X
Tomorrowland
“มิค เป็นอะไรรึเปล่าจ้ะ? ปวดหลังเหรอ?” เสียงโซอี้ถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นผมใช้มือนวดแถวๆบั้นท้าย
“เอ่อ..ก็ปวดๆนิดหน่อยครับ เมื่อคืนนอนผิดท่า” ผมตอบ รีบซุกมือเก็บ
“ถ้าอยากได้ครีมทาคลายเส้นหรือแผ่นแปะคลายปวดก็บอกได้เลยนะจ้ะ”
“ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้ผมยังโอเค ถ้าไม่ไหวจริงๆคงต้องรบกวนด้วยครับ”
“อย่าฝืนปวดมากเกินไปนะ เดี๋ยวเป็นเหมือนลูคัส เขาล่ะชอบกิจกรรมผาดโผน เมื่อปีที่แล้วพวกเราไปพักผ่อนกันที่แถบเือกเขาเอลป์ ลูคัสสนใจลองเล่นพาราไกลดิ้ง*แบบที่มีครูฝึกด้วย ขาลงร่อนกับพื้นลงอีท่าไหนไม่รู้ สงสัยเอาก้นลง บ่นปวดเป็นเดือน ดีนะไปหาหมอแล้วไม่เป็นอะไรมาก ถ้าไม่ฟอร์มจัดยอมบอกตั้งแต่แรกเขาคงหายปวดไปนานแล้ว” โซอี้เล่าให้ฟัง หรือออกแนวบ่นเสียมากกว่า ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ
จะให้บอกความจริงไปได้ยังไง...
ตอนนี้เวลาเที่ยง ผมกำลังพับผ้าของคนทั้งบ้านอยู่ครับ โซอี้เคลียร์งานเร็วเลยมารับช่วงดูแลเจย์เด็นต่อจากผมได้ ผมเลยหันมาเคลียงานบ้านนิดหน่อยที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย โดยเฉพาะพวกเสื้อผ้า ที่มีให้ซักได้วันเว้นวัน และต้องจำแนกเนื้อผ้า อุณหภูมิน้ำ ผ้าสี ผ้าขาว ยัดลงเครื่องเสร็จก็ต้องมาดูอีกว่าตัวไหนนำเข้าเครื่องปั่นแห้งได้หรือไม่ได้ ถ้าไม่ได้ผมต้องแขวนราวที่ระเบียง ดีที่ว่าตอนนี้ยังเป็นหน้าร้อน ผ้าเลยแห้งไวหอมกลิ่นแดดอ่อนๆ จากนั้นเมื่อแห้งแล้วผมก็ต้องพับและเอาไปเก็บเข้าตู้ให้ตลอด หากตัวไหนต้องรีดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อเชิ้ตของลูคัสผมก็จะเก็บไว้รีดวันต่อไป
“ผมลงไปที่ห้องก่อนนะครับ แล้วเจอกันตอนเย็นครับ”
“จ้ะ ตามสบาย”
ผมหยิบกองพับผ้าที่มีแต่ชุดของลูกชายคนโตสุดของบ้าน ผมกดลิฟต์ชั้นสองและไขกุญแจห้องเข้าไปวางกองผ้านั้นไว้ เจ้าตัวมาเห็นจะได้เก็บเข้าตู้เอง จากนั้นก็ลงไปยังชั้นสามที่เป็นห้องของผม ปกติแล้วช่วงบ่ายแบบนี้ผมจะว่างเพราะโซอี้ดูแลเจ้าก้อนแป้งเอง ส่วนผมก็ทำอาหารกลางวันง่ายๆกิน หรือไม่ถ้าขี้เกียจมากก็ไม่กินอะไรเลย รอทานตอนเย็นทีเดียว
นิสัยใหม่ของผมตั้งแต่ได้มาทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กก็คือ...นอนกลางวันครับ วันละครึ่งชั่วโมงบ้าง หนึ่งชั่วโมงบ้าง ตื่นมาก็ดูหนัง ฟังเพลง แชทคุยกับแม่และเพื่อนที่ไทย เห็นพวกมันลงรูปของกินทีไรนี่น้ำตาจะไหลทุกที ส้มตำปูปลาร้าเอย ขนมจีนน้ำยาปูเอย ไหนจะชาไข่มุกอีก...อาหารไทยคือสิ่งเดียวที่ผมคิดถึง หากไม่นับแม่และเพื่อนๆ
จริงๆจะตำส้มตำกินเองก็ได้ ทว่าตั้งแต่มาถึงได้เดือนนึงแล้ว เข้าออกซุปเปอร์มาเก็ตเป็นว่าเล่นก็ยังไม่เคยเห็นมะละกอวางขายเลย มะพร้าวยังมีบ้างแต่โคตรพ่อโคตรแม่แพงลูกละสามร้อยกว่าบาท บ้ารึเปล่า ใครจะซื้อ...
ผมไงครับ ผมซื้อ...นั่งดูดน้ำมะพร้าวพลางเช็คโทรศัพท์อยู่นี่ไง อภินันทนาการจากบัตรเครดิตของคุณนายโซอี้ อิอิ
แต่ไม่ได้ซื้อของพวกนี้บ่อยนักหรอกนะครับ เพราะผมเกรงใจ ส่วนใหญ่จะตุนเนื้อ ผัก ผลไม้ พวกขนม นม และน้ำอัดลมต่างหาก
ผมเล่นโทรศัพท์จนผล็อยหลับไป รู้ตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะนาฬิกาที่ผมตั้งปลุกไว้ว่าต้องขึ้นไปทำงานต่อตอนเย็น งานช่วงเย็นก็ไม่มีอะไรมากครับ วันไหนต้องทำดินเนอร์ผมก็จะสบายหน่อย วันไหนที่ต้องเล่นกับเจย์เด็น หรือสอนการบ้านแซมมวลก็จะปวดหัวหน่อยๆ อย่างวันนี้ที่ผมต้องอุ้มเจ้าตัวเล็กไปด้วย สอนเลขแซมมวลไปด้วย เราสามคนนั่งอยู่ในห้องนอนของแซมที่ส่วนใหญ่จะตกแต่งด้วยพรมสนามแข่งรถ โต๊ะลิ้นชักของเล่นก็เต็มไปด้วยลังรถของเล่นที่ผมกะคร่าวๆคงมีมากกว่าห้าร้อยคัน รวมไปถึงสัตว์ต่างๆอีกตู้เช่นไดโนเสาร์ เสือ แรด ปลาฉลาม ถัดมาก็จะเป็นกล่องเครื่องดนตรี ต้องชื่นชมโซอี้เลยครับที่สอนให้ลูกๆรู้จักแบ่งแยกประเภทของเล่นได้อย่างเป็นระเบียบ
“มะ มะ อะ มะ” เสียงที่ออกมาไม่เป็นคำไม่มีความหมายดังขึ้นจากปากเจย์เด็น เขาดูโง่งมแต่ก็น่ารักมาก มือป้อมๆหยิบรถแข่งคันโตมาแทะเล่น
“เฮ้! เจย์เด็น อย่ามาแทะแลมโบกินี่ของฉันสิ” ไม่พูดเปล่า แซมรีบคว้าแลมโบสีเหลืองขนาดเท่าหนึ่งไม้บรรทัดออกจากเจย์เด็นทันที ผลที่ตามมาก็คือ...
“แง๊!!! ฮรืออออออ มะ มะ แง๊! อะ อะ มาาา มะ มาาา” ครับ...เจย์เด็นแหกปากร้องจ้าเพราะโดนขัดใจที่ถูกแย่งของเล่นไป
ผมที่เป็นพี่เลี้ยงและอยู่มาได้เดือนกว่าแล้วจึงรู้ดีว่าควรทำอย่างไร ผมเดินไปหยิบรถของเล่นคันใหม่ที่อาจจะเล็กกว่าแต่มั่นใจแน่ๆว่าแซมมวลไม่หวงให้เจ้าตัวเล็กแทน พอเจย์เด็นเห็นของเล่นชิ้นใหม่ก็หยุดร้องและเริ่มแทะขอบยางรถทันที
เฮ้อ...ดีนะที่เจ้าปุ้มปุ้ยนี่ยังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ ขอแค่ได้กินและมีของเล่นให้แทะในมือก็พอแล้ว เจย์เด็นเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายมากเมื่อเทียบกับเบบี้คนอื่นๆ
แซมมวลพอเห็นว่าเจย์เด็นหยุดร้องแล้วก็หมุนเก้าอี้หันกลับไปทำการบ้านต่อ เขากำลังเรียนเรื่องสูตรคูณ สามารถท่องแม่2,4,5,10,11 ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ทว่าที่เหลือก็ยังติดขัด เขาเลยต้องมานั่งท่องใหม่แบบนี้
จากเหตุการณ์เมื่อครู่ถ้าเป็นผู้ปกครองคนอื่นๆหรือพี่เลี้ยงคนอื่นๆคงจะสอนให้พี่ต้องเสียสละของเล่นให้น้องใช่ไหมครับ...แต่สำหรับโซอี้แล้วเธอบอกผมว่าอย่าทำแบบนั้นเพราะมันจะเป็นการสร้างปมในใจให้แซม ยิ่งหากเราไปพูดแบบนั้นมันก็จะยิ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจลึกๆให้กับแซม เขาจะคิดว่าตัวเขาที่เกิดก่อนได้ของเล่นมาก่อนทำไมต้องเอาของเล่นให้น้องด้วย ในขณะที่เจย์เด็นยังเล็กและแทบไม่รู้เรื่องอะไร การที่เราหยิบของเล่นชิ้นใหม่ให้แทนจะง่ายกว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพี่น้องจะไม่เกิด
แซมมวลเป็นพี่ชายที่ดี แม้บางครั้งจะฉลาดแกมโกงไปบ้าง แต่เขาก็เสียสละให้น้องในบางโอกาสเช่นขนมบิสกิตธัญพืชที่เหลือจากกล่องข้าวที่ผมเตรียมให้ไปโรงเรียน พอกลับบ้านมา เขาก็จะยิื่นให้เจ้าตัวเล็กอย่างใจดี ผมเห็นครั้งแรกแล้วยิ้มแก้มปริเลยครับ แต่พอหลังๆเริ่มสังเกตได้ว่าเขาเหลือบิสกิตนี้มาทุกครั้งผมก็เลยไปถามเขาว่าเพราะอะไร
‘มันไม่อร่อย’
ง่ายๆสั้นๆแค่นั้นแหละ ไอ้เราก็นึกว่าเป็นพี่ชายใจดีคอยเหลือขนมให้น้อง ที่ไหนได้...แต่ก็ดีที่แซมยังนึกถึงน้อง ส่วนเจ้าก้อนแป้งที่สวาปามทุกอย่างลงท้องมีหรือจะอิดออด ดวงตาฟ้าใสแจ๋วกับมือป้อมๆนั่นคอยรับขนมที่ได้จากพี่ชายทุกวันจนกลายเป็นนิสัยไปเสียแล้ว
ระหว่างที่รอให้แซมท่องสูตรคูณแม่6และ7ได้คล่อง ก่อนที่จะมาสอบท่องกับผม ผมพยุงแขนเจย์เด็นเดินไปรอบห้อง เพื่อฝึกกำลังขา ในวัยนี้เขาคลานเก่งมาก แต่เนื่องจากกระดูกขายังไม่แข็งเลยเดินไม่คล่อง แต่ผมกับโซอี้ชอบจับแล้วฝึกให้เขาเดิน เจย์เด็นชอบใจ หัวเราะเอิ้กอ้าก ขาป้อมสั้นพยายามก้าวยาวๆเพื่อเตะลูกบอลที่ผมหยิบมาเพื่อเป็นแรงจูงใจให้เขาเดิน
“มิค ผมพร้อมแล้ว” แซมกล่าวขึ้นขณะที่ผมพาเจย์เด็นเตะบอลวนรอบห้องได้ห้ารอบ
“โอเค ปิดหนังสือแล้วเริ่มท่องเลย ฉันฟังอยู่” ตัวผมยังคงพาเจย์เด็นเดิน แต่หูก็คอยเงี่ยฟังแม่สูตรคูณจากปากลูกชายคนกลาง
เรียกได้ว่าคนเป็นแม่หรือพี่เลี้ยงนี่ต้องคอยทำหลายๆอย่างได้ในเวลาเดียวกันจริงๆครับ ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นโซอี้ป้อนข้าวเจ้าตัวเล็กในอ้อมอก ขณะที่ปากก็คุยโทรศัพท์กับลูกความ อีกทั้งยังจับตามองแซมมวลไม่ให้ทำอะไรแผลงๆตรงระเบียงอีกด้วย ซุปเปอร์มัมตัวจริงเสียงจริง
“มากินข้าวกันได้แล้วจ้า มื้อเย็นเสร็จแล้ว วันนี้มีสเต็กเนื้อกับสลัดผักจ้ะ” เสียงโซอี้เรียกทำเอาแซมกระโดดโหยง แล้วรีบวิ่งไปยังโต๊ะกินข้าว
“เนื้อ เนื้อ เนื้อ!” แซมชอบเนื้อมาก
“ล้างมือหรือยัง” ผมพาเจย์เด็นเดินตามมาทีหลังถามแซม
“ถูกต้องที่สุด” โซอี้ยกนิ้วให้ผม แซมไม่อิดออกเขาลุกไปล้างมืออย่างรวดเร็วในขณะที่ผมอุ้มเจย์เด็นนั่งลงบนเก้าอี้เบบี้ เตรียมป้อนผักบดให้เขา
“เป็นยังไงบ้างจ้ะมิค เริ่มชินที่นี่หรือยัง”
“ครับ ผมเริ่มปรับตัวได้แล้ว รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแม่คนจริงๆเลยครับ ฮ่าๆๆ”
“ฉันว่าเธอต้องเป็นพ่อคนที่ดีแน่นอน”
“ไม่หรอกครับ ผมยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ยังสู้โซอี้ไม่ได้เลย โซอี้เก่งมากเลยนะครับที่เลี้ยงลูกทั้งสามคนให้เติบโตมาได้ขนาดนี้”
“แรกๆฉันก็ติดขัดหลายอย่างเลยล่ะจ้ะ แต่การเป็นแม่คนนี่เปลี่ยนอะไรไปได้เยอะ โดยเฉพาะตัวฉันนะ...เมื่อก่อนที่ปาร์ตี้ไม่หลับไม่นอน บ้านไม่กลับ เล่นยา แถมยังเคยแอบปลูกกัญชา บ้าผู้ชายมาก ฉันเคยอกหักไม่ไปเรียนเป็นเดือนด้วย แต่พอถึงจุดๆหนึ่ง...เจอคนที่ยอมรับและเข้าใจในตัวฉันอย่างลูคัส เราสองคนก็ผ่านอะไรกันมามากมาย จนสุดท้ายแล้วเราก็ได้แต่งงานและมีลูก มันมีความหมายต่อฉันมากจริงๆ”
โซอี้เล่าให้ฟังขณะที่เราสามคนหนึ่งเบบี้กำลังกินข้าวเย็น ถ้าหากไม่บอกผมก็คงเดาไม่ออกเลยว่าโซอี้ที่เข้มเนี๊ยบสมกับเป็นทนายสาวแบบนี้ครั้งหนึ่งในชีวิตจะเคยเหลวแหลก
“โอ้” ผมอุทานตาโต
“ครั้งหนึ่งในชีวิต อยากทำอะไรก็ทำเถอะ แล้วพอเธอมีประสบการณ์และได้เรียนรู้ เธอจะเข้าใจในชีวิตเอง ดีกว่ามาเสียใจทีหลังว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่ทำ...หากเธอได้ลองได้ทำแล้ว ในอนาคตเธอจะไม่มีคำว่า ‘ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้...’ เพราะความจริงแล้วเวลาเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ว่าจะรวยหรือจน จะเด็กหรือแก่ก็ไม่มีทางซื้อคืนกลับมาได้ ไม่ว่าสิ่งที่เธอตัดสินใจมันจะดีหรือร้าย แต่อย่างน้อยเธอก็ได้ลองทำแล้ว...”
ผมนิ่งอึ้ง สิ่งที่โซอี้พูดมันทำให้ผมคิดได้...ดีแล้วที่ตอบรับข้อเสนอของไมเคิล เพราะถ้าหากปฏิเสธไปผมก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเขาอีกเมื่อไหร่ อีกทั้งผมยังอยากรู้ทุกๆด้านที่เป็นตัวตนของเขา ผมอยากให้เขาเผยออกมาให้ผมรับรู้ทั้งหมด
ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ผมก็จะไม่เสียใจในสิ่งที่ผมได้ตัดสินใจลงไปแล้ว
โซอี้เปลี่ยนเรื่องคุยหันไปถามแซมเกี่ยวกับโรงเรียนบ้างเป็นภาษาเยอรมัน ซึ่งผมไม่เข้าใจเท่าไหร่ เลยได้แต่ป้อนผักบดให้เจย์เด็นกิน ขณะนั้นเสียงลิฟต์เปิดโซอี้จึงตะโกนถาม
“ธีโอ? กลับมาแล้วเหรอลูก มากินข้าวสิ และอย่าลืมล้างมือก่อนด้วย”
ลูกชายคนโตกลับมาแล้ว ผมได้ยินเสียงเขาเดินไปยังห้องน้ำเพื่อล้างมือตามคำสั่ง ก่อนจะปรากฏกายให้เห็น ธีโอนั่งลงบนเก้าอี้ประจำข้างแซม ตรงข้ามผม เขาทักทายทุกคนเป็นภาษาเยอรมันเรียบๆ รวมไปถึงผมด้วย
มือที่กำลังป้อนเจย์เด็นชะงัก แต่เจ้าตัวกลับทำเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ ตักสลัดและเนื้อสเต็กใส่จานแล้วกินเงียบๆ ผมที่เรียกสติกลับมาได้จึงตอบทักทายตอนเย็นเป็นภาษาเยอรมันกลับไป
ที่ผมแปลกใจนั่นเป็นเพราะว่าช่วงที่กินข้าวร่วมโต๊ะกันแรกๆหรือต้องเจอหน้ากัน ธีโอแทบจะไม่มองผมเลย แต่นี่เขากลับทักทายผมก่อน...อืม...สงสัยเป็นเพราะเมื่อคืนวันศุกร์ที่เขารู้สึกผิดจนมาขอโทษ ตอนนี้เขาคงปฏิบัติกับผมแบบปกติแล้วได้ล่ะมั้ง แบบที่ว่าไม่ได้เกลียด แต่ก็ไม่ได้สนิทเหมือนคนในครอบครัว ผมรู้ว่าเรายังมีช่องว่างเล็กน้อย
เราทานข้าวกันเสร็จ ผมทำหน้าที่ทำความสะอาดครัวเหมือนเดิม แซมหันไปเล่นวิดิโอเกมกับพี่ชาย โซอี้อุ้มเจย์เด็นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวเข้านอน เมื่อผมทำความสะอาดเสร็จ บอกฝันดีเจย์เด็น แซมและโซอี้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จงานของวันนี้ ผมเดินมายังหน้าลิฟต์ ทว่าระหว่างรอลิฟต์ขึ้นมาก็มีร่างสูงมายืนข้างๆ
เป็นธีโอนั่นเอง เราสองคนไม่ได้พูดอะไร แต่บรรยากาศก็ไม่ได้อึดอัดเหมือนก่อนหน้าที่เขาพูดดูถูกผม คงเรียกได้ว่าความสัมพันธ์ของผมและเขาดีขึ้นเล็กน้อยล่ะมั้ง
ติ๊ง!
ขายาวๆก้าวเข้าไปด้านใน ตามด้วยผม เขากดชั้นสอง ส่วนผมกดชั้นสาม
“เฮ้...อะแฮ่ม...ผีมิคซูดล่อ...มาที่ห้องฉันแป๊บนึงสิ” เสียงทุ้มต่ำเรียกขณะที่ประตูลิฟต์เปิดชั้นสองห้องพักของเขา ธีโอจำได้ด้วยว่าเมื่อวันศุกร์ผมบสั่งเขาว่าอะไร ผมกลั้นขำที่เขาออกเสียงผิด เก๊กหน้าขรึมเดินตามออกไป
“มีอะไรเหรอ?”
ธีโอเปิดประตูห้อง ถอดรองเท้าเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์และเดินไปยังจุดที่ผมมักจะวางเสื้อผ้าของเขาไว้
“ขอบคุณนะที่พับผ้าให้”
ผมเบิกตากว้าง
โอ มาย ก๊อด ... เขาขอบคุณผมแหละ รู้สึกตื้นตันในอกยังไงก้ไม่รู้ เหมือนหัวใจพองโตเลย
“แต่ช่วยเอาไปเก็บในตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของฉันด้วยได้ไหม วางตรงนี้มันเกะกะ”
...
หัวใจที่กำลังพองโตของผมเหี่ยวลงทันทีเหมือนมีคนเอาเข็มมาเจาะ
“ครับ คุณชาย” ผมตอบประชด “มีอะไรอีกไหม” ถ้าเรียกผมมาด้วยเรื่องแค่นี้ทีหลังบอกตอนอยู่ในลิฟต์ก็ได้นะ
“นายชอบดนตรีแนวไหน”
หา? คำถามอะไรของเขาเนี่ย
“ปกติก็ฟังได้ทุกแนว ทำไม?”
ธีโอไม่ตอบ เดินไปหยิบบางอย่างจากบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น ผมเดินตามหลัง เขาหันกลับมาพร้อมบัตรบางอย่าง ข้อความตัวโตๆบนบัตรทำให้ผมตะลึง
นี่มันบัตรเข้างานเทศกาลดนตรี EDM ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก...Tomorrowland!!
“พอดีว่าเพื่อนฉันคนนึงมันไม่ว่าง เลยเหลือบัตรใบนึง” เขาตอบคำถามโดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยปาก
“แล้วเพื่อนนายคนอื่นๆล่ะ? เอามาให้ฉันแบบนี้จะดีเหรอ นี่มันบัตร VIP เลยนะ”
“อย่าถามมาก ถ้าไม่อยากไปก็เอาคืนมา ฉันจะได้เอาไปขายต่อ” แขนยาวๆคว้าหมายจะเอาบัตรคืน แต่ขอโทษ ผมเร็วกว่า เอี้ยวตัวหลบได้ทัน
“ให้แล้วให้เลย ไม่มีการเอาคืนสิ” ผมไม่ได้เซ้าซี้ธีโอต่อ แต่สังเกตเห็นจากหูแดงๆนั่นก็พอเดาได้แหละครับว่าเขาตั้งใจเอาบัตรนี้มาให้ผมแน่ๆ เพราะไม่อย่างนั้นคนที่มีเพื่อนเยอะอย่างเขาทำไมต้องเอามาให้ผมด้วย หรือถ้าไม่มีคนไปได้จริงๆเอาไปขายต่อก็ได้ราคาดีมาก
เพื่อนผมหลายคนที่เป็นสายEDMตระเวณทุกเฟสติวัลกล่าวถึงงานนี้กันเยอะมาก ว่ามันคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตเลย การจะได้ไปงานนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้มีเงินถึงก็ตาม แม้ราคาบัตรจะแรงแต่ก็ขายหมดในไม่กี่นาที อีกทั้งยังจัดที่ประเทศเบลเยี่ยมเท่านั้น
ผมมองบัตรในมือราวกับว่ามันคือทองล้ำค่า ถึงแม้ผมจะไม่ได้ไปพวกเทศกาลดนตรีบ่อย ทว่าผมก็ชอบไปปาร์ตี้EDMเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนะ มีบัตรแค่ใบเดียวเองเหรอ? จะให้ผมไปคนเดียวหรือยังไง?
“ฉันกับเพื่อนจะบินไปเบลเยี่ยมศุกร์นี้ จองตั๋วไว้หมดแล้ว ถ้านายจะบินไปพร้อมกันก็บอกชื่อเต็มและเลขพาสปอร์ตนายมา เดี๋ยวฉันจะโทรไปแจ้งเปลี่ยนชื่อบนตั๋วให้” ธีโอพูดนิ่งๆ หยิบไซเดอร์ในตู้เย็นมาดื่ม “บัตร VIP นั่นเป็นแบบรวมที่พัก ดังนั้นนายจะต้องนอนรวมกับเพื่อนๆฉันด้วย แต่ถ้าไม่อยาก...นายต้องไปจองที่พักข้างนอกเองนะ”
“ไม่เป็นไรๆ ฉันนอนกับเพื่อนนายได้” ผมรีบบอก เรื่องอะไรจะต้องไปจองที่พักเอง ป่านนี้คงเต็มหมดแล้ว ไม่ก็อัพราคาแรงซะจนเงินเดือนทั้งเดือนผมยังไม่พอจ่ายคืนนึงเลย
“อืม...”
“ขอบคุณนะ” ผมดีใจจนอดโดดกอดชายหนุ่มที่เด็กกว่าไม่ได้ ธีโอตัวแข็งทื่อ แต่ก็ไม่ได้ปัดป้องผมออก เขาปล่อยให้ผมกอดอยู่อย่างนั้น “นายนี่ก็ใจดีเหมือนกันแหะ”
การที่เขาเอาบัตร Tomorrowland มาให้ผม...คงไม่ใช่เพียงเพราะการไถ่โทษ แต่คงเพราะเขาเห็นว่าผมไม่มีเพื่อนเลยด้วยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เขาคงอยากให้ผมออกไปเที่ยว ได้มีสังคมแบบวัยรุ่นทั่วๆไปบ้าง
“ปล่อยได้รึยัง”
“ฮันแน่...เขินเหรอ หน้าแดงหูแดงเชียว” ผมแซว ยืดตัวไปจิ้มแก้มสีระเรื่อ ธีโอหันหน้าไปอีกทาง พลางปัดนิ้วมือผมออก
“เดี๋ยวก็ยึดบัตรคืนซะเลย”
“ขอโทษครับๆ ไม่แกล้งแล้ว...ยังไงก็ขอบคุณนะธีโอ...ฝันดีครับ”
“อือ...ฝันดี”
ผมเดินออกจากห้องธีโอแบบตัวลอยๆ ผมดีใจจริงๆนะที่เขาชวน แถมยังให้บัตรมาฟรีๆอีก ตอนแรกผมนึกว่าสุดสัปดาห์นี้จะต้องนอนเหี่ยวเฉาอยู่ที่ห้องคนเดียวซะอีกเพราะไมเคิลไม่อยู่ พอถึงห้องตัวเองก็รีบหยิบโทรศัพท์ถ่ายบัตรอวดลงโซเชี่ยลมีเดีย เพื่อนผมหลายคนรีบมากดไลค์และคอมเม้นต์กันใหญ่เลยว่าอิจฉา จากนั้นก็เสิร์ชหารายละเอียดของศิลปินดีเจ กิจกรรม รายละเอียดต่างๆของงาน พบว่าบัตร VIP ที่ผมได้มานั้นเป็นแบบเข้างานได้ 4 วัน จากวันพฤหัสบดีถึงวันอังคาร สามารถเข้าได้ทุกโซน รวมไปถึงที่พักแบบ Exclusive Mansion ซึ่งเป็นแบบที่แพงที่สุด! ราคาราวๆหนึ่งล้านบาท สามารถพักได้ 10-12 คน อีกทั้งแมนชั่นนี้จะไม่มีขายรวมกับแพคเกจอื่นๆ แต่ต้องติดต่อกับทีมงาน Tomorrowland โดยตรงเท่านั้น
เพียงได้อ่านเท่านี้ผมก็จะเป็นลมแล้วครับ ใจเต้นตึกตัก ยิ้มกับตัวเองหน้าคอมพ์ไม่หยุด ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะได้ไปเทศกาลดนตรีแบบนี้ด้วย แค่ดูรูปจากปีก่อนๆก็มันส์แล้ว นี่ถ้าผมได้ไปสัมผัสและยืนตรงนั้นเองจะสนุกแค่ไหน
ต้องขอบคุณธีโอจริงๆ...
*50%*
เตรียมตัวให้พร้อม ไปเที่ยวงาน EDM กับหนูมิคกันค่าาาาาาา