ตอนที่ 12
@ Tin Part
พวกผมสี่คนกำลังนั่งคุยกันที่ห้องนั่นเล่นอย่างถึงพริกถึงขิง สายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นไอ้เคนอยู่ในห้องณิช ความสงสัยแล่นขึ้นสมองขึ้นมาทันทีว่ามันมาทำอะไรที่นี่
รู้จักกัน?
“มองอะไรวะติณณ์” ไอ้ภัทรถามขึ้น
“ป่าวๆ ไม่มีอะไร” ผมละสายตาจากทั้งคู่แล้วหันมาพูดกับพวกมันต่อ
“เออไอ้ติณณ์ มึงไปได้พ่อบ้านคนนั้นมาได้ไงวะ” จู่ๆ ไอ้แดนก็ถามขึ้น
“นั่นดิ” ไอ้ภัทรเสริม
“กูก็ไม่รู้ กลับมาจากดูงานก็เห็นมันยืนสลอนอยู่ในห้องกูละ” ผมกรอกตาตอบแบบเซ็งๆ “สงสัยเป็นฝีมือป้านวล”
“แล้วมึงมาเสือกอะไรเรื่องของบ้านกูเนี่ย”
“เอ้า!” ไอ้แดนพูดด้วยเสียงหงุดหงิด “กูถามแค่นี้ก็ด่ากู”
“มึงไม่รู้หรือไงไอ้ติณณ์ อย่างณิชเนี่ยสเปคไอ้แดนเลยนะครับ หึหึ” ไอ้ภัทรแซวขำๆ “ตัวเล็กๆ ขาวๆ แบบเนี้ยแหละไอ้แดนชอบ”
ผมตวัดสายตามองไอ้แดนทันทีที่ไอ้ภัทรพูดจบ
ไม่ต้องบอกกูก็รู้ครับว่าไอ้แดนคิดอะไร แค่มองตามันครั้งแรกในห้องครัวกูก็ตรัสรู้แล้ว
ก็แม่งเล่นมองไอ้ณิชไม่วางตาขนาดนั้น!!
“กูไม่รู้” ผมตอบเสียงเข้ม
“ถ้ามึงไม่เอา” ไอ้แดนพูดแล้วหยุดมองผมครู่หนึ่ง “กูขอ”
“โหๆๆๆๆ”
“ว้าววววว”
ไอ้ภัทรกับไอ้นนท์ร้องขึ้นพร้อมกัน
“นี่พวกมึงเล่นขอกันงี้เลยเหรอ” ไอ้นนท์พูดพร้อมกับเอามือทาบอกท่าทางตอแหล
“เอ้า กูอยากได้ ก็ต้องขอสิ ก็ณิชเป็นเด็กของติณณ์มันหนิ” แดนพูดพร้อมกับมองหน้าด้วย “หรือไม่ใช่”
“อยากได้ก็เอาไป” ผมตอบพร้อมกับยกชาขึ้นมาจิบ “กูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน”
มึงนี่มันเสน่ห์แรงจริงๆ นะณิช!
“หึ ให้จริงอย่างที่พูด”
ผมมองไอ้ภัทรเพราะได้ยินที่มันพูด ถึงแม้มันจะเบามากแต่ผมก็สามารถฟังมันออกเพราะประสาทหูผมค่อนข้างดี
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหันไปมองห้องณิช เพราะจุดที่พวกผมนั่งกันอยู่มันตรงข้ามกับที่พักของมันพอดีทำให้ผมสามารถมองมันได้ตลอดเวลา
ภาพที่ผมเห็นทำเอาคิ้วกระตุกไปหนึ่งที
ได้เคนกำลังกอดณิชจากทางด้านหลัง
หึ ร่านจริงๆ โดนผู้ชายกอดแทนที่จะสะบัดออก
“ติณณ์ ติณณ์”
“ไอ้ติณณ์!!”
เสียงไอ้ภัทรแทรกเข้ามาในประสาทหูแต่ผมไม่สนใจเพราะมัวแต่มองว่าณิชมันจะจัดการยังไงกับไอ้เคน
แต่ไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรไปได้มากกว่านี้ ไอ้เคนมันผลักณิชลงแล้วมันก็เริ่มใช้จมูกและปากลากไล้ไปยังส่วนต่างๆ
เพราะอะไรไม่รู้เมื่อเห็นภาพนั้นแล้วมันทำให้ผมสติขาดผึ่ง
ผมลุกขึ้นและมุ่งเดินไปที่ห้องมันอย่างเร็ว
“ไอ้ติณณ์ เห้ย!! มึงจะไปไหน!!!”
ผมก้าวขายาวๆ ของตัวเองไปถึงหน้าห้องมันอย่างเร็ว แต่ณิชมันล็อคกลอนไว้
หึ ของแค่นี้อย่าคิดว่าจะห้ามผมได้!
ปัง!
ผมจัดการถีบประตูให้เปิดออกแล้วรีบไปดึงได้เคนออกก่อนที่มันจะคาบปราการสีขาวด่านสุดท้ายออก
ตุบ ผัวะ!
ผมดึงคอเสื้อมันแล้วเหวี่ยงไปกับผนังจากนั้นก็ตามประกบมันและชกไปหนึ่งที
มันมองหน้าผมพร้อมกับเช็ดเลือดที่ผมปากออกก่อนจะแสยะยิ้ม
ผมกำลังจะเข้าไปซ้ำมันอีกครั้งเพราะรำคาญกับรอยยิ้มที่กวนส้นตีนของมัน
“หยุดนะ!!!”
ร่างบางของณิชวิ่งเข้ามาขวางผมกับไอ้เคนไว้ พร้อมกับสายตาสงสัย
“มึงปกป้องมัน” ทั้งๆ ที่มันจะข่มขืนมังเนี่ยนะ
ผมถามมันขึ้นแต่ประโยคหลังนั้นพูดในใจ
“ใช่ จะทำไม!!”
หึ เดี๋ยวนี้กล้า
“ถ้ากูไม่ดึงมันออกมึงเสร็จมันไปแล้ว”
“ถ้าผมเสร็จเคน แล้วจะทำไมเหรอครับ” มันเอียงคอถามใบหน้ากวนส้น “พวกผมจะทำอะไรกันแล้วมันเกี่ยวอะไร
กับคุณ?”
คำพูดของมันทำคิ้วผมกระตุกเป็นรอบที่สอง
“กูไม่ชอบให้ใครมา ‘เอากัน’ ในเขตพื้นที่บ้านของกู”
ผมเน้นย้ำคำว่าเอากันใส่หน้ามันไป ดูเหมือนมันจะอึ้งไปสักพักก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ
“ก็จริงนะครับ ห้องนี้ก็เป็นของคุณ”
“ถ้าไปเอากันที่อื่นก็ไม่ผิดสินะครับ ☺”
แม่งเอ๊ย!!! กล้าดียังไงมาเถียงวะ
“ในฐานะที่กูเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้” ผมประกาศกร้าวเสียงดัง “ขอสั่งให้มึงอยู่ในนี้ห้ามออกไปไหน ส่วนมึงออกจากบ้านกูซะ ก่อนที่กูจะทำอะไรมึงมากกว่านี้”
ณิชหันไปคุยกับไอ้เคนแป๊ปหนึ่งก่อนมันจะพยักหน้าเข้าใจและเดินไปทางประตู
“เดี๋ยวเคนมาหาอีกนะ”
ผมแทบจะพุ่งไปใส่มันอีกรอบเมื่อมันพูดจบ
ตอนนี้ทั้งห้องเหลือแค่ณิชกับผมสองคน
“รู้สึกว่าตั้งแต่เสียซิงให้กูดูมึงจะ ‘ร่าน’ ขึ้นหรือเปล่า”
จู่ๆ ผมก็เผลอพูดประโยคที่คิดในหัวออกไป
ไม่น่าปากไปเร็วกว่าสมองเลยกู!!
“ผมว่าคุณเข้าใจอะไรผิดไปนะครับ”
“...?” หมายความว่าไง
“ใครบอกเหรอครับว่าคุณคือคนแรกของผม?” ณิชมันพูดพร้อมกับขำน้อยๆ “อุปทานไปเองหรือเปล่า?”
“...”
“คนแรกของผมน่ะคือคนที่พึ่งไล่ออกจากบ้านไปเมื่อกี้ไงครับ”
ประโยคที่ณิชมันพูดออกมาถึงกับทำผมสตั้นไปหลายวินาที
“...”
คนแรก?
หึ!
คนแรกของมึง แต่ทำไมตอนกูเอาเลือดมึงถึงออกล่ะเหมือนคนไม่เคยโดนล่ะ
หืม?
ผมได้แต่ตอบมันในใจไม่ได้พูดออกมาเพราะผมจะดูปฏิกิริยาว่าเรื่องที่มันจะพูดต่อไปเป็นยังไง
“...”
ผ่านไปสองนาทีณิชมันก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำจนทำให้ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิด
“ร่านจริงๆ” ผมพูดกระตุกอารมณ์มันอีกนิด
“พึ่งรู้เหรอครับ ☺”
คำที่มันตอบโต้ผมมาเกินความคาดหมายของผม
“ทำตามที่กูสั่งด้วยล่ะ หึ”
ผมรู้สึกโมโหกับท่าทางอวดดีของมันจริงๆ เลยตัดบทระหว่างเราไปเพราะผมรู้ตัวดีว่าอีกสักพักอารมณ์ผมได้ระเบิดออกมาแน่ๆ
พูดเสร็จผมก็เดินออกมาจากห้องทันที
“เห้ย!! ได้ติณณ์มีไรวะ”
“กุญแจรถอยู่ไหน” ผมไม่สนใจเสียงได้นนท์ที่ถามผม “กุญแจรถกูอยู่ไหน!!??”
“นี่ค่ะๆ”
ป้านวลยื่นกุญแจให้ผมท่าทางสั่นๆ เพราะตลอดเวลาที่แกมาทำงานที่นี่ป้าแกก็เห็นผมโกรธเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง แถมแต่ละครั้งที่ผมโกรธก็เหมือนมีคนมาทิ้งระเบิดปรมาณูในบ้าน
บรืน
เมื่อได้กุญแจปุ๊บผมก็เดินไปขึ้นรถแล้วเหยียบสุดคันเร่งออกมาทันที
“เห้ย พวกมึง ยืนตาแตกทำเหี้ยอะไร ตามมันไปสิครับ!!”
“เออๆ ไปๆ”
ผมได้ยินเสียงได้ภัทรแว่วเข้ามาในหู แต่ผมก็ไม่สนใจมัน ขับรถมุ่งหน้าไปที่ที่ผมสามารถระบายอารมณ์ได้
10:45 PM
Nexus Club
ผมกำลังนั่งนั่งซุกหน้าอกผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร รู้แค่ว่าตอนนี้ผมอยากระบายมาก
กูว่าแล้วแม่งต้องอยู่ที่นี่!” เสียงไอ้นนท์ดังขึ้นผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองมัน
มาทำเหี้ยไรวะ
“ก็มันมีอยู่แค่ที่เดียวมั้ยวะ จะไม่มาก็ยังไงอยู่ เสียค่าสมาชิกเป็นแสนขนาดนั้น”
“มึงนี่ก็เลิกแซะเจนเขาสักทีได้ไหมวะ” ได้ภัทรว่าไอ้นนท์
“มึงก็เลิกบ่นสักทีได้ไหมวะ” ส่วนไอ้นนท์ก็ว่าเพื่อนรักกลับ
“พวกมึงหุบปากกันทั้งคู่นั่นแหละ”
“พ่อมึงสั่งแล้วหุบปากดิวะ” ได้แดนแหวขึ้น
“มึงก็เหมือนกัน” ผมพูดก่อนจะตวัดสายตามองพวกมันทีละคนๆ “มาทำเหี้ยไรเยอะแยะ”
“อ้าว พวกกูก็เห็นมึงบึ่งรถมาซะขนาดนั้นก็นึกว่ามีอะไร ที่แท้แม่งก็แค่เสี้ยน”
“เออกูเสี้ยนแล้วมันหนักหัวมึงหรือไงวะได้นนท์”
“ไม่คร้าบบบ”
พูดเสร็จมันก็อัญเชิญตัวเองนั่งลงโซฟาแบบหน้าด้านๆ
ก้นพวกมันทั้งสามยังนั่งไม่ทันจะถึงหนึ่งนาทีก็มีสาวๆ อกตู้มเข้ามาเซาะแซะกันคนละคน
หึ บริการเขาดีจริงๆ
“มึงชอบผู้ชายตัวขาวๆ เล็กไม่ใช่เหรอได้แดน” จู่ๆ ผมก็มีอารมณ์พูดแซะมันขึ้นมา
“กูได้หมดว่ะเพื่อน หึหึ”
“หึ”
พวกเราสี่คนนั่งกินกันจนถึงตีสองก่อนจะแยกย้ายกันกลับถิ่นฐานของใครของมัน ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมเกิดอารมณ์มาคอนโดหรูที่ตัวเองซื้อทิ้งไว้
หึหึ ผมมีความคิดดีๆ ซะแล้วสิ
อยากจะรู้จริงๆ ว่าตัวเล็กๆ อย่างไอ้ณิชมันจะอวดดีไปถึงไหน
ผมกดโทรศัพท์หาป้านวลทันทีที่ความคิดเลวๆ แล่นเข้าหัวสมอง
ก๊อก ก๊อก
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นตามที่คาดไว้
เหยื่อมาแล้ว!!
ผมเดินไปเปิดประตูออกเผยให้เห็นร่างเล็กของไอ้ณิชในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวไม่ติดกระดุมสองเม็ดบนกับกางเกงขาสั้น
แม่งเอ๊ย!! เห็นแล้วอารมณ์ผมขึ้น คนยิ่งเสี้ยนๆ อยู่
“เข้ามา” ผมพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติ
“เรียกผมมามีอะไร รู้ไหมว่ามันกี่โมงแล้ว” เข้ามาได้ไม่ถึงสามวิเสียงแหลมๆ ของมันก็แหวขึ้นทันที
“รู้” ผมเว้นวรรคหายใจแล้วมองหน้ามัน “แล้วคิดว่ากูเรียกมาเวลานี้ให้มาทำอะไรล่ะ? ☺”
ผมเอียงคอถามพร้อมกับแสยะยิ้มเลียนแบบมัน
“...”
มันทำหน้าอึ้งๆ ที่เห็นผมย่างสุมเข้าไปหามัน มันเดินถอยหลังจนไปชนกับประตู
กึก
“หึ จะหนีไปไหน” ผมแสยะยิ้มร้าย “กูกำลังเงี่ยนเลย ร่านๆ อย่างมึงคงจะช่วยให้กูหายได้นะ”
“อื้อ อะทำอะไร!!! อ่อยนะ!!” (จะทำอะไร ปล่อยนะ)
“ผมจัดการปิดปากเล็กด้วยปากตัวเองก่อนจะดูดดึงริมฝีปากมันอย่างแรงให้มันเปิดออกรับผมเข้าไป
เมื่อณิชมันทนไม่ไหวจึงยอมให้ผมเข้าไปลุกล้ำชิมความหวานจากปากของมันอย่างเอาแต่ใจ
“อื้อ อืมมม”
หึ ทีแรกทำเป็นขัดขืน แต่ตอนนี้จูบตอบกูเชียวนะ
มาดูกันว่าลีลาใครจะเหนือกว่า
ผมงัดลีลาการจูบที่ตัวเองได้ร่ำเรียนมานานหลายปีต่อสู้มันกลับไป
ผมห่อปากให้เล็กลงแล้วดูดดึงลิ้นมันให้เข้ามาในปากอย่างแรง จากนั้นก็กัดเบาๆ มันก็ไม่ยอมให้ผมรุกอยู่ฝ่ายเดียว ดูดลิ้นผมกลับเช่นเดียวกัน
เราสองคนแลกลิ้นกันอย่างเมามัน น้ำใสไหลออกจากปากเราทั้งสองตลอดเวลาที่บดริมฝีปากใส่กันจนเกิดเสียงหยาบโลน
ผมยิ้มในใจก่อนจะกัดริมฝีปากล่างมันแรงๆ หนึ่งทีจนได้กลิ่นเลือด
“เอ็บ!!”(เจ็บ)
ผมละปากไปที่คอมันก่อนจะดูดเม้มทับรอยที่ไอ้เคนทำไว้ตอนบ่ายดังจ๊วบ
มันก็รู้งานแอ่นหน้าขึ้นเผยให้เห็นต้นคอขาวๆ มือทั้งสองของมันก็ดึงทึ้งผมด้วยความเสียว
“อ๊า หื้ออ อย่าทำรอย!!”
ณิชร้องประท้วงขึ้นทีที่ผมเม้มลงไปตรงจุดเดิมอีกครั้ง
แต่ขอโทษครับ กูทำไปแล้ว หึๆ
ผมใช้มือขวาเลื่อนลงไปที่ช่องทางด้านหลังขางมันและหมุนวนเล่นช้าๆ ที่ปากทางเข้าจนตัวมันกระตุก
ส่วนอีกมือก็ถอดเข็มขัดและกางเกงตัวเองออกอย่างรวดเร็ว
เมื่อปลดอาภรส่วนล่างเสร็จผมจึงจับยกร่างบางๆ ของมันขึ้นมาอุ้มแล้วเดินไปที่เตียงอย่างแรง
ตุบ
มันมองท่อนล่างของผมก่อนจะเงยขึ้นมาสบตาและแสยะยิ้มเชิญชวนอย่างที่มันชอบทำ
อวดดี!!
ผมพูดในใจก่อนจะถอดเสื้อตัวเองออกเพราะรู้สึกว่ามันเกะกะจากนั้นก็ขึ้นคร่อมตัวมันไว้และถอดกางเกงมันออกเหลือเพียงแค่กางเกงในสีขาว
ผมจ้องหน้ามันกลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยพายุอารมณ์ สายตาที่มันมองกลับมามีแต่ความหยิ่งยโส สายตาที่ไม่เคยกลัวผมเลยตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ผมรู้สึกว่ามันต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ เพราะไม่ค่อยจะมีคนกล้าสบตาที่คมกริบและมอง
ทะลุทุกอย่างของผม แต่กับณิชมันไม่ใช่
“หยุดทำไมล่ะครับ ทำต่อสิ” มันพูดยั่วก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างของมันลูบที่อกและลากไล้ต่ำลงมาผ่านซิกแพคสวยและใช้นิ้วชี้วนที่สะดื้อท่าทางเย้ายวน
“ ‘เงี่ยน’ ไม่ใช่เหรอ”
เหมือนโดนดูถูก ผมจึงผลักมือมันออกและจัดการเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่เหลืออยู่ออกให้หมด
ผมจับมันหันหลังให้อยู่ในท่าโก้งโค้งก่อนจะเอื้อมไปหยิบถุงยางและเควายที่หัวเตียงมาทา แต่ในระว่างที่ผมกำลังจะสวมถุงมือเล็กๆ ก็เอื้อมมาจับมือผมเป็นเชิงห้าม
“ไม่ต้อง ☺”
หึ นี่สิร่านที่แท้จริง
“ตามคำขอ”
ผมใช้เควายทาที่ช่องทางด้านหลังมันก่อนจะใช้นิ้วกลางสอดแทรกเข้าไปสำรวจถ้ำที่ผมเคยรุกล้ำไปแล้วครั้งหนึ่ง
“เจ็บ!! เบาๆ!!”
ทำเบาๆ ก็ไม่ใช่ผมสิครับ หึหึ
“อื้อ!! บอกให้เบาๆ ไง!!”
ผมเริ่มสอดนิ้วจากหนึ่งเป็นสองและสามตามลำดับก่อนจะค่อยๆ ดึงเข้าและออกให้ช่องทางเริ่มชนซะก่อน
“อึก อ้าซี๊ด” ณิชมันส่ายตูดไปมาเพราะผมคว้านนิ้วทั้งสามหมุนวนไปมาสองสามทีก่อนจะถอดนิ้วออกมาแล้วไล้
วนที่ช่องทางแกล้งมัน
“ไม่ไหวแล้ว ขอร้องล่ะ!!”
“ไม่ไหวอะไรเหรอ หืม?” ผมก้มลงไปถามเสียงเบาที่ข้างหูมัน
“ขะ...เข้ามาสักที” มันพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาเป่าลมร้อนๆ ในคอผม “ไม่ไหวแล้ว”
หึ
ผมจับสะโพกมันยกขึ้นให้ตรงกับระดับเอวก่อนจะเอาตัวตนไปจ่อที่ปากทางเข้าและวนซ้ำไปมาแกล้งมันอีกรอบ
“อื้อ!! ขอร้องล่ะ”
ผมกดตัวตนเข้าไปนิดนึงก่อนจะถอดออกมาและทำซ้ำอย่างนี้อยู่หลายครั้งจนมันทนไม่ไหว
“เข้ามาสักที หื้อ! ขอร้อง!”
สวบ
“อ๊าซี๊ดอ๊าาา”
ผมดันตัวตนเข้าไปทีเดียวจนมิดด้ามมันถึงกับร้องออกมาเพราะขนาดที่ใหญ่เกินไป
ผมรู้สึกถึงความคับแน่นที่มันกำลังบีบรัดตัวตนของผมอยู่ ผมแช่อยู่สักพักก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ อย่าง
อ้อยอิ่ง
“ฮ้า เร็วอีก! อื้ออย่างนั้นแหละ”
ผมทำตามคำขอที่เรียกร้องมาของมัน เริ่มขยับเอวให้เร็วและแรงขึ้นจนมันพอใจ
“ซี๊ด แน่นชิบหาย”
“อ๊ะๆ อ้าซี๊ด แรงๆ”
ผับๆๆ
เสียงเนื้อกระทบกันดังหยาบโลนจนระงงไปทั่วห้องประสานกับเสียงร้องของเราทั้งคู่
“อ้า เสียวจัง อื้อๆ”
“เสียวมั้ยครับ” ผมก้มลงกระซิบถามที่ข้างหูก่อนจะใช้ลิ้นเลียและงับเบาๆ
“เสียว อ๊ะ เสียว อ้าอ๊ะๆๆๆ”
เสียงหวานๆ ของณิชทำให้อารมณ์ผมพุ่งขึ้นอีกระดับ ผมเร่งเอวให้ถี่ขึ้นอีกจนร่างของมันสั่นตามแรงที่ผมกระแทก
“เสียวจัง อ้า สะ..เสียว ฮ้า อึก ไม่ไหวแล้ว!!”
ไม่นานน้ำสีขาวก็พุ่งออกมาจากตัวตันของมันพุ่งเลอะไปผ้าปูที่นอน ช่องทางที่ตอดรัดผมแน่นขึ้นเมื่อฝ่ายรับเสร็จ
ทำให้ผมเกือบจะทนไม่ไหวเสร็จไปก่อน ผมจึงค่อยๆ ขยับเอวให้ช้าลงเพื่อผ่อนระดับความเสียวลงเพื่อที่ผมจะได้สนุกต่อได้อีกนานๆ
ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ร่างบางของณิชปลดปล่อยไปแล้วสามครั้งแต่ผมพึ่งเสร็จไปน้ำแรกเอง
“อ้า เบาๆ จุก ซี๊ด”
“ซี๊ดดดด เสียวเหี้ยๆ” ผมซี๊ดปากเพราะช่องทางที่ตอดรัดแน่นขึ้นเป็นเครื่องหมายแสดงว่าร่างบางเสร็จไปเป็นรอบที่สี่
ผมกระแทกตัวตนแรงๆ ไปอีกสองสามทีก่อนจะกดแช่ไว้และปลดปล่อยน้ำรักพุ่งเข้าไปในช่องทางเป็นครั้งที่สอง
“แฮกๆ แฮกๆ”
“เฮ้อแฮกๆ อึกแฮก”
ผมแช่ตัวตนไว้แล้วพักหายใจก่อนที่มันจะตื่นขึ้นอีกครั้งแล้วก็เริ่มขยับเอวเพื่อสานต่อเกมรักของเรา
“พะ...พอแล้ว เหนื่อย”
“หึ แค่นี้สำหรับกูยังไม่หายเงี่ยนหรอกนะ”
ผับๆๆๆๆ
“มะ...ไม่ อ๊า อึก อ๊าๆๆๆๆ”
ผมขยับเอวให้แรงขึ้นไปอีกก่อนจะช้อนตัวมันขึ้นมาอุ้มแล้วเดินไปที่กระจกบานใหญ่ที่สะท้อนเงาของเราทั้งคู่
“มึงเห็นนี่ไหม ช่องทางมึงกับของกูกำลังเชื่อมต่อกันอยู่”
“ไม่ ไม่ดู” มันหลับตาก่อนจะสายหน้าไปมา “อึกอ้า จุก แรงไปแล้ว!!”
ผมเน้นย้ำหนักๆ ไปสองสามทีที่มันดื้อไม่ลืมตาขึ้นมาดู
“ดูสิ ตูดมึงกำลังกลืนตัวตนของกูอยู่”
“ไม่ๆ!” ปากบอกว่าไม่แต่ตามันจ้องไปยังจุดที่เชื่อมต่อกันอย่างไม่กระพริบ
“อ๊าๆซี๊ด เสียว”
“ครางชื่อกู”
ผมปล่อยมันลงยืนในท่าโก้งโค้งให้มันใช้สองมือค้ำกระจกไว้
“ไม่ ไม่”
ผับ! ผับ!
“อื้อไม่!!”
“ครางชื่อกู”
“ฮื้อติณณ์ ติณณ์” เสียงหวานๆ ของมันที่ผ่านเข้ามาในประสาทหูทำให้อารมณ์ผมพุ่งสูงขึ้นไปอีกหลายระดับ
“มึงเป็นของใคร” ผมกระซิบถามมันเสียงทุ้ม “หื้ม? ของใคร?”
“ของติณณ์ อ้าซี๊ด ติณณ์”
“ใช้ มึงเป็นของกูจำไว้”
“มีแต่กูเท่านั้นที่เอามึงได้”
ผับๆๆๆๆ
ผมกับณิชมีอะไรกันจนถึงเช้าไม่รู้ว่าพวกเราเสร็จกันไปกี่ครั้ง ผมรู้ว่าผมเอามันจนมันสลบคอพับคาอกผม แต่ผมก็ยังคงเอามันต่อไปทั้งๆ ที่มันหลับอยู่นั่นแหละ
ผมกระแทกอีกสองสามทีก่อนจะปลดปล่อยน้ำกามสีขาวขุ่นเข้าไปที่ช่องทางไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ก่อนที่ผมจะก้มลงไปซบกับอกบางขาวที่เต็มไปด้วยรอยดูดและตราประทับมากมาย
ใบหน้าเนียนขาวพร้อมขนตายาวหลับพริ้มไม่รู้สึกอะไร คงจะเหนื่อยมาก คงจะไม่เคยถูกเอาแบบมาราธอนขนาดนี้
หึ อยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าตื่นมาแล้วจะยังอวดดีอยู่อีกหรือเปล่า
ใบหน้าตอนหลับของมันดูแล้วไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย ผิดกับตอนตื่นลิบลับ
ผมล้มตัวลงนอนที่ข้างมันก่อนจะจับมันหันหลังแล้วใช้แขนแกร่งโอบกอดมันไว้
ตัวตนของผมก็ยังไม่ถอนออกปล่อยคาไว้อย่างนั้น
เมื่อร่างกายผ่านศึกหนักมาย่อมอ่อนล้าเป็นธรรมดา ผมรู้สึกเพลียและเริ่มง่วงขึ้นมาจึงค่อยๆ หลับตาลงปล่อยให้สมองและร่างกายได้พักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็น....
@ End Tin Part
--------------------------------------------------------------------------------------------------
มือใหม่หัดเขียน NC งับบบบ
