Death n Dream ตอนที่ 20 [จบ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Death n Dream ตอนที่ 20 [จบ]  (อ่าน 23308 ครั้ง)

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Death n Dream ตอนที่ 20 [จบ]
« เมื่อ02-04-2018 17:35:32 »

อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

**************************************************

หลายคนเชื่อว่าการจบชีวิตร่วมกันจะทำให้ก้าวไปสู่ชีวิตหลังความตายด้วยกัน...

...คู่รักหลายคู่ ครอบครัวหลายครอบครัว จึงเลือกตายด้วยกัน เพื่อจะอยู่ด้วยกัน



ดีกว่าอยู่เพียงลำพังทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า



แต่ถ้าคุณจบชีวิตพร้อมวาฬตัวหนึ่งขึ้นมาล่ะ...!?

--------------------------------------------------

แอนโธเน่ เชส ประธานกรรมการบริหารสวนน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศตัดสินใจจบชีวิตลงท่ามกลางความวุ่นวายของสงครามความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่ทำให้กิจการของเขาต้องปิดตัวลง

เขาบอกลาความโกลาหล และก้าวเข้าสู่ความสงบในชีวิตหลังความตาย

แต่ในโลกที่ควรจะมีเขาเพียงคนเดียวกับปรากฏชายคนหนึ่งที่ก้าวมาด้วยกัน และจะไปด้วยกัน... คีธ... วาฬเพชฌฆาตตัวหนึ่งในสวนน้ำของเขาเอง


*** ไม่ใช่แนว zoophillia นะคะ ***
*** ฉากในเรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นแนวอนาคตเล็กน้อย ***

ไม่ทำสารบัญนะคะ จบในหน้าเดียวค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2018 13:45:25 โดย khaosap »

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream บทนำ
«ตอบ #1 เมื่อ02-04-2018 17:36:58 »

บทนำ


แอนโธเน่ เชส... ประธานกรรมการบริหาร 'วันโอเชียน ดิ โอเชียนาเรียม'

เป็นชายโสดวัยสี่สิบปีที่ได้รับมอบตำแหน่งมาจากบิดาตั้งแต่ยังหนุ่ม เขามีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของทุกฝ่าย ควบคุมงานบริหาร และตัดสินใจร่วมกับกรรมการบริหารคนอื่นๆ โดยถืออำนาจสูงสุด ผู้ที่ลงชื่อเป็นคนสุดท้ายในเอกสารทุกฉบับจะต้องเป็นแอนโธเน่ เชสเสมอ

...แต่ช่างมันเถอะ

--------------------------------------------------

เสียงดังเอ็ดตะโรโหวกเหวกโวยวายรอบตัวทำให้ผู้บริหารรู้สึกรำคาญ สับสน และหนวกหู แต่เมื่อรวบรวมสมาธิได้ เขาก็ตัดขาดจากพวกมันทั้งหมด และตกอยู่ในภวังค์ที่เงียบงัน

นี่เอง ชีวิตหลังความตาย... เพียงแค่หลับตา และปล่อยวางทุกอย่าง หยุดไตร่ตรองทุกสิ่ง เขาก็จะพบกับความสงบแท้จริงที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

เหตุใดผู้คนจึงกลัวตาย... หากชีวิตหลังความตายมันสงบถึงเพียงนี้

...ผู้คงไม่ได้กลัวความตายหรอก แต่กลัวความโดดเดี่ยวต่างหาก

ใครสักคนเคยกล่าวเอาไว้ว่าหากตายพร้อมกัน ก็จะได้ก้าวสู่ชีวิตหลังความตายด้วยกัน ดังนั้นคู่รักหลายคู่ ครอบครัวหลายครอบครัวจึงจบชีวิตลงพร้อมกัน เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันในโลกใหม่ที่ไร้ซึ่งความวุ่นวาย

แต่แอนโธเน่ เชสตายเพียงลำพัง... ดังนั้นเขาจึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว

จนกว่าจะกลับไปเกิดใหม่...



เอาเถิด... อยู่คนเดียวเสียบ้าง หลังจากทั้งชีวิตถูกรายล้อมด้วยผู้คนมามากแล้ว

"คุณเชส..."

ใครกันที่รบกวนความสงบของเขาในเวลานี้ เขาเพิ่งจะหลับตาลงครู่เดียวเท่านั้น ช่วยปล่อยเขาไว้คนเดียวสักอึดใจจะไม่ได้เลยเชียวหรือ

...คนตายที่ไหนหายใจ เห็นทีว่าต่อไปนี้คงจะใช้คำว่าอึดใจไม่ได้เสียแล้ว

คนถูกเรียกไม่ลืมตา เขาอาจจะแค่หูฝาดไปเท่านั้น เขาตายคนเดียว ในโลกแห่งนี้มีเพียงตัวเขาคนเดียว ใครจะมาเรียกเขาได้

น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยเงียบหายไป ไม่มีใครรบกวนเขาอีก คุณเชสจึงมั่นใจในความหูฝาดของตน คิดว่าจะพักอยู่อย่างนี้อีกสักหน่อย แล้วจึงค่อยออกสำรวจโลกใหม่แห่งนี้... โลกหลังความตาย

แทนเสียงเรียก สัมผัสจากปลายจมูกของใครบางคนก็แตะแนบข้างขมับ ซุกไซ้เรือนผมสีเข้มเนิบช้า เคลื่อนคล้อยลงมาถึงใบหูอย่างอ่อนโยน และนุ่มนวล

เจ้าของร่างสะดุ้งเฮือก หมุนตัวกลับอย่างรวดเร็วพร้อมยกมือขึ้นปิดหู

...ใครกัน!?

คนตรงหน้าโคลงหัว ทำให้ปอยผมสีเข้มร่วงหล่นลงมาปิดตาเล็กน้อย เป็นกิริยาที่แปลกประหลาดสำหรับผู้ชายตัวโตเท่านั้น คุณเชสกวาดมองสำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่ปลายจมูกโด่ง รับกับใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากได้รูป และจบที่ดวงตาสีฟ้าสดที่คุ้นเคย

คุ้นเคยอย่างประหลาด...

นี่ไม่น่าใช่พระเจ้า เพราะพระเจ้าคงไม่สนใจรูปลักษณ์ ...ทำให้พระเจ้าไม่น่าหล่อปานนี้

"คีธ...! "

ไม่มีส่วนใดบนร่างกายนี้เป็นของ 'คีธ' ที่เขารู้จัก แต่สิ่งที่ระบุตัวตนได้เด่นชัดคือสายตาที่เหมือนส่งยิ้มให้กันตลอดเวลา... มันให้ความรู้สึกเดียวกันกับ 'คีธ' ไม่มีผิด

เมื่อได้ยินชื่อตัวเองจากปากอีกฝ่าย เจ้าของร่างก็โคลงหัวอีกครั้ง

"เราได้เจอกันแล้วนะ... คุณเชส"

คีธพูดได้...



'วาฬเพชฌฆาต' ตัวนั้น... พูดได้!!



คีธเป็นชื่อวาฬเพชฌฆาตหนุ่มตัวหนึ่งในสวนน้ำวันโอเชียน ยาวหกเมตร หนักสามจุดหกตัน อายุยี่สิบปี มีลักษณะเด่นคือรอยแต้มสีดำคล้ายไฝที่คาง ซึ่งทุกสิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี้ไม่ปรากฏอยู่บน 'ร่างมนุษย์' ที่อยู่ตรงหน้าเขาเลย

ยกเว้นดวงตาคู่นั้น...

"คีธหรือ..." ทวนคำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อนัก "ทำไมคุณถึง..."

ในโลกแห่งความตาย เขาจะมาเจอกับวาฬเพชฌฆาตได้อย่างไร หากมันไม่ได้หมดลมหายใจพร้อมเขา

คุณเชสอ้าปากค้างหลังจากจับต้นชนปลายเรื่องราวได้ หากพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าวาฬนี่ ก็คงจะเรียกได้ว่าเป็น 'เพื่อนสนิท' สวนน้ำวันโอเชียนมีวาฬเพชฌฆาตอยู่หลายตัว แต่ก็ทยอยตายไปทีละตัวจนเหลือคีธตัวเดียว ดังนั้น คุณเชสจึงกลายเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของมันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

อดีตผู้บริหารมองไปรอบตัวเพื่อจะพบว่าพวกเขายังอยู่ในบริเวณของสวนน้ำที่พังทลาย ราวกับสิ่งก่อสร้างทั้งหลายที่เห็นจะยังเป็นไปตามสถานการณ์ของโลก

...คิดแล้วก็น่าหดหู่ใจที่ทุกอย่างที่ใช้เวลาสร้างมานับสิบปีต้องพังทลายลงในพริบตา

แผ่นหลังของคุณเชสสัมผัสกับอะไรบางอย่าง คีธเดินมาซ้อนหลังเนิบช้า และก้มลงพูดข้างหู "ผมคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณซะแล้ว"

แอนโธเน่ เชสก้าวหลบการประชิดตัวของ 'มนุษย์มือใหม่' เพื่อจะหันกลับไปสบมองกับดวงตาที่มักจะส่งยิ้มให้เขาเสมอ

"ผมอยากเป็นมนุษย์... เพื่อจะได้เดินไปกับคุณมานานแล้ว"



กฎแห่งการตายด้วยกันแล้วจะได้อยู่ด้วยกันไม่ได้ใช้กับมนุษย์เท่านั้น

...เพราะเขาดันมาตายพร้อมวาฬเพชฌฆาต!

--------------------------------------------------

TALK : สวัสดีค่า... ปกติลงเว็บนี้ไม่ค่อยได้พูด แต่อันนี้พูดหน่อย 555

ออกตัวก่อนเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แนวที่ถนัด ก็เลยคิดว่าน่าจะมีติดๆ ขัดๆ อยู่หลายส่วน (ถ้ามุกแป้กก็ขอโต้ดดด) ปกติจะเขียนพีเรียดแฟนตาซี แล้วก็เป็นแฟนตาซีจัดๆ ภูต เงือก เซนทอร์ ฟรุ้งฟริ้ง สวิงสวายไปเลย แต่เรื่องนี้... อ่า... มันเป็น spin-off ของเรื่องสั้นธีมดิสโทเปียค่ะ (ซึ่งยังไม่ได้ลงที่ไหนไว้ ...ตัวเนื้อหาค่อนข้างดาร์กมากเลยทีเดียว เรื่องของคุณเชสกับคีธนี่แหละ)

สปอยเลยว่าในเรื่องหลักคู่นี้ตายทั้งคู่... และนี่คือชีวิตหลังความตายของพวกเขาค่ะ

ก็... อยากให้เป็นคอมเมดี้นิดนึง (จะพยายามนะ) ธีมของโลกนี้จะเอนไปทางอนาคตนิดหน่อย ดิสโทเปียนิดนึงๆ ยุคสงครามโลกในอนาคต (ซึ่งจะไม่พูดถึงมาก เพราะตายแล้ว...) ใจหลักของ spin-off นี้คือให้ความรู้เกี่ยวกับวาฬเพชฌฆาตค่ะ ฮาา


ขอฝากตัวด้วยนะคะ /โค้ง/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2018 14:39:59 โดย khaosap »

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 1
«ตอบ #2 เมื่อ02-04-2018 17:39:59 »

ตอนที่ 1


ทำไมจึงตั้งชื่อว่า 'ดิ โอเชียนาเรียม' ล่ะ?

โอเชียนาเรียมกับอะควาเรียมต่างกันอย่างไร

อะควาเรียม (aquarium: พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ) คือตู้ใส่ปลา ซึ่งหมายรวมทั้งปลาน้ำจืด และปลาน้ำเค็ม เป็นพิพิธภัณฑ์ทั่วไปที่อาจจะตั้งอยู่ในเมืองก็ได้ หรือติดชายฝั่งทะเลก็ย่อมได้

ส่วนโอเชียนนาเรียม (oceanarium: พิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์) คือตู้ใส่ปลาน้ำเค็ม ซึ่งใส่หิน ดิน ทราย ต้นไม้ สาหร่าย และสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ลงไปด้วย และยังเป็นสถานที่ 'อนุรักษ์' สัตว์ทะเลขนาดใหญ่อีกด้วย ทำให้พิพิธภัณฑ์ประเภทนี้มีขนาดใหญ่กว่า และมักจะตั้งอยู่ติดกับชายฝั่งทะเลเสมอ

นี่อาจไม่ใช่คำจำกัดความที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นคำจำกัดความที่สั้นที่สุด และเข้าใจได้ง่ายที่สุด

ในยุคนี้ 'วันโอเชียน ดิ โอเชียนนาเรียม' เป็นพิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ สถานที่แห่งนี้มีแนวคิดของการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ตู้ปลาทุกตู้ ไม่ว่าจะเป็นปลาเล็กหรือปลาใหญ่ ล้วนแล้วแต่เชื่อมต่อถึงกัน โดยใช้น้ำทะเลชนิดเดียวกัน มีความเค็มเท่ากัน และมีอุณหภูมิเท่ากัน

วาฬเพชฌฆาตขนาดใหญ่สามารถว่ายผ่านอุโมงกระจกหนาพิเศษควบคู่ไปกับเด็กน้อยเดินเตาะแตะที่มาเที่ยวชมพร้อมครอบครัว สิงโตทะเลที่ชื่นชอบความตื่นเต้นก็สามารถว่ายไปพบปะกับหมีขั้วโลกที่อีกฟากฝั่งของพิพิธภัณฑ์ได้เช่นกัน โดยมีกรงเหล็กที่เปิดปิดเป็นช่วงเวลาคอยขวางกั้นเอาไว้ไม่ให้นักล่า และผู้ถูกล่าพบปะกันโดยตรง

วันโอเชียนเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเชส... ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

แต่กฎของการมีอยู่คือการดับสูญไป ต่อให้มันจะเป็นธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ เป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยงามมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในอนาคต แต่สักวันหนึ่งก็ต้องพังทลายลง และไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร แอนโธเน่ เชส... ก็คงไม่สามารถยืนมองความดับสูญนั้นได้ด้วยตาตัวเอง

เขาฝันที่จะเห็นธุรกิจนี้รุ่งเรืองต่อไป

...หากมันต้องถูกทำลาย เขาจะไม่ขออยู่ดูมันพังทลายลงตรงหน้า

สงครามคือคำตอบของความวินาศสันตะโรทุกอย่าง

มนุษย์ในยุคสมัยนี้ขัดแย้งกันเองอย่างรุนแรงยิ่งกว่าใคร ทั้งความเห็นต่าง ความทะเยอทะยาน ความโลภ ทุกอารมณ์ด้านลบผลักดันให้พวกเขาทะเลาะเบาะแว้งกัน และใช้ความฉลาดในทางที่ผิด ในการสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นมาห้ำหั่นกันเองจนกว่าจะมีใครล่มสลายไปสักเผ่าพันธุ์

แต่มันไม่ใช่เรื่องของผู้บริหารสวนน้ำวันโอเชียนอีกต่อไป

เขาละจากทางโลกแล้ว... เขาปล่อยวางซึ่งทุกสิ่งแล้ว

--------------------------------------------------

คีธเป็นวาฬหนุ่มขวัญใจผู้เยี่ยมชมหลายคน จากขนาดตัวใหญ่โตที่กว่าตัวอื่น กับนิสัยสุภาพเรียบร้อย รักที่จะเล่นกับเด็กๆ และมีความฉลาดเหลือร้ายเสมอ

แต่เมื่อวาฬตัวนั้นมาอยู่ในร่างมนุษย์แบบนี้ คุณเชสกลับรู้สึกว่าเจ้าคีธนี่เป็นมนุษย์ที่น่าระแวงเสียมากกว่าน่ารัก

ก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งสองเริ่มทำความรู้จัก และใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างจริงจังเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่คุณเชสมีความคิดจะ 'ปิดกิจการ' สวนน้ำ แต่ด้วยกฎหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับวาฬเพชฌฆาต ทำให้เขาไม่มีทางออกสำหรับคีธ จนสุดท้าย คุณเชสก็ตัดสินใจว่าจะฝึกคีธให้เป็น 'วาฬมหาสมุทร' อีกครั้ง เพื่อจะปล่อยกลับสู่ธรรมชาติหลังจากเป็น 'วาฬคอนกรีต' มาตลอดชีวิต

แต่สงครามก็ทำให้ไม่มีใครได้รับอิสระทั้งนั้น...

หมายถึงอิสระเมื่อครั้งที่ยังมีลมหายใจน่ะนะ

สัตว์สังคมล้วนแล้วแต่กลัวความโดดเดี่ยว พวกเขาจึงกลัวความตาย แต่กฎแห่งการตายร่วมกันนี่ก็ออกจะพิลึกพิลั่นสักหน่อย คุณเชสเชื่อว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียวที่ดับลมหายใจ แต่ในสถานที่เดียวกันนี้ มีเพียงคีธเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน

พวกเขาอยู่ท่ามกลางความพังพินาศของสถานที่ หลังจากสงครามโยนระเบิดลงมาหลายลูกในบริเวณนี้ แม้จะมีแต่ความเงียบ แต่ทั้งคู่รู้ว่าโลกที่เพิ่งจากมายังคงวุ่นวาย

เงียบไปพักใหญ่กว่าคุณเชสจะพูดอะไรออก "คุณจะไปไหนต่อ..."

เมื่อไม่มีอุปสรรคทางร่างกาย จิตใจที่เป็นอิสระย่อมสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ แต่วาฬหนุ่มกลับยืนนิ่ง "ไปกับคุณไง"

"กับผมเนี่ยนะ..." คุณเชสเงียบไป ความรู้สึกผิดหลายอย่างก่อตัวขึ้นมา เขาเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่มนุษย์เรียกว่า 'แหล่งเรียนรู้' แต่สำหรับสัตว์แล้ว มันเป็นเหมือนเรือนจำที่ขังพวกเขาไว้ตลอดกาล สัตว์ทุกตัวเป็นนักโทษที่ไม่เคยกระทำผิด แต่ถูกกักขังเพราะความสวยงามน่าสนใจของพวกมันเอง

ในโลกแห่งความตายนี้... เขาไม่อยากขังใครเอาไว้อีกแล้ว

"คุณเป็นอิสระแล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ" คุณเชสว่า "แต่อย่ามากับผมเลย"

"ถ้าผมยังอยากจะไปกับคุณล่ะ"

"ทำไมคุณถึงดื้อนัก! " คนพูดหงุดหงิด แต่ก็ชะงักไปเมื่อคู่สนทนาก้มหน้ามาหา แตะปลายจมูกกับข้างแก้ม

"ตอนเป็นวาฬ... ถ้าขัดคำสั่งคุณก็จะไม่ให้ปลา แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกินแล้ว อย่างนั้นผมจะขัดคำสั่งยังไงก็ได้ไม่ใช่เหรอ"

คนฟังนิ่งไปด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะการโต้เถียงที่แสนจะดื้อดึง แต่การเข้าหาประชิดตัวกะทันหันแบบนี้ต่างหากที่ทำให้แอนโธเน่ เชสไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย แต่หากจะคิดในมุมมองของวาฬ... สัตว์ชนิดนี้ก็เอาปลายจมูกแตะทุกสิ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

"คีธ... มนุษย์ไม่เอาจมูกแตะกัน" เขาตั้งสติ ถอยออกมาก้าวหนึ่ง "โดยเฉพาะบนหน้า"

"งั้นสอนวิธีเป็นมนุษย์ให้ผมทีสิ"

"ผมจะกลับบ้าน! " คุณเชสถอยอีกก้าว "ผมไม่ได้กลับบ้านมาหลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่มีเรื่องสงครามวุ่นวายเข้ามา ผมไม่มีเวลาสอนอะไรคุณหรอกนะ จะไปไหนก็ไปเถอะ"

คีธไม่เข้าใจคำว่า 'บ้าน' ในเมื่อเขาไม่เคยรู้จักคำนี้มาก่อน แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นสถานที่แห่งหนึ่งในโลกนี้ที่คุณเชสคงจะผูกพัน "งั้น... พอถึงบ้านแล้ว คุณจะมีเวลาใช่ไหม"

"คีธ! "

"งั้นผมขอกลับบ้านกับคุณด้วยก็แล้วกัน"

...ไอ้วาฬนี่!

--------------------------------------------------

บ้านเป็นสถานที่พิเศษสำหรับมนุษย์ เพราะพวกเขาตั้งรกรากที่ใดที่หนึ่งโดยไม่อพยพย้ายถิ่นฐานตามฤดูกาลแบบสัตว์ชนิดอื่น พวกเขาออกไปทำภารกิจประจำวันในทุกวัน และกลับมายังสถานที่เดิมทุกวันเพื่อพักผ่อนนอนหลับ

ในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ...บ้าน

แต่แอนโธเน่ เชสไม่ได้กลับบ้านมาหลายเดือนแล้ว จากภารกิจของผู้บริหาร เขาจึงพักอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เป็นการชั่วคราว และตั้งใจว่าจะกลับบ้านสักทีเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ แต่ไม่คิดเลยว่าการกลับบ้านครั้งนี้จะเป็นการกลับไปโดยไม่มีร่างกาย

เขาไม่ได้แต่งงาน ไม่มีครอบครัว ส่วนพ่อกับแม่ก็พักอยู่คนละที่กัน

...ดังนั้นจะเรียกว่าไม่มีห่วงก็คงได้

"บ้านของคุณอยู่ไหนล่ะ" ผู้บริหารสูงสุดพยายามเดินหนี แต่คนที่ขายาวกว่าก็ก้าวตามทันทุกครั้งไป "บ้านหน้าตาเป็นยังไงเหรอ"

"คีธ..." ร่างโปร่งหมุนตัวกลับ ทำให้ชายเสื้อคลุมสะบัดตามแรงลม "ถ้าคุณจะกลับบ้านกับผม... คุณต้องใส่เสื้อผ้าก่อน! " ไม่มีสัตว์ชนิดใดใส่เสื้อผ้ายกเว้นมนุษย์ ดังนั้นเมื่อสัตว์ที่เปลือยเนื้อหนังตลอดเวลามาแปลงร่างเป็นมนุษย์ พวกเขาจึงไม่เข้าใจธรรมเนียมของ 'เสื้อผ้า'

"แล้วผมจะไปหามาจากไหนล่ะ"

"จินตนาการเอาสิ! " คนพูดหัวเสีย ไม่คิดว่าชีวิตหลังความตายจะต้องมาวุ่นวายกับวาฬตัวนี้ "คุณเห็นครูฝึกใส่ชุดไหน คุณก็ใส่ชุดนั้นไปก็ได้

เมื่อพูดจบ คุณเชสเองก็เป็นฝ่ายชะงัก ด้วยนึกได้ว่าเหล่าครูฝึกสัตว์ทั้งหลายล้วนสวมใส่ชุดรัดรูปที่ทำให้เห็นเรือนร่างแทบทุกส่วนสัด

"ไม่... ไม่ใส่ชุดครูฝึก" เขารีบห้ามคีธเอาไว้ "โธ่! "

คีธไม่เข้าใจ และสิ่งที่แสดงออกถึงความไม่เข้าใจของเขาคือการโคลงหัวสิบห้าองศา... นี่มันพฤติกรรมวาฬสุดๆ!

คุณเชสจนปัญญา จึงถอดเสื้อโค้ตตัวยาวของตนออก และเขย่งวางมันคลุมไหล่กว้าง "ปิดไว้ก่อน... นี่มันไม่น่าดู" แม้เสื้อผ้าของตัวเองจะดูตัวเล็กไปและไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาก็ตาม "เดินล่อนจ้อนแบบนั้นไปทั่วไม่ได้ เกิดใครมาเห็นเข้า..."

ใครล่ะจะมาเห็นเข้า... คนที่ตายในช่วงเวลาเดียวกัน แต่อยู่แถวบ้านเขาอย่างนั้นหรือ

สงครามคงยังไปถึงบ้านของเขาหรอก

"คุณพูดคนเดียวมาตั้งนานแล้ว" คีธเอ่ยตามตรงหลังจากมองดูคนตรงหน้าเถียงกับตัวเองมาได้สักพัก "เอานี่คลุมไว้ ผมก็จะกลับบ้านกับคุณได้ใช่ไหม"

"เออ! ไปก็ไป! " ผู้บริหารหมดความอดทน

แต่คำถามต่อมาก็คือ พวกเขาจะกลับบ้านยังไงในเมื่อบ้านของคุณเชสอยู่แถวชานเมืองที่ห่างไกลออกไปมากโข เขาควรจะเดินกลับไปหรือ หรือว่าลอยไปเล่า บินยังไงอย่างนั้นหรือ นี่ชีวิตหลังความตายมียานพาหนะอะไรให้ใช้บ้างไหมนะ หากต้องเดินจากที่นี่กลับบ้าน คุณเชสคิดว่าเขาคงใช้เวลาเป็นสัปดาห์

แล้วเจ้าคีธนี่ทำอย่างไรจึงมาอยู่ในร่างมนุษย์แบบนี้ได้

จินตนาการเอาอย่างนั้นหรือ...?

คุณเชสเดินต่อมาจนถึงประตูเหล็กดัดด้าหน้าพิพิธภัณฑ์ เขาตรงไปที่นั่น และคิดว่าคงจะเดินทะลุไปเลยแบบวิญญาณในภาพยนตร์

ปึง!

ทั้งร่างกระแทกกับลูกกรงและกระเด็นกลับมาจนล้มกลิ้ง ความเจ็บปวดอย่างที่ไม่คิดว่าจะรู้สึกได้แล่นขึ้นมา "โอย..." เขาโอดโอยเบาๆ แล้วกุมหัวป้อยๆ

หรือว่า... ถ้าไม่มีใครมาเชิญวิญญาณ เขาจะออกจากที่นี่ไม่ได้อย่างนั้นหรือ ตามตำนานของแวมไพร์ที่หากไม่ได้รับเชิญจะเข้าออกสถานที่ไม่ได้

คีธเดินตามมาเงียบๆ ฝ่ายนั้นมองเขาสลับกับรั้วสูงตระหง่าน และไล่สายตามองไปยัง 'ประตู' ร่างสูงเดินไปยังประตู และจับลูกบิดเปิดออกช้าๆ "ทำไมคุณเชสไม่ใช้ประตูล่ะ"

วาฬที่ฉลาดเหลือร้ายรู้จักเปิดประตู ในขณะที่มนุษย์เดินชนรั้วเอาดื้อๆ อย่างนั้นหรือ

อย่าให้รู้ถึงโลกหน้าเชียวนะ... เขาจะต้องถูกล้อไปอีกนานแน่นอน

"เดี๋ยวก่อน..." คุณเชสมองคนที่ก้าวออกไปนอกรั้วแล้ว "ถ้าเราหยิบจับสิ่งของได้..." เขาหันกลับไปยังตึกบริหารที่ถูกโลกก่อนหน้าทิ้งระเบิดใส่จนพังยับ "คีธ... กลับเข้ามา ผมนึกออกแล้ว" เขาเรียกวาฬครั้งหนึ่ง และเปลี่ยนทิศทางกลับไปยังลานโล่งด้านข้างตึกที่มีเศษซากสิ่งก่อสร้างกระจัดกระจาย

ที่นั่นยังมีบันไดที่เชื่อมกับชั้นใต้ดิน พิพิธภัณฑ์ไม่ใช่เป้าหมายหลักในการโจมตี ดังนั้นระเบิดที่ปลิวมาตกใส่จึงเป็นส่วนน้อย ทำให้ชั้นใต้ดินยังปลอดภัยดี อันหมายถึงสถานที่เก็บพาหนะสำรอง

คุณเชสตรงไปที่แผงควบคุม เขาวางมือของตัวเองลงไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

...หัวใจของเขาเต้นได้หรือ นี่เขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองจริงๆ ใช่ไหม

ตอนนี้ช่างมันเถอะ

แผงควบคุมตอบสนอง มันเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นมา และตรวจจับลายนิ้วมือเพื่อยืนยันตัวตน ก่อนที่ไฟทุกดวงจะเปิดขึ้นพร้อมกัน เผยให้เห็นอากาศยานสีดำตั้งตระหง่าน

"บางทีโลกนี้ก็แปลกดีเหมือนกัน"

คุณเชสพึมพำกับตัวเอง คีธเดินมาหยุดข้างกาย เบิกตามองจักรกลตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น เขาไม่แน่ใจว่าควรจะเดินตามคุณเชสไปไหม สิ่งตรงหน้านี้คืออะไร จริงอยู่ว่าเขาเคยเห็นมันโบยบินอยู่บนท้องฟ้า แต่ก็คิดว่าเป็นแค่นกตัวใหญ่ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น

"มาสิ... จะกลับบ้านกับผมไม่ใช่เหรอ" คุณเชสอารมณ์ดีขึ้นเมื่อเครื่องจักรทุกตัวทำงานได้ดีไม่มีติดขัด "บ้านผมอยู่ไกล เดินกลับเองไม่ได้หรอกนะ..." คีธตามเข้ามาในยาน และมองวิธีการ 'นั่ง' ของคุณเชส

วาฬไม่เคยนั่ง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จัก 'ก้นกบ' และ 'ข้อเข่า'

"นั่งตรงนี้" คุณเชสวางมือบนเบาะข้างตัว เครื่องจักรส่งเสียงบอกว่าพร้อมแล้วสำหรับการใช้งาน พร้อมกับเพดานที่ค่อยๆ เคลื่อนเปิด "กลับบ้านกันเถอะ..."

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO คำแนะนำที่ 1

วาฬเพชฌฆาตเป็นสัตว์ฉลาด



สมองของวาฬเพชฌฆาตมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในบรรดาสัตว์ทะเลทั้งหมด (รองจากวาฬสเปิร์ม) และมีโครงสร้างทางสมองที่ซับซ้อน ทำให้พวกมันมีความสามารถในการสังเกต เรียนรู้ จดจำ ประยุกต์ และประมวลผล อีกทั้งยังมีอารมณ์และความรู้สึกอีกด้วย

พฤติกรรมการ 'เปิดประตู' ของวาฬเพชฌฆาตเป็นทักษะที่พวกมันเรียนรู้ด้วยการสังเกต และจดจำ

ในปี 1995 วาฬเพชฌฆาตที่ชื่อว่า โคธาร์ (Kotar) ในสวนน้ำ SeaWorld San Antonio เปิดประตูระหว่างบ่อเล่น จนประตูบานหนึ่งปิดลงบนหัวของมัน และแรงกดดันทำให้กะโหลกของโคธาร์แตก และตายในเวลาต่อมา

ในปี 2014 วาฬเพชฌฆาตที่ชื่อว่า คาลิอา (Kalia) ในสวนน้ำ SeaWorld San Diego เปิดประตูระหว่างบ่อเล่น และว่ายกลับไปกลับมาระหว่างบ่อ แต่เนื่องจากแรงกดดันประตูไม่หนักมาก ทำให้มันไม่ได้รับอัตราย

(ลงรูปไม่ได้อ่ะ แต่เกร็ดๆ พวกนี้ใน readAwrite กับ Dek-D จะมีภาพประกอบนะคะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2018 14:40:19 โดย khaosap »

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Death n Dream ตอนที่ 1 [02-04-2018]
«ตอบ #3 เมื่อ02-04-2018 23:10:03 »

ติดตามจ้า :pig4:

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 2
«ตอบ #4 เมื่อ04-04-2018 14:42:06 »

ตอนที่ 2


เขาจะเป็นวาฬตัวแรกที่มีโอกาสได้นั่งอากาศยานของมนุษย์หรือเปล่านะ

...ถึงจะตายแล้วก็เถอะ

คีธเลือกหลับตามากกว่าจะมองสภาพแวดล้อมภายนอก เขากำเบาะนั่งแข็งๆ ใต้ร่างเอาไว้แน่นจนคนข้างตัวรู้สึกได้ แต่คุณเชสก็อมยิ้มกลั้นเสียงหัวเราะด้วยขบขัน เขาบินผ่านบ้านเมืองที่ได้รับความเสียหายจากการต่อสู้ เศษซากสิ่งก่อสร้าง และ 'วิญญาณ' ของผู้คนที่เสียชีวิตจากการปะทะเดินเท้าอยู่เบื้องล่าง

เป็นเมืองที่ดูสงบจนแปลกตาไปเลยเชียว

คุณเชสพาอากาศยานเหินขึ้นเพื่อเหนือเมฆเลี่ยงสายตาผู้คน และมุ่งหน้าออกไปยังชานเมือง บ้านเขาอยู่ห่างไกลจากความวุ่นวายมาก และหวังว่าเขาคงจะไม่พบใครเข้าในเขตที่พักของตน ซึ่งนั่นหมายถึงบุคคลผู้นั้นเองก็เสียชีวิตแล้วเหมือนกัน

สงครามอย่าเพิ่งลามไปถึงบ้านของเขาเลย

คีธอ้าปากค้าง ก่อนจะหุบปากลงอีกครั้งหลังจากพยายามหาเรื่องคุยแต่นึกอะไรไม่ออก เขาอยากเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อกลบความรู้สึกกลัวโดยไม่มีสาเหตุ เขากลัวตกจากยานนี้ แต่หากตกลงไปก็คงไม่อาจตายอีกครั้งอยู่ดี คีธจึงไม่เข้าใจตัวเองลึกๆ ว่าเขากลัวอะไรกันแน่

...แต่มันก็กลัวไปแล้ว

"คุณจินตนาการว่าตัวเองเป็นมนุษย์บ่อยไหม" คุณเชสรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเกร็ง จึงเป็นคนชวนพูดก่อน "จู่ๆ โผล่มาหาผมแบบนี้ ไม่คิดว่าผมจะตกใจหรือไง"

"อย่างกับว่าถ้ามาในร่างวาฬ คุณจะไม่ตกใจ" คีธพึมพำตอบ "คุณตกใจง่ายจะตาย คุณเชส"

"รู้จักผมดีแค่ไหนเชียว ...ถึงพูดแบบนั้นน่ะ"

"ดีกว่าวาฬตัวอื่นก็แล้วกัน"

เจ้าคีธนี่ท่าจะดื้อดึงเอาเรื่อง คุณเชสก็ได้แต่ทำใจ เพราะอย่างน้อยก็คงจะช่วยแก้เหงาได้ "ถ้าคุณอยากเป็นมนุษย์ ผมก็จะสอนวิธีเป็นมนุษย์ให้ เผื่อว่าชีวิตหน้าคุณจะอยากไปเกิดเป็นมนุษย์บ้าง จะได้ลองชั่งน้ำหนักดู" คุณเชสพูดต่อ

"แล้วคุณเชสอยากเกิดเป็นอะไร..."

เหตุใดจึงวกกลับมาหาเขาได้อีกเล่า!?

"ผมอยากเกิดเป็นสลอธ... ช้าดี" ร่างโปร่งตอบไปอย่างนั้น แต่เมื่อคิดได้ว่าสลอธสูญพันธุ์ไปแล้ว เขาก็เปลี่ยนคำตอบ "ขอเป็นแมวก็แล้วกัน ขอเจ้านายรวยๆ ด้วยนะ กินหรูอยู่สบาย"

"แมวคืออะไร" คีธหันมองคนพูด

...แน่นอนว่าวาฬเพชฌฆาตยอมไม่รู้จักแมว

"ช่างมันเถอะ... แต่เอาเป็นว่าผมไม่อยากเกิดเป็นมนุษย์อีกแล้วก็แล้วกัน" มนุษย์น่ะวุ่นวาย... และชีวิตของมนุษย์ก็ลำบากยากเย็นเหลือเกินในยุคนี้

"งั้นผมก็ไม่เกิดเป็นมนุษย์หรอก ผมจะไปเกิดเป็นแมวด้วย"

"นั่นไม่ใช่ประเด็น..." คุณเชสถอนใจอีกรอบ "ประเด็นก็คือ... ถ้าตอนนี้คุณยังอยากเล่นเป็นมนุษย์ คุณก็ต้องทำตัวเป็นมนุษย์ ต้องใส่เสื้อผ้า ห้ามเดินล่อนจ้อนแบบนั้นไปไหนมาไหน โดยเฉพาะในบ้านผม" คนพูดละสายตาจากท้องฟ้าเบื้องหน้ามามองคนฟังเล็กน้อย

"แล้วก็... อย่าเอาจมูกมาแคะคอ หรือแก้ม หรือเส้นผมของผมด้วย"

วาฬผู้เคยมีปลายจมูกเป็นส่วนที่ยื่นยาวที่สุดของลำตัวหันมามองคนพูดราวกับว่าโลกได้ถล่มลงมาตรงหน้าแล้ว "ถ้าอย่างนั้น... ผมจะใช้อะไรล่ะ"

คุณเชสลอบขำ เขารู้ว่าสัตว์ตระกูลวาฬแขนสั้น ดังนั้นจึงไม่เคยใช้มือมาก่อนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะสำรวจอะไร หรือทำอะไรก็ล้วนแล้วแต่ใช้ปลายจมูกแตะๆ ดูก่อนทั้งนั้น

อีกทั้งในเวลาที่มนุษย์อย่างพวกเขานึกอยากจะกอดวาฬ ก็กอดปากและจมูกของมันก่อน

อันที่จริงปลายปากนั่นก็ไม่น่าเรียกจมูก เพราะจมูกของมันแท้จริงแล้วอยู่บนหัว



"มือน่ะ... มนุษย์มีมือที่มีประสิทธิภาพมาก"

คุณเชสยกมือขึ้นข้างหนึ่งให้เห็น พร้อมกับกางนิ้วออกให้ดู "เรามีห้านิ้วที่ใช้หยิบจับสิ่งของได้ ทำอะไรได้หลายอย่าง ฉะนั้น ถ้าคุณจะเรียกผม นอกจากเรียกชื่อแล้ว คุณก็ไม่ต้องเอาจมูกมา... คีธ! "

คุณเชสสะดุ้ง เพราะแทนที่คู่สนทนาจะยกมือตัวเองขึ้นมาดูบ้าง เจ้านั่นกลับก้มหน้าลงมาแตะปลายจมูกกับนิ้วของเขาแทน ทำให้ริมฝีปากแนบกับฝ่ามือโดยตั้งใจอีกด้วย

ร่างโปร่งชักมือกลับ "นั่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันตอนถึงบ้านแล้ว"

"คุณเชสไม่ชอบเหรอ" น้ำเสียงที่ฟังดูตัดพ้อฟังดูน่าสงสารอย่างประหลาด คุณเชสจึงตระหนักได้ว่าเขาตวาดแรงไป

"ผมไม่ชินกับการอยู่ใกล้ใคร ผมอยู่ตัวคนเดียวมานานแล้ว" เขามีพ่อแม่ แต่เขาก็แยกตัวมาอยู่คนเดียวนานมากแล้ว

"ก็คุณบอกว่าไม่ให้แตะแค่ที่คอกับแก้ม..."

อ้อ... นี่จะเถียงสินะ

"ทุกอย่างบนตัวผม... ห้ามเอาจมูกคุณมาแตะ! "

ได้! ทะเลาะกับวาฬในชีวิตหลังความตาย ...นี่เป็นวิธีแก้เหงาที่พระเจ้าเลือกให้แล้วสินะ

--------------------------------------------------

ตลอดการเดินทางหลังจากนั้น คีธเอาแต่มอง 'มือ' ของตัวเอง และหัดขยับนิ้วอยู่เงียบๆ

ไม่รู้ว่าเหตุใดสัตว์โลกตรงหน้าจึงสามารถจินตนาการตัวเองในร่างมนุษย์ได้สมบูรณ์แบบ ทว่ากลับใช้อวัยวะแต่ละส่วนไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ไหนจะท่าทางการยกแขนที่ดูจะติดจากร่างวาฬที่เรียกได้ว่า 'ไม่มีแขน' และการขยับมือที่เคยชินกับการ 'ไม่มีนิ้ว'

แต่อย่างน้อยเขาก็รู้จักวิธีการเดิน...

คุณเชสไม่คิดจะหาคำตอบจากโลกที่เขาไม่เข้าใจนัก ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นจินตนาการ แต่ก็สามารถจับต้องได้ เป็นเหมือนโลกที่เขาเคยอยู่ ไม่สมบูรณ์แบบ และมีเศษซากความเสียหายจากสงครามเหมือนกัน ทว่าไม่มีใครอยู่กับเขานอกจากวาฬตัวหนึ่งที่อยากสมมติตัวเองเป็นมนุษย์... เพื่อจะเดินไปกับเขา

คุณเชสสูดหายใจ... ทั้งที่ 'วิญญาณ' ตามความเชื่อของเขาไม่ควรจะทำได้ เขาได้ยินเสียงหัวใจที่ไม่น่าจะเต้นได้ และอยู่กับกายเนื้อที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย

ช่างเถิด... มนุษย์ไม่ต้องเข้าใจทุกเรื่องก็ได้

ถ้าเขาจินตนาการว่าตัวเองเป็นวาฬ... เขาจะทำได้ไหม แบบที่คีธเองก็จินตนาการว่าตัวเองเป็นมนุษย์และมายืนอยู่ตรงนี้

"คุณมองผมหลายรอบแล้วนะ" เจ้าสัตว์โลกช่างสังเกตหันมาหาคนขับ "ต้องมีเรื่องที่อยากพูดแน่ๆ "

"คิดว่าผมอยากจะพูดอะไรล่ะ" รู้มากนักก็ย้อนเข้าให้สักที

"พยายามหาทางไล่ผมออกไปจากชีวิตคุณ..." วาฬหนุ่มจ้องกลับ "หรือไม่ก็ไล่ไปเกิด"

ฉลาดเกินไปแล้ว...

คุณเชสยิ้มกับตัวเองก่อนเม้มปาก "แค่คิดว่าแปลกดีเหมือนกัน ที่วาฬตัวหนึ่งที่น่าจะเกลียดผม กลับตามผมมากระทั่งในชีวิตหลังความตาย"

"ผมชอบคุณจะตายไป" วาฬตรงไปตรงมาเสมอ "คุณไม่เหมือนมนุษย์คนอื่น"

"เราไม่ได้รู้จักกันจริงๆ ด้วยซ้ำไปนะ"

"แล้วจะเริ่มรู้จักตอนนี้ไม่ได้เหรอ" คีธหันมอง "คุณเชส..."

ทุกคนเรียกเขาว่า 'คุณเชส' เสมอ รวมถึงวาฬตัวนี้เช่นกัน

เจ้าของชื่อสูดหายใจลึก ออกแรงกำพวงมาลัยแรงๆ ครั้งหนึ่งขณะตัดสินใจ "ถ้าอยากรู้จัก ก็เรียกแอนโธเน่.. นั่นเป็นชื่อผม"

"ยาวไป เรียกว่าคุณเชสสั้นกว่าเยอะ"

...ไอ้วาฬนี่!

--------------------------------------------------

'บ้าน' คือสถานที่ที่มนุษย์ให้ความสำคัญเสมอ เพราะมันคือความอบอุ่น สบายใจ การมีบ้านให้กลับนับเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตอันวุ่นวายของพวกเขา โดยเฉพาะบ้านที่มีครอบครัวรออยู่กันพร้อมหน้า

งานการอันวุ่นวายของผู้บริหารระดับสูงทำให้คุณเชสไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว

ดังนั้น นี่จึงเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้กลับบ้านสักครั้ง

แอนโธเน่ เชสเคยมีชีวิตอยู่ในฐานะระดับเศรษฐี ดังนั้นบ้านของเขาจึงมีพื้นที่กว้างขวาง ทั้งลานจอดอากาศยานขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำ และสนามหญ้ากว้างที่เขาเคยใช้วิ่งเล่นกับสุนัขตัวโปรด ตอนนี้สุนัขตัวนั้นตายไปตามอายุขัย และหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ซื้อหาสัตว์อะไรมาเลี้ยงอีก

หากนับคีธเป็นสัตว์เลี้ยง วันนี้คงเรียกได้ว่าพาวาฬเพชฌฆาตกลับมาด้วย

หลังจากนำยานลงจอดเรียบร้อยแล้ว คุณเชสก็เดินตรงไปยังประตูบ้าน เขาดึงถาดไม้ออกมาจากช่องหน้าประตู มีจอแสดงผลวางอยู่ในถาดนั้น ซึ่งเป็นระบบรายงานความปลอดภัยรอบตัวบ้าน ชายหนุ่มวางมือของตัวเองบนหน้าจอเพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือ เมื่อเสียงปลดล็อกยืนยันตัวตนเสร็จสิ้น ประตูก็เปิดต้อนรับ คุณเชสก้าวเข้าไปด้านในแล้วจึงก้มลงถอดรองเท้าด้วยความเคยชิน

คีธมองตามการกระทำนั้นก่อนจะก้มลงมองเท้าเปล่าเปลือยของตัวเอง

เหตุผลที่มนุษย์ใส่เสื้อผ้าอาจเป็นเพราะพวกเขาผิวบางเหลือเกิน เพียงแค่เดินเหินไม่เท่าไหร่ก็ทำให้เจ็บเท้าได้แล้ว คิดดูอีกที นี่ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอเหลือเกิน

คีธไม่เคยนึกชอบมนุษย์สักเท่าไหร่ แต่คุณเชสเป็นกรณียกเว้น

ร่างโปร่งมองไปรอบบ้าน ความรู้สึกสงบที่ห่างหายไปจากมันเนิ่นนานทำให้ช่วงเวลานี้มีค่าในทุกอึดใจ ชายหนุ่มอยากไปนั่งบนเก้าอี้ตัวโปรด หยิบหนังสือสักเล่มมาอ่าน และปล่อยให้เวลาผ่านพ้นไปนานเท่านาน

แต่ตอนนี้คงต้องหาเสื้อผ้าให้คีธใส่ก่อนที่จะป่วย

วิญญาณป่วยได้ไหมหนอ...



เขาเดินขึ้นไปชั้นบน เพื่อไปยังห้องเสื้อผ้า ตู้ไม้แบบบิลท์อินที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษติดตั้งอยู่ที่ฟากผนังด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนเงาของคนทั้งคู่

ตู้ไม้ติดตั้งถาดแบบเดียวกับหน้าบ้าน สร้างความประหลาดใจให้กับวาฬผู้ติดตาม "ทำไมมนุษย์ต้องใช้เจ้านี่ในการเปิดทุกอย่าง"

คุณเชสยกยิ้ม ก่อนว่างนิ้วก้อยลงบนจอสัมผัส "นี่ไม่ใช่แค่เปิด... แต่เลือกเลยว่าจะเปิดตู้ไหน ประหยัดเวลาไปเยอะ" ตู้ไม้ปลดล็อก เปิดประตูให้เห็นข้าวของภายในที่ถูกจัดไว้เป็นระเบียบ เรียงกันเป็นสัดส่วน "ประตูบานนั้นเก็บเสื้อ ใช้รหัสนิ้วชี้ ประตูบานนู้นหนึ่งเก็บกางเกง ใช้รหัสนิ้วกลาง มีชั้นใส่เข็มขัด นาฬิกา และเนกไทแยกจากกัน" เจ้าของบ้านอธิบาย

"ส่วนนิ้วก้อยนี่คือตัวช่วยค้นหา..."

ชายหนุ่มมองจอสัมผัส และเลือกขนาดเสื้อผ้าที่เขาต้องการ "คุณน่าจะสูงสักร้อยเก้าสิบ..." เขาพึมพำ เหลือบมองคนข้างกายไปพลางระหว่างคำนวณ ส่วนเสื้อก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน"

เสื้อผ้าทุกตัวมีรหัสซึ่งใส่รายละเอียดขนาดเอาไว้ ขอแค่เขาป้อนข้อมูลลงไป ระบบก็จะค้นหาชุดที่มีรายละเอียดตรงกันหรือใกล้เคียงมาให้

คุณเชสเงยมองใบหน้าอีกฝ่าย "กางเกงคงจะใส่ด้วยกันไม่ได้หรอก" แต่ถ้าเป็นกางเกงขาสั้นก็ไม่แน่

...ว่าแต่เขามีของพรรค์นั้นอยู่ในตู้ไหมนะ

ให้ระบบช่วยหาเถอะ

คู่สนทนาดูจะไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง แต่เขาชอบมองการเคลื่อนไหวของคุณเชส มันลื่นไหล และมีประสิทธิภาพ ทั้งการขยับมือ เคลื่อนนิ้ว และยกแขน ล้วนแล้วแต่สัมพันธ์กันอย่างลงตัว

เขาไม่เคยชอบมนุษย์... ยกเว้นคุณเชส

คีธเอื้อมมือตัวเองไปวางบนมือที่กำลังกดอะไรบางอย่างบนจอสัมผัส เจ้าของร่างชะงักเล็กน้อยก่อนหันกลับมาหา "มีอะไรหรือเปล่า"

"ความรู้สึกที่ได้จับมือ... มันเป็นแบบนี้เองล่ะมั้ง"

คนอายุมากกว่ายิ้มจาง "นี่แค่วางมือ" ร่างโปร่งหันมาหา และยกมือใหญ่ขึ้นทาบ ก่อนจะประสานนิ้วด้วยช้าๆ "อันนี้สิเรียกจับ..." เขาจับมือคีธ แม้มันจะเป็นความรู้สึกแปลกที่ต้องมาจับมือผู้ชายตัวโต แต่เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่วาฬตัวหนึ่งที่นึกอยากเป็นมนุษย์ ความรู้สึกเอ็นดูจึงชนะความแปลกประหลาด

"เรามีห้านิ้ว..." คุณเชสจับนิ้วของอีกฝ่ายขึ้นมาให้เห็น "นิ้วโป้งจะเป็นนิ้วที่แข็งแรงที่สุด"

คีธมองตามสัมผัสนั้น แทบไม่ได้สนใจฟัง เพราะสิ่งที่เขารู้สึกคือสัมผัสอ่อนโยนจากมือของคู่สนทนา

"ใส่เสื้อผ้าก่อนไหม แล้วค่อยลงไปห้องนั่งเล่นกัน"

วาฬเบิกตาขึ้น แสดงออกถึงความงุนงง

คุณเชสอุทานเบาๆ ในลำคอ "ห้องนั่งเล่นก็คือ... อา... เดี๋ยวผมแนะนำทีละห้องจะดีกว่า ส่วนตอนนี้ ใส่กางเกงก่อนเถอะ"

คุณเชสหันไปหาจอสัมผัสอีกครั้งเพื่อจะพบว่ามันดับไปแล้ว

"เมื่อกี้ไม่ได้เซฟใช่ไหม..."

จะเจอไหมล่ะ กางเกงน่ะ...

--------------------------------------------------


คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO คำแนะนำที่ 2

วาฬมีห้านิ้วเหมือนมนุษย์



วาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใน อันดับวาฬและโลมา (cetacea) โดย 'ขาหน้า' ของวาฬพัฒนามาเป็น 'ครีบอก' เพื่อการว่ายน้ำ  แต่โครงสร้างกระดูกมือในครีบนั้นยังคงมี 5 นิ้วเหมือนมนุษย์

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 3
«ตอบ #5 เมื่อ04-04-2018 14:44:20 »

ตอนที่ 3


ในภาษามนุษย์ ที่พักของคุณเชสนับเป็น 'คฤหาสน์' เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่อีกทั้งยังมีพื้นที่สีเขียวกว้างขวางล้อมรอบซึ่งหาได้ยากในยุคสมัยนี้ ในขณะที่ผู้คนธรรมดามักจะอาศัยอยู่ในห้องชุดของตึกเช่า

คุณเชสจ้างผู้ดูแลบ้านเอาไว้ แต่คาดว่าภาวะสงคราม และการโจมตีที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ผู้คนละทิ้งถิ่นฐาน อพยพไปยังที่อื่นแล้ว

บ้านหลังนี้มีหลายห้อง โดยแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นบนมีห้องนอน ห้องเสื้อผ้า ห้องอาบน้ำ ห้องดนตรี ห้องหนังสือ ห้องทำงาน และชั้นล่างมีห้องครัว ห้องอาหาร ห้องนั่งเล่น ห้องรับรอง ห้องอาบน้ำอีกแห่ง ห้องเกียรติยศ ห้องประชุมย่อย

คีธจำอะไรไม่ได้เลย และเขาตัดสินใจว่าหากเดินตามคุณเชสต่อไป ยังไงก็ไม่หลงทางแน่นอน

"ห้องนั่งเล่นเป็นส่วนที่ผมชอบที่สุด..." ร่างโปร่งแนะนำห้องสุดท้ายซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีโซฟาตัวยาววางอยู่กลางห้อง กับโต๊ะเล็กๆ ที่ติดตั้งจอสัมผัสเอาไว้

แทบจะทุกที่ในบ้านหลังนี้มีสิ่งที่เรียกว่า 'จอสัมผัส'

และแทบทุกจอสัมผัสที่ว่านั่น ต้องใช้งานด้วย 'ลายนิ้วมือ' ของคุณเชส

"คุณอยู่ในห้องนี้เป็นหลักก็พอ" อดีตผู้บริหารพอจะเดาได้ว่าต่อให้วาฬจะมีความจำเป็นเลิศ และอาจจะฉลาดกว่ามนุษย์ แต่การสอนอะไรที่มากขึ้นไปก็ทำให้วาฬงงได้เช่นกัน ซึ่งอย่าว่าแต่วาฬเลยเถอะ ตัวเขาแทบจะจำบ้านตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ

ไม่ได้กลับมานานขนาดนั้นเชียวหรือ

...เขาจะอยู่บ้านให้เบื่อเลยเชียว คอยดูเถอะ

แต่เมื่อคิดว่าจะอยู่บ้าน จะพักผ่อน และปล่อยวางทุกสิ่ง แต่ผู้ที่เคยมีงานรัดตัวตลอดเวลากลับรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย คุณเชสมองคนตัวโตลงไปนั่งตัวตรงบนโซฟาแล้วนึกขำ จึงนั่งลงใกล้กัน แล้วแตะนิ้วบนเท้าแขนของโซฟาที่ติดตั้งจอสัมผัสเอาไว้เช่นกัน

เขาเปิดโทรทัศน์ดู... ภาพ และเสียงของมันทำให้วาฬสนใจ แต่มันก็พอจะจำอะไรได้ เนื่องจากนี่เป็นจอระบบเดียวกับที่สวนน้ำ

'รายงานความเสียหายล่าสุดของรัฐฝั่งตะวันตก'

'ย่านใจกลางเมืองได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ตึกว่าการถล่มลงมาเมื่อไม่กี่นาทีมานี้ ส่งผลให้...'

คุณเชสถอนใจใส่ข่าว เขาไม่อยากรับรู้เรื่องทางโลกเสียแล้วสิ แต่ก่อนจะกดปิด ผู้ประกาศก็รายงานขึ้นมา 'สวนน้ำวันโอเชียน ดิ โอเชียนนาเรียมได้รับผลกระทบจากการโจมตีครั้งนี้ไปด้วย และสิ่งที่น่าสะเทือนใจที่สุดก็คือการเสียชีวิตของวาฬเพชฌฆาตขวัญใจผู้คนในรัฐนี้... คีธ... ถูกพบที่ก้นบ่อของมันเอง ตอนนี้เจ้าหน้าที่นำร่างของมันขึ้นมาเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป'

คุณเชสหน้าชาขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นรูปของตัวเองปรากฏขึ้นบนจอ

'แอนโธเน่ เชส... ผู้บริหารสูงสุดเองก็เสียชีวิตในเหตุการณ์เดียวกัน'

ผู้ที่ถูกพูดถึงกดปิดจอ ถึงเขาจะรับรู้สถานะตัวเอง และรู้ดีว่าตัวเอง 'ตั้งใจ' จะตาย แต่เมื่อต้องมารับรู้ข่าวแบบนี้ เขาก็จุกขึ้นมาในอก พ่อกับแม่ที่อยู่อีกรัฐคงจะรู้เรื่องแล้ว แต่นอกเหนือจากพวกเขา คุณเชสก็ไม่มีใครให้คิดถึงอีก

เขาอยากบอกรักพ่อกับแม่อีกสักครั้ง. ก่อนจะไปหายไปจริงๆ ...เขาจะทำได้ไหมนะ

"คุณเชส..." คนข้างกายเรียก "เป็นอะไรรึเปล่า"

ร่างโปร่งยิ้มกลบเกลื่อนพลางส่ายหัว

"ไม่เชื่อหรอก" คีธว่า "มีอะไรชัดๆ"

ถึงจะบอกว่าวาฬเป็นพวกพูดตรง และหัวไว แต่คุณเชสก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก "ก็มีจริงๆ นั่นแหละ แต่อย่าไปพูดถึงมันเลย" ร่างโปร่งลุกขึ้น เขานึกได้ว่ายังไม่ได้เปิดหน้าต่าง หากชมวิวนอกบ้านเสียบ้างก็คงจะรู้สึกสงบขึ้น

เขาเดินไปแตะขอบหน้าต่างบานหนึ่ง เคลื่อนนิ้วไปบนแถบสีดำเพื่อเปิดฟิล์มขึ้น เผยให้เห็นความสวยงามของทะเลด้านหลังบ้าน

แต่ทะเลแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยสารปนเปื้อนจนไม่มีใครลงไปว่ายน้ำได้

...แต่วิญญาณอย่างเขาจำเป็นจะต้องกลัวสารพวกนั้นหรือ

"คีธ... มาดูทะเลสิ" คีธไม่เคยเห็นทะเล เขาเกิดในบ่อคอนกรีตนั่น และอยู่จนตาย หากเขาได้เห็นมหาสมุทรสักครั้ง คุณเชสก็คิดว่าตนได้ทำความดีบ้าง "วาฬน่ะ... อยู่ในทะเลเยอะแยะเลยล่ะ"

แต่ไม่รู้ว่าหลังจากสารเคมีรั่วไหลลงทะเลจนระบบนิเวศน์ชายฝั่งพังทลายแล้ว วาฬจะยังมีประชากร 'เยอะแยะ' อย่างที่เขาว่าไหม ไม่รู้ว่าพวกมันเหลืออยู่เท่าไหร่ รู้แต่เพียงว่าในสวนน้ำของเขาเคยมีอยู่แปดตัว แต่ทยอยตายไปตามอายุขัย และโรคภัยไข้เจ็บ

คีธลุกขึ้นมามองทะเลที่เขาไม่เคยรู้จัก "สีน้ำเงินนั่นคือน้ำเหรอ"

สัตว์ในวันโอเชียนอยู่ในน้ำสีฟ้าใสที่ผสมคลอรีน ดังนั้นการเห็นทะเลสีเข้มจึงเป็นสิ่งแปลกใหม่

ดวงตาสีฟ้าเคลื่อนมองไปสุดสายตา ทว่าไม่เห็น 'ขอบบ่อ' เลย "กว้างจัง" คีธมองกลับมา และสะดุดตากับสระว่ายน้ำที่กั้นอยู่ระหว่างตัวบ้านกับทะเล แม้จะอยู่ในร่างมนุษย์ และเป็นการไตร่ตรองมาแล้วว่าในชีวิตหลังความตายนี้เขาจะเป็นมนุษย์ และเมื่อเห็นน้ำ คีธก็คิดถึงวิถีชีวิตเดิมของเขา

"ผมออกไปได้ไหม"

คุณเชสแตะนิ้วบนแถบสีดำ และออกแรงกดเบาๆ ครั้งหนึ่งเพื่อเปิด 'ประตู' กระจกเบื้องหน้าเคลื่อนเปิด กลิ่นของท้องทะเลที่แสนสงบลอยเข้ามาในห้องนั่งเล่น

"ตอนนี้ยังเช้าอยู่... แดดไม่แรง เปิดผนังฝั่งนี้ไว้ก็ได้" คุณเชสว่า

คีธก้าวลงไปบนผืนหญ้า ดินยวบๆ ใต้เท้าทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เขาตรงไปที่สระ แต่คุณเชสก็ร้องห้าม "คีธ เปลี่ยนกางเกงว่ายน้ำก่อน!"

ร่างสูงถีบตัวกระโดด และเปลี่ยนร่างกลับเป็นวาฬตัวเขื่อง กระแทกลงไปในน้ำใสสะอาดจนมันสาดกระจายใส่คนที่ยืนอยู่

"อย่าเปลี่ยนร่างกลับเป็นวาฬด้วย!"

ทันเสียที่ไหนเล่า...

วาฬใหญ่โผล่ขึ้นหายใจ แต่เพียงขยับหางไม่กี่ครั้ง มันก็ว่ายถึงอีกฟากของสระ

'เล็กจัง'

คุณเชสได้ยินเสียงอีกฝ่ายทางจิต เขายกมือขึ้นกุมหน้า หลังจากถูกสาดน้ำจนเปียกโชกไปทั้งตัว นี่เป็นสระว่ายน้ำที่มีความจุเท่ากับสระมาตรฐานโอลิมปิก แต่มีการออกแบบรูปร่างให้สวยงามกว่า และมีความลึกสามเมตรเท่ากันทั้งสระ

แต่สำหรับวาฬเพชฌฆาตที่ที่เคยอยู่ในสระที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ นี่ถือว่าเป็นสระที่เล็กมาก

"ใช้ร่างมนุษย์สิ"

"มนุษย์ว่ายน้ำไม่เป็นนี่" เงาสีดำโผล่ขึ้นมาจากน้ำ และเอียงมองด้วยตากลมๆ สดใส คุณเชสยิ้มออกมาเมื่อเห็นเช่นนั้น เมื่อยู่ในร่างวาฬแล้ว เจ้านี่ก็น่ารักขึ้นเยอะ ไม่จำเป็นจะต้องมีร่างคนเลย

"ผมเป็นนักว่ายน้ำนะ" อดีตผู้บริหารยืดอก

"ผมไม่เคยเห็นคุณเชสลงน้ำเลย"

"อา... ถ้าหมายถึงลงน้ำกับคุณ เรามีกฎห้ามมนุษย์ลงว่ายน้ำกับวาฬในบ่อน่ะ" ร่างใหญ่ยกคางขึ้นเกยกับขอบบ่อด้วยความเคยชิน นี่เป็นสัญญาณว่ามันกำลังตั้งใจฟังอะไรสักอย่าง "วาฬมีขนาดใหญ่ และบางตัวก็มีพฤติกรรมก้าวร้าว เราจึงไม่ไว้ใจจะว่ายน้ำกับวาฬ"

"คุณก็แปลงเป็นวาฬแล้วลงมาสิ"

พูดง่ายเหลือเกิน... จนป่านนี้คุณเชสยังไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดคนตรงหน้าจึงสามารถแปลงร่างกลับไปกลับมาได้

"ผมไม่ชินหรอก" คุณเชสเสยผมชื้นน้ำขึ้น "ถ้าอยากให้ลงด้วย เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนกางเกงว่ายน้ำก่อนก็แล้วกัน ยังไงในโลกนี้คุณก็ฆ่าผมด้วยการจับกดน้ำไม่ได้อยู่แล้ว จะว่ายด้วยก็ได้"

วาฬไม่แสดงออกทางสีหน้า คุณเชสจึงไม่รู้ว่าคีธทำหน้าแบบไหนอยู่

"วาฬไม่เห็นจำเป็นต้องใส่เสื้อผ้า"

"ผมหนาว... เราไม่มีขนฟูๆ เอาไว้ป้องกันความหนาว"

"ผมก็ไม่มีขน"

สัตว์ดื้อ...

"คุณอ้วน" คุณเชสยักคิ้วใส่ "วาฬมีชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ไม่หนาว ส่วนผมไม่มี"

"คุณผอมเองต่างหาก" คีธไม่เคยย่อท้อในการต่อปากต่อคำ ดวงตาเล็กๆ จับจ้องร่างโปร่งที่นึกหาคำมาโต้เถียง

ถ้าโลกหน้ารู้ว่าเขาเคยเถียงแพ้วาฬ มันจะต้องเป็นรอยด่างของตระกูลอย่างแน่นอน "คุณจะเซ้าซี้ทำไม" เมื่อนึกคำเถียงไม่ได้ คุณเชสก็เปลี่ยนเป็นการไล่จี้อีกฝ่ายแทน "ตกลงว่าอยากว่ายน้ำกับผม หรืออยากดูผมแก้ผ้า"

ถ้าเขาถามแบบนี้กับมนุษย์... ก็คงจะรู้สึกกระดากกันบ้าง

...แต่นี่เป็นวาฬเพชฌฆาตผู้ไม่คิดอะไรเลย

"เวลาผิวสัมผัสกัน มันรู้สึกดี..." คำตอบของคีธทำให้อดีตผู้บริหารเบิกตาขึ้น "เราว่ายด้วยกัน อยู่ข้างๆ กันเพราะมันรู้สึกดี"

คุณเชสสูดหายใจเข้า พยายามบอกตัวเองว่าคีธก็แค่ตอบในแบบของวาฬ ไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษ "มนุษย์ไม่สัมผัสใกล้ชิด ถ้าไม่สนิท อย่างมากก็แค่เดินด้วยกัน"

"แล้วคุณไม่สนิทกับผมเหรอ..."

...ไอ้วาฬนี่!

--------------------------------------------------

สุดท้าย คีธก็ยอมแพ้ให้คุณเชสไปเปลี่ยน 'ชุดว่ายน้ำ' และพบว่าคุณเชสว่ายน้ำเก่งอย่างที่คุยจริงๆ

'มนุษย์คนอื่นทำแบบนี้ได้ไหม'

เมื่อปากพูดไม่ได้ สัตว์ใหญ่ก็ส่งกระแสจิตแทน จนคุณเชสเองยังสงสัยว่า ระหว่างเขากับมันมีอะไรเชื่อมโยงถึงกันหรือเปล่า เหตุใดเขาจึงคุยกับมันได้เป็นวรรคเป็นเวร

หรือนี่เป็นจินตนาการหลังความตายของเขาหนอ

...ช่างเถิด นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

"ครูฝึกสัตว์ของผมว่ายน้ำเก่งทุกคน"

ร่างโปร่งลอยตัวนิ่งๆ ขณะที่วาฬเบื้องล่างดำผุดดำว่ายเหมือนกำลังสำรวจเพื่อนใหม่ คีธแตะจมูกกับปลายเท้าของเขา ก่อนจะเคลื่อนขึ้นมาสำรวจด้วยการลองเม้มด้วยริมฝีปาก

"จั๊กจี้น่ะ..." คุณเชสขยับตัวหนี "สรุปว่าคุณเรียกให้ผมลงมาลอยนิ่งๆ เฉยๆ น่ะหรือ"

ฟู่...!

คีธสูดอากาศ และว่ายเข้ามาใกล้ "คุณตัวเล็กนี่นา เบียดนิดเดียวก็เขวแล้ว"

มันหมายความว่ายังไงกันนั่น...

"ผมมั่นใจว่าสัดส่วนกำลังพอดีสำหรับมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่ง" คนพูดวางมือบนปลายปากสีดำหยุ่นเหมือนยางเปียกๆ "คุณจินตนาการตัวเองออกมาสูงใหญ่เกินไปต่างหาก"

เมื่อพูดถึงจินตนาการแล้ว คุณเชสก็สงสัยว่าคีธไปเอารูปร่างหน้าตาแบบนั้นมาจากใคร

'ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่คิดว่าอยากเป็นมนุษย์สักครั้ง มันก็ทำได้เอง'

"งั้นผมลองจินตนาการตัวเองเป็นวาฬบ้างดีไหม"

"ถ้าทำได้ก็ดีสิ" คีธไม่กลัว "ถ้าตัวพอๆ กัน คุณจะได้ไม่เจ็บมาก"

มันหมายถึงอะไรล่ะนั่น...

"คีธ คุณคิดอะไรอยู่" คุณเชสชักไม่แน่ใจ เขาเริ่มมองหาขอบบ่อ และคิดว่าควรจะขึ้นจากน้ำ ก่อนที่วาฬดื้อนี่จะทำอะไรแผลงๆ

"ก็อยากว่ายน้ำด้วย"

"แค่ว่ายน้ำอย่างเดียวเหรอ"

"ว่ายเบียดๆ กันมันรู้สึกดีนี่นา"

"นอกจากห้ามเอาจมูกมาแตะตัวผมแล้ว ห้ามเอาร่างวาฬมาเบียดผมด้วย!"

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 3

วาฬไม่ได้อ้วน แต่มนุษย์ผอมเอง



สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในน้ำ (ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม) มักจะมีชั้นไขมันหนาเรียกว่า Blubber เพื่ออบอุ่นร่างกาย โดยสัตว์เหล่านี้ไม่มีขนปกคลุมร่างกายเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่บนบก ดังนั้นพวกมันจึงต้องมีชั้นไขมันแทน โดยกลุ่มสัตว์ที่พบชั้นไขมันประเภทนี้ได้แก่ วาฬและโลมา (ceatacean) แมวน้ำ และสิงโตทะเล (pinniped) พะยูน และมานาที (sirenian)

ในภาษาพื้นเมืองของชาวอินูอิท และชาวเอสกิโม จะมีอาหารชนิดหนึ่งซึ่งเป็นชั้นไขมันและหนังของวาฬ เรียกว่า มัคตุก (Muktuk) โดยการปรุงอาหารชนิดนี้คือการนำไปนึ่งจนนิ่มเปื่อย มัคตุกที่ได้รับความนิยมมักได้มาจากวาฬหัวคันศร (bowhead whale)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2018 14:47:43 โดย khaosap »

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 4
«ตอบ #6 เมื่อ04-04-2018 14:46:02 »

ตอนที่ 4


การว่ายน้ำเล่นกับวาฬเพชฌฆาตในสระน้ำหลังบ้านเป็นสิ่งที่คุณเชสไม่คาดคิดว่าจะได้ทำในชีวิตนี้

หลังจากก้าวผ่านความตายมาแล้ว เขาควรจะเลิกใช้คำว่า 'ในชีวิตนี้' เสียที

เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ คุณเชสมักจะชงโกโก้ดื่มสักแก้วหลังขึ้นจากน้ำ เพื่ออบอุ่นร่างกาย แต่ในเมื่อตายแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่แน่ใจว่าเขายังต้องทำแบบนั้นอีกไหม ในเมื่ออาการเจ็บป่วยใดก็ไม่อาจรบกวนเขาได้อีก

คีธดูไม่พอใจกับสระแคบๆ นัก ดังนั้นเมื่อเขาขึ้นจากน้ำ เจ้าวาฬก็ตามขึ้นมาด้วยในสภาพเปลือยล่อนจ้อน

แปลว่าเจ้านี่จินตนาการเสื้อผ้าได้ แต่ไม่ยอมทำแต่แรก!

เขาไม่รู้ว่าคีธใช้วิธีไหน คุณเชสพยายามนึกภาพก็แล้ว พูดออกมาก็แล้ว แต่ดูเหมือนว่าความสามารถในการแปลงร่าง จินตนาการสิ่งนั้นสิ่งนี้ขึ้นมาจะเป็นความสามารถพิเศษของคีธเพียงคนเดียว ซึ่งหมายความว่าคุณเชสไม่จำเป็นจะต้องหาเสื้อผ้าของตัวเองให้ แต่ถ้าคีธ 'นึกภาพออก' เขาก็สามารถสวมชุดนั้นได้เลย

ปัญหาในตอนนี้จึงเป็นเรื่องของการ 'นึกภาพ'

คุณเชสเดินไปหยิบสิ่งที่ดูคล้ายกรอบไม้เปล่าๆ มาจากลิ้นชักใต้โทรทัศน์ แล้วส่งให้วาฬที่ยอมสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ และนั่งนิ่งๆ ที่โซฟาแต่โดยดี "อย่าทำตกบ่อยก็พอ..." คนพูดแตะปุ่มเปิด และกลางกรอบก็ปรากฏขึ้นเป็นจอสัมผัส "มีเสื้อผ้าแบบไหนที่คุณชอบบ้างไหม"

โลกหลังความตายนั้นแสนพิลึกพิลั่น เมื่อเขายังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้

คุณเชสเปิดหน้าร้านค้าเสื้อผ้าที่เขาชอบ แม้ครั้งนี้จะไม่เกี่ยวกับเนื้อผ้า แต่การออกแบบของร้านนี้ก็มีแนวทางของตัวเองที่น่าสนใจ "ชอบตัวไหนก็ลอง 'นึก' ดูแล้วกัน... เสื้อผ้าทั้งตู้ของผมคงมีไซส์คุณไม่กี่ตัว"

คีธไม่แสดงสีหน้า แต่รับจอมาถือเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น เสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบปรากฏอยู่ในจอนั้น แต่เมื่อเขาพยายามจะพลิกจอดูว่าด้านหลังมันคือสิ่งใด ก็พบว่ามันเป็นแค่กรอบไม้ธรรมดา

"นี่เรียกแท็บ... ไม่ต้องสงสัยมากหรอก มันไม่มีอันตราย"

คุณเชสมองท่าทางนั้นด้วยความเอ็นดู ...นี่เหมือนเลี้ยงเด็กเลยเชียว

"ผมจำได้ว่าคุณชอบใส่ตัวนี้" คีธชี้ไปที่จอ มันเป็นเสื้อคลุมตัวโปรดของคุณเชส "ตัวเดียวกันกับที่คุณใส่เมื่อวาน"

ใช่... ตัวเดียวกันกับที่เขาสวมตอนตาย

ร่างโปร่งจิ้มหน้าผากคนช่างรู้ครั้งหนึ่ง "ผมขอให้คุณเลือกเสื้อผ้าที่ชอบแล้วลองจินตนาการดูว่าใส่แล้วจะเป็นยังไง ไม่ใช่มานั่งหาว่าผมชอบตัวไหน" คุณเชสไม่ได้แวะเวียนไปที่บ่อวาฬบ่อยนัก ไม่น่าเชื่อว่าคีธจำได้ด้วยว่าเขาชอบแต่งตัวแบบไหน

หรือเพราะเขาแต่งแบบนั้นทุกครั้ง คีธเลยจำได้กันนะ

"ไม่ชอบเลย" วาฬหนุ่มพึมพำตอบ "ไม่อยากใส่เสื้อผ้า"

คนฟังอยากกลอกตาเป็นเลขแปดสักหลายๆ ครั้งเมื่อได้ฟัง "ถ้าคุณไม่ใส่เสื้อผ้า ผมจะไม่ให้คุณเข้าบ้าน..."

"งั้นตัวนี้" วาฬที่ว่าง่ายขึ้นมากะทันหันชี้สุ่มไปยังชุดสูทสีดำขายดีของร้าน "ผมเข้าบ้านได้รึยัง"

"คุณอยู่ในบ้าน..." คีธไม่เข้าใจอะไรเลย แต่นี่ก็อาจเป็นสัญญาณดีว่าอีกฝ่ายกลัวการทำโทษ "เอาล่ะ... ลองจินตนาการว่าคุณเป็นคนที่สวมชุดนั่นสิ" แม้ว่าการใส่สูทในบ้านจะเป็นเรื่องแปลก แต่อย่างน้อยคีธจะได้รู้วิธีการหาเสื้อผ้าให้ตัวเองใส่

เขาทนมองผู้ชายตัวใหญ่ๆ เดินเปลือยไปมาในบ้านของตัวเองไม่ได้จริงๆ

เขาอยากให้คีธใช้เวลาทำสมาธิ แต่ตัวเขาก็ไม่ว่าตัวเองควรจะทำอะไรฆ่าเวลา นี่เป็นเวลาเที่ยงวัน และเขาก็คงจะคิดหาเมนูอาหารกลางวันแล้ว แต่ในเมื่อเป็นวิญญาณ เขาก็คงไม่ต้องดื่มกินอะไรอีกต่อไป

จะว่าไป ยังมีเรื่องที่คุณเชสเองยังสงสัยอยู่ และมันคงไม่ผิดเกินไป ถ้าจะหาคำตอบ...

เขาทิ้งคีธเอาไว้กับแท็บ ปลีกตัวเข้ามาในห้องครัว และหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมา เขามั่นใจว่าได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น เช่นนั้นก็แปลว่ามันยังทำหน้าที่สูบฉีดเลือด เลือดที่ไม่น่ามีอยู่จริงในร่างที่ปราศจากกายเนื้อ

ร่างโปร่งตวัดนิ้วไปบนคมมีด ความรู้สึกเจ็บแล่นปราดขึ้นมาจนสะดุ้ง และเลือดก็เอ่อขึ้นมาจากรอยแผล ทว่าหยดลงสู่ความว่างเปล่า ขณะเดียวกันที่แผลสมานหากันอย่างรวดเร็ว

ไม่เข้าใจ... เขาไม่เข้าใจโลกนี้เลยจริงๆ

"คุณเชสทำอะไร..." เสียงของคีธทำให้เขาสะดุ้ง อีกฝ่ายตามเข้ามาในห้องครัว และจับแขนเขาที่ถือมีดอยู่ด้วยความตกใจ ต่อให้เป็นวาฬไร้เดียงสาอย่างไร แต่คีธรู้ว่านั่นเป็นอาวุธ "คุณเชส..."

"ไม่มีอะไรหรอก" ว่าแล้วก็ขืนตัวออกมา เก็บมีดกลับตามเดิม

"แต่นั่น..."

"คีธ..." คุณเชสหันไปมองคนตรงหน้า อ้าปากค้างน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเขาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว และเป็นเจ้าสูทตัวขายดีราคาแพงนั่นเสียด้วย "อ้อ... คุณจะใส่ชุดนี้ในบ้านจริงๆ สินะ"

คีธดูสงสัยในคำพูด แต่มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ตั้งคำถาม เครื่องหน้าทั้งหมดล้วนนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก

...คุณเชสเดาว่าคีธเลิกคิ้วไม่เป็น

"อีกอย่างที่คุณต้องเรียนรู้ มนุษย์แสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้" เมื่อเห็นว่าแต่งตัวเรียบร้อย เจ้าของบ้านก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างประหลาด เขาลืมเรื่องเมื่อครู่ไป และพยายามต้อนอีกฝ่ายกลับมายังห้องนั่งเล่น "เช่นเมื่อมีความสุข เราจะยิ้ม เมื่อมีความทุกข์ เราจะร้องไห้ และถ้าคุณสงสัย... ให้เลิกคิ้วขึ้น ผมจะได้รู้ว่าคุณไม่เข้าใจ ทำหน้านิ่งแบบนั้นเดาอารมณ์ยาก"

แต่จะบอกให้เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก็ดูจะยากไปสำหรับวาฬ

"ตรงไหนคือคิ้ว"

...ให้ตาย

"แต้มขาวๆ เหนือตาคุณมั้ง!"

--------------------------------------------------

อาหารก็ไม่ต้องกิน น้ำก็อาจจะไม่ต้องอาบ และถ้าไม่ง่วงก็อาจจะต้องไม่ต้องนอน

ปกติแล้ว 'วิญญาณ' คนอื่นเขาทำอะไรกันบ้างหนอ...

หากไตร่ตรองคำตอบง่ายๆ เขาคงสามารถพบปะกับวิญญาณคนอื่นได้ก็ต่อเมื่อเป็นคนที่ตายพร้อมกันเท่านั้น และมันคงยากที่จะเจอ 'คนดีๆ' ในโลกที่หาเพื่อนได้ยากแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ หากหลายคนเลือกไป 'เกิดใหม่' ละทิ้งความทรงจำเดิมๆ และไปแสวงหาการเริ่มต้นอีกครั้งดีกว่า

แต่เขายังไม่อยากเกิด... เขาเข็ดโลกของสิ่งมีชีวิตเหลือเกิน

"คุณเชส..."

คนถูกเรียกกลอกตา ตัดสินใจได้ว่าเขาคงยังไม่ได้ไปเกิดใหม่แน่นอน ตราบใดที่เจ้าวาฬนี่ยังติดเขาแจแบบนี้

หลังจากรู้จักสิ่งที่เรียกว่า 'แท็บ' คีธก็ดูจะตื่นเต้นกับหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเสื้อผ้าไปเรื่อยๆ และเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามจินตนาการของตัวเอง

นี่ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่าอิจฉาในฐานะวิญญาณ

แต่สิ่งที่คีธสนใจในตอนนี้ คือหน้าเว็บไซต์ของสวนน้ำวันโอเชียน

คุณเชสไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดถึงสถานที่นั่นมากนัก เพราะทุกครั้งที่พูดถึง ชายหนุ่มก็จุกขึ้นมาในอก เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนหลอกลวง พิพิธภัณฑ์สัตว์เป็นเรื่องของเงิน และธุรกิจ จริงอยู่ว่ามนุษยชาติได้อะไรมากมายจากพิพิธภัณฑ์และสวนสัตว์ แต่นั่นก็เป็นแค่ประโยชน์สำหรับมนุษย์

ส่วนสำหรับสัตว์ชนิดอื่น... มันเป็นการจองจำตลอดกาล

คีธอาจไม่รู้สึกเช่นนั้น เพราะเขาไม่เคยมีอิสระ เขาเกิดในบ่อคอนกรีต และโตมาในบ่อคอนกรีต ดังนั้นการได้ผจญภัยในโลกกว้างในชีวิตหลังความตายเช่นนี้ ถือเป็นประสบการณ์แสนวิเศษ

"นี่คุณ..." วาฬหนุ่มดึงสติคนข้างตัวมาและชี้ไปที่จอด้วยความตื่นเต้น

"ภาพถ่ายน่ะ..." คุณเชสอธิบาย คีธอยู่ในหน้าบทความภารกิจของพิพิธภัณฑ์ จึงไม่แปลกที่มันจะมีรูปผู้บริหาร "เราสามารถบันทึกภาพเอาไว้เพื่อเอากลับมาดูทีหลังได้"

"มนุษย์นี่... เก่งจังนะ"

คีธพอจะใช้แท็บเป็นแล้ว แม้จะยังไม่คล่อง แต่ก็พอจะรู้วิธีการ อีกฝ่ายเปิดต่อไปยังหน้าแนะนำกิจกรรม และเขาก็ชะงักไปเมื่อมองเห็นรูปถ่ายของตัวเอง ...วาฬไม่เคยเห็นตัวเองในกระจก แม้ว่าจะมีผลวิจัยรองรับว่าพวกมันจำเงาสะท้อนของตัวเองได้ก็ตาม

'คีธ'

'อายุ 24 ปี'

"นั่นรูปคุณ..." คุณเชสอธิบาย เขาชั่งใจ "อยากดูรูป... ของคนอื่นๆ ในครอบครัวคุณไหม"

"ครอบครัว..." คีธทวนคำ เขารู้จักคำว่าครอบครัว ครอบครัวคือการอยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน และจะไม่มีวันทิ้งกัน

นั่นเป็นเหตุผลที่เขายอมตายพร้อมแอนโธเน่ เชส...

คุณเชสค่อยๆ รับแท็บกรอบไม้มา เขาชอบไม้เป็นพิเศษ ดังนั้นแทบทุกสิ่งในบ้านนี้จึงตกแต่งด้วยไม้ ร่างโปร่งกดย่อเบราเซอร์ และกดอีกปุ่มหนึ่งซึ่งเป็นข้อมูลเชิงลึกโดยตรงของสวนน้ำ

ผังครอบครัวที่ซับซ้อนปรากฏขึ้นเมื่อคุณเชสกดเลือก เขาเคยสั่งให้เลขาทำผังนี้เอาไว้ เพราะต้องใช้เป็นประจำในการประชุมโครงการ เขาเลือกที่ตัวล่างสุด นั่นคือคีธ มันปรากฏรายละเอียดคร่าวๆ ขึ้นมา มีทั้งข้อมูลชื่อ อายุ น้ำหนักในแต่ละปี ความยาวแต่ละช่วงอายุ อาหารที่ชอบ เสียงร้องที่บ่งบอกอารมณ์ พฤติกรรมที่น่าสนใจ และบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่น่าจดจำ

คีธเป็นวาฬที่เรียบร้อย และเป็นที่รักของเหล่าเด็กๆ เสมอ

"นี่แม่ของคุณ... คลาริอา" เขาเคลื่อนไปยังวาฬที่อยู่ถัดมา คีธเบิกตาขึ้นเมื่อเขาจำลักษณะของเธอได้ และเมื่อคุณเชสแตะที่ปุ่มลำโพง เสียงของคลาริอาที่ถูกบันทึกเอาไว้ก็ดังขึ้นมา

"แม่..." คีธทวนคำ เขามองดูรูปถ่ายของแม่ และกดฟังเสียงเหล่านั้นซ้ำอยู่หลายครั้งด้วยความคิดถึง

"แล้วพ่อ..." คีธจำได้ว่าเขาไม่รู้จักพ่อ โครงสร้างของฝูงไม่ได้ให้ความสำคัญกับพ่อมากนัก ในชีวิตของลูกวาฬตัวหนึ่งจะมีเพียงแม่ ป้า น้า ย่า ยาย เท่านั้น ส่วน 'พ่อ' นั้น... เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง

คุณเชสเม้มปากเล็กน้อยแล้วเคลื่อนนิ้วไปแตะวาฬอีกตัว ซึ่งดูจะมีขนาดใหญ่ และแข็งแรงสมบูรณ์

เสียงร้องของพ่อไม่คุ้นหูคีธเลยแม้แต่น้อย...

"คุณไม่น่าจะจำเขาได้..." คุณเชสอึกอัก "เขา... ตายไปก่อนที่คุณจะเกิด"

ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก... คีธเกิดจากการผสมเทียมต่างหาก

"นี่ป้า..." คีธชี้ไปที่รูปวาฬอีกตัวซึ่งมีรอยแต้มสีขาวเหนือดวงตาที่ค่อนข้างแปลกกว่าตัวอื่น "ป้าเป็นคนที่คอยดูแลเราทั้งหมด" เมื่อคีธเล่าถึงครอบครัวของเขา คุณเชสก็อดยิ้มไม่ได้ อีกฝ่ายช่างดูเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่น่าเอ็นดู

"คุณเชสชอบทำหน้าแบบนั้น..." ร่างสูงโคลงหัว เอื้อมมือมาแตะที่มุมปากของเขาที่ยังยกยิ้ม "มันแปลว่าอะไร"

"ยิ้มไงล่ะ" คนแก่กว่าเบี่ยงตัวหลบอย่างนุ่มนวล "เวลาเรายินดี มีความสุข เราก็ยิ้ม"

"ผมกระโดดเอา"

"นั่นก็เกินไป" คุณเชสถอนใจ "หมายถึง... การที่วาฬกระโดดไปมานั่น คือวิธีการแสดงความยินดีของคุณเหรอ"

"มันสนุกที่ได้กระโดด ดีใจจึงกระโดด ตื่นเต้นก็กระโดด" คีธว่า เขาจิ้มดูวาฬตัวอื่นไปเรื่อยๆ แม้จะรู้จักเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น "แต่ตอนที่มนุษย์บอกให้กระโดด บางทีก็เบื่ออยู่"

"อย่าพูดถึงมันอีกเลย..." คุณเชสตัดบท "เอาเป็นว่าตอนนี้... ผมคิดว่าคุณมีความสุขกว่าตอนอยู่ในบ่อ"

"ก็สุข..." วาฬยอมรับ ชำเลืองมองคนพูด "ผมต้องกระโดดใช่ไหม"

"แล้วกัน" คุณเชสยิ้มกว้างก่อนส่ายหัว "ไม่ต้องกระโดดโลดเต้นในบ้านผม เดี๋ยวพื้นจะพังเปล่าๆ" อีกครั้งที่เขาถูกคีธแตะใบหน้า ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะข้องใจกับรอยยิ้มของเขาที่กว้างขึ้นทุกที

"คุณก็มีความสุขใช่ไหม ถึงยิ้ม..."

"นี่... ปกติเขาไม่เอามือแตะหน้ากันแบบนี้นะ"

"ไหนคุณเชสว่ามือทำอะไรก็ได้ไง" วาฬท้วง ยังขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายห้ามเขาใช้จมูก "มือหรือจมูก!"

นี่มันเด็กตัวโตชัดๆ คุณเชสถอนใจ และคิดว่าควรจะยอมตาม เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตั้งคำถามโวยวาย "มือดีกว่า"

เมื่อเขาอนุญาต ปลายนิ้วเย็นก็แตะมุมปากที่ยิ้มค้าง ค่อยๆ ไล้ขึ้นไปถึงพวงแก้มซึ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับสัตว์โลก คีธขยับเข้ามาใกล้เล็กน้อยเพื่อจะสำรวจเครื่องหน้าที่เขาไม่คุ้นเคย

...มนุษย์มีจมูกอยู่ระหว่างตา ในขณะที่วาฬมีจมูกที่แท้จริงอยู่บนหัว

"ใกล้ไป..." ร่างโปร่งเอ็ดเบา เขากลั้นใจไม่รู้ตัว "มนุษย์ไม่เข้าใกล้กันขนาดนั้น"

"มนุษย์นี่ทำอะไรได้บ้างนะ" คีธถาม แต่ก็ไม่ได้อยากได้คำตอบนัก เพราะยังไงเขาก็คงจะไม่เข้าใจอยู่ดี ชายหนุ่มก้มไปแตะปลายจมูกกับแก้มนิ่ม ความรู้สึกแปลกประหลาดทำให้เขากดปลายจมูกลงไป สูดกลิ่นอ่อนๆ จากผิวกายอีกฝ่ายช้าๆ ขณะที่ใจเต้นแรงขึ้นทุกที

ที่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กลิ่นอะไรสักอย่าง...

"คีธ!"

คุณเชสผละห่าง มุ่นคิ้วใส่เป็นเชิงเอ็ด "ผมห้าม!"

แต่แก้มนี่เป็นสิ่งที่นิ่มมากเลยนะ...

อดีตผู้บริหารอ่านได้จากสายตาของอีกฝ่ายว่ามันเป็นแค่ความอยากรู้อยากเห็น ไม่มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง แต่อย่างไรเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มนุษย์ผู้ชายที่ไหนจะนั่งนิ่งๆ ให้ผู้ชายอีกคนหอมแก้มได้!

"ห้ามเอาจมูกคนมาแตะทุกอย่างบนตัวผม!"

"ถ้างั้นปากล่ะ?"

...ไอ้วาฬนี่!!

"ห้า---"

"คุณห้ามนั่นห้ามนี่อยู่เรื่อย แม่ ป้า น้า น้องผมยังไม่เคยห้ามเลยสักคำ เอาจมูกแตะกันก็ออกบ่อย"

คุณเชสหลับตา สูดหายใจเพื่อสงบสติตัวเอง "ได้! ห้ามปาก!!"

โดนหอมแก้มด้วยจมูก ดีกว่าจูบด้วยปากล่ะนะ!

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 4

สังคมวาฬเพชฌฆาตให้ผู้หญิงเป็นใหญ่



ในฝูงวาฬเพชฌฆาตจะมี 'แม่เฒ่า' (matriarch) เป็นผู้นำฝูง โดยมักจะเป็นตัวเมียที่มีอายุมากที่สุด และโครงสร้างทางสังคมของวาฬพวกนี้จะยกให้เพศเมียเป็นใหญ่ และเพศผู้จะมีลำดับชั้นทางสังคมที่ต่ำกว่า แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่กว่าก็ตาม ลูกวาฬมักจะอยู่กับแม่ของมันไปตลอดชีวิต แม้จะเติบโตขึ้นแล้ว โดยลูกวาฬเพศผู้อาจเดินทางไปหาฝูงอื่นเพื่อการผสมพันธุ์ แต่ลูกวาฬเพศเมียจะอยู่กับฝูงเดิมตลอด

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 5
«ตอบ #7 เมื่อ04-04-2018 14:47:22 »

ตอนที่ 5


กลายเป็นว่าคุณเชสพลาดตกหลุมพรางของคีธไปเสียแล้ว

...หากต้องเลือกระหว่างมือกับจมูก แน่นอนว่าเขาเลือกมือ

แต่เมื่อคีธเสนอให้เลือกระหว่างจมูกกับปาก เขาดันไปเลือกจมูก แทนที่จะปฏิเสธทั้งหมดและบังคับให้ใช้แค่มือเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ยังติดนิสัยวาฬอยู่อย่างคีธไม่นิยมยืดแขนออกมา และใช้มือหยิบจับอะไรอย่างแน่นอน ดังนั้นตอนนี้จึงกลายเป็นว่า เจ้านั่นได้รับอนุญาตจากเขาให้ใช้จมูก 'แตะสำรวจ' ได้เสียอย่างนั้น!

แต่คีธก็ไม่ทำอะไรแปลกๆ เช่นการดมแจกัน หรือเอาหน้าไถโต๊ะ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีต่อภาพลักษณ์ชายหนุ่มในชุดสูท

อีกฝ่ายเอนหลังพิงโซฟา และเล่นแท็บไปเรื่อยๆ ด้วยความสนใจ คีธอ่านหนังสือไม่ออก แต่เขาก็มีไหวพริบพอที่จะตีความจากภาพ ซึ่งในยุคสมัยนี้ สื่อหลายเจ้าก็เน้นรูปภาพมากกว่าตัวอักษรอยู่แล้ว ทำให้ง่ายในการเข้าถึง ซึ่งคิดแล้วก็ช่างแปลก... มนุษย์ในอดีตสร้างภาษา และตัวอักษรขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ในปัจจุบันดูแต่รูป แต่ไม่ยอมอ่าน

"เหมือนคุณโกรธอยู่..."

วาฬหนุ่มทัก ทั้งที่ดูจะสนใจแท็บมากกว่าเขา แต่แล้วก็เคลื่อนสายตาขึ้นมอง

"ผมไม่ได้โกรธอะไร" คุณเชสเลิกคิ้ว ขณะที่คีธยกนิ้วขึ้นแตะระหว่างคิ้วของตัวเอง

"คุณดูโกรธ..."

"ขมวดคิ้วไม่ได้โกรธเสมอไปหรอก" ร่างโปร่งหัวเราะ "แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย"

สายตาของคีธยังคงตั้งคำถาม ในขณะที่ใบหน้าเรียบเฉย หากอีกฝ่ายไม่แสดงความไร้เดียงสาออกมา คุณเชสก็คิดว่าคีธดูภูมิฐาน น่าเกรงขามไม่ใช่น้อย อาจเพราะเขาไม่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าด้วย

"คุณควรจะถอดเสื้อนอกออก" คุณเชสคิดว่าเขาควรเปลี่ยนเรื่อง ทุกครั้งที่เขาคิดอะไรเรื่อยเปื่อย บรรยากาศจะดูอึมครึมไปเสียหมด "นั่นเป็นชุดที่สวยนะ แต่ไม่มีใครใส่สูทอยู่บ้าน"

เขาคิดว่าตัวเองควรจะถอดให้ เพราะคีธคงจะถอดเองไม่เป็น แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ไม่น้อยที่ต้องถอดสูทให้คนอื่น

แต่วาฬกลับกวาดตามมองการแต่งตัวของเขา ซึ่งสวมกางเกงขายาว และเสื้อถักที่มีลวดลายแปลกตา คีธก้มมองแท็บในมือ แล้วย้อนกลับไปดูเว็บไซต์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นหน้าเว็บเสื้อผ้าผู้ชาย "ไม่เห็นมีชุดแบบนั้นเลย"

"แบรนด์เสื้อผ้าของแอนดรูว์ เฟรนเนลน่ะ เน้นชุดเป็นทางการ"

"อะไรคือแอนดรูว์ เฟรนเนล"

ถามทุกคำเลยสิน่า...

"แอนดรูว์เป็นชื่อของนักออกแบบ ส่วนเฟรนเนลเป็นนามสกุลของเขา" คุณเชสอธิบาย "ผมก็ชื่อแอนโธเน่ ส่วนเชสเป็นนามสกุล นามสกุลเป็นสัญลักษณ์บอกชาติตระกูลของมนุษย์"

"ผมมีนามสกุลไหม" คีธถามในประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับเสื้อผ้า

หากเป็นเรื่องออกทะเลนี่ยกให้เจ้านี่เลยทีเดียว...

"ไม่มี คุณแค่ชื่อคีธ..."

"งั้นใช้นามสกุลของคุณเชสได้ไหม"

"ไม่ได้..." อดีตผู้บริหารกุมหน้า รู้สึกแปลกประหลาดเหลือเกินที่ต้องมาสอนเรื่องพรรค์นี้ แต่อีกฝ่ายเป็นวาฬ เขาไม่เข้าใจธรรมเนียมนี้ก็คงจะไม่แปลก "ถ้าคุณอยากมีนามสกุล คุณก็ต้องตั้งเอง"

ตั้งเล่นก็คงได้... สร้างอะไรขึ้นมาในโลกแห่งความตายคงจะไม่มีผลกับชีวิตหน้าหรอก

"ชื่อผม คุณก็เป็นคนตั้งนี่..." คีธโคลงหัว "ตั้งนามสกุลให้ด้วยสิ"

"ชื่อคุณน่ะ ผมเอามาจากหนังสือ มันแปลว่า..."

"อะไรคือหนังสือ"

โว้ย!

"เออ! ใช้ก็ใช้! เอาไปเลย นามสกุลน่ะ ...ผมยอมแพ้แล้ว" ร่างโปร่งเอนพิงโซฟา "ผมแค่อยากให้คุณถอดสูท จะได้ไม่อึดอัด" ทำไมถึงคุยลามมาเรื่องนามสกุล แล้วกลายเป็นว่าเขาต้องยกนามสกุลให้วาฬเพชฌฆาตใช้

"ถ้ากลัวผมอึดอัด... ถอดทั้งชุดน่าจะดีกว่า" คีธงึมงำ

"ไม่ได้!"

นี่คงเป็นวิธีฆ่าเวลาในชีวิตหลังความตายจริงๆ ...ทะเลาะกับวาฬ



แต่หางตาของคุณเชสก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง นั่นคือรอยยิ้มที่มุมปากร่างสูง แม้จะเป็นความพยายามเก้ๆ กังๆ แต่คีธพยายามจะยิ้ม "โดนผมเอ็ดนี่ดีใจเหรอ" คุณเชสขำ "จะสอนยิ้มยังไงดีนะ ในเมื่อวาฬไม่มีกล้ามเนื้อส่วนนั้นนี่นะ"

หลายครั้งที่คีธปล่อยคำพูดของคุณเชสผ่านไป ดีกว่าจะซักถาม เพราะเขาคงไม่เข้าใจอยู่ดี

...นี่ก็เป็นหนึ่งในหลายครั้งนั่น

"ผมติดนิสัยยิ้มมุมปาก เพราะมันดูดีกับภาพลักษณ์มากกว่า แต่..." คนพูดยิ้มให้ดูอีกครั้ง และครั้งนี้เป็นรอยยิ้มเห็นฟันที่หาได้ยาก "ถ้ายิ้มจริงใจหน่อยก็คงแบบนี้"

เชื่อเลยว่าวาฬเพชฌฆาตจะยิงฟันใส่เขา

...นั่นไง ทำไมเขาไม่เคยถูกล็อตตารี่เลยนะ

"ไม่เอาแบบนั้น น่ากลัว" คุณเชสหัวเราะขณะกุมหน้า "ยิ้มยิงฟัน กับยิ้มเห็นฟันมันคนละอย่างกัน"

"ผมไม่ได้ชอบเวลาคุณตวาดหรอกนะ" คีธพึมพำตอบ "แต่ผมดีใจที่คุณยอมให้ใช้นามสกุล"

อย่าย้ำเรื่องนั้นได้ไหม! วาฬนี่ไม่เคยเข้าใจอะไรสักอย่างเลยเชียว

"คุณกลัวไหม เวลาผมดุ" ถามพลางมองสีหน้า แต่ก็นึกได้ว่าวาฬไม่เคยแสดงออก

"ไม่เข้าใจมากกว่า..."

"ผมจะพยายามอธิบายก็แล้วกัน" คุณเชสจับประเด็นได้ "คุณคิดว่าผมไม่มีเหตุผลใช่ไหม"

"ผมคิดว่าคุณคิดเยอะเกินไปต่างหาก" คีธโคลงหัว "อย่างเรื่องเสื้อผ้า ถ้าคุณหนาว คุณก็ควรใส่ แต่ในเมื่อผมไม่หนาว ทำไมคุณต้องคิดแทนผม..."

"มันไม่ใช่แค่เรื่องหนาวหรือไม่หนาว แต่มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรม..." คุณเชสยั้งปางตัวเองไม่ให้พูดคำว่า 'ไร้อารยธรรม' ออกมา เพราะนึกได้ว่าเขากำลังคุยกับวาฬตัวหนึ่ง ซึ่งวัฒนธรรมของวาฬไม่ใช่เรื่องการสวมเสื้อผ้าแน่นอน "มนุษย์ต้องสวมเสื้อผ้า เราจะถอดตอนอาบน้ำ แล้วก็เปลี่ยนชุดตามความเหมาะสม"

...เชื่อเถอะว่าคีธจะสนใจเรื่องอาบน้ำ

"อาบน้ำคืออะไร"

นั่นไง... ทำไมเขาไม่เคยถูกล็อตตารี่หนอ



"สัตว์บกระบายความร้อนในร่างกายด้วยเหงื่อ และเหงื่อมีกลิ่นเหม็นสาบ ทำให้เราต้องอาบน้ำเพื่อชำระล้างมันออก"

เมื่อพูดถึงกลิ่น คีธก็นึกถึงกลิ่นแรกที่เขาจดจำได้เมื่อครู่นี้ หลังจากที่เขาใช้จมูกแตะแก้มคุณเชส

...นั่นนับว่าเป็นกลิ่นเหงื่อไหมนะ ถ้าแบบนั้นเรียกเหม็นสาบแล้วแบบไหนถึงจะดีล่ะ

"คุณเชส... อาบน้ำกัน"

...ไอ้วาฬนี่!

อดีตผู้บริหารลูบหน้าตัวเองและคิดว่าเขาควรจะถูกล็อตตารี่รางวัลที่หนึ่งสักแปดงวดติด หลังจากเดาใจคีธถูกมาตลอดบทสนทนา "จะต้องทดสอบอะไรทันทีเลยนะ ฉลาด หัวไวเหลือเกิน" คีธตีความไม่ออกว่านั่นเป็นการแดกดัน เขาจึงยิ้มยิงฟันให้คนพูดด้วยความดีใจ ซึ่งหัวเราะออกมาอีกครา

"ผมไม่ได้ชมนะ" แล้วก็หยุดยิ้มแบบนั้น... ขัดกันเหลือเกิน

"แต่คุณก็ไม่ได้ตวาดนี่"

อย่าเล่นลิ้นกับวาฬ... เพราะมันไม่เข้าใจ

"เอาเถอะนะ" คุณเชสถอนใจ "ผมควรจะสอนคุณตั้งแต่เรื่องของสิ่งมีชีวิต คุณจะได้เข้าใจความต่างของสัตว์บกกับสัตว์น้ำ ...ขอเวลาขึ้นไปหาหนังสือข้างบนก่อนแล้วกัน ในแท็บนั่นคงไม่มี"

"ตอนนี้ผมอยากลองอาบน้ำมากกว่า"

ความจำดีเหลือเกิน ใครสรรค์สร้างสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าวาฬเพชฌฆาตขึ้นมานะ

...ก็น่าจะคนเดียวกับคนที่ทำให้คีธมาติดอยู่กับเขาแบบนี้นั่นแหละ

"เออ..." คุณเชสถอนใจ เขาคงห้ามอะไรเจ้านี่ไม่ได้มาก และไม่มีเหตุผลว่าจะห้ามไปทำไมอีกด้วย "ก็ได้ ตามผมมา..." ร่างโปร่งลุกขึ้นยืน หยิบแท็บขึ้นมาปิด "แต่มีข้อแม้..."

"ทำไมคุณชอบตั้งเงื่อนไขจัง"

"เพราะคุณทำตัวไม่น่าไว้ใจน่ะสิ!" คีธทำอะไรอย่างนั้นหรือ เจ้าตัวคงไม่รู้สึกหรอก แต่ทั้งเรื่องหอมแก้ม จับมือ ไซ้ผม คลอเคลีย นัวเนีย... มันเป็นการกระทำที่ใกล้ชิดสนิทสนมเกินไปต่างหาก!

"ผมแตะตัวคุณได้ฝ่ายเดียว...!"

"ผมชอบให้แตะนะ" คีธยิ้มรับ และนั่นเป็นรอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดของเขา ซึ่งไม่เข้ากับประโยคที่พูดออกมา

...ไอ้วาฬนี่!!!

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 5

วาฬหลายชนิดได้กลิ่น แต่วาฬหลายชนิดก็ไม่ได้กลิ่น



สัมผัสการ 'ได้กลิ่น' ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกิดขึ้นด้วยการสูดอากาศเข้าทางจมูก และรับรู้กลิ่นด้วย เยื่อรับกลิ่น (olfactory mucosa) ที่มักจะอยู่ด้านบนของโพรงจมูก แต่เนื่องจากวาฬเป็นสัตว์ที่หายใจด้วยปอด และกลั้นหายใจเวลาเมื่ออยู่ใต้น้ำ จึงถูกสันนิษฐานว่าเป็นสัตว์ที่ไม่รับรู้กลิ่น

แต่วาฬหัวคันศร (bowhead whale) เป็นวาฬชนิดหนึ่งที่มีหลักฐานแสดงออกถึงความสามารถในการดมกลิ่น พวกมันสามารถได้กลิ่นอาหารจากในอากาศได้ แต่ก็ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่ามันได้กลิ่นใต้น้ำได้หรือไม่

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 6
«ตอบ #8 เมื่อ04-04-2018 14:49:19 »

ตอนที่ 6


ห้องอาบน้ำใหญ่อยู่บนชั้นสอง เป็นห้องที่ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกทั้งบาน หันหน้าออกไปยังทะเลด้านนอก มีอ่างน้ำกว้างขนาดคนสี่คนลงไปนั่งได้สบายๆ ตั้งอยู่กลางห้อง ตู้อาบน้ำ โถส้วม และเคาน์เตอร์ตั้งอยู่ที่อีกฟากผนัง

คีธมองตัวเองในกระจกด้วยความสนใจ ชำเลืองมองคุณเชสที่พยายามเปิดน้ำใส่อ่าง ทว่าหาคำสั่งไม่เจอ "ผมไม่ค่อยมีเวลาได้นอนชมวิวเท่าไหร่" เจ้าของบ้านแก้เก้อ "บ้านหลังนี้เหมาะเอาไว้พักผ่อนในวันหยุด ส่วนวันธรรมดาก็นอนที่สวนน้ำ" เขาหัวเราะ

"แต่ปัญหาก็คือ ผมแทบไม่มีวันหยุดเลย"

ในที่สุดเขาก็เปิดน้ำได้ หลังจากค้นหาคำสั่งอยู่ราวสิบนาที น้ำเย็นใสสะอาดเอ่อขึ้นมาจากช่องก้นอ่าง ทำให้การเติมน้ำไม่มีเสียง และเมื่อถึงระดับที่เหมาะสม มันจะตัดไปโดยอัตโนมัติ

คีธมองตัวเองในกระจกด้วยความสงสัย เขาโคลงหัวกับสิ่งที่เห็น แต่ก็ไม่ตั้งคำถาม เพราะหลายคำตอบของคุณเชสก็เข้าใจยากเหลือเกิน

แต่มันก็น่าสงสัย... หวังว่าคุณเชสจะไม่ตอบอะไรที่ยากเกินไป

เขาลองยกมือขึ้นข้างหนึ่ง เอียงคอบ้าง และกะพริบตาดูสามสี่ครั้ง เพื่อทดสอบ "นั่นผมใช่ไหม..." ในที่สุดก็ถามพลางชี้กระจก และได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มพร้อมพยักหน้า

...คุณเชสยิ้มบ่อยขึ้น และเป็นรอยยิ้มที่ดูดีเสียด้วย

"ผมชอบเวลาคุณยิ้มนะ" วาฬพูดตรง "ดูจริงใจ"

"อา..." มนุษย์เลิกคิ้วข้างหนึ่ง "ขอบคุณสำหรับคำชมแล้วกัน" แล้วก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูออกมาเตรียมไว้ "คุณถอดเสื้อผ้าเป็นไหม" ถึงจะรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องถามแบบนี้ แต่เจ้าวาฬตรงหน้านี่ไม่รู้ความราวกับเด็กทารกที่อยู่ในร่างของชายหนุ่มโตเต็มวัย

แต่คีธถอดเสื้อนอกออกโดยไม่ติดขัด ซ้ำยังปลดกระดุมข้อมือเสื้อตัวในได้อีกด้วย

เรียนรู้เร็วนะนี่...

"ผมเคยมองเวลาคุณถอด... แต่คุณก็ถอดให้ดูแค่นี้"

...ถอนคำชม

คุณเชสถอนใจ "ผมถอดสูทตอนอยู่ริมบ่อเพราะอากาศมันร้อน ใครมันจะแก้ผ้าข้างบ่อวาฬ" แม้จะส่ายหัว แต่ก็ตรงเข้าไปช่วยปลดเนกไทออก คุณเชสชอบเสื้อผ้าแบรนด์นี้เพราะมันยังมีความอนุรักษนิยมหลงเหลืออยู่บ้าง เช่นการผูกเนกไทแบบดั้งเดิมที่สุดที่เขาชอบ ดีกว่าเนกไทสมัยใหม่ที่ไม่ต้องผูก

ครั้งแรกที่พบกัน คีธอยู่ในสภาพเปลือย และหลังจากว่ายน้ำก็เปลือยอีกรอบ

คุณเชสจึงไม่รู้สึกประหลาดอะไรในการให้อีกฝ่าย 'เปลือย' อีกครั้ง

เขาสอนวิธีปลดกระดุมราวกับสอนเด็กประถมแต่งตัวไปโรงเรียน แต่เมื่อเลื่อนลงมาถึงกางเกง อดีตผู้บริหารก็ชะงักไปครู่หนึ่งคล้ายทำใจ "ปกติแล้ว มนุษย์ไม่ถอดเสื้อผ้าให้กัน ไม่อยู่ใกล้กัน โดยเฉพาะเพศเดียวกัน..."

คีธโคลงหัวน้อยๆ สายตาตั้งคำถาม

"สำหรับวาฬ... ถ้าคุณไปวุ่นวายกับสาวอื่นมากๆ จะโดนเธอเหวี่ยง"

"ผมจำเคสที่คุณถูกกัดได้" คนแก่กว่าขำ "ถึงขั้นหลบไปอยู่อีกบ่อเป็นสัปดาห์" เขาเคยได้รับรายงานการทะเลาะกันของวาฬในบ่อ เมื่อวาฬหนุ่มน้อยเข้าไปป้วนเปี้ยนกับแม่สาววัยรุ่นเข้า แต่แทนที่ว่าทั้งสองจะไปด้วยกันได้ดี คีธกลับถูกอีกฝ่ายไล่เสียกระเจิง ยืนยันถึงความสำคัญในลำดับชนชั้นของวาฬเพชฌฆาตที่ตัวเมียเป็นใหญ่เสมอ

"คุณล้อเลียนผม..."

คุณเชสยิ้ม "ผมแค่ทวนความจำ"

อา... รอยยิ้มของคุณเชสนี่เหมือนหยุดเวลาได้จริงๆ นะ

"นี่ คุณเชส..." วาฬพึมพำ "ผมชอบเวลาคุณยิ้มจัง"

วาฬตรงเสมอ... แต่นี่ก็นับว่าตรงเหลือเกิน

"เออ... ตกลงนี่ผมโดนคุณจีบใช่ไหม" ร่างโปร่งกลอกตา "แต่ละคำที่ออกมา... น่าแปลกที่สาวคนนั้นไล่กัดคุณ ทั้งที่คุณพูดจาน่าฟังขนาดนั้น" ไม่รู้ว่าวาฬสื่อสารอะไรกันยังไง แต่เขาจำได้ว่ารายงานฉบับนั้นระบุความกระฟัดกระเฟียดของวาฬสาวอีกตัวไว้ เธอดูโกรธจนคีธต้องว่ายหลบไปอีกฝั่งของสวนน้ำเลยเชียว

"อะไรคือจีบ..."

คุณเชสเข้าใจว่าสัตว์หลายชนิดไม่มีการ 'จีบ' เพราะพวกมันไม่มีความรักระหว่างเพศ พวกมันเพียงแค่ผสมเพื่อให้กำเนิดลูกหลานสืบไป และวาฬเพชฌฆาตก็เป็นหนึ่งในสัตว์เหล่านั้น

"แบบ... พวกนก... พวกเขาจีบกัน เต้นรำ ร้องเพลง ถ้าพอใจก็จะตกลงอยู่ด้วยกัน ช่วยกันเลี้ยงลูก..."

"ผมเป็นวาฬ..."

"ผมรู้" คุณเชสก้มหน้าลงปลดตะขอกางเกงอีกฝ่าย

เขารู้ว่าคีธเป็นวาฬ และวาฬไม่จีบ ดังนั้นเขาก็คงจะเลิกกังวลได้ เรื่องที่อีกฝ่ายดูจะ 'จีบ' เขาแทบทุกคำพูด ...แต่เดี๋ยวก่อน วาฬหลังค่อมมีพฤติกรรมการจีบ ตัวผู้จะร้องเพลงข้ามวันข้ามคืนเพื่อให้ตัวเมียถูกใจและเลือกผสมด้วย แต่เมื่อผสมแล้วก็จะแยกย้ายกันไป

...โอย คงไม่ใช่แบบนั้นหรอก

"ทำไมจู่ๆ หน้าเป็นสีแดง"

คนถูกทักมุ่นคิ้วเก็บอาการ และดึงกางเกงอีกฝ่ายออก ก่อนชี้ไปยังตู้อาบน้ำ "เราต้องอาบน้ำก่อน"

"คุณเชสมาด้วยกันสิ"

ช่างเป็นคำชวนที่สดใสไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน หากไม่ได้หลุดออกมาจากปากชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปีที่มีกล้ามอกหนา และหน้าท้องแน่นแข็งได้รูป

"ใจเย็นสิ" คนถูกชวนส่ายหัว "รู้อยู่แล้วว่าช่วยคุณอาบน้ำน่ะ ยังไงก็เปียก" แตะแขนอีกฝ่ายและดันเขาไปให้ถูกทาง "แต่ตามเงื่อนไขนะ ผมแตะคุณได้ฝ่ายเดียว..."

คีธชอบสำรวจอะไรอยู่เรื่อย และสัญชาตญาณเดิมของเขาก็ทำให้เขาสำรวจด้วย 'ปลายจมูก'

"ผมชอบเวลาคุณแตะผม" เจ้าวาฬยิ้มออก แม้จะเก้ๆ กังๆ "ลูบท้องด้วยได้ไหม"

นี่มันคิดว่ามันเป็นวาฬอยู่รึไง...

"มนุษย์ไม่ลูบท้องกัน" คุณเชสถอนใจครั้งที่สามพัน "อยู่เฉยๆ เถอะ เดี๋ยวผมจะพูดเอง" เขาหันมาจัดการตัวเอง ถอดสเวตเตอร์ และปลดกางเกงออก แต่เมื่อหันกลับมาก็พบว่าคีธยังไม่ไปไหน และมองเขาด้วยความสนใจ

โอย... ดูของตัวเองไม่ได้รึไง

"คุณผอมจัง"

"นี่เรียกพอดี" โดยทั่วไป คุณเชสไม่ถือสาเรื่องแบบนี้นัก แต่ในกรณีที่มีใครจ้องอยู่แบบนี้ก็อดรู้สึกกระดากไม่ได้ "ผู้ชายทั่วไปก็รูปร่างแบบนี้"

"ผอมกว่ามนุษย์ที่อยู่กับผม"

คีธหมายถึงครูฝึกของเขา ซึ่งนั่นทำให้คุณเชสหลุดหัวเราะ

...เพราะครูฝึกของคีธค่อนข้างจ้ำม่ำเลยทีเดียว

"หึ... นี่คุณเก็บทุกรายละเอียดเลยสินะ! " เขาเอ็นดู เดินนำเข้าไปในตู้ กดเลือกการอาบน้ำแบบสองคน ซึ่งทำให้ฝักบัวที่ติดตั้งบนเพดานเพิ่มพื้นที่ปล่อยน้ำ และกดเปิด น้ำเย็นทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งน้อยๆ แต่เขารู้ว่าวาฬคงไม่ชอบน้ำอุ่น จึงไม่เพิ่มอุณหภูมิ

คีธก้าวมายืนที่หน้าทางเข้า และแหงนมองฝักบัวบนเพดานด้วยความสงสัย

"ฝนตก..."

"อืม ฝักบัวแบบจำลองฝน (rain shower) น่ะ" คนพูดเสยผมเปียกขึ้น "เข้ามาสิ"

คีธก้าวเข้ามาใกล้ๆ แต่ก็ไม่ใกล้จนเกินไป ดูเหมือนจะพยายามรักษาข้อตกลงไว้ เขาเสยผมสั้นๆ ขึ้นและแหงนมองเพดานด้วยความอยากรู้ คุณเชสหันไปสนใจแผงควบคุม เขากดปุ่มหนึ่งเพื่อสั่งยกพื้นตรงกลางขึ้นมา กลายเป็นแท่นที่นั่งขนาดย่อมใต้ฝักบัว

"นั่งลง จะสระผมให้" ยื่นมือไปรองแชมพูจากเครื่องจ่าย ถูมือหากัน เตรียมพร้อม

คีธว่าง่าย รอฟังคำอธิบายตามสัญญา

"ในสระน้ำนั่นมีสารเคมีที่ทำให้น้ำใส เราล้างออกไปบ้างแล้ว แต่ดีที่สุดคือการใช้แชมพูล้างออก แต่ถึงจะไม่ลงสระน้ำ เราก็ต้องสระผมอยู่ดี สักสองวันครั้งหนึ่ง หรือสามวันครั้งหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะ เพราะผมเป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกทำให้เกิดกลิ่นเหม็น"

แน่นอนว่าคีธไม่เข้าใจที่คุณเชสพูดเลย...

อีกฝ่ายอ้อมไปด้านหลังเขา ลงมือสระผมด้วยการนวดเบาๆ คีธได้กลิ่นแปลกๆ เขาจึงย่นจมูกเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ "กลิ่นแชมพูน่ะ เป็นกลิ่นของดอกไม้... ผมใช้สูตรธรรมชาติ กลิ่นอ่อนมากแล้ว คุณอย่าทำหน้าเหมือนมันเหม็นนักเลย" ร่างโปร่งหัวเราะ

"กลิ่นแรงกว่าคุณอยู่ดี" วาฬตอบ "มนุษย์ชอบอะไรแบบนี้เหรอ"

คีธหลับตาเมื่อฝนปลอมตกลงมาอีกครั้งเพื่อล้างฟองออก

"กลิ่นตัวมนุษย์มันไม่หอมหรอกนะ"

"แต่กลิ่นที่แก้มคุณเชสก็ไม่ได้แย่นี่"

"นั่นมันกลิ่นสบู่ กลิ่นดอกไม้ต่างหาก ...ดอกไม้มันหอมอยู่แล้ว"

"ฉุน" วาฬตัวนี้ดื้อ คุณเชสควรจะรู้ตั้งแต่ตอนที่มันเป็นวาฬ และเมื่อมันปากเสียง มันก็จะไม่ยอมแพ้ในการเถียงง่ายๆ อย่างแน่นอน "ผมชอบกลิ่นคุณเชสมากกว่า"

อา... ไม่ควรจะหน้าร้อนกับคำพูดของวาฬนะ แอนโธเน่

"โอเค ผมยอมแพ้... คุณคงไม่ชอบดอกไม้ แต่เสียใจด้วยนะที่ผมไม่มีแชมพูหรือสบู่ไร้กลิ่น คุณคงจะต้องทนดอกไม้ไปล่ะนะ" เขาคงแพ้แค่ปาก เพราะอย่างไรคีธก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความ 'ดอกไม้' เหล่านี้ได้ ดังนั้นหากมองในภาพรวมแล้ว ...คุณเชสชนะเห็นๆ

"แค่คุณเชสไม่อาบน้ำ ผมก็ไม่บ่นแล้ว"

...ใครว่าวาฬเพชฌฆาตฉลาดหนอ ทำไมมันถึงเข้าใจอะไรได้ยากเย็นนัก!

ชัยชนะของเขาสูญเปล่าทันที เมื่อคู่กรณีไม่รู้สึกถึงความพ่ายแพ้

"ตอนทำงาน ผมยังไม่ถอนใจบ่อยเท่าตอนนี้เลย" คนพูดถอนใจอีกรอบ เขาล้างฟองออกหลังจากสระรอบสอง และนั่นเป็นอันเสร็จพิธี "เสร็จแล้ว ต่อไปก็..."

คีธลุกขึ้นยืน หันหน้ามาหาร่างโปร่ง "ตอนทำงาน คุณก็ไม่ยิ้มบ่อยเท่าวันนี้เหมือนกัน"

ดูมันย้อนสิ...

คุณเชสขำ ส่ายหัวเอ็นดู ...ก็คงจะจริงหรอก เมื่อตอนที่ยังมีชีวิต เขาแทบไม่ยิ้มเลยด้วยซ้ำ อาจจะมียกมุมปากขึ้นบางอย่างสงวนท่าที แต่วันนี้เพียงวันเดียว คุณเชสก็จำได้ว่ายิ้มและหัวเราะบ่อยกว่าทั้งปีที่ผ่านมารวมกัน

"ให้ผมสระให้บ้างนะ..."

"อา..."

"ผมจะได้รู้ว่าต้องทำยังไง" คุณเชสคิดหาข้ออ้างมาปฏิเสธไม่ทัน เมื่อเจ้าสัตว์เรียนรู้เร็วเอื้อมมือไปรองแชมพูจากเครื่องจ่าย ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสังเกตทุกการกระทำของเขา และจดจำได้อย่างรวดเร็วเลยเชียว "นั่งลงสิ"

ปล่อยเลยตามเลยก็แล้วกันนะ...

--------------------------------------------------

เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาลงแช่ในอ่างให้สบายใจ แม้วาฬจะไม่เข้าใจเหตุผลเลยก็ตาม แต่เมื่อได้ลงน้ำ สัญชาตญาณสัตว์น้ำก็ทำให้เขาเปลี่ยนร่างกลับ

"แค่มองด้วยตาก็รู้แล้วว่าร่างเดิมของคุณใหญ่กว่าอ่างนี้"

ยังดีที่ได้คุณเชสปรามเอาไว้...

"นั่นคือทะเลที่คุณเคยพูดถึงสินะ" เมื่อไม่มีอะไรทำ คีธก็เริ่มมองไปรอบตัว ยกแขนขึ้นวางบนขอบอ่าง เกยคางมองออกไปด้านนอก "กว้างจัง"

"นี่แค่ส่วนหนึ่ง..." อดีตผู้บริหารว่า "ไกลสุดเท่าที่สายตามนุษย์จะมองเห็นได้ก็ยังเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของมหาสมุทรทั้งหมดเท่านั้น"

เขาเคยอยากพาคีธกลับมหาสมุทร แต่สงครามที่มาถึงทำให้ความฝันนั้นไม่เคยเป็นจริง

...แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่เป็นอิสระจากโลกนั้นแล้ว

"เอาไว้... ผมจะพาคุณไปเที่ยวบ้าง" คุณเชสลังเล จริงอยู่ว่าเขาอยากให้คีธได้สัมผัสกับอิสรภาพ แต่หากตัดสินใจไปวันนี้หรือพรุ่งนี้ แล้วคีธเลือกไปจากเขา เขาก็คงต้องอยู่คนเดียวต่อไป

นี่แค่วันแรกของความตายทำไมถึงรู้สึกเหงาเร็วนัก

"ตามใจคุณเชส" คู่สนทนาตอบ เคลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆ เมื่อรู้สึกได้ว่ามนุษย์เริ่มจะคิดมากไปอีกแล้ว "นี่... คุณเคยมีความสุขบ้างหรือเปล่า"

"ถามอะไรแบบนั้น" เสียงใกล้หู ดึงเขากลับมา

"มนุษย์คิดเยอะ..." คีธโคลงหัว "คิดเรื่องของคนอื่น คิดเรื่องของตัวเอง... ขนาดสามารถยิ้มเพื่อแสดงความสุขได้ แต่คุณก็แทบจะไม่ยิ้มเลย" เขามองคนตรงหน้า พิจารณาใบหน้าของมนุษย์ใกล้ๆ อีกสักครั้ง คุณเชสมีตาสีฟ้าคราม เส้นผมสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากบางที่หยักขึ้นจนดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา แต่คีธมั่นใจว่าคุณเชสไม่ได้ยิ้มบ่อยนัก

เขาสังเกตมนุษย์คนนี้ตลอด อีกฝ่ายมักมีท่าทางเรียบเฉย สุขุม และน่าเกรงขามเสมอ

"คุณสัมผัสได้ว่าผมคิดอะไรในใจสินะ"

ร่างสูงพยักหน้า ค่อยๆ ก้มลงพูดข้างหูอีกฝ่าย "ผมไม่ทำตามข้อตกลงได้ไหม" เขาพึมพำถาม แต่ไม่ได้รอคำตอบ "สังคมของมนุษย์มันห่างเหิน ถ้าคุณรู้สึกแย่ แต่ไม่มีใครอยู่ข้างๆ เลย มันจะรู้สึกดีขึ้นได้ยังไง"

ไอ้วาฬนี่... จะรู้ไหมนะ ว่าประโยคนั้นสำหรับมนุษย์คืออะไร

ปลายจมูกโด่งซุกไซ้เรือนผมชื้นน้ำ กลิ่นดอกไม้ยังคงติดตรึง แต่อีกกลิ่นหนึ่งที่แฝงอยู่ก็ไม่เคยจางหาย คีธหลับตาลงช้าๆ เพื่อจดจำสิ่งนั้นเอาไว้ ลากเลื่อนลงมาตามเสี้ยวหน้าช้าๆ และหยุดนิ่งเมื่อปลายจมูกของพวกเขาแตะกันเมื่อแนบหน้าผาก

เคยมีงานวิจัยกล่าวว่าการกอดสัตว์เลี้ยงในยามที่รู้สึกแย่ จะช่วยบำบัดจิตใจให้ผ่องใสขึ้น

แต่ไม่มีงานวิจัยระบุว่าควรทำยังไงกับสัตว์เลี้ยงในร่างมนุษย์

วาฬใช้ปลายจมูกในการสัมผัสกัน และพวกมันแขนสั้นเกินกว่าจะกอดเพื่อปลอบโยน ดังนั้นนี่จึงเป็นวิธีที่ใกล้ชิดที่สุดที่มันสามารถทำได้ และถ่ายทอดความรู้สึกกันด้วยการสัมผัสตัว

บ้าจริง... ทั้งขนลุก ทั้งตื้นตัน จนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรเลยเชียว

"มนุษย์ไม่แตะต้องกันขนาดนี้หรอกนะ"

"เพราะแบบนั้นถึงไม่มีความสุขยังไงล่ะ! "

เจ้าวาฬย้อน... แน่นอนว่ามันทำให้เขาหยุดคิดว่าตนกอดกับใครครั้งสุดท้ายเมื่อใด

...คุณเชสจำไม่ได้เลย

"ผมจะอนุญาตก็ได้ ถ้ามันเป็นวิธีของคุณ..."

เขาใจอ่อน คิดว่าตนคงใจแคบไปเองที่เห็นความปรารถนาดีของคีธเป็นความสัปดน ว่ากันว่าโลมามีความต้องการทางเพศสูง จู่ๆ มาตีสนิทใกล้ชิดในเวลารวดเร็วแบบนี้ ใครจะไม่คิดบ้างเล่า แต่มันคงเป็นแค่การ 'คิดไปเอง' ของตามที่คีธว่า... มนุษย์คิดมาก และคิดแทนคนอื่นอยู่เรื่อย

"เราสัมผัสกันเพื่อความสนิทสนม" ร่างสูงพึมพำ "ยิ่งใกล้ชิดกัน แม้แต่ความเงียบก็อบอุ่น..."

คุณเชสยิ้มจาง "สบายใจอย่างประหลาดเลยล่ะ"

ปลายจมูกของพวกเขาแตะกัน คีธเท้าแขนลงบนขอบอ่างเพื่อทรงตัว ก่อนจะเคลื่อนหน้ามาข้างแก้มอีกครา เขาชอบกลิ่นแบบนี้เหลือเกิน แม้มันจะถูกกลบด้วยกลิ่นดอกไม้ที่พวกมนุษย์ภาคภูมิใจก็เถอะ

"นี่ปกติวาฬตัวผู้จะใกล้ชิดกันขนาดนี้เลยเหรอ"

แม้จะรู้สึกแปลกกับวิธีการ แต่คุณเชสเริ่มมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไรแปลกๆ แน่นอน

"ยิ่งกว่านี้อีก"

...ยิ่งกว่านี้นี่มันหมายความว่ายังไงน่ะ!!

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 6

วาฬสัมผัสกันเพื่อการสื่อสาร



วาฬหลายชนิดแสดงออกถึงความเป็นสัตว์สังคม เช่น วาฬหัวทุย โลมา วาฬเพชฌฆาต เป็นต้น พวกมันอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง และมีวิธีในการแสดงออกถึงความสนิทสนมด้วยการว่ายเคียงคู่กัน และแตะตัวสัมผัสกันเป็นระยะตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะสัมผัสระหว่างแม่กับลูก (ในสังคมเพศผู้ก็มีความสนิทสนมเช่นกัน แต่มักจะเป็นเพศผู้ที่มีอายุต่างกัน)

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 7
«ตอบ #9 เมื่อ04-04-2018 14:50:46 »

ตอนที่ 7


แมวชอบเคล้าคลอกับคนหรือสิ่งของที่มันต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ

แต่คุณเชสยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าเหตุใดวาฬจึงอยากแสดงความ 'สนิทสนม' กับเขานัก

เขามีแผนที่จะอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ สบายๆ ในโลกที่ไม่ต้องยึดติดกับเวลาและเงินทองอีกต่อไป แม้ว่ามันจะฟังดูน่าเบื่อมากก็ตาม แต่ก็อยากจะพักผ่อนสักพัก ก่อนจะเลือกว่าอยากไปเกิดใหม่เป็นอะไรดี

แต่คีธก็โผล่มาร่วมโลกกับเขาด้วยเสียอย่างนั้น

และเจ้านั่นในตอนนี้ก็นั่งอยู่ข้างเขาบนโซฟา พยายามชะโงกหน้าดูว่าเขาอ่านอะไร

"ผมชั่งใจอยู่ว่าจะสอนคุณอ่านหนังสือดีไหม" ร่างโปร่งพลิกหน้ากระดาษ เขาชอบเล่มหนังสือมากกว่าสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นไหนๆ แม้ว่ามันจะมีราคาสูงกว่ามากก็ตาม "คุณจะได้ไม่เบื่อ"

"ผมไม่เคยพูดเลยว่าเบื่อ"

"ผมเดาได้หรอก" คุณเชสไหวไหล่ เขาติดนิสัยนั่งเอียงขวา ดังนั้นคีธที่อยู่ทางซ้ายจึงต้องชะโงกมากกว่าปกติสักหน่อย "แค่นั่งมองผมอ่านหนังสือสักห้านาที คุณยังขยับเปลี่ยนท่านั่งยุกยิกแทบทุกอึดใจ"

"ก็กางเกงมันใส่ไม่สบาย" …เถียงคำไม่ตกฟากเลยจริงๆ

แม้จะอยากชวนคุยว่าในเวลาปกติคีธทำอะไร แต่ก็นึกได้ว่าอีกฝ่ายเคยเป็นวาฬที่อยู่ในความดูแลของเขา และเขารู้แทบทุกความเคลื่อนไหวของคีธ เขารู้ว่าคีธชอบทำอะไร ชอบกินอะไร มีพฤติกรรมอย่างไร เขารู้ผ่านรายงานความเคลื่อนไหวที่ครูฝึกเขียนส่งเป็นรายเดือน … ซึ่งแน่นอนว่าชีวิตของวาฬในความดูแลของมนุษย์ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ

"มันจะดีจริงๆ เหรอ... ที่คุณมาอยู่กับผมแบบนี้"

...แต่จะให้เด็กที่ไม่เคยไปไหน ออกไปที่อื่นด้วยตัวเองยังไง

"นอกจากคิดแทนคนอื่นแล้ว คุณยังไม่เคารพการตัดสินใจของคนอื่นด้วยนะ คุณเชส" ถึงคำพูดจะค่อนข้างรุนแรง แต่ร่างสูงก็อิงหน้าผากกับไหล่ของเขาเบาๆ "ผมมีความสุขดี เพราะความสุขก็คือ... การที่เราได้ทำอะไรอย่างที่ใจต้องการนี่นา"

"ทำไมถึงอยากอยู่กับผมนัก" คนถามเลิกคิ้ว

"ก็ผมคุยกับมนุษย์ได้แค่คนเดียวคือคุณ..."

"อา... ไม่ซึ้งเท่าไหร่เลย" คุณเชสหัวเราะเบา “เอาเถอะ ผมไม่ได้คาดหวังอะไร แค่แปลกใจที่คุณควรจะเกลียดผมในฐานะมนุษย์ใจร้าย แต่สุดท้าย… ก็มาตายด้วยกันเสียอย่างนั้น” เขาปิดหนังสือและวางมันไว้ที่โต๊ะ "ความสัมพันธ์นี่มันออกจะงงๆ ไปหน่อยนะ สำหรับมนุษย์แล้ว... เหมือนคุณจีบอยู่กลายๆ แต่ในมุมมองของวาฬ เหมือนคุณแค่อยากได้เพื่อน"

เพื่อนที่สามารถเอาจมูกไซ้ได้ ตั้งแต่ไรผมจนถึงซอกคอเลยเชียว

“ทำไมคุณถึงคิดว่าตัวเองสมควรถูกเกลียดมากกว่าถูกรักล่ะ”

คุณเชสนิ่งไปพักหนึ่ง “คุณควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้…”

“แต่คุณก็เป็นคนตัดสินใจยื่นชีวิตที่ดีกว่านั่นมาให้ผม”

คีธพูดถึงโครงการปล่อยวาฬกลับสู่ธรรมชาติ โครงการสุดท้ายของแอนโธเน่ เชสที่เขาทุ่มเงินส่วนตัวในการฝึกวาฬตัวหนึ่งที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในบ่อคอนกรีตให้กลายเป็นวาฬที่สามารถมีชีวิตอยู่ในธรรมชาติได้

สัตว์ตัวนั้นคือคีธเอง…

“แต่คนที่ทำลายมันแต่แรก…”

“คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงอยากเป็นมนุษย์เพื่ออยู่กับคุณ” คีธมองเขา ขยับเข้ามาใกล้เกินจำเป็นตามนิสัยของวาฬ “เพราะมนุษย์ไม่ให้อภัย… ส่วนวาฬ… เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ”

คุณเชสชะงักกับคำตอบนั้น แม้มันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลยก็ตาม

“ผมให้อภัยคุณ… ผมอยากบอกให้คุณรู้ว่าผมให้อภัย”

บ้าจริง… อยู่มาตั้งสี่สิบปี ไม่เคยเจออะไรบ้าขนาดนี้มาก่อน

อีกฝ่ายแนบหน้าผากหาเขา ถ่ายทอดความรู้สึกด้วยการสัมผัสในแบบที่เขาคุ้นเคย แต่ครั้งนี้… คุณเชสกลับยกมือขึ้นประคองใบหน้านั้นเอาไว้และแนบหน้าผากตัวเองเข้าหา เคลื่อนมือไปยังแผ่นหลังกว้างเพื่อจะโอบกอดเอาไว้อย่างไม่รู้จะทำประการใด

“ให้ตายเถอะ” เขาสบถ แต่ก็ยิ้มออกมา “คุณมันบ้า…”

"ผม... อยากเห็นคุณเชสยิ้ม"

"..."

คีธเหลือบมองเล็กน้อย เขาแตะปลายจมูกแนบอย่างที่เคยทำ "ผมชอบเวลาคุณยิ้ม ...เลยคิดว่าถ้าทำให้คุณยิ้มได้บ่อยๆ ก็คงดี"

"ผมแค่ชอบคุณเชส..."

ถ้าถามหาเหตุผลของความ 'ชอบ' คีธก็คงไม่มีคำตอบให้เขาหรอก

"งั้นก็ทำให้ผมยิ้มบ่อยๆ แล้วกัน"

เขากอดคนตรงหน้า โดยไม่คิดว่าความรู้สึกยินดีจะแปรเปลี่ยนเป็นอะไร ไม่เคยมีใครพูดออกมาว่าอภัยให้เขา… มนุษย์ในยุคนี้ไม่เคยพูดว่าให้อภัย เพียงขอโทษกันไปแล้วก็จบกัน แต่ไม่มีใครพูดออกมาเลยสักคำ

เขายินดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน สิ่งที่หนักอึ้งอยู่ในอกตลอดมาเบาลงอย่างน่าอัศจรรย์

…มันคือความรู้สึกผิดที่เขามีต่อคีธ

“คุณเชส…” คีธพึมพำ “คุณ… กอดผมเหรอ”

หากคุณเชสไม่กอด คีธก็ลืมไปแล้วว่ามนุษย์สามารถ ‘กอด’ ได้ ครูฝึกสัตว์หลายคนเคยกอดเขา แต่เขาไม่สามารถกอดกลับ และอ้อมกอดของมนุษย์เหล่านั้น ไม่เหมือนคุณเชสเลยสักนิด

“อืม… ผมแขนยาวน่ะ”

ร่างสูงหัวเราะพรืด แล้วยกแขนขึ้นกอดกลับ… มนุษย์นี่แขนยาวจริงๆ

--------------------------------------------------

กิจวัตรของวิญญาณมีดังนี้… ใช้เวลาว่างให้เต็มที่ ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ

“ผมจะสอนคุณอ่านหนังสือ”

คุณเชสพูดขึ้น หลังจากผ่านคืนแรกที่ไม่ได้นอนมาเพราะไม่มีความรู้สึกง่วง เขาไม่ได้ขึ้นไปที่ห้องนอนด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าคีธจะนึกอยากนอนบนเตียงขึ้นมา แม้จะมั่นใจแล้วว่าวาฬนี่ไม่ได้คิดอะไรไปในทางนั้น แต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายที่เป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายก็ยังสร้างความประหม่าให้อยู่ดี

ลองอยู่ในร่างวาฬสิ ชวนไปนอนด้วยก็คงไปหรอก มันน่ารักจะตาย

พวกเขายังคงอยู่ในห้องนั่งเล่น และพูดคุยกันไปเรื่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต คีธเป็น ‘ตัวแสบ’ อย่างที่คุณเชสเคยว่าเอาไว้ เขาจดจำและเก็บรายละเอียดของครูฝึกทุกคนไว้พูดคุยกับวาฬตัวอื่นๆ ในบ่อเดียวกัน

พูดตรงๆ ก็คือ ‘นินทา’ นั่นเอง

“มันยาก…” ยังไม่ทันจะรู้จักเลยว่าภาษาอังกฤษคืออะไร มีอักขระอะไรบ้าง คีธก็ดักคออีกฝ่ายไว้ “ผมเคยลองอ่านแล้ว… มันยากจะตาย”

“คุณเรียนโดยไม่มีคนสอน ก็ไม่น่าเข้าใจหรอก”

“แต่ว่า…”

“คุณจะได้ไม่ต้องถามผมบ่อยๆ บางคำถาม… ผมเองก็ตอบไม่ได้หรอก แต่คุณหาคำตอบในหนังสือได้”

วาฬโคลงหัว “คำถามไหนที่คุณตอบไม่ได้ ผมเห็นว่าคุณตอบได้ทุกอย่าง”

เถียงตลอดเลยเชียว…

“เช่น…” คุณเชสชะงักไป “ทำไมต้องอาบน้ำ… ผมตอบไม่ได้”

“คุณตอบว่าสัตว์บกระบายความร้อนในร่างกายด้วยเหงื่อ และเหงื่อมีกลิ่นเหม็นสาบ ทำให้เราต้องอาบน้ำเพื่อชำระล้างมันออก”

…นี่จำได้ทุกคำพูดเลยหรือ จะฉลาดเกินไปแล้ว

“เอ่อ…”

“แต่ผมไม่เข้าใจความหมายหรอกนะ ผมแค่จำมา”

“แค่จำได้ก็เก่งแล้ว” ร่างโปร่งถอนใจ “วาฬอาจจะสมองใหญ่นะ แต่ถ้าเทียบกับน้ำหนักตัวก็มีอัตราส่วนที่สู้มนุษย์ไม่ได้ แต่ผมก็เริ่มเชื่อแล้วว่าพวกคุณฉลาดจริงๆ ”

“ชอบพูดอะไรที่ผมไม่เข้าใจอยู่เรื่อย” ถึงจะบ่น แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นคำชม จึงแอบยิ้ม

“ไม่ต้องเขิน… คุณพูดตรงๆ ผมก็แค่พูดตรงๆ ”

“ผมไม่ได้เขินสักหน่อย” ว่าแต่เขินคืออะไร…

“ผมรู้ทันหรอก มันก็เหมือนตอนที่คุณบอกว่าผมยิ้มสวย”

ทวนคำเองแล้วกระดากใจแปลกๆ ยังไงอยู่

“คุณเขินเหรอ…”

ควรจะถามดีไหมว่าเขินแปลว่าอะไร

“เอ่อ…. ไม่…” คุณเชสชะงัก รู้สึกในตอนนั้นว่าขุดหลุมฝังตัวเอง “ใช่… ผมหมายถึง… เวลามีคนชมแล้วคุณคิดว่าคุณไม่คู่ควรกับมัน นั่นก็เป็นอาการเขิน”

วาฬกะพริบตาปริบ… ไม่เข้าใจอะไรเลย

“ช่างมันเถอะ”

“แปลว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีใช่ไหม”

…ไอ้วาฬนี่

“เอ่อ… จะว่ายังไงดี” คุณเชสลังเล คำเพียงคำเดียวนี้ใช้ได้หลากหลายสถานการณ์ และมีความซับซ้อนเหลือเกิน “มันซับซ้อนน่ะ”

“เวลาคุณพูดตะกุกตะกักนี่แปลว่าเขินด้วยใช่ไหม”

ทีเรื่องแบบนี้ล่ะฉลาดเหลือเกิน…

“แล้วเราจะเขินตอนไหนบ้าง”

“อา พ่อหนุ่มเลือดร้อน” คนแก่กว่าถอนใจรอบที่เท่าไหร่ก็เลิกนับไปแล้ว “ใจเย็นๆ เถอะนะ ผมอธิบายทุกเรื่องไม่ได้”

“ถอนใจแปลว่าเหนื่อย” คีธตีความ “ยิ้มแปลว่ามีความสุข”

“พูดตะกุกตะกักก็ไม่ได้แปลว่าเขิน” คุณเชสดักคอ “เขินเกิดจากหลายสาเหตุ แล้วแต่สถานการณ์ ถ้าคุณได้รับคำชมที่ไม่คิดว่าจะได้ อืม… คุณอาจจะเขิน หรือตอนที่คุณถูกจีบ คุณก็เขินได้เหมือนกัน หน้าแดง อะไรแบบนั้น”

“เมื่อวานคุณหน้าแดง…”

มีช่วงเวลาไหนบ้างที่คีธไม่จ้องหน้าเขา และคอยจดจำว่าเขาทำอะไร

“ช่างเมื่อวานเถอะน่า”

“พูดจาเฉไฉไปเรื่องอื่นนี่นับเป็นอาการเขินด้วยหรือเปล่า”

…ไอ้วาฬบ้า

คีธยิ้ม เป็นรอยยิ้มกว้างที่ดูมีความสุข “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอารมณ์ทางบวกสินะ”

คุณเชสพยักหน้าในที่สุด “ยังมีความซับซ้อนอะไรอีกมากที่คุณต้องเรียนรู้เลยเชียว” แม้ใจหนึ่งจะเหนื่อยตอบคำถาม แต่หากจะสอนทุกเรื่องจนคีธไม่มีเรื่องให้ถาม คุณเชสก็ไม่แน่ใจว่าไอ้เด็กนี่จะแก่แดดจนเขาเหนื่อยกว่าเดิมหรือเปล่า

ยี่สิบสี่นี่ก็คงไม่เด็กแล้วล่ะมั้ง…

คีธเป็นวาฬหนุ่ม แต่เป็นมนุษย์ที่ยังเด็กมากนัก

“นี่คุณเชส…” ร่างสูงเริ่มตั้งคำถาม “คุณพูดเรื่องจีบมาหลายครั้งแล้ว… มนุษย์กับนกจะจีบกันไปเพื่ออะไร" คีธเงยหน้าขึ้นถาม "อะไรคือจีบ..."

"อา... เป็นรูปแบบครอบครัวล่ะมั้ง จะจำกัดความยังไงดี"

คนพูดชะงัก แล้วหยิบแท็บขึ้นมาเปิดหาตัวอย่างประกอบ "ผมรู้จักวาฬและโลมาดี เข้าใจว่าโลมามีรูปแบบครอบครัวอีกอย่างหนึ่ง ไม่แปลกที่คุณจะไม่เข้าใจผม"

เห็นทีว่าจะต้องขึ้นไปที่ห้องหนังสือซะแล้วสิ

"อืม... รูปแบบครอบครัวของโลมาคือการให้ความเคารพต่อเพศแม่ ตัวเมียที่อาวุโสที่สุดจะเป็นผู้นำฝูง โดยไม่มีการจับคู่ตายตัว" เมื่อนึกได้ คุณเชสก็เปิดผังครอบครัววาฬในสังกัดของเขาขึ้นมา "ป้าที่คุณว่า..." เขาชี้ที่วาฬเพศเมียที่มีอายุมากที่สุด “เธอเป็นพี่สาวต่างพ่อของแม่คุณ ในขณะที่คุณเองก็มีพี่สาวต่างพ่อ สังคมของวาฬเพชฌฆาตไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตคู่ แต่ให้ความสำคัญที่ตัวแม่เป็นหลัก"

คีธมองตามผังและนึกภาพตามก่อนพยักหน้า

"ส่วน... หนุ่มนี่" เขาชี้วาฬเพศผู้อีกตัวที่เคยอยู่ร่วมบ่อ ทว่าตายไปด้วยอาการติดเชื้อในปอด "จับคู่กับพี่สาวคุณ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นคู่รัก ออกจะเกลียดหน้ากันกลายๆ ด้วยซ้ำ"

"ผู้หญิงน่ะ... เหวี่ยงทุกทีแหละ" คีธงึมงำ "ผมกับเขา... สนิทกัน"

เมื่ออีกฝ่ายออกปาก คุณเชสก็นึกทวนความจำอย่างรวดเร็วว่าเขาเคยเห็นรายงานความสนิทสนมของคีธกับเจ้า 'ไกรา' หนุ่มโตเต็มวัยที่มีอายุมากกว่าหรือไม่

"จะว่ายังไงดี... ผู้ชายก็มีเท่านี้ และเขาก็เอ็นดูผม"

คุณเชสส่งเสียง 'อ้อ' ในลำคอเบาๆ เขานึกได้แล้วว่า 'คีธน้อย' ในตอนนั้นติดไกรามากจริงๆ "ผมเสียใจด้วยที่เขาจากไปก่อนวัยอันควร" ร่างโปร่งเม้มปาก "ผมแค่จะอธิบายว่า... นั่นคือรูปแบบของวาฬ แต่ไม่ใช่สำหรับนก"

คุณเชสเปิดรูปนกทะเลตัวหนึ่งขึ้นมา "อัลบาทรอส..."

มันเป็นรูปนกตัวอ้วนสีขาวโพลน และมีเท้าพังผืด "อัลบาทรอสได้ชื่อว่าเป็นนกที่ซื่อสัตย์ต่อคู่ของมันมาก มันจะจับคู่ครั้งหนึ่งแล้วก็จะแยกย้ายกันไปท่องเที่ยว แต่เมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์ก็จะกลับมาเจอกันที่นัดหมาย และช่วยกันเลี้ยงลูก"

"ตัวนี้เหรอ" คีธเบิกตาขึ้น "ผมเคยจับกินอยู่นะ! "

หมดกัน...

"นั่นน่าจะนกเพลิแกนนะ" คุณเชสถอนใจ แต่ก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู "อร่อยไหม..."

คีธส่ายหัว "มีแต่ขน"

เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่วาฬจะถามต่อ "ทำไมคุณไม่ยกตัวอย่างมนุษย์... ถ้ามนุษย์มีรูปแบบครอบครัวเหมือนนก"

คุณเชสนิ่งกับคำถามนั้น เขารู้อยู่เต็มอกว่ารูปแบบครอบครัวของมนุษย์ไม่เหมือนนกอัลบาทรอสเลย

แต่พวกเขาแค่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นสัตว์ทั่วๆ ไป

"รูปแบบนั้นเริ่มหาได้ยากในหมู่มนุษย์ แต่งได้ก็มีหย่าได้ ถ้ามีชีวิตคู่ไม่ลงรอยกัน มนุษย์ก็แยกทางได้เสมอ เราจึงไม่เหมือนอัลบาทรอส"

ชีวิตรักของอัลบาทรอสน่าชื่นชมกว่า... ในสายตาของคุณเชส

"แต่ง... กับหย่า..."

มันคือคำที่คีธไม่เข้าใจ

"แต่งงานน่ะ... เป็นพิธีของมนุษย์สองคนที่ตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกัน ส่วนหย่าก็คือการบอกยกเลิกใช้ชีวิตแบบนั้น มีหลายเหตุผลที่มนุษย์หย่ากัน ซึ่งการหย่ามักไม่ค่อยเกิดในกับสัตว์... อันนี้ผมเดานะ" คนพูดหัวเราะ แต่ดูเหมือนว่าคนฟังจะคิดหนัก

“คุณเชส…” ร่างสูงพึมพำ “แต่งงานกัน”

…ไอ้วาฬบ้า

"คีธ..." เขาอยากหยิบหมอนสักแถวนั้นขึ้นมากอดเอาไว้ ฝังหน้าลงไปแล้วถอนใจออกมายาวๆ แต่ความเป็นจริงแล้วในห้องนี้มีไม่มีหมอนเลยสักใบ "ไม่ต้องแต่งก็อยู่ด้วยกันได้" คุณเชสรู้สึกเหนื่อย "มนุษย์แต่งงานกับ ‘คนรัก’ แต่การอยู่ร่วมกันในฐานะเพื่อน ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน”

“ไม่แต่งก็ได้…”

“ว่าง่ายก็ดี” เจ้าของบ้านลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสาย “นั่งมาตั้งแต่เมื่อคืน ออกไปเดินนอกบ้านสักนิดดีไหม” เขาชวน ด้วยเมื่อคู่เพิ่งดุอีกฝ่ายไป คีธอาจจะไม่เข้าใจอะไรหลายอย่าง แต่ความจริงใจของเจ้าวาฬนี่ก็เด่นชัดจนรู้สึกได้

“ผมยังไม่ได้พาคุณไปดูทุกห้องเลยนี่นะ”

เขากลัวคีธวุ่นวาย และเขาเหนื่อยตอบคำถาม

“ผมอยู่ในห้องที่มีคุณก็พอ…”

ติดหนึบเป็นลูกแหง่เลยเชียว

“ออกไปข้างนอกกัน. เผื่อคุณจะชอบกลิ่นดิน กลิ่นหญ้า และธรรมชาติ”

“ผมชอบกลิ่นคุณเชส”

“ไม่ต้องพูดตรงมากก็ได้” หัวเราะกลบเกลื่อน แต่ก็ร้อนหน้าแปลกๆ “ผมเขินน่ะ…”

คีธเลิกคิ้วขึ้นทั้งสองข้าง ก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่พูดก็ได้” เขาควรจะใช้คำพูดแบบไหนอธิบายอาการแบบนี้ดีหนอ เห็นทีว่าต้องเรียนภาษาเพื่อเพิ่มคลังศัพท์ในหัวจริงๆ นั่นแหละ

…มนุษย์คงเรียก ‘น่ารัก’ รึเปล่านะ

ถ้าเขาเข้าใจความหมายของคำนี้ไม่ผิด… ก็คงจะเป็นคำว่าน่ารักจริงๆ นั่นแหละ

น่ารักก็คือ… ความรู้สึกอยากเข้าไปกอดล่ะมั้ง… มนุษย์ที่มาเที่ยวชมมักพูดกับเขาแบบนั้นก่อนจะพุ่งเข้ามากอด

‘น่ารักจังเลย’

แล้วจะเข้าไปกอดได้ไหมนะ…

โดยไม่ถาม ร่างสูงยืดตัวขึ้นแล้วรวบคนตรงหน้าเข้ามาในวงแขนกว้าง

“คีธ!”

ไม่น่าสอนมัน ‘กอด’ เลยจริงๆ

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 7

วาฬเพศผู้อาจไม่ใช่พ่อที่ดีนัก



วาฬไม่ใช่สัตว์ที่อยู่เป็นคู่ เพศเมียตัวหนึ่งอาจผสมกับเพศผู้ได้หลายตัว ในขณะที่เพศผู้ก็ผสมกับเพศเมียได้หลายตัวเช่นกัน แต่ความสำคัญของโครงสร้างครอบครัววาฬคือเพศเมีย โดยครอบครัวใหญ่ (pod) มีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเพศเมียและลูกๆ ของมัน

จากการศึกษาโครงสร้างของวาฬเพชฌฆาตในมหาสมุทรแปซิฟิก (resident killer whale) พบว่า ลูกวาฬเพศเมียจะอยู่กับแม่ไปตลอด ส่วนลูกวาฬเพศผู้เมื่อโตแล้วก็จะย้ายไปตามฝูงอื่นๆ เพื่อการผสมพันธุ์ และอาจจะย้ายกลับมาที่ฝูงตัวเองอีกครั้งเมื่อหมดฤดูกาล

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Death n Dream ตอนที่ 7
« ตอบ #9 เมื่อ: 04-04-2018 14:50:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 8
«ตอบ #10 เมื่อ04-04-2018 20:22:23 »

ตอนที่ 8


สวนอาจจะเป็นห้องอีกห้องหนึ่งในความคิดของคีธ แต่เมื่อคุณเชสเดินนำเขาออกมานอกตัวบ้าน และพบกับพื้นที่สีเขียวที่รายล้อม วาฬหนุ่มก็ได้แต่เบิกตามองอย่างตื่นเต้น

...โลกนี้มันช่างกว้างใหญ่

"ผมไม่ได้แต่งสวนมาก ไม่อยากจ้างคนเยอะ อย่างมากก็แค่ตัดหญ้าทุกสัปดาห์ รดน้ำด้วยระบบอัตโนมัติ"

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็นึกได้ว่าระบบทุกอย่างของบ้านหลังนี้ใช้ 'พลังงาน' และหากตัวเขาเสียชีวิต ธุรกรรมใดๆ ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง แม้จะเป็นยุคสงคราม แต่หน่วยงานรัฐจะไม่ปล่อยให้เขาใช้ไฟฟ้า และน้ำประปาตามใจอย่างแน่นอน

ในไม่ช้า... ทุกธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาจะถูกระงับ และเมื่อเหตุการณ์สงบ ใครสักคนที่เกี่ยวข้องกับเขาจะต้องเข้ามาที่บ้านหลังนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงอะไรแน่นอน

เขาคงอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้...



"คุณเชส"

เมื่ออีกฝ่ายเงียบไป คนที่รอฟังอยู่ก็ร้องเรียก "คิดอะไรอีกแล้ว"

"เป็นธรรมดาของมนุษย์" เขายิ้มกลบเกลื่อน พาเดินเข้าไปในสวนที่ตกแต่งเรียบง่าย ดูร่มรื่นสบายตา สวนน้ำของคุณเชสอาจกว้างใหญ่และมีอิสระพอที่วาฬจะว่ายไปเยี่ยมชมรอบสวนน้ำได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะสนใจต้นไม้ที่อยู่บนบก

"ผมเคยเห็น..." คีธพยายามเรียนรู้ "ต้นเขียวๆ ที่ชอบทิ้งใบเหลืองๆ ลงมาในบ่อ"

...ช่างสังเกตจริงๆ นั่นแหละ

"อืม..." ร่างโปร่งส่งเสียงรับ ขณะมองคีธเอื้อมมือไปสัมผัสกับลำต้นของต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุด และดูประหลาดใจที่มันต่างจากที่คิด "ต้นไม้บนบกน่ะแข็งแรง แต่งจากพืชใต้น้ำที่พลิ้วไหวหน่อย... ผมจำได้ว่าพี่สาวคุณชอบคาบสาหร่ายมาเล่น"

อดีตวาฬอมยิ้ม ทำหน้าเหมือนเด็กที่ถูกจับได้เมื่อทำผิด

"มานั่งสิ..."

ร่างโปร่งเดินนำไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวบุรองด้วยฟูกนุ่ม มันเป็นมุมพักผ่อนเล็กๆ ที่แอบอยู่ในสวนราวกับว่ากลัวใครจะมาเจอเข้า

"ปกติแล้ว มนุษย์ทำอะไรในสวน" สิ่งที่ยากกว่าการอธิบายให้วาฬเข้าใจว่าต้นไม้คืออะไร นั่นคือการสอนให้สัตว์น้ำเข้าใจสัตว์บก คุณเชสพยายามคิดหาคำตอบอยู่หลายรอบ แต่เขาก็ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน เพราะวาฬคงไม่เข้าใจง่ายๆ ว่าเหตุใดเขาจึงชอบต้นไม้

"ในบ่อของคุณมีกองหินอยู่... มันเป็นความสวยงาม สบายตาอย่างหนึ่งล่ะมั้ง"

เขาไม่แน่ใจว่าวาฬมองกองหินตกแต่งนั่นว่าอย่างไร

"เราเอาไว้ถูตัวต่างหาก"

...ลืมไปว่าสัตว์พวกนี้ชอบเอาหลังถูกับหินเพื่อขจัดปรสิตบนผิวหนัง

"แล้วคุณเอาตัวถูต้นไม้ด้วยเหรอ"

"หยุด หยุดคิดภาพแบบนั้น" เจ้าบ้านหัวเราะ "อา... มันตอบยากน่ะ ผมคงอธิบายสั้นๆ ไม่ได้"

"ยาวก็ได้ ผมมีเวลาฟัง"

"คีธ..." คุณเชสถอนใจ "ความตรงของคุณก็ไร้เดียงสาดีหรอกนะ" รู้สึกเหมือนเลี้ยงเด็กตัวใหญ่ๆ ...เด็กที่ชอบพูดจากำกวม ทำให้หน้าร้อนบ่อยๆ ด้วยดวงตาใสแจ๋วนั่น

"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมนุษย์ถึงไม่พูดตรงๆ มากกว่า"

"ผมจะพยายามตรงก็แล้วกัน" อธิบายไปว่าทำไมมนุษย์ชอบเลี่ยง มันก็คงจะไม่เข้าใจอยู่ดี...

คีธเดินมานั่งข้างๆ ในที่สุด "แล้วปกติมนุษย์ทำอะไรในสวน"

"ชื่นชมธรรมชาติล่ะมั้ง" คุณเชสตอบคำถามนี้ไม่ได้จริงๆ "มันสบายใจน่ะ..."

"นั่งเฉยๆ มันน่าเบื่อจะตาย" วาฬพูดตรง สายตาเสมองไปยังพุ่มดอกไม้ใกล้ๆ อดใจไม่ไหวจนต้องลุกไปดู ทั้งที่เพิ่งหย่อนตัวลงนั่งได้ครู่เดียว "นี่คืออะไรเหรอ คุณเชส"

บางที... ข้อดีของความไม่รู้ประสาก็คือการตื่นเต้นกับทุกเรื่องล่ะมั้ง

"ดอกไม้น่ะ..." เจ้าบ้านยิ้มตอบ "ลองดมดู มันจะมีกลิ่นของมันนะ"

"แล้วคุณก็เอาไอ้นี่ไปทำแชมพูเหรอ" สายตาของคีธฉายแววสงสัยเด่นชัด "ต้องใช้เยอะไหม"

"ผมไม่ใช่คนทำแชมพูหรอก ซื้อมาจากคนอื่นน่ะ..."

ร่างสูงย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า ทำท่าเหมือนจะก้มหน้าลงไปแตะปลายจมูกสำรวจ แต่ก็นึกได้ว่าควรใช้มือจับดูมากกว่า การไม่รู้จักใช้มือยังเป็นปัญหาเล็ก คุณเชสรู้สึกโชคดีที่อย่างน้อยเจ้าวาฬนี่ก็ยังรู้จักวิธีเดิน ไม่เคยใช้ร่างมนุษย์แถกตัวเองไปตามพื้นเหมือนร่างวาฬที่ไม่มีขา

แค่คิดก็ตลกแล้ว...

คีธได้กลิ่นดอกไม้ และเขาคิดว่ามันคงไม่แปลกที่จะก้มลงไปดม "กลิ่นไม่เหมือนแชมพูของคุณเชสเลย"

"ดอกไม้มีหลายกลิ่น" หลังจากต้องเสียงดังจนเกือบตะโกนคุยกัน คุณเชสก็ยอมลุกจากที่นั่งเข้ามาสมทบ "แต่ละชนิดก็จะหอมต่างกัน" คีธเงยหน้าขึ้นช้าๆ ขณะที่คนข้างกายโน้มดอกไม้สีขาวลงมาให้เขาดม "อันนี้ไม่ค่อยฉุน"

"มันคือดอกอะไร..."

"แย่จริงที่ผมไม่ค่อยรู้พันธุ์พืชเท่าไหร่น่ะนะ" เจ้าบ้านยิ้มแหย "ตอนปลูกก็ไม่ได้ปลูกเอง แต่ขอไปว่าเอาดอกไม้กลิ่นอ่อนๆ หน่อย"

กลิ่นดอกไม้ต่างจากกลิ่นของสัตว์ มันเย็นกว่า ให้ความรู้สึกใสกว่า เหมือนสูดอากาศเปล่าที่เจือกลิ่นหอม แต่กลิ่นของสัตว์ด้วยกันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

"วาฬไม่เคยได้กลิ่นสินะ" คุณเชสมองคนที่พยายามจดจำกลิ่นดอกไม้ ...ดมใหญ่เลย

"ผมกำลังคิดว่าชอบกลิ่นไหมว่ากัน" ว่าพลางจรดปลายจมูกแตะดอกสีม่วง "ฉุน..."

"ผมเดาว่าชอบสีขาว" คุณเชสขำ

"ชอบกลิ่นคุณเชสมากกว่า..."

"ผมไม่ใช่ดอกไม้สักหน่อย"

"หมายถึงกลิ่นทั้งหมดที่ผมเคยดมมาต่างหาก"

"เออ..." ร่างโปร่งถอนใจ ยังไงเขาคงเถียงไม่ชนะเด็กดื้อ "เวลาจะชมใครก็ระวังคำพูดหน่อย สำหรับมนุษย์แล้วมันไม่ใช่คำชมธรรมดาน่ะ"

วาฬหนุ่มเหลือบมอง "แล้วผมจะไปชมใครที่ไหนได้อีก ในโลกนี้ก็มีแค่เราสองคน"

โวย... แพ้ตลอดล่ะ แอนโธเน่

"มันต้องมีคนอื่นบ้างล่ะน่า แค่เราไม่เจอพวกเขาก็เท่านั้น" ในวันแรกที่พวกเขากลับบ้าน คุณเชสจำได้ว่าเห็นเงาของกลุ่มคนที่เสียชีวิตจากการระเบิดกลางเมืองอยู่บ้าง "แต่คิดอีกที... ไม่เจอก็คงจะดีแล้ว"

เขาไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไงกับวิญญาณอื่นๆ

"แล้วคำชมธรรมดามันเป็นยังไง ทำไมผมถึงต่างล่ะ"

"อา..." อธิบายยากจริง "คำชมทั่วไปก็คง..." สิ่งที่คีธพูดมันก็ทั่วไปทั้งนั้น แต่มันทำให้เขารู้สึกแปลกเพราะอีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และจริงจัง เหมือนกับว่ากำลังคาดหวังอะไรจากเขา

...แต่เขาคงคิดมากไปเอง

คุณเชสไม่ได้มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันมาแต่แรก แต่จะพูดว่าไม่ชอบเลยก็คงไม่ได้ เขาเคยมีแฟนทั้งชายและหญิง แต่ความสัมพันธ์ก็จบลงในเวลาไม่นาน เนื่องจากพวกเขาทั้งคู่ต่างไม่มีเวลาให้กัน

เขาชอบผู้หญิงเก่ง... และแน่นอนว่าชอบผู้ชายเก่งด้วย

แต่ในความเก่งเหล่านั้นทำให้พวกเขาล้วนแล้วแต่มองความรักเป็นเรื่องรอง ทำให้ความสัมพันธ์ไม่ก้าวหน้าไปไหน และในบางครั้งก็ลืมไปแล้วเสียด้วยว่ามีแฟน

เขาเคยคบผู้ชายคนหนึ่ง เป็นเพื่อนร่วมงานที่มีฐานะใกล้เคียงกัน เป็นเพื่อนกัน และสนิทกัน ต่อมาต่างฝ่ายต่างก็สนใจแต่ความสำเร็จของตัวเองจนลืมกันไป ไม่มีใครโทษใครในความผิดพลาดนี้ พวกเขาจากกันด้วยดี

กับผู้หญิง... เขาเลือกจีบนักธุรกิจสาวคนหนึ่งผู้มีความคิดก้าวหน้าและมองแนวโน้มเศรษฐกิจได้เฉียบขาด แต่ผลก็ออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ไม่ค่อยมีเวลาด้วยกัน และคิดว่าควรจะจบความสัมพันธ์ลง

เขาไม่มีปัญหากับนิสัยของใคร เขาเพียงมีปัญหากับเวลา...

ตอนนี้เขามีเวลาเหลือเฟือ แต่คนเดียวที่อยู่กับเขาคือคีธ และเจ้านี่ก็ชอบทำให้เขารู้สึกแปลกอีกด้วย

...แต่มันเป็นวาฬนะ แอนโธเน่ ถึงตอนนี้มันจะมีร่างคนก็เถอะ



"คิดอะไรอีกแล้ว"

คุณเชสสะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มที่เริ่มจะคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ คีธก้มลงกระซิบทักใกล้หู แตะปลายจมูกโด่งกับขมับเพื่อสูดกลิ่นดอกไม้เจือจางที่ยังค้างคาอยู่บนเส้นผม "บอกผมบ้างได้ไหมว่าคุณคิดอะไรอยู่"

"ใกล้ไปแล้ว..."

"ก็เมื่อกี้ถามดีๆ แล้วไม่ตอบนี่นา"

"ไม่จูบไปเลยล่ะ หืม..." เมื่อพูดออกไปแล้ว ร่างโปร่งก็เม้มปาก ด้วยรู้ว่าไม่ควรไปจุดประกายอะไรให้สัตว์โลกนี่

"อะไรคือจูบ"

สัญญาณเตือนนี้คืออะไร...

ไม่รู้ล่ะ... แต่... อย่า... สอน... คีธ... จูบ...

"ที่คุณทำอยู่นั่นแหละ จูบ! "

เอาวะ... ต่อให้การโกหกจะผิด แต่พระเจ้าคงไม่ลงโทษเขาหนักไปกว่าการส่งวาฬบ้านี่มาอยู่ในร่างคน... กับเขา...

อีกฝ่ายก้มลงแนบจมูกกับแก้มของเขาอีกรอบ สูดหายใจเข้าครั้งหนึ่งจนแทบจะเป็นการหอมฟอดใหญ่ "แบบนี้ก็จูบแก้มสินะ"

ในที่สุดก็รู้แล้วว่ามันเรียกว่าอะไร!

"คีธ... หยุด..." หยุดไปก็เท่านั้น หอมไปแล้ว

"บอกได้ไหมว่าคุณคิดอะไรอยู่"

"ถ้าคุณไม่หอม... เอ้ย... จูบ... ผมก็ว่าจะบอก แต่นี่คุณทำโดยไม่ถามสักคำ คุณก็อดรู้ไปแล้วกัน"

ขนลุกนะ... โดนผู้ชายตัวใหญ่ๆ หอมแก้ม แต่ถามว่ารังเกียจไหม ก็ไม่ขนาดนั้น เขาอาจจะแค่เอ็นดูคีธจนไม่คิดอะไร เจ้าสัตว์โลกนี่เหมือนเด็กๆ มากกว่า

เขาคงเอ็นดูคีธนั่นแหละ...

"งั้นถ้าคุณคิดอะไรเยอะแยะมากมาย ผมจะจูบแก้มก็แล้วกัน" อีกฝ่ายตั้งเงื่อนไขกลับ "คุณจะได้ไม่คิดมาก"

...ไอ้วาฬนี่!

"ก็ได้... ผมจะพยายามไม่คิดมากก็แล้วกัน" ไม่รู้ว่าเจ้าวาฬนี่รู้ได้ยังไงว่าเขากำลังคิดอะไรสักอย่าง และดูเหมือนจะเดาถูกทุกครั้งด้วย "แต่การที่มนุษย์คิดมากก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีความสุขสักหน่อย"

"ไม่เคยเห็นคุณยิ้มตอนคิดเลยนะ คุณยิ้มตอนอยู่กับผมต่างหาก"

พูดจาอะไรไม่เคยคิดถึงความหมายที่สองเลยสินะ... อย่าทำให้สับสนมากนักเลยน่า

"คิดอีกแล้ว! " ร่างสูงชะโงกหน้ามาใกล้อีกครั้ง "คุณเชส..."

"หยุด... หยุดเลย! " เขาดันจมูกโด่งนั่น "ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นล่ะ! "

"ในเมื่อผมไม่ได้จูบ บอกได้ไหมว่าคิดอะไรอยู่"

...เกลียดมันจริงๆ

"เออ! คิดถึงแฟนเก่า! " คุณเชสมุ่นคิ้ว "แฟนเก่าก็คือคนที่เคยรัก แต่ไม่ใช่คนในครอบครัว" เขาอธิบายต่อก่อนที่คีธจะถามอะไรซ้ำ "ผมแค่คิดว่าที่ผ่านมาผมไม่มีใคร ไม่ได้แต่งงาน เพราะไม่มีเวลาสำหรับเรื่องพรรค์นั้น... แต่ตอนนี้มีเวลาแล้ว ก็กลายเป็นว่าไม่มีใครอยู่ดี..."

คนฟังโคลงหัว และแทนการพูดออกมา ...เจ้านั่นชี้ตัวเอง

"แฟนไม่ใช่เพื่อน..."

"แล้วเพื่อนต่างจากแฟนยังไง"

โว้ย...

"มันซับซ้อนน่ะ" ร่างโปร่งถอนใจ "รูปแบบสังคมของเราต่างกันอย่างที่ผมเคยอธิบายไปแล้ว เรื่องนี้เข้าใจยาก"

"แล้ว..." คีธลังเล "แบบไหนดีกว่ากัน... ระหว่างเพื่อนกับแฟน"

คุณเชสถอนใจ "คุณเหมาะจะเป็นเพื่อนมากกว่า" เขาตัดบท "และผมไม่เหมาะจะมีแฟน" เพราะเขาไม่มีเวลาให้

...แต่จิตใต้สำนึกตัวดีก็ท้วงขึ้นมาตอนนี้มีเวลามากมายเหลือเกิน

ก็ใช่ว่ามีเวลาแล้วจะคบกับใครก็ได้ที่อยู่ข้างๆ นี่

"ผมไม่รู้ความหมายของทั้งสองคำ" คีธว่า "คุณไม่ใช่คนในครอบครัว... แต่คุณเป็นทุกอย่างของผม"

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 8

วาฬบางกลุ่มใช้หินพื้นทะเลเป็นลานขัดตัว



วาฬเพชฌฆาตในมหาสมุทรแปซิฟิก (resident killer whale) แถบ British Columbia ประเทศแคนาดา มักจะเดินทางกลับมา 'ขัดตัว' ยังอ่าวหนึ่งที่ถูกเรียกว่า 'rubbing beach' ซึ่งมีพื้นทะเลเรียงรายไปด้วยหินทรงกลมจำนวนมาก

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 9
«ตอบ #11 เมื่อ06-04-2018 10:47:08 »

ตอนที่ 9


คุณเชสอยากสอนให้คีธรู้จักอ่านหนังสือ เพราะมันสามารถตอบคำถามที่อยากรู้ได้ด้วยการอ่าน ดีกว่ามาเดินตามถามทีละเรื่อง ซึ่งในบางเรื่องเขาเองก็ตอบไม่ได้ แต่เมื่อคิดอีกที เขาก็ไม่แน่ใจว่าควรจะให้คีธอ่านออกดีหรือไม่

เพราะเชื่อว่าเจ้าวาฬนี่สามารถสร้างสรรค์คำถามพิสดารได้แน่นอน

ตอนนี้คีธรู้จักกอดแล้ว และเข้าใจว่าการ 'หอม' คือการ 'จูบ' ซึ่งถ้าคีธรู้วิธีการจูบที่แท้จริงเมื่อใด คุณเชสคิดว่าชีวิตหลังความตายของเขาคงไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน เพราะพวกวาฬไม่ถือเรื่องเพศเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งคำว่าเพื่อนในความหมายของวาฬ... ก็ซับซ้อนพอ

เขาจำได้จากรายงาน... พวกมันมีพฤติกรรม 'เล่นเพื่อน' เป็นเรื่องปกติเลยทีเดียว

แต่ก็ใช่ว่าคุณเชสอยากตายคนเดียว อยากอยู่คนเดียวเสียเมื่อไหร่

แม้ชีวิตใหม่ในโลกนี้จะแสนสบาย ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องทำอะไร แต่เมื่อลองคิดว่าหากต้องอยู่แบบนี้ไปคนเดียว เขาจะอยู่ไปเพื่ออะไร อยู่ในโลกที่ทำอะไรไม่ได้ อยู่เพื่อให้ผ่านไปวันๆ เท่านั้น

...สู้ไปเกิดใหม่ไม่ดีกว่าหรือ

คุณค่าของชีวิต... ก็คือความวุ่นวายไม่ใช่หรือไง



อย่า... คิดเยอะ... เดี๋ยวจะโดนหอมแก้ม



ร่างโปร่งสูดหายใจเข้าแล้วดึงหนังสืออีกเล่มออกมาจากชั้น เขากำลังหาหนังสือที่น่าจะเป็นสื่อการสอนภาษาให้คีธ แต่ปัญหาก็คือเขาไม่เคยคิดจะมีลูก ดังนั้นจึงไม่มีหนังสือสำหรับเด็กในบ้านหลังนี้ และแน่นอนว่า... เขาไม่สามารถสั่งซื้อเล่มใหม่ได้

เขาอยู่ในโลกที่เป็นส่วนตัวราวกับความฝัน เปลือกนอกที่สัมผัสมันดูสงบสวยหรู แต่เมื่อพิจารณาดูดีๆ แล้ว คุณเชสไม่คิดว่าใครจะสามารถอยู่ตัวเดียวในโลกแบบนี้ได้ ผ่านมาเพียงไม่กี่สัปดาห์ เขากลับรู้สึกว่ามันเนิ่นนานแรมปี

...คงดีแล้วที่มีคีธอยู่ด้วย

"หยุด... เลย..."

คนพูดดันหนังสือกลับเข้าไปในชั้น เอี้ยวหน้าหลบปลายจมูกโด่งที่แอบขยับเข้ามาใกล้ "ผมบอกให้คุณอยู่ในห้องข้างล่าง"

"ก็มันนานนี่" อีกฝ่ายดื้อดึง "อยากรู้ว่าคุณขึ้นมาทำไม"

"ห้องหนังสือ..."

คุณเชสอธิบายห้องที่เขาอยู่ มีตู้หนังสือหลายหลังตั้งเรียงเป็นระเบียบสวยงาม คุณเชสชอบหนังสือเล่มมากกว่าสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นเล่มไหนที่เขาชอบ เขามักจะซื้อหารูปเล่มกระดาษมาเก็บเอาไว้ และส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องการบริหารซึ่งเป็นวิชาถนัดของเขา

มีบางเล่มที่ดูเหมาะกับ 'เด็ก' อยู่บ้าง เช่น วิวัฒนาการสิ่งมีชีวิต ซึ่งไม่ช่วยในการเรียนภาษา

"ผมมาหาหนังสือสอนภาษา เผื่อจะสอนคุณอ่าน"

"ผมเห็นคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ใช่หาอะไรบางอย่าง" คีธจำวิธีการค้นหาของคุณเชสได้ เขามักจะใช้งานแผงควบคุม และพึ่งพาระบบอัตโนมัติอยู่เสมอ แต่สิ่งที่คีธเห็นเมื่อครู่นี้ นั่นคือคุณเชสยืนถือหนังสือ และเหม่อลอย

"ผมไม่ได้คิดมาก แค่เหม่อเฉยๆ " มนุษย์แก้ตัว "แล้วคุณเคยถามไหมว่าผมชอบหรือเปล่า ไอ้การ... แอบจูบแบบนี้"

"คุณไม่ชอบเหรอ"

...แทนที่จะถามว่า 'ชอบไหม' แต่คีธกลับใช้คำว่า 'ไม่ชอบเหรอ' เป็นการถามนำ

"ก็..." การถามนำด้วยเสียงแบบนั้น ใครมันจะปฏิเสธ "มันแปลกสำหรับมนุษย์"

คีธโคลงหัวแทนคำถาม

...ไม่ มนุษย์ไม่ถือเรื่องเพศมาสักพักแล้ว มันไม่ได้แปลกสำหรับมนุษย์ แค่มนุษย์ไม่กอดจูบกับเพื่อนตัวเอง ถ้าทำเมื่อไหร่ก็นับว่าเป็นแฟน และคนเป็นแฟนกันจะต้องมีความรู้สึกให้กันมากกว่านี้

อธิบายไปเถอะ แอนโธเน่... คีธคงเข้าใจหรอก

"เรากอดจูบกับคนรักน่ะ... กับเพื่อน... เราไม่ทำ"

ตอนที่พูดคำว่าเพื่อนออกมา คุณเชสหวังว่าเขาเองก็คิดแบบนั้นจริงๆ

ว่ากันว่าในยามเหงา มนุษย์จะหวั่นไหวกับใครก็ตามที่เข้ามาในชีวิต... แต่เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น คีธเห็นเขาเป็นเพื่อน และปฏิบัติกับเขาแบบเพื่อนในความหมายของวาฬ พวกมันอยู่ด้วยกัน คลอเคลียกัน สัมผัสกันเป็นเรื่องปกติ

'คุณไม่ใช่คนในครอบครัว... แต่คุณเป็นทุกอย่างสำหรับผม'

ไม่รู้ว่าเจ้านั่นรู้ความหมายจริงๆ ของสิ่งที่พูดออกมาไหม คุณเชสไม่ได้ตอบรับอะไรมากไปกว่าการพยักหน้า และปล่อยให้ความเงียบครอบงำบทสนทนา ซึ่งคีธก็หันไปสนใจดอกไม้หลังจากนั้น เขาคิดว่ามันเป็นการปิดประเด็นด้วยดี

วาฬไม่คิดมากเกินควร... จึงมีความสุขล่ะมั้ง

เจ้านั่นอาจจะแค่อยากบอกเขาว่าตัวเองไม่เข้าใจลำดับความสัมพันธ์กันซับซ้อนที่เขาอธิบาย แต่เห็นเขาเป็นทุกอย่างที่ว่ามาก็เป็นได้

...จะหวั่นไหวกับสัตว์น่ะ คิดให้ดีเถอะนะ แอนโธเน่



"เพราะเรื่องมากแบบนั้น มนุษย์ถึงไม่มีความสุข" คีธดึงสติเขากลับมาอีกครั้ง

...แต่การกอดจูบกับใครก็ได้มันก็ไม่ใช่มนุษย์ยังไงเล่า!!

"คุณไม่เข้าใจง่ายๆ หรอก" ร่างโปร่งไม่อยากหาเรื่อง เขาปัดมือในอากาศเป็นการตัดบท "รูปแบบสังคมของเราต่างกัน" สุดท้ายเขาจะสรุปด้วยคำเดิม คำหลายคำในความคิดของคีธต่างจากเขา ซึ่งความขัดแย้งนี้ไม่มีใครถูกหรือผิด เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นสัตว์ ฝ่ายหนึ่งเป็นมนุษย์

หรือเขาควรจะปล่อยวางบ้าง.. ใช้ชีวิตแบบเลยตามเลยเสียบ้าง อย่างไรก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือ

ทำไม่ได้หรอก...

"คุณเชส..." คีธเรียก เปลี่ยนจากการ 'จูบแก้ม' มาเป็นการจับปลายผมของเขาทัดหูให้ "บอกผมได้ไหม... ว่าคุณคิดอะไรอยู่" คีธถามหลายครั้งแล้ว เจ้าตัวคงอยากได้คำตอบจริงๆ

เดี๋ยวก่อน... ใครสอนเขาทำอะไรแบบนี้

คุณเชสยกมือขึ้นจับหูตัวเองด้วยความตกใจ "เดี๋ยว... คุณจำวิธีนี้มาจากไหน"

"ผมเห็นในแท็บนั่น" ร่างสูงกะพริบตา "กดไปเรื่อยๆ มันก็มีภาพขึ้นมา มีเสียงพูด ผมก็เลยนั่งดู" พึมพำตอบราวกับกลัวว่ามันเป็นเรื่องผิด "เห็นว่าเวลาปลอบเขาทำกันแบบนี้"

...ใครมันเปิดภาพยนตร์ให้เยาวชนดูโดยไม่จำกัดเรต!

เขาเอง...

"อา..." คุณเชสกุมหน้า "ผมควรจะเปิดสารคดีให้คุณดู น่าจะสนุกว่าหนังพวกนั้น"

"ผมว่าสนุกดีออก"

คุณเชสยกนิ้วชี้ขึ้นขวางระหว่างทั้งคู่เป็นสัญญาณยุติการสนทนา ก่อนจะเดินนำไปยังบันไดลงชั้นล่างเพื่อตรวจสอบว่าคีธดูภาพยนตร์เรื่องอะไรไป สิ่งประดิษฐ์นี้ช่างอันตรายนัก จริงอยู่ว่าเขาปล่อยให้คีธเล่นแท็บฆ่าเวลาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรบกวนความสงบในการหาหนังสือของเขา แต่ก็ลืมไปว่ามันเป็นโลกกว้างอีกใบหนึ่งที่อีกฝ่ายจะไปเจออะไรก็ได้

อะไรก็ได้ที่หมายความถึง 'อะไรก็ได้' จริงๆ

"คุณเชส... คุณไม่ตอบคำถามผมอีกแล้ว"

ร่างโปร่งหยุดชะงัก นึกได้ว่าเขาควรจะพูดอะไรบ้าง

"ผมคิดว่า... ผมควรจะลดกำแพงอะไรลงบ้างไหม"

คำตอบแบบนี้วาฬจะไปเข้าใจอะไร

"ผมรู้ว่าในสังคมวาฬ ถ้าถูกชะตากับใครก็จะอยู่ใกล้ชิดเป็นเพื่อนสนิทกัน ซึ่งในความเพื่อนของคุณมันมีความหมายครอบคลุมถึงคนรักสำหรับมนุษย์ด้วย ดังนั้นการที่คุณบอกว่าเพื่อน มันไม่เหมือนกับเพื่อนในความหมายของผม" คุณเชสสูดหายใจเข้า "ผมคิดว่า... ผมควรเป็นเพื่อนคุณ ในแบบของคุณบ้างดีไหม"

"คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน คุณเชส..." คีธว่า "ผมเปลี่ยนมาเพื่อคุณแล้ว"

วาฬนี่ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อเลย...

คีธเหลือบตามองประตูห้องประชุม ก่อนดึงมือเจ้าบ้านเข้าไปในนั้น มันมีกระดานติดตั้งอยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง เป็นกระดานที่ใช้ปลายนิ้วขีดเขียนได้ คีธวาดวงกลมขึ้นมาวงหนึ่งและชี้มัน "นี่คือเพื่อนสำหรับผม..." แล้วเขาก็วาดวงกลมในนั้นอีกสองวง "ในนั้นมีทั้งคำว่าเพื่อน และคนรักสำหรับคุณอยู่ด้วย"

วาฬวาดแผนผังเป็นด้วยแฮะ...

"ใช่ไหม..."

คุณเชสพยักหน้า คิดว่าคีธอาจรู้สึกแย่กับสิ่งที่เขาพูด "คีธ..."

"ถ้ามนุษย์แยกมันออกจากกัน แปลว่ามันซับซ้อนกว่า... ผมไม่เข้าใจ แต่ผมจะพยายาม" แววตาของคนพูดมุ่งมั่นและแน่วแน่เมื่อพูดกับเขา "ผมอยากเข้าใจ คุณไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมา... แต่ผมจะพยายามไปหาถึงจุดที่คุณอยู่"

บ้าจริง... ไปจำประโยคแบบนี้มาจากภาพยนตร์แน่ๆ

คุณเชสเอื้อมมือไปประคองใบหน้าคม เขย่งตัวขึ้นเพื่อแนบหน้าผากด้วย "คุณบ้ามาตั้งแต่แรก"

"ผมแค่ชอบคุณเชส... แค่นั้นจริงๆ "

วาฬคงมีแต่คำว่า 'ชอบ' ส่วนคำว่า 'รัก' คงสงวนเอาไว้ให้ความสัมพันธ์ของแม่กับลูก

...ก็พอจะเข้าใจได้อยู่หรอกนะ

"ผมคิดอะไรออกแล้ว" เจ้าบ้านว่า แตะปุ่มควบคุมกระดานครั้งหนึ่งเพื่อลบสิ่งที่อยู่บนนั้น "ถ้าสลับกัน... ผมหมายถึง... คุณเองก็อยากเป็นมนุษย์ ส่วนผมก็รู้สึกไม่ดีที่จะเอาเปรียบให้คุณปรับตัวอยู่ฝ่ายเดียว..." ร่างโปร่งเม้มปาก "ถ้าสลับกันเรียนรู้... วันเว้นวัน... มันก็น่าสนุกกว่า"

"ผมชอบคุณเพราะแบบนี้แหละ" คีธยิ้ม "คุณใส่ใจความรู้สึกเสมอ"

"ผมไม่ใช่คนดีหรอก คีธ..."

"แต่พอคุณรู้ว่าทำผิด คุณก็ขอโทษนี่" วาฬตื๊อ "ผมถึง... ตามมาให้อภัยคุณไง"

"ตกลงจะสลับไหม" คุณเชสรีบเปลี่ยนเรื่อง เตรียมใจไว้กลายๆ ไม่รู้ว่าวาฬคิดจะทำอะไรบ้าง "หรือคุณอยากอ่านหนังสือออก"

"ไม่อยากอ่าน" คีธไม่ทบทวนคำตอบ "ตัวอะไรก็ไม่รู้ ขีดๆ "

โถ่...

"งั้นก็..."

"สลับสิ... วันนี้ให้ผมเรียนรู้เรื่องมนุษย์นะ" ทำไมเจ้านี่ถึงชอบพูดอะไรกำกวมชวนคิดมากตลอดเวลาหนอ "ผมอยากดูภาพนั่นให้จบ"

"เรียกว่าภาพยนตร์... คุณดูเรื่องอะไรอยู่น่ะ" ถามออกไปแล้วก็นึกได้ว่าคีธอ่านไม่ออก

"มีผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย แล้วก็ผู้หญิงอีกคน..."

เมื่อคีธเริ่มอธิบาย คุณเชสก็พบว่าสิ่งที่วาฬทำได้ไม่ดีคือการเล่าเรื่อง คีธไม่จำชื่อใคร ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่อีกฝ่ายจำชื่อเขาได้ คุณเชสพอจะรู้ว่าวาฬระบุตัวตนซึ่งกันและกันด้วยรูปแบบชุดเสียง ตำหนิบนร่างกาย แต่เขาไม่แน่ใจว่าควรจะถามคีธดีไหมว่าจริงๆ แล้ว ...วาฬตั้งชื่อกันเองหรือเปล่า

แล้วถ้าคีธไม่ได้ชื่อคีธล่ะ เพราะนั่นเป็นชื่อที่เขาตั้งให้

...ไม่ควรถามจะดีกว่า

"ลงไปดูกันเถอะ ว่าคุณดูเรื่องอะไรอยู่" คุณเชสถอนใจ "แล้วพระเอกเขาปลอบใจนางเอกด้วยการเอาผมทัดหูให้เหรอ"

คีธเบิกตากับศัพท์ใหม่ทั้งชุด... พระเอก นางเอก... คืออะไรหนอ

"ผมหมายถึงผู้หญิง กับผู้ชายที่เป็นตัวเดินเรื่องน่ะ"

"ก็... ผู้หญิงคนนั้น... ร้องไห้" คีธว่า "ผู้ชายก็เลยทำแบบนั้น"

"แต่ผมไม่ได้ร้องไห้อยู่นะ ทำไมคุณเอามาใช้แบบนั้นล่ะ"

"ผมแค่คิดว่า... ควรจะสัมผัสยังไง ไม่ให้คุณรังเกียจ"

...อ้อ สรุปว่าคีธตีความว่าเขารังเกียจการถูกหอมแก้มสินะ

คุณเชสเอื้อมไปกุมมือคู่สนทนา และบีบเบาๆ ครั้งหนึ่ง "ทำแบบนี้ก็ได้ เป็นการสัมผัสอีกแบบหนึ่งน่ะนะ" อีกฝ่ายก้มมองมือ ค่อยๆ ออกแรงบีบกลับ "ผมไม่ได้รังเกียจคุณหรอก อาจจะแค่ไม่ชิน... แต่คิดว่าถ้าจับมือก็คงจะไม่สะบัดหลบแน่ๆ ล่ะนะ"

ถึงเพื่อนกันจะไม่จับมือกันก็เถอะ... แต่ช่างมัน

คีธขยับมือเล็กน้อย และสอดนิ้วประสานกันเพื่อกุมมือเขา คุณเชสจำได้ว่าเขาเคยสอนให้อีกฝ่ายทำแบบนี้ และเรียกมันว่า 'การจับมือ' ร่างโปร่งเม้มปาก ไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไรต่อ

"แล้ว... ทำแบบนั้นแปลว่าอะไร" คีธช่างสังเกต เขาทันเห็นกิริยานั่น และดึงมือรั้งเอาไว้

"เรามีริมฝีปาก" คุณเชสตอบกลางที่สุด "เหตุผลหนึ่งที่มนุษย์พูดได้หลายแบบ นั่นเพราะเราขยับริมฝีปากได้"

"แล้วคุณกัดปากทำไม..."

คุณเชสจรดยิ้มเล็กน้อยแล้วดึงคนพูดลงบันได "เขินล่ะมั้ง..."

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO คำแนะนำที่ 9

วาฬเพชฌฆาตเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีพฤติกรรม 'เล่นเพื่อน'



จากการศึกษาพฤติกรรมของวาฬเพชฌฆาตพบว่า วาฬเพศผู้ใช้เวลาส่วนมากในการอยู่กับเพศผู้อีกตัวหนึ่ง (เนื่องจากเพศเมียมักจับกลุ่มกันปกครองฝูง และเพศผู้อยู่ในลำดับชั้นที่ต่ำกว่า) พวกมันว่ายน้ำเคียงข้างกัน สัมผัสตัวกัน และอาจร่วมเพศกันด้วย โดยเชื่อวาฬเพศผู้ส่วนใหญ่เคยผ่านการร่วมเพศกับเพศเดียวกัน โดยเชื่อว่าในช่วงอายุ 15-25 ปีอาจทำไปด้วยความสนุก แต่วาฬที่มีอายุมากกว่านั้น มักจะมีปฏิสัมพันธ์กับวาฬตัวเดิม ซึ่งใกล้เคียงกับสถานะ 'คู่หู'

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 10
«ตอบ #12 เมื่อ09-04-2018 13:45:53 »

ตอนที่ 10


คีธดูหนังวิทยาศาสตร์อยู่...

นี่อาจเป็นเรื่องที่ทำให้คุณเชสดีใจที่สุดในช่วงนี้เลยก็ว่าได้ เพราะคีธกดเลือกภาพยนตร์เพราะความชอบ 'สีฟ้า' ซึ่งเป็นโทนสีของใบปิดเรื่อง ซึ่งถ้าเจ้านั่นเกิดสนใจ 'สีส้ม' ขึ้นมาแทน วาฬเพชฌฆาตจะได้พบกับภาพยนตร์รักโรแมนติกที่มีฉาก 'จูบ' ที่แท้จริงในนั้น

ดังนั้น คุณเชสจึงเต็มใจนั่งดูหนังเรื่องนี้เป็นเพื่อนอีกฝ่าย

เขาฉายภาพขึ้นจอโทรทัศน์ที่มีขนาดใหญ่กว่า และระบบเสียงที่ดีกว่า นั่งแช่อยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมงจนจบ และคาดเดาคำถามอยู่ในใจว่าคีธจะถามอะไรเขาบ้าง

แต่วาฬกลับเงียบ... เดาได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

โถ่...

"คุณอาจจะเหมาะดูสารคดีมากกว่า" ร่างโปร่งหยิบแท็บขึ้นมาเปิดหา "สารคดีก็คือ... การนำเสนอสิ่งที่มนุษย์ศึกษา เราเป็นเผ่าพันธุ์ที่ชอบการศึกษา อยากรู้อยากเห็นไปหมด และเผยแพร่สิ่งที่ศึกษาในรูปแบบสารคดี"

"คุณเชสชอบดูอะไร..."

นั่น... ทำไมจะต้องวกกลับมาที่เขาทุกครั้งไปหนอ

"ผมไม่ค่อยมีเวลาดูน่ะ"

"ตอนนี้มีแล้วนี่นา"

...เถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ

"ผมชอบอ่านหนังสือมากกว่าน่ะ ดูหนังนี่ก็... เท่าที่มีในคลังก็ชอบหมดทุกเรื่องนะ"

"งั้นผมจะดูทุกเรื่องเลย"

เวรล่ะ... แอนโธเน่ รวมหนังรักนั่นด้วย หลายเรื่องด้วย

"เอ่อ... ผมว่ามันเข้าใจยากนะ อย่างเรื่องเมื่อกี้ คุณก็ไม่เข้าใจใช่ไหมล่ะ"

"ผมจะพยายาม" สัตว์ที่มีความพยายามอย่างแรงกล้าเป็นที่ตั้งนี่มัน...

"มันมีเรื่องไม่เหมาะกับเด็ก... ผมหมายถึง... ไม่เหมาะกับคุณด้วย"

"งั้นคุณเชสก็เลือกให้ผมสิ" ...ในที่สุด! ใครกันฉลาดจริง

คุณเชสลอบยิ้มกับตัวเองด้วยความภูมิใจในชัยชนะ เขาเลื่อนแท็บดูว่าควรจะเปิดหนังเรื่องไหนต่อไป แต่แล้วก็พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นหนังรักทั้งนั้น

การเลือกดูหนังจาก 'สีฟ้า' ของคีธไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือปาฏิหาริย์!

แล้วเหตุใดหนังรกทุกเรื่องจะต้องมีฉากจูบ แล้วทำไมเขาถึงไม่ซื้อหนังแนวสืบสวนหรือต่อสู้ วิทยาศาสตร์ให้มากกว่านี้ อาจจะเป็นเพราะคุณเชสมีหน้าที่การงานยุ่งวุ่นวายพอสมควรแล้ว การชมภาพยนตร์จึงควรผ่อนคลายมากกว่า

หนังผีก็ยังดี...

ไม่มีเลย

การ์ตูนเด็ก...

วอลต์ ดิสนีย์ยังเป็นคำตอบที่ดีสำหรับ 'ความสดใส' และในยุคหลังๆ มานี้ ค่ายการ์ตูนนี้ก็พัฒนาเนื้อหาให้สอดแทรกแนวคิดดีๆ เอาไว้มากมาย มันจึงเป็นสื่อที่เหมาะสมที่สุดที่เขามี

คีธก้มมาสำรวจแท็บในมือคุณเชส และมองใบปิดการ์ตูนเรื่องหนึ่งด้วยความสนใจ ดูเหมือนว่าเขาจะชอบสีฟ้า และสีสันที่สดใส ดูแล้วก็ช่างเหมือนเด็กเหลือเกิน

ไหล่กว้างเบียดกับไหล่เขาเพราะเจ้าตัวเอนกายเข้าหา "อา... แบบนี้มันหนักนะ"

ถ้าแมวชอบคุณ มันอาจจะเบียดคุณด้วยน้ำหนักสักสี่หรือห้ากิโลกรัม เขาให้สิบกิโลกรัมเป็นน้ำหนักมากที่สุดของแมวที่ 'น่ารัก'

แต่ถ้าวาฬชอบคุณ มันอาจจะเบียดคุณด้วยน้ำหนักสักสี่ตัน

ซึ่งนี่เป็นวิธีการปลอบตัวเองที่ดีว่าอย่างน้อยคีธก็เบียดเขาในร่างมนุษย์

"ก็มันนาน..." วาฬคงจะขี้เบื่ออย่างที่งานวิจัยเขียนไว้ "ปกติมนุษย์ทำอะไรในเวลาว่าง"

"การดูหนังก็เป็นวิธีหนึ่งที่ฆ่าเวลาได้" คุณเชสตอบ ตัดสินใจเปิดการ์ตูนเรื่องขึ้นมา การเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และคล่องแคล่วของตัวละครดึงสายตาคีธได้ และหลังจากนั้น เจ้าวาฬก็เลิกเบียดเขา หันกลับไปดูการ์ตูน

...ดูเหมือนเด็กจริงๆ

ถ้าไม่มีคีธ เขาก็คงจะเหงามากจริงๆ ในโลกใบนี้ โลกที่ไม่มีใคร และไม่ต้องทำอะไร มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เพราะมันไม่มีเหตุผลว่าเขาจะอยู่ไปทำไม



คีธเอื้อมมากุมมือเขาช้าๆ "คิดอะไรอีกแล้ว..."

คุณเชสยิ้มจาง "ทำไมคุณถึงรู้ทุกครั้ง"

"ผมได้ยินเสียงหายใจ" อีกฝ่ายตอบ "มันจะแตกต่างจากเวลาปกติที่คุณไม่ได้คิดอะไร"

"ขนาดนั้นเชียว" คุณเชสมองมือใหญ่ที่กอบกุม นึกเอ็นดูขึ้นมาในใจ และสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงไม่สอนคีธจับมือแต่แรก แบบนี้มันน่ารักกว่าหอมแก้มเป็นไหนๆ อย่างน้อยเขาก็ไม่รู้สึกแปลก "คุณช่างสังเกตนะ"

"ผมสนใจทุกอย่างที่เป็นคุณ"

เด็กบ้า...

แต่บางที... การมีใครสักคนอยู่ข้างๆ ก็คงรู้สึกดีแบบนี้เอง "คุณยิ้มอยู่นะ" คีธโคลงหัวมอง เลิกสนใจการ์ตูน แม้จะอยากรู้ว่ามันเกี่ยวกับอะไร แต่เขาจะขอให้คุณเชสเปิดใหม่อีกรอบก็ได้ไม่ใช่หรือ มีเวลาอีกตั้งมากมายนี่นะ

"มีความสุขใช่ไหม..."

"อย่ารู้ทันนักเลยน่า" ร่างโปร่งเอ็ด "ถึงรู้ก็ไม่ต้องพูดออกมาหรอก"

"เพราะคุณจะเขินใช่ไหม"

"คีธ! "

วาฬยิ้มบ้าง แล้วยกมือข้างนั้นขึ้นจรดกับจมูก "ผมจูบมือแทนได้ไหม" ถึงจะถาม แต่ก็ 'หอม' ไปแล้ว "ผมชอบกลิ่นแบบนี้..."

ไอ้วาฬนี่...

คุณเชสไม่ตอบ ใจเขาเต้นแรงจนรู้สึกได้ ไม่ต้องห่วงถึงคนที่ได้ยินกระทั่งลมหายใจ คีธคงรู้แน่ๆ ว่าเขาตื่นเต้นแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าเจ้านั่นจะสนใจ มันพลิกฝ่ามือขึ้นสำรวจ ลากปลายจมูกไปตามนิ้วช้าๆ จนเขาเผลอจรดปลายนิ้วแตะริมฝีปากที่อยู่ใกล้

ความรู้สึกประหลาดนี่มันรบกวนจิตใจเหลือเกิน

เขาไม่เคยคิดจะชอบ แต่ตอนนี้คงชอบเข้าจริงๆ ความใกล้ชิดมันน่ากลัวแบบนี้เอง

คีธเม้มปลายนิ้วเขาเล่น ถ้าให้เดาก็คือเจ้าตัวกำลังสนใจริมฝีปากของตัวเองอยู่ วาฬไม่สามารถขยับริมฝีปากได้ คีธจะตื่นเต้นกับความสามารถนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

คุณเชสกลั้นใจ หางตาปรายมองแผงควบคุมที่อยู่บนเท้าแขน มือข้างที่ว่างเคลื่อนไปแตะปิดเสียงเพลงสดใสสำหรับเด็กในโทรทัศน์ ก่อนจะหันกลับมาสนใจคนตรงหน้า "บางทีผมก็อยากรู้ว่าคุณแค่ชอบสัมผัส หรือคุณอยากทำอะไรกันแน่"

นี่เป็นโลกที่มีเพียงพวกเขา ใครจะมาชี้หน้าด่าทอเขาว่าหวั่นไหวกับสัตว์เดรัจฉาน

บางทีมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เชื่อก็ได้

"คุณลองบอกผมซิ คีธ... ว่าคุณคิดอะไรอยู่"

คีธเหลือบตามองเขา ดวงตาสีฟ้าสดที่เคยฉายแววเป็นมิตรเสมอ บัดนี้กลับดูท้าทายอย่างประหลาด "ผมแค่อยากสัมผัส" คนพูดหลับตาลง เขาชอบกลิ่นของคุณเชส และยิ่งได้คลุกคลีกับมันเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นเท่านั้น "อยากสนิทสนม"

แล้วยังไงต่อ... คุณเชสอยากถาม แต่ก็ชะงักเมื่อร่างสูงขยับเข้ามาใกล้

"ผมเองก็ไม่เคยมีเวลาว่างขนาดนี้ ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน"

คนพูดจรดปลายจมูกกับแก้มเขา คีธคงชอบส่วนนี้ที่สุด ลมหายใจอุ่นเป่ารดเนิบช้า พาลให้รู้สึกวาบหวามอย่างที่ไม่เคยเป็น

อีกฝ่ายเท้าแขนคร่อมร่างเขา ลากจมูกไซ้ลงไปจนถึงซอกคอ ที่ทำให้เจ้าของร่างห่อไหล่เข้าด้วยความจั๊กจี้

...ทำยังไงดีนะ

ควรทำ หรือไม่ทำอะไรดี ควรจะปล่อยเลยตามเลยไปดีไหม...

"คีธ" เขากระซิบเรียก และเจ้าของชื่อหยุดชะงัก "ม... ไม่มีอะไร" คุณเชสผ่อนลมหายใจ ความสับสนปนหวาดกลัวกับอะไรบางอย่างทำให้เขาเกร็งไปทั่วร่าง แม้จะไม่ได้รังเกียจสัมผัสนั่นเลยก็ตาม แต่มันก็ยังเร็วเกินไปอยู่ดี

เร็วเกินไป... แปลว่าเขาจะมีวันนั้นหรืออย่างไร

ลมหายใจติดขัดบอกอะไรได้มากพอ คีธโอบแขนประคองใต้เอวสอบได้รูปเอาไว้และดึงเข้ามากอดหลังจากนั้น "คุณอึดอัดเหรอ..." เขาไม่อยากให้คุณเชสอึดอัด เขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายมีความรู้สึกติดลบ เขาชอบคุณเชสมากจริงๆ

"ผมขอโทษ" ...มนุษย์คงจะไม่ชอบความใกล้ชิดแบบนี้จริงๆ

"เปล่า..." คุณเชสตอบเสียงแผ่ว "ผมแค่... ไม่ได้อยู่ใกล้ใครแบบนี้นานแล้ว" ใกล้เสียจนได้กลิ่นอายของกันและกัน ได้ยินเสียงหัวใจ เสียงลมหายใจ ความอุ่นร้อนที่ใกล้เสียจนแทบจะหลอมละลายไปด้วยกัน "เชื่อเถอะ ผมไม่ได้รังเกียจคุณ"

มนุษย์... มีวิธีการแสดงออกถึงความรู้สึกมากมายเกินไป

จนไม่รู้ว่ากิริยาที่เห็นควรจะตีความอย่างไร

"คีธ" คุณเชสถอนใจ "อยากทำอะไรก็ทำ... ถ้าผมไม่ชอบ ผมจะบอกเอง" เขาเตรียมใจเอาไว้สักพักแล้ว แม้จะไม่เข้าใจเหตุผล แต่มันอาจไม่มีเหตุผลอะไรมากมายเลยก็ได้ "ผมรู้ว่าคุณอยากทำอะไร"

เขาอายุมากกว่า เห็นทุกอย่างมามากกว่า... มีหรือจะเดาไม่ออก



เดาไม่ออกจริงๆ นั่นแหละ



คีธแค่ชอบสัมผัส ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะอุ่นใจเวลาได้อยู่ใกล้ๆ เขา และแตะตัวกันตลอดเวลาเพื่อความสบายใจเท่านั้น ซึ่งหากพวกเขาทั้งคู่เป็นวาฬ เชื่อเลยว่าคีธจะต้องเป็นตัวที่อยากว่ายนัวเนียใกล้ๆ ตลอดการเดินทางอันไร้ขอบเขตในมหาสมุทร

...คิดไปไกลมากแล้ว แอนโธเน่

ร่างโปร่งถอนใจยาวใส่คนที่โอบเอวเขาด้วยแขนข้างหนึ่ง และอิงหัวกับบ่าเขาด้วย ขณะดู 'การ์ตูน'

นอกจากจะเนียนจูบมือ และคอของเขาได้ สัตว์โลกเจ้าเล่ห์ไม่น่ารักนี่ยังสร้างสรรค์ท่าทางใหม่ในการออดอ้อนได้อีกด้วย โดยไม่ต้องรอดูภาพยนตร์รักโรแมนติกเลย

หรือว่าหนังวิทยาศาสตร์ที่เพิ่งดูจบไปนี่มันมีฉากอะไรแบบนี้ด้วย

จำไว้เถอะว่าต้องกรองสื่อให้เด็กดูเสมอ อย่าให้คลาดสายตาเลยเชียว...

จู่ๆ คุณเชสก็นึกถึง 'ไกรา' วาฬเพศผู้โตเต็มวัยอีกตัวที่คีธเคยสนิทด้วยเมื่อครั้งที่ยังเด็ก เขาจำไม่ได้ว่ารายงานของครูฝึกเคยพูดถึงความสนิทสนมของวาฬพวกนี้ไหม โดยมากแล้วเขามักไม่อ่านเรื่องราวจรรโลงใจของพวกมัน เขามักจะอ่านเฉพาะปัญหา เพื่อหาทางแก้ไขเท่านั้น

เขารู้ว่าวาฬมีพฤติกรรม 'เล่นเพื่อน' ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่เชื่อว่าคีธจะไม่คิดอะไร และคงจะไม่ว่าอะไรเพราะมันคงเป็นไปตามสัญชาตญาณ ขอแค่เขาทำใจได้ก็พอ...

แต่ผิดคาด... คีธเป็นมากกว่านั้น อีกฝ่ายไม่ใช่แค่ 'สัตว์' อย่างที่เขาตีความไว้

ความสับสนแบบนี้คืออะไรกันหนอ...

คุณเชสคิดว่าเขาอาจจะหลงจากความใกล้ชิด ความสนิทสนม และความเหงาในเวลาแบบนี้ แต่คีธล่ะ... ถ้าไม่ได้คิดอะไรตื้นๆ อย่างที่เขาตีความ คีธคิดอะไรอยู่

'บอกผมได้ไหม ว่าคุณคิดอะไรอยู่'

อีกฝ่ายชอบถามเขาแบบนี้ ราวกับสนใจจริงๆ ว่าเขาคิดอะไร

ใส่ใจว่าเขารังเกียจหรือไม่ มีความสุขหรือเปล่าในเวลาที่อยู่ด้วยกันแบบนี้

...นี่มันซับซ้อนมากเกินไปจนเชื่อได้ว่า คีธก็มีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างจากมนุษย์คนหนึ่ง คุณเชสเชื่อมาตลอดว่าสัตว์ไม่คิดซับซ้อนเท่ามนุษย์ ดังนั้นพวกมันจึงไม่มีความรู้สึก แต่บางที... พวกมันแค่ไม่มีวิธีแสดงออกถึงความรู้สึกเท่านั้นเอง

หากมนุษย์อย่างเขายังคิดเกินเลย... แต่สัตว์อย่างคีธกลับไม่คาดหวังอะไรเลย

จะเรียกพวกเขาว่าเดรัจฉานได้อย่างไรกัน...



"คิดอะไรอีกแล้ว" คนที่รู้ทันเสมอทัก คางที่เกยอยู่บนไหล่เขาขยับเล็กน้อยเพื่อเอียงมองหน้า "บอกผมบ้างสิ"

"ผมคิดว่าคุณดูหนังอยู่ ไม่ทันได้สนใจซะอีก"

คีธเหลือบตามองจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ "คุณเชสไม่เปิดเสียง ผมจะไปดูรู้เรื่องได้ยังไง"

อ้าว... ลืมเลย

แล้วนี่นั่งเงียบกันมาเป็นชั่วโมงนี่เพื่ออะไรกัน!

"ฟังเสียงหัวใจคุณก็เพลินดี" วาฬหลับตา "แต่ลมหายใจติดขัดตลอด" ร่างสูงผ่อนลมหายใจ หลับตาอยู่แบบนั้นราวเคลิบเคลิ้ม และนิ่งไปเหมือนอยู่ในภวังค์

คีธหลับหรือ...

จริงอยู่ว่าพวกเขาไม่ต้องกินหรือนอน แต่คุณเชสจำได้จากรายงานว่าคีธมักใช้เวลาว่างในส่วนใหญ่ในการ 'งีบหลับ' ซึ่งหลายวันที่ผ่านมาในชีวิตหลังความตายนี้ พวกเขายังไม่เคยนอนหลับข้ามคืนเลยสักครั้ง ด้วยความที่ไม่เหนื่อย ไม่ง่วง

สรุปว่าที่มากอด มาเกยไหล่ ซุกไซ้นี่เพราะอยากนอน!!

เพราะคู่หูที่ไว้ใจจะคอยระวังภัยให้กันในยามหลับ...

...บ้า

แอนโธเน่ เชส... คนบ้า... คิดอะไรสัปดนอยู่ได้ตั้งนาน

"ง่วงก็บอกกันมาสิ เจ้าบ้า! " อดีตผู้บริหารหัวเราะร่วน "จะได้พาไปนอนบนเตียงดีๆ ไม่ใช่หลับบนโซฟา คุดคู้ดูไม่ได้แบบนี้! " อยากจะตะโกนใส่ แต่เจ้าสัตว์โลกไม่น่ารักก็หลับลึกไปเสียแล้ว

คุณเชสยิ้มให้คนหลับ อยากดีดหน้าผากสักเปาะให้หายหมั่นไส้

"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... ต่อให้คุณนึกอยากจะทำอะไรผมขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะมีวิธีหวานๆ ของคุณล่ะนะ" คีธอ่อนโยน และอบอุ่นมากเสียจนใจเต้น การได้รู้จักและใกล้ชิดอีกฝ่ายแบบนี้ทำให้คุณเชสเกือบจะคิดว่ากำแพงที่มนุษย์สร้างขึ้นมากั้นตัวเองออกจากสัตว์ชนิดอื่นมันไม่เคยมีอยู่จริง

"สงสัย... จะชอบคุณขึ้นมาจริงๆ ซะแล้ว"

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 10

วาฬนอนหลับด้วยการหลับตาข้างเดียว



วาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่หายใจด้วยปอด ดังนั้นการนอนหลับของมันจึงยุ่งยากมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น พวกมันใช้วิธีการ 'งีบ' แทนการหลับลึก ลอยตัวนิ่งๆ อยู่ใกล้ผิวน้ำเพื่อหายใจ และหลับตาเพียงข้างเดียวซึ่งหมายถึงการพักผ่อนสมองทีละซีก เพื่อให้สมองอีกซีกที่ตื่นคอยสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว

แต่วาฬบางกลุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่กับ 'คู่หู' จะใช้วิธีผลัดกันนอนหลับ โดยเมื่อตัวหนึ่งหลับ อีกตัวหนึ่งจะคอยเฝ้าระวังภัย

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 11
«ตอบ #13 เมื่อ09-04-2018 13:46:46 »

ตอนที่ 11


วาฬใช้วิธีการ 'งีบ' แทน 'หลับลึก' เพราะพวกมันอาศัยอยู่ในทะเลที่อาจจะมีภัยได้ทุกเวลา แม้ว่าวาฬเพชฌฆาตจะเป็นนักล่าที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหารตามธรรมชาติก็ตาม

แต่ครั้งนี้คีธไม่งีบ... เจ้านั่นหลับลึก และยาวนานจนคุณเชสต้องหลับตาลงพักผ่อนด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะคนตัวใหญ่ใช้ไหล่เขาต่างหมอน

นี่ไปเรียนวิธีการอ้อนแบบนี้มาจากไหน...

คุณเชสจำได้ว่า คีธในร่างวาฬมีวิธีการนอนเป็นที่จดจำของผู้คน นั่นคือการลอยตัวนิ่งๆ อิงหัวกับขอบสระ แต่ตอนนี้เจ้านี่นึกยังไงถึงเห็นไหล่เขาเป็นขอบบ่อไปได้ ซ้ำยังหลับลึกอีกด้วย เขาเชื่องานวิจัยว่าวาฬจะไม่หลับลึก แต่ในกรณีของคีธ อาจจะเป็นเพราะรู้สึกปลอดภัย จึงวางใจหลับสบาย

เมื่อคิดแบบนี้แล้วก็ยิ้มกับตัวเองนิดหนึ่ง

จริงอยู่ว่าเขาไม่ง่วง แต่ก็ไม่เคยถามเลยว่าคีธเหนื่อยหรืออยากนอนพักบ้างไหม พวกเขาไม่มีกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่ใช้เวลาว่างให้หมดไปก็เท่านั้น เช่นการทำงานอดิเรกที่ไม่ได้ทำมานานอย่างการเดินชมสวน นั่งอ่านหนังสือ ว่ายน้ำ ดูหนัง ฟังเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้ใช้พลังงานอะไรมากเป็นพิเศษ

ถ้าอย่างนั้น คีธจะหิวด้วยหรือเปล่านะ...

ต่อให้หิว คุณเชสก็นึกไม่ออกว่าจะหาอะไรให้กิน เขาไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว แน่นอนว่าในตู้เย็นไม่มีของสดอยู่เลย เว้นแต่จะสั่งเข้ามา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของ 'คนเป็น' และต่อให้พวกเขายังมีชีวิต ในภาวะสงครามแบบนี้ บริษัทขนส่งวัตถุดิบคงจะปิดกิจการอพยพหนีไปแล้ว

ภาวะสงครามเหรอ...

ร่างโปร่งเอื้อมมือไปกดปุ่มบนแท่นพักแขน และเลือกเปิดโทรทัศน์ช่องข่าวอีกสักครั้งหลังตัดขาดจาก 'โลกของชีวิต' มาหลายสัปดาห์ ในฐานะนักธุรกิจ เขาเคยรับข่าวสารทุกวันเสียจนประสาทเสีย เมื่อตายแล้วก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องวุ่นวายอีกต่อไป แต่อีกใจหนึ่งก็ยังอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้าง

นิ้วเรียวกดเร่งเสียงขึ้นทีละน้อย ให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้คีธตกใจตื่น

'ปัจจุบัน ทางการได้ประกาศให้โอเรกอนเป็นเขตฐานทัพเพื่อรับมือกับการสู้รบ'

โอเรกอนเป็นรัฐเพื่อนบ้าน อยู่ในแถบตะวันตกติดชายฝั่งเหมือนกัน ส่วนสถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้คือส่วนหนึ่งของรัฐวอร์ชิงตันซึ่งมีอาณาเขตติดกับประเทศข้างเคียง เขารู้ข่าวคราวการสู้รบมานานแล้ว และรู้ว่าทางการจะใช้ 'รัฐชายฝั่ง' เป็นฐานทัพ ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลต่อธุรกิจพิพิธภัณฑ์ของเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นเรื่องที่เขาปวดหัวก่อนตายจึงเป็นเรื่องนี้

พ่อและแม่ของเขาย้ายไปแคนซัส ในเขตปลอดภัยพิเศษที่อยู่ห่างจากวอร์ชิงตันถึงสี่ชั่วโมงบิน

แต่ถ้ารัฐวอร์ชิงตันกลายเป็นฐานทัพ แปลว่าบ้านพักของเขาก็อาจถูกตัดไฟฟ้าได้ เพื่อรวบรวมทรัพยากรและพลังงานไปสนับสนุนการทหาร

นี่เป็นวิญญาณแล้วยังจะต้องคิดมากเรื่องการถูกตัดไฟอีกหรือ

คุณเชสปิดโทรทัศน์... แค่นี้เขาก็เหนื่อยแล้ว

โลกหลังความตายไม่ใช่โลกใบใหม่ แต่เป็นใบเดิมกับที่เขาเคยใช้ชีวิต สิ่งแวดล้อมยังคงได้รับผลกระทบจากโลกแห่งชีวิต สิ่งก่อสร้างอาจพังทลาย และเขาคงไม่สามารถซ่อมแซมแก้ไขอะไรได้ จะต้องอยู่อย่างระแวดระวังอย่างนี้ต่อไปหากโลกใบเดิมไม่สงบสุขสักที

หากตายมาตัวคนเดียวคงเลือกไปเกิดใหม่นานแล้ว...



"คุณเชส..." เสียงทุ้มพึมพำเรียงในลำคอ คีธสูดหายใจเข้าลึกๆ อิงหน้ากับบ่าราวออดอ้อน "ง่วงไหม"

"เพิ่งจะมาถามเนี่ยนะ" ร่างโปร่งยิ้มขำ "ตื่นรึยัง อยากนอนต่อไหม จะได้พาไปที่เตียงดีๆ "

เตียงนุ่มสบายกว่า กว้างกว่า และมีผ้าห่มอีกด้วย

คีธยังไม่ตอบ เขาดูจะพอจกับการนอนซบไหล่ใครบางคนโดยไม่ถามว่าเมื่อยหรือเปล่า

คุณเชสหัวเราะในคอ เขาเหลือบมองท้องฟ้าที่ปรากฏดาวนับล้านดวง "คีธ... ดาวสวยนะ" กระซิบบอกคนง่วงให้ชื่นชมธรรมชาติ พวกเขานั่งหันหลังให้กระจก แต่ก็อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน คุณเชสนั่งเอนขวาอย่างที่เขาถนัด และคีธกอดเอวจากด้านซ้าย อาจจะต้องเอี้ยวคอเล็กน้อยเพื่อหันตามคำบอก

ซึ่งคีธดูจะหันไม่เป็น เขายันตัวขึ้นเพื่อให้หน้าสูงพ้นไหล่ และเหลือบตามองแทน

วาฬหันไม่ได้นี่นะ...

คุณเชสนึกได้ เขาจำได้ว่าคีธชอบโคลงหัว แต่อีกฝ่ายไม่เคย 'หันหน้า' โดยไม่ขยับตัว เวลาที่หันหน้าจะต้องหันทั้งตัวเสมอ ซึ่งนั่นคงติดจะความเคยชินในร่างวาฬ

"อืม... แบบนี้หนักนะ"

อีกฝ่ายถ่ายน้ำหนักลงมาบนตัวเขา หลังจากมองดวงดาวที่ดูไม่ได้น่าสนใจ

ถ้าเป็นตอนที่ยังมีชีวิต คุณเชสคิดว่าเขาคงมีปัญหาปวดไหล่อยู่บ้าง แต่เมื่อคิดว่าโลกเดิมของทั้งคู่ คนหนึ่งเป็นวาฬ อีกคนหนึ่งเป็นคน เขาก็คิดว่าคงไม่ปวดแค่ไหล่ ถ้าคีธเอาน้ำหนักตัวสี่ตันมาเกยทับแบบนี้ เขาคงจะตายเพราะช้ำใน เพราะมันคือรถยนต์คันหนึ่งเลยทีเดียว

"คุณเชสชอบดาวไหม"

"อา... ผมไม่มีเหตุผลให้ชอบมัน" เขาตอบตามตรง "แต่ผมดูออกว่าท้องฟ้าแบบไหนสวย หรือไม่สวย" เขามองดาวเกลื่อนฟ้า "ตอนนี้สวย... เพราะบ้านหลังนี้อยู่สูง ใกล้ท้องฟ้ามากกว่าที่สวนน้ำ ถ้าคุณชอบดาว คุณอาจจะชอบมัน"

"ผมไม่มีเหตุผลให้ชอบดาวเหมือนกัน" คีธตอบ ตายังคงเหลือบมองฟ้าอยู่

คุณเชสช้อนคางอีกฝ่าย ดันให้เงยหน้าขึ้นสบตา "แล้วคุณมีเหตุผลที่ชอบผมไหม"

"เอาไว้ผมรู้จักใช้คำมากกว่านี้... จะอธิบายให้คุณฟัง"

บ้าจริง... ไปเอาการพูดแบบนี้มาจากไหน

คุณเชสไม่ตอบ เขาลดมือลง และคิดว่าจะพูดอะไรต่อดี อย่างน้อยก็ช่วยนั่งดีๆ เสียก่อน ไม่ใช่โถมน้ำหนักเบียดเขาจนติดโซฟาแบบนี้ "คุณเชสไม่อึดอัดเวลากอดใช่ไหม แต่ไม่ชอบให้จูบ..."

ชอบชวนคุยแต่เรื่องแบบนี้สิน่า...

"อืม... มันซับซ้อนน่ะ" ร่างโปร่งว่า "อธิบายยังไงดี... เวลานี้อาจจะยังไม่ชอบ แต่ก็อาจจะชอบเข้าสักวันหนึ่ง แปลว่าไม่ได้รังเกียจซะทีเดียว" คีธรุกหนักตั้งแต่วันแรก ปุบปับเสียจนน่าสงสัยว่ามีใครเขาชอบด้วยหรือ

"แล้วเขาทำกันเวลาไหน..."

คุณเชสหัวเราะเมื่อจับได้ในคำพูดว่าคีธไม่เข้าใจเขา จึงแกล้งตอบ "กลางคืนมั้ง"

"ตอนนี้ก็ถูกแล้วใช่ไหม"

เวรล่ะ แอนโธเน่...

"อา... ไม่ใช่อย่างนั้น" ร่างโปร่งกลืนน้ำลาย แต่ดูเหมือนว่าคีธไม่ได้คิดจะทำอะไร "เอาเป็นว่า... ยังไม่ใช่ตอนนี้ก็แล้วกัน"

"ซับซ้อนจังเลยนะ มนุษย์น่ะ" วาฬบ่น "แต่ผมก็ชอบคุณเชสอยู่ดี"

วาฬน่ะ.. แค่ถูกโฉลก ถูกใจกันก็นับเป็นคำว่าชอบ และจะพูดว่าชอบไปเรื่อยๆ อย่างนี้เอง ไม่ได้ลึกซึ้งเป็นคำว่า 'รัก' อย่างมนุษย์หรอก

...นี่เขาคาดหวังอะไรจากคีธหนอ

"ตกลงว่าตื่นแล้วใช่ไหม"

"นานๆ ทีจะได้กอด" คนตัวใหญ่อุบอิบ กระจ่างในตอนนั้นเลยว่าอีกฝ่ายตื่นแล้ว แต่ที่ยังแกล้งหลับก็เพราะอยากจะกอดเอวเขา ...เจ้าเล่ห์เป็นบ้า

วาฬเพชฌฆาตจัดเป็นโลมาขนาดใหญ่ และโลมาจัดเป็นสัตว์ 'ตัวแสบ'

"คุณใช้คำว่านานๆ ทีทั้งที่คุณพยายามจะหอมแก้มผมตลอดเวลา เช้า กลางวัน เย็นเนี่ยนะ"

"อะไรคือหอมแก้ม..."

เวรล่ะ แอนโธเน่...

"เอ่อ..." เขาควรจะแก้ตัวยังไง จะกลบเกลื่อนไปก็ไม่ได้เสียด้วย เพราะคีธความจำดีมาก "มันเร็วกว่าจูบน่ะ ถ้าคุณ 'หอม' นาน มันก็จะกลายเป็น 'จูบ' ยังไงล่ะ"

นี่เป็นการโกหกครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ นับตั้งแต่ตายมา...

ขอแค่อย่าให้คีธรู้ว่าจูบที่แท้จริงเป็นยังไงก็พอ

"ไม่เห็นเข้าใจเลย" วาฬโคลงหัว "ผมชอบคำว่าจูบมากกว่านะ"

"เอาเถอะ ถ้าชอบคำนั้นก็ใช้คำนั้นไป"

"ต้องหอมนานๆ ใช่ไหม ถึงจะเรียกว่าจูบ ถ้าสั้นๆ ก็ยังไม่ใช่จูบ" คุณเชสนึกออกแล้วว่าเขาเพิ่งขุดหลุมฝังตัวเอง "ไม่เป็นไรหรอก แก้มคุณเชสหอมอยู่แล้ว... นานๆ ก็ได้"

"เออ... ไม่ต้องชมให้มันมาก สึกหมดแล้ว" คนแก่กว่าถอนใจ "ถ้าตื่นแล้วก็ลุกเถอะ"

คีธไม่พูดพร่ำทำเพลง หลับตาลงเหมือนคนนอนหลับ

...เจ้าเล่ห์สุดๆ !!

"ฉลาดเหลือเกินจริงๆ " มนุษย์กลอกตา "เอ้า ตื่น... อยากกอดก็กอดไป ผมไม่ได้ห้าม แต่มาโถมใส่แบบนี้มันหนัก" ยิ้มแล้วก็หยิกปลายจมูกโด่งสักทีด้วยความมันเขี้ยว

"โอย... เจ็บ" คนนอนโอดครวญ เข้าใจว่าคุณเชสทำโทษ คีธค่อยๆ คลายวงแขน และยืดตัวขึ้น มองต่ำ มีสีหน้ารู้สึกผิด "ผมขอโทษ"

"ผมไม่ได้โกรธสักหน่อย"

"แต่..."

"มันเขี้ยวต่างหาก" ร่างโปร่งสอนศัพท์ใหม่ "มันเขี้ยวก็คือ..." เขาเม้มปาก นึกหาคำมาอธิบาย

คุณเชสชอบกัดปากเพราะเขิน... คีธตีความแบบนั้น แม้จะไม่เข้าใจว่าเขินอะไร เขินเพราะทำโทษเขาน่ะเหรอ... มนุษย์นี่มันซับซ้อนเกินไปแล้ว!!

"คุณน่ารักล่ะมั้ง..." นี่เขาเคยสอนคำว่าน่ารักให้คีธไหมนะ

ทำไมการเลี้ยงวาฬสักตัวมันถึงลำบากขนาดนี้

"น่ารักก็ต้องกอดสิ" อีกฝ่ายโคลงหัว "คุณเชสน่ารัก ผมเลยกอดไง"

...ไอ้วาฬบ้า

ใครเป็นคนสอนว่าน่ารักถึงต้องกอด... แล้วเขาจะไปน่ารักได้ยังไง!!

ขอบคุณแสงสลัวในห้องตอนนี้ที่ซ่อนใบหน้าร้อนฉ่าของเจ้าบ้านเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นคนช่างสงสัยจะตั้งคำถามซ้อนคำถาม

"ถ้าผมน่ารัก กอดผมได้นะ ไม่รังเกียจ" ...รู้แล้ว!

"ทีละคำเถอะนะ" คุณเชสยกมือปราม "ใครเป็นคนบอกคุณว่าน่ารักแล้วต้องกอด"

"ตอนเป็นวาฬ" อีกฝ่ายตอบ "เด็กๆ ชอบ... พูดว่าน่ารัก... แล้วก็เอาแขนมาโอบ" คีธพูดถึงโปรแกรมทัวร์พิเศษที่ผู้เยี่ยมชมต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้กอดวาฬและถ่ายรูปคู่กันมัน และคีธมักจะเป็นตัวรับแขกในโปรแกรมนั้น เนื่องจากฟังคำสั่งรู้เรื่องที่สุด

"แล้วคุณคิดว่าน่ารักคืออะไร"

"น่ารักก็คือความอยากกอด"

"สรุปว่าคุณคิดจากความอยากกอด... คุณเลยบอกว่าผมน่ารัก" ตรรกะเชื่อมโยงสุดยอด!!

คุณเชสถอนใจปนขบขัน เอ็นดูคนพูดอย่างบอกไม่ถูก และเริ่มคิดว่าคีธดูน่ารักขึ้นมาจริงๆ ...แต่เขาไม่ได้อยากกอดหรอกนะ

"บางทีมันอาจจะเป็นคำที่เอาไว้ใช้กับคุณคนเดียวก็ได้ คำนั้นน่ะ" ร่างโปร่งแหย่

"คุณเชสไม่เห็นกอดผมเลย" วาฬเถียงทันควัน

"นี่... น่ารักไม่ได้แปลว่าอยากกอดหรอกนะ"

"แล้วมันแปลว่าอะไร"

"อา... น่าเอ็นดู" ไม่ แอนโธเน่... เพิ่มคลังคำมากเกินไปแล้ว "ความรู้สึก... ชอบ... ล่ะมั้ง"

เมื่อได้ยินคำว่าชอบ วาฬก็เบิกตาขึ้น "งั้นผมน่ารักก็ได้" พับผ่าสิ คนละความหมาย!

"โอย เหนื่อย" ถึงจะบ่น แต่คนพูดก็หัวเราะชอบใจ "ใจเย็น สัตว์โลก... ความชอบของมนุษย์ไม่ได้พิเศษขนาดนั้น" เขาปราม ลูบผมอีกฝ่ายไปพลางเป็นเชิงปลอบ "แต่อย่าผิดหวังนะ เพราะมันก็ไม่ได้แย่อะไร มันเป็นความรู้สึกที่ดี"

คีธชอบสัมผัสนั้น เขาจึงหลับตาลงเพื่อจดจำมันเอาไว้

...เหมือนเลี้ยงสัตว์ตัวใหญ่ๆ จริงๆ นั่นแหละ

"คุณน่ารักจริงๆ ล่ะนะ แม้มันจะไม่ใช่ความรู้สึกอยากกอด" คุณเชสว่า "ขอบคุณที่อยู่กับผมในโลกนี้"

"ผมชอบคุณเชส..." อีกฝ่ายย้ำคำเดิม "อยากอยู่ด้วยตลอดเวลา"

"ขอบคุณจริงๆ " คุณเชสยิ้ม ก่อนโน้มตัวไปหาและจูบบนหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ

คีธเบิกตา รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่แตกต่างระหว่างจูบของเขากับจูบของคุณเชส คีธอธิบายไม่ถูกว่ามันเป็นอย่างไร แต่เขารู้ว่าชอบให้คุณเชสทำ

เขาชอบทุกสัมผัสของคุณเชสจริงๆ

"เอ้า จะนอนทับทั้งตัวแล้ว ลุกสักที ผมหนักนะ" คนที่เอี้ยวตัวหลบไปจนสุดโซฟาเอ่ยท้วง "ตัวคุณก็ออกใหญ่ จะใช้ร่างมนุษย์ทั้งที ทำไมยังเสกให้ตัวเองใหญ่ขนาดนี้" พวกเขาน่าจะสูงต่างกันสักสิบเซนติเมตร แต่นั่นก็ไม่นับรวมกล้ามเนื้อที่คีธมีมากกว่าหลายส่วน

คีธกะพริบตาปริบ "ผมไม่คิดว่าจะตัวเล็กกว่าคุณเชสอยู่แล้ว"

ไม่ควรถามเหตุผลมันเลยจริงๆ

"สำหรับวาฬน่ะ ยิ่งโต ยิ่งตัวใหญ่ คุณเด็กกว่าผมเป็นสิบปี ทำไมคุณถึงคิดว่าผมควรจะตัวเล็กกว่าคุณ" แล้วไหนจะเรื่องรูปร่างหน้าตาทรงผมที่ไม่ได้ไปลอกเลียนครูฝึกคนไหนมาอีก คีธสามารถแปลงตัวเองเป็นมนุษย์ได้อย่างไร จริงอยู่ว่าสวนน้ำของเขามีผู้เยี่ยมชมมากมาย แต่คีธมีวิธีเลือกอย่างถึงจึงเลียนแบบคนนี้ ที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้

...เหตุใดจึงเลือกแปลงเป็นคนหล่อ แทนที่จะเป็นคนธรรมดา

"มนุษย์ที่แก่มักจะตัวเล็กกว่า เรื่องนี้ผมรู้หรอก ผมจำมนุษย์คนอื่นที่มาที่บ่อได้น่า"

ถึงคีธจะพูดความจริง ...แต่นี่มันว่าเขาแก่อย่างนั้นหรือ!!!

"สี่สิบยังไม่แก่! " คราวนี้มนุษย์ไม่ยอม "อายุน้อยกว่า 'ป้า' ของคุณอีก! " คุณเชสจำได้ว่าวาฬเพศเมียอาวุโสในบ่อตัวนั้นอายุห้าสิบสาม "ลุกออกไปได้แล้ว หนัก! "

คีธมองคนที่เขาเอนตัวทับอยู่... ไม่รู้ว่าควรจะหาคำอะไรมาอธิบายดี

แต่เขาอยากกอดจริงๆ ถ้าไม่ใช่คำว่าน่ารักแล้วจะเป็นคำว่าอะไร ที่ทำให้เขาอยากกอด!

กอดอีกทีเลยก็แล้วกัน ไม่ต้องหาคำอธิบายแล้ว

"คีธ! ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่อง ผมจะถีบแล้วนะ! "

ให้มันรู้ไปว่าขาของมนุษย์ทำอะไรได้บ้างนอกจากเดิน...

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 11

วาฬเบลูก้าเป็นวาฬชนิดเดียวที่สามารถหันหน้าได้



เนื่องจากกระดูกของคอของวาฬเชื่อมโดยตรงกับกระดูกสันหลัง ทำให้วาฬไม่สามารถหันหน้าไปด้านข้างซ้าน-ขวาได้ (แต่พยักหน้าขึ้น-ลงได้) หากต้องการจะส่ายหน้า จะต้องขยับทั้งตัว แต่กระดูกคอของวาฬเบลูก้าแยกกับกระดูกสันหลัง ทำให้มันสามารถเอี้ยวมองได้

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: Death n Dream ตอนที่ 11 [09-04-2018]
«ตอบ #14 เมื่อ15-04-2018 11:29:50 »

น่ารัก อ่านแล้วมีความสุข สบายใจจังเลยค่ะ
ปล่อยให้คุณเชสหนักใจไปคนเดียว ขนาดตายแล้วยังคิดเยอะอีกน้า
อยู่ๆไปนังคีธต้องพัฒนาความร้ายจนคุณเชสตามไม่ทันแน่เลย

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 12
«ตอบ #15 เมื่อ18-04-2018 15:30:24 »

ตอนที่ 12


หลังจากถูกถีบไปครั้งหนึ่ง คีธก็เริ่มเข้าใจความรุนแรงของการเป็น 'สัตว์บก'

จริงอยู่ว่าเขาคุ้นเคยกับการ 'จัดอันดับ' ของวาฬในบ่อเดียวกัน แต่มันให้ความรู้สึกต่างกันทั้งในเรื่องของความรู้สึกและความเจ็บปวด

คุณเชสไม่ได้มีความคิดเรื่องการจัดอันดับ อีกฝ่ายไม่เคยพูดถึง ไม่เคยแสดงออก ทำให้เขารู้สึกเท่าเทียมมากกว่า แม้คีธจะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอยู่ในตำแหน่งสูงสุดสำหรับมนุษย์ด้วยกันก็ตาม ต่างจากวาฬตัวอื่นที่มักจะย้ำเสมอว่าเขาอยู่ในตำแหน่งต่ำสุดของกลุ่ม

นั่นไม่ใช่ปัญหา... คีธเคยชินกับมัน เขาอยู่ในตำแหน่งนั้นมาตลอดชีวิต

จะมีคุณเชสอยู่สูงกว่าอีกสักคนคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

ปัญหาคือการถีบของคุณเชสเจ็บกว่าการจัดอันดับหลายเท่า ซึ่งเขาตีความได้ว่ามันเป็นเรื่องของ 'สัตว์บก' และ 'สัตว์น้ำ' เพราะวาฬที่ตัวใหญ่กว่าเขายังชนไม่เจ็บเท่าคุณเชสถีบเลย

นั่นแปลว่าถ้าคุณเชสตัวเท่าเขาในร่างมนุษย์ อีกฝ่ายจะต้องแรงเยอะกว่านี้แน่นอน คีธโล่งใจขึ้นมาอย่างประหลาดที่เขาตัวโตกว่า

วาฬหนุ่มมองภาพยนตร์ที่ฉายขึ้นจอ... เขาดูไม่รู้เรื่อง

นี่ติดนิสัยคิดมากมาจากคุณเชสแล้วสินะ

เขาชะโงกไปดูแผงควบคุมที่อยู่บนแท่นวางแขน ปรับลดเสียงที่ดังจนหนวกหู และเปิดเมนูขึ้นมาเพื่อหาสิ่งที่น่าสนใจกว่า คุณเชสบอกว่าจะไปจัดการอะไรบางอย่าง และขอให้เขานั่งดูโทรทัศน์ไปพลาง หรือนอนหลับไป ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเดินเพ่นพ่านไปทั่ว

...คุณเชสไม่เคยห้ามเขาเปลี่ยนช่อง



เจ้าของบ้านเลิกทำความเข้าใจกับกฎเกณฑ์ในชีวิตหลังความตาย ตั้งแต่เขาหายใจได้ เหนื่อยเป็น หัวใจเต้นปกติราวกับมนุษย์ทั่วไป แต่ไม่ต้องกินอาหาร ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ปราศจากผู้คนยกเว้นคีธ มีกลางวัน กลางคืน พระจันทร์ ดวงดาว ข้างขึ้น ข้างแรม

โลกที่บอกไม่ได้ว่านี่เป็นความฝัน ความจริง หรือความตาย

สิ่งที่คุณเชสเป็นกังวลในตอนนี้นั่นก็คือเรื่องของกิจวัตรประจำวัน

คุณเชสรื้อกล่องในห้องเก็บของออกมาเพื่อหาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เขาเคยสำรองไว้ เขาไม่ได้กลับบ้านบ่อย จึงไม่กักตุนอะไรมาก และไม่ได้คิดด้วยว่าเมื่อตายแล้วจะได้กลับมา

สบู่ใกล้จะหมด...

คุณเชสไม่คิดว่าชีวิตหลังความตายนี้ เขาจะสามารถสั่งซื้อของพวกนั้นได้เหมือนตอนมีชีวิต มันจึงกลายเป็นปัญหาให้ขบคิดว่า ถ้าของเหล่านี้หมดไปจริงๆ เขาควรจะทำอย่างไรต่อ

ทำสบู่เอง อย่างที่คีธเคยชวนเหรอ...

เขารื้อเจอกล่องสบู่สำรองอีกกล่องเดียว ซึ่งปริมาณมันอาจจะมากพอสำหรับหนึ่งปี แต่หากเทียบกับช่วงเวลาที่เขามีชีวิตแล้ว หนึ่งปีนั้นไม่นานเลย

หากจะลดการอาบน้ำ... นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่รับได้เท่าไหร่

วันละครั้งในฤดูหนาวก็เป็นตัวเลขที่รับได้มากที่สุดแล้ว

ร่างโปร่งขบริมฝีปาก รื้อทั้งยาสระผม และน้ำยาซักผ้าออกมาตรวจสอบ และคำนวณว่าแต่ละอย่างจะสามารถใช้ได้อีกนานเท่าใด เขาควรจะทำอย่างไร ถ้ามันหมดไป และไม่สามารถหาสิ่งใหม่มาแทนได้

...นี่มนุษย์ต้องพึ่งพาของพวกนี้ในการดำรงชีวิตจริงๆ



คุณเชสกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเสียงโทรทัศน์ในห้องนั่นเล่นเงียบไป คีธดูหนังจบแล้วหรือ ทั้งที่เขาคำนวณเวลาเอาไว้ตั้งสองชั่วโมงที่จะทำให้เจ้าวาฬนี่นั่งเฉยๆ ได้

"นั่นคุณทำอะไร"

เจ้าของบ้านอ้าปากค้าง เห็นว่า 'สัตว์โลก' เปิดหนังอีกเรื่องหนึ่ง

"คุณไม่ได้ห้ามเปลี่ยนช่อง" ดูมันย้อนเข้าสิ...

"โอเค คุณฉลาด" คุณเชสถอนใจ "คุณสังเกตผมแล้วก็ทำตาม"

คนถูกชมไม่ได้หันมอง แต่ยกนิ้วชี้ขึ้นพร้อมกับนิ้วโป้ง อันเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องหมายถูก

...นี่ไปหัดอะไรแบบนี้มาจากไหนกัน!

ดวงตาสีฟ้าของอีกฝ่ายยังมองจอโทรทัศน์ ดูเขาจะสนใจมันมากเป็นพิเศษ สิ่งที่ฉายอยู่เป็นภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่องหนึ่ง

เวรล่ะ แอนโธเน่...

"ทำไมคุณเลือกเรื่องนี้" เจ้าบ้านเดินไปนั่งด้วย พยายามชวนคุยเพื่อหาเหตุผลในการเปลี่ยนหรือปิดมัน เพราะเขายังไม่อยากให้คีธเรียนรู้ 'พฤติกรรมใหม่'

"ผมดูเรื่องที่คุณเปิดให้ไม่รู้เรื่อง"

"คุณหมายถึงหนังสำหรับเด็กอายุไม่เกินสิบสองปีน่ะเหรอ"

"คุณเชสบอกว่าผมอายุยี่สิบสี่" ...แต่สมองคีธยังระบุอายุ 'มนุษย์' ไม่ได้ไง

"คุณก็เลยไม่อยากดูหนังเด็ก" คุณเชสมองแท็บที่วางอยู่บนโต๊ะ หยิบขึ้นเปิดรายละเอียดดูว่าหนังเรื่องนั้นชื่อว่าอะไร เกี่ยวกับอะไร และที่สำคัญที่สุด... เรตเท่าไหร่

สิบแปดบวก...

...แอนโธเน่ เชสคิดว่าตัวเองเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่แย่ที่สุด เขาลืมไปว่าเด็กมันเรียนรู้เร็ว

"ผมอ่านตัวเลขออกน่า" คีธดูจะอ่านใจเขาได้อีกด้วย "แล้วก็... มันไม่ได้มีอะไรนี่"

จากแถบระบุเวลา... คีธดูมาค่อนเรื่องแล้ว

"ผมแค่..." คุณเชสถอนใจ "ผมแค่กลัวว่าคุณจะเจออะไรที่ไม่เหมาะสม"

"สำหรับมนุษย์... ผมโตแล้ว"

"ใช่ ถ้ามองแค่อายุ" เจ้าของบ้านนวดขมับ "แต่คุณ... ใช้ชีวิตเป็นวาฬมาตลอด จู่ๆ จะมาเป็นมนุษย์ ผมตีความว่าคุณเป็นเด็ก"

"ถ้าเด็กกว่าคุณก็ถูก..." ร่างสูงเหลือบมอง "คุณกลัวผมรึเปล่า"

คนถูกถามชะงักไป "ผมหายใจติดขัดเหรอ"

"เปล่า... หัวใจคุณเต้นแรง"

นั่นคงเป็นเหตุผลที่คีธลดเสียงทีวีลง เพราะอีกฝ่ายดูจะหูดีเป็นพิเศษ

"ผม... ตีความว่าคุณพยายามจัดอันดับ" คีธเริ่ม "ผมอยู่ในอันดับต่ำที่สุดมาตลอด ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะพยายามอยู่สูงแค่ไหน แต่วาฬตัวอื่นในฝูงของผม... ไม่เคยกลัวคนที่อยู่ในอันดับต่ำกว่า"

คุณเชสเลิกคิ้วข้างหนึ่ง พยายามจับต้นชนปลาย "คุณหมายถึงที่ผมถีบคุณวันก่อน"

...บ้าจริง มันไม่ใช่เรื่องการจัดอันดับอะไรทั้งนั้น เขาแค่สั่งสอน

แต่การสั่งสอนสำหรับวาฬคือการจัดอันดับความอาวุโสในฝูง

"โอเค... ผมกลัว แต่มันไม่ใช่เรื่องการจัดอันดับ ผมไม่ได้กลัวว่าคุณจะพลิกขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสเหนือกว่าหรืออะไรทำนองนั้น นี่ไม่ใช่ระบบฝูง" คุณเชสเริ่ม "เราเท่าเทียมกัน คีธ..."

"แล้วคุณกลัวอะไร..."

กลัว... คุณเชสหลบตามองพื้นขณะใคร่ครวญคำตอบ

"กลัวคุณจะรู้มากไป" อดีตผู้บริหารสบตาคู่สนทนา "คุณฉลาด มีไหวพริบ หัวไว ช่างสังเกต เรียนรู้เร็ว แต่คุณยังไม่มีความยับยั้งชั่งใจ และใช้ตรรกะเดิมของคุณในการตัดสินใจทำอะไรหลายอย่าง" เขาพูดตรง และตรงเกินไปจนคิดว่าคีธอาจจะเสียใจที่ได้ยินแบบนั้น แต่ในแววของวาฬกลับเหมือนเดิม คีธพยายามทำความเข้าใจอย่างที่เขาพยายามมาตลอด

"ฟังดูแย่..." คีธจับใจความได้แค่นั้น "คุณตอบไม่ตรงกับที่คุณคิด"

นี่มันเครื่องจับเท็จที่มีชีวิตหรือยังไงกัน!

คุณเชสถอนใจ "มนุษย์แสดงออกได้หลากหลายกว่าสัตว์ และเรามีระดับการแสดงออกที่ซับซ้อนกว่ามาก ผมแค่กลัวว่าคุณเลียนแบบทุกสิ่งที่เห็น... ทั้งที่คุณไม่เข้าใจความหมายของพฤติกรรมนั้น ผมถึงระวังในการเปิดหนังให้คุณดู" แล้วคีธก็ดันเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนช่องได้เร็วมาก

"อย่างเรื่อง 'ทำรัก' น่ะเหรอ" ...ไปเอาคำนั้นมาจากหนังแน่ๆ!

คุณเชสเม้มปาก และยกนิ้วชี้ขึ้นเป็นคำสั่งห้ามพูดต่อ

"มนุษย์ไม่ได้ทำแบบนั้นกับทุกคน" หากจะพูดให้ถูก... ก็ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะยึดตรรกะนี้ แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก "คุณยังไม่รู้จักคำว่ารัก... และผมรู้ประวัติคุณ ผมรู้จักโครงสร้างทางสังคมของคุณ ผมไม่โทษคุณ แต่... อย่าใช้ตรรกะแบบนั้นกับผม"

สรุปว่าคุณเชสกลัวเขา... ทำรัก...

คีธไม่พูดอะไรด้วยอีกฝ่ายยังไม่ลดมือ

"แล้วก็เปลี่ยนคำด้วย..." ร่างโปร่งคิดหนัก ในเมื่อคีธดูจะรู้จักพฤติกรรมนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่เรียกไม่ถูก "ไม่.. คุณลืมคำนั้นจะดีกว่า มันยังเร็วไปที่คุณจะรู้จัก"

"ผมเคยทำน่า" ...รู้แล้วว่าเคย! อ่านรายงานอยู่!

คีธจับมือที่ยกค้างของคุณเชส "ผมแค่อยากรู้ว่ามนุษย์แสดงออกยังไง ในเมื่อทำแบบนั้นก็ไม่ได้ ทำแบบนี้ก็ไม่ได้ และคุณก็... ปากไม่ตรงกับใจ คุณไม่เคยบอกว่าผมควรแสดงออกยังไง"

คุณเชสรู้สึกเหมือนได้รับเหตุผลที่ดี แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนถูกด่า

"ถ้าผมถูกใจใคร ก็แค่ไปว่ายด้วย คลอเคลียด้วย อยู่ใกล้ๆ แต่คุณบอกว่าทำไม่ได้ แล้วยังไง..." ดวงตาสีฟ้าสดจับจ้องคู่สนทนาขณะพูด "ผมไม่อยากแสดงออกผิดๆ ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี ผมชอบคุณมาก... บอกไปตั้งหลายครั้งแล้ว"

การพูดโดยไม่รู้ความหมายเป็นสิ่งที่ทำให้คุณเชสกลัวยิ่งกว่าอะไร

เขาไม่ได้กลัวคีธ เขากลัวตัวเอง

เขากลัวตัวเองจะรักข้างเดียว... กับสัตว์...

"หายใจติดขัดอีกแล้ว" คีธปล่อยมือ ยอมถอยไปเมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอึดอัด

"ผมกลัวตัวเอง" คุณเชสจับมืออีกฝ่ายไว้แทน "คุณเคยเป็นสัตว์ คีธ... วิธีการคิดของผมกับคุณต่างกัน ผมกลัวว่าเราจะเข้าใจไม่ตรงกัน ผมกลัวว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายเดียวที่คิดไปไกล"

วาฬไม่มีรูปแบบชีวิตคู่ ไม่ว่าสายพันธุ์ไหนก็ไม่มีทั้งนั้น...

"หยุดย้ำคำว่าสัตว์กับผมได้ไหม"

"..."

คีธเงยมองทีละน้อย "รักผม.... ที่จิตวิญญาณได้ไหม"

สัตว์ตัวหนึ่งจะอยากเป็นมนุษย์ในชีวิตหลังความตายเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่ความรู้สึกผูกพัน และโหยหา จะพยายามเข้าใจความซับซ้อนของอารมณ์ไปทำไม หากไม่ใช่เพราะอยากค้นหาว่า 'รัก' สำหรับมนุษย์คืออะไร ...และมันใช่สิ่งที่เขารู้สึกหรือเปล่า

"ไปจำมาจากหนังใช่ไหม" ร่างโปร่งดึงอีกฝ่ายมาแนบหน้าผาก "บอกทีว่าผมผิด ที่คิดว่าคุณไม่มีวันเข้าใจความหมายของมัน"

คีธไม่ตอบ แต่แนบริมฝีปากจูบแทน

...สัตว์โลกไม่น่ารัก

"คุณกำลังทำให้ผมหมดความอดทน" จากมือที่ประคองใบหน้า คุณเชสค่อยๆ เคลื่อนไปที่ลำคอหนาและรั้งเข้ามาใกล้ "แสบนักนะ..."

"ผมยังไม่โกรธที่คุณหลอกเรื่องจูบ"

คีธรู้แล้วว่าจูบจริงๆ คืออะไร...

"รู้ไปก็เท่านั้น มือสมัครเล่น" มนุษย์ไม่จูบกับใครพร่ำเพรื่อ อย่างน้อยก็ไม่ใช่จูบแบบนี้ คุณเชสกัดปากตัวเองชั่งใจ ก่อนจะแนบจูบกลับ กดนิ้วโป้งที่ปลายคางให้คีธเผยอริมฝีปากรับ ลิ้นอุ่นๆ แตะลากผ่านริมฝีปาก สอดเข้าไปในโพรงปากเนิบช้าและนุ่มนวล

นี่อาจเป็นการแสดงอำนาจเหนือกว่าอย่างหนึ่งก็ได้

คนสูงกว่าตกใจ เขาเท้าแขนยันตัวเองไว้ไม่ให้น้ำหนักตัวโถมใส่อีกฝ่าย

"ผมถึงไม่อยากให้คุณเสพสื่อเกินอายุ" ร่างโปร่งกระซิบติดริมฝีปาก ขบเบาๆ อย่างมันเขี้ยว "เอามือไปวางตรงไหน..." ฝ่ามือของคีธวางอยู่บนหน้าท้อง ปลายนิ้วลากไล้บนผิวหนังอุ่นร้อนใต้เสื้อ และหากเคลื่อนต่ำลงไปก็คงไม่ต้องอธิบายต่อ "อย่าเลียนแบบหนัง"

"ถ้าไม่อยากให้เลียนแบบ... คุณเชสคงต้องสอน" ดูมันเถอะ...

"อย่าอ้อมค้อม" คนฟังนิ่วหน้า รู้สึกเหมือนโดนข่มขู่จากคนใต้บัญชาตัวเอง

แขนกำยำสอดรั้งใต้เอวสอบ ร่างสูงก้มลงบดริมฝีปากจูบพร้อมเบียดกายเข้าหา แนบเนียนเสียจนหลงคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่คิด

อย่าเร่งเร้าให้มากนักเลย

คุณเชสสอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมสีเข้ม หยุดชั่งใจว่าควรหยุดหรือไม่

'รักผม... ที่จิตวิญญาณได้ไหม'

"อืม..." ร่างโปร่งครางในลำคอ... เขาตัดสินใจ "ถอยก่อน คีธ..."

แผ่นหลังเขาเอนแนบโซฟา ขณะที่สะโพกถูกรั้งลอยขึ้นให้สัมผัสกับคนเบื้องบน รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่กำลังก่อตัวของทั้งคู่

คีธสูดหายใจ ยอมปล่อยมือและถอยออก

เพียงอึดใจเดียว คุณเชสก็ยันตัวเองขึ้น กดให้เขานอนลงกับพื้นแทน "กฎของผมมีข้อเดียว..." ร่างโปร่งเอื้อมมือไปกดปุ่มบนแผงควบคุมบนที่พักแขน โทรทัศน์ถูกปิด เช่นเดียวกับระบบฟิล์มกรองแสงบนกระจกทุกบานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ ปิดกั้นแสงสว่างจากภายนอกจนหมด

"ห้ามเปิดไฟ"

พวกเขาจูบกันในความมืด กระดุมเสื้อของคีธถูกปลดอย่างรวดเร็ว เปิดเผยแผ่นอกกว้างกำยำ อีกฝ่ายเรียนรู้เร็ว ยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเข็มขัดถูกถอดออก อำนวยความสะดวดให้คุณเชสช่วยถอดกางเกงให้พ้นทาง

"คุณไม่รู้จักชั้นในใช่ไหม..." ร่างโปร่งขำ "ว่าจะไม่สงสัยแล้วเชียว"

คุณเชสสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายสอดมือเข้าไปในกางเกงของเขา "ก็จะใส่ทำไมตั้งหลายชั้น"

"เดี๋ยว..." ร่างโปร่งแอ่นตัวหนี หลบสัมผัสมือที่นวดคลึงร่องสะโพก "อยู่เฉยๆ เดี๋ยวผมจัดการเอง" เขาหยัดตัวขึ้นถอดกางเกงออก รู้สึกได้ถึงท่อนแขนที่โอบกอดแผ่นหลังเอาไว้

เขาคร่อมอยู่บนตัวคีธ เขารู้ถึงความต้องการนั่น

อย่าหยุด แอนโธเน่... มาถึงขั้นนี้แล้ว

อย่าว่าแต่ความต้องการของอีกฝ่ายเลย ร่างโปร่งพยายามดึงชายเสื้อปกปิดตัวเอง

คีธยึดแขนเขาเอาไว้ จรดริมฝีปากคลอเคลีย "คุณเชส..." เขารู้ว่าอีกฝ่ายลังเล และรู้ว่าหากไม่ใช่ความรู้สึกพิเศษ เขาคงจะไม่รีรออยู่ด้วยอย่างแน่นอน "ผมทำได้นะ"

"คุณยังถอดเสื้อผมไม่เป็นด้วยซ้ำ" คนเหนือกว่ายิ้มเย้า แม้เสียงของเขาจะแหบพร่า "เลิกชายขึ้น..." มือใหญ่จับชายเสื้อ และค่อยๆ รั้งขึ้นถึงอก คุณเชสเม้มปากเล็กน้อยก่อนยกแขนให้อีกฝ่ายถอดสเวตเตอร์ออกให้

นี่เขาต้องกล้าขนาดไหนในการสอนคนอื่นถอดเสื้อผ้าตัวเอง

คีธจูบลงกลางอก ยึดแขนคนตรงหน้าเอาไว้ ดันให้เขาแอ่นกายรับสัมผัสวาบหวาม ขณะที่ช่วงล่างกดบดเบียดกันด้วยความปรารถนา

คนเบื้องบนกลั้นใจ ขยับมือของตนไปกอบกุมตัวตนของอีกฝ่าย

"...! " คีธสะดุ้ง ปล่อยมือจากแขนคุณเชส กอบกุมสะโพกแน่นเอาไว้แทน

"อวดเก่ง" เสียงแหบพร่ากระซิบหยัน แล้วจึงกดร่างตัวเองลงไปครอบครองความอุ่นร้อนที่จ่อจดแนบชิด คุณเชสมุ่นคิ้ว ระบายลมหายใจหนักหน่วงออกมา นิ่วหน้าและสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาเอ่อขึ้นมาด้วยความรู้สึกเจ็บ

คีธกอดรั้งเอวสอบ สัมผัสได้ถึงความร้อนจากคนตรงหน้าที่ดูดกลืนความปรารถนาของเขา หยดเหงื่อผุดซึมทั้งที่อากาศเย็นเฉียบ ลมหายใจติดขัดทว่าไม่ได้เกิดจากความอึดอัดใจ

แต่อึดอัดกายต่างหาก... แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ไม่ดี

คีธลืมตาขึ้น เขาเงยมองร่างโปร่ง ทั้งคู่สบตาในความมืด ก่อนที่คุณเชสจะจิกบ่าของเขาโดยแรง

"คุณ..." คิ้วเรียวขมวดมุ่น กัดฟันกรอดราวเจ็บใจในความไม่รอบคอบของตัวเอง "มองเห็นในความมืดใช่ไหม" คีธอาจมีร่างมนุษย์ แต่อีกฝ่ายไม่เคยบอกว่าละทิ้งความสามารถเดิมไป

"เห็น" คีธยอมรับ "มันไม่ได้น่าเกลียดเลย..." เขายังคงเลือกคำไม่ถูกเหมือนเคย

คุณเชสควบคุมอารมณ์ เขากัดปากตัวเองเมื่อเบื้องล่างเริ่มขยับเนิบนาบ มือข้างหนึ่งยึดบ่ากว้างเอาไว้เป็นหลักพยุง ส่วนอีกข้างยึดข้อมือคีธเอาไว้ไม่ให้เขาออกแรงขยำสะโพกแน่นในมือ ขยับสวนทีละน้อยราวกับหาจังหวะสอดประสาน

"ไม่ต้องเขินหรอก คุณเชส" ร่างสูงปลอบ แต่มันทำให้คนเบื้องบนยิ้มขำ

...คำพูดคำจาน่ารักเหมือนไม่ได้กำลังทำเรื่องสัปดนอยู่

"ผมไม่ได้เขิน" เขาแก้ไข "ผมพยายามจะไม่ร้อง"

สะโพกมนเร่งจังหวะขึ้น รับกันกับเบื้องล่างที่เริ่มเข้าใจหลายอย่าง คีธแนบหน้าผากหาเขา ระบายลมหายใจหนักๆ มือใหญ่เคลื่อนลงไปถึงต้นขา เหนี่ยวรั้งให้เบื้องบนกดกายลงมารับการสอดแทรก ทั้งสองร่างเคลื่อนไหวอยู่ในความมืด และความเงียบก็ช่วยให้เสียงสัมผัสหยาบโลนดังไปทั่วห้อง

"คีธ... เบา...! "

มือเรียวเหนี่ยวรั้งบ่ากว้าง แม้จะแอ่นร่างเข้าหาด้วยยินยอม แต่จังหวะดุดันหนักหน่วงขึ้นทุกวินาทีทำให้ความคิดกระจัดกระจาย คุณเชสครางเสียงแผ่วอย่างกลั้นไม่ได้ กอดก่ายคนตรงหน้าเอาไว้แน่น

"อือ...! " อีกฝ่ายกระแทกเข้ามาจนสุดไม่กี่ครั้ง ก่อนที่ปลดปล่อยอย่างรุนแรง

บ้าจริง... ลืมเรื่องถุงยางไปสนิท

แต่ถามว่าจะใช้ไปเพื่ออะไรก็คงตอบยากเหมือนกัน มันคงเป็นแค่ความเคยชิน

ไม่ได้นอนกับใครมาเกือบสิบปีแล้ว ต่อให้มีถุงยางมันก็คงหมดอายุ

"อย่าเพิ่งพูดอะไร" คุณเชสซบหน้ากับบ่าหนา ปรับลมหายใจให้เป็นปกติ "ขอพักก่อน... แล้วค่อยว่ากัน"

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 12

วาฬเพชฌฆาต 'จัดอันดับ' กันด้วยการใช้กำลัง

วาฬเพชฌฆาตในธรรมชาติมีวิธีการจัดอันดับทางสังคมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการยกหางฟาดน้ำ ว่ายชน ขบกราม หรือถากฟัน ซึ่งวาฬที่อยู่ในอันดับต่ำสุดของฝูงมักจะมีรอยถาก (rake) ปรากฏอยู่บนผิวหนังเสมอ

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 13
«ตอบ #16 เมื่อ18-04-2018 15:31:27 »

ตอนที่ 13


หากคิดว่าการตัดสินใจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุด

คุณเชสรู้มาตลอดว่าช่วงเวลาหลังการตัดสินใจนั้นท้าทายยิ่งกว่า การเอื้อมมือไปหาคีธไม่ใช่สิ่งสุดท้าย แต่มันคือจุดเริ่มต้น…



‘รักผม… ที่จิตวิญญาณได้ไหม’

คีธจูบเรือนผมสีเข้มชื้นเหงื่อของคนในวงแขน พยุงร่างอีกฝ่ายเอาไว้แนบอก เขารู้ว่าคุณเชสอ่อนแรง จากลมหายใจกระชั้น จังหวะหัวใจระรัว และอาการซวนซบอยู่บนบ่าของเขา

ไม่คิดมาก่อนว่าการ ‘ทำรัก’ ของมนุษย์จะใช้แรงมากเท่านี้ เหนื่อยกว่ากระโดดเสียอีก

ทั้งที่การทำแบบนั้นในน้ำดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เปลืองแรงมากมาย

…ในกรณีสมยอมทั้งสองฝ่ายน่ะนะ

ในหัวของชายหนุ่มเต็มไปด้วยคำถาม ความสงสัย และข้อสังเกตมากมายที่คิดว่าถามให้ตายในเจ็ดวันก็ยังได้คำตอบไม่ครบ แต่คีธพอจะจับจังหวะอะไรบางอย่างได้

อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กับคุณเชส…

เขากอดคนตรงหน้าไว้หลวมๆ นึกไปต่างๆ นานาว่าควรทำอะไรต่อไป วาฬไม่มีพิธีรีตอง ซึ่งแน่นอนว่าตรรกะนี้ใช้ไม่ได้กับมนุษย์ผู้ชอบสร้างกฎเกณฑ์ เขาคงไม่สามารถถอนตัวออก และปล่อยคุณเชสไว้ที่เดิม หรือแยกย้ายกันไป

…ถึงทำได้ก็ไม่อยากทำ

กว่าเขาจะได้อีกฝ่ายมาอยู่ในอ้อมกอด… มันช่างเนิ่นนานเหลือเกิน

“คิดว่าจะไม่ปวดหลังซะอีก” ร่างโปร่งบ่นอุบ ก่อนเงยขึ้นมองคนตรงหน้า คีธมองตอบกลับมาด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไร… คุณไม่ได้ทำอะไรผิด”

คีธก้มลงอิงหน้าผากด้วย เขาทำแบบนี้ทุกครั้งเมื่อต้องการออดอ้อน

คุณเชสไม่แน่ใจว่านี่เป็นการอ้อนหรือการขอโทษ… แค่รู้สึกว่านี่เป็นวิธีแสดงออกถึงความห่วงใยของคีธ “บอกผมทีว่าจะต้องทำยังไง…” เขาไม่รู้ธรรมเนียมของมนุษย์เลย เขาไม่รู้เลยจริงๆ และเชื่อว่ามันไม่ใช่แค่การแยกย้ายกันไปแน่นอน

“ไปอาบน้ำน่ะ” ร่างโปร่งยิ้มจาง มุ่นคิ้วเล็กน้อยขณะขยับตัวขึ้น

โอย ปวดหลัง...

เขาควานหาโซฟา เพื่อจะแผงควบคุมปรับสีฟิล์มไฟฟ้า แต่กลายเป็นว่าคีธเอื้อมไปกดเปิดก่อนแล้ว

น่าเจ็บใจนักเชียว

“คุณมองเห็นในความมืด”

คุณเชสหันไปคว้าเสื้อของตัวเองกลับมาสวมอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยชายเสื้อมันก็ยาวพอจะปกปิด… ช่วงล่างของเขาได้

…นอกจากปวดหลังแล้วยังปวดอย่างอื่นอีก

“ผมไม่เคยบอกว่าไม่เห็นนะ” ร่างสูงโคลงหัว ลุกขึ้นยืนแล้วส่งมือให้คู่สนทนา “คุณลุกไหวไหม”

คุณเชสไม่ตอบ แต่คว้ามือคีธไว้เพื่อเหนี่ยวดึงตัวเองลุกขึ้น “ทำไมคุณถึงไม่อยากให้เห็น” คีธเข้าใจว่ามนุษย์สวมเสื้อผ้าเพื่อป้องกันความหนาว แต่กรณีของคุณเชส เขาคิดว่าคุณเชสสวมเสื้อผ้าเพื่อปกปิดร่างกายไม่ให้ใครเห็นเสียมากกว่า “ผมแค่… สังเกตหลายครั้งแล้ว”

“มันไม่ได้น่าดู” คุณเชสตอบ ดึงเสื้อลงอีกเล็กน้อย

“เราก็มีเหมือนกัน”

คุณเชสถอนใจ เดาได้ว่านี่เป็นคำถามแรกในสามพันแปดร้อยเก้าสิบสองคำถามที่อยู่ในหัวคีธ “ก็จริงว่าเหมือน… แต่… มันแค่ไม่น่ามอง” ร่างโปร่งก้มหยิบเสื้อผ้าอีกฝ่ายขึ้นมา “คุณก็เหมือนกัน ควรจะปิดด้วย” เขาส่งเสื้อให้คีธ “อย่าเดินแก้ผ้าในบ้านผม”

…คุณเป็นคนถอดเองแท้ๆ

คีธไม่ได้พูดออกไป แต่ยอมรับเสื้อมาสวมแต่โดยดี

เขามองตามคุณเชสที่เดินนำขึ้นไปชั้นบน นึกอยู่ว่าแทบไม่เคยเห็นขาอีกฝ่าย ถ้าไม่ใช่เวลาอาบน้ำ คุณเชสชอบสวมกางเกงขายาว และเสื้อสวมหัวที่เป็นแขนยาวเหมือนกัน ปกปิดเนื้อหนังจนน่าสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่อยากให้ใครเห็น

จริงอยู่ว่าเขาเคยเห็นคุณเชสตอนไม่สวมเสื้อผ้า แต่ไม่เคยสังเกตมาก่อนว่ามันค่อนข้างเรียวผอมต่างจากเขา

“มีใครเคยพูดว่าคุณไม่น่ามองเหรอ”

คุณเชสชะงัก “ผมพูดเอง…”

“คุณไม่ได้น่าเกลียดนะ” คีธไม่แน่ใจว่าเขาควรจะใช้คำว่าอะไร และเขาเองก็ไม่เคยเห็นมนุษย์คนอื่นเปลือยเหมือนกัน จึงตัดสินไม่ได้ว่าคุณเชสจัดอยู่ในประเภทใด “สำหรับผม… ก็ผอมๆ ดี”

คุณเชสหัวเราะเบา “ผมควรดีใจที่วาฬชม” แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็นึกได้ “อา… ขอโทษที่ย้ำคำนั้น”

คีธยิ้มตอบ “คุณใส่ใจเสมอ คุณเชส” เขาก้าวเข้าไปหาคนที่หยุดก้าวกลางทาง “เวลาดีใจ… มีวิธีไหนแสดงออกได้อีก นอกจากยิ้มให้”

คุณเชสเงยมอง “ดีใจแบบไหนกัน”

“คุณเป็นคนเดียวที่สนใจความรู้สึกผม… ผมถึงดีใจ”

คุณเชสเม้มปาก เขารู้ว่าคนอื่นดูใจร้ายกับคีธ ทั้งครูฝึกที่ชอบออกคำสั่งเพื่อแลกกับอาหาร เด็กๆ ที่ชอบทุบกระจกจนเอ็ดตะโรไปทั้งบ่อ ผู้บริหารคนนี้จึงเป็นเหมือนคนเพียงคนเดียวที่ใส่ใจความรู้สึกวาฬ …แต่นั่นก็เป็นเพราะคุณเชสเป็นมนุษย์คนเดียวที่สื่อสารกับคีธได้

คุณเชสลำบากใจที่จะรับความดีใจของคีธ…

เพราะแท้จริงแล้วเขาคือผู้บงการความใจร้ายนั่นทั้งหมด

“คุณไม่ตอบ… แต่คิดมากอีกแล้วนะ” คีธจับมือเรียวขึ้นมา จรดริมฝีปากจูบฝ่ามือนั้นช้าๆ และนุ่มนวล “แบบนี้ได้ไหม”

คุณเชสเอื้อมไปประคองใบหน้าอีกฝ่าย “อย่าเลย… เดี๋ยวจะไม่ถึงห้องน้ำ”

มันแปลว่าอะไรน่ะ...

เขาแนบหน้าผากด้วยอย่างที่คีธชอบทำ “แบบนี้ก็ได้… น่ารักดี”

“น่ารักก็ต้องกอดสิ”

“ผมบอกแล้วว่าน่ารักไม่ได้แปลว่าต้องกอด!”

คีธยิ้มกว้างขึ้น แนบจมูกประสานชิด แล้วจูบเบาๆ บนกลีบปาก “ไม่กอดก็ได้”

“ผมไม่ได้บอกว่าให้จูบ” เจ้าของบ้านเหนื่อยหน่าย “ไปอาบน้ำกันสักที เหนียวตัวจะแย่” เขาถอยออกมา แต่กลับเสียหลักไม่มีเหตุ เกือบจะล้มถ้าคีธไม่คว้าแขนไว้

“คุณเชส!” วาฬตกใจ เขาอ่านสีหน้าคุณเชสในอึดใจนั้น “คุณเจ็บใช่ไหม”

“อืม…” คนถูกถามไม่มีเหตุให้ปฏิเสธ “นิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย”

“มันต้องมีท่าไหนรึเปล่าที่คุณจะไม่เจ็บ”

…มันถามเหมือนมันจะทำอีกอย่างนั้น

“มันเป็นเรื่องปกติ เพศชายไม่ได้ถูกออกแบบมาให้คู่กันอยู่แล้ว” คนพูดเดินนำเข้าไปในห้องอาบน้ำ คิดว่าอยากแช่น้ำอุ่นสักหน่อย แต่คงต้องล้างตัวก่อน

“คุณเชส…” คีธเซ้าซี้ “มันไม่เกี่ยวกับเพศหรอกนะ”

ว่ากันว่าสังคมวาฬเป็นสังคมที่มีเสรีภาพทางเพศสูงคงจะเป็นเรื่องจริง แม้พวกมันจะแบ่งชนชั้นด้วยเพศก็ตาม “คุณกับวาฬตัวนั้น… ไกรา… เคยทำแบบนี้กันใช่ไหม” คุณเชสพอจะเดาความพึงพอใจระหว่างพวกเขาได้ ในฐานะที่เป็นวาฬเพศผู้เพียงสองตัวในฝูง “คุณน่าจะรู้ว่ามันเจ็บ”

“ผมไม่เคยเป็นฝ่ายถูกทำ…”

นั่น… นอกจากจะเดาถูกแล้ว คุณเชสยังได้เรื่องประหลาดใจเพิ่มมาอีกด้วย

“คุณอยู่ในลำดับชั้นต่ำสุดของฝูง…”

“ก็ไม่ได้หมายความว่าจะห้ามทำกับผู้ชายด้วยกันนี่ ที่ห้ามน่ะ ผู้หญิงต่างหาก…”

ไม่อยากทำความเข้าใจแล้ว ยากเหลือเกิน…

คุณเชสถอนใจ เขาถอดเสื้อออก เปิดฝักบัว และเสยผมเปียกชื้นขึ้น “มาอาบน้ำเร็วเข้า”

คีธกะพริบตาปริบ เขาคิดว่าท่าเสยผมเมื่อครู่ทำให้คุณเชสดูไหล่กว้างขึ้น และเห็นสัดส่วนช่วงเอวชัดเจนยิ่งขึ้น …มนุษย์ช่างมีส่วนโค้งเว้าเยอะเหลือเกิน จะมีวันหักกลางตัวไหมนะ

“คุณเชส…”

“หืม”

“ผม… ถามอะไรได้ไหม”

“ผมรู้ว่าคุณมีคำถามมากมาย แต่ผมจะไม่ตอบทั้งหมดในวันเดียวหรอกนะ”

“งั้นคุณจะตอบวันละกี่ข้อ”

คนฟังเสยผมขึ้น เขาหันมองคีธที่ตามเข้ามาในห้องฝักบัว “ข้อเดียว”

“สอง…”

…ไอ้วาฬนี่

“ข้อเดียว!”

“สาม…”

“ข้อเดียว!”

“หรือจะให้ผมหาคำตอบเอง”

คีธเข้ามาในห้องฝักบัวทั้งที่ยังสวมเสื้อ เชิ้ตสีขาวเปียกชุ่ม และแนบลู่ไปกับแผงอกกำยำ คุณเชสเผลอกลั้นใจ และมุ่นคิ้วไม่รู้ตัว “ก็ได้! สาม!”

วาฬยักษ์ยิ้มตอบ “สัญญาแล้วนะ”

“เออ! ถอดเสื้อด้วย! ไม่ใช่เข้ามาทั้งแบบนี้” เขาดันอกกว้างออก “เดี๋ยวค่อยถาม!”

คีธถอยออกมาจากฝักบัวฝนเทียม ค่อยๆ ถอดเสื้อออกอย่างยากลำบาก แล้วตามกลับเข้าไป ก่อนจับเอวคนตรงหน้าเต็มมือ

“คีธ!”

“อา… ขอโทษที่ปุบปับ” วาฬถอย “ผมแค่อยากถามว่ามนุษย์เรียกส่วนนี้ว่าอะไร”

เอาล่ะ… ยินดีต้อนรับสู่บทเรียนสรีระร่างกาย

“เอว… อย่าจับพร่ำเพรื่อแบบนี้ มันคุกคาม…”

ทำไมเพิ่งจะเตือนหนอ มันก็คุกคามเขามาได้สักพักหนึ่งแล้วไม่ใช่หรือ

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 13

วาฬไม่มีกระดูกเชิงกราน ดังนั้นจึงไม่มีเอว



แต่มันยังเหลือกระดูกส่วนเชิงกรานอยู่ แม้จะไม่มีขาหลังแล้วก็ตาม เพราะบรรพบุรุษของวาฬเคยเป็นสัตว์บก (ญาติที่ใกล้ชิดกับวาฬมากที่สุดในปัจจุบันคือฮิปโปโปเตมัส) ต่อมาพัฒนาให้ใช้หางในการว่ายน้ำ แต่บางส่วนของกระดูกเชิงกรานยังคงมีอยู่ในร่างกาย แม้ว่าจะไม่มีขาก็ตาม อีกทั้งยังไม่เชื่อมต่อกับกระดูกส่วนใดในร่างกายอีกด้วย

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 14
«ตอบ #17 เมื่อ18-04-2018 15:32:53 »

ตอนที่ 14


คุณเชสขอให้เขาเตรียมน้ำใส่อ่างที่กลางห้องให้ ต่างจากปกติที่อีกฝ่ายจะจัดการทุกอย่างเอง คีธพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่คิดว่าไม่ควรถามตรงๆ เขาจึงยอมทำตามที่อีกฝ่ายขอไปก่อน

แปลก… ถ้าทำแบบนั้นแล้วจะรู้สึกแย่มากกว่าดี คุณเชสจะเป็นฝ่ายเริ่มไปทำไม

มนุษย์นี่ช่างเข้าใจยากเหลือเกิน …แต่ชอบไปแล้ว จะทำยังไงได้หนอ

ร่างสูงลงไปแช่ในอ่างระหว่างรอเจ้าของบ้านออกมาจากตู้ฝักบัว กระจกที่เคยใสกลับกลายเป็นขุ่นฝ้ามัว ปิดบังร่างกายของคนที่ยังอาบน้ำอยู่ด้านใน ได้ยินแต่เสียงฝักบัวจำลองฝนที่เปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา

แปลก… ทุกทีก็จะมองเห็นข้างในชัดดีไม่ใช่หรือ

คีธวางแขนกับขอบอ่างที่ฝังอยู่ในพื้น กลายเป็นเกยคางกับพื้นไปกลายๆ เขารอจนคุณเชสเดินออกมา และก้าวลงในอ่าง นั่งลงข้างเขา “ผมเชื่อจริงๆ แล้วว่าวาฬเพชฌฆาตฉลาดมาก” นอกจากจะเปิดน้ำใส่อ่างได้ คีธยังเลือกน้ำอุ่นได้อีกด้วย “จำได้ว่าคุณเคยเปิดประตูกั้นระหว่างบ่อเล่นอยู่”

“ก็มันไม่มีอะไรให้เล่น” วาฬตอบสบายๆ แต่คนฟังกลับจุกเบาๆ

…ในบ่อวาฬนั้นไม่มีอะไรนอกจากความว่างเปล่าจริงๆ

“ถ้าเลือกเกิดได้… ผมก็อยากเป็นนักรณรงค์สิทธิสัตว์นะ” อดีตผู้บริหารพูดขึ้น “ถ้ามันจะแก้ไขความผิดพลาดในชีวิตที่แล้วของผมได้” แต่พูดถึงโลกของมนุษย์ตอนนี้ก็คงไม่น่าไปเกิดเป็นตัวอะไรทั้งนั้น มีแต่ความวุ่นวายเต็มไปหมด อย่าว่าแต่สิทธิสัตว์เลย สิทธิมนุษยชนด้วยกันยังจะหาได้ยาก

คีธคว้ามือคุณเชสแทบจะในทันทีที่ได้ยิน “อย่าพูดเรื่องนั้นได้ไหม”

คีธคงไม่อยากให้เขาไป… คุณเชสคิดแบบนั้น

“โอเค… ผมจะไม่พูด” ร่างโปร่งยิ้มจาง “ผมไม่ทิ้งคุณไปไหนหรอก”

คู่สนทนาบีบมือเขา คีธไม่ได้ออกแรงมากมาย แต่ด้วยความที่ตัวใหญ่ มันจึงเจ็บ “คีธ เบา…”

คนฟังจำรูปแบบคำพูดนี้ได้ เขาจำได้ว่าคุณเชสเคยเอ่ยปราม “คุณเจ็บใช่ไหม” คนพูดรู้สึกผิด “ถ้ามันแย่… ผมจะไม่ทำอีก”

ใจเด็ดกว่ามนุษย์ที่เคยพบเจอมาทั้งชีวิตเลยเชียว

“ไม่เอาน่ะ” ร่างโปร่งพ่นลมหายใจ นี่เขาต้องเป็นฝ่ายปลอบหรือยังไง อันที่จริงก็ไม่ต้องมีใครปลอบใครไม่ใช่หรือ มันเป็นเรื่องธรรมชาติทั้งนั้น “มันไม่ใช่ความผิดของคุณ… ผม…” เขาควรจะเลือกคำแบบไหนมาสอนคีธดี จะบอกไปว่า ‘สมยอม’ มันก็ไม่ใช่สักเท่าไหร่

…มันก็ใช่ แต่มันก็ไม่ใช่นั่นแหละนะ

ยินยอมทั้งสองฝ่าย แม้จะรู้สึกข้ามขั้นไปบ้าง แต่คุณเชสคิดว่าเขาก้าวข้ามอะไรบางอย่างมาได้หลังจากตัดสินใจทำแบบนั้น… อาจจะเป็นเรื่องของการเลิกมองคีธเป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่งก็ได้

แล้วตอนนี้สถานะของอีกฝ่ายคืออะไรกัน

“คุณเชสพูดไม่จบประโยค” ร่างสูงมองเขา “ผมรอฟังอยู่นะ”

…ตัวแสบ

“ได้… คำนั้นก็ได้” คุณเชสหัวเราะสั้นๆ “ผมแค่คิดว่า… ถ้าเลิกมองว่าคุณเป็นสัตว์ ผมก็คงอยากทำแบบนั้นน่ะ… ก็เลยทำไป” นี่เขาต้องมาสารภาพอะไรกันนี่

…อยู่มาจนป่านนี้แล้วก็ไม่ได้กระดากอายขนาดนั้น แต่มันก็แปลกๆ อยู่ดี

“มนุษย์ทำแบบนั้น… กับคนที่รักใช่ไหม”

สัตว์โลกไม่น่ารักเลย…

“อย่าเพิ่งสรุปแบบนั้นเลยนะ” แม้จะห้าม แต่คุณเชสก็รู้สึกได้ว่าเสียงของเขาสั่นอย่างช่วยไม่ได้ “อย่าเพิ่งถามเหตุผลในตอนนี้เลย” เขากลัวคีธจะไม่เข้าใจ ในขณะที่เขาเริ่มปรารถนาอีกฝ่ายมากขึ้นทุกที เขากลัวว่าคีธจะไม่มีวันเข้าใจ… ว่าความรู้สึกที่เขามีมันแปลว่าอะไร

ถ้าเขารักสัตว์เลี้ยงสักตัว เขาก็คงแค่อยากให้มันมีความสุข ไม่เจ็บป่วยทรมาณ

แต่ถ้าคีธเป็นมากกว่านั้น เขาคงไม่หยุดแค่ความปรารถนาดี

“ไม่คิดมากน่า” เสียงคีธดูจะเอ็ดอยู่บ้าง และก้มหน้าลงมาแนบหน้าผากด้วยอีกครั้งอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ คุณเชสเม้มปาก หลับตาด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา เขาไม่คุ้นเคยกับพฤติกรรมนี้ในตอนแรก ทว่าตอนนี้มันกลับเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีที่สุดเลยก็ว่าได้

ด้วยความอ่อนเพลีย… ร่างโปร่งผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น

คีธเองก็รู้สึกได้ว่าคุณเชสหลับ… เขาเบิกตาเล็กน้อยด้วยไม่เคยเห็นมาก่อน

“คุณเชส…” วาฬถอยออกมาช้าๆ แต่เมื่อเห็นว่าอีกคนคออ่อน ก็รีบประคองเอาไว้ ร่างโปร่งหายใจช้าๆ สม่ำเสมอ และเอนลงซบกับบ่ากว้างอย่างไม่มีสติ

คีธกะพริบตาถี่ๆ มองขณะประมวลผล เพราะวาฬจะหลับลึกต่อเมื่ออยู่กับคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น …ถึงเขาจะไม่อยากให้คุณเชสมองตัวเองเป็นสัตว์ก็เถอะ แต่จะให้ตีความอย่างไรได้นอกจากว่า คุณเชสไว้ใจเขา

คิดได้แบบนั้น คนตัวใหญ่ก็อมยิ้มกับตัวเอง

…นี่เรียกว่าเขินหรือเปล่านะ หรือว่าดีใจ

คีธเรียกไม่ถูก แต่เขารู้สึกตื้นตันในอกอย่างประหลาด เขายกแขนขึ้นโอบอีกฝ่ายเข้ามากอดหลวมๆ และคิดหาท่านั่งที่สบายเพื่อรอเวลาให้คุณเชสตื่น

…ไม่ มนุษย์ไม่นอนในน้ำ

และคุณเชสชอบบ่นเรื่องหนาว ดังนั้น หากแช่นานๆ เขาจะต้องหนาวอย่างแน่นอน วาฬหนุ่มเหลือบมองรอบตัว สะดุดกับผ้าเช็ดตัว เขาจำกิจวัตรอาบน้ำได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะขึ้นจากอ่าง

แต่เขาไม่เคยแต่งตัวให้คุณเชสมาก่อน

เอาล่ะ คีธ… บททดสอบของมนุษย์มาถึงแล้วสินะ

อุปสรรคแรกที่เขาต้องฝ่าฟัน นั่นคือเขาจะพาคุณเชสลงไปที่ห้องนั่งเล่นได้อย่างไรโดยที่อีกฝ่ายไม่ตื่นก่อน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องนั้น และคิดว่ามนุษย์ก็คงชอบอยู่ในห้องนั้นเช่นกัน แต่เมื่อคิดอีกที เขาก็จำได้ว่าคุณเชสเคยพูดเรื่อง ‘ห้องนอน’

‘ง่วงไหม จะได้พาไปนอนบนเตียงดีๆ’

เตียงคืออะไร… คือสิ่งที่ดีกว่าโซฟาอย่างนั้นหรือ แล้วดีกว่าโซฟายังไงกัน

คุณเชสนั่งพิงขอบบ่อ เกยท้ายทอยนอนนิ่งๆ ขณะที่วาฬยังคิดไม่ตก เขาควรจะทิ้งคุณเชสเอาไว้แล้วไปเดินหาห้องนอนก่อน หรือว่าควรจะพาออกไปด้วยกัน ตัวเลือกแรกน่าจะสะดวกกว่า แต่ตัวเลือกที่สองก็มีเหตุผลกว่า คุณเชสหลับเพราะมีเขาอยู่ใกล้ๆ อีกฝ่ายวางใจในตัวเขา แล้วจะให้เขาเดินไปเดินมา ห่างกายไปได้อย่างไร

แล้วเขาจะพาคนที่ขนาดตัวใกล้เคียงกันไปไหนมาไหนได้อย่างไร ถึงคุณเชสจะเล็กกว่าก็เถอะ

…ถ้าเป็นร่างวาฬล่ะก็ คงจะได้

แต่คำถามก็คือร่างนั้นมันขยับไปไหนได้เมื่ออยู่บนบกเล่า

คีธลองช้อนร่างอีกฝ่ายที่ใต้พับขา และใต้หลัง มันไม่หนักมากเมื่ออยู่ในน้ำ แต่เมื่อยกขึ้นสักนิด เขาก็พบว่าหนักเอาเรื่องเลยทีเดียว

แต่ตอนคุณเชสอยู่บนตัวเขามันก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นสักหน่อย

ร่างสูงเกร็งแขน… แขนของมนุษย์ที่ยาวเกะกะจนไม่รู้ว่ามีไว้ทำไม ใช้ว่ายน้ำก็ไม่ได้ แต่เมื่อได้ลอง ‘อุ้ม’ คุณเชส เขาก็พบว่ามันเป็นอวัยวะที่ค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพอยู่บ้าง

--------------------------------------------------

พื้นไม้เปียกเป็นทางยาวไปถึงห้องเสื้อผ้า… เขาลืมเช็ดตัว

คีธยืนมองตู้เสื้อผ้าของคุณเชส หลังจากที่มันปฏิเสธคำสั่งค้นหา เพราะมีเสียงบอกว่า ‘ลายนิ้วมือ’ ไม่ถูกต้อง

…อะไรคือลายนิ้วมือ

วาฬเก็บข้อสงสัยเอาไว้ในใจ เขาดึงประตูตู้เปิดออกเพื่อหาเสื้อผ้า คุณเชสชอบสวมกางเกงขายาวสีดำ และเสื้อคอหนาๆ ที่ต้องถอดออกทางหัว คีธมองเสื้อสีอ่อนหลายตัวในตู้ และชั่งใจว่าควรจะหยิบมันออกมาดีไหม เขาเห็นแถวกระดุมบนเสื้อเหล่านั้น และคิดว่ามันคงง่ายต่อเขามากกว่าในการแต่งตัวให้อีกฝ่าย

คีธสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนให้คุณเชส ยิ้มให้ผลงานสมบูรณ์แบบของตัวเองก่อนจะหันไปหากางเกง

มนุษย์จะมีกางเกงแบบเดียวกันทำไมตั้งหลายตัวหนอ

คีธเดินออกมาตามหา ‘เตียง’ หลังจากสวมเสื้อผ้าให้คุณเชสและตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายเคยพูดว่ามันอยู่บนชั้นสอง ดังนั้นจึงตั้งใจว่าเปิดประตูดูทีละบานว่าน่าจะเป็นห้องไหน

เขาจำห้องหนังสือได้ คุณเชสบอกว่ามันมีแค่โต๊ะกับเก้าอี้

เขาจำห้องประชุมได้ มันมีแค่โต๊ะกับเก้าอี้เช่นกัน แค่มีหลายตัว

วาฬเปิดเข้าไปในห้องหนึ่ง มันไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้ แต่มีตู้กระจกหลายหลังเรียงรายรอบห้อง และสิ่งที่ดึงดูดสายตาคีธที่สุด ก็คือภาพของวาฬเพชฌฆาตในห้องนั้น… อันมีมากมาย

“แม่…” คีธเข้าไปในห้องนั้น ตรงเข้าไปหาภาพหนึ่งซึ่งเป็นของวาฬตัวหนึ่งที่มีลักษณะอันคุ้นเคย

เขาจำแม่ตัวเองได้ เธอมีครีบหลังบิดเอียงเล็กน้อย และรอยแต้มหลังครีบอันเป็นเอกลักษณ์ คุณเชสอยู่ในภาพนั้นด้วย แม่ของเขาอยู่บน ‘เวที’ คุณเชสอยู่ข้างๆ เธอ และถัดจากเธอ… ก็คือวาฬเด็กอีกตัวหนึ่ง

คีธจำช่วงเวลานี้ได้… วาฬเด็กในรูปนี้นั่นคือตัวเขาเอง

วาฬหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเจอรูปตัวเอง เขาจำได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับ ‘ผู้นำ’ ของพวกมนุษย์ แม่ของเขาบอกเช่นนั้น ผู้นำของมนุษย์มีอำนาจมาก จะสั่งอะไรใครก็ย่อมได้ อีกทั้งมีผู้ติดตามมากมายด้วย

คีธละสายตาไปมองรูปอื่นๆ ในห้อง ตู้กระจกเต็มไปด้วยสิ่งของที่มีอักษรของพวกมนุษย์เต็มไปหมด จัดวางอย่างเป็นระเบียบ เขามองดูรูปวาฬอีกตัวหนึ่งที่คุ้นตา คุณเชสอยู่ในภาพนั้นอีกเช่นกัน นั่นเป็นรูปของไกรา… คีธจำรอยแต้มเหนือตาอีกฝ่ายได้ และครีบอกมหึมาที่ไม่มีใครเหมือน

ไกราในภาพนี้ต่างจากไกราที่เขาจำได้… อีกฝ่ายมีครีบหลังสูงตระหง่านสมบูรณ์แบบ

แต่ไกราที่เขาสนิทสนมมีครีบหลังพับลงเหมือนกับเขา

คีธโคลงหัว …ครีบหลังมันตั้งสูงแบบนั้นได้ด้วยหรือ

ช่างเถอะ… นี่เขามาหาเตียงให้คุณเชสไม่ใช่หรือไร

วาฬถอยจากภาพ และตัดสินว่าห้องนี้คงไม่ใช่ห้องนอน ก่อนจะกลับออกมา เขาเปิดประตูอีกบาน ห้องนี้เป็นห้องกว้างที่แทบจะไม่มีอะไรนอกจากโซฟารูปสี่เหลี่ยมที่ไม่มีพนักพิง

เตียงคือสิ่งที่ใกล้เคียงกับโซฟา คีธจำกัดความไว้แบบนั้นตามคำบอกเล่าของคุณเชส เช่นนั้นนี่ก็คงจะใกล้เคียงโซฟาที่สุดแล้ว คีธตรงเข้าไปในห้อง ก่อนจะนั่งลงบนสิ่งนั้น มันนุ่มกว่าโซฟาอยู่มากเลยทีเดียว

นี่คงจะเป็นเตียงแน่นอน!

วาฬกลับไปที่ห้องเสื้อผ้า ก่อนจะช้อนร่างโปร่งขึ้นมาอุ้มอย่างนุ่มนวล คุณเชสดูจะเพลียมากจริงๆ อีกฝ่ายไม่สะลึมสะลือแม้แต่น้อย เขาวางร่างอ่อนปวกเปียกลงบนเตียง แล้วจึงหันไปทางหน้าต่างที่มองเห็นทะเลกว้างด้านหลังบ้าน

คุณเชสคงจะชอบทะเลมาก แทบทุกห้องในบ้านนี้สามารถมองเห็นทะเล

ร่างสูงละสายตากลับมา เขามองสำรวจทั่วห้อง เตียงเป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดในห้องนี้ โดยด้านที่ติดกับผนังมีชั้นไม้เล็กๆ ตั้งอยู่ มันเต็มไปด้วยหนังสือ คีธนั่งลงบนเตียงอีกฝั่งที่ห่างจากคุณเชสเล็กน้อย เพื่อจะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาดู มันมีปกสีฟ้า สีที่เขาชอบ บนปกเขียนด้วยตัวอักษรสีทองสวยงามที่เขาอ่านไม่ออก ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อหาในเล่มก็เป็นปริศนาสำหรับเขาเช่นกัน

คีธเก็บเล่มนั้น หยิบเล่มอื่นออกมาดู… นี่อาจเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาระหว่างรอคุณเชสตื่นก็เป็นได้

เขาเก่งเรื่องการหาอะไรทำฆ่าเวลาอยู่แล้ว

--------------------------------------------------

เจ้าของบ้านงัวเงีย เขายกมือขึ้นขยี้ตาด้วยความเคยชิน ก่อนจะหยุดคิด

…เขาแช่น้ำอยู่

คุณเชสเหลือบมองเพดาน เขาจำห้องนอนตัวเองได้ ชายหนุ่มหันมองร่างเงาที่หางตา ในโลกนี้คงไม่มีใครนอกจากเขากับคีธ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นคีธ แต่สิ่งที่ทำให้คุณเชสแปลกใจ นั่นคืออีกฝ่ายนั่งคอพับคออ่อนอยู่ใกล้ๆ เขาโดยที่ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่ง

นี่รู้จักอ่านหนังสือด้วย ทั้งที่อ่านไม่ออก

คุณเชสยันตัวขึ้นนั่ง อึดอัดที่คอนิดหน่อย เขาก้มมองตัวเอง คีธผูกไทให้เขา ซ้ำยังผูกได้เรียบร้อยสวยงามมากอีกด้วย ไหนจะเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแขนยาว กับกั๊กสีเทาเข้มอีกตัว นี่อีกฝ่ายแต่งตัวไปทำงานให้เขาทั้งที่จะพาเขามานอนเหรอ

“ชุดนอนก็มี” คุณเชสหัวเราะ

เขาจำได้ว่าไม่เคยสอนคีธเรื่องนี้ ดังนั้นอีกฝ่ายจะแต่งตัวเขาเหมือนกับที่เคยเห็นเขาแต่งทุกวันมันก็ไม่แปลก แต่งสิ่งหนึ่งที่แปลกไปจนรู้สึกได้ก็คือเรื่องของกางเกง เมื่อร่างโปร่งขยับตัว เขาก็รู้ทันทีว่าคีธพลาดอะไรไป

“คุณจะไม่ใส่ชั้นในก็ได้หรอกนะ… แต่ผมใส่ไง”

อยากจะดีดหน้าผากคนหลับคาหนังสือสักครั้ง แต่ก็ชื่นชมในความพยายาม คุณเชสลุกจากเตียง ตั้งใจจะไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนให้อีกฝ่ายได้เห็นเต็มตาว่ามนุษย์แต่งตัวกันอย่างไร แต่เมื่อเปิดประตูออกไปก็เจอรอยน้ำหยดเป็นทางจากห้องอาบน้ำถึงห้องเสื้อผ้า

อดีตผู้บริหารลูบหน้าครั้งหนึ่ง “เด็ก… ผมเลี้ยงเด็กจริงๆ”

ถึงมันจะน่ารักก็เถอะ…

…แต่คนที่ได้ใจแอนโธเน่ เชสไป ควรจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้หน่อยไหมนะ

.

.

“คีธ… ตื่นเลยนะ” ถึงจะเคือง แต่ก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆ

คนที่ได้ใจไป… เป็นแค่คีธก็คงได้ ช่างอายุและสมองมันไปเถอะนะ

--------------------------------------------------

คู่มือเลี้ยงวาฬร่างมนุษย์ ฉบับ (อดีต) CEO เกร็ดความรู้ที่ 14

ลายนิ้วมือสำหรับวาฬคือรอยแต้มหลังกระโดงหลัง



วาฬแต่ละตัวมีรอยแต้มหลังกระโดงไม่เหมือนกัน (รอยแต้มเหนือตาเองก็ไม่เหมือนกัน แต่กระโดงหลังมักสังเกตเห็นได้ง่ายกว่า) ดังนั้นมันจึงเปรียบเสมือนลายนิ้วมือที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการระบุตัวตนของวาฬแต่ละตัว โดยกลุ่มวาฬที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษามากที่สุดคือกลุ่มวาฬในมหาสมุทรแปซิฟิกทางเหนือ หรือ Resident Killer Whale (พวกกินแซลม่อน) และฝูงที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือกลุ่ม J - K - L pod (pod เป็นคำเรียกฝูงวาฬ)

ส่วนการแยกแยะเอกลักษณ์กันเองของวาฬแต่ละตัว เชื่อว่าจะแยกแยะด้วยคลื่นเสียงมากกว่าการจดจำหน้าตา (จากฉากแรกๆ ที่คีธต้องฟังเสียงแม่ ถึงจะจำได้ แต่ก็พอจะจำลักษณะภายนอกของแม่ได้แหละนะ)

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 15
«ตอบ #18 เมื่อ02-05-2018 13:36:56 »

ตอนที่ 15

ปัญหาของการเข้านอนไม่ตรงกันนั่นคือการตื่นไม่ตรงกัน

คุณเชสจึงเริ่มคิดว่าเขาควรจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอีกครั้ง นั่นคือการเข้านอนเวลากลางคืน ตื่นเวลากลางวัน แม้มันจะฟังดูตลกสำหรับวาฬผู้สามารถหลับได้ทุกเวลาเมื่อเหนื่อยก็ตาม

คีธนอนทุกเวลาเมื่อเหนื่อยจริงๆ

เจ้าของบ้านรู้สึกประหลาดไม่น้อยที่ต้องมานั่งเฝ้าคนนอนหลับ เขามองดวงจันทร์คล้อยข้ามฟ้า ขณะนับเล่นๆ ว่าผ่านมากี่ชั่วโมงแล้ว ตัวเขาเองน่าจะหลับไปราวๆ สามหรือสี่ชั่วโมงด้วยความเคยชินในชีวิตเดิมที่ไม่ใคร่จะมีเวลานอน ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะข่มตาหลับต่อหลังจากลุกไปจัดการ 'ตรวจผลงาน' ของเจ้าวาฬตัวแสบ

คีธผูกไทได้สวยและเรียบร้อยเกินความคาดหมายของเขา เดาว่าเจ้านั่นคงจำเอาจากตอนถอดเสื้อผ้าครั้งที่แล้ว ทักษะการเลือกสีไม่ปวดใจเขาสักเท่าไหร่ แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคีธชอบสีฟ้า ความเรียบร้อยในห้องเสื้อผ้าถือว่าสอบผ่าน เพราะเก็บทุกอย่างได้เป็นระเบียบ

ห้องอาบน้ำเกือบจะเรียบร้อย หากไม่ลืมเสื้อผ้าที่สวมแล้วทิ้งไว้บนพื้น ทั้งลืมปล่อยน้ำในอ่างทิ้ง

แต่จะเอาอะไรกับวาฬล่ะหนอ...

"คนที่เหนื่อยจนสลบเหมือดแบบนี้น่าจะเป็นผมนะ"

แต่ถามว่าเขาเหนื่อยถึงขั้นนั้นไหม... มันก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ

หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว คุณเชสก็กลับมาพบว่าคีธยังไม่ตื่น และดูจะหลับลึกเสียด้วย เขามองชุดที่อีกฝ่ายสวม เป็นเสื้อผ้าลำลองที่ติดไปในทางเป็นทางการ หากหยิบสูทมาสวมก็คงพร้อมเข้าประชุมกรรมการบริหารได้เลยทีเดียว

"ก็อยากเปลี่ยนชุดให้หรอกนะ แต่คุณตัวใหญ่ ผมอุ้มไม่ขึ้นหรอก"

ถึงจะบ่น แต่ก็นั่งลงข้างเตียง คลายเนกไทออกให้ และปลดกระดุมคอเสื้อ ก่อนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงอก "ราตรีสวัสดิ์..."

--------------------------------------------------

"นักออกแบบที่ผมชอบถนัดเสื้อผ้าเป็นทางการ แต่ว่า... เราไม่ใส่ชุดแบบนั้นนอนหรอกนะ"

พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องนั่งเล่นที่เรียกได้ว่ากว้างขวางที่สุดในบ้าน ค่อยๆ สอนเรื่องราวต่างๆ ให้วาฬที่นึกอยากเป็นมนุษย์ "แบบนี้คือชุดนอน คุณก็ควรจะ 'จินตนาการ' ชุดของตัวเองเอาไว้สักสามสี่ตัว เดี๋ยวผมจะพาไปดูว่าเก็บเสื้อผ้าพวกนี้เอาไว้ในตู้ไหน" คุณเชสปัดนิ้วผ่านคอลเลกชันเสื้อผ้าชุดนอนเพื่อให้คีธได้เห็นเป็นตัวอย่าง "ผ้าของชุดนอนจะนิ่มกว่า สวมใส่สบายกว่า ไม่อึดอัดเวลานอน"

"ถ้าต้องหาชุดที่ใส่สบายขนาดนั้น สู้ไม่ใส่ไปเลย ไม่ดีกว่าเหรอ" คีธโคลงหัว

"อา... มันไม่น่าดูน่ะ"

"พูดแบบนั้นอีกแล้ว" น้ำเสียงคีธติดจะ 'งอน' เล็กน้อย "คุณหรือผม... ที่ไม่น่าดูนั่นน่ะ"

"ทั้งคู่นั่นแหละ" เจ้าของบ้านถอนใจ "มนุษย์ใช้เวลาเป็นพันปีกับวัฒนธรรมการสวมเสื้อผ้านี่ คุณจะมาเปลี่ยนใจผมให้เห็นด้วยกับการแก้ผ้าในไม่กี่เดือนไม่ได้หรอกนะ"

"แล้วผมจะต้องใช้เวลาเป็นพันปีหรือเปล่า" คีธชันขาขึ้นมาบนโซฟา ก่อนจะเกยคางบนเข่าและเอียงคอมอง

...ไปจำท่านั่งแบบนี้มาจากไหนกัน

"ไม่ใช่ประเด็นน่ะ" ร่างโปร่งตัดบท "คุณใช้ขาได้คล่องกว่าที่ผมคิดนะ"

"อา... ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น" วาฬตอบ "แต่นิ้วเท้าต่างหากที่ยาก" ว่าแล้วเขาก็ก้มมองนิ้วเท้าตัวเอง "ปกติมนุษย์ขยับนิ้วเท้าได้ไหม"

"ก็... ได้บ้าง แต่เราไม่ได้ใช้มันมาก"

คีธชะโงกไปมองเท้าของคู่สนทนาด้วยความอยากรู้

"อย่า... จับเท้าผม" เจ้าของบ้านยกมือปราม "จั๊กจี้" ด้วยความระแวง คุณเชสพลอยยกขาขึ้นมาบนโซฟาด้วย กลายเป็นว่าต้องนั่งชันเข่ากันทั้งคู่แทน

"ไม่ต้องห่วง... ผมไม่พยายามเป็นพันปีหรอก" คีธยิ้มจาง "เป็นบางครั้งบางคราวก็พอ"

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแฝงความหมายอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ แต่คุณเชสรู้สึกได้ว่าใบหน้าตัวเองร้อนขึ้น แล้วความทรงจำก็ย้ำเตือนว่าพวกเขาก้าวข้ามเส้นบางอย่างมาเมื่อวานนี้เอง

วาฬดูจะไม่เสียเวลาในการค้นหา 'สถานะ' เหมือนมนุษย์ คีธจึงทำตัวเหมือนปกติทุกอย่าง

มือใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนมาหยิกปลายจมูกเรียว "คีธ! "

"ก็ลองทำตามคุณบ้าง" คีธยิ้มตอบ "แต่เบากว่าเยอะใช่ไหมล่ะ"

เจ้านั่นจะดึงจมูกเขาทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะ... มันเขี้ยว เหมือนกับตอนที่เขามันเขี้ยวอีกฝ่าย

"นี่คุณจะถีบผมเป็นการเลียนแบบบ้าง เหมือนกับที่ผมถีบคุณหรือเปล่า" ร่างโปร่งขยับหนีไปชิดแท่นวางแขน และนึกได้ว่าครั้งก่อนคีธก็ไล่ต้อนเขาจนมุมแบบนี้

"ผมไม่ได้อยากสั่งสอนคุณสักหน่อย" วาฬโคลงหัว "ผมแค่คิดว่า... คุณน่ารักดี แต่ไม่ใช่ความรู้สึกอยากกอดน่ะ" อ้อ... ก็เลยหยิกจมูกเขาแทน เพราะความน่ารักน่าหมั่นไส้มันทำให้มันเขี้ยวอยากทำร้ายอย่างอ่อนโยนสินะ

"หยุดชมว่าผมน่ารัก... ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ไม่เหมาะกับคำว่าน่ารักหรอกนะ มีคำชมคำอื่นตั้งมากมาย ไม่เลือกใช้ดูเล่า" เมื่อพูดออกไปแล้ว คุณเชสก็นึกได้ว่าคีธอ่านหนังสือไม่ออก และเขาจดจำคำต่างๆ มาจากผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งส่วนมากจะเป็นคำว่า 'น่ารัก'

ถ้า 'ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ' อย่างเขาไม่เหมาะสมกับคำว่าน่ารัก แล้วเหตุใดวาฬที่ตัวใหญ่กว่าอย่างคีธถึงได้รับคำชมนั้นตลอดเวลาเล่า

จะบอกว่าให้เปลี่ยนเป็น 'น่าเอ็นดู' ประเดี๋ยวก็กลายเป็นขุดหลุมฝังตัวเอง

"แล้วมันมีคำอะไรบ้างที่ผมน่าจะใช้ได้"

คนแก่กว่านิ่งคิด ด้วยไม่รู้ว่าจะหาคำใดมาแทนคำว่าน่ารัก อีกทั้งยังเป็นคำที่เขาต้องรับได้อีกด้วย

"เท่... ล่ะมั้ง" นี่ถ้าสอนไปแบบนี้ก็แปลว่าเขาอยากได้รับคำชมแบบนี้น่ะสิ

"เท่แปลว่าอะไร..."

"ก็... ดูดี มีรสนิยม ภูมิฐาน น่าเชื่อถือ" ยิ่งสอนก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเขากำลังชมตัวเอง

"ใช้คำว่าสวยได้ไหม" คีธโคลงหัว "ผมได้ยินคำนี้จากมนุษย์คนอื่น"

"สวยใช้กับผู้หญิงน่ะ"

"แล้วกับผู้ชายใช้อะไร"

คุณเชสนิ่งไปพักใหญ่ "มีเสน่ห์... น่าจะเข้าท่าที่สุด"

ยิ่งสอน ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหลงตัวเอง

"คุณเชสมีเสน่ห์นะ"

"อา... พอเถอะ" ร่างโปร่งยกมือปราม "อย่าชมจะดีกว่า ผมไม่เก่งในการจัดการความรู้สึกด้านนี้" ขณะเอาหลังพิงโซฟา ก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าร้อนฉ่าไปถึงใบหู

มีหรือจะรอดพ้นคนตาไวอย่างคีธ "คุณเขินใช่ไหม..."

"ไม่ต้องย้ำ" เขายกนิ้วชี้ขึ้นเป็นคำสั่งเด็ดขาดว่าให้หยุดพูด

แต่เชื่อเลยว่าคีธจะต้องเอนหน้าผากแนบด้วย... ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น

"ผมไม่เคยชินกับการทำแบบนี้ในช่วงแรกๆ " มือเรียวยกขึ้นลูบผมคนตรงหน้าเล่น เกี่ยวร้อยปลายผมยาวสีดำข้างหนึ่งที่ตกลงมาคลอเคลียแก้ม "แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าชินแล้ว ซ้ำยังชอบด้วย"

หัวใจของคนฟังพองโตขึ้นด้วยความยินดี "ผมอยู่แบบนี้ได้ทั้งวันนะ"

คุณเชสตีไหล่หนาเบาๆ ก่อนถอยออกมา "ใครจะไปนั่งคลอเคลียกันได้ทั้งวัน ไม่ทำงานทำการ"

คีธไม่อยากย้ำสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นเขาจึงรอให้คุณเชสนึกออกด้วยตนเอง

"อา... เราตายแล้วนี่นะ"

"คุณมีเสน่ห์จริงๆ นั่นแหละ"

"หยุด... ใช้คำชมมั่วๆ ได้แล้ว" จะว่าเขินก็เขิน เหนื่อยใจก็เหนื่อย แต่ความไร้เดียงสานี่ก็ทำให้เขาหวั่นไหวมากขึ้นทุกวัน วาฬนี่จีบไม่เป็นเอาเสียเลย ไม่มีชั้นเชิงอะไรเลย... มีแต่ความจริงใจทั้งนั้น

"ผมรู้ว่าคุณชอบผมมาก แต่..."

...แต่คุณจะยิ่งทำให้ผมหลง ถลำลึกมากไปกว่านี้

"แต่อะไร" พวกเขาอยู่ใกล้กัน คีธจึงลดเสียงลง และนั่นยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่า

"แต่ผม... ไม่ได้หยุดแค่ความ 'ชอบ' หรอกนะ"

"ผมไม่เคยขอให้คุณหยุด" คีธตอบตรง ยกมือขึ้นประคองเสี้ยวหน้าเรียวเพื่อจะมองสบตา "อย่าหยุดเลยนะ"

...ไปจำมาจากภาพยนตร์เรื่องไหนแน่ๆ!!

ลมหายใจของพวกเขาใกล้กัน เป่ารดกันจนน่ากลัวว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิมอีก

ถึงจะอยากผละออกมา แต่คุณเชสก็นึกอยากจูบอีกฝ่ายขึ้นมาจริงๆ เขาชักจะหลงมากขึ้นทุกที ทั้งใบหน้า ดวงตา ริมฝีปาก และทุกอย่างของคีธ

นี่คงเป็นแผนการอันร้ายกาจของสัตว์โลกไม่น่ารักที่วางกับดักให้เขาตกหลุมแน่ๆ

...น่าจะตกลงไปลึกพอสมควรแล้วด้วย แอนโธเน่

"คิดอะไรอยู่น่ะ" วาฬยิ้มทัก "กัดปากตัวเองหลายรอบแล้ว"

นี่คุณเชสเขินขนาดนั้นเลยหรือ... ถึงมันจะดูน่ารักดีก็เถอะ

"ถอยออกไปหน่อย" คุณเชสดีใจที่คีธยังไม่สัปดนเท่าเขา เจ้านั่นไม่ได้มีแต่เรื่องลามกอยู่ในหัวอย่างที่คิด "ผมจะไปดูว่าแท็บพร้อมใช้งานรึยัง" คนพูดผละลุกขึ้น ตรงไปที่หน้าโทรทัศน์เพื่อทำเป็นตรวจสอบแท็บที่เขาวางชาร์จแบตเอาไว้

"ผมแค่ชอบตาคุณ" คีธว่า "มองใกล้ๆ แล้วยิ่งสวย"

"ผมก็ชอบ..." คุณเชสตอบ "สีตาคุณสวย"

"ชอบตั้งแต่ตอนเป็นวาฬหรือเปล่า"

"อืม ตัดสินยากนะ" ร่างโปร่งกลับมานั่ง "ร่างวาฬของคุณ... ผมหาตาไม่ค่อยเจอเท่าไหร่"

คีธนิ่งไปสักพักหนึ่งก่อนถามขึ้นเมื่อนึกออก "คุณว่าผมตาตี่เหรอ"

มนุษย์ยิ้มกว้างขึ้นโดยไม่ตอบคำ... นานสักครั้งจะเอาคืนบ้างก็สนุกดี

"คุณเชส!"

--------------------------------------------------

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 16
«ตอบ #19 เมื่อ02-05-2018 13:40:05 »

ตอนที่ 16


เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิต คุณเชสฝันถึงการพักผ่อนหย่อนใจไร้กังวลแบบนี้มาตลอด แต่เมื่อได้มาทำอย่างที่ปรารถนาดูสักเดือนสองเดือน เขาก็คิดถึงความวุ่นวายที่จากมา เพราะว่าในโลกอันว่างเปล่านี้ไม่มีอะไรให้ทำเลย ไม่ต้องกิน ไม่ต้องนอน ไม่ต้องลำบากหาเงินทอง มีบ้านให้อยู่ มีที่ให้นอน สะดวกสบายทุกประการ

แต่บางทีคุณค่าของการมีชีวิตคือสิ่งที่เขาไม่มีในตอนนี้ก็ได้

...ชีวิตคือการดิ้นรน แม้มันจะไม่สนุกหรือสวยงาม แต่นั่นคือสีสันของมัน

ระบบแจ้งเตือนในแท็บส่งเสียงบอกเจ้าของสถานที่ว่ามีใครบางคนพยายามจะล็อกอินในชื่อของเขา คุณเชสรู้ว่าสิ่งแรกที่ครอบครัวของเขาทำหลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตคือการระงับบัญชีธุรกรรมการเงินเพื่อไม่ให้ใครหาโอกาสฉกฉวยทรัพย์สมบัติมหาศาลในบัญชีไป

การแจ้งตายส่งผลให้บัญชีหลักๆ ถูกระงับจนหมด เหลือเพียงธุรกรรมย่อยที่ไม่ได้สำคัญอะไร เช่น บัญชีสมาชิกร้านหนังสือ สมาชิกรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นระบบสมาชิกรายปี ต่อให้แจ้งระงับก็ไม่สามารถดึงเงินกลับคืนมาได้

ไม่มีใครไปยุ่มย่ามกับส่วนนั้น...

แต่ส่วนที่น่าจะวุ่นวายก็คือ มีคนพยายามจะเจาะเข้าระบบรักษาความปลอดภัยของบ้าน

บ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ห่างไกลชุมชน หากเรียกว่าเป็นเขตที่ตั้งบ้านพักคนรวยก็คงจะไม่ผิดนัก ในละแวกนี้แทบไม่มีใคร และสามัญชนคนธรรมดาคงไม่นึกอยากเข้ามาอาศัยในบ้านริมทะเลในภาวะสงครามที่ชายฝั่งถูกโจมตีอย่างแน่นอน

คุณเชสไม่อยากเสียเวลาวิเคราะห์ต่อว่าจะเป็นใครไปได้อีก นอกจากญาติของเขา

การเจาะระบบรักษาความปลอดภัยหมายถึงการเข้าถึงกล้องวงจรปิดในบ้าน รหัสเปิดประตูบ้าน และอาจลามไปถึงรหัสควบคุมอากาศยานส่วนตัวอีกสองลำ ซึ่งเดิมทีจะต้องใช้ลายนิ้วมือของเขาในการเข้าถึงเท่านั้น

ตัวเขาตายแล้ว... ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีที่สอง นั่นคือการเดารหัสผ่าน และตอบคำถามยิบย่อยที่ตัวเขาเป็นคนตั้งขึ้นมา ในภาวะสงคราม ญาติคงไม่อยากมาที่บ้านสักเท่าไหร่ แต่อากาศยานอีกลำที่เหลืออาจเป็นสิ่งน่าสนใจ

มันมีประโยชน์และมูลค่า...

คุณเชสคิดว่าเขาควรจะตัดการเชื่อมต่อจากโลกภายนอกให้สิ้นเรื่องสั้นราว แต่เบื้องต้นเขาควรจะเปลี่ยนรหัสผ่านก่อน เพื่อให้ 'ผู้มีชีวิต' อีกฝั่งโลกเสียเวลาในการทำงานมากขึ้น

รหัสผ่านปัจจุบันอาจจะเดาง่ายสักหน่อย เพราะมันเกี่ยวกับสวนน้ำของเขา

สถานที่ที่เขารักที่สุดในชีวิต OneOcean_1709_AC

รหัสผ่านยาวเป็นบ้า... แล้วในยุคนี้ใครเขาเอาวันเกิดมาใส่ในรหัสบ้าง

คุณเชสคิดรหัสใหม่ และคิดว่าจะต้องจดมันลงกระดาษแล้วแปะไปทั่วบ้านเพื่อจะได้ไม่ลืม เขาควรจะเลิกตั้งรหัสที่เกี่ยวกับตัวเอง เพราะอย่างไรคนที่เกี่ยวข้องกับเขาก็คงจะเดาได้อยู่ดี

ควรจะเอาชื่อคีธมาตั้งรหัสไหมนะ...

Keet

...สั้นไปมาก

ร่างโปร่งมุ่นคิ้ว พยายามหาคำมาใส่เพิ่ม คีธไม่มีนามสกุล อีกทั้งชื่อก็สั้นมาก คงจะม่ผ่านเงื่อนไขรหัสผ่านขั้นต่ำแน่นอน

'ผมใช้นามสกุลคุณได้ไหม'

Keet_Chase

...ไม่ ไม่ดี

คนพิมพ์กดลบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟุบหน้าลงกับแท็บด้วยความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก เรียกความสนใจจากคนที่นั่งดูหนังอยู่ใกล้ๆ กัน "คุณเชสง่วงเหรอ..." เวลาเดินผ่านไปเนิบช้าเสียจนน่าเบื่อ คุณเชสเองก็สงสารเจ้าวาฬที่ไม่มีอะไรทำนอกจากนั่งดูหนังไปพลางๆ

"เปล่าหรอก นี่กลางวันเองนะ"

"เหนื่อยก็คือเหนื่อย ไม่เห็นเกี่ยวว่ากลางวันหรือกลางคืน" วาฬโคลงหัว "พักได้นะ ผมจะคอยเฝ้า" วิถีของวาฬในยามนอนหลับ หากมันมีคู่หู ตัวหนึ่งจะเฝ้าระวังภัยในระหว่างที่อีกตัวหลับพักผ่อน เป็นเช่นนี้เรื่อยไป

หน็อย... คราวที่แล้วก็นั่งสัปหงกอยู่ข้างกัน ทำมาพูดดี

"สำหรับมนุษย์น่ะนะ... เราแค่ปิดบ้าน ล็อกห้อง แล้วนอนด้วยกันบนเตียง"

คีธเบิกตาขึ้นเล็กน้อย "หมายถึงนอนพร้อมกันน่ะเหรอ"

"ใช่ ผมบอกแล้ว... ปิดบ้าน ล็อกห้อง นอนพร้อมกันตอนกลางคืน"

ร่างสูงกะพริบตาอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจนัก

"คืนนี้เรานอนพร้อมกันก็ได้นะ" คุณเชสหันไปสนใจแท็บต่อ เขายังคิดรหัสผ่านไม่ออก และระบบก็เร่งเร้าให้เขาทำรายการให้สำเร็จภายในสามนาที "คีธ... คุณชอบอะไรมากที่สุด"

เขาหมายถึงระหว่างปลาแฮร์ริงและปลาแซลมอน

"คุณเชสไง" ...ไอ้วาฬนี่

เจ้าของชื่อถอนใจ เขาคงหวังพึ่งอะไรคีธไม่ได้จริงๆ

Keet_Anthone_Chase

...ยิ่งเหมือนการ์ดแต่งงานเข้าไปใหญ่

Keet_2012_Anthone_1709

...นั่นไง เอาวันเกิดมาใส่ทั้งคู่เลย



ยาวเกินสิบหกตัวอักษร



"โธ่..." คุณเชสเอนหลังพิงพนักโซฟา "คีธ... ตั้งแต่คุณเรียนรู้คำศัพท์ทั้งหมดมา คุณชอบคำไหนมากที่สุด" นี่เป็นคำถามที่เข้าท่าสักหน่อย อย่างน้อยคำตอบก็คงจะไม่เป็น 'คุณเชส' อย่างแน่นอน

คนถูกถามยังไม่เข้าใจ แต่ก็ตามไปตามตรง "บั้นท้าย"

...สัตว์โลกไม่เคยน่ารัก

"คนอะไรจะชอบคำว่าบั้นท้าย..."

"มันเป็นคำล่าสุดที่ผมจำได้นี่" สรุปว่าจำไม่ได้ว่าที่ผ่านมาเรียนคำว่าอะไรไปบ้าง

ถ้าเขาตั้งรหัสผ่านด้วยความบั้นท้าย มันจะสัปดนพิลึกไม่สมกับเป็นแอนโธเน่ เชส ผู้บริหารมาดสุขุมคนนั้นอย่างแน่นอน... แต่ใครจะไปตั้งลงเล่า!!

AmazingOrca_Keet

...ไม่มีตัวเลข ไม่ผ่าน

"ชื่อผมเขียนแบบนั้นเหรอ" คีธชะโงกหน้ามาดูแท็บ "คุณทำอะไรอยู่น่ะ"

"ผมกำลังตั้งรหัสรักษาความปลอดภัยของบ้านใหม่ มีคนพยายามจะเจาะระบบเข้ามาควบคุมอากาศยานที่จอดอยู่ในโรงเก็บ มันสามารถบังคับได้จากทางไกล และผมคิดว่าใครบางคนในครอบครัวผมอยากได้มัน" เมื่ออธิบายเสร็จ คุณเชสก็ตระหนักได้ว่าเสียเวลา เพราะคีธดูจะตีหน้ามึนมาตั้งแต่ประโยคแรก

"หมายถึง... เรากำลังถูกคุกคามเหรอ"

ถ้าจะใช้คำว่าคุกคามกับใคร... ก็คงจะเป็นคุณนั่นแหละ

คุณเชสไม่พูดสิ่งที่คิด แต่พยักหน้าเบาๆ "ไม่แปลกที่พวกเขาอยากได้มัน มันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะมี" เขารู้อยู่แล้วว่าในชีวิตหลังความตายนี้คงจะถูกรบกวนเข้าสักวันหนึ่ง แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วปานนี้

แต่หากไม่ใช่ภาวะสงคราม เขาอาจจะถูกญาติยึดบ้านไปในสามสี่วันหลังเสียชีวิต

...ถ้าไม่ใช่สงคราม เขาก็คงจะไม่ตายหรอก

"เขียนชื่อคุณหน่อยสิ" คนข้างกายเอ่ยทำลายความเงียบ "แอนโธเน่น่ะ"

"คุณจำชื่อผมได้สินะ" หลังจากถูกเรียกว่า 'คุณเชส' มาตลอด เจ้าตัวเองก็แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่านั่นเป็นนามสกุลของเขา

Anthone

คีธแตะนิ้วด้านหน้าชื่อแอนโธเน่ แล้วจึงกดแป้นตัวอักษร

teeKAnthone

"ทำอะไรน่ะ"

คีธยิ้ม "ตัวหน้าสุดคือหน้าใช่ไหม... นี่ก็เหมือนผมหันหน้าเข้าหาคุณไง"

...สลับตัวอักษรเนี่ยนะ

ไหนจะความหมายบ้าบอคอแตกที่คิดเอาเองนั่นอีก

"ได้..." ร่างโปร่งหัวเราะเบา "บ้าจริง... คุณนี่มัน..."

คีธได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย มันเต้นโครมครามจนหูเขาแทบอื้อเลยทีเดียว "คุณชอบใช่ไหม"

"ประทับใจอย่างประหลาด" เจ้าของบ้านเลือกรหัสผ่านต่อ

teeK_8_Anthone

"เลขแปดคืออะไรเหรอ"

"จริงๆ เป็นสัญลักษณ์น่ะ" คุณเชสหันมองคนถาม อีกฝ่ายเหลือบตาขึ้นมาเล็กน้อย เป็นเชิงคะยั้นคะยอให้พูดต่อ "แปลว่าไม่สิ้นสุด..."

ถึงคราวที่คีธจะหนวกหูเสียงหัวใจตัวเองบ้างแล้ว



เอาล่ะ... ใครจะเดารหัสออกก็มาเลย!

--------------------------------------------------

หลังจากเปลี่ยนรหัสผ่านแล้ว คุณเชสก็ไปตรวจสอบที่ตัวอากาศยานอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาตัดการเชื่อมต่อทางไกลแล้ว การจะบังคับยานลำนี้จะต้องบังคับด้วยมือเท่านั้น

...ขอเถอะ เหลือสมบัติของเขาเอาไว้ให้เขาบ้าง

นี่อาจจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงที่เริ่มหนาว แต่การทำงานในโรงเก็บอากาศยานก็ร้อนเอาเรื่อง เมื่อกลับมายังตัวบ้าน คุณเชสจึงถอดเสื้อออกด้วยความเคยชิน

นี่เอาเหงื่อที่ไหนมาออก ในเมื่อไม่ได้กินน้ำสักหยด...

เอาเถอะ เขาไม่อยากหาคำตอบในโลกงุนงงนี่อีกแล้ว

คีธมองเจ้าของบ้านนิ่งๆ ขณะที่เจ้าตัวเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำดื่มตามความเคยชิน เขาคุ้นเคยกับคุณเชสที่แต่งตัวเรียบร้อยมากกว่าคุณเชสสภาพนี้ แม้มันจะไม่ได้แย่อะไรเลยก้ตาม ติดไปในทาง 'สวยงาม' ด้วยซ้ำ

"มีอะไรรึเปล่า" เจ้าของร่างชะงัก "อ้อ..." เขานึกได้ว่าคีธไม่เคยเห็นเขาถอดเสื้อเดิน

"ผมไปโรงเก็บยานมา... มันร้อนน่ะ ต้องไปเดินสาย ตั้งค่าระบบใหม่นิดหน่อย"

คีธไม่เข้าใจสิ่งที่ว่ามา แต่เขาก็ชินแล้ว "คุณเชสเก่ง... ดูแลคนก็ได้ ดูแลสิ่งของก็ได้" วิธีการชมของคีธดูจะตรงประเด็นแม้จะใช้คำไม่ถูกสักเท่าไหร่ก็ตาม

"ผมเรียนวิศวะนะ" ร่างโปร่งยิ้มขำ "ที่ต้องบริหารก็เพราะมันเป็นธุรกิจครอบครัว"

คีธไม่เข้าใจตั้งแต่คำว่าวิศวะ...

"อา... ช่างเถอะ" คนพูดหันหลังกลับ เขาโลเลนิดหน่อย "ผมจะไปอาบน้ำเฉยๆ ไม่ได้โกรธคุณนะ"

"เอวคุณสวย" คีธโพล่งขึ้นมา "หุ่นสวย..."

ไอ้วาฬนี่...

คนถูกชมพยายามตั้งสติ "แบบนี้คุกคามนะ อย่าไปพูดใส่ใครเขาล่ะ"

"ผมก็พูดกับคุณเชสคนเดียว" ...เถียงตลอด ไม่เคยยอมแพ้เลยจริงๆ

"เอาเถอะ... ผมขึ้นไปอาบน้ำล่ะ ไม่ได้โกรธคุณนะ แค่ไปอาบน้ำเฉยๆ "

"ผมไปด้วย" ร่างสูงกดปิดภาพยนตร์อย่างรวดเร็วแล้วตามมาสมทบ "ผมดูจบแล้ว"

"เบื่อสินะ" คุณเชสไม่ได้ห้าม เดินนำขึ้นไปชั้นบน "ผมก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน ควรจะหาอะไรให้คุณทำดีล่ะ"

"แล้วปกติคุณเชสทำอะไรล่ะ"

"อา... ผมชอบอ่านหนังสือ แต่ในเมื่อคุณอ่านหนังสือไม่ออก" คนพูดนิ่งไปครู่หนึ่ง "จริงๆ การทำอาหารก็เป็นการฆ่าเวลาอย่างหนึ่ง แต่พวกเราไม่มีวัตถุดิบ ไม่หิว ไม่ต้องกินอะไร ผมก็เลย... คิดว่ามันคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสักเท่าไหร่"

"ผม 'จินตนาการ' ได้นะ..."

"ใช้คำว่าเสกก็แล้วกัน" คุณเชสแก้ไข "คุณอยากทำครัวจริงเหรอ" เมื่อลองนึกภาพดูแล้ว เขาก็แอบขำ "...คิดซะว่าฆ่าเวลา"

"ผมจะได้มีอะไรทำร่วมกับคุณต่างหาก" คีธถอดเสื้อออก หลังจากสอนเรื่องธรรมเนียมการสวมเสื้อผ้าแล้ว เจ้าตัวก็ดูจะชอบเสื้อยืดขึ้นมา จนเลิกแต่งตัวเป็นทางการไปเลย

"ว่าแต่ทำอาหารคืออะไรน่ะ"

...บ้าจริง

คุณเชสยิ้มขำ "อาบน้ำก่อน เดี๋ยวผมลองทำให้ดูสักอย่างหนึ่ง โกโก้ก่อนนอนเป็นไง..."

"คุณเชสจะทำให้ผมเหรอ"

"ไม่ทำให้คุณแล้วจะทำให้ใคร"

--------------------------------------------------

วิธีการชงเครื่องดื่มทุกชนิดง่ายมากในยุคนี้ หากไม่รังเกียจรสชาติของ 'ตลาด'

มีเพียงชมรมคนรักเครื่องดื่มเท่านั้นที่ปฏิเสธความสะดวกสบายของเม็ดเครื่องดื่มสำเร็จรูปที่มีทั้งแบบร้อนและเย็น สามารถละลายน้ำดื่มได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาเติมรสชาติ พวกเขายังยืนยันการชงแบบโบราณ และชื่นชมผู้ที่สามารถดึงความหอม และรสชาติกลมกล่อมออกมาได้ด้วยวิธีการดั้งเดิม

เขากำลังพูดถึงการแข่งชงเครื่องดื่มระดับชาติที่จัดทุกปี

คุณเชสไม่ใช่สมาชิกของชมรมรักเครื่องดื่ม ดังนั้นเขาจึงพอใจกับสิ่งสำเร็จรูป ร่างโปร่งหยิบเม็ดโกโก้สำเร็จรูปออกมาจากกระปุก แล้วจึงหันไปหากาน้ำร้อนบนเตาไฟฟ้า

"เร็วจัง..." คีธมองการ 'ทำอาหาร' ของคุณเชสอย่างไม่แน่ใจ และรับแก้วมาถือไว้

"มนุษย์เร่งรีบ ผมเองก็เป็นประเภทรีบเร่งพอสมควร นี่จึงเรียกว่าสิ่งอำนวยความสะดวก"

"มันจะไปฆ่าเวลายังไง ถ้าคุณทำเร็วขนาดนั้น"

"มันไม่มีอะไรต้องช้านี่"

คุณเชสจิบโกโก้ "ดื่มตอนร้อนๆ อร่อยนะ"

นอกจากมนุษย์จะกินอะไรแปลกๆ แล้ว มนุษย์ยังกินอะไรร้อนๆ อีกด้วย

วาฬทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขาจิบโกโก้ มันเป็นรสชาติที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน และบอกไม่ได้ว่าอร่อยหรือไม่ แต่หากเอาตรรกะวาฬตัดสิน แน่นอนว่าปลาอร่อยกว่าแน่นอน

"นี่คือรสอร่อยของมนุษย์สินะ..."

"หวาน" คุณเชสแก้ไข "อร่อยเป็นคำชม แต่ละคนจะชอบรสชาติต่างกัน แต่เราจะชมอาหารที่เราชอบว่าอร่อย"

"ปลาอร่อย"

"ผมรู้น่า" ร่างโปร่งหัวเราะ "ขึ้นห้องนอนกันเถอะ" คุณเชสตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยอีกครั้ง แล้วจึงเดินนำขึ้นไปชั้นบน "เราดื่มโกโก้ก่อนนอนเพราะจะทำให้หลับสบายน่ะ"

คีธจิบโกโก้ไปเรื่อยๆ เริ่มคิดในใจว่าเมื่อไหร่มันจะหมด

มันเป็นสิ่งที่คุณเชสทำ... มันก็ต้องอร่อยสิ!

บางทีความคิดในการทำอาหารอาจไม่เข้าท่าจริงๆ เขาไม่เข้าใจคำว่าอร่อยของมนุษย์เลย

"คุณไม่ชอบสินะ" คุณเชสแอบสังเกตอีกฝ่าย "ไม่เป็นไรหรอก ถ้าดื่มไม่หมดก็..."

"อร่อย" คีธตัดบท ก่อนกระดกทั้งแก้วหมดในทีเดียว "มันแค่ร้อน..."

ไม่... มันร้อน... และมันไม่อร่อย... ปลาอร่อยกว่า...

"ปากหวาน..." มนุษย์หัวเราะขึ้นจมูก "ดูหน้าก็รู้แล้วว่าไม่ชอบ" พักหลังมานี้คีธแสดงออกทางสีหน้ามากขึ้น ดังนั้นคุณเชสจึงพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร หรือรู้สึกอย่างไร

"ปากหวานคืออะไร" คีธเลียริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย พบว่ามันมีรสหวานติดอยู่

"มันไม่ได้หมายถึงปากหวานจริงๆ หรอกน่า" เอ็นดูเหลือเกิน "มันเป็นคำเปรียบเปรย เชยชมคนที่ช่างพูดช่างจา... แบบคุณไง" คนพูดยิ้ม

"แล้วคุณเชสปากหวานไหม" ถามกลับมาแบบนี้ทำไมกันนะ...

คนฟังเม้มปากครุ่นคิด "ชิมดูสิ"

แม้จะพึมพำตอบ แต่คนหูดีก็ก้มลงมาใกล้เพื่อแตะริมฝีปากแนบจูบเบาๆ ครั้งหนึ่ง รสชาติของโกโก้ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น และมุมปากของคีธก็ยังมีคราบฟองนมด้วย

คุณเชสเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่ง จูบกลีบปากบนตอบ ขยับลิ้นเลียคราบหวานที่ติดปากให้ก่อนผละออก

คีธอมยิ้มน้อยๆ "คุณจูบเก่ง..."

"ผมอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว" ร่างโปร่งคว้าแก้วเปล่า ตั้งใจจะเอาไปล้าง

"นอนได้แล้ว คุณเชส..."

"หืม" เขามองข้ามไหล่

"จูบราตรีสวัสดิ์แล้วนี่นา"

อา... สัตว์โลกนี่มัน...

"คุณไปเอาคำนั้นมาจากไหน"

"หนังเรื่องแรกที่ดูไง"

หนังวิทยาศาสตร์มันมีฉากไหนที่จูบราตรีสวัสดิ์เหรอ!!!

--------------------------------------------------

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Death n Dream ตอนที่ 16
« ตอบ #19 เมื่อ: 02-05-2018 13:40:05 »





ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 17
«ตอบ #20 เมื่อ02-05-2018 13:41:01 »

ตอนที่ 17


มนุษย์ชอบทำอะไรย้อนแย้งหลายประการ เช่นความพยายามในการออกแบบชุดนอนให้เป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่สบายไม่อึดอัด แต่ปฏิเสธการถอดเสื้อผ้านอน และในขณะที่เลือกเสื้อผ้าเบาบางพวกนั้นมาสวม พวกเขาก็ยังต้อง ‘ห่มผ้า’ เพื่อให้ความอบอุ่นร่างกายอีก

…ไม่เข้าใจว่าเหตุใจไม่สวมเสื้อผ้าหนาๆ แล้วนอนให้รู้แล้วรู้รอด

แต่คีธยอมรับว่าในบรรดาเสื้อผ้ามนุษย์ที่เขาได้ลองสวมใส่มา เขาชอบชุดนอนมากที่สุด มันช่างเบาสบายดีเหลือเกิน แต่เชื่อเลยว่าคุณเชสจะไม่ยอมให้เขาสวมชุดนอนทั้งวันอย่างแน่นอน

พวกมนุษย์นี่มีขนบแปลกๆ ที่ไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ

ข้อดีของการนอนด้วยกัน นั่นคือการที่เขาตื่นขึ้นมาและได้เห็นหน้าคุณเชสตอนหลับ จริงอยู่ว่าเขาเคยเห็นอีกฝ่ายหลับมาแล้ว แต่การนอนอยู่ด้วยกันมันก็ให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด นี่อาจเป็นเหตุผลที่เขายอมทำอะไรพิลึกๆ แบบมนุษย์ เช่นการดื่มน้ำหวาน หรือการเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะได้เห็นอิริยาบถต่างๆ ของคุณเชสมากขึ้น

…เขามีความสุขที่ได้เฝ้ามอง

“คุณเองก็คิดอะไรอยู่เหมือนกันนะ” คนที่น่าจะหลับอยู่กลับพูดขึ้นมา น้ำเสียงง่วงงุนเหมือนดวงตาที่เปิดขึ้นมองเขา “ผมรู้สึกได้ว่าคุณมองอยู่”

“ผมเพิ่งเคยลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นคนนอนอยู่ข้างๆ มันแปลกใหม่ดีเหมือนกัน”

“ตกใจเหรอ”

“อุ่นใจ…” คีธยิ้มตอบ “ผมไม่เคยมีคู่หู เลยไม่เคยนอนใกล้ๆ ใครมาก่อน… อา สำหรับวาฬเรียกแบบนั้น” คนพูดหยุดคิดเล็กน้อย “สำหรับมนุษย์เรียกอะไร …แฟนเหรอ”

ใครขอมันเป็นแฟนน่ะ…

คุณเชสนิ่งคิดหาคำตอบสักพัก “มนุษย์ต้องขอเป็นแฟนนะ”

“งั้นผมขอคุณเชสเป็นแฟนนะ”

“พูดง่ายไปมั้ง” ร่างโปร่งหัวเราะตอบ แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ “สรุปว่าแฟนเหมือนคู่หูเหรอ” เขาไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แม้จะมีคำถามค้างคาอยู่ในใจ ทำให้เขาเลือกเฉไฉไปเรื่อยมากกว่าจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ แต่คิดว่าคีธเป็นแบบนี้ก็คงดีแล้ว อย่างน้อยเจ้าวาฬนี่ก็พูดตรง และจริงใจเสมอ

“ผมไม่รู้หรอกว่ามันแปลว่าอะไร” คีธว่า “มนุษย์แบ่งความสัมพันธ์ยิบย่อยเข้าใจยากจะตาย แล้วคุณเชสก็ไม่ใช่คนที่จะตอบเรื่องพวกนี้ตรงๆ ซะด้วย”

…นี่มันใช้ชีวิตในร่างมนุษย์มาได้นานแค่ไหนเชียว ทำไมถึงรู้จักเหน็บแนมขนาดนี้

“แฟนก็คือ…” เพื่อปฏิเสธคำครหาว่าเป็นพวกปากไม่ตรงใจ เจ้าของบ้านพยายามจะอธิบาย แต่เขาพูดไม่ออก เพราะทุกประการล้วนตรงกับความสัมพันธ์ของเขากับคีธ

แต่พวกเขาไม่ใช่แฟน… ยังไม่ใช่...

ไม่ใช่แล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก… มีอะไรกันแล้วด้วย

แต่สำหรับวาฬเพชฌฆาตและโลมาทั้งหลาย พวกมัน ‘เล่นเพื่อน’ เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากตัดสินความสัมพันธ์นี้ บางทีคีธแค่ทำไปตามสัญชาตญาณ และตัวเขาเองก็เช่นกัน

เขาเพียงแค่ซับซ้อนกว่า… เขาไม่ได้นอนกับใครไปทั่ว

“คุณเชส” เสียงทุ้มเสียง “ผมไม่เคยตื่นนอนพร้อมใครเลยนะ” ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจ้องประสานกับเขา “แบบนี้ไม่นับว่ามากกว่าเพื่อนเหรอ”

ใจคนฟังเต้นแรงขึ้นกะทันหันหลังได้ยิน

“การตื่นนอนพร้อมกัน… เป็นเรื่องปกติสำหรับมนุษย์รึเปล่า”

“ก็…” ร่างโปร่งเม้มปาก “ถ้าต้องไปทำงานพร้อมกัน เราก็ต้องตื่นพร้อมกัน” แต่คนที่เคยนอนข้างเขาบนเตียงก็มีแต่แฟนเก่าเท่านั้น

“คุณเคยนอนกับใคร” นี่มันจะเริ่มสัมภาษณ์เขาหรืออย่างไร “เขาจูบราตรีสวัสดิ์คุณไหม…”

คุณเชสอมยิ้ม เขาชอบความตรงไปตรงมานี้จริงๆ “ก็จูบหรอกนะ”

คนรอคำตอบขยับเข้ามาใกล้ แนบจมูกด้วยและจูบบนกลีบปากนิ่มเบาๆ “งั้นผมจูบอรุณสวัสดิ์ด้วย”

โอย… หัวใจจะวาย นี่ถ้ายังไม่ตายเขาคงได้หัวใจวายเพราะเด็กบ้านี่เข้าสักวัน

“อรุณสวัสดิ์เช่นกัน” คุณเชสยิ้ม …ช่างหัวเรื่องสถานะไปก่อนก็แล้วกัน

“แล้วเขาทำอะไรอีก” คีธยันศอกขึ้นเล็กน้อยเพื่อชะโงกมองเขา คุณเชสเพิ่งสังเกตว่าอีกฝ่ายนอนคว่ำตลอดเวลา อาจจะเป็นเพราะติดนิสัยมาจากร่างวาฬที่นอนหงายไม่ได้

โอย สัตว์โลก…

“จู่ๆ ถามอะไรแบบนี้… อยากเอาชนะหรือยังไง” เด็กหนอ…

“ก็ผมทำอะไรไม่เป็นนี่ คุณเชสยังจูบเก่งกว่าผมอีก”

“ผมอายุเท่าไหร่แล้ว อย่ามาแข่ง…” เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปหยิกปลายจมูกโด่งนั่น “เป็นตัวคุณเองก็ดีแล้ว คีธ… อย่าไปเทียบกับใครเขาเลย”

เมื่อคู่สนทนาปฏิเสธคำถาม คีธก็ดูจะขัดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามต่อไปตามประสาคนแพ้ไม่เป็น… หรือจะเรียกว่าวาฬผู้แพ้ไม่เป็นดีหนอ

“คุณบอกว่า… คุณอยู่คนเดียวมานานแล้ว สิบปีเลยเหรอ”

คุณเชสยืดแขนสบายๆ ก่อนตอบ “อืม ผมงานเยอะ ไม่มีเวลาสนใจเรื่องพรรค์นี้ บ้านยังไม่ค่อยได้กลับเลย”

“คุณจะกลับบ้านต่อเมื่อมีแฟนหรือเปล่า เพราะเตียงคุณกว้างมาก… เหมือนทำมาให้คนอื่นมานอนด้วย”

ไอ้วาฬนี่…

“ตอนนี้ก็มีคุณนอนอยู่ด้วยไง” …รู้จักแอนโธเน่ เชสน้อยไปล่ะมั้ง

คนฟังชะงักไป มันเป็นครั้งแรกที่คำตอบของคุณเชสทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกในตอนนี้ค่อนไปในทาง ‘ดีใจ’ ด้วยซ้ำ… ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย

“งั้น… นอนด้วยกันอีกนะ” คราวนี้วาฬอุบอิบตอบบ้าง เขาร้อนหน้า ซ้ำยังมีความรู้สึกอยากจะยิ้มอีกด้วย จนสับสนว่าควรจะทำอะไรก่อนดี

“คุณนอนหงายก็ได้… ตอนนี้ไม่มีครีบหลัง”

เมื่อพูดถึงครีบหลัง คีธก็นึกขึ้นได้ “คุณเชส… ผมถามอะไรได้ไหม”

นานสักครั้งที่อีกฝ่ายจะพูดแบบนี้ คนนอนอยู่โคลงหัว ก่อนหันหน้าไปรับฟัง “ถ้าผมตอบได้…”

“ผมเห็นภาพในห้องหนึ่ง… ภาพที่มีคุณเชสกับวาฬตัวอื่นในบ่อ” เขาพยายามเรียบเรียงคำถาม เขารู้ว่าคุณเชสไม่อยากพูดถึงเรื่องสวนน้ำมากนัก เพราะอีกฝ่ายจะรู้สึกผิดขึ้นมา ต่อให้พูดว่าเขาอภัยให้แล้วก็ตาม “ครีบหลังของไกรา… เคยตั้งสูง”

“อ้อ…” มนุษย์ตอบรับในลำคอ “ไกราเป็น… วาฬมหาสมุทรตัวแรกในรอบเกือบร้อยปีเลยก็ว่าได้”

คีธโคลงหัวกับคำตอบ

“ผมหมายถึง… คุณเกิดในบ่อ แต่ไกรามาจากหาสมุทรน่ะ”

“เขาเคยพูดถึงอยู่” คีธทวนความจำ “มันคือ…” ร่างสูงยันตัวขึ้นนั่ง ชะโงกออกไปมองทะเลหลังบ้านผ่านกระจกหน้าต่างบานใหญ่ “สีน้ำเงินนั่นใช่ไหม”

คุณเชสลุกขึ้นบ้าง “ใช่… มหาสมุทรน่ะ” เขาอยากบอกให้คีธหัดเอี้ยวคอดูบ้าง แต่ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่เวลามาพูดเล่น “ไกราป่วยหนัก และสวนน้ำของผมเป็นที่เดียวที่มีพื้นใหญ่พอ และเครื่องมือที่ดีพอจะดูแลเขาได้”

คีธไม่เข้าใจนัก แต่ไม่ขัดคอ

“ผมรับเขามาดูแล แต่ในช่วงที่เขาสมควรได้รับอิสรภาพ… การเมืองระหว่างชาติก็ทำให้การปล่อยวาฬสักตัวลงน้ำเป็นเรื่อง…” ร่างโปร่งนิ่งไป “ทำได้ยาก จนแทบจะเป็นไปไม่ได้”

“นั่นเป็นเหตุผลที่ครีบหลังของเขาพับลงรึเปล่า”

“เปล่า… นั่นไม่ใช่โรค” คุณเชสตอบ “ของคุณเองก็พับลงเหมือนเขา ผมเดาว่ามันมาจากความเครียด…” คนพูดมุ่นคิ้วเล็กน้อย “ความร้อน… หรือการดูแลที่ไม่เหมาะสม ต่อให้เรามีกฎหมายพื้นที่สำหรับสัตว์ในความดูแลแล้วก็เถอะ”

แต่การดูแลวาฬตัวใหญ่ขนาดนี้ในพื้นจำกัด… เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะสุขภาพดีเท่าในมหาสมุทร

“ผมรู้สึกผิดทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้…”

“ผมให้อภัย” คีธตอบทันทีที่คุณเชสมีท่าทีเปลี่ยนไป

“คุณแค่ไม่รู้ว่าความผิดของผมมันใหญ่โตแค่ไหน” คุณเชสหลับตา เขารู้สึกผิดที่เกิดมาเป็นทายาทของตระกูลที่ทำธุรกิจด้านนี้ เขาวิ่งหนีไปไหนไม่ได้

“ผมไม่รู้หรอก” วาฬตอบ “แต่จิตใจของคุณดี… เท่านี้แหละที่ผมรู้”

“แต่การกระทำมันสวนทาง…”

“บอกว่าชอบก็ชอบสิ” เป็นครั้งแรกที่คุณเชสคิดว่าคีธเอ็ดเขา หลังจากที่เขาเป็นฝ่ายเอ็ดมาโดยตลอด “อย่าพูดเหมือนคุณไม่ควรจะอยู่กับผมตรงนี้”

“ผมจะพยายาม”

คุณเชสพูดอะไรไม่ออกหลังจากนั้น แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่ไม่อดทนต่อความเงียบนึกหาประเด็นมาพูดคุยอีกครั้ง “แล้ว… แฟนเก่าของคุณทำอะไรบ้างหลังตื่นนอน”

“ทำไมคุณชอบถามถึงเขาอยู่เรื่อย” คุณเชสมุ่นคิ้ว “อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับเขา คุณมีดีของคุณอยู่แล้ว ถ้าคุณพูดถึงแฟนเก่าของผมอีก ผมจะถามถึงไกราบ้างดีไหม อยากให้ผมเป็นเหมือนเขาไหมล่ะ”

คีธไม่เข้าใจคำประชดประชัน “คุณจะกระโดดลอยแล้วตีลังกาตบบอลกลางสระด้วยหางเหรอ… ยอดไปเลย”

“คีธ!”

วาฬยิ้มออกมา “คุณไม่เหมือนเขาหรอก คุณตัวเล็กกว่าผมอีก”

…ดูมันย้ำเข้า

ไกราตัวใหญ่กว่าคีธ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่ใหญ่กว่า และออกจะมีปัญหาเข้ากับวาฬตัวอื่นในบ่อไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำไป แต่โชคดีที่ในเวลานั้นคีธยังเป็นเด็ก และเด็กดูจะเข้าได้กับทุกคน

“ผมแค่อยากรู้ว่าเขาทำอะไร… ผมอยากทำให้ดียิ่งกว่า”

เด็กนี่…

“อุ้มไปอาบน้ำมั้ง” คนแก่กว่าแหย่ แต่แน่นอนว่าวาฬไม่เข้าใจ

“ผมอุ้มคุณได้นะ”

“พอๆ หยุดเลย… ผมล้อเล่นหรอก ชีวิตผมไม่ได้หวานแหววขนาดนั้น เราแค่ตื่นนอน แล้วก็แยกย้ายกันไปทำงาน”

“เขาทำอาหารให้คุณไหม”

“ถ้าเซเลียร์ก็ชงกาแฟให้นะ แต่เดวิด… ก็ชงกาแฟเหมือนกัน”

“ทำไมหลายคนจัง!”

“ผมบอกคุณแล้วว่าผมเคยมีแฟนสองคน”

“คุณไม่เคยบอก!”

ร่างโปร่งจรดยิ้มมุมปาก “หึงเหรอ” ว่าไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าวาฬมันจะเข้าใจไหม แค่คำว่ารักมันยังไม่รู้จัก แต่คีธในตอนนี้ดู ‘หึง’ จริงๆ และการกระทำแต่ละอย่างก็ดูใกล้เคียงคำว่า ‘รัก’ จริงๆ

“ตอนนี้มีผมคนเดียวนะ” คำถามที่โต้กลับมาทำให้คนฟังหายใจกระตุก

“…อย่างกับว่าโลกนี้จะมีใครอื่นนอกจากคุณ”

“คุณเชสเปลี่ยนเรื่องสองครั้งแล้วนะ!” …นี่มันฉลาดกว่าที่คิดไว้จริงๆ

“ได้! ผมมีคุณคนเดียว ตลอดชีวิตนี้เลย!”

เมื่อได้คำตอบ วาฬก็ยิ้มกริ่ม ปล่อยให้คนพูดนึกได้เองว่าหลุดปากอะไรออกไป “คุณมันร้าย”

ร่างสูงลุกจากเตียง “ผมจะไปชงกาแฟ”

“คีธ! อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ!” ไหนว่าจะทำให้ได้ดีกว่า ถ้าแค่ชงกาแฟเหมือนกัน มันก็เหมือนกัน

“ผมให้โกโก้เพิ่มอีกแก้วด้วย”

บ้าบอ… นี่มันไม่เรียกว่าดีกว่า มันเรียกว่ามากกว่า ซ้ำยังเป็นเชิงปริมาณ ไม่ใช่เชิงคุณภาพ

“คุณชงกาแฟเป็นเหรอ” คุณเชสลงจากเตียงและเดินตามอีกฝ่าย แม้จะอยากเก็บที่นอนก่อนก็ตาม “คุณรู้เหรอว่ากาแฟคืออะไร”

“ในกระปุกแก้วที่คุณเชสเก็บไว้ในตู้นั่นไง ต้องมีสักอันที่เป็นกาแฟนั่นแหละ”

คุณภาพอาจจะไม่ได้ดีกว่าแฟนเก่า… แต่อยู่ด้วยแล้วสบายใจกว่ามากจริงๆ

“เดี๋ยวผมจะสอนนะ… อย่าเอาเม็ดกาแฟกับเม็ดโกโก้มาใส่รวมกันในแก้วเดียวเด็ดขาดล่ะ”

--------------------------------------------------

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 18
«ตอบ #21 เมื่อ02-05-2018 13:41:41 »

ตอนที่ 18


เหลืองานบ้านอะไรอีกที่คีธทำไม่เป็น

คุณเชสเริ่มต้นคำถามกับตัวเองหลังจากสอนอีกฝ่ายชงกาแฟ คีธมีข้อดีคือความจำเป็นเลิศ และเรียนรู้ได้เร็วมาก ทำให้เขาสามารถทำตามได้เกือบทุกอย่าง แม้จะเคยเห็นวิธีการครั้งเดียวก็ตาม แต่ข้อเสียก็มีบ้างเช่นกัน เป็นต้นว่าไม่มีความหวาดกลัว และหยุดคิดไตร่ตรองอะไรทั้งสิ้น ทำให้กล้าไปหมดทุกเรื่อง

แพ้ใจคนแบบนี้จริงๆ ให้ตาย...

การชงกาแฟตามตำรับแอนโธเน่ เชสไม่ใช่เรื่องประดิดประดอย มันใช้เวลาสั้นๆ แต่คีธทำให้มันยาวขึ้นด้วยการหยิบกระปุกแก้วหลายอันออกมาจากตู้ พิจารณาดูอย่างละเอียดด้วยความสนใจเป็นเวลานาน

คุณเชสไม่ค่อยได้มีโอกาสมองอิริยาบถต่างๆ ของคีธ คงเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องนั่งเล่น ดังนั้นการยืนกอดอกพิงประตูดูการเคลื่อนไหวของคนตรงหน้าก็เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ทีเดียว

คีธคล่องตัวขึ้นมากนับจากวันแรกที่พบกันในร่างมนุษย์

"ผมไม่ทำขวดคุณแตกหรอก" ร่างสูงเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนหันมาทั้งตัว "จ้องซะขนาด..."

คนฟังตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายอึดอัดจึงหลบตาลง "อดไม่ได้นี่นะ"

เขาไม่ได้กลัวคีธทำของแตกหรอก แต่กำลังมองเจ้าตัวต่างหาก ตั้งแต่ใบหน้าคม กับทรงผมที่ไม่เหมือนใคร บ่ากว้างเชื่อมกับแผงอกกำยำที่ดูแข็งแรง ช่วงเอวค่อนข้างหนารับกับสะโพกแกร่ง และช่วงขายาวขับร่างให้ดูสูงสง่าภูมิฐาน

หากคีธเป็นมนุษย์จริงๆ ก็เรียกว่าดูดีมีเสน่ห์สำหรับทุกเพศเลยก็ว่าได้

สำหรับวาฬนี่มีคำว่าหล่อไหมนะ... เพราะทุกตัวดูจะหน้าเหมือนกันหมด

"คุณยิ้มอยู่คนเดียวนะ..." เสียงที่อยู่ใกล้บอกได้ว่าคีธก้าวมาหาเขาแล้ว

"ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย"

"ผมยังใช้เงื่อนไขเดิมนะ" ร่างสูงก้มลง "ถ้าคิดมาก... จะจูบแก้ม"

เจ้าของบ้านยิ้มขัน "ผมอาจจะคิดมากเพราะอยากให้จูบก็ได้นะ"

คนฟังชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา และเม้มริมฝีปากตัวเองอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน "แบบนี้... เรียกว่าอาการเขินหรือเปล่า คุณเชส" ใบหน้าของพวกเขาอยู่ใกล้กัน คู่สนทนาไม่ถอยหนี ซ้ำยังจรดยิ้มที่มุมปากด้วยซ้ำ

"เขินแล้วจะไม่จูบเหรอ..."

แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาชอบคุณเชสได้ยังไง...

คีธก้มลงแนบจมูกกับแก้มอุ่น สูดกลิ่นกรุ่นของอีกฝ่ายช้าๆ เขาชอบกลิ่นนี้ ชอบสัมผัสนี้ ไม่ว่าจะแตะต้องกี่ครั้งก็ไม่เคยรู้สึกพอ ...อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป

"ไม่ชงกาแฟแล้วเหรอ" ร่างโปร่งท้วง ขณะที่ลมหายใจร้อนเคลื่อนไปซุกไซ้เรือนผมสีเข้ม

ถ้าเป็นเขาคงจะลากไปจูบคอมากกว่า แต่เพราะคีธชอบแบบนี้... ก็น่ารักไปอีกแบบดีหรอก

"รอเวลา..." กาน้ำร้อนจะบอกความพร้อมด้วยระดับสี ซึ่งตอนนี้มันยังไม่แดงพอจะนำมาใช้ได้

"ถ้าคุณตั้งกาไว้ก่อนแล้วค่อยเลือกเม็ดกาแฟระหว่างนั้น มันก็จะประหยัดเวลาไปได้"

"เราไม่ได้มีเวลาตลอดกาลเหรอ... ทำไมจะต้องประหยัดด้วย" คีธท้วง "คุณยังรีบเร่งเหมือนตอนมีชีวิตเลยนะ" คนพูดจูบขมับเขา อิงแอบช้าๆ ราวกับออดอ้อน "ทำแบบนี้แล้วรู้สึกดีไหม"

"ไม่น่าถาม" คุณเชสแอบยิ้ม "คุณรู้สึกยังไง... ผมก็คงรู้สึกเหมือนกัน"

ประโยคนั้นแฝงนัย แต่มันคงจะมากเกินไป... คีธตามไม่ทัน

คุณเชสยกมือขึ้นแตะสันกรามอีกฝ่าย ลูบไล้ด้วยปลายนิ้วช้าๆ หลับตาลงรับสัมผัสคลอเคลียที่ข้างขมับ "สำหรับคุณ... การทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน"

คีธจูบหน้ามนแผ่วเบาก่อนตอบ "เราคลอเคลียเพื่อความสนิทสนม..."

"แล้วผมจะต้องตอบรับด้วยไหม"

"ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากสนิทกับผมหรือเปล่า" วาฬยิ้ม "ถ้าอยาก... ก็จูบกลับสิ"

"ไม่ใช่ว่าไม่อยากหรอก" มนุษย์ตอบ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมสัน "แต่ผมกลัวมันจะเลยเถิด"

"เลยก็เลย... ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้ว"

คนเตี้ยกว่าเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อยแล้วแนบจมูกเข้าหาอีกคน "ยังเช้าอยู่เลยนะ"

"วันก่อนคุณก็ปิดหน้าต่างนี่"

คุณเชสยิ้มขำ ความรู้สึกที่ทั้งเอ็นดู โหยหาผสมปนเปกันอยู่ในหัว เขาหลงคีธมากขึ้น ต้องการมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็กลัวความผิดหวังเหลือเกิน

เมื่อไหร่กาน้ำจะเดือดสักที...

เสียง 'คลิก' เบาๆ บ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นในบ้าน ร่างโปร่งผละออกจากคู่สนทนา ตรงเข้าไปหาแท่นวางกาต้มน้ำที่ดับไปดื้อๆ ก่อนจะกลั้นใจเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้

"คุณเชส... มีอะไรรึเปล่า"

"ไปหยิบแท็บในลิ้นชักในห้องนั่งเล่นที เดี๋ยวผมจะตามไป" ว่าแล้วก็เผ่นออกไปจากห้องไม่ให้ถามต่อ

คีธกลับไปที่ห้องนั่งเล่นตามคำสั่ง เขาหรี่ตามองแสงแดดจ้าส่องผ่านกระจก แล้วจึงหันไปหาแผงควบคุมบนแท่นวางแขนที่โซฟาเพื่อปรับความเข้มของฟิล์มกรองแสง

แต่แผงควบคุมไม่ตอบสนอง

คุณเชสกลับมาที่ห้องนั่งเล่น ใจของเขาเต้นแรงจนคีธได้ยิน และตรงเข้ามารับแท็บจากมือร่างสูงไปเปิดดูทันที "เกิดอะไรขึ้น..."

"ไฟดับ..." เจ้าของบ้านตอบสั้น ลากนิ้วไปบนแท็บเพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่าง "ในชีวิตผม... เคยเจอเหตุการณ์ไฟดับแค่สามครั้ง หากมันเป็นแค่ 'ความผิดพลาด' ของทางรัฐก็คงไม่น่าห่วงอะไร" คุณเชสพูดต่อไป ทั้งที่รู้ว่าคีธจะไม่เข้าใจเขา

"แต่ถ้ามันเป็นเพราะจงใจ..."

ร่างโปร่งหยุดมองข่าวประกาศของทางการ

การอพยพผู้คนในรัฐวอร์ชิงตันเป็นไปด้วยดี โดยคาดว่าไม่มีประชาชนตกค้างอยู่ในพื้นที่อีกแล้ว ดังนั้นทางการจะดำเนินแผนการขั้นต่อไปโดยเร็วที่สุด นั่นคือการก่อสร้างกองบัญชาการฐานทัพใหญ่ และจำเป็นต้องตัดวงจรไฟฟ้าของทั้งรัฐ...

เจ้าของบ้านกลั้นใจ เขาเลื่อนนิ้วลงมาลงยังแผนที่รัฐ ...มันครอบคลุมถึงบ้านพักหลังนี้ของเขาด้วย

"ทางการจะสร้างฐานทัพที่นี่" เขารู้มาตั้งแต่ตอนที่ยังมีชีวิต เขารู้อยู่แล้ว แต่เมื่อตายแล้วก็คิดว่าจบกัน คิดไม่ถึงว่ามันจะส่งผลถึงชีวิตหลังความตายของเขาด้วย

"คุณเชส..." คีธสัมผัสได้จากลมหายใจ และจังหวะหัวใจถี่รัว ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น

"แล้วผมจะอยู่ได้ยังไง..." หากถูกตัดไฟ แปลว่าสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างจะใช้งานไม่ได้ ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว ห้องทำงาน ห้องหนังสือ ห้องนั่งเล่น จะไม่มีอะไรใช้การได้ และต่อให้อยู่ต่อ สักวันทางการก็จะเข้ามาสำรวจพื้นที่

...และยึดบ้านหลังนี้ไปเป็นสมบัติของรัฐอย่างแน่นอน

"คุณเชส..." คีธพยายามเรียก เขาจับมืออีกฝ่าย มันเย็นเฉียบอย่างที่ไม่เคยเป็น "บอกผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

"เราจะอยู่ไม่ได้" ร่างโปร่งตอบ "ระบบทุกอย่างในบ้านหลังนี้ใช้ไฟฟ้า ถ้าเราไม่มีไฟฟ้า... เราก็ทำอะไรไม่ได้เลย"

"ถ้าเราอยู่ไม่ได้ แล้วเราจะไปไหน"

คุณเชสถามตัวเองเช่นกัน... เขาอยู่ไม่ได้ แล้วเขาควรจะไปไหน

นี่อาจเป็นวิธีบังคับให้วิญญาณเลือกไปเกิดใหม่ก็ได้... ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีใครอยากไปเกิดกันพอดี

คีธดูจะอ่านความคิดได้จากสีหน้า เขาดึงแท็บออกจากมือร่างโปร่งแล้วกุมไว้แน่นแทน "คุณไม่ได้คิดจะ 'ไป' ใช่ไหม! " เขาประคองใบหน้าคนฟัง สายตาคุณเชสเต็มไปด้วยความกังวล และหวาดหวั่นต่อบางอย่าง

"คีธ..." คุณเชสบีบมือเขากลับ "เราอาจเป็นบ้านหลังเดียวใช้ไฟฟ้าในช่วงนี้ พวกเขารู้ พวกเขาอาจจะมาที่บ้าน... แล้วถ้าพวกเขาไม่พบใครอยู่ พวกเขา..."

"พวกเขาคือใคร"

"ทางการ... คนที่ดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมือง... ถ้าพวกเขาไม่พบใครอยู่บ้าน แล้วเห็นยานอยู่ตรงนั้น" ลมหายใจคุณเชสติดขัด ไม่สมกับเจ้าตัว "ถ้าพวกเขาเอายานไป เอาข้าวของในบ้านไป ยึดบ้านไปเป็นสมบัติของรัฐ... เราจะไม่เหลืออะไรเลย"

คีธดึงมือคนพูดขึ้นจูบ "ไม่เป็นไร แอนโธเน่... มันจะต้องไม่เป็นอะไร"

"คีธ..." คนพูดหลับตา พยายามอย่างหนักเพื่อจะควบคุมสติ "ถ้าพวกเขามา เราทำอะไรไม่ได้เลย เรายื้ออะไรเอาไว้ไม่ได้เลย" แม้มันจะเป็นสมบัติของเขา แต่มันก็เป็นสมบัติของเขาในยามมีชีวิตเท่านั้น เหตุผลที่เขาได้ครอบครองมันในชีวิตหลังความตายนี้ก็เพียงเพราะไม่มีใครมายุ่มย่ามกับมันเท่านั้น

ทุกคนหนีสงครามกันหมด...

"ถ้าคุณห่วงยาน... เราจะเอายานไปดีไหม"

"แล้วจะไปไหน" คีธอาจจะพูดจาเพ้อเจ้อไม่รู้เรื่องราว แต่คุณเชสคิดว่าเขาต้องการใครสักคนอยู่ข้างๆ ในเวลานี้ "เอายานขึ้นบินตอนนี้อาจจะถูกทางการยิงตกก็ได้..."

ระแวงไปเสียทุกเรื่องเลยเชียว

"แล้วบ้าน... ข้าวของ... ทุกอย่าง..." เขาเป็นทุกข์ คีธจึงดึงเข้าไปหาและกอดเอาไว้หลวมๆ

"คีธ... ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมัน..." สู้ไปจากที่นี่ ไปเกิดใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ



คีธกดให้อีกฝ่ายซบแนบอก หลับตาลง ปลอบโยนด้วยเสียงหัวใจของตัวเอง

"แต่ผมอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคุณ..."

--------------------------------------------------

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 19
«ตอบ #22 เมื่อ02-05-2018 13:42:19 »

ตอนที่ 19


เมื่อไฟฟ้าถูกตัด ทุกอย่างในบ้านที่ใช้ระบบไฟฟ้ามาตลอดก็ต้องปรับเปลี่ยนกลับไปเป็นการควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง โชคดีที่อุปกรณ์เหล่านั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ภาวะไม่มีไฟฟ้า แต่เรื่องที่คุณเชสเป็นกังวลไม่ใช่เพียงเรื่องการถูกตัดไฟอย่างเดียว

เขากลัวการจัดการของทางการมากกว่า

เขารู้ข่าวเรื่องการปรับปรุงพื้นที่เพื่อเตรียมรับสงครามของรัฐวอร์ชิงตันมานานแล้ว ประชาชนจะถูกอพยพไปอยู่อาศัยที่กลางทวีป และรัฐชายฝั่งจะแปรสภาพเป็นที่ตั้งฐานทัพ คล้ายกับการสร้างปราการโอบล้อมประเทศ

ระบบนิเวศชายฝั่งที่พังทลายจากผลกระทบของสารเคมีฝีมือมนุษย์ก่อนหน้านี้ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ง่ายขึ้น เนื่องจากไม่มีสัตว์ป่าหรือสัตว์ทะเลที่ต้องห่วงใยอีกต่อไป

...คิดว่าตายแล้วก็จบกัน ไม่ต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้เสียอีก

ตายแล้ว... ขอแค่ได้อยู่ในบ้านนี้ บ้านที่เป็นของเขาก็พอ

แต่ไม่มีอะไรบอกเขาได้เลยว่าทางการจะเข้ามาจัดการพื้นที่เนินเขาแห่งนี้อันเป็นที่ตั้งของบ้านเขาด้วยหรือไม่ อย่างไรมันก็เป็นชัยภูมิสำคัญที่เหมาะกับการตั้งศูนย์บัญชาการกองทัพเหลือเกิน

คุณเชสกังวล อึดอัด และไม่มีวิธีใดที่จะต่อต้านการกระทำของมนุษย์ใน 'โลกแห่งชีวิต' ได้

เขาอาจจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก จนกว่าคนของทางการจะเข้ามาตรวจสอบ แต่มันคือชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงและไม่มีความสุข

...เขาควรจะอยู่ต่อไปจริงเหรอ

บ้านที่ไม่ค่อยได้อยู่เมื่อครั้งมีชีวิต ได้มาอยู่เมื่อหมดลมหายใจ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาก็ผูกพันกับมัน มันคือช่วงเวลาที่เขาใฝ่ฝันถึงมาตลอด ได้ใช้ชีวิตสบายใจ มีสิ่งอำนวยความสะดวก และได้อยู่กับคนที่อุ่นใจจะนอนหลับไปข้างกันได้

เขามีความสุขกับช่วงเวลานั้นจริงๆ

"คุณเชส..."

คีธบีบมือคนที่เอาแต่นิ่งเงียบ วาฬหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรมากมายในหัว และการขู่แบบเดิมของเขาคงจะไม่ช่วยอะไรในตอนนี้ คุณเชสเป็นทุกข์เกินกว่าจะลืมมันได้ในอึดใจ และไม่รู้ว่าจะบรรเทาลงไปด้วยวิธีใดเหมือนกัน

ร่างโปร่งบีบมือกลับ เขารับความห่วงใยจากอีกฝ่าย

"เราทำอะไรไม่ได้เลย..." แม้มันจะเป็นทรัพย์สินของเขา แต่เขาไม่สามารถยื้ออะไรเอาไว้ได้

'ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ...'

คีธบอกอย่างนั้น แม้มันจะน่าตื้นตัน แต่คุณเชสรู้ว่ามันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ร่างสูงยังคงกุมมือเขาไว้ แม้จะปล่อยจากอ้อมกอดที่รักษาใจเขาไม่ได้ แต่คีธไม่อยากปล่อยมือ ราวกับกลัวว่าหากห่างกัน คุณเชสจะหายไปต่อหน้าต่อตา

"ปล่อยมือสักพัก... ผมต้องจัดการระบบให้เรียบร้อย"

คีธส่ายหัวตอบ "คุณเป็นทุกข์ จะให้ผมปล่อยได้ไง"

"ความทุกข์ไม่ช่วยแก้ปัญหา..." คุณเชสตอบ "ผมจัดการความรู้สึกได้"

คุณเชสอาจจะแสนดีกับผู้อื่น ใส่ใจทั้งความรู้สึก และความเป็นอยู่ของคนใกล้ตัว แต่กับตัวเอง อีกฝ่ายแทบไม่ให้ความสำคัญ และฝังความรู้สึกทุกอย่างลงไปด้วยคำว่ารับผิดชอบ

...ไม่แปลกที่เขาไม่มีใคร เพราะเขาไม่ใส่ใจความรู้สึกตัวเองเลย

"ปัญหาก็คือเราไม่มีไฟฟ้า แต่ปัญหาอื่นยังมาไม่ถึงสักหน่อย"

"เราต้องวางแผน คีธ... นั่นคือวิธีที่ทำให้ผมเอาตัวรอดมาได้ตลอด"

"แล้วแผนของคุณคืออะไร"

คุณเชสนิ่งไป เขาตอบคำถามของวาฬตัวหนึ่งไม่ได้

คีธไม่ปล่อยมือ ยิ่งประสานนิ้วกอบกุมแน่นขึ้นด้วย "แผนของคุณคือพยายามจะอยู่ในบ้านทั้งที่ไม่มีความสุข รอวันที่พวกเขามาถึงและเอาสมบัติของคุณไปต่อหน้าต่อตาเหรอ"

ในช่วงเวลาสั้นๆ ทำไมวาฬถึงเดาใจเขาได้...

"แล้วการที่มีคุณอยู่ข้างๆ มันช่วยอะไรมากกว่านั้นเหรอ"

เขาไม่ควรพูดคำนี้ออกไปเลย... เขายินดีที่มีคีธอยู่ด้วยเสมอ เขาไม่ควรทำร้ายน้ำใจอีกฝ่ายแบบนั้น เมื่อพลั้งปากออกไปแล้ว คุณเชสก็บีบมือใหญ่แทนคำขอโทษ

"คีธ... ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณ... อย่าเพิ่งรบเร้าผมตอนนี้เลย"

วาฬมุ่นคิ้ว ดึงคนตรงหน้ามาแนบจูบบนหน้าผาก "เพราะผมจะไม่ทิ้งคุณ นั่นคือประโยชน์เดียวที่ผมมี"

บ้าที่สุด...

สุดท้ายเขาก็ต้องซบหน้ากับอกกว้าง อยากจะสะอื้นออกมาด้วยความอึดอัดผสมปนกับความตื้นตันที่ทำเอาจุกกลางอก แต่เขาไม่เคยร้องไห้... เขาไม่ได้ร้องไห้มานานแล้ว... เขาไม่รู้ว่าการทำแบบนั้นมันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อปัญหาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม

"แอนโธเน่... แอนโธเน่ของผม... ไม่เป็นไร..."

สุดท้าย เขาก็พังทลายในวงแขนแกร่ง

เสียงสะอื้นสะท้อนไปในห้องที่ว่างเปล่า ไม่มีเสียงการทำงานของเครื่องจักรอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างหยุดชะงักและอาจไม่มีวันได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก

คุณเชสไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร แต่ความมั่นคงของคีธก็หนักแน่นพอทำให้เขามั่นใจได้ว่าจะไม่ต้องอยู่เพียงลำพังในชีวิตนี้

"คุณคิดจะไปใช่ไหม..." คีธพึมพำถาม "คุณคิดจะละทิ้งทุกอย่างไปเริ่มต้นใหม่หรือเปล่า"

การไปเกิดใหม่คือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา แต่นั่นหมายถึงการแยกจากกันทั้งที่เพิ่งได้พบกันไม่นาน

"คุณเชส... ผมไม่อยากลืม" น้ำเสียงทุ้มต่ำว่าต่อไม่รอคำตอบ "ผมเพิ่งได้ใกล้ชิดคุณ ผมยังไม่อยากทิ้งความทรงจำเหล่านี้..."

แต่ว่า...

คุณเชสไม่ได้แย้งออกไป

"อยู่กับผมตลอดไปได้ไหม... แม้มันจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว แต่ผมจะหามาให้คุณทุกอย่าง"

คีธใช้พลังบางอย่างได้โดยที่เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำได้อย่างไร อีกฝ่ายทำให้ตัวเองมีร่างมนุษย์ได้ทั้งที่ไม่เข้าใจโครงสร้างร่างกายของมนุษย์เลยสักนิด ออกแบบเสื้อผ้าที่อยากได้โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นทำจากอะไร และสวมใส่อย่างไร แต่คีธทำได้มาตลอด

ดังนั้นคำสัตย์ของอีกฝ่ายจึงไม่ใช่ราคาคุยเลย

...เขาแพ้ความแน่วแน่แบบนี้จริงๆ

"แอนโธเน่... มันมีอะไรสำคัญไปกว่าการมีใครสักคนอยู่ข้างๆ ด้วยเหรอ"

เขาแพ้คีธเสมอ... แพ้ตั้งแต่พบกันในโลกนี้แล้วด้วยซ้ำ

ร่างโปร่งซบหน้านิ่ง อิงแอบฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ เขาเย็นลงบ้าง แต่ก็ไม่อาจทำใจให้สงบได้เสียทีเดียว "ผมกลัว... กลัวว่าจะไม่เหลืออะไรเลย" มือใหญ่ลูบผมปลอบ ปล่อยให้ความอบอุ่นจากวงแขนยืนยันย้ำคำพูด

"คุณยังมีผมอยู่เสมอ แอนโธเน่..."

"ในวันเดียว... คุณเรียกชื่อผมหลายครั้งเลยนะ" เจ้าของชื่อยิ้มจาง

บางที... การพูดคุยสัพเพเหระก็เป็นวิธีคลายความทุกข์จริงๆ

"เพราะการเรียกชื่อ หมายถึงความสนิทสนมใช่ไหมล่ะ... ถึงชื่อคุณจะยาวไปหน่อยก็เถอะ"

มนุษย์หัวเราะพรืดออกมาในที่สุด "คนที่สนิทจริงๆ ...ใครเขาเรียกชื่อเต็มกันเล่า"

"แล้วจะให้ผมย่อว่าอะไรดี" คีธยิ้มออกมา สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายสงบลง "คนอื่นเคยเรียกคุณว่าอะไร"

"เดาสิ"

"แอนนี่..." คีธตอบมั่นใจ "ผมจำได้ว่าคุณเรียกครูฝึกของผมว่า เฌอรี่... มาจากเฌอริส เรแกน"

"ฉลาดไปนะ" ร่างโปร่งถอนใจ... บางทีเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้เลย "เรียกผมว่าคุณเชสเหมือนเดิมก็ได้"

คีธชะโงกไปจูบแก้มเนียนเบาๆ "วันนี้อยากสนิทมากกว่าทุกวันน่ะ"

จะมีอะไรสำคัญไปกว่า... การมีใครสักคนอยู่ข้างๆ เล่า

"คีธ... อย่าทิ้งผมไปไหนนะ"

"ผมอยู่นี่ ...อยู่ข้างๆ คุณแล้ว"

เจ้าของบ้านมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นทะเลกว้างใหญ่ แล้วก็พลันนึกอะไรบางอย่างได้ คีธรู้เสมอว่าคุณเชสของเขาอยู่ในอารมณ์ไหน สังเกตได้จากลมหายใจของอีกฝ่าย "คิดอะไรอีกแล้ว"

"ผม..." ร่างโปร่งพึมพำกับแผงอกอุ่น "ผมแค่นึกได้ แต่มันก็..."

"เล่าให้ผมฟังได้ไหม... ถ้ามันทำให้คุณสบายใจขึ้น" ครั้งนี้คีธไม่ห้ามเขาคิด แต่จะรับฟังด้วย

"ผมมีเรือยอชต์" เชื่อเลยว่าคีธไม่รู้จักสิ่งนั้น แต่คุณเชสเองก็ไม่อยู่ในอารมณ์จะอธิบายเพิ่มเติมอย่างทุกที "แต่ว่า... มันเชื่อมสัญญาณกับระบบรักษาความปลอดภัย"

คีธอาจจะไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยเขาก็ตระหนักได้ว่าควรจะพาคุณเชสไปนั่งคุยดีๆ ร่างสูงค่อยๆ กระชับแขนพาอีกฝ่ายเดินกลับไปยังโซฟา นั่งลงช้าๆ แล้วให้คู่สนทนานั่งบนตักตัวเอง

"คีธ... ไม่..."

"ผมจะได้กอดคุณได้ คุณจะวางใจกว่า" หากจิตใจเขายังปกติ เชื่อว่าจะไม่ยอมนั่งตักใครง่ายๆ แบบนี้ "เรือยอชต์... เหรอ..."

คุณเชสพยักหน้า "แต่มันมีหลายปัจจัย... ทั้งเรื่องระบบติดตามจากดาวเทียมแบบเดียวกับของอากาศยาน แต่มันปลดล็อกยากกว่ามาก... ญาติของผมจะรู้ทันทีถ้าเราแตะต้องมัน" คนพูดกัดปากตัวเอง "วิธีเดียวที่จะหนีจากการติดตามทุกประการคือต้องออกไปถึงเขตทะเลหลวง แต่มันก็ตั้งสองร้อยไมล์ทะเล"

เรือยอชต์ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้เดินทางไกลขนาดนั้น โดยเฉพาะเรือของเขาที่เป็นเรือท่องเที่ยวระยะทางสั้นๆ สำหรับครอบครัว

มหาเศรษฐีมีวิธีการแสดงออกถึงฐานะแตกต่างกัน แต่ก็มักมีรูปแบบไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือการใช้เงินตราซื้อหาสิ่งสูงค่ามาประดับบารมี ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานรุ่นใหม่ๆ ที่สามารถบังคับจากทางไกลได้ ซ้ำยังมีระบบขับเคลื่อนด้วยตนเอง รถยนต์หรูที่วิ่งได้ทั้งในน้ำและบนบก รวมถึงเรือยอชต์ขนาดใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

เรือที่ใช้พลังแสงอาทิตย์อาจเป็นทางออกสำหรับตอนนี้

...แต่แน่นอนว่าคุณเชสก็กลัวพายุทะเลในฤดูหนาวเช่นกัน

โดยทั่วไปแล้ว พวกเขาจะเก็บเรือไว้ในโกดังระหว่างฤดูหนาว เนื่องจากฤดูหนาวมักเป็นฤดูมรสุม มีความเสี่ยงที่พายุจะสร้างความเสียหายให้เขาต้องตามซ่อมบำรุง หรือเลวร้ายกว่านั้นก็คือการสูญเสียเรือไปทั้งลำอันเป็นมูลค่าไม่น้อย

การนำเรือออกทะเลอาจไม่ใช่ความคิดที่ดี... แต่ตอนนี้เขาไม่มีตัวเลือกมากนัก

เขาเป็นทุกข์ เขาหวาดระแวงว่าทุกสิ่งจะถูกพรากไปในไม่ช้าโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย

ไหนจะเรื่องการรักษาความปลอดภัยแนวชายฝั่งของทางการอีก การมีเรือสักลำแล่นออกทะเลย่อมสร้างความคลางแคลงสงสัย หากต้องการจะออกเรือเพื่อไปให้พ้นเขตทะเลนี้ เห็นทีว่าจะต้องออกเดินทางตอนกลางคืน ซึ่งเสี่ยงต่อคลื่นลมมากกว่ากลางวัน ระยะทางสองร้อยไมล์ทะเลก็ยาวเกินกว่าจะไปถึง

มีแต่อันตรายรายล้อม... จนอยากจะยอมแพ้

แต่หากยอมแพ้ แปลว่าเขาต้องละทิ้งความทรงจำทั้งหมดนี้ ทั้งความผูกพัน ความรู้สึกดีที่เขามีต่อคีธ ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทำให้เขามีความสุขที่สุขยิ่งกว่าตอนมีชีวิต

...เขาเองก็ยังไม่อยากยอมแพ้เช่นกัน

คีธกอดเอวสอบไว้หลวมๆ ใช้ไออุ่นจากตัวเองช่วยปลอบประโลมคนคิดมากที่ดูจะหวาดระแวงทุกอย่าง "คีธ... ต่อให้เรามีเรือ แต่ถ้าเราออกไปไม่ถึงสองร้อยไมล์ทะเล ทางการจะยังมีอำนาจสั่งยิงเรือ หากเขาคิดว่าเราเป็นภัยคุกคาม"

เรือยอชต์สามสิบเมตรจะเป็นภัยคุกคามอะไรขนาดนั้น...

แต่มันก็แปลกอยู่ดีที่จะมีเรือท่องเที่ยวมาลอยลำอยู่กลางทะเลในภาวะสงคราม

"ถ้าไม่ลอง... เราจะแพ้ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย" คีธบอกอีกฝ่าย "ผมสร้างบ้านใหม่ให้คุณอยู่ก็ได้ เอาให้เหมือนบ้านหลังนี้เลยก็ได้ ขอแค่เป็นสถานที่ที่คุณพอใจ ที่ไม่ถูกใครรบกวนหรือคุกคามอีกต่อไป"

คนพูดแตะแก้มเขา ดวงตาสีฟ้าสดสบมองแน่วแน่ "ผมจะหาให้คุณทุกอย่าง... เขาแค่คุณหลุดพ้นจากความทุกข์นี้"

คีธแตะจมูกแนบ "หนีไปด้วยกันก็พอ... ทุกอย่าง... ผมจะหามาให้คุณเอง"

ขอแค่เลิกยึดติด... เลิกห่วงหา... ทรัพย์สมบัติที่เคยเป็นของตนแต่กลับไม่ได้ครอบครองเมื่อหมดลมหายใจ

คุณเชสรู้ว่าตระกูลของเขาต้องการอากาศยาน เมื่อทางการสั่งตัดไฟฟ้า อาจเป็นโอกาสให้พวกเขาเดินทางเข้ามาเพื่อพาหนะลำนั้นก็ได้ อย่างไรอากาศยานก็มีประโยชน์มากกว่าเรือ การขโมยเรือสักลำที่เคยเป็นของตัวเองจึงไม่น่าใช่เรื่องใหญ่ ขอแค่ปิดระบบติดตามตำแหน่งได้ก็เท่านั้น

หากยังพะวงเรื่องนั้นเรื่องนี้... อาจไม่มีเวลาได้ลงมือทำก็ได้

ร่างโปร่งหันไปหาแท็บที่ยังมีแบตเตอรี่เหลือเฟือ แล้วเปิดดาวเทียมขึ้นดู "ถ้าเราเดินทางภายในแนวเขตสิบสองไมล์ทะเล เราจะยังได้รับสิทธิการผ่านโดยสุจริต เส้นทางขึ้นเหนือยังมีเกาะแก่งมากมายให้หยุดพักหลบมรสุมฤดูหนาว ขอแค่ขึ้นไปในเขตนี้ก็จะมีเกาะว่างเปล่า อ่าวเล็กๆ อีกมากมายให้เลือกหลบ"

คีธมองแผนที่ เขาเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก แต่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาตั้งคำถาม

"อะแลสกา..." คุณเชสว่า "เราอาจต้องอยู่บนเรือเป็นเดือนๆ เพื่อไปถึงที่นั่น"

"ผมอยู่กับคุณได้นานกว่านั้นแน่นอน"

คนฟังหลุดหัวเราะสั้นๆ "มันไม่ใช่เวลามาจีบนะ"

"แต่คุณก็ยิ้มได้" คีธยิ้มตอบ "แอนโธเน่... ผมเริ่มชอบฟังคุณวางแผนแล้ว"

"เริ่มจะขนลุกกับการเรียกชื่อแล้วสิ"

"หรือจะเรียกแอนนี่ดีล่ะ" ร่างสูงหยอก เกยคางบนไหล่คนตรงหน้า "การได้เห็นคุณมีความหวัง ความพยายาม เพื่อจะมีความสุข... มันดีกว่าการเห็นคุณเป็นทุกข์จริงๆ นะ"

แม้ใจหนึ่งจะยังเป็นทุกข์ แต่ตราบใดที่มีคีธอยู่ข้างๆ ใจหนึ่งของเขาก็มีความสุขจริงๆ

"คีธ... ผมจะพาคุณไปทะเล... เราจะไปทะเลด้วยกัน"

--------------------------------------------------

ออฟไลน์ khaosap

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • Khaosap Writing
Re: Death n Dream ตอนที่ 20 [จบ]
«ตอบ #23 เมื่อ02-05-2018 13:43:17 »

ตอนที่ 20


ตระกูลเชสเคยเป็นเจ้าของเรือยอชต์หลายลำเนื่องจากการทำธุรกิจท่องเที่ยวเกี่ยวกับการล่องเรือหรูชมฝูงวาฬ แต่เมื่อระบบนิเวศชายฝั่งเปลี่ยนไปเพราะการรั่วไหลของสารเคมี เหล่าวาฬจึงไม่กลับมาอีก ทำให้พวกเขาต้องเลิกกิจการส่วนนั้นไปโดยปริยาย และขายเรือเกือบทั้งหมด ยกเว้นลำที่ทันสมัยที่สุด

The CHASER

เรือยอชต์ขนาดกลางยาวสามสิบเมตรที่สามารถบังคับได้คนเดียว ภายในแบ่งออกเป็นเจ็ดห้องไม่รวมส่วนของดาดฟ้า พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน อีกทั้งยังใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ หากพูดในแง่การใช้ชีวิตที่ไม่ต้องดื่มต้องกินอาหาร ตัวเลือกเรือฟังดูเข้าท่าไม่น้อยจริงๆ

แม้จะรู้ว่ามหาสมุทรน่ากลัวกว่าที่เห็น... แต่คุณเชสคิดว่าการไม่ลงทำเป็นเรื่องน่าผิดหวังยิ่งกว่า

"ถ้าเราจบลงที่กลางทะเล..." ใจเจ้าของหวาดหวั่น เขากลัวทุกการตัดสินใจอันบ้าบิ่นนี้

"คุณอยู่กับผม..." คีธเหลือบตามอง "ผมไม่ปล่อยมือจากคุณหรอก"

...และคนเราก็ตายได้เพียงครั้งเดียว

คุณเชสเงยหน้ามองเรือใหญ่ที่ถูกเก็บไว้อย่างดี เขายกเรือค้างเอาไว้เพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา แม้ว่ามันจะไม่ได้ปัดฝุ่นมาสักพัก เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองทำให้ผู้คนต้องละทิ้งทุกอย่างเอาตัวรอด บริษัทรับดูแลที่เขาเคยจ้างก็พลอยปิดตัว และอพยพไปด้วย

โกดังนี้ตั้งอยู่ที่ท่าเรือซึ่งห่างจากบ้านพักประมาณสิบนาทีขับรถ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อมต่อกับส่วนกลางซึ่งรายงานความเคลื่อนไหวให้คุณเชสทราบโดยตรง เมื่อครั้งที่ตั้งรหัสผ่านใหม่ คุณเชสตรวจสอบแล้วว่าเรือลำนี้ยังปลอดภัยดีอยู่ในโกดัง

ดูเหมือนว่าตระกูลของเขาจะไม่ไยดีเรือมากนัก เนื่องจากมันมีค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูง หาประโยชน์ในภาวะสงครามได้น้อยกว่าอากาศยาน

"คีธ..." คุณเชสเรียก "คุณต้องขับ เราจะไม่เปิดไฟส่องน้ำ เลี่ยงไม่ให้ใครจับได้ว่ามีเรือออกจากฝั่ง"

คีธไม่เข้าใจคำอธิบาย แต่จับใจความได้ว่าตัวเองต้องทำอะไรบางอย่างที่สำคัญ "แต่ผม..."

"คุณมองเห็นในความมืด อย่าไปชนอะไรก็พอ"

คุณเชสเปิดไฟสำรองในโกดัง เข้าสู่ระบบที่เขาคุ้นเคยเพื่อปลดล็อกประตูเหล็กบนพื้น เปิดทางให้เครื่องจักรนำเรือลงน้ำ เขาทำแบบนี้ทุกปีที่ครอบครัวไปท่องเที่ยวด้วยกัน

มันเป็นช่วงเวลาเดียวที่เขาได้พักผ่อน...

"อย่าเพิ่งสำรวจอะไร ทำตามที่ผมบอกก่อน"

ร่างโปร่งเดินนำขึ้นไปบนลำเรือ ตรงเข้าสู่ห้องควบคุมด้านหน้า "เรือนี้มีระบบขับเคลื่อนในตัว ขอแค่คุณดูพังงาไว้ อย่าให้เรือพุ่งไปชนโขดหินที่ไหนก็พอ"

คนพูดดูจะคุ้นเคยกับเรือจนเคลื่อนไหวไปมาคล่องแคล่ว ผิดกับคนข้างกายที่ยืนทื่อด้วยความตกใจเหมือนกับครั้งแรกที่เขาขึ้นอากาศยาน

ประตูโรงเก็บเรือเปิด เผยให้เห็นเส้นทางน้ำทอดยาวออกสู่ทะเล

"คุณเชส..."

เจ้าของชื่อรู้ว่าคีธเกร็ง และกดดัน จึงจับมืออีกฝ่ายขึ้นวางบนพังงา "เป็นดวงตาให้ผมนะ"

คำปลอบไม่เคยช่วยเหลืออะไรในเชิงรูปธรรม แต่สำหรับจิตใจที่หวั่นไหว มันทำให้ความมั่นใจกลับมา "คุณมากับวาฬ... ต่อให้ไม่มีเรือ ผมก็จะพาคุณข้ามทะเลไปเอง"

ทำเป็นพูดดีเถิด ทะเลกว้างเท่าไหร่ คีธไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ

คุณเชสยิ้ม "สำหรับผม... มันไม่มีคำว่าสัตว์หรือมนุษย์อีกแล้ว"

...นับตั้งแต่วันนั้น พวกเขามีจิตวิญญาณ และความรู้สึกเหมือนกัน

"เราเท่าเทียมกัน"

ใบพัดใต้เริ่มเคลื่อนไหว ผลักดันให้เรือเคลื่อนออกไปจากโรงเก็บ คุณเชสหันไปมองระบบอัตโนมัติที่จะปิดประตูโรงเรือภายในไม่กี่นาทีหลังจากนั้น

ใจหาย... เมื่อตัดใจจะไปจากบ้านของตัวเอง

คีธบีบมือเขา ดึงมากอบกุมเอาไว้เหมือนเรียกหาความมั่นใจ "ต่อจากนี้ ไม่ต้องคิดถึงบ้านแล้วนะ..." อีกฝ่ายไม่ได้เรียกหาความมั่นใจ แต่ให้ความมั่นคงกับเขาต่างหาก "ผมจะเป็นบ้านให้คุณเอง"

บ้าน... ที่หมายถึงสถานที่ที่อุ่นใจที่สุดเมื่อได้กลับมาหา

มันอาจไม่ใช่สิ่งของ แต่คือบุคคล...

"ผมจะเป็นทุกอย่างให้คุณเอง..."

คุณเชสยิ้มตอบในความมืด ยิ้มให้กับคนที่พูดไปแต่ไม่ได้หันมองเขาด้วยซ้ำ ด้วยกำลังคร่ำเคร่งกับการบังคับทิศทางเรือ "ของแบบนี้... มันต้องพูดไป มองหน้ากันไปสิ"

"เดี๋ยวค่อยมอง..." วาฬเถียง "ออกเรือไปให้คุณวางใจก่อน"

คุณเชสดันคันโยกเล็กๆ ด้านข้าง เพิ่มความเร็วยิ่งขึ้น พลางก้มอ่านทิศทางจากหน้าจอ นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่สุด แต่เขาจะไม่ลืมคำมั่นนั้นเลย

"คุณน่ะ... เป็นทุกอย่างสำหรับผมมาสักพักแล้ว"

เขารู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง นึกขอบคุณความมืดที่ช่วยแอบซ่อน และความมุ่งมั่นของคีธทำให้เขาไม่อาจหันกลับมามองได้

แต่มือทั้งคู่ยังกอบกุมกันอย่างที่ไม่มีใครทำเวลาขับเรือ

"คีธ..." ได้แต่เรียก แต่กลับพูดอะไรไม่ออกหลังจากนั้น

"แอนโธเน่" แม้จะตามไม่ทันว่าตกลงจะเรียกชื่ออะไร แต่นี่ไม่ใช่เวลามาจับผิดกัน

"อะไรเหรอ"

"ผมรักคุณนะ..." คนฟังรู้แก่ใจ เขากุมมือคนพูดแน่นเข้า หลังจากเชื่อมาตลอดว่ามนุษย์เท่านั้นที่มีความรัก และสัตว์ไม่มีความรู้สึก ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ

...บางที มนุษย์อาจจะผิดที่คิดเช่นนั้นก็ได้ เพราะพวกเขาไม่เคยได้รับความรักที่แท้จริงก็เท่านั้น

"อยู่ด้วยกัน... ตลอดไปเลยนะ"

จนกว่า... จะนึกอยากไปเกิดนั่นแหละ ซึ่งคงจะอีกนานสักหน่อย



"พอพระอาทิตย์ขึ้น... จอดเรือหน่อยนะ" คุณเชสเม้มปาก "ผมอยากจูบคุณ"

แล้วก็... จูบตอนกลางวันจะได้เห็นหน้ากันชัดๆ ด้วย



"จูบปากนะ..."

"อย่ามาสั่งหน่อยเลย พวกมือสมัครเล่น"



ไม่ว่าเส้นทางเบื้องหน้าจะมีอะไรรออยู่...

แต่แอนโธเน่ เชสคิดว่าเขามีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว และมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้เอง



"ไม่บอกรักผมหน่อยเหรอ"

"ผมข้ามไปขอแต่งงานแล้ว"

"ไหนแหวนล่ะ"

"คุณไปจำมาจากไหน"

"หนังของคุณทุกเรื่อง... เวลาขอแต่งงานก็ให้แหวนกันทั้งนั้น"

จริงด้วย...

"ผมมีนิ้วแล้ว... ไม่ต้องมาอ้างว่าผมใส่แหวนไม่ได้เพราะมีครีบเลยนะ"

"เดี๋ยวเลือกแบบให้ คุณช่วย 'เสก' ขึ้นมาหน่อยก็แล้วกัน..."

--------------------------------------------------

ออฟไลน์ xexezero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Death n Dream ตอนที่ 20 [จบ]
«ตอบ #24 เมื่อ03-05-2018 00:02:34 »

เพิ่งได้มาอ่านเรื่ิองนี้ บอกตามตรงเลยว่าเราชอบมากกกกก ไล่อ่านวันเดียวจบ5555 ภาษาพี่สวยมากค่ะ บรรยายเสียจนเห็นภาพตามเลย  แนวเรื่องน่าสนใจมากค่ะ ติดตามๆเลย555 :hao6:

ออฟไลน์ kittvara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Death n Dream ตอนที่ 20 [จบ]
«ตอบ #25 เมื่อ06-05-2018 09:24:31 »

ชอบค่ะ ตอนแรกเห็นมันโพสในเฟสบุ๊ค
เลยกดตามลิ้งค์มา อ่านใน readwriter
แล้วก็มาอ่านในนี้ต่ออีก สนุก ขำหน่อยๆ น่ารัก
ชอบพระเอก นายเอกมากค่ะ

ออฟไลน์ Cloudnine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 730
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: Death n Dream ตอนที่ 20 [จบ]
«ตอบ #26 เมื่อ15-06-2018 19:15:10 »

หลงรักวาฬเพชฌฆาตซะแล้ว อยากกอด :กอด1:
คีธน่ารักมากกกกก เต๊าะคนแก่เก่ง555 เนียนเหลือเกิน เดี๋ยวกอด หอม จูบ ดีนะที่คุณเชสตายแล้ว ไม่งั้นหัวใจวายตายวนไปค่ะ
อยากให้ทั้ง2คนอยู่กันแบบนี้ไปตลอดกาลเลย
 :pig4: :L1:
ขอบคุณนักเขียนนะคะ สนุกมากกก อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: Death n Dream ตอนที่ 20 [จบ]
«ตอบ #27 เมื่อ19-06-2018 08:10:20 »

พึ่งได้อ่านเรื่องนี้น่ารักมากเลยอ่หลงรักคุณวาฬเลย

ออฟไลน์ anonymous

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Death n Dream ตอนที่ 20 [จบ]
«ตอบ #28 เมื่อ23-06-2018 13:30:21 »

พึ่งได้เข้ามาอ่านวันนี้ค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย ชอบมากกกก ประทับใจมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: Death n Dream ตอนที่ 20 [จบ]
«ตอบ #29 เมื่อ26-06-2018 15:44:17 »

ตอนจบนี่ อ้าว จบแล้ว5555 ขอบคุณมากคนเขียนสำหรับเรื่องราวที่อบอุ่นและน่ารักนี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด