End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า  (อ่าน 20663 ครั้ง)

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#11


   เช้าวันที่สามหลังจากที่กลับมาดินแดนมนุษย์ ผมก็ทำตัวตามเดิมครับ อยู่แบบว่างๆไปเรื่อยๆ จนช่วงสายๆที่คิดอยากจะจิบน้ำชายามว่างแบบนี้บ้างเหมือนทุกวัน ผมออกมาที่สวนใกล้ที่พัก มีพี่สาวหลายคนนำของว่างกับชามาวางไว้ให้ก่อนจะถอยหลบออกไปด้านหลัง


“นายท่าน ข้ามีเรื่องรายงานขอรับ”  เสียงของสายลมดังขึ้นตัดกับความเงียบรอบตัวของผม


“ว่ามาได้เลยครับ” ผมตอบรับด้วยเวทย์ลมเพื่อกันไม่ให้ผู้อื่นได้ยินเรื่องที่จะคุยกัน


“ชายที่ท่านให้ข้าติดตามมีชื่อว่า อับรา ฮาดัส ดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมการคลังของดินแดนนี้อยู่ขอรับ และจากการที่ติดตามทำให้ได้รู้แผนการที่วางไว้เพิ่มเติม เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการลงมือขอรับนายท่าน”


“แผนที่จะใช้วันงานหรอครับ เป็นแบบไหนกันครับ”


“ใช่แล้วขอรับนายท่านเป็นแผนที่จะทำเมื่อเริ่มงานสืบทอดตำแหน่งขององค์รัชทายาทขอรับ สายลมได้ยินมาว่าพวกนั้นจับสัตว์อสูรไว้ได้ก่อนจะใช่เครื่องมืออะไรสักอย่างที่ทำให้พวกสัตว์เหล่านั้นคลุ้มคลั่งแล้วสร้างความเสียหายแก่เป้าหมายที่วางไว้ จากที่ได้ยินมาเห็นว่าครั้งนี้จะโจมตีหมู่บ้านทางชายแดนเพื่อสวมรอยว่าการกระทำนี้เป็นทางดินแดนปีศาจที่ส่งสัตว์ปีศาจเหล่านี้มาทำลายขอรับนายท่าน”


“สวมรอยหรอครับ เลวมากเลยที่ทำแบบนี้ พวกเขาทำไมไม่คิดถึงคนอื่นพวกผู้บริสุทธิ์บ้างเลยหรือไงครับ จะต้องนองเลือดอีกนานขนาดไหนกันถึงจะพอใจ”


“นายท่าน อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลยขอรับ สายลมคิดว่าเราน่าจะมีวิธีการช่วยเหลือได้นะขอรับ”


“วิธีหรือครับ ทำยังไงกันครับคุณสายลม”


“ดิฉันขอโทษที่ขัดจังหวะเจ้าค่ะนายท่าน แต่ดิฉันคิดว่าเราเข้าไปช่วยเหลือพวกสัตว์ปีศาจเหล่านั้นส่งคืนที่อยู่ก่อนที่คนพวกนั้นจะลงมือดีหรือไม่เจ้าคะ นายท่าน”


“เสียงใครกัน”
ผมมองหาเสียงที่แทรกเข้ามาเมื่อผมกำลังคุยกับคุณสายลม มีคนนอกได้ยินแบบนี้จะเกิดเรื่องไหมนะ


“ดิฉันเป็นเวทย์ไม้เจ้าค่ะนายท่าน เป็นสายดอกไม้เจ้าค่ะ ผู้ติดต่อกับดิฉันได้ต้องมีเวทย์ไม้ชั้นสูงเท่านั้นและดิฉันเลือกที่จะเคารพนายท่านผู้ช่วยเหลือพวกดิฉันเพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ”


“เวทย์ไม้หรือครับ ผมใช้ตอนไหนกันครับเนี่ย”


“เพียงแค่ท่านตื่นขึ้นมาก็สามารถสื่อสารกับพวกเราเหล่าเวทย์ธรรมชาติได้ทันทีแล้วเจ้าค่ะ”


“จะมหัศจรรย์เกินไปแล้วนะครับ พลังเวทย์ของผมเนี่ยครับ”


“เพราะท่านคือผู้ปกป้องและเป็นบุตรของท่านผู้สร้างอย่างไรเล่าขอรับนายท่าน”


“อ่า ช่างเรื่องพลังของผมก่อนละกันนะครับไว้คุยกันใหม่ทีหลัง แต่ตอนนี้ที่คุณดอกไม้บอกมาว่าให้ไปช่วยสัตว์พวกนั้น เราจะทำได้หรอครับ ผมไม่รู้วิธีสื่อสารด้วยนะครับ”


“นายท่านสามารถพูดคุยกับเหล่าสัตว์ปีศาจได้เหมือนกับที่ท่านพูดคุยกับเหล่าสัตว์อสูรในป่าต้องห้ามเลยเจ้าค่ะ”


“แล้วแหล่งกบดานของเหล่าสัตว์ปีศาจละครับ คุณสายลมกับคุณดอกไม้พอจะรู้ไหมครับ”


“สายลมจะนำทางท่านเองขอรับ”


“ดิฉันจะคอยช่วยเหลือท่านเองเจ้าค่ะ”


“งั้นพวกเราไปกันเลยนะครับ”
  ผมหันมองรอบตัวก่อนจะเจอพี่สาวบางคนที่หันมามองทางผมพอดี


“ผมขอเวลาไปทำธุระ ถ้าเสร็จแล้วจะรีบกลับมานะครับ”


“เอ๊ะ” ไม่รอฟังคำตอบก็วิ่งออกจากที่ตรงนั้นไปตามทางที่คุณสายลมบอกมา


ลัดเลาะออกมาจากพระราชวังหลบหลีกทหารยามจนมาถึงแนวป่าที่มีบ้านอยู่เพียงไม่กี่หลังและดูเหมือนยิ่งเดินจะยิ่งห่างจากบ้านอื่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงท้ายหมู่บ้านแห่งนี้ที่มีเพียงกระท่องหลังเล็กตั้งอยู่ดูไม่น่าสงสัยแต่กลับมีเวทย์บางอย่างคลุมบ้านหลังนี้เอาไว้ ถ้าไม่ใช่ผู้ใช้เวทย์ก็คงจะมองไม่เห็นม่านพลังแบบนี้แน่นอน


“เราจะเข้าไปอย่างไรดีขอรับ”


“ผมจะลบตัวตนแอบเข้าไปก่อนแล้วจัดการกางพลังเวทย์ซ้อนอีกชั้นกันอีกฝ่ายรู้ตัวดีไหมครับคุณสายลม”


“เป็นแผนการที่ดีมากขอรับนายท่าน”
ผมจัดการตามที่พูดด้วยการร่ายเวทย์ลบตัวตนหนึ่งในเวทย์มืดก่อนจะเดินเข้าไปแบบที่เวรยามสองคนไม่สามารถรู้สึกถึงผมได้


เมื่อเข้ามาด้านในกลับไม่ใช่กระท่อมธรรมดาเหมือนสภาพด้านนอก ภายในเป็นห้องขังสัตว์ปีศาจมากมายหลายสิบห้อง การบิดเบือนห้วงมิติเพื่อขยายช่องว่างระหว่างมิติเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในสิ่งนั้นๆที่ต้องการ


มันเป็นการรวมกันระหว่างเวทย์ตรงข้ามสองเวทย์คือเวทย์แสงกับมืดเพื่อบิดเบือนแสงจนเกิดการหักเหและเปิดมิติออกจากการบิดเบือนนั้น มันอาจจะฟังดูง่ายแต่วิธียากเพราะไม่มีใครที่จะสามารถใช้เวทย์แสงและมืดขั้นกลางในคนเดียวได้แถมยังหาคนที่ใช้เวทย์แสงและมืดสองคนที่อยู่ขั้นกลางแบบนี้อีก


แปลว่ากลุ่มนี้ต้องมีคนจากดินแดนผมเกี่ยวข้องแน่นอน แต่บางทีเด็กสิบสามขวบแบบผมก็ไม่น่าจะมาคิดเรื่องยุ่งยากแบบนี้หรือเปล่าครับ เสียสมาธิหมด


“ชูว์ อย่าพึ่งรีบส่งเสียกันนะครับ ผมมาช่วยพวกคุณนะครับ” เมื่อกางม่านพลังซ้อนทับเสร็จผมก็ปลดเวทย์ลบตัวตนออกเมื่อสัตว์ปีศาจที่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามาก็เตรียมขู่แต่ผมรีบห้ามไว้และดูเหมือนพวกสัตว์เหล่านั้นจะตกใจที่ผมพูดคุยกับพวกเขาได้


“เจ้าเป็นใครกับเด็กน้อย” สัตว์ปีศาจที่อยู่ลึกด้านในส่งเสียงถามมาด้วยพลังเวทย์ของเผ่าปีศาจ


“ผมชื่อราสเต้ครับ เป็นพ่อมดฝึกหัดจากอาณาจักรอิลเทียร์ครับ ที่ผมสื่อสารกับพวกคุณได้เพราะปกติผมสื่อสารกับคุณสัตว์อสูรในป่าต้องห้ามบ่อยๆครับ”


“เจ้าพูดคุยกับเหล่าสัตว์อสูรได้หรือ ไม่สิเจ้าเข้าไปในป่าต้องห้ามได้อย่างไรกันพ่อมดน้อย” สัตว์ปีศาจที่ทำท่าจะขู่ผมก่อนหน้านี้รีบถาม


“ทำไมจะไม่ได้ละครับ ก็มันเป็นที่ของผมนี่ครับ จริงไหม”


“เจ้าค่ะ/ขอรับ นายท่าน”  เสียงตอบรับจากลูกไฟเวทย์ที่ปรากฏขึ้นรอบกายของผมเพื่อยืนยันสถานะของตัวเอง


“นายท่าน” เหล่าสัตว์ปีศาจต่างก้มตัวลงเพื่อเคารพผมเหมือนเมื่ออดีตกาล


“ตอนนี้ผมเป็นเพียงแค่พ่อมดฝึกหัดเท่านั้นและที่สำคัญผมไม่มีเวทย์มนต์นะครับทุกท่าน เอาละเอาไว้เราค่อยมาคุยกันต่อไป ตอนนี้ผมว่าเรารีบออกไปกันก่อนเถอะครับ”


“พวกเราไม่สามารถออกไปจากห้วงมิตินี้ได้เลยขอรับนายท่าน มันทรมานเมื่อพยายามหนีออกไป” สัตว์ปีศาจนกบอกถึงความพยายามที่จะหนีออกไปจากที่นี่


“ผมจะพาทุกคนออกไปเอง สัมผัสตัวของแต่ละคนไว้นะครับ” เหล่าสัตว์ปีศาจต่างทยอยออกมาจากกรงขังหลังจากที่ผมส่งเวทย์ไฟไปตัดโซ่พวกนั้นที่คล้องไว้ออก


“พร้อมกันรึยังครับ”


“พร้อมแล้วขอรับ/เจ้าค่ะ”


“งั้นหลับตาและจับกันไว้แน่นๆนะครับเพราะถ้าตกหล่นระหว่างทางผมตามกลับไม่ได้นะครับ” เมื่อทุกคนหลับตาแล้วผมจึงใช้เวทย์ห้วงเวลาเพื่อพาทุกคนวาร์ปไปที่ป่าต้องห้ามทันที


เมื่อผมจากมาม่านพลังที่ถูกผมปลดหลังจากออกมาก็สลายแต่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปด้วยความปกติเหมือนเดิม


“อัก”


“นายท่าน” เสียงของเหล่าสัตว์ปีศาจและอสูรต่างร้องออกมาด้วยความตกใจที่เห็นว่าผมกระอักเลือดออกมาแล้วทรุดตัวลงนั่งพิงต้นคุณทรีมอสที่ส่งเสียงห่วงใยมาให้ผมเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน


“พักก่อนเถอะครับนายท่าน ท่านฝืนใช้พลังจนร่างกายใหม่นี้เกินจะรับไหวแล้วขอรับ ท่านจงอย่าลืมว่าตอนนี้ถึงท่านจะมีพลังเวทย์เทียบเท่ากาลก่อน แต่ร่างกายของท่านในตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้นนะครับ”


“ผมลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปหน่อยคุณทรีมอส อย่าห่วงเลยครับต่อไปผมจะระวังมากกว่านี้แน่นอน ผมขอพักสักหน่อยนะครับ รบกวนปลุกก่อนเวลาเย็นด้วยนะครับ”


“ได้ครับนายท่าน” สิ้นเสียงตอบรับจากคุณทรีมอส ผมก็ปิดประสาทการรับรู้ทันทีเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์และร่างกาย


   เมื่อร่างบางปิดตาหลับไปก็เกิดแสงสีขาวจากเวทย์รักษาทำงานทันทีเพื่อซ่อมแซมและดูแลร่างกายของตัวเองพร้อมกับที่ไอเวทย์สีฟ้าจางจะวนเวียนรอบด้านเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์ที่เสียไป


เหล่าสิ่งมีชีวิตรอบๆต่างจดจ้องมองมาที่ร่างบางตรงหน้าด้วยความรักและเทิดทูนที่นายท่านของพวกมันยังคงเสียสละตนเองเพื่อพวกมันเสมอมาแม้ว่าจะเจ็บปวดตนเพียงใดก็ตาม


“ไม่ว่าตอนจากนี้จะเกิดสิ่งใดต่อไป ข้าจะคอยยืนหยัดอยู่เคียงข้างกายของท่านตลอดกาล นายท่านแห่งข้า”


“พวกข้าด้วย”
สิ้นเสียงก็ต่างพากันก้มตัวทำความเคารพแม้ร่างบางจะไม่ได้เห็นและได้ยินคำสัตย์สาบานของพวกตนก็ตาม



TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#12


เมื่อฟื้นร่างกายได้ระยะหนึ่งแล้วถึงเวลาผมก็แอบวาร์ปกลับมาที่ห้องพักแล้วล้มตัวนอนต่อเพราะยังฟื้นฟูไม่เต็มที่แต่กลัวว่าจะเกิดเรื่องตามมาเลยรีบกลับมาก่อน


“ราส เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เห็นข้ารับใช้บอกว่าว่าเจ้าไม่ยอมออกไปกินอะไรเลย”


“ฮาฟหรอครับ” ผมที่หลับตาได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้าห้องมาก่อนจะรู้สึกถึงแรงยุบตัวของเตียงนอน


“ใช่ เธอไม่สบายหรือเปล่า”


“นิดหน่อยครับ พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”


“เรียกท่านหมอมาตรวจอาการดีไหม ฉันกลัวเธอจะไม่สบายหนัก ถ้าเธอเป็นอะไรไปฉันคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่” น้ำเสียงห่วงใยทำให้ผมต้องลุกขึ้นนั่งคุยกับฮาฟแม้จะเพลียมากขนาดไหนก็ตาม


“ฮาฟ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆครับ แค่เพลียนิดหน่อย ขอพักก่อนนะครับ แต่ถ้าฮาฟกลัวว่าผมจะเป็นอะไรไปก็มาเป็นหมอนข้างให้ผมมาครับ” ผมฉุดแขนฮาฟที่ไม่ทันตั้งตัวจนล้มลงนอนก่อนจะล้มตัวนอนทับช่วงอกฮาฟแล้วก่ายเหมือนฮาฟเป็นหมอนข้างที่หอพักในโรงเรียน


“ระ ราส ฉะ ฉันว่ามันไม่ดีนะที่เธอกับฉันจะมานอนกอดกันแบบนี้”


“อย่าดิ้นนะฮาฟ ผมเพลียมากจริงๆ ผมจะพักครับ อย่ากวนได้ไหม”


“ก็ปล่อยฉันก่อนสิราส แบบนี้มันแปลกนะ ราส ราส ให้ตายสิ” ผมปล่อยให้ฮาฟบ่นต่อไปคนเดียว ทีแรกก็ว่าจะแกล้งฮาฟหรอกนะครับ แต่พอได้นอนแบบนี้แล้วมันสบายก็เลยปล่อยเลยตามเลยแทน จนรู้สึกว่าจากผมที่กอดกลายเป็นฮาฟที่จัดท่านอนใหม่ ผมซุกหน้าเข้ากับอกของคนที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นแล้วหลับไปพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากตัวเอง





   ครบกำหนดการมาอยู่ที่ดินแดนมนุษย์แล้วครับ เมื่อผมหายดีคุณสายลมก็มาบอกข่าวเรื่องการเคลื่อนไหวของฝั่งกบฏพวกนั้นว่ากำลังตามหาสัตว์ที่หายไปและสาเหตุที่หายไปด้วย ดูท่าจะวุ่นวายกันพอดูเลยละครับ


“คิดอะไรอยู่” เสียงคุ้นหูดังตรงหน้า นี่ผมเหม่อเดินข้ามแดนมาถึงท่านจอมมารตอนไหนกัน หันกลับไปก็เจอฮาฟที่กำลังโบกมือให้ ผมโบกมือกลับก่อนฮาฟจะหันกลับไป


“พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงงานแต่งงานของลูกสาวเจ้าเมืองที่เมืองถัดไป”


“ครับ” แล้วบอกผมทำไมครับ แน่นอนผมไม่ได้ถามออกไป


“เราจะเดินทางไปพักที่เมืองนั้นกันก่อน ไม่ได้กลับปราสาทในวันนี้”


“ครับ” แล้วคืออะไรครับ ทำไมต้องพาไปด้วยละครับ


“ดูเหมือนพลังเวทย์ของเธอจะแปลกไปนะ”


“หืม คุณสัมผัสถึงพลังเวทย์ผมได้ด้วยหรอครับ”


“พวกเราชาวปีศาจสามารถมองเห็นไอเวทย์ของทุกคนได้แต่จะเห็นมากน้อยก็แล้วแต่ระดับพลังของตัวเองและฝ่ายตรงข้าม สำหรับฉันที่มีพลังจัดอยู่ในระดับสูง ย่อมมองเห็นพลังเวทย์ในตัวทุกคน”


“คุณเห็นเวทย์ผมแบบไหนกันถึงคิดว่าแปลก”


“ปกติเธอจะมีไอเวทย์สีขาวจางๆไม่สามารถสัมผัสได้มากนักแต่ก็แยกประเภทของเวทย์ไม่ได้อยู่ดี แต่วันนี้ไอเวทย์ของเธอกลับจางกว่าเดิมจนแทบมองไม่เห็น เธอไปทำอะไรมา” ท่านจอมมารที่นั่งอยู่บนรถม้าฝั่งตรงข้ามถามแล้วมองมาด้วยสีหน้าจริงจัง


“มันอธิบายยากนิดหน่อยนะครับ”


“ฉันคิดว่าตัวเองมีความรู้พอที่จะเข้าใจมัน” แหมบอกมาว่าอยากฟังก็ได้ครับ


“คือ ตอนที่ผมเกิดมาจนถึงอายุสิบสามทุกอย่างก็เป็นแบบพ่อมดเด็กทั่วไปจนมาถึงพิธีปลุกพลังของพวกเราชาวเวทย์ ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่มีเวทย์”


“ไม่มีเวทย์ ยังไงกัน” อัลทำสีหน้าสงสัยแต่ทำไมผมคิดว่ามันน่ารักละครับ


“อะแฮ่ม คือในตอนที่ทำพิธีมีการตรวจสอบเวทย์ ปรากฏว่าไม่มีเวทย์ชนิดไหนบ่งบอกว่าผมมีมันเลย มีแค่หมอกสีขาวจางปรากฏเท่านั้น”


“แต่เธอใช้เวทย์ได้” ก็จริงที่ท่านจอมมารจะสงสัยเพราะผมพึ่งจะใช้ให้เขาเห็นไปเมื่อสัปดาห์ก่อนเองนี่ครับ


“มันเป็นคำสาป”


“หืม คำสาป”


“ผมบอกแล้วยังไงละครับว่าอธิบายยาก เอาง่ายๆว่า พลังเวทย์ของผมไม่สามารถตรวจสอบได้เพราะมีคำสาปที่ติดตัวผมมาติดอยู่ แต่ผมสามารถใช้เวทย์ของผมได้เหมือนเดิม แล้วก็ที่ท่านจอมมารว่ามา อาจจะเพราะช่วงนี้ผมใช้เวทย์บ่อยและมากเกินไปด้วยเลยทำให้คำสาปน่าจะจางไปพอสมควร”


“ใช้เวทย์มากไปแล้วเกี่ยวอะไรกับคำสาป”


“คนรู้จักของผมที่อิลเทียร์เคยบอกกับผมว่าคำสาปชนิดนี้มันเป็นคำสาปที่ติดมาตั้งแต่เกิดแต่ไม่ได้มีผลอะไรกับผมมากและจะหายไปเอง”


“เป็นคำสาปที่แปลกมาก แต่เอาเถอะในเมื่อมันหายไปก็ดี แต่เรื่องที่ไอเวทย์เธอจางจนมองไม่เห็นแทนที่จะเข้มขึ้นตามสีเวทย์ก็เป็นอีกเรื่องเช่นกัน แต่ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเอาเป็นว่าถ้าพร้อมจะเล่าให้ข้ากับฮาฟฟังเมื่อไหร่ก็บอกด้วยแล้วกัน”


“ครับ” เหมือนจะคาดคั้นเอาคำตอบแต่ก็ปล่อยให้ผมตัดสินใจเสมอ ความจริงแล้วท่านจอมารก็อ่อนโยนขัดกับบุคลิกน่าดูเลยละครับ





   หลังจากนั้นรถม้าที่เรานั่งมาก็มาถึงที่พักที่ ที่นี่เป็นตัวตึกสีขาวที่ดูเหมือนจะมีหลายห้องคล้ายกับโรงแรมที่ดินแดนผมเหมือนกัน


“ตามมา” ผมเดินตามท่านจอมมารไปจนถึงห้องหนึ่ง ถึงจะสงสัยแต่ก็ตามเข้าไปอยู่ดี


“เราจะพักกันที่ห้องนี้”


“เราหรอครับ”


“ใช่ ทำไม กลัวข้าหรือ”


“เปล่าครับ ทำไมต้องกลัวท่านด้วย ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมไม่แยกห้องเอง”


“สิ้นเปลืองเปล่าๆ”


“ออ งก”


“ทำไมปากคอเราะร้ายจังนะราส อยากโดนลงโทษที่กล่าวหาข้ารึไม่”


“จะทำอะไรครับ ถอยออกไปนะครับ”ผมเดินถอยหลังหนีจอมมารที่ไม่ยอมหยุดเดินมาทางผม


“ลงโทษไง”


“ก็บอกว่า เหวอ” ตุบ มันจะเป็นใจไปแล้วนะครับ ใครก็ได้มาเอาเตียงออกไปที แล้วท่านจอมมารจะรีบมาอะไรตอนนี้ ลงไปจากตัวผมเลยนะครับ นี่เด็กนะครับ อาณาจักรผมถือว่าผิดกฎหมายนะครับ


“หืม เห็นชอบแกล้งหยอกฮาฟ ที่ไหนได้แกล้งข้าด้วยหรือพ่อมดน้อย”


“ลุกออกไปเลยนะท่านจอมมาร ผมไม่เล่นแบบนี้นะครับ”


“ใครบอกว่าข้ากำลังเล่นกับเธอกันเด็กน้อย นี่ข้ากำลังจะลงโทษเธออยู่นะ”


“ไม่เห็นจะเป็นการลงโทษตรงไหนเลยครับ นี่ท่านกำลังรังแกเด็กอยู่นะครับ”


“ที่นี่คือรัสเทียรมิใช่อิลเทียร์ของเธอนะพ่อมดน้อย กฎหมายของอาณาจักรอื่นไม่เกี่ยวข้องกันหรอกนะ ที่นี่สามารถมีคู่ครองได้ตั้งแต่สิบขวบปี และเธอก็เกินมาแล้วด้วย”


“ตะ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ใช่คู่ครองกันนี้ครับ มันไม่เกี่ยวกันเลยนะครับ” นี่ผมไปตกลงเป็นคู่ครองกับท่านจอมมารเมื่อไหร่กันครับ


“ใครบอกกัน เธอเป็นคู่ครองของข้าตั้งแต่แรกพบหน้ากันแล้วต่างหาก”


“เอ๋ ท่านจะบ้าหรือไง ปล่อย”


“ดิ้นไปเถอะ โอกาสแบบนี้หายากนัก”


“อัลไม่เล่นนะครับ ผมกลัวแล้วนะ” ผมรีบบอกตอนที่ท่านจอมมารก้มหน้าเข้ามาจนเกือบจะชิดกัน


“เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง ข้าถึงไม่อยากปล่อยไปไหนไกลสายตา”


“อัลปล่อยก่อนนะครับ ไม่เอาแล้ว”


“เลิกดิ้นก่อนราส ข้าเหนื่อยกับงานมากเกินไป ขอพักสักหน่อยแล้วกัน”


“แต่” หลับหนีกันไปแบบนี้ก็ได้หรอครับ นี่เป็นกรรมของผมสินะครับ คิดจะแกล้งฮาฟให้เป็นหมอนข้างตัวเองเลยโดนอัลจับมาเป็นหมอนข้างแบบนี้แทนกัน ฮือออออออ





ผ่านมาจนถึงเวลางานเลี้ยง ที่นี่ห่างจากสถานที่จัดงานไม่ไกลเราเลยมีเวลาเดินเล่นในตัวตลาดก่อนพอสมควร ผมลากท่านจอมมารมาเดินเล่นไปด้วยกันและดูเหมือนท่านจอมมารจะเป็นที่รักของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดมากด้วยครับ


“ใกล้เวลาแล้วกันเถอะ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามอัลไปที่รถม้า เราเดินทางกันไม่นานก็ถึง อัลลงไปก่อนแล้วส่งมือมาให้ผมจับ ผมก็จับตามมารยาทแม้จะดูแปลกๆก็ตาม


บรรยากาศในงานต่างจากที่ดินแดนของผมพอสมควรเพราะมีเหล่าปีศาจหลากหลายเผ่าพันธุ์กำลังพูดคุยบ้างก็เดินไปมาและเมื่อมองไปที่อาหารการกินก็มีหลายอย่างที่แปลกตา เข้างานเลี้ยงมาสิ่งแรกที่ผมพุ่งเป้าไปคือของกินครับ ใช่ครับมันสำคัญมากจริงๆ


“มองอะไรกัน ตามข้ามาได้แล้ว” อัลกุมมือผมให้เดินตามไป


พอเหล่าปีศาจเห็นผู้นำของตนก็หยุดกิจกรรมที่กำลังทำแล้วก้มตัวทำความเคารพพร้อมส่งสายตาสงสัยมาที่ผมที่เดินอยู่ข้างกายทั้งที่มือของเรายังจับกันอยู่ ไม่กล้าปล่อยครับกลัวโดนกิน มีสายตาบางตนที่มองมาแล้วหันไปถามว่ากันว่าผมเป็นชาวมนุษย์หรือไม่


“ท่านจอมมาร เป็นเกียรติยิ่งนักที่ท่านสละเวลาอันมีค่ามางานเลี้ยงงานแต่งงานของลูกสาวข้าวันนี้”


“ตามสบายเถอะ” หลังจบคำพูดทุกอย่างก็กลับมาปกติ ทุกคนหันกลับไปทำกิจกรรมของตนต่อ แต่ก็มีเยอะพอสมควรที่ลอบมองมาที่ผมบ่อยครับ


“ท่านจอมมารไม่ทราบว่าเด็กน้อยข้างกายท่านคือผู้ใดหรือเจ้าค่ะ” เสียงของหญิงสาวใบหน้าหมดจดจนผมอดที่จะมองไม่ได้ สวยมากครับ ใครกัน


“ยินดีด้วยที่ออกเรือน นี่เป็นพ่อมดน้อยจากอาณาจักรอิลเทียร์ ตอนนี้เป็นสหายเรา”


“อ่าพ่อมดน้อยหรอกหรือ พวกข้านึกว่าเป็นมนุษย์เสียอีก” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นไม่มากนักแต่ก็พอที่ผมกับอัลจะได้ยิน สายตาที่มองมาเลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะเมื่อหมดความสงสัยก็กลายเป็นเอ็นดูแทน


“ตอนนี้เป็นสหาย ชี้แนะข้าที่โง่เขลาด้วยเถิดท่านจอมมาร” คราวนี้เป็นตัวเจ้าเมืองที่สงสัยคำพูดนั้นของท่านจอมมารไม่ได้ ผมก็งงนะครับ ทำไมต้องตอนนี้


“ก็ตอนนี้เป็นเพียงสหาย แต่ภายภาคหน้าอาจจะเป็นมากกว่านั้น” ไอ้สายตาวาววับแบบนั้นคืออะไรกันครับ


“คู่ครองหรือเจ้าคะ” จะขยี้กันไปทำไมครับคุณผู้หญิง เหลือตัวเลือกอื่นให้ผมบ้างก็ได้


“เจ้าตกลงหรือไม่กัน”


“มันไม่เกี่ยวกับผมนะครับท่านจอมมาร” ผมเถียงทันทีที่จอมมารถามผมพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์นั่น


“เกี่ยวสิมันเป็นเรื่องของข้ากับเธอนะ”


“อัล ถ้ายังไม่เลิกแกล้งผมจะเคืองแล้วนะครับ”


“นี่ข้ากำลังจริงจังอยู่นะ”


“อัล” ผมเรียกชื่อท่านจอมมารเสียงดังเพราะเริ่มจะหงุดหงิด แถมยังเริ่มจะร้อนที่หน้าแล้วด้วย ผมหันหน้าหนีก่อนจะคว้าแก้วน้ำที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของผมมาดื่มแก้เขิน


“หึหึ” ยังไม่เลิกขำอีก


“อึก” อยู่ดีๆก็รู้สึกชาไปทั้งตัว มึนงง สายตาเริ่มพล่าเลือน


“ราส เป็นอะไรไป”


“อะ อัล อัก” ผมกระอักเลือดออกมาก่อนจะสำลักอากาศที่พยายามหายใจเข้าไป อัลที่นั่งด้นข้างรีบเข้ามาประคองตัวผม


“ทหารตามหาคนร้ายเดี๋ยวนี้ ราส ราส เธอเป็นยังไง ราส นำทางข้าไปที่ห้องพักแล้วรีบตามหมอมา” เสียงของอัลที่สั่งงานก่อนจะรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองลอยได้


“ทำใจดีๆไว้นะราส เธอต้องไม่เป็นอะไร”


“อัล อึก”ผมเรียกชื่ออัลก่อนที่สติจะดับไป





ร่างบางของเด็กหนุ่มในอ้อมแขนหมดสติไปแล้ว ข้ารีบวางร่างของราสลงบนที่นอนก่อนที่หมอจะรีบเข้ามาตรวจอาการ


“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”ข้ารีบถามอาการทันทีที่หมอตรวจเสร็จ


“มียาพิษปนอยู่ในกระแสเลือดพะยะค่ะท่านจอมมาร ตอนนี้ต้องรีบขับพิษออกจากเลือดก่อนที่จะหนักกว่านี้พะยะค่ะ”


“ท่านรีบจัดการโดยเร็วเถอะ” ข้าร้อนใจมากขึ้นเมื่อผิวกายของราสเริ่มที่จะซีดลงทุกนาที

“แค่ก” เสียงไปพร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากมุมปากของร่างที่นอนอยู่ยิ่งบีบหัวใจของข้ามากขึ้นก่อนที่ร่างนั้นจะมีแสงสีขาวคลุมทับร่างกาย


ข้าและคนที่เหลือในห้องต่างถอยหนีแสงนั้นเพราะเดิมที่พวกเราเหล่าปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตจากความมืด ไม่ถูกกับเวทย์แสงอยู่แล้ว เมื่อเจอเวทย์แสงเข้มข้นและรุนแรงเช่นนี้จึงทำให้ร่างกายของเราสูญเสียพลังเวทย์ไปไม่ใช่น้อย


ข้าที่มีพลังเวทย์มากที่สุดในที่นี่รีบดันตัวทุกคนให้หลบออกไปให้ห่างจากเตียงหรือแสงนั่นจะส่องถึง เวลาผ่านไปไม่นานจากแสงสีขาวจ้าก็พลันมีเส้นแสงสีฟ้าใสเข้ามาพันเกี่ยวไปทั่วร่างของราส ก่อนที่แสงทั้งหมดจะหายไปในเวลาต่อมา





“แค่ก” ผมลืมตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกตัว ยังมีอาการเหนื่อยล้าที่ตกค้างในร่างกายจนยากที่จะขยับตัวตามใจ


“เป็นอย่างไรบ้างราส” เสียงของอัลที่ดังอยู่ข้างตัวเรียกสายตาให้ผมหันไปมอง


“อัลหรอ”


“ใช่ข้าเอง เธอนอนไปได้วันเดียวเองนะ ไหวหรือเปล่า” นี่ผมหลับข้ามวันเชียวหรอครับ ดูท่าครั้งนี้จะหนักเกินกว่าร่างกายจะรับไหวสินะครับ


“ผมดีขึ้นแล้วครับ แต่ขอพักอีกสักหน่อยก่อนนะครับ”


“งั้นข้าจะออกไปตรวจงานข้างนอก เธอนอนพักจนกว่าจะดีขึ้นแล้วกัน มีอะไรเรียกสาวใช้ได้เลย”


“ครับ” ผมส่งยิ้มให้อัลเพื่อความสบายใจว่าผมดีขึ้นพอสมควรแล้ว


หลังจากที่ร่างสูงของจอมมารเดินออกไปรอมยิ้มบนหน้าผมก็หายไปทันที ในน้ำนั้นมียาพิษ ทำไมถึงมีได้ละเมื่อไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นใคร หรือว่าจ้องจะทำรายจอมมารกันแน่


“คุณสายลม อยู่ไหมครับ”


“ข้าอยู่ข้างกายนายท่านเสมอขอรับ”


“ผมมีเรื่องจะวานให้ช่วยหน่อยครับ”


“บอกแก่ข้าได้ทุกเรื่องที่ท่านปรารถนาขอรับนายท่าน”


“ผมอยากรู้เรื่องในครั้งนี้ วานคุณสายลมช่วยหาข้อมูลให้ผมหน่อยนะครับ”


“ได้ขอรับนายท่าน ส่วนเรื่องทางดินแดนมนุษย์ข้าฝากพี่น้องข้าช่วยจัดการแทนแล้วขอรับนายท่าน ทางนั้นยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรมากไปกว่าตามหาคนที่ลอบเข้าไปทำลายแผนการพวกมันเท่านั้นขอรับนายท่าน”


“ขอบคุณนะครับคุณสายลม”


“ข้าเต็มใจเสมอนายท่าน”
  สิ้นเสียงผมก็นอนพักตามที่บอกกับจอมมารไป จนรู้สึกว่าร่างกายเริ่มที่จะขยับได้มากขึ้นแต่ยังไม่เหมือนปกติเท่าไหร่


“ข้ามาตามเธอไปทานอาหารเย็น ฮาฟติดงานมาเยี่ยมเธอไม่ได้หวังว่าจะเข้าใจ ฝากมาบอกแบบนี้”


“ครับ ผมเข้าใจ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมาด้วย”


“อืม ข้าจะพาไป” ท่านจอมมารเข้ามาพยุงร่างกายของผมทั้งที่ผมหายดีแล้วพอสมควร จนมาถึงห้องทานอาหาร


เราต่างคนต่างกินจนหมด แล้วก็แยกย้ายกันไปนอนพัก ผมที่นอนมาทั้งวันก็ได้แต่นั่งฟื้นฟูพลังของตัวเองต่อไปจนแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาบ่งบอกว่าวันเวลาได้ผ่านมาอีกหนึ่งวันแล้ว


“เมื่อคืนเธอได้นอนพักหรือเปล่า” เสียงของจอมมารดังขึ้นที่ทางเข้าห้องผมจนผมต้องละสายตาจากภายนอกหน้าต่างกลับมาสบตากับคนตรงหน้าที่เดินมาทรุดตัวลงบนเตียงข้างกัน


“ผมนอนไม่หลับ”


“เฮ้อ เอาเถอะ ถ้าร่างกายไม่ทรุดก็ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ” ผมที่รู้ว่าอัลน่าจะมาตามไปกินข้าวเพราะถ้าว่างอัลจะมารับผมแบบนี้เสมอ


เราต่างใช้เวลาในแต่ละอย่างไปเรื่อยๆ ดูเหมือนวันนี้อัลจะมีเรื่องให้ทำเยอะพอสมควร เพราะส่งผมที่ห้องเสร็จก็รีบออกไปทำงานต่อทันที ผมเคยบอกอัลแล้วว่าไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้เพราะมันจะกลายเป็นผมมาถ่วงเวลาทำงานของอัลมากกว่าเดิม แต่บอกไปก็เท่านั้นเพราะดูเหมือนอัลจะไม่สนใจเท่าไหร่ในเรื่องนี้


“นายท่าน สายลมมีเรื่องมารายงานขอรับ”


“ว่ามาเลยครับคุณสายลม”


“ข้าสอบถามจากพี่น้องที่อยู่บริเวณนั้นจนได้ความว่า มีผู้สั่งการให้นำเครื่องดื่มแก้วนั้นไปจัดวางให้กับท่านจอมมารจริงขอรับตามที่ท่านสงสัย แต่มีการผิดพลาดกลายเป็นนายท่านที่ดื่มเข้าไปแทน”


“ผู้สั่งหรอครับ พอจะสืบหาตัวได้ไหมครับ ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับผู้นำกบฏฝ่ายปีศาจ”


“ข้าสืบเรื่องนั้นมาด้วยแล้วขอรับ เป็นทหารขั้นกลางที่พอจะรู้จักกันในหมู่ทหารว่ามีนิสัยที่จริงจังพอสมควรขอรับ จากข้อมูลได้ชื่อมาด้วยขอรับ ราฟานอส โดเกท ขอรับนายท่าน”


“ราฟานอส โดเกทหรอครับ งั้นจับตามองต่อไปด้วยนะครับ ตอนนี้เราก็รู้ถึงหัวหน้าของกบฏทั้งสองดินแดนแล้ว ผมคิดว่าที่อิลเทียร์ก็ต้องมีผู้นำฝ่ายนั้นที่ร่วมมือกันด้วยเหมือนกัน ผมจะลองติดต่อกับท่านจอมเวทย์อีกทีนะครับ ขอบคุณมากนะครับคุณสายลม”


“ขอรับนายท่าน”
พ้นจากงานขององค์รัชทายาทแล้วผมก็ต้องเดินทางกลับไปที่โรงเรียนเพราะครบกำหนดหนึ่งเดือนพอดีที่ทำภารกิจ ถึงจะยังหาของสำคัญไม่เจอก็ตาม หินวิเศษไม่เรืองแสงแถมท่านจอมเวทย์ยังบอกไม่น่าจะถูกอีก


ผมถึงยังหาไปเรื่อยๆทั้งที่รู้จุดประสงค์ของท่านจอมเวทย์ที่ส่งผมมาแล้วก็ตาม นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมคิดว่าจะต้องคุยกับท่านจอมเวทย์เมื่อกลับถึงอาณาจักรอิลเทียร์ด้วยเหมือนกัน


TBC.

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
่อยากอ่านต่อ มาเร็วๆ นะ :pig4:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ่านไปอ่านมาสนุกกว่าที่คิดแฮะ น้องราสดูเหมือนจะ op แต่ก็มีข้อจำกัดในตัวเองเหมือนกัน

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#13


   และแล้วก็มาถึงวันงานแล้วครับ กระผมราสเต้ พ่อมดฝึกหัดที่ถูกส่งมาทำภารกิจต่างแดนจะขอทำหน้าที่ผู้บรรยายในที่นี้นะครับ ก่อนอื่น อาหารเยอะมากครับ มีทั้งอาหารว่าง อาหารหลัก ผลไม้ ขนมหลากหลายชนิดที่จัดเตรียมไว้ตอนที่เริ่มงานเลี้ยงหลังเสร็จพิธี


ผมที่ทำหน้าที่สหายที่ดีด้วยการอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทตลอดเวลาแม้กระทั่งเวลานอนครับ บางทีผมก็ไม่เข้าใจหน้าที่ผมเท่าไหร่นะครับ นี่ผมมาช่วยเตรียมงานหรือมาเที่ยวก็ไม่รู้นะครับ


“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้กันพ่อมดน้อย”


“สวัสดีครับท่านพระราชา” ผมหันกลับไปมองคนที่เดินเข้ามาทักด้านหลัง อะไรหว่าก็เห็นคุยกับคนที่มาร่วมงานตรงนั้นนี่ มาเร็วจัง


“อืม สวัสดีพ่อมดน้อย แล้วไม่ไปอยู่กับท่านจอมเวทย์หรือ ท่านมาแล้วนะ”


“จริงหรือครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมรีบขอตัวแล้วส่องสายตาหาท่านจอมเวทย์ที่ชอบแกล้งผม อ้ะ เจอตัวแล้ว


“สวัสดีครับท่านจอมเวทย์ ผมหวังว่ากลับไปครั้งนี้คงมีเรื่องคุยกันเยอะเลยนะครับท่านจอมเวทย์”


“อ่าวสหายตัวน้อย ทำไมทำหน้าทำตาแบบนั้นกันละ เอาละๆ ข้าจะหาของไถ่โทษให้เธอแล้วกันดีไหม”


“นั่นเป็นสิ่งที่ท่านต้องทำครับ แต่เรื่องคุยผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยด้วยจริงๆ แต่เอาไว้กลับไปที่อิลเทียร์ก่อนนะครับ”


“ได้ๆ ข้าก็มีเรื่องอยากคุยกับเจ้าเยอะแยะเหมือนกัน ไม่ได้เจอหน้ากันนานเกือบเดือน ทำไมเจ้าไม่โตขึ้นบ้างละสหายตัวน้อย”


“ท่านจอมเวทย์” ผมเคืองนะครับ มาว่ากันแบบนี้ได้ยังไง


“พวกท่านจะกลับอิลเทียร์เมื่อไหร่กัน”


“โอ้ท่านจอมมาร มาถึงแล้วเช่นกันหรือ พวกข้าจะกลับหลังเสร็จงาน อาจจะเป็นพรุ่งนี้หรือมะรืนก็ได้”


“เช่นนั้นท่านจอมเวทย์ช่วยกำหนดวันแล้วบอกแก่ข้าด้วย เพราะข้าคิดไว้ว่าจะเดินทางร่วมกับท่านเช่นกัน”


“ได้ ข้าจะบอกแก่ท่านแน่นอน” อะไรคือรอยยิ้มน่าขนลุกแบบนั้นกันครับท่านจอมเวทย์ ท่านกำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่ใช่ไหมครับ


“พิธีจะเริ่มแล้ว พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะครับ ท่านจอมเวทย์ ท่านจอมมาร” ผมไม่รอให้อัลแกล้งหรอกนะครับ รีบเดินหนีมาก่อนเลย


ตอนนี้มีคนทยอยเดนทางมาเข้าร่วมพิธีครั้งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนที่นั่งด้านในห้องโถงของพระราชวังเต็มไปจนเกือบถึงด้านนอกแล้ว


“ข้าขอสาบานว่าจะดูแลปกป้องอาณาจักรฟาซอลเทียร์แห่งนี้ด้วยชีวิตและจิตวิญญาณของตัวข้านี้ เพื่อความสงบสุขของประชาชนของข้า” คำกล่าวพิธีรับมงกุฎตามที่ฮาฟได้ซ้อมอยู่ทุกวันถูกกล่าวออกมาจนเสร็จสิ้น


พิธีการสำคัญต่างๆก็เสร็จสิ้นแล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาของงานเลี้ยงที่ประชาชนที่เข้าร่วมงานได้ดื่มกินตามสบาย


“จากนี้ข้าก็เป็นเพียงตาแก่แล้วสินะท่านจอมเวทย์ ท่านจอมมาร”


“อย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลยท่านพระราชา ยังไงท่านก็ยังไม่ได้แก่ชราเยี่ยงที่ท่านกล่าวเสียหน่อย” ผมมีความรู้สึกว่าภาพตรงหน้าคล้ายงานเลี้ยงน้ำชาของสองสหายวัยปลดเกษียรซะละครับ อย่าได้พูดไปนะครับ ไม่ดีๆ


“ฉันเหนื่อยมากเลย คือนี้มานอนด้วยกันนะ” เป็นแบบนี้มาตั้งแต่รู้ว่าหลังเสร็จงานผมจะกลับอิลเทียร์ละครับ ฮาฟชอบที่จะขอมานอนห้องเดียวกับผมเสมอและก็หาข้ออ้างได้ตลอดด้วยเหมือนกัน


“จริงหรือพระราชาคนใหม่ ท่านเหนื่อยก็ควรได้รับการพักผ่อนเหตุใดจึงต้องให้ราสเข้าไปรบกวนด้วย ข้าว่าให้ราสมานอนกับข้าดีกว่า จริงไหม” ผมว่าเรื่องนี้น่าจะไม่เกี่ยวกับนะครับ ทำไมถึงต้องลากไปด้วยละครับเนี่ย


“ไม่ดีหรอกท่านจอมมาร ข้าว่าให้ราสนอนกับข้านะดีแล้ว”


“นอนกับข้าดีกว่าพระราชา”


“เลิกเถียงกันครับ ผมจะนอนคนเดียว”ง่ายที่สุดแล้วครับ


“ไม่ได้/ไม่ได้”


“อย่าพึ่งเถียงกัน ต่อหน้าประชาชนควรรักษาเกียรติด้วยท่านพระราชา ท่านจอมมาร อย่าให้ถูกนำไปนินทาได้ ส่วนเรื่องนอนก็นอนด้วยกันทั้งสามคนง่ายที่สุด ไม่ดีหรือ”


“ความคิดดีท่านจอมเวทย์ ข้าเห็นด้วย”


“ตกลง”


“แต่ผมว่า”


“อะไรกันสหายตัวน้อย เจ้าไม่คิดแบบข้าหรือ”


“ก็ได้ครับ” ฝากไว้ก่อนนะท่านจอมเวทย์ หึ้ย





เป็นไปตามที่ตกลงครับ ตอนนี้ผมกลายเป็นหมอนข้างของราชาสองดินแดนไปแล้วครับ ฮาฟอยู่ทางด้านขวาอัลอยู่ทางด้านซ้ายและผมที่อยู่ตรงกลาง มันอุ่นนะครับเพราะตอนนี้ก็เริ่มหนาวแล้ว และมันทำใจหลับยากครับ ก็ใจมันเต้นแรงขนาดนี้กลัวทั้งสองคนจะได้ยินด้วย


“นอนไม่หลับหรือ”


“เหมือนผมจะยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่เลยครับอัล”


“หาอะไรทำไหมละราส”


“ท่านคิดสิ่งใดอยู่กันพระราชา”


“คิดสิ่งที่ท่านก็คิดนั่นแหละจอมมาร”


“หึหึ/หึหึ”


“นอนครับ ผมง่วงแล้ว” ไอ้สายตาน่ากลัวแบบนั้นช่วยเลิกทำทีเถอะครับ


“นอนก็นอน  โตพอเมื่อไหร่ไม่ปล่อยแน่ๆ”


“ฮาฟนอน”


“หนาวจัง”


“จริงด้วยจอมมาร อากาศคืนนี้หนาวจริงๆ”


“หนาวก็ห่มผ้ากันสิครับ จะมากอดผมทำไมกัน”


“ก็พวกข้ากลัวเธอหนาวไง นี่พวกข้าหวังดีนะ”


“ตามสบายครับ” ผมที่เริ่มง่วงไม่คิดจะเถียงแล้วละครับ


“ฝันดี/ฝันดี” สิ้นเสียงห้องนอนก็ตกอยู่ในความเงียบ ในเวลาไม่นานทั้งสามร่างก็จมสู่ห้วงนิทราตามกันไป





   ตอนนี้ผมอยู่บนรถม้าแล้วครับ เราออกเดินทางจากพระราชวังกันแต่เช้ามืดเพราะไม่อยากเสียเวลาตอนข้ามเขตแดนกลัวจะมืดเสียก่อน


ตอนนี้ภายในรถม้ามีสามราชาของสามดินแดนนั่งมาพร้อมกับผมด้วยเช่นกัน ผมไม่ค่อยจะเข้าใจว่าราชาทั้งสองจะตามมาด้วยทำไม จนผ่านไปหลายชั่วโมงก็ถึงพระราชวังของท่านจอมเวทย์เราแยกย้ายกันไปตามที่พัก ส่วนผมใช้เวทย์วาร์ปกลับไปเก็บของที่หอพักตัวเองแทน ดูเหมือนรัลจะยังไม่กลับมาจากการทำภารกิจเลยนะครับ


“สัปดาห์หน้าก็จะเปิดเรียนแล้ว นักเรียนหลายคนน่าจะเริ่มกลับมาจากทำภารกิจแล้วสินะ”


“ครับท่านจอมเวทย์” ผมที่วาร์กลับมาที่ห้องทำงานของท่านจอมเวทย์ตอบกลับเมื่อนั่งลงเก้าอี้เรียบร้อย


“เอาละมีเรื่องอะไรก็พูดมาได้”


“ที่ท่านส่งผมไปทำภารกิจ ตามจริงแล้วเพราะผมเป็นเด็กในคำทำนายสินะครับ”


“อ่า ดูเหมือนเจ้าจะรู้แล้ว ตามนั้น พอข้าได้ยินว่าเจ้ามีคุณสมบัติตามที่คำทำนายบอกข้าก็ส่งเจ้าไปเพื่อตรวจดูว่าจะใช่หรือไม่ ตามจริงข้าก็น่าจะบอกเจ้าก่อนละนะ เรื่องนี้ข้าผิด ข้าขอโทษด้วย”


“ครับ เรื่องนี้ผมพอจะรู้อยู่แล้ว งั้นผมมีคำถามอีกข้อ ขอให้ตอบตามความสัตย์จริง ถ้าท่านคิดว่าผมเป็นเด็กในคำทำนาย ท่านก็ต้องช่วยเหลือผมไถ่โทษที่ท่านส่งผมไปโดยไม่บอกอะไร”


“ได้ ข้าจะตอบตามที่เจ้าต้องการ” ผมสังเกตสีหน้าท่าจอมเวทย์ตลอดเพื่อจับพิรุธแต่ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย


“ผู้นำกบฏชาวเวทย์คือใคร”


“อ่า ข้าก็ตามหาเช่นกันเพราะข้าคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับอดีตกาลด้วยตามบันทึกที่สืบทอดมาเหมือนกัน”


“ท่านคิดว่าเกี่ยวข้องกับสงครามเมื่อหมื่นปีก่อนหรือครับ”


“ใช่ เพราะจากบันทึกให้รายละเอียดทั้งตอนที่เกิดสงคราม ระหว่างเกิดสงคราม และหลังเกิดสงคราม ได้ระบุไว้เกี่ยวกับการคิดที่จะล้มล้างการปกครองทั้งสามดินแดนและรวมดินแดนเป็นหนึ่งเพื่อตัวเองของหัวหน้าฝ่ายกบฏในครั้งนั้น และทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ ชาวเวทย์เราก็ทำการตรวจสอบจนเจอสิ่งเชื่อมโยงที่ทางสองดินแดนไม่เจอไว้มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังตามหาคนที่คิดแบบนั้นอยู่ไม่เจอเสียที”


“ท่านจะบอกว่าชาวเวทย์เราอาจจะไม่เกี่ยวข้องหรือครับ”


“ไม่ใช่แบบนั้น ข้าแค่อยากจะบอกว่าข้าหาผู้นำกบฏที่เจ้าว่าในหมู่ชาวเวทย์ไม่เจอต่างหาก”


“งั้นคงต้องใช้เวลาพอสมควรเลยสินะครับกว่าจะตามตัวเจอ”


“แล้วเจ้ารู้ตัวผู้นำกบฏอีกสองดินแดนแล้วหรือ”


“เป็นบุคคลต้องสงสัยเท่านั้นครับ ยังระบุแน่นอนไม่ได้”


“อืม งั้นมีอะไรที่ข้าพอจะช่วยได้หรือมีข่าวยังไงข้าจะรีบบอกเจ้าแล้วกัน”


“ครับ”


“นี่ก็จวนจะได้เวลาอาหารค่ำแล้ว เอาไว้เจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อนเปิดเรียนแล้วค่อยกลับแล้วกันนะ”


“ครับท่านจอมเวทย์” ไม่มีจริงหรือผู้นำกบฏทางนี้ แล้วเวทย์ที่ใช้ในการจับกุมสัตว์ปีศาจเหล่านั้นจะมีได้ยังไงกัน เวทย์ของปีศาจกับเวทย์ของพ่อมดมีกลิ่นอายเวทย์ต่างกันมาก ถ้าไม่ใช่ขั้นสูงไม่สามารถสัมผัสมันได้ก็จริงแต่ก็มีวิธีตรวจสอบมากมายที่ระบุได้


ผมว่ากลุ่มคนที่ท่าจอมเวทย์ส่งไปต้องมีสายอยู่แน่นอนครับ ผมว่าดูท่าแล้วอีกไม่นานพวกมันน่าจะต้องเริ่มเคลื่อนไหว แล้วผมก็คิดว่าน่าจะเป็นที่ที่เราคาดไม่ถึงในการนัดเจอ


“คุณสายน้ำครับ อยู่ไหมครับ”


“สายน้ำอยู่เจ้าค่ะนายท่าน”


“ผมรบกวนคุณสายน้ำช่วยตรวจสอบตามแหล่งน้ำทุกที่บนอาณาจักรกับเขตติดต่อใกล้เคียงได้ไหมครับ”


“ได้เจ้าค่ะนายท่าน ว่าแต่เรื่องอะไรหรือเจ้าค่ะ”


“ผมอยากให้คุณสายน้ำสังเกตบุคคลต้องสงสัยที่พูดคุยเกี่ยวกับการเมืองการปกครองของทั้งสามดินแดนที่ไม่ใช่ในทางที่ดีได้ไหมครับ”


“เจ้าค่ะนายท่าน แล้วข้าจะรีบมารายงานต่อนายท่านโดยเร็วที่สุดเจ้าค่ะนายท่าน”


“ขอบคุณนะครับคุณสายน้ำ”


“ด้วยความเต็มใจเจ้าค่ะ”
ขอให้สิ่งที่ผมคิดเป็นจริงด้วยเถอะครับ เพราะผมไม่รู้จะไปสอดส่องทางไหนแล้วเหมือนกัน



TBC.

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอตอนต่อไป  :katai5:

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#14


   สวัสดีครับกระผม ราสเต้ เจ้าเก่าเจ้าเดิมไม่เพิ่มเติมไม่พิเศษอะไรทั้งสิ้น วันนี้ถือเป็นวันพักผ่อนของผมเลยละครับ เพราะอีกสามวันโรงเรียนก็จะเปิดเรียนตามปกติแล้วอีกทั้งวันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนที่ท่านจอมมารและพระราชาจะกลับอาณาจักรด้วย อ่า หาอะไรทำด้วยกันดีนะ


“ฮาฟครับ อัลครับ สนใจไปเดินตลาดกันไหมครับ”


“หืม เอาสิ” อัลที่กำลังนั่งอ่านหนังสือข่าวการเมืองของอาณาจักรอิลเทียร์อยู่หันมาตอบก่อนจะก้มลงไปใหม่


“ได้สิ”ฮาฟที่กำลังจิบกาแฟยามเช้าดื่มด่ำกับธรรมชาติในสวนในเขตพระราชวังของท่านจอมเวทย์ ตอบผมเบาๆ


“งั้นถ้าออกไปแบบนี้อาจจะดูวุ่นวายไป เรามาปลอมตัวกันเถะครับ” มันน่าสนุกมากเลยละครับ


“ปลอมตัว ยังไง” ฮาฟเป็นคนถามเพราะอัลแค่ทำหน้าสงสัย


“ก็แต่งตัวด้วยชุดของชาวพ่อมดธรรมดาไงครับ จะได้ดูกลมกลืนกับชาวบ้านทั่วไป เท่านี้เราก็จะเดินเล่นได้สบายไม่ต้องมาคอยระแวงรอบตัว อีกทั้งยังได้ลองใช่ชีวิตแบบคนธรรมดาด้วยยังไงละครับ”


“ก็เป็นความคิดที่ดี ไม่น่าเชื่อเธอจะคิดได้เหมือนกัน”


“อัลครับ ทำไมชอบว่าผมละ ผมจะงอนนะ”


“เลิกทะเลาะกันเถอะทั้งสองคน”


“แต่อัลว่าผมก่อนนะครับฮาฟ”


“เอาละๆ ฉันว่าเราไปเตรียมตัวกันก่อนดีกว่าจะได้รีบไป”


“งั้นผมรีบไปดีกว่า” จบคำร่างบางก็วิ่งหายกลับเข้าไปนตัวตึกทิ้งไว้แต่ร่างสูงของชายหนุ่มสองคนด้านหลังที่เดินตามมาเงียบๆไม่รีบร้อนอะไร


“วันนี้ผมจะทำหน้าที่คนนำเที่ยวเองครับ” ยืดครับยืดเข้าไปนานๆทีจะได้เป็นผู้นำบ้าง ก็นี่อาณาจักผมนี่ครับ ผมต้องรู้ดีอยู่แล้ว


“งั้นเธอก็ช่วยเดินต่อได้แล้ว ดูเหมือนแถวจะเริ่มติดนะ”


“อุ้ย ตามมาครับตามมา ผมจะพาไปร้านเครื่องประดับเวทย์”


“ทำไมต้องไปที่นั่นกัน”


“ฮาฟนี่ไม่รู้อะไรเลยนะครับ ที่นั่นนะมีเครื่องประดับเวทย์มากมายเลยนะครับ มีทั้งเวทย์เสริมพลัง เวทย์สื่อสาร หรือเวทย์คุ้มครอง พวกพลังเหล่านั้นจะอยู่ในรูปแบบเครื่องประดับที่เราจะพกพาได้ง่ายๆไงละครับ”


“จะพาพวกข้าไปหาเครื่องประดับคู่รักงั้นหรือ”


“มะ ไม่ใช่สักหน่อยครับอัล ผมก็แค่อยากจะพาไปดูเท่านั้นเองครับ” แล้วหน้าจะร้อนทำไมละเนี่ย


“หึหึ นำทางสิ” ผมรีบเดินนำทางทั้งสองคนมาทางร้านขายเครื่องประดับเวทย์ ภายในร้านช่วงสายๆคนจะยังไม่เยอะเท่าตอนเวลาเย็นที่หลายคนเลิกงานจะเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น


“อ่าว เจ้าราส ข้าคิดว่าใครเสียอีก วันนี้จะมาซื้ออไรกันละ”


“สวัสดีครับคุณลุงยอร์ช วันนี้ผมพาลูกค้ามาฝากครับ”


“ฮ่าๆๆ เข้าใจพูดดีๆ ตามสบายแล้วกัน ข้าจะเข้าไปจัดของสักหน่อยฝากดูหน้าร้านด้วย”


“ได้ครับ”


“ดูเหมือนเธอจะสนิทกับเจ้าของร้านนะ มาบ่อยหรือไง”


“เปล่าหรอกครับอัล ผมไม่ค่อยได้เข้ามาในเมืองบ่อยหรอกครับ ลุงยอร์ชเขาเป็นเพื่อนของพ่อผมที่เคยอยู่ที่บ้านเกิดผมอีกทีนะครับ เลยรู้จักกันอยู่บ้าง”


“หรอ ข้าก็นึกว่าเจ้ามาซื้อเครื่องประดับพวกนี้บ่อยเสียอีก”


“แล้วอัลจะมาหงุดหงิดใส่ผมทำไมกันละครับ”


“ดูเหมือนจะมีคนขี้หึงอยู่แถวนี้นะครับ จริงไหมราส”


“ฮาฟ เจ้าอยากประลองกับข้างั้นรึ”


“อัลข้ายังไม่ได้เอ่ยถึงท่านเลยนะ”


“พอครับพอ เลิกเถียงกันแล้วมาเลือกของกันเถอะครับ มันรบกวนลูกค้าคนอื่นด้วย”


“งั้นเธอก็นำไปสิของที่อยากให้ดูหนะ”


“ครับๆตามมาครับ ตามมา” ผมเดินนำทั้งสองคนมาในช่องที่เก็บพวกเครื่องประดับที่เกี่ยวกับเวทย์คุ้มครอง


“เครื่องประดับที่อยู่ในโซนนี้จะเป็นประเภทเวทย์คุ้มครอง มันจะช่วยตามชื่อมันเลยครับ คุ้มครองหลายๆด้าน อย่างเช่นแหวนวงนี้ จะคุ้มครองด้านสุขภาพ กำไลนี้จะคุ้มครองด้วยการป้องกันอุบัติเหตุ ตามที่เขียนไว้บนกล่องเลยครับ เอาละพวกท่านก็เลือกดูเอาได้นะครับ”


“ไหนๆเราก็มาที่นี่แล้ว แล้วพรุ่งนี้พวกข้าก็ต้องเดินทางกลับอีก ทำไมเราไม่มาหาเครื่องประดับที่ใส่ไว้แล้วระลึกถึงกันดีกว่าไหม”


“งั้นเอาเป็นต่างหูไหมครับ ที่แบบข้างเดียว อืม แบบันนี้ไหมครับ เป็นคริสตัลสีฟ้าใส อันนี้จะช่วยด้านสุขภาพกับการเดินทางด้วยพอดี” ผมหยิบเอาต่างหูที่มีขนาดเล็กพอดีผู้ชายสามารถใส่ได้และไม่เด่นจนผิดสังเกต อีกทั้งพลังเวทย์คุ้มครองก็ดีด้วย


“งั้นเอาเจ้าต่างหูนี่สามอันใส่คนละข้างแล้วกัน” อัลหยิบต่างหูมาสามกล่องแล้วเดินไปจ่ายเงินทันทีไม่รอใคร ผมกับฮาฟก็ได้แต่เดินตามมาทีหลัง


   พอออกจากร้านนั้นเราก็แวะไปตามร้านอื่นๆจนมาจบช่วงบ่ายที่ร้านอาหารขึ้นชื่อของเมือง


“เอาอาหารจานนี้ จานนี้ แล้วก็จานนี้ส่วนน้ำขอเป็นน้ำเปล่าก็พอครับ” ผมสั่งอาหารเพราะอัลกับฮาฟบอกแล้วแต่ผม


เราพูดคุยเรื่องทั่วไปจนอาหารมา เราจัดการตามความหิวของแต่ละคนจนเกลี้ยง จ่ายเงินเสร็จก็ออกมา ค่าอาหารผมขอให้หารเพื่อความยุติธรรมเพราะเครื่องประดับอัลเป็นคนจ่าย เสื้อผ้าฮาฟจ่าย ผมยังไม่ได้จ่ายก็ย่อมจะหงุดหงิดนิดหน่อย ก็ผมตั้งใจพาทั้งสองคนมาเที่ยวนี่ครับ ไม่ได้พาทั้งสองคนมาจ่ายเงินเสียหน่อย


พอใกล้จะค่ำเราก็กลับมาที่พระราชวังของท่านจอมเวทย์แวะทักทายพูดคุย ก่อนจะแยกย้ายกันอาบน้ำ ทานอาหารเย็นก่อนจะเข้ามานอน ผมที่โดนลากมานอนห้องของอัลเพราะฮาฟก็มาด้วย เหตุผลง่ายๆครับ


“พรุ่งนี้พวกข้าจะกลับแล้ว มาเป็นหมอนข้างของพวกข้าซะดีๆ” ตามที่อัลบอกมาครับ ขัดได้ซะที่ไหนกัน


“ผมเริ่มง่วงแล้วนะครับ จะนั่งมองหน้ากันอีกนานไหม”


“ก็ฉันอยากจะมองหน้าเธอไปนานๆก่อนที่เราจะแยกกันพรุ่งนี้นี่”


“อย่าทำเหมือนเราจะไม่ได้เจอกันสิครับ อ่าจริงสิ เรามาต่างหูกันดีกว่า” ผมหยิบต่างหูของพวกเราขึ้นมาจับการเจาะหูตัวเอง ดีนะครับร่ายเวทย์รักษาไว้ก่อนไม่งั้นมีร้องไห้แน่เลย


“ใส่ให้ข้าบ้างสิ” อัลยื่นต่างหูพร้อมกับเอียงหูด้านขวามาให้ ผมร่ายเวทย์รักษาให้อัลก่อนจะใส่เพราะอัลก็ไม่ได้เจาะหูมาก่อนเหมือนผม


“เสร็จแล้วครับ”


“ขอบคุณ” จุ๊บ อัลก้มลงมาฉกริมฝีปากผมโดยที่ห้ามไม่ทัน


“อัล”ผมได้แต่เม้มปากหน้าร้อนไม่กล้ามองหน้าอัล


“ไม่ได้ๆ แบบนี้ขี้โกง ฉันใส่ไปเองแล้วด้วย แต่ต้องได้เหมือนกัน”


“อ้ะ” ผมที่โดนฮาฟโอบเอลแล้วชะโงกหน้ามากดจูบที่ริมฝีปากแม้พวกเขาจะเพียงแค่สัมผัสด้านนอกเท่านั้น แต่ใจผมสั่งไหวอย่างรุนแรงมากเลยทีเดียว


“นอนกันเถอะ” อัลบอกแล้วล้มตัวลงนอน ฮาฟก็เหมือนกัน เหลือแต่ผมที่ยังนั่งตกใจไม่หาย จะรุกกันเร็วเกินไปแล้วนะครับ


“ถ้าไม่รีบนอนจะชวนทำอย่างอื่นแล้วนะราส” สิ้นเสียงอัลผมรีบล้มตัวลงนอนตรงกลางแล้วหลับตารวดเร็ว ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากฮาฟ พวกเขารวมหัวกันแกล้งผมนี่นา




เช้าวันต่อมา ขบวนรถม้าก็เตรียมพร้อมเดินทาง พวกเราล่ำลากันอีกเล็กน้อยก่อนที่จอมเวทย์จะอ้างเวลาจนพวกเขาทั้งสองคนกลับไปจนได้


“ไม่น่าเชื่อว่าปีศาจที่โหดเหี้ยมกับมนุษย์ที่สุภาพแบบนั้นจะเปลี่ยนไปเพราะเจอเธอนะสหายตัวน้อย”


“เปลี่ยนหรอครับ ผมก็เห็นทั้งสองคนเป็นแบบนี้ตั้งแต่เจอกันแล้วนะครับ อัลไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นสักหน่อยถึงจะขี้แกล้งแต่ก็ใจดี ส่วนฮาฟก็เหมือนหมาป่าที่จ้องตะครุบเหยื่อดีๆนี่ละครับสุภาพตรงไหน แต่แกล้งแล้วสนุกนะครับ”


“เพราะเป็นเธอยังไงละ พวกเขาถึงแสดงออกมาแบบนั้น ข้าเห็นนะของแทนใจพวกนั้นที่ใส่กันอยู่”


“ของแทนใจอะไรกันครับ”


“ก็เมื่อวานพวกเธอไปเดทกันมามิใช่หรือ”


“หวา แค่เที่ยวครับ ไม่ใช่เดทสักหน่อย”


“ใครๆก็ดูออกว่าพวกเธอเหมือนคู่รักที่พากันไปเดทมากกว่า แถมยังมีของแทนใจไว้เหมือนกันทั้งสามคน นี่ข้าต้องเตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาวอีกไม่นานละสินะเนี่ย”


“ท่านจอมเวทย์ ผมไม่คุยด้วยแล้วครับ เจอกันวันหน้านะครับ ลาก่อน” จะอยู่ให้โดนแซวอีกทำไมละครับ      วาร์ปหนีกลับมาที่หอพักเลย ดีนะครับ รัลยังไม่กลับมา


ผมจัดการจัดของเข้าที่จนเรียบร้อยก่อนจะนอนทบทวนบทเรียนบนเตียง แต่กลับมีแต่ช่วงเวลาที่พวกเราสามคนอยู่ด้วยกันเต็มหัวไปหมด หวานี่พวกคุณสองคนจะทำให้ผมตกหลุมรักไปถึงไหนกันครับ งื้อออออ




TBC.

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#15


   สวัสดีครับทุกท่าน กระผมพ่อมดฝึกหัดนามว่าราสเต้คนเดิมเพิ่มเติมคือเราผ่านสัปดาห์เปิดเรียนมาได้สองอาทิตย์แล้วครับ ตอนนี้เป็นช่วงกลางสัปดาห์และวันนี้ก็เป็นการทดสอบการต่อสู้ในชั้นเรียนด้วยละครับ


“เอาละวันนี้อาจารย์จะให้แบ่งทีมละสามคนนะ เมื่อได้แล้วก็มาเข้าแถวด้านหน้าได้เลย” สิ้นเสียงอาจารย์ก็เกิดความชุลมุนพอสมควรเพราะการทดสอบถ้าได้คนที่แข็งแกร่งไปอยู่ทีมด้วยผลสำเร็จก็ต้องมากขึ้นกว่าเดิม


“ราส มาอยู่กับพวกเราไหม”


“ขอบคุณนะที่นึกถึงเรา รัล เรน่า” ผมส่งยิ้มให้รัลกับแฟนสาว ที่เห็นว่าคบกันตอนที่ไปทำภารกิจด้วยกันละครับ อิจฉาจัง


“พูดอะไรแบบนั้นกันคะ เราเป็นเพื่อนกันนี่คะ จะทิ้งกันได้ยังไง จริงไหมรัล”


“ใช่ ถ้าไม่มีนายเราสองคนก็ไม่ได้มายืนเรียนทุกวันนี้หรอกนะ”


“อื้ม” ผมยิ้มให้ทั้งสองคน หลังจากที่คิดว่าจะลองเปิดใจเพราะไม่อยากยึดติดกับอดีต ดูเหมือนผมจะเจอเพื่อนสนิทแล้วละครับ


“เอาละ ถ้าครบแล้วก็มาเริ่มกันต่อ วันนี้เราจะทดสอบด้วยการต่อสู้กับสัตว์เวทย์ขั้นกลางกัน โดยอาจารย์จะส่งพวกเราไปที่ป่าเวทย์จำลอง ในนั้นจะมีแค่สัตว์ป่าขั้นกลางเท่านั้น เตรียมตัวให้พร้อม ถ้าทีมไหนไม่ไหวให้บอกอาจารย์จะเรียกกลับมา ส่วนใครที่สามารถจัดการสัตว์เวทย์ได้ครบห้าตัวถือว่าผ่าน เอาละ พร้อมกันรึยัง”


“พร้อมแล้วครับ/ค่ะ”


“งั้นหลับตาได้” สิ้นเสียงผมก็รู้สึกวูบคล้ายกับตอนให้เวทย์วาร์ปครั้งแรก วงแหวนเคลื่อนย้ายของอาจารย์นี่ท่าจะหนักสำหรับคนไม่เคยใช้น่าดู


“อ้วก”


“รัลไหวไหม” เรน่าถามรัลที่ทำท่าจะลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับส่งเวทย์รักษาช่วยเหลือ เรน่ามีเวทย์แสงขั้นต้นกับเวทย์เวทย์น้ำขั้นกลางครับ


เวทย์แสงขั้นต้นจะสามารถรักษาได้แค่อาการเบื้องต้นเท่านั้น ขั้นกลางจะสามารถรักษาบาดแผลให้ปิดสนิทและสามารถสร้างวงแหวนเวทย์ที่ผสมกับเวทย์มืดขั้นกลางเพื่อเกิดมิติบิดเบือนได้ ส่วนเวทย์แสงขั้นสูงสามารถรักษาอาการได้ทุกชนิด รวมทั้งชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตได้ถ้าไม่เกินห้านาทีหลังจากตาย


“ขอบคุณเรน่า ผมดีขึ้นมากเลย”


“งั้นผมว่าเราไปกันต่อไหมครับ อยู่กลางแจ้งแบบนี้น่าจะอันตราย”


“ตามที่ราสว่า เรารีบไปหาที่หลบหน่อยดีกว่า”


เราสามคนเดินเข้ามาในตัวป่าสักพักก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาไม่ไกลดูท่าจะมีคนเริ่มต่อสู้กับสัตว์เวทย์แล้ว


“ราสหลบไปด้านหลังพวกเราไว้ นายไม่มีเวทย์เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเอา”


“แต่ว่า”


“ตามที่รัลบอกราสคอยช่วยหาจุดอ่อนของเจ้าสัตว์เวทย์ให้พวกเรานะค่ะ เราจะโจมตีล่อมันไว้ให้เอง”


“ครับ” ผมถอยห่างออกมาด้านหลังต้นไม้เพื่อช่วยเหลือตามที่พวกเขาบอก ผมยังไม่ได้บอกใครเรื่องเวทย์ แถมไม่มีใครพอจะมาฟังผมด้วยละครับ


“บ้าน่า” เสียงของรัลเรียกสายตาผมกลับไปที่สองคน ภาพตรงหน้าดูน่ากลัวเกินที่พวกเราจะทนได้ สัตว์เวทย์กระต่ายป่ากว่าสิบตัวกระโดดมาที่กลุ่มของพวกเรา


“ตามพฤติกรรมแล้วพวกมันจะอยู่กันไม่เกินห้าตัว ที่มาพร้อมกันแบบนี้แปลว่าทีมที่จัดการด้านหน้าคงเสร็จพวกมันไปแล้วแน่เลย”


“รัล เรน่า วิ่งมาที่ผมเร็วครับ” ไม่ได้การถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราซวยแน่


“เราจะทำยังไงต่อกันละทีนี้”


“บาเรีย” ผมไม่ได้ตอบคำถามของเรน่าเพราะมีกระต่ายเวทย์บางตัวปล่อยลูกไฟมาทางนี้แล้ว


“เหวอ” เสียงร้องตกใจของรัลที่กลัวว่าจะโดนย่างสดดังขึ้นก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นว่ามีเกราะใสคลุมพวกเราอยู่


“เวทย์ลมนี่หน่า ราส มันยังไงกัน”


“เอาไว้เสร็จแล้วค่อยคุยกันดีไหม ผมขอจัดการพวกกระต่ายเวทย์ก่อนนะครับ” ผมไม่ได้ฟังคำตอบอะไรอีก เพ่งสมาธิไปที่กระต่ายที่พยายามโจมตีพวกเราไม่หยุดหย่อนด้านหน้าสิบตัว


“กักขัง” “สลาย” ผมร่ายเวทย์ลมกักขังกระต่ายสิบตัวพร้อมกันทำเอาลมหายใจเริ่มจะติดขัดเพราะใช้เวทย์ลมขั้นกลาง ก่อนที่จะใช้เวทย์มืดขั้นสูงสลายสิ่งที่อยู่ในส่วนที่กักขังของเวทย์ลม


ฟุบ ร่างของผมทรุดตัวลงทันที เนื่องจากหน่วงเวทย์ลมขั้นกลางเพื่อทำบาเรียกับกรงขังพร้อมกับใช้เวทย์มืดขั้นสูงสลายอีก ร่างกายที่ยังไม่คุ้นชินกับพลังเวทย์หนักหน่วงขนาดนี้ที่ใช้พร้อมกันสองเวทย์เลยออกอาการหมดเรี่ยวแรง


“ราส”


“ผมยังไหวครับ ขอพักก่อนนะ” เราสามคนนั่งพักกันจนลมหายใจผมกลับมาปกติ แต่เวทย์แสงก็ยังคงรักษาร่างกายต่อไปเพราะความอ่อนล้าจากการใช้พลังเกินขีดจำกัดร่างกายส่งผลพอสมควร


“ตอนที่ผมไปทำภารกิจมา ผมสามารถใช้เวทย์ได้ครับ”


“นายมีเวทย์ลมกับมืดหรอราส”


“อ่า ประมาณนั้นครับรัล”


“ขอโทษนะที่ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย”


“ไม่เป็นไรครับเรน่า เราเพื่อนกันนี่ครับ”


“จ้ะ” เรายิ้มให้กัน ผมคิดว่าดีแล้วที่ได้เป็นเพื่อนกับทั้งสองคนเพราะดูเหมือนจะให้ความเป็นส่วนตัวกับผมมากพอสมควร รู้ว่าควรถามตอนไหนอะไรบ้างที่ควรรู้


“งั้นพวกเรากลับกันเถอะครับ” ผมบอกกับอีกสองคนก่อนจะปาหินย้อนกลับที่อาจารย์ให้แต่ละทีมมาเมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบ


“เจอกันวันพรุ่งนี้นะ รัล ราส” เรน่าโบกมือลา เพราะตอนนี้ก็ใกล้เวลาเลิกเรียนของวันนี้แล้ว


“ราสเต้ หนึ่งชั่วโมงหลังทานอาหารเย็นเสร็จไปพบผู้อำนวยการที่ห้องประชุมครั้งก่อนด้วยนะ”


“ครับ อาจารย์” ผมรับคำทั้งที่ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก ไม่น่าลืมตัวใช้เวทย์มืดขั้นสูงเลยสิครับ โธ่!!!!



TBC.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องราสสสส ทำไมน่ารักอย่างงี้เล่า

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#16

   สวัสดีครับ กระผมพ่อมดฝึกหัดนามราสเต้คนเดิมเพิ่มเติมคือโดนเรียกตัวครับ ตอนนี้ผมมายืนอยู่ที่หน้าห้องประชุมครั้งก่อนที่โดนพามา แต่ครั้งนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างหลังประตูบานนี้


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ขออนุญาตครับ” ผมบอกคนในห้องก่อนตามมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไป


“มาแล้วหรือ นั่งสิ” ภายในห้องมีผู้อำนวยการ ตัวแทนจากสภาเวทย์อาวุโสที่พอจะคุ้นหน้าตอนเข้าไปหาท่านจอมเวทย์ นักเวทย์ที่ทำพิธีครั้งนั้นกับผม


“ขอบคุณครับ” ผมนั่งลงที่เก้าอี้ว่างด้านหนึ่งของโต๊ะประชุม ทุกสายตาต่างจดจ้องมาที่ผมด้วยความสงสัยมากมาย


“เราจะขอถามเธอเรื่องพลังเวทย์ของเธอ”


“ครับ” ผมตอบรับตัวแทนจากสภาเวทย์อาวุโส


“เธอสามารถใช้เวทย์ได้ พวกเรารู้มาจากการทดสอบในวันนี้ที่เธอใช้เวทย์ลมขั้นกลางกับเวทย์มืดขั้นสูง”


“ครับ ผมใช้จริง”


“แต่ตอนที่ตรวจสอบทั้งสามครั้ง เธอไม่มีเวทย์”


“ผมสามารถใช้เวทย์ได้เหมือนคนทั่วไปครับ ผมเริ่มใช้เวทย์ตอนที่ถูกส่งทำภารกิจที่ดินแดนมนุษย์กับปีศาจครับ”


“ทำไมถึงออกไปทำภารกิจที่นั่นกัน เธอเป็นแค่นักเรียนปีสี่นะ ใครเป็นคนส่งเธอไป”


“เรื่องนี้ทางท่านจอมเวทย์เป็นคนสั่งการลงมาครับ ท่านสภาเวทย์อาวุโส” ผู้อำนวยการรีบบอกเรื่องภารกิจอ้างท่านจอมเวทย์ทันที


“ท่านจอมเวทย์อย่างนั้นหรือ เธอไปทำภารกิจอะไรมาละ”


“ท่านจอมเวทย์ส่งให้ผมไปตามหาสิ่งสำคัญของราชาสองดินแดนครับ กับช่วยเหลืองานของพระราชาองค์ใหม่ในวันรับตำแหน่งครับ”


“แล้วเธอทำภารกิจสำเร็จไหม”


“ไม่ครับ เพราะความจริงท่านจอมเวทย์บอกว่าแค่ส่งไปดูลาดเลาครับ” งานนี้ท่านจอมเวทย์ได้ตอบคำถามยาวกว่าผมแน่ครับ


“เอาละ ข้าคิดว่าเจ้าไม่น่าจะรู้เรื่องอะไร งั้นก็ถือว่าพลังเวทย์ของเจ้ามีเช่นนักเรียนทั่วไป ที่เหลือข้าคิดว่าจะต้องถามจากท่านจอมเวทย์เองมากกว่า เจ้าไปพักเถอะ”


“ครับ” ผมทำความเคารพก่อนจะเดินออกมา







   วันนี้เป็นวันเริ่มสัปดาห์ใหม่ละครับ ตื่นมารับแสงแดดยามเช้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ วันนี้เป็นการเรียนเรื่องสื่อเวทย์ละครับ


ผมที่ตอนนี้สามารถใช้เวทย์ได้เลยแอบออกไปซื้อสื่อเวทย์ไม้ ที่เป็นแท่งไม้สีดำธรรมดาไม่มีราคาแพงอย่างคนอื่น เพราะตามจริงแล้วผมไม่ต้องใช้แค่กลบเกลื่อนเท่านั้น


“วันนี้เราจะมาลองร่ายเวทย์กันต่อจากครั้งที่แล้วกันนะ รอบนี้จะมาลองบทที่ยาวมากขึ้นเพื่อช่วยหน่วงเวทย์จากสื่อเวทย์ของพวกเธอ”


“ครับ/ค่ะ”


นักเรียนทำตามที่อาจารย์ซิลเวอร์บอก ผมที่ตอนนี้มีเวทย์แล้วก็ทำตามเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น บางทีการใช้สื่อเวทย์ก็ยุ่งยากนะครับ เราต้องถ่ายพลังเวทย์ของเราไปที่สื่อก่อนถึงจะใช้ได้


“เอาละ ใครที่ไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ เอาที่ตัวเองรับไหวพอ” อาจารยเดินดูแต่ละคนที่เริ่มทำการหน่วงเวทย์ โดยการสร้างดวงเวทย์ของแต่ละคนออกมา มีหลากสีสันตามเวทย์ของแต่ละคนที่หน่วงไว้ บางคนมีขนาดใหญ่เพราะเริ่มพัฒนาการหน่วง บางคนเล็กเพราะยังไม่คุ้นชิน


“การหน่วงเวทย์มีความจำเป็นอย่างยิ่งเมื่อเราต้องใช้เวทย์บทใหญ่ เพื่อลดภาระการร่ายเวทย์หลายครั้งการหน่วงไว้จะดีกว่าแต่ก็เพิ่มภาระร่างกายตัวผู้ร่ายด้วย ดังนั้นต้องทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วย


ในเวทย์ขั้นกลางของทุกเวทย์จะสามารถสร้างบาเรียเพื่อปกป้องตัวผู้ร่ายเวทย์ได้แต่ก็จะกินพลังเวทย์และเรี่ยวแรงของผู้ใช้มากขึ้น และเวทย์ที่ใช้การหน่วงน้อยที่สุดแต่แข็งแกร่งคือบาเรียจากเวทย์ลม ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ผู้ใช้เวทย์ลมมี และจะพบผู้ใช้เวทย์ลมขั้นกลางประจำอยู่ในแนวป้องกันในกองทัพเสมอ”


อาจารย์ซิลเวอร์ยังคงเดินดูพร้อมกับสอนพวกเราไปเรื่อยๆและแนะนำให้กับนักเรียนที่ยังไม่สามารถทำได้เท่าที่ควร


“เป็นยังไงบ้างราสเต้ ไหวไหม”


“ไหวครับอาจารย์”


“อย่าฝืนนะ เข้าใจไหม”


“ครับ” ผมยิ้มเพื่อยืนยัน จะไปฝืนยังไงละครับ ผมส่งเวทย์ลมเข้าไปในไม้นิดเดียวเพราะมันจะเกินขนาดเพื่อนคนอื่นไป สบายมาก มีสื่อเวทย์ก็ดีถึงจะยุ่งยากแต่ลดการใช้เวทย์พอสมควร เพราะส่งเวทย์ไปที่สื่อแล้วก็พอไม่ต้องใช้ต่อแบบปกติ


“เอาละ พอกันแค่นี้ ถ้ามีเวลาว่างก็หาเวลาฝึกกันต่อได้ แต่ห้ามทำเกินกำลังตัวเองเด็ดขาด เพราะมันอันตราย เลิกเรียนได้”


“ขอบคุณครับ/ค่ะ”


“ไปทานมื้อเที่ยงกัน” เรน่าเดินเข้ามาเรียกผมกับรัลที่นั่งพักอยู่ด้านหลังขั้นเรียน


“ครับ” ผมตอบก่อนจะเดินตามคู่รักไป


เราทานอาหารกันตามปกติ ก่อนจะพากันมาที่ชั้นเรียนต่อไป


“ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ ไปกันก่อนเลย”


“โอเคจ้ะ” ผมเดินมาอีกทาง ก่อนจะเข้าห้องน้ำ แต่พอเดินออกมา


โพล๊ะ เสียงกระถางต้นไม้ที่ไม่รู้มาจากไหนร่วงลงมาที่ทางเดินตรงที่ผมเดินผ่านมาพอดี อะไรกัน ลมแรงหรือยังไง ผมที่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ก็เดินต่อ จนใกล้จะถึงชั้นเรียน มีนักเรียนรุ่นน้องวิ่งกันมาตามทางเดิน ผมที่ไม่ได้สนใจกำลังจะเปิดประตู อึก


“กรี๊ด” เสียงร้องจากเพื่อนร่วมชั้นที่เห็นภาพผมที่กำลังเปิดประตู อะไรกัน แล้วทำไมถึงเจ็บที่ช่วงท้องได้ เลือด


“ราส มันเกิดอะไรขึ้น เลือด ท้องนาย ราส” รัลรีบเข้ามาพยุงร่างกายผมที่ทำท่าจะยืนไม่ไหว


“พาราสเต้ไปห้องพยาบาลก่อนเร็ว ส่วนพวกเธอตามมาที่ห้องอาจารย์” อาจารย์ที่ได้ยินเสียงความวุ่นวายเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์จึงพาตัวเด็กนักเรียนเจ้าของอาวุธไปคุมตัวที่ห้องพักครู


“ตายแล้ว รีบพาไปที่เตียงเลย” รัลกับเพื่อนร่วมห้องที่ผมจำชื่อไม่ได้ที่เข้ามาช่วยพยุงผมมาที่ห้องพยาบาลวางผมลงที่เตียงตามที่เจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลบอก เธอเดินเข้ามาใช้เวทย์แสงในการห้ามเลือดและรักษาอาการต่อตามขั้นตอน


เวลาผ่านไปไม่นาน พร้อมกับยาที่ถูกส่งมาให้พร้อมน้ำเปล่า ผมดื่มน้ำตาทันทีที่กินยาเข้าไป อี๋ ไม่ชอบเลย


“ดีขึ้นไหม”


“ครับ ขอบคุณนะครับ”


“ไม่เป็นไรจ้ะ นั่งพักให้ดีขึ้นก่อนเถอะ ส่วนบาดแผลฉันจัดการรักษาแล้วไม่นานจะทิ้งรอยไว้ แต่อาจจะมีอาการเจ็บเป็นบางครั้ง แต่เล็กน้อย”


“ครับ” ผมนั่งพักพลางทบทวนเหตุการณ์ ก่อนที่จะเดินตามรัลที่เฝ้าผมอยู่ที่นี่ไปที่ห้องพักอาจารย์


“ขออนุญาตครับ” รัลพูดก่อนจะเปิดประตูเข้าไปตามด้วยผม


“ไม่เป็นอะไรร้ายแรงนะราสเต้”


“ครับ อาจารย์”


“เอา บอกพี่เขาไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น”


“ขอโทษนะครับรุ่นพี่ พวกเราเล่นกันมา แต่ว่ามีดที่เราเล่นกันมันเป็นของปลอมนะครับ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง”


“ครูตรวจสอบดูแล้วว่ามันเป็นของเล่นจริงๆ แต่ก็ต้องส่งตรวจอีกที”


“ครับอาจารย์ พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว พวกน้องไม่ต้องร้องไห้นะครับ” ผมยิ้มปลอบเด็กที่เป็นคนแทงผม


“ครับ รุ่นพี่”


“เอาละ ครูจะทำโทษที่วิ่งเล่นบนทางเดินจนเกิดเรื่องแบบนี้ ทำความสะอาดโรงยิมต่อสู้หนึ่งเดือน ทั้งคู่เลย”


“ครับ อาจารย์” เด็กทั้งสองคนรับคำ


“เอาละแยกย้ายกันไปเรียนได้ ส่วนราสเต้ ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรเพิ่มเติมครูจะเรียกมาคุยนะ ส่วนอาการถ้ามีอะไรผิดปกติก็ให้มาแจ้งครูด้วย”


“ครับ ขอบคุณนะครับอาจารย์” ผมเดินออกมาพร้อมรัล เราพูดคุยกันจนถึงห้องเรียน และเริ่มเรียนในช่วงบ่ายเพราะว่าใช้เวลารักษาบวกกับพักอีกจนหมดคาบแรก






   อีกสองวันต่อมาผมก็ต้องมาพบกับท่านจอมเวทย์ที่ได้ยินข่าวเรื่องของผม ผมว่าเรื่องไม่ได้ดังขนาดที่ท่านจะได้ยินนะครับ ผมว่าท่านต้องส่งคงตามผมแน่นอน


“อาการเป็นยังไงสหายตัวน้อย”


“ผมเป็นปกติแล้วครับท่านจอมเวทย์ ได้เวทย์รักษาของเจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลช่วยพอดีครับ”


“อืม ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง”


“แล้ววันนื้ท่านจอมเวทย์มีอะไรรึเปล่าครับ ถึงเรียกผมมา”


“พอดีข้าได้ยินเรื่องเธอพอดี แล้วก็ทางสภาเวทย์อาวุโสรู้เรื่องที่เธอเป็นเด็กในคำทำนายแล้วนะ จะมาโทษข้าไม่ได้ด้วยเพราะเธอเป็นคนโยนมาให้ฉันตอบเอง”


“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรท่านจอมเวทย์เลยนะครับ ช่างเถอะครับ ยังไงสักวันคนอื่นก็ต้องรู้อยู่ดี”


“ถ้าอย่างนั้นก็ลองให้แพทย์หลวงตรวจอาการของเธออีกหน่อยนะ เพื่อความสบายใจของข้า”


“ครับท่านจอมเวทย์” เอาที่ท่านจะสบายใจเลยครับ ขัดไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าไม่เพราะความเป็นห่วงผมไม่ยอมนะครับท่าน




TBC.

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#17


   สวัสดีครับ กระผมราสเต้คนเดิมเพิ่มเติมคือเหตุการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นกับผมช่วงนี้ครับ ตามร่างกายของผมถ้ายังเหลือร่องรอยน่าจะเกือบทั้งตัวแล้วครับ


ตอนที่กระถางต้นไม้ตรงทางเดินหล่นลงมาก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนที่โดนรุ่นน้องแทงด้วยของเล่นก็คิดว่าเรื่องบังเอิญ แต่มาหลังจากวันที่เข้าพบท่านจอมเวทย์วันต่อมาก็มีแต่เรื่องที่ทำให้ผมบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆตลอด


เช้าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ เลยทำให้ผมต้องนอนเหงาอยู่ที่ห้องพักคนเดียว จะว่าไปไม่ได้เข้าไปในป่านานแล้วหลายวัน คิดถึงจังเลยนะครับ


“ยินดีต้อนรับครับนายท่าน”


“สวัสดีครับคุณทรีมอส พวกคุณสัตว์อสูรด้วยนะครับ” ตอนนี้สัตว์ปีศาจกลับไปอยู่ในถิ่นอาศัยเดิมกันแล้วครับ ดูเหมือนคุณทรีมอสจะจัดการเรื่องความปลอดภัยให้ด้วยเพราะที่อยู่ของสัตว์ปีศาจอยู่ใกล้กับเขตป่านี้พอดี


“วันนี้มาพักผ่อนหรือขอรับ ข้าได้ข่าวเรื่องอาการบาดเจ็บมาด้วย ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”


“แค่โดนชนนิดหน่อยครับคุณสัตว์อสูร ไม่มีอะไรหรอกครับ”


“แต่ข้าคิดว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา ข้าคิดว่าคล้ายกับมีคนจงใจทำร้ายร่างกายนายท่านอยู่”


“ใช่ๆ พวกข้าก็คิดเหมือนท่านทรีมอสเช่นกัน”


“ผมก็เคยคิดเหมือนทุกคนนะครับ แต่ผมยังไม่มั่นใจเรื่องคนร้ายฝั่งนี้ด้วยสิครับ”


“นายท่านเจ้าค่ะ มีเรื่องด่วนมารายงานเจ้าค่ะ”


“มีอะไรหรือครับคุณสายน้ำ” เสียงคุณสายน้ำดังสะท้อนให้สิ่งมีชีวิตในเขตป่าบริเวณรอบคุณทรีมอสและผมพอจะได้ยิน


“เรื่องที่นายท่านมอบหมายให้สายน้ำจับตาดูความเคลื่อนไหวตามสายน้ำในครั้งก่อน เมื่อวานตอนดึกมีกลุ่มคนน่าสงสัยนัดพบกันบนเรือที่ล่องแม่น้ำจากทางตอนเหนือของอาณาจักรไปจนถึงบริเวณท่าท้ายหมู่บ้านตลาดเมืองเจ้าค่ะ”


“กลุ่มคนน่าสงสัย ยังไงครับ” ชักจะตื่นเต้นแล้วสิครับ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ผมคิดไว้ด้วยละครับ


“จากการสังเกต การแต่งกายดูเหมือนจะมีทั้งคนในอาณาจักรเราและอาณาจักรข้างเคียงทั้งสองเข้าร่วมด้วยเจ้าค่ะ”


“คนจากอาณาจักรข้างเคียง พวกมนุษย์กับปีศาจด้วยหรือครับ”


“เจ้าค่ะนายท่าน เนื้อหาที่พอจับใจความได้น่าจะเกี่ยวกับแผนการและก็ข่าวเรื่องของการพบเด็กในคำทำนายและคนที่ต้องสงสัยจะเป็นเด็กคนนั้นเจ้าค่ะ”


“เกี่ยวกับเรื่องของผมด้วยหรือครับ”


“เจ้าค่ะ เห็นว่าถ้าไม่อยากให้แผนการทุกอย่างที่เตรียมไว้เสียหายมากไปกว่าเดิมต้องกำจัดเด็กในคำทำนายก่อนเจ้าค่ะ”


“นายท่าน แปลว่าพวกนั้นเจาะจงมาที่นายท่านถึงส่งเวทย์มาทำร้ายท่านตลอดหลายวันที่ผ่านมาแบบนี้แน่เลยครับนายท่าน”


“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับคุณทรีมอส แต่คนพวกนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นเด็กในคำทำนาย”


“บุคคลน่าสงสัยที่ข้าเห็นมา ข้ารวบรวมข้อมูลเท่าที่พอหาได้แล้ว ชายคนนั้นชื่อ เรตัน โชฮา เจ้าค่ะ”


“เรตัน โชฮา หนึ่งในสภาเวทย์อาวุโสนี่ครับ”


“ถ้าเป็นอย่างที่นายท่านกล่าวมา ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะชี้เป้ามาที่ท่านได้แน่นอน”


“แปลว่าผู้นำกบฏฝ่ายเวทย์คือ เรตัน โชฮา สินะครับ”


“จากที่ลอบฟังมา ดูเหมือนตอนนี้ทางฝั่งนั้นจะรู้ว่าท่านเป็นคนช่วยเหลือสัตว์ปีศาจออกมาด้วยเจ้าค่ะ เลยวางแผนที่จะจับสัตว์ปีศาจแล้วล่อลวงท่านให้ไปช่วยแล้วจัดการท่านด้วยเจ้าค่ะ”


“ถึงจะเป็นคำลวงแต่ถ้ามีสัตว์ปีศาจโดนจับตัวไปเพราะเรื่องของผม ยังไงผมก็ต้องไปช่วยอยู่ดีละครับ แต่อาจจะต้องมีการซ้อนแผนก่อน”


“ข้าคิดว่าอีกไม่นานพวกนั้นต้องเริ่มที่จะลงมือแน่เจ้าค่ะ แล้วดูเหมือนว่าจะมีแผนการใหญ่อะไรสักอย่างที่ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ด้วยเจ้าค่ะ”


“แผนการใหญ่หรือครับ พอจะบอกเพิ่มได้ไหมครับว่าน่าจะช่วงไหน”


“ข้าคิดว่าครั้งนี้น่าจะไม่เกินเดือนหน้าเจ้าค่ะ”


“เดือนหน้าจะมีงานเลี้ยงพบปะของสามราชาที่วังของท่านจอมเวทย์ ดูเหมือนครั้งนี้ท่านจอมเวทย์จะมีการเดินป่าด้วย”


“หรือว่าเจ้าพวกนั้นคิดจะทำแบบเมื่อร้อยปีก่อนครับนายท่าน”


“มันน่าสงสัยเหมือนกันนะครับคุณทรีมอส อาจจะเป็นแบบที่คุณทรีมอสบอก ผมคิดว่าน่าจะใช่ตัวแปรที่พวกเราสามารถควบคุมได้มาช่วยแล้วละครับ”


“ตัวแปรหรือครับนายท่าน”


“ครับคุณทรีมอส ผมจะลองเสนอให้มีการเดินป่าในเขตป่าชั้นกลางของที่นี่ดีไหมครับ เพราะเราสามารถคาดการณ์ การเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย”


“เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากขอรับนายท่าน”


“สวัสดีครับคุณสายลม แล้วที่สองดินแดนเป็นอย่างไรบ้างครับ”


“ทุกอย่างดูปกติขอรับนายท่าน แต่ข้าคิดว่ามันดูสงบจนเกินไปขอรับ”


“ผมคิดว่าฝ่ายนั้นคงกำลังเตรียมการครั้งนี้มากจนไม่สนใจเรื่องอื่นแน่ครับ”


“ข้าคิดว่าครั้งนี้น่าจะเป็นการก่อกบฏครั้งใหญ่เพราะดูจากที่ฟังมาน่าจะเกี่ยวกับชีวิตของสามราชาด้วยแน่นอน”


“แบบนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะสิครับคุณทรีมอส ผมในตอนนี้ยังไม่สามารถใช้พลังเวทย์ได้เต็มที่แบบอดีตด้วย ทั้งร่างกายเด็กแบบนี้ยังอ่อนแออีก”


“สายน้ำกับทุกคนคิดว่านายท่านน่าจะฝึกฝนเวทย์กับท่านทรีมอส และฝึกพลังการต่อสู้ด้วยแรงกายจากพวกเราดีหรือไม่เจ้าค่ะ”


“เยี่ยมไปเลยครับ งั้นผมขอความกรุณาด้วยนะครับทุกคน”


“ด้วยความเต็มใจครับ”


“งั้นเรามาวางตารางการฝึกกันดีกว่านะครับ เอาเวลาที่เหลือจากการเรียนเลยนะครับ”


“งั้นวันนี้นายท่านลองเรียนรู้การใช้พลังเวทย์แบบลดภาระทางร่างกายก่อนดีหรือไม่ครับ เพราะทุกครั้งที่ท่านใช้เวทย์ร่างกายท่านจะอ่อนเพลียจนเกินไปเสมอ”


“ครับคุณทรีมอส งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ”


“หลังตาแล้วตั้งสมาธิให้ดีนะครับ ลองสัมผัสเวทย์ที่อยู่ภายในตัวท่านแล้วพยายามทำตัวเองให้กลมกลืนกับมันให้มากที่สุดนะครับ”


“ครับ”


ผมเริ่มที่จะทำการฝึกฝนร่างกายและพลังเวทย์เพื่อตัวเองและคนสำคัญทั้งสามคนที่อยู่ในแผนการของั่งตรงข้ามด้วย ผมไม่อยากสูญเสียใครไป


ผมเบาใจในเรื่องของครอบครัวของผม เพราะที่บ้านของผมมีพี่น้องหลายคนคอยดูแลและคิดว่าไม่น่าจะมีใครสืบเรื่องราวของผมจนเจอกับทางครอบครัวที่อยู่ในต่างเมืองได้รวดเร็วกว่ากองกำลังภูตที่ผมส่งไปดูแลครอบครัวตัวเองได้


ผมจะไม่ยอมให้คนรอบข้างของผมต้องเป็นอันตรายจากเรื่องในครั้งนี้เด็ดขาด เมื่อหมื่นปีก่อนถ้าผมกำจัดจนหมดคงไม่มีเรื่องราวพวกนี้เกิดขึ้นมาแบบนี้อีก แต่ไม่ว่าอดีตจะยังไง ครั้งนี้ผมจะต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องราวให้กลับมาสงบสุขให้ได้แน่นอน



TBC.

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาใจช่วยราสเต้  :call:

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#18


   ผ่านมาหลายวันหลังจากที่เริ่มฝึกฝนร่างกายกับพลังเวทย์ของตัวเอง อีกสามสัปดาห์ก็จะถึงวันงาน แต่เรื่องสำคัญตอนนี้คืออีกสองสัปดาห์จะเป็นการสอบปลายภาคของชั้นปีที่สีแล้วครับ ผมจะจบเทอมอยู่แล้วแถมยังไม่ได้อ่านหนังสือมากเท่าที่ควรด้วย


ผมที่หลังจากเลิกเรียนก็แอบไปฝึกตอนกลางคืน ไหนจะตื่นเช้าไปเรียนกลางวันอ่านหนังสือเพื่อทบทวนในรายวิชาที่ไม่ใช่สอบปฏิบัติ ช่วงนี้เวทย์แสงถูกเรียกใช้มากที่สุดเพื่อซ่อมแซมร่างกายเรียกคืนพลังงานจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ


“นายท่านขอรับ สายลมมีเรื่องมารายงานขอรับ”


“มีอะไรหรอครับคุณสายลม”


“มีการเคลื่อนไหวจากฝั่งมนุษย์ขอรับ”


“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่ฟาซอลเทียร์หรือครับ”


“จากที่คาดเดากันไว้ล่วงหน้าครั้งนั้น ตอนนี้พวกกบเริ่มลงมือจับสัตว์ปีศาจไปไว้ที่หุบเขาใกล้เขตแดนมนุษย์กับปีศาจแล้วขอรับ”


“ทำไมถึงไปไว้เขตแดนตรงนั้นกันครับ หลอกผมไปจับไม่ใช่หรอครับทำไมไปไกลกว่าเขตอิลเทียร์กัน”


“สายลมได้ยินมาว่าเพราะถ้าจัดการท่านได้จะโยนความผิดให้รัสเทียร์ขอรับ”


“เอาการตายของผมโยนให้คนอื่นคิดว่าปีศาจไม่ต้องการยุติสงครามแบบนั้นรึเปล่าครับ”


“ขอรับนายท่าน”


“มันจะเกินไปแล้วนะครับ ทั้งจับสัตว์ปีศาจ ทั้งคิดจะฆ่าผม ไหนจะโยนความผิดให้กับทางท่านจอมมารอีกแบบนี้ ต้องโทษตัวเองที่ทำผมโกรธเองนะครับ”


“นายท่านสายลมว่า”


“ผมไม่ยอมให้ได้ใจไปมากกว่านี้หรอกครับ”



ผมที่กำลังจะเดินกลับจากการเรียนเพื่อเปลี่ยนชุดไปทานอาหารเย็น เมื่อคิดได้ถึงแผนที่วางไว้ในหัวก็หลบมุมวาร์ปไปที่ใกล้หุบเขา โดยไม่ฟังคำทัดทานจากคุณสายลม


ผมที่มาถึงสำรวจบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่กักขังสัตว์ปีศาจ เมื่อสำรวจจนเจอเป้าหมายก็ใช้เวทย์ลบตัวตนเหมือนครั้งก่อนแอบลอบเข้าไปด้านในหุบเขา


มีทั้งปีศาจและมนุษย์รวมถึงพ่อมดแม่มดหลายคนที่เป็นกลุ่มกบฏกำลังตรวจตราดูความเรียบร้อย ผมคิดว่าครั้งนี้คงเตรียมพร้อมจะเล่นงานผมแน่นอน แต่น่าจะอีกสักพักกว่าจะมีข่าวไปถึงผม เพราะทางฝั่งกบฏยังไม่รู้เรื่องเวทย์ของผมนอกจากท่านจอมเวทย์ที่รู้ว่าผมมีเวทย์ว่างเปล่าขั้นสูง


ผมคิดว่าท่านจอมเวทย์น่าจะไม่ได้บอกเรื่องพลังเวทย์ของผมกับใคร เพราะดูจากที่เห็นดูเหมือนจะเตรียมมารับมือกับทุกเวทย์ตามคำทำนายแต่เป็นระดับขั้นกลางเท่านั้น คงไม่คิดว่าผมจะเป็นขั้นสูง


การใช้เวทย์ลบตัวตนเป็นการกระทำคล้ายบิดเบือนมิติ แต่ลบตัวตนจะใช้เวทย์แสงขั้นสูงมากกว่าเวทย์มืดขั้นสูงทำให้เกิดการลบเลือนภาพเบื้องหน้าจนเปรียบเสมือนการล่องหน


ผมเดินผ่านเวรยามเข้ามาจนถึงสถานที่กักขังสัตว์ปีศาจ ครั้งนี้เป็นกรงขังธรรมดาที่มีการร่ายเวทย์คำสาปไว้ คงคิดว่าถ้าผมเดินเข้ามาเจอคำสาปนี้จะทำอะไรต่อไปไม่ได้


คำสาปนี้เป็นคำสาปที่ร้ายแรงพอสมควรและจะมีผลกับผู้ที่สัมผัสโดนตัวคำสาปเท่านั้น แต่ข้อเสียก็มีเยอะกว่าข้อดีตรงที่เมื่อร่ายเวทย์คำสาปนี้แล้วจะไม่สามารถรับรู้ว่าคำสาปถูกแตะต้องหรือทำลายไปแล้ว ต้องใช้ควบคู่กับการจับตามองเป้าหมายเท่านั้น


ซึ่งการเป็นมนุษย์ล่องหนของผมครั้งนี้คงจับตามองไม่ได้อีกทั้งผมยังสลายคำสาปออกไปก่อนจะจับต้องประตูกรงด้วย ผมร่ายเวทย์หยุดเวลา เวทย์ตัวนี้จะใช้การหน่วงเวทย์เยอะมากเพราะเป็นการฝืนกฎธรรมชาติ ถ้าเป็นเมื่อหลายวันก่อนผมไม่สามารถใช้ได้นานตามใจต้องการเท่าครั้งนี้หรอกครับ คงหมดแรงตั้งแต่ห้านาทีแรกแล้ว


ผมทำการร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายก่อนจะส่งสัตว์ปีศาจในกรงทุกตัวไปที่บริเวณที่สัตว์ปีศาจครั้งก่อนอาศัยอยู่เพราะคิดว่าถ้ายังอยู่ข้างนอกต้องโดนจับได้อีกครั้งแน่นอน พอเสร็จก็ถอนเวทย์ที่หยุดเวลาไว้ก่อนจะรีบหนีออกมาอยู่บริเวณที่ปลอดภัยก่อนจะลบภาพที่บิดเบือนไว้ เกิดความวุ่นวายตามมาเมื่อเวรยามสังเกตเห็นว่าสัตว์ปีศาจในกรงขังหายไป


“ส่งข่าวบอกท่านผู้นำ ด่วน”เสียงชายที่เป็นพ่อมดที่ดูน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มคนในนี้ตะโกนสั่งการ หึ ดูถูกกันเกินไปเจ้าพวกกบฏอวดดี


ผมไม่สนใจความวุ่นวายที่เหลือวาร์ปตัวเองกลับมาที่ป่าที่สัตว์ปีศาจถูกส่งมาก่อนหน้า พูดคุยเจรจาจนสัตว์ปีศาจเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนจะกลับมาที่ห้องพัก ที่รัลกำลังจะเข้ามาพอดี


“ราส นายหายไปไหนมา ที่โรงอาหารก็ไม่เห็น”


“พอดีอาจารย์เรียกไปคุยเรื่องงานนิดหน่อยเลยพึ่งจะได้กลับมาเปลี่ยนเสื้อ ขอโทษที แต่เราไปกินข้าวเย็นกันเถอะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวจะถูกสงสัยมากขึ้น


“งั้นก็ตามมา เรน่าให้ฉันกลับมาดูแล้วก็เจอนาย นึกว่าเป็นอะไรไปแล้ว เห็นช่วงนี้ดูเหมือนนายจะดวงตก”


“อย่าพูดแบบนั้นสิครับรัล มันหดหู่นะครับ” ผมแกล้งทำหน้าเศร้า รัลที่เห็นเดินเข้ามาขยี้ผมของผมก่อนจะพากันเดินไปที่โรงอาหาร และได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากเรน่าที่เหมือนกับรัล บางทีผมก็คิดว่าสองคนนี้ชักจะเหมือนผู้ปกครองผมมากกว่าเพื่อนแล้วนะครับ แต่ผมก็รู้สึกดีมากขึ้นอยู่ดีครับ



พอกลับมาที่หอพักก็ได้เวลาเข้านอน วันนี้ใช้พลังเวทย์ไปค่อนข้างเยอะเลยคิดที่จะนอนพักแทนการทบทวนหนังสือ ถึงร่างกายจะเริ่มปรับตัวกับการใช้พลังงานได้ดีมากกว่าเดิมแล้วแต่ก็ยังมีอาการเหนื่อยล้าได้เพราะยังไงร่างกายนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี


คุณทรีมอสบอกไว้ว่าผมจะสามารถปลดล๊อคพลังงานทั้งหมดและสามารถใช้ได้อย่างเต็มที่จริงๆเมื่ออายุครบสิบห้าปีเต็มไปแล้ว ตอนนี้ผมสิบสามใกล้จะสิบสี่ปีแล้ว แปลว่าผมจะสามารถใช้พลังได้เต็มที่เมื่ออยู่ปีหก พอดีกับการออกไปทำภารกิจต่างแดนจริงๆครับ


ผมนอนคิดเรื่องราวต่างๆไปเรื่อยจนมาสะดุดกับเรื่องที่รัลพูด ดวงตกหรือ จริงสิ ผมสามารถทำนายด้วยเวทย์ได้ อีกสามสัปดาห์จะถึงวันที่จะมีเรื่องราวเกิดขึ้นแบบนี้ถ้าผมจะทำนายดวงของราชาทั้งสามดินแดนจะดีไหมนะ ผมนอนคิดกับตัวเองจนเผลอหลับไป




   เช้าวันต่อมา วันนี้เป็นวันหยุดแล้วครับ ผมมาที่ป่าเพื่อรับการฝึกฝนและเล่าเรื่องที่เกริ่นไว้เมื่อวานให้คุณทรีมอสและทุกคนฟังเรื่องเมื่อวานที่ไปช่วยเหลือพวกสัตว์ปีศาจมา ผมก็โดนคุณสายลมและคุณทรีมอสดุเรื่องที่ไม่ยอมบอกกล่าวจนทำให้ทุกคนเป็นห่วง ผมดีใจมากที่โดนดุเลยโดนคุณสายน้ำบ่นว่าผมเป็นพวกมาโซชอบใช้รับความรุนแรง


“คุณทรีมอสว่าผมจะลองทำนายชะตาทั้งสามราชาช่วงวันที่จะจัดงานดีไหมครับ”


“พลังทำนายของนายท่านจะสามารถใช้ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่จะต้องการทำนายเท่านั้นครับ แต่ก็จะมีเหตุการณ์ประหลาดเช่นเห็นภาพหรือฝันถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดกับผู้ใช้เวทย์ทำนายได้เหมือนกันครับ”


“อ่าว ผมนึกว่าจะใช้ได้ตามใจนึกสะอีกนะครับ”


“ไม่ครับ”


“แย่เลย แต่เรามาเริ่มฝึกกันต่อก่อนดีกว่า ผมอยากจะเตรียมพร้อมร่างกายเพื่อช่วยเหลือทุกคนมากกว่า”


“งั้นมาเริ่มกันต่อนะครับ”


“ครับ” ผมใช้เวลาในการฝึกฝนจนจบไปอีกวัน ก็กลับมาพักผ่อนที่ห้อง รัลที่กลับบ้านไปเมื่อเย็นวันศุกร์หลังเลิกเรียนก็กลับมาพอดี เราพูดคุยกันเรื่องทั่วไปเล็กน้อยก่อนจะแยกกันไปพักผ่อน ผมที่เหนื่อยจากการฝึกคิดว่าจะพักสายตากลายเป็นเผลอหลับไปแทนซะงั้น ราตรีสวัสดิ์ครับ




TBC.

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ช่วงนี้พระเอกค่าตัวแพงแน่ๆ 5555  :hao3:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พ่อมดน้อยต้องรีบฝึกวิชาให้เก่งๆ ไวๆ น้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#19


สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งกับผู้บรรยายที่หน้าตาดีที่สุดในเรื่องนี้ กระผมราสเต้คนเดิม เพิ่มเติมคือสอบเสร็จแล้วครับ


“ในที่สุดเราก็จบปีสี่สักที ทำไมเหมือนร่างกายหมดพลังขนาดนี้”


“เอาน่ารัล ผมคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้วนะครับ”


“อย่าที่ราสบอกนั่นแหละ ฉันมีความคิดดีๆอยู่ ในเมื่อเราสอบเสร็จแล้วเราไปเลี้ยงฉลองกันดีกว่า”


“เยี่ยมมากที่รัก ตอนนี้เลยเป็นไง”


“ก็ดีนะครับ ผมชักจะหิวซะแล้วสิครับ”


“งั้นฉันขอเสนอร้านในตลาดกันเถอะ ร้านนี้อร่อยมาก ต้องไปลอง”


“แต่เราออกจากโรงเรียนได้หรอที่รัก”


“นายอย่าทึ่มหน่อยเลยรัล นี่เราสอบเสร็จแล้วนะ มันก็เท่ากับเราปิดเทอมแล้วนั่นแหละ”


“จริงด้วยสิครับ ตอนนี้เราถือว่าปิดเทอมแล้ว จะเข้าออกตอนไหนก็ได้ รัลลืมหรอครับ”


“อย่ามาซ้ำเติมกันนะราส ช่วงนี้ใช้สมองเยอะไปไง มันเลยรวนนิดหน่อยเอง”


“หราเจ้าทึ่ม”


“ที่รักอะ”


“เลิกหวานกันก่อนนะครับ เห็นใจคนไม่มีคู่บ้างครับ ผมไม่ได้อิจฉานะครับบอกก่อน”


“จ้า หนูราสของพี่เรน่าไม่ได้อิจฉาเลย”


“เรน่าอย่ามาล้อผมนะ ผมว่าไปกันเถอะครับเดี๋ยวจะมืดก่อนนะครับ”


“งั้นไปกันเถอะ”



เราสามคนหลังจากที่ตกลงกันแล้วก็ออกจากโรงเรียนมาที่ตลาดในเมืองกันครับ ร้านที่เรน่าพามาเป็นร้านอาหารขึ้นชื่อร้านเดียวกับที่ผมมาตอนนั้นเลยละครับ


“สวัสดีครับ มากันกี่ท่านครับ”


“สามคนค่ะ”


“เชิญทางด้านนี้เลยครับ”


เราสามคนเดินตามพนักงานที่มาต้อนรับด้านหน้าร้านไปยังโต๊ะที่เหมาะกับลูกค้าสามที่


“เชิญเลือกรายการอาหารได้ก่อนเลยนะครับ ผมจะมาอีกครั้งเมื่อคุณลูกค้ายกมือ”


โต๊ะที่เราถูกพามานั่งเป็นบริเวณริมระเบียงของชั้นสอง จากตรงนี้จะมองเห็นบรรยากาศของตลาดด้านล่างได้พอสมควรครับ ผมที่นั่งติดริมระเบียงเลยสามารถมองสำรวจได้มากกว่าคู่รักตรงหน้าที่กำลังอ่านรายการอาหารอยู่


“หนูราสจะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหมค่ะ”


“เรน่าครับ ผมก็อายุเท่าพวกคุณนะครับ เลิกเรียกชื่อเด็กๆแบบนั้นเถอะครับ”


“ก็ราสให้ความรู้สึกแบบนั้นนี่น่า ไม่เป็นไร พี่สาวคนนี้จะเอ็นดูหนูอย่างเต็มที่เอง”


“เรน่าอะ” ผมงอนแต่ก็ยังสั่งอาหารตามที่เรน่าบอก ตั้งแต่รู้จักกันมา เรน่ามักจะเรียกผมว่าหนูราสมาตลอดเวลาเผลอ ก็ตามที่เธอบอกละครับ ผมเถียงจนเหนื่อยใจเลยปล่อยเลยตามเลยดีกว่าแทน


เรานั่งพูดคุยเรื่องทั่วไปจนอาหารที่สั่งมาเสิร์พเราเริ่มลงมือทาน มีบางอย่างที่ผมเคยทานมาก่อน แต่ก็ทำเหมือนยังไม่เคยมา เพราะไม่อยากให้เพื่อนสงสัย


“ดีใจที่เจอเธออีกครั้งนะหนุ่มน้อย” เสียงของหญิงสาวที่ดังขึ้นจากด้านข้างของผมดูเหมือนจะเพิ่งเดินขึ้นบันไดมาด้วย


“คุณเป็นใครกันครับ”


“เธอจะลืมฉันก็ไม่แปลก ว่าแต่พี่ชายเธอไม่มาด้วยกันอีกหรือครั้งนี้”


“ผมไม่มีพี่ชายครับ คุณอาจจะจำผิดคน”


“ไม่ผิดหรอก ก็เมื่อไม่กี่เดือนฉันยังเห็นเธอกับพี่ชายสองคนที่หน้าตาดีๆมาที่ร้านนี้อยู่เลย”


“คุณต้องการอะไรครับ”


“ฉันแค่แวะมาทักทาย อยากจะเห็นหน้าพ่อหนุ่มที่ทำเอาเป็นข่าวไปทั้งเมืองเมื่อหลายเดือนอีกครั้ง”


“ข่าวหรอค่ะ ใช่เรื่องที่เจอขอดีในร้านอาหารนะหรอคะ”


“ใช่จะคุณน้องสาว ก็เรื่องของเพื่อนตัวน้อยนี่ยังไงละ เอาเป็นว่าฉันไม่รบกวนเธอแล้วดีกว่า เจอกันใหม่นะหนุ่มน้อย”


“ครับ สวัสดีครับ” ถึงจะยังงงๆอยู่แต่ก็ทำความเคารพตามอายุกลับไป


“ยังไงกันหนูราส เล่ามาๆ”


“ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับเรน่า แล้วข่าวมันยังไงกันครับ”


“มันเป็นข่าวเมื่อหลายเดือนก่อน ช่วงที่เราน่าจะกำลังกลับมาจากทำภารกิจ อืม น่าจะช่วงสัปดาห์ก่อนเปิดภาคนั่นแหละ” ชัดเลยครับ พี่สาวคนนั้นน่าจะมาทักถูกคนจริงๆ


“ฉันก็ได้ยินเหมือนกันราส ตอนที่ฉันกลับมาถึงที่ในเมือง มีคนพูดกันเยอะว่าเจอเทวดามาเดินบ้างละ เจอเทพบุตรมาเดินบ้างละ ไอ้ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจหรอกนะแต่มันพูดกันเยอะไงในหมู่แม่มดน่ะ”


“ตามที่รัลบอก เอาละตอบมาเลยหนูราส เรื่องมันเป็นยังไงไม่ได้ทักผิดคนใช่ไหม”


“คือว่า คือ อ่า ก็ตามที่พี่สาวบอกนั่นแหละครับ ผู้ชายสองคนที่มาทานอาหารกับผมที่นี่เป็นพี่ชายผมเอง”


“แต่นายไม่มีพี่ชายนะเท่าที่นายเคยเล่าให้ฟังตอนเจอกัน”


“คือ คือว่าเป็นพี่ชายที่นับกันนะครับ ตอนที่ไปทำภารกิจแล้วได้พี่สองคนนั้นช่วยเหลือเลยนับกันนะครับ” ผมไม่ได้โกหกนะครับก็ได้อัลกับฮาฟช่วยจริงๆ แล้วเราก็ยังไม่ได้ตกลงสถานะอะไรทั้งนั้น ถือว่าเราเป็นพี่น้องก็ไม่ผิดนี่ครับ


“อย่างนั้นเองหรอ”


“แล้วทำไมถึงต้องหน้าแดงกันละหนูราส มีอะไรที่พวกเราควรรู้แต่ยังไม่รู้ไหมจ้ะ”


“มะ ไม่มีหรอก ไม่มีอะไรสักหน่อย อากาศมันน่าจะร้อนมากกว่า”


“ร้อน นายบอกว่าร้อนทั้งที่หิมะกำลังตกเนี่ยนะราส”


“ก็ ก็ รัล นายอย่ามากดดันกันสิ”


“วันนั้นที่มากัน นายมาเดทสินะ”


“ไม่ใช่นะเรน่า ไม่ใช่เดท เที่ยวด้วยกันเฉยๆ อุ๊ป”


“หึหึ จริงๆสินะ ตกลงคนไหนแฟนนายกัน”


“ไม่ใช่แฟนนะ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีของผมนะ”


“ที่รักคิดเหมือนฉันไหมว่าราสกำลังควบสองนะคะ”


“นายนี่เจ๋งมากหนูราสของพวกเรา ไหวหรอ สองคนเชียวนะ”


“พะ พูดเรื่องอะไรกันครับ สะ สองคนอะไรกัน”


“หน้าแดงใหญ่แล้วนะหนูราสของพี่รัล”


“รัลครับ”


“โอ๋ๆ พวกเราไม่แกล้งหนูราสแล้ว บอกมาดีๆ อะไรยังไงกัน”


“ไม่มีอะไรหรอกครับ เราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ เราต่างกันเกินไปครับ”


“เฮ้อ อย่าคิดมากเลยราส ไม่ว่าจะยังไง ในตอนนี้นายก็ได้เรียนรู้แล้วนี่ ว่าความรักมันเป็นยังไง ถูกไหม”


“ครับรัล เอ๊ะ ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ใช่แฟนกันอะ”


“ฮ่าๆๆๆๆ”


“ผมจะงอนทั้งสองคนแล้วนะครับ ยังไม่หยุดหัวเราะอีก” ผมมองค้อนทั้งสองคนแต่ก็ยังไม่วายจะหัวเราะผมกันต่อ ผมไม่น่าเสียรู้ทั้งสองคนนี้เลย แต่รัลก็พูดถูกนะครับ ไม่ว่าจะจบยังไง ผมก็ได้รู้จักการเริ่มรักใครสักคนแล้วเหมือนกัน



   อีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงงานเลี้ยง ผมที่เข้าพบท่านจอมเวทย์ในเรื่องนี้ก็ได้กำหนดการมาอยู่ในมือผมอีกด้วยทำให้สามารถจัดเวรยามด้วยเหล่าสัตว์อสูรในป่าได้ แถมยังจำกัดขอบเขตการลงมือของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างดี


แต่อีกเรื่องคือ ที่โรงเรียนอิลเทียร์นี้จะมีวันหยุดปิดเทอมเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น เท่ากับว่าผมจะมีวันหยุดจริงแค่หนึ่งสัปดาห์ ทำไมกันนะ วันหยุดมันจะน้อยเกินไปแล้ว


และดูเหมือนว่า ช่วงทำภารกิจของปีห้าจะหนักขึ้นด้วยละครับ เริ่มมีการกระจายตัวนักเรียนไปรอบๆอาณาจักรโดยการสุ่มไปด้วยละครับ จะให้นักเรียนเตรียมตัวในช่วงต้นเทอมก่อนจะส่งไปโดยนักเวทย์ชำนาญการของสภานักเวทย์ประจำอาณาจักรด้วยละครับ งานนี้ใครตกในป่าก็ซวยกันไปครับ


ผมที่แยกย้ายกับเพื่อนมาที่ป่าเพราะรัลยังอยากใช้เวลาเดินเที่ยวในเมืองกับเรน่าก่อนที่จะกลับบ้านตัวเอง เพราะที่โรงเรียนจะให้นักเรียนทุกคนกลับบ้านในช่วงปิดเทอมทุกคน หอพักจะโล่งและเงียบมากครับในวันพรุ่งนี้ ผมที่ทางบ้านบอกว่าปิดเทอมครั้งนี้ไม่ต้องกลับบ้านเลยต้องระเห็จตัวเองมาอยู่ในป่าชั่วคราวแทน


ผมเล่าเรื่องราวให้กับพวกพ้องในป่ารวมถึงช่วยกันวางแผนในส่วนที่ยังไม่แม่นยำเพิ่มเพื่อความรัดกุมยิ่งขึ้น จนเวลาล่วงเลยไปจนค่ำ ผมโบกมือลาแล้วกลับมาที่ห้อง เจอกับรัลที่กำลังเก็บของ พูดคุยทักทายกันก่อนจะแยกย้ายพักผ่อน


 ผมนอนคิดเรื่องราวมากมายทั้งภาพที่มักจะมาวนเวียนยามหลับฝัน ใบหน้าของคนที่ติดอยู่ในความทรงจำตลอดเวลา ผมที่ยังเป็นเด็กตัวแค่นี้แถมยังเป็นแค่คนธรรมดา จะคู่ควรกับราชาสองดินแดนจริงหรือ ไม่ว่ายังไง ทั้งสองคนก็ต้องมีราชินีเป็นของตัวเองในอนาคต


ถึงจะบอกว่าชอบกัน แต่มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบหรือเปล่ากัน ผมคิดว่าควรหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ไม่ที่การเป็นเพื่อนกันน่าจะดีที่สุดมากกว่า แต่จะทำยังไงให้หัวใจที่เต้นแรงตอนเจอหน้าสงบกัน ร่ายเวทย์ใส่ตัวเองดีไหม คำสาปก็ได้ แล้วผมก็เผลอหลับไป


หลายวันแล้วครับที่ผมมาอาศัยอยู่ในป่ากับคุณทรีมอสและสัตว์อสูร สนุกมากครับ ผมมีเวลาในการฝึกฝนร่างกายและพลังเวทย์เยอะมากขึ้นจากเดิม ผมที่ตอนนี้สามารถใช้เวทย์วาร์ปได้แบบไม่ต้องพักเพราะร่างกายเริ่มที่จะคุ้นชินกับพลังเวทย์แถมยังดูสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะสถานที่กับการฝึกฝนทำให้ความสูงผมขยับขึ้นมาน่าจะหลายเซนเลยละครับภายในเวลาสัปดาห์เดียวเอง



ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องทำงานขอท่านจอมเวทย์ละครับ ท่านติดต่อมาให้ผมมารอในช่วงสายของวันที่จะจัดงาน ดูเหมือนท่านจอมเวทย์จะยังทำงานไม่เสร็จสักที นี่ผมรอมาหลายนาทีแล้วนะครับ


“ไงสหายตัวน้อย มา” ผมหันกลับไปทางประตูเพราะได้ยินเสียงของท่านจอมเวทย์ แต่อยู่ดีๆท่านก็เงียบไป


“สวัสดีครับท่านจอมเวทย์ วันนี้เรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ ท่านจอมเวทย์ ท่านจอมเวทย์”


“อะ เอ่อ คือ อ่า ใช่วันนี้มีเรื่องจะพูดคุยเรื่องสถานที่จัดงานเท่านั้น ว่าแต่ ไม่เจอกันไม่นาน เจ้าดูเปลี่ยนไปนะ”


“ครับ น่าจะสูงขึ้นนะครับ”


“อ่า นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ดูรวมๆแล้ว เจ้าสวยขึ้นมากเลยละ”


“ขอโทษครับท่าน ผมต้องดูหล่อเหลาขึ้นสิครับ ไม่ชมว่าสวยนะครับท่านจอมเวทย์”


“ฮ่าๆ หล่อหรือสหายตัวน้อย ถ้าการที่ใบหน้างามยิ่งกว่าหญิงใดในเมือง แถมร่างกายที่สูงขึ้นแต่กลับบางดุจสตรีแบบนี้เรียกว่าหล่อเหลาได้อีกหรือ”


“ท่านจอมเวทย์ ข้าออกกำลังกายจนมีกล้ามแล้วนะครบ ดูครับดู” ผมถกแขนเสื้อโชว์กล้ามแต่ท่านจอมเวทย์รีบดึงแขนเสื้อผมลงทันที


“พอเถอะข้ายังไม่อยากโดนเจ้าสองราชานั่นฆ่าเอา เจ้าก็เหมือนกัน อย่าไปเปิดเผยร่างกายกับคนอื่นง่ายๆแบบนี้รู้ไหม” อะไรกันครับ ท่านจะให้ผมใส่เสื้อคลุมตลอดเวลาหรือครับท่าน


“ครับๆ”ผมรับคำแบบขอไปที อะไรกันครับ การเตือนแบบนี้มันต้องเตือนสตรีนะครับท่าน นี่ผมยังเป็นบุรุษในสายตาท่านอยู่ไหมครับ


“เอาละตามมาทางนี้ นี่เป็นแผนที่บริเวณที่เราจะจัดงานเลี้ยงในเขตป่าที่ติดกับท้ายวัง” ผมนั่งฟังท่านจอมเวทย์อธิบายไปเรื่อยๆจนเสร็จ เราเดินออกมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน และดูเหมือนวันนี้ท่านจอมเวทย์จะรั้งผมให้นอนที่นี่นะครับ


“ท่านจอมมารกับท่านพระราชาจะเดินทางมาถึงในช่วงค่ำพอดี แต่ข้าไม่ว่างจะต้อนรับเพราะต้องเตรียมงานต่อ ฝากสหายดูแลด้วย”


“แต่ว่า” ไม่ฟังกันหรอกครับ เดินลิ่วไปทิ้งกันไปแล้ว อะไรกันครับเนี่ยวันนี้


“ท่านราสเจ้าคะ รถม้าของท่านจอมมารมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”


“ขอบคุณครับ” ผมเดินออกมาที่บริเวณหน้าพระราชวัง เจอกับขบวนรถม้าที่กำลังจะหยุดตรงหน้าพอดี


“ยินดีที่ได้พบ เธอสวยขึ้นหรือเปล่า”


“ยินดีต้อนรับครับท่านจอมมาร”


“เธอทำให้ข้าดีใจที่จะได้พบหน้าเสมอ”


“ผมรู้ว่าอัลดีใจนะครับ แต่กอดผมต่อหน้าคนมากมายมันก็เป็นอีกเรื่องนะครับ”


“เธอก็ดีใจที่ข้ากอดสินะ” ผมทำได้แต่มองค้อนท่านจอมมารที่คิดเองฝ่ายเดียวตลอด


“เธอสวยขึ้นมากเลยราส”


“ยินดีต้อนรับครับท่านพระราชา”


“ชักไม่อยากรอเธอโตซะแล้วสิ”


“พูดเรื่องอะไรกันครับ” ผมเอียงคอมองทั้งสองคนที่พูดอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้แต่สายตาที่มองทำเอาเสียวสันหลังเลยละครับ


“เปล่า เข้าไปข้างในเถอะ”


“ครับอัล เชิญทางนี้ครับทั้งสองคน” ผมเดินนำราชาทั้งสองมาที่ห้องรับแขกที่มีอาหารวางอยู่มากมายเพื่อต้อนรับราชาทั้งสองตามที่ท่านจอมเวทย์เคยอธิบายไว้ก่อนหน้านี้


“คืนนี้เรามานอนด้วยกันนะ”


“แค่ก” ผมสำลักน้ำที่กำลังดื่มเพราะอยู่ดีๆฮาฟก็พูดขึ้นมา


“หึ” ผมที่ได้ยินเสียงขำจากอัลก็หน้าร้อน ดูท่าเรื่องที่นอนในวันนี้จะหนีไม่ได้ซะแล้วครับ


หลังจากที่ไล่ แค่ก เชิญท่านราชาทั้งสองไปยังห้องพักตัวเองได้สำเร็จผมก็เตรียมตัวที่จะเข้านอนบ้าง นอนสักพักคล้ายอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นก็รู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามาในห้อง แต่ความง่วงที่มีมากกว่าเลยไม่อยากจะลืมตาลุกขึ้นดู


“อย่ามาโทษกันทีหลังนะ เด็กน้อย” ได้ยินเสียงพึมพำแต่จับใจความไม่ค่อยชัด เด็กน้อยอะไรกัน ทำไมมันง่วงแบบนี้นะ มันรู้สึกตัวแต่กลับลืมตาไม่ขึ้น


“อือ” มีอะไรสักอย่างกำลังขบเม้มปากของผมกับที่ซอกคอ มือที่คิดจะปัดกลับกลายเป็นยึดจับแทน มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ


“ขอข้าบ้างสิ” สิ้นเสียงสัมผัสที่ปากก็หายไปแต่กลับเริ่มขึ้นใหม่แต่คนละความรู้สึก ครั้งนี้ดูดุดันมากว่า ผมทำได้แค่บิดตัวไปมาจนเริ่มหายใจไม่ออก สิ่งที่รบกวนการนอนก็หายไป


ความอบอุ่นที่คุ้นเคยดีเมื่อหลายเดือนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับสัมผัสเบาๆทั้งสองข้างบริเวณกระหม่อมกล่อมผมให้หลับลงไปทันที




ยามเช้ามาเยือนทุกอย่างในห้องดูปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วความรู้สึกเมื่อคืนคืออะไร สงสัยจะฝันไปเอง ผมเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำตาปกติ แต่มาสะดุดตอนที่กำลังล้างหน้าแปรงฟัน บริเวณคอทั้งสองข้างมีรอยแดงช้ำอยู่ พอลองนึกดูเหตุการณ์เมื่อคืนกับเสียงและสัมผัสก่อนนอนมันคุ้นเคยจนน่าจะเดาตัวคนร้ายออกละครับ


ใจบ้าจะเต้นแรงทำไม ต้องโกรธสิ จะมามัวเขินได้ยังไงกัน แต่จูบมันรู้สึกดีจริงๆนะครับ หวา นี่ผมคิดเรื่องอะไรอยู่กันครับ เลิกคิดๆ ต้องรีบไปเตรียมตัวแล้ว


บริเวณที่จัดงานเป็นชายป่าที่ห่างจากจุดกลางป่าพอสมควร ลักษณะของป่าจะอยู่กึ่งกลางระหว่างสามอาณาจักรพอดีแต่เพราะมีเวทย์คุ้มครองของคุณทรีมอสอยู่เลยปลอดภัยจากสงครามมาตลอด มีคนที่เข้าร่วมเพียงเล็กน้อยเพราะเป็นงานเลี้ยงส่วนตัวของสามราชา เหล่าข้ารับใช้ต่างถูกกันให้ห่างไปอีกที่แต่อยู่ไม่ไกลเพื่อความสะดวกในการเรียกใช้


ตลอดเวลาที่พูดคุยกันสองราชาต่างแดนพยายามหลบสายตาเมื่อผมมองไปเสมอ หึ พิรุธขนาดนี้ ทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อย คุณสายลมคอยรายงานผมอยู่เสมอเรื่องที่มีคนร้ายพยายามเข้ามาในเขตที่ผมกางเวทย์คุ้มครองเอาไว้


จนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานเลี้ยง ตามกำหนดเดิมจะมีการล่าสัตว์แต่เพราะผมบอกท่านจอมเวทย์ไปว่าในป่าเขตนี้ไม่มีสัตว์ให้ล่าเลยกลายเป็นการเลี้ยงพูดคุยการเมืองแทน พวกฝ่ายตรงข้ามคงคิดไม่ถึงว่าผมจะเปลี่ยนกำหนดการไม่บอกแบบนี้เลยแสดงสีหน้าออกมาพอสมควร


“ช่วงบ่ายข้ามีธุระต้องไปจัดการ ฝ่ายสหายช่วยอยู่แทนข้าด้วยแล้วกัน”


“ครับ” จะปฏิเสธก็ไม่ทันหรอกครับเดินหนีผมตลอด ผมคิดว่าท่านจอมเวทย์ต้องมีแผนอะไรในใจแน่นอนครับ ถึงชอบที่จะปล่อยให้ผมอยู่กับทั้งสองราชาตลอด


“ไปเที่ยวกันไหมครับ แบบครั้งก่อน มีแม่มดอยากเจอพวกท่านหลายคนเลยครับ”


“จะว่าไปเราไปสำรวจป่านี้กันดีไหม แค่เราสามคน”


“คิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับท่านจอมมาร”


“ฉันก็ว่าดีนะราส ไปกันเถอะ” ฮาฟลากแขนผมไปทางป่าเพื่อสำรวจป่าแทนการล่าสัตว์ของท่านจอมเวทย์


“ผมพอจะจำเรื่องเมื่อคืนได้นะครับ กล้าใช้เวทย์นิทรากับผมเชี่ยวหรอครับอัล” ผมหยุดอยู่หน้าอัลแล้วรีบบ่น


“เธอพูดเรื่องอะไร เวทย์นิทราอะไรกัน”


“ถ้าไม่รับผิดในเรื่องที่ทำกัน ก็อย่ามาคุยกันเลยครับทั้งสองคน” ผมเดินหนีจากทั้งสองคนทันที



TBC.

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
แอบชิมน้อง แต่ไม่เนียน โดนน้องงอนเลย  :laugh:

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#20


ผมแค่แกล้งพวกเขาครับแต่ดูเหมือนจะคิดว่าผมโกรธรีบเดินมาดักหน้าผมไว้


“ใช่เมื่อคืนพวกเราเข้าไปเอง ข้าเป็นคนร่ายเวทย์นิทรากับเธอ แต่เราแค่อยากอยู่ใกล้เธอแค่นั้น”


“แล้วทำไมพวกคุณถึงต้องทำขนาดนั้นกันละครับ เราก็เคยนอนด้วยกันสามคนอยู่แล้วนะครับ ถ้าอยากนอนก็มาบอกกันได้ไม่เห็นจะต้องใช้เวทย์เลย”


“ก็พวกเราอยากสัมผัสเธอนี่ราส เจอกันครั้งนี้มันห้ามใจไม่ให้โยนลงเตียงยากมาเลยนะ เธอสวยมาก แปลว่าต้องมีคนอื่นจ้องเหมือนกัน”


“พวกคุณนี่มัน หึ้ย”ผมไม่รู้ว่าจะโกรธหรืออายดีกัน อะไรคือการห้ามไม่ให้โยนลงเตียงกันครับ


“เอาแบบนี้ดีกว่า ต่อไปเราจะทำอะไรจะบอกเธอทุกครั้ง ดีไหม”


“ขอให้ทำได้จริงเถอะครับท่านจอมมาร ท่านพระราชา”ผมมองค้อนทั้งสองคน


“หอมนะ” ฟอด ฟอด


“นี่”


“ก็บอกแล้วว่าจะทำอะไรจะบอกแต่ไม่ได้บอกว่าต้องรออนุญาตสักหน่อย จริงไหม”


“พวกท่านนี่มัน” ไม่รู้จะว่ายังไงดีกับความเจ้าเล่ห์ของท่านจอมมารแล้วละครับ


“ถ้าราสกลัวเสียเปรียบพวกเรา จะทำคืนก็ได้นะ ฉันยินดีมากเลยละ”


“ทำไมผมรู้สึกว่ามันจะยิ่งเสียเปรียบกว่าเดิมละครับฮาฟ”


“หึหึ หยุดก่อน”


“มีอะไรหรือเปล่าครับอัล” อยู่ดีๆท่านจอมมารก็สั่งให้เราหยุดเดินก่อนจะมองไปรอบๆ


“รู้สึกแล้วใช่ไหมพระราชา”


“อืม ราสมาอยู่ข้างหลังเราเอาไว้” ผมที่ยังงงอยู่โดนฮาฟลากมาอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคนที่เหมือนจะเตรียมพร้อมโจมตีอยู่


“คุณสายลมเกิดอะไรขึ้นกันครับ”


“นายท่านขอรับ ตอนนี้มีปีศาจหลุดเข้ามาในเขตของท่านทรีมอสได้ตนหนึ่งขอรับ”


“ปีศาจหรือครับ ใครกันครับ”


“ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากบฏฝั่งปีศาจขอรับ ท่าทางจะแค้นที่นายท่านทำลายแผนครั้งก่อนมากเลยไม่ปิดบังตัวแล้วละขอรับ ใกล้เข้ามาแล้วขอรับ ระวังตัวด้วยนะขอรับนายท่าน”


“กบฏปีศาจหรอครับ ขอบคุณครับ ผมจะระวังตัว”


“มันมาแล้ว” ท่านจอมมารร่ายเวทย์มืดออกมาเตรียมพร้อมหากฝั่งตรงข้ามแสดงตัวว่ามาร้าย


“อยู่พร้อมกันแบบนี้ จะได้กำจัดให้หมดไปสักที โดยเฉพาะแก เจ้าพ่อมด ไอ้มารทำลายความสุขของพวกเรา แกทำลายแผนการทุกอย่าง แกอย่าได้หวังจะรอดกลับไปเลย”


“ฮาฟ ข้าฝากราสด้วย” อัลบอกกับฮาฟก่อนที่จะเข้าไปต่อสู้กับศัตรูโดยที่ฮาฟคอยดูแลและจัดการกับเวทย์รบกวนที่ศัตรูส่งมาทางผมตลอด


“ฮาฟ ผมว่าไปช่วยอัลเถอะครับ อย่างน้อยสองคนยังดีกว่า ผมคิดว่าปีศาจตรงหน้าไม่ปกติแล้วนะครับ น่าจะกำลังคลุ้มคลั่งอยู่แน่เลยครับ”


“เอาแบบนั้นหรอครับ แน่ใจนะ ระวังตัวด้วยแล้วกัน” ฮาฟหันมามองที่ผมอีกครั้งก่อนจะเข้าไปร่วมวงโจมตีปีศาจที่เริ่มจะเปลี่ยนร่างให้เป็นร่างสัตว์เพื่อเพิ่มกำลังมากขึ้น


ผมกางเขตแดนครอบคลุมพวกเราไว้เพราะไม่ต้องการให้คนนอกมาวุ่นวาย ผมคิดว่าทั้งสองคนน่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ ฮาฟใช้สิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าปืนที่ภายในบรรจุกระสุนเวทย์แสงที่มีผลกับปีศาจออกมาต่อสู้ และทุกครั้งที่ศัตรูโดนจะได้รับบาดเจ็บจนกรีดร้องออกมาเสมอ และจากที่ดูฮาฟมักจะเล็งในจุดที่ตัดกำลังเสมอ


ส่วนอัลซัดเวทย์มืดที่มีไอความเข้มข้นมากกว่าชาวเวทย์เพราะเป็นเจ้าของเวทย์เองแถมยังเป็นระดับสูงจึงไม่แปลกหากจะสามารถผลักปีศาจตรงหน้าให้ถอยจะเกิดช่องให้ฮาฟยิงได้ตลอดเวลา แถมยังเป็นตัวกระตุ้นให้ปีศาจตรงหน้าคืนร่างอีกด้วย


“อึก” หลังจากที่ใช้เวลามาพอสมควรฝั่งตรงข้ามก็ใช้การหลอกล่อจนฮาฟที่ไม่มีเวทย์เผลอเปิดช่องว่างจนโดนเวทย์จากศัตรูโจมตีแต่ถึงอัลจะเข้ามาช่วยแต่ก็ยังกระเด็นออกมาจนกระอักเลืออดอยู่ดี ผมว่าถ้าโดนตรงๆน่าจะตายได้เลยนะครับ นี่มันอะไรกัน สองราชายังใช้เวลานาขนาดนี้


“ฮาฟครับ” ผมรีบวิ่งไปประคองร่างสูงที่พยายามลุกแต่ดูท่าจะช้ำในพอสมควร ผมที่คิดจะใช้เวทย์รักษากลับต้องรีบถีบตัวเองกับฮาฟหลบไปอีกทางเพราะศัตรูไม่ยอมปล่อยให้ฮาฟได้พักส่งเวทย์ตามมาติดๆ


“ราส หลบไปก่อน ดูท่าปีศาจตรงหน้าจะไม่ง่ายอย่างที่พวกเราคิดแล้ว ฉันจะต้องกลับไปช่วยจอมมาร”


“แต่ว่าฮาฟ”


“เชื่อฉัน พวกเราจะปลอดภัย”


ฮาฟไม่ได้ฟังว่าผมจะตกลงไหมแต่กลับลุกแล้วเข้าไปโจมตีฝ่ายตรงข้ามต่อ อัลที่เป็นราชาของปีศาจกลับโดนลูกหลงมาบ้างจนมาแผลตามตัวพอสมควร แต่ก็ยังน้อยกว่าบาดแผลที่น่ากลัวตามตัวฝ่ายตรงข้ามที่ดูแล้วไม่น่าจะยังยืนได้ไหว มันแปลกเกินไป ทำไมถึงคลั่งได้ขนาดนี้กัน


“คุณทรีมอสครับ ผมมีเรื่องจะสอบถาม” เพราะว่ายังอยู่ในเขตป่าหรือภายในบริเวณเวทย์ของคุณทรีมอสผมเลยสามารถที่จะติดต่อกับคุณทรีมอสได้เสมอ


“เรื่องอะไรหรือครับนายท่าน”


“ปีศาจที่หลุดเข้ามา ก่อนที่จะเข้ามามีอาการผิดปกติไหมครับ”


“ดูเหมือนจะมีพลังเวทย์ที่แปลกประหลาดซ่อนอยู่ในตัวครับ ตอนที่ทำลายเขตแดนแล้วหลบเข้าไปกว่าผมจะรู้ตัวก็ไม่ทันแล้วครับ”


“เวทย์แปลกหรอครับ”


“ครับ สภาวะพลังเวทย์ที่ไหลเวียนในร่างกายของปีศาจตนนั้นมีมากว่าเวทย์มืดของตัวเอง มีมากจนยุ่งเหยิง ถ้าปล่อยให้ใช้พลังแบบนั้นต่อไปจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ผลสุดท้ายจะกลายเป็นปีศาจร้ายที่ยากจะต่อกรครับ”


“ตอนนี้ผมว่าจะเป็นปีศาจร้ายแล้วละครับ ดูท่าท่านจอมมารกับพระราชาจะเอาไม่อยู่แล้วนะครับ ผมจะทำยังไงดีครับคุณทรีมอส”


“ถ้าเวทย์มืดจะไม่สมารถทำอะไรปีศาจที่กำลังคุล้มคลั่งได้เลยครับ แต่ถ้าเวทย์แสงอาจจะพอมีหนทางครับนายท่าน”


“เวทย์แสงหรือครับ ผมพอจะคิดอะไรออกแล้ว ยังไงต้องลองดูว่าจะพอจัดการได้ไหม ขอบคุณสำหรับข้อมูลและคำแนะนำนะครับคุณทรีมอส”


“ยินดีเสมอครับนายท่านและขออภัยกับปีศาจที่หลุดเข้าไปด้วยครับ”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจ”



“อึก”


“ฮาฟ อัล เป็นยังไงบ้างครับ” ผมที่คุยกับคุณทรีมอสเสร็จกำลังจะทดลองวิธีที่จะจัดการฝ่ายตรงข้ามก็ต้องรีบวิ่งไปประคองร่างสูงทั้งสองที่กำลังล้มลง ส่วนฝ่ายตรงข้ามที่ดูเหมือนจะคุมตัวเองไม่ได้กำลังร่ายเวทย์แล้วทำลายป่ารอบๆอยู่


“มันกลายเป็นปีศาจร้ายแล้ว เราต้องรีบไปแล้วเรียกกำลังมาจัดการใหม่ ดูเหมือนฮาฟจะไม่ไหวแล้ว”


“ไม่ใช่แค่ฮาฟหรอกครับที่ไม่ไหว อัลก็เหมือนกันครับ จะร่ายเวทย์ไม่ไหวแล้วใช่หรอครับ ผมไม่ยอมให้พวกคุณกลับไปสู่อีกหรอกนะครับ ถึงยังไงคนที่มันจ้องเล่นงานก็คือผมนี่ครับ พวกคุณนั่นแหละที่ควรจะหลบไปพักมากกว่าผมครับ” ผมไม่ฟังสิ่งที่ทั้งสองคนจะแย้งกลับพูดออกมาทีเดียว พร้อมกับไล่ทั้งสองคนไปอยู่ในบริเวณที่หลอดภัย


“ราส เธอจะทำอะไร แค่ก”


“ผมรู้ว่าพวกคุณเป็นห่วงผมแต่ผมก็เป็นห่วงพวกคุณเหมือนกันนะครับ คุณจะให้ผมยืนมองคนสำคัญของผมได้รับอันตรายโดยที่ผมไม่ทำอะไรเลยหรอครับ จะใจร้ายกันเกินไปแล้วนะครับ”


“แต่ว่ามัน”


“เลิกพูดเลยนะครับ อย่ามาห้ามผมนะครับ นั่งพักอยู่ตรงนั้นเลยนะครับ ทั้งสองคนนั่นแหละ”


“ดื้อ” ผมรู้ว่าท่านจอมมารก็อยากจะห้ามผม แต่ดูท่าว่ายิ่งห้ามจะยิ่งเสียเวลามาขึ้นเพราะดูเหมือนปีศาจจะมองเห็นผมแล้ว


“เพราะเจ้า เจ้าทำให้แผนการของพวกข้าพังลงมา แผนที่จะยึดครองโลกอีกครั้ง ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย เจ้าก็ยังจะกลับมาขัดขวางพวกข้าอยู่ร่ำไป เจ้ารัสเทล อย่าคิดว่าจะขัดขวางพวกเราเช่นครั้งก่อนได้ เวลานี้เจ้าไม่ได้เป็นมหาปราชญ์ดั่งเช่นหมื่นปีก่อนแล้ว ครั้งนั้นเจ้าทำเอาข้าเกือบจะดับสูญไป ดีที่ข้าสามารถรวบรวมจิตวิญญาณกลับมาได้ วันนี้ข้าจะต้องจัดการเจ้าแม้ว่าเจ้าจะอยู่ในร่างของเด็กน้อยแบบนี้ก็ตามที”


“ที่แท้พวกคุณที่ตั้งตัวเป็นกบฏก็เกี่ยวข้องกับสงครามเมื่อหมื่นปีก่อนจริงๆสินะครับ ผมไม่เข้าใจว่าที่คุณพูดมาคืออะไร แต่ดูแล้วคุณน่าจะอยู่มานานแล้วนะครับ ผมว่าคุณควรจะได้พักบางนะครับ”


“กักขังขั้นสูง” ผมร่ายเวทย์กังขังขั้นสูงที่เคยฝึกกับคุณสัตว์อสูรในป่ามาก่อนเพราะคุณสัตว์อสูรเคยบอกว่าผมเคยใช้มันในการจัดการกับหัวหน้ากบฏในครั้งก่อนมาแล้ว


“มะ ไม่จริง เจ้า พลังเวทย์นี่มันอะไรกัน เจ้าคือใครกันแน่ เจ้าคือมหาปราชญ์จอมเวทย์รัสเทลคนนั้นได้ยังไงกัน เจ้าน่าจะแค่กลับมาเกิดไม่ใช่หรือยังไง  ดูท่าวันนี้ข้าคงจะประมาทเจ้ามากเกินไป อีกไม่นาน ข้าจะต้องจัดการกับพวกเจ้าให้ได้เลยคอยดู”


“แสงชำระล้าง” สิ้นเสียงคำสั่งสุดท้ายก็เกิดแสงสีทองจำนวนมากปกคลุมร่างของปีศาจตรงหน้า เวทย์แสงชำระล้างเป็นการใช้เวทย์แสงขั้นสูงในการลบล้างความชั่วในจิตใจและทำลายวิญญาณที่คลุ้มคลั่งได้


“ราส ราส” เสียงของอัลที่เหมือนดังออกห่างไปเรื่อยๆ จริงสินะ ผมใช้พลังเกินตัวอีกแล้ว เวทย์ขั้นสูงที่ใช้ติดต่อกันขนาดนี้ ถ้าจะคงที่คงต้องรอโตกว่านี้สินะครับ


“ดูเหมือนจะฝืนใช้พลังเวทย์เกินตัวอีกแล้ว”


“ข้าว่าเรารีบกลับไปหาท่านจอมเวทย์กันก่อนดีกว่า ให้ราสได้พัก ส่วนเราคงต้องคุยกับท่านจอมเวทย์เรื่องของเจ้าตัวแสบหน่อยแล้วละ”


“ตามที่เจ้าพูดพระราชา” ทั้งสองพาร่างบางที่ดูสูงขึ้นกลับมาที่พระราชวัง ตอนที่มาถึงท่านจอมเวทย์ดูตกใจที่เห็นร่างบางที่รักเหมือนลูกไม่ได้สติถูกจอมมารอุ้มมา ก่อนที่จะช่วยกันพาร่างบางไปพักที่ห้องให้หมอตรวจดูอาการ ถึงตรวจออกมาว่าร่างกายอ่อนเพลียเท่านั้นเลยปล่อยให้พักฟื้น แต่ดูเหมือนว่าสองราชาจะมีเรื่องคุยกับจอมเวทยอยู่และน่าจะสำคัญมากทีเดียว



TBC.

ออฟไลน์ gagtoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบบบบ เนื้อเรื่องสนุกดี รอนะครับ :กอด1:

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#21


“ลูกรัก ทำไมเจ้าถึงทำร้ายร่างกายตัวเองแบบนี้กัน”


“ข้าเพียงลืมตัวเท่านั้นท่านผู้สร้าง ข้าขออภัย”


“เอาเถิด ในเมื่อเจ้ารู้ตัวว่าผิด พ่อก็จะไม่ดุด่าว่ากล่าวอะไรเจ้าอีก”


“ขอบคุณท่านผู้สร้าง ข้าสำนึกแล้ว แต่ว่าเรื่องปีศาจตนนั้น”


“ใช่ ปีศาจตนนั้นเป็นตนเดียวกับที่เคยสร้างสงครามกับเจ้าเมื่อหมื่นปีก่อน ตอนที่วิญญาณใกล้จะแตกดับ ปีศาจตนนั้นได้ใช้ช่องว่างนั้นซ่อมเศษเสี้ยววิญญาณของตัวเองไว้ แล้วคอยหลบซ่อนอยู่ในความมืดตลอดมา ดูเหมือนว่าเรื่องที่ปีศาจตนนั้นพูดจะทำให้เจ้าต้องตอบคำถามแก่คนทั้งสามยามตื่นเสียแล้วลูกรัก”


“แล้วข้าควรจะตอบพวกขาเช่นไรกันท่านผู้สร้าง”


“ตามที่ใจเจ้าปรารถนาเถิด หากใจเจ้าไม่คิดโกหกพวกเขาก็ตอบตามจริงเสีย การปิดบังมักจะก่อให้เกิดความหวาดระแวงตามมาเสมอลูกรัก หากเจ้าไม่ชอบใจเมื่อพวกเข้าปิดบังเจ้า เจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนั้นเหมือนกัน”


“ข้าจะตอบตามความจริงท่านผู้สร้าง ข้ารู้สึกไม่ดียามที่โดนปิดบังข้าจะไม่ทำเช่นนั้น”


“จงระวังร่างกายของเจ้าไว้ อีกไม่นานเจ้าจะสามารถทำได้ดั่งใจ รออีกนิดเถิด ช่วงเวลาที่รอคอย เจ้าก็ควรหมั่นฝึกฝนตนเองเสมอ เพราะอีกไม่นานชะตาครั้งใหญ่ของเจ้าจะมาถึง เมื่อถึงเวลานั้นความเชื่อใจจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เจ้าข้ามผ่านมันไป จงระวังตนเองให้ดี อย่าให้อารมณ์ใดๆมาทำลายสิ่งที่เจ้าตั้งใจได้”


“ข้าจะจำคำที่ท่านสอนท่านผู้สร้าง”


“เอาเถิด ได้เวลาที่เจ้าต้องตื่นแล้ว ไว้เจอกันใหม่ในกาลหน้าลูกรัก”



แสงแดดที่ส่องผ่านม่านมากระทบเปลือกตาปลุกผมตื่นจากการหลับใหล ด้วยความที่ยังมึนเพราะพึ่งจะตื่นนอนเลยไม่ทันได้ดูว่ามีอีกสองชีวิตที่ยังนอนกอดตัวเองอยู่


“หลับไปนานรึเปล่าเนี่ยเรา” ผมบ่นเบาๆกับตัวเองแล้วทำท่าจะลุกจากที่นอนแต่ติดที่ลุกยังไงก็ไม่ขึ้น


“ตื่นแล้วหรอราส”


“หืม ตื่นแล้วหรอ”


“สวัสดียามเช้าครับ อัล ฮาฟ”


“อืมสวัสดี” ทั้งสองคนบอกผมทั้งที่ยังหลับตากันเหมือนเดิม นี่ตกลงตื่นมาคุยกับผมหรือละเมอตอบกันแน่ครับ


“ผมจะไปเข้าห้องน้ำ ช่วยปล่อยก่อนได้ไหมครับ”ไม่มีเสียงตอบรับแต่ก็ยอมที่จะปล่อยผมออกจากอ้อมกอดของทั้งคู่


ผมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกมาเห็นว่าทั้งคู่ยังนอนอยู่เลยไม่อยากจะรบกวนเลยเลี่ยงไปนั่งที่โต๊ะบริเวณหน้าต่าง ผมคิดว่าตอนนี้น่าจะสายแล้วพอสมควรไม่น่าจะเช้าตามที่ผมบอกสวัสดี


ถ้าผมบอกความจริงตามที่คุยกับท่านผู้สร้างแล้วพวกเขาจะรักษาสัญญาเหมือนกับในอดีตไหม ในเมื่อครั้งก่อนสามราชายังไม่รักษาสัญญากันเลย แต่ผมที่จะเริ่มต้นใหม่แบบนี้จะต้องไม่เอาอดีตมาปะปนกับปัจจุบันเด็ดขาดเลย


“อืม ราส ราส จอมมารราสหายไปแล้ว”


“อะไรนะ ราสหายไปได้ยังไงกัน”


“ผมอยู่ตรงนี้ครับ” ผมที่นั่งมองทั้งสองคนบนเตียงที่ดูตื่นตกใจว่าผมหายไป ทำไมพวกเขาสองคนถึงน่ารักจังครับ แค่ก ข้ามไปครับอย่าได้สนใจ


“ทำเอาตกใจกันหมด ตื่นแล้วทำไมไม่เรียกกัน แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม ยังเพลียอยู่อีกหรือเปล่า ตามจริงน่าจะพักต่ออีกสักนิดนะ”


“ฮาฟครับ ผมดีขึ้นแล้วครับ นอนต่อไม่ได้แล้วละครับ ในเมื่อตื่นแล้วไปหาอะไรทานกันเถอะครับ ผมเริ่มหิวแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นรอพวกเราก่อนนะ ไปพร้อมกัน” ผมพยักหน้าให้ฮาฟเพราะอัลพอเห็นว่าผมยังนั่งอยู่ก็ไม่ได้ฟังที่ฮาฟบ่นเดินไปจัดการตัวเองตั้งนานแล้วละครับ ดูเหมือนอัลจะรำคาญเวลาฮาฟพูดนะครับ


หลังจากที่เราลงมาทานอาหารที่ห้องอาหารแล้ว เราก็เจอท่านจอมเวทย์ที่เสร็จจากงานมาพอดีเลยถูกชวนให้มาที่ห้องทำงานของท่านจอมเวทย์ทันที


“เมื่อวานที่ปีศาจตนนั้นพูดคืออะไรกัน เธอพอจะอธิบายได้ไหม”


“แล้วพวกท่านทั้งสามรู้จักเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ปีศาจตนนั้นพูดมากน้อยแค่ไหนละครับ” ผมไม่ได้ตอบในทันที เพราะดูท่าแล้วพวกเขาทั้งสามคนน่าจะพูดคุยกันเรื่องของผมในอดีตมาก่อนหน้านี้แล้ว


“ก่อนจะพูดเรื่องนั้น ฉันขอถามเธอสักคำถามได้ไหม”


“ครับฮาฟ”


“เธอแอบไปขัดขวางแผนการที่ปีศาจพวกนั้นพูดตอนไหนกัน” อ่า ดูเหมือนงานจะเข้าแล้วครับ


“คือ ที่ดินแดนมนุษย์ครับ ไปช่วยสัตว์ปีศาจที่ถูกจับมาเพื่อทำลายหมู่บ้านในช่วงวันทำพิธีของฮาฟเพื่อให้เข้าใจว่าฝั่งปีศาจอาศัยช่วงงานฉลองบุกโจมตีหมู่บ้านครับ”


“ใช่ตอนที่เธอนอนพักแล้วบอกว่าเพลียอะไรนั่นใช่ไหม”


“อ่าครับ ขอโทษครับฮาฟที่ไม่ได้บอก แล้วก็ขอโทษทุกคนที่ปิดบังครับ แต่ผมก็อยากจะช่วยเหลือพวกคุณนี่ครับ ทำไมต้องทำหน้าดุกันด้วยละครับ”


“เรื่องนั้นเอาไว้ลงโทษทีหลังแล้วกัน แล้วเรื่องขัดขวางแผนการหมื่นปีก่อนละ”


“เรื่องนี้มันอธิบายยากนะครับ เอาแบบเข้าใจง่ายก็ผมกลับมาเกิดใหม่ครับ”


“ง่ายเกินไปไหมสหายตัวน้อย”


“ก็ผมไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงนี่ครับท่านจอมเวทย์”


“งั้นเอาที่เธอพอจะบอกได้มาแล้วกัน”


“ตอนนี้ผมชื่อ ราสเต้ ดีนเซอร์ อดีตหมื่นปีก่อนชื่อรัสเทล อินเทียสครับท่านจอมเวทย์”


“รัสเทลที่ปีศาจบอก” อัลพึมพำออกมา


“รัสเทล อินเทียส อย่างนั้นหรอ” ท่านจอมเวทย์มีสีหน้าตกใจกว่าใคร


“มีอะไรหรือท่านจอมเวทย์”


“ตามบันทึกของจอมเวทย์แต่ละรุ่นมักจะระบุเรื่องราวของจอมเวทย์ที่เป็นตำนานที่หายสาบสูญไปเหลือเพียงเรื่องราวสืบต่อมาให้เราไม่ลืมเลือน”


“ตามบันทึกของจอมมารก็มีการบันทึกเรื่องราวพวกนี้เหมือนกัน”


“แต่ที่อาณาจักรมนุษย์ของข้าไม่มีเรื่องราวนี้ ทำไมกัน”


“คงต้องให้เจ้าตัวบอกเองแล้วละ ว่าอย่างไรกันราส”


“ตามจริงทั้งสามอาณาจักรควรจะไม่รับรู้ตัวตนของผมเหมือนกันกับอาราจักรของฮาฟ แต่เพราะจอมมารและจอมเวทย์ในรุ่นนั้นแอบใช้เวทย์เลยยังคงมีเรื่องราวสืบต่อมา

ในอดีตตอนที่เกิดสงครามหลังจากที่สิ้นสุดสงครามเราสี่คนมีผมในตอนนั้นกับสามราชาทำพิธีสาบานร่วมกันว่าจะรักษาสัญญาที่ให้กับผมไว้ว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องราวของตัวผมกับใคร หากเปิดเผยจะต้องทิ้งชีวิตตัวเองไปแทน ก่อนที่ผมจะใช้เวทย์ลบล้างตัวตนแล้วกลับไปที่ของผม หลังจากนั้นก็ตามที่รู้กัน ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมทิ้งชีวิตเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของผมแบบนี้”


“เหตุผลที่ไม่อยากให้เราเอ่ยถึงเธอในตอนนั้นคืออะไร”ฮาฟที่ไม่รู้เรื่องราวเพราะไม่มีบันทึกถามด้วยความสงสัย


“ความโกรธที่โดนทอดทิ้งละมั้งครับ มันนานมาแล้วครับ นานจนผมไม่อยากจะจดจำมันแล้ว”


“ถ้าไม่อยากจะจำก็ลืมมันไปซะ ตอนนี้เราควรจะอยู่กับปัจจุบัน เอาละ ตกลงที่ทำทั้งหมด เกี่ยวข้องกับเด็กในคำทำนายใช่ไหม”


“ครับอัล ผมเป็นเด็กในคำทำนาย”


“นี่เป็นเหตุผลที่ท่านจอมเวทย์ส่งราสไปกับพวกเราสินะ”


“ส่วนหนึ่งจอมมาร”


“แล้วที่เหลือละท่านจอมเวทย์” ผมที่อยากจะถามดันโดนฮาฟแย่งไปแล้วละครับ


“เพราะหลังจากที่ได้พบกับราส ข้าฝันเห็นชายผู้หนึ่งบอกให้ข้าทำตามที่เขาบอก เขาให้ข้าหาวิธีพาราสเข้าใกล้พวกท่านให้ได้ เขาบอกแค่ว่ามันคือชะตาของทั้งสามคน”


“ท่านผู้สร้าง”


“เธอว่าอะไรนะราส” อัลที่อยู่ใกล้ผมหันมาถาม


“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”


“แน่ใจ”จะย้ำให้รู้สึกผิดทำไมกันละครับ


“ถ้าผมบอกอัลไปจะเชื่อไหมละครับ”


“เธอลองบอกมาก่อนสิ”


“ผมคิดว่าที่ท่านจอมเวทย์เจอน่าจะเป็นท่านผู้สร้างครับ”


“ทำไมถึงคิดว่าเป็นท่านกัน” ท่านจอมเวทย์ถามแบบสงสัย


“จะมีใครที่ล่วงรู้ชะตาของผู้อื่นได้กันครับนอกจากคนที่อยู่นอกกฎเกณฑ์ของชะตา”


“ก็จริง” ทั้งสามคนพยักหน้าก่อนจะหันไปคุยกันเรื่องอื่นปล่อยให้ผมนั่งมองไปเรื่อยๆจนผ่านไปสักพักพวกเราก็แยกย้ายเพราะท่านจอมเวทย์มีงานเข้ามาพอดี


จะว่าไปท่านจอมเวทย์ก็อาวุโสที่สุดในสามราชาด้วยสินะครับ ส่วนท่านจอมมารกับพระราชานี่ไม่รู้อายุนะครับ ดูเหมือนทางปีศาจจะอายุยืนพอสมควรนะครับ ดูเหมือนจะส่งต่อตำแหน่งเมื่อทายาทครบอายุนะครับไม่ได้เป็นตลอดคล้ายๆกับฝั่งพระราชาเหมือนกัน ส่วนทางท่านจอมเวทย์นี่จะส่งต่อเมื่อสิ้นอายุคนเดิมละครับ




หลังจากวันนั้นนี่ก็เข้าสู่ช่วงเปิดเทอมแล้วละครับ ตอนนี้ผมอยู่ชั้นปีที่ห้าแล้วละครับ เรื่องการเรียนในตอนนี้จะเน้นการฝึกฝนเป็นหลักเลยละครับ


ส่วนช่วงของภารกิจเห็นว่าจะเริ่มมีออกไปตามชายแดนแล้วละครับ ช่วยเหลือชาวบ้านตามแต่ละสายความถนัด


ส่วนคนไหนที่มีแววก็จะถูกส่งไปตามหน่วยงานนั้นๆเพื่อฝึกฝนเมื่อจบออกมาจะสามารถเข้าทำงานในกระทรวงนั้นๆต่อไปครับ


สำหรับผมที่เมื่อถึงช่วงออกทำภารกิจก็ถูกส่งมาที่เดิมเลยครับ ออกมาช่วยเหลือราชาทั้งสองสลับกันตามเดิมครับจนกว่าจะหมดเวลาทำภารกิจ มีชาวเมืองหลายคนที่เริ่มจะรู้จักผมจากการออกพื้นที่ของทั้งสองอาณาจักรแล้วละครับ บางครั้งผมก็ทำการรักษาหรือแนะนำในส่วนที่พอจะช่วยได้ด้วยละครับ รู้สึกภูมิใจมากเลยครับ


ในการออกพื้นที่แต่ละครั้งทั้งสองราชาจะแนะนำว่าผมเป็นสหายของพวกเขานะครับเพราะเราตกลงกันไว้ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนเชื่อหรอกครับ เพราะมีหลายครั้งที่ชาวบ้านเรียกผมว่าราชินีก็มีครับ ผมต้องรีบแก้ข่าวเลยละครับ หลังๆมาก็เริ่มจะเข้าใจว่าผมเป็นแค่สหายจริงๆ หรือว่าอาจจะแค่ผมที่คิดไปเองว่าเข้าใจก็ได้นะครับ เพราะสายตาที่มองมาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน


แต่จะไปว่าชาวบ้านก็ไม่ได้นะครับ ก็ทั้งสองราชาชอบที่จะแกล้งผมต่อหน้าชาวบ้านตลอดนี่ครับบางครั้งผมก็เผลอแกล้งฮาฟด้วยเหมือนกัน อีกทั้งเรายังเรียกกันด้วยชื่อแสดงความสนิทสนมกันอีก แต่ก็ไม่ได้ห้ามหรอกครับ เพราะเราสามคนตกลงกันว่าจะอยู่ในสถานะแบบนี้ไปก่อนจนกว่าผมจะเรียนจบละครับค่อยมาคุยกันใหม่ว่าจะทำอย่างไรกันต่อ


ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเราหรอครับก็ยังคงที่นะครับ แต่ผมเริ่มที่จะหวั่นไหวกับคำพูดและการกระทำของทั้งสองราชามากขึ้น อีกทั้งสองคนก็พยายามที่จะเข้ามาใกล้ตัวผมตลอด


ตอนนี้ผมเลื่อนขั้นจากสหายท่านจอมเวทย์มาเป็นบุตรบุญธรรมแทนแล้วละครับ เรื่องนี้ท่านจอมเวทย์ติดต่อกับทางครอบครัวผมแล้วด้วยครับ เท่ากับว่าตอนนี้ผมมีพ่อทูนหัวแล้วครับ เลยกลายเป็นว่าทั้งสองราชาต้องเกรงกลัวพ่อทูนหัวของผมมากกว่าเดิมละครับ


วันเวลาผ่านไปอย่างสงบสุขจนถึงวันสุดท้ายของการปิดเทอมปีห้าแล้วละครับ พรุ่งนี้จะถึงวันเปิดเทอมปีสุดท้ายของผม ลางสังหรณ์ของผมร้องเตือนว่าภายในปีการศึกษาสุดท้ายนี้ต้องมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นแน่นอนครั้ง แต่ไม่ระบุว่าช่วงไหน อีกทั้งท่านผู้สร้างก็ลงมาเตือนเรื่องความปลอดภัยแถมยังย่ำว่าเมื่อพลังของผมตื่นขึ้นมาเต็มที่เมื่อไหร่ คลื่นใต้น้ำจะเข้าจู่โจมทันที


ผมที่คิดเอาไว้ว่าตอนนี้มันยังเงียบเพราะเตรียมการรับมือกับผมอยู่แน่นอนเพราะผมเป็นทั้งเด็กในคำทำนายอีกทั้งยังเป็นคนทำลายพวกเขาเมื่อหมื่นปีก่อนอีกด้วย ครั้งต่อไปผมว่าคงเป็นสงครามตัดสินแล้วละครับ ผมไม่มีวันยอมให้คนสำคัญของผมต้องเป็นอันตรายเด็ดขาดครับ และผมคิดว่าปัญหาพวกนี้จะยุติลงได้ ผมเชื่อในสิ่งที่ผมคิดไว้ครับ และผมจะทำมันให้สำเร็จให้ได้ครับ


TBC.

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ราสเต้สู้ๆ  :z2:

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#22


   สวัสดีครับ กระผมราสเต้คนเดิมเพิ่มเติมคือเปิดเทอมปีสุดท้ายแล้วครับ คิดแล้วก็ใจหายเหมือนกันนะครับ ปีสุดท้ายแล้วแบบนี้ อยู่มาตั้งหลายปี ผมก็ยังไม่รู้เลยนะครับว่าหลังจากจบไปแล้วจะทำงานอะไรต่อ บางทีผมอาจจะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวก็ได้นะครับ แต่ก่อนอื่นต้องทำให้คำทำนายสำเร็จก่อน ดูเหมือนทั้งสองอาณาจักรก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกันแล้ว มีแต่พวกกบฏที่ยังคงปั่นกระแสอยู่ตลอด


“เอาละ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วสำหรับการศึกษาในโรงเรียนนี้ของพวกเธอ จงพยายามฝึกฝนตัวเองจนสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้นะนักเรียนทุกคน”


“ครับ/ค่ะ อาจารย์”


“สำหรับปีนี้ภารกิจจะถือว่ายากมากกว่าปีที่แล้วเยอะเลยนะ พอจะรู้มากันแล้วสินะนักเรียน”


“โห่”


“เงียบหน่อย ฟังก่อนๆ สำหรับภารกิจที่ว่ามาครั้งนี้จะไม่มีกำหนดเวลานะนักเรียน และสามารถมารับภารกิจได้ที่อาจารย์ถ้าคิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว เพราะปีนี้พวกเธอจะไม่มีการเรียนการสอนอะไรมากนักส่วนมากจะทบทวนความรู้เท่านั้น  และสำหรับคนที่ผ่านภารกิจจะมีหน่วยงานเข้ามาติดต่อด้วยนะ ใครที่อยากจะเข้าหน่วยงานไหนสังกัดอะไรก็รีบมารับภารกิจที่สนใจได้นะนักเรียน” เห ปีนี้เลือกภารกิจที่อยากจะไปเพื่อเข้าสังกัดงานไดด้วยหรอครับ


“เย้”


“เอาละๆ วันนี้อาจารย์มีเรื่องมาบอกแค่นี้ ทุกคนก็เตรียมตัวเรียนกันได้แล้ว”


“สวัสดีครับ/ค่ะ อาจารย์”


“ราสนายจะไปรับภารกิจตอนไหนหรอ”


“ผมยังไม่แน่ใจเลยครับรัล”


“แล้วหนูราสนใจหน่วยงานไหนบ้างรึเปล่าจ้ะ”


“ไม่ครับเรน่า ผมไม่ได้สนใจหน่วยงานไหนเลย บางทีเรียนจบผมอาจจะกลับไปอยู่ต่างเมืองกันครอบครัวก็ได้นะครับ”


“หวา แบบนั้นต้องคิดถึงหนูราสแย่เลยสิเนี่ย”


“ถ้าคุณสองคนคิดถึงผมก็ไปเยี่ยมได้นี่ครับ บ้านผมไม่ไกลหรอกครับ”


“สัญญาเลย เราจะไปบุกบ้านนายแน่นอน”


“แล้วคุณสองคนละครับ จะเข้าที่ไหนหรอครับ”


“ฉันกับเรน่ากำลังสนใจนักเวทย์กับปราชญ์เวทย์อยู่”


“ใช่ฉันอยากเป็นอาจารย์สอนเด็กๆ ส่วนรัลเห็นว่าอยากเข้าหน่วยงานทหารของสังกัดปราชญ์เวทย์ป้องกันละ”


“ถ้าพวกคุณเข้าทำงานได้แล้วอย่าลืมเลี้ยงผมนะครับ ทีนี้ผมก็จะโม้ได้ว่ามีเพื่อนทำงานอยู่ที่นั่น แบบนั้นดีไหมครับ”


“ฮ่าๆๆ” พวกเราสามคนหัวเราะออกมาแบบสนุกสนานกับเรื่องที่พูด


อนาคตมันไม่แน่นอนจริงๆนะครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ป่ากับคุณทรีมอสละครับ เพราะว่าทั้งรัลกับเรน่าก็ออกไปรับภารกิจกันตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อนแล้ว เพื่อนร่วมชั้นเรียนตอนนี้ก็เหลือน้อยเต็มที คงมีแค่ผมที่ยังไม่อยากจะออกไปจากที่นี่มากกว่าใคร ผมรู้สึกได้ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ผมออกไปรับภารกิจ ผมจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก


“คิดอะไรอยู่หรือครับ นายท่าน”


“คิดอะไรไปเรื่อยละครับคุณทรีมอส”


“ตอนนี้นายท่านก็จะสิบหกปีแล้วสินะครับ”


“อีกไม่กี่วันแล้วละครับ มีอะไรหรอครับ”


“นายท่านคงจะลืมไปว่าเมื่อนายท่านอายุครบสิบหกปี พลังของท่านก็จะตื่นขึ้นมา ทั้งพลังและร่างกายของท่านจะเปลี่ยนไปเหมือนดังกาลก่อน ท่านเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหรือยังครับนายท่าน”


“อ่า ผมลืมไปเลย แต่เรื่องการเปลี่ยนแปลงคงไม่เปลี่ยนมากหรอกครับ เพราะผมคงไม่น่าจะสูงแล้วละครับ” คิดแล้วก็เศร้า พยายามดื่มนมเท่าไหร่ก็ไม่ยืดเลยครับ สูงขึ้นแค่ช่วงเริ่มฝึกร่างกายแค่ครั้งเดียวเองครับ


“ท่านยังติดต่อกับสองราชาอยู่หรือไม่ครับ”


“หลังจากทำภารกิจเมื่อตอนปิดเทอมก็ไม่ได้ติดต่ออีกเลย งานเลี้ยงก็ติดเรียน หลายเดือนแล้วครับ มีอะไรหรือครับ”


“ข้าก็แค่คิดว่าเมื่อพลังของนายท่านตื่น พวกเขาทั้งสองจะทำอย่างไรกับท่านมากกว่าขอรับ”


“เอ๋ ผมไม่เข้าใจ”


“เอาไว้เจอกันท่านก็จะเข้าใจครับนายท่าน” คุณทรีมอสนี่ละก็ชอบพูดเรื่องอะไรที่คิดตามยากๆตลอดเลยนะครับ


“วันนี้ผมกลับหอก่อนนะครับ เริ่มจะเย็นมากแล้ว”


“พบกันพรุ่งนี้ขอรับนายท่าน” ผมลาคุณทรีมอสกับสัตว์อสูรก่อนจะกลับมาที่ห้องพัก


สามวันเท่านั้นครับ อีกสามวันจะครบวันเกิดผมแล้ว อีกเหตุผมที่ผมยังไม่ออกรับภารกิจเพราะอยากจะให้ผ่านวันเกิดพอดีมากกว่า ผมคิดที่จะรับภารกิจวันเกิดแล้วออกเดินทางในเช้าอีกวัน เหมือนกับที่ทำมาทุกปี และเรื่องวันเกิดไม่มีใครที่รู้เพราะผมไม่เคยบอกใคร




สองวันต่อมา ช่วงเวลาสองวันมานี้ผมฝึกฝนพลังกับร่างกายในป่าตลอดเวลาเพื่อเตรียมร่างกายรับพลังที่จะตื่นขึ้นมา วันนี้ผมเขามารับภารกิจครับดูเหมือนว่าจะเหลือแต่ภารกิจที่ใช้เวลาเยอะทั้งนั้นแล้วละครับ


“มาขอรับภารกิจครับอาจารย์”


“มาแล้วหรือราสเต้ อาจารย์คิดว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว”


“มาครับ ว่าแต่เหลือแต่ภารกิจใช้เวลาทั้งนั้นเลยสินะครับ”


“ใช่แล้วก็เหลือไม่เยอะด้วย เอาละเลือกมาเลย อาจารย์จะบันทึกประวัติภารกิจของเธอให้”


“อืม ถ้าอย่างนั้นผมของเป็นภารกิจสำรวจ ดูแล ช่วยเหลือ ประชาชนสามาอาณาจักรแล้วกันครับ”


“ทำไมถึงเลือกภารกิจนี้ละ”


“ก็ถึงมันจะใช้เวลาในการเดินทางแต่ผมว่ามันเหมือนเราได้ท่องเที่ยวแถมยังได้เรียนรู้ความเป็นอยู่ของประชากรในแต่ละอาณาจักรด้วยนี่ครับ”


“เป็นเด็กที่คิดดีจริงๆ เอาละอาจารย์บันทึกเรียบร้อย นี่เป็นสมุดบันทึกนะ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอทำสำเร็จหนึ่งอย่างก็ให้คนที่เชื่อถือได้ลงชื่อรับรองจนครบห้าสิบครั้งนะ”


“ขอบคุณครับอาจารย์”


“ขอให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนะจ้ะ”


“ขอบคุณมากครับอาจารย์ ผมไปก่อนนะครับ”



ผมที่รับภารกิจเสร็จก็กลับมาเก็บกระเป๋าเอาของที่จำเป็นใส่ในกระเป๋ามิติที่ซื้อมาจากร้านเวทย์ครั้งก่อนไว้ ผมที่คิดไว้ว่าภารกิจน่าจะต้องใช้ของเยอะน่าจะมีพื้นที่เก็บของได้เยอะพอสมควรเลยเลือกซื้อกระเป๋ามิติแบบไม่จำกัดชิ้นมาใส่ได้ทุกอย่างที่ยกใส่ไหว


“เอาละ เก็บครบแล้ว พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะเริ่มต้นใหม่จริงๆ”



ผมเดินออกจากห้องพักในเวลาเย็นแล้วแอบเข้ามาในป่าเพื่อพูดคุยกับสัตว์อสูรและคุณทรีมอสให้หายคิดถึงเพราะดูแล้วอีกหลายเดือนกว่าจะได้กลับมาที่อาณาจักรนี้แน่เลยครับ


“วันนี้เป็นวันเกิดผม เรามาเลี้ยงฉลองกันดีไหมครับ”


“เฮ” งานเลี้ยงง่ายๆถูกจัดขึ้น พวกเราต่างล้อมวงดื่มกินน้ำผลไม้ที่คุณสัตว์อสูรหมักไว้กับผลไม้ที่เก็บมา ร้องเพลงเฮฮา นอกจากวันเกิดแล้วยังเป็นการเลี้ยงฉลองการทำภารกิจสุดท้ายของผมอีกด้วย


ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านพ้นไปพวกเราต่างแยกย้ายกันพักผ่อนผมที่กำลังจะล้มตัวนอนบริเวณใต้ต้นคุณทรีมอสกลับเกิดความร้อนขึ้นตามบริเวณร่างกาย


“คุณทรีมอส”


“นายท่านเป็นอะไรหรือครับ”


“ร้อน ทรมาน”


“นายท่านตั้งสติไว้นะครับ อาจจะเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของพลังเวทย์ของท่านก็ได้นะครับ”


“นายท่านขอรับ / เจ้าค่ะ” เสียงของคุณสายลมและเวทย์อื่นๆต่างเรียกผมด้วยความเป็นห่วง



หลังจากที่ร่างบางหมดสติเกิดแสงสีฟ้าโอบล้อมร่างทั้งร่างเอาไว้จนไม่สามารถมองทะลุผ่านเข้าไปได้ ไร้ซึ่งเสียงใดๆในบริเวณนั้น จนเวลาผ่านล่วงเลยไปจนข้ามคืนและอีกไม่นานแสงอาทิตย์ก็จะโผล่งพ้นขอบฟ้าขึ้นมาต้อนรับเช้าวันใหม่


แสงสีฟ้าที่ทึบเริ่มเจือจางลงแต่ก็ยังมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้จนกระทั่งแสงแรกของวันปรากฏ แสงสีฟ้าก็สลายไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาหลายชีวิตที่เฝ้ารอคอยนายเหนือหัวต่างตกตะลึง


ร่างของชายหนุ่มที่มีผิวพรรณเนียนละเอียดดูคล้ายจะเปล่งประกายตลอดเวลา ดุจมีแสงสาดส่องมาที่ร่างกายนี้เสมอ เส้นผมสีดำเข้มที่พลิ้วไหวยาวจรดบั้นเอวของชายหนุ่มที่โค้งเว้าคล้ายสตรีเพศ ใบหน้าได้รูปที่เคยส่อแววความสวยถูกเปิดเผยมากขึ้น


ภาพตรงหน้าและภาพความทรงจำในอดีตซ้อนทับกันในความคิดของสิ่งมีชีวิตที่รายล้อมร่างบางไว้ เหมือนกันไม่มีข้อแตกต่าง นายท่านของพวกมันกลับมาแล้วจริงๆ


เสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นมาจนเปลือกตาที่ถูกปิดไว้เป็นเวลานานเริ่มเกิดความเคลื่อนไหว ในไม่ช้าก็เผยดวงตาสีฟ้าสดใสต่างกับสีน้ำตาลก่อนหน้า ความเปลี่ยนแลงครั้งนี้ไม่เพียงร่างกายแต่ไอเวทย์รุนแรงที่แฝงอยู่ในท่วงท่าทุกการขยับเคลื่อนไหวในทุกอิริยาบถต่างๆที่ร่างตรงหน้ากระทำบ่งชี้ชัดเจนว่าพลังของท่านตื่นขึ้นมาอย่างแท้จริง


“ยินดีต้อนรับกลับบ้านอย่างเป็นทางการอีกครั้งครับ นายเหนือหัวแห่งข้า” เสียงสรรพสัตว์ต่างแซ่ซ้องกล่าวขานบุคคลตรงหน้าที่ลุกขึ้นยืนกลางวงล้อมของสิ่งมีชีวิตในป่า


“ขอบคุณครับทุกคน”



ผมที่ตื่นขึ้นมากำลังสำรวจร่างกายของตัวเอง แขนขาที่ยาวขึ้นมาแม้จะไม่มากแต่สีผิวกับสัมผัสต่างแตกต่างกว่าเดิม ยิ่งพลังมากขึ้นเท่าไหร่ผมยิ่งคล้ายผู้หญิงขึ้นไปอีกนะครับ ผมลองทดสอบพลังเวทย์ในตัวด้วยการทดลองหน่วยเวทย์ทุกชนิดในเวลานาน ตามเดิมจะปรากฏอาการเหนื่อยล้าแต่ครั้งนี้กลับไม่ปรากฏอาการอะไร นี่ผมจะเก่งขนาดไหนกันครับ


“นายท่านควรพักผ่อนก่อนดีไหมครับ อีกไม่กี่ชั่วโมงท่านจะต้องเดินทางไปทำภารกิจแล้วนะครับ”


“ขอบคุณครับคุณทรีมอส” ผมบอกกับคุณทรีมอสที่ช่วยเตือนผมก่อนจะล้มตัวนอนพัก



ช่วงสายของวันหลังจากที่ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็คำนวณเวลาการทำงานของท่านจอมเวทย์ก่อนจะบอกลาทุกคนแล้ววาร์ปมาหาท่านจอมเวทย์ที่บริเวณสวนด้านหลังใกล้กับเขตป่า


“สวัสดียามสายครับท่านจอมเวทย์”


“สวัสดี นั่น ราสเต้หรือ”


“ครับ ผมเองท่านจอมเวทย์”


“เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้”


“ผมอายุครบสิบหกปีแล้วครับเลยสามารถดึงพลังออกมาใช้ได้เต็มที่แล้ว แต่ถึงผมจะเปลี่ยนไปท่านจอมเวทย์ก็จำผมได้นี่ครับ”


“ตกใจจริงๆในเรื่องการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แล้ววันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่า”


“ผมจะมาลาท่านจอมเวทย์ไปทำภารกิจครับ”


”ทำภารกิจ อ่า ถึงช่วงเวลาออกทำภารกิจของเด็กปีหกแล้วสินะ”


“ครับ”


“แล้วได้ภารกิจอะไรละ”


“ผมเลือกไปช่วยเหลือประชาชนของทั้งสามอาณาจักรครับ ที่แรกผมจะไปที่อาณาจักรฟาซอลเทียร์ ต่อด้วยรัสเทียร์แล้วกลับมาที่อิลเทียร์สุดท้ายครับ”


“แล้วไปที่ฟาซอลเทียร์ท่านจอมมารจะยอมหรอนั่น”


“เกี่ยวอะไรกับอัลครับ”


“ก็ไม่ได้เจอกันตั้งนานแต่กลับไปหาพระราชาก่อนจอมมารนี่นะ จะน้อยใจก็ไม่แปลก”


“เดี๋ยวนะครับท่านจอมเวทย์ ผมว่าท่านกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่”


“ไม่หรอก ข้าเข้าใจดี เรื่องรักๆใคร่ๆ ข้าเห็นมาเยอะแล้ว”


“แต่ว่า”


“เอาเถอะ ข้าขอเตือนทางที่ดีถ้าไม่อยากโดนเคือง ข้าแนะนำให้เจอทั้งสองราชาพร้อมกันดีกว่านะ”


“คือว่า”


“ข้าติดต่อให้มารับเจ้าที่นี่ดีกว่า เอาแบบนั้นละกัน”


“เดี๋ยวครับท่านจอมเวทย์” ไม่เคยจะฟังกันเลยครับท่านพูดเสร็จยังไม่ทันได้ตกลงก็เดินหนีกันไปซะแล้ว




TBC.

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด