☼สายลมห่มตะวัน☼ พิเศษ รักตะวัน {๐๕/๐๙/๒๕๖๑} จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะพี่โมฯ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☼สายลมห่มตะวัน☼ พิเศษ รักตะวัน {๐๕/๐๙/๒๕๖๑} จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะพี่โมฯ  (อ่าน 22962 ครั้ง)

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

สายลมห่มตะวัน

บทที่ ๑๗ กลิ่นตะวัน



บนเนินดินไม่ไกลจากกระท่อมของสายลมนัก ลูห์ยืนมองผู้เป็นนายของมันนั่งเฝ้าหลุมศพด้วยแววตาหม่นหมอง สายลมไม่ได้โกรธมันเรื่องที่ปิดบังเรื่องรูสแล้ว แต่มันกลับกังวลไม่คลายเมื่อสายลมเงียบกว่าเคย กลับมาเป็นไอ้หนุ่มผมยาวรุงรังทั้งหนวดเคราไร้การดูแล อารมณ์แปรปรวนจนเจ้ากั้งก็ไม่กล้าเข้าใกล้ในระยะร้อยเมตร

เจ้ากั้งถูกชาวเกาะศิลาใช้ให้มาดูนายน้อยสายลม ทุกคนเป็นห่วงแต่ก็ไม่กล้าเข้ามายุ่มย่าม เจ้ากั้งจึงเป็นหน่วยกล้าตายมาคอยรับใช้นายน้อยของมันแทน แต่มันก็ถูกไล่ตะเพิดทุกทีที่โผล่หน้ามา ถึงกระนั้นเจ้ากั้งก็ยังอึดและถึก แม้ถูกไล่ก็ยังคงมาเพราะมันเป็นห่วงนายน้อยของมันจริง ๆ

ลุงหลงที่กลับมายังเกาะศิลาพร้อมสายลม แกกลับเข้าพักที่บ้านพักของโรงพยาบาล แม้สายลมจะขออนุญาตนายลามุให้ลุงหลงไปอยู่ที่บ้านใหญ่ แต่แกก็ไม่เอา อยากใช้ชีวิตแบบเดิมเสียมากกว่า เวลานี้แกก็ได้แต่เข้าวัดถือศีลภาวนาให้จิตใจสงบลง ทั้งยังอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้รูสไม่ได้ขาด แม้มันจะเป็นการทำเมื่อสายไป แต่อย่างน้อยแกก็หวังว่ามันจะส่งผลดีแก่ตัวรูสไม่มากก็น้อย

“เจ้ากั้ง”

“ว้าก!!”

เจ้ากั้งสะดุ้งสุดตัวทั้งร้องเสียงหลงเมื่อมีมือมาแตะที่ไหล่ เมื่อเห็นว่าเป็นลุงหลงมันก็พรูลมหายใจด้วยความโล่งอก ลูบอกตัวเองพลางบอกขวัญเอ๋ยขวัญมาไม่ขาดปาก

“เป็นอะไรของเอ็ง?” ลุงหลงมองท่าทางแปลกประหลาดของมันแล้วถาม

“ก็ลุงมาไม่ให้สุ้มให้เสียง ข้าก็ตกใจน่ะสิ”

“ตกใจอะไรของเอ็งหนักหนา ทำอะไรผิดมาหรือไงถึงขวัญอ่อนขนาดนี้?” ลุงหลงส่ายหน้า คุยกับมันนี่บอกเลยว่าไร้สาระ

“โธ่ ลุง ข้าถูกนายน้อยเอ็ดตะโรจนอกสั่นขวัญหายหมดละ สติสตังจะไม่เหลือ ขวัญกระเจิงกับนายน้อยอารมณ์นี้จริง ๆ”

ฟังมันบ่นแล้วลุงหลงก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ไอ้เห็นใจก็เห็นอยู่หรอก แต่มันเองไม่ใช่หรือที่เลือกจะมาดูแลนายน้อย

“ลำบากมากเอ็งก็ไม่ต้องมา มันจะไปยากอะไร”

เจ้ากั้งสะดุ้งอีกรอบเมื่อเสียงของคนที่มันกำลังแอบนินทาดังขึ้นด้านหลัง มันเอี้ยวหน้ากลับไปมองแล้วยิ้มแหย แต่นายน้อยของมันกลับไม่มีรอยยิ้มจะให้ นอกจากสายตาดุ ๆ ที่มองมาจนมันเหงื่อตก

“นายน้อย... มาตั้งแต่เมื่อไร ข้าไม่รู้สึกตัวเลย” เดินตามนายน้อยมาพร้อมเอ่ยถามหน้าเจื่อน

“ถ้าเอ็งรู้ ข้าคงไม่ได้ยินว่าเอ็งคิดยังไง”

“โธ่ ข้าแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย นายน้อยก็รู้ว่าข้าไม่มีทางคิดร้ายกับนายน้อย” เจ้ากั้งบ่นอุบอิบ

สายตาคมมองลูกน้องที่ภักดีกับตนไม่เปลี่ยนแล้วก็ถอนใจ “เพราะข้ารู้ว่าเอ็งมันเป็นคนดี ข้าถึงได้บอกว่าถ้าไม่อยากทำ เอ็งไม่จำเป็นต้องฝืนทำ เพราะถึงเอ็งไม่มาดูแลข้า ข้าก็ไม่ได้คิดว่าเอ็งแล้งน้ำใจหรือเป็นคนเลวหรอก เข้าใจไหม?”

เจ้ากั้งนิ่งคิดเมื่อฟังประโยคยาวยืดจากนายน้อยของมัน ก่อนจะส่ายหน้าเพื่อบอกว่าไม่เข้าใจเลยสักนิด

“วะ! ไอ้นี่กวนตีน” สายลมยืดเท้าถีบเจ้ากั้งที่ยืนเซ่อ มันร้องโวยวายก่อนจะหัวเราะออกมา ทำให้เขาส่ายหน้ากับความบ้าบอของมัน

“นายน้อยหิวหรือยัง เดี๋ยวข้าไปหาอะไรมาให้กิน”

“ยังหรอก ข้าไปกินที่บ้านใหญ่ได้ ถ้าเอ็งหิวก็ไปหาอะไรกินไป ไม่ต้องห่วงข้า”

“แน่ใจนะ นายน้อย?” มันเอ่ยถามทั้งมองอย่างไม่ไว้ใจ นี่คิดว่าเขาจะฆ่าตัวตายตามรูสไปหรือไง ไอ้บ้า

“เออสิวะ จะไปไหนก็ไปไป๊ เห็นหน้าเอ็งแล้วข้าหงุดหงิดฉิบหาย”

“ไปก็ได้” มันส่งค้อนให้สายลมจนคนมองอยากเอาค้อนที่มันส่งมาทุบมันสักที ดูมันสะบัดสะบิ้ง สายลมไม่รู้จะด่ามันอย่างไร มีเจ้ากั้งอยู่ด้วยนี่ปวดหัวดีไม่น้อย

หมดเรื่องกับเจ้ากั้ง สายลมจึงหันมาทางลุงหลง แกเดินมานั่งลงข้างเขาบนแคร่ไม้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาจี้ใจดำ

“นายน้อย หักใจเสียบ้างเถอะครับ รูสมันไปสบายแล้ว”

“ผมทำไม่ได้หรอก ลุง...” ตอบกลับไปด้วยความรู้สึกที่ยังคงหนักอึ้งไม่คลาย “ผมรู้ว่าควรที่จะปล่อยวางเพื่อที่เขาจะได้ไม่เป็นกังวลจนไปสู่สุคติไม่ได้ แต่มันยากเหลือเกินที่จะไม่คิดถึงเขา”

ลุงหลงเงียบไปเมื่อเข้าใจความรู้สึกนั้นดี คงต้องใช้เวลากว่าสายลมจะดีขึ้น


......


การกลับมาของสายลมทำให้นายซานินเกิดความระแวง ด้วยเกรงว่าสายลมจะมาทวงอำนาจคืนจากหลานชายของตน หมอปลายฟ้าที่รู้ความคิดของผู้เป็นปู่ก็ออกจะเหนื่อยใจ หากปู่ได้เห็นสภาพของสายลมในตอนนี้คงเปลี่ยนความคิดแน่ คนกำลังเสียใจ จะมีกระจิตกระใจมารบรากับใครเขา

“ใครจะไปรู้ บางทีมันอาจเสียใจเพราะเจ้าหนูนั่นจนสติฟั่นเฟือน ลืมไปว่าเคยพูดอะไรเอาไว้ เกิดมันนึกบ้ามาเอาคืนไม่แย่เรอะ?” นายซานินยังตะแบง เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด

“พ่อ แก่จนปูนนี้แล้วยังไม่ปล่อยวางอีกเหรอ ถ้าสายลมอยากเข้ามาทำหน้าที่เหมือนเช่นแต่ก่อนมันก็เป็นผลดีต่อทุกคนเสียอีก แต่ที่แน่ ๆ คงไม่มีใครอยากให้สายลมทำ เพราะเกรงว่าคราวนี้สายลมจะเหนื่อยกายเหนื่อยใจจนออกจากเกาะไปไม่ย้อนกลับมา” บิดาหมอปลายฟ้าช่วยเตือนสติ

“หยุดเท่านี้เถอะครับ ปู่ ปู่ก็เห็นว่าอำนาจมันไม่ได้ทำให้ใครมีความสุข พี่น้องต้องแตกคอจนมองหน้ากันไม่ติด ทั้งที่เมื่อก่อนปู่กับปู่ลามุเป็นพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียว” หมอปลายฟ้าเองก็ช่วยเสริมอีกแรงจนผู้เป็นปู่เงียบไป คุณหมอหนุ่มจึงเอ่ยต่อ “ผมกับสายลมก็ไม่ได้ต่างกัน เราคือครอบครัวนะครับ หยุดคิดเรื่องที่จะทำให้ใจไม่เป็นสุข แล้วทำใจให้สบายเพื่อรองานมงคลที่ใกล้จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ดีกว่าครับ”

“งานมงคล?” ชายชราทวนคำ

หมอปลายฟ้าระบายยิ้ม คุกเข่าลงตรงหน้านายซานินแล้วช้อนมือเหี่ยวย่นนั้นมาวางบนมือของตน

“ปู่คือคนที่ผมรักและเคารพ ผมอยากให้ปู่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอริด้าให้ ปู่เห็นสมควรว่ายังไงครับ?”

ได้ฟังที่หลานชายพูด นายซานินก็นิ่งไป ก่อนจะเอ่ยตะกุกตะกักเมื่อจับต้นชนปลายได้

“ปลายฟ้า... นี่หลานจะแต่งงานรึ?” ชายชราเอ่ยถามด้วยสีหน้ายินดีที่ฉายชัด

“ครับ ผมหวังว่าปู่จะช่วยอวยพรให้เราสองคนมีชีวิตคู่ที่มีความสุขและยืนยาว”

“แน่นอน แน่นอนหลานปู่” นายซานินรีบรับปาก เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขายิ้มได้กว้างเพียงนี้ ยินดีกับหลานชายเพียงคนเดียวไม่น้อยเลย

หมอปลายฟ้ามองท่าทางนั้นของปู่ตนแล้วก็ยิ้มบาง ‘ความสุข’ เขาจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง ปู่ของเขาคงได้เห็นเสียทีว่า... คำว่าครอบครัว มันดีกว่าอำนาจอย่างไร


......


สายลมนั่งเครียดอยู่หน้าจอเครื่องมือสื่อสาร เมื่อเพิ่งได้ติดต่อกลับอังกฤษหลังหายหน้าไปนานวันจนบิดาเป็นห่วง ทางโน้นรู้เรื่องของรูสหมดแล้ว ถึงได้ห่วงว่าเขาเป็นอยู่อย่างไรถึงหายหน้าหายตาไม่ติดต่อกลับเลย

อัลเบิร์ตเอ่ยชวนลูกชายให้มาอยู่กับตนสักพัก อาจจะทำให้อะไร ๆ มันดีขึ้น อย่างน้อยก็ความรู้สึกของสายลม แต่สายลมกลับปฏิเสธที่จะไป ด้วยเหตุผลที่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็คิดถึงรูสไม่ต่างกัน

“ลม เราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ”

สายลมเงียบเมื่อบิดาเอ่ยขึ้นมาเช่นนั้น เขาคงทำให้ท่านห่วงเอามาก ๆ ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ

“พรุ่งนี้พบกันครับ พ่อ” ตอบกลับไปเช่นนั้นโดยไม่ต้องให้บิดาต้องทวงถาม

“พ่อจะรอ” อัลเบิร์ตยิ้มบาง แววอารีในดวงตาคู่นั้นทำให้สายลมรู้สึกตื้อตันจนแทบพูดไม่ออก

“... ครับ” ชายหนุ่มตอบรับคำพูดของบิดา ก่อนจะปิดเครื่องมือสื่อสารนั้นลงแล้วออกจากประภาคารมา

สายลมมาหารูส ดอกไม้ที่เขาปลูกเอาไว้รอบ ๆ เริ่มแทงยอดใหม่ อีกไม่นานคงออกดอกและบานแข่งกันจนทั่วบริเวณ รูสจะมีโอกาสได้เห็นมันไหมไม่รู้ แต่เขาก็ตั้งใจทำให้ แม้มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาทำได้ก็ตาม

ลูห์เดินมาหาสายลมที่ยืนอย่างสงบอยู่หน้าป้ายไม้สลักเหนือหลุมศพ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปครู่หนึ่งมันจึงได้เอ่ยขึ้น เมื่อรู้ดีว่าสายลมกำลังคิดอะไรอยู่

‘ไปเถอะ ระหว่างที่เจ้าไม่อยู่ ข้าจะดูแลเขาเอง ไปพักผ่อนให้ใจสงบมากกว่านี้แล้วค่อยกลับมา’

สายลมถอนใจเบา “ฉันสัญญากับเขาเอาไว้ว่าจะไม่ทิ้งเขาให้อยู่โดดเดี่ยว”

‘ข้าก็อยู่’ ลูห์ว่า ไม่ได้จะกวน แค่อยากบอกให้คลายกังวลว่ามันยังอยู่ตรงนี้ เรื่องไหนควรวางก็วาง อย่าแบกเอาไว้คนเดียวให้หนัก

“ขอโทษนะ ลูห์” อยู่ ๆ สายลมก็พูดขึ้น

‘เรื่องอะไร?’

“หลายเรื่อง” สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนผ่อนมันออกมาช้า ๆ “ฉันกวนนายตลอด บางครั้งก็ทำให้นายรู้สึก... แย่”

‘ข้าไม่ถือ’

“หึ” สายลมยิ้มมุมปาก ยืนเงียบกันอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างตัดสินใจ “ฝากเขาสักพักนะ แล้วฉันจะกลับมา”

‘อืม’

ลูห์รับปาก ทำให้สายลมพอจะเบาใจ ทั้งสองกลับมาที่กระท่อมริมเล เห็นหมอปลายฟ้ามารออยู่ สายลมจึงบอกเรื่องที่ตนจะไปอังกฤษสักพัก หมอปลายฟ้าสนับสนุนความคิดนั้น ไปอยู่ที่ห่างไกลอาจทำให้อะไร ๆ มันดีขึ้นก็เป็นได้

“ไปเถอะ ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องสวนของรูส เดี๋ยวพี่จะให้เจ้ากั้งมันเกณฑ์คนมาช่วยดูแล”

มือเอื้อมมาบีบไหล่น้อง เรื่องของรูสคงสำคัญกับน้องชายเขาไม่น้อย เพราะฉะนั้น ระหว่างที่สายลมไม่อยู่ เขาจะคอยช่วยดูแลอีกแรง

“ขอบคุณ” สายลมบอก

หมอปลายฟ้าตบบ่าน้องชายหนัก ๆ ขอให้เข้มแข็งขึ้นในเร็ววัน สายลม

เมื่อผู้เป็นพี่ชายกลับไปแล้ว สายลมจึงได้ขึ้นกระท่อมมาเก็บข้าวของสำคัญเพื่อไปขึ้นเครื่องที่ฝั่งไทย เห็นกล่องไม้ของรูสแล้วก็สะท้อนใจ เอื้อมไปหยิบมันมาเปิด ทั้งอำพัน ทั้งโอปอล์ และตุ๊กตาดินเผาจากเด็ก ๆ รูสยังคงเก็บเอาไว้อย่างดี สายลมมองมันอย่างชั่งใจอยู่นาน สุดท้ายก็นำมันใส่กระเป๋าไปด้วย


......


เมื่อมาถึงอังกฤษ อัลเบิร์ตก็มารอรับลูกชายที่สนามบินพร้อมกับอเล็กซานเดอร์ ร่างสูงใหญ่กอดบิดาเมื่อพบหน้า ก่อนผละออกมากอดอเล็กซานเดอร์ที่ยืนอยู่ข้างกัน

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านเรา สายลม” อัลเบิร์ตยิ้มบาง ลูบผมลูกชายเบา ๆ

“หึ ๆ รู้สึกว่าผมจะมีบ้านเยอะจัง จนไม่รู้ว่าที่จริงแล้วบ้านของผมคือที่ไหนกันแน่”

ทั้งเกาะศิลา ทั้งนับตะวัน ไหนจะเฟอร์ริงตัน เขาไม่มั่นใจแม้สักแห่งว่ามันเป็นบ้านของเขา เหมือนคนไร้หลักแหล่งอย่างไรก็ไม่รู้

อัลเบิร์ตยังคงยิ้มเมื่อฟังที่ลูกพูด “ที่ไหนที่ลมอยู่แล้วมีความสุข ที่นั่นล่ะคือบ้านของลม”

สายลมนิ่งไป ก่อนจะค่อย ๆ ระบายยิ้มอ่อน แขนแข็งแรงโอบด้านหลังของบิดาแล้วค่อยออกก้าวเดินไปพร้อมกัน ‘บ้าน’ ของเขาอยู่ที่นี่ ที่ที่มีผู้ชายชื่ออัลเบิร์ต คาร์ล

เมื่อมาอยู่ที่เฟอร์ริงตัน สายลมก็ยังคงรู้สึกเหมือนว่าเงาของรูสจะตามมา เพราะชอบเห็นใครผ่านสายตาไปก็คล้ายรูสไปเสียหมด ทั้งที่เฟอร์ริงตันมีแต่ชาวตะวันตกตัวสูงใหญ่ น้อยนักที่จะผอมบางเหมือนรูส แต่ก็ยังอุตส่าห์เห็นคนที่คล้ายรูสอยู่ที่นี่อีก มันเป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่เขารู้สึก แต่เมื่อหันไปมองจนเต็มตาก็ไม่เห็นว่าจะมีใคร ทำให้สายลมได้แต่ด่าตัวเองที่คิดถึงเด็กมันมากจนเกิดภาพหลอน

คิ้วสายลมขมวดเมื่อคราวนี้เขาเห็นเด็กคนนั้นอีกแล้ว ไม่ได้เห็นหน้าค่าตาชัดเจนนัก แต่ก็ชัดกว่าทุกครั้งว่าเขาไม่ได้เพ้อฝันหรือคิดไปเองว่าเด็กคนนั้นมีตัวตนอยู่จริง และเดินหายไปทางตึกของคนงานในคฤหาสน์เฟอร์ริงตัน กายหนาเดินตามร่างน้อยไปอย่างเผลอไผล จนกระทั่งเห็นว่าอีกฝ่ายเลี้ยวเข้าห้องครัวก็จะตามเข้าไป

“วินท์”

เสียงเรียกที่ดังขึ้นไม่ไกลทำให้สายลมหันไปมอง ก่อนที่จะเปิดยิ้มเมื่อเห็นว่าใคร

“ปู่มิลเลอร์”

มิลเลอร์ คาร์ล หัวหน้าพ่อบ้านคนเก่าคนแก่ของคฤหาสน์เฟอร์ริงตัน เขาเป็นลุงของอัลเบิร์ต จึงเท่ากับเป็นปู่ของสายลมอีกคนนอกเหนือไปจากวิคเตอร์ เฟอร์ริงตัน

“มาทำอะไรที่นี่?” ชายชราเอ่ยถามเมื่อสายลมเดินมาหาตน

“อ่า...” หันไปมองทางครัวเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาตอบผู้เป็นปู่ “เปล่าครับ ผมว่าปู่ไปพักดีกว่านะ”

“พักมาเยอะแล้ว ขอเดินบ้างสิน่า”

สายลมยิ้ม เมื่อผู้เป็นปู่แย้งมาเช่นนั้น ชายหนุ่มเข้าไปช่วยพยุง พ่อบ้านมิลเลอร์อายุมากแล้วแต่ก็ยังแข็งแรงดี เดินไปไหนมาไหนได้สบายราวกับยังหนุ่มแน่น แต่สายลมก็กลัวว่าจะเหนื่อยเพราะการอยู่นิ่งไม่เป็นของปู่นี่ล่ะ เพราะท่านทำงานมานานเลยกลายเป็นชินกับการต้องลุกขึ้นมาทำโน่นนี่สารพัดอย่าง ปู่วิคเตอร์เสียอีกที่อ่อนแรงลงทุกวัน การที่เขาได้มาอยู่ที่เฟอร์ริงตันก็ดีอยู่ จะได้ดูแลบิดาทั้งสองและปู่ด้วย



“อ้าว เจ้าหนู เข้ามาทำอะไรในนี้?”

ฟรานเชส หัวหน้าพ่อครัวของคฤหาสน์เฟอร์ริงตันเอ่ยทักคนที่นั่งอยู่ในครัว อีกฝ่ายหันมายิ้มให้เขาแล้วลูบท้องประกอบท่าทาง

“หิวเหรอ?” ฟรานเชสคาดเดา อีกฝ่ายก็พยักหน้า “มา ๆ เดี๋ยวฉันทำอะไรให้กิน แล้วนั่นกินอะไรล่ะ ทำไมไม่อุ่นก่อน”

เมื่อถูกทักจึงได้ก้มมองของในกล่องพลาสติกที่ตัวเองถือแล้วยิ้มแหย หัวหน้าพ่อครัวของคฤหาสน์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนว่า

“ท่าทางจะหิวมาก ส่งมานี่จะอุ่นให้ เดี๋ยวทำให้ใหม่ด้วย อยากกินอะไรล่ะ?”

ฟรานเชสเดินเข้าไปหาเด็กผู้ชายตัวเล็กเพื่อรับกล่องใส่อาหารที่เด็กมันถืออยู่ เด็กยิ้มแป้นเมื่อเขาบอกจะทำให้ใหม่ ทำท่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะทำไม้ทำมือบอก

“อะไรของเธอ?”

ฟรานเชสหัวเราะ เด็กเลยทำหน้ายู่เมื่อถูกแกล้ง

“รู้แล้ว ๆ ฉันเย้าเล่น เธอนี่ชอบกินเนื้อจริง ๆ เชียว เหมือนคุณเซย์ รายนั้นอาหารทุกมื้อต้องมีเมนูเนื้ออย่างน้อยหนึ่งเมนู”

หัวหน้าพ่อครัวก็พูดไปทั้งเดินไปหยิบของในตู้เย็นออกมาเตรียม เด็กมันก็นั่งยิ้มรอกินอาหารฝีมือพ่อครัวใหญ่

“เชฟฟราน”

เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เด็กที่นั่งอยู่ในครัวสะดุ้ง รู้สึกได้ว่าเจ้าของเสียงนั้นกำลังเดินเข้ามาใกล้ มือเรียวเผลอยกกุมแก้มตัวเอง เหมือนว่ามันจะช่วยบังไม่ให้คนด้านหลังเห็นว่าตนเองนั่งอยู่ตรงนี้ได้กระนั้น

“คุณวินท์ มีอะไรครับ?” ฟรานเชสหันกลับมาถามไถ่พร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าสายลมเข้ามาถึงในครัว ขณะที่มือก็ถือกระทะไปตั้งไฟเพื่อทำอาหารให้เด็กอีกคน

“ผมหิวน่ะ” สายลมว่า สายตาชำเลืองมองร่างเล็กที่โต๊ะ

“โอ้ แย่จริง ผมต้องขอโทษด้วยครับ” หัวหน้าพ่อครัวว่าอย่างรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ลูกชายของผู้เป็นนายจ้างต้องลงมาหาอะไรกินเองถึงที่

“ไม่เป็นไรหรอก ผมกินอาหารไม่เป็นเวลาเอง... แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่?” เอ่ยถามเมื่อได้กลิ่นหอม ๆ ลอยมาแตะจมูก

“อ้อ ข้าวผัดเนื้อน่ะครับ”

“มีข้าวผัดด้วย?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วแปลกใจ ใครนึกอยากกินข้าวผัดตอนนี้กัน?

ที่เฟอร์ริงตันมีอาหารให้เลือกแทบทุกสัญชาติ โดยเฉพาะอาหารไทย เพราะบิดาของเขาหามาเตรียมไว้ให้ ด้วยกลัวว่าอาหารฝรั่งมันจะไม่ถูกปากเขา

“เจ้าเด็กกินยาก มันอยากกินน่ะครับ” ฟรานเชสบอกยิ้ม ๆ ผัดข้าวผัดในกระทะโขมงโฉงเฉงจนเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว

“ใครกัน?”

สายลมคิ้วขมวด มองหัวหน้าพ่อครัวจัดแจงตักข้าวผัดเนื้อหอมฉุยใส่จานแล้วจึงเหสายตามายังเด็กที่โต๊ะกลางห้อง นัยน์ตาสีนิลเขม่นมอง เมื่อครู่คนที่เขาเห็นคือเด็กคนนี้สินะ ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะใช่ เพราะที่นี่ไม่มีใครตัวเล็กเท่าเด็กคนนี้แล้ว หากไม่นับกลิ่นแก้ว เด็กในปกครองของเอวาน

เสียงเคาะโต๊ะทำให้สายลมมองอย่างแปลกใจ ขณะที่ฟรานเชสเองก็หันมามองคนเคาะแล้วเลิกคิ้วเชิงถาม เด็กคนนั้นทำมือทำไม้สื่อสารอะไรกับหัวหน้าพ่อครัวสักอย่าง ก่อนที่จะผุดลุกแล้ววิ่งผ่านเขาไป สร้างความงงงันให้สายลมจนคิ้วขมวดปมหนักขึ้น

“เด็กคนนั้นเป็นใคร?” สายลมหันมาถามหัวหน้าพ่อครัวด้วยความสงสัย

ฟรานเชสทำหน้างง ก่อนจะบอกไปตามที่ทราบ “เด็กที่คุณคาร์ลพามาครับ”

“พามาจากไหน?”

“ไม่ทราบครับ แต่ทุกคนที่นี่ถูกสั่งให้ดูแลเจ้าหนูนั่นอย่างดี”

ยิ่งได้รู้สายลมยิ่งงงงวย เหตุใดบิดาจึงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขา หรือเขาไม่สนใจคนอื่นมากไป ทำให้พลาดเรื่องสำคัญ

สายลมออกจากห้องครัวเพื่อเดินตามเด็กคนเมื่อครู่มา แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาเจ้าตัวเล็กนั่นแล้ว ชายหนุ่มหยุดยืนมองหาอยู่สักพักก็หมุนกายกลับ เขาคงต้องถามเรื่องนี้กับบิดาเอง

เมื่อสายลมเดินห่างไปแล้ว เด็กที่เขาตามหาก็ค่อยโผล่หน้ามาเยี่ยม ๆ มอง ๆ ก่อนจะถอนใจพรืดด้วยความโล่งอก เกือบไปแล้วสิ...


......
ต่อด้านล่างค่ะ  :heaven

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

เรื่องคาใจถูกนำมาถามไถ่กับผู้เป็นบิดา ตั้งแต่มาที่เฟอร์ริงตันจนตอนนี้ เขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเด็กคนที่ว่า บิดาทั้งสองก็ไม่เคยเอ่ยถึง จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่เขาเดินตามเด็กคนนั้นเข้าไปในครัว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นหน้ากันอยู่ดี

“อ๋อ เรื่องนั้นเหรอ พอดีพ่อกลับไปดูนับตะวันอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนที่ลมเก็บตัวอยู่ที่เกาะศิลานั่นล่ะ”

“......” สายลมชะงักเมื่อบิดาพูดเช่นนั้น แอบเหน็บเขาหรือเปล่านี่?

“แล้วไปเจอเด็กคนนี้เข้าน่ะสิ รู้สึกถูกชะตาเลยพากลับมาด้วยซะอย่างงั้น” อเล็กซานเดอร์พยักพเยิดกับลูกชายคนรอง

“เด็กมันน่าสงสารนี่ครับ หน้าตามอมแมมไปหมดตอนเจอกัน” อัลเบิร์ตแก้ต่างให้ตนเอง

“สงสารคนเขาไปทั่ว” อีกคนก็ยังไม่วายเอ่ยเย้า

ได้ฟังเช่นนั้นแล้วสายลมก็มีท่าทีครุ่นคิด ก่อนเอ่ยขึ้นมา “งั้นเหรอครับ ผมก็นึกว่าเด็กที่ไหน ท่าทางเขาจะกลัวผม เพราะยังไม่ทันจะได้เห็นหน้ากันก็วิ่งหนีไปไกลแล้ว”

บิดาทั้งสองหันมามองหน้ากัน ก่อนที่อัลเบิร์ตจะระบายยิ้มน้อย ๆ เมื่อเอ่ยกับลูกชาย

“หนวดเครารุงรังแบบนั้นก็มีสิทธิ์เป็นไปได้นะ”

“ผมชอบแบบนี้” สายลมว่า

“เหรอ เอาเถอะ พ่อคนเถื่อน”

“เถื่อนได้พ่อมัน” อเล็กซานเดอร์เสริม ลูบคางตนเองประกอบคำพูด

คนกลางอย่างอัลเบิร์ตทำหน้าหน่าย “อย่างคุณเขาไม่เรียกเถื่อนหรอก รีบโกนเลยนะ รกรุงรังไม่น่ามอง”

“ทำให้ที”

“หนวดใครกันครับ?”

“หนวดสามีอัลเบิร์ตครับ” อเล็กซานเดอร์เย้าหยอก

“อเล็กซ์!” คนถูกหยอกเอินทุบต้นแขนแกร่งเพราะอายลูก

สายลมส่ายหน้าขำ เห็นแบบนี้มาตั้งแต่หนุ่มยันแก่ ไม่เห็นใจลูกเต้ากันบ้างเลย คุณพ่อ

สรุปแล้วสายลมก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเกี่ยวกับเด็กที่บิดารับมาอุปการะ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายอยู่แล้ว แค่รู้ว่าจะมีน้องเพิ่มมาอีกคนก็เท่านั้น



กลับจากทำงานมา สายลมก็ขึ้นมาบนห้อง เขาพยายามทำให้ทุกอย่างมันดำเนินไปแบบเดิมซ้ำ ๆ เพื่อไม่ให้คิดวุ่นวายไปเรื่องอื่น รู้ว่าทุกคนคงห่วงใยที่เขาทำแบบนี้ แต่อยากให้ทุกคนรู้เช่นกันว่าเขากำลังพยายามอยู่ พยายามที่จะกลับมาเป็นสายลมคนเดิมอย่างที่เคยเป็น แม้จะยังรู้สึกถึงบางสิ่งที่ขาดหายไปก็ตาม

เสื้อสูทถูกถอดพาดบนพนักโซฟา ก่อนที่จะคลายเนคไทแล้วปลดวางบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาเมื่อทิ้งตัวลงนั่ง นิ้วใหญ่นวดคลึงหัวตาเพื่อลดอาการล้า กลิ่นหอม ๆ ของบางอย่างลอยมาแตะจมูกทำให้สายลมนิ่งไปเล็กน้อย ค่อยลดมือลงจากหัวตาก่อนจะสูดกลิ่นนั้นเข้าปอดขณะมองหาที่มา

ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ แต่สูดดมเท่าไรก็ไม่จางหายไป ยังคงได้กลิ่นอยู่เรื่อย ๆ ทำให้สายลมต้องลุกเดินหา สายตาสะดุดเข้ากับบางอย่างสีขาวตรงโต๊ะหัวเตียง คิ้วเข้มขมวดด้วยความแปลกใจเมื่อก้าวเดินไปหามัน

มือเอื้อมแตะกลีบดอกเล็กดูเปราะบาง ดอกไม้สีขาวละมุน กลิ่นหอมชื่นไม่หวานเอียน ถูกจัดเป็นช่อเล็กน่ารักเสียบไว้ในแก้วใสใบน้อย ริมฝีปากหยักระบายยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองมัน ก่อนรอยยิ้มนั้นจะค่อยเลือนรางและจางไปเมื่อดอกไม้สีขาวพาให้คิดถึงใครอีกคนที่ยังคงอยู่ในหัวใจ รอยยิ้มสดใสที่ไม่มีวันลืมผุดขึ้นมาในความทรงจำ ทำให้เขาถอยมือออกห่างจากดอกไม้บนโต๊ะก่อนลดลงข้างตัว

ร่างสูงใหญ่ก้าวถอยออกมา ทำไม่สนใจว่าจะมีมันอยู่ในห้อง ทำกิจวัตรประจำวันจนเรียบร้อยเป็นปรกติแล้วลงมาชั้นล่าง เห็นบิดายืนส่งใครคนหนึ่งอยู่หน้าคฤหาสน์จึงได้เดินเข้าไปหา ก่อนถามไถ่ว่าชายคนนั้นคือใคร

“ครูสอนพิเศษน่ะ”

สายลมขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังคำตอบ

“ครู? มาสอนใครกันครับ?”

“ก็... คนที่ลมถามถึงเมื่อวานไง” อัลเบิร์ตตอบกลับไปยิ้ม ๆ หมุนกายก้าวกลับเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่โดยมีลูกชายเดินมาข้างกัน

“ทำไมไม่ให้เขาไปเรียนที่โรงเรียนครับ ถึงขนาดต้องให้ครูมาสอนถึงที่ เด็กคนนี้ท่าจะพิเศษเอามาก ๆ” สายลมว่า

“อะไรกัน ประชดแบบนี้ไม่สมกับเป็นสายลม คาร์ล เลยนะ อคติอะไรกับน้องหรือเปล่า?” อัลเบิร์ตมองอย่างจับผิด

“ผมจะอคติอะไรกับเด็กที่ยังไม่เคยเห็นแม้แต่หน้ากันครับ?” คนลูกทำไขสือ ก็มันจริงไหมเล่า หน้ายังไม่เคยเห็นแล้วไยเขาต้องรู้สึกอะไรเช่นนั้นด้วย

“จะไปรู้กับเราเหรอ อาจจะงอนที่น้องวิ่งหนีก็ได้” ผู้เป็นบิดาไหวไหล่

“ท่าทางผมจะตกกระป๋อง”

อัลเบิร์ตหัวเราะ “ก็น้องเขาน่ารัก ส่วนเราน่ะ...”

มองลูกชายของตนแล้วส่ายหน้า

“ดูไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” สายลมเลิกคิ้ว

“ลองส่องกระจกดูสิ”

“พ่อ”

“พูดความจริง” อัลเบิร์ตว่า

สายลมยิ้มขำ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับถ้อยคำเหน็บแนม แต่กลับรู้สึกสบายใจเสียมากกว่า เวลาได้อยู่กับบิดาเช่นนี้

หางตาสายลมมองเห็นคนเดินลัดสวนของเฟอร์ริงตันไป เมื่อหันไปมองตามก็เห็นเพียงแผ่นหลังบางที่เดินไว ๆ ลับมุมแมกไม้ คงเป็นเด็กในอุปการะของบิดาแน่ นี่เขาจะได้เห็นเพียงผ่านแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน ท่าทางจะต้องทำความรู้จักกันจริงจังสักวันแล้วเจ้าหนู


......


‘สายลม... สายลม...’

เสียงที่เคยคุ้นทำให้สายลมที่กำลังหลับใหลค่อยลืมตาตื่น ไฟภายในห้องที่ถูกปิดมืดแต่เขาไม่ได้ปิดม่าน ทำให้แสงจากด้านนอกส่องเข้ามาพอเห็นสลัวราง กายผอมที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงข้างกายเขาส่งยิ้มมาให้ สายลมชะงักนิ่ง เพ่งมองราวไม่เชื่อสายตา ก่อนที่จะชันตัวลุกขึ้นมาเพื่อมองใครคนนั้นให้เต็มตามากขึ้น

‘สายลม’

ไม่ผิดแน่ เจ้าเด็กดื้อของเขา วงแขนแกร่งกอดร่างนั้นแนบกายอย่างแสนคิดถึงทั้งเอ่ยพ้อ

“ไปอยู่ที่ไหนมา รู้บ้างไหมว่าฉันคิดถึงมากแค่ไหน”

‘รูสก็คิดถึงสายลม คิดถึงมากเลย...’

“โกหก ถ้าเธอคิดถึงฉันจริงทำไมถึงทิ้งฉันไป” คนตัวโตยังตัดพ้อต่อว่า

‘รูสไม่ได้ทิ้ง บอกแล้วไงว่ารูสอยู่กับสายลมเสมอ’

“อยู่แบบไร้ตัวตน ปล่อยให้ฉันคิดถึงเธอวันแล้ววันเล่าน่ะเหรอ อยากเห็นหน้าก็ไม่ได้ อยากกอดก็ไม่ได้ ทำได้แค่คิดถึง มันจะไปมีประโยชน์อะไร รูส?”

มือเรียวดันอกสายลมเพื่อให้คลายอ้อมแขน มองสบนัยน์ตาที่ฉายแววของความร้าวรอนนั้นแล้วรูสก็ยิ้มเศร้า

‘สายลมไม่มีความสุขเลยใช่ไหม เวลาที่คิดถึงรูส...’

“......”

‘รูสเองก็เสียใจที่ทำให้สายลมเจ็บปวด’

ร่างผอมลุกขึ้นยืน สายลมผวาตามอย่างใจหาย

“รูส อย่าไป... ได้โปรด...”

แววเว้าวอนในดวงตาคู่นั้นทำให้รูสนิ่งไป มือเรียวกุมสองแก้มแล้วเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ

‘เริ่มต้นใหม่นะ สายลม รูสจะมีความสุขมากถ้าสายลมได้พบเจอกับคนที่จะดูแลสายลมได้ดีกว่ารูสที่ไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้สายลมเลย รูสอยากให้สายลมได้พบกับคนที่ดีและรักสายลมยิ่งกว่ารูส...’

“รูส...”

สายลมครางอย่างเจ็บปวด ลุกตามร่างผอมบางที่ก้าวถอยไปที่ระเบียงช้า ๆ ดวงตากลมยังคงมองมาที่เขาเมื่อเอ่ยคำ

‘ช่วยมีความสุขให้มาก ๆ ทีนะ... สายลม’

“รูส! ไม่!! อย่าไป...”

สองมือเอื้อมคว้าความว่างเปล่า ขาวยาวก้าวพ้นประตูระเบียงออกมาด้านนอก ลมเย็น ๆ พัดผ่านกายทำให้สายลมรู้สึกตัว เขามองรอบกายด้วยความสับสนว่าเมื่อครู่นี้มันคือความจริงหรือเพียงฝันไป แต่เขาออกมายืนอยู่ที่ระเบียงจริง ๆ มันหมายความว่าอย่างไรกันเล่า ละเมอหรือ?

ด้านล่างนั้นเป็นสวนสวยของเฟอร์ริงตัน เมื่อออกจากห้องมาจะได้เห็นบรรยากาศนั้นกันทุกห้อง เวลานี้ฟ้าใกล้สางแล้ว ทำให้คนสวนออกมารดน้ำต้นไม้ใบหญ้า สายลมมองลงไปเห็นร่างเล็กที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ตัดดอกไม้ แสงไฟส่องบาง ๆ มาจากตัวคฤหาสน์ทำให้เห็นสีขาวของมัน สายลมเผลอมองอยู่นาน อาจนานจนเกินไปจึงทำให้คนที่ถูกมองจ้องทุกอากัปกิริยาหันกลับมาแล้วเงยขึ้น

ดวงตากลมเบิกขึ้นท่าทางตกใจ ไม่ต่างจากสายลมที่นิ่งงันอยู่บนระเบียงห้อง กว่าจะรู้สึกตัว ร่างนั้นก็เตรียมออกวิ่งเช่นทุกครั้งที่เขาได้เห็นเพียงหลังไว ๆ สายลมผวาเกาะขอบระเบียงแล้วร้องเรียกร่างน้อยที่กำลังจะวิ่งหนีเขาไป

“รูส!!”

ไม่ทันการณ์หากยังอยู่บนนี้ สายลมวิ่งกลับเข้าห้องแล้วเปิดประตูวิ่งลงบันได ใจเขาเต้นระทึกไหวทุกก้าวย่าง คนของเฟอร์ริงตันที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่แถวนั้นแตกตื่นเมื่อเห็นเขาวิ่งผ่านหน้าไป ทำให้รีบวิ่งตามกันมาเป็นพรวน

จนเมื่อมาถึงที่ที่เขาเห็นเด็กคนนั้นอยู่เมื่อครู่ก็ไม่มีใครแล้ว นอกจากคนสวนที่รดน้ำอยู่อีกมุมหนึ่ง สายลมกวาดสายตามองหา เขายังหอบเบา ๆ เมื่อวิ่งสุดฝีเท้าทั้งใจเต้นระรัวกับสิ่งที่เห็นเพื่อมาที่นี่

“เกิดอะไรขึ้นครับ!?” คนของเฟอร์ริงตันเอ่ยถาม

“เปล่า” สายลมยังคงมองหาบางสิ่งขณะที่ตอบกลับไปสั้น ๆ ถอนใจยาวเมื่อหาเด็กคนนั้นไม่เจอแล้ว เขาคงเพ้อฝันไปเพราะความคิดถึง “ฉันแค่อยากลงมาสูดอากาศ ไม่มีอะไร”

บอกปัดกับคนของเฟอร์ริงตันไปเช่นนั้นแล้วสายลมก็เดินไปยังศาลาสีขาวที่ถูกเกี่ยวพันด้วยเถากุหลาบ เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบดีแล้ว คนของเฟอร์ริงตันจึงกลับไปทำหน้าที่ของพวกตนต่อ ให้สายลมได้ใช้เวลาส่วนตัวอยู่กับธรรมชาติสวยงามในสวน

สายลมนั่งลงในศาลา คิ้วของเขาขมวดเมื่อเกิดความรู้สึกขัดแย้งขึ้นมาในหัว ทำไมสิ่งที่เห็นเมื่อครู่มันเหมือนจริงขนาดนี้ เขาคิดว่าวันเวลามันจะทำให้เขาดีขึ้น แต่ดูท่าแล้วอาการเขาคงหนักกว่าเดิมอีกกระมัง ถึงขั้นตาฝาดเห็นรูสทั้งในความฝันและความจริง หรือความจริงกึ่งฝัน? ยิ่งคิดยิ่งหาคำตอบให้ความสับสนของตนเองไม่ได้

ใต้พุ่มไม้ดอกสีขาวละเอียด หยดน้ำเกาะพราวบนใบและกิ่งก้านที่ถูกตัดเจียน ดอกไม้ดอกน้อยที่ถูกตัดจากกิ่งก้านนอนนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า โดยที่สายลมไม่มีโอกาสได้เห็นมัน...




TBC




ขอบคุณทั้งสองท่านค่า ยังมีกำลังใจอยู่เพราะสิ่งนี้เลย บวกค่ะ  :กอด1:

 

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เรายังหวังว่าจะเป็นรูสนะ ยังหวังว่าความรักที่จะกลับคืนมาหาสายลมยังคงเป็นรูส สำหรับสายลมแล้ว30ปีที่ผ่านกว่าจะเจอกว่าจะได้รักและให้ความสำคัญกับใครสักคนมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้นเราถึงยังหวังปาฎิหาริย์สำหรับรูสอยู่  :call: :call: :call:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

สายลมห่มตะวัน

บทที่ ๑๘ เงาตะวัน



ช่อดอกไม้จิ๋วยังคงถูกนำมาวางให้เขาทุกวัน สายลมไม่ได้สนใจอะไรมันเหมือนวันแรก ยังคงทำตัวปรกติราวไม่รู้เห็นว่ามีใครสักคนนำมันมาไว้ในนี้ เรื่องเด็กที่บิดารับอุปการะเขาก็ไม่ได้ตามเรื่อง เพราะเห็นบิดาบอกว่าเดี๋ยวนี้มีคนอาสามาช่วยสอนพิเศษให้ เด็กคนนั้นจึงออกจากบ้านไปหาเจ้าคนที่ว่าทุกวัน เขาเองก็ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับใครมากมายเท่าไร เพราะหากเกิดความผูกพัน มันทำใจลำบากเมื่อต้องจากลา เหมือนรูส...

นึกถึงเรื่องไม่ควรแล้วสายลมก็ถอนใจ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมากมายหรือวุ่นวายแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วความรู้สึกนึกคิดก็ยังวนกลับมาที่เรื่องของรูสอยู่ดี

เมื่อนึกถึงคนในความทรงจำ ดอกไม้ที่ปักนิ่งอยู่ในแก้วใสก็ดูขวางหูขวางตา สายลมก้าวไปหยิบมันขึ้นมาจากแก้ว มองมันอยู่ชั่วครู่ก่อนเดินไปที่ถังขยะมุมห้องเพื่อจะทิ้ง แต่แล้วก็ชะงักเมื่อจะปล่อยมือ เกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมาแบบไม่ตั้งใจ แต่สุดท้ายก็ตัดใจทิ้งมันลงไปในที่สุด...

กลีบดอกบอบบางช้ำเมื่อถูกทิ้งลงไปนอนนิ่งอยู่ใต้ก้นถัง คนที่นำมันมาทิ้งกลับเดินจากไปอย่างไม่นึกสนใจ ปล่อยให้มันค่อย ๆ เหี่ยวเฉาเหมือนกับหัวใจของผู้เป็นเจ้าของเมื่อมาเห็นว่ามันถูกทิ้งอย่างไม่ไยดี

มือเรียวเอื้อมไปช้อนมันขึ้นมาอย่างถนอม แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ช้ำชอกจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว กลีบดอกที่เคยสดใสก็หมดสวย ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ก่อนร่างนั้นจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องของสายลมไปด้วยความรู้สึกหม่นมัว


......


ในวันต่อมา เมื่อสายลมกลับมาที่คฤหาสน์เฟอร์ริงตันหลังหมดวันไปกับความเหนื่อยหนัก งานมันไม่ได้มากมายอะไรสักนิด ไม่เท่าตอนที่เขาอยู่เกาะศิลา เพราะอยู่ที่นี่เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหาร แทบไม่ต้องแตะอะไรนอกจากปากกากับกระดาษและใช้มันสมองพินิจพิจารณา แต่ที่มันเหนื่อยก็เพราะเขาพยายามฝืนตัวเอง ทำเหมือนไม่เป็นอะไรทั้งที่มันไม่ใช่แบบนั้นแม้แต่น้อย

เมื่อกลับเข้ามาในห้อง สายตาคมก็มุ่งไปที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะเอ็ดตัวเองในใจอื้ออึงเมื่อรู้สึกตัวว่ามองหาบางสิ่ง ร่างสูงใหญ่หยุดยืนเคว้งอยู่กลางห้องเมื่อวันนี้ไม่มีกลิ่นหอมจรุงนั่นแล้ว ไม่มีดอกไม้สีขาวช่อเดิมที่เคยวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ใจสายลมเหมือนมีบางสิ่งหล่นหาย เพราะเขาทิ้งมันหรือ?

สายลมสะบัดศีรษะเบา ๆ เพื่อไล่ความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตนเอง ไม่มีก็ดีแล้ว เขาเองไม่ใช่หรือที่ทิ้งมันไป แบบนี้ก็ดีแล้ว...

ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่สายลมเฝ้ารอให้ดอกไม้สีขาวกลับมาวางบนโต๊ะ ทุกครั้งที่กลับมาถึง เขาต้องมองที่โต๊ะหัวเตียงตลอดจนนึกรำคาญตัวเอง เมื่อหลังจากวันที่เขาทิ้งมันลงถังขยะ เจ้าดอกไม้ช่อน้อยนั่นก็ไม่เคยถูกนำมาวางไว้ให้เช่นแต่ก่อน

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขากลับเข้ามาในห้องนอนด้วยความผิดหวัง เพราะยังคงมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีกลิ่นหอม ๆ ลอยอวลอยู่ในห้อง ไม่มีสิ่งที่กระตุ้นให้คิดถึงรูสมันก็น่าจะดีแล้ว แต่เขากลับรู้สึกวูบโหวงในอก

ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทั้งที่ยังอยู่ในชุดทำงาน เหนื่อยล้า อยากกอดรูสให้หายเหนื่อย เขาต้องหลับใช่ไหม นอนหลับแล้วฝันถึง เขาต้องทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน

ตื่นเช้ามาสายลมก็ยังคงไปทำงานตามปรกติ ผู้เป็นบิดาทั้งสองได้เพียงมองด้วยความห่วงใย แม้สายลมจะทำตัวเป็นปรกติทุกอย่าง แต่คนใกล้ชิดก็รู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนเดิม เพราะความทุกข์มันอยู่ข้างใน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนมันคงไม่ทำให้ดีขึ้น หากเจ้าของความทุกข์นั้นไม่วางมันลง

สายลมยังคงทำให้ตัวเองยุ่งจนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น เซย์เคยชวนออกไปเที่ยวผ่อนคลาย แต่เขาไม่คิดจะไป เขาไม่ชอบอะไรแบบนั้น ออกไปดื่มกินและอาจปิดท้ายด้วยของหวานเลี่ยนบาดคอบนเตียง เซย์หวังดี ข้อนั้นเขารู้ เขาดูน่าห่วงจนทุกคนอยู่เฉยไม่ได้

“พี่แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปด้วยกัน?” เซย์ยังตามมาถามถึงที่

สายลมยิ้มมุมปากพลางบอก “นายไปเถอะ เที่ยวให้สนุก”

มือหนาตบบ่าน้อง คว้าเสื้อสูทที่ถอดพาดหลังเก้าอี้มาสวมก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน

“งั้น... ผมไม่ไปดีกว่า”

“......” สายลมหันมามองเมื่อเซย์ว่าอย่างนั้น

“ไปคนเดียวจะสนุกอะไร” ยกไหล่เล็กน้อยประกอบคำพูดของตน

สายลมทำเสียงหึ ก่อนเปิดประตูห้องแล้วก้าวออกไป ตามด้วยเซย์ที่เปลี่ยนใจไม่ไปเที่ยวอย่างที่พูดจริง ๆ

สองหนุ่มตรงกลับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีคนสำคัญคอยท่า อเล็กซานเดอร์และอัลเบิร์ตเอ่ยล้อพ่อหนุ่มนักเที่ยวที่วันนี้กลับบ้านเร็วในรอบปี ปล่อยให้สามพ่อลูกเขาคุยกันไป ขณะที่สายลมเอ่ยขอตัวขึ้นห้อง

“สังเกตหลายทีแล้ว” อเล็กซานเดอร์เอ่ยขึ้นไล่หลังลูกชายคนรองที่เดินขึ้นชั้นบนไป

“อะไรครับ?” อัลเบิร์ตและเซย์หันมามองคนพูดด้วยความสงสัย

“กลับมาถึง สายลมต้องรีบขึ้นห้องก่อนเลย มีอะไรดี ๆ อยู่ในนั้นหรือไง?” มือหนาลูบคางตนเองขณะรำพึงรำพัน

อัลเบิร์ตทำหน้าพิกล ก่อนว่า “ลูกคงอยากพักผ่อน จะไปมีอะไรได้ยังไงกัน”

“ฉันใช้งานลูกหนักมากเลยเหรอ?”

“อะไรของคุณ อเล็กซ์ จะให้มันมีอะไรให้ได้เลยหรือไง?” ท่าทางอีกคนยังข้องใจไม่หายทำให้อัลเบิร์ตท้วงถาม

“เอ้า ก็ดูเจ้าเซย์สิ เที่ยวตะลอนได้ทุกวัน ไม่เห็นจะอยู่ติดห้องเหมือนสายลมเลย”

“อ้าว อยู่ดี ๆ ก็โดนหางเลขซะอย่างงั้น”

เซย์นั่งมึนเมื่อบิดาโยนกลอง อัลเบิร์ตหัวเราะ วาดแขนออกเมื่อเซย์เข้ามาอ้อนให้จัดการผู้เป็นบิดาให้

“เซย์เขายังหนุ่มยังแน่น จะเที่ยวบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร แค่รู้จักขอบเขตและดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว”

“จริงครับ” เซย์พยักหน้า เห็นด้วยกับอาอัลเบิร์ตของตนเองเต็มที่

อเล็กซานเดอร์มองอย่างหมั่นไส้ นั่น ๆ มาหอมเมียเขาอีก ไอ้นี่

“เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ”

คนแก่ขี้หวงกัดฟันว่า ทั้งถลึงตาใส่ลูกชายที่ลอยหน้ากอดคนรักของตนเองเฉย เข้าข้างกันได้ตลอดล่ะคู่นี้ เขาแตะมันไม่ได้เลยเจ้าลูกชายคนเล็กนี่ แม่มันหวง!

ขณะเดียวกัน คนในหัวข้อสนทนาตอนนี้มาถึงหน้าห้องนอนของตนแล้วเรียบร้อย มือหนาบิดลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไป จังหวะก้าวเดินชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมชื่นโชยมาเพียงประตูเปิด เขารีบมองหาที่มาของมันด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นแปลกไป เมื่อเห็นว่าดอกไม้สีขาวถูกนำกลับมาวางที่เดิม สายลมก็ก้าวไปหา นัยน์ตาสีนิลทอประกายเมื่อทอดมอง รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนกลีบปากหยัก รู้สึกราวได้บางสิ่งที่หายไปกลับคืนมากระนั้น

สายลมนั่งลงบนเตียง ถือแก้วใส่ช่อดอกไม้นั้นมาด้วย ยกมันขึ้นมาใกล้จมูกโด่ง กลิ่นหอมละมุนทำให้เขายิ้ม

“อยากจะรู้แล้วสิ... ว่าใครกันที่เป็นเจ้าของ”

ว่าแล้วสายลมก็ขำ เขาท่าจะบ้าที่คุยกับดอกไม้ สีหน้าชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ ก่อนจะเปิดยิ้มออกมาเมื่อหาข้อสรุปให้ตนเองได้


......


เช้ามา สายลมก็ยังคงแต่งตัวเพื่อออกไปทำงานตามปรกติ ชายหนุ่มลงมาจากชั้นบนแล้วตรงไปที่รถก่อนนั่งออกไปจากคฤหาสน์ เพียงท้ายรถพ้นสายตาไป เจ้าตัวเล็กที่ซ่อนอยู่ก็โผล่หน้าออกมาชะเง้อมอง ริมฝีปากบางยกยิ้ม ก่อนที่จะหมุนกายกลับแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไป

รถของสายลมที่ขับออกมาจากเฟอร์ริงตัน เมื่อเลี้ยวพ้นมุมกำแพงก็จอดลง ก่อนที่สายลมจะลงจากรถแล้วก้าวมาที่ส่วนรักษาความปลอดภัยหน้าประตู เพื่อเปลี่ยนไปนั่งรถอีกคัน ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มอย่างนึกสนุก ในเมื่ออยากรู้ว่าใครคือเจ้าของดอกไม้สีขาวนั่น มันก็ต้องวางแผนกันหน่อย

...มาปิดประตูตีแมวกัน!

สายลมกลับเข้าคฤหาสน์มาอย่างใจเย็น ก้าวเดินขึ้นบันไดไปจนกระทั่งมาถึงหน้าห้องนอนของตน เอื้อมไปหมุนลูกบิดอย่างเบามือ เพียงประตูแง้มเปิดก็ได้ยินเสียงบางอย่างภายใน นัยน์ตาสีนิลมองลอดช่องประตู ก่อนจะค่อย ๆ ดันมันให้เปิดกว้างช้า ๆ แต่ก็ช้ากว่าลูกแมวในห้อง เมื่อเห็นเพียงเงาไหว ๆ ผลุบหายไปหลังโซฟา

ขายาวก้าวเข้ามาเชื่องช้าราวแกล้งเจ้าแมวน้อยนั้นก็ไม่ปาน อมยิ้มในสีหน้าเมื่อเคลื่อนกายมานั่งลงบนโซฟาตัวที่มีใครอีกคนหลบอยู่ และเขาคงไม่คิดจะลุกออกไปง่าย ๆ ด้วย อยากจะรู้เหมือนกันว่าแมวตัวนี้จะหาทางหนีรอดออกไปจากห้องของเขาได้อย่างไร

ขณะที่สายลมนึกสนุก คนที่ถูกไล่ต้อนกลับไม่ได้รู้สึกสนุกด้วยแม้แต่น้อย มือเรียวกำแก้วใส่ดอกไม้แน่น เขาแค่จะเข้ามาเอาดอกไม้ช่อเดิมที่เริ่มเฉาออกไปเปลี่ยนใหม่ ไม่นึกว่าเจ้าของห้องจะกลับมากะทันหันแบบนี้ กายผอมหมอบลงให้ต่ำที่สุดเพื่อที่คนบนโซฟาจะได้ไม่รู้สึกตัวแล้วหันกลับมามอง ค่อย ๆ คลานไปบนพื้นพรมช้า ๆ แม้แต่หายใจยังไม่กล้าหายใจแรง รู้สึกมวนท้องไปหมด กลัวจะถูกจับได้

“อะแฮ่ม”

เสียงกระแอมที่ดังขึ้นทำให้เด็กน้อยสะดุ้งโหยง มือข้างหนึ่งยกปิดปากตัวเองแน่นอย่างอัตโนมัติ ใจเต้นระรัวไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองเจ้าของเสียง

เพราะมัวแต่หลับหูหลับตาทำให้เมื่อมือหนาเอื้อมมาจับบ่า เจ้าตัวเล็กจึงผวาไปข้างหน้าจนล้มแปะลงไปนอนบนพื้น ก่อนจะสะบัดขาเมื่อมือนั้นเปลี่ยนมาจับที่ข้อเท้า เจ้าแมวน้อยเอี้ยวตัวกลับมามองอีกคนหน้าตาตื่น กอดแก้วใส่ดอกไม้ที่ตอนนี้น้ำในนั้นมันหกเลอะเทอะทั้งช่อดอกไม้ก็หล่นอยู่บนพื้นแล้วดันตัวจะลุกขึ้นวิ่ง แต่สายลมที่ตั้งรับอยู่ก่อนแล้วตรงเข้าคว้าตัวเจ้าแมวเหมียวเอาไว้ ทำให้ตัวผอมบางนั้นดิ้นอยู่ในอ้อมแขน

“อื้อออออออ” เสียงเจ้าตัวเล็กร้องประท้วง เมื่อสายลมแกล้งรัดแน่นขึ้น

“ชู่ ดิ้นมาก ๆ ระวังนะ ฉันหงุดหงิดง่ายรู้ไว้ด้วย” เพียงข่มขู่นิดหน่อย เด็กในอ้อมแขนก็ชะงักกึก ริมฝีปากหยักยกยิ้มพอใจก่อนว่า “อยู่นิ่ง ๆ แล้วมาคุยกัน ตกลงไหม?”

“......” แมวน้อยในอ้อมแขนยังเงียบ ทำให้สายลมถามย้ำ

“ตกลงไหม?”

เมื่อเน้นทีละคำ หัวกลม ๆ นั่นจึงผงกขึ้นลงอย่างยอมแพ้ แต่เพียงแค่สายลมคลายอ้อมแขน เด็กที่ทำท่าว่าจะยอมแพ้กลับจะวิ่งหนี แต่สายลมก็ยังไวกว่าเมื่อดึงตัวกลับมาได้ทัน มือหนาจับต้นแขนเล็กทั้งสองข้างแล้วยื่นใบหน้ารกหนวดเคราเข้าไปใกล้ ตาคมถลึงมองจนเด็กหน้าซีดเผือดสี

“ไว้ใจไม่ได้เลยใช่ไหม คงอยากเห็นเวลาฉันหงุดหงิดงั้นสิ!”

เด็กตรงหน้าสะดุ้งเฮือกแล้วหลับตาแน่น ไหล่เล็กสั่นเมื่อเจ้าตัวกำลังสะอื้น นั่นทำให้สายลมนิ่งไป ทำเด็กร้องไห้เสียแล้วสิ

“หยุดร้องเดี๋ยวนี้ ฉันเกลียดน้ำตา!” แสร้งเอาเสียงเข้าขู่ เด็กตรงหน้าพยายามกลั้นสะอื้น ก็น่าสงสารอยู่หรอก แต่เขายังต้องสวมบทโหดเอาไว้อีกหน่อย

สายลมให้เด็กไปนั่งที่โซฟา เด็กน้อยนั่งก้มหน้าก้มตา มือถือแก้วดอกไม้ที่เก็บขึ้นมาจากพื้นพรมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“ชื่ออะไร?”

สายลมเริ่มซักประวัติ เด็กตรงหน้าเขาตอนนี้ดูไม่ได้มีอะไรพิเศษ หน้าตาก็ออกจะธรรมดา แต่ตาโต ๆ นั่นคงเด่นสุด อ้อ ปากด้วย รูปกระจับ อมชมพูนิด ๆ

เมื่อถามเด็กมันไปแล้วยังเงียบ สายลมจึงลุกมานั่งข้าง ๆ พออีกฝ่ายจะกระถดหนี เขาก็วาดแขนพาดไหล่กักตัวเอาไว้ ทำให้คนถูกกักบริเวณนั่งตัวลีบ

“เวลาผู้ใหญ่ถามก็ตอบ และเวลาตอบก็ควรจะมองหน้าคนถาม มารยาทพื้นฐานแค่นี้พอจะมีไหม?”

ตากลมช้อนมอง ปากรูปกระจับที่เขาเพิ่งพรรณนาถึงมันไปเมื่อครู่ถูกเจ้าของมันขบกัดด้วยความอึดอัดที่มี สายลมบีบแก้มป่องให้เจ้าตัวเล็กมันคลายออก ตากลมโตนั่นมองเขาอึ้ง ๆ อย่าว่าแต่เด็กมันอึ้งเลย เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง ทำอะไรลงไปวะนี่

แมวน้อยเฉหลบสายตา แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ จะมาอายอะไรเขาตอนนี้วะ เจ้าเด็กนี่ กายหนาขยับออกห่างอีกนิดเพื่อตั้งหลัก ก่อนถามซ้ำในสิ่งที่ถามไปเมื่อครู่

“ชื่ออะไร ยังไม่ตอบเลยนะ”

คนถูกถามมีท่าทีอึดอัด ก่อนจะวาดมือเป็นวงกลมบนอากาศ คิ้วสายลมขมวด ตาคมมองดุ ๆ ทำให้เด็กชะงักแล้วลดมือลง

“พูดไม่เป็นหรือไง?”

พอเขาถามไป เด็กมันก็พยักหน้าเฉย อ้าว ซวยแล้วไง

“พูด... ไม่ได้เหรอ?”

เด็กมันเหลือบขึ้นมามองเขาก่อนพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง สายลมใจอ่อนวูบ ท่าทางจะตีบทผู้ใหญ่ใจร้ายไม่แตกเสียแล้วสิ

“เขียนหนังสือได้ไหม?”

ถามคำนี้แล้วก็ยอกแสยงในอก เหมือนย้อนกลับไปตอนพบกับรูสครั้งแรก มองเด็กพยักหน้าตอบแล้วสายลมจึงลุกไปที่โต๊ะหัวเตียง เปิดลิ้นชักออกเพื่อเอาสมุดฉีกในนั้นมาให้เขียน

แกร๊ก... ปัง!

สายลมหันขวับกลับมามองเมื่อเกิดเสียงดังขึ้นด้านหลัง ทันเห็นเพียงบานประตูที่งับปิด เขากัดฟันกรอด ไม่น่าไว้ใจเด็กนั่นเลยจริง ๆ หนีไปอีกแล้วสิน่า!

สมุดฉีกในมือถูกปาลงบนที่นอน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้าวออกมาหน้าระเบียง มองลงไปด้านล่างก็เห็นว่าเด็กมันกำลังวิ่งตัดสนามหญ้าของสวนสวยไปอีกตึก แต่แล้วก็หยุดลงและหันกลับมามองด้านหลัง สายลมนึกว่าเด็กมันจะเงยขึ้นมามองจึงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนคิ้วเข้มจะขมวดเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหา ที่แท้ก็หันมามองเจ้าหมอนี่เองหรือ

สองคนด้านล่างคุยอะไรกันอยู่ชั่วครู่ มือของเจ้าหนุ่มนั่นเอื้อมไปขยี้ผมนุ่มราวสนิทสนมคุ้นเคยกันดี สายลมกอดอกมอง เจ้าแมวน้อยยิ้มเสียกว้างขวางจนคนมองแบบสายลมออกจะหงุดหงิดนิด ๆ

“เฮ้!”

สายลมตะโกนออกไป เมื่อเจ้าหนุ่มที่อยู่กับเด็กตากลมเงยขึ้นมาเห็นว่าเป็นเขาก็ค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนเงยกลับขึ้นมามองเพื่อฟังว่าจะสั่งอะไรหรือไม่

ตาสายลมไม่ได้อยู่ที่เจ้าหนุ่มนั่นแม้แต่น้อย มันมองเลยไปหาเด็กที่กำลังก้าวถอยเพื่อจะหลบฉาก นึกว่าจะหนีเขาพ้นหรือ

“จับตัวเด็กนั่นไว้ อย่าให้หนีไปได้!”

ตากลมเบิกโตเมื่อได้ยินคำสั่งของสายลม ขณะที่เจ้าหนุ่มนั่นยังมึนงง แต่พอเห็นว่าคนที่สายลมสั่งให้จับจะวิ่งหนีก็รีบตะครุบตัวเอาไว้ตามคำสั่งทันที เจ้าตัวเล็กก็ได้แต่ดิ้นไปมา ทั้งเตะขาเพื่อให้ปล่อยตนเอง

“อย่าปล่อยจนกว่าฉันจะลงไปถึง” สายลมยังสั่งซ้ำ

“ครับ”

เสียงเด็กน้อยร้องประท้วงในลำคอไม่ได้ทำให้สายลมหยุด ชายหนุ่มกลับเข้าห้องแล้วเปิดประตูหน้าห้องออกมา เดินลงบันไดอย่างใจเย็นทั้งยิ้มกระหยิ่ม จนมาโผล่ที่สวนกลับเห็นเจ้าหนุ่มที่เขาออกคำสั่งให้จับตัวเด็กไว้ยืนอยู่กับบิดาของเขาแทนเสียอย่างนั้น

“เล่นอะไรกันน่ะ สายลม?”

เมื่อบิดาเอ่ยถาม สายลมก็อ้ำอึ้ง แววจับผิดมองมาที่เขา จึงต้องทำเฉไฉ

“แค่อยากทำความรู้จักน้องชายคนเล็กของบ้าน ก็แค่นั้นครับ”

“ด้วยการให้คนจับตัวน้องไว้?” อัลเบิร์ตกอดอกมองลูกชายหาทางแก้ตัว

“อ่า...” สายลมเกาท้ายทอย เรื่องโกหกเขาไม่ค่อยถนัดนัก ยิ่งโกหกบิดาบังเกิดเกล้ายิ่งยากเข้าไปใหญ่

ชายหนุ่มหันไปปัดมือให้เจ้าหนุ่มคนนั้นออกไป อีกฝ่ายคำนับรับคำแล้วจึงหลบฉาก เขาไม่ค่อยจะคุ้นหน้าเจ้านี่สักเท่าไร ท่าทางจะเป็นบอดีการ์ดรุ่นใหม่ของเฟอร์ริงตันกระมัง

“ลมจะทำอะไร?” อัลเบิร์ตเอ่ยถามเมื่อบุคคลที่สามออกไปแล้ว

“ไม่มีอะไรหรอกครับ พ่อ อย่างที่บอก ผมแค่อยากทำความรู้จัก แต่น้องก็วิ่งหนีผม” เขาไม่ได้โกหกนา น้องมันวิ่งหนีไปจริง ๆ

“หนวดเคราก็รู้จักโกนซะบ้างสิ ผมเผ้าไว้ยาวไปทำไมหนักหนา เหมือนคนป่าคนดง”

มือของบิดาเอื้อมมาจับผมที่เริ่มยาวไม่เป็นทรง เพราะตั้งแต่คราวที่ไปตัดกับเดวาและรูส เขาก็ไม่ได้ตัดมันอีก เพราะไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรแบบนั้น ปล่อยปละมันมาเป็นเวลานานจนถูกบิดาบ่นเอาอยู่อย่างนี้

เมื่อกลับขึ้นห้องมา สายลมก็เดินไปที่กระจกบานใหญ่ มองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกแล้วลูบคางลูบเครา ตาคมหรี่ลงเล็กน้อยอย่างพินิจพิเคราะห์ เรื่องอะไรเขาจะต้องตัด เจ้าแมวเหมียวนั่นจะกลัวเขาก็ช่างประไร เก็บไว้อย่างนี้ล่ะ คราวหน้าจะได้ไม่กล้าหือกับเขา

“ฉันไม่ยอมง่าย ๆ หรอก เจ้าเหมียว”


......


ช่วงสายของวันต่อมา แมวน้อยของสายลมก็เข้ามาในห้อง เจ้าตัวเล็กโผล่หน้าเข้ามามองด้านในก่อนเพื่อความปลอดภัย ก่อนหันกลับไปมองด้านหลังอย่างระแวง

เมื่อเข้ามาด้านใน เจ้าตัวเล็กก็ตรงไปที่เตียงนอน แต่แล้วบนโต๊ะหัวเตียงกลับไม่มีแก้วใส่ดอกไม้ตั้งอยู่เช่นทุกวัน เมื่อวานเขาฝากแม่บ้านที่ขึ้นมาทำความสะอาดห้องของสายลมเอามาวางไว้ เพราะไม่กล้ามาเองหลังเกิดเรื่อง สรุปแล้วแม่บ้านไม่ได้เอามาหรือ

ร่างเล็กหันรีหันขวาง ชะเง้อชะแง้มองหาเผื่อแม่บ้านจะเอาไปตั้งไว้ที่อื่น ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยทักมาจากด้านหลัง

“หานี่อยู่เหรอ?”

แมวน้อยค่อย ๆ หันมาจนกระทั่งเห็นว่าแก้วดอกไม้ของตนลอยอยู่ตรงหน้าก็ตาโต แต่เมื่อเหลือบขึ้นมองคนถือ ใบหน้าเรียวก็ซีดเผือด ตากลมกลอกมองซ้ายขวา แต่ก่อนที่เจ้าแมวน้อยนั่นจะวิ่งหนีไปอีก สายลมก็คว้าหมับจับต้นแขนแล้วดึงกลับมากักไว้ในอ้อมแขนของตน ปลายจมูกโด่งเฉียดแก้มใสเมื่อเขาก้มลงกระซิบจากด้านหลัง

“เมื่อวานทำแสบนักนะ”

เสียงกระซิบทำให้เด็กในอ้อมแขนตัวสั่น นี่กลัวเขาจริง ๆ หรือ ชักไม่เข้าใจ กลัวเขาแต่เอาดอกไม้มาให้เขาทุกวันนี่นะ ช่างขัดกันเสียจริง

“ถ้ากลัวฉันขนาดนั้น ทำไมต้องเอาดอกไม้นี่มาให้ฉันทุกวัน?”

แก้วบรรจุช่อดอกไม้ชูขึ้นมาในระดับสายตา เด็กเบือนสายตาหลบทำให้สายลมค่อยหมุนกายผอมบางนั้นให้หันมาหา ตากลมมองเขาหวั่น ๆ เมื่อได้จ้องมองกันอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว สายลมกลับรู้สึกเคยคุ้นกับแววตาของเด็กน้อยคนนี้อย่างประหลาด เขาไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมว่าแววตาคู่นี้เหมือนกับใครอีกคน

“รูส...”

ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้คิดไตร่ตรองสักนิดเมื่อรั้งร่างน้อยนั้นเข้ามากอด เด็กยืนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขน แต่เขากลับไม่อยากปล่อย แม้แต่ความรู้สึกนี้ก็ยังเหมือน เขาต้องบ้าไปแล้วเป็นแน่ถึงได้คิดอะไรแบบนี้ จะเป็นคนเดียวกันไปได้อย่างไร

“จะให้ทำยังไงถึงจะเริ่มใหม่อย่างที่เธอบอกได้ ฉันมองไม่เห็นทางเลย รูส”

สายลมพึมพำอย่างร้าวรอน เจ้าแมวน้อยยอมให้เขากอดโดยไม่ดิ้นหนี ทั้งมืออุ่น ๆ ยังยกลูบแผ่นหลังกว้างราวจะปลอบโยน นั่นทำให้สายลมรู้สึกตัว ค่อยดันเจ้าตัวเล็กออกจากอ้อมกอดเบา ๆ

“ขอโทษ ฉัน... ทำอะไรบ้า ๆ”

ตากลมช้อนมองเขา ก่อนเจ้าตัวเล็กมันจะก้มลงแล้วส่ายหน้าอย่างไม่ถือโกรธ ความเงียบบังเกิดเมื่อต่างก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ สายลมวางแก้วในมือที่ถือค้างลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับมาหาร่างเล็กที่ยังคงก้มหน้านิ่ง

“ช่วยเงยหน้าขึ้นมาได้ไหม?”

คำขอของเขาไม่ได้รับการตอบรับในทันที เมื่อเด็กน้อยยังคงนิ่งอยู่ แต่เขาก็รออย่างใจเย็น รอจนเด็กมันยอมเงยหน้าขึ้นมามอง เช่นนั้นสายลมจึงได้พินิจดวงหน้าของอีกฝ่ายอย่างถ้วนถี่ คนสองคนที่เขากำลังนึกเปรียบเทียบไม่ได้เหมือนกันทุกกระเบียด แต่ความรู้สึกที่มีมันกำลังบอกเขาว่าใช่ หรือเขาเพียงหลอกตัวเองว่ามันใช่กันแน่

“ฉันยังจะถามคำถามเดิม... เธอชื่ออะไร?”

คำถามของสายลมทำให้เด็กน้อยมีท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมาจับมือเขาหงายขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วเขียนบางอย่างลงไปบนนั้น

‘ตะวัน’

สายลมนิ่งอึ้ง การกระทำทุกอย่างก็เหมือนรูส ให้ความรู้สึกที่ไม่ต่างกันเมื่อถูกสัมผัสเช่นนี้ และแม้แต่ชื่อ... ก็ไม่ได้ต่างกันเลย

‘ชื่อรูสก็แปลว่าแสงสว่างเหมือนกัน’

เสียงของเด็กดื้อที่เขาไม่เคยลืมดังขึ้นมาในหัว รูสเคยบอกเขาเมื่อตอนคุยกันเรื่องชื่อของนายซานินและนายลามุ ว่าชื่อของตนเองนั้นก็มีความหมายว่าแสงสว่าง เช่นเดียวกับชื่อของปู่ทั้งสองที่หมายถึงดวงอาทิตย์และรุ่งเช้า

สายลมมองมือตนเองที่ปลายนิ้วเรียวค่อยยกขึ้นเมื่อเขียนเสร็จ เขากำมือเข้าหากันทำให้รวบปลายนิ้วนั้นไว้ในอุ้งมือ รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายสะดุ้ง เมื่อสายตาคมเงยมองก็เห็นว่าเจ้าตัวเล็กมันหน้าเสีย ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะค่อยขยับเอื้อนเอ่ย

“จับได้แล้ว ไอ้ดื้อ”


......


เช้าวันใหม่ สายลมลงมาชั้นล่างแล้วได้พบกับหนุ่มที่บิดาเคยบอกว่าเป็นครูสอนพิเศษให้เจ้าแมวน้อยของเขา ชายผู้นั้นเดินตามพ่อบ้านไปที่สวน เขาจึงได้เดินตามไปห่าง ๆ

อัลเบิร์ตอยู่ที่ศาลากลางสวนด้วยเมื่อเขาไปถึง สายลมเผลอระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองทำอะไรแปลก ๆ เวลานี้บิดาของเขาทำหน้าที่ดูแลทุกคนในครอบครัว ขณะที่บิดาอีกคนอย่างอเล็กซานเดอร์ก็คอยให้คำปรึกษาเรื่องธุรกิจกับเซย์และเขา พวกท่านเคยวางแผนว่าจะไปปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ฝั่งตะวันตกตอนใต้ของประเทศอังกฤษ สถานที่ที่ประกอบไปด้วยเมืองเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายสิบเมืองด้วยกัน สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์และสวยงาม บ้านเดิมของย่าอาเมเลีย มารดาของอเล็กซานเดอร์ที่เสียไป แต่ก็ยังไม่ได้ทำอย่างที่คิดเอาไว้เมื่อยังคงห่วงทางนี้ เซย์เองก็ไม่อยากให้ทั้งสองไปอยู่ไกล เพราะหากไปกันหมดก็คงเหลือเซย์อยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ลำพัง

ยืนมองรอยยิ้มแมวน้อยแล้วสายลมก็ยิ้มบาง แม้จะยังไม่มั่นใจนักว่าใช่ แต่ความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ในอกมันทำให้เขาไม่อยากห้ามใจ ความรู้สึกโหยหาที่มีเมื่อได้สัมผัสชิดใกล้ก็เหมือนถูกเติมเต็ม ความรู้สึกเช่นนี้มันหลอกกันได้หรือ เขาต้องพิสูจน์อย่างไรว่ามันไม่ใช่เพียงความต้องการตามสัญชาตญาณดิบที่มี ชายหนุ่มกลับเข้าคฤหาสน์เมื่อคิดว่าเซย์อาจช่วยทำให้ความรู้สึกที่มีต่อเจ้าเหมียวน้อยนั้นกระจ่างขึ้น

“ฝนท่าจะตก ฤษีจะออกจากถ้ำ” เซย์ล้อเลียนพี่ชายด้วยความขบขัน เมื่อวันนี้กลายเป็นสายลมเองที่มาชวนเขาออกไปท่องราตรีกัน

“จะไปไม่ไป?” สายลมปรายมองน้องที่ท่ามากอยู่นั่น

“ของมันแน่ เดี๋ยวชวนเอวานไปด้วย รอสักครู่นะครับท่านฤษี” ยังไม่เลิก

“......” สายลมถอนใจ มันจะได้เรื่องไหมนี่

เมื่อเซย์โทรชวนพี่ชายคนโตโดยอ้างชื่อสายลมทำให้ฝ่ายนั้นไม่ปฏิเสธที่จะไปด้วย หากเขาบอกว่าอยากไปเอง เอวานคงไม่สน ก็เขามันชอบแบบนั้นอยู่แล้วทำให้เอวานเบื่อที่จะไปนั่งดูเขาป้อสาว คนมันขี้อิจฉาก็อย่างนี้แหละหนา

สองหนุ่มออกจากคฤหาสน์มาเมื่อแสงตะวันจะลาลับ รถยนต์มาจอดรอท่าโดยมีบอดีการ์ดนั่งไปด้วยเพื่อรักษาความปลอดภัย สายลมที่กำลังจะขึ้นรถหันมามองด้านหลังเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนมอง เห็นเงาคนผลุบหายไปหลังมุมมืดของต้นเสาก็ชักลังเลว่าควรจะไปเที่ยวอย่างที่ตั้งใจไว้ดีหรือไม่

“เฮ้ ขึ้นรถสิ สายลม ทำอะไรอยู่?”

เสียงเซย์ที่เอ่ยเรียกทำให้สายลมต้องละสายตาจากเงาคนในมุมมืดนั้นมาขึ้นรถอย่างตัดใจ ในเมื่ออยากรู้ก็ต้องลองดูสิน่า

ร่างที่หลบมุมค่อยก้าวออกมาเมื่อรถคันที่สายลมและเซย์นั่งเคลื่อนตัวออกจากหน้าคฤหาสน์ไป ตากลมหม่นแสงเมื่อชะเง้อมองตาม สองคนนั้นจะไปไหนกันนะ...


...
ต่อด้านล่างค่ะ  :m1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2018 21:55:10 โดย wanmai »

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
รออยู่ค่อนคืน กว่าสายลมและเซย์จะกลับมา เสียงรถที่ดังมาจากหน้าคฤหาสน์ทำให้เจ้าตัวเล็กลุกขึ้นชะเง้อคอยาว เมื่อเห็นรถใกล้เข้ามาก็รีบไปหาที่ซ่อนเพื่อมองสายลมอยู่ไกล ๆ สองหนุ่มเปิดประตูลงจากรถมา เซย์ท่าทางเมามายแต่ก็ยังพยุงกายได้อยู่ ขณะที่สายลมยังไม่แสดงอาการใดให้เห็น แต่ก็คงเมาไม่ต่างจากเซย์

จมูกโด่งรั้นขยับฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นแปลก ๆ กลิ่นที่ติดตัวสายลมมาทำให้เด็กน้อยหน้าหมองลง กายผอมหันกลับ เดินคอตกกลับห้องของตนเองไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก

สายลมขึ้นมาบนห้องนอน โยนสูทลำลองที่ใส่ไปเที่ยวคลับไว้แถวโซฟาแล้วเข้าไปอาบน้ำ ร่างกายเขาเครียดเกร็งแต่ก็ยังไม่มากพอที่จะปลดปล่อย ร่างสูงใหญ่ก้าวออกมาสวมเสื้อคลุมแล้วผูกเอวไว้เพียงหมิ่นเหม่ ก่อนจะออกไปนอกระเบียงเพื่อสูดอากาศ ในไนท์คลับมีแต่มลภาวะ ทั้งเสียงและกลิ่น โดยเฉพาะกลิ่นน้ำหอมที่ติดกายเขามา ทำให้ต้องอาบน้ำชำระมันออก

ดวงตาคมหรี่ลงเมื่อเพ่งมองบางอย่างที่ศาลากลางสวน ดึกป่านนี้แล้วยังมีใครนั่งอยู่ที่นั่นอีกหรือ กายหนาหมุนกลับเพื่อก้าวเข้าห้องก่อนจะลงมาด้านล่าง คนของเฟอร์ริงตันคำนับเมื่อเขาเดินผ่านไปที่สวน เสียงฝีเท้าของเขาคงทำให้คนในศาลารู้สึกตัว เมื่อร่างนั้นผุดลุกจะหนีไป เขาก็รีบคว้าตัวไว้ทันที เป็นอย่างไรกันถึงหนีเขาได้ตลอดนะ เด็กคนนี้

“จะหนีไปไหนอีก เด็กใจร้าย” เขาเอ่ยพ้อ เด็กในอ้อมแขนยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อเขาก้มลงมาใกล้ลำคอระหง “ฉันจำเธอได้นะ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนก็ไม่มีทางลืมหรอก รูส...”

เพียงชื่อนั้นเอ่ยพ้นริมฝีปาก ร่างน้อยในอ้อมแขนก็เริ่มออกฤทธิ์ พยายามจะแกะแขนของเขาออกให้ได้ เมื่อดิ้นมากนัก สายลมจึงคลายอ้อมแขนแล้วเปลี่ยนมาจับบ่าเล็กก่อนหมุนให้หันมาเผชิญหน้า มองแววตาหวาดหวั่นของเด็กตรงหน้าแล้วสายลมก็รู้สึกจุกในอก แววตาแบบนี้เขาจะลืมได้อย่างไร

“เธอใช่ไหม... รูส?”

“......” เจ้าตัวเล็กส่ายหน้า หลบสายตาเขาแล้วตั้งท่าจะหนีลูกเดียว

“อย่ามาโกหก ทรมานฉันไม่พออีกเหรอ ฉันทำอะไรผิดทำไมต้องจากฉันไป ลูห์บอกไม่ให้ฉันเฝ้ารอ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อรู้สึกตัวทีไรฉันก็รอเธออยู่ทุกวัน ไม่ว่าตอนหลับหรือตื่น”

แววตาเจ็บปวดของสายลมทำให้ตะวันน้อยนิ่งไป ริมฝีปากรูปกระจับเม้มเข้าหากันก่อนจะส่ายหน้าแรงขึ้น พยายามดันตัวสายลมออกห่าง แต่มือหนาที่จับต้นแขนเอาไว้ทำให้ขัดขืนลำบาก จึงได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ หน้าตาบิดเบ้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“ทำไมต้องปฏิเสธ หรือมีแค่ฉันที่คิดถึงเธอจนแทบบ้า มันเจ็บจะขาดใจรู้บ้างไหม รูส หยุดทรมานฉันสักที ไอ้ดื้อ ฉันจะขาดใจตายแล้วรู้ไหม?”

ใบหน้าเรียวเบือนไปทางอื่น ไม่อยากมองสีหน้าของคนพูดที่ฟ้องว่าจะขาดใจเข้าจริง ๆ มือหนาช้อนคางมนให้หันกลับมามองตนเอง มองจ้องตากลมนิ่งนาน เขาจะลืมได้อย่างไรแววตาแบบนี้

สายลมค่อยโน้มลงหา ริมฝีปากแตะกลีบปากนุ่มราวมีสิ่งดึงดูด แขนแกร่งรวบกอดร่างน้อยแน่นขึ้นเมื่อบดเบียดกลีบปากสวย ลิ้นร้อนกระหวัดรัดลิ้นเล็กจนร่างกายเด็กน้อยสั่นระรัวในอ้อมแขน และยิ่งสั่นมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับความร้อนผ่าวภายใต้เนื้อผ้าที่ดุนดัน

มือเรียวกำเข้าหากันแล้วดันไหล่สายลม พยายามจะเบี่ยงหน้าหนีแต่ริมฝีปากหยักยังตามประกบ รวบดูดปลายลิ้นลื่น ตักตวงความหวานจนพอใจถึงได้ยอมปล่อยกลีบปากนุ่มเป็นอิสระ แต่มันก็ดูเย้ายวนจนต้องบดเบียดซ้ำลงไปอีกครั้ง

“คิดถึงเหลือเกิน... รูส”

ตากลมเบิกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงพร่าสั่นแว่วดังข้างหู มือเรียวยกดันตัวอีกคนออกห่าง ด้วยไม่ทันตั้งตัวทำให้ร่างนั้นเซถอย ก่อนขาเรียวจะออกวิ่งหนีหายไปทางตึกเล็ก

“รูส!!”

สายลมร้องเรียกแต่ไม่อาจวิ่งตาม พรูลมหายใจแรงเมื่อหลุบสายตามองสภาพของตนเอง เขาคงต้องอยู่อย่างนี้สักพักจนกว่ามันจะสงบถึงกลับขึ้นห้องได้ ตอนนี้ต่อให้ไม่แน่ใจก็ต้องแน่ใจแล้วว่า ความรู้สึกที่มีต่อเด็กคนนั้นมันมากมายจริง ๆ


......


สวนสวยของเฟอร์ริงตันในยามเช้า อเล็กซานเดอร์พาบิดาลงมาเพื่อสูดอากาศ และเปลี่ยนสถานที่ทานอาหารเป็นศาลาหลังสวยโดยมีอัลเบิร์ตคอยจัดการเรื่องอาหารการกินให้ สายลมและเซย์ที่ไม่ได้ออกไปทำงานที่บริษัทเนื่องจากวันหยุดจึงได้ร่วมวงพร้อมหน้า ผู้เป็นบิดาให้โทรไปชวนเอวานกับเด็กในปกครองมาด้วยตั้งแต่เมื่อวาน แต่รายนั้นถูกคุณยายงอนที่ไม่ค่อยจะมีเวลาอยู่บ้านช่อง จึงต้องอยู่เอาใจคนแก่ ทำให้สามทหารเสือไม่ได้อยู่จนครบองค์

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีลูกแมวน้อยมาแทนอีกหนึ่ง ตะวันน้อยช่างดูแลไม่ต่างจากอัลเบิร์ต ทำให้วิคเตอร์เอ็นดูเด็กมันไม่น้อย ชายชรานึกถึงเมื่อก่อนที่หลาน ๆ ของตนยังเด็ก แถมตะวันยังให้ความรู้สึกคล้ายว่ามีเดวาหลานรักมาอยู่ด้วย ทำให้วิคเตอร์ชอบพูดคุยกับเด็กน้อยคนเดียวในบ้านนัก

เจ้าตัวเล็กมีกระดานส่วนตัว เวลาคุยกับวิคเตอร์จะได้ไม่ต้องควานหาสมุดปากกา พื้นฐานภาษาอังกฤษมีไม่มาก เมื่อยังไม่เก่ง ตะวันจึงใช้ท่าทางเข้าช่วย วิคเตอร์ก็เข้าใจ จึงค่อย ๆ พูดให้เด็กมันฟังช้า ๆ ทำแบบนี้ทุกวัน เด็กมันก็เรียนรู้ได้ไวขึ้น

สายลมมองแมวน้อยที่คุยเล่นกับผู้เป็นปู่แล้วริมฝีปากหยักก็เผยยิ้มน้อย ๆ มองอยู่นานจนคนอื่นเริ่มจับสังเกตได้ แม้แต่วิคเตอร์เองก็ยังรู้สึก ทำให้ชายชรากระแอมเบา ๆ เพื่อเรียกสติหลานชายที่มันลอยออกจากร่างมาหาเด็กน้อยข้างกายตน

เห็นว่าปู่กระแอมกระไอ สายลมจึงหันไปยกถ้วยน้ำชามาให้ปู่ดื่มกลั้วคอ ปู่อาจจะคอแห้ง จิบน้ำสักหน่อยจะได้ดีขึ้น มองการกระทำของลูกชายแล้วอัลเบิร์ตก็แอบขำ เป็นเอามากจริง ๆ

รอบกายวิคเตอร์ในเวลานี้เต็มไปด้วยลูกหลาน ทำให้เขารู้สึกสุขใจไม่น้อย เมื่อก่อนเขาไม่เคยจะฟังคำใคร ทำเรื่องผิดพลาดเอาไว้เสียมากมาย คุณอัญชัน อดีตภรรยาของเขาช่วยให้ได้มองเห็นความเป็นจริง เธอบอกว่าคนอย่างเขาคงได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวหากยังทำตัวแบบที่ผ่าน ๆ มา เขายังโชคดีที่กลับตัวได้ทัน อลันลูกชายคนเล็กที่เกิดกับอดีตภรรยาเช่นคุณอัญชันยอมที่จะเปิดใจให้เขามากขึ้น อเล็กซานเดอร์เองเมื่อมีอัลเบิร์ตอยู่ข้างกายก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและลูกก็ดีขึ้น เข้าใจกันมากขึ้นกว่าเดิม

ชายชราถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของครอบครัวอัลเบิร์ต ซึ่งอีกฝ่ายก็เล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้ม ไม่นานนักอาหารเช้าก็ถูกยกมาวางจนพร้อมสรรพ ทุกคนจึงได้เริ่มจัดการกับอาหารบนโต๊ะ

สายตาทุกคู่ลอบสังเกตสายลมอยู่ตลอด คงมีแต่ตะวันที่นั่งกินไปเงียบ ๆ โดยไม่รู้เรื่องกับคนอื่นเขา เมื่อต่างพากันคอยสังเกตอาการ แม้สายลมจะทำไม่สนใจเพราะคงรู้ตัวว่าถูกจับจ้อง แต่ก็มีเผลอมองเจ้าตัวเล็กบ้างจนทั้งโต๊ะแอบยิ้มแล้วพยักพเยิดกัน

สายลมรู้ตัวว่าทุกคนกำลังจับจ้องเขา คงคิดว่าเขาเล็งเจ้าตัวเล็กนี่มาดามใจ เขาไม่คิดจะแก้ความเข้าใจผิด เพราะจะบอกใครได้ว่าเขาคิดว่ารูสกับเจ้าตะวันน้อยนี่เป็นคนเดียวกัน ในเมื่อไม่มีอะไรเหมือนกันสักนิดนอกจากความรู้สึกของเขาที่ว่ามันใช่ คงไม่มีอะไรมายืนยันกับทุกคนได้ ใช้เรื่องลี้ลับมาบอกก็คงดูตลก ปล่อยให้คิดกันแบบนั้นไปก็ดีแล้ว จะได้สบายใจว่าเขาไม่จมอยู่กับอดีตจนเดินหน้าต่อไปไม่ได้

หลังอาหารคาว ตะวันน้อยก็ลุกไปเพื่อช่วยคนในครัวจัดของหวาน สายลมตามน้องเข้าครัวมา เห็นกำลังจัดแจงของใส่ถาดช่วยแม่บ้านอยู่ จึงเดินเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังแล้วเอื้อมมาช่วยหยิบของ เด็กน้อยชะงักเมื่อมีมือใครอีกคนเอื้อมมาหยิบขนมตัดหน้าตนเอง ก่อนหันมามองเจ้าของมือนั้น

“ให้พี่ช่วยไหม... ตะวัน”

เน้นคำว่าตะวันจนน่าหมั่นไส้ เด็กเดินเลี่ยงไปทำอย่างอื่นเมื่อมีคนอาสาจะช่วยทำ สายลมมองตามแล้วยิ้มมุมปาก จัดขนมชิ้นเล็กชิ้นน้อยบนโต๊ะใส่ถาด กลายเป็นว่าสองหนุ่มนี่มาแย่งงานในครัวทำเสียอย่างนั้น

เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้วสายลมจึงเรียกแม่บ้านให้ยกถาดออกไปที่สวน เจ้าตัวเล็กจะตามออกไปด้วย เขาก็เข้าไปขวางไว้ ทำให้เด็กเงยขึ้นมามองตาคว่ำ

“จะเป็นตะวันไปอีกนานแค่ไหนกัน รูส?”

‘ไม่เห็นรู้เรื่อง’ เด็กขยับปากขมุบขมิบ

“หมั่นไส้”

ว่าแล้วก็บีบจมูกเด็กหัวดื้อ เจ้าตัวเขาดึงมือออกทั้งทำเสียงในลำคอประท้วง

“ก็ได้ อยากเป็นตะวันก็ได้ เล่นสนุกพอเมื่อไรก็บอกด้วยล่ะ” สายลมว่า จะยอมเล่นไปตามเกมให้ก็ได้ เจ้าดื้อ

‘ไม่ได้อยากเป็น แต่เป็นอยู่แล้วต่างหาก’

“เถียงคำไม่ตกฟาก” เขกหัวเด็กด้วยความมันเขี้ยวเหลือจะรับ ก่อนจะคว้ามือแล้วพาเดินออกไปด้วยกัน

สายตาทุกคู่ในศาลาสีขาวมองมาเมื่อทั้งคู่เดินพ้นตัวตึก ก่อนจะส่ายหน้ากับการออกตัวแรงของไอ้หนุ่มผมยาว


......


สายลมเลือกปิดตาข้างหนึ่งเพื่อเชื่อในสิ่งที่ตนเองอยากเชื่อ การวางตัวในฐานะพี่ชายคนรองของบ้านกับน้องตะวันตัวน้อยดูจะลำบากสักหน่อยสำหรับเขา ในเมื่อใจมันคิดไปแล้วว่าเด็กคนนี้คือรูส แล้วจะให้เขาทำนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรได้หรือ

เจ้าตัวเล็กก็คอยแต่จะปฏิเสธทุกทีว่าไม่ใช่ หนีได้ก็หนี ด้วยความที่เป็นเด็กในอุปการะของบิดาทำให้สายลมไม่สามารถทำอะไรได้ถนัด แล้วแบบนี้จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เขาเชื่อมั่นมันคือความจริงหรือเพียงหลงเพ้อ

“จะกลับเกาะเหรอ สายลม?”

อัลเบิร์ตทวนถามเมื่อลูกชายมาบอกว่าจะกลับเกาะศิลาแล้วในวันหนึ่ง รู้สึกใจหายเหมือนกันที่จะไม่ได้เห็นหน้าลูกทุกวัน อเล็กซานเดอร์ชอบว่าเขาติดลูก แต่จะทำอย่างไรได้ ก็มีกันอยู่แค่นี้

“ครับ ผมมาก็นานแล้ว คงต้องกลับไปสักที”

“อยู่ที่นี่ไม่มีความสุขหรือไง?”

สายลมอมยิ้มเมื่อบิดาแกล้งพ้อ “อยู่กับพ่อ ผมมีความสุขเสมอครับ มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าผมเป็นเด็กกำพร้าธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกับเกาะศิลา และ... ไม่ได้ผูกพันกับใครที่เกาะแห่งนั้น”

“พูดนิดเดียว ตอบกลับมาซะเยอะ” อัลเบิร์ตหัวเราะ “เอาเถอะ พ่อไม่ห้ามหรอก ถ้าทำอะไรแล้วลมสบายใจ พ่อก็สนับสนุน แต่ถ้ารู้สึกว่ามันไม่ไหวก็กลับมา บ้านหลังนี้ยังยินดีให้ลูกกลับมาพักพิงจนหายเหนื่อย”

สายลมขอบคุณบิดาทั้งสอง ก่อนปรายมองตะวันน้อยที่นั่งตัวลีบร่วมวงสนทนา มุมปากหยักยกยิ้มก่อนเบือนมาหาบิดาตนแล้วเอ่ยขึ้น

“พ่อจะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผม... อยากพาน้องไปเที่ยวที่เกาะด้วย”

อัลเบิร์ตเลิกคิ้ว นึกอย่างไรมาชวนเด็กในอุปการะของเขาไปเที่ยวเกาะ ใช่ว่าจะไม่สังเกต พักหลังมานี้ตั้งแต่ได้ทำความรู้จักกับตะวัน สายลมดูจะสดชื่นขึ้น รอยยิ้มที่เคยยิ้มเพียงปากก็กลับดูไม่ฝืนอย่างเคย เขาเลี้ยงสายลมมา ทำไมจะไม่รู้ว่าลูกกำลังให้ความสนใจกับตะวันตัวน้อย แต่ดูเหมือนเด็กมันจะไม่เล่นด้วยเท่าที่ควรนี่สิ

เมื่อหันมามองเด็กผู้เป็นหัวข้อสนทนา เจ้าหนูทำตาโตแล้วส่ายหน้าหวือให้รู้ว่าไม่อยากไป รอยยิ้มเอ็นดูปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ก่อนหันมาทางลูกชายที่ขึงตาทำหน้าดุน้อง

“เรื่องนี้คงต้องถามความสมัครใจของน้องเอง พ่อแล้วแต่ตะวัน”

คำพูดของอัลเบิร์ตทำให้ทุกสายตาหันมามองเด็กน้อยคนเดียวในที่นั้น เด็กมันอึกอัก รู้สึกกดดันเมื่อถูกโยนมาให้ตัดสินใจ

“ว่าไง ตะวัน?” สายลมกระตุ้นถาม

เจ้าหนูอยากจะปฏิเสธ แต่ก่อนจะทันได้ทำเช่นนั้น เซย์ก็แทรกขึ้นมาเมื่อเห็นท่าว่าพี่ชายตนกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“ไปไหมตะวัน ถ้ากลัวสายลมกัด เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน น่าสนุกออกนะ ไปเที่ยวทะเลกัน”

คนพูดยิ้มเยือน พยักหน้าให้น้องน้อยตอบรับคำชวน นั่นทำให้คนถูกชวนแกมบังคับลำบากใจยิ่งกว่าเดิม ว่าจะปฏิเสธออกไปแล้ว แต่เซย์มาพูดแบบนี้ ทำให้ปฏิเสธลำบากเข้าไปอีก

“อย่ากดดันน้อง” อัลเบิร์ตดุพ่อหนุ่มนัยน์ตาฟ้า คนถูกดุกลอกตาไม่รู้ไม่ชี้ “อาแล้วแต่ตะวันนะ ไม่อยากไปก็บอก ไม่ต้องกลัวหรอก ใครจะทำอะไรตะวันบอกอา อาจะจัดการให้”

สองพี่น้องหันมองหน้ากันเมื่ออัลเบิร์ตพูดกับเด็กมันแบบนั้น เอาแล้วไง มีคนหนุนเต็มประตูอย่างนี้ท่าจะยากเสียแล้วสิ

เด็กหันมาทางสายลมที่รอฟังคำตอบ หัวกลมส่ายไปมาเป็นการปฏิเสธ ไม่ยอมไปกับเขาแน่นอน

“ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากให้เธอไปเปิดหูเปิดตา อยู่แต่ในเมือง ไม่ได้เจอธรรมชาติสวย ๆ กับเขา...” ถึงจะผิดหวังหน่อย ๆ แต่สายลมก็เลือกจะกลบเกลื่อนไปเช่นนั้น “พรุ่งนี้ ถ้าเปลี่ยนใจก็บอก”

สายลมยังเปิดทางเผื่อมีหวัง แต่เจ้าหนูนั่นกลับส่ายหน้าอีกทำให้เขากัดฟัน ก่อนจะชะงักเมื่อบิดามองมา สีหน้าเหมือนจะกินหัวน้องจึงเปลี่ยนมายิ้มให้บิดาเหมือนไม่มีอะไร แต่พอหันมาสบตากับเซย์ก็ต่างพากันทำหน้าพิกล

นี่มันอัลเบิร์ต คาร์ล หรือ จงอางหวงไข่ ดุจริงครับ คุณพ่อ!



“งานนี้ไม่ง่าย”

เซย์เอ่ยขึ้นเมื่อได้อยู่กับผู้เป็นพี่ตามลำพัง สายลมกำลังเก็บของ ข้าวของก็ไม่มีอะไรมาก มีของใช้ประจำตัวไม่กี่อย่าง แล้วก็กล่องไม้ของรูสที่นำติดตัวมาด้วย เลยไม่อยากให้ใครมายุ่มย่าม

“อาอัลหวงเบบี๋ตะวันเหมือนเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ ในขณะที่พี่เป็นเด็กข้างบ้านที่จะมาจีบลูกเขา” นี่ก็เปรียบเทียบเสียเห็นภาพ “แล้วนี่พี่จะเอาไงต่อ จะยอมแพ้กลับไปนั่งเลียแผลใจที่เกาะ?”

สายลมปรายมอง บางทีเขาก็เกลียดเซย์ อย่างที่เคยบอกว่าเซย์ไม่น่าโตเลย ตอนนี้เขาก็ยังยืนยันคำเดิม

“สายลม ผมรู้ว่ามันคงทำใจลำบากกับเรื่องที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เด็กคนนั้นไม่อยู่แล้วนะ” เซย์ตัดสินใจพูดในสิ่งที่รู้ดีว่าจะกระทบใจผู้เป็นพี่ “ถ้าตะวันจะทำให้พี่เดินหน้าต่อได้ ผมก็ไม่อยากให้พี่ถอดใจแล้วกลับไปจมอยู่กับความทุกข์อีก”

“ใครว่าฉันจะถอดใจ?” สายลมย้อนถาม

“อ้าว” คนเป็นห่วงถึงกับงง ไม่ได้คิดถอดใจ แต่กำลังจะกลับเกาะศิลาไปไม่ใช่หรือ?

“เรื่องนี้นายคนเดียวอาจลำบากหน่อย” สายลมว่า ขณะที่คนเป็นน้องยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาคิด “ฉันต้องการให้แด๊ดช่วย”

“แด๊ดนี่นะ?”

เซย์ทวนถาม จะให้แด๊ดช่วยอะไร ในเมื่อเด็กอยู่ในความดูแลของอาอัลเบิร์ต แด๊ดหรือจะกล้าหือ แต่มองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนเป็นพี่แล้วเซย์ก็ต้องคิดใหม่ บางทีสายลมอาจมีแผนการดี ๆ ก็เป็นได้


......


วันออกเดินทาง สายลมให้เครื่องส่วนตัวของเฟอร์ริงตันไปส่งแทนการโดยสารเครื่องบินเที่ยวปรกติของสนามบิน อัลเบิร์ตมาส่งลูกยังสนามบินที่จอดเครื่องส่วนตัวของเฟอร์ริงตัน โดยมีอเล็กซานเดอร์กับเซย์และตะวันน้อยตามมาด้วย

“เดินทางปลอดภัยนะ ลม มีโอกาสพ่ออาจจะไปเยี่ยมที่โน่น... พร้อมตะวัน”

บิดาของเขาก็ช่างรู้ใจ สายตาคมเหล่มองเด็กในหัวข้อสนทนา เจ้าแมวน้อยมันมองไปรอบ ๆ โดยไม่ได้หันมาสนใจเขาแม้แต่น้อย

“เขาจะอยากไปเหรอครับ?” สายลมว่า สายตายังคงมองลูกแมวไม่ละไปไหน ไม่หันมามองเขาบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ

อัลเบิร์ตหัวเราะในลำคอ สายลมเป็นคนตรง รู้สึกอย่างไรก็ไม่เคยแสร้งทำเป็นอย่างอื่น เขาในฐานะพ่อ เมื่อลูกมีความสุขก็รู้สึกยินดี แต่เมื่อลูกทุกข์ใจ เขาก็คงเป็นสุขไม่ได้ หากตะวันดวงน้อยดวงนี้จะทำให้สายลมกลับมาเป็นสายลมคนเดิม และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งก็คงดีไม่น้อย เขาไม่ห้ามหวงหากลูกจะมีคนรัก ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ขอให้คนคนนั้นรักลูกของเขาด้วยใจจริงและจะอยู่เคียงข้างกัน ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับอะไรในภายภาคหน้าก็จะไม่ทิ้งกันไปไหน เท่านี้เป็นพอ

“ผมไปนะครับ พ่อ เพราะกว่าจะถึงเกาะคงใช้เวลานานทีเดียว” สายลมละสายตาจากแมวน้อยมาหาบิดาตน เอ่ยลาพร้อมยกมือไหว้

“โชคดี”

กายสูงใหญ่ขยับเข้ามากอดบิดาทั้งสอง ก่อนที่จะผละออกมายิ้มให้กัน เมื่อหันมาทางน้องชาย สายลมก็เอื้อมไปตบบ่าน้องแล้วต่างก็ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ก่อนสายตาจะมาหยุดที่ตะวัน

สายลมมองจ้อง ทำให้เด็กมันไม่รู้จะหันหนีไปที่ไหน เมื่อสายตาคมบังคับให้ต้องเงยมอง ตากลมจึงช้อนขึ้นมองพี่ชายตัวโต

“ฉันจะไปแล้วนะ”

“......” เด็กน้อยพยักหน้ารับรู้

“ไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอ?” สายลมแกล้งถามอีกรอบ เจ้าตัวเล็กก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ

“โอเค...” เขาว่าง่าย

เด็กมันเอียงคอเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีของเขา มือที่ล้วงกระเป๋ากางเกงในท่าสบาย ๆ ค่อยลดลงข้างตัว ตาคมกลอกมองสูงทำให้เด็กมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะร้องในลำคอด้วยความตกใจเมื่อสายลมย่อกายลงแล้วช้อนอุ้ม แขนเรียวผวาเกี่ยวต้นคอเขากันตก

“คิดว่าฉันจะยอมง่าย ๆ เหรอ?” สายลมยิ้มเจ้าเล่ห์ มองตากลมที่กะพริบปริบ ท่าทางสติสตังจะยังกลับมาไม่ครบถ้วนดี

“ขอยืมตัวสักพักนะครับ พ่อ” ตัดสินใจเองเสร็จสรรพ เมื่อเอ่ยขอแล้วสายลมก็พาเด็กในอ้อมแขนออกเดิน ไม่รอฟังคำอนุญาตจากบิดาเลยสักนิด

อัลเบิร์ตมุ่นคิ้ว มองตะวันน้อยที่มองข้ามไหล่สายลมมาขอความช่วยเหลือแล้วเอ่ยเรียกลูกชายตน

“สายลม…”

“ไม่ต้องห่วงครับ จะดูแลให้อย่างดี” สายลมเอ่ยแทรกก่อนที่บิดาจะทันได้พูดทักท้วงอะไรออกมา

“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น... อุ๊บ!”

อเล็กซานเดอร์รั้งตัวคนรักมาชิดพร้อมยกมือปิดปากไม่ให้ขัดขวางลูกชาย อัลเบิร์ตได้แต่ร้องอู้อี้ พยายามจะแกะมือหนานั้นออกแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน ศอกแข็ง ๆ จึงกระทุ้งกลับไปด้านหลัง อเล็กซานเดอร์ตัวงอด้วยความจุกแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งยังโอบเอวอัลเบิร์ตมาชิดมากขึ้นเพื่อไม่ให้มีพื้นที่ว่างระหว่างกันมากพอให้อีกฝ่ายได้ประทุษร้าย

“ขึ้นเครื่องไปเลย ทางนี้แด๊ดจัดการให้” อเล็กซานเดอร์พยักพเยิดกับลูกชายคนรอง เพราะเห็นท่าว่าตนจะทานแรงอัลเบิร์ตไม่อยู่แล้ว

อัลเบิร์ตได้แต่ประท้วงในลำคอ เหลือบไปมองเซย์อย่างขอความช่วยเหลือแต่ก็ดูจะไร้ประโยชน์ เมื่อเจ้าลูกชายคนเล็กก็เป็นพวกเดียวกันกับสายลมและอเล็กซานเดอร์ พยายามจะช่วยคนอื่นแต่เขายังเอาตัวไม่รอดเลยเวลานี้ สามพ่อลูกนี่เล่นอะไรกันไม่รู้ เผด็จการพอกันทุกคน แม้แต่สายลมก็เป็นไปกับเขาด้วย อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ถามความสมัครใจเด็กมันเลยสักนิด บ้าจริง!

ทางด้านเจ้าแมวน้อยที่ถูกอุ้มขึ้นมาบนเครื่องบินก็ไม่อยู่นิ่ง เมื่อสายลมวางร่างน้อยลงบนเบาะก็ใช้มือดันพนักพิงเพื่อกักบริเวณเด็กฤทธิ์เยอะไว้ ขณะที่เครื่องค่อยทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในเวลาต่อมา

“แย่ล่ะ กัปตันนำเครื่องขึ้นบินแล้ว เด็กแถวนี้จะหนีไปได้ยังไงกันนะ?” สายลมแกล้งว่า เผยยิ้มอย่างเป็นต่อ

หน้าตาเด็กมุ่นมุ่ยเมื่อเห็นว่าถูกยิ้มเย้ย มือเรียวยกขึ้นตีแก้มสายลมดังเพียะแบบไม่บอกไม่กล่าว มันไม่ได้เจ็บมากมายอะไร แต่ก็แสบ ๆ คัน ๆ ไม่น้อยเลย

สายลมลูบแก้มตนเองเบา ๆ ก่อนแยกเขี้ยวขู่ แต่เด็กมันไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเขาแล้ว มองตากลมที่มีแววดื้อรั้น สายลมก็ปล่อยความเงียบโรยตัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดกับเด็กตรงหน้าด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่อ่อนลง

“ถ้ายังยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่รูส ก็ช่วยพิสูจน์ให้ฉันเห็นทีว่ามันไม่ใช่ แค่ไปที่เกาะนั่นกับฉัน ฉันจะยอมรับความจริงทุกอย่างและเลิกตอแยเธอ ถ้าฉันแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ใช่รูสจริง ๆ”

การเดิมพันครั้งนี้เขาคิดเพียงว่าต้องเป็นฝ่ายชนะ โดยไม่ได้เผื่อใจว่าถ้าหากตะวันคือตะวัน ถ้าหากตะวันไม่ใช่รูส เขาจะทำเช่นไรต่อไปดี




TBC




ขอบคุณทั้งสองท่านนะคะ บวกค่ะ  :L2:

ปล. ขอบคุณคุณ  O-RA DUNGPRANG ค่ะที่ยังอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้  :กอด1:

อ้างถึง
จริง ๆ เรื่องนี้เคยลงไปจนจบครั้งหนึ่งแล้ว แต่ด้วยความที่ถูกติงมาว่ามันแฟนตาซีเว่อร์วังอลังการดาวล้านดวงจนพาเขาออกทะเลไปไกลมาก เลยหันกลับมามอง และก็เห็นจริงตามนั้น เลยลบไปเพื่อทำการรีไรท์ ลดความแฟนตาซีลง

แต่จนกระทั่งผ่านมา 4 ปี ก็ยังไม่สามารถทำได้ เพราะมันแฟนตาซีมาตั้งแต่รูสถูกยิงทะลุกลางอกแถมจมอยู่ใต้ทะเลแต่ไม่ตายกระทั่งมีลูห์โผล่มาแล้ว เลยรีฯไม่ได้สักที จน 4 ปีผ่านไป ก็ได้มาลงเล้าอีกครั้ง

เนื้อหายังไม่ได้เปลี่ยนไปมาก ยังคงเป็นอันเดิม เพิ่มเติมคือเกลาสำนวนใหม่ มีตัดบางฉาก ปรับบางฉาก และเพิ่มบางจุด แต่โดยรวมก็ยังไม่ต่างจากเดิมนัก

ต้องขอบคุณจริง ๆ นะคะ เรารู้นักอ่านบางท่านตามเรื่องนี้อยู่เงียบ ๆ ก็มี เราจะลงเรื่องนี้ไปจนจบแน่นอน ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
  :pig4:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เอาเป็นว่าถ้าตะวันไม่ใช่รูสก็ไม่เป็นไรแค่ให้สายลมรักตะวันที่เป็นตะวันก็พอแล้วอย่ามองเด็กน้อยเป็นตัวแทนของใครเลย

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1

สายลม ไม่จำเป็นต้องลืมรูส
ขอแค่ให้รับรู้ว่านี่คือ "ตะวัน"

ไม่อย่างนั้น คนที่ต้องเจ็บปวดและเสียใจ
ไม่ได้มีแค่สายลม
 
เป็นกำลังใจให้ตะวัน

ขอบคุณคุณ wanmai
 :L2:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

สายลมห่มตะวัน

บทที่ ๑๙ แพ้คำว่ารัก



สายลมพาเด็กมาที่กระท่อมริมเล เมื่อเครื่องลงจอด ณ เกาะศิลา เจ้าตัวเล็กมองกระท่อมหลังน้อยตรงหน้าอย่างสำรวจตรวจตรา สัมผัสอุ่น ๆ ที่ขาทำให้สะดุ้ง ค่อยหันไปมองที่มาก่อนกระโดดไปเกาะแขนสายลม เมื่อเห็นสิงโตตัวใหญ่ยืนอยู่ข้างกายในระยะประชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจมันขนาดนี้ ตากลมช้อนมองทั้งเขย่าแขนแกร่ง พลางชี้นิ้วไปเพื่อบอกให้ดูว่ามีสิงโตตัวใหญ่อยู่ตรงนั้น แต่อีกคนกลับยิ้มเฉย

“ลูห์ไง จำไม่ได้เหรอ?”

ตะวันน้อยทำหน้างง มองสิงโตตัวใหญ่ด้วยท่าทีหวาดหวั่น ทั้งตั้งท่าจะวิ่งหนีแต่กลับถูกมือใหญ่จับยึดไว้ ได้แต่ดิ้นกระแด่ว ก่อนจะปลิวไปตามแรงรั้งของคนตัวโตที่พาขึ้นกระท่อมไป

“ของสำคัญของเธอ”

กล่องสมบัติของรูสถูกนำออกมาจากกระเป๋าเพื่อส่งให้ตะวันน้อยที่ยืนมึนอยู่กลางห้องนอนจนคนมองทดท้อ ช่วยทำเหมือนว่าคุ้นเคยกับห้องนี้สักหน่อยเถอะ แค่นิดเดียวก็ยังดี

ตากลมมองกล่องไม้นั่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกำมือแล้วเบี่ยงไปหลบด้านหลัง ไม่ยอมรับมันมาดูแต่อย่างใด เห็นแบบนั้นแล้วสายลมก็พาลห่อเหี่ยว

“แค่รับมันไป ยากนักเหรอ?”

“......” เหลือบมองคนเอ่ยพ้อ ก่อนหลุบสายตาลงเมื่อไม่อาจทานความรวดร้าวในแววตาคู่นั้นได้

สายลมพยักหน้าช้า ๆ กล่องไม้ในมือถูกนำไปเก็บที่เดิม บางทีเขาอาจใจร้อนไป น่าจะค่อยเป็นค่อยไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มพยายามปลอบใจตนเอง ก่อนหันกลับมาทางเด็กด้านหลัง

“วันนี้ยังไม่ยอมรับไม่เป็นไร แต่ต่อไปเธอต้องยอมรับมันแน่ ตัวตนของเธอ เธอไม่มีทางหนีมันพ้น”

มองสบสายตาคมแล้วตะวันก็เบือนหนี คนอะไรพูดไม่รู้ฟัง บอกไม่ใช่ยังไม่ยอมเชื่อ เอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้นกัน

สายลมให้เด็กไปอาบน้ำให้สดชื่นหลังจากการเดินทางหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ก่อนนำเสื้อผ้าของรูสไปให้ผลัดเปลี่ยนแล้วพาไปแนะนำให้รู้จักกับหมอปลายฟ้าและนายลามุ ทั้งสองคนข้างต้นดูจะแปลกใจที่เขาพาเด็กแปลกหน้ากลับมาด้วย แต่ก็ยังมีพ่อเฒ่าอาจีฟที่ดูเหมือนจะรู้อยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าใครจะไปใครจะมาบนเกาะศิลาแห่งนี้

เขาพาตะวันน้อยแวะไปหาพ่อเฒ่าที่บ้าน เมื่อไปถึง พ่อเฒ่าก็เรียกเด็กไปคุยด้านในเป็นการส่วนตัว สายลมไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกันบ้าง เพราะหลังจากกลับออกมา เจ้าตัวเล็กก็ดูจะคลายกังวลลงจากเดิมมาก เพราะตอนบังคับให้มาด้วยนี่หน้าคว่ำเชียว คิ้วขมวดจนเขาอยากช่วยแกะปมมันออกให้

“เอ็งเป็นน้องชายรูสเหรอ?”

เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาข้างตัว ตะวันที่ออกมานั่งรอสายลมอยู่หน้าบ้านพ่อเฒ่าหันไปมอง ก่อนพยักหน้าให้เด็กผู้ชายท่าทางเฮ้วซ่ากับเพื่อนอีกสามคนที่ดูท่าจะเป็นลูกสมุน

“ข้าชื่อโต เป็นเพื่อนรูสมัน ถ้าเอ็งมีปัญหาอะไรก็บอกพวกข้าได้ ถึงยังไงเอ็งก็เป็นน้องชายของเพื่อนรักข้า” เจ้าโตบอกอย่างใจกว้าง นั่งลงข้างตะวันน้อยด้วยท่าทีเป็นผู้ใหญ่เกินตัว

“ขอบใจ” ตะวันยิ้มบางเมื่อบอกไป สายลมคงบอกทุกคนว่าเขาเป็นน้องชายรูสกระมัง

“ดีนะที่เอ็งพูดได้ ถ้าเอ็งพูดไม่ได้เหมือนรูสตอนแรก ๆ เห็นหน้าเอ็งแล้วพวกข้าต้องคิดถึงมันขึ้นมาอีกแน่” เจ้าโตว่า

ตะวันเหลียวมองรอบกาย เมื่อไม่เห็นว่าจะมีใครนอกจากตนเองและพวกเจ้าโตจึงคลายกังวลที่จะพูดคุยกับเจ้าพวกนี้เป็นปรกติ

“พวกนายเป็นคนช่วยดูแลดอกไม้พวกนั้นใช่ไหม... ที่หลุมศพรูสน่ะ”

“ใช่ พวกข้าอยากทำอะไรให้มันบ้าง แต่ก็ทำได้แค่นั้นเอง” บอกด้วยสีหน้าเศร้า

“แค่นั้นก็ดีมากแล้ว ขอบใจนะ”

“พูดแล้วข้าคิดถึงมันขึ้นมาเลย”

น้ำตาเจ้าโตคลอหน่วย มันแหงนเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหล บรรดาลูกสมุนก็ต่างทำตามกัน เห็นอย่างนั้นแล้วตะวันก็ซึ้งใจกับมิตรภาพที่ทุกคนมีให้รูส เด็กน้อยค้นขนมในย่ามที่สายลมบังคับให้ใช้ ข้าวของทุกอย่างบนร่างกายเขา ทั้งเสื้อผ้าและย่ามใบนี้ก็ของรูสทั้งนั้น ต้องการให้เขาเป็นรูสอย่างจริงจังจริง ๆ

“ฉันมีขนมด้วย กินไหม?”

ขนมถุงใหญ่หน้าตาประหลาดแบบที่พวกเจ้าโตไม่เคยลิ้มรส บนห่อก็มีแต่ภาษาที่พวกมันอ่านไม่ออก แต่นั่นก็น่าลองไม่น้อย พวกมันพยักหน้ารับยิ้มแย้ม ตะวันหัวเราะน้อย ๆ แล้วตบที่นั่งข้างตนเองให้ทุกคนได้นั่งลงแบ่งขนมกินกัน

ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของสายลมโดยตลอด เขาปล่อยให้เจ้าตัวเล็กออกไปนั่งรอระหว่างที่คุยธุระกับพ่อเฒ่าอาจีฟ ไม่นึกว่าออกมาแล้วจะเห็นภาพเช่นนี้ กายสูงใหญ่กอดอกมองแมวน้อยที่ถูกล้อมรอบโดยพวกเจ้าโตเพื่อนรูสแล้วก็ยิ้มอ่อน ช่างเข้ากันได้ไวเหลือเกินนะ แบบนี้จะไม่ให้คิดได้อย่างไรว่าใช่

“นายน้อย”

“อ้าว มีอะไรครับ ลุง?” สายลมหันกลับไปมองตามเสียงเรียก ก่อนเลิกคิ้วพร้อมถามไถ่ลุงหลงที่เดินเข้ามาหาตนเองในบ้านพ่อเฒ่า

“ได้ยินว่านายน้อยพาเด็กแปลกหน้าเข้ามาในเกาะ” ลุงหลงว่าอย่างนั้น

“อ้อ” สายลมทำเสียงรับรู้ก่อนหันไปมองอีกทาง ลุงหลงจึงหันไปมองด้วย

“ผมหาเขาพบแล้ว”

“ใครครับ?”

สายลมยิ้มมุมปากเมื่อเอ่ยตอบ

“รูส”

“รูส?” ท่าทางมึนงงสงสัยของลุงหลงที่ทวนคำเพื่อย้อนถาม ทำให้สายลมต้องขยายความ

“ผมหมายถึงคนที่อยู่กับเราบนเกาะนี้”

“เขาเหรอครับ?” ประหลาดใจนัก เพราะเท่าที่ดู เด็กคนนั้นไม่มีอะไรที่เหมือนรูสเลย มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน

“ผมคิดว่าอย่างนั้น”

ชายสูงวัยยิ้มแปลกเมื่อฟังที่สายลมพูด “อะไรทำให้นายน้อยมั่นใจแบบนั้นครับ เขาบอกเหรอว่าใช่?”

“หึ ไม่เลย ปฏิเสธผมทุกทางด้วยซ้ำ” สายลมปฏิเสธยิ้ม ๆ สายตายังคงมองเด็กที่ตนกำลังเอ่ยถึงอยู่ไม่วาง

“ถ้าอย่างนั้น...”

“ผมเลือกที่จะเชื่อหัวใจตัวเอง”

ได้ยินเช่นนั้นแล้วลุงหลงก็เผยยิ้มอ่อน เรื่องของหัวใจ คงต้องใช้หัวใจตัดสิน

“ผมเอาใจช่วย”

สายลมหัวเราะในลำคอ มองเจ้าแมวน้อยแล้วย้ำกับตนเองในใจ มันต้องใช่สิ



บนกระท่อมริมเลยามค่ำ เมื่อฟ้ามืดลง ตะเกียงเจ้าพายุจึงถูกจุดให้ความสว่าง สายลมมองเด็กที่กำลังเช็ดจานชามเก็บเข้าที่หลังกินข้าวกันเสร็จไปสักพัก การเช็ดจานดูจะอ้อยอิ่งและใช้เวลานานเกินจำเป็น แต่สายลมก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับไปไหน จนจานใบสุดท้ายถูกคว่ำเก็บ กายสูงใหญ่ก็ขยับลุก เสียงขยับตัวทำให้เจ้าตัวเล็กสะดุ้ง เผลอถอยไปชิดราวระเบียงในท่าประหลาดแล้วมองเขาตาโต

“ตกใจอะไร?”

คำถามนั้นทำให้ตากลมกะพริบปริบ มือที่จับระเบียงค่อยลดลง เปลี่ยนมานั่งทับขาตัวตรงอยู่มุมนั้นราวระวังภัย เห็นแบบนั้นแล้วสายลมก็ยิ้มขัน ค่อยก้าวเข้าไปหาแล้วนั่งพักเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้า

“ง่วงรึยัง?”

ใบหน้าเรียวรีบส่ายหวือเป็นการปฏิเสธ แต่เมื่อถูกจับจ้องจึงหยุดการกระทำนั้นลงแล้วเบือนสายตาไปทางอื่น

มือหนาเชยคางเด็กที่เฉหลบสายตาให้หันกลับมามอง “แต่ฉันง่วงแล้ว”

‘ง่วง... ง่วงก็ไปนอนสิ’

ดวงตาคมหลุบมองริมฝีปากรูปกระจับที่ขยับพูด พลางว่า “ยังหรอก รอเธออยู่”

เจ้าตัวเล็กเม้มปากเมื่อรู้สึกว่าถูกรุกคืบมากไป แต่เพียงขยับปากจะตอบโต้ ริมฝีปากร้อนก็ฉกวูบลงมา เพียงสัมผัสแผ่ว มือก็ยกขึ้นดันอกอีกคนโดยอัตโนมัติ ขณะที่ฝ่ายนั้นก็ยึดแผ่นหลังเขาเอาไว้ไวพอกัน เมื่อกดจูบลงมาแล้วเบียดบดช้า ๆ แต่หนักหน่วง

เล็บมนกางจิกอกแกร่งเมื่อลิ้นร้อนโรมรันจนหัวหมุน ด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่าทุกทางทำให้เด็กน้อยปล่อยใจให้ตักตวงความหวานตามต้องการ สมองเริ่มเบลอเมื่อรสจูบมันร้อนแรงอย่างที่ไม่เคยพบเจอ เรียวลิ้นที่กวาดไล้ทั้งรวบดูดราวเจอของถูกใจทำให้ร่างน้อยสั่นสะท้าน ได้แต่ยินยอมพร้อมใจไปกับทุกการนำพา

เสียงแมลงกลางคืนแข่งกันร้องคงไม่ดังเท่าหัวใจที่เต้นกระหน่ำอยู่ในอก เมื่ออีกคนถอนจูบ ตะวันน้อยก็เฉหลบสายตาร้อนแรงที่ฉายแววต้องการอย่างชัดเจน ริมฝีปากที่ร้อนดังไฟเผายังคลอเคลียข้างแก้ม เด็กน้อยหลับตาแน่นเมื่อมันลากไล้มาข้างหู ก่อนอ้างับเบา ๆ พาให้ขนอ่อนแข่งกันลุกเกรียวไปหมด

และก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ใบหน้าคร้ามคมก็ลดลงมาซุกซบซอกคอขาว แขนแกร่งกอดรัดร่างแบบบางจนจะจมไปกับอกตน นิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นนานกว่าลมหายใจแสนหนักหน่วงจะผ่อนเบาลงจนเกือบเป็นปรกติ

“ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครเลยนะ ไอ้ดื้อ” สายลมพรูลมหายใจยาว ข่มกลั้นอารมณ์สุดกำลังแล้วเวลานี้

ร่างในอ้อมแขนยังนิ่งให้กอดอยู่เช่นนั้นโดยไร้อาการขัดขืนใด ผ่านไปพักหนึ่ง สายลมจึงคลายอ้อมแขน กายสูงใหญ่ขยับลุกขึ้นยืน ก่อนบอกเด็กที่นั่งเงยมองตนเองอยู่พร้อมส่งมือไปให้

“ไปนอนเถอะ”

สีหน้าคนถูกชวนออกอาการลังเล แต้ท้ายที่สุดก็ยอมเอื้อมไปจับมือนั้นลุกขึ้น เพียงเท่านั้นก็พอให้ใจสายลมชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อเขารั้งเบา ๆ ก็เดินตามเข้าห้องแต่โดยดี ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่เลวนักในค่ำคืนนี้


......


เสียงเล่าลือเรื่องที่สายลมพาเด็กมาบนเกาะลามไปเรื่อย เริ่มมีคนพูดกันว่าจะเหมือนคราวรูสไหมที่นำความวุ่นวายมาให้ คราวนี้พ่อเฒ่าอาจีฟไม่ได้ทำนายทายทัก แต่มันก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะเด็กเป็นคนนอก อาจจะเกิดเหตุซ้ำรอยกันได้

ตะวันที่นั่งเช็ดจานชามอยู่ภายในโรงครัวของวัดเพราะสายลมพามาจากกระท่อมน้อยตั้งแต่เช้าเพื่อช่วยงานวันพระใหญ่ หูเด็กน้อยกระดิกเมื่อฟังคำนินทาว่าร้ายทั้งที่อยู่ในวัดในวาก็ยังไม่มีใครสงบปากสงบคำ พอมีคนเริ่มก็ชักจะลามกันไปใหญ่จนเด็กน้อยผู้ถูกยกมาเป็นหัวข้อนินทากาเลต้องข่มใจตนเองเอาไว้จนสุดกำลัง

“นายน้อยนี่ก็ยังไง เห็นว่าตัวเองใหญ่คับเกาะหรืออย่างไรกัน เดี๋ยวพาคนนั้นมา คนนี้มา ถ้าพวกเราพามาบ้างคงเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วป่านนี้” คุณป้าคนที่หนึ่งเอ่ยขึ้นขณะจัดดอกไม้ใส่กระจาดสานใบสวย ตะวันว่ามันจะไม่สวยก็เพราะคำพูดคำจาของป้านี่ล่ะ

“เพราะนายน้อยไม่รักษากฎที่ตั้งกันมาถึงได้ถูกพี่ชายอย่างหมอปลายฟ้าช่วงชิงอำนาจในมือไปไง” อีกคนในกลุ่มคันปากยิบ ๆ ซุบซิบเสริมขึ้นมา แต่ก็ยังคงดังพอให้คนได้ยินไปสามวาสองศอก

“ถ้าอย่างนั้นที่ทำเป็นว่าร่วมมือกันทำให้นายท่านทั้งสองเลิกรบราฆ่าฟันก็ไม่ใช่น่ะสิ?” มีผู้ตั้งข้อสังเกต หรือที่จริงแล้วเริ่มเปิดประเด็นใหม่ให้ได้พูดกันสนุกปากมากขึ้น

“แค่อยากรักษาหน้าเท่านั้นแหละ” ป้าที่เริ่มหัวข้อบิดปากเยาะหยัน

“ที่ซมซานกลับมานี่คงหมดหนทางไปน่ะสิ อำนาจมันจะเข้าใครออกใคร อีกหน่อยคงไม่พ้นฆ่าฟันกันเองอีก...”

โครม!!

“ว้าย!!”

วงนินทาแตกกระเจิงเมื่อกระจาดดอกไม้ที่กำลังพากันจัดถูกคว่ำไม่เป็นท่าจากฝีมือบุคคลปริศนา เมื่อหันมามองเห็นว่าเป็นเจ้าเด็กต่างถิ่นยืนจ้องพวกตนเขม็ง บรรดาป้าปากมากก็ดูอิหลักอิเหลื่อ พูดกันเสียใกล้หูเด็กมันขนาดนี้ มันคงไม่ได้ยินหรอกกระมัง!


สายลมที่ช่วยเด็กในวัดจัดที่ทางบนศาลาการเปรียญเสร็จก็เดินตรวจความเรียบร้อยตามทางไปโรงครัว ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาก็ชักเอะใจว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับตะวันหรือไม่ ยิ่งเห็นกลุ่มคนมุงอยู่หน้าโรงครัว ขายาวยิ่งรีบจ้ำไปหา ก่อนจะชะลอฝีเท้าเมื่อเห็นไอ้กั้งวิ่งหน้าตั้งมารายงาน

“ไอ้หนูนั่นก่อเรื่องแล้ว นายน้อย มันจะตีกับป้าปากตลาดกลางวัดแล้ว!”

ได้ยินดังนั้นแล้วสายลมก็ไม่รอช้า รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ ตัวบาง ๆ นั้นถูกรุมล้อมโดยบรรดาแม่ป้าตัวอวบอ้วน สายลมแทรกศิลามุงเข้าไปดึงเด็กซ่าออกมาจากวงล้อม เมื่อทุกคนเห็นว่านายน้อยมา เสียงด่าโขมงโฉงเฉงที่ดังไกลไปถึงกุฏิพระก็หยุดลง ก่อนจะรีบฟ้องกันใหญ่

“นายน้อยต้องจัดการคนของนายน้อยให้พวกเรานะ ไม่รู้จักสั่งสอนกันซะบ้างถึงได้เป็นเด็กก้าวร้าวแบบนี้”

สายตาเหยียดหยันมองมายังเด็กที่สายลมจับตัวไว้ เด็กขึงตาใส่ก็พากันร้องวี้ดว้ายทั้งชี้ให้สายลมดู สายลมมองเลยคู่กรณีของตะวันไปทางเหล่าคนที่มามุงดูกัน ก่อนจะเบือนกลับมาแล้วเอ่ยถามไถ่เพื่อตัดสินปัญหา

“ใครจะช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผมฟังได้บ้าง?”

บรรดาคุณป้าทั้งหลายมองหน้ากัน ก่อนจะเล่าเรื่องราวให้สายลมฟังเป็นคุ้งเป็นแควจนเหล่าคนมุงพากันส่ายหน้า เพราะที่เล่ามานั่นมันโยนความผิดให้เด็กล้วน ๆ ขณะที่ฟังคำพูดของคู่กรณี สายลมก็มองตะวันน้อยอยู่ตลอด เด็กมันมีสีหน้าเดิมคือบึ้งตึง ไม่ได้แย้งที่ป้ามหาภัยพูดสักแอะ มือที่ถือเป็นสิ่งที่ใช้สื่อสารได้ดีที่สุดก็ถูกสอดไขว้กันเพื่อกอดอกเอาไว้เสียอย่างนั้น

“สรุปแล้ว... ที่ข้าวของถวายพระกระจุยกระจายอยู่นี่ เพราะฝีมือตะวัน?” สายลมสรุปความเมื่อคุณป้ามหาภัยเล่าจบ

“ก็ใช่น่ะสิ เด็กอะไรพ่อแม่ไม่สั่งสอน”

ตะวันคอแข็ง ตวัดมองคนพูด ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบหลบหลังให้สายลมออกหน้า ตากลมที่ถลึงมองป้าจึงเบือนมาทางสายลมที่มองจ้องตนเองอยู่ เพื่อรอฟังว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้

“ขอโทษสิ”

สิ้นเสียงสั่ง ดวงตากลมก็เบิกโต เขาหูฝาดไปใช่ไหม แต่สายตาหลายคู่ที่มองตรงมาที่เขาทำให้รู้สึกกดดันจนทำอะไรไม่ถูก เด็กน้อยยืนนิ่ง ตกเป็นจำเลยในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วอย่างไม่สามารถโต้แย้งได้ มือเรียวกำชายเสื้อตัวหลวมที่ตนเองสวมใส่แน่น ขยับเท้าไปมาด้วยความอึดอัด แต่กลับไม่ยอมปริปากเอ่ยขอโทษ เพราะรู้ดีว่าตนเองไม่ผิด

“ตะวัน”

น้ำเสียงเข้มยังเอ่ยเรียกเพื่อกระตุ้นเตือน สายตาคมมองมาที่เขา เด็กน้อยเม้มปาก ก่อนหมุนตัวแล้ววิ่งหนีไปโดยไม่ยอมเอ่ยคำขอโทษตามที่สายลมบอก

สายลมได้แต่มองตามหลังเด็กหัวรั้นด้วยสีหน้าเครียดเคร่ง เพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบที่ดังขึ้นรอบกายทันทีที่เจ้าหนูนั่นวิ่งออกไป

เขากลับมายังกระท่อมหลังจัดการงานที่วัดเสร็จ สิงโตตัวใหญ่ยืนอยู่หน้ากระท่อม ขณะที่ด้านข้างนั้นคือเด็กเจ้าปัญหาที่ก่อเรื่องจนโรงครัววัดแทบแตก

“ถอยไป ลูห์”

เสียงเข้มออกคำสั่งกับสัตว์คู่บารมีของตน แต่มันกลับไม่ยอมทำตาม ยังเอาตัวบังเด็กที่นั่งซุกอยู่ข้างกายเฉยอยู่ ทีอย่างนี้ล่ะไม่กลัวว่าลูห์จะกัดนะ เจ้าตัวแสบ

“บอกให้ถอยไง ลูห์ ไม่ต้องมาปกป้องกัน เด็กดื้อแบบนี้ต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง” เมื่อไม่เห็นว่าลูห์จะขยับไปไหนอย่างที่ตนสั่ง เจ้าของคำสั่งก็ย้ำอีกหน แถมยังเหน็บไปถึงเด็กที่มองมาด้วยแววตาดื้อดึงนั่นด้วย

ร่างน้อยขยับลุก ลูห์เหลียวมามอง อีกคนก็จ้องเขม็ง ขาเรียวก้าวถอยก่อนที่จะหมุนตัวออกวิ่ง คนตัวโตรีบก้าวตามทันทีเช่นกัน ลูห์มองเม็ดทรายที่ฟุ้งจากการวิ่งไล่กันของทั้งสองคนแล้วก็ส่ายหน้าไปมา ส่งเสียงหึหะในลำคอก่อนจะนอนลงตรงนั้น รอสองหนุ่มที่วิ่งไล่กันกลับมา

เพียงไม่นานร่างสูงใหญ่ผิวคร้ามแดดก็เดินกลับมา บนบ่ากว้างยังแบกเจ้าเด็กดื้อดึงเอาไว้ด้วย เจ้าแมวน้อยดิ้นกระแด่ว ๆ เหมือนปลาขาดน้ำอยู่บนบ่า ลูห์มองแล้วพ่นลมหายใจพรืดก่อนหลับตาลง ไม่สนใจว่านายของมันจะแบกเจ้าตัวเล็กไปทำอะไรกันบนกระท่อมหลังน้อย

ภายในห้องนอนบนกระท่อม ร่างน้อยถูกโยนลงบนฟูก ตะวันพยายามจะดิ้นหนี แต่สายลมก็ทาบทับเอาไว้จนหนีไปไหนไม่ได้ ริมฝีปากหยักเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเย้ยเมื่อเอ่ยท้า

“หนีได้หนีไปสิ”

เด็กถลึงตาใส่เมื่อเขาท้าทายไปเช่นนั้น

“กลัวจริง ๆ ไอ้ตากลม”

สายลมบีบจมูกรั้น ตะวันน้อยแยกเขี้ยวก่อนแหวลั่น

“จะเอายังไง ห๊ะ!”

“พูดได้แล้วนี่” ริมฝีปากหยักยิ้มล้อ เลิกคิ้วกวนใจราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าเด็กมันต้องพูด

“พอเห็นเราพูดไม่ได้ก็รังแกกันจริง ๆ ผู้ใหญ่ใจร้าย” เมื่อได้พูดแล้วก็เหมือนมันจะหยุดไม่อยู่ ตัดพ้อต่อว่าในสิ่งที่อัดอั้นมานาน

“เด็กก็ใจร้ายเหมือนกันล่ะ มาหลอกกันว่าพูดไม่ได้ เด็กเลี้ยงแกะ” สายลมย้อน

“ไม่ใช่สักหน่อย ปล่อยเลยนะ!”

“เรื่องอะไร นอกจากเป็นเด็กเลี้ยงแกะแล้วยังดื้อ แถมยังไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่มีมารยาทด้วย”

“โอ๊ย โมโหแล้วนะ!!”

เสียงเจ้าตัวเล็กดังขึ้นเรื่อย ๆ จนลูห์ที่นอนอยู่หน้ากระท่อมต้องผงกหัวขึ้นมาชะเง้อมอง

“แล้วไง แค่ขอโทษคนอื่น มันทำยากนักเหรอ?” สายลมไม่ยี่หระต่อความโกรธของอีกฝ่าย ทั้งยังตั้งท่าจะสอนสั่งเอาอีก

“ทำไม่ยากหรอก แต่ไม่อยากทำ เรื่องอะไรต้องขอโทษ ป้าพวกนั้นมาว่า...”

“ว่าอะไร?” สายลมเอ่ยถามเมื่อเด็กมันชะงักไปไม่พูดต่อ

“ว่าอะไรก็ช่า...”

“ว่าฉันใช่ไหม?”

“......” ตากลมเบือนหนีไปทางอื่น เมื่อสายลมเดาเสียถูกเผง

สายลมยิ้มอ่อน รู้สึกดีไม่น้อยที่เด็กมันห่วงใยความรู้สึกของเขา แต่ที่ทำไปมันก็เกินกว่าเหตุ คนเขาจะมองเป็นเด็กก้าวร้าวเอาได้ ซึ่งเขาไม่อยากให้ใครมองเด็กของเขาแบบนั้น

“ใครจะว่าอะไรก็ช่างเขา เรารู้ตัวเราดีก็พอแล้ว”

“ใจกว้างยิ่งกว่าทะเลที่ล้อมรอบเกาะศิลาอีก” เด็กมันว่า

“ช่างประชดประชัน”

“อย่าบีบได้ไหม คนหายใจไม่ออก” ปัดมือสายลมออกจากจมูก สายลมโรคจิต ชอบบีบจมูก ชิ!

“เถียงฉอด ๆ แบบนี้สมเป็นเธอดี”

“......” พอถูกทักก็เงียบเสียอย่างนั้น

“เงียบทำไมล่ะ?”

“......” ไม่ได้ยิน ไม่รู้ไม่ชี้

สายลมถอนใจ นิ้วใหญ่เกลี่ยปอยผมทัดหูบางเบา ๆ “ทำไมถึงไม่ยอมรับความจริงสักที รูส”

“......”

“เธอคิดว่าฉันจะรู้สึกแบบนี้กับใครที่ไหนก็ได้หมดทุกคนเลยเหรอ?”

“......”

“ต่อให้มันเป็นความรักเหมือนกัน แต่กับคนละคน มันก็ไม่เหมือน”

“เลิกพูดสักที” เจ้าตัวเล็กเอ่ยแทรก “ผมไม่อยากฟัง”

สายลมไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่เพียงมองลึกลงไปในแววตาของอีกคน บางครั้งตะวันก็เหมือนจะโอนอ่อน เหมือนจะยอมรับว่าใช่ แต่บางครั้งก็ทำเหมือนไม่อยากให้เอ่ยถึง หลายวันมานี้สายลมพยายามไม่เอ่ยถึงเรื่องรูส เพราะดูเหมือนทำแบบนี้แล้วเด็กจะไม่ตีช่องกับเขามากนัก แต่ใช่ว่าเขาจะลืมว่าพามาที่นี่เพราะอะไร

ปล่อยร่างน้อยให้เป็นอิสระแล้วสายลมก็พลิกกายมานอนหงาย ได้แต่เฝ้าถามตนเองว่าทุกสิ่งมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้วหรือ ใช่ว่าเขาจะยอมรับเด็กมันในฐานะตะวันไม่ได้ มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรขนาดนั้น เพียงแต่เขายังรู้สึกว่าคนที่อยู่ในหัวใจไม่ได้หายไปไหน คนคนนั้นยังอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงหน้าเขา แต่เขากลับต้องทำเป็นมองไม่เห็น จะว่าเขาดื้อดึงจนสุดโต่งก็ไม่ผิด เขาแค่อยากได้ใครคนนั้นกลับมา


......
ต่อด้านล่างค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
ท่าเรือบนเกาะศิลา

ตะวันน้อยยืนถือถังน้ำหน้าบูดอยู่ที่ท่าเทียบเรือ ขณะที่คนอื่นกำลังวุ่นวายกับการเตรียมจะนำเรือออกจากฝั่งเพื่อหาปลากลางทะเลกว้าง เจ้าตัวเล็กก็ได้แต่ยืนเตะเท้าไปมาด้วยความเซ็ง

“ไอ้หนู มาทางนี้”

เจ้ากั้งเดินมาหาแล้วดึงแขนเรียวให้เดินตามตนเองไปอีกทาง ตะวันยิ่งหน้างอ ทำไมต้องให้เขาไปด้วยไม่รู้ ไม่ได้อยากไปสักหน่อย

เมื่อมาถึงจุดขึ้นเรือ เจ้ากั้งก็ให้เด็กมันปีนขึ้นไป กระทั่งใกล้ถึง สายลมก็ก้มลงมาส่งมือให้จับ ตากลมมองมือของสายลมแล้วเงยขึ้นมองหน้าแต่ไม่ยอมจับเสียที จนเจ้ากั้งต้องเอ่ยเร่ง

“เฮ้ย ขึ้นไปเร็ว ๆ สิวะ ไอ้หนู คนอื่นเขารอนะเว้ย”

ตะวันน้อยหันมามองเจ้ากั้ง แยกเขี้ยวใส่มันก่อนจะหันกลับไปจับมือสายลมแล้วปีนขึ้นไปบนเรือ เจ้ากั้งได้แต่เกาหัวแกรก มันทำผิดอะไรวะนี่

เมื่อเรือออกจากท่า ทุกคนบนเรือก็ต่างทำหน้าที่ของตน ตะวันยืนงงไม่รู้จะไปทางไหน มองสายลมที่คุมงานอยู่ก็ได้แต่กลอกตาหน่าย ๆ ก่อนจะชะงักเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับหมอปลายฟ้าที่กวักมือเรียกให้ไปหา เจ้าตัวเล็กจึงได้เดินไปหาคุณหมอหนุ่ม อย่างน้อยก็ดีกว่ายืนงงอยู่คนเดียว

เรือแล่นสู่น่านน้ำกว้างใหญ่ เด็กน้อยเพียงคนเดียวบนเรือนั่งหงอย มองทิวเขาและเกาะแก่งที่โผล่พ้นน้ำมาให้เห็นอยู่ลิบ ๆ แล้วก็ถอนใจเฮือกใหญ่ หมอปลายฟ้าอมยิ้มน้อย ๆ มองเลยเด็กที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ไปยังสายลมที่ก้าวมาหาหลังจัดการอะไรเสร็จ

“ปรกติต้องร่าเริงสุด ๆ ไปเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมหงอยแบบนี้ล่ะ?”

ตากลมเหลือบมองสายลมที่นั่งลงข้างกาย ก่อนเบือนกลับไม่ยอมคุยด้วย

“ดื้อจริง ๆ”

มือหนาหนีบแก้มป่อง ทำให้เด็กตวัดสายตามามองตาคว่ำ สายลมหัวเราะในลำคอ โยกศรีษะกลมแล้วลุกออกไป

มองตามแผ่นหลังกว้างแล้วตะวันก็ค่อยชันเข่าขึ้น กอดเข่าวางคางลงเกย เห็นแล้วหมอปลายฟ้าก็สงสาร เด็กมันไม่อยากมา แต่ถูกบังคับให้มา

“ไปดูเขาทำงานกันไหม ใกล้เวลาจับปลาแล้ว”

เจ้าตัวเล็กเงยมองคุณหมอหนุ่ม นิ่งคิดเล็กน้อยก่อนพยักหน้าแล้วส่งมือให้คุณหมอที่ยื่นมาเพื่อพยุงกายลุกขึ้นยืน

สายลมหันมายิ้มให้เมื่อเห็นตะวันเดินมากับหมอปลายฟ้า แต่เจ้าหนูก็ทำเมินไม่สนใจเขา ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ทำปากบอกว่าดื้อ ก่อนผละไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ

ลูกเรือกำลังเข้าประจำที่ของตนเอง เตรียมจับปลาในอีกไม่ช้าไม่นานนี้ ขณะที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ก็เกิดเสียงคล้ายบางสิ่งร่วงลงสู่พื้นน้ำ พร้อมกับเสียงของลูกเรือที่ดังขึ้นด้วยความตื่นตระหนก

“นายน้อย!”

ตะวันหันขวับไปตามเสียงโหวกเหวก ร่างเล็กถลามาที่กาบเรือเพื่อชะโงกลงไปมองหาผู้ที่คนบนเรือกำลังส่งเสียงเรียกและหาทางช่วยเหลือ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เสี้ยวนาทีที่หนีหน้า สายลมกลับตกลงไปในทะเลสีครามนั้นเสียแล้ว

เด็กน้อยเดินเลียบไปตามกาบเรือ พยายามมองหาสายลม ใจดวงน้อยสั่นกลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรไป เมื่อหันมองทุกคนช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อช่วยสายลมขึ้นมาโดยที่ตนเองทำอะไรไม่ได้ กำปั้นเล็กก็ทุบลงบนกาบเรือด้วยความเจ็บใจ

ไม่นานนักเสียงเฮก็ดังขึ้น เมื่อร่างสายลมถูกพาขึ้นมาจนพ้นน้ำ ตะวันจะร้องไห้ วิ่งไปยังจุดที่ทุกคนอยู่ ยืนละล้าละลังเมื่อต่างพากันมะรุมมะตุ้มไม่รู้จะแทรกเข้าไปตรงไหนได้ จนกระทั่งสายลมถูกพาขึ้นเรือมา หมอปลายฟ้าจึงบอกให้วางร่างนั้นลงบนพื้นเรือ พร้อมสั่งให้ทุกคนถอยออกไปให้ห่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท

เจ้ากั้งรั้งแขนเด็กไว้ทั้งสองข้างเมื่อเจ้าตัวเล็กจะถลาเข้าไปหาสายลม ลากตัวมันออกมาแล้วจับแขนไว้ให้มั่น ตะวันจึงทำได้แต่ชะเง้อมองด้วยความเป็นห่วง ทุกคนบนเรือก็ลุ้นพอกัน เมื่อหมอปลายฟ้าทำการปฐมพยาบาลขั้นต้นจนสายลมได้สติแล้วสำลักน้ำออกมา ลูกเรือก็ต่างโล่งอกไปตาม ๆ กัน

เพียงร่างสูงใหญ่นั้นขยับลุกขึ้นก็แทบจะหงายลงไปอีกหน เมื่อตะวันสะบัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุมของเจ้ากั้งแล้วถลามากอด ไหล่เล็กสั่นไหวจากการสะอื้นไห้เพราะความตกอกตกใจที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัว

มือหนาลูบหลังเด็กเสียขวัญพลางปลอบข้างหู “ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันไม่เป็นไร”

น้ำตาเปรอะเปื้อนไหล่หนา สายลมยิ้มบาง ลูบหลังปลอบเด็กน้อยเบา ๆ ท่ามกลางสายตาของทุกคนบนเรือที่มองไอ้ตัวเล็กซุกตัวกอดนายน้อยของพวกตนเสียกลมดิ๊ก แล้วส่ายหน้ายิ้ม ๆ



ลมกลางคืนพัดมาบนเรือ เสียงลากอวนตาห่างดังแทรกกับเสียงลม ในท้องเรือเต็มไปด้วยปลาตัวใหญ่เมื่อการทำประมงในค่ำคืนนี้สำเร็จลุล่วงไปได้

หลังเหตุการณ์ระทึก ทุกคนก็กลับมาจับปลากันตามปรกติ เจ้าตัวเล็กเกาะกรอบประตูห้องนอนบนเรือมองสายลมที่เดินไปเดินมา เดี๋ยวก็ปีนขึ้นที่สูงเพื่อช่วยลูกเรือทำงาน แล้วก็พาลชะเง้อตามด้วยความเป็นห่วง

จนกระทั่งงานเริ่มเข้าที่เข้าทาง สายลมจึงปล่อยให้ลูกเรือจัดการกันต่อ ส่วนตนเองมาหาเด็กเจ้าน้ำตา รั้งให้เข้าไปในห้องแล้วนั่งลงข้างกัน เด็กชำเลืองมองก่อนเบือนกลับ สองมือกุมกันขณะที่ปลายนิ้วโป้งก็เขี่ยกันไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก

สายลมยิ้มบางก่อนเอ่ยถาม “ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?”

“......” เจ้าตัวเล็กนิ่งไปนิด ก่อนพยักหน้า

“กลัวฉันตายเหรอ?”

คำถามนั้นทำให้ตะวันชะงัก หันมองอย่างไม่พอใจที่มาพูดเรื่องเป็นเรื่องตายแบบนี้ เมื่อมือหนาเอื้อมมารั้งก็ขืนตัวไว้ ครู่หนึ่งจึงยอมเอนไปอิงซบอก

เสียงหัวใจที่ยังเต้น เนื้อตัวที่ยังอุ่น ทำให้รู้ว่าคนที่โอบประคองยังคงมีเลือดเนื้อ มีลมหายใจ แขนเรียวสอดเข้าไปกอดไว้แน่น ปล่อยให้อุ้งมือใหญ่ลูบแผ่นหลังเบา ๆ ราวปลอบประโลม

สายลมกดจูบกลุ่มผมนุ่มย้ำ ๆ กอดร่างผมบางเอาไว้อย่างนั้น ปล่อยให้ความเงียบเป็นตัวเชื่อมระหว่างกัน

“สายลม...” อยู่ ๆ เด็กในอ้อมแขนก็เอ่ยเรียก

“หือ?” สายลมขานรับ

“รักเขามากเหรอ?”

คิ้วเข้มขมวดกับคำถามแสนเบานั้น “หมายถึงใคร?”

“รูส”

ใจสายลมกระตุกเพียงอีกฝ่ายเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้คนพูดกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ เขาถอนใจเบา ก่อนบอก

“มาก”

เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ ก่อนคำถามที่ดูไม่มั่นใจนักจะตามมาอีก

“ลืมเขาไม่ได้เลยเหรอ?”

“ทำไมต้องลืม?”

สายลมย้อนเร็ว ทำให้คนถามเงียบไปอีกครั้ง เงียบจนเขาไม่คิดว่าจะพูดอะไรต่อแล้ว แต่กลับพูดขึ้นมาอีก

“เพราะมันทำให้คุณทุกข์ใจ และเริ่มต้นใหม่กับใครไม่ได้”

“......” เบา แต่เขาก็ยังได้ยิน

ใบหน้าเรียวที่ซุกซบค่อยเงยขึ้นมา แววตาคู่นั้นมองสบเมื่อเอ่ยถาม “คุณมีความสุขไหม เวลาที่คิดถึงเขา?”

ก่อนนี้สายลมคงตอบได้โดยไม่ลังเลว่ามีความสุข แต่เวลานี้มันมีแต่ทุกข์ ทุกภาพจำยิ่งทำให้คิดถึง ยิ่งทำให้โหยหา และเป็นทุกข์เมื่อช่วงเวลาเหล่านั้นมันไม่มีทางย้อนมา

“สายลม...”

“......” สายลมนิ่งมองตากลมที่รื้นไปด้วยน้ำใส มันเอ่อท้นแทบจะหล่นร่วง

“อย่าทำแบบนี้อีกต่อไปเลย ได้โปรด”

จุกไปทั้งอกเมื่อหยดน้ำตาคนตรงหน้ารินไหล ใจสายลมเจ็บร้าวเมื่อปาดเช็ดเท่าไรมันก็ยังไหลลงมาไม่หยุด

“ทำไมล่ะ รูส ทำไมเราถึงกลับมาอยู่ด้วยกันไม่ได้?”

สายลมร้องถาม มันทรมานเหลือเกินกับทุกวันคืนที่ต้องไกลห่าง รู้ว่ายังอยู่ รู้ว่ามีอยู่ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เมื่อมาอยู่ใกล้แค่เอื้อมคว้า ทำไมถึงยังแสร้งเป็นคนอื่น ทำไมถึงอยากหนีหายไปอีก

“หรือเพราะเธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันเลย?”

“ไม่ ไม่ใช่...”

เจ้าตัวเล็กส่ายหน้ารัว ยอมแพ้อย่างหมดรูป แค่เห็นว่าสายลมจมหายลงไปในทะเล แค่เห็นร่างนั้นนอนนิ่งราวไม่หายใจ เพียงเท่านั้นเหตุผลร้อยแปดที่มีก็มลายหาย

“ถึงฉันจะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงเอาแต่ปฏิเสธ แต่ไม่ว่าเธอจะอยากเป็นตะวัน อยากเป็นรูส หรืออยากเป็นใครที่ไหน หรืออยากให้ฉันเชื่อว่าเธอไม่ใช่คนที่ฉันคิด ฉันก็จะเชื่อ...”

“ทำไมถึงไม่ลืมมันไปสักที...” เจ้าตัวเล็กสะอื้นฮัก ยิ่งมืออุ่น ๆ เอื้อมมาเช็ดให้ น้ำตาก็ยิ่งไหลอย่างห้ามไม่อยู่

“......”

“ทำไมไม่เริ่มต้นกับใครคนใหม่ คนที่เขาจะดูแลสายลมได้ดีกว่านี้”

“......”

“คนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและแก่เฒ่าไปพร้อมกัน”

“......”

“คนที่ไม่ใช่ตัวประหลาดเหมือนผม...”

สายลมหยุดทุกคำพูดนั้นด้วยริมฝีปากตน สองมือประคองข้างแก้มนุ่มขณะกดจูบเบา ๆ ปลอบโยนเด็กน้อยที่ยังสะอื้นไห้ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ

“คำตอบ มันก็คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่เธอ... กลับมาหาฉัน”

น้ำตาที่ควรหยุดไหลกลับร่วงผล็อยลงมาอีก กายผอมโผเข้ามากอดแน่น ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น สายลมจูบกระหม่อมบาง หัวใจที่เจ็บร้าวค่อยคลายลง เมื่อได้สิ่งที่ปรารถนากลับคืน

“ขอบคุณที่กลับมา... ไอ้ดื้อ”


......


สวนดอกไม้สีขาวของรูส มันออกดอกสะพรั่งล้อมรอบป้ายไม้สลัก ร่างเล็กก้าวเข้ามาแล้วหยุดยืนมองมัน หยดน้ำตาหล่นร่วงจากความรู้สึกที่มันตื้อขึ้นมาในอก เขามาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน แต่ก็ยังไม่กล้าพอจะมาหาสักที ลมบางเบาพัดผ่านกาย น้ำตายิ่งรินไหล ราวร่างกายถูกโอบประคองจากความอบอุ่นที่มองไม่เห็น

‘ไม่ต้องเสียใจ’ เสียงที่ดังแว่วทำให้ตะวันน้อยสะอื้นฮัก

“ฉันขอโทษ...”

‘เธอกลับมาช่วยรูส เธอไม่ทิ้งรูส แค่นี้ก็มากพอแล้ว’ เสียงนั้นยังคงดังมาปลอบประโลม

“แต่ฉันอ้างตัวเป็นรูส ฉัน... ลืมรูสไปตั้งหลายปี...”

ความผิดที่มันยังคงคั่งค้างอยู่ภายในใจ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อภัยให้ตัวเอง เขาใช้ชีวิตในฐานะรูส ในขณะที่รูสต้องทนทุกข์อยู่ในห้องนั้น ต้องเจ็บปวดทรมานและหวาดกลัว แต่เขาก็ลืมเลือน กว่าจะรู้สึกตัว เวลามันก็ผันผ่านล่วงเลยไปนาน

‘แต่เธอก็กลับมา รูสดีใจที่เธอมาช่วย’

อีกคนไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง ตั้งแต่เด็ก รูสรู้สึกมาตลอดว่ามีใครสักคนที่มองไม่เห็นคอยอยู่ใกล้ ๆ ทำให้อุ่นใจเสมอแม้ว่าต้องพบเจอกับอะไร เขาถูกจองจำอยู่ในห้องนั้นเพราะจิตผูกพันกับร่างกาย ใครอีกคนที่คอยวนเวียนอยู่กับเขาหายไปในวันนั้น มันก็จริงที่เขาทั้งหวาดกลัวและเฝ้ารอให้ใครสักคนมาพบ มาช่วยให้เขาออกมาจากที่แห่งนั้น และคนที่เขาเฝ้ารอก็กลับมา ดวงตะวันดวงนี้ถึงมีแสงส่องมาเพียงน้อยนิด แต่ก็ทำให้เขาอุ่นใจเสมอ เขาไม่เคยโทษว่ามันเป็นความผิดของอีกฝ่ายที่ทอดทิ้งไปในวันที่แสนโหดร้าย เพราะหากไม่มีคนคนนี้ เขาก็อาจจะต้องถูกจองจำอยู่ในนั้นชั่วกัปชั่วกัลป์

“ขอโทษ”

‘ไม่เอาสิ ไม่ต้องขอโทษ รูสต้องขอบคุณเธอต่างหาก ไม่ร้องนะ’

ลมเพียงผะแผ่วที่พัดพาผ่านแก้มทำให้ตะวันน้อยยิ่งร้องหนัก อ้อมแขนแข็งแรงของใครอีกคนเข้ามาสวมกอด ความอบอุ่นของมันทำให้ไม่ได้ขืนตัวหนี ขณะที่น้ำตายังคงไหลรินไม่หยุด

กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ลอยอวลอยู่รอบกาย ราวหัวใจบอบช้ำได้รับการเยียวยา สายลมคลายอ้อมกอดแล้วหันมามองกลีบดอกที่ปลิดปลิวจากแรงลมที่โบยโบก ได้แต่ฝากคำขอบคุณถึงอีกครึ่งหนึ่งของดวงตะวันไปพร้อมสายลมที่พัดอ่อน สิ่งที่ได้มาในวันนี้เพราะอีกคนที่ลาจากไปแสนไกล พวกเขาได้มาพานพบและมีใจผูกพันก็เพราะใครคนนั้น

‘ขอบคุณเหลือเกิน... รูส’





TBC



เป็นตอนที่แก้หลายรอบมาก เพราะกลัวคนอ่านไม่เข้าใจ

นี่แหละค่ะ ความแฟนตาซีที่พูดถึง


ตอนหน้าจบแล้วเน้อ  บวกขอบคุณคุณ O-RA DUNGPRANG และคุณ ΩPRESTOΩ ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :กอด1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2018 13:42:59 โดย wanmai »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เราก็งงหน่อยๆนะ :z1: แต่ก็ดีใจมากที่รูสที่สายลมรักกลับมาไม่ว่าจะกลับมาใหนรูปร่างหน้าตาแบบใหนก็ตาม  :sad11:
ป.ล.เราว่าความแฟนตาซีของเรื่องนี้ยังน้อยกว่าหลายๆเรื่องที่เราเคยอ่านมานะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
สายลม เก่งเสมอ


ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
เราก็งงหน่อยๆนะ :z1: แต่ก็ดีใจมากที่รูสที่สายลมรักกลับมาไม่ว่าจะกลับมาใหนรูปร่างหน้าตาแบบใหนก็ตาม  :sad11:
ป.ล.เราว่าความแฟนตาซีของเรื่องนี้ยังน้อยกว่าหลายๆเรื่องที่เราเคยอ่านมานะ

แงงงงง เดี๋ยวตอนหน้ามาเฉลยเนอะ ปรับเยอะไปหน่อย :D

เรื่องความแฟนตาซี จริง ๆ ด้วยความที่มันเป็นแฟนตาซีบนพื้นฐานที่ไม่แฟนตาซี(?)น่ะค่ะ ไม่ใช่แฟนตาซีเพียว ๆ เลยรู้สึกว่ามันเยอะอย่างที่เขาว่าจริง ๆ แหละ

แบบสายลมจากตอนของรุ่นพ่อก็แค่เด็กผู้ชายธรรมดาคนนึง แต่อยู่ดี ๆ ก็โดดมาแฟนตาซี มันเลยก้ำกึ่งไปหมด ฉบับรีไรท์เลยตัดออกไปหลายฉากเหมือนกันค่ะ

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
สายลมห่มตะวัน

บทส่งท้าย ดวงตะวันกลางใจ



ดวงตาคู่หนึ่งหรี่มองลูกเสือสีขาวมีลายพาดจาง ๆ ที่กำลังหยอกล้อกันในป่ากว้าง แววมุ่งร้ายฉายชัดเมื่อเพ่งเล็งเป้าหมาย ลำกล้องปืนถูกยกส่องอย่างไร้ความปรานี เจ้าตัวกลมที่วิ่งตามหลังอีกตัวหนึ่งคือเป้าหมายแรก นิ้วกระด้างเหนี่ยวไกจนเกิดเสียงดังก้องไปทั้งแถบป่า

เปรี้ยง!!!

เหล่านกกากระพือปีกบินหนีด้วยความแตกตื่นกับเสียงกัมปนาทนั้น เจ้าเสือน้อยหยุดวิ่งแล้วหันกลับมามองเพื่อนอีกตัวที่ล้มฟุบลงไป หูมันกระดิกเมื่อได้ยินเสียงสวบสาบ เจ้าของคมกระสุนกำลังจะตามมาซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าเป้าหมายของตนแน่นิ่งไปแล้วจริง ๆ แต่เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ใครคนนั้นต้องหยุด

เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วเจ้าเสือน้อยก็วิ่งกลับมาหาเพื่อน มันหันมองซ้ายขวาอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อเพื่อนของมันบนพื้นหญ้าหายใจรวยรินลงไปทุกขณะ เลือดสีแดงตัดกับขนสีขาวทำให้มันละล้าละลัง ก่อนจะตัดสินใจอ้าปากงับลงไปที่หลังคอของอีกตัวแล้วลากร่างนั้นไปตามพื้น ค่อย ๆ ถอยเข้าไปในพุ่มไม้รกเพื่ออำพรางสายตา แต่รอยเลือดเลอะเป็นทางตามพื้นคงอำพรางสายตาของผู้ล่าได้ลำบาก

เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ทำให้ร่างน้อยหมอบลงต่ำ เสียงลมหายใจที่ขาดห้วงของลูกเสืออีกตัวทำให้มันหลับตาแน่น กลัวเหลือเกินว่าจะถูกจับได้ สุมทุมไม้ที่มันหลบอยู่ถูกมือของใครคนหนึ่งแหวกออก มันสะดุ้ง ลืมตาขึ้นมอง ร่างที่ยืนย้อนแสงทำให้เห็นเพียงความสูงใหญ่ที่โน้มลงมา มันผุดลุกออกมายืนจังก้าแยกเขี้ยวขู่เมื่อมือนั้นเอื้อมมาหาเพื่อนของมัน เท้าหน้ายกขึ้นตะปบหลังมือใหญ่ทำให้มือนั้นถอยกลับ ก่อนเอื้อมมาจับเจ้าเสือน้อยตัวร้ายแม้จะถูกเล็บคมขีดข่วนทั้งดิ้นรนจะกัดเอาให้ได้

ร่างของมันลอยขึ้นเหนือพื้น ตากลมมองเพื่อนที่ถูกช้อนอุ้มขึ้นมาโดยที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เมื่อตนเองก็ถูกอุ้มเหน็บข้างเอวพาเดินออกไปด้วยกัน

บาดแผลฉกรรจ์จากคมกระสุนถูกรักษาโดยผู้ที่นำตัวทั้งสองมา ตาใส ๆ มองการกระทำของคนผู้นั้นนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาวคนหนึ่ง เสียงเพื่อนของมันร้องอย่างเจ็บปวดทำให้มันเริ่มดิ้น ชักไม่แน่ใจแล้วว่าชายผู้นั้นจะช่วยเหลือเพื่อนของมันจริง ๆ จนกระทั่งเสียงของเพื่อนเงียบลง

แสงจากกองไฟที่หน้าบ้านไม้ส่องให้เห็นตัวกลม ๆ ที่ซุกอยู่ข้างเพื่อนที่บาดเจ็บ ชายผู้ให้การช่วยเหลือเดินเข้ามาหาแล้วนั่งยองลงมองเสือน้อยทั้งสองตัวก่อนโคลงศีรษะนึกสังเวชใจ สิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานมันยังรักกันขนาดนี้ มีแต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐนั่นล่ะที่ไปไล่ฆ่าฟันมัน มือหนาเอื้อมไปลูบหัวกลม หากเจ้าตัวน้อยนี่ฟื้นขึ้นมาพบว่าเพื่อนมันจากไปแล้วจะเป็นเช่นไร

อุ้งเท้าที่ยังคงเล็กอยู่ตะกุยพื้นดินจนมันเป็นหลุมบ่อ มือหนารั้งตัวเจ้าเสือน้อยที่ร้องคำรามไม่หยุดขึ้นมา ลูบหัวมันอย่างปลอบประโลม เสียงที่ดังลอดมาจากลำคอคล้ายน้ำเสียงของความเศร้าโศกจากลูกเสือที่รอดชีวิต พื้นดินที่ถูกฝังกลบยังใหม่อยู่ เพื่อนของมันอยู่ภายใต้พื้นดินนั่น จากมันไปเสียแล้ว ทิ้งมันเอาไว้เพียงลำพังอย่างนี้

เมื่อกาลเวลาผันผ่าน ต้นไม้ใบหญ้าขึ้นปกคลุมเหนือพื้นดิน เสือสีขาวตัวใหญ่นั่งเฝ้าที่แห่งนั้นอยู่ทุกวันคืน เหยื่อที่ถูกล่าจะถูกแบ่งครึ่งเพื่อนำมาให้เพื่อนของมันที่อยู่ภายใต้พื้นดินนั่น แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางจะได้ลิ้มรส แต่มันก็ทำเช่นนี้อยู่ตลอดจนกระทั่งสิ้นอายุขัย


บ้านไม้หลังเดิมที่เคยคุ้น นัยน์ตาสีเพลิงมองจ้องเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้า มวลสารก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างเพียงเจือจางโผล่ขึ้นมาเมียงมองที่หน้าต่าง หญิงสาวภรรยาของผู้ที่เคยช่วยเหลือตนมาแต่เก่าก่อนลุกออกจากห้องนั้นไปเมื่อเสียงของเด็กเงียบลง ร่างโปร่งแสงนั้นจึงค่อยเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เปล ชะโงกหน้าไปมองเด็กน้อยตัวขาวที่ลืมตาขึ้นมามองตอบ สัมผัสเย็นชืดลอยวนอยู่รอบกายเด็กเล็กทำให้เงาร่างนั้นชะงัก เมื่อเพ่งพินิจผิวกายของเด็กนั้นช่างขาวจนซีด ความหวาดกลัวเริ่มถามหา เพราะนัยน์ตาสีอำพันมันสะท้อนให้นึกถึงเพื่อนยากและการลาจากที่ไม่มีวันหวนคืน

ร่างนั้นมองซ้ายขวาต้องการหาตัวช่วย มันจะบอกกับหญิงสาวผู้นั้นว่าอย่างไรในเมื่อตนไม่สามารถติดต่อกับใครได้ มือเล็กป้อมของเด็กในเปลเอื้อมคว้าหางของมันขณะที่กำลังจะผละไป เงาร่างนั้นชะงักงันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอี้ยวหน้ากลับมามอง มันสะบัดหางเบา ๆ ให้หลุดจากการเกาะกุม โหย่งกายขึ้นเกาะขอบเปลแล้วมองท่าทางอ่อนแรงของเด็กน้อยในเปลนิ่ง ก่อนตัดสินใจก้มลงไปหาอย่างช้า ๆ จนกระทั่งมวลสารที่ก่อตัวเป็นรูปร่างนั้นค่อยแผ่ปกคลุมรอบเปลและเลือนหายไปในที่สุด

สองดวงจิตในร่างเดียวทำให้จิตอีกดวงทรมานนัก เมื่อจะออกจากร่างนี้ก็ทำไม่ได้ แต่อยู่ต่อไปก็รวดร้าวราวจะแตกดับ วัตถุทรงกลมสีสว่างใสที่ถูกล้อมกรอบด้วยวัตถุโปร่งบางถูกนำมาห้อยคอเด็กน้อย สัมผัสของมันทำให้ดวงจิตที่ทุรนทุรายสงบนิ่งลงได้ ความอบอุ่นที่คล้ายจะโอบล้อมอยู่รอบกายทำให้ค่อย ๆ หลับใหล และจมอยู่ภายใต้จิตสำนึกของร่างนี้เท่านั้น...

มันคงเป็นนิทานปรัมปราเรื่องหนึ่งหากคนเล่าไม่ใช่เด็กที่แสนจะมีความพิเศษอย่างตะวัน สายลมฟังเรื่องราวเหล่านั้นอยู่เงียบ ๆ โดยมีร่างน้อยนั่งอิงอกแกร่ง แขนแข็งแรงกระชับกอดกายอุ่นพรางกดจูบกระหม่อมบาง ร่างกายของตะวันยังอุ่นเหมือนคนทั่วไป มันเชื่อได้ยากเหลือเกินหากบอกว่าเป็นเพียงภาพลวงตา หรือคนที่เขากอดอยู่ตอนนี้ไม่มีตัวตน

“สายลม”

“หืม?”

สายลมขานรับเมื่อเด็กในอ้อมแขนเอ่ยเรียกหลังจากปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันอยู่นาน ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองเขาที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง

“ผมไม่ใช่คนแบบสายลม ไม่ใช่สัตว์แบบลูห์ เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้...” น้ำเสียงที่เอ่ยบอกดูไม่มั่นใจนัก แต่ก็พยายามแล้วที่จะพูดให้อีกคนได้เข้าใจ

เพราะหลายปีก่อน เจ้าของร่างอย่างรูสหมดลมหายใจลงไป ทำให้ดวงวิญญาณของเขาและรูสแยกจากกัน เขาที่ยังไม่รู้ตัวตนของตนเองกลับสร้างรูสอีกคนขึ้นมา ทุกความทรงจำที่รูสมี เขาเองก็มีไม่ต่างกัน ทำให้เขาหลงเพ้อไปว่าตนเองคือรูส และใช้ชีวิตในฐานะรูสตลอดมา

“สายลมรู้อะไรไหม รูปร่างหน้าตาหรือตัวตนที่สายลมกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ของผม ผมเพียงจดจำคนที่พบเจอแล้วมันก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเหมือนเขาคนนั้น ก็เท่านั้น”

“หมายความว่ายังไง?” คิ้วเข้มขมวดเมื่อฟังที่เด็กพูด

“เหมือนรูสไง เด็กคนนี้ก็เหมือนกัน ผมแค่เจอกับเขาในช่วงที่ห่างกับสายลม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารูปร่างหน้าตาตัวเองเปลี่ยนไป จนกระทั่ง... ได้พบกับพ่อของสายลม”

นึกย้อนไปแล้วก็ไม่อยากพูดถึงมันเลยสักนิด ในช่วงนั้นที่จากมา เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้กลับมาพบกันอีก แต่ด้วยความอ่อนแรงทำให้เผลอนั่งพักอยู่ข้างรถยนต์คันหนึ่ง เสียงผู้คนที่ดังมาใกล้ทำให้ปีนขึ้นไปหลบบนกระบะหลัง ซุกตัวอยู่ภายใต้ผืนผ้าใบหลังรถจนเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน กว่าจะรู้ตัว รถคันดังกล่าวก็ขับมาไกลแล้ว จะลงจากรถก็ไม่รู้ทางไป จนต้องซุกตัวอยู่ในนั้นจนถึงที่หมายของรถยนต์คันดังกล่าว

ผู้ที่มาพบเขาหลังจากนั้นคือลูกชายเจ้าของบ้านหลังที่รถยนต์มาจอด เขาถูกพาไปซ่อนตัวเพราะความซนของเด็กคนนั้น ห้องเล็ก ๆ หลังบ้านคือที่ที่เขาอยู่ เด็กนำอาหารและน้ำดื่มมาให้ เขาเหมือนสัตว์เลี้ยงที่คอยรับความเมตตา จนกระทั่งวันหนึ่งที่เด็กคนนั้นเปิดประตูเข้ามาแล้วตกใจจนแทบสิ้นสติ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในนาทีนั้น เขารู้แต่ว่าอยู่ที่นั่นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ทำให้ต้องระหกระเหินออกจากบ้านหลังนั้นมาโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปถึงนับตะวันได้อย่างไร

“ฉันยังสงสัย ไปเจอกันได้ยังไง?” เมื่อเอ่ยถึงบิดา สายลมก็เริ่มคิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก บิดาของเขาบอกพบกันที่นับตะวัน แล้วเด็กน้อยของเขาไปที่นั่นได้อย่างไร

“เรื่องมันยาวน่ะ มีเวลาสักสองสามวันไหม จะเล่าให้ฟัง”

สายลมอมยิ้มกับคำพูดและท่าทางทะเล้นของอีกฝ่าย เข้าใจเลี่ยงคำตอบ

“ตัวแสบ” ว่าพลางบีบจมูกตัวแสบเบา ๆ

เจ้าของจมูกหัวเราะ ทั้งคู่มองสบสายตา แววไหวหวั่นฉายชัดในดวงตากลมเมื่อเอ่ยต่อ

“คุณอาจำผมไม่ได้...” เสียงคนเล่าเบาหวิว “ผมยิ่งมั่นใจว่าผมเป็นตัวประหลาด ผมไม่ได้ตั้งใจหลอกทุกคนว่าพูดไม่ได้ แต่... เพราะอาการอึกอักของผมทำให้คุณอาตีความไปแบบนั้น ซึ่งผมคิดว่านั่นก็ดีแล้ว เพราะไม่อยากหลอกท่านซ้ำซ้อนจนมันหาทางแก้ไขเพียงคำพูดไม่กี่คำไม่ได้”

เวลานั้นเขาไม่ลังเลเลยเมื่อท่านยื่นมือมา เขาพร้อมคว้าเอาไว้เพราะเห็นแก่ตัว เพียงแค่คิดว่าอย่างน้อยถ้าได้อยู่กับท่านก็จะได้รู้เรื่องสายลมทุกอย่าง ว่าเป็นอยู่อย่างไร สบายดีไหม ทุกข์ใจหรือเปล่า มีใครคอยดูแลหรือยัง มีความสุขดีใช่ไหม แม้สายลมจะไม่รู้ว่ามีเขาอยู่ แต่สิ่งที่เขาต้องการก็มีเพียงเท่านี้ ทำให้ต้องหลบเลี่ยงทุกครั้งเมื่อเจอสายลม เพราะรู้ดีว่าสายลมเป็นคนดี ถ้ารู้ว่าเขายังอยู่ ต้องคอยปกป้องดูแลตัวประหลาดแบบเขาแน่ เขาไม่อยากเป็นภาระ ไม่อยากเลย

สายลมกระชับอ้อมกอด “จะเป็นตัวอะไรก็ช่าง แค่รู้ไว้ว่าฉันรักเธอก็พอ”

เอ่ยบอกคนในอ้อมแขนอย่างหนักแน่น ต่อให้เด็กคนนี้จะเป็นตัวประหลาดมีเขางอกออกมา เขาก็ยังมั่นใจว่าจะรักไม่เสื่อมคลาย เพราะเขาเคยเจอเจ้าตัวเล็กนี่มาทุกรูปแบบแล้ว จะเจออะไรอีกก็ไม่หวั่นแล้วเวลานี้

“ถึงแม้จะประหลาดแค่ไหนก็รักเหรอ?”

“ใช่” ตอบไปอย่างไม่ลังเลสักนิด

“ถึงแม้จะมีหูมีหางงอกออกมา จะหน้าตาประหลาดไม่เหมือนมนุษย์มนา ก็รักเหรอ?” เจ้าเด็กขี้สงสัยยังถามต่อ

สายลมหัวเราะในลำคอกับความสรรหาแต่ละคำถามของเจ้าตัวยุ่ง เขาฟัดแก้มนุ่มด้วยความมันเขี้ยวก่อนกระซิบบอก

“ใช่ ไม่ว่าจะเป็นยังไง ประหลาดแค่ไหน ก็รักที่สุด”

สายลมก้มลงไปจูบ เด็กในอ้อมแขนก็ยอมอยู่นิ่งให้ได้ทำตามใจ เรียวลิ้นที่ส่งมาต้อนรับทำให้เขาชักไม่อยากหยุดอยู่แค่จูบเดียว

“สายลม...”

“หืม?”

ริมฝีปากหยักซุกไซ้ต้นคอเมื่อขานรับ ร่างเล็กถูกเอนลงนอนบนฟูก ขณะที่สะโพกถูกยกมาเกยบนหน้าขาแกร่ง เขาไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด ไม่ได้ตั้งใจเลยจริง ๆ ที่จะให้มันเลยเถิด แต่ก็ทำลงไปแล้วนี่สิ ทำอย่างไรดีล่ะ

“สายลม” เสียงเด็กดื้อยังเรียกอยู่ใกล้หู

“อืม...”

“เหมือนจะมีหางงอกออกมาล่ะ...”

“หา!?”

กายสูงใหญ่ผละออกมามองด้วยความตกใจ ก่อนจะนิ่งไปเมื่อเห็นว่าเด็กมันอมยิ้มตาพราว ไอ้ดื้อตาใส เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โน้มตัวลงไปซุกไซ้ไอ้เด็กดื้อที่กำลังหัวเราะเขา

“สายลม...”

“เลิกพูดได้แล้ว” เขาดุเสียงเข้ม

“อื้อ แต่คราวนี้...”

“ช่างมัน!” ริมฝีปากหยักงับดูดยอดอก ปลุกเร้าอารมณ์ร้อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กเลี้ยงแกะ

“หูงอกแล้ว” เสียงแปร่งปร่ายังกระซิบแกล้ง

“ดี จะงับให้ขาดเลย”

สายลมว่า เลื่อนใบหน้าขึ้นมาจากอกบางแล้วอ้างับใบหูนุ่ม เพียงปลายลิ้นชื้นตวัดเลีย เด็กดื้อก็ครางเสียงดัง สายลมชะงัก ก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์ เจอจุดอ่อนเจ้าตัวยุ่งเสียแล้วสิ

“สายลมอย่างับหู”

เสียงสั่น ๆ ทั้งใบหน้าแดงก่ำไม่ได้ทำให้สายลมเชื่อฟังแต่อย่างใด เพราะเขาจะไม่งับแค่หูหรอกเด็กดื้อ จะ ‘งับ’ มันทั้งตัวเลย


......


คลื่นทะเลซัดสาดใต้ท้องเรือที่จอดเทียบท่าไม่ไกลจากกระท่อมหลังน้อย ลมเย็น ๆ พัดพาเอากลิ่นไอของทะเลสีฟ้าครามมาปะทะกาย เส้นผมยาวสีดำขลับที่ถูกรวบไว้เพียงหลวม ๆ ปลิวตามแรงลมที่พัดโบก ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่บนเรือทอดมองไปไกล ก่อนจะหันกลับมามองใครอีกคนที่เดินมาหาพร้อมลูกสิงโตตัวกลมขนนุ่มในอ้อมแขน ริมฝีปากหยักยกยิ้มเอ็นดู ท่าทางจะชอบมันเอามาก ตัวติดกันตลอดแม้แต่ยามนอน

“วางลงบ้างก็ได้ รูส” สายลมเอ่ยบอกเด็กดื้อตากลมที่กอดลูกสิงโตไม่ปล่อย

รูสยังคงเป็นชื่อที่พวกเขาใช้เรียกเวลาอยู่ด้วยกัน ขณะที่คนในเกาะศิลาก็ยังรู้จักเจ้าตัวเล็กในชื่อของตะวัน สายลมไม่คิดจะแก้ความเข้าใจหรือป่าวประกาศบอกใครนอกจากครอบครัวที่เฟอร์ริงตัน เพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น

“ก็รูสชอบมันนี่” เด็กมันว่า ไม่มีทีท่าว่าจะทำตามที่บอกแต่อย่างใด

“ดื้อ”

เขาว่าอย่างนั้น เจ้าตัวเล็กมันก็ย่นจมูกใส่ ก่อนจะปล่อยลูกสิงโตในอ้อมแขนลงที่พื้นเรือ พอเท้าแตะพื้น เจ้าตัวกลมก็วิ่งไปหาแม่ของมันที่สะพานเทียบท่า โดดลงจากเรือแล้วเข้าไปคลอเคลียอย่างออดอ้อน

พวกเขายังใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมน้อยหลังเดิมซึ่งเวลานี้มันถูกต่อเติมใหม่ให้แข็งแรงขึ้น และดูดีขึ้นมากกว่าเดิม ขณะที่ลูห์วางใจเรื่องของทั้งคู่ได้แล้วก็เที่ยวไปเกี้ยวสาวจนรูสบ่นว่ามันเจ้าชู้ สิงโตตัวเมียทั้งป่าบนเกาะศิลาคงช้ำใจตายถ้ามารักกับลูห์ แต่ถึงอย่างนั้น ลูห์ก็ยังหาคู่ตุนาหงันของมันได้โดยไม่สนเสียงบ่นของเจ้าเด็กดื้อแต่อย่างใด และยังมีลูกน้อยมาให้เชยชมอีกด้วย

ลูห์เดินออกมายืนเคียงสิงโตแม่ลูก เนียร์ คือคู่ชีวิตของมัน และรีส ลูกน้อยที่จะกลายมาเป็นตัวแทนของความศักดิ์สิทธิ์บนเกาะศิลาในภายภาคหน้า เจ้ารีสน้อยวิ่งวนพันแข้งพันขาน่าเวียนหัว แต่ลูห์ก็ไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิด เพียงแต่คาบหลังคอเจ้าตัวยุ่งเอาไว้ไม่ให้วิ่งเลยตกสะพานไป

“ลูห์มารับรีสเร็วจัง รูสยังอยากเล่นกับน้องอยู่เลย” เจ้าเด็กบนเรือบ่น รีสเป็นชื่อที่เขาตั้งให้เอง เป็นสองพี่น้องรูสกับรีส ด้วยทึกทักเอาเองว่าพี่น้องต้องชื่อคล้องกัน

“เป็นเด็กหรือไง ร้องไห้ตามน้องเลยสิ” สายลมว่า

เจ้าตัวเล็กปรายมองคนพูด “สายลมนี่ไม่เข้าใจอะไรเล้ย... โอ๊ย!”

มือเรียวยกขึ้นกุมหน้าผากเมื่อถูกมะเหงกของคนตัวโต

“หมั่นไส้”

“ชิ!” ใบหน้าเรียวสะบัดไปอีกทาง

สายลมส่ายหน้า ดื้อจนหยดสุดท้ายจริง ๆ เด็กคนนี้ แต่เขากลับไม่นึกรำคาญ ชอบที่จะปราบพยศเด็กดื้อมากกว่า

บนสะพานนั้น เนียร์และลูห์ผินกายเพื่อออกเดินกลับถ้ำบนผาสูงซึ่งเป็นบ้านของพวกมัน แต่เจ้ารีสน้อยที่วิ่งตามพ่อแม่กลับหยุดวิ่ง หันกลับมาทางรูสแล้วตัวกลม ๆ นั่นก็วิ่งดุ๊ก ๆ กลับมาหา

รูสย่อกายลงรับสิงโตน้อยตัวกลม ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อมันเอาจมูกชนปลายคางตนเองอย่างออดอ้อน พอมองเลยไปที่ลูห์กับเนียร์ ทั้งสองตัวก็ได้แต่พรูลมหายใจก่อนจะหันกลับ ปล่อยให้ลูกน้อยแสนซนอยู่กับรูสไปเช่นนั้น

มองตามหลังลูห์แล้วสายลมก็ยิ้มบาง พวกเขาต่างก็พบกับสิ่งสำคัญ กายสูงใหญ่ก้าวมาชิดแล้วรั้งตัวเด็กดื้อเข้ามาในอ้อมแขน โอบประคองเอาไว้ข้างหนึ่ง รูสเอียงคอน้อย ๆ มองเขา ขณะที่ริมฝีปากรูปกระจับนั้นอมยิ้มละไม

สายลมเกลี่ยแก้มใสเบา ๆ เวลานี้เขาเป็นเพียงสายลมที่พัดอ่อน จะคอยพัดผ่านให้เย็นใจ จะคอยดูแลตราบเท่าที่แสงจากดวงตะวันดวงนี้ยังคงส่องมาในหัวใจ...




❊❊ สวัสดี ❊❊




ในที่สุดสายลมก็ได้กลับคืนสู่เล้าอีกครั้ง  :L1:

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาบวกให้อีกทีนะคะ

วันใหม่ค่ะ
  :L2:

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1

ในที่สุด ก็มีความสุขแล้วนะรูส
โล่งอก ประหนึ่งคุณแม่ที่ลูกสาวออกเรือน
และรู้ว่าลูกเขยหล่อ รวย และแสนดี ^_^

คุณ wanmai ดวงจิตของรูสจะแตกดับ เมื่อถึงเวลาอันสมควรใช่ไหม
เป็นห่วง หากวันหนึ่งสายลม จากไปเมื่อสิ้นอายุขัย
น้องจะอยู่อย่างไร
(อินเวอร์ .. บอกเลย 555)

ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆ
 :กอด1:


ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เย้ เย้ ในที่สุดสายลมกับรูสก็มีความสุข ว่าแต่ลูห์ไวไฟนะเนี่ยแป๊บๆมีลูกเมียซะและ  :z1:  ขอบคุณ คุณนักเขียนนะคะที่กลับมาจะติดตามและเป็นกำลังใจให้ต่อไปน้า  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เป็นนิยายที่ดีงามล้านแปดมากค่ะ ชอบจัง ปกติเราไม่อ่านนิยาแฟนตาซีแบบนี้นะ แต่นี่ อ่านเพลิน เสียการเสียงานกันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
สายลมห่มตะวัน

พิเศษ รักตะวัน



กระท่อมน้อยริมเล

บนสะพานไม้ที่ทอดยาวลงไปในทะเล เด็กหนุ่มตัวบางยืนส่งนายน้อยแห่งเกาะศิลาขึ้นเรือด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม แต่คนที่กำลังจะก้าวขึ้นเรือกลับรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น อดคิดไปมากมายไม่ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังฝืนยิ้มอยู่หรือไม่

“อยู่ได้แน่นะ?”

สายลมเอ่ยถามเด็กดื้อ เขาต้องไปทำงานให้บิดาที่เฟอร์ริงตัน กลับจากที่โน่นก็ว่าจะแวะนับตะวันสักหน่อย ต้องออกนอกเกาะหลายวันทีเดียวกว่าจะได้กลับมา กลัวว่าเด็กจะเหงา จะพาไปด้วยเจ้าดื้อมันก็ยืนกรานว่าอยู่ได้ ไม่ต้องห่วงใย

“ฮื่อ บอกหลายรอบแล้วว่ารูสไม่เป็นไร”

เด็กหนุ่มย่นจมูกให้คนย้ำคิดย้ำทำ เขาวิ่งเล่นอยู่ในเกาะมานานแค่ไหนแล้ว ตั้งแต่ยังเป็นรูสคนก่อนจนเดี๋ยวนี้ สถานการณ์ในเกาะก็ไม่มีอะไรน่าห่วงเสียหน่อย ทั้งลูห์ ทั้งเนียร์ แล้วก็รีสก็อยู่เป็นเพื่อน ไหนจะเจ้ากั้งกับพวกเจ้าโตอีก ลุงหลงก็อยู่ หมอปลายฟ้า พี่ฟาริดา พ่อเฒ่าอาจีฟ โอ๊ย เยอะแยะ เพื่อนเยอะขนาดนี้ เขาอยู่ได้น่า

“โอเค ถ้าอย่างนั้นเสร็จงานแล้วฉันจะรีบกลับ” คนนี้ก็ยังอดห่วงไม่ได้

“อื้อ”

“ดูแลตัวเองด้วย เด็กดื้อ” จูบหน้าผากเด็กดื้อเป็นการบอกลา ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะลงเรือไป

“สายลมด้วยนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย”

“หึ ๆ ครับผม”

เมื่ออีกคนตอบกลับมาเช่นนั้น เจ้าดื้อก็ยิ้มแก้มป่อง โบกมือให้คนบนเรือยนต์เมื่อคนขับติดเครื่องแล้วพาห่างไป มือเรียวค่อยลดลง ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนใจพรืดแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ ทั้งพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

“รูสอยู่ได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย”



ถังน้ำที่บรรจุน้ำจืดเสียครึ่งถังถูกหิ้วมายังสวนดอกไม้สีขาว สถานที่แสนสงบของรูส ตะวันดวงน้อยยังคงมาที่นี่ หมั่นดูแลมันไม่ให้รกเรื้อ ทำเท่าที่สามารถจะทำให้กับคนที่จากไปได้ เจ้ารีสน้อยที่วิ่งตามหลังมามีถังน้ำใบเล็กอยู่ในปาก กว่าจะมาถึงสวนของรูส น้ำในถังก็กระฉอกจนเหลือแค่นอนนิ่งอยู่ในก้นถัง พอรูสหันมาเห็นก็หัวเราะขำ นั่งลงรับถังน้ำนั้นมารดดอกไม้รอบ ๆ พากันเดินไปเดินกลับเสียหลายรอบกว่าจะเสร็จ

หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวพากันนั่งแหมะอยู่ในสวน หมดแรงข้าวต้มไปตาม ๆ กัน ปรกติสายลมจะช่วยหิ้วน้ำมาให้ทีละสองถังใหญ่เพราะแรงเยอะกว่าพวกเขามาก ทำให้ไม่นานก็รดน้ำเสร็จ คราวนี้ต้องทำกันเอง ทำให้หิ้วได้ทีละถัง แถมยังทำหกมาตามทางอีกเลยยิ่งช้าเข้าไปใหญ่ ลมเย็น ๆ พัดพามาให้พอหายเหนื่อย มองป้ายชื่อของรูสแล้วเจ้าตัวเล็กก็คิดถึง แล้วยิ่งพอสายลมไม่อยู่แบบนี้ก็ชักเหงาขึ้นมานิด ๆ เสียแล้วสิ

มือเรียวลูบหัวเจ้ารีสน้อยที่นอนซุกอยู่ข้างต้นขา นั่งพักให้หายเหนื่อยทั้งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่เป็นนานก่อนจะถอนใจเบา ๆ กายผอมค่อยลุกขึ้น คว้าอุ้มเจ้ารีสแล้วหิ้วถังน้ำกลับกระท่อม

“ไปเล่นกับพวกเจ้าโตดีกว่า”



ลานกว้างในหมู่บ้านบนเกาะศิลา เสียงจ้อกแจ้กเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆ ดังมาเป็นระยะ รูสนั่งเท้าคางมองเพื่อนรุ่นเยาว์เล่นเตะบอลกันอยู่ข้างลานไม่ได้เข้าไปเล่นด้วย สายลมกับหมอปลายฟ้าช่วยกันหาทุนมาสร้างโรงเรียนแทนการให้เด็ก ๆ ไปเรียนที่บ้านของพ่อเฒ่าอาจีฟ พวกเขาอยากส่งเสริมด้านนี้ให้เป็นจริงเป็นจัง สมัยนี้เทคโนโลยีพัฒนาก้าวไกล ถึงแม้จะอยู่บนเกาะห่างไกลผู้คนอยู่มากก็ไม่จำเป็นต้องเป็นพวกล้าหลังเสมอไป โดยเฉพาะเรื่องการแพทย์ ทั้งแผนปัจจุบันและการรักษาแบบพื้นบ้านแต่โบราณมา สองหนุ่มก็ใช้มันควบคู่กันไปเพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนบนเกาะศิลามากที่สุด

โครงการสร้างโรงเรียนได้รับความร่วมมือจากคนในเกาะเป็นอย่างดี เรื่องการก่อสร้างก็มีฝีมือกันพอตัว ก่อนนี้สายลมได้ติดต่อทางพฤทธาการกรุ๊ปไป เพื่อให้ช่วยออกแบบและคุมงานก่อสร้างให้ออกมาได้มาตรฐาน อาเปียวคนรักของอาแอลช่วยประสานงานให้ ที่เหลือคงเรื่องทุนในการก่อสร้าง ส่วนการซื้อหาของข้าวและอุปกรณ์การเรียนยกให้เป็นหน้าที่ของฟาริดาช่วยทำรายการแล้วให้หนุ่ม ๆ ในหมู่บ้านช่วยกันขนเข้ามาเมื่อโรงเรียนสร้างเสร็จ

สนามเด็กเล่นยังคงเป็นลานกว้างในหมู่บ้าน รูสแอบมาเล่นกับพวกเจ้าโตบ่อย ๆ เวลาสายลมไม่อยู่ โดนสายลมดุเอาก็หลายทีเพราะกลับมาไม่เจอ เล่นซนจนลืมเวลาก็แบบนี้

“เป็นอะไรวะ ตะวัน?” เจ้าโตวิ่งออกมาจากสนาม ทิ้งตัวลงนั่งข้างรูสที่นั่งขัดสมาธิเท้าคางท่าทางเบื่อ ๆ

“ไม่ได้เป็นอะไร” บอกเพื่อนเสียงเนือย ถอนใจแถมให้อีก

“คิ้วเอ็งจะผูกปมแล้ว คิดมากแก่เร็วนะเว้ย” เจ้าโตว่าพร้อมจิ้มหว่างคิ้วเพื่อน

“ช่าง”

“อ้าว เอ็งนี่มันยังไง เลิกทำหน้าแบบนั้นแล้วไปเล่นกับพวกข้าดีกว่า มา”

เจ้าโตคว้าข้อมือเพื่อนของมันแล้วดึงให้ลุกขึ้นมา ตัวผอม ๆ นั้นยอมลุกขึ้นเดินตามไปด้วยความซังกะตาย ไม่เห็นสนุกเลย ทำไมมันโหวง ๆ ในอกแบบนี้นะ...

เล่นกันจนเย็น เด็กทโมนก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน รูสโบกมือลาพวกเจ้าโตก่อนแยกกลับกระท่อมน้อยของสายลมบ้าง ระหว่างทางเจอป้ามหาภัยที่มีเรื่องกันในวัดไปเมื่อคราวกระโน้น หลังจากครั้งนั้นเขากับกลุ่มป้ามหาภัยก็ปะ ฉะ ดะ กันบ่อย ๆ เพราะเหล่าคุณป้าชอบพูดให้สายลมเสียหายอยู่เรื่อย ถึงสายลมจะไม่ใส่ใจ แต่ได้ยินทีไรรูสก็อดไม่ได้ทุกที

“ได้ยินว่านายน้อยไปนอกเกาะอีกแล้ว”

แค่ประโยคแรกที่ได้ยิน รูสก็ขัดหู ไม่มีเรื่องพูดกันเลยหรืออย่างไร ทำไมชอบว่าสายลมของเขาจัง

“เห็นว่าไปหาพ่อบุญธรรมเหมือนทุกทีนั่นล่ะ”

“แน่เร้อ ข้าว่านายน้อยต้องแอบซุกเมียไว้นอกเกาะแน่ ไม่อย่างนั้นอยู่มาตั้งนานนม ข้าไม่เห็นนายน้อยจะสนใจผู้หญิงคนไหนในเกาะเราบ้างเลย”

เจ้าตัวเล็กหูผึ่ง เมียใคร อะไร ที่ไหนนะ?

“ผู้ชายก็ต้องมีบ้างล่ะนะ มันเรื่องธรรมดาจะตาย ผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่มีพิษ ยิ่งนายน้อยมีรูปเป็นทรัพย์อยู่แล้วแบบนี้ ไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์เป็นไม่มีซะล่ะ”

“ไม่จริง สายลมไม่ใช่คนแบบนั้น!”

เจ้าเด็กดื้อสวนทะลุกลางปล้อง ทำให้ป้ามหาภัยพากันหันมามอง เมื่อเห็นว่าใครก็พากันหัวเราะขบขันเสียอย่างนั้น

“ต๊าย เจ้าหนูนี่ อยากมีเรื่องกับพวกข้าอีกหรือไง?” ป้าเท้าสะเอวใส่

“ป้านั่นแหละ ทำไมชอบนินทาชาวบ้าน ไม่รู้จริงอย่าพูดจะดีกว่า” รูสว่า

“แล้วเอ็งรู้อะไร หา ไหนบอกข้ามาซิ ตั้งแต่เอ็งมาอยู่ เอ็งเคยเห็นนายน้อยชายตาแลสาวไหนบ้างไหม?”

“ไม่เคย!” ลองเคยดูสิ พ่อจะข่วนให้หน้าแหก เจ้าตัวเล็กแอบต่อประโยคในใจ

“นั่นปะไร แล้วเอ็งมาเถียงแทนทำไม ในเมื่อพวกข้าแค่ตั้งสมมติฐาน” ป้ามหาภัยไล่ต้อน พากันยิ้มเยาะเจ้าหนูปากดี

“สมมติที่ไหน ป้าพูดเหมือนรู้เห็นทั้งที่มันไม่จริง สายลมเสียหาย” รูสเองก็เถียงขาดใจ

“โธ่ ไอ้หนู เสียหงเสียหายอะไร เรื่องปรกติธรรมดาของผู้ชายเขา ไม่เคยสีหญิงเลยนี่สิแปลก เอ้อ พูดกับเอ็งไปคงไม่รู้เรื่อง เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้จะไปรู้อะไร กลับบ้านไปกินนมนอนไป๊” ว่าจบก็หัวเราะกันครืน

รูสกัดปาก อยากตอบโต้แต่ก็ได้แต่มองเหล่าคุณป้าตาคว่ำตาหงาย สายลมไม่ทำแบบนั้นหรอก ป้าใส่ไคล้!

“เด็กเอ๋ยเด็ก จะรู้อะไรกับเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน”

ป้ามหาภัยหัวเราะเหอะ ๆ ก่อนจะพากันเดินจากไป ปล่อยเจ้าตัวเล็กปั้นปึ่งเดินตึงตังกลับกระท่อม สายลมไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่ทำแน่ ๆ ป้ามหาภัยมั่ว!



ทางด้านคนไกลที่ไปทำงานให้บิดา ขากลับแวะเข้าบริษัทซึ่งเป็นแหล่งเจียระไนเพชรและอัญมณีชั้นดี ผลึกสีอำพันถูกนำออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท สายลมมองมันแล้วยิ้มเล็กน้อยเมื่อใส่มันกลับไว้ในกระเป๋าแล้วก้าวเข้าตัวอาคารไป สมบัติชิ้นสำคัญของเจ้าตัวยุ่ง ถ้ารู้ว่ามันหายไปจะโวยวายไหมนะ

หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สายลมก็กลับมายังคฤหาสน์เฟอร์ริงตัน ในยามค่ำคืน ห้องนอนของเขาก็ยังคงเปิดไฟสว่าง แม้จะดึกมากแล้วแต่เขากลับข่มตาหลับไม่ลง ร่างสูงใหญ่ออกมารับลมที่ระเบียงโดยถือกล่องกำมะหยี่ติดมือออกมาด้วย ด้านในนั้นมีผลึกสีสวยที่ถูกเจียระไนอย่างดีจนกลายเป็นจี้ห้อยคอชิ้นใหม่สำหรับคนในความคิดถึง

สายลมมองมันแล้วก็ยิ่งคิดถึงเจ้าของมัน อยากรีบกลับไปหาโดยไวเสียจริง เวลาของที่นี่กับเกาะศิลาไม่ตรงกัน ทำให้เขาได้แต่เฝ้าคิดคำนึงว่าในค่ำคืนที่ผ่านมาบนเกาะศิลานั้น เจ้าเด็กดื้อของเขาจะนอนหลับไหมหนอ แล้วตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ จะกลัวหรือเปล่าที่ต้องอยู่กระท่อมน้อยคนเดียว คิดไปสะระตะ

ก่อนมาเขาก็อยากพาเด็กไปฝากไว้ที่บ้านใหญ่อยู่หรอก แต่เจ้าตัวกลับอยากนอนที่กระท่อม สายลมเลยจนใจ ถึงอย่างไรลูห์กับเนียร์ก็คอยดูแลอยู่ แถมยังมีเจ้ารีสตัวน้อยที่มานอนด้วยทุกคืน เขาก็พอจะเบาใจลงไปได้บ้าง

แสงนีออนส่องมากระทบจี้ห้อยคอสีอำพันเรือง ๆ สายลมพลิกพินิจเพียงครู่พลางยิ้มอ่อน งับปิดกล่องกำมะหยี่แล้วระบายลมหายใจบางเบา

“จะคิดถึงฉันไหมนะ รูส”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจทำให้สายลมมุ่นคิ้ว ใครมาเคาะห้องเขาในเวลาดึกดื่นป่านนี้ จะว่าเป็นบิดาก็คงไม่ใช่ ท่านทั้งสองคงหลับกันไปแล้ว

เพื่อคลายความสงสัย สายลมจึงเดินกลับเข้าห้อง เก็บกล่องกำมะหยี่ไว้ในลิ้นชักหัวเตียงก่อนเดินไปเปิดประตูให้คนด้านนอก เพียงบานประตูเปิดแง้ม เจ้านั่นมันก็เดินสวนเข้ามาเลย ไม่มีการทายทักใด ๆ ทั้งสิ้น แถมเดินเลยไปนั่งที่โซฟาชุดเล็กในห้องนอนของเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เสียอีก

สายลมมองแล้วยกยิ้มมุมปากหน่อย ๆ ก่อนงับปิดประตู ก้าวมาหาแขกผู้มาเยือนยามวิกาล กอดอกมองไม่เอ่ยถามอะไรออกไปก่อนแต่อย่างใด ในเมื่อมาหาเขา นั่นแสดงว่ามีเรื่องอยากพูด ก็รอให้พูดออกมาเองก็แล้วกัน

“เด็กพี่เอาใจยาก”

“หึ”

คำแรกที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาทำให้สายลมหัวเราะในลำคอ คนพูดถอนใจยาว เอนหลังพิงโซฟาแล้วไขว้มือรองท้ายทอย ท่าทางเบื่อโลกน่าดู

“รู้ซึ้งถึงฤทธิ์เดชของเขาแล้วสิ?” คนพี่เอ่ยถามทั้งยิ้มมุมปาก

“เหอะ นี่ถ้าไม่ใช่ลูกอาแอลนะ...”

“ทำไม?” สายลมเลิกคิ้วกับคำพูดของน้องชาย

“ผมจะไม่ตามให้เสียเวลา”

“จริง?” ไม่อยากจะเชื่อน้ำคำเอาเสียเลย

“ทำไมคิดว่าผมพูดเล่น หน้าตาผมบอกแบบนั้นเหรอ?” คนเป็นน้องชักขวาง ยิ้มแบบนั้นมันอะไร เหมือนรู้ทันเขาไปเสียทุกเรื่องอย่างนั้น บ้าชะมัด

“หน้าตานายมันไม่ได้บอกหรอก เซย์ แต่พฤติกรรมนายมันบอก ต่อให้นายไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฉันก็ว่านายแพ้ทางเขาเต็ม ๆ” สายลมว่า

“คนอย่างเซย์นี่นะ!?” คนน้องย้อนเสียงสูง

“เออ คนอย่างเซย์ เฟอร์ริงตันคนนี้ล่ะ”

“......” หมดคำจะตอบโต้ เซย์ถอนใจพรืด เขาแพ้หรือ คนอย่างเขานี่นะแพ้ บ้าไปแล้ว

“แล้วเจ้าตัวยุ่งเป็นไงบ้าง ไม่พามาให้เห็นหน้าเลย” เมื่อไม่รู้จะหาอะไรมาคัดง้างในสิ่งที่พี่ชายพูด เซย์จึงเลือกที่จะเลี่ยงไปเรื่องอื่น

“เขาไม่มาเอง” สายลมตอบกลับไปเสียงเรียบ แต่คนเป็นน้องกลับยิ้มเป็นต่อขึ้นมา

“ไม่มาหรือพี่ไม่ให้มา?”

“เขาไม่มา”

ยิ่งพี่ชายเน้นเสียงขนาดนั้น เซย์ยิ่งยิ้มล้อ

“เอ๊า ไอ้นี่ ก็บอกว่าเขาไม่มา!”

“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” เซย์ไหวไหล่ ร้อนตัวจริงพี่ชาย

สายลมเดาะลิ้นกับความกวนของน้องชาย นี่มันดึกมากแล้ว เขายังถูกก่อกวนอีก จะเอ่ยปากไล่น้องชายตัวดีแต่เสียงเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน สายลมจึงละความสนใจจากน้องไปรับโทรศัพท์สายสำคัญแทน

“ว่าไง ตัวแสบ?”

เพียงเขาเอ่ยทักปลายสาย คนแถวนี้ก็รีบหันขวับ ก่อนจะลุกพรวดแล้วก้าวฉับ ๆ มาหาพร้อมยื่นมือมาตรงหน้าเขา สายตาดูบังคับแกมร้องขอเพื่อให้เขาส่งโทรศัพท์ที่กำลังสนทนาอยู่ให้

สายลมกระตุกยิ้ม ไม่อยากแกล้งมันมากนักหรอกเซย์น่ะ ชายหนุ่มยอมส่งโทรศัพท์ในมือให้น้องชาย ก่อนจะดันตัวน้องออกจากห้องให้ไปคุยกันเอง ได้ยินเพียงเสียงแว่ว ๆ ก่อนที่ประตูห้องของเขาจะปิดลง

“ดึกดื่นไม่รู้จักหลับจักนอน... ห้ามวางนะเดวา! เด... เดวา! โธ่เว้ย!!”

สายลมส่ายหน้าหน่ายกับเสียงโวยวายของน้อง แทนที่จะเริ่มต้นคำพูดด้วยการง้อเขา ดันดุเขาไปก่อนแบบนั้น เจ้าแสบอย่างเดวาคงอยู่ฟังหรอก ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี


......


เกาะศิลา

ภายในกระท่อมน้อยของสายลม ข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น เสื้อผ้าหลายชิ้นลอยหวือผ่านหน้าเจ้ารีสที่นั่งจุ้มปุกไปหลายตัว บางตัวหล่นมาโปะบนหัว มันได้แต่นั่งงงกับเจ้าของห้องนอนในกระท่อมน้อยที่ค้นข้าวของเสียเกลื่อนไปหมด

“ไม่มี ในนี้ก็ไม่มีอะ ไม่มีเลย”

‘...?’ รีสน้อยเอียงคอ ได้แต่ฟังคำว่าไม่มี ไม่มี ของรูส โดยไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร

พอค้นหาจนทั่วแล้วแต่ก็ยังหาของที่ต้องการไม่พบ รูสจึงได้หันกลับมาหารีสที่ใช้อุ้งเท้าเกี่ยวเสื้อลงจากหัวแล้วโผล่หน้ามามอง

“ทำไงดี รีส ของสำคัญของรูสหาย ทำไงดี ฮือออออ”

เจ้ารีสน้อยตาโตเมื่อเห็นอีกคนร้องไห้กอดกล่องไม้ซึ่งไม่รู้มีอะไรในนั้น ทั้งสะอึกสะอื้นยกใหญ่ มันหันรีหันขวางก่อนเข้ามาหา นั่งลงตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก

“รูสทำมันหาย ทำไงดี...”

น้ำเสียงฟังดูน่าสงสาร ตากลม ๆ ของเจ้าตัวน้อยมองรูสนิ่ง ส่งเสียงร้องเบา ๆ ราวจะปลอบใจ แล้วก็ได้แต่นั่งเป็นเพื่อนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งลูห์มา

เจ้ารีสหันไปมองลูห์ที่ขึ้นมาบนกระท่อมพร้อมเนียร์ ก่อนหันกลับมาหารูสเพื่อบอกพ่อของตัวเองให้ช่วยปลอบ ลูห์ก้าวเข้ามาหาพลางพูดกับเด็กที่นั่งกอดกล่องไม้หน้าซึม

‘เก็บของเข้าที่ เจ้าหนู รกแบบนี้สายลมไม่ชอบใจแน่’

เมื่อถูกทักมาเช่นนั้น รูสถึงได้มองรอบกาย เด็กหนุ่มวางกล่องไม้ไว้บนพื้นก่อนลุกขึ้นไปเก็บข้าวของตามที่ลูห์บอกจนเรียบร้อย

‘นอนซะ เดี๋ยวพวกข้าอยู่เป็นเพื่อน’ ลูห์บอก

เนียร์หาที่นอนตรงมุมหนึ่งของห้อง เจ้ารีสก็วิ่งดุ๊ก ๆ ตามแม่มันไปนอนด้วย รูสจึงนอนลงบนฟูกโดยมีลูห์นอนเฝ้าตรงหน้าประตู

“ลูห์” รูสเอ่ยเรียกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

‘อือ’

“วันนี้ป้ามหาภัยนินทาสายลมอีกแล้ว”

‘ถ้าเจ้าพูดเรื่องป้าพวกนั้นก็เท่ากับเจ้าช่างนินทาเหมือนพวกเขา’

“แค่จะพูดให้ฟังเฉย ๆ” เด็กบ่นอุบอิบเมื่อถูกติง

‘วางกล่องลง’

ก้มมองกล่องที่ตัวเองกอดไว้แนบอกแล้วส่ายหน้า “ไม่เอา เดี๋ยวของหายอีก”

‘…….’ ลูห์มองแล้วถอนใจ ดื้อสมกับที่สายลมเรียกจริง ๆ

ความมืดฉาบทาทั่วท้องฟ้า เสียงหริ่งหรีดดังระงมแต่ไม่ได้ทำให้รูสกลัวเพราะมีครอบครัวลูห์มาอยู่เป็นเพื่อน แต่ถึงอย่างนั้นรูสกลับนอนไม่หลับ

“ลูห์”

‘ฮื่อ’

“ถามจริง ๆ นะ เรื่องอย่างว่าสำหรับผู้ชายแล้วมันเป็นเรื่องปรกติเหรอ ลูห์ก็เป็นแบบนั้นใช่ไหมก่อนที่จะมาเจอเนียร์?”

คำถามของเจ้าดื้อทำให้เนียร์ที่เหมือนจะหลับไปแล้วเปิดเปลือกตาขึ้นมามอง ลูห์ถึงกับชะงัก มองเด็กช่างจ้อแล้วว่า

‘ถามอะไรไม่เข้าท่า สัญชาตญาณสัตว์มันก็ต้องมีกันบ้างไม่ใช่หรือไง เจ้าก็เคยเป็นไม่ใช่เหรอ?’

“ก็ใช่... ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าการที่สายลมจะกอดสาวฝรั่งผมทองสักคน มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดสิ”

‘คิดให้วุ่นวายทำไม ไม่เชื่อใจเขาเรอะ?’

“เชื่อ แต่บางทีหุ่นสะบึ้มก็อาจโดนใจมากกว่าผอมแห้งแบบเรา”

‘เพ้อเจ้อ นอนได้แล้ว’

“......” โดนดุอีกแล้ว

เจ้าตัวเล็กพลิกไปอีกทาง หันหลังให้ลูห์งอน ๆ ก้มมองหน้าอกตัวเองแล้วบีบมันเบา ๆ ก่อนถอนหายใจ แบนอย่างกับอะไรดี



เสียงกุกกักที่ดังขึ้นตั้งแต่เช้ามืดปลุกให้ลูห์ตื่น มันขยับออกห่างจากประตูเมื่อมีคนเปิดเข้ามา เนียร์เองก็ผงกหัวขึ้นมองก่อนปลุกลูกน้อย เลียให้ตื่นจากอาการสะลึมสะลือแล้วดุนเบา ๆ ให้เจ้าตัวกลมเดินออกจากห้อง ปิดท้ายด้วยลูห์ที่หันมาทางผู้ที่มาใหม่

‘มีคดีต้องสะสาง’

“...?” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว แต่ลูห์ไม่พูดต่อ เดินตามลูกเมียของตนลงจากกระท่อมไปเงียบ ๆ

สายลมละสายตาจากลูห์ ปิดประตูห้องก่อนเข้ามาหาเด็กที่นอนกอดกล่องไม้หลับปุ๋ย กายหนานั่งลงข้าง ๆ ริมฝีปากหยักยิ้มละมุนเมื่อเอื้อมมือมาเกลี่ยแก้มใสเบา ๆ แล้วโน้มจูบริมฝีปากรูปกระจับนั้น สัมผัสเพียงเบา ๆ แต่เปลือกตาคนหลับก็ขยับพร้อมเสียงพึมพำ

“...ลม”

รอยยิ้มเจ้าของชื่อกว้างขึ้นกว่าเดิม ค่อยสอดตัวลงนอนข้างกาย กอดร่างน้อยมาแนบอกอุ่น ก่อนกดจูบหน้าผากนูน คิดถึงตะวันดวงน้อยดวงนี้จนต้องรีบกลับมาหา รู้บ้างไหม?


......
ต่อด้านล่างค่ะ  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
เสียงนกร้องดังแทรกเสียงคลื่นบางเบา กระดิ่งลมที่แขวนไว้ข้างโมบายเปลือกหอยถูกลมทะเลพัดพาจนเกิดเสียงเคล้าคลอกันไป รูสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในยามเช้า เมื่อลืมตามาพบว่าตนเองอยู่ในอ้อมแขนอุ่นที่แสนคุ้นเคยก็ชักไม่อยากลุกไปไหน กลับซุกกายเข้าหาอีกคนมากขึ้น ช้อนมองปลายคางหนาที่เริ่มขึ้นเคราเขียว ริมฝีปากรูปกระจับเผยยิ้มน้อย ๆ ก่อนยื่นหน้าไปจูบปลายคางนั้นเบา ๆ แล้วเอ่ยเรียก

“สายลม”

เจ้าของชื่อค่อยปรือตาแล้วก้มมองคนในอ้อมแขน “ยังง่วงอยู่เลย เด็กดื้อ ขอนอนกอดอีกหน่อย”

วงแขนแกร่งกอดกระชับ รูสหัวเราะเบา ๆ ยอมให้อีกคนกอดจนกระทั่งสายโด่งถึงได้ออกมาจากห้องนอนเพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้สดชื่นกันได้

สายลมกลับขึ้นมาบนกระท่อมหลังอาบน้ำเสร็จ เห็นเด็กมันนั่งเรียบร้อยอยู่บนเสื่อพร้อมกล่องไม้วางอยู่บนตัก ท่าทางมีเรื่องอยากพูดกับเขา ร่างสูงใหญ่จึงนั่งลงข้าง ๆ หยิบหมอนใบใหญ่มานั่งพิงที่ระเบียง เอียงไปหาเด็กมันเล็กน้อย

รูสค่อยเปิดกล่องไม้ กล่องที่มีสมบัติแสนสำคัญ ทั้งตุ๊กตาที่ได้จากเพื่อนรุ่นเยาว์และโอปอล์ที่ได้มาจากสายลม แต่มันมีบางอย่างหายไป อำพัน ของชิ้นแรกที่ได้มาจากสายลม ในเวลานี้มันกลับไม่อยู่ในกล่อง ทำให้เด็กดื้อหันมาหาสายลมด้วยสีหน้าเจื่อนจ๋อย

“รูสทำหาย ไม่รู้ไปลืมไว้ที่ไหน รูสขอโทษ...”

“ไม่เห็นต้องขอโทษ ถึงอันเก่าหาย ฉันก็หามาให้ใหม่ได้” สายลมว่า

“ไม่เหมือนกัน อันนั้นมันของชิ้นแรกที่ได้จากสายลม มันสำคัญกับรูสนะ”

“แล้วอันนี้ล่ะ...”

รูสชะงักเมื่อสร้อยในมือสายลมแกว่งอยู่ตรงหน้า จี้นั่นสีคล้าย ๆ กับอำพันที่เขาทำหายเลย

“เหมือนกันไหม?”

“...?” สีหน้าเจ้าตัวเล็กยังดูมึนงง มองสายลมอย่างมีคำถาม

สายลมยิ้ม ก่อนอธิบาย “มันไม่ได้หายไปไหน ฉันแค่เอาไปทำให้มันสวยขึ้น... เพื่อเธอ”

เจ้าดื้อเม้มปาก หลุบสายตาลงต่ำ คำพูดไม่กี่คำของสายลมกลับทำให้ขอบตาร้อนผ่าว ‘เพื่อเธอ’ หรือ เพื่อเขาคนนี้อย่างนั้นหรือ

“มา ฉันสวมให้”

สายลมแกะตะขอสร้อยแล้วค่อย ๆ สวมมันให้อีกคน วัตถุเย็น ๆ ที่ทาบลงมาบนต้นคอแต่หัวใจคนรับกลับอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสายลมเกี่ยวตะขอสร้อยให้เรียบร้อยแล้ว มือเรียวจึงยกแตะจี้สีอำพัน

“แทนของเดิมที่แตกไป รู้ ว่ามันคงแทนกันไม่ได้ แต่ฉันก็ปรารถนาให้มันทำให้เธออุ่นใจขึ้น”

ตากลมช้อนมองคนให้ มันเต็มไปด้วยความขอบคุณ “สายลมทำให้ตั้งหลายอย่าง แต่รูสไม่มีอะไรจะให้เลย”

“หึ ๆ แค่ดื้อให้น้อยลงก็พอ”

“แค่นั้นเอง?” เด็กเอียงคอสงสัย

“ทำได้ไหมล่ะ?”

“ได้... มั้ง” ยังมิวายแอบมีมั้งต่อท้าย

“ตัวแสบ”

มือหนาบีบจมูกโด่งสวย เจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกคัก ขยับมานั่งเอนหลังพิงอกสายลม มือช้อนจี้อันใหม่ที่อบอุ่นยิ่งกว่าอันเดิมขึ้นมาดูด้วยความชอบใจ สายลมเองก็นั่งเป็นหลักให้เด็กมันพิง ก้มจูบกระหม่อมบางบ้างในบางคราว

“คิดถึงพี่เดวาจัง”

“หือ?” สายลมทำเสียงในลำคอเมื่ออยู่ ๆ เด็กที่พลิกจี้อำพันไปมาก็พูดขึ้น

“คราวหน้าถ้าสายลมไปที่โน่นอีก...” เด็กเอี้ยวหน้ามาหา “ให้รูสไปด้วยนะ”

“อยากไปหาเดวา?”

“......” พยักหน้าหงึก

“รู้ได้ไงว่าเดวาอยู่ที่โน่น?” จะว่าไป เขาไม่เคยบอกเลยสักครั้งว่าเจอเดวา หรือสองคนนี้เคยเจอกันแล้วตอนเด็กมันอยู่อังกฤษ

“ก็... ตอนยังเป็นตะวันเคยไปเรียนพิเศษกับพี่เดวาด้วย” นั่นปะไร

“เขารู้ไหมว่าเราคือใคร?”

“ตอนนั้นยังไม่รู้ รูสไม่ได้บอก แต่พี่เดวาใจดีมาก ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ดีกับรูสในคราบตะวันมาก” เด็กน้อยเจื้อยแจ้วให้ฟัง

สายลมยิ้มเอ็นดู “ชอบเดวามาก?”

“แน่นอน พี่เดวาคือไอดอล”

“โน!” สายลมร้องท้วงเสียงหลง “ห้ามเลยนะ ห้ามแสบแบบนั้นเด็ดขาดเลย ก่อนฉันกลับมานี่ก็เพิ่งก่อเรื่อง...”

“เรื่องอะไร?” คนนี้ก็อยากรู้อยากเห็น สายลมเลยชะงักก่อนเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่ต้องเลย”

ดีดหน้าผากนูนไปหนึ่งป๊อก เด็กบุ้ยปากใส่ทั้งลูบหน้าผากตัวเองป้อย ๆ

“ไหนลูห์ว่ามีเรื่องเคลียร์ เรื่องอะไร หืม?”

สายลมเอ่ยเข้าเรื่องที่ยังค้างคา เจ้าเด็กดื้อชะงักไปนิดก่อนหันกลับแล้วเอนหลังพิงเขาเหมือนเดิม

“ไม่เห็นมี”

“แน่ใจ?” พอเขาถาม หัวกลม ๆ ก็ผงกหงึกหงัก “ถ้าไม่พูดตอนนี้แล้วมางอนกันทีหลังจะไม่ง้อนะ”

คำขู่ของสายลมดูจะได้ผล เมื่อเด็กมันหันมามองก่อนหันกลับแล้วพึมพำงึมงำเบา ๆ

“ก็แบบ...”

“ว่า?”

“สายลมเป็นผู้ชายใช่ไหมล่ะ ก็แบบว่าเรื่องผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันก็ต้องมีกันบ้าง”

“อะไรของเธอ วนไปเวียนมา เอาตรง ๆ ซิ” สายลมเอ่ยดักยิ้ม ๆ

“ป้ามหาภัยบอกว่า... สายลมแอบซุกเมียไว้นอกเกาะ”

เด็กว่าอุบอิบ ใบหน้างอง้ำ ขณะที่สายลมขำพรืด ก่อนจะหัวเราะเสียงดังจนเด็กมันหน้าตาเหรอหรา

“อะไร ไม่เห็นมีอะไรน่าขำ”

“รูสหนอรูส ฉันจะไปมีเมียซุกไว้นอกเกาะที่ไหนกัน แค่คนนี้ยังปวดหัวไม่พออีกหรือไง หืม?”

“คนนี้อะไร ก็ป้าบอก...”

“ป้าก็ช่างป้าสิ ถ้าถามฉันก็ต้องฟังฉัน ใช่ไหม?”

“......” ไม่มีอะไรจะแย้ง ก็จริงอย่างที่สายลมว่า ไอ้ตัวเล็กงับปากลงอย่างจำนน

“ไม่มีเมียซุกไว้ที่ไหน ถ้าจะซุกก็มีอยู่คนเดียว คนนี้คนเดียว” หอมแก้มเด็กมันเบา ๆ เมื่อเอ่ยบอกเสียงนุ่ม “มีแค่รูสคนนี้คนเดียว เชื่อไหม?”

ตากลมมองสบสายตาของอีกคนในระยะใกล้ ค่อยหลุบสายตาลงต่ำ สายลมโน้มไปหา จับบ่าเล็กแล้วค่อยเอนกายผอมลงไปบนเสื่อ

“สายลม!” เรียกอีกคนเสียงตื่น ตากลมเบิกโตด้วยความแตกตื่นพอ ๆ กับน้ำเสียง

“ชู่ ไม่ได้ทำอะไรหรอก แค่ขอจูบหวาน ๆ แค่นั้น”

ริมฝีปากถูกประทับปิดทุกคำประท้วง สายลมค่อยมอบจูบหวาน ละเลียดชิมช้า ๆ ให้สมกับความคิดถึง ก่อนที่มันจะดูดดื่มมากขึ้น ลิ้นสากเกี่ยวกระหวัดรัดรั้ง มือหนาสอดลอดเข้าไปใต้สาบเสื้อ ลูบสีข้างแล้วเลยมาที่สะโพกมน

“สายลม... มือ... อึ่ก...”

ไม่สนเสียงประท้วงตะกุกตะกัก เมื่อมือสากระคายยังเลื่อนไล้ลูบวนขึ้นมาสะกิดยอดอก ชายเสื้อเลิกสูงตามมือของเขาทำให้เปิดเปลือยเนื้อตัวขาวผ่อง

“เดี๋ยวมีคนมา” เด็กทักท้วง กลัวมีคนเห็นเพราะมันสว่างโร่แถมยังอยู่หน้ากระท่อมเสียอีก

“อายเหรอ?” ยิ่งเด็กกลัว สายลมยิ่งแกล้ง

“เดี๋ยวป้าเอาไปนินทาอีก”

“ช่างป้า จะได้รู้เสียทีว่าใครเมียฉัน ไม่ต้องพูดมั่วอีกไง ไม่ดีเหรอ?”

“ไม่ อือออ อย่า…”

ร้องห้ามไปก็เท่านั้นเมื่อริมฝีปากหยักรวบดูดยอดอก ตวัดไล้ ดูดดุน หยอกเย้า จนต้องยกหลังมือขึ้นปิดปากเพื่อสะกดกั้นความเสียดเสียวที่เกิดขึ้น ขาเรียวหนีบเข้าหากัน แผ่นอกแอ่นหยัดตามติดริมฝีปากร้อน ราวเสนอสนองให้กัน

“ชอบไหม รูส?”

เด็กดื้อส่ายหน้าแรง แก้มแดงปลั่งน่าฟัด

“เข้าไปข้างในไหม?”

“......” เงียบสนิท

“หึ ๆ ไอ้ดื้อ”

สายลมขยับตัวขึ้นมาอีกนิดให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน งับจมูกโด่งเบา ๆ เชิงหยอกเย้า มือหนาช้อนใต้หลังบางแล้วรั้งให้ลุกขึ้นนั่งซ้อนบนหน้าตัก ยอดอกสีระเรื่ออยู่ใกล้สายตามากไปเลยครอบครองมันด้วยริมฝีปากร้อน รวบดูดแล้วปล่อยจนเปล่งแดงขึ้นมาทันตา

“สายลม!” กำปั้นเล็กทุบไหล่สายลม ตากลมมองจ้องเสียเขียวปั้ด บ้าจริง

“อยากยั่วเองทำไม” ยกยิ้มมุมปากก่อนก้มลงไปหามันอีกครั้งพร้อมตวัดเลีย

“บ้า ใครทำ” มือเรียวดันศีรษะอีกคนออกห่าง ดึงชายเสื้อมาปิดเนื้อตัวของตนเองเอาไว้ ก่อนตีแก้มสายลมที่ยังแกล้งจะงับมันผ่านเนื้อผ้า

สายลมอมยิ้ม ตีก้นเด็กดื้อด้วยความมันเขี้ยวก่อนว่า “จะบอกอะไรให้อย่าง”

“...?”

“เซย์เคยบอกว่าฉันเป็นฤษี”

“ทำไมล่ะ?” เด็กเอียงคอ แขนคล้องคอของสายลมเอาไว้เมื่อนั่งคร่อมบนตักกว้าง

“หึ เพราะฉันไม่สนใจใครเลยน่ะสิ”

“จนกระทั่งมาเจอ ‘รูส’ เหรอ?”

คำถามนั้นทำให้สายลมกลอกตา หยิกแก้มป่องเบา ๆ ก่อนตอบกลับไป

“เจอเด็กดื้อนี่ต่างหาก”

“......”

“คิดว่าฉันชอบเธอที่ตรงไหน หือ เจ้าดื้อ?”

“ไม่รู้สิ ตอนแรกอาจเพราะ ‘รูส’ น่ารัก”

“แล้วตอนนี้?”

“ตอนนี้คงเพราะ... เพราะอะไรล่ะ สายลม?”

“หึ” สายลมบีบจมูกไอ้ดื้อตาใส “เพราะเป็นเธอไง บอกกี่ทีแล้วไม่จำเลยนะ อัลไซเมอร์เหรอ?”

คนถูกว่าเป็นอัลไซเมอร์ฉีกยิ้มแฉ่ง “เปล่าเป็น แค่อยากฟังบ่อย ๆ”

“ไม่เห็นเคยพูดให้ฟังบ้าง” สายลมแกล้งพ้อ

“พูดทุกวัน”

“ที่ไหนมี?”

“สายลมอยากขี้เซาเอง” เด็กย่นจมูกน่ามันเขี้ยว

“พูดตอนหลับ ใครจะไปได้ยิน”

“อ๊า~”

อดใจไม่ไหวจนต้องฟัดเด็กดื้อ เคราสากระคายซุกไซ้คอขาวจนเด็กมันหัวเราะตัวงอ สายลมยิ่งแกล้ง เสียงหัวเราะสดใสแบบนี้เขาก็ชอบ ชอบไปหมดทุกอย่างนั้นล่ะ จะว่าหลงเด็กก็ยอม

“ท่าทางฉันจะขาดเธอไม่ได้จริง ๆ นะนี่” คล้ายจะรำพึงรำพันกับตัวเอง

รูสอมยิ้ม เกี่ยวต้นคอหนาให้โน้มมาหาพลางบอก “ไม่เห็นเป็นไร เพราะไม่ว่าจากนี้ไปอีกนานแค่ไหน รูสก็จะอยู่กับสายลม ถ้าสายลมยังต้องการรูสคนนี้...”

“......”

“รูสคนนี้ก็จะอยู่กับสายลมเสมอ”

“ต่อให้ฉันแก่หง่อมจนแทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้น่ะเหรอ?”

“ตราบนานเท่านานเลย”

คำตอบน่ารักเสียจนคนฟังยิ้มกริ่ม “เพิ่งรู้ว่าเด็กดื้อของฉันก็ปากหวานเป็นกับเขาเหมือนกัน”

รูสหัวเราะ แก้มซับสีระเรื่อด้วยความเขิน สายลมก้มลงไปหาแล้วกดจูบแก้มใส ก่อนวกมาหาริมฝีปากที่เขาชอบสัมผัสมันนักหนา

“รักมากนะ เจ้าดื้อ”

คำสารภาพชิดเรียวปากนุ่ม พร้อมมอบจูบหวานล้ำเพื่อยืนยันให้มั่นใจ พวกเขาผ่านช่วงเวลาที่มีทั้งทุกข์และสุขร่วมกันมา หากไม่รักคนนี้แล้ว สายลมก็ยังไม่รู้เลยว่าตนเองจะรักใครที่ไหนได้แบบนี้อีก เพราะฉะนั้น จะให้บอกอีกสักกี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อ กับคำ ๆ นี้

...คำว่า ‘รัก’…





:L2: :L2: :L2:




บวกขอบคุณทุกท่านค่า กอด ๆ  :กอด1:

ปล. คุณ ΩPRESTOΩ มีความเป็นห่วงน้อง 55555 ถ้าสายลมจากไป น้องก็เข้าสู่วัฏสงสารเช่นกันค่ะ ไปเจอกันใหม่โลกหน้าละกันค่ะ เอิ๊กก
:D

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
                      :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
          :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
                                 

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
หวานให้อิจฉาใช่ไหม ^^
แอบขำในความแสบของรูส
น้องน่ารัก

ลูห์สุดเท่ห์ก็เป็นพ่อบ้านใจกล้ากับเค้าด้วย

รอติดตามผลงานเรื่องใหม่
และขอบคุณที่ตอบคำถามนะคะ
 :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

มันดีต่อใจ

อาจจะงงบ้างอะไรบ้าง

แต่ก็น่ารัก

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
Re: ☼สายลมห่มตะวัน☼ จบแล้ว
«ตอบ #87 เมื่อ08-09-2018 22:20:09 »

เป็นแฟนตาซีที่น่ารักมากค่ะ
อ่านเพลินตั้งแต่ต้นจบ ...

ชอบลูห์ ชอบ...รีส
ชอบสายลม ชอบรูส
ชอบครอบครัวสายลมทุกคน
และก็ชอบกั้งกับโต ... น่ารักอะ

ขอตอนพิเศษอีกนะคะ อยากเจอบ่อย ๆ

สุดท้าย ... ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ดีเรื่องนี้ค่ะ

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 407
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เหมือนจำได้ว่าเคยอ่านเรื่องนี้ไปแล้วรอบนีงอ่านอีกรอบก็ยังชอบความลูหา5555555 รักทุกตัวละครรักสายลมรูสตะวันทุกสิ่งในเรื่องสนุกมากดีมากแม้จะมีงงๆบ้างแต่โดยรวมโอเคเลย

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
ออกจะงงนิดหน่อย แต่ก็สนุกดีครับ



ขอบคุณครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด