ตอนที่ 9 : กับดักพระจันทร์ ผมก้มมองถุงที่อยู่ในมือ เมื่อคืนผมแวะไปเดินเล่นที่ตลาดรวมสินค้าทำมือ ได้ของถูกใจมาชิ้นหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ใช่สำหรับผม ผมรู้จากกล้าว่าวันนี้ตฤนมาเรียน ก็ได้เพื่อนนี่แหละครับช่วยเป็นหน่วยสืบราชการลับให้ เพราะถึงจะมีไลน์ไอดีของตฤนแล้วผมก็ไม่กล้าส่งข้อความไปถามอยู่ดี มีแค่ครั้งแรกเท่านั้นที่ผมทำใจกล้าติดต่อไปเพราะไม่อยากถูกตฤนเข้าใจผิดว่าผมเป็นแอนตี้แฟน
“ทางนี้” กล้ายกมือขึ้นโบกเรียก ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่ากล้ายืนอยู่กับใคร แล้วผมก็ต้องแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อปอนพูดขึ้นว่า “ครบแล้วไปได้”
“ไปไหนเหรอ” ผมสบตากับกล้าเพื่อขอคำตอบ
“พวกนี้ชวนไปทานร้านประจำ”
“อ๋อ” ผมพยักหน้ารับรู้
“อย่าคาดวังนะว่าน อาหารรสชาติทั่วไปแต่ร้านเป็นส่วนตัวดี” ปอนส่งยิ้มให้ผม ในจำนวนสามหนุ่มผมว่าปอนเป็นคนที่เข้าถึงง่ายที่สุด ถ้าให้คำจำกัดความผมว่าปอนเป็นผู้ชายไนซ์ ทำให้มีเสน่ห์
“อ๋อ~” คราวนี้ผมลากเสียงยาวเพื่อตอบรับคำบอกเล่าของปอน ได้ยินเสียงหัวเราะหึดังลอยมา
“ก็มันติดปาก” ผมงึมงำแก้ตัว รู้โดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายพูด ผมพูดคำว่าอ๋อติดๆ กันทีไรเดี๋ยวคำว่าเอ๋อจะตามมาทุกที
“ใครพูดอะไร” รอยยิ้มที่ยกขึ้นมุมปากกับดวงตาร้ายๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังชอบใจที่ได้แกล้งผม คุณพระจันทร์ไม่รู้จักผมซะแล้ว
“จริงนะ ไม่คิดจะพูดแน่นะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ มองตฤนด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่สงสัยว่าน้ำเสียงของผมกับดวงตาจะดูขี้เล่นเกินไป รอยยิ้มของอีกฝ่ายจึงจางลงอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นตีหน้ายักษ์แทน “อุ้ย!” ผมอุทานเบาๆ เมื่อสบตาคู่นั้นเข้า ต้องรีบส่งสายตางอนง้อขอโทษไปให้
“เดี๋ยวนะ” ปอนยกมือขึ้นเป็นเชิงขอพูดบ้าง สายตาที่มองตรงมายังพวกผมเหมือนพร้อมจะจับผิดเต็มที่
“เมื่อกี้คือตีกันหรือกำลังหยอกล้อกันอยู่แน่วะ กูรู้สึกว่าคำพูดกับท่าทางของพวกมึงไม่เข้ากันเลยว่ะ”
“แล้วแบบนี้เรียกว่าอะไร” ตฤนวาดขาเตะปอนเสียงดังป๊าบจนเจ้าตัวสะดุ้ง
“ไม่เห็นต้องทำรุนแรง บอกกูดีๆ ก็ได้”
“มึงก็ชอบไปแหย่มัน สมควรจะโดน” ดูเหมือนรามจะเลือกข้างได้แล้ว
“มึงกลัวมันเตะมึงด้วยก็บอก”
“ฮ่าๆ ของมันแน่อยู่แล้ว กูเป็นพวกไวต่อสถานการณ์”
“มึงเลยต้องวิ่งหางจุกตูดเข้าไปซ่อนในร้านหนังสืองิ”
“เดี๋ยวมึงจะโดนกูเตะจริงๆ”
“ฮ่าๆ”
ผมอดหัวเราะเบาๆ ตามปอนไม่ได้ เห็นแบบนี้แล้วอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าทำไมผู้ชายที่มีเสน่ห์มากทั้งสามคนถึงไม่มีใครมีแฟนเลย อืม~เป็นคำถามที่น่าสนใจจริงๆ
“เดี๋ยว”
เพราะมัวแต่เดินคิดอะไรเพลินๆ ผมจึงไม่รู้ตัวว่าผมผมเดินรั้งท้ายสุด มีตฤนเดินอยู่ด้านหน้า เสียงเรียกทำให้คนที่เดินนำไปก่อนหยุดเดิน
“รถกูจอดตรงนั้น” ตฤนชี้มือไปไม่ไปจากจุดที่พวกผมหยุดยืน
“อ้าวเหรอ งั้นว่านไปกับตฤนก็แล้วกัน กล้าเดี๋ยวมึงไปรถกู” ผมเดาว่ารามคงเห็นว่าผมกับตฤนยืนอยู่ใกล้กันทิ้งช่วงห่างจากคนอื่น จึงเสนอขึ้นมาแบบนั้น กล้าพยักหน้ารับ เพื่อนย่อมรู้ใจอยู่แล้วว่าผมอยากไปกับใคร
“ทำไมถึงชอบรถสองที่นั่งล่ะ มันไม่แคบไปเหรอ” ผมถามเพราะไม่รู้จะคุยอะไร เราเหมือนสนิทกันแล้วแต่อันที่จริงตฤนแทบไม่รู้จักผมเลย เพราะเราไม่เคยคุยเรื่องส่วนตัวของกันและกัน
“จะได้ปฏิเสธง่ายๆ เวลามีคนขอติดรถ”
ผมเม้มปากเงียบกริบ ก่อนจะหันหน้าไปยิ้มแหยๆ ให้เจ้าของรถที่หันมามองผมด้วยสายตาดุๆ พอดี
“ที่พูดเมื่อกี้ไมได้จะไล่ผมลงจากรถทางอ้อมใช่ไหม”
“หึๆ”
“เดี๋ยวดิอย่าหัวเราะอย่างเดียว” ผมโวยวายขึ้นมา “อธิบายด้วยว่าใช่ไม่ใช่ ยังไง ผมแปลไม่ออก ทำไมคนฉลาดถึงชอบคิดว่าคนอื่นจะเดาได้หมดนะ ความคิดความรู้สึกของคนเรามันเดาได้ยากที่สุดตฤนไม่รู้เหรอ”
“ถามอะไรอย่างสิ”
“อะไรเหรอ” ผมรอฟังคำถามของตฤนอย่างใจจดใจจ่อ เมื่ออีกฝ่ายพูดแทรกผมขึ้นมา
“ฉันหัวเราะแค่หึเดียวนายเอาไปพูดได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ เก่งดีนี่” ผมอ้าปากค้าง โห~คนเรา ทำไมปากคอเราะร้ายแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะ ผมคลี่ยิ้มออกกว้าง ทำตาหยีๆ ใส่คนที่เหลือบตามามอง
“แปลว่าไม่ไล่ผมลงใช่มะ”
“....”
ดูเหมือนประโยคของผมจะกระแทกใจตฤนอย่างแรง เพราะนิ่งไปเลย ได้แต่ส่งสายตาอนาถใจ ไม่รู้จะทำยังไงมาให้ผม
“นายสะกดคำว่าสลดเป็นไหม”
“เป็น!” ผมรีบตอบ “ใครจะบ้าอารมณ์ดีทั้งวันทั้งคืน แต่ที่ยิ้มกว้างอยู่นี่เพราะได้นั่งรถมากับตฤนไง”
“ดีนะ”
“พูดงี้ประชดผมชัวร์”
“เปล่า” เสียงคนพูดขรึมลงจนผมชักเป็นห่วง
“ทำไมเหรอ ตฤนพูดถึงเรื่องอะไร”
“เรื่องที่นายพูดได้ทุกอย่าง ทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่นายเป็นแฟนคลับฉัน เรื่องที่นายดีใจที่ได้นั่งรถมาด้วยกัน”
“อ๋อ ผมรู้สึกยังไงผมก็อยากบอกออกไปตรงๆ แล้วอีกอย่างผมก็ยิ้มได้เพราะตฤนจริงๆ ผมถึงอยากบอกให้รู้”
“อืม โลกของนายมันไม่ซับซ้อนใช่ไหม”
“ผมว่าเราอยู่ในโลกใบเดียวกันนะ” ผมส่งยิ้มกว้างให้ตฤน
“หึๆ”
“เราอยู่ในโลกใบเดียวกันจริงๆ ผมมั่นใจ เรียนมาว่าโลกมีใบเดียว”
“นายรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร”
“ฮ่าๆ รู้สิ แต่โลกที่ไม่ได้มีเราอยู่คนเดียวมันดีกว่าไม่ใช่เหรอ อยู่กันเยอะๆ แบบนี้อบอุ่นดีออก”
“กระต่ายเอ๋อเอ๊ย”
“เอาเถอะ” ผมกอดอกพยักหน้าหงึกหงัก เรียกความสนใจจากคนขับให้หันมามอง “ถ้ามันทำให้ตฤนหายเซ็งได้อยากเรียกผมว่ากระต่ายเอ๋อก็ตามใจ วันนี้ผมยกให้วันหนึ่ง”
“หึๆ”
ผมว่าผมตาไม่ฝาดนะ ผมเห็นรอยยิ้มเล็กๆ จุดขึ้นที่ริมฝีปากของตฤนก่อนที่มันจะจางหายไป
“น่าอิจฉานาย คนที่ทำให้ฉันยิ้มได้ไม่เห็นโผล่มาอีกเลย”
“หือ?”
“คนที่เคยเล่าให้ฟัง”
“อ่า..” หัวใจผมเต้นตึกตัก ไม่คิดว่าตฤนจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อดรู้สึกผิดนิดๆ ไม่ได้
“วันไหนเหนื่อยๆ ฉันอดคิดถึงไม่ได้ ”
“อื้อ” ก็ผมไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ
“ช่างเถอะ คงเลิกชอบฉันแล้วมั้ง”
“ไม่หรอก” ผมวางมือลงบนถุงที่วางอยู่บนตัก ตัดสินใจได้ในทันทีว่าจะทำอย่างไรกับของชิ้นนี้ดี
“พูดเหมือนรู้จัก”
“ก็ผมเป็นแฟนคลับตฤนต้องเข้าใจความรู้สึกของแฟนคลับด้วยกันอยู่แล้ว”
ตฤนหันมามองหน้าผม ริมฝีปากยกยิ้มแปลกๆ ดวงตาเป็นประกายร้ายๆ แต่ผมยังไม่ทันประมวลผลดีเจ้าของดวงตาก็หันกลับไปเสียก่อน เป็นอะไรของเขานะอยากรู้จริงๆ
• • • • • • • •
“อิ่มชะมัด” กล้าบิดขี้เกียจไปมาระหว่างเดินจากรถกลับไปที่คณะ ผมจงใจติดรถกลับมาลงที่เดิมเพราะมีเป้าหมายที่ต้องการทำ
“ก็มึงเล่นเก็บเรียบอย่างกับรถเทศบาล” ผมส่ายหัว อยากรู้จริงๆ ว่ากระเพาะของกล้าใหญ่แค่ไหน ถึงยัดเข้าไปได้ขนาดนั้น
“ก็กูเสียดายของ สั่งกันอย่างกับตายอดตายอยากแต่เสือกกินอย่างกับของเซ่น”
“ฮ่าๆ” ปอนหัวเราะเสียงดัง ท่าทางจะขำคำพูดของกล้าจริงจัง
“หัวเราะทำไมมึงนั่นแหละตัวดี สั่งจังกูอ้วนขึ้นมามึงจะรับผิดชอบไหม”
“ได้”
“มึงพูดเองนะ จ่ายค่าฟิตเนสให้กูด้วย”
“กล้า” ผมสะกิดแขนเพื่อน
“หือ”
“กูกลับก่อนนะ”
“อ้าว! กูนึกว่ามึงจะนั่งเล่นด้วยกันก่อน กว่าจะเข้าเรียนอีกเกือบชั่วโมงไม่ใช่เหรอวะ”
“กูเพิ่งนึกได้ว่าต้องแวะไปหาอาจารย์”
“แล้วก็เสือกนึกช้านะมึง ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้จะได้ให้ไอ้ตฤนส่งลงใกล้ๆ คณะมึง”
“เอาน่าอย่าบ่นเยอะ กูไปก่อน”
“เออ แต่คืนนี้กูกลับไปนอนบ้านนะแม่บ่นแล้ว”
“อืม” ผมพยักหน้าให้กล้า เอ่ยขอตัวกับคนที่เหลือก่อนเดินแยกออกมา
ถึงแม้ผมจะไม่ได้นั่งรถของตฤนขากลับ แต่เพราะขับตามกันมาผมจึงรู้ว่ารถจอดอยู่ที่ไหน ผมมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นจุดเหมาะๆ จึงตัดสินใจเดินตรงไปที่รถของตฤน วางกระเป๋าลงบนกระโปรงหน้ารถอย่างเบามือ ไม่ได้หรอกครับรถแพงขนาดนี้เกิดเป็นรอยขึ้นมาผมไม่มีปัญญาจ่าย
โชคดีที่ผมมีปากกาสวยๆ และกระดาษวาดเขียนติดอยู่ในกระเป๋าเป๋เสมอ ผมหยิบทั้งหมดออกมาวาง และเริ่มทำการ์ดใบเล็กแบบเรียบง่าย
อืม ผมควรจะเขียนอะไรดีตฤนจะได้ไม่สงสัยว่าหวานคือผม ไม่รู้ว่าคนอื่นเคยเป็นกันไหม แต่ผมเป็นบ่อยมาก เมื่อเราต้องตัดสินใจอะไรอย่างหนึ่ง เรามักคิดว่าเราคิดมันอย่างดีแล้ว แต่สุดท้ายก็พบว่าไอ้ที่ตัดสินใจไปมันไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย อย่างเช่นเรื่องที่ผมไม่บอกตฤนว่าผมกับหวานคือคนเดียวกันในครั้งแรกที่คุยกันเรื่องนี้ มาถึงตอนนี้คงพูดอะไรไม่ได้แล้ว เอาเถอะคนเรามันก็ต้องมีตัดสินใจผิดพลาดกันบ้าง ก็ผมไม่คิดว่าเราจะได้มาทำความรู้จักกันขนาดนี้นี่นา อีกอย่างตอนนั้นที่ผมไม่บอกก็เพราะความหวังดี ไม่อยากให้ตฤนหน้าแตก ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกเสียหน่อย
เห็นแต่รถไม่เห็นคน อดเจอหน้าเลย ขอให้ฝันดีทุกคืนนะ...wanผมมองการ์ดที่เพิ่งทำเสร็จด้วยความพอใจ จัดการเสียบเข้าไปในถุง ภายในมีdreamcatcher ทำจากเชือกสีน้ำตาลประดับด้วยขนนกสีฟ้าอ่อน เครื่องรางที่เรียกกันว่าตาข่ายดักฝันร้าย ผมคิดถึงตฤนทันทีที่เห็น ตั้งใจว่าจะเอามาให้วันนี้ แต่ถ้าหวานจะทำให้ตฤนยิ้มได้ ว่านก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะเหตุผลเดียวที่ผมซื้อมาก็เพราะอยากให้ตฤนมีความสุข
มาคิดดูอีกที ถึงตฤนไม่รู้ว่าหวานกับผมคือคนๆ เดียวกันก็ไม่เป็นไร เพราะมันไม่มีผลอะไรเลย ทุกวันนี้ผมก็ได้ใกล้ชิดกับคนที่ชื่นชอบอยู่แล้ว และหากวันนั้นผมบอกตฤนไปว่าผมคือหวาน ตฤนอาจไม่มีคนช่วยสร้างรอยยิ้มให้อีกก็ได้ อาจจะเซ็งสุดๆ มากกว่าด้วยซ้ำ อืมม ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นนิดๆ ที่การตัดสินใจในครั้งนั้นไม่ได้ผิดอย่างที่คิด
“อ๊ะ!” ผมอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ ตฤนชอบที่หวานดุใช่ไหม อืม ต้องใส่ความดุเข้าไปอีกนิด
ปล. ทำหน้าหงิกมากระวังจะแก่เร็ว ซื้อนิตยสารมาแอบเห็นรอยตีนกาด้วย สงสัยทีมงานลืมลบให้ เอาล่ะ แค่นี้ก็เรียบร้อย ผมมองถุงที่ถูกนำไปแขวนไปกับกระจกข้างรถด้วยความพอใจ ขอให้ยิ้มได้นะตฤน
• • • • • • • •
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์ที่วางคว่ำหน้าอยู่ ผมหยุดงานที่ทำจัดการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มุมบนขวาขึ้นรูปสัญลักษณ์ของแอปพลิเคชั่นอินสตาแกรม
ผมกดเข้าไปดูโดยไมได้คิดอะไรเพราะมัวหัวหมุนกับงานที่ต้องส่งอาจารย์ แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ทุกอย่างเลือนหายไปหมด ผมจ้องตาแทบไม่กระพริบ ริมฝีปากค่อยๆ คลี่ยิ้มออกกว้าง กว้างจนรู้สึกปวดแก้มขึ้นมา
ไม่มีข้อความสื่อความหมายถึงหวาน ไม่มีรูปของตาข่ายดักฝัน มีเพียงใบหน้าของตฤนที่มองตรงมาด้วยรอยยิ้มอ่อน ดวงตาอบอุ่น
หัวใจของผมพองโตคับอก แค่นี้จริงๆ ที่ผมต้องการ ดังนั้นถ้าการมีอยู่ของหวานทำให้ตฤนมีความสุข ผมก็ควรให้หวานยังอยู่ต่อไป ผมไล้นิ้วไปบนใบหน้าของตฤนเบาๆ รอยยิ้มและดวงตาอบอุ่นคู่นั้นยังมองตรงมา จนผมอดยิ้มตามไม่ได้ หลับฝันดีนะครับคุณพระจันทร์ของผม
• • • • • • • •
-ตฤน-ผมส่ายหัวเมื่อเห็นว่านยืนเขียนกระดาษอยู่ที่หน้ารถ โดยไม่คิดจะหลบไปทำที่อื่น แค่นี้ผมก็มั่นใจได้แล้วว่าผมคิดไม่ผิด
“กระต่ายเอ๋อเอ๊ย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอนาถใจแต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความขบขันและเอ็นดูอีกฝ่าย ไม่มีสินะสาวสวยเจ้าของชื่อหวาน มีแต่กระต่ายเอ๋อหน้าตาพิลึกพิลั่นที่ยืนอยู่ตรงนั้น เฮ้ออ ผมควรจะผิดหวังดีไหม
ผมมองตามร่างที่เดินห่างจากรถไปเรื่อยๆ รอยยิ้มพอใจขณะที่ว่านหยุดมองผลงานตัวเองเมื่อครู่ยังติดตา เอาเถอะ ถึงนายไม่ใช่สาวสวย แต่การมีโลกใบเดียวกับนายก็ไม่เลวเท่าไหร่ ไม่สิ! โลกที่มีนายอยู่ด้วยก็ดีเหมือนกัน
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
จำผิดค่า เค้ารุกกันตอนหน้านะคะ ><
*** ขออนุญาตแจ้งข่าวคุณพระจันทร์นะคะ รายละเอียดกดที่ลิ้งก์ได้เลยค่ะ
>>รายละเอียดพรีฯคุณพระจันทร์<< ขอบคุณค่ะ
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin