จบแล้วครับ รักไม่มีไฟฟ้า (กันต์และซี) 11/26/2018 ตอนที่ 28
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จบแล้วครับ รักไม่มีไฟฟ้า (กันต์และซี) 11/26/2018 ตอนที่ 28  (อ่าน 4474 ครั้ง)

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           







สวัสดีครับ

ต้องขอบอกก่อนว่า "เรื่องนี้ไม่ได้ลงเป็นครั้งแรก" ต้องขออภัยที่ลงซ่ำเนื่องจากหากระทู้เก่าไม่เจอ (คาดว่าคงจะโดนลบเนื่องจากเข้าใจว่าลงจนจบแล้ว) บางทีทำหลายอย่างมันก็เบลอเอาได้เหมือนกันครับ ประกอบกับสุขภาพจิตไม่ค่อยจะดีเท่าไร หลังจากหายแล้วกลับมาถึงรู้ว่ามันหายไป

คราวนี้จะลงทีเดียวจนจบเลยครับ จะได้ไม่ลืมอีก

เรื่องของกันต์และซี ในวันที่โลกนี้ไม่เหมือนเดิม เรื่องราวเล็กๆ เมื่อโลกนี้ไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้อีก ทุกเทคโนโลยีกลายเป็นของโบราณตกรุ่นไป

เด็กชายสองคนที่บังเอิญกลับมาเจอกันในวันที่เลวร้าย ของคนทั้งโลก



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2019 21:58:20 โดย Monet »

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 1

พื้นไม้สีน้ำตาลเข้มเข้ากับโต๊ะไม้สีอ่อนนั่นเป็นสีหลักของร้านดูเคร่งขรึมมีสีเขียวสลับดำบ้างน่าแปลกที่สีของโต๊ะกลับช่วยให้ร้านดูนุ่มนวลร้านกาแฟแห่งนี้เคยเป็นที่นิยมของคนในกรุงเทพราคาต่อถ้วยแพงเทียบเท่ากับอาหารหนึ่งมื้อเลยทีเดียว

รองเท้าผ้าใบสีขาวเก่าเขรอะเปื้อนคราบดำลอยขีดข่วนที่แต่งแต้มให้เป็นลวดลายศิลปะจากการใช้งาน

อากาศยามบ่ายชวนง่วงงุนลมจากเครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้นถูกวางหันหน้ามาทางกันต์ปล่อยลมเย็นเอื่อยๆเข้าปะทะหน้าเป่าให้ผมตรงขยับปลิวตามทิศทาง

แสงไฟในร้านดูจะไม่เพียงพอหลอดไฟบนเพดานหลายดวงติดอยู่เพียงครึ่งหนึ่ง

กันต์กำลังนั่งดูใบสมัครเข้ามหาวิทยาลัยอยู่เบื้องหลังใบสมัครก็รกไปด้วยเอกสารสมัครงานจากบริษัทต่างๆ

เนื่องจากแสงไม่พอจึงต้องพยายามขยับหลบนั่งหันหลังให้กระจกแล้วยกกระดาษที่เก่าเหลืองเข้าหาแสงอาทิตย์จากนอกร้าน

‘ทำไมดวงอาทิตย์ไม่ดับๆไปมั่งวะ’

ความร้อนกับอุณหภูมิระอุของกรุงเทพดูเหมือนจะเป็นสองสิ่งที่ยังทำงานได้อย่างปกติ

ปีนี้กันต์จะอายุ19แล้วเพื่อนๆคนอื่นกำลังเรียนอยู่ชั้นปี 2แต่กันต์กลับเพิ่งจะเริ่มหาคณะที่เรียนต่อชีวิตหลังจากจบม. 6หนึ่งปีกว่ามันได้สูญเปล่า

‘ถ้าเวลาสมัครเรียนเค้าเลือกจากยอดไลค์ก็ดีสิได้ยินว่าบางมหาลัยคนดังมีสิทธิเข้าพิเศษด้วยแต่สมัยนี้คนดังวัดจากอะไรละ'

ถึงกันต์จะไม่ติดอันดับต้นๆยังห่างไกลอยู่อีกเยอะแต่ตัวเลขคนติดตามหลักหลายพันมันก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆที่ไหน

กระดาษใบสมัครตรงหน้าวางอยู่เต็มไปหมดกันต์ไม่รู้จะเริ่มจากอันไหนก่อนความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์แทบจะเป็นศูนย์ถ้าให้เล่นมือถือคงจะพอได้แต่นั่นแหละมันเป็นอดีตไปแล้ว

‘ประเทศห่านี่เรื่องมากจริง'

เอกสารประกอบการสมัครเรียนก็เยอะไม่แพ้กับเอกสารสมัครงานเลย

ถ้าอยู่ที่เมืองนอกคงไม่ยากขนาดนี้อุตส่าห์ลงทุนกับชีวิตไปตั้งปีกว่าแล้วนี่อะไรกันกลับต้องมาเริ่มต้นใหม่นับหนึ่งในประเทศเล็กๆที่แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เป็นที่สนใจจากทั่วโลก

'ทั่วทุกที่วุ่นวายขนาดนี้แต่ข่าวบ้านกูนี่เงียบสงบเชียวนะ'

ไม่แน่ใจว่าคนที่นี่ปรับตัวเก่งหรือว่าปลงชีวิตกันแน่

‘กูว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่างคนไทยเคยมีปากเสียงคิดอะไรเองเป็นด้วยเหรอ'

เพล๊ง

เสียงจานตกกระแทกพื้นแตกเรียกเอาใจของกันต์กลับมายังกองกระดาษตรงหน้า

'ของที่แตกแล้วก็ให้มันจบไป'

กระดาษสีน้ำตาลแบบรีไซเคิลขนาดA4คลี่ออกเรียงรายกันจนถึงตอนนี้กาแฟดำในแก้วพร่องไปกว่าครึ่งแล้วแต่ข้อความส่วนตัวในใบสมัครยังถูกเขียนลงไปไม่ถึงไหน

เฮ้อแม่งเอ๊ย

‘ใจมันไม่อยากนี่นะ’

สภาพอากาศในเมืองไทยต่างกับที่นิวยอร์คสุดขั้วแม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงใกล้ปลายปีแล้วก็ตามมองออกไปนอกหน้าต่างไอแดดระอุขึ้นมาจากบนผิวถนน

1 ปีแล้วที่กันต์กลับมาใช้ชีวิตว่างเปล่าที่กรุงเทพพื้นหินขัดดำเงาแทนที่ด้วยฟุตบาทจากอิฐตัวหนอนเน่าๆที่นิยมใช้ในประเทศไทยทิ้งเสียงรองเท้าเบียดบดหิมะหนทางปกคลุมด้วยหิมะหนาของฤดูหนาว

ปัจจุบันที่เหมือนฝันร้ายกับความเป็นจริงคืออนาคตที่ไม่มีวันมาถึงนาฬิกาของกันต์หยุดเดินตั้งแต่ขาออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลานี้โดนปลุกขึ้นมาจากฝันร้ายมาเจอเรื่องร้ายยิ่งกว่า

โปรโมชั่นชีวิตหรูจบลงแล้ว

‘เสือกโง่หนีกลับมาทำไมละ’

มาคิดดูตอนนั้นกันต์ช่างโง่นัก

โอ้ยแล้วทำไมถึงได้ขี้เกียจขนาดนี้นะ...

‘จะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้วนะจะมาทำชีวิตไร้จุดหมายไม่ได้’

เดี๋ยวเย็นก็ต้องรีบกลับคอนโดแล้วกันต์รวบเอกสารทั้งหมดเข้าด้วยกัน

เสียงฝีเท้าดังๆเข้ามาจากทางหน้าร้าน

กลุ่มเด็กผู้ชาย3-4คนเดินเข้ามาในร้านที่นั่งอยู่เสียงดังเอะอะโวยวายพวกนั้นเลือกโต๊ะว่างริมหน้าต่างมันอยู่ตรงข้ามกับที่ๆกันต์นั่งอยู่ตอนนี้

กันต์แสร้งนั่งมองออกไปทางนอกหน้าต่างรู้สึกสงสัยและสะดุดตากับบางคนในกลุ่มนั้น

เสียงหัวเราะปนแทรกขึ้นมาเป็นช่วงๆท่าทางพวกนั้นดูมีความสุขดีดูจากหน้าตาแล้วน่าจะเป็นเด็กมหาลัยคงจะโตกว่ากันต์สักสองปีได้?

งั้นก็ปีสามหรือสี่สินะ

เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นอีกมาจากทางกลุ่มเด็กผู้ชายนั้นดึงสมาธิที่จดจ่ออยู่กับความสับสนในทางเลือกของชีวิตไป

หนึ่งในนั้นดึงดูดสายตากันต์ให้เลื่อนมองจากกระดาษเก่าๆตรงหน้าไปที่คนนั้น

ใบหน้าสดใสไร้สิวสักเม็ดขาวเรียบเนียนทรงผมที่เข้ากับหน้าตานอกจากกางเกงแล้วทุกอย่างดูลงตัวเข้ากันไปหมด

คนนั้นในมือถือหนังสือเล่มโตกระดาษ A4อีกหนึ่งปึกใหญ่นี่ถ้ามีเครื่องพิมพ์คงใช้พิมพ์เอกสารได้เป็นเล่มๆส่วน 2คนที่เหลือเลือกที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะของกันต์

ผู้ชายที่กันต์กำลังมองหลังจากวางของแล้วก็เดินกลับไปที่เคาเตอร์เดินถือกาแฟเข้ามานั่งเป็นคนสุดท้าย... นั่งอ้าขามาทางกันต์

ทุกครั้งที่พวกนั้นขยับมันเหมือนเรียกร้องสายตากันต์ให้หันไปมอง

กางเกงขาสั้นเมื่อนั่งแบบไม่ระวังมันจึงรัดรูปเส้นตะเข็บกลางกางเกงแบ่งของที่อยู่ในนั้นออกเป็นสองก้อนชัดเจน

กันต์รีบก้มหน้าลงเมื่อคนนั้นขยับตัวมาทางนี้

รู้สึกอีกทีก็กำลังเคาะขาเข้ากับพื้นไม้รัวขึ้นโดยไม่ตั้งใจนั่งเขย่าขามันน่าเกลียดแต่กันต์มักเผลอทำออกมาเวลาไม่รู้ตัว

ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าทั้งร้านแทบจะเหลือแค่โต๊ะนี้กับทางกลุ่มโน้นเท่านั้นมองไปมากๆพวกนั้นจะรู้ตัวมั้ยนะ

กันต์พยายามกลับเข้าไปอ่านข้อความใบสมัครทำตัวเหมือนเป็นปกติ

คำถามส่วนตัวหลายๆข้อมันยังคงรอคำตอบอยู่คำถามมากมายชวนให้รู้สึกคลื่นไส้ท้องว่างตั้งแต่เที่ยงกับกาแฟแค่ถ้วยเดียวมันดูไม่เข้ากันแล้วกำลังจะระเบิดออกมาเพราะแรงกระตุ้นของตัวหนังสือเยอะๆ

ชื่อบิดา: ....................

ช่องนี้กันต์เติมไม่ได้
.
.
.
ถ้าไม่เติมนี่จะมีผลอะไรมั้ยนะ

กาแฟดำบนโต๊ะถูกยกขึ้นมาดื่มอีกถึงมันจะให้รสขมแต่มันก็ดีกว่ากาแฟหวานๆที่กินแล้วรู้สึกลิ้นเลื่ยนๆเพราะเมือกน้ำตาลทำให้รู้สึกไม่ดี

นิ้วเคาะขอบแก้ว

ตึกตึกตึก

แทบจะทุกๆ5นาทีกันต์ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองกลุ่มที่เข้ามาใหม่นั้น

เสียงดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นครั้งคราว

‘ช่างเป็นการทำรายงานกลุ่มที่สร้างสรรค์ยิ่งนัก’

ชีวิตเด็กมหาลัยมันจะดีขนาดนั้นเลยหรือยังไงนะ... คำถามนี้กันต์สงสัยมาตลอดไม่เคยมีใครตอบคำถามนี้ให้กันต์ได้เลยสักครั้ง

ไว้กลับไปถามไอ้ซีดีกว่าต้องเรียกมันว่า“พี่ซี” สิก็มันจะปี 2แล้วนี่

“นี่มึงเมื่อวานน้องหวานสินกำแม่งเด็ดวะกว่ากูจะได้เข้านี่ยากสัสเลยนะเพื่อนแม่งกันท่าอะ”

“แล้วไงอะมึงก็ได้นี่”

“ก็ใช่ไงแต่แม่งพยายามมากเลยนะมึง...”

“แล้วไงประเด็นมึงคืออะไรพูดมาไม่มีประเด็นเหมือนหัวข้อรายงานเลยนะมึง”

“เออ... ประเด็นคือว่าเดี๋ยวศุกร์นี้กูว่าจะชวนไปเที่ยววะ”

“หือ ... ไปกับพวกกูอะนะ”

“เออดิ”

“โอ้ยเพื่อนมันคงจะยอมปล่อยให้เจ๊แกออกมาคนเดียวมาอยู่ท่ามกลางพวกหมาป่าหรอกนะ”

“ก็นี่ไงกูถึงได้มาเล่าให้พวกมึงฟัง”

“จะให้พวกกูช่วยกันเพื่อนเจ๊แกออกไปว่างั้น”

“ถูก!!!”

กันต์แยกไม่ออกว่าใครเป็นคนพูดกันหรือคนไหนเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

“นี่พวกมึงแทนที่จะนัดกันมาแล้วมาทำงานเสือกมันหาทางจะแอ้มหญิงซะงั้นนะ”

“แหมมึงใครจะเหมือนมึงละ”

“น้องหวานมึงก็จีบอยู่นี่หวานสมชื่อมั้ยละ”

“ไม่รู้มึงคิดว่ากูชิมยังละ”

“โอ๊ยจะไปรู้มั้ยละได้กันไปยังละมึงฉายาอยากได้ใครไม่เคยพลาดนี่”

พอคนนี้พูดกันต์เผลอเงยหน้าขึ้นมองเหมือนโดนหมัดเสยเข้าที่ปลายคาง

ผู้ชายสูงขาวที่สุดในกลุ่มนั้นยืนถือกระดาษทิชชู่ของร้านกาแฟสีน้ำตาลอยู่ในมือผิวขาวขับหน้าใสก่อนจะยกแก้วกาแฟที่มีหยุดน้ำเกาะอยู่รอบแก้วพร้อมรวมพลังกันหยดลงบนโต๊ะและทำให้เอกสารที่พวกนั้นกำลังเขียนอยู่เปียกเป็นดวงได้

“เฮ้ยหยดหมดแล้วมึง”

“อ้าว”

“ไอ้ฟ้ามึงทำเชี่ยไรเนี่ย”

“รายงานนะมึง”

คนชื่อฟ้าก้มลงกดกระดาษทิชชูซับรอยเปียกให้แห้ง

“เฮ้ยไอ้ฟ้ามึงทำหัวข้อนี้เสร็จแล้วเหรอ”

อ้อคนนั้นชื่อฟ้าเองเหรอ

ไหล่กว้างสองข้างสูงเสมอกันพอดีใต้เสื้อยืดสีขาวด้วยรูปร่างที่สูงทำให้ดูเหมือนเจ้าของเสื้อเป็นคนผอมไปเลยคงจะบอกว่าสูงกว่าไอ้ซีก็คงไม่ผิดนักผิวที่ขาวบางจนเห็นรอยแดงที่เกิดจากการเกาคนผอมสูงอย่างนี้ก็ดูมีเสน่ห์ดีเหมือนกันนะ

ดูท่าทางเพื่อนอีก 2คนดูจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไร...

มหาลัยไหนกันนะ

“เฮ้ย...”

กันต์รีบก้มหน้าเมื่อหนึ่งในสามคนนั้นเอ่ยเสียงออกมา

หรือจะเป็นเพราะว่าจ้องนานเกินไป

“มึงตกลงมึงฟันยังวะ”

“ยังมึงจะบ้าเหรอเห็นกูหื่นกามเหรอไง”

“มึงน่ะตัวชั่วเลยฟ้าได้แล้วทิ้งมากี่คนแล้วละ”

“โอ๊ยมั่วละพวกมึงกูไม่เคย”

"แน่ใจ?"

"เออกูคนดีนะมึง"

"ทำแต่เรื่องดีๆงั้นเหรอ?"

เสียครื้นดูจะเงียบลงไป

คนเฮโลเข้ามากันในร้านคนพลุกพล่านขึ้นนี่ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว

วันนี้คงจะไม่ได้อะไรอีกเช่นเคย

กันต์หยิบสมุดโน๊ตขึ้นมาแล้ววาดเส้นแนวนอนตามด้วยเส้นตัดขวางปากกาสีดำตวัดเป็นเส้นเบาๆออกลายให้เห็นโครงหน้าของคนที่โต๊ะตรงข้าม

มือขวาขยับคล่องแคล่วมือที่ใครๆก็เคยชื่นชม... อย่างน้อยก็พ่อคนหนึ่งละ

และมันก็เป็นมือข้างเดียวกันที่สร้างความลำบากใจให้กันต์ด้วย

ถ้าไม่กลับมาซะก่อนก็คงจะ... ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ

ตอนเรียนม.ปลายก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนเลยมัวแต่ใช้ชีวิตไปวันๆอย่างนั้นเองมัวแต่ลงรูปเรียกยอดกดไลค์ในโซเชียล

สาวๆก็มีทักมาเยอะไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ชายเลยกันต์มักจะตอบข้อความของผู้ชายกลับไปมากกว่ายิ่งพวกหน้าตาดีๆทำบ่อยๆเข้าจนรู้สึกตัวอีกทีก็ไม่สนใจเพื่อนร่วมห้องที่เป็นคนธรรมดาๆไปซะแล้ว

มันชินซะแล้วที่เป็นคนที่ใครๆก็รู้จัก

‘มึงตกลงฟันยังวะ’

ถ้าถามกันต์ก็คงจะได้คำตอบง่ายๆว่ากูไม่เอาหญิงเว้ยไม่แปลกใจ.. กันต์รู้ตัวมาตั้งแต่ม.ปลายแล้วว่าชอบผู้ชาย

ชีวิตของกันต์เหมือนมีสองด้านตลอดในห้องเรียนรวมของโรงเรียนชายล้วนกับโลกของอินเตอร์เนตที่ซึ่งมักจะใช้มันแอบดูหนังโป๊แบบที่ไปขอคนอื่นในห้องดูไม่ได้ดูข่าวคาวๆของดาราเอาไว้ให้คนอื่นมาจีบหน้าตากันต์ก็จัดว่าใช้ได้เสียแต่ว่าหุ่นไม่ได้ล่ำเหมือนคนอื่น

ถ้าเป็นอย่างนั้นกันต์คงกล้าถอดเสื้อให้คนอื่นเห็นบ่อยขึ้นตัวเลขใต้รูปต้องพุ่งสูงขึ้นอีกแน่นอน

มันไม่มีค่าอะไรอีกแล้วแลกอะไรกินก็ไม่ได้

คนในร้านเริ่มบางตาลงอากาศเริ่มร้อนพัดลมไอน้ำถูกปิดไปตั้งแต่ตอนไหน

กรุงเทพตอนนี้เลิกงานกัน5โมงตรงแล้วทุกคนต้องรีบกลับบ้าน

ชั่วโมงประหยัดไฟกำลังจะมา

กันต์คิดว่าคงต้องเก็บของแล้วหมดเวลาชมไข่

ข้าวเย็นเดี๋ยวค่อยคิดแล้วกันสงสัยได้พึ่งไอ้ซีอีกแล้วจะโทรศัพท์ไปหามันก็ไม่ได้สมัยนี้ใครเค้าใช้โทรศัพท์มือถือกันเสี่ยงเครื่องจะพังซะเปล่าๆรีบกลับดีกว่าเดี๋ยวไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายให้มันรอนานจะโดนมันว่าเอา

ของบนโต๊ะถูกรวบมาเคาะจัดเรียงแล้วยัดใส่กระเป๋าสีฟ้าใบนั้น

กันต์ลุกออกจากร้านแล้วรีบวิ่งไปที่รถไฟฟ้าคอนโดอยู่ห่างจากที่นี่แค่ไม่กี่ป้ายสถานี

ยังทันน่า

มองขึ้นไปด้านบนคลื่นมนุษย์กำลังออกเดินไปทางเดียวกันราวกับฝูงมดที่เข้ารุมตอมน้ำหวานกับคนไทยที่ไม่รู้จักระเบียบใช้คำว่ามดจะเหมาะมั้ยนะ?

ความรู้สึกก่อตัวขึ้นมันอึดอัดราวกับว่ากำลังโดนคุกคามจากคนแปลกหน้าเวลาโดนล้อมไปด้วยคนเยอะๆบนรถไฟฟ้า

ชานชาลารถไฟฟ้าแถวยาวต่อคิวกันอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์เรียงรายด้วยสีขาวดำสีมาตรฐานสุภาพและเรียบร้อยเนคไทตามสถาบันที่เรียน

เดี๋ยวนี้เวลาเปิดปิดรถไฟฟ้าถูกจำกัดไว้แค่หกโมงเช้าถึงสองทุ่ม

ทุกคนจึงดูเร่งรีบกลับบ้านไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าเท่านั้นที่โดนจำกัดปรับเปลี่ยนเวลารถเมล์ไฟฟ้าบนถนนทุกอย่างในกรุงเทพฯมันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ติ๊ดๆๆ…

เสียงสัญญาณให้ถอยห่างดังขึ้นฝูงชนขยับตัวถอยทิ้งเส้นเหลืองไว้โดดเดี่ยว

หัวรถไฟฟ้ากำลังพุ่งเข้ามาลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง

ชุดนักศึกษาบนชานชาลามีมากมายพอๆกับชุดทำงานกันต์ไม่ใช่ทั้งสองอย่างเด็กม.6 ก็ดูจะเด็กเกินไปเป็นสูญญากาศของเวลาว่างเปล่าราวกับเวลาของกันต์โดนลมจากรถไฟฟ้าดูดหายไป

เวลานี้กันต์ควรจะใส่ชุดนักศึกษามหาลัยใดมหาลัยหนึ่งได้แล้ว

เสียงเตือนประตูเปิดออก

ยอดมนุษย์ในชุดขาวดำกำลังโถมขึ้นไปบนรถแต่ละประตูที่เปิดออกมีทั้งคนที่เดินลงคนที่เบียดเสียดกันขึ้นไปแย่งที่บนรถ

เวลามีจำกัด

มันสำคัญกว่าที่นั่งบนรถคือการกลับถึงบ้านแย่งซื้อของกินกลับขึ้นห้องเตรียมตัวก่อนโดนตัดไฟ

ผลัก

“ขอโทษครับ”

กันต์เงยหน้าขึ้นไปมอง

ผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในร้านกาแฟ

ตอนนี้ได้มายืนอยู่ข้างหลังกันต์แล้วบนรถที่เบียดกันแน่นตัวของกันต์แทบจะพิงชนกับตัวของผู้ชายคนนั้น

“ไม่เป็นไรครับ”

กลิ่นน้ำหอมจางๆโชยมาเตะจมูก

“ใช่น้องคนที่อยู่ในร้านเมื่อกี้รึเปล่าครับ”

“ร้าน?”

“ร้านกาแฟน่ะ”

ฟ้ายิ้มให้เห็นฟันขาวสะอาดเป็นระเบียบ

“ใช่ครับ”

กันต์ตอบอายๆไม่แน่ใจว่าควรทำตัวอย่างไร

พี่คนนั้นยิ้มตอบ

แรงเหวี่ยงบนรถเมื่อรถหักไปตามทางโค้งเหวี่ยงให้ตัวพี่เค้าเข้ามาใกล้เข้าอีก

คางอยู่เหนือผมดำนุ่มของกันต์กลิ่นลมหายใจอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟที่เพิ่งดื่มเมื่อกี้คนนั้นสูงกว่ากันต์สักสิบกว่าเซนต์เห็นจะได้

“กลับบ้านเหรอ”

แขนสองข้างถูกยกขึ้นคร่อมตัวกันต์ไว้กันคนบนรถไฟฟ้าให้ออกห่างเป็นช่องว่างแคบๆพอใส่คำพูดลงไปได้

“คอนโดน่ะครับ”

มันไม่ใช่คอนโดนของกันต์แต่กันเผลอตอบออกไปแล้ว

“คุณหนูเหรอเนี่ย”

ฟ้ายกคิ้วขึ้นสูงตัวใกล้มากจนได้กลิ่นกาแฟ

“เปล่าซะหน่อยแค่บ้านมีตังค์”

กันต์คิดว่าพูดจาอวดรวยออกไปซะแล้วถึงคอนโดจะโกหกแต่บ้านกันต์ก็มีฐานะจริงๆ

พี่ฟ้าก้มหน้าลงมอง

“พี่ก็อยู่คอนโดวันนี้ไม่มีเรียนเหรอ”

กันต์พยักหน้าให้

“นี่เรียนอยู่มหาลัยอะไรละ”

“เอ่อ... แถวๆสามย่านอะพี่ปี 1”

กันต์อ้างมหาลัยของซีออกไป

“จริงเหรอพี่ก็เรียนอยู่ทำไมไม่เห็นเคยเจอเลย”

“เอ่อคนตั้งเยอะจะไปเจอได้ไงละ”

ซวยละไง

ความรู้สึกอึดอัดเริ่มหายไปแล้วแต่คำโกหกที่พ่นออกมาทำให้กันต์รู้สึกหน้าชาจนต้องพลิกตัวหลบ

เป็นเพราะตัวผู้ชายคนนั้นขวางอยู่ระหว่างตัวกันต์กับคนที่ขึ้นมาอัดกันแน่นบนรถหรือเปล่าหรือเป็นเพราะกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของเค้า

ด้านหลังของกันต์เป็นคนนั้นด้านหนึ่งหันหน้าเข้าหากระจกรถไฟ

กันต์มักจะชอบยืนอยู่ริมประตูรถด้านในสุดมันไม่ค่อยจะเบียดเสียดกับใครแถมได้มองวิวนอกรถเวลาวิ่งไปด้วย

ป้ายโฆษณาและตึกจะกลายเป็นเส้นตรงยาวๆหลากสีเมื่อรถวิ่งไปด้วยความเร็วจิตใจของกันต์กลับอยู่ที่เดิมทุกอย่างกำลังเดินไปข้างหน้าแต่ชีวิตของกันต์กลับถูกหยุดเอาไว้

รถไฟฟ้าวิ่งข้ามสถานีตากสินลอยอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาคล้ายๆกับชีวิตกันต์ที่วิ่งถอยหลังข้ามฝั่งเข้าสู่เขตเมืองเก่าที่พัฒนาตามหลังเขตสำคัญใจกลางเมืองในทุกด้าน

อีกสองป้าย

เสียงผู้ประกาศผู้หญิงบอกชื่อสถานีหน้า

กันต์ขยับกระเป๋าเตรียมลง

ใจหนึ่งก็ยังไม่อยากจะออกจากรถไป

ชายแปลกหน้าคนนี้ที่กันต์แอบมองอยู่ตอนนี้มาอยู่ใกล้ๆแล้ว

รถไฟค่อยๆเคลื่อนตัวช้าๆกำลังเข้าเทียบท่าสถานีเงาดำๆวูบผ่านเข้ามาเมื่อรถวิ่งเข้าไปใต้สถานีเรียบร้อยความเร็วก็ชะลอลงอีก

ประตูเปิดออก

กันต์แอบชำเลืองมองข้ามไหล่ไปสายตาไปสบเข้ากับผู้ชายคนนั้น

เอาไงดีนะ

แต่ช่างเหอะเดี๋ยวก็คงไม่ได้เจอกันอีก

ติ๊ดติ๊ดติ๊ด

ประตูค่อยๆเลื่อนขยับออกจากกัน

กันต์หันหลังแล้วเดินลงบันได

แรงดึงจากข้างหลังเล่นเอากันต์ตัวหงาย

“เอ่อน้องชื่ออะไรครับ”

กันต์ไม่เชื่อหูรู้สึกทำหน้าไม่ถูก

“กันต์ครับ”

“พี่ชื่อฟ้านะครับ”



ครับรู้ตั้งแต่ในร้านแล้ว

กันต์รีบโบกไม้โบกมือเหมือนกับว่าจู่ๆก็มีแขนงอกออกมามันอยู่ไม่สุขไม่รู้ว่าจะไปวางไว้ตรงไหนจะล้วงแคะอะไรดี

ด้วยความที่มันไม่ทันตั้งตัวนี่แหละมันกลับชวนให้กันต์ทำอะไรแปลกๆออกไป

ก้นต์ก้มหน้าหัวเราะให้กับพื้นลงเอยด้วยมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าข้างอีกข้างก็ล้วงกระเป๋าหลัง

“ถ้าว่างไปเจอกันที่เดิมนะอาทิตย์หน้าพี่จะไปทำรายงานที่นั่นอีก”

กันต์เกือบจะบอกเบอร์โทรศัพท์ออกไปแล้วถ้าไม่ลืมว่ามันใช้ได้ที่ไหน

พี่ฟ้าถอยหลังโดดกลับขึ้นชานชาลาไปส่งยิ้มหวานมาให้

ปล่อยให้ใจกันต์เต้นผิดจังหวะส่งเสียงดังคับอกออกมาอยู่บนชานชาลารับแสงอาทิตย์ยามเย็น

ว่าแต่...

จะโกหกเค้าไปได้อีกนานแค่ไหนเนี่ย

กลับไปแล้วลองเล่าให้ไอ้ซีฟังดีกว่ามันจะว่ายังไงนะ

ขบวนรถไฟฟ้าค่อยๆถอยห่างออกไปวิ่งลึกเข้าไปตามรางเข้าสู่เขตชานเมืองเลข 8

ชีวิตมันจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ

ไม่มีที่เรียน

ไม่มีงาน

ไม่มีเงิน

…คอนโดก็เป็นของคนอื่น

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 2

รถไฟค่อยๆวิ่งหายลับตาไปทางด้านหลังพร้อมกับกันต์ที่เดินลงบันไดไปทีละขั้นจนถูกบังด้วยราวกันตกเสียงหวีดเสียดสีกับรางขึ้นสนิมลอยทิ้งอึงอยู่ในอากาศ

ตรงนี้เป็นจุดตัดของรถไฟฟ้าสองเส้นบนถนนสายเก่าที่วิ่งทอดยาวออกนอกเมืองรางรถไฟฟ้าบดบังเงาแสงสีส้มของดูดวงอาทิตย์เอาไว้

สองข้างทางเจ้าของร้านขายข้าวดูจะมีความสุขที่สุดในเวลานี้แถวต่อซื้ออาหารยาวพอๆกับแถวขึ้นรถไฟฟ้า

ตึกสีขาวอ่อนตัดกับกระจกขอบดำแบบนิยมที่ชอบใช้กันทั่วไปคงเพราะว่ามันดูทันสมัยแล้วก็สร้างง่ายแต่พอได้เข้าไปอยู่นี่ร้อนตับแทบแตก

กรุงเทพยังใช้วิธีเปิดปิดไฟเป็นเวลาในหลายพื้นที่

ไฟฟ้าสำหรับคอนโดขนาดไม่ใหญ่นี้ไฟเพิ่งจะกลับมาติดได้ไม่นานแม้ว่าเขตนี้จะอยู่ติดใจกลางเมืองแค่ข้ามแม่น้ำแต่เอาเข้าจริงมันก็ยังถูกจัดให้อยู่ในโซน5นั่นหมายความว่าเป็นพวกที่ได้ใช้ไฟเป็นลำดับที่5 ของประเทศและที่ติดเนี่ยก็ยังต้องมีเวลากำหนดไม่สามารถเปิดใช้ได้ตลอด

ถ้าเป็นพวกโซน2-3เนี่ยสบายเลยซึ่งมักจะเป็นย่านธุรกิจกับย่านหรูในฝั่งเมืองอย่างพวกทองหล่ออโศก

พวกอภิสิทธิ์ชน

คนรวยนี่ทำอะไรก็ดีขนาดเวลาซวยของคนทั้งประเทศยังอยู่สุขสบายได้เลย

“นี่ขนาดอยู่ติดกับใจกลางเมืองหลวงยังใช้ได้ไม่ครบพวกต่างจังหวัดนี่คงได้แต่ก้มหน้าจุดเทียนกันไป”

ตึกสูงสีขาวขนาดจะเรียกว่ากลางก็ได้ตึกที่เริ่มเก่านี้เพื่อนของกันต์ซื้อเอาไว้ช่วงสุดท้ายของชีวิตม.ปลายก่อนจะย้ายเข้ามาเรียนในกลางตัวเมือง

‘บ้านมีฐานะไม่เบานี่นะสอบติดทีซื้อคอนโดเลย’

‘พ่อแม่เองมั่นใจว่าจะสอบติดสินะช่างรักลูกจริงๆ’

คำนามสองคำนั่นสำหรับกันต์มันดูหมดหวังซะเหลือเกิน

ผลการสอบยังไม่ออกแต่ซีเคยบอกกันต์ว่าพ่อแม่เตรียมที่อยู่ไว้ให้แล้ว

ตึกที่มีแค่ 20กว่าชั้นนี้ราคาก่อนยุคมืดจัดว่าแพงเลยทีเดียวราคาขนาดซื้อบ้านเดี่ยวแถวบ้านกันต์ได้หนึ่งหลังพร้อมที่สวนหน้าบ้านด้วย

ที่ไทยกันต์พยายามอยู่อย่างประหยัดกับแม่แม้ว่าเงินค่าขนมที่พ่อส่งมาให้นั้นก็ได้มากเกินคนในรุ่นเดียวกันไม่สิถ้าให้ถูกเทียบกับคนทำงานแล้วก็ยังถือว่าเยอะรายได้เท่าตำแหน่งผู้จัดการเลยทีเดียว

แต่อย่างไรหากเทียบราคาบ้านกับคอนโดย่านนี้อย่างเช่นหลังนี้... มันได้แค่ห้องเดียว1ห้องนอน1ห้องน้ำและห้องนั่งเล่นแถมครัวให้นิดหน่อยราคาพอๆกับบ้านของกันต์เลย

‘รู้งี้มาขอยืมคอนโดซีถ่ายอวดคนอื่นก็ดี’

กันต์สั่นหัวต้องเลิกนิสัยอย่างนี้ได้แล้ว

พอยุคมืดนี้มาถึงคนอยู่จริงๆคงไม่เต็มตึกเหมือนเมื่อก่อนแล้วราคาขายตกฮวบก็ใครจะถ่อสังขารแบกร่างขึ้นไปถึงชั้นบนไหวละแค่ชั้น4คนก็เริ่มเห็นบางตาแล้วซีอาจจะอยู่ชั้นที่สูงที่สุดที่ร่ายกายจะแบกสังขารขึ้นไปแล้วก็ได้

สมัยเรียนโรงเรียนมี7ชั้นเด็กๆกันต์ยังวิ่งเล่นขึ้นลงได้ถ้าเป็นตอนนี้จะให้เดินขึ้นไปก็คงพอไหวแต่เมื่อเกินชั้น7ไปนี่สิชักจะไม่แน่ใจ

จุดมุ่งหมายคือชั้น 6

เสียงประตูปิดดังปึงปังตามมาด้วยเสียงล็อคประตูผู้คนเร่งรีบกลับเข้าห้องกันกลางคืนมันเริ่มน่ากลัว

ในโลกที่เคยใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนทุกอย่างรวมถึงให้แสงสว่างด้วยมันช่างแสนสุขสบายใครจะไปรู้ว่ากระแสสีฟ้าที่ดูดคนตายได้นี้เมื่อมันหายไปมันทำให้ชีวิตลำบากได้เพียงนี้

เมื่อตกกลางคืนไม่มีแสงสว่างมันดูน่ากลัวและไม่มีเทียนไขพอสำหรับให้แสงไฟได้ทั่วใครจะไปรู้ว่าต้องสำรองไว้ใช้แทนไฟฟ้านานขนาดนี้

ไฟฟ้าไม่มีให้ใช้ถนนหนทางดูเงียบค่าใช้จ่ายพุ่งสูงรายรับหดลงแบบคู่ตรงข้าม

ปีกว่าแล้ว

มันเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่มีใครได้เตรียมตัว

ป้ายหน้าคอนโดไม่สำคัญอีกต่อไปมันเริ่มดำไม่มีคนสนใจจะทำความสะอาดแต่หมายเลข 5สีแดงใหญ่ๆข้างหน้าตึกนั่นบ่งบอกความสำคัญ

“โซน5”

หน้าต่างห้องชั้น 6 เปิดอยู่ท่าทางซีจะกลับมาแล้ว

ไฟที่นี่จะโดนตัดหลัง 3ทุ่มเป็นต้นไปแล้วตึกนี้จะต้องปั่นไฟใช้เองซึ่งจะหมดเวลาจ่ายลงเมื่อเวลาเที่ยงคืนตรง

กันต์ไม่อยากจะต่อคิวเพื่อใช้ลิฟต์ที่เหลืออยู่เพียงตัวเดียวของตึกอีกตัวปิดไว้เพื่อประหยัดไฟ

“เอาวะเดินขึ้นไปก็ได้”

เสียงฝีเท้าก้องทางเดินบันไดหินขัดผสมกรวดให้ไม่ลื่นรองเท้ามีคนวิ่งขึ้นลงสวนกันไปมาหน้าตาไม่เป็นมิตรชั่วโมงนี้ใครๆก็รีบแล้วก็ไม่มีใครไว้ใจใครอีกแล้วกันต์รู้สึกเหนื่อยหอบเล็กน้อยถึงจะเป็นอย่างนี้มาหลายหลายร้อยวันแล้วกันต์ก็ไม่รู้สึกชินสักที

‘เดี๋ยวใช้มันลงไปซื้อข้าวดีกว่า’

ลูกบิดประตูสีเทาอยู่ตรงหน้าก่อนจะหมุนเข้าไปอย่างแผ่วเบา

กลัวคนในห้องจะตกใจเจ้าของห้องไม่เคยจะล็อคประตูห้องนี้อยู่ชั้น 6

เมื่อมันอยู่สูงคนก็อยากจะขึ้นมาน้อยความปลอดภัยมันจึงได้มาเป็นเหมือนของแถมคงไม่มีโจรที่ไหนขโมยทีวีตู้เย็นอุ้มลงไปชั้น 1แต่เอะ... จะเอาทีวีตู้เย็นไปทำอะไร

เพื่อนร่วมชั้นแทบจะนับครั้งได้ที่จะเจอแรกๆคนก็เยอะอยู่หลังๆยิ่งหายไปบ่อยครั้งทีเดียวที่กันต์หรือซีเดินออกไปทิ้งขยะทั้งๆที่ใส่แค่กางเกงใน

ชั้นนี้เกือบจะร้างคนแล้ว

แกร๊ก

“เฮ้ยเคาะก่อนดิวะ”

คนในห้องสะดุ้งยกขาออกจากที่เก้าอี้วางเท้าอย่างรวดเร็ว

“โทษ”

นายแว่นเจ้าของห้องอยู่ในกางเกงบอกเซอร์ตัวเดียวกำลังนั่งอ้าขาหันมามองทางกันต์สีหน้าตกใจ

“ทำไรอยู่ละมึง”

“ชักว่าวเหรอให้กูออกไปก่อนมั้ย”

อีกฝ่ายรีบเอามือปิดก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง

“ไอ้บ้ากูเพิ่งอาบน้ำมา”

ฝ่ายนั้นดูอายกลับมานั่งเรียบร้อย

ผมยังเปียกอยู่ซีมันจะใส่แว่นเฉพาะเวลาอยู่ในห้องเท่านั้น

“เดี๋ยวนะมึงนั่นแหละจะมาแอบดูรึไง”

ซีรีบถามกลับเมื่อตั้งสติได้

ผ้าเช็ดตัวเพิ่งวางพาดอยู่บนเก้าอี้คงเพิ่งแต่งตัวมา

“เออรู้แล้วกูก็พูดเล่นกูก็อาศัยมาตั้งปีแล้วเหมือนเมียมึงคนนึงไปแล้วละน่าเห็นๆกันจนหมดแล้ว”

กันต์พูดเกินจริง

ห้องนั่งเล่นนี่ถูกบริจาคให้เป็นห้องนอนของกันต์ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่และคงต้องอยู่ต่อไปอีกนาน

สัมภาระถูกวางกองลงบนโต๊ะกระจกโครงเหล็กสีดำดูราคาแพงวางคู่กับเก้าอี้สี่เหลี่ยมยาวครึ่งหนึ่งของโซฟาที่ซีเพิ่งจะเอาขาลง

กระเป๋าสีฟ้าสภาพห่อเหี่ยวเหมือนเจ้าของ

… คงต้องอยู่จนกว่าจะมีที่อื่นให้ไปละนะ

ห้องของซีเป็นห้องแบบวินเทจกำแพงด้านหนึ่งก่ออิฐทั้งหมดอีกด้านเป็นปูนเปลือยสีห้องทาออกโทนเทาขาวดูเคร่งขรึมโซฟาขนาดสามที่นั่งสีเลือดหมูเบาะหนังนุ่มหนาพื้นไม้ปาเก้สีน้ำตาลเข้ม

ทีวีขนาด40นิ้วยึดติดอยู่บนกำแพงห้องนี้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีครบเกินความจำเป็นอย่างเช่นกีต้าร์ไฟฟ้าที่เจ้าของห้องเองก็ยังยืนยันว่าเล่นไม่เป็นมีไว้ประดับเฉยๆ

ซีเคยหัดเล่นกันต์จำได้สมัยม.ปลายทุกคนเห่อเล่นเครื่องดนตรีซีก็เลือกมาสักชิ้นแต่จนสุดท้ายแล้วซีก็ถอดใจคงจะเป็นกีต้าร์ตัวนี้ที่ซีเคยเล่าให้ฟังมันวางอยู่บนขาตั้งมุมห้องสภาพดูใหม่คงขายต่อได้หลายตังค์อยู่

มันจะเสียใจที่ถูกเจ้าของลืมมั้ยนะ...

‘เหมือนๆกับกูนั่นแหละ’

รูปภาพสมัยเรียนม.ปลายติดอยู่ตามกำแพงฝั่งที่เป็นปูนเปลือยในนั้นมีรูปซีกับกันต์กอดคอในชุดนักเรียนเสื้อขาวรูปอยู่ตรงกลางของกำแพง

น่าจะเป็นสมัยม.5ผมสั้นรองทรง

หูของซีในรูปยังไม่ได้เจาะใบหน้ามีสิวนิดหน่อยยิ้มเห็นฟันขาวส่วนคนข้างๆไม่มีอะไรเปลี่ยนไปนอกจากหน้าที่ดูเด็กกว่าตอนนี้นิดนึง

ห้องนอนของซีกันต์ไม่เคยเข้าไปถึงจะอยู่มานานแต่กันต์ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งในที่ส่วนตัวของคนอื่นมันเป็นการเสียมารยาทใครๆก็คจะไม่ชอบถ้าต้องมีคนอื่นมาละลาบละล้วง

ยังไงซะมันก็เป็นคนที่ช่วยเราไว้นี่นะเว้นที่ว่างไว้ให้มันบ้างปล่อยไว้ให้เป็นพื้นที่พิเศษสำหรับเรื่องส่วนตัว

ด้านนอกระเบียงมีกระจกกั้นตอนนี้กระจกเปิดอยู่มีแค่ประตูมุ้งลวดกันแมลงราวตากผ้าตากชุดชั้นในของทั้งสองคน

เสื้อผ้าของกันต์กับซีใช้ร่วมกันแทบทุกอย่าง

กันต์ไม่มีเงินพอจะซื้อชุดใหม่จะขอซีกันต์ก็ไม่อยากจะติดหนี้บุคญคุณไปมากกว่านี้

กันต์ล้มตัวลงนั่งบนโซฟา

‘รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้วนะ’

ช่างมันก่อนเริ่มหิวแล้ว

“เป็นไงละได้ไรมั้ยวันนี้”

“หึ”

กันต์ส่ายหัว

“วันนี้นั่งอ่านๆดูแต่ไม่มีที่ไหนน่าสมัครเลย”

คำตอบดูจะไม่สร้างความพอใจให้ผู้ถาม

มหาลัยดูเป็นเรื่องยากแต่ที่ซีถามนี่น่าจะหมายถึงงาน

“งานไรก็ได้ไม่มีเลยเหรอ”

“ก็... ส่วนใหญ่ก็เอาวุฒิปริญญาตรีขึ้นไปนะนอกนั้นก็ไม่น่าสนใจ”

“นี่แกยังเลือกได้อีกเหรอ”

“นั่นสินะคอยทำหน้าที่เป็นเมียเกาะแกกินไปดีกว่า”

กันต์เอนหลังยาวลงไปเหยียดขาออกไหลไปตามพื้นห้อง

“เมียมาเกาะแดกกูก็ไม่เลี้ยงเว้ย”

คอนโดที่อาศัยอยู่นี่เป็นของพ่อแม่ซีตอนนี้มันกลายเป็นของซีโดยสมบูรณ์แล้วกันต์ก็แค่มาขออาศัยอยู่ไปก่อนค่าใช้จ่ายในชีวิตของกันต์ซีเป็นผู้อุปถัมภ์ให้เกือบทั้งหมดต้องการใช้อะไรให้มาขอ

เงินในบัญชีของซีมีมากพอที่จะใช้ได้ไปอีกหลายเดือนโชคดีที่สมุดบัญชีนั้นอัพเดทไว้ก่อนหน้า

ทั้งกันต์และซีต่างก็ปรับตัวไม่ถูกกับสภาพความเป็นอยู่ที่ต้องพึงพาแต่ตัวเองในโลกที่ไม่สามารถใช้เทคโนโลยีช่วยได้เหมือนเมื่อก่อน

ถ้าอินเตอร์เน็ตมันใช้ได้ก็คงหาอะไรทำได้ง่ายหน่อยต้องการใครช่วยจริงๆก็แค่หาๆเอาในโซเชียลก็น่าจะได้อยู่

แต่อาจต้องเอาตัวเข้าแลก

ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้อาชีพขายของออนไลน์งอกกันออกมาเป็นดอกเห็ดแค่หน้าตาดีสักหน่อยก็ทำได้แล้วทำตัวให้เป็นกระแสเข้าไว้

กันต์เองก็ทำอยู่บ่อยๆ

โชว์รูปร่างบ้างขึ้นข้อความบ่อยๆบ้างถึงจะไม่ดังแต่ถ้าจะขายอะไรคงมีคนสนใจบ้าง

เมื่ออยู่เมืองนอกซีเองยังส่งข้อความมาหาบ่อยๆว่าอย่าเล่นเยอะตั้งใจเรียน

มันจบลงไปแล้วพร้อมกับไวรัสบ้านั่น

“นี่กันต์เราว่าแกต้องประหยัดนะไม่รู้ว่ามันจะกู้ระบบกลับมาได้เมื่อไหร่ไทยเองโดนหลังๆน่าจะแบคอัพไว้ทันมั่งแหละไม่รู้ทั้งหมดมั้ย...”

“เออน่ารู้แล้ว”

กันต์บอกปัดอย่างรำคาญ

‘ก็กูถึงคิดจะหางานนี่ไง’

สุดท้ายเสือกจบลงที่นั่งมองผู้ชาย

ซีเป็นคนที่พึ่งพาได้สมัยเรียนด้วยกันมีอะไรกันต์ก็ร้องเรียกหาซีอยู่เสมอแต่เมื่ออะไรมันเปลี่ยนไปกันต์กลับเป็นคนปฎิเสธความช่วยเหลือแล้วตีตัวออกห่างยิ่งตอนนี้ด้วยแล้วมันยิ่งทำให้กันต์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนหน้าด้านวิ่งกลับมาขอความช่วยเหลือทั้งๆที่เป็นฝ่ายเมินก่อน

ถึงจะเมินแต่ซีก็ไม่เคยหายไปจากสายตาการยอมรับความจริงมันเจ็บปวกเมื่อคนที่เราชอบเป็นคนที่ไม่มีหน้าตาอะไรในสังคมออนไลน์



“กันต์มีอะไรให้ช่วยบอกนะเว้ย”

วันหนึ่งซีก็โพล่งขึ้นมา

กันต์บอกปัดอย่างไม่ใยดีคนมากมายที่เข้ามาเสนอตัวให้กับคนใกล้ตัวอย่างซีที่ไม่มีอะไรโดดเด่นชวนให้มองข้ามมันจึงง่ายที่จะไม่ลังเลเลยแต่ใจมันเจ็บจี๊ด

“ตอนนี้นายช่วยอะไรเราไม่ได้หรอกมันแชร์กันไปหมดแล้ว”

สุดท้ายก็ต้องกลับมาพึ่งมัน



กรุงเทพชั้นล่างคอนโดดูโกลาหลมาก

เหมือนความรู้สึกของกันต์ที่มันติดๆดับๆ

ห้องที่ซีนอนกันต์ถึงได้ไม่เคยจะเข้าไปรบกวนเพื่อนผู้แสนดีนี้เรียกให้เข้าไปนอนด้วยกันอยู่หลายหนกันต์ก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าจะนอนที่ข้างนอกบนโซฟา

“นี่ซีวันนี้เรียนเป็นไงวะ”

“ก็ดีอะเหมือนเดิมใกล้จะปิดเทอมแล้ว”

“นี่ถ้าเครื่องเกมส์มันยังเล่นได้นี่ก็ดีนะนึกถึงวันเก่าๆเลย”

“หือวันเก่าๆที่แกทิ้งเราไปเนี่ยนะ”

ซีลุกขึ้นมาเอามือฟาดหัวกันต์เข้าไปทีหนึ่ง

“เจ็บนะมึง”

“ประชดเหรอมึงน่ะเป็นคนหายไปเองนะกันต์”

“เออรู้แล้วขอโทษเหนื่อยอะมึงนั่งก่อนดิ”

รู้สึกหมดแรงทั้งๆที่วันนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย

“ไปอาบน้ำได้ยังกันต์”

“ยังอะขี้เกียจนอนเลยได้มั้ย”

“จะให้อาบให้มั้ยละเดี๋ยวมันตัดไฟน้ำไม่ขึ้นมาแล้วจะเอาไรอาบ”

“ก็ไม่ต้องสิ”

กันต์ล้มตัวลงนอนบนโซฟาที่เหลืออยู่แค่ครึ่งหนึ่ง

“ลุกเร็วๆ”

ซีเดินเข้าไปปลดเข็มขัดกางเกงกันต์ออก

“เฮ้ยๆๆๆๆๆ”

“จะไปไม่ไป”

“เออไปแล้วๆ”

กันต์ลุกขึ้นมาถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวเดินเข้าห้องน้ำไป

ปล่อยให้ซีมองตามหลังอย่างนั้น

น้ำเย็นเปิดไหลออกจากฝักบัวติดกำแพงปล่อยให้มันไหลผ่านตัวไปวันนี้เป็นวันที่มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นผู้ชายหน้าตาดีเข้ามาทักก่อนแถมเดินมาส่งถึงที่หน้าคอนโดกันต์ไม่อยากให้ขึ้นมาบนห้องงานนี้กันต์ไม่ได้เชื้อเชิญ

“กันต์เสื้อผ้าวางอยู่หน้าห้องนะ”

เสียงตะโกนเข้ามาจากหน้าห้องประตูห้องน้ำกันต์ไม่ได้ล็อคถ้าซีจะโผล่หัวเข้ามาพูดก็ไม่แปลก

“เออออเสร็จแล้วๆ”

กันต์พันผ้าขนหนูออกมาลวกๆ

ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดที่เตรียมไว้

“นี่ซีแกว่าถ้ามีคนเข้ามาคุยด้วยเค้าหวังอะไรวะ”

“แปลว่าอะไรวะ”

ซีที่หัวแห้งเดินใส่เสื้อกล้ามออกมาจากห้องนอน

“ก็วันนี้ระหว่างที่นั่งรอ... มีคนนึงเดินเข้ามาทักอะ”

“แล้วไง”

ซีลงมานั่งข้างหน้า

“อะไรของมึงเนี่ยไอ้กันต์กูให้หาที่เรียนไม่ก็หางานนี่มึงไปหาผู้ชายเหรอ”

“ไม่ใช่เว้ยมันเข้ามาเอง”

ซีทำหน้าไม่เชื่อเอนหลังอยู่บนเตียงนอนของกันต์

“เอ้าว่ามาสิ”

“คือ.... อยู่ๆเค้าก็เดินมาทักบนรถไฟฟ้าน่ะ”

ซียกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“หืออะไรวะแล้วไงต่อ”

“ก็ไม่มีไรเหมือนเค้าแค่เข้ามาคุยแบบเหมือนมารู้จักเฉยๆ”

ซีขยับตัวไปกดรีโมท

ทีวีกำลังปิดสถานีทีวีกลายเป็นยุงตีกัน

รีโมทถูกโยนโครมลงไปบนเก้าอี้แรงๆ

กันต์สะดุ้ง

“แล้วไงมึงก็เลยให้เค้ามาส่งมึงที่นี่เรอะ”

“ป่าว...”

“ไม่เลิกนิสัยเดิมนะอยากให้เกิดเรื่องขึ้นอีกเหรอ"

กันต์รู้สึกเหมือนโดนต่อว่าแรงๆ

“มึงชอบเค้าเหรอ”

คำถามนี้เล่นเอากันต์ตอบไม่ถูก

“ก็ไม่ได้ชอบหรอกไม่ใช่ไม่ชอบคือแค่ก็ดูดีนะแต่.. ก็ไม่ใช่ว่าชอบแบบรู้จักกันไว้ก็ดีกว่าไงคือ... แปลกใจน่ะจะพูดยังไงดี”

“สงสัยบ้าไปแล้ว”

ซีลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน

“กูว่ามึงระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะตอนนี้อะไรๆมันก็ดูน่ากลัวไปหมดเค้ามาหวังอะไรจากมึงรึเปล่าก็ไม่รู้”

“มันจะมาเอาอะไรกับกูได้ละกูมีที่ไหนแล้ว... เค้าเรียนที่เดียวกับมึงด้วย”

“ไม่เกี่ยวมหาลัยกูคนเลวก็มีนี่มึงจะไปเจอเค้าอีกเหรอ”

“ก็... เค้านัดอาทิตยืหน้าน่ะ”

“เก่งเนอะโทรศัพท์ก็ไม่มีเนทก็ไม่มียังเสือกจะนัดกันได้”

“ก็คิดซะรุ่นพ่อรุ่นแม่จีบกันไง”

กันต์สะอึกเมื่อหลุดคำว่าจีบออกไปไอ้อารมณ์แปลกๆกับคำพูดเมื่อกี้นี่คืออะไรวะ

“ตกลงมึงจีบกัน?”

เออะ

“แล้วแต่มึงระวังตัวละกัน”

“เออรู้แล้วน่า”

“นี่ว่าไปก็แปลกนะไม่มีโทรศัพท์ไม่มีเนททำไมคนเราก็ยังเอาตัวรอดนัดเจอกันได้”

“นี่กันต์แกคิดว่าคนบนโลกนี้ติดเนตเหมือนแกหมดทุกคนเหรอไง”

“ไม่ใช่เหอะมึงนี่ก็ว่ากูตลอดใครจะไปเหมือนมึงละเก็บตัวไม่เล่นโซเชียลแต่เสือกยังเห็นได้นะมึงถึงเพื่อนน้อยไง”

ซียืนมองกลับมาจากหน้าประตูในมือถือกระเป๋าเงินเอาไว้

“กูเคยฟังจากพ่อแม่ว่าคนสมัยก่อนมีแค่โทรศัพท์บ้านเวลานัดกันทีจะเบี้ยวนัดหรือจะมาสายเนี่ยมันเป็นเรื่องใหญ่เพราะอีกฝ่ายต้องรอเก้อไม่เหมือนคนสมัยนี้อยากจะเลื่อนก็เลื่อนไม่อยากมาก็หาข้ออ้างแล้วหายไปเฉยๆกูถึงไม่อินกับโซเชียลไง”

“เหรอออดูอย่างกูนี่อยากจะคุยกับใครก็แอดไปทักไปไม่ชอบใจก็ลบไม่มีอะไรน่าสนใจก็หายไป”

กันต์พูดถึงตรงนี้ซีมีสีหน้าลำบากใจ

“เฮ้ยมึงจริงจังไปป่าววะกูไม่เคยคิดกับมึงอย่างนั้นนะถึงกูจะหายไปก็เหอะมึงก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีนะแม้ว่า... เรื่องนั้นมันจะ...”

“กูไปนอนเกาจู๋ดีกว่าบายมึง”

เฮ้ยอะไรของแม่งวะกูพูดจี้ใจดำมันเหรอวะเนี่ย



“เฮ้ยข้าวกูละ”



ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 3

ถึงแม้ว่าความเป็นจริงแล้วมันจะเป็นแค่เสียงปิดประตูเบาๆกลายเป็นว่าแรงสะเทือนนั้นทะลวงไปยังความคิดที่ไม่สั่งการให้ดีก่อนพูดออกไป

คืนนี้ซีคงไม่ออกมาให้เห็นหน้าอีกแน่

กันต์ล้มตัวลงนอนบนโซฟาสีน้ำตาลแดงเบาะหนุ่มหนาสมราคาของมันหลับตาลงทิ้งกระเพาะไว้ให้โหยหาอาหารอย่างนั้น

เราเมินซีมันเป็นครั้งที่สองแล้วเหรอเนี่ย

กันต์หลับตาลง

ภาพหิมะกำลังตกหนักที่นั่นท้องฟ้ามืดครึ้มแซมด้วยสีน้ำส้มอ่อนๆโคมไฟเหลืองริมถนนตัดละลองหิมะที่ปลิวเป็นปื้นหนา

หน้าหนาวปีนี้หิมะตกหนักมากสูงกองเกินเข่าใครคราวเดียวอากาศเย็นยะเยือกจิตใจของกันต์ก็ร่วงหล่นคล้ายกับหิมะที่กำลังตกเวลานี้

พ่อของกันต์เรียกตัวกลับมานิวยอร์คให้มาเรียนต่อที่นี่แต่เมื่อเจอหน้ากันพ่อกลับมีสีหน้าผิดหวังพ่อที่ไม่เคยมาให้เห็นหน้าอีกเลยตั้งแต่กันต์ขึ้นม.ต้น

“ริชาร์ดนี่กันต์คะ”

แม่ของกันต์แนะนำให้รู้จักกับพ่อที่เป็นคนต่างชาติผมทองตาสีฟ้าตัวสูงใหญ่ใส่สูทต้อนรับอยู่ที่หน้าประตู

มันไม่ใช่เรื่องหน้าแปลกกันต์หน้าตาไม่ได้เหมือนเด็กไทยจมูกโด่งผิวขาวนั้นเป็นข้อดีข้อด้อยคือ ...ผมสีดำตรงตาชั้นเดียวและตัวเล็กแบบคนเอเซีย

แถมกันต์ยังชอบผู้ชาย

เมื่อมาถึงที่นี่กันต์เริ่มปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่คนอเมริกันอากาศอาหารการกิน

ภาษาอังกฤษที่อ่อนแอ... ไม่ถึงขั้นสอบตกแต่พอถึงเวลาต้องมาใช้จริงอย่างไรมันก็แตกต่างกัน... ที่เรียนในโรงเรียนง่ายกว่าเป็นไหนๆ

คนที่นี่พูดเร็วไม่เกรงใจคนฟังเลย

กันต์ต้องเสียเวลาไปอีกปีเพื่อเรียนภาษาส่วนมหาลัยที่เลือกจะเข้าเรียนนั้นพ่อของกันต์บอกให้เลือกตามความถนัดเรียนในสิ่งที่ชอบ“...สิ่งที่พ่อชอบ” เรื่องเงินไม่มีปัญหา

ริชาร์ดเห็นความสามารถทางศิลปะในตัวกันต์และพยายามผลักดันให้ไปทางนั้น

แต่... กันต์เองกลับไม่แน่ใจ

มันแค่ฟลุคที่มีความสามารถด้านนี้ดีกว่าคนอื่นแต่กันต์อาจจะไม่ได้ชอบจริงๆเมื่อต้องมาเรียนอย่างมากแค่ทำเป็นงานอดิเรกวิชาศิลปะที่โรงเรียนก็ไม่ได้วัดผลอะไรได้ไม่มีใครจริงจังกับวิชาอย่างนี้

ซีโทรมาหากันต์บ่อยครั้งที่นี่คอยเล่าให้ฟังถึงชีวิตประจำวันแล้วแลกเปลี่ยนเรื่องของกันและกัน

เหมือนว่าซีจะกลายเป็นเด็กมหาลัยชื่อดังแถวสามย่านเต็มตัวไปแล้วกลายเป็นขวัญใจรุ่นพี่เสียด้วยเมื่อกลายเป็นคนดังก็ต้องวุ่นอยู่กับเรื่องรับน้องใครๆก็อยากเจออยากให้มาไม่รู้ว่าจะมารุมตอมอะไรกันนักหนา

เมื่อตัวเองต้องตามหลังเพื่อนไปปีหนึ่งแล้วเผลอๆคงจะโดนบังคับให้เรียนสิ่งที่พ่อชอบเหมือนเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้พ่อไปในตัวที่มีลูกเป็นศิลปินแต่เป็นศิลปินด้านนี้มันไม่สร้างชื่อเท่ากับนักร้องดาราเนตไอดอลยังเป็นที่รู้จักมากกว่าเลยมันกดดันให้กันต์รู้สึกอึดอัด

บ้านของกันต์ที่นั่นมีแต่รูปสีน้ำมันเต็มบ้าน

พ่อประกอบอาชีพขายงานศิลปะให้กับแกลลอรี่หรือพิพิธภัณฑ์ที่สนใจนัดจับคู่ระหว่างศิลปินผู้รังสรรค์ผลงานกับผู้ที่อยากจะได้ไว้ในครอบครอง

‘คงกะว่าจะขายงานลูกตัวเองกินสินะ’

ในโลกออนไลน์ก่อนก้าวขาออกจากประเทศไทย

กันต์ยิ่งกลายเป็นคนดังเมื่อเด็กลูกครึ่งหน้าตาใช้ได้ต้องมาเรียนศิลปะถึงนิวยอร์คใช้ชีวิตหรูหราเที่ยวเล่นเรียนภาษาชีวิตที่หลายๆคนเฝ้าฝันถึงใครจะรู้เบื้องหลังว่ามันสร้างภาพแค่ไหน

ก่อนออกจากไทยมาตัวเลขผู้เฝ้าติดตามพุ่งไปเกือบห้าพันถึงขนาดมีกลุ่มคนเล็กๆรวมตัวกันเพื่อมาส่งกันต์เลยทีเดียว

ข่าวคราวสารทุกข์ของซีที่คอยโทรมาเล่าให้ฟังจึงเป็นเหมือนแค่เรื่องราวของเพื่อนคนหนึ่งที่กันต์เคยรู้จักชีวิตมันไม่ได้เดินขนานกันไปอีกแล้ว

…ในเมื่อตอนนี้ชีวิตกันต์ดูดีหลายๆคนที่ไทยก็พยายามเข้ามาเป็นเพื่อนกับกันต์...

จะมาทำตามใจตัวเองให้เสียไม่ได้ถ้าใครรู้ว่าชอบซีคนที่ไม่เล่นโซเชียลไม่โด่งดังจะไม่ช่วยให้กันต์ดีขึ้ยได้

‘มีเพื่อนให้เลือกเยอะแยะ... ซีมันไม่ได้มีอะไรนี่นอกจากสอบติดแล้วมันแทบไม่ยุ่งกับใครคนสนใจมันก็น้อยมาคิดดูยกเว้นพวกที่มหาลัยมันละนะ’

เวลาผ่านไปกันต์กับซียิ่งห่างกันไม่มีเรื่องจะให้แลกเปลี่ยนความไม่เข้าใจในวิถีชีวิตกำลังสอดแทรกทำงานของมันอย่างแข็งขัน

จนวันหนึ่งกันต์ยืนอยู่หน้าบ้านกระเป๋าสะพายใบสีฟ้าอยู่ในมือของกันต์เงินก้อนหนึ่งที่สะสมไว้จากงานพิเศษ
กันต์เริ่มชินกับอากาศที่นี่เสื้อหนาวหนาเริ่มกลายเป็นแค่แจคเก็ตถึงจะชินยังไงก็ไม่ไหวถ้าต้องยืนอยู่ข้างนอกนานๆให้กลับไปเอาเห็นทีจะไม่ดีกว่า

รถไฟจะมาในอีก15นาทีเดินทางชั่วโมงครึ่งจะถึงสนามบินกันต์ตัดสินใจจะกลับเมืองไทยคืนนี้โดยที่ไม่ได้บอกใคร

เมื่ออาทิตย์ก่อนกันต์ได้ยินริชาร์ดมีปากเสียงกับแม่เรื่องกันต์เป็นลูกของใครริชาร์ดสงสัยว่ากันต์มีตรงไหนที่เป็นฝรั่งบ้างแทบไม่มีเลยนอกจากจมูกที่โด่ง

กันต์ถูกสงสัยว่าเป็นลูกของคนอื่นที่มีมาก่อนพ่อจะเจอกับแม่... นั่นแปลว่าริชาร์ดกำลังกล่าวหาแม่ของกันต์ว่ามีชู้

เรื่องนี้มันส่งผลให้ริชาร์ดเริ่มมองกันต์เป็นคนนอกเคี่ยวเข็ญในชีวิตกันต์มากขึ้นๆและเริ่มไม่สนใจความต้องการของกันต์อีก

จากลูกกลายเป็นเหมือนแค่ผู้มาขออยู่อาศัยไปแล้ว

กันต์ตัดสินใจเด็ดขาดเมื่อริชาร์ดไล่กันต์ออกจากบ้านหลังจากที่เข้าห้องมาโดยไม่ขออนุญาตกันต์กำลังดูคลิปอะไรสักอย่างที่เป็นผู้ชายสองคนกำลังช่วยตัวเองผ่านทางจอคอมพิวเตอร์

อารมณ์ไม่อยากรับแขกแถมมาเจอพ่อตัวเองปรักปรำในเรื่องที่ไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้อีก

กันต์จำได้คลิปนั้นรูปร่างขนาดสีมันคือกันต์ที่กำลังช่วยตัวเองอยู่กับใครสักคนในคลิปแต่จำไม่ได้ว่าเป็นใครถึงจะไม่ทำกับใครง่ายๆแต่ไม่คิดว่าจะหลุดออกไปจึงไม่ใส่ใจจะจำว่าคนไหนที่ผ่านเข้ามาเล่นด้วย

ผลคือคลิปกันต์ถูกแพร่ออกไปทั่ว

คนในอินเตอร์เนตก็แนะนำให้ออกมาใช้ชีวิตของตัวเองการสู้ชีวิตมันเป็นเรื่องที่ดีแนะนำให้ทำเรื่องราวของตัวเองลงเวบไซต์

“นายมีคนตามเยอะทำตัวเองให้มีประเด็นเดี๋ยวขายได้แน่ๆทำของโน่นนี่ขายออนไลน์เดี๋ยวก็รวยดูอย่างพวกบางคนที่ขายครีมสิยิ่งมีแบบนี้ยิ่งมีคนสนใจ”

พอกันต์พิมพ์เรื่องของพ่อลงในอินเตอร์เนตคนยิ่งให้ควมสนใจกลายเป็นที่ติดตามกันต์ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอยู่ได้โดยไม่ต้องมีพ่อแม่

“เดี๋ยวไปหาเพื่อนเอาข้างหน้าก็ได้วะมีแต่คนขอเข้ามารู้จักกลัวอะไร”

ซีกลายเป็นชื่อที่ถูกลืมลืมแม้กระทั่งจะโทรมาบอกซีว่าตัวเองต้องการหนีกลับมาอยู่ที่เมืองไทยอาจจะแค่ชั่วคราวเมื่อกันต์ไม่มีเวลาให้... ซีก็เริ่มโทรหาน้อยลงแล้วไม่ติดต่อมาอีกเลย

ที่สนามบินอากาศอุ่นแห้งด้วยไอร้อนของฮีทเตอร์เพราะฮีทเตอร์นี่แหละหน้ากันต์แห้งจนรู้สึกเป็นขุยตำรวจที่สนามบินก็เดินกันพล่านเหมือนตามหาอะไรสักอย่างแต่กันต์ไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น

บ้านที่ไทยก็ขายแล้ว

เดี๋ยวต้องขึ้นเครื่องบินยาวจนถึงกรุงเทพ20 ชั่วโมงถ้าบินตรง

‘ไปถึงแล้วจะทำยังไงนะ’

…20 ชั่วโมงบนเครื่องบินกันต์หลับไม่เต็มตาสะดุ้งตื่นเป็นพักๆการเดินทางไปสู่จุดหมายที่รู้ว่าไม่มีใครรออยู่

เหงาแฮะ

“เฮ้เรากันต์เองนี่นายอยู่คอนโดป่าวเราเพิ่งกลับมาขออยู่ด้วยได้มั้ย”

“ไงเรากลับมาแล้วทำไรอยู่เออนี่เดี๋ยวแวะไปอยู่ด้วยก่อนดิพอดียังเข้าบ้านไม่ได้น่ะ”

…ไม่มีใครยอมให้กันต์ไปอยู่ด้วย

เพื่อนที่กันต์คิดว่ารู้จักดีมันกลายเป็นแค่ผิวเผิน

บ่อยที่กันต์จะได้รับคำตอบว่าอยู่กับที่บ้าน,แฟนอยู่ด้วยหรือถ้าไร้สาระมากก็ห้องรกน่ะอย่ามาเลย...

เพื่อนในอินเตอร์เนทก็แบบนี้ละนะเหมือนจะสนิทพอเอาเข้าจริงก็ได้แค่มาช่วยกันผลักดันสร้างความดังในโลกโซเชียล

ส่วนหนึ่งเพราะกันต์ปฎิเสธเรื่องอย่างว่ากันต์ค่อนข้างถือตัวในเรื่องแบบนี้ไม่ว่าคนเสนอจะหน้าตาดีแค่ไหนจนพวกนั้นรู้ว่ากันต์ไม่เล่นด้วยจริงๆมันก็ถอยห่างไปไม่เข้ามาคุยอีก

ยกเว้นความผิดพลาดคราวนั้นที่ลงเอยเป็นเรื่องใหญ่ไป

บางพวกก็ชวนไปเล่นยาเรื่องนี้กันต์ก็ขอผ่านเช่นกัน

…กดหาหมายเลขในโทรศัพท์ดูไม่เหลือใคร

…ซี

“โหลซีเราเอง ...จำกันต์ได้มั้ย”

“เออว่าไงคนอย่างมึงใครจะไปลืมลง”

เสียงปลายสายตอบรับกลับมาอย่างห้วนๆ

“เออป่าวขอโทษที่โทรมารบกวน”

กันต์กดวางสาย

…ก็เราเป็นฝ่ายที่เลือกจะออกไปก่อนนี่นะ

“เอ่อว่าไง”

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งกันรับสายแบบแกนๆ

“นี่มีอะไรเมื่อกี้เราเก็บรถอยู่เลยมือไม่ว่างน่ะ”

“เอ่อเรากลับมากรุงเทพแล้วน่ะ”

“อ้าวกลับมาแล้วเหรอมาอยู่กี่วันอะ”

“เอ่อ... ไม่รู้เลยคือเรายังหาที่อยู่ไม่ได้อะ”

ปลายสายเงียบไปเดี๋ยวสายก็คงโดนกดวาง

“นี่นายอยู่ที่สุวรรณภูมิรึเปล่ารอนั่นนะเดี๋ยวไปรับ”

กันต์วางสายงงๆ

…ซีจะมารับ

อากาศกรุงเทพร้อนจนกันต้องถอดแจคเก็ตออกยืนพิงราวเนื้อตัวเปียกเหงื่อกำโทรศัพท์มือถือที่เหลือแบตน้อยไว้แน่น

“สวัสดี”

ซีทักทายก่อนจะเดินตรงลงมาหากันต์

“กระเป๋าละ”

“ไม่มีอะมีแค่นี้แหละ”

“หา... เป็นไรป่าววะกันต์”

“ไว้เล่าให้ฟังนะ”

กันต์เดินขึ้นไปนั่งบนรถปล่อยให้ซีวิ่งตามมาที่ฝั่งคนขับก่อนออกรถเคลื่อนออกไปบนท้องถนน

ที่นี่รถตำรวจเปิดสัญญาณฉุกเฉินวิ่งวนไปมา

“กรุงเทพมีอะไรเหรอ”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“แล้วนี่กันต์เกิดไรขึ้นทำไมกลับมาแบบนี้นี่มาเที่ยวหรืออยู่เลยเนี่ยเสื้อผ้าก็ไม่เอามาอย่าบอกนะว่ารวยขนาดจะมาซื้อเอาที่นี่ใหม่น่ะ”

กระจกฝั่งกันต์สะท้อนภาพตัวเองออกมาหน้าดูอิดโรย

“โดนพ่อไล่ออกจากบ้านน่ะ”

“เฮ้ยเดี๋ยวแล้วหนีมานี่อะนะลองคุยกับพ่อยังหนีมาไกลไปมั้ง”

กันต์เปลี่ยนเป็นก้มลงมองโทรศัพท์นานก่อนจะตอบ

“ยัง... เรามาถึงกลางวันเพิ่งเปิดมือถือที่โน่นก็กลางคืนคงนอนไปแล้วมั้ง”

“เรื่องเป็นไงวะไปทะเลาะอะไรกัน”

กันต์เล่าให้ฟังคร่าวๆ

อันที่จริงซีรู้อยู่แล้วว่ากันต์ชอบผู้ชายและซีเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไร

ระหว่างที่เล่ากันต์แอบสังเกตว่าซีแต่งตัวในชุดนักศึกษาเสื้อสีขาวแขนยาวกางเกงขายาวสีน้ำเงินเข้ารูปผมตอนนี้ยาวทำสีน้ำตาลอ่อนๆเจาะหูข้างหนึ่ง

ซีดูเท่ห์เป็นวัยรุ่นที่ดูหล่อเลยทีเดียว

…ดูไม่เหมือนเด็กม.ปลายท่าทางเอ๋อๆคนนั้นที่กันต์คุ้นเคยอีกแล้ว

ซีเป็นนักศึกษามหาลัย

ส่วนกันต์เป็นเด็กหนีออกจากบ้าน... หนีมาไกลซะด้วย

“ขอกูอยู่ด้วยก่อนนะ”

“เอาสิคอนโดเราอยู่คนเดียวไม่เป็นไรหรอก”

สุดท้ายกันต์ก็ต้องกลับมาหาซี

ถึงการแต่งตัวหน้าตาจะเปลี่ยนไปคำพูดคำจาของซียังเหมือนเดิมที่เหมือนเดิมกว่าคือซียังคงพึ่งพาได้

‘ขอโทษนะ’

คำนี้มันก้องอยู่ในใจของกันต์รู้สึกผิดที่มองข้ามซีไปจากเรื่องไร้สาระ

ไม่น่าเชื่อว่าซีจะยังคงเหมือนเดิม

“นี่มึงมีแฟนยังวะ”

“หือยัง”

“อะไรหล่อขนาดนี้อย่าบอกนะว่าไม่มีใครเอา”

“ก็ไม่มีดิทำไมวะ” ซีชำเลืองมองมา

“ป๊าวคิดว่าคงเที่ยวฟันแล้วทิ้งไปทั่วดูเพลย์บอย”

“ไอ้นี่เจอกันก็กัดกูอีกแล้วลงไปเลยไป”

“โอ๋ๆๆไม่กล้าแล้วครับ”

เสียงหัวเราะสองคนกลบเสียงเพลงจากวิทยุ

“เหนื่อยแล้วดิหลับไปก่อนก็ได้”

“อือโทษนะ”

“เฮ้ยโทษไรเล่านอนไปก่อนไปเดี๋ยวถึงแล้วปลุกเอง”

รถแล่นเร็วขึ้นเสียงเครื่องยนต์กำลังกล่อมกันต์ให้ง่วงงุนสายตาแสบพร่าจากแดดและอาการนอนไม่พอ

ไม่นานกันต์ก็หลับไป

….

เสียงไซเรนดังขึ้นพร้อมคำประกาศอะไรสักอย่างกันต์ฟังไม่ออกสมองเริ่มล้าเกินกว่าจะทำงานได้เป็นปรกติ

ภาพรถไฟที่นิวยอร์ควิ่งถอยหลังออกจากสถานีนำพากันต์ไปอยู่หน้าบ้าน

หน้าบ้านที่ตอนนี้ประตูเปิดอ้าอยู่แต่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน

มืดสนิท

ภาพสลับไปที่โรงเรียนกันต์กำลังยืนช่วยตัวเองให้เพื่อนร่วมชั้นดูทุกคนถือโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปไว้

กล้องหลายตัวขยับเข้ามาใกล้มันดูน่ากลัวราวกับดวงตาเป็นล้านดวงจับจ้องอยู่

จ้องกันต์ที่เปลือยเปล่ารูดของตัวเองเข้าออก

กันต์พยายาหยุด

…ทุกคนเห็นหมด

กันต์ทนไม่ได้ปล่อยน้ำออกมาเป็นสายถึงอยากจะหยุดก็หยุดอารมณ์ไว้ไม่ได้มันอยากจะพุ่งออกมานอกเหนือความควบคุม

ความรู้สึกอึดอัดมัรครอบคลุมรู้สึกเหงื่อชื้นที่หลังน้ำเหนียวติดมือ

คนสุดท้ายที่เดินเข้ามากันต์ท่ามกลางฝูงมือถือ

ซี...

“ซีมาช่วยเหรอ”

ไม่มีคำตอบซีหันหลังให้

“เฮ้ยอย่าไปดิเฮ้ยอย่าไป ...”

กันต์ตะโกนเสียงดัง

“อย่าทิ้งเราไปนะซี”

ฝ่ายนั้นไม่สนใจ

ภาพกลับมาเป็นกันต์ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน

กันต์ตะโกนร้องเรียกอยู่นานก็ไม่มีใครเดินออกมา

“แม่………”

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 4

เสียงรถค่อยๆเบาลงจากที่วิ่งด้วยความเร็วบนทางด่วนตอนนี้มุดเข้าใต้ตึกคอนโดแล่นตรงไปสู่ที่จอดรถเฉพาะสำหรับผู้พักห้องชุด

“กันต์ตื่นๆ”

ซีดับเครื่องแล้วหันไปปลุกกันต์

“อือ”

“ถึงแล้ว”

ต้องเขย่าอีกสองสามที

กันต์ค่อยๆยันตัวเองขึ้นมานั่ง

เวลาที่โน่นตอนนี้น่าจะราวๆตีสี่การปรับตัวเรื่องเวลายังทำไม่ได้ดีนักความเหนื่อยล้าจากทั้งกายและใจมันทำให้กันต์รู้สึกอยากนอนมากกว่าอะไรทั้งนั้น20ชั่วโมงบนเครื่องที่วนเวียนอยู่แต่เรื่องที่โดนไล่ออกมาแต่นั่นไม่ใช่เรื่องเดียว

“เดี๋ยวขึ้นไปนอนต่อบนห้อง”

ซีค่อยๆประคองกันต์ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 6

“ห้อง 669 นะ”

ซีไขประตูเข้าห้องปล่อยให้กันต์ยืนด้วยขาตัวเองอย่างงงๆอยู่อย่างนั้นสภาพตอนนี้น่าจะไม่ไหวพูดอะไรด้วยก็คงไม่รู้เรื่องเดินมาเองยังไม่ได้เลย

พระอาทิตย์อยู่อีกด้านของตึกในเวลานี้ในห้องจึงค่อนข้างมืดแม้จะเพิ่งแค่5โมงเย็นใช้มือทุบเข้าที่กำแพงแสงไฟในห้องก็ติดสว่างให้เห็นห้องชุดหรู

กันต์เข้ามาในห้องชุดของซียังไม่ได้ทันได้พูดอะไรซีก็โยนกางเกงบอกเซอร์กับเสื้อยืดมาให้

“ไปอาบน้ำก่อนไปจะได้หายเหนื่อย”

กันต์ไม่มีแรงจะเถียง

น้ำถูกเปิดออกปล่อยให้มันไหลผ่านตัวไปกันต์แทบจะล้มทั้งยืนใต้ฝักบัว

เมื่อออกมากันต์แต่งตัวแล้วล้มลงนอนบนโซฟาที่จะต้องใช้เป็นที่นอนต่อไปอีกหลังจากนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกจองด้วยร่างเล็กๆของกันต์ซีใช้พื้นที่นั่งเพียงนิดอีกฝากที่เหลือ

ขากันต์พาดไปวางบนตักซี

ตอนนี้มันเบลอจนไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปแล้วก่อนจะหลับสนิทซีที่อยู่ใต้เสื้อกล้ามกับกางเกงบอกเซอร์หันมายิ้มให้

‘นี่มันเล่นกล้ามด้วยเหรอเนี่ย’

ไม่เจอกันไม่นานมันเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอ

จู่ๆก็ถูกปลุกเล่นเอาตั้งตัวไม่ติดรู้สึกมึนหัวจากการนอนไม่พอซีลุกพรวดแล้วโดดเข้าไปดูโทรทัศน์ใกล้ๆก่อนจะมองออกไปทางระเบียงทำหน้าอย่างกับเจอเรื่องร้ายแล้วหันหลังกลับวิ่งไปล็อคประตูให้แน่นหนาอีกที

‘เรื่องอะไรกัน’

กันต์ฝืนตัวลุกขึ้นตามซีไป

“มีอะไรเหรอ”

ซีชี้ไปทางทีวีที่เปิดอยู่

โทรทัศน์กำลังฉายภาพเครื่องบินหลายลำบินวนอยู่บนท้องฟ้าบางจุดก็เกิดไฟสว่างวาบขึ้นเป็นลูกไฟกองใหญ่ในความมืดแล้วดับลง

แสงสีส้มฉาบอยู่ตามตัวตึกสูงในกรุงเทพ

ซีเองก็ยืนนิ่งหน้าซีดตกใจในภาพที่เห็นตรงหน้า...

กรุงเทพโดนก่อการร้าย???

นักข่าวอ่านข่าวสับสนดูไม่แน่ใจว่ากำลังอ่านอะไรออกอากาศ

ไฟในห้องกระพริบสองสามทีภาพในทีวีสั่นไหวมีคลื่นแทรก

ก่อนจะตัดภาพไปที่อเมริกา…นิวยอร์คเองไม่ต่างจากที่ประเทศไทยที่ๆกันต์เพิ่งจะจากมาเมื่อวาน

ภาพตัดไปที่ข่าวต่างประเทศซึ่งกำลังออกอากาศเป็นภาษาอังกฤษเร็วๆท่าทางจะไม่ได้ทันได้ทำคำแปลภาษาไทยข้างล่างแสดงว่านี่คงเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดได้ทันขนาดมืออาชีพทำช่าวยังเตรียมตัวกันไม่ถูก

แต่กันต์ฟังออก

ข้อดีของการที่ต้องเรียแต่ภาษาอย่างเดียวมันก็ช่วยได้ในเวลาจำเป็นอย่างนี้ละนะ

ซีเปิดเสียงทีวีให้ดังขึ้น

“กันต์ฟังออกมั้ย”

“อือฟังอยู่”

ภาพในทีวีตัดไปที่นักข่าวหญิงผิวสีข้างหลังเป็นฉากมหานครที่เต็มไปด้วยหิมะเหมือนเมื่อวานที่กันต์จากมาและในฝันหมายความว่าหิมะยังตกยาวตลอดสองสามวันมานี้

แสงไฟสีส้มวาบขึ้น

ผู้ประกาศข่าวรีบก้มหลบ

“กันต์เกิดไรขึ้นวะ”

“เดี๋ยวนะ...”

กันต์กำลังเรียบเรียงประโยค

“มันบอกว่าเมกาเจอก่อการร้ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อการสื่อสารอะไรก็ตามที่เป็นเอ่ออิเลคโทรนิคกำลังโดนไวรัสทุกอย่างที่เป็นออนไลน์กำลังจะใช้การไม่ได้เครื่องบินหาที่ร่อนลงไม่ได้ ...บางลำน้ำมันหมดต้องลงฉุกเฉินเกิดผิดพลาดระเบิด”

“หือ... แล้วที่นี่”

ซีชะโงกหน้าออกไปมองทางนอกหน้าต่าง

“เมื่อกี้ผู้ประกาศบอกว่าทุกที่บนโลกกำลังจะโดนด้วยมันไปเร็วมากและไม่มีทางป้องกันในตอนนี้”

กันต์ไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือไม่

“ไวรัสไรวะเชื้อโรคเหรอคนจะกลายเป็นซอมบี้เรอะไง”

ทีวีตัดกลับมาที่ประเทศไทย

คนอ่านข่าวฝั่งนี้ก็หน้าตาตื่นไม่แพ้กันก้มๆเงยๆระหว่างอะไรสักอย่างบนโต๊ะกับมองตรงมาที่กล้อง

“ไวรัสคอมพิวเตอ.....งระบาดในสหรัฐซึ่งตอนนี้ได้ลามไปทั่วทุก.....กผ่านทางอินเตอร์เนตเรียบร้อยแล้ว... ผลของมันทำให้อุปกรณ์ทุกอ....การเชื่อมต่อเสียหายขอให้ทุกท่านปิดมือถือและอุปกรณ์...”

“มีรายงานว่าประเทศที่อินเตอร์เนต...เร็วสูงอย่างญี่ปุ่นได้เสียหายหนักระบ....คุมรถไฟระบบ.....ฟ้าน้ำโทรศัพท์ทั้ง.......หาย”

เสียงทีวีดิจิตัลภาพและเสียงเริ่มขาดหาย

“โลกจะกลับเข้ามาสู้ยุคก่อนอินเตอร์เนทอีกครั้ง”

“ปร....ศไทยมีรายงานว่าไวรั....บาดเข้ามาแล้วระบบการบิน..........หมดเครื่องบินหล......บอุบัติเหตุเนื่องจากไม่สาม....ด้”

กันต์แปลทั้งหมดถูกต้อง

ไฟกระพริบถี่ๆอีกครั้ง

ก่อนจะดับวูบไป

“ซี... เอาจริงเหรอ”

ในความมืดกันต์มองไม่เห็นว่าซีทำหน้าอย่างไร

กันต์รู้สึกกลัว...

แม่จะเป็นอย่างไรบ้าง

จะติดต่อกลับไปหาแม่ยังไงละ

โทรศัพท์มือถือส่งไฟสว่างวาบหน้าจอแสดงภาษาแปลกๆที่ไม่สามารถอ่านได้...แล้วดับวูบลง

“ซีมือถือไปแล้ววะ”

“นี่ก็เหมือนกัน”

ซีล้มตัวลงนั่งโยนมือถือไปที่โต๊ะกลางอย่างไม่ไยดีของราคาสามหมื่นกลายเป็นที่ทับกระดาษไร้ค่า

ในห้องมืดสนิทไฟด้านนอกเมื่อมองจากระเบียงออกไปมันค่อยๆกระพริบแล้วดับวูบลงตามกันมาเป็นจุดๆไฟฉุกเฉินอีกไม่นานก็คงจะดับไปเหมือนกัน

เมืองที่เคยสว่างสไวตอนนี้ดับวูบลงดั่งหิ่งห้อยกำลังหมดแสง

เมื่อไฟดวงสุดท้ายกำลังกระพริบแวบดูสว่างและหาง่ายในความมืดแบบนี้แม้ว่ามันจะดวงเล็กมากความหวังสุดท้ายของประเทศไทย

วูบดับลงไปแล้ว

เหลือแต่แสงสีส้มของท้องฟ้าที่เจือจากแสงเพลิงไหม้เพราะอุบัติเหตุ

สองคนในห้องมืดนั่งเหยียดขาออกอยู่บนโซฟาก่อนจะค่อยๆขยับมือเข้าหากันนิ้วเกี่ยวกวัดเอาไว้บีบมือแน่น...แต่ไม่ใช่จากความรู้สึกพิศวาส

ตอนแรกกันต์กะว่าจะนอนคนเดียวบนโซฟาตอนนี้กลายเป็นว่าซีแทรกตัวลงมานอนข้างๆแล้วไม่มีใครนอนหลับ

วิตกกังวล

…แอร์ตัดไปสักพักแล้ว

ในเมื่อไฟไม่จ่ายมาธรรมดาที่มันจะใช้การไม่ได้ระบบจ่ายไฟในกรุงเทพน่าจะเผชิญปัญหาหนักทุกวันนี้ที่ไหนบ้างที่ไม่ใช้ไฟฟ้าปัจจัยที่ 6ต่อจากมือถือและอินเตอร์เนท

เสียงไซเรนดังขึ้นเป็นระยะนานๆครั้งจะมีเสียงระเบิดปนขึ้นมากับเสียงรถหวอ

มือที่จับกันอยู่ไม่ได้ช่วยให้อุ่นใจขึ้น

หวังว่าคอนโดชั้น 6นี้จะสูงพอที่ปกป้องทั้งสองคนจากทุกอย่างภายนอกได้

ไม่มีใครหลับคอยลืมตาตื่นเป้นระยะขึ้นมาดูให้แน่ใจว่าทุกอย่างยังเป็นปกติดี

“ซีมึงหลับยัง”

“ยังมึงหลับลงเหรอ”

กันต์ส่ายหัวที่แคบๆเมื่อขยับไปมาหัวเลยถูเข้ากับหน้าอกซี

ความหลังเก่าๆมันกำลังกลับมาขุดคุ้ยเอาความรู้สึกที่กันต์เก็บไว้มานานมันคืออะไรที่กันต์ปฏิเสธมาตลอดความไม่เหมาะสมบ้าๆนั่น

ช่วงที่กันต์ไปเมืองนอกตัวซีสูงใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อก่อนตอนเรียนความสูงไล่กันมาแท้ๆ

ซีขยับไปมาอยู่บนโซฟา

กันต์รุ้สึกลำบากใจที่จะนอนข้างๆแต่จะให้ลุกหนีก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน

“นอนเถอะไม่รู้พรุ่งนี้จะเป็นยังไง”

“อือ”

กันต์หันหลังให้ซีซีเองก็ขยับหันหลังให้กันต์

ในพื้นที่ๆแคบแม้จะเอาที่วางขามาช่วยขยายแล้วก็ตาม

เหลือแต่มืออีกข้างของกันและกันที่ยังจับเอาไว้

…ไม่อยากให้อีกฝ่ายหายไปไหนในเวลานี้

…แม่ง

พรุ่งนี้จะเป็นยังไงวะเนี่ย

“กันต์ ...ไม่ต้องกลัวนะเราจะดูแลแกเอง”

ซีจะรักษาคำพูดนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน

ก่อนจะหลับไปกันต์รู้สึกว่าคราวนี้มันหลับง่ายกว่าทุกทีอะไรนุ่มๆสักอย่างหนุนหัวกันต์ไว้กลิ่นอ่อนโยนที่คอยกล่อมให้กันต์ผลอยไปมันมาจากไหนนะ

สัมปชัญญะสุดท้ายแจ้งเตือนว่า

กันต์กำลังนอนในอ้อมกอดของซี...

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 5

ก่อนถึงเวลานัดหมายกันต์กำลังเตรียมตัวอยู่ที่ห้องเช้าวันนี้ก็เหมือนกับเมื่ออาทิตย์ที่แล้วซีออกไปมหาลัยปล่อยให้กันต์อยู่เฝ้าห้องทำหน้าที่แม่บ้านไปคนเดียว

‘มิน่าพี่ฟ้าถึงเข้าใจว่าเรียนอยู่’เมื่อก้มลงมองชุดตัวเอง

เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงยีนส์ดำกันต์ยืมมาจากซีกางเกงตัวใหญ่ดูหลวมต้องอาศัยเข็มขัดช่วยส่วนเสื้อกันต์ได้แต่หาที่เข้ารูปที่สุดแล้วซึ่งมันก็ยังเกินไซส์ไปอยู่ดีทั้งตัวนอกจากกางเกงในแล้วก็ยืมเค้ามาหมด

ยังไม่ต้องรีบก็ได้

ขนมปังทาเนยข้างนอกเป็นสีน้ำตาลไหม้หน่อยๆกรอบจนเป็นผงร่วงอยู่บนจานซีปิ้งจนขอบไหม้ส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้องข้างในทาเนยแล้วโรยด้วยน้ำตาลมีโน๊ตติดอยู่

“กินซะด้วย”

‘มันคิดยังไงลุกขึ้นมาทำวะ’

ซีขี้เซามักจะตื่นสายหรือเกือบพอดีเวลาบ่อยไปที่กันต์ลืมตามาเห็นซีอยู่ในบอกเซอร์ตัวเดียววิ่งไปมาหาเสื้อผ้าน้ำไม่ได้อาบผมเผ้ายุ่งเหยิงคอนแทคเลนส์ก็ยังไม่ได้ใส่

เสียงวุ่นวายของมันจะปลุกกันต์ขึ้นมาทุกเช้าที่มีเรียน

เวลาดูมันใส่กางเกงนี่ก็ดีแฮะบอกเซอร์ที่ซีใส่ตอนก้มหน้าใส่กางเกงบางครั้งก็หลุดตูดเพราะมัวรีบซีคงคิดว่ากันต์หลับอยู่

หลังจากแต่งตัวเสร็จซีถึงจะเรียกกันต์ขึ้นมา

วันนี้ซีไม่ปลุกกันต์เหมือนทุกทีกลับปล่อยให้นอนยาวไปดีว่าไม่ตื่นสายกว่าเวลานัดในยุคที่ไม่มีมือถือจะไปก่อนไปช้าหรือไม่ไปมันไม่สามารถโทรไปบอกนัดได้อย่างสะดวกฝ่ายที่ต้องรอทำได้อย่างเดียวคือรอ

ตั้งใจว่าทุกเช้าจะลุกมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนซีถ้าวันไหนมันตื่นทันซึ่งนานๆทีไม่อย่างนั้นกันต์ก็จะลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะส่งมันไปเรียนก่อนจะทำหน้าที่แม่บ้านซักผ้าถูบ้านล้างห้องน้ำเสื้อผ้าในห้องเพิ่งจะซักไปตระกร้าผ้าว่างยังมีสิ่งที่ต้องจัดการอยู่น้อยนิด

‘ว่าไปนี่กูทำตัวเป็นแม่บ้านเลยนะเนี่ย’

“ไปดีกว่าเดี๋ยวจะสาย”

ข้างนอกทางเดินยังมืดสนิทไม่มีเสียงคนอื่นอยู่กันต์รู้สึกกลัวนิดหน่อยทั้งชั้นนี้เหมือนมีห้องนี้เหลืออยู่ห้องเดียว

ประตูทางบันไดทางลงเปิดกว้าง

จะมีใครมั้ยนะที่เวลานี้เพิ่งลงมาจากห้องนอนไม่ว่าจะไปเรียนหรือไปทำงานกันต์ก็จัดว่าสายมากอยู่ดีจนรู้สึกว่าตัวเองกลับมาเป็นคนไม่มีค่าในเวลานี้

แบบเดียวกับที่กันต์เคยมองซี

ซีคนนั้นกลับเดินนำหน้ากลายเป็นเด็กมหาลัยที่ดูมีอนาคตชุดนักศึกษาที่กันต์ใส่เวลานี้ก็เป็นของมันจะไม่ใส่ก็ไม่ได้

‘จะรู้สึกดีแค่ไหนนะที่ได้ใส่ชุดมหาลัยอันดับหนึ่งของไทย’

ซีกลายเป็นหนุ่มหล่อไปแล้ว

กระเป๋าสะพายในมือเกาะแน่นเข้าที่ไหล่แต่ไม่มีของในนั้นพอๆกับหัวของกันต์ที่รู้สึกว่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย

ข่าวในทีวีเมื่อเช้าทำให้วันนี้ตำรวจวิ่งเต็มท้องถนนช่วงเวลาที่กล้องวงจรปิดไฟจราจรระบบเชื่อมต่อแจ้งเตือนหลักที่เคยใช้ได้ดีในกทมเกือบกลายเป็นอัมพาตกว่าจะหาคนร้ายเจอก็หนีไปถึงไหนแล้ว

ข่าวกล้องปลอมกล้องใช้ไม่ได้ดูจะจืดไปเลยเมื่อเจอกับข่าวว่าฮาร์ดดิสเก็บภาพเสียทั้งหมดต้องเริ่มติดตั้งใหม่และถ้าอยากจะดูภาพต้องมาดูที่ศูนย์จราจรนั้นๆเองถ้าส่งออนไลน์เมื่อไหร่เดี๋ยวไวรัสก็เล่นงานจนเสียหายอีก

ผู้คนออกนอกบ้านดูระมัดระวังตัว

รถไฟฟ้ารอไม่นานก็วิ่งเข้าเทียบท่า

น่าแปลกกลุ่มเด็กวัยรุ่นบนรถดูยังจะยิ้มออกได้เด็กคนหนึ่งในกลุ่มหัวเราะขึ้นเสียงดังพูดจาทักทายคนที่ขึ้นมาทีหลัง

กันต์รู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินประโยคที่ว่า

“นายไปเรียนพิเศษที่เดียวกับเราหรือเปล่า”

“เมื่อวานเค้าสอนอะไรอะเราไม่ได้มา”

“นี่ๆรู้ข่าวคนนั้นยัง”

“มันฝากมาบอกแกว่า”

ทุกอย่างดูเป็นการสนทนาแบบโบราณในยุคมีสาย

คุณลุงที่นั่งอยู่ริมประตูกำลังกางหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่าน

บนรถตอนนี้หนังสือไม่ว่าจะเป็นนิยายแผ่นพับใบปลิวอะไรก็ได้ที่เป็นกระดาษและมีตัวอักษรพิมพ์ไว้อยู่ถูกนำมาวางให้คนหยิบกันขึ้นมาอ่าน

ไม่มีใครก้มหน้ามองมือถืออีกต่อไป

กันต์รู้สึกขำตัวเองเพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเดินบนถนนที่ไหนกันต์จะคอยถ่ายรูปแต่งรูปแล้วลงเพื่อเรียกความสนใจจากตัวเลขที่ไม่มีมูลค่าอะไรในชีวิตกันต์ตอนนี้เลยมาตลอด

หนักมากๆหน่อยก็จำได้ว่าเคยเดินสะดุดฟุตบาทเกือบจะตกลงไปบนถนนที่รถวิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว

ร้านกาแฟตอนนี้อยู่ข้างหน้าแล้ว... กันต์เดินเข้าไปในร้านมองหาพี่ฟ้า

ถ้าไม่จำเป็นกันต์จะไม่ซื้อกาแฟแล้วเดินลงไปนั่งสบายๆเด็ดขาดมันเปลืองรายได้ประจำวันที่ซีให้มา

ฟ้านั่งอยู่ริมกระจกที่โต๊ะตัวเดิม

พี่ฟ้าวันนี้มาในชุดเสื้อช่างสีน้ำเงินเข้มมีตรามหาลัยอยู่ที่หน้าอกนั่งดูดกาแฟมองออกไปทางกระจก

“พี่ฟ้าหวัดดี”

กันต์เอ่ยทักขึ้นก่อน

“หวัดดีวันนี้โดดเรียนมาเปล่าเนี่ย”

“เปล่านะพี่”

กันต์หยิบเก้าอี้ออกมานั่งตรงข้าม

“วันนี้พี่ฟ้ามีเรียนเหรอ”

“อื้อเช้าน่ะว่างแล้ว”

“วันนี้จะไปไหนดีละ”

พี่ฟ้าทำท่าลุกขึ้นยืน

เมื่อเข้ามายืนเทียบใกล้ๆพี่ฟ้าสูงกว่ากันต์มากอยู่หัวกันต์เพิ่งจะหน้าอกเองกลิ่นน้ำหอมประจำโชยมาตามลม

ไอ้บ้าซีมันไม่เคยเห็นจะทำตัวแบบนี้มั่งเลยแค่ตื่นมาอาบน้ำยังไม่ทันบางวันก็ไม่อาบไปทั้งอย่างนั้นแหละมันเป็นคนไม่ชอบเอาอะไรมาทาตัวโรลออนสักอันก็ไม่มีน้ำหอมคงไม่ต้องหา

เดี๋ยวเย็นนี้มันก็กลับมาพร้อมกลิ่นเหงื่ออีกแน่

“งั้น... ไปไหนดีละ”

กันต์นึกไม่ออกว่าอยากไปไหนจริงๆแล้วกันต์ก็วนเวียนอยู่แค่แถวคอนโดซีกับร้านกาแฟนี่แหละ

“งั้นตามพี่มากันต์น่าจะชอบ”

พี่ฟ้าเดินนำกันต์ไปขึ้นรถไฟฟ้าเวลานี้คนยังไม่แน่นมาก

รถไฟออกเลยๆไปได้สองป้ายก็หยุดลง

แล้วพี่ฟ้าก็เดินออกบนรถไฟฟ้ามันทำให้กันต์นึกถึงวันแรกที่เจอท่าทางพี่ยังอารมณ์ดีเหมือนเดิมรอยยิ้มจางๆผุดขึ้นมาให้เห็นเรื่อยๆ

กรุงเทพเงียบเหงาลงไปเยอะ

ป้ายประกาศให้ระวังภัยมีให้เห็นอยู่ทั่ว

พี่ฟ้าชี้ไปที่ตึกสีขาวทรงประหลาดข้างหน้ามันอยู่ตรงหัวมุมถนนห้างใหญ่หลายห้างขนาบอยู่ซ้ายขวาทางเดินเชื่อมเข้าตัวตึกใต้ร่มของรางปูนรถไฟฟ้า

ที่นี่กันต์ยังไม่เคยมาถีงแม้ว่ามันจะอยู่กลางกรุงเทพเลยก็ตาม

บันไดวนข้างในเป็นสีสีขาวสลับเทาแต่ข้างในค่อนข้างมืดมีเพียงแสงอาทิตย์ข้างนอกส่องเข้ามาเป็นทางดูแล้วนึกถึงบ้านร้างในหนังผีร้านรวงต่างปิดเงียบ

หน้าต่างทุกบานเปิดอยู่ให้ลมระบายเข้ามา

พี่ฟ้าเดินวนขึ้นไปถึงขั้น3แล้วนั่งลงกับพื้น

“พี่ฟ้าเรียนอยู่คณะไรเหรอ”

“วิศวะน่ะ”

คณะเดียวกับไอ้ซี

“วันนี้ไม่มีเรียนแล้วเหรอพี่”

“อือ... ก็หมดแล้วละนะ”

“แย่เนอะขนาดอย่างนี้ยังต้องไปเรียนกันอีก”

พี่ฟ้านั่งยิ้มกว้างให้

“ก็ให้ไปทำไรละเกณฑ์ทหารไปสู้เหรอไง”

นั่นสิไอ้ไวรัสบ้านั่นไม่ใช่จะแก้ได้ด้วยกำลัง

“แล้วจบไปพี่ฟ้าจะทำอะไรละตอนนี้เรียนอะไรไปก็ตกงานทั้งนั้นแหละ”

“อ้าวแล้วกันต์เรียนไปทำอะไรละ”

เอ่อ...

“ก็.. กันต์ชอบงานพวกสายวิดวะนี่”

“งี้ก็คำนวณเก่งอะเดะ”

“เหอะป่าวเลย”

ชิบละกูไม่เก่งแล้วเรียนได้ไงวะบ้าป่าวเนี่ยกูโกหกไรมั่วๆออกไปวะ

“ดูๆแบบนี้แล้วโลกมันช้าลงไปเยอะเลยเนอะพี่”

“กันต์ชอบที่เป็นแบบนี้แล้วเหรอ”

กันต์ว่าเห็นสายตาของพี่ฟ้าแปลกไป

“ป่าวพี่แค่ทุกอย่างมันช้าดี...”

นั่นสิไม่มีใครถือมือถือถ่ายรูปตัวเองกับสถานที่ท่องเที่ยวให้เห็นอีกแล้วไม่มีใครที่เดินแล้วก้มหน้ามองแต่อุปกรณืสี่เหลี่ยมในมือ

ความเป็นตัวตนกลับเข้าสู่ตัวของเจ้าของราวกับวิญญาณกลับเข้าร่าง

ไม่ต้องเอาวิญญาณกลวงๆไปอวดใครได้อีก

..กันต์ก็เคยเป็นผีที่สิงอยู่ตามซอกโซเชียลเช่นกัน

“เล่าเรื่องของกันต์ให้ฟังหน่อยสิ”

“ก็กันต์ก็ไม่มีไรหรอกพี่ตอนนี้กันต์อยู่คอนโดพ่อแม่... ไม่อยู่น่ะพี่อยู่เมืองนอกตอนนี้เลยติดต่อไม่ได้”

“ลำบากเนอะสมัยก่อนมักจะใช้เมลคุยกันพอมาตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปคุยเลย”

“งี้กันต์ก็ดีดิได้ไปเมืองนอกบ่อยๆแน่ๆ”

พี่ฟ้านั่งอยู่ตรงข้ามยกขาขึ้นมองออกไปทางหน้าต่าง

“ก็นิดนึงนะพี่ตอนนั้นนะลงรูปซะยังกับว่าเราอยู่เมืองนอกจริงๆแน่ะพอลงมากๆคนเข้ามากดกันเต็มเลย”

“แน่ะสมัยก่อนก็เป็นคนดังเหมือนกันเหรอเรา”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก”

“แล้วพี่ฟ้าละ”

“ก็... บ้านพี่จนน่ะพี่ต้องช่วยที่บ้านหาเงินโชคดีพี่เป็นดาวคณะเป็นลีดคนเลยรู้จักเยอะก็ทำโน่นนี่ขายมันก็พอได้อะนะ”

“โหเก่งอะพี่แล้วนี่มันได้เยอะมั้ยอะ”

พี่ฟ้ายักคิ้ว

“ก็เยอะพอส่งพี่เรียนกับซื้อของแบรนด์เนมใช้ได้เลยละ”

จริงกันต์เองก็เคยคิดว่าบรรดาสาวกที่พยายามเข้าหากันต์นี่ถ้าบริจาคให้สักคนละร้อยสองร้อยรายได้กันต์ก็หลายหมื่นต่อเดือนแล้ว

“ตอนนี้ก็แย่เลยเนอะ”

พี่ฟ้าไม่ตอบสีหน้านิ่งไปแววตาดูเหม่ออลย

คิดอะไรของเค้านะ

“เอ่อพี่... ผมถามอะไรผิดไปป่าว”

“หือป่าวหรอกเห็นหน้ากันต์น่ารักๆแล้วเลยคิดอะไรไปเรื่อยน่ะ”

“พี่ฟ้าชอบมาที่นี่เหรอ”

“ก็มันใกล้มหาลัยพวกพี่กับเพื่อนชอบมาเดินกันที่นี่ยิ่งพอมันไม่มีไฟคนยิ่งน้อยเหมือนเป็นที่ส่วนตัวของพวกพี่เลยละ”

“ดีจัง”

“หือดียังไง”

“ก็กันต์ไม่รู้จะมากับใคร”

“อ้าวแล้วเพื่อนที่คณะละ”

…..

เออะแย่ละ

“เออไม่หรอกพี่ไม่มีใครว่างแบบกันต์หรอกไม่ตั้งใจเรียนน่ะแฮะๆ”

ต้องระวังคำพูดแล้วสิ

“เดี๋ยวก็ไม่จบหรอก”

“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่”

ยังไม่ได้เรียนเลยจะจบได้ยังไงละ

อากาศข้างในเริ่มร้อนขึ้นเมื่อลมมันไม่พัดเข้ามา

“กันต์ลองเข้าไปเดินข้างในมั้ย”

พี่ฟ้าลุกขึ้นยื่นมือมาให้ก่อนจะจูงกันต์เดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ที่กำแพงทางเข้าเป็นลักษณะโค้งเข้ากับบันไดที่เป็นวงกลมกำแพงสีขาวตอนนี้กลายเป็นสีเทามีรอยมือแล้วก็สี

พวกมือบอนคงอาศัยเวลากลางคืนแอบบเข้ามาพ่นสีตามกำแพงดูแล้วมันไม่ใช่งานศิลปะที่เอามาโชว์ที่นี่แน่ๆสีสเปรย์สีแดงพ่นอยู่ไปทั่ว

บางข้อความก็แสดงความยินดีที่ทุกคนบนโลกนี้เท่าเทียมกันอีกครั้ง

พี่ฟ้ามองผ่านแต่ดูแล้วไม่ยินดีด้วยแน่ๆ

ห้องข้างในงานที่ถูกเรียกว่าศิลปะ?ยังตั้งอยู่สังเกตจากชั้นวางไม่มีอันไหนว่างเปล่ากรอบรูปที่แขวนเป็นขอบไม้ตรงกลางที่เป็นผ้าใบก็ยังอยู่แต่ก็เช่นกันถูกเพ้นสีเต็มไปหมด

รูปผู้หญิงที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถูกเติมหนวดหน้าอกขนาดปกติถูกวาดเพิ่มเป็นขนาดพิเศษเกินที่คนถ้าคนธรรมดามีแล้วจะเดินไปไหนมาไหนได้นอกนั้นก็เต็มไปด้วยรูปอวัยวะเบื้องต่ำของผู้ชาย

“เมื่อก่อนที่นี่เคยสวยนะ”

“เหรอพี่”

กันต์รู้มาว่าที่นี่เป็นที่แสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยถ้าจะดูของโบราณต้องไปที่อื่นไม่เหมือนเมืองนอกที่งานเก่าโบราณหรือภาพวาดที่มีความสำคัญกระจายไปตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ

เมืองไทยงานศิลปะก็ยังขายได้ยากมาเสมอ

แสงทะลุเข้ามาจากหน้าต่างเหนือหัวส่องแสงเข้ามากระทบภาพๆหนึ่ง

กันต์เดินตัดแสงนั้นเข้าไปหยุดมองภาพวาด

“มุมนี้ดูดีนะ”

พี่ฟ้าทำท่าเหมือนจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป

มือถือไม่ใช่ของที่คนพกไปมาอีกต่อไปยกเว้นคนรวยเท่าทนั้นที่ซื้อมือถือมาแทนกล้องถ่ายรูปแค่ไม่ใส่ซิมการ์ดก็ไม่โดนไวรัสแต่นั่นแหละมันทำให้มือถือกลายเป็นแค่ของด้อยค่าไปกว่าราคาแสนแพงของมัน

“อยากเก็บภาพกันต์ไว้จัง”

แสงเข้ามาตรงหน้ากันต์ส่งให้เงาทาบเข้ากับรูปด้านหลัง

พี่ฟ้าค่อยๆขยับเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะยื่นมือเข้ามาเกาะกวัดเข้าที่มือข้างขวาของกันต์มือที่ตอนนี้เย็นและชื้เหงื่อ

ลำพังสองคนในพิพิธภณฑ์ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้นี้เสียงฝีเท้าดูเหมือนจะเป็นเพื่อนร่วมทางที่เสียงนั้นเดินตามอยู่ข้างหลังไม่ห่าง

ดูน่าขนลุก

ภายในของจัดแสดงยังเหมือนเดิมบางห้องกลายเป็นเศษซากงานปั้นรูปเหมืนออะไรทั้งหลายมันล้มครืนอยู่ที่พื้น

บางชิ้นหัวกับตัวกระจายไปคนละทางนิ้วมือหงิกหักไม่ก็เหลือท่าทางทำนิ้วแปลกๆคงเป็นฝีมือคนเด็กที่ไหนอีกเหมือนกันที่มาทุบนิ้วอื่นออกหมดเหลือแต่นิ้วกลาง

ห้องทางขวามือตอนนี้เป็นห้องเปล่าแคบๆมืดๆ

ลมเย็นพัดวูบเข้าใส่หน้าชวนให้รู้สึกขนลุก

เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดกลิ่นเหม็นของยางผสมกลับกลิ่นอับก็เข้ามาจู่โจมตามเป็นระลอกที่สอง

ถุงยางใช้แล้วถูกทิ้งไว้เกลื่อนที่มุมห้องกันต์เห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวในความมืด

เงาของคนสองคนกำลังขยับดันคนข้างหน้าเข้าติดกำแพงดันอยู่อย่างนั้นคนข้างหน้าที่ไม่ยอมทำตามได้แต่ฝืนตัวกระแทกกลับส่งให้เป็นเสียงของก้อนเนื้อตีกัน

เงาดำของสองคนนั้นหยุดก่อนจะหันมามองทางกันต์

‘พวกเค้าเห็นแน่ๆ’

กันต์ยืนจ้องอยู่ในที่สว่างกว่าไม่มีทางที่คนมองออกมาจะไม่เห็น

เสียงหัวเราะคิกก้องออกมาจากในห้องนั้นเบาๆก่อนที่สองร่างนั้นจะทำกิจกรรมกันต่อ

อาอาฮุวอูวแรงอีกๆ

เสียงผู้ชายกันต์ฟังไม่ผิดแต่ ...ผู้ชายสองคน

เงาข้างหลังกำลังจับขาคนที่อยู่ข้างหน้ายกขึ้นก่อนจะดันตัวคนหน้าเข้าไปติดกำแพง

เสียงดังปังปังปังกำแพงทำจากไม้อัดโวยกลับเมื่อโดนมือข้างเดียวของคนหน้าตบเป็นจังหวะ

ร่างสองร่างบดบี้ตัวกระตุกเกร็งขึ้นลง

“กันต์...”

“ฮะคะคับพี่”

“ไปจากที่นี่เถอะ”

พี่ฟ้าจูงมือกันเดินออกมาจากตรงนั้นออกมาทางออกด้านหลังแล้วรีบพาลงมาข้างล่าง

“ขอโทษนะ”

“เห...”

“พี่ลืมไปว่าเดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับผมไม่รู้ด้วยว่าเมื่อก่อนมันเป็นยังไง”

กันต์รู้สึกตัวเองหน้าแดงภาพเมื่อกี้ยังติดตาอยู่มันทำให้กันต์เริ่มมีความรู้สึกแปลกๆก่อตัวขึ้นที่ส่วนล่าง

“หลังจากวันโลกดับทุกคนบนโลกก็ดูเป็นบ้าไปในเมื่อเทคโนโลยีออนไลน์มันหายหมดผู้คนก็เริ่มที่จะไม่กลัวมันไม่มีข่าวลือแบบนั้นในเวบหรือส่งต่อกันให้อ่าน”

“คนมันหน้าด้านขึ้นเพราะไม่มีหลักฐานตลกดีนะคนชอบว่าอินเตอร์เนตทำโลกเสื่อมแต่ไหงพอมันหายไปแล้วมันยังเสื่อมอยู่ละ”

พี่ฟ้าอยู่ๆก็หยุดเดินหันหลังกลับมาปล่อยให้กันต์ที่เดินใจลอยตามหลังรู้สึกสะดุ้งรีบเอามือกุมส่วนล่าง

ทำไมรู้สึกแฉะขึ้นมา

พี่ฟ้าคล้องมือเข้าที่เอวกันต์

“หน้าแดงเลยไม่เคยเห็นละสิ”

กันต์ส่ายหน้า

“ไม่ใช่... สดๆ”

“แสดงว่าหนังโป๊ดูบ่อยละสิ”

“ไม่ใช่!!!พี่”

เสียงกันต์สะท้อนกลับไปมา

ตอนนี้ความสูงสองคนอยู่เท่ากันเสียงหัวใจเต้นของคนตรงหน้ากำลังดังชัดเจนเสียงดังขึ้นอีกเมื่อคนใส่เสื้อตรงหน้าเบียดเข้ามาแนบกับตัวกันต์

ตัวของพี่ฟ้าเบียดอยู่ใกล้ใกล้จนต้นขาของพี่ฟ้าเข้ามาแนบเข้ากับขาของกันต์ปลุกความรู้สึกแปลกๆบางอย่างขึ้นมาอีกรอบ

…มันรู้สึกพี่ฟ้าขยับตัวให้ต้นขาเฉียดเข้ากับส่วนนั้นของกันต์

มือขาวเห็นเส้นเลือดเข้ามาจับผมนุ่มของกันต์

“นี่... วันไหนชวนพี่ไปกินข้าวที่มหาลัยมั่งสิ”

พี่ฟ้าเอาหน้าผากเข้ามาชนจนติด

เพราะความร้อนหรืออากาศในนี้กันแน่มันทำให้กันต์รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา

“เอ่อ.. พี่ฟ้า... จะมาที่คณะเหรอ”

“อื้อก็มหาลัยเดียวกันนี่นาพี่ก็น่าจะไปหาหน่อยนะ”

แล้วทำไมต้องเอาหน้าเข้ามาใกล้ด้วยวะ

“ก็ได้พี่... ว่างวันไหนก็นัดมา”

“หือ... นัดยังไงละเอางี้อาทิตย์หน้าแล้วกัน”

หาาาาาาาาาาาา

ก่อนเสียงระเบิดจะดังขึ้น

ตูม

“รีบกลับเถอะ”

สองคนทำหน้าตระหนกก่อนจะรีบวิ่งลงสู่ชัน้ล่างอย่างรวดเร็ว

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 6

เสียงระเบิดดังขึ้นสองสามรอบ

กันต์รีบวิ่งตามฟ้าออกจากที่นั่นอ้อมออกไปทางข้างหลังเลี่ยงถนนใหญ่ด้านหน้าบนถนนมีคนจอดรถหยุดลงมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรถต่อแถวกันยาวไปถึงสะพานข้ามข้างๆ

ไม่มีใครเห็นอะไรเป็นปกติที่คนจะแตกตื่นออกมาดูเพื่อหาอันตรายรอบตัว

กันต์คิดว่าอยู่เฉยๆบนรถน่าจะปลอดภัยกว่า

“พี่ฟ้ามันเกิดขึ้นอีกแล้วเหรอ”

สองคนในพิพิธภัณฑ์เมื่อกี้คงรีบใส่เสื้อผ้าแล้ววิ่งออกตามมาเอะ... หรือเค้าจะวิ่งแก้ผ้าออกมากันนะหน้าตาจะเป็นยังไงกัน

“ใช่ช่วงนี้รู้สึกบ่อยขึ้นด้วย”

กันต์พูดถึงระเบิด

“กลุ่มเดิมเหรอพี่”

“ไม่รู้สิจะรู้ได้ไงละรีบไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”

สัญญาณไซเรนดังขึ้นแว่วมาจากด้านหลัง

รถตู้สีขาวแล่นผ่านไปด้วยความเร็ว

กันต์จำได้เมื่ออินเตอร์เนตล่มสลายโลกออนไลน์ไม่สามารถช่วยเป็นหูเป็นตาได้อีกเครื่องมือของรัฐก็อ่อนแอลงจากการสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพ

กลุ่มที่ไม่พอใจเริ่มทำการรุนแรงในกรุงเทพฯ

ข่าวโทษกันไปมาบางสำนักว่ามาจากทางภาคใต้บ้างก็โทษเป็นผลจากผู้เสียประโยชน์ทางการเมืองเดากันไปเรื่อยไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่างยิ่งเดาก็ดูเหมือนจะยิ่งระเบิดหนักขึ้น

คนที่โดนโทษก็คงรู้สึกผิดแล้วก็ใช้วิธีเดียวกันตอบโต้กลับตามที่กล่าวหาสินะ

ดูเป็นเด็กกันเหลือเกิน

“พี่ฟ้าเดี๋ยวผมไปต่อเองก็ได้”

“อ้าวไม่เป็นไรเหรอ”

พี่ฟ้าหยุดหันมามองเสียงแหบเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากขาวไร้สิว

“คอนโดอยู่ข้างหน้าแล้วพี่รีบกลับไปเถอะ”

ฟ้าหยุดหายใจหอบแล้วพยักหน้าให้

“อืองั้นกันต์ไปดีๆละเดี๋ยวพี่ย้อนกลับไปทางด้านนั้นหวังว่ารถไฟฟ้าจะยังเปิดอยู่”

“ไปดีๆนะพี่แล้วเจอกัน”

กันต์โบกมือให้สองทีก่อนจะเดินถอยหลังออก

“ที่มหาลัยนะ”

กันต์ยิ้มให้

‘เหี้ยละจำทำไงวะกู’

กันต์ให้ฟ้าปล่อยห่างจากคอนโดอไปสองร้อยเมตรถนนหน้าคอนโดรถยังแน่นข้างหลังมีพุ่มไม้รกทึบอดไม่ได้ที่จะเดินผ่านเข้าไปดูเผื่อว่าจะเจอแบบในห้องมืดนั้นอีก

…จะทนไม่ไหวแล้ว

กันต์อยู่ร่วมห้องกับซีใช้ห้องนั่งเล่นเป็นห้องนอนเวลาส่วนตัวจึงไม่มี

ภาพที่เห็นมันกระตุ้นอารมณ์จนกันต์อยากจะทำตาม

ลิฟต์หน้าจะยังเปิดอยู่

กันต์ลังเลก่อนจะเดินเข้าไปโถงลิฟต์ใต้คอนโด

“ทนก่อนๆจะมาทำตรงนี้เลยก็ไม่ได้”

ลิฟต์เปิดออกข้างในไม่มีคน

กันต์แทบจะทนไม่ไหว

มือขวาล้วงเข้าไปในกางเกงยีนส์รัดสีดำที่ตอนนี้มันแน่นจนแทบจะระเบิดออก

ของในนั้นทั้งร้อนและเปียก

น้ำเหนียวลื่นกำลังหยดออกมาจากส่วนปลายกันต์ต้องใช้นิ้วมือขวาถูวนไปมามันทั้งลื่นทั้งรู้สึกดีกางเกงในเปียกไปหมดสงสัยได้ซํกตากก่อนที่ซีจะกลับมา

กันต์แอบอยากลอง

เวลานี้ไม่มีคนกลับเข้าคอนโดละมั้ง

กันต์ตัดสินใจรูดซิบกางเกงลงปลดกระดุมบนเผยกางเกงในสีขาวในนั้นที่เปียกเป็นดวงจากน้ำที่ล้นเกินออกมาจะซับได้

สีหน้าบิดเบี้ยว

ดึงกางเกงลง

เปิดของที่อยู่ในนั้นให้โชว์ตัวอยู่ในลิฟต์ส่วนปลายแดงเปียกลื่นผงกหงึกให้ประตูลิฟต์ที่ปิดอยู่

‘ไม่ไหวแล้วเว้ย’

กันต์กำรอบๆเบาๆแล้วรูดขึ้นลงสองสามที

เสียงกับท่าทางของเงาดำๆในห้องนั้นช่วยปลุกอารมณ์กันต์อย่างควบคุมไม่อยู่

“เหี้ยยยยยยพอ”

กันต์รีบดึงกางเกงกลับก่อนมันจะถึงจุดที่ทนไม่ไหวแล้วปล่อยคราบเหนียวทิ้งไว้ในลิฟต์ที่เปิดใช้เพียงตัวเดียว

“เดี๋ยวคนต้องรู้แน่ๆ”

ประตูลิฟต์เปิดออก

กันต์รีบวิ่งกลับเข้าไปที่ห้องของซี

ถอดเสื้อผ้าเดินตรงไปที่ระเบียงเปิดหน้าต่างรับลม

“อากาศร้อนเกินไป”

ใครจะเห็นก็ช่างมันเหอะอยากดูดูไปเลย

สองคนนั้นจะรู้สึกอย่างนี้ไม่นะในเมื่อไม่มีใครสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้อยู่แล้วอยากดูก็ดูไป

เสื้อนักศึกษาที่ยืมถูกถอดโยนออกไปอย่างรวดเร็วกางเกงสีดำเองก็ร่นลงมาอยู่ที่ข้อเท้ากางเกงในสีขาวทับอยู่ด้านบน

“เดินไปทำริมระเบียงเลยดีมั้ย”

ทำไมเรื่องแบบเมื่อกี้ถึงได้ปลุกเร้ากันต์ได้ขนาดนี้

อาแย่ละส่วนนั้นปล่อยน้ำไหลหยดลงบนพื้นเป็นดวงใสๆลื่นๆ

“เมื่อกี้ถ้าในนั้นพี่ฟ้าคิดจะทำแล้วละก็ ... จะยอมมั้ยนะ”

อา

มือข้างหนึ่งเอื้อมไปบีบก้นตัวเองยิ่งเรียกความรู้สึกได้มากส่วนนั้นผงกหัวรับ ...อยากโดนใครสักคนจัดการ

พี่ฟ้าคือคนแปลกหน้าที่เข้ามาหาโดยไม่รู้เหตุผลกันต์เองไม่ได้ไว้ใจพี่ฟ้าเพียงแต่ดูแล้วอะไรบางอย่างในตัวพี่ฟ้าทำให้กันต์รู้สึกสนใจ

“…ถ้าตอนนี้ซีอยู่ ...ซีมันจะ ...เปลี่ยนใจมั้ยนะ”

กันต์เดินไปเปิดประตูห้อง

แล้วนั่งพาดขาลงกับพื้นเหยียดขาออกแต่อ้ากว้างไม่ได้กางเกงมันรัดข้อเท้าเข้าไว้ด้วยกัน

หันหน้าออกไปทางหน้าประตูแอ่นตัวขึ้นจากพื้นให้ส่วนนั้นขับเน้นชี้ขึ้นไปสูงที่สุดพยายามเลียนแบบที่สองคนนั้นทำตั้งใจจะทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นถ้าเกิดมีคนเดินผ่านละก็นะ

ก่อนที่กันต์จะเริ่มบรรเลง...

มือข้างนึงยันพื้นเอาไว้

ส่วนอีกข้างทำหน้าที่ขยับขึ้นลงผลักให้หัวมันชี้ออกไปทางหน้าประตูน้ำไหลออกมามากจนลื่นมือเสียงบีบจับของเปียกๆจึงดังขึ้นเป็นจังหวะ

ชั้นนี้มันไม่มีคนเงียบได้ยินแต่เสียงขยับรูดขึ้นลงของกันต์ก้องกังวาล

อา...

เสียงครางเบาๆยังสะท้อนกลับมากันต์แทบทนไม่ไหว

ออกตรงนี้เลยดีมั้ยให้มันออกไปทางหน้าประตูออกมาเป็นสายกันต์อยากเห็นภาพนั้นสองคนนั้นคงจะทิ้งคราบเอาไว้บนผนังไม้อัดแน่ๆ

กันต์ไม่ทนแล้ว

กำลังงเต็มที่เพื่อจะปลดปล่อยมันออกไป

ติ๊ง ...

เสียงลิฟต์???

พอๆๆๆๆๆๆๆปิดประตูแล้วกลับไปนั่งสงบสติดีกว่าเป็นอะไรไปเนี่ยสงสัยอดอยากมากอยู่กับไอ้ซีทุกวันไม่มีเวลาส่วนตัวเลย

เสียงไขประตูห้องเข้ามามันกลับมาพอดี

ปล้ำไอ้ซีซะเลยดีมั้ย


ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 7

ซีเปิดประตูเข้ามาแรงๆทันทีที่ไขเสร็จ

“กันต์กลับมายัง”

“เออสิถ้าไม่กลับมาแล้วแกจะถามใครละ”

“อ้าวจะรู้มั้ยละก็คิดว่ายังมัวเดินอ่อยผู้ชายอยู่ข้างนอก”

“นี่กลับมาจะหาเรื่องกันใช่มั้ยแล้วทำไมวันนี้กลับเร็วละมีเรียนไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ได้ยินเสียงระเบิดรึไงทุกคนเค้ารีบวิ่งกลับบ้านกันหมดแหละกูรีบกลับมานี่ไงกลัวมึงมายืนตกใจร้องไห้งองแงอยู่หน้าห้อง”

“นี่กูโตแล้วนะ”

“เอออเรื่องมึง...”

ซีเดินเข้ามาถอดเสื้อก่อนจะนั่งบนเก้าอี้

“แย่งที่นอนกูอีก”

“มึงจะใส่แต่กางเกงนอนรึไง”

“เอออป่าว...กูว่าจะไปอาบน้ำพอดี”

“อาบพร้อมกันมั้ยจ๊ะ”

“ไปไกลเลย”

ซีทำท่าปลดกางเกง

“นี่กินไรมายัง”

“ยังเลยมึงงะ”

“ยังอะรอสักพักแล้วกันดูท่าทีไปก่อน”

หกเดือนต่อจากวันนั้นเสียงระเบิดมันก็ดังถี่ขึ้นหลายๆครั้งที่ประเทศประกาศฉุกเฉินให้หลบอยู่แต่ในที่อยู่อาศัย

สำหรับกันต์มันคือโซฟาสีเข้มนี้

กันต์ต้องใช้เวลาหลังจากนั้นมาอยู่ร่วมห้องเดียวกับซี

ห้องชุดบนคอนโดหรูกลางเมืองแต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นห้องเดี่ยวเพราะเหตุที่กันต์จึงขอใช้พื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นห้องนอน

ข้อดีอย่างหนึ่งคือหลังจากเหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อนผ่านไปเพื่อนที่กันต์เคยรู้จักทั้งหมดหายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

แน่นอนว่ามันก็เป็นแค่เพื่อนในเนทกันต์บ้าเองที่ไปให้ความสำคัญกับพวกนั้นมากกว่าคนตัวเป็นๆที่จับต้องได้ในชีวิตจริง

ตอนนี้เพื่อนของกันต์เหลือแต่ซีเพียงคนเดียว

ทำไมกันนะ... ทำไมซีถึงไม่ปฎิเสธกันต์เหมือนคนอื่นๆ

ทั้งสองคนนั่งรออยู่บนห้องเป็นเวลานานจนแน่ใจว่าไม่มีเสียงระเบิดหรือเสียงหวอหรืออะไรก็ตามแต่ที่มันดูน่ากลัวตามมาอีกจึงตัดสินใจเปลี่ยนชุดแล้วลงไปหาอะไรกินกัน

เสียงฝีเท้าของซีที่เดินตามหลังลงมาก้องอยู่ที่ช่องทางเดินลง

เมื่อก่อนพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ที่ปลอดตาคนคงจะมีกิจกรรมอะไรแผลงๆอยู่บ้างดูจากรอยตามกำแพงและทางเดินก็พอรู้

มาวันนี้รอยพวกนั้นมีแต่จะเพิ่มขึ้นเพราะคนใช้ทางเดินขึ้นลงนี้มากขึ้น

เวลาที่แยกจากซีไปหนึ่งปีนี่จะถูกถมด้วยเวลาอีกหนึ่งปีที่ได้ใช้จนถึงตอนนี้ได้มั้ยนะ

อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปรูปร่างหน้าตาของซีก็เปลี่ยนไป

กันต์กำลังเดินลงไปซื้อของข้างล่างต้องรีบไปรีบกลับก่อนที่จะหมดเวลาไม่งั้นขาลงพอเดินได้แต่ทางกลับขึ้นมาที่ชั้น6นี่ดูจะสูงเอาเรื่องอยู่และถ้ายิ่งซื้อของกินมาเยอะแยะด้วยจะลำบาก

นั่นสินะจากวันนั้นมา... นี่ก็ปีกว่าแล้ว

ทำไมเรื่องที่กันต์ทิ้งซีไปยังวนเวียนอยู่ในหัวของกันต์นะ

“ขอโทษนะ”

“หืออะไรนะ”

ซีหยุดเดิน

“ก็... กูคิดว่ากูควรจะพูดคำนี้ให้มึงนะ”

“ทำไมวะ”

กันต์ล้วงกระเป๋าเหมือนจะหาอะไรสักอย่าง

“ปีสุดท้ายของชีวิตนักเรียนมึงเป็นยังไงบ้างละ”

กันต์เปลี่ยนเรื่อง

“ก็ดีอยู่ๆมาถามอะไรตอนนี้วะ”

ซีเอารองเท้าแตะเตะข้อพับของกันต์เพราะกันต์อยู่ต่ำกว่า

“เปล่าก็เพราะกูไม่ใช่เหรอ...”

กันต์หันมาทำหน้าหงุดหงิดขาข้างนึงทรุดเลย

“เฮ้ยคิดมากน่า”

ซียังคงลูบตามตัวอยู่สีหน้าไม่สบายใจ

ช่วยไม่ได้กันต์คงต้องเปลี่ยนเรื่องที่จะพูด

ความผิดของกันต์คงไม่ได้รับการยกโทษให้ง่ายๆแน่ๆหรือไม่ก็ซีอาจจะไม่ได้ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ

ชีวิตม. 6ของซีมันเหมือนมุมดำมืดที่เป็นความผิดติดตัวกันต์อยู่

ซีที่เป็นฝ่ายพยายามติดต่อกันต์มาตลอด...

กันต์กลับเมินมันจนวันหนึ่งที่กันต์คิดว่าซีคงหมดความอดทนไปแล้ว

‘ในโลกอินเตอร์เนทมันก็คงเป็นแบบนี้’กันต์คิดในใจ

ยิ่งกันต์เป็นคนดังเท่าไรบุคคลิกแปลกๆก็เริ่มเข้ามาแทนที่กันต์เริ่มเป็นคนแคร์ภาพลักษณ์ที่คนมองเข้ามากกว่าความเป็นจริงๆของเพื่อนร่วมห้องและเมื่อถึงจุดๆหนึ่งกันต์ก็ละเลยเพื่อนที่ชื่อซี

พอมาดูวันนี้ซีมันเปลี่ยนไปก็จริงแต่อะไรสักอย่างที่คอยมากระตุกหลังกันต์ให้เห็นภาพซีในชุดนักเรียนคนนั้นอยู่ตลอด...

สมัยเรียนม.ปลายหน้าตากันต์ดูโดดเด่น

พ่อของกันต์สงสัยว่ากันต์จะไม่ใช่ลูกของตัวเอง... แม่เองก็บอกว่าไม่ใช่ถ้ากันต์จำไม่ผิด

ถึงอย่างนั้นหน้าตากันต์ก็ไม่ได้เหมือนลูกคนไทยสักเท่าไร

ผิวขาวผมตรงแต่สีดำสนิท

และน่าแปลกๆที่กันต์ไม่สูงมากไปกว่านั้นไม่เตี้ยกว่ามาตรฐานแต่ก็ไม่ใช่ถูกจัดว่าเป็นคนสูงถ้าจะใช้คำว่าสันทัดมันก็แล้วแต่ละคนว่าจะตีความว่าแค่ไหน

กันต์ที่ชีวิตเวลาปิดเทอมมักจะได้อยู่เมืองนอกกลับไปหาพ่อเลี้ยงที่อเมริกา

รูปทั้งหมดถูกอัพเดทลงบนโซเชียล

ผสมเข้ากับหน้าตาไม่นานกันต์ก็กลายเป็นคนที่ใครๆรู้จัก

ชีวิตหรูหราที่ต่างประเทศทุกปี

ที่ชั้นล่างสุดร้านขายของเริ่มทยอยปิดร้านแล้วไฟดับเป็นแห่งๆเหมือนคนลืมเปิดไฟไม่ก็การไฟฟ้าอันแสนจะห่วยแตกของประเทศนี้ไม่มาซ่อมแซมบริเวณที่ไฟเสียตามเคย

…ใครว่ามันไม่มีไฟให้ใช้แล้วต่างหาก...

เอี๊ยดดดดด

เสียงรูดประตูเหล็กปิดหน้าร้านไล่หลังมา

“คงจะไปนั่งกินที่ร้านไม่ได้แล้วซื้อกลับขึ้นไปกินก็ได้”

“ยังไงก็ได้”

ซีหันมามองกันต์

“ก็ใครวะมัวแต่นอนอ่านการ์ตูนอยู่ได้”

“จะรู้มั้ยเล่าคิดว่ามันยังทันถ้าไม่อ่านจะให้ทำอะไรจะลงมาเลยก็ไม่ได้ไม่ใช่เรอะนี่ร้านเปิดอยู่ก็ดีแค่ไหนแล้ว”

กันต์นอนคว่ำอ่านการ์ตูนสบายใจอยู่บนโซฟา

ซีไล่ให้ไปอาบน้ำก่อนจะลงมาหาอะไรกินก็ไม่ยอมไปจนซีทนไม่ไหวต้องเข้าไปดึงการ์ตูนออกจากมือแล้วอุ้มกันต์เข้าไปในห้องน้ำ

‘จะอาบเองหรือให้จับแก้ผ้า’

‘มึงออกไปเลยมึงจะบ้าเหรอ’

กันต์รีบเอามือมาดึงกางเกงบอกเซอร์ตัวเดียวขึ้น

‘ทำเป็นไม่เคยไปได้’

‘นั่นมันประถมไอ้บ้านี่มหาลัยแล้วนะ’

‘มหาลัยสิยิ่งไม่น่าอายทำยังกับว่าตอนดู...’

แปะ

หนังสือการ์ตูนถูกโยนใส่หน้าซีก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิดประตูห้องน้ำดังๆใส่หน้า



“เลือกได้ยังมึง”

“เออน่าได้แล้ว”

“ดีนะร้านยังเปิดอยู่เพราะใครละช้า”

ซีมองด้วยหางตา

“โอ๊ยขี้บ่นจริงบ่นเป็นคนแก่เลยนี่แก่ไปจะขี้บ่นกว่านี้มั้ยจะมีใครเอามั้ยเนี่ย”

ตัวต้นเหตุรู้สึกผิดแต่ไม่รู้จะแก้ไขยังไง

“งั้นมึงก็ทนฟังกูบ่นไปแล้วกัน”

“ไอ้ห่านี่”

สองคนหัวเราะเบาๆจนพนักงานที่เคาเตอร์มองสลับไปมาอย่างสงสัย

ซีเอาของทั้งหมดไปจ่ายที่หน้าเคาร์เตอร์ก่อนจะถือของทั้งหมดไว้ในมือ

ขากลับขึ้นห้องกันต์ให้ซีเดินนำหน้า

ไม่อยากโดนจ้องตูดเวลาเดินมันต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆที่มีคนมาจ้องตูดเวลาเดิน

ลมเย็นวูบพัดใส่หน้าทันทีที่เปิดประตูห้องออก

หน้าต่างถูกเปิดทิ้งไว้ชั้นนี้คงสูงพอไม่ต้องล็อคหน้าต่าง

ตัวซีชุ่มไปด้วยเหงื่อแผ่นหลังใหญ่ๆมีเหงื่อชื้นขึ้นมาเป็นดวง

ก่อนที่กันต์จะทันล้มตัวลงบนโซฟา

“ไม่กินเหรอต้องให้ป้อนมั้ยเหมือนเด็กเลยนะมึงนี่”

ซีกำลังแกะข้าวกล่องออกมาจากถุงพลาสติค

ข้าวกล่องส่งกลิ่นหอมออกมาเสียงหนังยางรัดดีดออกเสียดสีกับกล่องโฟมทำให้กันต์รู้สึกหิวแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้

“อยู่โน่นไม่มีให้อ่านเหรอ”

“ไม่มีฝรั่งมันอ่านที่ไหน”

ซีไม่สนใจรีบแกะแล้วตักคำต่อคำเข้าปาก

กันต์พลิกมานอนหงายแต่มือยังไม่วางหนังสือ

“ให้ป้อนมั้ย”

ซีลุกขึ้นยืนคร่อมหัวกันต์อยู่

เงาดำทับหน้าขาวๆ

กันต์มองลอดขึ้นไปเกือบจะเห็นเข้า...

“ป้อนสิ”

การ์ตูนในมือกันต์เก่าจนเหลืองกันต์ลุกขึ้นนั่ง

ซีป้อนกันต์คำสลับกับกินเอง

ไม่นานข้าวในกล่องก็หมดเสียงรัดหนังยางกลับเข้ารอบกล่องดีดดังแปะ

ในห้องที่เงียบมีแค่ลมเย็นๆไม่มีเพลงจากคอมฯให้ฟังไม่มีเกมส์ออนไลน์ให้เล่นไม่มีอะไรก็ตามที่ดึงสมาธิของคนสองคนออกไปจากกัน

กันต์เพิ่งรู้สึกเหมือนกลับไปวัยเด็ก

ได้ใช้ปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างเต็มที่ไม่ใช่แค่เรื่องสวยงามในอินเตอร์เนทคนตัวเป็นๆที่จับต้องได้อยากรู้อยากพูดอะไรเราก็ใช้เวลานี้ถามตอบต่อกัน

เรื่องที่พูดได้ก็พูดบางเรื่องก็ไม่กล้าถาม....

‘ซีมึงคิดยังไงกับกูวะ”

…ตอนเรียนอยู่ไอ้ซีมันไปอยู่ที่ไหนมานะ

“นี่กูล้างตัวก่อนนะร้อน”

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 8

กันต์ตื่นสายรีบแต่งตัวตามซีไปที่มหาลัย

ถ้าไม่ไปพร้อมซีแล้วกันต์จะไปรู้จักที่ทางที่มหาลัยได้ยังไงนี่ถ้าไปเองแล้วผิดเวลาไปนั่งอยู่คนเดียวคงยิ่งตลก

ซีตื่นมาก่อนแล้วนั่งรอกันต์แต่งตัวอยู่

เมื่อคืนซีโวยวายมากหลังจากกันต์เล่าให้ฟัง

“นี่มึงไปติดใจผู้ชายอะไรคนนั้นนักหนาวะ”

นั่นสิคนถูกถามก็ไม่รู้เหมือนกัน

กันต์เฝ้าถามตัวเองอยู่สักพักแล้วไอ้หัวที่ไม่มีความรู้อะไรนอกจากม.6เนี่ยมันคงคิดได้แค่ว่าเพื่อนสมัยเรียนไม่มีใครเหลือคบกันต์อยู่

เด็กรุ่นเรามันก็อย่างนี้ละมั้งเจอใครเข้ามาอย่างน้อยเป็นเพื่อนมันก็รู้สึดีกว่า

‘ใช่สิตอนนี้กูไม่เหลือเพื่อนคนไหนนอกจากซีอยู่แล้วนี่นา’

ถ้าได้พี่ฟ้ามาเพิ่มก็ดีท่าทางจะเป็นคนดังเพื่อนน่าจะเยอะ

“เสร็จยังมึงกูจะสายแล้วนะ”

เสียงซีตะโกนทะลุประตูห้องน้ำบางๆเข้ามา

ใครมันออกแบบคอนโดประตูเป็นกระจกขุ่นวะ

ห้องนี้ทุกอย่างเรียบเป๊ะเป็นระเบียบ

คนบ้าอะไรเจ้าระเบียบนักนะ

กันต์ออกมาในชุดนักศึกษาแต่เหมือนเคยเสื้อสีขาวยืมมาจากซีนอกจากกางเกงยีนส์สีดำตัววันนี้แล้วทุกอย่างเป็นของซีหมด

เสียงล็อคประตูไล่หลังมา

“นี่แล้วแกจะทำยังไงวะเกิดมันมาหาจริงๆน่ะ”

“เออ... ไม่รู้เลยวะ”

กันต์พยายามหาเรื่องโกหกต่างๆนานาในหัวเผื่อว่าถูกถามขึ้นมาจะได้ตอบได้

พี่ฟ้าจะสงสัยมั้ยวะ

“โดนจับได้แน่มึง”

“นี่แช่งกันเหรอ”

“เออออโดนละจะสมน้ำหน้าไม่ต้องวิ่งมาร้องไห้ให้กูฟังเลยนะ”

“ไม่มีทางห้องเดียวกันยังไงกูก็บ่นให้มึงฟังอยู่ดีถึงมึงจะเข้าห้องกูก็จะตะโกนดังๆให้มึงฟังคอยดู”

“พูดมากจริงมึง”

ซีเอาหนังสือหนาๆหลายเล่มเคาะหัว

… หนังสือคุ้นๆนะ

“นี่ซีมึงเรียนคณะอะไรอะ”

“วิดวะไง”

“แล้วปีไหนวะ”

“2นี่มึงไม่รู้จักกูมาก่อนเลยใช่มั้ย”

“แล้ว... มีอ.ชื่ออะไรมั่ง”

“มึงเตรียมหาคำตอบอยู่สินะ”

ไอ้บ้านี่รู้ทันอีก

“เอางี้มึงเชื่อกูไม่ต้องไปสนใจหรอกมันไม่ถามหรอกมึงก็เปลี่ยนๆเรื่องไปเรื่องอื่นซะ”

“จะดีเหรอ”

“เออน่าหรือมึงจะพามันมานั่งเรียนเลยมั้ยละ”

เออ... งั้นเจอแล้วรีบลากออกไปเลยดีกว่า

ที่มหาลัยกันต์ต้องนั่งรออยู่ใต้ตึกผู้คนในชุดขาวดำเดินป่านไปมาทุกคนใส่ชุดเหมือนกันหมดต่างกันที่ผ้ารูปแบบเล็กๆน้อยๆ

ที่นี่ต่างจากที่กันต์คิดไว้

‘ตอนแรกคิดว่าทุกคนจะทำตัวเหมือนเป็นเด็กเรียนใส่แว่นหนาๆดูเป็นเด็กเรียนแบบที่เห็นในทีวีความจริงเปล่าเลย’

มันก็เป็นเหมือนๆกันวัยรุ่นที่ไหนก็เป็นอย่างนี้

ยิ่งสมัยนี้แล้วใครจะมาทำตัวเชยๆอีกแฟชั่นมีให้อัพเดทเยอะแยะ....

เออ... เอาไรมาอัพวะ

“นี่นั่งรอนี่นะ”

ซีดันไหล่กันต์ลงไปนั่งที่โต๊ะไม้มันอยู่ลึกเข้าไปในบริเวณหมู่โต๊ะไม้ที่วางเรียงรายกันบนโต๊ะทุกโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือเรียนของใช้ของกินบ้าง

“นี่ซีหิวมั้ย”

เมื่อเช้าเพราะกันต์ช้าซีเลยยังไม่ได้แวะหาอะไรกินมา

“นิดนึงมึงอะ”

ซีวางของลงบนโต๊ะทักทายคนที่เดินผ่านไปมาบ้าง

สายตามองมาทางกันต์แปลกๆ

‘คนที่นี่แม่งไม่ต้อนรับคนนอกเปล่าวะ’

ซีดูเข้าได้ดีกับเพือนร่วมขณะบรรดาพวกที่กันต์คงต้องเรียนว่ารุ่นพี่... ทั้งๆที่รุ่นเดียวกัน

“รอนี่ละกันต้องขึ้นเรียนแล้ว”

ก่อนที่ทันจะได้ท้วงอะไรเสื้อชอปสีน้ำเงินเข้มที่ไม่รู้ว่าซีเอามาตอนไหนถูกสวมทับเข้าไปตรามหาลัยอยู่ตรงกระเป๋าเสื้อ

หลายคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะเมื่อกี้ต่างก็เดินไปทางเดียวกัน

ทิ้งกันต์ไว้ให้เหมือนจะเดียวดาย

‘ก็เหมือนแล้วละ’

ที่นี่ไม่มีคนรู้จักเลยอย่างน้อยถ้าเจอเพื่อนห้องเดียวกันที่เข้าที่นี่บ้างคงจะรู้สึกดีกว่านี้

สายลมอุ่นๆพัดเข้ากระทบหน้าวูบหนึ่ง

นึกถึงสมัยเด็กเลยแฮะก่อนที่จะมีมือถือมีอินเตอร์เนทมี.... กันต์เคยนั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกโรงเรียนที่ตอนนั้นกันต์เพิ่งจะขึ้นชั้นมัธยมต้น



‘ไงซีมึงมาสายนะ’

เสียงใสของกันต์ร้องขึ้น

‘ก็ที่บ้านกูมาส่งสายอะนี่มึงทำไรอยู่’

ทั้งคู่อยู่ในชุดนักเรียน

กันต์ต้องเงยหน้าขึ้นมองเสียงทักนี้ทำให้รู้สึกไม่แน่ใจ

หน้าตาซียังเหมือนเดิมแต่ทำไมเสียงแปลกไป

นี่แค่ปิดเทอมนะมันไปทำไรมาวะ

‘นั่งรอมึงไง’

ซีทำเหมือนไม่อยากจะพูดมาก

 ‘ไม่ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนคนอื่นเหรอ’

‘โตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ’

กันต์แหย่ขึ้น

‘ทำพูดหมอยขึ้นยังเหอะ’

ทั้งสองก้มหน้ามองพื้น

‘นี่ปิดเทอมไปทำไรมาวะเป็นหวัดเหรอ’

ซีส่ายหัว

‘มึงแม่งอ่อนวะ’

‘อ้าวมาว่ากูทำไมเนี่ย’

ตอนนั้นกันต์ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร

เมื่อยืนขึ้นส่วนสูงของซีนำกันต์ไปนิดนึงแล้วและทิ้งห่างออกไปตลอด

เสียงที่ใต้ตึกตอนนี้เงียบไปหมดแเล้วเกือบจะเหลือกันต์คนเดียว



“นั่นสิเนอะมีแค่กูนี่แหละที่ไม่เปลี่ยนไปเลย”

“ซีมันมีเพื่อนใหม่เยอะแยะ... แล้ว... เราละ ...ตอนนั้นมัวไปทำอะไรอยู่นะทั้งๆที่ทุกคนในห้องก็ดูเป็นเพื่อนที่ใช้ได้แท้ๆ ...ทำไมไม่เข้าใจคนอื่ยให้มากกว่านี้วะ”

ปกติกันต์ก็โลกส่วนตัวสูงอยู่แล้วกันต์รู้ตัวดี...และไม่เคยคิดว่ามันจะทำร้ายใคร ...การที่เห็นคนรอบข้างเดินวิ่งไปมาพูดคุยบ้างทักทายเป็นบางครั้งมันก็พอให้รู้สึกดี...

เวลาที่เหลือของม.ปลายแสนสั้น ...ก็เอาไปใช้กับเรื่องบ้าบอที่มันจับต้องไม่ได้เอาอะไรกลับมาก็ไม่ได้

กันต์เคยโดนซีว่า

“ยอดไลค์มันแดกได้มั้ย”

ไม่มีทางที่ตอนนั้นกันต์จะเชื่อเด็ดขาด

…ตอนนี้ไม่เหลือใครให้ทักแล้ว

ยอดไลค์แดกไม่ได้ยิ่งกว่าที่ไม่ใช่ตัวรับประกันว่าในชีวิตจริงเราจะเป็นคนน่าสนใจแค่ไหนจะมีเพื่อนมากมั้ย ...มันไม่ได้วัดอะไรเลย

“ช่างมันเหอะปล่อยความรู้สึกตอนนี้ไปก่อนแล้วกัน”

เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กเด็กยุคที่มือถือยังไม่มีเนทไม่มีเกมส์

เด็กรุ่นพ่อแม่เราสินะ

คนยังไม่ก้มหน้า

“น้องเรียนคณะนี้เหรอ”

กันต์ส่ายหัว

“มารอเพื่อนน่ะครับ”

อ้อ

“อีกเดี๋ยวก็เดินลงมาแล้วละ”

กันต์ยิ้ม

แอบขำไม่ได้ถ้าสมัยก่อนคนเปิดมือถือหาคนอยู่แถวนี้แล้วทักไปหรือส่งหน้ายิ้มไปให้ตรงนี้ที่กันต์แอบขำเพราะว่ากันต์ได้ส่งยิ้มจริงๆให้คนอื่นนี่เป็นคนที่สองที่เข้ามาทักกันต์ก่อน

เมื่อเห็นว่ากันต์ไม่พูดอะไรอีกคนๆนั้นก็เดินจากไปปล่อยให้กันต์กลับมานั่งรับลมอยู่คนเดียว

“กันต์ๆๆๆ”

เสียงเรียกชื่อมาจากที่ไกลๆ

“หือ...”

“อ้าวกลับมาตอนไหนวะซี”

“นี่มึงนอนตรงนี้เลยเหรอ... ไม่ไหวเลยกูเรียกตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว”

หือนี่ดีเลย์ไปนานยังงั้นเลย

“เออดิ”

จริงด้วยใต้ตึกตอนนี้กลับมาโหวกเหวกเสียงดังอีกแล้วคนชุดเหมือนกันเดินไปมาเต็มไปหมดเสียอย่างเดียวดูๆแล้วไม่มีใครหน้าตาเหมือนอยู่รุ่นเดียวกับกันต์เลย

เข้ามหาลัยแล้วหน้ามันทำให้หน้าดูแก่ขึ้นงั้นเหรอวะ

“เฮ้ยนั่นไงๆ”

…หือ

“ซีนั่นน้องมึงเหรอ”

กันต์หันไปตามเสียง

“ตาเขเหรอมึง”

ภาพของซีที่โวยวายใส่คนข้างๆทำเอากันต์สงสัย

“ไม่ใช่มึงนี่เพื่อนกูมันมานั่งรอน่ะ”

“เรียนคณะไรวะ”

คนข้างๆซีที่ใส่ชุดเหมือนกันทุกอย่างยกเว้นปากกาเสียบอยู่ที่ช่องเสียบที่แขนเสื้อหันไปถามซี

“….เอ่อ”

“ไง”

คนอีกด้านทักขึ้นบ้าง

“ไง ... เอ่อไม่มีเรียนน่ะ”

“เพื่อนกูมันกลับมาจากเมกาตอนนี้มันเลยติดอยู่ไงมันกลับมาช่วงนั้นพอดีมันเลยติดต่อพ่อแม่ไม่ได้น่ะ”

ทุกคนทำหน้าเหมือนเข้าใจ

“ซวยเนอะแต่เอะไม่ได้จะเข้าเรียนมหาลัยที่ไทยเหรอ”

“ตอนแรกก็เปล่า...”

“เอาน่าอย่าไปซักมันเลยสงสารมัน”

ซีดึงแขนกันต์ไปอีกด้าน

“หิวแล้วจะไปซื้ออะไรกินมั้ยฝากด้วยดิเบอร์ 1 2”

“ใครเบอร์ 1 2วะ”

ทั้งสองคนแทบจะพูดพร้อมกัน

แรงตบหนักๆกระทบลงบนหลังกันต์ทีหนึ่ง

“เพราะใครวะสายเลย”

“เออกูผิดกูขอโทษ”

“นี่มึงไม่ไปเหนอใจคอจะนั่งเฝ้าเพื่อนมึงเหรอไงคณะเราไม่มีขโมยหรอกเว้ย”

คนตัวสูงที่นั่งถัดจากซีไปพูดขึ้น

“เออก็ไม่แน่”

“นี่มึงนั่งเฝ้าจนมันตื่นลากไปก็ไม่ยอมยังจะมาฝากพวกกูอีกนะ”

คราวนี้คนตัวหนาล่ำสูงเท่าซีเลยพูดบ้าง

“น่าๆๆช่วยกูหน่อยน่าท่าทางไอ้นี่มันไม่อยากออกไปเดินไหน”

“นายก็ไปกับเพื่อนๆนายก็ได้เดี๋ยวเรานั่งรอนี่”

“เออลืมแนะนำไอ้นี่ชื่อเต้ไอ้อ้วนนี่ชื่อต๊ะ”

“ใครอ้วนล่ำเว้ย”

“หวัดดีครับ”

“พูดซะเพราะเชียวมึงทีกับกูน่ะพูดยังงี้มั้ย”

“เออไงสัส” กันต์หันไปเปลี่ยนคำทักทายใส่สองคนนั้น

“เกินไปมึงนั่นก็สนิทเกินไป”

สองคนนั้นไม่พูดอะไรได้แต่หัวเราะแต่ทำหน้าตกใจนิดนึง

“เอออไปเหอะกูนั่งรอละกัน”

“อะไรน้าทำให้คนที่ไม่เคยรอใครอยากซีต้องทนนั่งรอได้”

เต้เอามือเกาหัวหันหน้าไปทางอื่นแกล้งพูดขึ้นก่อน

“นี่ๆถามหน่อยสิซีมันแอบเก็บใครไว้ที่ห้องเปล่าวะมันไม่ยอมให้เพื่อนไปที่ห้องเลย”

นายต๊ะรีบตามขึ้นมาทันที

“กูว่าแม่งสาวชัวร์แอบกกกันอยู่ที่ห้องแน่ๆแม่งหื่นสัส”

เข้าขากันดีจริงมิน่าซีถึงเรียกว่าเบอร์ 1 2

“นี่มึงรีบไปเลยกูฝากไส้กรอกสี่อันขนมปังอะไรก็ได้มาด้วย”

“เอออออออเพคะท่านชาย”

สองคนนั้นเดินบิดอาดๆออกไปท่าทางส่ายตูดอย่างนางในวัง

“เพื่อนกวนตีนดีเนอะ”

“น้อยกว่ามึงอะ”

ไอ้นี่ก็สวนกลับทันควันเหมือนกัน

“นี่แล้วสาวไหนกันวะที่มึงซุกเอาไว้”

“ไม่มีมีแต่ควายตัวเบ้อเริ่มตัวนึง”

“มึงด่ากูเหรอ”

“นี่มึงไม่รู้ตัวจริงเหรอ”

“สัสนี่อะไรอีก”

“ป๊าวพี่ฟ้าของมึงไม่มาแล้วมั้ง”

ซีนั่งผิวปากสบายใจอยู่ข้างๆ

“ไม่รู้ไม่ได้นัดกันไว้นี่นา”

พี่ฟ้าไม่ได้บอกว่าจะมาวันไหนบอกแค่ว่าไว้จะมาหาที่มหาลัยกันต์เลยตามซีมามหาลัยเฉพาะวันที่ซีมีเรียนแล้วอาทิตย์นี่ก็มีแค่3วันวันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์

ดังนั้นมันอาจจะไม่ใช่วันนี้ก็ได้

“ดูผิดหวังนะ”

“ไม่เล้ย”

“ปากแข็ง”

“สัส”

แม่งกวนตีนกูได้ตลอด

“อ้าวอยู่นี่เอง”

“พี่ฟ้าหวัดดีคับ”

ซีทำหน้าเหมือนรู้ทัน

‘เสียงกับท่าทางเปลี่ยนเลยนะมึง’

‘หุบปากเลยมึง’

กันต์ส่งสีหน้ารู้ทันกลับไปเหมือนกัน...

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 9

ซีนั่งหน้าเซ็งอยู่ระหว่างกลางเบอร์1 เบอร์ 2

จริงๆแล้วคนที่น่าจะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายมากกว่าควรจะเป็นสองคนนั่นเพราะว่าหลังจากที่กันต์ทิ้งให้ซีต้องอยู่คนเดียวเดินลอยชายไปกับฟ้าซีก็เลยลจำใจลากสองคนนี่ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศที่ร้านข้างนอก

“เฮ้ยไปกินข้าวกันมั้ยกูหิวแล้ว”

“อ้าวแล้วเมื่อกี้บอกให้พวกกูไปซื้อมาไม่ใช่เหรอ”

ถุงไส้กรอกที่มีสี่ชิ้นในมือเต้กำลังแกว่งไปมาชวนให้โมโห

“แล้วเพื่อนมึงละไปไหนแล้ว”

“ไม่รู้มันเหรอมึงจะถามกูทำไมวะต๊ะ”

“แน่ะๆๆงอนเป็นเมียโดนผัวทิ้งเลยนะมึง”

สองคนนี้พออยู่เป็นแพคคู่แล้วกวนตีนมากเป็นพิเศษ

“ตลกละมึงดูสภาพตัวมันซะก่อนตัวเล็กๆผอมๆอย่างนั้นจะมีปัญญาเอากูเป็นเมียเหรอไง”

ซีลุกขึ้นยืนก่อนจะสิ้นเสียงจบประโยค

ใช่ตัวเล็กยังงั้นถ้าสถานะการณ์ให้ซีจะจับกดทำเมียไปซะเลย

“จะไปไม่ไป”

“เอออออก็ได้วะทำไมช่วงนี้มึงดูขี้หงุดหงิดนักวะ”

นั่นสิกูจะหงุดหงิดอะไรกับมันตั้งแต่มีฟ้าเข้ามาซีรู้สึกทุกอย่างไม่เหมือนเดิมโลกที่ซีสร้างไว้แค่สองคนกำลังพังทะลาย

ในร้านข้าวแกงที่ใต้คณะพวกนั้นสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามท่าทางจะไม่หิวแล้ว

“นี่แกเป็นอะไรป่าววะพักหลังมานี่ดูหงุดหงิดนะแล้วเพื่อนมึงคนนั้นนี่มันไปไงมาไงมาโผล่ที่นี่ได้อะ”

ตั้งแต่ซีเข้ามหาลัยมาชีวิตหลายๆอย่างมันเปลี่ยนไปซีที่เคยเก็บตัวหลังจากผ่านกิจกรรมรับน้องมันเหมือนได้เปิดให้ซีกล้าที่จะรับเอาคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในสายตาด้วย

แต่ไม่มากไปกว่าสองคนนี้เบอร์ 1 2

คนแปลกหน้าเหล่านี้พวกพี่เรียกว่าเพื่อนร่วมรุ่นบางคนก็ได้เป็นน้องรหัสยิ่งคนไหนได้พี่รหัสหล่อๆสวยๆจะรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ

ซีเองก็สนใจเรื่องแบบนั้นเช่นกัน

รู้แค่ว่าหลังจากผ่านกิจกรรมมาก็ได้ไอ้เพื่อนสองตัวนี้มาเสมือนเป็นเงาไปไหนไปกันมันก็ดีตรงที่ไม่เหงาแก้ขัดไปได้

ดีกว่าเพื่อนออนไลน์เป็นไหนๆ

เพื่อนออนไลน์ที่ซีไม่เคยมี

…ตอนนี้มีพวกนี้มาแทนแล้ว

ในคณะซีค่อนข้างเป็นคนดังพอตัวเลยมีแต่คนรุมล้อมเข้ามาหา

อีกใจกลัวว่าจะเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นอีก

ม.ปลายชั้นสุดท้ายก่อนเข้ามหาลัยทุกคนก็ยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องการแบ่งปันบนโลกเสมือนจริงซีเคยพยายามอยู่หลายครั้งมันไม่ได้ผล

กลุ่มพูดคุยที่ซีอยู่ไม่มีใครเคยตอบคำถามไม่มีใครจะพูดด้วย

บ่อยไปที่เมื่อซีเข้าร่วมวงสนทนาคำพูดที่พรั่งพรูเป็นตัวอักษรบนหน้าจอจะหยุดนิ่งไม่มีใครตอบสนองทุกคนอ่านแต่ไม่คุยด้วย

ในห้องเรียนซีไม่ได้โดดเด่นอะไรไม่ได้อยู่กลุ่มบนลำดับชั้น

กีต้าร์ในห้องนอนก็เป็นความพยายามหนึ่งที่ตอนนี้สูญเปล่า

ทุกคนพร้อมจะเมินและจ้องมองไปที่คนยอดไลค์สูงกว่าราวกับแหงนหน้ามองดวงอาทิตย์ในยามค่ำคืน

กันต์เป็นเพื่อนคนเดียวของซี

“เฮ้ยทำไมถึงออกจากกลุ่มไปละ”

กันต์ถามในชุดนักเรียน

“ก็... ไม่มีใครคุยกับเรานี่ ...ถามไรก็ไม่มีใครตอบเราไม่เล่นก็ได้”

“เราไง”

กันต์ยิ้มให้

“เดี๋ยวเราจัดการเอง”

กันต์รักษาสัญญาทำอย่างที่พูดพยายามให้ทุกคนกลับมาเป็นเพื่อนกับซีความพยายามดูจะเป็นผลมากเกินไป

เริ่มมีเสียงซุบซิบว่าซีกับกันต์เป็นอะไรกันที่มากกว่าเพื่อน

มันทำให้กันต์เดือดร้อน

วันหนึ่งซีลุกขึ้นมาปกป้องกันต์บ้างจากเรื่องนินทาที่ไม่เป็นสาระมีเรื่องเล่าลือหนาหูเมื่อซีเริ่มตามติดกันต์

สุดท้ายกันต์ก็เป็นฝ่ายห่างไปก่อนหลังจากนั้นมาซีก็ไม่ใช่คนที่ชอบเล่นโซเชียลไม่ใช่คนถ่ายรูปอวดคนอื่นในโลกนี้ที่สำคัญซีเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนเหลืออีกแล้ว

เหตุผลจริงๆอาจเป็นเพราะว่าทุกคนรู้ว่าซีมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่นตั้งแต่แรกพอกันต์พยายามช่วยมันเลยยิ่งเลยเถิด

ซีไม่เคยบอกว่าชอบผู้หญิงไม่เคยจีบและไม่เคยกดเพิ่มเพื่อนที่เป็นผู้หญิง

เมื่อคนอื่นมองว่าซีแปลกซียิ่งทำตัวดูเป็นคนมีที่ว่างอยู่รอบตัวที่ว่างที่เหมือนกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาใกล้

ซีไม่ใช่คนเล่นกีฬาเก่งหน้าตาก็จัดว่าใช้ได้แต่ไม่โดดเด่นขนาดมีคนจากโรงเรียนอื่นมาถามหาเรียนก็งั้นๆ

ตอนเข้ามาที่นี่ใหม่ๆก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน

“ไม่รู้ฟลุคเข้ามาได้ยังไง”

นี่คือคำที่ซีพูดวันที่แนะนำตัวเอง

พอได้จับกลุ่มอยู่กลุ่มเดียวกับพวกเต้กับต๊ะก็เลยกลายเป็นสนิทกันไปแล้วซีไม่คิดจะไปยุ่งกับคนอื่นเท่าไรด้วย

ซียังคิดเลยว่าบางทีแม่อาจจะตั้งชื่อผิดซีไม่ใช่คนอยู่ไม่สุขเหมือนอย่างคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งแม่เคยบอกว่าเวลาชอบใครให้ทำเหมือนชื่อซัดสาดเข้าหาฝั่งไปเรื่องๆสักวันมันต้องได้

ตรงข้ามมีครั้งหนึ่งที่ซีอยากเปลี่ยนชื่อไปวิน

เป็นแค่สายลมที่ลอยผ่านผู้คนผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่ายออกไปไม่สนิทไม่เกาะติดอยู่กับใครนานๆ....

ตอนนี้ซีพยายามทำตัวให้สมกับชื่อซัดเข้าหาใครสักคน

ชีวิตมหาลัยดูเหมือนจะดีเกินคาดมีคนสนใจซีเยอะเกินจนรู้สึกอึดอัดดีจนซีเกือบลืมเรื่องชื่อตัวเองไปซะแล้ว

จะต้องทำอะไรให้จริงจังกว่านี้ไม่งั้นกันต์ได้บินไปบนท้องฟ้าแน่

ทะเลที่มันมีคลื่นอ่อนๆมันสงบเกินไปรึเปล่านะ

แล้วกันต์ก็กลับมาอยู่ตรงหน้า

ตอนนี้เป็นไอ้บ้าที่ไล่ตามผู้ชายไปซะชิบ

เพื่อนร่วมรุ่นสองคนที่อยู่ตรงหน้าเริ่มสงสัยสีหน้าซีดูเหม่อลอยก้มลงมองผมตัวเองเข้ามหาลัยซีเริ่มไว้ผมยาวมันเข้ากับหน้าขาวรูปไข่

“นี่อะไรของมึงวะ”

“เออป่าวๆแดกๆ”

อาหารจานนี้ดูจืดเข้ากับชีวิตของซี

“นี่มีงรู้จักคนนั้นป่าววะน่าจะเป็นรุ่นพี่อะที่มารับเพื่อนกูไป”

“ไม่เห็นหน้าวะ”

“ชื่อฟ้าอะไม่รู้คณะไหน”

“นี่ตกลงมึงเป็นอะไรกันแน่วะ”

ซีหันไปมองหน้าทำไมถึงอยากรู้กันนัก

“ป่าวกูแค่สงสัยว่าทำไมถึงมารู้จักกับเพื่อนกูที่ยังไม่เข้ามหาลัยได้วะ”

“ก็มันเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนน่ะบ้านมันมีปัญหาเลยเรียนช้าไปหนึ่งปี”

“มึงเลยรับเป็นพี่เลี้ยงงี้?”

“ไม่เชิง”

เต้กับต๊ะหันมองหน้ากันอย่างเข้าใจ

“เดี๋ยวกูจัดให้...”

“แต่ว่า... อย่าลืมนะเหมือนเดิม”

“เอออออเดี๋ยวซื้อมาให้”

เด็กวิศวะแม่งขี้เมาชิบหายเอะอะกินเหล้า

“งั้นฝากหน่อยนะหน้าขาวๆสูงหล่อเลยละ”

“หล่องั้นไม่เป็นดาวคณะเหรอวะ”

“ไม่รู้วะก็ลองดูละกันเบียร์ขวดนึงนา”

สองคนนั้นหันไปมองหน้ากัน

“จัดไป”

“แม่งยุคนี้พอไม่มีโซเชียลแล้วตามหาใครยากชิบหาย”

เต้สบถ

‘ถึงมีพวกมึงก็หากูไม่เจอหรอกมีกูก็ไม่เปิดให้มึงค้นอดีตกูได้แน่ๆ’

ก่อนเลิกเล่นซีลบเพื่อนทุกคนทิ้งไม่มีใครให้น่าเก็บไว้เพื่อนปลอมๆ

“เออ... อีกอย่างทำไม... พวกมึงมาสนิทกับกูวะ”

คำถามนี้ถูกพูดออกไปอย่างไม่มั่นใจ

พวกมันจะคิดว่าเราเป็นพวกหลงตัวเองป่าววะเนี่ย

“ก็มึงก็หน้าตาดีนะเวลาอยุ่ใกล้สาวๆมันชอบมองมามันจะได้มองพวกกูไปด้วยเลย”

“แค่นี้...?”

ไม่อยากเชื่อหูนี่คือคำตอบของมันเหรอ

“ต๊ะมึงก็...”

“กูเห็นว่ามึงทำตัวเหมือนโลกนี้มีมึงคนเดียวน่ะเลยเข้ามาเป็นเพื่อนไม่ใช่จะมาตัวเองดีอะไรหรอกนะแต่กูกับต๊ะมันสนิทกันมาตั้งแต่ก่อนเข้าที่นี่แล้วรร.กูติดที่นี่กันเยอะมองๆไปก็เจอคนรู้จักบ้างห้องเดียวกันบ้างก็เลยคิดว่ามีเพื่อนใหม่บ้างน่าจะดี”

ปากแดงๆของเต้ขยับรัวๆเวลามันอธิบาย

ไอ้สองตัวนี้ก็จัดว่าหล่อแล้วนะมันจะมาหวังพึ่งซีทำไม

“บางทีเพื่อนร่วมรุ่นมันก็ไม่ได้สนิทกันทุกคนหรอกนะมีไอ้ต๊ะนี่แหละที่สนิทกับกูมาตลอดเรียนก็เรียนมาด้วยกันโตมาด้วยกันชักว่าวมาด้วยกัน”

“อี๋มึงพูดไรอะเต้กูไม่เคยถึงเคยมันก็เป็นความผิดพลาดเว้ย”

มองไปแล้วนึกถึงตัวเองแฮะ

“เหรอออออออแล้วไอ้คนที่ดูหนังแล้วทนไม่ไหวถอดกางเกงมาชักยิกๆน่ะใคร”

“อ้าวไอ้นี่...”

ที่เหลือไม่เข้าหัวซี

นั่นสิ...

นึกถึงใครสักคนเลยนะ....

แต่คนนั้นน่ะซีคิดมากกว่าเพื่อน

แล้ว

คนนั้นก็เคยปฏิเสธซีมาครั้งหนึ่งแล้วด้วย

“ซีมึงไม่มีใครที่ชอบจริงๆหรอวะ”

เบอร์ 1ถามขึ้นมาลอยๆ

“มีแต่เค้าคงไม่ชอบกู”

“ก็ปล้ำเลยดิ”

“หือ”

“ใช่ๆจับแม่งทำเมียเลยเดี๋ยวก็ยอมเองแบบในหนังน้ำเน่าไง”

ไอ้ 2 ตัวนีมีแต่เรื่องเอาๆกันในหัว

“เออไว้ลองคิดดู”

เดี๋ยวสบโอกาสก็น่าจะลองทำดูเหมือนกันแฮะจับแม่งทำเมียไปให้รู้แล้วรอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักไม่มีไฟฟ้า (กันต์และซี) 11/13/2018
« ตอบ #9 เมื่อ: 13-11-2018 20:10:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 10

“พี่ฟ้าหาผมเจอได้ยังไง”

“คณะเล็กแค่นี้ทำไมจะหาไม่เจอ”

“นี่พี่จะพาผมไปไหนเหรอ”

“ก็ว่าจะพาไปกินข้าวไงไปกินร้านประจำของพี่มั้ย”

ร้านที่พี่ฟ้ามาไปมันอยู่แถวม.ของพี่เค้านี่แหละเป็นร้านห้องแถวเล็กๆประตูสไลด์กระจกสามารถเปิดเข้าไปได้โดยง่าย

ตัวอักษรคำว่าเลื่อนดูเว้หว่าแปะอยู่ที่กระจกด้านซ้าย

ข้างในเป็นร้านสีโทนเหลืองผสมไข่ไก่ดูอบอุ่นไม่เข้ากับที่นั่งว่างเปล่าของโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ

ในร้านไม่มีโต๊ะอื่นอยู่เลย

แอร์ไม่ได้เปิด

เสียงครางหึ่งของพัดลมแบบโบราณหมุนอยู่เหนือหัว

มันจะดีใจมั้ยนะที่ตอนนี้ได้เปิดใช้งานอีกครั้ง

“พี่ฟ้าชอบมาร้านนี้เหรอ”

“อือร้านนี้มีความหลังกับพี่นิดหน่อย”

เวลานี้คนตรงหน้ากำลังมองไปรอบๆด้วยสายตาที่กันต์จับความรู้สึกไม่ได้

“แน่ะเคยพาสาวมาเดทที่นี่ละสิ”

กันต์ลองเสี่ยงดู

“หึไม่ใกล้เคียงเลยเหอะ”

คนถูกถามส่งยิ้มกลับมาให้

…แต่ไม่ได้ความจริงใดๆ

กันต์เลยได้แต่คิดในใจว่าช่างเหอะไม่ถามดีกว่า

“นี่กินไรสั่งเลยนะพี่เลี้ยง”

“เอ่อจะดีเหรอพี่หารกันเถอะ”

“ไม่เป็นไรหรอกอุตส่าได้มากินถึงที่นี่เนอะ”

เมนูกระดาษเคลือบพลาสติกถูกพลิกไปมาอย่างรวดเร็วเสียงดังกรอกแกรก

“พี่เอาผัดกระเพราะ”

“อะไรนะพี่ผัดกระเพราะกะเพราะมันมีเหรอ”

“เออออนั่นแหละสงสัยพี่หิวจนตาลาย”

“งั้นผมเอาด้วย”

เด็กเสริฟเดินเข้ามามองๆทำหน้างงๆจดใส่กระดาษยับยู่ยี่แล้วเดินเข้าไปทางหลังครัว

“พี่ฟ้าร้านเค้าไม่เปิดกลางวันป่าว”

“ไมคิดงั้นอะ”

พี่ฟ้าขมวดคิ้ว

“ก็เห็นเด็กทำหน้างงๆ”

“ช่างสังเกตนะเราอะ”

“จะว่าเสือกเหรอพี่”

“ป๊าวพูดเองนะ”

โอ๊ย

มือขาวๆเห็นเส้นเลือดของพี่ฟ้ากำลังขยี้แก้มของกันต์สองอย่างอยู่

“พี่ฟ้าทำไมพี่ถึงเลือกเรียนวิดวะละ”

อือ...

“ก็... เอามาเพื่อว่าต้องมาดำเนินกิจการละมั้ง”

“ไม่ใช่บริหารเหรอ”

หลังจากทำเสียงครางอืออยู่ในลำคออยู่นาน

“ใกล้เคียงกันแหละยังไงมันก็มาจากดีมานซัพพลายเหมือนกันเป็นพื้นฐานแต่ว่าไปมันก็ไม่เกี่ยวกับวิดวะหรอกนะพี่ว่าบางทีวิชาเฉพาะทางอาจจะดีกว่าตอนนี้คงไม่ได้ใช้แล้ว”

คราวนี้กันต์ทำเสียงอือตามบ้าง

“กันต์ชอบแบบไหนเหรอ”

“…หือ”

“หมายถึงชอบคนแบบไหน”

“ก็... คนที่เข้าใจเราอยู่ด้วยแล้วโอเคมั้งพี่ถามยากแฮะ”

“เหรอแล้วตอนนี้เจอยังละ”

หน้าอกบางๆของกันต์กระเพื่อมทีหนึ่ง

“ยังหรอกพี่ฟ้าน่ะแหละหน้าตาดีงี้คนมีคนมาติดเพียบเลยสินะ”

“ไม่จริงซะหน่อย”

ข้าวสองจานส่งกลิ่นหอมออกมาจากบนมือของเด็กเสริฟคนเมื่อกี้ก่อนจะถูกวางอย่างแผ่วเบา

“เค้าดูเกร็งๆนะพี่”

“ไม่หรอกเด็กต่างด้าวน่ะ”

“รู้ได้ไง”

“เก่งไง”

พี่ฟ้าตักเข้าปากอย่างรวดเร็ว

‘คงจะรีบไปเรียนต่อละมั้งเวลาพักมันก็คงแค่ชั่วโมงเดียวละนะ’

กันต์เลยทำตามบ้าง

“เป็นไง”

พี่ฟ้ารวบช้อนส้อมเรียบร้อยหลังจากกินไปได้ครึ่งจาน

“อิ่มแล้วเหรอพี่”

“ก็ไม่ค่อยหิวนี่แถมให้มาซะเยอะเลย”

“อา... ผมก็กำลังอิ่มพอดีรสชาติก็... โอเคแหละ”

กันต์ตั้งหน้าตั้งตาเคี้ยวต่อไป

“เหรอ... เมื่อก่อนร้านนี้คนแน่นมากเลยนะเป็นร้านที่อร่อยร้านหนึ่งของแถวนี้เลยละ”

พี่ฟ้ามองเข้าไปทางครัวด้านหลัง

“แล้วตอนนี้มันต่างจากเดิมเยอะเหรอ”

“ก็... กันต์ไม่เคยมาที่นี่มาก่อนก็คงไม่รู้จะอธิบายยังไงว่าแต่แปลกนะเด็กที่นี่น่าจะรู้จักร้านนี้กันทั้งนั้นนอกจากเด็กที่อื่นยิ่งพวกปี 3ทันตอนนั้นหมดแหละ”

“สมัยนั้นนะขายดีจนคนต้องมาต่อคิวเลยนะกินไปก็ต้องถ่ายรูปไปลงพวกโซเชียลน่ะแต่ตั้งแต่เกิดวันโลกดับขึ้นมาก็ไม่มีใครมาอีกเลย...”

“ถ้ารู้ว่าเป็นใครนะกูเอามันตายแน่”

อันหลังเหมือนบ่นพึมพำกับตัวเอง...

กันต์ไม่แน่ใจว่าฟังผิดมั้ย

“เอ่อพี่ฟ้า...”

“เราปีไรนะ”

เค้ายิงคำถามสวน

“เอออ.... ปี 1ไงพี่”

ก็ไม่ต่างหรอกซีเองปีสองก็ไม่น่าทันเหมือนกัน

ถือซะว่าไม่ใช่เรื่องโกหกก็แล้วกันหลังจากพูดออกไปแล้วเจ้าตัวก็ได้แต่พยายามปลอบใจตัวเอง

“พี่ฟ้ามีเรียนต่อใช่มั้ย”

“อะฮะโอ๊ยขี้เกียจเรียนเอี่ยนด้วย”

“หืออะไรนะ”

กันต์ได้ยินไม่ชัด

“ป๊าว”

“พูดอะไรอะพี่”

“ป๊าวโอ๊ยเอี่ยน”

เสียงแปลกๆออกมาจากลำคออีกแล้วกันต์ฟังไม่ถนัดว่ามันเป็นคำว่าอะไร ...คงไม่ใช่คำนั้นหรอก

“พี่ฟ้านี่ตลกนะ”

“เหรอคิดว่าพี่เป็นคนยังงั้นเหรอ”

“งั้นศุกร์นี้ว่างมั้ยเจอกันที่หน้าร้านนนี้นะเดี๋ยวเย็นๆพี่จะชวนไปเจอเพื่อนพี่ถือว่าเป็นเดทแรกอย่างเป็นทางการเนอะ”

“กลางคืนเหรอดึกมั้ยอะ”

พี่ฟ้าหันหลังกลับมามองหน้ากันก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ๆ

“ก็..ถ้าดึกก็ค้างบ้านพี่เนอะ”

“…เอ่อ”

“หรือกันต์รังเกียจ”

“ก็ได้พี่แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากกลับห้องมากกว่า”

“ก็ค่อยว่ากันโอ๊ยเอี่ยน”

…อะไรของเค้าวะ

“งั้นศุกร์หน้าเจอกันนะพี่”

“โอเค”

พี่ฟ้าเดินมาส่งกันต์กลับคณะตอนนี้กลายเป็นว่ากันต์ยิ่งเป็นที่จับจ้องของคนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นมากกว่าเดิมซะอีก

เรื่องหนึ่งคงเป็นเพราะว่ากันต์ไม่ได้เรียนคณะนี้กับอีกเรื่องคือคนหน้าตาดีอย่างพี่ฟ้าเดินมาส่งถึงใต้ตึกแถมเป็นผู้ชายด้วยกันซะด้วย

กันต์เดินเข้าไปที่โต๊ะสีน้ำตาลตัวเดิม

บนโต๊ะยังมีสมุดเล่มคุ้นเคยอยู่หน้าปกเป็นสีฟ้าที่ชื่อหนังสือเป็นภาษาอังกฤษสีขาวพาดบนหน้าดูเข้าใจยากเมื่อขยับปกหนังสือออกดูข้างในมีชื่อเล่นคำว่าซีเป็นภาษาอังกฤษอยู่ที่หัวมุมทางขวาบน

เจ้าของยังไม่โผล่หัวมาแถวนี้

“งั้นผมนั่งอ่านหนังสือก่อนนะพี่”

“โอเคไปละศุกร์เจอกันนะ”

“ครับ”

“โอ๊ยเอี่ยน”

ยังไม่เลิกอีกนี่พี่ฟ้าเป็นอะไรมากมั้ยคันมากเหรอไงวะกันต์ชักจะแน่ใจแล้วว่าพี่ฟ้าจะสื่ออะไรแต่ว่าทำไมถึงพูดให้กันต์ได้ยิน

…คงไม่ใช่หมายถึงว่าอยากมีอะไรกับเราหรอกนะ

“นี่เดทกลับมาแล้วเหรอ”

เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหูขวาเล่นเอาสะดุ้งโหยง

“ไอ้บ้าซีเล่นไร”

“ฮ่าๆๆๆกูยืนแอบดูอยู่นานละ”

ซียืนท้าวเอวในเสื้อชอปอยู่ข้างหลัง

“นานเหี้ยไรก็เพิ่งมาถึงตอนไอ้พี่คนนั้นเดินออกไปพอดี”

เต้พูดขึ้นก่อนจะชี้นิ้วไล่ตามหลังพี่ฟ้าไป

“คนอะไรวะโคตรเท่สูงขาวหน้าตาก็ดีสัสซีของพวกกูหมองไปเลย”

“อ้าวไอ้นี่ไอ้ห่าต๊ะมึงจะมาด่ากูเพื่ออะไร”

“เต้ต๊ะมิน่าถึงชื่อเบอร์1 เบอร์ 2สินะ”

กันต์พูดขึ้นมาลอยๆแต่คำพูดนี้ทำเอาสามคนนั้นถึงกับเงียบ

“นี่กันต์มึงกินแล้วใช่มั้ยจะอยู่รอกูเลิกหรือว่าจะกลับก่อนละ”

“เดี๋ยวรอก็ได้อีกนานมั้ยละ”

“ชั่วโมงนึงได้มั้งมึงเบื่อก็นั่งอ่านหนังสือซะจะได้สอบเข้า....”

คำพูดถูกกลืนหายเข้าไปในคอ ...จะบอกให้คนที่นี่รู้ว่ากันต์ยังไม่มีที่เรียนดูจะไม่ใช่เรื่องที่ฟังดูดีเอาซะเลย

“เออออออไปเหอะเดี๋ยวกูรอ”

“โอเคไปละ”

ผู้คนในชุดน้ำเงินเข้มเริ่มเก็บของลุกขึ้นเดินออกไปทางเดียวกันขึ้นบันไดไปชั้นบน

นี่คือชีวิตมหาลัยเหรอ ... ถ้ากันต์เข้ามหาลัยได้จะได้มีกลุ่มเพื่อนอย่างนี้มั้ยนะ

ซีเคยบอกกับกันต์ว่ามันก็แล้วแต่คณะกับแล้วแต่เราทำตัวด้วย

นึกไม่ออกเลยสมัยม.ปลายซีเป็นคนที่ไม่โดดเด่นชนิดมองข้ามไปแท้ๆพอเข้ามาได้ 2ปีนี่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ

นั่นสิ

คิดดูแล้วซีพูดมากขึ้น... รู้จักวิธีพูดที่ทำให้คนฟังรู้สึกดีดูเป็นห่วงและช่วยเหลือคนอื่น

เอ...หรือเมื่อก่อนเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วกันแน่นะ

แดดตอนบ่ายทอดยาวมาถึงที่ๆกันนั่ง

ความร้อนไล่กันต์ให้ลุกเปลี่ยนที่มือไปปัดโดนหนังสือของซีเข้า

“ไอ้บ้านี่ลืมเอาขึ้นไปเหรอวะ”

… ในนั้นมีกุญแจห้องของซีอยู่

“ดีนะว่ากูนั่งอยู่ตรงนี้ไม่งั้นหายไปทำไงวะ”

ที่พวงกุญแจมี thumbdriveสีแดงสดห้อยอยู่

….

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 11

ในห้องชั้น 6ของคอนโดที่เริ่มร้างจากผู้คนกำลังมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาเป็นระยะเสียงดังสะท้อนกังวาลไปตามทางเดินมืดๆ

ประตูห้องไม่ได้ปิด

เสียงผู้ชายสองคนทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ควรจะเรียกว่าหาสาระได้มั้ยกันต์เพิ่งจะบอกซีว่าจะกลับดึกเพราะพี่ฟ้าชวนไปเที่ยวกับคืนวันศุกร์

นั่นก็คือวันนี้

“นี่มึงบ้าเหรอ”

ซีในกางเกงบอกเซอร์ยืนชี้หน้าเสื้อกล้ามสีเทาอ่อนกล้ามสวยได้รูปมันดูดีเมื่ออยู่ใต้เสื้อนั้น

“ก็เค้าชวนจะให้กูทำไงละ”

“ก็ปฎิเสธไปสิ”

แทบจะโดนสวนกลับมาทันทีน้ำหนักของคำพูดกันต์เลยยิ่งดูเบาโหวงลงไปอีก

กันต์แม่งก็เป็นซะแบบนี้กลัวผู้ชายไม่ชอบยังงั้นเลยเหรอไง

“มึงก็เค้าชวนกูก็ไปด้วยจะเป็นอะไรไปวะ”

“มึงลืมแล้วเหรอนี่มึงนอนห้องกูนะมึงเมาแล้วมึงจะไปไหนกลับมาได้เหรอเดี๋ยวนี้มันอันตรายนะมึง”

“เออออ”

“กูไม่พาพี่เค้ามาเอากันในห้องนี้หรอกน่าชีวิตมึงถึงได้มืดมนยังงี้ไง”

กันต์ลุกขึ้นโวยกลับรู้สึกเหตุผลซีมันชักจะงงเกินไปแล้ว

“เออกูรู้มึงไม่กล้าหรอก”

“กูกล้าโว้ย”

อะไรสักอย่างทำให้กันต์รู้สึกว่าทำไมต้องมาถามว่าตัวเองกล้ามีอะไรกับคนอื่นในห้องนี้มั้ย

“แล้วไงมึงจะบอกว่านี่ห้องของมึงงั้นสิ”

ในใจก็กลัวเกิดมันตอบว่าใช่แล้วไล่กันต์ออกไปกันต์จะทำอย่างไร

เอะไอ้นี่พูดไม่รู้เรื่อง

ท่าทางคำพูดนี้ดูจะมีความหมายบางอย่างหน้าของซีหันมองเข้าไปที่ประตูห้องนอนตัวเองใบหน้าของซีเวลานี้กันต์ไม่อยากเห็น

“ไม่ใช่อย่างนั้นมึงกูไม่พาเค้ามาแน่ๆอีกอย่างกูไม่ได้ไปเพื่อไปเอากับพี่เค้านะเว้ย”

ไม่รู้เพราะเหตุผลไหนของกันต์ที่ทำให้ซีเงียบไปหรือเป็นเพราะว่ากันต์มารบกวนซีนานเกินไปแล้ว

นั่นสิปีกว่าแล้ว

กำลังจะได้เวลาโดนไล่ออกแล้วเหรอ

นี่... จะเป็นอย่างวันที่ลงมาถึงสนามบินตอนนั้นอีกแล้วเหรอ...

ตอนที่ไปนั่งรอพี่ฟ้าที่มหาลัยอดคิดไม่ได้ว่าหลายคนเดินผ่านซีในคณะต้องมีหยุดหันมามองมันเวลามันเดินไปไหนมาไหนจากมุมที่กันต์มองอยู่จะเห็นได้ว่าไม่ว่าใครก็ตามไม่รู้ว่าพี่หรือน้องก็นั่นแหละเอาเป็นว่าทั้งหมดมันต้องมีอันสะดุดลงที่กันต์

คนแปลกหน้าในคณะ

ซีเองกลับไม่เคยหยุดทักทายใครไม่แม้จะมองหน้าทั้งๆที่มีคนมากมายพร้อมจะเป็นเพื่อน

มีมากกว่าครั้งที่กันต์เห็นว่าผู้หญิงในคณะพยายามจะทักซี

หลังจากที่เธอเอื้อมมืออกมาจะดึงเสื้อชอปสีน้ำเงินพอดีตัวก็ต้องหดมือกลับไปทำหน้าจ๋อยเพราะว่าเจ้าของเสื้อไม่แม้แต่จะหยุดหรือสังเกตเห็นเลยด้วยซ้ำ

ตอนนี้เสื้อนั่นถูกซักตากอยู่ที่ระเบียงด้วยมือของกันต์

“มันอันตรายนะมึงช่วงนี้น่ะได้ดูข่าวมั่งมั้ย”

“หา”

กันต์สะดุ้ง

“เออถ้าเป็นเรื่องห้องละก็กูมีที่ไปเมื่อไหร่ก็จะไปเองแหละไม่กวนมึงหรอกมึงจะได้พาผู้หญิงมาได้ง่ายๆ”

คราวนี้เป็นทีกันต์มองเข้าไปที่ประตูห้องนอนของซีบ้าง

“ฟังคำถามกูมั่งมั้ย”

“เอ่อดูก็ช่วงนี้ระเบิดเยอะแถมใกล้ๆแถวนี้ทั้งนั้น”

อาทิตย์นี้เกือบจะไม่ได้ไปเรียนเลยไม่รู้ว่าฝีมือใครมันลามเข้าถึงกรุงเทพฯชั้นในได้อย่างไร

กันต์กับซีต้องหมกตัวอยู่บนห้องนอนหวังแต่ว่ามันจะเงียบลงหรือจบไปเร็วๆเสียงรถหวอวิ่งกันทุกคืน

ข่าวในโทรทัศน์เมื่อช่วงเที่ยงกลับกลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแค่พวกเด็กแว๊นที่รู้ว่ากล้องวงจรปิดใช้ไม่ได้ตำรวจก็จะเป็นง่อยกันไปตามสภาพจากเดิมที่ก็ไม่ค่อยมีน้ำยาอะไรอยู่แล้วเด็กแว๊นมารวมกลุ่มกันซิ่งรถรอบสยาม

ผู้ประกาศหญิงพูดขึ้นว่าคงเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าหน้าที่ที่ไปล้อมจับด้วยความรุนแรงพวกนั้นเลยกลับมารวมตัวกันทุกคืนแล้วออกปล้นร้านค้าแถวนั้นเที่ยวพ่นสีตรงนั้นตรงนี้บ้าง

ถนนสีลมเองมีลายเพ้นกราฟฟิตี้อยู่บนถนนโดยมีลูกศรสีขาวเป็นจุดหลักของภาพตามมาด้วยปีกนกสองข้างแล้วก็ปืนกับหัวกระโหลก

พวกนั้นมันคิดลายอะไรให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอไงวะ

เรื่องเพิ่งสงบลมเมื่อคืนมีผู้โดนจับกุมกว่า 100คนแต่ตัวหลักๆและหัวหน้าหนีไปได้

คงเสียหายน่าดูไม่รู้จะกลับมาอีกมั้ย

“รู้กูก็นั่งดูอยู่กับมึงนะ”

“แล้วยังจะไป”

ซีขยับเข้ามาใกล้

“ก็รับปากเค้าไปแล้วนี่”

เวลานี้คงได้แต่พูดเสียงอ่อยๆละนะ

“แล้วมึงจะกลับยังไง”

ซียังรุกเข้ามาอีก

“ก็... กูกลับเองแหละแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”

“รู้ยังจะไปไหน”

เออวะพี่เค้าจะชวนไปไหนนะ

กันต์ส่ายหัว

โอ๊ย

“มึง”

ซีเอามือแข็งแรงผลักหัวกันต์ลงไปนอนบนโซฟา

“เนี่ยมึงมีแรงขัดขืนมั้ย”

ไม่ทันกันต์ได้พลิกตัวหลบร่างใหญ่กว่าของซีก็โถมเข้าทับบนตัวกันต์

“ออกไป”

“ดันให้ออกสิมีแรงแค่นี้เหรอ”

“ไอ้บ้า”

สีหน้าซีดูจริงจังกันต์เพิ่งเคยเห็นสายตาของซีแบบนี้

…แม่งดูหื่น

“ถ้ากูไม่ขัดขืนมึงจะเอากูเหรอ”

“ไอ้บ้า”

ด่าเป็นอยู่คำเดียว?

ซีขยับตัวขึ้นมานั่งใช้มือกดลงไปที่ท้องกันต์เล่นเอารู้สึกจุกแปล๊บ

“นี่อย่ากลับดึกนักละ”

ซีมันคงจะคิดว่าดูท่าแล้วถึงจะพยายามเท่าไรก็คงเหนื่อยเปล่าลองมันได้ตัดสินใจจำทำแล้วละก็

แต่เมื่อก่อนถึงกันต์จะเล่นโซเชียลแค่ไหนมันก็ไม่เคยไปไหนมาไหนกับใครง่ายๆอย่างนี้นะเว้นแต่ว่าจะชอบจริง

“อย่ากลับดึกละกัน”

ซีย้ำเป็นหนที่สอง

กันต์หยักหน้า

อีกสักชั่วโมงหนึ่งต้องออกจากห้องแล้ว...

ต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วสินะ

“ซีขอ...”

“เอออกูรู้แล้วเดี๋ยวกูหามาวางไว้ให้”

เสื้อเชิ๊ตลายสกอตสีน้ำเงินสลับเขียวเข้ากับกันต์กางเกงยีนส์ตัวเดิมสีดำก็ยังคงต้องใส่ต่อไปไว้กลับมาจากเที่ยวแล้วค่อยซักจะดีกว่าไหนๆก็ต้องเลอะอยู่แล้ว

ชุดสีดูเข้มขึ้นเมื่ออยู่บนตัวขาวๆของกันต์แต่ขนาดมันออกจากดูหลวมไปหน่อยเสื้อยืดสีขาวที่ใส่ไว้อีกชั้นหนึ่งพอช่วยได้

พี่ฟ้าจะสังเกตมั้ยนะคงไม่หรอก

แค่ใส่เสื้อสองชั้นเท่านั้นเอง

“งั้นกูไปนะ”

“เอออ”

ซีโบกมือให้หันหลังมองออกไปทางหน้าต่างข้างนอกเมฆกำลังตั้งเค้า

“กันต์กูยังคิดกับมึงเหมือนเดิมนะ”

…เสียลอยแว่วออกมาจากห้องไม่ได้มีความหมายอะไรกับผมในตอนนี้

ฟ้าคืนนี้ดูมีเมฆสีแดงๆลอยอยู่ท่ามกลางพื้นสีเทาเข้าสลับน้ำเงินกลุ่มเมฆจางๆเป็นสีเทาอ่อนแทรกขึ้นมาคงจะต้องภาวนาให้คืนนี้ฝนไม่ตกไม่อยากตากฝนกลับห้อง

สถานที่นัดยังคงเป็นที่เดิมแม้ว่ามันจะเป็นแค่คำโกหกของกันต์ตอนนี้มันดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องจริงไปแล้วเมื่อพักหลังกันต์ต้องหลบมาที่มหาลัยที่ซีเรียนบ่อยขึ้น

บ่อยจนคนที่เริ่มสงสัยในคณะเผิกเฉยต่อกันต์ไปแล้วมันรู้สึกกระอักระอ่วนแต่ก็ต้องมาเกิดวันไหนพี่ฟ้าดันทะลึ่งจะมาหาที่คณะจะได้ไม่มีปัญหา

เรื่องที่ว่าจะเรียนต่อแล้วจะทำงานหาเงินไปด้วยลอยไกลห่างตัวออกไปดูท่าแล้วเด็กมหาลัยนี่เรียนหนักเหมือนกันแฮะไม่ได้เข้าไปแล้วเดินเล่นไปมามีเวลาสนุกสนานเหลือขนาดทำพาร์ททาร์มได้ทุกเย็น

กันต์ที่ปลอมเป็นเด็กมหาลัยก็เลยต้องใช้เวลาเท่าเด็กกัน

แต่จะให้เกาะไอ้ซีกินไปตลอดก็คงไม่ไหวสักวันคงได้ถวายตัวใช้หนี้บุญคุณมันเข้าจนได้

เสื้อยืดสีสดดูเข้ากับผิวขาวเห็นเส้นเลือดของพี่ฟ้ากางเกงยีนส์สีเข้มเข้ารูปใบหน้าขาวยืนยิ้มรอกันต์อยู่

“พี่ฟ้าขอโทษที่ให้รอครับ”

“เฮ้ยไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้”

มือนั้นตอนนี้เขย่าไหล่กันต์เบาๆก่อนจะกลายเป็นโอบแล้วดันให้เดินไปตามทาง

“นี่พี่จะพาไปไหนเหรอ”

“ตรอกข้าวสารเพื่อนพี่มันชอบไปที่นั่นทุกวันศุกร์”

“หือ... มันยังอยู่เหรอ”

“อ้าวเราไม่เคยไปเหรอเนี่ย”

น้ำเสียงฟังดูไม่เป็นคำถามเอาซะเลย

“เคยอะพี่มันเลิกฮิตไปแล้วนี่เด็กที่นี่ชอบไปที่นั่นเหรอ”

“ก็แล้วแต่กลุ่มที่พี่จะไปด้วยมันไม่ใช่เด็กที่คณะพี่ซะหน่อย”

“อ้าว”

“เฮ้ยพี่ไม่ได้พาไปขายหรอกน่าเป็นเพื่อนพี่ที่รู้จักกันมานานแล้วน่ะ”

“อ้อ”

“คนพวกนี้พี่รู้จักจากอินเตอร์เนทน่ะ”

ใช่เมื่อก่อนผมก็มีเพื่อนในนั้นเยอะเหมือนกันพี่เยอะจนลืมเพื่อนที่มีตัวตนจริงไปเลย

เสียงรถบนถนนดังขึ้นเป็นช่วงเด็กแว๊นเริ่มออกปฎิบัติการตำรวจแทบไม่มีกำลังเหลือพอจะมาดูแลได้ทุกส่วนของกรุงเทพแค่กันไม่ให้เกิดการก่อการร้ายหรือให้น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่นี่ได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

เหตุการณ์ในกรุงเทพดูตึงขึ้นทุกขณะทุกคนเริ่มชินกับช่วงเวลาไฟฟ้าดับนี้แล้วตอนนี้คงรู้กันแน่แล้วว่าอุปกรณ์อะไรบ้างที่ยังใช้ได้อยู่ในเวลานี้กล้องวงจรปิดที่เคยดูได้บ้างตอนนี้กลายเป็นของประดับเต็มตัวที่น่าภาคภูมิใจของกรุงเทพไปแล้ว

คิดอย่างนี้แล้วมันทำให้กันต์นึกไปถึงสองคนนั้นในหอศิลป์

ทำได้ทำไปไม่มีคลิปหลุดแอบถ่ายไรพวกนั้นเหลือในโลกอีกต่อไปจะผลิตใหม่ก็ไม่ใช่ง่าย

“นี่กันต์อยู่คนเดียวอย่างนี้ไม่เหงาเหรอ”

ร่างเตี้ยกว่าสั่นหัวช้าปลายผมยาวสะบัดตามแรงเหวี่ยง

“งั้นเดี๋ยวพี่แก้เหงาให้นะ”

ฝีเท้ากันต์สะดุด

แก้เหงาเหรอ ...ตอนนี้ซีมันจะเหงามั้ยนะปล่อยให้มันอยู่คนเดียว

รถมาส่งที่ริมฟุตบาตถนนราชดำเนินไฟประดับประดาที่เคยมีอยู่เต็มตอนนี้ความสว่างหายไปหมดเหลือแต่สายดำห้อยโตงเตงอยู่

มีเสียงลอยลมมาให้ได้ยิน

แสงไฟสีเหลืองสลัวลอดออกมาจากความมืด

เหมือนแมงเม่าที่เข้ามาล้อมแสงไฟ

กำแพงสังกะสีมีป้ายข้อความกับเทียนไขติดอยู่ให้ความสว่างพออ่านได้

พี่ฟ้าเดินนำหน้าไปอย่างคล่องแคล่วมาบ่อยแล้วก็คงจะอย่างนี้ละ

ฟุตบาทสองข้างเรียงรายไปด้วยผู้คนส่วนมากนั่งอยู่บนเสื่อน้ำมันที่ปูไว้สำหรับเป็นที่นั่งบาร์ข้างทางทำด้วยโต๊ะไม้เก่าสกปรกบนหัวจะมีหลอดไฟพาดผ่านตัดกันไปมาเสียงเครื่องปั่นไฟดังอยู่หลังสังกะสีแผ่นหนึ่ง

เสียงมันค่อนข้างดังและตีกันมั่วแต่ละร้านยังเอาตัวรอดด้วยการขายเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์และดนตรีสดแต่ไม่มีอุปกรณ์ขยายเสียง

พี่ฟ้าเล่าว่าเมื่อก่อนนี้มันเป็นร้านๆแต่เครื่องปรับอากาศมันกินไฟมากเมื่อมีร้านแรกที่ออกมาสูดอากาศริมถนนร้านอื่นๆก็เริ่มทำตามข้อตกลงร่วมกันเลยเอาเป็นว่าห้ามใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อไม่ให้เสียงเพลงแต่ละร้านตีกัน

ย่านนี้ถูกตัดไฟตั้งแต่1ทุ่ม

กรุงเทพกลางคืนอากาศดีอย่างนี้เลยเหรอไม่มีเสียงรถข้างนอกให้ได้ยินไม่มีลมร้อนจากคอยล์แอร์อากาศบริสุทธิ์ยามกลางคืนที่คนรุ่นพ่อแม่น่าจะเคยสัมผัส

เสื่อน้ำมันสีแดงปูว่างอยู่มีชายหญิงนั่งอยู่สามสี่คน

“ไงฟ้าวันนี้พาเด็กที่ไหนมาละ”

“เฮ้ยๆๆเปลี่ยนคนป่าววะ”

“มึงนี่เดี๋ยวน้องมันตกใจห่า”

พวกนั้นทักอย่างเป็นกันเอง

“อ้าวๆๆทำงี้ได้ไงอะนอกใจเค้านี่นา”

คำทักทายออกมาเป็นชุด

พี่ฟ้าพยายามแนะนำเพื่อนทีละคนไล่จากซ้ายไปขวาถึงแม้ชื่อจะไม่ช่วยให้กันต์จดจำได้ง่ายเลยหน้าตาแต่ละคนต่างหากที่ดูเหมือนจะเป็นจุดเด่น

ผู้หญิงที่มาด้วยมักจะเป็นคนสวยมีอะไรให้สะดุดตาเสมอหนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งดูไว้ผมยาวแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงยาวสีแดงอิฐเข้มๆปลิวไสวทุกครั้งที่แกขยับตัวเคลื่อนไหวตามเสียงเพลงเสื้อผ้าลูกไม้บางเข้ากับกระโปรงเสียดสีส่งเสียงเบาๆ

ผู้ชายที่มาด้วยก็ดูแนวไม่แพ้กัน

ส่วนใหญ่ที่แนะนำดูเหมือนว่าจะเป็นเพื่อนที่มหาลัยกันต์ไม่ได้ถามว่าแต่ละคนเรียนที่ไหนบ้าง

มีอยู่คนหนึ่งที่ดูจะเด็กกว่ากันต์

ผมดำยาวตรงหน้าขาวซีดมันขับให้กรอบแว่นหนาสีดำลอยเด่นขึ้นมาท่าทางงกเงิ่นทำอะไรช้ากว่าคนอื่น

เหมือนไม่ชินกับสถานที่แบบนี้

“กันต์ไหวมั้ย”

“ไหวพี่ฟ้าดูสนุกดีเนอะ”

“ก็ดีมาบ่อยๆเดี๋ยวก็เบื่อเองแหละสมัยก่อนนะพี่ต้องเช็คอินที่นี่ประจำเดี๋ยวก็จะมีคนนั้นคนนี้ทักมา... ตอนนี้สิเหลือกันอยู่เท่านี้”

“พี่ฟ้าท่าทางจะป๊อปนะ”

“ก็ช่วยให้ร้านพี่ขายดีละนะเรียกว่าดีจนผ่อนคอนโดได้เลยละ”

พี่ฟ้าเหยียดขาออกเอนตัวมาพิงกันต์เอาไว้รู้สึกได้ถึงนิ้วเย็นๆของพี่ฟ้าที่สะกิดนิ้วก้อยของกันต์อยู่

“นี่เดี๋ยวคนเห็นหรอก”

กันต์ถามเสียงกระซิบ

“ไม่มีใครสังเกตหรอกน่า”

“ร้านอะไรเหรอพี่”

“ร้านข้าวไงวันก่อนที่ไปกินกันนั่นเป็นบ้านของพี่เอง”

มิน่าบริกรถึงได้ทำหน้าตาแปลกๆ

“เมื่อทุกอย่างมันเปลี่ยนไปร้านมันก็ต้องปิดตัวลงตั้งแต่วันนั้นละนะ”

คืนนี้เป็นประสบการณ์แรกของกันต์ที่ได้มาเข้าสถานที่แบบนี้ใช้คำว่าเข้าเที่ยวจะถูกต้องกว่า

นี่น่ะหรือชีวิตมหาลัย

ที่บ้านกันต์อยู่กับแม่สองคนชีวิตคู่แม่ลูกมันชวนเหงาถ้าฝ่ายใดหายไปจากบ้านอีกคนที่ถูกทิ้งไว้คงจะอ้างว้าง

…ซีมันเองก็เช่นกันไม่เคยเห็นมันออกไปไหนเลยส่วนมากจะกลับมาห้องทันทีนิสัยของมันที่เก็บตัวอย่างนี้ทำให้นึกถึงมันสมัยเรียน

เบอร์1 2 เพื่อนที่มันสนิทด้วยสองคนนั่นไม่เคยชวนไปไหนเลยเหรอ

เหล้าถูกนำมาวางเสริฟตรงหน้าเรื่อยๆไม่มีขาดกันต์เองแทบจะนั่งอยู่ไม่ไหวพวกนี้นี่กินกันหนักถ้าจะเว้นไว้ก็คงแค่เด็กผู้ชายคนนั้นดูจะไม่ค่อยยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกเท่าไร

สีเหลืองๆเขียวๆจากหลวดไฟที่ห้อยอยู่จากสายไฟสีดำเริ่มสว่างวาบสีเหล้านั้นกำลังผสมกันราวกับสีน้ำในจานสีที่ถูกละเลงโดยภู่กันของศิลปินสมัครเล่น

อากาศร้อนเริ่มคลายตัวลงความรู้สึกด้านชาสัมผัสเย็นๆจากนิ้วก้อยของพี่ฟ้าหายไปแล้ว

กันต์รู้สึกอยากล้มตัวลงนอนที่สุด

แต่แก้วเหล้ายังถูกส่งเวียนไปมา

“นี่น้องๆกินๆๆๆๆเดี๋ยวพี่ฟ้ามันจะได้รับไปดูแลเอง”

แก้วถูกส่งมาที่กันต์

“มึงก็อย่าไปยุ่งกับมันน่าสงสารน้อง”

“เฮ้ยจัดให้ฟ้ามันหน่อยดิ”

“ไม่เอา”

ฟ้ายืนยัน

“งั้นเอาไปให้ปิกินนะ”

“เฮ้ยๆอย่านะเว้ยอย่าแม้แต่จะคิดเชียว”

แก้วเดิมที่เต็มไปด้วยเหล้าอีกรอบถูกยื่นใส่หน้าจากผู้ชายหน้าตาดีฝั่งตรงข้าม

คนที่ชื่อปิพยายามปฏิเสธแว่นหนาขยับส่ายไปมาเวลาสั่นหัว

“แหมๆ”

“นี่ฟ้าตกลงสิ่งที่แกตามหามาตลอดเจอหรือยัง”

“ยังเลยแต่คงใกล้แล้วละมั้ง”

“มึงจำวันนั้นไม่ได้เหรอ”

“จำได้กูจำได้ดีเลยแล้วไม่มีทางปล่อยไปแน่ๆ”

“ปิเองก็ทนหน่อยนะเดี๋ยวก็คงหาเจอ”

“เฮ้ยมึงพ่อกูบ่นอีกแล้ววะจะให้ไปเรียนต่อเมกาแม่งสมัครยังไงวะไม่มีเนทแล้วสัสจะให้กูไปหาข้อมูลไหนวะ”

ผู้หญิงกระโปรงแดงคนนั้นพูดขึ้นท่าทางเมา

“อ้าวมึงก็ลองไปถามคนอื่นดูดิ”

“ถามเชี่ยไรละทุกทีกูโพสต์ในเนทเดี๋ยวก็มีคนมาตอบตอนนี้ให้กูไปถามใคร”

กันต์เริ่มตามไม่ทันว่าใครพูดอะไร

“นี่ถ้าน้องมันกลับไม่ไหวกูต้องไปส่งเนี่ยฝากปิกลับไปด้วยนะ”

ฟ้าแอบมองหน้ากันต์เมื่อแสร้งยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

คนพวกนี้ก็คงเป็นเหมือนๆกันกันต์เมื่อเพื่อนมีมากมายให้เลือกความสำคัญที่เราให้กับคนๆเดียวหรือคนรอบข้างมันก็จะน้อยลงยิ่งเมื่อเราแบ่งปันมันให้กับคนมากมายอีกนับสิบนับร้อยที่พร้อมจะเข้ามาหาโปรไฟล์อันหรูหราที่ทุกคนพร้อมใจกันอวดอ้างในเนท

มันก็ยิ่งถูกซอยให้น้อยลงคนที่ไม่พอใจจะรับความรู้สึกผ่านๆก็จะหายจากไปจากเพื่อนกลายเป็นคนรู้จัก

เพื่อนใหม่กันต์มีมากมายมีเข้ามาทุกวันจนกระทั่งกันลืมเพื่อนที่กันต์เคยคิดว่าดีรอบตัว

ความชอบที่ต่างกันแค่หาอะไรสักอย่างที่เราชอบแล้วแสดงออกเดี๋ยวก็มีคนเข้ามาหาหน้าตาอย่างกันก็ไม่ใช่ว่าจะแย่จนไม่มีคนอยากเข้ามาคุยด้วย

ซี... กันต์ทิ้งซีไว้ที่ห้องคนเดียวอีกแล้วเหรอซีคนนั้นที่เคยนั่งริมหน้าต่างมองออกไปยังหมู่ต้นไม้ด้านนอกของห้องเรียน...

เพื่อนคนสุดท้ายที่บอกลากันต์ก่อนเดินทางไปหาพ่อที่ต่างประเทศ

ตอนนี้คงนั่งโดดเดี่ยวดูทีวีรายการฉายซ้ำที่ห้องอยู่คนเดียว

เสียงอื้ออึงรอบข้างค่อยๆเบาลง

บางคนยังพูดคุยกันต่อแต่ไม่นานก็ต้องเงียบปากหันไปมองหน้านิ่งเหมือนเป็นสัตว์สตาฟในห้องโชว์ตามพิพิธภัณฑ์แน่นิ่งราวกับรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งที่ชื่อวงเหล้าที่ไร้แสงไฟ

ลมพัดแรงมาวูบหนึ่งได้พาเอาบางอย่างออกไปด้วย

ความรื่นเริงเมื่อครู่หายไปหมด

หลอดไฟสั่นดังก๊อกแก๊ก

ทั้งวงเงียบเสียงลงเสียงเพลงที่นั่งร้องร้านถัดไปยังคงร้องอยู่เลยขึ้นมาแทรกตอนนี้เพลงอะไรกันต์ก็ไม่รู้

เป็นอะไรกันไป

ร้านซ้ายสุดนักดนตรีดูจะเริ่มขยับตัวลงจากลังไม้เก่ามาหยิบกระเป๋าสีดำใบเขื่องยัดของทุกอย่างลงไปลวกๆนักร้องลุกขึ้นยืนแล้วออกเดินผ่านหน้ากันต์ไป

คนเริ่มลุกขึ้นยืนทำท่าเหมือนไม่มีอะไรแต่เดินออกกันไปช้าๆกลุ่มใหญ่ๆ

“พี่ฟ้า.. จบ.. แล้วเหรอ”

ปากรู้สึกหนักคำพูดแต่ละคำกว่าจะพูดออกมาได้

“ท่าไม่ดีวะ”

สักพักคนจากร้านด้านในสุดเริ่มทะยอยเดินกันมาทางฝั่งนี้ฝีเท้าเร็วขึ้น

“เฮ้ยๆๆไปเหอะน่าจะแย่วะ”

ขาหนักเปลี้ยไม่ต่างจากปาก

“กันต์ไหวมั้ย”

แขนขาวเห็นเส้นเลือดกระชากแขนที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเหวี่ยงออกไปข้างหน้าฟ้าเปลี่ยนเป็นกอดคอแล้วลากตัวกันต์ออกไปทางซอยที่เข้ามาตอนแรกแต่ความเร็วที่ใช้ตอนเดินออกไปนั้นต่างกับขามาคนละเรื่อง

“ฝากปิด้วยพาไปส่งให้ถึงบ้านนะมึงไม่งั้นกูเอาตายแน่”

“เอออออ”

เสียงนั้นทวนตอบมาตามลมก่อนทุกอย่างจะมืดไป

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 12

   ลมหายใจหนักๆ ระบายออกจากปาก พี่ฟ้าลากแขนกันต์วิ่งหนีออกไปทางซอยมืดๆ กลุ่มเพื่อนในวงเหล้าต่างลุกขึ้นแล้วแยกย้ายไปคนละทาง นักดนตรีส่งสัญญาณด้วยการวิ่งหนีออกไปเป็นกลุ่มแรก

   ไฟสว่างแวบวับสาดส่องไปมา โคมเทียนปลิวไหวตามแรงเหวี่ยง ผู้คนวิ่งชนกระแทกข้าวของในร้าน เสียงขวดเหล้าหล่นลงกระทบพื้น เสียงแก้วแตกลอยไล่หลัง

   ในซอยเดียวกับขามามืดมิด ลมแรงพัดเอาเทียนไขที่ปักอยู่ตามลังไม้เพื่อนำทางให้ดับไป ทิ้งไว้แต่ไส้เทียนสีดำหงิกหงอ กันต์ไม่ชิบกับทางได้แต่วิ่งตามและปล่อยให้พี่ฟ้านำทางไป

   “พี่ฟ้า ตำรวจเหรอ”

   “ไม่ใช่”

   แอลกอฮอล์ถูกสูบฉีดไปตามเส้นเลือด เมื่อมันขึ้นไปถึงหัวสมองมันก็กดประสาทบั่นทอนสติออกไป ทางออกที่เห็นเป็นแสงสีส้มจางจากถนนด้านหน้า กลายเป็นสีขาวสว่างจ้า ขัดกับความเป็นจริง ก่อนกันต์จะเริ่มประคองสติตัวเองไม่อยู่

   พี่ฟ้าดูไม่สนใจคนเมาที่ถูกลากอย่างกันต์เลย

   ตูม!!!!

   เสียงระเบิด ดังขึ้นจากที่ไกลๆ ไนั่นม่ใช่เสียงยางระเบิดแน่ๆ

   พี่ฟ้าชะงักฝีเท้า

   “กันต์ไหวมั้ย”

   หน้าขาวเริ่มซีดได้แต่ก้มหัวหงึกตอบ ลมหายใจหอบ สมองเบลอไปหมด อยากจะอาเจียนเอาทุกเหล้าทุกหยดออกมา

   ดูเหมือนจะได้เวลาพักหายใจเพียงสองเฮือก

   “ไปต่อนะ”

   เสียงระเบิดอีกรอบดึงกระชั้นเข้ามา

   “ทนอีกหน่อยนะ...”

   ดีที่คอนโดกันต์เองอยู่ระหว่างที่นี่กับมหาลัย แปลว่า มันอยู่ครึ่งทาง เวลาที่ใช้เดินทางกลับก็จะเหลืออีกเพียงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ถ้าเดินทางด้วยรถครึ่งชั่วโมง ถ้าวิ่งกลับก็คงไม่น่าจะนานเท่าไร

   แฮกๆ ยิ่งคิดมากก็ยิ่งปวดหัว

   เสียงหอบหายใจของพี่ฟ้าเริ่มมีให้ได้ยิน

   มือสั่นเทากำมือของกันต์แน่น

   นี่เราวิ่งออกมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย

   เม็ดฝนปรอยลงมา มันเริ่มจากเม็ดห่างๆแล้วถี่ขึ้นอย่างรวดเร็ว สัมผัสทางกายของกันต์ยังช้าอยู่ น้ำฝนเย็นๆไม่ทำให้กันต์รู้สึกหนาวเท่าไร ตัวที่ร้อนจากเครื่องดื่มแรงๆบวกระยะทางที่วิ่งมา ความเย็นแค่นี้ไม่สะท้านหรอก

   ตรงกันข้าม พี่ฟ้ากลับยืนตัวสั่น

   “พี่ฟ้า... หนาวเหรอ”

   เสื้อผ้าเปียกแนบลำตัว

   พี่ฟ้าตอนนี้ดูผอมเก้งก้าง โครงร่างใหญ่ที่เห็นนั้นเป็นแค่กระดูกเท่านั้น

   กันต์พยายามเปล่งเสียงถาม

   แต่คอแห้งผาก

   เสียงฝนซู่หนักจนแทบมองไม่เห็นอะไร

   “ไม่”

   ฟ้าตะโกนตอบ

   พี่ฟ้าเดินวนอยู่กับที่ มองไปทางนั้นทางโน้นที เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง แต่อะไรละ ฝนที่เทลงมาปกคุลมซ่อนสิ่งที่อยู่รอบข้างเอาไว้

   เสื้อผ้าเริ่มกลายเป็นของหนักถ่วงร่างกาย กางเกงเองก็ไม่เว้น ต้องรัดเข็มขัดให้แน่นช่วย

   “พี่ฟ้า กันต์กลับเองได้ พี่รีบกลับเหอะ ท่าทางไม่ไหวนะ”

   คนที่มั่นใจในตัวเองจนออกนอกหน้าขนาดนั้น กำลังทำตัวเหมือนมดที่โดนตีกรอบด้วย ชอล์คกันแมลง ได้แต่เดินวนไปมาเป็นวงกลม ตัวสั่น หน้าซีด

   “พวกนั้น.. แย่แล้ว ถ้าใครเป็นอะไรขึ้นมา ... จะไปตามไหน ...เฟส ... ไลน์ ไม่นะ บ้าน ... แย่แล้ว ... ใคร ถามใคร พ่อ แม่ ระเบิด ระเบิดอีกแล้ว”

   “พี่ฟ้า ใจเย็นพี่”

   ท้องฟ้าสาดแสงสว่างวาบ เสียงฟ้าร้องดังก้องขึ้น ครืนสะท้าน แรงสั่นรู้ได้ถึงคนที่ยืนอยู่

   พี่ฟ้ากระโดดตัวสั่นโผเข้ากอดกับกันต์แน่น

   เสียงระเบิดมาอีกระลอก ตามหลังด้วยเสียงรถหวอที่มุ่งหน้าสวนทางกับลูกศรบนถนนย้อนเข้าไปทางถนนใหญ่ข้างซอยที่สองคนนั้นออกมาเมื่อครู่

   อีกไม่ไกล ก็จะถึงคอนโดแล้ว จะพาฟ้าขึ้นห้องคงไม่ได้

   ซีต้องไม่ยอมแน่

   แต่นี่มันฉุกเฉินนะ

   ทำไงละๆๆ

   อาการมึนหัวหายไปเป็นปลิดทิ้ง ทิ้งไว้แต่แรงบีบตุบๆ อะไรในท้องกำลังดันออกมา กันต์ต้องฝืนตัวเอาไว้

   เดินเลยไปเห็นตึกเก่าตรงหัวมุม

   หน้าตึกแถวห้องหนึ่งมีทางขึ้นเป็นยกพื้นเตี้ยหนึ่งขั้นบันได ไฟปิดมืด ด้านหน้ามีแผงเหล็กกั้นสำหรับก่อสร้างปิดบังด้านหน้าไม่ให้คนข้างนอกมองเข้าไปเห็น หลบตรงนั้นน่าจะปลอดภัย

   กันต์ประคองพี่ฟ้าไปตรงนั้น ก่อนจะ...

   กอด กอดให้แน่นที่สุด

   ตัวพี่ฟ้าสั่นทุกครั้งที่เสียงฟ้าร้องดังขึ้น

   กลิ่นแชมพูกระทบจมูกกันต์ ผมยาวของพี่ฟ้ามันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คนที่ตัวใหญ่กว่ากลับกลายเป็น เหมือนเด็กที่ว่าง่าย มุดหน้าอยู่กับอกของกันต์ เสื้อผ้าเปียกชุ่ม

   ลมแรงพัดเอาละอองฝนมาปะทะใบหน้า

   “พี่ฟ้าใจเย็นๆนะ”

   ไม่รู้ว่าคำพูดนี้จะเหมาะสมหรือไม่ สมองกันต์ไม่สามารถหาคำที่เหมาะกว่านี้ได้อีก

   …ถ้าซีอยู่ มันคงรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ

   ไม่น่ามาอย่างที่มันบอกจริงๆด้วย

   …นั่นสิ จะพึ่งไอ้ซีมันมากไปมั้ยนะ ตั้งแต่กลับมาก็ให้มันทำโน่นนี่ให้ตลอด

   …แล้ว เราก็ยังปฏิเสธมันได้ลงซะอีก

   จู่ๆเสียงสุดท้ายของซีก็ได้ยิน

   “กูยังชอบมึงอยู่นะ”

   พี่ฟ้าพูดถูก เราจะกลับไปในยุคที่รู้ข่าวสารของคนอื่น ถึงขนาดที่บางครั้งไปรับรู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นได้อย่างไรนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงง่ายมาก แค่กดเข้าไปดูก็คงจะรู้ได้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรกันไปกันถึงไหนแล้ว

   สถานการณ์แบบนี้คงตามตัวหรือแจ้งเตือนกันได้ไม่ยาก

   แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่

   พี่ฟ้าเปรยๆให้ฟังว่า หลังจากหมดทางสื่อสารกันไป พวกนั้น เพื่อนที่ยังเหลืออยู่ ยังคงใช้วิธีเดิม คือพบกันทุกสุดสัปดาห์ที่ร้านประจำ นัดกันล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ ถ้าโชคดีเดินเจอกันก่อนตามมหาลัยหรือที่อื่นก็คงได้พูดคุยกันบ้าง

   การเบี้ยวนัดเป็นเรื่องยาก เพราะไม่มีใครรู้ว่าเราจะมาหรือไม่ สัญญาเป็นสิ่งสำคัญ

   “ถ้าทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม แต่เลือกได้ว่าจะเอาอะไรออกไปจากฐานข้อมูลบนโลกนี้ได้ก็คงดีนะ...”

   ของบางอย่างไม่ควรจะเหลืออยู่บนโลกนี้หรอก

   กันต์พูดกับตัวเอง

   ซี...

   ภาพใบหน้าของซีมันช่างกวนอยู่ในหัวกันต์มากเป็นพิเศษในคืนนี้

   กันต์กำลังเอาซีไปเทียบกับพี่ฟ้าอย่างนั้นเหรอ

   ไม่ได้หรอก....

   กันต์จะเอาเพื่อนคนสุดท้ายที่เหลืออยู่มาเป็นแฟนไม่ได้หรอก... กันต์จะไม่ยอมเสียเพื่อนคนนี้ไปเป็นอันขาด

   “กันต์...”

   เสียงฟ้าสั่นพอๆกับตัว

   “พี่ฟ้า ไหวมั้ย”

   ผมสีดำเปียกน้ำลู่ติดหนังศรีษะเขย่าขึ้นลงเบาๆ พี่ฟ้ายังคงซุกหน้าเข้าอยู่กับหน้าอกของกันต์

   “พี่ฟ้า เป็นอะไรไปเหรอ”

   “วันนั้น  …ก็คล้ายๆ    ...แบบนี้แหละ...”

   …พี่ฟ้าเล่าให้ฟังว่า

   พ่อแม่ของฟ้าตายจากระเบิดที่พิพิธภัณฑ์ กลุ่มผู้ไม่หวังดีแอบวางระเบิดเอาไว้หลังจากที่รู้ว่าระบบป้องกันความปลอดภัยของกรุงเทพที่เดิมกึ่งๆพิการนั้น ยามขาดไฟฟ้ามันได้ตายสนิทไปแล้ว

   เมื่อช่องทางสื่อสารหลักในสังคมโลกปัจจุบันถูกทำให้หายไป คนที่ไม่รู้ถึงอันตรายก็ยังทำตัวได้ว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ทั้งสองเดินชมห้องแสดงภาพห้องหนึ่ง ก่อนที่จะเกิดระเบิดตูมใหญ่

   ถึงบ้านพี่ฟ้าจะอยู่ห่างไปไม่ไกล แต่กว่าจะรู้ข่าวก็เย็นของอีกวัน หลังจากผิดสังเกตว่าพ่อและแม่ไม่ได้กลับมาบ้าน

   ทั้งสามคนนัดกันไปดูภาพในช่วงปิดเทอม เพราะปิดเทอมร้านเลยคนน้อย

   รายชื่อผู้สูญเสีย เผยแพร่ทางโทรทัศน์ กว่าจะรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นก็เนิ่นนานไปเป็นวัน

   ร้านขายข้าวของฟ้าที่เคยรุ่งเรื่องจากฝีมือโปรโมทออนไลน์ของฟ้า ก็ต้องเจอกับรีบาวด์เอฟเฟค จากลูกค้าทั้งหญิงและชายที่เคยเข้ามาเยี่ยมเยียนเป็นประจำ บางส่วนเพื่อหวังว่าจะได้เจอกับฟ้า คนดังในโลกออนไลน์ ผู้ที่เพียบพร้อมทั้งการศึกษา หน้าตา

   เมื่อพ่อครัวคนเก่งไม่อยู่ รสชาติอาหารก็ดูด้อยลง

   เมื่อไม่มีอะไรดึงดูดให้มา ลูกค้าขาจรก็เริ่มหดหาย ก่อนจะถึงคราวลูกค้าประจำ ฐานะของร้านที่เคยดูดีมากจนสามารถใช้หนี้ได้จนหมด ดีจนสามารถซื้อบ้านหลังที่สองได้

   แต่เมื่อรายได้หดหาย คอนโดก็ต้องขาย เพื่อรักษาร้านที่เป็นเหมือนความฝันของพ่อกับแม่ให้คงอยู่

   ฟ้าทำทุกทาง ยังไงก็ได้ให้คนมาร้านให้มากที่สุด

   แต่ก็ทำได้เพียงแค่พยุงให้อยู่รอดไปได้เท่านั้น

   ในวันที่ฝนตกและมีฟ้าร้องอย่างวันนี้เอง ที่พ่อกับน้าออกไปเดินเล่นแถวสยามเพื่อหาไอเดียที่จะจัดการกับร้านเสียใหม่ มันถือว่าเป็นการฮันนีมูนไปในตัวและครัง้นั้นเองที่ฟ้าแนะนำให้ไปพิพิธภัณฑ์สีขาวที่ตั้งอยู่ติดกัน แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องโศกที่ทำให้ฟ้าไม่ลืมอีกเลย

   “ไปเถอะ เดี๋ยวฟ้าเฝ้าร้านเอง”

   เสียงระเบิดตูมใหญ่ทำลายทุกอย่างในชีวิตของฟ้าไปหมด...

   คราวเดียวพาเอาพ่อและน้าจากไปอยู่ที่อื่น ไกลแสนไกลจนฟ้าเอื้อมมือไม่ถึง

   …

   “งั้นที่ พี่ฟ้าพากันต์ไปก็..”

   “อือ พี่อยากพาเราไปดูน่ะ”

   “แต่วันนี้เดทแรกดูจะไม่สวยเอาซะเลยเนอะ พอเห็นกันต์พี่รู้สึกดี”  ฟ้าเงยหน้าขึ้นมองกันต์ช้าๆก่อนจะพูดต่อ

   “เลยคิดว่า ถ้าพากันต์ไปที่นั่น มันอาจจะลบล้างความรู้สึกที่เลวร้ายออกไปได้”

   ตาของฟ้ารื้นไปด้วยน้ำ แต่ไม่ใช่ฝนที่ตกอยู่ตอนนี้

   “ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว”

   เม็ดฝนสาดโดนสังกะสี ส่งเสียงดัง ตามจังหวะลมที่พัดเข้ามา

   ฟ้าค่อยๆยกเสื้อตัวเองขึ้นเผยผิวขาวออกมา

   กันต์ทำตามอย่างช้าๆ

   เรื่องนั้นมันมาแน่

   ฟ้าบรรจงค่อยๆจูบปาก กลิ่นเหล้าอบอวล แต่ไม่ชวนให้รังเกียจ

   นมเป็นเม็ดแข็งเพราะอากาศหนาว

   ฟ้าค่อยซุกหน้าเข้าไปหามัน

   อา มันช่างรู้สึกดี แต่ไม่ทันไร ฟ้าก็ไล่เลียลามลงไปต่ำจนถึงขอบกางเกง

   “พี่ฟ้า...”

   “กันต์ไม่ได้เรียนมหาลัยหรอก”

   “กันต์เพิ่งหนีพ่อกลับมาจากเมืองนอก ...นิวยอร์คน่ะ”

   อย่างน้อยการบอกชื่อเมืองอาจจะทำให้ดูดีขึ้นในสายตาของฟ้า

   “ทุกวันนี้อยู่กันต์อาศัยอยู่กับเพื่อนชื่อ ซี เค้าเรียนที่คณะเดียวกับพี่ ...กันต์แค่ ไม่อยากปิดบังพี่ แต่ไม่รู้จะบอกยังไง”

   “กันต์จะตั้งใจเรียนแล้ว เข้าที่เดียวกับพี่ให้ได้ พี่จะได้ไม่อายคนอื่น รอกันต์หน่อยนะ”

   “งั้นกุญแจบ้านที่พี่เห็นก็”

   “กุญแจ... อ้อ เป็นของเพื่อนกันต์น่ะ”

   “อื้อ งั้นเหรอ งั้นไว้พี่จะติวให้กันต์เองนะ ติวเข้มพิเศษไปเลย”

   เสียงไซเรนดังขึ้นอีกรอบ

   มือกันต์กำลังคว้าเข้าที่ท่อนล่างของพี่ฟ้า มันหดเป็นก้อนกลม ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ได้ที่ แต่ก่อนที่กันต์จะทันทำอะไร ฟ้าก็ลุกขึ้นยืนตรง เด็กน้อยตัวสั่นเทาเมื่อกี้หายวับไปแล้ว

   “ไปเถอะ ดึกแล้ว”

   ฟ้ารีบเดินไปส่งกันต์ที่คอนโดไม่ไกลออกไป

   “อย่าลืมแนะนำเพื่อนกันต์ให้พี่รู้จักบ้างนะ”

   “พี่ฟ้าบอกว่าจะหาตัวคนทำ ถ้าพี่รู้ตัวคนทำแล้ว...พี่จะจัดการกับเค้ายังไงเหรอ”

   “นั่นสินะ ถ้าเป็นกันต์ละ รู้ว่าคนไหนทำลายชีวิตของเค้า พรากพ่อแม่ไป ทำร้ายความฝันอีกด้วย กันต์จะทำยังไง”

   กันต์ไม่ตอบ

   เสียงเปาะแปะของสายฝนข้างนอกแทรกเข้ามา กลบเสียงสูดลมหายใจหนักๆ ที่กันต์ไม่ได้ยิน แต่เดาได้จากรูปปากที่ฟ้าทำลงไป

   “…คงฆ่าเค้าละมั้ง”

   เสียงเข้ม น้ำเสียงหนักแน่น

   พี่ฟ้าเอาจริงแน่

   “… แล้วเกิดเป็นผมละ”

   ฟ้าเงยหน้าขึ้นมองหน้ากันต์ตรงๆใกล้ๆ สายตาแทบจะมองทะลุเข้าไปถึงความคิดในหัวสมอง

   “จะเป็นนายได้ยังไง ตอนนั้นนายอยู่เมืองนอกนี่อีกอย่างคนทำน่าจะฉลาดพอตัว ถึงตอนนี้ยังจับไม่ได้เลยว่าใคร เบาะแสใกล้เคียงก็ไม่มี ถ้าจับได้มันจะต้องชดใช้กับเรื่องที่ทำลงไป ชดใช้ให้กับครอบครัวพี่...”

   แล้วคำตอบก็มา

   “ไม่เว้นใครทั้งนั้น … ไม่ได้ตายสบายแน่”

   มือฟ้ากำแน่นกดลงกับหน้าขากันต์

   “พี่ฟ้า ...กันต์ ...ทำเองแหละ”

   กันต์ตั้งใจจะพูดไปอย่างนั้น แต่ก็กลัวเกินกว่าที่พูดอกไป

   เวลานี้ได้แต่ยืนมองอยู่หน้าคอนโด ปล่อยให้พี่ฟ้าเดินหายไปกับความแค้น กันต์กำลังเอาตัวเองเข้าไปเจอกับเรื่องร้ายแรงเข้าแล้วสินะ

   ซี... อยากกลับไปหามันเร็วๆแล้ว


ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 13

   วิวสวยนอกคอนโด ตอนนี้ถูกทาทับด้วยสีน้ำเงินเข้ม แสงพระจันทร์ลอยกรุ่นอยู่กลางท้องฟ้า เมฆครึ้มสีเทาผสมผสานเข้าไปอย่างลงตัว ฝนกำลังตกหนัก หนักจนมองเห็นเป็นเส้นสีเงินราวกับสายสร้อยคอ ร่วงลงมาจากท้องฟ้า

   ฉิบหายละ ตกหนักขนาดนี้ กันต์มันจะกลับยังไงวะ

   ลมเย็นพัดเอาละอองฝนเข้าปะทะหน้า ซีรู้สึกหนาว

   เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นหัว

   กล้ามเนื้อหดเกร็งกระตุกเป็นช่วงๆ หน้าอกแข็งเป็นไต ละอองเม็ดฝนเมื่ออยู่รวมกันซ้ำๆในที่เดิมมันกลายเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ เนื้อตัวเริ่มเปียก ซียืนอยู่ตรงนี้กว่าชั่วโมงแล้ว

   ไอ้การมายืนเป็นห่วงมันอย่างนี้มันจะรู้สึกอะไรมั้ย

   ถ้าสิ่งที่ซีทำให้รวมกันได้ กันคงจะพอมองเห็นบ้าง หรือที่จริงแล้วมันจะเป็นละอองที่เล็กเกินไป

   เสียงระเบิดไม่ดังถึงขนาดที่จะได้ยินจากบนคอนโดชั้นหกนี้ ที่นี่ทุกอย่างยังดูปลอดภัยดี นี่ถ้าดูมันเช็คอินได้นะ จะรีบไปตามตัวมันกลับมาเลย บางทีไอ้ของไร้สาระที่ซีไม่คิดจะเล่นมันก็มีประโยชน์เหมือนกัน

   ซีถอดเสื้อที่ชุ่มน้ำออก ยืนอ้าแขนรับน้ำฝนให้เต็มที่ เผื่อใจจะเย็นลงได้บ้าง

   เลยเที่ยงคืนมาแล้ว

   ไม่ใช่ว่ามันเมาจนขึ้นมาไม่ได้นะ

   เวลานี้ลิฟต์ไม่น่าจะเปิดให้ใช้ ชั่วโมงประหยัดไฟเลยผ่านไปนานแล้ว คนจะขึ้นตึกต้องเดินขึ้นบันไดหนีไฟไปเอง

   ประตูห้องถูกเปิดทิ้งไว้ น้ำหยดแหมะมาเป็นทาง ซีไม่สนใจว่าพื้นไม้ปาเก้จะเสียหายหรือไม่ เวลานี้มีเรื่องอื่นที่น่าห่วงกว่า

   กันต์เปราะบางกว่าพื้นไม้แน่ๆ

   ดังนั้นซีจึงตัดสินใจเดินลงมาทั้งชุดนอนที่เป็นกางเกงตัวเดียวเพื่อมาดูข้างล่าง

   หลอดไฟติดเว้นชั้น ช่องบันไดหนีไฟมันจึงมืดสว่างเป็นช่วงๆเมื่อมองลงไปข้างล่าง

   หรือว่ามันจะกลัวจนไม่กล้าขึ้นมา

   เนื้อกางเกงบอกเซอร์ขาสั้นสีน้ำเงินเข้มเปียกแนบสัดส่วน มันขับเน้นส่วนที่นูนเว้าขึ้นมา หวังว่าลุงข้างล่างจะไม่คิดว่าซีเป็นคนโรคจิตนะ

   เสียงน้ำหยดดัง แปะ เป็นจังหวะตามการก้าวขาของซี ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้ซีรีบ แปลกดีใจมันไม่ได้ร้อนรน อาจะเป็นเพราะ ลึกๆก็รู้อยู่แล้วว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่ละคร ไม่น่าฟลุคอย่างนั้น

   กันต์อาจจะยังสนุกอยู่ ลืมที่จะกลับมาคอนโดก็ได้ หรืออาจจะไม่กลับมาแล้วคืนนี้ หรืออาจจะโดนลากไปแล้ว หรือ...

   ภาพกันต์ค่อยๆถอดเสื้อผ้าโผล่มายั่วยวนอารมณ์ของซี

   บอกเซอร์หนักเปียกน้ำ เริ่มจะปิดกั้นไม่อยู่ ส่วนนั้นยิ่งนูนเด่นขึ้นมา ยิ่งซีไปคิดถึงผิวขาวของกันต์ที่ค่อยๆเผยอออก กางเกงยีนส์ถูกร่นลงไปกองที่ข้อเท้า อาการก็ยิ่งจะหนักขึ้น

   ชั้นในของกันต์ที่ซีซื้อให้ ก้นแน่นขาวน่าสัมผัส

   แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ปลุกให้ซีตื่นขึ้นความฝัน

   ซีสะดุ้งสุดตัวเมื่อลงมาถึงขั้นสุดท้าย ประตูทางออกหนีไฟที่ชั้นหนึ่งเปิดกว้างอยู่

   อากาศชื้นฝนเย็นสบายกล่อมลุงยามหลับอยู่นอกประตูทางเข้า

   แต่ร่างผอมขาว สภาพโทรมหัวเปียกยุ่ง ยืนพิงกำแพงอยู่ที่ขอบประตูหนีไฟ เกาะแน่นนิ่งราวกับเป็นปรสิตที่พึ่งพิงแหล่งอาหาร

   สภาพน่าสมเพช

   ก่อนทันที่ซีจะได้ถาม

   เสียงหัวเราะระรัวดังขึ้นไม่หยุด

   “ขะ ขำอะไรหนักหนา”

   “นี่... หลังคารั่วเหรอวะ ฮ่าๆๆๆ”

   กันต์ลืมตามองตรงมาที่ซี

   “มึงน่ะ ทำไมกลับมาตัวเปียกอย่างนี้”

   “เออน่า”

   กันต์ยังขำไม่ยอมหยุด

   “กันต์ เมาป่าวเนี่ย”

   ไม่มีคำตอบ ก่อนจะล้มตัวมาพิงหัวเข้ากับไหล่ที่อยู่สูงกว่าของซี

   “นอนก่อนนะ”

   “เฮ้ย เดี๋ยวดิ เฮ้ย”

   ตัวน้อยๆสั่นเทาด้วยความหนาว

   ซีพยายามเขย่าตัวกันต์ขึ้นมา

   “ขี้เกียจเดินขึ้นแล้วอะ นอนตรงนี้เลยได้มั้ย”

   “พูดไรไม่รู้เรื่อง เมามากเหรอเนี่ย”

   “เฮ้อ วันนี้เกิดเรื่องเยอะ สมองกูทำงานไม่ทันแล้ว”

   อะไรของมันวะ

   กันต์ยืนหัวเราะพิงซีอยู่อย่างนั้น

   เมื่อซีดูท่าแล้ว เห็นว่ากันต์เดินขึ้นไปเองไม่ไหวแน่ ก็คงมีทางเลือกเดียวคือต้องพยุงมันขึ้นไปจนกว่าจะถึงชั้น 6 ขืนปล่อยเอาไว้อย่างนี้นี่ มีได้เป็นหวัดแน่ๆ ไม่ใครก็ใครสักคนหนึ่งละ

   ไหล่ซ้ายที่กันต์พิงหัวอยู่เมื่อครู่ตอนนี้กลายเป็นช้อนอยู่ใต้รักแร้ แล้วดันตัวเบาๆของกันต์ให้เดินขึ้นไปพร้อมๆกับซี

   “นี่ พี่ฟ้านะ...”

   ท่าทางจะพูดไม่รู้เรื่อง

   “มึงรู้มั้ยว่า วันนี้กูเห็นเพื่อนเค้าแล้วนึกถึงใคร”

   “จะไปรู้เรอะ สมองมึงเนี่ย กูคงเข้าใจหรอกนะ”

   “มึงไง ไอ้ควาย จะมีใครคอยดูแลกูวะ พี่ฟ้าแม่งป๊อปขนาดนั้นเพื่อนยังเหลือแค่นี้ ดูกูดิ เมื่อก่อนคนฟอลโล่เป็นพันๆ เอาเข้าจริง ไม่เหลือใครเลย”

   มือกันต์พลัดร่วงลงมาเกี่ยวเข้ากับขอบบอกเซอร์ทำเอาเกือบหลุด

   “ตั้งแต่ไอ้เหี้ยคลิปหลุดนั่นออกมา เพื่อนที่รร.แม่งก็เสือกรู้กันหมดว่ากูชอบผู้ชาย คนที่เข้ามาหาก็แค่เรื่องอย่างว่า สัสเอ๊ย”

   เสียงยานคางขึ้นเรื่อยๆ

   “กูว่ามึงเงียบเหอะ รบกวนห้องอื่นเค้า”

   ใช่ คลิปมึงหลุดออกไปในโซเชียล รู้กันทั้งชั้นเลย

   “ซี วันไหนมึงมีแฟนแล้วจะพามาห้องบอกกูนะ กูรอข้างล่างได้... อย่ามาเอากันบนโซฟาที่กูนอนก็พอ กูทำใจไม่ได้”

   …ทำใจไม่ได้เหรอ

   ถ้ามึงรู้เรื่องอื่นมากกว่านี้ มึงจะยังทำใจได้มั้ย

   “เหี้ยละมึง หุบปากไปเลย”

   ไอ้กันต์นี่ พอมันเมาแล้วเป็นยิ่งกว่าทุกที เวลามันปกติดีก็ใช่ว่าจะคุยกับมันรู้เรื่องสักเท่าไร นี่ยิ่งหนักกว่า

   “ซี มึงได้ดูคลิปนั้นรึยัง”

   ซีส่ายหัว

   “ไปเปิดดูสิ ถ้าดูแล้วรังเกียจกูก็บอกด้วยนะ”

   “จะไปหาที่ไหนมาเปิดละ”

   ซีรู้สึกเย็นวาบ มือกันต์กำลังลูบก้นซีไปมาช้าๆ

   “ไอ้บ้านี่”

   “พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือยังไง”

   ข้างนอกฝนเริ่มซาลง ก่อนจะเททิ้งลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาอีกรอบ

   นี่ใจคอจะตกให้ท่วมถึงห้องกูเลยหรือไง

   ในห้องอากาศอบอ้าว ไอร้อนจากตัวทั้งสองคน ไอน้ำที่ระเหยขึ้นไปชวนให้ห้องรู้สึกอึดอัด
น้ำเริ่มแห้งทิ้งลอยคราบไว้ตามพื้นไม้

   กันต์ล้มตัวลงนอนบนโซฟา สภาพชวนให้ซีทนดูไม่ไหว จนซีต้องเดินไปเปิดหน้าต่างห้องนอน ช่วยให้ลมระบายออกไปได้มากขึ้น

   “กันต์...”

   ไม่มีสัญญาณตอบรับ ร่างนั้นนอนแน่นิ่ง

   ซีเดินเข้าไปห้องน้ำ หยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กชุบน้ำที่รองไว้แล้วเดินเข้าไปหา

   เสื้อผ้าถึงจะไม่ต้องถอด ก็ลุดลุ่ยอยู่แล้ว กางเกงถูกดึงลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า กางเกงยีนส์ตัวเล็กเหมือนผ้าดำที่มัดรอบข้อเท้าเอาไว้ กางเกงในสีขาวเปียกน้ำจนบางแนบเนื้อ

   เสียงหัวใจซีดังแทบทะลุออกมาจากหน้าอก รู้สึกเลือดสูบฉีด ใบหน้าร้อนผ่าว รู้ได้เลยว่าหน้าแดง

   อากาศหนาหนักกดทับให้หายใจไม่สะดวก

   ร่างขาวบางของกันต์นอนหมดแรงอยู่ตรงหน้า เสื้อผ้าถูกถอดออกจนหมดแล้วเวลานี้ ผมเส้นเล็กเปียกน้ำลู่ติดหนังหัว ดวงตาหลับสนิทแบบคนไม่รู้สึกตัว

   ก่อนที่ซีจะได้ทันทำอะไร กันต์ขยับตัวผลิกข้าง นอนอ้าขาหันมาทางซี

   อารมณ์ระเบิด

   เสียงฝนข้างนอกเงียบหายไป ซีรีบเดินไปปิดประตู

   ไม่รู้สึกถึงแผ่นไม้ปาร์เก้นุ่มเท้า

   รายละเอียดทั้งหมดถูกจดจำเข้าไปในหัว รูปร่างของกันต์ตอนนี้จะเป็นภาพที่ซีจำไปไม่ลืม

   ชุดนอนเปียกน้ำของซีเองดูจะไม่ได้ดีไปกว่าเท่าไร ซีรีบถอดของตัวเองบ้าง แล้วมานั่งข้างๆกันต์ มือสั่นเทาแต่ไม่ใช่เพราะความหนาว

   จับผ้าชุบน้ำถูไปตามตัวกันต์แผ่วเบา กลัวว่ากันต์จะรู้สึกตัวแล้วลุกขึ้นมาโวยวายใส่หน้า

   ใบหน้ากันต์ในเวลานี้ ยิ่งทำให้อากาศในห้องรู้สึกร้อนขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น ซีรีบเช็ดตัวเบาๆ ทุกครั้งที่ผ้าชุบน้ำเย็นๆลูบไล้ไปตามตัว เสียงครางรับเบาๆของกันต์เรียกอาการกระตุกจากส่วนนั้นของซีได้เป็นอย่างดี

   จากตรงนี้ซีเองก็ปิดไม่อยู่แล้ว

   ส่วนนั้นผงกหัวรับกับความต้องการของซีอย่างเต็มที่ มันโผล่หัวผงาดออกมาให้ชมอย่างไม่เขอะเขิน ยิ่งเมื่อผ้าถูกไล้ไปตามต้นขาของกันต์ มันผ่านตรงหว่างขาที่มีขนปกคลุมอยู่น้อยนิด เข้ากับผิวขาวเนียน ดูเหมือนเด็กน้อยนอนหลับ แต่เมื่อมันผ่านใกล้บริเวณนั้นมันมีอาการตอบรับ

   อยู่ๆ ของกันต์เองก็แสดงอาการตื่นตัวออกมาให้เห็น

   ซีแทบจะรู้สึกได้ถึงหยดน้ำใสๆที่พร้อมจะกลั่นตัวหยดแหมะลงกับพื้นห้อง

   มันแข็งจนเจ็บ

   กันต์ผลิกตัวหันหลังให้ซี

   ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่อยากคิดว่ากันต์เองก็มาอารมณ์เหมือนกัน ของกันต์ดูขยายขึ้นมาสีแดงสดจะระเบิด นอนบิดตัวแอ่นก้นมาให้ โซฟาที่นอนอยู่คงจะไม่สบาย ตัวกันต์เบียดถูไปกับเก้าอี้หนังจนเกิดเสียง

   พาลไปให้นึกถึงเสียงเนื้อเบียดกัน

   ลมหายใจของซีหอบหนักขึ้น หัวใจจะพังหน้าอกออกมาให้ได้

   นั่นสินะ หลายอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้ทำ

   ผู้ชายสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน ถ้าจะทำเรื่องอย่างว่าก็คงปิดไม่มิด

   เรื่องนี้มันจะไประบายที่ไหนได้ จะกลับห้องมาทำ ซีเองก็รู้สึกอายเกินไปถ้ากันต์เกิดจับได้ขึ้นมา จะให้เข้าไปทำในห้องน้ำระหว่างที่กันต์อยู่ก็ยังไง แล้วกันต์ก็มักจะอยู่ห้องเวลาที่ซีจะอาบน้ำเป็นส่วนมาก

   แค่ช่วยตัวเองยังลำบากเลย

   มันเริ่มการเก็บกดเอาไว้ตั้งแต่กันต์ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ไม่กี่ครั้งที่ทนไม่ไหวจนต้องหาทางไประบายที่อื่น...

   ห้องน้ำมหาลัยก็พอช่วยได้อยู่

   แต่ก็ไม่สะดวกใจ เพราะห้องข้างๆ

   อาบน้ำด้วยกันมันก็ยังมีกางเกงในกั้นอยู่ แต่นี่เห็นชัดเจนแถมได้สัมผัส

   ผิวเนียนนุ่ม... ดีกว่าในคลิปที่ซีเห็นมาก

   มือเผลอไปจับตรงปลายเข้า

   กันต์หายใจเข้าเฮือก แต่ไม่หลบ

   มันร้อนและแข็งเกร็ง

   ซีค่อยๆลูบไล้ไปมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขยับตัวเอาของตัวเองเข้าไปวัดขนาดกับกันต์บ้าง

   มันต่างกันไปตามรูปร่างตัว

   เมื่อของร้อนนั้นสัมผัสกัน ซีเองแทบจะยืนไม่ไหว กันต์กำลังผงกหงึกตีเข้ากับหัวของซีเบา

   แค่ถูกันยังขนาดนี้...

   นี่เหรอ ของจริงที่ซีฝันหามานาน

   ใช่แล้ว เมื่อสองปีที่แล้วตอนชั้นม.6

   คลิปของกันต์ถูกมือดีเผยแพร่ออกไปบนโลกโซเชียล ตอนแรกซีตกใจ ต้องขยี้ตาดูให้ชัด

   ร่างขาวตรงหน้าที่ดูเหมือนตอนนั้นจะตัวเล็กกว่านี้นิดหน่อย แต่ส่วนที่อยู่ตรงหน้ายังเหมือนเดิม ภาพไม่ชัดมาก การเคลื่อนไหวไม่ค่อยต่อเนื่องเป็นไฟล์คุณภาพพอใช้ ตรงนั้นชี้ตระหง่านหันหน้าเข้าหากล้องส่วนปลายสีแดงสด มีน้ำใสๆเกาะติดอยู่ กำลังหยดลงเหนียวหนืดใส่พื้นห้อง

   เหมือนตอนนี้

   ซีจำได้ดี คนในคลิปกำลังแอ่นตัวโชว์ส่วนนั้นให้อีกฝ่ายที่เล่นอยู่ด้วยกันดูชัดๆ ตรงนั้นชี้ขึ้นบดบังท้องส่วนล่างเอาไว้ ขนที่มีอยู่น้อยไม่ช่วยปกปิด

   ซีรู้สึกตกใจ เขินอายที่จะดูผสมรู้สึกผิด แต่ก็มีอารมณ์ไปพร้อมๆกัน

   กรอบเล็กด้านข้างเป็นผู้ชายจากส่วนสำคัญนั้น กำลังทำแบบเดียวกับที่กันต์เพิ่งจะทำไป สองคนนี้กำลังผลัดกันแสดงของสงวนอีกฝ่ายดู

   หลังจากดูจนเป็นที่พอใจแล้ว กันต์ส่งสัญญาณบางอย่าง ขยับตัวเข้าหาคีย์บอร์ด เคาะอะไรสองสามที แล้วสองร่างนั้นก็เริ่มกำรอบแล้วขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว

   ซีรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ดู ถึงจะบอกว่ารู้สึกผิด แต่ก็เปิดออกมาดูหลายครั้งเหมือนกัน

   คลิปนี้ช่วยซีไว้หลายรอบ

   เวลาใสคลิปเดินไปไม่นาน ก่อนที่ร่างของคนในกรอบเล็กทำท่าแปลกๆ เริ่มบิดดตัว แอ่นส่วนนั้นเข้าหากล้องขยับติดมาชิด แต่เน้นเฉพาะตรงปลายเท่านั้น คลิปไม่มีเสียง แต่เลือดฝาดที่มาหล่อเลี้ยงดูจะมารวมตัวกันมากผิดปกติ มันแดงสดจนไม่นาน มันก็เปลี่ยนไป ตัวคนในคลิปกระตุกเร่าๆ ปล่อยน้ำขาวข้นออกมาจากส่วนปลาย

   กันต์ที่เป็นกรอบใหญ่กว่า เริ่มทำบ้าง แต่ไม่ได้แอ่นตัวเข้าหา กลับถอยหลังออกไป ท่านี้เห็นทั้งตัวทั้งหน้า ซีจึงมั่นใจว่าไม่ผิดแน่

   กันต์เป็นฝ่ายคุกเข่าแล้วยกตัวขึ้น เอามือมารองของที่กำลังจะปล่อยออกมาสีหน้าเหยเก อ้าปากค้าง หลับตาข้างหนึ่ง

   ของมันเยอะจนล้นมืออีกฝ่ายหยดลงพื้น น้ำเหนียวขาวข้น

   นั่นคือความผิดที่กันต์ลืมตัวเปิดหน้าให้อีกฝ่ายได้เห็น

   ตอนนี้ตัวขาวๆนั้นหลุดออกมาจากคลิป ร่างกายนั้นนอนบิดเหยีดยาวอยู่บนโซฟาต่อหน้า ท่านอนเย้ายวนกว่าในคลิปนั้นเป็นหลายเท่า

   ซีก้มลงมองของตัวเอง

   ก่อนจะรีบเช็ดตัวกันต์ให้เสร็จ มันลำบากใจทุกครั้งที่ต้องถูไปตามร่างกายกันต์ด้วยผ้าบางๆ

   ก้นขาวเนียน

   ขาขาวไร้ขน จนซีอยากจะทำอะไรแปลก อย่างเช่น จับทำท่านั้นนี้บ้าง หรือ... เปิดก้นดูบ้าง

   แต่อย่าดีกว่า

   เปลี่ยนจากกันต์ ซีเลยรีบมาจัดการกับสภาพตัวเองที่ล้อนจ้อนอยู่ รีบเช็ดตัวแล้วเก็บเสื้อผ้าเปียกไปโยนใส่ตระกร้า

   น้ำก็มีน้อยจะทำความสะอาดยังไง เกิดเลอะขึ้นมา

   ตรงนั้นก็ยังแข็งชูชัน ถูไปมากับหน้าขาตัวเองตอนเช็ดตัวให้กันต์ก็แทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว มากกว่านี้ไม่ไหวแน่

   ซียกตัวกันขึ้นมาจากโซฟา เปิดประตูห้อง ในห้องพัดลมส่ายไปมาซ้ายขวา ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของซี

   เตียงขนาดนอนคนเดียววางอยู่โดดเดียวมุมห้อง นี่เป็นครั้งแรกที่กันต์ได้เข้ามาในห้องนี้เกิน 5 นาที ขาดแต่ว่าไม่มีสติเท่านั้น

   ซีวางกันต์ลงแผ่วเบา ก่อนจะมุดตัวเองเข้ามานอนข้างๆ

   นอนกอดกันต์อยู่ด้านหลัง ปล่อยให้สายฝนข้างนอก กับท้องฟ้า ร้องท้าทายซีที่ไม่กล้าทำอะไรเกินเลย

   “ร้องไปเถอะ กูไม่ทำพลาดอีกแล้ว”

   สุดท้ายซีก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความคิดนั้น

   กันต์พลิกตัวหันมา ตรงนั้นยังแข็งอยู่ชนเข้ากับหน้าท้องของซี

   ซีพยายามเรียกดู แต่กันต์ไม่รู้สึกตัว

   “เอาไงดีวะ”

   เส้นเลือดกำลังขึ้นมาเลี้ยงสมองเต้นตุบๆ ปวดจนรู้สึกได้

   ปากนุ่มของกันต์ ซีกำลังแอบลิ้มลอง ค่อยๆแตะเข้าไปเบาๆ

   ไม่มีทีท่าว่ากันต์จะตื่น

   เห็นอย่างนั้น ซีเลยเปลี่ยนไปที่ซอกคอบ้าง ผลกลายเป็นว่า กันต์แอ่นตัวรับยืดอกออก เป็นข้อเสนอที่ซีไม่พลาด

   ลิ้นรัวลงอย่างไม่เกรงใจ รสชาติหวานนุ่มที่รอมานาน จากด้านซ้ายเป็นขวาไล่ลิ้นลากยาวลงมาที่ท้องน้อย ก่อนครอบงับเข้าไปอย่างไม่รังเกียจ

   มันร้อน ลื่น เมือกน้ำใสๆยังไหลออกมาเรื่อยๆ

   ของจริงรสชาติดีกว่าในคลิปเป็นไหนๆ

   ซีจับกันต์แยกขาออก ยกขึ้น ลงไล่ลิ้นลงไป ถึงตอนนี้ไม่เกรงใจแล้ว ใช้ลิ้นสำรวจให้หมดทุกสิ่งบนเรือนร่าง ตั้งแต่แท่งนั้น ไปจนถึงลูกกลมเล็กๆสองใบ อ้อมไปด้านหลัง

   สติขาดผึง

   สมองด้านชา มือซีจับรูดของกันต์อย่างเร็ว

   อยากเห็นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

   เป็นคำเดียวที่ซีพ่นออกมาในหัว

   เสียงครางดังเหมือนคนนอนละเมอ ร้องอาลั่น

   น้ำขาวพ่นสูงเกือบโดนหน้าซี ออกมาเป็นระลอกไม่รู้จักหมด

   กันต์มันเก็บไว้กี่วันนี่

   น้ำเลอะเปรอะไปตามตัว ซีอยากจะลงไปชิม แต่ไม่ดีกว่า

   เอาของตัวเองถูไปกับเศษซากนั้น แล้วทำอย่างเดียวกัน

   มือของกันต์อยู่ใกล้

   ซีคว้ามือกันต์เข้ามาช่วย จับบีบให้กำของซีเอาไว้ แล้วจับรูดผ่านมือกันต์อย่างนั้น

   ไม่นาน จริงๆต้องใช้ว่า แทบไม่ต้องทำอะไรเลย มันก็พร้อมปลดปล่อยออกมา

   ซีรู้สึกสะใจที่มันพุ่งเอามาเป็นสาย เปรอะเปื้อนเข้ากับตัวกันต์ อารมณ์ที่กดไว้เป็นเดือน มันเยอะ เยอะมากพอๆกับกันต์ สายน้ำอุ่น อุ่นจนเจ้าของยังรู้สึกได้ ซัดสาดเข้าใส่อีกฝ่าย

   กันต์ไม่หลบ นอนไม่รู้สึกตัว

   เสียงครางหอบ ออกมา เหนื่อยยิ่งกว่าตอนแบกกันต์กลับขึ้นห้อง

   “ทำไมกูรักมึงได้ขนาดนี้นะ”

   คำถามนี้ซีรู้ว่ามันคงจะไม่มีคำตอบเป็นแน่

   …อา

   เสียงครางตอบรับ

   ซีเผลอหัวเราะออกมา

   “แตกแล้วก็มาทำขำนะมึง”

   ซีก้มหน้าส่ายหัวให้กับพื้นห้อง

   “ถ้ามึงรู้สึกเหมือนกูก็ดีนะ ...เรื่องมันคงจะง่ายกว่านี้”

   ซีทิ้งตัวลงนอนข้างๆ กอดกันต์ไว้แน่น

   แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

   ก่อนที่กันต์จะหายไปอยู่กับคนอื่น

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 14

   ความรู้สึกอึดอัดปลุกกันต์ขึ้นมา เตียงนุ่มๆนอนสบายไม่อาจรั้งตัวไว้ได้อีก ร่างกายรู้สึกเย็นโล่ง ยกเว้นหัวที่เหนียวหนืดผมเกาะกันเป็นตังเมนั้นร้อนและปวด

   เมื่อวานนี้กันต์ไม่ได้สระผมก่อนนอน เช้ามานี้ผมเลยพันกันยุ่ง

   นั่นสิ

   เมื่อวานตากฝนกลับมานี่นะ

   รู้สึกคันหัวยิบๆ

   ลมเย็นพัดวูบเข้ามาปะทะก้นขาวๆ

   มันผิดสังเกต ทำไมรู้สึกหนาววูบแฮะ ลมพัดแรงกระทบผ้าผ่านส่วนร่างกายที่แทบไม่เคยใช้ ม่านหน้าต่างในห้องนอนซีขยับปลิวไหว ทำให้เกิดเงาพาดผ่าน เป็นคลื่น แดดสายสะกิดเข้ากับตาของกันต์

   ไม่อยากจะลืมตาตื่น

   เมื่อวานเหมือนฝันประหลาด พี่ฟ้าที่ดูมั่นใจในตัวเอง แล้วเมื่อวานนั่นคือะไรกัน คนตัวสั่นยืนตกใจมุดหน้าเข้าหาหลุมหลบภัย

   คนอย่างกันต์เป็นที่พึ่งพาของใครได้ด้วยเหรอ

   รู้สึกมีคุณค่าขึ้นมาหน่อยนึง

   กันต์นอนทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

   แผ่นหลังรับรู้ถึงไออุ่น คนที่นอนข้างหลังงกำลังกอดกันต์อยู่ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว เมื่อคืนฝนตกหนักอากาศเลยเย็น การที่มีคนนอนอยู่ข้างๆใช้ความอบอุ่นของร่างกายแบ่งปันให้ นั้นชดเชยผ้าห่มบางที่ใช้เป็นประจำได้

   ในห้องรู้สึกเย็นแปลกๆ อากาศเย็นแห้ง เข้ามาลอยวนอยู่ เมื่อโลกนี้ลดการใช้พลังงานลงอย่างมหาศาล สภาพอากาศดูเหมือนจะเริ่มกลับมาเข้าที่อย่างที่ควรจะเป็น

   กันต์ขยับตัว ชนเข้ากับของแข็งบางอย่างข้างหลัง

   “จะมากไปแล้ว"

   แขนอ่อนแรงด้นตัวขึ้นมานั่ง

   ซีนอนหลับไม่รู้เรื่องอย่างข้างๆ

   เมื่อวานมันเป็นคนพากันต์กลับขึ้นห้องมาหรอกเหรอ รู้สึกติดหนี้บุณคุณมันอีกเรื่อง ผู้ชายแสนดีคนนี้ นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงจะหลงชอบมันไปแล้ว เราจะอดใจไปได้อีกนานแค่ไหนกัน ....ความรู้สึกเก่าๆกำลังปะทุ ถ่ายไฟเก่าลุกโชน เฮ้อ

   รูปร่างหน้าตา ฐานะ ทุกอย่างดูจะสมบูรณ์แบบไปซะหมด

   แขนข้างขวาชา

   เตียงไม่ใหญ่ไปกว่าสองคนนอนนี้ กันต์นอนหนุนแขนซีทั้งคืน ตะแคงข้างทับแบนขวาตัวเอง

   ...สภาพเปลือยเปล่า

   เฮ้ย

   กันต์ค่อยๆขยับผ้าห่มออกช้าๆ ก้มลงมอง

   ก่อนจะรีบปิดผ้าลง หน้าแดง

   ส่วนนั้นท้าทายกันต์อยู่ แม้ว่าตอนนี้จะสายมากแล้วก็ตาม มันเป็นทั้งของกันต์และก็คนนอนข้างๆ

   “ไอ้บ้าซี ตื่น”

   แรงเขย่า ทำให้เริ่มรู้สึกตัว

   “อะไร”

   เสียงหงุดหงิด

   “ตื่น เมื่อคืนมึงทำอะไรกู”

   “ทำเหี้ยไรละ มึงเมามาเองนี่”

   “เมาแล้วมึงต้องจับกูแก้ผ้าเหรอ”

   “ไปดูสภาพชุดมึงเมื่อคืนมั้ย”

   เมื่อคืน...

   บรรยากาศมืด ฟ้าร้องเสียงดัง ก้อนเมฆสีแดงเข้มลอยปล่อยเม็ดฝนลงมาจากท้องฟ้า เสื้อผ้าของกันต์ที่เปียกชุ่ม เหล้าหลายสูตร... แล้วก็พี่ฟ้าที่นั่งร้องไห้

   ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

   งั้นที่ทำกับซีก็เป็นจริงเช่นกัน

   กันต์รู้สึกสงบใจลงเล็กน้อย ไม่ว่าจะโวยวายอย่างไรไปมันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้

   …คลิปหลุด ก็ทีหนึ่งแล้ว

   “เออ... ซี ขอบใจนะ”

   “เพิ่งมานึกออกอะไรเอาตอนนี้ พูดช้าไปหลายชั่วโมงนะ กี่โมงแล้วละ”

   “ไม่รู้ แต่ตอนนี้มึงลุกออกไปได้แล้ว”

   “นี่มันเตียงกู มึงสิออกไป”

   อ้าว นี่เราอยู่ในห้องนอนของซีมันหรอกเหรอ

   ห้องนอนโล่งๆ นอกจากเตียงที่มุมห้องแล้วก็แทบจะไม่มีอย่างอื่น ตู้เสื้อผ้าอยู่ติดกับประตูเลื่อนเปิดออกไปเป็นระเบียง โต๊ะหนังสือเล็กๆ แต่กองล้นไปด้วยหนังสือเรียนเล่มหนา ดูพร้อมจะพังครืน

   “เออออออ”

   ช่วยไม่ได้ ต้องจำใจลุกออกไปทั้งอย่างนั้นก็ได้วะ

   “กันต์ ก้นขาวน่าบีบจัง”

   “ไปตายไป”

   ก่อนจะไล่หลังคำพูดด้วยเสียงปิดประตูห้อง

   ซีทำตัวเหมือนไม่เคยได้เห็นคลิปนั้น หลายคนต่างพากันรีงเกียจเมื่อคลิปนั้นเผยให้เห็นถึงการช่วยตัวเองของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง กับ...ผู้ชายอีกคน

   คนนั้นที่กันต์ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร

   ทำไมมันถึงนึกไม่ออกน้าว่าเล่นกับใครไป

   แทนที่ซีจะหนีหายไปมันกลับพูดออกมาให้อึ้ง

   'เราว่าเราชอบแกวะกันต์'

   คำตอบกลับดูไม่ดีเท่าไร

   'ขอบคุณนะ'

   ไม่ใช่ทั้งตอบรับหรือปฏิเสธ

   คนที่เห็นคลิปนั้นไปแล้ว ยังกล้ามาบอกชอบอีกเหรอ  มันไม่คิดว่ากันต์กลายเป็นคนน่ารังเกียจหรอกเหรอ ไปทำเรื่องอย่างว่ากับใครก็ไม่รู้ทางอินเตอร์เนท แล้วยังโดนถ่ายมาแบ่งปันกันให้ได้ดูอีก

   คำพูดซีมันเลยเหมือนทั้งถากถาง ทิ่มแทง และทำให้รู้สึกดีใจ ผสมกันอย่างบอกไม่ถูก เหมือนๆกับตอนที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่เมืองนอก เวลาที่ฟังไม่ออก ทำหน้างง เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจไปในตัว คำพูดภาษาฝรั่งไม่แน่ใจว่าที่เค้าสื่อมาคือกำลังด่ากันต์หรือเป็นอย่างอื่น

   กันต์นึกภาพของซีที่เห็นเมื่อครู่

   รูปร่างสมส่วนที่มีกล้ามพอเหมาะ ผิวสีแทนหน่อยๆ ตอนนี้มันจางลงกว่าตอนที่กันต์เจอเมื่อหนีกลับมาจากอเมริกาแรกๆ

   ไม่เคยเห็นซีมันเล่นกีฬาเลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ วันๆนอกจากหมกตัวคอยหาเรื่องแหย่เล่นแล้วไม่เห็นจะทำไรเป็นชิ้นเป็นอัน

   ของมันนี่เองที่สะกิดให้กันต์ตื่นขึ้นมา

   สติเริ่มกลับคืน เลือดได้ไปหล่อเลี้ยงสมองอย่างที่ควรจะเป็น ตรงนั้นค่อยๆหดลง มันไม่ได้เรียกร้องความเห็นใจอะไรอีก

   กันต์กำลังหมกหมุ่นกับภาพเมื่อกี้

   เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น...

   เมื่อคืนก็ไม่ได้มองซะด้วย ถึงจะพอรู้ตัวว่าซีทำอะไรลงไปบ้างก็เถอะนะ

   ใครจะกล้าลืมตามามอง ก็เล่นเมาหลับให้อีกฝ่ายมาเช็ดตัวให้ เนื้อตัวล่อนจ้อนเปียกแฉะ นอนหมดแรงพร้อมโดนกระทำใดๆก็ได้

   การแกล้งทำเป็นหลับ ดูเหมือนจะช่วยลดความเขินอายของกันต์ลงไปได้มาก 

   จนกระทั่งมันเริ่มตอบสนอง ผ้าเย็นๆในมืออุ่นๆลูบไล้ไปตามขาอ่อน เฉียดกรายผ่านส่วนั้นไปมา

   ช่างรู้สึกน่าอายจนหน้าแดง แอลกอฮอล์ในสายเลือดทำให้มึนงงและหมดแรง แต่ก็ช่วยให้ด้านชา ลดความอายลงไปได้ เหลือเพียงใจเต้นโครมครามเท่านั้น

   กันต์ชอบซีมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว

   จะตอบรับกลับไปดีมั้ยนะ

   “ถ้าเกิดเลิกกันขึ้นมา... จะไปอยู่ที่ไหนวะ”

   “คนดีๆอย่างมัน ไม่น่ามาจมกับเราแบบนี้”

   น้ำตาอยู่ๆก็พาลไหลออกมาดื้อๆ รู้สึกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

   “สงสัยยังไม่สร่างเมา”

   เหตุผลโง่ๆที่เอามาคัดคาน

   …เหี้ยเอ๊ย จะทำยังไงดีวะเนี่ย

   “กันต์เร็วๆๆ อย่ามัวแต่ชักว่าว ไม่งั้นกูจะเข้าไปอาบด้วยแล้วนะ”

   “เออออออออออ”

   กันต์ตะโกนสุดเสียง เพื่อให้เสียงมันลอดออกไปจากช่องประตู

   “เข้ามาสิ” กันต์เชิญชวน

   ซีเปิดประตูเข้ามาช้าๆ

   “มาอาบด้วยกันก็ได้”

   กันต์ไม่รู้จะปิดอายไปทำไมอีก

   “วันนี้กูจะติวหนังสือมึงด้วย ใกล้จะมีสอบเข้าแล้วนะเว๊ย มึงจะเข้าคณะไหนเลือกรึยังวะ”

   กันต์สระผมไปก้มหน้าลงมองพื้น แต่กลับไปเห็นไอ้นั่นของซีเข้า

   “เฮ้ย กันต์!!!”

   “เอออออ ไอ้เชี่ยยยยยยยย”

   จะตะโกนทำไม

   “เออออออ ไอ้ควายยยยยยยยยยย ไอ้เด็กโข่งงงงงงง มึงจะเข้าคณะไหน จะให้กูติวอารายยยยยย”

   ซีย้อนกลับมาด้วยเสียงเลียนแบบที่กันต์ทำ

   ห่า

   หนวกหู

   ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกแรงๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จ กันต์รีบเช็ดตัวแล้วออกไปปล่อยซีทิ้งไว้อย่างนั้น

   มือถูกดึงกลับเข้าไปในห้องน้ำ

   “ถูหลังให้มั้ย”

   “อะไรของมึง”

   “อายเหรอ”

   “สัส ป่าวเว้ย”

   เหี้ยไรละ เมื่อคืนก็หมดตัวแล้ว

   ซีคว้าตัวกันต์เข้ามากอด ก่อนจะผลักออกจากห้องน้ำไป

   “ไปๆๆๆ กูจะรีบอาบ”

   กันต์ทำตัวไม่ถูก อยู่ๆก็ถูกดึงไปแล้วผลักกลับออกมา

   “กูรอข้างนอกนะ”

   เสียงอ่อย กันต์ที่หมดแรงจะสู้

   ชุดของซีเป็นชุดไพรเวท ปิดเทอมย่อยก่อนสิ้นปี ได้ยินมาว่าเป็นช่วงเรียนน้อยกิจกรรมเยอะที่สุดของชีวิตมหาลัย ไหนจะคริสมาส ไหนจะปีใหม่ วิธีโปรโมทกลับไปเป็นดั้งเดิม คือ ยืนแจกใบปลิวเชิญคนมางานหน้าคณะบ้าง หน้ามหาลัยบ้าง

   “แม่ง ร้อนชิบหาย วันนี้ยืนแจกทั้งวันเลย คนเดินผ่านก็ไม่มี พวกที่ได้ไปแจกตามห้างนี่น่าอิจฉาเป็นบ้า”

   “ทำไมละ อยากไปในห้างก็บอกพวกนั้นไปสิ”

   “รุ่นพี่เอาไปหมดน่ะสิ เราแค่ปี 2 รอให้มีอำนาจก่อนเหอะมึง”

   “น่าเกลียด ถ้าใครได้เป็นรุ่นน้องมึงนี่ซวยตายมีความคิดแบบนี้”

   กันต์หันไปจ้องผิวดำแดดของซี ผิวที่ขาวขึ้นหน่อยกลายเป็นแดงแดดแทน ตอนนี้กลายเป็นดำแดงไปแล้ว ยิ่งตลกใหญ่

   “ทาครีมบ้างนะ ผิวเสียหมด”

   “ครับ คุณผู้หญิง”

   ซียกมือตะเบะแบบยามหน้าประตูมหาลัย

   “กวนตีนละ เดี๋ยวคืนนี้กูเอาตีนทาให้”

   “ถ้าใช้มือนะ จะยอมให้ท่าทั่วตัวเลย”

   …

   “กันต์ มึงตื่นยังเนี่ย”

   “หา...”

   “มึงอะ เหม่ออะไร”

   กางเกงบอลสีดำ ปิดบังท่อนล่างของซีเอาไว้ ผ้าเงาลื่นไม่ขับเน้นอารมณ์ใดๆขึ้นมา เสื้อกล้ามสีขาว ตัดกับผิวสีแทนที่เริ่มจาง ยกเว้นช่วงที่อยู่ใต้ร่มผ้า ยังเป็นสีขาวอย่างสมัยม.ปลาย

   “เอออออ เสร็จแล้ว มึงมารออะไรกูเนี่ย”

   “มาพามึงไปซื้อใบสมัครสอบไง”

   เมื่อกี้เราเหม่อไปถึงไหนเนี่ย

   “มึงจะเข้าม.ในชุดนี้เนี่ยนะ”

   “เออ ไม่มีใครสนใจกูหรอก เดินหลบๆคณะกูก็พอ มึงไม่ได้จะเข้าอยู่แล้วนี่”

   “แล้วมึงรู้เหรอ กูจะเข้าที่ไหน”

   “ไม่รู้ กูขอเดาว่าอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับศิลปะ วันนี้เปิดขายใบสมัครสอบตรงวันแรก มึงจะมาเรียนมั้ยนะ หรือจะโกหกไอ้นั่นไปอีกปี”

   “พี่ฟ้าเฟ้ย ... เออ ก็ได้ๆ แต่ช่วยเปลี่ยนชุดทีเหอะ”

   มหาลัยซีค่าเทอมถูกกว่าเอกชนแน่นอน ตอนนี้กันต์เกาะซีกินอยู่ จะให้เข้าเอกชนจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย แต่เอะ... เดี๋ยวนี้มันก็ขึ้นค่าเทอมมาเยอะแล้วนี่หว่า

   “จะไปกี่โมงอะ”

   “เดี๋ยวไปเลย แวะหาไรกินด้วย”

   “เป็นไงเปลี่ยนชุดแล้วหล่อมั้ย”

   มันออกมาจากห้องใส่ชุดที่คล้ายๆกับที่กันต์ยืมเมื่อวาน ราศีมันต่างกันเยอะ

   “ชิ”

   “หล่อน้อยกว่าพี่ฟ้าอะ” เอาจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำเอากันต์แทบจะลืมความรู้สึกกับคนนั้นไปซะสนิท

   “เหี้ย”

   “สัส”

   “K”

   “หี”

   “มึงเล่นต่อคำเหรอ”

   “รีบไปได้แล้ว”

   แม่ง พอมันทำตัวดีๆ พี่ฟ้าชิดซ้ายไปเลย
   
   ซีวิ่งนำลงบันไดหนีไฟลงไป

   เสียงคำด่าสุดท้ายลอยเคว้างคว้างอยู่ตามช่องบันได ดังสะท้อนก้องขึ้นไปชั้นบน ชีวิตกันต์กำลังจะเริ่มต้น ...ช้ากว่าคนอื่นไปเกือบสองปี แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เริ่มเลย

   แค่จะได้เรียนที่เดียวกับซีก็ร่าเริงขึ้นมาได้

   …กับซี?

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 15

   วันนี้ที่มหาลัยดูครึกคื้น รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป มันดูเป็นมิตรมากขึ้น

   กันต์สงสัยว่ามันเกิดจากความคิดของกันต์ที่มีต่อซีรึเปล่า ตอนนี้กันต์เริ่มยอมรับในความรู้สึกของตัวเอง มันช่างน่าอาย แต่ก็ไม่หลบหนีอีกต่อไปไม่ไหว

กันต์เดินตามหลังซีไปเรื่อยๆ ถ้าเราถามซีว่า เรากำลังจะเข้าไปเป็นส่วนนึงของซีวิตซีแล้วสิใช่มั้ย?

   “เพิ่งรู้ตัวเหรอ”

   ... ซีต้องหันมาพูดอย่างนี้แน่ๆ

   พวกนิสิตของแต่ละคณะกำลังยืนให้ข้อมูลเรื่องเรียนอยู่หน้าตึกของตัวเอง เป็นการเรียกเด็กเข้าเรียนโดยอ้อม สร้างความอบอุ่นคุ้นเคยให้กับน้องๆที่กำลังมาหาที่เรียนต่อ

   กันต์ดึงมือซีไปแวะที่ตึกๆหนึ่ง นั่นคือ ศิลปกรรม

   ซียิ้มอย่างรู้ทัน มิน่ามันถึงพาเดินมาทางนี้

   "ตกลงศิลปกรรมจริงงะ?"

   “จะทำไมละ"

   กันต์ไม่อยากเรียน ถ้าจะเรียนแล้วจะหนีออกมาทำไม แต่... ก็ไม่รู้จักคณะอื่น

   "คิดดีแล้ว?"

   "คนไร้อารมณ์ศิลป์อย่างมึง ต้องให้มาแนะกูเหรอ"

   "เออออ คนอย่างกูนี่แหละที่จะช่วยติวเลขมึงน่ะ จะเอามั้ย"

   “เอาคร้าบ"

   เอะ มันเอาเลขด้วยเหรอ

   เมื่อเรื่องที่เป็นจุดอ่อนถูกยกมาขู่ กันต์ก็ต้องยอมอย่างช่วยไม่ได้

   “น้องๆ สนใจเหรอ นี่ๆ เดี๋ยวพี่แนะนำให้....”

   ซีฟังหูทวนลมอยู่ข้างๆ มันทำหน้าไม่สนใจ

   สภาพนี้ดำเนินไปอีกสองสามคณะ จนซีรู้สึกเบื่อ เรื่องอะไรต้องมาทำตัวเหมือนเด็กมัธยมปลายอีกรอบ ตอนนั้นซียังโชคดีกว่า ไม่ต้องมาเดินตุเรงๆ หาข้อมูลแบบนี้ แค่เปิดเนทก็เจอ

   "งั้นเรียบร้อยนะ เดี๋ยวเรามีเตรียมทำกิจกรรมนิดหน่อย มึงนั่งอ่อยเหยื่อแถวนี้ไปก่อนแล้วกัน"

   "สัสนี่ เคยมีอะไรดีมั้ยตัวกูเนี่ย"

   "ตูดไง"

   ซีทำท่าเลียนิ้วแผลบ

   "อี๋"

   ชีวิตของกันต์คงได้เริ่มต้นปีหน้า หวังว่าจะได้ทำกิจกรรมอะไรแบบนั้นบ้าง มันคงจะสนุกดี อาจจะมีเพื่อนกับเค้าบ้างก็ได้

   ซีปล่อยกันต์ทิ้งไว้อย่างนั้น

   “กว่ามันจะกลับมา”

   ถ้าโลกยังเป็นแบบเดิม จะเป็นอย่างไรนะ

   กันต์คงจะเล่นโซเชียลหนักจนไม่เป็นอันเรียน แต่ไม่แน่นะ อาจจะกลายเป็นคนดังขึ้นมาจนเรื่องเรียนเป็นเรื่องรองลงไปเลย หลายคนมีชีวิตที่ดีขึ้นจากวิธีนี้เหมือนกัน ยุคนั้นหน้าตาดีหุ่นดี ถอดนิดหน่อยก็เกิดแล้ว

   กันต์ก้มลงมองผิวขาวของตัวเอง ไม่มีกล้ามสักนิด แค่ไม่อ้วนลงพุง จะขายได้เหรอ ซีนี่ถ้าทำคงดังน่าดู ขนาดไม่ทำอะไรเลย ในคณะเวลาขยับตัวทีคนยังมองขนาดนั้น

   โอ๊ยๆ

   ไอ้ความคิดบ้าๆ กันต์สลัดหัวแรงๆ เพื่อไล่มันออกไป

   “กันต์"

   เสียงคุ้นดูทักขึ้น

   กันต์ไม่ได้อยากเจอฟ้าวันนี้

   "อะ พี่ฟ้า"

   กันต์ยกมือไหว้ รู้สึกเกร็ง

   "มากับพี่หน่อยสิ"

   คนวันนั้นหายไปไหนแล้วนะ จะหลบซ่อนอยู่ภายในหรือเปล่า พี่ฟ้าที่กลัวเสียงฟ้าร้องขนาดนั้น พี่ฟ้าที่นอนร้องไห้กับอกกันต์ เหมือนเด็กๆที่ต้องคอยปลอบ

   "มีอะไรเหรอพี่"

   "มีอะไรอยากให้ช่วยหน่อย"

   ช่วย พี่ฟ้าเนี่ยนะ?

   "เห็นนั่นมั้ย"

   ปลายนิ้วของพี่ฟ้า ชี้ขึ้นไปที่ชั้น 2 ของตึกอะไรสักอย่าง

   "พี่โดนเพื่อนแกล้ง เอากระเป๋าตังค์ไปทิ้งไว้ตรงนั้นแน่ะ"

   "พี่จะให้ผมช่วยเก็บเหรอ"

   "ใช่ พวกมันดักรอแกล้งพี่อยู่ กันต์ช่วยหน่อยนะ พวกนั้นไม่รู้จักกันต์หรอก"

   "ได้พี่ แต่ตึกขึ้นทางนี้แล้วไปตรงงั้นยังไงละ"

   พี่ฟ้าเลิกคิ้วขึ้นก่อนถามเสียงดัง

   “พี่ลืมไป กันต์ไม่ได้เรียนที่นี่ นี่นะ"

   "อะครับ ก็ใช่ ฮ่าๆ”

   ทำไมต้องโวยวายด้วยวะ

   พี่ฟ้าดูแปลกไป ไม่ใช่คนเดิมเหมือนที่กันต์รู้จัก อะไรบางอย่างที่มันดู... น่ากลัว

   สภาพตึกเก่า ปิดไฟอยู่ ห้องข้างในค่อนข้างมืด แสงแดดของเวลาบ่ายโมงนี่ไม่ช่วยนำทางอะไรได้ ห้องพักครูอยู่เรียงรายซ้ายขวา ป้ายสีขาวขุ่นเขึยนด้วยตัวอักษรสีแดงเป็นชื่ออาจารย์ บางคนก็มีคำนำหน้า ชื่อเหล่านี้กันต์ไม่รู้จัก

   ห้องริมสุดประตูเปิดอยู่

   แสงข้างนอกลอดเช้ามาเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมเหลืองบนพื้น หน้าต่างบานนึงเปิดอ้าออก

   กันต์ปีนเอาตัวเองออกไปอย่างยากลำบาก กางเกงยีนส์ฟิตเข้ารูปสีดำตัวเก่า ทำให้ขายกขึ้นไม่ได้คล่อง

   บนระเบียงไม่มีรั้วกั้น มีโต๊ะ เก้าอี้เก่าตากแดดจนไม่เริ่มเปลี่ยนสี โครงสีดำทำให้นึกถึงสมัยเรียนมัธยม แต่รูปทรงต่างกัน

   กระเป๋าอยู่ตรงไหนนะ

   ใต้กองโต๊ะเป็นเงามืดเข้ม เพราะแดด กันต์ก้มมองมา

   ก่อนจะรู้สึกเหมือนขาไปเกี่ยวกับอะไรบางอย่างเข้า

   ตัวเอนไปข้างหน้า สุดขอบริมระเบียง พื้นคอนกรีตอบแดด ร้อนฉ่ารอรับอยู่เบื้องล่าง

   เฮี้ย!!!

   ผมปลิวไสว เหวี่ยงตามแรง

   กันต์พยายามโยกตัวกลับ

   แต่ไม่เป็นผล

   แรงดึงดูดโลกเอาชนะกันต์ได้

   โลกบ้านี่เคยมีอะไรดีบ้างมั้ย

   ก่อนจะทันรู้ตัว แรงดึงข้างหลัง แรงจนกันต์หงายหลังล้มลงบนพื้นระเบียงร้อนแดด นั่นไม่ใช่ปัญหา เหงื่อเปียกซึมเต็มแผ่นหลังทั้งๆที่กันต์เพิ่งออกมานอกตึก แต่กลับรู้สึกหนาววูบจนขนลุก

   “พี่ฟ้า?"

   ฟ้าใช้มือกระชากปลายเสื้อกันต์จากข้างหลัง เหวี่ยงอย่างแรงจนล้มลงหน้าหงายอยู่ริมกำแพง แรงจนเหมือนตั้งใจมากกว่าจะช่วย

   ทำเป็นไม่ได้รู้สึกอะไร ราวกับว่านี่คือเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้

   "ขอบคุณพี่"

   กันต์ยังลุกไม่ขึ้น

   "ไม่เป็นไร เจ๊ากับที่วันนั้นกันต์ช่วยพี่ไง"

   "ครับ"

   สังหรณ์ไม่ดีเลย

   "เอ้อ พึ่แล้วกระเป๋า"

   "อ้อ ช่างมันเหอะ เพื่อนพี่เอามาคืนแล้วน่ะ นิสัยไม่ดีเลยเนอะ"

   พี่ฟ้าเดินเข้ามาลูบผมนิ่ม ก่อนจะกดหน้ากันต์เข้ากับหน้าอกแน่น เสียงหัวใจเต้นเป็นปกติ

   นี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ กันต์ยังตกใจไม่หาย หัวใจแทบระเบิดออก รัวเร็วยิ่งกว่าบีทเพลง

   แล้วกระเป๋าเอาไปตอนไหน ขึ้นมาไม่เจอใครเลยนี่นา หรือพี่ฟ้าเข้าใจผิด

   รอยยิ้มสวยงาของพี่ฟ้ายังอยู่ตรงหน้า

   กลับกันตอนนี้มันไม่น่ามองอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว

   อยากวิ่งกลับไปหาซีเร็วๆ

   มันจะกลับมาเมื่อไหร่

   “นี่กันต์ แล้วตกลงว่าจะให้พี่ช่วยติวมั้ย”

   “เอ่อ เกรงใจอะพี่”

   ไม่ได้บอกตอนไหนเลยว่าให้ช่วย

   “ก็พี่ก็ว่างๆนะ ถ้ากลัวเพื่อนรอละก็ พาเพื่อนมานั่งด้วยก็ได้นะ เพื่อนคนนั้นที่อยู่ห้องเดียวกันไง”

   …เราเล่าไปเหรอว่าอยู่กับซี

   “กันต์บอกนี่ว่าจะแนะนำซีให้รู้จัก”

   …บอกชื่อไปด้วยเหรอ

   “เอ่อ ก็ได้พี่ เดี๋ยวถามมันให้นะ”

   กันต์จำใจพาฟ้าไปนั่งรอซีที่โต๊ะ

   บรรยากาศรอบตัวมันเปลี่ยนไป ทุกอย่างไม่สวยงามอย่างที่คิดว่ามันจะเป็นอีกแล้ว คนตรงหน้าดูน่ากลัว สายตาที่จ้องมอง เหมือนคาดหวังอะไรสักอย่างจากกันต์ และกำลังเดาก้าวต่อไปของกันต์อยู่ตลอด

   นี่ถ้าซีลงมาจะทำอย่างไรละเนี่ย

   จะให้รู้จักกันดีมั้ย เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่สองคนนี้ได้เจอกันจะเป็นเรื่องดี

   “กันต์ รอนานมั้ย”

   เสียงสดใสร้องมา

   …แม่งเอ๊ย มาผิดเวลาสัดๆ

   ซีเข้ามาในชุดกิจกรรม มันเป็นชุดบ้าบอ ที่ดูแล้วตลก เสื้อยืดขาดๆมีรูปเฟืองอยู่ตรงกลาง กางเกงยีนส์ตัววันนี้ ผมมัดจุกอยู่กลางหัวด้วยหนังยางสีแดง หน้าทาแป้งขาว

   “นี่ๆตามมาๆ”

   ซีพาไปหน้าคณะ ที่นั้นเหล่านักศึกษากำลังรวมตัวกันเต้นแร้งเต้นกา เสียงกลองดังรัว มันคิดว่าเท่เหรอที่ทำแบบนี้

   ฟ้าถูกทิ้งไว้ตรงนั้น กันต์ยังไม่ทันได้แนะนำให้รู้จัก อย่างน้อยก็อย่างเป็นทางการ

   หลายคนจับจ้องมาทางซี มันออกไปเต้นนำแล้วหันหน้ามาทางกันต์

   “น้องๆ คนไหนสนใจคณะวิดวะ แวะมาหาพี่ทางนี้ได้เลยครับ”

   เสียงของมันตะโกนลั่น

   “นี่ ไปทำยังไงซีมันถึงออกมาเต้นได้วะ”

   “ทุกทีแม่ง อย่าว่าแต่งานกลุ่มเลย มันยังไม่ยอมทำร่วมกับใครเลย เอะอะกลับบ้านตลอด”

   “เออ แม่งรมณ์ดีอะไรมา ถูกหวยเหรอไงวะ”

   เบอร์ 1 2 แอบมายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่

   “นี่ กันต์มันแดกส้นตีนไรมาวะ”

   “เอ่อ ไม่รู้อะพี่”

   “นี่น้องคนนั้นน่ะ จะเข้าคณะนี้มั้ย”

   มันชี้ตรงมาที่กันต์ ก่อนจะเดินตรงมาหาดึงตัวออกไป แล้วยื่นใบสมัครให้

   “มาเป็นรุ่นน้องเรานะ”

   เสียงโห่ของเพื่อนร่วมเต้นก้องดังไปหมด บางคนเป่าปากมาทางซี

   “ทำบ้าไรวะ คนรู้หมด”

   “เออน่า”

   “แต่กูโง่ เข้าไม่ได้หรอก”

   “กูจัดการให้เอง”

   คนตรงหน้ายืนยัน

   ซียื่นใบสมัครให้ กันต์เลยต้องรับไปแบบแกนๆ

   ก็ได้วะ

   ถ้าติดนี่ก็จะเป็นรุ่นน้องมัน กับ เต้ และ ต๊ะสินะ

   “เออ ก็ได้”

   เมื่อกันต์ตอบตกลง

   พรึบ

   สีขาวอ่อน มันดูสด กลิ่นหอมของดอกกุหลาบโผล่ขึ้นตรงหน้า ถึงจะเป็นแค่ดอกเล็กๆ หนึ่งดอก แต่มันถูกยื่นเข้าใส่หน้ากันต์จนเหมือนจะทิ่มให้

   “เอะ…”

   “น้องคนไหนจะเข้าคณะเราจะได้ดอกไม้ไงครับ”

   กันต์รู้สึกหน้าแดงจนพูดไม่ออก

   ไอ้คนตรงหน้ายักคิ้วให้

   “ไอ้ซี...”

   นี่มันตั้งใจชัดๆ

   พวกนั้นหลายคนก็ยืนถือดอกไม้ไว้ แต่ไม่เห็นจะมีใครแจกน้องที่สนใจจะสมัครเลย

   บริเวณนั้นดูวุ่นวายไปหมด เมื่อมีคนเห็นเรารับใบสมัครพร้อมดอกไม้ไว้หลายคนก็กรูกันเข้ามาแสดงความยินดี ท่าทางอยากได้กันต์เป็นรุ่นน้อง คำถามมากมายถูกยิงออกมา

   มันไปเล่าอะไรไว้เนี่ย

   มีคำแนะนำเรื่องนั้นนี้มาเป็นระยะ แต่กันต์ไม่รู้จะตอบยังไง จนพี่ฟ้าเดินเข้ามาหา แล้วสะกิดเข้าที่หลัง

   “เออ พี่ฟ้านี่ ซี เพื่อนที่กันต์อยู่ด้วย”

   กันต์พูดอย่างรู้หน้าที่หันกลับไปมา

   “ซีนี่พี่ฟ้า เรียนปี 3 น่าจะรุ่นพี่นายอะ”

   “สวัสดีครับ”

   ซียกมือไหว้งงๆ

   “พอดีพี่ว่าจะติวหนังสือให้กันต์น่ะ เห็นกันต์จะเข้าคณะนี้เหรอ พี่ว่าพี่น่าจะช่วยได้นะ หลายๆเรื่องเลยด้วย”

   พี่ฟ้าชิงพูดขึ้นมาก่อน

   “อ้อ ไม่เป็นไรพี่ขอบคุณ ผมทำให้ได้”

   ซีออกตัวก่อนที่กันต์จะพูดด้วยซ้ำ

   “จริงเหรอ กันต์ไม่อยากให้พี่ฟ้าช่วยติวเหรอ” ซีรีบพูดดักคอต่อ

   กันต์ต้องแอบเอาขาไปเตะขาซี

   “เอ่อ ผมเกรงใจน่ะพี่”

   พี่ฟ้าทำหน้าเศร้า

   “ไม่เป็นไร นี่ๆ เพื่อนๆ พี่คิดถึงกันต์นะ วันหลังไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ เดี๋ยวพี่มารับ”

   พี่ฟ้ากลับกลายเป็นคนเดิม รู้สึกอุ่นใจขึ้นนิดหน่อย แต่ทำไมต้องทำหน้าปกติต่อหน้าซีด้วยนะ เมื่อกี้ยังกับโกรธใครมาอยู่เลย

   “อ้อ กันต์เค้าต้องอ่านหนังสือน่ะพี่ไม่ว่างหรอก ผมติวเข้มด้วย”

   ซีเดินเข้าไปเกาะคอกันต์

   “พี่ไปนะ”

   พี่ฟ้าแสยะยิ้มหนึ่งทีก่อนจะเดินจากไปมือฟ้าที่เอื้อมจะไปจับมือกับซี เกี่ยวพาดลงมาปัดโดนพวงกุญแจที่ห้อยไว้หมิ่นขอบกางเกงร่วงลงมา

   กริ๊ง

   “โทษที”

   พี่ฟ้าชี้ไปที่ห้อยกุญแจสีแดง

   ซีรีบคว้าตัวกันต์เข้ามา

   “กลับกันเหอะ รู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ”

   “อ้าว เป็นไรมากป่าว”

   กันต์ยกมือขึ้นแตะหน้าผาก

   “ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

   “เออ ไปเหอะ”

   ซีฉุดกันออกไปทั้งอย่างนั้น

   “งั้นไปก่อนนะพี่ฟ้า ไว้ค่อยเจอกัน กันต์มาคณะทุกวันแหละ”

   อีกฝ่ายไม่ตอบรับ ยืนหน้านิ่ง ดูสองคนนั้นเดินจากไป กันต์รู้สึกคิดถูกคราวนี้

   ต่อไปคงจะไม่มาเจอกับพี่ฟ้าอีก

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 16

   กลิ่นขนมปังปิ้งลอยเข้ามาปลุกกันต์ถึงในห้องนอน ละอองไหม้บนขนมปังส่งสารมาถึงปลายจมูกชวนให้นึกถึงเมื่อตอนอยู่เมืองนอกที่บ้านฝรั่งมักจะทำแบบนี้ตอนเช้าเสมอ

   รู้สึกดีทุกครั้ง มันกลายเป็นกลิ่นติดตัวของแม่กันต์ เช้าๆริชาร์ดไม่เคยจะอยู่เจอหน้า ถ้าไม่สายโด่งก็จะออกไปแต่เช้ามืด หรือไม่ก็ไม่กลับเลย แต่อย่างไหนมันก็จะเหมือนกัน คือ กันต์แทบไม่มีโอกาสเจอหน้า คนที่ได้ชื่อว่า เป็นพ่อตัวเอง

   จริงมั้ยก็ไม่รู้

   วันนี้เราตื่นสาย นานมาแล้วที่กันต์ได้นอนสบายบนเตียงนุ่มๆ เจ้าตัวตื่นมาในห้องนอนของซี แสงแดดยังอบอุ่นเหมือนเดิม สิ่งแวดล้อมแรกเห็นรอบข้างเปลี่ยนไป ภาพที่เห็นเมื่อลืมตาไม่ใช่ประตูห้องน้ำหรือกำแพงขัดมัน แต่เป็นผ้าผ่านปลิวตามลมสไว

   ประตูห้องนอนเปิดอยู่

   คนที่นอนด้วยเมื่อคืนนี้ลุกออกไปแล้ว

   “ฝีมือซีสินะ” ไม่ยักรู้ว่ามันมีอารมณ์มาทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย

   ตั้งแต่วันที่ต่างฝนกลับมา ซีก็คะยั้นคะยอให้เข้ามานอนด้วยกันตลอด แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไรเกินเลย แต่พอนานๆเข้ามันก็เริ่มชิน ที่นอนถูกเปลี่ยนใหม่จากโซฟาเล็กๆกลายเป็นเตียงนุ่มสำหรับสองคน

   ไออุ่นของมันทุกคืนเริ่มทำให้กันต์ติดใจ กลิ่นตัวหอมอ่อนแปลกๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นอะไร

   นานวันเข้าการนอนกอดกันเป็นเรื่องปกติ

   “คิดไงลุกมาทำอาหารเช้าในวันหยุด หือ” สภาพหัวฟูยุ่งเพิ่งลุกจากที่นอนกางเกงยังไม่เข้าที่ดี ทุกอย่างดูจะสว่างจ้าเกินไปซะหน่อย

   “ตื่นแล้วเหรอ” กันต์เพิ่งเคยเห็นซียิ้มอ่อนโยนมาให้ มันไม่มีแววกวนตีนเหมือนที่เคยเป็น

   ดูมีสเน่ห์เป็นบ้า

   “นั่งก่อนดิ จะเสร็จแล้ว”

   สองสามวันมานี้ ซีติวหนังสือให้ตลอดทั้งวัน มีหลายอย่างที่เด็กซ้ำชั้นอย่างเราต้องอัพเดท ความรู้มันเก็บขึ้นสนิมอยู่ในกรุ แงะออกมายากยิ่งนัก บางชื่อยังกับได้ยินเป็นครั้งแรกในชีวิต

   “เลขนี่อีกเยอะมั้ย”

   “ไม่เท่าไร จะเปลี่ยนใจไปสอบสินกำมั้ยละ แต่ต้องไปเรียนวาดรูปนะ เยอะด้วย”

   “เออ รู้น่าว่าไม่มีตังค์จะไปจ่าย”

   ซีไม่เคยงกกับกันต์ แต่ถ้าจะใช้บางทีกันต์ก็เกรงใจเหมือนกัน ค่าใช้จ่ายตั้งแต่มาเกาะแกะอยู่กับซีนี่ก็น่าจะหลายแสนอยู่ ถ้ากดตัวเลขไม่ผิดละก็ สองปีนี่อะไรๆมันก็ดูจะมากมายไปตามตัวเลขจริงๆ

   ค่าเล่าเรียนก็คงต้องให้มันออกให้ เป็นอีกหนึ่งในรายจ่ายที่ท่วมหัวขึ้นไปอีก

   บางที ...ไปเป็นรุ่นน้องมันก็ไม่เลวเหมือนกัน

   กันต์ชอบซี เรื่องนี้มั่นใจมานาน แต่ว่าช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ มันมากขึ้นจนกลายเป็นรักไปแล้ว ความรู้สึกที่บางทีก็อยากเก็บเงียบเอาไว้เฉยๆ จากคนที่ไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างซี

   เมื่อไม่มีตัววัดค่าอย่างยอดไลค์หรือการแชร์ต่อ ตัวซีเองก็จัดว่าโดดเด่นด้วยตัวของเค้าเอง

   …ทุกคนมีคุณค่าในตัวเองสินะ

   “…ซี เราว่า...” คำพูดมันติดปาก ยังเก็บไว้ก่อนดีกว่า

   “หือ อะไรนะ”

   “เปล่าๆ จะเสร็จรึยังน่ะ” นิ้วชี้ไปที่ไข่ดาวในกะทะกลมดำ

   “ใกล้ละ ไปแปรงฟันละนั่งรอสิ”

   กันต์ทำตามอย่างว่าง่าย

   ขนมปังปิ้งบนจานให้กลิ่นหอม เศษร่วงหล่นขณะซีทาเนยไปมา เสียงดังแกรก เรียกพยาธิในท้องกันต์ให้ตื่นขึ้น

   “นี่ วันนี้จะติวเลขอีกใช่มั้ย” กันต์ทำใจว่า วันนี้ก็คงได้ยุ่งอยู่กับสูตรอะไรประหลาดอีกเป็นแน่

   “ไม่ วันนี้พัก”

   “อ้าว”

   “เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแต่งตัวแล้วไปข้างนอกกัน”

   “ไปไหนอะ”

   “ไปชอปปิ้งไง แกใส่แต่ชุดเดิมๆไม่เบื่อเหรอ หาชุดนักศึกษารอไว้ได้แล้ว”

   “นี่เรายังไม่ได้สอบเลยนะ”

   “เออน่า” ซีมีสีหน้าดูมั่นใจมาก นี่ถ้าผลมันออกมาไม่เป็นอย่างที่มันคิด มันจะเสียใจมั้ย เราก็ไม่ใช่เด็กฉลาดซะด้วยสิ ห่างจากเรื่องเรียนไปตั้งสองปีเชียวนะ

   ซียกขนมปังเข้าปาก เสียงกัดดังกรอบ

   “ตังค์ละ”

   “มีพอเหอะ เดี๋ยวจบมหาลัยก็ทำงานหาเงินได้แล้ว ตอนนี้ก็ใช้ให้มันพอดีไปละกัน”

   “แล้วเกิด...”

   “เออน่า อย่าเถียง” นิสัยมันถ้าลงมันพูดอย่างนี้แล้วอย่าคิดจะได้เถียงอีก

   ซีที่กินเสร็จก่อนลุกเข้าไปอาบน้ำ

   กันต์อยู่ในชุดเดิม มันไม่มีอะไรใหม่ๆให้ใส่อย่างที่ซีพูด  เสื้อผ้าเก่าวนเวียนไปมา ทุกอาทิตย์จะใส่เหมือนกันเริ่มจากสีอ่อนแล้วไล่ไปเข้มขึ้น ในตู้มี เจ็ดตัว แปลว่าพอดีสำหรับหนึ่งสัปดาห์

   ไอ้เจ้าของห้องเวลานี้ใส่เสื้อลายสกอตเข้ารูป ตัวที่เคยให้กันต์ยืมใส่ไปหาพี่ฟ้าตอนไปเที่ยว แต่เสื้อตัวเดียวกันนี้เมื่อมันอยู่บนตัวซีกลับพอดีไม่หลวมโพรก กางเกงยีนส์ขายาวที่พอดีตัว

    ซีเกลียดการใส่รัดรูป

   เวลานี้กันต์ผอมลงกว่าตอนที่กลับมาจากอเมริกาอย่างเห็นได้ชัด เสื้อยืดเก่าที่ติดมาตอนแรกก็ไม่ได้ใช้แล้ว

   “ไปกันรึยัง”

   “อือ”

   เดินห้างแถวนี้น่าจะดีกว่า แทนที่จะเบียดกันเข้าไปในเมือง วันนี้เป็นวันเสาร์คนน่าจะเยอะ และซีไม่ชอบที่คนมันวุ่นวาย มันพูดเป็นประจำว่า ข่าวออกมาให้ระวังที่ชุมชน การก่อการร้ายมีได้ไม่เว้นวัน ระบบรักษาความปลอดภัยบนโลกนี้มันหละหลวม

   คนที่ปล่อยไวรัสมันจะได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้นะ คำภาวนาของกันต์มันกลายเป็นจริงอย่างง่ายดายอย่างนั้นเหรอ

   ขณะนี้ยังไม่เคยมีการจับตัวใครได้ นอกจาหลักฐานที่ทิ้งเอาไว้... รู้สึกตะงิดใจแปลกๆแฮะ

   บางทีคนที่ทำคงคาดหวังจะลบข้อมูลตัวตนทุกคนบนโลกนี้ออกไปให้หมด มองในแง่ดี คนจะได้กลับมาปฏิสัมพันธ์กันอย่างที่ควรจะเป็น

   หรือไม่ควร?

   สิ่งก่อสร้างสีไข่ไก่เข้มยาวไปตามหัวมุมถนน มีหลายชั้น ชั้นบนเห็นเป็นสวนน้ำเด็ก ด้านหน้าเป็นรูปดอกไม้ใหญ่ โลโก้ตัวเอ็มสีแดงปิดไฟมืด

   ขนาดห้างอยู่ในเขต 8 คนยังแน่น

   ซีไปถอนเงินสดออกมาจากธนาคาร ระบบเอกสารเป็นแบบใช้กระดาษ ดูขลัง เสียงตรายางประทับดังปัง เสียงนับแบงค์ดังฟับ จำไม่ได้ว่าบนโลกนี้เราใช้ระบบแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ โดยเฉพาะเป็นการถอนเงินออกมาซื้อของละนะ

   แบงค์ปึกถูกนับก่อนยื่นมาให้ในซองสีขาว

   “เริ่มจากเสื้อผ้าแกก่อนเลย”

   กันต์ยืนยันจะเลือกเสื้อผ้าราคาไม่แพง ยี่ห้อต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อก่อนหน้า ตอนนี้สินค้ายังเหลืออยู่บ้าง เมื่อไม่มีการส่งมาเพิ่มเติมของ มันจึงเหลือน้อย ดูแต่ละร้านก็พยายามจะรีบๆขายให้หมดไป แล้วขนเงินกลับประเทศ

   “นี่กันต์ดูตัวนี้สิ”

   เสื้อลายสีเหลืองสลับน้ำเงิน แขนยาว

   “เหมาะดีนะ”

   “อื้อ ราคาไม่แพงด้วย”

   ซีคว้าไปอีกสามตัวคละสีกัน พร้อมกางเกงยีนส์สีฟ้าอ่อน สองตัว กางเกงใน เสื้อยืดพอดีตัวกันต์

   ทั้งหมดนี้กันต์แค่ยืนเฉยๆ มีซีเหมือนเป็นพ่อที่จัดการทุกอย่างให้

   ถุงพลาสสิคใบใหญ่ยัดเสื้อผ้าเอาไว้ รวมๆกันเยอะพอให้กันต์ใส่ได้ไปอีกหลายวัน ถ้ารวมกับบางตัวของซีที่กันต์ใส่ได้ ก็เรียกว่าได้พอเป็นเดือน

   “นี่ หิวยังกันต์”

   “หือ ยังอะ”

   “งั้น เดี๋ยวแวะไปอีกที่นะ” ซีเดินพากันต์ไปที่เค้าเตอร์น้ำหอม เดินวนหาอะไรอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อหยุดลงที่หน้าเค้าเตอร์ก็หยิบขึ้นมาขวดก่อนจะตามพนักงานมาจ่ายเงิน

   “ไม่ดมก่อนเหรอ”

   “ไม่อะ กลิ่นนี้ดีแล้ว”

   กันต์เอาไว้ใช้นะ

   “เฮ้ย ไม่เอา หลายพันนะ”

   “เออน่า”

   อีกแล้ว!!!

   “ตัวเราเหม็นเหรอ” ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนมีกลิ่นตัว หรืออาจจะเป็นเพราะว่าชินกับกลิ่นตัวเองกัน

   “เปล่าน่ะ หอมดี แต่ไว้ใส่เวลาออกจากบ้านไง” ดูท่าอย่างนี้แล้ว กันต์เลยต้องหยิบขวดนี้ขึ้นมาดม กลิ่นมันเหลือจางติดที่ขวด แต่จำไม่ผิดแน่

   “กลิ่นเดียวกับแกอะนะ”

   “ดีแล้วจะได้ผลัดกันใช้ไง ถ้ากลับบ้านไม่ถูก ก็ให้คนส่งตามกลิ่นมาได้เลย” มันทำหน้าอารมณ์ดี นี่ขนาดน้ำหอมยังจะให้ใช้กลิ่นเดียวกันอีกเหลือ เสื้อผ้าเมื่อกี้ เพิ่งนึกได้มันสไตล์ที่มันชอบทั้งนั้นเลยนี่หว่า

   ... เฮ้อ หมดแรงจะพูดด้วย ยังกับแต่งตัวตุ๊กตาตาม ...เจ้าของ เจ้าของเหรอ???

   เวลาถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว คนเริ่มดูบางตา

   “ได้เวลากลับแล้วเนอะ”

   ห้างครอบครัวอย่างนี้คนก็ไม่เยอะ ถึงจะมีหลายชั้นแต่สองคนก็วนอยู่แค่ชั้นเสื้อผ้าเท่านั้น ส่วนใหญ่ของห้างปิดปรับปรุงหมดแล้ว สวนน้ำบนดาดฟ้าก็ไม่มีคนขึ้นไปเล่นเหมือนอย่างทุกที ชั้นเด็กเล่นด้านบนก็เงียบ

   น้ำตกใหญ่กลางห้างปิด คราบน้ำแห้งติดอยู่ตามหินจำลอง

   เศรษฐกิจกำลังล่มสลาย

   “กันต์ไม่ต้องห่วงเรื่องสอบหรอก”

   ซีเห็นกันต์ทำหน้าเครียด

   “ทำไมมั่นใจละ”

   “เพราะว่าปีที่ผ่านมามีคนสมัครแค่ 200 คนน่ะสิ”

   “เฮ้ย ทำไมน้อยยังงั้นละ”

   “การเดินทางลำบากน่ะ ดูดิสภาพปะจจุบัน เงินก็หายาก หลายคนเรียนแถวบ้านตัวเอง คงเลือกจะประหยัดไว้ก่อน”

   “งี้ไม่ต้องอ่านหนังสือละดิ”

   ซีเอามือเขกหัว

   “โอ๊ย”

   “ก็อ่านซะหน่อย นั่นก็ง่ายไป”

   “รถไฟฟ้ามุ่งหน้าเข้าเขต 5 ตึกสูงเกือบทุกแห่งถูกพ่นสีเอาไว้ มองจากมุมนี้ออกไป มันเหมือนเขตรกร้างในหนังซอมบี้ ถ้ามีใครสักคนวิ่งทำหน้าตาหิวเนื้อ มีเลือดเลอะเปรอะตามใบหน้าเข้ามาหานี่ก็ใช่เลย

    เลข 5 สีแดงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

   กันต์อยู่ในฐานะเพื่อนมาได้ปีกว่าแล้ว

   …ถึงเวลาเปลี่ยนรึยังนะ

   มันจะดีมั้ยถ้า... เราไม่ใช่เพื่อนกัน ขอแค่บอกไปเท่านั้นสินะ ซีคงจะไม่ปฏิเสธแน่ๆ

   “ซี นี่ถ้าเราเลิกคบกัน แกจะไล่เราออกจากห้องมั้ย”

   “พูดอะไรน่ะ”

   มันเอามือลูบหัวสองสามที

   รวมเวลาออกจากห้องเกือบเที่ยง ใช้เวลาเดินห้างลากขาไปมา แบกของที่ซีอยากได้อีกหน่อย ตกลงใครอยากได้กันแน่ พวกเรากลับขึ้นมาถึงห้องตอนหกโมงเย็นพอดี

   ทีวีกำลังรายงานข่าว เสียงผู้ประกาศหญิงดูไม่ยี่หระต่อคำพูดที่กำลังพรั่งพรูออกจากปากมา

   “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะมีการลดการจ่ายไฟฟ้าตั้งแต่เขต 4 ลงไป เริ่มจากหกโมงเย็นถึงสองทุ่ม และรอบเช้า สิบโมงเช้าถึงบ่ายสอง”

   นี่ยังจะลดเวลาลงอีกเหรอ

   “ส่วนเขต 1 - 3 จะเพิ่มเวลาการจ่ายเนื่องจากเป็นเขตเศรษฐกิจ” เหมือนเมื่อตอนน้ำท่วมสินะ เขตอื่นพังพินาศไป ปล่อยไว้แต่กรุงเทพชั้นใน บ้านกันต์อยู่นอกเขตกรุงเทพ แทบไม่เป็นอันต้องกลับบ้าน ระหกไปอยู่บ้านญาติตั้งเป็นเดือน

   ว่าไปเราก็อยู่กับมันมานานแล้วเหมือน จะมีครั้งไหนมั้ยที่ซีมันเคยไล่เราออกไปจากชีวิตมัน ...ไม่เคยเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนม.ปลาย ตอนที่เรื่องบ้าๆพวกนั้นเกิดขึ้น หรือกระทั่งเวลานี้ ที่ๆเราไม่มีหนทางให้ไป มันเหมือนที่หลบภัยเดียว เจ้าของหลุมไม่เคยนึกรังเกียจ

   จะบอกออกไปเลยดีมั้ย... ยอมรับความจริงดูว่ามันจะง่ายกว่าละมั้ง

   ความจริงที่ว่าเราเองก็ยังชอบมันอยู่น่ะเหรอ?

   ติ้ง!!!

   ซีอุ่นอาหารที่ซื้อมาจากห้าง ระหว่างที่จัดน้ำดื่ม ขนมเข้าตู้เย็นอุ่นๆที่ไม่ได้เสียบปลั๊กไฟ ในเมื่อไฟมันมาๆขาดๆ จะเก็บของแช่เย็นอะไรได้ จะยกออกไปทิ้งก็ใช่เรื่อง มันเลยเป็นตู้สี่เหลี่ยมที่เอาไว้เก็บขวดน้ำ

   ในโลกที่ตอนนี้น้ำอุณหภูมิห้องคือมาตรฐานของการบริการปกติ ไม่ว่าจะเป็นเหล้าเบียร์ที่ยังมีอยู่ ไม่มีใครลงทุนเอาไปแช่เย็นให้เปลืองไฟอีก

   “กินเลยละกันนะกันต์ เดี๋ยวไฟไม่มีจะล้างจานไม่ได้”

   คอนโดชั้น 6 นี่ถ้าไม่มีไฟฟ้า น้ำก็มาไม่ถึง ปั๊มน้ำตัวใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนหลังคาก็มีปริมาณจำกัด หลายห้องคงจะรองน้ำเอาไว้

   “เสื้อผ้าเอาไปซักยัง”

   “ไม่ต้องหรอก เปลืองไฟ เดี๋ยวใส่เลยก็ได้”

   “อือ” กลิ่นสาบใหม่ของผ้าฝ้ายฟุ้งระหว่างที่กำลังพับเก็บเข้าตู้ ป้ายราคาถูกตัดออกก่อนจะรอการเอาไปทิ้ง

   เสียงจานกระจกกระทบกับโต๊ะ กับข้าวสองอย่างวางอยู่ตรงหน้า ลมพัดเย็นมาจากหน้าต่าง ทีวีฉายละครเก่าสมัยที่ทีวียังไม่เป็นระบบดิจิตัล

   พระเอกกำลังขอนางเอกเป็นแฟน

   “กันต์... เป็นแฟนเราได้มั้ย”

   นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว

   “ซี…”

   กันต์ไม่ตอบ มันไม่มีคำตอบ ผู้ชายคนนี้ได้ขอกันต์เป็นแฟนเป็นครั้งที่สามแล้ว ที่ผ่านมามนันทำตัวเป็นลูกผู้ชายที่ดีหมดทุกอย่าง... จนกระทั่งคืนนั้น การมีอะไรกับซีไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เมื่อเสร็จแล้วซีก็ไม่ได้ไล่กันต์ให้หายไปไหน

   เอาก็เอา! กันต์ลุกข้ามโต๊ะไป ยื่นหน้าเข้าหา

   จูบแรกที่อบอุ่น ปากของซีนุ่มนวล

   ความรู้สึกตื้นตันนี้คืออะไรกัน ซีเป็นคนที่กันต์แอบชอบมานาน มันคือคนที่ไม่เคยทิ้งกันไปไหน ถ้าถึงขนาดนี้แล้วเรายังไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองอีกก็ทุเรศเต็มทีแล้ว

   แน่นอนว่าคนตรงข้ามที่ยิ่งกว่ารอ ตอบรับแรงจูบด้วยความรู้สึกที่ร้อนแรงยิ่งกว่า มันร้อนจนไอจากอาหารเรียกว่าเย็นไปเลย

   มันคงจะโหยหาเวลานี้มานาน

   นี่ถ้าไม่มัวแต่เลือกมาก ก็คงคบกับมันไปนานแล้ว

   “กันต์แล้วพี่ฟ้า” เออ ลืมพี่เค้าไปซะสนิทเลย

   คิดๆแล้วก็สงสารพี่เค้า กลายเป็นว่าเหมือนเค้ามาเป็นตัวขัดฆ่าเวลาเฉยๆ อดรู้สึกผิดไม่ได้แฮะ

   “เดี๋ยวเราไปบอกเค้าเอง”

   ซียิ้ม

   “รีบกินเถอะ”

   มื้อนี้ทั้งสองคนใช้มือข้างเดียวจับช้อน ถึงจะกินลำบากแต่ก็สนุกดี จะใช้มืออีกข้างก็ไม่ได้

   ไม่มีฝ่ายไหนจะยอมปล่อยมือที่จับกันไว้ตอนนี้ออก

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 17

   “วันนี้จะไปที่มหาลัยรึเปล่า” ซีถามขึ้นลอยๆคำพูดตกใส่หน้ากันต์ที่ยังไม่ตื่นดีคำถามที่รู้ว่าคนถามเค้ารู้คำตอบอยู่แล้วถึงอย่างนั้นกันต์ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรต้องปิดบังอีก

   “อื้อ” เสียงตอบยานคางขี้เกียจส่งไปให้

   เวลานี้เราสองคนกำลังนอนเปลือยเปล่าปราศจากเสื้อผ้าอยู่บนที่นอนหลังจากอาหารมื้อเย็นที่ตามมาด้วยกิจกรรมหนักหน่วงแล้วเวลาเหลืออีกไม่มากก่อนตัดไฟ

   พออาบน้ำด้วยกันเสร็จก็โดดขึ้นมาคุยกันต่อบนที่นอนจนหลับไป

   ซีไม่เปลี่ยนไปเลยไม่ว่าจะสถานะแฟนหรือเพื่อน

   ซีก็ยังคงเป็นซี

   ไม่มีคำพูดไหนจะหลุดปากมาทำให้กันต์ไม่สบายใจไม่หวงมากจนน่ารำคาญไม่จับผิดไม่หาเรื่องอยู่ด้วยกันมาปีกว่าคงทำให้รู้นิสัยกันเป็นอย่างดี

   เหมือนคู่อยู่ก่อนแต่ง

   วันนี้กันต์ตั้งใจจะไปบอกพี่ฟ้าปิดเอาไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์อีกเดี๋ยวคงต้องไปรอที่คณะช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรียนแล้วไม่รู้ว่าพี่ฟ้าจะมาหรือไม่แต่ก็ไม่มีตัวเลือกอื่น

   ต้องลุกไปอาบน้ำแล้วกันต์เดินตรงไปทางห้องน้ำประตูไม่ต้องปิดไม่มีอะไรที่จะต้องเขินอายอีกต่อไป

   พลางคิดไปถึงเมื่อคืนนี้ ...ซีทำอย่างนุ่มนวล

   เริ่มจากปลายลิ้นเย็นไล่ไปตามตัวช้าๆล่องลอยไปบนผิวกายเรียบลื่นมันดีจนซีต้องออกปากชม

   “อยากจะเลียทั้งตัวเลย”

   สองมือกันต์ถูกจับขึงไว้เหนือศรีษะปล่อยให้ซีละเลงตามตัวไปตามชอบ

   กันต์ร้องออกมาดังๆ

   ชั้นนี้แทบไม่เหลือคนอยู่แล้ว

   “ซีๆ”

   กันต์ยกขาให้ส่งสัญญาณเชื้อเชิญให้มุดลงไป

   ซีก้มหัวลงไปที่หว่างขาอย่างรู้ทันก่อนทำตามหน้าที่นานเท่านานจนได้ดังที่ต้องการแล้วกันต์ก็โยกตัวรับกระแทกกระทั้นเข้าปากซี

   “พอแล้วๆ”

   กันต์รีบลุกขึ้นมานั่งคร่อมใช้มือกดหน้าอกซีไว้ก่อนจะประทับรอยจูบประพรมไปทั่วมันรุนแรงเพราะความอยาก

   “เอามานี่”

   กันต์คว้าแท่งเข้าปากดูดเลียตั้งแต่ส่วนปลายลงไปถึงโคนลงไปให้ลึกที่สุดที่ทำได้

   ซีแทบจะทนไม่ไหวไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นจริงรอคอยโอกาสนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนตัวจริงดีกว่าในคลิปมาก

   เมื่อลิ้มรสจนพอใจแล้วกันต์ลงลุกขึ้นนั่งกดมันเข้าไปในตัว

   ช้าๆ

   หลังจากนั้นกันต์ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของซีที่โยกเข้าออกอย่างไม่รู้จักเหนื่อยถ้าไม่บอกว่าจะไม่ไหวแล้วซีคงยังไม่หยุดแน่ๆ

   “ออกเหอะๆไม่ไหวแล้ว”

   มันสั่งได้น้ำอุ่นๆพุ่งเข้ามาให้ตัวกันต์ส่วนของกันต์พุ่งใส่หน้าซีเป็นระลอก

   เสียงน้ำชำระร่างกายในตอนเช้าแต่จิตใจอยู่ที่เรื่องเมื่อคืน

   …อีกเดี๋ยวต้องไปแล้ว

   “ซีให้เอาอะไรไปอ่านมั้ย”

   “เดี๋ยวหาให้”

   กันต์เปิดประตูห้องน้ำออกมายังคงงัวเงียอยู่แล้วมาพบเสื้อผ้าวางกองอยู่บนเก้าอี้ที่ๆเคยเป็นเตียงนอนกันต์มาก่อน

   “สายแล้วพี่เค้าจะมามั้ย”

   “ไม่รู้สิระวังตัวแล้วกัน”

   “อือ”

   พูดยังกับรู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น

   กันต์อยู่ในชุดเสื้อแขนยาวลายสกอตกางเกงขนาดพอดีตัวทั้งหมดเป็นของที่ซื้อมาเมื่อวาน

   “เอ้าอย่าลืม”

   ซีพ่นน้ำหอมไปรอบตัวกันต์

   “เยอะไปมั้ย”

   แทบจะสำลักกลิ่นกลิ่นคุ้นๆก่อนจะทันนึกออกว่ามันเป็นกลิ่นประจำตัวที่ซีชอบใช้

   เล่นประกาศความเป็นเจ้าของกันเลยเหรอ

   “ไปดีๆวันนี้ถือว่าพักละกัน”

   กันต์กำลังเดินทางไปมหาลัยคนเดียว...
   
   ไม่คุ้นชิน

   ถ้าเป็นปกติซีจะต้องเดินนำอยู่ข้างหน้าไม่ก็ขนาบอยู่ข้างๆ

   “นั่นสิไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะเจอมันอยู่ตลอด”

   เสียงรถฉุกเฉินวิ่งผ่านหน้าไปเหตุการณ์ต่างๆมันยังไม่สงบคำว่าให้ระวังตัวของซีคงไม่มีอะไรพิเศษ

   “เมื่อวานไม่ได้ดูข่าวเลยมัวแต่...”

   กันต์หน้าแดง

   ไม่ทันไรก็ได้กันแล้วใจง่ายไปมั้ย

   ถนนข้างหน้าทอดยาวไอแดดกรุ่นหน้าหนาวยังไม่เริ่มต้น

   รถไฟฟ้าดูวังเวงช่วงนี้ปิดเทอมจริงจังแล้วแต่แปลกไม่ค่อยมีคนใช้บริการรถไฟฟ้ามากนักทั้งๆที่ปิดเทอมน่าจะต้องร่าเริงสิ

   ทุกอย่างดูเหงา

   สมัยพ่อแม่เราก็คงแบบนี้

   “ไม่รู้วันนี้พี่ฟ้าจะมามั้ย”

   กันต์เดินเข้าไปถึงคณะมีคนจับกลุ่มเล็กๆอยู่ตามโต๊ะดูบางตาปิดเทอมก็อย่างนี้ดีแล้วเผื่อคุยกันแล้วไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จะได้ไม่อาย

   พอมีคนบ้างก็ยังดีกว่าไม่มีเลย

   พี่ฟ้าไม่มาก็ไม่เป็นไรเป็นไปได้ในใจขอให้ไม่เจออีกเลยจะดีกว่า

   “กันต์วันนี้มาอ่านหนังสือเหรอ”

   “พี่ฟ้า...” นั่นไงพอขอให้ไม่เจอก็มาจนได้

   “แล้วซีละไม่มาเหรอ”

   กันต์ส่ายหัว

   พี่ฟ้าทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆ

   “ซีเป็นยังไงมั่ง”

   มันเจ็บจี๊ดขึ้นมาทำไมคนอย่างพี่ฟ้าต้องถามถึงซีด้วย ...หึงซีเหรอหรือเสียดายพี่ฟ้า

   “ก็ไม่เป็นไรแล้วพี่”

   น่าจะแข็งแรงดีแล้วก็เล่นมีแรงทำได้ทั้งคืนซะขนาดนั้น

   “พี่ฟ้าวันนี้มาทำงานเหรอมันปิดเทอมแล้วนะ”

   “ก็แวะมานิดหน่อยน่ะเราละซีไม่มาแล้วมาทำไม”

   กันต์สูดลมหายใจ

   “ก็กันต์มีเรื่องอยากจะคุยกับพี่น่ะคิดว่าถ้ามานั่งรอที่นี่พี่อาจจะมาก็ได้”

   “เรื่องไรเหรอ”

   พี่ฟ้าดูตื่นเต้น

   “คือ... ผมกับซี”

   กันต์ไม่กล้าพูดออกไปให้เต็มประโยค

   “อ้อ”

   ฟ้าเอามือลูบหัวกันต์แรงลูบบอกไม่ได้เลยว่าคิดอะไร

   “นี่งั้นเดี๋ยวไปกับพี่หน่อยนะ”

   “เอะแต่...”

   “น่าๆมีที่ๆพี่อยากให้กันต์ไปเห็น”

   กันต์ทำท่าจะหันหลังกลับ

   “รถพี่จอดอยู่ตรงโน้น”

   มอเตอร์ไซค์สีแดงขนาดใหญ่จอดอยู่หน้าคณะ

   กันต์ไม่เคยเห็นคันนี้มาก่อนพี่ฟ้าขี่รถแบบนี้ด้วยเหรอ

   “ยืมมามั้ง” พี่ฟ้าอ่านความคิดทัน

   “โดดขึ้นมาสิ”

   เสียงเร่งเครื่องดังรบเร้ากันต์

   “ครับ”

   ยังไม่ทันได้เกาะให้แน่นเสียงดังเอี๊ยดก็ดังสะเทือนออกตัววิ่งไปตามถนนในมหาลัย

   ลมเย็นตีปะทะหน้าผมที่เซตมาอย่างดีตอนนี้เละไม่เป็นท่า

   เสียงกิ่งไม้ใบไม้เสียดสีตลอดทางฟังแล้วรู้สึกดีแต่ใจมันกังวลพิกล

   ถ้าคนขับเป็นซีจะดีกว่านี้

   เมื่อพ้นออกนอกมหาลัยมันกลายเป็นแบบถนนยางมะตอยที่ร้อนระอุถ้าล้มไปนี่นอกจากจะได้แผลแล้วคงแสบเพราะความร้อนแน่

   นอกมหาลัยให้ความรู้สึกต่างกันตึกที่ถูกทาสีเป็นเบอร์ 2ดูกลืนหายไปกับด้านข้างสภาพเก่าทรุดโทรมรถเร่งเครื่องเร็วขึ้นอีก

   เหวี่ยงโค้งอย่างน่าอันตราย

   กันต์ต้องโน้มตัวเข้าไปใกล้ฟ้ามากขึ้น

   “พี่ฟ้าจะไปที่ไหนเหรอ”

   กันต์ตะโกนตาม

   “โรงพยาบาล”

   ใครเป็นอะไรเหรอหรือจะเป็นกลุ่มเพื่อนพี่ฟ้า

   รถมุ่งหน้าตรงออกนอกเมืองเลยเขต 8ออกไปอีกจากตึกสูงลงมาเตี้ยจนกลายเป็นต้นไม้ทุ่งสองข้างทางโรงพยาบาลอยู่นอกเมืองวิ่งตรงไกลออกไปอีก

   กันต์รู้สึกกลัว

   เสียงเครื่องดังเบาลงรถสีแดงวิ่งชิดซ้ายเข้าเทียบริมฟุตบาท

   ป้ายโรงพยาบาลเก่ามีหญ้าสูงขึ้นปิดบังอ่านข้อความไม่ครบน่าจะเป็นโรงพยาบาลที่ใช้ชื่อมหาลัยแห่งหนึ่งนอกเขตเมืองออกไป

   ระเบียงทางขึ้นต่อไปถึงห้องฉุกเฉินดูเวิ้งว้างหญ้าสูงท่วมหัวเสียงนกร้องฉุดให้ดูวังเวง
   
   “ที่นี่ถูกทิ้งร้างมานานแล้วเหรอ”

   “2ปีตั้งแต่วันนั้น”

   “โรงพยาบาลในเขตเมืองจะได้ไฟเลี้ยงในช่วงวันโลกดับแต่ที่นี่อยู่นอกออกไปเป็นโรงพยาบาลที่ถูกลืม”

   ฟ้าเล่าเสียงเรียบ

   ……..

   ภาพโกลาหลวันนั้นยังติดตาฟ้าอยู่ทั้งโรงพยาบาลคนข้างในวิ่งวุ่นกันไปหมดหมอคนไข้พยาบาลแทบจะตีกันตาย

   บรรดาคนป่วยถูกเข็นออกมารอรับความช่วยเหลือบางคนมาทั้งเครื่องช่วยชีวิตต่อสายระโยงระยางฟ้ารีบวิ่งฝ่ากลุ่มคนเหล่านั้นเข้าไปข้างใน

   มองหาคนไข้คนหนึ่ง

   “ปิปิ”

   แย่ละ

   หน้าห้อง 2006

   คนป่วยยังนอนอยู่

   ป้ายหน้าห้องถูกเสียบชื่อว่า

   ปิพนธ์

   “ตื่นๆๆ”

   ร่างนั้นยังหลับไม่ไหวติง

   “เฮ้หมดเวลานอนแล้ว”

   “พี่ฟ้าเหรอ”

   “หมอให้ยาไปตอนกี่โมง”

   “นานแล้วพี่จำไม่ได้” วันนี้เป็นการตรวจปกติยาที่ให้ไม่น่าแรงมาก

   น้องชายต่างมารดาต่างพ่อคนนี้ฟ้าวิ่งมาหาทันทีที่ดูข่าว

   “เดินไหวมั้ย”

   ร่างกายปิยังไม่ฟื้นดีอาการป่วยจากสมองขาดออกซิเจนมันทำให้บางส่วนของแขนขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ

   ปิค่อยๆยกตัวเองขึ้นมานั่งบนขอบเตียง

   ฟ้ารู้สึกไม่ทันใจเข้าไปอุ้มปิก่อนพาออกนอกโรงพยาบาลไป

   “พี่ฟ้าเกิดอะไรขึ้น”

   น้องชายรู้สึกตกใจที่เห็นหน้าพี่หลังจากตื่นมาจากการจมน้ำก็รู้ข่าวว่าระหว่างที่หลับอยู่แม่ได้เจอกับผู้ปกครองของพี่ฟ้าแล้วก็ย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกัน

   พี่ฟ้ายืนตัวสั่นมีสีหน้าหวาดกลัว

   ถ้าดูอายุแล้วพี่ฟ้าน่าจะแก่กว่าปีสักไม่เกินสองปี

   ตอนนั้นพี่เพิ่งจะปี 1เทอมสุดท้าย

   จากที่พี่ฟ้ามาหาหมอเรื่องแขนหักก็กลายเป็นมาหาปิเพื่อมาดูแลสองพี่น้องใช้เวลาช่วงนั้นทำความรู้จักกันผ่านไปหนึ่งปีก็เริ่มสนิทกัน

   สนิทมากจนฟ้ารู้สึกว่าคิดกับปิมากกว่าน้องชาย

   “เห็นหมอมั่งมั้ย”

   “ไม่เห็นเลยพี่เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

   ฟ้าไม่ตอบมองหาซ้ายขวาก็ไม่เจอ

   ระหว่างที่รอดูท่าทีฟ้าจึงเล่าเรื่องคร่าวๆให้ปิฟัง

   “ปิขึ้นรถเกาะไหวมั้ย”

   ฟ้าจำใจต้องพาปิขึ้นรถไปด้วย

   ปินั่งหน้ามีพี่ฟ้าคร่อมอยู่ข้างหลังขี่รถช้ากลัวว่าปิจะตกลงไปมุ่งหน้ากลับบ้าน

   ……. ทั้งหมดเป็นแค่ความทรงจำ
   
   แต่ใบหน้าฟ้าเวลานี้ดูเรียบเฉย

   “น้องชายพี่เคยมารักษาตัวที่นี่น่ะ”

   “วันนั้นนะทุกอย่างดูน่ากลัวมากดีว่าน้องพี่ไม่เป็นไรห้องของปิอยู่ตรงนั้นริมทางเดินด้านขวา”

   พี่ฟ้าพาเดินชมสถานที่มันดูน่ากลัวกันต์ไม่คิดว่าภาพที่เห็นในเกมมันจะเป็นจริงขึ้นมาในโลกใบนี้โรงพยาบาลร้างของถูกรื้อค้นทิ้งวางเกลื่อนสีสเปรย์พ่นไปตามกำแพง

   ดูสกปรก

   “พี่ฟ้า...กันต์เคยภาวนาให้โลกเป็นแบบนี้แหละเพราะ... เพราะคลิปหลุดกันต์น่ะ ...ถ้าพี่จะโทษก็โทษกันต์เถอะอย่าไปยุ่งกับซีมันเลยนะ”

   “หือมันไม่ได้เกิดเพราะอยากให้เกิดหรอกมันมีคนทำต่างหาก”

   ฟ้าคว้าไม้แถวนั้นแล้วปาอัดใส่กำแพงดำเขรอะ

   “อยากกลับรึยังกันต์”

   กันต์พยักหน้าอยากรีบออกไปเร็ว

   รถวิ่งสวนกลับทางที่มาด้วยความเร็วเท่าเดิมกันต์เริ่มรู้สึกง่วงแต่ถ้าหลับไปเนี่ยได้ตกรถลงไปแน่

   ตอนนี้ซีจะทำอะไรอยู่นะมันคงรอเรากลับไปที่ห้องละมั้งคืนนี้มันจะทำอีกรอบมั้ยนะไอ้หื่นเอ้ย

   เสียงเอี๊ยดเล่นเอากันต์หัวทิ่มเข้ากับแผ่นหลังคนขี่

   “กันต์รอพี่ตรงนี้แป๊บนะเดี๋ยวไปซื้อกาแฟให้”

   ฟ้าเริ่มมืดแสงแดดสีส้มสุดท้ายตัดกับโครงเหล็กโค้งบนถนนสาธรที่นี่เป็นแลนด์มาร์คของตึกแถวนี้มองเห็นมาแต่ไกลเส้นโค้งตัดกับฟ้าสีส้มน้ำเงินสวยงามเลยขอบสูงขึ้นเป็นสีเข้ม

   เย็นมากแล้วเหรอเนี่ย

   อีกไม่กี่ชั่วโมงคงตัดไฟแล้ว

   ร้านไม่น่าคนเยอะทำไมหายไปนานกันต์เริ่มกระวนกระวายเดินวนไปมาผู้คนบางตาไปบางแสดงริบหรี่เหมือนคนหยีตาส่องสว่างลงมาที่พื้น

   ภาพโรงพยาบาลยามค่ำคืน   

   กันต์รีบเดินไปยังจุดที่มีแสดงอยู่มันค่อยๆหดสั้นลงก่อนจะดับวูบ

   เสียงอีการ้องใบไม้ขยับไหวเมื่อประสาทสัมผัสทางตาไม่ต้องใช้หูมันก็ดีขึ้นมาก

   กันต์รีบล้วงหามือถือ

   ไม่มี... นั่นสิไม่ได้ใช้นานแล้ว

   ตอนนี้มืดสนิทมองอะไรไม่เห็นพี่ฟ้าให้กันขึ้นมารอบนสะพานที่มีเสาโค้งนี้

   ถ้าพี่ฟ้าไม่กลับมา...

   กันต์เริ่มรู้สึกกลัว... ซี...

   ช่วยด้วย

   แสงไฟสว่างวาบส่องเข้ามาหาทางกัน

   “พี่ฟ้าเหรอ”

   ที่มาของแสงไม่ตอบค่อยๆลอยเข้ามาใกล้กันต์เริ่มถอยขาทีละก้าวเสียงดังแฮกหนักๆเข้ามาใกล้

   อะไรน่ะคนโรคจิตเหรอ

   เสียงไฟลอยเข้ามาใกล้จนถึงหน้า

   ชายแก่กำลังจูงหมาเดินเลยผ่านไป

   พี่ฟ้าทิ้งเราไว้ที่นี่เหรอ

   กันต์พยายามทำทางที่ชายแก่คนนั้นส่องไฟมาเดินตามไปเพื่อหาทางลงมองไปทางขวาในเมืองไฟเริ่มติดแต่ยังมาไม่ถึงบริเวณนี้

   เหงื่อเย็นๆไหลลงไปตามหลังรู้สึกเสียววาบ

   มือเย็นจับเข้าที่ข้อมือ

   กันต์สะดุ้งสุดตัว

   “กันต์จะไปไหนน่ะ”

   พี่ฟ้าเดินมาพร้อมไฟฉายในมือนิ้วเกี่ยวกาแฟเย็นๆสองแก้วหยดน้ำเกาะรวมกันอยู่ตามขอบเต็มไปหมด

   “พี่ฟ้าไปไหนมา”

   “ซื้อกาแฟไงคนเยอะไปหน่อยโทษทีนะ”

   กันต์ส่ายหัว

   “ผมอยากกลับแล้วพี่”

   “อือเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

กันต์นับเลขตามจังหวะวินาทีแทนนาฬิกาบนข้อมือมันช่วยให้รู้สึกผ่อน   คลายเมื่อรู้ว่าเวลากำลังเดินไปอีกเดี๋ยวเมื่อครบสิบห้านาทีก็จะถึงคอนโดของซี

   …อีกเดี๋ยวเดียว

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 18

เสียงเคาะประตูทะลุไม้หนาๆส่งเสียงสะท้องกึกก้องเข้าไปเรียกผู้เป็นเจ้าของให้มาเปิดแรงเคาะดังสะเทือนเสียงดังฟังชัด

ประตูถูกทุบอีกคนข้างนอกคงร้อนใจ

มันสั่นสะเทือนไปถึงคนที่อยู่ข้างใน

“เป็นไรเปิดประตูเองไม่ได้เหรอ”

ซีรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่างชวนให้ระวังตัวกันต์ไม่เคยเคาะก่อนเข้าห้องถึงกันต์จะเป็นเด็กมีมารยาทนี่คือสิ่งหนึ่งที่กันต์ขาดไป

“เฮ้ทำไรอยู่วะ” แรงเปิดผลัวะทำไเอาตกใจ

“เต้ต๊ะมาได้ไง”

“อ้าวก็เดินมาดิเหาะมาเรอะไง”

ซีไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นมันสองคนเคยมาทำรายงานที่นี่ครั้งหนึ่งตอนอยู่ปี 1หลังจากนั้นซีก็ไม่อยากให้มาอีกพวกผู้ชายเวลามามักจะค้นนั่นนี่ชวนให้รู้สึกไม่ชอบ

มันอาจจะไปเจอของบางอย่างที่ซีเก็บซ่อนเอาไว้อย่างเช่นรูปกันต์ถุงยางเจลหรืออะไรที่ปกติผู้ชายทั่วไปเค้าไม่ใช้กัน

ซีจำได้มันสองตัวเคยพยายามหาหนังโป๊มาดูแต่เวลากลางวันไฟฟ้าไม่มีขึ้นมาถึงห้องชั้น 6ในโซน5แห่งนี้พวกมันจึงล้มเลิกไป

ซีรู้สึกสบายใจเพราะดูไปก็คงไม่เกิดอารมณ์

“เข้ามาดิเกิดไรขึ้นวะแบกสารร่างขึ้นมาถึงชั้นนี้ได้” ซีตะโกนใส่หน้ามันสองตัวอย่างไม่เกรงใจ

เบอร์ 1 2เดินไปนั่งบนโซฟาพักให้หายเหนื่อยดูจากการแต่งตัวแล้วมันไม่น่าจะมาด้วยธุระสำคัญแต่การที่ยอมแบกร่างเดินมาถึงชั้นนี้ได้มันต้องมีอะไรสิน่า

“นี่แกสองคนอย่าบอกนะว่าจะแยกห้องกันอยู่แล้วน่ะห้องเราไม่ว่างนะเว้ย” ซีจำได้ว่ามันสองตัวพักอยู่ที่ห้องเดียวกันนี่คงไม่ใช่ทะเลาะกันมาหรอกนะ

“ไม่ใช่เรื่องนั้นเรายังรักกันดีเนอะเบอร์ 2จุบๆ”

“ถูกต้องเบอร์ 1 จุบๆ”

“พอเหอะจะอ้วก”

ซีต้องรีบห้ามก่อนมันจะได้เสียกันบนโซฟาจริงๆ

“ซีมึงจำเรื่องที่บอกให้ไปช่วยสืบได้มั้ย”

“อ้อเออได้ละเหรอ”

“ขอเบียร์ขวดดิ”

“….”

นั่นไงกูว่าแล้วไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ

“ได้แปบ”

ในตู้เย็นยังมีเหลืออยู่จากคราวก่อนเก็บไว้ก็ไม่เสียหายแค่ค้างไว้ปีนึงคงไม่ถึงตาย

ซียกมาวางพร้อมแก้วสองใบเสียงเปิดดังป๊อกไอคาร์บอนไดออกไซด์พวยพุ่งออกจากปากขวดโชคดีเป็นของพวกมันที่ยังมีเบียร์เหลืออยู่แต่มันไม่เย็นฟองสดใสแตกตัวลอยอยู่เหนือน้ำสีเหลืองอ่อน

“ฮ้าค่อยยังชั่ว”

“คืองี้นะเรื่องคนนั้นน่ะ”

มันสองตัวไปถามจากรุ่นพี่ที่คณะมาคนชื่อฟ้าอยู่ปีสี่ถ้าจะให้ถูกต้องบอกว่ารุ่นเดียวกับพวกพี่ปีสี่แต่เนื่องจากเค้าดรอปเรียนไปตั้งแต่ปีสามถึงไม่ค่อยมีใครเห็นหน้าที่คณะอีกหลังจากนั้นพวกซีถึงเองก็น่าจะเพิ่งเข้าปีหนึ่งจึงไม่น่ารู้จัก

หายหน้าไปน่าจะเกินหนึ่งปีแล้ว

...ถึงว่าไม่ค่อยคุ้นหน้า

“คนไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมอย่างแกอาจจะนึกไม่ออกขนาดพวกเรายังต้องไปไล่ถามเลย”

“จากที่ไปถามมานะ”

เต้ทำท่าราวกับผู้ประกาศข่าว

“ครอบครัวพี่เค้าตายหมดจากอุบัติเหตุวันโลกดับร้านข้าวที่ข้างม. แกน่าจะเคยไปตอนปี 1 พวกคณะเราชอบไปกันร้านเหลืองๆน่ะเป็นของพี่เค้าเองร้านเคยขายดีมาก”

“แต่เดิมพี่เค้าก็เป็นคนดังในโลกโซเชียลอยู่”

ต๊ะเสริม

“ถึงเวลาทุกอย่างหายไปร้านก็แทบไม่มีคนไปร้านนั้นที่อร่อยเพราะพ่อเค้าเป็นคนทำแถมให้เยอะด้วยทุกวันนี้พ่อครัวหายได้ข่าวว่าพี่เค้าขายคอนโดเพื่อเอาเงินมาหมุนบริหารร้านต่อ”

“แล้วทำไมอยู่ๆมาโผล่เอาตอนนี้วะ”

“ไม่รู้”

“พวกพี่ปีสี่บอกว่าฟ้ามันกลายเป็นคนมีปัญหาไปแล้วพี่เค้าไปรวมกลุ่มกับพวกแก๊งนักล่าไดร์ฟ”

ต๊ะจ้องมองหน้าซีเป็นครั้งแรกที่คนอย่างมันจะมองเอาเรื่องกับเพื่อนแบบนี้

“จำได้ใช่มั้ยที่มีข่าวว่าไดร์ฟมันถูกกระจายไปที่ต่างๆทั่วโลกจากฝีมือใครไม่รู้อันนึงน่าจะมาอยู่ที่ไทยคำณวณจากเวลาที่โดนโจมตีแล้วไทยอยู่หลังสุดแถมไม่ได้เกิดจากภายในด้วยเพราะว่าถ้ามีคนใช้ไดร์ฟถ้าเป็นอย่างนั้นมันน่าจะเกิดพร้อมๆกันกับที่อื่น”

“ทุกคนเลยสงสัยว่าไดร์ฟอันนั้นยังไม่ได้ถูกใช้แต่อันเล็กแค่นั้นจะไปหาที่ไหนได้แล้วไม่มีใครเคยเห็นของจริงไม่มีใครเอารูปลงมาแชร์โซเชียลให้จับผิดกันด้วย”

มีเหตุผล

“มันเลยมีกลุ่มคนรวมตัวหาไงเรียกว่ายิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีก”

…งมถูกที่ซะด้วย

“เราว่าเป็นไปได้ที่เค้าคิดว่ากันต์จะมีคนอย่างนั้นไม่เข้าหาใครก่อนถ้าไม่มีอะไรแน่ๆอีกอย่าง ...พวกเค้าเคยทำแบบนี้มาก่อนแล้ว”

“แต่ได้ไปแล้วยังไงละทำไรได้”

ซีถาม

“รัฐบาลให้รางวัลมหาศาลกับคนที่หาเจอและนำมามอบให้ได้ถูกรางวัลที่ 1ยี่สิบรอบยังไม่เท่านี้เลย”

“สรุปว่าฟ้าเป็นผู้เสียผลประโยชน์ที่ต้องการได้เงินรางวัลสินะ”

“ไม่ดิซีเราว่าพี่เค้าต้องการมากกว่านั้นวะกลุ่มนั้นไม่ใช่แค่นักล่าของหายแต่เป็นอันธพาลด้วย”

เต้สีหน้ากังวล

“พวกนั้นมันเป็นคนที่จ้องจะแก้แค้นผู้ทำน่ะ”

“มีพี่คนนึงเล่าให้ฟังว่าฟ้าเคยไปเข้าใจผิดว่าคนหนึ่งที่คณะทำไอ้คนนั้นก็ปากพล่อยพูดไปทำนองว่ามีของที่ทำให้โลกเป็นแบบนี้ได้พอรู้ถึงหูฟ้าพี่แกก็รีบเข้าไปกระทืบทันที”

“กระทืบบบบบนะไม่ใช่ไปตีเฉยๆ”

ต๊ะเน้นเสียงคำว่ากระทืบ

“ขอบใจพวกแกมากนะ”

ซีคิดว่าเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ้าถึงได้เข้ามายุ่งกับกันต์เพราะ ...ไอ้ที่ห้อยกุญแจบ้านนั่นสินะ

เรื่องทั้งหมดมันอยู่ที่ซีฟ้าเห็นกันต์เป็นแค่ทางผ่าน ...เป็นคนให้ใช้แทนสินะ

“อ้อฟ้ามีน้องชายต่างแม่คนนึงนะชื่อปิไม่เคยเห็นหน้าหรอกแต่เห็นว่าหวงมาก”

“เคยเจอมั้ย?”

พวกมันสองตัวส่ายหัวยิก

เบียร์ขวดนี้กำลังหมดซีหวังว่าพวกมันจะไม่มีข้อมูลอะไรมากกว่านี้เพราะว่าค่าเปิดปากไม่มีแล้ว

“พี่ฟ้ามันชอบไปสิงอยู่แถวตรอกข้าวสารน่ะแต่แนะนำว่าอย่าไปยุ่งเลย”

“แล้วมันมายุ่งกับกูทำไม”

“ไม่รู้”

“มึงไปทำไรไว้เปล่าละ”

มันสองตัวจ้องหน้าพวกมันกำลังจับสังเกตไม่ว่าเป็นใครก็ต้องคิดได้ทั้งนั้นว่าเวลานี้ซีอาจจะมีไดร์ฟในครอบครอง

ซีกำมือแน่นก่อนตอบ

“เปล่ากูไม่เคยทำอะไรทั้งนั้น” เน้นเสียงหนักแน่น

“ปกติพวกนั้นมันจะตามล่าคนที่คิดว่ามีส่วนร่วมหรือเห็นดีกับวันโลกดับวันนั้นนี่หว่าแล้วมันมายุ่งกับสุดหล่อของเราทำไม”

“เอ๊ะเค้าเรียกซีว่าหล่อได้ยังงั้นเหรอต๊ะ”

“เออดิเต้”

มันสองคนจะเล่นตลกกันเหรอไง

โลกนี้ไม่มีเนทก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอชีวิตของซีดีขึ้นก็เพราะว่ามันไม่มีแล้วไม่ใช่เหรอไงจากคนที่ไม่มีใครสนใจกลายมาเป็นคนที่ต้องการ

ซีให้ความสำคัญกับชีวิตคนเป็นๆมากกว่าในโลกออนไลน์แต่ในเมื่อคนทั้งโลกกำลังก้มหน้าลงมองโทรศัพท์แข่งกันหาเพื่อนใหม่ที่น่าสนใจคนที่มีโปรไฟล์ดีๆ

ซีไม่มีอะไรดึงดูดนอกจากรูปร่างและหน้าตาความสามารถเรื่องอื่นก็งั้นๆสมัยเรียนคนก็ไม่ได้สนใจ

จีบกันต์ก็ไม่ติด

…คลิปกันต์ก็เลยหลุดออกไป



วันนั้นตอนม.ปลายซีรู้สึกอยากระบายอออกความอยากมันอัดอั้นไม่ได้ทำมาหลายวันเพื่อนในห้องมันกำลังเห่อเล่นกล้องในโซเชียลซีเลยลองทำบ้างเปิดเข้าไปเจอกับชื่อๆหนึ่ง

ซีรู้สึกสนใจ

เพื่อนแนะนำให้เซฟคนที่เล่นด้วยเผื่อว่ามีอะไรจะได้เป็นตัวประกัน

เมื่อกล้องของฝั่งตรงข้ามตกซีรู้ทันทีว่านั่นคือกันต์

ตอนนั้นทำลงไปได้อย่างไรนะ

การแชร์ลงทวีตเตอรืครั้งแรกของซี... ครั้งเดียวครั้งสุดท้ายคือคลิปของกันต์ที่กำลังเล่นตัวเองอยู่กับซี....

ลึกๆซีรู้สึกสะใจคนที่ไม่เคยสนใจตัวเองมาก่อนกำลังถึงขีดสุดพุ่งใส่หน้ากล้อง

หลังจากรู้ว่าการแชร์นั้นมันไปต่อได้ไกลแค่ไหนซีก็พยายามทำทุกวิธีทางที่จะลบมันออกจากโลกดิจิตอลจนไปเจอเข้ากับเวบหนึ่ง

Xnymous

เวบประกาศถึงวันเวลาที่โลกจะเผชิญสิ่งที่จะทำลายสังคมโซเชียลทุกอย่างบนโลกใบนี้ทุกอย่างที่เป็นดิจิตอลจะถูกทำลายหมดสิ้นแน่นอนว่ารวมถึงคลิปของกันต์ด้วย

ซีรีบสมัครไม่นานไดร์ฟสีแดงก็ส่งมาที่คอนโดนี้ที่อยู่ผู้ส่งไม่ปรากฏลงชื่อแค่From X

เพียงแค่เสียบเข้าไปทุกอย่างก็...

โลกที่ซีไม่มีตัวตนนี้จะหายไป

….

“ฮื่องั้นก็อย่าไปกลัว”

“หือไรนะ”

ซีเหม่อไปชั่วครู่

“เดี๋ยวเราช่วยเอาเนอะเบอร์ 2”

“ค้าบเบอร์1”

ซีรู้สึกอุ่นใจขึ้นนิดหน่อยอย่างน้อยไอ้สองนี้ก็ยังอยู่ข้างซี...

แต่ถ้าพวกมันรู้นี่มันจะแปรพักต์เลยมั้ยนะเงินรางวัลมหาศาลมาล่อใจซะด้วย

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 19

ห้องนอนเล็กบนตึกแถวหนึ่งคูหาตั้งอยู่ใกล้มหาลัยมีชื่อเจ้าของห้องกำลังร่าเริงเมื่อได้เป็นนิสิตปี 1ตามที่ฝันไว้จะเสียแต่ว่าคงต้องอ่านหนังสือหนักมากตึกนี้ทั้งตึกถูกทาเป็นสีเหลืองอ่อนในห้องนอนนี้ก็เช่นกันมันเป็นสีเหลืองมะนาวซีดๆของวางระเกะระกะรกไปทั่วห้อง

ยกเว้นที่นอนเท่านั้นที่เป็นระเบียบ

ฟ้ากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ

โต๊ะเก่าใช้มาตั้งแต่ยังเด็กสติกเกอร์การ์ตูนแปะอยู่รอบบางอันหลุดลอกทิ้งรอยกระดาษขาวแหว่งหวิ่นที่บอกว่ามันเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน

พ่อเป็นคนเลี้ยงฟ้ามาตั้งแต่ม.ต้นทั้งบ้านมีผู้ชายอยู่แค่ 2คนแม่ฟ้าเสียไปจากอุบัติเหตุ

ฟ้าจำได้วันแรกของเปิดเทอมม.ต้นฟ้าคิดว่ารู้สึกไม่สบายเสียงแหบห้าว

พ่อพูดขำๆว่า

“โตเป็นหนุ่มแล้วเหรอ”

ฟ้าหน้าแดงใช่ส่วนนั้นไม่เหมือนก่อนมันไม่ใช่ของเด็กอีกต่อไป

ปีนั้นวัยรุ่นคนนี้กำลังมีความสุขมากกับการเรียนเพื่อนใหม่ครูประจำชั้นใหม่ที่ดูใจดีฟ้าเป็นคนเพื่อนเยอะโซเชียลมีส่วนช่วยได้หน้าตาฟ้าจัดว่าหล่อมีแต่คนชอบ

ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวหวังว่าสักวันจะมีน้องชายมาเล่นกับเค้าบ้างการทำอะไรๆคนเดียวมันก็ดีอยู่แต่มันออกจะน่าเบื่อไปสักหน่อย

‘ถ้าเป็นน้องชายหล่อๆก็ดีจะได้โชว์คนอื่นได้’

ฟ้าเป็นคนมั่นใจในตัวเองมากคนอย่างเค้าที่ทำอะไรแล้วมักจะได้ดีกว่าคนอื่นเสมอชีวิตไปได้สวย

เย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียนตอนม.ต้น

ร้านขายข้าวที่ปกติจะเปิดทุกวันที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของฟ้านั้นมันดูผิดสังเกตหน้าร้านปิดเงียบชั้นล่างไม่เปิดไฟแขวนป้ายสีแดงซีดว่าปิด

พ่อไม่เคยจะปิดร้าน

“พ่อเกิดอะไรขึ้น”

พ่อก้มหน้าเงียบอยู่นาน

“แม่ประสบอุบัติเหตุ”

คนพ่อตอบไม่มองหน้า

“…แล้วเป็นไงมั่ง”

พ่อส่ายหัวเดินขึ้นห้องไปสภาพนั้นฟ้าไม่เคยเห็นพ่อเพิ่งจากห้าสิบแต่ท่าทางเดินเหมือนแก่กว่าอายุไปยี่สิบปีใบหน้าก้มมองพื้นตลอด

ภาพนั้นอยู่ในหัวของฟ้าตลอดช่วงชีวิตม.ต้น

นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ฟ้าได้สัมผัสถึงอารมณ์ของพ่อถึงฝีมือทำอาหารจะไม่ตกนั่นก็ไม่ได้แปลว่าพ่อครัวที่ปรุงมีความสุข

เสียงในห้องครัวที่เคยมีแม่ทะเลาะกับพ่อเป็นครั้งคราวเสียงจานชามเก๊งก๊างดูเหงาหงอยสภาพอย่างนี้แม้เสียงจานแตกจากฝีมือลูกจ้างชั่วคราวก็ยังดูน่าเศร้าซึมอยู่ดี

เมือฟ้าสอบติดมหาลัยใกล้บ้านมหาลัยมีชื่อที่สุดของไทยพ่อก็ไม่มีท่าทียินดีมากไปกว่าอาหารพิเศษมื้อเล็กๆของพ่อลูกสองคน

ฟ้าหวังว่าใครสักคนจะช่วยให้พ่อดีขึ้นได้

ช่วงปีหนึ่งปลายๆพ่อของฟ้าพาแม่ของปิมาให้รู้จักวันแรกที่เดินเข้าร้านมาพ่อดูเขินอายพ่อครัวคนเก่งคนนั้นกลับมาอีกครั้งใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มก่อนจะแนะนำแบบแปลกๆว่า

“นี่... เอ่อแฟนพ่อ”

มันผ่านไปเกืออบ 5  ปีแล้วฟ้าเองรู้สึกยินดีที่พ่อเริ่มต้นใหม่ได้ไม่ได้มีความรังเกียจผู้หญิงคนนั้นเลย

ผู้หญิงคนนั้นฟ้าเรียกว่าน้า

น้าเป็นคนดูมั่นใจในตัวเองเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งแต่งชุดในสูทสวยสีสดเข้ารูปมาคู่กับเด็กคนหนึ่งยืนหลบอยู่ข้างหลัง

น้าแนะนำลูกติดให้รู้จักเด็กมัธยมปลายตัวผอมสูงใส่แว่นหนาผมตรงดำรู้สึกสะดุดใจฟ้าเป็นอย่างมาก

“เรียกพี่ฟ้าสิลูก”

พ่อฟ้ากลับเป็นคนแนะนำแทน

“สวัสดีคะครับพี่ฟ้า”

หือเด็กคนนั้นพูดขัด

“น้องเค้าโดนเพื่อนแกล้งที่โรงเรียนมาหนักน่ะตอนนี้เลยไม่ค่อยแข็งแรงน้าขอ ...อย่าแกล้งน้องนะ”

และนั่นคืออารมณ์ของคนเป็นแม่ที่ต้องการปกป้องลูก

ประโยคนั้นดูน่าสงสารอยู่สักหน่อย

ตัวเด็กคนนั้นสั่นยืนด้วยตัวเองเหมือนจะยังไม่ไหว

“สวัสดีครับน้องชาย”

เสียงทักกลับฟังจริงใจที่สุดฟ้ารู้สึกถูกชะตา

“ผมไม่แกล้งหรอกดีซะอีกที่จะได้มีน้องชาย”

หลังจากนี้ฟ้าจะมีน้องชายให้ต้องดูแลแม้มันจะไม่ใช่อย่างที่ฝันแต่ปิเองดูไม่ได้เอาแต่ใจอะไร

น้าเล่าเรื่องของปิให้ฟังคร่าวๆเจ้าตัวไม่ยอมพูดอะไรนอกจากว่าไปเล่นกับเพื่อนแล้วเกิดจมน้ำกว่ารถพยาบาลจะมาถึงก็เหมือนๆจะสายเกินไปที่ยืนอยู่นี่ก็เรียกว่าเป็นปาฏิหารย์ได้แล้ว

ปิไม่สามารถติดต่อเพื่อนสมัยเรียนได้น้าห้ามไว้เด็ดขาด

‘คงจะลำบากสินะตัดขาดจากทุกคนหมดเลย’

คนเพื่อนเยอะอย่างฟ้าดูจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก

ฟ้ารู้สึกสงสารที่น้องชายน่ารักคนนี้ไม่มีเพื่อนแถมร่างกายยังอ่อนแออีก

เมื่อทั้งสองครอบครัวรวมกันเป็นหนึ่งกิจการที่ร้านก็ดูจะดีขึ้นมาฟ้าอาศัยการโปรโมทจากสื่อออนไลน์ลูกค้าแน่นร้านเกือบทั้งสัปดาห์

พ่อฟ้ามักจะลดราคาให้เด็กเสมอร้านนี้คนชอบพูดกันว่าราคาถูกแถมได้เยอะเสียงหัวเราะกลับมาเติมเต็มใจของฟ้าและพ่ออีกครั้ง

ทุกวันเสาร์พ่อกับน้าจะพาปิไปที่โรงพยาบาเพื่อตรวจสุขภาพพร้อมทำกายภาพไปด้วยช่วงนี้ฟ้าจะเฝ้าร้านเองเสาร์อาทิตย์เป็นช่วงที่คนมาเรียนน้อยคนทำอาหารไม่อยู่คงไม่เป็นไร

สภาพของปิค่อยๆดีขึ้นจากวันแรกที่มาส่วนนึงเพราะฟ้าเอาใจเด็กคนนั้นเป็นอย่างดี

หลายเดือนก่อนหน้าวันโลกมืด

“พี่ฟ้า... พี่ฟ้า...”

เค้ามักจะเรียกฟ้าให้ช่วยทำนั่นนี่เสมอฟ้าดีใจที่มีน้องชายขี้อ้อน

กว่าจะทำให้ปิไว้ใจฟ้าได้ก็ใช้เวลานานอยู่มาแรกๆเด็กน้อยคนนี้พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเองสภาพน่าสมเพชแขนขาสั่นดูเหมือนคนไม่มีแม้แต่แรงจะยืน

การเดินเหินไม่สะดวกเวลาอาบน้ำจะนานเป็นพิเศษแม้กระทั่งเดินเข้าห้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าปิยังจะดูช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ผ้าเช็ดตัวพันไว้รอบเอวกันโป๊มันดูเกะกะปิต้องค่อยๆก้มดึงกางเกงขึ้นมาใส่ช้าๆก่อนจะไปใส่เสื้อ

ฟ้าเคยพยายามเข้าไปช่วยหลายครั้ง...

‘ปิให้พี่ช่วยมั้ย’

‘อะไม่เป็นไรครับปิปิทำเองได้’

สภาพงกเงิ่นยังเป็นต่อไป

‘ทำไมถึงไม่ให้คนช่วยละ’

น้องชายนิ่งไม่ตอบ

‘ปิให้คนอื่นช่วยมาเยอะแล้วถ้าไม่หัดทำไรเองบ้างต่อไปใครจะมาค่อยช่วยละ’

ฟ้าสังเกตว่าคำพูดนี้ดูมีความหมายแฝงอยู่

ในเมื่อน้องชายยังไม่ยอมรับก็คงได้แต่ต้องปล่อยไว้แต่อย่างนั้นฟ้าก็จะเข้าไปดูแลห่างๆบ่อยไปที่จะหอบหิ้วขนมเกมส์ใหม่ๆมาฝากอะไรที่ปิอยากได้ฟ้าก็อยากจะทำให้ถ้าทำได้

เพื่อครอบครัวนี้จะได้มีความสุข

ฤดูฝนตอนฟ้าขึ้นปี 3

“พี่วันนี้ผมไม่สบายอะขอนอนก่อนะเล่นเกมด้วยไม่ได้ขอโทษนะ”

ปิพูดขึ้นมาในวันที่พี่น้องกำลังแข่งเล่นเกมออนไลน์

“เอ้ยไหวมั้ยเนี่ย”

“นิดนึงอะพี่ปิขอโทษนะ”

“เฮ้ยไม่สบายก็ไปนอนไม่เป็นไรหรอก”

ฟ้าปิดเกมทันที

ฟ้าในบอกเซอร์สั้นตัวเดียวนั่งอยู่บนเตียงห้องนี้ถูกแบ่งกันนอนเตียงเล็กอีกเตียงวางอยู่อีกฝากของห้องทีวีจากเดิมที่มีไว้ประดับเฉยๆถูกใช้งานทุกวัน

ปิติดเกมมาก

บางครั้งฟ้าชอบที่จะปล่อยให้ปินั่งเล่นเกมบนห้องช่วงที่เฝ้าร้านด้วยสุขภาพแบบนี้คงจะยังไปเข้าเรียนมหาลัยไม่ได้

ต้องมีคนคอยตามดูตลอด

“เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้นะ”

ปิล้มตัวลงไปนอนบนเตียงผ้าปูที่นอนสีฟ้าอ่อนยับยวบตามร่างนั้น

“หนาวไปมั้ย”

ปิส่ายหัวเหมือนเด็กน้อยๆดูเหมือนจะหลับไปแล้ว

ตัวของปิเริ่มมีเนื้อมากกว่าตอนแรกที่มาผ้าชุบน้ำกำลังลูบไปตามตัวต้องสะดุดลงเมื่อมือของปิคว้าเอามือฟ้าเข้าไปกอดฟ้าจึงเดินอ้อมไปอีกฝากของเตียงโดดลงบนที่นอนหันหน้าเข้าหาปิหน้าซีดของปิหลับตาแน่นท่าทางจะไข้ขึ้นด้วยอะไรสักอย่างฟ้ากดหน้าพร้อมแว่นเข้าหาหน้าอกตัวเอง

“นอนแว่นก็ไม่ถอด”

นี่เด็กม.ปลายจริงเหรอเนี่ย

เสียงปิหัวเราะ

“แกล้งหลับเหรอ”

“ป่าวนะ”

ปิกอดพี่ฟ้าแน่น

“ปิเล่าให้ฟังหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น”

“…สมัยเรียนปิชอบโดนแกล้งน่ะพี่เพื่อนสนิทต้องคอยมาตามช่วยเหลือตลอดแต่แย่เนอะถึงอย่างนั้นเค้าก็ไม่สามารถช่วยได้ตลอดปิพยายามทำตัวเข้มแข็งเพื่อสักวันนึงจะได้ยืนอยู่เคียงข้างเค้าได้... ดูเหมือนปิจะฝืนไปซะหน่อย”

เล่าถึงตรงนี้ปิเสียงสั่น

“แล้วคนนั้นไปอยู่ไหนแล้วละ”

“แม่โกรธมากอะหลังจากลาออกแล้วก็ให้เลิกติดต่อทุกคนโทรศัพท์ปิจมลงไปในน้ำมันเสียน่ะแล้วโซเชียลอะไรแม่ก็ลบทิ้งหมด”

ฟ้านอนลูบหัวปิชีวิตของเด็กคนนี้ต่างกับฟ้าโดยสิ้นเชิง

“ปิให้พี่ช่วยคุยให้มั้ย”

เด็กน้อยส่ายหัว

“ไม่เป็นไรแล้วปิแข็งแรงขึ้นแล้วสักวันนึงก็คงได้เจอพวกนั้นเองน่ะแหละสักวันน่ะนะเหมือนเล่นเกมเดี๋ยวเพื่อนในปาร์ตี้ก็แยกไปแล้วก็กลับมาเจอกันใหม่ยังไงละพี่”

นั่นยังจะโยงเข้าเกมอีกจนได้

สายตาของปิดูแน่วแน่คงจะตั้งใจจริงแล้วสินะถึงสภาพร่างกายจะเป็นแบบนี้ปิก็ไม่เคยร้องขออะไรจากใครพยายามยืนด้วยตัวเองมาตลอด

ฟ้าประคองปิมากอดแน่น

สัญญากับตัวเองว่าจะดูแลคนๆนี้ต่อไปอยากเห็นวันที่เค้ามีความสุข

“ปิก็มีพี่ไง”

“นั่นสิคำพูดนี้คุ้นๆนะ”

มันจะลำบากขนาดไหนกันนะ

“นี่ ...อะไรทิ่มขาพี่น่ะ”

“เปล่านะ”

ปิรีบขยับออก

“แน่ะทำให้มั้ยพี่น้องกันไม่ต้องอายหรอก”

“บ้าเหรอไอ้พี่บ้าปิจะนอน”

ปิทำท่าจะหันตัวหนี

“โหขนาดไม่ใช่ย่อยเลยนะ”

ฟ้าเอื้อมมือล้วงเข้าไปคว้าเอาของบางอย่างในกางเกงปิ

“ของพี่ฟ้าก็พอกันแหละ”

ปิล้วงกลับจากด้านหน้า

“เหรอ”

ฟ้ารูดขึ้นลงรัวๆ

“พี่ฟ้าพอปิไม่สบายนะ”

“โอ๋ๆไม่แกล้งละๆมาๆนอนกอดพี่ไว้จะได้อุ่นๆ”

“งั้นก็อย่าเอาของพี่มาทิ่มปิได้แล้ว ... ไว้ ... ไว้ปิหายแล้วค่อยทำกันก็ได้”

ฟ้าเริ่มรู้ตัววันนั้นเองว่าน้องชายคนนี้กำลังจะไม่ได้อยู่ในสถานะน้องชายอีกต่อไปอย่างน้อยก็ความรู้สึกที่ฟ้ามีให้

มันเริ่มก่อตัวจากคืนนั้น

ปิเองก็ดูเหมือนจะรู้ตัวแต่ไม่กล้าทำอะไรไปเกินเลยนานๆทีจะมีอาบน้ำด้วยกันทีสักหนหนึ่งข้ออ้างประจำของฟ้าคือกลัวปิจะล้มฟาดไป

เป็นอย่างนี้อีกหลายครั้งจนปิเริ่มปล่อยให้ฟ้าทำอะไรก็ได้ที่อยากทำมันลุกลามไปมากกว่าพี่กับน้องฟ้าช่วยปิทุกเรื่องแม้แต่เรื่องอย่างว่า

ฟ้าเริ่มสร้างนิสัยตามใจเด็กคนนี้แล้วอยากได้อะไรแค่ให้ปิขอ

จนเมื่อขึ้นปี3

อาการของปิดีขึ้นมากดีจนพาออกไปไหนได้ปิสามารถซ้อนท้ายจักรยานยนต์คันใหญ่สีแดงของฟ้าได้แล้วคิดในใจว่าสักวันนึงจะพามาอวดเพื่อนที่คณะ

ในที่สุดก็มีน้องชาย

คืนก่อนโลกดับฟ้าจำคำพูดสุดท้ายของพ่อกับน้าได้ดี

“ฟ้าน้าขอฝากปิไว้ก่อนนะ”

“พ่อจะไปเที่ยวใกล้ๆแถวนี้น่ะเดี๋ยวซื้อของมาฝาก”

เรื่องนี้ออกจะแปลกใจฟ้าอยู่ไม่เคยเห็นพ่อทิ้งร้านไปไหนมาก่อนนอกจากจะมีธุระจำเป็นนี่จะไปเดทกับน้าเหรอ

“เที่ยวให้สนุกเหอะพ่อแต่ผมไม่เอาน้องอีกคนนะเด็กๆไม่ไหวถ้าโตแล้วยังพอไหวหน่อย”

“นี่ฟ้าก็พูดไป”

เสียงหัวเราะดังพ่อรู้ว่าฟ้าไม่ใช่คนที่พูดจาแบบนี้นอกจากจะพูดเล่น

“ตอนนี้ปิอยู่ที่โรงพยาบาลตรงสายสี่น่ะน้าฝากพยาบาลไว้ยังไงไปรับด้วยนะอ้ออย่าให้น้องเล่นเกมมากไปนะเรานี่ก็เอานิสัยติดเกมมาด้วยแล้วสินั่งแท๊กซี่ไปนะระวังน้องจะเปียกฝน”

ฟ้าได้แต่หัวเราะแฮะๆผลการเรียนของฟ้ายังไม่ตกแต่ก็ติดเกมตามมันไปแล้วจริงๆนั่นแหละ

ปิจะตรวจครั้งใหญ่ประจำปีจึงต้องไปนอนค้างที่นั่นฟ้าอยากจะตามไปด้วยแต่ปิห้ามไว้

“พี่จะมาทำไมโรงพยาบาลมันสกปรกเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

คืนก่อนไปโรงพยาบาลปิห้ามไว้ตอนนี้เตียงสองเตียงถูกลากมาชิดติดกัน

“อ้าวแล้วใครจะคอยดูแลเราละ”

“นี่ผมดีขึ้นมากแล้วนะ”

“ตรงไหนเหรอตรงนั้นไม่เห็นจะใหญ่ขึ้นเลย”

“ทะลึ่งฟ้องแม่ด้วย”

“โตแล้วยังขี้ฟ้องอีกไม่อยากลองทำบนเตียงโรงพยาบาลเหรอมันน่าจะได้อีกฟีลน้า”

ฟ้าแกล้งแหย่

“นี่”

นั่นไงมันตื่นละนี่

“มาแอบจับไรเนี่ยของพี่ฟ้านั่นแหละทะลุกางเกงออกมาแล้ว”

“เกิดพ่อกับแม่รู้เข้าจะว่าอะไรมั้ย”

“ไม่รู้สิถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน”

“พี่ฟ้าจะหายไปไหนมั้ยอะ”

ฟ้านอนมองหน้าปิ

“ถามแปลกไม่หายหรอก”

ฟ้าเอามือขยี้เแก้มนุ่มเล่น

น้องชายนอนกอดกับพี่แน่น

“ไม่รู้สิวันนั้นค่อยว่ากันเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปรับนะ”

ปิก้มพยักหน้าให้

ฟ้าหอมแก้มนุ่มๆทีหนึ่งก่อนส่งปิให้ไปกับน้า

เช้านี้ฟ้ากำลังแต่งตัวจะออกไปรับปิมอเตอร์ไซค์สีแดงที่น้าซื้อให้จอดใหม่เอี่ยมรออยู่ด้านนอกแรกๆน้าก็จะให้เลือกเป็นรถแต่ฟ้ายืนยันว่ามันแพงไปฟ้านึกถึงวันที่เถียงกันเรื่องซื้อรถ



“มันไม่เท่”

“เผื่อน้าจะให้ไปรับปิไง”

“ปิชอบคันนี้แหละแม่ปิเองก็อยากได้”

ปิรีบเสนอหน้า

“เราน่ะเงียบไปเลยจะไปนั่งยังไง”

แม่เอ็ด

“ฟ้าแล้วน้องละจะดูแลยังไง”

“ปินั่งได้พ่อไม่เป็นไรหรอกเอาที่ฟ้าอยากได้เหอะ”

ในเมื่อเด็กสองคนพูดกันขนาดนี้พ่อแม่ก็จนใจ

ปิยักคิ้วให้

“เดี๋ยวคืนนี้ให้รางวัลนะ”

ฟ้าแอบกระซิบ



ฟ้าไขกุญแจบิดรถเสียงเครื่องดังกระหึ่มถ้าไม่รีบไปแล้วฝนตกก่อนละโดนเอ็ดแน่แอบเอามอเตอร์ไซค์ไปรับจะเป็นอะไรมั้ย

‘อยากให้ปิได้นั่งซ้อนรับลมกลับมานานๆทำยังงี้ทีมันน่าจะชอบ’

“ฟ้าๆดูนี่เร็ว”

ทีวีกำลังฉายภาพเครื่องบินบินวนอยู่เหนือหัวข่าวรายงานดูกลัวมีบางลำตกไปแล้วจากน้ำมันหมดกลางเมืองกรุงเทพตอนนี้กำลังอยู่ในภาวะตื่นตระหนกเครื่องบินลำหนึ่งเพิ่งตกลงไปแถวห้างใหญ่

“พ่อน้า”

รายชื่อเครื่องบินที่เข้าข่ายว่าจะประสบปัญหายังไม่ขึ้นชื่อแต่เกือบทุกลำที่บินอยู่ตอนนี้น่าจะได้รับผลหมด

พ่อเข้าไปในเมือง..

สถานที่พ่อไปมันอยู่แถวนั้นฟ้าตั้งใจว่าจะไปรอเจอพ่อแล้วกินข้าวเย็นแถวนั้น

ข่าวรายงานต่อไปว่าทวีปยุโรปเกิดไฟดับยาวทั่วตลอดทั้งประเทศตั้งแต่เมื่อวานคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเดียวกันครั้งนี้ยกระดับเป็นการเตือนการก่อนการร้ายแล้ว

ตามมาด้วยรายงานเรื่องไวรัสที่ปิดระบบสื่อสารระบบควบคุมอะไรทุกอย่างที่เป็นการทำงานออนไลน์ทั้งหมดรวมถึงคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อด้วยไทยเองคงจะได้รับผลกระทบเร็วๆนี้

“ฝากร้านด้วยนะ”

ฟ้ารีบบิดไปโรงพยาบาลแย่ละถ้าเป็นอย่างนั้นระบบการจราจรบ้านเราละ

ไฟแดงสว่างโร่อยู่ตรงหน้า

ฟ้ากดมือถือจะโทรตามปิ

…ไม่มีสัญญาณระบบถูกตัดไปแล้ว

ฟ้าเร่งความเร็วรถวิ่งฝ่าสัญญาณไฟอันตรายไปเลยแยกนี้ก็ไม่มีไฟแดงแล้ว

ตึกโรงพยาบาลเตี้ยๆโผล่ขึ้นมาแถวนี้ไม่มีตึกสูงแค่สองชั้นก็มองเห็นได้จากระยะไกลแล้วโรงพยาบาลเป็นทรงยาวส่วนกายภาพบำบัดอยู่ปลายสุดของปีกซ้าย

ความวุ่นวายเล็กๆเริ่มก่อตัว

คนที่มาเยี่ยมกึ่งเดินกึ่งวิ่งแปลว่ารับรู้ข่าวแล้วหลายคนมีท่าทีไม่สบายใจและอีกหลายคนที่พยายามเดินหาสัญญาณมือถือยื่นโทรศัพท์ขึ้นไปบนฟ้าหาสัญญาณ

เสียงรถหวอดังวิ่งเป็นแถวออกจากเนินทางขึ้นชั้นใต้ดิน

เริ่มย้ายผู้ป่วยแล้วสินะจะย้ายไปไหนละ

อากาศร้อนอบอ้าวผิวฟ้าโดดแดดเผายืนงงอยู่

“ทำไงดีวะ”

เสียงแหวกอากาศดังฟ้ารีบก้มตัวลงเงยหน้าขึ้นไปมองเห็นเครื่องบินกำลังร่อนลงต่ำเฉียดเหนือโรงพยาบาลไปนิดเดียวแล้วไถลออกไปตามถนนเส้นตรงยาวนี้

“จอดฉุกเฉินเหรอ”

ดูไม่ดีเลย

ฟ้าบุกเข้าไปในฝั่งกายภาพ

“น่าจะอยู่ห้องพักฟื้น”

คนที่รู้ข่าวแล้วแตกตื่นหมอเองวิ่งวนไปมาคอยตอบคำถามผู้ป่วยและญาติคนไข้สีหน้ากังวลของหมอดูแล้วเรื่องนี้ยังไม่มีทางออก

จนเสียงประกาศดังๆออกทางลำโพงใหญ่มุมตึก

“อยู่ในความสงบก่อนนะคะเหตุที่เกิดเกิดในยุโรปและอเมริกาเมื่อวานไม่น่าจะลามมาถึงไทยโรงพยาบาลมีการฝฝึกรับมือฉุกเฉินสามารถรองรับผู้ป่วยโดยไม่มีไฟฟ้าได้หนึ่ง....”

สัญญาณขาดหาย

ไวรัสที่ออกข่าวมันแพร่ไปตามอินเตอร์เนทถึงไทยจะโดนหลังสุดตอนนี้น่าจะมาถึงแล้ว

คนประกาศพยายามทวนอีกรอบเสียงซ่าเข้าแทรก

แกรกกวี้...

ทุกคนในโรงพยาบาลเงียบ

วูบ

ไฟดับ

เสียงกรีดร้องดังขึ้น

มันสายไปแล้วที่หมอกับพยาบาลจะพยายามห้ามไม่ให้คนตื่นตระหนก

“ปิปิ”

ฟ้าตะโกนหา

ก่อนจะเจอเข้ากับหน้าใสๆนอนหลับอยู่บนเตียงที่ในห้องกายภาพกว่าจะปลุกให้รู้สึกตัวขึ้นมาได้

“พี่ฟ้าเกิดไรขึ้น”

“ค่อยเล่าให้ฟังตามมา”

ฟ้าดึงตัวปิแต่ไม่สามารถวิ่งเร็วได้อีกฝ่ายพยายามอย่างที่สุดเพื่อจะตามให้ทัน

คนวิ่งเข้าออกสวนกันไปมามันวุ่นวายหนักขึ้นกว่าเมื่อครู่เมื่อมีคนเริ่มคนอื่นก็ตามมาสติเป็นของราคาแพงในเวลานี้และน้อยคนที่ครอบครองมัน

“พี่ฟ้ารถ...”

“พี่ขี่มอไซค์มาปิไหวมั้ย”

น้องชายพยักหน้า

“ปินั่งหน้าเดี๋ยวพี่ซ้อนหลัง”

ปิทำตามโดยดีมือยาวๆอ้อมไปจับพวกมาลัย

“พี่ฟ้าขี่ถนัดมั้ย”

“พอได้”

ฟ้าต้องขี่มอไซค์โดยมีปิซ้อนหน้าไปด้วยมันยากถ้าเป็นเด็กก็ว่าไปอย่างนี่โตพอจะเข้ามหาลัยได้แล้ว

มอไซค์บิดเสียงดังขับไม่เร็วมากออกไปตามถนน

บ่ายแก่แล้ว

ถนนดูโกลาหลมอเตอร์ไซค์ฟ้าวิ่งขึ้นไปบนฟุตบาทเลี่ยงเส้นทางหลักหาทางมุดเข้าออกซอยวิ่งอ้อมไปเสียงไซเรนดังไปทั่วคนเริ่มออกมามุงกันบนถนน

“ปิไหวมั้ย”

“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

รถใหญ่วิ่งเสยขึ้นบนฟุตบาทอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว

“แม่งเอ๊ย”

มืดแล้วไฟข้างถนนไม่ติดไม่มีหลอดไฟไหนเลยที่ปล่อยแสงสว่างออกมาแสงสุดท้ายอยู่ไกลลิบพระอาทิตย์กำลังตกอย่างสมบูรณ์

ทุกอย่างดูมืดเงียบเสียงนกร้องผ่านหัวไปตามมาด้วยเสียงกรี๊ดของผู้หญิงรถหลายคันยื้อแย่งทางไปกันอยู่ตรงสี่แยกทุกคันเปิดไฟหน้า

ไฟที่สาดเข้าหากันมันทำให้มองไม่เห็นบนถนนเป็นอัมพาตแน่นอน

เสียงปืนดัง

ฟ้าตัดสินใจหลบขึ้นไปบนฟุตบาทถึงบ้านจะอยู่ไม่ไกลแต่ตอนนี้ดูแล้วคงไปต่อไม่ได้หันซ้ายไปเห็นตึกถูกทิ้งร้างครั้งเมื่อสะพานลอยข้ามแยกถูกสร้างตัดหน้าบ้านทำเลเริ่มไม่ดีบ้านทั้งหลังมืดฟ้าเปิดไฟจากมือถือพาปิขึ้นไปชั้นสองมันดูสกปรกเต็มไปด้วยฝุ่น

น่าจะถูกทิ้งร้างมาหลายปี

ประตูออกไปดาดฟ้าเปิดอยู่

“ปิไปบนดาดฟ้ากัน”

ฟ้าคิดว่าถ้าอยู่ชั้นสูงๆเกิดอะไรขึ้นจะได้มองเห็นได้ก่อน

เสียงปืนดังขึ้นอีกนัดตอนนี้บนถนนคนวิ่งหนีเกิดเป็นเงาดำวูบตัดไฟหน้ารถไปมาผู้คนเริ่มสับสนมีการยิงกันเกิดขึ้นเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ

เสียงคนตะโกนว่ามีคนยิงกันตาย

“บ้าไรกันวะ”

“พี่ฟ้า ...พ่อกับแม่ละ”

“ไม่รู้”

ฟ้าอุ้มปิไปไว้ข้างหน้าก่อนจะพิงหลังเข้ากับกำแพงที่ก่อเป็นทางขึ้นดาดฟ้าบ้านแบบโบราณมันทำเป็นช่องขนาดใหญ่สี่เหลี่ยมที่ไม่สามารถพบเห็นได้บ่อยนัก

ประตูอยู่เปิดอยู่ฟ้ารีบดันปิดหลบไปทางด้านหลัง

มือหนึ่งกอดปิไว้แนบอกอีกข้างก็กุมมือปิเอาไว้ด้วย

ฟ้านั่งเหยียดขามีปิไว้ในอ้อมกอด

น้องชายตัวสั่นฝนเริ่มปรอยลงมา

“ปิไม่เป็นไรนะพี่อยู่นี่แล้ว”

ปิไม่ชอบน้ำยิ่งในที่มืดๆแบบนี้

“ไม่เป็นไรนะพี่อยู่นี่แล้วพี่จะไม่ยอมให้ปิเป็นอะไรแน่ๆปิ... พี่ชอบเรานะพี่ไม่ทิ้งเราไปไหนแน่”

ฟ้าตัดสินใจจะบอกก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีก

“…ปิก็ชอบพี่ฟ้านะ”

แสงสุดท้ายที่ปลายฟ้าก็ดับวูบไป

ฝนตกทั้งคืนร่างกายฉ่ำด้วยละอองฝนถึงไอ้ก้อนสี่เหลี่ยมที่เป็นทางขึ้นจะพอช่วยบังสายฝนได้บ้างละอองน้ำปลิวลิ่วลงมาไม่ขาดสาย

ฟ้าขยับตัวปิเข้ามาซุกอยู่กับตัวพยายามยกตัวไว้บังปิให้รอดจากเม็ดฝนให้ได้มากที่สุด

“…ปิกลัว”

“ไม่เป็นไรพี่อยู่นี่แล้ว”

“ถ้าพ่อกับแม่ไม่กลับมาละ”

น้องชายตัวสั่น

ฟ้าหยุดอารมณ์กลัวน้องด้วยริมฝีปากมันได้ผลปิตกใจนิดหน่อย

“พี่สัญญาพี่จะไม่ให้ปิเป็นอะไรอีกพี่สัญญา”

เมือฟ้าเห็นสภาพปิเป็นอย่างนี้สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคงจะหนักกว่าที่เค้าเล่าให้ฟังโทรศัพท์มือถือพังไปซะก็ดียังไงน้าก็ไม่ให้ปิใช้เด็ดขาดเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่ทำให้ปิเป็นอย่างนี้ก็ควรจะหายไปให้หมด

…ตอนนี้ไม่ต้องห้ามก็คงไม่สามารถติดต่อกันได้อีกแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ doppelganger

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 20

ไฟจากรถสีแดงวิ่งหึ่งไปบนถนน มุ่งหน้าออกนอกเมือง ทุกอย่างดูน่ากลัวท่ามกลางความมืด บนสะพานข้ามฝั่งซ้ายมือ คือเป็นจุวดชมวิวอันสวยงาม เวิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไกลสุดโค้งจะมีชิงช้าสวรรค์ ตอนนี้มองไปอยู่อย่างดำมืด

ดวงไฟสว่างเป็นจุดเล็กกระจายคล้ายหิ่งห้อย เล็กและริบหรี่

ทางลงสะพานเป็นโค้งพี่ฟ้าไม่แม้แต่จะเบรค กันต์ไม่อยากเข้าใกล้มาก แต่ความเร็วเท่านี้ไม่มีทางเลือกเลยนอกจากจะต้องกอดเอแน่น

ถนนโล่ง เวลาเข้าโค้งแต่ละทีแรงเหวี่ยงทำเอาร่างเล็กๆของกันต์เกือบจะปลิวออก

“พี่ฟ้า ช้าๆหน่อยก็ได้”

“รีบไปหาแฟนไม่ใช่เหรอ”

“…”

ถึงกันต์ตั้งใจจะบอก แต่ก็ไม่ได้บอกไปตรงๆ พี่ฟ้ารู้ได้ยังไง

“พี่ไม่พาเราไปฆ่าหรอก”

กันต์คิดในใจว่า พี่เค้าหมายถึงว่า ยังไม่ใช่ตอนนี้ไปด้วย

พี่ฟ้าเป็นอะไรกันแน่

คอนโดซียืนทื่ออยู่มุมสี่แยกใหญ่ของเขต 5 ตึกไฟติดเป็นบางห้อง ที่ชั้น 6 ไฟเปิดอยู่

เสียงเบรคเอี๊ยดทำเอากันต์ตัวทิ่มไปข้างหน้า ด้วยความเร็วที่พี่ฟ้าขับมา มันน่าจะไม่ถึงสิบนาทีดี สำหรับกันต์มันนานแสนนาน

“กันต์คราวหน้าไปหาเพื่อนพี่กันมั้ย พวกเค้าคิดถึงนะ”

“ผมจะลองถามซีดูก่อนนะ”

คำตอบเลี่ยง อยากจะวิ่งกลับขึ้นคอนโด หายวับไปเดี๋ยวนี้

“บอกซีตามไปด้วยก็ได้นะ พี่อยากให้ไป”

“กี่โมงอะพี่”

พอบอกว่าซีไปด้วยได้ กันต์รู้สึกอุ่นใจขึ้นหน่อย

“สักห้าโมง เดี๋ยวพี่มารับ”

เสียงมอเตอร์ไซค์เร่งเครื่องดัง

“น่าๆ ครั้งสุดท้ายละ พี่อยากเจอกันอีกครั้งนะ เพราะถ้าไม่มาพี่ก็อาจจะหาทางทำให้กันต์ต้องไปอยู่ดี”

พี่ฟ้ายิ้ม รอยยิ้มแบบเดิมกับที่กันต์เคยกลัว

ก็ได้...​ถือว่าครั้งนี้แล้วจบกัน

ถือว่าใช้หนี้แล้วกัน อยากเสือกไปรู้จักคนแบบนี้เอง ไอ้ซีก็ด่าแล้วว่ายุคนี้ไม่น่าไว้ใจใคร ดันเสร่อโง่เองนี่

เดี๋ยวขึ้นไปมันต้องด่าอีกแน่

กันต์เดินหมดแรงขึ้นบันไดไป วันนั้นกันต์ก็ยืนเกาะประตูเหล็กของบันไดหนีไฟอยู่ชั้นล่าง ตัวเปียกปอน ไอ้ซีเห็นสภาพนั้นเข้ามาคงทุเรศน่าดู

วันนั้นกันต์เผลอทำตามหัวใจตัวเองลงไป

…มันส่งผลมาถึงวันนี้

ซีจากเพื่อนขยับเลื่อนกลายเป็นแฟน

พี่ฟ้าจากคนที่กันต์เคยคิดว่าน่าจะเป็นแฟน กลายเป็นคนน่ากลัว

เรื่องราวมันกลับกันไปหมด แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พี่ฟ้าคงต้องจบ หวังว่าจะไม่ได้เจอกันอีก ครั้งหน้าคือครั้งสุดท้าย

กันต์พาตัวเองมาอยู่หน้าห้องตอนไหนไม่รู้ ร่างกายรู้สึกหนักอึ้ง

“ซี กลับมาแล้ว”

คนพูดพยายามทำตัวปกติ

“ไง กลับมาแล้วเหรอ”

“มีแขกมาเหรอ”

“อ้อ เต้ กับ ต๊ะน่ะ”

ซีกำลังยกแก้วเหล้าไปเก็บ สุดท้ายซีก็ต้องเดินลงไปซื้อเบียร์มาเลี้ยงพวกมันจนได้ ทุกอย่างแพงไปหมดในยุคนี้ ราคาพุ่งไปเกือบเท่าตัว ไหนจะภาษีบ้าที่รัฐบาลกำลังขึ้นอีก

กันต์ทิ้งตัวลงบนโซฟา

“อ้าว ไหนบอกไปเคลียร์กับแฟนเก่าไง ทำไมกลับมาหมดแรง อย่าบอกนะว่า...”

“เปล่า จะบ้าเหรอ”

กันต์รู้ทันว่าซีหมายถึงเรื่องอะไร

“แล้วเป็นไงมั่งละ”

“ก็โอเคอะ เค้าก็..​ดูเข้าใจดีอะนะ”

“ยังงั้นเหรอ”

ซีดูไม่เชื่อ

“ก็ยังงั้นแหละ”

กันต์ถอนหายใจ ถึงจะไม่ได้บอกไปตรงๆ ก็ใกล้เคียงอะนะ กันต์มีแฟนแล้ว เค้าคงไม่มายุ่งอีก

“บอกแล้ว อย่าไปยุ่งกับคนแปลกหน้า”

“ก็…”

“ก็ไร”

กันต์ไม่ตอบ

“กันต์ชอบเราจริงเหรอ”

เฮ้อ กันต์เหนื่อยเกินกว่าจะตอบ

“จริง”

แม่จะเป็นอย่างไรบ้างนะ

“ซีว่า โลกนี้จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย”

“ไม่รู้สิ”

คงไม่มีโอกาสได้กลับไปเจออีกแล้ว

“ซีพ่อแม่นายไปไหนละ”

“เราไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ... เค้าอยู่บนเครื่องบินตอนที่เกิดเรื่องน่ะ”

กันต์หันไปมอง

“ทำไมไม่บอกเราก่อน”

“ก็บอกไปนายก็เครียดเปล่าๆ”

ซีดูตกใจที่เห็นกันต์ร้องไห้

มันเป็นความรู้สึกอึดอัดที่สะสมกันเอาไว้ แม่กลับไปหาพ่อ ที่ไม่รู้ใช่พ่อรึเปล่า กันต์หนีออกมา ติดแหงกอยู่กับซี ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่... กันไม่อยากอยู่กับมันในสถานะนี้ กันต์อยากจะยืนอยู่เคียงข้างและเท่าเทียมกันกว่านี้

พี่ฟ้ากันต์คิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็นเพื่อนใหม่ได้ กลายเป็นอย่างนี้ไป เพื่อนพี่ฟ้าก็คงหมดสิทธิ์จะทำความรู้จักกันอีก สอบเข้าก็ไม่รู้ว่าจะได้มั้ย กันต์กลายเป็นคนตัวคนเดียวบนโลกนี้โดยสมบูรณ์แบบ

“มองแง่ดีดิ อย่างร้อนคลิปนายก็หายไปนะ”

“ซี... นายรู้เรื่องคลิปด้วยเหรอ”

“เอ่อ.... ก็เห็นเค้าส่งต่อกันน่ะ”

“แล้วนายไม่.. รังเกียจเราเหรอ”

นี่คืออีกเรื่องที่กันต์ลืมไปแล้ว

“ทำไมละ”

กันต์ไม่ตอบ ก่อนจะโผเข้าไปหา

“โอ๋ๆ”

“กูไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

จูบเบาๆช่วยกันต์จากอารมณ์สะอื้น คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้คือทุกอย่าง ผู้สูญเสียสองคนมาอยู่ร่วมกันในห้องเล็กๆ จูบนั้นเย้ายวน เนิ่นนาน เสียงปากประกบกันไม่มีทีท่าว่าจะยอมใคร

ประตูห้องเปิดกว้างก่อนที่ซีจะเดินไปเอาขาเตะเหวี่ยงประตูปิดดังปัง

เสื้อขาวถูกกระชากออก โยนแหมะลงกองกับพื้น เหลือเพียงบอกเซอร์บางสีฟ้า บางส่วนทิ่มแทงออกมาตรงหน้า

กันต์เอามือจะไปดึงกางเกงลง

“เดี๋ยวอย่าเพิ่ง”

ซีปะพรมจูบทั่วร่างกันต์ เสื้อผ้าของกันต์ค่อยๆหายไปทีละชิ้น

เสื้อเชิ๊ตอยู่หัวขอบโซฟา ลายสกอตสีเหลืองสดถูกเหวี่ยงอย่างไม่ไยดี

กางเกงตัวใหม่ถลกลงไปกองข้อเท้า ซีกำลังมุดหัวลงเล่นไปมาอยู่หว่างขา กันต์แทบจะสรรหาคำออกมาร้องไม่ถูก

อา อูย

มันทั้งเหนียวและลื่น แต่ซีมันรังเกียจดูดดุลกลืนเข้าไปหมด

คราวนี้ซีถอดบอกเซอร์ ชิ้นสุดท้ายที่เปลี่ยนคำให้กลายเป็น เปลือย

กันต์ไม่รอช้า ทำตามอย่างที่ซีทำ

รู้สึกอุ่น แท่งเต้นตุบๆอยู่ในปาก ซีกำลังต้องการเป็นอย่างมาก

ซียกขาขึ้นหยียบบนโซฟาข้างหนึ่ง แอ่นของตรงหน้าพุ่งเข้าหา มันอยู่ตรงหน้านี้แล้ว กันต์เห็นทุกอย่างชัดเจน ของสวยตรงที่กันต์ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ทำอย่างนี้

เสียงซีคราง ตามมาด้วยเสียงโซฟาดังยวบ เสียงหนังของโซฟาหนังวัวเบียดกัน เบากว่าเสียงกระแทกกันทั้นของเนื้อคนสองคน

ผิวขาวใสบิดเร้าไปมา ผลิกขยับขึ้นลง

ทุกส่วนของร่างกายกันและกันกลายเป็นของเล่น เอาไว้จับดูดเค้น ยิ่งเสียงร้องดังเท่าไรอีกฝ่ายยิ่งชอบใจ

กันต์ลุกขึ้นทิ้งตัวแรงๆลงบนพื้นห้อง ยกสองขาขึ้นสูง

“เข้ามาสิ”

กันต์เชิญชวน ท่านอนแบบนี้ สีหน้ากันต์ที่แลบลิ้นเลียริมฝีปากปากแดงเปรอะเปื้อนน้ำกำลังไหลย้อยไปตามตัว นิ้วแหย่เปิดทาง

ซีตาโต ส่วนนั้นผงกหงึกปล่อยน้ำใสหยดลงเป็นทาง

เจลหล่อลื่นถูกทาทั่ว ปลายสีแดงสดทุกครั้งที่เจลถูกทาผ่าน ตัวซีจะกระตุก

กันต์ลุกมานั่งหันหลังแอ่นก้นให้

“พร้อมยัง”

ซีค่อยๆกดเข้าไปช้า ทีละนิด

อูย สองคนร้องพร้อมกัน

“สุดแล้ว”

ซีแช่ทิ้งไว้ แต่กันต์ไม่รีรอ โยกตัวเองเข้าออก เสียงเนื้อกระแทกกันดังลั่นผสมเสียงเจล ซีครางออกมาไม่หยุด

“กันต์?”

อีกฝ่ายนิ่งไป ถึงจะอยู่ท่าเดิม แต่ตัวสั่น

“เจ็บเหรอ”

ไม่มีคำตอบ

ในห้องมืดสนิทมันเลยเวลาจ่ายไฟไปแล้ว รอบเวลาจ่ายมันเปลี่ยนไป จ่ายช้าลงจบเร็วขึ้น

ภาพเมื่อตอนเย็นมันยังตามมาหลอกหลอน กันต์ทุกทิ้งไว้คนเดียวในความมืด สิ่งที่ดึงสติกลับมาคือซีเริ่มนิ่งไป

กันต์ไม่อยากให้ซีหยุด

“ไม่มีไร ซีอย่าหยุด มาเลย แรงๆ เร็วๆ”

ซีทำหน้าตกใจแต่กันต์คงจะมองไม่เห็น แต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย

เสียงกระแทกดังเร็วขึ้นอีก มันถี่จนต้องหอบหายใจ กันต์รู้สึกได้ถึงเสียงลมหายใจถี่ของซี มือข้างหนึ่งของซีกดหลังกันต์ไว้ อีกข้างลูบก้นตัวเองที่ตอนนี้กำลังออกแรงจนแข็งเกร็งเป็นก้อน

กันต์ถอยหลังดันเข้าไปจนชิดตัวซี ดันจนซีลืมลง

“ขอโทษ”

ซีคิดว่าทำแรงไป

“ซี รัก เรามั้ย”

“หื่อ รักสิ รักมากด้วย”

กันต์ก้มลงมองตาซี ถึงจะมืด แต่ดวงตาวาวยังสะท้อนแสง จุดดวงไฟเล็กๆทำทางในความมืด ตาคู่นี้เองที่คอยเฝ้ามองมาตลอด นำทางกลับบ้านมาให้เสมอ

“งั้นปล่อยมาเต็มๆเลยนะ”

ด้วยท่านี้กันต์เป็นฝ่ายลงไปนั่งบด ขยี้ทับจนกลืนหายไปทั้งแท่ง จังหวะเร่งเร้าถูกเปลี่ยน ตอนนี้กันต์เป็นฝ่ายคุมเชิง

เสียงกระแทกเบาลง แต่เสียงของซีดังขึ้น

“กันต์ๆ อย่าๆ เดี๋ยวเราจะ”

“ปล่อยมาสิ ปล่อยมาเยอะๆเลย เอาเข้ามาในตัวเราให้หมด”

มือซีเริ่มจิกเข้าที่ต้นขากันต์ เสียงสูดลมหายใจดังฟู่ก่อนพ่นออกหมด

กันต์ขมิบตัว ดูดรับทุกอย่างที่ซีพ่นออกมา

“อุ้ว กันต์ออกแล้วๆ”

ขาซีเหยีดเกร็ง กันต์ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว

ของซีกำลังกระตุกรับ ตอดเป็นจังหวะ

อยู่ๆ กันต์ก็เสียวขึ้นถึงจุด

ปล่อยน้ำออกมาเป็นสายอย่างไม่ทันตั้งใจ มันเสียวสุดตัว จนหัวใจแทบวาย สายน้ำตีเข้ากับตัวซีส่งเสียงดัง หลายครั้ง

แต่กันต์ก็ยังไม่ยอมถอนออก

“ซี... อย่าทิ้งเรานะ”

กันต์ที่ไม่มีอะไรเลย รู้สึกเหมือนจะโดนทิ้งได้ทุกเมื่อ ...โดนทิ้งง่ายๆอย่างที่ฟ้าทำ

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กันต์สัญญาได้มั้ย ว่ากันต์จะไม่เป็นฝ่ายไปก่อน”

“เราสิต้องเป็นฝ่ายพูด”

ซีประพรมจูบอีกครั้ง แรงประทับแนบแน่น ...มันซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 21

สองสามวันมานี้กันต์รู้สึกไม่สบายใจเลย เรื่องของพี่ฟ้าดูจะยังค้างคา ถึงฝั่งนี้จะจบ ทางนั้นไม่รู้จะเข้าใจสารที่สื่อออกไปหรือไม่ นับวันจะยิ่งทำตัวแปลกไป

เดทแรกเป็นตึกร้างแถวบ้านพี่ฟ้า มันน่ากลัวเมื่องลองคิดย้อนกลับไปดู ตอนนั้นกันต์ซื่อบื้อรู้ไม่ทันว่า บางอย่างมันไม่ถูก

ครั้งที่สองเป็นโรงพยาบาล ซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่ฟ้าไปครึ่งชั่วโมงเพื่อไปดูตึกร้าง สนามหญ้ารกๆ ก่อนถูกทิ้งไว้ที่เส้นเหล็กโค้งสีขาวบนสะพานข้ามแยก

กันต์เริ่มคิดว่าพี่ฟ้าตั้งใจทำ

วันที่ฝนตกหนัก พี่ฟ้าที่ดูเหมือนเด็กน้อย อาจจะเป็นอีกบุคคลิกหรือตัวจริงของเค้าก็ได้

เค้าต้องการจะสื่อกันแน่

“นี่ กันต์ฟังอยู่มั้ย”

ถ้าเล่าให้ซีฟัง มันต้องยิ่งไม่พอใจ ปล่อยให้เรื่องเงียบไปเองจะดีกว่ามั้ย

“กันต์”



จุบ

“เอ้ย”

“ก็เห็นไม่ตอบ มัวไปคิดเรื่องอะไรอยู่ละ”

ซีจูบเข้าที่ปากกันทีหนึ่ง

“เปล่า”

พื้นที่สีขาวบนกระดาษทดเหลือพอเตะตระกร้อได้ แบบฝึกหัดตรงหน้ากันต์ทำไปแค่ 3 ข้อ โจทย์ฟิสิกส์ มันไม่ยากอย่างที่คิด ซีสอนให้เข้าใจง่าย คัดเฉพาะที่จะออกสอบมาเท่านั้น

ปีนี้สอบคิดว่าไม่น่ายาก จำนวนนักศีกษาที่น้อยลงทำให้มหาลัยต้องรับนิสิตเพิ่ม ประกอบกับสภาพสังคมแบบนี้ ทำให้เข้ายากมีแต่จะไม่มีใครสนใจ

คำว่าอันดับหนึ่งกับอยู่กลางเมืองไม่ใช่เสน่ห์ดึงดูดอีกแล้ว

“ดูไม่มีสมาธินะ”

ซีปีนข้ามโต๊ะมาหอมแก้มกัน ไล่เลียลามลงไปเรื่อย จนของที่อยู่ในกางเกงบอกเซอร์ชี้ทิ่มกับขอบโต๊ะ

“เบื่อมั้ง”

กันต์ตอบส่งๆไป ซีทำท่าจะหยุดแล้ว

กันต์เอื้อมมือมาจับ มืออบอุ่นของซีดึงสมาธิกันต์กลับมา

เมื่อเช้าเราสองคนเดินลงไปซื้อข้าว ซีไม่ได้เดินตามหลังกันต์เหมือนทุกที หากอยู่เคียงข้าง มือขวากุมมือซ้ายของกันต์เอาไว้ ช่องบันไดหินขัดดูน่าอยู่ขึ้นมาถนัดตา

มันเป็นเวลานานกว่าจะถึงชั้นล่าง อย่าให้มีคนอื่นมาเลย

กันต์รู้สึกจริงๆว่า โชคดีที่ได้อยู่กับซีในเวลานี้

“งั้น กันต์นั่งเล่นไปก่อน เดี๋ยวเราลงไปซื้อกาแฟมาให้”

บ่ายแก่แล้วถ้าไม่ออกไปตอนนี้เดี๋ยวรถจะหมดซะก่อน

“อะ งั้นเราไปด้วย”

“นั่งทำแบบฝึกหัดไปแหละ ถ้าเบื่อมากก็นั่งพักไปก็ได้”

กันต์นอนเหยีดขา ล้มลงบนโซฟา

“รีบมานะ เดี๋ยวมีรางวัลให้”

“จะให้ทำให้หลวมเลยเหรอไง”

“คิดว่าของตัวเองใหญ่ยังงั้นเหรอไง”

กันต์ยั่วยวนกลับ ยกสองขาพาดขึ้นบนพนัก แอ่นสะโพกรอ

“กลับมาโดนแน่ จะเอาให้นั่งไม่ได้เลย”

กันต์เปลี่ยนท่าลุกมานอนคว่ำเชื้อเชิญ

ซีลุกไปใส่เสื้อผ้า

“เอาเหมือนเดิมนะ”

“อะไรนะเอาท่าเดิมเหรอ”

คราวนี้ซีเริ่มก่อน

“อะไรนะไม่ไหวแล้วเหรอ”

“อะไรนะ เงี่ยนเหรอ”

“มาๆ เดี๋ยวเราทำให้”

“ไปๆ ไอ้ซีอย่าเพิ่ง อ้ากกกก”

ซีกำลังจะเดินเข้ามาปล้ำ

ไม่น่าเริ่มกับคนอย่างมันก่อนเลย ซีขยับสถานะจากเพื่อนขึ้นมา ยังงั้นความกวนตีนมันก็ไม่ได้ลดลง ดูแล้วซีน่าจะไปนาน ร้านกาแฟที่กันต์ชอบกินต้องไปซื้อที่ห้างใกล้ๆ รถไฟฟ้าไปกลับก็น่าจะสักครึ่งชั่วโมงได้

“เดี๋ยวมา”

“ไปดีมาดีนะที่รัก”

“ครับ เมียจ๋า”

กันต์ชักไม่แน่ใจว่าใครมันจะกวนตีนกว่ากัน

เสียงประตูปิดไล่หลัง

สิ้นเสียงปังกังวาลทุกอย่างเงียบ เงียบจนน่ากลัว ไม่มีเสียงแอร์ พัดลม ทีวี ...ไม่มีอะไรเลย โทรศัพท์มือถือไม่ดัง นอกหน้าต่างนานๆทีมีรถวิ่งผ่าน ชั้นนี้สูงกว่าจะได้ยินเสียงลั่นเอี๊ยดของรถไฟฟ้า

…แม่

ป่านนี้จะเป็นยังไงนะ

พี่ฟ้าเค้าดูโกรธอะไรสักอย่าง เค้าเป็นอะไรนะ กันต์ไปทำอะไรให้

กันต์เดินเข้าไปในห้องนอนซี ห้องที่ไม่เคยคิดจะเข้ามา สุดท้ายก็มานอนบนเตียงนี้ตั้งไม่รู้กี่รอบ เตียงตั้งอยู่เดียวดายที่มุมห้อง เจ้าของมันคงจะเหงา ตั้งซะชิดกำแพง โต๊ะเขียนหนังสือสีน้ำตาลอ่อน

กันต์ลุกไปเปลี่ยนเป็นเสื้อกล้ามกับกางเกงบอกเซอร์เลียนแบบซี

…ดูดิมันกลับมาจะตกใจมั้ย

เห็นเราในชุดนอนของมัน

ปังๆ

เสียงทุบประตูดังรัว ทำเอากันต์สะดุ้ง

ประตูไม่เคยล็อค ซีก็รู้นี่ แล้ว.. มันกลับมาเร็วไปรึเปล่า

“นี่ ทนไม่ไหวเลยกลับมาก่อนเหรอ”

กันต์เปิดประตูรับ

ไม่ได้ระแวงว่าจะเป็นคนอื่น

“เอ่อ พี่...”

ผู้หญิงในชุดกระโปรงสีแดงวันนั้นที่ร้านเหล้า ยืนหน้าตื่นอยู่หน้าห้อง

“น้อง รีบไป พวกนั้นกำลังมา”

พี่คนนี้พูดร้อนรน สื่อสารไม่ชัดเจน

“อะไรนะ ใครพี่”

“ฟ้า มันกำลังขึ้นมา หาน้อง”

เฮ้ย

ดูท่าทางแล้ว พี่คนนี้ไม่ได้พูดโกหก แต่แค่พี่ฟ้าจะมาทำไมต้องตกใจด้วย

“แล้วเค้ามีอะไรพี่”

“น้องไปคุยอะไรกับเค้าไว้ พี่บอกไม่ใช่เหรอให้ระวังตัว เค้าบอกเจอคนที่เค้าหามาตลอด น้องเป็นคนทำโลกมืดใช่มั้ย”

คุย? ไรวะ เฮ้ย เกี่ยวไรกับโลกนี้เนี่ย

“ไป”

ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้ากันต์ถูกกระชากออกไปทั้งตัว ผู้หญิงคนนี้แรงดีกว่าที่เห็นภายนอกมาก

ทั้งชั้นมืด และเงียบ ประตูของทุกห้องงับสนิท

โวยวายไปก็ไม่มีใครข่วย ชั้นนี้ร้างผู้คนแล้ว

“มีที่อื่นอีกมั้ย”

สาวคนนี้กำลังเร่ง

“เอ่อ”

กันต์หันซ้ายขวา

ประตูเหล็กสีเทาแง้มอยู่

เสียงสาวเท้ายาวเร็วไปตามทางเดิน

“มาทางนี้”

กันต์จูงพี่หญิงคนนั้นไป ข้อมือเล็กชื้อเหงื่อ ของในกางเกงกันต์แกว่งไปมา เดินไปสะดวก เสื้อกล้ามหลวมหลุดลุ่ยต้องเดินไปดึงไป

ฟ้าเคาะห้อง เสียงเคาะดูมีมารยาท แต่ถ้ามองจากด้านนี้ออกไปมันเต็มไปด้วยความอาฆาตมากกว่า

ไม่มีใครเปิด ใช่สิ คนในห้องมาหลบอยู่นี่ไง

กันต์เผลอล็อคห้องไปด้วยความไม่ตั้งใจ ฟ้าพยายามกระแทกประตูเข้าไป แต่ไม้หนักนั้นไม่สะเทือน ขอบคุณที่ซีมันเลือกคอนโดแพง

“ไม่อยู่ห้องมั้ง”

“ไอ้ตัวผู้มันไปคนเดียว มันจะไปที่ไหนได้”

“นี่ แน่ใจเหรอว่ามันเป็นคนทำ”

“ไม่ใช่มันหรอก ผัวมันต่างหาก”

กันต์ไม่อยากเชื่อหูว่าพี่ฟ้าจะพูดแบบนี้ออกมา ผู้หญิงคนข้างๆจุ๊ปาก เป็นสัญญาณว่าให้เงียบไว้

ไม่ได้มาแค่คนเดียวเหรอ

กลุ่มผู้ชายที่เจอกันวันนั้น กันต์จำหน้าได้ดี แต่ไม่ใช่พวกที่ฟ้าไปทำรายงานด้วย

“เพื่อนที่มหาลัยพี่ฟ้าเหรอ”

กันต์กระซิบ

“ฟ้ามันไม่เรียนมาปีนึงแล้ว ไม่รู้เหรอ”

ข่าวนี้ทำให้ตกใจ แล้ววันนั้นที่เห็นไปกับเพื่อนที่มหาลัยละ... ใช่ พี่ฟ้าไม่เคยพูดนี่ว่าไปทำรายงานของตัวเอง บอกแค่ว่าปี 3  มหาลัยไหนเฉยๆ

กันต์คิดไปเองว่าเค้าเรียนอยู่

“เอาไงวะ จะพังเข้าไปเลยมั้ย”

“กล้องวงจรปิดไม่มี จะพังเข้าไปตอนนี้ก็คงไม่มีใครจับได้ แต่ไหวมั้ยละ”

ดูดีๆแล้วพวกนั้นผอมเก้งก้างคล้ายคนติดยา

กันต์นั่งหลบอยู่หลังถึงขยะสีเหลือง คอนโดแต่ละชั้นจะมีห้องทิ้งขยะรวมอยู่ ชั้นนี้คนเหลือแค่กันต์ มันจึงไม่เหม็นมากแต่สภาพกันต์ตอนนี้ จะนั่งท่าไหนก็ไม่ได้ บอกเซอร์ซีตัวใหญ่เกิน เสื้อก็หลวม

ยังกะเอาเศษผ้ามาห่อไว้ กันต์รู้สึกอายตัวเอง เรื่องของคลิปหลุดนั้นกลับมาหลอกหลอนในหัว

…แม่ง ออกมาสภาพนี้อีก

“งั้นรอไอ้นั่นกลับมาก็ได้”

“เฮ้ย ทำไรน่ะ”

คำถามนี้เหมือนกันต์จะถามตัวเองด้วยมากกว่า เสียงดังตะโกนถาม กันต์วิ่งออกจากห้องทิ้งขยะ ปล่อยผู้หญิงคนนั้นนั่งหลบอ้าปากค้าง

“ออกมาแล้วเหรอ”

ฟ้าทักทาย

“กุญแจห้องละ”

“…”

“ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร กูไม่ชอบทำร้ายคนที่ร่างกายหรอก มันไม่เจ็บ ที่ใจสิ มันสนุกกว่า”

กันต์มองหน้าฟ้าตรงๆ

“จะเอาอะไร”

“มึงรู้กูมาเพื่อทำอะไร”

กูโดดออกมาทำไมวะเนี่ย พอได้ยินว่าพวกนั้นจะรอซีกลับมา กันต์ก็ทนไม่ได้

ผู้ถามส่ายหัวช้าๆ

“ตอนที่มีคลิปหลุดออกมา ก็ทำเป็นปฏิเสธง่ายๆแบบนี้รึเปล่าวะ อย่าคิดว่าคนอื่นเค้าไม่รู้สิ รู้สึกยังไงบ้างละ เป็นพระเอกหนังโป๊โชว์ตัวให้คนอื่นดู เห็นกันไปทั้งประเทศน่ะ”

“โอ๊ยๆ กันต์จะแตกแล้วๆ”

ฟ้าเลียนเสียงแบบในคลิป

กันต์ก้มหน้าน้ำตารื้น สุดท้ายเรื่องนี้มันก็ยังตามมาหลอกหลอนอีกจนได้

“ซีเอากุญแจไปด้วย กว่าจะกลับก็น่าจะพรุ่งนี้”

ฟ้าถอนหายใจ

“คนยิ่งรีบๆอยู่ด้วย”

“เร็วๆดิ กูอยากได้รางวัลแล้วนะ ประกาศรางวัลมันหมดเขตพรุง่นี้แล้วนะ แทงมันแล้วค่อยจับส่งตำรวจดีมั้ย จับคนทำได้ก็ได้เงินเยอะอยู่นะ หรือจะตัดตรงนั้นตรงนี้ทิ้งสักหน่อยแล้วค่อยพาไป เอ... เป็นตุ๊ดนี้ พี่ผ่าหีให้มั้ยจ๊ะน้อง เสร็จแล้วมาใช้กับพี่นะ”

สองคนข้างหลังพูดขึ้น มีดกดต่ำลงที่ที่เป้ากางเกงกันต์

“มึงไม่ได้ฟังเหรอ ว่ามันไม่ได้เป็นคนทำ”

ฟ้าแทรก

“มึงจำได้มั้ย วันนี้วันอะไร”

ฟ้าถามต่อ

“วันศุกร์”

“ตลกเนอะ ถ้ามึงไม่กลัวมีด งั้นกูอยากรู้ว่าถ้ามึงต้องเดินแก้ผ้าขึ้นรถไฟฟ้าตอนนี้มีงจะทนไหวมั้ย”

“ไอ้…”

“วันนี้ครบปีครึ่งหลังจากวันโลกดับ เป็นวันที่ชื่อพ่อแม่กูถูกประกาศไปตามหนังสือพิมพ์ มึงรู้มั้ยว่ากูรู้สึกยังไงที่เห็นชื่อพ่อแม่ตัวเองเป็นผู้เสียชีวิตอยู่ในหนังสือพิมพ์”

“พ่อแม่กูโดนลูกหลงจากระเบิดตาย แต่หาญาติไม่ได้ กูต้องเห็นชื่อพ่อกูอยู่หน้าหนึ่งจะเป็นอย่างไร จนตอนนี้ก็ยังจับคนทำไม่ได้”

ฟ้ากำลังพูดถึงข่าวระเบิดหอศิลป์ พ่อกับน้าที่ตกเป็นเหยื่อ

“เพราะไอ้ไวรัสบ้านี่ ทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้”

“มันไม่ได้ทำ ผมทำเอง”

“แล้วมันมีไดร์ฟได้ยังไง มึงอย่ามาโกหก มึงไม่ฉลาดพอทำหรอก กูเห็นไดร์ฟมันอยู่กับซีตั้งแต่แรกแล้ว”

โชคดีที่วันนั้นไม่ได้พูดไป กันต์อยากจะลองถามว่าถ้าเป็นกันต์ละพี่ฟ้าจะทำยังไง นี่คงคือคำตอบ

ผู้ชายคนข้างหลังฟ้า ยกมืดชึ้นมา

“เสียบแม่งเลย”

อีกคนทำตาม

“กูบอกว่าไม่ใช่ไอ้นี่ไง”

ฟ้าเขย่ากระป๋องสเปรย์แล้วพ่นข้อความอะไรสักอย่างลงไปบนประตูหน้าห้อง

มันเป็นชื่อสถานที่ ตึกหนึ่งแถวมหาลัยของซี

…ใกล้บ้านพี่ฟ้า

“งั้นมึงภาวนาให้มันมาหามึงแล้ว”

“ไม่แน่นะ มึงอาจจะโดนทิ้งก็ได้”

“มาเป็นเมียพวกกูดีกว่านะจ๊ะ ได้ผัวหลายๆคนพร้อมกันน่าจะสนุกนะจ๊ะ”

เหี้ย

ซี...

กันต์ถูกพาตัวไปทั้งบอกเซอร์ ในใจก็อยากให้ซีมาช่วย  แต่ถ้ามาก็จะเป็นอันตรายได้ แล้ว... ถ้าไม่มาละ...

แม่งเอ๊ย จะให้กูเปลี่ยนชุดก่อนก็ไม่ได้

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 22

ซียืนตะลึงอยู่หน้าห้อง

“นี่มันเกิดไรขึ้นวะ...”

กลิ่นสีเหม็นฉุนไปถึงบันได

“กันต์”

เสียงเคาะห้องรัว

ประตูสีไม้เข้มถูกพ่นทับด้วยสีแดงสด กลิ่นสเปรย์เหม็นฉุน น้ำสีแดงยังไหลย้อยลากเป็นขายาวเหนียวหนืด เมื่อถอยออกไปมอง มันเป็นรูปแผนที่

ถนนนี้ซีรู้จัก

มันอยู่แยกหัวมุม ด้านขวามีวัดชื่อดังตั้งอยู่ เส้นหนาทึบน่าจะเป็นสะพานข้ามแยก ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกสำนักงานสูงที่เพิ่งสร้างเสร็จก่อนวันโลกดับ

มีช่องสี่เหลี่ยมถูกกาบาทเอาไว้

“ใครมาวาดไรไว้วะเนี่ย”

ซีคาดว่าคนที่ทำต้องการให้ไปที่นั่น แต่ทำไมละ

บริเวณนั้นมันเป็นตึกแถวถูกทิ้งร้าง

“เข้าใจเลือกสถานที่ด้วยนะ”

เคาะทำไรประตูห้องก็ไม่เปิด... รึว่า

พระอาทิตย์ตกไปแล้ว ซีไม่มีเวลาคิดนานนัก

อีกเดี๋ยวรถไฟฟ้าจะหมด ถนนหนทางที่ไฟติดบ้าง จะหารถตอนกลางคืนมันเป็นเรื่องยาก ซีไม่ได้มีรถยนต์

ห้องล็อค ลูกบิดเย็นๆไม่ไหวติง

ซีล้วงกระเป๋าหากุญแจ ถ้าเจ้าตัวอยู่ในห้องก็น่าจะออกมาเปิดแล้ว

“นี่ เธอ เธอใช่ แฟนเด็กคนนั้นมั้ย”

“พี่เป็นใคร”

ซีสะดุ้งสุดตัว

ผู้หญิงในชุดฟูฟ่อง กระโปรงลูกไม้สีอิฐโผล่ออกมาจากห้องทิ้งขยะ ผมหยิกนิดหน่อยปลิวสยาย ท่าทางดีใจที่ได้เจอกับซี

จำได้ว่าไม่เคยรู้จักผู้หญิงท่าทางแบบนี้มาก่อน

“เรา... เรามากับฟ้า”

ซีเดินดุ่มตรงเข้าไปหา

กระชากเสื้อลูกไม้สีขาวขุ่นเข้ามาหาตัว

“เปล่านะ เราไม่เกี่ยว เราพยายามห้ามแล้ว อย่าทำไรเรานะ”

หญิงคนนั้นพูดลนลาน

“นี่มันอะไรกัน”

เสียงซีดังจนเกือบจะเป็นตะคอก

ผู้หญิงคนนั้นหลบตา

“เราชื่อ แนน... เราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับฟ้าที่น้องคนนั้นเคยไปเที่ยวด้วย”

อ้อ คุ้นๆเหมือนกันต์เคยเล่าให้ฟัง ไอ้แก๊งขี้เมาทุกวันศุกร์นี่เอง

ใช่ วันที่กันต์ตากฝนกลับมา

“ฟ้า...​ฟ้าเค้าทำใจกับเรื่องที่เกิดไม่ได้...”

แนนเริ่มเล่าต่อ

“เข้าประเด็น”

เสียงตวาดแข็ง ซีไม่ใจเย็นจะฟังเรื่องทั้งหมด

“ฟ้าคิดว่าเธอเป็นคนปล่อยไวรัสที่ไทยนี่ จึงพาพวกมาแก้แค้น แล้วหาเธอไม่เจอ เลยจับตัว แฟนเธอไป”

ซี หัวเราะ

“อะไรที่ทำให้คิดว่าเป็นเรา”

“ฟ้าว่าเห็นเธอ พกไดร์ฟสีแดงเหมือนในข่าวติดตัวไปมา”

…กริ๊ง ซีล้วงกระเป๋าหลัง

ไดร์ฟห้อยอยู่กับรูกุญแจ

“อันนี้น่ะเหรอ”

“ใช่”

มันเหมือนมาก ผู้หญิงคนตรงหน้าตาโต เหมือนคนติดยาเห็นของ

“ใช่ๆ นายได้มายังไง นายเป็นคนทำใช่มั้ย”

ร่างนั้นเริ่มดิ้น เสียงกระโปรงลูกไม้เสียดสีเกิดเสียง

“นี่ คิดหน่อย ถ้าเราเป็นคนทำ เราจะพกมันไปมาให้คนรู้แล้วมารุมกระทืบเราเหรอ”

…แนน ทำท่าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง

“ใช่ อันนี้มันคล้ายมาก แต่ไม่ใช่”

“อันนี้เป็นไดร์ฟที่ใส่รูปพ่อแม่เรา”

แล้วก็คลิปของกันต์

“พ่อแม่เราเสียไปจากอุบัติเหตุเครื่องบิน นี่เป็นของที่คอยเตือนเราถึงคนสำคัญ คงไม่มีใครพกของทำลายโลกไว้กับตัวหรอก”

ซีกำไว้แน่น

“พวกเธอเข้าใจผิด”

คำพูดหนักแน่น

เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้ว ที่เต้ กับต๊ะ เตือนดูเหมือนจะเป็นจริง

“เดี๋ยวเราไปด้วย”

ซีชำเลืองมองไม่แน่ใจ

“เราไม่ได้อยากให้เรื่องเกิดนะ ถึงพวกนั้นจะตามหาคนทำก็จริง แต่มีแค่ไม่กี่คนหรอก พวกเราตกลงกันว่าถ้าเจอจะส่งตำวรจ เรียกเงินรางวัล...”

“แต่เธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่ห้าม ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่”

“ไอ้ที่กำแพงนี่เหมือนส่งตำรวจเหรอ”

ซีถามต่อ

กาแฟดำของกันต์เริ่มละลาย ไอน้ำเกาะรวมกันหยดใส่ขาซี

“แม่งเอ๊ย”

เสียงดัง โพละ เมื่อซีปาของในเข้าใส่กำแพง แก้วพลาสติคแตกกระจาย กลิ่นกาแฟโชยไปทั่ว...

 ไอ้เต้กับต๊ะก็เตือนแล้วว่า คนนี้มีอะไรแปลกๆ ซีไม่คิดว่าจะเป็นได้ขนาดนี้

“มากันกี่คน”

“สาม อีกสองคนมีมีด พวกที่เหลือพยายามห้ามแล้ว แต่ฟ้าไม่ฟัง ...ที่ตามไปกันสองคนเพราะพวกนั้นติดยา ...ต้องการเงินไปซื้อ...ยา”

นั่น ยากเข้าไปอีก

“เรา ไปด้วย เผื่อช่วยไรได้ ฟ้า ต้องการแค่แก้แค้นแทนพ่อแม่เค้า เอ่อ .... เราว่า เค้าคงฟะ....”

ซีสูดลมหายใจเข้ายาวๆ ก่อนวิ่งลงบันไดหนีไฟไป ทิ้งผู้หญิงคนนั้นไว้เบื้องหลัง

บนรถไฟฟ้าเพิ่งออกข่าว

รางวัลนำจับจะหมดเลงในอีกหนึ่งอาทิตย์ มูลค่ามันสูงหลักพันล้าน ในเมื่อผ่านมาปีกว่าไม่มีใครจับได้ ทางรัฐบาลเลยคิดจะยกเลิก เพราะตั้งไว้ก็ไม่ประโยชน์อันใด

ผลของมันคือ ทุกคนร่วมมือกันจับใครก็ได้ที่มีไดร์ฤสีแดง บางคนเป็นพวกหนีสังคมก็โดนตราหน้าว่าทำแล้วลากไปส่งโรงพัก

“นี่ไง ผลของการมีรัฐบาลโง่”

รางวัลนำจับ มันทำให้ทุกคนสนมูลค่าของเงิน มากกว่าหาผู้ร้ายตัวจริง ยิ่งสูง ยิ่งมั่ว

…แล้ว ซีก็เป็นหนึ่งในความมั่ว

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 23

กันต์ในกองเสื้อผ้า ถูกกระชากตัวไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันสีแดงสด กันต์เคยคิดว่ามันสวย แต่ตอนนี้ไม่แม้แต่จะมอง

“ขึ้นมาสิ”

กันต์ยืนนิ่ง มือขวาดึงขอบกางเกงเอาไว้

“หรือจะขึ้นรถไฟฟ้าไปทั้งแบบนี้”

สภาพกึ่งเปลือยแบบนี้ไม่มีทางให้เลือก แค่เดินออกตึกมาคนก็มองใหญ่แล้ว

ขาขาวๆยกอ้อมข้ามไป กันต์พยายามเอาปิดชายขาที่อ้ากว้างเอาไว้ เดี๋ยวของในนั้นจะลอดออกมา

“อายทำไม คลิปหลุดก็เห็นกันทั่วบ้านทั่วเมือง”

หมดแรงจะเถียง

…มันเป็นเรื่องจริง

ตอนนั้นทั้งเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนต่างโรงเรียน ทุกคนคงได้เห็นหมด กริยาคนรอบข้างมันมองกันแปลกไป รายชื่อคนขอเพิ่มมาเป็นเพื่อนมันมากขึ้นจนน่ากลัว

ข้อความขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย มันเข้ามามากกว่า

หลายคนเรียกร้องให้ปล่อยคลิปอื่นๆออกมาอีก

กันต์ภาวนาให้มีแค่อันเดียว

เสียงมอเตอร์ไซคืบิดหายเข้าไปในความมืด กันต์เอามือโอบรอบเอว ปลายขากางเกงพลิ้วไปตามลมเปิดถึงก้น รู้สึกอายจนหน้าแดง เสื้อกล้ามถูกลมไปหล่นลงไปกองที่ตัว ครึ่งบนราวกับไม่ได้ใส่อะไร

รถเลี้ยวหายไปตามซอย ทะลุออกมาบนถนนใหญ่พุ่งตรงเข้าหาตึกตรงหน้า

พระอาทิตย์ตกพอดี

ตึกโทรมเก่า อยู่ต่อหน้ากันต์

“เดินขึ้นไป”

ฟ้ากระชากเสื้อกล้ามมามัดแขนกันต์ไขวัหลัง กางเกงหลุดตูดทำให้เดินยาก สภาพน่าทุเรศกว่าเดิมเสียอีก

“ก้นขาวดีนะ”

กันต์รู้สึกอยากร้องไห้

เสียงจักรยานยนต์ดังขึ้นอีกครั้ง

“เฮ้ย ไม่รอเลย อย่าเพิ่งสนุกก่อนพวกกูดิ”

ไอ้สองคนนั้นมันเดินตามเข้ามา

มือลูบไปตามขา อีกคนลูบเข้ากับก้นกันต์ ถูวนไปมาใต้บอกเซอร์ของซี

กันต์พยายามขัดขืน

“อย่านะ เดี๋ยวพ่อตัดทิ้งซะเลย ผิวเนียนๆอย่างนี้นี่ ถึงเป็นผู้ชายก็ไม่ขัดนะเว้ย เสียแต่แม่งเสือกมีไอ้นั่น”

มือคนนั้นล้วงลงไปตามร่วงถูเข้าไปจนกันต์รู้สึกเสียว

“พอก่อน เดี๋ยวดึกกว่านี้ค่อยทำก็ได้”

สองคนนั้นต้องช่วยกันอุ้มกันต์ขึ้นไปบนดาดฟ้า โยนกองหลังพิงเข้ากับห้องสี่เหลี่ยมที่ก่อเป็นทางขึ้น

กันต์นั่งเหยียดขาออก พยายามปิดบังส่วนสงวนไม่ให้ลอดออกมา

“นี่ๆ สนุกกันหน่อยมั้ย”

“เบรค เอาเบาๆก่อนนะ”

พี่ฟ้าดูไม่สนใจมองเลยมหาลัยออกไป หอศิลป์อยู่ตรงหน้า

ผู้ชายที่ชื่อเบรคบังคับกันต์นอนคว่ำ ถลกกางเกงลงครึ่งหนึ่ง

เสียงแกะกางเกงดังแกรก

ก่อนจะมีแท่งอุ่นๆ นุ่มๆ ถูเข้ากับร่องก้นของกันต์ 

“แม่งเนียนวะ”

“เฮ้ยๆๆ อาร์ม ลองมั้ย”

เบรคนั่งทับกันต์ ยังคงถูไปมา กันต์รู้สึกว่ามันเริ่มร้อนขึ้น ของนั้นจากนุ่มกลายเป็นแข็ง มันทิ่มแทงไปมา ไม่มีแรงดิ้นสู้ อีกคนนั่งจับมือกันไว้อยู่

“กูจับมือมันอยู่เนี่ย จะให้ทำไงวะ”

“เออ ปากมันยังว่างนี่”

อาร์มตาโต

“ใช่ๆ มึงพูดถูก น่าสนๆ คงเสียวน่าดู ปากคนน่ารักๆอย่างนี้”

เสียงฟังดูโรคจิต

กางเกงถูกรูดลง ของที่อยู่ในนั้นตุงกางเกงใน ส่วนปลายมันเปียกเป็นดวง ของในนั้นกำลังเปียกเยิ้ม

กันต์รู้สึกรังเกียจ

“อ้าปากสิ”

กันต์หันหน้าหนี

“เฮ้ย มีดมา”

กันต์สะดุ้งสุดตัวหันมามองหน้า

“เฮ้ย อ้าขาสิ กูจะเสียบแล้ว”

กันต์รีบหุบขาเข้า

โอ๊ย

ปลายมีดแหลมทิ้มเข้าที่ต้นขา เลือดสีแดงไหลอาบ

“ดีเลย กำลังอยากได้หล่อลื่น”

แท่งร้อนตรงหน้ากำลังฟาดไปมา

เสียงตีหน้าดังแป๊ะๆ

“อ้าปากสิ อมมันเข้าไป”

แท่งใหญ่เขื่อง ท่าทางกลัดมัน

มันใหญ่กว่าของซีมาก

“เฮ้ย กูบอกว่าเบาๆไง”

“มึงจะห้ามไรหนักหนาวะ พวกกูบอกว่าจับมันไปปล้ำก่อนค่อยพามาก็ได้ มึงก็จะมาให้ได้ นี่อะไรของมึง ใจอ่อนเรอะไง”

ฟ้าไม่ตอบ หันหน้าไปอีกทาง

“ถ้ามึงทำอะไรมันลงไปแล้ว แฟนมันมาเห็น มึงคิดว่า มึงจะได้ไดร์ฟไปง่ายเหรอไง”

“เออวะ”

สองคนนั้นหยุด

“ไม่เป็นไร ไว้ฆ่าผัวมันแล้วค่อยเอามาทำเมียก็ยังไม่สายเนอะ”

กลิ่นบุหรี่แรงลอยออกมาจากคนพูด

ไอ้สองคนนี้ท่าทางขี้ยา

กันต์รู้แล้วว่าทำไม ในวงเหล้าวันนั้น ฟ้าถึงเลี่ยงจะไม่คุยกับสองคนนี้มากนัก

ฟ้าเดินเข้ามาใกล้ ยกตัวกันต์ขึ้นมานั่งพิงกำแพง

“วันนั้นฝนตกหนัก พี่กับปิ ต้องหนีมาหลบที่นี่ ข้างล่างกำลังเกิดจราจล แสงไฟส่องไปทั่ว มันเป็นไฟจากหลอดไฟฉาย”

“กันต์เคยดูพวกหนังป่วนเมืองมั้ย อย่างนั้นแหละ ของจริงมันน่ากลัวกว่ามาก”

พี่ฟ้าเล่าว่า วันนั้นฝนตกหนักปิที่ยังไม่หายดีอยู่ในอ้อมกอดของพี่ฟ้า เสียงเอะอะ โวยวายข้างล่างดัง เสียงระเบิดมีมาเป็นระยะ

ฟ้าต้องพยายามทำตัวให้ปกติ ไม่อยากให้น้องชายตื่นกลัว

“วันนั้นพี่เสียพ่อและน้าไป ร้านถูกทุบทำลาย คนเข้าไปขโมยของในร้าน”

วันเดียวกับที่กันต์หลบอยู่ในห้องซี

“พี่ฟ้า ซีไม่ได้ทำจริงๆนะ วันนั้นกันต์อยู่ด้วย”

ฟ้าจ้องหน้านิ่ง

“ไดร์ฟมันมีมูลค่ามหาศาล เมื่อวานรัฐบาลเพิ่งจะประกาศยกเลิกรางวัลนำจับในอีกอาทิตย์หน้า ถ้าซีไม่ได้ทำ แปลว่าไดร์ฟนั่นยังใช้ได้อยู่ ...พี่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงไม่ทำ แต่ของรางวัลมันน่าสนใจ เงินมากมายที่จะรักษาปิต่อจากนี้ เงินที่จะเอาไปซ่อมแซมร้านที่เป็นความฝันของพ่อขึ้นมาใหม่”

โลกนี้ทำให้คนทุกคนดูเจ็บปวด

…เลือดที่ขากันต์ยังคงไหลออกมา

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 24

ประชากรบนท้องถนนเริ่มซา แสงไฟสีส้มยามนี้มันไม่สว่างเพียงพอ ซีรู้สึกโทษประเทศโลกที่สามนี้ มันไม่มีอะไรน่าพิศมัยเลย

ระบบการศึกษาที่แข่งกหันเรียน แต่คุณภาพออกมาห่วยแตก ระบบขนส่งที่กระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองแม้ว่ากลางเมืองหลวงจะเดินทางง่ายกว่า ระบบความปลอดภัยที่ไม่ช่วยอะไรไม่ได้ในยามนี้

ซียืนงงอยู่ข้างล่าง ริมฟุตบาทไม่มีคน แต่แถวเรียกแท๊กซี่ยาว

รถสีเขียวเหลือง วิ่งพุ่งตรงออกไปตามถนน เบื้องหน้าเป็นหลุมมืดสีดำ ไฟริมถนนไม่ติด รถกำลังถูกกลืนหายเข้าไปในความมืด เหมือนขนมลูกเล็กๆที่ส่งเข้าปากยักษ์

หางแถวยาว

รถสีส้มกำลังเข้าจอดริมทางขึ้นรถไฟฟ้า

ซีวิ่งตัดหน้าเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง

“พี่ ไปที่นี่”

แท๊กซี่ทำหน้างง ก่อนออกรถ

ปัง

“นี่เธอ”

กระโปรงสีอิฐฟูเต็มเบาะหลัง มันเบียดที่นั่งของซี

“จะตามมาทำไม”

“พี่ไปแวะที่นี่ก่อน”

แนน สั่งแท๊กซี่ให้วนออกไปอีกด้าน

“นี่เธอ”

“มีที่นึงอยากให้เธอแวะไปก่อน”

“เราไม่ได้มีเวลาว่างมาเล่นด้วยนะ ...เธอต้องการอะไรกันแน่”

คนตรงหน้าอารมณ์เปลี่ยนไป ท่าทีสงบขึ้น

“ฟ้าไม่ทำไรหรอก เรารู้นิสัยเค้าดี”

“เพื่อนกันนี่ ชั้นจะไปไว้ใจเธอได้ไง”

“แล้วถ้าชั้นหันไปเข้าข้างฟ้าละ เธอจะเหลือใคร”

ซี สะอึก ถ้าผู้หญิงคนนี้เอาความจริงที่ว่า ไดร์ฟ มันไม่เกี่ยวข้อง กันต์อาจจะเป็นอันตรายมากกว่า

“จะแวะไปที่ไหน”

“แถวนั้นแหละ”

แนนสั่งรถแท๊กซี่ เส้นทาที่บอกมันวิ่งอ้อมไปมา

ซีไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือไม่ สองมือกำแน่น ป่านนี้กันต์จะเป็นยังไงนะ

“นี่เธอ ปกติอยู่ห้องแต่งตัวกันยังงี้เหรอ”

“แปลว่าอะไร”

“แฟนเธอน่ะ ใส่เสื้อกล้ามหลวมโครก กางเกงบานซะ ไม่เข้าใจถ้าจะใส่ยังงั้นแก้ผ้าก็ได้นะ มันเหมือนจะไม่ได้ใส่อะไรอยู่แล้ว”

“ก่อนออกไปมันใส่เสื้อยืดนะ...”

ภาพมันชัดเจน กันต์ในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นกำลังโยกตัว อ่อยซีอยู่บนโซฟา

“ไม่รู้ ที่เราเห็นนี่ยังกับจะแก้ผ้า บอกเซอร์หลวมจนต้องเดินไปดึงไป”

ไอ้กันต์มันเล่นแผลงอะไรอีกเนี่ย
 
…มันเอาของเราไปใส่แน่เลย

ซีหน้าแดง

“นี่ ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องอย่างว่านะ”

“ป่าวเว้ย”

ถึงจะบอกว่าเปล่า แต่มันก็ชวนให้อยากจริงๆนั่นแหละ

รถวิ่งออกไปตามทางเร็วๆ อุโมงค์มืดมีเป็นระยะ ยิ่งเข้าใกล้ในเมือง ตึกร้างก็ยิ่มเพิ่มมากขึ้น เมืองที่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

สีสเปรย์พ่นเป็นหมายเลขต่าง พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ซากตึกร้างโผล่เต็มไปหมด

กรุงเทพกำลังอยู่ในยุคมืด

อันธพาลออกมาเสนอหน้าในยามค่ำคืน

“พี่จอดตรงนี้เลย”

แท๊กซี่เช้าเทียบกับห้องแถวสีเหลืองส้ม ถึงมันจะมืด สีที่สดมันสะดุดตา

ที่นี่ซีรู้จัก

ร้านข้าวแถวมหาลัยที่เคยมากินบ่อยๆตอนปี 1 ร้านของฟ้า

“มาทำไร แผนที่มันไม่ใช่ที่นี่”

“เออน่า”

ไฟลอดออกจากหน้าต่างชั้นบนสุด

ประตูเหล็กดัด ถูกสีสเปรย์พ่นทับเป็นลายกราฟฟิค รอบกำแพงมีแต่รอย กลิ่นฉี่เหม็นคลุ้ง สภาพดูทรุดโทรมกว่าจะเป็นร้านข้าว

“ปิ”

แนนตะโกนพอให้ได้ยินไปถึงชั้น 3

เสียงหน้าต่างเลื่อนครืดไปในอีกอึดใจ

“พี่แนนเหรอ”

เด็กน้อยในแว่นหน้าผมยาวปรกหน้าชะโงกหัวออกมา

“ปิ เปิดประตูหน่อย”

หน้าต่างเลื่อนปิด

รออยู่นานกว่าจะมีเสียงไขประตูหน้าบ้าน ตามมาด้วยเสียงลากโครงเหล็กหนัก

“ปิ ถอยไปเดี๋ยวพี่ทำเอง”

แนนเดินเข้าไปรูดรั้วเหล็กออกไปข้างๆ เปิดประตูหน้าร้านเข้าไปหา

ให้ผู้หญิงเป็นคนทำเนี่ยนะ

ปิ อยู่ในชุดนอน ยืนงงอยู่ชั้นล่าง

ร้านข้าวเวลานี้เปิดไฟสว่างแค่หนึ่งดวง ที่นี่คือเขต 3 ที่มี่ไฟใช้ได้ถึงสี่ทุ่ม แสงสีขาวทำให้สภาพในร้านดูซีดหมอง สีกำแพงเริ่มซีดจางจนเกือบจะกลายเป็นสีขาว โต๊ะไม้เก่าๆสี่ห้าโต๊ะ เรียงเก็บเป็นระเบียบ

ซีรู้สึกอึดอัด มันจะมีคนนั่งเต็ม ตอนนี้เก้าอี้ว่างเปล่า นี่คือสภาพหลังปิดร้าน มันดูขัดกับภาพที่น่าจะเป็น ดูแปลกประหลาด

สองปีที่แล้ว ร้านนี้เคยเปิดถึงเกือบเที่ยงคืน

“ปิ ไปเปลี่ยนชุดก่อนไป”

แนน พูดอย่างอ่อนโยน

ซีรู้สึกแปลกใจ

“นี่มันอะไรกัน”

“ปิ เป็นน้องชายของฟ้า น้องชายต่างแม่ ฟ้ารักมาก”

ซีมองหน้าแนนตรงๆ

“รักมากจนเกินกว่าน้องชาย ไม่มีใครรู้หรอก แต่เราว่าเราดูไม่ผิด น้องเค้าป่วยจากตอนเรียนม.ปลาย โดนเพื่อนแกล้งน่ะ สมองขาดออกซิเจน ตอนนี้ต้องพึ่งกายภาพอยู่”

เสื้อลายลูกไม้ถูกดึงบิดไปมา

“ค่าใช้จ่ายสูงมาก... ฟ้าพยายามจะรักษาร้านนี้ให้ดีที่สุด ร้านของพ่อ พ่อฟ้าตายจากอุบัติเหตุระเบิดที่หอศิลป์ แม่ฟ้าตายไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว ...อุบัติเหตุคราวนั้นแม่ของปิที่เพิ่งคบกัน แม่ก็เสียชีวิตไปด้วย...”

แนนพักหายใจ

“ฟ้าเป็นคนดูแลกิจการต่อมา ปิเองก็ติดฟ้ามาก บางครั้งไปเที่ยวฟ้ายังต้องพาไปด้วยเลย”

อยู่ๆแนนก็ร้องไห้

“พี่ฟ้าขายคอนโด ขายรถ ขายทุกอย่างที่ขายได้ เหลือไว้แค่มอไซค์เพราะแม่ของปิเป็นคนซื้อให้ พี่ฟ้าพยายามรักษาความรู้สึกของปิให้มากที่สุด”

เสียงเด็กผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น

“ปิ”

“เกิดไรขึ้นเหรอพี่แนน”

“…ฟ้า เค้า”

“เค้าคิดว่าเค้าเจอคนที่ปล่อยไวรัสน่ะ ...แล้วเค้าเลย ...จับตัวแฟนเค้าไป”

ซียังไม่ค่อยชอบใจนักที่จะให้คนอื่นพูดถึงความสัมพันธ์แบบนี้กับกันต์ออกมาต่อหน้าใคร

“พี่ฟ้า​... ยังไม่เลิกคิดอีกเหรอ”

“ปิ พอจะคุยกับฟ้าได้มั้ย”

เด็กคนนั้นในกางเกงยีนส์หลวม กับเสื้อยืด แต่งตัวเป็นฮิปฮอป ทุกอย่างหลวมไปหมดพยักหน้า

“ก็ต้องลองพี่ ปิเคยห้ามไปหลายรอบแล้ว”

ซีกำมือแน่น รอยเล็บหยิกเข้าเนื้อตัวเอง

…รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 25

เสียงบิดเครื่องดังๆแว่วมาให้ได้ยิน คล้ายกับวันนั้น คิดว่าน่าจะเป็นพวกเด็กแข่งรถออกมาซิ่งกันบนถนน แต่เสียงมันดังกว่า

เสียงเครื่องยนต์รถไม่น่าดังแบบนี้

คล้ายกับวันที่ไปกินเหล้าในตรอก

“มันยังไม่เลิกอีกเหรอ”

“นี่มึงว่ามันจะมาถึงแถวนี้มั้ยวะ”

“แถวนี้มีแต่ตึกร้าง มันไม่มาหรอก”

เสียงยางระเบิดดึงความสนใจพวกนั้นไป

ฟ้ายืนชะโงกมองออกไปจากขอบตึก ดาดฟ้าแบบตึกเก่าพวกนี้มันจะไม่มีขอบกั้น ถ้าเดินไม่ระวังจะตกลงไปได้

รอยเลือดแดงสดหยดใส่กางเกงบอกเซอร์สีฟ้าอ่อนเป็นดวง เปรอะเปื้อนเป็นทางสีแดง ทุกครั้งที่ขยับขารู้สึกแสบแปล๊บ เลือดไม่ค่อยไหลแล้ว แต่แผลนั้นยังสดอยู่ กันต์จึงไม่กล้าขยับตัวมาก

“นี่ ระหว่างนี้ ของเอาไอ้นี่ก่อนได้มั้ยอะ”

“นั่นดิ กูจะทนไม่ไหวแล้ววะ”

ฟ้าหันไปมองหน้า สองคนนั้นทำเป็นหมุนมีดในมือเล่น

“อยากทำก็ทำ แต่ถ้ามันผิดแผนแล้วไม่ได้เงินก็อย่ามาโทษกันนะ”

“สัส”

เสียงสบถลอยลมมา

สองคนนี้มันโง่แฮะ

ถึงจะทำลงไป กันต์ไม่สามารถหนีได้ ยังต้องเป็นตัวประกันอยู่ดี

โชคเป็นของกันต์

คืนนี้ถ้าอะไรจะเกิดขึ้นกันต์ก็ไม่แปลกใจอีกแล้ว พี่ฟ้าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากที่เคยรู้จัก ซีจะมาหากันต์มั้ยถ้ารู้ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ บางทีซีอาจจะทิ้งกันต์ไปเลยก็ได้

เหมือนที่กันต์เคยทำมาก่อน

กันต์ไม่มีเพื่อนเหลืออีกแล้ว คนเดียวที่เหลืออยู่ คือ ซี

อีกใจกันต์ก็ไม่อยากให้ซีมา พวกนี้จะทำอะไรลงไปบ้างก็ไม่รู้ ถ้าซีไม่มาอย่างมากกันต์ก็อาจจะโดนข่มขืน รุมซ้อม อาจจะไม่ตาย เดี๋ยวก็กลับไปหาซีได้

กันต์รู้สึกเหนื่อย

หายใจหอบ

คนชื่อเบรคเดินมากระชากบอกเซอร์ลง ปิดไว้แต่เพียงส่วนนั้นเปิดก้นออก เศษหินทิ่มรู้สึกเจ็บ กันต์ยังนั่งหงายอยู่ ตัวถอยขยับไปชนกำแพง

“อ้าปาก”

เสียงซิบรูดลง

ของข้างในไหลเยิ้ม เป็นเมือกลื่นไปทั่ว

กันต์รู้สึกขยะแขยง

“อ้าปาก”

มีดกำลังถูกชักขึ้นมาจากเอว

กันต์ทำตามแต่โดยดี หัวพิงหลังกำลังแพง บอกเซอร์ปิดแค่ส่วนนั้นเพราะพวกนี้ไม่อยากเห็น ก้นขาวแนบกับพื้น
รู้สึกเจ็บ ยิ่งขืนตัวแรงกดยิ่งทิ่มลงมันยิ่งเจ็บ

เบรคค่อยๆยื่นๆ เข้าหา

ก่อนจะตีเข้าที่แก้มสองที

“เป็นเมียกูนะจ๊ะ อมให้ผัวหน่อยนะ”

กันต์ร้องไห้

ไม่อาจขัดขืนได้

เสียง อา ลอดออกจากปาก กันต์ไม่กล้าแม้แต่จะหุบมันลง อีกเดี๋ยวกันต้องทำหน้าที่เมียที่ดี คอยดูดดุลแท่งเพื่อให้ความสุขแก่เบรค

ส่วนปลายค่อยๆเคลื่อนช้าๆ เข้าไปใกล้ปากขึ้นเรื่อย

ลิ้นกันต์สั่น ไม่อยากแม้แต่จะสัมผัสโดน

“ขยับเข้ามาอมสิ”

เสียงประตูตีดังผลัวะเข้าไป

เบรคสะดุ้ง

“พอ มันมาแล้ว”

“เหี้ยเอ้ย”

“พวกมึงทำไร”

ซีรีบตะโกนถาม ก่อนจะเดินเข้าไปหากันต์

“หยุด เดี๋ยวกูเสียบแม่งเลยนี่”

วันถุสีเงินวาบวับไปจิ้มหยุดอยู่ที่ท้องกันต์

ซีสังเกตเห็นเลือดไหลที่ขา แผลมันเริ่มเปิดจากการเกร็งตัวเมื่อครู่ หยดแหมะลงมาที่พื้น บอกเซอร์ของซีกลายเป็นสีแดงเข้ม

“ฟ้า พอเหอะ เค้าไม่ได้ทำนะ”

เสียงผู้หญิงแทรก

“แนน เธอเข้าข้างพวกมันเหรอ”

ฟ้าหยิบหินแถวนั้นเขวี้ยงเฉียดหัวซีไป ไม่แน่ใจว่าจงใจให้โดนใครกันแน่ ฟ้าหรือแนน

“ฟ้า ใจเย็นๆฟังเค้าพูดก่อน”

“ไม่ วันนี้มันต้องชดใช้”

“กูไปทำอะไรให้”

ซีตะโกนกลับ

ฟ้าหันหน้าไปทางบ้านตัวเอง

หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง

“บ้านกูอยู่ตรงนั้น ร้านข้าวบ้านกูเคยขายดีมาก่อน มึงรู้มั้ยว่ามันลำบากแค่ไหน กูต้องทำตัวบ้าบอ วันๆนึงไม่ทำอะไร นั่งอัพรูปอัพคลิป เรียกคนมาร้าน ถ้ายอดตกกูต้องจำใจถอดเสื้อบ้าง คอยอ่อยคนบ้าง บางทีก็รู้สึกทุเรศตัวเอง

ปีหนึ่งมึงน่าจะเคยมานะ กูจำหน้าได้

แม่กูตายไปหลายปี กว่าพ่อกูจะทำใจได้ วันหนึ่ง พ่อกูพาผู้หญิงคนหนึ่งมา หน้าเค้าเปลี่ยนไป พ่อกูดูมีความสุขขึ้น กูดีใจที่มันกำลังไปได้สวย น้าเค้ามีลูกติด ร่างกายไม่แข็งแรง ต้องพาไปหาหมอเสมอ”

กันต์รู้สึกว่าพอพี่ฟ้าพูดถึงตรงนี้ เสียงดูอ่อนโยนขึ้น

“กูยินดีที่จะดูแลเค้า เพื่อให้พ่อกับน้ามีความสุข... แล้ววันนั้นฝีมือมึง ไอ้ไดร์ฟบ้าๆของมึงนั่น พ่อกับน้าไปเที่ยวในหอศิลป์ แล้วก็มีคนวางระเบิด พ่อกับน้ากูอยู่ในห้องนั้นด้วย

มึงจะรู้มั้ย ว่าเพราะไอ้ไวรัสเฮงซวยในไดร์ฟสีแดงของมึงนั่น มันนำพาความชิบหายมาให้กู

กูต้องขายคอนโด ขายรถ เงินของน้าไม่ได้ถอนเอาไว้ก่อน บัญชีหายหมด ทุกอย่างเป็นศูนย์ เงินพ่อกูก็เป็นศูนย์ สมุดบัญชีไม่ได้อัพเดท กูขายทุกอย่างเพื่อรักษาร้าน ร้านที่เป็นความฝันของพ่อกู ขายทุกอย่างเพื่อรักษาน้องชายกู”

ฟ้าพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องในอดีตที่นานมาแล้ว สีหน้าเหม่อลอย

เค้าต้องแบกรับความลำบากไว้ขนาดไหนกัน นี่คือสาเหตุที่ฟ้าไม่ได้ลงเรียนต่อสินะ

“ปีหน้า ปิจะเข้ามหาลัย ...กูต้องยอมหยุดเรียนเพื่อส่งมันไปเรียนมหาลัยให้ได้ น้องมันไม่มีเพื่อน ถ้าเข้ามหาลัยทุกอย่างคงดีกับมัน”

กันต์ สะอีก เรื่องนี้กันต์เข้าใจได้

“เฮ้ย กูไม่อยากฟัง มึงอย่าคิดว่ามึงคนเดียวที่ดราม่านะเว้ย”

อาร์มพูดขึ้น

“พวกกูสองคนก็เสียพี่น้องไปจากเหตุการณ์นั้นเหมือนกัน”

อาร์มเดินเข้าไปหาซี

“พวกกูรอวันนี้มาตลอด”

“เหอะ พวกมึงเลยหันไปเล่นยาเนี่ยนะ”

ฟ้าสบถเสียงดัง

“แล้วเหี้ยไรละ ฟ้า มึงจะมากัดกันเองทำไม”

แนนค่อยๆขยับถอยห่างจากซี

“เอาละ เดี๋ยวกูจะพามึงไปหาตำรวจ ไดร์ฟนั่นเป็นหลักฐานมามึงเป็นคำทำ แล้วพวกกูก็จะได้เงินรางวัล เอาไปใช้สบาย”

อาร์มเดินเข้าไปใกล้ซีมากขึ้น ปลายมีดชี้ไปหาซี

“ถ้ากูบอกว่าไม่ได้ทำละ”

“แล้วมึงมีมันได้ไง”

ฟ้าถาม

“ไอ้ไดร์ฟนี่น่ะเหรอ”

“ในนั้นมันไม่มีอะไรหรอก ซีเค้าแค่...”

เสื้อลูกไม้ไหวขณะที่แนนกำลังจะอธิบาย

“ในนี้มีไวรัสที่พวกแกต้องการอยู่”

แนนตะลึง

ซีตัดบทพูดขึ้นเร็วๆ

“แต่กูไม่ได้ใช้ ดังนั้นไฟล์ในนี้ ถ้าเอาไปส่งให้ตำรวจ ไม่ว่าประเทศไหน ถ้าแกะโค้ดมันได้ ก็จะแก้ทุกอย่างในที่เกิดขึ้นมาแล้วได้ มันคงมีค่ามากกว่าค่าตัวกูนะ”

ในข่าวว่า มูลค่าของไดร์นั่นมากกว่าเงินรางวัลนำจับเป็นร้อยเท่า

โอ๊ย

เบรคลากกันต์ยืนขึ้น

ขอบกางเกงปิดส่วนปลายอวัยวะเอาไว้ มันหลุดร่วงลงมาที่ต้นขา แสดงทุกส่วนตั้งแต่ท้องน้อยไล่ลงมา กันต์บิดตัวเพื่อปกปิด รู้สึกอาย กันต์กำลังยืนเปลือยให้ทุกคนดู

“เอามาแลกกัน”

ซีหันไปบอกเบรค

“รู้งานดีนี่”

ซียื่นมือที่กำไดร์ฟสีแดงไว้แน่น

“แต่เดี๋ยวก่อน ...มูลค่ามันสูงนะ พวกแกหารกันสามคนจะดีเหรอ ถ้าใครได้ไปนี่สามารถไปอยู่เมืองนอก มีบ้านหรูๆ เล่นยาได้ไม่อั้น หาเมียมาปรนเปรอสักกี่คนก็ได้นะ”

เบรคกับอาร์มมองหน้ากัน

“ส่งมา”

อาร์มร้องก่อนถือมีดเดินเข้าไปหา

ซีแสยะยิ้ม

“เอ้า นายจะเป็นตัวแทนพวกนี้เหรอ”

เสียงหวีดผ่านอาการ ตามมาด้วยเสียงเนื้อกระทบของปลายแหลม

มีดจากเบรคเสียบที่เข้าที่สีข้างของอาร์ม

สองคนตาวาว หันไปแลกมีดกัน เสียงเนื้อกระทบกันกับเลือดสาดกระจาย  มีกันต์ยืนขวางอยู่ตรงกลาง ก่อนจะถูกถูกโยนลงไปข้างๆ แนนรีบวิ่งเข้าไปหา

ซีโดดเข้าไประหว่างสองคนนั้นแต่ไม่ได้จะเข้าไปห้าม ตัวกันต์ถูกเหวี่ยงไปมาดูน่าหวาดเสียว จะมีมีดไหนแทงพลาดโดนกันตื

ซีเอื้อมตัวไปบัง แล้วโดดออกมาจากวง เอาตัวเองรับร่างกันต์ไว้ไม่ให้กระแทกพื้น

ซีถอดเสื้อตัวเองมาคลุมตัวกันต์

สองคนนั้นล้มลง จ้องซีเขม็ง

“โง่เนอะ อยากได้เหรอ”

เสียงกริ๊งดังขึ้น

“พี่ฟ้า อย่าทำพวกเค้านะ”

ปิ เหนื่อยหอบขึ้นมาจากบันได

“ปิ มาทำอะไรที่นี่”

“พี่ฟ้า ปิเคยบอกให้เลิกทำเรื่องอย่างนี้แล้วไง ทำไมอะพี่ ทำไมต้องไปทำร้ายคนอื่นด้วย ...พี่อยากเป็นเหมือนคนที่ทำกับปิอย่างนั้นเหรอ”

สีหน้าฟ้าดูไม่ดี

ซีแกะไดร์ฟออกจากพวกกุญแจ ปาไปสุดแรง

โยนเลยข้ามหัวฟ้าไป

เบรคกับอาร์มรีบโดดออกไปรับ ชนเข้ากับตัวฟ้า ผลักฟ้ากระเด็นไป ดาดฟ้าไม่มีระเบียงกัน ไดร์ฟลอยหายเข้าไปในความมืด

เสียงระเบิดจากที่ใกล้ๆทำเอาให้ตึกแถวนั้นสั่น

พวกนักเลงเล่นปาระเบิดในเมือง ภาพที่เห็นบ่อยในกรุงเทพกำลังกลับมา

เด็กแว๊นตีกัน

ฟ้าตัวเซ พื้นที่ยืนอยู่ไม่มั่นคง

กำลังร่วงลงข้างล่าง...

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 26

มือขาวเล็กเกี่ยวเข้ากับข้อมือของฟ้า

พี่ชายตัวสูงกำลังห้อยอยู่ขอบตึก ข้างล่างเป็นพุ่มต้นไม้รกมืด เบรคกับอาร์มตกลงไปเบื้องล่างก่อน เสียงกระแทกพื้นดังขึ้นแล้วเงียบหายไป

ไม่มีสิ่งไหนไหวติง

“ปิ ปล่อย”

น้องชายกัดฟัน เอื้อมมือคว้าแขนฟ้าเอาไว้

“ปล่อย เดี๋ยวร่วงไปด้วย”

แขนปิสั่น

แนนรีบวิ่งเข้าไปช่วย

ฟ้าพยายามเหวี่ยงมือขึ้นมาที่ขอบตึก

ปิใช้สองมือดึงไว้ หน้าแดง เรี่ยวแรงเหลืออีกไม่มาก

ฟ้าพยายามอีกครั้ง มือคว้าเข้ากับมืออีกข้าง

“ซี…”

“เกาะไว้”

ซีเอื้อมมือลงไปดึงมือฟ้าอีกข้างขึ้นมา ก่อนจะใช้มืออีกข้างดึงหูกางเกง เหวี่ยงตัวฟ้าขึ้นมานอนหอบอยู่บนพื้นปูนดาดฟ้า

กันต์ยืนสั่น ห่มตัวเองอยู่ใต้เสื้อเชิ๊ตตัวใหญ่ของซี

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกรอบ

“เฮ้ย ห้องนี้ไงที่มีคนร่วงลงมา”

เสียงผู้ชายวัยรุ่นดังมาจากข้างล่าง

“ไปดูดิ”

ซีคว้าตัวกันต์อุ้มเดินไปริมตึก มองหาขอบระเบียง

“มาเร็ว”

สิ้นเสียงซีกระโดดลงข้างล่าง

ระเบียงเป็นสีดำ ซากตะไคร้น้ำเกาะล้น ทุกอย่างดูเป็นสีดำไปหมด ซีเห็นที่ระบายลมร้อนของแอร์อยู่ มันเป็นการเดิมพันที่เสี่ยง

เสียงหล่นตุบดังมาอีกสองสองที ฟ้ากับกันต์โดดตามลงมา

“พี่ฟ้า นี่ไม่ใช่เวลามาตีกันนะ”

ปิห้ามไว้

เมื่อฟ้าทำท่าจะเข้าไปหาซีอีกรอบ

สองคนตอนนี้เหมือนหมาบ้าที่พร้อมจะกัดกันทุกเมื่อ

ซีกอดกันต์หลบอยู่หลังพัดลมแอร์ ฟ้าเองดึงปิเข้าไปหลบซอกตรงข้าม

แสงไฟสาดส่องไปมาจากด้านบน กำลังหาตัวคนทำ

รอยู่นานเสียงคนลงบันไดไม้เก่าลั่นเอี๊ยด ห่างออกไป

ซีกับฟ้าจ้องหน้ากันเขม็ง ก่อนที่ซีจะหลบตา

เมื่อตั้งสติได้ ฟ้าลุก โดดเข้าทับซีเสื้อของฟ้าเลอะฝุ่น กลิ้งสลับไปมากับซีที่ตอนนี้ครึ่งบนเปลือยเปล่า

“พี่ฟ้าหยุด”

“ซี”

กันต์กับปิต่างคนต่างเรียก

เสียงหมัดสวนเข้าที่หน้าของฟ้า แต่ไม่ได้โดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ฟ้าถีบซีกระเด็นออกไปยังซากของระเกะระกะบนระเบียง

ซีที่เล่นกล้ามตัวแน่นกว่า เดินดุ่มเข้าไปหา

ฟ้ายันตัวเองขึ้น พุ่งเข้าใส่ ชนซีล้มลง

เนื้อตัวแดง แรงเหวี่ยงของหมัดถาโถมเข้าใส่กันไม่มียั้ง

“พี่ฟ้าถ้าไม่หยุดปิ จะโดดลงไปข้างล่างนะ”

สิ้นเสียงฟ้าถูกผลักกลิ้งลงไปข้างล่าง ซีขึ้นคร่อมง้างหมัดเตรียมจะหวดลงอีกรอบ

สองคนนั้นยังไม่หยุด

“มึงทำกันต์แบบนี้เหรอ ดูสารรุปมันสิ กูไม่ปล่อยมึงเดินกลับไปง่ายๆแน่”

“กูก็ไม่ปล่อยมึงไปเหมือนกัน”

เศษผ้าลอยผ่านหน้าสองคนไป

“ปิ?”

ปิปาเสื้อตัวเองออกไป ตัวขาวผอมยืนสั่นอยู่ ตอนนี้กางเกงก็ถูกถอดอย่างลำบาก

“พอใจยัง ตอนนี้ปิก็ไม่แก้ผ้าแล้วเหมือนกัน ถือว่าเจ๊ากันแล้วนะ”

“ไอ้ปิ”

พี่ฟ้าพยายามพูดเสียงที่สุดเท่าที่จะไม่ให้พวกนั้นได้ยิน

ซีไม่สนใจจะประเคนหมัดเข้าต่อ

กันต์เอาตัวเข้าขวางฟ้า

คราวนี้ฝ่ายที่โดนทับลุกขึ้นมาบ้างแต่ปิโดดเข้าขวาง

กันต์เดินกระเผลกมาดึงตัวซีขึ้น

ซีหยุดนิ่งในท่านั้น

“กันต์?”

“ปิ? ไม่แค้นเหรอ”

ฟ้านอนหมดแรงถามออกมา

“พี่ฟ้า ...”

เสียงปิสะอื้น

“พอเหอะ อย่าให้ทุกอย่างมันเลวร้ายไปกว่านี้เลย ...คนทำก็คงเสียใจเหมือนกันน่ะแหละพี่ ฆ่ากันไปแล้วได้อะไรละ”

ทันใดนั้นเสียงร้องไห้ดังออกมา เริ่มจากเสียงสั่นก่อน

“เราไม่ได้ทำหรอก ถ้าทำไดร์ฟมันคงไม่อยู่อย่างนี้ ไวรัสมันจะทำลายทุกอย่างจนรวมถึงผู้ใช้ด้วย เราจะพกขยะแบบนี้ติดตัวไปมาล่อเหยื่อทำไม”

ซีลดแขนลง

“ในนั้นมีของสำคัญของเรา รูปพ่อแม่ รูปสุดท้ายที่เราดึงใส่ทิ้งไว้ก่อนมันจะดับไป”

ซีพูดสำลัก

กันต์เข้ามาโอบกอดจากข้างหลัง น้ำตาหยดลงบนอกขาวๆเป็นทาง

นานเท่านานที่ทั้งหมดนิ่งอยู่อย่างนั้น

“มันมีคลิปกันต์ด้วยแหละที่เราเสียดาย”

ซีพูดติดตลก

“ไอ้ซี ไปเอามาจากไหน”

กันต์รีบโวย

ซีกลับมานยิ้มทั้งนำตา

จู่ๆซีเสียงสั่นกว่าเดิม

“พ่อแม่เราเครื่องบินตกวันนั้นแหละ”

ซีน้ำตารื้นอีกครั้ง

“ไดร์ฟนั่นคืออย่างสุดท้ายที่เรามี”

“เราไม่เคยล้างรูปพ่อแม่เก็บไว้ กล้องที่พ่อใช้เป็นดิจิตอล ทุกอย่างมันโดนลบไปด้วย เหลือแค่ไดร์ฟอันนี้ที่เราใส่รูปพ่อแม่ตอนไปเที่ยวครั้งสุดท้ายเอาไว้”

ไดร์ฟนั้นตอนนี้ซีปาทิ้งออกไป กระเด็นข้ามออกไปทางด้านหลังที่กองซากตึก เศษหินปูนกองทับทมกันอยู่ จะให้หาไดร์ฟเล็กใในที่แบบนั้นเป็นไปไม่ได้

ตอนปาออกไปไม่มีใครตั้งตัวทัน ทิศทางก็ไม่ชัดเจน

“พี่ฟ้า ปิเสียใจนะ แต่ปิก็ไม่อยากให้พี่ฟ้ามาทำเรื่องแบบนี้ ทุกคนสูญเสียกันมาพอแล้ว”

“พวกเราทุกคนคือผู้สุญเสีย ไม่มีใครได้อะไรจากเรื่องนี้หรอกนะพี่”

ปิว่าต่อ

“ซี”

กันต์ล้มตัวลงกอดซี ปล่อยให้ซีสะอื้นอยู่ในอ้อมกอด แบบเดียวกับที่ฟ้าเคยทำ

“ปิ ...พี่ขอโทษนะ”

น้องตัวเล็กส่ายหัว ตัวยังสั่นอยู่

“พี่ฟ้าดูแลปิมาตลอด ไม่ว่าพี่จะทำอะไร ปิก็ไม่สิทธิ์ไปว่าอะไรหรอก แต่เรื่องนี้มันไม่ได้อะไร ปิไม่อยากเห็นคนอื่นโดนทำร้ายจนเป็นแบบปิอีกแล้ว”

เสียงถอนหายใจหนัก

ฟ้าค่อยๆลุกขึ้นยืน พยุงตัวปิจับเสื้อผ้าเข้าสวมให้ ก่อนหันหลังเดินไป

ขาน้องชายสั่นราวกับมีแผ่นดินไหว

“พี่ทำปิ เดือดร้อนสินะ”

ปิสั่นหัวแรงๆ

“ซี กันต์ แนน เราขอโทษนะ”

ฟ้าหันมามองหน้าครั้งสุดท้าย

ไม่มีใครพูดอะไร

เสียงกระโปรงดังสวบ วิ่งเข้าไปพยุงปิ

“แนน?”

“เล่นทิ้งชั่นเลยนะยะ”

สภาพกระโปรงแหว่งขาด แนนคงมุดเข้าไปหลบในกองเหล็กเก่าแล้วไปเกี่ยวโดนกระโปรงเข้า

“ชั้นหนีไปหลบในห้องน้ำมา มืดก็มืด เหม็นก็เหม็น”

มือดำสกปรก แง้มหน้าต่างออกกว้างให้ปีนเข้ามา

ทั้งสามคนค่อยๆเดินหายลงบันได ทิ้งกันต์กับซีไว้บนดาดฟ้า

“กลับกันเถอะ”

“กันต์ ใส่ชุดแบบนี้ก็เซ็กซี่ดีนะ”

เสื้อเชิ๊ตของซีคลุมตัวอยู่ก็จริง แต่กันต์ไม่ได้ติดกระดุม ร่างเปลือยด้านหน้าโผล่เข้าเต็มตาของซี

“ไอ้บ้า”

กันต์รู้สึกอาย ป่านนี้พวกนั้นเห็นกันหมดแล้ว

ซีโดดเข้ากอดกันต์

“ดีที่กันต์ไม่ได้เป็นอะไรไป”

“เออ เราไม่เป็นไรหรอก นายอะเจ็บตรงไหนมั้ย”

“ยังมีหน้ามาถามเหรอ ดูขาตัวเองซะก่อน”

เลือดเริ่มซึมออกมาอีกแล้ว

ซียันตัวเองขึ้นมา

“ขอบใจนะ ช่วยเราไว้อีกแล้ว”

“ช่วยบ้าไรละ นายต่างหากละ”

“กันต์ทิ้งเสื้อลงโผเข้ากอดทั้งอย่างนั้น ก้นขาวสะท้อนแสงจันทร์

“เอ... หรือจะทำต่อจากเมื่อตอนเย็นตรงนี้เลยดีนะ เอ้าดอร์ดีมั้ย”

“อือ ก็ดีนะ อยากลองมานานแล้ว”

กันต์ทำท่าจะปลดเสื้อลง

“เฮ้ยๆ”

“ล้อเล่นน่า”

กันต์คว้ามือซีเข้ามากุมที่หน้าอก

“กลับกันเหรอ แล้ววันหลังจะให้ทำจนหมดแรงเลย”

“ไอ้ทะลึ่ง”



ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด