: เรื่องสั้น : Evil Twin
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: : เรื่องสั้น : Evil Twin  (อ่าน 1710 ครั้ง)

ออฟไลน์ batothem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
: เรื่องสั้น : Evil Twin
« เมื่อ26-10-2018 20:36:43 »

อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม








มันมีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่คนเราจะสามารถปรากฏตัวในสองสถานที่พร้อมกันได้

โดยที่คน ๆ นั้นยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดา

พายไม่ค่อยอยากจะเชื่อในแนวคิดนี้เท่าไหร่นัก แต่เขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายเหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นได้เลยสักนิด เล่าให้ใครฟังเขาก็คงจะคิดว่าพายเป็นบ้า หรือไม่ก็อินกับภาพยนตร์มากจนเกินไป

แต่เชื่อเถอะว่าถ้าใครได้เจออย่างที่พายเจอ ร้อยทั้งร้อยคงต้องสงสัยขึ้นมาบ้างล่ะ

เขาไม่รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นตอนไหน แต่ตอนที่มั่นใจว่าเรื่องราวเหล่าไม่ปกติก็เห็นจะเป็นเหตุการณ์เมื่อตอนพักเที่ยงของวันนี้

เขากำลังนั่งเล่นอยู่กับไวน์ในช่วงพักเที่ยงที่ห้องเรียน จู่ ๆ ไอซ์ หัวโจกประจำสายชั้นมอห้าที่ชอบกลั่นแกล้งพายก็เดินเข้ามาขอโทษเขา

“ขอโทษ? เรื่องอะไร”

พายขมวดคิ้ว เขาหันไปสบตากับไวน์ที่ยืนกุมมือเขาอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ไอซ์น่ะชอบแกล้งคนอื่นไปทั่ว ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ทำมาหมด แต่ไม่เคยขอโทษใครเลยสักครั้งเพราะถือว่าตัวเองเป็นลูกผู้อำนวยการโรงเรียน แต่วันนี้กลับเดินเข้ามาขอโทษเขา แถมยังทำท่าทีหวาดกลัวแปลก ๆ อีก

ไม่ใช่เรื่องปกติเลยสักนิด

“ขอโทษเรื่องที่ฉีกสมุดการบ้านนายเมื่อวาน เดี๋ยวฉันเขียนการบ้านมาคืนให้ใหม่”

ไอซ์อึกอัก พายเห็นเจ้าตัวกำมือแน่นสลับคลายก่อนจะหันไปมองไวน์ด้วยสายตาที่หวาดกลัว แล้วเอ่ยคำพูดที่ทำให้เขาต้องงุนงงอีกครั้ง

“ฉันขอโทษแล้วนะ ทีนี้ก็...อย่ามาหาเรื่องฉันอีก หยุดเอาเรื่องนั้นมาขู่ฉันด้วย”

“นายพูดอะไรของนายน่ะ” คราวนี้เป็นไวน์บ้างที่ขมวดคิ้ว “ใครไปขู่อะไรนาย”

“ก็นายไง เมื่อคืนนายมาดักรอฉันตอนกลางคืนแล้วก็มาขู่ฉัน นี่อย่ามาทำใสซื่อนะ ฉันมาขอโทษแล้วนายก็ต้องรักษาความลับเรื่องนั้นด้วย”

“พูดบ้าอะไรของนาย เมื่อคืนฉันอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหนสักหน่อย”

“เฮอะ อย่ามาแกล้งเซ่อไปหน่อยเลย” ไอซ์เริ่มจะหัวเสีย “เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ ฉันจะเขียนสมุดมาให้ใหม่ ส่วนพวกนายก็ต้องรักษาความลับของฉันด้วย ไปละ”

พายมองแผ่นหลังของไอซ์ที่เดินจากไปด้วยสายตาครุ่นคิด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ไวน์จะไปดักเจอไอซ์ระหว่างทาง เพราะเมื่อคืนเราไปกินข้าวด้วยกันแล้วก็ดูหนังรอบดึก กว่าไวน์จะไปส่งเขาที่บ้านก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว ระหว่างทางที่ไวน์กลับบ้านเขาก็คอลด้วยตลอดจนกระทั่งอีกฝ่ายเข้านอน มันไม่มีทางไหนเลยที่เรื่องที่ไอซ์พูดจะเป็นความจริง

แต่นั่นก็คือไอซ์นะ ไอซ์ที่ไม่เคยยอมก้มหัวยอมแพ้ใครมาก่อน วันนี้ถึงกับมาขอโทษเพื่อแลกกับรักษาความลับให้แบบนี้...

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

“อีกแล้วเหรอ…”

พายหันไปมองหน้าไวน์ที่พึมพำออกมาพลางลูบมืออีกฝ่ายเบา ๆ

“มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะไวน์”

“มันบ่อยเกินไปแล้วที่มีคนเห็นฉันไปนู่นมานี่ ไปทำอะไรต่าง ๆ ทั้ง ที่ฉันไม่ได้ทำเลยน่ะ” ไวน์หันมาสบตาเขา สายตาปกปิดความกังวลไว้ไม่มิด “ฉันไม่เข้าใจเลยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่”

พายยิ้ม ลูบแก้มอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา กดนิ้วชี้ลงไปข้างแก้มของแฟนหนุ่มจนมันเป็นรอยบุ๋ม

“นายอาจจะหน้าโหลก็ได้นะ หมอนั่นอาจจะคิดไปเอง”

“ถามจริง หล่ออย่างนี้อ่ะนะจะหน้าโหลอ่ะ” ไวน์จับนิ้วพายมาจุ๊บ “นายว่าแฟนนายหน้าโหลเหรอ หื้ม”

“เอ้า จริง ๆ คนเราจะไปอยู่สองที่พร้อมกันได้ยังไงล่ะ เนอะ”

ถึงจะตอบออกไปแบบนั้น แต่ความกังวลลึก ๆ ในใจของพายก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปสักนิด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ทั้งเขาทั้งไวน์ก็ไม่มีใครหาคำตอบได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

โลกใบนี้น่ะ เต็มไปด้วยความลึกลับมากเกินไปแล้ว

“สวัสดี พาย”

แต่แล้วเสียงเรียกของใครบางคนทำให้พายหลุดออกจากภวังค์  พายหยุดคิดเรื่องราวเหล่านั้น วางแปรงลบกระดานในมือแล้วหมุนตัวไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องเรียน

เอเคอร์ สมาชิกหัวโจกประจำโรงเรียนกลุ่มเดียวกับไอซ์นั่นเองที่เป็นคนเรียกเขาไว้

พายลอบถอนหายใจ ตอนนี้ในห้องเรียนไม่มีใครเหลืออยู่อีกแล้ว นึกโทษตัวเองเบา ๆ ที่ไม่ยอมรีบทำเวรให้เสร็จแล้วกลับบ้านจะได้ไม่ต้องมาเจอคนแบบนี้ แถมตอนนี้ไวน์ก็เอาขยะไปทิ้งยังไม่กลับมาเลย ไม่มีใครช่วยเขาได้เลยสักนิด

“มีอะไร”

“ทำการบ้านวิชาศิลปะที่ต้องส่งพรุ่งนี้ให้หน่อยสิ คืนนี้ฉันไม่ว่างทำ”

“ฉันทำไม่ทันหรอก ฉันก็ต้องทำของตัวเองเหมือนกันนะ”

แววตาของเอเคอร์เปลี่ยนทันทีที่ได้คำตอบไม่ตรงใจ อีกฝ่ายเดินเข้ามาประชิดตัวเขาจนพายต้องถอยหลังหนีแต่ก็ไม่พ้นเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาคว้าต้นแขนเขาไว้พลางออกแรงบีบอย่างแรงจนเขานิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“กูไม่ได้มาขอร้อง นี่-คือ-คำ-สั่ง”

ให้ตายเถอะ จะหนีไม่พ้นพวกอันธพาลเลยใช่มั้ยเนี่ย

“ฉันทำไม่ได้จริง ๆ” พายพยายามสะบัดแขนให้หลุดแต่ก็ไร้ผล “ครูเอจำวิธีวาดรูปของฉันได้ อีกอย่างคราวก่อนที่ฉันทำให้นายครูเอก็จับได้นี่นา ถ้าคราวนี้ฉันทำให้นายอีกครูบอกว่าจะให้ 0 ฉันแล้ว”

“แล้วไง มันไม่ใช่เรื่องของกู” เอเคอร์เดาะลิ้น “กูสั่งให้ทำ มึงก็ต้องทำ มึงต้องชดใช้ที่น้องรักมึงทำให้กูขาเจ็บจนทำงานนี้ไม่ได้”

“พูดอะไรของนาย”

พายขมวดคิ้ว ตรรกะหมอนี่พังไปแล้วจริง ๆ ขาเจ็บแล้วเกี่ยวอะไรกับการวาดรูป ไหนจะน้องรักอะไรนี่อีก

“ไอ้ชิน น้องรักมึงไง มันผลักกูตกบันไดเพราะแค้นที่กูไปแกล้งมัน ผลักกูเสร็จก็ทำเป็นเพิ่งวิ่งมาดูกูแล้วตอแหลว่าไม่ได้ทำ”

“แต่พี่แพรวบอกฉันว่าชินไม่ได้ทำ ชินเพิ่งวิ่งมาดูนาย ใคร ๆ ก็เห็นนี่”

พลั่ก

โครม

“โอ๊ย”

พายโดนต่อยทันทีที่พูดประโยคนั้นจบ แถมยังโดนผลักไปชนกับโต๊ะด้านหลังจนล้มลงกับพื้น มือบางกุมแก้มที่โดนต่อย ปลายนิ้วปาดหยดเลือดเล็ก ๆ ที่ซึมออกมาจากมุมปากก่อนจะหันไปมองตัวต้นเหตุด้วยความไม่พอใจ

“มันตอแหลเอาทั้งนั้น กูนี่แหล่ะคือความจริง” เอเคอร์ล้วงมือลงกับกระเป๋ากางเกง เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยที่ขาเขา “กูจะไม่พูดมาก เอาเป็นว่าถ้าพรุ่งนี้มึงไม่ทำงานให้กู”

สายตาของอีกฝ่ายทอประกายอันตราย นิ้วชี้ยกขึ้นมาทำท่าปาดคอตัวเองก่อนจะพูดขู่เขาด้วยสีหน้าที่แสนเจ้าเล่ห์

“กูเอามึงตายแน่”

เอเคอร์เตะขาเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินหันหลังจากออกไปจากห้อง สวนกับไวน์ที่เพิ่งกลับมาจากการทิ้งขยะ คนรักของเขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพของเขา พายเห็นเอเคอร์หัวเราะในลำคอพลางเดินชนไหล่ไวน์หายลับไปจากประตู ไวน์รีบวิ่งเข้ามาประคองเขาทันที สีหน้าของเจ้าตัวดูกังวลไปหมด

“พาย เจ็บมากไหม”

“นิดหน่อย” พายยิ้มแห้ง ลูบแขนไวน์เบา ๆ เพื่อปลอบประโลม “ฉันโอเคอยู่”

“ฉันขอโทษนะที่ไม่รีบกลับมาให้เร็วกว่านี้” มือใหญ่ของไวน์ลูบแก้มเขา สายตาอีกฝ่ายมีความรู้สึกผิด “ถ้าฉันอยู่ด้วยนายก็คงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้”

พายยิ้ม ส่ายหัวเบา ๆ “ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก”

“ไปทำแผลที่ห้องพยาบาลกัน ค่อย ๆ ลุกขึ้นนะ”

   ระหว่างทางไปห้องพยาบาลพายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไวน์ฟัง คนรักของเขายิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกผิด เขาได้แต่ปลอบว่ามันไม่ใช่ความผิดของไวน์ อีกอย่างหมอนั่นเป็นอันธพาล ถ้าไวน์อยู่ด้วยคงไม่แน่ว่าอาจจะโดนต่อยเข้าอีกคนก็ได้

   โชคดีที่ครูห้องพยาบาลไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นพายคงตอบคำถามครูไม่ได้ว่าทำไมถึงโดนต่อยมา ไวน์พยุงเขานั่งลงบนเตียงห้องพยาบาลเบา ๆ จนเขาหัวเราะกับการประคบประหงมนั้น

   “ขอโทษนะที่ปกป้องนายไม่ได้เลย” ไวน์ถอนหายใจ “ฉันอยากจะไปเอาคืนแทนนายจริง ๆ นะ แต่ฉันกลับทำอย่างนั้นไม่ได้ แม้แต่จะฟ้องครูยังทำไม่ได้เลย”

   “ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้หมอนั่นมีเพื่อนสนิทเป็นลูกผู้อำนวยการล่ะ” พายยักไหล่ สองมือจับมือของไวน์มากุมพลางเขย่าเบา ๆ “แต่ว่าไม่ต้องขอโทษหรอกน้า ถ้าขอโทษอีกทีฉันจะงอนแล้วนะ”

   ไวน์ยิ้มที่พายทำปากยู่อย่างงอน ๆ เจ้าตัวหันหลังไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลในตู้ล็อกเกอร์บนเคาน์เตอร์พยาบาลที่ตั้งอยู่ข้างหน้าต่าง แดดยามเย็นสีอ่อนที่พาดผ่านมาทำให้เงาของไวน์สั่นไหวไปชั่วขณะก่อนจะกลับมานิ่งดังเดิม

   “อันที่จริงฉันว่าเราสามารถแก้แค้นได้นะ”

ไวน์เอ่ยเสียงแข็ง  เจ้าตัวหันหน้ามาหาเขา ทิ้งสะโพกพิงเคาน์เตอร์ สองมือที่ถือกล่องยาบีบกล่องแน่นจนมือเกร็งไปหมด

พายขมวดคิ้วกับอาการที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของคนรัก หยัดตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ทิ้งน้ำหนักตัวลงไปหาไวน์ทั้งตัว จับมือของไวน์มาโอบรอบเอวพลางวางคางลงกับแผ่นอกหนา สบตากับคนที่ก้มลงมามองด้วยความออดอ้อน

“อย่าเลย” พายยิ้มตาหยีจนกลายเป็นสระอิ “ไม่ต้องไปตอบโต้คนแบบนั้นหรอก เดี๋ยวจะลำบากกันซะเปล่า ๆ”

“นายไม่แค้นเลยเหรอ” มือซ้ายของไวน์โอบเอวเขาแน่น มือขวาลูบไล้แก้มข้างที่โดนต่อยแผ่วเบา “นายไม่ควรมาเจ็บตัวอย่างนี้เลยสักนิด”

“มันก็น่าเจ็บใจอยู่หรอกที่โดนต่อยน่ะ แต่ทะเลาะกับคนพาลเราไม่มีวันชนะหรอกนะ”

“แค่นายรู้สึกเจ็บใจบ้างก็พอแล้ว”

ไวน์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ อีกฝ่ายก้มหน้าลงมากดจูบลงที่ริมฝีปากของเขา ดูดดึงปากนิ่มอย่างย่ามใจก่อนจะผละออกมาแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“คืนนี้มานอนบ้านฉันนะ เดี๋ยวฉันช่วยวาดรูปส่วนเกินของไอ้เหี้ยนั่นให้”

พายขมวดคิ้ว ยื่นมือไปบีบปากคนตัวสูงก่อนจะเย้าแหย่ “ไหนบอกว่าไม่ชอบพูดคำหยาบไง ละนี่ไปเรียกเขาว่าไอ้เหี้ยทำไมล่ะฮึพ่อหนุ่มมม”

สายตาของไวน์ล่อกแล่กก่อนจะกลับมาเป็นปกติ เจ้าตัวยิ้มหวานจนลักยิ้มบุ๋มขึ้นที่ข้างแก้ม ไม่ตอบคำถามเขา เปลี่ยนเรื่องอีกครั้งด้วยการอุ้มตัวเขาไปนั่งบนเตียงพยาบาลเพื่อทำแผลให้แทน

ทิ้งปริศนาไว้ให้เขาคาใจอีกครั้งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของอีกฝ่าย




***************************




   (จะไม่ให้ฉันไปรับจริง เหรอ) ไวน์ทำเสียงออดอ้อน (มันมืดแล้วน้า ฉันสตาร์ทรถออกไปแปปเดียวเองเนี่ย)

   “ไม่ต้องเลย เปลืองน้ำมันเปล่า ๆ น่า” พายหัวเราะ “บ้านเราห่างกันแค่ซอยเดียวเองนะ ฉันเดินไปได้ ไม่มีอะไรน่ากลัวขนาดนั้นหรอก”

   (ว้า เสียใจจัง) ปลายสายน้ำเสียงเศร้าทันที (นี่แฟนเราเห็นแก่น้ำมันมากกว่าการเจอหน้าเราเร็ว ๆ อีกเหรอเนี่ย เฮ้อ)

   “ฮึ ไม่สงสารหรอกนะ” คนตัวเล็กแลบลิ้น หยุดมือจากการพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าแล้วพูดต่อ “เอาเป็นว่าเดี๋ยวเจอกันที่บ้านนายนะ ไม่เกินสิบนาทีเดี๋ยวไปถึงเลยเนี่ย”

   (โอเค เดี๋ยวลงไปรอหน้าบ้านเลยเนี่ย)

   “บายค้าบ”

   “บายค้าบ”

   ปลายนิ้วเรียวกดตัดสาย เพราะรู้ว่าไวน์ไม่เคยยอมเป็นฝ่ายตัดสายเขาก่อนเลยเวลาคุยโทรศัพท์กัน พายยิ้มบาง ๆ ให้กับหน้าจอโทรศัพท์ที่รูปแบ็คกราวด์เป็นรูปคู่ของเราก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่พับแล้วลงกระเป๋าสะพาย ตรวจนับของที่จำเป็นต้องใช้ ทว่าสายตาที่เหลือบไปเห็นกล่องสีน้ำที่วางอยู่ด้านข้างก็ทำให้เขาต้องหวนคิดเรื่องเมื่อตอนกลางวันขึ้นมาอีกครั้ง

“ก็นายไง เมื่อคืนนายมาดักรอฉันตอนกลางคืนแล้วก็มาขู่ฉัน นี่อย่ามาทำใสซื่อนะ ฉันมาขอโทษแล้วนายก็ต้องรักษาความลับเรื่องนั้นด้วย”

“ไอ้ชิน น้องรักมึงไง มันผลักกูตกบันไดเพราะแค้นที่กูไปแกล้งมัน ผลักกูเสร็จก็ทำเป็นเพิ่งวิ่งมาดูกูแล้วตอแหลว่าไม่ได้ทำ”

“แต่พี่แพรวบอกฉันว่าชินไม่ได้ทำ ชินเพิ่งวิ่งมาดูนาย ใคร ๆ ก็เห็นนี่”

   พายถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก สองขานั่งขัดสมาธิบนเตียงนุ่มพลางคิดทบทวนคำพูดต่าง ๆ นึกถึงสีหน้าท่าทางของไอซ์และเอเคอร์ที่ดูไม่มีวี่แววจะโกหก คำบอกเล่าของพี่แพรว ประธานนักเรียนที่สนิทกันที่ยืนยันกับเขาว่าชินไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นแน่ และตัวของเขาเองที่อยู่กับไวน์ตลอดเวลาในช่วงเวลาที่ไอซ์กล่าวอ้าง ความสนิทกับรุ่นน้องที่ทำให้แน่ใจว่าชินนั้นขี้กลัวเกินกว่าจะผลักอันธพาลแบบเอเคอร์ตกบันไดได้ ข้อมูลทุกอย่างมันตีกันจนเขาสับสนไปหมด

   ทั้งชิน ทั้งไวน์

   คนเราจะอยู่ 2 ที่ในเวลาเดียวกันได้จริง ๆ น่ะเหรอ
   
พายครุ่นคิด ก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ออกมาเสิร์ชหาสิ่งที่ต้องการบนอินเตอร์เน็ตทันที เขาไม่รู้ แต่มันน่าจะมีใครสักคนที่รู้สิ มันต้องมีใครหรืออะไรสักอย่างที่อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้แน่

คนตัวเล็กพิมพ์สิ่งที่เกิดขึ้นลงไป เปลี่ยนคีย์เวิร์ดไปเรื่อย ๆ เมื่อไม่พบข้อมูลของสิ่งที่ต้องการ จนในที่สุดก็ดูเหมือนจะเจอเว็บไซต์ที่บอกเล่าเรื่องราวที่คล้ายจะไร้สาระราวกับนิทานหลอกเด็ก

แต่มันกลับดึงความสนใจของเขาไว้ที่มันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

   “ดอพเพลแกงเกอร์...”

เสียงเล็กพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะอ่านเนื้อหาต่อทันที

‘Doppelganger

Doppel มีความหมายเดียวกับคำว่า Double ในภาษาอังกฤษหรือแปลได้ว่า "ซ้ำสอง" ส่วนคำว่า Gänger หมายถึง "Goer" มีคำเรียกอีกอย่างว่า Evil Twin (แฝดปีศาจ) หรือ Bilocation (การปรากฏตนในสองสถานที่) ซึ่งมีที่มาจากเรื่องเล่าขานพื้นบ้านของเยอรมัน

   ดอพเพลแกงเกอร์ถือเป็นสัญญาณแห่งความโชคร้าย เป็นภูตผีปีศาจในรูปแบบหนึ่งที่จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อบ่งบอกถึงลางร้าย

หรือไม่ก็นำพามาซึ่งลางร้ายเสียเอง

ความเจ็บป่วยหรือภยันตรายจะเกิดขึ้นหากเพื่อนฝูงหรือเครือญาติได้พบเห็น ในขณะที่การพบเห็นดอพเพลแกงเกอร์ของตนเองนั้นจะนำมาซึ่งความตาย

ตามเรื่องราวที่เล่าขานกันมา ดอพเพลแกงเกอร์ไม่ใช่เงาธรรมดาที่เกิดจากแสงแดดหรือแสงอื่นใดที่ฉายมาถูกตัว แต่เป็นภูตเงาที่ไม่มีใครมองเห็นนอกจากเจ้าของเงาเองที่รู้สึกว่ามีมันอยู่ และดอพเพลแกงเกอร์นั้นจะไม่มีเงาของตัวเอง รวมทั้งไม่มีภาพสะท้อนบนกระจกหรือผิวน้ำอีกด้วย

ดอพเพลแกงเกอร์จะยืนอยู่ข้างหลังของเจ้าตลอดเวลา มีความว่องไวในการหลบหลีกสูง จนแม้หันหน้าเร็วยังไงก็ไม่อาจองเห็นมันได้ทัน นอกจากนี้มันยังเลียนแบบและทำทุกอย่างตามเจ้าของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสีหน้า การเลียนเสียง ซึ่งมันจะพูดออกมาพร้อมกับเจ้าของเอง เสียงของมันคล้ายกับเจ้าของจนดูดกลืนเข้าไปด้วยกันกับเสียงของเจ้าของ

   มีคนกล่าวไว้ว่าดอพเพลแกงเกอร์คือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยวมากเกินไป เพราะเงานี้พร้อมจะเป็นเพื่อนที่ดี ฟังสิ่งที่คุณพูดทุกถ้อยคำ แม้ว่าคำพูดเหล่านั้นจะเป็นคำพูดที่ไม่มีใครอยากฟัง ตอบคำถามที่อาจจะไม่มีใครอยากตอบ ด้วยการสร้างรอยพิมพ์คำเหล่านั้นไว้ในจิตของคุณหรือด้วยวิธีการซึมเข้าสู่ทางร่างกายด้วยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง

   หมากับแมวมีสัญชาตญาณที่ทำให้เห็นเงาที่เป็นรูปร่างของเรา เพราะเหตุนี้อย่าแปลกใจเลยถ้าแมวที่คุณเลี้ยงเกิดตาวาวมองข้ามไหล่คุณไปข้างหลังยังกับมีใครหรืออะไรอย่างหนึ่งอยู่ตรงนั้น หรือหมาที่คุณเลี้ยงไว้เกิดลุกขึ้นมาเห่าไล่หลังคุณอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย’






ต่อข้างล่างค่ะ
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ batothem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: : เรื่องสั้น : Evil Twin
«ตอบ #1 เมื่อ26-10-2018 20:37:05 »


   
   “คุณแม่สวัสดีค้าบ”

   “อ้าว พาย สวัสดีจ้ะ มาเร็วนะเราน่ะ แม่เพิ่งให้ไวน์โทรชวนเรามากินข้าวได้แปเดียวเองนี่นา”

   “แฮ่ เพราะอาหารฝีมือคุณแม่อร่อยมากกกก พอไวน์โทรมาชวนผมก็รีบออกมาทันทีเลยครับ”

   คุณแม่ของไวน์ยิ้ม ท่านเข้ามาลูบหัวผมอย่างเอ็นดูก่อนจะบอกให้ขึ้นไปเล่นกับไวน์บนห้องก่อน ส่วนท่านขอตัวทำอาหารต่ออีกสักครู่ เขารับคำ เดินไปส่งคุณแม่ที่ห้องครัวก่อนจะเดินไปทางบันได

ทว่ายังไม่ทันที่จะก้าวขา ปลายสายตาก็เหมือนเห็นอะไรบางอย่าง พายมองไปทางประตูหน้าบ้าน เขาเห็นไวน์อยู่ตรงประตูหน้าบ้าน เจ้าตัวสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงวอร์มสีดำ สลิปเปอร์ลายเอพีช ร่างสูงเดินผ่านประตูบ้านไปทางสวนด้านข้างอย่างรวดเร็ว

“ไวน์”

คนตัวเล็กพึมพำ ไหนคุณแม่บอกว่าไวน์อยู่ข้างบนไง ขาเล็กก้าวทางประตูหน้าบ้านแต่ก็พบกับความว่างเปล่า สวนด้านข้างก็ไร้วี่แววของไวน์อีกด้วย

แปลก

เขามั่นใจว่าเห็นไวน์ไม่ผิดแน่

“พาย”

เจ้าของชื่อชะงัก หันตัวไปมองต้นเสียงที่ยืนเท้าแขนอยู่กับบันไดภายในบ้าน ไวน์ส่งยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้ามาหา พายอึ้ง ขณะเดียวกันก็งุนงงไปหมด คนตรงหน้าเขาแต่งตัวแบบเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อกี้ไม่มีผิด ทั้งเสื้อยืดสีขาว กางเกงวอร์มสีดำ สลิปเปอร์ลายเอพีช ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปเลยสักนิด

“เห็นเข้าบ้านมานานแล้วทำไมไม่ขึ้นไปสักทีล่ะหืม”

“นาย... เมื่อกี้อยู่ตรงหน้าบ้านไม่ใช่เหรอ” พายชี้นิ้วไปตรงจุดที่เขาเห็นไวน์สลับกับมองหน้าคนตรงหน้า “นี่ ทำไมถึงเดินออกมาจากบันไดได้ล่ะ”

“ตลกแล้ว ฉันยังไม่ได้ออกมาจากบ้านเลยนะ เพิ่งลงมาจากห้องเมื่อกี้นี้เอง”

“แต่—”

“ตาฝาดแล้วแหล่ะ” ไวน์เดินอ้อมมาด้านหลังเขาพลางจับเอวแล้วดันเบา ๆ ให้เดินไปข้างหน้า “ป่ะ ขึ้นไปเก็บของบนห้องกันจะได้ลงมาช่วยคุณแม่ทำกับข้าว”

“อือ”

พายพยักหน้ารับคำแต่ในใจกลับคิดไม่ตก เขาเห็นไวน์แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้การแต่งตัวของไวน์ล่วงหน้าได้ยังไง มันเหมือนกันออกขนาดนั้น

คนตัวเล็กถอนหายใจก่อนจะปัดความคิดบ้า ๆ ออกไปจากหัวเมื่อหาคำตอบให้กับสิ่งที่เห็นไม่ได้เลยสักนิด

โอเค ตาฝาดก็ตาฝาด



***************************


   “อรุณสวัสดิ์พาย”

   “อรุณสวัสดิ์”

   พายยิ้มตอบไวน์ที่ส่งยิ้มกว้างจนตาหยี วันนี้ไวน์มารับเขาที่บ้านเพราะจะพาเจ้าบิงโก สุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์ เทอร์เรียตัวน้อยของเขาไปฉีดวัคซีนตามกำหนด

   คนตัวเล็กเดินไปเข้าในอ้อมกอดของไวน์ที่อ้าแขนรอ กอดแน่น ๆ ให้สมใจ แล้วเงยหน้าขึ้นจุ๊บคางอีกฝ่าย ก่อนจะต้องชะงัก ทำหน้ายู่

   “ไม่โกนหนวดนี่นา”

   “รอนายโกนหนวดให้อ่ะแหล่ะ”

   “ไม่โกนให้—”

   โฮ่ง ๆ ๆ

   ยังพูดไม่ทันจบ เราสองคนก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าบิงโกอยู่ดี ๆ ก็วิ่งออกมาจากบ้านแล้วเห่าใส่ไวน์ไม่หยุด ทำเอาทั้งเขาทั้งแฟนหนุ่มงงกันไปหมด

   เราคบกันมานานแล้ว ไวน์ก็เจอกับบิงโกมานับครั้งไม่ถ้วน คุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นยังไง นอกจากตอนเจอกันครั้งแรกบิงโกก็ไม่เคยเห่าใส่ไวน์อีกเลย แต่วันนี้กลับเห่าใส่เสียอย่างนั้น

   “บิงโก นี่ฉันเองไง ไวน์”

   “บิงโก ชู่วว ไม่เอาไม่เห่าสิ”

   โฮ่ง ๆ ๆ

   พายผละออกจากอ้อมกอดของไวน์มาห้ามเจ้าสุนัขตัวน้อย แต่นอกจากมันจะไม่หยุดเห่าแล้วยังเห่าเสียงดังกว่าเดิมอีกต่างหาก แต่ที่ทำให้ทั้งเขาและไวน์อึ้งกว่าเดิมคือการที่มันวิ่งมาด้านหลังของไวน์ หยุดลงตรงเงาของคนตรงสูงแล้วเห่าใส่เงานั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย

   “นี่... ถามจริง”

   “เห่าใส่เงาเนี่ยนะ”

   เรามองหน้ากัน พบความงุนงงบนใบหน้าของกันและกันก่อนจะหัวเราะออกมาที่วันคืนดีคืนดีบิงโกก็มาเห่าใส่เงาเสียอย่างนั้น

   เขาในตอนนั้นคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก

   ไม่ได้คิดเลยสักนิดว่ามันอาจเป็นเพราะอย่างอื่น



***************************



   ปิ๊น ๆ ๆ

   พลั่ก

   “โอ๊ยยย”

   พายร้องเสียงหลงออกมาเมื่อถูกผลักออกจากระยะของรถจนล้มลงกับพื้น มือถลอกกับพื้นจนเจ็บแสบ ตั้งสติได้อีกทีความกลัวก็แล่นจับจิตจนใจสั่นไปหมดเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองเพิ่งเฉียดความตายมาหมาด ๆ

เมื่อกี้นี้เขาทำโทรศัพท์ร่วงไปตรงขอบถนนและกำลังก้มเก็บ แต่เพราะลืมคิดไปว่าอาจจะมีรถวิ่งผ่านเลยไม่ได้ระวังตัวเท่าไหร่จนรถที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูงบีบแตรใส่ เขาเห็นแต่ว่าขาก็แข็งไปหมด ถ้าเมื่อกี้ไม่ได้ไวน์เหวี่ยงเขาออกมาจากระยะรถเขาต้องตายแน่ ๆ

พายสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หันมองไปรอบด้านแต่กลับไม่พบไวน์แต่อย่างใด คนตัวเล็กนิ่ง มึนงง สับสนไปหมด เขาไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ เขาเห็นไวน์ผลักเขาออกมาในตอนที่เขายังก้าวขาไม่ออก แล้วตอนนี้...

ไวน์หายไปไหน

“พาย!”

พายหันไปตามเสียงเรียก ไวน์ออกมาจากร้านสะดวกซื้อข้างทางอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวค่อย ๆ พยุงเขายืนขึ้นพร้อมกับสำรวจตามเนื้อตัวด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“เจ็บตรงไหนบ้าง”

“นาย... เพิ่งออกมาจากร้านนั้นเหรอ”

   ไวน์เงยหน้าขึ้นสบตาเขา ตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและรู้สึกผิด

   “อืม ฉันไม่น่าปล่อยให้นายออกมาคนเดียวเลย ขอโทษนะ”

   “ไม่— ไม่เป็นไร ฉันซุ่มซ่ามเองน่ะ” พายส่งยิ้มแม้ว่าจะเจ็บแผลจนแทบยิ้มไม่ออก “ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันเป็นคนบอกนายว่าจะออกรอข้างนอกเองนี่นา”

   ใช่ พายเป็นคนบอกว่าจะออกมารอข้างนอกตอนที่ไวน์ต่อแถวรอคิดเงินค่าสินค้าเพราะไม่อยากยืนรอตรงเคาน์เตอร์ให้มันเกะกะคนอื่นเองนี่นา

   นั่นแปลว่าไม่มีทางที่ไวน์จะสามารถตามหลังพายออกมาได้ทันทีเลย ในเมื่อเป็นอย่างนั้น แล้วคนที่เขาเห็น แล้วคนที่มาช่วยเขาที่เขามั่นใจมากกว่าเป็นไวน์แน่ ๆ

   คน ๆ นั้นเป็นใคร แล้วหายไปไหนกัน


***************************


‘ความเชื่อบางประเภทก็ยึดหลักที่ว่า มนุษย์ทุกคนบนโลกจะมีฝาแฝดของตนอยู่ หากบุคคลนั้นเป็นคนดีฝาแฝดก็จะชั่วร้าย หากบุคคลนั้นเป็นคนชั่วร้าย ฝาแฝดก็จะเป็นไปในทางกลับกัน และการที่ฝาแฝดทั้งสองมาพบกันนั้นก็จะยังผลให้ทั้งคู่

ต้องพบกับจุดจบของชีวิต’

พายเงยหน้าจากโทรศัพท์ เชื่อมโยงข้อมูลที่เพิ่งได้รับกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมดรวมกัน แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดมันไกลออกจากความเป็นจริงเข้าไปทุกที ๆ

“บ้าน่า...” พายกลืนน้ำลายลงคออย่างอึดอัด หัวใจเต้นแรงอย่างตื่นกลัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง มันก็แค่เรื่องเล่านี่นา”

ใช่ มันควรจะเป็นแค่เรื่องเล่า เป็นแค่ตำนานบทหนึ่งที่ใครสักคนเขียนเอาไว้เพื่อปลอบประโลมตัวเองในสิ่งที่หาคำตอบไม่ได้ก็เท่านั้น มันไม่ควรกลายมาเป็นความจริงที่เกี่ยวข้องอะไรกับคนรอบตัวพายแบบนี้เลยสักนิด

ถึงจะพยายามคิดแบบนั้น แต่พายกลับหาคำตอบไม่ได้เลยสักนิดว่าทำไมไอซ์ถึงบอกว่าไวน์ไปขู่เอาแบบนั้น ทำไมเอเคอร์ถึงบอกว่าชินผลักตกบันได้ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ ทำไมเขาถึงเห็นไวน์อยู่หน้าบ้านทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ตรงนั้น ทำไมบิงโกถึงเห่าเงาของไวน์ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำไมเขาถึงเห็นมาไวน์มาช่วยไม่ให้เขาโดนรถชนทั้ง ๆ ที่ไวน์ยังอยู่ในร้านสะดวกซื้อ

มันมีแต่คำว่าทำไม ทำไม และทำไมเต็มไปหมด

และพายก็ไม่มีคำตอบให้กับอะไรพวกนี้เลยสักนิด

เขาสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน เก็บของลงกระเป๋าจนหมด บอกลาเจ้าบิงโกและสวัสดีคุณแม่ ท่านบอกเขาว่าอย่าทำให้บ้านไวน์ลำบากนักล่ะ เขายิ้ม รับคำก่อนจะเดินออกมา

บ้านของพายและไวน์ห่างกันเพียงซอยเดียวและเราก็เรียนห้องเดียวกัน นั่นทำให้มีโอกาสได้ไปโรงเรียนด้วยกันทุกวัน บ่อยเข้าก็กลายเป็นว่าเราชอบกันและเป็นคนรักกันในที่สุด ถึงจะไม่ได้รู้จักกันมาตั้งแต่เล็ก แต่ก็นานพอที่จะรู้ว่าอีกคนนิสัยเป็นอย่างไร

เดินใช้ความคิดมาเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ถึงบ้านของไวน์ พายส่งยิ้มจนตาหยี โบกมือให้กับไวน์ที่ยืนมองอยู่บนระเบียงห้องชั้นสอง เจ้าตัวสวมเสื้อฮู้ดสีดำ กางเกงวอร์มสีดำแถบขาว ยืนส่งยิ้มและโบกมือกลับมาก่อนจะกลับเข้าห้องไป ใช้เวลาแปปเดียวก็มาเปิดประตูบ้านให้เขา

พายยิ้มพลางมองไวน์ไขประตูบ้าน ทอดมองเงาต้นไม้หน้าบ้านที่ปกคลุมไปทั่ว ลมกลางคืนพัดผ่านจนใบไม้สั่นสะเทือน เงาของใบไม้ที่ทอดลงบนกำแพงสั่นไหว เขาหันหน้ากลับมามองไวน์ที่ไขประตูเสร็จแล้ว มองเลยไปด้านหลังเมื่อพบว่าเงาของไวน์กลืนไปกับเงาของต้นไม้ที่สั่นไหวไปสักครู่ก่อนจะกลับมานิ่งเหมือนเดิมเมื่อสายลมพัดผ่านไป

คนตัวเล็กนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเลิกคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้และไม่อยู่บนหลักวิทยาศาสตร์แล้วเดินเข้าบ้านตามไวน์ไปแทน
   
   คนเรา... จะไปอยู่ 2 ที่ในเวลาเดียวกันได้ยังไงล่ะ

จริงไหม


***************************


   ตึก ๆ ๆ

   สองขาของเอเคอร์ชะงักกึกเมื่อพบร่างของใครบางคนกำลังนั่งพิงเสา เหยียดขาไปตามราวสะพาน ผู้ชายคนนั้นซ่อนใบหน้าอยู่ใต้เสื้อฮู้ดสีดำ มือสองข้างอยู่ในกระเป๋าเสื้อ กางเกงวอร์มสีดำแถบขาว แต่กลับสวมรองเท้าสลิปเปอร์สำหรับสวมในบ้านเสียอย่างนั้น

   เอเคอร์หัวเราะในลำคอด้วยความตลก คนบ้าที่ไหนจะใส่สลิปเปอร์ออกมาข้างนอก แย่หน่อยที่เขาเพิ่งแยกกับบาสมาสักพักแล้ว ไม่งั้นคงได้เรียกมันมาดูเรื่องปัญญาอ่อนนี้ด้วยกัน

ชายหนุ่มคีบบุหรี่ออกจากปากแล้วโยนลงพื้น ใช้รองเท้าขยี้จนไฟมอดดับ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้าไปหาคนกล้านั่งอยู่บนนั้นอย่างไม่กลัวตาย

   “เฮ้ย ถึงจะซ่อนใบหน้าไว้ในฮู้ดโง่ ๆ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะไม่เห็นหน้ามึงนะเว้ย” เอเคอร์เหยียดยิ้ม “มานั่งอยู่ตรงนี้ได้นี่ไม่ช่วยเมียมึงทำงานให้กูหรือไง กูเตือนมึงแล้วนะว่าถ้ากูไม่มีงานส่งกูเอาตายแน่”

   ไวน์ไม่ตอบ สายตาจ้องมองไปที่ความวุ่นวายฝั่งตรงข้ามของสะพานจากฝีมือของรุ่นน้องคนสนิทของพายด้วยรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก เอเคอร์แปลกใจกับรอยยิ้มนั้นจึงมองตามสายตาของไวน์ไป พบกับกลุ่มคนที่กำลังโวยวายอยู่ตรงสะพานอีกฝั่งแต่ระยะห่างมันไกลเกินไปจึงไม่ได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

   นั่นมันทางที่บาสใช้กลับบ้านนี่นา

   เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปถามมันก็ได้มั้ง เอเคอร์มองอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นักแต่ยังไม่ทันหันกลับมาอะไรบางอย่างที่ถูกปาใส่หัวด้านหลังก็ทำให้เจ็บจนต้องร้องเสียงหลง ก่อนจะหันหน้าไปหาคนต้นเหตุพลางตะโกนด่า

   “โอ๊ยย— มึง ไอ้ไวน์ นี่มึงกล้าปาก้อนหินใส่หัวกูเหรอ!”

   ไวน์เลิกคิ้ว จ้องหน้าคนที่โกรธจนชี้หน้าเขาด้วยสายตายิ้มเยาะ เขาหยัดตัวลุกขึ้น พลางเดินไปบนราวสะพานช้า ๆ อย่างไม่กลัวตก เขาเห็นเอเคอร์เบิกตากว้างจ้องมองมาที่เขาอย่างโง่งม น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจึงค่อนข้างตะกุกตะกัก

   “มึง... มึงจะทำอะไร นี่มึงไม่กลัวตกสะพานเลยเหรอ”

   “กูไม่มีอะไรต้องกลัว” ไวน์ตอบเสียงแข็ง

   “ฮึ มึงคิดว่ามึงเจ๋งมากงั้นสินะ”

เอเคอร์เหยียดยิ้ม สองมือกอดอก กวาดสายตาขึ้นลงมองไวน์ทั้งตัวสลับกับแม่น้ำด้านหลังอีกฝ่าย ก่อนสายตาจะทอประกายเจ้าเล่ห์เมื่อนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างได้ ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียปากพลางก้าวเท้าเข้าไปหาคนที่ยืนอยู่บนราวสะพาน เงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย

“หรือมึงจะมาขอร้องกู? ก็ได้นะ ถ้าไม่อยากให้เมียมึงทำงานให้กูน่ะ” ชายหนุ่มเคาะรองเท้ากับพื้นเบา ๆ เป็นเชิงกดดัน “ก็แค่ให้เมียมึงมาอ้าขาให้กู รับรองเลยว่าต่อจากนี้ไปกูจะไม่ใช้เมียมึงให้ทำงานให้กูอีกต่อไปเลย”

ลมกลางคืนพัดผ่านจนกรีดผิวไปหมด เอเคอร์กระชับเสื้อโค้ทเข้าหาตัวก่อนจะต้องชะงักเมื่อไวน์ยื่นเท้าข้างซ้ายขึ้นมาวางบนไหล่เขาก็จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งจนน่าขนลุก

“มึงฝันอยู่เหรอ”

ไวน์เอียงคอมองคนที่อยู่ต่ำกว่าด้วยสายตาที่ทอแววเกรี้ยวกราด ปลายรองเท้าขยี้ไหล่ของอีกฝ่ายจนตาหยีด้วยความเจ็บ

   “ตอนแรกก็คิดว่าจะมาเตือนมึงดี ๆ ล่ะนะ แต่ในเมื่อมึงปากดีถึงพายขนาดนี้ ในเมื่อมึงมีปากแต่ไม่สามารถพูดสิ่งที่ดีได้”

   และไม่ทันที่เอเคอร์จะคว้าเท้าของคนที่เหยียบอยู่ให้หลุดออกจากไหล่

   “มึงก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อพูดอะไรอีกเลยจะดีกว่า”

   ไวน์ก็ออกแรงถีบไหล่ของเอเคอร์อย่างแรงเพื่อใช้เป็นฐานดันตัวเองแล้วหงายหลังลงจากสะพาน ทิ้งตัวลงสู่แม่น้ำที่อยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว

   เอเคอร์ถอยไปด้านหลังด้วยแรงถีบ ชายหนุ่มเบิกตาโต อ้าปากค้าง พลางรีบวิ่งไปที่ขอบสะพานอย่างรวดเร็ว สองมือเกาะสะพาน ก้มตัวลงมองแม่น้ำด้านล่างเพื่อตามร่างของคนที่เพิ่งจะกระโดดลงแม่น้ำไปเมื่อกี้

   แต่กลับไม่พบใคร

   บนแม่น้ำว่างเปล่า ไม่มีร่างของคนที่ควรจะจมอยู่ใต้น้ำ ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตหรือการตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด และไม่มีแม้กระทั่งรอยกระเพื่อมของน้ำที่แสดงว่ามีคนตกลงไปเลยสักนิด

   ทว่ายังไม่ทันที่จะหายงุนงง คอเสื้อกลับถูกดึงแน่นจนรัดคอ หายใจแทบไม่ออก ลำตัวที่แนบกับราวสะพานอยู่แล้วกลับถูกดันให้ชิดกับสะพานมากขึ้นอีกจนช่วงท้องเจ็บแปลบเพราะถูกเหลี่ยมของราวสะพานกด

   “อึก”

   ชายหนุ่มเจ็บจนร้องแทบไม่ออก ปลายสายตาเห็นร่างที่คุ้นตาของใครบางคนเดินมาอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายหันหน้ามาหาเขา ทิ้งสะโพกลงเท้ากับสะพานในขณะที่มือยังคงรัดคอเสื้อของเขาไม่ปล่อย

   “มึงคิดว่ากูจะตายอย่างนั้นเหรอ”

   รอยยิ้มเยาะที่ส่งมาของไวน์ยิ่งทำให้เอเคอร์ทั้งแค้นและงุนงง ในเมื่อเมื่อกี้เขาเห็นกับตาว่ามันหงายหลังตกสะพานลงไป เป็นมัน เป็นมันแน่ ๆ !

   “มึง...”

   “ฮ่ะ ๆ”

ไวน์เริ่มหัวเราะ น้ำเสียงปกปิดความเหยียดหยันไว้ไม่มิด สายตาที่ทอดมองมาที่เอเคอร์ช่างดูสมเพชเขาราวกับมองชีวิตเล็ก ๆ ที่แสนต้อยต่ำ ไวน์แลบลิ้นเลียมุมปากก่อนจะกระชากตัวของเอเคอร์ให้กระแทกราวสะพานแรง ๆ อย่างไร้ความปรานีจนอีกฝ่ายจุกจนพูดไม่ออก

“ไม่ปากดีแล้วเหรอ เมื่อกี้มึงยังพูดพล่อย ๆ อยู่เลยนี่นา”

สายตาของเอเคอร์เคียดแค้น ถ้าหลุดไปได้ชายหนุ่มสัญญาว่าจะต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า จะต้องบดขยี้มันให้จมลงไปใต้ฝ่าเท้าให้ได้

ไวน์หัวเราะในลำคอราวกับอ่านความคิดนั้นออก ร่างสูงเดินมาด้านหลังของเอเคอร์ มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ท หยิบหลอดเข็มฉีดยาภายในบรรจุน้ำสีในไว้เต็มหลอดออกมา

“ในเมื่อมึงกล้าพ่นคำพูดต่ำ ๆ ออกมา มึงก็ต้องกล้าที่จะยอมรับผลที่ตามมาด้วยนะ”

เขามองสารเสพติดในมือพลางยิ้มหยัน ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความขยะแขยง สายตาปิดความรังเกียจเอาไว้ไม่มิด เสียงลมที่พัดหวีดหวิวในตอนกลางคืนยิ่งไม่ต่างอะไรกับเสียงหัวเราะเยาะของสายลม

ร่างสูงจับเข็มฉีดยาแน่นก่อนจะปักเข้าไปตรงต้นคอของเอเคอร์ กดฉีดเข็มฉีดยาจนยาไหลเข้าเส้นเลือดไปหมดทั้งหลอด ไม่แม้แต่จะสนใจเลือดที่ไหลออกมารอบบาดแผลที่ปักไปอย่างรุนแรงกับเสียงร้องโหยหวนไม่ต่างอะไรกับการโดนเชือดนั้น

   ไวน์เก็บเข็มฉีดยาเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทของอีกฝ่าย มือขวากระชากคอเสื้อให้เอเคอร์ยืนตัวตรง มือซ้ายกระชากผมตรงท้ายทอยให้มันเบิกตามองแม่น้ำกว้างใหญ่ข้างหน้า ริมฝีปากหยักยิ้มหยัน

   “อึก มึง... โอ๊ย”

   “ทุกอย่างที่มึงพูดออกมา”

   เขาเหลือบตาเห็นมันกลืนน้ำลายลงคอ ความกลัวที่แผ่ออกมาทำให้ไวน์ยิ่งสมเพช เขาใช้มือขวาตบไป ที่ลูกกระเดือกของมันจนสำลักก่อนจะล็อกคางมันเอาไว้ ยื่นใบหน้าไปกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหู

   “มึง – ต้อง – ชด – ใช้”

   ไวน์สะบัดปลายคางของเอเคอร์ออกไป กระเถิบตัวเข้าไปยืนซ้อนหลังอีกฝ่าย มือขวาจับมือขวาของมันมาวางตรงขอบสะพาน มือซ้ายยกขวาที่สั่นสะท้านของมันขึ้นมาพาดบนราว ออกแรงดันจนขาข้างนึงของมันออกไปนอกสะพานในที่สุด

   “ฮึก อึก”

   เอเคอร์ร้องอย่างโอดครวญแต่ร่างสูงเมินเสียงร้องนั้น

ไร้ค่า

มันช่างไร้ค่าไม่ต่างอะไรกับชีวิตเล็ก ๆ ที่กำลังจะหลุดลอยนี้สักนิด

เขายกขาอีกข้างของมันขึ้นมาแล้วผลักมันออกไปนอกสะพาน กลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งตัวของเอเคอร์ยืนอยู่ตรงขอบสะพานด้านนอก มีเพียงสองมือสั่นไหวที่กำลังเกาะขอบสะพานและมือของเขาที่ขยุ้มคอเสื้อมันไว้ก็เท่านั้น

เอาเป็นว่าขอลอกวิธีการหน่อยก็แล้วกันนะ ชิน :)

   ไวน์แสยะยิ้มกว้างกวาดสายตามองร่างของอริที่กำลังตัวสั่น ของเหลวที่รดไปตามขากางเกงส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง ใบหน้าของเอเคอร์เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิด ทว่าริมฝีปากกลับปิดสนิท มีเพียงเสียงอืออาในลำคอเท่านั้น

   เขาเดาะลิ้น ยื่นใบหน้าไปชิดกับใบหน้าของคนตรงหน้า มือกระชากผมของมันพลางเอ่ยปลอบเสียงเบา

   “ไม่ต้องกลัวว่ามึงจะเหงาหรอกนะ” ไวน์เหลือบมองแม่น้ำด้านล่างก่อนจะกลับมามองหน้าเอเคอร์อีกครั้ง “เดี๋ยวมึงก็เจอเพื่อนมึงแล้ว บาสไง มันเพิ่งล่วงหน้าไปก่อนมึงแปปเดียวเท่านั้นเอง”

   ตัวของเอเคอร์สั่นระริก ความกลัวตายแล่นขึ้นมาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ครั้งแรกที่สัมผัสถึงความใกล้ตาย และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกพ่ายแพ้จนหมดท่ามากขนาดนี้

   เอเคอร์ไม่รู้ว่าบาสเป็นยังไงบ้าง แต่จากคำพูดของอีกฝ่าย และกลุ่มคนที่โหวกเหวกโวยวายตรงอีกฝั่งของสะพานแล้วเขาก็เดาได้ไม่ยาก

   ชายหนุ่มไม่เคยรู้ว่าการถูกข่มเหงเป็นยังไง ไม่เคยรู้ว่าการถูกเอาเปรียบต้องรู้สึกยังไง เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายกระทำมาตลอด ทั้งใช้กำลังกดขี่ข่มเหง ทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการโดยไม่ได้แคร์ความรู้สึกใคร มีอำนาจก็ใช้ในทางมิชอบ ไม่เคยมองเห็นความถูกต้องและกฎเกณฑ์อยู่ในสายตา

   จนกระทั่งวันนี้ที่มีคนกล้ามาเอาคืนเขา วันที่สัมผัสได้ถึงความสิ้นหวัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปถึงได้หวนกลับมา เขาถึงได้รู้ว่าเรื่องทุกอย่างที่เคยทำไปมันช่างว่างเปล่า

   ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลตอบแทน ไม่ว่าจะมาจากศาลสูงหรือศาลเตี้ยก็ตาม

   ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น

   ไวน์จ้องมองสายตาของเอเคอร์ที่แสดงความรู้สึกหลายอย่างออกมาอย่างปิดไม่มิด เขาหัวเราะอีกฝ่ายอย่างสมเพช

   สายไปแล้วกับการรู้สึกผิดและคิดได้เอาตอนนี้

   เพราะกูไม่ให้อภัยมึงอีกต่อไปแล้ว

   สายตาของคนที่กุมชะตาชีวิตหนึ่งชีวิตเอาไว้เปลี่ยน มันทอประกายเหี้ยมโหด ไวน์คว้ามือซ้ายของเอเคอร์ให้หลุดออกจากขอบสะพาน มือซ้ายยื่นตัวเอเคอร์ให้ออกไปไกลกว่าเดิมจนแขนข้างนั้นไม่สามารถคว้าขอบสะพานไว้ได้อีก

เอเคอร์เหลือเพียงมืออีกข้างเดียวที่ใช้ยึดเกาะราวสะพานเอาไว้ 

   “เวลาแห่งการชดใช้ของมึงมาถึงแล้ว”

และมือที่แสนปรานีอีกข้างของเขาที่กุมคอเสื้อมันเอาไว้เท่านั้นที่กำลังยื้อชีวิตเอาไว้

   “เฮ้ย ๆ ทางนั้นก็มีคนกำลังจะโดดสะพานนี่นา ช่วยด้วย ๆ มีคนจะฆ่าตัวตาย ทางนั้นทุกคน อีกฝั่งของสะพาน ไปเร็ว ๆ”

   เอเคอร์พยายามจะส่งเสียงขอความช่วยเหลือ แต่น่าเศร้าที่ไวน์ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำอย่างนั้น มือที่กุมคอเสื้อของชายหนุ่มบีบแน่นจนเสียงร้องไม่สามารถเปล่งออกมาได้อีก มือข้างที่ถูกปล่อยของเอเคอร์เอื้อมมาคว้ามือของไวน์ที่กุมไว้ และชายหนุ่มพบว่ามือนั้นเย็นเฉียบผิดปกติ

   เอเคอร์มองไปยังกลุ่มคนด้านหลังจากอีกฝั่งที่พยายามจะข้ามมาช่วยเขาแต่ก็ยังข้ามมาไม่ได้เพราะรถราบนท้องถนนไม่เปิดช่องว่างให้ข้ามเลยสักนิด เขาหันกลับมามองไวน์ แต่แล้วดวงตาก็ต้องเบิกกว้าง ชายหนุ่มทวีคูณความกลัวเมื่อมองที่พื้นด้านหลังของอีกฝ่ายแล้วพบกับความจริงที่ว่าตรงนั้น...

มันไม่มีเงาของไวน์!

เอเคอร์ตัวสั่น น้ำตาอุ่น ๆ ที่หยดลงมาไม่ได้ทำให้ใครสงสาร กลับกันแล้วมันน่าสมเพชสิ้นดี รอยยิ้มเยาะของไวน์ราวกับเป็นเครื่องย้ำเตือนว่านี่คือความจริง

และชีวิตของเขากำลังจะจบลงตรงนี้แล้ว

   “ได้ข่าวว่าเป็นนักกีฬาว่ายน้ำนี่”

   มือเพียงข้างเดียวที่เกาะราวสะพานอยู่ของเอเคอร์ถูกปลดในที่สุด จนตอนนี้ร่างของชายหนุ่มห้อยอยู่กลางอากาศด้วยมือเพียงข้างเดียวของไวน์

   “พิสูจน์ให้กูดูหน่อยก็แล้วกันว่ามึงว่ายได้นานแค่ไหน”

   สิ้นเสียงนั้น ร่างสูงเอเคอร์ก็ลอยละลิ่วลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่างจนน้ำแตกกระเซ็นไปหมด ไวน์เท้ามือสองข้างลงกับขอบสะพาน จ้องมองผู้หวังดีที่หวังช่วยคนกระโดดสะพานเข้ามายืนข้าง ๆ แล้วหันไปมองคนที่กำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดในน้ำนั้นด้วยแววตาที่สุมไปด้วยความแค้น

   บุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระ

   ไวน์ยิ้มเยาะ ความแค้นในแววตาค่อย ๆ เบาลงเมื่อได้รับการบรรเทาด้วยชีวิตของคนที่สร้างมัน จ้องมองชีวิตเล็ก ๆ ที่กำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดอยู่ในแม่น้ำ แม้ว่าความเป็นจริงจะทำได้เพียงรอเวลาที่จะจมลงสู่ผืนน้ำอย่างช้า ๆ ก็เท่านั้น

“กูจะไม่พูดมาก เอาเป็นว่าถ้าพรุ่งนี้มึงไม่ทำงานให้กู”

คำพูดสุดท้ายที่เอเคอร์เคยพูดกับพายเอาไว้

วันนี้

   “กูเอามึงตายแน่”

กูเอามาคืนให้มึงแล้วนะ

เอเคอร์


***************************


“ขี้เกียจชะมัดเลย ทำไมเราต้องมานั่งทำงานให้คนที่ไม่รับผิดชอบงานของตัวเองกันด้วยนะ ทั้งที่ตอนนี้เราควรจะนั่งกินขนม นั่งดูหนังแท้ ๆ เลย”

พายบ่นงุ้งงิ้งขณะนั่งผสมสีน้ำให้ไวน์ระบายลงบนกระดาษอันเป็นงานของเอเคอร์ ตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้ว ทั้งงานของเขาและของไวน์เสร็จแล้ว แต่เหลืองานของเอเคอร์ก็เลยต้องมาช่วยกันทำให้เสร็จ โดยพยายามทำให้ต่างจากของเขามากที่สุด ไม่อย่างนั้นถ้าครูเอจับได้ขึ้นมาต้องแย่แน่ ๆ

“ถือว่าเป็นงานสุดท้ายก็แล้วกันนะ เดี๋ยวเราค่อยแอบไปคุยกับครูเอกันว่าจะทำยังไงดี”

ไวน์เอื้อมมือมาลูบหัวพายเบา ๆ เจ้าตัวถูไถหัวตัวเองกับมือของไวน์ไปมาเหมือนกับแมวตัวเล็ก ๆ จนไวน์หัวเราะ

“ถึงอย่างนั้นก็ขี้เกียจอยู่ดีนี่นา”

พายกระเถิบตัวเข้าไปหาไวน์ วางคางลงบนไหล่ของอีกฝ่าย สองมือกอดแขนของไวน์เอาไว้อย่างงอแง คนตัวโตหยุดมือจากการระบายสี ก้มหน้าลงมาจุ๊บหัวกลมของคนรักก่อนจะเลื่อนเป้าหมายลงไปเป็นริมฝีปากเล็กสีเชอร์รี่ บดเบียด ดูดดึงจึงเกิดเสียงจุ๊บในอากาศ เงาของทั้งสองคนที่ตกกระทบลงกับกำแพงห้องเพราะแสงไฟสั่นไหวตามจังหวะการเอียงหัวจูบ

เมื่อไวน์ผละริมฝีปากออกมา น้ำสีใสก็ไหลออกมาเชื่อมระหว่างปากของพวกเขาสองคนเป็นเส้นเดียว คนตัวโตจูบซับน้ำลายนั้นไปตามมุมปากของพายจนหมด ผิวแก้มของพายขึ้นริ้วสีแดงอย่างน่ารักจนคนมองยิ้มกว้าง คนตัวเล็กถอยกลับไปนั่งที่เดิมพลางหยิบพู่กันขึ้นมาช่วยระบายสีต่ออย่างขัดเขิน

ไวน์มองภาพที่คนตัวเล็กระบายสีต่อด้วยสายตาที่เรียบเฉย เขาวางพู่กันในมือลงในแก้วน้ำที่ใช้ผสมสีก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบพู่กันออกจากมือของพายมาใส่ลงในแก้วน้ำด้วยกัน เก็บอุปกรณ์ระบายสีทั้งหมดให้เข้าที่ ยุติงานของเอเคอร์โดยไม่บอกกล่าวพายจนคนตัวเล็กงงไปหมด

พอเก็บของเสร็จร่างสูงก็ย้ายไปนั่งบนเตียง เปิดทีวีช่องเคเบิ้ลที่กำลังฉายหนังที่พายบ่นว่าอยากดูเมื่อหลายวันก่อน พลางตบตักเป็นสัญญาณให้คนตัวเล็กขึ้นมานั่ง

“อ้าว แล้ว...งานของเอเคอร์ล่ะ”

“ไม่จำเป็นแล้วล่ะ” ไวน์ยิ้มในแบบที่พายตีความหมายไม่ออก “เราบอกครูเอไปตรง ๆ เลยดีกว่าว่ามันมาขู่เรา ยังไงครูเอก็พอจะมีเส้นสายในโรงเรียนอยู่บ้าง น่าจะช่วยเราได้อยู่แล้ว”

“เอางั้นเหรอ” พายลังเล เขาไม่แน่ใจนักว่าเรื่องราวมันจะง่ายขนาดนั้น

“เชื่อฉันสิ ว่าเราไม่จำเป็นต้องทำงานให้มันอีกต่อไปแล้ว”

พายเห็นไวน์ยิ้มกว้าง แม้จะรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน ดังนั้นเขาเลยเลิกคิดและเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายเหมือนลูกแมวตัวเล็ก ๆ ปีนขึ้นไปหาไวน์ แทรกตัวลงระหว่างขา พิงหลังลงกับแผ่นอกของคนรัก ปล่อยให้ไวน์กอดตัวเองแน่นพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเราในขณะที่ดูหนังเรื่องโปรดของพายที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนโทรทัศน์

ทิ้งเรื่องราวอันแปลกประหลาดที่น่าสงสัยไว้เบื้องหลัง

และไม่คิดที่จะหาคำตอบให้กับเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้อีกต่อไป


***************************



‘อันที่จริงดูเหมือนว่าดอพเพลแกงเกอร์จะเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ใช่ไหมล่ะ แต่จริง ๆ แล้วยังมีอันตรายอย่างหนึ่งที่พึงระวัง

นั่นคือหากดอพเพลแกงเกอร์ได้รับแรงกระทบจากความอาฆาตแค้นและความพยาบาทจากเจ้าของ มันอาจจะทอดทิ้งคุณไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อปฏิบัติการบางอย่างด้วยตัวเองโดยที่คุณไม่รู้ตัว เช่น ออกไปก่อคดีต่างๆเพื่อแก้แค้นโดยอาศัยรูปลักษณ์ของคุณ  และอาจจะแย่ยิ่งกว่านั้น หากมันไม่ไปก่อเรื่องด้วยตัวเอง แต่กลับยืมมือเจ้าของมาทำเสียเอง โดยบังคับให้เราคิดหรือทำอย่างที่มันต้องการโดยผิดวิสัยความเป็นตัวเราอย่างสิ้นเชิง…

นอกจากนั้น สักวัน ดอพเพลแกงเกอร์อาจจะอยากมีตัวตนเหมือนกับเจ้าของขึ้นมาก็ได้ ซึ่งจะทำอย่างงั้นมันก็ไม่ยากเลย ดอพเพลแกงเกอร์ก็แค่เข้าไปสวมรอยแทนเจ้าของ จากนั้นความทรงจำของเจ้าของจะกลายเป็นของมันทั้งความรู้สึกและการกระทำ

จนบางครั้งเจ้าของยังไม่รู้ตัวเลยว่านั่นคือตัวของเราจริง ๆ

หรือว่าเกิดจากการสวมรอยของดอพเพลแกงเกอร์กันแน่’





The End

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: : เรื่องสั้น : Evil Twin
«ตอบ #2 เมื่อ26-10-2018 22:13:56 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: : เรื่องสั้น : Evil Twin
«ตอบ #3 เมื่อ27-10-2018 00:24:58 »

แง้ แอบหลอนๆแล้วงี้ไวน์โดนครอบงำแล้วปะ สงสารน้องพาย จะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นไหมอะ  :serius2:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
Re: : เรื่องสั้น : Evil Twin
«ตอบ #4 เมื่อ28-09-2020 07:42:19 »

   :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด