[update] บั น ทึ ก ชี วิ ต นั ก ศึ ก ษ า ปี ห นึ่ ง . . . ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [update] บั น ทึ ก ชี วิ ต นั ก ศึ ก ษ า ปี ห นึ่ ง . . . ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร  (อ่าน 3820 ครั้ง)

ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ้างถึง
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)


18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

บันทึกชีวิตนักศึกษาปีหนึ่ง
ใครว่าปีหนึ่งชีวิตจะร่าเริงสดใส

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ชีวิตเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่ได้กลายมาเป็น
นักศึกษาในมหาวิทยาลัยในฝันของใครหลาย ๆ คน
ใครว่าชีวิตผมจะราบรื่นเหมือนชีวิตคนอื่นล่ะ
ไม่เลย ลืมไปเถอะนิยายเรื่องเก่าที่คุณเคยอ่าน
นี่แหละของจริง

ตัวละครและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้
เป็นเรื่องสมมติทั้งหมด ไม่ได้มีการพาดพิง
หรืออ้างอิงถึงบุคคลใด


Content
บ ท นํ า : ประกาศผลรอบรับตรง
ต อ น ที่ 1 : เพื่อนใหม่
ต อ น ที่ 2 : นอนบ้านเพื่อน
ต อ น ที่ 3 : งานวันแรก(ไม่อยาก)พบ


:z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2018 16:21:58 โดย menance01 »

ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บ ท นํ า : ประกาศผลรอบรับตรง
«ตอบ #1 เมื่อ08-06-2018 01:48:17 »

บันทึกชีวิตนักศึกษาปีหนึ่ง
บทนำ
ประกาศผลรอบรับตรง



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


“…กำลังโหลดหน้าเว็บของคุณ...”


สาบานเลยว่าผมไม่เคยตื่นเต้นอะไรขนาดนี้มาก่อน นอกจากเรื่องโดดหอตอนเรียนนศท. กับการโดดเรียนแล้ว การเช็คผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี่แหละที่มันตื่นเต้นจนปัสสาวะผมแทบเล็ด อินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ยี่ห้อดังที่ประสิทธิภาพการทำงานของมันลดลงตามกาลเวลา แต่มันกลับทำงานได้อย่างเสถียรในตอนนี้ หน้าจอกำลังประมวลผลหน้าเว็บประกาศผลสอบรอบรับตรงเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง รอบรับตรงเป็นรอบที่มีการแข่งขันสูง มีแต่เด็กหัวกะทิทั้งนั้นที่ยื่นเข้ามหาลัยนี้ แต่เด็กคะแนนสองหมื่นสองอย่างผมกลับยื่นไปอย่างไม่ลังเล ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า อยากไปอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับเพื่อนสนิทของตัวเอง เรื่องนั้นช่างเถอะ มาลุ้นดีกว่าว่าผมจะติดรึเปล่า มือซ้ายที่กำลังปิดตาตัวเองอยู่ ๆ คลายออกมาอย่างช้า ๆ



“ขอแสดงความยินดี คุณมีสิทธิ์เข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยนวัตกรรม สาขาการออกแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์ หลักสูตรนานาชาติ (2 ปี)”


คุณพระช่วย ผมติดแล้ว!! ผมติดแล้ววววว!! ผมไม่ได้ส่องกระจกอยู่ แต่ก็รู้สึกได้ว่าปากตัวเองคลี่ยิ้มออกมาอัตโนมัติ ผมเลื่อนดูรายละเอียดและสิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ ยืนยันสิทธิ์ รายงานตัว ตรวจร่างกาย ซื้อเครื่องแบบ จากนี้ไปคงไม่ยากเท่าไหร่ ทักแชทไปบอกเพื่อนสนิทตัวเองดีกว่า เห้ย ไม่ดิ ต้องแคปหน้านี้ลงเฟซ เค้าจะได้รู้กัน เออว่าแต่แคปชั่นอะไรดีวะ ถ้าตั้งว่า รอมานานติดแล้วโว้ย ก็ดูจะเกินไป หรือใส่แค่ติดละ ก็ดูสั้นเกินไป


“ไอแดน มานี่ดิ๊” ผมตะโกนเรียกน้องชายที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับ BNK 48


“อะไรวะ” สาบานว่านี่คือคำพูดของน้องชายที่พูดกับพี่ชาย


“ช่วยกูนึกแคปชั่นที กูจะลงรูป”


“รูปอะไร”


“เสือก!”


“งั้นไปละ” มันกลับหลังหันแล้วเดินออกไปพร้อมกับไอแพดในมือที่กำลังเล่นวิดีโอ BNK48


“เห้ยๆๆ กูล้อเล่น ช่วยกูคิดหน่อยดิ กูจะลงรูปประกาศผลมหาลัยอะ”


“ใส่ ๆ ไปเหอะ เค้าไม่มานั่งโฟกัสหรอก ไปละ ห้ามกวน จะดูไลฟ์ บาย”


ชีวิตผมก็แบบนี้แหละครับ มีน้องชายกวนตีนหนึ่งคน คอมพิวเตอร์คู่ใจไว้เล่นเกมและดูหนังอีกหนึ่งเครื่อง ทั้งหมดที่กล่าวมาอาศัยอยู่ร่วมกันในคอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพมหานคร ส่วนบิดามารดาที่ให้กำเนิดและหาเงินส่งเสียนั้น ทำงานเปิดร้านอาหารอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ผมและน้องชายก็มักจะไปเที่ยวอังกฤษกันช่วงปิดเทอม เอาเหอะ ตอนนี้กลับมาเรื่องเรียนกันต่อดีกว่า ผมก็อัปโหลดรูปไปแหละ ใส่แฮชแท็กให้ทันเทรนด์ว่า #DEK60 ไม่นานเพื่อน ๆ ก็ตามมาแสดงความยินดีกันเต็ม ผมเลื่อนอ่านสักพักก็ปิดไป


“ไอแดน กูอยากไปเดินเล่นอะ”


“นี่คิดว่าตัวเองอยู่ลอนดอนรึไง แดดข้างนอกร้อนจะตาย เดี๋ยวก็ตายกันพอดี” น้องชายสุดที่รักบ่นแล้วเอารีโมทแอร์มากดเร่งความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง แดดจ้ามากจริง ๆ แต่การหมกอยู่แต่ในห้องไม่ไปเปิดหูเปิดตามาเกือบสองเดือนของผม อาจทำให้เซลล์ผิวหนังผมไม่สามารถต้านทานกับแดดกรุงเทพฯ ได้ (เกินไป) แต่นั่นแหละ อยู่แต่ในห้องมาเกือบสองเดือน อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง





สยามเซนเตอร์

14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย






ผมกำลังแบกสังขารร่างตัวเองที่พึ่งลงจาก BTS มา จริง ๆ คอนโดผมก็อยู่แค่แถวราชเทวี แค่สถานีเดียวจากสยาม แต่พลังการทำลายล้างของดวงอาทิตย์ สาขาประเทศไทย มันแรงมากจริง แรงมากจนผมต้องมองสัญลักษณ์สยามเซนเตอร์ด้วยตาหยี ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิทที่นัดกันไว้ ตอนแรกจะนัดเจอกันในพารากอนเลยเพราะผมอยากจะซื้อหนังสือที่คิโนะ แต่มันดันให้ผมไปหาที่สยามเซนเตอร์ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันไม่ชอบรอในห้างใหญ่ (เหตุผลโง่มากใช่มั้ย) โทรไม่ติดอีก สงสัยตั้งโหมดเครื่องบินอีกตามเคย ผมเลยต้องใช้สัมผัสที่ 6 ของตัวเองในการคาดเดาว่ามันจะอยู่ที่ไหน ผมว่ามันน่าอยู่ Superdry ไม่ก็ Onisuka แหละ ร้านโปรดมัน เดินไปสักพักก็เจอมันกำลังยืนเลือกซื้อของอยู่ นั่นไง Superdry ตามเคย


“ว่าไงเพื่อน!” ผมเข้าชาร์จเพื่อนตัวเองที่กำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างสนุกสนาน


“ไอเหี้ย ตกใจหมดเลย มาถึงนานรึยังวะ” มันเลิกสนใจเสื้อที่วางไว้บนชั้นแล้วหันมาคุยกับผม


“พึ่งถึงตะกี้เลย นี่กูไม่ออกจากบ้านมานานขนาดเลยหรอวะ อากาศกรุงเทพถึงได้ร้อนขนาดนี้ สรุปกูคิดถูกหรือคิดผิดวะที่ชวนมึงออกมา แม่งร้อนเหมือนซ้อมตกนรกอะ”


“มึงก็เกินไป ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี กูนึกว่ามึงตายอยู่ในห้องละ”


“ปากเสีย…ช่างเหอะ ไปหาอะไรกินดีกว่า กูหิวมากแล้ว” ไม่รอมันตอบผมก็ออกแรงลากมันไปหาร้านอาหารร้านโปรดของเราสองคน ระหว่างทางก็แวะดูอะไรนิดหน่อยแต่ก็โดนมันบ่นอยู่ดี ไม่นานเราก็มาถึงร้านอาหารเจ้าประจำ บรรยากาศในร้านเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีพนักงานมาใหม่ (สงสัยขายดีจนทำไม่ทัน)


“วันนี้มึงจะกินอะไรสั่ง กูเลี้ยงเอง”


“ป๋าจังวะ เลี้ยงกูเนื่องในโอกาสอะไรมิทราบ”


“ก็ที่มึงติดมหาลัยเดียวกับกูแล้วไง”


“มึงรู้ได้ไง กูยังไม่ได้บอกใครเลย”


“ก็กูเปิดดูอะดิ มึงอย่าลืมว่ากูมีรหัสบัตรประชาชนของมึง”


“สอดรู้สอดเห็น!!”


“ขอบคุณครับ อิอิ” มันพูดจบก็ดูอาหารในเมนูต่อ มันรู้แล้วก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องพูดหลายรอบ


“อ้าวไอเฟิร์ส” เสียงใครบางคนดังขึ้นมาจากข้างหลังคนตรงหน้า ทำให้ผมและมันต้องเงยหน้ามองขึ้นมาพร้อมกัน ผู้ชายคนนึงใส่แว่นดำเดินเข้ามาทักเพื่อนสนิทผม แต่หน้าตาดูคุ้น ๆ


“อ้าวพี่กาย สวัสดีครับ ไปไงมาไงพี่” เพื่อนผมพูดคุยกับชายคนนั้นอย่างสนิทสนม


“กูแวะมาหาอะไรกินว่ะ พอดีนัดเพื่อนไว้ แล้วนี่มึงมากับใครวะ” ทั้งสองหันมามองหน้าผมที่นั่งเงียบอยู่


“นี่เพื่อนสนิทผมเองพี่ ชื่อโดม มันสอบติดมหาลัยที่เดียวกันเลยมาพามาเลี้ยงสักหน่อย” มันมองมาแล้วยิ้ม ๆ แต่ผมยังคงตีหน้านิ่งเพราะไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไงดี


“ติดคณะอะไรหรอ” ชายแปลกหน้าถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร


“นวัตกรรม”


“คณะใกล้กันเลย ไว้เจอกันพี่จะพาไปเลี้ยงข้าว”


“ขอบคุณ ไม่เป็นไรดีกว่า ผมเกรงใจ” ผมฝืนยิ้มหนึ่งทีแล้วก้มดูเมนูต่อ คนตรงหน้าคงตกใจกับรีแอค คำพูด สีหน้าและการกระทำของผม ผมไม่ได้หยิ่ง แต่แค่ไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้า


“งั้นเดี๋ยวกูไปก่อนละกัน ไว้เจอกันวันแรกพบ พี่ไปก่อนนะครับ” คนตรงหน้ายื่นมือมาแต่ผมปฏิเสธจะจับมือ พี่เขายิ้มเจื่อนแล้วหันไปจับมือกับเพื่อนสนิทผมแทน หลังจากลากันเสร็จก็เดินออกไป


“มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย พี่เค้าอุตส่าห์คุยกับมึงดี ๆ”


“ไม่รู้ว่ะ ช่างเหอะ สั่งอะไรกินได้ละ กูหิวมาก” ผมเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่นแทน


จริง ๆ จะว่าผมไม่เป็นมิตรกับคนอื่นก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะผมเป็นคนที่เข้าหาคนอื่นได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เหตุผลที่ผมไม่อยากทำความรู้จักหรือสนิทสนมกับไอพี่กายอะไรนั่น เพราะผมเกลียดมัน! ใช่ครับ ผมเกลียดพี่เค้า เหตุผล คือ ผมกับมันเคยมีปัญหากันตอนผมอยู่มอสี่และมันอยู่มอหก เราอยู่ชมรมถ่ายภาพเหมือนกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งผมและมันคือตัวท็อปของชมรมและโรงเรียนในด้านการถ่ายภาพ เราทั้งสองเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดภาพถ่ายเยาวชนอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ แต่มีครั้งหนึ่งที่มันแอบขโมยรูปที่ผมถ่ายไว้ส่งประกวดในชื่อของมัน ชนะรางวัลระดับประเทศได้ไปแข่งต่อที่เยอรมัน แล้วยังมีหน้ามาบอกอาจารย์อีกว่าผมเป็นคนขโมยรูปของมันไปแอบอ้าง ตอนนั้นผมโมโหมากลาออกจากชมรมเลยแหละ ไม่รู้ว่ามันจะจำอะไรได้รึเปล่า แต่ผมจำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี แน่นอนครับว่าไอเฟิร์สไม่รู้เรื่องครับ


เสียงโทรศัพท์เพื่อนสนิทผมที่วางอยู่ดังขึ้น ผมเห็นแว้บ ๆ ว่ามีคนส่งไลน์มาหามัน แต่เดาไม่ออกว่าใครเพราะผมมองชื่อคนส่งมาไม่ทัน มันหยิบไปดูแล้วมองมาทางผมแล้วก้มลงจิ้มมือถือต่อ


“มึงเคยมีปัญหากับพี่กายหรอ” เฟิร์สถามผมด้วยน้ำเสียงเรียบ


“อือ แต่นานมาละ ทำไมวะ”


“พี่เค้าทักมาบอกว่าอยากคุยกับมึงว่ะ พี่เค้าอยากจะขอโทษมึงสำหรับเรื่องทั้งหมด”


“ไม่เป็นไรว่ะ กูไม่อยากคุยกับมัน ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุดแล้ว”


“นี่มึงโกรธกูถึงขนาดนี้เลยหรอวะ!!” ไอกายหรือพี่กายเดินเข้ามาที่โต๊ะเราอีกครั้งแล้วเดินเข้ามาประจันหน้าผม ผมมองมันตาไม่กระพริบ มือที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่นพร้อมจะชกหน้าคนตรงหน้าทุกเมื่อ


“เออ มึงไม่ต้องมาขอโทษกูหรอก กูไม่อยากได้คำขอโทษจากมึง”


“เห้ยไอโดม พูดดี ๆ หน่อยดิวะ”


“มึงรู้ไว้เลยนะว่ารุ่นพี่ที่น่าเคารพรักของมึงอะ แม่งเหี้ย!!”


“มึงจะด่าจะว่าอะไรกูก็เอาเลย ต่อยกูก็ได้ แต่มึงฟังกูอธิบายก่อน”


“กูเอาเวลาด่ากับชกหน้ามึงไปดูหนังดีกว่าว่ะ มีความสุขกว่าเยอะ ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก กูรู้แล้วว่ามึงเหี้ย”


“กูรู้สึกผิดจริง ๆ นะเว้ย”


“เออ เรื่องของมึง ไอเฟิร์สมึงเลี้ยงกูใช่ปะ ฝากใส่ห่อกลับบ้านด้วย กินไม่ลงว่ะ เหม็นขี้หน้าคน” ผมเดินออกมาจากตรงนั้น ปล่อยให้เพื่อนสนิทที่มีท่าทีเร่งรีบจัดการจ่ายเงินและห่ออาหารกลับบ้านให้ผม ผมเดินนำไปที่ร้านเสื้อผ้าที่ผมอยากได้รอมันเดินตามมา ถึงหิวแค่ไหนก็ต้องอดทนนะเว้ย (คุยกับตัวเอง)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2018 20:42:49 โดย menance01 »

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2

ออฟไลน์ jeng_jey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ต อ น ที่ 1 : เพื่อนใหม่
«ตอบ #4 เมื่อ08-06-2018 19:48:50 »

บันทึกชีวิตนักศึกษาปีหนึ่ง
ตอนที่ 1
เพื่อนใหม่



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


สวัสดีเช้าวันที่แสนสดใส ภาพตัดจากวันก่อนที่ผมไปเที่ยวสยามกับเพื่อนสนิทตัวเอง ไม่ได้ไปทำอะไรมากหรอกครับ ดูหนังแก้เซ็ง ซื้อหนังสือที่อยากได้ เดินดูเสื้อผ้านิดหน่อย ก็กลับละ แต่ผมกับไอเฟิร์สใช้เวลาเดินวนเวียนอยู่ในสยามอยู่ถึงสองทุ่ม (สาบานว่านิดหน่อย) ติดตรงที่ร้านหนังสือนั่นแหละนานเลย เพราะเวลาผมเข้าร้านหนังสือครั้งนึงก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควร ได้หนังสือกลับมาหลายเล่มเลย ระหว่างนั้นก็มีคำถามจากเพื่อนสนิทที่ถามเกี่ยวกับไอรุ่นพี่คนนั้น แต่ผมพูดดักกับมันไว้แล้วว่า “ถ้ามึงพูดถึงมันอีก กูจะสละสิทธิ์เคลียร์ริ่งเฮ้าส์ไปเรียนต่อที่อังกฤษ” จนมันไม่กล้าถามอะไรต่อเลยแหละ


เอาล่ะเข้าเรื่องของวันนี้ดีกว่า วันนี้ผมกะว่าจะไปซื้อเครื่องแบบ ต่อด้วยถ่ายรูปนักศึกษา เพราะต้องใช้รายงานตัวและขึ้นทะเบียนนักศึกษาครับ และวันนี้เป็นวันที่ผมต้องลุยเดี่ยวครับ เพราะไอเฟิร์สไม่ได้ไปด้วย (ธุระส่วนตัวของมัน อย่าไปยุ่งเลย) แต่มันก็ไม่ต้องซื้ออะไรอยู่แล้วเพราะมันสอบติดก่อนผมหลายเดือนอยู่ กลับมาเรื่องแพลน หลังถ่ายรูปนักศึกษาเสร็จเราก็จะไปเดินเล่นแถวสะพานพุทธ ดูพระอาทิตย์ตกดินกัน หวังว่าแพลนวันนี้จะราบรื่น


“กินอะไรป่าว เดี๋ยวซื้อกลับมาให้” ผมถามน้องชายที่ยังคงนอนสะลึมสะลืออยู่ใต้ผ้าห่ม แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว แต่นี่คือเวลานอนของผมและไอแดนครับ ถ้าไม่ติดว่ามีธุระต้องทำ ผมก็นอนยาวถึงเย็นนู่นแหนะ


“อยากกินสปาเก็ตตี้เส้นดำอะ ซื้อมาทำให้หน่อยดิ”


“ร้านไหนบอกมา”


“ซื้อมาทำเองดิ อร่อยกว่าเยอะเลย สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเลนะ พาสต้าเส้นดำซื้อที่พารากอนเท่านั้น แค่นี้ห้ามกวน จะนอน” พูดจบผ้าห่มลายสก็อตสีขาวดำก็ถูกสะบัดขึ้นมาปกคลุมร่างกายของคนที่นอนอยู่บนเตียง โอเค แพลนอีกหนึ่งอย่างในวันนี้คือการเข้าครัวทำอาหารให้น้องชาย


วันนี้เป็นวันที่ผมไม่ค่อยรีบ บวกกับเป็นวันที่อากาศไม่ได้เลวร้ายมากเท่าวันก่อน ฟ้ามืดเหมือนฝนกำลังจะตก แต่ก็มีแดดรำไรอยู่ทั่วท้องฟ้า ผมเลยตัดสินใจนั่งรถเมล์ไปยังมหาวิทยาลัย ผมกำลังกังวลอยู่ว่าจะไปถึงไม่ทันเพราะศูนย์บริการนักศึกษา (ที่มีร้านขายเครื่องแบบ) ปิดรับออเดอร์ตอนบ่ายสอง คือช่วงนี้เป็นช่วงที่นักศึกษามาซื้อบ่อย ทำให้จำนวนสินค้าที่มีอยู่ในสต็อกไม่พอต่อการจำหน่าย ทางมหาวิทยาลัยเลยจำกัดจำนวนคิวในการซื้อแต่ละวัน ขณะนี้เป็นเวลาสิบสองนาฬิกาสี่สิบห้านาที ระยะทางจากคอนโดของผมไปถึงมหาวิทยาลัยประมาณหกถึงเจ็ดกิโล (ดูกูเกิ้ลแมปมา)แต่ตอนนี้รถติดพอสมควร ไม่รู้ทำไมติดอะไรนักหนาก็ไม่รู้ งั้นมารอดูกันดีกว่าว่าผมจะไปซื้อเครื่องแบบทันเวลารึเปล่า


ในที่สุดผมก็มาถึงก่อนหมดเวลาครับ เย่! คือ เข็มวินาทีกำลังถอยหลังอีกห้าวินาทีจะเป็นเวลาบ่ายสอง ผมมาถึงทันพอดีและเป็นบัตรคิวหมายเลขสุดท้ายในวันนี้ (ขอขอบคุณทางมหาวิทยาลัยที่ทำงานตรงตามเวลามากนะครับ) ผมได้คิวที่ 523 ซึ่งตอนนี้กำลังรันอยู่ที่คิว 501 โอ้มาก็อด อีกนานเลยอะดิ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ครับ ได้แต่นั่งรอ สายตาผมกวาดมองไปที่นักศึกษาที่กำลังติดต่อธุระของตัวเองอยู่ มีทั้งหมด หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ห้าเคาน์เตอร์ แสดงว่าเค้าจะเรียกทีละห้าคิว งั้นก็คงรออีกไม่นานก็ถึงคิวแล้ว


“นายๆๆ” ผมหันไปตามเสียงเรียก ชายคนหนึ่งเข้ามาทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


“นายเป็นใครอะ” ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร


“เราชื่อมิกซ์นะ เข้านวัตกรรมปีนี้ นายล่ะ”


“เราโดม นวัตกรรมเหมือนกัน” ผมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ดีใจที่ได้เจอเพื่อนร่วมคณะบ้าง


“ดีอะ เจอเพื่อนร่วมคณะสักที เราทักคนไปตั้งหลายคน เจอแต่คนเรียกคณะอื่น” ผมตั้งใจฟังว่าที่เพื่อนร่วมคณะของผมเล่าเรื่องที่ตัวเองพบเจอ เอาวะ ยังไงการมาซื้อเครื่องแบบก็ทำให้กูได้เพื่อนใหม่ละวะ เราทั้งสองคนพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต DEK60 และการเป็นเด็กมัธยมตลอดหกปีที่ผ่านมา ทำให้ผมได้ทราบครับว่ามิกซ์เป็นนักเรียนที่ได้โควตาเรียนดีจากโรงเรียนที่ MOU กับมหาวิทยาลัย ถึงจะเป็นเด็กโควตา แต่ประวัติของมิกซ์ดีพอสมควรเลยนะครับ เกรดเฉลี่ย 3.98 ตลอดหลักสูตร เคยเป็นรองประธานนักเรียน เคยเป็นหัวหน้าชมรมจิตอาสาของโรงเรียน ผมว่าเหมาะแล้วแหละครับที่คนอย่างมิกซ์จะได้รับการคัดเลือก


“เราขอแทนกูมึงได้มั้ยอะ จะได้ดูสนิทสนมกันหน่อย” มิกซ์ถามแทรกคำพูดของผม


“เออ จะบอกอยู่เหมือนกัน ไม่ชินเลยว่ะ ใช้เราและนาย” เราทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมกันจนคนข้าง ๆ หันมามอง


“เดี๋ยวซื้อเครื่องแบบเสร็จมึงไปไหนป่าว” มิกซ์ถามพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คเฟซบุ๊ก


“กูว่าจะไปซื้อของที่พารากอน ไปด้วยกันป่ะ”


“ไปดิ มึงพากูเที่ยวละกัน กูเด็กบ้านนอก อยากมีหนุ่มเมืองกรุงพาเที่ยว” มันหันมายิ้มตาหยีให้ผม ผมส่ายหัวให้กับความทะเล้นขี้เล่นของมัน


ผมกับมิกซ์คิวติดกันครับ เราแยกย้ายกันไปจัดการธุระ วันนี้ไม่มีอะไรมากครับ แค่บอกไปว่าใส่เสื้อไซส์ไหน กางเกงขนาดเท่าไหร่ แล้วก็ซื้อพวกเนคไท เครื่องประดับต่าง ๆ หัวเข็มขัด สายเข็มขัด รองเท้าสำหรับใช้ในพิธีการ ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จแล้วครับ ผมเสร็จก่อนไอมิกซ์ เพราะไอมิกซ์เป็นเด็กโควต้า มันเลยต้องเซ็นเอกสารอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด (ก็มันได้ทุกอย่างฟรี) ผมเดินไปนั่งรอที่ม้าหินอ่อนด้านหน้าอาคาร เห็นมีต้นไม้บังร่มรื่นดี ผมคงต้องโทรไปบอกน้องชายก่อนว่าจะกลับบ้านเลทหน่อย เพราะต้องพาเพื่อนใหม่คนนี้ไปเที่ยวก่อน มันคงจะไม่มีปัญหาอะไรเพราะมื้อค่ำบ้านผมปกติก็อยู่ที่สามทุ่มถึงห้าทุ่มอยู่แล้ว


“เชี่ยเซ็นเอกสารโคตรเยอะอะ” ไอมิกซ์เดินมาพร้อมกระเป๋าผ้าสีดำลายสกรีนมหาวิทยาลัย จะอวดครับว่ามหาวิทยาลัยผมกำลังรณรงค์เรื่องการงดใช้ถุงพลาสติก เลยเอาถุงผ้ามาแจกแทน น่อว ดูดีไปอีก พกไปไหนมาไหนสะดวก


“เออกูเห็นอยู่ มึงเข้าไปก่อนกูอีก เสร็จหลังกูซะงั้น” ผมหัวเราะนิด ๆ แล้วเปลี่ยนไปคุยโทรศัพท์แทน “ฮัลโหล ไอแดน วันนี้กูกลับดึกนะ จะไปเที่ยวหน่อย”


“…”


“กูไม่ลืมหรอกหน่า เดี๋ยวกูกลับไปทำให้กิน เออ อย่าบ่นมาก แค่นี้แหละ”


“ใครวะ” มิกซ์ถามอย่างสงสัย


“น้องชายกู พอดีนัดกับมันไว้ว่าจะทำมื้อเย็นให้กิน”


“เห้ย กูรบกวนมึงรึเปล่าวะ ไว้ไปเที่ยววันอื่นก็ได้”


“โถ่ บ้านกูปกติกินข้าวดึกว่ะเพื่อน เอางี้ ไปกินข้าวบ้านกูป่าว”


“ไม่เอาดีกว่าว่ะ เกรงใจ”


“เกรงใจอะไรว้า ถือว่ากูเลี้ยงต้อนรับมึงเข้ากรุงเทพละกัน”


“เออ ๆ ก็ได้ แต่มึงหาทางกลับบ้านให้กูด้วยละกัน กูไม่ค่อยชินกับเส้นทาง”


“เออ ๆ งั้นไปพารากอนกัน ไปซื้อของเตรียมกลับบ้าน” ผมพามันเดินไปหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อเรียกแท็กซี่ไปยังห้างสรรพสินค้าที่ไปอยู่ประจำ ระหว่างทางเราทั้งสองก็พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตกันต่อ ผมก็เล่าครอบครัวผมทั้งพ่อทั้งแม่ก็ทำงานอยู่อังกฤษหมด ผมอยู่ไทยกับน้องชายแค่สองคน นาน ๆ ทีจะมีลุงป้าน้าอามาเยี่ยม แต่พวกผมก็อยู่ได้ สบายหายห่วง บ้านผมก็เป็นบ้านที่มีฐานะปานกลาง ไม่รวยไม่จน พอมีพอกิน ผมเลยอยากเรียนมหาวิทยาลัยรัฐมากกว่า เพราะจะได้ช่วยพ่อแม่ประหยัดไปอีกทาง


ส่วนไอมิกซ์ก็เป็นเด็กทุนตั้งแต่มอต้น มันไม่ได้ยากจนหรอก (บ้านมันเป็นคนมีฐานะด้วยซ้ำ) แต่เป็นเด็กที่เรียนดี ไม่ดิ เรียกว่า โคตรดี กิจกรรมก็เด่น เป็นรองประธานนักเรียน (มันไม่อยากเป็นประธานครับ เพราะมันบอกว่ากดดัน) เป็นหัวหน้าชมรมจิตอาสา เป็นนักเรียนพระราชทาน เป็นนักเรียนต้นแบบ โอ้โห เรียกได้ว่าโปรไฟล์แน่นมาก จากที่คุยมาผมรู้สึกว่ามันดูเป็นผู้ใหญ่มาก ทั้งทางความคิดและทัศนคติ มันทำงานช่วยพ่อแม่ตั้งแต่มอสี่จนถึงปัจจุบัน เงินเก็บก็ไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ คำนวณเป็นค่าเทอมก็ใช้จนเรียนจบปริญญาโทปริญญาเอกได้อะครับ มันบอกว่า เราต้องสร้างต้นทุนชีวิตให้กับตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก มันไม่ชอบให้ใครมาบอกว่ามันเป็นลูกคุณหนู งอมืองอเท้าขอเงินพ่อแม่ใช้ไปวัน ๆ แต่จากการกระทำทั้งหมดของมัน ผมว่าคนรอบข้างมันคงรู้แล้วว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกคุณหนูอย่างที่ใครคิด


เราคุยกันได้สักพักก็มาถึงสยามแล้วครับ พี่คนขับบอกว่าฝั่งพารากอนรถติดมาก จอดนานไม่ได้เดี๋ยวจะยิ่งติดยาวกันไปใหญ่ พี่แกเลยมาส่งฝั่งสยามวัน ให้เราเดินต่อไปเองนิดหน่อย ผมพาเพื่อนเดินดูของเรื่อยเปื่อยระหว่างเดินไปฝั่งพารากอน


“มึงชอบทำอะไรวะ” จู่ ๆ มิกซ์ก็ถามผมขึ้นมา


“ทำอะไรนี่คือยังไงวะ”


“ก็งานอดิเรกไง มึงชอบทำอะไร”


“กูชอบถ่ายรูป พวกรูปแลนด์สเคป ซิตี้สเคปอะ แต่รูปพอตเทรต รูปคนไรงี้กูก็ถ่ายได้นะ” ผมอธิบายไป คือ ผมเล่นกล้องมาตั้งแต่มอต้นแล้วครับ สกิลถ่ายภาพผมก็พอใช้ได้อยู่ แต่ถามว่าทำไมผมไม่เลือกเรียนนิเทศหรือมีเดีย เพราะผมแค่ชอบทำมันอะ ไม่ได้จะเอามันมาเป็นอาชีพหลักหรอกครับ แต่เอาจริง ๆ ผมก็ยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองอยากทำงานอะไร


“แล้วมึงล่ะ ชอบทำอะไร” ผมถามกลับบ้าง


“กูชอบวาดรูป ตอนอยู่ที่บ้าน กูชอบขับรถเครื่องออกไปแถวชายหาดแล้วก็นั่งวาดรูป สุนทรีย์ดี แถวบ้านกูมีหลายที่ที่นักท่องเที่ยวไม่รู้จัก ไว้กูจะพาไปนะ”


“รถเครื่องคืออะไรวะ”


“รถเครื่องไง มอเตอร์ไซต์อะ”


“อ๋อ แล้วทำไมถึงเรียกรถเครื่องวะ”


“ไม่รู้ดิ กูก็เรียกงี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ” เราทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมกัน ผมว่าเด็กใต้อย่างมันคงต้องปรับตัวเรื่องภาษากันไปอีกนานเลย


เราทั้งสองเดินทางถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตในพารากอน วันนี้คนเยอะหน่อยครับเพราะเป็นวันเสาร์ แต่ซุปเปอร์มาร์เก็ตนี้คนเยอะอยู่ทุกวันครับ เราเดินดูของไปเรื่อยเปื่อย ในลิสต์ผมมีแค่เส้นพาสต้า ผักใบเขียวนิดหน่อย แล้วก็อาหารทะเลนิดหน่อยครับ แต่ผมก็มีหยิบขนมขบเคี้ยวสองสามห่อเก็บไว้ตุนกินตอนอยู่ห้องเบื่อ ๆ ด้วย (ไม่อยากออกมาบ่อย) ส่วนไอมิกซ์ก็ซื้อพวกผลไม้ ขนมปังฝรั่งเศส ชีส แยมผลไม้ เนยถั่ว เก็บไว้กินเวลาท้องว่าง มันบอกอยากกินพอดี แม่งดูดีว่ะแต่ละอย่างที่มันซื้อ ไม่นานเราก็เดินไปที่แคชเชียร์เพื่อจ่ายเงินครับ


“มาจ่ายรวมกันเลยก็ได้” ผมเรียกให้ไอมิกซ์ที่ยืนข้างหลังวางของบนสายพานเพื่อรอจ่ายเงิน


“เห้ยไม่เป็นไร กูจ่ายเองได้” มันตอบอย่างเกรงใจ


“เถอะหน่า เอามาเร็ว”


“ไม่ดีกว่าว่ะ แค่ไปกินข้าวบ้านมึงก็เกรงใจมากพอละ กูจ่ายเองได้”


“โอเค ๆ”


หลังจ่ายเงินเสร็จเราก็เดินเล่นในห้างต่ออีกนิดหน่อย ผมเอาของทั้งหมดใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ที่พกมาด้วย จะได้ไม่พะรุงพะรังเวลาเดินเที่ยว ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น (ถึงซื้อของน้อยแต่เราเดินวนในซุปเปอร์หลายรอบมาก) ผมเริ่มจะหิวนิดหน่อย เลยแวะซื้อขนมกิน


“ไอโดม”


“ว่า”


“กูอยากเห็นวิวกรุงเทพตอนกลางคืนแบบสวย ๆ ว่ะ”


“มาอารมณ์ไหนของมึงเนี่ย”


“กูอยากวาดรูป”


“แล้วกลางคืนแบบนี้ มึงจะไปที่ไหนวะ”


“สักที่อะ พากูไปหน่อยเถอะ” ผมไม่สามารถประมวลอะไรได้เลยว่าทำไมจู่ ๆ มันถึงอยากจะวาดรูปในเวลาพลบค่ำแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ สนองนี้ดเพื่อนใหม่หน่อยก็แล้วกัน


“งั้นไปช่องนนทรีมั้ย นั่งบีทีเอสไปแปปเดียว”


“ไม่เอาว่ะ มันดูโมเดิร์นเกินไปว่ะ”


“งั้นไปที่ไหนดีวะ”


“กูรู้ละ ไปสนามหลวงกัน”

 



สนามหลวง
20.00 น.

 

สาบานเลยว่าผมไม่เคยมาสนามหลวงในเวลานี้มาก่อน


บรรยากาศตอนนี้คือน่ากลัวมากสำหรับผม คือ นักท่องเที่ยวยังเดินขวักไขว่ สัญจรกันไปมาก็จริง แต่ผมกลับรู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่ด้วยความที่เพื่อนใหม่อยากมา ผมก็จัดให้ได้ครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว มันก็จัดแจงเอาอุปกรณ์ที่ใช้ในการวาดรูปออกมา เราหลบมานั่งบนพื้นฟุตบาทมุมหนึ่งที่สามารถมองเห็นพระบรมมหาราชวังได้ชัดเจนในมุมพาโนรามา ผมนั่งเบื่อ ๆ เลยหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายรูป ด้วยความยากลำบากในการถ่ายภาพ เพราะตอนนี้เป็นช่วงกลางคืน ซึ่งการถ่ายรูปโดยไม่มีขาตั้งเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก ผมเลยต้องควบคุมตัวเองให้มือนิ่งมากที่สุด ไม่งั้นรูปที่ออกมาก็จะเบลอและมองไม่เห็นอะไรเลย


“ไอมิกซ์นั่งดี ๆ นะ” ผมเล็งกล้องไปทางเพื่อตัวเองที่กำลังใช้พู่กันละเลงสีน้ำลงบนแผ่นกระดาษ แสดงจากเสาไฟที่อยู่ใกล้ ๆ ช่วยทำให้เห็นใบหน้าของเพื่อนสนิทผมชัดมากขึ้น สวยดีครับ แสงสีทองจากพระบรมมหาราชวังละลายกลายเป็นโบเก้สีทองอยู่ด้านหลัง ผมเลยแยกออกมาเดินชมวิวไปเรื่อยเปื่อย ไม่อยากไปกวนไอมิกซ์มาก เพราะผมเข้าใจดีว่าการวาดภาพสีน้ำนั้นต้องมีสมาธิมากเพียงใด


จะว่าไปวิวกรุงเทพฯ ตอนกลางคืนแถวนี้ก็สวยดีนะครับ แสงสีทองที่ส่องให้เห็นอาคารบ้านเรือนรวมถึงสิ่งปลูกสร้างให้เด่นชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผมเดินไปเรื่อยถ่ายภาพนู่นนี่ไปมากมายพอสมควร ดูไปดูมาคือผมเดินรอบสนามหลวงไปประมาณสองรอบแล้ว ผมจึงเดินกลับไปหาเพื่อนจิตรกรที่กำลังเข้าสู่โลกแห่งสุนทรียภาพของตัวเองอยู่ ภาพที่ผมเห็นคือนักท่องเที่ยวกำลังมุงดูภาพวาดของมันกันอยู่อย่างสนอกสนใจ และมันกำลังพูดอะไรบางอย่างกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นอยู่ (ภาพต้องสวยมากแน่ ๆ ถึงขนาดมีคนมาดูแบบนี้เนี่ย)

 
“คุณวาดภาพได้เก่งนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะวาดได้เหมือนขนาดนี้ เก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้ครบสมบูรณ์เหมือนถ่ายภาพนี้ออกมา” ชายวัยกลางคนพินิจมองรูปวาดของมิกซ์อีกรอบ ผมจึงหันไปดูตาม เชี่ย! แม่งสวยมาก สวยจนไม่รู้จะอธิบายยังไงดีว่าสวย คือ มันเหมือนที่พี่ผู้ชายคนนั้นบอกเลยครับ เหมือนเป็นภาพถ่ายมากกว่าภาพวาด รายละเอียดต่าง ๆ มันเก็บครบหมดครับ ฝีมือมันไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย ผมคิดอยู่ว่าภาพนี้เอาไปขายได้สบายเลย


“คุณคิดราคาเท่าไหร่” นักท่องเที่ยวคนหนึ่งถามขึ้นมา สงสัยน่าจะเป็นชาวเกาหลี เพราะดูจากหน้าตาและสำเนียงการพูดแล้ว ผมว่าผมจำไม่ผิด เขามาพร้อมกับชายคนที่ชมภาพของมิกซ์เมื่อสักครู่ ดูท่าแล้วน่าจะเป็นมัคคุเทศก์นำเที่ยว


“ผมไม่สามารถขายให้คุณได้หรอกครับ ขอโทษนะครับ” มิกซ์ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ


“ผมอยากได้มากจริง ๆ นะครับ ผมจะเอาไปให้ภรรยาของผมที่เกาหลี เขาเดินทางมากับผมไม่ได้ เพราะเขากำลังป่วยหนักอยู่ ผมอยากให้เขาเป็นของขวัญ ทำให้เขาเห็นว่า ประเทศไทยสวยงามแค่ไหน ผมอยากพาเขามามากจริง ๆ นะครับ” นักท่องเที่ยวคนนั้นพูดทั้งน้ำตา มิกซ์ทำหน้าเครียดเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่


“ผมขายให้คุณก็ได้”


“ขอบคุณมากครับ นี่เงินนะครับ” ชายเกาหลีคนนั้นยื่นเช็กเงินสดมา มิกซ์รับมาแล้วก้มดูตัวเลขในกระดาษแล้วมองค้าง ผมเห็นมันค้างอยู่นานเลยเข้าไปดู เชี่ย ห้าพันดอลลาร์ ประมาณแสนห้า โอ้โห เยอะมาก มากพอที่เด็กวัยรุ่นอย่างเราจะใช้มันหมุนเวียนได้เกือบทั้งปี


“ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ มันมากเกินไปสำหรับมือสมัครเล่นอย่างผม” มิกซ์ยื่นเช็กนั่นกลับไปให้นักท่องเที่ยวคนนั้น


“มันยังน้อยไปสำหรับพรสวรรค์และความสามารถของคุณครับ รับไว้เถอะครับ ผมยินดีจ่ายให้” ชายคนนั้นเลื่อนมือของมิกซ์แล้วหยิบภาพวาดที่วางอยู่ขึ้นมาแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ผมและมันยื่นงงกันอยู่ตรงนั้น


“เชี่ยมิกซ์มึงเจ๋งว่ะ อยู่ดี ๆ ก็ได้เงินแสนกลับบ้าน” ผมหันไปตบบ่ามัน


“ไม่ขนาดนั้นป่าววะ กูก็วาดปกติของกู”


“แต่ปกติของมึงแม่งสวยมากจริง ๆ ว่ะ เสียดายไม่ได้ถ่ายไว้”


“อะไร กูวาดไว้ตั้งสองรูป ยังมีอีกรูปนึง” มันหันไปหยิบอีกหนึ่งรูปที่วางอยู่บนพื้น เป็นรูปใครบางคนกำลังยืนถ่ายรูปอยู่ โดยมีฉากหลังเป็นวัดวาอารามในกรุงเทพ “นี่รูปมึง กูวาดให้”


“เชี่ยแม่งสวยมาก ขอบใจมากเว้ย” ไอมิกซ์ยิ้มให้ผม


“เออ กลับบ้านกันเถอะว่ะ แม่งดึกแล้วเดี๋ยวน้องมึงรอ” มันพูดแล้วหันไปเก็บอุปกรณ์การวาดภาพของมันเข้ากระเป๋า แล้วชวนผมเดินออกจากที่ตรงนั้นทันที


เราทั้งสองเดินมาเรื่อย ๆ แต่กลับไม่มีแท็กซี่คันไหนรับเราเลยสักคัน (เรียกแกร็บแท็กซี่แล้วก็ไม่มีคันไหนกดรับ) ผมกับมิกซ์เลยเดินเรื่อยเปื่อยชมวิวไปเรื่อย ๆ ชื่นชมบรรยากาศกรุงเทพตอนกลางคืน เราทั้งสองพยายามเดินที่ที่ยังมีคนเดินอยู่บ้านครับ เพราะปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ากรุงเทพตอนกลางคืนก็น่ากลัวอยู่พอสมควร


เราเดินมาหยุดอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่ง ซึ่งทั้งผมและมิกซ์ไม่มีใครรู้เลยว่าสถานที่ที่เรายืนอยู่เรียกว่าอะไร แต่รู้แค่ว่าเรายังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง (ถึงผมจะเป็นเด็กกรุงเทพ แต่ก็ไม่เคยมาเดินเล่นบริเวณนี้เลย ผมก็ไม่รู้ครับมันเรียกว่าอะไร) ผมกะแค่ว่าจะพักเหนื่อยครับ แล้วก็ลองกดเรียกอูเบอร์ที่ราคาสูงกว่าแกร็บขึ้นมาหน่อย


เรานั่งอยู่สักพักก็มีรถสปอร์ตคันหนึ่งจอดเทียบใกล้ฟุตบาทที่เรานั่งอยู่ ผมเห็นท่าว่าจะมีคนมาช่วยเลยรีบเดินเข้าไปที่รถทันที คนที่อยู่ในรถลดกระจกลงแล้วมองผมอย่างพินิจพิจารณา


“คิดเท่าไหร่อะ”


“ห้ะ อะไรนะครับ”


“น้องอะคิดเท่าไหร่” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบปนรำคาญนิดหน่อย


“คิดอะไรพี่ ผมไม่ได้ขายอะไรสักหน่อย” คนในรถจิ๊ปากแล้วพูดกับผมต่อ


“งั้นมึงไปเรียกเพื่อนน้องมา” ผมตะโกนไปเรียกไอมิกซ์ที่กำลังนั่งมองอยู่


“น้องคิดเท่าไหร่” ไอมิกซ์ดูตกใจมากหลังจากที่ได้ยินคำถามจากชายในรถ
 

“ผมไม่ขายครับ ไปเหอะไปโดม” ไอมิกซ์ลากผมออกจากรถคันนั้นทันที


“พี่ให้สามพัน เล่นหมู่กัน พี่ออกค่าห้องให้” ชายคนนั้นตะโกนออกมาจากรถ


“ไม่ดีกว่าครับ” ไอโดมลากผมออกจากรถคันนั้นแล้วพยายามเดินหนีให้เร็วที่สุด แต่ชายคนนั้นก็ยังคงขับรถตามมาอยู่ (พยายามตื๊อนั่นแหละ)


“เชี่ยแม่งจะตามอะไรนักหนาวะ” ไอมิกซ์โมโหเลยยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น


“นี่มันคิดว่าเราเป็นเด็กขายหรอวะ”


“เออดิวะ เชี่ย อยู่ดี ๆ กูก็กลายเป็นเด็กขายซะงั้น”


“เห้ยน้อง อย่าเล่นตัวมากนักเลย พี่อยากจริง ๆ นะเนี่ย พี่ให้เลยห้าพัน”


“กูบอกไม่ขายก็ไม่ขายดิวะ!!” เราเดินกันมาได้สักพักแท็กซี่คันหนึ่งขับตามมาพอดี ผมเลยโบกเรียกให้แท็กซี่จอดแล้วรีบขึ้นรถทันทีผมกับมิกซ์หันมองรถคันนั้นที่จอดนิ่งอยู่แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ หวังว่าจะไม่ตามมานะ


“นี่น้องมาขายแถวนี้หรอ” พี่คนขับแท็กซี่ชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบในรถ


“ไม่ใช่หรอกครับ พวกผมแค่มาเที่ยวเฉย ๆ” ไอมิกซ์แย้ง


“แล้วรถคันเมื่อกี้มาขอซื้อหรือยังไง”


“ใช่ครับ” ผมนั่งเงียบ ปล่อยให้ไอมิกซ์กับพี่แท็กซี่คุยไป พี่แท็กซี่ได้ยินแบบนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนผมและไอมิกซ์ถึงกับงง


“พี่ก็เคยโดน สมัยก่อนพี่ชอบมาปั่นจักรยานแถวนี้ โดนเกือบทุกครั้งที่มา แถวนี้มันมีคนทำอาชีพแบบนี้เยอะน้อง เดี๋ยวนี้นี่น้อยลงแล้วนะ สมัยก่อนมีเยอะกว่านี้เยอะ ยืนรอกันเต็มฟุตบาทเลย” โอ้โห นี่คือหน้าตาพวกผมดูเหมือนเด็กขายขนาดนั้นเลย นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนพวกผมคงจะได้นั่งคุยกับเด็กขายบ้างแหละเนาะ


“แล้วเด็กส่วนใหญ่ที่ทำงานนี้เป็นใครหรอพี่”


“พวกเด็กวัยรุ่นมัธยมปลาย เด็กนักศึกษาแบบนี้แหละ ยิ่งหล่อนะยิ่งขายดี แต่วัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ก็มีนะ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพ”


“แล้วพี่เคยลองใช้บริการดูมั้ย” ไอมิกซ์ถามด้วยความสงสัย เออ ผมก็อยากรู้ เห็นชำนาญ


“ก็เคยนะ มันก็อยากลองว่าจะเป็นยังไง แต่แค่ครั้งเดียวก็พอแล้วสำหรับคนอยากลองอะ ถึงจะรู้สึกสนุกแค่ไหน แต่มันก็เสี่ยงเกินไป” แต่หน้าตาพี่แกดูเหมือนผ่านอะไรมาเยอะจริง ๆ แหละ ดูไม่แก่มาก ยังวัยรุ่นอยู่เลย


“แล้วน้องมาจากไหนกัน”


“ผมพาเพื่อนไปเที่ยวสนามหลวงพี่ ไปวาดรูปมา”


“ทีหลังก็อย่าอยู่นานเกินล่ะ แถวนี้ไม่ใช่ย่านที่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ ถึงจะติดวัด ติดมหาลัย แต่มันก็ยังอันตรายอยู่ดี” พี่แท็กซี่อธิบายกึ่งสั่งสอนพวกเรา ผมสัญญากับตัวเองเลยว่า ครั้งหน้าจะไม่ไปเดินวนวังตอนกลางคืนอีกแล้ว


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าเดินวนวังหลังสามทุ่ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2018 20:40:54 โดย menance01 »

ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ต อ น ที่ 2 : นอนบ้านเพื่อน
«ตอบ #5 เมื่อ08-06-2018 20:41:04 »

บันทึกชีวิตนักศึกษาปีหนึ่ง
ตอนที่ 2
นอนบ้านเพื่อน



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


นั่งแท็กซี่มาได้แค่แปปเดียวก็มาถึงคอนโดของผมแล้วครับ คงเพราะตอนนี้ดึกแล้วด้วยแหละครับรถก็เลยไม่ค่อยจะมีแล้ว หรือเพราะพี่แท็กซี่แกขับเร็วด้วยวะ แต่ช่างเหอะ ผมแบกร่างเกือบไร้วิญญาณของตัวเองกลับขึ้นห้อง ระหว่างทางผมกับมิกซ์ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากเพราะหมดแรงกันทั้งคู่ เออว่าแต่ พวกของสดในกระเป๋าเป้จะเหม็นมั้ยเนี่ย ประตูลิฟต์เปิดมาที่ชั้น 16 ปรากฎภาพคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี


“จะไปไหนของมึงวะ” ผมถามน้องชายที่กำลังก้มเล่นมือถืออยู่นอกประตูลิฟต์


“ไปเซเว่นไง ทำไมพึ่งกลับมาเนี่ย หิวจะตายอยู่ละ”


“โทษที กูพาเพื่อนใหม่กูไปเที่ยว”


“หวัดดีพี่” ไอแดนไหว้ให้คนที่อยู่ข้างหลังผม


“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ ไม่ถือ” ไอมิกซ์ถึงกับรับไหว้ไม่ทันเลย


“ไป ๆ ไม่ต้องไปละเซเว่น เดี๋ยวกูทำอะไรให้กิน” ผมดันตัวน้องชายเดินกลับไปที่ห้องพักของเรา นี่ถ้าผมมาช้ากว่านี้ ของสดหรืออะไรก็ตามที่อุตส่าห์ถ่อไปถึงพารากอนเพื่อไปซื้อก็สูญเปล่า


ผมเปิดประตูต้อนรับแขกเป็นอย่างดี ห้องผมขนาดพอเหมาะครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่ อยู่กันสองคนก็พอดีอยู่อะครับ ในห้องมีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ครบแหละครับ จริง ๆ ผมกับแดนก็แยกกันนอนอยู่แล้วเป็นปกติ แต่ถ้ามีแขกมานอนพัก เช่น พวกญาติ ๆ หรือพ่อแม่บินมาหา มันก็จะมานอนห้องเดียวกับผม แต่บางครั้งเวลามันเหงา มันก็มานอนห้องผมอยู่ (ซึ่งบ่อยมาก บ่อยจนผมเฉย ๆ ไปละ)


หลายคนคงสงสัยว่าชายฉกรรจ์สองคนอาศัยอยู่ร่วมกันแบบนี้คงรกแน่เลย ซึ่งบอกได้เลยครับว่า ไม่จริง ห้องของผมกับมันเรียบร้อยมาก สะอาดมากจนไม่มีความรกรุงรังหรือสิ่งสกปรกอยู่ในห้องเลย เพราะหลายเหตุผลด้วยกัน คือ หนึ่ง ทั้งผมและไอแดนเป็นภูมิแพ้บ่อยมาก ถ้าห้องสกปรกนิดเดียวก็จามไปทั้งวันเลย สองคือ ไอแดนเหมือนจะเป็นคนรักความสะอาดมาก มันไม่ชอบให้มีความสกปรกปนเปื้อนอยู่ในห้องของมันเลย (ง่าย ๆ คือเด็กอนามัยนั่นแหละ) ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับสิ่งนี้ เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันที่ห้องของผมสะอาดอยู่ตลอดเวลา มันน่าอยู่ น่ามองดี


“ห้องมึงใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย” ไอมิกซ์พูดพลางสำรวจสายตาไปรอบห้อง


“พอดีอยู่ว่ะ ทำตัวตามสบายนะเว้ย เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนชุดแปปนึง” ผมปล่อยให้เพื่อนใหม่ที่กำลังรับบทบาทหน้าที่เป็นแขกในวันนี้นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นกับน้องชายของผมที่ยังคงสนใจแต่โทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่ เห็นได้ชัดเลยว่ามิกซ์เกร็งมากตอนนี้ งั้นผมรีบเปลี่ยนเสื้อก็แล้วกัน จะได้รีบออกมาชวนมาคุยสักหน่อย


ผมจัดการเปลี่ยนตัวเองจากเสื้อยืดสีน้ำเงินกางเกงสีดำมาเป็นเสื้อกล้ามเล่นกีฬากับกางเกงขาสั้น ปกติอยู่บ้านผมก็แต่งตัวงี้แหละ เพราะใส่แล้วสบายดี ตอนแรกกะว่าจะเปลี่ยนเสื้อแค่แปปเดียว แต่เพิ่งนึกได้ว่าตากผ้าไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว กลายเป็นว่าผมก็ต้องออกไปเก็บผ้าที่ตากนอกระเบียงอีก นี่ไม่รู้ว่าเพื่อนของผมจะนั่งเกร็งไปถึงไหนละ


“เสร็จละ ไปช่วยกูในครัวทีไอมิกซ์” ผมเปิดประตูออกมาพลางพูดเรียกให้เพื่อนเดินไปรอที่ห้องครัว แต่ภาพที่เห็นคือน้องชายผมและไอมิกซ์กำลังนั่งพูดคุยเข้าขากันได้ดี


“สุดยอดว่ะพี่ แล้วพี่ทำยังไงถึงได้เงินมาเป็นแสนวะ” อ๋อ กำลังคุยเรื่องเมื่อตอนค่ำนี่เอง


“กูก็นั่งรอพี่มึงถ่ายรูปนั่นแหละ มีคนเกาหลีเดินมาดู เห็นว่าสวยดีก็เลยซื้อ”


“ว่าง ๆ พี่วาดให้ผมมั่งเดะ”


“มึงก็รบกวนเพื่อนกูจังนะไปแดน” ผมเข้าไปนั่งตรงโซฟาใกล้ ๆ


“รบกวนอะไร กูยังวาดรูปให้มึงได้เลยวันนี้”


“โด่ว ทำมาเป็นอุ้บอิ้บ จะให้วาดให้ตัวเองคนเดียว หน้าไม่อาย”


“สัตว์”


“ขอเป็นยีราฟละกัน น่ารักดี”


“เออ เรื่องของมึง” แล้วไอมิกซ์ก็หัวเราะออกมา


“เดี๋ยวถ้ากูว่างกูวาดให้ วาดให้ฟรี ๆ เลยเอา”


“ดีว่ะพี่ สัญญาแล้วนะ” ไอแดนยื่นมือไปหาไอมิกซ์


“เอ่อ…สัญญาก็ได้” แล้วทั้งสองก็จับมือตกลงลงนามสนธิสัญญาการวาดภาพร่วมกัน


“แล้วสรุปจะกินมั้ยวะข้าวเย็นเนี่ย กูจะได้ทำ” ผมพูดแทรกไป


“กิน!!” ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกัน เสียงดังฟังชัด


“งั้นโปรดลุกขึ้นแล้วเชิญไปช่วยกูในครัวด้วยครับ ทั้งสองคนเลย ไป ลุก!!” พูดจบพบก็ดึงตัวตัวทั้งสองคนให้ยืนขึ้นแล้วลากเข้าครัวไปพร้อมกัน


“เดี๋ยวกูจะเตรียมส่วนผสม ไอแดนมึงล้างผักแล้วก็เตรียมเครื่องต่าง ๆ ก็แล้วกัน ส่วนมึงไอมิกซ์ มึงล้างกุ้ง ล้างหอยไป เอาให้สะอาดนะเว้ย”


“เข้าใจแล้วครับ!!” ทั้งสองพูดพร้อมกัน


“งั้นเริ่ม!!”


เราทั้งสามคนแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง อารมณ์เหมือนกำลังอยู่ในครัวมาสเตอร์เชฟยังไงยังงั้น ผมโดม รับหน้าที่ลวกเส้นพาสต้า แดน ก็เตรียมพวกผักและเครื่องเคียงต่าง ๆ และมิกซ์เตรียมส่วนโปรตีนที่เป็นอาหารทะเลนะครับ สำหรับอาหารมื้อนี้ถือว่าเราทำงานได้เป็นทีมเวิร์กมากจริง ๆ ผมจัดการต้มน้ำต้มเส้นพาสต้า ไม่ต้องพูดถึงเครื่องครัวในคอนโดผมครับ ครบครันทุกอย่างตั้งแต่หม้อแรงดันยันกระทะเทฟร่อน เครื่องปรุงก็มีครบทุกสัญชาติครับ หายห่วง ระหว่างรอผมต้มเส้นสุก วัตถุดิบทุกอย่างก็เสร็จทันพอดี จากนั้นผมจัดการผัดพาสต้าเป็นจานของแต่ละคนไป เพราะปริมาณและการปรุงที่แตกต่างกันของแต่ละคน ทำให้เราต้องแยกกันผัดคนละรอบครับ แต่โดยรวมก็สวยงามครับ


“เป็นไงฝีมือกู น่ากินมั้ย” ผมพูดพลางตักเส้นพาสต้าเสิร์ฟเข้าไปในจากสีขาวที่วางเตรียมไว้


“เออ ว่าแต่ มึงต้องจัดจานด้วยหรอวะ” ไอมิกซ์ถามอย่างสงสัย


“เออสิวะ หน้าตาของอาหารมีผลต่อความน่ากินนะเว้ย” ผมอวดอย่างภูมิใจ


“กูนึกว่ากำลังดูมาสเตอร์เชฟ” มันหันไปพูดกับแดน


“พี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว ไอโดมแม่งทำอาหารโคตรเก่งอะ ทำออกมาน่ากินชิบหาย อร่อยด้วย” สาบานว่าเราทั้งสองคนคือพี่น้องกัน กูนึกว่าเพื่อนเล่น


“งั้นกูต้องมาฝากท้องที่ครัวเชฟโดมบ่อย ๆ ซะละ” มันพูดแล้วก้มมองอาหารในจาน “มึงจัดจานสวยจริงว่ะ กูขอถ่ายรูปเก็บไว้ที” พูดจบมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้


“ไป ๆ ยกไปนั่งกินที่โต๊ะดี ๆ ยืนแดกตรงนี้ลำบากจะตาย เดี๋ยวกูตามไป ล้างกระทะแปป”


“เดี๋ยวกูช่วย” ไอมิกซ์เสนอตัวเข้ามาให้ความช่วยเหลือ


“เห้ยไม่ต้อง วันนี้มึงเป็นแขก ไปกินซะ” ผมดันตัวมันไปให้นั่งกินก่อน พร้อมส่งซิกให้น้องชายมาเรียกตัวเพื่อนผมไปนั่งกินที่โต๊ะด้วยกัน


ซักพักผมก็เดินตามมา (ผมล้างจานไม่นานครับ เซียน อิอิ) ผมนั่งลงตรงข้ามกับทั้งสองคนพร้อมกับแก้วคนละใบ เอาไว้กินน้ำ ไอแดนเหมือนรู้หน้าที่ของตัวเองเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นที่อยู่ไม่ไกลสักเท่าไหร่ (จริง ๆ กะจะเสิร์ฟไวน์ขาวแต่หมดพอดี เสียดาย)


“อร่อยจนกูนึกว่านั่งกินอยู่ในร้านหรู ๆ” ไอมิกซ์พูดทั้ง ๆ ที่มือกำลังม้วนเส้นพาสต้าอยู่ “มึงไปฝึกมาจากไหนวะ ทำอาหารเนี่ย”


“พ่อกูเป็นเชฟ เค้าก็สอน ๆ กูมาตั้งแต่กูอยู่ประถมอะ”


“ตอนนั้นกูยังนั่งวาดรูปโง่ ๆ อยู่เลย”


“แต่ปัจจุบันมึงก็เป็นศิลปินที่สามารถสร้างรายได้แสนกว่าบาทจากสิ่งที่ตัวเองเคยโง่นี่หว่า กูก็เหมือนกัน กูเคยทำอาหารแย่มาก่อน กูก็ฝึกตัวเองมาตลอด จนทำได้เหมือนทุกวันนี้” พูดซะดูดีเลยกู “กูเป็นคนที่ไม่เชื่อในคำว่าทำไม่ได้ มันไม่ใช่ทำไม่ได้หรอก มันไม่อยากทำมากกว่า คนเราจะบอกว่าตัวเองทำไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลองทำมันแบบจริงจังซักครั้ง”


“เออ ก็ถูกของมึง กูคิดเหมือนมึงนะ อีกอย่าง คือ กูไม่ชอบให้ใครมาบอกว่าเก่งหรือฉลาด คือกูก็เป็นเด็กปกติทั่วไปที่มีพรสวรรค์แฝงด้วยพรแสวง” น่อว คมไปดิมึง “กูอยากให้ทุกคนรู้ว่ากว่ามันจะออกมาดีขนาดนี้ กูพยายามมากแค่ไหน”


“นี่อยู่ดี ๆ พวกพี่เข้าเรื่องสัจธรรมชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ไอแดนพูดแทรกขึ้นมาพร้อมด้วยสีหน้างงงวย ทำให้ผมและไอมิกซ์หัวเราะออกมาพร้อมกัน


“กินเหอะ เดี๋ยวเส้นเย็นแล้วจะไม่อร่อย” ผมชวนทุกคนกินต่อ


จะว่าไปการที่มีคนมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยก็เป็นเรื่องดีนะครับ ทำให้มีบทสนทนาระหว่างกินข้าวไปด้วย รู้สึกว่าตัวเองเจริญอาหารดี ปกติเวลานั่งกินอยู่กับไอแดนสองคน ไม่เงียบฉี่เหมือนกำลังอยู่ในเมืองร้าง ก็คุยแต่เรื่องไร้สาระ





หลังกินเสร็จทุกคนช่วยกันจัดแจงนำจานไปล้าง ตอนแรกผมกะจะล้างให้ไอมิกซ์ แต่มันเกรงใจเลยรีบหยิบไปล้างก่อน ซึ่งมันก็ทำได้ดีครับ สะอาดเกลี้ยง ผมดูนาฬิกา ตอนนี้ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะปล่อยให้เพื่อนกลับบ้านคนเดียวตอนดึก ๆ แบบนี้


“กูกลับก่อนนะ เดี๋ยวจะยิ่งดึกกว่านี้”


“มึงจะกลับจริงอ่อวะ นี่ก็ดึกมากแล้วนะเว้ย นอนนี่ก่อนก็ได้”


“แค่นี้กูก็เกรงใจมึงจะแย่อยู่ละ เพิ่งเจอกันวันแรกแต่รบกวนมึงไปตั้งหลายอย่างละ”


“เกรงใจอะไร เพื่อนกัน”


“นั่นดิ นาน ๆ ทีมีคนมานอนค้างก็สนุกดีนะพี่ นอนนี่เหอะพี่มิกซ์” แหม่ไอแดน มึงจะหลอกให้เค้าวาดรูปให้มึงก็บอกมาตรง ๆ ไม่ต้องมาทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง


“กูรบกวนอีกเรื่องนึงละกัน”


“ทำเป็นพูดไป เออ งั้นคืนนี้มึงมานอนห้องกูละกัน” ผมพูดแล้วจูงไอมิกซ์เข้าห้อง


“ขอนอนด้วยดิ นอนคนเดียวกลัวนะเว้ย” ไอแดนวิ่งตามเข้ามา


“เรื่องของมึง” ผมพูดลอย ๆ ไม่สนใจน้องชายตัวเองไป


ผมจัดการให้ไอมิกซ์ไปอาบน้ำก่อน เดินเที่ยวทั้งวันเหนียวตัวแย่ โชคดีที่ผมมีชุดนอนสำรองไว้เยอะ ในตู้เสื้อผ้าผมที่ชุดนอนหลายแบบครับ ชุดนอนแบบครบชุด ชุดนอนแบบเสื้อยืดกางเกงบอล หรือชุดนอนไม่ได้นอน (เห้ย ไม่มี) มีเยอะมากครับ มีพอให้ไอมิกซ์ใส่แน่นอน ระหว่างรอไอมิกซ์อาบน้ำผมเลยโทรไปหาไอเฟิร์สเพื่อนสนิทเพื่อชวนคุย


“ไงมึง โทรมาซะดึกเชียว”


“ไอสัส มึงหายไปไหนมา” ผมพูดเสียงดังใส่จนปลายสายตกใจ


“พูดเสียงดังทำไมวะ กูบอกมึงแล้วไงว่าวันนี้กูมีธุระ”


“เออ ๆ กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง วันนี้กูไปเที่ยวสนามหลวงใช่ป่ะ แล้วกูไปตอนค่ำ กว่าจะกลับก็สามสี่ทุ่มแล้ว กูก็รอเรียกแท็กซี่จะกลับคอนโดแต่ไม่รับสักคันเลย กูก็เดินไปเรื่อย ๆ รอแท็กซี่ต่อไปอย่างคนไร้ความหวัง”


“นี่คือมึงไปคนเดียวหรอวะ”


“เปล่า กูไปกับเพื่อนใหม่”


“เพื่อนใหม่ไหนวะ”


“เพื่อนที่คณะ เออ เดี๋ยวกูค่อยแนะนำให้รู้จัก แล้วกูก็ไปนั่งรอสักที่อะมึง แม่งก็มีรถคันนึงเข้ามาจอดเว้ย มาถามพวกกูว่าพวกกูขายเท่าไหร่” พูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากปลายสายทันที ผมรู้ครับเรื่องนี้มันตลก แต่ผมไม่ตลกด้วยอะ


“คือเค้าคิดว่ามึงเป็นมันนี่บอยหรอวะ”


“เออดิวะ คือ หน้าตากูดูเหมือนเด็กขายขนาดนั้นเลยหรอวะ” ปลายสายยังคงหัวเราะ


“เออหน่า อย่างน้อยมึงก็หน้าตาดีพอที่จะมีใครมาสนใจมึงละวะ ถึงจะมาสนใจโดยการมาขอซื้อก็เถอะ” ปลายสายก็ยังคงหัวเราะต่อ จนผมต้องจิ๊ปากใส่ “ว่าแต่เพื่อนใหม่มึงนี่ใครวะ”


“วันนี้กูไปซื้อเสื้อนักศึกษามา เจอเพื่อนที่เข้าคณะเดียวกัน เลยชวนมานอนบ้าน”


“แหม กับกูไม่เคยชวนหรอกนะ”


“กูจะชวนไปทำไมวะ ปกติมึงจะบ้านกูมึงก็มา ไม่บอกกูล่วงหน้าอยู่แล้วหนิ”


“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับเพื่อน”


ระหว่างที่ผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทอยู่นั้น ไอมิกซ์ก็อาบน้ำเสร็จพอดี มันออกมาในสภาพเปลือยท่อนบนสวมแค่ผ้าเช็ดตัวท่อนล่าง หยดน้ำยังคงเกาะอยู่ตามร่างกายในบางจุด


“มึงไม่บอกกูวะ ว่าอาบเสร็จแล้ว กูจะได้เอาเสื้อไปให้” ผมเดินไปหยิบเสื้อที่เตรียมไว้ให้บนเตียง นี่ถ้าผมไม่อยู่มันคงเดินว่อนทั่วห้องผมแล้วมั้ง


“ก็ได้ยินมึงคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ไง ไม่อยากกวน”


“ความคิดพิลึกอีกแล้ว เอา เอาเสื้อไปใส่ก่อน แอร์เย็นเดี๋ยวไม่สบาย” ผมยื่นเสื้อให้มันเอาไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ก่อนไปผมให้มันทักทายเพื่อนผ่านกล้องโทรศัพท์ก่อน “ทักทายเพื่อนกูหน่อย” ผมหันมายิ้มให้กล้องแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ


“ดีเนอะมึงมีเพื่อนใหม่แล้ว ต่อไปก็ก็คงเป็นหมาแล้วแหละ”


“โอ๋ ๆ ๆ เพื่อนรัก มึงก็ยังเป็นเพื่อนกูตลอดไปแหละ” นี่ผมกำลังฝืนใจตัวเองมากแค่ไหนในการง้อเพื่อนสนิทที่แสนกวนตีนของผม “แต่มึงหล่อน้อยกว่ามันนะ” ผมหัวเราะออกมา


“ขอบคุณที่ชม” เสียงไอมิกซ์ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ เอ้า เสือกได้ยินอีกเว้ย


“เออ แค่นี้ก่อนนะมึง เดี๋ยวกูง่วงมาก” เอ้ารีบไปไหนของมันวะ ปกตินอนดึกจะตาย


“เออ ๆ ฝันดีเพื่อน” พูดจบผมก็วางโทรศัพท์แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมไปอาบน้ำบ้าง พอดีที่ไอมิกซ์จัดการตัวเองเสร็จพอดี


ผมใช้เวลาจัดการตัวเองไปสักพัก (ผมอาบน้ำไม่นานครับเพราะขี้เกียจ) ออกมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กไว้เช็ดตัว เปิดประตูออกมาเห็นไอมิกซ์กำลังนอนแผ่อยู่บนพื้นแล้วเล่นโทรศัพท์ไป นี่ทำไมไม่นอนเล่นบนเตียงดี ๆ วะ


“ลงไปนอนบนพื้นทำไม สกปรก ขึ้นมาเล่นบนเตียงก็ได้” ผมตะโกนบอกมัน


“กู…”


“ไม่ต้องเกรงใจ กูไม่ถือ” ผมพูดออกไปทันที รู้เลยว่ามันจะพูดอะไร มันเลยลากสังขารตัวเองขึ้นมานอนเล่นบนเตียงโดยไม่ขัดแย้งอะไร


“เมื่อกี้เพื่อนหรอ” มันถามทั้ง ๆ ที่ยังเล่นโทรศัพท์


“อือ สนิทกันมาตั้งนานละ”


“เพื่อนมึงหล่อว่ะ”


“ชอบเพื่อนกูรึไง”


“เปล่า แค่จะบอกว่ามันหน้าตาดี ถึงจะน้อยกว่ากูก็เถอะ” แหนะ มีการพาดพิง


“เออ แล้วมึงอยู่หอไหนวะ”


“กูอยู่แถวสุขุมวิทว่ะ” ลูกคนรวยก็งี้แหละนะ “กูไม่ชอบเลย แม่งอยู่กลางเมืองเกินไป วุ่นวายชิบหาย ค่าห้องก็แพง กูทะเลาะกับพ่อแม่แทบตายเรื่องหอ” นี่คงเป็นเหตุผลที่เมื่อตอนค่ำผมชวนมันไปช่องนนทรีแล้วมันไม่ยอมไป


“แล้วมึงไม่เคยมากรุงเทพเลยหรอวะ”


“ไม่เคยอะ” สีหน้าเฉยมาก


“มึงเคยไปต่างประเทศนี่นา ก็ต้องขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิมั้ยวะ”


“มึงเชยหรือมึงไม่รู้วะ เดี๋ยวนี้บางประเทศมีบินตรงจากภูเก็ตแล้วว่ะ” อวยบ้านเกิดไป “แล้วปกติคือปิดเทอมมึงไปอังกฤษตลอดเลยหรอวะ” มันถามกลับบ้าง


“อือ ไปช่วยพ่อแม่ทำงาน กูลูกกตัญญูใช่มั้ยล่า” ผมยิ้มอย่างภูมิใจ “แต่เทอมนี้กูไม่ได้ไป ติดภาระหลายอย่างเลยว่ะ ไหนจะงานปัจฉิม งานพรอม งานอำลา สอบเอนท์ สอบนู่นนั่นนี่”


“แล้วน้องมึงไม่ไปหรอวะ”


“มันติดแฟนมันอะดิ” เห็นน้องชายผมแบบนั้น ใครจะไปนึกว่ามันจะมีแฟน หนำซ้ำยังมีแฟนเป็นผู้ชายด้วย!! แต่บ้านผมไม่ได้ซีเรียสอะไรมากครับ จะรักใครชอบใครก็เอาเถอะ รักให้จริงก็พอ พูดมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยนะครับว่า แฟนของน้องชายผมคือใคร ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยครับ ผมพูดไปทุกคนคงร้องอ้อแน่นอน “คนที่กูคอลด้วยอะ นั่นแหละแฟนไอแดน”


“เห้ยจริงดิ!!” มันถามด้วยความตกใจ


“เออ ไอเฟิร์สเป็นแฟนไอแดน” จริง ๆ มันสองคนคบกันมานานแล้วครับ ตั้งแต่ไอเฟิร์สอยู่มอสี่แล้วไอแดนอยู่มอสาม โดยกามเทพหรรษาอย่างผมต้องคอยช่วยเพื่อนสนิทจีบน้องชายตัวเองนี่แหละ ตอนนั้นผมรู้สึกตลกและสงสารตัวเองไปในตัว คือผมต้องยืนอยู่จุดไหนในความสัมพันธ์นี้ ถ้าอยู่ฝั่งไอเฟิร์ส ผมก็อยากจะช่วยให้เพื่อนสมหวังกับความรัก แต่ถ้าอยู่ฝั่งไอแดน ผมก็หวงน้องชายไม่อยากให้ไอเฟิร์สมาจีบเหมือนกัน ทำตัวไม่ถูกอะ อยู่ดี ๆ เพื่อนสนิทที่คบกันมานานจะกลายเป็นเพื่อนเขยไปในพริบตา แต่สุดท้ายไอเฟิร์สมันก็เอาชนะใจไอแดนได้ครับ ด้วยการบินตามไปขอไอแดนเป็นแฟนที่อังกฤษเมื่อสามปีก่อน ถือว่าผมยอมในความทุ่มเทและรักจริงของเพื่อนครับ เลยยอมให้มันคบ ๆ กันไป


ส่วนเรื่องที่ผมไม่ค่อยชวนไอเฟิร์สมานอนค้างที่ห้องหรือมาหาบ่อย ๆ เพราะแม่งน่ารำคาญครับ คือ มันก็เคยมาอยู่บ่อยครั้ง มากินข้าว มานั่งเล่นอะไรแบบนี้แหละ แล้วมานั่งงุ้งงิ้งกันสองคน น่ารำคาญชิบหาย (ไม่ใช่คนโสดแล้วพาล) ผมเลยไล่มันกลับไปทุกครั้ง ไม่ยอมให้มันนอนค้างหรอก ไม่อยากนึกสภาพตอนมันสองคนมีอะไรกัน เชี่ย ขนลุก ผมเลยจัดการวางแผนไม่ให้มันสองคนมาสร้างรังรักกันในห้องนี้ จะทำอะไรกันก็ออกไปข้างนอก ไป๊!! (แต่ผมไม่เคยห้ามเวลาไอแดนจะไปนอนค้างบ้านไอเฟิร์ส บางวันมันกลับห้องมา ผมละสงสารมันเหลือเกิน ไอเพื่อนสนิทผมก็เล่นน้องชายกูซะน่วมเลย ทำน้องชายผมจุกไม่พอ รอยเต็มตัวเลย ไอแดนมันเป็นรับครับ ไม่ได้ร่างบางอะไรขนาดนั้น แต่ผมเห็นแล้วสงสารอะ มันก็เคยมาระบายกับผม บอกว่า ควรเลิกกับไอเฟิร์สดีมั้ย เพราะไอเฟิร์สแม่งเซ็กส์จัดเกินไป สงสารน้องชายตัวเองอะ)


“แล้วมึงเคยมีแฟนบ้างป่ะ” ยิงคำถามส่งตรงมาแล้วนะครับท่านผู้ชม


“ไม่เคยว่ะ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาจีบนะเว้ย” แหมะ มีการหัวเราะสมน้ำหน้า “กูแค่ไม่ชอบการมีแฟนอะ รู้สึกว่ามันวุ่นวาย ไม่เป็นส่วนตัว กูไม่ค่อยชอบให้ใครหน้าไหนเข้ามาอยู่ในชีวิตกูในทุกอิริยาบถอะ” ผมพูดจริงนะ ผมไม่ค่อยชอบการมีแฟนสักเท่าไหร่


“แล้วทำไมคนเป็นแฟนจะต้องอยู่ในชีวิตมึงในทุกอิริยาบถวะ”


“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่มึงลองคิดดูดิ เวลามีแฟน เราจะทำอะไรแม่งต้องมานั่งคิดอะ ว่าทำแล้วแฟนเราจะโอเคมั้ยวะ ถ้าทำแบบนี้แฟนเราจะโกรธมั้ยวะ แม่งน่ารำคาญอะ”


“ก็ไม่ทุกคนรึเปล่าที่เป็นแบบนี้ อย่างน้อยกูคนนึงอะที่ไม่ใช่” มันพูดแล้วหน้าแดงผ่าว ไม่รู้เป็นอะไรของมัน แอร์ก็เย็นฉ่ำอยู่นะเพื่อน “คนเราคบกัน มันไม่จำเป็นที่จะต้องเอาชีวิตเราไปยูเนี่ยนกับชีวิตใครรึเปล่า เราก็ควรมีสเปซของเราและเราก็ควรเคารพในสเปซส่วนตัวของแฟนเรา แค่นั้นเองป่าววะ หลายคู่ไม่มีความสุขในชีวิตคู่ เพราะเอาแต่คิดว่า ถ้าเราทำแบบนี้แล้วฝ่ายตรงข้ามจะรู้สึกอย่างไร โดยไม่คำนึงเลยว่าถ้าตัวเองทำแล้วจะรู้สึกยังไง ไม่รู้ดิ บางทีอาจมีแค่เราที่คิดมากไปเองป่าววะ อีกฝ่ายแม่งไม่คิดเหี้ยอะไรทั้งนั้นอะ” ขอต้อนรับสู่รายการคลับฟรายเดย์


“ถึงยังไง ถ้าสักวันกูเจอคนที่กูอยู่ด้วยแล้วโอเค กูก็คบได้อยู่แล้ว” ผมตอบไป


น้องชายผมที่หายไปสักพักหนึ่ง (ไม่รู้ว่าไปอาบน้ำหรือไปคุยกับแฟน แต่ถ้าคุยกับแฟนกูจะตามไปต่อยไอเฟิร์ส) เปิดประตูเข้ามา สภาพมันตอนนี้คือเสื้อยืดกางเกงบอลกับหมอนลายขาวดำอีกหนึ่งใบ (ห้องมันสีขาวดำ ห้องผมสีดำขาวครับ แบบเดียวกันเด๊ะ) มันเดินมาที่เตียงแล้วนั่งลงเพื่อร่วมวงสนทนาของเราสองคน (ง่าย ๆ คือ มาเสือก)


“คุยเรื่องอะไรกันอยู่อะ” ไอแดนถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย


“ยุ่ง!!” ผมหันไปด่าน้องตัวเอง แหม ทีคนอื่นมาค้างแล้วพูดมากนะ กับกูนี่คำสองคำตลอด


“คุยกันเรื่องความรัก” ไอมิกซ์เขยิบออกเล็กน้อยเพื่อให้คนมาใหม่ได้นั่ง


“น่าสนุกอะ” มันพูดขึ้นทั้ง ๆ ที่จิตใจยังจดจ่อกับมือถือ ไอเด็กนี่


“มึงไม่ต้องเล่าความรักสุดอิโรติกของมึงกับไอเฟิร์สนะ กูขนลุก” ผมหันไปบอกน้องชายที่กำลังเลื่อนอินสตาแกรมดูความเคลื่อนไหวไปเรื่อย คือผมฟังมาเยอะแล้วอะ จะอ้วกจริง ๆ น้ำเน่ายิ่งกว่าละครช่องหลากสีอีก (ทะเลาะกันทีก็หนักเหมือนกันครับ)


“งั้นเล่าเรื่องมึงดีกว่า ฟังมั้ยพี่มิกซ์”


“ฟัง!! / อย่าเสือก!!” ผมกับไอมิกซ์พูดออกมาพร้อมกัน ไม่ได้ ผมต้องรีบจัดการปิดปากเด็กปากมากคนนี้ก่อน ไม่งั้นผมขายหน้าเพื่อนใหม่แน่ ๆ


“เรื่องมีอยู่ว่า…”


“ไอเชี่ยแดน มึงหุบปาก” ผมจะเข้าไปปิดปากไอแดน แต่กลับโดนเพื่อนใหม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เข้ามาล็อกตัวไม่ให้ผมดิ้น “เห้ย ไอมิกซ์ ปล่อย!!”


“ตอนมอสี่ ไอโดมแอบชอบรุ่นพี่คนนึงเว้ยพี่ มันก็ไปบอกชอบ แล้วพี่เค้าก็ตกลง”


“ไอแดน!! อย่าเสือก!!”


“เล่าต่อเลย” ไอมิกซ์พูดแล้วยิ่งล็อกตัวผมแน่นขึ้น แข็งแรงมากพ่อคุณ เก่งมาจากไหนก็แพ้หัวอย่างอย่างเธอ ไปเล่นยกดัมเบลมากี่กิโลเนี่ย แน่นจนผมเริ่มเจ็บละ


“ไม่ทันจะได้คบกัน มันก็พึ่งรู้ความจริงว่า พี่เค้ามีแฟนแล้ว มีเยอะด้วย เหตุผลที่พี่เค้ายอมคบกับมัน เพราะจะเก็บคอลเลคชั่นเด็กให้ครบทุกห้อง” ไอเห้ อับอายมาก


“รุ่นพี่คนนั้นแม่งเหี้ยเนอะ” ไอมิกซ์พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยังคงตั้งใจฟังต่ออย่างใจจดใจจ่อ


“แล้วมันอยู่ชมรมเดียวกัน คือชมรมถ่ายภาพ พี่เค้าดันแอบโกงเอารูปมันไปส่งประกวดอีก” ไอเหี้ย พอได้แล้ว ผมจะไม่ยอมอีกแล้ว


“เชี่ยพอเหอะ” ผมสะบัดแขนออกจากไอมิกซ์ตอนมันเผลอแล้วลุกออกจากเตียงโดยเร็ว “เรื่องมันจบไปแล้วก็ให้มันจบดิวะ มึงจะเล่าทำเหี้ยอะไร” ผมหันไปด่าน้องชายที่ยังคงยิ้มแย้มร่าเริง ไม่มีอาการสำนึกผิดแต่อย่างใด (โถ่ น้องชายกู)


“จบได้ไงล่ะ ผมได้ข่าวมาว่าพี่กายเรียนมหาลัยเดียวกับพี่หนิ คณะอยู่ติดกันอีก ความรักครั้งนี้จะรีเทิร์นมั้ยน้า” กวนตีนละไอแดน อยากกระโดดเตะมันลงไปจากระเบียงจริง


“รีเทิร์นเหี้ยอะไร กูกับมันต่างคนต่างอยู่กันมานานแล้วเว้ย”


“พี่กายไหนอะ” ไอมิกซ์หันไปถามไอแดน


“พี่กายรัฐศาสตร์อะ พี่เค้าหล่ออยู่นะ แต่ไอโดมกลับบอกว่ามันเหี้ย ผมเลยต้องคิดว่าพี่เค้าเหี้ยตาม” เออ ขอบคุณที่ยังอยู่ทีมพี่ชายตัวเอง


“นอนเหอะว่ะ ดึกแล้ว” ผมชวนให้ทุกคนจัดแจงสถานที่เตรียมนอน ไม่งั้นเราคงจะโต้รุ่งแน่ ๆ


ผม ไอแดน ไอมิกซ์ ช่วยกันจัดการเตียงให้อยู่ในสภาพที่พร้อมต่อการนอนหลับเพิ่มพลังมากที่สุด ผมปล่อยให้ทั้งสองคนจัดการความเรียบร้อยไปก่อน ต้องขอตัวไปแปรงฟันแล้วก็เอาผ้าขนหนูไปตากในห้องน้ำพลาง ๆ พอจัดการตัวเองเสร็จ เปิดประตูมาก็เจอทั้งสองคนนอนคลุมผ้าอยู่บนเตียงเป็นที่เรียบร้อย (จัดการอะไรต่าง ๆ เร็วมาก) ผมเดินช้า ๆ ไปยังเตียงนอน เพราะมองอะไรไม่ค่อยเห็นครับ ไฟปิดไปเรียบร้อยแล้ว มันมืดมากจริง ๆ ครับ มีแค่แสงจากด้านนอกส่องเข้ามาผ่านหน้าต่าง แต่ก็ยังมืดอยู่ดี ผมรีบเดินไปที่เตียง จัดการสวดมนต์ก่อนนอนแล้วหย่อนร่างกายตัวเองนอนลงบนเตียงทันที เหนื่อยมาทั้งวัน หัวตกถึงหมอนสักที ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนเวลาล่วงเลยมาสักพัก ก็ได้ยินเสียงใครสักคนพูดขึ้นมา


“ไอโดมนอนยัง” เสียงไอแดนดังมาจากอีกฝั่งของเตียง (ไอมิกซ์นอนกลาง)


“ยังว่ะ”


“พี่มิกซ์อะ”


“ยังเหมือนกัน”


“ตื่นมาคุยกับผมทีดิ นอนไม่หลับอะ”


“เหมือนกัน/เหมือนกัน” ผมกับไอมิกซ์พูดพร้อมกัน เราทั้งสามคนเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน ผมอาสาเดินไปเปิดไฟเอง ทุกคนอยู่ในสภาพนอนไม่หลับจริง ๆ ไม่มีใครดูงัวเงียบเลย


“หาไรทำดีกว่า”


การโต้รุ่งของเด็กชายทั้งสามกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้
     

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ถ้าจะนอนก็รีบนอน

ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บันทึกชีวิตนักศึกษาปีหนึ่ง
ตอนที่ 3
งานวันแรก(ไม่อยาก)พบ



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


“วันนี้กูใส่เสื้อตัวไหนดีวะ”


คำถามที่แสนน่าเบื่อและจำเจ รองลงมาจากคำถามที่ว่าวันนี้กินอะไรดี ผมยืนเลือกเสื้อที่จะใส่วันนี้มาได้สักพักแล้ว แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนพื้น ๆ ทั้งตู้เลยมีแต่เสื้อยืดสีพื้นหลากสีพอสมควร แต่จะเน้นโทนสีขาว ดำ และเทาเป็นหลัก เพราะผมชอบ ผมหันไปถามความเห็นน้องชายที่กำลังนอนเล่นมือถืออย่างสบายใจอยู่บนเตียง (ห้องผมเช่นเคย)


“ใส่ ๆ ไปเหอะ ไปงานมหาลัยเอง ไม่ได้ไปออกเดตซะหน่อย” น้องชายผมตอบอย่างเซ็ง ๆ


“งั้นช่วยกูเลือกทีว่าสีฟ้าหรือสีเหลืองดี” ผมหันไปถามน้องชายอีกครั้ง


“เลือกไม่ถูกก็ให้คุกกี้ทำนายกัน~”


“โคอิสุรุ ฟอจูน คุ้กกี้~” เราสองคนพี่น้องประสานเสียงออกมาพร้อมกัน ผมไม่ได้เชยถึงขนาดไม่รู้จัก BNK 48 หรอกนะ ฮี่ฮี่ แต่เจ้าน้องชายนี่เปลี่ยนอารมณ์ไวจังแฮะ เมื่อกี้เหมือนยังรำคาญกูอยู่เลย พอพูดถึงพี่ ๆ BNK หน่อยนึง เลือดโอตะสูบฉีดแรงเต็มที่


“เสร็จรึยัง” แขกไม่ได้รับเชิญ นั่นคือ ไอเฟิร์ส ที่จู่ ๆ เดินเข้ามาในห้องโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของห้องเลย ไอนี่ แต่ผมก็เป็นคนชวนมันมาเองแหละ กะจะให้มันไปส่งที่มหาลัยพอดี ไม่อยากออกค่ารถเอง (มันขับรถยนต์ครับ) ส่วนไอมิกซ์ผมนัดเจอ นัดเวลา นัดสถานที่ไว้เรียบร้อยแล้วครับ มันเดินมานั่งรอผมที่วุ่นอยู่กับการเลือกสีเสื้ออยู่มานานพอสมควร มันเดินไปนอนหนุนหัวบนตักไอแดนซึ่งก็ยอมมันแต่โดยดี จะว่าไปพักหลัง ๆ สองคนนี้ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเลย หรือผมตามเสือกไปทันเอง ช่างเหอะ ผมเสียเวลากับการแต่งตัวนานไปละ กะอีกแค่งานแรกพบ สุดท้ายผมตัดสินใจเลือกเสื้อยืดสีเหลืองมัสตาร์ดสวมให้กับตัวเองอย่างรวดเร็ว แค่นี้แหละ


“ไม่ได้ออกไปไหนใช่ป่าว เดี๋ยวตอนเย็นมารับ” ไอเฟิร์สพูดลาไอแดนที่ยังสนใจโทรศัพท์มากกว่ามันอยู่ดี ร่างกายมันที่เมื่อสักครู่นอนหนุนหัวบนตักน้องชายผม เด้งตัวขึ้นเมื่อเห็นผมจัดการตัวเองเสร็จแล้ว พร้อมจะออกเดินทางแล้ว มีการหอมแก้มลาด้วย หมั่นไส้โว้ย


“กูทำข้าวไว้ให้แล้ว อยู่ในไมโครเวฟ ถ้าหิวก็อุ่นเอาละกัน แต่ถ้าไม่กินอย่าทิ้งนะเว้ย กูจะกลับมากิน” ผมพูดสั่งเสียก่อนจะเดินออกจากห้องไป


เวลามันผ่านไปเร็วเนอะ วันก่อนพึ่งไปซื้อเครื่องแบบเอง อ้อ วันนั้นเป็นวันที่ไอมิกซ์มานอนค้างที่บ้านด้วย จากการที่เด็กผู้ชายทั้งสามคนนอนไม่หลับ กลายเป็นว่านั่งเล่าเรื่องผีกันถึงเช้า ที่อยู่กันถึงเช้าไม่ใช่อะไร ไม่มีใครกล้านอน กลัว ทุกคนเลยร่วมกันเปลี่ยนห้องนอนผมเป็นสถานที่เล่าเรื่องผี มีของกินอะไรครบ (ยิ่งกว่าโรงหนังในพารากอนอีก) พอเช้าผมก็จัดการไปส่งไอมิกซ์ครับ จากการดูแมปแล้ว หอมันน่าจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้


ผมไปส่งมันถึงที่เพราะในอนาคตอาจจะได้มาเยี่ยมเยือนมันบ้าง แต่พอไปถึงผมก็ตกใจนิดหน่อยกับสิ่งปลูกสร้างที่มันเรียกว่า ‘หอ’ นี่มันคอนโดชัด ๆ แถมอยู่ใกล้บีทีเอสอีก ราคาก็น่าจะแรงอยู่พอสมควร (ดันอยู่ชั้นสูงอีก ราคากี่ล้านวะนั่น) ผมถามมันก็บอกว่า พ่อแม่จัดการให้ มันขี้เกียจทะเลาะ ถ้ามันเลือกได้ มันอยู่หอเดือนละสามสี่พันก็พอแล้ว


หลังจากวันนั้นเรา (หมายถึงผมและไอมิกซ์) ก็นัดกันออกไปเที่ยวบ้าง ตามประสาวัยรุ่น รวมถึงวันนี้ที่เรานัดกันไปงานวันแรกพบด้วยกัน จะให้ผมไปกับไอเฟิร์สก็กะไรอยู่ เรียนคนละคณะกัน ผมเลยไปกับไอมิกซ์แทน เออ จะว่าไปเดี๋ยวนี้ผมเริ่มสนิทกับไอมิกซ์แทนละเนี่ย


รถของไอเฟิร์สจอดในลานจอดรถของมหาวิทยาลัย ไม่รู้ไปมายังไงมันถึงได้สติกเกอร์อนุญาตจอดรถให้มหาลัยมาได้ ผมกับมันนัดเวลาที่จะกลับด้วยกัน เพราะยังไงมันต้องแวะไปรับไอแดนไปเที่ยวต่ออยู่ดี เลยนัดกันว่าห้าโมงเจอกันที่ลานจอดรถ


หลังจากแยกกันกับไอเฟิร์สแล้ว ผมรีบเดินไปที่โรงอาหารหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ จำได้แค่ว่ามันอยู่ใกล้คณะผมนั่นแหละ เพื่อไปหาไอมิกซ์ที่นัดกันไว้มานานแสนนาน การตามหามันก็มีความยากลำบากนิดนึงครับ ตาลายไปหมด คนเยอะมาก มากถึงมากที่สุด แต่ก็ดีครับจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนคณะอื่นด้วย


“น้องคนนั้นอะ” ผมหันไปตามเสียงเรียก น่าจะเป็นรุ่นพี่แน่นอน หันไปเป็นรุ่นพี่ร่างชายใจหญิงท่าทางใจดีคนหนึ่ง


“ผมหรอครับ” ต้องถามเพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่ว่าเรียกคนอื่นนะเว้ย หน้าแตกแน่


“ใช่ น้องนั่นแหละ ชื่ออะไรอะ” พี่แกถามด้วยน้ำเสียงเคอะเขิน เอาซะผมเขินไปด้วยเลย


“ผมชื่อนราวิทย์ครับ” ผมแนะนำตัวสั้น ๆ


“ชื่อเล่นก็พอแล้วลูก ตายละ น่าดูเอ็นจังเลย”


“เอ่อ…เอ็นดูก็พอพี่” ผมหัวเราะ “ผมโดมครับ”


“ตายละ พี่โดม อยู่คณะไหนลูก เดี๋ยวพี่พาไปส่ง”


“นวัตกรรมครับ” ผมตอบทันที


“โห เซ็งอะ หล่อ ๆ แบบนี้นึกว่าแพทย์ซะอีก อีทอย มารับน้องมึงไปซิ” พี่แกพูดพร้อมตะโกนเรียกเพื่อนอีกคนนึงที่กำลังถือป้ายเรียกน้องใหม่คณะที่ผมคุ้นเคยอย่างดี พี่ผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาดีมากพอสมควรเดินเข้ามาต้อนรับผมด้วยยิ้มที่เป็นมิตร ยิ้มสวยมาก


“น้องนวัตกรรมใช่ป่าว พี่ชื่อทอยนะ อยู่ปีสอง มาเดี๋ยวพี่พาไปที่คณะ” มาถึงปุ๊บพี่คนสวยคนนี้ก็อาสานำพาไปยังจุดนัดหมายของคณะผมทันที (ขอเวลาชื่นชมหน่อยเหอะ)


“ผมขอไปตามเพื่อนก่อนได้มั้ยครับ” ผมพูดดักก่อนที่พี่แกจะพาเดินไปไกล


“โอเค แล้วนัดกับเพื่อนไว้ที่ไหนล่ะ”


“โรงอาหารครับ”


“ใกล้ ๆ นี่เอง ใกล้คณะเราด้วย มาเดี๋ยวไปช่วยกันตามหา” พี่คนสวยเดินนำพาผมไปทันที ไม่วายยังจะหันไปโบกมือเยาะเย้ยพี่คณะแพทย์คนนั้นด้วย


ผมเดินตามพี่ทอยมาแปปเดียวก็ถึงโรงอาหารที่อยู่ใกล้คณะของผมแล้วครับ (เดินแปปเดียวจริง ๆ) คือ คณะของผมเนี่ยอยู่ติดกับคณะดังอย่างแพทย์ สถาปัตย์ รัฐศาสตร์ ทำให้คนในโรงอาหารนี่แน่นยิ่งกว่าบิ้กเมาท์เท่น จะว่าไปหลายคนที่เป็นเด็กใหม่นี่หน้าตาดูเด็กมากเลยแฮะ บางคนนี่ผมนึกว่ายังอยู่มอสี่มอห้าอยู่เลย ระหว่างเดินชมทั้งสิ่งปลูกสร้างและผู้คนไป พี่ทอยแกก็ชวนคุยเรื่อยเปื่อย เห็นพี่แกสวยขนาดนั้น ที่จริงรั่วกว่าที่คิดแฮะ คุยด้วยแล้วรู้สึกถูกชะตา อิอิ


“ไอโดม!!” คนที่ผมกำลังตามหาโบกมือมาแต่ไกล ผมพยักหน้าให้มันรู้ว่าเห็นแล้ว แล้วหันไปขอบคุณพี่ทอยที่อุตส่าห์เดินมาส่ง หลังจากได้ยินคำว่า ‘แล้วเจอกัน’ จากไปสาวสวยอย่างพี่ทอยปุ๊บ พี่แกก็ออกสปีดวิ่งราวกับวิญญาณอูเซ็นโบลท์เข้าสิงทันที (พี่แกต้องรีบไปรับเพื่อนคนอื่นต่อ)


“มึงมารอนานรึยังวะ” ผมถามไอมิกซ์ที่นั่งรออยู่กับเพื่อนคณะอื่น


“สักพักแล้วแหละ นั่งคุยกับพวกนี้อยู่” มันผายมือไปทางเพื่อนร่วมโต๊ะ ซึ่งกำลังฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้ผม “เออ นี่วินนะ เด็กถาปัตย์ คนนี้ต้า เด็กรัดสาด” ได้สนิทกับรุ่นพี่ด้วยแฮะ “จริง ๆ ต้าเป็นเด็กซิ่วนะ แต่ไม่ต้องเรียกมันว่าพี่ก็ได้ มันไม่ถือ” ผมหันไปยิ้มให้กับทั้งสองคนบ้าง


“เราโดมนะ เรียนนวัตกรรมเหมือนไอมิกซ์นี่แหละ” ผมกล่าวทักทายอย่างเป็นมิตร


“เด็กนวัตกรรมนี่หน้าตาดีทุกคนเลยว่ะ” ชายใส่แว่นพูดขึ้น เดาว่าน่าจะเป็นต้า


“แน่นอนอยู่แล้ว” ไอมิกซ์พูดแล้วยักไหล่ให้ “แล้วนี่มึงจะยืนทำเห้ไร นั่งดิ” เออ ผมจะยืนทำไมวะ ผมนั่งลงข้างมิกซ์ที่มันจัดการวางกระเป๋าจองที่ไว้ให้


เราทั้งสี่คนนั่งคุยเล่นกันไปเรื่อยเปื่อย สักพักก็ได้ยินเสียงประกาศจากรุ่นพี่คณะผมให้น้องใหม่นวัตกรรมทุกคนรวมตัวกันสักที่ ผมและไอมิกซ์เลยขอตัวแยกออกมาก่อน ไม่วายจะแลกไลน์แลกเฟซบุ๊กไอวิน ไอต้า (สนิทกันแล้วครับ ฮี่ฮี่) ไว้ติดต่อหรือไปไหนมาไหนด้วยกัน


ผมกับไอมิกซ์รีบวิ่งมาที่ทางเดินระหว่างตึกคณะและโรงอาหาร มองไปก็เห็นแถวอันน้อยนิดที่มีรุ่นพี่คนนึงถือป้ายที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า “นวัตกรรม” ผมกับไอมิกซ์เลยเดินเข้าไปร่วมแถวกับเพื่อนคนอื่น ๆ จะว่าไปคณะผมคนสอบเข้ามาน้อยเหมือนกันนะครับ จากที่ดูตอนนี้มีไม่ถึงห้าสิบคนด้วยซ้ำ แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ทำความรู้จักกันอย่างทั่วถึง


“น้องสองคนหลังมาต่อแถวหน้าเลย” พี่ผู้ชายที่แต่งคอสเพลย์เป็นบรูโนมาร์ได้โคตรเหมือน (ด้วยความที่พี่แกผิวเข้มแล้วยังหัวฟูอีก เหมือนจนไม่รู้จะพูดยังไงให้เชื่อแล้ว) ผมกับไอมิกซ์ที่รู้ตัวว่าเป็นคนที่ถูกกล่าวถึงเลยรีบเดินไปต่อแถวข้างหน้าทันที


มองไปรอบ ๆ นอกจากเด็กที่เข้ามาใหม่จะมีน้อยแล้ว รุ่นพี่ในคณะก็น้อยตามไปด้วย ด้วยความที่คณะผมมันเรียนแค่สองพี่ บวกกับมันรุ่นพี่หลายคนที่ซิ่วไปเรียนคณะอื่น (รู้จากพี่ทอย) เลยทำให้รุ่นพี่ในคณะเหลืออยู่เกินครึ่งของน้องใหม่มาไม่มาก แต่หน้าตารุ่นพี่แต่ละคนที่ดูใจดีทุกคนครับ ไม่ดุเหมือนพี่ว้าก หรือไม่น่ารำคาญแต่อย่างใด (หน้าตาน่ารำคาญเป็นไงวะ)


“สวัสดีครับน้อง ๆ” พี่บรูโนคนเดิมตะโกนเสียงดังออกมา “ได้ยินเสียงพี่มั้ย”


“ได้ยินค่ะ/ได้ยินครับ” ทุกคนตอบพร้อมกันเหมือนกำลังฝึกรด.


“เห้ย ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ พี่ไม่ดุ” พี่แกพูดพลางถอดแว่นตาสีดำที่สวมอยู่ออกมา เออ ยิ่งถอดยิ่งเหมือนบรูโนมากขึ้น “พี่ชื่อบรูโนนะ อยู่ปีสอง เอกนวัตกรรมสื่อสารมวลชน” อ้าว อีเห้ พีคมาก พี่แกดันชื่อบรูโนจริง ๆ ว่ะ ผมกับไอมิกซ์นี่หันมาหัวเราะเงียบ ๆ สองคน


“ก็รอบ ๆ นี้ที่ยืนอยู่ไม่ใช่รุ่นพี่นะ แต่เป็นเซอร์ไวเวอร์” น้องใหม่ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน ทำเอาพี่ที่ยืนล้อมวงอยู่อายเลย “ล้อเล่น รุ่นพี่พวกแกนั่นแหละ บ้าบอทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครดุเหมือนหมาหรอก” พอพี่แกพูดด้วยคำที่ดูกันเองหน่อย ทำให้พวกผมเกร็งน้อยลง “นั่งเครียดทำไมวะ น่าเบื่อ มาเต้นกันดีกว่า” พูดจบทุกคนก็ลุกขึ้นพร้อมออกสเต็ปโชว์ทันที


คณะนี้มันคณะรวมคนบ้าชัด ๆ


ทุกคนในคณะสนิทกันเร็วมาก ทั้งระหว่างเพื่อนในรุ่นกันเองและระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง รุ่นพี่บางคนเต้นซะเหมือนไม่ได้เต้นมานาน น้องใหม่ก็ไม่น้อยหน้า ไม่ต้องคนอื่นไกลหรอกครับ ไอมิกซ์นี่แหละ ลีลาเด็ดมาก ผมเชื่อแล้วว่ามันเด็กกิจกรรมจริง ๆ


“อินโนจ๋า~ หันมามองทางนี้หน่อย วิดวะคนนี้แอบมองเธอมานานแล้ว~” เสียงแซวตามด้วยเสียงฮิ้วจากคนกลุ่มหนึ่งดังมาจนพวกเราทั้งคณะต้องหันตามไปมอง “วิดวะมาหา เพราะเห็นว่าอินโนน่ารัก~” เสียงพี่แกนนำของคณะวิศวะดังชัดเจนมาก พี่แกพูดจบตามมาด้วยเสียงฮิ้วของน้องใหม่ในคณะ หนึ่งในนั้นก็มีไอเฟิร์สด้วยครับ แต่ผมยังมองไม่เห็นมันเลย


“วันนี้วิดวะจะมาขอให้อินโนช่วยอะไรหน่อยได้มั้ย” พี่คนเดิมพูดแซวด้วยน้ำเสียงทะเล้นน่าหมั้นไส้สุด พี่บรูโนที่ยืนอยู่หน้าสุดก็ไม่ยอมให้เพื่อนต่างคณะมาทำอะไรน้องใหม่ง่าย ๆ


“ขออะไรวะ” พี่บรูโนตะโกนไป สักพักก็มีใครสักคนเดินออกมาจากดงวิศวะออกมาข้างหน้า และกำลังเดินเข้ามาในกลุ่มคณะนวัตกรรมของผม ไม่รู้ทำไม ผมคิดไปเองรึเปล่าว่า มันกำลังเดินมาทางผมกับไอมิกซ์


“เห้ยจะทำอะไรน้องคณะกู” พี่บรูโนตะโกนถามไป แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก เพราะรู้อยู่แล้วว่าเค้าเล่น ๆ กัน (พี่แกเล่าว่าจะมีการแซวกันไปเรื่อย ๆ ตามคณะที่เราอยากไปครับ ซึ่งเดี๋ยวเราก็มีไปแซวคนอื่นเหมือนกัน) เรื่องนั้นช่างเหอะ ว่าแต่ไอคนที่ยืนตรงหน้าผมแล้วนั่งคุกเข่าลงช้า ๆ นี่ ผมว่าทำไมคุ้น ๆ จังเลยวะ


“อินโนเป็นเมียวิดวะนะครับ” ไอคนที่นั่งคุกเข่าถอดหน้ากากออกแล้วหยิบมือผมขึ้นมาจุ๊บมือ ไอเหี้ยเฟิร์ส มึงเล่นเหี้ยอะไรของมึงวะ มันพูดจบฝั่งวิดวะก็ร้องฮิ้วส่งเสียงเชียร์ออกมาเสียงดังลั่น ตามด้วยเสียงกรี๊ดจากคนที่ชื่นชอบในฉากหวานสวีทนี้ ไอเห้ อ้วกจะแตก


“เล่นเหี้ยอะไรมึงเนี่ย” ผมถามไอเฟิร์สทั้ง ๆ ที่ยังกลั้นขำอยู่


“อินโนตอบผมสิครับ ว่าจะยอมเป็นเมียวิดวะรึเปล่า” มันไม่ตอบ สมบทบาทนะมึง


“หน้าตาไม่ดี อย่ามาขอเป็นแฟน” ผมตอบกลับไป คนทั้งคณะได้ใจร้องโฮออกมาพร้อมกัน ไอเฟิร์สยิ้มแล้วรีบเดินกลับไปที่คณะตัวเอง เสียงโห่ดังมาจากทั้งสองฝ่าย ก่อนที่ทุกคนจะขำออกมาพร้อมกันอย่างสนุกสนาน


“น้อง ๆ ครับ อินโนใจร้ายกับเราทุกปีเลยครับ” พี่แกนนำฝั่งวิศวะหันไปพูดกับน้อง เสียงร้องไห้แบบปลอม ๆ ดังมาจากอีกฝั่ง โอ้โห ปลอมมาก หน้าไอเฟิร์ส ปลอมชิบหาย


“น้อง ๆ ครับ วิดวะมาตามตื๊อทุกปีเลยครับ แต่นกทุกปี” พี่บรูโนพูดขึ้นตามด้วยเสียงโห่ของผมและเพื่อน ๆ ในคณะโห่ออกมาพร้อมกัน “กลับบ้านเหอะ” พี่บรูโนจัดการไล่อีกฝ่ายไป


“แล้วจะมาใหม่นะ” พี่แกนนำพูดจบก็เดินนำทัพน้องในคณะตามไปทันที ผมชูนิ้วกลางให้เพื่อนสนิทที่เมื่อครู่อินกับการแซวของคณะตัวเองมาก


“พวกวิดวะแม่งบ้า” พี่บรูโนพูดขึ้นทำให้น้องใหม่ที่นั่งอยู่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา กลายเป็นว่าทุกคนลืมความร้อนและความเหนื่อยไปเลย “แต่พวกนี้มันมาแซวเล่นเฉย ๆ นะ แซวกันสนุก ๆ ไม่ต้องซีเรียส เค้าเล่นแซวโต้กันมาหลายปีได้ละ” พี่บรูโนอธิบาย


ผม ไอมิกซ์ และเพื่อนใหม่ในคณะก็นั่งคุยกันสนุกสนาน ตอนนี้เป็นเวลาพักครับ นั่งพักเหนื่อยแล้วก็พักกินขนม เรายังคงนั่งคุยกันเรื่องการแซวของวิดวะเมื่อครู่ หลายคนต่างกรูกันเข้ามาถามว่าคนที่เข้ามาคุกเข่าข้างหน้าผมเมื่อครู่คือใคร ทั้งเพื่อนในรุ่น หรือรุ่นพี่ต่างก็สงสัยว่าเด็กคนนั้นคือใคร ทำไมหน้าตาดี (อ้วกจะแตก) ผมก็อธิบายไปว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมานานแล้ว ไม่มีทางได้กันหรอก เพราะมันมีแฟนแล้ว (พี่ชายแฟนมันหล่อมาก)


พวกเรานั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย สนุกสนาน เฮฮา สายตาผมก็สะดุดไปที่ชายสองคนในชุดสีขาวกางเกงสีดำ ทั้งคู่แต่งตัวเหมือนกัน ซึ่งผมเดาว่าน่าจะมาจากคณะเดียวกัน แว่นตากันแดดสีดำปกปิดสายตาทำให้เดายากว่าเป็นใคร ทั้งสองกำลังจ้องมองมาที่ผมและกำลังเดินเข้ามาใกล้ซุ้มคณะนวัตกรรมของผมขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเข้ามาใกล้ ทำให้ผมเห็นชัดว่าชายคนนั้นเป็นใคร


“สวัสดีครับน้อง ๆ” ชายคนแรก คนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ไอกาย มันถอดแว่นตาดำออกแล้วกล่าวทักทายอย่างเป็นมิตร เหอะ การแสดงถ้ามันเฟค คนดูเค้าดูออก


“พวกพี่ตัวแทนจากคณะรัฐศาสตร์นะครับ เป็นไงบ้าง งานวันแรกพบสนุกมั้ย” เหอะ ทำไมเห็นหน้าแม่งแล้วผมรู้สึกไม่สนุกเลยวะ


“น้องเสื้อเหลืองน่ะ รู้สึกยังไงบ้างครับกับกิจกรรมวันนี้” แล้วทำไมต้องเป็นกูวะ ผมเงียบไม่ตอบโต้อะไรมันมาก แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าไม่อยากคุย


“อ้าวไอโดม ตอบพี่เค้าสิ นั่งเงียบทำไมวะ” พี่บรูโนที่ยืนมองอยู่ตะโกนบอกผม


“สนุกหมดครับ จนมาถึงตอนนี้”


“ตอนนี้ทำไมหรอ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เลย นี่แม่งไม่รู้หรอวะว่าผมรำคาญมากแค่ไหน


“ตอนมาเจอพี่อะครับ” ทุกคนอึ้งกับคำพูดผม โดยเฉพาะรุ่นพี่ในคณะที่อึ้งกับคำพูดและท่าทางของผมมากพอสมคสร แต่ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก เพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ มันกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่คนที่มาด้วยกระซิบพูดอะไรสักอย่าง เหมือนให้มันเลิกสนใจผมไปก่อนแล้วไปพูดคุยกับน้องคนอื่นแทน


“ไอโดม”


“อะไรวะ” ไอมิกซ์เขยิบตัวเข้ามาใกล้พร้อมก้มหัวลง รู้เลย จะนินทาคนแน่ ๆ


“พี่ที่มากับพี่กายอะ” อะไรของมันวะ เออ ว่าแต่มันเคยเห็นหน้าไอกายหรอวะ


“ทำไมวะ”


“พี่เค้าแม่งคือคนที่จอดรถขอซื้อเราเมื่อวันก่อนเว้ย” เชี่ย พีคมาก คือวันนั้นผมจำอะไรมากไม่ได้ เพราะกำลังงงกับสิ่งที่คนในรถพูด แต่ไอมิกซ์กลับจำได้แม่นเชียว “ตอนแรกกูนึกว่าแค่หน้าเหมือน สรุปคือใช่ว่ะ หน้าตาแบบนี้ แม่งกูก็ว่าทำไมมันจ้องกูกับมึงตั้งแต่เดินเข้ามาละ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเห็นหน้าพี่อีกคนที่ยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรก็พยายามระลึกถึงเรื่องคืนนั้นแต่ก็จำไม่ได้


“เชี่ยทำไงดีวะ คณะใกล้กันขนาดนี้ เจอกันบ่อยแน่นอน”


“อยู่ห่าง ๆ แม่งไว้ดีที่สุด น่ากลัวชิบหาย” ไอมิกซ์พูดแล้วกลอกตามองรุ่นพี่คนนั้น


“น้องโดมครับ พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ” ไอกายที่กำลังจ้องมองมาทางพวกผมพูดขึ้น โดยมีพี่บรูโนคอยส่งซิกให้ผมลุกตามไป เพราะไม่อยากให้มีปัญหากับพวกแม่ง อะไรนักหนาวะ ผมกับไอมิกซ์ลุกขึ้นพร้อมกัน ผมอยากให้ไอมิกซ์ไปด้วยเพราะเอาไปเป็นไม้กันหมาครับ


“เห้ย!! ไม่ต้องตามไป มึงมากับกู” รุ่นพี่คนนั้นพูดแล้วเดินมาลากไอมิกซ์ไปทันที


ไอกายเดินนำออกมาก่อน ผมเดินตามออกไปช้า ๆ พยายามรักษาช่องว่างระหว่างผมกับมันไว้ ยังไงการที่ผมต้องมาสนทนาพาทีกับคนที่ผมเกลียดมันก็น่ารำคาญอยู่ดี


“มีอะไร” ผมถามด้วยน้ำเสียงห้วน ไม่มีความเต็มใจแต่อย่างใด


“พี่ดีใจนะที่เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง” มันพูดแล้วพยายามจะหยิบมือผมไปจับ แต่ผมรู้ทันรีบเอามือกอดอกทันที


“แต่กูรู้สึกเหี้ยมากที่ได้มาเจอมึงอีกครั้ง”


“พี่ต้องทำยังไง เราถึงจะหายโกรธพี่” มันถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ไปตาย” ผมตอบโดยไม่ได้คิดอะไร “หรือถ้าไม่อยากตายก็ไปให้พ้น ๆ หน้าได้ป่ะ รำคาญชิบหายเวลาเห็นหน้ามึงเนี่ย” ผมพูดย้ำออกไปว่าไม่อยากจะอยู่ในวงจรชีวิตของคนตรงข้ามมากขนาดไหน แค่พูดยังรู้สึกอึดอัดเลย


“ต้องให้พี่ใช้ไม้ตายหรอ” มันเริ่มหมดความอดทน เดินเขยิบเข้ามาใกล้ผมเรื่อย ๆ ผมก็ยิ่งถอยห่าง อะไรวะเนี่ย น่ากลัวชิบหาย


“ไม้ตายเหี้ยอะไรมึง ออกไป กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึงแล้ว จะกลับซุ้มคณะ” ผมพยายามเดินหลีกออกไปจากตัวไอกาย แต่ไม่วายกลับถูกมันล็อกตัวแล้วสวมกอดทันที สาบานเลยว่าผมไม่เคยรู้สึกอึดอัดและขยะแขยงขนาดนี้มาก่อน


“ไอเหี้ย!! ปล่อย!!” ผมพยายามดิ้นแต่ก็สู้แรงล็อกของมือมันไม่ได้


“กอดของเรายังอุ่นเหมือนเดิมเลยนะ คิดถึงจังเลย” พูดจบมันก็ก้มลงมาหอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่ อี๋ หยะแหยงมากอะ ผมพยายามดิ้นอย่างสุดแรง จนสุดท้ายทนไม่ไหวกัดแขนมันไปทีนึง “โอ๊ย กัดพี่ทำไมเนี่ย” ไม่พอผมยังชกมันอีกหนึ่งที


“มึงนี่แม่งเหี้ยเสมอต้นเสมอปลายจริงว่ะ กูขอร้องเหอะ เลิกยุ่งกับกูเหอะ กูแสดงออกชัดเจนขนาดนี้แล้ว มึงไม่รู้หรอวะว่ากูรู้สึกยังไง”


“มีอะไรรึเปล่า” พี่บรูโนเดินเข้ามาช่วยตัดบทสนทนาของเราสองคน ผมว่าผมเดินหนีมาคุยกับไอเหี้ยกายไกลเหมือนกันนะ แต่พี่บรูโนแกก็ยังตามหาจนเจอ สุดยอดจริง ๆ


“ไม่มีอะไรหรอกพี่ กลับซุ้มคณะเหอะ ผมอยากเต้นละ” ผมเดินหลีกไปทางรุ่นพี่ในคณะแล้วรีบชวนเดินกลับไปที่ซุ้มคณะทันที


“กูไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก ยังไงครั้งหนึ่งมึงเคยชอบกู กูจะทำให้มึงกลับมารักกูให้ได้” มันตะโกนตามหลังมา ละครชิบหาย เกลียดฝังใจขนาดนี้จะให้กลับไปชอบก็บ้าละ


“มีปัญหาอะไรกับไอกายมันหรอ” พี่บรูโนถามผมด้วยความสงสัย เห็นพี่แกมองมาอย่างงง ๆ ตั้งแต่ตอนที่ไอกายเดินมาตอนแรกละ


“ผมเคยมีปัญหากับมัน เอ่อ… กับพี่เค้าตอนมัธยมน่ะครับ” ผมไม่อยากเล่าอะไรมาก เพราะเดี๋ยวจะยิ่งยาวเข้าไปอีก


“มีอะไรบอกกูก็แล้วกัน จะได้ช่วยกันมันให้ เออ แล้วคู่ซี้มึงไปไหนอะ” พี่บรูโนตามหาไอมิกซ์ที่หายไปกับรุ่นพี่อีกคนที่เราเคยเจอมาก่อน จะว่าไปสรรพนามระหว่างผมกับพี่บรูโนเริ่มเปลี่ยนแล้วแหละครับ เพราะเริ่มสนิทกันมากขึ้น


“ผมอยู่นี่” มันเดินออกมาจากหลังต้นไม้ มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครเลยเข้ามาร่วมเดินด้วย


“มึงอีกคน ไปมีปัญหาอะไรกับไอท็อปวะ” ไอท็อปที่ว่านั่นคือพี่ผู้ชายที่เดินมาพร้อมไอกาย คนที่เคยจอดรถเพื่อมาขอซื้อบริการจากพวกผมนั่นแหละ


“เปล่าเลยพี่ มันต่างหากที่น่าจะมีปัญหากับผม” มันหันไปอธิบายให้พี่บรูโนฟัง พี่แกก็เออออตามไปไม่ได้ถามความต่อ “มึง แต่มันแม่งโรคจิตชัด ๆ เมื่อกี้มันเกือบลากกูไปมีอะไรกับมันแล้ว ดีที่กูไหวตัวทัน รีบวิ่งหนีมันออกมา” คือ ไอมิกซ์มันเป็นคนร่างกายกำยำอยู่พอสมควรครับ พอดีกับรุ่นพี่คนนั้นที่หุ่นก็ไม่ใช่ร่างบางเท่าไหร่ การที่พี่แกจะฉุดลากไอมิกซ์ไปข่มขืนเนี่ย คงทำได้ยากอยู่ครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นเจ็บตัวซะเปล่า


“แล้วมันอยากถึงขนาดลากมึงไปเลยหรอวะ” ผมถามต่อ


“ไม่รู้แม่งดิ อาจเป็นเพราะกูกวนตีนมันด้วยมั้ง” มันพูดน้ำเสียงอ่อนลง


“กวนตีนว่า”


“วันนั้นซื้อกูไม่ได้ ถึงขนาดมาตามซื้อที่มหาลัยเลยหรอวะ” เอ้า ไอนี่ ปากพาซวยมั้ยละมึง


“เออ สมน้ำหน้า มันไม่ทุบหัวมึงก็ดีแค่ไหนละ”


“พี่โน่ ไอกายกับไอท็อปนี่มันเป็นคนยังไงหรอ” ไอมิกซ์หันไปถามพี่บรูโนที่เงียบมานาน เหมือนตัวเองเป็นตัวประกอบในฉากนี้


“ไอกายกับไอท็อปมันเป็นเพื่อนสนิทอยู่กลุ่มเดียวกัน แต่สองคนนี้จะสนิทกันมากหน่อย ไอกายมันก็เป็นคนที่ครบในระดับนึงอะ หล่อ บ้านรวย เรียนเก่ง ส่วนไอท็อปนี่แม่งโคตรเพลย์บอย ใคร ๆ ก็รู้ แม่งเปลี่ยนคนควงไม่ซ้ำหน้า เคยมีเพื่อนรุ่นเดียวกับกูโดนรุบกระทืบด้วย อารมณ์ประมาณเมียหลวงหึงเมียน้อย” โดนรุมกระทืบเลยหรอวะ “มึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมโดนรุมกระทืบ ไอท็อปมันนิยมแบบชายรักชาย เด็กหน้าตาดี หล่อ ๆ แบบพวกมึงเนี่ยสเป็กมันเลย ชื่อเสียงมันดังไปทั่วมหาลัยเลยนะเว้ย ไอกายที่เป็นเพื่อนก็พลอยโดนเหมารวมไปด้วยว่าเจ้าชู้ แต่กูยังไม่เคยเห็นมันควงใครเลยสักคนว่ะ” อาจจะมีแต่ไม่เปิดเผยก็ได้ครับพี่บรูโน หึ


“โห แล้วถ้ามันตามมารังควานพวกผม ทำไงอะพี่” ไอมิกซ์ถามอย่างกลัว ๆ


“มึงไม่ต้องห่วง ในมหาลัยพวกกลุ่มชายฉกรรจ์จะช่วยดูแลพวกมึงเอง พวกแม่งไม่ถูกกับสองคนนั้นอะ แต่นอกมหาลัยก็ ช่วยไม่ได้อะ ดูแลตัวเองละกัน” กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ว่าคือรุ่นพี่ในคณะผมครับ แต่ละคนนี่ร่างกายบึกบึน กล้ามแขน กล้ามขาเป็นมัด ไม่รู้ว่าถ้าโดนต่อ จะน่วมไปกี่วัน


“แล้วมึงอะ ไปทำอะไรกับรักแรกมึงอะ” ไอเหี้ย มึงจะพูดออกมาทำไมวะ


“รักแรก? นี่มึงเคยเป็นแฟนกับไอกายหรอวะ” พี่บรูโน พี่จะมาสงสัยอะไรตอนนี้มิได้


“แค่เกือบ ช่างเหอะ มันก็เรียกกูไปคุยเฉย ๆ ไม่มีอะไร” ไม่มีอะไรได้ไงล่ะ เวลาคุยกันทีไรก็ทะเลาะกันทุกที เทวดาฟ้าดินโปรดเห็นใจผมเถอะ อย่าให้ผมได้เจอมันบ่อย ๆ เหอะ แค่นี้ก็เหม็นขี้หน้าจะตายห่าอยู่ละ ดวงซวยอะไรเบอร์นี้วะ


“แต่พวกมึงสองคนเตรียมรับมือแล้วกัน” อะไรของพี่บรูโนแกอีกวะ “เพราะรัฐศาสตร์เรียนตึกเดียวกับเรา” อ่าว ไอชิบหาย นี่กลายเป็นว่า


“แสดงว่าพวกผมอาจจะเจอหน้าพวกมัน…เอ่อ พวกพี่เค้าสองคนทุกวันอะดิ” ผมถามย้ำอีกครั้ง แค่ถามยังขนลุกซู่เลย


“จะเรียกพวกมันก็เรียกเหอะ กูไม่ถือ” รักพี่บรูโนจริง ๆ “ทำใจยากว่ะน้อง เรื่องจริงทั้งเพนิ” นี่เท่ากับว่าสองปีที่ผมจะอยู่ที่นี่ แม่งต้องประสาทแดกทุกวันอะดิ โอ้ ไอชิบหาย


“ช่างแม่งเหอะ ยังไงพวกกูช่วยดูแลพวกมึงอยู่ละ พวกมันจะทำอะไรมึงบอกกูได้ เดี๋ยวกูจัดการให้” พี่คณะผมน่ารักที่สุดเลย อิอิ “กลับซุ้มได้แล้วไป จะเริ่มกิจกรรมต่อไปละ”

ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เราทั้งสามคนรีบเดินกลับมาที่ซุ้มกิจกรรมของคณะ ระหว่างนั้นก็มีรุ่นพี่จากชมรมละกลุ่มต่าง ๆ ในมหาลัย ได้เดินมาเวียนให้ข้อมูลและร่วมสนุกกับเพื่อนในคณะ บางคนก็เต้นอย่างเมามันไม่มีคำว่าเหนื่อยอยู่ในตัวบ้างเลยหรอวะ


“อ้าว นั่นไงมาแล้ว” มาแล้วอะไรวะ เรื่องอะไรอีกวะเนี่ย


“สวัสดีจ้าน้องสุดหล่อ จำพี่ได้ป่าว” หน้าตาพี่แกดูคุ้น ๆ ผมพยายามโฟกัสหน้าพี่แกภายใต้เครื่องประดับพะรุงพะรังบนใบหน้าและเรือนร่าง ผมว่าผมนึกออกแล้ว


“พี่หมอ พี่อยู่ชมรมการละครหรอพี่” พี่หมอที่เจอเมื่อเช้านั่นเอง แต่งตัวซะจำไม่ได้เลย


“ใช่แล้ว เก่งมากเลย เดาถูกด้วย มาให้จุ๊บแก้มหนึ่งที” ไม่พูดอะไรพี่แกก็หอมแก้มผมไปเลยหนึ่งฟอด เดาถูกอะไรวะ เสื้อพี่ก็เขียนอยู่ว่าอยู่การละคร “น่ารักจังเยย มาถ่ายรูปกับพี่หน่อย” พี่แกลากไปถ่ายบูมเมอแรงด้วยกัน ผมก็ออกท่าทางไม่ให้ตัวเองดูนิ่งมากเกินไป


“ผมต้องเรียกพี่ว่าอะไรดีครับ”


“คิดชื่อให้แม่หน่อย ขอเก๋ ๆ” อยู่ดีก็กลายเป็นแม่ผมซะงั้น แต่ผมไม่ติดอะไรอยู่แล้ว ชอบ ฮ่าฮ่า ผมพยายามนึกชื่อแต่ก็นึกออกอยู่อย่างเดียว


“พี่หมอ…ตุ๊ด”


“กล้วยมากลูก งั้นหนูเรียกแม่ว่าพี่หมอตุ๊ดนะ” เอ้า ดันชอบซะงั้น


“อีนัท มึงช่วยทำมาหากินหน่อย เอาแต่เต๊าะเด็กอยู่นั่นแหละ” เสียงพี่ผู้หญิงในชมรมเดียวกันตะโกนข้ามฝั่งมาเรียกสติพี่หมอตุ๊ดที่ยังคงถ่ายสตอรี่อุ๋ง ๆ กับผมอยู่


“เดี๋ยวแม่ไปซุ้มคณะอื่นก่อนนะ ไว้เจอกัน” พูดจบคุณเธอก็เดินออกไปจากเต้นท์ทันที


จากนั้นก็มีรุ่นพี่จากหลากหลายคณะแวะเวียนเข้ามาร่วมสนุกกับคณะพวกผม บางคณะเห็นว่าคณะผมคนน้อยก็ช่วยทำนู่นทำนี่ เพื่อนร่วมสถาบันที่ดี หลายคณะมีเด็กหน้าตาดีเยอะมาก ผมล่ะอิจฉาจริง ๆ วนไปจนครบเกือบทุกคณะ ทุกคนก็เหนื่อยพอดี


เวลาเลยไปจนถึงบ่ายสาม รุ่นพี่พาพวกเราเข้าไปเยี่ยมตึกเรียนภายในคณะ ที่มีอยู่ไม่กี่ชั้น เป็นการพาทัวร์บวกกับทำให้พวกผมชิน เพราะพี่แกพาเดินทัวร์ตามตารางเรียนจริงของปีหนึ่ง ห้องไหนเรียนวิชาอะไร จนตอนนี้ผมจำได้บ้างแล้วครับ สุดท้ายเรามาจบที่ห้องประชุมรวมของคณะ ขนาดไม่ได้ใหญ่มากครับ เพราะแต่ละรุ่นคนก็ไม่ได้เยอะสักเท่าไหร่ พอทำกิจกรรมมาร้อน ๆ เหนื่อย ๆ มาเจอแอร์ในห้องประชุมนี่ รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย


“นี่ห้องประชุมนะเว้ย เวลานัดกันทำงานอะไรกันในรุ่นก็ทำกันที่นี่แหละ” พี่บรูโนอธิบาย “แต่กูไม่ได้พาพวกมึงมานั่งพักนะเว้ย ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรม” ผมเดาว่าคงเป็นเซอร์ไพรส์อะไรสักอย่าง ไม่ก็เปิดวิดีโออะไรให้ดูชัวร์ แต่ไม่ใช่ มันคือการ ‘จับพี่เทค’


“จะบอกว่า กิจกรรมพี่เทคเนี่ย ไม่ได้บังคับนะ คนไหนไม่อยากเล่น จับเสร็จก็บอกพี่ที่โต๊ะข้างหลังได้เลยว่าไม่อยากเล่น ไม่ต้องกลัว สิทธิ์ของพวกมึงว่าจะเล่นหรือไม่เล่น” พี่บรูโนอธิบาย แต่จากที่ผมดูทุกคนก็อยากเล่น ไม่มีใครปฏิเสธอยู่แล้ว


“เริ่มที่ตองเลยนะ” ตองคือเพื่อนร่วมรุ่นของผมครับ เธออยู่หน้าสุดเลยได้จับเป็นคนแรก ตองลุกขึ้นยืนแล้วล้วงเข้าไปในกล่องวงกลมที่มีลูกกลม ๆ อยู่ในนั้น ยังกะตรวจหวยอะ


“เรียนหนักปางตาย ขอรีไทร์ดีกว่า” เสียงหัวเราะดังมาจากทุกคน นี่แค่คนแรกก็ฮาแล้ว คนต่อไปจะขนาดนั้น แต่ระหว่างนี้พี่เทคจะไม่ปรากฎตัวครับ เพราะเราจะเฉลยพี่เทคอีกทีวันรับน้องคณะ แต่พี่เทคจะรู้ว่าน้องเทคตัวเองคือใคร ทุกคนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ตื่นเต้นกับคำใบ้พี่เทคที่แต่ละอันก็เกรียนเกิ๊น ผ่านไปแล้วผ่านไปเล่าจนมาถึงคิวของผม   


“ไอโดมนะครับ จะได้พี่คนไหนนะครับ” ผมล้วงเข้าไปหยิบมาลูกนึง คนไหนก็ได้แหละพี่ ผมได้หมดแหละ (พี่ทั้งคณะใจดีหมดครับ)


“Ooh~ I love that dress but you won’t need it anymore~” ผมอ่านออกมา นี่มันเพลงอะไรสักอย่าง คุ้น ๆ แต่ทุกคนกลับร้องมันออกมาต่อให้ “no you won’t need it anymore~ let’s just kiss ‘til we’re naked baby” อ๋อ จำได้ละ “Versace on the floor!” ทุกคนตะโกนท่อนคุ้นออกมาพร้อมกัน ไม่รู้ทำไมหน้าพี่บรูโนลอยเข้ามาเลย ผมเดินเอาฉลากไปที่โต๊ะข้างหลังห้องเพื่อให้รุ่นพี่ลงข้อมูลเก็บไว้ แปปเดียวก็กลับไปนั่งที่เดิม


“ของไอมิกซ์นะ เจ้าดอกไม้ตอนนี้เธอไปอยู่ไหน~” มาอีกคนละเนื้อเพลงเนี่ย เดายากจริง ทุกคนพร้อมใจกันประสานเสียงอีกครั้ง “ถ้าเธอจะให้ใครแล้วฉันจะอยู่อย่างไร ถ้าขอพรจากฟ้าข้อนึงได้ จะขอเธอกลับมาอย่าให้ไปรักใคร~” เสียงฮิ้วดังจนไอมิกซ์ที่ยืนอยู่เขินเลยครับ


“คนสุดท้ายนะครับ ต้อมครับ” คนที่นั่งอยู่ข้างหลังผมตอนนี้ลุกขึ้นออกไป เอาจริงมันเป็นอีกคนที่ผมรู้สึกกลัว เพราะร่างกายที่แสนบึกบึน มัดกล้ามแขนนั้นจะน่วมขนาดไหนถ้าโดนต่อย


“ต้อมครับ ทำไมถึงเป็นคนสุดท้ายครับ” เอ้า ก็มันนั่งคนสุดท้ายอะ ถามได้


“มาช้าครับ ผมขอโทษครับ ผมไปสอนมา” ห๊ะ ไปสอน? คืออะไรวะ


“พวกมึงครับ สวัสดีอาจารย์ต้อมหน่อยครับ สวัสดีครับ” โอ้มายก้อด เหลือเชื่อมาก คือหน้าตาอาจารย์แกเด็กมากจนผมไม่เชื่อว่าแกจะเป็นอาจารย์ ทุกคนส่งเสียงเชียร์วิดวิ้วกันใหญ่ เพราะอาจารย์ต้อม หรือที่พวกเราทุกคนเรียกว่าไอต้อม (ขอโทษนะครับ) ดันเป็นอาจารย์เนียน เนียนมาร่วมทำกิจกรรมกับเราด้วย เมื่อเช้าตอนเต้นกันนี่ ลีลาอาจารยแกไม่ธรรมดาเลยนะเว้ย ขอบอก เต้นซะลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นอาจารย์ ฮ่าฮ่า แต่ไม่มีใครสังเกตครับว่าอาจารย์แกหายไปในบางช่วงต้อมหายไป เพราะต้องรีบไปหานักศึกษาที่ตัวเองสอน ลืมบอกครับว่าเห็นแบบนี้อาจารย์จบปริญญาเอกแล้วนะครับ ด้วยวัยไม่ถึงสามสิบ แถมยังเป็นเด็กเกียรตินิยมอีก อาจารย์แกเลยเป็นที่ปรึกษาในการทำจุลนิพนธ์ของพี่ป.โทด้วย


“ต่อจากนี้ก็มีอะไรมาคุยกับผมได้ ไม่ต้องเรียกว่าอาจารย์ต้อมหรอก แก่อะ เรียกว่าพี่ต้อมก็ได้ แต่ไอต้อมนี่ไม่เอานะ อย่าเรียก กลัว” ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน ไม่น่าเชื่อว่าพวกรุ่นพี่จะเซอร์ไพรส์พวกเรามากถึงขนาดเอาอาจารย์มาร่วมเล่นกับพวกเราได้


“จากนี้ไปก็ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำกิจกรรมก็แล้วกัน สองปีนี่เร็วมากจริง ๆ นะ ยังไม่ทันทำอะไรเลย เรียนจบซะแล้ว ผมอยากให้พวกคุณเต็มที่กับชีวิตสองปีจากนี้ ยินดีต้อนรับครับ” อาจารย์แกอ้าแขนปุ๊บ พวกผมรู้งานทันที วิ่งกรูเข้าไปกอดเป็นกลุ่มใหญ่ ด้วยความที่คณะผมคนไม่เยอะครับ ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากที่ได้รับการต้อนรับแบบนี้


ยินดีต้อนรับตัวเองสู่รั้วมหาลัยอย่างเป็นทางการ
     

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อาจารย์มหาลัยไม่ได้แก่ทุกคน

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
จะรีเทิร์นกลับไปคบคนเก่า
หรือจะเริ่มต้นใหม่กับคนใหม่
อันไหนน่าจะดีกว่ากัน

กายหรือมิกซ์
คนไหนเป็นพระเอกอ่ะ..โดม

เสียดายน้องแดน
ไม่น่ารีบให้ไอ่พี่เฟิร์สกินเร็วเลย

ไม่งั้นจะขอสมัครเป็นน้องเขยของโดม
อิอิ

+1 ครับ คนแต่ง

ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ต่ออีกๆๆๆ รอๆๆๆ :mew3:

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จะรีเทิร์นกลับไปคบคนเก่า
หรือจะเริ่มต้นใหม่กับคนใหม่
อันไหนน่าจะดีกว่ากัน

กายหรือมิกซ์
คนไหนเป็นพระเอกอ่ะ..โดม

เสียดายน้องแดน
ไม่น่ารีบให้ไอ่พี่เฟิร์สกินเร็วเลย

ไม่งั้นจะขอสมัครเป็นน้องเขยของโดม
อิอิ

+1 ครับ คนแต่ง

โมเมนต์ต้องเลือกนี่ลำบากใจดีนะครับ แต่รอติดตามต่อไปนะครับ ว่าโดมเค้าจะเลือกใคร อิอิ บ้านแดนโดมเปิดรับสมัครน้องเขยน้องสะใภ้ตลอดเวลานะครับ อิอิ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ kryptonited

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กายโดม หรือว่า มิกซ์โดมอะ  :hao7: :hao7:
รีบมาต่อน้า ติดตามอยู่ อิอิ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบบบ  สนุกกกกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ไอ้พี่กาย ไม่เลิกราวีโดมแน่   :fire: :fire: :fire:
แต่เพราะอะไรกัน
เพราะยังชอบ  หรืออยากเอาชนะกันแน่  :hao3:
มิกซ์ ก็ถูกหมายหัวจากไอ้พี่ท้อป แบดบอยรัฐศาสตร์
แท็คทีมมาหาโดม มิกซ์กันเลย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อ.ต้อมเนียนดีจัง จะเนียนชอบปีหนึ่งมั้ยนะ
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 

ออฟไลน์ Pankwun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบบบบบบบ  สนุกกกกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ไอ้พี่กาย ไม่เลิกราวีโดมแน่   :fire: :fire: :fire:
แต่เพราะอะไรกัน
เพราะยังชอบ  หรืออยากเอาชนะกันแน่  :hao3:
มิกซ์ ก็ถูกหมายหัวจากไอ้พี่ท้อป แบดบอยรัฐศาสตร์
แท็คทีมมาหาโดม มิกซ์กันเลย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อ.ต้อมเนียนดีจัง จะเนียนชอบปีหนึ่งมั้ยนะ
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

เดี๋ยวอาจารย์ต้อมจะโผล่มาอยู่บ่อย ๆ ครับ อิอิ

อ้างถึง
สนุกดีนะคะ ชอบๆ :mew1:

ขอบคุณครับผม  :o8:

ออฟไลน์ menance01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บันทึกชีวิตนักศึกษาปีหนึ่ง
ตอนที่ 4
เปิดเทอมไม่เหมือนเดิม



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


“ไอโดม ตื่นได้แล้ว” เสียงคนที่คุ้นเคยปลุกให้ผมตื่นขึ้นมา แสงที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างทำให้ผมต้องหยีตา ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว แต่ก็พอจะรู้ได้ว่ามันเช้าแล้ว (แหงสิ แสงอาทิตย์แยงตาขนาดนี้) ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย

“คนเราแม่งก็ยังชิลได้เนาะ เร็ว ๆ สิโว้ย เจ็ดครึ่งแล้วโว้ย” เสียงน้องชายผมคนเดิมตะโกนเข้ามา ทำให้ผมเหมือนโดมกดปุ่มเพิ่มความเร็ว ชิบหายละ “นี่คือพวกมึงสองคนไม่นัดกันหรอวะ” ผมเดินออกไปข้างนอกเพื่อออกไปดื่มน้ำหน่อย เช้า ๆ แบบนี้ต้องดื่มน้ำสักแก้ว ออกจากห้องปุ๊บ ชิบหาย ครบองค์เลยเว้ย ไอเฟิร์สนั่งดูข่าว (ผู้ใหญ่ชิบหาย) ส่วนไอมิกซ์ก็นั่งดูอยู่ข้างกัน แต่มันกลับตั้งอกตั้งใจกับการเล่นรูบิกมาก (ของเล่นเพิ่มสมาธิครับผม บ้านผมมีเยอะ) ส่วนไอแดนก็ใส่ชุดนักเรียนเต็มชุด นี่คือพวกมึงทุกคนพร้อมจะออกแล้วสินะ

“ไม่ต้องรีบก็ได้เพื่อน แค่ตอนนี้เจ็ดครึ่งแล้ว” ไอเฟิร์สหันมา นี่มันกดดันกูชัด ๆ

“พวกมึงจะรีบไปไหนครับ มีเรียนตั้งเก้าโมง”

“ไปส่งกูไงครับ” เออ ลืมไปว่าไอแดนต้องไปโรงเรียน

“งั้นไอเฟิร์ส มึงไปส่งไอแดนก่อนก็ได้ เดี๋ยวมึงค่อยกลับมารับกู”

“เสียเวลาว่ะ มึงรีบไปอาบน้ำให้เสร็จไป” มันพูดปัดรีบไล่ให้ผมไปจัดการตัวเอง

“ยังไงก็คนละทางกับมหาลัยอยู่แล้วป่าววะ กูขอให้สิทธิ์เพื่อนสะใภ้ ไปส่งมันเดี๋ยวนี้ ถ้ามึงไม่ไป กูจะไม่ให้มึงได้เจอมันอีก!!” เกินเบอร์มาก หมายถึงตัวผมเนี่ย เกินเบอร์มาก ละครชิบหาย มันจิ๊ปากแล้วรีบลุกขึ้นเตรียมตัวไปส่งไอแดนทันที ใช้ไม้ตายนี้ได้ผลเสมอครับ อิอิ “มึงพาไอมิกซ์ไปนั่งรถเล่นด้วยละกัน ไอมิกซ์มึงไปกับมันนะ ไปนั่งรถเล่น นั่งรอกูเบื่อเปล่า ๆ” ผมจัดการไล่ให้ทุกคนลุกขึ้นแล้วรีบไปส่งน้องชายตัวดี ผมไม่กังวลว่ามิกซ์จะมีปัญหาอะไรหรอกครับ เพราะมันก็เข้ากับทั้งแดนแล้วก็ไอเฟิร์สได้ดี

“เย็นนี้มึงจะกลับยังไง จะให้ไอเฟิร์สไปรับ หรือจะนั่งบีทีเอสกลับมา”

“กลับเองก็ได้ กะว่าจะไปหาอะไรกินกับเพื่อนหน่อย”

“เออ มีอะไรโทรบอกกูละกัน” ผมโบกมือไล่มัน

หลังจากจัดการเชิญทุกคนลงไปปฏิบัติหน้าที่ ผมก็รีบเข้าไปจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ดิ ไม่ชอบให้ใครมานั่งรออะ กดดัน เมื่อกี้ตอนออกไปแล้วเจอพวกแม่งนั่งรอ แต่งตัวอะไรกันเสร็จแล้ว ยิ่งกดดัน ผมไม่เคยตื่นสายนะ แต่เมื่อคืนดูซีรียส์ดึกไปหน่อย ไม่ดึกดิ เกือบเช้า กลายเป็นว่าวันนี้ผมตื่นสายซะงั้น ผมว่าหลังจากนี้ผมคงต้องปรับเวลาเข้านอนของตัวเองแล้วแหละ

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็พอดีที่สองคนนั้นกลับมาพอดี ผมได้ยินเสียงเคาะประตูปุ๊บ ก็รีบเก็บของเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยวันแรก!! เครื่องแบบที่อุตส่าห์นั่งรถไปซื้อ วันนี้ก็ได้เอามาใส่จริง ๆ แล้ว จะว่าไปผมก็ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย (ขอหลงตัวเองนิดนึง) ผมฉีดน้ำหอมสองสามทีแล้วรีบวิ่งออกไปทันที เดี๋ยวไม่มีเวลากินข้าวครับ

ถึงเราจะได้รับความสะดวกสบายจากการโดยสารรถส่วนตัวของไอเฟิร์สไปมหาลัย แต่สถานการณ์บนท้องถนนแม่งไม่เป็นใจกับพวกเราเลยครับ นี่กรุงเทพเมืองรถติด จะเวลาไหนก็ติด โดยเฉพาะเวลาเร่งด่วนแบบนี้

จริง ๆ พวกผมก็ไม่มีใครรีบหรอกครับ เพราะวิชาแรกถึงจะเรียนเก้าโมงแต่ก็ยังพอเลทได้ (โกหกไปว่าหาห้องเรียนไม่เจอ) ส่วนไอเฟิร์สคนละคณะกัน พวกแม่งเรียนเก้าครึ่ง ช้ากว่าพวกผมหน่อย แต่แม่งเลิกเย็นมาก คือ เลิกช้ากว่าคณะพวกผมประมาณเกือบสองชั่วโมง (เลิกเกือบประมาณหกโมง) ผมว่าตารางพวกผมแน่นแล้วนะ แต่เจอพวกแม่งนี่ผมเงิบ เออ แต่จริง ๆ ตารางพวกผมก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้นนะ ด้วยความที่หลักสูตรมันเรียนแค่สองปี พวกผมเลยต้องเรียนเนื้อหาอัดแน่นมาก คือ คิดดูดิ เสาร์อาทิตย์พวกผมยังมีเรียนเลย เออ สรุปคณะผมชนะ ฮ่าฮ่า

“วันนี้พวกมึงเลิกกี่โมงอะ” ไอเฟิร์สถามสั้น ๆ มันคงหงุดหงิดกับรถติดแหละผมว่า

“ประมาณสี่โมงว่ะ”

“กูแม่งเลิกหกโมง เลทชิบหาย พวกมึงจะรอกลับพร้อมกูปะ”

“มึงจะไปไหนต่อมั้ยไอมิกซ์” ผมหันไปถามมันที่กำลังนั่งทำเอ็มวีอยู่ข้างหลัง

“กูนัดวาดรูปให้ไอแดนว่ะ”

“นี่สรุปกูหรือมึงวะที่เป็นผัวมัน” ไอเฟิร์สหันไปถามไอมิกซ์ แม่งฮาจริง กลายเป็นช่วงนี้ไอแดนแม่งติดไอมิกซ์มาก ชนิดที่ว่าชวนให้ไอมิกซ์มาที่ห้องทุกวัน ไอเฟิร์สรู้ดีครับ มันไม่ได้ว่าอะไร เพราะไอแดนก็บริสุทธิ์ใจ ไม่ได้แสดงท่าทีว่ามีใจให้มิกซ์หรือชอบมิกซ์เลย แต่ก็แอบมีหึงบ้าง ซึ่งเวลาที่ไอเฟิร์สหึงหรือหวงไอแดนนี่แหละ แม่งโคตรฮาเลย

“ระวังน้องกูมีผัวน้อยนะเว้ย” ผมจัดการแหย่มันไป หน้ามุ่ยเลย ฮ่าฮ่า

“เออ ว่าแต่ มึงนัดวาดรูปกับไอแดน แต่มันจะไปหาไรกินกับเพื่อนเนี่ยนะ” ผมพึ่งนึกได้ นี่ไม่ใช่ว่ามันนัดไอมิกซ์ไว้แล้วจะเทให้เพื่อนผมไปรอเก้อนะเว้ย ผมจัดการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาน้องชายทันที

“ฮัลโหลไอแดน”

“เรียนอยู่ ค่อยคุยได้มั้ยวะ”

“มึงนัดเพื่อนกูไว้ อย่าลืมนะเว้ย มึงเทมันไม่ได้”

“เออ กูจำได้”

“แล้วมึงจะไปหาไรกินกับเพื่อนต่อนี่คืออะไรวะ”

“เอ้า กว่าพวกมึงจะกลับก็อีกนานป่าววะ กูไปหาไรกินแปปเดียว ไม่ได้นอนค้างสักหน่อย”

“เออ ๆ ยังไงกูฝากซื้อขนมกลับมาด้วย ไม่เอาขนมเซเว่น อย่าลืม บาย” ผมกดวางสาย ปล่อยให้มันได้เรียนต่อ พึ่งนึกได้ว่ามันคงกำลังเรียนอยู่





หลังจากต่อสู้และอดทนกับสภาพการจราจรบนท้องถนนมานาน เราก็มาถึงมหาลัยกันโดยสวัสดิภาพ ไอเฟิร์สจอดรถแถวใกล้คณะผมครับ เพราะขากลับยังไงเราก็กลับพร้อมกัน มหาลัยผมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรขนาดนั้น ตึกเรียนผมไปคณะวิศวะก็ไม่ไกลมากขนาดนั้น มันบอกเดินแปปเดียวก็ถึง ผมกับไอมิกซ์รีบเดินนำไปที่โรงอาหารก่อนครับ เพราะคลาสแรกกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่นาน คงไม่มีเวลามานั่งเลือกแล้วครับว่าจะกินอะไร มีอะไรก็กินอะ ณ จุดนี้

“ผมเอาข้าวกะเพราปลาหมึกไข่ดาวจานนึง แล้วก็ข้าวผัดกุ้งจานนึงครับ” ผมจัดการสั่งให้ไอเฟิร์สเลยครับ จะได้ไม่เสียเวลา

“กะเพราปลาหมึกอีกจานนึงครับ” ไอมิกซ์สั่งตาม แหนะ ติดใจละเซ่ ร้านนี้ผมเคยกินอยู่ครับ ตอนมาวันแรกพบ อร่อยใช้ได้เลยครับ ดูสะอาดด้วย

ผมถือจานข้าวมาที่โต๊ะนั่งประจำของเรา พอดีกับที่ไอเฟิร์สเดินกลับมาจากการซื้อน้ำ พวกผมไม่มีเวลาจะอะไรมาก รีบนั่งลงแล้วกินข้าวอย่างรีบเร่ง

“ไหนบอกไม่รีบ” ไอเฟิร์สถาม

“ไม่รู้ว่ะ พอใกล้เวลาจริงแม่งกูรีบซะงั้น” กลายเป็นผมคนเดียวที่รีบ ไอมิกซ์ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่ามันรีบหรือใจร้อนอะไรแต่อย่างใด

“เชี่ย เดี๋ยวกูมา” จู่ ๆ ไอมิกซ์ก็ลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไป ไม่รู้แม่งเป็นอะไร นั่งกินอยู่ดี ๆ ก็วิ่งออกไปเลย สงสัยคงท้องเสียมั้ง ผมกับไอเฟิร์สก็นั่งกินต่อไม่ได้ซีเรียสอะไร

“ขอนั่งด้วยได้มั้ย” ใครบางคนเดินเข้ามาขอร่วมโต๊ะ ทำให้ผมกับไอเฟิร์สที่กำลังคุยกันอยู่ต้องมองตามไป เชี่ย ไอกาย ไอท็อป แม่งมาได้ไงวะ

“อ้าวพี่ นั่งก่อนดิ” ไอเฟิร์ส ไอเพื่อนทรยศ มึงจะชวนมันมานั่งทำไมวะ

“แล้วเพื่อนสุดหล่อของน้องไปไหนล่ะครับ หึ” ไอท็อปถามพร้อมแสยะยิ้ม ไอเหี้ย น่ากลัวจริงด้วย ผมยังจำวันนั้นได้อยู่เลย หน้าตาพี่แกก็แม่งดูหื่นชิบหาย

“มันไม่อยากเจอพวกมึงอะ กูก็เหมือนกัน” พี่แกก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร กลับยิ้มทำตัวปกติ ผมว่าผมต้องรีบออกจากที่ตรงนี้ ผมยกจานของไอมิกซ์และของผมรีบลุกขึ้นออกไปจากโต๊ะนี้ทันที บรรยากาศแม่งเหี้ยสุด ไอเฟิร์สดูงงนิดนึง แต่ก็ไม่ได้

“รีบไปไหนล่ะ” ไอกายเอามือมาจับแขนผมไว้ ไอเหี้ย ไม่ต้องมารั้งกู ออกไป

“ทำไมชอบวอแวจังวะ ปล่อย กูรีบ มีเรียนเช้า” ดีที่มันจับแค่หลวมมือ ผมจึงสะบัดออกมาได้ ผมรีบซอยเท้าออกจากโต๊ะนั้นทันที ไม่วายก็มีเสียงตะโกนตามมา


“ตั้งใจเรียนนะครับที่รัก”

เชี่ย...ชิบหายแล้วไงกู สะดุ้งเฮือกเลยตะกี้

ตอนนี้เกือบทุกสายตาของคนในโรงอาหาร ซึ่งเต็มไปด้วยนักศึกษาจากหลากหลายคณะ กำลังมองมาที่ไอกายสลับกับผม แค่เป็นไอกายปกติมันก็มีคนสนใจอยู่มากพอสมควรละ แต่นี่มันแม่งมาบอกรักใครก็ไม่รู้กลางโรงอาหารอีก ฮือ วินาทีที่น่าจดจำป่าววะ

“ยืนงงทำไมครับ คิดถึงเค้าหรอ” ไอเชี่ย มันพูดออกมายิ่งเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือว่า ที่มันกำลังทำอยู่แม่งพูดจริง ไม่ได้โกหกใด ๆ ทั้งสิ้น ผมไม่ได้หันหลังกลับไป ทำได้แค่รีบเดินออกไปจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด ฮือ การมากินข้าวที่โรงอาหารแม่งอันตราย ผมเดินมาอีกมุมหนึ่งของมหาลัยที่มีไอมิกซ์กำลังนั่งหลบอยู่ นี่แม่งกลัวถึงขนาดนั้นเลยหรอวะ

“เห้ยไอมิกซ์” ผมเดินเข้าไปสะกิดตัวมัน มันสะดุ้งโหยง

“ตกใจหมด”

“มึงจะหลบหน้าไอกายไอท็อป ทำไมมึงไม่บอกกูวะ” แม่งอยู่ ๆ ก็วิ่งออกไป ไม่พูดไม่จา

“กูเปล่าหลบหน้า”

“หรา แล้วมึงวิ่งออกไปทำไม”

“กูท้องเสีย” เหอะ โกหกไม่เนียนเลยนะมึงเนี่ย

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ช่างเหอะ นี่ข้าวมึง รีบกินเร็ว จะได้รีบไปเรียน”

ระหว่างผมกินข้าวผมก็เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างที่มันไม่อยู่ให้ฟัง นี่คือไอกายทำผมไม่อยากมาโรงอาหารไม่พอ ทำกูไม่กล้ากินข้าวโรงอาหารอีก แต่อย่างที่พี่บรูโนบอกแหละครับ ทำใจลำบากนิดนึง เพราะตึกเรียนแม่งตึกเดียวกัน





หลังกินข้าวเสร็จผมเลยฝากให้ไอมิกซ์เดินไปเก็บจาน เพราะผมไม่กล้าสู้หน้าประชาชนชาวมหาลัยได้ตอนนี้ ตอนแรกมันก็บ่ายเบี่ยง ไม่อยากไป แต่สุดท้ายก็กลายเป็นมันอยู่ดีที่ต้องไป

ผมกับไอมิกซ์รีบวิ่งไปที่คลาสอย่างเร่งรีบ ตอนนี้เราเลทมาได้ประมาณสิบนาทีกว่า ไม่ใช่ว่าพวกผมหาห้องไม่เจอหรือว่าอะหรอกครับ จะบ้าหรอ รุ่นพี่อุตส่าห์พาวนชมตึก แนะนำสถานที่นู่นนี่นั่น ถ้ายังจำไม่ได้ก็จะยังไงอยู่ แต่พวกผมดันมีปัญหานิดหน่อย เลยสายแบบนี้เนี่ย

“ขออนุญาตครับ” ผมพูดขออนุญาตคนที่อยู่หน้าห้อง มองไปก็มีอาจารย์คนนึงยืนอยู่หน้าชั้นเรียนกับเพื่อนร่วมคณะที่มองมาทางพวกเราสองคน ในใจพวกมันคงคิดว่าว่า อีพวกนี้แม่งมาสายตั้งแต่วันแรกเลยหรอวะ ผมรีบเดินเข้าไปเพื่อขออนุญาตอาจารย์อีกรอบ

“คุณเขินจนไม่กล้ามองหน้าผมกับเพื่อน ๆ เลยหรอครับ” เขินอะไรวะ ผมมองอาจารย์สลับไปมากับเพื่อนในห้อง “นี่คุณใช้วิธีไหนมัดใจเด็กรัฐศาสตร์หรอ บอกผมมามั่งซิ” นั่นไง แม้แต่อาจารย์ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมว่าผมได้ยินเสียงคิกคักดังมาจากเพื่อนในห้องฃ

“ผมกับเค้าไม่ได้เป็นอะไรกันครับ” ผมพูดตอบไปเบา ๆ ไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน

“หรอครับ เอาเถอะ เข้าไปนั่งไป วันนี้วันแรก ผมอนุโลมให้” ผมไหว้ขอบคุณอาจารย์คนนั้นแล้วรีบไปหาที่นั่งที่ว่างทันที

“เอาล่ะ ตอนนี้น่าจะครบกันหมดแล้ว งั้นเรามาเริ่มกันดีกว่า”

“แกแม่งโคตรโชคดีเลยว่ะ มีรุ่นพี่สุดหล่อมาจีบอะ อิจฉา” เสียงเพื่อนผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ ที่ตอนนี้กลับม้วนตัวไปมา ราวกับว่าเป็นเธอเองที่ถูกบอกชอบ เอาเลย ยกให้ ผมไม่ได้ตอบกลับอะไร ผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องร้อนตัว

“ผมชื่ออาจารย์แซมนะครับ อยู่บ้านนอกชื่อเกษม เข้ากรุงเทพชื่อแซม” ไอเห้ อาจารย์นี้แม่งเอาฮาอะไรขนาดนั้น “อย่างที่ทุกคนทราบกันดีนะครับว่า ชั่วโมงแรกวันนี้เป็นการพบปะอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่ง...” อาจารย์ที่ปรึกษาสินะ ดีอะ ตลก ชอบ “ผมไม่ได้เป็นที่ปรึกษาของพวกคุณ” อ้าว แล้วพูดทำไมวะจารย์ “เพราะผมไม่อยากครับ วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ” พูดจบแกก็เดินออกไปเลย ปล่อยให้นักศึกษากว่าร้อยชีวิตมองตามแกไปอย่างงง ๆ

“อาจารย์แกมาทำไมวะ” ไอมิกซ์ถามปนขำ

“ไม่รู้ กูก็งง” ผมมองตามไป อยากรู้ว่าอาจารย์แกจะทำอะไร แกเดินหายออกไปจากห้องสักพักหนึ่ง ระหว่างที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายออกไป แกก็วิ่งกลับเข้ามาใหม่

“นี่ไม่มีใครคิดจะมาหยุดผมหน่อยหรอ” เอ้า นี่คือเล่นมุขหรอวะ “โถ่ ไม่มีใครสนุกด้วยกับผมเลย ผมจริงจังก็ได้” สงสัยแกคงเหงาน่ะ “สวัสดีครับ ผมอาจารย์เกษมนะครับ สอนรายวิชาอารยธรรมโลก เรียกผมว่าอะไรก็ได้ครับ เพราะผมรู้ว่าหลังไมค์คุณก็แอบเรียกผมว่า ‘ไอแซม’ อยู่ดี” ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน เชี่ย รู้ทันเด็กด้วยเว้ยเฮ้ย

“ผมไม่ใช่ที่ปรึกษาพวกคุณหรอก ที่ปรึกษาของพวกคุณ คือ อาจารย์ต้อมนะครับ วันนี้อาจารย์แกติดธุระ มาไม่ได้ ผมเลยมาแทนครับ” อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง

“ไอต้อม เอ๊ย อาจารย์ต้อมไปไหนหรอครับ” เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งถามไป พวกเราทุกคนเรียกจนติดปากอะ วันนั้นอาจารย์แกเล่นตีเนียนเป็นน้องใหม่นี่นา พวกผมก็ทำความรู้จักไว้ ไม่รู้ว่าเป็นอาจารย์ คืออาจารย์แกเล่นเนียนอะ แล้วหน้าก็เด็กด้วย พวกผมทุกคนเชื่อหมดอะ

“อาจารย์ต้อมติดดูงานที่รัสเซียครับ กลับมาน่าจะประมาณวันจันทร์หน้า วันนี้ผมเลยมาแทนในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาชั่วคราว เดี๋ยวผมจะแจ้งรายละเอียดก่อนนะครับ”

“อาจารย์...ไม่เอาแบบนี้ได้มั้ย จริงจังไป ผมกลัว” นักศึกษาที่นั่งข้างหน้าผมพูดออกไป

“โอเค งั้นวันนี้กูจะมาพูดรายละเอียดที่พวกมึงต้องทำ โอเคมั้ยสาส” ทำเอาเพื่อนคนตรงหน้าผมเงิบไปเลย เชื่อแล้วว่าอาจารย์แกกวนจริง

“ล้อเล่น...เดี๋ยวจะบอกว่าพวกเธอต้องทำอะไรบ้างนะ เรื่องแรก มาเรียน แน่นอน มามหาลัย จ่ายเงิน จ่ายค่าเทอมแล้ว มาเรียนด้วย เข้าเรียนไม่ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ส่งไทร์ครับ” โหดเหมือนกันนะเนี่ย

“คาบแรกเรียนเก้าโมง รู้ว่ามันเช้าเกินไป ในหัวพวกเธอบางคนเริ่มคิดแล้วใช่มั้ยว่าจะฝากเพื่อนมาเช็คชื่อให้ โนวๆๆๆ อย่าดูถูกคณะนวัตกรรมจ่ะ เราเช็คชื่อผ่านทางแอพลิเคชั่น Inno-Check-In/Out ซึ่งพวกเธอต้องมาถ่าย QR CODE ในห้องเรียนทุกคาบ” ล้ำสมกับเป็นคณะนวัตกรรมจริง ๆ “เช็คแทนให้ไม่ได้ เพราะเราเข้าสู่ระบบเช็คอินโดยสแกนนิ้วมือ สแกนแทนไม่ได้นะ นอกจากว่าเธอจะหั่นนิ้วให้เพื่อนมาเช็คอินทุกวัน” โด่ว แผนโดนเรียนคาบเช้า อดแล้วอะดิ

“โหดจังอะอาจารย์” ผมตะโกนออกไป แกน่าจะได้ยินอยู่

“เธอไม่ต้องกลัวว่าจะมาเรียนไม่ทัน เดี๋ยวอาจารย์จะไปบอกกายให้ ว่าให้ไปรับเธอทุกเช้า” โดนแซวซะงั้น นี่ทำไมต้องลากเข้าเรื่องไอกายด้วยวะ เสียงฮิ้วลอยมาจากทุกสารทิศจนผมอยากจะหายไปจากตรงนี้เนี่ย

“ต่อมาเรื่องลงทะเบียนเรียน พวกเธอไม่ต้องมานั่งวุ่นหรอกจะเรียนวิชาอะไร คณะบังคับลงทุกตัวอยู่แล้ว เรียนให้จบ ให้พ้น F ก็พอ ยิ่งวิชาการสร้างสรรค์นวัตกรรมสังคมของอาจารย์ต้อมนี่บอกเลย น้อยคนมากที่จะได้ A มาครอบครอง” พึ่งรู้ว่าคณะนี้ก็โหดใช้ได้

“ต่อไปเรื่องกิจกรรมต่าง ๆ นานา มหาลัยเราไม่มีการเข้าห้องเชียร์ หรือการรับน้องแบบป่าเถื่อน โหดร้าย ทารุณนะ ส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมสันทนาการมากกว่า เดี๋ยวรุ่นพี่พวกคุณจะมาแจ้งรายละเอียดอีกครั้งหลังจากชั่วโมงนี้ครับ” ดีแล้ว ผมโคตรไม่ชอบการรับน้องแบบที่เห็นอยู่ในเฟซบุ๊กเลย ดูไม่สร้างสรรค์และไร้เหตุผลสุด ๆ

“กฎระเบียบทั่วไปก็ ไปอ่านนะ อาจารย์ส่งไฟล์ไปในอีเมลทุกคนแล้ว ใครมีอะไรจะถามมั้ย”

“อาจารย์ครับ แล้วพวกชมรมต่าง ๆ อะครับ เลือกยังไงหรอครับ” ไอมิกซ์ เด็กกิจกรรมนัมเบอร์วันถามไป คิดถึงการทำกิจกรรมอะดิ

“สักประมาณวันพฤหัสหรือวันเสาร์นี่แหละ จะมีกิจกรรมเปิดโลกกิจกรรม ก็จะมีรุ่นพี่พวกคุณมาออกบูธชมรมตัวเอง ใครอยากสมัครชมรมไหนก็สมัครได้เลยนะ มหาลยบังคับด้วยว่าคุณต้องมีชมรมอยู่อย่างน้อยหนึ่งชมรม เดี๋ยวรุ่นพี่พวกคุณคงมาบอกรายละเอียดเพิ่มเอง” อาจารย์พูดพลางเก็บของลงกระเป๋า เพราะเห็นว่าไม่มีใครมีข้อสงสัยใด ๆ “เดี๋ยวอาจารย์ต้อมคงจะนัดพวกเธอมาคุยรวมกันอีกรอบ ยังไงก็มาคุยกับอาจารย์แกหน่อยนะ แกเหงา” เสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้ง แหนะ มีการเผาเพื่อนร่วมงาน “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ มีอะไรทักไลน์อาจารย์ต้อมเลยนะครับ ไม่ต้องทักไลน์ผม อ้อ อย่าลืมใช้เครื่องมือที่มุมโต๊ะของคุณ สแกนนิ้วมือแล้วถ่าย QR CODE บนบอร์ดนี่ด้วย ขาดเรียนขึ้นมาผมไม่รู้นะเห้ย ไปละ สวัสดีครับ” ทุกคนไหว้อาจารย์พร้อมกันแล้วหยิบอุปกรณ์คล้ายโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำตามกระบวนการ จริง ๆ มันทำง่ายมากเลยนะ ไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย ล้ำจริงว่ะ

“พวกมึงอย่าพึ่งออกไปไหนก่อน!! เข้าไปในห้อง!! ปิดไฟ!!” เสียงพี่บรูโนดังมาจากประตูทางเข้า ตามด้วยรุ่นพี่อีกหลายคนที่เดินตามเข้ามา อาจารย์แซมโกหกอะ ไหนบอกว่าไม่มีการว้าก การรับน้องแบบไม่สร้างสรรค์ไง แล้วนี่คืออะไร

“กูบอกให้ปิดไฟไง!!” พี่บรูโนดูโหดมากอะ จนผมเองยังรู้สึกกลัว “ใครสั่งให้มึงไปกดปิด ใช่หน้าที่ของรุ่นพี่มั้ย!!” พี่บรูโนหันไปตะคอกใส่รุ่นพี่คนที่กำลงเดินไปที่สวิตช์ไฟ โหดอะ ผมไม่ชอบบรรยากาศนี้เลย มันดูอึดอัดยังไงไม่รู้

“มึง กูไม่ชอบแบบนี้เลยว่ะ” ผมหันไปพูดกับไอมิกซ์เสียงเบา

“เอาหน่า อดทนหน่อย แปปเดียวเองมึง” มันพูดจบก็ก้มหน้าไป ทำไมแม่งยอมง่ายจังเลยวะ ตอนนี้ผมมองไปรอบข้างมีแต่คนเอาแต่ก้มหน้าลง ไม่มีใครกล้ามองหน้ารุ่นพี่เลย

“มีใครรู้บ้างว่าวันนี้พวกพี่มาทำไม”

“…”

“ไม่มีเลยหรอวะ”

“…”

“หึ ดี๊ ยิ่งเป็นแบบนี้พวกกูยิ่งสนุก”

“…”

“พวกมึงทุกคนรู้มั้ยว่าที่กูมาเนี่ย กูมาเพื่อ...”

“ปั้ง!!”

“แฮปปี้เบิร์ทเดย์ทูยู~ แฮปปี้เบิร์ทเดย์ทูยู้~ แฮปปี้เบิร์ทเดย์ น้องใบเฟิร์น~” พี่ทอยเดินเข้ามาพร้อมเค้กที่จุดเทียนไว้แล้วตรงมายังใบเฟิร์น เพื่อนในคณะคนนึงที่พูดว่าอิจฉาผมอะครับ ผมเข้าไปปลอบให้เธอหายตกใจก่อน เพราะตอนนี้ร้องไห้ไม่หยุดเลย สงสัยกลัวเวลาคนมาขึ้นเสียงใส่ “แฮปปี้เบิร์ทเดย์ทูยู~” เสียงปรบมือและร้องเพลงดังก้อง ถ้าผมเป็นใบเฟิร์นนี่ประทับใจแน่ ๆ

“ขอโทษทีที่เล่นเสียงดังไปหน่อย พอดีกูอินกับบทบาทว่ะ” พี่บรูโนแกเดินวนขอโทษน้องกันยกใหญ่ แต่ก็ไม่ได้มีใครมีปัญหาอะไร เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ทำมาคือการเซอร์ไพรส์

“ตกใจหมดเลยพี่ ผมนึกว่าพี่จะมาว้ากจริง ๆ นะเนี่ย” ผมพูดไป เหงื่อแตกพลั่ก

“พวกกูไม่ว้ากพวกมึงหรอก ไม่มีเหตุผลอะไรจะว้าก” น้ำเสียงเปลี่ยนจากตะกี้เลย พี่แกเดินไปหยุดตรงหน้าใบเฟิร์นแล้วกล่าวอวยพร “น้องเป็นรุ่นน้องของพวกพี่ รุ่นน้องคนแรกที่พวกพี่ร้องเพลงวันเกิดให้ มีความสุขมาก ๆ นะครับ ขอต้อนรับสู่คณะนวัตกรรมนะครับ มีอะไรคุยกับพวกพี่ได้เสมอ เราอยู่ดูแลกันเหมือนครอบครัว” พูดจบพี่แกก็หยิบเค้กจากมือพี่ทอยมา ยื่นไปตรงหน้าใบเฟิร์นเพื่อให้เธอได้อธิษฐานและขอพร “คิดสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้นนะครับ”

หลังจากแผนการเซอร์ไพรส์ใบเฟิร์นจบลง พวกรุ่นพี่ก็ไม่ได้ไปไหน อยู่อธิบายรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อ ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมืออย่างดี เพราะวันนี้คณะผมไม่มีตารางเรียนสักวิชาครับ (พึ่งรู้เมื่อเช้าตอนมาถึงห้องเรียนแล้ว เพราะวันนี้อาจารย์ยกให้นักศึกษาฟรีหน่งวัน) จะว่าไปพอได้เห็นบรรยากาศอบอุ่นแบบนี้ ผมก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“พวกมึงฟังทางนี้” พี่บรูโนเรียกความสนใจจากทุกคน ตอนนี้เหลือแค่พี่แกที่อยู่ข้างหน้า เพราะรุ่นพี่หลายคนก็เข้ามานั่งแจมอยู่กับพวกผม สงสารพี่แกเหมือนกัน เกร็งมั้ยวะ

“กูจะอธิบายกิจกรรมนะ” พวกผมยังคงนั่งคุยเล่นกันไปแต่ก็ยังฟังสิ่งที่พี่แกจะพูด “กิจกรรมแรก เปิดโลกกิจกรรม ก็จะมีพวกรุ่นพี่มาโปรโมทชมรม มาเหอะ มาเดินเล่น อย่าโดดเลย” ผมว่าคงไม่มีใครโดดอยู่แล้วแหละ อย่างน้อยพวกผู้ชายอย่างผมก็ยังมีชมรมกีฬาหรือชมรมเกมส์ให้เข้า

“หลังจากนี้ก็จะมีอีกหลายกิจกรรมเลย คัดเลือกดาวเดือนคณะ รับน้องคณะ กีฬาเฟรชชี่ อย่าพึ่งเบื่อกันนะเว้ย พวกกูไม่จับพวกมึงมาทรมานแน่นอน” กิจกรรมเยอะแบบนี้พวกผมคงต้องจัดสรรเวลาชีวิตตัวเองให้ดีหละครับ ไม่งั้นเรียนไม่รอดแน่

“พวกมึงอย่าขาดเรียนเพราะไปทำกิจกรรมนะเว้ย แบบนี้กูไม่โอเค พวกมึงไม่จำเป็นต้องโหมกระหน่ำทำทีเดียวเสร็จ เน้นทำไปเรื่อย ๆ วันละนิดก็ยังดี” ก็คงต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

“อ้อ อีกเรื่อง พวกมึงต้องมีประธานรุ่น” พี่แกพูดยังไม่จบ เสียงก็ดังขึ้นมา

“พวกมึงเลือกเลยนะ ว่าจะให้ใครเป็นประธาน กูขอรู้ชื่อตอนนี้เลย” โห รีบไปไหนวะเนี่ย

“รีบเอาไปไหนพี่”

“เอ้า ทุกกิจกรรมมันต้องมีประธานคอยประสานมั้ยวะ อีกอย่างเดี๋ยวปีนี้แม่งมีกิจกรรมพันธมิตรกับคณะอื่น ไม่มีหัวหน้าแม่งขายหน้าตายเลย” พูดไปก็ถูก ทำกิจกรรมไปแต่ไม่มีหัวหน้าคอยควบคุมดูแลมันก็ยังไงอยู่เนาะ “พวกมึงเลือกเลย”

“เราขอเสนอโดม ดูคุมคนอื่นได้” อ้าว ส้มหล่นมาที่กูซะงั้น

“เราขอไม่เป็นดีกว่า ไม่สะดวกอะ แต่เราขอเสนอมิกซ์แทน เราเชื่อว่ามันดูแลทุกคนได้แน่นอน” คนข้าง ๆ ผมตกใจตอนที่ผมเสนอชื่อมันไป

“เราเห็นด้วย มิกซ์ดูเป็นผู้ใหญ่มากอะ น่าจะควบคุมพวกเราได้”

“กูเห็นด้วย/เห็นด้วย/เห็นด้วย” หลายเสียงโหวตให้มันเป็นหัวหน้า ผมเชื่อว่าทุกคนคงเห็นในความสามารถและความเป็นผู้นำของมัน

“สรุปประธานรุ่น 60 คือไอมิกซ์นะ โอเค เดี๋ยวหลังจากนี้พวกกูขอคุยเรื่องตารางกิจกรรมหน่อย แปปเดียว ไม่มีอะไรมาก โอเคนะ” พี่บรูโนส่งซิกมาหาไอมิกซ์ มันก็โอเค

“ได้ประธานรุ่นแล้ว พวกมึงไม่คิดจะส่งเสียงให้กำลังใจเพื่อนหน่อยหรอวะ” พี่บรูโนพูดจบเท่านั้นแหละ เสียวหวีด เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ เสียงโห่เชียร์ เสียงปรบมือ มาครบทุกเสียง

“พี่บรูโน พี่ฉลากนี่เฉลยวันไหนอะคะ” เพื่อนคนนึงถามแทรกไป

“วันรับน้องคณะอะ อย่าพึ่งรีบสืบ ขอพวกกูได้เปย์พวกมึงก่อน”

“แล้วปีนี้รับน้องที่ไหนอะครับ” ผมถามบ้าง อยากรู้เฉย ๆ ไม่มีอะไรหรอก

“ทะเล แต่กูขอไม่บอกอะไรมาก เซอร์ไพร์สสำหรับพวกมึง” จบจากเรื่องประธานรุ่น กลายเป็นว่าตอนนี้ทุกคนมาสนใจเรื่องรับน้องแทน บ้างบอกจะเตรียมลดน้ำหนักเพื่อไปทะเล บ้างเตรียมจะไปซื้อชุดว่ายน้ำใหม่ เยอะแยะครับ ประเด็นคือ ยังไม่ถึงวันนั้นเลย

“เรื่องคณะพันธมิตรนี่คืออะไรหรอพี่” ผมถามต่อ ก็คงมันสงสัยอะ

“ก็ตามชื่อเลย คณะสองคณะเป็นพันธมิตรกัน มันจะมีกิจกรรมกีฬาพันธมิตรอีก คือ กีฬาเฟรชชี่เนี่ย สองคณะพันธมิตรจะแข่งกัน แต่กีฬาพันธมิตร คือ ทุกคณะจะแข่งรวมกัน แต่เราจะไปรวมกับคณะไหนก็รอดูละกัน” ขอให้เป็นวิศวะเหอะ จะได้คุยกับไอเฟิร์สมั่ง

“เรื่องนี้กูรับผิดชอบอยู่เว้ย” รุ่นพี่คนนึงพูดแทรกขึ้นมา “กูไปคุยบ้างแล้วตอนนี้มีคณะที่สนใจจะร่วมเป็นพันธมิตรกับเรา คือ รัฐศาสตร์ กับวิศวะ” รัฐศาสตร์นี่ขอบายได้มะ ได้ยินชื่อแล้วขนลุก

“คงต้องให้น้องโดมเลือกแล้วแหละ ว่าจะเอารัดสาดหรือวิดวะ” เอ้า ทำไมทุกคนมาลงที่กูหมดเลยวะ “น้อง ๆ อยากมีเขยรัดสาดหรือวิดวะกัน” งั้นกูเปลี่ยนใจไปเลือกคณะอื่นก็ได้

“ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตเหอะพี่” ผมตะโกนไป

“ไม่ต้องเขิน เค้าพร้อมดูแลมึงดีเหมือนกันทั้งคู่” ไม่เอาอะ วิดวะยังพอว่า แต่รัดสาดนี่ไม่เอา ยังไงก็ไม่เอา อย่าไปตกลงกับพวกแม่งเด็ดขาด!!

“กิจกรรมก็ประมาณนี้นะเว้ย มีอะไรสงสัยก็...สงสัยต่อไป ไลน์กูมีไว้ชวนเที่ยวเท่านั้น พวกมึงทุกคน ลุก!! แยกย้ายกลับไปนอนจ่ะ” ทุกคนลุกกรูพร้อมกันอย่างรวดเร็ว สบายจังแฮะไม่มีเรียนเนี่ย แต่ผมกับไอมิกซ์กะจะไปเดินดูหนังสือที่พารากอนสักหน่อยก่อนกลับห้องไปนอน ก่อนไปผมรีบวิ่งไปหาพี่บรูโนเพราะมีคำถามจะถามเพิ่มอีก

“พี่...”

“มึงนี่สงสัยเยอะจริง” อยู่ดี ๆ ก็โดนด่า เสียใจอะ

“ล้อเล่น มีอะไรว่ามา”

“พี่คือพี่ Versace on The Floor ใช่มั้ย” พี่แกไม่แสดงท่าทีอะไรที่เป็นพิรุธ แต่กลับตอบมาด้วยน้ำเสียงเรียบปนเนือย หรือว่าจะไม่ใช่พี่แกวะ

“ไม่ใช่ว่ะ อีกอย่าง น้องเทคกูเป็นผู้หญิง”

“หรอพี่...งั้นพอจะใบ้หน่อยได้มั้ยอะ”

“ตลกละมึง ใบ้ไปก็ไม่สนุกดิวะ”

“นิดนึงนะ นะๆๆๆ”

“ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อนกู ออกไป!! จะกลับไปนอน ง่วงโว้ย” ผมไม่ยอมปล่อยให้พี่แกไป เอาหน้าไปเกยไหล่แม่ง ต้องใช้ลูกอ้อนซะละ

“นะๆๆๆ พี่บรูโนสุดหล่อ”

“ออกไป กูจั๊กกะจี๋”

“มึงก็ไปอ้อนพี่เค้าเนาะ คิดว่าพี่เค้าจะบอกหรอวะ” ไอมิกซ์ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ เข้ามาขัดขวางปฏิบัติการของผม โด่ว ไม่สนุกเลย ไม่มีใครเล่นด้วย

“เออ พาเพื่อนน่ารัก ๆ ของมึงออกไปด้วย กูจะกลับไปนอน” ขอบคุณที่ชมครับ อิอิ

“มันน่ารักตรงไหนวะพี่ เหอะ” โด่ว ไม่เข้าใจคำว่าแค่เล่นหรอวะ ไอนี่ “รีบไปได้ยัง กูอยากไปเดินซื้อหนังสือแล้ว” รีบอะไรของมันวะ เวลาเหลือเยอะแยะไป

“เออ ๆ ไป ๆๆ ผมกลับก่อนนะพี่ สวัสดีครับ” ผมไหว้พี่บรูโนแล้วรีบเดินตามไปมิกซ์ไป ไม่รู้มันกลัวร้านหนังสือจะเดินหนีมันหรือว่าอะไร ถึงได้รีบขนาดนี้ ผมเดินตามไปสักพักก็หยุดตรงหน้ามหาลัย มันหันมาพูดกับผมแปปนึงก่อนจะเดินไปเรียกแท็กซี่

“มึงนี่จริง ๆ เลยนะ เมื่อเช้าก็คนนึง เมื่อกี้ก็อีกคนนึง”

ออฟไลน์ Pankwun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เสน่ห์แรงช่วยไม่ได้5555

ออฟไลน์ Pankwun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด