ตอนที่ 21 : คุย“มีอะไรหรือเปล่า” อินมองใบหน้าเหวอของคูน อีกฝ่ายเดินเข้ามาด้วยท่าทางเหม่อลอย คูนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน หันไปมองหน้าเพื่อนอยู่ครู่หนึ่งก่อนสติจะเข้าร่าง
“จะว่ามีมันก็มี แต่กูขอให้มันชัดเป๊ะกว่านี้อีกนิดแล้วกูจะเล่าให้มึงฟัง” เพราะมีเวลาคุยกันน้อยและชลนทีก็เลือกตอบคำถามด้วยคำถาม เขาจึงยังไม่อยากเล่าให้ใครฟัง การพูดเองโดยที่ไม่ได้ออกมาจากปากของอีกฝ่ายตรงๆ เป็นเรื่องอันตราย หากชลนทีกลับลำขึ้นมาอาจเสียหมาทีหลังได้ ขอชัดๆ สักครั้งแล้วจะเล่าให้ฟังนะอิน
“ไม่เป็นไรกูรอได้ ถ้ามึงอยากระบายหรืออยากปรึกษาเมื่อไหร่ ได้ตลอดเวลา”
“กูรู้ ขอบใจ” คูนเอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อน เขายิ้มแห้งๆ ให้อีกฝ่าย สิ่งที่ได้รับรู้ยังทำให้เขาช็อคไม่หาย
“คูนไปหาคุณศิระที่ห้องทำงานหน่อย” หัวหน้าของเขาเดินมาบอกที่โต๊ะ
“ครับ” คูนพยักหน้ารับ หันไปเรียกเพื่อนให้ลุกขึ้น “ไปเร็วอิน”
“พี่หมายถึงคูนคนเดียว”
“ผมเหรอครับ” คูนชี้หน้าตัวเองงงๆ หันไปมองเพื่อน
“ใช่ ได้ยินพี่เรียกชื่ออินไหมล่ะ”
“โห ด่าผมเลยก็ได้ครับ” คูนแซวเจ้านายขำๆ “ว่าแต่เรื่องอะไรเหรอครับพี่สุดา”
“ไม่รู้ ไม่ได้บอก เมื่อกี้พี่ไปแวะไปคุยงานด้วยเลยวานให้ช่วยตาม รีบๆ ไปเถอะ ถึงสนิทกันก็อย่าให้รอ”
“ครับ งั้นเดี๋ยวกูมา”
“ไปเถอะ” อินพยักหน้า เขาสงสัยบ้างว่าเรื่องอะไรแต่ไม่ได้ติดใจจนเกิดเป็นความกังวล
“ขออนุญาตครับ” คูนเคาะประตูห้องพอเป็นพิธีก่อนเปิดเข้าไปภายใน ศิระพยักหน้าให้เขานั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน
“ที่เรียกมาไม่ใช่เรื่องงาน แต่อยากให้ช่วยอะไรผมหน่อย” ดูเหมือนศิระจะรู้ว่าเขากำลังสงสัยจึงพูดขึ้นมาก่อน
“ได้ครับ”
คูนนั่งฟังสิ่งที่ศิระต้องการให้ช่วย เขาตอบรับอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ
“ขอบใจมาก ผมเรียกมาที่นี่เพราะคุยที่แผนกคูนคงไม่สะดวก”
“ดีแล้วครับ ผมเห็นด้วย” คุณยิ้มให้อีกฝ่าย “ผมสัญญาว่าจะไม่ทำตัวมีพิรุธให้อินจับได้ครับ”
“ขอบใจมาก ผมฝากด้วย”
“ได้ครับ งั้นผมกลับไปทำงานก่อน”
“ถ้าอินถามให้บอกว่า ผมถามเรื่องงานในส่วนที่คูนดูแล”
“ได้ครับ” คูนทำท่าจะลุกก่อนเปลี่ยนใจทิ้งตัวลงนั่งตามเดิม
“คุณศิระยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ”
“ไม่ มีอะไรหรือเปล่า”
“คือ..” ถึงเวลาจริงๆ คูนกลับพูดไม่ออก เขาอึกอักอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจโพล่งออกไป ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าถาม
“คุณศิระเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผมจากคุณชลไหมครับ เรื่องความรู้สึกอะไรแบบนั้น”
คูนกลั้นใจเมื่อดวงตาของศิระหรี่ลง ร่างสูงวางปากกา ประสานมือเข้าด้วยกัน
“คุยกับชลแล้วเหรอ”
“จะเรียกว่าคุยแล้วก็ได้ครับ” หรือจะเรียกว่าเดินสวนกันเขาก็ว่าไม่ผิด
“อืม” ศิระเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ใช้สายตามองคูนอย่างพิจารณา
“ที่ถามเพราะไม่มั่นใจหรืออะไร”
“คุณชลชอบผมจริงๆ เหรอครับ!” จากคำพูดของศิระ คูนแปลความหมายได้อย่างเดียวคืออีกฝ่ายรู้เรื่องนี้ดี
“หึๆ ผมว่าชลแสดงออกชัดเจนนะแต่คุณอาจจะซื่อเกินไป”
“ผมไม่ได้ซื่อครับ” คูนแก้ตัวให้ตัวเอง “แต่ใครจะคิดว่าคุณชลจะชอบผู้ชาย มันไม่มีอยู่ในหัวผมเลย ขนาดเริ่มสงสัยก็ยังต้องยั้งตัวเองเอาไว้กลัวหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ แล้วตัวผมเองก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย”
คูนคิดว่าศิระอาจดุเขา แต่อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มออกมา
“ผมเข้าใจเพราะผมเคยเป็นเหมือนคูน ไม่มอง ไม่สนใจ เพราะคิดว่าผมไม่ได้ชอบผู้ชาย สุดท้ายเกือบทำคนที่ผมรักหลุดหายไป”
“คุณศิระ”
“ผมไม่ได้บอกให้คูนชอบตอบชล แต่ผมกำลังบอกให้คูนเรียนรู้หัวใจตัวเองให้ดี ก่อนที่จะเป็นเราเองที่ต้องเสียใจ ผมแนะนำในฐานะคนที่มีประสบการณ์มาก่อน”
สายตาของคนตรงหน้าที่มองมา บอกเขาว่าศิระหมายความตามที่พูดทุกคำ ไม่ได้พูดเพื่อช่วยเพื่อนแต่อย่างใด
“เชื่อผมเถอะ ไม่มีอะไรบดบังความรู้สึกที่แท้จริงของเราได้มากเท่ากับความคิด และไม่มีอะไรบดบังความคิดของเราได้มากเท่ากับความรู้สึก เราถึงทั้งโง่และฉลาดในเวลาเดียวกัน”
“ก็ยังดีครับที่เราไม่โง่อย่างเดียว” คูนบ่นเบาๆ สีหน้าของเขาทำให้ศิระหัวเราะออกมา
“อย่าคิดมาก แค่ซื่อตรงกับตัวเองก็พอ”
“แล้วตอนนี้คุณศิระใช้อะไรคิดอยู่ครับ”
“ก่อนที่จะรู้ตัวว่าชอบอิน ผมใช้ความคิดที่ว่าผมไม่ได้ชอบผู้ชายบดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง แต่เมื่อผมยอมรับว่าผมชอบอิน ผมกลับใช้ความรู้สึกบดบังความคิดที่ถูกต้องบางอย่าง”
“เช่นอะไรครับ”
“เช่นผมคิดได้ว่าคุณกับอินเป็นเพื่อนสนิทกันไม่มีอะไร แต่ผมก็ไม่ชอบอยู่ดี”
คูนสะดุดหัวเกือบทิ่ม เขามองใบหน้ายิ้มๆ ของศิระ ไม่น่าเลยกู ไม่น่าพาตัวเองมาถึงจุดนี้เลย จะถามต่อให้เข้าตัวทำไม
“ผมกับอินไม่มีอะไรแน่นอนครับ คุณศิระสบายใจได้” คูนหัวเราะเสียงแห้ง นึกหวั่นใจกับใบหน้ายิ้มๆ ของอีกฝ่าย
“ผมเชื่อคุณ” อื้อหือเป็นการกำราบที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่นี้เขาก็หัวหดแล้ว
“ส่วนเรื่องชลก็ลองไปทบทวนดู ผมไม่ได้บอกว่าคูนต้องได้คำตอบให้ตัวเองวันนี้พรุ่งนี้ แค่อย่าพูดอะไรในขณะที่ยังไม่แน่ใจในคำตอบตัวเองก็พอ”
“เหมือนที่คุณชลบอกอินใช่ไหมครับ”
“ใช่ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงแนะนำคุณอีกอย่าง แต่ตอนนี้ผมจะบอกคุณว่าตัดข้อจำกัดที่คุณสร้างขึ้นเองทิ้งไป อย่านำมันมาเป็นตัวปิดกั้นความรู้สึกที่แท้จริงของเรา ให้คิดแค่ชอบหรือไม่ชอบก็พอ”
“ครับ ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ”
“ไม่มีปัญหา ผมเองก็ต้องขอให้คูนช่วยเหลือ”
“ผมเต็มใจครับ เต็มใจที่สุด” คูนยิ้มให้ศิระก่อนขอตัวกลับไปทำงาน
หลังก้าวออกจากห้องทำงานของศิระ เขาอดมองไปตามทางเดินไปห้องทำงานของชลนทีไม่ได้ ใบหน้าติดรอยยิ้มร้ายๆ ของอีกฝ่ายลอยขึ้นมาทันที คูนรีบยกมือปัด อย่ายิ้มสิวะคนยิ่งกลุ้มๆ อยู่ บ้าเอ๊ยเขาจะชอบผู้ชายด้วยกันจริงๆ เหรอวะ คูนไม่ได้เอะใจสักนิดว่าคำบ่นในใจของตัวเองคือคำตอบที่กำลังตามหาอยู่
• • • • • • • •
“คุณชลครับ” คูนผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานของชลนทีเป็นครั้งที่สองของวันในเวลาใกล้เลิกงาน ขาหวังว่าจะได้เจออีกฝ่ายตอนกลางวันแต่ดันไม่ได้เจอ เพราะชลนทีพาลูกค้าที่มาประชุมไปทานมื้อเที่ยงข้างนอก
“คิดถึงผมเหรอ”
คูนอยากหันหลังกลับเมื่อได้ยินประโยคทักทาย ยิ้มมันเข้าไป อารมณ์ดีเหลือเกิน
“ถามอย่างนี้ผมกลับไปทำงานดีกว่าครับ”
ชลนทีลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าเขา “หึๆ อย่าเพิ่งโมโหเลย ผมคิดถึงคุณ”
คูนชะงัก ปากที่กำลังจะพูดเผยอค้าง มายังไงวะ เล่นชกใต้เข็มขัดกันอย่างนี้โคตรขี้โกง หัวใจเอ๋ยเอ็งก็เต้นให้มันช้าลงหน่อย จะมาสูบฉีดเลือดแรงอะไรตอนนี้
“ผมจะมาถามว่าเย็นนี้คุณชลไปไหนหรือเปล่าครับ”
“ผมคิดจะชวนคุณออกไปหาอะไรกิน”
“ดีเลยครับ งั้นเจอกันหลังเลิกงาน”
“เดี๋ยว” ชลนทีดึงแขนของแคนคูนไว้ เมื่ออีกฝ่ายรีบพูดรีบไป
“ครับ?” คูนหันกลับมามองหน้าเขา
ชลนทีไม่ตอบ เขาเพียงมองใบหน้าของคูนนิ่งอยู่อึดใจก่อนปล่อยมือออก
“อะไรครับ”
“ไม่มีอะไร ผมแค่อยากมอง”
คูนเชื่อแล้วว่าสกิลในการจีบของชลนทีนั้นเหนือชั้น ผู้ชายทื่อๆ อย่างเขายังหวั่นไหว
“ผมไปทำงานดีกว่าครับ อยู่กับคุณชลแล้วปวดหัว”
“หึๆ”
หัวเราะมันเข้าไป คูนได้แต่บ่นอีกฝ่ายในใจ แต่ภายนอกนั้นเขาส่งยิ้มยิงฟันให้ชลนที ก่อนหมุนตัวเดินกลับไปที่ประตู
“ถ้าว่างอย่าลืมไปหาซื้อยาแก้ปวดมาติดไว้นะ ผมว่าเป็นกระปุกเลยก็ดี เพราะคุณคงต้องปวดหัวไปอีกนาน อาจจะตลอดชีวิตก็ได้”
คูนสั่งตัวเองไม่ให้หันกลับไปตอบโต้ เขาก้าวผ่านประตูอย่างรวดเร็วก่อนปิดมันลงเพื่อปิดกั้นสายตาของชลนที บ้าเอ๊ย! จะมาอ่อยกันทุกคำพูดแบบนี้ไม่ได้โว้ยย
• • • • • • • •
“สั่งอาหารเข้าไปกินที่บ้านผมแล้วกันนะครับ ผมอยากคุยสบายๆ ไม่ต้องคอยระวัง” คูนแจ้งความจำนงค์ให้ชลนทีทราบเมื่อพวกเขาขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“ที่บ้านคูนไม่มีคนอยู่เหรอ”
“ไม่มีครับ พ่อแม่ผมอยู่ต่างจังหวัด นานๆ ถึงขึ้นมา ที่คุณชลเคยเจอตอนนั้นคือมาอยู่อาทิตย์หนึ่ง” คูนสาละวนกับการคาดเข็มขัดจึงไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย จวบจนมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเบาๆ เขาจึงหันหน้าไปมอง
“นี่คุณล่อลวงผมอยู่หรือเปล่า”
คูนมองใบหน้ากรุ่มกริ่มของชลนทีก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มออกมา “ผมชวนเพื่อนไปบ้านมาเป็นร้อยครั้ง นี่มาถึงจุดที่ผมต้องระวังคำพูดตัวเองแล้วเหรอครับ”
“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะเพิ่มความดังขึ้น “ตกลง ไปกินบ้านคุณก็ดี”
“งั้นคุณชลขับไปครับผมจะสั่งอาหารเอง จะได้ไปถึงหลังเราแป๊บเดียว”
“อืม” อย่างน้อยชลนทีก็ใจดีพอ จึงทำหน้าที่คนขับไปเงียบๆ ปล่อยให้เขาได้หายใจหายคอบ้าง
“คุณชลจะคุยก่อนค่อยกิน หรือกินก่อนค่อยคุย หรือจะคุยไปกินไปครับ” คูนให้ทางเลือกอีกฝ่ายเมื่อเขาจัดวางอาหารบนโต๊ะกินข้าวเรียบร้อย
“แล้วแต่คูน”
“งั้นกินก่อนแล้วกันครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง”
“ตามใจคุณ”
คูนอยากเล่นมุกแซวชลนทีว่า ระวังเถอะเอาแต่พูดคำว่า ‘แล้วแต่’ ‘ตามใจ’ อีกหน่อยจะกลัวเมีย แต่ตอนนี้เขาฉลาดขึ้นบ้างแล้วจึงปิดปากเงียบ
“หึๆ”
คูนเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ชลนทีมองเขาอยู่ก่อนด้วยดวงตาเป็นประกายขำ
“อะไรครับ” คูนตักข้าวเข้าปาก
“ถ้าอยากคุยมากไม่ต้องรอจนกินเสร็จก็ได้นะ”
คูนชะงัก หน้าของเขาออกอาการขนาดนั้นเลยเหรอ ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขานั่งไม่ติด คูนตัดสินใจวางช้อนลง อิ่มขึ้นมาทันที
“ผมถามจริงๆ เถอะครับ ตกลงคุณชลชอบผมเหรอครับ ชอบแบบคุณศิระชอบอิน” คูนใส่รายละเอียดลงไปด้วย เดี๋ยวจะหาว่าเข้าใจไปคนละทาง
“ผมนึกว่าคุณรู้แล้ว” ชลนทีวางช้อนลง มองใบหน้าของคูนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ไอ้รู้มันก็รู้ครับ แต่ผมอยากได้ยินชัดๆ มากกว่า จะได้ไม่ต้องมาคิดว่าเราพูดเรื่องเดียวกันหรือเปล่า”
คูนสบตาชลนทีโดยไม่หลบให้รู้ว่าเขาเอาจริง ดวงตาของอีกฝ่ายอ่อนแสงลง ก่อนที่ชลนทีจะเอื้อมมือมาหามือของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะ นิ้วยาวสอดเข้ามาประสาน คูนได้แต่มองด้วยตาเบิกกว้าง ตกใจจนลืมดึงมือออก
“ผมชอบคูน” เสียงทุ้มฟังชัดเจน มันนุ่มหูจนเขารู้สึกหน้าร้อนเห่อ คูนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนรีบดึงมือออกจากมือของชลนที
“ถ้ายังไม่ชัดอยากให้ผมพูดใหม่ไหม ผมชอบคูน ผมชอบ..”
“พอแล้วครับ” คูนรีบยกมือขึ้นห้าม “ผมได้ยินแล้ว”
คูนสบตาที่มองมา ดวงตาคู่นั้นบอกอะไรเขามากมาย รวมทั้งบอกว่าคนพูดเจ้าเล่ห์กว่าเขาหลายร้อยเท่า จากประกายวาววับในดวงตาคู่นั้น คูนเริ่มคิดว่าหรือเขาเป็นแมวเก้าชีวิต ถึงหาเรื่องฆ่าตัวตายไม่จบไม่สิ้น นึกว่าจะรอดแล้วเจอแบบนี้ใครไม่ตายบ้าง สติของเขาเกือบหลุด ฟังแล้วขนลุกนิดๆ แต่หัวใจเต้นแรง เขาจะไม่โกหกเพราะมันเกิดปฏิกิริยาอย่างนั้นจริงๆ
“ทำไมถึงเป็นผมครับ มันเป็นไปได้ไหมว่าความรู้สึกของคุณชลเกิดขึ้นเพราะต้องมาผูกติดอยู่กับผม เพราะเรื่องคุณศิระกับอิน”
“หึๆ คุณกำลังจะบอกว่ามันเป็นอุปทานหมู่อย่างนั้นเหรอ”
“มันก็มีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอครับ ของอย่างนี้ใครจะรู้ เรื่องแบบนี้มีให้เห็นเยอะแยะ”
“ผมจะไม่โกหกว่ามันเป็นไปได้ ที่จริงผมคิดว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ใช่เพราะเป็นอุปทานหมู่ แต่เพราะศิระกับอินดึงให้เรามารู้จักกันมากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้นมากกว่า”
“ครับ” คูนพยักหน้า สิ่งที่ข้องใจเขามากที่สุดคือเรื่องนี้ เพราะคูนก็ถามตัวเองอยู่เช่นกัน
“อยากพูดอะไรกับผมไหม” ชลนทีเอนหลังกลับไปพิงพนักเก้าอี้ ท่าทางสบายๆ ของอีกฝ่ายทำให้คูนอดหมั่นไส้ไม่ได้ สบายใจเหลือเกิน
มีอะไรมากมายที่เขาอยากถาม แต่สุดท้ายเขาเพียงแค่ถอนใจออกมาเบาๆ จะถามไปทำไมในเมื่อชลนทีบอกแล้วว่าชอบ ชอบก็คือชอบไม่ว่ามันจะเพราะอะไรก็ตาม คนที่เขาควรถามคือใจของเขาเองมากกว่า คูนอดคิดถึงคำพูดของศิระไม่ได้ ตอนนี้เขากำลังใช้สมองหรือความรู้สึกตัดสิน ถึงยังสับสนอยู่แบบนี้
“คูน”
“ครับ?” คูนกระพริบตา เขาคิดเพลินจนไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่
“อย่าเพิ่งคิดไปไกล คิดแค่ว่าเวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างตอนนี้คูนอึดอัดหรือเปล่า อยากไล่ผมกลับไหม”
“ผมไม่ได้ไร้มารยาทขนาดนั้น”
“อึดอัดหรือเปล่า”
คูนสบตากับชลนที อยากโกหกอีกฝ่ายแต่ก็ทำไม่ได้เพราะนั่นไม่ใช่เขา “ไม่อึดอัดครับ”
“หลังจากที่รู้ว่าผมชอบ คูนยังอยากเจอผมอีกไหมหรือไม่อยากเจอแล้ว ถ้าผมชวนไปไหนมาไหนด้วยจะไปไหม”
ตอนนี้สินะที่เขาต้องเลือกว่าจะให้สมองหรือความรู้สึกเป็นคนตัดสินใจ คูนขบริมฝีปาก ใช้ความคิดอย่างตั้งใจ
สมองสั่งว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ที่มีโอกาสจะสร้างความวุ่นวายให้เขาในอนาคต แต่ความรู้สึกตอบทันทีว่าทำไมจะเจอไม่ได้ ถึงจะรู้ความรู้สึกของชลนทีแล้วเขาก็ไม่ได้นึกรังเกียจอีกฝ่าย
“คูน”
“ผมยังไม่แน่ใจคำตอบตัวเองครับ” คูนตอบออกไปตามตรง เขาไม่สามารถพูดว่าอย่าเลย และไม่สามารถพูดว่าได้แน่นอน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป
“ผมเข้าใจ” ชลนทียิ้มปลอบใจเขา “ใช้เวลาของคุณให้เต็มที่ ผมเองก็จะทำในส่วนของผมให้เต็มที่เหมือนกัน”
คิ้วของคูนขมวดเข้าหากัน รอยยิ้มของชลนทีค่อยๆ กว้างขึ้น “ก็จีบคูนยังไงล่ะ”
คูนกำลังสงสัยว่าเขาเหลืออีกกี่ชีวิตหนอ คนอะไรวะอ่อยเก่งเหลือเกิน อ่อยเรี่ยอ่อยราด หัวใจจะวายตายแล้วโว้ย
“นี่คุณแอบด่าผมอยู่หรือเปล่า”
ชายหนุ่มตาเหลือก รู้ได้ยังไงวะ!
“หน้าคุณมันบอกทุกอย่าง ผมถึงชอบคูน ชอบความจริงใจ ซื่อตรง ชอบที่คูนเป็นคูนแบบนี้ เชื่อผมเถอะความรักมันเลือกทางของมันเอง ผมเคยคิดว่าคนที่ผมชอบ คนที่ผมอยากคบต้องเป็นผู้หญิงสวย รูปร่างดี หุ่นน่ากอด เป็นคนฉลาดมากๆ เข้าสังคมเก่ง แต่สุดท้ายคนที่ผมชอบกลับเป็นคูน”
“เดี๋ยวครับ นี่หลอกด่าว่าผมโง่อยู่หรือเปล่า”
“หึๆ คิดทันแบบนี้ไม่เรียกว่าโง่”
“อ้าว!” คูนทำหน้าหน้าเรื่อง แต่คนต้นเรื่องกลับหัวเราะชอบใจ
“สบายใจหรือยัง”
คูนถอนใจออกมายาวๆ แต่ก็พยักหน้า เขาสบายใจที่อย่างน้อยตอนนี้ก็มองสถานการณ์ออกแล้ว
“ถ้าผมไม่ชอบคุณชล จะมีผลกับงานผมไหมครับ”
“ถามแบบนี้จะปฏิเสธผมเหรอ”
“ตอบมาก่อนครับ”
“ไม่มี”
“ครับ” คูนพยักหน้า
“ครับของคุณแปลว่า?”
“แปลว่า..ครับ..ผมเชื่อแล้วว่ามันจะไม่มีผล”
“ไม่ใช่ ‘ครับ’ ปฏิเสธใช่ไหม”
“กลัวเหรอครับ” เป็นครั้งแรกที่คูนยิ้มได้เต็มที่ อดรู้สึกเหนือกว่าอีกฝ่ายนิดๆ ไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้มันดีเหมือนกันแฮะ
“พัฒนาขึ้นนะ พอรู้ว่าผมชอบชักเกเร”
“พูดเหมือนผมเป็นเด็กสิบขวบ”
“ตัวเท่านี้ก็เกเรได้”
“งั้นตัวเท่าคุณชลก็เกเรได้เหมือนกันครับ” คูนไม่ยอมแพ้อีกฝายง่ายๆ นี่บ้านเขาเขาเป็นเจ้าถิ่น
“อยากรู้ไหมว่าผมเกเรหรือเปล่า”
“ผมไม่อยากรู้!”
คูนตอบช้าไปนิดเดียว เพราะทันทีที่เขาพูดจบประโยค ชลนทีก็โน้มตัวข้ามโต๊ะมาหา ริมฝีปากร้อนจรดเข้าที่แก้มของเขาหนักๆ
คูนเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงถึงขั้นกระหน่ำเต้น
“ตอนนี้เราเกเรเหมือนกันแล้ว” ชลนทีถอนหน้าออก
“เหมือนที่ไหนครับ ชักไว้ใจไม่ได้แล้ว ไวจริงๆ ” ถึงยังไงคูนก็ยังเป็นคูน แม้จะตกใจแต่ก็ยังอดบ่นอีกฝ่ายไม่ได้
“หึๆ”
“กลับได้แล้วครับ ผมได้คำตอบหมดแล้ว”
“ผมง่วง”
“คุณชล มุกควายมาก”
“ฮ่าๆ นี่คุณด่าผมเหรอ ฮ่าๆ” คนถูกด่าหัวเราะชอบใจ
“คุณชลเลือกชอบผู้ชายเองนะครับ โดยเฉพาะผู้ชายอย่างผมด้วย ก็ต้องตัดสินใจเองว่ารับได้ไหม”
“งั้นก็มาเถอะ จะหมา ควาย เห้อะไรก็พูดมา”
คูนสบตากับชลนทีก่อนที่เขาจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น น้ำหูน้ำตาไหล
“คุณชลครับ นี่คือการบอกชอบที่ฉิบหายวายป่วงที่สุดในโลกแล้ว”
“หึๆ” ชลนทีเองก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ พวกเขาสบตากันด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่คูนจะถอนใจออกมายาวๆ คล้ายกับคนที่ตัดสินใจได้แล้ว
“คุณชลรอได้ไหมละครับ ตอนนี้ผมไม่มีคำตอบให้ แต่ผมจะลองคิด สัญญาว่าจะลองคิดดูว่าผมจะชอบคุณชลได้ไหม เราจะไปกันได้จริงๆ เหรือเปล่า”
“ได้สิ ผมจะรออย่างอดทน”
“แต่ไม่ต้องทนอดก็ได้ครับ ผมไม่ถือ”
“แน่ใจ?”
พอถูกถามคูนก็ชักลังเล ทำไมเขาถึงลังเลขึ้นมา เรื่องเซ็กส์ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ตราบใดที่ไม่ได้ไปยุ่งกับแฟนใครไม่ใช่เหรอ
แฟน! จู่ๆ หน้าของเขาก็ร้อนผ่าว จนคูนเผลอยกมือขึ้นปัดไปมา
“เป็นอะไร” เสียงถามปนขำทำให้คูนต้องรีบลดมือลง
“เปล่าครับ คุณชลกลับได้แล้วผมจะได้มีเวลาคิดไงครับ”
“ไหนว่าไม่ไล่”
“นี่เขาเรียกเรียนเชิญครับ” คูนยักคิ้ว เมื่อสบายใจขึ้นเขาก็กลับมาเป็นตัวของตัวเอง และเพราะไม่ต้องระวังเรื่องลูกน้องเจ้านายเขาจึงแสดงออกได้มากกว่าที่เคย
“เรียนเชิญให้กลับเลยเหรอ ฮ่าๆ ผมโคตรชอบคุณเลยคูน”
“พอเถอะครับ” ครั้งนี้คูนรีบยกมือขึ้นห้าม ชลนทีเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่าหมายถึงอะไร
“เลิกล่อลวงผมได้แล้วครับ ขอผมคิดก่อน”
“ฮ่าๆ ตกลงผมจะยอมกลับ”
“ครับ” คูนรีบลุกขึ้นยืนเป็นการบังคับส่งแขก ชลนทีลุกขึ้นยืนตาม
“ขอกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ก่อนกลับได้ไหม”
“ได้ครับ ผมอนุญาตให้ล้างจานก่อนกลับก็ได้ ปกติไม่สนิทไม่ให้ทำนะครับ จะได้มีกำลังใจว่าผมให้เข้าใกล้มากขึ้น”
“ฮ่าๆ” ชลนทีหัวเราะเสียงดังลั่น “ไม่เป็นไร ผมจะกลับไปหาวิธีเข้าใกล้คุณด้วยวิธีของผมเอง”
“งั้นก็สวัสดีครับ”
“หึๆ”
ชลนทีเดินตามคูนมาจนถึงประตูหน้าบ้าน อาศัยความไวระหว่างอีกฝ่ายเปิดประตูให้เขา แตะริมฝีปากลงบนแก้มที่ไม่มีความนุ่มเท่าไหร่แต่กลับทำให้เขาติดใจเอามากๆ
“ราตรีสวัสดิ์”
คูนหันขวับมามองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ก่อนคิ้วคู่นั้นจะขมวดเข้าหากัน “ผมยังไม่รีบนอนครับ”
ชลนทีหัวเราะ เขาคิดว่าคูนเริ่มเป็นตัวของตัวเองเวลาที่อยู่กับเขาแล้ว นั่นทำให้ชายหนุ่มเริ่มมีความหวัง อย่างน้อยแม้จะตกใจแต่คูนไม่มีท่าทีรังเกียจสัมผัสของเขา
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ผมจะโทรมากู๊ดไนท์อีกที”
“ไม่เป็นไรครับ รอบเดียวก็พอ”
“หึๆ พรุ่งนี้เจอกัน”
“ครับ พรุ่งนี้เจอกัน”
คูนยิ้มให้ชลนที เขามองอีกฝ่ายเดินผ่านประตูรั้ว จนขึ้นรถ จนขับออกไป ใบหน้าติดรอยยิ้มของคูนเปลี่ยนไปทันที มันขึ้นสีแดงเรื่อลามไปถึงหู เขารีบปิดประตูบ้านเสียงดังปัง หัวใจเต้นกระหน่ำ จะมารู้สึกดีเพราะโดนจูบแก้มไม่ได้โว้ย
พุธโธ ธัมโม สังโฆ คืนนี้เขาจะหลับลงไหม!
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
ตอนหน้าคุณศิระจะมาทวงพื้นที่คืนนะคะ ^^
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin