบื่อแล้ว หรือควรโทรไปขอสินค้าอัพเดทจากเจ้ดี?

   “ว่าแต่เล่นกับน้องนี่ถือว่านอกใจแฟนมั้ย โอ้ย!! แฟนก็ยังไม่ได้เป็น หงุดหงิดจังโว้ย” พลัมทึ้งหัวตัวเอง มองน้องสีสันสดใสที่วางเรียงอยู่ในลิ้นชักแล้วก็ใช้ขากระแทกมันกลับเข้าไปไว้ใต้เตียงเหมือนเดิม

   ติ้ง!

   ‘อยู่ไหน กินข้าวที่ห้องหรือจะไปกินข้างนอกกัน’

   พลัมอ่านข้อความชวนอบอุ่นของคุณหมีข้างห้องแล้วก็ยิ้มสลับกับหน้าบูดบึ้ง

   ‘อยากกินคุณพรึก หนูต้องกินที่ห้องหรือกินที่ไหน’

   ‘ทำไมแก่แดด’

   ‘ทำไมแก่แล้วแก่เลย’

   พลัมพิมพ์กวนตีนคุณหมีไปอย่างหงุดหงิดแกมเอ็นดู ทำไมต้องถือศีลขนาดนั้นก็ไม่รู้ จับเถอะบีบเขาหมับหมับสักทีก็ได้ อายุน้อยร้อยความต้องการโว้ย!!

   แถมช่วงนี้เจ้ก็ไม่ได้ส่งชุดมาให้รีวิว เพราะเห็นว่ามีปัญหาอยู่กับซัพพลายเยอร์ที่ญี่ปุ่น พลัมเลยยิ่งไม่มีอะไรไปอ่อยคุณหมี

   ติ้ง!

   เสียงข้อความเข้าอีกรอบ รออ่านเลยว่าคุณพรึกจะเทศนาอะไรอีก นี่ก็ไม่รู้ว่าอยากมาเป็นพั่ว(ทูนหอ) หรืออยากจะมาเป็นพ่อจริงๆ

   ‘เจ้ส่งชุดใหม่ไปให้ รอรับเลย คราวนี้อยากได้ด่วนๆ ส่ง Messenger ไปไม่ผ่านไปรษณีย์’

   ‘ร้อนเงินหรือเจ้ อยู่ๆ ก็เร่ง’

   ‘เออดิ ซบเซาไปเกือบเดือน มีแต่คน inbox มาถามหารูปเซตใหม่’

   ‘ชุดอะไรอ่ะรอบนี้’

   ‘แกเตรียมหาโค้ชมาถ่ายได้เลย’

   คุยกับเจ้ต่ออีกไม่นาน พลัมก็วิ่งตึงตังลงไปข้างล่างเพราะพี่ Messenger โทรมาให้ลงไปรับของ พลัมหอบแทบไม่ไหวเพราะกล่องใหญ่มาก

    พลัมแบบกล่องตัวเอียงขึ้นมาถึงห้อง พอเปิดดูเสื้อผ้าหนะมีแค่นิดเดียวคือ ‘ชุดพละ’ ของเด็กมัธยมญี่ปุ่น ที่เป็นเสื้อยืดกับกางเกงสั้นพอปิดแก้มก้น แล้วก็ถุงเท้ากีฬายาว ของอย่างอื่นคือพร๊อพเสริม ไม้เบสบอลแล้วก็ลูกบาส รอดึกๆ ชวนคุณพรึกไปเอ้าดอร์เอ้ย ถ่ายรูปที่สนามบาสของคอนโดดีกว่า

   ไม่นานพรึกก็กลับมาพร้อมกับข้าวมากมายในมือ เขาแวะเคาะห้องพลัม แล้วเรียกเจ้าตัวดีให้เดินตามไปกินที่ห้อง พลัมไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นั่งรอตรงโต๊ะอาหาร คุณพรึกก็ยกกับข้าวสามอย่างมาวางบนโต๊ะ ไก่อบ แกงจืดผักกาดขาว แล้วก็ยำทะเล คุณพรึกชอบออกกำลังกาย เลยกลายเป็นคนที่เลือกกินแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพไปด้วย

   พลัมไม่ได้เบ้หน้า เพราะอาหารที่คุณพรึกเลือกมาก็มีรสชาติอร่อยดี เรานั่งกินข้าวกันเงียบๆ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันแบบเรียบง่าย อาจจะเป็นเพราะคุณพรึกแก่แล้ว ความรักที่เรากำลังพัฒนาจึงเหมือนคลื่นระลอกเล็กๆ ไม่โลดโผน

   มันใช่หรอว่ะ!! พลัมประท้วงในใจจนเผลอจ้วงแกงจืดกระฉอก

   พลัมรู้ พลัมเห็น ลึกๆ คุณพรึกต้องร้อนแรงมากแน่ๆ คนที่ชอบเซ็กส์ชืดๆ จะเข้าเว็บน้องที่เป็นสายทางเลือกทำไม

   “เป็นอะไรพลัม กับข้าวไม่อร่อยหรอ”    

   เด็กน้อยส่ายหน้าผับ วางแผนในใจเงียบๆ ว่าจะเผด็จศึกคุณพรึกยังไงดีกับชุดพละสั้นกุด!!

   หลังทานข้าว พลัมปล่อยให้คุณพรึกตายใจ โดยการให้ไปล้างจานเสียให้พอ ต่อด้วยการชวนเขามานั่งดูข่าวด้วยกันแบบเกร็งๆ ที่โซฟา คุณพรึกขยับไปนั่งชิดริมฝั่งขวา แล้วสั่งให้พลัมนั่งฝั่งซ้าย กลัวเนื้อโดนกันแล้วมันจะสปาร์คหรือไง แล้วไม่รู้หรือไงอีกว่าพลัมอยากให้สปาร์คจะตายห่าอยู่แล้ว

   “คุณพรึก”

   “ครับ”

   โอ้ย พ่อคนดีของโลกใบนี้

   “สักสี่ทุ่มแบบคนเงียบๆ ไปถ่ายรูปให้พลัมที่สนามบาสหน่อยสิ”

   “ทำไมต้องสนามบาส แล้วทำไมต้องสี่ทุ่ม”

   “ก็ชุดรอบนี้มันแนวสปอร์ต”

   “ถ่ายกลางวันไม่ได้หรอ”

   เอ้อ...ถ้าคุณพรึกไม่อายพลัมไม่อายด้วยก็ได้นะ

   “กางเกงสั้นแค่นี้ คุณพรึกอยากให้ไปถ่ายกลางวันหรอ”

   พลัมไม่พูดเปล่า ถลกกางเกงที่ยาวถึงเข่าของตัวเองขึ้นประกอบ เขาร่นชายขึ้นมาจนแทบเห็นกางเกงใน คุณพรึกนี้หันหนีอย่างไว

   “เออ ถ่ายสี่ทุ่มก็สี่ทุ่ม”

   “งั้นพลัมไปแต่งตัวก่อนนะ”

   “พร้อมแล้วก็มาเคาะประตู”

   “ครับ” พลัมอยากจะหอมแก้มลาสักที แต่ถ้าทำมีหวังต้องโดนดุอีกแน่นอน เขาเลยยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี คนตัวเล็กไปอาบน้ำจนสะอาด สบู่เหลวที่ใช้เมื่อนวดไปเรื่อยๆ กลิ่นสปอร์ตจางๆ มันก็เกาะติดอยู่กับผิวเนื้อ พลัมเดินแก้ผ้าออกมาจากห้องน้ำตามความเคยชิน แล้วก็หยุดมองตัวเองหน้ากระจก พลิกไปมา ด้านข้างเขายังดูดีเหมือนเดิม ลองแอ่นสะโพกดูหน่อยก็เห็นว่ามันเป็นเคิร์ฟสวย แค่คิดว่าถ้าให้คุณพรึกมานาบอยู่ข้างหลังแล้วเขาบดเขาเบียดลงไปมันคงเป็นภาพที่สวยงามไม่น้อย เห้อ...เสียก็แต่คุณพรึกไม่รู้ชาตินี้จะอยากมานาบเขาดูบ้างหรือเปล่า

   พลัมเดินไปหยิบ Jock Strap หรือชั้นในที่ปกปิดเฉพาะส่วนหน้ามาสวม แล้วมีสายรัดเล็กๆ เป็นขอบเอวและพยุงก้นไว้ พลัมไม่ได้ตั้งใจอ่อยคุณหมีทึ่มเค้าสักนิดเลยสาบาน แต่มันเป็นกางเกงในประเภทที่นักกีฬาชอบใส่ต่างหาก ไม่มีเนื้อผ้ามายุ่มย่ามด้านหลัง หมดปัญหาเรื่องชื้นเหงื่อและเข้าวิน อีกอย่างพอใส่แล้วก้นก็กลมเด้งดูแน่นน่าหมับขึ้นไปอีก พร้อม...รับทุกสถานการณ์ ได้กางเกงในที่ถูกจริตแล้วพลัมก็ยิ้มกริ่ม จัดการสวมกางเกงพละขาสั้นสีขาวที่ยาวเลยบั้นท้ายมานิด ดึงให้มันสูงขึ้นมาอีกหน่อย โชว์ขาอ่อนเนียนๆ ตามด้วยเสื้อยืดสีฟ้ามีแถบสามแถบตรงแขนเสื้อที่ยาวมาถึงเหนือข้อศอก หมุนตัวดูโดยรอบก็ได้ลุคสปอร์ตแบบโชตะคอนบาปๆ ดี เอาถุงเท้าฟุตบอลที่ยาวครึ่งแข้งมาใส่ ปิดท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบเป็นอันเสร็จพิธี พลัมเดินออกไปหยิบกล้อง ไม้เบสบอลและลูกบาส จากนั้นก็ไปเคาะประตูห้องคุณพรึก

   คุณพรึกเปิดออกมาแล้วปิดกลับอย่างรวดเร็วแถบจะกระแทกหน้าพลัม

   “เหี้ยเอ้ย หัวใจจะวาย” ร่างสูงสบถอยู่หลังประตู

   “เป็นลูกเป็นหลานจะฟาดให้ก้นลาย ทำไมใส่กางเกงสั้นขนาดนั้น” พรึกบ่นเป็นคนแก่ แล้วค่อยเปิดประตูออกมาอีกครั้ง เจ้าปิศาจตัวน้อยของเขายืนยิ้มปากฉีกจนแทบถึงหู

   “อยากโดนไม้เรียวคุณพรึกฟาดก้นจนทนไม่ไหวแล้วครับ”

   “แก่แดดอีกแล้วพลัม”

   พลัมกรอกตาเป็นเลขแปด “ผมยี่สิบแล้วนะครับ ถ้าไม่เรียนมหาวิทยาลัยก็ทำผู้หญิงท้องมีลูกได้สักสามคนแล้วครับ”

   “นี่ตกลงเป็นไบหรอ ทำผู้หญิงก็ได้?”

   “โอ้ยพลัมประชด พลัมแค่บอกว่าพลัมโตแล้ว คุณพรึกอยากทำอะไรก็ทำเถอะครับไม่ต้องเกรงใจ”

   “ไม่ได้ ฉันไม่สามารถขึ้นเตียงกับคนที่ไม่ใช่แฟน หรือไม่รักได้หรอกนะ”

   “งั้นเราทำกันที่ระเบียงก็ได้ครับ ละเตียงเอาไว้ถ้ามันสะเทือนใจคุณพรึกมาก”

   ร่างสูงเงื้อมมือจะฟาดปากแก่แดดนั้นให้อีกที

   พลัมยอมแพ้ยกมือขึ้นมาโบกกลางอากาศ คุณพรึกย้ำเขาบ่อยกว่าเขาอาบน้ำแปรงฟันอีกมั้ง ว่านี่คือช่วงคบหาดูใจ ยังไม่ได้
ตกลงคบกันจริงจัง เพราะฉะนั้นสิ่งที่พลัมหวังให้พับโครงการไปเลย

   พรึกเห็นก้นแพลมๆ ของมันแล้วก็ให้คันยุบยิบในใจ เจ้าปิศาจน้องมันคือศูนย์รวมความหงุดหงิดของคนแก่จริงๆ มือใหญ่เอื้อมวมาดึงชายกางเกงพลัมให้ปิดลงมาอีกหน่อย

   “คุณพรึกอย่าดึงแรงเดี๋ยวก้นโผล่!!”

   “เนี่ยๆ เนียนแต๊ะอั๋งน้องตลอด”

   คนตัวโตถึงกับกุมขมับ เส้นบางๆ ระหว่างน่าหมับกับน่าถีบจริงๆ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย

   “ชุดจากเพจน้องนะครับ ไม่ใช่ชุดพละจริงๆ สักหน่อย มันมีไว้ใส่อ่อยนะครับ ไม่สามารถใช้งานได้จริง”

   ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินนำพลัมไปที่ลิฟต์ สี่ทุ่มนิดๆ แล้วคอนโดค่อนข้างเงียบ ส่วนกลางที่เป็นสปอร์ตคลับก็แทบไม่มีคนมาใช้ เหลือเพียงลู่วิ่งไฟฟ้าในร่มเท่านั้นที่ยังมีคนอยู่ สนามบาสกับสระว่ายน้ำนี่สงัดจนแทบมีผีออกมาสังสรรค์ได้

   พลัมผลักประตูกรงเหล็กที่ล้อมรอบสนามบาสเข้าไป ด้านในมีเพียงไฟสลัวๆ เท่านั้น พลัมนั่งลงตรงที่มีแสงส่องถึง ชันเข่า
ขึ้นกอดลูกบาสไว้ พรึกลั่นชัตเตอร์แบบไม่เต็มใจนัก และพลัมก็รู้จึงรีบโพสอ่อยแบบชนิดที่ว่าตัวเองยังเขิน ไม่ว่าจะเป็นคุกเข่าแล้วจับไม้เบสบอลไว้ตรงกลางหว่างขา เปลี่ยนท่าเป็นวางไว้แนบร่องก้น แล้วขยับ Riding เบาๆ พอให้คุณพรึกเขาหัวเสีย
ยิ่งใบหน้าหมีๆ นั่นยุ่งเหยิงมากเท่าไหร่พลัมก็ยิ่งสนุก และเมื่อถ่ายที่สว่างๆ จนคิดว่าได้ภาพที่โอเคแล้ว พลัมก็ชวนคุณพรึกเข้าไปมุมหลังแป้นบาสที่ค่อนข้างสลัว

   นายแบบเพจน้องหันหลังเกาะลูกกรง เขย่งขาข้างหนึ่งให้ก้นกระดก แล้วแอ่นหลังโน้มลง หันไปช้อนตาจิกกล้อง พลัมเห็นนะว่าคุณพรึกกลืนน้ำลาย ปิศาจตัวน้อยของคุณหมีตัวใหญ่เริ่มย่ามใจ ลดมือข้างหนึ่งลงมาเลิกขอบกางเกงขึ้นจนเห็นขอบสายรัดก้น 

   พรึกคีพลุคนิ่งจนตะคริวแทบขึ้นหน้านอยู่แล้ว เมื่อไหร่ไอ้น้องน้อยมันจะเลิกอ่อยสักทีว่ะ พลัมจงใจก้มลงไปหยิบลูกบาสที่หล่นอยู่ข้างตัว กางเกงขาสั้นที่เหมือนเสียดายค่าผ้าตวัดขึ้นจนสุด ก้นเด้งๆ เนื้อแน่นๆ เย้ายวนอยู่ตรงหน้า พลัมอุ้มลูกบาสขึ้นมาแล้วหันมาหาพรึก

   ร่างสูงวางกล้องลงบนพื้น ย่างสามขุมไปหาคนตัวเล็กแล้วปัดลูกบาสในมือน้องให้พ้นทาง
พลัมตัวสั่นเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไป พรึกจับพลัมหันหลัง ผลักตัวน้องไปแนบชิดลูกกรงเหล็ก เอาตัวสูงใหญ่ทาบทับลงไปบนตัวน้องอย่างรวดเร็ว ใช้ช่วงกลางลำตัวบดเบียดเข้ากับก้อนกลมที่อ่อยเขามาหลายนาทีแล้ว กางเกงผ้าที่เขาใส่อยู่ มิอาจกั้นความร้อนและแข็งแกร่งได้

   “คะคุณพรึก” พลัมอ้าปากจะประท้วง พรึกล็อกคางน้องให้หันมารับจูบร้อนแรง จนน้ำลายใสๆ ไหลเปรอะ เคล้าไปกับกลิ่นเลือด พลัมตาฉ่ำน้ำเพราะพรึกบดปากจนปริแตก มือใหญ่จับมือขาวที่เล็กกว่าเกือบครึ่งให้เกาะกรงเหล็กไว้ ก่อนจะลูบไล้เข้าไปใต้เสื้อพละตัวจิ๋ว เนื้อเด็กอ่อนๆ เด้งสู่มือ ติ่งไตบนยอดอกถูกทักทายแรงๆ ทั้งบีบทั้งเค้นคลึง จนน้องต้องส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ

   “รู้มั้ยผลของการปลุกความดิบในตัวคุณพรึกขึ้นมาแล้วจะเป็นยังไง”

   น้องส่ายศีรษะรัวจนรู้สึกน่ารังแกขึ้นมาอีกสิบเท่า พรึกก้มลงไปกัดเนื้อตรงหลังคอแรง แล้วจูบซ้ำจนช้ำเลือด ใบหูอ่อนๆ ถูกขบกัดจนกายบางๆ นั้นบิดหนีไปมา สะโพกนุ่มถูกถูไถมากกว่ากว่าเดิม พรึกลดตัวลงดึงกางเกงพละน้องลงอย่างหยาบคาย ก้นขาวกลมกลึงสั่นระริกเมื่อสัมผัสถูกอากาศ พรึกดึงสายรัดของ Jock Strap ให้ดีดเนื้อนิ่มจนผิวขาวกลายเป็นสีชมพูอ่อน เขาเอาสองมือขยำซาลาเปาลูกอวบบิดบี้แกล้งดึงเนื้อจนพลัมส่งเสียงวอนขอให้เบาแรงลงหน่อย

   เด็กขี้อ่อยต้องได้รับการลงโทษแบบนี้แหละ ก้อนเนื้อที่บดบังช่องทางลึกลับถูกแยกออกจากกัน พรึกนั่งยองๆ ลงแล้วพ่นน้ำลายลงไปบนรอยจีบสีชมพู มันสั่นระริกราวกับตกใจที่ถูกทักทายอย่างหยาบโลน แล้วก็ต้องสะดุ้งยิ่งกว่าเมื่อบางอย่างที่ทั้งร้อนทั้งชื้นและไม่อ่อนโยนเลยสักนิดสัมผัสลงไป

   พลัมดิ้นจนลูกกรงสั่น เสียงโลหะเขย่าเป็นจังหวะรุนแรงดังคลอไปกับลมหายใจหอบสะท้าน และเสียงครางต่ำๆ ในลำคอ น้องพยายามขบปากไม่ส่งเสียงให้น่าอายไปมากกว่านี้ แต่สิ่งที่ลิ้นร้อนกำลังเล่นสนุกมันไม่อ่อนโยนเลย  น้องแอ่นสะโพกมากกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมันก็เข้าทางของพรึกที่กดลิ้นตัวเองลงไปให้ลึกขึ้น

   ขาขาวๆ นั้นสั่นระริกจนน่าสงสาร ตัวคุดคู้ลงเพราะในท้องมันหวิวเกินกว่าจะยืนตรงได้ โชคดีที่มือยังคว้าเกี่ยวลูกกรงไว้ทำให้พลัมไม่ล้มลงไปกองกับพื้น

   “เด็กชอบอ่อยต้องโดนลงโทษรู้มั้ยครับ”

   พรึกตีก้นขาวๆ นั้นจนขึ้นรอยแดง

   “คุณพรึกหนูเจ็บ” เสียงหวานกระเส่าจนพรึกต้องยอมอ่อนโยนด้วยหน่อย เขาลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วรั้งคางน้องมารับจูบที่ร้อนแรง กลิ่นคาวจากปลายลิ้นทำให้พลัมเบ้หน้าหนี แต่พรึกก็ล็อคคางไว้ไม่ให้ไปไหน ก่อนที่จะใช้อีกมือของตัวเองรูดซิปลง พรึกไม่ได้ถอดกางเกง แค่ควักเอาไม้เรียวที่เจ้าหนูพลัมถามหาออกมา

   “Ride it, ok?”

   พูดจบแล้วก็ดึงมือข้างนึงของน้องให้เอื้อมมากำมันไว้

   “ฮือ พลัมกลัว พลัมกลัว มันใหญ่ มันร้อน” เสียงสะอื้นอย่างน่าสงสาร มือเล็กแทบกำไม่มิด แถมยังสั่นจนพรึกอยากแกล้งให้ร้องไห้ดังๆ

   “ครั้งแรกหรือคะเด็กน้อย”

   พลัมพยักหน้า ท่าทีแสนไร้เดียงสานั้นทำให้พรึกพลุ่งพล่านขึ้นกว่าเดิมมากโข

   “คุณพรึกสอนให้ แล้วหนูก็ทำให้คุณพรึกนะ”

   “คะครับ” พลัมพยักหน้าเป็นเด็กดีเลย พรึกจับทับมือพลัมอีกทีแล้วสอนให้เด็กน้อยขยับ ฝ่ามือเล็กๆ เพียงนั้นกลับทำให้ไม้เรียวใหญ่โตคึกคัก พรึกคิดว่าเขารอไม่ไหวแล้วจึงดึงมือพลัมออก

   บดเบียดไม้เรียวจนชิดกับความนุ่มเด้งเหมือนโมจิ เขาเพียงถูไถภายนอกก็เหมือนจะเห็นสวรรค์อยู่ไม่ไกล ความรุนแรงที่ขยับอยู่ด้านหลังทำให้พลัมแดงไปทั้งตัว พรึกล็อคเอวคนน้องไว้ ดึงรั้งมันให้แนบตัวตนของเขามากขึ้น พลัมจับลูกกรงแน่น เหล็กตะแกรงโดนเขย่าตามแรงขยับสะโพกบดตามจังหวะที่คุณพรึกนำไป

   กึงกึงกึง!!

   “คะ คุณพรึก!”

   “คุณพรึก!!!”

   สวรรค์สำหรับพรึกอยู่ไม่ไกล เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็เห็นดาวลอยขว้าง แล้วทุกอย่างก็ขาวโพลน

   “คุณพรึก ทำใจดีๆ ไว้ก่อนนะครับ”

   พลัมวิ่งมาดูอาการคนที่ล้มฟาดรั้วดังลั่นสนาม ลูกบาสที่พลัมโยนหยอกคุณพรึกพึ่งจะตกพื้นแล้วไหลมาชนร่างไร้สติอย่างลูซเซอร์    

   “ฉิบหาย สลบเลยหรือว่ะเนี่ย”

   แค่ช่วงจังหวะลูกบาสลอยจากมือพลัมมากระแทกหัว พลัมไม่รู้หรอกว่าพรึกจินตนาการไปได้ไกลแทบสุดขอบนรกเลยทีเดียว

   “ทำไงอ่ะทีนี้ จะได้ผัวเอ๋อมั้ยอ่ะพลัม” คนตัวเล็กดึงทึงผมตัวเองอย่างจนปัญญาว่าจะลากหมียักษ์ของเขากลับขึ้นไปบนห้องยังไง หรือต้องเรียกรถพยาบาลมั้ยเนี่ย

   Ring~

   อ่าเสียงสวรรค์จาก ‘เบลคนเหี้ย’

   “กากพรึก มึงอยู่คอนโดมั้ย กูจะเอาของฝากจากญี่ปุ่นไปให้”

   “สวัสดีครับ” พลัมสไลด์หน้าจอโทรศัพท์พรึกแล้วกรอกเสียงลงไป

   “อ้าว ไม่ใช่พรึก” เบลพึ่งได้สติ เสียงที่ตอบกลับใสดุจระฆังแก้วขนาดนี้ไม่ใช่คนกากอย่างเพื่อนเขาแน่นอน

   “ครับ คุณพรึกสลบ คุณเบลเพื่อนคุณพรึกใช่มั้ย”

   “เอากันจนสลบเลยหรอว่ะ พี่พรึกกูไม่กากละ” เบลเหมือนพึมพำเหมือนลืมตัวว่าปลายสายยังฟังอยู่

   “ถ้าเอากันจนสลบก็ดีสิครับ” น้ำเสียงงุ้งงิ้งจากปลายสายทำให้เบลอดเอ็นดูไม่ได้

   “โอ๋นะคะ หอมหัวปลอบ แล้วไอ้กากพรึกไปทำอะไรมาจนสลบ”

   “หัวกระแทกลูกบาสครับ”

   “กากถาวรจังวะเพื่อนกู”

   “คุณเบลรีบมาช่วยนะครับ พลัมกลัวคุณพรึกตาย”

   “ตัวอย่างกับหมี ไม่ตายง่ายหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณเบลรีบไปหานะคะ เด็กน้อย”

   “ขอบคุณครับ”

   “งื้อ...น่ารักคุณเบลอยากหอมหัว

   ไม่นานเกินรอเบลก็โผล่มาที่สนามบาส แล้วพอเห็นภาพน้องในชุดพละสั้นจู๋แล้วหัวใจก็หล่นไปที่ตาตุ่ม ขอบคุณลูกบาสที่
กระแทกหัวเพื่อนเขาทำให้สลบไปได้ ไม่งั้นปิศาจร้ายต้องออกอาละวาดให้เขาไปประกันตัวที่โรงพักแน่

   เบลแบกพรึกขึ้นมาถึงห้อง พามาปล่อยไว้บนเตียง พลัมเอาผ้าเย็นมาประคบไม่ให้หัวที่ปูดบวมนั้นบวมมากขึ้น หนุ่มตี๋เห็นแล้วก็อมยิ้ม เห็นไอ้พรึกไปหึงโหดกระชากเด็กออกจากผับไอ้พันวาเมื่อเดือนก่อน ตอนแรกก็นึกเป็นห่วง ว่าอีกฝ่ายจะดูแลเพื่อนเขาได้หรือไม่ แต่จากที่พรึกเล่าให้ฟัง น้องพลัมเป็นเด็กวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตคนเดียวจนชิน เลยพอรู้วิธีดูแลตัวเองอยู่บ้าง

   พลัมประคบไป แล้วก็หันมาคุยกับเบลเพื่อไม่ให้ห้องเงียบเกินไป

   “คุณเบลซื้ออะไรมาฝากคุณพรึกหรอ”

   “เรียกมัมมัมก่อน แล้วจะบอก”

   “มัมมัม”

   “งื้อ ลูกใครทำไมน่ารักขนาดนี้ มาให้มัมมัมหอมหัวที”

   พลัมทำหน้าเหวอ เบลเห็นแล้วก็หัวเราะใหญ่ จริงๆ เขาก็เป็นชายตี๋ สูงเกือบ 182 cm. ตัวหนาล่ำเหมือนหมีควายไม่ต่างจากไอ้พรึกหรอก ด้วยสรีระที่ต่อสู้กับ The Hulk ได้สบายยิ่งไม่เหมาะกับโพสิชั่นแม่ แต่ถ้าจะให้เป็น Daddy ก็กลัวไอ้พรึกลุกขึ้น
มาหักคอ น้องยิ่งน่ารัก น่าเลี้ยงให้เป็น Sugar Baby อยู่ด้วย

   “เป็นลูกมัม มัมจะไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายน้องได้”

   “งื้อ คุณมัม น่ารัก”

   พลัมทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากเล่นเว่อร์ไปกับคุณเบลเพื่อนคุณพรึกด้วย

   “ไอ้พรึกมันรังแกอะไรน้อง บอกคุณมัมได้เลยนะคะ” พูดแล้วก็ลูบผมนุ่มๆ เหมือนลูกแมวนั่นไปด้วย

   “แล้วถ้าคุณพรึกไม่รังแกละครับ น้องพลัมฟ้องได้รึเปล่า”

   เบลหัวเราะก๊าก กูว่าแล้วคนกาก มีลาภปากมารอให้หมับหมับถึงห้องก็ยังไม่เคยได้แกะรับประทาน    

   “ยังไง ไหนเล่ามัมสิ”

   “คุณพรึก ไม่ยอมทำ” พลัมเล่าอ้อมแอ้ม

   เบลโคลงศีรษะไปมา ไปญี่ปุ่นอุตส่าห์หอบถุงยางกลับมาฝากประมาณ 12 โหล สงสัยจะหมดอายุก่อนได้ใช้เสียแล้วกระมัง

   “ตอนหนุ่มๆ พรึกมันเคยมีประสบการณ์ไม่ดีหนะ มันเลยถือศีลไม่แตะต้องสีกา”

   “ประสบการณ์อะไรหรือครับ” พลัมเอียงคอถาม มันน่าเอ็นดูจนเบลอยากจะเล่าออกไปให้หมดไส้หมดพุง แต่ด้วยมารยาทและอายุวัย 32 จึงรู้ได้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร

   “ของแบบนี้ให้ไอ้พรึกมันเล่าเองเถอะ” เบลตอบด้วยสายตาเอ็นดู

   เจ้าตัวเล็กพยักหน้ารับทราบ หน้าหงอยๆ ดูน่าสงสารเชียว เบลเลยปลอบใจไปอีกหนึ่งประโยค

   “แต่มัมมัมว่าน้องไม่จำเป็นต้องรู้หรอกค่ะ มันเป็นอดีตที่ไม่ดีนัก น้องพลัมมีหน้าที่สร้างอนาคตที่สดใสให้ไอ้พรึกดีกว่า”

   พลัมยู่ปาก คุยกับคนแก่แล้วเหนื่อยจัง ข้อแม้เต็มไปหมดเลย

   “น้องจะสร้างอนาคตได้ยังไง คุณพรึกไม่ยอมลวนลามเลย”

   “มันละทางโลกกับผู้หญิง แต่ก็ไม่นึกว่าจะลามมาถึงหนุ่มๆ ด้วย”

   “ที่จริงพลัมไม่ใช่หนุ่มๆ สักหน่อย พลัมเป็นน้อง น้องตะเร้กก น่าร๊ากกก เซ็กซี่ ขี้อ่อย งือ ทำขนาดนี้แล้วอ่ะคุณมัม คุณพรึกยังไม่ชายตาแลน้องเลย ไม่เคยแม้แต่จะหอมแก้มน้อง อ่อยจนท้อแล้วนะครับ”

   “โอ๋นะคะ มาหอมหัวที”    

   พลัมทำท่าจะยื่นหัวไปให้หอมจริงๆ แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าคุณพรึกเกิดลืมตามาเห็นก็จะกลายเป็นเด็กไม่ดี ดังนั้นจึงชะงักหัว

ไว้ก่อน เบลหัวเราะขำ

   “เพลาเรื่องชวนมันทำอย่างว่าลงบ้างก็ได้ แล้วก็ลองเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกันดูไปก่อน มัมมัมว่าถ้าผ่านจุดนั้นไปแล้ว หนูจะมี
ความสุขเวลาอยู่บนเตียงมากกว่าที่ดื้อรั้นจะทำตอนนี้ก็ได้”

   “คำสอนนี้ไม่น่าออกจากปากมัม เมมเบอร์นัมเบอร์วันของเพจน้อง”

   “ไอ้น้อง เดี๋ยวตีด้วยไม้ตะพด” เบลเงื้อมือจะฟาด

   “อุ้แง้” พลัมเบะปากร้องอย่างกวนตีน คนที่อายุเยอะกว่าวางมือลงไปบนหัวกลมๆ แล้วตบมันปุๆ เบลอยากลงเดิมพันให้เจ้าเด็กพลัมเอาชนะใจเพื่อนเขาได้จัง คนที่ปิดตัวเองมานานอย่างพรึกจะได้มีคนดูแลสักที

   ฝ่ายพลัมเองก็คิดตามที่เบลสอน ตอนเจอกันของเราอาจจะดูกามไปสักหน่อย แต่หลังจากนี้เขาจะเป็นเด็กดีของคุณพรึก คุณพรึกจะได้เอ็นดู แล้วหลงเค้ามากๆ

   คุกคุก คริคริ แค่คิดก็รู้สึกสนุกแล้ว

   “เข้าใจที่มัมมัมพูดมั้ยน้องพลัม เข้าใจถูกต้องนะ” เบลเห็นหน้าเจ้าเล่ห์ของเจ้าตัวน้อยแล้วเริ่มไม่ค่อยวางใจ

   “น้องพลัมเข้าใจครับคุณมัม น้องพลัมจะเป็นเด็กดีให้คุณพรึกตายใจก่อน เป็นลูกแมวน้อยปุกปุยน่ารักขี้อ้อน หลอกให้คุณ
พรึกมาเกาคาง แล้วค่อยแปลงร่างเป็นเสือหนุ่มกระโจนกัดคอคุณพรึกให้จมเขี้ยว ง่ำ”

   เบลปวดหัว ไม่รู้จะสงสารลูกหรือเพื่อนตัวเองก่อนดีเลยทีนี้ แต่ในเมื่อตั้งต้นเป็นชิปเปอร์มือวางอันดับหนึ่งแล้ว เขาจะต้องพายเรือพรึกพลัมไปให้ถึงระฆังวิวาห์ให้ได้

   “อาทิตย์หน้าวันเกิดไอ้พรึกนะ”

   “น้องพลัม ห่อผ้าเช็ดตัวผูกโบว์รอคุณพรึกมาแกะแบบนี้หรอครับมัมมัม” เจ้าตัวเล็กทำหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที

   เบลอยากได้พารา มองลูกตัวเองที่ถามอย่างตาใสเหมือนเป็นเรื่องที่ถามแม่ว่ากินไอติมได้มั้ยครับ ทั้งที่กำลังจะเอาตัวเองขึ้นเขียงให้ผู้ชายตัวควายๆ สับ

   “มัมมัมว่าน้องพลัมน่าจะให้อะไรซอฟต์ๆ น่ารักๆ ดีกว่า น่าเอ็นดู น่าทะนุถนอมไงครับ ท่องไว้”

   น้องตัวนิ่มๆ ยื่นปากจนแก้มตอบ เห็นแล้วเบลนึกอยากจับบีบไปทั้งตัว

   “งั้นน้องพลัมให้ของขวัญอะไรคุณพรึกดี มัมมัมช่วยคิดหน่อย”

   เบลนิ่งไป มองคนตัวเล็กที่ยังประคบเย็นให้เพื่อนเขาไปด้วย แล้วก็นึกถึงคุณสมบัติมัดใจสามีขึ้นมาได้ข้อหนึ่ง   

   “เสน่ห์ปลายจวัก”

   พลัมตาโต ตากลมๆ พอโตขึ้นเบลยิ่งพล่าเลือน บางทีก็อยากฉีกสัญญาแม่ลูกกับน้อง แล้วเอาน้ำยาล้างห้องน้ำกรอกปากไอ้
พรึกให้ตายๆ ไปตั้งแต่ตอนนี้จะได้ไม่เป็นมารหัวใจ

   “เสน่ห์ปลายจวัก ผัวรักจนตัวตาย!! มัมมัมน้องจะทำขนมเค้กวันเกิดให้คุณพรึก”

   อ่ะ...ทฤษฎีอ่อยครั้งนี้ก็ให้ลูกทำสำเร็จนะลูกนะ




TBC

อย่าให้คุณพรึกสลบฟรี เม้นให้คุณเค้าหน่อยนะคะ
#ทฤษฎีอ่อยเธอ
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 5
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 27-11-2018 21:48:57
งือ เขินในมโนของคุณพรึก

ตอนเรียกหนู เนี่ยฮืออออ กำเดาจะไหล ช่วยด้วยยย

เราเชียร์ให้น้องอ่อยต่อไป เอาให้เป็นคุณพรึกคนฮอต เป็นเเดดดี้ไปเลย

 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 5
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 28-11-2018 16:55:08
Chapter 6
   
   ติ๊งๆๆๆ!

   เสียงไลน์เด้งรัวๆ มาอีกแล้วเสียงสัญญาณประตูนรกเปิด ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร เบลเยี่ยมเพื่อนรัก พรึกหยุดตรวจงานนักศึกษา แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

   ‘เข้าเว็บน้องเดี๋ยวนี้ มึงเอ้ย!!’ เดาไม่ผิด ประโยคเดิมเป๊ะ

   สาบานว่าเพื่อนเขาการมีงานทำจริงๆ ดิ

   ‘ไม่เปิดร้านหรือมึง’   

   เบลเปิดร้านอาหารและเบเกอรี่อยู่หลายสาขา ช่วงแรกๆ ก็เป็นรูปแบบบริหารเฟรนไชส์ที่ซื้อมาจากต่างประเทศ หลังๆ ที่มันเริ่มบ้าทำขนมเองก็เลยเปิดร้านคาเฟ่ที่เป็นแบรนด์ของตัวเองด้วย จะว่าไปคนเหี้ยไม่ควรอบขนมเป็น

   ‘คุยกับมึงแค่นี้ร้านกูไม่เจ๊งหรอก’
   ‘มีอะไรว่ามา’
   ‘น้องลงรูปชุดพละ’
   ‘อ่าหะ แล้ว’
   ‘เหมือนชุดที่หนูพลัมใส่วันนั้นเลยหวะ’
   พรึกรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวขึ้นมาทันที
   ‘สนามบาสก็ใช่ ฝ่ามือเธอที่เกาะลูกกรง กำนิดๆ เหมือนกำลังทรมานด้วยแรงกระแทกกระทั้นที่ด้านหลัง’
   ‘กูกด 191 แล้ว มึงมันสมควรโดนขึงลืม’
   ‘ขังโว้ย ขัง แหนะลนจนพิมพ์ผิด’ เบลแซว
   ‘คนเ….!!!’ พรึกคิดว่าตัวเองใช้สรรพนามสัตว์เลื้อยคลานกับเบลพร่ำเพรื่อเกินไปแล้ว
   ‘อย่าปิดบังกู อย่าขึ้นสวรรค์โดยไม่ชวนเพื่อนคนนี้ไปด้วย’
   ‘มึงอยู่ในนรกอ่ะเหมาะแล้วเบล ยมบาลมีเบอร์สายด่วนมั้ยกูต้องโทรหาท่านเดี๋ยวนี้’
   ‘ใช่หรือไม่ ตอบแค่นี้’
   ‘มึงจะรู้ไปทำไม’
   ‘ลูกกู กูก็ควรช่วยดูแลความปลอดภัยป่ะว่ะ’
   ‘มึงมันพ่อใจบาป มึงมันไม่ได้เลี้ยงไว้ดูแลยามแก่เฒ่า’
   ‘กล้ามาก มึงช่างกล้าไอ้พรึก ซุกน้องแซ่บๆ ไว้กินลำพัง แล้วใส่ร้ายคนดีศรีเพจน้องอย่างกู’

   พรึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถ้าดูกันให้ดีๆ เบลก็ไม่มีข้อเสียอะไรสักอย่าง แถมยังมีบุคลิคอารมณ์ดี เหมือนป๋าใจสปอร์ตที่พร้อมหลอกล่อหนูๆ ด้วยขนมหวาน และสมุดเงินฝากตัวเลขหลักหลายล้าน

   ถ้ามันคิดจะเลี้ยง ‘น้อง’ สักคนก็ไม่ลำบาก และถ้าเจ้าพลัมทนความด้านชา เด๋อด๋าเป็นหมีอย่างเขาไม่ได้ล่ะ!!
   หัวร้อนตะหงิด
   ‘ห้ามมึงคิดไม่ดีกับพลัม’
   ‘อ๊ะ มีหวง ซั่มthing กับน้องบ้างหรือยัง’
   ‘น้องยังเด็ก ไม่ควรเจอสังคมเลวร้ายอย่างมึง’
   ‘กูอยากวาร์ปเข้าไปเห็นในหัวมึงจัง ว่ามึงหรือกูกันแน่ที่บาปกว่ากัน’
   ‘แค่นี้นะเบล มีแต่เรื่องไร้สาระ’
   ‘ปากแข็งไปเถอะมึง ระวังโดนกูคาบไปแดก’
   ‘อย่าใส่หน้ากากมัมมัมมาหลอกล่อน้องของกู ขีดเส้นใต้ไว้เลย”
   “มีของกง ของกู หมั่นไส้คนซึนหว่ะพรึก’
   ‘แค่นี้ รำคาญหน้า’

   เบลที่นั่งอยู่บนเคาร์เตอร์ในร้านเบเกอร์รี่หอมกรุ่นหัวเราะคิกคัก เย้าแหย่เพื่อนสุมไฟลงอกมันให้ทุรนทุรายได้สักนิดเขาก็อิ่มเอมใจแล้ว เพราะอีกเดี๋ยวลูกน้อยที่รักเหมือนแก้วตาดวงใจเขาจะมาหา แล้วให้มัมมัมสอนอบเค้กบราวนี่เพื่อเอาไปเซอร์ไพรส์วันเกิดคุณพรึก

   ไม่รู้จะอิจฉาหรือสุขใจก่อนเลย คริคริ



   เบลนั่งมองลูกค้าในร้านอยู่อีกไม่นานแท็กซี่สีฟ้าทั้งคันก็จอดลงที่ริมถนน พร้อมร่างนักศึกษาสีขาวสว่างสดใส หอบกล่องลังใบใหญ่เดินเข้ามา
   
พลัมๆ มีเหงื่อไหล่ที่กรอบหน้า เบลรีบเอาผ้าเช็ดหน้าผิวสัมผัสอ่อนนุ่มซับให้ทันที ผิวลูกกูจะระคายไม่ได้เลย
   “ขอบคุณครับมัมมัม”   
   “กลับจากโรงเรียน เจอคุณแม่ต้องทำยังไงคะ”
   “จุ๊บแก้มหรอฮะ แต่ถ้าทำคุณพรึกต้องโกรธมากแน่ๆ”
   เบลยิ้มกริ่ม พรึกมึงต้องหัวร้อนกว่านี้กูบอกเลย
   “แค่ทำเป็นหอมใกล้ๆ ก็พอค่ะ เดี๋ยวมัมมัมว่าต้องมีเรื่องสนุกๆ แน่เลย”    

   พลัมเชื่อฟังคุณแม่กำมะลอ เอาจมูกยื่นไปใกล้ๆ แก้มใสๆ ของคนหน้าตี๋ กลิ่นหอมเฉพาะของเนื้อเด็ก ทำเอาเส้นศีลธรรมของเบลเกือบขาด ดีนะว่าที่คอห้อยพระไว้ เขาเลยยั้งใจได้ แล้วแค่ลั่นชัตเตอร์ เก็บภาพชวนคิดไว้ส่งให้ไอ้พรึกแทน

   เบลชวนพลัมเข้าไปในส่วนครัวที่ใช้ทำขนม พนักงานคนอื่นๆ หลีกทางให้ เบลให้ไปพักได้ เพราะเค้กที่จะขายในร้านอบไว้จนพอแล้ว เจ้าของร้านหนุ่มหยิบจับแป้งชนิดต่างมาวางอย่างชำนาญ เขาช่วยเตรียมทุกอย่างและตวงให้ พลัมเพียงแค่ลงแรงร่อนแป้งเท่านั้น แต่เด็กน้อยก็ตั้งใจทำเป็นอย่างดี เบลคิดว่ามันน่ารักมากที่ใครคนหนึ่งจะตั้งใจทำของสักอย่างให้อีกคน ทั้งที่เค้ารู้มาว่าพลัมแทบไม่เคยเข้าครัวเลย อบขนมนี่คงไม่ต้องพูดถึง

   พลัมอยู่คอนโดคนเดียวก็จริง แต่เดี๋ยวนี้กรุงเทพมหานครสะดวกสบายมากเรื่องอาหารการกิน แค่กดแอพลิเคชั่นไม่กี่ที ก็ได้ทานของที่อร่อยถูกปาก การที่จะเห็นเด็กรุ่นใหม่มาเข้าครัวทำอาหารเองคงยาก เป็นได้พรึกเสียอีกที่ทำอาหารง่ายๆ ให้น้องทานบ่อยๆ

   หลังร่อนแป้งเสร็จ เบลก็เทส่วนผสมอย่างอื่นใส่ลงไปให้ทั้งเนย น้ำตาลและไข่ไก่ แล้วเปิดเครื่องตีแป้งให้น้องลองทำเอง เพื่อกวนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ตอนแรกที่จุ่มลงไปยังกะแรงไม่ได้ ผงแป้งก็ฟุ้งกระจาย ทำเอาหน้านวลๆ นั้นเลอะเทอะไปหมด พลัมเพียงยกหลังมือป้ายๆ ทำความสะอาดแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำต่อ

   เบลเอาช็อกโกแลตเหลวมาหยอดลงไปให้ เนื้อแป้งกับส่วนผสมทั้งหมดเริ่มเข้ากันได้ดี
   “ชิมดูว่าชอบหรือยัง”
   “แต่ไข่มันดิบหนิครับ”
   “แตะๆ ดูไม่เป็นไรหรอก”

   เบลนิสัยไม่ดีนิดหน่อย ใช้นิ้วชี้ปาดลงไปในเนื้อของเหลวหนืดนั้น แล้วยื่นให้ไปตรงหน้าพลัม ลิ้นเล็กๆ เหมือนแมวแลบออกมาแตะ

   ขนาดว่าเบลจิตแข็งแล้วยังอดรู้สึกแก้มร้อนไม่ได้ ท่องไว้ ท่องไว้ นั้นลูก ฮรือ
   น้องเอียงคอ ทำปากแปะๆ กับลิ้น แล้วก็พยักหน้า
   “โอเคแล้วครับ”

    เบลพยักหน้า แล้วเอาถาดอบออกมาวาง บอกให้พลัมเทเนื้อเค้กเหลวลงไป โดยระมัดระวังไม่ให้เกิดฟองอากาศ

   ติ้ง!

   โทรศัพท์ที่สั่นครืดในกระเป๋ากางเกงนักศึกษาทำพลัมสะดุ้งโหยง ดีนะไม่ทำโหลแก้วหลุดมือ เขาเทส่วนผสมทั้งหมดจนเสร็จ เบลก็รับเอาไปตั้งเวลาอบให้ พลัมเลยได้โอกาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความ

   ‘ชุดเมดเจ้ บ่ายสามต้องลงแล้ว!!’

   กรี๊ด พลัมมองนาฬิกาข้อมือ ตอนแรกว่าจะกลับไปให้คุณพรึกถ่ายให้ที่บ้าน ไม่คิดว่าเจ้ผู้สนับสนุนทางการเงินของเขาจะต้องด่วนขนาดนี้ พึ่งรับมาจากพี่แมสเซนเจอร์ตอนก่อนออกจากมหาวิทยาลัยมาหาคุณเบลนี่เอง ทำไงดี

   พลัมมองไปทั่วห้องครัว จะว่าไปที่นี่ก็เหมาะนะ แต่ถ้าให้คุณเบลถ่ายให้ คุณพรึกจะโกรธมั้ยนะ

   ’14.36 แล้วเจ้าพลัมมมมมม!!!!!’
   ‘เจ้อย่าใส่ !!!! เยอะพลัมตกใจ’
   ‘ไวไว อย่าให้คนแก่รอนาน ตีนกาขึ้นแล้วจะหักค่าโบท็อกจากแก!!!!!!’   

   “มัมมัม” พลัมทำหน้าน่าสงสารหันไปหาหนุ่มหน้าตี๋ทันที
   “ทำไมคะ เห็นหน้ายุ่งมาสักพักละ”
   “น้องพลัมต้องถ่ายรูป”
   “ถ่ายสิ มัมมัมถ่ายให้”
   “มัมมัมอย่าดุน้องนะ”

   คราวนี้เบลเลิกคิ้ว
   “พลัมต้องถ่ายแบบเพจน้องอ่ะ มัมมัมรู้จักมั้ย”
   “หือ?”

   เบลตาโต ตี่แต่ก็ต้องโตอ่ะ เพราะเหมือนข้อสันนิษฐานทุกอย่างจะเป็นจริงโดยไม่ต้องคาดคั้นเพื่อนพรึกอีกต่อไป
   “คือยังไงนะ”
   “น้องพลัมถ่ายรูปลงเพจน้อง” มือเล็กๆ เปิดโทรศัพท์แล้วยื่นให้ดู เพื่อประกอบการอธิบาย

   ชัดเลย...ลูกไม้ตัวนั้นกับก้นน้องในความทรงจำพี่ พร่าเลือนอีกแล้วตากู
   พรึกคนกาก ทำไมมันได้แรร์ไอเท็มไป!!
   แล้วจิตใจพรึกคนกากมันทำด้วยอะไร มีก้นที่น่าหมับที่สุดในโลกอยู่ข้างกายแล้วยังถือถือศีลอดอยู่ได้ ฮึ่ย!!!
   “มัมมัมรังเกียจน้องรึเปล่า”

   เบลส่ายหน้าอย่างไว ไม่อยากจะบอกน้องเลยว่ามัมนี่แหละเป็นคนชี้ทางลงนรกให้ไอ้พรึกเอง
   “ไอ้พรึกมันดูเว็บอะไรอย่างนี้ด้วยหรอ หื่นชะมัด”

   พลัมปากยื่น “คุณมัมห้ามว่าคุณพรึกนะ!”
   “ครับครับ หวงจังเลยกับคนนั้นหนะ”
   “ก็คุณพรึกน่ารัก น้องชอบคุณพรึก คุณหมีของน้อง”

   รักเข้าไปหลงเข้าไป อยากรู้นักว่าไอหมีกากมันดีดน้ำมันพรายสำนักไหนใส่ ท่านเบลจะไปเหมามาไว้ใช้บ้าง
   “โอ๊ะ ลืมเลยครับ พลัมจะขอยืมครัวมัมมัมถ่ายรูปหน่อย ต้องส่งให้เพจด่วนครับ”

   เบลเก็บรอยยิ้มไว้แทบไม่มิด “ใส่ชุดอะไรหรอลูก”

   พลัมก้มลงไปแกะกล่องพัสดุ แล้วชูให้ดู “ชุดเมดครับ”

   แผ่นดินไหว แต่เบลไม่ไหว พลัมเดินหายไปในห้องน้ำแล้วออกมาพร้อมชุดเมดสีชมพูแนวโลลิต้า กระโปรงฟูฟ่องแต่สั้นเต่อ โชว์ถุงเท้ายาวขอบระบายลูกไม้ที่ขับเน้นช่วงขาขาวและสวม Leg Ring รูปหัวใจชวนหืดหาด เบลกลืนน้ำลายเอื้อก

   พลัมยื่นกล้องให้อีกฝ่ายช่วยถ่ายให้ เขาโพสต์ท่าหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องครัว เน้นให้เห็นแค่ข้างหลังที่ชวนเข้าไปแนบ แล้วล้วงมือไล้แปะไปตามจินตนาการ เบลสวดมนต์หลายบทมากในช่วงเวลาไม่กี่นาที แล้วพลัมก็เดินเข้ามาขอดูโทรศัพท์

   “ขอบคุณครับ”

   เด็กน้อยยิ้มตาหยี มันเป็นภาพที่น่าเอ็นดู จนเบลต้องรีบยกโทรศัพท์ตัวเองมาถ่ายภาพมุมสูงที่เห็นใบหน้าไร้เดียงสานั้นได้ชัดเจน ส่วนด้านหลังก็เบลอละลายไป เพียงแค่พอดูออกว่าเป็นกระโปรงเมดฟูฟ่อง และห้องครัวเขาเท่านั้น
   ไฟหึงต้องเผาผลาญมึงจนตายไอ้พรึก!!

   ติ๊งๆๆๆ!
   เสียงไลน์เด้งรัวๆ มาอีกแล้ว พรึกถอนหายใจ เขาพึ่งบอกนักศึกษาเลิกคลาสตอนบ่ายสาม เพียงแค่ 1 นาทีก็ต้องสลับร่างจากคนดี เป็นเพื่อนซี้ทัวร์นรกกับไอ้เบลอีกแล้ว

   ‘คราวนี้ไม่ต้องเข้าเพจน้องแล้วมึง!!’ เดาไม่ผิด ประโยคเดิมเป๊ะ เดี๋ยว...พรึกขยับแว่นตาหนาเตอะดูใหม่
   ‘เปลี่ยนประโยคแล้วหรอมึง’
   ส่งรูป
   อาจารย์มหา’ลัยเดินตัวปลิวไปที่รถทันที ลืมสนิทว่าต้องไปเก็บของที่ห้องพักก่อน BMW X5 กระชากตัวออกสู่ถนนอย่างไม่สนการจราจรสักนิด ลมเพชรหึงมันพัดนำไปจนถึงร้านเบเกอรี่ย่านสาธรนานแล้ว

   “พลัม!!” พรึกเปิดประตูเข้าไปในร้าน แล้วเดินอีกไม่กี่ก้าวก็บุกรุกถึงครัว Bell Cafe    
   น้องเมดตัวชมพู ยืนหัวเราะเสียงใสอยู่หน้าเตาอบ มือกำลังผูกผ้าลายมินิมัลลงบนกล่องไม้ตามคำสอนของชายหนุ่มร่างสูงสวมผ้ากันเปื้อนอีกคน
   เบลเดาไว้แล้วละว่าไม่เกิน 15 นาที พรึกมันต้องเหยียบมิดตีนมาถึงร้านเขา ใบหน้าหล่อเหลา ที่ปกติติดจะเด๋อด๋า บัดนี้เครียดขึ้งถะมึงทึง จนเบลยังอดกลัว หรือเขาจะเล่นแรงไปว่ะ ตัวเขาหนะไม่เท่าไหร่หรอก กลัวแค่หนูพลัมนั้นแหละจะรับมือไม่ไหว
   แต่ถ้าไม่ชงให้เข้มไปบ้าง ก็กลัวว่าลูกจะไม่ได้ออกเรือน เอาว่าเมื่อหาเหตุผลทั้งปวงแล้ว เบลคนนี้ก็ได้ทำเรื่องที่สมควรที่สุดในจักรวาลละ

   “คุณคะ!!” พนักงานในร้านที่พึ่งตามมาทันเรียกไว้ เพราะกลัวเจ้านายจะด่า
   “ไงมึง”
   “เบลมึงออกไปก่อน!!”

   เมื่อทิ้งให้หนึ่งคนตาใส และผู้ใหญ่ขี้หึงแต่ปากแข็งอยู่ด้วยกัน ทั้งครัวก็เงียบกริบ
   “ไหนพลัมเคยบอกว่า จะให้คุณพรึกถ่ายคนเดียว”
   “ก็...ก็พลัมรีบ”
   “คราวนี้ ไอ้เบลก็รู้แล้วใช่มั้ยว่าเราลงรูปที่เพจนั้น”

   พลัมพยักหน้า
   พรึกเบือนหน้าไปอีกทาง เพื่อข่มความโกรธที่พุ่งพล่าน
   “ความลับระหว่างเราก็ไม่เหลืออีกต่อไป ไอ้เบลมันก็ชอบนะให้แต่งตัวแบบนั้น”
   “พลัมขอโทษ คุณพรึกไม่โกรธพลัมได้มั้ยครับ” เสียงพลัมเจือความน่าสงสารไว้เต็มเปี่ยม ร่างฟูฟ่องสีชมพูเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ แล้วไล่ตอนให้สะโพกได้รูปพิงเข้ากับเคาร์เตอร์แสตนเลส
   “พลัมยอมให้คุณพรึกทำโทษ แต่ไม่โกรธน้องได้มั้ยครับ” ไม่พูดเปล่า ร่างเล็กๆ นั้นก้มลงถอดบางสิ่งที่อยู่ภายใต้กระโปรงฟูฟ่องลง

   มันเป็นเส้นสีชมพูๆ ที่ถูกลากผ่านเรียวขาได้รูปช้าๆ จนลงไปกองอยู่ตรงข้อเท้า
   G-String?
   ร่างนุ่มนิ่มพุ่งเข้าซุกแผ่นอกกว้าง ใช้สองมือตัวเองจับมือใหญ่มาวางแปะไว้ตรงหนั่นเนื้อเปลือยเปล่า
   “ตีน้อง แต่อย่าโกรธน้องนะครับ”
   หือ...น้ำหยดลงบนหินทุกวันหินยังกร่อน แล้วนี่เพียงแค่เนื้อฝ่ามือสากๆ ที่สัมผัสก้นนุ่มๆ ต่อให้ใจแข็งแค่ไหน ก็ต้องยวบอ่อนลงบ้าง

   “เด็กไม่ดี”
   “ฮึก..”พลัมสะอื้นในคอเบาๆ เมื่อมือใหญ่นั้นเริ่มบีบบี้ความนุ่มหยุ่นแบบให้ขึ้นปื้นแดง พรึกขยับตัวขึ้นนั่งบนเคาร์เตอร์ แล้วจับพลัมขึ้นพาดตัก กระโปรงที่สั้นอยู่แล้ว มันก็เลิกขึ้นจนถึงแผ่นหลัง พรึกฟากฝ่ามือลงไปไม่เบาเลย
   เพี๊ยะ!!

   เด็กน้อยกัดปาก ไม่รู้ความเจ็บจากเนื้อกระทบเนื้อนั้นมันไปกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างหรืออะไร พลัมจึงเผลอส่ายก้นรับครั้งต่อไปที่พรึกฟาดลงมาตากถนัดถนี่
   “ฮึก..”
   แล้วเมื่อเจ้าปิศาจน้อยอยู่ไม่นิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ที่พรึกเก็บซ่อนไว้ก็เริ่มอยากประกาศตัวตน พลัมตาโต เขานอนทับมันอยู่ เขาสัมผัสได้
   เพี๊ยะ!!
   “คุณ คุณพรึก”
   “ทำไมครับเด็กดื้อ เจ็บหรอ”
   พลัมส่ายหน้า เขาเป็นเด็กดี ไม่เถียงผู้ใหญ่อยู่แล้ว แต่เขาอยากง้อคุณพรึกให้กลับมาใจดีกับเขาสักที
   “พลัม...พลัมว่าพลัมมีวิธีง้อคุณพรึกที่ดีกว่านี้”
   “วิธีไหนหรอเจ้าเด็กน้อย”
   “พลัมจะทานไอติมครับ”
   พรึกยิ้มที่มุมปาก เด็กมันอยู่เป็น
   “เอาสิ”

   ร่างสูงประคองคนที่ก้นแดงก่ำให้ลุกขึ้น พลัมขยับตัวลงไปยืนบนพื้น ขาที่ไม่มั่นคงดีสั่นริกจนแทบยืนไม่อยู่ แต่ก็ต้องลุกลนรีบคุกเข่าลงอย่างไม่กลัวขึ้นรอยช้ำเขียว
   มือน้อยสั่นเทาไม่แพ้กัน ยื่นไปยังเข็มขัดที่กลางลำตัวอีกฝ่าย
   “อื้ม...ม” 
   “คุณคะ ครัวเข้ามาไม่ได้นะคะ”
   “คุณพรึก!!”
   “ไอ้พรึก!!!”

   เรียกกันสามเสียงแล้วแต่เพื่อนหน้านิ่งของเขาก็ยังตาลอย จนเบลต้องเดินมาตบหัวเรียกสติไปหนึ่งที
   “นี่มึงยังอยู่ในครัวหรอ“
   “เออสิวะ นี่ครัวร้านกู กูอยู่อ่ะไม่แปลก แต่มึงอ่ะ มาทำไม”

   พรึกเหมือนพึ่งได้สติ เขาเห็นชุดเมดที่น้องใส่แล้วก็คิดดีไม่ได้เลย แค่จินตนาการถึงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในกระโปรงอันฟูฟ่องน้ันแล้วก็แทบจะร้อนไปทั้งตัว

   ถ้าเขาคิด ... ทำไมไอ้เบลจะไม่คิด
   แล้วอยู่กันลำพังมากี่ชั่วโมงแล้ว
   “พลัม!! กลับบ้าน”
   “คะครับ”

   มือเรียวโดนกระชากออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่น้องอย่างทันคว้ากล่องบราวนี่ติดมือมาด้วยทัน คนทั้งร้านหันมองเป็นตาเดียวกัน เมื่อเห็นเมดหน้าตาน่ารัก กับผู้ชายตัวโตเป็นหมีลากกันไปขึ้นรถ

   “จะเปลี่ยนตีมเป็นเมดคาเฟ่หรือครับคุณเบล” พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งถึงกับเดินเฉียดมาถาม

   “ขืนมีเมดแบบน้องคนเมื่อกี้ ร้านเราคงพายุลงไม่เว้นแต่ละวัน” เบลตอบกลับไป นี่รอฟังคำฟ้องเลยว่าลมเพชรหึงลงครั้งนี้ แล้วต้องมีคนน้ำตาเช็ดหัวเข่าโทรมาร้องขอความช่วยเหลือจากเขาอีกหรือมั้ย

   เบากับลูกกูหน่อยนะพรึกคนกาก

   ในห้องโดยสารเงียบ จนพลัมยังไม่กล้าหายใจดัง โกรธที่รถยุโรปสมรรถนะดีเกินไป ทำไมเสียงเครื่องยนต์ต้องกริบขนาดน้ีนะ

   ตอนติดไฟแดง พลัมแอบเหลือบมองใบหน้าได้รูปนั้น คุณพรึกหล่อ ขนาดมองแค่ด้านข้างยังเห็นถึงความลงตัวของหน้าผากนูน โหนกคิ้วได้รูป รับกับตาดุๆ และสันจมูกที่โด่งเป็นสัน จนไม่มีวันโดนล้อว่าลูกตาจะไหลข้ามไปได้

   ริมฝีปากคุณพรึกปิดสนิท บางครั้งก็ขบกันแน่นจนเห็นสันกรามคมๆ ที่พร้อมจะบาดมือพลัมให้ได้แผล

   แง้...ขนาดรู้ว่าเขาโกรธอยู่ ก็ยังอดหลงเขาไม่ได้เลย

   ความอึดอัดกินเวลานานเกือบชั่วโมง พรึกก็เอารถคันต่อขึ้นมาจอดบนตึกคอนโด ทั้งคู่เดินเงียบๆ ไปด้วยกันจนกระทั่งอยู่ในลิฟต์ พลัมก็ทนไม่ไหว

   “คุณพรึก”

   คำเดียวที่เหมือนปลดสลักระเบิด พรึกหันมากำหัวไหล่พลัมแน่น
   “ทำไมชอบอ่อยไปทั่ว”
   “ทำไมต้องวิ่งไปหาไอ้เบลถึงร้านแบบนั้น”
   “แล้วทำไมต้องใส่ชุดแบบนี้อยู่กับมันสองต่อสอง!!!”

   เสียงคุณพรึกดุ ดุจนพลัมจะร้อง ไหล่ก็เจ็บ เพราะคุณพรึกบีบแน่น แต่พลัมก็ฮึบไว้

   ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้น 23 ร่างสูงเหมือนได้สติขึ้นมาหน่อยจึงปล่อยมือแล้วเดินออกไปก่อน ขายาวก้าวเร็วๆ จนคนตัวเตี้ยกว่าหลายคืบต้องวิ่งตาม
   “คุณพรึกรอพลัมก่อน”

    น้องรีบคว้าแขนของคนพี่ไว้ เมื่อตามถึงตัว พรึกสะบัดแรงจนพลัมที่ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีล้มจั้มเบ้า
   กล่องบราวนี่ที่น้องเฝ้าถนอมมาตั้งแต่ที่ร้านตกกระแทกพื้นปลิวไปอีกทาง โชคดีที่ห่อผ้าไว้ เลยไม่แตกกระจาย พรึกเห็นน้องล้มก็ตกใจรีบเดินเข้าไปจะช่วยประคองแต่กลายเป็นว่าพลัมปัดมือแล้วลนลานไปเก็บกล่องที่ลอยไปอีกทาง

   พรึกเห็นแล้วยิ่งโมโห กล่องที่ไอ้เบลให้มาสินะ เลยหวงนักหวงหนา สายตาคมมองภาพที่พลัมเก็บมันขึ้นมากอดแนบอกอย่างถนอมแล้วก็อดจะปากร้ายใส่ไม่ได้
   “กับใครก็ได้ใช่มั้ย ที่เค้าชอบให้เธอแต่งตัวยั่วๆ แบบนี้”
   พลัมหน้าเสีย ไม่นึกว่าจะโดนดูถูกจากคนคนนี้
   "ที่คุณพรึกว่าพลัมขนาดนี้ เพราะคุณพรึกหึงหรอครับ” น้องยังคิดในแง่ดี มันก็ต้องมีบ้างแหละที่พระเอกขาดสติ
   “ฉันจะหึงเธอทำไม อย่าเข้าข้างตัวเองให้มันมากนัก”

   นั่นสินะ คุณพรึกจะหึงพลัมทำไม พลัมมันแค่เด็กไม่ดี คนตัวเล็กเม้มปากสะกัดกลั้นความรู้สึกทั้งหมดที่มันจะล้นทะลักไว้ในอก แล้วเอากล่องไม้ที่อุ้มไว้ ยัดใส่มือพรึก

   พรึกมัวแต่งง คนน้องแสกนนิ้วมือหายลับเข้าไปในห้องตัวเองแล้ว 


TBC

อ่ะ อ่อยผิด คุณเค้าโมโห น้องก็เสียใจไปเลย
หัวข้อ: Re: >>> Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 6
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 29-11-2018 22:16:43
Chapter 7





พรึกเดินเข้าห้อง เขาหงุดหงิดจนวางกล่องของกลางไว้ที่โต๊ะอาหารเเล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำอีกเป็นชั่วโมง หลังจากนั้นก็ไปนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ เพื่อเตรียมสไลด์ที่จะสอนเด็กๆ จนเกือบถึงเที่ยงคืน ความล้าที่สายตาทำให้พรึกหยุดทำงาน เขากดปิดคอมพิวเตอร์ ยกมือขึ้นบีบหัวตานิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงเเล้วพึ่งมาเห็นว่ายังมีกล่องเจ้าปัญหาวางอยู่ พรึกขมวดคิ้ว เดินเข้าไปสัมผัสมันเเผ่วเบา

ความอุ่นจากฝ่ามือพลัมหายไปเเล้ว กล่องเย็นชืด พรึกพึ่งคิดได้ว่าเขาอาจจะพลาดอะไรบางอย่างไป คราวเเรกพรึกนึกว่าเป็นกล่องขนมที่เบลให้พลัม เพื่อนเขาทำของอร่อยเก่ง ถ้าเด็กน้อยจะชอบจนอ้อนขอมากก็คงไม่ผิด เเต่สิ่งที่เป็นต้นเหตุความหงุดหงิดบัดนี้มันอยู่บนมือเขาเเทน เลยรู้ว่าของชิ้นนี้น่าจะเป็นของเขาเอง

พลัมซื้อขนมฝากเขาหรือไร พอคิดแบบนี้ในอกมันก็อุ่นหวานขึ้นมาอีกหน่อย มือใหญ่แกะผ้าลายมินิมอลสไตล์ญี่ปุ่นออกดู ก็เห็นว่ามันเป็นกล่องไม้สีเหลี่ยม เขาเปิดฝาเเบบสไลด์ เเล้วเห็นเป็นบราวนี่หน้าตาดูไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ ไม่รู้เพราะหล่นกระเเทกหรือคนอบไม่ชำนาญกันเเน่

ไม่ใช่ฝีมือไอ้เบล?

เจ้าของร้านขนมชื่อดังอย่างมันคงไม่ปล่อยของไม่ได้มาตรฐานแบบนี้ออกมาขายหน้าร้าน งั้นเเปลว่า...น้องทำ?

ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้กลับทำให้เขายิ้มกว้างได้

ติ๊งๆ ๆ ๆ!

เสียงไลน์ดังขึ้นรัวๆ จากหลายคน รวมไปถึงการเเจ้งเตือนจากเฟสบุ๊ค

HBD DUDEEEEE!!!

สุขสันต์วันเกิด กูคนเเรกรึเปล่า

ขอให้เป็นปีที่ดีนะอาจารย์พรึก

วันเกิด?

พรึกไม่มีใครให้ฉลองด้วยนานเเล้วเขาจึงเเทบลืมไป ช่วงปีหลังๆ ที่อายุมากขึ้นเพื่อนในกลุ่มก็เลิกชวนกันออกไปกินเหล้าเเล้วเนื่องจากสังขารต้องการพักผ่อนก่อนสี่ทุ่ม

“น้องรู้” พรึกพึมพำเเล้วพอจะปะติดปะต่อได้ เขาเลยโทรหาเบลเพื่อนรักทันที

“ยังไงมึง กูจะนอน”

“วันนี้พลัมไปทำอะไรร้านมึง”

“ให้กูตอบดีๆ หรือตอบเเบบให้มึงเสียน้ำตา”

“ลีลาจัง มึงอ่ะ”

“งั้นกูวาง โทรมากวนเวลา Recover เซลล์ผิวหน้ากูนัก”

“เเก่จะลงโลงอยู่เเล้ว ยังสนใจความหล่ออะไรนักหนา”

“ริจะมีเเฟนเด็กมึงต้องหมั่นดูเเลร่างกายนะโว้ย ถึง type daddy กำลังมา แต่เค้าอาจจะคิดว่ามึงเป็น Grand Pa ก็ได้เวลาเดินกับน้องพลัมหนะ”

“นี่มึงคิดจะงาบน้องของกูจริงๆ ใช่มั้ยเบล”

“แล้วเป็นไงวันนี้ได้ทะเลาะกันป่ะ” เสียงเบลถามอย่างระริกระรี้ คนที่พลาดลงหลุมที่เพื่อนขุดไปเต็มเปาพึ่งรู้ตัว

“มึงมันชั่ว”

“แล้วเป็นไงเก็ทอะไรบ้างหรือยัง”

“น้องทำเค้กวันเกิดให้กูหรอ”

“เออดิ น่ารักชิปหาย มือไม้ไม่เคยหยิบจับอะไร ต้องมาได้เเผลเพราะเข้าครัวให้คนไม่รู้จักหัวใจตัวเองอย่างมึง”

“เบลอีกนิดกูจะคิดว่ามึงมีงานหลักเป็นเขียนนิยายเเล้วนะ”

พรึกไม่เห็นหรอกว่าเบลยักไหล่อยู่บนที่นอน

“สรุปมึงโทรมาทำไมนะพรึก กูลืม”

“กูเเค่โทรมาถามว่าพลัมไปทำเค้กวันเกิดให้กูที่ร้านมึงหรอ”

“เออ พรุ่งนี้น้องมีไปถ่ายโฆษณาที่ปทุม กลัวกลับมาไม่ทัน เลยไปทำให้มึงวันนี้”

“น่ารัก”

“ไม่ต้องชมกู กูรู้ตัว”

“กูชมน้อง”

“ค่ะ!!!” เบลกระเเทกเสียงใส่อย่างรำคาญ

“พลัมไม่เห็นบอกกูเลย ว่าจะไปปทุม”

“แล้วมึงใส่ใจน้องบ้างป่ะพรึก”

นั่นสินะ ถึงเเม้เขาบอกว่าจะดูใจกับพลัม เเต่ก็ไม่ได้คอยรายงานตลอด เขากลัวไปก้าวก่ายมัน เเละเมื่อเขาไม่เริ่มแสดงออกว่าจีบมันบ้าง พลัมเองก็คงไม่กล้าเช่นกัน

“แล้วน้องใส่ชุดเมดทำหรอ”

“เออ เรื่องนี้เเม่งต้องเคลียร์ มึงร้ายกาจมาก เอาน้องนัมเบอร์วันในใจกูไปกกกอดกระทำชำเราโดยไม่เเบ่งปัน”

“อย่าพึ่งนอกเรื่องดิ๊” พรึกเริ่มจะรำคาญไอ้เพื่อนรักละ

“น้องต้องรีบส่งรูปให้เพจอ่ะ เเล้วชุดมันก็เข้าตีมร้านกูด้วยไง เป็นครัวอ่ะ เค้าเลยให้กูช่วยถ่ายให้ กูถ่ายเเค่ข้างหลังนะ ไม่เห็นหน้า ตามคอนเซ็ปต์”

“มึงคิดอกุศลกับพลัมรึเปล่า”

“กูคิดเหมือนที่มึงคิดอ่ะพรึก ถ้ามึงไม่กูก็ไม่ เเต่ถ้ามึงคิดกูก็ไม่เหลือ”

“กูจะให้ตำรวจขังลืมมึง แม่งเลว!”

“จ้าพ่อคนดี รอไปเถอะ รอน้องมีคนคาบไปเเดก แล้วมึงค่อยชัดเจนกับน้อง”

“มีคนจีบพลัมหรอ”

เบลลุกขึ้นนั่งบนเตียง อยากจะล้วงมือเข้าไปในโทรศัพท์เเล้วจับเพื่อนโง่เขย่า

“มึง ดูเบ้าหน้าน้องด้วย พรีเมี่ยมเหมือนเเม่กินครีมลาเเมร์เข้าไปตอนเเพ้ท้อง มึงอย่ามัวเเต่ใจเย็น เดี๋ยวขึ้นคานแล้วหาว่ากูไม่เตือนนะ นอนละ บาย”

“เบล!!” พรึกเรียกให้ดังลั่นเเค่ไหน อีกฝ่ายก็ชิงวางไปเเล้ว

พรึกอยากขอโทษพลัมที่พูดไม่ดีใส่ เขาลังเลไม่รู้ว่าเจ้าปิศาจน้อยของเขานอนไปหรือยัง เลยเพียงเเค่ไลน์ไปทักไว้ พลัมไม่อ่านไม่ตอบกลับ พรึกคิดว่าน้องคงหลับเเล้ว เขาค่อยไปดักเจอมันตอนเช้าเเล้วกัน





พรึกตื่นเช้ากว่าปกติ เพื่อทำเเซนวิชไส้ไข่ดาว และทูน่ามายองเนสหั่นเป็นชิ้นขนาดกำลังน่ากิน เพื่อฝากให้เด็กที่ต้องไปออกกอง ประมาณ 8 โมงเช้าพรึกไปรอที่หน้าห้อง เขาเอาหูเเนบประตูก็เงียบกริบ ยืนรออยู่เกือบชั่วโมงเห็นท่าไม่ดีก็ไลน์ไปถามเด็กน้อยว่าออกจากห้องไปหรือยัง พลัมไม่ตอบ

โทรหาเบลเพื่อนรักก็ได้ว่ะ

“โทรมาทำอะไรแต่เช้าครับพ่อคุณ ฮ้าวว” เสียงงัวเงียรู้เลยว่าไอ้ตี๋ยังอยู่บนเตียง ร้านมันเปิด 11 โมง เเล้วเป็นเจ้าของร้านด้วยเลยขี้เกียจได้

“รู้มั้ยว่าวันนี้พลัมจะออกไปปทุมกี่โมง”

“ตี 5”

“มึงรู้ได้ไง”

“น้องบอก”

“มึงมันเหี้ย!” พรึกว่าจบก็กดตัดสายไปอย่างหงุดหงิด น้องจะไปเช้าขนาดนั้นเพื่อนเลวก็ไม่บอกเขาสักนิด ก้มลงไปมองกล่องเเซนวิชที่ตั้งใจตื่นมาทำแล้วก็หน้าเเห้ง เข้าใจความรู้สึกพลัมเลย ว่าเมื่อวานเสียใจเเค่ไหนที่เขาทำเป็นไม่สนใจกล่องเค้กที่น้องตั้งใจทำให้

พรึกกลับไปหยิบเอกสารเตรียมสอนเเล้วไปมหาวิทยาลัย วันนี้เขามีสอนถึงบ่ายสาม เลิกงานเเล้วคงต้องตามไปง้อเด็ก

ระหว่างวันพรึกเพียรส่งข้อความเเละโทรหาพลัมเเน่นอนว่าไม่ได้ผล น้องตัดขาดเขาไปเลย

“เบลลลลลล!!”

อีกแล้ว อะไรๆ ก็เบล เจ้าของร้านเบเกอรี่ยืนเกาหัวอยู่หน้าตู้เย็น

“อะไรอี๊กกก”

“ส่งขนมให้หนูพลัมที กูเหมาหมดร้านเลย”

“เออ ค่อยน่าฟังหน่อย”

“มึงไม่ต้องบอกว่ากูสั่งนะ เเค่บอกว่ามึงอยากส่งให้เเล้วหลอกถามโลเคชั่นน้องมา เย็นกูจะโผล่ไปรับน้อง”

“ลำบากคนหล่ออย่างกูตลอด”

“เออ ช่วยกูก่อน”

“เห็นเเกที่มึงเหมาขนมร้านกูนะ หึหึ”

“มึงก็ได้หน้าแล้วมั้ยอิมัมมัม”

เบลยักไหล่ เห้อบางทีฟิลเตอร์เเม่มันก็ปลอดภัยกว่าฟิลเตอร์หลัวเนาะ!



ฝั่งพลัมที่ยืนหน้ามันอยู่กลางเเดดที่หน้าโกดังย่านปทุมธานี เขามาถ่ายโฆษณาฟิลม์ติดรถ ซึ่งเป็นโจทย์วิชาหนึ่งในคณะ กลุ่มพลัมจะถ่ายรถที่ปิศาจเเดดรุมทำร้าย และมีฮีโร่คือฟิล์มรุ่นซูเปอร์คูลมาช่วย ลักษณะจะคล้ายๆ หนังฮีโร่ห้าสียี่ปุ่นสมุยก่อนหน่อย มีซีนระเบิกภูเขา เผากระท่อมนิดหน่อย เลยต้องมาหาลานโล่งๆ ห่างไกลชุมชนถ่ายทำ

ทุกกลุ่มเล่นใหญ่เพื่อชิงคะเเนนตัดเกรดเอ ดังนั้นเลยทุ่มทุนกันเต็มที่ พลัมรับหน้าที่กำกับภาพวันนี้เลยเหนื่อยหน่อย

แก้มใสขึ้นสีเเดงเรื่อเเม้จะใส่หมวกเเละเเว่นกันเเดดจนมิดชิดแล้วก็ตาม พวกสวัสดิการเอาน้ำมาให้ก็ไม่ได้คลายความกระหายได้เลย

จู่จู่มัมมัมก็ไลน์มาขอโลเคชั่นเพื่อส่งชานมไข่มุก กับขนมเบเกอร์รี่นานาชนิดมาให้ พลัมยิ้มได้ขึ้นมาทันที

“แล้วดูสิ ดูคนใจร้ายคนนั้นสิเคยสนใจกันบ้างมั้ย”

พลัมเผลอพึมพำ ยามเหนื่อยสายตัวเเทบขาดแบบนี้เป็นใครก็อยากงอเเงกันทั้งนั้นเเหละ

เพื่อนๆ ยอมพักกอง เเล้วก็เเซวพลัมกันใหญ่ว่ามีเสี่ยเลี้ยงพลัมต้องรีบปฏิเสธ บอกว่าเป็นรุ่นพี่เจ้าของร้านขนมที่เขารู้จักเท่านั้น

“ทั้งหมดนี้ก็ว่าหลักหมื่น พี่มึงใจป้ำจังว่ะพลัม”

“ก็เค้าเป็นเจ้าของร้าน”

“จีบมึงป่ะ”

“ไม่ๆ เป็นเเม่”

กะทิเเละคิวพยักหน้าช่วย เพราะรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทอาจารย์พรึก

“แล้วอาจารย์เค้าไม่เปย์มึงบ้างหรอ” กะทิสะกิด แอบเห็นนะว่าตอนเช้าที่ไปรับที่คอนโด เพื่อนของเธอหนะตาบวมเป็นลูกมะนาวเชียว

“กะทิอย่าพูดถึงได้มั้ย เราโกรธเขาอยู่ ไม่สิน้อยใจ น้อยใจมากๆ เลย”

คิวเขกหัวเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มไปที โทษฐานที่ถามไม่ดูตาม้าตาเรือ เขากลัวว่าพลัมจะสะเทือนใจจนกำกับงานช่วงบ่ายไม่ไหว

“กินของหวานเเล้วอารมณ์ดี กินให้มากเข้า จะได้ไม่มีเวลาคิด” เพื่อนตัวใหญ่หันไปพูดกับพลัมบ้าง แล้วแทบจะยัดเค้กช็อคโกแลตหน้านิ่มใส่ปากพลัมไปทั้งก้อน



เลิกคลาสพรึกก็ขับรถออกจากใจกลางกรุงเทพฯ ทันที เขาให้ GPS เป็นคนนำทาง ตามพิกัดที่เพื่อนเบลส่งมาให้ ใช้เวลาฝ่ารถติดอยู่เกือบสามชั่วโมง ในที่สุดเขาก็มาจอดเเอบอยู่ข้างพงหญ้า ในซอยดินลูกรังเล็กๆ พรึกชะเง้อมอง เห็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นถือกล้องหลายตัวอยู่ตรงลานกว้างหน้าโกดังให้เช่า

แม้ว่าจะมีหลายคนเเต่สายตาคมก็จับเรดาร์เจอน้องตัวขาวอมชมพูของเขา พลัมใส่เสื้อเชิ้ตลายใบไม้ตามสมัยนิยม เเถมด้วยหมวกทรงบัคเก็ตและเเว่นกันเเดด ถึงมันเเทบจะไม่เห็นหน้า เขาก็แยกน้องออกจากเพื่อนๆ ได้โดยไว

ไม่นึกเลยว่าพลัมจะอยู่ในสมองพรึกเยอะถึงเช่นนี้

น้องนั่งดูภาพอยู่หลังจอเล็กๆ คงเป็นผู้กำกับ แม้พรึกจะไม่ได้ยินว่าน้องพูดอะไร เเต่ท่าทางเป็นการเป็นงานนั้นทำให้พลัมดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตอนที่เขาเจอเวลาปกติ หรือน้องจะจงใจเป็นเด็กน้อยเฉพาะเวลาอยู่กับเขา

มัมมัม ~ น้องอย่างนั้น น้องอย่างนี้

ไม่สิ!! กับไอ้มัมเวรนั้นน้องก็อ้อน คิดเเล้วก็หัวร้อนขึ้นมาอีก

พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงจนเเสงบนท้องฟ้าเป็นสีส้ม พรึกยังจับจ้องการเคลื่อนไหวตรงหน้า เหมือนโจรที่มาซุ่มลักพาตัว ใช่สิเขาต้องอุ้มเอาเจ้าก้อนขาวๆ นุ่มๆ ของเขามาขึ้นรถให้ได้ น้องยังงอน เพราะพรึกลองไลน์ไปอีกกี่ที น้องก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบเลย

เสียงเฮที่ดังลั่นกว่าปกติทำให้พรึกพอจะรับรู้ได้ว่างานของนึกศึกษาคงเสร็จสิ้นลงเเล้ว เขาที่มีศักดิ์เป็นอาจารย์ค้ำคออบู่กระอักกระอ่วนเล็กน้อยถ้าจะต้องลงไปปรากฎตัวเเล้วเเสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพลัม

คราวหน้าเขาต้องขอคอนเเท็คเพื่อนสนิทพลัมมาเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์บ้างเเล้วล่ะ

ฝ่ายพลัมก็กำลังเก็บของ กล้อง DSLR และเลนส์ต่างๆ ถูกวางลงเคสอย่างถนอม พวกพร็อพอื่นๆ ก็ทยอยนำไปเก็บกลังรถ CRV ของคิว กะทิที่ขับรถมินิคูเปอร์มาอีกคันกวักมือเรียกพลัมให้มานั่งประจำที่ เพื่อจะขับพากลับไปส่งที่คอนโดเหมือนเดิม แต่ตากลมก็ต้องชะงัก เพราะใกล้ๆ รถคันนั้นกลับมีพาหนะอีกคันที่คุ้นตา

ร่างสูงใหญ่เดินลงมาประจันหน้ากับเขาเเบบไม่ให้ต้องสงสัยนาน

“พลัม เอ่อ...คุณพรึกมารับ”

เเสงสลัวรอบข้างทำให้สายตาของเขาเห็นหน้าพลัมไม่ชัด ยิ่งรถคันข้างหลังเปิดไฟส่องด้วย มันเลยกลายเป็นภาพซีลูเอท พรึกเลยไม่รู้เลยว่าน้องจะหน้างอมั้ย หรือจะยิ้มร่าเริงให้เขาเหมือนทุกที

พลัมลังเล เขากำลังเหนื่อยมากๆ เหนื่อยชนิดอยากโถมตัวอ้อนใครสักคน เเต่ที่คุณพรึกคิดกับเขาเมื่อวานก็ใจร้ายเกินไป พลัมอาจจะเป็นเด็กไม่ดี เเต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในความรู้สึกมันคือความตั้งใจ พลัมตั้งใจสร้างความรู้สึกดีๆ ให้เกิดกับคุณพรึกคนเดียว

“อะ..อาจารย์” กะทิลงมาจากรถ เพื่อดูให้ชัดว่าใครมาขวางหน้าเพื่อนเธอไว้ ถึงกับยกมือไหว้ไม่ทัน คิวที่จอดต่อจากกะทิก็เดินมาดูสถานการณ์เช่นกัน และไม่ต้องเดาเลยว่าถ้าช้าอีกนิด เพื่อนอีกสามคนในกลุ่มที่นั่งรวมกันอยู่บน CRV ต้องถลันตามมาใส่ใจด้วย

“รีบไปเหอะมึง เดี๋ยวถูกคนอื่นถามกูตอบไม่ถูก” คิวกระซิบบอกพลัม เขาพยักหน้า ที่เพื่อนพูดก็ถูก เรื่องขุ่นเคืองในใจเก็บไว้ก่อน เขาไม่อยากให้พรึกโดนเอาไปนินทาไม่ดี อาจารย์กับลูกศิษย์มันก็ไม่ใช่สถานะที่ถูกควรนัก

พลัมโบกมือลาทั้งสองคนเเล้วเดินไปขึ้นรถ

“ขอบคุณสำหรับขนมนะครับอาจารย์” คิวที่ดูเงียบๆ นิ่งๆ ไม่คิดว่าจะเข้าใจอะไรทะลุปรุโปร่งขนาดนั้น เด็กหนุ่มตัวโตพูดขึ้นเล่นเอาพรึกพยักหน้ารับเเทบไม่ทัน โอเค..ไอ้หนุ่มนี้เเหละต้องมาเป็นสมุนให้พรึก

ในห้องโดยสารเงียบกริบ พรึกก็ยังไม่คิดจะรุกเอากับน้องที่หน้าตาเหนื่อยล้าเต็มทน เขาเร่งเเอร์เอาใจพลัม แล้วเอี้ยวตัวไปหยิบผ้าขนหนูเนื้อเหมือนสำลีนุ่มๆ ผืนหนึ่งมายื่นให้

“เหนื่อยก็พักสายตาไปก่อนครับ”

พลัมรับมา แล้วก็ขดตัวเบือนหน้าไปอีกทาง

เกลียดจัง ที่เริ่มให้อภัยเขาทีละนิดเพียงเเค่ได้รับความอ่อนโยนเล็กน้อยนั้น

พรึกขับรถเรื่อยๆ เข้าเมืองการจราจรขาเข้าก็โหดไม่เเพ้ขาไป เกือบสามทุ่มรถคันสีขาวพึ่งเลี้ยวเข้าถึงลานจอดรถคอนโด พลัมหลับสนิท ชนิดส่งเสียงกรนเบาๆ ด้วย พรึกมองเด็กหน้าตาจิ้มลิ้มหลับน้ำลายยืดใส่ผ้าห่มด้วยสายตาเอ็นดู น้องคงเหนื่อยมากแล้วก็ตื่นเช้าด้วย

พรึกพลาดไปหน่อยตรงที่ไม่รุ้ว่าเมื่อคืนน้องร้องไห้จนเเทบไม่ได้นอนต่างหาก มันเลยทำให้เจ้าตัวน้อยหลับยาวขนาดนั้น หลังมองอยู่นานพรึกก็ต้องใจร้ายเอื้อมตัวไปปลุกคนหลับ จังหวะที่เขาเอี้ยวตัวไป อดไม่ได้ที่จะใช้ปลายจมูกงุ้มเล็กน้อยของตัวเองไถเเก้มนุ่มยิ่งกว่าขนมโมจินั่นเบาๆ พลัมเหมือนรู้สึกว่ามีอะไรรบกวน คิ้วเรียวขมวดมุ่น ปากเขิดจนเเทบติดจมูกเพราะขัดใจ “พี่หมี พลัมจะนอน~”

คราวนี้คนเเก่กว่าขมวดคิ้วบ้าง ถ้าหมายถึงเขาต้องเป็นคุณหมีสิ เเล้วพี่หมีนี่ใคร ซุกใครไว้อีกเจ้าเด็กดื้อนี้

“พลัมครับ ตื่นก่อน ขึ้นไปนอนบนห้อง”

พรึกเรียนรู้ที่จะข่มใจ แล้ววางมือลงบนเเท่นเเขนอีกฝ่ายเบาๆ

“งื้อ..”

น่าจะงับปากจนตื่นเเม่ง!!

“พลัมครับ นี่คุณพรึกเอง ตื่นก่อนเร็ว”

น้องนิ่งไป แล้วจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นเหมือนตกใจ

“คุ คุณพรึก” เด็กน้อยลนลานเช็ดน้ำลายด้วยหลังมืออย่างน่าเอ็นดูพรึกเลยวางมือรองเเก้มนุ่มๆ แล้วใช้ปลายนิ้วโป้งตัวเองเช็ดให้เเทน พลัมคงไม่ชิน รีบคว้ามือเข้าไปจับเเล้วเอาชายเสื้อฮาวายของตัวเองเช็ดซ้ำ

“สกปรก” เจ้าหนูอุบอิบ

พรึกอมยิ้มเบาๆ เเทบทนไม่ไหวที่จะใช้ปากตัวเองนี่เเหละเช็ดปากเปรอะๆ นั้นให้ ร่างสูงผ่อนลมหายใจช้าๆ กับความคิดบาป เขาควรลด ละ เลิกสักครู่หนึ่ง แล้วชวนน้องขึ้นห้อง

พลัมลงจากรถ และพรึกให้น้องเดินนำไปตลอดทางจนถึงห้อง เด็กน้อยเเวะหน้าห้องตัวเองเพื่อจะเเสกนนิ้วกับประตู พรึกจับมือห้ามไว้ก่อน

“อาบน้ำแล้วไปทานมื้อเย็นห้องคุณพรึก”

“ไม่หิว”

“ไปฉลองวันเกิดกับคุณพรึกหน่อย”

พลัมก้มหน้า เเล้วด้วยตัวพรึกที่สูงกว่าก็เหมือนจะซ้อนทับน้องได้ทั้งตัว

“…”

“นะครับ ไป Happy Birthday ให้คุณพรึกหน่อย”

“คุณพรึกมาทำดีกับพลัมทำไมครับ เดี๋ยวพลัมก็ตัดใจไม่ได้กันพอดี”

สิ่งที่น้องพูดทำให้พรึกใจกระตุก

“หมายความว่าไงนะ”

“พลัมเป็นเด็กไม่ดี ชอบอ่อยไปทั่ว พลัมรู้ตัวเเล้วว่าคุณพรึกไม่ชอบ พลัมเข้าใจไปเองว่าถ้าเราชอบอะไรเหมือนๆ กันเเล้วอาจจะคุยกันได้ ที่ผ่านมาขอโทษนะครับที่ทำให้ลำบากใจ ต่อไปนี้พลัมจะไม่กวนคุณพรึกอีกแล้วครับ”

พรึกจับไหล่เล็กๆ นั้นให้หันมาเผชิญหน้า พลัมขืนตัวเเต่ก็ฝืนเเรงคนตัวโตกว่าไม่ไหว ในที่สุดทั้งตัวก็ตกอยู่ในสายตาคุณพรึก ยกเว้นเเค่ใบหน้าที่เบือนหนีไปอีกทาง

เด็กน้อยขบปากแน่น เหมือนพยายามกลั้นอารมณ์ ใบหน้าที่เคยขาวจึงอมเเดงอย่างน่าสงสาร

“รู้ตัวมั้ยว่าเมื่อกี้พูดอะไรออกมา”

“พลัมรู้ตัวทุกอย่างแหละครับว่ากำลังทำอะไร พูดอะไร”

พลัมไม่ได้อ่อยใครก็ได้นะ พลัมชอบคุณพรึก แล้วที่ทำทั้งหมดมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเล่นๆ ด้วย

“คุณพรึกขอโทษ...โกรธอยู่ใช่มั้ย”

พลัมเม้มปากเเน่นขึ้นไปอีก เพราะใจหนะอ่อนไปหมดเเล้ว

“คุณพรึกรู้เเล้วว่าหนูพลัมตั้งใจทำเค้กให้ ขอบคุณมากนะ ขอบคุณที่ตั้งใจทำให้คุณพรึก”

“คุณพรึกมาง้อพลัมทำไม มาง้อในฐานะอะไรหรอครับ”

น้องถาม ตากลมนั้นยอมสบกับเขาเเล้ว แต่มันกลับวาวระเรื่อไปด้วยเเอ่งน้ำน้อยๆ ที่ผุดเกิดขึ้นจากความเสียใจ

เสียงของเบลเยี่ยมดังเเว่วมาในห้วงความรู้สึก ‘ชักช้าไม่ชัดเจนระวังโดนคาบไปเเดก’ มึงคนเเรกเลยไอ้เบล พรึกคาดโทษเพื่อน

“ถ้าคุณพรึกบอกขอคบเป็นเเฟน พลัมจะตกลงมั้ยครับ”

“คุณพรึก! อื้อ”

หน้าเหวอๆ และเเก้มสีคนเขินทำให้พรึกไม่ห้ามใจอีกต่อไป แล้วก็ไม่ใช่มโนด้วย เขากดจูบลงไปบนริมฝีปากที่สั่นระริกเพราะลังเลว่าจะตอบตกลงหรือไม่ เขาจะกัดปากน้องจนบวมช้ำ ให้น้องขยับปฏิเสธไม่ได้เลย

“คบกับคุณพรึกนะ”

“นิสัยไม่ดี อื้อ”

พรึกผละปากออกให้น้องประท้วงเพียงคำเดียว ก็จูบจ้วงเอาตามที่ใจอยากต่อ ให้สมกับที่ต้องทนเสพสุขเพียงแต่ในมโนตัวเองมาเเสนนาน ปากน้องฉ่ำหวาน กลิ่นตัวของคนเขินเจือเหงื่อนิดๆ แต่พรึกก็ว่าได้อารมณ์ดี น้องไม่กล้าจูบตอบ คงมัวเเต่ตะลึงอยู่ ไม่เป็นไร เขาจะจูบให้น้องหลง ให้น้องหนีไปไหนไม่พ้น เเม้ที่ผ่านมาพรึกจะเด๋อทึ่มเหมือนหมี แต่ก่อนหน้านั้นยามที่เขาเป็นวัยรุ่นคึกคะนองเขาก็เจนจัดในเรื่องแบบนี้อยู่พอควร เพราะฉะนั้นคนที่ชั่วโมงบินต่ำกว่าอย่างพลัมแม้จะก๋ากั่นเพียงใด เเต่พอเจอกับพรึกก็เป็นเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสาเท่านั้น

ซึ่งพรึกชอบที่น้องเป็นแบบนี้

จากที่พลัมดันอกเเน่นๆ ของพรึกออก ตอนนี้กลายเป็นว่าต้องเกาะรอบคอไว้ ขาเขาเเทบสิ้นเรี่ยวเเรง คุณพรึกรุกจนแผ่นหลังเล็กชนเข้ากับผนังประตู เขาจะตายอยู่เเล้ว ตาหมีทึ่มก็ยังไม่หยุดจูบเลยคิดดู

“ตาเถร เด็กสมัยนี้!!” เสียงเเหลมสูงจากคุณป้าสูงอายุ ทำใหพรึกถอนริมฝีปากออกมา พลัมมองตามตาปรือ

“…”

คนตัวสูงจับนิ้วชี้น้องไปวางบนแป้นสแกน เสียงดนตรีเบาๆ ดังขึ้นพรึกดันไหล่พลัมเข้าไป พลัมมองใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้แว่นเอียงโย้ไม่เข้าที่ จนต้องเอื้อมมือไปจัดให้

พรึกจับฝ่ามือน้องไว้แล้วกดจูบตรงข้อมือเบาๆ

“รีบอาบน้ำ คุณพรึกไปเตรียมอาหารรอนะ”

“พลัมนึกว่าคุณจะตามเข้ามา”

“เธออย่ายั่วฉันพลัม ไม่งั้นปากจะบวมจนทานสปาเก็ตตี้เบค่อนพริกเเห้งไม่ได้”

“คุณก็ทำอะไรจืดๆ ให้พลัมทานสิ” เสียงเล็กๆ ที่เเสนอ่อยเหยื่อนั้นทำให้หมีตัวโตติดเบ็ด พรึกผลักน้องเข้าไปแล้วตามด้วยตัวโตๆ ของตัวเองที่เบียดเข้าไปอย่างรวดเร็ว พรึกจับพลัมหลังชนประตู ถอดเสื้อน้องออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยกางเกงยีนส์ตัวเก่ง ไม่ถึงสิบวินาทีคนตัวเล็กก็ล่อนจ้อน เหลือเพียงกางเกงในปกปิดร่าง กระนั้นยังเหลือปากที่โดนผู้ชายตัวโตทาบทับไว้อีก พลัมเลือกไม่ถูกเลยว่าจะผลักหรือกอดคุณพรึกก่อนดี เเต่ที่เเน่ๆ บัดนี้ร่างกายขาวสั่นระริกไปหมด พรึกซุกไซร้ซอกคอน้อง เเล้วใช้สองมือนวดบีบหนั่นเนื้อนุ่ม

“มีเจลมั้ยคะ”

ผู้ชายลุคคุณหมีควรมั้ยที่จะถามคำถามนี้ออกมา

“ละลิ้นชักใต้เตียงครับ”

คนตัวใหญ่ผละออกไปโดยเร็วพลัมค่อยหายใจหายคอสะดวกหน่อย พรึกหายเข้าไปไม่นานก็เดินออกมาด้วยร่างกายที่เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมเท่านั้น กางเกงสเล็กหายไป ชุดชั้นในไม่มี คนตัวหมีเดินออกมาพร้อมอาวุธประจำกายที่ใส่ถุงยางอนามัยเรียบร้อยเเล้ว ท่าละเลงเจลบนท่อนซุงยักษ์นั้นทำให้พลัมกลืนน้ำลายเอื้อก จะว่ากลัวก็ใช่ จะว่าตื่นเต้นก็ไม่ปฏิเสธ

พรึกย่างสามขุมเข้ามาจนชิด โชคดีที่ในห้องไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงเเสงสลัวจากสิ่งเเวดล้อมด้านนอกที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่มาเท่านั้น ขอบคุณที่เราไม่ได้เห็นใบหน้ากันชัดเจนนัก ไม่งั้นคุณพรึกต้องเห็นเเน่ๆ ว่าพลัมเปลี่ยนร่างเป็นสีเเดงเเล้ว

พลัมโดนจูบอีกครั้ง พร้อมความเย็นหนืดที่สัมผัสลงไปบนช่องทางอ้อนรักด้านหลัง เพียงพรึกเเตะนิ้วลงไปเบาๆ ดอกไม้ตูมเเน่นๆ ก็สั่นระริกราวกับต้องการให้ถูกสัมผัสมากขึ้น

“เด็กไม่ดีเลย เด็กไม่ดี”

“คุณ คุณพรึก” พลัมร้องไม่ได้ศัพท์ เขาโดนครอบครองยอดอกด้วยลิ้นสักๆ เเละฟันคมๆ ประตูร่างกายเองก็โดนรุกรานด้วยข้อนิ้วใหญ่โต พลัมเเทบยืนไม่ไหวเเล้ว นิ้วน้อยจิกเกร็งลงไปบนบ่าอีกฝ่าย แหงนหน้าหายใจรับอากาศ บางครั้งก็ต้องซุกซบเอากับความร้อนฉ่าดั่งเพลิงเผาของเนื้อตัวคุณพรึก

“เด็กน้อย..” พรึกกระซิบเเผ่วเบา แล้วเพิ่มนิ้วลงไปหยอกเย้า พลัมเม้มปากกลั้นเสียงในลำคอ คุณพรึกใจร้าย ใจร้ายมากๆ ที่ทำให้พลัมรู้สึกเร็วขนาดนี้

“หนูเเทบจะกัดนิ้วคุณพรึกขาดเเล้วค่ะ”

ถ้อยคำหยาบโลนทำให้พลัมเเก้มขึ้นสีจัดไปอีก ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมาปฏิเสธเขาไม่ได้ทำแบบนั้น เเต่ก้นกลับส่ายไปมาตอบรับการขยับเข้าออกถี่ๆ ของเขา

พลัมเเทบควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้เลย พอเขาเอานิ้วออก เจ้าก้นน้อยๆ ก็เหมือนจะร้องไห้ด้วยความเสียดาย

“อยากได้ของคุณพรึกมั้ยคะ”

“คุณพรึก พลัมไม่พูดนะ อย่า...อย่าให้พลัมพูดอะไรน่าอาย”

“โอ๋..เด็กดี ให้คุณพรึกโอ๋หนูด้วยอะไรดีคะ”

“คุณพรึก” น้องร้องเเทบขาดใจ เพราะไอ้สิ่งที่คุณพรึกจะเอาไปโอ๋นั้นถูไถเข้ากับพลัมน้อยไม่เบาเลย พลัมน้ำตาซึมไปหมด พรึกใช้ริมฝีปากซับให้เบาๆ แล้วจูบปิดปากน้องไว้

“อึ๊ก อื้อ” ดีนะที่พรึกงับปากน้องไว้แล้ว ไม่งั้นเพื่อนร่วมชั้นที่เดินผ่านประตูบานนี้ต้องรู้เเน่ว่าหลังเเผ่นไม้ไม่หน้ามาก กำลังมีสองร่างกอดเกี่ยวกัน และอีกไม่เกินห้านาทีมันจะผสานรวมกันเป็นหนึ่ง

ท่อเเขนเเข็งเเรงเพราะยกเวทบ่อยสอดเข้าไปใต้เข่ารั้งมันขึ้น น้องยืนขาข้างเดียว เขย่งจนเเทบล้ม แล้วก็สัมผัสได้ว่าดอกไม้ที่บานออกเพียงเล็กน้อยกำลังจะถูกไม้ซุงท่อนใหญ่รังแก พรึกย่อตัวลงช้อนใต้ขาน้องอีกข้างเเล้วยกจนน้องตัวลอย ปากผละออกจากปากแล้วกระซิบเสียงแหบซ่านให้น้องเกาะเเขนรอบคอเขาไว้เพื่อประคองร่างกาย ก่อนที่คนตัวใหญ่จะเริ่มรังเเกน้องอย่างจริงจัง

พรีึกรู้สึกเหมือนหลังเขาถูกกดให้โน้มลง พลัมรู้สึกขนาดนั้นเลยหรอ ก็คุณพรึกจูบหนูอยู่นี่ไงคะ ยังจะรั้งคอให้จูบหนักขึ้นอีกหรอ

“พลัม...”

“ขอโทษครับ”

“คุณพรึก คุณพรึกครับ ก้มหัวขอโทษคุณยายเดี๋ยวนี้ครับ”

พลัมทั้งกระตุกเสื้อ ทั้งกดบ่าผู้ชายคนข้างๆ ที่ยังยืนค้างอยู่ในท่าวางมือล็อคไว้บนผนังเเล้วก้มลงมากดจูบเขา เพียงเเต่ว่าตอนนี้พลัมย่อตัวหลบออกมาก้มหัวปะหลกๆ ให้คุณยายที่ยืนส่งสายตาดุอยู่ ส่วนคุณพรึกเหมือนจะตาลอยๆ ไม่รู้ว่าเหม่อไปไหนอีกแล้ว

“คุณพรึก!!” น้องขึ้นเสียงดังขึ้นเมื่อไม่ได้ดั่งใจ

อ่า...อีกแล้วสินะพรึก อุตส่าห์ได้จูบจริงไม่มโน มึงก็เสือกลากน้องลงไปทัวร์นรกได้อี๊ก!!!

“ขอโทษครับ คราวหลังผมจะยับยั้งชั่งใจกว่านี้”

“ในห้องนะลูกนะ อย่ามาจูบกันตามทางเดิน ยายจะเป็นลม”

“ครับ ครั้งหน้าจะทำหลังประตูเบาๆ เอาให้ใครไม่ได้ยินครับ”

“คุณพรึก!!!” พลัมขึ้นเสียงดังใส่ ดูสิคุณยายทำหน้าเหมือนจะเป็นลมไปแล้วด้วย เจ้าตัวเล็กต้องรีบไปประคองเเล้วเดินไปส่งให้ถึงหน้าห้อง ส่วนพรึกก็ได้เเต่กำหมัดเคาะสมองตัวเอง มึงต้องไม่เผลอ inception บ่อยๆ นะพรึก งงไปหมดเเล้วเนี่ย อันไหนเรื่องจริงอันไหนเรื่องมโน!!





TBC 

มีคนอ่านมั้ยน้ออออ

 #ทฤษฎีอ่อยเธอ  คุยกันในทวิตได้นะคะ ไรต์เป็นคนเหงา 2018 ไถอ่านตลอดเวลา


หัวข้อ: Re: >>> Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 7-8
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 29-11-2018 22:18:12
Chapter 8





หลังตกลงคบกันตอนช่วงวันเกิดพรึก ความสัมพันธ์ของคู่รักมือใหม่ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ในโลกโซเชี่ยลหรือชีวิตนอกคอนโดพวกเขาต้องปิดเป็นความลับ เพราะพลัมยังเรียนในวิชาที่พรึกสอน ถ้าคิดจะเปิดตัวจริงๆ คงต้องรอให้พลัมเรียนจบไปก่อน หรือไม่พรึกก็ต้องลาออกไปสอนที่อื่น

พลัมไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องลำบากที่ต้องปิดเป็นความลับ เพราะชีวิตเขาความลับเต็มไปหมดเเล้ว จะปิดเพิ่มอีกเรื่องก็ไม่เป็นไร เเต่ก็ยังมีเพื่อสนิทอย่างคิวเเละกะทิเอาไว้ให้หวีดระบายบาง เพื่อนสองคนนี้พลัมไว้ใจได้ และพรึกเองก็เคยรับไปทานข้าวเพื่อพูดคุยขอความร่วมมือ

เย็นทุกวัน เด็กน้อยชอบขนการบ้านมานั่งทำที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา บางครั้งก็เป็นการ์ตูนที่เช่ามาจากร้านข้างมหาวิทยาลัย ส่วนพรึกก็นั่งตรวจงานนักศึกษาอยู่บนโต๊ะทำงานที่สามารถมองเห็นพลัมได้เพียงเเค่หมุนเก้าอี้มาดู

“คุณหมีเหลืองานอีกเยอะม้ัย”

พลัมเรียกพรึกว่าคุณหมีบ้าง คุณพรึกบ้างเเล้วเเต่อารมณ์ แต่หลักๆ จะชอบให้เขาเป็นสัตว์ขนฟูตัวใหญ่มากกว่า น้องดูจะชอบเจ้าตัวนี้ เพราะเห็นว่าในห้องก็มีตุ๊กตาตัวใหญ่ที่ตัวเองเรียกกว่าพี่หมีเช่นกัน

“อีกประมาณ 100 คน” พรึกตอบไปตามความจริง เขากำลังตรวจเเบบฝึกหัดวิเคราะห์เเคมเปญการตลาดอยู่ พลัมทำหน้ายู่ ถึงมันจะดูงอเเงแต่พรึกก็เอ็นดู

“ง่วงหรือหิว”

“ยังไม่หิวมาก งั้นงีบรอคุณพรึกตรวจงานเสร็จก่อนก็ได้”

อาจารย์หนุ่มพยักหน้า เขาดึงมือเล็กๆ นั้นมากดจูบลงไปที่ข้อมือด้านใน แต่ในหัวกลับเห็นภาพว่าเเลบเลียลิ้นลงไปเบาๆ ด้วยเพื่อให้น้องจั๊กจี้จนตัวเเดง

“คุณพรึกไปเอาพี่หมีให้มั้ย พลัมจะได้มีอะไรกอด” เขาหมายถึงตุ๊กตาที่อีกฝ่ายชอบใช้เป็นหมอนข้าง

พลัมส่ายหน้า “รอกอดคุณหมีตัวนี้ดีกว่า” นิ้วชี้จิ้มๆ ลงมาบนอกกว้างของพรึก ชายหนุ่มอมยิ้ม แล้วเดินเข้าไปหอบเอาผ้านวมจากในห้องนอนมาห่มให้

“รอเเป๊บเดียว คุณพรึกจะรีบทำงานเเล้วเดี๋ยวพาไปกินของอร่อย”

“ครับ”

พลัมยิ้มรับตาหยี พรึกอดใจจุ๊บหน้าผากน้องไปหนึ่งทีไม่ได้ แล้วก็ปล่อยให้หลับไปโดยไม่กวน

คนตัวเล็กงีบไปตั้งเเต่ช่วงห้าโมงเย็น นอนประมาณ 2 ชั่วโมงก็ครบลูปตื่น พลัมพลิกตัวงัวเงียอยู่สักพักจึงค่อยลืมตาขึ้นเต็มความโต เเสงสว่างสีขาวในตอนก่อนนอนบัดนี้เหลือเพียงสีส้มสลัวของไฟดิมในห้องเท่านั้น ใบหน้าเล็กๆ กวาดไปมาก็ไม่เห็นคุณพรึกที่โต๊ะทำงานเเล้ว

“คุณพรึก!” ส่งเสียงเรียก ก็มีเพียงเสียงเเอร์เบาๆ เท่านั้นที่ตอบกลับมา

พลัมหน้างอ ไม่ชอบเลยที่ตื่นมาเเล้วไม่เจอเจ้าของห้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาอยู่คนเดียวมาจนชินหลายปี แต่พอช่วงนี้ได้ใกล้ชิดกับคุณหมี พลัมก็รู้สึกว่าความผูกพันที่ต้องมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ เริ่มทำร้ายเขาเเล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกลมข้างโซฟาขึ้นมาไลน์หา

‘คุณหมีอยู่ไหน’

มันดูงี่เง่าไปหรือเปล่านะที่ติดเขาเสียขนาดนั้น

‘ตื่นเเล้วหรอ คุณหมีลงมาซื้อของ 7-11 หนูเอาอะไรมั้ย’

พลัมส่ายหน้าไปด้วยตอนพิมพ์

‘คุณหมีขึ้นมาไวไว หนูคิดถึง’

‘ฟ่หืแกดเ้่าสวงวสา่้สว’

พลัมหัวเราะเพราะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงรูดแป้นพิมพ์ส่งมา

‘อย่าส่งอะไรแบบนี้มาอีกนะ เดี๋ยวคนเเก่หัวใจวาย’

‘ไวไวเลยไม่งั้นพลัมจะส่งอะไรเลี่ยนไปอีก’

‘ครับ ไม่พิมพ์แล้ว รีบขึ้นไปหานะ’

พลัมคว่ำโทรศัพท์ลงกับหน้าขา แล้วต้องห่อปากเพื่อหุบรอยยิ้มที่บานจนเมื่อยเเก้ม โชคดีที่คุณพรึกไม่เกลียดการงอเเงของเขา

นั่งรอไม่นานร่างสูงใหญ่ก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง พลัมไปช่วยเธอถุงใส่ของใช้จุกจิกที่อีกฝ่ายหิ้วมาจาก 7-11 และนำมันไปเก็บตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นทิชชู นมสดพร่องมันเนยขวดใหญ่ และไข่ไก่ที่คุณพรึกต้องมีติดครัวไว้เสมอ

พรึกเดินตามไปช่วยพลัมเก็บ ในครัวคอนโดระดับกลางไม่ได้กว้างมาก พอผู้ชายสองคนเดินเข้าไปด้วยกันมันก็เเคบจนเเทบเดินสวนไม่ได้

“กอดได้มั้ยครับ”

ในเมื่อหลบไม่พ้น พลัมก็ขอกอดเสียเลย เขาซุกหน้าลงกับช่วงอกคุณพรึก ไซร้หน้าไปมาแล้วเอาเเขนโอบรอบเอวหน้าไว้ พรึกไม่ปฏิเสธน้องเหมือนสมัยก่อน เด็กน้อยขี้อ้อนที่มาพร้อมสกินชิพรัวๆ ทำให้พรึกเอ็นดูทุกครั้งที่น้องขอสัมผัส

ร่างสูงโอบเอวบางไว้เช่นกัน

“จะอ้อนอะไรคุณพรึก”

พลัมเงยหน้าจากอกกว้างเเล้วส่ายหัวด้อกแด้กไปมา

“ไม่อ้อน น้องแค่คิดถึง เลยกอด”

“อะไรกัน คุณพรึกไม่อยู่ไม่ถึง 5 นาทีเอง”

“รวมเวลาที่พลัมนอนไปด้วยก็ตั้ง 2 ชั่วโมง 5 นาทีเเหนะ”

คนอายุเยอะเจอลูกอ้อนตาใสๆ แบบนี้แล้วก็ใจบางอ่ะ เขาก้มลงไปจุ๊บหน้าผากพลัมเบาๆ

“ติดคุณพรึกแล้วหรอ”

“อือ คุณพรึกจะรำคาญพลัมมั้ย”

ร่างสูงกว่ายิ้มอ่อนโยนให้ เเล้วส่ายหน้า “คุณพรึกก็ติดหนู ในหัวคิดเเต่เรื่อวหนู เพราะฉะนั้นเราจะไม่รำคาญใช่มั้ย”

คำตอบของอีกฝ่ายทำให้พลัมยิ้มกว้าง เเล้วไม่นานทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน พรึกที่ไม่ได้มีใครในใจมานาน พลัมก็เหมือนน้ำค้างชุ่มฉ่ำที่ตกลงมาชโลมยอดหญ้าให้ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังจากตากเเดดจนเเห้งกรัง ฝ่ายพลัมเองถึงจะมีคนคุยมาด้วยเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้ใครเข้ามาอิทธิพลในความคิดได้มากเท่าคุณพรึก อาจจะต้องขอบคุณที่ห้องของเขาอยู่ติดกัน หรือพัสดุสองกล่องนั้นที่สลับกันได้พอเหมาะพอเจาะเหลือเกิน

พลัมสูดดมกลิ่นน้ำหอมสปอร์ตของคุณพรึกจนชุ่มปอด โดยไม่รู้เลยว่าคนตัวสูงก็เเอบเก็บกลิ่นเด็กน้อยที่ซอกคอของเขาไว้ในความทรงจำเขาเช่นกัน หลังกอดกันแน่นๆ จนสาเเก่ใจ คุณพรึกเป็นฝ่ายหักใจผละตัวออกมาก่อน แล้วชวนอีกฝ่ายออกไปหาอะไรใส่ท้อง

“หนูคิดไว้รึยังว่าอยากกินอะไร” มือใหญ่ที่ขึ้นเส้นเลือดพอให้น้ำลายสอคว้าจับกุญเเจรถมากำไว้ พลัมเดินตามต้อยๆ เกาะชายเสื้อเชิ้ตยับนิดหน่อยออกไปจากห้อง

“หนูอยากกินเสต็ก แต่ถ้าไปหลังม.ต้องเจอฝูงชนมหาศาล”

“งั้นไปเเถวหลังสวนมั้ยละ ...อืมก็น่าจะยังเจออยู่ คุณพรึกว่าไปทองหล่อดีกว่า”

“ได้หมดเลย”

“แล้วจะดื่มไวน์มั้ย ถ้าดื่มคุณพรึกจะไม่เอารถไป กลัวขากลับโดนเป่า”

พลัมส่ายหน้า “เเต่ถ้าคุณพรึกจะดื่ม พลัมดื่มเป็นเพื่อนได้นะ นั่งแท็กซี่ไปก็ได้ คุณพรึกจะได้ไม่เหนื่อยขับ”

“น่ารักจังเลยค่ะ”

“คุณพรึกอย่าพูดค่ะกับพลัมนะ!!” น้องขึ้นเสียงเสียดังจนพรึกยังตกใจ

“ทำไมคะ”

“โอ๊ย พลัมเป็นลมเเล้ว” คนตัวเล็กเเกล้งเซล้มไปให้อีกฝ่ายรับ พรึกหัวเราะแล้วจับให้ทรงตัวยืนดีๆ

“คุณพรึกยังมีเรื่องให้หนูเป็นลมได้อีกเยอะ สร้างภูมิต้านทานไว้นะคะ”

พลัมพ่นลมออกจมูก ได้คุณพรึกได้ อ่อยมาอ่อยกลับไม่โกงดิ รอวันได้ขึ้นเตียงเมื่อไหร่นะ พลัมจะประกาศศักดาให้รู้ว่าคุณพรึกนั่นเเหละที่ต้องร้องขอชีวิต!!



แท็กซี่เขียวเหลืองพาทั้งคู่มาจอดลงหน้าร้านสไตล์เรโทรที่เน้นเสิร์ฟอาหารสไตล์ American Diner เมนูขึ้นชื่อคือเบอเกอร์เนื้อ แต่ก็มีสเต็กที่อร่อยไม่เเพ้กัน แถมของหวานก็เป็นเเพนเค้กเเละ Frozen Yogurt เจ้าพลัมชอบทานของเย็นๆ น่าจะถูกใจอยู่

คุณพรึกแตะข้อศอกให้พลัมเดินเข้าไปด้านใน ในที่สาธารณะเขาพยายามไม่เเสดงออกเชิงคู่รักกับพลัมมาก เพราะกลัวว่าจะไปเจอเข้ากับสายตาที่จะสามารถต่อสายตรงไปถึงสถานที่ทำงานของเขาได้ และอีกอย่างเขากับน้องยังเป็นเเค่เเฟน ไม่ใช่คู่เเต่งงาน จะให้ประเจิดประเจ้อนักคงไม่ดี

พนักงานเดินเข้ามารับด้วยความสุภาพ และนำพรึกกับพลัมไปนั่งโต๊ะสำหรับสองคนติดริมหน้าต่างกระจกใส สามารถมองออกไปเห็นรถผ่านไปผ่านมาด้านนอกได้ เจ้าหนูพลัมยิ่มกริ่ม พรึกก็ใจชื้น ดีใจที่น้องชอบ เป็นเอามากเหมือนกันนะเรา

พลัมรับเมนูเล่มใหญ่จากพนักงาน เจ้าตัวเล็กยิ้มรับเเละกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ พรึกนึกชมน้องในใจ ถึงตอนเเรกที่รู้จักกันจะก๋ากั่นเเละลามกไปบ้าง แต่กับคนนอกที่ไม่รู้จัก หรือพนักงานบริการทั้งหลายพลัมก็ให้เกียรติเเละสุภาพด้วยเป็นนิสัย พรึกบวกหัวใจให้น้องรัวๆ

“คุณพรึก มองหน้าพลัมแล้วยิ้มทำไม”

“ก็หนูน่ารัก”

“บ้าเอ้ย” พลัมกุมหัวใจตัวเอง ที่มันเต้นรัวขึ้นมาจนรู้สึกได้

“ชมอะไรก็ไม่รู้” คนตัวเล็กบ่นงุบงิบเเล้วก็ยกเอาเมนูนั่นเเหละมาใช้กำบังเป็นที่ซ่อน พรึกเลยถอยมาก่อน เขายังมีเวลาทำให้พลัมหัวใจวายได้อีกหลายวัน และหวังว่าจะหลายเดือน ต่อเนื่องไปอีกหลายปี

แม้ไม่มีอะไรที่เเน่นอน เเต่คนที่มีความรักก็ย่อมหวังเสมอว่าอย่าให้ความรักงดงามและเป็นมิตรต่อใจตลอดไป

พรึกส่งสัญญาณให้พนักงานมารับออเดอร์เมื่อพลัมบอกว่าเขาเลือกได้เเล้ว น้องที่ตอนเเรกบอกอยากกินเสต็กก็สั่งเมนูขึ้นชื่อ เป็นเบอเกอร์เนื้อวัวแองกัส ที่ราดด้วยมอสซาเรลล่าและเชดด้าชีสในซอสเห็ดเยิ้ม ๆ เสิร์ฟกับเฟรนช์ฟราย พรึกยิ้ม น้องสั่งได้ดี เขาไม่กลัวพลัมอ้วนเลยเพราะชอบบีบเด็กที่ดูมีน้ำมีนวลหน่อย เเค่คิดก็ ฮึ่ย! พรึกตัดมโนของตัวเองตั้งเเต่ต้นด้วยการหันไปสั่งเสต็กหมูคุโรบูตะมา แล้วก็มีสปาเกตตี้ปูน่ิมเป็นจานกลาง พร้อมสลัดอกเป็ด พรึกทานเยอะเพราะเขาเล่นเวทและคาร์ดิโอ หากทานโปรตีนไม่ถึงกล้ามจะฟีบเอาง่ายๆ

ทั้งคู่นั่งคุยกันได้อีกนิด เพราะพลัมมองเลยไปด้านหลัง หนุ่มหล่อ ร่างสูงโปร่ง หน้าตาร้ายๆ หน่อย เดินยิ้มมุมปากเข้ามา พลัมขมวดคิ้วน้อยๆ ผัวคุณพรึกป่ะเนี่ยะ

อีกฝ่ายเเต่งตัวดูเป็นนักธุรกิจเนี้ยบตั้งเเต่หัวจรดเท้า ฝ่ามือใหญ่วางแปะบนไหล่แล้วพรึกก็หันไปมอง

“อ้าว...ไอ้เเคมป์”

“ร้ายนะมึงเดี๋ยวนี้” คนในเสื้อเชิ้ตผูกไทเนี้ยบเหล่ตามาทางพลัม

“อย่าเป็นไอ้เบลไปอีกคนได้มั้ย”

“พลัม นี่ลุงเเคมป์เพื่อนคุณพรึก”

“ลุงเลยหรอว่ะ”

“เออ ไอ้เบลเป็นเเม่น้องนะมึงรู้ยัง”

“จี้หวะ”

“สะ สวัสดีครับลุงเเคมป์” พลัมยกมือไหว้นอบน้อม แถมซื่อจนเเสบเรียกตามให้พรึกได้อมยิ้มอย่างคนเหนือกว่า

“เรียกพี่ก่อนครับ แล้วจะให้ตังค์ไปกินขนม”

“น้องกู กูเลี้ยงได้มั้ย”

“น้องหรือเมียเอาดีๆ”

“เหี้ยเเคมป์ พูดไรเกรงใจพลัมด้วย”

“พี่ขอโทษครับ” หนุ่มนักธุรกิจหันมาขอโทษขอโพย พลัมได้เเต่โบกมือว่า บ่เป็นหยัง ใจจริงก็อยากให้พี่เขายัดเยียดความเป็นเมียให้เหมือนกันติดที่อาจารย์พรึกเขาเป็นคนดีไปหน่อย ไม่ยอมทำบาปทำกรรมร่วมกับพลัมสักที

“แล้วนี่มึงมากับใคร”

“อิงอร”

“ยอมมาดินเนอร์ร้านที่ไม่ใช่โรงเเรมหรูห้าดาวขึ้นไปได้แล้วหรอว่ะ” พรึกเม้าท์เรื่องคู่เเต่งงานเเคมป์ อย่างที่ทุกคนในกลุ่มพูดถึงกันบ่อยๆ อีกฝ่ายเป็นลูกไฮโซ ที่สืบเชื้อสายตระกูลผู้ดีเก่าเเก่ พึ่งมาหมดยศเอาตอนรุ่นคุณยายกระมัง เพราะไปแต่งงานกับนักธุรกิจชาวจีน เเต่ทางบ้านของอิงอรก็ยังเจ้ายศไม่เปลี่ยน เเถมรวยเสียจนเอาเเต่ใจได้ทุกอย่าง

“ร้านเพื่อนอรเค้า กูเลยทีโอกาสมานั่งร้านชิลๆ แบบนี้ได้บ้าง กินเเต่บนโรงเเรม อึดอัดชิปหาย”

เเคมป์บ่นยาว ถึงขั้นลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งร่วมโต๊ะด้วย

“รวยไปก็ลำบากงี้เเหละมึง ไหนๆ ก็เเต่งงานกันเเล้วก็ต้องอยู่ให้รอดว่ะ” ร่างสูงโปร่งระบาย

พรึกพยักหน้า ส่วนพลัมนั่งฟังตาเเป๋ว เขาก็อยากรู้ทุกเรื่องที่คุณพรึกรู้นั้นเเหละ จะได้คุยกันรู้เรื่อง

“อิจฉามึงหวะพรึก คบเด็กงุ้ยๆ น่ารักน่าบีบกระชุ่มกระชวยเว่อร์”

“เเต่ตีนกูนี่เเหย่อยู่ในคุกข้างนึงนะ”

“ผม 20 แล้ว คุณพรึกไม่ได้พรากผู้เยาว์” พลัมมีช่องพูด จึงร่วมต่อบทสนทนาด้วยบ้าง

“เออใจมันได้เว้ยไอ้ตัวเล็ก” แคมป์หัวเราะร่วน

“เเต่ไอ้เหี้ยเบลอ่ะ ขาเข้าคุกไปแล้วทั้งสองข้างนะ วันๆ เอาแต่ส่องตูดเด็ก ส่งเพจเหี้ยไรมาให้กูไม่รู้วันก่อน”

พรึกสะดุ้ง อิน้องตัวน้อยที่นั่งตรงข้ามเขาก็ตกมาได้จากเพจนั้นเเหละ

“มันก็หวังให้มึงคลายเครียดไง”

“หือ...บ้านกูระอุกว่าเดิมมั้ยถามใจ ถ้าอรมาเห็น”

“มึงไม่น่ารีบเเต่งงาน น่าจะอยู่เเรดกับพวกกูก่อน” พรึกตบไหล่แคมป์ รายนี้พอเรียนจบไม่ทันรับปริญญาดี ทางบ้านก็เรียกให้กลับมาจัดพิธีหมั้น รับปริญญาเสร็จก็เเต่งงานเลย ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นให้สะใจเลย

“โชคดีเว้ยมึง ฝากเพื่อนพี่ด้วยนะน้องพลัม”

“ครับ” พลัมผงกศีรษะ น่าเอ็นดูอีกแล้วในสายตาพรึก ข่มใจไว้ก่อนไอ้เสือน้องยังเรียนไม่จบ

“ไปก่อนนะ เดี๋ยวอิงอรปรี๊ดเเตกอีก”

พรึกพยักหน้า ส่วนพลัมก็ยกมือไหว้

“มือไม้อ่อนจริงเว่ย พี่อยากเซ็นต์เช็คให้ เอาไว้กินขนมสักเจ็ดหลัก” เเคมป์เเซว

“รับงานทานข้าวนะครับ” พลัมพยักหน้าแล้วหยอดมุกกลับให้พรึกตาเขียวใส่

“น่ารักจริงๆ กูเริ่มเข้าใจไอ้เหี้ยเบลละ” เเคมป์ตบหัวพลัมปุๆ ก่อนจะเดินออกไป

พรึกยื่นมือไปบีบปากเจ้าตัวซน “อ่อยเก่งจริงนะครับตัวเเค่นี้”

“อ่อยได้เหยื่อทุกคน ยกเว้นอ่อยคุณพรึกนี่เเหละ ไม่ยอมตกหลุมพลัมสักที”

“แค่นี้คุณพรึกก็หลงหนูไม่ไหวเเล้วค่ะ”

“คุณพรึก!!! ห้ามพูดค่ะ” พลัมโวยวาย ร่างสูงหัวเราะร่วน เเล้วพนักงานก็ยกอาหารมาเสิร์ฟขัดตาทัพพอดี

มื้อเรียบง่ายผ่านไปช้าๆ จนเกือบสี่ทุ่ม รถเเท็กซี่ก็พาทั้งคู่กลับมาส่งถึงคอนโด พลัมและพรึกยังเเยกห้องนอนกัน เมื่อน้องเดินมาถึงหน้าห้อง คุณพรึกก็จุ๊บหน้าผากกู๊ดไนท์

“อยากให้ไปส่งถึงเตียงจัง” ฟังน้ำเสียงอ้อนๆ ของคนช่างอ่อยแล้วพรึกก็ได้เเต่โอบรอบเอวน้องมารุ๊บแก้มนุ่มๆ อีกที กลิ่นหอมเเบบเบบี้ของพลัมนี่ถูกใจพรึกจัง

“ไปนอนครับคนเก่ง”

พลัมย่นจมูก คุณหมีทานทนเสน่ห์เขาได้อีกแล้ว แต่พลัมก็ไม่ได้ขุ่นใจอะไรมาก นอกจากเงยหน้าจุ๊บปลายคางสากๆ ของเขากลับ คุณพรึกเริ่มมีไรหนวดเขียวๆ ขึ้นเเล้ว ไม่เหมือนตอนเช้าตรู่ที่ผิวจะนิ่มๆ กว่านี้

พรึกรอจนน้องปิดประตูลงกลอนดีแล้วก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองบ้าง



ข้อความใหม่!

‘ตื่นแล้วมากินข้าวเช้าห้องคุณพรึกนะ’

เป็นประโยคคำสั่งที่น่ารักที่สุด พลัมตื่นเพราะนาฬิกาปลุก แต่ก็รีบกดดูข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาก่อน จากนั้นเขาบิดไปบิดมา เอาหน้าซุกพุงขนๆ ของตุ๊กตาหมีตัวใหญ่อยู่อีกเดี๋ยวแล้วค่อยลุกขึ้นห้อยขาลงจากเตียง สวมสลิปเปอร์ แล้วเดินขยี้ผมไปล้างหน้าเเปรงฟัน

คุณพรึกใส่ใจสุขภาพ และเคร่งครัดเรื่องอาหารเช้า พลัมคนขี้เกียจที่เคยแค่หาเเซนวิชหรือกาแฟรองท้องก่อนเข้าห้องเรียนจึงได้อานิสงส์ไปด้วย

พลัมเช็คสภาพตัวเองที่หน้าตาเริ่มเข้าร่องเข้ารอยเเล้ว ชุดนอนที่เป็นผ้าซาตินสีพื้นเข้าชุดกันไม่ได้ดูน่าเกลียด ผมยุ่งๆ เข้าตายังไม่ได้เซ็ตเลยเอาหนังยางสีชมพูที่ขโมยกะทิเพื่อนรักมาผูกลวงๆ ไว้ก่อน จัดการเปลี่ยนสลิปเปอร์เป็นรองเท้าเเตะหูหนีบ เเล้วเดินไปเคาะประตูห้องข้างๆ

“พาสเวิร์ดเป็นวันเกิดคุณพรึก คราวหลังหนูกดเข้ามาได้เลย” เสียงทุ้มนุ่มบอก เมื่อเดินออกมาต้อนรับ

“เปลี่ยนเป็นวันเกิดหนูกับคุณพรึกได้มั้ย”

โอ้ย เด็กมันหยอดแต่เช้า พรึกถอนหายใจ แต่ก็ยอมเอาตัวเองออกมาหน้าประตูเเล้วทำตามทันที

“คุณพรึกน่ารักจัง” พลัมเกาะเอวอีกฝ่ายเเน่นเป็นลูกโออาล่าเลย

“เกิดวันอะไรละเรา”

“วันที่ 10 ตุลา”

“อ่าวจะถึงวันเกิดเเล้วสิ”

พลัมพยักหน้า “หลังสอบกลางภาค”

“อยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” พรึกถามขณะตั้งพาสเวิร์ดใหม่กับเครื่องสแกนนิ้วหน้าห้องไปด้วย

“ไม่นะ เเค่อยู่กับคุณพรึกก็พิเศษเเล้ว”

“หยอดเก่งจังเลยคนนี้”

“ก็หยอดคุณพรึกคนเดียว”

“คุณพรึกต้องเขินมั้ยคะแบบนี้”

“คุณพรึกพูดคะขาอีกแล้ว คุณพรึกเเกล้งพลัม” ใบหน้าหวานๆ นั่นมุ่ยเชียว ปากเเดงๆ กับจมูกรั้นๆ แทบจะรวมกันเป็นชิ้นเดียว พรึกเเกะมือคนงอแงออก แล้วลองให้กดพาสเวิร์ดเข้าห้องเขาดู

19091010

กริ๊ก!

หัวใจพลัมเต้นเเรงขึ้นอีกหลายจังหวะ เหมือนตัวเองได้คืบคลานเข้าสู่ความเป็นส่วนตัวของคุณพรึกเรื่อยๆ

เด็กน้อยเดินนำเข้าไปในห้อง จานอกไก่อบ กับน้ำจิ้มเเจ่ววางเด่นอยู่บนโต๊ะอาหาร ตามด้วยออมเล็ตและขนมปังปิ้งในจานของใครของมัน

คุณพรึกยังสวมผ้ากันเปื้อนค้างอยู่เลย พลัมเลยไปจัดการเเกะปมที่ด้านหลังให้แล้วถอดออก เอามันไปเเขวนไว้ในครัวตามเดิม เเล้วต้องน่ารักขนาดไหนที่เครื่องดื่มเติมวิตามินซีตอนเช้าเป็นน้ำส้มคั้นสด

พลัมหยิบเเก้วน้ำส้มออกมาจากเคาเคอร์ครัว แล้ววางลงตรงหน้าคุณพรึกกับตัวเอง คุณเขาทำหน้าเหมือนพึ่งนึกได้ว่าคั้นเสร็จเเล้ววางลืมไว้

เราสองคนลงมือทานอาหารกันเงียบๆ คุณพรึกสั่ง Google home ให้เล่นเพลงเเนว easy listening คลอบรรยากาศไป พลัมเริ่มเข้าใจที่มัมมัมเบลบอกแล้วว่า...ค่อยๆ เติมเต็มความรักลงหัวใจ แล้วตอนที่เราซ่ัมกันมันจะมันส์กว่าเดิม!!



TBC 

 ทิ้งข้อความไว้ให้ไรต์อ่านบ้างนะคะ เหงา

สำหรับในทวิตจะคุยด้วยตลอด เพราะฉะนั้น #ทฤษฎีอ่อยเธอ กันมาได้นะฮะ 

หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 30-11-2018 16:55:41
Chapter 9



“ตามนี้นะครับนักศึกษา ออกข้อสอบสองบท แต่ส่วนใหญ่อาจารย์ออกเป็นโจทย์วิเคราะห์เพราะฉะนั้นอยากพกชีทเข้าห้องสอบก็ไม่ว่ากัน”

พลัมจ้องอาจารย์ที่กำลังพูดอยู่หน้าห้องเรียนด้วยรอยยิ้ม เเก๊งนิเทศศาสตร์นั่งอยู่ชั้นบนสุดของห้องสโลป ปล่อยเด็กคณะบัญชีสาขาการตลาดให้ไปนั่งหน้าๆ เเทน

“ตาระยิบระยับเว่อร์” กะทิเเซว พลัมหันไปลอยหน้าลอยตาแล้วเท้าคางมองคุณพรึกต่อ เขาเเค่แอบมองเงียบๆ แบบนี้ก็โอเคเเล้ว

“ก็เห็นเด็กมาเก็ตฯ มองอาจารย์ตาเยิ้มเชียว”

“คุณพรึกไม่ชอบเด็กแรด เพราะฉะนั้นพวกนั้นไม่ได้แอ้มหรอก”

“แต่มึงอ่ะเเรดกว่าใครเลยนะพลัม”

“คิว นี่ชมกูใช่ป่ะ”

“ใช่ใช่ใช่” เพื่อนตัวใหญ่กระตือรือร้นตอบจนน่าถีบ ไม่นานอาจารย์พรึกของนักศึกษาหลายร้อยชีวิตก็ปล่อยให้ไปพักเที่ยงได้

พลัมกดส่งข้อความหาคุณพรึกทันที

‘อย่าลืมทานข้าวเยอะๆ นะคุณหมี จะได้มีเเรงสอนตอนบ่าย’

‘หนูไปทานไหน’

‘โรงอาหารบัญชีนี่เเหละ คุณพรึกอ่ะ’

‘เหมือนกัน บังเอิญนั่งโต๊ะเดียวกันมั้ย’

พลัมต้องกัดปากแทบตายไม่ให้กรี๊ดออกมา เขินหนักถึงขั้นต้องจับไหล่กะทิไว้ไม่ให้เซล้มลงไปกองตอนลงบันไดสโลป

‘เจอกันครับ'

‘งื้อ งื้อ’

พลัมกับกลุ่มเพื่อนเดินออกจากห้องไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ทักทายกันให้ใครเห็นเพราะเพียงข้อความในโทรศัพท์ก็เกินพอแล้ว พรึกเอาอุปกรณ์การสอนไปเก็บที่ห้องพักก่อน พอดีมีกลุ่มอาจารย์คนอื่นกำลังเตรียมตัวไปพักเที่ยงด้วย จึงเดินรวมกลุ่มไปด้วยกัน

กะทิ พลัม ซื้อข้าวเเกงมานั่งจองโต๊ะไว้ ส่วนคิวรับอาสาไปซื้อน้ำให้สาวสาว? ในกลุ่ม เขาเห็นอาจารย์พรึกเดินมาเลยบุ้ยใบ้ชี้ตำเเหน่ง

“คุณพรึกสนิทกับนักศึกษาดีนะคะ” อาจารย์สุริยาที่สอนวิชาเดียวกับพรึกแต่รับนักศึกษาคนละ Section ชวนคุย

“ครับ” ร่างสูงรับคำยิ้มๆ ส่วนคิวนั้นยิ้มมุมปาก เอาเเล้วนอกจากสาวๆ มาเก็ตติ้ง ยังพ่วงอาจารย์มาด้วยหวะ ศัตรูไอ้พลัมนี่ไม่เบา

คิวเดินกลับมาพร้อมน้ำวุ้นใบเตยเครื่องดื่มประจำกลุ่ม เขาเหลียวซ้ายเเลขวา อาจารย์พรึกยังไม่มานั่ง

“แฟนมึงอ่ะ”

พลัมทำหน้าดุ แล้วฟาดเเขนคิว

“อย่าพูดไปดิ เดี๋ยวใครได้ยิน”

“หือ เสียงจอเเจจะตายห่า ใครจะได้ยินว่ะ”

“กันไว้ดีกว่าเเก้ป่ะ”

“คบกันซ่อนๆ แบบนี้มันส์มั้ย”

“ตื่นเต้นดี แต่แบบก็ไม่ได้ตั้งใจป่ะว่ะ ไม่เคยรู้เหอะว่าเค้าเป็นอาจารย์”

คิวขยี้หัวหน้าม่อยๆ ของไอ้พลัมอย่างมันเขี้ยว หน้าซึมละโคตรไม่เข้ากับนิสัยกระดี๊กระด๊าของมัน

“เเล้วนี่อาจารย์ยังไม่มาหรอ”

พลัมทำปากอู๊ดเหมือนหมู “น่าจะไม่มาละ เห็นไลน์มาบอกกูว่าเดินมาด้วยกันหลายคน คงไม่พอโต๊ะเรา”

คิวพยักหน้า เพราะพวกเขาเหลือที่่ว่างไว้อีกทีเดียวเท่านั้น โรงอาหารตอนพักเที่ยงคนเเน่นอย่างกับอะไรดี จะให้จองหลายทีก็วอนจะโดนตบเอาเปล่าๆ

‘เจอกันที่บ้านนะครับ’ พลัมไลน์ไปอีกที เพื่อให้พรึกรู้ว่าเขาไม่ได้โกรธ

‘ขอโทษนะหนู คุณพรึกพาไปกินไอติมง้อๆ นะตอนเย็น’

‘คุณพรึกน่ารัก’

พลัมยิ้มหน้าบานจนกะทิกรอกตาบน ดีนะว่ามันรักกันเเบบปิดๆ ถ้ารักกันเปิดเผยกลิ่นคงคลุ้งกว่านี้เยอะ





ไม่นานสอบกลางภาคก็ผ่านพ้นไป พรึกรีบเคลียร์การตรวจข้อสอบทั้งหมด เพื่อพาพลัมไปฉลองวันเกิดที่ทะเล เพราะเจ้าตัวเล็กเคยลั่นวาจาว่าไม่ได้อยากได้สิ่งของ แต่อยากได้ ‘เวลาที่มีความสุขร่วมกัน’ พรึกจึงมองว่าควรจองรีสอร์ทสวยๆ มีสระว่ายน้ำ มีอ่างดีๆ และห้องเห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตาไว้ให้น้องได้พักผ่อน

โชคดีที่เขาโตพอจะรู้วิธีการเอาใจและมีเงินมากพอสำหรับสปอยล์คนรัก เจ้าน้องจึงอมยิ้มหน้าบานเมื่อ BMW X1 ขับมาจอดที่จุดหมายปลายทาง

พลัมหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กของตัวเองลงจากรถ พนักงานจากรีสอร์ทหรูขอรับไปถือให้เอง น้องก็ส่งให้อย่างสุภาพ เเละเมื่อมือว่างก็เอามาคว้าข้อศอกของคุณพรึกเเทน ร่างสูงใหญ่พยักหน้าให้เดินเข้าไปในส่วนฟร้อนท์ที่เป็นพื้นที่โล่งๆ เปิดรับลมทะเลทั้งสี่ด้าน การตกเเต่งเป็นเเบบ Post Modern ที่ออกแบบโดยอินทีเรียที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากอิตาลี ที่ชอบเอาดีไซน์เก๋ๆ มาผสมผสานกับวัสดุท้องถิ่น เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นจึงเป็นเอกลักษณ์ ไม่สามารถเห็นได้จากที่ไหน พรึกจำข้อมูลเเม่นเพราะตอนที่ไอ้เเคมป์เจ้าพ่ออสังหาเเนะนำโรงเเรมนี้มาให้ เขาก็เปิดเข้าไปดูรีวิวมีคนเขียนไว้เยอะเชียว

การเช็คอินน์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานพนักงานก็นำทั้งสองคนไปสู่ห้องพักที่เป็นห้องกว้าง กั้นส่วนอาบน้ำแต่งตัวไว้ด้านหนึ่ง ที่เหลือมีเพียงเตียงกว้างหลังใหญ่ และประตูกระจกที่มี infinity pool มองเห็นน้ำในสระเป็นผืนเดียวกับทะเล มองออกไปไกลลิบๆ ก็เป็นเรือใบหลากสีสันท้าลมท้าเเดดอยู่เบื้องนอก พรึกสั่งให้โรงเเรมเตรียมหงส์เป่าลมตัวใหญ่ที่เด็กวัยรุ่นชอบไว้ด้วย

พรึกจ่ายทิปพนักงานไป แล้วก็ปิดประตู ทั้งห้องเลยเหลืออยู่เเค่เรา

“คุณพรึก ขอบคุณครับ” พลัมเดินเข้ามากอดรอบเอวสอบเเล้วฝังหน้าเข้ากับอก ซุกจมูกไปมาเพราะชอบกลิ่น้ำหอมจางๆ จากเสื้อฮาวายที่คุณพรึกสวมอยู่

“พลัมชอบคุณพรึกก็ดีใจ”

“ถ่ายชุดว่ายน้ำสบายเลย มีคุณหงส์”

“เดี๋ยวนะ หมายความว่าไง”

“ก็ชุดเพจน้อง น้องรู้ว่าจะมาทะเล เลยเล่าให้เจ้ที่เพจฟัง เค้าก็ส่งวันพีชมาให้ใส่” น้องรีบบอกปากงุ้ยๆ กลัวโดนดุ

“โป๊มั้ย”

“วันพีชจะโป๊ได้ไงละ”

“วันพีชแปลว่าชิ้นเดียว ได้ดูหรือยังว่าที่ร้านให้ชิ้นไหนมา”

“ดูเเล้ว” หน้าเล็กๆ นั้นพยักหงึก ก่อนอ้อมเเอ้มตอบว่า

“ชิ้นหมวก”

“คุณพรึกจะตีให้” ฝ่ามือใหญ่เงื้อมือขึ้นอากาศ พลัมเลยหันไปส่ายก้นดุ๊กดิ๊กใส่อย่างไม่กลัวเพรง เล่นเอาคนแก่กว่าถึงกับต้องสายหน้าใส่ด้วยความระอา เมื่อพลัมว่าเเหย่คนตัวโตไม่ได้มาไปกว่านั้นเเล้วก็มาเกาะเเขนอ้อนเเทน

“คุณหมีถ่ายรูปให้น้องหน่อยนะ”

“ดูชุดก่อน ถ้าไม่ให้ถ่าย”

“ครับ”





ติ๊งๆ ๆ ๆ!

มาเเล้วเสียงไลน์เรียกลงประตูนรกที่ไม่ได้ยินมาหลายวัน

‘เข้าเว็บน้องเดี๋ยวนี้ มึงเอ้ย!!’ เบลเจ้าเก่า

‘ทำไมอีกกกก น้องทำไมมมมมม’ พิมพ์ให้รู้ว่ารำคาญกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

‘สารภาพมาเดี๋ยวนี้ไอ้พรึก มึงกินน้องเข้าไปเเล้วใช่หรือไม่’

‘อะไรของมึงอีกอ่ะ’

‘สีเเดงเเรงฤทธิ์ ตัดกับผิวขาวๆ ของน้อง ถึงมึงจะถ่ายย้อนเเสงจงใจไม่เห็นหน้า แต่สัดส่วนโค้งเว้ามันเกินเบอร์ไปมาก’

‘ถ้าได้้เเกะเปลือกสีเเดงออกข้างในคงนุ่มเด้งเหมือนล็อบสเตอร์จากทะเลเเอตเเลนติก ไม่อยากจะคิดถึงตอนที่งับเข้าปาก’

‘เบลเบาหน่อย นั้นลูกมึง’

‘กูฉีกสัญญาเเม่ลูกทิ้งเเล้ว ฮือหนูพลัมของกูเซ็กซี่เกินไป’

‘เบาเบลเบา นั้นเเฟนกู’

‘ถามจริง มึงทนได้ไงว่ะพรึก ไม่หมับหมับน้องอ่ะ’

‘ใจกูสูงกว่ามึงไงเบล’

‘ศรัทธาในตัวเพื่อนเลยหวะ ตอนเดินนี่เท้าติดพื้นป่ะว่ะ ถือศีลหนักขนาดนี้ได้เป็นเทวดาแล้วมั้งกูว่า’

‘เสือก!! แล้วเลิกคิดอกุศลกับน้องสักที เอาเวลาแบบนี้ไปทำขนมสูตรใหม่มั้ย’

‘กูจะมุ่งมั่นทำเเค่เค้กแต่งงานของกูกับหนูพลัมเท่านั้น จรัมวั้ย! ~’

พรึกนึกอยากโทรสั่งมือปืนไปเก็บไอ้เบลนัก เป็นหนักขึ้นทุกวันกับลูกกับหลานก็คิดอกุศลได้ คนที่นอนเอนหลังอยู่บนเตียง รอนายเเบบตัวน้อยที่เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโยนมือถือลงกับเตียง ในหัวเขาก็จินตนาการตามที่ไอ้เบลพ่นใส่ ตัวขาวๆ อวบๆ เนื้อเเน่นๆ งั่มเเล้วเหมือนมีน้ำหวานไหลฉ่ำออกมา...อ่า

เเม่งเอ้ย~

ร่างสีขาวอมชมพู สวมชุดคลุมผ้าขนหนูสีขาวที่แทบกลืนไปกับเนื้อเดินออกมา กลิ่นสบู่อโรม่าของที่นี่เเรงมาก เเละไม่รู้ว่ามันเป็นกลิ่นที่สามารถปลุกกำหนัดได้หรือเปล่า พรึกจึงรู้สึกเหมือนร้อนไปทั้งร่าง

น้องที่ตัวเปียกๆ ชื้นๆ เดินยกยิ้มน้อยๆ ตรงมาหาที่เตียง พรึกใช้ข้อศอกยันตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ที่จริงหนูมีอีกชุดที่ต้องถ่ายเเหละ”

“ชุดคลุมอาบน้ำหรอคะ”

พลัมส่ายหน้า อมยิ้มเหมือนเขินเเต่มือกลับค่อยๆ คลายปมโบว์หลวมๆ ของสายผูกเอวออก

“ชุดวันเกิด ตอนอุเเง้ออกมา”

พรึกอยากตีให้ตาย เพราะเมื่อปมที่ผูกไว้หลุด สาบเสื้อก็เเบะออก น้องประคองมันลงไปค้างไว้ที่ไหล่ แล้วที่ระดับสายตาพรึกก็...ไม่มีอะไรปกปิดเลย น้องไม่ใส่อะไรเลยใต้ชุดคลุมชุดนั้น

พรึกตบเตียงเบาๆ เป็นสัญญาณให้พลัมเดินเข้ามาหา เมื่อพลัมเดินไปจนใกล้ ร่างสูงที่นั่งห้อยขาก็อ้าออกให้กว้างกว่าเดิมเพื่อใช้กักตัวน้องไว้

ถ้าตาพลัมสวยระยิบระยับเหมือนดาว ตาคุณพรึกคุณพรึกตอนนี้ก็ร้อนไม่ต่างจากไฟ เด็กชั่วโมงบินต่ำเริ่มต้องก้มหน้าหาจุดโฟกัสใหม่ที่ไม่ใช่หน้าคมๆ ล้อมกรอบด้วยผมยุ่งๆ ช่วยให้ดูอ่อนวัยลงกว่าเดิม พรึกใช้ปลายนิ้วคีบเอาสายผูกเสื้อคลุมอาบน้ำหลุดติดมือมา แล้วจับเข้าตรงช่วงเอวให้น้องหันหลัง ดึงข้อมือน้องมาวางชิ้ดติดกันก่อนจะผูกมันด้วยผ้านุ่มๆ

“คุณพรึก”

“นั่งตักคุณพรึกสิคะ”

พลัมเม้มปากด้วความประหม่า แต่มือใหญ่ก็รั้งเอวเขาไม่เบาเลย สะโพกอ่อนนุ่มสัมผัสได้ พลัมสัมผัสได้ว่าใต้กางเกงขาสั้นมีอะไรบางอย่างกำลังดุนดันขึ้นมา

พรึกหุบขาตัวเองเข้ามา เพื่อดันต้นขาด้านในของพลัมให้เเบะออก เเล้วอินทีเรียนิสัยไม่ดีก็อุตส่าห์ติดตั้งบานกระจกไว้ข้างเตียง ตรงจุดที่พลัมมองงเห็นน้องน้อยของตัวเองกำลังต่อต้านเเรงโน้มถ่วง ผิวขาวเเดงก่ำไปหมดแล้ว พรึกกำลังขบกัดหลังคอเเละช่วงหัวไหล่อย่างเอร็ดอร่อย

“บดหน่อยสิคะเด็กขี้อ่อย บดให้คุณพรึกรู้สึก” พลัมหน้ายู่ น้ำตาซึม ทั้งโกรธทั้งอายที่คุณพรึกชอบทำให้เขารู้สึกเป็นเด็กไม่ดีขึ้นไปทุกที แล้วนั่งอยู่แบบนี้สะโพกจะขยับได้ยังไง คุณพรึกเเกล้งอ้าขาตัวเองให้กว้างขึ้น เท่ากับส่วนที่ต้องปกปิดของพลัมก็เปิดเผยต่อหน้ากระจกมากขึ้น เราสบตากันผ่านภาพสะท้อน คุณพรึกดูดุดันเเละขี้เเกล้ง เหมือนจะเขมือบพลัมไปได้ทั้งตัวเเล้วด้วยซ้ำ

ไม่ได้ พลัมต้องสู้ จะให้คุณพรึกรังเเกฝ่ายเดียวคงไม่ไหว สะโพกกลมเริ่มบด กดลงไปแน่นๆ เน้นๆ จนได้ยินเสียงครางลึกในลำคอ หน้าน้องฮึดจนพรึกเอ็นดู เมื่อบดจนได้ที่ก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้น คุณพรึกตาวาวรั้งมือที่ถูกผูกไว้ไม่ให้ไปไหน ก่อนจะรีบรูดซิปและชั้นในของตัวเองออกโดยเร็ว พลัมตาโต สัตว์ปะหลาดที่ตัวเองนั่งทับอยู่เมื่อสักครู่ เมื่อโดนปลดปล่อยออกมากลับดูดุดันกว่าเมื่อกี้มาก คุณพรึกสวมถุงยางและชะโลมเจลหล่อลื่นด้วยความเร็วเเสง

พลัมทำท่าจะหนีแต่ไม่ทัน อีกฝ่ายลุกขึ้นเต็มความสูงเเล้วเดินเข้ามาประกบด้านหลัง จนตัวพลัมแนบชิดไปกับกระจก สอดใส่เข้ามาแล้วยกสะโพกขึ้นดุนดันให้ใบหน้าหวานต้องบิดเบี้ยวด้วยความทรมาณ พรึกเคลื่อนสะโพกเนิบๆ พลัมครางเสียงหวาน

“คุณพรึกว่าเราไปดูวิวกันดีกว่าค่ะ”

แล้วก็บังคับน้องเดินไปทั้งที่ร่างกายเรายังติดกัน ข้อมือน้อยโดนรั้งไว้ เมื่อทั้งสองร่างเปลือยเปล่ามาหยุดหน้าประตูกระจกบานใหญ่ ปราการสุดท้ายก่อนเป็นสระว่ายน้ำเเละเวิ้งทะเลกว้าง

พรึกเริ่มขยับสะโพกอีกครั้ง พลัมขาสั่น จิกเท้าเเน่นกับพื้นเพื่อรองรับเเรงดันจากด้านหลัง จังหวะที่พรึกถอนออกพลัมก็ดันสะโพกกลับไปบดเบียด เข้าทำนองขึ้นให้สุดแล้วลงให้มิดจริงๆ

“คุณพรึก ฮื่อ...คุณพรึกน้องจะไม่ไหว”

เสียงอ้อนเบาๆ ในลำคอยิ่งอยากให้พรึกรังเเกแรงขึ้น พลัมหวีดร้องเเรงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนด้านหน้าเกร็งจัด

พรึกหัวเราะเบาๆ ที่ลำคอ ได้รังเเกเจ้าเด็กขี้อ่อยให้หลาบจำบ้างแล้วอดรู้สึกดีไม่ได้ พรึกขยับสะโพกช่วงสุดท้ายรุนเเรง น้องพยายามจะเอามือไปจัดการปลดปล่อยธารอารมณ์ของตัวเอง แต่พรึกกลับรั้งฝ่ามือเอาไว้

“ไม่จับค่ะ”

ร่างสูงย่อตัวลงแล้วงัดมอนสเตอร์ของตัวเองเข้าไปในก้นนุ่มๆ ของน้อง มันน่าจะลึกมาก เพราะรั้งเอาทั้งตัวพลัมให้ลอยขึ้นจนฝ่าเท้าแทบไม่ติดพื้นเลย

พลัมถึงจุดหมายปลายทางอย่างรุนเเรง พิสูจน์ได้จากหลักฐานที่ทิ้งรอยอยู่บนกระจก น้องทรุดเพราะเเข้งขาอ่อนเเรงและเขินอายเกินกว่าจะสู้ธรรมชาตินอกกระจกได้

พรึกรั้งเอวน้องไว้ กดจูบเเรงๆ ไม่ที่หลังคอชื้นเหงื่อที่กระตุ้นให้เขารู้สึกว่าเท่าไหร่ก็ไม่พอ เเม้จะเเน่นเนื้อ เเต่พรึกก็สู้ สู้จนทำให้เนื้ออุ่นๆ ของน้องขยายตัวรองรับอีกครั้ง พรึกหลับตารับความรู้สึกอิ่มเอมนั้น

อ่าห์ ...พลัม...หนูพลัมของคุณพรึก

“คุณพรึก..”

“คุณพรึก!!”

“หือ…”

“ให้พลัมช่วยมั้ยครับ” พรึกมองตามสายตาน้องเเล้วต้องเเก้มร้อนฉ่า ไอ้เหี้ยเบล!! มึงมันชั่วปลูกฝังจินตนาการกูจนต้องคิดบาปกับน้องแล้วช่วยตัวเองหรือว่ะ

พลัมพึ่งออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็เเต่งตัวมิดชิดมากด้วย

ร่างสูงโดดลงจากเตียงโดยไวเพื่อไปห้องน้ำ มอนสเตอร์ยักษ์ยังคามืออยู่เลย พลัมมองตามเเล้วเอียงคอ ถ้าอยากก็บอกกันสักคำก็ได้นี่นา จะทนทรมานอยู่ทำไมกัน สงสัยคืนนี้เขาต้องคุยกับคุณพรึกจริงๆ จังๆ เรื่องนี้เเล้วล่ะ





TBC 

สาระของตอนนี้จริงๆ มีนะคะ เเต่พอคุณพรึกมะโนปุ๊บ ตอนมันเลยยาวปั๊บ สาระตกไปอยู่ตอนหน้าเลยค่ะ เเง้ 

เอ็นดูคุณหมีกาก เดี๋ยวนี้มโนไกล จนอดสงสารน้องพลัมไม่ได้ 

ขอบคุณคอมเม้น และ #ทฤษฎีอ่อยเธอ นะคะ พูดคุยกันได้เสมอ จุ๊บ 




หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 30-11-2018 16:58:43
Chapter 10



พลัมออกไปนั่งมองวิวทะเลที่ชิงช้าริมสระว่ายน้ำส่วนตัว เขารอคุณพรึกที่หายเข้าไปในห้องน้ำทั้งที่มือถือพี่มอนสเตอร์ตัวใหญ่เข้าไปด้วย

พอนั่งให้ก้นลึกลงไปในตัวชิงช้า ขาพลัมก็ลอยเหนือพื้น เขาเตะอากาศไปมา ขณะสายตาจับจ้องดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มทั่วทั้งผืนเเล้ว คุณพรึกก็ยังไม่ออกมา

อยากดูพระอาทิตย์ตกกับคุณพรึกจัง

พลัมด่ำดิ่งไปกับความงามที่มาพร้อมความเหงาของช่วงที่ดวงตะวันลับขอบฟ้า แต่เพียงไม่นานก็ต้องงสะดุ้ง เพราะไฟระเบียงสีขาวนวลถูกเปิดพรึบ พลัมหันกลับไปมอง ที่หลังประตูกระจกคุณพรึกยืนเกาะอยู่ เเละดูจากเสื้อผ้าคงอาบน้ำรอบเย็นเสร็จเรียบร้อยเเล้ว เด็กน้อยกวักมือเรียกพรึกมานั่งข้างๆ

แต่พลัมไม่เห็นหรอกว่าคุณพรึกเเก้มเเดงขนาดไหน

ใบหน้าเรียบขรึมคีพลุคจนตะคริวขึ้นไปหนึ่งซีก พลัมเบ้ปากที่คุณพรึกขัดใจไม่ยอมมาตามคำเรียก จะใช้สองมือเท้าจับข้างชิงช้า เพื่อยันตัวลุกขึ้น

“คุณพรึกโกรธอะไรน้อง” เสียงอ่อนๆ อ้อนถาม เล่นเอาคนที่ทำผิดทั้งทางร่างกายและจิตใจหน้าเสีย รีบเปิดประตูถลันออกมาหา

“คุณพรึกไม่ได้โกรธหนู คุณพรึกโกรธตัวเอง” น้ำเสียงหงอๆ เหมือนหมีขาวตัวโตๆ โดนดุในการ์ตูนทำให้พลัมคลี่ยิ้มกว้าง เด็กน้อยโผเข้าดึงต้นเเขนที่แน่นเเข็งด้วยกล้ามเนื้อ ให้มานั่งบนชิงช้าด้วยกัน แล้วจัดการวางก้นตัวเองลงข้างกายคุณพรึก

หงอเสียจนอยากลูบหัวโอ๋คุณเขาเบาๆ

“คุณพรึก...นี่พลัมพูดจริงๆ นะ พลัมโตเเล้ว และคุณพรึกก็โตเเล้ว เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ เเละพลัมรู้ว่าเราทั้งคู่มีความอยากจะ...นั่นเเหละ เพราะฉะนั้นคุณพรึกให้พลัมช่วยได้นะ พลัมเป็นเเฟนคุณพรึกนะ เห็นคุณพรึกช่วยตัวเองทั้งที่พลัมอยู่ในห้อง น้องก็น้อยใจเป็นเด้อ”

ร่างสูงผ่อนลมหายใจ เขากลัวน้องน้อยใจอีก จึงยกเเขนวางพาดไหล่พลัมเเล้วดึงให้ศีรษะซบลงมาตรงอกกว้าง

มันทำให้พลัมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระทึกราวกับมีม้าย่ำกุบกับอยู่ภายใน

“พลัมฟังคุณพรึกนะ”

“ฟังอยู่ครับ”

น้องพยักหน้าหงึก เนื้อเเนบเนื้อใจมันก็จะระส่ำระส่ายหน่อยๆ

“จนกว่าพลัมจะเรียนจบ คุณพรึกจะไม่ล่วงเกินหนู”

พลัมรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ขอยาดมให้พลัมหน่อย

“หมายความว่ายังไงครับ!?”

“รอให้โตพอที่จะตัดสินใจได้ว่า สิ่งที่ทำลงไปนั้นเต็มใจจริงๆ ไม่ใช่เป็นเเค่การอยากรู้อยากลอง”

“หมดกันวัยเจริญพันธ์ุของพลัม”

ฟังน้องงอแงเเบบนั้นเเล้วถึงขั้นอยากบีบเเก้มให้เขียว

“ตอนสมัยอายุเท่าพลัม คุณพรึกเคยลองผิดลองถูกจนทำให้มันยังมีความผิดติดอยู่ในใจคุณพรึกมาจนถึงทุกวันนี้ คุณพรึกไม่อยากให้มันเกิดซ้ำกับพลัม เพราะบางอย่างที่มันเกิดขึ้นเเล้วเราไม่สามารถย้อนอดีตกลับไปแก้ไขได้อีก เราจำเป็นต้องยอมรับผลจากกากระทำของเรา และอยู่กับมันไปเรื่อยๆ”

“คุณพรึกพูดอะไรยากจัง”

ร่างสูงยิ้ม ก้มลงไปใช้จมูกหอมหัวอีกฝ่ายเบาๆ

“ไม่มีอะไรยากเลยค่ะ วิธีการปฏิบัติตัวของหนูคือห้ามเลิกกับคุณพรึก เเค่นั้นเอง” คนโตกว่าว่า

“คุณพรึกร้ายกาจที่สุด!!” พลัมอดฟาดมือที่กำเป็นก้อนกลมลงไปบนอกอีกฝ่ายไม่ได้

“คุณพรึกจริงจังกับหนูนะ อยากอยู่ไปด้วยกันนานๆ ...”

“...เพราะฉะนั้นคุณพรึกอยากให้พลัมมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา มันผ่านการไตร่ตรองที่ดีมาเเล้ว”

พลัมเลิกทุบคุณพรึก

คำว่าจริงจัง คำว่าอยากอยู่ด้วยกันไปนานๆ มันทำให้พลัมอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ

พลัมกอดรอบเอวอีกฝ่ายแน่น ตากลมปิดสนิท แล้วใช้หูฟังเสียงหัวใจ ราวกับจะซึบซับห้วงเวลานี้ไว้ให้ดีที่สุด ไม่มีใครรู้หรอกว่าในดวงตาคู่กลมเคลือบน้ำตาไว้กี่หยด

ตอนเกิด - เเม่เสีย

อายุ 12 - พี่สาวจากไป

อายุ 15 - พ่อไปอยู่กับเเม่เเละพี่สาว

5 ปีที่พลัมชื่นชอบการอยู่คนเดียว...วันนี้คุณพรึกทำให้มันเปลี่ยนไป

กอด...พลัมอยากกอดคุณพรึก กอดแบบนี้ กอดทุกวัน ไปเรื่อยๆ เลยได้มั้ยนะ

พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่พลัมยังกอดคุณพรึกเเน่น





“ไปทานข้าวกันครับ คุณพรึกจองโต๊ะริมทะเลไว้ให้หนูแล้ว เค้กที่หนูอยากกินคุณพรึกก็สั่งโรงเเรมให้ทำไว้ให้เเล้ว”

“คุณพรึก...สัญญานะว่าจะอยู่กับพลัมไปนานนาน”

“จะอยู่จนกว่า พลัมจะเบื่อหน้าคนเเก่เลยครับ”

“อื้อ”

ใบหน้าเเดงนิดๆ เพราะต้องกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ ผละออกจากอกอีกฝ่าย พลัมอมยิ้มจนเเก้มตุ่ย พรึกทำเป็นไม่เห็นว่าที่อกเสื้อตัวเองมีคราบน้ำตา และที่หางตากลมนั้นก็ยังชื้นอยู่ ถ้าน้องไม่อยากให้เขารู้ว่าร้องไห้เขาก็จะไม่รู้ แต่ถ้าน้องอยากให้โอ๋ เขาก็มีอ้อมกอดอบอุ่นให้เสมอ

ร่างเล็กยืนขึ้นเต็มความสูง แล้วหันมาจูงมือคุณพรึก เดินตัดกลับไปในห้องเพื่อจะออกไปสู่ทางเดินด้านนอก ที่จะพาลัดเลาะผ่านล็อบบี้ แล้วต้องนั่งรถรางลงไปส่งที่ริมหาดอีกที

เมื่อลงจากรถลาง พนักงานต้อนรับของส่วนร้านอาหารก็เดินมาต้อนรับ เเละนำทั้งคู่ไปยังโต๊ะส่วนตัวที่เป็นโต๊ะไม่สีขาว จุดเทียนใส่ครอบเเก้วตรงกลาง มันวางเเยกออกไปอยู่กลางชายหาด เเล้วพลัมพึ่งเห็นว่าบนพื้นทราย ถูกวาดเป็นรูปหัวใจไว้ล้อมรอบโต๊ะ

“คุณพรึกก็เเอบเสี่ยวเหมือนกันนะครับ” พลัมกระซิบ

“ถ้าคนอายุเท่าฉันมาเห็นจะบอกว่าโรเเมนติค” ผู้ใหญ่ที่ต้ังใจทำให้อยากจะเม้มปากร้ายๆ นั่นนัก

พลัมอมยิ้ม แล้วเอาเเก้มแนบต้นเเขนหนาอย่างช่างอ้อน

“คุณหมีของพลัมน่ารักที่ฉุดดดด”

“ค่ะ” พรึกรับคำด้วยวิธีการพูดที่ยังคงทำให้พลัมเขินได้ตลอดเวลา

“คุณพรึกถ่ายรูปให้หน่อย เอาให้เห็นหัวใจบนทรายด้วยนะ” พลัมยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้ร่างสูง แล้ววิ่งดึ๋งดั๋งกระโดดข้ามเส้นหัวใจเข้าไปอยู่หน้าโต๊ะ พรึกต้องเขย่งถ่ายมุมสูงให้ ถ่ายอยู่หลายรูปเจ้าเด็กน้อยก็กวักมือให้คนโตกว่าเดินเข้าไปหา

พรึกต้องข้ามหัวใจที่วาดไว้บนทรายเข้าไปด้วยเพราะพลัมอยากให้มันอยู่นานที่สุด

ทั้งคู่นั่งลงตรงข้ามกัน บริกรนำเมนูอาหารเเละลิสต์ไวน์มาให้ พรึกสั่งเปิดไวน์ขาว เพราะอาหารที่พลัมสั่งเป็นอาหารทะเลทั้งหมด

มื้อเรียบง่าย ที่มีเพลงหวานๆ เคล้าเสียงคลื่นดำเนินไปเรื่อยๆ พลัมไม่ได้เขินอายเหมือนสาวๆ ที่พึ่งโดนจีบแล้วหนุ่มหล่อพามาพลอดรักท่ามกลางบรรยากาศโรเเมนติก เเต่เขากำลังซึมซับความอบอุ่นจากสายตาคุณพรึก มันนานมากเเล้วที่เขาไม่ได้ฉลองวันเกิดกับคนที่รู้สึกยินดีกับการเกิดมามีตัวตนบนโลกของเขาจริงๆ

หลายวันเกิดที่พลัมคิดว่าไม่สำคัญ เเต่พอได้มานั่งต่อหน้าคุณพรึกตอนนี้ พลัมสัมผัสได้ว่าคุณพรึกให้ความสำคัญกับการเกิดมาของพลัมจริงๆ

ทำยังไงดีตกหลุมรักแฟนตัวเองมากขึ้นทุกวัน

มื้ออาหารจบลง พอพลัมรวบช้อนพนักงานก็เข้ามาเก็บจาน เเล้วน้ำเค้กที่พลัมบอกคุณพรึกไว้ว่าขอเป็นชีสเค้กหน้าผลไม้รวม เพราะอยากกินองุ่นเขียวลูกโตๆ กี่วี่ สตอร์เบอร์รี่ ส้ม คุณพรึกก็เนรมิตให้ตามคำขอ โดยโทรมาสั่งโรงเเรมไว้

เค้กขนาดสองปอนด์วางลงตรงหน้าคนทั้งคู่ เเล้วคุณพรึกก็ปักเทียนเลข 21 ลงไป แล้วบริกรก็จุดไฟให้

“ถ่ายรูปพลัมหน่อย” เสียงใสโวยวายทันที เพราะลมทะเลที่เเรงมาก พัดเปลวไฟจนโย้เย้น่ากลัวจะดับ

คุณพรึกกดถ่ายให้รัวๆ แล้วพลัมก็วิ่งไปนั่งตักคุณพรึกยกเค้กมาถือไว้ ให้คนเเก่กดเซลฟี่ให้ ทำอะไรปรู๊ดปร๊าด จนพรึกหัวหมุนไปหมด

น้องมัวเเต่ถ่ายรูปจนเทียนไม่เหลือเค้าตัวเลขเดิมเเล้ว พลัมจึงยอมหลับตาลงอธิฐาน แล้วเป่าลมออกไปเบาๆ ปากเล็กๆ เม้มเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้ม ดวงตากลมๆ เป็นประกายดวงดาวสดใส มันเป็นวันเกิดที่ดีของพลัม

ใช่...มันเป็นวันเกิดที่ดี เพราะมีคุณพรึก





ตกดึกน้ำค้างเริ่มเเรง คุณพรึกจึงชวนพลัมกลับห้องพัก เค้กก้อนโตที่ทานไม่หมด พนักงานก็ช่วยนำไปใส่กล่องให้เรียบร้อย พลัมขอบคุณด้วยรอยยิ้มน่ารักเหมือนเดิม น้องหิ้้วถุงเค้กอีกมือกำชายเสื้อคุณพรึกเดินดุ๊กดิ๊กตามไป

“จับมือสิครับ” พรึกหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ น่าฟัง เเล้วคว้าเอาฝ่ามือคนน้องไปสอดประสานเข้าสู่ร่องนิ้วทั้งห้า พลัมเม้มปากกลั้นยิ้ม ที่พลัมไม่ค่อยจับไม่ค่อยเกาะในสถานที่สาธารณะก็เพราะกลัวคุณพรึกจะอาย เเต่ถ้าคุณหมีชอบให้พลัมเเสดงความเป็นเจ้าของก็ได้นะ พลัมจะกอดคุณพรึกเป็นลูกลิงเลยคอยดู

เมื่อมาถึงห้องพลัมโดนไล่ให้เข้าไปอาบน้ำก่อน เเต่น้องก็เหมือนมีอะไรอยากจะอ้อนอีก

“คุณพรึก พลัมต้องรีวิว Bath Bomb คุณพรึกถ่ายรูปให้น้องหน่อยได้มั้ย”

“สินค้าจากเพจน้องอีกแล้วหรอพลัม”

“ครับ”

“มีเบอร์ติดต่อเจ้มั้ย คุณพรึกอยากโทรหาจัง”

“ทำไมละครับ”

“เลิกส่งอะไรปะหลาดๆ มาให้หนูถ่ายสักที”

“งื้อ...คุณพรึกไม่หงุดหงิดซิ” พลัมเดินไปกอดรอบเอว เเล้วซบหน้าลงอ้อน

“ถ้าไม่มีเพจน้อง น้องก็ไม่ได้เจอกับคุณพรึกนะ”

ร่างสูงถอนหายใจ เเล้วยกมือขึ้นมาบีบจมูกเล็กๆ นั้นอย่างมันเขี้ยว

“อ้อนเก่งที่สุดเลยค่ะคนเนี๊ยะ”

“น้องเก่ง” พลัมกระโดดดึ๋งๆ ใส่อีกฝ่าย พรึกลูบผมนุ่มๆ ไปสองที แล้วก็กดจูบลงกลางกระหม่อม

“จะถ่ายยังไง ไหนมีรูป Reference มั้ย”

พลัมพยักหน้า เมื่อยื่นมือถือให้พรึกดูรูปที่เซฟมา แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปเตรียมตัวในห้องน้ำ กลัวคุณพรึกจะเปลี่ยนใจ

ร่างสูงกุมขมับ สั่งปิดเพจน้องต้องโทรหาใครบอกที!!

อาจารย์หนุ่มเดินเข้าไปในห้องน้ำที่กรุ่นกลิ่นวานิลลา หลังม่านกั้นมีอ่างอาบน้ำทรงวินเทจวางตั้งอยู่ ฟองสบู่ฟูฟ่องเหมือนปุยสำลีถูกตีจนปกคลุมไปทั่ว เผยให้เห็นเพียงช่วงไหล่กลมกลึงและใบหน้าน่ารักของพลัมเท่านั้นที่โผล่ออกมา

“คุณพรึก” พลัมยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมกล้องมิลเลอร์เลสของตัวเอง พรึกทำท่าจะลั่นชัตเตอร์ พลัมจึงรีบโพสด้วยการยืนพรวดขึ้นมาเล่นเอาน้ำกระฉอกและฟองสบู่ปลิวว่อน

ตาเถ๊ร!! พรึกเเทบกรี๊ดออกมาเหมือนเบล เพราะไอ้น้องของเขาดันเปลือยเสมือนลงอาบน้ำจริง เด็กน้อยยืนหันหลังหมิ่นๆ เห็นก้นสวยๆ แล้วก้มลงกอบฟองสบู่มาโบ๊ะปิดให้มันไม่เข้าข่ายอนาจาร

คือคนในเว็บอาจไม่เลือดกำเดาไหล เพราะเนื้อตัวพลัมคงไม่ได้โผล่ออกมามาก เเต่เขาผู็ซึ่งเป็นคนถ่าย หัวใจจะวายตายอยู่เเล้ว

ขาวสว่างไปหมดเลยครับสังคม!!

“คุณพรึกพลัมจะโพสเเล้วนะ พร้อมมั้ย”

น้องเเอ่นก้นขึ้นอีกหน่อย พรึกถึงกับหายใจฟืดฟาด เขาเชื่อเเล้วที่มีเสี่ยตายคาอกอีหนู ระหว่างเบิร์นกันบนเตียงนั่นมีอยู่จริง เพราะเเค่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเจ้าเด็กขี้อ่อยนี้หัวใจยังเต้นเร็วกว่าที่ทางการเเพทย์แนะนำไปมาก

พลัมวาดขาเรียวสวยลงมาจากอ่างอาบน้ำ ขอบคุณฟอง Bath Bomb จากเพจน้องที่มันเกาะเเน่นติดหนึบรอบสะโพกและปิดจุ๊ดจู๋น้องมาด้วย ไม่งั้นพรึกคงเป็นลม น้องเดินมาที่ม่านพลาสติกสีขุ่นเเล้วเกาะมันไว้เบาๆ ก่อนจะหันด้านข้างโพสให้เห็น S Line เเบบไม่ปราณีคนวัยสามสิบกว่าเลย

“ฮึบไว้นะครับคุณพรึก”

พลัมเอ่ยอย่างเป็นห่วง เพราะเห็นอยู่ว่าหน้าคมๆ นั้นบัดเดี๋ยวซีดบัดเดี๋ยวแดงสลับกันเหมือนจะจับไข้

พรึกกดถ่ายให้ในเฟรมมีเพียงช่วงหัวไหล่ยาวมาถึงต้นขา ร่างขาวราวน้ำนมจากฟาร์มชั้นดี เนียนกลืนไปกับฟองสีเดียวกัน มันดูทั้งเย้ายวนเเละน่าถนอม

“คุณพรึกว่าพอแล้วมั้ง”

“ขอดูรูปหน่อย”

พลัมผละจากม่านกั้นมาหาร่างสูง พรึกผละจะถอยเท้าหนีเเต่พลัมก็กระโจนเข้ากอดหนึบ จนฟองไปเลอะเปรอะเสื้อที่อีกฝ่ายใส่หมดเลย

“อุ้ย น้องว่าต้องอาบน้ำแล้วมั้งคุณพรึก เสื้อเลอะหมดเเล้ว”

พรึกฮึ่มฮั่มในลำคอ มันซนเก่งเเบบนี้ อ่อยเกินเบอร์จะยั้งใจไปมาก

“พลัมครับ ไหนจะดูรูป”

“ไว้ก่อนก็ได้ครับ” น้องไม่สนใจกล้องถ่ายรูปแล้ว เเต่กลับจดจ่อกับการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของคุณพรึกแทน แผงอกกว้าง และลอนซิกแพ็คถูกพาออกมาทักทาย พลัมรั้งเสื้อที่เปียงชื้อออกจากตัวคุณพรึก เมื่อสำเร็จไปหนึ่งอย่างก็วุ่นวายกับการถอดกางเกงขาสั้นให้อีกฝ่าย เหลือเพียงกางเกงในขอบสกรีนเเบรนด์ฝรั่งชื่อดัง ที่ขับเน้นวีคัทให้รู้สึกเซ็กซี่หน้ามอง ก้อนมอนสเตอร์ยังคงหลับไหลอยู่ในที่ของมัน พลัมมือสั่นระริกเมื่อสัมผัสลงไปเบาๆ

“ซนจังเลยเด็กคนนี้” พรึกดุ พลัมยิ้มทะเล้นแล้วเเย่งกล้องที่อีกฝ่ายยังถือค้างอยู่ในมือ เเล้วเอาไปวางไว้ในส่วนที่ไกลความเปียกชื้น ก่อนจะกดรีโมทปิดไฟสีขาวสว่าง แล้วเปิดเทียนจำลองที่วางไว้รอบอ่างอาบน้ำขึ้นเเทน

บรรยากาศสลัวปนสีเหลืองจากเปลวไฟวับเเวบเเผ่กระจายไปทั่วห้อง ตัวบางๆ ขาวๆ เดินนวยนาดมาหาพรึก จนร่างสูงได้เเต่ส่ายหน้า

“นี่อ่อยคุณพรึก?”

พลัมไม่ตอบเเต่วาดสองเเขนโอบรอบคอแล้วกระโดดขึ้นยกขาเกี่ยวเอวคุณพรึกไว้ ร่างกายอีกฝ่ายเเข็งเเรง จึงทำให้รองรับน้ำหนักตัวบางๆ แบบพลัมได้สบาย พรึกประคองใต้สะโพกน้องไว้แล้วบีบเบาๆ อย่างมันเขี้ยว

พลัมบดเม้มริมฝีปากร่างคุณพรึกเบาๆ พรึกยอมให้น้องนำไปก่อน รสจูบเเสนหวาน ค่อยๆ ทวีความร้อนเเรงขึ้น พรึกใช้มือที่ว่างเปิดเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ ขับกล่อมบรรยากาศให้โรเเมนติก

เขาหลงใหลความหอมหวานในตัวพลัม พอๆ กับความนิ่มนวลที่เบียดชิดไปเสียทุกสัดส่วน ขนาดตัวน้องลอยอยู่ในอากาศ ยังบดเบียดสะโพกลงมาอย่างไม่ปราณีคนที่อุ้มอยู่สักนิด

เด็กน้อยของเขาชักจะเกเรเกินไปเเล้ว พรึกอุ้มพลัมไปล้างตัวใต้ Rain Shower พอไม่มีคุณฟองสบู่ น้องก็ตัวเปลือยเปล่าเป็นสีชมพูน่ารักไปหมด พรึกนึกอยากกินน้องอย่างตะกรุมตะกรามให้สมกับความเเสนซนของไอ้ตัวจิ๋ว

แต่พรึกก็กลัวน้องเจ็บ เขาจับพลัมหันหลัง เเล้วเตรียมความพร้อมให้น้องก่อน

น้องเด้งๆ ก้นสู้มือคุณพรึกที่สอดใส่เข้าไปคลายช่องทางความคับเเน่น เห็นความก๋ากั่นไม่กลัวเจ็บนั้นเเล้วอยากจะตีให้ขึ้นรอยเเดงช้ำไปหมดทั้งตัว

“เร็วๆ ซี่ น้องทนไม่ไหวเเล้วนะ”

สงสัยพรึกต้องรูดก้านมะยมมาเก็บไว้มั้งเเล้ว จะตีให้หายเก่งสักที

คนตัวสูงถอดกางเกงในที่เปียกจนเเทบโอบอุ้มมอนสเตอร์ยักษ์เอาไว้ไม่อยู่ และพอไร้ปราการกั้น เจ้าตัวร้ายก็พร้อมพ่นไฟทันที พรึกสวมเครื่องป้องกัน ก่อนจะนำมันไปถูไถกับก้นเด้งๆ เหมือนก้อนหมูปั้นในก๋วยเตี๋ยว

พลัมส่ายสะโพกรับ แถมยังถอยตัวรุกพรึกจนร่างสูงชิดไปกับอีกมุมผนัง

เเถมน้องยังเอื้อมมือมาด้านหลังเเล้วค่อยเชิญชวนคุณมอนสเตอร์ให้ไปดุร้ายในดินเเดนมหัศจรรย์ จังหวะการเคลื่อนตัวเข้าเชื่องช้า พลัมกัดปากจนพรึกนึกสงสาร ต้องรีบเอานิ้วเข้าไปในเเนวฟันให้อีกฝ่ายขบกัดเเทน พลัมดูดนิ้วพรึกอย่างเผ็ดร้อน เพื่อคลายอาการที่จุกแน่นอยู่ด้านหลัง เเละเมื่อใจสั่งว่าไหว ก้นเเน่นๆ ก็เริ่มขยับ พรึกต้องส่ายหัว เก่งนักตัวเเค่นี้

ทั้งในส่วนเปียก ขอบอ่างอาบหน้า เคาเตอร์ล้างหน้า สุดท้ายไปจบที่ม่านก้ัน พลัมกำผ้าพลาสติกแน่นจนมันแทบถูกกระชากขาดคามือ เพราะช่วงสุดท้ายที่มอนสเตอร์ดุน้องนั้น มันรุนแรงจนแทบจะขาดใจ

“คุณพรึก ถ่ายพลัมใหม่หน่อย”

“คุณพรึกครับ พลัมว่าฟองมันปิดเยอะไป พลัมจะเอาออกอีกนิดแล้วคุณพรึกถ่ายให้หน่อยนะ”

“คุณพรึก!!!! ฟังน้องอยู่รึเปล่าเนี่ย?”

“คะ!?”

พรึกกระพริบตาปริบ ม่านยังอยู่ดี พลัมยังไม่กระชากขาด แต่ตอนนี้หน้าน้องมุ่ยมาก มู่ทู่จนจมูกกับปากจะรวมเป็นเนื้อเดียวกัน

ร่างสูงยิ้มเขิน เกาหัวเเกรกกราก อีกแล้วหนอตัวกู

“คุณพรึกว่าถ่ายเเค่นี้พอเถอะค่ะ ถ้าโป๊กว่านี้คุณพรึกจะหึงหนูแล้วนะ”

พลัมยังคงหน้ามู่ พรึกเลยก้มไปจุ๊บปากเเดงๆ นั่นหนึ่งที

"ไปล้างตัวเร็ว คุณพรึกจะได้อาบบ้าง เเล้วเราจะได้เข้านอนกัน”

“งั้นคุณพรึกก็อาบพร้อมหนูสิ”

หืม~ พลัมเดี๋ยวก็เจอ Big Snake ในอ่างอาบน้ำหรอกลูก (ตอนนี้ Mini Snake ก็อยากออกมาผงาดจะเเย่แล้ว)

“ไม่งอเเงค่ะ ไปอาบน้ำเร็ว คุณพรึกไปโหลดรูปให้พลางๆ”

พลัมกอดอก แม้จะไม่ค่อยได้ดั่งใจนัก แต่ก็จำได้ดีที่พรึกประกาศกร้าวว่าจะไม่ล่วงเกินเขาขณะที่ยังเรียนไม่จบ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ดี และเหมือนสัญญาใจที่พรึกให้ไว้ว่าจะดูเเลเเละทะนุถนอมเขาอย่างดี

คิดได้แบบนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วบอกความในใจออกไป

“หนูรักคุณพรึกนะ คุณพรึกคนดีของหนู”

พรึกพยักหน้ารับ ด้วยรอยยิ้มราวเทวดาเช่นกัน ช่างเป็นความรักที่บริสุทธิ์จนมีรัศมีสีขาวส่องประกาบล้อมรอบ ไร้ซึ่งความใคร่มากร้ำกรายให้ด่างพร้อยจริงๆ

ร่างสูงโบกมือลาน้อง แล้วเดินออกไปนั่งรออย่างเรียบร้อยด้านนอก ไม่มีความคิดจะเเต๊ะอั๋งหรือ่วงเกินน้องเหมือนผู้ชายคนอื่นจริงๆ สาบาน

…เฮ้อ...

แต่พอน้องเข้าห้องน้ำนี่ผมต้องออกไปช่วยตัวเองอย่างไว อุเเง้





หลังผ่านนาทีชีวิตมาได้ พรึกก็กลับมานั่งรอคูลๆ ที่ Day Bed ในห้อง หยิบหนังสือความรู้เรื่องหุ้นที่เป็นภาษาอังกฤษมาอ่าน ให้สมกับภาพลักษณ์คนดีของตัวเอง หนูพลัมเดินตัวหอมออกมา น้องใส่เสื้อยืดสีขาวย้วยๆ กับกางเกงผ้ายืดขาสั้นตัวละ 39 บาทที่ขายทั่วไปตามตลาดนัด เจ้าของร้านน่าจะมีงบประมาณค่าตัดไม่มาก มันถึงได้ส้นเสมอรอยต่อระหว่างก้นกับขาอ่อนๆ ของน้องพอดี หนูพลัมมีผ้าเช็ดผมโปะมาบนหัว กำลังขยี้ไปมาอย่างน่ารัก คุณพรึกกวักมือเรียกเพื่อจะเช็ดให้ ให้สมกับเป็นพระเอกนิยายโรเเมนติก แต่น้องส่ายหน้าขวับขวับ

“คุณพรึกไปอาบน้ำเร็ว น้องอยากกอดคุณพรึกนอนเเล้ว”

ใจบาง~ บางกว่ากระดาษเอสี่เเล้วครับน้อง ร่างสูงทำตามคำขอของเด็กน้อย หายลับเขาไปหลังประตูห้องน้ำ พลัมใช้ไดร์เป่าผมจนเเห้ง แล้วค่อยเริ่มทาโลชั่นตามตัว ส่วนสุดท้ายคือก้นเนียนๆ เขาเทครีมหอยทากใส่ฝ่ามือสองข้าง เเหวกกางเกงเเล้วละเลงลงไปอย่างเคยชิน

กรี๊ด พ่อเเก้วเเม่เเก้วช่วย!!!

พรึกเเหกปากอย่างเสียจริตในใจ เขาเดินออกมาเห็นภาพสะท้อนในกระจก เป็นก้อนกลมๆ สองก้อนกำลังเบียดเสียดกันอย่างน่าหมับ

พลัมเห็นคุณพรึกออกมาเเล้วก็ยิ้มตาหยี โดดดึ๋งเข้ามาหา ชายกางเกงน้องเเล่บอยู่ข้างหนึ่งจนพรึกต้องเอื้อมไปคีบผ้าบางๆ นั้นลงมาปิดให้

“ทำอะไรครับเมื่อกี้”

“น้องพลัมทาครีม ก้นจะได้นุ่มๆ เด้งๆ” เด็กน้อยอวดอย่างน่ารัก ไม่ได้สนใจความบาปในตัวพี่เลยครับ

“จะนุ่ม จะเด้งไปทำไมครับ”

“ตอนคุณพรึกบีบ จะได้เต็มไม้เต็มมือ”

“ลองดูสิครับ” พลัมคว้าเอาฝ่ามือคุณพรึกไปวางแหมะที่ก้นตัวเอง เเล้วใช้มือบังคับให้นวดเค้นไปมา

“ลองหมับหมับ ดูสิครับว่านุ่มแบบนี้กำลังดีหรือยัง”

พรึกจะเป็นลม ใครก็ได้ช่วยพรึกที

เจ้าเด็กน้อยหัวเราะถูกใจ เมื่อเห็นหน้าผู้ชายที่สูงกว่ากำลังปะหลาดชอบกล พลัมกัดปากล่างเเล้วยอมปล่อยมือคุณหมีที่ทำหน้าเหมือนกินยาขม

“ไม่ชอบก้นน้องหรอ” พลัมยังถามเย้า

“คุณพรึกจะชอบแน่ๆ ครับแต่ไม่ใช่ตอนนี้” พรึกอยากจะต่อประโยคไปว่าถึงตอนนั้นหนูช้ำทั้งตัวเเน่ จะหมับให้ไม่ฟื้นไปสามวันสามคืนเลยคอยดู แต่เพราะต้องคีพลุคคนดีต่อไปเลยยั้งปากไว้ทัน

“ไปนอนก่อนไป เดี๋ยวคุณพรึกเป่าผมเสร็จตามไปนอนกอด”

“คุณพรึก” พลัมชอบจังคำว่าตามไปนอนกอด ฟังแล้วรู้สึกทั้งแก้มร้อนทั้งอบอุ่นในหัวใจ

“พลัมว่า พลัมเป่าผมให้คุณพรึกดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยเข้านอนพร้อมกัน”

“แบบนั้นก็ได้ครับ” คุณพรึกไม่เคยไม่ตามใจน้องอยู่เเล้ว ร่างสูงนั่งลงตรงโต๊ะเครื่องแป้ง พลัมมายืนซ้อนหลังแล้วเปิดไดร์ไปที่ระดับอุ่นๆ และลมไม่เเรงมาก

“คุณพรึกพลัมขออนุญาตจับผมคุณพรึกนะ”

“น่ารัก” พรึกคว้ามือนุ่มๆ ของเด็กน้อมาจุ๊บไปหนึ่งที “ทั้งตัวของคุณพรึกเป็นของหนูทั้งหมดแหละค่ะ อยากจับตรงไหนก็ตามสบายเลย”

“ขอบคุณครับ” พลัมต้องกลั้นยิ้มอีกแล้ว คำพูดและการกระทำของคุณพรึกทำให้พลัมเขินไปหมด พลัมหนีเขินด้วยการจ่อไดร์ไปที่เรือนผมตรงท้ายทอยคุณพรึก จากนั้นก็ใช้มือลูบไล้ไปด้วย เพื่อให้ผมแห้งเท่าเทียมกันทุกเส้น

บรรยากาศหวานๆ อ่อนละมุนมันสร้างได้ง่ายเพียงเเค่นี้เอง พรึกหลับตารับสัมผัสสบายที่เคลื่อนไปมาบนศีรษะ อยากจะโทรไปอวดไอ้เบลใจจะขาดว่า...มึงเอ้ย น้องของกูช่างน่ารักไม่มีใครเกิน อยากให้เพื่อนเบลได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบมีคนรักบ้างจัง

ไม่นานเสียงหึ่งๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้าก็หยุดลง น้องวางไดร์เเหมะลงกับโต๊ะสายยาวระเกะระกะ พรึกอดจะหยิบมาม้วนเก็บให้เรียบร้อยไม่ได้ เมื่อเก็บเสร็จก็ลุกเต็มความสูง เขาสวมเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มเนื้อสบาย ตัวพรึกใหญ่กว่าพลัมเเทบเท่าตัว เห็นแล้วอยากจับน้องเข้าเอวแบบหันหน้าเข้า

หยุดความคิดไว้ก่อนพรึก ร่างสูงดึงผ้านวมออก แล้วปีนขึ้นไปนอนเอนบนหมอนนุ่ม มือใหญ่ตบที่ว่างข้างตัวเป็นสัญญาณให้น้อง พลัมแก้มร้อนท่าทางของคุณพรึกโคตรเซ็กซี่ ถ้าเปลี่ยนเป็นกระดิกนิ้วเรียกตอนเปลือยอก เขาต้องคลานเข่าเป็นเหมียวน้อยไปอ้อนขอกินปลากระป๋องไซส์ยักษ์เเน่ๆ แต่คุณพรึกที่ผมดูยุ่งๆ ตัวอุ่นๆ เป็นหมีแบบนี้พลัมก็ชอบไม่เเพ้กัน เด็กน้อยคลานดุ๊กดิ๊กขึ้นเตียงไปนั่งทับขาอยู่ข้างๆ ตัวคุณพรึก ร่างสูงมองเเล้วก็ขยับปากพูด

“สวดมนต์ก่อนนอนสิคะ จะได้ฝันดี”

พลัมนี่ยกมือขึ้นพนมเลย เเล้วหันตัวเองไปกราบลงกับหมอน ส่วนพรึกสวดอะไรไม่รู้นานเชียว สงสัยเป็นเพราะเคยบวชมาก่อน เลยท่องได้หลายบทกว่าพลัม พรึกเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าน้องนั่งตาเเป๋วรออยู่เเล้ว

พรึกเอนตัวลง แล้วพาดเเขนไปตามเเนวยาวขนานกับหมอน

“นอนลงมาตรงนี้ค่ะ” เสียงนุ่มๆ บอกประกอบการชี้ที่ต้นเเขนล่ำๆ

พลัมใจไม่ดีเลยมัมเบล ถึงจะเคยอ่อยคุณพรึกไว้เยอะ เเต่จะได้นอนอิงแอบเเนบชิดแบบนี้บอกเลยว่าครั้งเเรก พลัมเขิน

“ไม่ง่วงหรอคะ” พรึกถามด้วยความเป็นห่วง

พลัมส่ายหน้า แล้วยอมทิ้งตัวลงนอน กล้ามคุณพรึกแน่นเว่อร์ แข็งจนนอนไม่สบาย เห็นน้องน่ายู่พรึกก็อมยิ้ม

“ขยับหัวขึ้นมาอยู่บนหมอนสิคะ ให้เเขนของคุณพรึกรองใต้คอ หนูจะได้นอนสบาย”

พลัมพยักหน้า ขยับตาม ก็พบว่ามันสบายกว่าจริงๆ หมอนขนเป็ดนุ่มสบาย กับไออุ่นๆ จากตัวคุณพรึก งื้อ ฟินลืม

“น้องกอดคุณพรึกได้มั้ย”

“กอดสิคะ”

“พลัมกลัวคุณพรึกนอนไม่หลับ กลัวคุณพรึกอึดอัด”

มุมปากได้รูปยกขึ้นอย่างเอ็นดู แล้วก็ไปดึงข้อมือน้องให้วาดผ่านอกเขาเสียเอง

“น้องเอาขาก่ายคุณพรึกได้มั้ย”

“ได้ครับ”

พลัมยกฟั่บ วางพาดไปอีกด้าน กอดสบายเหมือนกอดตุ๊กตาพี่หมีที่ห้องเลยเเต่คุณพรึกจะเนื้อเเน่นๆ กว่า แล้วตัวก็อุณหภูมิสูงกว่า

“ดีมั้ย”

“อะไรครับ” พลัมถาม เขาอยู่ใกล้คุณพรึกมากจนลมหายใจชนเเก้มคุณพรึกและสะท้อนกลับมาโดนเเก้มตัวเอง

“กอดคุณพรึกแล้วดีมั้ย”

พลัมพยักหน้ารัวๆ แม้จะเขินไปบ้าง และคิดว่าให้นอนหลับสนิทคงยาก แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ดี

“ถ้าหนูนอนท่านี้ไม่สบาย คุณพรึกมีอีกท่า ที่หนูจะนอนสบายกว่า”

“ท่าไหนหรอครับ”

“หนูตะเเคงไปด้านนู้นสิคะ”

พลัมทำตาม แล้วพรึกก็พลิกตัวมากอดซ้อนหลัง

เอวน้องถูกรั้งไปจนเเผ่นหลังชนกับอกคุณพรึก หลังคอหอมๆ ก็โดนปลายจมูกโด่งของคุณพรึกเสียดสีให้จั๊กจี้เล่น

“อื้อ...” พลัมร้องประท้วงเมื่อโดนอีกฝ่ายกดจูบลงไปที่ข้อต่อกระดูก มันอุ่นวาบไปถึงปลายเท้าแหนะ

“ชอบท่าไหนมากกว่าคะ”

“ชอบท่านี้” พลัมบอกตามจริง เพราะเเบบนี้เหมือนเขาตัวเล็กนิดเดียวเเล้วคุณพรึกกอดจมลงไปในอกเลย

“แล้วคุณพรึกชอบมั้ย คุณพรึกชอบท่าไหน” พลัมถามบ้าง

“คุณพรึกชอบกอดหนู ท่าไหนก็ได้ แค่ได้กอดหนูคุณพรึกชอบหมดค่ะ”

“คุณพรึก หนูละลายเเย้ว~” พลัมบอกเสียงเป็ด เพราะเเง้ เขินจนหมดเรี่ยวหมดแรงไปหมด

“คุณพรึกขอโทษ คุณพรึกไม่เเกล้งหนูเเล้ว ฝันดีนะเด็กดีของคุณพรึก”

“ฝันดีครับคุณพรึก”





TBC 

จะไม่มีคนอ่านจริงๆ หรอ ร้องไห้แล้ว


หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-11-2018 21:04:17
จินตนาการของพี่พรึกช่างล้ำเลิศยิ่ง หลายทีละนะ แต่ตามแผนต้องรออีกหลายปีเลย น้องก็ช่างยั่ว ดุ๊กดิ๊กน่ารักเหลือเกิน รอตอนต่อไปค่ะ ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 30-11-2018 22:01:14
มาอ่านแล้วววว ก็คือคุณพรึกมโนสูงมาก แบบอ่านๆไปจะต้องหยุดคิดว่าตรงนี้คิดหรือเกิดขึ้นจริง ได้ข้อสรุปกะตัวเองมาว่าถ้าเป็นน้องในมโนจะมีความเดียงสามากกว่า!!55
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 30-11-2018 22:27:09
มาอ่าน มาตอบแล้วนะคะ

เป็นกำลังใจให้คร้า
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-11-2018 23:54:09
 :L2: :pig4:

น่ารัก
เราชอบ
ติดตาม
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 01-12-2018 05:10:16
ตอนแรกยังงงๆกับคุณพรึก อันไหนมโน อันไหนเรื่องจริง 5555 คุณพรึกสายซึน ส่วนน้องพลัมก็ขยันทำให้คุณพรึกตบะแตกเหลือเกินน
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-12-2018 08:06:23
 :o8: :o8: :o8: :o8: ฮืออ เขิน แต่คุณพรึกมโนหนักมาก
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-12-2018 12:06:33
สงสารคนพรึก น้องก็ช่างยั่วจริงๆ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 01-12-2018 12:31:05
Chapter 11





มหาวิทยาลัย

“เหม็นความรักเว่อร์” กะทิแทบจะปาสมาร์โฟนรุ่นล่าสุดของตัวเองลงบนโต๊ะโรงอาหารเมื่อไถอินสตาร์เเกรมไปเจอรูปโต๊ะอาหารริมชายหาด ที่มีพลัมยืนทำหน้าเเป้นเเล้น พร้อมรอยรูปหัวใจบนหาดทราย

คนในรูปยักไหล่ดุ๊กดิ๊กน่าหมั่นไส้

“เป็นไง ข้าวสารเป็นข้าวสุกหรือยัง” คิวเเซวเรียบๆ พร้อมมือที่หยิบขนมเข้าปากไปด้วย

พลัมตาโต วางช้อนซ้อมลงแล้วหันไปหากะทิ จนเพื่อนสาวสะดุ้งโหยง

“กะทิ!!”

“อาไร๊!!!”

“ถ้าผู้ชายคนไหนขอเเกซั่ม ระหว่างที่ยังเรียนไม่จบ บอกไว้เลยนะพวกนั้นน่ะรักแกไม่จริง”

“อิหยังว่ะ?” กะทิทำหน้าเหมือนลิงใส่

“อะไรของมึงอีกพลัม” คิวเองก็งงด้วย

“คุณพรึกมึง คุณพรึกกร้าวใจเว่อร์”

“แซ่บหรอ” กะทิขยับตัวเข้าไปใส่ใจอย่างไว

“เเซ่บมาก เเซ่บจนกูร้องกรี๊ด ต้องขอให้เขาเบาอ่ะ ไม่งั้นจะตายคาอก”

“กี่น้ำละมึง”

“มากมาย ไหลเเตกเป็นเขื่อน”

กะทิยกมือทาบอก อาจารย์พรึกคนเคร่งขรึมของเธอ ไม่นึกเลยว่าบนเตียงจะเผ็ดร้อนขนาดนี้

“แล้วมึงไม่เจ็บไม่ปวดเลยหรือพลัม เห็นกระโดดโลดเต้นได้เหมือนเดิม”

พลัมยิ้มอ่อน “คุณพรึกอ่อนโยนจะตาย”

“ฮ้อยยย~ ใจบางไปหมดแล้วค่ะ” กะทิเอาฝ่ามือปิดหน้า แล้วกรีดร้องเบาๆ นึกภาพตามไอ้พลัมตัวเล็กๆ นั่งคุกเข่ามีผู้ชายหุ่นมีซ้อนอยู่ข้างหลัง แล้วก็บดๆ อะโจ๊ะ อะเเจ๊ะ เเง้ เเม่ขา~

“เนี่ยเราเลยบอกกะทิไง ว่าถ้าผู้ชายคนไหนขอซั่มก่อนเรียนจบนะ พวกนั้นคือไม่จริงใจ”

“อ่ะ กูงง หรือมันงงว่ะ “คิวเกาหัว กะทิหันไปสบตาเพื่อนตัวสูงแล้วพยักหน้าบอกว่าพวกกูนี่เเหละที่งง

“สรุปมึงกับอาจารย์ เอ้ยคุณพรึกได้กันมั้ย” คิวถามเอาตรงๆ

“คนบ้า คนผีทะเล!” พลัมฟาดเพื่อนด้วยจริตที่น่ายันโครมให้ลงไปกองบนพื้น

“คุณหมีบอกว่า น้องยังเด็ก รอน้องเรียนจบก่อน เราถึงจะเข้าหอกันได้”

คิวกรอกตา เเล้วที่มึงพูดมาก่อนหน้านี้ กูกับกะทิคิดดีไม่ได้เลยจริงๆ

“เอาใบปริญญาไปแลกกับมอนสเตอร์ของคุณพรึก กรุบกริบ ขยี้หัวใจเว่อร์”

คราวนี้คิวหัวเราะ “เออ สมกับที่คบคนเเก่ กลัวตายคาอกหรือไง ไม่ยอมทำอะไรสักที ตอนเเรกที่มึงบอกว่าเขาพาไปทะเล กูนึกว่าไปเผด็จศึก”

พลัมพ่นลมออกจมูก

“แล้วที่มึงบอกให้เข้าเบาคืออะไร”

“ก็คุณพรึกชอบพูกหวานๆ ใจกูละลายไปหมด”

“แล้วที่น้ำแตกกระจายอ่ะ”

“กะทิ!!” พลัมตีเเขนเพื่อนสาวที่พูดออกมาอย่างไม่อาย “น้ำตาไง คุณพรึกเค้าทำให้ซึ้งอ่ะ”

“ไอ้เราก็นึกว่าจะเเบบ แดดดี๊เเซ่บๆ ไรงี้ กระเเทกเเรงจนต้องร้องขอชีวี๊ตตตต” คิวลากเสียงเสียกวนโอ้ยจนโดนพลัมฟาดไปอีกคน

“มึงก็ด้วยเหอะคิว ถ้าไม่รักจริง แล้วยังรับผิดชอบชีวิตใครไม่ได้ก็อย่าไปเอาเค้าซี้ซั้วละ”

“แล้วเวลามึงมีอารมณ์ทำไงอ่ะ ใช้น้องเล็กๆ ต่อไปนะหรอ”

“ลืมไปเสียเถอะว่ามีผู้หญิงอย่างกะทินั่งอยู่ตรงนี้”

“มือไงมึงมือ ทำเหมือนที่มึงก็ทำอะคิว” พลัมประกาศลั่น เพราะตั้งเเต่ได้คุยกับคุณพรึกคืนนั้นเขาก็ตั้งมั่นว่าจะเป็นเด็กดีให้คุณหมีภูมิใจ

“เหมือนเราเห็นรัศมีสีขาวออกจากตัวพลัม”

“พลัมคนกามเปลี่ยนไปหวะ”

“พวกเเกต้องมีความรักดูแล้วถึงจะเข้าใจ!!”

งื้อ...ตอนนี้พลัมรู้สึกรักคุณพรึกจัง ทำยังไงดี



ไม่นานช่วงสอบปลายภาคก็ขยับเข้ามาให้นักศึกษาได้ร้อนรน วิชาของพรึกก็เช่นกัน เเก๊งนิเทศศาสตร์นั่งคิ้วขมวดกันอยู่ยนยอดสุดของห้องสโลป วันนี้อาจารย์พรึกเอาข้อสอบของปีก่อนให้ลองเเบ่งกลุ่มกันทำ แล้วเขาจะเฉลยให้ฟังท้ายคาบ เป็นการซ้อมก่อนสอบจริง

กลุ่มพลัมมี คิวกับกะทิ ซึ่งทั้งคู่ตั้งใจเรียนดี จึงช่วยกันทำได้อย่างไม่ลำบากนัก พลัมเลยมีเวลาเเอบเงยหน้ามองคุณพรึกที่เดินดูกลุ่มนักศึกษาที่สุมหัวกันเป็นหย่อมๆ

ติ้ง

‘นักศึกษาช่วยเพื่อนทำงานด้วยครับ อย่าเอาแต่มองอาจารย์’

พลัมอ่านข้อความที่เด้งเข้ามาเเล้วก็พิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า ‘อาจารย์ตั้งใจสอนหน่อยครับ อย่าเอาเเต่แอบมองแฟน’

รอบนี้พลัมชนะ เพราะเมื่อคุณพรึกอ่าน เขาก็หมุนตัวหันกลับไปดูกลุ่มหน้าๆ เฉยเลย พลัมหัวเราะคิกคัก จนคิวต้องชะโงกหน้ามาดู

“ระวังเหอะ โดนเรียกไปไล่ออกกูจะขำให้”

“เราจะโดนไล่ออกเลยหรอ”

คิวหัวเราะหึ เเล้วพยักเพยิดไปที่ร่างสูงหนาหน้าห้อง “อาจารย์นู่น”

พลัมยู่ปาก “ไม่เป็นไร เราจะเลี้ยงคุณพรึกเอง”

“สำนึก สะกดยังไงกะทิบอกเพื่อนที”

กะทิก็ทำได้เเค่กรอกตา ไอ้พลัมกับอาจารย์ก็ไม่ได้ประเจิดประเจ้อให้ใครรู้หรอก แต่ผู้กุมความลับอย่างเธอกับคิวแค่จ๊ักจี้หัวใจเท่านั้นเอง คุณพรึกใช้บ่วงลงอาคมอะไรรัดเจ้าพลัมไว้นะ ถึงได้ทั้งรักทั้งหลงขนาดน้ี

‘จารย์หมี กินข้าวเที่ยงที่ไหน’

‘ถามแบบนี้คืออยากกินด้วย?’

‘เปล่า ใส่ใจความเป็นไปชีวิตเฉยๆ’

‘น่าจะไปพร้อมกับอาจารย์ท่านอื่นๆ นะ หนูจะบังเอิญไปเจอมั้ยละ คุณพรึกจะได้ไลน์มาบอก’

‘งือ ห่างกันบ้างก็ได้ พอคิดถึงมากๆ เจอกันตอนเย็นหนูจะได้อ้อนคุณพรึกงี้ดงี้ดเลย’

‘อยากเดินไปหอมหัวจังทำไงดี’

‘ปวดฉี่สิ เดี๋ยวหนูออกไปก่อน’

‘เด็กไม่ดี’ พรึกดุ

‘ของคุณหมี’ พลัมพิมพ์ต่อ

แค่นั้นคนโตกว่าก็ยอมเเพ้

พลัมห่อปากกลั้นยิ้ม ปวดแก้มชิปเป๋ง เเต่ถ้าเกิดหน้าบานเกินไป เดี๋ยวไอ้คิวก็เเช่งให้คุณพรึกโดนไล่ออกอีก ร่างเล็กที่ใส่เสื้อนักศึกษาโคร่งๆ เกินตัวเดินตัวปลิวออกไปทางประตูหลัง เพื่อมุ่งตรงสู่ห้องน้ำชายที่ตั้งอยู่ริมสุดอาคาร

‘ห้องในสุดนะครับ’

‘บาปไปหมดเเล้ว คุณพรึกใจไม่ดีเลย’

‘หอมหัวหมับหมับสองที ฮึบนะครับคุณหมี’

ไม่นานน้ำหอมกลิ่นสปอร์ตของคุณพรึกก็ลอยมาเเตะจมูก พลัมเปิดประตูห้องน้ำชะโงกหน้าออกมาดู แล้วก็ลากข้อมือที่กระดูกนูนสวยหายเข้าไป

“หอมหัวหนู” พลัมเอาเเก้มเเนบอกอีกฝ่ายแล้วช้อนตามองอย่างช่างอ้อน พรึกกดจูบลงไปบนกลุ่มผมนุ่มของอีกฝ่ายสองที พลัมกอดคุณพรึกหมับๆ

แล้วด้วยความตื่นเต้นของบรรยากาศลักลอบหรืออะไรก็ไม่ทราบดลใจให้ฝ่ามือหมีเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นเเล้วบดจูบลงไปอย่างรุนเเรง พรึกส่งลิ้นกวาดเข้าไป เหมือนในช่วงเวลาที่สั้นก็อยากตักตวงให้ครอบคลุมที่สุด

ติ๊ง!

พรึกผละออก เป็นเสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ที่เขาให้เวลาตัวเองวอกแวกแค่ 5 นาที เเล้วจะกลับไปสอนต่อ

“เจอกันที่บ้านนะครับ”

“งื้อ ที่บ้าน”

พลัมพยักหน้า หัวใจยังเต้นเเรงอยู่เลย ถ้าไม่ติดว่าพื้นห้องน้ำสกปรก เขาคงลงไปกองกับพื้นเหมือนเวลาที่หมีบราวน์จูบโคนี่ในสติ๊กเกอร์ไลน์ คุณพรึกร้องแรงเเบบเเอบๆ อีกแล้ว

พลัมเดินออกมาส่องกระจก ใช้หลังมือเช็ดน้ำลายที่เปรอะมุมปาก แล้วก็ดูเสื้อให้เรียบร้อยก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องเรียน

“งามหน้านัก”

“หน้าที่การงานของอาจารย์ต้องล่มจมเพราะมึงนี่เเหละพลัม”

คนตัวเล็กยักไหล่ดุ๊กดิ๊ก

“ไหนๆ มีข้อไหนยังไม่เสร็จมั้ย เดี๋ยวพลัมช่วย”

“ช่วยเเรดให้น้อยลงก็พอ”

“แง้ อย่าว่าน้อง”

กะทิบิดเเก้มนุ่มนั่นจนโย้ เธอเห็นนะว่าก่อนออกจากห้องปากพลัมยังวาวลิปมันอยู่เลย กลับมาเป็นเนื้อแมทเชียว แล้วถามว่าความกลอสซี่นั่นหายไปไหน นู่นปากอาจารย์ที่หน้าห้อง เเอร์เย็นมากมั้งถึงกับต้องออกไปทาลิปมัน

“อยากถีบมึงว่ะพลัม”

“พี่คิวไม่อ่อนโยนเลย”

“กูเพื่อนไง ไม่ใช่หลัว”

“งื้อ หนูก็อยากให้เขาเป็นหลัวเหมือนกัน แต่ไม่ยอมเป็นสักที”

“อยากซื้อคำว่าสำนึกให้มึงพกไว้ใช้อ่ะพลัม” คิวกุมขมับ

พลัมหัวเราะคิกคัก แล้วชะโงกเอาตัวอย่างข้อสอบมาอ่าน พอเลิกเถียงกันได้ แก๊งนิเทศศาสตร์ก็หันมาสนใจวิชาเรียนต่อ



ก่อนสอบพลัมก็หอบหนังสือไปอ่านที่ห้องพรึก ต้องบอกว่าพรึกล่อน้องด้วยขนมและของกินมากกว่า เเข่งทำคะเเนนกันใหญ่กับมัมมัมเบลว่าหนูพลัมจะเลือกกินขนมของใคร

นักศึกษาเตรียมสอบกำลังนั่งขัดสมาร์ทอยู่ข้างโต๊ะเตี้ยบนพื้นพรม ผมหน้าม้าถูกมัดขึ้นไปเป็นจุกน้ำพุเเสนน่ารัก พรึกนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะเช่นกัน แต่ใจมันก็คอยจะสั่งให้หันไปแอบมองน้องอยู่เรื่อย หน้าหวานนั้นมู่ทู่ลงทีละนิด เหมือนตัวหนังสือในชีดมันจะเกเรใส่ สักพักน้องก็โยนปากกาไฮไลท์ทิ้งเเล้วบ่นหง่อบเเหง็บอยู่คนเดียว

“เป็นอะไรคะ” พรึกถาม น้องเม้มปากเเล้วลุกขึ้นวิ่งไปอ้อนอย่างไว

พรึกอ้าเเขนรับ ก้อนน้องขนาดใหญ่ที่เเหกขาขึ้นคร่อมตักเขา ดีนะที่เก้าอี้ทำงานมันเเข็งเเรง

พลัมซบหน้าลงกับบ่าเกลือกกลิ้งไปมาเหมือนลูกหมา

“คุณพรึกพลัมจะทำข้อสอบได้มั้ย” เสียงงุ้งงิ้งปากยังบู้บี้อยู่กับเนื้อตัวคุณพรึก

“แล้วตอนเรียนตั้งใจฟังอาจารย์สอนมั้ยคะ”

พลัมเงยหน้าขึ้นมาส่ายหัวด๊อกแด๊ก

“ทำไมเป็นเด็กเกเร”

“คุณครูหล่อ หนูเลยนั่งมองเเต่หน้าคุณครู ไม่ได้เรียนเลย”

“หื้อ...ได้หรือครับ คุณครูคนไหนหล่อ คุณพรึกจะหึงเเล้วนะ”

“คนนี้” พลัมจิ้มไปที่ปลายจมูกโด่งของคนที่ตัวเองนั่งคร่อมตักอยู่ พรึกไม่รู้ว่าชีทเรียนของเขานั้นเเหละที่ทำให้พลัมหน้าบึ้ง แล้วน้องก็มาอ้อนเสียจนใจระทวยไปหมด

นิ้วเล็กๆ เปลี่ยนจากจิ้มปลายจมูก เปลี่ยนเป็นลูบไล้สันดั้งโด่งไปมา ปากก็ยื่นเป็นลูกเป็ดเชียว พรึกมองเพลินไปหมด

“น่ารักเก่งขึ้นรึเปล่าวันนี้...หื้อ”

พลัมดึกมือออกแล้วทำปากยื่นปากยาว

“หนูจะได้เอมั้ย”

“ตั้งใจอ่านสิคะ ถ้าได้เอ เอามาเเลกของรางวัลจากคุณพรึก วิชาละ 1 ชิ้นเลยดีมั้ย”

พลัมย่นจมูก แล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างเจ้าเล่ห์

“พลัมอยากได้มอนสเตอร์”

“คืออะไรเอ่ย”

“คืออันนี้ที่พ่นน้ำฟู่ๆ ได้” เด็กซนจงใจบดสะโพกลงไปเพื่อชี้จุด

พรึกส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มที่เเฝงความระอาใจ

“อันนี้ต้องเอาใบปริญญามาเเลกค่ะ”

“คุณเค้าเล่นตัวจัง”

“เกรดพอจะถึงเกียรตินิยมมั้ยเราหนะ”

พลัมยู่ปาก แล้วก็พยักหน้า “ก็ลุ้นอันดับสองได้อยู่นะครับ”

“ถ้าได้เกียรตินิยม คุณพรึกจะให้เล่นกับคุณเค้าสามวันสามคืนติดเลยดีมั้ยคะ”

“ฮ้อย~ ทำไมหนูรู้สึกไม่ปลอดภัย” พลัมขยับมือไปกุมก้นตัวเองแน่น

พรึกเอ็นดูจนต้องก้มลงจุ๊บปากงุ้ยๆ นั้นไปหนึ่งที เติมพลังกันจนพอใจพลัมก็ยอมปีนลงจากตักกลับไปอ่านหนังสือต่อ







TBC

ในที่สุดก็มีนัก อ่านแวะมาทักทายกัน เย่ ดีใจ แล้วจะอัพให้แบบรัวๆ เลยนะคะ

นี่รอวันให้น้องได้เล่นกับพี่มอนสเตอร์สักที เล่นตัวจังเลยยยค่ะ

มาเป็นกำลังใจให้น้องพลัมกันด้วยเด้อ

#ทฤษฎีอ่อยเธอ  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 01-12-2018 12:32:07
Chapter 12





สอบปลายภาคผ่านไปอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่เด็กเอกโฆษณาต้องทำช่วงปิดเทอมนี้คือฝึกงาน พลัมเข้าฝึกเป็น Account Exective กับเอเจนซี่ที่เข้ามาตั้งสาขาในไทย โดยมีคิวเพื่อนตัวใหญ่ใจกวนตีนไปฝึกที่เดียวกันแต่อยู่กับแผนก Creative Copy Writer ส่วนกะทิเธอเลือกฝึกเกี่ยวกับ Media Plan กับบริษัทที่มีชื่อเสียงอีกเเห่งหนึ่ง

พลัมพึ่งรู้ว่าตึกออฟฟิสที่ตัวเองไปฝึกนั้น อยู่ติดกับร้านกาเเฟของเบลเลย เช้าวันเเรกของการทำงานคุณมัมเลยอาสามารับ พร้อมทั้งเยาะเย้ยเพื่อนพรึกคนกากไปด้วย

“เป็นอาจารย์ก็เข้ามหา’ ลัยไปสิ ชิ่วๆ” ใช่พรึกยังต้องมีเคลียร์งานอยู่ ซึ่งในวันสำคัญที่ก้าวไปอีกสเต็ปของพลัมอย่างการฝึกงานวันเเรก พรึกก็อยากสร้างความทรงจำร่วมกับน้อง

เห็นคนพี่มองตาละห้อยพลัมก็เข้าไปกอด เอาเเก้มถูไถอ้อนเหมือนลูกเเมว พรึกลูบผมน้อง น่ารักแบบนี้ไม่หลงยังไงไหว

“คนอ่อนเเอก็ต้องเเพ้ไปนะ ฮิฮิ” เบลยังคงเยอะเย้ยไม่เลิก พลัมเงยหน้ามองเห็นคุณพรึกนี่ตาเขียวปั๊ด ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิทกันคงมีวางมวย

พลัมมองผู้ชายตัวใหญ่ๆ ทำสงครามกันแล้วก็นึกเอ็นดู ลุงๆ เขาต้องเหงาขนาดไหนอ่ะ ที่โสดกันมาถึงป่านนี้ คุณพรึกที่พึ่งมีเเฟนก็เหมือนกวาดเอาน้ำตาลทั้งโลกมาประเคนเขานั้นเเหละ อ่อนหวาน อ่อนโยน สปอยล์ทุกอย่างจนพลัมเกือบจะเป็นง่อยอยู่เเล้ว มัมมัมเบลก็เหมือนจะไม่มีใครเลย นอกจากการใช้ก้นขาวๆ จากเพจน้องประทังชีวิต

พลัมเคยถามคุณพรึกว่าทำไมคุณเบลไม่มีเเฟน ทั้งที่หน้าตาก็ดูเป็นหนุ่มตี๋ในฝันของสาวๆ คำตอบที่ได้คือเบลออกจะเป็น Perfectionist อยู่หน่อยๆ จึงมีความขี้รำคาญสูง แถมกับข้าวก็ทำเป็น ขนมก็อร่อย รสนิยมดี แฟชั่นจัด พอเจอสาวคนไหนคุยไม่เข้าหูนิดเดียวเป็นอันต้องเซย์กู๊ดบายไปเสียอย่างนั้น แล้วงานร้านของเบลก็ยุ่งด้วย บางครั้งสาวๆ ก็ไม่ทน รุ่นเดียวกันก็ร่ำร้องจะเเต่งงานไว รุ่นเด็กๆ หน่อยก็งอเเงเกิน สรุปว่าเพราะความเรื่องมากของมัมมัม ก็เลยยังเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้

สงสารเขานะครับ~

มัมมัมรับกระเป๋า Freitag ที่คุณพรึกเพิ่งซื้อให้ของพลัมไปถือ เเทบจะจูงน้องขึ้นรถเหมือนกำลังจะส่งลูกไปโรงเรียนของจริง

“เลิกแต๊ะอั๋งน้องกูได้ละ”

“ถ้าเป็นน้องก็ยังถือว่ามิสิทธิ์ เป็นเมียเมื่อไหร่ค่อยมาหวง”

พลัมหันไปมองมัมมัม ประโยคเมื่อกี้มันกร้าวใจจังว่ะ เขาจุ๊บๆ ผ่านอากาศส่งไปให้คุณหมีที่ยื่นหน้ามู่ทู่อยู่ตรงล็อบบี้คอนโด ซึ่งเบลก็กระชากรถออกไปโดยไว จูบเมื่อสักครู่น่าจะปลิวไปอีกทางไม่ทันลอยไปหาพรึก

อ่า...สงสารจัง

ออกจากคอนโดได้ไม่นานก็ต้องประสบกับการจราจรในกรุงเทพที่ติดหนึบ ยิ่งไปย่านที่ตึกออฟฟิสเยอะๆ อย่างสาธรเเล้วด้วยยิ่งเหมือนรถจะไม่ขยับเลยสักนิด

คิวโทรเข้ามาพอดี

‘ฮัลโหล’

‘ไหนละพลัม’

‘ติดอยู่เเยกสาธร’

‘อยากกินกาเเฟ มีเวลาอีกชั่วโมง รีบมาไปหาร้านนั่งเป็นเพื่อนหน่อย’ คิวพูดรัวๆ เหมือนหงุดหงิด

‘ไปกินร้านมัมเบล นี่อยู่กับมัม มัมบอกให้ที่ร้านเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พลัมเเล้ว’

‘มัมเบล คือเพื่อนคุณหมีของมึงอ่ะนะ’

‘ใช่ใช่’

‘บอกมัมมึงขับไวไวเลย กูหิวมาก’

พลัมกรอกตา คิววางไปแล้ว เขาเลยหันไปส่งสายตาไปที่คนขับแทน

“มัม เพื่อนน้องหิวข้าว”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับน้อง”

“ถ้าน้องไปช้ามันจะกินหัวน้องแทนข้าว”

“ใครกล้าทำน้อง มัมจะตีให้”

“มัมมัมขับไวไวไปตีมันเลยนะ” พลัมเกาะแขนแนบเเก้มอ้อน เบลยิ่งฮึกเหิม สรุปว่าขับแบบมุดไปมุดมาไม่นานก็เลี้ยวจอดตรงหน้าร้าน

คิวที่ตัวสูงใหญ่เเบบนักกีฬายืนกอดอกรออยู่ก่อนเเล้ว ผิวคิวคล้ำกว่าพลัมเเละเบลเพราะเป็นคนไทยเเท้ หน้าตาก็คมเข้ม พอพลัมวิ่งเข้าไปหา เหมือนกระต่ายน้อยๆ กระโจนเข้าไปให้หมาป่างับยังไงไม่รู้

เบลที่พึ่งลงจากรถรู้สึกขัดลูกตาที่สุด อุตส่าห์เเย่ง ‘น้อง’ จากไอ้พรึกมาได้ เหตุไฉนถึงต้องมีก้างเเบบไอ้ยักษ์นี้โผล่มา

“เพื่อนรักกินข้าวกัน” พลัมเกาะเเขนคิวตามความเคยชิน เบลเเทบกรี๊ด ไอ้เด็กยักษ์นั้นเป็นใครจ้องจะเเดกลูกกูใช่หรือไม่ ไอ้พรึกมึงโดนตีท้ายครัวเเน่เเล้วถ้าไม่มีเพื่อนที่เเสนดีอย่างกูคอยขัดขวาง

“น้องพลัมมาหามัมมัมครับ” เบลตะโกนเสียงดัง พร้อมกวักมือต้อนเหมือนน้องยังสามขวบเเล้วกำลังจะไปกับคนเเปลกหน้า พลัมเลยลากเเขนคิวมาเผชิญหน้ากับเบล พอยืนใกล้ๆ จึงเห็นว่าสูงเท่ากันพอดี แต่คิวจะตัวหนากว่าอยู่หน่อย

“คิว นี่มัมเบล”

“มัมมัม นี่คิว เพื่อสนิทน้อง”

พลัมเเนะนำตาใส หารู้ไม่มีประกายไฟในอากาศ

คิวรู้สึกคิ้วกระตุกที่เพื่อนอาจารย์พรึกโอ๋เจ้าพลัมเกินเหตุจนเหมือนจะหลอกเเอบงาบเอาเสียเอง

เบลเองก็รู้สึกได้ว่าไอ้เด็กนี่ดูหวงพลัมเกินเบอร์คำว่าสนิทไปมาก...คิดไม่ซื่อรึเปล่าเอาดีดี

“เข้าไปข้างในกัน น้องท้องร้องเเล้ว”

พลัมเกี่ยวเเขนทั้งสองคนเดินเข้าประตูร้านไปด้วยกัน ไอ้ตัวเล็กกว่าใครเดินผ่านเข้าไปได้ แต่เบลกับคิวดันเบียดหนึบกันอยู่ตรงประตู เพราะตัวใหญ่กันทั้งคู่

เบลไม่ยอมเพราะกูเป็นเจ้าของร้านนะเฮ้ย

คิวก็ไม่ยอมเพราะเห็นอยู่ว่าเจ้าพลัมลากเขามาก่อน

พลัมมองตาปริบ เเหงะ! เกิดอิหยังขึ้นว่ะ

สุดท้ายทั้งสามก็มานั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน โดยที่พลัมนั่งที่โซฟาด้านหนึ่ง ส่วนเบลกับคิวที่ตัวใหญ่ๆ ก็นั่งเบียดกันที่โซฟาอีกด้าน เพราะต่างไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้นั่งข้างพลัม

เบลให้พ่อครัวเตรียมไข่กระทะ เเละไส้กรอกโฮมเมดอย่างดีไว้สำหรับพลัม ส่วนคิวที่อยู่นอกลิสต์จึงต้องนั่งเปิดเมนูดูก่อน

“สั่งเลยคิว มื้อนี้พลัมเลี้ยงเอง”

เบลหันขวับ “ทำไมน้องต้องเลี้ยงล่ะ”

“ก็คิวอุตส่าห์เลือกมาฝึกงานเป็นเพื่อนพลัม เพราะกลัวพลัมเหงาครับ” น้องบอกไปตามจริง

เบลหรี่ตามองเจ้าเด็กที่ดูไม่ทุกข์ร้อน เเอบใส่ไฟในใจไม่ได้ว่า หึ...ตั้งใจมาทำตัวใกล้ชิดกับลูกน้อยของเขาสิไม่ว่า

“มึงมันน่ารักพลัม มาหอมเเก้มที” คิวกวักมือเรียกหย็อยๆ เหมือนที่ชอบเล่นด้วยกันบ่อยๆ ตอนอยู่คณะ

เบลมองตาขวาง เรื่องนี้ถึงหูคุณพรึกเเน่!!

พลัมเเลบลิ้นใส่คิว “ตอนนี้กูมีคุณพรึกเเล้วมึง กูหวงตัว”

คิวส่ายหัว พับเมนูแล้วเคาะหัวไอ้เพื่อนตัวเล็กอย่างหมั่นไส้

“มีสิทธิ์อะไรตีหัวน้องพลัม” เบลคว้าหมับเข้าที่ข้อมืออีกฝ่าย คิวชะงัก จังหวะเหมือนมีกระเเสไฟฟ้าวิ่ง

พลัมเห็นคู่นี้ทะเลาะกันหงุงหงิง แล้วได้แต่ยิ้มร้ายในใจ พลัมว่าพลัมได้กลิ่น หึหึ ขอโทษนะครับมัมเบล เมื่อเช้ามัมทำให้คุณพรึกหน้าหงอย ยังไงพลัมก็ว่าที่เมียคุณพรึก เห็นว่าที่ฮับบี้ทำหน้าเศร้าเหมือนโดนทิ้งเเบบนั้นเเล้วพลัมรับไม่ได้ พลัมต้องทำให้มัมเบลไม่ว่างมาแย่งพลัมจากคุณพรึกอีกต่อไป!!

ในเมื่อมัมเบลไม่มีเมียสักที หาสามีให้พี่เค้าเเล้วกัน!!



หลังผ่านมือเช้าที่เหมือนจะคว่ำโต๊ะตลอดเวลาระหว่างคุณเเม่ลูกหนึ่งเเละเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เบลก็เดินมาส่งพลัมจนแทบถึงหน้าลิฟต์ที่จะขึ้นไปยังชั้นออฟฟิสที่พลัมฝึกงาน เเละเนื่องด้วยระบบการรักษาความปลอดภัย ที่ต้องเเลกบัตรสำหรับผู้มาธุระเท่านั้น เบลจึงไม่สามารถเดินเข้าไปในโซนลิฟต์ด้วยได้ คิวจงใจวางมือโอบรอบคอพลัม หมับ! แล้วหันหน้าไปยักคิ้วใส่เบลอย่างกวนประสาท เบลเเทบกรี๊ด ไอ้เด็กนี่มันร้ายนัก!! ได้...เจอกันใหม่ตอนพักเที่ยงจะโชว์เหนือหอมเเก้มลูกโชว์ลงไลฟ์เฟสบุ๊คเลยคอยดู

สองหนุ่มมหา’ ลัยเดินเข้าไปในลิฟต์ พอเหลือกันสองคนพลัมก็หัวขวับไปชี้หน้าเพื่อสนิททันที

“คิว!! สารภาพบาปกับกูมาเดี๋ยวนี้”

“บาปไรมึงอีกอ่ะเตี้ย” พลัมเตี้ยกว่าคิวมาก เวลาอยู่กันสองคนโดยไม่มีกะทิ ก็มีเรียกอีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยวบ้าง

“มึงชอบมัมมัมกูใช่มั้ย”

คิวยักไหล่ ไม่ตอบ แต่เป็นเพื่อนกันมานานทำไมกลิ่นอ่อนๆ เเค่นั้นพลัมจะดมสืบไม่ได้

“จะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกับกูมึงเลือก”

“ถ้าเป็นมิตรมึงจะยังไง”

“กูก็จะหลอกมัมมัมว่า ให้กันมึงห่างจากกูซะ มัมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อสะกัดกั้นไม่ให้มึงอยู่กับกูสองต่อสองเเน่ เเล้วทีนี้มึงก็แกล้งตั้งข้อแม้ว่า ‘ถ้าอยากให้ผมห่างจากพลัม พี่ก็มาอยู่กับผมเเทนสิ’ เป็นไง เด็ดเหมือนละครหลังข่าวมั้ย”

“ถ้าเเม่มึงรู้ว่ากระต่ายขนฟูอย่างมึง ที่เเท้ก็คือจิ้งจอกดีๆ นี่เอง ต้องร้องขอชีวิตเเน่พลัม”

“กูก็ไม่อยากให้มัมมัมเหงา แล้วมึงก็เป็นเพื่อนที่ดีของกู สองคนที่ดีกับกูขนาดนี้ได้กัน มันมีเหตุผลอะไรที่กูต้องไม่ชง...ไหนตอบ”

“ทั้งรักทั้งเกลียดมึงว่ะพลัม”

“กูจะยังไม่บอกกะทิ เป็นความลับลูกผู้ชายของเราโอเค๊”

“เออ” คิวยกมือมาขึ้นมาชนหมัดด้วย

“เหี้ยเอ้ย ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนกูจีบคุณพรึกอีกอ่ะ งานกามเทพนี่ไม่ง่ายเลย กูต้องรีบไปลากคุณพรึกมาเป็นทีมเดียวกันเเล้ว”

“หวังว่าผัวมึงจะไม่ต่อยกูเสียก่อนนะ”

“ถ้าคุณพรึกกล้าต่อยมึงนะ มึงเอาตีนมาลูบหน้ากูได้เลย”

“อ่า...ข่มผัวไปอีก ผัวในโอวาท ไม่กล้าหืออือกับเพื่อนเมีย”

“ณ..จุดนี้ให้กูได้เค้าเป็นผัวก๊อนนน ทุกวันนี้ยังนอนจับมือมองตากันอยู่เลอะ เอ็นดูว์ตัวเองจัง”

คิวขำ ลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 20 พอดี นักศึกษาหน้าใสสองคนเลิกคุยเเผนลับ แล้วรีบไปรายงานตัวกับพี่ HR เเทน



วันเเรกของการฝึกงานยังไม่มีอะไรมากเท่าไหร่ พี่ประจำกลุ่มของเเต่ละคนเพียงเเต่แนะนำ Scope of Work และให้ดูตัวอย่างงานเก่าไปพลางๆ เท่านั้น พอเลิกพลัมกับคิวก็เดินลงลิฟต์มาด้วยกัน

มัมมัมเบลยืนรออยู่ก่อนเเล้ว พร้อมกล่องใส่ผลไม้ในมือ พลัมอมยิ้ม รู้สึกเหมือนย้อนวัยไปตอนประถมหรืออนุบาลที่พ่อเขาก็ทำแบบนี้เตรียมไว้ให้เวลามารับกลับบ้าน พลัมวิ่งเข้าไปกอดเบลเหมือนเด็กน้อยเวลาเจอผู้ปกครอง อีกฝ่ายลูบผมนุ่มๆ ด้วยฟิลเตอร์เอ็นดู ก่อนจะเงยหน้ามายักคิ้วกับคิวว่า ‘น้องเค้ากอดกูโว้ย’

คิวหันหน้าไปอีกทางเขากลั้นย้ิมร้ายๆ ไว้ไม่ไหวจริงๆ คนอายุขนาดนั้นเเล้วยังชอบเอาชนะเป็นเด็กๆ มันทำให้เขานีึก...ติดใจ เเละอยากลองให้เบล... ‘เเพ้’ ดู ส่วนเเพ้อะไรนั้นเดี๋ยวว่ากันอีกที ^^

เบลจะไปส่งพลัมที่คอนโด ซึ่งมันต้องผ่านหอที่คิวเช่าอยู่ เมื่อเช้าเด็กหนุ่มเดินทางด้วยรถไฟฟ้า พลัมเลยเลยใช้โอกาสนี้ศอกเข้าที่พุงของเพื่อนเพื่อให้ฉวยโอกาสเกาะติดเบลไปด้วย

คิวส่ายหน้าไม่พูด เพราะมันดูจงใจไปหน่อย พลัมเม้มปาก ขัดใจที่เพื่อนไม่รุก

“น้องงอเเงอะไร” เบลเห็นลูกตัวน้อยๆ ทำหน้าไม่สบอารมณ์ เลยก้มลงมาถามอย่างเอาใจ

“คิวจะให้พลัมกลับรถไฟฟ้าด้วย เเต่น้องอยากกลับกับมัมมัม”

กามเทพพลัม เเหลไม่มีใครเกิน

เบลหันขวับ กล้ามากไอ้เด็กยักษ์ กล้าทำให้ลูกรักของมัมเบลจิตใจหม่นหมอง

“บ้านอยู่ไหนอ่ะเรา”

“แถวคอนโดพลัม”

“วนไปส่งให้ก็ได้นะ”

พลัมกับคิวหันไปสบตากัน

“ขอบคุณครับ” คิวยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแต่ทำไมเบลรู้สึกว่ามันกวนตีนว่ะ

พอขึ้นรถมาได้ ความวุ่นวายก็บังเกิดอีกระลอกเมื่ออยู่ๆ คิวก็ท้องร้องขึ้นมา

“พลัม กินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยดิ หิว”

เบลเเทบเหยียบเบรกให้คนนั่งที่เบาะหลังหน้าทิ่มทะลุกระจกออกไปเลย กูอุตส่าห์เสียสละลูกให้ไปกินมื้อเย็นกับไอ้พรึกแล้วไอ้เด็กนี่กล้าดียังไง

“ต้องไปกินกับคุณพรึก” พลัมปั้นหน้าน่าสงสาร จนคิวยังแอบหมั่นไส้

“พลัม มึงมีเเฟนเเล้วลืมเพื่อนหรือว่ะ เมื่อก่อนตอนมึงเหงาก็เป็นกูป่ะที่พามึงออกไปกินของอร่อย”

กดดันลูกกูทำไมเนี่ย เบลเริ่มหัวร้อน

“ก็เรานัดคุณพรึกไว้เเล้วอ่ะคิว” พลัมหันกลับไปบอก

“กูเหงา กูไม่มีเพื่อนกินข้าว มึงไม่ไปด้วยกูก็อดอ่ะ กูเป็นโรคกะเพาะเข้าโรงพยาบาลมึงก็ไม่ต้องไปเยี่ยมนะ ไม่ต้องสำนึกผิดด้วย” เล่นใหญ่เว่อร์วังอลังการงานออสก้าร์ไปอี๊กกก

“ไปกินสามคนมั้ยคิว เราสองสามคนก็น่าจะไม่เหงาดี” พลัมยื่นข้อเสนอ

“กินสามคนได้ กูไม่ถือ”

“จะไปเป็นก้างเค้าทำไม”

“แล้วจะยุ่งที่เพื่อนเค้าคุยกันทำไมอ่ะลุง”

“ไอ้เด็กนี่!!” เบลขึ้นเสียง หน้ากูอ่อนกว่าพ่อมึงโว้ย

“มัมมัมเบลก็ไปด้วยไม่ครับ ไปสี่คนครบคู่พอดีเลย น้องจะได้ให้คุณพรึกจองโต๊ะร้านสุกี้”

“ใครจะไปครบคู่กับไอ้เด็กไม่รู้กาลเทศะนี่”

“นี่ลุง ต้องเลือกนะว่าจะไปกินกันสี่ หรือจะไปกินกับผมเเค่สอง”

“ใครลุงเเกไอ้เด็กยักษ์”

“เป็นเเม่ไอ้พลัม ก็น่าจะเป็นพี่เเม่ผมอ่ะ เรียกลุงอ่ะถูกแล้ว หรือให้เรียกป้า”

“อยากจะมีปุ่มถีบลงจากรถ”

“ไม่ทะเลาะกันนะครับ มัมมัมที่รัก และเพื่อนที่รัก น้องให้คุณพรึกจองสี่ที่ไปกินด้วยกันทั้งหมดนี่เเล้วกันครับ”

“เห็นเเก่น้องนะ มัมมัมเลยไปด้วย ไอ้เด็กบ้านี่จะได้ไม่ไปเป็นก้าง”

“มัมมัมน่ารักที่สุดเลย น้องพลัมรักมัมมัม”

“มัมมัมก็รักน้อง ไหนมาหอมหัวสิ”

“หัวเหม็นเเล้ว”

“หัวลูกมัมมัมไม่เคยเหม็นค่ะ มาหอมๆ”

พลัมขยับหัวกลมๆ เข้าไปใกล้

“หัวผมก็หอมนะ ลุงเอาสักหน่อยมั้ย”

“ไม่ยุ่งสักเรื่องจะตายมั้ย” เบลเเยกเคี้ยว คิวกัดปากกลั้นหัวเราะ เกรี้ยวกราดเเล้วน่ามองดีเเหะ ชอบจังที่กวนประสาทคุณเขาเเล้วหน้าเขียวหน้าเเดงทุกที



หลังจบมื้อเย็นที่คิวกับเบลขัดกันได้ตลอดเวลา คนนึงก็ช่างยั่ว อีกคนก็หัวร้อนง่าย พลัมกับพรึกได้แต่นั่งมองกันตาปริบๆ แล้วพอเดินมาถึงตำเเหน่งรถของพรึกในลานจอด พรึกก็อาสาวนไปส่งคิวที่หอก่อน เเต่เบลสะกัดไว้

“ไม่ต้องไปเป็นก้างคนอื่นเค้าเลยนะ ไอ้เด็กคิดไม่ได้”

“โอ๊ย แล้วจะให้ผมกลับไง ดึกดื่นป่านนี้ เดินกลับก็โดนจี้เอามือถือกันพอดี”

“นั่งเเท็กซี่กลับสิ”

“เเท็กซี่บางคันก็ไม่น่าไว้ใจ”

“มอเตอร์ไซค์”

“ขับน่ากลัวผมไม่นั่งหรอก”

“เออ กูนี่เเหละไปส่งมึงเอง”

“ขอบคุณครับลุง”

“ใครลุงมึ๊งงงง ไอ้เด็กปากเสีย”

“ใครเเก่ก็รับไปสิ”

“อยากตบเด็ก”

“ระวังข้อหลุดนะครับ รุ่นนี้อะไหล่หายากแล้วด้วยดิ”

“มึงมาๆ มาต่อยกับกูตัวต่อตัวมั้ยละ”

“เบล นั้นลูกศิษย์กูนะ เพื่อนหนูพลัมด้วย ใจเย็นๆ ให้สมกับเป็นผู้ใหญ่หน่อย” คุณพรึกยกกัณฑ์เทศน์ เบลชี้หน้าเป็นเชิงฝากไว้ก่อน ส่วนคิวก็หันไปบอกอาจารย์ว่าไม่เป็นไร ยอมสงบศึกด้วยชั่วคราว เพราะถ้ายังเถียงต่อ คนเป็นผู้ใหญ่กว่าคงไม่ยอมหยุด

แล้วพลัมกับพรึกก็ได้เเต่โบกมือไล่หลังผู้ชายสองคนที่ดูพร้อมจะฟัดกันตลอดเวลาเดินไปยังลานจอดรถอีกชั้น

เมื่อเข้ามาในตัวรถ คุณพรึกเอื้อมมือมาดึกสายเบลท์คาดให้พลัม ระหว่างที่ผ่านหน้าน้อง ก็แอบเอาจมูกไปชนกับเเก้มนุ่มๆ หอมสุกี้เสียหนึ่งที ชื่นใจจัง ไม่ได้หมุบหมับน้องตั้งเกือบสิบชั่วโมงเเล้ว

“คุณพรึก!”

“ครับ!” พรึกสะดุ้งโหยง หอมเเก้มเเค่นี้จะโดนดุเลยหรอ

“ลงเรือลำเดียวกับพลัมมั้ยครับ”

“เรืออะไรเอ่ย คุณพรึกตามไม่ทัน” ผู้ใหญ่งง เพราะอยู่ๆ น้องก็พูดอะไรขึ้นมาไม่รู้ เขาถอยไปพิงเบาะคนขับเเล้วมองหน้าพลัม ที่ทำย่นคิ้ว เหมือนเวลาไม่ได้ดั่งใจ

“เรือคิวเบลไง”

พรึกยังคงทำหน้าไม่เข้าใจ พลัมนี่ปากงอละ

“ก็พลัมจะชงไอ้คิวให้มัมมัมอ๊ะ”

“น้องคิวเนี่ยนะ กับไอ้เหี้ยเบล ขนลุก”

“คุณพรึก พูดไม่เพราะ!” พลัมขึ้นเสียงใส่ แถมคนเถียงเมียนี่ไม่เจริญนะรู้ยัง ยิ่งเมียเด็กด้วย...อ่อใช่สิ เถียงได้เพราะพลัมยังไม่เป็นเมีย เเง้

“ไอ้เบลมันเป็นรุก ชอบตัวเล็กๆ ขาวๆ เหมือนหนูเนี่ย เเล้วน้องคิวตัวยังกะยักษ์ ไอ้เบลไม่มีทางชอบหรอก”

“เเต่พลัมได้กลิ่น ได้กลิ่นความเป็นน้องจากตัวมัมเบล”

พรึกนึกภาพตาม ถ้าไอ้เบลเป็นน้อง เเม่งเอ้ยสุกี้จะถูกขย้อนออกมาจากกะเพาะ

“คุณพรึกไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้ คุณพรึกเเค่ช่วยพลัมแล่นเรือก็พอ พลัมเป็นกัปตัน คุณพรึกเป็นคนช่วยพายโอเค๊”

“อะไรที่หนูว่าดีคุณพรึกก็ว่าดีค่ะ คุณพรึกตามใจหนู”

“เย่ๆ คุณพรึกของพลัมน่ารักที่สุด พลัมขอจุ๊บๆ เเก้มนะครับ”

ร่างสูงโน้มหน้าลงตามคำขอของเด็กน้อยที่กางเเขนโอบรอบคอเขา ปากนุ่มๆ กดฟังลงไปบนเเก้มแรงๆ จากนั้นก็เอาหน้าไปซุกไซร้ ไถๆ กับต้นคอเหมือนลูกหมา พรึกกอดตอบ ลูบเอวน้องเบาๆ อย่างเอ็นดู

อะไรที่น้องขอเขาก็ให้หมดแหละ ต้องขอโทษเพื่อนเบลด้วย ที่ฝันอาจจะสลายไปบ้าง เเต่เพื่อรอยยิ้มของหนูพลัม กูก็ต้องใจเหี้ยมกับมึงนะเพื่อนเบล





TBC

ตอนนี้หวีดมาก เอ็นดูมัมเบล ใครรักมัมเบลบ้างยกมือฮะ

รักมัม เม้นให้มัมนะคะ เเละไรต์ยังรออ่าน #ทฤษฎีอ่อยเธอ เสมอ  รักรัก
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 11-12
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-12-2018 12:51:06
 :L2: :pig4:

เหมือนเราจะสงสารเบล
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 11-12
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 01-12-2018 13:37:18
เอ็นดูนางจริงๆน้องพลัมพ่อกามเทพตัวน้อย
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 11-12
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 01-12-2018 14:41:35
เมะชนเมะไปอี้กก ต้องสงสารมัมเบลลไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 11-12
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 01-12-2018 22:25:52
Chapter 13





หลังจากมือชงอันดับหนึ่งหมายหมั้นปั้นมือจะส่งมัมมัมลงเรือคิวเบลให้ถึงฝั่ง ก็จัดเเจงให้คิวมารอไปออฟฟิศด้วยกันทุกวันที่คอนโด แถมยังออดอ้อนให้มัมมัมมารับเสียอย่างบ่อย

แล้วเมื่อถึงออฟฟิศ เด็กฝึกงานก็จะไปกินเเฟฟรีที่ร้านเบลทุกวัน คิวยังคงกวนตีนเบลเพราะหมั่นไส้ที่โอ๋พลัมเกินเหตุ เบลก็ผูกใจเจ็บว่าคิวเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ส่วนพลัมก็ได้เเต่หัวเราะคนเดียวอยู่ในใจ สงสัยมัมมัมจะไม่เคยได้ยินที่โบราณว่าไว้...เกลียดสิ่งใด ได้สิ่งนั้น ยิ่งเถียงกันยิ่งลูกดก

คิ้กค้ากกกก!



การฝึกงานเป็นไปอย่างดุเดือด เพราะพอพี่ที่ดูเเลเห็นว่าน้องมีศักยภาพดี ทำงานได้ก็ให้ช่วยงานเต็มที่ ให้สมกับที่มาหาความรู้จริงๆ พี่มิ้มเออีสาวที่ดูเเลพลัมโดยตรงก็ตั้งใจสอน เพราะหวังว่าถ้าถ่ายทอดสิ่งที่ดีไป เรียนจบมาอาจจะได้ลูกมือคนเก่งกลับมาช่วยงานก็ได้ เเถมพลัมยังเป็นเด็กน่ารัก คุยสนุก ขี้อ้อน เเต่ก็มีความรับผิดชอบดี คนเป็นพี่ก็ยิ่งถูกใจ

นอกจากทำ Competitor review ส่ง update ให้ลูกค้ารู้ว่าคู่เเข่งมีการเคลื่อนไหวทางการตลาดหรือหรือออกสื่อใหม่ๆ อะไรบ้างในเเต่ละวันแล้ว พลัมยังได้เข้าประชุม Brianstrom เวลามี ฺBrief Project ใหม่เข้ามาด้วย บางทีความคิดของน้องฝึกงานก็สดใหม่กว่าพี่ที่ทำงานอยู่กับอะไรเดิมๆ ซึ่งบริษัทก็มองเห็นประโยชน์ในจุดนี้ กลายเป็นแฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย ฝึกงานด้วยความสนุก พลัมจึงไม่เบื่อเลย

ฝึกอยู่เกือบเดือน ก็มีอีกหนึ่งงานที่เด็กๆ ส่วนใหญ่จะชอบกัน นั้นคือไปออกกองถ่ายหน้าโฆษณา ซึ่งพี่มิ้มแอบเหงื่อตกอีกเเล้วเพราะลูกค้าที่ดูเเลนั้นเป็นรถกระบะสี่ 4WD ที่ต้องไปถ่ายทำกันบนลานโล่ง แถมวันที่ไปยังอากาศเเปรปรวน เเดดร้อนๆ สลับกับฝนตกลงมาเกือบทั้งวัน เด็กคึกๆ อย่างพลัมยังเพลียเอาเรื่องเหมือนกัน

พรึกเป็นคนเดินลงไปรับน้องมาจากรถตู้บริษัท ที่มาจอดส่งหน้าคอนโด เสื้อยืดเเขนยาวทะมัดทะเเมงกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งดูชื้นๆ แถมยังมีโคลนติดกลับมาเต็มรองเท้าผ้าใบ ทำให้พรึกต้องสอบสวน

“ทำไม่ดูมอมเเมม นี่ไปทำงานหรือไปเล่นซนคะ”

“ทำงานสิครับ เเต่ฝนตกไม่หยุดเลย ถ่ายไปวิ่งหลบฝนไป” พลัมฟ้องปากยื่น เขาอยากให้คุณพรึกโอ๋ๆ จะเเย่เเล้ว เเต่ทว่าเนื้อตัวก็สกปรกเกินจะขอให้อีกฝ่ายกอด

“งั้นอาบน้ำสระผม แล้วมาเติมพลัง คุณพรึกเตรียมของชอบหนูไว้ให้เเล้ว”

“เย่” พลัมค่อยยิ้มออก กำมือโชว์ขึ้นเหนือศีรษะอย่างอารมณ์ดี การกลับบ้านมาเจอคุณพรึกทุกวันนี่นับเป็นพรจากสวรรค์เลยทีเดียว

พรึกส่งน้องที่หน้าห้อง แล้วกลับไปเตรียมโต๊ะอาหารที่ห้องตัวเอง พลัมวิ่งผ่านน้ำแป๊บเดียว พร้อมไดร์ผมให้เเห้งอย่างไว สวมเสื้อสบายๆ กับกางเกงผ้ายืด เดินไปเคาะประตูห้องเป็นสัญญาณก่อนจะกดรหัสเข้าไปในห้องคุณพรึก

กลิ่นไก่อบหอมฉุยลอยมาเเตะจมูกชวนน้ำลายสอ แถมยังมีปลาหมึกทอดกระเทียม แล้วก็สเต็กเเซลม่อนพร้อมสลัดผักย่างด้วย พลัมเดินไปกอดเอวคุณพรึกที่กำลังรินน้ำใส่เเก้วเเล้วเเนบเเก้มไปกับเเผ่นหลังกว้าง

“คุณไก่ คุณหมึก คุณปลาของโปรดหนูหมดเลย” พลัมพูดเสียงอู้อี้

“เติมพลังคนเก่งไง”

“ขอบคุณครับ คุณพรึกของหนูน่ารักที่สุด”

“มาให้งับจมูกทีนึงเร็ว” พรึกหันไปหยอกล้อกับเจ้าตัวขี้อ้อนอย่างเอ็นดู เขาใช้ริมฝีปากจุ๊บๆ ลงไปบนเเก้ม แล้วก็ขบเม้มจมูกโ่ด่งนั้นไปอีกหนึ่งที

“ทานกันดีกว่า หนูน่าจะหิวเเล้ว”

“หิวจนหนูจะกินคุณพรึกได้ทั้งตัวเเล้วครับ”

คุณพรึกก็อยากจะกลืนหนูลงไปทั้งตัวค้าบ...แต่ยังทำไม่ได้ ฮรือ~

ทั้งคู่ลงมือจัดการอาหารตรงหน้า พลัมก็เล่าจ้อยๆ ถึงเรื่องที่ไปพบเจอมาวันนี้ ทั้งที่คุณสตั๊นท์แมนขับรถลงบ่อโคลนเอย วิ่งหนีฝนเอย ต้องกางร่มให้ลูกค้าเเล้วตัวเองโดนฝนเเทนเอย เเม้จะเหนื่อยเเต่ก็สนุก พรึกฟังเด็กน้อยเล่าด้วยรอยยิ้ม แล้วก็พยักหน้ารับเป็นระยะๆ

อ่า...การเป็นวัยรุ่นนี่พลังเยอะดีจังเลย

เมื่อน้องทานอิ่ม พรึกยกบราวนี่ที่เบลฝากมาให้ เข้าไปเวฟพอให้อุ่น แล้วจัดการตักไอศกรีมวานิลลา 1 ก้อนโปะลงไป พอให้มันละลายไหลเยิ้มไปกับเนื้อเค้กช็อคโกเเละ แล้วโรยผงเวเฟอร์เเตกๆ ทับไว้ข้างบนอีกนิดหน่อยพอให้เคี้ยวกรุบๆ

“คุณเเม่หนูฝากมาให้” พรึกยกถ้วยเซรามิคที่ใช้บรรจุของหวานมาวางไว้ให้ตรงหน้าพลัม เด็กเเก้มกลมยกยิ้มจนตาหยี

“คุณมัมน่ารัก แต่พลัมรักคุณพรึกมากกว่านะ” ดูความช่างอ้อน แล้วผู้ใหญ่ใจบางๆ อย่างพรึกจะไม่หลงยังไงไหว มือใหญ่กวักเรียกให้อีกฝ่ายเดินมาหา ตบตักตัวเองเบาๆ เป็นอันว่ารู้กันว่าของหวานมื้อนี้พลัมไม่ต้องเหนื่อยตักเอง

พอก้นนุ่มสัมผัสหน้าขาคนโตกว่า เอวพอดีมือก็โดนกักไว้ คุณพรึกใช้ช้อนตักไอศกรีมครึ่งนึง บราวนี่ครึ่งนึงมาจรดต้องริมฝีปากสีหวาน พลัมอ้าปากรับเข้าไปแล้วเขี้ยวตุ้ยๆ เหมือนลูกกระต่าย

พรึกมองหน้าน้องอย่างเพลินตา พลัมเป็นคนรักที่ยังมีความเป็นเด็กน้อยอยู่ เขาเองที่อายุเยอะกว่าเลยมีความสุขมากที่ได้ดูเเลน้องเเบบนี้

“คุณพรึกกินมั้งสิ”

“ไอ้เบลมันสาปแช่งไว้ว่าห้ามเเย่งหนูกิน”

“งื้อ มัมเบลใจร้ายจัง” คุณพรึกอมยิ้ม เขาตักขนมเข้าปากน้องอีก คราวนี้พลัมไม่เคี้ยวเเต่ล็อกแก้มคุณหมี แล้วก้มลงไปประกบปากเบาๆ

กลีบปากรสขมปนหวานมันชวนเคลิบเคลิ้มจริงๆ ลิ้นเล็กๆ นั้นดุนเอาเนื้อบราวนี่เข้าไปป้ายบนลิ้นคุณพรึก ความเย็นของไอศกรีมวานิลาเเทบสู้ไม่ได้กับความร้อนจากอุณภูมิของอวัยวะที่ปิดประกบกันอย่างวาบหวาม พรึกกลืนเนื้อขนมลงไปนานเเล้ว แต่ยังไม่ปล่อยลิ้นน้องให้เป็นอิสระเลย

จนพลัมต้องตีไหล่คุณพรึกเบาๆ คนตัวโตกว่าจึงยอมผละออก ทันเห็นเเก้มของเด็กน้อยเป็นสีชมพูพอดี

“คุณพรึกตะกละจัง”

“ไม่ค่อยได้ทานขนมหวานนี่คะ พอได้ชิมสักคำก็ติดใจเลย”

พลัมย่นจมูกใส่คนเเก่ที่หาเศษหาเลยเก่ง เเต่ไม่ยอมล่วงเกินให้มากกว่าจูบกับกอดไปสักที คุณพรึกย้อนเเย้งดี แต่ก็มีเรื่องให้ลุ้นได้ทุกวันแหละ พลัมยังลุ้นอยู่ว่าถ้าเขาอ่อยมากๆ คุณพรึกจะศีลเเตกเข้าสักวันมั้ย

“คิดอะไรอยู่คะ หม่ำๆ ก่อน” พรึกท้วงเมื่อน้องไม่ยอมอ้าปากรับขนมในช้อน พลัมได้สติก็งับเข้าไปโดยง่าย คราวนี้คุณพรึกยื่นหน้ารอ ดูสิว่าน้องจะป้อนเขากลับมั้ย

พลัมยื่นมือไปบีบเเก้มคนเเก่ “พลัมไม่หลงกลเเล้ว คุณพรึกอยากกินก็ตักกินเอง ห้ามมาเเย่งในปากพลัม”

พรึกหัวเราะที่เด็กน้อยรู้ทัน เขาเลยยอมให้น้องกินขนมดีๆ โดยไม่เเย่งอีก

พอทานอิ่ม ตากลมๆ ที่มีประกายเเวววาวก็เริ่มปรือ พรึกมองหน้าเด็กน้อยที่ทำท่าจะคอพับอย่างเอ็นดู

“ง่วงเเล้วมั้งเนี่ย”

“มากครับ” พลัมพยักหน้า พรึกตบก้นน้องเบาๆ เป็นเชิงว่าให้ลุกขึ้นไปนอน

“ป่ะ เดี๋ยวคุณพรึกไปส่งกู๊ดไนท์”

“ยังไม่ได้ช่วยล้างจานเลย” พลัมหันไปมองของบนโต๊ะ พรึกเลยส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร หนูหน้าง่วงขนาดนี้พี่จะใจร้ายลงได้ยังไง มืออุ่นๆ สอดเข้าไปในร่องนิ้วของพลัม แล้วจูงเด็กน้อยออกไปส่งห้องข้างๆ พรึกกดรหัสที่เหมือนห้องเขาไม่มีผิด เสียงกริ๊กดังพร้อมกับล็อกที่ถูกปลด พรึกจูงพลัมไปหยุดในห้องน้ำ บีบยาสีฟันใส่เเปรงเรียบร้อยเเล้วยื่นให้น้อง

“คุณพรึกมายืนนี่ น้องง่วงไม่ไหวเเล้ว”

ดูความขี้อ้อนขี้อ่อยของเด็กน้อยสิ ให้เขายืนซ้อนหลัง แล้วตัวเองก็ทิ้งน้ำหนักพิงมาทั้งตัว ทั้งที่มือก็เเปลงฟันไปด้วย พรึกอมยิ้ม กอดเอวน้องไว้หลวมๆ อยากจะหาเศษหาเลยกับซอกคอหอมๆ นั้นจังเเต่ก็ต้องกลั้นใจไว้

ท่องไว้สิพรึกว่าน้องยังเรียนไม่จบ

ศีลต้องไม่ขาดนะพรึกนะ!

เมื่อพลัมเเปรงฟันเสร็จเรียบร้อย ก็เดินกลับไปทาครีมกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ทั่วใบหน้าแบบตัวเดียวจบเพราะขี้เกียจเต็มเเก่ พรึกเดินตามไปจนน้องปีนขึ้นไปกอดตุ๊กตาหมีเรียบร้อย เขาก็เอาผ้านวมห่มให้ แล้วจุ๊บหน้าผาก

“ฝันดีครับ”

พลัมเอามือออกจากผ้านวมเเล้วคว้าข้อมือคุณพรึกไว้

“แอบย่องมานอนกับน้องมั้ยคืนนี้”

พรึกส่ายหน้า พลัมทำหน้างอเป็นตูด

“หนูอยากให้คุณพรึกกอดอีก หนูอยากนอนซุกๆ คุณพรึก”

เสียงงอเเงนั่นทำพรึกเเทบกลั้นใจไม่ไหว ร่างสูงนั่งยองๆ ลงให้ใบหน้าเสมอเด็กขี้อ้อน

“คุณพรึกนอนด้วยก็กลัวจะยั้งใจไม่อยู่นะสิ หนูเหนื่อยเเล้ววันนี้ รีบนอนนะครับ”

“ก็...ด้ายยยย...” พลัมลากเสียง เเล้วหันไปกอดซุกตุ๊กตาตัวโต พรึกคิดว่าน้องน่าจะงอนหน่อยๆ เเต่เขาเองก็รู้สึกว่ามันยังไม่ควรที่จะอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนขนาดนั้น เราพึ่งเป็นเเฟนกันไม่นาน แล้วน้องก็ยังเด็ก เขาควรให้ระยะห่างน้องบ้าง ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าเหมือนคู่เเต่งงานกันไปเสียหมด

“ห่างกันบ้างนะคนดี หนูจะได้ไม่เบื่อคุณพรึกเร็วไงคะ”

เขาให้เหตุผลเด็กน้อย เเต่พลัมไม่หือไม่อือ ซุกหน้าไว้กับพี่หมี เหมือนจะบอกกลายๆ ว่าไม่สนใจคุณพรึกเเล้ว บรรยากาศหวานๆ ก่อนหน้านี้กร่อยขึ้นมาเลย พรึกถอนหายใจเบาๆ เเล้วล่าถอยไปเขากดปิดไฟในห้องให้น้อง แล้วก็เดินกลับห้องตัวเอง

เมื่อเสียงประตูห้องปิด พรึกก็ถอยหน้าออกมาจากตุ๊กตาขนฟู แล้วถามความเห็นมันเบาๆ

“พลัมผิดมั้ยพี่หมีที่งอเเง”

เจ้าหมียิ้มให้อย่างใจดี

“พลัมชอบให้คุณพรึกกอดเวลานอนจริงๆ นะ”

พี่หมียังคงยิ้มเหมือนเดิม

“เห้อ... ความรักซับซ้อนจังเนาะ”

พี่หมียิ้มปลอบพลัม

“พลัมนอนละ พี่หมีก็นอนนะ พลัมนอนกอดพี่หมีเหมือนเดิม เเฮปปี้กันสองคนก็ได้เนาะ”

เจ้าหมียักพยักหน้า พลัมยิ้มให้มัน เอาหน้าฟัดๆ อย่างมันเขี้ยว เเล้วก็ยอมหลับตาลงสักที

คืนนั้นพลัมกระสับกระส่ายทั้งคืนเหมือนไม่สบายตัว หลับๆ ตื่นๆ ครั่นเนื้อครั่นตัวจนถึงเช้า เเล้วค่อยหลับไป



ปกติพลัมต้องมาทานข้าวเช้าที่ห้องคุณพรึก 8 โมง ถ้าสายหน้าก็ 8 โมงครึ่ง เพื่อให้ทันกับที่เบลจะมารับไปส่งที่ทำงาน 9 โมง เเต่ตอนนี้ เกือบ 9 โมงเเล้ว พลัมยังไม่มาโผล่ที่ห้องคุณพรึกเลย เเถมข้อความในไลน์ก็ไม่อ่าน โทรไปก็ไม่รับ เเต่พรึกรู้ว่าน้องไม่ค่อยเปิดเสียงตอนนอนอาจจะไม่ได้ยิน พรึกคิดว่าน้องอาจจะหลับเพลินเพราะเมื่อวานเหนื่อยจัด ร่างสูงใหญ่เลยถือวิสาสะ เดินเข้าไปในห้องข้างๆ แล้วเปิดประตูห้องนอนเข้าไปดู

พลัมยังอยู่บนเตียงจริงๆ ด้วย เเสงเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ลอดผ่านม่านทึบเเสงเข้ามา ทำให้พรึกเห็นว่าพลัมขดอยู่บนเตียง หมีใหญ่ที่เจ้าตัวเล็กชอบกอดกระเด็นไปอยู่เกือบอีกฝากหนึ่งของเตียง

“พลัมครับ” พรึกเรียกเบาๆ น้องพลิกไปมา สีหน้าไม่สู้ดี พรึกจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วจับเเขนน้องเเผ่วเบา

ตัวร้อนจี๋เลย!

“พลัมครับ” พรึกเรียกอีก พลางจับไปตามหน้าผาก และข้างเเก้ม น้องอุณหภูมิสูงจริงๆ สงสัยจะจับไข้เสียเเล้วกระมัง

“พลัมครับ คุณพรึกเช็ดตัวให้นะ” เขาบอกน้องเบาๆ เด็กน้อยเหมือนพึ่งรู้สึกตัวลืมตาขึ้นช้าๆ

“กะ กี่โมงเเล้วครับ” เสียงเเหบเเห้ง จนพลัมต้องขอน้ำที่วางอยู่ข้างเตียงมาดื่ม

“คุณพรึกว่าหนูต้องลางานนะวันนี้ ไข้สูงเชียว”

พลัมพยักหน้าไม่อิดออด เพราะรู้ตัวดีว่าไม่ไหว ศีรษะเขาหนักอึ้งเชียวล่ะ พรึกยื่นโทรศัพท์ให้น้องอย่างรู้งาน พลัมกดโทรออก แล้วคุยเสียงกระท่อนกระเเท่นกับพี่ที่ดูเเลเขา ได้ความมาว่าฝ่ายนู่นก็ไข้ขึ้นพอกัน สรุปวันนี้คงมีคนลางานหลายคน

“เช็ดตัวนะครับ แล้วจะได้ทานข้าวทานยานอนพักนะ”

“ไม่ต้องเช็ดก็ได้ครับ เดี๋ยวพลัมไปล้างหน้าล้างตา แล้วไปทานข้าวห้องคุณพรึกก็ได้”

“แล้วทำไมจะไม่เช็ดตัว อายคุณพรึกหรือไงเจ้าตัวเล็ก”

“เปล่าครับ” พลัมส่ายหน้าเบาๆ “พลัม...เกรงใจ”

ใช่...มันเป็นเเบบนั้น เพราะพลัมอยู่ตัวคนเดียวมานาน เขาเลยเคยชินกับการดูเเลตัวเอง เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่เคยถึงข้ันต้องเข้าโรงพยาบาล เเล้วไข้ขึ้นเบอร์นี้ก็เหมือนจะเป็นครั้งเเรก ถ้าไม่มีคุณพรึกมาปลุกคงนอนไปอีกสักพัก แล้วลุกขึ้นมากินขนมปังรองท้อง กินยาเเก้ไข้ นอนต่อจนหายไปเองนั้นเเหละ

“เกรงใจอะไรกัน” พรึกส่ายหน้า

พลัมมองหน้าอีกฝ่ายตาละห้อย

“เเค่...ให้มานอนด้วย เหนื่อยน้อยกว่าเช็ดตัวคุณพรึกยังไม่มาเลย..นี่เช็ดตัวเลยนะครับ พลัมเลย..ไม่อยากรบกวน”

พรึกเหมือนจะปวดยวบที่หัวใจ เขารับรู้ได้ถึงความน้อยใจในถ้อยความนั้น บางทีเขาก็คิดในมุมตัวเองมากไป พลัมอาจจะไม่ได้ต้องการการให้เกียรติอะไรมากมายจากกฏเกณฑ์ที่เขาตั้งขึ้น

“พลัมพูดอะไรไม่เข้าหูหรือเปล่า..ฮะฮ่า ขอโทษนะครับ สงสัยเพราะเป็นไข้ ปากมันเลย...เลอะเทอะไปหน่อย”

ร่างสูงถอนหายใจหนักๆ แล้วน่ังลงบนเตียวคนป่วย พลัมพยายามจะหันหน้าหลบ ความน้อยใจมันตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาเขาจะไหล เขาโทษความป่วยไข้นั้นเเหละ ที่ทำให้หัวใจไม่เข็มเเข็ง เรื่องเล็กเรื่องน้อย ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปหมด

“คุณพรึกขอโทษครับ” ร่างสูงเอ่ย ก่อนจะกางเเขนเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายเข้ามากอด

พลัมสบตาคุณพรึก แต่ยังนอนอยู่ที่เดิม

“พลัมไม่รู้ว่าอ้อนคุณพรึกได้เเค่ไหน ขอโทษนะครับถ้างอเเงมากไป”

“อ้อนสิเด็กน้อย หนูอ้อนคุณพรึกได้ทุกอย่างนั้นเเหละครับ” ฝ่ามือใหญ่เปลี่ยนเป็นลูบผมชื้นเหงื่อนั้นเเทน

“เมื่อคืนหนูอยากให้คุณพรึกนอนด้วย คุณพรึกก็ไม่นอน หนูยังอ้อนคุณพรึกได้จริงๆ หรือครับ”

พรึกผ่อนลมหายใจที่อัดเเน่นในอกอีกครั้ง ทั้งที่เราไม่ได้ทะเลาะกันเลย เเต่บรรยากาศกลับมึนตึงจนอึดอัด พรึกรั้งอีกฝ่ายขึ้นมาให้กอดเขา น้องเหมือนจะขืนตัวออกเล็กน้อยในตอนเเรก แต่เพราะเเรงคนป่วยที่สู้ไม่ได้สุดท้ายจึงต้องตกไปอยู่ในอกกว้างๆ นั่นเเหละ

“คุณพรึกขอโทษนะ คุณพรึกคิดมากไปเอง คิดเเค่ในมุมคุณพรึก จนลืมคิดว่าหนูต้องการอะไร”

“พลัม..พลัม” น้องเม้มปากเเน่นไม่ยอมพูดต่อ เพราะถ้าพูดก็ต้องสะอื้นออกมาเเน่ๆ

เมื่อคืนพลัมงอเเงเพราะรู้นั้นเเหละว่าตัวเองกำลังจะป่วย

พลัมไม่เคยอ้อนใครมานานเเล้ว เเละพอมีคุณพรึกที่พอจะอ้อนได้ก็อยากอ้อนดูบ้าง

“พลัม..ฮือ” น้องสะอื้นออกมาจริงๆ เเละเป็นการปล่อยโฮเหมือนเด็กเล็กๆ มีอะไรอัดอั้นอยู่เต็มไปหมด

“ร้องออกมาค่ะ อยากร้องก็ร้อง คุณพรึกอยู่กับหนูนะ คุณพรึกอยู่กับหนู” เสียงนุ่มๆ ฝ่ามือที่ลูบหลังเบาๆ ในห้องเเอร์เย็นๆ กับเเสงสลัวๆ พลัมร้องออกมาอย่างไม่พยายามอดกลั้นอีกต่อไป

พลัมร้องจนเหนื่อยจึงค่อยๆ หยุดไปเอง เเล้วยกหลังมือป้ายหางตาที่เปียกชื้น ก่อนจะดันตัวออกมาจากคุณพรึก

“ขอโทษครับ ทำเสื้อคุณพรึกเปื้อนหมดเลย” เสียงเเหบเเห้งเอ่ยอย่างสำนึกผิด เเถมเพราะร้องไห้เขาเลยปวดหัวหนักกว่าเดิมอีก ขยับทีก็เหมือนมีอะไรบีบรุนเเรงอยู่ตรงท้ายทอย พลัมกัดริมฝีปากเเน่น เพื่อไม่ให้เผลอส่งเสียงร้องออกมาอีก

“ไม่ต้องพยายามเข้มเเข็งเเล้วพลัม หนูมีคุณพรึกนะ คุณพรึกจะเป็นทุกอย่างให้หนูเอง”

“ขอบคุณครับ” พลัมพูดเเค่นั้น ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน แล้วพลิกตัวหันไปอีกทาง พรึกลูบผมน้องเบาๆ เหมือนตอนนี้เจ้าตัวน้อยของเขากำลังปิดประตูใส่เลย เหมือนคำพูดที่เขาให้ไป ไม่สามารถทะลุทะลวงกำแพงหัวใจน้องได้อีก คงมีเเค่การกระทำเท่านั้นสินะที่จะพิสูจน์ให้เจ้าตัวเล็กเห็นได้

“ล้างหน้าเเปรงฟัน ทานข้าวทานยานะคะ เเล้วเดี๋ยวคุณพรึกเช็ดตัวให้หนูจะได้หลับสบาย”

พลัมเพียงพยักหน้าเท่านั้น พรึกเลยลุกออกจากเตียง เเล้วไปหยิบเเปรงสีฟัน พร้อมเเก้วน้ำอุ่นเข้ามาให้ เขาถือกะละมังใบเล็ก เพื่อให้พลัมบ้วนปากมาด้วย พรึกเดินเข้ามาในห้องวางทุกอย่างลงตรงโต๊ะข้างเตียงเเล้วดึงผ้านวมออกจากตัวพลัม เเล้วเห็นว่าน้องยังกอดเจ้าหมีขนปุยเเน่น เหมือนยึดมันไว้เป็นที่พึ่ง

“คุณพรึกขอตัวน้องพลัมจากพี่หมีก่อนน๊า” เสียงทุ้มนุ่มพูดกับเจ้าหน้าขนเบาๆ แล้วดึงมันออกไป พลัมจะคว้าไว้แต่คุณพรึกส่ายหน้าเเล้วทำปากจุ๊ๆ

“แปรงฟันเร็ว”

พลัมยอมลุกขึ้นมาทำตาม เขานั่งห้อยขาลงกับเตียง หัวหนักจนคุณพรึกต้องมายืนข้างๆ ให้เขาพิงตัวไว้ หลังจากทำธุระเสร็จ พรึกก็เอาของทั้งหมดไปเก็บ แล้วกลับมาพร้อมข้าวต้ม และอกไก่ฉีกเหยาะซีอิ้วกลิ่นหอมฉุย พลัมตักเข้าปากได้สี่ห้าคำก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่ไหว พรึกจัดการให้น้องกินยาเเก้ไข้เเล้วจับน้องนั่งเอนหลังพิงหัวเตียงเพื่อให้อาหารได้ย่อย เเละเช็ดตัว

พลัมอิดออด พรึกเลยใช้เสียงนุ่มๆ ปลอบ

“เช็ดตัวหน่อยค่ะ ไข้หนูสูงมากเดี๋ยวช็อคน๊า”

พลัมไม่ชิน ที่มีคนมาดูเเลขนาดนี้ เขากลัวจะเผลออ่อนเเอ หรืองอเเงไปอีก

“นะคะ” พรึกอ้อนบ้าง เขาจุ๊บเเก้มน้องหนึ่งทีเป็นการร่ายมนตร์ใส่ พลัมปากยื่นเเต่ก็ยอมพยักหน้า

พรึกเช็ดตัวน้องอย่างชำนาญ เขาพอจะรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้างเพราะตอนเด็กๆ ที่ป่วยเเม่เขาก็ดูเเลเเบบนี้ พรึกเช็ดไปหมดทุกสัดส่วนของน้องไม่เว้นเเม้กระทั่งซอกขาขาวๆ พลัมอายจนต้องยกมือปิดหน้า แต่ช่วงที่น้องไข้อยู่แบบนี้ก็ไม่มีเวลาคิดอกุศลหรอก หลังจากรีดเอาความร้อนออกไปบ้างเเล้ว พรึกก็เอาเเป้งเด็กมาโรยตัวให้น้องหอมๆ ก่อนจะหาเสื้อผ้าโปร่งๆ มาให้ใส่นอน

“นอนพักได้เเล้วค่ะ” พรึกประคองน้องให้นอนลง พลัมทำตามอย่างว่าง่าย เขาสบายตัวขึ้นเเล้ว อาจจะเพราะยาออกฤทธิ์ด้วย พลัมมองหาพี่หมี เอื้อมมือไปจะคว้าที่พึ่งทางใจมากอด เเต่พรึกคว้ามือน้องไว้เเทน

“กอดคุณพรึกเเทนพี่หมีได้มั้ยคะ”

พลัมอ้าปากค้าง ไม่นึกว่าคุณพรึกจะมามุกนี้

“พลัมไม่กวนแล้ว”

“หายงอนพี่ได้แล้วนะคนดี” ร่างสูงจูบปลายคางน้องเเผ่วเบา

“คุณพรึกขอไถ่โทษด้วยการให้หนูกอดไปจนหายป่วยเลยดีมั้ยคะ”

“แล้วถ้าหนูไม่ยอมหายป่วยละ”

“หายป่วยไวไวเถอะค่ะ คุณพรึกใจไม่ดี ถ้าหนูรีบหาย คุณพรึกจะมานอนด้วยทุกคืนจนกว่าหนูจะเบื่อเลยดีมั้ยครับ”

“คุณพรึกสัญญาเเล้วนะ” พลัมยกนิ้วก้อยยื่นมาตรงหน้าเหมือนเด็กๆ

พรึกอมยิ้ม แล้วงับปลายนิ้วเล็กๆ นั้นไว้พร้อมใช้ปลายลิ้นเเลบเลียเบาๆ

“สัญญาค่ะ สัญญาว่าถ้าหนูเบื่อที่ให้คุณพรึกมานอนห้องนี้ คุณพรึกก็จะอุ้มหนูไปนอนห้องคุณพรึกแทน โอเคมั้ย”

พลัมเเก้มร้อนขึ้นมาทันที ริมฝีปากซีดๆ ต้องกลั้นยิ้มจนเมื่อยเเก้ม คุณพรึกนิสัยไม่ดีเลยจริงๆ ชอบทำให้โกรธให้งอน แล้วพอง้อก็...ทำหัวใจเต้นเเรงไปหมด

“ยอมให้คุณพรึกนอนด้วยมั้ยคะ”

พลัมหน้างอ แต่ก็กดคางลงจนชิดอก เป็นสัญญาณว่าอนุญาต

“น่ารักให้น้อยลงหน่อย คุณพรึกจะห้ามใจถึงวันที่หนูเรียนจบไม่ไหวแล้วนะ”

พลัมตีไหล่คุณพรึกไปทีนึง “หนูไม่เคยห้ามเลย มีเเต่คุณพรึกนั้นเเหละมีกฏเกณฑ์อะไรไม่รู้เยอะเเยะไปหมด”

พรึกหอมเเก้มพลัม แล้วดึงน้องให้หน้าเเนบลงมาที่อกมากขึ้น

“รอคุณพรึกก่อนนะคะ อย่าพึ่งรำคาญคุณพรึกเลย”

“คุณพรึกรักน้อง น้องไม่รำคาญหรอก น้องเเค่น้อยใจเป็นระยะๆ”

“เนี่ย น่ารักเรี่ยราดไปหมด หัวใจคุณพรึกทำงานหนักไปหมดเเล้วค่ะ”

พลัมยิ้ม ทำหน้าซนเหมือนเช่นทุกที

“หนูจะอ่อย อ่อยจนกว่าคุณพรึกจะตบะเเตกคอยดู!!”

“โอเค เเต่ตอนนี้หนูต้องนอนก่อน หายไข้เเล้วค่อยอ่อยใหม่นะ”

พลัมพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะซุกตัวลงไปแน่นกว่าเวลาที่ตัวเองซุกพี่หมีตุ๊กตาอีก



TBC



#ทฤษฎีอ่อยเธอ

เป็นไง น้องงอน
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 13-14
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 01-12-2018 22:27:30
Chapter 14



‘หนูกลับดึกนะ’

พลัมไลน์ไปหาคุณพรึก ในช่วงเย็นที่สมควรเป็นเวลาเลิกฝึกงาน เเต่เพราะกรุ๊ปที่พลัมฝึกด้วยนั้นกำลังมี Project Pitching Communication Campaign ตัวใหม่ ซึ่งพลัมที่ฝึกงานในหน้าที่ AE ก็ต้องเป็นคนทำสไลด์เพื่อใช้ Present ทั้งหมด พี่ที่ดูเเลพลัมเป็นคนทำหน้าที่นั้น เเต่พลัมก็อาสาอยู่ช่วย เพราะได้มีส่วนร่วมออกไอเดียเเละรวบรวมข้อมูลมาตั้งเเต่ต้น

‘อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย เดี๋ยวคุณพรึกซื้อไปฝาก’

‘เดี๋ยวพี่มิ้มสั่งพิซซ่า’ พลัมหมายถึงพี่ในกรุ๊ป ที่นั่งหัวฟูอยู่หน้าคอม หมดคราบสาวสวยเฟี๊ยซเวลาอยู่ต่อหน้าลูกค้า

‘ไม่มีผักเลยหนะสิเด็กอ้วน เดี๋ยวคุณพรึกผัดสปาเก็ตตี้ กับทำสลัดไก่ทอดท่ีหนูชอบไปให้ดีมั้ย แล้วก็เเวะซื้อชานมไปให้หนูด้วย’

‘คุณพรึกน่ารักที่สุดเลย พลัมจุ๊บๆ สามที’

พลัมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เเล้วเก็บโทรศัพท์วางลงกับโต๊ะทำงาน เขาเเบ่งพาร์ทกันทำสไลด์กับพี่มิ้ม

“เกรงใจสาวโสดอย่างฉันบ้าง” เสียงเเหลมเเว้ดขึ้นมาทันที

พลัมหัวเราะเเหะๆ แล้วก้มหน้าก้มตาทำต่อ เกือบชั่วโมงคุณพรึกก็โทรมาบอกให้ลงไปรับอาหารด้านล่าง นักศึกษาฝึกงานคว้าบัตรเข้าออกออฟฟิส วิ่งดุ๊กๆ ลงไปทันที พอถึงชั้นล่างก็เห็นคุณหมียืนยิ้มเฉ่งอยู่กับมัมเบล เเหนะเเข่งกันเอาอาหารมาให้พลัมอีกเเล้ว มัมมัมเป็นเค้กสตอเบอร์รี่ครีมสดกล่องใหญ่ ส่วนคุณพรึกก็นั้นเเหละตามออเดอร์ที่บอกไว้ และทั้งหมดมีส่วนของพี่มิ้มด้วย

คนตัวเล็กเดินมากราบตรงอกเจ้าของคาเฟ่

“เกือบโดนไอ้เด็กเวรนั่นเเย่งกินหมดเเล้วรู้มั้ย” เบลบ่นกระปอดกระเเปด พลัมอมยิ้มทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ช่วงนี้พลัมยุ่งๆ ไม่ค่อยได้ชงอะไร เเต่ไอ้เพื่อนตัวใหญ่ก็ชงเข้มด้วยตัวมันเองได้ เช้ามาก็ไปต่อล้อต่อเถียงเอากาเเฟฟรี เที่ยงก็หม่ันเเวะไปหาของหวานทานเล่น ตกเย็นก็ไปขออาหารกินอีก กลายเป็นว่าช่วงนี้คิวเจอเบลบ่อยกว่าพลัมอีก

“เเล้วตอนนี้คิวไปไหนเเล้วครับ”

“ให้ไปช่วยเสิร์ฟอาหารเเลกข้าวอยู่”

“เเหนะใช้งานเด็ก” พลัมเเซว แล้วเดี๋ยวต้องเก็บไว้เเซวไอ้หล่อด้วย เเม่งเอ้ย ยังไม่ทันคบก็แอบเเทรกเเซงกิจการเค้าเเล้วหรอว่ะ

“ตั้งเเต่ไอ้เด็กนั่นไปเสิร์ฟ ลูกค้าสาวออฟฟิสนี่มานั่งเต็มเลย เทรนด์กินเด็กกำลังมาหรือไง”

พรึกถึงกับสำลักน้ำลายกระทันหัน ส่วนพลัมยักคิ้ว

“มัมต้องลองดูนะครับ บอกเลยว่าเด็กๆ หนะเคี้ยวกรุบ”

เเล้วเจ้าตัวเล็กก็เหล่ตาไปหาคนที่อยู่ในช่วงทดลองเคี้้ยวเด็ก

“กรุบมั้ยครับคุณหมี”

“กรุบมากค่ะ” ร่างสูงเดินเข้ามาโอบเอว คือไซส์น้องพอดีมือมากๆ

“งื้อ พลัมต้องขึ้นไปทำงานต่อเเล้ว คุณพรึกทนคิดถึงน้องไหวมั้ย”

เด็กน้อยหันไปกอดเอวทำตาเเป๋วใส่ผู้ชายร่างหมี

พรึกก้มลงไปหอมเเก้มน้อง “ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะ”

พลัมยิ้ม แล้วยื่นมือรับถุงเสบียงไปจากมือทั้งสองหนุ่ม

“สู้สู้นะ คุณพรึกไปนั่งเล่นรอที่ร้านไอ้เบล จะกลับเเล้วโทรมานะคะ”

“ครับ”

พลัมขึ้นไปก็เดินตรงเข้าส่วนครัว เรียกพี่มิ้มมาจัดการเติมพลัง คุณพรึกเเพคมาเเบบเอาใจคนขี้เกียจสุดๆ เป็นภาชนะวัสดุรีไซเคิลที่พร้อมทิ้งไม่ต้องล้าง เเถมชานมก็เป็นร้านโปรดที่ปกติต้องไปเข้าคิวนาน สงสัยคุณเค้าโทรให้ไลน์เเมนไปสั่งไว้ก่อนเเหง

“ไปหามาจากไหนหรอ นิสัยดี มีเวลา ป๋าอีกต่างหาก” พี่มิ้มถาม

พลัมย่นจมูก เอาจริงๆ ก็ไม่ได้หา เเต่ชุดคอสเพลย์หรรษาต่างหากช่วยเป็นกามเทพให้

มิ้มเห็นพลัมอมยิ้มไม่ตอบก็ยิ่งหมั่นไส้ บิดเเก้มจนไข่มุกในปากเเทบกระเด็น

พลัมกุมเเก้ม หน้าเอาเรื่อง “เดี๋ยวฟ้องคุณหมีมาจัดการเลย”

“ร้ายนักเด็กสมัยนี้ เดี๋ยวเขียนไม่ผ่านประเมินฝึกงานเพราะเหม็นความรักซะเลยดีมั้ย”

“โห พี่มิ้มใจเย็นๆ นะครับ เจ้สวยขนาดนี้ จิตใจต้องปราณีด้วยสิ”

“กินๆ เลิกเล่นเดี๋ยวกลับดึกผู้ปกครองเธอมาว่าฉันอีก”

“คุณพรึกใจดี ไม่ว่าหรอก”

“ค่าาาาา ลูกสาว คุณเเม่หมั่นไส้ไม่ไหวแล้ว”

พลัมยักไหล่ดุ๊กดิ๊กตามสไตล์ เเต่ก็เร่งทานอาหารให้ไวขึ้น เพราะงานที่ค้างอยู่มีเยอะจริงๆ

เเม้เขากับพี่ิมิ้มจะเเหย่กันเล่นบ่อยๆ เเต่เรื่องงานพี่สาวคนสวยก็เรียกได้ว่าเข้มงวดเอาการ เเถมยังเป็นคนทำงานเก่งชนิดที่พลัมได้ความรู้กลับไปใช้เพียบ และเพราะพลัมเองก็มีความรับผิดชอบ เเละความตั้งใจดี พี่มิ้มเลยเปรยๆ ชวนว่าถ้าจบก็ให้ลองยื่นใบสมัครดู เธอจะช่วย Recommend กับ HR ให้

กว่างานจะเสร็จก็เกือบตีสอง พลัมมองนาฬิกาในมือถือเเล้วสะดุ้งโหยง

“เเฟนเธอหลับไปรึยัง พี่ไปส่งที่คอนโดให้ได้นะพลัม”

“คุณพรึกบอกว่าจะรออยู่เเถวนี้ครับ เดี๋ยวลองโทรก่อน”

ตู๊ดดดดด

‘ครับ ว่าไง’ เสียงพรึกงัวเงียจนพลัมรู้สึกผิด

‘หนูเสร็จเเล้ว’

‘เจอกันหน้าตึกนะ คุณพรึกวนรถไปรอ เดินลงมาไหวมั้ยหรือต้องให้ขึ้นไปอุ้ม’

‘คุณพรึกไม่หยอกสิ เเค่รอหนูดึกขนาดนี้ก็รู้สึกผิดจะเเย่’

‘มาสำนึกผิดโดยการหอมเเก้มค่ะ’

‘เจอกันครับ’

“เหม็นความรักอีกแล้วค่าซิสสสส” พี่มิ้มตะโกนเเซว เธอรวบกระเป๋าคอมพิวเตอร์มาถือไว้ พลัมช่วยถือถุงเอกสารอื่นๆ แล้วก็พากันลงลิฟต์ไปที่ชั้นลานจอดรถ มิ้มขับรถวนลงมาส่งพลัมที่ข้างรถคุณพรึก

“อยากเห็นหน้าอ่ะ” เออีสาวยังไม่วายเเซว พลัมวิ่งดุ๊กๆ ไปบอกคุณพรึกว่าพี่ที่ดูเเลอยากรู้จัก

พรึกลงจากรถมาด้วยหน้าง่วงหน่อยๆ แต่ก็ยังทำให้มิ้มตาโตได้อยู่ดี ทักทายกันนิดหน่อยก็เเยกย้ายกันกลับ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปถึงตึกลูกค้าตอน 10 โมง

‘ฉันจะไม่ให้เธอผ่านฝึกงานนนนน โทษฐานสร้างความอิจฉาให้ฉันนนนน’

พี่มิ้มโหยหวนมาทางไลน์ พลัมอ่านเเล้วก็หัวเราะคิกคัก คุณพรึกหันมาใส่ใจด้วย พลัมเลยทำหน้าอ้อนแล้วเเนบเเก้มลงกับต้นเเขนอีกฝ่าย

“รอพลัมที่ไหนเมื่อกี้ ร้านคุณเบลรึเปล่า”

“เบลมันไปส่งน้องคิวตั้งเเต่ห้าทุ่มเเล้วค่ะ คุณพรึกเลยมานั่งดูบอลรอในรถ”

“เหนื่อยเเย่เลยครับ”

พรึกส่ายหน้าปฎิเสธ น้องขยันเขาก็ได้เเต่สนับสนุน ถ้าไปเที่ยวเหลวไหลกลับดึกนั่นค่อยโกรธ เขาโอบเอาตัวพลัมมาพิงอก ใช้มือกอดช่วงเอวอีกฝ่ายไว้หลวมๆ คุณหมีประคองรถด้วยมือข้างเดียว ขับเอื่อยๆ อย่างระมัดระวัง เสียงเพลงฝรั่งเบาๆ ลอยอวลอยู่ในอากาศ พลัมชอบจัง ชอบความอบอุ่นนี้

“ขอบคุณนะครับที่รอรับ”

พรึกก้มลงมาจุ๊บกลางกระหม่อมคนพูด

“ความสุขของคุณพรึกก็คือการได้ดูเเลหนูนี่เเหละ”

“ฮ้อยย~ ตายไปเลย พูดเเบบนี้หนูตายไปเลยยยย” พลัมร้องโหยหวนเสียจนโอเว่อร์ มันทะเล้นเเบบนี้เเหละ ไม่ให้หลงยังไงไหว

“แล้วสปาเกตตี้คุณพรึกอร่อยมั้ย”

“อร่อยครับ คุณพรึกทำอะไรก็อร่อยไปหมดเเหละ”

“ชมเว่อร์อีกเเล้ว”

“พลัมพูดจริงนี่นา อ้วนเเล้วห้ามทิ้งกันนะ”

“นิ่มๆ หน่อยก็ดี เวลาบีบจะได้สู้มือ”

พลัมอ้าปากหวอ นี่คุณเขาลามกขึ้นรึเปล่า

“ขุนไว้ก่อน พอถึงวันที่หนูเรียนจบ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะหนุบหนับขนาดไหน”

“คุณพรึกร้ายกาจที่สุด” พลัมบิดพุงกล้ามๆ ไปทีนึง

“ร้ายเเล้วรักมั้ยคะ”

“คุณพรึก หัวใจพลัมทำงานหนักไปหมดเเล้ว”

“รักม้ัยตอบให้ชื่นใจหน่อยเร็ว”

บ้าจริง พอมาถูกบังคับให้พูดแบบนี้ก็อดเขินไม่ได้

“บอกพร้อมกันได้มั้ย บอกคนเดียวมันทำใจไม่ไหวเลย”

“เด็กใจร้าย ทำคุณพรึกใจเสียเเล้วเนี่ย”

“ขี้อ้อนจังเลยอ่ะคุณพรึก” พลัมไถหน้าไปกับอกอุ่นๆ

“พี่ก็อ้อนหนูคนเดียวนี่เเหละค่ะ เงยหน้ามาจุ๊บเพิ่มพลังหน่อยเร็ว ไฟเเดงแล้ว”

เป็น 270 วินาที ที่ปากเราไม่ห่างกันเลย

พลัมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันที่พี่มอนสเตอร์ออกมาโลดเเล่น พี่เขาจะดุร้ายขนาดไหนนะ นี่ขนาดช่วงถือศีล คุณพรึกยังทำพลัมจะเป็นลมตายวันละหลายๆ รอบเลย

กลับถึงห้องพลัมไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง เสร็จก็วิ่งมานอนห้องคุณพรึก ร่างสูงรออยู่บนเตียงเเล้ว พอเด็กน้อยพุ่งเข้ามาซุกตรงที่ประจำ เขาก็ตบก้นน้องเบาๆ เหมือนกล่อมให้หลับ

“ตื่นเต้นจัง เหมือนมีอะไรวิ่งอยู่ในสมองเต็มไปหมด” พลัมพึมพัมในความมืด คือเเม่ว่าจะเพลีย เเต่มันก็เหมือนหลับไม่ลง

“นับเเกะสิคะ”

“คุณพรึกพลัมโตเเล้ว”

“งั้นบอกรักคุณพรึก... รักครั้งที่หนึ่ง รักครั้งที่สอง...”

พลัมบิดปากจนคว่ำอยู่กับอกกว้าง เรื่องเสี่ยวผู้ชายของเขาก็เก่งที่หนึ่งละ

“ให้บอกรัก พลัมไปนับเเกะดีกว่า”

“เดี๋ยวนี้ใจร้ายจัง” เสียงทุ้มนั้นโอดครวญอย่างน้อยใจ

“คนเเก่ไม่ขี้งอนนะ” พลัมเงยหน้าขึ้นไปง้อด้วยกันจุ๊บคางทีนึง

“นอนๆ เร็ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่ตื่นนะ”

“จุ๊บๆ น้องฝันดีหน่อย” พลัมอ้อน พรึกก้มลงมาเม้มปากงับๆ ตรงหน้าผาก เเล้วปิดท้ายด้วยกดจูบจนขึ้นเสียง พลัมยอมหลับตาลงอย่างว่าง่าย แอร์เย็นๆ กับตัวอุ่นๆ ของคุณพรึกหลับสบายดีนักแหละ



รุ่งเช้่า พรึกยกศีรษะน้องขึ้นนิดหน่อย เพื่อดังเเขนออกจากซอกคอ มันชานิดหน่อย ต้องใช้มืออีกข้างนวดบีบอยู่หลายทีกว่าเลือดลมจะเดินดี ร่างสูงเดินไปจัดการล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วก็เตรียมอาหารให้เด็กขี้เซา พลัมยังหลับสนิทเชียว

เมื่ออาหารเช้าใกล้เสร็จ ผู้ชายหุ่นหมีก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เขาจุ๊บเเก้มนุ่มๆ งับมันเบาๆ เพื่อกระตุ้นให้เจ้าของมันรู้สึกตัว

“พี่หมี พลัมง่วง”

“คุณพรึกต่างหากละ”

พลัมจำไม่ได้หรือไงว่านอนเตียงใครเมื่อคืน

ตากลมกระพริบปริบๆ พอมองเห็นชัดเจนก็รีบยิ้มประจบทันที “เเหะ นี้คุณหมีนี่นา ไม่ใช่พี่หมี”

“ไปอาบน้ำเร็ว เช้านี้มี American Breakfast”

“ตู้ว์หูว์” พลัมอุทานปากจู๋ แต่ยังไม่ยอมลงจากเตียง แต่กลับอ้าเเขนอ้อนคุณหมีเเทน

“อุ้มน้องหน่อย”

“อยากฟัดน้องจังเลยทำไงดีครับ” พรึกว่าอย่างมันเขี้ยวเต็มทน เขาสลัดศีลออกแล้วค่อยไปทำบุญตามหลังเอาได้มั้ยนะ

“คิกๆ” พลัมหัวเราะเสียงยั่วอย่างน่าบีบให้เเก้มกลมๆ นั้นเเตก พรึกสอดมือเข้าไปใต้เเขนน้องเเล้วออกเเรงยก สองขาเรียวตวัดเกี่ยวเอวเขาทันที คนตัวใหญ่อุ้มลูกลิงไปส่งจนถึงหน้าห้องข้างๆ

“ไม่อาบน้ำโรยเเป้งให้น้องด้วยหรอ น้องยังเด็กนะ อาบน้ำเเต่วงตัวเองไม่เป็น”

พรึกบิดปากเจ้าเด็กขี้อ่อยไปที “มัวเเต่เล่น เดี๋ยวก็ไปพรีเซ้นท์งานสายหรอก”

“ว้า...อ่อยไม่สำเร็จเลย”

“ไปอาบน้ำเร็ว” พรึกดันอีกฝ่ายเข้าห้องไป เเล้วตัวเองกลับไปอาบน้ำบ้าง เพราะเดี๋ยวจะขับรถไปส่งพลัม

หลังทานมื้อเช้าเพิ่มพลังเรียบร้อย พลัมก็น้องดูสไลด์สำหรับพรีเซ้นท์ในมือถือทวนไปอีกครั้ง พี่มิ้มให้โอกาสพลัมได้พรีเซ็นท์ด้วย เเม้จะเป็นเเค่ 10% ของสไลด์ทั้งหมดแต่พลัมก็ตั้งใจมาก พลัมซ้อมให้พี่มิ้มฟังไปแล้วเมื่อคืน เช้านี้เขาก็พูดให้คุณพรึกฟังอีก

พลัมหน้าตาน่ามองอยู่เเล้ว พอพูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ กับน้ำเสียงขึ้นลงกำลังดีมันก็ชวนฟัง

“อย่าไปน่ารักใส่ลูกค้าล่ะ” คุณพรึกสั่งเมื่อรถมาจอดหน้าตึกที่นัดกับพี่มิ้ม

“หน้าตาดีนี่ลำบากเหมือนกันนะครับ” ไม่มีเสียล่ะที่จะถ่อมตน พรึกกางเเขนดึงน้องมากอดให้กำลังใจ วันนี้พลัมใส่เสื้อเชิ้ตเรียบร้อยคู่กางเกงผ้ายาวเเค่ข้อเท้า ตบท้ายด้วยรองเท้าหนัง ให้ความรู้สึกกึ่งทางการเเละเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเวลาปกติ (พี่มิ้มไม่ให้ใส่ชุดนักศึกษาเพราะกลัวลูกค้าไม่เชื่อถือ)

“สู้สู้นะคะ คนเก่งของคุณพรึกขายงานผ่านนะ”

“สู้สู้” พลัมกำมือมาเขย่าข้างเเก้ม แล้วก็เปิดประตูลงมาจากรถ สูดหายใจเข้าปอดฟอดใหญ่ เเล้วก็เดินเข้าตึกไปหาร้านกาเเฟ ที่พี่มิ้มนั่งรออยู่



การพรีเซนท์งานผ่านไปด้วยดี แต่ช่วงที่ถามเพิ่มเติมเล่นเอาพลัมเหงื่อตกเพราะมันดูน่ากลัวเเละกดดันมาก เหมือนวัดกันตรงนี้ด้วยว่าจะซื้องานหรือไม่ เเต่พี่มิ้มก็สามารถอธิบายได้ทั้งหมด พี่สาวคนสวยเก่งเสียจนพลัมยกให้เป็นไอดอล

“พี่มิ้มว่าเรามีสิทธิ์ได้งานมั้ย”

“80 : 20 อ่ะ ดูลูกน้องเค้าชอบนะ เเต่ไม่รู้ว่าเค้าเอาไปเสนอนายใหญ่เเล้ว นายจะชอบหรือเปล่า”

พี่มิ้มอธิบายพลัมต่อว่าการขายงานกับองค์กรใหญ่ส่วนมากเป็นเเบบนี้ เหมือนให้ระดับปฏิบัติการมา Pre Screen ก่อน เเล้วเลือกเจ้าที่ดูเข้าทีไปพรีเซ้นท์เพื่อขอความเห็นชอบจากระดับบริหารอีกที

“เเต่เราทำเต็มที่เเล้วไง จะได้หรือไม่ได้งาน เเต่เราก็ได้ความภูมิใจ”

“พี่มิ้มมม น้ำตาจะไหล”

“เว่อร์หน่า ไปหาอะไรกินอร่อยๆ กันดีกว่า พี่ใช้พลังงานไปหมดไส้หมดพุงละ” สาวสวยว่า เเล้วเดินนำพลัมไปยังลานจอดรถ เธอหมายตาไว้ว่าจะไปทานอาหารญี่ปุ่นมื้อหนักๆ

ติ้ง! เสียงข้อความดังขึ้นขณะพลัมนั่งรถไปกับรุ่นพี่

‘คนเก่งขายงานเสร็จรึยัง เป็นไงบ้างครับ’

‘พี่มิ้มเก่งมากเลย’

‘หนูพลัมของคุณพรึกก็เก่งค่ะ’

‘หนูตัวลอยเเล้ว’

“ยังมีพี่นั่งอยู่ตรงนี้” พี่ม้ิมส่งเสียงเเซวมาจากหลังพวงมาลัย เธอไม่ได้ตั้งใจดู เเต่สติ๊กเกอร์หัวใจมันลอยโดดเด่นเต็มไปหมด

‘พี่มิ้มบ่นเเล้ว หนูกำลังจะไปกินอาหารญี่ปุ่น เเค่นี้นะคุณพรึก’

Photo Sent

หลักฐานการโอนเงิน 2,500 บาท : Note รางวัลของคนเก่ง (เลี้ยงขอบคุณพี่มิ้มด้วยนะครับ)

“พี่มิ้มมมมเรามีสปอนเซอร์เเล้ว คุณพรึกให้เงินมากินมื้อเที่ยงเเหละ ให้เลี้ยงพี่มิ้มด้วย”

“สายเปย์เว่อร์”

“งื้อ รักคุณเค้าจังทำไงดี”

“ผู้ชายแบบนี้ไม่ดีหรอกพลัม เลิกเหอะ จริงๆ เดี๋ยวพี่เสียสละดูเเลต่อเอง”

“เเง้ ทำไมคนสวยใจร้าย”

ม้ิมหัวเราะเสียงดัง แล้วตั้งใจขับรถต่อ น้องมีเเฟนดี เธอก็พลอยมีลาภปากไปด้วยละนะ





ผ่านไปสามสี่วันที่ปล่อยให้พลัมหัวใจตุ้บต่อม ที่พลัมตั้งใจทำเต็มที่และมั่นใจว่ามีโอกาสได้งานเกิน 80% เเต่ผลที่เเจ้งกลับมานั่นคือความผิดหวัง เจ้าเด็กฝึกงานไฟเเรงถึงกับซึม พี่มิ้มที่เป็นคนรับอีเมล์จากลูกค้าเห็นหน้าหงอยๆ นั้นเเล้วก็สงสาร

เดินเข้ามาลูบหัวใหญ่เลย

“พี่มิ้มไม่เสียใจหรอ” พลัมถาม เพราะเห็นพี่สาวคนสวยยังร่าเริงปกติ

“ชีวิตจริงมันก็เป็นแบบนี้แหละ ได้บ้าง เสียบ้าง”

“แต่พลัมเสียใจ”

“เด็กๆ พี่ก็เป็นเหมือนพลัมนี่เเหละ พอตั้งใจมากก็ผิดหวังมาก เเต่พอทำงานเยอะๆ มันก็มีงานใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีเวลาเสียใจหรอก”

“พี่มิ้มเก่งจัง”

“สวยด้วยย่ะ”

“สวยที่สุด”

“หงอยจังอ่ะ” คนเป็นพี่เห็นเด็กที่เคยร่าเริงกระตือรือล้นทำงานซึมไปก็อดสงสารไม่ได้

“ทำใจไม่ได้นี่น่า อุตส่าห์คิดว่างานของพวกเรามันเจ๋งมากเเล้วเเท้ๆ เชียว”

“มันหลายปัจจัยมากจ้า งานเราอาจจะดีมาก เเต่ไม่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าก็ได้ เพราะฉะนั้นอย่าหงอย เดี๋ยวเจ้หางานสนุกๆ อันใหม่มาให้ทำโอเค้?”

“ครับ”

“วันนี้คงไม่มีกระจิตกระใจทำงานเเล้วมั้ง”

“คิดว่างั้นนะครับ ขอโทษนะครับพี่มิ้ม”

“ไปพักๆ กลับบ้านไปหาอะไรสนุกๆ ทำ พรุ่งนี้ไปรับบรีฟงานใหม่กัน เดี๋ยวพี่ยิงนัดไปให้”

“แล้วพี่มิ้มอ่ะ”

“ไปทำเล็บเเก้เซ็งสิ ที่เห็นว่าร่าเริง นี่ใจก็ฟ่อดเเฟ่ดเหมือนกันนะยะ นอนตีสองตีสามอยู่หลายคืนเเม่งเอ้ย”

พลัมหัวเราะขึ้นมาได้นิดหน่อยพอเห็นพี่สาวบ่นดะ สรุปว่าสองพี่น้องก็เเยกย้ายกลับไปทำใจเงียบ เเล้วค่อยมาเริ่มต้นทำงานกันใหม่พรุ่งนี้อีกที





TBC 

ตายไปเลย คุณพรึกฮอตขึ้นทุกวัน ฉันต้องใจเเข็งมาในการเขียนคุณเค้าให้จบ

หากไรต์หายไป โปรดจงรู้ไว้ว่าหัวใจเต้นเเรงจนตายนะคะ 

#ทฤษฎีอ่อยเธอ แวะเวียนไปเม้นเเละทักทายกันเด้อ ไรต์เหงา ไรต์ส่องอยู่ตลอดเวลา 
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 13-14
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-12-2018 00:11:33
มันเขี้ยวมาก น้องน่ารักเกิ๊น คุณหมีก็อบอุ่น รอตอนต่อไปค่ะ ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ ปล.เวลาอัปรบกวนใส่วันที่อัปตรงชื่อเรื่องด้วยค่ะ คนอ่านจะได้รู้ว่าคนเขียนมาอัปตอนใหม่หรื ยัง
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 13-14 (01 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-12-2018 09:58:00
 :L2: :pig4:

น่ารัก
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 13-14 (01 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 02-12-2018 11:00:41
ตบะแตกได้แล้วค่ะคุณพรึก กองเชียร์รออยู่  :hao6:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 13-14 (01 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 02-12-2018 11:36:43
โอ๋ๆ กอดน้องพลัมงานหน้าเอาใหม่นะ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 13-14 (01 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 02-12-2018 14:25:22
โอย...อ่านไปเขินไป ตัวจะแตกแล้ว :katai2-1:  :-[ :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 15-16 (02 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 02-12-2018 20:37:44
Chapter 15





คนตัวเล็กกลับมาถึงบ้านเร็วก่อนเวลาเลิกงานเล่นเอาพรึกที่เข้ามาทำความสะอาดห้องให้น้องถึงกับขมวดคิ้ว

“เป็นอะไรเอ่ย” น้องหน้าซึม ตาไม่เป็นประกายเหมือนทุกที พรึกก็วางไม้ถูพื้นเเล้วเดินเข้ามาหา

“ไม่ได้งานเเหละ”

พรึกพยักหน้า “ทำเต็มที่เเล้วใช่มั้ยครับ”

“ตั้งใจทำจนคิดว่ามันดีมากเเล้วเเท้ๆ ครับ พอไม่ได้ก็เลย...เหมือนผิดหวังมากๆ”

ร่างสูงเข้าใจ เขาย้อนคิดไปถึงวัยเด็กที่ยังไม่เข้าใจความเป็นไปของโลกการทำงานเท่่าไหร่ เเต่พอโตขึ้นอะไรหลายๆ อย่างก็ทำให้รู้ว่าไม่มีทางได้ในสิ่งที่เราต้องการทั้งหมด และต้องรีบจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกให้ดีด้วย ถึงจะสามารถทำงานในวันต่อๆ ไปได้

“จำความรู้สึกตอนนี้ไว้นะคะ มันจะได้เป็นพลังให้งานหน้าหนูพัฒนาขึ้นไปอีก”

พลัมผละหน้าออกจากอก ทำไม่ทั้งพี่มิ้มเเละคุณพรึกเก่งจัง

“ลูกค้าบอกมั้ยว่าทำไมเราไม่ได้งาน”

พลัมส่ายหน้า อ่า...พรุ่งนี้ลองไปถามพี่มิ้มดูดีกว่า เผื่อจะพัฒนาอะไรได้อีกตามที่คุณพรึกว่า คิดได้ดังนั้นก็นับว่าครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีเเล้วกัน และครั้งหน้ามันต้องดีกว่านี้ได้อีก

“หนูเข้าใจเเล้ว หนูไม่หงอยเเล้วก็ได้”

พรึกจุ๊บเหม่งเด็ก “เก่งเร็วจัง”

“คุณพรึกพูดดี หนูก็เลยคิดได้ไว”

พรึกจุ๊บเหม่งเด็กอีกที น้องไม่ต้องอ้อนอะไรก็ดูน่ารักไปหมด

“แล้วนี่พี่มิ้มให้กลับมาก่อนหรอ”

พลัมพยักหน้า “พี่มิ้มก็ไปทำเล็บย้อมใจครับ”

พรึกเข้าใจได้ ในสายงานโฆษณามันมีความเเข่งขันสูง เพราะเม็ดเงินในเเต่ละโปรเจกต์สูงมา ความเครียดของคนทำงานก็พุ่งสูงมากเช่นกัน คุณมิ้มอาจจะไม่ได้เเสดงออกว่าผิดหวังเท่าพลัม เเต่ในใจลึกๆ ก็คงรู้สึกเเย่บ้าง จึงไล่เจ้าเด็กน้อยกลับมาซบอกเขา ส่วนตัวเองก็ไปหาเรื่องสบายใจทำ พรึกพยักหน้ากับตัวเอง นับว่าพลัมได้พี่ที่รู้จักตึงรู้จักผ่อน ไม่ได้มุ่งเเต่งานจนลืมสภาพจิตใจเพื่อนร่วมงาน

“หนูอยากทำอะไรมั้ย หรืออยากไปไหนรึเปล่า เดี๋ยวคุณพรึกพาไปโอ๋ๆ”

“คุณพรึกเอาเเต่ตามใจหนู หนูตามใจคุณพรึกบ้างก็ได้นะ”

“น่ารักเก่ง” พรึกชม

“คุณพรึกขี้เห่อหนูเกินไปเเล้ว”

“ก็หนูพลัมของคุณพรึกน่ารัก” มือใหญ่ลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ “ไปวัดมั้ยคะ ถวายสังฆฑาน ให้อาหารปลา เเล้วเย็นๆ นั่งกินร้านอาหารริมเเม่น้ำ ใจหนูจะได้สงบหน่อย”

ใจพรึกเองด้วยเเหละที่อยากสงบ อยู่ใกล้พลัมก็เหมือนอยู่ใกล้น้ำมัน ไฟกามมันพร้อมลุกพรึ่บเสียตลอดเวลา

“ที่เดทสมเป็นคุณพรึก” เจ้าตัวเล็กเอ่ยเเซว พรึกอดเเก้มร้อนไม่ได้ ก็จะให้ชวนไปที่ที่มิดชิดมากๆ อย่างโรงหนังหรือโรงเเรมตามชายหาด เขาก็กลัวศีลจะเเตกนะสิ เข้าวัดเข้าวาก็เหมาะควรกับอายุ เเละคุณภาพจิตใจตอนนี้เเล้ว

“งั้นพลัมไปเปลี่ยนชุดก่อน” เด็กน้อยใส่ชุดนักศึกษาอยู่ พรึกพยักหน้า เขาถูพื้นห้องรับเเขกต่ออีกนิดหลังจากที่น้องเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอน จากนั้นก็ไปจัดการอาบน้ำเเต่งตัวบ้าง

พรึกขับรถมาเเวะซุปเปอร์มาเก็ตเเถวบ้าน เพื่อซื้อชุดสังฆฑาน พลัมเองก็ซื้อชุดใหญ่เพราะไม่ได้ทำบุญให้พ่อ เเม่ เเละพี่สาวนานเเล้ว พรึกพอจะเดาได้เเต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความ น้องดูไม่ค่อยอยากพูดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เเต่เขาตั้งใจว่าไหนๆ ก็คบพลัมเเบบจริงๆ จังๆ แล้ว ก่อนน้องเรียนจบเเละเขาจะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของน้องมากกว่านี้ ควรจะไปไหว้พ่อเเม่ และญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่ของน้องให้เป็นเรื่องเป็นราว

พลัมเห็นพรึกเหม่อไปก็กระตุกมือ

“น้องซื้อขนมไปให้พี่หมา พี่เเมวด้วยได้มั้ย”

“ซื้อสิครับ” เเน่นอนว่าในวัดย่อมมีเพื่อนสี่ขา

“น้องซื้ออาหารพี่ปลาด้วยได้มั้ย”

“อันนี้คุณพรึกว่าไปอุดหนุนเเม่ค้าเเถวนั้นดีมั้ย”

“พี่ปลาเบื่อเเย่ กินเเต่ของเดิมๆ”

พรึกลูบหัวน้อง เด็กอะไรน่าเอ็นดู อายุขึ้นต้นด้วยเลขสองเเล้วจริงป่ะเนี่ย พรึกว่าการที่พลัมทำตัวเป็นเด็กๆ ต่อหน้าเขา ก็เหมือนน้องเปิดใจให้เขามากอยู่ เเละเเสดงออกแบบที่ตัวเองอยากเป็นจริงๆ ไม่ใช่ภาพลักษณ์เข้มเเข็งของเด็กที่ต้องการอยู่คนเดียวหลังจากคนสนิทในครอบครัวจากไปหมดแล้ว

โลกของน้องสดใส ไม่ได้มืดมน เเละพรึกก็ชอบที่เป็นเเบบนี้ บางครั้งเขายังเผลอทำเสียงเล็กๆ เสียงน้อยตอบกลับพลัมไปเหมือนยังเป็นเด็กๆ ไปด้วยกัน

พรึกเข็นรถเข็นเคียงคู่กับพลัมไปเรื่อยๆ ที่วัดยังมีโคกระบือที่คนไถ่ชีวิตไว้ น้องก็ไปเลือกซื้อผักผลไม้ที่น่าจะอร่อยกว่าที่วัดเตรียมไว้ไปฝากพี่ๆ ตัวใหญ่ของน้องด้วย เมื่อเลือกของได้จนถูกใจก็พากันไปจ่ายเงิน พลัมขอพรึกออกเงินค่าสังฆฑานเองเพราะตั้งใจทำให้พ่อกับเเม่

ไม่นานรถสีขาวคันโตก็ขับมาจอดที่วัดริมเเม่น้ำเจ้าพระยา เเต่ไม่ใช่วัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่คนพลุกพล่าน ร่างสูงเดินนำน้องเข้าไปถวายสังฆฑานกับเจ้าอาวาสก่อน จากนั้นก็ไหว้พระทำบุญกันตามสมควรเเล้วค่อยออกมาให้อาหารพี่โคกระบือ ตามด้วยเเจกจ่ายขนมกับเจ้าตูบทั้งหลาย พรึกเป็นคนคอยส่งขนมให้น้อง ปล่อยให้พลัมเล่นกับบรรดาพี่หมาอย่างเต็มที่ เมื่อขนมหมดก็พาน้องไปล้างมือที่อาจจะติดน้ำลายเจ้าสี่ขามาบ้าง แล้วค่อยไปให้อาหารปลาที่ศาลาริมเเม่น้ำ ปลาสวายดิ้นกันให้พล่าน ตัวใหญ่ขนาดที่แย่งฮุบเหยื่อที่ก็ดีดน้ำขึ้นมาใส่พลัมจนตัวเปียก

“พี่ปลาน่ากลัวจัง” พลัมคิดภาพตัวเองตกลงไปแล้วหลับตาปี๋ตัวส่ัน เนื้อเขาต้องโดนเเทะจนเละเเน่

พรึกยิ้มอ่อน ตบไหล่พลัมเบาๆ เป็นสัญญาณว่าถ้ากลัวก็ถอยออกมานั่งรับลมที่เก้าอี้เเล้วกัน วัดนี้เงียบสงบดังนั้นในศาลาจึงมีเพียงเขาสองคนเท่านั้น เเต่ทั้งคู่รู้ดีว่าที่นี่คือวัดเลยอยู่ด้วยกันอย่างสำรวม เพียงเเค่นั่งทอดสายตามองกอวัชพืชน้ำไหลเอื่อยๆ ไปตามทางเท่านั้น

พลัมดูเหมือนจะลืมเรื่องงานไปหมดเเล้ว ตากลมๆ ปรือตามความสบายของอากาศรอบตัว

“ง่วงแล้วหรอครับ”

พลัมหาวเเทนคำตอบ

“กลับบ้านนอนมั้ย”

คนตัวเล็กส่ายหน้าจนผมสะบัด

“พลัมอยากกินพี่จุ้ง จุ้งๆ ตัวโตๆ”

น้องทวงสัญญาที่พรึกบอกว่าจะพาไปกินกุ้งเเม่น้ำเผาที่ร้านเด็ดเเถวนี้

ร่างสูงพลิกข้อมือดูเวลา เขากะเวลาว่าสัก 5 โมงออกจากวัด เหลือเวลาอีกนิดหน่อย “ง่วงก็พิงคุณพรึกหลับก่อน”

พลัมหน้าตาตื่นเป็นเชิงว่าในวัดได้หรือครับ

“ไม่ได้คิดอกุศลสักหน่อย” คุณพรึกว่า

พลัมปากยื่น รู้นะที่บอกว่าไม่หนะใจแอบคิดใช่มั้ยละ อยู่ใกล้กันขนาดนี้เเต่คุณเขาไม่ได้โอบไม่ได้หอมเลย ทนได้ยังไงกันล่ะ

“เดี๋ยวออกจากวัดน้องให้หอมนะ”

ร่างสูงพรูลมหายใจ เนี่ย...พอใจเขาพยายามจะสูงน้องก็ลากลงมาตลอด เเต่ก็ยอมเพราะน้องทำไปด้วยความน่ารัก ไม่ได้หยาบโลนอะไร พรึกพยักหน้า ดูเวลาอีกที งั้นออกจากวัดไวหน่อยเเล้วกัน ถ้าร้านยังไม่พร้อมให้บริการเขาก็ไปจอดรอเเถวปั๊มข้างๆ ก่อนก็ได้

พลัมกระโดดลงจากเก้าอี้ ชะโงกหน้าไปดูพี่ปลาอีกรอบ เเหม พอไม่มีอาหารก็ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยนะ น้องบ๊ายบายผืนน้ำ บ๊ายบายสายลมเสร็จก็หันมาพยักหน้ากับพรึกเป็นเชิงว่าพร้อมไปละ

อยากบีบให้เเก้มเเตกทำไงดี จับมือก็ไม่ได้เเม่งเอ้ยเดี๋ยวลามไปอย่างอื่น คุณเขาเลยเดินเร็วมาก จนคนขาสั้นกว่าต้องวิ่งตาม เเถมพอมาถึงลานจอดรถเจอพี่หมาอีก บอกลากันอยู่อีกเกือบคร่ึงชั่วโมง

บางที่พรึกก็เกลียดความเป็นเพื่อนกับสัตว์โลกของน้องจัง

พลัมไปล้างมืออีกรอบ แล้วเดินมาขึ้นรถ BMW X1 กระชากตัวออกไปเร็ว จนหินกรวดในวัดขึ้นฝุ่นคลุ้ง อ่ะ..กับหมากับปลา คุณเค้าก็หึงเด้อ

เด็กน้อยนั่งไม่รู้เรื่อง ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับรูปเจ้าตูบที่ถ่ายติดโทรศัพท์มาด้วย

“อยากเลี้ยงพี่หมาจัง”

“เเต่อยู่คอนโดเลี้ยงไม่ได้”

พรึกตาขวาง ถ้าน้องเลี้ยงก็มัวเเต่เล่นกับหมาจนลืมคุณหมีนะสิ

“หนูก็เลี้ยงพี่เเทนไง ลูบหัวก็ได้ เกาคางก็ได้ นอนหงายให้ลูบพุงก็ได้”

“หื้อ...คุณพรึก พลัมเก็บไว้ให้เป็นฮับบี้ครับ จะมาเเย่งตำเเหน่งพี่หมาไม่ได้”

“ญาติเยอะไปหมดอะเรา พี่หมา พี่หมี พี่ปลา”

“ก็..ก็ พลัมไม่ค่อยมีครอบครัวนี่นา”

อ่า...พรึกเงียบปากเเทบไม่ทัน เผลอไปแตะเรื่องละเอียดอ่อนในใจน้องไปอีก

“คุณพรึกไม่ตั้งใจ” ร่างสูงละมือจากพวกมาลัยมารวบไหล่น้องไปกอด

พลัมอมยิ้ม ยื่นหน้าไปจุ๊บเเก้มสากเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร “ดีใจจังที่มีคุณพรึก พลัมคิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวได้ไม่เหงา จนได้มาอยู่กับคุณพรึก พลัมก็รู้ว่าจริงๆ พลัมยังต้องการใครสักคนในชีวิตอยู่ดี”

น้องเอนศีรษะซบไหล่แล้วบอกออกมาเสียงเรียบๆ

“ถ้าวันนึงคุณพรึกหายไป พลัมตายเเน่”

“ไม่เอา ไม่พูดเเบบนั้น หนูเก่ง หนูอยู่คนเดียวได้ เพียงเเค่ว่ามีคุณพรึกแล้วหนูเข้มเเข็งขึ้นเท่านั้นเอง” ร่างสูงเเก้ไขความเข้าใจให้เจ้าตัวเล็ก การที่เขาเป็นคนสำคัญของน้องนั้นก็ดี เเต่โลกนี้มีอะไรเเน่นอนบ้าง กลัวว่าถ้ายึดติดเกินไป แล้วเกิดความเปลี่ยนเเปลงขึ้นพลัมจะทนไม่ไหว

พลัมเข้าใจที่พรึกพูด เขาผ่านความสูญเสียคนสำคัญในชีวิตมาเยอะ เขาเข้าใจ

เเต่...ถ้าไม่เสียได้ มันก็จะดี





ตึกออฟฟิศย่านสาธร

เบลมายืนรอรับพลัมไปกินขนมที่ร้านตามปกติ ซึ่งทุกวันน้องจะเลิกงาน 6 โมง ถ้าวันไหนกลับดึกหรือพรึกมารับก็จะไลน์มาบอกล่วงหน้า

เกือบทุ่มเเล้ว เบลยืนดักอยู่ตรงทางออกลิฟต์ก็ไม่เจอ แถมโทรหาน้องก็เหมือนไม่ได้เปิดเครื่องด้วย ไอ้พรึกก็พอกัน เมียหายเเล้วมึงรู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย โทรติดต่อไม่ได้สักคน

“ลุง…”

สรรพนามไม่เกรงใจเซรั่มบำรุงหนังหน้าหลักหมื่นของเขาเเบบนี้มีอยู่คนเดียว

“เด็กเวร!”

“ครับ “คิวยิ้มรับหน้าชื่น พร้อมเดินเข้ามาหา

“เห็นน้องพลัมบ้างมั้ย โทรหาไม่มีสัญญาณเลยเนี่ย”

คือไม่ถูกกัน เเต่ก็คุยกันได้นั้นเเหละ อีกอย่างคิวยังวอเเวเบลชนิดเข้าหาวันละ 3 เวลาด้วย

“มันกลับไปตั้งเเต่บ่ายเเล้ว ไม่ได้บอกหรือไง”

“อ่าว...” เบลหน้าเสียไปอย่างที่คิวสังเกตเห็น เขาก้มมองกล่องขนมในมือที่เบลถือมาด้วย มันเป็นเอเเคลร์เเบบชิ้นยาว ราดครีมสีเหลืองอ่อนดูน่ากิน ด้านบนก็ตกเเต่งด้วยสตอเบอร์รี่สดชิ้นโต เเต่ครีมเหมือนจะเริ่มละลาย

“คุณมารอนานเเล้วหรอ” คือถ้าคุยกันดีๆ บ้าง คิวก็เรียกเบลว่า ‘คุณ’ ตามที่พลัมเรียกคุณพรึก

“อืม ตั้งเเต่เกือบๆ หกโมง ทำขนมเสร็จ ก็รีบเอามาให้น้องพลัม”

ไอ้พลัมคนชั่ว ถ้าเจอจะตีให้ตาย!

“ให้ผมกินเเทนได้มั้ย”

“ตะกละ!” เบลว่า แล้วหันหลังออกจากตึก เพื่อเดินกลับร้าน คิวเดินตามไปด้วยเพราะยังไงเขาก็กะจะไปขอข้าวเย็นกินตามปกติ เเต่พอกินเสร็จก็ต้องเปลี่ยนชุดเป็นเด็กเสิร์ฟจ่ายเเรงงานเเทนค่าอาหารด้วย

เบลเดินสาวเท้าไปบนฟุตบาท คิวสาวเท้าตาม สีหน้าเหงาหงอยเมื่อสักครู่ยังติดตาคิวอยู่ ทำให้เขารู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อกอบกู้จิตใจคุณเบล

“คุณเบล”

“มีอะไร” หนุ่มตี๋หันมาถาม หน้าตาเหมือนคนหงุดหงิด

“วันนี้ปิดร้านเเล้วไปไหนรึเปล่า”

“กลับบ้านดิ”

“เอ่อ...ไปดูหนังกันมั้ย”

คราวนี้เบลหยุดเดิน คิวเลยเเซงไปดักหน้า

“ถ้าไม่มีอะไรทำ เราไปดูหนังรอบดึกกันมั้ย” เด็กหนุ่มย้ำอีกครั้ง เบลอ้ำอึ้ง ถ้าถามว่าสนิทพอจะไปดูด้วยกันได้มั้ยมันก็ได้แต่เเบบรอบดึกเเล้วเขาก็ไม่ชอบเก้าอี้เบียดๆ ที่เข่าชนพนักพิงตัวข้างหน้า แต่จะให้เลือกนั่ง Honeymoon Seat กับไอ้เด็กนี้ก็...ขนลุกพิลึก

“ผมเอาคำตอบวันนี้นะ ไม่ใช่มะรืน ทำไมคิดนาน”

“ทำไมชวน”

“ก็ผมว่าง คืนวันศุกร์กลับห้องไปก็...ไม่มีอะไรทำ”

“เกมออนไลน์ โซเชียลมีเยอะเเยะ ไม่เล่นละ”

“คุณเบลเล่นพวกนั้นเเล้วหายเหงาหรือครับ”

ไอ้สัส!! หัวใจเหมือนโดนสั่นคลอน

เบลที่กอดถ้วยรางวัลคนเหงา 32 ปีซ้อนถึงกับสตั๊น

“มึงเหงา?” เขาถามย้ำคิวอย่างไม่เเน่ใจ หน้าอย่างมึงนี่ควรมีเพื่อนหรือมีสาวเยอะอยู่นะ

“หรือคุณไม่เหงา”

“ไม่อ่ะ ฉันมีเเอนโทนี่”

คราวนี้คิวทำหน้าเหวอ อย่าบอกนะว่าพี่เขามีเเฟนฝรั่งอยู่เเล้ว ไหนไอ้พลัมบอกว่าคุณเค้าโสดไง!

ไอ้พลัมเจอหน้ากันจะตีให้หัวเเตกจริงๆ!!

“เเมว” เบลเฉลยสั้นๆ เพราะเห็นหน้าคิวเหวอจนตลก

คิวตบอกแปะๆ ขอบคุณโลกใบนี้ที่มีสัตว์เลี้ยงน่ารัก แล้วเขาก็มองเบลด้วยฟิลเตอร์น่ารักอีกขึ้นเป็นกอง เลี้ยงเเมวด้วย งุ้ยๆ จัง

“เพราะฉะนั้นไม่ว่าง ต้องกลับไปเล่นกับแอนโทนี่”

“ไปเล่นด้วยได้มั้ย”

“แมวกูไม่เล่นกับคนเเปลกหน้าโว้ย” เบลเดินหนี คิวยิ้มกระโดดเด้งดึ๋งตามอย่างร่าเริง

“น่านะ คุณเบล ผมกลับห้องไปก็เหงา ให้เเอนโทนี่เยียวยาจิตใจผมหน่อย”

“รำคาญจังอ่ะ” เบลโวยวายแล้วก็ยัดกล่องพลาสติกใสใส่มือคิว

“ยัดปากเข้า จะได้เงียบๆ”

“โอเคครับ เงียบเเล้วเเปลว่าให้ไปหาเเอนโทนี่นะ”

“พ่อมึง รำคาญ”

“พ่อผมไม่รำคาญ”

“โอ้ย ไอ้เด็กเวร กูปวดหัวไปหมดเเล้ว”

“นะๆ ไม่ไปดูหนังในโรง ไปดูหนังที่ห้องคุณเบลก็ได้ เเล้วก็ได้เล่นกับเเอนโทนี่ด้วย”

“เออเเล้วเเต่มึงเลย รำค๊าญญญญ”

“น่ารัก”

“ว่าไงนะ”

“อ๋อ ผมชมเเอนโทนี่ว่าน่ารัก”

“ใช่ๆ คุณเค้าน่ารักมาก ขนฟูสุด แล้วขนก็นุ่มมากด้วย”

คิวหัวเราะกึกๆ ในใจ โอเคถึงคุณเบลจะไม่อ่อนโยน แต่ถ้าเข้าทางเจ้าเหมียวละก็ คุณเขาต้องอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟในเร็ววันเเน่ๆ

หึหึ...แอนโทนี่ลูกรัก พ่อที่พลักพรากกำลังจะไปหาหนูเเล้วน๊า!



TBC 



คือเเบบกรี๊ดหนักมากตอนนี้ คือคุณเบลน่ารักเกินไปแล้วววววว (ลืมคุณพรึกกับคนรักเขาไปก่อนนะคะ)

คือเเบบตอนที่มารอน้องแล้วน้องไม่อยู่คือสงสาร แต่เจอน้องคิวแล้วแบบ แต่ละประโยคแระเเทกใจจัง งื้อ FC น้องคิวนะคะ พี่รักหนู ไปไปสู้ลูก!!! 



#ทฤษฎีอ่อยเธอ 

ลงไว เพราะเหงา เหงาเท่าคุณเบล 55
เย่ๆ ตอนที่ผ่านมาได้หลายคอมเม้นเลย + เราใส่วันที่อัพให้แล้วน๊า ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
ปล. เรามีแจก สคส. อยู่ ใครสนใจไปกรอกฟอร์มตามลิ้งค์นี้ค่ะ

https://goo.gl/forms/zf59nw3vW2oGto922 (https://goo.gl/forms/zf59nw3vW2oGto922)







หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 13-14 (01 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 02-12-2018 20:39:01
Chapter 16





เดินกลับมาถึงร้านด้วยกัน ร่างสูงโดดเด่นเเละเครื่องหน้าที่ดูดีคนละเเบบ ฝั่งหนึ่งขาวตี๋พิมพ์นิยม อีกคนคมเข้มสไตล์พระเอกละครไทย สาวๆ ที่นั่งอยู่ในร้านเห็นถึงกับเเก้มเเดง แต่ก็จะมีสาวอยู่ประเภทหนึ่งที่ไม่ได้เขินอายเพราะตัวเองอยากได้ แต่...

“แกว่าใครรุกใครรับ”

“จุดนี้ต้องสลับโพสิชั่นป่ะว่ะ”

“รุกวันคู่รับวันคี่แบบนี้หรอ”

“เขินหวะ จะรุกจะรับ แต่เเมนๆ คุยกันแบบนี้ชอบหวะ”

“ฉันจะมากินร้านนี้ทุกวันเลย ฉันจะจับตาดูคู่นี้”

“มาด้วยๆ”

เสียงเม้าท์ของสาวๆ ไม่ได้ดังไปถึงหูเบลกับคิวหรอก เจ้าของร้านเดินเข้าไปในครัว คิวตามเข้าไปอย่างรู้งาน คุณเบลไปเเย่งเตาเชฟ เทๆ ของที่มีใกล้มือกระดกกระทะสองทีก็ได้ข้าวผัดหมูกรอบให้คนที่ตัวโตเหมือนยักษ์

“กินเสร็จก็รีบไปทำงาน ขยันให้คุ้มค่าข้าว”

“ครับ ได้ครับ” อยากจะเติมคำว่าทูลหัวลงไปแต่ก็กลัวโดนกระทะฟาดหน้า รอให้ได้งาบพี่เค้าก่อนเเล้วกันค่อยเรียกใหม่

เบลผัดข้าวเสร็จ ก็เดินออกไปหน้าร้าน กะจะไปหาของกินย้อมใจที่ถูกลูกชายหัวเเก้วหัวเเหวนเมินสักหน่อย

เหลือคิวนั่งอยู่ที่เคาเตอร์ในครัว เขาหยิบช้อนซ้อมมากินอาหารที่เบลทำเหมือนง่ายๆ แต่กลับอร่อยเหาะ พ่อครัวเเละเด็กครัวคนอื่นๆ เห็นเเล้วก็อมยิ้ม ที่พนันกันไว้ต้องมีคนได้คนเสียกันบ้างล่ะ

คิวทานเสร็จก็สวมผ้ากันเปื้อนเเล้วติดป้าย Trainee ออกมาช่วยด้านหน้า เขาทำมาหลายวันเเล้วจึงคล่องเเคล่วว่องไว คุ้มค่าข้าวของคุณเบลเเน่นอน ฝ่ายเจ้าของร้านที่นั่งว่างๆ ก็มองตามไปเรื่อยเปื่อย เด็กมันก็หล่อเเหละ ดูสิพวกพนักงานออฟฟิสสาวๆ เรียกไปสั่งอาหารกันใหญ่ ไม่เว้นเเม้เเต่ๆ หนุ่มๆ หลายคนก็ส่งตาสื่อความหมายให้คิวด้วย เหอะ! ขนลุก คือเขาไม่ได้รังเกียจนะ เพราะไอ้พรึกก็มีเเฟนเป็นหนูพลัม แถมเขาเองก็ยังนิยมก้นเด็กน้อยตัวขาวอมชมพู เเต่คิดภาพว่าไปยักคิ้วหลิ่วตาให้คิวก็เลยรู้สึก บรึ๋ย ขึ้นมาหน่อย

ร้านเบลปิด 4 ทุ่ม กว่าจะเคลียร์บัญชี แบ่งทิป และทำความสะอาดเสร็จก็เกือบห้าทุ่ม เพลียจะตายห่าอยู่เเล้ว ยังอุตส่าห์ต้องมีเด็กตัวควายๆ เกาะติดหนึบกลับไปคอนโดมิเนียมด้วยอีก คิวหิ้วกระเป๋าผ้าเเนวฮิปสเตอร์มาด้วยใบนึง เเล้วก็กระโดดขึ้นรถไปด้วยอย่างไม่เขินอาย

ที่พักเบลก็อยู่ในย่านสาธรไม่ไกลจากร้านนี่เเหละ

เบลเดินนำไปที่ห้องพัก พอประตูเปิดก็เห็นสิ่งมีชีวิตตัวฟูนั่งรอตาเเป๋วอยู่เเล้ว เบลย่อตัวนิดหน่อยมันก็ถอยหลังวิ่งเท

คตัวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างขี้อ้อน

“ไฮ แอนโทนี่” คิวทัก

ฟ่อววววว!!!

ขู่ทำเชี่ยอะไร กูว่าที่พ่อมึงนะโว้ย คิวส่งสายตาดุใส่

ฟ่อวววววววววว!!!!

“โอ๋ๆ ลูก เพื่อนปะป๊าเองครับ” เบลตบตูดลูกหน้าขนอย่างเอาใจ แล้วเดินไปเปิดลิ้นชักตรงชั้นใกล้ๆ หยิบซองพลาสติกยาวๆ มายื่นให้คิว

“ป้อนขนมคุณเค้าสิ ฉันไม่เคยพาใครมาที่ห้อง คุณเค้าคงไม่คุ้น”

ไม่ใช่ไม่คุ้น แต่แอนโทนี่ได้กลิ่นเหม็นๆ ต่างหาก รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะหัวเน่า เลยขู่ศัตรูคู่อาฆาตไว้ก่อน

อยากจะหยิ่ง เเต่เกิดเป็นเเมว เเล้วขนมของปะป๊าก็อร่อยมาก ยื่นลิ้นไปเลียก็ได้ ดูดหมับๆ แป๊บเดียวยอมเเปรพักตร์แหล่ว ถ้าพี่คนนี้เค้ามาบ่อยๆ หนูจะได้กินขนมเพิ่มใช่หรือไม่

“เมี้ยวววว ม๊าววววว” อ้อนเป็นเเมวเชื่องๆ ให้คิวเกาคางลูบหัวเลยจ้า

พอคุณชายของบ้านยอมทำตาพริ้มใส่ คิวก็ขออุ้มบ้าง หนักเหมือนกันนะเราน่าจะหกเจ็ดกิโลกรัมเลยมั้งเนี่ย แต่คิวก็อุ้มไว้ด้วยมือเดียว อีกมือก็เกาพุงเอาใจคุณเขาต่อ

“ฮ้อยยยย~ น่ารัก” คิวถึงกับครางออกมา มันนุ่ม มันลื่นไปหมด สมเป็นลูกรักของพ่อครับ เเขนล่ำๆ นั้นยกลูกขึ้นไปเเนบจมูก แล้วกระซิบท่องมนตร์ให้คุณเขามาเป็นพวก

‘หนูมาเป็นลูกคุณพ่อนะครับ ไหนลองเรียกสิครับ พ่อ’

“อยาเเดกหูเเมวกู” เบลคว้าคุณเขากลับไป แล้วปล่อยให้ลงไปเดินย่อย ซึ่งเดินไปได้สามเก้าก็เเหมะขาเเบะลงกับพื้น

“ขี้เกียจจริงๆ เลยคุณเเอนโธนี่”

“อย่าดุลูก”

“หืม? เมื่อกี้มึงพูดว่าไงนะ”

“อย่าดุลูก” คิวอมยิ้ม อ่า...เรียกคุณเค้าว่าลูกแล้วรู้สึกดีจัง ละมุนไปทั้งหัวใจ

“มีสิทธิ์อะไรมาเรียกคุณเค้าว่าลูก นั้นลูกกูโว้ย”

“เเอนโธนี่เป็นลูกพ่อคิวมั้ยครับ” คิวเดินไปนั่งยองๆ แล้วจับเจ้าสี่ขาพลิกหงายท้อง โดนเกาพุงเข้าอีกหน่อยก็ร้องตอบว่า “ม๊อวววว~”

“เนี่ย ลูกเรียกว่าพ่อละ”

“โอ้ย ปวดหัว อยู่กับเเม่งเเล้วมีเเต่เรื่องปวดหัว”

คิวยิ้มกริ่มอีก คือเขาเป็นเด็กผู้ชายวัยฉกรรจ์และค่อนข้างสัปดนตามนิสัยที่เป็นกันทั้งคณะ วันนี้คุณเขาปวดหัวด้านบน เเต่อยู่ด้วยกันไปนานๆ รับรองเลยว่าต้องปวดหัวด้านล่าง ร้องเรียกหาให้ช่วยลูบไล้คลายความเจ็บหนึบทุกวันเเน่นอน

“จะดูหนังก็ไปนั่งที่โซฟา เดี๋ยวไปทำป็อปคอร์นให้”

อยากจะกรี๊ด ว่าที่เมียเอาเอาใจเก่งจังอ่ะ อร๊ัง~

“แอนโธนี่มาหาพ่อครับ ไปดูหนังกัน”

คิวตบมือตรงหน้าเจ้าเหมียวที่หงายท้องเองเม้ง มันพลิกตัวกลับเเล้วเทคตัวขึ้นหาอ้อมแขนอีกฝ่ายอย่างไว ขนมเเมวซองเดียวก็เปลี่ยนใจจากทาสคนเก่าได้ เชื่อเขาเลย!

เบลงอนพลัม แล้วยังต้องมางอนแอนโธนี่อีก คิดแล้วก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าครัว ไปเอาป็อปคอร์นสำเร็จรูป แกะใส่ชามโยนเข้าตู้อบ

ปุ้งปั้งอยู่แป๊บเดียวกลิ่นหอมเนยก็ลอยกรุ่นไปทั่วห้อง เขาเดินเอามันไปวางหน้าคิว ที่กำลังเปิด Netflix หาหนังที่น่าสนใจ เบลเดินหายเข้าไปในครัวอีก แล้วค่อยออกมาพร้อมเเก้วเก็บความเย็นใบใหญ่ใส่น้ำอัดลม พร้อมหลอดดูสองอัน

เปรมปรีดิ์ยิ่งกว่าไปดูที่โรงภาพยนตร์

ระบบไฟห้องเบลควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล เขากดดิมให้มันสลัว บรรยากาศยิ่งดีเข้าไปอีก คิวนั่งโดยมีแอนโธนี่นอนทับพุงตาเเป๋ว ส่วนเบลชำเลืองไปมองไอ้ลูกชายจอมทรยศเเล้วก็ได้เเต่คว้าหมอนอิงมากอด

หนังเเอคชั่นเบาสมองเรื่องหนึ่งถูกฉายขึ้นบนจอ LCD ขนาดใหญ่ เบลจ้องหนังในจอตาไม่กระพริบเพราะเรื่องนี้เขายังไม่เคยดู มือก็หยิบเอาป๊อบคอร์นจากโถเเก้วที่วางไว้ข้างตัวเข้าปากไปด้วย

“คุณป้อนบ้างสิ”

“มือมึงไม่มีหรือไง”

“ลูบขนให้คุณแอนโธนี่อยู่”

เบลถึงกับต้องสละสายตาจากภาพยนตร์หันมาหาไอ้เด็กรุ่นน้องข้างตัว

“นี่ไง ถ้าเอามือออกคุณลูกก็จะหงุดหงิด” คิวลองยกมือออกห่าง ซึ่งเเอนโธนี่ก็ร้องเมี๊ยวขึ้นมาเสียงเเหลมเหมือนขัดใจ กำลังสบายตัวเลย จะมาหยุดเกาตัวหนูได้ยังไง!

“รำคาญโว้ย” เบลโวยวาย เเต่มือก็ยอมหยิบข้าวโพดอบเนยยัดเข้าปากคนข้างๆ พอต้องป้อนก็ต้องขยับเข้าไปใกล้ แถมเพื่อให้หยิบสะดวกก็ต้องเอาชามเเก้วมาถือไว้เอง กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่มีอะไรมาคั่นกลาง

“กินดีๆ อย่างับโดนนิ้วได้ป่ะ”

เบลดุ แต่คิวอมยิ้ม เขานิยามมันในใจเงียบๆ ว่าเเอบจุ๊บต่างหาก ไม่ใช่การงับสักหน่อย

กว่าหนังจะจบเขาก็แอบเม้มปลายนิ้วคุณเบลเบาๆ ไปหลายรอบ ก็ไม่มีส่วนไหนที่สัมผัสตัวคุณเขาได้เลยนี่นา การหาเศษหาเลยเล็กๆ แบบนี้ก็นับว่าโคตรสุขใจ

เบลลุกไปเก็บกระติกน้ำเเละโถใส่ป๊อปคอร์นในมือ ขาเดินกลับมาคิวเห็นว่าคนตัวขาวเเอบหาวหวอดใหญ่ เขาพลิกดูนาฬิกาข้อมือก็ตีสองเข้าไปเเล้ว หนังยาวจริงๆ

“ลุกๆ เดี๋ยวขับรถไปส่ง” เบลคว้ากุญเเจรถ เเต่คิวส่ายหน้า

“คุณง่วงเเล้ว อย่าขับเลย เดี๋ยวผมกลับเเท็กซี่เองได้”

เบลมองหน้าคิว วันก่อนตอนหัวค่ำมึงยังเถียงคอเป็นเอ็นอยู่เลยว่านั่งเเท็กซี่คนเดียวอันตราย พอดึกเข้าหน่อยเเล้วเปอร์เซ็นต์อาชญากรรมมันจะลดลงหรือไง

“ไปส่งผมแค่ที่ลิฟต์ก็พอ” คิวย้ำอีก เพราะคอนโดเบลต้องใช้คีย์การ์ดไปแตะเซ็นเซอร์ในลิฟต์เพื่อกดลงไปยังชั้น 1

“เเล้วดึกๆ มึงไม่กลัวเเท็กซี่เเล้วหรือไง”

“ก็กลัวเเหละ เเต่จะให้พี่ขับรถไปส่งผม แล้วขับกลับมาคนเดียวก็กลัวหลับในอ่ะ ผมเป็นห่วง”

“เฮาะ! ทีเมื่อก่อนเเล้วบังคับกูไปส่งจัง”

“อ่ะ พอวันนี้ไม่บังคับ ก็เร้าหรือจะไปส่ง คุณนี่ยังไง”

“มึงมึง!! ไอ้เด็กเวร”

“คุณเบลอย่าขึ้นบ่อย ตีนกาถามหายอีกสามเส้นเเล้วหนะ”

คิวยิ่งเต้นเข้าไปใหญ่ที่โดนว่าจุดอ่อนของคนเริ่มเเก่

“ไปเร็ว ยิ่งเซ้าซี้ยิ่งดึก” คิวกวักมือ เขาหอมหัวเเอนโธนี่เบาๆ เเล้วกระซิบบอกว่า “ไว้พ่อจะมาหาอีกนะครับ”

“ม๊าววว” แอนโธนี่ดูรักพ่อมาก เกาะเเขนเเน่นไม่ยอมลง หนูหวังขนมอีกซองอยู่นะครับ

“มาอุ้มลูกไปหน่อย งอเเงเเล้ว” คิวยื่นเเมวตัวใหญ่ไปให้เจ้าของตัวจริง

ถามว่าเขินไหมสัส! พูดจาเหมือนคู่พ่อเเม่ที่ลูกอ่อนพึ่งคลอดจากโรงพยาบาล

“เดี๋ยวกูไปส่ง วางคุณเขาลงที่พื้นนั่นเเหละ”

“เเม๊ววววววว” เเหนะ แอนโธนี่รู้นะครับว่าปะป๊า กับคุณพ่อจะทิ้งให้หนูอยู่ตัวเดียวดึกๆ

“ไม่เอาดิ ผมบอกแล้วไงว่าพี่ง่วงเเล้ว ขับรถคนเดียวมันอันตราย”

“ทำไมมึงพูดไม่รู้เรื่องว่ะ”

“พี่นั่นเเหละพูดไม่รู้เรื่อง”

“งั้นมึงนอนบ้านกู จบ รำคาญสัส”

หัวร้อนได้น่ารักจังอ่ะ! คิวกลั้นยิ้มจนเมื่อยเเก้ม คนบ้า คนผีทะเล ชวนผู้ชายนอนบ้านเฉย

“งั้นรบกวนด้วยนะคร๊าบบบบ”

“หน้าชื่นตาบานเชียวนะมึง”

“แอนโธนี่ครับ คืนนี้คุณพ่อนอนกอดน๊า”

“ม๊าวววว”

ลูกรักกระโดดขึ้นอ้อมเเขนคุณพ่อทันที หนมหนม!

เบลหมั่นไส้ขั้นสุดทั้งพ่อทั้งลูก เจ้าของบ้านเดินหายไปในห้องนอนเเล้วกลับมาพร้อม เสื้อยืด กางเกงขาสั้นสำหรับนอน เเล้วก็ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่

“ซักกางเกงในเเล้วตากไว้ตรงระเบียงพรุ่งนี้จะได้มีอะไรใส่”

“ครับ” คิวรับคำอย่างว่าง่าย และไม่กวนตีน เพราะเเค่เบลอนุญาตให้เขานอนด้วยก็ถือว่าเหนือความคาดหมายไปมากแล้ว

“มึงใช้ห้องน้ำข้างนอก เดี๋ยวกูไปใช้ห้องน้ำในห้องนอน ห้องนอนเเขกอยู่ตรงนั้น เปิดเข้าไปนอนได้เลย”

“ครับ...” คิวตอบเบล แล้วหันไปพูดกับเจ้าลูกหน้าขนว่า “คืนนี้นอนกับคุณพ่อนะครับ คุณพ่อจะลูบขนหนูทั้งคืนเลย”

“ไม่!! แอนโธนี่ต้องนอนกับกู คุณเค้าติดกู”

“ลูกจะนอนกับใครครับ” คิวหันไปถาม แล้วเเอบเกาคางกระตุ้นมันเล็กน้อย หน้าพร้อมซบอกคนเจ้าเล่ห์อย่างไว

“แอนโธนี่ ปะป๊าจะโกรธเเล้วนะ!!” เบลหัวร้อนขั้นสุด

“ลูกอยากนอนกับผม ถ้าคุณอยากนอนกับลูก ก็มานอนกับผมสิ”

“ไม่!! กูจะนอนที่เดิม มึงกับลูกนั่นเเหละที่ต้องมานอนเตียงกู”

“โอ้ย ดีลครับ!” คิวชอบจัง ชอบเวลาคุณเบลหัวร้อนเเล้วเผลอคิดไม่ทันเเบบนี้ มันเข้าทางเขาทุกทีสิน่า



ร่างสูงใหญ่สมวัยเดินเข้าไปในห้องนอนเบล คนตัวขาวสวมชุดนอนเเขนสั้นขายาวที่เป็นเซ็ตเดียวกันนั่งอยู่บนเตียงเเล้ว คือมิดชิดมาก เเต่พออยู่บนตัวคนหน้าตี๋ ที่กำลังหาวหวอด ผมยุ่งๆ ทำไมมันรู้สึกเซ็กซี่จังว่ะ คิวเดินไปนั่งลงที่อีกฝั่งของเตียงหกฟุต

“เอาคุณเเอนโธนี่มาวางตรงกลาง” เบลสั่งเสียงเเข็ง

ไม่ขัดใจเลยค่ะที่รัก จะวางตรงไหนก็ได้

คิวปล่อยคุณเขาให้ลงไปนวยนาดบนเตียงนุ่ม เจ้าขนทิ้งตัวลงแปะเเล้วขดเป็นวงกลม หลับตาพริ้ม เบลนอนบ้างแต่ยื่นมือข้างหนึ่งมาลูบๆ ตรงก้นของคุณเขาอย่างที่ทำทุกคืน คิวก็เนียนลูบบ้าง ให้มือเผลอไปโดนเบาๆ

“ไอ้!”

“ชู่ว~ เดี๋ยวลูกตื่น”

มีเป็นหมื่นเเสนล้านคำในใจเบลที่อยากด่า เเต่เห็นว่าเเอนโธนี่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา เขาจึงไม่ได้อ้าปาก

“คุณเบลฝันดีนะ”

“…”

“บอกกลับบ้างดิ”

“รำคาญ” ไม่มีคนบอกเขาเเบบนี้มากี่ปีเเล้วว่ะ

“อยากบอกคุณเเบบนี้ทุกคืนเลย แล้วคุณก็ตอบกลับบ้าง มันคงมีความสุขดี”

“เหอะ ได้ยินเสียงมึงก่อนนอนทุกคืน ฝันร้ายกันพอดี”

“แต่ถ้าได้ยินคุณบอก ผมคงหลับฝันดี”

“เพ้อเจ้อ”

“นอนเถอะครับดึกแล้ว” คิวตัดบท เพราะไม่รู้ว่าเถียงกันไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา

“อือ...ฝันดีก็ได้ เด็กบ้า!”

คุณน่ารักเกินไปแล้ว!!



TBC 



เธอกรี๊ดเหมือนที่ฉันกรี๊ดมั้ย B1 

ตอนนี้แอร์ไทม์เป็นของคู่นี้เท่านั้น จาเป็นลมในความน่ารักน่าเอ็นดู​ ใครชอบก็หวีดกันได้เด้อ

#ทฤษฎีอ่อยเธอ

ทวิตเตอร์ไรต์ @sweeterthansw

หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 15-16 (02 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 02-12-2018 21:50:49
คู่พรึกพลัมว่าละมุนแล้วนะพอเจอคู่คิวเบลไปละมุนเว่อร์ แถมคู่นี้มีลูกด้วยกันอีก ครอบครัวสุขสันต์เลย คุณพรึกรีบปั๊มลูกกับน้องพลัมได้แล้วเดี๋ยวตามเพื่อนไม่ทันน๊า  :o8:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 15-16 (02 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-12-2018 23:30:25
เนียนมากจ๊ะคุณพ่อ แหม เรียกลูกเรียกพ่อเชียว (น้องพลัมคุณพรึกยังคงน่ารัก) รอตอนต่อไปค่ะ ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 15-16 (02 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-12-2018 13:50:31
คุณเบลน่ารัก
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 15-16 (02 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 03-12-2018 19:08:16
Chapter 17





‘ไอ้คิวสารภาพมาเดี๋ยวนี้ ว่าในไอจีมึงคืออะไร’

My Son and Sea

บ่ายๆ วันเสาร์ พลัมพิมพ์ไลน์เร็วมากเว่อร์ เมื่อเห็นไอจีของเพื่อนเเจ้งเตือนรูปใหม่ขึ้นมา มันเป็นเเมวขนฟูหน้าหล่อตัวหนึ่ง ยืนอยู่ตรงระเบียงที่เห็นชายหาดเเละทะเลอยู่ไกลๆ แถมอยู่กันมาจนถึงปีสามไอ้คิวคนปากหมาก็ไม่มีทางพ่นเเมวออกมาจากปากได้หรอก

‘ไม่เสือกดิ’

‘ได้ ได้ ไอ้เพื่อนเวรกูจะฟ้องมัมมัมเดี๋ยวนี้ว่ามึงมันหลายใจ’

เปิดกล้อง ปาดฟ้าบไปเห็นเเผ่นหลังขาวๆ ของใครบางคนดำผุดดำว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำส่วนตัวของห้องพักริมทะเล

คิวปิดกล้อง แล้วรออ่านคำด่าจากพลัม

‘มึงอยู่กับมัมมัมหรอ’

‘เออดิ’

‘อิเหี้ย ตื่นเต้นเว่อร์ อะไรยังไงอ่ะ คบกันเเล้วหรอ กูยังไม่ทันทำอะไรเลย ทำไมกัปตันกูเเล่นเรือไวจังอ่ะ’

‘รอมึง ลูกกูก็กำพร้าพ่อนานสิ’

เปิดกล้อง ให้เห็นความน่าร๊ากกก ของคุณเอนโธนี่ที่อยู่ในอ้อมแขน

‘ฟิลเตอร์อ่อนโยน ฟิลเตอร์คุณพ่อ บ้าไปแล้ว’ พลัมโวยวายในเเชท จนคิวหัวเราะ

‘มึงงงง คุณเบลเลี้ยงแมว แล้วเเทนตัวเองว่ะปะป๊า กูใจบาง กูจะทรุดอ่ะ น่ารักชิปหาย’

‘มัมมัมแม่งโคตรน้อง น้องกว่ากูอีกอ่ะ อ่อนโยนไปหมด’

‘พลัมมึงมีผัวเเล้ว ห้ามเเย่ง’

‘จิตอกุศล นั่นเเม่มั้ย’

‘ระเเวงบอกตง คุณเค้าน่ารักงุ้ยๆ ไปหมด’

‘กูเชื่อเเล้วว่าฟิลเตอร์น่ารักของเเต่ละคนไม่เท่ากัน’

‘แล้วมึงหลอกล่อมัมมัมอีท่าไหน ทำไมไปเฉิดฉายกันที่ทะเลได้’

‘มึงอ่ะไอ้ลูกไม่รักดี ทิ้งที่รักกูให้เหงาหงอย’

‘ที่ร้งที่รัก กูขออนุญาตไปอ้วกแป๊บ’

‘ทำไมพลัม ทำไม มึงเป็นหนักกว่ากูเหอะ อย่ามาทำเป็นไม่เคยเก็บเอาหน้าคุณพรึกไปช่วยตัวเอง’

‘เซ็นเซอร์มึงได้มั้ย เเจ้งตำรวจมาจับก็ได้ ข้อหายังมีเยาวชนหลุดรอดเข้ามาอ่าน’

‘อย่านอกเรื่อง!! มึงอ่ะ กลับบ้านไม่บอกคุณเบล คุณเค้าเอาขนมไปรอมึงใต้ตึก น่าสงสารรอต้ังนานลูกใจหมาก็ไม่โผล่หน้ามาให้เเม่เห็น’

‘แง้ น้องสำนึกผิดไม่ทันเเล้ว’ พลัมทำหน้าจ๋อย เมื่อวานเขาซึมๆ เรื่องงานกลับบ้านก็มัวเเต่อ้อนคุณพรึก เเบตโทรศัพท์หมดก็ไม่ได้ชาร์ต อย่างว่าเเหละ พอเขาอยู่กับคุณพรึก โทรศัพท์ก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้นี่นา

‘โทรมาขอโทษคุณเบลเลย เขาคิดว่ามึงไม่รักเค้าเเล้ว ตอนทำหน้าเหงานี่น่าสงสารสัส’

‘มึงก็เลยใช้ช่องโหว่ตรงนี้จู่โจมเขาสินะ’

‘อย่าเรียกว่าจู่โจม ให้เรียกว่ารู้จักใช้สถานการณ์ให้ตัวเองเป็นต่อ’

‘หึ มึงมันร้าย ขอบคุณกูซะที่เปิดโอกาสให้มึงทำคะเเนน ต่อไปนี้ให้เรียกกูว่า ท่านพลัมผู้มีพระคุณ’

‘อนาคตมึงก็ลูกกูอ่ะ อย่ามาลามปากกับป๊ะป๊านะครับ’

‘เกลียดมึงอะคิว รู้สึกได้ว่ามัมมัมกูไม่ปลอดภัย’

‘มีกูเป็นผัว ปลอดภัยกว่ามีมึงเป็นลูกแน่นอนไอ้เตี้ย เเค่นี้นะ ไปเล่นน้ำกับ My Bell My Bae~ ดีกว่า’

พลัมเเทบกรี๊ด เขาเหมือนเห็นมีสายรุ้งเเละโพนี่ทะลุจอออกมา มึงจะรักกันได้ลั้ลลาเกินไปแล้วไอ้เพื่อนคิว!!





ย้อนกลับไปตอนเช้าที่คอนโดของเบล

เจ้าของห้องตื่นมาพร้อมอาการงุนงงว่า ไอ้สิ่งอุ่นๆ ที่กอดมาทั้งคืนทำไมรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนเเอนโธนี่ แต่เป็นเป็นเเขนหนึ่งท่อนใหญ่ๆ ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแบบน่าอิจฉาเเทน

นี่กูนอนกอดไอเด็กเวรมาตลอดทั้งคืนใช่ไม่ใช่ แล้วเเอนโธนี่ลูกรักละ ปกติต้องมานอนคลอเคลียให้ปะป๊ากอดเซ่~

“เมี๊ยว~” นั่นไอลูกไม่รักดี นั่งเลียฝ่าเท้าอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของตัวคิว พูดง่ายๆ ว่าเเขนข้างหนึ่งของคิวโอบแอนโธนี่ ส่วนแขนอีกข้างโดนเบลยึดไว้

“โว้ยขนลุก!” เบลเผลอคำรามออกมา จนคิวลืมตาเเล้วหันมามองของกลาง

“พี่นอนกอดผมหรอ”

“พ่องงงงมึงงงงงง”

“เช้ามาก็ให้ศีลให้พรเลยนะครับ”

“พ่องงงงงมึงงงงงง ออกไปจากเตียงกูได้แล้ว” เอาตีนถีบแบบเบาๆ เหมือนแมวสะกิด

“แหนะ ลักษณะเหมือนคนเขิน”

“เขินเหี้ยไร”

“เขินที่กอดเเขนผมนอนใช่มั้ย”

“กอดเหี้ยไร มึงเเม่งมั่ว”

“ก้มมาดมดูได้ ผมว่ากลิ่นนำ้ลายบูดพี่ชัวร์ ตรงเนี่ยที่หัวไหล่อ่ะ” คิวพยักเพยิดไปตรงจุดเกิดเหตุ เบลทำหน้ายี้

“เนี่ยทำอะไรไม่รับผิดชอบ เสื้อเค้ามีพ่อมีเเม้ จะมาทิ้งน้ำลายไว้แล้วไม่สนใจได้ไง”

“แค่น้ำลายหก มึงจะให้กูรับผิดชอบอะไร”

“พาผมไปเที่ยวหน่อย วันเสาร์ทั้งที”

“มึง 6 ขวบหรือไอ้เด็กยักษ์ ที่จะไปเที่ยวแล้วต้องให้ผู้ปกครองพาไป”

คิวไม่ตอบ หันไปอุ้มคุณเเอนโธนี่มานอนบนอก แล้วเนอะเนาะกับเเมวหนุ่มเเทน

“ลูกอยากไปเที่ยวทะเลมั้ยฮับ ถ้าปะป๊าเค้าไม่อยากไป เราไปกันสองคนพ่อลูกก็ได้เนาะ”

“เมี๊ยว เมี๊ยววววว”

จะออดอ้อนอะไรขนาดนั้นครับแอนโธนี่ ช่วยหยิ่งให้เข้ากับหน้าตาเเละสายพันธ์หน่อยได้มั้ยลูก

“ลูกคงอยากวิ่งเล่นบ้าง คุณจะใจร้ายปล่อยให้เค้าอยู่แต่ในห้องแคบๆ แบบนี้หรอ”

แค่ประโยคสองประโยคกูก็กลายเป็นคนทารุณกรรมสัตว์เลยนะไอเด็กเวร คอนโดกู 112 ตารางเมตร รวยสุดในย่านสาธรเเล้วนะโว้ย ยังไม่กว้างพอให้คุณเขาวิ่งเล่นอีกหรออออ

“สงสารลูกจัง”

“หงิงหงิง” เเอนโธนี่ครางน่าสงสารเป็นลูกหมาเลย

“คุณเบลจะอุดอู้อยู่ในห้องก็ไม่เป็นไรนะ เเต่ผมขอพาเเอนโธนี่ไปหัวหิน พาคุณเขาไปรับอากาศบริสุทธิ์หน่อย”

“จะไปยังไง”

“ก็คงไปขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ ไปกันแบบลำบากๆ สองคนพ่อลูก ขอเเค่ให้ลูกได้เห็นทะเลสักครั้งในชีวิตผมก็มีความสุขเเล้ว”

ดึงดราม่าขนาดนี้ มึงโพสลงรายการวงเวียนชีวิต อ้อนขอความเมตตาจากสังคมเลยมั้ยละ

“ถ้าคุณมีน้ำใจ ก็ไปส่งผมกับลูกที่ท่ารถก็พอ”

“เหี้ย! รำคาญ ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวกินข้าวเช้าเเล้วไปหัวหินกันก็ได้ แต่กูไม่ขับนะขี้เกียจ”

คิวนี่อยากพุ่งไปกอดรวบเอว เเล้วหอมพรมให้ทั่วหน้า เวลาคุณเขาหัวร้อนเเล้วน่ารัก น่ารัก น่ารักเป็นอินฟินิตี้เลยโว้ย

และด้วยความเป็นผู้ชายทั้งคู่ เลยทำทุกอย่างว่องไว เบลทำเเซนวิซใส่กล่อง เทกาเฟดริปใส่กระติกเก็บความร้อน เเล้วจัดการเอาของเล่นเเมวเเละอาหารใส่ตะกร้า เเวะไปเอาเสื้อผ้าที่หอคิวอีกไม่เกิน 10 นาที สองคนหนึ่งเเมวก็มุ่งหน้าสู่ทะเลอย่างเบิกบาน สมเป็นครอบครัวสุขสันต์ หรอ?

ที่พักเบลเคยเสิร์ซๆ ไว้บ้างแล้วก่อนหน้านี้ เพราะก็อยากพาคุณลูกเขามาเที่ยว เเต่ติดว่าไม่รู้จะมากับใครก็เลยไม่ได้มาสักที วันนี้เจ้าเด็กคิวชวนเขาเลยไม่ได้ใจเเข็งปฏิเสธ

ระหว่างคิวขับรถ เบลก็เลยติดต่อหาที่พักเสร็จสรรพ ในที่สุดช่วงเที่ยงเขาก็เข้าเช็คอินน์ที่โรงเเรมเเห่งหนึ่งริมชายหาด แถมยังเป็นห้องที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย ค่าห้องเบลก็เป็นคนจ่าย เพราะยังไงเขาก็เป็นเจ้าของกิจการมีรายได้ ส่วนคิวนั้นยังเป็นนักศึกษา เจ้าเด็กตัวโตขนของลงจากรถ ส่วนเบลอุ้มเเค่คุณเเอนโธนี่เดินไปยังห้องพัก เเลดูเหมือนลูกชายสุดที่รักจะอยากมาทะเลจริงๆ พอเจอสถานที่เเปลกตาเข้าหน่อยก็วิ่งไปวิ่งมาสำรวจอย่างร่าเริง

“สั่งอาหารมากินในห้องมั้ย ออกไปตอนนี้ก็ร้อน” เบลออกความเห็น ส่วนคิวเขามีหน้าที่เเค่ตามใจอยู่แล้วเลยไม่ขัด

ทั้งคู่ได้อาหารไทยที่ทำปรุงจากวัตถุดิบทางทะเลสดๆ ก็อิ่มเอมฟินไป เจ้าเหมียวเองเบลก็สั่งเนื้อปลาต้มสุกมาให้เป็นมื้อพิเศษด้วย

เบลน่ังย่อยเเป๊บเดียวก็ฝากแอนโธนี่ไว้กับคิว ตัวเองไปเปลี่ยนกางเกงขาสั้นลงเล่นน้ำเป็นเด็กเลย เเละนั่นก็เป็นช่วงเวลาท่ีคิวถ่ายรูปลูกชายลงโซเชี่ยล พร้อมทั้งคุยอวดพลัมถึงชีวิตรักอันเเสนโรเเมนติก





“คุยกับใครครับคนเก่ง หน้าตาบู้บี้เชียว” พรึกเดินมารวบเอวน้องไปนั่งตัก พลางวางกีวี่เย็นเจี๊ยบที่เขาปอกใส่ตู้เย็นไว้ลงบนโต๊ะหน้าโซฟา

“ไอ้คิวพาคุณเบลไปทะเลครับ”

“หนูอยากไปบ้างหรือคะ” คุณพรึกถามเสียงนุ่ม จุ๊บเเก้มหอมๆ ที่เขาปะเเป้งให้กับมือเสียหนึ่งที

“เราเพิ่งไปกันมาเอง หนูเเค่ได้นอนเล่นนั่งเล่นกับคุณพรึกทั้งวันแบบนี้ก็เเฮปปี้เเล้ว”

“ทำไมอ้อนเก่งขึ้นทุกวันเลยอ่ะ”

“ก็คุณพรึกหล่อ ใจดี สปอร์ต น่าอ้อนนี่นา ถ้าไม่อ้อนจะให้พลัมทำอะไรละ”

“หลงจะเเย่เเล้วค่ะ”

พรึกฟัดเเก้มนุ่มๆ เป็นการยืนยันคำพูดอีกหลายฟอด

“นี่ๆ น้องช้ำหมดเเล้ว”

“รอวันทำให้ช้ำกว่านี้จะไม่ไหวแล้ว เมื่อไหร่จะเรียนจบอะคะคนดี”

“ฮ้อย~ น้องก็อยากจบเเล้ว น้องอยากเล่นกับพี่มอนสเตอร์ตัวจริงเเล้ว”

“แล้วตัวไม่จริงคืออะไร”

“ก็น้องอันเล็กๆ สีชมพู”

“น้อง!!!” พรึกขึ้นเสียงจนพลัมทำหน้าจ๋อง

“ก็..ก็จะให้หนูทำไงอ่ะ หนูอยู่ใกล้คุณพรึกก็มีอารมณ์นะ หนูเป็นวัยกำลังมีความต้องการ”

“อยากตีให้เจ็บๆ ได้มั้ยคะ”

พรึกบีบก้อนก้นด้วยความมันเขี้ยว ทำยังไงดีๆ เขากับพลัมเหมือนน้ำมันที่ใกล้ไฟ จะห้ามใจได้ถึงวันรับปริญญามั้ยเนี่ย

“คุณพรึกไม่ตบะเเตกสักหน่อยหรือครับ คุณพรึกทนน้องได้ไงน๊า สงสัยจัง”

ไม่ว่าเปล่าบดก้นสู้มือพรึกไปอี๊ก!!

“พลัมคุณพรึกว่าเราเเยกย้ายกันสักครู่มั้ย แล้วเดี๋ยวค่อยเจอกันตอนมื้อเย็น”

“คุณพรึกสองชั่วโมงเลยหรือครับ” เจ้าเด็กน้อยทำตาโต

“รอบเดียวไม่เคยพอ หนูทำคุณพรึกให้เป็นคนหมกมุ่นในกามรู้มั้ยคะ”

“หนูผิดหรอที่น่ากินขนาดนั้น”

“ไม่ผิดค่ะ” ทั้งกอดทั้งหอมจนพลัมจั๊กจี้ไปหมด

“ให้หนูช่วยมั้ยละ”

“ไม่เป็นไร คุณพรึกแอบถ่ายหนูไว้หลายรูป พอจะเเทนกันได้อยู่”

“คุณพรึก!!” พลัมฟาดอกคนไหล่กว้างไปหลายที นิสัยไม่ดี เอารูปคนอื่นไปทำอะไรก็ไม่รู้

“จูบทีสิคะ” พรึกอ้อน พลัมยังหน้างอ แต่ก็ยอมจูบตอบ ผลัดกันงับปากไปมาสักพักก็ได้เรื่อง

“เจอกันมื้อเย็นนะคะ คุณพรึกต้องไปแล้ว” พรึกดันน้องออกจากตัว คว้าโทรศัพท์แล้วก็วิ่งพุ่งไปในห้องน้ำ ปล่อยให้พลัมเขินบิดกัดหมอนอยู่คนเดียว บ้าบอที่สุด





TBC 

เป็นไง งุ้ยๆ มั้ย คุณเบล ไรต์กรีดร้องเว่อ

หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 15-16 (02 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 03-12-2018 19:09:21
Chapter 18





วันสุดท้ายของการฝึกงานพี่ๆ ในเอเจนซี่โฆษณารวมตัวกันพาน้องๆ ไปเลี้ยงข้าวเย็น เเละพากันไปต่อที่ผับชื่อดังเพราะทุกคนอายุเกิน 20 หมดเเล้ว พลัมบอกพรึกไว้ล่วงหน้า ดังนั้นอาจารย์หนุ่มจึงมารอรับกลับบ้านได้อย่างไม่มีธุระอะไร พรึกมารอรับพลัมก็ไม่เเปลก เเต่ทำไมบนโต๊ะ VIP ชั้นสองถึงมีเบลนั่งอยู่ด้วย พันวาเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนของผับนี้หันมองทั้งคู่สลับกันเเล้วอดคันปากไม่ได้

“มึงมาทำอะไรว่ะเบล”

“พันวาครับ กูมาเเดกเหล้าฟรีมึงไง”

“เนี่ยๆ นิสัย กูจะปริ้นท์รูปมึงแปะไว้ที่หน้าผับละ เห็นตี๋หน้าเหี้ยไม่ต้องให้เข้ามา”

“พันวาครับ กูเพื่อนมึงไง ไม่มีกู มึงก็ไม่มีใครคบเเล้วนะ”

“เบลเยี่ยมครับ มึงถามกูบ้างหรือยัง ว่าอยากคบมึงหรือเปล่า”

เบลยกนิ้วกลางให้เพื่อนสนิท เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาได้ดี วันนี้พวกเขาไม่ครบเเก๊ง เพราะเเคมป์นักธุรกิจสายอสังหาริมทรัพย์อีกคนไม่ได้มาร่วมวงด้วย เหตุผลเดิมๆ คือภรรยาลากไปออกงานเลี้ยงไฮโซที่ไหนสักเเห่ง

“เบลมึงอย่ามาซึน มาเฝ้าเด็กก็บอก” พรึกชงกลับไปบ้าง เพราะเขาก็เป็นฝีพายที่ดีให้พลัม

“เออ กูมาเฝ้าหนูพลัมลูกกูไม่ให้มีผีร้ายมาเกาะเเกะกร้ำกราย”

“หรา เบล หรา ไหนหนูพลัมของมึงอยู่ไหนชี้สิ”

“นั่นไงเต้นกับเพื่อนอยู่หน้าเวทีตรงนั้นอ่ะ” เบลชี้ไปซึ่งตรงนั้นมีเเค่คิวเพราะ...

“คุณพรึก~” น้องเสียงอ้อนอยู่ข้างตัวนี่เอง

เบลสะดุ้งเฮือก ฉิบหาย เเล้วสายตาเขาเอาเเต่จับจ้องใครว่ะเมื่อกี้

“สวัสดีครับมัมมัม สวัสดีครับคุณพันวา” น้องยกมือไหว้อย่างน่ารัก

“มากราบตรงอกป๋า เเล้วเอาผับ เอารถ เอาบ้าน ไว้ไปเป็นของรับขวัญเลยจ้า”

“เบาหน่อย นี่เเฟนเพื่อนไง”

พลัมหัวเราะ เพื่อนคุณพรึกนี่ออกลายเสี่ยอยากเลี้ยงหนูๆ ทุกคนเลย

พรึกรับพลัมมานั่งตัก เอามือข้างนึงกอดเอวไว้หลวมๆ แล้วยื่นพาวเวอร์เเบงค์พร้อมสายชาร์ตให้น้องต่อเข้ากับโทรศัพท์ พลัมไลน์มาบอกตั้งเเต่เมื่อสักครู่เเล้ว ว่าจะขึ้นมาที่ชั้นสอง ในขณะที่ไอ้เบลเยี่ยมจอมปากเเข็ง ไม่ได้รับรู้อะไรเลย เพราะตามัวเเต่จ้องเพื่อนสนิทของพลัมที่มีสาวๆ หนุ่มๆ มาชนเเก้วเหล้าด้วยไม่ขาด

พลัมกระตุกอกเสื้อพรึก ให้เเล่นเรือต่อ

“หวงมึงก็ลงไปเฝ้าดิ๊ มองอยู่ไกลๆ ใครจะรู้ว่าน้องมีเจ้าของเเล้ว”

พันวาตาโต มองพรึกกับเบลอย่างต้องการใส่ใจหาความรู้สุดๆ

“โปรดอธิบายเพิ่มเติมกูทีครับสังคม”

“ใครเฝ้าใคร ใครเป็นเจ้าของใคร ไอ้เหี้ยพรึก มั่ว!”

“มีคนมาขอไลน์คิวเต็มเลยครับมัมมัม คิวปฏิเสธว่ามีเเฟนเเล้วก็ไม่เชื่อบอกว่ามีเเฟนจริงๆ เเฟนต้องมาคุมสิ จะปล่อยให้ไปยืนเต้นคนเดียวได้ไง”

เบลเยี่ยมเริ่มยกเล็บมากัด มันฮอตขนาดนั้นเลยหรอว่ะ ไอ้เด็กยักษ์อ่ะ

“เนี่ย ตอนพลัมยืนอยู่ยังพอช่วยกันไว้ได้ พอพลัมมาไม่รู้คิวคนใสใสจะรับมือได้หรือเปล่า”

“เเต่หนูต้องชาร์ทเเบตนะคะ คุณพรึกต้องกักตัวไว้ตรงนี้ก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวติดต่อกันไม่ได้ คุณพรึกใจไม่ดี”

พลัมพยักหน้า ซบเเก้มอ้อนกับกล้ามแขน

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพรึก ยังไงเจ้าคิวมันก็ไม่มีคนคอยหวงอยู่เเล้ว ก็ปล่อยใส่พานไปถวายคนเเถวนั้นไปแล้วกัน”

“เห็นเพื่อนโสดมานานก็สงสาร เนี่ยยิ่งพอพลัมมาเป็นเเฟนคุณพรึกนะ มันก็เหงากายเหงาใจ ไม่มีใครคอยไปเที่ยวด้วย พลัมสงส๊ารสงสารครับ”

“โอ๋ๆ หนูนะคะ ทำไมน่ารักขนาดนี้ เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนเหลือเกิน”

สองสามีภรรยาเล่นละครได้อย่างหมั่นไส้ และคนหัวไวอย่างพันวาก็เข้าใจทุกสิ่ง ยกเว้นเบลเยี่ยม

“กูลงไปกินเหล้ากับไอ้เด็กคิวดีกว่า หนูพลัมมานั่งบนนี้เเล้วเดี๋ยวมันเป็นภาระคนอื่น”

พูดจบเบลก็หายพรวดไปพร้อมเเก้วน้ำส้มแฟนต้า เนื่องจากว่าคืนนี้ต้องขับรถกลับ หรือที่จริงก็มารอรับไอ้เด็กฮอตอย่างไฟเยอร์คนนั้นเเหละกลับ

พลัมกับพรึกหันมาชนหมัดกันอย่างอารมณ์ดีที่เเผนสำเร็จ พันวาอยากมีส่วนเอี่ยวด้วย เลยยื่นมือมาบ้าง พรึกได้เเต่ตีๆ ไล่พวกเนียนเกาะเเกะเเฟนคนอื่น

“เอาจริงหรือว่ะ กูนึกว่าไอ้เบลจะชอบเเนวๆ หนูพลัมเสียอีก” พันวาว่า

“คุณเบลควรมีคนดูเเลครับ เเละพลัมเชื่อว่าคิวเพื่อนพลัมก็จะทำหน้าที่นั้นได้ดี ในฐานะญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายก็ขอโอกาสสู่ขอคุณเบลจากคุณพันวาเเละคุณพรึกเลยนะครับ เราจะได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันไวไว”

“โอ้ย ไอ้ตัวเล็กนี่น่ารักจังโว้ย” พันวาเเทบจะพุ่งเข้ามาบีบเเก้มพลัมให้เเตก มันเขี้ยวเหลือเกิน ตัวจิ๋วๆ เเก้มกลมๆ ปากเเดงๆ ช่างพูดช่างเจรจา

พรึกกอดน้องไว้เเน่น

“ถ้าชอบเดี๋ยวพลัมหาน้องๆ ที่เหงาใจมาให้คุณพันวาเอ็นดูนะครับ”

“เอาที่บรรลุนิติภาวะเเล้วนะ พี่ไม่อยากเข้าคุก”

“คบเเค่ไอ้เหี้ยเบลก็เสี่ยงพรากผู้เยาว์มาทั้งชีวิตเเล้ว”

“ครับ” พลัมอมยิ้มรับคำ แล้วก็นั่งจิบเหล้าผสมอ่อนๆ มองดูความเป็นไปข้างล่างต่อ แหม...คุณเบลไม่หวง เเต่กันทุกคนเเตกวงออกห่างเชียวนะ





ประมาณเที่ยงคืนทุกคนก็เตรียมเเยกย้ายกลับ พลัมเเจ้งกับพี่มิ้มว่าผู้ปกครองมารับก็เป็นอันเข้าใจกัน ส่วนคิวก็เช่นกัน เด็กหนุ่มมึนหน่อยเเต่ก็พอรู้ตัวว่าต้องกลับกลับเบล

“สองคู่ชู้ชื่น ส่วนกูชู้ไม่มา เมียก็ไม่มี” พันวาโหยหวน

พรึกได้เเต่ตบไหล่ เเล้วช่วยเบลประคองคิวที่ตัวใหญ่ไปให้ถึงรถ รอจนเพื่อนขับรถออกไปแล้วก็หันมาสบตาเป็นประกายเเวววาวราวดวงดาวของพลัม

“เหมือนส่งลูกเข้าหอเลยครับ”

“เเล้วหนูเป็นคุณเเม่หรือคะ”

“ครับ คุณพรึกเป็นคุณพ่อ”

“น่ารัก” พรึกลูบผมนุ่มๆ ที่ชื้นเหงื่อเพราะไปวาดลวดลายเต้นอย่างถึงพริกถึงขิงมา พรึกไม่หวงพลัมมากนัก เพราะรู้ว่าตั้งเเต่คบกันน้องทำตัวดีมาตลอด จะทะลึ่งทะเล้นก็กับเขาคนเดียว เเล้วจะทำอะไรก็บอกทุกอย่างทั้งกลับดึก ทั้งมาเที่ยว เเล้วน้องก็ชอบด้วยที่ให้เขามาน่ังเฝ้าเเสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นการที่น้องจะมาสนุกกับพี่ๆ ที่ฝึกงานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนกลับไปเรียนหนังสือปกติเขาก็เลยไม่มีเหตุผลต้องหวงหรือดุ

ความรักที่เข้าใจกัน และมีระยะห่างกำลังดีแบบนี้ทำให้พรึกเองก็รู้สึกดี

พลัมกดเปลี่ยนคลื่นวิทยุในรถอย่างคุ้นเคย พอเจอเพลงรักความหมายดีๆ ก็หันไปเอนซบคุณพรึกอย่างช่างอ้อน

“ง่วงเเล้ว อยากไปนอนกอดพี่หมี แล้วให้คุณพรึกกอดซ้อนอีกทีจะเเย่แล้ว”

“คุณพรึกก็อยากนอนกอดหนูแล้วค่ะ รอเเป๊บเดียวนะ”

“อื้อ” พลัมพยักหน้า เเล้วก็ฮัมเพลงเจื้อยเเจ้วเป็นเพื่อนพรึกขับรถไปเรื่อยๆ





ฝ่ายเบลที่เอารถมาจอดบนตึกเสร็จ ก็หันกลับมาดูเด็กที่หลับไปเเล้ว

“ตัวเเม่งอย่างควาย ลำบากกูอีก!!!” บ่นไปก็เท่านั้น ปลดเซฟตี้เบลท์ แล้วลงจากรถไปเปิดประตูอีกข้าง ชะโงกหน้าเข้าไปตบเเก้มมันเบาๆ เพื่อปลุก เท่านั้นเเหละได้เรื่อง แรงผีห่าซาตานที่ไหนไม่รู้กดหลังคอเขาจมูกทิ่มพรวดเข้าไปที่หน้าไอ้เด็กยักษ์ แล้วปากก็โดนงับหมับเข้าให้

เบลดิ้นขลุกขลัก แต่จังหวะนั้นคิวไม่ปล่อยเเล้ว เขาจูบจ้วงเอาเเต่ใจตามประสาคนเมาหน่อยๆ แล้วทำให้สำนึกผิดชอบชั่วดีมันน้อยลง

“มึงแม่ง!!” เบลดิ้นจนหลุดแล้วทำหน้าหงุดหงิดใส่ “เห็นว่ามึงเมานะ ไม่งั้นกูต่อยกรามเเตก”

“คุณ เป็นเเฟนกันเหอะ”

“เป็นกับส้นตีนมึงดิ ลุกขึ้น ง่วงจะตายห่าเเล้วเนี่ย”

“คุณเบล” คิวขยับตัวคว้ามือเบลไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นกว่าเดิม

“วันนี้ที่คุณหวงผมที่ผับผมดีใจมากนะ”

“หวงเหี้ยไร”

“ไม่หวงเเล้วคุณจะมายืนใกล้ๆ หรอ”

“กูกลัวมึงเมาเเล้วทำลายข้าวของร้านเพื่อนกูมั้ย”

“เมื่อกี้ลองเเล้วก็ปากไม่เเข็งนี่นา” คิวเอียงคอ

“อย่าพูดอะไรหมาๆ อีกนะ ไม่งั้นกูปล่อยมึงนอนตรงนี้เเหละ”

“คุณเบล ที่ผ่านมาไม่รู้สึกอะไรสักหน่อยหรอ ผมไม่อยากเสียเวลาเเล้วอ่ะ คุณก็เเก่ขึ้นทุกวัน ถ้ายังเล่นตัวอีก ก็เนื้อยุ่ยติดมือเเล้วนะ ตกลงตอนที่ยังเต่งตึงเถอะ”

“สาบานว่ามึงกำลังขอความรักกู ไม่ใช่ด่าว่ากูเเก่”

“ผมมัลติทาร์สกิ้ง ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน”

“ขนาดไม่เป็นอะไรกับมึงกูยังปวดหัววันละหลายๆ รอบเลย”

“ก็ลองเป็นเเฟนดู นอกจากปวดหัว ก็ยังปวดตัวด้วยนะ เหมือนได้ของเเถม”

“นี่มึงกำลังโน้มน้าว หรือไม่โน้มน้าวนะ กูงง”

“ไม่โน้มน้าว แต่อยากให้ฟังเสียงของหัวใจ”

“อย่าโสดตายให้เป็นภาระยมบาลเลยครับ มาคบกันให้หัวใจมันกระชุ่มกระชวยเถอะ”

“อะไรของมึงว่ะเนี่ย”

“เเอนโธนี่อยากมีพ่อ”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณเค้า”

“Love you Love your cat เกิดไปหาคนใหม่มาเเล้วเข้ากับเเอนโธนี่ไม่ได้จะเป็นปัญหานะ”

“แม่งหน้ามึนฉิบหาย”

“นะนะ คบกันเหอะ เข้าโปรสามเดือนก่อนก็ได้ หลังจากนั้นให้อนุมัติเลื่อนขั้นเป็นฮับบี้อีกที”

“ไปตายไป๊ ไอ้เด็กเวร”

“ไม่ๆ ผมไม่อยากให้คุณเสียใจ”

“โว้ย รำคาญมึงอ่ะคิว”

“ไม่รับรักก็ไม่เป็นไรครับคุณเบล ผมมันก็เเค่เด็กที่ซื่อสัตย์และมั่นคง ถ้าคุณเบลไม่รับตอนนี้ ผมก็ทำได้เเค่ตามตื้อ ตื้อไปเรื่อยๆ ตื้อจนคุณเบลรำคาญ ด่าว่าทุบตี สุดท้ายผมทนไม่ไหว ข้าวปลาก็กินไม่ลง ความอยากอาหารไม่มี ซูบผอม อ่อนเเอ เจ็บป่วย ไม่ได้ไปเรียนหนังสือ โดนไทร์ พ่อเเม่สะเทือนใจ เป็นภาระสังคม...”

“โว้ย เเค่กูไม่รับรักนิดเดียว Effect มันสะเทือนถึงดวงดาวขนาดนั้นเลยหรือว่ะ”

“ครับ แค่จุดเล็กๆ ที่คุณไม่เเคร์ ประเทศชาติอาจจะเสียเยาวชนที่มีคุณประโยชน์ไปตั้งหนึ่งคนเลยนะครับ”

“ช่วยชาติง่ายๆ แค่รับผมเป็นเเฟนครับคุณเบล”

เบลทำหน้างงเป็นลิงเลย

“แต่ถ้าคุณเบลยังคิดไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรครับ ยังไงประเทศเราก็มีคนไม่ดีเยอะเเล้ว เพิ่มผมไปอีกสักคน เศรษฐกิจและสังคมคงไม่เเย่ลงไปมากกว่านี้ เฮ้อ...”

“มึงเงียบปาก แล้วขึ้นไปนอน”

“ขึ้นไปในฐานะอะไรหรือครับ”

“มึ๊ง!! จะให้กูพูดให้ได้เลยใช่มั้ย”

“ถ้าไม่พูด ผมจะรู้ได้ไงว่าผมมีสิทธิ์ในตัวคุณเเค่ไหน สุดท้ายเเล้วเป็นคนรัก หรือเป็นเเค่คนรู้จัก คบมั้ย หรือเเค่ควงเล่นๆ ทำร้ายจิตใจผมเเค่ไหน ต้องเสียน้ำตาเท่าไหร่...”

“พอๆ คบๆ พอใจยัง ไอ้เด็กเหี้ย รำคาญพล่ามอยู่นั้น อีลูกช่างพูด อีนกแก้วนกขุนทอง!!!” เบลด่าออกมาเป็นชุด เเต่คิวไม่โกรธเลยสักนิด

“ก็บอกไว้ก่อนเลยนะ อยู่บนเตียงกูไม่เป็นรับ”

“ทำไมเเฟนคิดไกล ผ่านโปรสามเดือนเเล้วค่อยตัดสินใจโพสิชั่นก็ได้ครับ”

“ฮึ่ย!! อย่ามาเรียกอะไรขนลุกแบบนั้นได้มั้ย”

“แล้วคุณเบลอยากให้ผมเรียกว่าอะไร”

“คุณเบลเหมือนเดิมนั้นเเหละ ส่วนมึง เอ่อ...นาย...เธอ เหี้ยต้องเรียกว่าอะไรดีว่ะ”

“เรียกผมว่าที่รักครับ จบทุกปัญหากระดากอายเวลาพูด”

“ที่รัก...แบบนี้หรอ”

“ฟินโว้ย” คิวหันไปซบหน้ากับพนักพิงอย่างเขินอาย ใจบางไปหมดเเล้ว ขนาดเขาเรียกด้วยความห่ามชวนต่อยก็เถอะ

“ครับ ที่รัก” คิวได้สติ ค่อยยอมหันมาพูดด้วย

“ฝันไปเถอะ ว่าจะเรียก ไอ้เด็กสมองกลับ ฉันจะเรียกเเค่เธอๆ หรือไม่ก็มึงเหมือนเดิม แต่เเบบไม่ค่อยอยากพูดไม่เพราะกับเเฟนเลยหวะ” ถึงเเม้จะเป็นการบ่นคนเดียวของเบล แต่คิวก็ใจบางไปหมดเเล้ว คุณเค้าน่ารัก นารักจนเป็นระยะอนันต์

“เรียกอะไรก็ได้ครับ เรียกไอ้หมาไอ้เเมวผมก็มองว่าคุณเบลเรียกผมด้วยความรักและเอ็นดูทั้งนั้นเเหละ”

“เธอมันบ้า!”

“ครับ บ้าครับไม่เถียง”

“โว้ยรำคาญ ขึ้นห้องดีกว่า ขึ้นมาช้านอนนอกห้อง ไม่ได้กอดคุณเเอนโธนี่”

คิวรีบกระโดดผลุงลงจากรถ ดวงตาเเจ่มใสไร้คราบคนเมา เพราะถ้าได้นอนกอดคุณเเอนโธนี่ก็เเปลว่าได้นอนเตียงคุณเบลนะสิ คิวเเฮปปี้ เป็นเด็กดีไม่ดื้อเลย





TBC 

Finally จองสถานที่แต่งงานให้ที ส่งลูกเข้าหอไปแล้ว พลัมๆ เป็นคุณแม่ที่เก่งที่สุด 

ส่วนน้องคิวหน้ามึนสุดอ่ะลูก ได้แต่ยินดีไปด้วย ชอบให้รักกันเร็วๆ อิอิ 

#ทฤษฎีอ่อยเธอ 
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 17-18 (03 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 04-12-2018 07:21:54
 :mew4: :mew4: :mew4:

น่ารัด..เอ้ย!....น่ารัก


คือแบบมันดีอ่ะเรื่องนี้ ฟิน~~~~~
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 17-18 (03 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 05-12-2018 20:32:17
Chapter 19





ปี 3 เทอม 2 เริ่มขึ้นด้วยความคึกคัก พลัมไม่ต้องเรียนกับพรึกแล้วค่อยหายใจทั่วท้องหน่อย เพราะเทอมที่เเล้วมันตุ้บๆ ต่อมๆ เพราะกลัวว่าความลับที่คบกันจะรั่วไหล ถึงไม่มีเจตนาทำผิด และพลัมก็ตั้งใจอ่านตั้งใจทำข้อสอบวิชาเรียนของคุณพรึกด้วยตัวเอง เเต่ด้วยกาลเทศะ พวกเขาถึงเลือกไม่โพนทะนาให้โลกรู้ และก็คิดว่าจะเก็บมันไว้เงียบๆ แบบนี้เเหละ ค่อยๆ ทะยอยบอกเอาเเค่กับคนสนิทก็พอ

เปิดเทอมมาได้ไม่ถึงเดือนคุณพรึกก็ได้รับเลือกเป็นตัวเเทนคณะให้ไปประชุมวิชาการที่ญี่ปุ่นคู่กับอาจารย์สุริยาที่มีวัยไล่เลี่ยกัน ทั้งคู่ถือเป็นอาจารย์รุ่นใหม่ที่มีผลงานดีดังนั้น นับว่าเป็นความหวังของคณะ

กลับมาถึงคอนโด พรึกบอกกำหนดการให้พลัมฟัง น้องไม่ได้งอเเงเเต่กอดเอวไว้เเน่น

“หนูต้องคิดถึงคุณพรึกมากเเน่ๆ เลย” เจ้าเด็กขี้อ้อนทำปากอูฐ

“ต้องกินข้าวให้ครบสามมื้อนะคะ คุณพรึกไม่อยู่ต้องตื่นมากินข้าวเช้าด้วย”

“กลับมาถ้าเเก้มยุบลง คุณพรึกจะตีเเรงๆ เลยนะ”

“คุณครูคนนี้ดุจัง” พลัมบีบจมูกโด่งเป็นสันแล้วบิดไปมา

“เค้าเรียกว่าเป็นห่วงค่ะ ไม่ได้ดุ”

“เราห่างกันครั้งเเรกตั้งเเต่คบกันมาเลยนะครับ” พลัมนึกขึ้นมาได้

“3-4 วันเองครับหนูพลัม สั้นๆ”

“หนูจะฮึบๆ แต่ถ้าหนูเหงามากๆ หนูขอไปนอนห้องมัมมัมกับไอ้คิวนะ” เเน่นอนว่าข่าวคบกันอย่างเป็นทางการของคู่นั้นได้เเถลงออกมาเเล้ว เเละคิวก็เเทบจะย้ายสัมมะโนครัวไปอยู่กับคุณเบล เพราะอ้างว่าเเอนโธนี่ต้องการพ่อ

หน้าด้านหน้าทนไม่มีใครเกินล่ะ

“คืนไหนนอนที่ไหนก็ต้องรายงานคุณพรึกด้วย ห้ามติดต่อไม่ได้นะ อยู่ไกล ใจเป็นห่วง”

พลัมกอดเอวพรึกเเน่นกว่าเดิมเเล้วซุกหน้าลงไปฟัดๆ กับอก คุณพรึกดีต่อใจเหลือเกิน

“หนูจะไม่ทำให้คุณพรึกเป็นห่วง หนูโตเเล้วจะดูเเลตัวเองให้ดีครับ”

“เก่งมาก เด็กเก่งต้องได้รับจูบฮอตๆ เป็นรางวัล”

“คุณพรึกเอาเปรียบหนู อื้อ!!”

เดี๋ยวนี้คุณเขาอัพเลเวล พลัมเถียงไม่ทันเลย



วันที่พรึกเดินทางพลัมไม่ได้ไปส่งเพราะมันเป็นไฟลท์ดึกจะให้น้องมาเเล้วกลับเองก็เป็นห่วง อีกอย่างยังเดินทางพร้อมอาจารย์อีกท่านในคณะด้วย พวกเขาบอกลากันที่ห้อง พรึกนั่งเเท็กซี่ไปเอง เเต่ก็คุยเล่นกันในไลน์ตลอด เเม้ว่าจะตัวติดกันมาหลายเดือน เเต่ในอดีตพลัมก็เป็นเด็กที่ใช้ชีวิตคนเดียวได้มีสติดี ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางเพราะฉะนั้นพรึกจึงไม่ได้ห่วงมาก แม้จะกำชับเบลให้ช่วยดูเเลจนหูชาก็เถอะ

พลัมมาเรียนตามปกติ แต่คิวที่รู้ว่าคุณพรึกไม่อยู่ ตอนบ่ายก็ชวนพลัมให้ไปนั่งเล่น เเละกินข้าวที่ร้านเบลด้วยกัน โดยมีกะทิติดสอยห้อยตามไปด้วย หญิงสาวคนเดียวของกลุ่มบ่นไปตลอดทางว่าเหลือเธอคนเดียวที่ยังไม่มีคู่ เเล้วหนุ่มๆ ก็ได้กันเองไปหมดเเล้ว ชีวิตช่างแห้งเหี่ยว

เบลเข้าครัวเองเพื่อเตรียมอาหารให้เด็กๆ มีทั้งยำเเซลม่อนเเซ่บรสจัดจ้านเเบบที่คิวชอบ สปาเกตตี้ครีมซอสไข่กุ้งปูรสอ่อนๆ หน่อยของหนูพลัม แล้วก็สเต็กปลากระพงไขมันต่ำของสาวน้อยอย่างกะทิ

“แล้วคุณเบลทานอะไร” คิวโอบเอวถามอย่างใส่ใจ เขาเห็นตรงหน้ามีเเต่เมนูของคนอื่น

“คุณเบลยังไม่หิว ให้เด็กๆ ทานก่อน” อยู่กันไปนานๆ ความห่ามชวนต่อยก็ลดลงผกผันกับความหวานอ่อนๆ

“ทานด้วยกัน ไม่เห็นหน้าเเล้วกินไม่ลง”

“มึงกำลังบอกว่าอาหารที่กูทำไม่อร่อย?” ถือว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้อ่านผ่านคำว่า ‘หวาน’ ของคู่นี้เเล้วกันนะทุกคน

“โห เเฟน?” คิวทำหน้างอเเง “ตีความผิดชีวิตเปลี่ยนเลยนะ นี่ออดอ้อนไง อ้อนเเฟน น่ารัก งุ้ยๆ ทำไมเเฟนชวนมีเรื่องอีกแล้วอ่ะ”

“รำคาญหน้า จะกินดีๆ หรือกินด้วยน้ำตา”

คิวสะอื้นกระซิกๆ คว้าจับจานเเซลม่อนไว้เเน่น “ลูกพ่อลงมาเเหวกว่ายในกระเพาะพ่อเถอะนะ”

“ก็เเค่เนี่ย ลีลา”

“มึงๆ เค้ารักกันจริงๆ ใช่ป่ะ” กะทิ ที่ไม่ชินกับความรักรูปแบบใหม่ถึงกับสะกิดถาม

“เออ...ทะเลาะกันเเบบเนี่ย ลูกดก รอดูดิ”

กะทิพยักหน้าตาม เธอต้องศึกษาเรื่องพวกนี้เพิ่มซะเเล้ว

หลังทานอาหารเสร็จ เบลก็ยกของหวานมาเสิร์ฟอีก เเม้จะทะเลาะกับคิวตลอดเวลา เเต่ก็มีของอร่อยมายัดปากไม่ห่างเช่นกัน เเละเพราะกลัวพลัมเหงา วันนี้คิวจึงได้รับอภิสิทธิ์ไม่ต้องไปเป็นเด็กเสิร์ฟแลกค่าข้าว ปล่อยให้นั่งทำงานกลุ่มอยู่กับพลัมเเละกะทิที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน

“มึงๆ คุณพรึกไปสองสามวันเเล้วมึงเหงาป่ะ ไปกับอาจารย์สุริยาด้วย ระเเวงมั้ย ได้ข่าวว่าแฟนมึงก็ฮอตในหมู่อาจารย์อยู่นะ”

“กะทิ!! ใช่เวลาถาม” คิวเเทบจะมะเหงกลงกลางกระหม่อมเพื่อนสาวตัวจ้อย

“ก็กูอยากรู้ง่ะ” เธอกุมหัวตั้งการ์ดรอ

พลัมลืมตาเป็นประกายปิ๊ง

“ก็ VDO call กันทุกคืนนะ ไม่เหงาอะไร เเต่คืนนี้มีไม้เด็ด”

“Sex phone หรอ”

พลัมตบกบาลคิวอย่างไม่เกรงใจ “กูกลัวมึงเเทนมัมมัมเเล้วเนี่ย”

“อ่าว จะไปรู้หรือ นึกว่าเปิดกล้องคุยเรื่องเสียวไรกันงี้”

“คุณพรึกเขาสูงส่งกว่ามึงมากนัก ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”

“ค่า... นุ่งขาวหมข่าว ทั้งที่ในใจมึงนี่ส่ันริกๆ”

“งือ อย่าว่าเเต่ใจเลยก้นกูก็สั่นดุ๊กดิ๊กจนจะทนไม่ไหวอยู่ละ”

“ลืมไปเสียเถอะว่ามีกะทิ ที่เป็นผู้หญิงเวอร์จิ้นนั่งอยู่ตรงนี้”



เบลขับรถมาส่งพลัมที่คอนโดตอนหัวค่ำ หอมหัวกันอยู่หลายนาทีค่อยยอมปล่อยลูกน้อยออกจากอก

“เรียกกูว่าพ่อสิพลัม” คิวอยากมีบทด้วยในฉากนี้

“พ่อง!! พอใจม่ะ กูไม่นับมึงเป็นญาติโว้ย มีมัมมัมคนเดียวก็พอ มัมมัมของหนู” เปลี่ยนสีเร็วนัก คิวนึกอยากดีดหน้าผาก แต่ก็กลัวเมีย เคารพเมีย เดี๋ยวทำคุณเบลไม่ปลื้มอีก กลับไปแกล้งเเอนโธนี่ลูกคนโปรดก็ได้

หลังจากแยกย้าย พลัมวิ่งกลับขึ้นมาบนห้อง แล้วกระโจนพรวดเข้าไปในห้องคุณพรึก ถอดชุดนักศึกษาออกทีเดียวเเทบจะพร้อมกันทั้งเสื้อเเละกางเกง ส่องดูหุ่นตัวเองแล้วยังน่าหมับเหมือนเดิม ก้นนี่เด้งสู้มือนัก

พลัมเปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของอาจารย์หนุ่มมาใส่ เเถมยังดึงปกเสื้อมาดมฟุตฟิตเหมือนลูกหมา

“ฮ่า...กลิ่นคุณพรึกสดชื่นจัง รักรักนะครับ” บอกรักกับเสื้อเสร็จ ก็ปีนขึ้นเตียงยีหัวให้ฟู (ทำไม...ในเมื่อจะถ่ายเเค่ท่อนล่าง)

น้องนั่งแบะขาอยู่บนเตียง ยกกล้องถ่ายมุมสูง ให้เห็นชายเสื้อปิดมาถึงแค่ส่วนชวนจินตนาการ เหลือท่อนขาขาวๆ เหนือหัวเข่าอีกหลายคืบ ขยับขาเรียวๆ อยู่หลายแชะแล้วเเต่งเเสงนิดหน่อย ส่งไปให้เจ้เพจน้อง พร้อมแคปชั่น ‘ฮับบี้หนูอยู่ไหน...’





ติ๊งๆ ๆ ๆ!

เสียงไลน์เด้งรัวๆ อินิสัยเสียแบบนี้มีคนเดียว เบลเยี่ยมเพื่อนรัก แต่เดี๋ยวนะตั้งเเต่เข้าทางน้องตัวน้อยกับน้องตัวยักษ์มาสักพัก เราก็ไม่ค่อยได้เปิดประตูนรกกันเท่าไหร่ แล้วมันไลน์มาทำไม

พรึกขมวดคิ้ว เขานั่งอยู่ในงานเลี้ยงที่จัดโดยเจ้าภาพของการสัมมนาครั้งนี้ หลายคนกินดื่มกันอย่างครื้นเครง ส่วนพรึกดื่มเบียร์ท้องถิ่นเข้าไปนิดหน่อยเท่านั้น

‘เข้าเว็บน้องเดี๋ยวนี้ มึงเอ้ย!!’ ประโยคเดิมเป๊ะ สมเป็นเบลเยี่ยม มีผัวเป็นตัวเป็นตนเเล้วยังไม่ถอยห่างเส้นทางสายบาป

‘ทำไมมึง น้องทำไมอีก’

‘ลูกกู ใจบางมาก ตามหาฮับบี้มึงเอ้ย กลับไทยได้ต้องกลับ ตอนนี้คนลงบัตรคิวเป็นบี้ของน้องยาวไปถึงดาวพลูโตเเล้ว’

น้องที่ทำให้ไอ้เบลหวีดมีอยู่น้องเดียว...ฉิบหาย น้องที่เป็นเเฟนกูนี่เเหละ ดูเเป๊บ

อื้อหือ!! ไอ้หนูพลัม ไอ้เด็กไม่ดีของเเด๊ดดี้ ฮับบี้หนูอยู่นี่ไงคะ จะไปถามหาในโลกออนไลน์หาสามีเพิ่มทำไมละลูกกกกก!!

‘มึง น้อง น้องกู งือ กูไม่ไหว จับกูที ว่าที่เมียพลังทำลายล้างสูงมาก’

‘กลับไม่กลับ ตอบ!!’

‘ไฟลท์พรุ่งนี้เช้ามั้ย’

‘โว้ย ลงอีกรูปแล้วมึง’

‘ไหน?’

รูปเสื้อยับๆ วางทิ้งอยู่บนเตียง แฟนคลับน้องกรีดร้องยิ่งกว่าภาพที่เห็นน้องใส่เสื้อวับๆ แวมๆ อีก

‘หนูพลัม ไอ้เด็กดื้อ ไอ้เด็กขี้อ่อยยยยย’ พรึกเองก็กรีดร้องไม่ต่าง ฮับบี้หนูจะขาดใจแล้ว

‘กลับช้าน้องหาฮับบี้ใหม่อย่าหาว่ากูไม่เตือน’

‘เสื้อกูอ่ะมึง เชิ้ตตัวนั้นกูจำได้’ พรึกยิ้มเหมือนคนบ้า

‘ไอสัส เเล้วเพจน้องเอามาพรีออเดอร์ Sold out จ้า ทุกคนอยากมีเสื้อฮับบี้น้อง’

‘มึงพรีหรือไม่ไอ้เบล’

‘สองตัวเลยสัส กูอินน์ กูอยากเป็นฮับบี้น้องบ้าง’

‘เลวไม่มีใครเกิน นั่นลูก แล้วข้างกายมึงผัวเด็กมึงนอนอยู่ใช่ไม่ใช่’

‘แล้วไง ใครเเคร์’

‘กูแคปฟ้องน้องคิว’

‘กูฟ้องหนูพลัม มึงเอาดิ เลือดข้นกว่าน้ำนะโว้ย ลูกที่กูเบ่งออกมาจะต้องเข้าข้างเเม่อย่างกู!!’

‘รำคาญมึงอ่ะเบล กูไปละ’

‘ไปไหน’

‘ซื้อคอนดอมไอสัส’

‘ใช้กับใคร’

‘ใช้กับคนที่ตามหาฮับบี้นี่เเหละ รอเรียนจบนะ น้องต้องใส่เสื้อตัวนั้นนอนอยู่บนเตียงกูสามวันสามคืน’

‘มึงนี่มันภัยสังคมนะพรึก กูเเจ้งตำรวจแล้ว’

‘กูเข้า มึงก็ต้องเข้ากับกูอ่ะ จองที่นรกไว้ให้มึงเเล้วด้วย’





ฝ่ายพลัมที่ส่งรูปไปตั้งเเต่หัวค่ำไม่มีอะไรทำก็เลยงีบอยู่บนเตียงคุณพรึก เเถมใส่เสื้อเชิ้ตคุณพรึกเเล้วนอนสบ๊ายสบาย ก้นโด่งอยู่อย่างเกียจคร้าน เขารู้สึกตัวอีกครั้งเกือบๆ สี่ทุ่ม ที่ญี่ปุ่นก็เที่ยงคืนแล้วคุณพรึกยังไม่ Line Call มาเลย พลัมเปิดโซเชี่ยลเล่นไปเรื่อยเปื่อยจนไปเจอเฟสบุ๊คของเพื่อนๆ ที่เม้าท์ๆ กันมาเห็นรูปถ่ายคุณพรึกคู่กับอาจารย์สุรียาในปาร์ตี้เลี้ยงปิดสัมมนา

เเก้มเเนบเเก้มเชียว ย๊ากส์!!! หัวร้อน

ที่หนูตามหาฮับบี้ไป ฮับบี้ยังไม่สะดุ้งสะเทือนเลยใช่มั้ย แล้วนี่ไม่โทรหาอีก หายไปไหนบ้าจริง

พลัมกด Line Call ข้ามประเทศอย่างไว โทรอยู่สองรอบกว่าคุณพรึกจะรับ

ภาพแบคกราวน์ไม่ใช่ห้องนอน เหมือนย่านร้านค้าที่มืดๆ หน่อย

“ฮับบี้หนูอยู่ไหน” พลัมเบะปากถาม

พรึกเเพนกล้องไปด้านหลัง เท่านั้นเเก้มขาวก็ขึ้นสีเเดงเเปร๊ด

18+ ร้านขายของเล่นผู้ใหญ่บ้าบอ

“คุณพรึกไปทำไม”

“เห็นหนูเหงาหงอยออนไลน์ คุณพรึกเลยมาซื้อของเล่นไปฝากไงคะ”

“ซื้ออะไรมาบ้างง่ะ”

“อันที่เป็นตุ่มๆ เหมือนชานมไข่มุก”

“งื้อหนูกลัว แต่กลับมาแล้วเล่นเลยนะ”

“ไม่ๆ เก็บไว้เล่นกับหนูหลังรับปริญญา”

“โห หมดอายุกันพอดี” พลัมทำปากยู่ เเต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าจุดประสงค์หลักที่โทรมาคืออะไร

“รูปในเฟซบุ๊คคืออะไรครับ”

“หืม? รูปอะไรคุณพรึกยังไม่ได้เล่นเลยเนี่ย เเอบหนีออกจากงานเลี้ยงได้ ก็มาซื้อของฝากหนู”

“ออกมาคนเดียวหรือครับ”

“ซื้อของ 18+ ขนาดนี้ คุณพรึกควรชวนใครมาด้วยหรือครับ”

“ใครจะไปรู้ละ เผื่อมีคนขอตามไป”

“หึงคุณพรึก กับใครรึเปล่าเนี่ย” ร่างสูงถาม พลางซุกมืออีกข้างลงในกระเป๋าเสื้อกันลม

“หนูไม่ได้หึง” พลัมส่ายหน้ารัว “หึงมันคืออาการงอเเงไร้สาระ หนูไม่หึง หนูไม่หึง หนูโตเเล้ว” พลัมเหมือนท่องให้ตัวเองฟังมากกว่า พรึกดูอาการเเล้วก็รู้ว่าน้องคงไม่ถูกใจอะไรนั่นเเหละ เเต่ฮึ่ย!! งอเเงเเบบนี้มันน่ารักชะมัดเลยไม่ใช่หรือไง เขาชอบให้พลัมเเสดงความเป็นเจ้าของเขาจัง

“หึงสิคะ คุณพรึกชอบให้หนูเเสดงความรู้สึกกับคุณพรึกนะ”

“รูปในเฟซบุ๊ค มีคนเเชร์ๆ มา เค้าเเซวคุณพรึกกับอาจารย์สุ”

“ว่าเเล้ว...”

“นี่ตั้งใจหรอ” พลัมเเทบจะยื่นหน้าทะลุจอไปหาคนขี้เเกล้ง

“เปล่าครับ ก็มีเรื่องเดียวที่คิดออก”

“ไม่ได้มีอะไรใช่มั้ยครับ พลัมเเค่คิดมากไปเองถูกมั้ย” คนตัวเล็กถามหาเอาคำตอบในเเบบที่น่ารักเหลือเกินในความรู้สึกคนที่อยู่ไกล

พรึกส่ายหน้า แล้วมองพลัมด้วยสายตาอ่อนโยน

“คุณพรึกมีหนูคนเดียว รักหนูคนเดียว คุณพรึกชอบก้นครับ ไม่ได้ชอบหน้าอกตู้มๆ”

“คุณพรึก!!” พลัมเขินถึงขั้นต้องเอาหน้าอัดลงไปกับหมอน เดี๋ยวนี้คุณเขาชอบทะลึ่ง กรี๊ดอัดขนเป็ดอยู่นานจึงค่อยลุกขึ้นมาสู้กับคุณเขาใหม่

“หึ ไม่รู้เเหละ หนูขอร่ายมนต์ใส่ก่อน โอม...รักหนู หลงหนู มองแต่หน้าหนู”

“คุณพรึกขอมองก้นเพิ่มด้วยได้มั้ยคะ”

พลัมอ้าปากค้าง เหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอ

“ตบมั้ยคุณพรึก เดี๋ยวนี้หื่นจนหนูจะสู้ไม่ไหวเเล้วนะ”

“ก็หนูเเซ่บ”

“เเซ่บเซิ่บอะไรเล่า ลองเเล้วหรอถึงรู้”

“หนูหนะร้ายนัก คุณพรึกยังไม่ได้ตีเลยนะ ไปเปิดรับบัตรคิวฮับบี้ได้ยังไง ไอ้เบลบอกคิวยาวไปถึงดาวพลูโตเเล้ว”

พลัมหัวเราะคิกคัก ยักคิ้วให้อย่างน่าบีบเเก้มบีบปากให้เเตกไปคามือ

“คิวเเรกอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ ต้องถามคิวเเรกว่าจะอนุญาตให้มีคิวที่สองมีสิทธิ์มั้ย”

“อยากจูบหนู อยากกอดหนู อยากฟัดหนูให้จมเตียงไปเลย คุณพรึกทำยังไงดี คุณพรึกจะผ่านคืนนี้ไปได้ยังไง” คุณเค้าอ้อนจนพลัมหัวเราะ

“คุณพรึกขี้เว่อร์”

กดส่งภาพหลังถอดเสื้อฮับบี้ไปให้ดู พรึกรูดแป้นยาว เหมือนเกิดอาการช็อตฉับพลัน

“พลัมรู้เเล้วว่าคิดถึง ทนอีกไม่กี่ชั่วโมงนะครับ ฮึบฮึบ”

“อยากตีหนูจัง หนูอย่าลงรูปอ่อยคุณพรึกบ่อยสิคะ คุณพรึกถือศีลลำบากมั่กๆ เลย มันจะขาดเอาทุกที”

พลัมส่ายหน้าด้วยความหมั่นไส้ เดี๋ยวนี้คุณเขากล้าหยอด กล้าอ้อน แบบที่พลัมไม่เคยจิตนาการเลยว่าหมีบื้อๆ ที่เลือดกำเดาไหลในวันนั้นจะเดินทางมาถึงจุดนี้

“คุณพรึก หนูรักคุณพรึกนะ เเล้วก็ขอบคุณคุณพรึกมากนะครับที่อดทนเพื่อหนู”

พรึกอมยิ้ม ถามว่าอยากหมับพลัมมั้ย...อยากมากๆ แต่อยากถนอมให้น้องรู้สึกว่าร่างกายตัวเองมีค่ามากกว่า พรึกรู้สึกได้ว่าค่ำคืนเเรกของเราต้องอ่อนหวานไม่ต่างจากดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เเน่นอน เพราะเข้าใช้เวลาเฝ้ารอและทะนุถนอมตั้งนานกว่าจะให้ได้มา

อ่า...เเล้วพรึกก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ก่อนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เขาควรขอน้องจากพ่อเเม่ให้เป็นเรื่องเป็นราว เเถมยังต้องมีสินสอดของหมั้นเตรียมให้สมเกียรติด้วยสิ ไม่ได้การล่ะ ต้องรีบทำทุกอย่างให้พร้อมก่อนน้องรับปริญญา เพราะเมื่อวันนั้นมาถึง หึหึ จะได้ไม่มีเสื้อผ้ามาขวางกั้นเราสองคนอีกต่อไป

“คุณพรึก...เหม่ออะไร คิดบาปกับพลัมอีกเเล้วป่ะเนี่ย”

“ไม่ค่ะ ครั้งนี้คิดดี หนูนอนได้แล้ว ดึกเเล้ว”

“รอคุณพรึกถึงห้องก่อน หนูเป็นห่วง”

“หนูน่ารักจัง”

“หนูน่ารัก ให้คุณพรึกรักมากๆ ไงครับ”

พรึกช็อตอีกรอบ!!



TBC

 เกินไปมาก น้องพลัมเอ้ย 

ชอบเวลาเบลกับพรึกคุยกันหลังดูเพจน้องอ่ะ มันแบบสองคนบาปที่แท้ทรู 

รักน้อง ส่งกำลังใจมาทางคอมเม้นและ #ทฤษฎีอ่อยเธอ นะคะ 

หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 17-18 (03 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 05-12-2018 21:10:43
Chapter 20





พรึกกลับถึงไทยเเล้ว เเละก็กำลังวางเเผนบางอย่างในใจเลยต้องการเพื่อนร่วมอุดมการณ์นิดหน่อย สี่คาสโนว่าอดีตนักเรียนอังกฤษจึงรวมตัวกันอีกครั้งที่ผับดังของพันวา โดยปราศจากแฟนเด็กมาวอแว

เบลเยี่ยมคึกคักเป็นพิเศษ เหมือนเสือร้ายได้คืนถิ่น ยืนเกาะรั้วระเบียงชั้นสอง เป่าปากเเซวสาวนุ่งสั้นเปี้ยวป้าว ได้อ้อนตีนมาก

“เปรี้ยวตีนไม่มีใครเกิน มีเรื่องกันกูก็จะห้ามการ์ดไม่ให้เข้าไปช่วยคอยดู” หุ้นส่วนผับส่ายหน้า เเล้วรินวิสกี้เข้มๆ ให้เพื่อนร่วมวง

“เบลเด็กปล่อยออกจากบ้านหน่อยเเล้วคึกคักเชียวน๊า” แคมป์เเซวบ้าง เขาพึ่งได้ข่าวว่าไอ้เพื่อนรักพึ่งเริ่มคบหาดูใจกับเด็กมหาวิทยาลัย

“อิอิ มันไม่รู้หรอกว่ากูมาเเรด”

“เเล้วน้องไปไหน”

“ทั้งคิวทั้งพลัมทำงานกลุ่มอยู่ที่บ้านเพื่อนหนะ ค้างบ้านเพื่อนด้วย กูเลยมีโอกาสเเว้บออกมาปรึกษาพวกมึงไง” พรึกบอก

“เรียกว่าถ้าน้องไม่ห่างกาย มึงก็จะกกลูกกูไม่ปล่อยเลยใช่มั้ย” เบลถาม

“ดูหน้ามึงสิเบล เเล้วดูหน้าหนูพลัมของกู คิดว่ากูอยากสนทนากับใครมากกว่า”

“หลงเมียไม่มีใครเกิน”

“เเฟน ยังไม่ใช่เมีย”

“ค่าาาาาา ต้องอดทนเเค่ไหน ถึงไม่ขย้ำก้นลูกกูสักที”

“เลี้ยงไว้ รอให้หนุบหนับได้ที่เเล้วกูจะฟัดไม่ปล่อยเลย”

“ตำรวจ!!! โจรอยู่ตรงนี้ค้าบบบบ”

ทั้งกลุ่มหัวเราะครืน

“งั้นคืนไม่ต้องแดกเหล้า เดี๋ยวน้องๆ เป็นหม้าย” พันวา ที่นึกขึ้นมาได้ว่าคนพวกนี้มีพันธะรวบเเก้วทรงเตี้ยจากทุกคนคืนมา กวักมือเรียกเด็กมาสั่งน้ำอัดลมเเทน ถึงเขาจะเป็นเจ้าของภาพ แต่ก็รณรงค์ให้ทุกคนดื่มอย่างมีความรับผิดชอบ แค่มีเเอลกอฮอล์ตกถึงท้องไปเเค่คำเดียวก็ไม่ควรขับยวดยานพาหนะไปบนท้องถนนให้เป็นภาระสังคม

“งั้นกูขอน้ำส้มคั้นสดได้มั้ย ไม่อยากได้น้ำตาลสังเคราะห์”

“เออ เอาที่มึงสบายใจเลยเบล เอาน้ำมะพร้าวด้วยมั้ย ลูบหน้าสักหน่อยช่วงนี้ดูหมองๆ ไปนะ”

“ห่า กูยังไม่ตาย”

“ก็ใกล้ละ หนีผัวเที่ยวเนี่ย อายุไม่ยืนนะรู้ยัง”

“คนไม่มีคู่อย่างมึงจะรู้อาร๊ายยย ตายไปก็เป็นภาระยมบาล”

“จ้าเบลลลลล” พันวาคร้านจะเถียงกับไอ้ตี๋ปากมาก หันมาเข้าเรื่องดีกว่า

“ว่าไงไอ้พรึก ระดมพลขนาดนี้จะขอน้องเเต่งงานหรอ”

“เออดิว่ะ”

คำตอบของพรึกเล่นเอาผงะทั้งกลุ่ม

“กูนึกว่ามึงคบเล่นๆ สรุปจริงจัง?” แคมป์เป็นคนเเรกที่เอ่ยปาก

“มึงอายุก็เท่านี้เเล้ว มีบ้าน มีรถพร้อม ขาดเเค่เมียเนี่ย ยังต้องคบเล่นๆ อีกมั้ย”

“จบกันชีวิตโสด เราต้องหยุดที่ใครสักคนกันจริงๆ แล้วหรือว่ะ” เบลเยี่ยมกุมขมับ

“เบล มึงคบน้องเล่นๆ ก็ได้นะ เเต่กูว่าน้องคิวเค้ามีทางเลือกอีกมาก ส่วนมึงป้ายหน้าก็โลกกับเมรุเเล้ว ยังจะซ่า”

“สาธุ กูจะไม่จากไปคนเดียวเเน่ๆ ไอ้พัน มึงต้องโดนกูเกี่ยวก้อยลงไปด้วยกัน”

พันวาส่ายหน้าพรืด อีกสองหนุ่มได้เเต่หัวเราะ

“แต่ก็ยินดีกับมึงด้วยนะพรึก ได้แต่งกับคนที่รัก ชีวิตที่เหลือต่อไปคงมีเเต่ความสุข” เเคมป์ตบบ่า เขาเป็นคนที่แต่งงานก่อนใครเพื่อน เเละแต่งกับผู้หญิงที่ทางบ้านอยากให้เกี่ยวดองทางธุรกิจ จึงทำให้ชีวิตหลังเเต่งงานไม่ราบเรียบเท่าไหร่นัก

“เนี่ยจะมาปรึกษามึงไงแคมป์ ซื้อเเหวนร้านไหนดี แล้วต้องทำพิธีอะไรบ้าง”

“กูว่า..” เบลเเย่งพูด พันวาถึงกับต้องตะปบปาก

“ไอ้พรึกมันถามคนมีประสบการณ์ มึงไม่ต้องเสร่อตอบ”

เบลเยี่ยมฮึดฮัด เรียกเสียงฮา เเต่ก็ยอมให้คนที่จะดูมีประโยชน์คนเดียวในกลุ่มตอบ

“ร้านเเหวนกูมีเเนะนำ เป็นญาติกูนี่เเหละ ราคาลดได้ เเหวนยังไงน้องก็ยังเด็กเป็นผู้ชายด้วยเเบบเรียบๆ มีดีเทลเล็กๆ กูพอเห็นอยู่ ส่วนงานแต่งมึงก็ทำพิธีสงฆ์เพื่อเป็นสิริมงคลก็ได้นะ ไปแต่งที่บ้านพ่อกับแม่มึงที่เชียงใหม่ หือ...พูดเเล้วเปรี้ยวปาก อยากไปกินอาหารเหนือ”

“สาระ!” เบลได้ที่ตบหัวแคมป์บ้าง

“สาระทั้งชีวิตมึงรวมกันยังมีไม่เท่ากูพูดประโยคเดียวเลยเบล”

พรึกยกมือห้ามทัพ เดี๋ยวก็นอกเรื่องไปไกลอีก

“แล้วถ้ามึงจะเลี้ยงข้าวญาติๆ ก็ต่อจากพิธีสงฆ์ไป ชวนเเค่คนสนิทๆ ก็พออ่ะ มึงเข้าใจใช่ป่ะ”

พรึกพยักหน้า อาจจะกินข้าวเเค่กับพ่อเเม่นั้นเเหละ เพราะเขาก็ไม่อยากให้น้องถูกมองหรือตั้งคำถามจากผู้ใหญ่ที่ยังไม่เปิดกว้างเรื่องเพศ

“ส่วนเพื่อนๆ น้องมึงเชิญไปร่วมงานที่เหนือ หรือจะมาจัดปาร์ตี้เลี้ยงสนุกๆ ก็ได้ ถ้าอยากให้มีคนรับรู้เยอะหน่อยอะนะ”

“เล่ามาซะยาว หรือมึงจะเเค่สวมเเหวนให้น้อง แล้วพาไปให้พ่อเเม่มึงผูกข้อไม้ข้อมือก็พอ บางครั้งงานแต่งงานใหญ่โตก็ไม่ได้การันตีว่าความรักมันยิ่งใหญ่”

“อ่ะ เเซะตัวเองไปอีก” เบลเยี่ยมเจ้าเก่าพูดตรงเสียจนทุกคนในวงถอนหายใจ

“แต่กูยินดีกับพวกมึงจริงๆ นะเว้ย ที่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักจริงๆ อ่ะ มันคือคนที่เราต้องอยู่ไปด้วยอีกทั้งชีิวิตอ่ะ”

“ถ้ามึงจะเศร้าสร้อยขนาดนั้น มีเมียน้อยมั้ยละ”

“เบลเยี่ยม!!” ทุกคนพร้อมใจกันฟาดมือลงกลางกระหม่อมหนุ่มตี๋คนละที “ไม่สร้างสรรค์อย่าเสือกเสนอความคิดมาอีก”

“แล้วระวังเหอะ ไปยุยงบ้านคนอื่น เดี๋ยวน้องคิวของมึงไปแอบมีกิ๊ก มาร้องห่มร้องไห้ พวกกูจะกระทืบซ้ำให้”

“ทำไมทุกคนไม่อ่อนโยนกับนุ้งเบล”

“กูถีบตอนนี้เลยได้มั้ยรำคาญหน้า” แคมป์เงื้อเท้า พรึกต้องช่วยปราม ส่วนพันวาได้เเต่ส่ายหัวด้วยความขำ เเก่ๆ กันเเล้วก็ยังเล่นเหมือนเด็กไม่มีผิด

“มึงจะเข้าไปดูเเหวนวันไหนพรึก แอบไปวัดไซส์นิ้วน้องมาด้วยนะ” แคมป์กลับมาที่สาระ

“ได้ เดี๋ยวนัดวันไปอีกที”

“เพื่อนจะเเต่งเมีย ตื่นเต้นว่ะ” เบลกลับมาคึกคักอีกรอบ

“มึงจะเเต่งผัว กูก็ตื่นเต้น” พันวาแซว เล่นเอาเบลอ้าปากพะงาบๆ เถียงต่อไม่ถูก แล้วใครจะไปนึกว่าเห็นหื่นๆ จ้องจะงาบเด็กอยู่ดันโดนเด็กงาบเสียเอง

“จะผัวหรือเมียตอนนี้ยังไม่คอนเฟิร์มโว้ย” ตี๋ของกลุ่มยังพยายามโวยวาย

“จ้า...วันเข้าหอ พี่เเคมป์ขออนุญาตตั้งกล้องนะจ๊ะนุ้งเบล”

“นุ้งพ่อง!!”

ทุกคนหัวเราะที่เเกล้งให้เพื่อนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยวงได้ แต่ที่ทำทั้งหมดก็เพราะเอ็นดูล้วนๆ

“เห้อ...แพรคงดีใจที่มึง Move on อ่ะพรึก” เบลพูดถึงคนในอดีตขึ้นมา

“เหี้ยเบล” พันวาปราม จะรู้ได้ไงว่าเเผลในใจพรึกหายหรือยัง

“อยากไปไหว้แพรสักครั้ง อยากไปขออโหสิ เเต่สืบไม่ได้เลยหลังจากคุยกับพ่อเค้าครั้งนั้น ก็โทรหาไม่ได้อีกเลย บ้านในบัตรประชาชนก็ไม่มีคนอยู่”

“พ่อแพรโกรธมากนิ” พันวานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์สมัยเรียนจบ ป.โท ใหม่ๆ

“ก็ไม่ให้เพื่อนสักคนไปเผา ไม่ให้ไปงานศพอ่ะ โกรธมั้ยละ”

“เบลเยี่ยม!!” พันวาเเละเเคมป์เอ็ดตกลงมันจะพูดให้สถานการณ์ดีขึ้นมั้ยเนี่ย

“กูไม่รู้เลยเหอะว่าเเพรท้อง จนเค้าเสียนั้นเเหละ พึ่งรู้ว่าลูกกูก็ไปพร้อมเค้าด้วย”

“มึงไม่ตั้งใจป่ะว่ะ” เจ้าของผับตบไหล่ อยากจะเปลี่ยนจากน้ำส้มเป็นเหล้าเข้มๆ ละ ดราม่าเฉย

“ถึงไม่ตั้งใจกูก็ผิดอ่ะ เพราะรักสนุก เพราะลองไม่คิดไง กลายเป็นว่ามีเรื่องที่ต้องติดอยู่ในใจไปตลอดชีวิตเลย” พรึกถอนหายใจยาว บรรยากาศสนุกสนานเมื่อสักครู่หดหู่ขึ้นมาทันที

“มีหนูพลัมก็ไม่ช่วยหรอ” พันวาถาม

“มันคนละแบบ กูกับเเพรไม่ได้รักกันก็จริง แต่ความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ผู้หญิงคนนึงจากไปอย่างโดดเดี่ยว รวมถึงลูกกูด้วย มันทำให้กูรู้สึกว่าชดใช้เท่าไหร่ก็ไม่พอ”

“ถึงขั้นไม่กล้ามีอะไรกับผู้หญิงอีกเลยอ่ะมึงคิดดู” เบลเยี่ยมอีกแล้วนะ! เพื่อนอยากจะสามัคคีเอาตีนลูบหน้าละ

“มันไม่ใช่เเค่ไม่กล้ามีอะไรกับผู้หญิงเว่ย มันเเบบกูคู่ควรจะมีความรักได้จริงๆ หรือเปล่า กูดูเเลคนอื่นได้ดีมั้ยอะไร คนอย่างกูสมควรจะมีชีวิตที่ดีจริงหรอ ทั้งที่ตอนเอากันสนุกทั้งคู่ เเต่เป็นเเพรที่ได้รับผลแบบนั้น ส่วนกูก็ยังลอยนวลอยู่”

“แพรเป็นคนดี เค้าไม่โกรธมึงหรอก เขาเเค่มาบอกมึงไม่ได้ว่าไม่โกรธ มึงทำอะไรไปให้เค้าตั้งเยอะเเล้ว ทั้งบวช ทั้งเป็นคนดี บริจาคอุปการะเด็กอีก ตอนนี้มึงกำลังจะมีความสุข เขาก็น่าจะยินดีกับมึง” พันวาปลอบ

“ก็หวังว่าความดีทั้งหมดที่กูพยายามทำ จะช่วยให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของกูมีความสุขได้”

“มึงก็เลยรักหนูพลัมมาก ดูเเลเขาทุกอย่าง” เบลสรุป

“อืม...มันกึ่งๆ เหมือนเลี้ยงทั้งเมียทั้งลูกไปพร้อมกัน”

“ไอสัส 191 ต้องมาเเล้วจุดนี้” เบลพยายามเล่นมุก เพราะสถานกาณ์จะได้ดีขึ้น ที่เหลือหัวเราะได้นิดหน่อย เมฆหมอกแห่งความเครียดเมื่อสักครู่ค่อยๆ จางไปเเล้ว

“พวกกูอยู่ข้างๆ มึงนะ” เบลรวบคอเอาทุกคนมากอด อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณมิตรภาพดีๆ ที่ยังคงอยู่ ณ ตอนนี้

ย้อนไปเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ที่ลอนดอน เพื่อนที่เรียนจบรุ่นเดียวกันบางคนกลับไทยไปก่อน แล้วค่อยกลับมารับปริญญา เพราะยูฯ ที่พวกเขาเรียนมีช่วงว่างรอรับปริญญาประมาณ 6 เดือน เเต่หลายคนก็อยู่เที่ยวต่อเลย เเละไม่ต้องเสียเวลาบินไปกลับด้วย

พอถึงวันที่ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตา กลับไม่มีชื่อของ ‘เเพร ภาวิตา เลอเลิศวานิช’ ขึ้นรับ ถึงจะไม่สนิทมาก เเต่เพราะเป็นคนไทยด้วยกันเรียนคณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความสงสัยว่า ‘เพื่อน’ หายไปไหน

ตอนแรกก็คิดกันว่าแพรจะรับรอบปีการศึกษาอื่น หรือไม่ก็ให้ส่งใบปริญญาไปที่บ้าน เเต่ด้วยความกังวลบางอย่าง พรึเลยตัดสินใจโทรถามสักหน่อย กลายเป็นว่าเบอร์เเพรที่เคยมีติดต่อไม่ได้ จนต้องไปตามหาจากประวัตินักศึกษา จนโทรไปเจอพ่อของเเพร

ข่าวที่ได้รับจากปลายสายทำให้พรึกตัวชา เเพรเสียเเล้วเพราะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ แถมตอนนั้นเเพรท้องอยู่ด้วยเลยเเท้งและเสียเลือดมากจนรักษาไม่ทัน

“แพรท้องกับมึงหรือไง ถึงทำหน้าตาเหมือนจะตายตามไปอย่างนั้น” แคมป์ถามคำถามนี้หลังพรึกเล่าทั้งหมดออกมา

“จำคืนที่เราไปปาร์ตี้ตอนสอบเสร็จได้ป่ะ” พรึกถาม

“ได้ดิ เด็กไทยก็ไปด้วยกันหมด เเพรก็ไป”

“กูกับเเพรตื่นมาบนเตียงเดียวกัน กูไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีรอยเลือดบนเตียงนิดหน่อย”

“สัสพรึก”

“จำอะไรไม่ค่อยได้ เพราะคืนนั้นไอ้เบลเอาตัวใหม่มาให้ลอง”

“มึงทำเค้าท้องใช่มั้ย” แคมป์ถามด้วยหน้าเครียด

“ไม่รู้ ไม่เห็นซากถุงยาง”

“แล้วแพรว่าไง”

“แพรก็จำไม่ได้ บอกว่าภาพตัดไปตั้งเเต่อยู่ข้างนอก เขาบอกว่าเครียดๆ ช่วงสอบเลยดื่มไปเยอะเหมือนกัน”

“คนอย่างเเพรน่าจะไม่เคยนอนกับใคร” แคมป์ออกความเห็น

“อืม ปกติแพรเรียบร้อยจะตาย ถ้าคืนนั้นไม่ใช่เพราะโดนยาเข้าไปเขาคงไม่ปล่อยให้ตัวเองไม่มีสติ”

“กูก็เหี้ยสุด ไม่ควบคุมสติอะไรเลย” พรึกกุมขมับ

“อย่าคิดมากเลยพรึก ก็สนุกด้วยกันป่ะว่ะ”

“เออ ตอนลองก็สนุกอ่ะ เเต่ตอนนี้กูสนุกไม่ออกไปตลอดชีวิตเลย”

….

เหตุการณ์ในครั้งนั้นยังเด่นชัดในความทรงจำของพรึก แม้จะเกิดเพราะความรักสนุกจนไม่มีสติของทั้งสองคนก็ตาม แต่สิ่งเล็กน้อยที่เรามองไม่เห็นคุณค่าในวันนั้น อาจจะเป็นบทเรียนราคาเเพงไปทั้งชีวิต

แพรจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ส่วนพรึก...จมกับความผิดไปอีกนานเเสนนาน

“ดึงดราม่ามาเยอะเเล้ว ดื่มหน่อยเว้ย ฉลองสละโสดให้ไอ้พรึกล่วงหน้า” เบลสะกิดทุกคน เเคมป์ที่เงียบไปตั้งเเต่เข้าเรื่องนี้กับพันวาก็ค่อยคึกคักขึ้นมาหน่อย ทั้งสี่หนุ่มหยิบเเก้วตรงหน้ามายกเเตะกันดังกริ๊ง หวังว่า 10 ปีคงเพียงพอกับการชดใช้กรรมของพรึกเเล้ว



ทางฝ่ายหนุ่มใหญ่ที่มัวเเต่เครียดกัน ทางหนุ่มเล็กๆ ก็แอบหนีมาเที่ยวที่ผับอื่นโดยไม่บอก

“กลัวคุณพรึกรู้” พลัมงอแงใส่คิว

“กูบอกไปเบลว่าพวกเรานอนบ้านกะทิ” เพื่อนตัวใหญ่ว่า

“มึงก็นิสัยไม่ดีคิว ถ้ามัมมัมรู้ว่ามึงโกหกต้องโกรธมาก”

“ก็ไม่ให้รู้สิ กูไม่อยากให้เค้าต้องวนรถออกมารับป่ะ ดึกๆ ขับรถคนเดียวก็เป็นห่วงมั้ย หรือมึงไม่ห่วงคุณพรึก”

“ก็ห่วง!!” พลัมหน้างอ แต่ก็ไม่มีเเรงทัดทาน เพราะกะทิเเละสาวๆ คนอื่นที่มาทำงานกลุ่มด้วยกันอยากออก เเล้วพลัมกับคิวที่เป็นผู้ชายก็ต้องมาช่วยดูเเลสาวๆ

แถมยังต้องเป็นสุภาพบุรุษสุดๆ ด้วยการดื่มเหล้าที่คนอื่นมาชนแก้วกับพวกเธอให้ด้วยในบางครั้ง

ปกติพลัมก็ไม่ขี้เมาหรอก เพราะเขาอยู่คนเดียว เลยต้องระมัดระวังดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เเต่เหมือนว่าคืนนี้เครื่องดื่มที่คนอื่นยื่นมาให้เพื่อนสาวๆ จะชงเข้มเป็นพิเศษ เเถมหลากหลายสำนักทั้งวอดก้า วิสกี้ บรั่นดี ผสมกันมั่วไปหมด

“ตาลอยเเล้วไอ้พลัม” คิวว่า พลางรับเเก้วที่กำลังยื่นมาซดเสียเอง

“เหี้ย วอดก้าน้ำเปล่ารสชาติจัญไรสุด” คิวเเทบพ่นออกมากับส่วนผสมที่ไม่ได้เข้ากันเลย แถมยังกะให้เมาเต็มที่

สาวๆ ที่ให้พลัมกับคิวเป็นไม้กันหมาให้เต้นกันสนุกเชียว เเละพอช่วงใกล้เที่ยงคืนดีเจก็จัดเพลงเเดนซ์หนักๆ รัวมาให้ใส่กันยับๆ

ไอ้พลัมก็ยับ! ไปเต้นอยู่กับกะทิแล้วจ้า

“เมากว่าใครเพื่อนเลยไอ้เตี้ย” คิวสบถ เขาก็ดื่มไปเยอะ แต่ด้วยร่างกายที่กล้ามเนื้อเยอะกว่า แถมยังกินข้าวมาอิ่มสุดๆ ทำให้ระดับความเมายังน้อยกว่าพลัมมาก



หลังจากสี่หนุ่มคุยเรื่องเซอร์ไพรส์จบ พันวาก็ชวนไปตรวจตลาดผับเปิดใหม่ที่กำลังดังในหมู่วัยรุ่น เพราะถ้าเขาไปคนเดียวก็จะดูเหมือนมาสืบเกินไป ได้เพื่อนหน้าตาดีไปด้วยค่อยดูเหมือนแก๊งเสี่ยที่มาตกเด็กหน่อย แคมป์เองก็ว่างๆ พรึก คิวก็ไม่ต้องรีบกลับไปโอ๋เอ๋เด็กเข้านอน เลยสามารถไปช่วยเพื่อนได้อย่างไม่อิดออด

“มึง ถ้าหนูพลัมหนีเที่ยวมึงจะโกรธมากมั้ยว่ะ” เบลสะกิดถามเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในสถานบันเทิงที่เสียงบีทกำลังอัดหนักๆ ได้สักพัก ทั้งสโมค ทั้งเลเซอร์คลุ้งจนมองใบหน้าใครเเทบไม่ชัด

“โกรธดิ กูไม่เคยห้ามเที่ยว แค่บอกก่อนกูก็อนุญาตหมด ไปรับด้วย น้องจะได้กลับบ้านปลอดภัย”

“ผัวประเสริฐ”

“ผัวน้องพลัมมีคนเดียวครับ อย่ายัดเยียดชื่อชู้มาให้”

“โอ้ย กูเล่นมุก ควาย!!”

“ควายนี่ด่ามึงด้วยนะ ไม่ใช่คำสร้อย”

พรึกอยากตบกบาลเพื่อนให้สักหนึ่งที

สี่หนุ่มยืนโยกเบาๆ คูล พร้อมสั่งเบียร์ขวดเล็กมาถือเป็นพร็อพ พันวากวาดสายตาไปรอบๆ ดูทั้งการตกแต่ง เครื่องดื่มที่ขายเเละการเเสดงอื่นๆ ในร้าน มีสาวๆ ที่ชอบหาคนส่งเสียเข้ามาชนด้วยเบาๆ ซึ่งคนที่พอจะชนได้ก็มีหุ้นส่วนผับคนเดียวนั่นแหละที่เหลือมีเจ้าของหมดเเล้วจ้า แต่มันก็ทำให้เบลภูมิใจว่าเสน่ห์ของเขายังล้นเหลือ

“ดูๆ อะไรพวกนี้แล้วนึกถึงตอนวัยรุ่น เที่ยวยันเช้าแล้วไปเรียนยังไหว เดี๋ยวนี้สี่ทุ่มกูก็ตาปรือละ” แคมป์เปรย

“แก่ไอ้สัส” พันวาว่า เขาต่างจากเพื่อนๆ หน่อยเพราะทำธุรกิจกลางคืนเสียส่วนใหญ่ จึงนอนเกือบเช้าเเล้วไปตื่นเอาเที่ยงๆ แทน

“พรึก กูว่ากูเห็นหนูพลัม” เบลเยี่ยมสะกิด เพราะถึงมีผัวแล้วแต่สัญชาตญาณล่าน้องของเขายังไม่ได้หายไปด้วย กวาดแกว่งสายตาหาอยู่ไม่นานดันแจ๊คพ็อตไปเจอลูกตัวเองเสียอีก แถมข้างลูกก็เป็นไอ้คิว!!

บอกว่าไปทำรายงานแต่มาโผล่ในผับ อยากเอาขวดเหล้าฟาดให้ได้เลือด!!

“อ่ะกูรอดูหนังพิศาลเลยสัส ตบจูบต้องมา” แคมป์เเซว

“ไม่อ่ะ กูรอดูเหมือนกันว่าน้องจะกลับยังไงไหว จะโกหกกูยังไงต่อ”

เบลซี้ดปาก โมโหไอ้เด็กคิวก็ใช่ แต่เป็นห่วงลูกก็อีกเรื่อง พรึกดูโกรธมากทั้งที่เมื่อกี้ยังรักหลงบูชาน้องน้อยอยู่เลย

“ตั้งแต่มีเรื่องแพร ชีวิตกูก็ซีเรียสขึ้นเยอะ แล้วดูดิมาเมาแบบนี้จะปลอดภัยได้ยังไง แล้วกูก็นึกว่าน้องอยู่บ้านเพื่อน เกิดเป็นอะไรไป กว่าจะตามเจอยังจะเหลือสภาพดีอยู่มั้ย”

“มึง น้องมากับเพื่อน” พันวาปราม

“แล้วดูมีใครรอดสักคนมั้ย สาวๆ เมาหมดแล้วมั้งนั้น เหลือน้องคิวคนเดียว เเล้วคิวก็ต้องดูเเลน้องผู้หญิงก่อนอยู่เเล้ว”

“กูจะรอดูว่าจะเอาตัวรอดยังไง” พรึกกัดฟันเเน่น เขาทั้งโมโหและหงุดหงิด ไม่อยากให้พลัมเกิดเรื่องไม่ดี เหมือนที่ตัวเองเคยเจอ แถมหน้าตาน้องก็แสนดึงดูด หุ่นเล็กตัวบางแบบนั้นมีผู้ชายคนไหนบ้างไม่ชอบ แล้วพอมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ เขาก็ไม่ได้มานั่งแยกแยะคน want กับคนไม่ want กันหรอกนะ Perception แรกก็คือทุกคนรักสนุกกันทั้งนั้นเเหละ ... One night Stand ใครแข็งแกร่งก็รอดไป แล้วที่ไม่รอด ต้องมานั่งเสียใจอีกเท่าไหร่ ผลที่ตามมามันใหญ่หลวงแค่ไหน ทำไมน้องไม่คิดบ้าง

“สัส มาคุเหมือนสัตว์ปะหลาดกำลังจะออกมา” เบลหันไปสะกิดพันวา

“แล้วผัวหนีเที่ยว นุ้งเบลไม่โมโหบ้างหรือคะ” แคมป์ถามบ้าง

“ดูที่เจตนาก่อน ถ้ามันคิดมีชู้ก็เลิก ถ้ามันแค่กลัวกูด่าเเล้วไม่บอก ก็ค่อยลงโทษตามสมควร”

“เป็นคนมีเหตุผลนะเรา”

“กูแค่เป็นห่วงป่ะ เมาเเล้วจะกลับยังไง เกิดเจอคนไม่ดีมันจะสู้ไหวมั้ย ถ้ามาเที่ยว แล้วให้กูมารับกลับกูก็สบายใจกว่าแค่นั้นเอง”

“มึงน่ารักอ่ะเบล” พันวาชม

“เสียใจด้วยนะ มึงมาช้าไป กูให้สิทธิ์ความเป็นพ่อของแอนโธนี่กับไอ้เด็กคิวไปแล้ว”

“แค่ชมไอห่า ไม่ได้อยากเอามึงมาให้รุงรังชีวิต”

“สาธุ อย่ามาสารภาพรักกูทีหลังนะ บัตรคิวกูเต็มยาวไปถึงชาติหน้าแล้ว”

“สาธุ อย่าให้คิวมึงว่าง เสียดายชีวิตที่เหลืออยู่ของกูเอง”

พรีึกไม่ได้ตลกไปกับเบลเเละเพื่อนอีกสองคน เพราะสายตาเขาจับจ้องอยู่เเค่เจ้าเด็กน้อยหน้าเวทีเท่านั้น แล้วนั้นมีคนเข้าไปจับเอวน้องแล้วไง เเถมยังตัวสูงใหญ่ชนิดบังพลัมมิด

“มึง!! กูไปก่อนนะ”

“ไอ้สัสเดี๋ยวพวกกูไปช่วยบวก” เบลเดินตามไปอย่างไว พันวากับแคมป์ก็เช่นกัน แต่ความแน่นของผับก็เดินยาจังเลยโว้ย

พลัมกำลังโดนผู้ชายแปลกหน้าโอบไหล่ออกไปจากกลุ่มเพื่อนๆ คิวไม่อยู่เพราะพากะทิไปห้องน้ำ จุดน่ากลัวที่สุดที่จะโดนลาก เพื่อนตัวใหญ่เลยต้องไปคุม

พลัมเมามากแต่ก็มีสติเหลืออยู่บ้าง เขาพยายามขัดขืนเแต่สู้แรงไม่ได้เลย ตะโกนให้ช่วยก็เสียงดังไม่สู้กับลำโพง และก็ไม่มีใครอยากสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่น

จนกระทั่งออกมาด้านประตูหนีไฟที่เชื่อมไปยังลานจอดรถมืดๆ หลังผับ

“ดีดๆ แบบนี้ชอบนัก”

“ปล่อยนะครับ ผมแค่มาสนุกกับเพื่อน ไม่ได้มาหาคนไปต่อ”

“ไม่ต้องอายหรอก อยากโดนก็บอกดีๆ”

“ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง พลัมไม่ได้จะไปต่อ พลัมมีแฟนแล้ว!” เสียงตะโกนที่ดังอ้อแอ้กลับดูน่าย่ำยีเข้าไปอีก

พลัมโดนลากแขนไปยังรถเก๋งญี่ปุ่นคันนึง เจ้าตัวเล็กจิกรองเท้ากับพื้นกรวด แล้วขืนตัวไว้

“อย่าให้ต้องใช้กำลังได้มั้ย ชอบซาดิสม์หรือมึงอ่ะ” อีกฝ่ายเริ่มหมดความอดทน พลัมสะบัดแขนจนเจ็บไปหมด ภาวนาให้คิวรู้ตัวไวไว

“ปล่อยได้มั้ยครับ ผมให้เงินไปซื้อกับคนที่เต็มใจก็ได้ แต่อย่ายุ่งกับผมเลย” พลัมพยายามจะพูดดีด้วยเพื่อเตือนสติอีกฝ่าย

“แต่กูอยากเอามึง เห็นเต้นแรงมาตั้งแต่ข้างในแล้ว เอวแม่งอย่างน่าโดน” ไม่ว่าเปล่าเริ่มจะลวนลามพลัมด้วย พลัมรู้สึกท่าไม่ดี เลยยอมอ่อนโอน ผ่อนเเรงไม่ดิ้นแล้ว

“ถ้าพลัมยอม ก็จะอ่อนโยนใช่มั้ยครับ ไม่อยากรู้สึกเหมือนโดนข่มขืน”

“พูดง่ายๆ แต่แรกก็รู้เรื่องแล้วไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อย” อีกฝ่ายปล่อยมือแล้วเปลี่ยนเป็นเข้ามาโอบเอวแทน พลัมใช้จังหวะนั่นกระทบเท้าอีกฝ่ายเต็มเเรง แล้วกระทุ้งหัวเข่าเข้าหน้าท้อง ก่อนจะหันหลังวิ่งโดยเร็ว อีกฝ่ายโอดโอยได้ไม่นานก็วิ่งตามมา พลัมกลัวสุดชีวิตแต่บอกตัวเองว่าต้องรอดเหมือนกัน จึงกัดฟันดึงสติให้มากที่สุด

พลั่ก!! เพราะวิ่งจนไม่ดูจึงพุ่งชนเข้ากับของสูงใหญ่บางอย่าง ที่เอื้อมแขนมาช้อนรอบเอวไว้ ไม่ให้แรงปะทะนั้นทำพลัมล้ม

“คุณพรึก!!!” พลัมโคตรดีใจเหมือนเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จากที่ใช้พลังฮึดสุดท้ายไปสักครู่ ก็เหมือนจะตัวสั่นขึ้นมาเพราะหมดแรง

พรึกที่อยากจะดุ เห็นน้องเป็นแบบนั้นก็ได้แต่เก็บความโมโหไว้ก่อน เขารวบพลัมไปไว้ด้านหลังแล้วก็ยันฝ่าเท้าไปที่หน้าท้องผู้ชายคู่กรณีที่วิ่งตามมาจะหาเรื่อง

“เมียกูมึงเสือกอะไร” ไอ้คนร้ายตะโกนลั่น พรึกถึงขั้นฟาดหลังมือตบใส่ปากมันไปอีกที

“พูดมาได้ ไอ้เหี้ย!”



หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 17-18 (03 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 05-12-2018 21:11:03
เเคมป์กับพันวาวิ่งตามมาทัน พร้อมกับการ์ดของร้าน เพราะพันวาไปแจ้งว่ามีการฉุดกันเกิดขึ้นที่ลานจอดรถ การ์ดรวบจับอีกฝ่ายทันที

“ปล่อยนะโว้ย มึงรู้มั้ยกูลูกใคร”

พันวาส่ายหัว เขาเฝ้าผับมาทุกคืน เจอประโยคนี้คืนละไม่ต่ำกว่าร้อยรอบ ถึงขั้นต้องไปมองหน้ามันชัดๆ

“เอ้า ไอ้โคตรซวย” เจ้าของผับพูดกึ่งหัวเราะ แล้วเดินไปกระซิบบอกการ์ดว่าให้รวบตัวดีๆ เพราะหน้าตาอีกฝ่ายเหมือนผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจหาตัวอยู่ เนื่องจากเข้าไปปล่อยยาในสถานบันเทิงมาแล้วหลายแห่ง แถมที่ผับพันวา กล้องวงจรปิดก็พึ่งจับภาพได้เมื่อไม่นานมานี่เอง

หนึ่งในการ์ดที่ชำนาญการรีบโทรหาตำรวจในท้องที่ทันที เสียงหวอดังมาอย่างรวดเร็ว แล้วคนผิดก็โดนคุมตัวไป

เด็กน้อยที่พึ่งหวิดโดนเหตุการณ์เสี่ยงตายมาหน้าซีดจนขาว ตัวสั่นเกาะเอวคุณพรึกแน่น

“ไม่ต้องกลัวแล้วครับ คุณพรึกอยู่กับหนูนะ” พรึกโกรธเเหละ แต่ดุไม่ลงเลยรวบตัวมากอดก่อน พลัมฝังหน้าไปกับอกคุณพรึก แล้วสะอื้นฮึก

“ร้องทำไมคะคนดี” แม้คืนนี้น้องจะไม่เป็นเด็กดีเท่าไหร่ แต่เพราะรักมาก ก็อดจะถนอมมากไปด้วยไม่ได้ ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายต้องสะเทือนใจไปมากกว่านี้ กะว่ารอให้น้องหายตกใจก่อน แล้วค่อยสอนทีเดียว

“หนู ฮึก หนูขอโทษ” พลัมรู้ตัวว่าผิด “ฮือ...ถ้าคุณพรึกมาไม่ทัน ฮึก หนูจะทำยังไง หนูเสียใจ หนูขอโทษที่ออกมาเที่ยวโดยไม่บอกคุณพรึก”

น่าสงสารขนาดนี้แล้วพรึกจะตีลงได้ยังไง

“กูพาน้องกลับก่อนนะ”

ร่างสูงช้อนน้องขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว เพราะเจ้าตัวเล็กขาอ่อนเเรงไปหมดแล้ว จะเดินให้ตรงคงไม่ไหว

“จะแจ้งความไหมครับ” การ์ดของร้านเข้ามาถามพันวาเพื่อเเสดงความรับผิดชอบ เนื่องจากรู้ตัวว่าพวกเขาก็มีส่วนผิดที่ดูแลไม่ทั่วถึง พันวาส่ายหน้าอย่างไรคนผิดก็คงต้องรับโทษเรื่องสารเสพย์ติดอยู่แล้ว และรู้ว่าเพื่อนตัวเองคงยังไม่อยากให้พลัมที่กำลังตกใจต้องไปให้ปากคำกับตำรวจอีก

“ขอโทษด้วยนะครับที่เกิดเรื่อง” หัวหน้าการ์ดโค้งขอโทษ จนพันวาแทบสะกิดให้ไปทำงานด้วยกัน

“ผมขอเบอร์ติดต่อไว้หน่อยได้มั้ยครับ ทางร้านอยากจะส่งกระเช้าไปขอโทษ” พันวายกนิ้วอยู่ในใจ แล้วยื่นนามบัตรไป ผับนี้เขาเทรนด์มาดีจริงๆ สงสัยต้องไปฝึกพนักงานตัวเองใหม่บ้างแล้ว

“หล่อไปอีกเพื่อนกู เจ้าชายขี่ม้าขาวสัส” เบลมองตามพรึกที่เดินไปจนลับตา เห็นหนูพลัมซุกตัวหงอย แล้วไอ้พรึกหล่อสง่าสุดๆ ก็อดชมไม่ได้

“เพื่อนมึงขี่ BM”

“พันวาครับ ทำไมมึงไม่โรแมนติก”

ไม่ทันได้คุยเล่นกันต่อ คิวก็วิ่งหน้าเริ่ดออกมาพร้อมกะทิ

“คุณเบล!! ไอ้พลัมมีเรื่องหรอ”

“หือ..มึงมาได้จังหวะเลยไอ้เด็กเลว” เบลตรงเข้าไปบิดหูคิวจนร้องโอดโอย “ไปเคลียร์กันที่บ้าน ผิดหลายกระทงเลยคืนนี้”

“คุณเบาก่อน!!” เด็กหนุ่มร้องโหยหวน

“ต้องไปส่งกะทิกับเพื่อนๆ ก่อน”

ยัง...ยังจะเป็นคนดี เบลส่ายหน้า “มึงจะไปส่งยังไง หน้าเมากว่ากะทิอีก”

กะทิตัวลีบ เข้าใจสถานการณ์ได้ทันทีว่าเธอลากเพื่อนมาซวยแล้ว

“คิวขับรถของที่บ้านกะทิมาค่ะ แต่ทุกคนดื่มเหล้า เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับกันก็ได้”

“ขึ้นรถพี่ดีกว่าค่ะเดี๋ยววนไปส่งให้ครบทุกหลังเลย มึงด้วยเบลเดี๋ยวกูไปส่งที่คอนโด” พันวาตัดบท เพราะตอนมาเขาก็ให้คนขับรถเอา Alphard มาส่งทุกคน มีแค่พรึกที่แยกขับรถมาเอง แคมป์โบกมือลาด้วย เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับบ้านใหญ่

เด็กๆ ที่พึ่งรู้ว่าเกิดเรื่องหน้าจ๋อยไปตามๆ กัน เดินตามพันวาต้อยๆ ไปขึ้นรถ

“ฟีลเหมือนมารับลูกๆ กลับบ้านเลยว่ะ” พอขึ้นรถมาได้ เจ้าของธุรกิจกลางคืนก็พูดติดตลก

“หนูๆ ห้ามซนอีกนะคะ ถ้าจะไปเที่ยวทีหลังไปผับพี่เมาได้อย่างปลอดภัย แล้วก็ห้ามโกหกที่บ้าน หรือแฟนอีกนะว่ามาเที่ยว เกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วจะตามตัวกันไม่ถูก” ได้ทีก็สอนเสียเลย

“ค่ะ/ครับ”

เบลยังไม่เลิกบิดหูคิว ส่วนเจ้าตัวโตก็จ๋องไม่กล้าหืออือ





พลัมนั่งเงียบมาตลอดทางที่กลับบ้าน พรึกไม่ดุเขาสักคำ ทำให้พลัมยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก เมื่อรถมาจอดที่คอนโด พรึกก็เดินอ้อมมาหายังฝั่งที่พลัมนั่ง

“เดินไหวมั้ยคะ ให้คุณพรึกอุ้มมั้ย”

พลัมปลดเบลท์ แล้วขยับตัวห้อยขาออกไปนอกรถ ช้อนตามองคนที่ยืนอยู่สูงกว่าแล้วกระตุกชายเสื้อเบาๆ

“คุณพรึกดุหนูสิ”

“คุณพรึกต้องดุหนูเรื่องอะไรคะ”

“หนูโกหกว่าไปทำรายงาน แต่กลับออกไปเที่ยว”

“แล้วทำไมถึงโกหกคะ”

“ทำรายงานเสร็จเร็ว แล้วกะทิกับเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆ ก็อยากเที่ยวขึ้นมา พลัมขัดไม่ได้

“แล้วทำไมไม่โทรมาบอกคุณพรึกสักคำ”

“คิวบอกว่าเป็นห่วงคุณเบลถ้าต้องให้ขับรถมารับดึกๆ พลัมก็เลยคิดเหมือนคิว พลัม..พลัมไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้”

“หนูเป็นห่วงคุณพรึกหรอ”

“ครับ”

“หนูรักคุณพรึกมั้ย”

“รักครับ พลัมรักคุณพรึกนะ” น้องทำหน้าเหมือนจะร้อง

“แล้วพลัมรักตัวเองมั้ย”

“เอ่อ...เกี่ยวยังไงครับ”

“ถ้ารักตัวเอง ก็ต้องรู้ใช่มั้ยครับ ว่าจะไม่พาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย”

น้องพยักหน้า

“ถ้าหนูเป็นอะไรไป รู้มั้ยว่าใจคุณพรึกจะเป็นยังไง”

“พลัมขอโทษ! พลัม...คิดไม่รอบคอบ”

“ขอบคุณที่พลัมเป็นห่วงคุณพรึกนะครับ แต่ถ้าพลัมไม่รักตัวเองก่อน ไม่ดูเเลตัวเองให้ดีก่อน พลัมก็จะดูเเลใครไม่ได้”

พรึกย่อตัวลง เพื่อที่จะมองหน้าอีกฝ่ายได้ชัดขึ้น

“ยิ่งรู้ว่าคุณพรึกรักหนูมาก ห่วงหนูมาก หนูยิ่งต้องไม่ทำให้คุณพรึกเป็นห่วงรู้มั้ยครับ”

พลัมพยักหน้าพร้อมน้ำตาที่หยดลงมาบนหลังมือ หลายหยด พรึกรวบมือคู่นั่นมาจูบ

“คุณพรึกยังไม่ได้ดุเลยสักคำ ร้องไห้ทำไมคะ”

“พลัมเจ็บตรงนี้ ที่ทำให้คุณพรึกเสียใจ” พลัมขยุ้มเสื้อตรงหน้าอก “ถ้าวันนี้พลัมหนีไม่ทัน หรือคุณพรึกไม่ไปเจอ พลัมต้องทำคุณพรึกใจสลายแน่ๆ พลัมขอโทษนะครับ ต่อไปนี้พลัมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว พลัมจะรายงานคุณพรึกทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี พลัมจะปรึกษาคุณพรึกก่อน เราจะคุยกันด้วยเหตุผล พลัมจะไม่คิดไปเองอีก ฮึก ฮือ ฮือ”

น้องพูดรัวๆ จนหน้าแดงตัวเเดงแถมยังสะอื้นอีก พรึกถอนหายใจ เชยหน้าน้องขึ้น ใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจากหางตาเบาๆ

“หนูน่ารักขนาดนี้ คุณพรึกจะไม่หลงยังไงไหวคะ ไหนบอกคุณพรึกสิ”

“คุณพรึก...ตีหนูหน่อยได้มั้ย ตีหนูเจ็บๆ ให้หนูรู้สึกผิดน้อยลงหน่อย”

พรึกอมยิ้มอ่อนโยน ประคองเเก้มชุ่มน้ำตาไว้แล้วจุ๊บปากช่างอ้อนเเสนน่ารักนั้นเบาๆ

“คุณพรึกจะตีลงได้ยังไง หนูเจ็บ พี่เจ็บกว่านะครับ”

พลัมอยากมุดหน้าหนีเข้าไปในอกเขาจัง คำพูดว่าอ่อนโยนเเล้ว แต่สายตาคุณพรึกที่ใช้มองมานั้น พลัมสู้ไม่ไหวเลย ทั้งที่พลัมทำผิดมากขนาดนั้น เขายังใจดีกับพลัมอีก

“บ้าจัง” พลัมพึมพำแสนเบา แต่พรึกกลับได้ยิน

“อะไรบ้าจัง”

พลัมเม้มปากสลับปากยื่นสลับกลั้นยิ้มเพราะทำหน้าไม่ถูก

“หนูรู้สึกหัวใจมันพองไปหมด ฮึ่ย...ทั้งที่พึ่งทำผิดมา แต่แบบ...คุณพรึกทำให้หนูรู้สึกว่าโชคดีที่สุดเลยที่มีคุณพรึกเป็นของตัวเอง”

“ครับ คุณพรึกก็มีหนูพลัมเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้น เราเป็นของกันเเละกันแล้วต้องดูแลตัวเองดีๆ ไม่ทำให้อีกคนเสียใจนะครับ”

“รับทราบครับ หนูไม่ทำให้คุณพรึกเสียใจอีกแน่นอน”

“ทำให้คุณพรึกเห็นนะครับ ไม่พูดให้คุณพรึกหลงอย่างเดียวนะ”

“อื้อ...พลัมจะเป็นคนรักที่ดีของคุณพรึก ให้คุณพรึกรู้สึกโชคดีที่สุดที่คบกับหนู”

“คุณพรึกก็รู้สึกแบบนั้นแล้วค่ะตอนนี้”

“กอดหนูหน่อย”

“กอดกอด”

“หอมหนูหน่อย”

“หอมหอม”

“หนูนอนซุกคุณพรึกได้มั้ยคืนนี้”

“ได้เสมอค่ะที่รัก”

“งื้อ ตายไปเลย พลัมจะตายอยู่แล้ว อย่าอ่อนโยนขนาดนี้ได้มั้ย” เจ้าตัวเล็กร้องโหยหวนจนพรึกต้องบีบจมูก เขาฉุดน้องให้ลุกขึ้นจากตัวรถ แล้วจัดการล็อครถ ก่อนจะสอดแขนไปกับช่วงเอวบางๆ ที่ชอบแล้วประคองน้องขึ้นไปยังห้องนอน

ถ้าอาบน้ำให้ด้วยได้แล้วใจไม่คิดบาปก็จะอาบ

ถ้าปะแป้งให้แล้วยั้งมือไม่ลวนลามน้องได้ก็จะทำ

แต่นี้ไม่ได้เลย...ต้องปล่อยให้น้องเข้าห้องน้ำไปคนเดียว แล้วเขาก็ไปจัดการตัวเองที่ห้อง

วันนี้จะนอนห้องพลัม เพราะเป็นที่ปลอดภัยของน้อง

พรึกกลับมาก็เห็นพลัมนั่งกอดคอเจ้าหมีรออยู่บนเตียงแล้ว น้องตบเตียงปับๆ เมื่อเห็นคนตัวโตเดินเข้ามา ตัวขาวๆ หอมๆ ขยับที่ว่างให้พรึก แล้วก็ทำกิจกรรมที่ทำร่วมกันก่อนนอนเสมอ นั่นคือนั่งคุกเข่าพนมมือแล้วก็สวดมนต์ พรึกสอนให้พลัมทำจนติดเป็นนิสัย และพลัมก็คิดว่ามันเป็นกุศโลบายที่ดี เพราะเมื่อเขาตั้งสมาธิท่องบทสวดภาษาบาลียาวๆ สมองก็เหมือนรวบรวมเอาความคิดที่กระจัดกระจายมาตลอดทั้งวันมารวมกันที่จุดเดียว ไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่นอีก เป็นแบบนั้นแล้วก็หลับง่าย แถมหลับลึกเพราะไม่มีเรื่องกวนใจก่อนนอน

พลัมสวดเสร็จก่อนคุณพรึกนิดหน่อย รอจนคุณพรึกกราบหมอน ก็ค่อยล้มตัวลงนอนพร้อมกัน พลัมขยับไปเบียดตรงหัวไหล่ แล้วยืดปากไปจุ๊บปลายคางคุณพรึกเบาๆ

“ฝันดีครับ”

“ฝันดีครับ”





TBC 

เม้นให้บ้างนะคะอย่าให้ไรต์เหงา 
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 19-20 (05 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 05-12-2018 21:59:42
ดีใจที่ในที่สุดคุณพรึกก็ move on นะคะ
ชอบที่ความสัมพันธ์ของคู่นี้ค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ
ส่วนมัมมัมก็หวังว่าพอมีคิวแล้ว จะหลุดพ้นจากการโดนเพจน้องล่อลวงนะคะ 55555
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 19-20 (05 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 06-12-2018 09:15:50
อย่าบอกนะว่า แพร คือพี่สาวน้องพลัม ไรต์จ้ะ ไม่เอามาม่าน้ำข้นน้ะ ขอมาม่าน้ำใสก็พอ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 19-20 (05 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 06-12-2018 22:06:08
โห้ยยยยย....คู่นี้เขาหวานกันดีแล้วอยาเอามาม่านะได้โปรด
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 19-20 (05 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 08-12-2018 17:14:45
Chapter 21



ในที่สุดเรื่องแหวนที่พรึกตั้งใจดูให้พลัมก็มาอยู่ในมือเรียบร้อย เขาสั่งตามแบบที่ถูกใจแล้ว เป็นเพชรเม็ดเล็กที่จะเอามาฝังลงบนแหวนทองคำขาวดีไซน์มินิมอล สลักชื่อ PP grow old old tgt ที่ด้านใน

และเพื่อให้ได้ไซส์ที่ถูกต้อง โดยน้องไม่รู้ตัว พรึกต้องขโมยแหวนแฟชั่นที่โต๊ะเครื่องแป้งน้องไปให้ที่ร้านวัดไซส์ก่อน พลัมก็ฟึดฟัดหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปสิที่แหวนวงโปรดหาย ใจเย็นๆ นะคะ คุณพรึกกำลังจะเอาแหวนโปรดวงใหม่มาให้หนู

ชีวิตรักที่ลงตัวทุกอย่างแล้วดำเนินไปอย่างเรียบง่าย หลายเรื่องเราปรับจูนกันได้ทั้งหมด แม้กระทั่งการลงรูปในเพจน้อง พลัมก็ทำน้อยลง เลือกชุดที่มันดูไม่วาบหวามมากเพราะเกรงใจคุณพรึก แล้วไปรับจ๊อบเสิร์ฟอาหารที่ร้านเบลเพื่อหารายได้เสริมแทน

พรึกรอให้น้องสอบปลายภาคเทอม 2 เสร็จ ก็เรียกร้องให้พลัมพาไปไหว้พ่อกับแม่ ส่วนเขาเองกะว่ารอพลัมจบฝึกงานประจำเทอมนี้ ก็จะพาขึ้นไปรู้จักกับครอบครัวเขาที่เชียงใหม่เช่นกัน

ก่อนหน้านี่พรึกเกริ่นกับแม่และพ่อไว้บ้างแล้วเรื่องมีแฟนที่เป็นผู้ชายด้วยกัน พ่อแม่ให้อิสระพรึก เนื่องจากมีวุฒิภาวะที่โตจนรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว แถมยังดูแลพ่อแม่ได้ดีไม่มีขาด ส่งเงินให้แม่ไว้ใช้จ่ายทุกเดือน ฉะนั้นถ้าเรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่จะสร้างความสุขให้พรึก คนเป็นพ่อกับแม่ก็ไม่เห็นเหตุผลที่ต้องขัดขวาง และพ่อแม่ยังให้เหตุผลด้วยว่าพวกเขาไม่สามารถอยู่กับพรึกได้นานเท่าคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตอย่างพลัมหรอก

ฝ่ายพลัมเองเคยเล่าพรึกเช่นกันว่าครอบครัวที่เสียไปนั้นมีพ่อแม่และพี่สาว วันนี้พรึกจึงตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวใส่ปิ่นโตเพื่อไปถวายเพล พลัมก็ลุกขึ้นมาช่วยเตรียมด้วย เพราะอยากให้พ่อแม่ได้ชิมฝีมือตัวเอง

คุณแม่เสียตอนคลอดพลัม

พี่สาวที่อายุห่างกันหลายปีเสียเพราะอุบัติเหตุ

ส่วนคุณพ่อเสียเพราะตรอมใจเรื่องพี่สาว เหมือนวันที่เธอเกิดอุบัติเหตุ เป็นเพราะพ่อไม่ว่างเลยไม่ได้ขับพาไปโรงพยาบาลตามที่สัญญาไว้นี่แหละ พ่อเลยเก็บมาคิดมากจนเป็นโรคเครียด นอนไม่หลับอยู่เป็นปี ประกอบกับโรคที่มาพร้อมวัยเลขห้า ทั้งเบาหวาน ไขมันสูง รวมๆ กันอยู่ในร่างกายที่ไม่แข็งแรง เลยไปทำให้เส้นเลือดในสมองแตก แล้วเสียชีวิตหลังจากนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ในโรงพยาบาลเกือบเดือน

พลัมต้องเข้มแข็งแค่ไหนที่ผ่านเรื่องเหล่านั้นมาได้ โชคดีที่ยังมีคุณป้าญาติฝ่ายพ่อที่เอ็นดู และรับมาอยู่ที่บ้านด้วยจนจบ ม.ปลาย พลัมค่อยให้ป้าใช้เงินมรดกของคุณพ่อซื้อคอนโดให้แล้วย้ายมาอยู่เอง

ฟังเรื่องราวเหล่านั้นแล้วพรึกก็อยากทุ่มเทความรักทั้งหมดที่เขามีเพื่อกอบกู้หัวใจและเป็นครอบครัวที่อยู่กับน้องไปอีกนานๆ

หลังเตรียมทุกอย่างเสร็จพลัมก็หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมมาด้วย เพราะหลังไปวัดเสร็จก็จะไปนอนค้างบ้านป้าบัวสามคืน เนื่องจากลูกพี่ลูกน้องไปสัมมนาที่ต่างประเทศ และไม่อยากให้ป้าอยู่คนเดียว เลยโทรมาขอให้พลัมไปนอนเป็นเพื่อน

ฝ่ายพรึก นอกจากปิ่นโต 2เถาใหญ่แล้ว เขายังแอบหย่อนกล่องแหวนลงกระเป๋ากางเกงด้วย มันอาจจะโรแมนติคแบบแปลกๆ หน่อยที่จะสวมแหวนน้องในวัด แต่...พรึกว่ามันดีแล้ว เขาอยากให้พ่อแม่และพี่สาวน้องเป็นพยานด้วย จะได้รู้ว่าเขาจริงจังนะไม่ได้จะหลอกฟันน้องเพราะก้นกลมๆ กับกางเกงลูกไม้สุดน่าบีบหมึบหมับตัวนั้น

ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงวัดตามที่พลัมบอกทาง บรรยากาศร่มรื่นและสงบเพราะอยู่ในเขตปริมณฑล แถมยังเป็นวัดที่ไม่ได้ใหญ่มากด้วย พรึกจอดรถใต้ร่มไม้ แล้วก็หิ้วปิ่นโตไปยังโรงฉันของวัดที่พระสงฆ์กำลังเตรียมฉันเพล ที่นี่มีพระจำวัดน้อยองค์ อาหารที่พรึกทำมาสองเถาปิ่นโตจึงพอเพียง ร่างสูงจัดวางอย่างคล่องแคล่วสมกับที่เคยบวชมาก่อน ฝ่ายพลัมก็เด๋อๆ ด๋าๆ แต่พยายามสำรวมจนพระท่านยังนึกเอ็นดู

หลังจากถวายเพลและกรวดน้ำเรียบร้อย พรึกก็ให้น้องพาไปไหว้โกศใส่กระดูก จะมีใครรู้มั้ยว่าฝ่ามือพรึกตอนนี้ชื้นเหงื่อมาก กลัวพ่อตาไม่ยกลูกชายให้ ถ้าไอ้เบลรู้เรื่องคงด่า...มาขอน้องจากพ่อตรงพื้นที่อันตรายเชียว

พลัมเดินลั้ลลาไปยังสิ่งก่อสร้างทรงแหลมสูงที่เรียงรายโดยไม่ได้เศร้าสร้อยอะไร เขาทำใจได้นานแล้ว แต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งมาลัยร้อยสวยๆ มาไหว้ด้วยหนึ่งพวง

พรึกเดินตามน้องไปหยุดหน้าโกศ พลัมคุกเข่าลงตรงพื้นปูนแล้วพนมมือไหว้

“พ่อครับ แม่ครับ พี่แพร พลัมพาคุณพรึกมาหา”

ร่างสูงตัวเย็นเฉียบ มองตัวอักษรสีทองที่สลักอยู่ตรงหน้า ซึ่งมีทั้งหมด 4ชื่อ แต่ชื่อที่สะดุดตากลับเป็น

ภาวิตา เลอเลิศวานิช ชาตะ ... มรณะ...

และเมื่อสักครู่พลัมก็พึ่งเรียก ‘พี่แพร’

แต่เขาจำนามสกุลพลัมได้ มันไม่ใช่เลอเลิศวานิช แต่พออ่านให้ดีก็รับรู้ได้ว่านั่นคงเป็นนามสกุลพ่อ พลัมใช้นามสกุลแม่ แล้วก็มีอีกชื่อ

น้องพีชเลอเลิศวานิช

“น้องพีชด้วย... นี่คนรักของน้าพลัมนะครับ”

“พลัม น้องพีชคือ...”

“ลูกพี่แพรครับ แต่ว่า...น้องเสียตั้งแต่ในท้องครับ ตอนพี่แพรรถคว่ำ ก็แท้งน้องด้วย”

“อ่อ ครับ”

ลูกแพร...ลูกเขา!!

ใจพรึกเต้นเชื่องช้าจนเหมือนจะหยุดไป เขาเหมือนหายใจไม่ออก มันจุกไปหมด

ที่มีคนกล่าวว่าเด็ดดอกไม้ดอกเดียวสะเทือนไปถึงจักรวาลไม่เกินความจริงเลย ทุกการกระทำบนโลกใบนี้เชื่อมโยงกันไปหมด เรื่องเมื่อ 10ปีก่อน ก็ยังส่งผลมาถึงปัจจุบัน และดูเหมือนจะส่งผลต่อไปในอนาคตด้วย

หรือแพรจะไม่ให้อภัย...ถึงให้พรึกต้องเจอกับสถานการณ์ที่กำลังจะมีความสุข...แต่ก็มีไม่ได้ พรึกยังต้องเดียวดายเฉกเช่นที่แพรเคยทุกข์ทรมานใช่หรือไม่

ทำไม่ตอนนั้น...แพรไม่บอกพรึกสักคำว่า...กำลังท้องลูกของเรา

“คุณพรึกเป็นอะไรรึเปล่าครับหน้าซีดจัง” พลัมเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาเป็นห่วง

“แถวนี้ลมไม่ค่อยพัด ร้อนด้วย คุณพรึกรีบไหว้ แล้วเราออกไปพักข้างนอกกัน”

ร่างสูงทรุดลงข้างๆ พลัม เขายกมือขึ้นพนมแล้วหลับตาอธิฐาน เขาขอขมาพ่อแม่ของพลัม รวมไปถึงทักทายแพรและลูกที่ไม่รู้แม้กระทั่งต้องเรียกว่าลูกชายหรือลูกสาว

ไหล่กว้างสั่นอย่างรุนแรงเพราะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

“คุณพรึก!!” พลัมตกใจ เข้าไปโอบไหล่กว้าง

“คุณพ่อคุณแม่อย่าแกล้งคุณพรึกนะ” น้องหันไปว่ากับอากาศรอบตัว พรึกส่ายหน้าไม่มีใครทำอะไรเขาหรอก มีเพียงเขานี่แหละที่ทำร้ายตัวเอง

“ลุกครับคุณพรึก ไปนั่งข้างนอกกัน ถ้าพามาแล้วร้องไห้ คราวหลังพลัมไม่พามาแล้ว” น้องดุหน้าตาจริงจัง จนพรึกต้องฝืนพูดคลายใจ

“คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ทำอะไรคุณพรึกครับ คุณพรึกแค่เสียใจนิดหน่อย”

“สงสารหนูหรอ” พลัมถาม

พรึกพยักหน้า...ใช่เขาสงสาร

ถ้าพลัมรู้ว่าคนที่ตัวเองรัก คือสาเหตุหลักที่ทำให้พี่สาวตัวเสียชีวิต เป็นพ่อของหลานในท้อง พลัมจะเสียใจแค่ไหนนะ

“โอ้ยหนูไม่รู้สึกอะไรแล้ว เนี่ยหนีไปเที่ยวกันเก่ง ทิ้งพลัมไว้คนเดียว พลัมโป้งหมดแล้ว ไม่สนใจหรอก”

แม้จะยิ้มปลอบก็ยิ้มไม่ออก แต่พรึกก็ไม่อยากให้สถานการณ์แย่ไปกว่านี้ ได้แต่พึมพำขอโทษลูกกับแพรในใจ แล้วลุกขึ้นไปตามแรงจูงของพลัม

เขากลับไปเก็บปิ่นโตเงียบๆ แล้วไปส่งพลัมที่บ้านของป้า พรึกสวัสดีป้าบัวและแนะนำตัวนิดหน่อย คราวแรกเขากะจะนั่งคุยเรื่องน้องด้วยนานๆ แต่พอเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ไม่สามารถสู้หน้าได้อีก

ขนาดกล่องแหวนหมั้นของหนูพลัม พรึกยังไม่กล้าแตะเลย

เขายังคู่ควรกับน้องอยู่ไหมในตอนนี้



คุณพรึกกลับไปแล้ว พลัมเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับป้าบัวพี่สาวของพ่อ บ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลางๆ ในหมู่บ้านจัดสรรย่านชานเมือง เก่าลงไปตามกาลเวลา แต่ก็เป็นสถานที่ใช้เก็บความทรงช่วงม.ปลายของพลัมได้เป็นอย่างดี พอกลับมาก็อดคิดถึงวัยเยาว์ไม่ได้

“หิวหรือยัง” ป้าถามด้วยน้ำเสียงใจดีเหมือนเดิม

“ถ้าป้าบัวหิว ทานกันเลยก็ได้ครับ”

ป้าตัวเล็กกว่าพลัมอีก แต่ก็ยังแข็งแรงไม่เปลี่ยน เธอจับมือพลัมแล้วเงยหน้าขึ้นมองอย่างเอ็นดู

“คิดถึงแฟนแล้วหรือลูก เขาพึ่งออกรถไปเมื่อกี้เอง”

พลัมขบริมฝีปากอย่างเขินอายทำไมป้าจับได้ บ้าจริง

“เห็นพลัมมีความสุขป้าก็ดีใจ” คนสูงวัยลูบผมหลานชายช้าๆ เธอนึกสงสารตัวแค่นี้ต้องผ่านการสูญเสียไม่รู้กี่ครั้ง ตอนที่มาอยู่ด้วยกันเธอก็พยายามให้ความรักเต็มที่ แต่พลัมเหมือนจะปิดกั้นตัวเองเพราะกลัวว่าจะต้องสูญเสียอีก กลายเป็นเด็กที่ชอบอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว พอมาเห็นว่าหัดอาลัยอาวรณ์คนอื่นเป็นแล้วก็อดดีใจไม่ได้

“คุณพรึกดีกับพลัม” เด็กน้อยบอก

“ดีแล้วลูก”

“วันนี้ก็ไปไหว้พ่อกับแม่ สงสัยไปขอ” เจ้าตัวเล็กพูดติดตลก

“หื้อ บอกมาขอกับป้านี่ จะยกให้แล้วแถมข้าวสารให้ไปด้วย”

“ป้าบัว พลัมเกเรหรือไง ทำไมดูลดแลกแจกแถมขนาดนั้น”

หญิงสูงวัยหัวเราะ “ใครกันแน่ที่อยากไปอยู่กับเขาจนทนไม่ไหว”

“พลัมเอง” พูดแล้วก็หัวเราะขึ้นมาเอง “ป้าบัวอ่ะ พลัมดูเป็นเด็กไม่ดีไปเลย”

“ไม่ดียังไงลูก รักใครแล้วได้อยู่กับเขาก็ดีแล้ว ชีวิตมันสั้น อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็รีบทำเถอะ”

“ครับ”

“ไปทานข้าวดีกว่า ป้าทำของชอบไว้ให้”

“มานอนสามคืน พลัมต้องกลิ้งกลับไปแน่ๆ เลย”

“จ้า อ้วนๆ ก็ดีแล้วน่ารัก นี่ก็ดูมีแก้มกว่าครั้งก่อนนะ สงสัยพ่อพรึกเขาเลี้ยงดี”

“ครับ คุณพรึกทำอาหารอร่อย แล้วก็ชอบดูแลสุขภาพ บังคับให้พลัมกินข้าวเช้าทุกวันเลย เพื่อนคุณพรึกก็เปิดร้านขนม พลัมกินจนพุงกางไปหมดแล้ว”

“ดีแล้วลูก ถ้าเขาใส่ใจเราแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นเรื่องกินที่เป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิต เรื่องอื่นป้าก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง คบกับคนโตกว่ามากๆ มันก็ดีไปอีกแบบเนาะ”

พลัมพยักหน้ารับ แล้วเดินตามป้าไปนั่งลงบนโต๊ะอาหาร ป้าบัวเคี่ยวหมูพะโล้ไข่เค็มไว้ให้ พร้อมกับแกงเขียวหวานไก่น้ำข้นคลั่ก ตัดรสชาติจัดจ้านด้วยดอกขจรผัดไข่ พลัมยิ้มแปล้

“ขอบคุณครับ”

“ทานเยอะๆ ลูก”

เธอตักข้าวมาสองจานแล้วนั่งลงตรงข้ามพลัม สามีป้าบัวเลิกรากันไปนานแล้วแต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน รวมไปถึงส่งเงินมาให้เลี้ยงดูพี่ๆ จนเรียนจบ ลูกป้าบัวมีสองคน หญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง พี่สาวทำงานเป็นแอร์โฮสเตสที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ส่วนพี่ชายที่รับราชการก็ดันติดไปอบรมที่ต่างประเทศพร้อมกันพอดี

“พรุ่งนี้พลัมจะทำอะไรหรือเปล่า”

“ไม่นะครับ ป้าบัวจะไปไหนหรอ พลัมไปเป็นเพื่อนได้นะ แว๊นซ์มอไซค์ไป”

ป้าบัวหัวเราะ ลูกสาวลูกชายเธอโตกว่าพลัมมากก็ขับรถเก๋งกันไปหมดแล้ว มอเตอร์ไซค์คันเล็กที่เธอไว้ใช้ไปตลาดใกล้ๆ ก็มีแต่เจ้าพลัมนี่แหละที่ขี่เป็นแล้วพาเธอไปนู่นไปนี่ตั้งแต่เรียนม.ปลายแล้ว

“ไปวัดอีกรอบได้มั้ย ป้าว่าจะทำกับข้าวที่พ่อแม่แล้วก็แพรชอบไปถวายหลวงพ่อ แล้วเราค่อยไปเดินตากแอร์เย็นๆ ในโลตัสกัน”

“ได้สิป้าบัว เดี๋ยวพลัมพาไป”

เธอมองพลัมด้วยรอยยิ้ม แล้วเริ่มลงมือทานอาหารกันต่อ



ป้าบัวตื่นมาแต่เช้าตรู่เพื่อทำกับข้าว ส่วนพลัมเดินสะลึมสะลือลงมาจากห้องตอนเจ็ดโมง แต่ก็แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมออกจากบ้าน

“งัวเงียขี้ตาขนาดนี้ พาป้าลงคูข้างทางป่ะเนี่ย”

พลัมหัวเราะคิกคัก

“นี่ใคร พลัมขาแว๊นซ์ ไม่เคยออกนอกเส้นทางอยู่แล้วครับ”

ตบอกเสร็จ ก็เดินไปช่วยหยิบกล่องใส่อาหารไปวางที่ตะกร้าหน้ารถมอเตอไซค์แม่บ้าน ป้าบัวตัดดอกกล้วยไม้มาอีกสองสามก้านเพื่อถือไปวัดด้วย

พลัมขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทรถแล้วบิดเสียงดังแง๊นนนนแง๊นนนนนซ์ กวนโอ้ยเพื่อนบ้าน ป้าบัวต้องรีบวิ่งมาตีแขน ให้มันทะลึ่งทะเล้นน้อยลงหน่อยเถอะ พลัมแลบลิ้น แล้วรอป้าบัวใส่หมวกกันน็อคให้เสร็จ

“เกาะเอวพลัมดีๆ นะครับ จะพาซิ่งแล้วนะ”

“เบาหน่อยลูก ป้าบัวแก่กว่าตอนหนูอยู่มัธยมนะ”

“โถ ยังสาวยังสวย ใครว่าป้าบัวแก่ พลัมจะเอามอเตอร์ไซค์ไปบดยอดหน้ามัน”

“เจ้าเด็กคนนี้หนิ” ป้าบัวส่ายหน้า ตัวเล็กๆ หน้าตารึก็จิ้มลิ้มน่ารัก แต่ทะโมนนัก

ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงวัด พลัมจอดรถแอบไว้หน้าโรงฉัน เห็นพระกำลังทยอยเดินกลับจากบิณฑบาต ป้าบัวเลยเดินเร็วๆ ไปยังโรงครัวด้านหลัง เพื่อเอาอาหารใส่จานถวายพระด้วย ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ที่มีเวลาก็จะทำแบบนี้กัน ถวายเสร็จ รอพระฉันท์ รอฟังเทศน์ แล้วค่อยกลับ พลัมเจอป้าๆ ในละแวกบ้านอีกหลายคน ป้าบัวเลยมีเพื่อนคุยอย่างออกรส

พระท่านนำท่องบทกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ญาติที่ล่วงลับ และเจ้ากรรมนายเวร พอเสร็จพิธีทั้งหมด พลัมก็ยกเครื่องทองเหลืองเล็กๆ ไปเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วค่อยเอากลับมาวางคืนที่ชั้น

ป้าบัวให้พลัมเปิดสำรับกับข้าวที่เตรียมมารับประทานร่วมวงกับป้าๆ ท่านอื่นๆ รออาหารบางอย่างที่พระท่านฉันไม่หมด มาทานเป็นสิริมงคลด้วย ชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบนี้ก็ทำให้จิตใจสงบดี

ป้าบัวเม้าท์มอยจนแดดเริ่มแรง ป้าๆ วัยเดียวกันทยอยเก็บปิ่นโตกลับ บางท่านก็ขอตัวไปนั่งสมาธิสวดมนต์ต่อ

สองป้าหลานเลยแยกวงบ้าง พากันจูงมือไปทางหลังวัดที่เป็นศูนย์รวมโกศน์ มากี่ครั้งก็ไม่ชิน วังเวงอะไรขนาดนั้น แถมวันนี้ยังได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ด้วย พลัมเบ้หน้า เขาไม่ชอบอะไรแบบนี้ที่ต้องมาแสดงความเสียอกเสียใจทีหลัง ตอนเป็นๆ ไม่ทำดีกับเขาละ คนตายไปแล้วเขาจะต้องมารับรู้มั้ย ทำไมไม่ปล่อยให้เขาไปอย่างไม่ห่วง คนอยู่ก็ควรจะเข้มแข็งให้ได้สิ ฉายาพลัมสามศพ ไม่สิสี่ศพไม่ได้มากันเล่นๆ อยากจะเดินเข้าไปสั่งสอนนัก

แต่ขาที่เดินกร่างเป็นนักเลงโตนั้นต้องเบรกเอี๊ยด แถมคว้าฝ่ามือป้าบัวให้หยุดไปด้วยกัน

ป้าหันมาเลิกคิ้วสงสัย พลัมได้แต่ยกมือจุ๊ให้เงียบ

เสียงสะอื้นมาจากหน้าโกศน์ครอบครัวพลัมเอง ตอนแรกก็สงสัยว่าเรายังมีญาติที่พลัดพลากอีกหรอ แต่พอเห็นแผ่นหลังชัดๆ พลัมจำได้ ทั้งรูปร่างทั้งเสื้อที่ใส่ มันคือเสื้อฮับบี้หนูอยู่ไหนของคุณพรึกที่เขาเคยเอามาใส่เล่น

คุณพรึกยังโศกไม่เลิกอีกหรอ พลัมเลิกโศกนำไปหลายปีแล้วนะ

“น้องพีช...คุณพ่อขอโทษครับ”

เสียงที่ลอยมาตามลมทำให้พลัมใจกระตุก

“ป้าว่าเรากลับกันก่อนมั้ย”

อุณภูมิที่ฝ่ามือป้าบัวสัมผัสได้มันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

“พ่อน้องพีช...คุณพรึกคือคนที่ทำให้พี่แพรท้องหรือครับ” พลัมพึมพำออกมา ป้าบัวไม่ตอบ แต่ออกแรงจูงหลายชายออกมาจากตรงนั้น แถมยังแย่งเอากุญแจรถมาถือไว้เองเถอะ

“ขากลับ ป้าพาแวนซ์เองนะลูกนะ”

พลัมไม่หือไม่อือ เหมือนสติหลุดไปแล้ว







TBC 

คือมีนักอ่านเดาถูก แต่เราไม่อยากให้เศร้ามาก ก็จะมีมุกตลกอยู่บ้างปะปราย (คนอ่านบอกไม่ตลก) แง้ 


หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 19-20 (05 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 08-12-2018 17:20:31
Chapter 22



แพรอายุห่างกับพลัม 12ปี จะเรียกว่าพลัมเป็นลูกหลงก็ได้ แพรเป็นพี่สาวที่น่ารัก เพราะโตกว่ามากและเพราะพลัมเสียแม่ไปตั้งแต่เกิด แพรจึงพยายามชดเชยความรักให้พลัมอย่างเต็มเปี่ยม

ตอนพลัมพึ่งเข้าเรียนป.5พี่แพรก็ไปเรียนต่อโทที่อังกฤษ พลัมจำได้ว่าร้องไห้หนักมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ต้องอยู่ห่างจากพี่สาว

ช่วงที่เขาจะขึ้นม.1แพรกลับมาเพราะเป็นช่วงรอรับปริญญา แต่พี่สาวเปลี่ยนไปจนพลัมรู้สึกได้ จากที่เคยร่าเริงสดใส ก็เงียบไม่พูดไม่จา แถมดวงตาแพรก็ช้ำบ่อยๆ เหมือนคนที่ร้องไห้ไม่รู้จักจบจักสิ้น พลัมเลยไปถามพ่อว่าเกิดอะไรขึ้น

“พี่แพรมีน้องตัวเล็กอยู่ในท้อง”

ตอนพ่อบอกแบบนั้นพลัมดีใจ ที่จะมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่ม

“แต่พ่อของเด็กไม่ยอมรับ บอกว่าเขาแต่งกับแพรไม่ได้เพราะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว” ครอบครัวเขาบอกกันตรงๆ แบบนี้เพราะพลัมก็โตพอจะรับรู้ปัญหา

พลัมจำได้ว่าโกรธมาก อยากจะลากผู้ชายที่ทำให้พี่สาวเขาเสียใจมากระทืบให้ไส้ไหล ให้สาสมกับที่ทำให้พี่แพรร้องไห้

“พี่แพรรักผู้ชายคนนั้นนะลูก อย่าไปพูดอะไรให้พี่เขาสะเทือนใจ”

พ่อเดาความคิดลูกชายได้ เลยเตือนไว้ก่อน คราวนี้พลัมเย็นลงแล้วพยักหน้า ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจความรักเท่าไหร่ แต่อะไรที่ทำให้พี่แพรเสียใจน้อยลง เขาก็จะยอมทำมัน

“เราอยู่กันแค่นี้ก็ได้นะพ่อ พลัมเลี้ยงหลานเอง”

“ตัวแค่นี้เก่งจังเลย” พ่อขยี้ผมพลัมอย่างเอ็นดู พลัมยังจำได้ถึงความอบอุ่นของมือคู่นั่น

แม้จะมีความหม่นหมองอยู่ในอากาศ แต่พลัมก็เพียรซื้อของกินที่มีสรรพคุณบำรุงครรภ์มาให้พี่แพร เข้าไปอ่านความรู้ในอินเตอร์เนตเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสมาชิกใหม่

ฝ่ายพ่อเองก็ไม่ดุด่าว่าพี่แพรให้เสียน้ำใจ เพราะถ้าหากลูกรักใครพ่อก็รักด้วย และอีกอย่างพ่อก็รักพี่แพรมาก แค่ผู้ชายคนนั้นทำร้ายจิตใจพี่เแพรคนเดียวก็เกินพอแล้ว

พลัมรู้แค่ว่าเป็นเพื่อนคนไทย ที่เจอกันที่อังกฤษนั่นแหละ

พี่แพรคงไม่กลับไปรับปริญญาแล้ว และคงจะเลิกติดต่อกับทุกคนไป เพื่อให้เวลาเยียวยาจิตใจ พ่อพาพี่แพรไปฝากครรภ์ พาไปหาหมอไม่ได้ขาด ผู้ชายสองคนในบ้านผลัดกันดูแลจิตใจหญิงสาวที่ถูกทำร้ายให้หายจากการบาดเจ็บ

แต่อย่างว่าคนท้องอารมณ์แปรปรวนเสมอ ช่วงใกล้คลอดมีกำหนดไปหาหมอ แต่วันนั้นพ่อดันมีธุระด่วนที่บริษัท เลยไม่ได้ขับรถให้พี่แพรตามปกติ พลัมเองก็ไปเรียน พี่แพรรั้นจะขับรถไปเอง และช่วงบ่ายวันนั้นพลัมก็ต้องออกจากโรงเรียนเร็วกว่าปกติแล้วตรงไปโรงพยาบาล

พี่แพรรถคว่ำ พยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าอยู่ๆ รถก็แฉลบไปชนแท่งปูนริมทางก่อนจะหมุนหลายตลบ พลเมืองดีเข้าไปช่วยนำส่งโรงพยาบาล แต่เพราะแรงกระแทกทำให้พี่แพรแท้งน้อง เสียเลือดมาก เข้าห้องฉุกเฉินได้ไม่นานคุณหมอก็ออกมาแจ้งข่าวร้าย

หลานแปดเดือนแล้วแท้ๆ ใกล้ออกมาเป็นแก้วตาดวงใจของน้าพลัมและคุณตา แต่วาสนาที่มีต่อกันคงน้อยไป เราเลยต้องล่ำรากันตั้งแต่ยังไม่ทันพบหน้า

พ่อโทษตัวเอง ปล่อยปละละเลยชีวิต ในที่สุดไม่กี่ปีต่อมาพ่อก็ตามไปเลี้ยงน้องพีชให้พี่แพรที่โลกอื่น

พลัมไม่เข้าใจว่าทำไมคนผิดที่สุดคือผู้ชายคนนั้นถึงไม่เป็นคนที่จากไป ทำไมถึงกลายเป็นเหยื่อ3ชีวิต ที่พยายามประคับประคองจิตใจกันและกันเป็นฝ่ายต้องสูญเสีย...แล้วที่ตลกร้ายที่สุดคือพลัมเอง ที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

ผู้ชายคนนั้น...คนที่ทำให้ชีวิตพลัมต้องโดดเดี่ยว

กลับเป็นผู้ชายที่พลัมรักที่สุดตอนนี้

คุณพรึก!

พลัมปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ จนชุ่มปลอกหมอน ตั้งแต่กลับจากวัดพลัมก็หมกตัวอยู่ในห้อง เพียงบอกป้าบัวว่าอยากคิดอะไรเงียบๆ

เขาน่าจะเอะใจตั้งแต่วันที่ไปวัดด้วยกัน คุณพรึกมีอาการแปลกๆ แถมยังถามแปลกๆ พลัมยังโง่ คิดว่าเพราะตื่นเต้นที่เจอพ่อแม่พลัมเสียอีก

เขาคือคนร้าย คนใจร้ายที่สุดที่พลัมเคยเจอเลย!

ก๊อก ก๊อก!

“เย็นแล้วพลัม ออกมาทานข้าวหน่อยลูก”

พลัมต้องรวบรวมแรงฮึดใหญ่ลุกจากเตียง เขาโตพอที่จะไม่ดื้อกับป้าบัวแล้ว อุตส่าห์ว่าจะพาป้าบัวเที่ยว กลายเป็นต้องให้คนสูงวัยมาดูแลตัวเองเสียอีก

“ครับป้า”

ป้าบัวเงยหน้ามองหลานชายแล้วส่ายหน้า เธอว่าเธอพอจะเดาออกหลังจากเห็นอาการพลัม โลกนี้โหดร้ายกับหลานชายเธอเกินไปหรือเปล่า แววตาเต็มไปด้วยความสุขตอนที่พูดถึงเขาเมื่อวาน เทียบกับแววตาอับแสงในวันนี้ ต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ไปกินของอร่อยๆ ก่อน สมองจะได้ไม่ตื้อ”

“ครับ”

พลัมเดินตามไปโดยง่าย

ป้าทำยำปลาทู ทอดมันปลากรายและแกงจืดหมูสับไว้ให้ ของโปรดพลัมเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือตักไปอย่างละคำ

“อย่าให้คนแก่เสียใจสิ” ป้าบัวโอด พลัมถอนหายใจทำหน้าจะร้อง แต่ก็ฝืนทานต่ออีกหน่อย

“เจ็บจังป้าบัว”

“ตอนนั้นพลัมเกลียดผู้ชายคนนั้นชนิดที่อยากฆ่าให้ตายตามพี่แพรไป แต่ตอนนี้พลัมกลับรักเขาเสียเอง รักมากชนิดที่ว่าพลัมจะตายเสียเอง”

พูดไปน้ำตาก็ไหลลงไปในชามข้าว

ป้าบัวถอนหายใจยาว

“เขาไม่บอกพลัมสักคำนะป้าบัว ว่าเคยทำเรื่องร้ายกาจอะไรไว้ เขามาหลอกให้พลัมรักเขาขนาดนั้นทำไม”

“ใครจะอยากเป็นคนไม่ดีในสายตาคนที่เรารักละพลัม”

“ป้าบัว...พลัมโง่มากมั้ย”

คนเป็นป้าส่ายหน้า แล้วพยายามเอ่ยรั้งสติของเด็กน้อยที่กำลังใจเตลิด

“ค่อยๆ คิดดีๆ นะพลัม ตอนนั้นพวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของน้องพีชชื่ออะไร จะมาด่วนสรุปเพียงเพราะเห็นเขาไปร้องห่มร้องไห้ที่หลุมศพแพรได้ยังไงกัน”

“ชื่อพรึกไงครับ!” พลัมเผลอขึ้นเสียง

“ขอโทษครับป้าบัว พลัมรู้สึกแค้นไปหน่อย”

พลัมคิดทวน มัมเบลเคยบอกว่าพรึกเคยทำความผิดร้ายแรง ทำให้ไม่กล้าขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนไหนอีก ขนาดเป็นพลัมคุณพรึกยังไม่ทำเลย คงเพราะเคยไปทำคนอื่นท้องแล้วไม่ได้รับผิดชอบสินะ เขาอุตส่าห์หลงว่าคุณพรึกเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติกัน ที่แท้...เพราะความชั่วมันคอยกัดกินหัวใจสินะ

“รักก็ไม่ได้ เกลียดก็ไม่ลง พลัมควรทำยังไงดีป้าบัว”

ป้าบัวถอนหายใจอีก

“เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ให้อภัยไม่ได้หรือลูก”

“ป้าบัวครับ พลัมให้อภัยเขาได้หรอ ถึงเขาไม่ได้ลงมือ แต่เขาคือฆาตรกรทางอ้อมที่ทำให้ พี่แพร น้องพีช แล้วก็คุณพ่อไม่อยู่นะครับ”

“ป้าเข้าใจว่าลูกแค้น ลูกโกรธ พลัมเก็บเนื้อเก็บตัวตั้งแต่ตอนนั้น แต่เมื่อวานที่พลัมมีความสุข ป้าก็ยังอยากเห็นพลัมยิ้มแบบนั้น พลัมเข้าใจป้ามั้ย ป้าที่รับหนูมาจากวัด วันที่ส่งคุณพ่อไปสวรรค์”

“ป้าบัว” พลัมวางช้อน แล้ววิ่งไปคุกเข่าลงแทบเท้าญาติผู้ใหญ่ กอดเธอไว้แน่น

ตอนนั้นถ้าไม่ได้ป้าบัวคอยดูแลอย่างใจเย็น พลัมจะเตลิดไปถึงไหนกันนะ

“พลัมขอโทษที่ทำให้ป้าบัวเป็นห่วงครับ”

มือวัยชราวางลงกลางกระหม่อมหลานชาย

“ป้าเป็นห่วงหนะไม่เป็นภาระอะไรหรอก แต่ถ้าพลัมไม่ปล่อยวาง พลัมจะไม่มีความสุขไปอีกนานแค่ไหนละลูก”

“ใจเย็นๆ ลองคิดทบทวนให้ดี ว่าใช่เขาแน่หรือเปล่า แล้วถ้าใช่เราจะอยู่ร่วมกับเขายังไง ถ้าจะไม่คบกันต่อ ยังจะเป็นเพื่อนเป็นพี่ที่เคารพได้มั้ย หรือจะตัดขาดไปเลย แต่ถ้าตัดแล้วใจลูกจะอยู่ไหวมั้ย ป้าไม่อยากให้ซึมเป็นเด็กใบ้เหมือนตอนม. ปลายแล้วนะ”

“ป้าบัวอย่าล้อ”

“ไม่ได้ล้อ ป้าพูดตามที่เฝ้าดูพลัมเติบโตมา”

“คุณพรึกไม่บอกความจริงกับพลัม”

“แล้วถ้าเขาบอก หนูจะตอบกลับไปอย่างไรละ หืม... ลองคิดสิว่าถ้าเป็นพลัม พลัมจะกล้าบอกมั้ย”

พลัมคิดตามแล้วก็ใจเย็นลงอีกหน่อย เขาต้องขอบคุณป้าบัว ที่อยู่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตมาโดยตลอด

“ป้าบัวว่าอันไหนคือตัวจริงของคุณพรึก อดีตหรือปัจจุบันที่พลัมเจอตอนนี้”

“หนูเล่าป้าสิ”

“ก็คุณพรึกที่พลัมรู้จักเป็นคนดี เป็นอาจารย์ เข้าวัดทำบุญ บริจาคเงินให้เด็กกำพร้า เข้าใจพลัม โอ๋พลัม ให้กำลังใจพลัม ดูแลพลัมดี เหมือนพ่อผสมกับแฟนอ่ะ เขาดี...จนพลัมไม่เคยเผื่อใจถึงความไม่ดีของเขาเลย”

“บางทีคนเราก็เปลี่ยนกันได้ อดีตที่เคยทำผิด ก็เป็นเครื่องมือสร้างปัจจุบันที่ดีกว่า”

“แต่คุณพรึกดูเป็นคนพื้นฐานจิตใจดี” พลัมแย้งในสิ่งที่ลึกๆ แล้วใจยังค้านกับหลักฐานทางสายตา “คนแบบนั้นไม่น่าไม่รับลูกในท้อง ถึงจะอ้างว่าเพราะมีคู่หมั้นแล้วก็เถอะ”

“เอ๊ะ! คู่หมั้นหรอ” พลัมสะดุ้งสุดตัวเหมือนคิดอะไรออก แล้วเชื่อมโยงข้อมูลในความทรงจำอย่างรวดเร็ว ตัวเล็กๆ บอกลาป้าบัวแล้ววิ่งเร็วจี๋ขึ้นไปบนห้อง เพื่อรื้อเอาไดอารี่ของแพรมาอ่านอีกรอบ



ฝ่ายพรึกหลังจากกลับจากวัด ก็ตรงเข้าไปปรึกษาเบลที่ร้าน

“โลกมันกลมหรือคนมันซวย ไหนตอบ” เบลฟังเรื่องแล้วกุมขมับ

“หากันมาเป็นจะสิบปีไม่เจอ เสือกไปเจอตอนไหว้หลุมศพพ่อตาแม่ยาย”

“กูไม่กล้าบอกหนูพลัมเลย โชคดีที่ช่วงนี้เขาไปอยู่บ้านป้า”

“แล้วยังไงอ่ะ มึงยังเหมือนเดิมมั้ย”

“รักหนูพลัมเหมือนเดิม แต่...รู้สึกว่าตัวเองเลวเกินกว่าจะเป็นอยู่กับหนูพลัมได้”

“เงียบๆ ไปสิ หนูพลัมไม่รู้หรอก”

“มึงคนที่มีชะนักปักหลังหนะ ใช้ชีวิตยังไงก็ไม่มีความสุขหรอก” พรึกซบหน้าลงกับฝ่ามือ เขาอุตส่าห์คิดว่าตัวเองจะหลุดพ้นได้แล้วเชียว แต่ถ้าให้คิดตามกฎแห่งกรรมแล้วละก็ แพรคงกำลังกันเขาออกจากน้องชายตัวเองสินะ

“แล้วถ้าหนูพลัมรู้ สายตาที่เขามองกู ยังจะเต็มไปด้วยความรักเหมือนเดิมมั้ยวะ”

ติ้ง!

“ลูกแม่ร่วง!!” เบลอุทานแล้วทำโทรศัพท์หลุดมือจนมันไถลไปอยู่หน้าพรึก

‘มัมมัม หนูมีเรื่องจะปรึกษา นัดเจอกันโดยไม่มีคุณพรึกได้มั้ย’

“เฉียบ กรรมติดจรวด!!” เบลลากเอาโทรศัพท์กลับมาดู

“มึง หนูพลัมรู้แล้วหรอว่ะ”

“มึงจะบ้าหรอ น้องอาจจะนัดคุยหาเรื่องเซอร์ไพรส์ใดใดมึงก็ได้”

‘คุณพรึกเคยทำผู้หญิงท้องใช่มั้ยครับ’

“ตาเถรรรร แม่มึ๊งงงง!!” เบลเยี่ยมตาเหลือก พรึกเองก็เห็นข้อความ

“หนูพลัมของกู ทำไงดีอ่ะเบล น้องรู้แล้ว” พรึกลนไปหมด

“ตั้งสติ!! มึงรักหนูพลัมมั้ย”

“รัก”

“อยากอยู่กับเขาเหมือนเดิมมั้ย”

“อยาก”

“ก็ช่างหัวแพรไปก่อน ไปทำยังไงก็ได้ให้น้องรู้ว่ามึงจริงใจ เรื่องอดีตอ่ะควรเลิกเอามาทำร้ายตัวเองได้แล้ว”

“มันไม่ง่ายป่ะว่ะ”

“สัส!! โลกนี้จะง่ายจะยากก็อยู่ที่ใจมึง อยากเป็นลูซเซ่อร์ไปตลอดชีวิตก็เชิญ มึงทิ้งหนูพลัมตอนนี้แล้วมีอะไรดีขึ้น มึงเสียใจ หนูพลัมเสียใจ แพรไม่ฟื้น”

“แล้วน้องจะรับกูได้มั้ย”

“กูไม่ใช่น้อง!! กูเบล อยากรักก็ต้องเสี่ยง น้องไม่ยอมมึงก็ทำให้ยอม”

“เบลกูไม่ใช่พระเอกแบบตบจูบ”

“กูไม่ได้บอกให้ไปใช้กำลัง กูจะให้มึงไปคุกเข่าขอความเห็นใจ”

“เบลลล กูไม่กล้า”

“มึงมันกากพรึก พรึกคนกากกลับมาอีกแล้ว!!”

‘มัมว่างมั้ยครับวันนี้ น้องขอไปหาที่ร้านตอนนี้เลย’

‘น้องอยากรู้ความจริง’

‘มาเลยครับ มัมรออยู่’

“เหี้ยเบล กูล่ะ”

“มึงคุยกันสามคนนี้แหละ กูช่วยมาตั้งแต่ต้น ตอนนี้มึงเจอปัญหา กูก็ต้องช่วยอีก ในฐานะที่กูเป็นมัมมัม!!”

“มึงมีคุณค่าที่สุดในชีวิตตั้งแต่กูรู้จักมาเลย”

“ไอ้พรึก!! ฟังแล้วอยากยุให้แม่งแตกหัก”

พรึกกับเบลนั่งรอพลัมมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ จู่ๆ อาจารย์หนุ่มก็ตบโต๊ะอาการดังปัง

“แล้วน้องจะมายังไง นั่งแท็กซี่หรอ กูเป็นห่วง”

‘พลัมพลัม หนูมายังไงครับ’ เบลพิมพ์ถามให้

‘แท็กซี่ครับ จะถึงแล้ว’

‘มัมมัมเป็นห่วง ส่งเลขทะเบียนมาหน่อย’

‘แง ทส 9989’

‘ร้องทำไมครับ’

‘เปล่าครับ’

‘รีบมาให้มัมมัมกอดครับ’

‘รักมัมที่สุด’

สองหนุ่มเห็นแท็กซี่ชะลอตัวริมฟุตบาทแล้วก็จอดสนิท หนูพลัมก้าวเท้าลงมาคุณพรึกนี่หลบวืดลงไปใต้โต๊ะ

“กลัวไรไอ้กาก”

“กูทำใจไม่ได้ น้องเกลียดกูมั้ย”

“ไม่เกลียดก็แปลกแล้ว”

“ไปหลบใต้โต๊ะนู่นนะ จะแอบฟังเงียบๆ ถ้าน้องไม่เกลียดมาก กูค่อยออกมาสารภาพบาปนะ”

“เอาที่มึงสบายใจอ่ะ” เบลโบกมือแบบรำคาญ ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ทำไมกูยังต้องมาตลกกับท่าทางของเพื่อนตัวใหญ่ๆ ที่ิ่วิ่งหลบเป็นหนูท่อ

พรึกรีบหายตัวไปซ่อนอยู่หลังพนักพิงแบบยาว ของโต๊ะถัดไป ที่สามารถบังร่างเขาได้มิด ฉิวเฉียดกับที่อีกคนเดินเข้ามา พลัมสวมเสื้อยืดสบายๆ กับกางเกงขาสั้นดูน่ารักน่าชังจนเบลต้องอ้าแขนรับเข้าไปกอดและหอมหัว น่ารักไปหมดลูกมัมมัม

“ตาบวมเชียว” เบลทัก พรึกหูผึ่ง พลัมปากยื่น

“สั่งอะไรก่อนมั้ยคะ”

“โกโก้เข้มๆ ก็ได้ครับ ที่จริงอยากดื่มเหล้าไปเลย แต่พลัมรู้ว่าในเวลานี้ควรมีสติ จึงดื่มไม่ได้”

เปิดเรื่องมาก็ดึงดราม่าละ เบลหันไปสั่งเด็กในร้าน แล้วก็หันมามองหน้าพลัม

“มีอะไรจะถามมัม ก็ว่ามาครับ”

“มัมมัม คุณพรึกเคยทำผู้หญิงท้องจริงๆ ใช่มั้ย”

มาถึงขั้นนี้แล้วก็พยักหน้าเถอะเบล

“หนูรู้ได้ยังไง”

“หนูพาคุณพรึกไปไหว้โกศของครอบครัว ตอนแรกคุณพรึกซึมๆ หนูก็ไม่คิดอะไร แต่พอหลังจากนั้นหนูไปวัดกับป้า ก็เห็นคุณพรึกนั่งร้องไห้ ขอโทษน้องพีชหลานหนูอยู่หน้าโกศ”

ความแตกเพราะความกากของมึงอีกแล้วพรึก

“แต่หนูรู้สึกว่ามันแปลก ถ้าคุณพรึกดูเสียใจขนาดนั้น ทำไมตอนนู่นคุณพรึกปฏิเสธที่จะยอมรับพี่แพรกับลูก เพราะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ใครคือคู่หมั้นคุณพรึกหรือครับ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน!!”

เบลกำลังจะอ้าปากตอบ แต่แล้วก็ชะงัก

“คู่หมั้น!? ไอ้พรึกมีคู่หมั้นตอนไหน”

“ก็คุณพ่อเล่าให้ฟัง ว่าผู้ชายที่ทำพี่แพรท้อง เขาไม่สามารถแต่งงานกับพี่แพรได้ เพราะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว พี่แพรเลยตรอมใจกลับมาอยู่บ้าน”

“อ่ะ หนังคนละม้วนละทีนี้” เบลพึมพึมขึ้นมา เขาชะโงกหน้าไปดูว่าหลังพนักพิงของพลัม ไอ้เพื่อนกากฟังอยู่หรือเปล่า

“คุณพรึกไม่เคยมีคู่หมั้น!!” เสียงคุ้นหูทำให้ใบหน้าหวานหันไปมองแล้วกำหมัดแน่น

“มัมมัม ทำไมคุณพรึกอยู่ด้วย ไหนบอกว่าจะคุยกับหนูสองคน มัมเบลไม่รักหนูแล้วใช่มั้ย!!” พลัมตะโกนแทบจะดังลั่นร้าน โชคดีที่บ่ายๆ แบบนี้ลูกค้าไม่มีเลย

“โอ๋ๆ ใจเย็นก่อนลูก แล้วใช่บทมึงมั้ยเนี่ย ผู้กำกับยังไม่เรียกเข้าซีนมาทำเชี่ยไร”

พรึกไม่สนใจเบลที่โวยวาย รีบหันไปอธิบายให้ดวงใจของตัวเองฟัง

“หนูพลัม คุณพรึกพูดเรื่องจริงนะครับ คุณพรึกไม่เคยมีคู่หมั้น และคุณพรึกก็ไม่รู้ด้วยว่าแพรท้อง จนถึงงานรับปริญญาแพรไม่กลับไปที่อังกฤษ คุณพรึกเลยลองโทรกลับมาหาที่ไทยเป็นเบอร์คุณพ่อหนู แล้วท่านก็แจ้งว่าแพรเสียแล้วเพราะแท้งลูก”

“พี่แพรรักคุณมาก คุณทำแบบนั้นกับพี่แพรได้ยังไง!!”

คราวนี้ทั้งเบลทั้งพรึกยิ่งงง

“ไอ้พรึกกับแพรไม่ได้รักกัน” เบลว่า “ไม่ๆ หมายถึงแพรไม่เคยบอกพรึกว่ารักสักคำ แอบรักหรอว่ะ...”

“ไม่ได้รักแล้วคุณก็เลยทำชั่วๆ ยังไงก็ได้กับพี่สาวพลัมงั้นหรอ!!” น้องกัดฟันอย่างโมโห หน้าเล็กๆ นั้นแดงไปหมด

“พลัมฟังคุณพรึกก่อนครับ หลังสอบปลายภาคเสร็จ นักเรียนไทยก็ไปปาร์ตี้ฉลองกัน คืนนั้นทั้งแพรและคุณพรึกเมามาก ตื่นมาตอนเช้าเราอยู่บนเตียงเดียวกัน แต่เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไป แต่ด้วยสภาพเตียงและเนื้อตัวคุณพรึกก็คิดว่าล่วงเกินแพร”

พลัมยังคงมองตาขวาง ยิ่งอธิบายยิ่งดูเลวขึ้นทุกที

“แพรไม่เอาเรื่อง เพราะบอกว่าตัวเองก็เมามากเหมือนกัน” เบลช่วยอธิบายต่อ “ไอ้พรึกกำชับแพรแล้วว่าถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบบอก”

“มัมมัมไม่ได้ช่วยคุณพรึกปกปิดใช่มั้ย”

เบลส่ายหน้า “คืนนั้นมัมผิดเอง ที่เอายาตัวใหม่ไปไล่ป้ายลิ้นทุกคน เพราะความคึกคะนองไม่คิดของมัมเอง เรื่องมันเลยเป็นแบบนี้ มัมมัมก็มีส่วนผิด และยังรู้สึกผิดกับแพรและไอ้พรึกมาถึงตอนนี้”

“ไม่งั้นมัมมัมจะช่วยชงหนูกับไอ้พรึกหรอ พรึกมันจมกับความผิดมาเกือบสิบปีแล้ว มันไม่กล้าแม้กระทั่งจะแตะต้องผู้หญิงอีกแล้วด้วยซ้ำ”

พลัมขมวดคิ้ว ถ้าเป็นแบบนั้นจริงมันเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เบลกับพรึกเองก็รู้สึกตะหงิด จากที่จะก่อสงคราม กลายเป็นว่าสงบศึกแล้วมาช่วยกันคิด

“หนูเล่าเรื่องแพรที่รู้มาหน่อย” พรึกถามตะล่อม

“ก็ไม่มีอะไรมากครับ พี่แพรซึมๆ พ่อก็เลยประคบประหงม บอกว่าพวกเราช่วยกันเลี้ยงหลานเองก็ได้ เวลาไปหาหมอพ่อก็จะพาไป จะมีแต่วันที่พี่แพรครบกำหนดจะไปรอคลอด พ่อเกิดติดธุระด่วนที่บริษัทพอดี พ่อจะรีบกลับมาพาไปตอนเย็น แต่พี่แพรก็ไม่รอ ดื้อจะขับรถไปเอง สุดท้ายประสบอุบัติเหตุ”

พรึกนึกย้อนไป ระยะเวลาหลังสอบเสร็จ ถึงวันรับปริญญาของยูที่เขาเรียนมันแค่ช่วง6เดือนเองไม่ใช่หรอ

“แพรจะคลอดตอนกี่เดือน”

“8กำลังจะเข้าเดือนที่ 9”

“ไอ้สัสขนลุก” เบลลูบแขน

“ทำไมหรอครับ”

“ก็ถ้านับจากคืนที่ปาร์ตี้ ถึงวันที่ไอ้พรึกโทรไปหาพ่อหนู มันไม่เกิน 6เดือนนะสิ”

พรึกรู้สึกกล้ามเนื้อที่ใบหน้ากระตุก เขาไม่รู้ว่ากำลังจะร้องไห้หรือยิ้มก่อนดี แต่ที่แน่ๆ ลูกเหล็กหนักอึ้งในอกเหมือนถูกยกออกไปแล้ว ส่วนพลัมก็ขอโทษแพรอยู่ในใจ ทั้งที่ควรสลดใจ แต่พลัมกลับหลุดยิ้มเล็กๆ ออกมา

เด็กน้อยกลืนยิ้มลงไปอย่างรวดเร็ว ถึงจะโล่งอกที่ไม่ใช่คุณพรึก แต่คนร้ายตัวจริงก็ยังไม่ปรากฎ

“แบบนี้ก็จับมือใครดมไม่ได้เลยสิ” เบลกัดปาดครุ่นคิด

“พี่แพรเสียใจหนักๆ เพราะเขามีคู่หมั้น เหมือนพี่แพรโดนหลอกให้รักเลยครับ ตอนนั้นเพื่อนที่เรียนด้วยกันกับคุณพรึก มีใครหมั้นแล้วบ้างครับ”

พรึกกับเบลตัวชาอีกรอบ

“ไอ้แคมป์!!” พอชื่อนั้นหลุดจากปากเบล สมองของเขาก็เหมือนย้อนภาพไปถึงวันวานอย่างรวดเร็ว จุดเล็กๆ ที่เขาแทบลืมไปแล้ว คนที่ยื่นยาตัวใหม่ให้ก่อนเข้าปาร์ตี้ แล้วเอ่ยอ้างสรรพคุณหนักหนาก็คือแคมป์ แถมยังกำชับให้เขาลองแกล้งแพรที่เป็นผู้หญิงเรียบร้อยไม่เคยลองของแปลกๆ กับไอ้พรึกที่ปกติก็ลั้ลลาอยู่แล้ว เขาก็ซื่อเชื่อเพื่อนเพราะเห็นว่ามันเป็นแค่อะไรสนุกๆ

ที่พอรู้ความจริงแบบนี้แล้ว...ไม่สนุกเลย

“ขนลุกหวะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนเหี้ยขนาดนี้อยู่จริงบนโลก”

เบลเป็นคนรักเพื่อนมาก เป็นตัวฮาของกลุ่ม เป็นเหมือนกาวใจที่คอยลากทุกคนมาประสานกันเสมอ พอได้มารับรู้ว่าคนที่เขาคบหาด้วยมีนิสัยน่ารังเกียจขนาดนี้ก็รับไม่ได้

“มัมมัม” พลัมเอื้อมมือไปกุมมือคุณเบล แล้วบีบเบาๆ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าช็อคขนาดไหน ส่วนคุณพรึกก็กำหมัดจนเส้นเลือดปูด

“มันทำแบบนี้ได้ยังไงว่ะ ไม่ให้เกียรติแพรเลยสักนิด” เบลพ่นคำพูดออกมาอย่างเจ็บปวด “แล้วพวกเราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย กล้าทำแบบนี้กับไอ้พรึกได้ยังไง”

พลัมเจอเรื่องแบบนี้เข้า กลายเป็นว่านอกจากสงสารพี่แพรแล้วยังต้องสงสารผู้ใหญ่สองคนนี้เพิ่มไปอีก

“กูจะไปเอาเลือดหัวมันออก มันต้องไปกราบแพรเดี๋ยวนี้” พรึกประกาศกร้าว

ถึงพรึกและเบลจะไม่ได้สนิทกับแพรมาก แต่คำว่ามนุษยธรรม และสามัญสำนึกมันร่ำร้องว่าแพรกับลูกต้องไม่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว

“แต่เราไม่มีหลักฐานเลยนะพรึก” เบลเตือนสติ “เรื่องผ่านไปตั้ง10 ปีแล้ว ไปรัก ไปได้กันตอนไหนว่ะ”

“พลัมมีไดอารี่ของพี่แพร คุณพรึกคุณเบลลองอ่านดูมั้ย พี่แพรไม่ระบุชื่อตรงๆ แต่มีเล่าถึงเหตุการณ์ที่อยู่กับคนนั้นอยู่บ้าง”

เบลกับพรึกนั่งสุมหัวกันอ่านทันที

‘ฉันตกหลุมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ โดยเฉพาะปีกเล็กๆ ที่แผ่นหลัง ฉันอยากเป็นปีกที่แท้จริงให้คุณจัง จะได้พาคุณบินหนีไปจากกรงที่กักขัง แล้วไปใช้ชีวิตอิสระในที่ที่มีแต่เราสอง’

พรึกปิดสมุดบันทึกที่เก่าไปตามกาลเวลา

“แคมป์มีรอยสักรูปปีก”

พอมาถึงตรงนี้พลัมก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา เลยงับลงไปที่แขนอีกฝ่ายเต็มเขี้ยว

“คันฟันอะไรครับ”

“ถ้ายอมแก้ผ้าให้พลัมเห็นตั้งแต่แรกนะ พลัมก็รู้แล้วมั้ยว่าไม่ใช่คุณพรึก”

“เอ้า...นี่คุณพรึกผิด”

“พลัมอ่านไดอารี่พี่แพรมาจนจำได้ขึ้นใจว่าคนนั้นมีลักษณะยังไง”

พรึกอ้าแขน “ขอกอดหน่อยได้มั้ยครับ คุณพรึกอยากเติมพลัง”

พลัมเบียดตัวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว เขาเองก็อยากได้พลังจากคุณพรึกเช่นกัน

“มัมมัมก็หมดแรงครับ ขอเติมด้วยได้มั้ย”

พลัมหันมายิ้มร้ายใส่ “คุณมัมก็โทรเรียกคิวคิวมาสิ”





TBC 

เผื่อหยุดสามวันแล้วใครไม่ได้ไปไหน เลยมาลงต่อยาวๆ จ้า สไลด์ลงไปเร็ว ลงอีก

หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 19-20 (05 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 08-12-2018 17:23:00
Chapter 23



เบลทำเป็นนัดเพื่อนดื่มเหมือนเคย โดยโทรไปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พันวาฟังก่อน เจ้าของผับถึงขั้นจัดห้องรับรอง VIP ที่เก็บเสียงไว้ให้เพื่อการจับกุมผู้ร้ายโดยเฉพาะ

แคมป์มาถึงเป็นคนสุดท้าย รู้สึกงงนิดหน่อยที่เห็นพลัมนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยแต่ก็ไม่คิดอะไร หยอกเล่นตามปกติ

“ดื่มกับเค้าด้วยหรือเจ้าตัวเล็ก”

เป็นเมื่อก่อนคงยิ้มให้และพูดคุยตามปกติ แต่หลังจากรู้ความจริง พลัมก็รู้สึกขยะแขยงเพื่อนคนนี้ของคุณพรึกอย่างห้ามไม่ได้

พันวาเดินไปล็อกห้อง แคมป์ขมวดคิ้ว บรรยากาศเริ่มกดดันแปลกๆ

“หนูพลัมเป็นน้องของแพร” เบลเปิดเรื่องอย่างไม่อ้อมค้อม

“แพร…”

“แพรที่มึงทำเขาท้อง แล้วโบ้ยให้ไอ้พรึกรู้สึกผิดมาตลอดสิบปีอ่ะ” เบลตบโต๊ะ

“มึงพูดเหี้ยไรเนี่ยเบล”

“แพรเขียนไดอารี่ไว้ เขารักคนที่มีรอยสักรูปปีกที่หลัง”

“คือมึง” เบลชี้หน้าอย่างไม่รักษามารยาทอีกต่อไป

“คนสักเยอะแยะป่ะว่ะ”

“แพรเสียตอนท้องได้แปดเดือนกว่า ถ้านับเวลาที่นอนกับไอ้พรึกจริงๆ คือแค่หกเดือน เพราะฉะนั้นไม่มีทางใช่ไอ้พรึก”

“แล้วมึงมีหลักฐานหรอว่าไอ้พรึกไม่ได้นอนกับแพรก่อนหน้านั้น”

“พี่แพรบอกคุณพ่อว่า ผู้ชายไม่แต่งงานกับพี่แพรเพราะมีคู่หมั้นอยู่แล้วครับ” พลัมพูดด้วยความสุภาพ “คุณแคมป์จะไม่รับผิดชอบก็ได้ พลัมไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาพอจะเอาผิดคุณได้อยู่แล้ว”

พลัมสูดลมหายใจลึกเพื่อข่มอารมณ์ก่อนจะพูดต่อ

“เพียงแค่ถ้าคุณแคมป์ยังมีจิตสำนึกสักนิด ก็แวะไปขอโทษพี่แพร แล้วไปทักทายน้องพีชบ้าง หลานพลัมคงอยากเห็นว่าพ่อแกหน้าตาเป็นยังไง ที่จริงถ้าพี่แพรไม่ประสบอุบัติเหตุครอบครัวเราคงมีความสุขดีนั้นแหละครับ ไม่ได้จะเรียกร้องอะไรจากคุณหรอก”

ทั้งห้องเงียบกริบ ไม่แม้กระทั่งจะหายใจดัง พรึกเพียงกุมมือพลัมไว้เพื่อให้กำลังใจเท่านั้น

“แพรอยู่ที่ไหน” ในที่สุดแคมป์ก็ถาม

พลัมบอกชื่อวัดแล้วก็เดินออกไปจากห้อง เขาโมโหและเกลียดผู้ชายไร้ยางอายคนนั้นเกินกว่าจะทนมองหน้าไหว พรึกเดินตามออกมา ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าตัวเองคงเป็นเพื่อนกับแคมป์ไม่ได้อีกต่อไป

ในห้องจึงเหลือแค่เบลและพันวา

“ถึงมึงไม่รู้สึกผิดต่อแพร แต่มึงน่าจะคิดถึงใจไอ้พรึกบ้าง มึงทำได้ยังไงว่ะ ทำให้ไอ้พรึกรู้สึกเหมือนตกนรกมาเกือบ 10ปี” พันวาถาม

“พวกมึงคิดว่ากูเป็นคนผิดไปแล้วจะพูดอะไรก็ได้สินะ แล้วมึงก็เชื่อหรือว่าไอ้พรึกไม่ได้ทำ”

“ไม่ว่าจะมึงหรือไอ้พรึกทำแพร กูก็ไม่ได้โกรธ เพราะพวกมึงคือเพื่อนกู แต่ที่กูเสียใจคือถ้าไอ้พรึกไม่ได้ผิดจริง ทำไมมันต้องมาทนรับความรู้สึกผิดแบบนั้น แล้วคนผิดจริงกลับลอยนวลมีความสุข”

“มึงคิดว่ากูมีความสุขหรือว่ะ ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก อยากเห็นหน้าลูกสักครั้งในชีวิตก็ไม่มีโอกาส!!!” แคมป์ระเบิดออกมา

“เมียที่แม่กับพ่อกูหามาให้ เหมือนเป็นเจ้ากรรมนายเวรของกูอ่ะ กูต้องทนอยู่กับเขามีกี่ปีแล้วและต้องทนไปอีกตลอดชีวิต เป็นแพรยังดีเสียกว่า มีอิสระ ตอนนี้เขาคงมีความสุขกว่ากูมาก”

“แคมป์ ไอ้เหี้ย มึง กูไม่มีอะไรจะพูด”

“กูแค่คิดโง่ๆ ว่า คนที่จะดูแลแพรและลูกได้ดีน่าจะเป็นไอ้พรึก กูบอกแพรให้ไปบอกพรึกว่าท้อง มันเป็นคนดี ต้องรับผิดชอบแน่ๆ”

“มึงคิดได้ยังไง” พันวาถึงกับกุมขมับ

“ในเมื่อกูดูแลเขาไม่ได้ ก็ต้องหาคนที่คิดว่าดีที่สุดให้เขาป่ะวะ”

“แต่แพรรักมึง นั้นลูกของมึง”

“กูก็กะจะเป็นพ่อทูนหัวของลูกอยู่แล้ว”

เบลขยี้ผมอย่างหงุดหงิด พอกับพันวาที่สบถคำหยาบคายออกมาไม่ได้หยุด

“ป๊ากับม๊ากูเป็นยังไงมึงก็รู้ เขาไม่ยอมให้กูแต่งกับแพรแน่ๆ จะให้เป็นน้อยก็ไม่มีทาง แล้วจะให้กูทำยังไง”

“มึงรักแพรมั้ย”

แคมป์เงียบไปนาน และให้น้ำตาที่ไหลอาบแก้มแทนคำตอบ

“วันที่เขาจะไปเตรียมคลอด เขาโทรมาขอกำลังใจจากกู อยากให้กูไปอยู่กับเขาในห้องคลอด แต่กูทำไม่ได้ ตอนนั้นกูถึงขั้นคิดว่าจะพาเขากับลูกหนีไป หนีไปสร้างครอบครัวเล็กๆ กันสามคน แต่กูก็ไม่กล้า กูมันขี้ขลาด กูได้แต่บอกเขาไปว่าตัดใจเถอะ”

แคมป์พยายามเงยหน้าเพื่อให้น้ำตาไหลกลับเข้าไป

“แล้วกูก็ได้ยินเสียงแพรกรี๊ด เสียงกระแทก”

“ตอนเขาจะไป กูอยู่ในสายด้วย”

ทั้งห้องเงียบกริบ

ชีวิตไม่ง่ายเลยจริงๆ



พรึกขับรถมาส่งพลัมที่บ้านป้าบัว หลังจากสวัสดีญาติผู้ใหญ่เสร็จก็ขอตัวกลับ คนสูงวัยกว่ามองหน้าสองคนแล้วก็อมยิ้ม ตอนพลัมไปนี่ร้อนอย่างกับไฟลุก แต่พอตอนกลับมา ก็สงบเงียบเหมือนแม่น้ำสายใหญ่ คนตัวสูงนั่นคงดับไฟในใจให้เจ้าตัวเล็กแล้ว

“ไม่ค้างที่นี่หรือคะ” ป้าบัวถามด้วยรอยยิ้มใจดี พรึกถึงกับหน้าร้อน เขาเองก็คิดถึงพลัมใจจะขาด ยิ่งพึ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มาด้วยกันด้วย แต่เพียงรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเท่านั้น น้องยังเรียนไม่จบ และเขาก็ยังไม่ได้ผูกข้อไม้ข้อมือน้องให้เป็นเรื่องเป็นราว

“ไม่ดีกว่าครับ”

คนสูงวัยกว่ายิ้มอีก “ป้ารู้นะว่าเจ้าพลัมก็ไปรบกวนคุณที่ห้องบ่อยๆ ไหนๆ จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็มาสนิทกันให้มากขึ้นเถอะ”

“คุณป้าครับ” พรึกทอดเสียงอ่อน ดีใจในความโชคดีหลายๆ อย่างของตัวเอง

“ผมกลัวไม่เหมาะสม ผมยังไม่ได้ผูกข้อไม้ข้อมือน้องให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย”

ป้าบัวยิ้มถูกใจ “ก็ป้ายกให้แล้วไง ส่วนพิธีนะเดี๋ยวไปหาฤกษ์หายามให้”

“งั้นกลับจากบ้านป้าแล้ว ผมขออนุญาตพาพลัมขึ้นไปไหว้พ่อแม่ผมที่เชียงใหม่นะครับ”

“ก็ตามที่พ่อพรึกสะดวกเลยจ้ะ”

“แล้วผมจะรอฤกษ์จากคุณป้าอีกที เราค่อยทำพิธีกันดีมั้ยครับ ผมอยากทำที่วัดด้วยซ้ำ เพราะพ่อแม่ แพรและน้องพีชจะได้ช่วยเป็นสักขีพยานด้วย”

“นี่คุณพรึกกำลังขอหนูแต่งงานหรอ” พลัมถามอย่างพาซื่อ

“ตอนแรกก็ว่าจะใส่แหวนหมั้นไว้ก่อน แล้วรอหนูเรียนจบค่อยทำพิธี แต่ไหนๆ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วก็ทำให้มันเสร็จสิ้นไปเลยแล้วกัน”

“แล้วเราละ จะแต่งกับพี่เขามั้ย” ป้าบัวถาม

พลัมเม้มปากกลั้นยิ้มที่จะทำให้หน้าเป็นกระด้ง พยักหน้าหงึกๆ

“ก็แค่นี้แหละ” ป้าบัวลูบหัวอย่างเอ็นดู

“ป้าฝากน้องด้วยนะ”

“ครับ ดูแลไปตลอดชีวิตเลยครับ”

“งั้นก็ขึ้นไปพักผ่อนกันเถอะจ้า ป้าว่าวันนี้น่าจะเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”

ทั้งสองรับคำ



ติ๊ง!

ระหว่างที่พรึกอาบน้ำ โทรศัพท์พลัมก็มีเสียงเตือนจากแอคเค้าท์ที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนาน

“พี่แตม?” พลัมขมวดคิ้ว นึกไปถึงรุ่นพี่ที่เคยตามจีบ แล้วก็ข้อความสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้พลัมขยาด

‘ขอบคุณที่รู้สึกดีกับพลัมนะพี่แตม เราเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะครับ’

‘พี่คงเป็นพี่น้องกับคนที่ทำให้เสียใจไม่ได้หรอกครับ เอาเป็นว่าถ้าพี่ดีขึ้นเมื่อไหร่ พี่จะทักมาบอกนะครับ’

วันนี้พี่แตมทักมาด้วยประโยคที่ว่า

‘พี่กลับมาเป็นพี่น้องกับพลัมได้แล้วนะ’

‘ตอนนี้พี่มีความสุขกับแฟนพี่แล้ว เลยนึกขึ้นมาได้ ต้องขอบคุณพลัมด้วยซ้ำที่ปล่อยพี่เร็ว ทำให้พี่ได้ไปเจอกับคนที่ใช่จริงๆ’

พลัมอ่านแล้วก็ยิ้มขึ้นมาได้

‘พี่แตม พลัมยินดีด้วยนะครับ’

‘พลัมเองก็มีความสุขมากๆ นะ ที่ผ่านมาพี่อโหสิให้’

อโหสิ...คำนี้สินะที่ทำให้ใจเรามีความสุขได้อย่างแท้จริง

พลัมอมยิ้มกับโทรศัพท์ กดปิดหน้าจอก็เห็นคุณพรึกที่อาบน้ำเรียบร้อย สวมเสื้อผ้าตัวใหญ่ของลูกป้าบัวเดินเข้ามา คนน้องอ้าแขนกว้างอ้อนให้คนพี่เข้ามากอด พรึกเดินมานั่งลงบนเตียงเดี่ยวขนาด 3.5ฟุต ของพลัม

“ผมเปียก พลัมเช็ดให้นะครับ”

พรึกพยักหน้ารับ แล้วเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองลงไปนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงระหว่างปลายเท้าทั้งสองข้างของน้อง

พลัมวางผ้าขนหนูบนเรือนผมสีดำสนิท ลงมือเช็ดๆ เบาๆ ไปเรื่อยๆ

“พลัมครับ”

“ครับ”

“ขอบคุณที่ให้โอกาสคุณพรึกนะ”

“พลัมแค่ตามหาความจริง ถ้าเป็นคุณพรึกทำจริงๆ พลัมก็คง...ไม่รู้จะไปต่อยังไงเหมือนกัน”

จู่ๆ พรึกก็จับมือน้องออกจากศีรษะ แล้วถอดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ออก

“คุณพรึก!” พลัมหน้าแดงก่ำ หุ่นพี่เขาดีจริงกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เหมือนพระเอกหนังพอร์นที่แอบดูในอินเตอร์เนตเลย...เดี๋ยวสิพลัมนั่นไม่ใช่ประเด็น

“คุณพรึกให้พลัมดูให้แน่ใจ ว่าคุณพรึกไม่ใช่เจ้าของรอยสักรูปปีก” ร่างสูงยืนยันตัวอีกครั้ง พลัมพยักหน้าเข้าใจ มือเล็กลงบนแผ่นหลังแล้วลูบไปมาเบาๆ

“คุณพรึกไม่ต้องสักปีก เพราะคุณพรึกมีอิสระที่จะรักใคร ชอบใครก็ได้”

พรึกนิ่งฟังว่าน้องจะพูดอะไรต่อ

“แต่คุณแคมป์ไม่ใช่”

“อย่างน้อยพี่แพรยังมีอิสระที่จะรักใครก็ได้ แต่คุณแคมป์ไม่มีเลย”

“สงสารเขานะครับ ยิ่งพลัมมาคิดๆ ดูแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณแคมป์ทรมานกว่าทุกๆ คนเลย”

“เขาอาจจะรู้สึกผิดมาก แต่ไม่แสดงออกมาก็ได้”

“หนูพลัม มากอดหน่อยสิ เก่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” พรึกเองยังตะลึงที่น้องมีความคิดแบบนี้ เก่งกว่าคนที่โตกว่าอย่างเขาเสียอีก

ตัวเล็กๆ โดนกอดจนจมเข้าไปในอก พลัมทั้งเขินทั้งอุ่น ที่ใบหน้าได้แนบไปกลับเนื้อแน่นๆ ไร้เสื้อผ้าขวางกั้น

“พวกเราโชคดีนะครับที่ได้รักกัน” พลัมอุบอิบพูด

“คุณพรึกต้องขอบคุณแพร ที่ทำให้คุณพรึกใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังจนได้มาเจอหนู รวมถึงไอ้แคมป์ด้วย ที่สร้างบทเรียนสำคุญให้กับชีวิตคุณพรึก”

“พลัมอโหสิให้คุณแคมป์ หวังแค่ว่าสักวันนึงเขาจะไปขอโทษพี่แพรด้วยความจริงใจเท่านั้นเอง”

“จริงๆ แล้วแคมป์ก็ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไรหรอกนะ มันเป็นเพื่อนที่ดีของทุกคน เพียงแต่ว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวบังคับให้มันต้องทำแบบนั้น” พรึกนึกย้อนไปถ้าไม่นับเรื่องนี้ ลูกชายตระกูลดังก็ดีกับเขามากจริงๆ

“คุณพรึกว่าคุณแคมป์รักพี่แพรมั้ย”

“คำถามนี้คุณพรึกตอบไม่ได้ครับ”

พลัมถอนหายใจ แต่ในเมื่อคิดได้ว่าควรปล่อยวางเรื่องราวในอดีต เขาก็ไม่ควรเก็บมาใส่ใจคิดอีก

“นอนกันเถอะครับ พรุ่งนี้ พี่แบงค์ กับพี่แบมลูกป้าบัวจะกลับมาแล้ว จะได้ลงไปทานข้าวเช้าด้วยกัน”

“ครับ ฝากตัวเป็นครอบครัวหนูพลัมด้วยคนนะครับ”

พลัมฉุดพรึกขึ้นมาจากพื้น ร่างสูงปีนขึ้นเตียง ขยับตัวไปจนชิดผนัง แล้วเหลือพื้นที่เยอะๆ ให้เด็กน้อยขึ้นมาซุก พลัมยิ้มกว้าง เขาดีใจที่ยังมีพื้นที่ตรงนี้เหมือนเดิม อ้อมกอดอุ่นๆ และคนที่คอยกล่อมให้หลับฝันดี

“Good night ค่ะที่รัก”

“พลัมหัวใจเต้นแรงจนนอนไม่หลับแล้วครับ”

“บอกรักคุณพรึกครั้งที่ 1 - 100สิคะ จะได้หลับฝันดี”

“งื้อ... หนูไม่ให้คุณพรึกแกล้งแล้ว “

พลัมซุกหน้าลงไปกับหมอนเป็นการหนี พรึกเลิกแกล้ง ก้มลงไปจุ๊บแก้มน้องหนึ่งทีแล้วค่อยหลับตาลงบ้าง





TBC 



คนไม่ดี ก็รับผิดกันไป รู้สึกยังไงแชร์กันได้น๊า
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 21-22-23 (08 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 08-12-2018 18:43:00
โลกกลมไปอี๊กกก ดีนะที่นุ้งพลัมมีสติ ทุกอย่างเลยคลี่คลาย
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 21-22-23 (08 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-12-2018 23:34:09
แล้วผู้ร้ายตัวจริงก็ปรากฏ ดีใจกับคุณพรึก
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 21-22-23 (08 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-12-2018 08:46:30
นุ้งพลัมน่ารัก น่าบีบจัง รักกันมากๆ มีอะไรก็ให้อภัยกันนะลูก อยากส่งลูกเข้าหอ :กอด1:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 21-22-23 (08 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 09-12-2018 23:55:26
Chapter 24



หลังผ่านเรื่องวุ่นๆ พลัมก็เข้าฝึกงานที่เอเจนซี่เดิมจนครบสามเดือน ช่วงก่อนเปิดเทอมพรึกชวนน้องไปไหว้พ่อกับแม่ที่เชียงใหม่ พลัมตื่นเต้นไม่น้อย และพยายามระมัดระวังคำพูดคำจาให้มากเพื่อให้เป็นที่น่าเอ็นดู

พรึกเห็นน้องเกร็ง ก็นั่งจับมือให้กำลังใจไปตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน จนเมื่อจมูกได้สัมผัสอากาศเมืองเหนือ พลัมค่อยดูสดชื่นขึ้นหน่อย

พลัมไม่เคยมาเที่ยวทางเหนือ เลยหันไปสนใจกับสิ่งต่างๆ รอบตัวเป็นพิเศษ แค่รูปปั้นหมีแพนด้าที่สนามบินก็ทำน้องตาโตได้แล้ว โอ๊ยเห็นแล้วอยากจะหอมหัว แล้วอุ้มไปดูสัตว์ก้อนๆ ที่สวนสัตว์เลยค่ะแฟน

พรึกรอหยิบกระเป๋าที่โหลดอยู่บนสายพาน เมื่อได้ครบแล้วค่อยมาจูงแฟนเด็กของตัวเองออกด้านนอกอาคาร พี่ชายกับพี่สะใภ้วนรถมารอรับแล้ว

น้องมือเย็นมาก พรึกเอ็นดู ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นละ

ทั้งคู่เดินไปขึ้นรถแลนด์โรเวอร์หน้าหล่อสีเทาที่เปรอะโคลนนิดๆ พรึกดันก้นน้องขึ้นไปก่อน พลัมตัวไม่ใหญ่มาก พอมาอยู่กับรถคันโตๆ แบบนี้แล้วมันดูปุ๊กปิ๊กน่ารักอย่างไรก็ไม่รู้ หรืออาจจะเป็นฟิลเตอร์หลงแฟนของพรึกเองก็ได้ที่ไม่ว่าน้องทำอะไรก็น่าเอ็นดูไปหมด

“พี่ภพ พี่กรีน นี่พลัมครับ...แฟนผม”

“พลัม นี่พี่ชาย กับพี่สะใภ้คุณพรึกครับ”

เด็กน้อยยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ภพกับกรีนรับไหว้ด้วยรอยยิ้ม แล้วออกรถ

“จะแวะซื้ออะไรก่อนมั้ย หรือเข้าบ้านเลย แม่ทำขนมจีนน้ำเงี้ยวไว้รอแล้ว พวกพี่ก็ลาภปากไปด้วย” ภพขับรถเบรกๆ หยุดๆ เดี๋ยวนี้เชียงใหม่เองก็การจราจรติดขัดไม่แพ้กรุงเทพ

“ไปที่บ้านเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวพรึกค่อยพาหนูพลัมออกมาเดินเล่นในเมืองตอนเย็นๆ เอง”

เจ้าบ้านพยักหน้า แล้วเบี่ยงพวงมาลัยพาทุกคนไปยังถนนเลียบแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพ่อแม่พรึก และภพที่แยกออกมาตั้งโฮมออฟฟิศรับออกแบบบ้านเพราะทั้งตัวเองและภรรยาเป็นสถาปนิก

รถคันใหญ่จอดลงหน้าตึกโมเดิร์นลอฟต์ปูนเปลือยที่เป็นสำนักงาน พรึกบอกว่าบ้านหลังเดิมต้องเดินเข้าไปอีกหน่อย พลัมลงมาจากรถ พอลึกเข้าไปในพื้นที่ของตระกูลแดดก็เริ่มอ่อนลง เพราะมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นปกคลุมไปทั่ว สมกับเป็นบ้านเก่าที่อยู่มานาน

พลัมชอบบรรยากาศที่เหมือนหลุดมาอีกโลกแบบนี้ หญิงสูงวัยหน้าตาใจดียืนปาลูกบอลอยู่กับ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ตัวใหญ่ที่ลานหน้าประตูบ้าน

“นั่นแม่ กับข้าวโพด” พรึกแนะนำ

มารดาของพรึกเงยหน้าขึ้นมอง แล้วบอกเจ้าสี่ขาขนฟูให้หยุดเล่นก่อน ข้าวโพดเองก็แสนรู้คาบบอลไปยัดใส่มือพลัมเป็นการผูกมิตรเสียอย่างนั้น

“พี่หมา ตัวฟูมากเลย พลัมกอดหน่อยนะ” น้องย่อตัวคุกเข่าแล้วอ้าแขนกอดๆ ข้าวโพดครางหงิงได้เพื่อนใหม่แล้ว เย่

“ลูกตาภพไปเรียนซัมเมอร์ ไม่มีใครเล่นด้วยเลยอ้อนไปทั่ว” คนเป็นแม่เปรย พลัมสะดุ้งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้สวัสดีผู้ใหญ่ ก็บอกลาเพื่อนใหม่ก่อน แล้วเดินเข้าไปใกล้แม่คุณพรึกเพื่อทำความเคารพ

“หนูพลัมใช่มั้ย ยินดีต้อนรับนะลูก”

“พลัมกอดข้าวโพดไปแล้ว แต่พลัมอยากกอดคุณป้าด้วยได้มั้ยครับ”

“ฮื้อ!! เรียกป้าแล้วจะให้กอดได้ยังไง เรียกแม่สิลูก เรียกเหมือนตาพรึกนั้นแหละ”

“คุณแม่” พลัมยังไม่ชินปาก แต่พอเรียกแล้วก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นรุนแรงพุ่งเข้าจู่โจมหัวใจ แม่กอดพลัมแน่นๆ อยู่นาน ส่วนเจ้าตัวเล็กเองก็สัมผัสได้ถึงความใจดี จนครู่หนึ่งคนสูงวัยกว่าก็ตบบ่าเบาๆ แล้วคลายกอด

“คุณพ่อเขาออกไปเม้าท์ที่ร้านกาแฟแถวนี้ เดี๋ยวแม่ตามกลับมากินข้าวก่อน” ว่าแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากด

“คุณแม่น่ารัก พี่ภพ พี่กรีน ข้าวโพดก็น่ารัก” พลัมหันไปกระซิบกับคนข้างๆ

“คุณพรึกละ”

“คุณพรึกหล่อ อบอุ่น หุ่นหมี มีมอนสเตอร์ใหญ่”

“ทะลึ่งจังเลยเด็กคนนี้” มือพรึกบีบเข้าที่ปากช่างพูด

คู่รักหยอกล้อกันงุ้งงิ้ง ผู้ใหญ่ที่จับตามองอยู่ส่ายหน้าด้วยความเหม็นเบื่อ ตอนแรกที่พรึกอัพเดทครอยครัวว่าคบกับเด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าหลายปี ที่บ้านก็มีแอบกลัวว่าจะไม่รอด แต่พอมาเห็นเขาจุ๊งจิ๊งกันก็...เอ้อ น่ารักเข้ากันดี

ไม่นานเสียงมอเตอไซค์เบาๆ ก็มาจอดหน้าบ้าน คุณพ่อของอาจารย์หนุ่มเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น พลัมรีบยกมือไหว้ ดวงตาคมที่เหมือนคุณพรึกเป๊ะ แต่ผ่านกาลเวลามานานกว่ามองสำรวจแล้วก็ยิ้มมุมปาก มันขาวมันใสน่าเอ็นดูไปหมด

“ไปหลอกน้องเขามาได้ไงะพรึก” พ่อแซว

พรึกเข้าไปกอดพ่อด้วยความคิดถึงแล้วบอกด้วยรอยยิ้ม “ก็ผมหล่อ เด็กมาติดเป็นธรรมดา”

พี่กรีนถอนหายใจ พอกันตอนพี่ภพพาเธอเข้าบ้านก็แบบนี้ ยอมรับว่าหน้าตาดีเป็นกรรมพันธุ์ แต่ความหลงตัวเองนี่ต้องถ่ายทอดผ่านดีเอ็นเอด้วยมั้ยล่ะ

“น้องพลัมไปช่วยพี่กับแม่จัดโต๊ะดีกว่า ปล่อยหนุ่มๆ เขาทักทายกันก่อน” กรีนชวน พลัมพยักหน้ารับแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย

“มาอยู่กี่วันคะ”

“นอน 5คืนครับ คุณพรึกกับพลัมจะเปิดเทอมแล้ว”

กรีนพยักหน้ารับ

“พี่กรีน พลัมต้องหัดทำอาหารเหนือไว้ให้คุณพรึกทานมั้ย”

คราวนี้หญิงสาวถึงกับหัวเราะร่วน เธอเป็นสาวเหนือจึงพอทำเป็นอยู่บ้างแต่ไม่ได้เก่งมากนัก แต่ภพก็เรียกร้องให้ทำให้ทานบ้างเหมือนเป็นการเติมเต็มความหวานให้ชีวิตคู่

“คุยอะไรกันคะเด็กๆ” แม่คุณพรึกเข้ามาร่วมวงด้วย

“แม่สอนน้องทำของชอบน้องพรึกหน่อย”

แม่ยิ้มแบบเหมือนจะเห็นคำว่าแหม...พุ่งออกมา

“เจ้าพรึกจะปล่อยให้มาเข้าครัวเร้อ...แม่ว่าน่าจะกระเตงพาน้องไปเที่ยวเสียมากกว่ามั้ง เห็นว่าไม่เคยมาเชียงใหม่เลยใช่มั้ยลูกพลัม”

“ครับ แต่พลัมก็อยากทำเป็นสักอย่างสองอย่าง เอาไว้ล่อคุณพรึกกลับบ้าน เดี๋ยวคบกันไปนานๆ เกิดไปติดกับข้าวที่อื่น บ้านช่องไม่กลับจะทำยังไงละครับ”

มันพูดเก่งอ้อนเก่ง แม่นี้อดหยิกแก้มไม่ได้

“เดี๋ยวแม่กักตัวไว้ แล้วสอนอันที่ทำง่ายๆ ให้”

“เย่ ขอบคุณครับ”

“ป่ะ ไปช่วยพี่กรีนเขาตักเส้นขนมจีนใส่ถ้วย แม่ไปอุ่นน้ำแกงหน่อย”

“ครับ” พลัมรับคำพยักหน้า

เมื่ออาหารพร้อม พี่กรีนก็ไปตามหนุ่มๆ เข้ามาร่วมโต๊ะ ข้าวโพดมาป้วนเปี้ยนด้วย

“พี่หมาอยากกินอะไร” พลัมก้มลงไปถาม

“ข้าวโพดมันอ้วนเป็นหมีแล้วค่ะ เดี๋ยวให้มันกินมื้อเย็นทีเดียว” พรึกปราม อ้อนเก่งนัก

พลัมทำตาปริบ หันไปส่ายหน้ากับข้าวโพดว่าช่วยไม่สำเร็จ แต่มันก็ไม่ว่าอะไรแถมยังส่งยิ้มซื่อๆ มาให้พลัมด้วย



หลังมื้อเที่ยง แม่กับพ่อเรียกพลัมและพรึกไปคุยด้วย

“พ่อกับแม่ฝากพี่พรึกด้วยนะ ถ้าตกลงว่าจะอยู่ด้วยกันแล้วก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน หนักเบาอภัยกันได้ก็ทำนะลูก จะได้อยู่ไปด้วยกันนานๆ” คุณพ่อบอกเบาๆ แล้วหยิบซองเอกสารอันหนึ่งยื่นให้พลัม

“พ่อกับแม่รับขวัญเข้าบ้านนะ” พลัมรับมาแล้วเปิดดูอย่างงงๆ

“โฉนดที่ดินหรือครับ” เด็กน้อยเห็นตาครุฑและรูปวาดลายเส้นพื้นที่สี่เหลี่ยม

“อือ แปลงข้างๆ นี่แหละ เผื่อเบื่อกรุงเทพอยากมาอยู่เชียงใหม่ก็จะได้มาอยู่ด้วยกัน”

“คุณพ่อให้คุณพรึกเถอะครับ พลัมไม่กล้ารับ พลัม...” น้องหันไปหาพรึกให้ช่วย เขาไม่คิดว่าจะต้องมามีสินสอดอะไรแบบนี้หรอก ถึงอย่างไรเขาก็รักคุณพรึก และอยากอยู่กับคุณพรึกด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว

“ถือว่าเป็นความจริงใจจากพ่อจากแม่นะ ที่รักหนูเอ็นดูหนูเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน” แม่ช่วยพูด “เดี๋ยวก็พากันไปเซ็นเปลี่ยนชื่อกันให้เรียบร้อยที่ที่ดินนะลูก”

พลัมยังทำหน้าไม่ถูก แม่เลยจับมือมากุมแล้วบอกว่า “ผู้ใหญ่ให้ของต้องรับห้ามปฏิเสธ”

“ก็ได้ครับ”

“แล้วนี่เช็ค พ่อให้เป็นขวัญถุงแต่งงาน ถึงเราจะไม่ได้จัดงานแต่งเป็นจริงเป็นจังก็เถอะแต่พ่อก็ให้เก็บไว้ในบัญชีหนูพลัม เผื่อวันไหนจำเป็นต้องใช้พลัมจะได้ไม่ลำบากนะลูกนะ”

ตัวเลขที่ปรากฏไม่มากไม่น้อย แต่ก็ทำให้อยู่สบายๆ โดยไม่ต้องทำงานได้เป็นปี พลัมลุกจากเก้าอี้ไม้สัก แล้วทรุดลงไปนั่งพับเพียบ ก้มลงกราบแทบเท้าบุพการีทั้งสอง

“พลัมขอมาเป็นลูกบ้านนี้ด้วยนะครับ” คำพูดเรียบง่ายแค่นั้นแต่ทำเอาคุณแม่น้ำตาไหล ส่วนคุณพ่อก็พยักหน้าอย่างเอื้อเอ็นดู

พลัมไม่ได้อยากมาเป็นลูกบ้านนี้เพราะของกำนัลมากมายที่พ่อกับแม่มอบให้ แต่เพราะความให้เกียรติ ความเห็นคุณค่าในตัวพลัม และให้อิสระในความรักของพลัมกับคุณพรึก ทำให้พลัมรู้สึกว่าบ้านนี้น่าเคารพและน่าอยู่

“มาเป็นครอบครัวเดียวกันลูก”

พลัมกอดคุณแม่อีกครั้ง คุณพ่อก็ลูบผมอย่างเอ็นดู ดีใจจังที่อยู่ๆ ครอบครัวพลัมก็ใหญ่ขึ้นเป็นกอง

“พลัมครับ คุณพรึกก็มีอะไรจะให้หนูนะ” พระเอกของเรื่องขอซีนบ้าง พลัมผละจากเอวคุณแม่หันไปมอง พรึกนั่งลงมาใกล้ๆ แล้วหยิบกล่องหนังเรียบหรูออกมา เขาเปิดมันช้าๆ ด้านในบรรจุแหวนสองวงเคียงกัน

“ให้พ่อแม่เราสองคนเป็นพยานนะครับ”

“อยู่กับพี่ไปนานนานนะคะ อยู่เป็นบ้านให้พี่ชื่นใจ”

พลัมน้ำตาไหลอีกครั้ง น้องเม้มปากแล้วพยักหน้ารับ

“กรีน ภพ! มาถ่ายรูปนาทีชีวิตไว้ให้น้องหน่อย หลังจากนี้ไอ้พรึกไปไหนไม่รอดแล้ว” พ่อเรียกเสียตัดอารมณ์ซึ้งของทุกคน พลัมเองยังหัวเราะทั้งน้ำตา

พรึกผ่อนคลายลงอีกหน่อย ทั้งที่คิดว่ามันเรียบง่ายนิดเดียว แต่พอได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ ได้มองหน้าน้องที่น้ำตาไหล มือเขาเองก็พาลจะสั่นเอาดื้อๆ

“เพชรเม็ดไม่ใหญ่ แต่เพชรแพงนะครับ” พรึกบอก เล่นเอาพี่กรีนฮาไปอีก

“แต่ของพี่อ่ะ เม็ดไม่ใหญ่แล้วก็ไม่แพงด้วยครับ” ภพช่วยรับมุก แล้วรวบเอามือซ้ายของภรรยาไปโชว์ตรงหน้าพลัม

“โอ้ยไอ้คู่นี้ก็เล่นเป็นเด็กๆ” คุณพ่อกุมขมับ

“เอ้าจะสวมแหวนก็ทำซะให้มันเป็นเรื่องเป็นราว” เสียงขรึมว่า

พลัมยื่นมือไปตรงหน้าพรึกอย่างสั่นๆ พรึกเองก็กลืนน้ำลายเหนียวหนืดอย่างยากลำบาก

นิ้วมือใหญ่ประคองแหวนให้ไหลผ่านข้อนิ้วไปช้าๆ สุดท้ายสัญลักษณ์ของการเป็นผู้กุมหัวใจกันและกันก็ประทับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของคนทั้งคู่

พลัมก้มลงกราบตักคุณพรึก ขอบคุณที่รักและเอ็นดู พรึกเองก็รวบน้องเข้ามากอด เป็นคู่กันแล้วก็จับจูงเดินไปเสมอกันไม่มีใครก้าวนำก้าวตาม

“จูบเลยๆ” ภพเอ่ยอย่างคึกคัก ข้าวโพดเองก็ส่งเสียงเห่ารับ เหมือนรู้ว่านี่เป็นเรื่องน่ายินดี กรีนโอบเจ้าหมาอ้วนของบ้านมาลูบหัวเบา แล้วบอกมันว่า “พี่คนใหม่ของบ้าน อย่าดื้ออย่าซนกับพี่เค้านะคะ”

บ๊าว!

“ส่วนฤกษ์ผูกข้อมือที่พรึกอยากให้แม่กับพ่อลงไปที่กรุงเทพฯ ได้วันเมื่อไหร่ก็บอกมา”

“ครับ พ่อแม่น้องจะได้วางใจด้วยว่าส่งลูกมาให้ถูกคนแล้ว”

“มั่นใจอะไรขนาดนั้นพ่อคุณ” ภพแซว

“ผมก็ได้พี่มาทั้งนั้น ใช่มั้ยครับพี่กรีน”

“พอกันทั้งพี่ทั้งน้องค่ะ”

พลัมอมยิ้ม ความสุขมันเป็นแบบนี้แหละ มันเป็นแบบนี้ ^^



เวลาไม่กี่วันที่พลัมอยู่ที่เชียงใหม่เด็กน้อยพยายามตื่นแต่เช้ามาตักบาตรกับคุณแม่ บางวันก็ไปเดินจ่ายตลาดด้วย คุณแม่ก็แนะนำกับคนที่เข้ามาทักทายว่าเป็นคนรักคุณพรึกอย่างไม่ปิดบัง ผู้ใหญ่บางคนทำหน้าปะหลาดเหมือนยังรับไม่ได้ แต่หลายๆ ท่านก็เอ็นดูและเข้าใจ ส่วนแม่ก็สตรองมากไม่สนไม่แคร์หรอกถ้าใครจะทักท้วงว่าไม่เหมาะ แม่บอกว่าลูกแม่ แม่เลี้ยงมา รู้ว่าพรึกมีความรับผิดชอบและคิดเองได้แล้ว ไม่ต้องให้คนนอกครอบครัวมาคอยสั่งสอน และแม่ก็มีความสุขดีที่พลัมเป็นเด็กสดใสน่ารัก เหมือนได้ลูกคนเล็กเพิ่มมาในบ้านอีกคนไม่มีผิด

สายๆ ของแต่ละวันพลัมก็จะเรียนทำอาหาร แม่สอนทำน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แกงฮังเล แล้วก็ขนมจีนน้ำเงี้ยว แม่จดสูตรไปให้อย่างละเอียดด้วย และถ้าถึงวันที่จะทำแล้วทำไมได้ ก็ค่อยโทรมาถามไถ่ แม่จะได้ไม่เหงา

พรึกเห็นแม่กับพลัมเข้ากันได้ดีก็มีความสุข ชีวิตเขาเหมือนถูกเติมเต็มแล้ว เวลาที่เหลือก็แค่ประคับประคองให้มันมีความสุขเพิ่มขึ้นทุกวันเท่านั้นเอง

ถึงกำหนดกลับกรุงเทพฯ พลัมได้ของเสบียงจากแม่ไปหลายกระปุก รวมทั้งพวกไส้อั่วที่ขนไปฝากมัมมัมเบลด้วย พี่ภพขับรถไปส่งที่สนามบินเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือไอ้ตัวโตขนสีทองนั่งหน้าสลอนมาด้วย พลัมทำตาปริบๆ ยามต้องโบกมือลาข้าวโพด พรึกเห็นแล้วก็รู้ว่าสงสัยคงต้องพามาบ่อยๆ แล้วกระมัง ก็ดีที่น้องเข้ากับบ้านเขาได้ดี



วันเวลาค่อยๆ ผ่านไปคู่รักกลับมาใช้ชีวิตในรูปแบบปกติ พลัมเปิดเทอม ขึ้นปีสี่แล้ววิชาเรียนน้อยลงก็จริงแต่งานโปรเจคต์สำหรับแต่ละเทอมก็เข้มข้นมากขึ้น ส่วนพรึกก็ยังทำงานปกติ ขาดแค่ในคลาสไม่ได้มีเด็กตาใสมานั่งจ้องเหมือนก่อนอีกแล้ว

คิวกับเบลก็คบกันจริงจัง เป็นความรักที่เรียบง่ายไม่หวือหวา แต่ก็ไม่เคยมีความสุขน้อยลงเลยในแต่ละวัน

ในที่สุดฤกษ์ผูกข้อมือของพลัมกับพรึกก็มาถึง ทุกคนไปรวมตัวกันเพื่อทำพิธีสงฆ์ที่วัด พระท่านสวดเจริญพระพุทธมนต์ และสวดบทมลคลสูตรให้ จากนั้นก็ถวายอาหารเพล และดำเนินการอื่นๆ ต่อจนครบขั้นตอนพิธีมงคล

พรึกกับพลัมผูกข้อมือรับพรจากผู้ใหญ่เรียบร้อยก็พากันเดินไปไหว้พ่อกับแม่พลัมที่ด้านหลังวัด แต่กลับปรากฎร่างของอีกบุคคลที่คุ้นตา

“คุณแคมป์?” พลัมหันไปกระตุกชายเสื้อพรึก เบลกับพันวาที่มาร่วมงานด้วยก็มองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วน

ร่างสูงของนักธุรกิจหนุ่มมีชื่อเสียง บัดนี้ดูไม่สง่าผ่าเผยเท่าไหร่ เขาเดินมาไหว้ญาติผู้ใหญ่ทั้งหมด แล้วมองมาที่หน้าของพลัม

“ยินดีกับหนูด้วยนะ” แคมป์เอ่ยเสียงเรียบๆ แล้วยื่นเอกสารบางอย่างให้ พลัมรับมาอย่างงุนงง

“หุ้นบางส่วนจากพี่ ให้หนูในฐานะน้องของแพร”

“พลัมไม่อยากได้”

“ที่จริงพี่จะให้น้องพีช แต่ก็ไม่ทันแล้ว พลัมรับไว้เถอะ”

พลัมพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกไปอย่างไร

“ขอโทษมึงด้วยพรึก ที่ทำให้ต้องรับผิดชอบความรู้สึกแย่ๆ มานาน”

พรึกส่ายหน้า วันก่อนที่คุยกับพลัม พลัมอโหสิ เขาก็ไม่ติดใจเอาความ

“แล้วมึงโอเคมั้ย”

แคมป์ส่ายหน้า “กูเลิกกับอิงอรละ ฟ้องหย่าแบ่งสมบัติอยู่ ปวดหัวชิบ”

คราวนี้เบลกับพันวาตาค้างบ้าง

“แม่กูกดดันเขาเรื่องอยากได้หลาน อรเลยอาละวาดใหญ่ กูเลยบอกพ่อกับแม่ว่ากูก็ไม่ไหวแล้วขอเลิก”

“แล้วพ่อแม่มึงยอม”

“เขาคงเห็นกูไม่ไหวแล้วมั้งเลยคิดได้”

“แล้วหลานพ่อแม่มึงอ่ะ”

แคมป์ส่ายหน้า “ตอนกูมีก็ไม่รักษาไว้ไง จะมาเรียกร้องตอนนี้ก็คงไม่ได้”

พลัมหันไปกระซิบกับพรึกว่าน่าสงสาร

“แล้วนี่มึงมาหาแพรหรอ” เบลถาม

“อือ...กูมาขอโทษแล้วก็...มาบอกรัก” แคมป์ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วก้มมองบางอย่างที่ห้อยไว้กับสร้อยคอ มันเป็นแหวนหน้าตาเหมือนกันสองวง

“ถ้าตอนนั้นกูสู้ไปกับแพร ตอนนี้กูคงมีความสุขเหมือนไอ้พรึกกับหนูพลัม”

เบลกับพันวาตบบ่าไหล่เพื่อนเบาๆ ถึงมันจะทำผิด แต่เพราะคำว่าเพื่อนก็ทอดทิ้งไม่ได้เช่นกัน

“ยังไงก็รับพี่เป็นพี่เขยได้มั้ยครับ”

พลัมอ้าแขนกอดแคมป์ ผู้ชายที่เคยแข็งแกร่งก็ร้องไห้เป็นเด็กเลย วันเวลาไม่เคยหวนกลับ บางครั้งโอกาสในชีวิตก็มีแค่ครั้งเดียว

“พี่แคมป์ นับจากนี้ไปมีความสุขได้แล้วนะครับ”

“พี่แพรรักพี่ น้องพีชรักพี่ เพราะฉะนั้นพวกเขาคงอยากเห็นพี่มีความสุข”

“พี่จะพยายาม ขอบคุณที่พลัมไม่โกรธพี่นะ”

พลัมพยักหน้า คนที่น่าสงสารที่สุดได้รับการปลดปล่อยสักที



TBC

หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 21-22-23 (08 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 09-12-2018 23:59:12
Chapter 25



ชายวัยสามสิบกว่าสองคนนั่งกุมขมับอยู่ในร้านคาเฟ่ข้างตึกออฟฟิศสูงใหญ่ย่านสาธร พลัมกับคิวสอบเสร็จแล้วยังไม่ทันได้นอนให้ครบ 12ชั่วโมงด้วยซ้ำก็ต้องเข้าทำงานต่อทันที เอเจนซี่โฆษณาที่ทั้งสองคนฝึกงานทาบทามไว้ตั้งแต่ยังอยู่ปีสี่ และต้องการตัวมาช่วยงานให้ไวที่สุด

สองคนแก่ที่หวังจะกอดฟัดเด็กให้อิ่มเอมใจหลังจากน้องเป็นซอมบี้ช่วงทำโปรเจตจ์จบ กลายเป็นว่าฝันสลายลงไปกับตา ได้แต่นั่งมองหน้ากันรอรับน้องกลับบ้าน

“ได้กินลูกกูไปสักคำสองคำหรือยัง”

พรึกส่ายหน้าพรืด

“มึงละเบล”

“ก็กูเชื่อมึงไง ถือศีลรอน้องรับปริญญา แล้วเป็นไงนั่งแห้งอยู่เนี่ย”

“ดูทรงหลังรับปริญญาก็ไม่น่าได้กิน”

“ตบปากมึงตามอายุเดี๋ยวนี้อย่ามาพูดให้เป็นลางไม่ดีนะโว้ย” เบลเยี่ยมแทบจะข้ามโต๊ะไปทึ้งหัวพรึก



แล้วคำพรึกก็แสนจะศักสิทธิ์ ช่วงเวลาสามเดือนตั้งแต่วันที่สอบเสร็จยันรับปริญญา พลัมกับคิวก็หัวหมุนกับงานจนแทบลืมไปเลยว่าใบปริญญามันสำคัญอย่างไร สองหนุ่มโบ้ยให้กะทิจัดเตรียมทุกอย่าง เนื่องจากเพื่อนสาวเตรียมไปต่อโทที่อังกฤษ ยังไม่ได้เข้าทำงานเลยว่างกว่าใครทั้งกลุ่ม เธอจัดการจองโรงแรมเพื่อใช้แต่งหน้าทำผม จองช่างภาพให้เสร็จสรรพ ขนาดชุดครุย กะทิยังขับฝ่ารถติดไปรับให้ที่ท่าพระจันทร์เลย

วันซ้อมและวันรับจริงพลัมลางานไปซึ่งนับว่าเป็นหายนะอยู่พอสมควร เนื่องจากจำนวนงานจะพอกพูนไปอีก

พรึกและเบลทำหน้าที่แฟนที่ดี ขับรถไปส่งน้องที่โรงแรมแต่เช้ามืดให้ช่างแต่งหน้าทผมให้ จากนั้นก็ส่งตรงถึงหน้าประตูหอประชุม พรึกเองที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยก็ต้องสวมครุย รอแสดงความยินดีกับลูกศิษย์ แต่ช่วงที่ทุกคนเข้าหอประชุมไปแล้วก็ปลีกตัวไปนั่งกินข้าวรอที่โรงอาหารเป็นเพื่อนเบลได้ ทั้งคู่ดูถ่ายทอดสดบัณฑิตที่ขึ้นรับปริญญาบัตรไปด้วยกันอย่างปลื้มปริ่ม

พรึกจำเด็กๆ หลายคนได้ จบกันไปแล้วอีกรุ่น เขาก็มีหน้าที่ส่งรุ่นต่อๆ ไปให้ถึงฝั่งฝัน

พอถึงเวลาที่เด็กน้อยทั้งคู่ออกจากหอประชุม ผู้ใหญ่สองคนก็เดินหน้าตื่นเต้นไปหาพร้อมช่างภาพ

เอาจริงคุณพรึกกับคุณเบลตื่นเต้นกว่าพลัมกับคิวไปอีก

ช่างภาพเรียกให้ไปถ่ายรูปกันที่มุมสวยๆ ของมหาวิทยาลัย พรึกอยู่กับพลัมช่วงหนึ่ง ช่วยถือของและรับแขกให้ เพื่อนๆ ที่พึ่งรู้ถึงความสัมพันธ์ของอาจารย์สุดหล่อกับพลัมก็แซวกันใหญ่โต ร้อนให้พลัมต้องจุ๊ปากด้วยเกรงว่าคุณพรึกจะถูกมองไม่ดี

สักพักคุณพรึกก็ต้องขอปลีกตัวไปที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เพราะตามธรรมเนียมจะมีเด็กๆ ไปขอถ่ายรูปด้วย ร่างสูงรับเอาของขวัญชิ้นโตๆ ของพลัมไปเก็บที่รถก่อน ฝากเจ้าเด็กน้อยไว้กับมัมมัมเบล แล้วนัดเจอกันตอนเย็น

นับเป็นอีกหนึ่งวันที่เหนื่อยแต่ก็มีความสุข พลัมได้รับความรักมากมายจากคนรอบตัวที่มาในรูปแบบคำพูดแสดงความยินดี ข้อความในการ์ด ช่อดอกไม้

ป้าบัว พี่แบงค์ พี่แบม มาถ่ายรูปพร้อมขนมของโปรดพลัมที่ป้าบัวทำมาฝาก

พี่ภพกับพี่กรีนยังเป็นตัวแทนคุณพ่อคุณแม่บินเอาของขวัญลงมาให้

“ข้าวโพดก็อยากมา แต่พี่ยัดกระเป๋ามาไม่ได้จริงๆ” ภพพูดติดตลก

สองสามีภรรยาอยู่ถ่ายรูปและพูดคุยด้วยไม่นาน ก็ตีรถกลับไปสนามบิน เพื่อบินกลับเชียงใหม่ พลัมเห็นความพยายามและความจริงใจนั่นแล้วก็ปลื้มปริ่ม

แคมป์ก็มาแสดงความยินดีพร้อมลูกโป่งช่อโต เขาบอกว่าเลขาฯ รายงานว่าเด็กสมัยนี้ชอบ พลัมขอบคุณและถ่ายรูปด้วยอย่างไม่ติดใจอะไรแล้ว ซึ่งมันก็โล่งดี โล่งกว่าหลายๆ ปีที่พลัมแสร้งคิดว่าตัวเองเข้มแข็ง ทั้งที่จริงก็ยังเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่ในใจ

แคมป์ให้ของขวัญอีกอย่างพลัมคือใบแสดงรายชื่อผู้บริจาคเงินสนับสนุนให้แผนกเด็กอ่อนโรงพยาบาลในจังหวัดห่างไกล ยอดเงินหลายบาทและหลายโรงพยาบาล แคมป์บอกว่าเขาคงมุ่งมั่นทำบุญสายนี้ แต่ก็ให้เป็นชื่อพลัม

คุณพันวาก็แวะมาเฝ้าเป็นเพื่อนมัมมัมเบล โดยคุณพันวาให้เหตุผลว่าอยากมาอ่อยเด็กๆ ดูบ้างเผื่อจะได้อะไรงุ้ยๆ กลับไปให้ชุ่มชื่นหัวใจ

คนรักพลัมมากมายจนโอบอุ้มหัวใจชุ่มชื่นไปหมด พลัมมีความสุข

พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แสงธรรมชาติหมดแล้ว บัณฑิตทุกคนโบกมืออำลาสถานศึกษาที่มอบวิชามาตลอด 4ปี สถานที่ที่ไม่ใช่ให้แค่ความรู้ แต่ยังสอนวิธีดำเนินชีวิต ที่มาพร้อมมิตรภาพอีกมากมาย พลัมได้แต่นึกขอบคุณตัวเองที่เขาใช้ 4ปีในที่แห่งนี้ได้อย่างคุ้มค่า และก็เป็นเหมือนรากฐานที่ดีให้เขาได้ทำงานที่ชอบต่อไป

พรึกที่อยู่แสดงความยินดีกับบัณฑิตที่คณะจนครบแล้วก็เดินมาหาหนูพลัมตามนัด เก็บภาพสุดท้ายด้วยกัน แล้วค่อยกลับไปพร้อมหัวใจที่อิ่มเอม

อาจารย์หนุ่มขับรถมาจอดที่คอนโด ขนเอาบรรดาของกำนัลจากทุกคนขึ้นไปเก็บที่ห้องน้อง แล้วก็นึกฮึกเหิมในใจ ที่เฝ้าถนอมมาสองปีกว่า เนื้อเน้นๆ ก้นเด้งๆ สุกงอมแล้วจ้า พร้อมหมับให้ฉ่ำมือ

ความเป็นคนดีของอาจารย์พรึกเหมือนจะสะบั้นขาดลงแล้ว!

ร่างสูงนึกครึ้ม เข้าไปช่วยน้องถอดชุดครุย แล้วก็ชุดพิธีการด้านใน พลัมเห็นพรึกมาแปลก แต่คิดว่าคุณพรึกดูแลดีตามปกติก็ปล่อยให้อีกฝ่ายค่อยๆ ปลดกระดุมออก

เสื้อสีขาวโดนดึงออกจากแขนไปโยนลงตะกร้า กางเกงเองก็ลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า พลัมสะท้านเยือกขึ้นมานิดหน่อย เมื่อต้องมาเปล่าเปลือยอยู่ภายใต้สายตา...หิวโหย

“แช่น้ำอุ่นด้วยกันมั้ยครับคุณพรึกผสมให้”

แค่จินตนาการว่าได้ขบเม้ม แทะเล็มหัวไหล่น้องในอ่างช้าๆ หอมกลิ่นอโรม่าอ่อนๆ มอนสเตอร์ของพรึกก็นึกอยากเคารพธงชาติแล้ว คืนนี้มันคือเข้าหอชัดๆ

Life is complete

หรา...พรึก

“ไม่ได้ครับ พลัมต้องรีบอาบน้ำคืนนี้มีปิดผับเลี้ยงบัณฑิต”

พรึกตาลอย ธรรมเนียมคณะพลัมเขาต้องรื้อให้หมด เขาจะฟ้องอธิการบดี!!!

“แล้วยังไงอ่ะ” สองมือที่ยกขึ้นเตรียมหมับ คว้าได้แต่อากาศเท่านั้นแหละ

“พลัมก็ต้องไปสิครับ ทำงานมาสามเดือนเครียดเหมือนสามปี ขอไปปลดปล่อยหน่อยเถอะครับ จังหวะสุดท้ายที่จะได้สนุกกับเพื่อนแล้วครับ”

“แล้วคุณพรึกล่ะ” คุณหมียกนิ้วจิ้มหน้าอกตัวเองอย่างน่าสงสาร

“คุณพรึกก็มารับพลัมไงครับเที่ยงคืน หรือจะไปแดนซ์ด้วยกัน แต่มีแต่เด็กๆ คณะพลัมนะ ทั้งรั่วทั้งแรง พลัมว่าคุณพรึกไปแล้วน่าจะไม่สนุกเท่าไหร่”

“ครับแฟน” พรึกหันหน้าเข้ามุม ลงไปนั่งกอดเข่าน้ำตาซึม

“งั้นพลัมอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะครับ”

น้องปิดประตูห้องน้ำไปอย่างไร้เยื่อขาดใย ไม่เป็นไร อย่าพึ่งให้เด็กตื่น เรายังมีเวลา พรึกปลอบใจตัวเอง คืนนี้ปล่อยน้องไปสนุกกับเพื่อนก่อนก็ได้ หึหึ ไหนๆ ก็เป็นคืนสุดท้ายแล้วที่พวกเด็กๆ จะอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นพลัมก็จะเป็นของพรึกอย่างถาวร พี่จะทำให้น้องจำว่าใครคือผัวหนู!!

...

แต่ก็สงสารเขานะครับ เพราะวันที่พรึกรอคอยไม่มีอยู่จริง!!!

หลังจากปาร์ตี้คืนนั้นที่น้องกลับมาสลบแบบซ้อมตาย พลัมก็ยังยุ่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยงานที่เยอะเพราะกำลังเตรียม Pitching Project ใหม่ และพลัมเองก็ยังทำงานได้ไม่คล่องแคล่วเท่ามือเก๋าๆ อย่างพี่มิ้ม บางวันเลยต้องอยู่โยงจนดึกเพื่อเคลียร์ให้เสร็จ แถมบางครั้งก็ขนกลับมาทำที่บ้านด้วย

แล้วพอพรึกจะเข้าไปหมับ น้องก็ทำหน้าเหนื่อยใส่ ตากลมๆ นั้นน่าสงสารเกินกว่าจะรังแก ได้แต่หอมหัวแล้วบอกว่า ‘โอ๋นะคะ เดี๋ยวคุณพรึกไปอุ่นนมร้อนให้’

‘เมื่อยหรือคะ คุณพรึกนวดให้’

‘ง่วงหรือคะ คุณพรึกตบตูดนอนเนาะ’

เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว...ยักเว้น ‘ผัว’ ที่น้องไม่ยอมให้เป็นสักที อุแง้

ตอนที่ว่างก็ไม่รู้จักจะหมับๆ ใครจะคิดว่าเด็กน้อยของเขาจะยุ่งไวขนาดนี้ กลายเป็นว่าหลังจากนี้คงต้องเป็นพรึกเสียเองที่ ‘อ่อย’ น้อง ไม่งั้นมีหวังไม่ได้กินน้องไปตลอดชีวิต

พรึกกางตำราใหม่ ‘ทฤษฎีอ่อยเธอ’ ฉบับคุณหมีต้องเริ่มแล้วล่ะ!!!



— จบบริบููรณ์ ---



เย่ ในที่สุดก็ถึงตอนจบ อย่าเพิ่งปาอะไรใส่ไรต์​นะคะ ที่ให้คุณพรึกไม่ได้หมับน้อง เพราะเป็นความหมั่นไส้ล้วนๆ ค่ะ ตอนน้องอ่อยก็ไม่ยอมทำ นี่น้องหมดโปรแล้วคุณก็อดกินไปสิ!! ก่อนจากกัน ขอขอบคุณทุกคนเลยที่อยู่ด้วยกันมาถึงตอนนี้นะคะ หวังว่าใน #ทฤษฎีอ่อยเธอ จะทำให้ยิ้มกันได้นะคะ

-------------------------
และขออนุญาต แจ้งข่าวนิดนึงค่ะ เรื่อง ทฤษฎีอ่อยเธอ รวมเล่มตี พิมพ์กับ อ่านนานสำนักพิมพ์ นะคะ (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ในทวิตเตอร์ไรต์ได้นะคะ @sweeterthansw)

ในเล่มมีตอน พิเศษ 9 ตอนน๊า ต้องขอลงแค่ในเล่มนะคะ ไม่มีลงออนไลน์ ตัวอย่างตามด้านล่างเลยค่ะ


อ่อยพิเศษ 1 : อ่อยแบบหมี

“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าครับ” น้องถาม

“ช่วงนี้คุณพรึกรู้สึกกล้ามแน่นๆ ใส่เสื้อแล้วมันคับๆ หนูลองจับดูมั้ย”

“ไม่ตื่นเต้นหน่อยหรือครับ”

อีกาบินผ่าน ก๊า กา ~



อ่อยพิเศษ 2 : คืนเข้าหอ

“แซ่บ”

“ยกแรกในห้องน้ำ ยกสองบนโซฟา ยกสามที่เตียง ยกสี่ระเบียง ดีมั้ยพี่มิ้ม”



อ่อยพิเศษ 3 : Adopt Me Meow!!

“ดีมั้ยคะ”

“ดีย์~ ฮ้อย~”

“แล้วดีกว่าหางของหนูมั้ย”

“ของคุณพรึกไม่สั่นอ่ะ”



อ่อยพิเศษ 4 : อย่าอ่อยหมีด้วยลูกไม้

‘มึงอย่าบอกนะว่าจัดลูกกูที่อื่น อิพรึก อิโรคจิต’

‘ยิ้มร้าย แบบผู้ชายแบดๆ แค่นี้นะ กูไปถูพื้นครัว เช็ดกระจกระเบียง เปลี่ยนปลอกหมอนอิงโซฟา ส่งพรมซักก่อน’



อ่อยพิเศษ 5 : คำถามจากเพจน้อง

16. เคยเอ้าดอร์มั้ย

ตอบ ...



อ่อยพิเศษ 6 : Slow Down ค่ะหนู

“คุณพรึกเป็นอะไรมากไหมครับ”

“คนไข้มีอาการเอวเคล็ดนะคะ..."



อ่อยพิเศษ 7 : ของหวาน (คิวXเบล)

“เอาตัวนี้ไปทิ้ง เดี๋ยวกูซื้อตัวใหม่ที่มันถอดง่ายๆ ให้”

“ตัวนี้คุณก็ซื้อมาเอง เกือบหมื่น ใจเย็นนะเมีย”



อ่อยพิเศษ 8 : ขอหึงได้ไหมครับ (คิวXเบล)

“แดกมั้ย ของฟรี อย่าลำไย”

“เมียดุจังอ่ะครับ”

“ใครจะอ่อนอ้อนน่ารักเหมือนเด็กฝึกงานมึงล่ะ”

O.o



อ่อยพิเศษ 9 : แอนโธนี่แต่งเมีย

ปริศนาธรรมนะตอนนี้​  จะปิดจบด้วยบทสรุปของคุณแคมป์ค่ะ


หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 10-12-2018 15:36:02
เอ้ออออ สนุกดีน้าาาา 555555 น้องกะคุณหมีน่ารักมาก ชอบเวลาเค้าคุยกัน มุ้งมิ้งมากเลย
ตลกช่วงแรกๆที่คุณหมีเค้ามโนว่าหมับน้องเป็นฉากๆ 55555
อีกคู่ที่ชอบมากคือมัมมัมกะคิวคิว น่ารักจริงๆมัมมัมคือมีฟีลเตอร์น้องจริงๆนะ 555
ขอบคุณที่นิยายคิ้วๆให้อ่านน้าาา จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่ะ
อ้อ ปล. ชื่อเรื่องแอบไปเหมือนกับอีกเรื่องนึงน้าาา แอบสับสนเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 10-12-2018 20:17:06
โอ๊ยยยย ไม่ไหวแล้ว
รักเรื่องนี้
ดีงามทุกอย่าง
ชอบทุกคน
รักมากกกกก
วงวารคุณพรึก เริ่มทฤษฏีอ่อยนะ 555+
มัมเบลล์ ได้โพสิชั่นยัง 555+
โอ๊ยย รัก!!!!
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 11-12-2018 14:53:48
ตอนน้องอ่อยไม่กิน อดเลยเป็นไงละ  :jul3:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: _tosssalad ที่ 11-12-2018 18:10:35
วงวารคุณพรึก 55555 ขอบคุณที่แต่งนิยายดีให้อ่านนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 11-12-2018 19:05:16
สงสารคุณพรึก 5555555 บุญมีแต่กรรมบังสุดๆ
ตอนน้องว่างๆให้หนับๆก็เล่นตัว ตอนนี้ก็เช็ดำตาไปนะ 5555

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้นะคะ จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปค่ะ ทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้ it always makes my day!
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: pimthacha ที่ 12-12-2018 00:18:37
สนุกมากกกกกค่ะ
อยากให้มีตอนพีเศษ ว่าเค้าจะได้หมับหมับกันมั้ยย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-12-2018 22:46:18
เดี๋ยววววว ตกลงคุณพรึกยังไม่ได้หมับหมับน้องงงงง เอ็นดูตอนน้องอ่อยไม่เอาหลังเรียบจบไม่คิดว่าน้องจะยุ่งขนาดนี้ :laugh: :laugh:

สนุกมากๆค่ะ อ่านไปอมยิ้มไป น้องพลัมน่ารักใครๆก็เอ็นดู
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: seaNON ที่ 14-12-2018 09:35:08
นิยายสนุกมาก อ่านจบใน2วันเลยติดจริงๆ o13
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-12-2018 22:21:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 15-12-2018 18:26:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 15-12-2018 22:03:42
เรื่องนี้น่ารักใช่ได้เลย  o13

คุณพรึกถือศีลได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ..ถ้าไม่นับที่คุณหมีแกมโนเอานะ  :hao5:

น้องพลัมสายอ่อยก็น่ารักน่าฟัดน่ากอด...ไหง!!ไม่โดนซักที  :hao3: รอมากเลยฉากนี้ :hao6:

เรือคิวเบลนี่ปาดหน้าคู่หมีแมวน้อยกันเลย

มาม่าแคมป์แพร..แทบอยากกระโดดตบแคมป์..คิดน้อยจริง ๆ แย่มาก..เหตุผลที่มีมันไม่น่าฟังเลย :m16: ไม่โอเค  :angry2:

เรื่องนี้รวมอารมณ์จริง ๆ  :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-12-2018 22:15:59
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกนะคะ น้องในจินตนาการได้ออกมาโลดแล่น หนุบหนับๆ มาก อยากเป็นมัมมัมของน้องเลยยยย อ่านแล้วเอ็นดู อุทานว่าหนูรูกกก ตลอดเวลา ช็อตไปนิดนึงตอนเฉลยเรื่องพี่แพร อ่านแล้วไม่ตงิดอะไรเลย 55555555555

ปล.มีคำผิดบ้าง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไร อยากช่วยเช็คทุกตอนแต่พออ่านถึงบรรทัดสุดท้ายก็ลืมตลอด เราเป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆ ไปนะคะ ขอบคุณสำหรับการแชร์ความบาป  :mew1:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 16-12-2018 01:29:24
แค่ตอนแรกก็แบบ :pighaun:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Thanthic ที่ 16-12-2018 04:12:09
 ขอบคุณคนเขียนนะคะ
เป็นนิยายอีกเรื่องที่ชอบนะคะครบทุกอารมณ์และมีความ Real ปะปนอยู่ในนิยาย
แต่ในบางช่วงก้อตัดจบสั้นไป สรุปแล้ว 90%คือดีนะคะ มีทั้งสุขและเศร้า

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ o13 o13
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 16-12-2018 07:22:36
 :กอด1: น่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: s_sisters19 ที่ 16-12-2018 12:56:45
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ โอ้ย ไม่ไหวแล้วค่าาา ขำจนปวดท้องไปหมด เป็นไงล่ะคุณพรึก มาละศีลเอาตอนน้องหมกโปรพอดี สมน้ำหน้าาาาา55555555

น้องพลัมน่ารักมากจริงๆ น่ารักน่าบีบน่าโอ๋ที่สุด ทุกตอนอยากสิงร่างมัมมัมที่สุด แม่จะขนขนม นม เนย ไปให้ลูกกินเช้าสายบ่ายเย็นเลย

คุณไรท์เขียนสนุกมากเลยค่ะ ทุกคาแรกเตอร์ตัวละครเราชอบมาก น้องก็น้องสุด แต่ภายใต้ลุคน้องๆคือเด็กผู้ชายอายุ20อัพที่โตมาคนเดียวได้ น่ารักแต่ก็เข้มแข็งด้วย คุณพรึกนี่ก็ถือศีลแบบหื่นสุด ร่างกายคีพคลูแต่สติอยู่ในโหมดอินเซปชั่น อ่านไปกรีดร้องไป อิพี่ว้อยยยย อีกแล้วใช่มั้ย พี่เข้าโหมดอีกแล้วใช่มั้ย ฮึยยยยย สารภาพบาปต่อลูกพลัมคนดีว่าอยากเห็นลูกโดนคุณหมีขย้ำค่ะ แฮร่

ขอบคุณไรท์นะคะที่แต่งนิยายสนุกแบบนี้มา รักเด้อออ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-12-2018 13:22:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 16-12-2018 14:32:35
จินตนาการพ่อพรึกนี่สูงส่งมาก
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 16-12-2018 16:24:59
ช้าเองนะคุณพรึก สมน้ำหน้า 5555+
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 16-12-2018 17:22:12
อ่านตอนจบรู้สึกมันห้วนๆ แปลกๆ เหมือนจบไม่ลงยังไงก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 17-12-2018 00:58:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 17-12-2018 11:28:19
ขอบคุณมาก เรื่องน่ารักน้องน่าหมับหมับมาก555 คุณหมีต้องพยายามเข้าเพราะน้องเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่มีเวลาเล่นด้วย ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายน่ารักอบอุ่นใจเรื่องนี้มากๆนะ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Ilovemalong ที่ 17-12-2018 12:16:23
เหมือนเคยอ่านเรื่องนี้ที่ไหนสักที่  ตอนในวัดคือคุ้นมากๆ ชอบความหนุบหนับน่าหมับของน้องงงง
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 17-12-2018 15:01:40
น้องน่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 18-12-2018 13:04:04
ทำไมพึ่งมาเจอกันอีกแล้วววววว
น้อนนนนนนนน
ชอบมากเลยค่า
 :-[ :กอด1: :hao5:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 18-12-2018 22:25:52
สนุกมาก
ชอบความรับส่งมุกของคุณพรึกและคุณเบล
ตอนพิเศษจะลงให้อ่านไหมคะ หรือมีเฉพาะในเล่ม
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 18-12-2018 22:47:44
สนุกมาก
ชอบความรับส่งมุกของคุณพรึกและคุณเบล
ตอนพิเศษจะลงให้อ่านไหมคะ หรือมีเฉพาะในเล่ม

มีเฉพาะในเล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 18-12-2018 22:48:46
สงสารคุณพรึก 5555555 บุญมีแต่กรรมบังสุดๆ
ตอนน้องว่างๆให้หนับๆก็เล่นตัว ตอนนี้ก็เช็ดำตาไปนะ 5555

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้นะคะ จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปค่ะ ทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้ it always makes my day!


it always makes my day! ประโยคนี้ทำเรารู้สึกดีมาก ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 20-12-2018 11:09:54
น่ารักสุดๆ ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: enas290843 ที่ 21-12-2018 01:41:16
น่ารักมากเลยค่ะ เป็นนิยายฟีลกู๊ดที่น่ารักมากกกเรื่องนึงเลย คลิกกับภาษาของไรท์มาก ชอบที่เขาเรียกกันคุณๆ มันอบอุ่นมากๆ อยากเม้นให้กำลังใจทุกตอนเลยค่ะ แต่มันทำไม่ได้ กลัวใจมากๆว่าไรท์จะเหนื่อยแล้วไม่มาแต่งต่อเพราะเสียกำลังใจ นี่อ่านรวดเดียวหมดเลยค่ะ สนุกมาก ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้มาให้อ่าน รักค่าา
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-12-2018 11:36:38
 :pig4: :pig4: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: mhystique ที่ 21-12-2018 14:37:04
สำนวนดี ภาษาดี อ่านลื่นไหลมากค่ะ นี่ไปเจอที่เค้าแนะนำมาวันนี้อ่านรวดเดียวจบเลยทั้งๆที่ช่วงนี้ติดอ่านแต่แนวจีน เนื้อเรื่องคู่หลักคู่รองครบรสดีค่ะ เปย์แน่นอนจ้า
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 1-3
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-12-2018 17:48:59
โอ๊ยย  ขำ เอ็นดูคุณพรึก  :laugh:
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-12-2018 18:28:08
ตล๊กกก มัวแต่มโนจนโดนต่อย 5555
หัวข้อ: Re: Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 5
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-12-2018 18:40:25
 :m20: รอบนี้หนักนะคะ มัสแต่มโนจนโดนลูกบาสลอยใส่จนสลบ 555
หัวข้อ: Re: >>> Cosplay Love :3 ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 7-8
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-12-2018 20:54:11
โอ๊ยย ชั้นว่าแล้ว!   :pigha2: ว่าอิตาพรึกต้องมโนอีกแล้ว 555
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 9-10
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-12-2018 21:10:21
 :katai1: เราต้องโทษใคร โทษคุณพรึกที่ขี้มโนหรือโทษผู้แต่งที่หลอกเราตลอด! แง้
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-12-2018 22:28:16
 :m20: ถถถถถ สมน้ำหน้า 555555 ตอนน้องอ่อยดันไม่สนใจ

มางอแงตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วไหมล่ะคุณพรึก  :laugh:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 29-12-2018 01:58:31
โอ้ยยยยไม่เอาคิวเบลได้ม๊ายยยย ชอบมัมเบลเวอร์ชั่นนี้ ทำใจไม่ได้ :katai1:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 29-12-2018 02:00:14
ชอบมาก ศัพท์ใหม่ มอนสเตอร์ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 29-12-2018 02:59:36
อ่านไปอ่านมาจบเฉยเลยยยยย สนุกมากค่ะ แต่เดี๋ยวไปตามหาเล่มไว้อ่านต่อนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: lunerissa ที่ 01-01-2019 20:25:55
งอยยยย สนุกมากค่ะ มาตามอ่านรวดเดียว ติดงมแงมเลยค่ะ ชอบมากกก ขำสะใจคุณพรึกไปหลายตอน เป็นไงละตอนน้องเค้าว่างๆก็ไม่หมับ ตอนนี้ก็อดไปจร้า ถือศีลต่อไปค่ะคุณหมี
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-01-2019 08:49:42
พรึกคนกากกากจนไม่ได้กิน  :ling2:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 04-01-2019 07:28:50
สนุกมากเลยคับ อ่านรวดเดียวจบเลย
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 05-01-2019 21:55:24
อ่านรวดเดียวจบ
คำเดียวสั้นสั้น ฮา

จบท้ายด้วย จะไปตามหาไรท์ต่อนะ อยู่ตรงไหนบ้าง
ส่ง location มาหน่อยจิ เรื่องไหนดี
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 17-01-2019 22:41:54
 :mew1:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Ayase ที่ 19-01-2019 21:45:15
สนุกมากเลย ชอบมากทุกตัวละคร มันดูเป็นธรรมชาติ ที่มีความเรียล มีเหตุผล และที่สำคัญมีความฮาตลอดเรื่อง ขอบคุณนักเขียนนะคะ เรามีความสุขที่ได้อ่านมากๆ และขอเป็นกำลังใจให้เขียนนิยายดีๆ พระเอก นายเอกน่ารักแบบนี้ให้เราได้อ่านอีกนะคะ love love
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 20-01-2019 16:55:28
จุดจบสายธรรมะค่ะคุณพรึก
ไม่ได้แอ้มน้องสักที
น่าสงสารเค้านะคะ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 23-01-2019 00:01:01
โอ่ยยยยย น่ารักเวอร์ คำพูดคำจาพาใจอ่อนหนุบหนับ สงสารก็แต่คุณพรึกกะมัมเบล กว่าจะได้น้อง 5555555
คุณพรึกนี้ยิ่งแล้วใหญ่ จิตนาการล้ำเลิศกว่าใคร ไอ้เราก็อ่านนึกว่ากำลังได้จิง :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 24-01-2019 20:40:34
นิยายดีมากๆค่ะ เป็นเรื่องที่น่าหนึบหนับน้องมากกกก
เอ็นดูไปหมดเลย ชอบความรักความถนอมของคุณเขา
และก็น่าสงสารคุณเขาด้วยค่ะไม่ได้กินน้องซะที555555555
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ เราชอบมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: skies ที่ 28-01-2019 04:34:05
55555555555555555555555 ขออนุญาตหังเราะอัดหน้าคุณพรึกนะคะ ไงล่ะ อยากถนอมน้องไว้ อย่างนั้นอย่างนี้ 555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 31-01-2019 09:24:24
เกือบแล้ว เกือบจะได้แล้ว
ชอบตรงถนอมน้อง

ขอบคุณสำหรับนิยาย
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 01-05-2019 16:06:24
ฮืดฮาดตามคุณพรึก อยากบีบน้องงง อยากน้วยใส่แรงๆเลยยย งุยยยย
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-05-2019 21:46:28
น้องน่ารักมากแล้วก็ชอบมัมเบลสุดๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: >>> #ทฤษฎีอ่อยเธอ [น้องสายอ่อย x คุณหมีขี้มโน] Chapter 24-25 END (10 Dec)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:14:12
 :pig4: