ตอนที่ 8 : โลกไม่ได้มีเราเพียงสองคน (1)เสียงกริ่งหน้าประตูและเสียงเปิดประตูที่แรงเกินจำเป็นทำให้สายตาสามคู่หันไปมองพร้อมกัน ชายหนุ่มที่โผล่พรวดเข้ามาในร้านทำเอาพวกผมตาโต
“หลังเคาวน์เตอร์!” ดูเหมือนกล้าจะมีสติมากกว่าใคร รีบชี้มือไปยังจุดที่พี่ซินยืนประจำการอยู่ รามเข้าไปหลบได้อย่างเฉียดฉิวก่อนประตูร้านจะถูกเปิดออกอีกครั้ง
“กูเห็นพี่รามเข้ามาในนี้จริงๆ นะ”
“ร้านอื่นหรือเปล่า”
“ร้านนี้แหละ”
“ไหน” เด็กสาวสี่ห้าคนพากันเดินไปทั่วร้าน พูดจาเสียงดังโดยไม่เกรงใจลูกค้าท่านอื่น ผมกับกล้าสบตากัน อดเป็นห่วงเด็กสาวทั้งกลุ่มไม่ได้ ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเกินมัธยมต้น
“ไม่มี” เสียงคนที่เดินไปจนสุดมุมร้านตะโกนบอกเพื่อน
“พี่คะ!”
“คะ” ผมเห็นพี่ซินยืนตัวแข็ง ผมว่าไม่ใช่ตกใจเพราะเสียงเรียกของเด็กผู้หญิงที่ยืนหน้าเคาวน์เตอร์หรอก น่าจะตกใจเพราะใครบางคนที่อยู่หลังเคาวน์เตอร์ด้วยกันมากกว่า
“เมื่อกี้พี่เห็นพี่รามที่เป็นดาราเข้ามาในนี้ไหมคะ”
“พี่ไม่รู้จักค่ะ” ผมกับกล้ากลั้นขำ เบนสายตาไปคนละทาง ก่อนรามจะเข้ามาผมยืนจัดหนังสืออยู่ที่ชั้นไม่ห่างจากหน้าร้าน ส่วนกล้ายืนคุยอยู่กับผม
“เชยจัง”
“อย่าไปว่า พี่เขาอายุเยอะแล้วคงไมได้ตาม” ผมเห็นพี่ซินตาโต เมื่อบรรดาเด็กสาวพูดถึงโดยไม่มีความเกรงใจ
“กูว่าเข้าไปในร้านกาแฟมากกว่า บอกแล้วพวกมึงไม่เชื่อ”
“แต่กูเห็นเข้ามาในนี้จริงๆ”
“อย่ามัวแต่เถียงกันเดี๋ยวก็ตามไม่ทัน รีบไปหาเร็ว” แล้วทั้งกลุ่มก็ออกไปจากร้านด้วยเสียงเอะอะโวยวายไม่ต่างกับขามา ผมเห็นพี่ซินถอนใจอออกมายาวๆ
คนต้นเหตุลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าปลอดโปร่งแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาหันไปทางเจ้านายของผมก่อนก้าวเข้าไปหา “ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร!” พี่ซินยกมือสองข้างขึ้นห้าม เหมือนไม่อยากให้รามเข้าใกล้
“โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมไม่มีเจตนาเสียมารยาท” รามก้าวออกห่างทันที ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มขอโทษขอโพยไปให้
“เมื่อกี้มันอะไรเหรอวะ” ดูเหมือนกล้าจะช่วยชีวิตพี่ซินไว้ได้ ผมว่าอีกนิดเดียวพี่ซินคนเก่งของผมคงเป็นลม
“ไม่มีอะไร ปกติกูก็ตั้งรับแฟนคลับได้อยู่แล้ว แต่ประเภทอยากจิกเนื้อกูไปด้วยก็ไม่ไหว”
“ก็น่ากลัวอยู่” กล้าพยักหน้า ผมคนหนึ่งล่ะที่เห็นด้วย “แล้วมึงมาเดินอะไรแถวนี้คนเดียววะ”
“วันนี้กูว่างไม่มีงาน นึกอยากกินข้าวร้านหัวมุมเลยเดินมา”
“ได้กินหรือยัง”
“ยัง กูชิ่งออกมาก่อน ไม่คิดว่าจะเช็คบิลตามออกมาได้เร็วขนาดนี้” ผมเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์เมื่อครู่แล้ว
“หิวชะมัด” รามยกมือขึ้นลูบท้องตัวเอง สีหน้าน่าสงสาร “ว่าแต่มึงมาซื้อหนังสือเหรอวะ”
“เปล่ากูแวะมาหาเพื่อน”
“รู้จักกันเหรอ” สีหน้าของรามดูแปลกใจ
“ใช่ กูนึกว่ามึงรู้แล้ว ลืมไปว่ามึงไม่เคยเจอกูอยู่กับไอ้ว่านนี่หว่า”
“กูเคยเจอว่านวันที่มากับไอ้ตฤน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนมึงด้วย”
“เพื่อนกู ว่านมันทำงานอยู่ที่นี่ ร้านหนังสือของพี่ซิน” กล้าพยักพเยิดไปทางพี่ซิน
“อ๋อ” รามมองตามสายตาของกล้าไปประทะเข้ากับสายตาของพี่ซิน เจ้านายผมเขินจนเผลอสะบัดหน้าหนี ผมเห็นรามขมวดคิ้วก่อนคลายออก “งั้นมึงว่างไหม ไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ”
“จะดีเหรอ” กล้าทำสีหน้าไม่แน่ใจนัก คงเพราะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ “อีกอย่างกูนัดไอ้ว่านกับพี่ซินไว้แล้ว หลังปิดร้านจะไปกินหมูกระทะกัน”
“งั้นเหรอ”
“อืม แล้วตฤนกับปอนล่ะ วันนี้กูเห็นมามหา’ลัยไม่ใช่เหรอ”
“มา ยังเรียนอยู่ กูก็รอไปกินข้าวเย็นกับพวกมันเหมือนกัน นานๆ จะว่างตรงกันสักที แต่มันหิวขึ้นมาเลยกะจะหาอะไรรองท้องก่อน”
“กล้าซื้อขนมปังเจ้าอร่อยมาไม่ใช่เหรอ จะชวนเพื่อนเข้าไปกินข้างในก็ได้นะ” ผมกับกล้าหันไปมองพี่ซินพร้อมกัน คนพูดก้มหน้าทำงานง่วน
“เอางั้นเหรอพี่”
“อืม พาเข้าไปได้พี่อนุญาต”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ” รามรีบปฏิเสธ ท่าทางของรามที่มีต่อพี่ซินสุภาพมาก
“ไปได้” กล้าช่วยยืนยันให้ “เจ้านี้อร่อยมาก มึงน่าจะเคยได้ยินชื่อเจ้าดังแถวฝั่งธนต้องต่อแถวกันเป็นชั่วโมง”
“เฮ้ย เจ้านี้กูชอบ”
“พี่ซินผมพาเพื่อนเข้าไปข้างในนะ”
“อืม” พี่ซินพยักหน้า ยืนเก๊กจนประตูเข้าหลังร้านปิดลง เจ้านายคนเก่งของผมออกอาการเข่าทรุด ต้องใช้มือเกาะเคาวน์เตอร์ไว้
“โอ๊ย พี่จะเป็นลม”
“พี่ซินทำอะไร” ผมเดินเข้าไปหาเจ้านาย อดหัวเราะท่าทางของอีกฝ่ายไม่ได้ “ผมว่ารามเข้าใจผิดพี่ซินแล้ว”
“ก็คนมันตกใจเล่นเข้ามาใกล้ขนาดนั้น แล้วดูสภาพพี่สิ” พี่ซินลากมือจากหัวลงไปจรดเท้า “ผมก็ขมวดยุ่ง หน้าก็ไม่แต่งทาแต่แป้งมา แว่นก็หนาเชียว ไหนจะเสื้อยืดตัวยานๆ นี่อีก เฮ้อ ทำไมเมื่อคืนไม่มีใครเข้าฝันพี่เลยว่าต้องแต่งตัวดีๆ ออกจากบ้าน”
“แบบนี้ก็น่ารัก” ผมเอ่ยปากชมเจ้านาย
“ไม่ต้องมาชมพี่เลย ไม่มีตังค์จะขึ้นเงินเดือนให้แล้ว” พี่ซินมองค้อนผม
“ผมพูดจริง พี่ซินดูเหมือนอายุพอๆ กับพวกผม”
“พูดงี้ตัดเงินเดือนดีกว่า จะมาย้ำทำไมว่าพี่แก่กว่าหลายปี เค้าต้องเรียกพี่ว่าป้าในใจแน่เลยว่านว่ามะ”
“ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ”
“อยากได้รูปสักใบจัง มาขยายติดร้าน”
“ติดร้านหรือติดห้องนอนครับ” ผมอดขัดคอเจ้านายไม่ได้
“รู้ดี” พี่ซินใช้สายตาค้อนผม “ร้านก็ติดแต่ติดแค่พอดีๆ เอาไว้โปรโมต แต่ในห้องนอนต้องใบใหญ่เบ้อเริ่ม”
“ฮ่าๆ ท่าทางพี่ซินจะชอบมากจริงๆ นะครับ”
“ที่สุด”
“เชื่อแล้วครับ ขนาดขนมปังเจ้าโปรดหวงนักหวงหนายังยกให้เลย”
“ไม่ใช่แค่ยกให้นะ แค่เค้ายอมกินก็เป็นบุญพี่แล้ว เข้าแถวรอขนมอีกห้าชั่วโมงก็คุ้ม”
“ก็จริงครับ” ผมอดยิ้มไม่ได้ คิดถึงตัวเองที่ลงทุนนั่งรถไปกับตฤน ผมไม่รู้สึกเสียดายเวลาเลย อยากให้ทางยาวออกไปมากกว่านั้นอีก เพิ่งเข้าใจคนที่ยอมไปนั่งรอเป็นวันๆ เพื่อเห็นหน้าศิลปินที่ชอบแค่ไม่กี่วินาที
“แค่นี้พี่ก็มีความสุขจะแย่”
“ครับ” ผมพยักหน้าเข้าใจ “แต่เห็นแบบนี้แล้วถึงรู้สึกว่ารามเป็นคนพิเศษนะครับ ปกติผมเจอหน้าก็ยังรู้สึกธรรมดาเหมือนเจอเพื่อนคนหนึ่ง”
“พิเศษสิ คนที่มาหาเราวันนั้นก็พิเศษ”
“หมายถึงตฤนเหรอครับ” ผมถามพี่ซินให้แน่ใจว่าพูดถึงคนเดียวกัน
“ใช่ ไม่รู้เหรอว่าหนังสือเล่มที่ตฤนขึ้นปกขายดีขนาดไหน พี่ยังไม่ได้รับหนังสือมาแค่ยอดจองก็หมดแล้ว ส่วนใหญ่ก็เด็กผู้หญิงซื้อล้วนๆ”
“ฟังแบบนี้เหมือนยิ่งอยู่ไกลเราเข้าไปใหญ่เลยนะครับ ทั้งๆ ที่ก็เห็นหน้ากันอยู่แค่นี้”
“อืม ก็โลกไม่ได้มีแค่เรากับเค้าแค่สองคนนี่นะ มันก็ต้องไกลกันเป็นธรรมดา”
“พูดซะเห็นภาพเลยครับ”
“ก็มันเรื่องจริงนี่ เฮ้อ คนอะไรหล่อเป็นบ้า”
“ฮ่าๆ ผมไปเช็คหนังสือต่อดีกว่า” เห็นท่าทางพี่ซินแล้ว ผมคิดว่าควรปล่อยให้พี่ซินมีเวลาส่วนตัวในการปลื้มอกปลื้มใจต่อไป
• • • • • • • •
กริ๊งง เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้น ผมเงยหน้าเตรียมยิ้มทักทายลูกค้า แต่ต้องยิ้มค้างด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นคนที่ก้าวเข้ามาในร้าน
“จะอ้าปากให้ลูกค้าแบบนี้เหรอ”
ผมรีบเม้มปากเมื่อเจอคำทักทายพร้อมกับรอยยิ้มกวนประสาทของตฤน
“มึงจะก่อกวนคุณกระต่ายแบบนี้ไม่ได้”
“เอ๋?” ผมหันไปมองปอนที่เดินตามหลังตฤนเข้ามา พี่ซินต้องดีใจมากแน่ๆ ที่วันนี้ร้านเต็มไปด้วยคนหล่อ
“กระต่ายเอ๋อน่ะสิ”
ผมถอนใจออกมาดังๆ เอ๋ออีกแล้ว คำก็เอ๋อสองคำก็เอ๋อ ผมคันปากยิบๆ อยากถามว่าใครกันแน่ที่เอ๋อ
“หนังสือที่ให้ไปสนุกดีนะ เจ้าตฤนมันชมว่าหนังสือดีผมเลยลองอ่าน”
ผมหันไปมองตฤนตาโต แต่อีกฝ่ายเบือนหน้าไปมองทางอื่น ผมจึงรีบซ่อนยิ้ม มองแค่นี้ก็รู้แล้วว่าตฤนกำลังเขิน “ดีใจที่ชอบครับ”
“ว่าแต่เจ้ารามอยู่ไหน นัดให้มาหาดันไม่เห็นหัว” ปอนมองไปรอบๆ ร้าน
“อยู่หลังร้านกับกล้า ให้ผมไปตามให้ไหม” ผมยิ้มให้ปอน แต่เสียงหัวเราะหึดังเข้าหู ผมจึงเบนสายตาไปมองตฤนแทน
“ไม่มีอะไร อย่าไปสนใจเลย มันอิจฉาที่ว่านพูดกับผมเพราะกว่า” ปอนยักคิ้วส่งสายตาล้อเลือน
“อย่าเดามั่วกูไม่ขำ”
“มึงแน่ใจเหรอว่ากูเดา” ปอนพูดเสียงปนหัวเราะ ดวงตาที่มองเพื่อนเป็นประกายขำ
“ถ้าใช่เรื่องนี้” ผมสบตากับตฤน “ก็ปอนพูดกับผมเพราะผมก็ต้องพูดเพราะตาม”
“ฮ่าๆ” ปอนยกนิ้วโป้งให้ผม “พูดอีกก็ถูกอีก”
“ไหนว่าจะไปตามรามให้” ตฤนใช้น้ำเสียงดุ สายตาหาเรื่องนิดๆ
“ตกลงให้ไปตามใช่ไหม เพราะเมื่อกี้ยังไม่มีใครตอบผมเลย” ผมทำตาซื่อๆ ใส่ ปอนหัวเราะออกมาเสียงดัง ในขณะที่ตฤนทำหน้าเหมือนอยากฟาดผมสักเปรี้ยงหนึ่ง
“ไม่ต้องตามก็ได้ อีกนานไหมกว่าจะปิดร้าน” ปอนเอ่ยปากถาม
“ปิดสองทุ่ม” ผมชี้มือไปที่สติ๊กเกอร์สีขาวที่ติดอยู่บนประตูร้าน
“เปล่า หมายถึงปิดร้านแบบกลับบ้านกี่โมง”
“ก็สองทุ่มนิดๆ” ผมมองหน้าปอนด้วยสีหน้าแปลกใจ ไม่แน่ใจว่าทำไมปอนถึงถามขึ้นมา
“อืม งั้นก็พอไหว”
“อะไรพอไหวเหรอ” ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน ตัดสินใจถามออกไปตรงๆ ก็คนมันอยากรู้
“หิ้วท้องรอไหวไง ไอ้รามมันชวนไปกินปิ้งย่างด้วย”
เสียงหนังสือหล่นลงบนเคาวน์เตอร์ดังขัดจังหวะ ตฤน ปอนและผมหันไปมองพี่ซินพร้อมกัน
“ทะ..โทษที” พี่ซินยกมือขึ้นเป็นเชิงขอโทษที่ทำเสียงดังก่อนก้มหน้างุด ผมขำก็ขำแต่ต้องพยายามรักษาสีหน้าไว้ ไม่อยากให้พี่ซินขายหน้า
“ไปกินได้เหรอ พวกผมจะไปกินหมูกระทะนะ ขืนไปกันหมดทั้งสามคนจะได้กินเหรอ”
“ห่วงตัวเองจะกินไม่อิ่มล่ะสิ”
“ห่วงนายต่างหาก” ผมส่งยิ้มกว้างไปหา ตฤนชะงักทำหน้าแปลกๆ ก่อนเปลี่ยนมาทำตาดุใส่ผม
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เห็นรามบอกว่ากล้าจัดการเรื่องนี้ได้ สนิทกับเจ้าของร้าน” ปอนเป็นคนให้คำตอบกับคำถามของผม
“อ๋อ” ผมพยักหน้าเข้าใจ กล้าคงพอจัดที่นั่งปลอดคนให้ได้
“จะไปกันเลยก็ได้นะ” เสียงพี่ซินทำให้พวกผมหันไปมองพร้อมกันอีกครั้ง “ว่านพาเพื่อนไปกินเลยก็ได้ พี่ปิดร้านเอง”
“ไม่ได้ครับ งั้นเดี๋ยวให้กล้าพาไปเลยก็ได้ พวกเราค่อยตามไปทีหลัง”
“ไม่เป็นไรๆ ไปกันเถอะ”
“ทำไมเกี่ยงกันล่ะไปด้วยกันสิครับ อย่าบอกว่าเพราะพวกผมไปด้วยเลยไม่อยากไปกัน” ปอนมองหน้าผมกับพี่ซินสลับกัน
“เปล่าค่ะ เปล่า” พี่ซินรีบปฏิเสธ
“ไม่ใช่ก็ไปด้วยกันสิครับ”
“ก็ได้ค่ะ” พี่ซินรับคำเสียงอ่อย “งั้นไปกันก่อนเลยเดี๋ยวพี่ตามไปทีหลังเอง”
“ผมด้วย” ผมรีบบอกพี่ซิน จะให้หนีงานแล้วปล่อยเจ้าของร้านปิดร้านเองได้ยังไง
“ไปพร้อมกัน” เสียงเรียบนิ่งของตฤนพูดตัดบท ผมกับพี่ซินพากันเงียบไม่มีใครกล้าขัด
“งั้นปิดร้านเลยก็ได้ว่าน ไม่มีลูกค้าเข้าพอดี เดี๋ยวพี่ติดป้ายเองว่าเปิดพรุ่งนี้ตามปกติ”
“เอางั้นเหรอครับ”
“อืม”
“งั้นพวกนายเดินดูหนังสือไปก่อน หรือจะเข้าไปหารามหลังร้านก็ได้ ขอสิบห้านาที”
“ไม่ต้องรีบ” เสียงพูดลอยๆ ดังขึ้น ผมเข้าข้างตัวเองนิดๆ ว่าตฤนไม่อยากให้ผมรีบร้อนจนเหนื่อย
“ขอบใจนะ” ผมยิ้มตาหยีแต่คนฟังถลึงตาใส่ ก่อนก้าวยาวๆ ตรงไปยังชั้นหนังสือ ปอนยิ้มให้พวกผมแล้วจึงเดินตามเพื่อนไป
“โอ๊ย พี่จะไหวไหม ตื่นเต้นจนหัวใจจะวายแล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้ไปนะ” พี่ซินกระซิบกับผมเบาๆ
“พี่ซินไม่อยากไปกินข้าวกับรามเหรอครับ ผมนึกว่าจะดีใจมากเสียอีก”
“ไอ้ดีใจก็ดีใจหรอกแต่พี่เป็นแบบชอบมองห่างๆ มากกว่า ไม่กล้าเข้าใกล้รู้สึกว่าตัวเองแก่ไป”
“อย่าคิดมากเลยครับ” ผมยิ้มให้กำลังใจ
“งั้นพี่เคลียร์บิลปิดเครื่องก่อน ว่านปิดร้านเถอะ”
“ครับผม” ผมเดินตรงไปยังประตูร้านจัดการหมุนป้าย อากาศข้างนอกเย็นสบาย ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า อืม ผมขังพระจันทร์ไว้ในร้านดีไหมนะ จะได้ไม่กลับไปห่างไกลอยู่บนนั่นอีก ผมหัวเราะออกมาเบาๆ บ๊องไปกันใหญ่กู
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
ครึ่งตอนก่อนนะคะ อีกครึ่งมาลงพรุ่งนี้ค่า ตามไปกินหมูกระทะกัน มันก็จะฟินนิดๆ ><
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin