นิยายเรื่องนี้ไม่มีตัวร้าย (แต่ก็ไม่มีพระเอกเช่นกัน) Drama Incest 18+ Ep.11 3/8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นิยายเรื่องนี้ไม่มีตัวร้าย (แต่ก็ไม่มีพระเอกเช่นกัน) Drama Incest 18+ Ep.11 3/8  (อ่าน 10485 ครั้ง)

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม :o12:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2018 10:18:09 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
https://open.spotify.com/track/6rT0BKAbg4y35tukHcfk4N?si=THHZQR3WTyCAILP0A8pMCg


คำเตือน



เรื่องนี้ดราม่า Incest Drugs และมีการใช้ความรุนแรง + ข่มขืน

แต่ไม่ได้มีทุกตอนอย่างคลุ้มคลั่งอะไรขนาดนั้น แค่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องเท่านั้น



พิจารณาก่อนอ่านนะขอรับ








00 Intro


“ตราบใดที่หัวใจยังเต้นอยู่ พวกเราก็ยังคงมีชีวิต”
ใครคนหนึ่ง เคยพูดแบบนั้นเมื่อนานมาแล้ว


ตี้ด...ตี้ด...ตี๊ด...ตี้ด...

เสียงเครื่องช่วยหายใจยังคงดังก้องในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่
ร่างหนึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงสีขาวพร้อมสายระโยงรยางค์
ผู้คนในชุดคลุมสีเขียวอ่อนที่รายล้อมอยู่นั้นท่าทางร้อนรนและรีบเร่ง


และผม...ทำได้แค่นั่งภาวนาอยู่ตรงนี้


ได้โปรด

อย่าพรากเขาไปจากผมอีกเลย

to be cont...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2018 11:42:21 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ Kim0404

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
เรื่องนี้วางพลอตไปได้ครึ่งทางเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่รู้ตอนจบเช่นกัน 

วันนี้แต่งได้เท่านี้ก่อน เนื่องในวันเกิด จะออกไปฉลองกับคุณแควน อิๆ

เรื่องอื่นดราม่าไม่ค่อยสุด เลยจะลงมือยำเรื่องนี้เยอะๆ อาจจะมาลงช้าหน่อย ขอเวลาหาข้อมูลด้วย

แต่รักคนอ่าน คนเม้นท์ ทุกคนเลยน้า



1
“ออกไปจากบ้านอั๊วะ! อั๊วะไม่มีลูกอย่างลื้อ!”

เสียงก่นด่าจากบุพการีผู้มีพระคุณดังลั่นจนเพื่อนบ้านยังต้องออกมาชะเง้อคอมองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ด้วยสีหน้าสนใจใคร่รู้ ด้วยรอยยิ้มที่ราวกับเยาะเย้ยและเหยียดหยัน

“บ้านเฮงซวยแบบนี้ อั๊วะก็ไม่อยากอยู่นักหรอกเว้ย!”

ซอง!” พี่ชายที่ยืนปกป้องน้องจากไม้แขวนเสื้อของบิดาที่กระหน่ำฟาดลงมาทันทีที่เจอหน้าลูกชายคนเล็ก หันไปมองน้องแล้วส่งเสียงปรามเบาๆ สองแขนยังคงกางออกเพื่อไม่ให้พ่อหวดไม้แขวนเสื้อใส่น้อง ในขณะที่บิดายังโมโหโกรธาหน้าดำหน้าแดง ทั้งอับอายและละอาย...

“เออ! ไปเลย ไอ้ซอง! ไปให้พ้นๆ!”

“ป๊า อย่าไล่ลูก...”

“อย่าไป ซอง!”

เสียงคนสามคนดังประสานกันยุ่งเหยิงอลวน เพื่อนบ้านจอมเผือกมองเด็กชายวัย 15 ปีที่วิ่งหนีออกจากบ้านที่เป็นทาวเฮ้าส์สามชั้นอย่างสงสัยใคร่รู้ยิ่งขึ้น ก่อนจะเบนสายตาไปหาคนพี่ที่วิ่งตามน้องออกมาติดๆ

ซิง มองเห็นซองวิ่งเลี้ยวหายไปไวๆ ร่างสูงโปร่งก้าวยาวๆ อย่างรีบร้อน มือกดปลดล็อครีโมทรถยนต์ราคาหลักล้านที่พ่อซื้อให้ตอนที่สอบเข้าคณะแพทย์มหาวิทยาลัยดัง ที่จอดอยู่หน้ารั้วบ้าน

“อาซิง อีไปไหนน่ะ แล้วที่เขาว่าอีติดยา...” ป้าแก่ๆ ข้างบ้านส่งเสียงถาม ไม่ได้มีเศษเสี้ยวความห่วงใยในน้ำเสียงเย้ยหยันนั้นเลย ซิงเพียงขมวดคิ้วเหลือบมองอีกฝ่าย แววตาดุดันน่ากลัวราวกับมีแสงดาบคมกริบพุ่งออกมาปาดคอ ทำเอาคนถามหุบปากฉับ

เขาไม่สนใจว่าจะถูกมองอย่างไร ปิดประตูเสียงดังสนั่นแล้วสตาร์ทรถขับตามหลังน้องชาย

ซองไม่ได้เดินเร็วไปกว่ารถยนต์ และยิ่งหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาหมาดๆ เช่นนี้ ร่างกายยังไม่แข็งแรงดี แม้จะเดินเหินได้ แต่ก็ยังโซเซเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง

ซิงลดกระจกลง ตะโกนเรียกน้อง “ซอง ขึ้นรถ ไปกับพี่”

ซองเหลือบสายตาขวางๆ อย่างกรุ่นโกรธ ทั้งจากพ่อและบางอย่างที่รุมเร้าในใจ เด็กหนุ่มไม่ตอบ แต่เร่งฝีเท้าเท่าที่แรงอันน้อยนิดจะทำได้ หลีกหนีให้ห่างจากพี่ชายเพียงคนเดียวที่มี

พี่ชายเหี้ยๆ ที่ไม่อยากมี

“ซอง พี่บอกให้ขึ้นรถ!” ซิงเริ่มเปลี่ยนจากเสียงตะโกนเป็นตะคอก แต่ซองยังก้มหน้าก้มตาเดินหนี เขาสบถเบาๆ ในรถ เปิดประตูลงจากรถ วิ่งไปคว้าแขนซองไว้

“ปล่อย ปล่อยกู!” เด็กหนุ่มร่างผอมซูบซีดโวยวาย สะบัดแขน หากแต่สายตาไม่ยอมมองหน้าพี่ชาย

ซิงขมวดคิ้ว ใบหน้าถมึงทึง หากน้ำเสียงนั้นอ่อนลงในที “อย่าดื้อได้มั้ย”

“มึงก็ปล่อยกูไปสักทีสิ!” ซองเงยหน้าทั้งน้ำตาคลอแผดเสียงใส่หน้าพี่ชายต่างพ่อ พี่ชายที่เคยทั้งรักและเคารพมาตลอด พี่ชายที่เคยไว้ใจ เคยเป็นทุกอย่างในชีวิต

แต่แล้วไอ้พี่ชายแสนดีคนนี้แหละ ที่แม่งทำเรื่องระยำกับตัวเขาไว้

“ถ้าไม่อยากกลับบ้าน ก็ไปอยู่กับพี่” ซิงพยายามอ้อนวอน แม้แรงที่บีบข้อแขนนั้นจะไม่ได้ลดลงเลย ซองสู้แรงผู้ชายคนนี้ไม่ได้...ไม่เคยได้

“กูไม่ไป! อย่ามายุ่งกับกู! อ๊ากกก อ๊ากกกกกก” ซองร้องคำรามอย่างเหลืออด ร่างกายทั้งหมดถูกกอดรัดแน่นหนา พี่ชายลากพาเข้าไปยัดในรถ ปิดประตูกักขัง


รถเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน


ร่างผอมเกร็งนั่งขดตัวสั่นเทาบนเบาะหรูหรา


น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งริน

เจ็บปวดไปหมด


หากแต่อีกคนที่อยู่เคียงข้าง


คนที่เคยพูดว่าจะอยู่เคียงข้าง


กลับกำลังแสยะยิ้ม


ราวกับได้ชัยชนะมาไว้ในมือ



to be cont again...

ออฟไลน์ เปลว แว๊บแว๊บ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาม่าเกินไปแล้วววววว    :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ Tak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :monkeysad:มารอดราม่า ฉันรักความเจ็บปวด

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
2
คนหนึ่งทั้งเรียนดี กีฬาเด่น เกรดเฉลี่ย 4.0 ตั้งแต่ม.1-6 แถมยังหน้าตาดี สอบเข้าคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังได้ ไม่ว่าทำอะไรก็มีแต่คนชื่นชม เป็นที่น่าภาคภูมิใจของครอบครัว เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่วงศ์ตระกูล แม้ไม่ใช่สายเลือด ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ป๊าของเขาก็รักเสมือนเป็นลูกแท้ๆ มาตลอด

“หัดเอาอย่างพี่ชายลื้อบ้างสิ อาซอง”

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็มักจะได้ยินอย่างนี้เป็นประจำ และซองก็ได้แต่ทำหน้าเหม็นเบื่อ อุดหูด้วยเฮดโฟนและเล่นเกมมันต่อไป

“วันๆ เล่นแต่เกม ไม่ก็ออกไปก่อเรื่องกับไอ้เพื่อนเลวๆ ของลื้อ เมื่อไหร่จะเป็นผู้เป็นคน ยิ่งพี่ลื้อไปอยู่คอนโด ยิ่งไม่มีคนคอยห้ามปรามอีก แย่ๆๆ”

“ป๊าจะบ่นทำไมนักหนา อั๊วะจะเล่นเกม เสียสมาธิว่ะ” ประโยคหลังเขาแค่สบถเบาๆ กับตัวเอง แล้วหันกลับไปมองจอคอมฯตรงหน้าต่อ แต่เสียงบ่นของป๊าก็ยังลอยมาเข้าหูอีก

“แล้วจะสอบเข้าม.ปลายกับเค้ามั้ยเนี่ย อั๊วะล่ะเบื่อจะบ่นเหมือนกันล่ะ แต่ลื้อมันทำตัวแย่อย่างนี้ไง ถ้าได้อย่างอาซิง อั๊วะจะไม่บ่นอะไรเลย”

ซองเบะปาก ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงบ่นนั้น พอป๊าเบื่อก็จะออกไปจากห้องของเขาเอง และพอป๊าออกไปแล้ว ซองก็หยิบสมาร์ทโฟนมากดโทรหาพี่ชาย

[ว่า?] เสียงนุ่มๆ จากปลายสายดีกว่าเสียงบ่นของบุพการีเป็นไหนๆ ซองคิดถึงพี่ชายของเขามาก ซิงย้ายไปอยู่คอนโดตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย นานทีจะกลับมาบ้าน ทำให้ซองต้องโดนป๊าทั้งบ่น ทั้งดุด่า และบางครั้งก็โดนไล่เตะไล่ตีประจำ เพราะไม่มีซิงมาคอยห้ามทั้งเขาและป๊า

“ผมเบื่อ เมื่อไหร่เฮียจะกลับบ้าน”

[เป็นอะไรอีกล่ะ ทะเลาะกับป๊าเหรอ]

ซองถอนหายใจจนเสียงดังเข้าไปในโทรศัพท์ “ป๊าเอาแต่บ่นเรื่องเดิมๆ หาว่าผมชอบก่อเรื่อง ไม่เก่งเหมือนเฮียสักที”

[ป๊าเขาก็แค่เป็นห่วงอนาคตนาย นี่ก็จะม.3 แล้วนะ คิดเรื่องเรียนต่อรึยัง?] น้ำเสียงห่วงใยและอ่อนโยนของพี่ชาย ทำให้ซองรู้สึกดีขึ้นมาก คิดถูกจริงๆ ที่โทรไปหาซิง เขากำลังอยากปรึกษาเรื่องเรียนต่ออยู่พอดีด้วย

“ผมอยากต่ออาชีวะ อยากเรียนช่างยนต์ เฮียว่าดีมั้ย?”

[พี่แล้วแต่นายนะ แต่นายต้องบอกป๊ากับแม่ด้วย]

“เฮียกลับมาช่วยคุยให้ผมทีสิ นะนะ เฮียสุดหล่อ เฮียซิงใจดีที่สุดในโลก” ซองอ้อนเหมือนเด็กๆ และซิงก็มักจะยอมทำตามคำขอของน้องเสมอ

[ช่วงนี้เรียนหนักมากเลยว่ะ มันจะสอบแล้ว รอพี่สอบเสร็จจะรีบกลับบ้านเลย ตั้งใจเรียนนะซอง]

......

ซิงวางสายจากน้องชายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ความจริงไม่จำเป็นต้องกลับไปคุยให้เลยด้วยซ้ำ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องใส่ใจหรือสนใจ ซองอาจจะคิดว่าเขาเป็นพี่ที่ดีเหลือหลาย แต่ความจริงแล้ว เขาไม่ได้ดีอย่างที่คิด ต่อหน้าป๊ากับแม่ ต่อหน้าทุกคน เขาคือ ซิง เด็กดีทุกกระเบียดนิ้ว เรียบร้อย พูดเพราะ มีความนอบน้อมถ่อมตน

แต่ทั้งหมดนั่น ไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด

“พี่ซิงคะ ยุ่งอยู่รึเปล่าเอ่ย?”

ซิงเงยหน้ามองกลุ่มเด็กสาวในชุดนักศึกษารัดรูปราวกับจะไปเดินเล่นในตู้กระจกมากกว่ามาเรียนด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มักจะเรียกเสียงกรี้ดจากสาวๆ รอบตัว

“ว่างครับ มีอะไรรึเปล่า?”

“คือ พวกหนูไม่เข้าใจเรื่องระบบเลือดกับสรีรวิทยาเลยอ่ะค่ะ อยากรบกวนพี่ซิงให้ช่วยติวหน่อย จะสอบปลายภาคแล้วด้วย”

“อ๋อ ได้ครับ ถ้าอยากให้ติวยาวๆ ไว้นัดเวลามาได้เลย” ซิงไม่เคยปฏิเสธคนที่มาขอความช่วยเหลือเรื่องเรียน เพราะมันช่วยให้เขาได้ทบทวนไปด้วยในตัว ถ้าพวกเธอมุ่งมั่นจะเรียนจริงจัง ไม่ใช่เอาแต่นั่งจ้องหน้าเขาก็โอเค

“งั้น...” แล้วพวกสาวๆ รุ่นน้องก็นั่งล้อมรอบตัวซิง อันเป็นภาพที่ไม่ว่าใครในมหาวิทยาลัยนี้ต่างคุ้นตาเป็นอย่างดี

แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า แม้ซิงจะยิ้มแย้มใจดีกับสาวๆ ที่เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังทุกวี่วันแค่ไหน ในใจของเขากลับมีแต่ความเกลียดชังที่ฝังรากลึก

ซิงเกลียดผู้หญิง และที่เกลียดที่สุดก็คือ แม่ของตัวเอง

แต่เขาจะแสดงความเกลียดชังนั้นออกมาไม่ได้เด็ดขาด

ต้องเก็บกดมันไว้

ฝืนทนยิ้มต่อไป

“ซิง เป็นยังไงมั่งลูก สอบเสร็จแล้วสินะ?” พอกลับมาถึงบ้าน แม่ก็มักจะเข้ามากอดมาหอมอย่างรักใคร่ และซิงก็ต้องฝืนยิ้มให้สวยที่สุดเท่าที่จะทำได้กลับไป

“เทอมนี้ก็คง 3.5 ขึ้นเหมือนเคยสินะไอ้ลูกชาย ลื้อนี่มันเก่ง เพอร์เฟคไปหมดจริงๆ ลื้ออยากได้อะไรบอกมา ป๊าจะจัดให้ทุกอย่าง” ป๊าเดินเข้าไปกอดไหล่ลูกชายคนโตอย่างภูมิใจ เวลาไปไหนก็อวดใครได้ว่านี่คือลูกชายที่แสนภาคภูมิ

“ยังไม่ได้ผลสอบเลยครับป๊า ไว้ก่อนดีกว่า” ซิงแสดงท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อยคล้ายเกรงใจพ่อเลี้ยง

“ไม่ต้องรอผล ป๊าก็รู้ว่าลื้อต้องทำได้แน่นอน เย็นนี้เราไปฉลองสอบเสร็จให้อาซิงกันดีกว่า”

“ดีเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวโทรบอกน้องซองก่อนนะคะป๊า” แม่เตรียมจะยกหูโทรศัพท์บ้าน ทว่า เสียงมือถือของป๊ากลับดังขึ้นก่อน พร้อมกับเรื่องที่ทำให้คนเป็นพ่อต้องเกรี้ยวกราด

“เกิดอะไรขึ้นคะป๊า?” แม่รีบเข้าไปกอดแขนป๊าอย่างกังวล เมื่อเห็นสีหน้าของป๊าหลังคุยโทรศัพท์และวางสายไปแล้ว

“อั๊วะต้องไปหาอาซองก่อน พวกลื้อรออยู่ที่นี่ อาซิง เดี๋ยวป๊ารีบกลับมาฉลองให้นะลูก” ป๊าบีบไหล่ซิงเบาๆ ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปที่รถยนต์คันโปรด ขับออกไปจากบ้านอย่างรีบร้อน

ผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ป๊ากลับมาพร้อมซองตอนค่ำ เด็กหนุ่มร่างเล็กวัย 14 ปีกลับมาในสภาพสะบักสะบอม ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าที่สกปรกเลอะเทอะ แต่ยังปากแตก คิ้วแตก มีรอยช้ำไปทั้งหน้า และที่ร่างกายเองก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ส่วนสีหน้าของป๊านั้น ไม่ต้องเดา

“ซอง! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” แม่วิ่งเข้าไปประคองลูกชายคนเล็กที่เดินโซเซ แต่ซองก็สะบัดแขนออก แรงสะบัดทำให้เจ้าตัวเบ้หน้า เพราะเจ็บแขนตัวเองไปอีก

“มันไปมีเรื่องกับไอ้พวกที่ร้านเกม โดนตำรวจจับเมื่อเย็นนี้ไงล่ะ อั๊วะอาย! สุดจะทนแล้วนะไอ้เด็กเวรนี่!” ก้าวขาพ้นประตูหน้าบ้านปุ๊บ ป๊าที่เหมือนจะอดทนมานานก็ซัดฝ่ามือลงบนซีกหน้าด้านซ้ายของลูกคนเล็กทันที

ซองล้มลงกองกับพื้น นั่งก้มหน้าที่ชาไปทั้งแถบอยู่อย่างนั้น ไม่พูดไม่จา

“ป๊า ใจเย็นสิคะ” แม่คอยห้ามทุกครั้งที่ป๊าโมโหซอง แต่ก็เท่านั้นล่ะ ไม่เคยห้ามได้จริงๆ สักครั้ง ป๊าทำท่าจะกระทืบเท้าลงบนตัวซองด้วยโทสะ แต่ต้องยั้งไว้แทบไม่ทัน เมื่อลูกชายคนโตที่แสนจะภูมิใจ ปรี่เข้าไปกอดน้องไว้

“พอแล้วครับป๊า อย่าทำน้องเลย” ซิงอ้อนวอนน้ำตาคลอให้ดูน่าเห็นใจยิ่งขึ้น จนป๊าเริ่มมีสีหน้าอ่อนลง

“ถอยไปอาซิง!”

“ผมจะคุยกับน้องเอง แม่พาป๊าไปพักก่อนนะครับ” ซิงพยายามส่งสายตาเว้าวอนสุดชีวิตให้ทั้งแม่และป๊า ส่วนซองได้แต่นิ่งเงียบในอ้อมอกของพี่ชาย มือเล็กๆ กำชายเสื้อเชิ้ตของพี่ชายไว้แน่น ริมฝีปากสั่นระริก

“เห็นแก่อาซิง อั๊วะจะยอมให้ก็ได้ ถ้ายังมีคราวหน้าอีก จะให้กี่อาซิงมาห้าม อั๊วะก็จะเอามันให้หนัก!” ป๊าโมโหฟึดฟัดเดินกระทืบเท้ากลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น โดยมีแม่เดินตามไปคอยปลอบให้สงบลง

ส่วนซิงพาน้องขึ้นไปบนห้องของเขาเอง หากล่องยามาทำแผลให้ และค่อยๆ พูดคุยกับซอง

“เกิดอะไรขึ้น”

“พวกมันมาหาเรื่องเพื่อนผมก่อน” ซองพูดไปซี้ดปากไปเพราะเจ็บแผลที่มุมปาก

ซองถอนหายใจ “อย่าเลือดร้อนนักสิ”

“แล้วเฮียจะให้พวกผมโดนอัดฝ่ายเดียวเหรอ” ซองโวยลั่น

“แต่พี่ไม่ชอบเห็นซองบาดเจ็บแบบนี้ คราวหน้าถ้ามีเรื่อง หนีไปซะ ไปบอกตำรวจ หรือไปหาป๊าก็ได้” ซิงลูบหัวน้องเบาๆ “เชื่อพี่นะซอง อย่าทำแบบนี้อีก”

“อือ ผมจะเชื่อเฮีย เพราะไม่มีใครรักผมเท่าเฮียอีกแล้ว แม้แต่ม๊าก็รักป๊ามากกว่า” เด็กหนุ่มเอนตัวเข้าหาอกอุ่นๆ ของพี่ชาย เหมือนลูกนกที่ต้องการไออุ่นจากแม่ของมัน ซิงโอบกอดไหล่ของน้องชายไว้อย่างรักใคร่นักหนา

ความรักจอมปลอมที่เขาพยายามสร้างมันขึ้นมา

และรอวันที่จะได้ทำลายมันลงด้วยมือคู่นี้

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ ทุกคนก็รักซองทั้งนั้น”

เพราะอย่างนั้น กูถึงต้องแย่งความรักทั้งหมดจากมึงมาเป็นของกูให้ได้ไงล่ะ

“ไม่จริงหรอก มีแต่เฮียที่รักผมจริงๆ ผมเองก็รักเฮียมากที่สุดในโลกเลย” ซองกอดเอวพี่ชายไว้แน่นอย่างหวงแหน “อยากให้เฮียอยู่กับผมตลอดไปเลย”

ซิงแสยะยิ้มอยู่ในใจ มืออุ่นๆ ลูบไล้ปลอบโยน

“พี่จะอยู่ข้างๆ ซองเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม”

อา...ตัวเรานี่มัน...ช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน

“พี่รักซองนะ”

ใช่...กูรักมึงมาก

แต่กู...

ก็เกลียดมึงมาก

“พี่จะไม่มีวันทิ้งซอง พี่สัญญา”

พอๆ กับที่กูเกลียดตัวเอง

tbc

เดี๋ยวจะทยอยมาเรื่อยๆ ปูพื้นความดราม่า อิๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
3
“เฮียสอนผมเล่นกีต้าร์หน่อยดิ” เด็กหนุ่มร่างเล็กสมวัยนั่งลงกอดแขนพี่ชายอย่างออดอ้อนเหมือนเคย คนพี่ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ เหลือบสายตามองเล็กน้อย

“คิดไงจะเล่นกีต้าร์?” ก่อนหน้านี้ที่เขาจะสอนให้ไม่เห็นเคยสนใจ ผ่านมาเป็นปีเพิ่งคิดอยากเล่นเป็น ซิงเลยอดสงสัยไม่ได้ “จะเอาไปใช้จีบสาวรึไง?”

“เหะๆ” ซองหัวเราะเขินๆ กอดแขนซบบ่าพี่ชาย เอาหน้าถูไถไปมา “นะนะ เฮีย สอนผมหน่อย”

“ก็ได้ แต่ต้องตั้งใจนะ ไม่งั้นพี่เลิกสอน” ซิงเอ่ยเสียงเข้ม เพราะรู้ว่าน้องเป็นพวกที่สนใจอะไรไม่นาน ยกเว้นเรื่องเล่นเกม เล่นมันได้เรื่อยๆ แค่เปลี่ยนเกมนั้นเป็นเกมนี้ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น

ซองเป็นพวกขี้เบื่อ ทำอะไรได้ไม่นาน แถมยังสมาธิสั้น แต่ซิงเป็นพวกจริงจัง ทำอะไรสักอย่างจะตั้งใจมากและต้องทำให้ได้ดีที่สุดในแบบที่ตัวเองคิด

แต่ครั้งนั้น ซองตั้งใจเรียนรู้การเล่นกีต้าร์จากเขาอย่างมาก จนรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นในแววตาคู่นั้น เพียงเพื่อไปเล่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุมากกว่าถึง 4 ปีฟัง และเมื่อซิงมารู้ทีหลัง ก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะผู้หญิงคนนั้นคือหนึ่งในกลุ่มสาวๆ ที่มาตามจีบเขา เป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยของเขาเอง

เขารู้มาว่าเจ้าหล่อนยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ถึงขนาดมาตีสนิทน้องชายอย่างซอง เพื่อให้ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้ แต่พออยู่กับซองมาเข้า ก็เหมือนจะเอนเอียงไปหาซองมากกว่า อาจเพราะคุยกันถูกคอ และเป็นเขาเองที่ไม่ค่อยใส่ใจเจ้าหล่อนอย่างชัดเจน

“ผู้หญิงแบบนั้นมีอะไรดี”

“พี่เขาน่ารักออก”

“พี่ไม่ชอบ”

ซองเงยหน้ามองพี่ชาย มือยังค้างอยู่ที่สายกีต้าร์ ช่วงนี้เริ่มเล่นคล่องขึ้นแล้ว ซองรู้ว่าพี่สาวคนนั้นชอบซิง และชอบผู้ชายที่เล่นดนตรีได้ ซิงทั้งเรียนเก่ง กีฬาก็เล่นได้ ดนตรีก็เล่นเป็น สาวที่ไหนก็ชอบทั้งนั้น ต่างจากซอง นอกจากหน้าตาจะธรรมดาแล้ว ยังไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลยสักอย่าง ซองจึงตั้งใจฝึกกีต้าร์มาก เพื่อให้มันเป็นหนึ่งในความสามารถพิเศษของตน

“แต่ผมชอบไง”

“นายดื้อกับพี่เหรอ” ซิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ กอดอกก้มมองน้องที่นั่งอยู่บนเตียง “อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น พี่ไม่ชอบ”

“ผมต้องคบคนที่เฮียชอบด้วยเหรอ? ตอนนี้พี่เขาไม่ได้ชอบเฮียแล้วด้วย เขาชอบผม และผมชอบเขา” ซองเลิกคิ้วอย่างกวนๆ ใส่ ก่อนจะก้มไปมองโน้ตเพลงต่อ

เพลงที่ฝึกอยู่ชื่อ “ได้พบเธอ” ของ Pchy (พิชชี)

ซิงเม้มปาก หงุดหงิดที่ซองไม่ยอมฟังที่พูดเหมือนเมื่อก่อน เพราะเด็กหนุ่มกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น วัยต่อต้าน แต่ถึงอย่างนั้น ซองก็ไม่เคยต่อต้านเขา และมันเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอน

และก่อนที่ซองจะก้าวข้ามเส้นที่เขาเคยกำหนดไว้ให้ อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ซิงจะต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ซองเชื่อฟัง หรือ...ยอมสยบอย่างหมดหนทางหลีกหนี

******

มันผ่านมาแล้ว 3 ปีนับจากวันนั้น วันที่ซิงเลือกจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างด้วยมือตัวเอง และกระชากมันกลับมาไว้ใต้ฝ่าเท้าคู่นี้

“คืนนี้พี่ต้องเข้าเวรดึก คงไม่ได้กลับห้อง มีอะไรก็ไลน์ทิ้งไว้ เดี๋ยวว่างแล้วจะอ่าน” ซิงบอกกับน้องที่นั่งเหม่ออยู่ริมระเบียง ก่อนจะออกจากห้องไป โดยไม่ได้สนใจว่าซองจะฟังอยู่หรือไม่

ตอนนี้ซิงเรียนปี 6 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการเรียนหมอแล้ว และเขาต้องทำหน้าที่แพทย์ Extern อยู่เวรบ่อยขึ้น ฝึกงานแบบตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต แทบไม่มีเวลากินหรือเวลานอนตามสบาย ได้กลับมาห้องทีก็พูดคุยกันไม่กี่คำ แล้วออกไปทำงานต่อ ซึ่งซองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ พี่ไม่อยู่ก็ดีแล้ว

เมื่อซิงออกไปจากห้องแล้ว ซองก็กลับเข้าไปในนั้น รื้อดูของที่ซิงซื้อมาทิ้งไว้ให้ เป็นพวกอาหารแห้งกับขนมขบเคี้ยว ส่วนอาหารแช่แข็งกับน้ำหวานน่าจะเอาไปแช่ตู้เย็นให้เรียบร้อยแล้ว

ซองทำอาหารไม่เป็นเลยสักอย่าง มาอยู่ที่นี่ มีแต่ซิงที่ทำให้ทุกอย่าง เหมือนเมื่อตอนเด็กๆ แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ สถานะของพวกเขา

ช่วงหลังๆ ตั้งแต่ที่ซิงต้องขึ้นวอร์ดและฝึกงานในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย เขาไม่มีเวลาว่างมาคอยทำกับข้าวหรือดูแลซอง จึงแค่ซื้ออาหารแช่แข็งกับอาหารแห้งมาตุนไว้ให้ ป๊าส่งเงินให้เขากับซองทุกเดือน แม้ปากบอกจะตัดขาด แต่ยังไงซองก็เป็นลูก เลยได้แต่ถามไถ่ผ่านซิงและแอบช่วยเหลือห่างๆ ซึ่งซิงก็ไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับซองอยู่แล้ว

ซองอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟแล้วเอาออกมานั่งกินที่ระเบียงตามลำพังเหมือนทุกวัน กินเสร็จก็ทิ้ง ไม่ต้องล้าง แต่วันนี้ขยะเต็มถังพอดี ซองเลยจัดการมัดรวบและเอาไปทิ้งใต้คอนโด

“อ้าว? ซอง วันนี้พี่นายก็ไม่อยู่อีกแล้วเหรอ?”

ซองหันไปมองคนที่ทัก เธอเป็นเด็กสาวที่อยู่ห้องข้างๆ กัน อาศัยอยู่กับป้าของเธอแค่สองคน อายุไล่เลี่ยกับซอง เลยคุ้นเคยกันเร็ว

“อือ อยู่เวรยาว”

“เท่เนอะ คนเป็นหมอเนี่ย” เมเปิ้ลผลักไหล่ซองเบาๆ ท่าทางเขินอายเวลาพูดถึงซิง ซึ่งเธอเคยเจอตอนเขาใส่เสื้อกราวน์สีขาวเดินออกมาจากห้อง

“หึ” ซองแค่นยิ้ม “อยากคุยมั้ยล่ะ จะบอกให้”

“โอ๊ย ไม่เอาหรอก ปล่อยคนดีๆ อย่างพี่เขาไปเหอะ” เมเปิ้ลหัวเราะเสียงดัง ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีพอ แต่เธอไม่ได้ชอบซิงมากขนาดนั้น ก็แค่เห็นว่าเท่ดีเท่านั้น

“แล้วนี่เปิ้ลจะไปไหน? แต่งตัวสวยเชียว” ซองกวาดตามองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอมาในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนกับรองเท้าส้นสูงแบบสานสีเข้ม

“วันนี้มีงานเลี้ยงรุ่นสมัยม.ปลายน่ะ เล่นจัดที่ร้านหรู เลยต้องสวยหน่อย” เธอว่าพลางสะบัดผมยาวสีน้ำตาลอ่อนพลิ้วสยาย ซองหัวเราะคิกกับท่าทางมั่นอกมั่นใจในความสวยของเพื่อน

“อื้อ สวยมาก สวยมาก ไปเถอะ เดี๋ยวเราขึ้นห้องแล้ว”

“จ้า พ่อหนุ่มน้อย อุ้ย ไม่น้อยดิ ไปก่อนน้า” เมเปิ้ลแกล้งหยอกเขาด้วยการยื่นปลายนิ้วมาลูบผ่านคางที่มีไรหนวดนิดๆ ของซอง ก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่ ส่วนซองก็อมยิ้มเดินไปขึ้นลิฟท์ กลับไปที่ห้องของซิง

******

งานของแพทย์ extern ไม่ใช่เล่นๆ แม้จะยังไม่ใช่แพทย์เต็มตัว แต่ก็ต้องรักษาผู้ป่วยและอยู่เวรดึกบ่อยๆ ไหนจะต้องเรียนและสอบควบคู่ไปอีก ทำให้แทบไม่มีเวลาส่วนตัวไปทำอย่างอื่นเลย แต่ซิงก็ทำมันได้ดีจนอาจารย์หลายท่านออกปากชม และด้วยความที่เขาทั้งเก่งและมีความสามารถมาก ทำให้งานมาไม่หยุดหย่อนกว่าคนอื่นๆ

“ตายแล้ว อาจารย์ไผทลืมเซ็นเอกสารอีกแล้ว” เสียงนางพยาบาลที่หน้าแผนกอายุรกรรมดังเข้าหู เป็นชื่อของอาจารย์หมอที่รับหน้าที่ดูแลซิงพอดี

“อาจารย์ไปสอนที่คณะแล้วนะครับ ให้ผมเอาเอกสารไปให้มั้ย” ซิงอาสา เขามักจะช่วยเหลือทุกคนเสมอ จนใครๆ ก็รักใคร่ แม้แต่คนไข้ทุกเพศทุกวัยก็ยังชื่นชอบ

“จะไม่รบกวนหมอซิงเหรอคะ” พี่พยาบาลแสดงท่าทีว่าเกรงอกเกรงใจ แต่จริงๆ ก็อยากให้ใครสักคนรับหน้าที่นี้อยู่แล้ว

“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมมีธุระจะแวะไปคณะพอดี” ซิงยังคงขันอาสาด้วยรอยยิ้มหวานที่เหล่าพยาบาลแอบกรี้ดกร้าดกันเบาๆ

“งั้นพี่ฝากด้วยนะคะ ให้แกเซ็นสามแผ่นเลย” พยาบาลสาวคนเดิมยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้เขา ซิงรับมาและขอตัวไปหาอาจารย์ไผทที่ว่า

การเดินทางจากโรงพยาบาลไปที่คณะไม่ได้ใช้เวลานานมากนัก ซิงจึงไม่อยากขับรถไป เขาอยากใช้เวลานี้อู้งานด้วยการเดินมากกว่า ด้วยอากาศเมืองไทยที่ร้อนจนตับไตไส้พุงแทบละลาย แล้วยังมาเดินกลางแดดในชุดกราวน์อีก เหงื่อต้องไหลเป็นน้ำแน่นอน และพอกลับไปที่โรงพยาบาล พวกพี่ๆ พยาบาลก็คงจะเห็นใจน้องหมอซิงที่อุตส่าห์ตากแดดเอาเอกสารไปให้อาจารย์ไผทเซ็น ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของแพทย์ extern เลยสักนิด จากนั้นพวกเธอก็จะให้เวลาเขาได้นั่งพักตากแอร์เย็นๆ พร้อมน้ำหวานสักแก้ว อู้ได้ทีเดียวสองต่อเลยคราวนี้

เมื่อมาถึงคณะ ให้อาจารย์ไผทเซ็นเอกสารกลางคาบเรียนเรียบร้อยแล้ว ซิงก็เดินออกมาจากตึก กะจะนั่งพักขาแป้ปหนึ่งแล้วค่อยเดินกลับโรงพยาบาล แต่ก็ดันเจอรุ่นน้องสาวๆ มารุมล้อมให้ยิ่งเสียเวลานานกว่าเดิม และผู้ชายในชุดกราวน์ที่มีผู้หญิงรายล้อมก็ช่างเป็นจุดเด่นยิ่งนัก

“นั่นมันพี่ซิงป่ะวะ” หนึ่งในกลุ่มนักศึกษาชายจากคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เป็นคณะข้างเคียง และมีเรียนที่ตึกแพทย์ ชะเง้อคอมองหนุ่มรุ่นพี่ร่างสูงโปร่งในชุดกราวน์ ที่อยู่กลางวงล้อมของสาวๆ ทำให้คนอื่นๆ ในกลุ่มนั้นต่างหันไปมองด้วย

“พี่ซิง?” เด็กหนุ่มปี 2 คณะวิทย์ที่มาด้วยกันเลิกคิ้วอย่างสงสัย พลางมองไปที่เจ้าของชื่อ “สดๆ ซิงๆ หรือ Sing a song?”

“ฮ่าๆ ไอ้เหี้ย คนห่าไรชื่อสดๆ ซิงๆ” อีกคนหัวเราะเสียงดัง และเหมือนจะดังมากพอให้ซิงเหลือบมอง

แต่สายตาของเขาไม่ได้ประสานกับคนที่หัวเราะดังลั่น กลับเบนไปที่อีกคน ซึ่งยืนจ้องมานิ่งๆ พร้อมรอยยิ้มมุมปาก และเป็นคนเดียวกับคนที่สงสัยเรื่องชื่อของซิง แต่ซิงก็มองแค่ชั่ววินาที ก่อนจะหันไปยิ้มแย้มคุยกับพวกรุ่นน้องต่อ

“ดูท่าจะซิงสมชื่อ”

“ห๊ะ? มึงว่าอะไรนะไอ้เดีย?” เพื่อนร่วมก๊วนหันควับไปมองคนที่บ่นอะไรพึมพำออกมาคนเดียว แต่ไอเดียก็ส่ายหน้าว่าไม่ได้พูดอะไร สายตายังคงมองตรงไปยังคนชุดขาวที่อยู่ห่างไปไม่ไกล

ซิงรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตลอดเวลา และคิดว่าคงเป็นคนเดิม เขารีบขอตัวจากพวกรุ่นน้องที่เข้ามารุมล้อมและเร่งฝีเท้าเดินออกไปจากหน้าคณะแพทย์

แต่ลางสังหรณ์ของซิงเหมือนจะเป็นจริง

ปิ๊นๆ

เสียงแตรรถดังขึ้นจากรถยนต์คันสีขาวที่ขับตามหลังซิงมา จนตอนนี้มันเคลื่อนตัวมาอยู่ทางขวามือของเขาที่กำลังเดินอยู่บนฟุตบาท พร้อมกับกระจกที่ลดลงครึ่งหนึ่ง พอให้เห็นคนขับที่อยู่ข้างใน

“ให้ผมขับไปส่งมั้ยครับ”

ซิงไม่ตอบ รีบเร่งฝีเท้าหนีคนแปลกหน้าที่จำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่ยืนจ้องหน้าตนเมื่อกี้บนตึกคณะ

“ผมชื่อไอเดีย อยู่ปี 2 คณะวิทย์ฯ แล้วพี่ชื่ออะไรครับ” เพราะเหมือนซิงจะไม่อยากคุยกับคนแปลกหน้า อีกฝ่ายเลยแนะนำตัวก่อน “ขึ้นมาคุยกันบนรถก่อนดีมั้ยพี่”

“อย่ามายุ่ง” ซิงอยากจะเพิ่มคำว่า กับกู เข้าไปด้วย แต่รู้สึกว่ามันไม่ดีต่อภาพพจน์ของตัวเอง เลยตัดออก แต่แทนที่ไอเดียจะรามือ กลับหัวเราะใส่เสียอย่างนั้น

“ร้อนจนเหงื่อซ่กแล้ว มานั่งตากแอร์บนรถผมดีกว่า”

ซิงเม้มปากอย่างหงุดหงิด แต่ไม่โต้ตอบอีก เขาคิดว่ากับคนแบบนี้ แค่ไม่สนใจก็น่าจะไปเอง

“เห็นพี่มีสาวๆ มากรี้ดกร้าดเยอะ ผมเลยอยากจะขอวิธีบริหารเสน่ห์บ้าง แต่จริงๆ นะ ผมว่า...” ไอเดียหรี่ตามองคนที่เดินหน้าตึงอย่างรีบเร่ง

“ผมว่าพี่ไม่ชอบผู้หญิงหรอก”

คราวนี้ซิงหยุดเดิน หันไปมองคนขับรถคันนั้นเต็มๆ ตา ด้วยหน้าตาถมึงทึง

แต่ไอเดีย เพียงแค่ยิ้มหวานผ่านสายตา

ต่างคนต่างจ้องตา

คนหนึ่งกรุ่นโกรธ ส่วนอีกคนแค่แสดงความสนใจอย่างเปิดเผย

แต่สุดท้าย ซิงกลับยอมเปิดประตูรถคันนั้น และขึ้นไปนั่งข้างๆ คนที่ยิ้มกริ่มไปทั้งหน้าอย่างพออกพอใจ

tbc

อ่ะอ่ะอ่ะ ตกลงเฮียแกเป็นคนประเภทไหนกันแน่ ฮ่าๆๆๆ บอกแล้วหาพระเอกไม่เจอ

ออฟไลน์ Tak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
4
รู้จักกับไอเดียมาได้ 2 เดือน ซิงเริ่มจะชินกับพฤติกรรมของรุ่นน้องคนนี้จนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว ตอนที่รู้ว่าไอเดียเป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เขาก็ตัดสินใจว่าจะลองคบดู เผื่อจะได้เส้นสายในการเข้าทำงาน โรงพยาบาลเอกชนเงินเดือนหลักแสนทั้งนั้น ใครๆ ก็รู้ ซิงต้องการเงิน เพื่อจะได้เลี้ยงดูซองและอยู่ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาเงินจากป๊ากับแม่อีก

“พรุ่งนี้ฉันมีเรียน” ซิงดันแก้วเหล้าที่ไอเดียยื่นมาให้ออกห่าง แต่มันก็ถูกเบียดกลับมาจนติดริมฝีปาก

“แก้วเดียว นะครับ” แขนแกร่งตวัดโอบรัดรอบเอว ไอเดียเป็นหนุ่มนักกีฬารูปงามนาม (สกุล) เพราะ ทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแพทยไพศาล ที่หลายคนอยากจะเข้ามาทำความสนิทสนม และถ้าได้หนุ่มหน้าตาดี กล้ามแน่นคนนี้ไปควงก็จะยิ่งดี แม้ซิงจะไม่ได้ชอบมากมายอะไร แต่ผูกมิตรเพื่ออนาคตข้างหน้ามันก็ย่อมดีกว่าทิ้งโอกาสงามๆ แบบนี้ไป

ซิงย่นคิ้ว กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยแตะจมูกจนฉุนกึก รู้ทันทีว่านี่มันเหล้าเพียวๆ ไม่มีผสม เขาถอนหายใจแรง ส่ายหน้าปฏิเสธ วงแขนที่รัดเอวแน่นหนายิ่งใส่แรงเข้ามาอีกจนอึดอัด ไหนจะฝ่ามือหนาๆ ที่กำลังลูบไล้แถวบั้นท้ายอีก

“น่า พี่ซิง ถ้าไม่ดื่มแก้วนี้ ผมจูบนะ”

“น้อยๆ หน่อยไอ้เดีย นี่ว่าที่คุณหมอคนดังของมอเรานะเว้ย มึงจะมอมเหล้าพี่เขาง่ายๆ ไม่ได้” เสียงเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มที่มาดื่มด้วยกันดังแข่งกับเสียงเพลง คนอื่นๆ เหมือนจะเริ่มเมาได้ที่ ทั้งลุกขึ้นเต้น โวยวายไร้สาระและหัวเราะ

“แล้วดูแม่ง ลวนลามเขาตลอด อะไรคือจะจูบถ้าไม่แดกเหล้าวะ กำไรมึงทั้งนั้นเลยไอ้เวร! ฮ่าๆๆๆ”

“อย่าไปสนใจพวกมัน สนใจผมนี่” ไอเดียเชยปลายคางเรียวของคนพี่ให้หันมาสบสายตา ตั้งแต่มาที่งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเพื่อนในกลุ่มของไอเดีย ซิงยังไม่ดื่มเหล้าหรือของมึนเมาใดๆ สักอึก

“จะจูบก็จูบ แต่ฉันไม่ดื่ม” เขาจ้องตาอีกฝ่ายตอบ และทำให้ไอเดียถึงกับหัวเราะด้วยความชอบใจ

“ใจเด็ดดี ผมชอบ” พูดจบ มือที่เชยคางก็เปลี่ยนเป็นบีบคางนั้นให้ซิงเผยอปากออก ก่อนจะประกบปากอย่างแรงจนเหมือนกระแทกมากกว่า ซิงมุ่นคิ้ว เจ็บนิดๆ แต่ไม่ได้ต่อต้านขัดขืนให้ดูน่ารำคาญ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ทั้งเชียร์และก่นด่าไอเดียด้วยความหมั่นไส้

ทว่า แม้จะไม่ได้ดื่มเหล้าในมือของไอเดีย แต่รสแอลกอฮอล์ที่คลุ้งในปากของอีกฝ่ายก็ถูกส่งผ่านมาอยู่ดี ซิงทั้งเหม็นและรังเกียจ แต่ก็ต้องทนยอมให้ไอเดียจูบจนพอใจ ลิ้นชื้นๆ ลากไล้วนไปทั่วโพรงปากอย่างกระหาย ร่างสูงใหญ่ของหนุ่มนักกีฬาคณะวิทย์ฯ ขยับขึ้นคร่อม กดร่างสูงโปร่งลงกับโซฟา เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มรอบตัว

ซิงหลับตาแน่น สองแขนโอบรอบคล้องคอร่างหนา พยายามโฟกัสกับการจูบแสนบ้าคลั่งของไอเดีย ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เหงื่อชื้นที่ฝ่ามือ ยิ่งถูกบดเบียดลงมายิ่งรู้สึกรุ่มร้อน เคยจูบกันแบบนี้มาสองครั้งแล้ว แต่ไอเดียไม่เคยทำอะไรมากกว่านั้น อย่างมากก็แค่กอดรัดฟัดเหวี่ยง แต่ครั้งนี้เหมือนจะมีฤทธิ์เหล้าผสมอยู่ด้วย ไอเดียจับขาข้างหนึ่งของเขาแยกออกแล้วแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง กระแทกเป้ากางเกงที่เริ่มแน่นตึงเข้ากับแอ่งสะโพกบาง

“อ่ะ...อย่า ไอเดีย...” ซิงได้สติทันที เขาเบือนหน้าหนีจูบนั้น แต่ก็ถูกดึงกลับไปประกบปากซ้ำ สองมือดันไหล่และอกของร่างหนา ร้องห้ามเสียงอู้อี้อยู่ในคอ เสียงโห่แซวเหมือนจะเงียบหายไปแล้ว ทุกอย่างเงียบสนิท และพอปรือตามองรอบตัว ก็ไม่เห็นใครแล้ว...

กึด

ซิงแหงนหน้าสุดคอเมื่อถูกกัดอย่างแรงที่คอ เจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่เหมือนไอเดียจะลุ่มหลงมัวเมาจนถอนตัวไม่ขึ้น สะโพกสอบขยับกระแทกถี่กระชั้นทั้งที่ยังอยู่ในกางเกง มือเรียวยกขึ้นดันหัวของร่างหนา เพราะยังโดนฟันคมๆ ขบกัดไม่เลิกรา เจ็บแสบไปทั่วลำคอ เพราะมัวแต่สนใจความเจ็บที่คอ เลยไม่ทันรู้ตัวว่ากางเกงยีนส์ถูกถอดออกพร้อมชั้นในไปเรียบร้อยแล้ว ดวงตาเบิกโพลง เสียงกรีดร้องดังลั่นเมื่อจู่ๆ ความเจ็บปลาบก็แล่นริ้วจากบั้นท้ายไปจนถึงปลายเท้า

“เดีย!! ออกไป ไม่เอา! ฮึก...อย่า...” มันไม่ใช่การเบิกทางด้วยนิ้วหรืออะไรทั้งนั้น แต่ไอเดียกระแทกตัวเข้าไปในช่องทางสดใหม่นั้นอย่างไม่ให้ตั้งตัวใดๆ กระแทกทีเดียวจนเข้าไปครึ่งลำ ผนังอ่อนด้านในตอดรัดตุ้บๆ ฝืนต้านสิ่งแปลกปลอมที่คืบคลานเข้าสู่ร่างกาย เลยเข้าไปได้ไม่สุดทาง ต้องแช่ค้างไว้แบบนั้น

มือไม้ของซิงปัดป่ายไปทั่วอย่างอ่อนแรง ขาสั่นระริก น้ำตาไหลพรากๆ ร่างกายท่อนล่างเหมือนถูกฉีกกระชากแยกออกจากกัน ไอเดียแหวกแก้มก้นขาวเนียนนั้น ยัดเยียดตัวตนเข้าใส่ราวกับคลุ้มคลั่ง ฝืนกดสะโพกจนเข้าไปได้ทั้งหมดแล้วกระแทกไม่ยั้ง ส่งเสียงซี้ดซ้าด สีหน้าสุขสม หากแต่อีกคนใต้ร่างกลับทำได้แค่อ้าปากหายใจปล่อยให้น้ำลายไหลย้อยมาตามคาง ดวงตาหรี่ปรือใกล้หมดสติไปทุกขณะ

ซิงรู้สึกเจ็บจนชาไปทั้งตัว แขนตกห้อยอยู่ข้างตัว แรงสะเทือนเบื้องล่างยังคงไม่หยุดหย่อนผ่อนปรน มีแต่จะยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ จนตัวสั่นคลอน เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้องมืดสลัว เสียงเพลงดังแผ่วๆ เพราะมีใครบางคนหรี่ไว้ให้ ไร้วี่แววบุคคลอื่นใด มีแค่คนที่กำลังปลดปล่อยความต้องการกับผู้ที่ถูกกระทำตรงนี้ แค่สองคนเท่านั้น

ซิงตาพร่ามัวเพราะน้ำตาที่ไหลบดบัง ในหัวมืดมิด ร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้อีก ทำได้แค่ส่งเสียงครางผะแผ่ว ลมหายใจรวยริน ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบโดยไม่ปริปาก กับครั้งแรกที่เสียไปอย่างโหดร้ายทารุณ

ตอนที่ไอเดียเสร็จสม ดึงตัวตนออกมาพร้อมน้ำกามข้นเหนียวที่บางส่วนกลายเป็นสีชมพู เพราะภายในเกิดบาดแผลฉีกขาด เลือดไหลเป็นทาง ร่างของซิงก็กระตุกเกร็งไปด้วย

“ข้างหน้าของพี่จะยังไงก็ช่าง แต่ข้างหลัง...ยังซิงจริงๆ ด้วย” ใบหน้าแดงก่ำชื้นเหงื่อของเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่เปี่ยมล้นด้วยความพึงพอใจ ไอเดียแลบลิ้นเลียปาก มองดูช่องทางสีสดที่เพิ่งถูกรุกรานด้วยหัวใจเต้นรัว ไอเดียกำลังตื่นเต้นดีใจที่ได้เป็นคนแรกของซิง

ซิงไม่พูดอะไร ทำได้แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลไปเรื่อยๆ ไม่อยากมองหน้าไอเดีย ไม่อยากสบตา ไม่อยากพูดคุย ไม่อยากสัมผัสกับส่วนใดในร่างกายนั้นเลย แต่คงทำได้ยากยิ่ง

ไอเดียแสยะยิ้ม อุ้มร่างสูงโปร่งขึ้นนั่งบนตัก สอดแก่นกายที่ยังแข็งเกร็งเข้าไปอีกครั้ง ซิงกัดฟันกรอด บีบไหล่หนาแน่นจนเล็บจิกไปในผิวเนื้อ แต่ไอเดียไม่รู้สึกเจ็บปวด เพราะมีแต่ความต้องการที่ล้นปรี่ เสื้อเชิ้ตตัวบางถูกกระชากทึ้งออกจากร่าง ร่างทั้งร่างเปลือยเปล่า ผิวของซิงค่อนข้างขาว ขบกัดตรงไหนก็เป็นรอยไปหมด ไอเดียกัดที่ยอดอกสีชมพูเข้มนั้นอย่างแรง กัดและดึง เม้มดูดแล้วเลีย ทำสลับไปมาทั้งสองข้างจนมันแข็งเป็นไต ซิงครางเสียงแหบพร่า จิกเล็บลงบนไหล่หนาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อร่างกายภายในถูกกระแทกกระทั้น มันทั้งเจ็บทั้งแสบ จนอยากจะสลบไปเดี๋ยวนี้เลย แต่พอจะหลับ ไอเดียก็คอยประกบจูบฉีกกระชากวิญญาณให้สติกลับคืนมา

ไม่รู้ว่าซิงสลบไปในรอบที่เท่าไหร่ ไอเดียอุ้มร่างสูงโปร่งที่หลับสนิทไปนอนที่เตียง ห้องนี้จัดแยกไว้จากโซนจัดปาร์ตี้ของบ้าน งานวันเกิดของใครสักคนที่ไอเดียอุปโลกน์ขึ้น ซึ่งจัดที่เรือนหลังเล็กในบริเวณบ้านแพทยไพศาล เขาเตรียมการมาอย่างดีเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ แม้รู้ว่าซิงไม่มีทางถูกมอมเหล้าง่ายๆ แต่ถ้าเป็นการมอมเมาด้วยจูบและเซ็กส์ของเขาล่ะ...ไม่แน่หรอก

ยังไม่ทันฟ้าสาง ทันทีที่ซิงได้สติ ร่างทั้งร่างก็ถูกกอดรัดกดตรึงไว้กับเตียงในท่านอนคว่ำ สะโพกถูกจับยกขึ้นสูง แก่นกายร้อนระอุแข็งขึงสอดใส่ ซิงได้แต่กรีดร้องในใจอีกครา ทำได้แค่หลับตาลง กัดฟันทนให้มันจบเร็วที่สุด

“ผมรักพี่ อยู่กับผม แล้วผมจะให้ทุกอย่างที่พี่ต้องการ”

เสียงของปิศาจร้ายหรือผีห่าซาตานตนใดกันที่มันกระซิบบอกแบบนั้นอย่างอ่อนโยน ขัดแย้งกับการกระทำป่าเถื่อนหยาบช้าของมัน จนนึกอยากจะหัวร่อ

แต่...จะทนก็ได้

ถ้ามันจะให้ได้ทุกอย่างจริงๆ

ซิงกลับมาที่คอนโดของตัวเองในตอนสายของอีกวัน คนที่มาส่งเป็นคนเดียวกับที่กระทำย่ำยีให้บอบช้ำไปทั้งกายและใจ แต่ก็เป็นคนเดียวกับที่กระซิบบอกรักหวานหูและกอดปลอบอย่างอ่อนโยนในตอนเช้า

ซองไม่ได้พูดอะไรเลย ตอนที่เห็นซิงถูกประคองเข้ามาในห้อง ในสภาพเหมือนคนถูกรุมโทรม ใบหน้าซีดเซียว ขอบตาบวมช้ำ รอยแดงที่คอชัดเจนจนไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น

คนที่พาพี่ชายของซองกลับมา แนะนำตัวว่าเป็นแฟนของพี่ และซองก็แค่พยักหน้ารับ บอกไปว่าเป็นน้องชายของซิง ทำความรู้จักกันเพียงแค่นั้น ก่อนที่แฟนของพี่ จะขอตัวไปเรียน

ซิงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟา แขนข้างหนึ่งพาดบนหน้าผาก ท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก ซองยืนมองนิ่งๆ อยู่สักพัก จึงเอ่ยถาม

“ไหวมั้ย กินยามายัง”

“อือ” ซิงครางรับ “เดี๋ยวจะออกไปเรียนเลย”

“ขับรถไหวเหรอ ให้ผมไปส่งมั้ย” ซองอดห่วงไม่ได้ ต่อให้พี่จะเคยทำร้ายไว้แค่ไหนก็ตาม

“ไม่เป็นไร พี่ไหว” ร่างสูงโปร่งที่เคยคิดว่าทั้งเท่และยิ่งใหญ่เมื่อครั้งยังเด็ก ตอนนี้มันทั้งบอบบางและอ่อนแออย่างที่ซองไม่เคยสังเกตมาก่อน หรือเป็นเพราะตัวเขาเติบโตขึ้นมากกว่าตอนนั้นแล้ว

ซิงลุกยืนด้วยขาที่ยังไม่มั่นคงดี สะโพกปวดร้าวจนน้ำตาจะไหลอีกรอบ แต่ก็กัดฟันทน เดินกระโผลกกระเผลกไปอาบน้ำ ชำระล้างทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ว่าไอเดียจะเช็ดตัวให้ก่อนมาแล้วรอบหนึ่ง แต่มันไม่พอ

ซองนั่งกอดเข่าเอนหลังพิงอยู่หน้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงสะอื้นไห้แผ่วๆ จากพี่ชายดังคลอไปกับสายน้ำเย็นๆ ที่ไหลกระทบพื้นกระเบื้อง

tbc soon

ฝนเริ่มตั้งเค้าหน่อยๆ งึมงำๆ ฉากรุนแรงนี่ไม่ชอบแต่งเลยบอกตรงๆ แต่มันต้องลงตามพลอตเรื่อง ก็พยายามซอฟท์สุดๆ เพราะเรทเราแค่ 18+เอ๊งงงง เค้าใสๆ อ่ะเตง

ออฟไลน์ Tak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ว่าล่ะ หมอจะต้องงงๆอะไรสักอย่าง ไม่ถูกชะตากับไอเดียเลยยยยยยย

ออฟไลน์ มนุษย์สาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอนะคะ ชอบแนวดราม่ามากค่่ะ

ติดตามนะคะ :) สู้ๆๆ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
5

แตร๊ง...แตร๊งงง...



“โห เล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอ? เพิ่งเคยเห็น” เสียงสดใสของสาวน้อยวัย 19 ปีจากข้างห้องดังขึ้นที่ริมระเบียง ห้องของทั้งสองอยู่ติดกัน ระเบียงก็ติดกัน ในระยะที่สามารถกระโดดข้ามไปหาได้ ถ้าไม่กลัวตกลงไปคอหักตาย



“ตกใจหมด” เสียงเพลงชะงัก เมื่อซองเงยหน้ามองเมเปิ้ลด้วยความตกใจ



“แหม ขวัญอ่อนนะยะ พี่นายไม่อยู่อีกแล้วเหรอ” เด็กสาวที่วันนี้ใส่เพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นโน้มตัวลงเกาะขอบราวระเบียงมองเขา



“ใกล้จบแล้วก็งี้ แถมติดแฟน” ซองยักไหล่ ไม่แน่ใจว่าซิงติดแฟน หรือแฟนติดซิงกันแน่ แต่ก็พูดๆ ไปก่อน



“เฮ้ยยย จริงดิ พี่นายมีแฟนแล้วเหรอ ว้า เสียดายอ่ะ” เมเปิ้ลตาละห้อยอย่างเสแสร้ง เพราะปากกลับยิ้ม “พี่สะใภ้สวยมั้ยล่ะ”



“หึ” ซองถึงกับหลุดหัวเราะ “พี่เขย”



“ห๊ะ?” เด็กสาวทำหน้างุนงง ไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือหูแว่วไปเอง



“ต้องเรียกว่าพี่เขย เพราะหล่อมากกก” เขาลากเสียงยาวพลางหัวเราะเสียงดังอย่างสนุกสนานที่ได้เห็นหน้าเหวอๆ ของเพื่อนสาว



“เฮ้ยยย จริงดิ? ซอง พี่ชายนาย...”



“อือ นั่นแหละ อย่าไปบอกใครนะ เราเล่าให้เปิ้ลฟังคนเดียว” เพราะนอกจากเมเปิ้ลแล้ว ซองก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก



“แล้วที่บ้านนายโอเคเหรอ บ้านคนจีนนี่ แล้วนั่นก็ลูกคนโตเลยนะ”



ซองคลี่ยิ้ม “เฮียเป็นลูกที่ป๊ากับม๊ารักมาก แบบมากๆ ไม่ว่าพี่จะเป็นยังไง พวกเขาก็โอเคหมดแหละ”



******



“ผมได้ยินว่าที่บ้านพี่เป็นร้านทอง แต่พี่ดูไม่ค่อยเหมือนลูกคนจีนร้านทองเลยนะ” วันนี้หลังสอบเสร็จ ไอเดียก็รอรับซิงกลับมาที่บ้านเหมือนเคย ครั้งนี้ไม่มีเพื่อนที่ไหนมาสังสรรค์ด้วย มีเพียงเขาและไอเดียเท่านั้น



“ก็ไม่ใช่น่ะสิ ฉันไม่ใช่ลูกของป๊า เป็นลูกติดแม่” ซิงตอบไปตามตรง เพราะเรื่องนี้คนส่วนใหญ่ก็รู้ทั้งนั้น ไม่ใช่ความลับ เพราะตอนที่แม่แต่งงานใหม่กับป๊า เขาก็อายุ 3-4 ขวบแล้ว คนแถวบ้านต่างรู้ดี



“มิน่า พี่ดูหน้าฝรั่งๆ พ่อหรือแม่พี่เป็นคนต่างชาติเหรอ” ไอเดียหั่นเนื้อสเต๊กฉ่ำน้ำมันเข้าปาก เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยพลางมองหน้าหวานๆ ของแฟนหนุ่มแทนเครื่องเคียง



“พ่อ...ที่ตายไปแล้ว” ซิงก้มหน้า ปล่อยช้อนที่ตักซุปลงที่เดิม “พ่อฉันเป็นคนฝรั่งเศส”



เหมือนซิงจะไม่ค่อยอยากพูดถึงพ่อแท้ๆ เท่าไหร่ แววตานั้นเศร้าสร้อย ไอเดียเลยยื่นมือไปจับไว้เพื่อปลอบ



“ผมขอโทษที่ถาม แค่อยากรู้เรื่องของพี่บ้าง”



“ไม่เป็นไร” ซิงดึงมือออกแล้วทานอาหารต่อ ไอเดียยังคงมองดูเขาพลางท้าวคาง



“แล้วน้องชายพี่ เป็นลูกของป๊าพี่ใช่มั้ย?”



“เลิกคุยเรื่องนี้ได้ยัง?” ซิงเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “รีบๆ กิน ฉันจะได้กลับห้อง”



“อ้าว? ไม่ค้างเหรอ” คนถามยิ้มกริ่ม ไม่ได้แสดงท่าทีร้อนใจใดๆ เพราะถึงยังไงก็มีวิธีทำให้ยอมอยู่ด้วย



“มะรืนมีสอบอีก ฉันจะกลับไปอ่านหนังสือ อยู่ที่นี่ไม่มีสมาธิ”



“โอเคๆ แล้วแต่” ไอเดียยิ้มหวานเหมือนยังไงก็ได้ แต่ในใจวางแผนเรียบร้อยแล้วว่าหลังมื้ออาหารค่ำนี้ จะทำอะไรต่อไป







เป็นอีกครั้งที่ซิงกลับมาในตอนเช้า ด้วยสภาพอิดโรย คอมีรอยกัดไปทั่ว ที่ข้อมือก็มีร่องรอยของเชือกมัด ไม่รู้ว่าใต้เสื้อผ้าพวกนั้นจะมีรอยยิ่งกว่านี้ตรงไหนอีก แต่ซองก็ทำได้แค่มอง



ซิงทำตัวเองแท้ๆ



“เดี๋ยวจบแล้วก็ต้อง intern อีกปีใช่มั้ย?”



“รู้ด้วยเหรอ?” ซิงเงยหน้ารับแก้วน้ำจากมือน้องมาดื่มหลายอึกด้วยความกระหาย ก่อนมาก็กินข้าวกินยากินน้ำมาแล้ว แต่มันก็ยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวและคอแห้งอยู่ดี



“ผมอ่านจากในเนตมา อยู่ว่างๆ ทุกวัน ไม่มีไรทำ” ซองว่าพลางยื่นมือไปแตะหน้าผากของพี่ชาย “เฮียมีไข้นะ นอนก่อนมั้ย”



“ไม่ล่ะ ฉันจะอ่านหนังสือ นายจะไปทำไรก็ไป” ซิงโบกมือไล่น้อง ซองเลยขี้เกียจเซ้าซี้อีก ปล่อยให้ซิงนั่งอ่านหนังสือไปเงียบๆ คนเดียว



ซองเดินออกมาจากห้องพร้อมกีต้าร์ตัวโปรด ลงลิฟท์ไปที่ชั้นล่างสุด ออกไปนั่งดีดกีต้าร์ในสวนด้านหลังที่ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา ช่วงนี้ซองกลับมาฝึกเล่นเพลงเพลงหนึ่งอยู่ เป็นเพลงที่เปิดเจอในยูทูปแล้วชอบ รู้สึกว่าอยากเล่นให้ซิงฟัง เผื่อพี่จะอารมณ์ดีขึ้น เพราะซิงทั้งเรียน ทั้งทำงาน ไหนจะสอบแล้วยัง...



ซองรู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าแฟนของซิงเท่าไหร่ จะว่าหวงพี่ชายก็ได้ แต่มันเหมือนมีความรู้สึกหงุดหงิด ไม่ชอบใจมากกว่านั้น ยิ่งซิงกลับมาห้องในสภาพนั้นบ่อยๆ ซองยิ่งนึกเกลียดไอ้หมอนั่นมากขึ้นอีก



จริงอยู่ว่าซิงเคยทำเรื่องเลวร้ายไว้ แต่ซองไม่ได้อยากให้ซิงต้องตกอยู่ในสภาพนี้ เขากลัว...กลัวว่าจะต้องสูญเสียคนที่รักไปอีกครั้ง



ซองยังจำเรื่องในคืนนั้นได้แม่นยำ จำได้ติดตา แม้จะมึนๆ ไปบ้างเพราะฤทธิ์ยาบ้าๆ นั่น แต่ก็ยังจำความรู้สึกและสัมผัสในตอนนั้นได้ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ทุกครั้งที่นึกถึง



เสียงกรีดร้อง น้ำตา เลือด และอุณหภูมิร่างกาย



รอยยิ้มของซิง



จนทุกวันนี้ ซองก็ยังไม่เข้าใจว่าซิงทำแบบนั้นทำไม เพื่ออะไร?



“ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียวล่ะ”



“! ” ซองสะดุ้งหันหลังไปมองคนทัก เคยเจอกันแค่ครั้งสองครั้ง เวลาที่คนคนนี้พาซิงกลับมาที่ห้อง และรู้สึกรังเกียจบอกไม่ถูก



“พอดีพี่กดออดแล้วไม่มีใครเปิดประตู แล้วเห็นเราแว้บๆ เลยลงมาดูอีกที พี่ซิงมาที่ห้องรึเปล่า” ไอเดียยืนกอดอกก้มมองมา ท่าทางวางโตจนน่าหมั่นไส้นิดๆ



“มา หลับไปแล้วมั้ง” ซองว่าพลางลุกขึ้น ถือกีต้าร์ไว้ข้างตัว



“เล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอ” ไอเดียเดินตามหลังซองไป



“เฮียเคยสอนนานแล้ว” สองคนเดินเข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน เสียงพูดคุยเงียบลงอึดใจ



“นายอายุเท่าไหร่นะ? 18? ” ไอเดียชวนคุยต่อ เพราะไม่ค่อยชอบความเงียบแบบนี้เท่าไหร่



“อือ” ซองพยักหน้ารับ



“ทำไมไม่เรียนต่อล่ะ?”



“ผมไม่อยากรบกวนเฮีย แค่ค่าใช้จ่ายทุกวันนี้ก็เยอะพอแล้ว”



ไอเดียกอดอก ยืนพิงผนังลิฟท์ มองเด็กหนุ่มร่างสูงที่เหมือนจะสูงกว่าตนนิดหน่อยอย่างพินิจพิจารณา



“นายไม่ค่อยเหมือนพี่เนอะ”



“ใครๆ ก็ว่างั้น”



“หึ” คนขี้สงสัยแค่นยิ้ม ก่อนที่ลิฟท์จะเปิดออก ทั้งสองต่างก้าวตามกันออกไป ซองเดินนำไปเพื่อเปิดประตูให้ ไอเดียเดินตามหลังเข้าไปในห้อง กวาดสายตามองหาซิง ก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วเดินไปทางร่างสูงโปร่งที่นอนหลับคาโซฟาที่มุมห้อง



“พี่ซิง” มือหนาแตะแขนของซิงเบาๆ พลางก้มลงเรียกชื่อ ซิงเหมือนจะรู้สึกตัวนิดหน่อย จึงบิดตัวไปมาอย่างขี้เกียจ



ซองมองทุกการกระทำนั้นอยู่เงียบๆ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย แม้ในใจจะร้อนรนแปลกๆ อยากเข้าไปดึงตัวซิงออกมา ไม่อยากให้มันได้แตะต้องไปมากกว่านี้



“ไปนอนที่เตียงมั้ย ผมพาไป” ไอเดียกระซิบข้างหู แต่ซองก็ได้ยินอยู่ดี เด็กหนุ่มขมวดคิ้วฉับ เมื่อเห็นพี่ชายถูกอุ้มจนตัวลอยราวกับเจ้าหญิงผู้บอบบาง ซิงยังหลับตาอยู่ เอนหน้าซบเข้าหาแผงอกแกร่งของอีกคนเหมือนกำลังอ้อน เห็นแบบนั้นแล้วซองยิ่งเดือดดาลในใจ



ไอเดียยกยิ้มมุมปากให้ซองตอนที่เดินสวนกันเข้าไปในห้องนอน เด็กหนุ่มกำหมัดแน่นจนมือสั่นเกร็ง ฟันขบลงบนริมฝีปากล่างอย่างแรงจนเลือดซึม



“วันนี้พี่จะอยู่ที่นี่ด้วย ซองคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย” ไอเดียเดินกลับออกมาจากห้องนอนของซิงแล้ว หลังจากหายเข้าไปในนั้นพักใหญ่ จนซองไปนั่งดูทีวีที่หน้าโซฟา



“ถ้าผมว่า พี่จะยอมกลับไปมั้ยล่ะ” ซองเหลือบมองคนที่ยืนยิ้มอยู่หน้าประตูห้องนอน



“ไม่”



“งั้นก็ตามสบาย”



เพียงแค่นั้น ความเงียบก็เข้าปกคลุมทั้งห้องอีกครั้ง



ไอเดียนั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว มองซองที่ยังนั่งดูทีวีอยู่มุมห้อง หากมองจากมุมไกลๆ จะเห็นเหมือนพวกเขานั่งหันหน้าชนกันอยู่ แต่จริงๆ แล้วอยู่ในระยะที่ห่างกันพอสมควร ด้านหลังของไอเดียเป็นห้องนอนของซิง และด้านหลังเยื้องไปเล็กน้อยทางขวามือของซอง เป็นห้องนอนของซองเอง ตรงกลางเป็นโซนครัวและโต๊ะอาหาร ห้องน้ำอยู่มุมล่างสุดกับตู้เสื้อผ้า ตรงข้ามกับโซฟา



“นายอยู่ที่นี่กับพี่ซิงมานานแค่ไหนนะ?”



ซองหันไปมองคนถาม “3ปีได้มั้ง”



“สนิทกันมากเลยเหรอ” ไอเดียถามหน้านิ่ง ต่างคนต่างมองหน้ากัน แต่ไม่เหมือนคุยกันอย่างสนุกสนาน แววตาคล้ายกำลังข่มกันมากกว่า อาจจะเพราะอายุที่ห่างกันไม่มากด้วย ทำให้ซองไม่ค่อยอยากเกรงใจ



“ถามแปลก พี่น้องกันก็ต้องสนิทกันสิ”



“เหรอ ดูไม่เหมือนอย่างนั้นเลย” ไอเดียยกยิ้มมุมปาก “เสียดายนะ ที่เป็นได้แค่น้องชาย”



ตึง!



ฝ่ามือของซองตบลงบนโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ไอเดียก็ไม่ได้สะทกสะท้านหรือแสดงอาการหวั่นไหว แค่แค่นยิ้ม เงยหน้ามองคนที่จู่ๆ ก็โผล่มาทุบโต๊ะเล่น



“หมายความว่าไงวะ”



“ไม่มีอะไรนี่” ไอเดียลอยหน้าลอยตาตอบ ยิ่งทำให้ซองหัวร้อนหนัก บวกกับความไม่พอใจก่อนหน้านี้ เลยกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายเต็มแรง ทว่ายังไม่ทันพูดหรือทำอะไรต่อ เสียงประตูด้านหลังที่ดังขึ้นพร้อมคนที่ก้าวออกมา ทำให้ทั้งสองคนรีบผละจากกัน



“ทำอะไรกันอยู่?” ซิงหรี่ตามองทั้งคู่อย่างสงสัย ซองส่ายหน้า เดินเลี่ยงกลับไปนั่งที่โซฟา ส่วนไอเดียลุกขึ้นเดินยิ้มเข้ามาหา



“ตื่นแล้วเหรอครับ? หิวมั้ย พี่อยากได้อะไรบอกเลย”



ซิงมองหน้าไอเดียอย่างอึดอัดใจ มันก็ดีที่ได้รับการเอาอกเอาใจ ไม่ต่างจากที่ป๊าเคยทำตอนอยู่ที่บ้าน และมันก็ทำให้ใจของซิงค่อยๆ โอนอ่อนกับเด็กคนนี้ลงทุกที แม้เรื่องที่โดนกระทำจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่เรื่องอื่น ต้องยอมรับว่าไอเดียทำได้ดีเยี่ยม ในฐานะแฟน



“เวียนหัวนิดหน่อย ขอนั่งพักก่อน” พอได้ยินอย่างนั้น ไอเดียก็ช่วยประคองไปนั่งที่เก้าอี้ “ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ ยังไม่แก่”



“ฮ่าๆ ผมไม่ได้คิดว่าพี่แก่ แค่คิดว่าพี่ไม่มีแรง เพราะเมื่อคืน...” เสียงนั้นดังอยู่ข้างหู พร้อมปลายจมูกคมที่ไล้ไปมา และซิงต้องเอียงคอหลบด้วยความจั๊กจี้



“ผมออกไปข้างนอกนะ จะทำอะไรกันก็ตามสบาย” ซองโพล่งขึ้น แล้วลุกเดินไปทางหน้าประตูห้องทันที



“จะไปไหนอีก?” ซิงร้องถาม มองตามหลังน้องที่จะเปิดประตูออกไป ซองตอบโดยไม่หันไปมองทั้งคู่



“นั่งเล่นข้างล่าง”



“อยู่ที่นี่ก็ได้ จะลงไปทำไม” ซิงทำท่าจะลุกตาม แต่ถูกไอเดียคว้าเอวไว้ให้นั่งลงบนตัก พอดีกับที่ซองเหลียวหลังไปมอง เด็กหนุ่มกัดกรามแน่น รีบหันหน้ากลับ



“ไม่อยากเป็นกขค ไปล่ะ” แล้วซองก็เปิดประตูเดินออกไป ไม่ฟังเสียงของซิงอีก



ซิงไม่ชอบเวลาที่ซองต่อต้าน ไม่ชอบเวลาที่ซองหันหลังให้แบบนี้ เขายกนิ้วโป้งขึ้นกัดอย่างเผลอไผลด้วยความเครียด และไอเดียที่สังเกตเห็นก็คว้ามือนั้นไว้ ดึงให้เลิกกัด



“ติดน้องรึไง?” มือหนากุมมือของซิงไว้มิด จับให้วางบนตักของเจ้าตัวทั้งสองข้าง



“มันเรื่องของฉัน” ซิงขมวดคิ้ว ดึงมือออกจากมือของไอเดีย แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ก็เลยยื้อกันไปมา สุดท้ายคนแพ้ก็คือซิงอยู่ดี ไอเดียวางคางลงบนบ่าของร่างในอ้อมกอดบนตัก ถูไถไปมา



“ตอนนี้เป็นเรื่องของผมด้วย เพราะผมเป็นผัวพี่”



“อย่ามาใช้คำนั้นกับฉัน” ถ้าไม่เพราะเรื่องโรงพยาบาลที่ไอเดียจะได้รับสืบทอด ซิงไม่มีทางยอมให้ขาดนี้แน่ เขาเข่นเขี้ยวในใจ



“ต้องใช้ได้สิ ก็ผมเป็นผัวพี่จริงๆ ทำไม? รับไม่ได้รึไง? ผมเรียนจบเมื่อไหร่ จะให้พ่อไปขอเลย สมัยนี้ผู้ชายแต่งงานกันได้เยอะแยะ แล้วถ้าเรื่องพ.ร.บ.จดทะเบียนเพศเดียวกันมาเมื่อไหร่ ก็จดเลย” ไอเดียยิ่งกอดรัดแน่นขึ้น กอดเหมือนจะให้จมหายไปในอก



“จริงจังขนาดนั้น? เดี๋ยวเบื่อก็เลิกไปเอง ฉันไม่เชื่อน้ำหน้าอย่างนายหรอก” ซิงดันตัวออก ลุกหนีไปอีกทาง แต่ไอเดียกามไปกอดไว้จากด้านหลัง เหมือนกำลังง้องอนกัน แต่ซิงไม่ได้คิดแบบนั้น



“ผมไม่เบื่อแน่ ผมรักพี่ขนาดนี้ ทุ่มให้ขนาดนี้ เป็นคนแรกเลย” แต่ไอเดียไม่เคยถามสักคำ ว่าเขาคิดเหมือนกันมั้ย เอาแต่มัดมือชกอยู่ฝ่ายเดียว พอเห็นเขาเงียบก็คิดว่ายอม



“ตอนนี้ก็พูดได้”



“ไม่งอนน่า ผมยังไม่ได้สะสางเรื่องน้องชายพี่นะ” มือหนาจับตัวเขาหมุนให้หันไปเผชิญหน้า



“สะสางอะไร? มีอะไรกับซอง?” ซิงจ้องหน้ากลับ ไม่มีหลบสายตา



“ถึงเป็นน้อง ก็คนละพ่อ ถ้าวันดีคืนดีมันหน้ามืดปล้ำพี่ขึ้นมาทำไง?” ไอเดียเกลี่ยปลายนิ้วโป้งบนริมฝีปากบางอย่างเบามือ แววตาแสดงความกังวลฉายชัด ซองเป็นผู้ชายเต็มตัว ดูไม่น่าจะชอบผู้ชายด้วยกันได้ แต่คนอยู่ด้วยกันสองต่อสองมานาน แล้วซองก็ไม่เหมือนมีเพื่อนหรือได้ออกไปเที่ยวปลดปล่อยที่ไหน เกิดอัดอั้นนานๆ แล้วคว้าเอาพี่ชายตัวเองที่ช่วงนี้กำลังอ่อนแอขึ้นมาล่ะยุ่งแน่



“นั่นน้องฉันนะ ถึงคนละพ่อ แต่ก็แม่เดียวกันมั้ยล่ะ คิดอะไรทุเรศ” ซิงปัดมือหนาออก เลยถูกรวบเอวไปกอดไว้ ไอเดียยังคงจ้องตาไม่เลิก



“หรือพี่ไม่เคยคิด?”



ซิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาพยายามแล้วที่จะไม่คิดอะไรกับซองมากกว่าคำว่าน้อง และที่สำคัญ เขารู้ตัวดีว่าทำให้ซองเกลียดไว้แค่ไหน เรื่องคราวนั้น ซองคงไม่มีวันให้อภัยง่ายๆ แน่



เขาทำให้ซองเสียใจเจียนตาย ทำร้ายซองด้วยยาพวกนั้น ทำให้น้องถูกป๊าขับไล่ไสส่งเหมือนหมูหมา ทำให้ซองไม่เหลืออะไรเลยในชีวิต



เพียงเพื่อซองจะได้มีแค่เขาเท่านั้น



เพราะอารมณ์ชั่ววูบเพียงแค่นั้น



“พี่เองก็มองมันแบบนั้นใช่มั้ย ผมรู้นะ พวกพี่...”



ซิงขืนตัวออก สองมือดันอกหนาออกห่าง “พอได้แล้ว! นายจะคิดยังไงก็ช่าง แล้วฉันจะคิดยังไงก็ช่าง อย่ามายุ่งกับพวกเรา”



3 ปีก่อน



ถ้าตอนนั้น ไม่โมโหซองเรื่องผู้หญิงคนนั้นจนหน้ามืดทำแบบนั้นลงไป ตอนนี้ พวกเราจะยังอยู่ด้วยกัน ยังรักกันเหมือนเดิมมั้ย?



ซองไม่รู้ ไม่เคยรู้อะไรเลย



ซองไม่รู้ว่าเขาเกลียดผู้หญิง ซองไม่รู้ว่าเขา...ชอบผู้ชาย



ซองไม่รู้ว่าเขา...



หลงรักซองมาตั้งแต่เกิด



ทั้งรัก ทั้งเกลียด



จนไม่รู้ว่าควรต้องทำยังไง



ตอนที่สอบเข้าได้แล้วป๊าบอกให้ขออะไรก็ได้ เขาถึงได้เลือก ขอให้ป๊าซื้อคอนโด แล้วแยกออกมาอยู่คนเดียว เพราะอยากจัดการกับความรู้สึกมั่วซั่วเหล่านั้น แต่แล้วพอซองชอบผู้หญิงคนนั้น เขาก็ทนไม่ได้ที่จะมองดูน้องรักกับคนอื่น



อยากได้ซอง อยากให้ซองต้องการแค่เขาคนเดียวเท่านั้น



แต่ตอนนี้ มันพังไปหมดแล้ว พังจนไม่รู้จะเริ่มซ่อมแซมจากส่วนไหนก่อนดี



“โอเค ผมจะเลิกพูดเรื่องนี้ แต่พี่...เป็นของผมแล้ว และจนกว่าผมจะเอ่ยปากให้พี่ไป พี่ห้ามไปไหนทั้งนั้น”



ร่างสูงโปร่งถูกรั้งเข้าหาอีกครั้ง แรงกอดรัดนั้นทำให้รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งร่าง ไม่รู้สึกถึงความรักเลยสักนิด และไม่ว่าจะผลักไสยังไง กลับเหมือนถูกรัดพันแน่นหนากว่าเดิม ราวกับร่างกายและอ้อมกอดนั้นคือโซ่ตรวนที่ล่ามเอาไว้



ในเมื่อดิ้นรนไม่เป็นผล ซิงก็ทำได้แค่ยืนนิ่งๆ ให้กอด หลับตาลง ไม่อยากมองอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะถูกทำอะไร ก็มีแต่ต้องยอมรับมันให้ได้ เพราะเลือกที่จะอยู่กับผู้ชายคนนี้แล้ว



“ผมจะให้พี่ทุกอย่าง แม้แต่โรงพยาบาลของพ่อ อีกหน่อยมันต้องเป็นของผม ต่อให้พี่ทำงานเป็นหมอทั้งชีวิต ก็ใช่จะได้เป็นเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังง่ายๆ นะ แต่ถ้าพี่อยู่กับผม พี่จะได้ทุกอย่างตามที่พี่ต้องการ”



คำพูดนั้นมาพร้อมกับความเจ็บร้าวที่แล่นริ้วไปทั้งช่วงล่างของร่างกาย ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งก็ไม่เคย ที่จะไม่รู้สึกเจ็บ



แต่ถึงจะเจ็บ ก็ต้องทน



“ผมรักซิงนะ รักมาก...”



น้ำตาไหลรินทุกครั้งที่ได้ยิน



ไม่ได้ซาบซึ้ง ประทับใจ ไม่ได้อิ่มเอมกับคำบอกรักพวกนั้นเลย



สิ่งที่รับรู้ได้เมื่อร่างกายคล้ายจะถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ นั้นมีเพียง



ความเสียใจเท่านั้น



tbc

ทำไมมันดูมึนๆ ทุกตอนเลยหว่า...

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ว่าล่ะ หมอจะต้องงงๆอะไรสักอย่าง ไม่ถูกชะตากับไอเดียเลยยยยยยย

ยังได้เจอไอเดียคนดีย์อีกนาน อิๆ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
รอนะคะ ชอบแนวดราม่ามากค่่ะ

ติดตามนะคะ :) สู้ๆๆ

ขอบคุงค้าบ เรื่องนี้อึนจนแต่งไม่ค่อยออก ฮ่าๆ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เป็นความดราม่าแบบน่าอึดอัด คิดว่าทั้งสามคนนี้คงตกอยู่ในวังวนนี้อีกนานเลยแหละ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3005
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
มีปัญหา ก็ต้องหาทางออก ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5

6
“ผมบอกพ่อเรื่องซิงแล้วนะ”

“เอ๊ะ?” ซิงหน้าซีดเผือดทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น เขาหันไปมองหน้าไอเดีย มือไม้สั่น พ่อของไอเดียคือเจ้าของโรงพยาบาลที่ซิงอยากไปทำงานด้วย แถมยังเป็นคุณหมอโรคหัวใจชื่อดังอีกต่างหาก ซิงไม่แน่ใจว่าพ่อของไอเดียจะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ง่ายๆ ขนาดนั้น

“พ่อบอกอยากเจอซิง ให้ผมพาไปวันเสาร์นี้ ไปกินข้าวที่บ้านผม ซิงว่างใช่มั้ยครับ” ไอเดียยิ้มหวาน และนั่นคือสัญญาณว่าห้ามปฏิเสธ

“วะ ว่าง...แต่ พ่อนายจะ...” ซิงเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก หากพ่อของไอเดียไม่ยอมให้คบกัน เรื่องนั้นซิงโอเค แต่ถ้าจะต้องอดทำงานที่นั่น เพราะเสียภาพพจน์ล่ะก็...

“อย่าคิดมาก พ่อชอบคนเก่ง เขาได้ยินเรื่องซิงมานานแล้ว เลยอยากเจอตัวจริง แถมยังอยากให้ทำงานที่โรงพยาบาลของเราด้วยนะ” มือหนาคว้าร่างสูงโปร่งเข้าไปกอดไว้ หอมแก้มอย่างรักใคร่

ซิงยังไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ สีหน้าดูกังวลชัดเจน “มันจะ...ง่ายแบบนี้เลยเหรอ เรื่องของเรา”

“สมัยนี้แล้วน่า ซิง พ่อดีใจจะตายที่ผมได้ซิงเป็นแฟน เพราะผมไม่ได้เรียนหมอโดยตรง พ่อเลยอยากให้ซิงช่วยบริหารโรงพยาบาลแทนผม” ไอเดียว่าพลางคลอเคลียอยู่กับข้างแก้มและซอกคอ พออยู่ใกล้ซิงก็อยากกอดอยากจูบ อยากจับกดไม่ให้ลุกไปไหน แต่บางครั้งก็ต้องห้ามใจไว้ เพราะซิงยังต้องไปทำงาน

ซิงนิ่งเงียบ ปล่อยให้ไอเดียกอดจูบลูบคลำไปตามใจ เพราะมัวแต่คิดเรื่องที่จะได้บริหารโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังนั่น เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ขึ้นรถของไอเดียในวันนั้น

แม้ไม่ได้รักชอบมากมายอะไร แต่หากได้ผลประโยชน์จากการคบกันครั้งนี้ ต่อให้ต้องเจ็บปวดซ้ำๆ ซากๆ ไปตลอดชีวิต มันก็อาจจะคุ้มค่าแล้วก็ได้...

งั้นหรือ?

มันคุ้มค่าแล้วใช่มั้ย?

.......
...
“อย่าเหม่อสิครับ หมอซิง” เสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ของนายแพทย์หนุ่มรุ่นพี่ที่จบมาก่อนซิงถึง 10 ปีเอ่ยขึ้นเบาๆ จากทางด้านข้าง พวกเขากำลังเรียนรู้การผ่าตัด ซึ่งเป็นสาขาที่ซิงเลือกเรียนต่อเฉพาะทางหลังจบการ Intern จากนี้อีก 3 ปี ซิงก็น่าจะได้เป็นศัลยแพทย์เต็มตัว

“อ่ะ ขอโทษครับอาจารย์” ซิงเงยหน้ามองรุ่นพี่ด้วยสีหน้าสำนึกผิด แม้จะยังหนุ่มแน่น แต่รุ่นพี่คนนี้ก็เป็นระดับอาจารย์หมอแล้ว

“เหนื่อยก็พักกันก่อนมั้ยครับ วันนี้ซิงดูไม่มีสมาธิเลย” ชายหนุ่มวางมือจากอุปกรณ์ผ่าตัด และถอดถุงมือยางออก การเรียนวันนี้เป็นคลาสพิเศษที่เปิดให้ซิงเรียนแบบตัวต่อตัว จะพักหรือเลิกตอนไหนก็ได้

ซิงถอนหายใจเบาๆ ล้างมือแล้วเดินตามอาจารย์ออกไปนั่งพักด้านนอก

“ต้องตั้งใจหน่อยนะเรา จบช้าก็ไม่ได้ทำงานสักที หมอยิ่งขาดแคลนอยู่” อาจารย์หมอพูดกลั้วหัวเราะ ไม่ได้จะเข้มงวดกับซิง เพราะความรู้ความสามารถของซิงนั้นเพียบพร้อมอยู่แล้ว เหลือแค่ฝึกให้ชำนาญก็ทำงานได้เลย เรื่องการสอบใบวุฒิบัตรก็ไม่น่ายากเย็น

“ผม...ขอโทษจริงๆ ครับอาจารย์” ซิงยิ่งหน้าสลดลงอีก จนคนแหย่เล่นต้องรีบปลอบใจด้วยการลูบหัวเบาๆ

“เฮ้ย พี่ไม่ได้ว่าอะไรเรานะ แค่แซวเล่นเอง แล้วอยู่กันสองคน เรียกพี่นิกตามปกติก็ได้” หมอนิกเอนหลังพิงเก้าอี้ยาวที่นั่งอยู่ด้วยกัน ท่าทางผ่อนคลายของรุ่นพี่ ทำให้ซิงหายเกร็งไปได้บ้าง

“จริงๆ วันนี้ก็วันหยุด เดี๋ยวไปหาอะไรกินแล้วเดินเล่นแถวนี้หน่อยมั้ยล่ะ พี่เลี้ยงเอง” พูดไปก็นึกขึ้นได้ “หรือซิงมีนัดกับแฟนแล้ว?”

“นัดไว้ตอนเย็นน่ะครับ ประมาณ 5 โมง เขาจะมารับที่นี่”

“อืม ก็พอมีเวลา ไปกันเลยดีกว่า เดี๋ยวพี่พามาส่งที่เดิม เนอะ” คนโตกว่า แต่มีนิสัยเหมือนเด็กๆ ยิ้มกว้างก่อนจะฉุดมือซิงให้ลุกตาม โดยที่ซิงก็ไม่ทันได้ห้าม ต้องยอมเดินตามแรงฉุดดึงนั้นไป

นายแพทย์ที่ฝึกสอนซิงมีชื่อว่า สถาปนิก ครั้งแรกที่เจอกัน ซิงงุนงงกับชื่อของคนคนนี้มาก แถมจากท่าทางกับลักษณะโดยรวมก็น่าจะไปเป็นพวกสถาปนิกหรืออาร์ตติสท์มากกว่ามาเป็นหมอ แต่พอได้เรียนด้วยแล้วรู้เลยว่าความสามารถไม่ใช่เล่น ฝีมือผ่าตัดประณีตราวกับเครื่องจักรกล การลงมีดเรียบกริบและไม่เคยเห็นพลาดเลยสักครั้งเดียว ทั้งเก่ง ทั้งเป็นอาจารย์ตั้งแต่อายุแค่ 30 ต้นๆ ซิงก็เลยเกร็งๆ นิดหน่อย แต่นิสัยง่ายๆ สบายๆ ของอาจารย์เวลาอยู่นอกงาน ก็ช่วยให้สนิทกันเร็วขึ้น สนิทขนาดที่นิกรู้เรื่องของซิงกับไอเดียเลยทีเดียว

“ไปไหนกันมา?” ไอเดียยืนกอดอกอยู่ตรงลานจอดรถของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เมื่อนิกจอดรถและซิงลงมาจากรถคันนั้น

“ไปกินข้าว” คนตอบไม่ใช่ซิง แต่เป็นพี่หมออารมณ์ดีที่เดินนำหน้าซิงมาหาไอเดีย

“ผมไม่ได้ถามคุณ” ไอเดียขมวดคิ้ว สายตายังจ้องมองแต่ซิง

ซิงถอนหายใจ “จะไปบ้านเลยมั้ย?”

“แวะคอนโดผมก่อนแล้วค่อยไป” มือหนายื่นมากระชากแขนของซิงให้เดินไปขึ้นรถ ซิงต้องรีบหันไปยกมือไหว้ลาหมอนิก ซึ่งหมอนิกก็โบกมือบ๊ายบายให้ แต่สีหน้าออกจะเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย

นิกเคยเห็นไอเดียลากตัวซิงกลับบ้านแบบนี้บ่อยๆ และพอวันถัดมา ซิงก็มักจะมาทำงานในสภาพอิดโรยตลอด เขาเห็นใจซิง เลยเอ็นดูเป็นพิเศษกว่าลูกศิษย์คนอื่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น และถ้าซิงไม่ถึงขนาดขอความช่วยเหลือ เขาก็คงไม่กล้าเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของลูกศิษย์

“นอกจากน้องชายแล้วยังมีอาจารย์ อีกหน่อยจะเพิ่มอะไรมาอีกมั้ย?” มาถึงห้องของไอเดีย ร่างสูงใหญ่ก็เหวี่ยงซิงเข้าไปในห้องนอน ดึงเข็มขัดออกจากกางเกงด้วยสีหน้าท่าทางกราดเกรี้ยว เวลาดีก็ดีแบบใจหาย แต่เวลาหึงหวงจนหน้ามืด ไอเดียก็ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด

“เดีย คุยกันดีๆ ก่อน...โอ๊ย” ข้อมือสองข้างถูกดึงรั้งขึ้นด้วยเข็มขัดเส้นนั้น ไอเดียจัดการมัดเขาด้วยเข็มขัดแล้วล่ามติดหัวเตียงไว้ ซิงหน้าซีดเผือดเมื่อมือหนากำลังดึงทึ้งกางเกงตัวนอกออก ซิงพยายามยกเท้าขึ้นถีบ แต่ก็เหมือนสะกิดมากกว่า

“จะพาฉันไปหาพ่อไม่ใช่เหรอ!? ทำแบบนี้ไม่ได้นะ” ซิงร้องห้าม หลับตาเบือนหน้าหนีลิ้นร้อนสากที่เลียไปทั่วหน้า

“รอบเดียว แค่ทำให้ซิงรู้ว่าซิงเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น” เสียงแหบต่ำชวนให้ขนหัวลุก ซิงกัดปากตัวเองกลั้นเสียงสะอื้นเมื่อความร้อนและคับแน่นคืบคลานเข้าสู่ร่างกาย มันทั้งเจ็บปวดและทรมานจนหายใจแทบไม่ออก

“อึก อ่ะ...อ๊า เดีย...เบา...” แม้จะห้ามปรามเท่าไหร่ ก็ไม่เคยเป็นผล ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากขอร้อง อ้อนวอน อะไรก็ได้ที่จะทำให้ไอเดียหยุดการกระทำหยาบช้านี้


ทุกครั้งที่ถูกกระทำ สมองมันก็พลันนึกถึงภาพนั้น ซิงไม่ได้เชื่อเรื่องเวรกรรม แต่เห็นทีจะคิดเป็นอื่นไม่ได้

และคนที่เลือกจะเข้ามาติดบ่วงเวรบ่วงกำนี้ ก็คือตัวเขาเอง

.......
...
“หน้าซีดๆ นะ ไม่สบายรึเปล่าเรา” หลังจากไหว้ทักทายผู้ใหญ่ในครอบครัวของไอเดียครบแล้ว พ่อของไอเดียก็เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นและเอ่ยถามขึ้นพลางยื่นมือมาบีบไหล่เบาๆ

“ชะ ช่วงนี้งานหนักน่ะครับ ไม่ค่อยได้นอน” ซิงอ้อมแอ้มตอบไป ดีที่เป็นหมอเหมือนกัน พ่อเลยไม่ติดใจสงสัยอะไรเรื่องที่ต้องอดนอนเพราะทำงาน

“แรกๆ ก็หนักแบบนี้แหละ อีกหน่อยจะสบายเอง เดี๋ยวกินข้าวกันแล้วนอนพักที่ห้องเจ้าเดียเลยสิ ไม่ต้องกลับหรอก บ้านเรากว้างขวางอยู่กันได้สบาย” พ่อยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ทำให้ซิงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย พยายามจะคุยกับพ่อแม่ของซิงตลอดเวลา เพื่อยื้อไม่ให้ต้องอยู่กับไอเดียสองคนให้นานที่สุด

เรื่องเมื่อเย็น ทำให้ซิงทั้งโกรธและอาย ลากสังขารมาที่บ้านนี้ได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ดังนั้น เขาจะไม่ยกโทษให้ไอเดียง่ายๆ อีก

******

ซองยังคงนั่งดีดกีต้าร์อยู่ที่ริมระเบียงห้องเหมือนเคย นั่งเหงาๆ อยู่คนเดียวทุกครั้งที่พี่ไม่อยู่

“นี่ๆ ปีนไปหาได้มั้ย” เสียงเจื้อยแจ้วของหญิงสาวข้างห้อง ทำให้ซองหันไปเงยหน้ามองเธอที่ทำท่าจะปีนข้ามระเบียงมา เขาตาโตด้วยความตกใจ รีบทิ้งกีต้าร์แล้วเอื้อมมือไปหาเธอ

“เฮ้ยยยย นี่มันชั้น 25 เลยนะเว้ย ตกไปตายทำไง”

“นายก็รับฉันสิ” เมเปิ้ลส่งยิ้มหวานก่อนจะกระโดดแผล็วเหมือนแมวเข้าสู่อ้อมแขนของซองที่รอรับอยู่อีกฝั่ง แต่แรงส่งเหมือนจะมากเกินไป ทำให้ทั้งสองคนร่วงลงไปกระแทกกับพื้นทั้งคู่ ซองเอามือข้างหนึ่งยันพื้น อีกข้างกอดเอวบางของเพื่อนสาว แต่ก้นก็กระแทกพื้นระเบียงเต็มๆ ส่วนเมเปิ้ลหัวโขกกับหัวของซองอย่างจัง จนมึนกันไปทั้งคู่

แต่พอสองคนตั้งสติได้และมองหน้ากัน พลันเสียงหัวเราะก็ดังลั่น

“ฮ่าๆๆ หัวนายแข็งเป็นบ้า” เธอที่ยังนั่งคร่อมบนตักของซองพูดไปหัวเราะไป

“เธอก็แข็งพอกันแหละ โครตเจ็บ ปวดหัวเลยเนี่ย” ซองดีดหน้าผากเมเปิ้ลไปอีกที ทำเอาเธอร้องโวยวายลั่น “แล้วจะนั่งท่านี้อีกนานมั้ย หนักนะเนี่ย” เขาว่าเธอ แต่มือกลับยังกอดเอวนั้นไว้แน่น

เมเปิ้ลเบ้หน้าใส่ “นายก็เอามือออกก่อนสิยะ”

ซองไม่พูดอะไร มือก็ไม่ได้เอาออกตามที่เธอขอ แต่กลับรั้งเอวบางเข้าไปใกล้ จนเมเปิ้ลต้องรีบดันอกเขาไว้ เพราะกลัวหน้าอกของเธอจะชนเข้ากับแผงอกของเด็กหนุ่ม ที่ตอนนี้ควรจะเรียกว่าเป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้ว

แต่อาจจะเพราะแรงกอดหรือแรงดึงดูดอะไรสักอย่างที่ทำให้มือเล็กๆ ของหญิงสาวหยุดชะงัก เคลื่อนขึ้นไปเกาะบนบ่ากว้างและยอมให้ซองบดเบียดริมฝีปากเข้าใส่

***

เดี๋ยวมาต่ออีกแป้ป กินข้าวก่อง ฮ่าๆ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
https://www.youtube.com/watch?v=f05VJ1moOKE

 สองคนนั่งหลบกันคนละมุม หลังจากจูบกันแล้ว ซองไม่ได้พูดอะไร แค่ขอโทษแล้วปล่อยมือจากเอวของเมเปิ้ล ปล่อยให้เธอลุกเดินไปทรุดตัวลงนั่งอีกฝั่ง ส่วนเขาก็แค่หยิบกีต้าร์ตัวเดิมมาดีดเล่น

“โกรธรึเปล่า?” ซองเอ่ยถาม มือก็ยังดีดเพลงคลอเบาๆ เพื่อไม่ให้มันเงียบเกินไป

เมเปิ้ลส่ายหน้ายิ้มๆ “ฮะฮะ จะโกรธทำไมล่ะ ก็แค่...มึนเพราะแรงโน้มถ่วงโลกใช่มั้ยล่ะ?”

“ฉันล่ะงงกับศัพท์แสงของเธอจริงๆ” ซองหัวเราะตาม “อยากฟังเพลงมั้ย เดี๋ยวร้องให้ฟัง”

“จริงอ่ะ?” หญิงสาวตาโต คลานเข่าเข้ามานั่งใกล้ๆ ซอง “เอาเพลงใหม่ล่าสุดของพี่ซิน”

“ฟัง?” ซองทวนชื่อเพลง เพราะไม่แน่ใจว่ามันคือเพลงล่าสุดหรือเปล่า เขามักจะนั่งฟังเพลงจากในยูทูป หาคลิปไปเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยได้สนใจว่าอันไหนใหม่หรือเก่า

“อื้อ อันนั้นแหละ เล่นได้ยัง?” เมเปิ้ลว่าพลางเอนหัวซบบนบ่าของซองที่กำลังตั้งสาย

“ได้” แล้วเขาก็สูดลมหายใจเข้า ก่อนจะค่อยๆ ร้องเพลงคลอเสียงดนตรี

******

“ยังโกรธอยู่อีกเหรอ” ไอเดียทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ซิงบนเตียง คืนนี้ต้องค้างที่บ้านของไอเดีย เพราะคำชวนของพ่อ ทั้งที่ซิงไม่อยากอยู่กับไอเดียสองคน แต่มันช่วยไม่ได้

ซิงเม้มปาก ไม่ตอบ ไม่พูดด้วย แค่นั่งนิ่งๆ เงียบๆ ไม่สนใจ

ไอเดียไหวไหล่น้อยๆ ยื่นมือไปลูบแขนของซิง “ผมขอโทษ”

“ทีหลังหัดฟังคนอื่นบ้าง” ซิงหน้ายู่ ตีมือที่ลูบแขนดังเพี๊ยะแล้วลุกหนี “จะอาบน้ำแล้ว”

“เดี๋ยวผมหาชุดให้เปลี่ยน...หรือไม่ใส่อะไรเลยดีกว่า?” คนขี้แกล้งพูดยั่วกลั้วเสียงหัวเราะ ซิงหน้าตึง แต่แก้มแดงระเรื่อ โยนเสื้อเชิ้ตที่ถอดออกใส่หน้าไอเดียแล้วเดินปึงปังเข้าห้องน้ำไป โดยมีเสียงหัวเราะของอีกคนดังไล่หลัง

ซิงยืนอาบน้ำอยู่ใต้ฝักบัว ความเย็นของสายน้ำที่ไหลผ่านร่างกายน่าจะทำให้ชุ่มชื่นได้บ้าง แต่หัวใจของเขากลับแห้งเหี่ยว วันรับปริญญา ป๊าซื้อรถคันใหม่ให้ แต่แทบไม่ได้ขับเลย เพราะมีไอเดียคอยไปรับส่งที่โรงพยาบาลตลอด เขายังไม่ได้บอกป๊าเรื่องที่คบผู้ชายด้วยกัน กลัวว่าป๊ากับแม่จะรับไม่ได้ แต่ไอเดียก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว แถมเจ้าตัวบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า พอเรียนจบจะให้พ่อไปขอ ซึ่งซิงเชื่อว่าคนอย่างไอเดียพูดจริงทำจริงแน่นอน

ถึงตอนนั้น ถ้าป๊าไม่ยอมรับง่ายๆ เหมือนพ่อของไอเดียก็คงดี

อยากเลิก...แต่หนีไม่ได้

ไม่มีทางให้หนีเลย

ไม่ใช่ว่าซิงไม่เคยบอกเลิกกับไอเดีย แต่พอพูดออกไป ก็โดนทำร้ายสารพัด ถูกขังไว้ในห้องเป็นอาทิตย์ ไอเดียพร่ำคำรักซ้ำๆ เหมือนคนเมายา ทำร้ายร่างกายแล้วยังย่ำยีจิตใจจนไม่เหลือซาก ซิงหมดเรี่ยวแรงจะหนีอีกต่อไป ทำได้แค่กัดฟันทน

ไหนจะเรื่องของซอง ที่ยังคาราคาซัง ทุกครั้งที่เขากลับห้อง ไอเดียจะไปเฝ้าตลอด เพราะยังไม่ไว้ใจซอง นับวันเด็กน้อยคนนั้นยิ่งเติบโตเป็นหนุ่ม รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาที่เคยจืดชืดเริ่มดูคมเข้มเมื่อซองชอบปล่อยให้หนวดเคราขึ้นครึ้ม เพราะซองบอกว่าขี้เกียจโกนบ่อยๆ

ซองเหมือนผู้ชายคนนั้นมากขึ้นทุกวัน

จนซิงกลัว

ไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตา หรือกระทั่งนิสัย ทั้งที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้เป็นคนเลี้ยงดู แต่ซองเหมือนพ่อแท้ๆ มาก

พ่อของซอง ที่ซิงเคยเจอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ในบ้านของป๊า

tbc

ออฟไลน์ nutiez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ้าว ยังไงกันแน่ หมายความว่า แม่มีผู้ชายคนอื่นอีกเหรอ หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ซิงเกลียดแม่ ลุ้นๆๆ

ออฟไลน์ MiaHiaKris

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
อะไรยังไง เรื่องราวเหมือนจะไม่ได้มีแค่นี้ ซองไม่ได้เป็นลูกของป๊าเหรอ ซิงรู้อะไรมา แล้วก็เกลียดไอเดียมากทำไมต้องทำรุนแรงพูดดีๆไม่เป็นรึไง

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
7
ตอนซิงอายุ 6 ขวบ ซองได้ลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก พวกเขาเกิดเดือนเดียวกัน ห่างกันแค่ 3 วัน ซิงเกิดวันที่ 16 ส่วนซองเกิดวันที่ 19 เมษายน

เด็กชายพันธ์เพลง กาญจนพิสุทธิกุล คือชื่อของซอง ที่ป๊าเป็นคนตั้งให้ ป๊าเลือกทั้งชื่อเล่นชื่อจริงให้คล้องจองกับซิง เพื่อจะได้เป็นเหมือนพี่น้องกันจริงๆ แม้จะมีสายเลือดเดียวกันแค่ครึ่งเดียวก็ตาม

ป๊าเป็นคนใจดีมาก และซิงก็รักป๊ามากที่สุดในโลก ดังนั้น ซิงจึงรักน้องชายคนนี้มาก เพราะน้องเป็นลูกของป๊า เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้มีพระคุณ

แต่แล้ว ภาพครอบครัวแสนอบอุ่นของซิงกลับพังทลายลงเมื่อเขาอายุเพียง 11 ปี

และซิงต้องฝืนทนกล้ำกลืน เก็บมันเอาไว้มานานถึง 15 ปีแล้ว

ซิงเคยเจอผู้ชายคนนั้นที่บ้านของป๊าแค่ครั้งเดียวตอนอายุ 11 ปี แต่หลังจากนั้น เขาก็ได้เจออีกครั้งตอนอายุ 16 เมื่อขึ้นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เพราะคนคนนั้น เป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนของซิง

การต้องเจอหน้าและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยระหว่างพวกเขาตลอด 3 ปีนั้น ทำให้ซิงเครียดจนคิดจะฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่ซองมาเจอและห้ามไว้ได้ก่อน น้องชายตัวน้อยๆ ร้องไห้แทบเป็นแทบตายที่เห็นข้อมือของพี่เต็มไปด้วยเลือด ซิงมองน้องที่ร้องไห้ตาบวมช้ำด้วยความรู้สึกสับสน เขาเคยคิดว่ารักซองมาก รักมากกว่าสิ่งใด แต่ความเป็นจริงที่คอยทิ่มแทง ตอกย้ำว่าซองไม่ใช่ลูกของป๊า แต่เป็นลูกของผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนั้น ทำให้ซิงเกลียดชังเด็กน้อยพอๆ กับที่เกลียดตัวเอง เกลียดที่เกิดมาเป็นลูกของผู้หญิงอย่างแม่ คนที่ทรยศหักหลังผู้มีพระคุณของตัวเองได้ลงคอ ผู้หญิงที่ฆ่าพ่อของซิง และยังฆ่าป๊าให้ตายทั้งเป็นอย่างเงียบงัน

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

ซิงสะดุ้งตื่นเมื่อมีมืออุ่นๆ มาแตะที่ต้นแขน เหงื่อกาฬไหลพลั่ก สีหน้าซีดเซียว ไอเดียยื่นมือมาจะแตะที่หน้าผาก แต่ซิงปัดมันออกอย่างแรง

“ซิง?” ไอเดียทำหน้างุนงง รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง “ฝันร้ายเหรอ?”

“อือ...” ซิงครางรับ พอตั้งสติได้แล้วก็เขยิบเข้าหาเองอย่างอัตโนมัติ เพราะต้องการความอบอุ่นจากใครสักคน “กอดที”

“หืม?” ไอเดียเลิกคิ้ว แต่ก็อ้าแขนให้ซิงกลิ้งเข้ามาในอ้อมอก กอดรัดไว้อย่างหวงแหน “ฝันร้ายแล้วน่ารักแบบนี้ อยากให้ฝันร้ายบ่อยๆ เลย”

“โรคจิต ชอบเห็นฉันกลัวรึไง” ซิงทุบอกร่างหนาไปทีด้วยความหงุดหงิด ภาพในฝันยังตามมาหลอกหลอนอยู่นิดหน่อย แต่เพราะมีไอเดียอยู่ข้างๆ เลยรู้สึกเบาใจขึ้นเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น

ถึงนิสัยหมอนี่จะน่าขยะแขยงและน่ากลัวไปบ้างในบางครั้ง แต่อย่างน้อย ก็ยังสัมผัสได้ถึงความรักจางๆ

“หึหึ ผมชอบเห็นคุณร้องไห้มากกว่านะ” เสียงหัวเราะนั้นดังอยู่ใกล้ใบหน้า พร้อมกับสัมผัสอุ่นวาบที่หน้าผาก ซิงหลับตาลงอีกครั้ง ซุกตัวอยู่ในอกของร่างหนาเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ไอเดียคลี่ยิ้ม ทั้งจูบหน้าผากและหอมแก้มไปอีกหลายที ก่อนจะนอนลงโดยที่ยังไม่คลายอ้อมกอด

......
นานๆ ครั้ง ซิงจะกลับมาที่ห้อง ส่วนมากไม่อยู่ที่โรงพยาบาล ก็อยู่ที่ห้องของไอเดีย ป๊าเองก็อยากเห็นหน้าลูกๆ โทรหาอยู่เสมอ กับซอง แม้จะยังเข้าหน้ากันไม่ค่อยติด แต่ป๊าก็เป็นห่วงเป็นใย จนบางครั้งซิงอยากจะบอกออกไปดังๆ ว่า มันไม่ใช่ลูกของป๊าหรอก

แต่ซิง...ก็รักน้องอีกนั่นแหละ

“ขึ้นไปแป้ปเดียว รอนี่แหละ” ซิงบอกกับสารถีส่วนตัวที่ขี้หึงเกินเหตุ ทั้งที่บอกแล้วว่ากับซองก็เป็นแค่พี่น้องกัน ไอเดียเหมือนจะไม่ชอบหน้าซอง เจอกันทีไรต้องเขม่นกันแปลกๆ ทางสายตา แถมยังบอกให้ซิงย้ายออกไปอยู่กับตัวเอง จะให้ทิ้งซองไว้คนเดียวอีก

“ผมให้แค่ 10 นาที เกินเมื่อไหร่ ผมบุกถึงห้องแน่” ไอเดียชี้หน้าขู่ ทำเอาซิงส่ายหน้าถอนหายใจ

“เออๆ” แล้วซิงก็ปิดประตูรถดังปั่บ รีบเดินเข้าไปในตึก แค่เดินไปที่ลิฟท์ก็กินเวลาไปเกือบ 2 นาทีแล้ว ไอเดียคุมเข้มอย่างกับเป็นพ่อ จนบางทีซิงก็เซ็งแสนเซ็ง

ร่างสูงโปร่งเดินเร็วๆ ไปที่ห้อง หยิบคีย์การ์ดมาแตะเปิดประตูห้องเข้าไป กำลังจะก้าวขาต่อไปยังห้องนอนของตัวเองที่ไม่ได้มานอนหลายวันแล้ว แต่เห็นประตูห้องของซองแง้มอยู่ และได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากในนั้น

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ซองไม่เคยติดต่อกับเพื่อนคนไหน ไม่เคยพาใครมาที่ห้อง อาจจะมีบ้างที่ออกไปข้างนอก ซึ่งซิงก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เขาไม่ชอบให้ซองพาคนอื่นเข้ามาในห้องนี้

ซิงไม่แน่ใจว่าหูฝาดหรือเปล่า ซองอาจจะดูหนังในไอแพดก็ได้ เลยย่องไปดูใกล้ๆ บานประตู และยิ่งเข้าไปใกล้ เสียงนั้นก็ยิ่งชัดเจน และมันไม่ใช่แค่เสียงหัวเราะเหมือนในทีแรก

“อืม...ซอง...”
“เข้ายัง”
“อีกนิด อ๊า”

ปัง!

เสียงประตูเปิดผลัวะ คนสองคนบนเตียงสะดุ้งโหยง แต่ยังผละออกจากกันในทันทีไม่ได้ หญิงสาวร่างเล็กที่นอนอ้าขาอยู่บนเตียงแทบกรี้ดเมื่อเห็นใบหน้าถมึงทึงของเจ้าของห้อง ซึ่งเธอเคยเจอแค่ไม่กี่ครั้ง แต่จำได้แม่นยำ ว่าเป็นพี่ชายของซอง

“ซะ ซอง...” เมเปิ้ลรีบคว้าผ้าห่มมาปกปิดร่างกาย พยายามซ่อนตัวอยู่ด้านหลังซองที่หันไปเผชิญหน้ากับพี่ชาย

ซิงกำมือแน่น โทสะพุ่งพรวดแทบทะลุปรอท ใบหน้านั้นแดงก่ำ

“นึกว่าจะไม่กลับ” ซองเพียงแค่ขยับคอไปมาพลางดึงบ็อกเซอร์ขึ้นที่เดิม

“นี่มันห้องของฉัน ต้องรายงานนายด้วยรึไง”

ซองไหวไหล่ ลุกจากเตียง ก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าให้เมเปิ้ล

“เปิ้ลกลับห้องไปก่อน ขอเราคุยกับเฮียแป้ป”

“ไม่ต้อง!” เสียงตวาดลั่น ทำเอาหญิงสาวที่กำลังจะลงจากเตียงสะดุ้ง หยุดชะงักอยู่กับที่ เธอเหลือบสายตามองซิง ที่เอาแต่จ้องหน้าซอง “ไม่มีอะไรต้องคุย ฉันแค่มาเอาของ อยากทำอะไรกันก็เชิญ”

แล้วซิงก็หันหลังเดินออกไปจากห้องของซอง เก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทาง เมเปิ้ลเลยถือโอกาสนั้นขอตัวกลับห้อง ส่วนซองยืนกอดอกพิงกรอบประตู มองดูซิงเก็บของ

“จะย้ายไปอยู่กับมันเลยใช่มั้ย?”

“เออ นายจะได้ทำอะไรสะดวก” ซิงกัดฟันตอบด้วยเสียงสั่นเครือ พยายามกัดปากที่สั่นระริกไว้

“ทำเหมือนเพิ่งเคยเห็นผมเอากับคนอื่น” ซองแค่นยิ้ม ซิงเก็บของยัดๆ ลงกระเป๋าจนเต็ม รูดซิปกดรหัสล็อคเสร็จก็ลากมันออกจากห้อง กระแทกไหล่สวนกับน้องชาย ซองหันตามพี่ที่กำลังจะออกไปจากห้อง

“ไม่เถียงหน่อยเหรอซิง ว่าไม่ได้อยู่ที่นั่นวันนั้น”

ทั้งที่ซองเห็นชัดเจนเต็มสองตา

รอยยิ้มของซิงที่เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าเพราะอะไร

“แล้วไง? อยู่หรือไม่อยู่ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี” ซิงเตรียมจะเปิดประตู แต่ถูกซองกระชากแขนกลับไป

“มึงทำลายชีวิตกูพอรึยัง? คิดจะขังกูไปถึงเมื่อไหร่” มือที่ใหญ่กว่าวันวานกดร่างของซิงแนบกับประตูห้อง ใบหน้าคร้ามเข้มที่มีหนวดเครารางๆ ของน้องชายอยู่ใกล้มากจนซิงต้องเบือนหน้าหนี

“ก็จะปล่อยแล้วนี่ไง อยากทำอะไรก็เชิญ เรื่องเงิน ป๊าจะโอนให้นายเหมือนเดิม” ซิงยกแขนข้างที่ไม่ถูกกดไว้ขึ้นดันอกน้องชาย เมื่อไหร่กันที่ซองตัวโตขนาดนี้ ทั้งที่ตอนนั้นยังตัวเล็กนิดเดียวจนเขากอดรัดได้ทั้งตัว และยิ่งโต ซองยิ่งเหมือนผู้ชายคนนั้น คนที่ซิงเกลียดจนเข้ากระดูกดำ

นึกถึงมันแล้วอยากจะอาเจียน

“คิดจะทำลายก็ทำ คิดจะขังก็ขัง คิดจะทิ้งก็ทิ้งเหรอวะ! มึงแม่งเหี้ยเกินไปมั้ยซิง กูเป็นตัวอะไร ใช่น้องมึงมั้ย หรือเป็นแค่ของเล่นของมึง” ซองตะคอกเสียงดัง ดันร่างพี่ชายจนแทบแบนติดประตู แววตานั้นเกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน

“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น” ซิงจ้องตาซองนิ่งงัน แม้จะใจสั่นเล็กน้อยกับท่าทีคุกคามของน้องที่ไม่ค่อยได้เจอ แต่ก็ยังพยายามเก็บอาการไว้ ทำตัวให้นิ่งที่สุด ทว่า ก่อนที่จะได้ปะทะคารมกันต่อนั้น

ตึงๆๆๆ

“ซิง! เปิดประตู!”

ซิงถอนหายใจ ไอเดียมาตามจริงๆ คงเกิน 10 นาทีมานานแล้ว “ถอย ฉันต้องไปแล้ว”

ซองยอมหลีกทางให้ ซิงผลักร่างสูงของน้องออกอีกที แล้วเปิดประตู ส่งกระเป๋าเดินทางให้ไอเดียที่ทำหน้างงใส่

“ฉันจะไปอยู่ห้องนายสักพัก” ซิงว่าก่อนจะเดินนำออกไป ไอเดียเหมือนจะยิ้ม แต่ก็ขมวดคิ้ว มองหน้าซองที่หันไปทางอื่น แล้วรีบลากกระเป๋าวิ่งตามซิงไป ทั้งที่มีเรื่องชวนสงสัยมากมาย

tbc

ค่อยๆ มาทีละหน่อยละ เรื่องนี้ไม่มีปมเปิมไรทั้งนั้นแหละ อึนมันทั้งเรื่อง
เกิดอะไรขึ้นตอนซองอายุ 15 เดี๋ยวได้รู้แน่
ซิงนางไบโพลาร์นะ แล้วก็เหมือนจะมีอาการทางจิตอีกอย่าง ไว้จะอธิบายในเรื่อง

ออฟไลน์ มนุษย์สาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ก็คิดอยู่ละว่าต้องจิตอ่อนๆแน่
สงสารซองอะ

คือย้อนไปบทนำ เดานะว่าคนที่อยู่ในบทนำต้องเป็นพี่ซิงแน่ ส่วนซองก็คือคนที่ได้แต่ภาวนา

จริงๆไอเดียก็ดูรักจริงนะ แต่ดูจะเป็นทาสกาม 555555

มันก็จริง เรื่องนี้เหมาะแล้วที่จะไม่มีพระเอก

สู้ๆคร้าบบบบบบ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
8
ตอนนั้นซิงอายุแค่ 11 ปี ส่วนซองเพิ่ง 5 ขวบ ทั้งคู่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันแต่คนละฝั่งถนน ซองอยู่อนุบาล 3 ซิงอยู่ชั้นประถมปีที่ 5 สองพี่น้องสนิทกันมาก เพราะซิงดูแลน้องเป็นอย่างดีตั้งแต่น้องเกิด ซิงรู้สึกว่าเด็กคนนี้แหละคือสายสัมพันธ์ที่จะเชื่อมโยงซิงกับป๊าที่ซิงรัก

“อาซิง อาซอง พรุ่งนี้วันเสาร์ ป๊าจะพาไปเที่ยวสวนสนุก” ป๊าเป็นผู้ชายร่างไม่สูงใหญ่ ตัวสูงกว่าแม่ไม่ถึง 10 เซน รูปร่างไม่เหมือนอาเสี่ยคนจีนทั่วไป เพราะออกจะผอม ผิวขาวซีดมีรอยกระเล็กน้อย ตาตี่จนแทบมองไม่เห็นลูกตา เวลาป๊ายิ้มดูใจดีมาก ก่อนซองจะเกิด ป๊าชอบอุ้มซิงไปกอดไปหอม และซิงก็ชอบมาก กลิ่นตัวป๊าก็หอม ทำให้รู้สึกดี แต่พอซิงโตขึ้นมาหน่อย ป๊าก็อุ้มไม่ไหวแล้ว กลายเป็นซิงที่ต้องอุ้มน้องแทนป๊าไปด้วย

“เย้ๆ ไปเที่ยวล่ะเฮีย” ซองเป็นเด็กร่าเริง ชอบพูดเสียงดัง พูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อย บางครั้งก็ขี้โมโห ชอบโวยวาย เพราะป๊ากับแม่ค่อนข้างตามใจ มีแต่ซิงที่คอยดุและปรามน้องได้

“เบาหน่อย มันดึกแล้ว เดี๋ยวป้าข้างบ้านดุเอา” ซิงปรามน้องที่ส่งเสียงดัง วันนี้เป็นวันศุกร์ พวกเขาเลยได้รับอนุญาตให้นอนดึกได้ แต่ก็ไม่เกิน 5 ทุ่ม ซึ่งก็ใกล้จะได้เวลาเข้านอนแล้ว แต่ป้ากับอาม่าข้างบ้านจะเข้านอนเร็วตั้งแต่ 3 ทุ่ม และซิงไม่อยากให้พวกเขาตื่นมาโวยวายว่าน้อง

“อิๆ เบานะ เบา” ซองหัวเราะคิกคัก ยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ปากตามพี่ชาย ป๊ามองดูภาพเด็กทั้งสองด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกวัน ส่วนแม่ยังง่วนอยู่ในครัว เก็บกวาดเช็ดถูไปเรื่อยจนได้เวลาเข้านอน

แม่ของซิงมีซิงตั้งแต่อายุแค่ 18 เลยยังอายุไม่มากเท่าป๊า เธอยังสาวยังสวยเสมอ ยิ่งอยู่กับป๊าก็ยิ่งสุขสบาย มีเงินใช้ประทินโฉมไม่ขาด แม่เลยสวยกว่าแม่ๆ ของเพื่อนๆ ในโรงเรียนทุกคน และซิงก็ภูมิใจมาก

จนกระทั่งวันนั้นมาถึง

มันเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันอังคารที่ซิงจำวันที่หรือเดือนปีไม่ได้แล้ว ป๊าไปทำงานที่ร้านทองแถวเยาวราช ส่วนแม่อยู่ที่บ้าน และคงจะชวนเพื่อนๆ มาตั้งวงเล่นไพ่เหมือนเคย ปกติซิงจะเลิกเรียนตอนบ่ายสามโมงครึ่ง ส่วนซองเลิกเรียนตอนบ่ายสองโมงครึ่ง และจะมีพี่เลี้ยงไปรับ

แต่วันนั้นซิงเลิกตั้งแต่เที่ยง เพราะมีกิจกรรมช่วงบ่าย ซึ่งซิงขี้เกียจเข้าร่วม เลยกลับบ้านก่อนที่พี่เลี้ยงจะไปรับ และใช้โทรศัพท์ในโรงเรียนโทรบอกพี่เลี้ยงไว้แล้ว จากนั้นซิงก็เดินกลับบ้าน เพราะระยะทางไม่ได้ไกลกันมาก เดินกลับกับพี่เลี้ยงทุกวัน ซิงจำทางได้ดี

เมื่อมาถึงบ้าน ที่ประตูหน้าบ้านมีรองเท้าผ้าใบเก่าๆ คู่หนึ่งไม่คุ้นตาวางอยู่ ซิงมองมันด้วยความสงสัย คิดไปว่าคงเป็นเพื่อนแม่ที่มาเล่นไพ่บนห้องเล็กชั้นดาดฟ้า เด็กน้อยเดินเข้าบ้าน วางกระเป๋าสะพายลงบนพื้น หาน้ำหวานดื่มดับกระหายจากอากาศร้อนยามบ่าย ก่อนจะขึ้นไปบนชั้นสอง ซึ่งมีห้องของซิงกับป๊า

ขาเล็กๆ ก้าวขึ้นไปบนบันไดขั้นสุดท้ายพลันได้ยินเสียงร้องของผู้หญิง ซิงขมวดคิ้ว ต่อให้ได้ยินแค่สั้นๆ ก็รู้ว่ามันเป็นเสียงของแม่ ซิงตกใจ นึกว่าแม่เป็นอะไร เลยรีบวิ่งไปที่ห้องของป๊า ประตูไม่ได้ล็อค เลยค่อยๆ แง้มเข้าไป อ้าปากจะถามว่าแม่เป็นอะไรด้วยความเป็นห่วง

แต่ภาพที่ซิงเห็นนั้นคือ แม่ในสภาพเปลือยกำลังนั่งคร่อมบนตัวผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่ง เพราะเขาเปิดประตูเข้าไป ทั้งคู่เลยชะงัก แม่รีบลุกยืนใส่เสื้อผ้าลวกๆ หันมายิ้มหวานให้ซิง ส่วนผู้ชายที่มีหนวดเคราบนหน้าก็แสยะยิ้มเช่นกัน

“ทำไมวันนี้กลับเร็วจังลูก เข้าห้องไปทำการบ้านก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่ไปหาของว่างให้กิน” พอแม่จะมาแตะตัว ซิงก็เบี่ยงหลบทันที ซิงไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่มันรู้สึกขยะแขยงแปลกๆ

เขายังเด็กมาก แต่ก็ไม่ได้เด็กจนไม่ประสีประสาขนาดไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แม่ทำหน้าลำบากใจ เมื่อเห็นซิงกัดปากเหมือนจะโกรธ เธอหันไปคุยกระซิบกระซาบกับผู้ชายคนนั้น มันยิ้มกริ่มมองมาทางซิงไปด้วย

ซิงรู้สึกขนลุกซู่ สัญชาตญาณร้องเตือนว่าไม่ปลอดภัย เลยจะวิ่งหนีออกไป แต่จู่ๆ ก็ถูกอุ้มจนตัวลอยหวือผ่านหน้าแม่ เธอถอนหายใจให้ซิงได้ยิน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้น ปิดประตูอย่างเบามือ และปล่อยซิงไว้กับผู้ชายแปลกหน้าที่อุ้มซิงอยู่ ซิงทั้งดิ้นทั้งถีบมั่วซั่วไปหมด เขาคิดว่าตัวเองโตพอแล้ว โตขนาดที่ป๊าอุ้มไม่ได้แล้ว แต่ผู้ชายตัวใหญ่ข้างหลังกลับอุ้มจนตัวลอยได้สบายๆ เหมือนซิงเบาเป็นปุยนุ่น มันพาซิงไปที่เตียง พยายามจะถอดเสื้อผ้า

“ปล่อย! ปล่อย!” ซิงหวีดร้อง ดิ้นพล่าน ทั้งทุบและตีมือใหญ่ที่รัดพัน มันดึงกระชากเสื้อนักเรียนออก ตามด้วยกางเกงสีดำและชั้นใน ซิงถูกจับแก้ผ้าอย่างน่าอาย ใบหน้าของเขาร้อนวาบ ฝ่ามือหยาบหนาแข็งกระด้างน่ารังเกียจลูบไล้ไปทั้งตัว ซิงดิ้นจนหมดแรง ได้แต่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก

เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นที่ซิงเห็นแม่เปิดประตูมาดู เขาตะโกนเรียกให้ช่วยสุดเสียง แต่หล่อนกลับรีบปิดประตูหนี ไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก

“แม่! ฮือออ ช่วยด้วย...”

“ไม่ดิ้นแล้วเหรอคนเก่ง เดี๋ยวพี่จะสอนเรื่องดีๆ ให้นะครับ” เสียงแหบต่ำของมันดังอยู่ข้างหู ซิงตัวสั่นเป็นลูกนก ถูกจับแยกขาออก ร่างเล็กๆ สะดุ้งเฮือกเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมน่าเกลียดน่ากลัวแทรกมาตรงหว่างขา

“แค่ข้างนอกนะ ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บหรอก” มันกระซิบบอกเสียงกระเส่าก่อนจะเริ่มขยับเอว กดหัวซิงลงบนเตียงและรวบขาให้หนีบสิ่งนั้นไว้ ความชื้นแฉะที่ผิวชวนขยะแขยง ซิงร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง แต่ไม่มีแรงจะขัดขืน มันกดหัวไว้จนปวดหนึบ พร้อมเสียงขู่เยือกเย็น

“จำไว้นะ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้แป๊ะนั่น มึงจะโดนยิ่งกว่านี้แน่”

......
...
ซิงร้องไห้จนหลับไปตอนไหนไม่ทันรู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงแม่กับผู้ชายคนนั้นคุยกัน ซิงปรือตามองพวกเขาที่ยืนอยู่ปลายเตียง ก่อนจะรีบหลับตาลงตามเดิม

“เสียดาย ไม่ได้เจอหน้าลูกชายสุดที่รักสักที ไว้วันหลังผมจะมาหาใหม่” มันเป็นเสียงของผู้ชายคนนั้น ตามด้วยเสียงดังจ๊วบ ที่ซิงไม่กล้าลืมตาขึ้นดูว่าพวกเขาทำอะไรกัน

“ไม่ต้องห่วงนะ ป๊าแกหลงตาซองอย่างกับอะไร ลูกเราสุขสบายแน่นอน” และนั่นคือเสียงของแม่

ซิงกำมือแน่น กัดปากจนสั่น แม้สมองจะยังเบลอ แต่ก็พอจับใจความได้ว่าซองเป็นลูกของผู้ชายคนนั้น ความคั่งแค้นในวันนี้สุมอก เกลียดทั้งแม่และมัน

และทุกครั้งที่มองหน้าซอง ก็อดคิดถึงมันไม่ได้ ในอกเจ็บร้าวไปหมด จนไม่รู้จะทำยังไง

เกลียดตัวเองที่เกิดมาเป็นลูกของผู้หญิงทุเรศๆ คนนี้

เกลียดตัวเองที่มีสายเลือดครึ่งหนึ่งเหมือนซอง

เกลียดซองที่เหมือนผู้ชายคนนั้น ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือน

เกลียดทุกสิ่งทุกอย่าง

เกลียดที่ต้องมีชีวิตต่อไป

หลังจากนั้น ซิงไม่ได้เจอผู้ชายคนนั้นที่บ้านอีก เพราะพยายามกลับบ้านกับพี่เลี้ยงและซองตลอด แม้บางครั้งที่ต้องจับมือน้อง จะรู้สึกคลื่นไส้จนอยากอาเจียนออกมา แต่ซิงก็กลั้นใจเอาไว้ บอกกับตัวเองว่านี่คือน้อง นี่คือซอง ไม่ใช่คนคนนั้น

จนอายุ 16 ซิงสอบเข้าม.ปลายโรงเรียนรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งได้ ป๊าดีใจมาก จัดงานฉลองให้ยกใหญ่ ซองก็พาเพื่อนมาร่วมงาน โม้โอ้อวดเรื่องพี่ชายด้วยความภูมิใจ แม่ยังคงยิ้มแย้ม ทำตัวเหมือนรักใคร่ซิงเสียมากมาย เพราะซิงเป็นลูกคนโปรดของป๊าไม่แพ้ซอง

ซิงต้องตั้งใจเรียนและอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อรักษาเกรดให้คงที่ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อดึงความสนใจป๊าจากซองให้มากที่สุด ทำให้ป๊ารักและภูมิใจได้มากกว่าซอง ต้องแย่งความรักที่ป๊ามีให้ซอง เพราะหลงคิดว่าเป็นลูกแท้ๆ มาให้ได้ และสักวันจะต้องทำให้ซองไม่เหลืออะไรเลย

ทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของน้องเลยแท้ๆ

ซิงทั้งกดดันและสับสน เรื่องที่เกิดขึ้นบอกใครไม่ได้ ต้องทนเก็บมันไว้คนเดียวมาตลอด บางครั้งเขาก็เครียดจนต้องหาทางระบายด้วยการทำร้ายตัวเองบ่อยๆ

จนเปิดเทอมวันแรกของชั้นม.4

ซิงต้องเจอกับผู้ชายคนนั้นในโรงเรียนม.ปลายใหม่ของตัวเอง แม้มันจะโกนหนวดเคราออกแล้ว แถมยังแต่งตัวสุภาพดูดีเหมือนอาจารย์ที่เป็นแบบอย่างแก่นักเรียน แต่ซิงจำได้แม่นยำ

มันเป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์ที่สอนเก่งและหน้าตาดี เด็กนักเรียนผู้หญิงต่างชื่นชอบ นักเรียนชายก็ล้วนแต่ให้ความเคารพ เสียงทุ้มต่ำเวลาสอนฟังรื่นหู

แต่ซิงเกลียดมัน จนแทบไม่มีสมาธิเรียนในเทอมแรก เขาพยายามอดทนอดกลั้น จนฝ่าฝันมาได้ ผ่านไปเทอมหนึ่ง เหมือนมันจะจำซิงได้ แค่ยังไม่เข้ามายุ่ง แต่พอเข้าเทอมสอง มันก็เริ่มยิ้มให้เวลาเดินสวนกัน

ไม่แปลกที่อาจารย์จะทักทายนักเรียนดีเด่นของชั้น เทอมแรกซิงได้เกรดเฉลี่ย 4.0 เป็นท็อปของชั้นปี อาจารย์ทุกคนต่างให้ความสนใจ และมันก็เป็นหนึ่งในนั้น

“เรียนเก่งใช้ได้เลยนะเรา” มันชอบเข้ามาคุยเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อน ทำตัวสนิทสนม เอามือมาลูบหัว และซิงต้องฝืนยิ้มรับ เพราะต่อหน้าคนอื่นจะแสดงท่าทีรังเกียจไม่ได้เด็ดขาด

ซิงทำแบบนั้นจนขึ้นชั้นม.5 มันไม่ได้เข้ามายุ่มย่ามมากอย่างที่กังวล แค่ทักทายและชอบแตะเนื้อต้องตัวเป็นบางครั้ง แต่ทำต่อหน้าคนอื่นเสมอ เพราะซิงไม่เคยเปิดโอกาสให้ได้เจอกันตามลำพัง ซิงเกาะติดเพื่อนทุกคนที่อยู่ตรงหน้า แลกกับการช่วยติวข้อสอบให้เพื่อนๆ ทำให้ทุกคนรักซิงและยินดีต้อนรับซิงเข้ากับทุกกลุ่ม

แต่แล้วซิงก็พลาดในวันหนึ่ง ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน ซิงลืมว่าพรุ่งนี้อาจารย์ประจำชั้นฝากสมุดรายงานประจำวันไว้ เลยต้องวิ่งกลับไปเอาและให้เพื่อนรออยู่หน้าโรงเรียน

และซิงก็ต้องเจอมันที่ระเบียงทางเดิน

เขาเดินเลี่ยงหลบไปด้านข้างจนตัวลีบ ในระยะที่ห่างกันแค่ไม่ถึงคืบ มันคว้าแขนซิงไว้ แล้วกระชากเข้าไปในห้องเรียนห้องหนึ่งที่ไม่มีคน เงามืดคืบคลานเมื่อประตูปิดลง ซิงถอยกรูดจนชิดโต๊ะเรียน ชนกับโต๊ะจนเกือบล้มไปด้วยกัน

มันแสยะยิ้มเหมือนวันนั้น โน้มตัวมากดร่างของซิงไว้กับโต๊ะ ซิงอยากจะร้องตะโกนให้คนช่วย แต่เสียงมันไม่ออก ความตึงเครียดพาให้มวนท้องแทบสำรอกของเก่า

“ยิ่งโตยิ่งเหมือนแม่นะ ซิง” มันพูดแค่นั้นแล้วผละออกไป ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

ซิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ผลักมันออกแล้วรีบวิ่งหนีไป ซึ่งมันก็ปล่อยไปง่ายๆ เพราะเหมือนแค่อยากแกล้งมากกว่า หลังจากนั้นซิงถูกคุกคามมากขึ้น จนกลายเป็นอาการวิตกกังวล ความเครียดถาโถม กลัวไปหมดทุกอย่าง ทั้งทีอีกฝ่ายเพียงแค่หยอกเล่น แต่ซิงกลัวจนประสาทกิน

และสุดท้ายก็กรีดข้อมือตัวเอง เพื่อให้ความเจ็บปวดช่วยชำระล้างความกลัวในจิตใจ

ซิงคิดว่าถ้ากรีดไปเรื่อยๆ เลือดคงออกจนหมดตัวและตายไปเอง ซิงอยากตายให้พ้นๆ แต่อีกใจก็คิดถึงป๊า คิดถึงน้อง

ซองได้ยินเสียงร้องไห้ของซิง เลยวิ่งเข้าไปดู เด็กน้อยร้องลั่นวิ่งเข้าไปดึงมีดคัตเตอร์จากมือซิงจนมือตัวเองได้เลือดไปด้วย ซองร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าซิงเสียอีกในตอนนั้น แหกปากร้องโวยวายกลัวซิงตาย มือก็พยายามห้ามเลือด ทั้งที่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง

“ฮืออออ ซิง อย่าตายนะ อย่าตาย ต้องอยู่กับซองนะ” ซองร้องไห้ไม่เลิกจนซิงร้องไม่ออก ความเจ็บที่ข้อมือไม่เท่าที่หัวใจ เจ็บใจที่เกลียดซองไม่ลง เจ็บใจที่ทำให้น้องร้องไห้

“อือ พี่ไม่ตายหรอก...แค่นี้เอง” ซิงฝืนยิ้ม ใบหน้าซีดเซียว ซองยิ่งร้องหนัก กอดซิงไว้แน่น กว่าจะได้ล้างเลือดและทำแผล ทำเอาซิงหวิดตายไปจริงๆ แล้ว

ซองไม่ค่อยได้ทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะมีพี่เลี้ยงทำให้ตลอด ป๊ากับแม่ก็คอยตามใจจนเคยตัว แต่เด็กน้อยก็พยายามทำแผลให้พี่ชายอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำไปน้ำตาไหลไป ปากก็พร่ำว่าอย่าตาย อย่าตาย

แม้มันจะไม่ใช่คำปลอบโยน แต่คำว่า “อย่าตาย” ที่ซองพูดซ้ำไปมาตอลดเวลาที่พันผ้าบนข้อมือให้ ทำให้ซิงยิ่งรู้สึกผิด และคิดว่าจะอดทนอยู่กับความรู้สึกนี้ให้ได้ ในบางครั้งที่มองหน้าซอง มันอดคิดถึงผู้ชายคนนั้นไม่ได้ และความเกลียดก็เบียดบังจนแทบจะไม่เหลือความรัก แต่ซิงก็ฝืนมันเอาไว้ บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ซองก็คือซอง

ซิงรักซองเสมอ รักมาก รักและอยากทำลายไปพร้อมๆ กัน

tbc

เรื่องของซิงมาแล้ว ต่อไปก็เรื่องของซอง

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
9
ซิงเคยเป็นพี่ชายที่ดี เป็นพี่ชายที่ซองภาคภูมิใจ

“จะสองเดือนแล้วนะ พี่นายยังไม่กลับมาอีกเหรอ” เมเปิ้ลเอาเท้าเขี่ยซองที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้น เป็นเดือนแล้วที่ซองเอาแต่หมกตัวในห้อง ไม่ทำอะไรเลยนอกจากกินเหล้า แล้วก็นอนกองอยู่แบบนี้ ถ้าเธอไม่เข้ามาเก็บกวาดห้อง ลากไปอาบน้ำและหุงหาอาหารให้ ซองก็คงกลายเป็นศพแห้งตายอยู่ในห้องคนเดียว

“ไม่รู้มัน” ซองลุกขึ้นคว้าขวดเหล้ามากรอกปาก จนมันหมดก็โยนทิ้ง เมเปิ้ลมองสภาพเขาอย่างอนาถใจ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน

“ถ้าไม่ไหวก็โทรไปง้อเขาสักหน่อยสิ เขาคงไม่ทิ้งนายไปจริงๆ หรอก พี่น้องกันนี่”

“ซิงทำได้มากกว่าที่คิดเยอะ” ซองแค่นยิ้ม หยิบเหล้าอีกขวดมากระดกลงคอจนหมด “ไปซื้อเหล้ามาให้หน่อยเด่ะ”

“จะแดกให้ตับพังวันนี้เลยรึไง” เมเปิ้ลเตะป้าบเข้าให้

“เออน่า เอามาอีก” ซองตะคอกเสียงยาน ล้มตัวลงนอนกอดขวดเหล้ากลิ้งไปมาบนพื้นห้องเย็นเฉียบ หวังให้ความเย็นเรียกสติกลับมา แต่ก็ไม่...

“ไปซื้อเองเถอะย่ะ อยากกินให้ตายก็ตามสบายเลย” แล้วเจ้าหล่อนก็สะบัดก้นเดินออกไปจากห้อง ปล่อยซองให้นอนกลิ้งต่อไป

ซองพลิกตัวนอนหงาย มองเพดานห้องที่วูบไหวไปมาด้วยความมึนเมาจากฤทธิ์เหล้า เมื่อก่อนก็แอบซื้อเบียร์มากินบนห้องบ้างเวลาซิงไม่อยุ่ แต่พอซิงหายไปเป็นเดือน เขาก็เริ่มเครียด แค่เบียร์มันไม่พอ เลยเปลี่ยนเป็นเหล้าเพียวๆ กินมันทุกวันแทนข้าวแทนน้ำ จนร่างกายเริ่มทรุดโทรมลง

นึกถึงเมื่อไม่กี่ปีก่อน ที่เคยติดยาจนเกือบตาย ช่วงเวลาก่อนตายนั้นซองยังจำมันได้ดี

คนที่ทำให้เขาต้องทำแบบนั้นก็คือซิง แล้วสุดท้ายคนที่ช่วยฉุดดึงออกมาจากขุมนรกนั้นก็คือซิงอีก

ซองกะพริบตา ภาพของซิงยังคงติดอยู่ในใจ ซิงร้องไห้เหมือนที่ซองเคยร้องตอนที่เห็นซิงกรีดข้อมือตัวเอง ไม่รู้ว่าพี่ชายจะยังจำเรื่องนั้นได้มั้ย แต่ซองจำได้ จำวันที่พี่ร้องไห้ ข้อมือเต็มไปด้วยเลือด วันที่ซองกลัวที่สุดในชีวิตว่าจะต้องสูญเสียซิงไป

แล้วทำไม...ซิงถึงทำแบบนั้น

ซองไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเกี่ยวกับซิง

ทั้งที่คิดว่ารู้จักพี่ดียิ่งกว่าใครแล้วแท้ๆ

นัยน์ตาพร่าเลือน เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง ซองคิดอะไรไม่ออกแล้ว อยากจะหลับไป...ตลอดกาล

......
...
“...ซอง ตื่น”

แรงเขย่าที่ตัวไม่เบานักทำให้ซองเหมือนจะรู้สึกตัวนิดหน่อย แต่ยังไม่ยอมลืมตาตื่น เขาได้ยินเสียงเรียกเหมือนดังจากที่ไกลๆ ทั้งที่จริงมันอยู่ใกล้มาก ปวดหัวจนไม่อยากลืมตา หากตื่นตอนนี้มีหวังได้อาเจียนแน่นอน

“ซอง ซอง!” ซิงเพิ่มแรงขึ้นอีก สองมือจับไหล่น้องเขย่าสุดแรง พอไม่ได้ผลก็ตบหน้ารัวๆ จนในที่สุดซองก็ยอมลืมตาทั้งเบลอๆ พอสติมา ท้องไส้ก็ปั่นป่วนตีรวนขึ้นทันที

“อ่อก...” ซองลุกพรวด รีบวิ่งไปทางห้องน้ำ อ้วกลงบนพื้นห้องน้ำ เพราะไปไม่ถึงชักโครก ร่างสูงทรุดตัวคุกเข่า สองมือเกาะขอบพื้นที่ยกสูงขึ้นมา โก่งคออาเจียนจนเอาของเสียในร่างกายที่ส่วนมากมีแต่เหล้าออกมาจนหมดไส้หมดพุง กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งจนซิงที่มาช่วยลูบหลังให้เกือบจะอาเจียนตาม

เมื่อเห็นว่าซองอ้วกออกมาหมดแล้ว ซิงก็พยุงน้องให้นั่งพิงขอบประตูห้องน้ำ อุดจมูกพลางเขย่งปลายเท้าเดินไปหยิบสายยางมาฉีดล้างพื้นเหม็นๆ สาดแฟ้บลงไปแล้วฉีดน้ำล้างตามอีกที ก่อนจะมาดูอาการซองที่เหมือนจะยังมึนๆ ไม่ได้สติ จัดการถอดเสื้อเน่าๆ ออกแล้วโยนใส่เครื่องซักผ้า หาผ้าขนหนูมาชุบน้ำเช็ดเนื้อตัวและหน้าตาให้น้อง

“อือ...ซิง?” ตาปรือๆ พยายามเพ่งมองคนที่ง่วนอยู่ตรงหน้า มือนุ่มๆ ของพี่สัมผัสกับผิวชวนให้รู้สึกเคลิ้มจะหลับอีกรอบ

“เพิ่งรู้ตัวรึไง ทำไมทำตัวแบบนี้อีกแล้ว” ซิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เกลียดตัวเองที่ทำยังไงก็ทิ้งซองไม่ลง

ซองโคลงหัวไปมา ลืมตาขึ้นมองซิงชัดๆ แล้วคว้ามือที่กำลังเช็ดตัวให้ “เพราะใครล่ะ”

“ครั้งนี้นายทำตัวเองนะ” ซิงเถียง จ้องตากลับไม่หวั่นไหว แต่หัวใจเต้นผิดจังหวะเล็กน้อยเมื่อสบตากับน้อง เขารีบหรุบตาลง ยื้อมือข้างที่ถูกกุมไว้ เพื่อจะเช็ดตัวให้ต่อ แต่ซองไม่ยอมปล่อย

“เพราะเฮียทิ้งผมต่างหาก” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงตัดพ้อ กระชากแขนพี่ชายเข้าไปกอดไว้แน่น “อย่าทิ้งผม”

ซิงนิ่งเงียบ ปล่อยให้กอดสักพักก็ดันตัวออก ซองทำท่าจะไม่ยอม แต่พอโดนขู่ ก็รีบปล่อย “ปล่อยก่อน ถ้าดื้ออีก พี่จะทิ้งจริงๆ นะ”

พอซองปล่อยมือ ซิงก็ลุกไปซักผ้าขนหนูที่อ่างล้างหน้าแล้วมาเช็ดตัวให้อีก ซองมองตามทุกการกระทำนั้นด้วยดวงตาเหม่อลอยเหมือนคนเมา

“ซิง...” กลิ่นแอลกอฮอล์อบอวลอยู่ใกล้ๆ ใบหน้า ลมหายใจของซองร้อนผ่าว ซิงหดคอหนี แต่มือยังเช็ดแขนอยู่ เช็ดวนไปมาอยู่ที่เดิม “จะถลอกแล้ว...แขนผม”

“อ่ะ โทษที” ซิงสะดุ้ง ปล่อยแขนซองออก “เสร็จแล้วล่ะ ไปหาเสื้อใส่ไป”

“หยิบให้ที” น้องส่งเสียงอ้อนพร้อมสายตาเว้าวอนเหมือนตอนเด็กๆ จนซิงใจเต้นแรง การกระทำเหมือนเด็ก แต่ซองโตแล้ว ตัวก็โตกว่าเขา แถมยังดูเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ร่างกายดูโทรมลงเพราะฤทธิ์เหล้า แต่จากที่สัมผัสตอนเช็ดตัวให้ กล้ามเนื้อก็แน่นตึงอยู่ และซิงรู้สึกหวั่นไหวจนหน้าเห่อร้อนไปหมด ต้องหันหน้าหนีเพื่อไม่ให้ซองสังเกตเห็น

“ใช้พี่เหรอ” เขาเอ่ยดุด้วยเสียงเบาหวิว

“ผมแค่อ้อนเฮีย” ซองคลี่ยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นว่าซิงยอมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ฉวยจังหวะที่ซิงยืนหันหน้าเข้าตู้ คว้าตัวพี่มากอดไว้อีกครั้ง

“ซอง!” ซิงสะดุ้งโหยง โวยเสียงดังใส่พร้อมถองศอกใส่ท้องน้อง แต่ไม่ได้ทำให้ซองสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด

“หายโกรธผมแล้วใช่มั้ย?” คางสากๆ เพราะไรหนวดกดลงบนไหล่ ทั้งที่มีเสื้อผ้ากั้นไว้ แต่ตอหนวดพวกนั้นก็ทิ่มผิวเนื้อของซิงอยู่ดี มันเจ็บๆ คันๆ แปลกๆ

คนในอ้อมกอดยืนตัวเกร็งจนสั่น ถูกกอดรั้งจนขาลอย พยายามจะใช้ปลายเท้าแตะพื้น แผ่นหลังแนบชิดกับแผงอกของเด็กหนุ่มซึ่งเปลือยเปล่า

“ซอง ปล่อย...”

“ผมไม่ได้กอดเฮียแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว” คำถามของซองทำให้ซิงหยุดดิ้น สองมือกำแขนแกร่งของน้อง ซองซบหน้ากับไหล่ที่ไม่ได้บอบบางมากนักของเขา แต่ในสายตาซอง พี่ชายตัวเล็กมาก

ซิงไม่ตอบ

“เมื่อก่อนเฮียกอดผมที ตัวผมจมไปในอกเลย แต่ตอนนี้ ผมตัวใหญ่กว่าเฮียแล้ว” เสียงหัวเราะทุ้มๆ ของซองคล้ายกับเสียงของผู้ชายคนนั้นมาก ซิงเริ่มเกร็งขึ้นมาอีก ในหัวสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าคนที่กอดอยู่คือซองหรือใคร

“จำไว้นะ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้แป๊ะนั่น มึงจะโดนยิ่งกว่านี้แน่”


เสียงขู่นั่นดังก้อง ซิงเหงื่อแตกพลั่ก ดิ้นรนสุดชีวิต แยกไม่ออกว่าคนคนนี้คือใคร “ปล่อย ปล่อย! ไม่เอา! ปล่อย”

“เฮีย? ซิง เป็นอะไร? ซิง?” ซองงุนงง แต่ยังพยายามกอดพี่เอาไว้ ซิงยิ่งดิ้นหนัก ทั้งดิ้นทั้งหวีดร้องเหมือนคนเสียสติ ซองเห็นท่าว่าไม่ดีแน่ เลยจับไหล่ซิงให้พลิกตัวหันหน้ามาหา เขย่าแรงๆ ให้ได้สติ

“ซิง! นี่ผมเอง ซองไง น้องชายของเฮีย!”

“ไม่เอา! อย่า อย่า ปล่อย!” ซิงสะบัดมือฟาดหน้าซอง ทั้งผลักและถีบ ซองเซล้มลง กว่าจะลุกขึ้นได้ ซิงก็คลุ้มคลั่งวิ่งไปทางประตูห้องแล้ว

“ซิง! อย่าไป!” ซองวิ่งตามไปคว้าตัวไว้ได้ วงแขนรัดร่างของพี่ชายไว้แน่นหนา ลากพาไปที่โซฟา สู้กับศอกที่กระทุ้งใส่ท้องและเล็บที่ข่วนตามแขนมั่วซั่วจนได้แผลเป็นริ้วๆ

ซองกดร่างพี่ชายไว้บนโซฟา พยายามรวบมือที่ตบตีขีดข่วนใบหน้า กดแขนของซิงกับพนักพิงแล้วโน้มตัวไปประกบปาก เพราะไม่รู้จะใช้วิธีไหนหยุดซิงได้อีก ริมฝีปากร้อนๆ และคลุ้งกลิ่นเหล้าทำให้ซิงชะงักไปนาน ดวงตาหรี่ปรือมองเห็นแววตาดุดันของซองที่กำลังจ้องมา หัวใจที่เต้นระส่ำเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสงบลง ค่อยๆ กลายเป็นจังหวะรัวเร็วเพราะความตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าน้องในระยะประชิดขนาดนี้

ใบหน้าของน้องชายที่แสนรัก

ความเกลียดชังมลายสิ้น และมีแต่ความรักที่ทะลักล้นอก

ซองไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงจูบพี่ แต่เวลาที่ใครสักคนคลุ้มคลั่ง นอกจากหายานอนหลับมาฉีดเหมือนในหนัง เขาก็นึกได้แค่วิธีนี้เท่านั้น และมันเหมือนจะได้ผลเสียด้วย

“!” คราวนี้กลายเป็นฝ่ายซองที่สะดุ้ง เมื่อซิงเบียดริมฝีปากกลับมาพลางหลับตาลง ลิ้นเล็กๆ ส่งออกมาแตะกลีบปากของซองให้ต้องเผยอออก แล้วสอดมันเข้าไป

สมองของซองมึนงง มองหน้าซิงที่หลับตาพริ้มเอียงหน้าท่าทางเคลิบเคลิ้มด้วยคิ้วขมวดมุ่น ลิ้นของซิงอ่อนนุ่มและหอมหวานจนไม่อยากผลักออก จากที่แค่ประกบปากเพื่อให้พี่สงบ เลยกลายเป็นว่าพวกเขากำลังจูบกันจริงๆ

ซองไม่ได้หลับตาแม้แต่วินาทีเดียว เขายังคงมองไล่ตามแพขนตาที่สั่นระริกและรสจูบวาบหวามของพี่ ลมหายใจร้อนรดรินใส่กัน เสียงน้ำลายชื้นแฉะดังก้องหู ซองปล่อยมือจากแขนของพี่ชาย ให้ซิงโอบรอบคอ ดึงรั้งตัวเขาให้จูบแนบแน่นขึ้นอีกเหมือนคนลืมตัว ส่วนซองโอบเอวของพี่ขึ้นมา ขยับตัวลงไปนั่งบนโซฟาแทนที่ซิงและอุ้มร่างสูงโปร่งขึ้นนั่งซ้อนบนตัก สองมือบีบเค้นบั้นท้ายหนั่นแน่นอย่างมันมือ

เด็กหนุ่มเพิ่งรู้วันนี้ว่าพี่ชายไม่ได้เก่งแค่เรื่องเรียนหรือกิจกรรมโรงเรียนอื่นๆ ที่เคยผ่านๆ มา แต่ยังจูบเก่งมากอีกด้วย

นานทีเดียวกว่าริมฝีปากทั้งสองจะผละจากกัน น้ำลายที่ไหลเชื่อมกันยืดเป็นสาย ซิงเลียมันกลับเข้าไปอย่างเสียดาย และซองก็มองภาพนั้นพลางกลืนน้ำลายจนเห็นลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลง ร่างกายร้อนวูบวาบมีปฏิกิริยากับพี่ชายตัวเองจนต้องขมวดคิ้ว และซิงก็น่าจะรับรู้ด้วยตัวเองแล้วที่เบื้องล่าง

“ซิง...” ซองเอ่ยเรียกเสียงพร่า และซิงก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มพร้อมกับริมฝีปากที่ประกบแนบแน่นจนแทบไม่มีที่ว่างให้อากาศลอดผ่านอีกครา...

tbc

เอ๊ะ???? จู่ๆ ก็...
หลังจากนี้ไอเดียจะอะไรยังไงดี ซองไม่ได้ตั้งใจ แต่ซิงอ่ะตั้งใจมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2018 20:15:05 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ Tak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บาปนี้ที่รอคอย ชอบบบบบบบบบ ไอเดียไม่ต้องไม่เอา3p ปล่อยพี่น้องเขารักกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด