{PART’S MARK}
“ ฝากจัดการคนของนายด้วย ฉันไม่อยากเอาเรื่องแต่ถ้ายังมายุ่งเรื่องของฉันฉันก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน” ผมที่กำลังเอื้อมแขนถือโทรศัพท์ให้กับเจมส์ซึ่งวุ่นๆอยู่กับการท่องบทตรงเบาะหลังทำให้ผมถึงกับชะงักเพราะเสียงปลายสายดูโมโหมากเลยทีเดียว
“ มีอะไรหรือเปล่าทำไมทำหน้าเครียดจัง” ผมถามไปเพราะตั้งแต่ทำงานกับเขามาเขาแทบไม่เคยโมโหใครหรือทำหน้าเครียดอย่างในตอนนี้เลย
“ พี่ช่วยโทรออกไปเบอร์ของเตให้หน่อย อยู่ในเครื่องน่ะครับ” เขาพูดพร้อมกับวางบทลง
ผมชักสายโทรศัพท์ที่เสียบเชื่อมอยู่กับรถออกแล้วกดเบอร์ที่เขาสั่งก่อนจะยื่นกลับไปใหคนที่นั่งอยู่ด้ายหลัง เขาดูร้อนใจมาก
“ สวัสดีครับ”
เสียงนั้นดังออกลำโพงออกมาเหมือนเสียงของโทรศัพท์ของเจมส์จะดังไปหน่อยทำให้ผมได้ยินไปด้วย และเหมือนเขาจะรู้จึงลดระดับเสียงลง
“ นายทำอะไรของนายฮะ ถ้าเกิดเป็นเรื่องใหญ่จะทำไง หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมไม่รู้ว่าปลายสายตอบอะไรมาแต่คนที่อยู่กับผมตอนนี้ดูหัวเสียไม่น้อยเลย “ เบียร์กับพี่ธีไปเกี่ยวอะไรด้วยฮะ ฮัลโหล ฮัลโหล” เขาปาโทรศัพท์ลงข้างตัวเองก่อนจะหลับตาลงเหมือนเขาพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองลง
“ มีอะไรหรือเปล่า”
“ พรุ่งนี้เรามีงานอะไรบ้าง”
“ มีงานเปิดตัวสินค้าช่วงเช้าอันนี้สำคัญมากเพราะนายเป็นพรีเซนเตอร์ แล้วก็งานบ่ายมีเดินแบบ”
“ หาจองตั๋วบินไปเชียงใหม่ให้ผมหน่อยครับ เอาที่เร็วที่สุดได้ยิ่งดี”
“ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ คือ…” เขาเริ่มอึกอักเมื่อผมถามซึ่งดูรู้เลยว่าเขากำลังคิดเรื่องโกหกอยู่แน่ๆ เพราะหลังจากที่ผมทำงานกับเขามาได้ช่วง
หนึ่งนิสัยของเจมส์ที่น่ารักของเจมส์อย่างหนึ่งก็คือเป็นคนตรงๆแต่รักษาความรู้สึกคนอื่น เขาจะเลี่ยงการโกหก
“ เรื่องของเบียร์ที่ไปเชียงใหม่กับธีร์หรือเปล่า มีปัญหาอะไร”
“ ปะ..เปล่าครับ”
“ พูดตะกุกตะกัก”
“ เปล่าครับ”
“ หลบตา”
“ หลบอะไรเล่าพี่”
“ บอกมา เกิดอะไรขึ้น”
หลังจากนั้นเจมส์ก็เล่าทุกอย่างมาอย่างเสียไม่ได้เพราะผมต้อนเขาเสียจนมุม ไอ้น้องชายของเจมส์กำลังสร้างปัญหาที่เชียงใหม่และผมหวังว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเบียร์หรือเปล่านะ
ทันทีที่เหยียบลงบนจังหวัดเชียงใหม่โทรศัพท์ของเจมส์ก็ดังขึ้น เขาดูหัวเสียมากซึ่งผมไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อนหน้าของเขาแดงไปจนถึงใบหูมือกำหมัดแน่น
“ ฉันบอกให้นายหยุดทำไมไม่หยุดฮะ” เขาตะวาดใส่โทรศัพท์ก่อนจะเดินเร่งฝีเท้าไปยังรถที่เช่าไว้ แต่มันไม่ง่ายเลยเพราะ
ไม่รู้ว่าใครแจ้งแฟนคลับของเขาให้มารอรับที่สนามบิน เกือบสิบห้านาทีกว่าที่เราจะฝ่าอกมาได้
เจมส์เป็นคนขับรถออกมาจากสนามบิน ผมเองก็ไม่รู้ที่หมายที่จะไปเหมือนกันว่าคือที่ไหน แต่รอบตัวของผมมันผ่านไปอย่างรวดเร็วจนผมไม่กล้าที่จะถามเขาด้วยซ้ำเพราะเขาเงียบมาตลอดทางจากพื้นที่เขตเมืองค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นต้นไม้และรีสอร์ท เขาเบรกลง
อย่างกะทันหันเมื่อมีรถคันสีขาวจอดขวางทางเอาไว้ มือที่อยู่บนพวงมาลัยบีบแตรอย่างไม่มีทีท่าที่จะหยุด เขาขบฟันจนกรามขึ้นชัด
“ ใจเย็นๆก่อนรถเขาอาจจะเสียก็ได้” ผมบอกแต่ดูเหมือนเจมส์จะไม่ฟังผมเลยเขาเดินตรงไปที่รถคันตรงหน้าพร้อมกับทุบกระจกฝั่งด้านคนขับ “ ใจเย็นๆก่อน” ผมที่เพิ่งวิ่งตามไปคว้าแขนของคนใจร้อนที่กำลังคุมสติตัวเองไม่อยู่
บานกระจกรถที่จอดค่อยๆลดลงคนที่นั่งสวมแว่นดำจ้องมองกลับมายังพวกเราอย่างนิ่งๆที่มุมปากของเขายกยิ้มอย่างไร้ความรู้สึก
“ มาไวกว่าที่ผมคิดนะครับ”
“ นายกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่” เจมส์ตะคอก
“ ผมทำอะไรครับ”
“ เต บอกมาเดี๋ยวนี้ว่านายเอาเบียร์ไปไว้ที่ไหน” ผมชะงักไปครู่หนึ่งเพราะมีเบียร์อยู่ในบทสนทนานั้นด้วย
“ นี่มันอะไรกัน” ผมถามเจมส์
“ ไอ้นี่ใคร” เขาชี้มาทางผม พร้อมกับจ้องราวกับว่าผมไปยิงญาติฝ่ายไหนของเขาตาย “ มึงเป็นใครวะ”
“ อย่าหยาบคายกับผู้จัดการของพี่” คำพูดนิ่งๆทำให้คนเสียมารยาทสงบลงได้ “ ตอนนี้จะบอกมาได้หรือยังว่าพาเบียร์ไปไว้ที่ไหน”
“ มันสำคัญกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าเป็นเพราะมันกันแน่ ถามใจพี่เองสิว่าจริงๆแล้วพี่ก็อยากให้มันออกห่างจากคนที่พี่รักใช่หรือเปล่าล่ะ หยุดทำตัวเป็นคนดีได้แล้วมันเคยมองเห็นหัวพี่บ้างหรือเปล่า”
“ หุบปาก” เจมส์กระชากเสื้อของคนที่นั่งอยู่ในรถ “ พาฉันไปหาเบียร์เดี๋ยวนี้”
“ ขี้แพ้”
“ ฉันจะไม่พูดซ้ำ นำไปเดี๋ยวนี้”
สิ้นเสียงคำสั่งของคนที่กำลังเดือดดาลรถที่จอดนิ่งอยู่ก็ขับนำไปอย่างเสียไม่ได้ เจมส์เองก็กลับมาที่รถแล้วเหยียบคันเร่งตามไปติดๆผมเองก็ร้อนใจไม่ต่างกับคนขับเท่าไหร่เพราะคนที่มีชื่อในการสนทนาครั้งนี้ด้วยคือเบียร์
เมื่อเราไปถึงมีคนสามสี่คนวิ่งสวนออกมาด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก พวกมันวิ่งโดยไม่คิดจะแวะทักทายผู้มาเยือนด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนไอ้คนที่เดินนำเรามามือมันจะไวกว่า เขาคว้าไว้ที่ข้อมือของหนึ่งในพวกมัน
“ เกิดอะไรขึ้นวะ”
“ ไอ้บ้านั่นมันกระโดดลงน้ำไปแล้วครับ”
“ ว่าไงนะ” เขาคงหน้าตาตื่นไม่แพ้ผมเพราะผมเดาว่าคนที่พวกนั้นกำลังพูดถึงต้องเป็นเบียร์แน่ๆ “ ก็บอกแล้วว่ห้ามทำอะไรไงเล่า”
“ มึงจะอยู่รอพ่อมึงมารับหรือไงวะ” ไอ้คนที่วิ่งนำไปมันหันมากระชากเพื่อนมันกลับไป
“ หยุดนะเว้ย” เจมส์มันร้องห้าม
“ ฉันจะไปดูเบียร์” ผมวิ่งตรงไปที่จุดซึ่งพวกมันวิ่งมา ตรงหน้าเป็นน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว สีของน้ำขุ่นไปด้วยสีของดินแดง “ เบียร์ เบียร์ได้ยินพี่หรือเปล่า”
ผมถอดรองเท้าและกำลังที่จะถอดกางเดงยีนส์ออกเพราะว่ามันคงหนักแน่ๆเวลาลงน้ำ แต่ไม่ทันที่จะได้ลงไปมือหนาของคนที่เพิ่งมาถึงจับเอาไว้เสียก่อน
“ เดี๋ยวก็หายไปอีกคนนึงหรอก เบียร์น่าจะโดนน้ำพัดไปแล้ว เดี๋ยวนี้เราต้องคนช่วยก่อน ตอนขับรถผ่านมาตรงนั้นมีหมู่บ้านอยู่น่าจะไปขอความช่วยเหลือได้”
“พี่เจมส์ผม”
“ ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดอะไรตอนนี้ ถ้าเบียร์เป็นอะไรนายตายแน่”
ผมรีบใส่รองเท้าและกางเกงก่อนจะรีบวิ่งตามเจมส์ที่กำลังเดินอย่างหัวเสียไปที่รถ เราขับย้อนกลับมาตรงหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นเท่าไรนัก
บ้านตรงนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านกึ่งร้านค้าและมีแพที่ยื่นลงไปในน้ำตอนเมื่อรถของเราไปจอด ก็มีคนวิ่งหน้าตื่นสวนออกมาพร้อมกับมีอีกคนที่โดนแบกขึ้นมาจากด้านหลัง
“ พ่อหนุ่มวันนี้ร้านปิดนะ พวกเราจะรีบไปโรพยาบาล” คนที่เดินมาถึงเราคนแรกเอ่ยด้วยใบหน้าที่ตื่นตรกหนก เนื้อตัวเปียกไปหมดเหมือนเพิ่งขึ้นจากน้ำ
“ เบียร์” พออีกสองคนที่อุ้มหัวอุ้มท้ายร่างที่กำลังนอนสลบผ่านหน้าไป ผมจำได้ทันที ใบหน้าของเบียร์ซีดเซียว ปากสั่นที่หัวทีเลือดไหลออกมา
“ พ่อหนุ่มรู้จักกันเหรอ”
“ อย่าเสียเวลาคุยเลยครับไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ” เจมส์พูดขัดขึ้น ก่อนที่จะพาเบียร์ขึ้นรถไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็พุ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉิน ผมและเจมส์เป็นคนเดินเรื่อง และเมื่ออาการของเบียร์ดีขึ้นหลังจากการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วเราจึงทำการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง
“ ขอบคุณคุณลุงมาเลยนะครับ” เจมส์เดินเข้าไปยกมือไหว้ผมก็ยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้
“ ไปทำอีท่าไหนถึงได้หล่นน้ำกันล่ะ หรือว่าลงเล่นน้ำกัน ป้ายเขาก็มีเตือนไม่ใช่หรือ”
“ อุบัติเหตุครับ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
“ นี่” เงินจำนวนหนึ่งยื่นผ่านตรงกลางระหว่างการสนทนาเราออกไป “ จะได้ไม่ต้องขอบคุณกันนาน”
ไอ้นี่มันเสียมารยาทตัวพ่อเลยจริงๆ เบียร์เกือบตายก็เพระมันมันยังมาทำกริยาแบบนี้อีก ผมนี่อยากซัดมันสักที
ผลั้ก! ผมยังไม่ทันที่จะคิดจบ หมัดของเจมส์ก็ซัดเข้าไปที่ใบหน้าของน้องชายอย่างจัง เจมส์หน้าแดงไปด้วยความโกรธแต่ไม่มีสีหน้าใดๆออกมาเลย เขาแววตาว่างเปล่า
“ ขอโทษลุงเขาเดี๋ยวนี้ เรื่องมันเกิดจากแกยังไม่สำนึกอีก”
“ นี่พี่ต่อ…”
“ เดี๋ยวนี้” เสียงเรียบๆนั้นทำเอาผมขนลุกแต่จริงๆผมอยากซ้ำอีกซักทีนึงถ้าไม่เกรงใจเจมส์
“ ขอโทษ” เขายกมือไหว้ลวกๆก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น
“ ผมขอโทษแทนน้องชายผมด้วยนะครับมันไม่ค่อยมีมารยาท ยังไงผมขอบคุณอีกครั้งนะครับ ผมไปก่อนนะครับ”
เราเดินแยกออกมาที่ด้านนอกโรงพยาบาลเราพาเบียร์มาพักที่โรงพยาบาลในเมือง เจมส์นั่งนิ่งมาตลอดทางและหลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นน้องชายของเขาอีกเลย เขาดูเหมือนพยายามตั้งสติให้สงบก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาใครสักคน
“ ฮัลโหล พี่ไม่ต้องห่วงนะครับตอนนี้เราเจอตัวของเบียร์แล้วกำลังพาไปโรงพยาบาลครับ” หึโทรแจ้งพี่ชายเขาสินะ “ ถ้าพี่มางานพังพ่อพี่ต้องไม่พอใจแน่ๆ ทางนี้ให้ผมจัดการเองนะครับ ถือว่าเรื่องทุกอย่างที่ผมทำอยู่ตอนนี้เป็นการไถ่ความผิดที่น้องผมทำความเดือดร้อน”
“ ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นก็ได้” ผมยิ้มให้ “ นายไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย”
“ ผิดสิครับ ผิดเต็มๆด้วย” เขาฝืนยิ้มออกมาให้กับผม “ เดี๋ยวผมส่งโลเคชั่นให้พี่ธีก่อนดีกว่า เราจะไปโรงพยาบาลนี่ใช่ไหมครับ”
“ อืม”
เมื่อขับรถมาถึงผมมีเวลาอยู่ที่โรงพยาบาลกับเบียร์ตามลำพังอยู่สักพักเพราะเจมส์ขอออกไปทำธุระด้านนอก ผมนั่งจ้องใบหน้าของคนที่นอนอยู่บนเตียงและทำได้แค่กุมมือเอาไว้ เสียงละเมอของเบียร์ในแต่ละครั้งมันเหมือนมีของคมๆกรีดลงหน้าอกของผม มันไม่มีชื่อผมในนั้นเลย มีเพียงคนที่ผมอิจฉาที่สุดอย่างธี แต่ตอนนี้ผมขอทำหน้าที่ตัวสำรองให้เบียร์ได้กุมมือยามนอนหลับก็คงพอแล้วสำหรับคนอย่างผม ผมอย่างแข่ง อยากสู้กับธีแต่มันคงไม่มีทางเลยเพราะใจของเบียร์ตอนนี้ไม่มีผมเลยด้วยซ้ำ เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับเจมส์และธีที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เป็นห่วงคนที่นอนอยู่บนเตียง
“ พี่ธี พี่ธี” เสียงของคนที่อยู่บนเตียงร้องขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณเตือนให้ผมลุกออกจากความฝัน
“ พี่มาร์คครับเราออกไปรอข้างนอกดีกว่านะครับ” เจมส์ที่ยืนอยู่ตรงประตูเดินเข้ามาดึงมือของผมให้เดินตามออกไป
“ เดี๋ยว” ผมดึงแขนนั้นกลับ “ ถ้านายทำให้เบียร์เสียใจอีกล่ะก็ผมนี่แหละจะเป็นคนมาเอาเบียร์กลับมาเป็นของผม” ผมจ้องไปอย่างจริงจังและโกรธมากที่ธีได้เบียร์ไปครองแต่ต้องยอมรับว่าเบียร์ไม่เลือกผม
“ ครับ เรื่องวันนี้ผมขอบคุณนะครับ” ผมงงๆกับท่าทางอ่อนน้อมที่ไม่เคยมีมาก่อนของคนตรงหน้า“ ผมจะไม่มีวันทำให้เบียร์เสียใจอีกแน่ๆครับ”
ผมเดินตามเจมส์ออกไปจากห้องอย่างว่าง่าย ประตู่ที่เปิดกว้างค่อยๆปิดลอง มือที่ผมเคยกุมเมื่อครู่ถูกครอบครองโดยเจ้าของที่แท้จริงแล้ว
มาค่ะ เรื่องนี้พิมจบแล้ว ไม่หายเเล้วน้าาาาาาาาาาาาาาา เคลียงานแล้ว ฝากอีกเรื่องนึงด้วยนะ ขายของในนี้ผิดหรือเปล่าน้าาาาาาาาาา
ใครที่ชอบอ่านนิยายวายสืบสวนชวนจิ้น ไปเรื่องนี้เลย
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67797.0