unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 25 [31/10/18] PART2.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 25 [31/10/18] PART2.10  (อ่าน 10156 ครั้ง)

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม :o12:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2018 08:49:17 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) Intro
«ตอบ #1 เมื่อ31-07-2018 16:55:51 »


หลังจากดำเนินเรื่องมาครึ่งทางแล้ว ก็ได้เวลาเฉลยนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของตัวละคร



อัคร

พระเอกแน่นอนจ้า (เน้นว่าพระเอก) เป็นเด็กหนุ่มผู้มีจินตนาการสูงส่ง มีความโรแมนติก ขี้อาย เขินเก่ง แต่มีความรับผิดชอบเป็นเยี่ยม รู้จักแยกแยะ รักเพื่อน เป็นตัวเอกแบบไม่ได้เข้มแข็งจนโอเวอร์ ดำเนินชีวิตแบบคนธรรมดาสามัญ ค่อนข้างเข้าใจอะไรง่าย ไม่ดื้อดึง ตัวเล็กแต่ใจใหญ่นะบอกเลย (ตอนนี้นางสูงแค่169 แต่ก็ยังตัวโตขึ้นได้อีก อิๆ)



พรีม 

เพื่อนเก่าของอัคร คนที่อัครเคยแอบชอบตั้งแต่ม.ต้น แต่...นางชอบคนอื่น อดทนมานาน พอได้เผยตัวตนก็จะลุยแบบดับเครื่องชน เป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจอยู่นะ เห็นแก่ตัวก็ว่าได้ รักแรง รุกแรง บุคลิกกวนๆ คุณชายนิดๆ (ต้องบอกส่วนสูงด้วยมั้ย คนนี้ 178)



ซุป

เพื่อนของพรีม ที่แอบมาวอแวอัครอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ด้วยเหตุไม่คาดฝัน ก็เลยเลิกตามตื้ออัคร คนนี้มานิ่งๆ สุภาพบุรุษสุดๆ (เฉพาะกับอัคร) เป็นพวกเก็บอารมณ์เก่ง ไม่ค่อยแสดงออกมาก แต่อย่าให้ของขึ้น อะไรขึ้นก็แล้วแต่สถานการณ์ไป ฮ่าๆ (คนนี้ตัวโตสุด หุ่นนักกีฬาหน่อยๆ 181 ซม.)



เคน

อีกหนึ่งในแก๊งสามสหายของพรีมสมัยม.ปลาย เป็นเพื่อนสมัยเด็กของซุปด้วย นิสัยเหมือนเด็กๆ ชอบเรียกร้องความสนใจ เลยมักโดนเพื่อนรุมแกล้งเล่นประจำ ขี้โมโห ขี้งอน ขี้โวยวาย หลายขี้มากมาย (คนนี้พรีมบอกว่าเตี้ยกว่าพรีมสามเซน นับเอา)



แน็ก

เพื่อนของอัครที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย แอบชอบอัครมานานแล้ว แต่คิดว่าสับสนอยู่ เลยลองคบผู้หญิง แต่ไปไม่รอด อยากจะจีบอัคร แต่เส้นกั้นบางๆ ของความเป็นเพื่อนมันขวางไว้ ช่างน่ามสาร (ตัวพอๆ กะอัครแหละ น่ารักกะทัดรัด)



เชษ

อีกหนึ่งหนุ่มในแก๊งม.ปลายของอัคร เป็นคนที่รู้เรื่องของแน็กมากที่สุดแล้วก็ว่าได้ เพราะมาปรึกษาเรื่องอัครตั้งแต่ม.ปลายแล้ว คนนี้ก็ขี้นอย แต่นางมีแฟนแล้ว เป็นสาวน้อยน่ารักคนละคณะกัน



พอล

เพื่อนที่มาเจอพวกอัครตอนรับน้องปี 1 จู่ๆ ก็สนิทกันถึงขั้นรู้เรื่องของแน็กไปกับเชษด้วย เป็นแฟนของปูเป้



ปูเป้&ไดซ์

แฟนคุณพอลเขา และพ่วงเพื่อนสนิทอย่างไดซ์มาด้วยอีกคน 



ส่วนเรื่องราวก็ไม่ได้ดราม่าซับซ้อนอะไรมากมายหรอกน่า อิๆ จบHAPPY แน่นวล


Unfriend...แล้วมารักกัน (มั้ย?)

“กลับมาแล้ว”

ตึงตึงตึง

“อย่าวิ่งเสียงดังสิ อัคร”

อัครถอดรองเท้า เปิดประตูบ้านเข้าไปก็วิ่งพรวดพราดขึ้นบันได จนแม่ต้องร้องเตือน บ้านของเขาชั้นบนเป็นไม้ บันไดก็เป็นไม้ และมันก็ไม่ได้ใหม่ขนาดจะวิ่งกระแทกโครมๆ เกิดวันดีคืนดีหักพังขึ้นมาจะยุ่งเอา แต่อัครก็เคยชินกับการวิ่งขึ้นบันไดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว จนตอนนี้อายุ 19 แล้ว ก็ยังทำตัวเหมือนแต่ก่อน

“แม่ มีจดหมายส่งมามั้ย?” พอเข้าไปในห้องแล้วไม่เจอซองจดหมายที่มักจะส่งมาทุกอาทิตย์ เขาก็วิ่งออกมาชะโงกหน้าลอดผ่านราวบันไดถามแม่ หญิงวัยกลางคนอายุราว 40 ต้นๆ ยืนผัดกับข้าวอยู่หน้าเตาในครัวเล็กๆ หลังบ้าน ตะโกนบอกกลับไป

“ไม่มีนี่”

อัครหน้าจ๋อยลงถนัดตา เดินคอตกกลับเข้าห้องไปด้วยความผิดหวัง ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อัครติดต่อกับเพื่อนสมัยมัธยมต้นทางจดหมายมาตลอด ทั้งที่ยุคนี้มีโทรศัพท์มือถือใช้กันให้เกลื่อน แต่อัครกลับไม่เคยนึกถามเบอร์โทร ไลน์หรือเฟซบุ๊คของเพื่อนคนนี้เลย เขารู้สึกชอบเวลาที่ได้อ่านจดหมายอาทิตย์ละครั้งมากกว่า

เพื่อนคนนี้ของอัครชื่อว่า “พรีม” ชื่อเหมือนผู้หญิง แต่เป็นผู้ชายทั้งแท่งจริงแท้แน่นอน สมัยม.ต้น พวกเขาไม่ได้สนิทกันมากมายนัก กลุ่มเพื่อนก็คนละกลุ่ม แค่เรียนห้องเดียวกันตอนอยู่ม.3 เท่านั้น มันเป็นเวลาเพียงแค่ปีเดียวที่อัครได้รู้จักกับพรีม เด็กผู้ชายตัวสูงโปร่ง หน้าตี๋ ใส่แว่นตาสีส้มสุดแนว ผู้ชอบยิ้มให้ทุกคนในโรงเรียน ถ้าจะเปรียบเทียบกัน อัครด้อยกว่าพรีมหลายเรื่อง ยกเว้นเรื่องเรียนที่สูสีกันมาตลอด
อัครเป็นเด็กเรียนที่วันๆ ชอบหมกตัวอยู่กับการวาดรูปการ์ตูน สร้างคาแร็คเตอร์ต่างๆ ตามจินตนาการ มีเพื่อนไม่เยอะ บางครั้งก็อยู่คนเดียวเงียบๆ มุมห้อง ส่วนพรีมเป็นเด็กเรียนสายกิจกรรม เล่นทั้งกีฬาและดนตรี เป็นนักวิ่งและนักบาสฯ โรงเรียน แถมยังอยู่วงดุริยางค์ด้วย เรียกว่าทั้งเรียนดีกิจกรรมเด่น มีสาวๆ รุ่นน้องตามติดเป็นพรวน เพื่อนผู้หญิงในห้องก็แอบชอบกันหลายคน แต่พรีมไม่ค่อยสนใจใคร ในกลุ่มของพรีมมีผู้หญิงด้วย และเป็นผู้หญิงแค่สองคนในห้องที่สนิทกับพรีม สนิทกันขนาดว่าเดินจับมือกันได้ และอัครไม่แน่ใจ ว่าพรีมชอบหนึ่งในสองคนนั้นบ้างหรือเปล่า

เรื่องที่พรีมมักจะเข้ามาชวนอัครคุยคือเรื่องการ์ตูน เพราะพวกเขาชอบอ่านหนังสือการ์ตูนและดูอนิเมเหมือนกัน สมัยนั้นมีร้านเช่าหนังสือเยอะมากแถวโรงเรียน และพวกเขาก็เลือกเช่าร้านเดียวกัน เลยเจอกันในร้านนั้นบ่อยๆ เวลาอยู่ที่โรงเรียน พรีมชอบมานั่งยองๆ เกาะขอบโต๊ะของอัคร คอยแหย่ให้ยิ้มแล้วก็ขอให้วาดรูปให้ ช่วงเวลาในตอนนั้นอัครรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญกับพรีมมากกว่าใคร เพราะพรีมจะรออยู่อย่างนั้นจนวาดเสร็จ โดยไม่สนใจว่าใครจะเรียกไปไหนเลย

ช่วงเวลาแค่หนึ่งปีนั้นมีค่าและความหมายกับอัครมากมาย แต่อัครไม่รู้หรอกว่าสำหรับพรีม เขามีค่าแค่ไหน อาจจะเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง ที่มีงานอดิเรกเหมือนๆ กัน คุยกันบ้างบางครั้ง

หรือเขาอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับพรีมก็ได้

หลังจากเรียนจบม.ต้น พวกเขาต่างแยกย้ายไปคนละโรงเรียน พรีมเรียนเก่งเลยสอบเข้าสาธิตดังๆ ได้ แต่อัครสอบไม่ติดที่เดียวกัน ทั้งที่ตั้งใจมากว่าจะเข้าไปเรียนด้วยกันอีก แต่อัครก็ต้องหอบเอาความผิดหวังกลับไปสมัครเรียนในเขตที่อยู่แทน และเมื่อแยกกันแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย

จนกระทั่งอัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แม้จะต้องไปเรียนไกลบ้านหน่อย แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง พ่อกับแม่เลยอนุญาตให้อัครไปอยู่หอกับเพื่อนสมัยม.ปลายที่สอบติดที่เดียวกัน อัครจะกลับมาบ้านอาทิตย์ละครั้ง ยกเว้นช่วงสอบที่จะอยู่ติวกับเพื่อนที่หอ

ช่วงปี 1 กิจกรรมเยอะ เรียนหนักก็จริง แต่ไม่รู้ทำไม พอกลับมาบ้านหลังจากไปอยู่หออาทิตย์แรก อัครก็นึกถึงพรีมขึ้นมา เลยค้นสมุดเฟรนชิพสมัยม.ต้นที่นอนนิ่งในกล่องพลาสติกใสมานานหลายปี ไล่เปิดหาหน้าที่พรีมเซ็นไว้ให้ก่อนเรียนจบม.3 อยู่หน้ากลางสองหน้าคู่กันพอดี มีที่อยู่และเบอร์บ้านเขียนไว้ แต่อัครไม่กล้าโทรไป เลยใช้วิธีเขียนจดหมายส่งไปแทน และอาทิตย์ต่อมา พอกลับมาถึงบ้าน ก็มีจดหมายตอบกลับจากพรีม

อัครร้องไชโยด้วยความดีใจตอนที่เห็นซองจดหมายสีขาวเรียบๆ ที่มองเผินๆ คงนึกว่าซองผ้าป่า เขากระโดดโลดเต้นอยู่บนเตียงจนแม่ต้องตะโกนดุเสียงดังให้เลิกกระโดด เพราะบ้านมันสะเทือน แต่อัครก็ยังดีใจไม่หาย แอบชกเตียงไปหลายทีกว่าจะแง้มเปิดซองจดหมายด้วยมือสั่นๆ

เนื้อหาในจดหมายฉบับแรก เป็นการทักทายสั้นๆ จากเด็กชายแว่นส้มที่กลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้ว พรีมบอกว่าสอบติดที่มหาวิทยาลัยรัฐที่ต่างจังหวัด เลยต้องไปอยู่หอที่นั่นตลอด 4 ปี ให้อัครเปลี่ยนที่อยู่ส่งจดหมายไปที่หอพักแทน แต่ไม่ได้ให้เบอร์โทรหรือช่องทางติดต่ออื่นไว้เลย อัครเองก็มัวแต่ดีใจกับจดหมายจนลืมเรื่องนั้นไปสนิท ตั้งแต่นั้นมาก็เลยใช้จดหมายติดต่อกันจนเรียนจบปี 1

ทว่า อาทิตย์ที่ 2 ของเทอมแรกในชั้นปีที่ 2 กลับไม่มีจดหมายตอบกลับจากพรีม

อัครนั่งซึมอยู่หน้าคอมฯ เสียงเฟซบุ๊คแจ้งเตือนเป็นระยะ ส่วนใหญ่เป็นแท็กจากเพื่อนที่เรียนด้วยกัน พวกที่ยังอยู่หอ ไม่ได้กลับบ้านก็พากันไปสังสรรค์แต่หัววัน บางคนมีแฟนก็ไปเที่ยวกับแฟนแล้วโพสอวดรัวๆ จนอัครนึกหมั่นไส้ กดอันฟอลโลวไปชั่วคราว ไว้อารมณ์ดี ค่อยปลดออก

เขาถอนหายใจทุกครั้งที่มองหน้าฟีดของเหล่าคู่รักกับกลุ่มเพื่อน ความรู้สึกโหวงๆ เกิดขึ้นในใจ บอกไม่ถูกว่ามันคือความเหงาหรือเปล่า

ไม่หรอก เหงาแน่นอนอยู่แล้ว

เพื่อนในกลุ่มของอัครตอนนี้มี 5 คน รวมเขาเป็น 6 มาจากม.ปลายเดียวกัน 3 คน และมีแฟนไปแล้ว 4 คน เหลือแค่อัครกับไดซ์ ที่เป็นสาวน้อยน่ารักของกลุ่ม ถัดจากปูเป้ที่เป็นแฟนของเพื่อนในกลุ่มเดียวกันนี่แหละ ไดซ์เป็นเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกับปูเป้ พอปูเป้กับพอล ซึ่งเป็นเพื่อนของอัคร คบกัน ปู้เป้กับไดซ์ก็เลยเข้ามาอยู่ในกลุ่มไปด้วย ทำให้ในกลุ่มมีผู้ชาย 4 หญิง 2

หลายครั้งที่เพื่อนๆ จับคู่เขากับไดซ์ แต่เขาไม่เล่นด้วย ได้แต่บอกให้ไดซ์อย่าไปสนใจ อย่าคิดมาก เขาให้เกียรติเธอเสมอ ไม่เคยแม้แต่จะแตะบ่าเลยด้วยซ้ำ

เพราะคนที่เขาสนใจและอยากเจอมากที่สุดคือ “พรีม”

“เฮ้อ~” อัครถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เขาเองก็ไม่ทันได้นับ มีข้อความจากไดซ์ส่งมาให้ แต่อัครยังไม่ได้เปิดอ่าน ทั้งที่ออนไลน์อยู่ เขาเปิดแท็บใหม่แล้วเข้าเว็บเกม เว็บการ์ตูน หาอะไรดูไปเรื่อยเปื่อยอย่างเบื่อๆ เซ็งๆ จนเสียงเฟซบุ๊คแจ้งเตือนพร้อมข้อความที่เด้งขึ้นมาตรงขอบจอ อัครเลยลองกดเข้าไปดูสักครั้ง

Super-Supreme Mixed Lover
รับแอดด้วยครับ

อัครขมวดคิ้ว ที่หน้าชื่อภาษาอังกฤษยาวๆ ของกล่องข้อความมีไฟเขียวติดอยู่ แสดงว่าคนส่งข้อความนี้กำลังออนไลน์ แต่ไม่ใช่ชื่อของเพื่อนที่รู้จัก แถมบอกให้รับแอด แสดงว่ายังไม่ได้เป็นเพื่อนกัน และพอดูที่มุมขวาบนของเฟซบุ๊ค ก็เห็นสัญลักษณ์ส่งคำขอเป็นเพื่อนเข้ามา อัครกดเข้าไปดู ก็เป็นชื่อเจ้าของข้อความนี้เอง

ปกติอัครจะไม่รับแอดจากคนแปลกหน้า รายชื่อเพื่อนของเขามีแค่พวกที่เรียนด้วยกันตั้งแต่ม.ปลายและมหาลัย กับพวกรุ่นพี่รุ่นน้องเท่าที่รู้จักตอนนี้เท่านั้น

ด้วยความลังเล อัครเลยลองส่งข้อความถามกลับไปก่อน

ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ

รอสักพัก เจ้าของกล่องข้อความที่กำลังพิมพ์อยู่ ก็ตอบกลับมาว่า

พรีม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2018 19:39:35 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) Intro
«ตอบ #2 เมื่อ07-08-2018 14:34:28 »

ต้อนรับเรื่องใหม่คร้าบบ :pig2:

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 1-3 [22/8/18]
«ตอบ #3 เมื่อ22-08-2018 12:16:11 »

แปะรวดเดียวเลย เรื่องนี้มันก็ออกจะแปลกๆ เหมือนเคย

1
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป อัครไม่ต้องส่งจดหมายไปหาพรีมแล้ว แต่พวกเขาคุยกันผ่านทางเฟซบุ๊คแทน รูปโปรไฟล์ของพรีมเป็นรูปหุ่นยนต์กันดั้ม อนิเมเรื่องโปรดของพรีม อัครเคยดูผ่านๆ ไม่ได้ชอบมากเป็นพิเศษ แต่ก็พอจะคุยกับพรีมรู้เรื่อง เขาลองเข้าไปดูในเฟซของพรีม ส่วนใหญ่ลงแต่รูปของกิน ไม่ก็สถานที่ ไม่ค่อยมีรูปเจ้าตัวเท่าไหร่ หรือมีก็เห็นแค่มือบ้าง ข้างหลังหรือไม่ก็ด้านข้างแบบไกลๆ มัวๆ

“จะติสไปไหนวะ” อัครมองรูปถ่ายของพรีมที่ยืนอยู่หน้ากระจกและใช้กล้องมือถือถ่ายตัวเอง แต่ปิดส่วนหน้าเอาไว้มิดชิด เห็นแค่ปากที่กำลังยกยิ้มกวนๆ พรีมอยู่ในชุดวอร์ม เหมือนจะไปวิ่งหรือออกกำลังกายที่ยิม รูปร่างของพรีมจากแค่ในรูปถ่ายบอกอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง แต่ที่แน่ๆ น่าจะสูงพอสมควร เพราะเวลามีคนอื่นอยู่ในเฟรมด้วย จะเห็นเลยว่าพรีมตัวสูง และทุกโพสต์ของพรีม จะตั้งให้เห็นเฉพาะเพื่อนเท่านั้น ตอนที่อัครเปิดเข้าไปดูครั้งแรก เลยไม่มีข้อมูลอะไร จนต้องถามว่าเป็นใครนั่นแหละ

“แต่คนติดตามแม่งโครตเยอะ หรือมันจะเป็นคนดังวะ?” หนึ่งในงานอดิเรกของอัครช่วงนี้คือการส่องเฟซของพรีมไปแล้ว จำนวนเพื่อนของพรีมมีแค่ 213 คน แต่คนกดติดตามหลักพัน ตามทั้งๆ ที่แทบไม่ได้เห็นแม้แต่ลูกตาของพรีม เอ๊ะ หรือว่าเห็น ถึงเห็นหน้าก็เห็นแค่บางส่วน ไม่ใช่ทั้งหน้า คิดแล้วอัครก็ละเหี่ยใจกับความติสแตกของเพื่อน

เขาถอดใจกับการหารูปหน้าของพรีมแบบชัดๆ เหมือนพรีมจะไม่ได้ใส่แว่นแล้ว ถ้าเจอกันอีกครั้ง อัครก็ไม่แน่ใจว่าจะจำหน้าได้หรือเปล่า พอคิดว่าพอแค่นี้ดีกว่า และกำลังจะกดปิดแท็บ สัญญาณไฟเขียวที่ชื่อของพรีมก็ติดขึ้นมา

มือของอัครชะงักค้าง รีบเลื่อนเม้าส์ออกจากเครื่องหมายกากบาทแทบไม่ทัน เขาอยากคุยกับพรีมแบบออนไลน์ ไม่อยากส่งข้อความไปดองไว้โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาอ่านหรือไม่

ในตอนที่อัครคิดว่าจะพิมพ์ทักทายว่าอะไรดี เพราะตั้งแต่รับแอดพรีมและได้คุยกันในวันนั้นไม่ถึง 15 นาที พรีมก็ทักมาเมื่อเห็นอัครออนไลน์อีกสองสามครั้ง ไม่เคยส่งข้อความมาทิ้งไว้เหมือนกัน แล้วจู่ๆ ข้อความจากพรีมก็เด้งขึ้นมาก่อน

ทำอะไรอยู่ครับ

อัครขมวดคิ้วนิดหน่อยกับความสุภาพของเพื่อน แม้จะไม่ได้เจอกันมานานหลายปี แต่มันก็ไม่เห็นต้องพูดสุภาพกับเขาทุกครั้งขนาดนี้ ตอนเขียนในจดหมายก็ไม่เคยเป็น แต่พอมาคุยกันแบบออนไลน์ดันเรียบร้อยวาจาดีซะงั้น

ว่าจะดูอนิเม


อัครพิมพ์ตอบกลับไปแค่นั้น เห็นอีกฝ่ายขึ้นว่ากำลังพิมพ์ข้อความทันทีหลังจากที่เขาตอบไป อัครรอว่าพรีมจะคุยอะไรต่อ แต่เหมือนฝั่งนั้นจะพิมพ์ๆ ลบๆ อยู่หลายครั้ง กว่าจะกดส่ง

เรื่องอะไร


แค่เนี้ย? มันต้องพิมพ์ๆ ลบๆ ตั้งนานสองนานมั้ยวะเนี่ย อัครอมยิ้มขำกับความเอ๋อเหรอของเพื่อน เขารัวแป้นพิมพ์กลับไป

Fate Apocrypha

ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่ไม่มีการตอบกลับ อัครนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะคอมฯ รอให้พรีมส่งข้อความกลับมา แต่ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีสัญญาณตอบกลับที่ต้องการ อัครถอนหายใจอย่างหน่ายๆ กดปิดเฟซบุ๊คแล้วเข้าเว็บอนิเม ดูเรื่องที่ดูค้างไว้ต่อ

ระหว่างที่ดูอนิเม แจ้งเตือนของวินโดว์ก็เด้งขึ้นมามุมล่างขวาของจอ บอกว่ามีข้อความจาก Super-Supreme Mixed Lover อัครหงุดหงิดนิดหน่อยที่พรีมอ่านแต่ไม่ตอบตั้งแต่ตอนแรก เขาเลยไม่ยอมกดเข้าไปดู รอจนอนิเมจบตอน แล้วค่อยเปิด

โทษที เพื่อนยกโขยงมาที่ห้อง เลยไม่ได้คุยต่อเลย

ข้อความมาพร้อมรูปแนบสภาพห้องที่ตอนนี้มีคนอยู่กันอย่างเบียดเสียดทั้งหญิงชาย คงเป็นธรรมดาของคืนวันเสาร์สินะ อัครคิด เลื่อนดูรูปอีกสองสามรูปที่พรีมแนบมาให้ เพื่อยืนยันว่ากำลังมีปาร์ตี้กับเพื่อนๆ

ไม่ไลฟ์สดลงเฟซเลยล่ะ 555


เขาแกล้งกระเซ้าไปแบบนั้น ลุ้นนิดๆ ว่าอีกฝ่ายจะยอมทำจริงมั้ย เพราะอยากเห็นหน้าพรีมแบบเต็มๆ ว่าโตขึ้นเป็นยังไงบ้าง แต่สุดท้ายพรีมก็ไม่ได้ไลฟ์สดให้ดู โดยอ้างว่ามีภาพไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน กลัวเฟซบุ๊คจะปลิว อัครเลยไม่ได้ว่าอะไรอีก พวกเขาพูดคุยกันสัพเพเหระ ถามเรื่องเรียนบ้างเรื่องเพื่อนบ้าง พรีมบ่นๆ ให้ฟังนิดหน่อยว่างานเยอะตั้งแต่ขึ้นปี 2 เลยไม่อยากส่งจดหมายคุย เพราะไม่มีเวลาส่งให้ทุกอาทิตย์ กลัวอัครจะรอ เลยเอาชื่อของอัครไปเซิสหาในเฟซบุ๊ค เช็คจนแน่ใจว่าใช่อัครแล้วก็แอดเฟรนมา ถ้าอัครไม่ได้ใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงในเฟซ ก็คงหากันไม่เจอแล้ว

แล้วทำไมใช้ชื่อเฟซซะยาวเลย มันมาจากอะไรเหรอ

พออัครถามไปแบบนั้น พรีมก็เหมือนจะคิดนานหลายนาทีกว่าจะตอบกลับมา

Supreme ก็ชื่อผมไง นอกนั้นใส่ไปมั่วๆ ตามอารมณ์

คำว่า “ผม” ทำให้อัครแปลกใจจนต้องเลิกคิ้วมองข้อความอีกที จำเป็นต้องสุภาพกับเพื่อนขนาดนี้มั้ย?

ไม่ต้องเรียบร้อยมากก็ได้ เราไม่ใช่อาจารย์สุกฤษนะ

อัครนึกถึงสมัยม.ต้นที่มีอาจารย์สอนภาษาไทยจอมเฮี้ยบชื่อสุกฤษ ด้วยความที่อาจารย์แกเป็นเกย์ ออกสาวมาก ก็เลยจะมีจริตจะก้านและจิกกัดด่าเก่ง ทำให้นักเรียนชอบเอามาล้อเลียนกันเป็นเรื่องสนุกขำๆ อัครยังจำได้ว่าพรีมเองยังเคยล้ออาจารย์ด้วยการทำท่าทางเลียนแบบ แถมจีบปากจีบคอพูดได้สมจริงมาก

จำตอนเตรียมงานกีฬาสีเทอมสุดท้ายได้มั้ย

พรีมไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลย แต่มันขึ้นว่าอ่านแล้วทั้งหมด อัครไม่แน่ใจว่าพรีมจำเรื่องสมัยนั้นได้มากน้อยแค่ไหน หรืออาจจะลืมไปหมดแล้วก็ได้ อย่างน้อย ขอแค่ไม่ลืมเรื่องของเขาก็พอ

เดี๋ยวผมต้องไปส่งเพื่อนกลับหอ พวกมันเมามาก

ทำไมพรีมถึงไม่ตอบเรื่องที่ชวนคุย อัครไม่เข้าใจ แต่ก็ขี้เกียจเซ้าซี้ให้มากเรื่อง เลยส่งสติ๊กเกอร์ไปว่า OK ก่อนจะนึกได้แล้วรีบพิมพ์ถามไป

แล้วพรีมเมารึเปล่า ไปส่งเพื่อนยังไง

ดูเหมือนพรีมจะกำลังยุ่งกับเพื่อนๆ ที่บอกว่าเมามาก อัครยังคงเฝ้ามองหน้าจอคอมฯ ตรงหน้าอย่างใจจดจ่อ เขาเป็นห่วง กลัวว่าพรีมจะดื่มเหล้าเยอะจนเมา แล้วยังต้องพาเพื่อนไปส่งหออีก ถ้าอยู่ใกล้ๆ กันก็ดี จะได้ไปช่วย

ผมมีรถครับ ดื่มไปนิดเดียว ไม่เมาเลย

เมื่อได้รับคำตอบ เขาก็โล่งอกจนถอนหายใจออกมา อัครแค่ส่งรูปหน้ายิ้มไปเพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว และบทสนทนาก็ยุติลงเพียงแค่นั้น เพราะพรีมคงต้องแบกเพื่อนไปที่รถและขับรถ

เช้าวันจันทร์ อัครเดินทางจากบ้านไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะต้องแวะเอาของไปเก็บที่หอก่อนไปเรียน เจอเพื่อนๆ ในหอก็ทักทายกันตามปกติ เก็บของในห้องเสร็จก็เตรียมตัวไปเรียนคาบเช้าตอน 10 โมงครึ่ง เขากะจะโทรเรียกเพื่อนในกลุ่มให้มารับ เพราะที่ห้องไม่มีใครอยู่แล้ว และอัครไม่มีรถทุกชนิด

เขากำลังครุ่นคิด ตอนนี้ก็ปี 2 แล้ว อายุก็ 19 แล้ว ถ้าจะขอพ่อทำใบขับขี่แล้วซื้อมอเตอร์ไซค์สักคันก็น่าจะดีเหมือนกัน

อัครนั่งรอแน็ก เพื่อนสมัยม.ปลายที่มาเรียนคณะเดียวกัน แต่ไม่ได้อยู่หอพัก ให้มารับที่หน้าหอ เพราะแน็กต้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาทางนี้อยู่แล้ว อัครไม่ได้สนิทกับแน็กมากที่สุด แต่ก็เป็นเพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ระหว่างนั่งรอ ก็มีข้อความจากคนที่หายเงียบไปตั้งแต่เมื่อคืนวาน

ไปเรียนรึยังครับ

ตอน 9.47 พรีมส่งข้อความแรกของวันมาเป็นประโยคนั้น และไม่รู้ทำไมอัครถึงต้องอมยิ้มกับแค่ข้อความธรรมดาๆ เขาพิมพ์ตอบกลับไปว่า “ยัง กำลังรอเพื่อนที่หน้าหอ” พอดีกับที่แน็กขี่มอเตอร์ไซค์มาถึง เลยไม่ได้คุยกับพรีมต่อ จนไปถึงหน้าตึกคณะศิลปศาสตร์ พอลงจากมอเตอร์ไซค์ของแน็ก อัครก็รีบหยิบสมาร์ทโฟนออกมาดูทันที

แต่ไม่มีข้อความใหม่จากพรีม อัครคิดว่าพรีมคงเข้าเรียนแล้ว เลยเดินตามแน็กขึ้นไปสมทบกับเพื่อนๆ บนตึกคณะ จนถึงพักกลางวัน แจ้งเตือนจากเฟซบุ๊คก็ยังนิ่งสงบ อัครนั่งกินข้าวเม้าท์มอยกับเพื่อนๆ ตามปกติ คอยหยิบสมาร์ทโฟนออกมาดูเป็นระยะ

“มีไรวะอัคร เห็นมึงดูจังมือถือน่ะ” พอล แฟนของปูเป้เห็นอัครก้มดูมือถือเป็นระยะก็สงสัยขึ้นมา อัครเงยหน้ามองเพื่อนแล้วยิ้มแหยๆ

“เปล่าๆ ดูนาฬิกาว่ะ”

“ทำไมวะ มึงมีนัดเหรอ บ่ายมีเรียนนะ” แน็กว่าพลางหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาดูบ้าง ตอนนี้ก็แค่ 12.45 และพวกเขามีเรียนคาบบ่ายตอนสองโมงตรง เป็นคาบสามชั่วโมงยันห้าโมงเย็น “เมื่อเช้าก็เห็นมึงเล่นมือถือตลอดเลย แน่ะๆ แอบคุยกับสาวที่ไหนป่ะวะไอ้อัคร”

อัครรีบบ่ายเบี่ยงปฏิเสธเรื่องที่แน็กพูด ปูเป้หันไปมองไดซ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กะจะแซวว่าแอบคุยกับอัครหรือเปล่า แต่พอเห็นเพื่อนทำหน้าเศร้าแล้วก็พูดไม่ออก เพื่อนๆ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าไดซ์ชอบอัคร ชอบมาตั้งแต่ปี 1 แล้ว แต่อัครก็ไม่เคยสนใจ แถมยังมีหน้าไปบอกให้ไดซ์ไม่ต้องสนใจที่โดนเพื่อนแซวคู่กัน เพราะอัครไม่เคยคิดแบบนั้นอีก

“ไดซ์ โอเคป่ะวะ” ด้วยความที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ปูเป้เลยพอจะดูออกว่าไดซ์คงคิดมากเรื่องที่อัครแอบคุยกับใครสักคน อาการของอัครมันบ่งบอกว่าอย่างนั้นจริงๆ

“อือ โอเค” ไดซ์ฝืนยิ้มตอบปูเป้ไป ทั้งที่ใจยังกังวล กลัวว่าอัครอาจจะไปมีแฟนตอนช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา

พวกหนุ่มๆ มัวแต่แซวอัครกันสนุกปาก จนไม่ทันได้สังเกตเห็นสองสาวที่นั่งคุยกันท่าทางซีเรียส พวกแน็กจะแย่งสมาร์ทโฟนของอัครไปดูว่าคุยกับใคร ดีที่อัครไหวตัวทันรีบลุกหนีไปก่อน ถือเป็นโชคดีที่พรีมส่งข้อความมาในจังหวะนั้น ราวกับรู้ว่าอัครกำลังโดนเพื่อนรุม

กินข้าวรึยังครับ

เพิ่งกินเสร็จ พรีมล่ะ?

แล้วครับ กำลังจะไปเรียน

ตั้งใจเรียนนะ

ครับ

อัครรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ กับข้อความพวกนี้ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้เวลาที่ได้คุยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กับพรีม ปกติแล้วเขาไม่เคยคุยอะไรทำนองนี้กับเพื่อนฝูงเลย อาจเพราะอยู่กับเพื่อนแทบตลอดเวลาอยู่แล้ว เลยไม่รู้จะถามว่ากินข้าวรึยัง หรือจะไปเรียนแล้วรึยัง ไปเพื่ออะไร ในเมื่อก็นั่งอยู่ด้วยกัน ส่วนพรีม ที่คุยกันเรื่องสัพเพเหระพวกนี้ ก็เพราะอยู่ไกลกัน อัครพยายามจะคิดไปในทางนั้น แม้ใจจะพองโตทุกครั้งที่ได้คุยอะไรน่าจั๊กจี้หัวใจกับพรีม เขาไม่รู้ว่าพรีมคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไรกับคำถามตอบแนวนี้

พรีม โทรเข้าไปได้มั้ย

จู่ๆ อัครก็ส่งข้อความไปแบบนั้น เพราะอยากได้ยินเสียงของพรีมที่ไม่ได้ยินมานานมากแล้ว ในเฟซบุ๊คก็โทรคุยกันได้ แถมยังวิดีโอคอลได้ด้วย แต่อัครไม่เคยลองใช้กับพรีม เลยลองขอดูก่อน เผื่อพรีมจะไม่สะดวก

ถ้าไม่เปิดกล้องก็ได้ครับ

“ไอ้อัคร ทำเหี้ยไรวะ มาแอบคุยสาวอีกแล้วมึง” เชษ เพื่อนตั้งแต่สมัยม.ปลายอีกคนโผล่พรวดมากอดคออัคร เหนี่ยวเข้าหาตัวอย่างแรง จนอัครเสียหลักเกือบล้ม ดีที่เพื่อนตัวใหญ่เลยดึงไว้ไม่ให้ล้มหงายหลังไป

“ตกใจหมดไอ้สัสเชษ” อัครหันควับไปมองตาเขียว รีบกดปิดหน้าจอแทบไม่ทัน เขาเก็บสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ใจก็เสียดาย เพราะพรีมอุตส่าห์บอกว่าโทรไปหาได้แล้วเชียว

อีกนิดเดียวจะได้ยินเสียงแล้ว ไอ้เชษแม่งโครตขัดลาภ

เขาเข่นเขี้ยวในใจ เชษที่ไม่รู้เรื่องด้วยได้แต่เลิกคิ้วทำหน้างงใส่ “อะไรมึง หงุดหงิด อดคุยสาว?”

“พ่องสิ มาไมเนี่ย กูอุตส่าห์หลบมุมแล้ว” อัครมุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจ

“มาลากมึงกลับโต๊ะไง ไม่แกล้งๆ ไปนั่งด้วยกัน อย่าปลีกวิเวก” แล้วเชษก็ลากคอเพื่อนกลับโต๊ะ อัครเลยอดโทรหาพรีมจนได้...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2018 12:54:59 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 1-3 [22/8/18]
«ตอบ #4 เมื่อ22-08-2018 12:17:00 »

2
หลังจากนั้น ทั้งอัครทั้งพรีมก็ไม่ได้ส่งข้อความหากันอีก จนอัครกลับหอพัก มีเชษกับพอลอยู่ในห้องด้วย จะโทรหาพรีมตอนเพื่อนอยู่ก็ไม่ได้ เพราะไม่อยากให้พวกมันแซว

ไม่โทรแล้วเหรอ

ข้อความจากพรีมถูกส่งมาในช่วงหัวค่ำ ซึ่งอัครกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมฯ พอดี เขามีแปลบทความภาษาอังกฤษกับรายงานวิชาประวัติศาสตร์ตะวันออกกลางที่ต้องส่งก่อนสอบกลางภาค แต่ถ้าเทียบกับพรีมแล้ว เด็กถา’ปัด น่าจะงานยุ่งกว่ามาก อัครเปิดอ่านข้อความแล้วรีบพิมพ์ตอบไป ก่อนที่เพื่อนอีกสองคนจะเห็น

โทษที ลืมไปเลย

งั้นผมโทรไปได้มั้ย

เอ๊ะ? ตอนนี้?

ครับ ได้มั้ย?

อัครลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรีบล็อคเอ้าท์จากเฟซบุ๊คในคอมฯ แล้วเปลี่ยนมาเปิดในมือถือแทน ก่อนจะตอบกลับไป

อืม

“เหวอ” เสียงคอลในเฟซบุ๊คดังขึ้นทันทีที่อัครกดส่งข้อความนั้นไป ด้วยความไม่ทันตั้งตัว อัครกดรับอย่างลนลานจนเพื่อนอีกสองคนหันมามอง เขาเลยต้องรีบวิ่งหลบสายตาเพื่อนออกไปที่ระเบียงห้อง ปิดประตูกระจกมิดชิด กันเสียงคุยลอดออกไป

“ฮะ ฮัลโหล...” อัครเอ่ยทักเสียงสั่นนิดหน่อย คำทักทายก็ช่างเบสิคเพราะคิดอะไรไม่ทันในตอนนั้น

[ผมรบกวนรึเปล่า] น้ำเสียงของพรีมที่ไม่ได้ยินมานานมากแล้วทำให้อัครรู้สึกหัวใจพองโตแปลกๆ เสียงนั้นทั้งทุ้มและนุ่มน่าฟัง อัครคิดถึงเสียงของพรีมที่เคยได้ยินสมัยม.ต้น รู้สึกว่ามันจะต่างจากเดิมเล็กน้อย อาจเพราะวัยที่โตขึ้น ความสุขุมนุ่มลึกเลยมากขึ้นตาม

“ไม่ๆ เราจะได้พักสายตาพอดี เมื่อกี้ทำงานอยู่น่ะ” อัครรีบตอบเพราะไม่อยากให้พรีมเข้าใจผิด เขาอยากคุยกับพรีมมาก

[อยู่คนเดียวรึเปล่าครับ ตอนนี้]

“อยู่กับเพื่อนอีกสองคนน่ะ พวกมันก็ทำงานอยู่เหมือนกัน” ไม่รู้ทำไมอัครต้องยิ้มแล้วก็เกาหัวตัวเองแก้เก้อตอนที่คุยกับพรีม ทั้งที่ไม่ได้อยู่ตรงหน้าแท้ๆ ยังจะเขินอีก

ก็พรีม เป็นคนที่อัครชอบ แม้ตอนนี้ก็ยังรู้สึกชอบและคิดถึงอยู่เสมอ

อัครชอบเวลาที่พรีมยิ้มให้ เวลาที่พรีมมานั่งเกาะขอบโต๊ะขอให้วาดรูป เวลาที่พรีมชวนคุยและทำให้เขาหัวเราะ พรีมเป็นคนร่าเริงมาก เฟรนลี่กับใครไปทั่ว อัครรู้ดีว่าไม่ได้เป็นคนเดียวที่พรีมให้ความสนิทสนมด้วย แต่มันก็รู้สึกดีไปแล้ว ชอบไปแล้ว ตอนที่ต้องแยกจากกัน ก็คิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางได้เจออีก ความรู้สึกที่มีคงจะจางลงไปเอง เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชาย ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจดหมายที่เผลอส่งไปแบบไม่ตั้งใจจะได้รับการตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

หรือว่าพรีมก็คิดถึงเขาเหมือนกัน

พอคิดแบบนั้นอัครก็หุบยิ้มแทบไม่ลง อัครไม่เคยชอบใครมากเท่าพรีม ไม่เคยจีบใคร ไม่เคยสนใจมองใครเลย เพราะยังคิดถึงแต่พรีม

พรีมเป็นรักครั้งแรกที่อัครจะไม่มีวันลืม

“พรีมอยู่หอคนเดียวเหรอ”

[อยู่คนเดียวครับ] ทั้งคำพูดและน้ำเสียงช่างสุภาพนัก อัครรู้สึกตัวมันหวิวๆ เวลาที่ได้ยินพรีมพูดจาสุภาพ กับเพื่อนทั่วไปเขาคุยกันอย่างนี้เหรอ? อัครไม่ค่อยแน่ใจ แต่ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองให้มากเกินไป

“คือ ไม่ต้องพูดสุภาพกับเราขนาดนี้ก็ได้นะ มันแปลกๆ อ่ะ”

[ไม่ชอบเหรอครับ] น้ำเสียงของพรีมเหมือนแฝงความสงสัยนิดๆ

“ไม่ใช่งั้น แค่อยากคุยกันแบบเพื่อนตามปกติไง” อัครอธิบาย พรีมเงียบไปครู่หนึ่ง จนอัครกังวลว่าเผลอพูดอะไรผิดหรือเปล่า แต่ทวนดูในใจกี่รอบๆ ก็ไม่เห็นว่าพูดอะไรที่น่าจะฟังผิดหูได้เลย จนกระทั่งได้รับคำตอบที่ทำเอาอึ้งไปนานจากพรีม

[งั้นผมไม่ขอเป็นเพื่อนตามปกติได้มั้ยครับ]

******

ไอ้ที่ว่าไม่ขอเป็นเพื่อนตามปกตินั่นมันคืออะไร!?

เมื่อวานนี้พรีมโทรหาเขาแล้วก็บอกมาอย่างนั้น ก่อนจะขอตัวไปหาข้าวกิน ตัดบทกันดื้อๆ แบบไม่ให้ได้ถามหรือพูดอะไรต่อเลย อัครนั่งจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟนที่อยู่ในหน้าเฟซบุ๊คของพรีม ไม่มีรูปใบหน้าของพรีมสักรูป แต่อัครกลับรู้สึกเขินจนหน้าแดงขึ้นมาเอง

“หรือเราจะหูฝาดป่ะวะ? หูฝาดแหงๆ ใช่ๆ หูฝาด”

“บ่นไรของมึงวะไอ้อัคร” เชษส่งเสียงถามมาจากมุมห้อง พอลกำลังอาบน้ำ ส่วนเชษนั่งทำงานอยู่หน้าคอมฯ เห็นอัครพูดหงุงหงิงๆ กับตัวเองก็สงสัย

“ไม่มีไร กูบ่นเรื่องงานแปล แม่งเยอะ ยาก” อัครยิ้มเจื่อนๆ ตอบเพื่อน หันกลับไปทำงานตรงหน้าต่อ แต่ในหัวยังคิดถึงแต่เรื่องของพรีม เสียงของพรีมและคำพูดของพรีม อัครพยายามวาดภาพพรีมจากวันวาน แม้ไม่เคยเห็นตอนพรีมถอดแว่นตาสักครั้ง แต่มั่นใจว่าโตขึ้นต้องหล่อเหลาเอาการ

คิดแล้วก็อยากเจอ

แต่พรีมบอกว่าไม่ชอบเปิดกล้องเวลาคุย เพราะกลัวเห็นสภาพห้องรกๆ แล้วก็กลัวเพื่อนเข้ามาเจอ น่าแปลกที่พรีมดูขี้อายกว่าตอนม.ต้น อัครยังคงจำความเกรียนของพรีมได้ดี ดูแล้วไม่น่าจะกลายเป็นคนขี้อายเก็บตัวตรงไหนเลย แต่ก็ว่าไม่ได้ คนเรา เวลาเปลี่ยน อะไรๆ ก็เปลี่ยนตาม นิสัยของพรีมอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ได้

ติ้ง

เสียงเฟซบุ๊คเด้งปุ๊บ อัครรีบคว้าสมาร์ทโฟนมาเปิดดูทันที คนคุยของอัครมีแค่คนเดียวเท่านั้น เลยไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร พอเปิดกล่องข้อความจากรูปกันดั้มเล็กๆ กลมๆ บนขอบจอขึ้นมา กูเห็นรูปถ่ายที่พรีมแนบมาในนั้น

เป็นรูปที่เห็นแค่มือขาวๆ ถือโมเดลเล็กๆ ที่เหมือนจะเพิ่งทำเสร็จ พรีมสวมเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีดำ นั่นคือทั้งหมดในรูปที่อัครได้เห็น

ผมเพิ่งทำเสร็จ สวยมั้ยครับ

อัครอมยิ้ม กดตอบกลับไปเร็วรี่

สวยดี เก่งจัง

ถ้าได้เป็นสถาปนิก ผมจะออกแบบบ้านให้อัครคนแรกเลย

ฟรีป่าว

ผมคิดค่าจ้างถูกนะ

หูย คิดเงินด้วย

เปล่า คิดเป็นอย่างอื่น

คิดเป็นอะไร?

ขอแค่หัวใจสักเสี้ยวก็พอ

มุกเสี่ยวมาก 555


ผมอุตส่าห์ตั้งใจเล่นนะเนี่ย ไม่เขินหน่อยเหรอ

อัครยิ้มจนแก้มแทบปริ รู้สึกหน้าร้อนไปหมด ไม่คิดว่าคนอย่างพรีมจะมีมุมแบบนี้ มันเหมือนกับกำลังจีบกันอยู่เลย ไอ้เขินน่ะเขินแน่ แต่ไม่บอกหรอกว่าเขิน

ต้องเขินด้วยเหรอ

นิดนึงก็ยังดี


......
...
“ทำไรวะ?” เสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่หอบข้าวของเข้ามา คนที่กำลังเพลินกับการส่งข้อความเลยหันไปมอง

“วันนี้ไม่นอนห้องไอ้เคนเหรอวะ”

“ไม่อ่ะ กูซื้อของกินมาฝากมึง งานเสร็จยังวะ”

“เพิ่งเสร็จ” เขาละจากสมาร์ทโฟนในมือแล้วเดินไปดูของที่เพื่อนซื้อมาฝาก มีอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งกับพวกขนมขบเคี้ยวและน้ำหวานหลายขวด “ของมึงเสร็จยัง”

“ยัง เดี๋ยวคืนนี้ลุยยาว มันจอดรถอยู่ เดี๋ยวก็ตามมาแล้ว”

“อืม” เขาพยักหน้ารับ หันหลังไปมองหน้าจอสมาร์ทโฟนในมืออีกที มีแค่สติ๊กเกอร์แลบลิ้นใส่ที่อีกคนส่งมาให้ แค่นั้นก็ทำเอาหลุดยิ้มแล้ว

“พรีม เอากุญแจห้องมาด้วยเปล่า?” เสียงเพื่อนอีกคนดังขึ้นจากหน้าประตู สองมือหอบกระดาษกับอุปกรณ์ทำโมเดลทั้งหลายที่ไม่ใช่ของตน เพราะเคนเรียนวิศวะ

“เอามา นี่ไง” เจ้าของชื่อ “พรีม” หันไปแกว่งกุญแจในมือให้ดู ก่อนจะหันไปหาอีกคนที่มัวแต่ก้มหน้าก้มตาดูมือถือ

“งานมึงเสร็จแล้วก็มาช่วยกูทำต่อเลย ไอ้ซุป”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2018 12:56:28 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 1-3 [22/8/18]
«ตอบ #5 เมื่อ22-08-2018 12:17:39 »

3
ผมต้องช่วยเพื่อนทำงาน คืนนี้คงไม่ได้นอน (สติ๊กเกอร์ร้องไห้)

อัครอมยิ้มเอ็นดูความงอแงเล็กๆ น้อยๆ ของพรีม ส่งข้อความไปให้กำลังใจพร้อมรูปเซลฟี่หน้ายิ้มหวานที่สุดไปให้ อัครคิดว่าพรีมน่าจะจำตนได้อยู่แล้ว แต่พรีมนี่สิ ทำไมไม่ยอมเปิดเผยหน้าตอนนี้ให้เห็นเสียทีก็ไม่รู้

พรีมเงียบหายไปจากกล่องแชท คงกำลังง่วนกับการช่วยงานเพื่อนที่ว่า อัครเลยอ่านหนังสือ ทำรายงาน แล้วก็เตรียมตัวเข้านอน ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ กำลังจะล้มตัวลงนอน เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น

นอนยังครับ?

ไม่รู้ทำไม พอเห็นข้อความจากพรีมทีไร อัครก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้เลย เขารีบพิมพ์ตอบกลับไปว่ายังไม่นอน เพราะอยากคุยกับพรีมก่อน ต่อให้ดึกแค่ไหน ก็อยากคุย และพรีมก็บอกว่าขอโทรหา อัครเลยลุกเดินออกไปนอกระเบียง เพื่อไม่ให้เสียงรบกวนเพื่อนๆ ที่นอนอยู่

[นอนดึกนะ]

“พรีมนั่นแหละ งานเสร็จยัง? ที่บอกช่วยเพื่อนทำ”

[ยังเลยครับ แต่ผมขอพัก อยากคุยกับอัครก่อนนอน] คนในสายลดเสียงลงเล็กน้อย [คิดถึง]

อัครรู้สึกว่าแก้มร้อนวาบขึ้นมาทันที หัวใจเต้นรัวจนต้องยกมือขึ้นมากุมมันไว้ เพราะกลัวจะหลุดทะลุอกออกมา เขากลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี

[อัครคิดถึงผมมั้ย?] เสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ ของพรีมทำให้อัครเหมือนจะละลายลงไปกองที่พื้นแล้วตอนนี้ เขาพยายามรวบรวมสติ เพราะถ้าเงียบนานกว่านี้พรีมจะเข้าใจผิดได้

“พะ พูดอะไรของนาย” พูดไปก็ลูบแก้มร้อนๆ ของตัวเองไปด้วย

[ไม่คิดถึงผมเหรอ ไม่ได้คุยกันตั้งหลายชั่วโมงแล้ว] ปลายสายพูดกลั้วหัวเราะ ยิ่งทำให้อัครใจเต้นถี่

อัครไม่รู้ว่าจะตอบออกไปตามตรงดีหรือไม่ ใจเขาก็คิดถึงพรีมเหมือนกัน แต่มันก็แปลกๆ ที่จู่ๆ จะมาพูดอะไรแบบนั้นกัน แม้ว่าพรีมจะเป็นคนเริ่มก่อนก็เถอะ

[อัคร? ง่วงเหรอครับ]

อัครสะดุ้ง ทั้งที่ปลายสายไม่เห็นเสียหน่อย “ปะ เปล่าๆ ก็พรีมพูดอะไรไม่รู้ มันแปลกๆ นี่”

[เขินเหรอ] เสียงของพรีมเปลี่ยนไปนิดหน่อย ฟังดูกวนๆ เหมือนคนขี้แกล้ง

“ใครเขินกัน? ปกติคุยกับเพื่อนทุกคนแบบนี้รึไงล่ะ ถึงได้ชิน” อัครยู่ปาก ถ้าใช้วิดีโอคอลคงสนุกพิลึกที่ได้เห็นสีหน้าหลายๆ แบบ

[แค่กับอัครคนเดียว ที่ผมบอกว่าคิดถึง/ไอ้ซุปปปป ทำไรวะ]

เสียงที่แทรกเข้ามาทำให้อัครแปลกใจนิดหน่อย พอกำลังจะคุยต่อ พรีมก็ขอวางสายไปก่อนด้วยน้ำเสียงร้อนรน อัครมองดูหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ดับลงไปแล้วในมืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง

แต่ยังไม่นอนหลับในทันที อัครนั่งอยู่บนเตียง กดเข้าเฟซบุ๊คในสมาร์ทโฟน เข้าไปส่องหน้าฟีดของพรีมที่เคยดูแค่ผ่านๆ ตอนช่วงแรกๆ ที่แอดมา เพราะเห็นโพสใหม่ๆ เด้งขึ้นมาเป็นรูปที่ปิดหน้าตาตลอด อัครเลยไม่ค่อยได้เข้าไปส่องข้างในเท่าไหร่

Super-Supreme Mixed Lover

อัครทวนชื่อเฟซบุ๊คนั้นในใจ เลื่อนไปเรื่อยๆ เพื่อดูรูปของพรีมที่มีอะไรมาบังหน้าทุกรูป แต่กลับมียอดไลค์จากคนที่ติดตามเป็นพัน อัครลองสุ่มอ่านคอมเม้นท์จากบางโพส แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว

อย่าปิดหน้าสิคะพี่ซุปคนหล่ออออ


“พี่ซุป?” อัครกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝื่อน ปลายนิ้วเลื่อนดูรูปและคอมเม้นท์ลงไปอีก จนเจอ IG ของเจ้าของเฟซบุ๊คที่แอบอยู่กับโพสเก่าๆ เมื่อ 2 ปีก่อน และชื่อ IG นั้นก็คือ SuperStar

แถมเจ้าของ IG ก็ไม่ได้หน้าตาเหมือนพรีมที่อัครเคยวาดไว้ตรงไหนเลย ต่อให้เปลี่ยนจากตอนเด็กๆ แค่ไหน มันก็ต้องมีเค้าความเป็นพรีมอยู่บ้าง แต่นี่ไม่เลยจริงๆ หน้าตาไปคนละทางเลยด้วยซ้ำ จะว่าศัลยกรรมก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเปลี่ยนขนาดนี้ เพราะพรีมไม่ใช่คนหน้าแย่จนต้องยกเครื่องใหม่หมด อัครจำหน้าพรีมได้แม่นยำ หน้าตี๋ๆ ขาวๆ แต่คิ้วเข้มกับแว่นตาสีส้ม ถึงถอดแว่นออก ก็มั่นใจว่าจำได้

อัครยังไม่แน่ใจว่าคนที่แอดมาและหลอกว่าเป็นพรีมต้องการอะไร หรือเขาอาจจะคิดไปเอง เข้าใจผิดไปเองก็ได้ แค่มันติดใจเรื่องที่ได้ยินเสียงคนเรียกว่า “ซุป” เมื่อกี้นี้เท่านั้น

อัครแทบนอนไม่หลับแล้ว เขากดเข้าไปในรายชื่อเพื่อนของเฟซบุ๊คที่บอกว่าเป็นพรีม เลื่อนหาอย่างตั้งอกตั้งใจและในที่สุด ทุกอย่างก็กระจ่าง

Prema Porameth พรีม่า ปรเมฐ

คนนี้ต่างหากล่ะ คือพรีมตัวจริง!

******

เกือบตีห้ากว่าที่ซุปจะได้นอน เพราะงานของเพื่อนรักอย่างพรีมที่ทำให้เด็กคณะเดียวกันอย่างเขาต้องช่วยจนเสร็จ ต่างกับอีกคนที่มีหน้าที่แค่ตัดแบบ พอมันทำเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนหลับคร่อกๆ ปล่อยให้เพื่อนอีกสองชีวิตลุยกันต่อเองยาวๆ แถมเช้ามา ยังมีหน้าตื่นมาหาววอดๆ ร้องหิวๆ ใส่อีก

“พวกกูต้องเอางานไปส่งก่อน มึงไปรอที่โรงอาหารกลางได้เลย” ซุปตบหัวบอกเคนที่ขับรถมาส่งหน้าคณะ ถ้าไม่มีเคน ก็คงไม่มีสารถีและรถขนของ พวกเขาสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้ว โชคดีที่สอบติดที่เดียวกัน แม้เคนจะเลือกคณะอื่นก็ตาม

“เออ” เคนตอบพลางลูบหัวตัวเองแล้วเลี้ยวรถไปทางโรงอาหาร

พรีมเดินนำหน้าพร้อมโมเดลบ้านของตน มีซุปเดินตามหลังไปติดๆ ที่เดินช้ากว่า เพราะมัวแต่กดมือถือส่งข้อความหาคนที่ตามจีบแบบแอบๆ อยู่ช่วงนี้

ซุปเจอจดหมายที่พรีมเคยส่งคุยกับเพื่อนสมัยม.ต้นเมื่อปีที่แล้ว พรีมทิ้งไว้ที่หอ และซุปไม่ได้กลับบ้านช่วงปิดเทอม ก็เลยถือวิสาสะรื้อมาอ่านเล่นๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นจดหมายพูดคุยธรรมดาๆ คนส่งเหมือนจะชอบวาดรูปด้วย มีรูปการ์ตูนสวยๆ วาดส่งมาตลอด พอเปิดเทอม 2 ตอนปี 1 ก็ยังเห็นพรีมเขียนจดหมายส่งไปอาทิตย์แรกๆ แล้วก็หยุดส่ง พอถามก็บอกว่างานยุ่งเลยขี้เกียจแล้ว กะจะเลิกส่งไป อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องตอบกลับมาอีก

ไม่รู้ทำไม พอได้ยินพรีมพูดแบบนั้น ซุปก็รู้สึกเห็นใจคนรอขึ้นมา ทั้งวิธีเขียนและรูปวาดน่ารักๆ ที่ตั้งใจส่งให้ทุกอาทิตย์นั้น เหมือนไม่มีความสำคัญใดๆ กับพรีมเลย เพราะพรีมแค่ตอบกลับไปด้วยประโยคสั้นๆ ห้วนๆ อย่าง ขอบใจนะที่ส่งรูปมาให้ หรือไม่ก็คำถามกลับทั่วไปอย่าง เรียนเป็นไงมั่ง ทั้งที่ก็ตอบอยู่แค่นั้น แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเขียนเล่าเรื่องต่างๆ อย่างตั้งใจเสมอ

ซุปเลยตัดสินใจส่งจดหมายตอบกลับไปแทนพรีมตั้งแต่ช่วงนั้น จนกระทั่งขึ้นปี 2 เขาเลยลองเอาชื่อคนส่งมาหาในเฟซบุ๊ค โชคดีที่อัครใช้ชื่อและนามสกุลจริง เลยหาไม่ยาก เขาลองแอดไปและพอโดนถามกลับว่าเป็นใคร ก็ไม่กล้าบอก เลยโกหกว่าเป็นพรีม ทำให้ได้คุยกับอัคร ยิ่งคุยก็ยิ่งชอบ ชอบทั้งวิธีคิดและสิ่งที่อัครแสดงออกมาผ่านตัวอักษร ชอบเวลาที่เห็นอัครโพสรูปวาดน่ารักๆ ที่เต็มเปี่ยมด้วยความตั้งใจ และชอบตัวตนของอัครที่เห็นผ่านรูปเหล่านั้น

เอางานมาส่งแล้วครับ ได้นอนแค่สามชั่วโมงเอง (สติ๊กเกอร์ร้องไห้)

ซุปกดส่งข้อความเรียบร้อย ก่อนจะเงยหน้าเห็นพรีมยืนมองอยู่

“ช่วงนี้มึงดูอินเลิฟนะ จีบใครอยู่วะ กูรู้จักป่ะ”

“เฮ้ย คิดไปเองน่า กูแค่คุยกับเพื่อน” ซุปรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ไปๆ ส่งงาน”

“มึงกับกูอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้วไอ้ซุป อย่ามาโกหกให้ยาก”

ก็ถ้าบอกว่าจีบเพื่อนเก่ามึงที่เคยส่งจดหมายมาให้ มันจะได้เหรอวะ

ซุปคิด ก่อนจะตอบ “ไม่มีจริงๆ มึงก็เห็น วันๆ กูอยู่แต่กับพวกมึง งานคณะก็เยอะ เอาเวลาที่ไหนไปจีบใคร”

ติ้ง

เสียงข้อความเด้งขึ้นมาในจังหวะเดียวกันพอดี ซุปสะดุ้งโหยงด้วยความร้อนตัว รีบหันหลับหลบสายตาของพรีมแล้วกดเปิดอ่านข้อความ

ทว่า

ข้อความจากอัครที่เปิดมาเจอนั้น กลับยิ่งทำให้ร้อนรนยิ่งกว่าเดิม

ซุปนี่ใครเหรอครับ?

tbc
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2018 12:57:27 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 1-3 [22/8/18]
«ตอบ #6 เมื่อ22-08-2018 12:37:34 »

มาต่ออีกนะค๊ะ กำลังสนุกเลย

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 1-3 [22/8/18]
«ตอบ #7 เมื่อ22-08-2018 12:48:52 »

อุต๊ะะ เป็นไงต่อน้ออ มาต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
«ตอบ #8 เมื่อ23-08-2018 09:44:17 »

มาต่ออีกนิด เรื่องเก่าก็ยังค้างอยู่เลยง่ะ เอาเรื่องนี้ก่อนละกัน ดราม่าน้อยหน่อย แต่ก็มีดราม่าอยู่ดี

ขอบคุณที่มาอ่านกันน้า

4
ซุปนี่ใครเหรอครับ?

อัครส่งข้อความไปแบบนั้นร่วมสิบนาทีแล้ว มันขึ้นว่าอ่านแล้วด้วย แต่คนอ่านไม่ยักตอบกลับมาเสียที อัครรู้ว่าคนคนนั้นคงกำลังคิดหนักว่าเขารู้เรื่องที่โดนหลอกแล้ว และคงกำลังคิดว่าจะแก้ตัวยังไงดี อัครไม่ได้โกรธที่หลอกกัน แค่อยากรู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ที่ผ่านมาก็คุยกันดี หรือที่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครแต่แรก เพราะกลัวจะไม่รับแอด กลัวจะไม่ยอมคุยด้วย?

ถ้าไม่ตอบ ผมจะบล็อก

เดี๋ยวๆๆๆ ขอโทษครับ!!!
(สติ๊กเกอร์ร้องไห้รัวๆ)

อัครอมยิ้มอย่างพอใจเมื่ออีกฝ่ายรีบตอบกลับทันทีที่ขู่ อย่างน้อยอัครก็รู้ว่าคนคนนี้เป็นเพื่อนของพรีม จากเฟซบุ๊คที่บอกว่าเรียนที่เดียวกัน คณะเดียวกัน เพราะอย่างนั้นอัครถึงได้ไม่สงสัยแต่แรก ทุกอย่างบ่งบอกว่าเป็นพรีมจริงๆ ยกเว้นก็แค่หน้าตาที่ไม่เคยเปิดเผย

คุณเป็นใคร?

อัครส่งคำถามสั้นๆ ไปอีกครั้ง อยากให้เปิดเผยตัวตนเสียที

คือ ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ ผมแค่อยากรู้จักคุณ

แล้วทำไมไม่บอกแบบนี้แต่แรก


อัครสวนกลับจนอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนาน แล้วจู่ๆ ก็กดวิดีโอคอลมันดื้อๆ ซะอย่างนั้น อัครตกใจจนเกือบทำมือถือหล่น ดีที่ตอนนี้นั่งอยู่ในห้องคนเดียว เพราะเพื่อนๆ ไปเรียนกันหมดแล้ว

ไม่เปิดกล้อง บอกมาก่อนว่าเป็นใคร

แม้จะเคยส่งรูปไปให้หลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้อัครจะไม่ยอมเจอหน้าง่ายๆ เขากดตัดสายทิ้งแล้วส่งข้อความไปแทน

ผมชื่อซุป เป็นเพื่อนไอ้พรีม

เป็นชื่อของคนที่อัครคิดว่าใช่จริงๆ หนุ่มหล่อติดโผของมหาวิทยาลัยทางเหนือ มีรูปลงในเพจบางเพจที่อัครค้นเจอ แต่เห็นหน้าไกลๆ บ้าง ไม่ค่อยชัดบ้าง รูปชัดๆ ส่วนใหญ่อยู่ใน IG ของเจ้าตัว ก็หน้าตาดีระดับหนึ่ง แต่อัครก็ยังคิดว่าพรีมต้องหน้าตาดีกว่านี้แน่นอน

แล้วหลอกว่าเป็นพรีมทำไม

ผมขอโทษ ผมไม่ได้อยากโกหก ผมแค่กลัวคุณจะไม่ยอมคุยด้วย

ถ้าบอกว่าเป็นเพื่อนพรีม ผมก็คุย


ขอโทษจริงๆ ครับ

ไม่เป็นไร ผมไม่โกรธ แค่อยากรู้เหตุผล


อัครพิมพ์ตอบไปแค่นั้น ก่อนจะกดปิดหน้าจอแล้วเดินออกไปจากห้อง ที่จริงเขามีเรียนพร้อมเพื่อนๆ แต่อ้างว่าไม่ค่อยสบาย ขอไปสายหรืออาจจะไม่เข้าเลย กะจะเคลียร์เรื่องนี้กับคนคนนั้นให้เรียบร้อยก่อน พอดีกับที่ซุปส่งข้อความมา ก็เลยได้เคลียร์ทันที

แม้ใจหนึ่งจะโหวงๆ เมื่อได้รู้ว่าคนที่อุตส่าห์คุยด้วยมาตลอดไม่ใช่พรีม แต่อีกใจก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ ยังไงก็เป็นเพื่อนของพรีม อย่างน้อยก็อาจจะได้ติดต่อกับพรีมผ่านซุปได้ รู้จักกันไว้ก็ดีแล้ว

อัครยังไม่กล้าแอดเฟซบุ๊คของพรีม ที่พรีมหยุดส่งจดหมายหาก็ยังไม่รู้ว่าเพราะรำคาญหรือเปล่า ถ้าเป็นสาเหตุนั้น การแอดเฟซบุ๊คไป จะยิ่งทำให้พรีมยุ่งยากเปล่าๆ เขาเลยลังเลและยังไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรลงไป ทั้งที่อยากคุยกับพรีมมากๆ อยากได้ยินเสียงพรีมตัวจริง อยากเห็นหน้าพรีม เพราะแค่รูปถ่ายมันไม่พอ

ซุปใช่มั้ย? ผมถามอะไรหน่อยสิ

ถามเลยครับ


อัครส่งข้อความไปหลังจากมาถึงตึกเรียน แล้วคนตอบก็โครตไว ถามปุ๊บตอบปั๊บ เหมือนยังนั่งเฝ้าหน้าจออยู่ คงจะส่งงานเสร็จแล้ว

พรีมเคยเล่าเรื่องผมให้ฟังเหรอ

ก็นิดหน่อยนะ

เล่าว่าไงมั่ง

ก็บอกว่าเป็นเพื่อนสมัยม.ต้น ใจดี ขอให้วาดรูปให้ก็ทำ

เหรอ แล้วไงอีก

มันบอกว่าอัครน่ารัก


หัวใจดวงน้อยๆ ของอัครเหมือนพองฟูขึ้นมานิดหน่อย แม้จะไม่ใช่การบอกจากพรีมโดยตรงก็ตามที บางทีซุปอาจจะโกหกก็ได้ แต่เขาก็ดีใจไปแล้ว มีคนที่ชอบมาบอกว่าน่ารัก เป็นใครก็ดีใจทั้งนั้น ทว่า อัครกลับสะดุดกับข้อความต่อมาจนหน้าร้อนฉ่า

และผมก็คิดว่าคุณน่ารักมากจริงๆ

ถ้าอยู่ต่อหน้า อัครคงเขินจนอยากด่ากลบเกลื่อนความอายพร้อมเดินหนีไปแล้ว เขาพยายามคิดว่ามันก็แค่ตัวอักษรไม่กี่ตัว อย่าไปคิดเป็นจริงเป็นจัง แต่ยังไงก็เขินไม่หายอยู่ดี

เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย

ซุปยังส่งข้อความมาอีก แต่อัครไม่ได้ตอบกลับไป เพราะต้องเข้าเรียนพอดี ไปเรียนมันทั้งที่หน้าร้อนและใจเต้นแรงเนี่ยแหละ

******

“วันนี้มึงกลับเองนะอัคร พอดีกูนัดนิไว้” แน็ก สารถีประจำตัวของอัครตบบ่าบอกมาอย่างนั้นหลังจากเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ ปกติพอลต้องไปส่งปู้เป้ ส่วนเชษต้องไปรับแฟนที่อยู่คนละคณะทุกเย็น ไดซ์มีแม่มารับ ส่วนอัคร ได้แน็กแวะส่งที่หอ เพราะเป็นทางผ่านตลอด 

“เออ ไม่เป็นไร” อัครยิ้มตอบเพื่อน ในใจก็คิดว่าจะกลับรถสองแถวหรือมอเตอร์ไซค์วินดี

แต่คนที่ขับรถไปส่งประจำ แม้วันนี้จะมีธุระกับแฟนตัวเอง ก็ยังอดห่วงเพื่อนไม่ได้ “เอางี้ เดี๋ยวกูไปหานิแป้ปเดียว แล้ววนมารับมึงไปส่งหอก่อน”

“เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้ มึงไปกับแฟนเหอะ ให้เขารอได้ไง” อัครรีบปฏิเสธ เพื่อนคนอื่นแยกย้ายกันกลับหมดแล้ว เหลือแค่อัครกับแน็ก ที่ยังตกลงกันไม่ได้

“รอแป้ปเดียวจริงๆ” แน็กว่าพลางวางมือลงบนศีรษะของอัครแล้วขยี้เบาๆ พร้อมรอยยิ้มยิงฟัน “นั่งนิ่งๆ รอกูตรงนี้ เดี๋ยวมา โอเค๊?”

“ไอ้แน็ก! อย่าเล่นหัวสิวะ ห่านี่” อัครดุทั้งเสียงหัวเราะ ก่อนจะยอมนั่งลงรอที่ม้านั่งหน้าตึกเรียนตามที่แน็กบอก เพราะขี้เกียจเถียงให้มากความ ในเมื่อแน็กบอกจะมาก็จะรอ ส่วนแน็กรีบวิ่งไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วขับไปที่คณะนิติศาสตร์

อัคร แน็กและเชษ เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ม.4 อยู่ห้องเดียวกันตลอด แต่ตอนแรกแน็กอยู่คนละกลุ่ม มารวมตัวกันสามคนจริงจังก็ตอนม.5 เทอม 2 ไปแล้ว เชษสนิทกับแน็กมากกว่าอัคร เขารู้สึกอย่างนั้น เพราะจะมีบางช่วงที่สองคนคุยกันส่วนตัว ไม่ให้อัครรับรู้ด้วย และอัครก็ไม่คิดจะถามเซ้าซี้ ถ้าเพื่อนไม่อยากเล่าก็ไม่อยากถาม แค่เวลาไปเที่ยวหรือทำงาน ได้อยู่ด้วยกันสามคนตามปกติก็โอเคแล้ว

พอใกล้เรียนจบม.6 แน็กก็คบกับเด็กผู้หญิงรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อ “นิ” เห็นว่าเธอเป็นฝ่ายมาบอกรักก่อน แน็กก็เลยคบด้วย ปีก่อนตอนที่แน็กเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เธอยังอยู่ม.6 แน็กเลยยังมารับมาส่งอัครได้ แต่ปีนี้นิสอบเข้ามหาลัยเดียวกันแล้ว แน็กคงต้องไปอยู่กับแฟนมากกว่า ซึ่งอัครก็เข้าใจดี และไม่คิดจะโกรธเคืองเพื่อนฝูง

รอไม่นานเท่าไหร่ แน็กก็วนรถกลับมาหาจริงๆ

“อัคร กลับๆ กูว่างละ”

“มึงส่งกูแค่หน้าปากซอยหอก็ได้นะเว้ย จะได้รีบไปหาน้องเขา” อัครอดเกรงใจเพื่อนไม่ได้ แต่แน็กก็ส่ายหน้า

“กูบอกไปแล้วว่าติดทำรายงานกับพวกมึง วันนี้ขอผ่าน ไว้พรุ่งนี้จะพาเขาไปเลี้ยงข้าวกลางวัน” แน็กว่าพลางกอดคอเพื่อนเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ด้วยกัน อัครมองหน้าแน็ก แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก สองคนไปที่หอของอัครด้วยกัน พอมาถึงหน้าหอ แน็กก็ถามขึ้น

“น่าจะยังไม่มีใครกลับป่ะวะ”

“มั้ง มีเดทกันหมดอ่ะมึง ทำไมวะ” อัครตอบก่อนจะถอดหมวกกันน็อคคืนให้

“มึงก็อยู่ห้องคนเดียวทุกเย็นงั้นดิ?” แน็กเลิกคิ้ว

“อือ กว่าพวกมันจะกลับก็สักทุ่มสองทุ่ม บางคืนก็สี่ห้าทุ่ม”

“เหงามั้ยวะ”

“ถามเหี้ยไรของมึง” อัครหัวเราะจนตาหยี “กูอยู่คนเดียวชินแล้ว”

แน็กนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองตาอัครตรงๆ จนอัครต้องเอียงคอด้วยความสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นประหลาดใจ เพราะสิ่งที่แน็กพูดออกมา

“ถ้ากูอยู่หอ มึงมาอยู่กับกูสองคนได้มั้ยวะ”

******

ตั้งแต่ส่งข้อความสุดท้ายไปเมื่อเช้าว่าขอเป็นเพื่อนต่อได้มั้ย อัครก็ไม่อ่านและไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีกเลย ความสำคัญของเขาในตอนนี้ต่างจากตอนแรกที่แอบอ้างชื่อพรีมอย่างเห็นได้ชัด หากอัครยังเข้าใจว่าเขาเป็นพรีม จะรีบอ่านและรีบตอบกว่านี้ ไม่มีทางลืมเช็คข้อความแน่นอน แต่นี่รู้แล้วไงว่าเขาคือคนอื่น เป็นแค่ไอ้ซุปกะโหลกกะลาที่ไหนไม่รู้ที่บังอาจหลอกลวงมาตั้งเป็นเดือนๆ เขาไม่รู้หรอกว่าอัครไปสงสัยตอนไหน ถึงได้ค้นจนเจอว่าเขาไม่ใช่พรีม แต่ความแตกแล้วก็ช่วยไม่ได้ หลังจากนี้อาจจะหาทางคุยกับอัครยากกว่าเดิม แต่เขาจะพยายามต่อไป

เพราะสังเกตจากพรีมแล้ว รายนั้นดูไม่ได้ให้ความสนใจใส่ใจกับอัครมากกว่าแค่เพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่มหาลัยนู้น อัครมีคนมาจีบมาชอบเยอะหรือเปล่า สำหรับซุป อัครหน้าตาน่ารักในแบบเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ดูมีเสน่ห์กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งเขาเชื่อว่าอัครต้องคิดเกินเพื่อนกับไอ้พรีม ซุปเลยอดมองพรีมเป็นศัตรูหัวใจในบางครั้งไม่ได้

“เป็นเหี้ยไรมึง ทำหน้าเหมือนปวดขี้” เคนมาถึงตึกสถาปัตย์ก็ตรงรี่มาตบหัวเพื่อนคืนจากเมื่อเช้าทันที ซุปเงยหน้ามองเคนแล้วแยกเขี้ยวใส่

“เดี๋ยวกูก็ขี้ใส่ปากมึงเลย”

“พรีมล่ะ?” เคนหันมองไปรอบๆ เวลานี้น่าจะเรียนเสร็จกันหมดแล้ว แต่เห็นแค่ซุปนั่งทำหน้าปั้นยากอยู่คนเดียว

“ไปหาเมียมันมั้ง”

“เฮ้ย! ไอ้พรีมมีเมียตอนไหนวะ เมื่อไหร่ คนไหน” เคนทำหน้าตาเหรอหราจนคนหลอกโล่งใจจากเรื่องเครียดๆ ได้หัวเราะหน้าตาตลกๆ ของเคนแล้วสบายใจขึ้นเยอะ

“มึงนี่เชื่อคนง่ายนะ ใสซื่อ ไร้เดียงสา” ยื่นมือไปบีบจมูกเพื่อนรักด้วยความหมั่นเขี้ยว เคนร้องอู้อี้ปัดมือเขาพัลวัน

“ไอ้เหี้ยนี่ กวนตีน”

“มึงโง่เองที่เชื่อกูตลอด” หลอกมากี่ครั้ง เคนก็เชื่อทุกครั้ง คนหลอกมันหน้าตายอย่างนี้ เป็นใครก็คงหลงเชื่อง่ายๆ ระหว่างที่กำลังสนุกสนานกับการกลั่นแกล้งเคน ก็มีรุ่นน้องผู้หญิงสามคนเข้ามาหา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของซุป

“พี่ซุปคะ ขอถ่ายรูปได้มั้ย”

“แล้วมีอะไรมาแลกกับรูปพี่มั้ยครับ” ซุปยิ้มหวานถามกลับไป แขนข้างหนึ่งยังพาดที่คอเพื่อนข้างๆ

“นี่ค่ะ ขนมที่พี่ซุปชอบกิน มีบัตรกินฟรี 500 ของร้านกาแฟเจ้าโปรดให้ด้วยค่ะ นะคะพี่ซุป ขอถ่ายรูปทีเดียว ไม่ลงโซเชี่ยล แค่เก็บไว้ดูกันเองค่ะ ขอรูปคู่นะคะ” เด็กสาวอธิบายยาวเหยียดเพื่อขออนุญาต เพราะทุกคนต่างรู้กันดีว่าการจะขอถ่ายรูปกับนายซุปนั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่เจ้าตัวพึงพอใจ และกฎคือห้ามเอารูปไปแจกจ่าย หากพบเจอซุปจะจัดการแจ้งลบทั้งหมด ยกเว้นรูปที่เขาอนุญาตให้ลงได้

“รูปคู่?”

“ค่ะ ขอรูปคู่กับพี่พรีมหรือพี่คนนี้ก็ได้”

ซุปหันมองหน้าเคนที่กันมามองเช่นกัน สองคนสบตากันแล้วเหมือนจะหลุดขำ ก่อนซุปจะพยักหน้าให้พวกน้องๆ ถ่ายรูปเขากับเคนเป็นที่ระทึก เพราะพรีมไม่มาเสียที ก็เลยได้แต่รูปคู่กับเคนไป

จนสาวๆ ทั้งหลายพอใจและจากไปสักพัก พรีมก็มาพอดี

“ทำไรกันวะ กูหิว ไปหาไรแดกกัน”

“มาถึงก็หิวเชียวไอ้สัส มึงหายหัวไปไหนมา” เคนลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเป้ของพรีมมาถือให้ พรีมเลิกคิ้วนิดหน่อย แต่ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะหันไปมองหน้าซุป

“จารย์เดชบอกให้มึงไปหาพรุ่งนี้สิบโมงด้วย ห้ามลืมห้ามสาย”

“มีไรวะ”

“เรื่องงานละครเวทีคณะมั้ง” พรีมตอบแล้วกอดเอวเคนเข้าหาตัว “ไปแดกข้าวกัน เดี๋ยวกูขับเอง”

“อือ” เคนพยักหน้ารับ ปล่อยให้พรีมกอดเอวเดินไปทั้งอย่างนั้น ส่วนซุปก็มองเพื่อนสองคนอย่าง งงๆ ก่อนจะเดินตามไปบ้าง โดยที่ยังไม่ทันได้อ่านข้อความตอบกลับของอัครที่ส่งมาช่วงที่พวกเขากำลังคุยกัน

tbc

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
«ตอบ #9 เมื่อ24-08-2018 07:14:39 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-08-2018 07:14:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
«ตอบ #10 เมื่อ24-08-2018 09:55:14 »

เค้าลางดราม่า กรุ่นๆ เมื้อไหร่เค้าจะเจอกัน หรือไม่เจอ อยากให้เจอล่ะ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 5-6 [24/8/18]
«ตอบ #11 เมื่อ24-08-2018 10:53:09 »

5
อัครมัวแต่คุยกับแน็กจนเกือบลืมไปว่าไม่ได้ตอบข้อความของซุปเมื่อเช้า ตอนนี้ซุปก็น่าจะเลิกเรียนแล้วเหมือนกัน พอส่งแน็กออกจากหอแล้ว อัครก็กลับเข้าห้อง เปิดอ่านข้อความและตอบรับเรื่องที่บอกว่ายังเป็นเพื่อนกันได้ พลันนึกถึงที่ซุปเคยบอกว่า ไม่อยากเป็นเพื่อนแบบปกติ

เขาไม่ได้ซื่อมากจนไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไงหรอก ก็แค่ไม่อยากคิดไปเอง แต่ซุปก็เหมือนจะจีบ...ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันเนี่ยนะ? ยิ่งคิดอัครก็ยิ่งแปลกใจที่ตัวเองรู้สึกดีนิดๆ กับคนที่ไม่แม้แต่จะเคยเจอกันอย่างซุป คุยกันมาก็เกือบครึ่งเทอมเข้าไปแล้ว ต่อให้รู้ว่าไม่ใช่พรีม ก็ยังรู้สึกดีที่จะได้คุยต่อ

อัครอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้ไม่มีงานต้องทำส่ง เพื่อนๆ ก็ยังไม่กลับมา เขาเลยนอนกลิ้งอย่างว่างๆ บนเตียง เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย จนมีข้อความเด้งมาจากซุป

ขอบคุณนะที่ไม่โกรธผม

อัครอมยิ้ม นอนหงายกดข้อความส่งกลับไป

ไม่ได้มาร้าย จะโกรธทำไมล่ะ

แค่อยากรู้จักกัน อยากเป็นเพื่อนด้วย เรื่องแค่นั้นอัครไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว และเข้าใจที่ซุปกังวล เป็นเขาก็คงกลัวเหมือนกันที่จะทักคนแปลกหน้าไปตรงๆ ว่าขอเป็นเพื่อนนะอะไรแบบนั้น ถือว่าซุปมีความกล้ามากแล้ว ตอนที่รู้ความจริงก็ยังกล้ายอมรับตามตรงด้วย แล้วแบบนี้อัครจะไปโกรธลงได้ยังไงกัน

แล้วถ้าผมพูดตรงๆ จะโอเคอยู่มั้ยครับ

ประโยคนี้ทำเอาอัครใจสั่นเล็กน้อย เขาผุดลุกขึ้นนั่ง หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาจดจ้องสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพิมพ์ต่อจากนี้ด้วยลุ้นระทึก

บ้าเอ๊ยยย จะลุ้นทำไมเนี่ย อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าซุปไม่ใช่เจ้าของ IG คนนั้น แต่เป็นแค่ผู้ชายบ้านๆ คนหนึ่งอัครจะยังรู้สึกดีอยู่มั้ย แต่คิดไปคิดมา อัครชอบวิธีการพูดคุยของอีกฝ่ายไปโดยไม่รู้ตัวมากกว่า แม้ไม่เห็นหน้าตา และต่อให้ซุปไม่ใช่คนหน้าตาดี เขาก็คิดว่ายังอยากคุยด้วยอยู่ดี

อัครรอจนซุปพิมพ์เสร็จ ข้อความเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จนอดยิ้มไม่ได้เลย

ผมขอจีบได้มั้ยครับ

******

“นั่งยิ้มอะไรของมึงวะไอ้ห่า กูขนลุกเนี่ย”

“เรื่องกู” ซุปเงยหน้าจากจอสมาร์ทโฟนในมือแกล้งกระแทกเสียงใส่เคนที่มาแซวตอนตนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับอัคร เคนเบะปากใส่ ตามด้วยยักไหล่

“ไอ้พรีมบอกว่ามึงอินเลิฟอยู่ จริงเหรอวะ”

“คงงั้นมั้ง” ซุปกระตุกมุมปากนิดๆ ก้มหน้าพิมพ์ข้อความต่อ

“ใครวะ พวกกูรู้จักป่ะ” เคนตาลุกวาว ทำท่าจะแย่งมือถือมาดู แต่ซุปหลบทัน แขนของเคนเลยไปชนโดนถ้วยน้ำจิ้มหกเลอะเต็มโต๊ะ ซุปรีบลุกขึ้น เรียกพนักงานมาขอผ้าเช็ดทำความสะอาด

“มึงนี่ซุ่มซ่าม”

“เออ ขอโทษน่า ก็มึงหลบอ่ะ ความผิดมึงด้วยป่ะวะ” เคนโวยกลับด้วยเสียงเบา ขยับปากด่ากันไปมาจนพรีมกลับมาที่โต๊ะ

“ทำเหี้ยไรกัน กัดกันอีกแล้วสิ” คนที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา มองหน้าสองคนที่เหมือนจะเถียงกันแบบไร้เสียงแปลกๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เคน

“ไอ้ซุปมันมีความลับกับเราอ่ะพรีม”

“มึงอย่าใช้คำว่าเรา แค่มึงคนเดียวรึเปล่า” พรีมเลิกคิ้วกวนๆ ใส่เคน จนเคนหน้างอหงิกยิ่งกว่าเดิม

“พวกมึงมีความลับกับกูเหรอ”

“ลับเหี้ยไร มึงก็เชื่อคนง่าย โดนพวกกูหลอกมากี่ทีแล้วไอ้เคน” ซุปส่ายหน้าอย่างระอาใจ เคนเป็นลูกไล่ให้พวกเขามาตลอดตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ด้วยความที่เป็นเด็กซื่อๆ ใสๆ แต่บางทีก็บ้าบอจนน่าถีบ

“กูโดนหลอกจนไม่รู้แล้วว่าพวกมึงเล่นหรือจริงไง” พูดกับซุป แต่สายตาของเคนเบนไปที่อีกคนข้างๆ น้ำเสียงนั้นเหมือนตัดพ้อเล็กๆ ทำเอาพรีมรีบตักเนื้อในหม้อชาบูมาเอาใจ

“แดกเข้า เนื้อติดมันที่มึงชอบไง กินให้อ้วนๆ เลย” พรีมยิ้มหวานขยิบตาให้ ซุปไม่ได้สนใจมองเพื่อนคุยกันหรือจะง้องอนกัน มันเป็นเรื่องปกติของสองคนนี้ที่เขาเห็นจนชินตาแล้ว เวลาโดนหลอกแล้วจับได้ เคนก็จะงอนแบบนี้ประจำ เขาน่ะไม่เคยง้อมันหรอก เพราะยิ่งเห็นมันหน้างอเหมือนจะร้องไห้ยิ่งสะใจแล้วก็ฮามากด้วย แต่พรีมไม่เหมือนกัน รายนั้นเห็นไอ้เคนเบะปากงอแงไม่ได้เลย

“อย่ามาช่วยไอ้ซุปเปลี่ยนเรื่องว่ะพรีม ตกลงมีอะไรกันแน่ ซุป มึงมีแฟนแล้วเหรอ” เคนเคี้ยวเนื้อที่พรีมให้มาตุ้ยๆ เต็มกระพุ้งแก้มพลางจ้องหน้าซุป แต่คำตอบก็คือการส่ายหน้าเหมือนเดิม

“ถ้ามันมีแฟนแล้วมึงจะยังไง?” พรีมขยับเข้าไปนั่งเบียดใกล้ๆ จ้องหน้าด้านข้างของเคนบ้าง

“ไม่ยังไง กูแค่อยากรู้บ้าง” เคนเคี้ยวกลืนจนหมดแล้วค่อยตอบ ก่อนจะมองเนื้อติดมันที่พรีมคีบมาใส่ถ้วยให้อีก

“ขี้เสือก”

“พรีม! มึงด่ากูเหรอ”

“ไม่ด่ามั้ง ทำไมขี้เสือก มันยังไม่เคยเสือกเรื่องของมึงเลย” พรีมว่ายิ้มๆ ซุปมองพวกเขาแล้วก้มหน้าพิมพ์ข้อความ ไม่ได้คิดจะสงสัยหรือซักถามให้มากความ มีบางเรื่องที่สงสัยบ้าง แต่ไม่รู้จะถามไปทำไมเหมือนกัน เลยเงียบไว้

“เพื่อนกันก็ต้องอยากรู้เรื่องเพื่อนๆ บ้างสิวะ” เคยยู่ปากอย่างไม่พอใจที่โดนพรีมว่า แต่หน้างอนๆ มันดูน่ารักเกินไป จนไม่มีใครคิดกลัว

“กูก็เล่าให้ฟังแล้วไง มันจีบใครสักคนอยู่ รู้แค่นั้นก็พอแล้ว ถ้าเพื่อนมึงอยากบอกมันจะบอกเอง” พรีมดึงแก้มเคนเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวแล้วหัวเราะที่ได้เห็นเคนโวยวาย

“พวกมึงอ่ะ ชอบมีความลับกับกู” เคนยังไม่เลิกงอน นั่งกอดอกเบือนหน้าหนีพรีมที่ขยันคีบเนื้อมาให้ ส่วนซุปก็กินไปจิ้มมือถือไป บางทีก็อมยิ้มกับตัวเอง เมื่ออัครตอบอะไรน่ารักๆ กลับมา พรีมเห็นเคนหันหน้าหนีก็คว้าคางดึงให้หันกลับมากินต่อ โดนงับนิ้วบ้างอะไรบ้าง แต่กลายเป็นเรื่องสนุกสนานเฮฮาไปเสียอย่างนั้น

หลังมื้ออาหารเย็นที่ลากยาวจนค่ำ เคนขับรถไปส่งซุปกับพรีมเสร็จก็กลับคอนโดตัวเอง นานๆ ทีพรีมจะกลับมานอนที่หอ ทั้งที่เช่าแบบหารครึ่งกัน เงินก็จ่ายครบทุกเดือน แถมช่วยออกค่าน้ำไฟ แต่ไม่ค่อยจะมานอนสักเท่าไหร่เลย

“จริงๆ มึงไปอยู่กับไอ้เคนเลยก็ได้นะ”

“ทำไมวะ มึงอยากอยู่คนเดียวเหรอ” พรีมมองตามหลังซุปที่กำลังหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมจะเข้าไปอาบน้ำ ส่วนพรีมนั่งอยู่บนเตียงของตัวเองที่แทบไม่ได้ใช้ ผ้าปูที่นอนปลอกหมอนไม่เคยได้เปลี่ยนตั้งแต่เริ่มเทอมใหม่ อยู่ยังไงก็อย่างนั้น ต่างจากเตียงของซุปที่มีเสื้อผ้ากับของใช้วางระเกะระกะ

“เปล่า ก็มึงแชร์ค่าห้องกับกูทั้งที่ไม่ได้อยู่ มันเสียเปรียบป่ะวะ กูไม่ชอบเอาเปรียบเพื่อน” ซุปว่าพลางกดสวิตช์เปิดไฟในห้องน้ำ แต่ยังไม่เดินเข้าไป เขาหันหน้าไปหาพรีม ยืนเอนหลังพิงขอบประตูไว้

“ถามจริงเหอะ มึงจริงจังมั้ยวะ”

“เรื่องเหี้ยไร” พรีมขมวดคิ้ว ทำเป็นเอื้อมมือหยิบหนังสือแถวหัวเตียงมาพลิกไปมา

“ไอ้เคน”

พรีมเงยหน้าเหลือบสายตามองเขาเล็กน้อย “มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง”

ซุปพยักหน้า “ก็รู้ไง ถึงได้ถาม ถ้ามึงแหย่มันเล่นๆ ก็เลิกเหอะ กูสงสารมัน”

เหมือนที่พรีมตอบจดหมายของอัครเล่นๆ พอเบื่อก็เลิกนั่นแหละ ซุปอยากจะว่าอย่างนั้น แต่คิดอีกที ไม่พูดน่าจะดีกว่า เขารู้จักพรีมดีกว่าใคร แม้ระยะเวลาที่คบกันจะเท่าๆ กับเคน แต่คนที่จะตามความคิดของพรีมทันก็มีแต่เขา

“มึงคิดว่ากูเล่นเหรอ” พรีมหน้าตึงขึ้นมา วางหนังสือลงบนตักแล้วสอดประสานมือรองศีรษะพิงหัวเตียง

ซุปไม่ได้ว่าอะไรอีก หากพรีมจะจริงจังกับใครสักคนเขาก็ยินดีด้วย และคนคนนั้นหากเป็นเคน เพื่อนสนิทของซุปที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เขาเองก็ดีใจกับพวกมัน แต่ในใจนั้นตั้งปณิธานไว้แล้วว่า หากวันไหนพรีมทำร้ายเคนไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ เขานี่แหละจะเป็นคนกระทืบมันให้จมตีนเอง

******

“ตกลงมึงจะมาอยู่หอ จะให้ไอ้อัครไปแชร์ด้วย?” ฟังที่แน็กพูดจบ พอลก็กลอกตาไปมามองเพื่อน ส่วนเชษไม่ได้พูดอะไร “คิดช้านะไอ้สัส”

“มึงก็รู้ว่ากู...” แน็กทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมาให้จบ เชษถอนหายใจ พอลได้แต่เบะปากเบาๆ

“เออ กูรู้” พอลว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งกอดอกกับเก้าอี้ไม้หน้าตึกศิลปะศาสตร์ วันนี้พวกเขาอยู่กันสามคน เพราะพอลให้ปูเป้กับไดซ์ลากอัครไปหอสมุด หลังเลิกเรียน เพื่อจะได้คุยกันตามประสาวงในกับแน็ก ที่จู่ๆ ก็จะมาขอให้อัครไปแชร์ห้องด้วยกัน ทั้งที่ตอนแรกเชษชวนแล้วไม่มา พอลถึงได้มาอยู่แทน

“แล้วไอ้อัครมันโอเคเหรอวะ ที่จะอยู่กับมึงสองคน” เชษถามด้วยความสงสัย เพราะรู้เรื่องที่แน็กเคยมาปรึกษาตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้ว ตอนเห็นตอบตกลงคบรุ่นน้องที่ชื่อ “นิ” ก็คิดว่าคงหาตัวเองเจอแล้ว แล้วนี่จะกลับมาเป็นแบบเดิมอีก?

“มันบอกว่าถ้ากูอยากได้เมทก็โอเค”

“เพราะมันไม่รู้ไงว่ามึงคิดอะไร” พอลยักคิ้วใส่

“พวกมึงก็อย่าเพิ่งพูดแล้วกัน” แน็กมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนอย่างขอความเห็นใจ

พอลสบตากับเชษก่อนจะหันไปมองแน็กอีกที “แล้วแฟนมึงล่ะ?”

“มึงจะให้มันคาราคาซังแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย สงสารผู้หญิงเขา” เชษสมทบ

“กูตัดสินใจไปแล้วว่ะ ยังไงก็เลิกชอบไม่ได้ เป็นเกย์ก็ช่างหัวแม่งแล้ว” สีหน้าของแน็กดูเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อนๆ เองก็เข้าใจดี เลยได้แต่ตบบ่าปลอบใจกันไป

******

ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ หลังจากที่อัครตอบตกลงว่าจะลองคุยกับซุป จริงๆ ก็คุยกันมาก่อนหน้านั้นเยอะแล้ว และซุปก็ค่อนข้างแสดงออกผ่านตัวอักษรว่าต้องการอะไร เพียงแค่อัครพยายามจะไม่ใส่ใจมัน พอโดนขอตรงๆ ก็ค่อนข้างโอเคที่จะตอบรับความรู้สึกนั้น แม้อีกใจจะยังอยากเจอพรีม คนที่เป็นรักครั้งแรกก็ตาม

แน่นอนว่าซุปเองก็คิดว่าอัครชอบพรีม ไม่อย่างนั้นคงไม่ตั้งใจเขียนจดหมายและวาดรูปมาให้ทุกอาทิตย์ พรีมบอกเองว่าไม่ได้สนิทกัน การที่เพื่อนไม่สนิท จู่ๆ ก็ส่งจดหมายมาคุยเป็นหน้ากระดาษแบบนั้น ทุกตัวอักษรและรูปภาพที่ส่งมามันแสดงออกถึงความรัก...

หรือจะว่าอัครแค่เหงา? มันก็ไม่แน่ แต่ให้เหงายังไง ซุปก็ไม่คิดจะสุ่มเขียนจดหมายหาเพื่อนเก่าที่ไม่สนิทกันหรอก

อัครตั้งใจจะสานสัมพันธ์กับพรีม แม้ไม่รู้ว่าพรีมจะยังต้องการมันหรือไม่

ซุปเรียนกับพรีมใช่มั้ย?

ครับ เรียนด้วยกันตั้งแต่ม.ปลาย

เรื่องที่อัครมักจะชวนเขาคุย ก็มักจะเป็นเรื่องของพรีม ซุปรู้ตัวดีว่ามันคงยากจะให้อัครเลิกชอบพรีม น่าจะชอบมาตั้งแต่ม.ต้นแล้วด้วยซ้ำ ระยะเวลาต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างน้อยทำให้มีเรื่องคุยกันก็ดีแล้ว

ตอนม.ปลายเป็นยังไงกันมั่งเหรอ

ก็ธรรมดานะ เรียน เล่น ปกติ

ซุปมีคนชอบเยอะตั้งแต่ตอนนั้นมั้ย

ไม่หรอกครับ

แล้วพรีมล่ะ?


ซุปเผลอถอนหายใจเมื่อเห็นคำถามของอัคร วกเข้าเรื่องของพรีมได้ตลอด แต่จะทำไงได้ล่ะ ถ้าไม่ตอบก็คงไม่ได้คุยกันต่ออีก

มันป๊อปอยู่นะ มีแฟนมาหลายคนแล้ว

พรีมเจ้าชู้เหรอ? ดูไม่เห็นเป็นแบบนั้น

อัครยังรู้จักมันไม่ดีพอน่ะสิ

ใช่ อัครไม่รู้จักพรีมเลยด้วยซ้ำ พรีมที่อัครเคยเจอตอนม.ต้นน่ะมันคนละคนกับไอ้เพื่อนชั่วของเขาแบบคนละขั้วเลย เปรียบเทียบง่ายๆ ก็นรกกับสวรรค์เลยล่ะมั้ง ซุปอยากจะเล่าวีรกรรมของเพื่อนรักที่ทำแต่เรื่องให้ปั่นป่วน แต่คิดอีกทีไม่เล่าดีกว่า เพราะเหมือนเผาคนที่อัครชอบ ดูเป็นการจงใจดิสเครดิตกันเกินไป

และไม่รู้ทำไม อัครถึงได้เงียบไป ไม่ตอบอะไรกลับมาอีกเลย

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 5-6 [24/8/18]
«ตอบ #12 เมื่อ24-08-2018 10:54:46 »

6
ช่วงนี้อัครยุ่งกับการย้ายห้องไปอยู่กับแน็กที่จู่ๆ ก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่หอเดียวกันเอาตอนเกือบจะหมดเทอมอยู่แล้ว ทั้งที่ตอนปี 1 ทั้งเขาทั้งเชษก็ชวนมาอยู่ด้วยกันสามคน แน็กก็ไม่ยอมมา จนได้พอลมาอยู่ด้วย เพราะรู้จักกันตอนรับน้องและคุยถูกคอดี ตอนนี้ก็กลายเป็นสนิทกันสุดๆ ไปแล้ว

“มันแค่อยากอยู่กับมึงสองคนไง” เหมือนได้ยินเสียงเชษแว่วมาตอนที่กำลังขนของย้ายห้อง อัครร้อนจนเหงื่อท่วมตัวไปหมด ไม่มีอารมณ์จะมัวฟังเพื่อนคุย

“มึงว่าไรนะเชษ”

“เปล๊า” เชษตอบก่อนจะยกลังหนังสือของอัครไปไว้ในห้องให้ “เรียนเหมือนกัน ทำไมของมึงเยอะกว่าพวกกูวะ”

“กูขยันหาหนังสืออ่านไง” อัครยิ้มตอบกวนๆ จนโดนเพื่อนศอกกลับมาดังอั่ก

“แล้วนี่อะไรวะ” เชษนั่งยองๆ ลงรื้อค้นหนังสือในลังมาเก็บบนชั้นให้ เพราะอัครชอบอ่านหนังสือ ไอ้เพื่อนสายเปย์ที่คิดจะจีบเพื่อนตัวเองแบบจริงจังมันเลยลงทุนซื้อตู้หนังสือมาไว้ในห้องอย่างอลังการ ตู้ใหญ่เท่าผนังทั้งแถบ

“อย่ายุ่ง!” อัครรีบคว้าสมุดเฟรนชิพตอนม.ต้นที่คั่นหน้าของพรีมไว้มาจากมือเชษ พอดีกับที่แน็กและพอลหอบกระเป๋าเดินทางเข้ามา

“จัดของกันเสร็จยัง” พอลเดินเข้ามาถามเชษที่นั่งยองๆ อยู่หน้าลังกระดาษลูกฟูกใบใหญ่ เงยหน้ามองอัครแบบงงๆ แล้วถึงได้หันไปมองหน้าพอล

“ยังอ่ะ” เชษตอบแล้วลุกขึ้นยืน “มึงช่วยมันจัดละกัน”

“เชษ...กูขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่มึง” อัครคว้าแขนเชษไว้ เชษแค่ยิ้มๆ

“เออ ไม่เป็นไร กูไปหาไรกินแป้ป เดี๋ยวมาช่วยใหม่ หิวน้ำว่ะ” ห้องอยู่ห่างกันแค่ชั้นเดียว เชษเลยจะเดินลงไปหาน้ำกินดับกระหายคลายร้อนทั้งในคอและในหัว

“ไม่โกรธใช่มั้ยวะ” อัครกลัวเพื่อนโกรธจนมือไม้สั่น แต่เชษก็โบกมือส่ายหน้าว่าไม่ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องใหม่ของอัครและแน็ก พอลกับแน็กมองตามหลังเชษแล้วหันมามองอัครที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ทะเลาะกัน?” พอลถามพลางลากกระเป๋าไปกองบนพื้น เตรียมจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ให้

“เปล่า กูเผลอตะคอกใส่มัน ไอ้เชษมันยิ่งขี้นอยอยู่อ่ะ กูกลัวมันโกรธ” อัครทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ จนแน็กต้องเอามือลูบหัวปลอบให้

“เดี๋ยวมันก็หายงอน ไอ้เชษมันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”

“อือ” อัครย่นคิ้วน้อยๆ อย่างกังวลใจ แต่พอลกับแน็กก็พูดให้สบายใจขึ้นแล้วเรียกไปช่วยจัดของต่อ สักพักเชษก็กลับมาพร้อมน้ำหวานเย็นๆ ให้เพื่อนๆ ทั้งสามคน บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ อัครเลยใจชื้นขึ้นหน่อย เพราะเชษไม่ได้โกรธจริงๆ แค่ตกใจมากกว่าที่อัครตะคอกเสียงดังอย่างที่ไม่ค่อยทำ แถมยังดึงสมุดออกจากมืออย่างแรงด้วย

“จัดเสร็จไปหาไรแดกกัน” พอลชวนเมื่อเห็นว่าใกล้จะจัดห้องเรียบร้อยแล้ว ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย “เชษ เดี๋ยวมึงซ้อนกู ให้ไอ้อัครซ้อนไอ้แน็กไป”

“ไม่โทรเรียกสาวๆ เหรอวะ” เชษว่าพลางลุกขึ้นบิดขี้เกียจ

“พวกนั้นไม่ได้อยู่แถวนี้มั้ยล่ะ จะชวนเพื่อ?” พอลขมวดคิ้ว

“แต่แฟนกูอยู่หอ กูไปรับเอง” เชษยักคิ้วใส่จนพอลนึกหมั่นไส้ เพราะปูเป้ แฟนของพอลไม่ได้อยู่หอ บ้านก็ไกลจากแถวมหาลัยด้วย พอคุยเรื่องแฟนของแต่ละคน อัครก็นึกขึ้นได้

“เออ แล้วน้องนิล่ะ แน็ก เห็นว่ามาอยู่หอป่ะ”

แน็กที่นั่งพับเสื้อใส่ตู้อยู่เงยหน้ามองอัครแล้วก้มหน้าพับเสื้อต่อ “เออ กูลืมบอกมึงว่ะ”

“ว่า?” อัครยืนกอดอกเอียงคอมองแน็กจากด้านหลัง พอลกับเชษทำทีเป็นคุยกันเรื่องอื่นเบาๆ ก่อนที่อัครจะนิ่งไปเพราะเรื่องที่แน็กบอก

“กูเลิกกับนิแล้ว”

******

ทางด้านซุป ก็ยุ่งกับเรื่องงานละครที่อาจารย์กึ่งบังคับให้เล่นก่อนสอบปลายภาค เป็นงานที่ทำแล้วได้คะแนน ซุปเลยปฏิเสธไม่ได้ ต้องยอมเล่นให้ตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ซ้อมละครเสร็จก็กลับห้องไปนอน ไหนจะงานทำโมเดลส่งปลายภาคอีก ยุ่งจนตัวแทบพันกันเป็นเกลียว ได้คุยกับอัครแทบนับครั้งได้ เขาทั้งเหงาและคิดถึงอัครจนแทบคลั่ง ไม่คิดว่าจะเป็นได้มากขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ

และเมื่อซุปไม่ค่อยว่างมาเตร็ดเตร่กับเพื่อนๆ ก็ทำให้เคนกับพรีมอยู่ด้วยกันสองคนบ่อยขึ้น

“อันนี้ทำไง” แรกๆ เคนก็ช่วยได้แค่ตัดแบบ แต่พอไม่มีซุปมาช่วยด้วย ก็เลยต้องช่วยติดกาวประกอบโมเดลชิ้นใหญ่ๆ ไปด้วยในตัว จริงๆ คณะของเคนก็มีทำโครงงานส่ง แต่ไม่ได้มีรายละเอียดยิบย่อยขนาดโมเดลบ้านและสวนที่พวกพรีมต้องทำ

พรีมเขยิบเข้าไปนั่งชิดกับเคนแล้วโอบแขนผ่านด้านหลังอ้อมไปช่วยประกอบโมเดลตัวอย่างให้ดู “ทำแบบนี้ไง”

“แค่หยิบไปทำให้ดูก็ได้ ไม่ต้องเบียดขนาดนี้ แบบนี้ให้กูขึ้นไปนั่งบนตักมึงเลยดีกว่ามั้ย” เคนเหล่มองคนข้างๆ ที่หน้าอยู่ใกล้กันจนเกือบจะอุทานออกมาตอนหันไปมอง

“งั้นก็ขึ้นมานั่งดิ” มือที่ช่วยติดกาวให้ดูเมื่อครู่เลื่อนมากอดเอว ทำท่าจะยกสะโพกของเคนให้ขึ้นนั่งซ้อนบนตัก จนเคนต้องรีบเขยิบหนี แต่พรีมก็ตามไปคร่อมแขนล็อคตัวไว้ แถมยังแทรกตัวตรงหว่างขาของเคนที่นั่งชันเข่าสองข้างขึ้นและเอามือยันพื้นไว้ ด้วยรูปร่างส่วนสูงที่ไม่ได้ต่างกันมาก เคนย่อมผลักหรือถีบพรีมออกได้ แต่กลับไม่ทำแบบนั้น

“อย่าแกล้งกูได้ป่ะ” เคนจ้องหน้าตี๋ๆ ของพรีมที่ไม่ได้สวมแว่นตาเหมือนตอนเด็กๆ แล้ว ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวิบวับ แถมมีรอยยิ้มที่มุมปากอีก หน้าตาแบดบอยแบบนี้สาวๆ คงกรี้ดกันน่าดู...แต่ไม่ใช่แค่สาวๆ หรอกที่จะชอบไอ้หน้าตี๋นี่

“ขอได้มั้ยครับ”

“ขอเหี้ยไร” หน้าของเคนร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ปลายจมูกคมสันไซร้ลงมาที่ซอกคอแล้ว แต่เคนก็ยังไม่ผลักออก แขนข้างหนึ่งยังยันที่พื้น ส่วนอีกข้างยกขึ้นบีบไหล่ของพรีมไว้

“ไม่ได้ทำมาจะเดือนแล้ว” พรีมส่งเสียงอ้อนพลางงับเม้มที่คอขาวๆ

“ทีเวลาอย่างนี้ทำมาพูดเพราะกับกู” เคนขมวดคิ้วหน้าตึง ทุบไหล่พรีมแล้วดันออก “ทำงานให้เสร็จก่อน”

“แต่กูอยากแล้วว่ะ มึงจับดิ” พรีมคว้ามือของเคนให้จับที่เป้ากางเกง เคนสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อสัมผัสกับของแข็งใต้ร่มผ้านั้น พลันต้องหลับตาลงเมื่อพรีมประกบริมฝีปาก ทั้งกัดและดูดจนปากของเคนแทบจะหลุดติดไปด้วย และมันคงแดงเจ่อน่าดู ลิ้นร้อนๆ แทรกสู่โพรงปาก จะกี่ครั้งก็ชอบจูบของพรีมจนแทบทนไม่ไหว เคนโอบแขนคล้องคออีกฝ่ายอย่างเผลอไผล ลืมเรื่องงานที่ต้องช่วยกันทำไปเสียสนิท ทั้งที่เพิ่งพูดถึงไปหยกๆ

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มขึ้นเมื่อปีก่อน หลังจากที่พรีมเขียนจดหมายโต้ตอบกับอัครได้ไม่นาน และที่พรีมเลิกเขียนจดหมายก็เพราะยุ่งกับเจ้าตัวดีนี่จนไม่มีเวลาให้ใครอีก

เรื่องนี้แม้แต่ซุปเองก็ยังไม่รู้ แต่อาจระแคะระคายบ้างแล้ว และพรีมยังไม่คิดจะบอก เคนเองก็เช่นกัน ต่างก็มีความลับปิดบังกัน ดังนั้น พรีมเลยไม่อยากเซ้าซี้ถามเรื่องที่ซุปเหมือนจะจีบใครสักคนอยู่

“มึงรักกูมั้ยพรีม”

ทุกครั้งที่ถูกถาม พรีมจะทำแค่ยิ้มหวานแล้วกอดเคนไว้ จูบไปทั่วใบหน้าอย่างรักใคร่

แต่ไร้ซึ่ง “คำตอบ”

เคนกอดกลับด้วยความรักที่เปี่ยมล้นในหัวใจ ที่ยอมให้ขนาดนี้เพราะรักพรีมมาตลอด รักมาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกในงานปฐมนิเทศตอนเข้าเรียนม.ปลายแล้ว แต่ตอนนั้นพรีมมีคนมาชอบเยอะ เป็นหนุ่มหล่อ ทั้งเรียนดีกีฬาเด่น แถมยังเล่นดนตรีได้อีก พรีมคบกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้ ทั้งรุ่นพี่รุ่นเดียวกัน พอขึ้นม.5 ม.6 ก็มีคบกับรุ่นน้องเพิ่มมาอีก ส่วนมากจะคบเล่นๆ บางคนแค่ไม่กี่วันก็เลิก และผู้หญิงพวกนั้นก็ยอมที่จะลองคบด้วย เพียงเพราะคิดว่าจะหยุดพรีมได้

แม้พรีมจะไม่ตอบคำถามที่เคนอยากได้ยิน แต่อย่างน้อย คนที่ได้นอนกอดพรีมอย่างนี้มาตลอดปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ก็มีแค่เคนเท่านั้น เคนซุกหน้าเข้ากับแผงอกหนาของคนที่รักมากที่สุด กอดพรีมให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

จะไม่ยอมเสียไป ไม่ยอมยกให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น

******

ซุปซ้อมละครต่อเนื่องมาเกือบ 3 ชั่วโมงกว่าจะได้พัก เพราะอีกอาทิตย์เดียวก็ต้องขึ้นแสดงจริงแล้ว เขาส่งข้อความไปบอกอัคร แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่อัครจะมาดู เพราะที่นี่ไกลจากกรุงเทพฯ มาก แม้จะมีแสดงเสาร์อาทิตย์วันละสองรอบก็ตามที

“พี่ซุปคะ น้ำค่ะ” รุ่นน้องปี 1 ที่มาช่วยดูแลนักแสดงยื่นขวดน้ำพลาสติกใสเย็นเจี๊ยบมาให้ ซุปยิ้มรับพร้อมคำขอบคุณแล้วเปิดขวดยกดื่มทีละอึก เวลาเหนื่อยหอบแบบนี้ กระดกทีเดียวจะจุกตายเอาได้ เหมือนนักกีฬานั่นแหละ

“วันนี้พี่ซุปเท่มากๆ เลยค่ะ” เด็กสาวคนเดิมยังไม่ไปไหน เธอยืนยิ้มน้อยๆ มองเขาดื่มน้ำ ก่อนจะยื่นผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นบิดหมาดๆ มาให้ “เช็ดเหงื่อค่ะ”

“อ่า ขอบคุณครับ ไปดูคนอื่นได้นะ พี่ไม่ค่อยเหนื่อยแล้วล่ะ”

“มีคนอื่นดูให้แล้วค่ะ หนูจะคอยบริการพี่ซุปเองนะ” เจ้าหล่อนยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด แต่ซุปแค่ยิ้มแหยๆ ให้ แล้วก้มลงหยิบสมาร์ทโฟนในกระเป๋าเป้ขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะส่งยิ้มหวานกลับไปให้เด็กสาวตรงหน้า

“งั้นพี่ขอตัวนะ ขอคุยกับแฟนแป้ป”

......
...
ซุปเดินเลี่ยงออกมาจากบริเวณหน้าเวทีที่ใช้ซ้อมการแสดง โดยไม่ได้สนใจว่าเด็กสาวคนนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป โกหกมันไม่ดีก็จริง แต่ถ้าไม่พูดให้ชัดเจน มันจะเหมือนให้ความหวังอีกฝ่ายเปล่าๆ

เหมือนที่อัครกำลังทำอยู่ในตอนนี้

“ผมพอจะมีหวังบ้างมั้ย อัคร” ซุปพึมพำกับตัวเองพลางกดดูหน้าฟีดของอัคร เห็นว่าย้ายห้องไปอยู่กับเพื่อนที่เพิ่งได้มาอยู่หอพักตอนเกือบหมดเทอม ต่างคนก็ต่างยุ่งจนไม่ค่อยได้คุยกัน แต่สัญญาณไฟเขียวข้างชื่อของอัครสว่างอยู่

ซุปตัดสินใจลองคอลไปหา เพราะอยากได้ยินเสียง

[ครับ?]

เขาหลุดยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคนที่รับสาย “ไงครับ จัดห้องเสร็จยัง”

[เสร็จนานแล้ว เพิ่งกลับจากไปกินข้าวรอบบ่าย] อัครตอบเสียงสดใส ท่าทางอารมณ์ดีกว่าทุกที ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป อาจเพราะเขาโทรไปหารึเปล่านะ?

[ซุปกินข้าวยัง? ยังซ้อมละครอยู่เหรอ]

“ครับ เพิ่งพักเมื่อกี้ เหลือซ้อมอีกรอบก็เสร็จแล้ว”

[อยากไปดูจัง]

“ลำบากเปล่าๆ ครับ ไว้ผมส่งคลิปไปให้ ฝากเพื่อนถ่ายแล้ว” ซุปอมยิ้ม จริงๆ อยากวิดีโอคอล แต่กลัวว่าอัครจะอยู่กับเพื่อนๆ

[แล้วปิดเทอม กลับบ้านมั้ย]

“กลับครับ ปิดเทอมต้นเดือนหน้า ไว้ไปถึงแล้วผมจะบอกอีกที”

[โอเค]

“ผมกลับไปซ้อมก่อนนะครับ ไว้จะโทรหาใหม่” ต่างล่ำลากัน แล้วซุปก็กดวางสายไป หัวใจพองโตขึ้นหลายเท่าเมื่อได้คุยกับอัครด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เขาตั้งใจไว้ว่าปิดเทอมนี้กลับบ้านไป จะนัดเจออัครตัวจริงเสียที อยากเจอใจจะขาดแล้ว

ซุปอยู่ซ้อมละครเวทีจนเสร็จราวๆ 6 โมงครึ่ง ฟ้าเริ่มมืดแล้ว วันนี้เคนกับพรีมไปทำงานด้วยกันที่ห้องของเคน พรีมคงไม่กลับอีกตามเคย ซุปเช็คข้อความในเฟซ เห็นอัครส่งสติ๊กเกอร์มาให้กำลังใจ น่ารักทั้งคนส่งทั้งสติ๊กเกอร์จนหุบยิ้มเกือบไม่ลง ถ้าได้คนนี้เป็นแฟน จะรักษาไว้สุดชีวิตเลย

เขาคิดพลางขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้หน้าตึกโรงละคร ส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนน่ารักๆ ไปขอบคุณอัครที่คอยให้กำลังใจ ก่อนจะสตาร์ทรถออกไป

******

อัครย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับแน็กได้เกือบอาทิตย์แล้ว ทั้งคู่เป็นคนมีระเบียบ เลยอยู่กันง่าย แน็กจัดข้าวของไว้ในมุมของตัวเองอย่างเรียบร้อย แถมยังชอบซื้อข้าวซื้อขนมมาไว้ในตู้เย็นให้อัครกินด้วย ชีวิตหอของพวกเขาดูจะแฮปปี้ดีมากๆ

“กูซื้อพุดดิ้งนมที่มึงชอบมาไว้ด้วย”

“เฮ้ย พอดีเลย กูก็ซื้อไอติมช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดของมึงมาไว้ให้”

แน็กกับอัครต่างมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ เพราะคบกันมานาน เรื่องของชอบไม่ชอบก็ต่างรู้กันดี อัครชอบกินพุดดิ้งนม ส่วนแน็กก็ชอบไอศกรีมช็อคโกแลต

“ตอนอยู่กับพวกไอ้เชษแม่งไม่มีแบบนี้เลย ดีจริงๆ ที่ได้มึงเป็นเมท” อัครว่าพลางกอดคอเพื่อนรัก แม้เมื่อก่อนไม่ได้สนิทกันมากมายอะไร แต่ตอนนี้อัครรู้สึกโครตจะรักเพื่อนคนนี้

“กูก็ดีใจที่ได้อยู่กับมึงนะอัคร” สายตาของแน็กที่มองอัครคล้ายพยายามส่งสัญญาณบอกถึงบางอย่างในใจ แต่อัครกลับเมินเฉยมัน หรือไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำ

อัครผละจากแน็กไปเปิดตู้เย็นหยิบพุดดิ้งนมของโปรดมาแกะกิน ไม่ลืมที่จะหยิบไอศกรีมส่งให้แน็กด้วย แน็กรับมาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ฝืนยิ้มให้อัครทั้งที่ใจมันโหวงๆ อยู่กับอัคร มีความสุขก็จริง แต่เขาคงต้องฝืนอีกหลายๆ อย่าง และจะทนได้อีกนานแค่ไหนนั้น ไม่รู้เลย

สองคนกินขนมที่ต่างคนต่างซื้อมาให้กันจนหมด อัครนอนแผ่บนเตียงของตัวเอง ส่วนแน็กก็ไปอาบน้ำ ข้อความจากซุปวันนี้ บอกว่าซ้อมละครวันสุดท้ายแล้ว มะรืนนี้ต้องขึ้นแสดงจริงตั้งแต่ 9.30

อัครนึกอยากจะตีตั๋วเครื่องบินไปดูมากๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าไปแล้วจะติดต่อหาซุปยังไงดี ไม่ใช่ติดต่อยังไงสิ ไม่กล้าบอกว่าไปหาถึงที่นั่นมากกว่า

“แต่ก็อยากไปดูนี่นา...” อัครพึมพำกับตัวเองพลางนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง วันศุกร์เลิกเรียนบ่ายโมง ถ้าบินไปก็แค่ไม่ถึงชั่วโมง คิดแล้วก็ลองหาตั๋วเครื่องบิน มีโปรพอดีด้วย ราคาไปกลับแค่ 600 กว่าบาทเอง

“เอาไงดีว้า”

“เอาอะไรของมึง” แน็กเดินออกมาจากห้องน้ำได้ยินเข้าพอดี อัครสะดุ้งโหยง

“เปล่าๆ คือกูอยากไปดูเพื่อนเล่นละครที่เชียงใหม่”

“ไกลฉิบหาย” แน็กว่าพลางนั่งลงข้างๆ อัครที่ยังนอนอยู่ “กูไปเป็นเพื่อนมั้ย”

“ไปจริงป่าว” อัครลุกพรวดขึ้นมองหน้าแน็กอย่างมีความหวัง อย่างน้อยถ้ามีเพื่อนไปด้วยสักคนก็คงไม่เคว้งเท่าไหร่ตอนไปถึง

“ไปพักโรงแรมคนรู้จักของพ่อกูก็ได้ วันไหนอ่ะ”

“เสาร์นี้อ่ะ”

“ไอ้สัส มะรืนดิ” แน็กถึงหับหน้าเหวอ ไม่คิดว่าจะกระชั้นชิดขนาดนี้ “เดี๋ยวกูโทรเช็คที่พักให้แล้วกัน ไม่ใช่ช่วงเทศกาลคงพอว่าง”

“งั้นกูกดจองตั๋วเลยนะบินเย็นวันศุกร์กัน” อัครตาวาวด้วยความดีใจ มีเพื่อนไปด้วย แถมยังไม่ต้องห่วงเรื่องที่พัก ไม่ต้องรบกวนพวกซุป และยังได้ทำเซอร์ไพรส์ด้วย

อัครรีบกดจองตั๋วราคาโปรที่ยังเหลืออยู่ทันที พอกดยืนยันเสร็จสิ้น ก็มีแจ้งเตือนในเฟซบุ๊คเด้งมาตัดหน้า อัครขมวดคิ้วนิดหน่อย ก่อนจะกดเข้าไปดู และต้องนิ่งอึ้งไปนานทั้งหน้ายิ้มๆ

เพราะมันคือแจ้งเตือนคำขอเป็นเพื่อนจาก...พรีม

tbc
อิพรีมมันมาและ ทิ้งไว้ให้ค้างคาาาา

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
«ตอบ #13 เมื่อ24-08-2018 10:55:21 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
ขอบคุณเช่นกันค้าบ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 4 [23/8/18]
«ตอบ #14 เมื่อ24-08-2018 10:55:59 »

เค้าลางดราม่า กรุ่นๆ เมื้อไหร่เค้าจะเจอกัน หรือไม่เจอ อยากให้เจอล่ะ
ดราม่าหลายคนเลยล่ะฮะ กรุ่นๆ

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 5-6 [24/8/18]
«ตอบ #15 เมื่อ24-08-2018 21:44:51 »

อ้ากกกก นี่ฉีกซองมาม่ากันแล้วเหรออ ม่ายยยยยย

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
«ตอบ #16 เมื่อ25-08-2018 15:56:09 »

เรื่องนี้เหมือนไม่มีอะไร แต่ก็มีอะไร...ไม่รู้จะใครคู่ใครแล้ว เยอะ

7
[จะถึงกี่โมง กูมีเรียนถึงบ่ายสอง]

พรีมเป็นคนแรกที่อัครบอกเรื่องจะไปเชียงใหม่ แต่ยังไม่ได้บอกว่ารู้จักกับซุป บอกแค่ว่ามีคนรู้จักจะขึ้นแสดงละครเวทีที่นั่น เลยจะไปให้กำลังใจ และพรีมก็ไม่ได้ถามอะไรมากความ

“น่าจะราวๆ หกโมงนะ ทำไม จะมารับเหรอ” อัครอมยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ยินเสียงของคนที่คิดถึงมาตลอด 4 ปี ตอนที่พรีมแอดเฟซบุ๊คมาหาว่าดีใจมากแล้ว ตอนนี้ที่ได้กลับมาคุยกันเหมือนเมื่อก่อนยิ่งดีใจมากกว่าหลายเท่า และจะดีกว่านี้ถ้าได้เจอหน้าด้วย

[เพื่อนกูมีรถไง เดี๋ยวยืมมันไปรับ แล้วจะได้แนะนำกันด้วย ได้ที่พักแล้วยังวะ]

“ได้แล้ว กูไปกับเพื่อนอีกคนน่ะ มันหาที่พักให้”

[งั้นก็ดี เดี๋ยวพาไปกินข้าว เที่ยวถนนคนเดิน]

“อื้อ รบกวนด้วยนะพรีม” อัครยังคงยิ้มกับโทรศัพท์ทั้งที่อีกฝ่ายไม่เห็น นอกจากแอดเฟซมาแล้ว พรีมยังขอทั้งไลน์และเบอร์โทรด้วย

เมื่อคุยนัดแนะกันเสร็จสรรพ อัครก็เดินกลับเข้าไปในห้องพักที่แน็กกำลังเก็บข้าวของรออยู่ ส่วนอัครแพ็คกระเป๋าพร้อมแล้ว เตรียมตัวออกเดินทางกันได้

เที่ยวบินที่อัครกับแน็กโดยสารไปถึงตรงเวลา และพรีมกับเคนก็มารอรับอยู่แล้ว พรีมแนะนำเคนให้รู้จักกับอัคร ส่วนอัครก็แนะนำแน็กให้รู้จักกันอีกที ทั้งหมดจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน รวมทั้งซุปที่รออยู่ที่หอด้วย ตอนที่พรีมบอกว่ามีเพื่อนมาจากกรุงเทพฯ วันนี้ ซุปไม่ได้คิดว่าเป็นอัคร เพราะเห็นพรีมเคยบอกว่าไม่สนิทกัน

ตอนที่ได้เจอหน้าอัครตัวจริง ซุปเลยอึ้งอยู่นาน ได้แต่มองตาค้างด้วยความตื่นตะลึง ไม่คิดว่าจู่ๆ จะได้เจอกันผ่านพรีม แต่สองคนทักทายเหมือนไม่เคยรู้จักมาก่อน ทำให้พรีมไม่สงสัยอะไร

ระหว่างที่ทุกคนยังทานอาหารพื้นเมืองในร้านดังกันอยู่ อัครก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เพราะรู้สึกว่ามองหน้าซุปไม่ค่อยติด ใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแปลกๆ เลยต้องมาสงบสติสักพัก

ซุปที่เห็นใน IG กับตัวจริงต่างกันมากจนอัครไม่กล้ามองตรงๆ รูปพวกนั้นมันเหมือนจะเป็นของเก่าเมื่อสองสามปีก่อน เพราะซุปตอนนี้ดูดีกว่าตอนนั้นจนเทียบไม่ติด ทั้งรูปร่างสูงสง่ามีกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย ใบหน้าคมเข้มสมชายขึ้น จากเดิมที่ออกจะหล่อแบบหวานๆ ดูเผินๆ ยังนึกว่าทอม แต่ตอนนี้ที่เห็นตรงหน้ามันคนละคนกันชัดๆ เลย

“ไม่คิดว่าจะมาถึงนี่”

เสียงทุ้มๆ ที่คล้ายกับที่เสียงที่เคยได้ยินทำให้อัครสะดุ้งเล็กน้อย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นภาพสะท้อนของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังยิ้มให้จากด้านหลัง อัครรีบพลิกตัวหันไปหา หน้าร้อนขึ้นมาด้วยความเขินอาย

“กะ ก็ว่างพอดี”

“อยากเจอผมตัวเป็นๆ ล่ะสิ” คนขี้เล่นยิ้มกวนๆ ให้ สาวเท้าเดินเข้าไปหาอัครใกล้ๆ จนคนตัวเตี้ยกว่าต้องเบี่ยงตัวหลบด้วยความตกใจ

“แค่มาเที่ยวหรอก” อัครเถียงกลับ เงยหน้ามองแล้วก็ผงะ เพราะรอยยิ้มเท่ๆ ตรงหน้ามันทำเอาใจสั่น

“แต่น่าน้อยใจ ติดต่อไอ้พรีมไม่บอกกันเลย ทั้งที่ผมคุยของผมอยู่ก่อน” น้ำเสียงนั้นเหมือนจะน้อยใจจริง อัครเลยรู้สึกผิดนิดๆ ที่ไม่ได้บอกซุปก่อนว่าจะมา

“ก็แค่...อยากให้เซอร์ไพรส์ไง”

“นั่นคือคำแก้ตัวหรือใจจริงครับ?” ซุปยิ้มขำ ยื่นมือไปวางลงบนขอบอ่างล้างมือที่อัครยืนพิงอยู่

“ทำไมจะต้องแก้ตัวด้วยล่ะ” อัครทำหน้างงได้น่ารักเสียจนคนแกล้งงอนหลุดขำเบาๆ

“โอเคๆ ผมไม่ได้ว่าอะไร แค่ตกใจที่ได้เจอ อัครตัวจริงน่ารักกว่าในรูปกับในวิดีโอคอลเยอะเลย”

“หยอดเก่ง” อัครว่ากลั้วหัวเราะ ทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากัน แต่กลับสบายใจที่ได้คุย คงเพราะท่าทางสบายๆ ของซุปด้วย คนตัวสูงโน้มลงเล็กน้อยจนหน้าใกล้กัน อัครใจเต้นแรง สบตากับซุปนิดหน่อยแล้วเบนหลบด้วยความเขินอาย

“ไม่ใช่แค่หยอดนะ อ่อยก็เก่ง”

“ทำไรกันวะ”

สองคนผละจากกันแทบไม่ทัน ซุปหันหลังไปมองพรีมที่จู่ๆ ก็โผล่มา ส่วนอัครรีบหลบไปอีกทาง พรีมหรี่ตามองสองคนที่มีท่าทางพิรุธแปลกๆ อย่างสงสัย

“พวกมึงรู้จักกันมาก่อน?”

“เปล่าๆ พอดีเมื่อกี้เขาแสบตา สงสัยฝุ่นเข้าตา กูเลยดูให้” ซุปรีบตอบ “กูไปกินต่อนะ”

“เออ” พรีมหันมองตามร่างสูงโปร่งของเพื่อนที่เดินสวนออกไปจากห้องน้ำ แล้วจึงก้าวขาเข้าไปในห้องน้ำ คว้าแขนอัครที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่แถวอ่างล้างมือ

“ไหน ดูดิ ออกยัง?”

“อะไรออก?” อัครเงยหน้ามองพรีมอย่างงุนงง

“ไอ้ซุปบอกมีอะไรเข้าตามึงไง ออกยัง? ให้กูดูดิ” พรีมว่าพลางก้มมองอัครที่กำลังเงยหน้า “ไม่เห็นแล้วว่ะ อย่าขยี้ล่ะ เดี๋ยวตาแดง เอาน้ำล้างก่อน”

“อ่ะ อื้อ” อัครพยักหน้า ทำตามที่พรีมบอกอย่างว่าง่าย พรีมหันหลังทำธุระส่วนตัวที่อีกมุมหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับมาล้างมือ ส่วนอัครก็ล้างตาเสร็จพอดี

“ไม่เจอกันกี่ปีแล้ววะ สี่ห้าปีได้มั้ย?” คนที่กำลังสะบัดมือในอ่างหันไปมองอัครที่ลูบตาตัวเองเบาๆ ทั้งที่ไม่ได้มีฝุ่นผงอะไรเข้าตา แต่ต้องล้างน้ำไม่ให้พรีมสงสัย ซึ่งอัครก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมจะต้องกลบเกลื่อนเรื่องที่รู้จักกับซุปอยู่แล้ว

“ประมาณนั้นมั้ง” อัครตอบ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพรีมคว้ามือข้างที่กำลังลูบตาไปกุมไว้ มือของพรีมยังเย็นเพราะเพิ่งล้างมือมา

“อย่าขยี้ไง ไหนดูดิ” สองมือเย็นๆ ที่ยังชื้นๆ เพราะเปียกน้ำประคองแก้มของอัครให้เงยหน้าขึ้น เพื่อจะได้มองถนัดๆ ว่ายังมีเศษผงในดวงตาหรือไม่

ใบหน้าของพรีมที่ไม่ได้เห็นมานานหลายปีอยู่ใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ อัครยังรู้สึกกับพรีมเหมือนเดิม แม้จะใจเต้นกับซุปไปบ้าง แต่พอได้อยู่กับพรีมสองคนแบบนี้ มันเหมือนได้ย้อนสู่คืนวันเก่าๆ ที่เคยมีด้วยกันอีกครั้ง พรีมไม่ได้สวมแว่นตาแล้ว ตัวก็สูงขึ้น หน้าตาดีขึ้น แต่ท่าทางและนิสัยกวนๆ น่าจะยังเหมือนเดิม ดูจากรอยยิ้มขี้เล่นที่ไม่เปลี่ยนไปเลยจากเมื่อก่อน

อัครแน่ใจว่าความรู้สึกที่มีต่อพรีมยังไม่เปลี่ยนไป ทว่า...มันเหมือนบางอย่างที่คอยขวางกั้นไม่ให้รู้สึกมากไปกว่านี้

“ตาแดงนิดๆ นะ เจ็บมั้ย?” ยิ่งพรีมเป็นห่วงเป็นใย เอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยนแบบนี้ อัครยิ่งหวั่นไหว แต่มันก็แค่หวั่นไหว ใจของอัครเต้นแรงก็จริง แต่มันแตกต่างจากตอนอยู่กับซุป ไม่รู้ทำไม อัครถึงได้รู้สึก...กลัว

“มะ ไม่เจ็บ ขอบใจนะ” อัครพยายามจะแกะมือของพรีมที่ประคองใบหน้าออก แต่มือนั้นกลับจับแน่นกว่าเดิม พรีมคลี่ยิ้มบางๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน อัครคงใจละลายแน่

“มึงน่ารักขึ้นเยอะเลย”

เพราะไม่คิดว่าจะถูกชมซึ่งๆ หน้า อัครถึงกับไปไม่เป็น มือที่จับแขนของพรีมสั่นนิดๆ พลางกะพริบตาหนีแววตาพราวระยับที่จ้องมองอย่างมีเลศนัย ชั่วขณะที่ร่างกายเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ อัครไม่กล้าขยับเขยื้อนหนีจากคนตรงหน้า และพรีมยังคงระบายยิ้มอ่อนๆ พร้อมกับเคลื่อนริมฝีปากไปหา

แกร๊ก

โชคดีของอัครที่เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ทำให้พรีมละมือและทำทีว่าล้างมือเพิ่งเสร็จ เดินกลับออกไปโดยไม่พูดไม่จา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลูกค้าเจ้าอื่นของทางร้านเดินเข้ามาในห้องน้ำกันสองสามคน และไม่ได้สนใจพวกเขา อัครถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินตามหลังพรีมออกไป

เมื่อกี้นี้ ถ้าไม่มีคนอื่นเข้าไปเสียก่อน อัครไม่อยากจะคิดว่าพรีมกำลังพยายามจะจูบเขา หรือมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ อัครอาจจะคิดมากเกินไป อย่างพรีมจะมาสนใจผู้ชายด้วยกันอย่างเขาไปทำไม

และพอกลับไปนั่งที่โต๊ะ พรีมก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอัครเป็นพิเศษ คุยเรื่องสถานที่ที่จะพาไปเที่ยววันพรุ่งนี้กับแน็กราวกับสนิทกันมานาน เพราะพรีมเป็นคนเฟรนลี่ เข้ากับคนง่าย อัครถึงได้ชอบมาตลอด

พรีมขับรถของเคนพาอัครกับแน็กไปส่งที่โรงแรม และพาซุปไปส่งหอ กว่าจะครบทุกคนก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน ถึงคอนโดของเคนก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว

“ขี้เกียจอาบน้ำว่ะ”

“ไม่ได้ สกปรก” เคนชันเข่าลงบนเตียง ดึงคนขี้เกียจให้ลุกขึ้น เพราะพรีมขับรถมาทั้งวัน ทั้งเหนื่อยและเมื่อยล้าไปหมด มาถึงห้องก็ดึกแล้ว อยากจะนอนเลย

“อาบให้หน่อยดิ” พรีมยอมลุกขึ้นนั่งตามแรงฉุดพลางขยิบตาให้

“ไม่เอา ไปอาบก่อนเลย เร็วๆ” เคนไม่ยอมลงให้ เรื่องความสะอาดปล่อยปละละเลยไม่ได้จริงๆ อยู่กันมาเป็นปีแล้ว พรีมซกมกแค่ไหนก็รับได้ แต่ไม่อาบน้ำไม่ได้เด็ดขาด เคนพยายามดึงแขนพรีมให้ลุกไปอาบน้ำอีกครั้ง แต่กลับถูกรั้งทั้งตัวลงไปนั่งคร่อมบนตักของพรีม ลำคอร้อนผ่าวเพราะถูกดูดอย่างแรง จะดิ้นหนีก็ไม่ทันแล้ว เมื่อมือว่องไวเป็นลิงซนดึงถกเสื้อเชิ้ตนักศึกษาตัวบางขึ้นจากขอบกางเกง เคนร้องห้ามพร้อมรัวกำปั้นบนไหล่ของร่างสูง เอียงคอหลบปากของพรีมไปมา

“พรีม! บอกให้ไปอาบน้ำก่อน”

“อาบด้วยกัน” พรีมว่าพลางขบกัดไปตามลำคอและไหปลาร้า เคนตัวอ่อนยวบอยู่ในอ้อมกอด ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มและโอนอ่อนไปตามการกระทำของอีกคน พรีมเก่งนักกับเรื่องพรรค์นี้ เคนนึกถึงวันที่เห็นพรีมมีอะไรกับรุ่นน้องผู้หญิงที่โรงเรียนเก่าในห้องดนตรี และนึกถึงครั้งแรกที่ถูกพรีมจูบ

......
...
เมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นพวกเขาอยู่ชั้นม.5 วันนั้นเป็นวันแข่งกีฬาสีวันสุดท้าย พรีมลงแข่งทั้งบาสฯ วอลเล่ย์ฯ และวิ่งผลัด ได้เหรียญทองทุกประเภท สาวๆ กรี้ดกร้าดล้อมหน้าล้อมหลังกันให้เพียบ ซุปก็ลงฟุตบอลกับบาสฯ แต่คนละสีกัน ส่วนเคนอยู่สีเดียวกับพรีม ต้องยืนรอพรีมรับของจากพวกสาวๆ จนหงุดหงิด

“ฝากๆ เดี๋ยวกูมา รอกลับบ้านพร้อมกันใช่ป่ะ” พรีมโยนข้าวของที่ได้รับจากพวกสาวๆ มาไว้ที่เคน งานกีฬาสีเลิกแล้ว และนักเรียนส่วนใหญ่ก็เริ่มทยอยกลับบ้าน แต่พรีมบอกว่ามีธุระกับชมรมดนตรีที่สังกัด ให้เคนนั่งรออยู่ที่ม้าหินใต้ตึก จนซุปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กำลังจะกลับบ้าน ก็มาเจอเคนนั่งอยู่คนเดียว

“รอไรวะ ไม่กลับ?”

“รอพรีม” เคนตอบหน้าตึงนิดๆ เพราะเบื่อกับการรอคอยและหงุดหงิดที่พรีมรับของจากผู้หญิงทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พวกที่เป็นตุ๊ดแต๋ว

“อ้อ งั้นกูไปก่อนนะ นี่กุญแจห้องดนตรี มึงขึ้นไปตามมันได้เลย” ซุปเองก็เป็นสมาชิกชมรมเช่นกัน เลยมีกุญแจสำรองของห้องดนตรี เขายัดมันใส่มือให้เคนแล้ววิ่งไปที่รถของพ่อที่มาจอดรอรับแล้ว ส่วนเคน ก้มมองกุญแจห้องดนตรีในมือสักพัก ก็ตัดสินใจขึ้นไปตามพรีม

ห้องดนตรีอยู่ชั้น 5 ของตึก เป็นห้องใหญ่ริมสุดของทางเดินฝั่งซ้าย เคนขึ้นบันไดจากฝั่งขวา พอถึงชั้น 5 ก็ต้องเดินต่อไปอีก เคนลองเงี่ยหูฟังดู ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากในนั้น เลยลองไขกุญแจเข้าไป ภายในนั้นค่อนข้างมืดสลัว เพราะเย็นมากแล้ว แสงแดดสีส้มแดงส่องลอดม่านหน้าต่างสีขาวเข้ามา สะท้อนลงบนพื้นเป็นประกาย

“อ่ะ อา...”

เคนสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงประหลาดจากหลังตู้เก็บอุปกรณ์ที่คั่นแบ่งห้องออกเป็นสองโซน พอฟังดีๆ เหมือนได้ยินเสียงบางอย่างกระทบกันดังปึกๆ กับเสียงครางเป็นระยะ เคนหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที พอจะเดาออกว่ามันคืออะไร เคนค่อยย่องไปใกล้ๆ ตู้อีกนิด เสียงนั้นชัดเจนขึ้นจนไม่ต้องเดาอีกต่อไป

“อ๊า พี่พรีมขา...อูยย”

“ร้องดังๆ เลย ไม่มีใครได้ยินหรอก”

ร่างกายชาวาบเมื่อได้ยินเสียงแหบต่ำนั้น เสียงของพรีมที่ต่างจากปกติเล็กน้อยทำให้เคนใจเต้นรัว เขาไม่ได้อยากแอบดู แต่มันอยากรู้ อยากเห็น...และเคนก็ลอบมองผ่านช่องเล็กๆ ระหว่างตู้สองใบ เห็นภาพเด็กสาวในท่ายืนโก่งโค้งหันหน้ามาทางตู้อุปกรณ์ สองแขนเกาะกับตู้ สีหน้าทั้งเจ็บปวดและสุขสม เสียงผิวเนื้อที่กระทบกันและเสียงครางนั้นดังก้อง และเคนก็ได้เห็นสีหน้าของพรีมที่กำลังกัดปากส่งเสียงซี้ดซ้าดเป็นระยะ

ใบหน้าขาวผ่องแบบผิวคนจีนของพรีมแดงก่ำ เหงื่อไหลหยดลงมาตามคาง ปากแดงๆ นั่นกัดเม้มกันแน่น ดวงตาเรียวเล็กหรี่ปรืออย่างเซ็กซี่ และเอวสอบที่กระแทกกระทั้นใส่ร่างเด็กสาวอย่างเมามัน

เคนยืนนิ่งจ้องมองพรีมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนร่างกายเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาเองทั้งที่ไม่ได้แตะต้อง จากที่เคยคิดว่าชอบตั้งแต่แรกเจอ มาตอนนี้ความชอบนั้นรุนแรงขึ้น จนเคนรู้ตัวแล้วว่าตนต้องการพรีมมากกว่านั้น

มือซ้ายไต่บนริมฝีปากตัวเองและอมมันเข้าไป ดูดจนชุ่มน้ำลาย ส่วนมือขวาก็ล้วงเข้าไปในกางเกงวอร์ม ขยับตามจังหวะกระแทกตัวของพรีมที่กำลังกระทำกับเด็กสาวคนนั้น

และนั่นคือครั้งแรกที่เคนสำเร็จความใคร่ด้วยการมองหน้าพรีม


ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
«ตอบ #17 เมื่อ25-08-2018 15:57:35 »

8
ตั้งแต่วันนั้น เคนแทบมองหน้าพรีมไม่ติดอีกเลย

แต่พวกเขาสามคนก็ยังอยู่ด้วยกันตามปกติ ซุปเองก็ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งที่จริง จงใจให้กุญแจกับเคนไป เพื่อจะได้ไปเห็นชัดๆ กับตา ว่าไอ้พรีมเพื่อนรักเป็นคนยังไง โดยที่ซุปก็ไม่รู้หรอกว่าเคนจะคิดมากกว่านั้น

แม้จะผ่านไปอีกเกือบปี จนพวกเขาขึ้นม.6 จวนจะจบแล้ว เคนก็ยังประหม่าเวลาอยู่กับพรีมสองคน แต่ถ้ามีซุปอยู่ด้วย ก็จะกล้าพูดคุยเล่นหัวกันเหมือนก่อน พรีมเองไม่ได้สนใจว่าเพื่อนจะคิดยังไง ถือว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน เย็นนั้น พรีมรู้ว่ามีคนแอบดู แต่ตอนแรกไม่คิดว่าเป็นเคนเท่านั้นเอง พอมาเห็นอาการแปลกๆ ของเพื่อนเลยรู้ว่าคนที่แอบดูอยู่เป็นใคร

“กูว่าจะสอบเข้าม.xxว่ะ”

“ไกลสัส” พรีมเหลือบตามองซุป พวกเขากำลังตัดสินใจกันว่าจะไปเรียนต่อสาขาใดที่มหาวิทยาลัยไหนกันอยู่

“ทำไมจะไปไกลจังวะ” เคนขมวดคิ้ว ไม่อยากให้ซุปไปอยู่ห่างไกลกัน อีกใจก็อยากอยู่กับพรีม แต่ก็ไม่อยากให้ซุปไปเรียนที่อื่นคนเดียว

“อากาศดี” ซุปตอบหน้าตาย และคิดแบบนั้นแค่นั้นจริงๆ เลยโดนพรีมตบหัวเข้าให้

“เหตุผลมึงนี่นะ งั้นกูไปด้วย” พรีมคว้าคอเพื่อนทั้งสองคนมากอด “มึงก็ด้วยนะไอ้เตี้ย”

“เตี้ยบ้านพ่อง มึงสูงกว่ากูสักเท่าไหร่ไอ้สัส” เคนสบถ หยิกเอวพรีมไปที ส่วนซุปก็หัวเราะอารมณ์ดี

“ถึงจะแค่สามเซนก็เตี้ยกว่ากู” พรีมหันหน้าไปแสยะยิ้มใส่ ยิ่งทำให้เคนหัวเสียกระฟัดกระเฟียด แต่เพื่อนสองคนกลับขำไม่เลิกซะงั้น

ในที่สุดทั้งสามคนก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยตามที่ตกลงกันไว้ แม้เคนจะต้องเรียนวิศวะก็ตาม พ่อของเคนซื้อคอนโดให้อยู่ที่นั่น เพราะเวลาไปเที่ยวก็ใช้เป็นที่พักได้ด้วย ส่วนพรีมกับซุปเลือกเช่าห้องอยู่ด้วยกัน แต่เปิดเทอมไปได้ไม่ทันไร พรีมก็เริ่มไปนอนค้างกับเคนบ่อยขึ้น ซุปเองก็สงสัยนิดหน่อย แต่ไม่อยากถาม

แรกๆ พรีมก็แค่ชอบค้างที่ห้องของเคน เพราะมันกว้างและนอนสบายดีเท่านั้น แต่การต้องอยู่กันตามลำพัง ทำให้เคนเริ่มอึดอัด เพราะยังนึกถึงภาพวันนั้น ในห้องดนตรี แถมหลังจากนั้นมา เคนก็ใช้หน้าของพรีมเวลาช่วยตัวเองประจำ และไม่ใช่แค่ทางด้านหน้าด้วย

กลางเทอมแรกของการเป็นเฟรชชี่ปี 1 ผ่านพ้นไปด้วยดี พรีมเริ่มมีสาวๆ ทั้งในคณะและนอกคณะมาติดพัน รวมทั้งสาวๆ ที่เจอตามผับบาร์ในเมืองด้วย และคืนนั้น พรีมก็ออกไปเที่ยวบาร์กับเพื่อนๆ ในคณะ ส่วนเคนที่อยู่คนละคณะไม่ได้ไปด้วย ซุปก็ไม่ได้ไป เพราะขี้เกียจ พรีมเมานิดหน่อย แต่ก็กลับมาที่คอนโดของเคนได้โดยสวัสดิภาพ แต่เคนไม่รู้ว่าพรีมจะกลับมาที่ห้อง คิดว่าจะกลับไปนอนที่หอของซุป

ด้วยความที่พักหลัง พรีมชอบมานอนค้างด้วย ทำให้เคนไม่ได้ปลดปล่อยความต้องการที่อัดแน่น ทั้งยังต้องนอนร่วมเตียงกับคนที่ชอบ ต้องทนมองหน้าพรีมอย่างอึดอัดมานานเป็นเดือนๆ คืนนั้นเคนเลยขอจัดหนักให้ตัวเองสักครั้ง

แกร๊ก ปัง...

เสียงประตูเปิดและปิดลงอย่างเบามือ พรีมมีคีย์การ์ดสำรองที่เคนให้ไว้อยู่แล้ว จะมาตอนไหนก็ได้ ตอนแรกก็กะจะกลับหอ เพราะใกล้กว่า แต่ไปตอนนี้ ไอ้ซุปได้ลุกมาแดกหัวแน่ เขาถึงได้เบนเข็มมาที่คอนโดของเคนแทน เพราะต่อให้ทำเสียงดัง เคนที่น่าจะหลับอยู่ในห้องนอน ซึ่งมีกระจกกั้นไว้ก็ไม่น่าจะได้ยินเสียงเท่าไหร่ ต่างจากหอพักที่แค่เดินก็ได้ยินเสียงทั้งห้องแล้ว

“นอนยังวะเคน?” พรีมเปิดประตูกระจกเข้าไปในห้องนอน แต่บนเตียงนอนของเคนนั้นว่างเปล่า เขาได้ยินเสียงน้ำจากในห้องน้ำ ดึกดื่นอย่างนี้ เคนคงแค่ลุกไปฉี่ เขาคิดพลางทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง ถ้าเคนออกมาช้าก็จะนอนทั้งอย่างนี้แล้ว ไม่อาบน้ำมันแล้ว

ในระหว่างที่เคลิ้มจะหลับ พรีมได้ยินเสียงครางแผ่วๆ ดังลอดมาจากในห้องน้ำ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะแสยะยิ้ม เมื่อรู้ถึงสาเหตุที่เคนเข้าห้องน้ำกลางดึกนานๆ พรีมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งเงี่ยหูฟังเสียงครางหวานๆ นั้นด้วยความสนอกสนใจ

อะไรจะครางได้สยิวขนาดนั้นวะ ไอ้เคน

พรีมคิดพลางย่องเบาไปใกล้ๆ ประตูห้องน้ำอีกนิด เพื่อแอบฟังเสียงของเพื่อน ทีตอนเขายังปล่อยให้มันแอบดูตอนเอากับเด็กตัวเองได้เลย แค่แอบฟังเสียงมันช่วยตัวเองคงไม่เป็นไรหรอกน่า พรีมเลียปากตัวเอง รู้สึกสร่างเมาไปหน่อย เขาแนบหูกับประตูและเอามือจับลูกบิด ทว่า มันไม่ได้ล็อคเสียด้วย

“หึหึ” พรีมหัวเราะในคออย่างนึกสนุก กะจะเปิดเข้าไปแกล้งให้เคนตกใจเล่น เคนที่มัวแต่เล่นกับตัวเองในห้องน้ำ ไม่ทันได้ยินเสียงประตูเปิด

พรีมแง้มประตูเบาๆ พลางหัวเราะคิกกับตัวเอง พอเปิดประตูเข้าไปจนสุดก็กะจะร้องดังๆ ให้เคนตกใจ ทว่า ภาพตรงหน้ากลับทำให้เขาชะงักค้างอยู่อย่างนั้น

เพราะเคนไม่ได้ช่วยตัวเองแบบที่ผู้ชายทั่วไปเขาทำกัน คนตัวเล็กกว่าเขาเพียงสามเซนในชุดวันเกิด กำลังนั่งเขย่งขาอยู่บนพื้น หันหลังเกาะชักโครก มือขวาลอดจากด้านหน้าลงมาอยู่ใต้หว่างขา และนิ้วเล็กๆ นั่นคาอยู่ในตัวของเจ้าของมัน

“อื้อ...อ๊า...”

พรีมรู้แล้วว่าทำไม เคนถึงได้ครางเสียงหวานฉ่ำขนาดนี้

เขาแสยะยิ้ม เดินย่องไปใกล้ๆ คนที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกเห็นตอนน่าอายเข้าแล้ว เคนกำลังหลับตาพริ้ม เงยหน้าอ้าปากครางอย่างน่ารัก เหงื่อผุดพรายไปทั่วใบหน้าและบนแผ่นหลังขาวๆ นั่น จนพรีมถึงกับกลืนน้ำลายกับภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของเคน จนเขาหยุดยืนที่ด้านหลัง ไอร้อนจากร่างกายคนเมาและเงาทะมึน ทำให้เคนเพิ่งรู้สึกตัว จนต้องลืมตามอง...

“!!!” เคนตกใจจนร้องไม่ออก ดึงนิ้วออกจากร่องก้นแล้วถดตัวหนีเข้ามุมทันที “อ่ะ อ่ะ ไอ้! ไอ้เหี้ย! เข้ามาตอนไหน!?”

พรีมยิ้มหวาน นัยน์ตาเป็นประกาย ก้มลงมองหน้าเคนใกล้ๆ พลางเอ่ย “ไม่ทำต่อล่ะ กำลังดีเลย”

คนถูกจ้องหน้าร้อนฉ่า อายจนอยากมุดชักโครกหนี เคนไม่ตอบ รีบคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาจะสวมใส่ แต่พรีมดึงมันออกไปจากมือ แล้วนั่งชันเข่าลงตรงหน้าเคน

“ยังไม่เสร็จเลย ทำต่อสิ หรืออยากให้กูช่วย?” พรีมโยนเสื้อคลุมไปให้พ้นทางแล้วกดไหล่เคนแนบกับผนังห้องน้ำเย็นเฉียบ เคนเหงื่อแตกพลั่ก หน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นรัวแรงด้วยความตื่นกลัว รู้สึกตัวอีกทีตอนที่มือร้อนๆ ของพรีมเลื่อนลงไปด้านล่าง

“ให้กูช่วยข้างหน้ามั้ย?”

“มะ ไม่ ไม่! ปล่อย ไอ้พรีม ออกไปก่อน!” เคนทั้งผลักทั้งดันร่างของพรีม แต่เขาไม่ยอมไป

“ช่วยตัวเองต่อดิ ทำให้กูดูหน่อยว่ามึงฟินแค่ไหน” พรีมก้มหน้าลงแนบริมฝีปากกับซอกคอขาวๆ ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำ ร่างกายคล้ายถูกกระตุ้นมากขึ้นไปอีกจนเหมือนจะหยุดตัวเองไว้ไม่ได้แล้ว เคนตัวสั่นเกร็งไปหมด หลับตาปี๋ทั้งที่มือยังดันร่างของพรีมไว้ แต่แรงจะต่อต้านนั้นไม่มีเลย ในหัวมันตีกันจนยุ่งเหยิง อยากเสร็จก็อยาก แต่ก็อายพรีมอยู่ดี

“ไม่ต้องอาย ทำด้วยกัน” พรีมว่าพลางปลดเข็มขัดกางเกงตัวเองออก จับมือของเคนให้สัมผัสกับส่วนที่แข็งและร้อนผ่าวของตัวเองที่มีปฏิกิริยาเพราะเห็นเคนช่วยตัวเองที่ด้านหลัง น้ำเสียงของเขาแหบพร่าเหมือนเมื่อตอนนั้น และเคนก็เผลอไผลส่งมือไปจับรูดดึงมันด้วยความต้องการที่ล้นปรี่

อยากเห็นสีหน้าของพรีมเหมือนเมื่อตอนนั้นอีกครั้ง

พรีมลากปลายลิ้นเลียคอและใบหูของเคนอย่างกระหาย ปากขบเม้มดูดกัดไปเรื่อยจนถึงแผ่นอกที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อย ด้วยความที่เคนไม่ค่อยออกกำลังกาย เลยตัวไม่หนา แต่ก็สมส่วนแบบเด็กหนุ่มทั่วไป ยอดอกสีชมพูเข้มน่างับจนพรีมทนไม่ไหว เขากัดมันและดูดแรงๆ จนเคนครางลั่น มือที่ผลักกลายเป็นขยุ้มหัวไหล่ของเขาอย่างเรียกร้องยิ่งขึ้น

“อา อ๊า...” มันดีกว่าที่จินตนาการไว้มาก เคนเงยหน้ากัดปากเป็นระยะตอนที่พรีมทั้งดูดและกัดเม็ดไตแข็งๆ บนหน้าอก สองขาที่เคยหนีบเข้าหากันค่อยๆ อ้าออก ให้พรีมแทรกตัวเข้าไปหาแนบชิด พรีมยกยิ้มมุมปาก ประกบจูบเบาๆ บนริมฝีปากสีอ่อนของเคน คนที่ไม่เคยกระทั่งจูบมาก่อนสะดุ้งนิดหน่อย เคนลืมตามอง สบสายตากับพรีมที่กำลังจ้องอยู่ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง โอบกอดร่างสูงและเผยอปากให้ส่งลิ้นเข้าไป

“อือ” เสียงครางหวานๆ ของเคนกระตุ้นให้พรีมแทบคลั่ง มันเป็นความหอมหวานที่แปลกใหม่ พรีมอยากจะตักตวงทุกสิ่งจากร่างกายของเพื่อนรักจนลืมเหตุและผลทั้งหมดทั้งมวลจนสิ้น ทำไปโดยไม่ทันคิดถึงผลที่จะตามมาใดๆ

มืออุ่นๆ ลูบไล้บีบคลึงไปทั่วร่างกายขาวผ่องจนเป็นรอยแดงช้ำ อีกทั้งยังจูบเม้มไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง เคนนอนครางอยู่ใต้ร่าง สองขากอดก่ายเอวร่างสูง ความอายหายไปหมดแล้ว เหลือแต่ราคะที่สุมอก ใบหน้าของพรีมหล่อเหลาและน่าหลงใหลจนอยากไปต่อให้สุด เคนส่งปลายนิ้วขยายช่องทางตัวเองอีกครั้ง พรีมก้มลงจ้องมองด้วยใจระทึก ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ต่อหน้าเขาสักครั้ง

“อ๊ะ เดี๋ยว!” เหมือนพรีมจะไม่อยากรอนาน เขาโน้มหน้าลงตรงหว่างขาของเคน เกร็งลิ้นห่อไว้แล้วแหย่เข้าไปตามนิ้วของเคน “อ๊า! ไอ้เหี้ย...สะ เสียว กูเสียว พรีม!”

พรีมทั้งดูดทั้งเลียช่องทางที่เคนทำความสะอาดไว้แล้วอย่างหื่นกระหาย ใช้ลิ้นได้อย่างช่ำชองจนเคนบิดร่างเกร็งสะท้าน ปลดปล่อยออกมาเลอะเต็มหน้าท้อง โดยที่พรีมไม่ได้แตะต้องส่วนนั้นเลยสักนิด ร่างนั้นสั่นน้อยๆ ตอนที่พรีมถอนลิ้นออกมา เขาเลียรอบมุมปาก มองดูร่างแดงก่ำของเคนอย่างพึงพอใจ

“แม่ง น่ารักเหี้ยๆ” พรีมสบถข้างหู เลียในรูหูของเคนแล้วลากลิ้นมาตามลำคอ “ไม่มีถุงยางว่ะ”

“อือ...ไม่เอา” พอได้ยินอย่างนั้น เคนก็เสียดายนิดหน่อย แต่ให้ทำทั้งแบบนี้ไม่ได้แน่นอน สองมือสั่นๆ ผลักร่างสูงออก แต่พรีมยังกดตัวลงมาหา

“สดไม่ได้เหรอ กูไม่มีโรคหรอก มึงก็ยังซิง” พรีมเลียแก้มและคางของเคนไปมา มือดันต้นขาของเคนให้ยกสูงขึ้น แนบส่วนแข็งแกร่งของตนกับร่องก้นนั้น “นะ กูไม่ไหวแล้ว” เขากระซิบเสียงพร่าพร้อมถูมันกับร่องสะโพกบาง

“ไม่...อ๊า!” เคนเบิกตาโพลง กรีดร้องจนเสียงเหือดหาย เพราะจู่ๆ พรีมก็กระแทกส่วนหัวเข้ามาพลางค่อยๆ ขยับเข้าออก ปลายเท้าของเคนจิกเกร็งด้วยความเจ็บ

“โครตแน่น...อย่าเกร็งดิ เคน” พรีมกัดฟันกรอด พยายามจะดันตัวเข้าไปอีก แต่มันเป็นครั้งแรกของเคน เลยยากลำบากสักหน่อย

“ฮึก เจ็บ...ไม่เอา...” เคนปัดป่ายมือไม้สะเปะสะปะไปกับใบหน้าและลำตัวของร่างสูง แต่พรีมยังดึงดันที่จะเข้าไป

“หายใจเข้าลึกๆ อย่าเกร็ง นะครับ” เพราะน้ำเสียงไพเราะและคำพูดสุภาพแบบที่พรีมไม่เคยใช้มาก่อน ทำให้เคนเริ่มจะโอนอ่อน ร่างกายผ่อนคลายลง “อย่างนั้น เคน อุ อย่าขมิบสิ ให้พรีมเข้าไปนะครับ คนดี”

พรีมช่างหลอกล่อเก่งเหลือเกิน ทั้งจูบทั้งอ้อน จนสุดท้ายเคนก็ยอมให้ทั้งหมด ทั้งจิตใจและร่างกาย แม้น้ำตาจะไหลพรากอาบแก้มด้วยความเจ็บร้าว แต่พอพรีมค่อยๆ ขยับตัว มันก็ดีขึ้นทีละนิด จนกลายเป็นความสุขสมลึกๆ ในใจ

เคนกอดรัดร่างของพรีมไว้แน่นตลอดการกระทำของร่างสูง จะถูกทำรุนแรงแค่ไหนก็ยอมให้หมดแล้ว

ยอมหมดแล้วจริงๆ

......
...
“แล้วเพื่อนที่มึงว่ามาให้กำลังใจนี่คนไหนเหรอ” เช้าวันเสาร์ พรีมไปรับอัครกับแน็กที่โรงแรมในเมืองตามนัด แต่เคนที่เป็นเจ้าของรถไม่ได้มาด้วย พรีมบอกว่าเคนไม่ค่อยสบายนิดหน่อย จะไปรับมาตอนรอบบ่ายแทน

“มึงไม่รู้จักหรอกน่า” อัครกลบเกลื่อนไปเรื่อย และพรีมก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอีก “แล้วมึงกินข้าวมายัง?”

“ยังว่ะ พวกมึงอ่ะ” พรีมมองหน้าอัครกับแน็ก ทั้งคู่ก็ส่ายหน้าพร้อมกัน

“งั้นกินด้วยกันที่นี่เลย รอบเช้ากี่โมงนะ” อัครคว้าข้อมือของพรีมให้เดินตามไป ส่วนแน็กอึ้งนิดหน่อยที่เห็นอัครทำแบบนั้น แต่คิดอีกที ก็พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.ต้น คงสนิทกันพอสมควร

“เห็นไอ้ซุปบอกเล่นตอนเก้าครึ่ง แต่คงเลทนิดๆ” พรีมตอบก่อนจะยกข้อมืออีกข้างขึ้นดูนาฬิกา “เวลาเหลือเฟือ”

“อืม” อัครพยักหน้ารับ และทั้งสามคนก็พากันไปทานอาหารในห้องอาหารของทางโรงแรม เนื่องจากไม่ได้ใช้บริการเหมาค่าอาหารเช้าด้วย ก็จ่ายเงินกันไปตามปกติ

******

ซุปออกจากหอพักแต่เช้าเช่นกัน แต่ต้องไปเตรียมตัวขึ้นแสดงและซ้อมบทก่อนแสดงจริงอีกรอบ ข่าวลือเรื่องที่เขาโกหกรุ่นน้องคนนั้นไปว่ามีแฟนแล้ว แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครเข้ามายุ่มย่ามกับเขาเกินจำเป็น ซึ่งถือเป็นเรื่องดี

“ซุป พร้อมยังวะ” เพื่อนที่ขึ้นแสดงด้วยกันเดินเข้ามาถามไถ่อยู่เป็นระยะ เพราะเห็นซุปเอาแต่มองหน้าจอมือถือ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็น เลยคิดกันไปว่าเขาเป็นกังวล “แฟนมึงมาดูป่ะ”

“เขาบอกว่าจะมารอบเช้า” ซุปเงยหน้าตอบเพื่อน

“มาจากกรุงเทพฯ เลยดิ โครตรักมึงเลยนะเนี่ย” เพื่อนคนเดิมว่าพลางตบบ่าเขาเบาๆ แล้วขอตัวไปแต่งองค์ทรงเครื่องก่อน ซุปถอนหายใจกับตัวเอง

ถ้าได้เป็นแฟนจริงคงดี

ตั้งแต่เจออัครครั้งแรกเมื่อวานนี้ ก็ได้คุยกันแค่ในห้องน้ำที่ร้านอาหารนั่นแหละ แถมอัครก็มากับเพื่อน จะโทรไปก็ไม่กล้า ไอ้พรีมก็เหมือนคอยกันท่าบอกไม่ถูก ไหนมันบอกว่าไม่สนิท ไม่ได้คิดอะไรไงวะ ซุปคิดอย่างหัวเสีย เป็นเพื่อนกับพรีมมานาน และสนิทถึงขั้นรู้ไส้รู้พุงกันหลายๆ เรื่อง ซุปพอจะเดาท่าทีของเพื่อนออก ทั้งเรื่องเคน แล้วยังจะมายุ่งกับอัครอีก มันจะเอายังไงกันแน่วะ

“เฮ้อ~” ซุปถอนหายใจอย่างเซ็งๆ อีกรอบ แล้งจึงลุกตามเพื่อนไปแต่งตัวบ้าง

tbc

แต่ละนางแรงๆ ทั้งนั้นบอกเลย อิๆ
ขอบคุณที่ยังมีคนอ่านน้า กะจะโยกย้ายไปไว้ใน Readawrite อย่างเดียวล้าว

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
«ตอบ #18 เมื่อ26-08-2018 13:47:54 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
«ตอบ #19 เมื่อ26-08-2018 15:33:09 »

ซุปสู้ๆนะ จีบให้ชัดๆไปเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
« ตอบ #19 เมื่อ: 26-08-2018 15:33:09 »





ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
«ตอบ #20 เมื่อ26-08-2018 19:49:03 »

ไม่ชอบพรีม

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
«ตอบ #21 เมื่อ26-08-2018 20:56:26 »

อัครลูก อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนะ โอยยย พอเดาเค้าลางว่าจะดราม่าแบบไหนได้เลยอ่ะ ไรท์อย่าดราม่ามากนะ ขอล่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
«ตอบ #22 เมื่อ27-08-2018 10:06:13 »

 :m15:

เกลียดพรีม
ทำไมเรารู้สึกเศร้า ฮื่อออ

 :เฮ้อ:
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 7-8 [25/8/18]
«ตอบ #23 เมื่อ27-08-2018 15:35:46 »

รอดราม่าฉากใหญ่ค่ะ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
«ตอบ #24 เมื่อ28-08-2018 11:39:56 »

9
ซุปเวลาอยู่บนเวทีทั้งหล่อแล้วก็เท่มากกว่าตอนปกติอีกหลายสิบเท่า ทำเอาอัครนั่งจ้องตาแทบไม่กะพริบ มองดูการแสดงของซุปทุกฝีก้าว จนคนที่นั่งข้างๆ คนละฝั่งทั้งสองคนต่างก็รู้สึกถึงความสนใจที่อัครมีต่อซุป ทั้งที่บทของซุปก็ไม่ใช่บทพระเอก แต่เป็นบทตัวร้าย เพราะมาดแบดบอยของเจ้าตัว ทั้งสีหน้าและน้ำเสียง ร้ายแบบไม่ต้องปรุงแต่ง

การแสดงรอบแรกช่วงเช้าจบลงด้วยดี ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมล้นหลาม ซุปรีบลงจากเวที ตรงมาหาเพื่อนๆ หรือที่จริงคือตรงมาหาแค่อัครนั่นแหละ

“มึงแม่งโครตชั่วววว” พรีมแกล้งตะโกนใส่หน้าเพื่อนขำๆ ล้อเลียนบทบาทที่ซุปเล่น จนแน็กกับอัครหัวเราะตาม ส่วนซุปได้แต่ทำหน้าแหยๆ

“สัส หูกูไม่ได้หนวก”

“เดี๋ยวกูต้องไปปลุกไอ้เตี้ย ฝากเพื่อนกูไว้กับมึงจะปลอดภัยมั้ยวะ” พรีมมองหน้าซุปพลางยิ้มมีเลศนัย คนอย่างพรีมไม่โง่พอที่จะดูไม่ออกหรอก ซุปเองก็รู้

และพรีมก็รู้เรื่องของซุปกับอัครจริงๆ ไม่อย่างนั้นจะแอดเฟซของอัครไปทำไมล่ะ

“คงไม่ต้องห่วงผมนะคิดว่า” แน็กแย่งซีนแทรกขึ้นก่อน ทำเอาซุปถึงกับหัวเราะ เกาะไหล่แน็กแล้วโบกมือไล่พรีม

“ไปเลยมึงอ่ะ กูจะดูแลน้องแน็กอย่างดี ไม่ต้องห่วง”

“พวกมึงแม่งกวนตีน” พรีมว่าขำๆ ก่อนจะรีบขอตัวไปรับเคนที่คอนโด ทิ้งอัครกับแน็กไว้ที่โรงละคร เพราะสองคนได้บัตรเพิ่มจากซุป เลยจะอยู่ดูรอบบ่ายด้วย

“ซุปเล่นดีมากๆ โครตร้ายเลย” อัครยิ้มหวานมองซุปที่ยังเกาะไหล่แน็กอยู่ ไม่รู้สนิทกันตอนไหน แต่ดูเหมือนจะเป็นพวกไม่ค่อยคิดอะไรทั้งคู่

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกันสิ วันนี้แคนทีนน่าจะเปิดนะ คนมากันเยอะ ขอผมเปลี่ยนชุดแป้ป” ซุปมองทั้งคู่เป็นการชวน แน็กกับอัครเลยขอตามซุปไปที่โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยด้วย แต่ซุปมีแค่มอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่รถยนต์แบบของเคน เลยต้องซ้อนสาม โดยให้อัครนั่งตรงกลาง

ซุปแนะนำเมนูเด็ดประจำโรงอาหารมหาวิทยาลัยให้ทั้งสองคนอย่างร่าเริง แน็กคอยสังเกตอยู่ตลอด ว่าอัครดูสนิทสนมกับซุป ทั้งที่ตอนแรกทำเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกันเท่าไหร่ พลันนึกถึงที่อัครชอบคุยกับใครบางคนในมือถือบ่อยๆ

“เห็นอัครเคยบอกว่าชอบกินเป็ด กะเพราเป็ดร้านนี้อร่อยมากนะ”

สิ่งที่ซุปพูดแบบไม่รู้ตัว และอัครก็พยักหน้ารับ โยงกับเรื่องที่อัครบอกจะมาให้กำลังใจใครบางคน ซึ่งน่าจะหมายถึงคนที่ชอบคุยแบบลับๆ นั้น ทำให้แน็กสงสัยว่าคนที่อัครบอกจะเป็นซุป เพราะพรีมที่เป็นเพื่อนเก่า ไม่ได้ขึ้นแสดงเสียหน่อย

“เออ อัคร แล้วคนที่มึงบอกว่ามาหาเนี่ย ตกลงคนไหนวะ เจอกันยัง” จู่ๆ แน็กก็โพล่งถามขึ้น ระหว่างที่กำลังกินข้าวกลางวัน อัครชะงักทั้งมือและปากที่กำลังเคี้ยวข้าว ส่วนซุปก็กระแอมเบาๆ ในคอ ยกน้ำขึ้นจิบเล็กน้อย

“อ่า รอบบ่ายนี่มึงจะดูด้วยป่ะ”

“เปลี่ยนเรื่องๆ ตกลงคนที่มาหาเนี่ย คนนี้ป่ะ?” แน็กชี้ไปที่ซุป คนโดนชี้ตัวถึงกับสะดุ้ง ส่วนอัครร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก “เอ้าๆ พวกมึงนี่ยังไงวะ จะทำไม่รู้จักกันทำบ้าไร”

“มึงรู้?” อัครรับแก้วน้ำจากมือของซุปมาดื่มบ้าง เพราะติดคอนิดหน่อย แน็กพยักหน้า

“ก็มึงไม่บอกสักทีว่ามาหาใคร แล้วคนที่มึงคุยด้วยเหมือนสนิท ทั้งที่เพิ่งเจอก็มีแค่ซุปป่ะวะ”

อัครหันไปมองหน้าซุปที่พยักหน้าให้บอกได้ จริงๆ ซุปไม่ได้จะปิดบังใคร นอกจากพรีม พอซุปอนุญาต อัครก็เลยเล่าให้แน็กฟัง และบอกให้ช่วยปิดพรีมไว้ก่อน ซึ่งแน็กก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่ก็ยอมรับปาก หลังจากนั้นก็คุยกันทั่วไป จนกระทั่งพรีมกับเคนมาสมทบ

“ไม่ค่อยหิวว่ะ” พอมาถึง ทักทายกันเสร็จ เคนก็นั่งลงข้างๆ ซุป ตามด้วยพรีม เคนหันไปบอกพรีมว่าจะไม่กินข้าว แต่ซุปก็ได้ยิน เลยหันไปสวดทันที

“ข้าวเช้ามึงก็ยังไม่ได้กินป่ะ เป็นห่าไร ไม่กินเลยไม่ได้นะเว้ย จะเอาสมองที่ไหนเรียน คณะมึงเรียนหนักจะตายห่า”

“โอยยย ก็วันนี้ไม่มีเรียนนี่หว่า ไม่แดกวันเดียวไม่ตายหรอก พรีมขอน้ำหวานอ่ะ ขนมด้วยก็ได้ อยากกินของหวาน” เคนหันไปโวยวายใส่ซุปแล้วกลับไปกอดแขนอ้อนพรีมต่อ แน็กทำเป็นไม่มองทั้งสามคน ส่วนอัคร รู้สึกใจโหวงๆ ที่เห็นภาพของเคนอ้อนพรีม ทั้งที่พยายามจะไม่คิดอะไรกับพรีมแล้ว

แต่ยังไงพรีมก็เป็นรักครั้งแรก

“ให้มันกินข้าว มึงไม่ต้องตามใจเลยไอ้พรีม”

“มึงเป็นพ่อกูเหรอซุป” เคนหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสมัยเด็กที่ทำตัวจุ้นจ้านเหมือนพ่อเข้าไปทุกวัน ทั้งที่คนที่อยากให้เป็นห่วงและคอยดูแลคือพรีมมากกว่า

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เพราะพ่อมึงบอกให้กูดูมึงด้วย”

“เออๆ เลิกกัดกันเหอะน่า พวกมึงนี่ เดี๋ยวกูซื้อขนมปังให้มันแดกแทนแล้วกัน มีแป้งเหมือนกัน แล้วก็หวานด้วย โอเคนะ?” พรีมตัดสินใจยุติการทะเลาะวิวาทของเพื่อนทั้งสองด้วยข้อสรุปเรื่องอาหารของเคน ที่ตรงใจทั้งสองฝ่าย เคนเลยพยักหน้าหงึกๆ ส่วนซุปก็ยักไหล่ไม่ได้ว่าอะไรอีก

มองทั้งสามคนที่ตีกันไปเมื่อกี้ แน็กก็รู้สึกขำๆ ขึ้นมา เลยหันไปกระซิบกระซาบกับอัครที่นั่งเหม่ออยู่ “ดูแล้วเหมือนเล่นพ่อแม่ลูกเลยกูว่า”

อัครที่มัวแต่ใจลอยสะดุ้เล็กน้อยตอนที่ได้ยินเสียงกระซิบของแน็ก มันจั๊กจี้จนต้องเอียงคอหนีนิดหน่อย และได้แต่พยักหน้ายิ้มรับคำที่แน็กพูด แม้ดวงตาจะไม่ได้ยิ้มตามเลยก็ตาม ซุปกับเคนยังตบตีกันอีกสักพัก จนพรีมซื้อของเสร็จเดินกลับมานั่งที่เดิม

เคนส่งขนมปังสองห่อกับน้ำหวานเย็นๆ ให้เคนที่รับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เคนเป็นคนน่ารัก ร่าเริงสดใสและชอบยิ้ม ต่างจากเพื่อนอีกสองคนที่มักจะทำหน้าเก๊กใส่กันตลอด พรีมเป็นพวกหน้าตาเจ้าเล่ห์ ชอบอมยิ้มกรุ้มกริ่มและแกล้งแหย่เคนเล่น ส่วนซุปเป็นคนหน้านิ่ง แต่ชอบแกล้งเหมือนกัน

การแสดงรอบบ่ายจบลงด้วยดีเช่นเคย และช่วงเย็นได้เวลาที่พรีมบอกจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันให้เต็มอิ่ม ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพกันในวันพรุ่งนี้

“กลับกี่โมงวะพรุ่งนี้” ทั้ง 5 คนมาเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินวัวลาย ซึ่งเปิดเฉพาะวันเสาร์ และอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พวกอัครมาพักเท่าไหร่ แวะซื้อของเดินกินไปเรื่อยๆ เคนกับซุปพาแน็กแวะเกือบทุกร้าน ส่วนพรีมเดินอยู่ด้านหลังกับอัครสองคน

“ไฟลท์บ่ายสามอ่ะ แต่เราไปกันเองได้นะ ไม่อยากรบกวน” อัครเงยหน้ายิ้มตอบ พรีมตัวสูงกว่าสมัยม.ต้นมากพอสมควร ทั้งที่อัครยังตัวเท่าๆ เดิม คนตัวเล็กกว่ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนิดๆ ที่ไม่พัฒนาอะไรเลย ต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ ที่ทั้งเติบโตและก้าวหน้าไปไกล

“ไม่รบกวน แล้วก็อย่าเกรงใจ เพื่อนกันป่ะวะ” พรีมว่าพลางขยี้ผมของอัครเล่น แต่ประโยคต่อมาทำเอาอัครที่กำลังรู้สึกดีกับมืออุ่นๆ นั้นต้องชะงัก ก่อนจะร้อนๆ ที่แก้มขึ้นเรื่อยๆ

“หรือมึงไม่อยากเป็นเพื่อน”

“จะ จะบ้าเหรอ ก็เป็นเพื่อนนั่นแหละ ดีแล้ว...” อัครก้มหน้าก้มตาตอบ เสียงเบาลงๆ และไม่เห็นสีหน้าของพรีมที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

พรีมกระตุกยิ้มนิดๆ โอบบ่าอัครมากอดไว้ข้างตัว อัครเขินจนไม่กล้าเงยหน้าอีก และเหมือนได้ยินเสียงพรีมวนเวียนอยู่ข้างหู “งั้นพรุ่งนี้กูไปรับที่โรงแรมเอง กลับไปถึงแล้วมึงต้องส่งไลน์มาบอกกูนะ ไว้จะติดต่อไปบ่อยๆ”

“อื้อ”

“ร้อนเหรอวะ หน้ามึงแดงจัง” พรีมยิ้มมุมปากก้มมองแก้มแดงระเรื่อของอัคร แต่อัครส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ได้พูดอะไร พรีมเหลือบมองเพื่อนอีกสามคนที่เดินไปไกลแล้ว แน็กดูจะสนุกสนานกับการเลือกซื้อของฝากและช่วยซุปแกล้งเคน

พรีมลดใบหน้าลงอีกนิด มองอัครที่กำลังเขินจนหน้าแดงเหมือนเมื่อสมัยม.ต้นเวลาที่เขาชอบเข้าไปคุยด้วย

“มึงนี่เหมือนเดิมเลยเนอะ”

อัครได้สติกลับมาหลังจากเหม่อๆ อยู่นานเมื่อได้ยินเสียงพรีม และพอเงยหน้าขึ้นมอง ปลายจมูกของพรีมก็ชนกับแก้มแดงๆ ของอัครแผ่วผิว คราวนี้เลยแดงไปทั้งหน้า ลามไปยังใบหูและคอของอัคร และน่าจะเกือบทั่วตัวเลยด้วยซ้ำ

พรีมอมยิ้ม ดึงมืออัครมากุมไว้หลวมๆ ก่อนจะเอ่ยชวน ส่วนอัครได้แต่พยักหน้าแบบเก้ๆ กังๆ เขินจนทำตัวไม่ถูกไปหมด

“รีบเดิน เดี๋ยวตามพวกนั้นไม่ทัน”

“อ่ะ อื้อ”

......
...
“เห็นนะ เมื่อเย็น”

กลับมาถึงคอนโดของเคน พรีมถอดเสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูมาพันเอว เตรียมจะอาบน้ำ ส่วนเคนยืนกอดอกมองเขาอยู่ตรงหน้าประตูห้อง ยังไม่ยอมเดินเข้าไป

“เห็นอะไร?” พรีมเลิกคิ้ว เกาะขอบประตูห้องน้ำมองเคน

“มึงหอมแก้มอัครทำไม ชอบมันเหรอ” เคนหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ หรือจะเรียกว่าหึงก็ได้ แต่พรีมแค่ยิ้มบางๆ พลางส่ายหน้าแล้วทำท่าจะเดินหนีเข้าห้องน้ำ เคนเลยรีบวิ่งไปคว้าแขนไว้

“อะไรอีก กูจะอาบน้ำ”

“คุยกันให้รู้เรื่องก่อน มึงชอบอัครเหรอ”

เคนยื้อแขนของพรีมไว้สุดแรง หน้าตาจริงจัง แต่พรีมยังนิ่งเฉย ก่อนจะคว้าเอวของเคนมากอดไว้แล้วดึงเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน

“จะอาบด้วยใช่มั้ย? มาดิ”

“ไม่เอา พรีม! บอกก่อนว่าชอบอัครหรือแค่เล่นๆ กูไม่ชอบให้มึงทำแบบนั้นกับคนอื่น!” เคนโวยลั่น ดึงตัวออกจากแขนของพรีมแล้วผลักร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำแค่คนเดียว

พรีมเซเล็กน้อย ก่อนจะตั้งหลักได้ เขาจ้องหน้าเคนกลับคล้ายจะไม่พอใจขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

“มึงมีสิทธิห้ามกูเหรอ? เราไม่ได้เป็นอะไรกัน กูเคยบอกมึงแล้วไง”

เคนเงียบ เพราะที่พรีมพูดมาคือเรื่องจริง เป็นเขาเองที่ดึงดันจะอยู่กับพรีมในสถานะนี้ ยอมเป็นแค่คู่นอน แค่เซ็กส์เฟรน หรืออะไรก็ได้ที่พรีมต้องการ ยกเว้น...คนรัก

และสิ่งที่พรีมตอกย้ำ ก็ยิ่งทำให้เคนพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งจนได้ยินเสียงประตูปิดดังปัง

“เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกัน เผื่อมึงจะลืมนะเคน” 

tbc

ใครรอดราม่า จัดไปปปปป ไม่หนักมากหรอก (มั้ง)
เป็นความสัมพันธ์ที่จะวนลูปอีกนานบอกเลย มันก็มีกันอยู่ไม่กี่คนเนี้ยยย

ขอบคุณกำลังใจและคอมเม้นท์นะค้าบ กด+ให้น้า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
«ตอบ #25 เมื่อ28-08-2018 11:50:48 »

 :เฮ้อ:

เกลียดภูมิ แต่นะคนหน้าด้าน เห็นแก่ได้ ก็มัักจะได้จริงๆ

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
«ตอบ #26 เมื่อ28-08-2018 14:28:07 »

พรีมโคตรแย่

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
«ตอบ #27 เมื่อ28-08-2018 21:58:50 »

มันยากนักก็ 4p-5p ไปเลย 55555 ///สายดาร์กกก

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
«ตอบ #28 เมื่อ28-08-2018 22:27:10 »

โห...ไอ่พรีม!

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 10 [29/8/18]
«ตอบ #29 เมื่อ29-08-2018 18:44:45 »

10
อัครเงยหน้ามองคนที่ยื่นกระดาษ A4 แผ่นหนึ่งมาตรงหน้า ในขณะที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเรียนในช่วงบ่ายที่เป็นคาบว่าง เพราะอาจารย์ประจำวิชาไม่มาสอน

“อัคร วาดรูปให้กูหน่อยดิ”

รอยยิ้มกว้างและความสดใสราวกับดวงตะวันของพรีม ทำให้อัครรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

มันเป็นยามบ่ายแก่ๆ ของวันศุกร์ อากาศร้อนอบอ้าวตามปกติของฤดูฝน และคาดว่าตอนเย็นฝนน่าจะตกหนักจนกลับบ้านค่ำอีกตามเคย

อัครรับกระดาษจากมือของพรีม มือสัมผัสกันเล็กน้อยทั้งที่ผืนกระดาษก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้น เหมือนพรีมจงใจที่จะจับมือ แต่อัครไม่กล้าคิดไปเองแบบนั้นหรอก มันคงเป็นความบังเอิญมากกว่า

พรีมนั่งยองๆ ลงเกาะขอบโต๊ะไม้ของอัคร เอียงคอเอาแก้มแนบโต๊ะ มองดูอัครที่กำลังตั้งอกตั้งใจวาดรูปการ์ตูนที่ขอด้วยรอยยิ้ม เสียงจอแจของเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้เข้าหูของทั้งคู่เลย ราวกับว่าในโลกนี้มีแค่พวกเขาสองคน พออัครวาดเสร็จก็ส่งกระดาษคืนให้ด้วยท่าทางเขินอาย ยิ่งทำให้พรีมยิ้มกว้าง

“ขอบใจนะ มึงวาดสวยดี กูชอบ”

......
...
อัครกลับไปกรุงเทพแล้ว พรีมเป็นคนขับรถไปส่งอัครกับแน็กที่สนามบินเมื่อกลางวันนี้ ส่วนซุปยังมีแสดงละครเวทีอีกสองรอบในวันนี้ รายได้จากการแสดง เพื่อบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าและโรงเรียนตามถิ่นทุรกันดาร เป็นงานการกุศลที่ได้บุญกันถ้วนหน้าทั้งผู้จัดและผู้ชม

ซุปแสดงละครเสร็จก็เกือบเย็น และคิดว่าอัครน่าจะกลับไปถึงกรุงเทพแล้ว เขาจึงไลน์ไปหาแทนส่งข้อความในเฟซบุ๊ค ซุปขอไว้ครบทุกโซเชียลที่อัครมีเรียบร้อย รวมทั้งเบอร์โทรด้วย แต่อัครไม่ทันได้ตอบอะไรกลับมา ซุปก็ต้องไปฉลองความสำเร็จของงานละครครั้งนี้กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ร่วมงานกัน โดยมีคณาจารย์ออกเงินเลี้ยงทั้งหมด

[ถึงห้องแล้ว แน็กนอนหลับปุ๋ยเลย สงสัยจะเหนื่อย] เสียงของอัครที่ร่าเริงสดใส ช่วยเยียวยาหัวใจและความเหนื่อยล้าจากการแสดงติดต่อกันทั้งสองวันของซุปได้เป็นอย่างดี เขาอมยิ้มทั้งที่อัครไม่ได้เห็น

“แล้วอัครไม่เหนื่อยเหรอ”

[ไม่เหนื่อยหรอก ซุปอยู่ไหนน่ะ เสียงดังจัง]

“อยู่ร้านเหล้าแถวมอ อาจารย์พามาเลี้ยงน่ะครับ เดี๋ยวผมเดินไปนอกร้านก่อน” ซุปว่าพลางหันไปบอกเพื่อนแถวๆ นั้นว่าจะขอออกไปคุยโทรศัพท์ เขาเดินไปหาที่นั่งแถวบันไดทางขึ้นร้านที่เป็นไม้สักอย่างดี หลบชิดมุมเว้นที่ไว้ให้คนเดิน

“คราวหน้าถ้าจะมาอีก บอกผมก่อนนะ ผมอยากเจออัครแบบสองต่อสองบ้าง”

อัครเงียบไปอึดใจ [ระ เราก็อยากเจอซุป]

“จริงเปล่า? ไม่ใช่ว่าอยากเจอไอ้พรีมด้วยเหรอ?”

[เกี่ยวอะไรกับพรีมล่ะ เราบอกเขาเพราะเขาติดต่อมาก่อนหรอก]

ซุปขมวดคิ้ว “มันติดต่อไปเหรอ? ทำไม...”

[มีอะไรเหรอซุป?] อัครเห็นซุปพึมพำๆ ใส่โทรศัพท์เลยสงสัย แต่ซุปก็บอกว่าไม่มีอะไร ก่อนจะคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย จนวางสายและซุปก็กลับเข้าไปฉลองต่อในร้าน

เช้าวันจันทร์ซุปไปมหาวิทยาลัยตามปกติ เจอพรีมและเคนที่มากินข้าวเช้าด้วยกันที่โรงอาหารกลางที่ประจำของพวกเขาสามคน ซุปซื้อข้าวมานั่งกินตรงข้ามกับทั้งสองคนที่โต๊ะเดียวกัน ทักทายกันแค่เล็กน้อย เคนมีเรียนเช้า พอกินเสร็จก็ขอไปเรียนก่อน ส่วนอีกสองหนุ่มที่เรียนคณะเดียวกันมีเรียนคาบแรกตอนสิบโมง ซึ่งยังไม่ถึงเวลา เลยนั่งชิวๆ อยู่ในโรงอาหารไปเรื่อยๆ

“วันนี้เงียบผิดปกตินะ”

พรีมละสายตาจากหนังสือการ์ตูนในมือขึ้นมองหน้าซุป ประสานสายตากันเพียงครู่เดียวก็ก้มหน้าลงอ่านการ์ตูนต่อ อีกมือคอยหยิบขนมในห่อมากิน เป็นขนมที่ซุปซื้อมา พรีมค่อยๆ เคี้ยวแล้วกลืน ก่อนจะตอบเสียงเนือยๆ

“อยากให้กูหัวเราะหรือร้องเพลงดีล่ะ”

“ก็ไม่ได้ขนาดนั้น แค่ปกติมึงพูดมาก” ซุปว่าพลางหยิบขนมมากินบ้าง ตอนที่มือชนกัน ต่างคนต่างก็เงยหน้ามองกัน ซุปกำลังเล่มเกมในมือถือ อีกนิดเดียวจะผ่านด่านแล้ว แต่พอมือไปโดนมือของพรีมจนชะงัก ก็เลยแพ้เกมจนได้ เขาสบถเบาๆ อย่างหัวเสีย กดรีสตาร์ทใหม่อีกรอบ

พรีมยังคงมองหน้าซุปที่นั่งเล่มเกมด้วยคิ้วขมวด ท่าทางหัวเสียที่ต้องเริ่มเกมใหม่ พลันนึกถึงเรื่องเมื่อสมัยก่อน ที่มักจะนั่งแกร่วกันอยู่สองคน แย่งกันกินขนมและต่างคนก็ต่างทำกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ รอเคนที่ทำงานในสภานักเรียนจนเกือบค่ำแทบทุกวัน ทั้งที่ชมรมอื่นกลับบ้านกันหมดแล้ว อย่างชมรมดนตรีของพวกเขาเป็นต้น

ซุปกับเคนเป็นเพื่อนสมัยเด็ก เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถม แต่ความชอบของทั้งคู่ต่างกัน ไม่รู้ว่าคบกันได้นานขนาดนี้เพราะอะไร ตอนแรกพรีมยังเผลอคิดว่าทั้งคู่ชอบกันด้วยซ้ำ แต่ดูแล้วทั้งซุปและเคนก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดา ชอบตีกัน แต่ก็ยิ่งสนิทกัน และมันเป็นสิ่งที่พรีมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ตอนที่ต้องอยู่ด้วยกันสามคน

“เย็นนี้กูว่าจะกลับไปนอนที่ห้อง”

“ก็แล้วแต่มึง” ซุปก้มหน้าตอบ ไม่ได้สนใจสายตาของพรีมที่จ้องมองเหมือนอยากจะพูดอะไรมากกว่านั้น

“มึงคุยกับอัครอยู่เหรอ”

ซุปชะงัก กดพอร์ชเกมไว้แล้วเงยหน้ามองกลับไป “ทำไม? ถ้ากูคุยแล้วจะทำไม”

“เปล่า ก็มันเป็นเพื่อนเก่ากู” พรีมกะพริบตาเล็กน้อย เพราะโดนซุปจ้องกลับ ยกมือขึ้นจับต้นคอตัวเองอย่างเก้ๆ กังๆ

“แล้วไง?” ซุปวางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะพลางคว้าแก้วน้ำมาดูดดังซู้ดๆ วางแก้วลงแล้วเคาะนิ้วเบาๆ บนโต๊ะ คล้ายกับรอเวลาอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายแล้วพรีมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จนได้เวลาเข้าเรียน พรีมจึงลุกขึ้นก่อน เก็บกวาดจานชามแก้วน้ำไปไว้ที่วางของทางโรงอาหาร โดยมีซุปที่ทำแบบเดียวกัน เดินตามหลังมา แต่พอเก็บจานเสร็จ พรีมก็หยุดรอให้ซุปเดินขึ้นมาข้างกัน

“งานจารย์วิมลไปถึงไหนแล้ววะ”

“50%”

“เหี้ย เร็วไปป่ะ มึงต้องช่วยกูทำนะเว้ย” พรีมเอียงตัวเอาไหล่เบียดคนข้างๆ ซุปเอียงคอหลบนิดๆ พลางอมยิ้ม

“มึงมันขี้เกียจไง ถ้ารีบทำไว้แต่แรก ก็เสร็จทันปลายภาคแล้ว”

พรีมเบ้ปากทั้งที่ยิ้ม “มึงช่วยกูถึง 50% ก่อน แล้วค่อยทำพร้อมกัน” พร้อมเอาไหล่สะกิดอีกนิด

ซุปส่ายหน้าพลางถอนหายใจเบาๆ จริงๆ พรีมเป็นคนเก่ง หยิบจับอะไรก็ทำได้ดีไปเสียหมดจนน่าอิจฉา แถมยังหน้าตาดี ชอบยิ้มโปรยเสน่ห์ไปทั่ว จีบใครก็ติดตลอด

แต่ข้อเสียของพรีม กลับไม่มีใครเลยที่สังเกตเห็นมัน แม้แต่เคนที่อยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลาก็ยังไม่รู้

มีแต่เขาที่รู้ตัวตนจริงๆ ของพรีม

และรู้มาตั้งนานแล้ว

หรือบางที...เขาอาจจะแค่คิดไปเองก็ได้

******

อัครกับเพื่อนๆ นั่งทำบอร์ดประจำรายวิชากันอยู่บนตึกเรียนหลังคาบสุดท้ายจบลง เอกที่อัครเลือกเรียนคือภาษาญี่ปุ่น มีการจัดบอร์ดนิทรรศการและงานประจำปีของเอกนี้ช่วงใกล้ปลายภาคตลอด เพราะปิดเทอมที่จะถึงนี้คือช่วงเดือนธันวา มีเทศกาลที่คุ้นเคยกันดีรอคอยอยู่

“สอบปลายภาคแม่งโหดแน่เลยอ่ะ กูยังไม่แม่นไวยากรณ์ใหม่เลยว่ะ”

“ให้อัครสอนดิ”

อัครหันมองเพื่อนๆ ที่กำลังคุยกันเรื่องสอบและพาดพิงชื่อตน ส่วนใหญ่เด็กที่เรียนคณะนี้มีแต่ผู้หญิง ผู้ชายก็มีกลุ่มของอัครเท่าที่เห็น กับอีกไม่ถึงยี่สิบคนประปรายไปในเอกอื่นๆ

“อัครอ่านหนังสือมั่งยัง ปลายภาคอ่ะ” ปูเป้ที่เรียนเอกเดียวกันหันมาถาม อัครส่ายหน้า

“โหย อย่างแกไม่อ่านก็สอบได้ป่ะ ท็อปตลอดเหอะ” เสียงสาวๆ กลุ่มข้างๆ ดังขึ้น หลายคนเห็นด้วย

“บ้าเหรอ ยังไงก็ต้องอ่านดิ” อัครตอบยิ้มๆ “แต่จะนัดติวกันก็ได้นะ เราได้หมด”

“ดีๆ เวลาเหลือไม่มากละ มีอัครติวให้ก็น่าจะรอด เออ แล้ววรรณกรรมของจารย์สุรางค์อ่ะ ให้เพื่อนอัครติวได้ป่ะ คนนั้นที่เก่งๆ”

“แน็กเหรอ?” อัครเอียงคอนิดๆ เท่าที่นึกออกก็มีแน็กกับเชษที่เก่งวิชาวิจารณ์วรรณกรรม

“เออๆ คนนั้นอ่ะ”

“ได้ดิ เดี๋ยวบอกให้” อัครยิ้มตอบ ถ้าเป็นแน็กค่อนข้างคุยง่าย เพราะเลิกกับแฟนแล้ว เวลาว่างน่าจะเยอะขึ้น และอัครก็อยากให้เพื่อนได้เจอคนใหม่ๆ บ้าง

“จริงๆ เพื่อนอัครคนนั้น แน็กอ่ะ น่ารักดีนะ ไดซ์ไม่ชอบเหรอ เห็นอยู่ด้วยกันบ่อยนี่” สาวๆ กลุ่มข้างหลังถามขึ้น ก่อนหน้านี้ทุกคนชอบจิ้นอัครกับไดซ์ แต่อัครไม่มีทีท่าจะเล่นด้วย ไดซ์เลยต้องถอยมาทำใจอยู่ระยะหนึ่ง กว่าจะคุยกันได้เหมือนเดิม

“ไม่อ่ะ เป็นเพื่อนดีแล้ว” ไดซ์ที่เพิ่งผิดหวังจากอัคร ส่ายหน้าตอบพลางแปะกระดาษตกแต่งบอร์ด อัครมองเธอแล้วยิ้มบางๆ ให้ เข้าใจความรู้สึกเวลาโดนเพื่อนยัดเยียดให้คบคนนั้นคนนี้ดีเลย

นั่งทำงานไปเม้าท์มอยกันไปจนงานเริ่มเป็นรูปเป็นร่างใกล้เสร็จ อัครก็ได้รับข้อความทางไลน์จากคนที่คุยกันบ่อยมาในช่วงนี้ แต่ยังไม่ทันพิมพ์ตอบ ก็มีไลน์จากพรีมเข้ามาอีก

Prema-P: ใกล้สอบแล้วยัง

อัครเลือกที่จะตอบพรีมก่อน และพอตอบไปว่า ใกล้แล้ว พรีมก็ส่งข้อความมาทันที เหมือนเฝ้าอยู่หน้าจอ

Prema-P: มึงปิดเทอมก่อนดิ
Akkarapol: น่าจะ
Prema-P: ปิดเทอมไปเที่ยวกัน
Akkarapol: ไปไหน
Prema-P: เดี๋ยวถึงกทม.แล้วกูจะบอกอีกที
Akkarapol: โอเค

บทสนทนาจบเพียงแค่นั้น และอัครก็มัวแต่อมยิ้มจนเพื่อนๆ แซว ว่าเป็นแฟนไลน์มาหรือเปล่า แต่อัครปฏิเสธว่าไม่ใช่ แค่เพื่อนเก่า ด้วยความที่มัวแต่ดีใจที่ได้กลับมาคุยกับพรีมอีกครั้ง แถมยังจะนัดเจอ ชวนไปเที่ยวด้วยกันอีก อัครเลยลืมตอบไลน์ของซุปไปเสียสนิท

ถ้าพรีมไม่ติดต่อมาก่อน อัครก็คงไม่กล้าติดต่อไป และคงไม่ได้คุยกันอย่างนี้ แม้ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ พรีมถึงติดต่อมา แต่อัครก็มัวแต่ดีใจไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ไม่ส่งจดหมายมาให้ อัครเหมือนจะลืมแล้วด้วยซ้ำ

ช่วงเวลา 4 ปีกว่าๆ ที่ห่างหายกันไป อัครไม่รู้หรอกว่าพรีมจะเป็นยังไงหรือผ่านอะไรมาบ้าง เขารู้จักแค่พรีมตอนม.ต้น เด็กหน้าเนิร์ดอารมณ์ดีที่มีรอยยิ้มให้ทุกคน อยู่ใกล้ใครก็ทำให้รู้สึกสดชื่นสดใส เป็นเด็กหนุ่มแสนร่าเริงซึ่งเป็นที่รักทั้งของเพื่อนๆ และครูอาจารย์

และอัครไม่เคยคิดว่าพรีมจะเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนนั้น

tbc

เริ่มมาเรื่อยๆ ละ ความดราม่าและความสัมพันธ์อันซับซ้อน ถึงตรงนี้ จะมีคนเดาได้มั้ยนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด