บทที่ 3
มิตรภาพ
ห้องเรียนในคาบเช้าช่วงต้นของการสอนมักจะมีนิสิตนักศึกษานั่งกันอยู่บางตา และจะบางอยู่อย่างนั้นหากว่าไม่มีการเช็คชื่อในเวลาถัดไป
นักศึกษาปีหนึ่งส่วนใหญ่นั้นจะมาเข้าเรียนกันตรงเวลาในตอนต้นเทอม และต่อย ๆ สายมากขึ้นเมื่อรับรู้ถึงนิสัยของอาจารย์ผู้สอนแต่ละคน จนไปถึงหยุดเรียนไปดื้อ ๆ แล้วยืมเลคเชอร์เพื่อนไปจดแทนก็มีไม่น้อย
แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่เขมทิวาคนขยันแน่นอน
“อ้าว เขม มาแต่เช้าเลย”เสียงใสของเพื่อนสาวในคณะเอ่ยทักคนที่นั่งอ่านการ์ตูนในมือถืออยู่กลางห้อง “วันนี้ไม่อ่านหนังสือเรียนแหะ”
“เราไม่ได้ขยันขนาดนั้นนะ เมล”เขมยิ้มให้กับเพื่อนที่มาทักทายและหัวเราะออกมาเบา ๆ “ถ้าเราอ่านหนังสือเรียนทั้งวันเราอาจจะกลายเป็นตาลุงหัวใสปิ๊งสะท้อนแดดก็ได้นะ”
“โอ้ย คุณหนู ต่อให้ไม่มีผมก็ยังดูดีเหอะ”คาราเมลกรอกตามองคนที่ดูจะไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองหน้าตาดีอย่างเซ็ง ๆ “ได้เปิดเฟสอัพเดตเรื่องส่วนตัวยัง”
“มีอะไรเหรอ เมล”มือขาวหยิบเอาสมาร์ทโฟนคู่ใจออกมาเปิดหน้าไทม์ไลน์อัพเดทข่าวคร่าวตามคำเพื่อน แต่ยังไม่ทันที่จะได้เลื่อนดูอะไร มันก็มีสิ่งที่ทำให้เขมทิวาตกใจเสียก่อนหน้าแล้ว “เฮ้ย”
แจ้งเตือนหลักร้อยนี่มันอะไรกันวะ!!!
นิ้วโป้งสะบัดไถจอมือถือไล่หาต้นเหตุที่ทำให้เฟสบุ๊คเขาแจ้งเตือนทะลัก อินบ็อกทลาย เฟรนด์แอดถล่มด้วยสีหน้าที่ยังคงยิ้ม แต่หัวคิ้วมุ่นเข้
หากันอย่างหงุดหงิดเบา ๆ
อันที่จริงแล้วต้นทางมันก็หาไม่ยากเท่าไหร่ เพจเดิม ๆ ที่ลงรูปใหม่ ๆ พร้อมแคปชั่นชวนจิ้นที่เรียกเสียงกรี๊ดจากสาววายทั่วทุกมุมเพจให้มารวมกัน
Cute boys
ว้ายยย มานี่เร็วววววเหล่าชะนี เก้ง กวาง บ่างน้อย ๆ ของเดี๊ยน ดู๊ดูเจ้าชายเศรษฐศาสตร์สิคะ คู๊ณณณณ ว่ารูปส่งผ้าหวานแหววเมื่อคืนมดขึ้นแล้ว นี่ค่ะ รูปใหม่ แหม่ มองตาหวานแบบนี้ไม่ขย้ำคุณหนูลงท้องไปเลยล่ะเจ้าคะะะะ โอ้ยยย มีซัมติงอะไรกันชิมิ ๆ #พี่ต่ายน้องเขม #เจ้าชายเศรษฐศาสตร์กับคุณหนูอักษร #ตกหลุมรักหนุ่มแว่นหน้าใส #ตาหวานฉ่ำรูปที่แนบอยู่ด้านล่างเป็นรูปที่เขมกำลังก้มลงไปหยิบกระเป๋าเตรียมจะลุกไปทำงานพิเศษโดยมีสายตาของต่ายที่มองมาเหมือนในโลกนี้มีกันแค่สองคน
มือขาวคว่ำมือถือลงพร้อมฟุบหน้าลงกับโต๊ะ สองแก้มร้อนฉ่าแดงก่ำลามใบถึงใบหูที่ถูกปิดไว้ด้วยกลุ่มผมนุ่ม ให้ตายเถอะ ใจเขาเต้นแรงอีกแล้ว
ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าเขมจะควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจให้กลับมาเป็นปกติได้ สายตาคู่นั้นมันชวนให้เข้าใจผิดดีจริง ๆ เลย
คนอย่างรณกฤตจะมาสนใจอะไรเขมทิวาเล่า
แต่ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้น เมื่อมีเพื่อนมาถาม มาแซว เขมก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้ทุกที
การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยก็เหมือนทุกวัน อาจารย์เสียงโมโนโทนชวนหลับมีมากกว่าอาจารย์ที่สอนแล้วทำให้ศิษย์รู้สึกกระชุ่มกระชวย และเด็กหลับย่อมมีมากกว่าเด็กตั้งใจเรียน
ถึงจะว่าอย่างนั้น มันก็มีช่วงที่เด็กตื่นตัวอยู่เหมือนกันนะ
“หยิบมือถือขึ้นมานะคะ แล้วเปิดเว็ปหรือแอพ kahoot แล้วพิมพ์เลขเข้าตามนี้เลยค่ะ ตั้งชื่อเป็นรหัสนักศึกษาเลยนะคะ”ช่วงเวลาสุดหรรษาอย่างหารควิชท้ายคาบมาถึงแล้ว เหล่านักนอนรีบลุกกันตาลีตาเหลือกหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดยิก สบายล่ะ เป็นเว็ป ไม่ใช่กระดาษ มองเพื่อนง่ายมาก
“ครูให้เวลาข้อละยี่สิบห้าวินาทีนะคะ”
“โหยยยย”เสียงโหยหวนของเหล่านิสิตนักศึกษาดังลั่นห้อง ยี่สิบห้าวินาทีแค่อ่านชอยส์ก็เกือบหมดเวลาแล้วไหม โหดชะมัดเลยครูคนนี้
เมื่อเข้าโปรแกรมกันมาครบจำนวนแล้ว การควิชที่แข่งกันด้วยความไวของสมองสองมือและอินเตอร์เน็ตก็เริ่มขึ้น
สามสิบข้อโจทย์ยาว ๆ ชอยส์ยาก ๆ มาเน้น ๆ เล่นเอาเด็ก ๆ ในห้องเหี่ยวแห้งกันไปเป็นแถบ ๆ ก่อนจะเหลือกตาขึ้นมาดูอันดับ 1 ของคลาสที่โปรแกรมคำนวณคะแนนออกมา
“อืมมม ครูว่าแล้วว่าต้องเป็นเธอ”ครูวัยกลางคนยิ่มเมื่อเห็นรหัสนักศึกษาที่คุ้นตาเด่นหราอยู่บนหน้าจอโพรเจ็คเตอร์ “เขมทิวา ออกมารับรางวัล”
เสียงฮือฮาดังอื้ออึงเมื่อทุกคนได้ยินคำว่ารางวัล สำหรับเหล่าอาจารย์ที่มักจะให้ปากกาด้ามนึงจากนับสิบในโหลราคาไม่เกินสองร้อย ของที่กำลังถูกหยิบออกมาจากซองน้ำตาลนั่นน่าสนใจอย่างแรง
“อะ นี่ รางวัลสำหรับคนเก่งของครู”บัตรกำนัลเงินสดร้านอาหารซิสเลอร์สามใบ ใบละ 500 บาท ถูกส่งมาให้กับคนที่ได้ควิชท็อปวันในวันนี้ เขมเบิกตากว้างมองอาจารย์ที่ส่งยิ้มมาให้ด้วยความตกใจ “เอาไปสิ”
“ขอบคุณครับ”สองมือพนมกลางอกก้มหน้าลงไหว้อาจารย์ที่มอบของให้ ของที่อาจจะดูเล็กน้อยสำหรับใครหลายคนที่มีอันจะกิน แต่มันมากเกินไปในความรู้สึกสำหรับคนที่ไม่ได้มีมากอย่างคนอื่นเขา
“ครูให้เธอเพิ่มจากที่ตั้งไว้เพราะเธอเป็นเด็กดี รักษาความดีของเธอเอาไว้นะ”มือที่เริ่มมีริ้วรอยแห่งกาลเวลาที่พัดผ่านจับบ่ากว้างของเด็กที่เธอเอ็นดู ส่งกำลังใจไปให้กับเด็กที่เธอสัมภาษณ์ในตอนเข้าเรียนมาเองกับมือ “เอาล่ะ ไปพักได้”
เสียงกล่าวของคุณและเก็บของลุกจากโต๊ะดังขึ้นต่อเนื่องโดยไม่มีเสียงซุบซิบอะไร คงด้วยทุกคนในนี้รู้กันดีกว่าคุณหนูอักษรนั้นมันยาจกติดดินแต่ไหน รางวัลที่ได้มานั่นก็ไม่ได้มากจนว้าวขนาดที่จะมานั่งอิจฉาอะไรให้ตัวเองเป็นคนงี่เง่าในสายตาคนอื่นด้วย
“ไป ๆ กินข้าววว”เทนนิสยืดตัวบิดขี้เกียจไป เดินลากขาไป แลดูจะบ่งบอกถึงกิจกรรมก่อนหน้าที่เจ้าตัวทำไปหน่อย “ไปกินเมื่อไหร่บอกด้วย กูไปเป็นเพื่อน จ่ายเอง มึงไม่ต้องเลี้ยง”
คำดักคอที่ได้รับการพยักหน้าเห็นด้วยจากเพื่อนสนิทอีกคนที่ถือกระเป๋าลงมาให้กับเขมเบ่นเอาคนที่กำลังจะเอ่ยปากต้องกลืนคำพูดลงท้องไป
“กินข้าวววว”เด็กหนุ่มคนร่าเริงและแสนทะเล้นลากเพื่อนทั้งสองไปที่ประตูห้องที่ยังปิดสนิท “โอมมม จงเปิด จงเปิด อาโลโฮโมล่าาา”
“งี่เง่าน่า นิส เล่นเป็นเด็กไปได้”ทัศน์ส่ายหน้าให้กับความปัญญาอ่อนของเพื่อนที่กำลังทำท่าร่ายมนต์ เขายื่นมือจะไปเปิดประตูห้องเรียน แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูนั้นออก ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาซะก่อน “เฮ้ย!”
”เชี่ย กูมีเวทมนตร์”เสียงพึมพำจากไอ้คนที่ยังเมาแอร์ดังมาจากด้านหลังจนน่ามอบหลังมือให้เป็นรางวัล
“พี่ต่าย!”เขมอุทานชื่อของคนที่เปิดประตูเข้ามาแผ่วเบา แต่ก็ดังพอให้เพื่อนทั้งสองได้ยิน
“ไง”เสียงทักทายที่มาพร้อมรอยยิ้มเจิดจ้า และมีเสียงกรีดร้องอู้อี้ในลำคอเป็นแบล็กกาวน์ด้านหลัง ต่ายยื่นมือถือดังเอากระเป๋าเป้สรซีดของรุ่นน้องตรงหน้ามาถือไว้โดยไม่เอ่ยคำขอ “เลิกเรียนแล้วใช่ไหม”
“ค ครับ”เขมเอ่ยรับคำทั้งที่สมองนั้นขาวโพลน สองแก้มใสขึ้นสีเปล่งปลั่งเมื่อสบกับสายตาที่มองตรงมาที่ตัวเขา สายตาของรณกฤตนั้นยังคงทำให้หัวใจดวงน้อยของเขมทิวาเต้นรัว แม้ช่วงนี้เขาจะได้พบหน้าอีกฝ่ายทุกวันก็ตามที “พี่ต่ายมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ก็มารับไปกินข้าว...”มืออีกข้างที่สวมข้อมือทองคำขาวเอาไว้วาดมือมาจับข้อมือเล็กของใครอีกคนเอาไว้ “แล้วก็มารับไปเล่นบาสด้วยกันสักหน่อย”
“ห๊ะ!?”หน้าเหวอ ๆ ของเขมทิวานั้นแทนที่จะน่าขำ กลับน่าเอ็นดูในสายตาของรณกฤต จนอดที่จะเลื่อนมือไปบีบแก้มใส ๆ นั่นไม่ได้ “เล่นบาสเหรอครับ”
“ที่พี่ชวนเมื่อวานไงครับน้องเขม”บู้ม~ ไม่รู้ว่าจะมีใครได้ยินเสียงระเบิดบนหน้าของเขาไหม แต่คำว่า ‘น้องเขม’ ที่ถูกเรียกออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ พร้อมกับสายตาเอ็นดูนั่น เล่นเอาเขาสมองใสไปเลย
แบบว่า มันโล่งเรียบเนียนไร้รอยหยักขึ้นมาทันที
“พี่ต่ายเอาจริงเหรอครับ”คำถามที่ส่งออกไปเหมือนจะดูท้าทายปนกวนเบื้องล่าง แต่ดวงตาใสแจ๋วที่มองมาตาปริบ ๆ นั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวถามมาจากใจจริง ไม่มีอะไรแฝง
“น้องบอกพี่ว่าน้องเล่นบาสได้”รอยยิ้มละมุนละไมที่เขมทิวาพ่ายแพ้แย้มส่งมาให้ใจที่บางอยู่แล้ว บางลงไปอีก “พี่อยากเล่นกับน้องนะครับ”
น้ำเสียงที่เหมือนจะมีแววอ้อนหน่อย ๆ พาใจละลาย ไม่บงไม่บางอีกต่อไป ละลายหายไปเลย ไม่ใช่แค่ใจของเขมนะ แต่เหล่าผู้ฟังที่ดีซึ่งยืนเรียงเอียงหูอยู่ข้างหลังก็ละลายกลายเป็นน้ำเช่นกัน
“ก็ได้ครับ...”ใครมันจะไปปฏิเสธลงกันล่ะ “พวกผมมีแค่สามคน... เดี๋ยวจะลองตามเพื่อนอีกสองคนมานะครับ”
“ครับ”มือของต่ายขยับไปจับข้อมือที่เล็กกว่าตนอีกครั้ง “แต่ก่อนหน้านั้น เราไปกินข้าวกันก่อนนะครับ น้องเขม”
ระเหยไปเลย ใจเอย~
นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขมมีเพื่อนร่วมโต๊ะที่กินยาวไปทั้งโต๊ะหน้าขาวตัวยาวของโรงอาหารรวม และทุกคนกินเมนูไม่ซ้ำกันเลย
เนื้อปลาลวกสีขาวสวยถูกคีบมาวางในชามก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำใสของเขมด้วยฝีมือของคนข้าง ๆ เขมหันไปมองรุ่นพี่ที่กำลังเอาใจเขาอย่างแปลกใจ ก่อนจะคีบหมูหมักในชามตัวเองไปวางลงบนชามของต่ายบ้าง
“เฮ้ ๆ ไม่จำเป็นต้องมาหวานกันกลางโรงอาหารไหม พวกนายน่ะ”เฟรม เดือนคณะเศรษฐศาสตร์ เพื่อนสนิทคนนึงของต่ายอาสาเป็นต้นเสียงในการแซวเพื่อน แน่นอนว่ามีเสียงเป่าปากจากเหล่าผู้ร่วมโต๊ะเป็นแบล็กกาวน์ให้ด้วย
ไม่เว้นแม้แต่สองเกลอของเขม ที่ไหลลื่นร่วมวงไปด้วย
เขมทิวามองทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่ที่ส่งสายตาล้อเลียนเลิกลั่ก แต่เมื่อเห็นคนถูกแซวอีกคนทำตัวนิ่งเฉย เขาเลยตัดสินใจเลียนแบบคนในใจเขา
“ทำนิ่งนะ ทำนิ่ง”เทนนิสหรี่ตามองเพื่อนที่หลบสายตาเขาไปก่อนแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “สรุปมึงมีซัมติงกับเจ้าชายเศรษฐศาสตร์อย่างที่เพจบอกจริง ๆ ใช่มะ ไอ้คุณหนู”
“นิด โทรหาเจมส์กับแซนยัง”เขมปัดคำถามเพื่อนเบี่ยงประเด็นทิ้งทันที กับคำถามที่ไม่อยากหาคำตอบ มันก็ยากที่จะตอบได้นะ
“โทรแล้ว สองคนนั้นกำลังมา”ทัศน์เป็นคนตอบคำถาม หลังจากนั่งเงียบฉกไข่พะโล้ของเทนนิสมาและโยนไข่แดงกลับลงจานเพื่อนที่ยังล้อเพื่อนอีกคนด้วยสายตาไม่หยุด “กินข้าวได้แล้ว อย่ามัวแต่จ้องคนอื่นมาก เดี๋ยวก็เจอพ่อหรอก”
“พ่อก็นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วไง นั่นอ่ะ ๆ”เทนนิสที่ยังไม่คิดจะก้มลงมองจานข้าวตัวเองหัวเราะลั่น “พ่อทูลหัวไง ไม่เห็นต้องทำตาดุเล— เชี่ยยยยย”
คราวนี้กลายเป็นคนทั้งโต๊ะหัวเราะคน ๆ เดียวเมื่อเจ้าของไข่รู้แล้วว่าโดนเลาะไข่ขาวไป เสียงโวยวายประกอบกับเสียงช้อนกระทบกันยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากรุ่นพี่ให้มากขึ้นไปอีก
“โอ้ย น้องเขม เพื่อนน้องรับจ๊อบเล่นตลกคาเฟ่เหรอ”รองเดือนมหาลัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ทานขึ้นหลังจากหัวเราะจนน้ำตาเล็ดไปยกใหญ่
“เอ่อ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละมั้งครับ ผมก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน”เขมทิวามองเพื่อนที่ยังฟันดาบด้วยช้อนส้อมพร้อมยิ้มแหย
กว่าสงครามแย่งชิงไข่ขาวพะโล้จะจบทุกคนในโต๊ะก็กินจนอิ่มแล้ว สุดท้ายเทนนิสก็ได้ไก่ทอดมาสองชิ้นแทนไข่ขาวทั้งลูกเล่นเอาเจ้าตัวหงุดหงิดไปหลายนาที
หลังจากมื้ออาหารที่น่ารักจบลง ทุกคนก็พากันไปสนามบาสเก็ตบอลในโรงยิมติดแอร์ นั่ง ๆ เดิน ๆ ให้อาหารย่อยอยู่พักใหญ่จนกระทั่งเด็กปีหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้าสองคนมาถึง
“เจมส์ แซน”เขมยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เพื่อนที่เพิ่งเดินเข้ามาเห็น ส่วนมืออีกข้างเก็บใบโคลเวอร์ในเกมน้องกบเดินทางอยู่ “อ๊ะ ชามไม้ ๆ”
หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวผู้มาใหม่เดินถือถูกชิ้นปิ้งพร้อมน้ำปั้นหน้าตาน่าซดเข้ามา ทั้งคู่เดินตรงไปหาเพื่อนที่มีความสูงเท่ามาตรฐานชายไทยที่ไม่ได้กินนมเสริมแคลเซียมครั้งยังเด็ก
“อะ โกโก้มิลล์ครีมชีสคุกกี้แอนด์ครีมเฟรบเป้ดาร์กช็อกโกแลตวิปครีม”ชื่อเมนูที่ฟังดูแล้วน่าจะเสริมสร้างห่วงยางรอบเอวได้มากจนสาว ๆ สายความงามต้องทำหน้าแหยงไปตาม ๆ กันถูกส่งมาให้คนขยันของกลุ่ม “บราวนี่โอมาร์เก็ตหมดเลยไม่ได้ให้เขาใส่มาให้นะ”
“เท่าไหร่อ่ะแซน”เขมรับน้ำจากเพื่อนมาดูดอย่างมีความสุข เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เขาชอบกิน แต่ไม่ค่อยได้กินเพราะหาร้านที่จะซื้อยากมาก ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนแซนนี่ล่ะที่ไปซื้อมาให้
“ไม่รู้ เราสะสมตัวปั้ม”เพื่อนแซนของเขมตอบไม่ตรงคำถาม เป็นอันรู้ว่าเธอจะไม่รับเงินเด็ดขาดถึงแม้ว่าจะยัดใส่มือก็ตามที
สาวน้อยคนเดียวของกลุ่มใครก็ห้ามขัดใจ
“ไอ้แซนมันไปปักหลักหน้าร้านซื้อมาเลย แดกให้หมดยันแก้วเลยนะเว้ย”เจมส์เหล่มองแก้วน้ำปั่นในมือเพื่อนอย่างเซ็ง ๆ “กูยืนแทะเท็กซัสหมดไปสองชิ้นยังไม่ได้มาเลย ไอ้แก้วเนี้ย”
“แกไม่ได้เป็นคนต่อแถวมะ”แซนเท้าเอวถลึงตามองเพื่อน ด้วยส่วนสูงระดับนางแบบบวกรองเท้าผ้าใบเสริมส้นสองนิ้วครึ่ง ทำให้สาวเจ้าไม่จำเป็นต้องเงยหน้าคุยกับเพื่อน
“อร่อยเหรอ”รณกฤตหันมาถามรุ่นน้องที่กำลังจะเอ่ยปากห้ามทัพ
“สดชื่นดีนะครับ พี่ต่าย”เมื่อคนในใจหันมาคุยด้วย เพื่อนก็หมดความสำคัญลงไปกว่าครึ่ง เขมหันมาหาพี่ต่ายอย่างไม่ลังเลเลย
“งั้นเหรอ”ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้เด็กหนุ่ม เขมทิวาเบิกตาโพรงมองดวงหน้าหล่อเหลาของรุ่นพี่ที่แอบมองมานานปีอย่างทำอะไรไม่ถูก “อืม ไม่หวานมาก กำลังดีเลย”
“เอิ่ม สรุปเรียกพวกเรามาแข่งบาสหรือดูนายโชว์หวานอ่ะ”เจมส์หรี่ตามองเพื่อนที่ก้มหน้างุด หูเหอนี่แดงก่ำ “จะจีบเพื่อนผมต้องหาใบโคลเวอร์สี่กลีบมาขอนะเออ”
“หืม??”ต่ายเบือนหน้าไปมองเพื่อนของรุ่นน้องอย่างสนใจ “ใบโคลเวอร์?”
“เจมส์!”เขมหันไปแยกเขี้ยวให้เพื่อนก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง “พอ ๆ จะแข่งบาสใช่ไหมครับ เพื่อนผมมาครบแล้ว ลงสนามกันเถอะ”
เขมทิวาก้าวลงสนามไปก่อนเป็นคนแรก ก่อนที่เพื่อนและรุ่นพี่จะตามกันออกมา
ผู้เล่นสองทีมยืนประจันหน้ากันภายในสนามโดยฝั่งนึงสวมชุดบอลกันมา และอีกฝั่งเป็นชุดนักศึกษาที่พับแขนขึ้นเรียบร้อย
“เล่นจริงจังหรือชิวอ่ะ”แซนถามขึ้นก่อนที่ลูกบาสจะถูกโยนขึ้นให้แย่งชิง
“เอาสนุกละกัน”ทัศน์ที่ยืนตั้งท่าโดดเป็นคนหันมาตอบเพื่อน “ไม่ต้องซีเรียส”
ไม่ซีเรียส... ไม่เลยสักนิด
เมื่อเปิดเกมมาทีมรุ่นน้องก็รุกทำแต้มทันทีด้วยการ์ดนอกที่มีความไวในการตัดและส่งลูกให้ปีกนอกทำแต้มภายในไม่ถึงสองนาที
ฝั่งรุ่นพี่เองก็ไม่น้อยหน้า ชู้ตสามแต้มขึ้นนำไปในนาทีต่อมา
รุ่นพี่รุ่นน้องยังคงผลัดกันรุกรับในสิบนาทีอย่างไม่มีใครยอมใคร เมื่อฝ่ายนึงนำ อีกฝ่ายก็ตีตื้นขึ้นนำในเวลาต่อมาเช่นกัน
“เขม นายไปดักพี่เบอร์ 28 ไว้ พี่คนนี้ของแรง”เมื่อเกมเล่นจนจบ ควอเตอร์หนึ่ง เจมส์ที่ถือตำแหน่งกัปตันทีมก็เรียกเพื่อนที่ดื่มน้ำกันเรียบร้อยแล้วมาสุมหัวประชุม “แซน เธอเปลี่ยนมาเน้นการตัดลูกส่งให้ทัศน์ ส่วนนิส นายลงไปกันแป้นเราไว้อย่าให้พวกเขาทำแต้มได้อีก”
“อะ อืม”เขมที่เป็นปีกนอกของทีมรับคำ เขาเป็นตัวทำแต้มหลักคนนึงของทีม แต่ไม่ได้แม่นเท่าทัศน์กับเจมส์ที่ได้ชู้ตเป็นลง “เบอร์ 28 นะ”
เบอร์ 28... พี่ต่าย
“ตอนแรกว่าจะชิว แต่ขอเปลี่ยนเป็นเล่นจริงจังแล้วกัน”เจมส์กระตุกยิ้มขึ้นเมื่อนึกถึงความสนุกในสนามที่ไม่ได้สัมผัสมานาน “เรียกเหงื่อกันหน่อยนะเพื่อน”
“ถ้าพวกเราชนะ เราให้น้องปอมเขมตัวนึงเลย เอ้า”คำว่าน้องปอมที่หลุดออกมาจากปากแซนทำเขมทิวาตาลุกวาว เจ้าขนนุ่มที่เขาได้แต่มองเพราะค่าตัวสูงเกินกว่าที่เขาจะเอาเงินเก็บออกมารับเลี้ยง
“ถ้าชนะ เวลาน้องปอมไม่สบาย เดี๋ยวค่ารักษากูจ่ายเอง”แม้แต่คนเล่นไปเรื่อยอย่างเทนนิสก็เอากับเขาด้วย “แต่ถึงเวลานั้น กูจะได้จ่ายไหมวะ”
“อะไรของนายอ่ะ”เขมหันไปมองหน้าเพื่อนงง ๆ คำพูดมันทำไมดูมีความนัยน์แปลก ๆ หว่า “เราจ่ายเองได้นะ เงินเก็บเราพอจะเลี้ยงน้องได้”
“อันที่จริงกูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น...”คำพูดพึมพำเบา ๆ ของเทนนิสถูกเสียงนกหวีดหมดเวลาพักกลบไป เจ้าตัวมองเพื่อนที่ทำหน้างง ๆ เอ๋อ ๆ แล้วหัวเราะออกมา “ไป ๆ ไปเอาชัยชนะมากัน”
“A M I T Y fight!!!!”
ควอเตอร์ที่สองเริ่มขึ้นพร้อมกับกระแสเกมที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อทีมรุ่นน้องส่งคนมาดักตัวทำแต้มของทีมรุ่นพี่ไว้จนไม่สามารถรับลูกจากเพื่อนคนอื่นได้
แต้มที่เกือบจะเสมอกันอยู่นั้นขยับขึ้นอย่างช้า ๆ โดยทีมรุ่นน้องนำอยู่หนึ่งแต้มตลอด สร้างความกดดันให้กับฝั่งรุ่นพี่ไม่น้อย เมื่อเวลาไหลผ่านไปจนจะหมดควอเตอร์ที่สองแล้ว
การแข่งกันที่กดดันนี้ดำเนินไปจนถึงช่วงทดเวลา เขมเหลือบมองสกอร์ที่ยังนิ่งอยู่ที่ 37 : 37 และตัวเขายังต้องดักพี่ต่ายที่พยายามหลบออกไปทำแต้มเอาไว้
1 นาทีสุดท้ายของการแข่ง เขมตัดสินใจผละตัวออกจากรณกฤตเพื่อวิ่งไปช่วยส่งบอลให้เพื่อนชู้ต แต่ก็ถูกคนในใจดักทางเอาไว้ เขาเม้มปากแน่นก่อนจะใช้ประโยชน์จากความผอมและแรงที่เหลืออยู่วิ่งสไลด์หลบรุ่นพี่เบอร์ 28 ออกไปตัดลูกส่งให้เจมส์
ปรี๊ดดดดดดดด
เสียงนกหวีดดังขึ้นพร้อมลูกที่ลอยออกไปเลยแป้น ทำให้ทั้งสองทีมเสมอกันอย่างน่าเสียดาย เสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือจากผู้เข้าชมที่มากันเต็มสนามตั้งแต่เมื่อไหร่ตอบไม่ได้ดังลั่น เรียกสีหน้าเหวอ ๆ ของนักกีฬาหลายคนออกมาเป็นรูปหลุดที่น่ารักหลายรูปเลยล่ะ
“โทษทีเพื่อน”เจมส์เข้ามาขอโทษเพื่อน ๆ ที่ยืนหอบกันอยู่กลางสนาม “กูพลาดเอง ขอโทษว่ะ”
“เออช่างเหอะ”เสียงที่แฝงความเซ็งเอาไว้ของเขมทำให้เพื่อนยิ้มแหย “ยังไงก็เป็นเกมที่สนุกมากเลย ขอบคุณนะ เจมส์ แซน ที่มาเล่นด้วยกัน”
“ไม่ได้ออกกำลังกายขนาดนี้มาตั้งแต่ม.4 แล้วน้า~”แซนยืดตัวบิดขี้เกียจไปหลายยก ก่อนจะแจกจ่ายยิ้มสดใสกวาดใจหนุ่ม ๆ มากหน้าในโรงยิมแห่งนี้ “เดี๋ยวรอน้องไปฉีดยาเข็มแรกก่อนนะ ค่อยไปเอา”
“จริงเหรอ”รอยยิ้มกว้างที่หาดูได้ยากของเขมทิวาทำให้หลายคนใจสั่น ดวงตาที่ประกายระยับยิ่งเสริมออร่าความสดใสให้กับเจ้าตัว “จริงนะ แซน”
“แน่นอนสิ”สาวเจ้าเอามือเจ้าเอวเชิดหน้าขึ้นสวย ๆ ให้เพื่อนสนิทที่รู้ไส้รู้พุงกันดีวิ่งเข้ามากอด “เหม็นเหงื่อว่ะ ออกไปเลย ชิ่วว”
“เป็นแมตช์ที่ดีว่ะ น้อง”เฟรมเป็นคนแรกที่เดินมาหารุ่นน้องที่ยังมีแรงกระโดดโลดเต้นกันอยู่ หลังจากที่พวกเขาเอาผ้าเย็นโปะหน้ากันแล้ว “หนุกมาก พวกน้องเล่นกันเก่งชิบ”
“พวกเราเป็นดรีมทีมกันนี่คะ”แซนยักคิ้วให้กับรุ่นพี่ที่ไม่รู้จักกวน ๆ “เส้นยึดไปหน่อย ไม่งั้นพี่ไม่ทางเสมอกับพวกหนูหรอก”
“ไม่ค่อยเลยนะ ๆ”นิ้วเย็น ๆ จิ้มไปที่หน้าผากชื้นเหงื่อของหญิงสาวคนเดียวในสนาม เล่นเอาน้องปีหนึ่งสี่คนหัวเราะออกมาเมื่อสาวเจ้าทำปากแหลมส่งให้ “ไปฟิตมาสิ คราวหน้าจะได้รู้ผลกัน”
“แล้วคอยดูนะคะ หึ”แซนแลบลิ้นใส่รุ่นพี่ก่อนจะเดินไปคุ้ยหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าตัวเองบ้าง
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ”เขมส่งยิ้มให้กับรุ่นพี่ทั้งห้าที่ลงสนาม และคนอื่น ๆ ที่มานั่งเชียร์ มาเป็นกรรมการให้กับการแข่งครั้งนี้
“อะ”ถุงพลาสติกสีขาวทึบถูกส่งให้เมื่อร่างโปร่งเดินเข้ามาข้างสนามแล้ว “ไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนใช่ไหมครับ น้องเขม”
“ครับ...”มือขาวรับเอาถุงนั้นมาเปิดดู ข้างในเป็นเสื้อสีดำกับกางเกงที่ถูกพับใส่ไว้เรียบร้อย “นี่คือ...”
“เสื้อผ้าของพี่เอง น้องเอาไปเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำนะครับ”รอยยิ้มอุ่น ๆ ที่ทำให้เขมเขินทุกครั้งที่เห็นนั้นยังคงมีประสิทธิภาพที่แรงกล้าไม่สร่าง “ไม่ต้องปฏิเสธเลย พี่มีอีกชุดครับ ไม่ต้องห่วง”
“อ่า... ครับ”เขมทิวายิ้มเขินเมื่อรุ่นพี่ดักทางตนได้ เขาเลยจำใจยอมที่จะเอาเสื้อผ้าหอม ๆ ชุดนี้ไปเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำในห้องอาบน้ำของโรงยิมโดยดี
จำใจ... แน่เหรอ
สบู่ของพี่ต่าย แชมพูของพี่ต่าย ผ้าเข็ดตัวของพี่ต่าย เสื้อผ้าก็ของพี่ต่าย กลิ่นของพี่ต่ายกำลังโอบรอบตัวของเขา
เขมก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ...
กลิ่นของพี่ต่าย โคตรฟินเลยอ่ะ
น้องปอมจงเจริญ พี่ต่ายจง... อะไรดีน้า~
เฮ้อ วันนี้เป็นวันของเขมทิวาจริง ๆ
What a beautiful day!
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
บทที่สามมาแล้วค้าา สต็อกตอนมีถึงตอนที่เจ็ดนิดๆ จะทยอยลงไปเรื่อย ๆ นะคะ ><
สัญญาว่าหวาน ไม่ไซร้โค้ง ไม่นอกเรื่อง ไม่มีคู่รองให้เด่นกว่าคู่หลักค่ะ
ฝาก #คนในใจ ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ