- หนึ่งมิตรชิดใกล้ - บทที่สิบเอ็ด (21-Mar-19)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - หนึ่งมิตรชิดใกล้ - บทที่สิบเอ็ด (21-Mar-19)  (อ่าน 8565 ครั้ง)

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



************************************

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2019 14:36:55 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
คุณคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ผมไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น

เพราะผมไม่เคยคิดเช่นนั้น... แม้แต่วันเดียว



บทที่หนึ่ง


คุณคือเพื่อนของผม เรารู้จักกันเมื่อปีหนึ่งภาคเรียนที่สอง ผมจำไม่ได้ว่ากลุ่มเพื่อนของคุณกับกลุ่มเพื่อนของผมเริ่มต้นรู้จักกันได้อย่างไร เราแค่รู้จักหน้าและเราไม่ค่อยได้คุยกันเพราะกลุ่มเพื่อนของคุณมักไม่เข้าเรียน

ผมจำได้ว่าคุณเมาค้างตอนมาเรียนกับกลุ่มเพื่อนของคุณในวิชาโท คุณเมาหลับอยู่ที่หน้าห้อง อาจารย์ปลุกให้คุณตื่นและคุณโดนอาจารย์หยอกล้อที่ตัวคุณมีกลิ่นแอลกอฮอล์ คุณทำให้เพื่อนร่วมเซคชั่นรวมถึงผมหัวเราะ คุณยิ้มแป้นไม่มีท่าทีโกรธเคือง คุณแค่อายนิดหน่อยแต่คุณดูคุ้นชินกับการตกเป็นเป้าสายตา และในวันนั้นกลุ่มเพื่อนของคุณกับกลุ่มเพื่อนของผมเราเริ่มสนิทกันในตอนปีสองภาคเรียนที่หนึ่ง

เมื่อตอนปีสองภาคเรียนที่สองกลุ่มเพื่อนของคุณกับกลุ่มเพื่อนของผมหลอมรวมกลายเป็นกลุ่มเดียวกัน มันคงเป็นความบังเอิญที่เราลงเรียนวิชาเหมือนกัน อยู่เซคชั่นเดียวกัน และจับกลุ่มทำงานด้วยกัน ผมไม่รู้สึกถึงความโดดเด่นในแง่การเรียนของคุณ แต่คุณเอาตัวรอดและมีความถนัดในวิชาโทมากกว่าวิชาเอก ต่างจากผมที่ไม่รู้สึกถนัดอะไรสักอย่างนอกจากวิชาภาษาอังกฤษที่เป็นวิชาบังคับเลือก ผมควรเลือกเรียนคณะที่เกี่ยวกับทางด้านภาษาแต่ตอนนั้นผมลังเลระหว่างสิ่งที่ชอบกับสิ่งที่คาดไว้ว่าหลังเรียนจบจะมีงานทำ ในตอนนั้นผมยังสับสนและไม่รู้จักตัวเองมากดีพอ

ใกล้สอบปลายภาคเรียนการศึกษาเข้ามาทุกที กลุ่มของเราสนิทกันมากและไปเที่ยวด้วยกันบ่อยครั้ง แต่ผมมักปลีกแยกตัวเพราะชอบอยู่บ้าน อยู่กับคอมพิวเตอร์ของผม และอีกอย่างบ้านของผมไม่รุ่มรวยเหมือนบ้านของคุณ ผมได้เงินค่าขนมเดือนละห้าพันบาทขณะที่คุณได้เงินค่าขนมเดือนละหมื่นกว่าบาท ผมอายที่จะบอกเพื่อนว่าไม่มีเงินไปเที่ยวจึงเลือกที่จะบอกไปว่าอยากทำกิจกรรมอย่างอื่นมากกว่า เพื่อนๆมักมองว่าผมเป็นคนติสแตกแต่มันไม่ใช่เลยผมแค่ไม่มีเงินเหลือเฟือมากพอสำหรับการไปเที่ยวกลางคืนต่างหาก

ในงานเลี้ยงอำลารุ่นพี่ปีสี่ที่เราไม่ได้สนิทด้วย หลังเลิกงานเราไปเที่ยวกันต่อเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยทั่วไป มันเป็นครั้งแรกที่ผมไปเที่ยวกลางคืน อีกทั้งยังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมายเป็นครั้งแรก คุณคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ดี คุณรู้ว่าผมจะเมาคุณจึงแกล้งผมด้วยการเอาช็อคโกแลตที่สอดไส้เหล้าหลากชนิดให้ผมกิน ผมใสซื่อเหลือเกินหากบอกว่าในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าการดื่มเหล้าและกินของหวานจะทำให้เมาเร็วขึ้นแต่ผมไม่รู้จริงๆ

ร้านเที่ยวกลางคืนร้านนั้นผมเริ่มเวียนหัว เหงื่อออกเต็มตัว เพื่อนๆต่างล้อเลียนผม แต่ผมไม่รู้ตัวสักนิดว่าอาการเหล่านี้มันหมายถึงอะไร ผมนึกรำคาญผู้คนในร้านและไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่ร้านเที่ยวกลางคืนแบบนี้มันคงไม่ใช่วิถีชีวิตของผม ขณะที่ผมกำลังจะทนไม่ไหวคุณพาผมออกมานอกร้าน คุณไม่สูบบุหรี่เพราะคุณรู้ว่าผมไม่สูบแต่ตัวของคุณมีกลิ่นบุหรี่จนผมฉุนจมูกไปหมด เพื่อนๆตามออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน คุณหัวเราะเสียงดังและบอกเพื่อนทุกคนว่าผมเมา ผมอับอายแต่ขณะเดียวกันผมก็สนุกที่ได้เห็นเพื่อนหัวเราะ

ร้านเที่ยวกลางคืนร้านที่สอง ผมเมามากและรู้สึกคลื่นไส้อยากอ้วก แต่ผมยังไร้เดียงสาผมเก็บกลั้นความพะอืดพะอมนั่นไว้เพราะรู้สึกเสียหน้าหากบอกเพื่อนว่าต้องการอ้วก สุดท้ายหลังจากที่จอดรถเสร็จผมกลั้นไม่ไหวและอ้วกเลอะชุดของตัวเอง คุณและเพื่อนของเราหัวเราะลั่นจนเป็นจุดสนใจ เพื่อนคนหนึ่งของเราเข้ามาดูแลผมและช่วยหาชุดใหม่จากในกระเป๋าเป้ของผมให้ ผมจำได้ว่าห้องน้ำเหม็นเน่าจนแทบทนไม่ไหว ผมพะอืดพะอมอ้วกออกมาอีกรอบขณะที่อยู่ในห้องส้วมเพื่อเปลี่ยนชุด

นัทให้การช่วยเหลือดูแลผมเป็นอย่างดี แต่ผมไร้สติเหลือเกิน ผมเปลี่ยนชุดและนอนแผ่หราอยู่บริเวณหน้าทางเข้าร้านบนโซฟาตัวยาว นักท่องเที่ยวยามราตรีไม่ให้ความสนใจนัก ซึ่งส่วนนี้คงเป็นเพราะพวกเขาคุ้นชินกับสถานการณ์ที่ผมเป็นอยู่ นัทคงอยากเที่ยวจึงขอตัวเข้าไปในร้านขณะที่ปล่อยผมไว้เพียงลำพังกับกลิ่นอ้วกที่คละคลุ้งอยู่ในปาก ผมปล่อยเพื่อนไปและนอนดมยาดมเพื่อบรรเทากลบกลิ่นอ้วกตัวเอง พลางนึกถึงว่านี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมผมต้องทำในสิ่งนี้ ทำไมผมถึงปล่อยให้ตัวเองหลงระเริงไปกับคำยุยงจากเพื่อนด้วย มันคงเป็นการเข้าสังคมมั้งผมคิดเช่นนั้น

คุณสูบบุหรี่ก่อนจะมายืนอยู่ตรงหน้าขณะที่ผมกำลังดมยาดม คุณเข้ามาดูแลผมพร้อมกับถามว่าผมไหวไหมอยากกลับหรือยัง ผมพยักหน้ารับ แต่คุณหัวเราะและบอกให้ผมนอนรออยู่ตรงนี้เพราะอีกนานกว่าเพื่อนคนอื่นจะอยากกลับ ผมรู้ว่าคุณมีคำตอบอยู่แล้วแต่ผมไม่รู้ว่าคุณถามเพื่ออะไร คุณอาจต้องการกวนอารมณ์ คุณอาจต้องการให้ผมผ่อนคลาย ผมไม่สนมันนักหรอกแต่ผมดีใจที่้เห็นคุณนั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟาตัวเดียวกับผม

คุณไม่ใช่คนช่างพูดนักแต่คุณหัวเราะเสียงดัง และผมคิดว่าเสียงหัวเราะของคุณทำให้ผมสบายใจดี คุณชวนผมคุยสองสามประโยคก่อนจะเงียบ ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือ ผมยังคงเวียนหัวเกินกว่าสรรหาสร้างสรรค์บทสนทนา ผมรู้ว่าเราคุยกันไม่ถูกคอแต่คุณก็ยังนั่งอยู่เป็นเพื่อน คงเป็นโชคดีของผมที่มีเพื่อนเป็นห่วงเป็นใย นัทออกมาดูแลก่อนจะให้คุณกลับเข้าไปในร้าน ไม่นานนักใหม่ก็ออกมาดูแลต่อ ใครต่อใครอีกหลายคนวนเวียนมาดูแลจนผมรู้สึกเกรงใจ และสุดท้ายคุณก็ออกมาจากร้านพร้อมกับเพื่อนคนอื่น ก่อนที่กลุ่มของเรามุ่งหน้ากลับไปนอนค้างคืนที่บ้านของใหม่

ใหม่เป็นเพื่อนสนิทของคุณที่จบมาจากโรงเรียนเดียวกันและกอดคอกันเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน ตัวติดหนึบกันตลอดเวลา คุณกับใหม่โดนเพื่อนผู้หญิงแซวว่าเป็นผัวเมียกัน คุณหัวเราะลั่นและตอบรับคำหยอกล้อด้วยการเดินไปนัวเนียกับใหม่

คุณก็เป็นเสียอย่างนี้ คุณหัวเราะเสียงดัง คุณเป็นจุดสนใจของเพื่อน รอบตัวของคุณมักรายล้อมไปด้วยผู้คนเสมอ

ก่อนถึงบ้านของใหม่คุณแวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งจำนวนมากเพื่อแจกจ่ายให้เพื่อนผู้หิวโหย คุณไม่เก็บเงินค่าข้าวเหนียวหมูปิ้งกับเพื่อนแต่คุณยืนกรานว่าจะไม่จ่ายเงินค่าเหล้าที่ได้ดื่มไปในค่ำคืนนี้ เพื่อนของเราโห่ร้อง คุณหัวเราะอีกก่อนจะบอกว่าล้อเล่น ผมยิ้มตามรอยยิ้มของคุณขณะกินข้าวเหนียวหมูปิ้งก่อนจะหนีหายไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน

คุณเดินเข้ามาในห้องนอนของใหม่เพื่อถามไถ่ผมว่าต้องการกินอะไรก่อนนอนอีกไหม ผมปฏิเสธและหลังจากนั้นเพื่อนคนอื่นเริ่มทยอยเข้ามานอนกันบ้างบางส่วน ผมรู้สึกแปลกตอนที่เห็นคุณเดินออกไปจากห้องนอน แต่เพราะผมง่วงมากผมจึงหลับไปโดยไม่รู้ว่าคุณเข้านอนกี่โมง

ผมตื่นหลังคนอื่นและเจอคุณนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ชานระเบียงพร้อมกับคุยโทรศัพท์มือถือ ส่วนเพื่อนคนอื่นกำลังวุ่นวายทำอาหารมื้อเช้าแบบง่าย ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านในบ้าน มองคุณโยกไหวตัวเองอยู่ในเปลที่ห้อยลงมาจากเพดานบ ผมใคร่สงสัยว่าคุณกำลังคุยอยู่กับใคร คุณพูดเสียงเบาทำให้ผมจับใจความไม่ได้ คุณมีรอยยิ้มบางเบาอยู่บนใบหน้า และในบางครั้งคุณหัวเราะ ไม่มีใครสนใจคุณนอกจากผม ผมซึ่งนั่งจิบน้ำเปล่าแก้กระหาย คุณเป็นฝ่ายจบบทสนทนา ก่อนวางโทรศัพท์มือถือและเดินไปช่วยคนอื่นทำอาหาร คุณซึ่งไม่รู้ว่าผมยังสนใจมองคุณอยู่เช่นเดิม

คุณทำอาหารอร่อยในแบบที่เกินกว่าความคาดหวังไปมากโข ผมมารู้ทีหลังว่าคุณชอบทำอาหาร ต้มจืดสาหร่ายใส่หมูสับกับเต้าหู้ไข่ของคุณอร่อยจนผมต้องเอ่ยปากชม คุณยิ้มรับ ดวงตาของคุณเองก็ยิ้มด้วยเช่นกัน กลุ่มเพื่อนของเราตั้งวงสนทนาเรื่องที่ผมเมาอ้วกแตก เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ผมนึกขึ้นได้ว่าเสื้อสูทที่ใส่ไปงานเลี้ยงหายไปไหนไม่รู้ ผมเอ่ยถามขึ้นกลางวงสนทนาแต่ไม่มีใครนอกจากคุณที่รู้ คุณบอกว่าผมอ้วกเลอะเสื้อสูทและทิ้งเสื้อสูทไว้ที่ร้านเหล้า คุณไม่ได้เก็บไว้เพราะผมเป็นคนบอกเองว่ามันเหม็นและไม่ต้องการให้ที่บ้านรู้ว่าดื่มเหล้าจนเมามาย เพื่อนของเราหัวเราะเอาเรื่องนี้มาล้อเลียนผมอย่างตลกโปกฮา ผมไม่ถือสาแม้น้อยนิดเพราะผมเองก็สนุกไปกับเรื่องขำขันในวงเหล้า

ผมเห็นคุณเดินออกไปอีกแล้ว คุณนั่งอยู่บนเปลตัวเดิมท่ามกลางสายลมที่พัดพาทำให้เส้นผมของคุณปรกหน้า คุณจับเส้นผมของคุณทัดไว้ที่หลังหู คุณคุยโทรศัพท์มือถือกับใครบางคน ใครบางคนที่ผมมีลางสังหรณ์ว่าอาจเป็นคนพิเศษของคุณ ผมเงียบงัน ไม่มีความอยากสังสรรค์กับหมู่เพื่อน

ในตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร...



************************************




ใครเคยชอบเพื่อนตัวเองบ้างคะ เราอาจเป็นหนึ่งในคนที่เคยมีความรู้สึกนั้น
 :katai5:

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
บทที่สอง


ช่วงก่อนสอบปลายภาคการศึกษา คุณและกลุ่มเพื่อนของเรานัดรวมตัวไปนอนค้างที่บ้านของใหม่หลายวัน โอกาสนั้นเราทำงานกลุ่มที่เป็นเมกะโปรเจค ผมไม่แน่ใจนักว่ามันคือสิ่งถูกต้องหรือเปล่าที่รวมตัวกันครบกลุ่มแบบนี้ เพราะนอกจากการจับจ่ายซื้ออุปกรณ์เพื่อเอามาทำงาน กลุ่มของเรายังไม่ลงมือทำงานเลยสักอย่าง เรานั่งกินขนม ฟังเพลง และนินทาเพื่อนร่วมเซคชั่นกลุ่มอื่น

“หงส์ มึงเห็นผู้หญิงที่ชื่อพีป้ะ”

“พีไหนวะ”

“พีที่ชอบใส่คอนแท็กเลนส์สีเทาเหมือนตาเป็นต้ออะ กลุ่มเดียวกับไอ้เป้”

“เออ นึกออกละ ทำไมวะ”

“วันนี้แม่งใส่สั้นเสมอฮิ กูไม่รู้ว่ามันอ่อยใครแต่คิดว่าน่าจะเป็นไอ้บอส”

“มึงพูดแบบนี้กับชะนีได้ไง คิดมากไปละมึงอะ”

“ไม่เว่ย แม่งนั่งหันมาทางไอ้บอสแล้วทำแบบนั่งสลับไขว้ขา”

“อิใหม่ มึงคิดมากไปละ”

“อ้าวๆ ไอ้หงส์ มึงพนันกับกูไหม แบล็คขวดนึง”

“ทำไมกูต้องพนันกับมึงวะ”

“ไม่เจ๋งนี่หว่า มึงกลัวอ๋ออออ”

“ไร้สาระ อิใหม่”

“เอาไง จะพนันไหม ถ้าไอ้บอสอ่อยพีติดกูเอาแบล็คขวดเดียว”

“เออ งั้นกูเอาพาเลตของแคทวอนดี”

“พาเลตแคทวอนดีเหี้ยไรวะ แต่ดีลครับเพื่อนหงส์”

ผมไม่รู้ว่าพาเลตแคทวอนดีที่หงส์พูดหมายถึงสิ่งใดและผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงต้องไปอ่อยผู้หญิงที่ชื่อพี แต่ผมรู้เพียงแค่ว่าคุณกำลังหัวเราะให้กับบทสนทนาระหว่างหงส์กับใหม่ ผมเป็นเพียงชายหนุ่มอายุใกล้ยี่สิบปีเต็มผู้ซึ่งไม่เคยมีแฟน ผมอ่อนประสบการณ์เกี่ยวกับการคบหาฉันท์คนรัก และยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครเลยแม้เพียงคนเดียว ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครแต่ดูเหมือนคุณจะมองผมทะลุปุโปร่ง

“เข้าใจป้ะเนี่ย”

คุณพูดกับผมพร้อมกับรอยยิ้มไม่ต่างไปจากเดิม “อืม เข้าใจ” ผมโกหก

“ทำหน้าเหมือนยังงงอยู่เลย”

“ปล่อยไอ้หนอนแม่งไปเฮอะ ปล่อยแม่งอยู่กับหนังสือของมันไป ฮ่าๆๆ” ใหม่หัวเราะเสียงดัง และหันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นต่อ

ผมพยายามกลบเกลื่อนความเขินอายด้วยการทำหน้านิ่งเฉย แต่คุณยังจดจ้องผมและยิ้มมุมปาก “อยากลองจีบพีไหม ผมช่วยได้นะ”

“พีไหนผมนึกหน้าไม่ออก”

คุณหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของคุณไม่มีรูปภาพใดเป็นพิเศษ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผมคาดหวังจะได้เห็นอะไรบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของคุณ คุณเปิดเฟสบุ๊คที่แสดงภาพของผู้หญิงที่ชื่อพีให้ผมดู เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ใส่คอนแท็กเลนส์สีเทา และแต่งตัวเซ็กซี่นิดหน่อยแต่ไม่โป๊มาก ผมคิดว่าเธอสวยดีแต่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงต้องไปอ่อยผู้หญิงคนนี้

“ว่าไง ชอบพีไหม”

ผมเงียบและไม่มีคำตอบในเรื่องนั้น ผมเพียงแค่สงสัยว่าทำไมต้องเป็นคุณที่ถามคำถามนี้กับผม ความหมายของการถามครั้งนี้มันคืออะไร

“ผมจะลองเข้าไปคุยกับพีดู”

“แล้วแต่ตะวันเลย ผมยังไงก็ได้ พีก็สวยดี”

คุณยิ้ม ก่อนจะเดินออกจากห้องไปที่ระเบียงและจุดบุหรี่สูบ

เพื่อนของเรามักเรียกผมว่าหนอน หนอนนี่มาจากหนอนหนังสือ ผมไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนั้นคิดว่ามันเป็นชื่อที่เข้ากับผมดีอยู่เหมือนกัน ส่วนคุณ เพื่อนคนอื่นมักเรียกคุณว่าบอสด้วยเหตุผลอะไรผมจำไม่ได้ แต่ผมไม่เคยเรียกคุณด้วยคำนั้น คุณชื่อตะวันและผมชอบที่จะเรียกชื่อคุณแบบนี้

ผมเดินตามคุณไปที่ระเบียงและปิดบานประตูกระจก อากาศข้างนอกร้อน อุณหภูมิแตกต่างจากภายในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศลิบลับ แต่ผมเลือกที่จะอยู่กับคุณทั้งที่ไม่ชอบอากาศร้อนเลยแม้แต่น้อย

“ตะวัน ผมขอลองสูบหน่อยสิ”

คุณยื่นบุหรี่ตัวนั้นของคุณให้ผม รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของคุณทำให้ผมรู้สึกขายหน้าอย่างไรบอกไม่ถูก ผมคิดว่าคุณคงมองผมเป็นพวกอ่อนต่อโลก ผมคงเป็นเช่นนั้นแต่ใช่ว่าผมจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย บุหรี่ของคุณไม่ทำให้ผมสำลักหรือรู้สึกอะไรนอกจากความฝาดเฝื่อน มันเป็นเพียงควันที่อบอวลอยู่ในปากก่อนที่ผมจะพ่นควันกลุ่มนั้นออกมา คุณทำให้ผมนึกอยากลองสูบบุหรี่และนี่เป็นครั้งแรกของผม

“อาทิตย์”

“อืม”

“เป็นไง”

“เหมือนมีลมอยู่ในปาก”

คุณยิ้ม เท้าแขนลงกับระเบียงและมองผม “ลองอีกสิ”

ผมเท้าแขนลงเหมือนคุณบ้าง ใบหน้าของเราอยู่ในระนาบเดียวกัน ก่อนผมจะทำตามที่คุณบอก

คุณเรียกผมว่าอาทิตย์ ไม่เคยเรียกผมว่าหนอนเหมือนคนอื่น เราเรียกชื่อของกันและกันมาโดยตลอด มันคงมีเหตุผลบางอย่างหรืออาจไม่มีเหตุผลอะไรเลย แต่คุณทำให้ผมรู้สึกพิเศษโดยที่คุณไม่รู้ตัว

“รอบนี้เป็นไง”

“ดีขึ้น” ผมตอบ และยื่นบุหรี่คืนให้คุณ

อากาศร้อนเหลือเกินแต่ใจของผมกลับเย็นสบาย ควันสีเทาที่พ่นออกมาจากริมฝีปากของคุณหายสลายไปกับสายลม เส้นผมของคุณปรกหน้า ใบหน้าที่อาบไล้ด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็น ผมขอบุหรี่ตัวนั้นมาสูบอีกครั้ง คุณใจดีมากพอสำหรับการแบ่งปันครั้งนี้ แต่คุณจะยังใจดีอีกไหม หากผมบอกว่าผมอยากสูบบุหรี่ตัวเดียวกันกับคุณ ต้องเป็นมวนที่คุณสูบเท่านั้นผมจึงอยากสูบด้วย หากผมพูดออกไปคุณจะยังหยิบยื่นไมตรีนั้นให้หรือเปล่า ในตอนท้องฟ้าเป็นสีส้มแบบนี้ผมได้แต่นึกสงสัย

คุณและกลุ่มเพื่อนของเรามีอารมณ์ทำงานกันตอนช่วงสี่ทุ่มหลังจากอิ่มท้องด้วยอาหารฝีมือของคุณ ผมใช้เลื่อยฉลุไม้อัดตามแบบที่เพื่อนคนหนึ่งได้ร่างวาดรูปไว้ คุณคุยโทรศัพท์มือถือกับใครบางคนและผมให้ความสนใจเรื่องของคุณมากกว่าสิ่งที่ทำอยู่ ในตอนที่ต้องฉลุไม้เป็นทรงกลมผมเผลอมองคุณที่หัวเราะ ใบมีดบาดมือของผมและเป็นนัทกับหงส์ที่เข้ามาดูแล หงส์ทำแผลให้ผมก่อนที่คนอื่นจะเริ่มแห่เข้ามามุงดู

“อะไรของพวกมึง กูแค่โดนบาดนิดเดียว แห่กันมาดูเหมือนกูเป็นยูนิคอร์น”

“ยูนิคอร์นห่าอะไรตัวใหญ่เหมือนยักษ์วัดแจ้ง” หงส์เอ่ยปากพลางทำแผลไปด้วย ผมหัวเราะเพราะโดนเพื่อนคนอื่นทำสีหน้าเบื่อหน่ายใส่ “แล้วนี่ยังไง จะทำต่อไหวไหม ให้อิใหม่มาทำดีกว่า”

“มึงมากินนอนบ้านกูแล้วยังจะให้กูเลื่อยไม้อีกเหรอ ไม่เอาโว้ยเดี๋ยวมือด้านหมด”

“งานกลุ่มไหมอิใหม่ กูจะบอกเจ๊นภาว่ามึงไม่ช่วยงานกลุ่ม”

“ล้อเล่นแค่นี้เอง เจ๊หงส์อย่าโกรธสิ” ใหม่เข้ามานวดต้นแขนของหงส์เพื่อเป็นการออดอ้อน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมสนใจเพราะคุณยังคงคุยโทรศัพท์มือถือและไม่ไยดีผมแม้แต่นิดเดียว ผมไม่แน่ใจว่าทำไมถึงต้องการเพียงแค่ให้คุณเหลียวหันมามองผมบ้าง บางทีผมคงนึกถึงเรื่องของคุณมากเกินไป

หลังจากหงส์ทำแผลให้ผมปลีกตัวมาล้างหน้าให้รู้สึกสดชื่น แต่มันกลับให้ผลตรงกันข้าม ผมไม่รู้สึกชื่นขึ้นเลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะความง่วงหรือเพราะคุณยังไม่ขยับตัวมาดูบาดแผลของผม ผมเดินผ่านห้องที่นั่งทำงานอยู่เมื่อครู่นี้ก่อนจะเลยผ่านไปยังห้องนอน และหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูตามความเคยชิน ในหน้าเฟสบุ๊คที่เปิดอยู่นี้ผมพิมพ์ชื่อเฟสบุ๊คของผู้หญิงที่ชื่อพีลงไปก่อนจะกดแอดเฟรน เพียงไม่นานนักข้อความเตือนก็เด้งขึ้นมาบอกว่าเธอรับแอดเฟรนแล้ว ผมทักเธอไปก่อนว่าเรียนอยู่เซคชั่นเดียวกัน พีตอบรับเป็นอย่างดีและชวนผมคุย ถึงตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงแบบพีเป็นอย่างไร ทำไมคุณถึงโดนเธออ่อยและทำไมคุณต้องอ่อยเธอกลับ

พีรู้จักผมและผมก็รู้จักเธอมันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับการเริ่มต้นพูดคุย เธอเอ่ยถึงเรื่องสอบแล้วหลังจากนั้นเรื่องอื่นๆก็ตามมาโดยที่ผมไม่รู้สึกถึงการต้องพยายามหาเรื่องคุย กลิ่นบุหรี่ติดตัวของคุณจนฉุนจมูกไปหมด ประตูห้องปิดลงขณะที่คุณยืนอยู่ต่อหน้าผม คุณไม่เอ่ยถามถึงบาดแผลของผม คุณแค่เดินผ่านมานั่งบนเตียงและคุยโทรศัพท์มือถือ ผมได้ยินคุณตอบรับคนจากปลายสาย ผมไม่อยากฟังจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแชทกับพีต่อที่ห้องด้านนอก ผมเข้าหน้าเฟสบุ๊คของพีเพื่อดูชีวิตความเป็นไปของเธอ ผมพบว่าพีเป็นผู้หญิงสวย เช็คอินอยู่ตามร้านขายเครื่องดื่มทั้งแบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ ผมคิดว่าเธอเป็นคนสบายๆคุยด้วยง่าย ผมหวังว่าอย่างอื่นของเธอคงง่ายด้วยเช่นกัน


ช่วงแห่งการสอบปลายภาคทำให้ผมรู้สึกหดหู่กับชีวิต ผมเบื่อหน่ายกับการต้องทบทวนในสิ่งที่ไมได้สนใจเหล่านี้ ต่างจากคุณ คุณที่ดูมีพลังอย่างน่าเหลือเชื่อกับการอ่านหนังสือ ในวิชาที่คุณถนัด คุณสอนและช่วยทบทวนเนื้อหาให้ ผมพบว่าคุณดูน่าสนใจดีในตอนที่ทุ่มเถียงกับนัทถึงหัวข้อที่มั่นใจว่าตัวเองถูกต้อง คุณโวยวายเสียงดังก่อนจะโห่ร้องออกมาเมื่อนัทเถียงแพ้ นัทนั่งลงที่เดิมด้านข้างผมและจากนั้นเราเริ่มต้นฟังคุณอธิบายในทางทฤษฎีต่ออีก

ผมเบื่อหน่ายจึงหยิบโทรศัพท์มือถือมาแชทคุยกับพี เธอคงเป็นพวกติดโทรศัพท์มือถือเพราะเมื่อใดก็ตามที่ผมส่งข้อความไปเธอจะตอบกลับโดยไม่ต้องให้รอนาน พีไม่ใช่ผู้หญิงสีพาสเทลแต่เธอเป็นประเภทแม่สีที่ไม่ต้องการให้สีอื่นมาผสม เธอตรงไปตรงมาอีกทั้งยังฉลาดในแบบที่คนอื่นมักมองข้ามเพียงเพราะรูปลักษณ์เซ็กซี่ของเธอ คนอื่นมองว่าเธอง่ายแต่ผมไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนั้นเพราะยังไม่เคยคุยกับเธอแบบตัวต่อตัว เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ผมจึงนัดเจอเธอ พีคงคิดเช่นเดียวกันกับผม สุดท้ายเรานัดไปเจอกันในห้างกลางเมืองหลังจากสอบเสร็จวันนี้

คุณยังคงทบทวนเนื้อหาส่วนทฤษฎีให้เพื่อนฟัง คุณยืนอยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ดและขีดเขียนเชื่อมโยงเนื้อหาบางส่วน คุณกับผมไม่ได้คุยเพิ่มเติมเป็นพิเศษในวันที่ผมได้รับบาดแผลจากการฉลุไม้อัด ตอนนี้แผลเริ่มแห้งแต่ยังไม่ถึงกับตกสะเก็ดและคุณยังคงไม่ถามถึงบาดแผลนี้ ผมคงมองคุณผิดหรืออาจคาดหวังกับความใจดีของคุณมากเกินไป ไม่มีสิ่งใดในความเป็นเพื่อนบ่งบอกว่าคุณให้ความสนใจต่อผม เป็นผมเองที่คิดว่าการเรียกชื่อของเราเป็นสิ่งพิเศษซึ่งคุณมอบให้ ผมคิดว่าคุณคิดว่าเราเป็นเพื่อนพิเศษต่อกัน ทั้งที่ความจริงบทสนทนาระหว่างเราผิวเผินไม่ต่างอะไรจากเพื่อนร่วมโลก

ผมนึกถึงเรื่องของเรา เจาะจงให้ละเอียดกว่านั้นคือผมนึกถึงบุหรี่ของคุณ ผมไม่ติดบุหรี่แต่ผมติดบุหรี่ของคุณ ผมนึกอยากสูบมันขึ้นมาในระหว่างที่คุณกำลังเดินออกไปเพื่อทำกิจกรรมนั้น หากแต่ผมไม่ได้ร่วมเดินออกไปกับคุณเพราะตัดสินใจแล้วว่าต้องการนั่งอยู่ในห้องแอร์ แทนที่จะไปขอสูบบุหรี่ตัวเดียวกันกับคุณ ที่ทางเดินซอกหลืบท่ามกลางอากาศร้อนละอุซึ่งผมเกลียดชัง ผมคิดว่าเรื่องของเรามันคงไม่มีอะไรมากกว่านี้

สิ่งที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้นเมื่อพีปรากฏตัวพร้อมคุณและนัทกับใหม่ในห้องเอนกประสงค์แห่งนี้ ห้องที่คุณกับกลุ่มเพื่อนของเราใช้ทบทวนเนื้อหาก่อนสอบ นัทและใหม่แสดงสีหน้าที่ผมดูออกว่ากำลังระริกระรี้ ส่วนพีเธอเป็นดั่งที่ผมได้เคยคิดไว้ เธอชัดเจนว่ามาเพื่ออะไร มาเพื่อพบใคร และไม่มีท่าทีบิดตัวเขินอายให้รู้สึกน่าเอ็นดู ผมชอบที่เธอชัดเจนแบบนี้มากเหมือนกัน

“อาทิตย์ หลังสอบพีรออยู่ตรงลานจอดหนึ่งนะ”

ผมตอบรับพี และไถ่ถามถึงวิชาที่เธอกำลังจะสอบช่วงบ่าย ผมไม่สนใจคุณไปชั่วขณะหนึ่ง ผมคิดว่าดีแล้วที่เป็นแบบนี้ บางทีผมอาจสนใจพีมากกว่าคุณแล้วก็เป็นได้

หลังจากพีเดินออกไปจากห้อง คุณและเพื่อนของเราต่างโห่แซวไปตามเรื่องตามราว ผมไม่เขินอาย อีกทั้งยังตอบรับชัดเจนว่าคุยกับพีมาได้สักพัก นัทกับใหม่ระริกระรี้ในการสอบสวนเรื่องนี้เหลือเกิน ผมไม่ถือสาเจ้าบ้าพวกนี้และตอบไปตามความจริงทุกอย่าง คุณยิ้มและมองตรงมาที่ผม แต่คุณก็แค่สนุกไปกับการหยอกล้อระหว่างเพื่อนฝูง คุณบอกกับหงส์และใหม่ว่าเรื่องที่พนันกันไว้คงเป็นอันต้องจบลง คุณจะไม่เข้ามายุ่งกับพีเพราะพีกำลัง ‘คุย’ กับผมอยู่

ผมนึกสงสัยว่าทำไมคุณถึงปล่อยให้ผมก้าวมาไกลขนาดนี้ อีกทั้งยังมีท่าทีชัดเจนว่าไม่สนใจหากผมจะคบหรือไม่คบกับพี หากพูดให้ตรงไปมากกว่านั้น คุณไม่แยแสเรื่องของผมแม้กระผีกริ้น อย่างไรก็ตาม ผมยังคาดหวังว่าจะได้รับความสนใจจากคุณบ้าง เหมือนที่คุณให้ความสนใจในการคุยโทรศัพท์มือถือกับใครบางคนนั่น

พีรอผมที่ลานจอดรถหนึ่งตามที่เธอบอกไว้ ผมไม่มีรถแต่เธอมี ผมอายนิดหน่อยและรู้สึกว่าเป็นผู้ชายก็ควรช่วยเหลือผู้หญิงได้มากกว่านี้ อย่างน้อยผมควรมีรถเพื่อพาผู้หญิงไปยังสถานที่ที่เธอต้องการ พีไม่สนใจถามว่าผมมีรถหรือฐานะที่บ้านเป็นอย่างไร เธอสนใจแค่ว่าผมสามารถให้ความสุขกับเธอในระหว่างที่ออกเดทนี้ได้หรือเปล่า ผมคิดว่าเธอรู้ รู้ว่าคืนนี้ระหว่างผมกับเธอจะจบลงที่ไหน

ผมพาเธอไปกินอาหารที่ร้านหนึ่ง ไม่หรูหราแต่รสชาติดี เธอพอใจและกินอาหารที่สั่งมาโดยไม่เหนียมอายหากว่ามันเลอะเทอะ พีกินก้ามปูผัดผงกะหรี่ด้วยการใช้มือหยิบจับ ผมมีความสุขกับพีในช่วงเวลานั้น และช่วยทำความสะอาดเช็ดมือให้ พีเป็นผู้หญิงที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และต้องการแบบไหน ผมไม่คิดว่าเธอเป็นคนง่ายแต่เธอเป็นคนชัดเจนมากกว่า เธอถามผมอย่างไม่อ้อมค้อมตอนที่นั่งกินขนมหวานว่าคืนนี้ผมต้องการไปค้างที่ห้องของเธอหรือเปล่า ผมยิ้มและตอบตกลง

ผมจูบกับพีในห้องของเธอ แต่เพียงแค่จูบแรกผมกลับนึกถึงหน้าของคุณ ผมลังเลว่าควรทำอย่างไรในตอนที่พีช่วยปลุกเร้าให้ผมแข็งตัว มือของเธอนุ่มนวลขณะสวมถุงยางให้ ผมสามารถดำเนินไปยังขั้นตอนสุดท้ายได้ แต่มันว่างเปล่าเหลือเกิน

ผมมีความสุขทางกายแต่มันเป็นเพราะผมคิดถึงบุหรี่มวนสีขาวของคุณ จิตใจของผมหมกมุ่นยามเมื่อคุณแตะริมฝีปากลงบนบุหรี่ ผมตื่นตัวเมื่อคิดว่าคุณกำลังรับควันเข้าสู่ร่างกายของคุณ และบางทีที่ผมสามารถหลั่งน้ำใคร่ออกมาได้คงเป็นเพราะตอนที่คุณพ่นควันเหล่านั้นออกมา ตอนที่ริมฝีปากของคุณเผยออ้าเพื่อปล่อยควัน ผมนึกอยากลองลิ้มชิมรสริมฝีปากของคุณ มันคงขมฝาดเฝื่อนไม่ต่างอะไรจากบุหรี่ที่คุณสูบ แต่ความขมฝาดเฝื่อนจากปากของคุณคงมอบความสุขทางใจให้ผมได้เป็นอย่างดี

ลางสังหรณ์ของผู้หญิงแม่นยำจนน่าตกใจ พีพบว่าผมไม่ได้คิดถึงเธอในตอนที่เราร่วมหลับนอน เธอหัวเราะตอนเห็นสีหน้าของผมหลังจากความรู้สึกของเธอเปิดเผยออกมา ผมยินยอมตอบรับในเรื่องนั้นแต่ไม่ได้บอกว่าผมจินตนาการถึงใคร พีนั่งลงด้านข้างหลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จ เธอหยิบรีโมตมาเปิดโทรทัศน์ดูขณะที่ผมกลัดกระดุมเม็ดสุดท้าย

“อาทิตย์ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่”

ผมรับคำในลำคอและครุ่นคิดบางอย่าง “พี ถามหน่อยดิ พีมีคนที่ชอบไหม”

“มี แต่คงกลับไปคืนดีกันยาก”

“แฟนคนแรกเหรอ”

พีมีรอยยิ้มบนใบหน้า ในยามที่เธอเปลือยเปล่าปราศจากเครื่องสำอางผมพบว่าเธอยังคงเป็นคนสวยเหมือนเดิม “เคยได้ยินเรื่องรักแรกป้ะ พีคงลืมเขาได้ยากอะ”

“พี”

“ว่า”

“พีรู้ป้ะว่าพีเป็นคนแรกของผม”

พีค้างถือรีโมตไว้ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะ แต่ไม่มีท่าทีหยอกล้ออะไรไปมากกว่านั้น “แล้วรักแรกของอาทิตย์หละ”

ในตอนนั้นผมนึกถึงคุณ แต่ผมยังไม่เข้าใจว่ารักแรกของผมเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ




************************************



ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
บทที่สาม
   
   
คุณเข้ามามีบทบาทในช่วงก่อนสอบวิชาสุดท้าย มันเป็นวิชาที่คุณมั่นใจเหลือเกินว่าต้องทำคะแนนได้ดี ตรงข้ามกับผมที่รู้สึกโง่เง่าเมื่อได้ยินคุณกับกลุ่มเพื่อนของเราถกเถียงเนื้อหาวิชาการ คุณมองมาที่ผมก่อนยกบุหรี่สูบและเมินหน้าไปอีกทาง คุณทำกิริยาแบบนั้นอีกครั้งและมองมาที่ผมด้วยความลังเล สุดท้ายเป็นคุณที่ขยับก้าวเข้ามาหา ถามกับผมว่าเข้าใจวิชานี้หรือเปล่า ผมปฏิเสธความช่วยเหลือของคุณเพราะอับอายที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง คุณรู้ว่าผมโง่แต่คุณไม่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น คุณช่วยเน้นย้ำเนื้อหาสำคัญ ใจความที่คิดว่าน่าจะออกสอบ และที่เหลือคงต้องพึ่งพาสมองส่วนคิดวิเคราะห์ของผม

ผมเข้าใจวิชานี้แบบพอสังเขปและไม่มั่นใจว่าจะทำได้ไหม แต่อย่างไรก็ตาม การได้มองใบหน้าของคุณทำให้ผมสบายใจดี คุณคาบบุหรี่ไว้ขณะก้มหน้าอ่านหนังสือ นิ้วมือของคุณคีบบุหรี่ออกเพื่อเคาะขี้บุหรี่ลงบนพื้นซีเมนต์ ในบางครั้งคุณจับเส้นผมที่ห้อยตกลงมาทัดไว้หลังหู ผมมองคุณและคิดถึงแต่เรื่องของคุณ

ผมลังเลกับการถามในสิ่งที่สงสัย ผมกลัวดูโง่เง่าในสายตาของคุณแม้ว่ามันจะทำให้ผมโง่จริงๆในห้องสอบ ผมเลือกที่จะถามกับหงส์ เพื่อนผู้หญิงคนน่ารักของกลุ่มเรา แต่น่าเสียดายหงส์ไม่อาจตอบข้อสงสัยของผมได้ สุดท้ายผมจึงสนใจคุณอีกครั้งและไม่น่าเชื่อว่าสายตาที่คุณมองมาที่ผมนั้นมีแต่ความเมตตา คุณทำให้ผมหลงระเริงไปกับความใจดีของคุณ ผมลืมหมดสิ้นว่าก่อนหน้านี้คุณไม่แยแสบาดแผลบนมือของผมเลยแม้แต่น้อย

คุณติดบุหรี่หนักเหลือเกิน คุณสูบมันขณะนั่งอ่านหนังสือ แม้แต่ก่อนเข้าห้องสอบคุณยังคงพะว้าพะวงกับมวนบุหรี่

“เลิกสูบได้แล้ว” ผมพูดขึ้นกับคุณ

คุณยิ้มแต่ไม่ยอมละทิ้งการจุดไฟบนปลายบุหรี่ “สูบด้วยกันสิอาทิตย์”

ผมติดกับดักของคุณเข้าอีกครั้ง ผมรับบุหรี่มาสูบทั้งที่ไม่ต้องการ มันเป็นบุหรี่ของคุณ บุหรี่ตัวนี้ที่เราร่วมสูบกัน

“ทำไมถึงติดบุหรี่นักหละ”

“คงชินมั้ง”

คำตอบของคุณไม่ไขความกระจ่างให้ผมเลย ผมคาดหวังคำอธิบายมากกว่านี้ เหมือนที่คุณอธิบายทฤษฎีวิชาการให้กลุ่มเพื่อนของเราฟัง แต่แล้วในตอนที่คุณจับมือและโน้มหน้าลงมาเพื่อสูบบุหรี่จากมือของผม ทุกอย่างในหัวล้วนว่างเปล่า


หลังจากสอบปลายภาคเรียนสุดท้ายของปีสองจบลงผมเมาอีกแล้ว ที่ร้านเหล้าร้านเดิม

ผมได้ใกล้ชิดกับคุณอีกครั้งในตอนที่ยืนอ้วกแตกอยู่หน้าร้าน คุณดูแลผม คุณคอยบอกให้ผมดื่มน้ำเปล่าเข้าไป แต่ขณะนั้นคุณยังคงแชทคุยกับใครบางคนและติดโทรศัพท์มือถือ เรากลับเข้ามาในร้านเหล้าอีกครั้ง คุณและกลุ่มเพื่อนของเราส่งเสียงเฮฮาไปตามประสา คุณคงเป็นสิงห์นักสูบ คุณรุ่มรวยมากพอสำหรับการใช้บริการเตาสูบบารากุจากทางร้าน กลุ่มควันที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมหวานคละคลุ้งอยู่ในปากของผม แต่ผมไม่ชอบความหวานเลี่ยนของมัน ผมชอบบุหรี่ของคุณ

คุณคุ้นชินกับสถานที่อโคจรแบบนี้ มันทำให้ผมนึกคิดว่าชีวิตสมัยเรียนมัธยมของคุณโลดโผนขนาดไหน ผมเดาว่าคุณคงมีเพื่อนรายล้อมและพากันโดดเรียนในคาบว่าง คุณเรียนรด.แล้วคุณบอกว่าอย่างนั้น ผมไม่เคยเจอคุณในช่วงเวลานั้นหรือแม้แต่ช่วงเข้าค่ายที่ค่ายฝึกเขาชนไก่ ผมจินตนาการถึงคุณในชุดนศท. ผมสั้นเกรียนและใบหน้าแดงก่ำจากการยืนตากแดด คุณคงหัวเราะให้กับการตกเป็นเป้าสายตา และสร้างความบันเทิงให้แก่เพื่อนร่วมชั้น ผมนึกอยากเห็นขณะที่คุณแก้ผ้าอาบน้ำและเป็นหนึ่งในกลุ่มคณะที่ร่วมแหกกฏเกณฑ์เพื่อแอบกินขนมในตอนกลางคืน คุณจะผอมหรืออ้วนกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้รึเปล่า ใบหน้าและเสียงของคุณเปลี่ยนไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหน คุณดูมีความสุขดีตอนเล่าเรื่องสมัยมัธยมให้กลุ่มเพื่อนของเราฟัง เรื่องในสมัยที่คุณยังไม่ตระหนักถึงตัวตนของผม

ใหม่กับคุณรู้จักและสนิทสนมกันแบบที่เรียกว่ามองตาก็รู้ใจ ผมไม่ได้อยู่ในฐานะเดียวกันนั้น ผมเป็นเหมือนบุคคลหนึ่งซึ่งวนอยู่เส้นรอบตัวคุณ ผิวเผินและห่างไกล

กลุ่มเพื่อนของคุณนอกจากใหม่แล้วคุณยังมีเอ็มม่ากับเอ็มมั่ว เพื่อนที่ชื่อเอ็มเหมือนกันคุณจึงต้องเรียกฉายานามเพื่อไม่ให้สับสน เอ็มม่าเป็นตุ๊ด ตุ๊ดแบบตุ๊ดแต่งตัวสาว นมใหญ่กว่าหงส์ที่เป็นผู้หญิง ส่วนเอ็มมั่วเป็นชายแท้ ชายแท้ผู้โชกโชนประสบการณ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา คุณจึงเรียกเอ็มมั่วซึ่งย่อมาจากมั่วซั่วกินไม่เลือก ในตอนนี้ผมพอจะนึกออกแล้วว่าทำไมเพื่อนถึงเรียกคุณว่าบอส คุณเป็นเหมือนบอส เป็นเหมือนโต้โผในการพาเพื่อนทำกิจกรรมต่างๆ คุณโดดเด่นทางการให้ความบันเทิงคนอื่น แม้ว่าผมจะคิดแบบนั้นแต่เมื่อคุณอยู่กับผมคุณมักเงียบกว่าปกติ และไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวของคุณให้ผมฟัง ไม่แม้แต่จะถามว่าผมเคยเรียนรด.หรือเปล่า ผมคงเป็นได้แค่บุคคลหนึ่งซึ่งอยู่รอบกายคุณเท่านั้นจริงๆ

คุณเดินออกไปนอกร้าน ผมคิดว่าคุณคงออกไปสูบบุหรี่อีก แต่ไม่ใช่เลยคุณออกไปเพื่อพาใครบางคนมาทักทายกลุ่มเพื่อนของเราต่างหาก ผมประจักษ์แจ้งแล้ว ใครบางคนที่คุณคุยด้วยบ่อยครั้งทางโทรศัพท์มือถือแท้จริงแล้วเธอเป็นแฟนของคุณ

ผู้หญิงที่คุณพามารู้จักกับกลุ่มเพื่อนของเราเป็นสาวหน้าตาน่ารัก เธอต่างไปจากพีเพราะเธอดูน่ารักมากกว่าเป็นคนสวย ผมมารู้ทีหลังว่าเธอเรียนอยู่คณะเดียวกับพวกเรา แต่เรียนคนละสาขา คุณรู้จักเธอได้อย่างไร คุณชอบเธอที่ตรงไหน ทำไมคุณถึงชอบเธอจนถึงขั้นสามารถคบหาฉันท์คนรักได้ คุณกับเธอทำไมถึงเป็นคนรักกัน ผมเฝ้าหาคำตอบราวกับตามหาน้ำบนดวงจันทร์

ผมเริ่มเวียนหัวจากการดื่มแอลกอฮอล์มากชนิด เอ็มมั่วคงเห็นว่าผมคออ่อนมันรีบเร่งเร้าให้ผมดื่มหนักและบอกว่าจะได้มีภูมิคุ้มกัน แฟนสาวของคุณหัวเราะที่ผมถูกเพื่อนแกล้ง ผมคิดว่าเธอน่ารักดีแต่เธอไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ ต่อหน้าทั้งผมและคุณ เธอควรหายไปจากสารบบ หายไปจากชีวิตของคุณ

ผลสุดท้ายของการดื่มไม่ลืมหูลืมตา ผมต้องมานั่งดมยาดมอยู่บนเก้าอี้ในห้องน้ำของร้านเหล้า ตัวของคุณมีกลิ่นบุหรี่เช่นเคย แท้จริงแล้วนอกจากกลิ่นบุหรี่ของคุณมันมีกลิ่นน้ำหอมที่แฟนสาวของคุณใส่มาด้วย มันเหม็นจนฉุนในตอนที่คุณกรอกน้ำใส่ปากของผม

คุณพาผมเดินออกมาจากห้องน้ำอับเหม็น คุณจุดบุหรี่สูบหลังจากบอกให้ผมนั่งพักสูดอากาศข้างนอก ที่ตรงนั้นผมมองเห็นเพียงแค่คุณที่กำลังทำกิจกรรมเดิมของคุณ คุณกับบุหรี่มวนสีขาวของคุณ เราไม่เอ่ยปากคุยกันเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร คุณกับผมเรามีวิถีชีวิตแตกต่างกันมากเหลือเกิน

ที่ด้านนอกร้านตรงนั้นคงเป็นแหล่งสูบบุหรี่ คุณจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือของคุณอีกแล้ว คุณทำให้ผมเบื่อหน่ายกับความเป็นคุณ คุณที่ไม่สนใจผมนอกจากแค่นั่งเฉยๆและพ่นควัน

“กลับเข้าไปข้างในเถอะ”

“อืม อีกแป้บนึง” คุณบอกว่าอีกแป้บนึง แต่ผมไม่รู้ว่าอีกแป้บนึงของคุณมันคือกี่นาที คุณทำให้ผมรู้สึกอึดอัด

“มีไฟแช็คไหมครับ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าผม ผมซึ่งไม่ได้สูบบุหรี่เป็นอาจิณ

“ไม่มีครับ”

ผมตอบกลับไปด้วยความใสซื่อ หากแต่คุณกลับส่งไฟแช็คสอดผ่านเข้ามาในมืออย่างรวดเร็ว และมองหน้าผมราวกับต้องการสื่อความหมายบางอย่าง ผลพวงจากการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ผมช้าลงแต่เพียงครู่หนึ่งไม่นานนักผมเข้าใจแล้วว่ามันหมายถึงอะไร

“อ้อ เจอไฟแช็คแล้ว” ผมส่งไฟแช็คของคุณที่สถาปนาเป็นไฟแช็คของผมให้ชายหนุ่มคนนั้น

“มาเที่ยวที่นี่บ่อยไหมครับ” เขาชวนผมคุยต่อขณะที่คุณเดินหนีหายไป ทิ้งผมไว้เพียงลำพังกับคนแปลกหน้า

“ไม่บ่อยครับ” ผมตอบพลางลอบมองริมฝีปากของเขาที่กำลังคาบบุหรี่ไว้

เขาหันหน้ากลับมาพบกับสายตาของผม เขาไม่หลบเลี่ยงอีกทั้งยังส่งยิ้มให้ ผมไม่รู้สึกถือสาในเรื่องนั้น เรื่องที่เขากำลังอ่อยผม

“ขอลองหน่อยสิ” ผมพูดขึ้น เป็นฝ่ายชวนสนทนาบ้าง

“ลองอะไรครับ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม แววตาขี้เล่น

ในตอนนั้นผมจับมือของเขา และโน้มหน้าลงเพื่อลองสูบบุหรี่รสชาติของเขา กลิ่นมิ้นท์ส่งสัมผัสในตอนท้าย มันต่างไปจากบุหรี่ของคุณโดยสิ้นเชิง

คุณส่งเสียงแซวเมื่อผมพาเขาไปร่วมโต๊ะด้วย เวลากว่ายี่สิบนาทีที่หายไปคุณคงเดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมหวังว่าคุณจะรู้ อยากให้คุณเห็นด้วยซ้ำในตอนผมแทรกไอ้นั่นที่แข็งตัวของผมเข้าไปในบั้นท้ายนุ่มนิ่มของเขา อยากให้คุณได้ยินเสียงยามเมื่อผมทำให้เขาครางด้วยความสุข และอยากให้คุณกลืนกินน้ำเชื้อของผมที่หลั่งอยู่ในถุงยางเข้าไป ผมอยากให้คุณเห็นสิ่งที่ผมทำหลังบานประตูในห้องน้ำของร้านเหล้าแห่งนั้น

ผมคาดว่าคุณจะรู้สึกสลดเศร้าบ้างแต่ผลเป็นตรงกันข้าม คุณโห่ร้องไปกับเพลงในร้านและไม่สนใจผม คุณทำให้ผมผิดหวัง

ผมไม่ได้ไปค้างกับคุณและกลุ่มเพื่อนของเราในทันทีที่ออกจากร้านเหล้า ผมหายไปกับเขา และร่วมสัมพันธ์กันอีกครั้งอย่างถึงพริกถึงขิง ในห้องพักของเขาคงเป็นการเปิดโลกใบใหม่ให้ผม ผมพบว่าการได้มองใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังบิดเบี้ยวจากความเสียวซ่าน สามารถสร้างความสุขให้กับผมได้มากขนาดนี้ ผมไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดีกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผมคิดถึงพีเพราะเธอทำให้ผมรู้จักตัวเอง แต่ผมไม่นึกถึงคุณ ผมจะไม่นึกถึงคุณอีกต่อไป

เขากำลังเช็ดคราบต่างๆบนร่างกายตัวเองขณะที่ผมกำลังแต่งตัวเพื่อกลับไปค้างที่บ้านของคุณ เขาเข้ามาจูบก่อนที่ผมจะออกไปจากห้อง และก่อนหน้าไปกว่านั้นเราแลกช่องทางการติดต่อกันแล้ว



“เป็นไง หมดไปกี่น้ำครับเพื่อน”

นัทเอ่ยทักตอนที่ผมโทรหาเพื่อให้มันออกมาเปิดประตูบ้าน ผมจ่ายเงินค่าแท็กซี่ก่อนบานประตูบ้านของคุณจะถูกเปิดออกกว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาบ้านของคุณ

คุณและกลุ่มเพื่อนของเรานั่งดื่มเหล้ากันกลางห้องนั่งเล่นในบ้านของคุณ แฟนของคุณนั่งหน้าสะสวยเคียงข้างคุณ ผมไม่สบายใจที่เห็นเธอเป็นส่วนหนึ่งในบ้านหลังนี้ บ้านที่คุณควรสนทนาแค่กับผมและเพื่อนของเรา

“อาบน้ำยังวะไอ้หนอน ห้องน้ำอยู่ข้างบนนะ สบู่แชมพูมีหมดใช้ได้เลย” เอ็มมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

“แหม กูว่ามันอาบมาแล้วป้ะ จากที่อื่นหนะ” หงส์หยอกล้อก่อนกลุ่มเพื่อนของเราจะหัวเราะลั่น

“กูยังไม่ได้อาบเลย” ผมตอบไปตามความจริงพลางหยิบน้ำอัดลมมาดื่มอึกใหญ่

“อิหนอน อย่าบอกว่านะว่ามึงยังไม่ล้างตัวซักกะนิด”

“เออ ยังไม่อยากล้าง มีไรป้ะ”

“อิเชี่ยยยยย” หงส์กรีดร้องทำเป็นสะดีดสะดิ้งและขยับตัวออกห่าง ผมแกล้งหงส์ด้วยการเอาไหล่ไปกระแซะ เป็นไปตามคาด หงส์ทำหน้าขยะแขยงและหลีกหนีไม่ให้ถูกเนื้อต้องตัวกับผม “เออ อิหนอน แล้วกับพีหละ ยังไงวะ”

“จะให้กูพูดอะไรวะ นั่นผู้หญิงนะ”

“โอ้ย อิหนอนทำมาเป็นปากดี สันดานผู้ชายอย่างพวกมึงขี้นินทามากกว่ากูอี๊กกกกก” ในท้ายประโยคหงส์ทำเสียงสูงจนรบกวนโสตประสาท
“มันได้กับอิพีแล้วก็ชิ่งไง มึงอยากรู้อะไรอีกอิหงส์เหิน” คราวนี้เป็นเอ็มม่าตอบแทน ส่วนผมได้แต่นั่งจิบเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์พลางกินขนมไปด้วย “แล้วยังไงคะอิหนอน ตกลงว่ามึงชอบผู้หญิงหรือผู้ชายวะ เอาตรงๆบอกพวกกูมาได้เลย”

“ไม่บอก แต่กูไม่ชอบคนอย่างมึงอิเอ็มม่า มึงมันแรด”

“อิหนอนนนน อิปากร้ายยยยย”

ผมถูกเอ็มม่าทุบตีก่อนจะหัวเราะร่วนกันทั้งกลุ่ม

จนถึงตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าคุณสร้างโลกอีกใบขึ้นมา โลกของคุณกับแฟนสาวของคุณ โลกที่ผมภาวนาให้ระเบิดดับสูญไม่ต่างอะไรไปจากเหตุการณ์บิกแบง แต่มันก็เป็นได้แค่ความคิดแสนเพ้อพกของผม… เพียงลำพัง

ระหว่างกลุ่มเพื่อนของเราตั้งหน้าตั้งตาสนทนาเรื่องสัพเพเหระ คุณและแฟนสาวของคุณนั่งคุยกันเพียงสองคนที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ ผมนึกรำคาญใจจึงหนีหายไปอาบน้ำ ด้วยหวังว่าความหงุดหงิดจะสลายหายไปหลังจากได้ชำระล้างร่างกาย

ผมเปลือยเปล่าอยู่ใต้สายน้ำ ภายในห้องน้ำที่คุณเคยใช้ บ้านหลังนี้คุณอาศัยอยู่เพียงลำพัง เพราะพ่อแม่ของคุณอยู่อีกบ้านหลังหนึ่งห่างไกลจากบ้านของคุณ คุณไม่เคยเล่าเรื่องนี้ผมฟังแต่ผมได้ยินมาจากนัท ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังแต่เพียงผู้เดียว
ในวันทุกวันคุณคงใช้สบู่กลิ่นนี้ ผมใคร่สงสัยว่าคุณเริ่มต้นถูสบู่ที่อวัยวะไหนเป็นอันดับแรก คุณคงกดสบู่เหลวหนึ่งรอบเพื่อถูทำความสะอาดบนผิวซึ่งเปียกน้ำ และกดสบู่อีกครั้งเพื่อให้ผิวของคุณมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผมนึกสงสารคุณ สงสารที่คุณอยู่ในห้วงจินตนาการขณะผมสาวมือรัวเร็วที่ท่อนเนื้อซึ่งแข็งตัว คุณจะร้องฮัมเพลงอยู่ในห้องน้ำแห่งนี้ด้วยหรือเปล่าในตอนที่คุณถูสบู่บนแขนลื่นๆของคุณ หรือคุณเพียงแค่อาบน้ำโดยไม่ร้องเพลง คุณแค่ถูสบู่ไปตามรูปร่าง อาจล้วงท่อนเนื้อของคุณออกมาและถูสบู่ที่ตรงนั้น

ผมคิดแบบนั้นก่อนจะยันแขนลงบนกระเบื้องสีขาวสะอาด มองปลายเท้าที่ฟองสบู่และน้ำขาวขุ่นถูกสายน้ำชำระไหลผ่านลงพื้น กลิ่นสบู่ที่คุณใช้มันให้สัมผัสเจือจางอยู่ที่ปลายจมูก ตอนนั้นความหงุดหงิดที่สุมอยู่ในกายของผมมอดดับลง

ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพเปลือยท่อนบนและสวมเพียงกางเกงขาสั้นใส่นอนตัวเดียว บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของผมปรากฏข้อความจากเขา เขาส่งข้อความมาทักทายพร้อมกับรูปวาบหวิวเห็นบั้นท้าย ผมยิ้มก่อนจะกดโทรออกหาเขา

“ว่าไงครับ”

“คิดถึงอาทิตย์จังเลยครับ”

“นี่ทำอะไรอยู่”

“กำลังจะนอน แต่นอนไม่หลับเลย อยากให้อาทิตย์มากู๊ดไนท์คิส”

“ขี้อ้อนจังนะ ไม่ใช่ว่าพาคนอื่นมาที่ห้องต่อจากผมเหรอ”

“ผมอยู่คนเดียว อาทิตย์ไม่เชื่อผมเหรอ”

“เปิดกล้องหน่อย”

ผมยกโทรศัพท์มือถือออกห่างและรอคอยให้อีกฝ่ายเปิดกล้อง เป็นภาพห้องของเขาที่ปรากฏเป็นอันดับแรก กล้องแพลนไปทั่วห้องก่อนจะจบลงที่ใบหน้าขาวกระจ่างของเขา “อยากสำรวจตรงอื่นอีกไหม”

ผมยิ้มขณะมองภาพในจอ หากว่ากันตามตรงผมถูกใจเขามากจนรู้สึกอยากคุยต่อไปเรื่อยๆ “อยากครับ แต่ผมอยู่ที่บ้านเพื่อน”

เขาส่งเสียงทำเหมือนเสียดาย

“ไว้ผมขอไปสำรวจที่ห้องแล้วกันนะ”

เขายิ้มรับและตอบตกลง ผมขยับตัวลงมานอนกลิ้งอยู่บนพื้นซึ่งปูฟูกผืนหนาไว้ เราคุยกันต่ออีกด้วยเรื่องอื่น แต่เมื่อหงส์เปิดประตูห้องเข้ามาผมจึงวางสาย และลุกขึ้นไปช่วยเอ็มม่ากับเอ็มมั่วพยุงตัวนัทที่เมาหลับให้มานอนบนเตียง ไม่รอช้าเราค้นหาอุปกรณ์จากในห้องของคุณเพื่อเอามากลั่นแกล้งนัท หงส์ยอมสละลิปสติกสีแดงเพื่อเอามาแต่งแต้มบนใบหน้าของนัท ก่อนจะปล่อยให้เอ็มมั่วกับผมเอาเข็มขัดมาพันมือและพันเท้า ตามด้วยแผ่นถนอมอาหารที่เอามาห่อรอบตัวเพื่อนผู้ซึ่งเมาไม่รู้เรื่อง เอ็มม่าถ่ายรูปเก็บไว้ทุกซอกทุกมุม



ในค่ำคืนนั้นผมสนุกไปกับเขา ก่อนจะสนุกไปกับกลุ่มเพื่อน และลืมเรื่องของคุณ



************************************




 :sad4:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ชอบมากนิยายแนวแอบรักคนใกล้ตัว  :hao6: ตามต่อแน่นอนครับ ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
บทที่สี่


   
   
ผมคิดเสมอว่าคนแบบคุณถูกรายล้อมด้วยผู้คน และคุณมักมาพร้อมกับเสียงหัวเราะจริงใจก้องกังวาน มันอาจเป็นส่วนที่ทำให้ผู้คนเข้าหาคุณ ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าผมชอบมองเวลาคุณหัวเราะ ใครหลายคนคงคิดเช่นนั้นเหมือนกันไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวหรอก แต่ตอนนี้คุณดูผิดหูผิดตาไปนิดหน่อย คุณนั่งเสียบหูฟังและฟังเพลงอยู่เพียงลำพังในเช้าวันนั้น ที่บ้านของคุณ บนโซฟาตัวยาวของคุณ

ผมนั่งลงด้านข้าง หยิบเอาหูฟังที่เสียบคาอยู่ในรูหูของคุณมาฟังโดยไม่ร้องขอ คุณตกใจแต่ไม่ได้พูดห้ามสิ่งใด คุณฟังเพลงเก่าในยุคพ่อแม่ของเรายังเป็นหนุ่มสาว คุณฟังเพลงแบบเดียวกันกับผม

คุณเอนหลังลงไปอีกครั้งหลังจากปล่อยให้ผมได้ทำตามใจ บนโซฟาตัวนั้นเรานั่งอยู่เคียงข้างกันในความเงียบงัน คุณไม่พูด ผมไม่คุย เราแค่นั่งเงียบปากและฟังเพลง ผมสังเกตว่าคุณเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด ผมไม่อึดอัดที่เราเงียบงันใส่กัน แต่ผมไม่รู้ว่าคุณรู้สึกแบบไหน คุณอาจรำคาญ คุณอาจอึดอัด หรือแม้กระทั่งคุณอาจไม่ชอบขี้หน้าผมก็เป็นได้

คุณทำสิ่งที่น่าประหลาดใจด้วยการพิงหัวลงซบไหล่ของผม ตัวของคุณปราศจากกลิ่นบุหรี่ ปราศจากทุกกลิ่นเป็นเพียงแค่คุณที่ซบศีรษะและฟังเพลงร่วมด้วยกัน เช้าวันนั้นมีเพียงคุณกับผมที่ตื่นก่อนใครอื่น ไม่มีแฟนสาวของคุณ ไม่มีเพื่อนของกลุ่มเรา มีเพียงคุณและผมพร้อมกับเสียงเพลง

“อาทิตย์ชอบพีไหม” คุณเอ่ยถามในระหว่างเพลงแรกที่เราฟังจบลง

“ไม่ได้ชอบ”

“แต่มีอะไรกับพีแล้วใช่ไหม”

“อืม ทำไมอะ”

“แค่สงสัยไม่ได้เหรอ” คุณเงยหน้ามองผม ดวงตาของคุณใสแจ๋วจนผมรู้สึกผิดหากพูดโกหกกับคุณ “แล้วผู้ชายคนเมื่อคืนหละ”

“ทำไมอะ”

“นอนกันแล้วเหรอ”

“อืม”

“แล้วชอบไหม”

“ไม่ชอบ”

“แล้วชอบแบบไหน”

“ชอบแบบไหนหมายถึงยังไง”

“ผมหมายถึงอาทิตย์ชอบผู้ชายหรือผู้หญิง”

ผมเงียบ คิดหาคำตอบไม่ทันแม้ว่าจะมีคำตอบนั้นอยู่ในใจแล้วก็ตามที ในเวลาที่ดวงตาของคุณจดจ้องอย่างใสซื่อแบบนี้ จะให้ผมตอบคุณออกไปตามตรงได้อย่างไร ผมพูดไม่ออกกับการกระทำที่ผ่านมา ราวกับว่าตัวของผมคาวโลกีย์เสียยิ่งกว่าคุณ ผมอาจคิดผิดที่มองว่าคุณดูเจนจัด คุณแค่เที่ยวกลางคืนและคุ้นชินกับการสังสรรค์แต่ตัวของคุณกลับบริสุทธิ์ผุดผ่อง

“แล้วตะวันคิดว่ายังไง”

“ผมคิดว่าอาทิตย์ไม่น่าชอบผู้หญิง”

ผมยิ้มหลังจากได้ยินคำตอบ “ผมไม่ชอบใครทั้งนั้น”
…นอกจากคุณ

ในท้ายประโยคผมได้แต่กู่ร้องจากที่ไกลแสนไกล


ในช่วงปิดเทอมผมแยกจากคุณด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ราวกับว่าช่วงเวลาที่เราร่วมฟังเพลงด้วยกันไม่เคยเกิดขึ้น คุณละทิ้งผมไปเพียงเพราะแฟนของคุณตื่นนอน ผมหงุดหงิดไม่มีที่ระบาย ผมไม่อยากคุยกับคุณ ไม่อยากฟังเสียงหัวเราะของคุณ แม้แต่รอยยิ้มที่คุณมอบให้ผมก่อนจากกันผมยังไม่ต้องการ แต่โชคดีที่อย่างน้อยผมทางระบายความหงุดหงิดกับเขาได้ ผมกล่าวตรงนี้ไว้อย่างชัดเจนว่าผมไม่ได้เห็นเขาเป็นเพียงที่ระบายอารมณ์ มันอาจใช่ที่ผมใส่อารมณ์ลงไปแต่เขาเองก็ชื่นชอบลีลาบนเตียงของผมเช่นกัน ผมอ่อนด้อยประสบการณ์และเพิ่งค้นพบตัวเองแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ผมไม่รู้ว่าช่วงปิดเทอมคุณอยู่กินกับแฟนสาวของคุณหรือเปล่า คุณขาดการติดต่อไป ผมหมายถึงคุณไม่ติดต่อกับผมเลยในช่วงปิดเทอม คุณปรากฏตัวอยู่ในกรุ๊ปไลน์ของกลุ่มเพื่อน แต่หน้าแชทระหว่างผมกับคุณไม่เคยเกิดขึ้นทั้งที่เราสามารถทำได้ ไม่เชิงว่าผมรอการทักทายจากคุณ ไม่เชิงว่าผมคิดว่าคุณรอการทักทายจากผม เพียงแต่ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ

ปิดเทอมของผมว่างเปล่า ผมอยู่กับหนังสือนานาชนิดของผม ผมออกไปข้างนอกบ้างตามลำพัง บางครั้งผมนัดกับหงส์และนัทเพื่อออกไปเที่ยวเล่นตามประสาคนสมองกลวง แต่ผมค้นพบสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นหมายถึงคุณ ไม่ว่าผมจะอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมอะไรก็ตามแต่ ผมคิดถึงคุณ และหายหงุดหงิดที่คุณไม่สนใจผมเหมือนที่ผ่านมา ผมเฝ้ารอการเปิดเทอมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผมฟุ้งซ่านอยู่ช่วงหนึ่งและเผยความรู้สึกเหล่านั้นให้หงส์กับนัทฟัง ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณ

ในคราวแรกผมถามเรื่องของคุณกับหงส์และนัท พวกมันเองก็ไม่ได้ติดต่อกับคุณตลอดเวลาจึงไม่ค่อยรู้เรื่องของคุณมากเท่าไหร่ แต่ทั้งสองคนรู้เรื่องของคุณมากกว่าผม อย่างน้อยหงส์กับนัทก็มีตัวตนในสายตาของคุณ คุณที่เล่าเรื่องของคุณให้หงส์กับนัท คุณที่ไม่เล่าเรื่องของคุณให้ผมฟัง ผมเป็นหนุ่มน้อยผู้ซึ่งอ่อนไหว ผมน้อยใจคุณ แต่ผมก็ยังคิดถึงคุณมากกว่าสิ่งใด

“มึงชอบอิบอสเหรอวะ”

หงส์ถามผมแบบนั้น ผมมองไม่เห็นถึงความแตกต่างระหว่างชอบกับไม่ชอบ ผมแค่อยากรู้เรื่องของคุณ “เปล่า ไม่ได้ชอบ” ผมโกหกโป้ปดออกไปทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายต้องยอมบอกความจริง

“แล้วมึงถามเรื่องมันทำไม”

“ถามเฉยๆ”

“ถามเฉยๆงั้นกูไม่บอก”

“ทำไมพวกมึงต้องมากดดันกูด้วยวะ”

“กูก็แค่ถามเฉยๆอะ” นัทเอ่ย สีหน้าเย้าแหย่ให้ผมรู้สึกหงุดหงิด

“เออ” ผมตอบ พยายามไม่แสดงสีหน้าหรือออกอาการอะไรมาก

“เออห่าอะไร”

“ก็เออไง เรื่องที่พวกมึงเค้นถามอะ”

คราวนี้พวกมันทั้งสองคนยิ้ม

“เชี่ยเอ้ย ในกลุ่มเรานี่มีเกย์สองคนแล้วนะ อิเอ็มม่าก็เป็นตุ๊ด มึงก็ชอบผู้ชาย”

“อ้าว เดี๋ยวนะไอ้หงส์ มึงพูดงี้ก็ไม่ถูก…” นัทแย้งเพื่อนสาวด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนถกเถียงถึงประเด็นที่ว่ารัสเซียกับเกาหลีเหนือใครจะปลดขีปนาวุธก่อนกัน “เรื่องไอ้หนอนกับพีหละ”

“เออ จริง มึงชอบทั้งสองอย่างเลยเหรอวะ อิหนอน”

“ตอนแรกก็คิดว่าชอบผู้หญิงนะ แต่มารู้ทีหลังว่าชอบผู้ชายมากกว่าหวะ”

พวกมันทั้งสองคนพยักหน้าเข้าใจ บางทีผมก็คิดว่าเพื่อนของผมทั้งสองคนจริงจังกับเรื่องชาวบ้านมากเกินไปหรือเปล่า

“แล้วมึงชอบไอ้บอสมากขนาดไหน จะจีบมันหรือเปล่าวะ” หงส์ถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“มึง… ไอ้หนอน” นัทแทรกพูดขึ้นมาพร้อมกับสีหน้ากระอักกระอ่วน ลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้นอยู่ในใจของผมว่ามันอาจไม่ใช่เรื่องดี “กูพูดกับมึงตรงๆนะไอ้หนอน ไอ้บอสมันชอบแต่ผู้หญิงหวะ”


ผมร่ำลากับหงส์และนัทในช่วงบ่าย ผมโทรหาและดิ่งตรงไปยังห้องพักของเขาพร้อมกับจุดประสงค์บางอย่าง

ผมไม่รู้ว่าบั้นท้ายของเขาผ่านผู้ชายมากี่คน ไม่รู้ว่าเขาต้องการผู้ชายขนาดไหน แต่อย่างน้อยผมรู้ว่าเขาชื่นชอบความรุนแรงหนักหน่วงจากการร่วมสัมพันธ์กับผม เขาครางเสียงแผ่วในตอนที่ผมปรนเปรอส่วนหน้าให้ ก่อนจะเริ่มครางไม่ออกเมื่อผมโถมแรงกายลงในช่องทางด้านหลังของเขา สุดท้ายถุงยางของผมที่ดึงออกมานี้บรรจุน้ำอสุจิจากความใคร่กระสันอยู่ในส่วนปลายของมัน เขาคงรู้ว่าผมเอาความหงุดหงิดจากที่อื่นมาลงกับบั้นท้ายของเขาจนแดงช้ำ ผมไม่แยแสความรู้สึกของเขาเท่าที่ควรเพราะเป็นเขาเองที่บอกว่าชอบเซ็กส์จัดจ้านแบบนี้

“หงุดหงิดอะไรมา อาทิตย์”

ผมเงียบขณะเอนพิงหัวเตียง มองดูเขาแยกขาเผยบั้นท้ายต่อหน้าเพื่อเช็ดคราบต่างๆให้สะอาด “ยังไม่ต้องเช็ด”

เขาทำหน้าสงสัยก่อนจะขยับเข้ามานั่งคร่อมบนตัวผม “จะทำอีกเหรอ”

“อืม”

“บอกก่อนว่าหงุดหงิดอะไรมา”

บั้นท้ายของเขาแนบชิดส่วนที่ยังอ่อนตัวของผม มันเสียดสีตอนที่เขาเอื้อมตัวไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ

“ถ้าไม่บอกแล้วจะไม่ให้เอาเหรอ”

“เปล่า แค่อยากรู้เฉยๆ”

ผมมองใบหน้าซึ่งมีรอยยิ้ม ก่อนจะโน้มหน้าเข้าหายอดอกของเขาแล้วดูดดึงแรงๆจนเขาร้องครวญออกมา เขาแอ่นหน้าอกให้ผมเชยชมพลางสูบบุหรี่อย่างสบายอารมณ์ ส่วนนั้นของผมและเขาเริ่มแข็งขึ้น เขารู้หน้าที่เป็นอย่างดี เขาวางบุหรี่ไว้ในที่เขี่ยบุหรี่ตรงโต๊ะหัวเตียง และหยิบถุงยางอนามัยมาสวมใส่ให้ผมอีกครั้ง

“รอบสุดท้ายแล้วนะ เดี๋ยวแฟนมาหาตอนเย็น”

เขาพูดในสิ่งที่ทำให้ผมทั้งรู้สึกผิดบาปและอยากกระทำบาปนั้นในเวลาเดียวกัน บางทีผมอาจไม่ใช่คนดีอย่างที่ตัวเองคิด


ผมแยกกับเขาหลังจากเซ็กส์ครั้งสุดท้ายจบลง แต่หลังจากที่แยกกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเขาโทรหาผมพร้อมกับน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก แฟนของเขาจับได้ว่าเขากับผมมีความสัมพันธ์กัน ตอนนั้นผมแอบยิ้มอยู่ในใจและคิดสมน้ำหน้า ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาสารภาพออกมาว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันไม่ใช่แค่การนอกกายแต่เขานอกใจด้วย เขาหลงชอบผม ผมที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีอะไรควรค่าแก่ความรู้สึกนั้น เขาบอกว่าเขาจะมาค้างคืนกับผม แต่ผมปฏิเสธไปเพราะมันไม่สะดวกหากให้เขามาค้างที่บ้าน แต่อย่างไรก็ดี ผมเสนอทางเลือกให้เขาเก็บเสื้อผ้าและเช่าห้องโรงแรมนอนสักคืน เขาตอบตกลง ผมจึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดใหม่

นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผมได้มองใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน เพราะที่ผ่านมาอาจกล่าวได้ว่าผมสนใจแต่เรือนร่างของเขา เมื่อเจอหน้ากันก็โจนทะยานลงไปในห้วงราคะโดยไม่เคยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ เราโทรหากันบ้างแต่เป็นไปเพื่อเติมเต็มความต้องการทางเพศ ผมเกี้ยวเขา ผมบอกว่าคิดถึงเขา แต่มันว่างเปล่า ผมไม่ได้รู้สึกในแบบที่พูด ผมพูดเพื่อหวังเพียงให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันง่ายดายเมื่ออยู่บนเตียง

เขาผ่านการร้องไห้มาบ้างแต่ไม่ถึงกับตาบวมหรือฟูมฟาย เขานั่งหน้าอมทุกข์อยู่บนเตียง ผมไม่รู้ว่าเขารักแฟนของเขามากขนาดไหน แต่เมื่อเขาตัดสินใจที่จะเลิกกับแฟนและมาหาผมในค่ำคืนนี้ มันคงเป็นสัญญาณชัดเจนว่ารักที่เขาเคยมีให้แฟนคนเก่าลดน้อยลงไปจนแทบไม่เหลือ เขาไม่ได้พูดอะไรมากความ ไม่เล่าเรื่องของแฟนเก่าให้ฟังนอกจากบอกว่าเลิกกันแล้ว เขาถามผมแค่ว่าหิวข้าวไหมและเสนอให้ผมออกไปกินข้าว ผมปฏิเสธเพราะไม่รู้สึกหิว

“อยากอยู่คนเดียวหรือเปล่า ถึงบอกให้ผมออกไปกินข้าว”

ดวงตาซึ่งมีน้ำตาคลอนิดหน่อยมองตรงมายังผมก่อนจะส่ายหน้า “เปล่า ไม่ได้คิดแบบนั้น”

“แล้วหิวไหม” ผมเอ่ยถาม แม้จะไม่ได้รู้สึกอยากเอาอกเอาใจแต่อย่างน้อยที่ผ่านมาเขาดีกับผมมาก

“อาทิตย์ ผมดูทุเรศมากไหม ผมรู้สึกแย่ที่เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงเพราะผมชอบอาทิตย์”

ผมเงียบและคอยรับฟัง

“ผมไม่ได้หมายความว่าอาทิตย์จะต้องมาชอบผมหรอกนะ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมแค่อยากบอก”

ผมเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขา ในเวลานี้เขาดูเปราะบางและอ่อนไหวแม้จะไม่แสดงออกมาแต่แววตาของเขามันชัดเจนเหลือเกิน วูบหนึ่งผมรู้สึกเห็นใจที่เขาพบเจอเรื่องแบบนี้ อีกวูบหนึ่งผมรู้สึกว่ามันสมน้ำสมเนื้อดีแล้วกับการนอกใจ แต่สุดท้ายผมคิดว่าเขาช่างเหมาะสมกับผมเหลือเกิน ผมผู้ซึ่งกลายเป็นมือที่สามโดยรู้ตัวมาตลอด

หากกล่าวถึงวันแรกที่เจอกัน ผมกับเขาลงเอยกันด้วยเรื่องบนเตียงและไม่มีใครคิดว่าความสัมพันธ์นี้จะยืดเยื้อมีเยื่อใย กลับกลายเป็นว่าหลายอาทิตย์หลายเดือน การที่เราแลกส่งข้อความไปมา การที่เราพูดคุยเกี้ยวพาราสี มันคือความผูกพันธ์อีกรูปแบบหนึ่ง ผมไม่ได้รักหรืออยากอยู่กับเขาไปจวบจนวันตาย สายเส้นเยื่อใยระหว่างเรามีไม่มากหากแต่มันค่อนข้างเหนียวแน่น ผมไม่อาจทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง ไม่อาจตัดขาดกับเขาได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที

และไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ในคืนนั้นผมขอคบหาฉันท์คนรักกับเขา


ผมเลิกคิดถึงคุณ ความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อผมใช้เวลาอยู่กับแฟนของผมบ่อยขึ้น ผมพบว่าเขาเป็นคนน่ารักคนหนึ่ง เขามีมุมอื่นที่นอกเหนือจากมุมร้อนแรงบนเตียง ผมไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมาทำไมผมถึงมองข้ามจุดนี้ไป และผมโทษคุณ โทษที่คุณทำให้ผมหมกมุ่นอยู่กับคุณจนมองข้ามเขา

เขาเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกับผมแต่คนละคณะสาขา โลกมันคงกลมมากและผมถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะผมจะได้ใช้เวลาอยู่กับเขาให้มากขึ้น ในวันเปิดเทอมวันแรกผมชักชวนให้เขามาหาผมที่โรงอาหาร ผมให้เกียรติเขาด้วยการบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าเราคบหากันกับกลุ่มเพื่อนและรวมถึงคุณ

คุณไปเที่ยวต่างประเทศกับแฟนของคุณก่อนช่วงเปิดเทอม คุณไม่เคยบอกกล่าวเรื่องนั้นกับผม แต่เพื่อนคนอื่นรู้กันหมดว่าคุณไปเที่ยวต่างประเทศ ขนมมากมายที่คุณหอบหิ้วข้ามน้ำข้ามทะเลกองอยู่ตรงหน้า ผมนึกไม่พอใจกับการกระทำของคุณ แต่เขาชอบอัลมอนด์รสโยเกิร์ตที่คุณเอามาแบ่งปันมาก ผมพูดไม่ออกแม้ในใจจะไม่ต้องการให้เขาข้องแวะเกี่ยวกับคุณสักกระผีกริ้น

ผมรุ่มร่ามกอดเขาอยู่ในโรงอาหาร ไม่อายสายตาใคร ไม่อายแม้กระทั่งชุดนักศึกษาที่สวมใส่ ผมอยากให้คุณเห็นว่าผมเอาใจใส่แฟนของผมมากแค่ไหน อยากให้คุณรู้ว่าหากคุณเหลียวมองผมคุณจะได้รับสัมผัสอบอุ่นแบบนี้ คุณมองมาที่ผมครู่หนึ่ง เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เราสบตากันก่อนคุณจะหันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นต่อ ร่างกายของผมวูบโหวงราวกับถูกพรากจิตวิญญาณไปพร้อมกับสายตาของคุณ คุณผู้ซึ่งทรงอิทธิพลต่อความเป็นผมมากเหลือเกิน

ปรายขอตัวไปสูบบุหรี่พร้อมกันกับคุณ แต่หากว่ากันตามตรงผมไม่นึกอยากสูบบุหรี่จึงได้แต่เฝ้าสงสัยว่าคุณและเขาจะสนทนากันด้วยเรื่องอะไร มันคงไม่มีเรื่องน่าหนักใจหรอก แต่ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณหรือเขาจะเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนา

“แหม อิหนอน ร้ายนะคะ ปิดเทอมหน่อยเดียวควงแฟนมาเย้ยเมียเก่าอย่างกูได้”

ผมเหลือบตามองเอ็มม่าที่เข้ามากระแซะ แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากต่อล้อต่อเถียงมันก็แย่งผมพูดเสียก่อน

“เนี่ยๆ ถ้ากูรู้ว่ามึงชอบผู้ กูจีบมึงไปนานแล้ว”

“หยุดเถอะอิเอ็มม่า กูขนลุก นี่เพื่อนนะโว้ย” หงส์เอื้อมมือไปผลักหน้าเอ็มม่าที่สลอนเข้ามา “มึงจะแดกไม่เลือกไม่ได้อิเวร”

“อู้ยยย จะต้องเลือกอะไรอีกหละ มึงดูสิ อิหนอนงานดีกล้ามเป็นล่ำเป็นสันขนาดนี้ มึงๆ แล้วข้างล่างมึงล่ำไหมอิหนอน” ท้ายประโยคเอ็มม่าหันมาพูดกับผม แต่ไม่พูดเปล่ามันเลื้อยมือลงต่ำเพื่อหวังกุมเป้า ผมปล่อยให้เอ็มม่าได้สัมผัส ‘หนอน’ อย่างที่มันต้องการ เพื่อนของผมทำตากระลับกระเลือกก่อนจะหัวเราะคิกคักจริตน่าหมั่นไส้ตามประสาตุ๊ด

“หัวเราะอะไรวะ” หงส์ทำหน้าสงสัยพร้อมกับยื่นมือจะมาจับเป้า

ผมสะดุ้งหนีสุดชีวิต “มึงจะบ้าเหรอไอ้หงส์ จะมาจับอะไรของกู”

“อ้าว อยากรู้อะ” คราวนี้มันหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนที่เอ็มม่าจะหันไปกระซิบกระซาบ ซึ่งผมคาดว่าพวกมันคงคุยกันถึงเรื่อง ‘หนอน’ ของผม

เออ เอาเข้าไป ผมเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ

“นี่ๆ แล้วกับปรายนี่ยังไง กูนึกว่าจบไปตั้งแต่วันที่ไปเที่ยวละ”

“ก็ไม่ยังไง พอปรายเลิกกับแฟนกูก็เลยขอคบด้วย”

“อิหนอนทำไมมึงเชี่ยวะ มึงเป็นมือที่สามนะ”

“เขาเลิกกับแฟนแล้ว กูไม่ใช่มือที่สามม้ะ”

“อิเชี่ย มึงแม่งเลว กูหมายถึงก่อนหน้าที่เขาจะเลิกกับแฟนโว้ย เมื่อก่อนมึงไม่ใช่แบบนี้นะ มึงดูเป็นคนเงียบๆอะ กูนึกว่ามึงจะเป็นพวกอ่านการ์ตูนแล้วเว่ากับสาว 2D อิห่า ที่ไหนได้ เลว เลวมาก”

ผมขมวดคิ้วเมื่อเอ็มม่าสาธยายยาวยืด “มึงด่ากูทำไมเนี่ย”

“อ้าว ก็มึงเลวอะ ไปแย่งแฟนคนอื่น”

“เออ แล้วแต่มึงจะคิด” ผมรำคาญจึงตัดบทและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเล่นไปเรื่อยเปื่อย ในขณะนั้นหงส์ใช้เท้าสะกิดและพยักเพยิดหน้ามาที่โทรศัพท์มือถือ

บนหน้าจอปรากฏคำถามต่างๆมากมาย แต่โดยรวมหงส์ส่งมาถามถึงเรื่องที่ผมบอกว่าชอบคุณและเรื่องที่ผมคบกับเขา ผมส่งข้อความกลับไปบอกว่ายังไม่พร้อมเล่าให้ฟัง โชคดีที่หงส์ไม่ได้เซ้าซี้อะไรเพิ่มเติม

ในตอนนั้นผมเกิดสงสัยตัวเองเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าอะไรขับเคลื่อนให้มาถึงจุดนี้ จุดที่ผมคบกับปราย จุดที่ผมเผยความรู้สึกชอบคุณต่อหน้านัทและหงส์

ความรู้สึกคิดถึงและปรารถนาเพียงแค่เห็นใบหน้าของคุณมันลดน้อยลง แต่ผมแน่ชัดว่าความรู้สึกเหล่านั้นไม่ห่างหายออกไปจากหัวใจ



************************************



 :z2:

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
บทที่ห้า


ช่วงปีสามผ่านไปเร็วไวยิ่งกว่าการเดินทางด้วยระยะความเร็วแสง ภาคการศึกษาที่หนึ่งจบสิ้นลงไปโดยไม่ทันรู้สึกถึงความรู้เพิ่มพูนในรอยหยักสมอง ภาคการเรียนที่สองเปิดมาพร้อมกับโปรเจค งานกลุ่ม งานเดี่ยว และสารพัดกิจกรรมจนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน

คุณกับผมยังคงไว้ซึ่งสถานะประดักประเดิดเช่นเคย เราคุยกันน้อยและเราไม่สนิทกันแต่นั่นเป็นเพราะผมเอง ผมแบ่งเวลาที่มีทั้งหมดให้เขา ในทุกวันที่ผ่านมาผมมองเห็นความดีความชอบในตัวเขามากขึ้น ขณะที่คุณเริ่มนอกใจแฟนสาวของคุณ

ในวันที่คุณและกลุ่มเพื่อนของเราสอบกลางภาคเสร็จ เราไปดื่มเหล้าเฮฮาตามประสาที่ห้องพักของคุณ ห้องพักที่ใกล้มหาวิทยาลัย ห้องที่แฟนสาวของคุณไม่รู้ว่าคุณได้แบ่งปันเวลาอีกครึ่งหนึ่งไว้ที่นี่ คุณทำให้ผมค้นพบว่าความรักเป็นสิ่งซึ่งไร้สาระ ไม่คงทน และเปราะบาง

ผมใสซื่อราวกับเด็กหนุ่มวัยใสวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งดอกทานตะวัน เบิกบาน ท้าแสงแดด ผมไม่เคยคิดว่าคุณจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับแฟนสาวของคุณทั้งสองคนอย่างจริงจัง กล่องถุงยางอนามัยที่วางอยู่ในลิ้นชักตรงโต๊ะหัวเตียงทำให้โลกอันสวยสดงดงามที่มีต่อคุณแตกสลาย
ผมไม่รู้ว่าคุณบริหารจัดการเวลาอย่างไร คุณอยู่ห้องวันนี้ คุณกลับบ้านวันนั้น ผมได้แค่คิดสงสัยแต่ไม่เคยเอ่ยถามเพราะมันเป็นเรื่องของคุณ และผมเกลียดการฟังเรื่องราวระหว่างคุณกับแฟนสาวของคุณ

เรานั่งดื่มเหล้าเมาเละเทะอยู่ในห้องของคุณ ผมขอยอมรับว่าแฟนสาวคนนี้ของคุณชงเครื่องดื่มอร่อยมาก คุณและกลุ่มเพื่อนของเราจึงเมามายเพลิดเพลินไปกับสูตรน้ำดื่มต่างๆ แฟนสาวของคุณเอ่ยร่ำลาเมื่อเวลาดึกขึ้น เธอบอกว่าวันรุ่งขึ้นต้องไปทำบุญกับที่บ้านคืนนี้จึงไม่สามารถพักค้างคืนด้วยได้ ผมยอมรับอีกครั้งว่ารู้สึกยินดีปรีดาเหลือเกินกับการร่ำลาของเธอ

ผมออกมาคุยโทรศัพท์มือถืออยู่กับเขา ถามสารทุกข์สุกดิบตามประสาคนคบกัน ในช่วงแรกผมถามเพราะรู้สึกว่าต้องถาม แต่ในตอนหลังผมพบว่าตัวเองอยากถาม อยากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไร เราเคยเปิดใจคุยกันเรื่องที่เขานอกกายมาก่อน ผมไม่หึงหวงในส่วนอดีต ไม่เลยแม้แต่น้อย แต่ผมยืนยันกับเขาว่าหากเรายังคบกันอยู่แบบนี้ ผมขอให้เขาเลิกนอกกายเพราะผมไม่อยากเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เขาช็อคไปเมื่อถูกผมพูดอย่างไม่อ้อมค้อม เขายอมรับว่าสนุกสนานกับเรื่องพรรณนั้นแต่เขายืนกรานว่าดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ผมไว้ใจเขา ไม่เซ้าซี้ แต่หากพบเจอผมคงคบต่อไปด้วยไม่ได้

เขาบ่นถึงงานที่รุมเร้าเมื่อขึ้นปีสาม ผมเองก็บ่นให้เขาฟังเรื่องนี้เช่นกัน ช่วงนี้เรามักคุยถึงแต่เรื่องการเรียนเป็นส่วนมาก ในตอนก่อนวางสายเขาบอกคิดถึงผม เรามักบอกคิดถึงกันและกันราวกับเป็นเรื่องปกติ ผมมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ค่อยๆหรี่แสงลง ตอนนี้ผมนึกถึงการกระทำของคุณ เมื่อก่อนคุณติดคุยโทรศัพท์มือถือกับแฟนสาวของคุณแต่ตอนนี้คุณไม่เป็นเช่นนั้น

“หวานกันจังเลยนะ”

ผมเก็บโทรศัพท์มือถือลงและไม่ตอบรับสิ่งใดจากประโยคที่คุณชวนคุย คุณเดินมายืนด้านข้างก่อนจะยื่นหูฟังให้ หัวใจของผมไหวหวั่นไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันพาลพาให้ผมคิดว่าคุณยังจำบรรยากาศระหว่างเราในวันนั้นได้หรือเปล่า ความเงียบบนเสียงเพลงของเรา

“ผมคิดว่าอาทิตย์เลิกติดต่อกับเขาตั้งแต่วันนั้นซะแล้ว”

ผมแค่ส่งเสียงรับ ไม่ต้องการคุยเรื่องของเขากับคุณ

“แสดงว่ารักกันจริงนะเนี่ย”

ผมอยากแก้ไขในสิ่งที่คุณพูด แต่มันเปล่าประโยชน์ ไม่ว่าผมจะรักหรือไม่รักเขา มันไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงกับสถานะระหว่างเราอยู่ดี ไม่เปลี่ยนแปลงตรงที่คุณยังคงชอบผู้หญิงและผมชอบผู้ชาย

เพลงไทยในยุคเก้าศูนย์คือแนวเพลงที่คุณและผมชื่นชอบ เสียงดนตรีเก่าๆคลอเคล้าอยู่ที่หูข้างหนึ่งขณะที่คุณเริ่มจุดบุหรี่สูบ นานเท่าไหร่กันแล้วที่ผมไม่ได้สูบบุหรี่ตัวเดียวกันกับคุณ หรือบางทีนี่อาจเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของความคิดถึงที่คุณมีต่อผม คุณยื่นบุหรี่มาให้โดยไม่ได้พูดอะไร ผมรับมันมาและตระหนักได้ว่าผมโหยหาบุหรี่รสฝาดเฝื่อนของคุณขนาดไหน

“อาทิตย์”

“อืม”

“ผมจะบอกเลิกกับหมวย”

ผมไม่คาดหวังว่าคุณจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ จึงรู้สึกอดประหลาดใจไม่ได้ “ทำไมอะ”

“ผมเบื่อ หมวยชอบบังคับให้ผมโทรหาตลอด เบื่อเรื่องอื่นด้วย”

“แล้วกับกุ๊กหละ”

คุณโน้มหน้าเข้ามาสูบบุหรี่จากมือของผมก่อนจะยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร

“ตะวัน”

“อืม”

ผมมองกลุ่มควันที่ค่อยๆกระจายตัวจนสลายหายไปก่อนจะพูดขึ้น “ทำไมตะวันถึงนอกใจกุ๊กอีกหละ”

“ผมเบื่อกุ๊ก”

คราวนี้คุณดึงบุหรี่ไปสูบก่อนจะเท้าแขนลงกับระเบียง ผมมองใบหน้าของคุณ นึกถึงกลุ่มเพื่อนของเราที่กำลังดื่มเหล้าพลางดูฟุตบอลด้วยกันอยู่หลังบานประตู ถัดจากผ้าม่านสีทึบนี้ บทเพลงดำเนินจนจบขณะที่ผมโน้มหน้าลงไปเพื่อสูบบุหรี่จากมือของคุณบ้าง ผมมองใบหน้าของคุณในระยะประชิด แววตาของคุณเมินมองไปยังผืนฟ้าสีมืดไร้ดวงดารา และท้ายที่สุดคุณเอนซบบนไหล่ของผม เส้นผมของคุณให้สัมผัสที่ใบหน้า เส้นผมนุ่มนิ่มแสนธรรมดาแต่สุดวิเศษ

ผมรู้ว่าการกระทำของคุณมาจากความไม่ยั้งคิด คุณซื่อตรง ใสสะอาด และคุณคงไม่ล่วงรู้ถึงความคิดหยาบโลนของผม ผมอยากเห็นเส้นผมของคุณเปรอะเปื้อนน้ำเชื้อ โดยที่ผมเป็นคนฉีดรดมันที่ใบหน้าก่อนลามไปถึงเส้นผมของคุณ ก่อนจะยัดท่อนเนื้อที่แม้อ่อนตัวเข้าปากของคุณอีกครั้งหลังจากได้ปลดปล่อยจนหมดสิ้น ผมจะจับกลุ่มผมของคุณซึ่งเลอะน้ำเชื้อของผมเพื่อยัดเยียดให้คุณอมท่อนเนื้อสุดลำคอ และแม้ว่าคุณใกล้สำลักผมจะยังคงให้คุณลิ้มรสความพะอืดพะอมเหล่านั้นไว้

ผมเปลี่ยนไปมาก ผู้ชายเงียบๆที่ชอบอ่านหนังสือเพียงลำพัง เลือนลางลงไปทุกที และเหตุนี้ผมโทษคุณ คุณคือต้นเหตุทั้งหมดทั้งมวล คุณทำให้ผมหมกมุ่นต่อคุณอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

คุณผละตัวออกไปแล้ว ไออุ่นเจือจางลงจนผมอยากย้อนเวลาอีกครั้ง “อาทิตย์ ทำไมอาทิตย์ถึงชอบผู้ชาย”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“แล้วตอนนอนกับพีรู้สึกยังไง”

“ผมแค่รู้สึกว่าพีไม่ใช่”

“แล้วรู้ได้ยังไงว่าปรายคือคนที่ใช่”

“…………….”

“อาทิตย์ เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ”

“จะรู้ไปทำไม ยังไงตะวันก็ชอบผู้หญิง”

ผมแปลกใจเมื่อครั้งหนึ่งผมคิดว่าคุณเจนจัดเรื่องราวพรรณนี้ จนแม้แต่เมื่อก่อนหน้านี้โลกทุ่งดอกทานตะวันของผมแตกสลาย พออยู่ต่อหน้าคุณ ได้ยินสิ่งที่คุณพูด ได้เห็นแววตาใสกระจ่าง คุณดูใสสะอาด ปราศจากมลทิน ผมลืมสิ้นไปแล้วว่าในห้องของคุณยังมีกล่องถุงยางอนามัยวางไว้อยู่ เพราะเวลานี้คุณเหมือนเด็กชายตะวันที่ชอบวิ่งเล่นเตะฟุตบอล

“เล่าเถอะ ผมอยากรู้ว่าระหว่างผู้ชายกับผู้ชายมันเป็นยังไง”

“ผมไม่มีอะไรจะเล่า”

คุณทำหน้าสลดลง คุณดูน่ารักเหลือเกินในสายตาของผม ผมคิดว่าตัวเองเมามากพอควร คุณเองก็มีกลิ่นเหล้าไม่ต่างไปจากผม ในเพียงวินาทีที่คุณพ่นควันบุหรี่เสร็จผมตัดสินใจดึงมือของคุณเข้ามากอบกุม

“รู้สึกยังไง”

“ก็ไม่รู้สึกยังไงนะ”

ผมยิ้มก่อนจะจับมือของคุณมาแนบกับใบหน้าของผม บรรยากาศแห่งความเงียบงันครอบครองเราสองคน ผมจูบลงบนฝ่ามือของคุณ ดวงตาสบมองไปยังคุณ แค่คุณคนเดียว “แล้วแบบนี้หละ”

คุณไม่เอ่ยปาก ไม่ตอบรับสิ่งใดผมจึงปล่อยมือของคุณ

“แสดงว่าตะวันยังไม่พร้อมฟังเรื่องของผมหรอก”

คุณยังสงบปากของคุณเช่นเคย หากแต่คุณไม่หนีหายไปไหน มันเพียงพอแล้วสำหรับมิตรภาพระหว่างผมกับคุณ


ผมมักคิดเสมอว่ากลิ่นบุหรี่ของเขาไม่เหม็นฉุนเท่ากลิ่นบุหรี่ของคุณ กลิ่นมิ้นท์เย็นที่ให้สัมผัสแผ่วเจือจางอยู่ตรงหน้านี้ทำให้ผมรำคาญใจ ผมดึงบุหรี่จากมือของเขาขยี้ทิ้งลงในที่เขี่ยบุหรี่ เขาหันมามองผมด้วยสายตาสงสัย

“เหม็น” ผมสื่อสารอย่างสั้นกระชับขณะนอนเอื่อยเฉื่อยซานซบอยู่บนเตียง “มีเรียนกี่โมง” ผมเอ่ยถามพลางจูบที่ขมับของเขาซ้ำไปซ้ำมา

“บ่ายนู่นแหนะ”

“แล้วตื่นเพื่อมาดูดบุหรี่เนี่ยนะ”

เขาเงียบแต่อมยิ้ม เรามองตากันไปมาก่อนสุดท้ายเขาจะเอ่ยขึ้น “ไม่ได้ตื่นมาดูดบุหรี่ ตื่นมาส่งอาทิตย์ไปเรียน”

ผมยิ้มมุมปาก ไม่รู้หรอกว่าเขาหมายความแบบนั้นจริงหรือเปล่า แต่อย่างน้อยผมก็รู้สึกดี “ได้ยินแล้วไม่อยากไปเรียนเลย”

“ก็ไม่อยากให้ไป” เขากล่าวพลางขยับเข้ามาจูบบนริมฝีปาก “อาทิตย์โดดเรียนคาบนี้ได้ไหม”

“ทำไมหละ”

“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลย ผมเหงา”

ผมหัวเราะในลำคอด้วยรู้ความหมายของคำว่าเหงาในแบบของปราย เขาช่างออดอ้อน ตั้งแต่คราวแรกที่เจอจนปัจจุบันนี้ก็ยังชอบอ้อนให้ผมรู้สึกเป็นคนสำคัญอยู่เรื่อยไป “เหงามากไหม”

“มากกกกกกก” เขาลากเสียงยาวก่อนจะหัวเราะอารมณ์ดี

“ปราย...”

“คร้าบบบบ”

“น่ารัก”

เขาเลิกคิ้วสูง ก่อนจะยิ้มกว้างให้ ผมลูบแก้มของเขาด้วยความเอ็นดูก่อนจะจูบบนริมฝีปาก

ทุกครั้งที่เราร่วมสัมพันธ์กันมักเต็มไปด้วยความร้อนแรง หากในวันนี้ผมอยากมองใบหน้าเสียวซ่านของเขา อยากมองให้เต็มตาในช่วงเวลาที่เราร่วมรักกัน

ผมค่อยๆขยับไหว โยกกายเนิบนาบ ให้ท่อนเนื้อได้รูดรั้งภายในอันร้อนรุ่มของเขา ค่อยเป็นค่อยไปไม่จาบจ้วงอย่างที่เคย ผมรู้ว่าเขาเจนจัดเรื่องพรรณนี้ เขายินยอมให้ผมทุกอย่างทั้งการกระทำและวาจาหยาบโลน ผมอาจทำให้เขาไม่พอใจแต่ผลเป็นตรงกันข้าม เขาถึงฝากฝั่งในเวลาอันรวดเร็วและมีท่าทีเขินอายอย่างที่ไม่เคยเห็น

ริมฝีปากของเราพัวพันขณะท่อนเนื้อของผมยังค้างคาอยู่ภายใน เขาบอกรักผม ทั้งดวงตาและน้ำเสียงทำให้ผมใจสั่นไหว ผมไม่คิดว่ารักของเขาจะยืนยาว ไม่คิดว่าคนแบบเขาจะหยุดอยู่ที่ผม ผมผู้ซึ่งไร้เดียงสาในเรื่องความรัก

ผมเอ่ยทักในเรื่องที่เขาถึงจุดสุดยอดอย่างรวดเร็ว เขาหน้าแดงซ่าน ผมทำให้เขาอายมากกว่าเดิม ผมคิดว่าความใกล้ชิดของเขาขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างเราให้มาถึงจุดนี้ เขามีบทบาทต่อชีวิตของผมทีละน้อยและผมมีความสุขกับตัวตนของเขา ปรารถนาเพียงแค่อยากให้วันเวลาคงอยู่เช่นเดิม

หากความรู้สึกของคนเราไม่เปลี่ยนแปลงคงเป็นเรื่องวิเศษ ในบางครั้งผมรู้สึกอ่อนไหวกับการเปลี่ยนแปลง การได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาทำให้ผมมีเยื่อใย และคิดว่าหากวันใดวันหนึ่งต้องแยกจากกัน ผมจะสามารถยอมรับต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อคิดว่าหากวันหนึ่งเขาจะไม่ได้ส่งยิ้มให้ผมแบบนี้ วันใดวันหนึ่งเขาจะไม่ได้ออดอ้อนให้ผมรู้สึกดี เพียงเท่านี้ผมก็รู้สึกสั่นไหวราวกับหนุ่มน้อย ในเช้าวันนั้น จากก้นบึ้งหัวใจผมกลัวการจากลาเหลือเกิน


ทั้งที่คิดว่ามาสายกว่าใครอื่น กลายเป็นว่าผมมาถึงห้องบันทึกเสียงเป็นคนที่สอง การได้เห็นคุณมาถึงสถานศึกษาเป็นคนแรกของกลุ่มสร้างความประหลาดใจต่อผมยิ่งนัก คุณกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางง่วงงุนอย่างเห็นได้ชัด

ผมนั่งลงด้านข้าง ไม่ได้ชวนคุณคุย ส่วนคุณเองก็ไม่ได้เอ่ยปากอะไร ผมมองเห็นถึงความเหินห่างแปลกประหลาดระหว่างเรามาเนิ่นนาน คุณมักเงียบ ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยเป็นฝ่ายคิดหาเรื่องราวอื่นใดมาสนทนากับผม ราวกับว่าเราเป็นคนแปลกหน้า

คุณตระหนักรู้ถึงการปรากฏตัวของผม กระนั้นคุณยังคงเอนพิงเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ จนสุดท้ายเป็นผมเองที่รู้สึกอึดอัด “มานานแล้วเหรอ”

“ผมเลิกกับหมวยแล้วนะ”

คุณไม่ตอบคำถามของผมแต่กลับเปลี่ยนบทสนทนาและผมตั้งตัวไม่ทัน “ห้ะ?”

“ที่เคยบอกไง ผมขอเลิกกับหมวยแล้วเมื่อคืน”

“อ้าว แล้วกุ๊กหละ”

“ยัง รอเรื่องหมวยจบก่อน”

ผมพยักหน้ารับและเงียบปากเพราะไม่มีความคิดเห็นใดในเรื่องนั้น อย่างที่เคยกล่าวไปผมอ่อนด้อยประสบการณ์ทางความรัก


ห้องบันทึกเสียงที่เราต้องมาทำงานนี้ให้บรรยากาศเงียบมากกว่าปกติ การพูดคุยด้วยเสียงแผ่วเบากลายเป็นเสียงที่ดังที่สุดในช่วงนั้นๆ หากแต่คุณและผมไม่ได้สนทนากัน คุณเงยหน้ามองเพดานห้อง จึงสบโอกาสให้ผมได้ลอบมองคุณจากด้านข้าง ผมไม่รู้ว่าคุณเสียใจหรือรู้สึกดีใจกับการบอกเลิกครั้งนี้ แต่คุณดูไม่หมองเศร้า คุณดูปกติทุกอย่าง คุณทำให้ผมจินตนาการว่าหากแม้นมีโอกาสที่เราสามารถเป็นคนรักกันได้ คุณจะบอกเลิกผมด้วยเหตุผลอะไร คุณจะดีใจขนาดไหนตอนที่ความรักของเราขาดสะบั้น

เวลานี้คุณดูไม่ใช่คุณ หรือบางทีนี่อาจเป็นตัวตนแท้จริงของคุณ คุณที่ใจร้ายต่อความสัมพันธ์ฉันท์คนรัก

“อาทิตย์”

“อืม”

“เล่าเรื่องของอาทิตย์ให้ผมฟังบ้างสิ”

“อยากรู้เรื่องอะไร”

“เรื่องอาทิตย์กับปรายไง”

“แล้วเรื่องอะไรหละ” ความอ้อมค้อมไม่เข้าเรื่องของคุณทำให้ผมรำคาญ คุณผุดลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับผมด้วยสีหน้านิ่งเฉย คุณดูไม่ใช่คุณอีกครั้ง “ตะวัน…” ผมร้องเรียกเมื่อคุณขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ อีกเพียงเสี้ยววินาทีผมตั้งใจจะขยับตัวออกห่าง แต่กลายเป็นคุณที่หยุดระยะห่างของเราไว้เพียงเท่านี้

“ทำไมอาทิตย์ถึงคิดว่าผมไม่พร้อมฟังเรื่องนั้น”

“ก็ตะวันชอบผู้หญิง ผมไม่อยากเล่าเรื่องของผมให้ตะวันขนลุกหรอก”

คุณจดจ้องใบหน้าของผมแล้วขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง ในคราวนี้ผมไม่ไหวหวั่นอีกต่อไป ผมนั่งนิ่งเฉยอยู่ตรงนั้น รอคอยว่าคุณจะทำสิ่งใด คุณแตะริมฝีปากของคุณลงบนริมฝีปากของผม มันแห้งผากไม่นุ่มนวลหากแต่คุณไม่ทำให้ผมสะดุ้งสะเทือนสักเท่าไหร่

“ผมว่า… ผมพร้อมฟังเรื่องของอาทิตย์นะ”

ถึงแม้คุณจะพูดอย่างนั้นแต่ผมไม่รู้สึกสักนิดว่าคุณพร้อม คุณอาจแค่ทนสงสัยไม่ไหว

คุณสะดุ้งตกใจตอนที่ผมรุกคืบจับใบหน้าของคุณเข้ามาจูบ คุณพยายามไม่ต่อต้านแต่ร่างกายของคุณฝืนเกร็ง ในช่วงนั้นผมนึกถึงเขา เขาซึ่งถือว่าเป็นแฟนคนแรกของผม ผมร่ำร้องภาวนาให้ปรายยกโทษให้ขณะล่วงล้ำริมฝีปากของคุณอย่างลึกซึ้ง

ริมฝีปากของคุณเผยออ้าหายใจ ใบหน้าของคุณภายใต้แสงไฟสีสลัวในห้องบันทึกเสียงขึ้นสีระเรื่อจนเห็นได้ชัด แววตาของคุณตื่นตระหนัก ผมอยากทำมากกว่านี้ อยากทำให้คุณรื้นน้ำตา แต่ผมเพียงแค่เฝ้าสังเกตสีหน้าของคุณ

ผมคิดว่าคุณจะหนีเตลิดวิ่งหายไปที่ไหนสักแห่ง แต่คุณยังนั่งอยู่ที่เดิม เงียบเชียบกว่าเดิมจนแทบไม่รู้สึกถึงตัวตนของกันและกัน คุณไม่คุยกับผมแต่คุณไม่หลบหน้า คุณสร้างความลำบากใจให้แก่ผมและผมไม่เข้าใจเจตคติของคุณแม้แต่น้อยนิด เขบ็จขบวนที่คุณมีกำลังทำให้ผมบ้าคลั่ง

ผมพบว่าการได้ลงมืออัดเสียงเพื่อใช้ในงานกลุ่มนั้นยากลำบาก รายละเอียดยิบย่อยเกี่ยวกับการสร้างโฆษณาเสียงไม่อาจมองข้ามได้แม้เพียงจุดเดียว คุณและกลุ่มเพื่อนของเราหมกตัวอยู่ในห้องบันทึกเสียงตลอดช่วงเช้า แต่เนื้องานกลับไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ ผมคิดที่จะเล่าขานเรื่องนี้ให้เขาฟังแต่เขากลับยืนอยู่ที่ด้านหน้าห้องพร้อมกับคุณ คุณผู้ซึ่งออกไปสูบบุหรี่

ความสนใจที่มีทั้งหมดตกเป็นของเขา เพราะผมไม่อยากให้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นที่ผิดสังเกต ผมรู้ว่าคุณลอบมองพวกเรา คุณคงสงสัยว่าการคบหาฉันท์คนรักระหว่างเพศเดียวกันเป็นอย่างไร ผมแสดงให้คุณเห็นว่าเราไม่ต่างอะไรกันเลย ไม่ใช่การจูบกอดที่แสดงออกมา แต่เป็นเพียงความรู้สึกห่วงหาอาทรของคนสองคน

เขาเดินจากไปแล้วพร้อมกับสายตาใคร่รู้ของคุณก็ด้วย คุณช่วยนัทเก็บอุปกรณ์ให้เข้าที่ ส่วนผมปิดคอมพิวเตอร์ จนหมดเวลาช่วงเช้าคุณยังคงไม่พูดกับผมอีกเช่นเคย ความอึดอัดในแบบที่แตกต่างออกไปจากเดิม สิ่งที่ผมอ่อนไหวมากที่สุดกำลังก่อตัวขึ้นทีละน้อย การเปลี่ยนแปลงระหว่างเราถือกำเนิดขึ้นในวันนั้น


************************************




ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
บทที่หก




ช่วงก่อนสอบคุณหายหัวไป ใช่ ผมใช้คำว่า ‘หายหัว’ เพราะผมหงุดหงิดคุณ

คุณหายไปโดยไม่บอกกล่าว ไม่แม้แต่จะเผยสักกระผีกริ้นว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ คุณไม่เข้าเรียนแต่คุณโผล่หัวมาตอนส่งงานเดี่ยว ตอนทำงานกลุ่ม และตอนมีเหตุจำเป็นต้องเข้าห้อง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมช่วงเวลาที่คุณโผล่หัวปรากฏตัวผมจึงไม่สามารถเอ่ยทักคุณได้สักประโยค ประมาณว่าพอเห็นหน้าคุณแต่เมื่อเอ่ยปากจะทักคุณกลับหายหัวไป คุณทำให้ผมจมอยู่กับความหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ และผมใส่อารมณ์กับเขา

เขาอดทนรับอารมณ์งี่เง่าของผมในช่วงแรกก่อนจะหายหัวไปอีกคน กว่าผมจะรู้ตัวก็ใช้เวลาพักใหญ่ ผมเกลียดการเปลี่ยนแปลง ผมไม่เคยพิรมณ์ต่อการเคลื่อนย้ายตัวเองสู่ความน่าตื่นเต้น ผมหงุดหงิดกว่าเดิมในวันที่เขาไม่กลับห้อง ห้องของเราว่างเปล่าไม่มีสีสันที่มักถูกแต่งเติมเพราะเขา ผมโทรหาเขาแต่ถูกตัดสายทิ้ง วินาทีนั้นผมตระหนักได้ว่าเขาคงเกลียดผม เรื่องที่น่ากลัวที่สุดกำลังถูกดำเนินต่อไปอย่างน่าเป็นกังวล

ผมกระวนกระวายอยู่พักหนึ่ง พยายามตรวจสอบจากช่องทางการติดต่ออื่นๆ ก่อนจะโทรหาเขาอีกครั้ง ราวๆรอบที่สามเขารับสาย ทันใดนั้นระเบิดคำพูดซึ่งสุมกองอยู่ภายในถูกโถมใส่โดยไม่ทันได้ถามหาสาเหตุอื่น เขานิ่งเงียบแต่เสียงถอนหายใจทำให้ผมรู้ตัวว่าควรหยุดใส่อารมณ์กับเขา หากแต่สิ่งหนึ่งไม่ได้หยุดนิ่ง เขาเริ่มที่จะถามกลับบ้างและผมได้แต่หวังว่าจะไม่ได้ยินคำนี้อีกในอนาคต

“อาทิตย์อยากเลิกกับผมไหม”

“ใครบอกว่าจะเลิก พูดตรงไหนว่าจะเลิก”

ผมรู้ตัวว่าไม่ควรใส่อารมณ์เพิ่มเติมอีก แต่ผมหยุดไม่ได้ คำถามของเขาทำให้ผมรู้สึกถึงความเกรี้ยวกราดที่ผุดขึ้นท่ามกลางหัวใจปวดหนึบ เราเงียบกันไปพักใหญ่ก่อนเขาจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดอีก “วันนี้ผมอ่านหนังสืออยู่กับเพื่อน เดี๋ยวค่อยคุยได้ไหมใกล้ถึงห้องแล้ว”

“……….”

“อาทิตย์”

“อืม”

“ผมเหนื่อยเหมือนกันนะ”

เขาวางสายหลังจากทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำน่าใจหาย ผมมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ สมองว่างเปล่าและหูอื้ออึง ผมนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ทบทวนสิ่งใด ไม่รู้สึกโกรธเคือง แต่ผมว่างเปล่าเหมือนการใช้งานส่วนต่างๆดับสิ้นลง หรือบางทีนี่อาจเป็นสัญญาณว่าเขา เขาผู้ซึ่งรักผมกำลังหมดรักลงเสียแล้ว

ผมนั่งอยู่ที่เดิม ด้วยความรู้สึกเดิม จวบจนกระทั่งเขากลับมาถึงห้อง และแม้ว่าเขาจะไม่เอ่ยพูดสิ่งใดแต่ข้าวกล่องแบบง่ายๆจำนวนสองกล่องที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ผมรู้ว่ากล่องใดกล่องหนึ่งเป็นของผม

เขาหายไปอาบน้ำ เสื้อช็อปและกางเกงยีนส์กองอยู่ในตะกร้า เขาทำให้ผมสงสัยว่าทั้งวันเขาทำอะไรบ้าง

“ทำไมใส่เสื้อช็อป”

“เข้าคณะไปช่วยงานรุ่นน้อง” เขาตอบด้วยท่าทีราบเรียบ แต่เมล็ดพันธุ์ความหวาดระแวงก่อตัวขึ้นอย่างยากเกินกว่าทานทัด

“ไหนบอกว่าไปอ่านหนังสือกับเพื่อนไง”

“ก็อ่านไง แล้วก็ไปช่วยงานรุ่นน้องด้วย” เขาตอบขณะยืนหันหลังตากผ้าเช็ดตัวก่อนจะหันมาสบตา “ผมเหนื่อยว่ะอาทิตย์ ผมไปทำอะไรให้อาทิตย์เหรอ ทำไมอาทิตย์ต้องถามเหมือนระแวงผมด้วย”

“แล้วทำไมจะระแวงไม่ได้ เมื่อก่อนปรายเป็นยังไงทำไมผมจะไม่รู้”

ความเหนื่อยล้าและผิดหวังปรากฏชัดเจนในแววตาของเขา ผมรู้ดีว่าไม่ควรเอาเรื่องอดีตมาขุดคุ้ย แต่ผมพูดไปแล้ว ผมเอ่ยออกไปโดยไม่ยั้งคิด

“เออ ผมเคยเป็นแบบนั้น ไม่ใช่เคยดิ เพราะปัจจุบันผมก็ยังเป็นอยู่” เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเอาเสื้อมีปกแบบที่มักใส่ออกไปเที่ยวกลางคืนออกมา

ผมเดินเข้าไปดึงเสื้อจากมือของเขาโยนทิ้งไปที่ไหนสักแห่งในห้องนอน เรามองตากันครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหยิบเสื้อตัวใหม่ออกมาอีก “จะไปไหน” ผมถามพลางแย่งยื้อเสื้อในมือของเขา “ปราย!” ผมตะคอกเรียกชื่อทำให้เขาหยุดดื้อดึง เขาไม่ยอมมองผมอีก ใบหน้าเมินหนีไปทางอื่นแต่อย่างไรเสียเราอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนผมสามารถมองเห็นว่าน้ำตาของเขากำลังไหลลงมา

ผมยื้อข้อมือของเขาที่กำลังยกเช็ดน้ำตา เขาพยายามฝืนแรงแต่ผมไม่ยินยอมและยืนมองดูน้ำตาที่ไหลลงมาเงียบๆ ไม่นานนักเขาก็เลิกร้องไห้

“ร้องไห้ทำไม”

“.................”

“จะออกไปไหนอีก”

“.................”

“ถาม ทำไมไม่ตอบ”

“.................”

“ปราย!”

ผมตวาดและออกแรงบีบข้อมือให้เขารู้สึกเจ็บ

“อาทิตย์อย่าทำกับผมแบบนี้เลย ผมไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของอาทิตย์นะ”

ผมเงียบแต่มีคำถามเกิดขึ้นกลางใจ

“อาทิตย์ไม่รักผมเลย... ไม่เคยรักผมเลย”

คำถามของผมคือ เขาแน่ใจได้อย่างไรว่าผมไม่ได้รัก แต่คำถามก็ยังเป็นได้แค่คำถาม เมื่อไม่มีการเอ่ยพูดออกไปจึงไร้คำตอบ

“จะออกไปอีกไหม”

เขาส่ายหน้า ผมจึงยอมคลายแรงที่ข้อมือ บรรยากาศรอบตัวเขาดูอ่อนไหวไปเสียทั้งหมด ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนดี คิดว่าตัวเองมักอ่อนโยนกับคนรักมาโดยตลอด แต่ไม่ใช่เลย ผมกำลังเกิดอารมณ์เมื่อเห็นเขาเศร้าหมอง เห็นเขาที่ดูอับจนหนทาง เขาทำให้ผมรู้สึกแข็งแกร่งขณะที่เขาอ่อนแอ เหมือนสิงโตที่กำลังย่ามใจเมื่อเห็นเหยื่อจมกองอยู่ใต้ฝ่าเท้า

ผมดึงกางเกงนอนของเขาลง เขาพยายามฝืนแรง แต่เมื่อผมตวาดเขาก็เงียบลง ผมใช้ปากกับเขา ไม่คาดหวังว่าไอ้ท่อนเนื้อตรงหน้านี้จะแข็งตัว แต่มันกลับขยับขยายหลังจากถูกปากของผมปรนเปรอให้ หากกล่าวว่าผมโรคจิต ปรายเองก็คงไม่ต่างกัน

เขาเบือนหน้าหนีผมจึงจับใบหน้าของเขาไว้ให้มองตาขณะแทรกตัวเข้าไปในช่องทางด้านหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย เขาร่ำร้องเมื่อรู้สึกถึงแก่นกายอันเปลือยเปล่า และเอ่ยถามหาถึงถุงยางอนามัย ผมไม่ตอบแต่สอดใส่กายเข้าไปสุดความยาว เขาจับบีบแขนผมแรงเพราะความคับแน่นที่ยังไม่ถูกผ่อนคลาย

ผมไม่ผลีผลามขยับกาย อย่างน้อยก็ไม่เคยคาดหวังว่าจะทำร้ายร่างกายเขา ผมเอ่ยพูดถึงราคะอันมากมีของเขาด้วยถ้อยคำหยาบโลน เขาบีบแขนผมแรงขึ้นอีกหากไม่ใช่เป็นไปเพราะความเจ็บปวด แต่เขากำลังสั่นสะท้านเมื่อถูกผมกระแทกกายแรงขึ้น เขาเจ็บปวดเพราะคิดว่าผมไม่รัก มันคงเป็นแบบนั้น แบบที่เขาเข้าใจและผมไม่ต้องการแก้ไขสิ่งใด

“ปรายรักผมไหม”

“รัก ผมรักอาทิตย์”

“จะกลับไปทำตัวแบบนั้นอีกไหม”

“ไม่ทำแล้ว ผมไม่เคยทำอีกเลยตั้งแต่เจออาทิตย์”

“ปรายจะนอกใจผมไหม จะไปมีอะไรกับคนอื่นอีกไหม”

เขาส่ายหน้าปฏิเสธและบอกรักผม ผมยิ้มเยาะก่อนจะโถมแรงเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ขาของเขาถูกจับอ้าออกกว้างให้ผมเอาบั้นท้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ผมรุนแรงกับร่างกายของเขา เซ็กส์ครั้งนี้ทำเอาสภาพเขาย่อยยับ แต่ไม่ว่าจะถูกผมทำอะไรเขายังอยู่ตรงนี้ ไม่เคยหนีไปจากผม แม้กระทั่งตอนที่ผมปลดปล่อยน้ำเชื้ออยู่ภายใน เขาก็ยังยินยอม

ผมค้างคาท่อนเนื้ออยู่เช่นนั้นพักหนึ่ง มองดูของตัวเองที่มุดหายอยู่ในช่องทางด้านหลังของเขา มองดูการกระทำที่แสดงออกให้เห็นว่าผมเหนือกว่าเขามากนัก น้ำสีขาวขุ่นไหลออกมาบางส่วนขณะที่เขาหอบหายใจเหนื่อยล้า ผมไม่คิดว่าเขาเป็นของตาย แค่อยากให้เขารู้ว่าตอนนี้ เวลานี้ ต่อหน้าผมตรงนี้ ผมมีสิทธิ์ทุกอย่างและเป็นผมที่ถือครองเสรีภาพของเขาไว้ เขาเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว


รุ่งเช้าของผมมื่นชื่นกว่าที่คิดไว้ ผมตื่นเช้ามองดูเขาที่ยังนอนหลับสนิท ตามเนื้อตัวของเขาเป็นรอยแดงและช้ำบ้างเป็นบางแห่ง ผมไม่รู้สึกผิดกับการกระทำเหล่านั้นแต่ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกอยากทำให้เขาย่อยยับกว่าเดิม ท่อนเนื้อของเขาแข็งตัวแม้ยามถูกจิกทึ้งดึงเส้นผมขณะช่องทางด้านหลังเองถูกทารุณอยู่ไม่น้อย เขาครวญคราง ร่ำร้องอยู่เบื้องล่าง เขาทำให้ผมอิ่มเต็มกับความปรารถนาเสมอมา
ผมรู้ว่าเขารักผมมากจนยินยอมทุกอย่างให้ อัตตาในตัวทำให้ผมลำพองมากขึ้นทุกที เขากำลังทำให้ผมนิ่งนอนใจว่าจะไม่มีสิ่งใดแปรเปลี่ยนระหว่างเรา แต่ผมรู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะไม่หยุดอยู่ที่ผม

เขาลืมตาตื่นในตอนที่ผมยังจดจ้องมองใบหน้า เขาขยี้ตา เขาบิดตัวไล่ความเมื่อยล้า และเขาส่งยิ้มให้ผมราวกับเรื่องเมื่อคืนไม่เกิดขึ้น เขาถูกผมทำร้ายจิตใจ รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ได้รัก แต่เขาก็ยังบอกรักผมทุกครั้งที่มีโอกาส

“อาทิตย์…”

“อืม”

“ผมรักอาทิตย์”

ผมไม่เข้าใจความหมายของมันนัก แต่เขายิ้มแม้ดวงตาจะโศกโศกา

เขาเข้ามากอด เนื้อตัวอุ่นละมุนซุกเข้ามา เขาเป็นเหมือนอะไรบางอย่างบนโลกใบนี้ เป็นบางอย่างที่ผมไม่อยากสูญเสียไป ผมรู้ว่าควรทำดีกับเขา ควรทะนุถนอมรักษาสัมพันธภาพอันดีงามของเราไว้ แต่ยากเหลือเกิน การรักษาให้คงอยู่ยากกว่าการจากลาเสียอีก ความชิดใกล้ของเรามันแน่นแฟ้นอยู่ในห้วงลึก ผมตระหนักถึงสิ่งนั้นและไม่อาจปล่อยมือจากเขาไปได้เลย


ผมอิ่มท้องก่อนออกมาสอบช่วงบ่ายด้วยอาหารตามสั่งใต้คอนโด เราเดินทางมายังมหาวิทยาลัยด้วยกัน ผมแยกตัวไปสอบส่วนเขาแยกตัวไปช่วยงานรุ่นน้องที่ค้างคาไม่เสร็จตั้งแต่เมื่อวาน เขาอยากให้ผมเดินไปส่งที่คณะ ผมไม่มีปัญหาในเรื่องนั้น แต่ปัญหาคือคุณ คุณซึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงซอกตึก เขาทักทายคุณนิดหน่อยพอเป็นพิธีก่อนจะหายตัวเดินเข้าไปในอาคารเรียน

ผมพยักหน้าให้คุณเป็นการทักทาย แต่มันแปลกประหลาดเกินกว่าจะกลับมาพูดจากัน

“อาทิตย์ รอด้วย” คุณเอ่ยพลางขยี้บุหรี่ด้วยปลายเท้า ผมมองป้ายห้ามสูบบุหรี่ซึ่งติดอยู่ตรงบริเวณแถวนั้นก่อนจะมองกลับมายังคุณอีกครั้ง “อ่านหนังสือมายัง”

“อ่านแล้ว ตะวันหละ”

“อ่านแล้วเหมือนกัน แต่ได้แค่อ่านนั่นแหละ ไม่รู้จะทำข้อสอบได้หรือเปล่า”

ผมเงียบ ไม่สานต่อบทสนทนา ผมกับคุณเดินไปเรื่อยๆตามทางแทนที่จะนั่งรถรับส่งในมหาวิทยาลัย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราจึงไม่เลือกวิธีที่ทำให้อึดอัดน้อยสุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“อาทิตย์”

“อืม”

“กับปรายเป็นยังไงบ้าง”

ผมยิ้ม ไม่ต้องการคุยเรื่องของเขากับคุณ ไม่ว่าอย่างไรเรื่องของปรายกับผมมันไม่ใช่เรื่องของคุณ “ก็ดี เรื่อยๆ”

คุณไม่เชื่อ สังเกตได้จากแววตาซึ่งจ้องมอง คุณยิ้มและไม่ยอมถอยให้ผมแม้แต่นิดเดียว “ผมไม่เชื่อ”

“ผมเพิ่งทะเลาะกับปราย แต่คืนดีกันแล้ว”

“เล่าให้ผมฟังหน่อย”

“ไม่มีไรเลย จะให้เล่าอะไร”

คุณหัวเราะ เสียงหัวเราะของคุณอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้บรรยากาศระหว่างเราไม่อึดอัดนัก

“มีเรื่องให้ผมต้องระแวงปรายนิดหน่อย”

“ยังไงอะ”

“เขาบอกว่าจะไปอ่านหนังสือ แต่พอกลับมาห้องผมเห็นเขาใส่เสื้อช็อป ก็เลยสงสัย”

คุณเงียบ สีหน้าครุ่นคิดของคุณทำให้ผมเริ่มหวาดระแวงอีกครั้ง

“เขาบอกว่าไปช่วยงานรุ่นน้องแล้วไปอ่านหนังสือต่อกับเพื่อน”

“ก็ฟังดูไม่เห็นมีอะไรนะ แล้วทะเลาะกันได้ยังไงอะ”

“ตะวันไม่คิดว่าปรายโกหกเหรอ ปรายอาจจะไปทำอย่างอื่น อยู่ๆก็หายไปทั้งวันโดยไม่บอกผมก่อน”

คุณนิ่งและถึงกับหยุดเดิน ก่อนจะหัวเราะออกมาเต็มเสียง “อาทิตย์ขี้หึงเหมือนกันนะเนี่ย”

คุณว่าอย่างนั้นแล้วเร่งฝีเท้าเข้าไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนของเราที่นั่งรวมตัวกันอยู่


เขารอผมอยู่ที่หน้าห้องสอบ เราแวะกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาดูเป็นสุขตอนที่ผมเป่าซุปและป้อนให้ ผมไม่อายสายตาของใครอื่นอยู่แล้วหากไม่ได้กระทำในสิ่งผิดแปลก ผมชอบที่จะทำแบบนี้ ชอบเห็นดวงตาโค้งหยียามเมื่อส่งยิ้มให้ เขามักไม่ค่อยกินเนื้อสัตว์ ต่างจากคุณที่สามารถล้มวัวทั้งตัวกินได้ในหนึ่งมื้อ เวลาเราออกมากินอาหารข้างนอกกันเขามักชอบกินสลัดกับซุปครีมข้น และชอบมากขึ้นไปอีกเวลาที่ผมเหยาะพริกไทยให้

ตกกลางคืนหลังจากทบทวนบทเรียนเพื่อเตรียมสอบเสร็จสิ้น เขาแสดงออกว่าต้องการทบทวนบทเรียนบนเตียง ผมตอบสนองไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องปฏิเสธ

เขาพร่ำเรียกชื่อของผม ร้องขอให้เอาบั้นท้ายอย่างรุนแรง ผมช้อนใต้ขาสองข้างไว้ในอ้อมแขน ยืนและเติมเต็มท่อนเนื้อในช่องทางด้านหลังซึ่งชุ่มฉ่ำ ผมมองเขาครวญคราง ริมฝีปากสีธรรมชาติเผยออ้า ดวงตาเคลิบเคลิ้ม ท่อนเนื้อของผมถูกกระตุกรัดเป็นจังหวะ ผมรู้ว่าเขาชอบท่วงท่านี้ มันทำให้ผมหวนคิดถึงอดีตของเขา เขามีเซ็กส์ครั้งแรกกับใคร รูที่ตอดรัดผมอยู่นี้ผ่านผู้ชายมากี่คน และเคยกลืนกินน้ำเชื้อเข้าไปบ้างหรือเปล่า

ผมโยนร่างเขาลงเตียง จับพลิกคว่ำ คว้ากลุ่มเส้นผมของเขาดึงหน้าเข้ามาจูบปากขณะสอดใส่เข้าไปอย่างรุนแรง แต่เนื่องจากท่วงท่านี้อาจทำให้เราจูบกันลำบาก ผมนึกรำคาญจึงผลักหน้าเขาออกไปและกระแทกกายเข้าออกด้วยมัวเมาอยู่ในโลกโลกีย์

เขาคว้ากระดาษทิชชู่ไม่ทันในตอนถึงจุดสุดยอดและหลั่งน้ำใคร่ ผมพลิกร่างของเขาให้นอนหงาย จับใบหน้าที่ชื้นเหงื่อมองจ้องตา เอ่ยคำถามหยาบโลนถึงเหตุการณ์ ‘เสร็จ’ อย่างรวดเร็ว เขาอ้าขาออกกว้างและบอกผมว่าให้เอาเขาอีก ให้เอาเขาจนกว่าเราจะสุขสมไปพร้อมกัน ผมของขึ้น ขึ้นจนแข็งปวดไปหมด ต้องหาทางระบายกับรูเล็กๆของเขาอย่างหนักหน่วง

ที่ผ่านมาเขาร้อนแรง วันนี้เขาร้อนแรงจนเผาไหม้ผมไปหมด เราเข้ากันได้ดีเหลือเกินถึงแม้ว่าช่องทางด้านหลังของเขาจะเล็กแคบกว่าท่อนเนื้อของผมมากนัก เมื่อเขาต้องการ เพียงแค่เล้าโลมที่รูทวารให้ผ่อนคลายก็สามารถสุขสมอารมณ์หมายได้แล้ว เขาชื่นชอบเวลามีท่อนเนื้ออยู่ในนั้น เขามากราคะ ผ่านโลกีย์มามาก แต่กระนั้นผมมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา

ผมดึงแขนของเขาขึ้นมา รั้งร่างเข้ามาเผชิญหน้า เขาครางเสียงแผ่วในตอนถูกดูดยอดอก ผมดูดดึงราวกับจะเค้นให้อะไรบางอย่างออกมา ท่อนเนื้อเขาตั้งชัน เขาชื่นชอบให้ผมดูดยอดอกขณะที่คาแก่นกายอุ่นๆอยู่ภายใน ผมทำทุกอย่างที่เขาชอบใจ นึกไม่ออกเหมือนกันว่าผมทำไปเพื่ออะไรนอกจากแค่รู้สึกพอใจที่เห็นเขาเปี่ยมสุข

เขากอดผมแนบแน่นขณะถูกน้ำเชื้อหลั่งริน เขาดูเป็นหนุ่มน้อยผู้ไม่คุ้นเคยกับความแฉะชื้น ผมไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับเขาอีก ไม่เอ่ยถามความยินยอมของเขาเลยด้วยซ้ำ ผมเห็นใบหน้าแดงระเรื่อก่อนจะเอนซบบนลาดไหล่ มือของเขาประสานกอบกุมแนบชิดหน้าอกด้านซ้ายของเขา ผมรู้สึกถึงจังหวะหัวใจเต้นตุบตับหลังเนื้อหนังมังสา เขาบอกรักผม บอกว่ารักผมมากขนาดไหน ผมปวดหนึบในอกแต่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากสาเหตุใด

ผมเอนร่างเขาให้นอนราบลงไป เห็นท่อนเนื้อซึ่งยังมุดหายอยู่ในช่องทางอันบอบช้ำ เขาบอกไม่ให้ผมมอง ผมจึงถามกลับว่าทำไม แต่ไร้คำตอบเขาไม่ยอมบอก ผมดึงขาของเขา ลากให้บั้นท้ายเกยหน้าขา ทุกหยาดหยดจากผมไหลซึมอยู่ในร่างกายของเขา อยากให้เขารับรู้ไว้ว่าผมมีสิทธิ์ล่วงล้ำก้าวก่าย ให้รู้ไว้ว่าเขาเป็นของผม

“อาทิตย์ เอาออกได้แล้ว”

“ทำไมอะ”

“มันเลอะก้นไปหมดแล้ว”

“ถ้าไม่เอาออกจะทำไม”

“ไม่รู้ แต่ผมจะไปล้างตัว” เขาว่าไปอย่างนั้นด้วยใบหน้าแดงเถือก

“ทำอย่างกับไม่เคย กี่คนแล้วล่ะที่ปล่อยให้แตกใน”

เขายกตัวขึ้นหมายจะลุกออกไปจากเตียง แต่ผมขืนแรงต้านนั่นไว้

“ปราย ตอบที่ผมถาม”

“ไม่เคย ปล่อยผมได้แล้วอาทิตย์ ผมจะไปเข้าห้องน้ำ”

“ไม่เคยอะไร”

เขาจ้องหน้าผม แววตาดูเหลืออดเหลือทน “ผมไม่เคยให้ใครทำแบบนี้ ผมใช้ถุงยางตลอด พอใจยัง”

ผมยกยิ้ม ไม่รู้หรอกว่าที่เขาพูดเป็นเรื่องโป้ปดหรือความจริง “พูดจริงเหรอ”

“อาทิตย์ ผมก็กลัวโรคเหมือนกันนะ” เขาหน้าแดงอาจเพราะกำลังโมโห แต่เขาดูน่ารักดี

“ปราย… รักแค่ผมคนเดียวได้ไหม”

เขานิ่งไป สีหน้าประมวลผลครุ่นคิด

“ทำแบบนี้กับผมแค่คนเดียวนะ” ผมไซ้ซอกคอของเขา ออดอ้อนให้เขายอมอ่อนข้อให้ เขาไม่ต่อต้านและไม่เอ่ยห้ามในตอนที่ผมเริ่มต้นทบทวนบทรักอีกครั้ง ช่องทางด้านหลังนั้นชื้นแฉะจนเกิดเสียงยามเมื่อถูกท่อนเนื้อซึ่งเริ่มแข็งตัวแทรกเข้าออก ส่วนหน้าของเขาไม่แข็งตัว แต่ด้านหลังบีบรัดอย่างร้อนแรง ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่าชอบเรื่องอย่างว่า ผมได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งนี้เป็นรูปธรรมและคือความจริงอย่างถึงที่สุด

เขากอดผม บอกรักซ้ำๆ และให้คำสัญญาว่าจะรักผมคนเดียว ผมไม่รู้ว่าเขาหมายความตามนั้นจริงหรือเปล่า แต่ผมรำลึกถึงคำพูดของคุณในเวลานั้น คุณบอกว่าผมขี้หึง ผมคิดว่ามันเป็นนามธรรม ไร้ข้อพิสูจน์ และเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะมีความหึงหวง เพราะผมไม่รู้ ไม่รู้เลยว่ารู้สึกอย่างไรกับปราย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี้คืออะไร



************************************


 :a5:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อาทิตย์เห็นแก่ตัว
หวงปรายทั้งที่บอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคิดยังไงกับปราย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
กรี๊ดดดดดดดดดดด​ มาตามค่า​ เรื่องนี้จะไม่แบดเอนด์ใช่มั้ยน้อ​

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
พออ่านจบทั้งหมดแล้ว อยากพูดกับอาทิตย์เหลือเกินว่า"อะไรของมึง" อาทิตย์มีสิทธิ์ไรไปโกรธตะวันมีสิทธิ์ไรไม่พอใจตะวันเป็นแฟนกันก็เปล่าสนิทกันก็ไม่ใช่ แล้วที่ทำกับปรายนั่นคืออะไรขนาดไม่รักยังระแวงแล้วถ้าได้คบกับตะวันไม่หนักกว่าเหรอ จะไปกันรอดเหรอ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
บทที่เจ็ด



การก้าวขึ้นปีการศึกษาที่สี่ผ่านมาด้วยความลำเค็ญ ผมลุ้นแทบตายกับผลการสอบ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้

คุณหายตัวไปหลังจากสอบเสร็จ แต่น่าประหลาดใจที่ผมไม่นึกถึงคุณ ไม่หงุดหงิดที่คุณหายตัวไป ไม่แม้กระทั่งตอนมารู้ทีหลังว่าคุณไปต่างจังหวัดกับแฟนสาวคนใหม่ ความรู้สึกของผมก็ยังคงราบเรียบ

ทั้งนี้ไม่เชิงว่าผมไม่รู้สึกอะไร แต่เหมือนว่าการใช้เวลาอยู่กับเขาทำให้ผมนึกถึงตัวตนของคุณน้อยลง ผมพาเขาไปเที่ยวต่างจังหวัดเช่นกัน เราไปเพื่อหวังถึงการได้ใช้เวลาร่วมกิจกรรมต่างๆด้วยกัน เช่น ทำกิจกรรมทางน้ำ ไปตลาดเพื่อซื้ออาหารมาทำกินกัน หรือแม้แต่การออกไปตกปลาหมึกตอนกลางคืน แต่กลับกลายเป็นว่าผมกับเขาแทบไม่ได้ก้าวไปไกลจากห้องพักเลย ผมไม่แน่ใจนักว่าความปรารถนาต่อตัวตนเขามีมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมอยากสัมผัสเขา อยากทำให้เขาบอบช้ำ อยากทำให้เขารู้สึกถึงอำนาจของผมที่มีเหนือกว่า ช่วงเวลาแสนสั้นสามคืนสี่วันที่ทะเลแห่งนั้น เนื้อตัวพวกเราไม่เปียกน้ำทะเลแม้เพียงน้อยนิด แต่เราต่างเปื้อนเหงื่อและโชกชุ่มไปด้วยน้ำกาม

ช่วงปิดเทอมผมออกมาเจอคุณและกลุ่มเพื่อนของเรา ไปกินข้าว ดูหนัง เล่นเวคบอร์ด เรียนดำน้ำ แม้แต่เข้าคอสเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ โดยกิจกรรมเหล่านั้นผมหมายรวมถึงเขาเข้าไปด้วยและเขาได้หลอมรวมสนิทชิดเชื้อกับกลุ่มเพื่อนของผม

ผมคิดว่าช่างโชคดีเหลือเกินที่เขาเข้ากับเพื่อนของผมได้ แต่กระนั้นระหว่างคุณกับเขาดูจะไม่สนิทกันสักเท่าไหร่ ผมไม่ตระหนักถึงบรรยากาศนั้นจนกระทั่งเอ็มมั่วเป็นคนเปิดประเด็น ตอนที่คุณกับเขาออกไปสูบบุหรี่ด้วยกัน ในบ่ายวันแรกของการเปิดภาคเรียนปีที่สี่

“ทำไมมึงถึงคิดแบบนั้นวะ”

ใหม่กับเอ็มม่ากรอกด้วยความเบื่อหน่าย เอ็มมั่วเจ้าของประเด็นส่ายหัวราวกับเหนื่อยล้าเต็มที หงส์ถอนหายใจยาวพรืด ส่วนนัททำสีหน้าประมาณว่าผมดูโง่งมที่สุดในโลกหล้า

“อะไรของพวกมึงวะ”

“มึงไม่รู้เหรอว่าเมียมึงไม่ถูกกับไอ้บอส”

“มึงอย่าเรียกปรายว่าเมียได้ไหม ไม่ให้เกียรติเขาเลย” ผมเถียงด้วยรู้สึกมาพักหนึ่งแล้วว่าการที่เพื่อนของผมเรียกเขาแบบนั้นคือคำหยาบคายอีกรูปแบบหนึ่ง มันคือสิ่งแท้จริงหากนับว่าเรื่องบนเตียงเขาชอบบทบาทเป็นผู้รับ เขาไม่เคยคิดมากเลยด้วยซ้ำตอนที่เจ้าเพื่อนของผมพูดแบบนั้น กลายเป็นผมนี่แหละที่ไม่ชอบ ไม่ต้องการให้คนอื่นจาบจ้วงเขาด้วยถ้อยคำหยาบโลน หรือยัดเยียดความตลกโปกฮาในแบบที่อาจทำให้เขาอับอาย

“ทำไมมึงคิดมากงี้วะ แต่ปรายก็เป็นเมียมึงจริงๆอะ” เอ็มมั่วยังคงเถียง

“มึงรู้ได้ไง ปรายอาจจะเป็นผัวกูก็ได้” ผมตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่ได้โกรธอะไรแต่ไม่ชอบให้คนอื่นจาบจ้วงสิ่งนั้นต่อเขา “อย่าทำเหมือนปรายเป็นผู้หญิงได้ไหม กูไม่ชอบหวะ”

“โอ้ยยย อิหนอน แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะคะเมียมึงเนี่ย” คราวนี้เอ็มม่าเอ่ยปาก ก่อนจะกรอกตาเบื่อหน่ายอีกรอบ “เมียมึงยังไม่ว่าอะไรเลย อิเวร ทำมาเป็นอ่อนไหว”

“เออๆ จะเรียกอะไรก็เรียกไป แล้วมึงรู้ได้ไงว่าปรายกับตะวันไม่ถูกกัน กูยังเห็นไปดูดบุหรี่กันอยู่เลย”

เพื่อนของผมมองหน้าสลับกันไปมาด้วยสีหน้าหนักใจ ก่อนเอ็มมั่วคนเปิดประเด็นจะเป็นฝ่ายตอบ “คือมันไม่เกี่ยวกับปรายหรือไอ้บอสโดยตรงหรอก แต่แบบเหมือนไอ้บอสมันเขม่นนิดหน่อยตรงที่ปรายเคยเป็นกิ๊กกับแฟนใหม่ของแฟนเก่าไอ้บอสมัน”

ผมอ้าปากค้างเพราะคาดไม่ถึงว่าเพื่อนของผมจะอธิบายได้งงงวยที่สุดจนไมเกรนแทบขึ้น เพื่อนที่เหลือโห่ร้องเมื่อฟังคำอธิบายอันซับซ้อนและไม่คลายความสงสัย สุดท้ายใหม่จึงเป็นคนอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

“มึงจำหมวยได้ไหม แฟนเก่าไอ้บอสอะ”

ผมพยักหน้า ได้แต่นึกในใจว่าทำไมผมถึงจะจำแฟนสาวผู้น่ารักของคุณไม่ได้หละ

“ตอนมันเลิกกับหมวยก็ห่างๆกันไป แต่ทีนี้อยู่ๆหมวยก็โทรมาหาไอ้บอสบอกว่า สงสัยแฟนใหม่ของตัวเองมีกิ๊กก็เลยอยากปรึกษาไอ้บอส แล้วช่วงนั้นไอ้บอสมันก็ไปอยู่กับหมวยอะ สืบนู่นนี่จนรู้ว่ากิ๊กดันเป็นผู้ชายอีก”

“แล้ว?”

“ผู้ชายคนนั้นก็คือปราย”

“แล้วทำไมตะวันถึงไม่ชอบปราย”

“โอ้ยยยยย ไอ้หนอน ก็ปรายมายุ่งกับแฟนคนอื่นอะ”

ผมนิ่งเงียบ ประสบการณ์ด้านความรักอันน้อยนิดทำให้ผมต้องคิดวิเคราะห์ ผมไม่สนใจหากว่าคุณชอบหรือไม่ชอบเขา แต่ผมสนใจหากว่าเขากำลังนอกใจผม

หลากเสียงรุมเร้าผมเพื่อปลอบประโลม บ้างก็ว่าอย่าคิดมาก บ้างก็ว่าเรื่องมันผ่านมานานแล้ว บ้างก็บอกให้ผมหวาดระแวงในตัวเขามากขึ้น บ้างก็บอกว่าให้ผมเข้าไปคุยกับเขา แต่หลายเรื่องราวผ่านมาและผ่านไป ผมฟังไม่รู้เรื่อง จมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ความคิดที่ว่าทำไมปรายถึงนอกใจผม

คุณเป็นคนดีเหลือเกิน ผมมองคุณผิดไป คุณยังคงมีความห่วงใยต่อแฟนสาวคนเก่าแม้ว่าเป็นคุณเองที่บอกเลิกกับเธอ แต่อย่างน้อยคุณกับแฟนเก่าของคุณคงจบได้ด้วยดี เพราะไม่เช่นนั้นคุณคงไม่รู้สึกแบบนี้ แบบที่คุณไม่พอใจเพราะเขาไปยุ่มย่ามกับคนรักใหม่ของหมวย หมวยซึ่งเป็นอดีตของคุณ ผมพอจะเข้าใจตรรกะนั้นแล้ว

คุณกลับมายังโต๊ะหินอ่อน พร้อมกับสายลมทำให้เส้นผมของคุณปลิวไสว คุณจับเส้นผมของคุณทัดหลังใบหู ไม่ว่ากี่ครั้งที่พบเห็นผมมักชอบมองการกระทำของคุณอย่างไม่รู้เบื่อ

คุณกลับมาเพียงลำพัง ไร้วี่แววเขา ไม่มีแม้คำอธิบายถึงเขาว่าหายไปไหน ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมจึงไม่เอ่ยถามถึงเขากับคุณ แต่กลับกลายเป็นว่าคนอื่นเอ่ยถามถึงเขาแทน

“ปรายหายไปไหนหละ” ใหม่เป็นคนถาม แต่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจมากนักเพราะเปลี่ยนประเด็นไปคุยเรื่องอื่น

“เห็นว่าไปหารุ่นน้อง”

“ที่ไหน” ในที่สุดผมพูดถาม

“น่าจะที่คณะ”

ผมครุ่นคิดสิ่งหนึ่ง ผมมองหน้าคุณก่อนจะใช้จังหวะที่ไม่มีใครให้ความสนใจกระซิบชักชวนให้คุณเดินออกไปด้วยกัน

“มีอะไรหรือเปล่าอาทิตย์” คุณถามขณะที่เราก้าวออกมาจากบริเวณนั้น

“ผมเพิ่งรู้ว่าตะวันไม่ชอบหน้าปราย ผมขอโทษแทนเขาด้วยนะ”

“นี่รู้เรื่องแล้วเหรอ”

“อืม รู้แล้ว ขอโทษนะผมจะหาทางเลี่ยงไม่ให้มาเจอเอง”

“เฮ้ย อย่าพูดแบบนั้นดิ”

“………”

“แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เขาไม่ได้ยุ่งกับแฟนหมวยอีก ผมไม่อยากมีปัญหา”

“แล้วทำไมไม่บอกผม”

“จะให้ผมบอกยังไง ผมเห็นอาทิตย์มีความสุขกับปรายดี ผมพูดไม่ออกหรอก” คุณยิ้มในตอนที่หันมา ก่อนจะพูดอีกครั้ง “ผมไม่อยากให้อาทิตย์คิดมาก เรื่องมันจบไปแล้ว”

ผมมองคุณ ครุ่นคิดว่าทำไมคุณถึงแสนดีขนาดนี้ แสนดีต่อผมซึ่งเป็นเพียงบุคคลหนึ่งที่วนรอบตัวคุณ คุณทำให้ผมรู้สึกเทิดทูนความบริสุทธิ์ในตัวคุณ

“อาทิตย์ ผมไม่อยากให้อาทิตย์มีปัญหากับปรายนะผมถึงไม่เล่าให้ฟัง”

“อืม”

คุณหันมาทางผมด้วยสายตาสุดห่วงใย “นี่ผมทำให้อาทิตย์ไม่สบายใจแล้วใช่ไหม”

ผมส่ายหน้าก่อนจะเงียบไปพักหนึ่ง มองดูคุณซื้อน้ำอัดลมในโรงอาหาร

“ผมสงสัยว่าปรายมีคนอื่น”

คุณไม่ตกใจกับความคิดของผม คุณเพียงแค่หัวเราะราวกับว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องสามัญธรรมดา “อาทิตย์โคตรขี้หึง”

ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่ามีอะไรที่แสดงออกชัดเจนจนทำให้คุณคิดแบบนั้น

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นหละ”

ผมส่ายหน้าอีกครั้ง

“นี่คิดอยู่ใช่ไหมว่าปรายนัดเจอคนอื่น”

ผมส่ายหน้าอีกแรงกว่าเดิม

คุณยิ้ม พลางดื่มน้ำในแก้วแต่ไม่ได้ตอบอะไร


บ่ายวันนั้นผมเรียนไม่รู้เรื่องสักนิด ที่จริงมันเป็นวิชาที่ต้องลงเรียนตั้งแต่ปีสองแต่เพราะความเหลวไหลทำให้เวลาเรียนไม่พอจึงต้องลงเรียนตอนปีสี่แทน คนที่ลงเรียนวิชานี้มีผม หงส์ และคุณ เราสามคนมันเป็นพวกเหลวไหลกับการเรียนอย่างแท้จริง

คุณนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างหงส์กับผม เราสองคนคุยเรื่องสัพเพเหระ เราสองคนชี้ชวนกันคุยเรื่องงาน เราสองคนคุยกันอย่างยาวนานมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา หงส์มีโลกส่วนตัวเพราะติดแชทอยู่กับแฟนหนุ่ม เงยหน้ามาคุยด้วยเป็นครั้งคราว แต่สุดท้ายแล้วคุณและผมร่วมสนทนาด้วยกันเป็นหลัก

คุณดูนุ่มนวลเหลือเกินในตอนที่เผยยิ้ม บรรยากาศรอบตัวคุณอ่อนละมุน ฟุ้งฝัน ราวกับมีแสงสีทองเปล่งประกาย ผมไม่ได้พูดเกินจริงหากกล่าวว่าคุณอาจเป็นเทวดา ผมไม่คิดถึงเรื่องขุ่นข้องหมองใจที่ผ่านมา ไม่คิดว่าคุณเองยังมีแฟนสาวคนใหม่ล่าสุดสำหรับปีการศึกษาที่สี่นี้ ไม่คิดถึงว่านี่เป็นปีการศึกษาชั้นสุดท้ายของเรา

ผมมองเพียงแค่คุณ ฟังคุณ หัวเราะมุกตลกของคุณ ผมพบว่านอกจากคุณเป็นเหมือนสื่อนำความบันเทิงให้กับคนหมู่มาก คุณยังเป็นราวกับบาทหลวงที่คอยรับฟังเรื่องทุกข์เรื่องโศกของคนอื่นได้ดี คุณฟังผม ฟังผมพูดถึงชีวิตส่วนตัวของผม คุณสงสัยมานานว่าคนแบบผมชอบทำอะไร มีกิจกรรมแบบไหนที่สนใจเป็นพิเศษ คุณตกตะลึงตอนผมเปิดเผยว่าชอบออกกำลังกายและเข้ายิมห้าวันต่อสัปดาห์ คุณบอกว่าคุณยอมแพ้เพราะเข้ายิมแค่สามวันต่อสัปดาห์ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ผมหัวเราะให้กับใบหน้าตลกของคุณ

คุณเอ่ยชมว่าผมมีรูปร่างดี ผมไม่อาจถ่อมตนได้และยินยอมน้อมรับต่อกายภาพที่ปรากฏ ผมถือว่าคำชมของคุณเป็นรางวัลสำหรับผม

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทั้งที่คุณเป็นคนเอ่ยออกจากปาก แต่แล้วคุณกลับเงียบลงไปก่อนสีหน้าจริงจังจะปรากฏฉายชัด

“ผมคาใจเรื่องที่ห้องบันทึกเสียง”

ผมเงียบ รอคอยรับฟัง

“ผมขอโทษนะที่ทำตัวแปลกๆ ผมตกใจที่อยู่ๆก็…”

“อะไร ตะวันเข้าหาผมก่อนนะ”

คุณถอนหายใจ สีหน้าแบ่งรับแบ่งสู้ “ผมทำเพราะผมอยากรู้เรื่องของอาทิตย์กับปรายอะ”

“อืม”

“แต่พอเจอของจริงเข้าไป…”

“รังเกียจเหรอ”

คุณเงียบ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ คุณเพียงแค่หุบปากของคุณ และเปลี่ยนคำตอบมาเป็นคำร้องขอ “ผมยังอยากรู้เรื่องของอาทิตย์นะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ”

“ให้เล่าในห้องเรียนเนี่ยนะ” ผมทำทีเป็นตลก ทำเป็นเหมือนรู้สึกสบายใจกับการพูดถึงเรื่องนี้

คุณหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะชักชวนไปกินข้าวกันหลังเลิกเรียน


ผมมองคุณซึ่งสูบบุหรี่ตัวเดิม ไม่อนาทรร้อนใจ น่าแปลกเหลือเกินที่คุณนัดมาผมมาเพื่อฟังเรื่องราวของผม ผมสูบบุหรี่ตัวเดียวกันกับคุณแม้ว่าไม่ต้องการ คุณมักมองทอดสายตาไปยังเบื้องหน้ายามพ่นควันสีเทา ไม่มีความสวยงามใด ไม่มีทิวทัศน์เหมือนฝัน คุณแค่มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า

ผมคืนบุหรี่ให้คุณก่อนจะเดินเข้าห้องเพราะทนอากาศร้อนไม่ไหว ผมเห็นคุณขยี้ทิ้งบุหรี่แล้วเดินตามเข้ามา

“แฟนตะวันหละ”

“เขาอยู่บ้าน ไม่ได้อยู่กับผม”

ผมนึกสงสัยว่าคุณมีแฟนมาแล้วกี่คน แต่ผมก้ำกึ่งระหว่างต้องการรู้กับไม่ต้องการรู้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ไม่อยากรับรู้ในส่วนนี้ของคุณแม้น้อยนิด

คุณนั่งลงบนเตียงด้านข้าง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่นก่อนจะเอนตัวลงนอน แต่ไม่เอ่ยถามในสิ่งที่คุณสงสัย หรือบางทีคุณอาจต้องการให้ผมเป็นฝ่ายเริ่มต้น “ตะวัน ตกลงจะถามอะไรผม”

คุณหันมามองพลางวางโทรศัพท์มือถือลงด้านข้าง แล้วนอนตะแคงเท้าแขนมองผม “อาทิตย์…”

“อืม”

“กับปรายอะ ตอนมีอะไรกันมันเป็นยังไง”

ผมอ้าปากค้าง หากกล่าวว่าไม่ประหลาดใจคงไม่ใช่ความจริง “ถามจริงดิ”

“จริง”

ดวงตาของคุณใสแจ๋วขณะถามเรื่องบนเตียง คุณทำให้ผมคิดว่าคุณยังไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน

“ตะวันเคยมีอะไรกับแฟนป้ะ”

ความตกใจปรากฏบนใบหน้าของคุณ สิ่งที่น่าประหลาดใจตามมาหลังจากนั้นเมื่อคุณส่ายหน้า

“มันก็ไม่ต่างกันหรอก”

คุณพยักหน้าเข้าใจ แต่ดวงตาของคุณยังคงไม่คลายความสงสัย ผมเดาว่าคุณคงอยากรู้อย่างอื่นอีกแต่คุณกระดากอายเกินกว่าเอ่ยปาก

“จะถามแค่นี้ใช่ป้ะ” ผมถามแล้วส่งยิ้มให้คุณ ยิ้มที่ต้องการท้าทาย

ริมฝีปากของคุณเม้มตรง มันคลายออกเมื่อในที่สุดคุณเผยความจริงอันน่าตื่นตะลึง “จริงๆผมมีเรื่องอยากบอกอาทิตย์”

“เรื่องอะไร”

“ผมรู้ว่าปรายยังติดต่อกับต้นอยู่”

“ต้น? ใครคือต้น”

“แฟนใหม่ของหมวยไง”

ความเงียบงันของผมทำให้คุณเริ่มมีสีหน้าอึดอัดลำบากใจ ผมทบทวนคิดหลายสิ่งหลายอย่างและรู้ว่าคุณหวังดีต่อผมคุณจึงบอกเรื่องนี้ “อืม ผมพอจะเดาได้อยู่”

“ผมไม่อยากให้อาทิตย์มีปัญหากับปรายนะ แต่ผมว่าอาทิตย์ควรรู้เรื่องนี้”

“เลิกพูดถึงปรายเถอะ ตะวันอยากรู้เรื่องอะไรอีกไหม”

เสียงของคุณหายจ้อยไปที่ไหนสักแห่ง คุณไม่ถามอะไรเพิ่มอีกแม้สีหน้าของคุณจะคลางแคลงหลายสิ่งอย่าง คุณทำเพียงแค่ล้มตัวลงนอน คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเพลง ผมรับหูฟังจากคุณมาเสียบเข้าที่รูหู เพลงเก่า บรรยากาศเก่าระหว่างเราหวนย้อนคืนกลับมา มันกลายเป็นโลกของผมกับคุณอีกครั้งเมื่อเราฟังเพลงด้วยกัน

ท่อนเพลงหนึ่งดังขึ้น แต่คุณหลับไปแล้ว ลมหายใจของคุณสม่ำเสมอ มีเสียงกรนนิดหน่อย ผมมองคุณซึ่งผล็อยนอนหลับ ใบหน้าที่ผมเฝ้าฝันดูผ่อนคลาย มองดวงตาพริ้มละมุนที่ปิดสนิท

รู้รู้เราต้องห้ามใจ หยุดใจรักเธอ
สุดเจ็บใจเราต้องแพ้พ่าย ปล่อยใจรักเธอ
รู้รู้ใจฉันมันก็รู้ ยังฝืนสู้ความจริง
แม้จะห้ามใจใจฉันทำไม่รู้
เบื่อฝืนใจต้องยอม ให้ใจคิดถึงเธอ
ตัวฉันต้องยินยอมแพ้พ่าย
ปล่อยให้ใจฝันใฝ่ รักเธอไม่หน่าย
เต็มใจ ใจฉันพ่ายใจเธอ

คุณคงตั้งค่า Repeat ไว้ ท่อนเพลงนั้นดำเนินกลับมาอีกครั้ง ผมยังคงมองคุณอยู่เช่นเดิมพร้อมกับเพลงเดิม


เขายิ้มกว้างในตอนเห็นผมกลับถึงห้อง ช่วงราวๆสองทุ่มเขายังรอกินข้าวกับผม เขาไม่ถามว่าผมหายไปไหนมา เขาไม่ถามว่าผมอยู่กับใคร เขาทำให้ผมรู้สึกโกรธโมโหและทำให้ผมเคลือบแคลงสงสัยว่าช่วงบ่ายเขาหายไปไหนมา แต่ถึงอย่างนั้นผมยังคงเงียบไม่ถามอะไรออกมาในทันทีที่เห็นหน้าเขา

ผมนั่งลงที่โต๊ะอาหารตัวเล็ก รอเขาอุ่นอาหารให้ เขาเปิดประเด็นคุยถึงร้านอาหารปิ้งย่าง เขาอยากกินเนื้อวัวทั้งที่ปกติไม่ค่อยกินเนื้อสัตว์ใดๆ ผมกินข้าวของตัวเองอย่างเงียบเชียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ในสมองกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของคุณที่กล่าวถึงเขา คำพูดของคุณทำให้ความคลางแคลงใจของผมเด่นชัดขึ้น สงสัยว่าเขามีคนอื่น

“ปราย”

“ว่า”

“ตอนบ่ายหายไปไหนมา”

“อ้าว ตะวันไม่ได้บอกเหรอ ผมไปช่วยงานรุ่นน้องไง”

“แล้วทำไมไม่มาบอกผม ทำไมต้องฝากตะวันมาบอก”

เขาทำหน้าสงสัย คิ้วขมวดเล็กน้อย

“อยู่ๆก็หายไป ข้อความก็ไม่ส่งมา...”

“พอๆ ผมไม่อยากทะเลาะด้วย” เขาตัดบท พูดแทรกราวกับหมดความอดทน

ผมวางช้อนส้อมลง มองหน้าเขา

“ผมผิดเองที่อยู่ๆก็หายตัวไปโดยไม่ได้รายงานตัวกับอาทิตย์ก่อน พอใจรึยัง”

“ทำไมต้องประชดด้วย”

“ผมไม่ได้ประชด ผมแค่บอกว่าผมผิดเองที่ไม่ได้บอกอาทิตย์ว่าจะไปช่วยงานรุ่นน้อง”

“ไปหารุ่นน้องหรือไปหาผัวที่เป็นรุ่นน้อง”

เขาวางช้อนส้อมลงบ้าง ถอนหายใจยาว ท่าทางพยายามระงับอารมณ์ “ผมจะทำเป็นไม่ได้ยินประโยคเมื่อกี้”

“ทำไมต้องทำเป็นไม่ได้ยินหละ ในเมื่อผมตั้งใจพูดให้ปรายได้ยิน”

“...............”

“ผมรู้เรื่องที่ปรายไปยุ่งกับแฟนคนอื่น นี่มาเรื่องรุ่นน้องอีก ทำไมเป็นแบบนี้วะปราย”

“แฟนคนอื่น? คนไหนวะ ผมไม่ได้ยุ่งกับใครนอกจากอาทิตย์เลยนะ”

“คนที่ชื่อต้นไง”

เขาเงียบแล้วถอนหายใจอีกครั้ง สีหน้าเหนื่อยหน่าย “ผมกับต้นเป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น พอได้แล้วนะอาทิตย์ ผมเบื่อที่จะต้องอธิบายอะไรแบบนี้หวะ”

ผมคว้าแขนเขาไว้ ไม่ยอมปล่อยจนกว่าจะคุยให้รู้เรื่อง “แต่ผมได้ยินแบบอื่นมานะ”

“ผมกับต้นเป็นเพื่อนกัน ผมไม่มีคำอธิบายอย่างอื่นให้อาทิตย์แล้ว”

“งั้นเอามือถือมาดู”

เขายื้อแขนกลับแต่ไม่เป็นผล “ทำไมต้องดู ผมไม่ให้ดู”

ผมเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะ เรายื้อยุดต้านแรงกันไปมาอยู่พักหนึ่ง เราทุ่มเถียงกัน ผมบอกเขาว่าหากไม่มีเรื่องปิดบังก็ให้เอาโทรศัพท์มือถือมา แต่เขายังยืนกรานว่าตัวเองบริสุทธิ์และไม่ยินยอมให้ผมล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว ผมดาลเดือด รู้สึกร้อนอกร้อนใจ เชื้อพันธุ์แห่งความเคลือบแคลงใจกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง

“ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงก็เอามือถือมาให้ผมดูดิ”

“ทำไมต้องให้ดู ผมบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร”

ผมหงุดหงิดขั้นสุด เขาทำให้ผมพบเจออารมณ์แปลกใหม่ ผมไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ผมโกรธ โมโห ผมหมกมุ่นคิดถึงแต่เรื่องของเขา ราวกับคนบ้า

เขากระชากมือออก ผมยิ่งใช้แรงฝืนดึงเข้ามา ท้ายที่สุดโทรศัพท์มือถือตกอยู่ในมือของผม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยุ่มย่ามกับโทรศัพท์มือถือของเขา แทบไม่อยากเชื่อว่าความหวาดระแวงจะนำพามาจนถึงจุดนี้ ผมรู้รหัสของเขาเช่นเดียวกับที่เขารู้รหัสของผมทุกอย่าง ผมไล่ดูตามแอพพลิเคชั่นต่างๆ พบเห็นว่าหน้าแชทแทบว่างเปล่า มีแชทที่คุยกับผม เพื่อนของเขา และรวมถึงคนชื่อต้นที่เพิ่งส่งข้อความเข้ามา ผมกดเข้าไปดูและพบข้อความซึ่งถูกส่งมาจากคนที่ชื่อต้นหลายข้อความ เมื่อไล่อ่านดูผมสรุปได้ว่าคนที่ชื่อต้นพยายามชวนปรายคุยในเชิงชู้สาว มันพยายามจีบคนของผม

“ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนไง”

เขาไม่ตอบ สีหน้าไม่พอใจและมีความโกรธปรากฏขึ้นชัดเจน

“รู้จักกันได้ยังไง”

เช่นเคย เขาไม่ตอบ

“ปราย! อย่าให้ผมโมโหนะ”

“เรียนเซคชั่นเดียวกัน ทำโปรเจคเดียวกัน พอใจรึยัง”

ผมบีบแขนเขาแน่น รู้สึกหงุดหงิดเหลือเกินกับท้ายประโยค “ยังไม่พอใจ” ผมตอบแล้วอ่านข้อความต่างๆไปมา เปิดดูเฟสบุ๊คของเขาที่มีเพื่อนเยอะมากพอสมควร แต่ก็ไม่มีอะไรผิดแปลก เปิดดูบันทึกการโทรเข้าโทรออกก็มีแต่หมายเลขโทรศัพท์ของผม พ่อแม่ของเขา และเพื่อนที่ผมรู้จัก

“แล้วทำไมคนอื่นถึงบอกว่าปรายเข้าหามันก่อน”

“ผมจะไปรู้เหรอ เขามาจีบผมเอง จะให้ผมทำยังไงผมต้องทำงานกับเขา ผมก็บอกแล้วว่าผม... ช่างแม่งเหอะ” เขาคว้าโทรศัพท์มือถือมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วเริ่มต้นกินข้าวอีกครั้งโดยไม่พูดกับผมอีก

ผมล้างภาชนะต่างๆให้ขณะที่เขาออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง เขาทำกิจกรรมของเขา ผมทำกิจกรรมของผม แต่ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ยังไม่หายไปเสียที ผมไม่ชอบที่เขาต่อต้านผมด้วยวิธีนี้ เขาไม่พูด ไม่คุย ถามคำตอบคำ และเอาแต่สูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงด้านนอก ผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลย กระวนกระวายไปหมด ผสมปนเปกับความหงุดหงิด สุดท้ายผมทนไม่ไหวจึงเดินออกไปหาเขาที่ด้านนอก

“ปราย...”

ยังไม่ทันได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เขาหันมามองก่อนจะขยี้บุหรี่ทิ้งและเดินหนี ผมเดินตามเข้ามา คิดอยู่ในใจว่าห้องมันก็มีอยู่เท่านี้เขาจะหนีผมไปที่ไหนได้

“ปราย มาคุยกันก่อน”

“ผมง่วงแล้ว ไว้ค่อยคุยวันอื่น” เขาว่าเช่นนั้นพร้อมกับปิดไฟดวงใหญ่กลางห้อง

ผมยืนอยู่ด้านข้าง มองดูเขาดึงผ้านวมมาห่มคลุมก่อนจะกระชากออก “ส่งข้อความไปบอกมันว่ามีผัวแล้ว”

เขาผุดลุกขึ้นนั่ง แม้ห้องจะมืดสลัวแต่ยังพอเห็นเค้ารางใบหน้าที่แสดงความไม่พอใจ “พอเถอะอาทิตย์ ผมว่านี่มันมากเกินไปแล้วนะ”

ผมนั่งลงด้านข้าง หยิบโทรศัพท์มือถือของเขามาเปิดเพื่อที่จะส่งข้อความให้คนที่ชื่อต้น เขาใช้ความไวแย่งโทรศัพท์มือถือไป ผมขยับเข้าหาหมายแย่งโทรศัพท์มือถือของเขาคืน แต่แล้วผมกลับต้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงความเปียกแฉะบนท่อนแขนขณะยื้อแย่งสิ่งของกัน เขาร้องไห้อีกแล้ว

เขาปาดเช็ดน้ำตาทันทีที่รู้ตัว ผมจับมือของเขาไว้ จ้องมองด้วยนึกฉงนใจว่าเพราะอะไรเขาจึงร้องไห้

“ผมไม่ใช่เมียอาทิตย์ ไม่ได้เป็นเมียใครทั้งนั้น”

“............”

“เห็นผมเป็นตัวอะไรวะคิดจะพูดอะไรก็ได้งั้นเหรอ”

เขาดูอ่อนล้าและเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังเช็ดน้ำตาไปก่อนหน้านี้เขาไม่ร้องไห้อีก ไม่มีน้ำตา แต่ดูเปราะบางสำหรับผมมากเหลือเกิน “ผมขอโทษ”

เขายังคงหันมองไปทางอื่น แต่ผมรู้ว่าเขากำลังรับฟัง

“ผมไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งกับปราย ผมบอกตามตรงว่าอดคิดถึงอดีตของปรายไม่ได้ ผมขอโทษ”

“ผมชอบเซ็กส์แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเอากับคนอื่นไปทั่วนะอาทิตย์”

“............”

“ก่อนคบกับอาทิตย์ผมเคยมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น แต่เขาเป็นแฟนผม เป็นคนที่ผมเคยคบด้วย มีแต่อาทิตย์นี่แหละที่ผมเข้าหาก่อน มีแต่อาทิตย์นี่แหละที่ผมยอมให้หมด ผมไม่รู้ว่าต้องทำแบบไหนอาทิตย์ถึงจะเชื่อใจผมบ้าง”

“............”

“เมื่อไหร่จะเลิกทะเลาะกันเรื่องนี้สักทีวะ ผมเบื่อ”

“ปราย ผมขอโทษ” ผมกุมมือของเขาไว้ รู้สึกปวดหนึบในใจอย่างบอกไม่ถูก อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกผิดมากถึงขนาดนี้

“ขอโทษเรื่องอะไร”

“เรื่องที่ระแวงคนอื่นไง ก็ปรายน่ารักอะ จะให้ผมไม่ระแวงได้ยังไง”

เขาเงียบไม่ได้ตอบอะไร แต่ท่าทางดูผ่อนคลายลง “แค่เรื่องนี้เหรอ”

“มีเรื่องอะไรอีกหละ”

“ก็ที่เรียกผมว่าเมียไง ไหนบอกไม่ชอบคำนี้ ตอนแรกผมก็เฉยๆนะ แต่พอได้ยินเมื่อกี้ผมไม่ชอบ”

ผมยิ้มกริ่มขยับเข้าไปหมายจุมพิตที่แก้ม แต่เขาเบี่ยงหนีผมจึงจับกดร่างเขาไว้ให้นอนราบไปบนเตียง เขาคงเดาได้ว่าเรื่องวันนี้จะจบแบบไหน “ไม่ชอบให้คนอื่นเรียกแบบนั้น เพราะผมเรียกได้คนเดียว แล้วผมก็ไม่ขอโทษเรื่องนี้ด้วย”

เขาพัลวันฝืนแรงไม่ให้ผมจูบปาก และเอ่ยเถียงเฉไฉไปเรื่องอื่น

ผมค่อยๆตะล่อมจุมพิตที่มือ ที่หน้าผาก ก่อนสุดท้ายเขาจะยินยอมให้จูบบนริมฝีปาก ผมเรียกเขาแบบนั้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แม้ใจจริงผมจะไม่ชอบยัดเยียดถ้อยคำแบบนั้นให้เขาสักเท่าไหร่ ผมชอบที่เขาเป็นผู้ชาย ผมมีอารมณ์เพราะเห็นท่อนเนื้อของเขาตั้งชัน และแม้ว่าการกระทำบนเตียงของเราจะไม่ต่างอะไรไปจากบทบาทของชายหญิง แต่ผมชอบเขาที่เป็นผู้ชาย ผมขอยืนกรานในเรื่องนี้

ผมง้อเขาสำเร็จ ออดอ้อน เว้าวอนขอให้เขารักผม เขาใจอ่อนแบบนี้เสมอและสามารถง้อได้ด้วยการปรนนิบัติอ่อนโยน ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเขาง่ายดาย เป็นของตาย หรืออะไรทำนองนั้น แต่ผมรู้ว่าเขากลายเป็นแบบนี้ก็เพราะผม เขายอมให้ผมดังที่ได้กล่าวไว้จริงๆ

ในตอนผมร้องขอแทรกเข้าไปในตัวเขา เขากระบิดกระบวน เขาเขินอายทั้งที่เราผ่านการร่วมหลับนอนกันมาหลากหลายครั้ง ผมเรียกเขาว่าเมีย เขาทำขึงขังแต่พอผมเรียกอีกเขายอมอ่อนข้อให้และบอกว่าจะยอมให้ผมเรียกว่าเมียแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ผมทำให้เขาครางเครือในตอนดันท่อนเนื้อเปลือยเปล่าเข้าหา เขาบอกให้ผมร่วมรักกับเขาอย่างแผ่วเบา บอกให้ผมค่อยๆแทรกกายเข้าไปตามแต่ที่เขาต้องการ

เขาสำเร็จความใคร่จากการถูกท่อนเนื้อของผมรุกรานที่ช่องลับโดยไม่แตะต้องส่วนหน้า เขาเคยบอกผมว่าเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่ร่วมหลับนอนกับผม แต่กับอดีตแฟนเขายังต้องใช้มือช่วยเพื่อให้ถึงฝากฝั่ง ผมเลียที่ท่อนเนื้ออ่อนตัวของเขา ดูดกลืนน้ำขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนตามอวัยวะ เขาร้องบอกให้ผมใส่ท่อนเนื้อกลับเข้ามา สั่งให้ชำเราบั้นท้ายและหลั่งในช่องทางลับของเขา

ผมสวมบทบาทหื่นกาม เรียกเขาว่าเมีย เขาไม่ห้ามปรามอีก ผมสุขสมอยู่ในร่างกายของเขา หลั่งน้ำกามทุกหยาดหยดอยู่ภายใน ปล่อยให้ช่องทางด้านหลังของเขาบีบรัดด้วยความรู้สึกดี

“ปราย... รักผมแค่คนเดียวนะ”

“อืม ผมรักแค่อาทิตย์คนเดียว”

ในตอนนั้นผมนึกถึงคุณ ใบหน้าของคุณเมื่อหลายชั่วโมงก่อนฉายชัดในความทรงจำ ผมรู้สึกผิดบาปแต่ขณะเดียวกันผมถวิลหาคุณ มีเพียงคุณเท่านั้นที่ปรากฏตัวอยู่ในใจของผม

เขาหลับไปแล้ว แต่ผมยังคงลังเลอยู่กับการโทรหาคุณในตอนประมาณตีหนึ่งกว่า หน้าจอสว่างก่อนดับลงตามเวลาที่ตั้งค่าไว้ ผมทำให้หน้าจอสว่างอีกครั้งตัดสินใจโทรหาคุณ เพียงเพราะแค่อยากได้ยินเสียงคุณ

นานจนเกือบจะตัดใจแต่แล้วคุณก็รับสายจากผม เราต่างเงียบงันใส่กันก่อนคุณจะเป็นฝ่ายเอ่ยปาก

“อาทิตย์”

“ผมจะโทรมาบอกตะวันว่าผมถึงห้องแล้ว”

“ผมไม่น่าพูดเรื่องนั้นกับอาทิตย์เลย” คุณพูดเปลี่ยนเรื่อง น้ำเสียงของคุณดูหมองเศร้า แต่กระนั้นคุณไม่แม้แต่จะสนใจเรื่องของผม ไม่สนใจว่าผมจะพูดอะไรกับคุณ

ผมตอบรับ หลังจากนั้นเราต่างเงียบกันไปอีกครั้ง

“ผมไม่อยากให้อาทิตย์มีปัญหากับปรายนะ รอดูไปอีกสักพักก่อนแล้วกัน”

ผมขมวดคิ้ว สิ่งที่คุณพูดกับสิ่งที่ผมเห็นในโทรศัพท์มือถือของเขามันแตกต่างกัน

“พรุ่งนี้เจอกันในคลาสนะ” คุณเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไม่มั่นคง ผมตอบรับก่อนวางสาย

กลางคืนนี้ช่างเงียบสงัด ไม่มีลมพัด ไม่มีแม้แต่ดวงดารา ทั้งที่ผมชอบคุณ แต่ผมกลับรู้สึกว่างเปล่าหลังจากได้ฟังเรื่องราวของคุณและเรื่องราวของเขาที่ไม่เชื่อมโยงกัน ผมมองจอโทรศัพท์มือถืออีกครั้งมันดับแสงลงที่ตรงนั้น แต่ใจของผมกลับสว่างไสวด้วยความสงสัย ผมไม่รู้ว่าใครพูดความจริง อาจมีใครสักคนที่กำลังโกหกต่อหน้าผม





************************************



ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ
แต่ตอนนี้เราขอพักเรื่องนี้ไว้สักระยะหนึ่งเพราะตั้งใจไว้ว่าจะเขียนเรื่อง - หนึ่งวันบนดาวพุธ - ให้จบก่อน
แต่ไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนค่ะ 55555 และเรื่องนี้จบแฮปปี้นะคะ
 :mc4:

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
จะหน่วงจะ หืมมม จะหาาาา หรืออะไรดีน้อเรื่องนี้ :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ถึงอาทิตย์จะไม่เคยบอกรักปราย
แต่ไม่อยากให้ปรายโกหกเลย
ปรายอย่ามีคนอื่นนะ พลีส

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เริ่มสังสัยว่าทำไมตะวันถึงอยากรู้เรื่องของอาทิตย์กับปรายจัง มันยังไงๆอยู่น้า
เข้าใจนะที่อาทิตย์จะไม่ไว้ใจปราย เพราะเพื่อนในกลุ่มก็พูด ตะวันก็พูด
อืม แต่ในแชทก็ดูเหมือนฝั่งนั้นจะเข้ามายุ่งเองใช่มะ ไม่ใครก็ใครนี่แหละ กำลังปั่นหัวอาทิตย์อยู่
ฮรุก อาทิตย์รักปรายหรือยังห๊ะ ไม่เคยบอกรักเลย หวงขนาดนี้  :beat:

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
บทที่แปด



สอบปลายภาคโหมกระหน่ำราวกับห่าฝน มันหนาวเหน็บและเจ็บปวดเมื่อช่วงเวลานั้นมาถึง ทั้งนี้เป็นเพราะตัวผมเองที่ไม่ได้เป็นคนฉลาดอะไรมากนัก แต่อย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้นั่นก็คืองานต่างๆที่ได้ส่งไป ผมรู้ตัวว่าผมถนัดลงมือปฏิบัติมากกว่าภาคทฤษฎี แต่นั่นไม่หมายรวมว่าผมจะสามารถมีคะแนนผ่านจนได้คะแนนที่สวยงามหรือเปล่า

ระหว่างผมกับคุณยังคลุมเครือ แต่เป็นการคลุมเครือในเรื่องของเขา กระนั้นเขายังดูปกติและไม่ติดโทรศัพท์มือถือหรือแวบหายตัวไปหารุ่นน้องอีก คุณสนิทกับผมมากขึ้น มันคงเป็นช่วงแห่งการก้าวผ่านการปรับตัวระหว่างเรา ผมหาจุดเชื่อมโยงกับคุณได้ ผมรู้ว่าคุณชอบฟังเพลงเก่าๆเช่นเดียวกัน ผมจึงชวนคุณไปงานแสดงดนตรีสดที่จะเกิดขึ้นในช่วงหลังสอบอย่างพอดิบพอดี

ดวงตาของคุณเป็นประกายเมื่อผมบอกว่ามีบัตรเข้างานแสดงดนตรีสดมาให้ คุณยิ้มจนเห็นรอยย่นบนจมูกขึ้นริ้วเล็กน้อย ริมฝีปากของคุณเผยกว้างเห็นเรียวฟันที่ผ่านการจัดฟัน ผมมองคุณตาค้าง ภาพรอบตัวหมองมัวจากรอยยิ้มอันเจิดจ้าของคุณ คุณขอบคุณผมด้วยคำพูด แต่ผมไม่ต้องการ ผมต้องการเพียงคุณ ร่างกายของคุณบนตัวของผมขณะที่ ‘หนอน’ ของผมสอดใส่อยู่ในตัวของคุณ ผมจึงเรียกมันว่าคำขอบคุณ

“อาทิตย์ใจดีจัง งั้นผมเลี้ยงข้าวอาทิตย์นะ”

“อืม ยังไงก็ได้” ผมตอบรับและยังจดจ้องมองคุณด้วยห้ามใจไม่อยู่

คุณเริ่มรู้ตัวว่าผมมองคุณเกินกว่าความจำเป็น คุณหลบสายตาก่อนหันมาสบมองอีกครั้ง ส่วนผมยังวางสายตาอยู่ที่คุณเหมือนเดิม “อะไร”

“อะไรหละ”

“มองผมทำไม”

“ก็ไม่ทำไม” ผมตอบแต่ไม่ละสายตาไปยังที่อื่น บนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าผมเท้าแขนลงและมองใบหน้าของคุณอย่างเปิดเผย ผมไม่อาจทิ้งช่วงเวลานี้ได้เลย ตั้งแต่ผมสนิทกับคุณมากขึ้นผมแทบห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

คุณคว้าบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแก้เก้อ คุณนิ่งเฉยทั้งที่รู้ว่าผมยังมองอยู่ บางทีในส่วนลึก ที่อาจจะลึกที่สุด คุณอาจเขินอาย เพราะหูของคุณแดงขึ้นมา โดยเฉพาะตรงส่วนปลายของใบหูมันแดงอย่างชัดเจน

ผมเอื้อมมือไปจับใบหูของคุณ หูของคุณอุ่นกว่านิ้วมือของผม นิ้วโป้งสัมผัสบนช่วงใบหูด้านบนลากลงมายังติ่งหูซึ่งไม่เคยผ่านการเจาะมาก่อน ผมบดคลึงมันเบาแผ่วทว่ามือของคุณที่ถือบุหรี่อยู่ชะงักค้าง ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกแปลกประหลาดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ผมจึงถามคุณเพื่อไม่ให้คุณประดักประเดิด

“ไม่เคยเจาะหูเหรอ”

“ไม่เคย” เกิดช่วงจังหวะเงียบไปครู่หนึ่ง คุณเหลือบหันมาทางผมแต่ไม่ได้หันมามากจนรู้สึกว่าคุณรำคาญที่ผมจับหูของคุณ “แล้วอาทิตย์หละ”

“ไม่เคยเหมือนกัน” คำตอบของผมที่พูดออกไปอาจฟังดูไม่มีอะไรมากนัก แต่หากคุณได้ล่วงรู้คำตอบซึ่งซ่องสุมอยู่ภายในใจคุณอาจปัดมือของผมออกและเราอาจไม่คุยกันอีก ผมอยากบอกคุณเหลือเกินว่าผมไม่เคยชอบใครมากเท่าคุณมาก่อน

“อาทิตย์ เรื่องปรายหนะ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้อาทิตย์คิดมากนะ”

“ผมรู้ ตอนนี้ก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันนี่ มีอะไรรึเปล่า”

คุณส่ายหน้าก่อนหันมองมาทางผมเต็มตา ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแล้วก็หันไปทางอื่น เพราะเป็นคุณ เพราะเป็นการกระทำที่สามารถจับความสงสัยจากผมได้ ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อมองใบหน้าคุณ

“มีอะไรรึเปล่า” ผมทวนเพื่อถามหาคำตอบ

คุณดูอึกอัก แต่ท้ายที่สุดคุณก็ยอมเอ่ยปาก “ไม่มีอะไร”

“ตะวัน บอกผมมาเถอะ”

“ไปติวกันต่อเถอะ ไอ้ใหม่น่าจะหาอะไรกินเสร็จแล้ว”

คุณทิ้งเศษซากมวนบุหรี่ลงถังขยะ และเดินกลับไปยังห้องเอนกประสงค์ที่เราใช้ทบทวนบทเรียนก่อนสอบ

ในห้องที่เราใช้ทบทวนเนื้อหาก่อนสอบผมเห็นเขานั่งอยู่กับหงส์ เขาคุยและหัวเราะเสียงดังลั่นออกมา ยิ่งเมื่อเปิดประตูเข้าไปเสียงกลุ่มเพื่อนของผมยิ่งดังสนั่น บนโต๊ะมีขนมแก้วน้ำดื่มและกองชีท กองหนังสือวางเกลื่อนกลาด ผมนั่งลงด้านข้างเขา แต่เขาดูจะไม่ค่อยสนใจผมเพราะติดคุยอยู่กับหงส์ ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่น ในสมองว่างเปล่าไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วคุณกลับส่งข้อความถึงผมผ่านทางแอพพลิเคชั่นยอดนิยม

ผมเงยหน้ามองคุณ แต่คุณแนบเนียนด้วยการก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือเช่นเดิมก่อนจะเดินออกไปนอกห้องในช่วงอึดใจหนึ่ง ผมเก็บโทรศัพท์มือถือรอเวลาก่อนก้าวตามคุณออกไป ไม่มีใครทักท้วง ไม่มีใครสนใจพวกเรา

“ตะวัน ให้ผมออกมามีอะไรหรือเปล่า”

คุณดูลังเลที่จะพูดบางอย่างออกมา คุณสบตาก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือให้ผม บนหน้าจอแสดงภาพการโต้ตอบข้อความ เป็นบทสนทนาระหว่างคุณกับแฟนเก่าของคุณที่ชื่อหมวย ฝ่ายผู้หญิงส่งข้อความมาบอกคุณว่าเธอพบหลักฐานว่าแฟนหนุ่มคนใหม่นอกใจเธอ จากนั้นด้านล่างก็เป็นรูปภาพแคปเจอร์จากหน้าจอโทรศัพท์มือถือส่งมา ผมกดเข้าไปอ่าน กราฟแสดงอารมณ์ของผมราบเรียบในช่วงแรกก่อนมันจะทะยานพุ่งสูงเมื่อพบว่ามันเป็นรูปภาพแสดงการพูดคุยจากคนที่ชื่อต้นส่งไปในเชิงจีบเขา ส่วนเขาก็โต้ตอบกลับในเชิงทีเล่นทีจริง

ผมส่งคืนโทรศัพท์มือถือให้คุณ คุณจ้องมองผมเพื่อรอคอยรับฟังหากแต่ผมพูดไม่ออกสักคำ ผมบื้อใบ้และคิดว่าตัวเองนั้นช่างโง่เสียเหลือเกิน ในหัวประมวลผลอะไรไม่ออกได้แต่คิดวนเวียนเพียงแค่ว่าเขานอกใจผม


ผมกักเก็บทุกความรู้สึกและตั้งสมาธิกับการทำข้อสอบ เขาบอกผมว่าเขาจะไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน ผมตอบรับเพราะตัวผมเองก็มีนัดกับคุณ เป็นว่าในค่ำคืนนี้เราต่างมีหนทางของตัวเอง

หลังสอบวันนั้นคุณอยู่ในชุดเสื้อยืดแสนธรรมดา แต่ความน่ารักของคุณกลับวิเศษวิโสเหลือเกิน น่าแปลกที่เมื่อผมได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณ ผมมักลืมเรื่องราวหนักหน่วงในชีวิตไปหมดสิ้น คุณที่ยิ้มกว้างขวางเผื่อแผ่มาให้จนหัวใจเต้นแรง คุณที่หัวเราะกับมุกตลกเสียดสีนักร้องวงหนึ่ง เสียงหัวเราะสว่างไสวของคุณจับต้องหัวใจของผมอยู่หมัด ผมหมกมุ่นกับคุณอีกครั้งเหมือนอย่างที่ผ่านมา คุณกำลังแซงหน้าจนเขาที่เคยอยู่ในวงโคจรของผมห่างออกไปเรื่อยๆ

งานแสดงดนตรีสดทำให้คุณตื่นเต้น คุณยิ้มไม่หยุดในขณะที่เราคุยกันถึงฝีไม้ลายมือของนักร้องในยุคเก้าศูนย์ ดวงตาของคุณเปล่งประกายเมื่อผมเอ่ยชักชวนให้ไปดูการแสดงสดในครั้งหน้าด้วยกัน คุณไม่ปฏิเสธและมีรอยยิ้มกว้าง

ผมกับคุณตกลงกันว่าเราจะกินอาหารที่ร้านหนึ่ง แต่เนื่องด้วยงานแสดงสดจบช้าเราจึงไปไม่ทันก่อนครัวปิด ผมเสนอไปกินอาหารอีกร้าน คุณผิดหวังเพราะอยากกินเมนูเด็ดของร้านนี้มาก ช่วงเวลาใบหน้าของคุณง้ำงอนิดหน่อยเพราะไม่ได้ดั่งใจทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา แต่คุณกลับชะงักและมองหน้าผมด้วยความประหลาดใจ

“ผมเพิ่งเคยเห็นอาทิตย์ยิ้มแบบนี้นะ”

“ปกติผมไม่ยิ้มเหรอ”

“ปกติอาทิตย์เป็นพวกหน้าตายอะ” คุณกล่าวและมีท่าทีเขินอายอยู่ในที ซึ่งตรงนี้ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณจึงดูขัดเขินในการพูดถึงรอยยิ้มของผม “พอยิ้มแบบนี้แล้วดูใจดี”

“แล้วปกติผมใจร้ายเหรอ”

“เปล่า ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”

“หมายถึงยังไง”

“ผมแค่อยากให้อาทิตย์ยิ้มมากขึ้น”

ผมยิ้มก่อนจะเห็นคุณยิ้มตามบ้าง “ตะวันก็ยิ้มบ่อยๆบ้างสิ”

“ทำไมอะ”

“ผมชอบเวลาตะวันยิ้ม…” ผมกล่าวแล้วใช้หลังมือลูบไล้แก้มของคุณ ผิวสัมผัสของคุณละมุนละม่อมต่อใจของผมเสียจนหวั่นไหวไปหมด “เวลาตะวันยิ้ม ตรงนี้จะมีรอยนิดหน่อย”

“ตีนกาผมเหรอ”

คุณหัวเราะกลบเกลื่อนแต่ผมทำเพียงแค่ยิ้ม

ในตอนที่รถติดสัญญาณไฟแดง ผมขยับเข้าหาคุณและจูบตรงรอยยับบริเวณหางตา ผมรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เป็นคุณต่างหากที่ปล่อยให้ผมมีโอกาสได้หยอกล้อกับคุณ เป็นคุณต่างหากที่ย่นระยะห่างของเรา และเป็นคุณที่ทำให้ความเป็นเพื่อนของเราแตกต่างออกไป

คุณมองผมไม่วางตา ขณะที่ผมเองก็ท้าทายด้วยอยากรู้ว่าคุณจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ คุณอาจรังเกียจหรืออาจไม่รังเกียจ คุณอาจเข้าหน้ากับผมไม่ติดอีกเพราะคุณคงเริ่มรู้ตัวว่าผมคิดอย่างไรกับคุณ แต่ผมนึกไม่ออกว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ยังต้องรักษาความเป็นเพื่อนของเราไว้ เพราะตั้งแต่แรกผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นเพื่อนอยู่แล้ว คุณคือตะวัน และเป็นตะวันอันสว่างจ้าในใจผมมาโดยตลอด

คุณไม่ทำอะไรเลย เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนคุณทำเพียงแค่ขับรถออกไปและเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกตลอดทาง คุณมาส่งผมที่คอนโด คอนโดซึ่งผมอยู่ร่วมกับเขาฉันท์คนรัก ถึงตอนที่ผมกำลังเปิดประตู คุณจับมือผมไว้และจูบเข้ามาที่ริมฝีปากของผม

เราเริ่มต้นด้วยความทึมทื่อเพราะผมตกใจ แต่เพียงตั้งสติได้ผมจับใบหน้าคุณไว้และมอบจูบอันลึกซึ้งให้ คุณทำให้ความอดกลั้นจบสิ้นลง คุณรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าภายในใจของผมปรารถนาเพียงคุณมาโดยตลอด ผมไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคุณจึงจูบผม แต่ผมรู้ตัวผมดี รู้ว่าเมื่อถูกคุณผู้ซึ่งเป็นดั่งตะวันมอบความสนใจให้ผมก็พร้อมหลอมละลายไปกับแสงสีสว่างของคุณ

แต่เพียงครู่หนึ่งคุณกลับเบือนหน้าออก ริมฝีปากของคุณเผยออ้า จูบของผมคงทำให้คุณเผลอกลั้นลมหายใจ คุณมองหน้าผม เราสบตากันภายในรถยนต์ของคุณ

“ผมขอโทษ”

“……....”

“ผมไม่น่าจูบอาทิตย์เลย”

ผมเงียบรอฟังในสิ่งที่คุณต้องการจะพูดอีกแต่คุณกลับเงียบลงไป ในโอกาสนั้นผมถือใช้มันด้วยการจับใบหน้าของคุณอีก ลูบไล้แก้มของคุณด้วยปลายนิ้วก่อนจบลงบนริมฝีปากที่เราเพิ่งจูบกัน จากนั้นจึงขยับหน้าเข้าไปใกล้ ริมฝีปากของเราสัมผัสกันอีกครั้ง แผ่วเบาในครั้งแรกแล้วดูดดื่มในเวลาถัดมา คุณอ่อนด้อยประสบการณ์ส่วนผมชื่นชอบในส่วนนั้นของคุณ

คุณเบือนหน้าออกเมื่อผมรุกไล่ลึกซึ้งขึ้น แก้มของคุณอยู่ในระดับพอดีตรงริมฝีปากผมจึงถือโอกาสนั้นจูบแก้มคุณ

“อยากขึ้นข้างบนมั้ย” ผมเอ่ยถามและเฝ้ารอคำตอบจากคุณ “ปรายคงยังไม่กลับห้อง”

“แล้วถ้าปรายกลับมาแล้วหละ”

“ก็กลับมาสิ”

“……....”

“ว่าไง”

“อาทิตย์แน่ใจเหรอ”

ดวงตาของคุณดูลังเล คุณทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้กับความน่ารักของคุณ

“ตะวันนั่นแหละแน่ใจเหรอ”



คุณอาจชอบผู้หญิง คุณอาจชอบผู้ชาย คุณอาจชอบทั้งสองเพศ ผมไม่สามารถล่วงรู้ความคิดของคุณได้เลย คุณสำรวจห้องหับที่ผมอาศัยอยู่กับเขา เดินไปยังห้องครัวขนาดเล็ก ก่อนละสายตาแล้วเดินมาที่ห้องนั่งเล่น คุณส่งยิ้มให้ผม ยิ้มที่แสนน่ารักจับใจ ผมหลงใหลคุณแต่ขณะเดียวกันผมก็ยังนึกถึงเขา

เขาบอกกับผมเพียงแค่ว่าจะไปเที่ยวกลางคืนกับกลุ่มเพื่อน มันเป็นสามัญสำหรับนักศึกษาวัยคะนองที่ต้องการเที่ยวหลังสอบ ผมคิดว่าเขาจะกลับมาที่ห้องในช่วงเช้า หรืออาจจะค้างที่บ้านของเพื่อนคนใดคนหนึ่ง ผมไม่เห็นสมควรว่าต้องเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา และผมไม่ฉุกคิดสิ่งใด

คุณนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเล่นขณะที่ผมขอแวบไปเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ ทุกอย่างราบเรียบไปพักหนึ่งก่อนคุณจะเดินเข้ามาสมทบที่ระเบียงห้อง ไหล่ของคุณเบียดกับแขนของผม คุณตัวเตี้ยกว่าผม ไม่ได้ดูผอมแห้งแต่ก็ไม่ได้ตัวหนาเท่าผม

ทีท่าของคุณน่าเอ็นดูในตอนเบียดตัวเข้ามา ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไรแต่ผมเพิกเฉย ประวิงเวลา เพื่อให้คุณดิ้นเร่าต่อสิ่งที่คุณคาดหวัง สุดท้ายแล้วคุณทนไม่ไหวเข้าจริงๆ คุณรั้งแขนผมไว้เพื่อเรียกความสนใจก่อนเราจะจูบกันอีกครั้งที่ระเบียงซึ่งมีลมกลางคืนพัดผ่าน

ผมลูบแขนของคุณอย่างย่ามใจ พิจารณาท่าทีว่าคุณยินยอมพร้อมใจขนาดไหน คุณอยู่ในอ้อมแขนของผมแล้ว ผิวกายของคุณอบอุ่นขณะผมสัมผัสด้วยมือ ผมพาคุณกลับเข้ามาในห้อง ปิดประตูระเบียง สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ที่โซฟาตัวนี้ผมเคยร่วมสัมพันธ์กับเขาหลากหลายครั้ง ทำเลอะมาก็หลายหน คราวนี้อาจเป็นคุณกับผมที่ทำให้โซฟาสีเข้มเปรอะเปื้อน

“ตะวันชอบผู้ชายเหรอ”

“ผมไม่รู้”

“อ้อ แค่อยากลองว่างั้น”

คุณไม่ได้พยักหน้าตอบรับเพราะมัวแต่ตกตะลึงเมื่อถูกผมจับเข้าที่กลางเป้ากางเกง

“อยากลองแบบไหน อยากเอาผมหรืออยากให้ผมเอาตะวัน” ผมยกยิ้มหลังจากถาม แม้ว่าจะเป็นประโยคคำถามแต่ผมมีคำตอบอยู่ในใจ ผมไม่ปรารถนาเป็นฝ่ายรับเพราะผมเฝ้าฝันถึงการสอดใส่ ‘หนอน’ อยู่ในตัวของคุณ

คุณเลิ่กลั่กตอบไม่ถูก และผมรู้ว่าคุณยังไร้เดียงสาในเรื่องนี้ ผมไม่ปล่อยให้คุณเคว้งคว้างอยู่นาน ผมปลดกระดุมกางเกงของคุณ ล้วงมือเข้าไป และจับขยำปลุกเร้า ผมจะไม่ใช้ปากให้คุณแต่ผมจะสอดใส่เข้าไปในส่วนลึก ทำให้คุณร้องโอดครวญ และแม้ว่าคุณจะร้องเพราะเจ็บที่ถูกสอดใส่เข้าไปเป็นครั้งแรก ผมก็จะไม่รั้งรออีกต่อไป

ผมเป็นผู้นำคุณ ส่วนคุณเป็นผู้ตามผม สายตาของคุณใคร่สงสัยว่าผมจะกระทำสิ่งใด หนอนน้อยของคุณถูกกระตุ้นจนแข็งตัว เรียวขาของคุณอ้าออกกว้างเพื่อให้ผมได้แหย่นิ้วเข้าไป ผมนั่งคุกเข่าตรงหน้าโซฟาขณะที่คุณนอนอ้าขาให้ผมได้มองทุกสัดส่วน

“ไม่เคยมีอะไรกับแฟนจริงเหรอ”

“อาทิตย์ถามทำไม”

“ตอบมาเถอะน่า”

“ไม่เคย”

“แล้วถุงยางในห้องหละ”

“ซื้อไว้เผื่อจะใช้”

“แล้ว?”

คุณเงียบปากลงหากแต่คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อผมแหย่นิ้วที่สองเข้าไปในช่องทางด้านหลัง

ผมยิ้มแล้วตามด้วยนิ้วที่สามโดยไม่รีรอ หากกล่าวว่าคุณไม่ชอบผู้ชายคงเป็นเรื่องโป้ปด เพราะผลที่แสดงออกมาตรงนี้คือคำตอบชัดเจนว่าคุณรู้สึกกับผู้ชายในเชิงลึกซึ้ง แท่งเนื้อของคุณยังแข็งชันและรูที่ผมแหย่นิ้วอยู่นี้ก็ยังตอบรับเป็นอย่างดี

“ทำไมไม่ได้ใช้ถุงยางกับแฟนหละ”

“ผมไม่มีอารมณ์”

คุณทำให้ผมประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประหลาดใจจนหยุดชะงักนิ้วที่ขยับ

“ผมลองแล้ว ผมไม่มีอารมณ์กับผู้หญิงเลย”

ด้วยความสัตย์จริงคุณทำให้ผมรู้สึกเกินกว่าอัศจรรย์ใจ


ผมมองคุณสูบบุหรี่จากในห้องนั่งเล่น ท่อนบนของคุณคลุมด้วยเสื้อยืดของคุณ ส่วนท่อนล่างคุณเปลือยเปล่าเห็นแก้มก้น คุณปิดประตูบานกระจกหลังจากเดินกลับเข้ามา เรียวขาของคุณผลุบโผล่ขณะก้าวเดิน คุณเป็นคนผิวขาวเหลือง ไม่ได้ขาวผุดผ่องหากแต่ผิวของคุณให้สัมผัสนุ่มนวล ผมรู้ ผมลูบผิวกายของคุณทุกซอกทุกมุมมาแล้ว

คุณนั่งลงบนตักของผม กลิ่นบุหรี่คละเคล้าบนริมฝีปากเมื่อจูบเข้ามา คืนนี้โลกทัศน์ของคุณเปิดกว้าง และ ‘โลก’ ข้างล่างของคุณก็เป็นผมเองที่เปิดมันอย่าง ‘ลึกซึ้ง’ คุณชอบจูบ ชอบที่จะใช้ริมฝีปากซึ่งแห้งผากนิดหน่อยตามประสาผู้ชายจูบลงมาบนริมฝีปากของผม

‘โลก’ ที่ด้านล่างของคุณถูกผมชอนไชนิ้วเข้าไป คุณเป็นประเภทมีความสุขกับการเป็นฝ่ายรับ คุณเรียนรู้ที่จะอดทนต่อความเจ็บเพื่อไขว่คว้าความสุขที่ปลายทาง ในตอนผมสอดใส่เข้าไปในตัวคุณ และถามคุณว่าเจ็บหรือเปล่า ผมไม่หมายรวมว่าหากเมื่อคุณเจ็บผมจะหยุด คุณตีความไปอีกแบบ คุณบอกต่อผมว่าผมเป็นคนใจดี ผมได้แต่ยกยิ้มมุมปากและดันกายเข้าไปจนสุดความยาว

คุณไม่ได้รับบาดแผลที่ช่องทางด้านหลังเลยแม้น้อยนิด คุณเพียงแค่เจ็บและแน่นหนึบยามเมื่อถูกหนอนของผมแหย่เข้าไป เสียงของคุณครางเครือในลำคอก่อนครวญออกมาเมื่อพบเจอความสุขจาก ‘ภายใน’ ดวงตาใสซื่อของคุณค้นเจออารมณ์แบบใหม่ กระนั้นคุณกลับรับมือได้เป็นอย่างดี

ผมไม่ได้พูดเกินจริงหากกล่าวว่าผมทำให้คุณหลั่งรินน้ำอสุจิออกมาจากการสอดใส่ที่ด้านหลัง ผมไม่ตกใจต่อสิ่งนั้นแต่เป็นคุณที่มองตาผมและถามว่าตัวของคุณเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ครั้งแรกของคุณ ครั้งแรกของผมกับคุณ ครั้งแรกของเราในห้องของผมกับเขา และเขาเป็นคนรักของผม






************************************





 :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2018 17:47:34 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 :a5:
อาทิตย์เห็นปรายเป็นอะไร  :z6:

 :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อ่านแล้วไม่ชอบทั้งอาทิตย์ทั้งตะวันเลย แต่คือชอบน้องปรายลูกแม่ ถึงน้องจะมีใครใหม่เราก็โอเค เพราะสิ่งที่อาทิตย์ทำมันก็ไม่ได้ให้ใจน้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เรียกว่าถ้ามีโอกาสกับตะวันคือมันจะเลยเถิดแบบนี้ตลอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ปวดหัวเลยค่ะ​ ทั้งอาทิตย์และตะวัน​ ฮือๆ​  :sad4:

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
อาทิตย์ เองอิหยังวะ
แทงกั๊กแบบนี้ไม่โอเคลเลย

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
โอ๊ยเรื่องนี้ สนุกมากๆๆๆ ไม่อยากด่าใครเพราะเข้าใจทุกคน ตอนหน้าเค้าจะเข้าด้ายเข้าเข็มกันใช่มัย ถามแค่นี้ 5555555555



รอนะคะ


Edit

มาเพิ่มบทนิดนึงแต่กริ๊วใจมากๆ
น้องหนอนหนังสืออาทิตย์ลอกคราบเป็นน้องเอาแต่ใช้หนอนแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2018 02:16:12 โดย Cyclopbee »

ออฟไลน์ gibgift

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมไปๆมาๆอาทิตย์ถึงดูนิสัยไม่ดีเลยเนี่ย สงสารน้องปราย โอ๋ๆๆคนดียอมเค้าหมดแล้วเค้ายังแอบมีคนอื่นอีก
สรุปคือ อาติย์หึงหวงปรายกลัวมีคนอื่น แต่ตัวเองก็ทำเอง อาทิตย์ซาดิสม์อ่ะเอาจริง ทำน้องปรายร้องไห้ ทำรุนแรง ยิ่งเห็นปรายเจ็บยิ่งทำ อุ๊ยย ฟิน เอ๊ะ๕๕๕ คือแบบถ้าเป็นปรายจะรู้สึกยังไงวะถ้าได้ยินจากปากของอาทิตย์ว่าไม่ได้คิดอะไรกับปราย เวลาทำกับปรายแอบคิดถึงคนอื่น  ไม่เคยพูดว่ารัก ปรายต้องรู้แก่ใจแหละว่าอทิตย์ไม่ได้รู้สึกอะไร หลอกล่อให้อยู่ด้วยงี้ ทำไมน้องปรายถึงแบบนางเอกที่แท้ทรู อาทิตย์คนเล๊ววววววว

ตะวันนี่เนียนมากเลยนะ ปั่นหัวเปล่าเนี่ย อาทิตย์ควรสืบค่ะว่าใครกันแน่ที่โกหก เลิกกั๊กด้วย นิสัยไม่ดีเลย

คนแต่งบอกจบแฮปปี้ นี่ยังหาความแฮปปี้ไม่เจอเลยอะค่ะฮืออออออ 

รอติดตามและเป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ู^ เป็นสิ่งที่ผมคิดเหมือนกัน ผมรู้สึกเหมือนตะวันจะปั่นหัวอาทิตย์ยังไงไม่รู้ ผมว่าตะวันเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมในตัวเหมือนกันนะครับ คือไม่มีทางที่คนมีแฟนมาเยอะขนาดนี้ จะจับไม่ได้ว่าอาทิตย์มีความรู้สึกยังไงกับเขา แถมอาทิตย์นี่ดูจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าแอบหลงตะวันหัวปักหัวปำ แถมอาทิตย์นี่คงงานดีด้วย ผมเลยรู้สึกว่าตะวันพยายามกั๊กอาทิตย์อะ เลยเป็นสาเหตุให้ตะวันเขม่นๆปราย

แต่มันก็แปลกหน่อยครับ ตอนแรก ผมคิดว่าตะวันแต่งเรื่องขึ้นมาเองเกี่ยวกับปราย ว่าปรายมีท่าทีเล่นทีจริงกับคนอื่น เพราะพออาทิตย์ไปเช็คโทรศัพท์ มันไม่มีเรื่องแบบนั้น แต่พอตะวันเอาแชทไลน์มาให้อาทิตย์ดู อันนี้มันเมคได้เหรอ? ถึงจะจริงว่ามีแอพที่ทำแชทไลน์ปลอมได้แบบจอยลดา แต่ว่าเรื่องรูปโปรไฟล์เอย ช่วงเวลาเอย แฟนเก่าคุณจะลงทุนขนาดนั้นเลยเหรอครับ แถมตะวันเองก็บอกเองว่าไม่มีอารมณ์กับผู้หญิง ทำไมแฟนเก่าคุณถึงจะร่วมมือด้วยเพื่อปั่นหัวอาทิตย์ล่ะ?

ถ้าเกิดว่าปรายมีท่าทีเล่นทีจริงกับคนอื่นจริง อาจจะเพราะอาทิตย์ไม่เคยสนใจปรายเลย แต่ปรายเสียสละเพื่ออาทิตย์เยอะนะครับ เอาจริงๆผมว่าอาทิตย์ออกซาดิสม์นิดๆด้วยซ้ำบนเตียง อาจจะเป็นการเก็บกดจากการแสดงออกแบบเงียบๆภายนอก แต่ปรายก็ยังยอมและไม่คิดมาก ผมเลยคิดว่าปรายมีความรักให้อาทิตย์แหละ แต่เนื่องจากอาทิตย์ไม่เคยให้ความชัดเจน ผมว่าปรายเองก็รู้สึกว่าอาทิตย์ไม่เคยเห็นปรายอย่างที่ปรายเป็นจริงๆ อาทิตย์หมกมุ่นกับตะวันตั้งแต่ช่วงแรกๆที่คบกับปราย แม้หลังๆจะดีขึ้นก็จริง (จากบทบรรยาย) แต่ด้วยการกระทำครั้งนี้ มันคงสุดๆจริงๆแหละ ถ้าผมเป็นปราย ผมคงเลิกอะ แล้วเอาจริงๆ ผมว่าตะวันรับได้เหรอกับเซ็กซ์ซาดิสม์หรือตัวตนจริงๆของอาทิตย์ ในบทนี้ มันบังเอิญว่าอาทิตย์ยังหลงคุณอยู่ เลยพยายามนุ่มนวลเอาใจ ปิดสิ่งที่ตัวเองเป็นจริงๆไว้

ส่วนตัวผมว่าผมชอบปรายนะ บางทีการทีเล่นทีจริงนี่อาจจะไม่เหมาะ ถึงจะทำงานด้วยกันก็เถอะ แต่ก็ควรจะเว้นระยะกันและให้ความเคารพกันในเรื่องงาน การยอมทีเล่นทีจริง บางทีมันไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ด้วยซ้ำ มันจะเสียความสัมพันธ์เปล่าๆถ้าเกิดอีกฝ่ายมารู้ทีหลังว่าเป็นเพราะมารยาทในการทำงานร่วมกัน

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
บทที่เก้า



เขานั่งลงที่โซฟาตัวเดิมในห้องนั่งเล่น เขามึนเมาแต่ไม่ได้ขาดสติ

ก่อนหน้านี้ผมส่งคุณกลับไปแล้วหลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจเปิดโลกถึงสองครั้ง ในเวลาถัดมาประมาณตีสามเขากลับมาถึงห้องโดยมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายมาส่ง เขากอดผมแน่นและออดอ้อนขอให้อุ้ม ผมไม่ขัดข้องเพราะ ‘อุ้ม’ เขามาหลายครั้งแล้ว

เขาแนบแก้มเข้ามาที่ไหล่ของผม ผมรู้ว่าเขาซุกจมูกลงเพื่อดอมดมผิวกาย เขาช่างขี้อ้อน น่ารักน่าใคร่ ผมเช็ดตัวให้เขาโดยไม่ลืมทักทายน้องน้อยเพื่อหยอกล้อให้เขาหัวเราะ ร่างของเขาเปลือยเปล่าใบหน้ามีรอยยิ้มจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเขายิ้มเพราะอะไร

“ผมรักอาทิตย์”

ผมคิดว่าคำบอกรักของเขาไม่เคยมีผลใดต่ออารมณ์ แต่มาวันนี้ผมรู้สึกบางอย่าง “ทำไมวันนี้ปรายอ้อนจังครับ” ผมถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพลางใส่เสื้อผ้าให้เขา

“ผมแค่อยากบอกว่าผมรู้สึกยังไง”

เขายิ้ม ท่าทางยังเมาอยู่นิดหน่อย แต่อย่างที่กล่าวไว้เขาไม่ได้ขาดสติ แต่อยู่ในช่วงเมาแล้วพูดความจริง

“วันนี้ผมเจอพี่อ๊อฟด้วย ผมเข้าไปคุยกับเขาแต่โดนเมินเฉยเลย เขาคงยังโกรธที่ผมนอกใจ”

ผมไม่ได้ตอบรับอะไรนอกจากรับฟัง

“ผมเคยนอกใจพี่อ๊อฟ แต่ผมรักอาทิตย์จริงๆนะ”

“เมามากแล้วปราย นอนเถอะ”

“อาทิตย์ไม่เชื่อผมเหรอ ผมพูดจริงๆนะ”

“เชื่อครับ แต่นี่ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องไปทำโปรเจคจบไม่ใช่เหรอ”

ในความมืดนั้น ผมยังคงมองเห็นแววตาใสซื่อของเขา เขาผู้ซึ่งหลงรักผมด้วยความบริสุทธิ์ใจ

“ผมรักอาทิตย์”

ผมตอบรับคำบอกนั้นด้วยการจูบบนหน้าผาก เมื่อผละออกมาเขาหลับตาลงและนอนหลับไปแล้ว คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่คำบอกรักของเขาส่งผลต่อความรู้สึก ผมแน่ชัดว่าตัวเองกำลังรู้สึกผิด



รุ่งเช้าผมปลุกเขาให้ตื่นเพราะเขามีนัดทำโปรเจคจบกับกลุ่มเพื่อน ผมตั้งใจที่จะไปส่งแล้วกลับมาที่ห้องแต่เขากลับทำหน้าตาผิดหวังที่ได้ยินเช่นนั้น ผมกอดเขา จูบเขา และหอมดอมดม สุดท้ายแล้วผมมานั่งรอเขาทำงานที่มหาวิทยาลัย เขาอยู่ในชุดลำลองเช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่น เขาเพียงแต่เข้ามาใช้อุปกรณ์บางอย่างเท่านั้น และบอกว่าสองถึงสามชั่วโมงน่าจะแล้วเสร็จ ผมไม่ใส่นักเพราะหากตกลงปลงใจว่าจะมารอก็สามารถรอได้หลายชั่วโมง ผมเตรียมแบตเตอร์รี่สำรองและนั่งดูหนังไปเรื่อยเปื่อย

ในช่วงกลางวันเขาเดินเข้ามาเรียกให้ผมไปกินข้าว เรากินอาหารกล่องอย่างง่ายๆจากร้านสะดวกซื้อเพราะโรงอาหารปิด เพื่อนของเขาส่งเสียงพูดคุยกันถึงงานที่ทำ ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเรียนคนละแขนง เขาไม่ปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างเรา หากแต่ไม่ได้แสดงออกมากนัก เป็นผมที่แสดงออกว่าเขาคือคนของผม

ทั้งนี้ผมไม่ชอบใจนักเวลาเห็นคนที่ชื่อต้นวนเวียนอยู่บริเวณนี้ ผมคลางแคลงใจเรื่องของเขากับคนที่ชื่นต้น แต่ผมไม่รู้ว่าควรเริ่มจากจุดไหน โดยปกติผมมักแสดงออกถึงโทสะ กำราบให้เขาต้องเสียน้ำตา แต่ครั้งนี้ผมสงบนิ่ง หาใช่เพราะไม่รู้สึกต่อสิ่งใดแต่เป็นเพราะผมยังรู้สึกผิดที่นอกกายเขา ผมเหมารวมว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผมคงเป็นเพียงแค่ความอยากรู้อยากลอง แต่ผมเริ่มไม่แน่ใจนักหลังจากเห็นคุณส่งข้อความมาหาในเชิงเปิดโอกาสให้ผมได้เจอคุณอีกครั้ง

ข้อความของคุณไม่วิเศษเลอเลิศแต่มันเป็นประโยคปลายเปิด เปิดโอกาส เปิดให้ผมได้ทบทวนคิดอีกครั้ง คุณบอกว่าอยากดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง และเจาะจงให้ผมไปเป็นเพื่อน หากเป็นก่อนหน้านี้ผมคงจะไม่ลังเลในการตอบรับ แต่ครั้งนี้ผมฉุกคิดและยังไม่นึกอยากตอบข้อความ

เขาเอาน้ำมาให้ผม น้ำขวดธรรมดาแต่เย็นสดชื่น ผมจับมือเขา ดึงให้เขาขยับเข้ามานั่งเบียดเสียดกัน เพื่อนของเขาโห่ร้องหยอกเอิน แต่ไม่มีอะไรเลยเถิด ผมเกี่ยวขาข้างหนึ่งกับขาของเขาขณะมองดูเขานั่งกินอาหารต่อ แม้ว่าผมจะไม่ได้รักเขาแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาถูกใจผมมากเหลือเกิน

เขาไม่อายหากเราแสดงออกถึงความสัมพันธ์ เขานั่งตัวเบียดกับผมตรงชุดโต๊ะม้าหินอ่อน กินข้าวในกล่องพร้อมกัน และพูดคุยถึงข้อสอบที่ผ่านมา ผมฟังเขาพูดถึงกลไกอะไรบางอย่าง ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจแต่อยากฟังเขาพูดไปเรื่อย ริมฝีปากของเขาขยับไปมา บางทีแก้มก็ตุ่ยออกเพราะเคี้ยวอาหาร ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของผมสั่นขึ้นจากการเตือนว่ามีข้อความส่งเข้ามา เขาหยุดปากในเรื่องที่กำลังเล่า ผมรู้ว่าเขาสนใจหากว่าผมคุยกับใคร แต่กระนั้นเขากลับไม่เคยขอดูโทรศัพท์มือถือ ไม่เคยขอตรวจสอบสิ่งใดจากตัวผมเลย

“อยากรู้เหรอว่าใคร”

“เปล่า”

“เหรอ...” ผมเอ่ยเสียงราบเรียบ ทว่ายื่นใบหน้าเข้าไปเพื่อจ้องมอง เขายังคงปากแข็งไม่ยอมรับผมจึงวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่เดิม “ไม่อยากรู้เหรอว่าใครส่งข้อความมา”

เขาส่ายหน้าผมจึงไม่เซ้าซี้ถามอีกและกินข้าวตรงหน้าอย่างเงียบเชียบ

“แล้วบอกได้เหรอ”

ผมยิ้มเมื่อเขาเอ่ยถามหลังจากเงียบกันไปพักหนึ่ง

“บอกได้สิครับ” ผมตอบแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดให้เขาดู ทว่าเขาไม่รับมันอีกทั้งยังพูดในสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกผิด

“ผมเชื่อใจอาทิตย์”

เขามองตาผมและอมยิ้มอยู่ในที ผมกล่าวเสมอว่าเขารักผม แต่น่าผิดหวังที่ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถสนองตอบต่อความรู้สึกเชิงลึกซึ้งได้


ผมกับเขากลับมาถึงห้องของเราในตอนบ่ายกว่า โปรเจคจบของเขาเสร็จสิ้นแล้วเหลือเพียงส่งให้อาจารย์เท่านั้น เรามีสัมพันธ์อันเผ็ดร้อนแต่เนิบช้าบนเตียง เขาบอกรักผมอีกแล้ว บอกรักในตอนอารมณ์หวานฉ่ำหลังจากเซ็กส์จบลง

เขานอนทาบทับอยู่บนหน้าอกของผม ขาข้างหนึ่งเกี่ยวทับเข้ามา ส่วนอ่อนไหวที่หดตัวเบียดอยู่ตรงหน้าขา ผมจูบเขาที่กลุ่มผม อ้อยอิ่งอยู่บนเตียง เขาทำให้ผมอิ่มเต็มในแง่ของการเป็นฝ่ายรับ รับทั้งความรัก การดูแล และเรื่องบนเตียง

และแม้ว่าเขาจะดีแสนดี แต่เสี้ยวส่วนหนึ่งผมก็ยังนึกถึงคุณ คุณส่งข้อความหาผมอีกครั้ง และครั้งนี้ผมเลือกที่จะตอบ คุณทวงถามว่าผมต้องการไปดูภาพยนตร์ด้วยหรือเปล่า ผมตอบรับเพราะอย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกหากเพื่อนไปดูภาพยนตร์ด้วยกัน คุณส่งข้อความมาอีก ถามไถ่และชวนคุย ผมเริ่มติดแชทกับคุณ ระหว่างที่เขานอนซานซบอยู่บนตัวของผม


ผมเฝ้าฝันถึงช่วงเวลานี้มานานแค่ไหนกัน ช่วงเวลาที่ได้เปี่ยมสุขกับการออกมาเดินเล่นในที่สาธารณะพร้อมกับคุณ

คุณอยู่ในชุดลำลองเรียบง่าย เสื้อยืดคอกลมสีสว่าง มีลวดลายยี่ห้อบนแผ่นอก ผมมองที่ตรงนั้นเห็นยอดอกของคุณเบาบางผิวเผิน หากในใจครุ่นคิดถึงการเลิกชายเสื้อของคุณขึ้นเพื่อขบกัดยอดอกที่นูนเด่น คุณรู้ตัวว่าถูกมอง คุณจึงเอื้อมมือมาปิดตาผม

มือของคุณนุ่มนวลในตอนสัมผัส ผมจับมือของคุณออกและถือโอกาสนั้นกอบกุมจับมือของคุณ แต่แล้วคุณกลับดึงมือออกพร้อมกับบอกว่าไม่อยากให้คนอื่นมอง ผมไม่ขัดข้องและไม่คิดมากต่อคำพูดนั้น

กว่าภาพยนตร์จะฉายจบลงก็เป็นเวลามืดค่ำห้างปิดพอดี ผมรอคุณเข้าห้องน้ำอยู่ที่ด้านนอก หยิบโทรศัพท์มือถือส่งข้อความหาเขา ไม่นานนักเขาคงขี้เกียจพิมพ์จึงโทรมาหาผม เราคุยกันว่าผมจะกลับบ้านในวันนี้ ส่วนเขาก็จะกลับบ้านเช่นกัน ห้องพักที่เราอยู่ด้วยกันจึงว่างในช่วงปิดเทอม ผมฟังคำบอกคิดถึงและตอบกลับเช่นกันว่าคิดถึงเขา

“คิดถึงเหมือนกันครับ พรุ่งนี้นัดมาเจอกันไหม ผมคงอยู่บ้านทั้งวันแหละ”

“ผมจะโทรมาบอกอาทิตย์ว่าผมต้องไปต่างจังหวัดกับที่บ้านห้าวันแหนะ”

“อ้าว ทำไมอะ ไปทำอะไร”

“ทริปครอบครัวหนะ กะทันหันหน่อยเพิ่งรู้วันนี้เอง”

“งั้นพอปรายกลับมากรุงเทพ เรามาเจอกันนะ” ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเพราะเขาชอบที่จะได้ฟังน้ำเสียงนี้

“แล้วอาทิตย์ดูหนังจบแล้วเหรอครับ”

“จบแล้วครับ เดี๋ยวตะวันไปส่งผมที่บ้าน”

จากนั้นเขาบอกร่ำลาด้วยว่าต้องรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ผมบอกคิดถึงเขาอีกครั้งขณะถูกคุณดึงแขนให้เดินออกไปจากบริเวณนั้น

ผมมีสัมพันธ์กับคุณในบ้านของคุณ ผมขบกัดยอดอกของคุณหากแต่คุณร้องเจ็บ ผมจึงเปลี่ยนมาโลมเลียก่อนจะถึงเวลาสอดใส่เข้าไปในตัวของคุณ ความรู้สึกของคุณคงพึงใจเมื่อได้พบเจอว่าตัวตนของคุณเป็นอย่างไร คุณคงรู้สึกเป็นอย่างมากและอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล

คุณบอกให้ผมสอดใส่เข้ามาโดยไม่ป้องกันหากผมไม่รู้สึกอยากทำตาม คุณอาจมีผมเป็นคนแรกแต่ผมไม่ต้องการเสี่ยงโรคทางเพศสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่ ผมแกล้งบอกคุณว่าน้ำเชื้อของผมอาจทำให้คุณตั้งครรภ์ คุณหัวเราะด้วยรู้ว่านี่คือประโยคลามกหยอกล้อ แต่คุณจะยังหัวเราะอีกไหมหากผมบอกว่าผมปรารถนาให้ ‘หนอน’ ของผมเปลือยเปล่าอยู่ภายในตัวของเขาเพียงคนเดียว ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ขับเคลื่อนให้ผมคิดเช่นนั้น แต่ผมก็คิดไปแล้ว ผมคิดถึงเขา

ผมกับคุณสนุกด้วยกันทั้งคืน พลังวัยหนุ่มทำให้เราร่วมสัมพันธ์หลากหลายครั้ง คุณสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงเช่นเคย อยู่ในอ้อมกอดของผม แผ่นหลังของคุณแนบเข้ามาที่แผ่นอก เกินกว่าที่เฝ้าฝัน เหนือกว่าจินตนาการ ผมไม่คาคคิดว่าจะได้คุณมากกกอดเช่นนี้ คุณเล่าให้ฟังถึงเรื่องแฟนสาวที่คบหา ผมไม่เคยอยากรับฟังเรื่องเหล่านั้นแต่เมื่อคุยเอ่ยปากเล่าผมจึงเงียบและรับฟัง

คุณบอกว่าแฟนสาวทุกคนที่คบด้วยคิดว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ คุณไม่เคยล่วงเกินพวกเธอไปมากกว่าการจุมพิตที่ริมฝีปาก หากแต่พวกเธอไม่เคยรู้ว่าคุณซ่อนเร้นตัวตนแท้จริงไว้ สุดท้ายความลับไม่มีในโลก หมวยอดีตแฟนสาวที่คุณจริงจังด้วยมากที่สุดพบความจริงเข้า เธอสงสัยมาพักใหญ่และลงเอยด้วยการเค้นความจริง ของๆคุณไม่แข็งตัวในตอนที่เธอช่วยเล้าโลม คุณกระดากอายขณะเผยความจริง แต่เพราะความผูกพันระหว่างคุณกับเธอ คุณจึงกลายเป็นเพื่อนของเธอในท้ายที่สุด

ผมพบว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนจิตใจกว้างขวางเช่นแฟนเก่าของคุณ อาจเพราะคุณดีกับเธอเสมอมา คุณบอกว่าคุณรักเธอจากใจจริงแต่เมื่อเป็นเรื่องสัมพันธ์เชิงลึกซึ้งคุณจึงตระหนักรู้ว่าตัวตนของคุณไม่เป็นไปตามสภาพสังคมซึ่งตีกรอบมาให้ แฟนสาวคนเก่าของคุณแนะนำให้คุณลองคบกับผู้หญิงคนอื่น คุณได้ลองและพบเจอความล้มเหลว

เรื่องราวของคุณไม่เชิงว่าซับซ้อน ไม่เชิงว่าน่าประหลาดใจจนรับความจริงนี้ไม่ได้ เพียงแต่ผมกำลังคิดว่านี่คือเรื่องราวในชีวิตของคุณ จะมีใครอื่นอีกบ้างหรือเปล่าที่ได้รับรู้เรื่องนี้ ผมคิดขณะที่คุณหันกลับมาเพื่อจูบผมและบอกว่าคุณมีอารมณ์วาบหวิวอีกครั้ง


รุ่งเช้าในแบบเด็กยุคดิจิทัลเขาวิดิโอคอลมาหาผม เวลาประมาณสิบโมงกว่าเขาถึงจุดหมายแล้ว เขาอยู่ที่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ แสดงภาพทิวทัศน์บริเวณโดยรอบให้ผมได้เห็นก่อนใบหน้าของเขาจะเข้ามาแทนที่

ริมฝีปากของเขาเคลื่อนเข้ามาเป็นเชิงส่งจูบ และกระซิบบอกว่าคิดถึงผม ผมยิ้มกว้างในเช้าวันนั้นก่อนจะบอกคิดถึงกลับไปบ้าง ผมบอกเขาไปตามจริงว่าค้างคืนอยู่ที่บ้านของคุณ เขารับทราบและไม่ถามเซ้าซี้ เราคุยกันอีกพักหนึ่งก่อนวางสาย คุณเดินกลับเข้ามาในห้องแล้ว พร้อมกลิ่นบุหรี่เช่นเคย

คุณยื่นโทรศัพท์มือถือให้ผมดู เช้าวันนั้นด้วยความสัตย์จริงผมดีใจที่ได้คุยกับเขา ดีใจที่เขาบอกคิดถึง แต่แล้วความดีใจของผมกลับกลายเป็นเพียงการดีใจเพียงลำพัง บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เห็นนี้ ผมเห็นภาพทิวทัศน์สถานที่เดียวกันกับที่เขาแสดงให้เห็นในการวิดิโอคอล ทว่ามันปรากฏบน Instagram ของคนที่ชื่อต้น

“นี่ไอจีของใคร” ผมถามคุณ

“ของต้น”

ผมหวังว่าคุณจะเอ่ยรูปแบบของประโยคปฏิเสธ แต่ความหวังของผมดับสิ้นลงต่อความจริงที่ปรากฏเด่นชัด

ช่วงบ่ายผมแยกทางกับคุณ ตรงกลับมาที่บ้านของผม พ่อกับแม่รอกินอาหารมื้อเย็น เราร่วมกินอาหารด้วยกัน ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบเหมือนเช่นเคย จากนั้นผมก็แยกตัวขึ้นห้องนอน เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อดูซีรีส์ฝรั่ง ดูไปดูมาพักหนึ่งสมาธิที่มีก็หลุดลอย ผมโทรหาเขา นานพอสมควรกว่าเขาจะรับสาย เสียงของเขาดูตื่นเต้นนิดหน่อย รอบข้างมีเสียงผู้คนมากมาย เขาบอกว่าอยู่ที่ถนนคนเดินกำลังกินไข่ปลาหมึกทอดอยู่

“จริงๆมันไม่ใช่ไข่ปลาหมึกนะรู้ป้ะ”

“แล้วเป็นอะไรหละ”

“มันคืออัณฑะปลาหมึก”

“ปราย อัณฑะกับไข่มันก็อันเดียวกันไม่ใช่เหรอ”

เขาหัวเราะลั่นก่อนจะโห่ร้องที่ไม่สามารถแกล้งผมได้ “ผมนึกว่าจะแกล้งอาทิตย์ได้ซะอีก แบบพอได้ยินว่าผมกินอัณฑะปลาหมึกอาทิตย์ก็จะร้องอี๋”

“สนุกจริงนะได้ไปเที่ยวเนี่ย” ผมบอกก่อนจะคุยเรื่องไข่ปลาหมึกทอดว่ามันมีส่วนประกอบอะไรบ้างอีกพักหนึ่ง ผมทำให้เขาหัวเราะ ได้ยินเสียงงึมงำจากการเคี้ยวอาหารบ้างเป็นบางที เขาบอกผมว่าจะนัดเจอหลังจากกลับถึงกรุงเทพ ผมตอบรับก่อนจะนึกถึงสาเหตุที่ทำให้โทรหาเขา

“เปิดกล้องหน่อย”

เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะทำตามที่บอก บรรยากาศรอบข้างคือถนนคนเดิน มีร้านของกินและของใช้อยู่รอบด้าน

“พ่อกับแม่หละ”

“แยกไปเดินกันสองคน” เขาตอบ ก่อนจะเหลือบมองไปที่ไหนสักแห่งซึ่งอยู่ตรงหน้า

“แล้วปอยหละ” ผมถามถึงพี่สาวของเขา

“ไปกับพ่อแม่”

“นี่อยู่คนเดียวเหรอ”

“มาเดินคนเดียว” เขาดูสนอกสนใจกับบรรยากาศรอบข้าง อีกทั้งจากรูปการณ์ยังรู้สึกถึงความประหลาด “อาทิตย์ วางสายก่อนนะ เดี๋ยวผมต้องขึ้นรถแดงแล้ว”

ผมปล่อยให้เป็นไปตามนั้น บางอย่างที่เรียกว่าลางสังหรณ์คอยสะกิดอยู่ตรงไหนสักแห่ง ผมบอกไม่ได้เช่นกันว่ามีอะไรผิดแผกไปจากสิ่งที่เห็น


ตอนช่วงกลางดึกผมได้รับข้อความจากคุณ จากนั้นผมจึงโทรหาคุณด้วยความรู้สึกหนักหน่วงซึ่งเกิดขึ้นในใจ ผมเรียกไม่ถูกว่ามันคือความรู้สึกอะไร รู้เพียงแค่หน้าของผมร้อนวูบวาบ ใจเต้นสั่น มือเย็นเฉียบ ใน Instagram ของคนที่ชื่อต้นลงรูปบรรยากาศที่ถนนคนเดิน ราวกับประกาศก้องว่ามาด้วยกันกับเขา

“อาทิตย์โอเคหรือเปล่า พอดีผมเห็นรูปนี้หนะก็เลยคิดว่าอาทิตย์น่าจะได้รู้”

“ผมไม่เป็นไร”

“อาทิตย์พูดกับผมได้ทุกเรื่องนะ”

“ขอบคุณนะ ตะวัน”

ในบทสนทนานั้นคุณกับผมต่างเงียบไปพักหนึ่ง ผมอื้ออึงพูดอะไรไม่ออก ผมเฝ้าแต่ครุ่นคิดว่าสิ่งที่ได้ยินและสิ่งที่ได้เห็น สิ่งใดคือความจริง

“ตะวัน ผมไปหาตะวันได้ไหม”

“ได้สิ... อาทิตย์มาหาผมได้ตลอดเวลานะ”

คุณตอบรับในทันทีที่ผมถาม ผมตื้นตันใจต่อความเป็นคนดีเลิศของคุณเสียเหลือเกิน

สุดท้ายแล้วผมมายืนอยู่ที่บ้านของคุณ ผมไม่พูดเกินจริงหากบอกว่าคุณเป็นเหมือนเทวดาประจำตัวผม ท่าทีของคุณรู้สึกผิดที่บอกกล่าวเรื่องนี้ แต่ผมเข้าใจว่าคุณคงไม่ต้องเห็นผมเป็นคนโง่เง่า คุณทำให้ผมกระจ่างแจ้งในสิ่งรอบตัว ในห้องนอนของคุณ คุณปลอบประโลมผมด้วยอ้อมกอดอันอบอุ่น มือของคุณสัมผัสเข้ามาบนมือของผมเพียงเพื่อมอบความมั่นใจให้ว่าคุณจะไม่หนีหายไปไหน และยังอยู่เป็นเพื่อนในยามที่ผมทุกข์ใจ

ผมไม่เคยบอกกล่าวต่อคุณว่ารู้สึกเช่นไร แต่ดูเหมือนคุณสามารถคาดเดาความรู้สึกของผมได้ทั้งหมดทั้งมวล ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายต่อคุณว่าผมไม่สบายใจแค่ไหน คุณพูดในแบบของคุณเพื่อให้ผมสบายใจ แม้ว่าสุดท้ายแล้วผมยังคงรู้สึกหนักหน่วงใจเช่นเดิม

ในตอนที่ผมเริ่มง่วงงุน อยู่ในสภาวะเคลิ้มใกล้หลับ ผมรู้สึกได้ถึงริมฝีปากของคุณที่จูบเข้ามาบนขมับ คุณช่างอ่อนโยน ดูแลผมราวกับเป็นเด็กน้อย ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณแน่ชัดขึ้นไปอีก ผมชอบคุณมากเหลือเกิน และทั้งที่ผมตระหนักรู้ว่าชอบคุณ แต่ขณะเดียวกันผมก็หยุดคิดถึงเรื่องของเขาไม่ได้ ความคิดนี้เป็นเหมือนกัน เป็นเช่นเดียวกันกับเวลาที่ผมอยู่กับเขา



************************************



คนอย่างอาทิตย์นี่มันช่าง...


ออฟไลน์ jazumine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อือหือ ตะวันเหมือนเสี้ยมให้ผัวเมียทะเลาะกันเลย มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ๆ

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อาทิตย์กับตะวัน (นาม)
หมายถึงคนรักกัน

เราจะพายต่อไป รบกวนโมขออีโมแจวเรือด้วยค่ะ 5555

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ยังไงก็เชื่อในความรักของปรายที่มีให้อาทิตย์
เดาว่านังต้นตามไปวอแวน้องปรายลูกแม่เอง
แต่เรื่องเอฟนี่จะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรไหม

รู้สึกว่าความรู้สึกผิดของอาทิตย์ช่างบางเบา
เปิดโลกกันเหมือนไม่กลัวว่าปรายจะกลับมาเลยซักนิด

ไม่เชียร์ให้อาทิตย์เก็บเธอไว้ทั้งสองคนนะ เลือกสักคน เอาให้มันชัดเจน  :m16:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2018 11:24:50 โดย tasteurr »

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
อาทิตย์โว้ยยยยยยยยย ชั้นปวดหัวกะเธอ เธอจะจับปลาสองมือไม่ด้าย :z6:
อาทิตย์บอกว่าไม่ได้รักปราย แต่ก็ไม่พอใจถ้ามีใครมาเจ๊าะแจ๊ะปราย หรือปรายคุยกะคนอื่น
เธอมันหวงก้างจังล่ะ แล้วตะวันก็ทำไมกลายเป็นคนแบบนี้อ่ะ  ตะวันบอกไม่โอเคตอนบอกว่าปรายเป็นกิ๊กกับแฟนหมวย
โหหห แต่ตัวเองก็มานอนกับแฟนคนอื่นอีกที งงในงง ตะวันปั่นหัวอาทิตย์ป่ะ

นี่ว่าน้องปรายรักอาทิตย์จริงๆแหละ แต่เรื่องต้นนี่เดาไม่ออกจริงๆ แล้วเราก็ว่าอาทิตย์แค่ชอบตะวัน
แต่กับปรายนี่น่าจะผูกพันจนเป็นรัก(รึป่าว?)​แต่อาจจะไม่รู้ หรือจริงๆอาทิตย์ไม่ได้รักใครเลย แต่เป็นคนเห็นแก่ตัว
อาทิตย์หยุดนิสัยแบบเนนนนนนนนนนนนนนนนนนน้  :beat:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2018 12:48:13 โดย yasperjer »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด