Who is he ❤ แฟนผมคนไหน? | แจ้งข่าวหน้า 3 18/10/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Who is he ❤ แฟนผมคนไหน? | แจ้งข่าวหน้า 3 18/10/61  (อ่าน 62462 ครั้ง)

ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ตอนที่ 18 ก็จะเขินอายไปทำไม





“หนักป่าว นนเดินเองได้นะ”

“ไม่หนัก วันนี้แรงเยอะ จะแบกไปให้ถึงห้องเลย” คีณกระชับคนที่แบกไว้บนหลังให้แน่นขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าตอนนี้ทำให้คีณเองก็ลืมที่จะหนักและเหนื่อยกับการแบกผู้ชายตัวไม่เล็กอีกคนไว้บนหลัง เรื่องของเรื่องก็คือหลังจากที่พากันวิ่งออกมาจากความวุ่นวายในงานคีณก็พึ่งตระหนักดีว่าตัวเองไม่มีรองเท้าติดเท้ามาซักข้าง ทางออกที่ดีที่สุดก็คือการยึดรองเท้าของอีกฝ่ายมาใส่ทับส้นซะ ถึงจะงอแงไม่ยอมอยู่นานก็ตาม แล้วจะให้แฟนเดินเท้าเปล่าแทนมันก็ไม่ใช่เรื่องถูกมั้ย





วิธีนี้แหละดีที่สุด

ถึงคนแม่งจะยืนมองแล้วกรี๊ดใส่เหมือนดูขบวนนกแพนกวินก็ช่างมันเถอะ

ใครสน

ก็กูจะสวีท





“ไม่หนักก็เดินเร็วหน่อยดิ อายจะตายอยู่แล้ว” ณนนก้มหน้างุดลงไปบนเสื้อที่เปียกเหงื่อ ครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาขี่หลังกันท่ามการสายตาผู้คนกลางวันแสก ๆ ทำไมอะไร ๆ มันก็เร็วไปหมดจนตั้งตัวไม่ทันแบบนี้วะ

“ไม่เอาอ่ะ ...อยากเดินแบบนี้นาน ๆ”

“งั้นจะลงเดิน”

“ไม่เอา”

“คีณ มันอายนะเว้ยยยยย” ถึงปากจะพูดไปแต่ดูเหมือนคนแบกจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยซักนิด

“อายหรือว่าเขินเอาดี ๆ”

“มันก็เหมือนกันป่ะ”

“ไม่เหมือนดิ เพราะต้องนี้คีณไม่อายเลย แต่เขินมากกว่าที่ได้เปิดตัวแฟนจริง ๆ ซักที”





บ้าจริง… เขินจริงด้วยวะ





“.......เชี่ย” ณนนเม้มปากเรียบสนิทไม่ปริปากเถียงอะไรออกมาอีก ก็แน่ล่ะสีหน้าแดงเรื่อมันชัดเจนว่าโคตรจะเขินจนไม่ควรจะหน้าด้านเถียงอะไรออกมาอีก

“ขอบคุณนะครับ”

“เรื่อง…”

“เรื่องเมื่อกี้ไง ขอบคุณนะที่ทำให้มันดีกว่าที่คิดไว้มากเลย”

“ขอบคุณเหมือนกัน” ถึงปากจะไม่ยอมพูดออกไปว่าขอบคุณเรื่องอะไร แต่ก็ดูเหมือนว่าคนที่แบกณนนไว้กับหลังจะคิดเข้าข้างตัวเองจนยิ้มแก้มแตกออกมาจนเกือบจะเสียลุคเท่ ๆ คูล ๆ แต่ช่างเถอะ ณ จุดนี้ ‘แฟน’ ที่แบกอยู่บนหลังก็ทำให้หล่อมากขึ้นพอแล้ว

“ฮือออออออ มึงดูนั่นนนน เขาแบกกันมาอ่ะมึงงงงง”





ถ้าไม่เชื่อก็ดูสีหน้าผู้หญิงที่ทิศสิบนาฬิกาคนนั้นสิ นี่ถ้างับหัวเพื่อนเข้าปากได้ก็คงทำไปแล้ว





“คีณ…”

“หืม”

“ให้นนลงเดินมั้ย”

“ไม่เอาดิ จะยอมให้แฟนตัวเองเท้าเปื้อนได้ไง อยู่เฉย ๆ ไปเหอะน่า อีกนิดนึงก็จะถึงลานจอดรถแล้ว”

“เว่อร์”

“ไม่ได้หรอก รอมาตั้งสามปีกว่าจะได้เปิดตัว เปิดตัวแล้วก็ต้องใส่ความแฟนให้สุด เข้าใจป่ะ” คีณเอียงหน้าไปด้านหลังแต่ก็ไม่ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแม้แต่เสี้ยว ก็ตอนนี้ณนนอาการหนักก้มหน้างุดไม่พูดจา ไอ้คำพูดหวานเลี่ยนชวนอ้วกของคีณน่ะมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้ฝูงซอมบี้ที่เริ่มตามรุมอยู่รอบตัวห่าง ๆ ตอนนี้ต่างหากที่ทำให้อดที่จะรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้





แม่ม!! จะตามถ่ายทอดสดกันเป็นหมีแพนด้าเลยรึไงฟ่ะ





“เข้าใจ แต่นนอยากเดิน ขอลงตอนนี้เลย”

“แต่ว่า…” คำค้านหรือแม้แต่มือกาวของคีณมันไม่ได้ผล ณนนโดดตัวลงจากหลังเปียกเหงื่อในที่สุด ทันทีที่เท้าเปล่าสัมผัสลงกับพื้นซีเมนต์เจ้าตัวก็สะดุ้งโหยงขึ้นมา เพราะเศษก้อนดินดินทรายมันระคายเท้าจนรู้สึกเจ็บ แต่ ณ จุดนี้ถ้าจะโอดโอยออกไปก็เท่ากับว่าแพ้น่ะสิ

“ป่ะ เดินต่อ”

“หึ… หึหึ” คีณกระตุกยิ้มแรงเพราะเห็นจังหวะที่อีกฝ่ายพยายามแสดงสีหน้าว่าแฮปปี้ดีซะเหลือเกิน มือหนาก้มลงถอดรองเท้าคู่เล็กออกมา ก่อนจะถือมันไว้ด้วยมือซ้ายเพราะรู้ดีว่าเจ้าของมันก็คงไม่ยอมเอากลับไปใส่เองแน่นอน

“ถอดทำไม”

“ถ้าคืนให้ก็จะไม่ใส่ใช่ป่ะ” นอกจากจะไม่ตอบ ร่างสูงก็ยังจะเพิ่มประโยคคำถามเข้าไปในบทสนทนา ไม่สิ… นั่นมันก็แค่ประโยคบอกเล่าที่เขาและร่างโปร่งตรงหน้ารู้คำตอบดี

“อือ” เห็นมั้ยล่ะ ไอ้คีณเดาไว้ไม่มีผิด

“งั้นก็เดินไปด้วยกันแบบนี้แหละ” ว่าแล้วมืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็สวมเข้ากับมืออีกข้างของณนน คนตัวเล็กกว่าเดินตามแรงมือของคีณโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก ครั้งแรกกับความรู้สึกอิ่มเอมกับการจับมือ ณนนเคยคิดว่าการคบกันเป็นเรื่องของคนแค่สองคน แต่ตอนนี้ ตอนที่คนมากมายกำลังจะก้าวเข้ามายุ่งกับเรื่องราวของเขาและคนที่กำลังเดินนำเขากลับไม่ได้รู้สึกเปลี่ยนไปซักนิด





จะรู้กันแค่สองคน

หรือจะมีกี่คนที่เข้ามายุ่งวุ่นวาย

ยังไงรักมันก็คือรัก

เข้าใจแล้ว…





“ต่อจากตอนนี้มันจะเป็นยังไง”

“หืม”

“อีกไม่กี่นาทีข่าวคงกระจายทั่วโซเชี่ยล เราจะทำยังไง” คีณชะงักไปแวบหนึ่งก่อนจะกระชับมือของณนนให้แน่นขึ้นแล้วเดินต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ก็ไม่ต้องทำอะไร”

“แล้วเรื่องพ่อคีณ…”

“ไม่ต้องห่วงหรอกนน เชื่อคีณ เราก็แค่กลับห้องไปนอนถอดเสื้อผ้ากอดกันก็พอ….” น้ำเสียงประโยคหลังที่แฝงความทะลึ่งเอาไว้ทำให้ณนนยกศอกกระทุ้งเข้าช่วงท้องคนข้าง ๆ อย่างอัตโนมัติ เห็นแววไม่ดีซะแล้วสิ งานนี้ดูเหมือนว่าไอ้แฟนตัวแสบจะได้เปิดตัวแล้วจะเอาใหญ่

“นอนกอด...ตีน...ก่อนเถอะ”

“โหดว่ะ”

“จะโหดกว่านี้ถ้ายังไม่รีบเดินอีก อยากให้คนเขาเดินตามไลฟ์สดนักรึไง”

“ก็ช่างสิ คงไม่มีอะไรพีคได้เท่าจุ๊บที่คณะเมื่อกี้แล้วมั้ง”

“............” ก็จะอะไรล่ะ ที่เงียบแบบนี้ก็เพราะว่ามันเถียงไม่ออกน่ะสิ

“เงียบทำไม ตัวเองเป็นคนจุ๊บคนอื่นเขาก่อนแท้ ๆ”

“ไม่รู้เว้ย!” ณนนทำท่าจะสะบัดมือออกแต่คีณกลับใช้โอกาสนี้จับมันไว้ให้แน่นยิ่งกว่าเดิม

“เธอคือทุกสิ่งในความจริงในความฝัน…” จู่ ๆ คีณก็พึมพรำเพลงขึ้นมาเบา ๆ ให้ได้ยินกันเพียงสองคน เพลงเพลงเดิมที่ได้ยินในคณะนิเทศเมื่อไม่กี่นาทีก่อน แต่ตอนนี้มันกำลังออกจากปากคนที่ตั้งใจอยากจะร้องให้ณนนฟังด้วยตัวเอง

“ก่อนจะร้องเพลงรีบเดินให้ถึงรถก่อนมั้ยล่ะ”

“เธอคือหัวใจ ไม่ว่าใครไม่อาจเทียมเทียบเท่าเธอ ช่างโชคดีที่เจอ ได้ตกหลุมรักเธอ

ได้มีเธอเคียงข้างกาย” ขอแสดงความเสียใจกับณนนด้วยเพราะ ณ จุดนี้นายคีณคนหล่อได้ทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้ร้องพริ้มต่อไปราวกับกำลังจูงมือกันเดินบนพื้นหญ้า





หญ้าก็เชี่ยแล้ว…





“อารมณ์ไหนห่ะ เจ็บเท้าแล้ว เร็วเหอะน่า”

“คงจะมีเพียงเธอ ทำให้โลกนั้นหยุดหมุนเพียงเธอสบตาฉัน คงจะมีเพียงเธอ ที่หยุดหัวใจของฉันไว้ตรงนี­้ ตรงที่เธอ…”

“..........” โลกหยุดหมุนอะไรกัน… วินาที่ที่สบตามองลงไปชัด ๆ ตอนนี้มันเหมือนโลกหมุนเร็วขึ้นต่างหาก แต่เป็นการหมุนรอบตัวคนแค่สองคนเท่านั้น

“เธอเพียงคนเดียว และเพียงเธอที่ต้องการ ฉันจะทำทุกๆ ทาง ด้วยวิญญาณและหัวใจ นั่นคือฉันจะรักเธอ ไม่ว่าเป็นเมื่อไหร่สถานใ­ด

ทั้งหัวใจฉันมีเธอเพียงคนเดียว”

“...พอแล้ว”

“ไม่ชอบหรอ ตั้งใจร้องให้เลยนะ แค่ฝากไอ้ดอมร้องให้ฟังไปก่อน”

“ก็....”

“เธอคือรักจริง ฉันยอมทิ้งทุกๆ อย่าง เพียงเพื่อเธอ ดั่งฟ้าให้มาเจอ ให้เธอคู่กับฉัน ให้เราได้เดินเคียงข้างกันนับจากนี้”

“นั่น! พวกเราน้องคีณอยู่ทางนั้น”

เดินเคียงกันอะไรล่ะ วิ่งสิครับพี่น้องนักข่าววิ่งตุบตับเข้ามาอย่างกับฝูงแร้งลงขนาดนั้น งานนี้คู่รักที่เปิดตัวแบบอลังการก็ได้แต่ใส่ตีนหมาวิ่งไปจนถึงรถก่อนจะรอดเงื้อมมือแร้งหิวขาวได้อย่างหวุดหวิด





เอาเถอะ





ต่อจากนี้ถ้าเรื่องจะวุ่นวายยังไงก็ช่างมัน

เพราะอยากน้อยตอนนี้โลกก็รู้แล้วว่าแฟนผม...คือเขาคนนี้

.

.

.

TBC






ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ตอนที่ 19 เรือลำนี้แล่นเองได้



“เราจะนั่งมองมันแบบนี้อีกนานมั้ย”

“ก็คงจนกว่ามันจะสั่นจนพังไปเองอ่ะ ถ้านนไม่ยอมปิดเครื่องหรือไม่ก็ปิดแจ้งเตือนมันไปซักที” คีณตอบด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร การแจ้งเตือนจากทั้งเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม หรือแม้แต่ไลน์ยังคงเด้งเข้าเครื่องของณนนไม่มีหยุด แต่ในเมื่อสัญญากันเอาไว้แล้วว่าจะวันนี้จะไม่สนใจอะไรที่เป็นผลพวงมาจากการเปิดตัวแบบอลังการดาวล้านดวง เพราะฉะนั้น… ก็ปล่อยให้ทุกอย่างมันไปตามกลไกความเสือกของชาวโลกนั่นแหละถูกแล้ว

“ปิดเครื่องแล้วถ้ามีธุระสำคัญขึ้นมาจะทำยังไง” ณนนว่าพลางหยิบโทรศัพท์คว่ำหน้าลงกับโซฟา ให้ตายเถอะ ไอ้หนังคอมเมดี้บนจอทีวีนี่ก็ไม่ได้ทำให้ขำขึ้นมาได้เลย แล้วไหนจะไอ้คนมือไวที่เลื้อยไปเลื้อยมาอยู่ข้างตัวนี่อีก

“ไม่เห็นต้องสน”

“ง่ายเนอะ”

“อือ ไม่เห็นมีไรยาก” ก็แน่ล่ะเพราะคีณได้ดำเนินการปิดเครื่องตัวเองไปเรียบร้อยโรงเรียนไทย นั่นก็เพราะพอจะเดาออกว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรขึ้นบ้างในโลกโซเชี่ยล อีกอย่างเบอร์โทรศัพท์ตัวเองก็เป็นสิ่งที่นักข่าวหาได้ไม่ยาก ไม่ใช่ว่าจะอยากจะหลบเลี่ยงความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นหรอกนะ แต่ขอพักใจกับคนข้าง ๆ ซักแปบแล้วกัน

“ยากแน่ถ้ายังไม่หยุดเอามือล้วงเข้ามาในเสื้อ...” สายตาดุ ๆ ส่งมาจนคีณชักมือกลับแทบไม่ทัน ขอร้องล่ะคุณผู้อ่านอย่าใช้สายตาแบบนั้นมองไอ้คีณเพราะว่านี่ไม่ใช่การกลัวเมีย แต่เขาเรียกว่าอยู่ในระยะเกรงใจ

“งั้น ...กางเกงแทนได้ป่ะ”

ป๊าปป!!

“โอ๊ยยยย” เวรกรรมของไอ้คีณมือยังไม่แตะขอบกางเกงเลยด้วยซ้ำ โดนตีแสกหน้ามาเหม่งแทบแตก

“มีอารมณ์รึไงห่ะ สถานการณ์แบบนี้”

“เออ มี”

“ทะลึ่ง ข้าวก็ยังไม่กิน น้ำก็ยังไม่อาบ”

“แปลว่าถ้ากินข้าวอาบน้ำแล้ว...” วงแขนแกร่งโอบณนนเข้ามาจนปลายจมูกเกลี่ยไปมาอยู่ที่กลุ่มผม มือไม้ที่เป็นเหมือนปลาหมึกก็เริ่มต้นภารกิจรัดเข้าที่ช่วงเอวอีกฝ่ายแทบจะไม่มีทางหนีทีไล่ ยิ่งเห็นดวงตาหงุดหงิดขัดแย้งกันกับพวงแก้มสีชมพูเพราะความเขินก็ยิ่งทำให้คีณได้ใจ

“.........” ซวยแล้วณนน เผลอพูดออกไปมัดตัวเองแท้ ๆ

“อาบน้ำอย่างเดียวได้มั้ยอ่ะ อยากกินนนมากกว่าข้าว”

“อยากกินอะไรนะ…”

“ก็...กิน….นนไงครับ” ริมฝีปากหนาก้มลงเพียงนิดเพื่อกระซิบที่ข้างหู ณนนกระตุกยิ้มบางก่อนจะเอียงหน้าสัมผัสเรียวปากลงที่กรอบหน้าของคีณเบา ๆ ให้อีกฝ่ายนึกดีใจ ก่อนที่เสียงโอดโอยจะดังลั่นห้องในระดับที่เรียกว่าพญาปลวกได้ยินก็คงจะตื่น

“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย”

ไอ้แผงฟันที่กัดเข้าที่ช่วงคางนี่มันเบาจนแทบไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่ไอ้มือที่เอื้อมมาบิดหูเต็มแรงนี่สิจะให้หยุดร้องยังไงไหว

“อย่าพึ่งเล่น ยังอารมณ์ไม่ดี เข้าใจนะครับ”

“ครับ ๆ ๆ ๆ คีณเข้าใจแล้วครับนน โอ๊ยยยยยย นนนนนนนน"

“ดี” ณนนยอมปล่อยมือในที่สุด คนเจ็บลูบหูตัวเองป้อย ๆ แต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาเจ้าเล่ห์คล้ายกำลังครุ่นคิดวางแผนการบางอย่าง ...ไม่ได้หรอก น้องชายไอ้คีณพร้อมขนาดนี้แล้ว คุณแฟนจะมาทำตัวไม่พร้อมแบบนี้ไม่ได้

“เมนส์มารึไงห่ะ”

“เมนส์บ้านพ่องสิ ป่านนี้เรื่องเราไปถึงไหนต่อไหนแล้วไม่รู้ จะมีอารมณ์มาลูบ ๆ คลำ ๆ อีก”

“พูดไม่เพราะเลย…”

“ก็มัน….”

“แบบนี้ต้องโดนลงโทษ” ว่าแล้วคีณก็ออกแรงเกี่ยวทั้งร่างของณนนขึ้นมาไว้บนตัก ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะครอบครองเรียวปากบางนุ่มหยุ่นเอาไว้ด้วยไอร้อนที่ช้าแต่นุ่มนวลจนยากที่จะปฏิเสธ มือสองข้างเริ่มซุกซนตามสัญชาตญาณและดูเหมือนว่ามันกำลังจะยั้งเอาไว้ไม่อยู่

“อือ…..คีณณณ” เจ้าของชื่อไม่ได้ใส่ใจเสียงทัดทาน ริมฝีปากหนาเคลื่อนมาสร้างรอยที่ขมับซ้ายและไล้ลงมาเรื่อย ๆ เกมแสนร้อนดำเนินต่อไปโดยที่คีณเข้าใจว่าในที่สุดณนนก็กลายเป็นผู้ตามเกม และเรื่องก็คงจะจบเหมือนทุกทีถ้าไม่เกิดเหตุ….

“โอ๊ยยยยยยยยยย”

เสียงร้องโอดโอยครั้งที่สามที่อาจจะดังไปถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ

“ถ้าไม่หยุด! จะไม่ได้ไปอีกสามเดือน!”

“ครับ ๆ ...โอ๊ยยย หยุดครับบบบ” น่าสงสารคีณที่ต้องมองตามคนที่ลุกเข้าห้องน้ำไปตาละห้อย แต่ก็ควรจะสงสารคีณน้อยมากกว่าที่โดนเข่าของผู้ทรงอิทธิพลทุ้งเข้าเต็มแรง…

โอ้โห… ไอ้คีณอิ่มขึ้นมาทันทีเลยครับผม…

.

.

.

ไถ่โทษ คำง่าย ๆ ที่ณนนถูกคีณยัดเยียดให้ต้องทำตาม คิดไปคิดมาถ้ายอมดี ๆ ก็คงไม่ต้องมาวิตกมากกว่าเดิมขนาดนี้… ให้ตายเถอะ นี่มันมื้อแรกที่เขาสองคนต้องมานั่งกินข้าวพร้อมกันในร้านตามสั่งแถวมหาลัย… ถ้าณนนไม่โดนบังคับ อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นหน้าที่นี่ ก็เหตุการณ์มันพึ่งสด ๆ ร้อน ๆ ขนาดนั้นแถมยังตัดขาดจากโลกอินเตอร์เน็ตมาหลายชั่วโมง ถึงจะตัดสินใจทำเปิดตัวไปแล้วก็เถอะ ลึก ๆ มันก็ยังอดกังวลผลที่จะตามมาไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะ… ผลที่จะเกิดกับคีณ

“ทำไมทำหน้างั้น ปกติชอบกระเพราไก่สับร้านนี้ไม่ใช่หรอ” ยังจะมาถามอีก ก็ปกติเคยมานั่งกินพร้อมกันซะที่ไหนล่ะ ถ้าไม่มากินกับกลุ่มเพื่อนก็จะเป็นคีณที่ซื้อไปให้กินที่ห้อง

“ไม่รู้สึกว่ามีคนมองบ้างหรอ”

“ก็ไม่เห็นแปลก ปกติเราสองคนก็มีคนสนใจอยู่แล้ว” คีณตักข้าวผัดกุ้งในจานเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ประกอบกับการมองคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ ...น่ารัก จะให้มองอีกกี่ปี กี่วัน หรืออีกชาติ ณนนโหมดที่พึ่งสระผมมาหมาด ๆ เส้นผมปรกลงมาเกือบจะครึ่งหน้า หน้าใส ๆ ปากชมพูโดยธรรมชาติก็ยังน่ามองสำหรับเขามากอยู่ดี

น่ากินไม่มีเปลี่ยน…

“ก็ตอนนี้มันมากขึ้นเป็นสองเท่า”

“เดี๋ยวพอคนเขาชินก็เลิกมองกันไปเองอ่ะ”

“แล้วเมื่อไหร่คีณจะเลิกมองนน จะกินข้าว!”

“ทำไมอ่ะ อยากมอง แฟนน่ารัก” ไม่ว่าเปล่า คีณยังเอื้อมมือปัดเส้นผมที่แทบจะทิ่มเข้าตาขวาของอีกฝ่ายออก ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มเบา ๆ ในจังหวะที่เนียนมาบีบจมูกณนนด้วยความหมั่นเขี้ยว

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด” เสียงประสานวีดร้องจากโต๊ะในสุดทำให้ทั้งสองคนต้องหันไปมองอย่างเลือกไม่ได้ ภาพที่เห็นคือผู้หญิงสามคนกำลังเหลือบตามองไปทางอื่นทั้งที่กลั้นเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง คนนึงคาบช้อน คนนึงยกมือปิดปากตัวเอง ส่วนอีกคนก้มลงกับโต๊ะจนแทบจะแทะโต๊ะกินแทนข้าว และที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นโทรศัพท์มือถือที่เจ้าของตั้งใจถ่ายภาพแบบไม่เนียน

“รีบกินเหอะ”

“ทำไมอ่ะ ...อายหรอ”

“อย่าพูดแบบนี้อีกนะคีณ ...ไม่ได้อาย แค่ไม่ชิน” ณนนชี้นิ้วขึ้นคาดโทษคนที่เอะอะก็จะทำเหมือนว่าน้อยใจ ก็รู้แหละว่าจริง ๆ คีณก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรแต่มันก็อดห่วงความรู้สึกของอีกฝ่ายไม่ได้

“คร๊าบบบบบบบ งั้นคีณรีบกินเนอะ”

“มันต้องยิ้มเบอร์นั้นเลยหรอ”

“แน่นอน ไม่เคยมีความสุขเท่าวันนี้มาก่อนเลยรู้ป่ะ” ดูเหมือนอาหารทั้งสองจานจะเป็นหม้ายไปซะแล้ว เพราะทั้งคีณและณนนดูจะอิ่มทิพย์เพราะหันมาจ้องตากับแทนมองเม็ดข้าว ไอ้คนที่นั่งมองมานานอย่างคีณน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้คนที่ตั้งใจจะมองคาดโทษเขาแล้วตกบ่วงเสียเองเนี่ยสิ หน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

“แปลว่าที่คบกันมาตั้งนานไม่มีความสุขหรอ”

“คนละแบบ… ตอนนี้คีณมีความสุขม๊ากกกกมากเพราะเป็นเจ้าของนนได้ซักที”

“ก็เป็นเจ้าของกันตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ”

“.....ไม่หรอก” คีณส่ายหน้าเบา ๆ เอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมบนใบหน้าณนนอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาเคลื่อนมันมาประครองกรอบหน้าเล็กเอาไว้เพื่อที่จะได้มองเข้าไปในดวงตาได้ชัดเจนขึ้น

“ทำไม”

“คีณเคยอยากหวง อยากห่วง อยากหึง อยากทำทุกอย่างให้ทุกคนรู้ว่านนเป็นของคีณ แต่ตอนที่เราทะเลาะกัน มันทำให้คีณรู้ว่าการเป็นเจ้าของที่คีณต้องการจริง ๆ คือคีณต้องปกป้องคนของคีณ ดูแลเขาให้ดีที่สุด และทำทุกอย่างให้ตัวเขาและคนอื่นรับรู้ว่าคีณจะรักเขาแค่คนเดียว”

“น...น...ไหนบอกจะรีบกิน กิน ๆ เข้าไปเลยนะ” ณนนเบี่ยงหน้าหนีแล้วก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากจนแทบจะเคี้ยวไม่ทัน นั่นก็ยิ่งทำให้คนที่พึ่งพูดประโยคชวนเบาหวานขึ้นฉีกยิ้มได้มากขึ้นกว่าเก่า มื้ออาหารดำเนินต่อไปอีกไม่นานนัก แน่นอนว่าจานของคีณยังเหลือเกือบครึ่งเพราะอิ่มอกอิ่มใจ ส่วนจานของณนนนั้นเกลี้ยงไม่เหลือข้าวแม้แต่เม็ดเดียวเพราะเจ้าตัวรีบจ้วงเข้าปากแก้เขิน

ไม่นานนักคีณก็เรียกเจ้าของร้านที่คุ้นหน้าคุ้นตาเขาเป็นอย่างดีมาคิดเงิน เจ๊เจ้าของร้านเหลือบมองคนทั้งคู่แล้วยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างอดไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าลูกค้าหล่อ ๆ ขาประจำสองคนจะมานั่งร่วมโต๊ะและเรียกลูกค้าแปลกหน้าเข้ามาได้อีกหลายโต๊ะ

“เอ่อ…” ณนนที่กำลัวจะลุกออกจากที่นั่งต้องชะงักลงเมื่อหนึ่งในสมาชิกหญิงสาวที่กลั้นกรี๊ดแทบเป็นแทบตายเมื่อซักครู่วิ่งเข้ามายืนอ้ำอึ้งอยู่ตรงหน้าคีณ

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

“ขอถ่ายรูปคู่ได้มั้ยคะพี่คีณ”

“ได้ครับ” คีณเหลือบตามองณนนแล้วกระตุกยิ้มบ้าง เขารับโทรศัพท์ที่เปิดโหมดกล้องจากหญิงสาวมาถือไว้ในมือ เธอทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่คีณก็ดันยกมือห้ามไว้แล้วรีบเดินอ้อมไปอีกฝั่งของโต๊ะทันที

แชะ แชะ

“แบบนี้ใช่มั้ยครับ”

“วี้ดดดดด ใช่ค่ะ!!!” เจ้าของเครื่องรับโทรศัพท์กลับไปด้วยมือสั่น ๆ ภาพในโทรศัพท์ทำเอาสาววายอย่างเธอแทบสิ้นชีพ คีณโน้มตัวลงไปเอาหน้าแนบหน้ากับณนนก่อนจะลั่นชัตเตอร์สองครั้งติดโดยที่เธอไม่ต้องอธิบายคำว่ารูปคู่ให้มากความ คอยดูเถอะ… คืนนี้เธอจะป่วนแทคคู่ #ทีมคีณนน ด้วยรูปนี้ให้ติดเทรนไทยกันไปข้าง!

“คีณ!”

“อะไรครับ”

“...........” ตาย… ฉากกระทุ้งศอกเข้าช่วงท้องแล้วคีณยิ้มรับเมื่อครู่ทำเธอตายตรงนี้ได้ง่าย ๆ แน่นอน

“เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ”

“พี่สองคนเป็นแฟนกันใช่มั้ยคะ!!” ประโยคดังลั่นจากสาวเจ้าทำเอาทั้งร้านนิ่งสนิท ณนนที่พึ่งเอ่ยปากขอตัวช็อคนิ่งจนแทบจะทิ้งตัวลงไปนั่งกับเก้าอี้อีกครั้ง คนถามก็เอาแต่บิดตัวหมุนเกลียวเพราะเขินคำพูดของตัวเองที่ไม่รู้ตัวว่าใส่ระดับความดังไปหลายเดซิเบล

“เอ่อ…. คือ….” คีณเป็นคนเปิดปากออกมาแต่ก็ยังอึกอักเมื่อมองเห็นแววตาอึ้ง ๆ ของคนที่ยืนตะลึงอยู่ข้างตัว

สงสัยจะช็อคที่ถูกจู่โจม จับมือให้กำลังใจหน่อยก็แล้วกัน

“งือออออออ อย่าพึ่งค่ะพี่คีณ อย่าพึ่งตอบ!!” ว่าแล้วโทรศัพท์เครื่องเดิมของเธอก็ถูกเปิดเข้าที่โหมดกล้องอีกครั้ง จะพิเศษหน่อยก็ตรงที่มันถูกกดอัดวิดิโออย่างตั้งใจและสั่นให้หน่อยที่สุดแม้มือของเธอจะสั่นพั่บ ๆ เหมือนเทพเจ้ากวนอิมเข้าสิงแล้วก็ตาม

“พี่ตอบได้ยังครับ” คีณถามออกมาแต่แววตาดันโฟกัสที่เจ้าของมือเล็กที่กุมเอาไว้ แววตาที่ไม่ได้กังวลอะไรมากมายก็ยิ่งทำให้เขากล้าที่จะตอบ

“ค่ะ!!!”

“ถ้าคิดเรื่องพี่กับณนนไว้แบบไหน… ก็คงเป็นแบบนั้นแหละครับ เพราะพี่เป็นอะไรก็ได้สำหรับเขา”

“............”

“ได้คำตอบแล้ว ขอตัวนะครับ” สองมือกระชับเข้าหากันแน่นขึ้นก่อนที่คีณจะเดินนำพาณนนออกจากร้าน ทิ้งไว้แต่เพียงอาการอึ้ง ๆ ของคนทั้งร้าน และสีหน้าแดงฉาดของเจ้าของโทรศัพท์ที่อัดคลิปวินาทีฟินโลกแตกนั่นไว้ได้ทุกคำพูด และขอแสดงความยินดีด้วยที่กล่องแจ้งเตือนทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คของเธอในคืนนี้จะเด้งรัวเป็นพิเศษ





MungmingfinY : ได้เวลาหักไม้พายทิ้ง เรือเราแล่นเองได้ #ทีมคีณนน [Video]

.

.

.

TBC
แวะมาอัพค่า จะพยายามเข็นลงให้จบภายในวันนี้นะคะ ^^

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เลิฟๆ มีความน่ารัก อวดกันสุด

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
กำลังหวานเลยยยยยย คุณพ่ออย่าเพิ่งมานะ ทางที่ดีไม่มาเลยจะดีมากกกกกก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ตอนที่ 20 เรื่องที่หนีไม่พ้น



SL Cute Boy

11 ชั่วโมงที่แล้ว

โอย ๆ ยังไม่ทันข้ามวันก็มีคลิปสองโผล่มา หลักฐานเต็มตาคาคลิป ร้านป้าอู้ดข้างมอจะต้องเป็นตำนาน งานนี้ขอเอาเกียรติแอดมินเป็นพยาน ดิฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าสองคิวท์บอยตัวท็อปแบบไปโป๊ะป๊ะสปาร์ครักกันตอนไหน จริงหรือหลอก เพราะถ้าจะเปิดตัวด้วยการจุ๊บ ๆ แล้วหวานต่อเนื่องโนสนโนแคร์ชาวโลกแบบนี้ สาววายจะมีไม้พายไว้ทำไม เรือมันแล่นด้วยมอเตอร์ค่ะคุณณณณ

“มึงว่าถ้าเขารู้ว่าไอ้นนมันคบพี่คีณจริง แล้วเป็นระยะเวลาเท่าไหร่… เขาจะช็อคแบบเรามั้ยวะ” นีลแทบไม่ละสายตาออกจากหน้าจอ คอมเมนต์นับร้อยนับพัน และโพสต์ตามเพจซุบซิบดาราทำให้เธอลืมที่จะตั้งใจเรียนในคลาสวันนี้ไปโดยสิ้นเชิง ออ นี่ยังไม่รวมที่สื่อกระแสหลักทำคอนเทนต์ออกมาเป็นเรื่องเป็นราว ก็เพราะชื่อคีณลูกชายเจ้าของช่องดิจิตอลชื่อดังนั่นแหละที่ทำให้ข่าวกระจายง่ายยิ่งกว่าฝุ่น เอาเถอะ ในฐานะเพื่อนผู้แสนเสือกและปรารถนาดีก็ได้แต่ภาวนาว่าคงไม่มีอะไรจะพีคไปกว่านี้แล้วล่ะมั้ง

“จะเหลือหรอ” เฟย์ตอบขณะที่ยังไม่นำสายตาตัวเองออกจากจอโทรศัพท์เช่นกัน

“ก็คงจะช็อคไปแวบนึงละมั้ง เดี๋ยวเรื่องเงียบมันก็คงซา ๆ ไปเอง” เทมเสริมคล้ายให้กำลังใจตัวเองและเพื่อนไปพร้อมกัน ก็เพราะเมื่อคืนน่ะ….

“โอโห แต่เมื่อคืนอินีลคนนี้นี่หูชาเลยนะ คนแทบจะทั้งคณะทั้งโทรหา ทักแชทมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย”

“กูก็ไม่ต่างหรอก แล้วมึงอ่ะไอ้นน เป็นไงบ้าง” เทมเสริมพร้อมปรายตาไปข้างตัวด้านขวาที่มีณนนนั่งอยู่ หนุ่มคิวท์บอยที่ดังเยี่ยงระเบิดปรมาณูกำลังนั่งขมวดคิ้วกังวลกับข้อความมากมายทันทีที่เปิดเครื่องโทรศัพท์ ก็ยอมรับแหละว่าเฟสบุ๊คและไอจีของเขามักมีคนแทครูปหรือข้อความมาประจำแต่สำหรับครั้งนี้มันมากเกินกว่าจะตามย้อนอ่านได้หมด แถมแต่ละข้อความก็ทำให้อารมณ์พลิกไปพลิกมายิ่งกว่าเล่นเครื่องเล่นตีลังกา

“ก็โอเคมั้ง…”

: โอ๊ยยยย ฟินค่า รีเพลย์คลิปวนไป

: คีณอยู่ในหมีตลอดเลยหรอ โคตรโรแมนติกอ่า

: เขาคบกันนานแล้วยัง ใครรู้บอกที

: สร้างกระแสเดบิวท์เข้าวงการหนังเกย์ป่ะ หยะแหยงว่ะ

: ว่าที่อันดับหนึ่งคู่จิ้นแน่ ๆ

: ไปสืบมา เขาแอบคบกันมาหลายเดือนละ

: พ่อคีณเคยออกมาเหยียดนักแสดงเกย์ในสังกัดตัวเองเมื่อปีก่อน แล้วนี่ลูกจะเป็นเอง?

: สังคมเป็นอะไรกันไปหมดวะ

: ความรักมันไม่มีข้อจำกัดหรอก รอเขาออกมาพูดเองดีกว่า

: ย้อนเฟสทั้งคีณทั้งนน เคยเช็คออนที่ญี่ปุ่นในช่วงเวลาเดียวกันด้วยอ่ะ

: รักแบบนี้ไปไม่รอดหรอก

“หน้าโอเคฉิบหายอ่ะ” เทมส่ายหัวให้กับสีหน้าที่แสดงออกชัดว่าไม่โอเคเท่าไหร่นักของณนน

“เอามานี่ เลิกดู” เฟย์ที่อยู่ไกลจากณนนที่สุดดันเป็นคนที่เอื้อมสุดตัวมาแย่งเอามือถือออกจากมือณนน ก่อนที่เธอจะปิดล็อคมันแล้ววางไว้ตรงหน้าตัวเองแทน

“เฮ้ย! เฟยยยย์”

“ยิ่งอ่าน มึงก็ยิ่งแย่ป่ะ ฝากไว้กับกูก่อนอ่ะดีละ”

“กูไม่เป็นไร…”

“น่าเชื่อตาย ไม่ต้องดูแล้ว” เทมเสริมก่อนจะพยายามพลิกเอกสารเรียนตรงหน้าให้ตรงกับสไลด์โชว์บนจอของอาจารย์ที่ยังสอนแบบไม่สนเสียงคุยกันลั่นของนักศึกษาทั้งชั้นเรียน

“กูก็แค่ยังไม่ชินมั้ง… เรื่องกูกับคีณมันไม่เคยถูกเปิดออกมาใครวิจารณ์ จริง ๆ ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็คือสิ่งที่กูกลัว” ณนนพูดสิ่งที่รู้สึกออกมาหมด เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อวานหลังเกิดเรื่องคีณถึงห้ามไม่ให้เปิดโซเชี่ยลนักหนา ส่วนตอนนี้ทั้งที่สัญญาไว้ว่าถ้าเปิดดูแล้วจะไม่เก็บมาคิดมากแต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดี เอาเข้าจริง ๆ การรักในที่แจ้งครั้งแรกของคนสองคนมันมีผลกับคนอื่นมากกว่าที่คิดเอาไว้

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ดีเว้ย มึงกับพี่คีณคบกันหลบ ๆ ซ่อน ๆ มาหลายปีไม่อึดอักหรอวะ เปิดตัวแบบนี้มันง่ายกว่าตั้งเยอะ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก” เทมตบที่บ่าณนนเบา ๆ

“จริง ส่วนเรื่องขี้ปากคนอื่น ไม่ต้องไปสนใจหรอก”

“อือ ขอบคุณพวกมึงนะเว้ย โดยเฉพาะมึงเทมเมื่อวานไม่ได้มึงกูแย่แน่”

“กูไม่เท่าไหร่หรอก ต้องยกความดีความชอบให้ไอ้พี่เฟรนที่สมองไว”

“เหี้ย!!” อยู่ ๆ นีลที่เอาแต่เลื่อนไทม์ไลน์ไม่ได้สนใจโลกก็โพล่งขึ้นมาเสียงดัง จนทั้งอาจารย์และนักศึกษาร่วมใจกันหันมามองหาต้นตอ ลำบากกลุ่มเพื่อนที่ต้องช่วยกันทั้งเอามือยัดปากและโบกไม้โบกมือปฏิเสธว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อะไรของมึงเนี่ยอีนีล” เฟย์ลืมตัวปิดปากนีลแน่น จนตาตี่ ๆ เริ่มโตขึ้นเพราะความอัดอั้นอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

“เออ ดีที่อาจารย์คนนี้แกไม่ค่อยสดใจอะไร”

“อืออออ อวกอึงอู” ขณะที่ปากถูกเฟย์ปิดเอาไว้แน่น มือไม้ที่ยังว่างก็พยายามยื่นโทรศัพท์ให้เทมได้อ่านบางอย่างที่ทำให้เธออุทานเป็นสัตว์เลื้อยคลานสี่ขาออกมา

“อะไรของมึงวะ”

“เอาไออู”

“ไอ้เฟย์ มึงปล่อยมันดิ”

“สัญญากับกูก่อนว่าจะไม่แหกปาก”

“อือ อืออออออ” นีลพยักหน้ารัว ขณะที่ณนนเองก็มองเหตุการณ์ป่วน ๆ ของเพื่อน ๆ ด้วยความสนใจไม่น้อย

“อย่าส่งเสียงนะมึง” เฟย์ยอมปล่อยมือในที่สุด เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระนีลก็ใช้เวลาหอบแห่กเพราะหายใจไม่ทันอยู่ไม่ถึงสิบวินาที

“พ...พวกมึงดูข่าวนี่” ในที่สุดเทมก็รับโทรศัพท์ของนีลเอาไว้ในมือ เขาสบตาเพื่อนอีกสองคนเล็ก ๆ ก่อนจะเป็นคนแรกที่อ่านเนื้อหาบางอย่างบนเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์หัวใหญ่ของประเทศ

“ผู้บริหารช่องใหญ่ออกมาปฏิ…..” เทมที่เหมือนจะพึมพำเนื้อหาข่าวในตอนแรกกลับเม้มปากแน่นแล้วเหลือบตามองณนนแล้วกดล็อคเครื่องพร้อมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอในทันที

“มีอะไร”

“เออ นั่นดิ ไรวะ” เฟย์ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรก็แสดงออกชัดเจนว่าอยากรู้เสียเหลือเกิน ผิดกันกับเทมและนีลที่สบตากันก็รู้ว่าควรจะปิดปากเงียบแล้วปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งมวลไปซะ

“ไม่มีอะไรหรอก นีลมันบ้าไปเอง ใช่มั้ยมึง”

“เออ! กูนั่งอยู่แล้วนึกถึงสวนลุมเลยมีตัวเอี้ยหลุดออกมา!”

“ตลกละ ไหนเอามานี่ เปิดให้กูดู” เฟย์อาศัยช่วงแขนยาว ๆ เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์นีลมาไว้ในมือ แต่มันก็ยังติดพาสเวิร์ดทำให้เธอเข้าถึงข้อมูลไม่ได้อยู่ดี

“อย่าดูเลยมึง”

“อะไรของมึงวะเทม มึงก็อีกคนอีนีล หน้าเป็นเหน็บหรอ ขยิบอยู่ได้…..” เสียงเฟย์ในประโยคหลังมันอ่อนลงอย่างชัดเจน เพราะเธอเริ่มแปลความหมายใบหน้าชักกระตุกของนีลได้แล้วว่า… เรื่องนี้เธอจะรู้ตอนไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ต่อหน้าณนนตอนนี้!

“มีอะไรที่เกี่ยวกับกูรึเปล่า”

“เอ่อ….” ทั้งสามคนพูดไม่ออกเมื่อสิ่งที่ณนนพูดมันถูกจุดเข้าอย่างจัง เทมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะดึงนิ้วนีลไปปลดล็อคเครื่องโทรศัพท์แล้วยื่นมันให้ณนนแต่โดยดี ยังไงณนนก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรขนาดนั้น (มั้ง)

“มึงเห็นข่าวนี้รึยัง”

“ข่าว…” ณนนขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยโอเคของเพื่อน มือเรียวเลื่อนอ่านทุกอย่างที่อยู่ในจอช้า ๆ อย่างตั้งใจ แววตาที่เคยกังวลกำลังดูเป็นกังวลมากเสียยิ่งกว่าเก่า เนื้อข่าวชวนให้กัดปากแน่น แม้ยังไม่ได้เปิดคลิปเพื่อดูสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงของคนที่ถูกสัมภาษณ์เลยก็ตาม

‘ผู้บริหารช่องใหญ่ออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง! ลูกชายไม่ได้เป็นเกย์!’

‘คุณภาวัช ผู้บริหารช่องดิจิตอลชื่อดังอย่าง KNews ออกมาตั้งโต๊ะให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข่าวของหนุ่มคีณ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังโด่งดังอยู่ในโลกโซเชี่ยล โดยคุณภาวัชได้ชี้แจ้งกับนักข่าวว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของงานแสดงเท่านั้น และยืนยันว่าลูกชายไม่ได้มีพฤติกรรมชอบพอกับเพศเดียวกันแน่นอน….’

“ไอ้นน มึง….”

“เดี๋ยวกูมานะ นีลส่งลิงค์ให้กูที” ณนนลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เขาหยิบโทรศัพท์ตัวเองแล้วเดินออกจากห้องเรียนทันที กลุ่มเพื่อนมองตามด้วยความเป็นห่วง แต่ก็รู้ดีว่าคงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากการเป็นกำลังใจอยู่ในที่ของเพื่อนตรงนี้

ทันทีที่ออกจากห้องเรียน ณนนก็ทิ้งตัวพิงเข้ากับผนังตึกที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านไปมานัก ลิงค์ข่าวที่นีลส่งมาคงไม่มีประโยชน์นักเพราะตอนนี้เฟซบุ๊คของเขาถูกแทคเข้ากับโพสต์ข่าวมากมายที่มีเนื้อหาเดียวกัน ชั่งใจอยู่ไม่นานนิ้วเรียวก็ตัดสินใจกดเปิดคลิปสัมภาษณ์ ไม่สิ… การตั้งโต๊ะแบบนี้มันเหมือนการแถลงข่าวอย่างตั้งใจซะมากกว่า

“คลิปที่หลุดออกมา คุณภาวัชมีความเห็นยังไงครับ”

“เท่าที่ผมทราบในเบื้องต้นมันเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น เห็นว่าเป็นงานที่คีณลูกชายผมจะต้องช่วยมหาวิทยาลัย ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเรื่องราวมันจะไปกันใหญ่ขนาดนี้”

“หลังเป็นข่าว น้องคีณพูดถึงเรื่องนี้ว่ายังไงบ้างคะ”

“ส่วนตัวผมยังไม่ได้คุยกับลูกมากมายนัก เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้มันสำคัญอะไรขนาดนั้น”

ณนนเลื่อนมือบนจอเพื่อข้ามดูการสัมภาษณ์เป็นช่วง ๆ หัวใจของเขามันเริ่มเต้นเร็วและแรงไม่รู้ว่าเพราะเนื้อหาข่าวที่กระทบตัวเอง หรือเพราะสายตาของคนให้สัมภาษณ์ที่จ้องมองผ่านกล้องจนแทบจะทะลุจอออกมา ...ยอมรับแบบคนขี้ขลาดตาขาวเลยก็ได้ว่าตอนนี้ณนนกำลังกลัว… กลัวในสิ่งที่เคยกลัวมาตลอด

“มีการจับผิดบนโลกอินเตอร์เน็ต ว่าทั้งสองคนคบหากันแน่นอน ถ้าสุดท้ายแล้วมันเป็นเรื่องจริง คุณภาวัชคิดว่า…”

“ผมว่าผมเป็นพ่อคีณนะ พ่อก็ต้องรู้จักลูกมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าลูกผมยังปกติ ไม่ใช่ว่าผมไม่ยอมรับเพศที่สาม แล้วก็ไม่ได้รังเกียจอย่างที่โลกอินเตอร์เน็ตเคยโจมตี แต่ผมยืนยันว่าเท่าที่ผมทราบตอนนี้มันไม่มีอะไรเลย”

“ยืนยันว่าเป็นแค่การโปรโมทงานใช่มั้ยครับ”

“ครับ ผมขอยืนยันในส่วนที่ผมทราบ”

“เป็นกระแสแรงขนาดนี้ มีโอกาสนำมาต่อยอดในช่องมั้ยคะ”

“จับคู่จิ้นมาเล่นซีรีย์แบบที่ช่องอื่นเขาทำกันน่ะหรอครับ ผมว่ารอดูต่อไปแล้วกันนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสคงต้องรอกระแสจางลงไปซะก่อน เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่”

“น้องณนนที่เป็นข่าวกับน้องคีณก็เป็นที่รู้จักพอสมควร มีโอกาสจะได้ร่วมงานกับทางช่องมั้ยครับ”

“ส่วนตัวผมยังไม่เคยเจอเด็กคนนี้นะ แต่ถ้ามีโอกาส ผมก็ยินดีครับ”

หนุ่มใหญ่วัยกลางคนยิ้มบาง ๆ ที่เหมือนจะจริงใจผ่านกล้องออกมา แววตาที่พยายามส่งสารออกมานั้นมันได้ผลกับณนนเต็ม ๆ จะให้บรรยายความรู้สึกตอนนี้ออกมายังไงดีล่ะ มันทั้งกลัว ทั้งกังวลจนไม่รู้จะรู้สึกแบบไหนก่อนดี และสิ่งเดียวที่คิดออกตอนนี้ก็คือภาพหัวร้อนของคีณที่ชัดเจนขึ้นมา โดยเฉพาะกับเรื่อง...พ่อ

Rrrrrrrrrrrrrr

ขณะที่เอาแต่จ้องจออยู่นั้น สายเรียกเข้าจากเบอร์ที่คุ้นเคยก็ทำให้ณนนสะดุ้งเฮือกใหญ่ ตัวอักษรเอ็กซ์เรียงติดกันสามตัวมันบอกชัดเจนว่าคนที่โทรเข้ามาได้อย่างถูกจังหวะเป็นใคร ณนนกดรับสายคีณโดยไม่ต้องคิดอะไรมากนัก แม้ว่าจังหวะนี้เขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องข่าวชวนหัวร้อนนั่นแล้วรึยังก็ตาม

“ว่าไงคีณ”

“เลิกเรียนรึยัง…”

“ยัง… แต่คุยได้ นนออกมาเข้าห้องน้ำ” ณนนเลี่ยงที่จะพูดความจริงเพราะรู้ว่าคีณเองก็เป็นห่วงเขาในเรื่องความรู้สึกกับข่าวพวกนี้อยู่มาก แต่ทำไงได้ ไม่คิดมากวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืน มะเรื่อง ก็ต้องเก็บมาคิดอยู่ดี

“อือ…”

“มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่า คีณจะโทรมาบอกว่าเย็นนี้กินข้าวด้วยไม่ได้แล้วนะ”

“ทำไมอ่ะ”

“พอดีมีเรื่องด่วนนิดหน่อย อาจจะกลับดึก ๆ ด้วย ไม่ต้องรอ”

“คีณ…” จะให้พูดยังไงดีว่าตอนนี้ณนนสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงแปลก ๆ ในทุกประโยคที่คีณกำลังพูดออกมา

“ครับ”

“ถามได้มั้ยว่าจะไปไหน…”

“คีณจะกลับไปกินข้าวกับพ่อ ไม่มีอะไรหรอก” ณนนอดที่จะถอนใจไม่ได้ เพราะมันไม่ต่างจากที่เขาคาดนัก

“คุยกับพ่อดี ๆ ยังไงนนเชื่อว่าลึก ๆ เขาก็เข้าใจคีณทุกเรื่องแหละ”

“คือ…”

“นนเห็นข่าวแล้วนะ”

“ขอโทษนะ… ขอโทษที่ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้”

“ไม่เป็นไร นนเข้าใจ คีณอย่าใจร้อนนะ กับเรื่องพ่อเห็นคีณใจร้อนทุกทีเลย”

“นน ...ไปหาพ่อด้วยกันมั้ย”

“ห่ะ…!” ยอมรับตรง ๆ ก็คือณนนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย และไม่เคยคิดรับมือกับคำเชิญชวนในรูปแบบนี้ของคีณ

“ก็ถ้าคีณใจร้อน นนจะได้ช่วยทำให้มันเย็นลงไง”

“แต่ว่า…”

“ตอนแรกก็ว่าจะไปเคลียร์คนเดียวให้มันรู้ดำรู้แดง แต่พอได้ยินเสียงนนแล้ว… ไปด้วยกันนะครับ”

“โอเค ไปก็ไป”

ณนนก็ตอบตกลงอย่างเลือกไม่ได้ ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วมันจะมีทางเลือกอื่นได้อีกหรอ? แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง ถูกพ่อกีดกันแบบละครน้ำเน่า หรือสนับสนุนให้รักกันแบบนิยายโลกสวย สุดท้ายแล้วเขาสองคนก็หนีความจริงแบบที่เคยทำไม่ได้อยู่ดี

หลีกหนีไม่ได้อยู่ดี...






ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ตอนที่ 21 เห็นแก่ตัว

SL cute boy

15 นาทีที่แล้ว

แอดมินตามติดสุด ๆ ค่าาาา ต้องขอบคุณลูกเพจด้วยที่ส่งข่าวกันอยู่เรื่อย ๆ ล่าสุดก็ตามภาพ คีณไปรับณนนถึงหน้าคณะ จูงมือขึ้นรถกระหนุงกระหนิง แล้วที่คุณพ่อสามี เอ๊ยยยย คุณพ่อคีณออกมาพูดล่มเรือพวกเราเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมันยังไงคะเนี่ย ตาย ๆ แบบนี้สาววาย หนุ่มวายต่อเรือไม่ทัน งงไปหมดล้าวววว

ดูเหมือนว่าเพจคิ้วท์บอยของมหาลัยจะกลายร่างอวตารเป็นเพจแฟนคลับสองหนุ่มสุดฮอตเต็มตัวซะแล้ว ถึงได้คอยรายงานสถานการณ์สดแทบทุกความเคลื่อนไหวไม่ขาดตกบกพร่อง งานนี้นอกจากโลกโซเชี่ยลจะกดไลค์กดแชร์กันปั่นป่วน โลกของความเป็นจริงก็ดูจะยุ่งเหยิงอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในใจของคีณที่มันกำลังตีกันยุ่งเหยิงเพราะมีเรื่องบุพการีเข้ามาเพิ่มให้ปวดหัวมากขึ้นไปอีก ...หลังจากฟังสัมภาษณ์ของพ่อทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น

“คีณ ต...ต้องจับมือด้วยหรอ” ณนนถามย้ำเมื่อคีณกุมมือเขาเอาไว้แน่น ไม่ต้องคิดนานนักคนที่ตัวสูงกว่าก็พยักหน้ารับแล้วกระชับมือให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เขาพาณนนมาถึงตึก KNews เพื่ออะไรก็รู้อยู่แก่ใจ ก่อนหน้านี้ก็ชั่งใจคิดมามาก คงต้องขอบคุณพ่อบังเกิดเกล้าที่ช่วยออกมาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้อะไร ๆ มันเร็วขึ้น ...เพราะฉะนั้นจะมาลังเลวินาทีนี้คงไม่ได้อีกแล้ว

“ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่จับมือกันนี่”

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่” คีณไม่ได้สนใจคำทัดทานอะไร หรือแม้แต่สายตาคนทั้งตึกที่มองพวกเขาเป็นตาเดียว คีณไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนักทั้งที่เป็นถึงลูกชายคนเดียวของเจ้าของช่อง เว้นก็แต่ตอนที่มีงานหรือว่าเหตุจำเป็นที่ได้รับการร้องขอจากผู้ใหญ่คนอื่นในช่องเท่านั้น ไม่ปฏิเสธหรอกว่าลึก ๆ แล้วตัวเขาเองก็รักงานในวงการบันเทิงแต่เขาไม่ต้องการอะไรก็ตามที่ถูกยื่นมาจากภาวัชพ่อของเขา เพราะงั้นการที่จะเห็นคีณมาหาผู้เป็นพ่อที่นี่โอกาสมันก็แทบจะเป็นศูนย์ ….ยกเว้นวันนี้ วันที่จำเป็นต้องมาเคลียร์บางเรื่องให้เรียบร้อย

“ผมมาขอพบคุณภาวัช” หลังจากที่เดินผ่านด่านยามและประชาสัมพันธ์เข้ามาโดยไม่คิดจะแลกบัตร ตอนนี้คีณก็ยืนอยู่หน้าห้องผู้บริหารที่มีเลขาวัยกลางคนกำลังแสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ร่างสูงกระชับมือณนนให้รู้สึกถนัดขึ้นก่อนจะหันไปสบตากับแววตากังวลของอีกฝ่ายในระหว่างที่รอเลขาวัยทองระลึกชาติได้ว่าควรจะทำอะไร

“ดิฉันว่าคงไม่ได้…”

“ทำไม…!”

“เอ่อ… ค… คุณคีณค่ะ คือว่าคุณภาวัชแจ้งไว้ว่าไม่สะดวกรับแขกวันนี้น่ะค่ะ”

“งั้นก็แล้วไป ผมไม่ใช่แขก… ผมเป็นลูกชายเขา” คีณกระตุกยิ้มร้ายก่อนจะพุ่งตัวพลักประตูเข้ามาไปในห้องที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา ชายวัยห้าสิบปลาย ๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานใหญ่ดูดีไม่เหมือนคนเริ่มจะมีอายุซักนิด เขาเงยหน้าขึ้นจากแทบเล็ตในมือมองผู้มาเยือนอย่างไม่แปลกใจนัก ลูกชายคนเดียวที่มีแววตาโกรธซ่อนอยู่ชัดเจน และเด็กหนุ่มอีกคนที่ลูกชายตัวดีจับมือเอาไว้ไม่ปล่อย แถมดูท่าทีแขกคนพิเศษนี้ไม่ได้คิดแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“เรื่องมารยาทไม่มีใครเคยสอนแกรึไง”

“ขอโทษครับ แม่ผมตายแล้ว และพ่อก็ไม่เคยสอน” ณนนกระตุกมือคีณเบา ๆ แม้จะเคยได้ยินมาบ้างว่าคีณกับพ่อไม่ถูกกันนักแต่ก็ไม่ได้คิดว่าคำทักทายของสองพ่อลูกมันจะออกมาในรูปแบบชวนตีแบบนี้

“หึ… ออกไป วันนี้ฉันไม่รับแขก”

“พ่อต้องคุยกับผม”

“หึ น่าขำ วันนี้ลูกชายฉันอยากจะคุยจนต้องถ่อมาหาถึงที่”

“ผมไม่ขำ พ่อพูดแบบนั้นได้ยังไง พ่อให้สัมภาษณ์เรื่องผมโดยไม่ถามผมซักคำได้ยังไง!!” ดูเหมือนยิ่งเห็นสีหน้าพ่อตัวเองก็จะยิ่งทำให้คีณเกรี้ยวกราดขึ้นมาและพุ่งตรงเข้าประเด็นที่ทำให้ร้อนใจได้ไวขึ้น

“ทำไม ฉันพูดอะไรผิดไปงั้นหรอ”

“ผิดทุกประโยค! เพราะลูกชายพ่อมันเป็นเกย์!!”

“คีณ…” ณนนพยายามใช้สองมือรั้งแขนและอารมณ์ครุกกรุ่นของคีณเอาไว้พร้อม ๆ กัน แต่ก็คงจะยากเพราะแค่เขาเผลอสบตากับภาวัชแวบเดียวก็รับรู้ได้ทันทีว่าพ่อลูกคู่นี้ก็คงจะไม่ยอมกันง่าย ๆ

“แล้วไอ้ที่ยืนอยู่ข้างลูกพ่อตอนนี้ก็คือคนที่มันรัก! ได้ยินมั้ยว่าลูกพ่อเป็นเกย์!”

“คีณพอได้แล้ว” เปล่าประโยชน์… ไม่ว่าณนนจะออกแรงดึงแขนคีณไว้มากเท่าไหร่ก็แทบไม่มีผล เพราะตอนนี้อารมณ์และความรู้สึกที่เสียไปมันกำลังอยู่เหนือเหตุผลทั้งหมด

“ฉันได้ยินแล้วว่าลูกชายฉันมันผิดปกติและกำลังจะสร้างปัญหาให้ฉัน” ผู้เป็นพ่อเหลือบตามองณนนเพียงนิดก่อนจะใช้สายตาทั้งหมดมองลูกชายตัวเองที่ไม่ได้เจอเสียนานแบบหัวจรดเท้า ความห่างเหินที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมันทำให้วันนี้เขาเองก็รู้สึกสะท้อนอยู่ในใจไม่น้อยว่าถ้าวันนี้ภรรยาของเขายังอยู่คงจะพูดคุยกับลูกชายได้ดีกว่านี้

“ถ้าผมสร้างปัญหางั้นหรอ… ไม่ใช่เพราะว่าพ่อเข้ามายุ่งเรื่องของผมหรอครับ คนเห็นแก่ตัวอย่างพ่อก็มีแต่โยนปัญหาให้คนอื่นเท่านั้นแหละ!”

“เจ้าคีณ!!” ปัง!! ภาวัชตบโต๊ะจนเกิดเสียงดังจนณนนอดที่จะสะดุ้งตัวตามไม่ได้ ร่างสูงใหญ่เหยียดยืนขึ้นด้วยความโกรธที่มีอยู่ไม่น้อย และนั่นก็ทำให้คีณดึงมือออกจากคนรักแล้วเคลื่อนตัวเองมาบังเจ้าตัวที่ดูจะตกใจกลัวไว้ด้านหลัง

“ที่ผมมา ผมไม่ได้หวังให้พ่อเข้าใจ แต่เผื่อว่าพ่อจะเข้าใจเรื่องผมผิด ๆ ผมเลยอยากจะมายืนยันกับพ่อว่าผมรักนนจริง ๆ และผมก็ไม่ใช่ตัวปัญหา”

“ที่แกคิดอยู่ตอนนี้นั่นแหละที่มันเป็นปัญหา เมื่อไหร่แกจะโตเป็นผู้ใหญ่ซักทีเจ้าคีณ คิดว่าฉันทุ่มเทไปมากเท่าไหร่ในการสร้างที่นี่และรักษามันไว้เพื่อแก!”

“พ่อรักษามันไว้เพื่อตัวพ่อเองต่างหาก เห็นแก่ตัว!”

“ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว” เสียงเรียบเย็นของคนที่เป็นผู้ใหญ่ทำเอาณนนที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นกำมือตัวเองจนชื้นแฉะ มันกำลังทำให้เขารู้สึกผิดและคิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันผิดพลาด มันไม่มีอะไรดีอย่างที่คิดซักนิด… ไม่มี… ไม่มีเลย…

“พ่อยังมีหน้ามาย้อนถามผมอีกหรอ หึ”

“งั้นก็คงจะเป็นฉันที่เห็นแก่ตัวอย่างที่แกว่า…” ภาวัชกระตุกยิ้มมุมปากราวกับผู้ชนะเมื่อเขาเลื่อนลิ้นชักหยิบซองสีน้ำตาลขึ้นมาเททุกสิ่งในนั้นลงกับโต๊ะ ภาพถ่ายมากมายที่เห็นเล่นเอาใจของคีณสั่นไม่เป็นจังหวะ แม้แต่ณนนเองที่ชำเลืองตามองจากด้านหลังก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดจนใจมันโหวงไปหมด

“นี่….”

“แกคิดว่าความเห็นแก่ตัวของฉันมันปิดเรื่องนี้มานานเท่าไหร่ ตั้งแต่แกเริ่มคบกับเด็กคนนี้ล่ะมั้ง” คราวนี้ภาวัชเหลือบมองณนนแบบจริงจังเป็นครั้งแรก ภาพในมุมแอบถ่ายที่เห็นมันก็เป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่าภาวัชรู้เรื่องนี้มานานแค่ไหน รูปจากลานจอดรถใต้คอนโด รูปจากญี่ปุ่นที่นักเจอกันเมื่อปีก่อน รูปจากร้านอาหารโทรม ๆ ขณะที่ณนนยังคงใส่ชุดนักเรียน หรือแม้แต่รูปถ่ายที่ควรจะอยู่แค่ในโทรศัพท์ของคีณก็ยังอยู่บนโต๊ะนี้ด้วย

“พ่อแอบสืบเรื่องผมมาตลอด...”

“เปล่า… แกเองต่างหากที่ปิดความลับด้วยวิธีเด็ก ๆ”

“ดี งั้นผมก็จะจบเรื่องนี้ด้วยวิธีเด็ก ๆ เหมือนกัน”

“ฉันจบเรื่องนี้ให้แกแล้วคีณ”

“จบแบบที่พ่อต้องการ… จบแบบหน้าตัวเมียน่ะหรอ!!”

“ฉันเป็นพ่อแกนะ!”

ผลั่ก!! ผู้เป็นพ่อสาวหมัดเข้าแก้มขวาคีณอย่างไม่ต้องคิด ฤทธิ์จากความโมโหก็เล่นเอาใบหน้าลูกชายชาวาบไปไม่น้อย จากที่คีณพยายามกดความโมโหเอาไว้ก็กลายเป็นทุกสิ่งระเบิดตูมในวินาทีนั้นทันที คำว่าผู้ให้กำเนิดหายไปจากสมองทำให้เขาพุ่งพรวดเข้าไปกระชากคอเสื้อผู้เป็นพ่อไว้ในมือทันที ...โกรธ ...โกรธที่รู้สึกว่าไม่เคยได้รับความเข้าใจแม้แต่ครั้งเดียว แววตาสั่นระริกและน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อก็พอจะอธิบายความรู้สึกร่างสูงตอนนี้ได้ดี

“พ่อ… พ่อที่ไม่เคยเข้าใจใครนอกจากตัวเอง เลือกได้ผมก็ไม่อยากมีนักหรอก!”

“คีณ อย่าทำแบบนี้” ณนนที่ดูจะตกใจก็พุ่งเข้าไปพยายามดึงคีณออกมาจากการกระทำที่ไม่ควร แต่แรงที่มีน้อยกว่าแต่ก็ทำให้คีณอ่อนลงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“นนปล่อย”

“ไหนบอกอยากให้นนมาด้วยจะได้ใจเย็นลงไง…” คีณละสายตาจากภาวัชแล้วหันมามองแววตาผิดหวังจากคนข้างตัวในที่สุด มือหนาปล่อยคอเสื้อที่ยับเป็นรอยอย่างไม่เต็มใจนัก ความโมโหและอคติมากมายทำให้คีณไม่อาจเห็นสีหน้าเสียใจไม่น้อยเพียงวูบหนึ่งของผู้เป็นพ่อ

“หึ… พ่อมันไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าเมียที่เป็นผู้ชายสินะ”

“พ่อ!!!!!”

“แกคิดรึไงว่าไอ้รักแบบนี้มันจะไปได้ไกล มันเป็นรักที่จะทำให้ชีวิตแกวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น” กลายเป็นณนนที่รู้สึกกับประโยคนี้จนเผลอค่อย ๆ ปล่อยมือที่รั้งร่างของคีณเอาไว้ ...รักที่ไปได้ไม่ไกลงั้นหรอ

“งั้นพ่อคอยดูก็แล้วกัน! ว่าสิ่งที่พ่อกำลังดูถูกผม มันผิด!!”

“ฉันไม่ได้อยากจะดูถูก แต่แกคิดว่าความรักแบบที่แกเป็นมันจะเป็นที่ยอมรับแค่ไหนกันเชียว ในวงการทุกวันนี้ก็จับคู่จิ้นกันเพียงเพราะหวังทำเงิน สังคมมันไม่เคยยอมรับได้จริง ๆ หรอก เคยคิดมั้ยว่าชีวิตจะเป็นยังไง ถ้าตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันคนนี้ไม่คอยตามปิดข่าว ไม่เอาเงินยัดปากนักข่าวเอาไว้ป่านนี้ชีวิตแกคงจะไม่ต่างกับสัตว์ในกรงที่มีแต่คนจับตามอง!!”

“ผมไม่เคยต้องการให้ใครยอมรับ แม้แต่คุณก็ตาม!! แต่ที่ผมมาที่นี่ตอนนี้เพราะอยากให้คุณรับรู้ไว้ว่าผมจะไม่มีทางยอมรับในสิ่งที่คุณพูด!! ...ออ อีกอย่างถ้าคุณจะเปรียบผมเป็นสัตว์ในกรง ก็เป็นคุณนั่นแหละที่ขังผมเอาไว้!!!”

“เจ้าคีณ!!”

“ไปกันเถอะนน” คีณพยายามเก็บอารมณ์ทั้งหมดไว้ก่อนจะรวบข้อมือณนนข้างนึงให้เดินตาม แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะได้ออกจากห้องผู้บริหารอย่างที่ตั้งใจ เสียงที่เริ่มพูดไม่หยุดก็รั้งณนนเอาไว้จนคีณไม่อาจก้าวเท้าเดินต่อ

“ชื่อณนนใช่มั้ยนายน่ะ ยังไม่ได้คุยกันเลยนะ ถ้ามีโอกาสฉันก็ขอเชิญอีกครั้งก็แล้วกัน ...เราคงต้องทำความรู้จักกันอีกยาว เพราะคงไม่มีใครที่ลูกชายคนเดียวของฉันยอมฟังได้เท่านายอีกแล้ว” ไม่รู้ทำไมณนนถึงสัมผัสได้ถึงความน้อยใจเต็มประโยคไปหมด เขาหันกลับไปมองสีหน้าของภาวัชเพียงนิดก่อนที่แรงดึงจากคีณครั้งที่สองจะทำให้ออกจากห้องนั้นทั้งที่ยังมีอะไรค้างอยู่ในใจ

“จะพานนไปไหน”

“ไปทำอะไรก็ได้ให้เรื่องนี้มันชัดเจนแบบที่ควรจะเป็นซักที” คีณก้าวขายาว ๆ ลากณนนไปตามทางเท่าที่จำได้ก่อนจะสอดสายตาหาป้ายนำทางหาห้องที่ต้องการ ป้าย on air ที่สว่างวาบหน้าห้องรายการสดทำให้เขากระตุกยิ้มได้อย่างพอใจ… รายการข่าวที่เรตติ้งดีที่สุดของช่องอาจจะมีสถิติเรตติ้งที่สูงที่สุดในวันนี้ก็ได้

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ คีณคิดจะทำอะไร!” ณนนใช้แรงกระตุกคีณเอาไว้ก่อนจะดันประตูเข้าไปในห้องออกอากาศ จริง ๆ คนคบกันมานานก็พอจะเดาใจออกว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรโดยไม่ต้องเอ่ยถาม แต่ณนนแค่เพียงต้องการให้คีณใช้สติเพื่อความแน่ใจในทุกการกระทำเท่านั้น

“ก็ทำให้พ่อรู้ไงว่าคีณไม่ได้แคร์อะไรกับสิ่งที่เขาทำเลย”

“คีณจะประชดพ่อโดยไม่คิดแบบนี้ไม่ได้… ทำไมไม่คุยกันดี ๆ”

“นนเห็นมั้ย! เห็นมั้ยว่าต่อให้คีณพูด เขาก็ไม่เคยฟังอะไรเลย”

“คีณก็ไม่ฟังเขาเหมือนกัน…”

“นน!” ยอมรับตรง ๆ ว่าคีณกำลังโมโหจนลืมควบคุมตัวเองไปบ้าง แขนแกร่งข้างหนึ่งยันเข้ากับกำแพงบังร่างณนนไว้ไม่ให้หลีกไปไหน ...จะให้อธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดีล่ะ ก็แค่ไม่ชอบใจนักที่ณนนทำเหมือนว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดนักหนา

“ที่พ่อคีณพูด….”

“ทำไม! มันตรงใจนนรึไง ใช่สิ ไอ้การปิดบังหลอกลวงคนอื่นมันก็เป็นความต้องการของนนมาตั้งนานนี่ เปิดตัวกันได้วันเดียวก็จะเปลี่ยนใจกลับไปอยู่ในหลุมเหมือนเดิมแล้วหรอ!”

ปั๊ก!! หมัดหนัก ๆ ซัดเข้ากำแพงอย่างที่เจ้าของมือไม่รู้สึกเจ็บ แต่แล้วแววตาผิดหวังจากณนนก็เล่นเอาคีณจุกขึ้นมาที่อกแทบจะทันที ความรู้สึกผิดที่ตื้อขึ้นมากำลังทำให้ใจชาวาบและอยากจะโอบกอดคนตรงหน้าเอาไว้ให้แน่น

“ก็เพราะคีณเป็นแบบนี้ไงถึงไม่เคยเห็นความหวังดีของใครเลย” ณนนผลักช่วงอกคีณให้ออกห่างจากตัวเอง แล้วรีบเดินเลี่ยงออกมาโดยไส่คิดแม้แต่จะหันกลับไปฟังเสียงที่ตามหลังมาในแทบทุกก้าว สุดท้ายแล้วถึงแม้สายตามากมายที่มองเข้ามาจะทำให้ใบหน้าณนนต้องเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไรแต่ใจข้างในมันก็อดที่จะเจ็บปวดไม่ได้อยู่ดี สายตารอบตัวที่มองเขาไม่ต่างกับตัวประหลาด หรือว่ามันจะจริง… จริงอย่างที่พ่อคีณพูด…

พวกเขาตอนนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ในกรง




ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ตอนที่ 22 รู้สึกผิด



“ถ้าจริงอย่างที่มึงเล่า กูว่าพ่อพี่คีณเขาก็คงไม่ได้ใจร้ายใจดำอะไรนักหนา ก็อาจจะเป็นคนประเภทปากแข็งแต่ใจดี” เทมออกความคิดเห็นเมื่อนั่งฟังณนนปรับทุกข์มาได้ครู่ใหญ่ สีหน้าวิตกกังวลมันชัดเจนว่าคนเล่าไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่สบายใจเลยแม้แค่น้อย ใบหน้าขาวสะอาดฉาบไปด้วยรอยยับย่นพร้อม ๆ กับแววตาเสียใจที่ระคนความรู้สึกเจ็บแปลบที่พึ่งจะทะเลาะกับคนที่รักในเรื่องที่ไม่ควร

“แค่คีณเขาไม่ได้คิดแบบมึง” ณนนทรุดหน้าลงกับเข่าตัวเองรอบที่ร้อย ความรู้สึกหลากหลายพาเขาให้มาหาที่พึ่งอย่างเทมถึงห้องพัก แล้วก็ไม่ผิดหวังนับชั่วโมงที่นั่งอยู่ที่นี่มันทำให้เขาสบายใจและใจเย็นขึ้นอย่างน่าประหลาด แต่ลึก ๆ ในใจมันก็เรียกร้องนึกถึงแต่คนที่พึ่งจะเดินหนีออกมาอยู่ดี ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคีณจะรู้สึกเจ็บยังไง หรือว่าคีณโดดเดี่ยวเรื่องครอบครัวมามากแค่ไหน เขารู้ดี รู้มาตลอด และตอนนี้ณนนแค่ไม่อยากจะเป็นปัจจัยนึงที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคีณกับพ่อแย่ลงมากไปกว่าเดิม

“คงต้องใช้เวลาว่ะ มึงเองก็เถอะ เข้าใจพี่คีณเขาดีนี่หว่า ทำไมถึงงอนเขามา ...กูว่าเขาก็คงจะรู้สึกแย่นะ กูแค่ทะเลาะกับแม่เรื่องเด็ดใบกระเพราใจยังแทบจะเซ”

“กูก็แย่”

“เออ กูรู้”

“จะทำไงดีวะ”

“มึงคิดว่าไงล่ะ”

“กูอยากให้คีณเห็นความหวังดีของคนอื่นบ้าง ถึงแม้มันจะไม่ใช่ทางที่ตัวเองต้องการแต่เขาก็ไม่ควรที่จะใช้อคิติมองข้ามมันไม่ใช่หรอ”

“นน… แต่มึงอย่าลืมเห็นความหวังดีของพี่คีณนะเว้ย เขายอมเปิดตัว พามึงไปหาพ่อเขาทั้งที่รู้ว่าผลมันอาจจะออกมาไม่ดีนั่นเพราะเขารักมึง ...ถ้ามึงอยากให้เขามองข้ามอคติ มึงก็ต้องมองข้ามความรู้สึกที่ทำให้มึงรู้สึกแย่ไปบ้างเหมือนกัน”

“มึงว่ากูผิดหรอวะเทม…”

“เปล่า… ไม่ใช่ พวกมึงผิดกันทั้งคู่ และตอนนี้ไม่มึงก็พี่คีณ ใครซักคนต้องยอมรับความผิดนั่นให้ได้ก่อน”

“มึงหมายถึง ไม่กูก็เขาต้องเป็นฝ่ายง้อก่อนอ่ะดิ”

“ก็ไม่รู้สินะ” เทมยักไหล่ราวกับเข้าใจสถานการณ์ของเพื่อนมากเหลือเกิน แต่เปล่าเลยในความเป็นจริงเทมก็แค่พยายามใช้ความรู้สึกพูดในสิ่งที่น่าจะเป็นเท่านั้น

“กูไปอาบน้ำก่อนนะ มึงก็ลองคิดดูละกัน” เทมตบมือขวาลงที่ไหล่ของเพื่อนเบา ๆ เพื่อสร้างกำลังใจก่อนจะปลีกตัวเข้าไปในห้องน้ำทิ้งณนนไว้ให้ได้คิดอะไร ๆ เพียงลำพังซักพักอย่างตั้งใจ

“จริง ๆ แล้ว… ส่วนนึงก็คงผิดที่กูเอง” เสียงพึมพำเบา ๆ ที่เหมือนจะพูดกับเทมนั้นในความจริงแล้วมีเพียงณนนเท่านั้นที่ได้ยินเสียงของตัวเอง มือเรียวเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่ปิดเสียงเอาไว้ข้างตัว สายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับมากมายเมื่อราวชั่วโมงก่อนทำให้ใจอ่อนยวบลงไปกว่าครึ่ง ไหนจะข้อความจากแชทไลน์ที่เคยเมินเฉยเพราะอารมณ์นั่นอีก

ก็นั่นสินะ…

มีใครบ้างที่ทะเลาะกับแฟนแล้วไม่เอาตัวเองเป็นใหญ่...

‘นนรับสายหน่อย’

‘อยู่ไหนครับ’

‘ขอโทษ’

คำ ๆ เดียวทำให้ณนนเม้มริมฝีปากเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว นั่นสินะ จริงอย่างที่เทมบอกไม่เขาก็คีณฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งควรจะรับรู้และเข้าใจในความผิดของตัวเอง กี่ครั้งแล้วที่ตัวเขาเองหนีออกมาในตอนที่ไม่เข้าใจกัน และนี่ก็คงเป็นอีกครั้งที่ต้องมาทะเลาะกันในเรื่องที่เข้าใจกันดียิ่งกว่าใคร

พอกันที…

ตู้ดดด ตู้ดดด ตู้ดดด

ณนนกดโทรศัพท์โทรหาคีณโดยไม่ต้องคิดซ้ำคิดซ้อนให้มันมากความ แต่เสียงสัญญาณยาว ๆ ก็กำลังบอกว่าปลายทางคงจะไม่รับสายง่าย ๆ ในตอนนี้ คิ้วเรียวเริ่มขมวดขึ้นเมื่อต้องโทรซ้ำเป็นครั้งที่สองที่สาม ณนนเหลือบตามองนาฬิกาที่ผนังห้องแล้วก็ได้แต่คิดไม่ตก เวลาเกือบจะห้าทุ่มแบบนี้จะมีเหตุผลซักกี่ข้อที่คีณจะไม่ยอมรับสาย

“ทำไมไม่รับ…” ณนนเงียบลงเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะบ่นอีกฝ่ายโดยที่เขาไม่ได้ยิน และที่สำคัญยิ่งพูดมันก็ยิ่งตอกย้ำความงี่เง่าของตัวเองนั่นแหละ

จะนอนหลับตายอยู่บนเตียงก็คงเป็นไปไม่ได้สำหรับคนตาแข็งอย่างคีณ

ถ้าไม่ใช่โกรธจนไม่อยากจะคุยก็คงจะอยู่ที่ไหนซักที่…

ใช่… ที่ไหนซักที่…

.

.

.

“คีณ! ไอ้คีณ! กูว่ามึงพอได้แล้วมั้ง”

สิ่งที่เฟรนพูดไม่อาจทะลุเข้าได้ถึงประสาทการรับรู้ของคีณ เสียงเพลงกลางผับหรูใจกลางกรุงมันดังเดินกว่าที่คนที่เริ่มเมาจะรับรู้อะไรได้อีก นอกจากจังหวะเพลงที่ตึ๊บ ๆ อยู่ในหัวและจังหวะหัวใจหน่วง ๆ ที่ทำให้รสชาติสุราทุกอึกมันช่างกร่อยยิ่งกว่าน้ำล้างเท้าปู่ย่าตายายตอนวันสงกรานต์

“เฮ้ย! ได้ยินกูป่ะเนี่ย” เฟรนใช้หลังมือดันช่วงแขนเพื่อนข้างที่กำลังถือแก้วเบา ๆ ให้ละสายตาออกมาจากเครื่องดื่มมึนเมา เจ้าของดวงตาหมอง ๆ เหลือบตามองเพื่อนแค่วินาทีก้อนจะยกแก้วเครื่องดื่มในมือซดเข้าลำคอในรวดเดียว

“อือ”

“พอเหอะ นี่มึงแดกเยอะไปแล้วนะเว้ย”

“หรอ” เฟรนส่ายหัวให้กับคำตอบน่ากระถืบของเพื่อนสนิท ถ้าไม่รักกันจริงเฟรนคงไม่ยอมทิ้งเกมยิงซอมบี้แล้วออกมาหาคีณตามคำเรียกร้องที่ดูเหมือนจะน่าสงสารเมื่อราว ๆ สองชั่วโมงก่อน คิดแล้วมันก็น่าคว้าขวดเหล้าฟาดหัวเข้าซักที ตอนมีแฟนก็ไม่เคยจะบอก ทีตอนนี้ทะเลาะกัน งอนกัน ก็ดันลำบากเพื่อนที่เป็นหมาหัวเน่ามีเขามาตั้งหลายปี ...ไอ้หัวกรวย

“กูว่ามึงกลับดีกว่า ป่านนี้น้องนนรอมึงแย่แล้ว”

“ไม่หรอก เขาไม่รับโทรศัพท์กูก็แปลว่าไม่น่าจะอยู่ห้อง”

“ตอนนี้มึงก็ไม่รับโทรศัพท์เขาเหมือนกันป่ะวะ” เฟรนยกแก้วตัวเองขึ้นจิบบาง ๆ พอรู้รสชาติขมเฝื่อนของเครื่องดื่มในแก้ว เพราะรู้อนาคตชะตากรรมตัวเองดีว่าวันนี้ถ้าไม่ได้แบกคิ้วท์บอยคนดังกลับก็คงต้องลากร่างตรงหน้าออกไปแล้วเรียกปอเต๊กตึ้งแน่นอน

“กู….คือ กู…..”

“งอนเขาบ้างแล้วก็พูด สัด มากงมากูอะไร”

“กูผิดอะไรวะ”

“มึงถามกูแบบนี้รอบที่ร้อยแล้วไอ้คีณ แล้วกูก็จะตอบแบบเดิม ...มึงนั่นแหละที่รู้ตัวดีว่าผิดหรือไม่ผิด”

“กูไม่รู้” สุราในขวดถูกยกรวดเทพรวดเดียวจนเต็มแก้ว ใบหน้าของคีณเริ่มดูแดงกล่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

“เออ ถ้ายังไม่รู้ก็ช่างหัวมึงเถอะ ถ้ากูเป็นน้องนนกูไม่ยอมมาดีด้วยแน่ ๆ”

“.............” แก้วที่กำลังจะสัมผัสริมฝีปากชะงักลง คีณเหลือบตามองเพื่อนแบบจริงจังครั้งแรกตั้งแต่นั่งมา ความเงียบท่ามกลางเสียงเพลงดังกำลังทำให้คีณได้คิดแล้วคิดอีกกับสิ่งที่เพื่อนพูด

“วางทิฐิเรื่องพ่อมึงลงบ้างเหอะว่ะ นี่มึงลามมาจนทำให้น้องนนเสียใจแล้วนะเว้ย ...ถ้ามึงไม่โอเคกับสิ่งที่พ่อมึงทำมึงก็ต้องไม่ทำแบบนั้น มึงบอกว่าพ่อมึงไม่เคยฟังใครเลย แล้วตอนนี้มึงฟังใครบ้างรึเปล่า”

“..............” แก้วในมือถูกวางลงกับโต๊ะเสียดื้อ ๆ ไม่มีใครรู้ว่าคีณกำลังคิดแบบไหนนอกจากตัวเขาเอง

“ถ้ากูเป็นมึงกูก็คงจะสติแตกเหมือนกัน แต่กูคงไม่พูดจากับแฟนกูแบบที่มึงทำ”

“กูแค่หวังให้เขาเข้าใจกู”

“ที่ยอมเปิดตัวกับมึงโดยไม่สนใจอะไรมันยังไม่แปลว่าน้องมันเข้าใจมึงอีกหรอวะ เชี่ยคีณ คนที่เข้าใจเราจริง ๆ หาได้ไม่ใช่ง่าย ๆ นะเว้ย”

“กูแม่งโคตรเหี้ยเลยว่ะ”

“เกิดมายี่สิบกว่าปีพึ่งจะรู้ตัวหรอครับมึง”

“หึ...กูยอมให้ด่าเลยวันนี้”

“เอ้า ไอ้นี่! นึกว่าจะสำนึก แดกต่ออีก” เฟรนส่ายหัวแทบจะรอบที่ร้อย แถมคราวนี้คีณยังกระดกรวดเดียวยิ่งกว่าน้ำเปล่า แต่แล้วคนนั่งมองอย่างเฟรนก็ต้องละสายตามาสนใจโทรศัพท์ตัวเองตรงหน้าที่กำลังสั่นครืดเพราะเบอร์โทรเข้าที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก

“เออ ว่าไง” เมื่อได้ยินเสียงปลายสายเฟรนก็เหลือบตามองคีณโดยอัตโนมัติแถมท้ายด้วยการกระตุกยิ้มใส่เพื่อนที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร

“เอออยู่ ได้ยินมั้ยวะ ...เสียงดังมากเลยว่ะ รอแปบ เดี๋ยวกูหาที่คุยก่อน”

“ไปไหนวะ”

“รุ่นน้องกูโทรมา กูไปคุยโทรศัพท์แปบ” คีณพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจและไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก สุดท้ายสายตาของเขามันก็กลับมาโฟกัสที่ตัวเองและโทรศัพท์เครื่องเก่งตรงหน้า สายเรียกเข้าซ้ำ ๆ จากณนนมันได้เงียบหายไปแล้ว ไม่รู้สิ เขาแค่รู้สึกว่ายังไม่ควรจะพูดกันตอนนี้ ถ้าขืนฝืนความเมาตัวเองพูดอะไรแย่ ๆ ออกไปอีกมันก็อาจจะไปกันใหญ่

เสียงดนตรีที่ดังต่อเนื่องยิ่งทำให้คีณยกแก้วจรดริมฝีปากไม่หยุด แสงไฟสลัวสว่างวาบขึ้นในทุกจังหวะเพลงอย่างเหมาะเจาะ เฟรนหายไปพักใหญ่ก็ยิ่งทำให้การใช้ความคิดคนเดียวเพลินกว่าที่คาด และแน่นอนว่ามันยิ่งทำให้สุราเป็นอันตรายกับร่างกายและสติมากขึ้นเท่านั้น ...ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเขาเมาจนขาดสติขึ้นมาเรื่องราวมันจะจบยังไง

คงไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกมั้ง

แค่มั้งนะ...

“ขอโทษนะคะ มาคนคนเดียวหรอ” เสียงทักทายที่เข้ามากระซิบข้างหูแทบไม่ได้ทำให้คีณสะทกสะท้านหรือหันไปสนใจได้ เขาทำเพียงแค่เหล่หางตามองสาวสวยที่เข้ามาประชิดตัวโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับหน้าอกซิลิโคนที่เข้ามาถูแขนข้างขวา ...ของพันธ์นี้ไม่ทำให้ไอ้คีณหายตายด้านหรอก

“เปล่า” คีณตอบเสียงห้วนพร้อมดันแขนปัดตัวสาวเจ้าให้ออกห่าง แต่ดูเหมือนว่าอาการเมาจะทำให้ใช้แรงไม่ได้เท่าที่ควร ...เมาแล้วง่อยแดกแบบครบสูตร

“งั้นมากับใคร… แฟนหรอ”

“เพื่อน”

“ไหนเพื่อนล่ะคะ ให้เรานั่งเป็นเพื่อนแทนให้เอามั้ย”

“ไม่ต้อง”

เชี่ย….! บอกว่าไม่แล้วฟังกันที่ไหนล่ะ เธอแทรกตัวลงนั่งตรงตำแหน่งที่เฟรนเคยนั่งเมื่อครู่หน้าตาเฉย คีณเมื่อเห็นท่าไม่มีว่าจะมีเรื่องน่ารำคาญเข้ามาก็รีบชะเง้อคอหาผู้เป็นเพื่อน แต่คงไร้ประโยชน์เพราะเฟรนหายหัวเข้ากลีบเมฆไปเรียบร้อย ไม่รู้ว่าออกไปคุยโทรศัพท์ถึงชายแดนประเทศหรือยังไง นี่ถ้าคนเมาอย่างคีณถูกลวงไปฆ่าก็คงกลับมาเจออีกทีตอนหนอนขึ้นนั่นแหละ

“ชื่อหวานนะคะ”

“........”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ...คีณ” เธอคนเดิมแนะนำตัวเสร็จสรรพพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ๆ สมชื่อ คีณใช้เพียงสายตาแสดงออกความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดจาอะไรที่ไม่ดีออกไปทั้งที่ในใจมันอยากจะด่าใจจะขาด ไม่ใช่ว่าเขาชอบผู้ชายแล้วจะทำยังไงกับผู้หญิงก็ได้นี่นา ยังไงซะก็ต้องให้เกียรติในฐานะเพศแม่อยู่ดี

“รู้จักผมหรอ”

“คนดังอย่างคุณใครกันจะไม่รู้จัก”

“ถ้ารู้จักผมก็คงเห็นข่าวดังช่วงวันสองวันนี้แล้ว”

“ข่าวพวกนั้นเชื่อได้หรอคะ…”

“ก็เชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง” คีณยังคงทำเหมือนให้ความสนใจกับแอลกอฮอลในแก้วมากกว่า แม้ว่าจะมีคนมาสะกิดต่อมดราม่าที่ฝังลึกด้วยการพูดถึงเรื่องที่พึ่งทำให้ทะเลาะกับแฟนมาหมาด ๆ

“งั้นข่าวที่ว่าคุณเป็นเกย์ล่ะจริงมั้ย” ได้ยินคำถามนั้นคีณก็เริ่มกระตุกยิ้มแรง ๆ ที่มุมปาก น่าตลกดีนะที่มีผู้หญิงคนนึงมานั่งจีบปากจีบคออ่อยแล้วถามว่าเป็นเกย์รึเปล่า มันก็ไม่ใช่คำถามที่ตอบยากอะไรนักหรอก ตอนนี้เขาก็แต่หงุดหงิดกับสีหน้าท่าทางที่เธอกำลังทำ

“คุณต้องการอะไร”

“ก็เปล่านี่คะ ...เห็นว่าคุณน่าสนใจดี”

“น่าสนใจแง่ไหนล่ะ แง่ที่พ่อผมรวย ผมดัง หรือว่าผมมีข่าวเป็นเกย์”

“ถ้าฉันตอบว่าฉันสนใจประเด็นสุดท้าย… คุณจะมีคำตอบให้ฉันมั้ยล่ะคะ”

“แล้วคุณจะเอาคำตอบไปทำไม”

“จะพูดตรง ๆ แล้วกันนะคะ ฉันพนันกับเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงมุมนู้นว่าคุณจะเป็นเกย์จริงรึเปล่า… ซึ่งถ้าคุณไม่ชอบผู้หญิงจริง ๆ ฉันจะชนะเกมนี้”

“ผมเป็นเกย์ และผมชอบผู้ชาย”

“งั้นขอพิสูจน์ได้มั้ยคะ…” ดวงตาสองคู่กำลังมองกันอย่างไม่ยอมแพ้ คีณพยายามคิดหาคำตอบว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ แต่ยิ่งมองลึกเข้าไปเกวียนร้อยเล่มก็พาเหรดออกมาจนแทบจะหลบไม่พ้น คนที่ยิ่งหงุดหงิดใจอยู่เป็นทุนเดิม ก็ได้แต่หวังว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ทำให้เรื่องมันพังมากไปกว่านี้ก็แล้วกัน…

แต่เรื่องของโชคชะตามันคงไม่ง่ายแบบนั้น เพราะว่าตอนนี้เฟรนที่ทำทีออกมาคุยโทรศัพท์นอกร้านกำลังโบกมือทักทายใครบางคนที่พึ่งจะมาถึงสถานบันเทิงกลางดึกพร้อมรอยยิ้มหม่น ๆ และคน ๆ นี้ไม่ได้มีอาการแตกต่างอะไรจากเพื่อนเขาซักนิด

แค่หวังคงไม่พอ คงต้องช่วยกันภาวนาให้เรื่องนี้ ...ไม่พัง...


ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ตอนที่ 23 ความผิดพลาด



หากคุณเคยรู้ถึงฤทธิ์แอลกอฮอลก็คงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าตลก ๆ ของหลายคนที่สิ้นสติแล้วทำอะไรโง่ ๆ เพราะเครื่องดื่มมึนเมาเหล่านี้ บางคนก็ถูกเพื่อนล้อไปชั่วลูกชั่วหลาน ส่วนบางคนไอ้น้ำเมาเนรคุณก็ทำให้ครอบครัวร้าวฉานจนยากจะต่อติด

แล้วคุณล่ะ… คิดว่าสถานการณ์ที่สุราพาไปของคีณจะจบลงยังไง

และสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนจะจินตนาการถึงมันก็คือ….

“คุณจูบเก่งจัง” หญิงสาวพูดขึ้นยิ้ม ๆ เมื่อคนที่พึ่งได้สติผละตัวออกในเวลาที่ไม่ทันกาล จุมพิตงง ๆ ทำเอาคีณติดสตั้นพูดอะไรไม่ออกได้แต่ขมวดคิ้วแล้วกำมือระบายความรู้สึกหัวเสียที่เสียรู้ผู้หญิงคนนี้เข้าซะได้

“ผมเป็นเกย์และผมชอบผู้ชาย”

“งั้นฉันขอพิสูจน์ได้มั้ยล่ะคะ…”

“พิสูจน์อะไรของคุณ”

“จูบ… ถ้าคุณจูบแล้วไม่เกิดอารมณ์ ฉันจะยอมเชื่อคุณก็ได้”

“หึ ผมจำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอ”

“ก็ถ้าฉันยังไม่ได้คำตอบที่แน่ใจซักที ฉันก็จะไม่ไปไหน…. หรือว่า… คุณไม่กล้า”

เชี่ย!! พลาด!!

“ขอบคุณที่ทำให้ฉันชนะพนันเพื่อน ๆ นะคะ ...จริง ๆ เรื่องคุณเป็นเกย์ฉันวางเงินไว้แค่หมื่นเดียว ส่วนเรื่องทำให้คุณจูบ….สามหมื่น ขอบคุณค่ะ”

แม่งโว้ยยยย! เป็นคำขอบคุณที่อยากจะทำให้ตัวเองลืม ๆ ไปซะว่าเกิดมาจากมนุษย์เพศเดียวกับผู้หญิงคนนี้ ที่เขาว่ามารยาร้อยเล่มเกวียนยังน้อยไป ไอ้คีณให้ไปเลยพันตู้คอนเทนเนอร์! แล้วไอ้การที่คีณโน้มหน้าลงไปสัมผัสเพียงด้านนอกริมฝีปากเธอเมื่อครู่ก็แค่อยากจะให้เรื่องมันจบ ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิงแปลกหน้าให้มากความ แล้วใครจะไปคิดว่าตอนนี้เธอจะเดินปัดตูดกลับไปที่โต๊ะพร้อมเสียงเฮครืนใหญ่ของพรรคพวกที่โต๊ะ

โลกแม่งอยู่ยาก

ปั้ง!! แก้วเหล้าในมือถูกวางกระแทกกับโต๊ะจนแทบจะแตกเสียให้ได้ เสียรู้ไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้ แล้วตอนนี้ยังไง? คีณทั้งเสียรู้และเสียหน้า แถมแฟนก็ยังมาโกรธ เพื่อนก็ทิ้ง เหล้าก็จะหมด อะไรกันวะเนี่ย!

แม่งอยู่ยากโคตร ๆ!

แล้วไอ้เงาที่มันกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาจนทาบทับร่างที่ก้มหน้าก้มตามองโต๊ะนี่มันใครอีก ถ้าเป็นพวกกวนประสาทอีกพ่อจะฟาดด้วยขวดเหล้าแล้วไปจบที่โรงพัก แต่ถ้าเป็นไอ้เฟรนก็อยากจะขอถีบเข้ากลางเอวซักทีข้อหาทิ้งให้เพื่อนเผชิญชะตากรรมอยู่คนเดียว

“มึงหายไปไหนมาไอ้….เฮ้ย! นน!!”

เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่คีณได้สบกับตาแดง ๆ ของผู้มาเยือน ณนนถอยร่างตัวเองออกมาเมื่อรู้สึกว่าพยุงความรู้สึกเอาไว้ไม่ไหว ภาพที่เห็นทั้งหมดจากมุมไกล ๆ มันทำให้รู้สึกคลั่งจนอยากจะเข้ามาโวยวายให้แตกกันไปข้าง แต่เอาเข้าจริงณนนกลับรู้สึกเจ็บจนพูดอะไรไม่ออกแถมน้ำตาเฮงซวยก็ไหลออกมาซะดื้อ ๆ

“นน! จะเดินหนีคีณทำไม” คีณพาเอาร่างเซ ๆ ที่เกือบจะยืนหยัดไม่อยู่ของตัวเองเดินตามณนนแทบจะทุกก้าว แต่ก็ดูเหมือนว่ายังช้ากว่าอยู่ดี ยิ่งเห็นมือไม้ของคนเดินนำยกขึ้นคล้ายเช็ดคราบบางอย่างบนใบหน้าก็ยิ่งทำให้สมองของคีณรีบประมวลผลไปกันใหญ่ ณนนมาได้ยังไง ทำไม และอะไรกันแน่ที่ทำให้ร้องไห้แบบนั้น

หรือว่า…

“ปล่อย” ณนนพยายามสบัดเอามือที่คว้าข้อแขนขวาของเขาออก แต่ก็ดูเหมือนว่าคนที่เดินตามออกมานอกร้านจะไม่ยอมให้เขาหลุดมือไปง่าย ๆ

“นน… คีณขอโทษ” คีณพูดออกไปโดยไม่ถามหาความผิดของตัวเองซักคำ เขารู้ตัวดีว่าตัวเองผิดเต็มประตูทุกเรื่องที่ทำให้ทะเลาะกันวันนี้ และอาจจะผิดมากไปกว่านั้นถ้าเมื่อครู่ณนนดันเห็นอะไรที่ชวนเข้าใจผิดเข้าจริง ๆ

“บอกให้ปล่อยไง” ณนนรู้ดีว่าเสียงตัวเองกำลังสั่น ไม่ได้ตั้งใจมาเจออะไรแบบนี้เลยซักนิด หัวสมองของเขามันเบาโหวงจนไม่อยากจะเรียบเรียงคำพูดอะไรออกมา ตลกดีที่รีบมาทันทีที่เฟรนบอกว่าคีณอยู่ที่นี่ ...และตลกสิ้นดีที่ณนนตั้งใจมาง้อเพื่อให้พวกเขากลับไปกอดกันเหมือนเดิม

“เมื่อกี้นนเห็น…”

“เห็น! ทำไมล่ะ!” ณนนแผดเสียงสั่น ๆ ออกไปเพราะควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ คนที่เมาอยู่เดิมก็ยิ่งออกแรงบีบแขนเล็ก ๆ ไม่ให้ดิ้นหลุดไปไหน

“ตรงนี้คนเยอะ ไปคุยกันที่อื่น” คีณออกแรงดึงณนนตั้งแต่ยังพูดไม่จบประโยค เรี่ยวแรงที่มีลากอีกฝ่ายให้เดินตามโดยไม่ลืมที่จะทะนุถนอมด้วยการหันไปมองใบหน้าที่ดูไม่ดีเป็นระยะ ๆ ไม่นานนักทั้งสองคนที่มาหยุดอยู่ที่ลานจอดรถด้านข้างร้าน คีณมองรอบตัวเห็นผู้คนไม่มากนักก็ยอมปล่อยให้ณนนเป็นอิสระ

“จะพูดอะไรก็พูด”

“...น...นนมาได้ยังไง แล้วไอ้เฟรน” คีณพยายามเปิดบทสนทนาด้วยการเบี่ยงประเด็นไปเสียก่อน เขารู้ว่าในใจคนรักตอนนี้มันคงจะร้อนรุ่มจนไม่สามารถรับฟังอะไรแน่ ๆ

“พี่เฟรนกลับไปกับเทมแล้ว ส่วนอีกเรื่อง… เทมโทรหาพี่เฟรนให้เพราะแฟนนนมันไม่ยอมรับโทรศัพท์ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าทำไม…”

“นน… คือ…” คีณพยายามจะเอื้อมมือไปเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มณนนอีกครั้ง แต่เจ้าตัวก็ปัดมือเขาออกแล้วใช้หลังมือเช็ดน้ำตาเสียเองโดยไม่คิดจะเงยหน้าจากพื้นมองหน้าคีณด้วยซ้ำ

“ขอโทษที่มา แค่อยากจะมาง้อ... ไม่ได้อยากมาเจออะไรแบบนี้” คำว่าง้อคำเดียวทำให้คีณแทบไม่ได้ยินคำอื่นในประโยค หัวใจดวงโตชาวาบเพราะไม่รู้ว่าหลายนาทีก่อนที่ตัวเองเอาแต่ดื่มด่ำความเมาคนที่รักจะว้าวุ่นใจขนาดไหน

“คีณขอโทษนะนน ทั้งเรื่องเมื่อกี้ แล้วก็เรื่องวันนี้… ทุกเรื่อง” สัญชาตญาณบอกให้คีณดึงตัวอีกฝ่ายเข้าไปกอด แต่ยิ่งกลายเป็นว่าคนที่ถูกกอดร้องไห้ออกมาระลอกใหญ่ คีณจะขอโทษเพื่ออะไรในเมื่อในใจณนนมันไม่ได้มีความโกรธหลงเหลืออยู่เลย และในทางกลับกันภาพที่พึ่งเห็นเมื่อครู่ก็ลบออกไปจากหัวตอนนี้ไม่ได้เหมือนกัน

จะทำยังไงดี…

“ฮึก… ปล่อย! ฮือออออ”

“คีณไม่ได้ตั้งใจ ผู้หญิงคนนั้นเขาเข้ามาท้าทายให้คีณจูบ คีณไม่เคยแม้แต่จะคิดนอกใจนนเลยนะ” ณนนดันร่างตัวเองออกมาจากอ้อมกอดวินาทีนั้นดวงตาผิดหวังมองไปยังอีกฝ่ายทั้งที่ไม่อยากจะมอง ...กลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนและยอมเชื่ออะไรง่าย ๆ แบบที่ลึก ๆ ในใจมันเรียกร้อง

“ท้าทายหรอ!! แล้วถ้ามีคนท้าให้คีณไปตายคีณจะไปมั้ยล่ะ!”

“นน ฟังกันก่อนสิ”

“ตอบมาสิ! ฮึก ทีมีคนท้าให้จูบยังทำเลย ถ้านนท้าให้ไปตายซะจะไปมั้ย!”

“อย่างี่เง่าได้มั้ยนน พูดกันดี ๆ ได้มั้ย เรื่องมันไม่มีอะไรเลยเว้ย!” พูดกันตรง ๆ ก็คือความเมากำลังทำคีณหัวร้อนมากกว่าที่ควรจะเป็น กับเรื่องที่ตัวเขาเองคิดว่าเล็กน้อยแค่ณนนเปิดใจรับฟังกันบ้างมันก็จบไม่ใช่หรอ

“เออ ก็รู้ตัวว่างี่เง่า! โคตรงี่เง่าเลยด้วย แล้วรู้อะไรมั้ย… ตอนที่นนตัดสินใจทิ้งความงี่เง่ามาที่นี่เพื่อให้เราเข้าใจกันมันยากมากนะเว้ย แต่วินาทีที่เห็นภาพนั้นมันทำให้นนไม่เหลือเหตุผลอะไรเลยเว้ย! ไม่ว่าจะเพราะอะไร รู้ไว้ว่ามันโคตรเจ็บ โคตรอยากจะงี่เง่าเลยว่ะ”

“คีณไม่ได้… ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้” คีณพยายามใช้สัมผัสดึงใจณนนกลับมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมือที่เย็นเฉียบจะช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้ว่ามันจะเข้าเกาะกุมฝ่ามือของคู่สนทนาเอาไว้แน่น ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศแม้จะมีผู้คนเดินผ่านอยู่เป็นระยะ ฝ่ายหนึ่งก็ไม่อยากให้เรื่องเล็กน้อยสร้างบาดแผลในใจ ส่วนอีกฝ่ายก็พยายามเหลือเกินที่จะมองข้ามบาดแผลเล็กน้อยนั่นไป

“........”

“คีณรักนนแค่ไหนนนก็รู้ ผู้หญิงคนนั้นเขาเข้ามากวนโมโหเรื่องที่คีณเป็นเกย์… แล้วคีณก็ตกหลุมพลางที่เขาวางไว้แค่นั้นเอง ถ้านนไม่เชื่อคีณยินดีจะพิสูจน์ทุกอย่างจริง ๆ ...ขอร้องนะอย่าให้เรื่องอื่นมาทำให้เราแย่มากไปกว่าเรื่องที่มีอยู่ตอนนี้ได้มั้ย”

“........” การที่ณนนเงียบไม่ตอบอะไรออกไปอีกมันทำให้คีณใจเสียและรู้สึกเสียใจยิ่งกว่าเก่า ถ้าเลือกได้เขาคงอยากได้ยินคำด่าทอเจ็บแสบชวนโมโหมากกว่า

“นน”

“ขอไปสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วกัน แล้วเราค่อยคุยกัน” ทางเลือกจบการทะเลาะด้วยการเดินหนีถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง แต่เวลานี้คีณคงไม่อยากจะทำแบบนั้นนัก ไม่งั้นคงไม่เอื้อมรั้งข้อมือของณนนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ไม่รู้ทำไม... เขาแค่รู้สึกว่าถ้าเขาปล่อยให้ณนนเดินจากไปครั้งนี้ เขาอาจจะไม่ได้รักเดียวกลับมาอีกเลยก็ได้

“คือ…”

“ถือว่าขอร้องแล้วกัน ตอนนี้นนไม่ไหวแล้วจริง ๆ” คีณคงอยากจะตะโกนออกไปให้มันดัง ๆ ว่าตอนนี้สภาพตัวเขาเองมันก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“นนจะไปไหน…”

“ไปไหนก็ได้ ขอแค่ไม่มีคีณในหัวซักนาที” แววตาที่พยายามเย็นชามองไปยังคีณเชิงขอร้อง มือหนาค่อย ๆ ผ่อนแรงจนข้อมือเล็กหลุดออกเป็นอิสระในที่สุด ร่างกายที่แทบจะไร้แรงเดินออกห่างไปเรื่อย ๆ โดยที่ตัวคีณเองไม่อาจจะรั้งเอาไว้ได้ ภาพสุดท้ายคือเจ้าโฟลคสวาเกนคันคุ้นเคยถูกเจ้าของขับออกไปจนแทบจะลับตา

ทำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรอ…

สองขาเตะฝุ่นหญ้าที่พื้นแทนความหงุดหงิดข้างใน ดวงตาทั้งคู่หลับลงแน่นก่อนที่คีณจะค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อตั้งสติตัวเองว่าควรจะทำยังไงต่อไป เขาคงทนปล่อยให้มันค้างคาอยู่แบบนี้ได้ไม่นาน และคงทนไม่ได้หากต้องตื่นนอนโดยไร้อ้อมกอดของใครบางคน…

ตู้ดดดด ตู้ดดดดด ตู้ดดดด





เอี๊ยดดดดดด! โครม!!!!

เสียงห้ามล้อยังยาวเหยียดก่อนที่เสียงดังโครมใหญ่จะทำให้คีณหันมองรอบตัวโดยอัตโนมัติ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มชาวาบและไม่อาจพูดอะไรในใจออกมาได้อีก มือขวาเผลอปล่อยโทรศัพท์ที่พี่งจะกดต่อสายถึงณนนล่วงลงสู่พื้น และยิ่งไปกว่านั้นริมฝีปากสั่น ๆ กับขอบน้ำตาร้อนผ่าวกำลังตอบสนองความกลัวในใจ ...เจ้าโฟลคสวาเกนคันนั้นพลิกคว่ำหมุนเคว้งอยู่บนท้องถนน ไม่ว่าที่ที่เขายืนอยู่ตรงนี้มันจะไกลสายตาซักเท่าไหร่แต่มันก็ชัดเจนพอที่จะเห็นรอยยุบจากแรงกระแทกของโครงเหล็กรอบคัน...

“ไปไหนก็ได้ ขอแค่ไม่มีคีณในหัวซักนาที”

ไม่ได้นะ...

ห้ามหายไป...

ไม่ว่าจะนาที หรือแม้แต่วินาทีเดียว….


ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ตอนที่ 24 ล้มทั้งยืน




“นน! นนได้ยินคีณมั้ย! อย่าหลับนะ ...มองหน้าคีณสิ นนครับ… นน!” เสียงเรียกของชายหนุ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ และอาการที่แสดงมันก็ดูยิ่งกว่าเสียสติ หยดน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มขณะที่สองมือเอาแต่ทุบตัวรถที่พลิกหงายจนน่าใจหาย คงนับว่าโชคดีที่คนขับด้านในถูกรั้งเอาไว้ด้วยเข็มขัดนิรภัย แม้ว่าตัวรถส่วนที่สัมผัสพื้นตอนนี้จะยุบลงไปมากกว่าครึ่ง ของเหลวสีแดงข้นไหลทั่วกรอบหน้าคนเจ็บจนคนอีกคนที่กำลังมองแทบจะขาดใจตายลงไปเสียให้ได้





“นน! นนครับ…. นน ฮึก… ณนน”





“คุณออกมาก่อน! ...ใครก็ได้แจ้งตำรวจทีครับ!”





ดวงตาคู่นั้นมันกำลังค่อย ๆ ปิดลงเรื่อย ๆ ดวงตาที่เคยสดใส ดวงตาที่พึ่งมองคีณอย่างตัดพ้อและเสียใจเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ...ขอได้มั้ย กลับมามองกันก่อน กลับมางอแงใส่กันอีกซักครั้ง อย่าปล่อยให้เจ้าของดวงตาอีกคู่ทรมานใจและเจ็บปวดมากกว่าแบบนี้เลย





“ปล่อยผม! นน! นน!”





“คุณมีสติหน่อยสิ! ออกมาก่อน!” ก็จริงอย่างที่พลเมืองดีแปลกหน้าคนนี้ว่า ตอนนี้คีณไม่เหลือสติติดตัวแม้แต่นิด ไม่นานนักเขาก็ถูกหิ้วปีกลากออกมาอีกมุมโดยคนไม่รู้จัก รถฉุกเฉินจากมูลนิธิมาถึงในเวลาไม่กี่นาทีให้หลัง ภาพตรงหน้าค่อย ๆ ไกลจากตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ผู้คนรอบกายเริ่มเข้ามามุงดูเหตุการณ์โดยทิ้งคนที่กำลังฟูมฟายคล้ายหัวใจหล่นหายไว้เพียงด้านหลัง





ถ้าย้อนเวลากลับไปได้…

คีณจะไม่ยอมผิดใจกันไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไรก็ตาม

จะไม่ใช้เครื่องดื่มนรกพวกนั้นเป็นการแก้ปัญหา

จะไม่ยอมให้อีกฝ่ายเดินจากมาทั้งที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง

จะไม่ปล่อยให้ตัวเองไร้สติจนช่วยเหลือคนที่รักไม่ได้เลยซักอย่าง





ไม่

แต่เพราะว่าความเป็นจริงเขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เลยซักนิด

และตอนนี้คงไม่มีอะไรแย่ยิ่งไปกว่าการจมอยู่ในความรู้สึกผิดที่ยากเกินกว่าจะแก้ตัว





ทั้งหมดมันเป็นเพราะตัวเขาเอง





ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด





สัญญาณเครื่องมือทางกลางแพทย์ยังคงดังต่อเนื่องท่ามกลางความเงียบและเสียงลมหายใจเบา ๆ ของคนที่นอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียง รอยช้ำและรอยแผลทั่วร่างกายบ่งบอกได้ดีว่าณนนผ่านวิกฤตมาได้ไม่ง่ายนัก แขนขวาถูกเข้าเฝือกอ่อนเอาไว้เพื่อรอการผ่าตัด ขณะที่ผลตรวจอวัยวะภายในก็คงต้องรออีกหลายชั่วโมง ก็ยังนับว่าโชคดีที่ลมหายใจสม่ำเสมอของคนเจ็บทำให้จิตใจของใครอีกคนไม่ได้แย่มากไปกว่าเดิม





“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณป้า หมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ...ครับ ทางนี้ผมจะดูแลให้เองครับ” เทมรู้ดีว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายเลยสำหรับเขาทันทีที่ทราบข่าว และยิ่งวินาทีที่ต้องเป็นคนแจ้งข่าวร้ายไปยังแม่ของณนนที่ตอนนี้ทำงานอยู่ไกลอีกซีกโลกมันก็ยิ่งยากต่อการทำตัวให้เข้มแข็งมากขึ้นไปใหญ่ เขามองผู้เป็นเพื่อนบนเตียงแล้วก็ต้องถอนหายใจคลายความกังวลให้ตัวเองอีกครั้ง อดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ ว่าคนที่ยังร้องไห้ไม่หยุดจะต้องแอดมิทเพิ่มอีกเตียง





“พี่คีณครับ พี่ไปพักก่อนดีมั้ย เดี๋ยวคืนนี้ผมเฝ้าเอง ไอ้เฟย์ก็กำลังจะมาแล้ว”





“.........” คีณส่ายหน้าแทนคำตอบ ตอนนี้ร่างสูงนั่งทิ้งตัวอยู่บนโซฟามองณนนจากระยะไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาไม่อยากทิ้งไออุ่นในชีวิตไว้คนเดียวและในขณะเดียวกันก็ทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นภาพที่ทำให้เจ็บไปทั้งใจเช่นกัน





“มึงไหวมั้ย”





“..........” แน่นอนว่าคีณส่ายหน้าตอบอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหลับตาลงพร้อมร่างกายที่ยังสั่นเทาจากการร้องไห้และแรงสัมผัสที่บ่าจากเฟรนผู้เป็นเพื่อน นับตั้งแต่ตอนที่เสียแม่ไปตอนยังเด็กก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ตัวเองอ่อนแอจนแทบจะทนไม่ไหวเหมือนตอนนี้





“น้องมันไม่เป็นอะไรแล้ว หมอเขาก็บอกแล้วไงว่าไม่น่าห่วง มึงอย่าเครียดดิวะ”





“ทุกอย่างมันเป็นเพราะกู นนเป็นแบบนี้ก็เพราะกู”





“ไอ้คีณ มึงจะโทษตัวเองเพื่อ… ใครจะอยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นมา”





“...........” ใช่… คีณไม่ได้อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิด แต่เรื่องทั้งหมดจุดเรื่องต้นมันก็มาจากเขา ถ้าวันนี้ไม่ใจร้อนจนทำให้ทะเลาะกันวันนี้ก็คงเป็นเพียงวันดี ๆ วันนึงเท่านั้น





“...........”





“งั้นก็แล้วแต่มึงนะ ถ้าคิดว่านนมันตื่นขึ้นมาเห็นมึงสภาพนี้แล้วจะดีใจ ก็เชิญฟูมฟายโทษตัวเองต่อไปเลย” เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่มีท่าทีที่จะหยุดโทษตัวเอง และไม่มีบทสนทนาอะไรหลุดออกมาอีก เฟรนก็ตัดบทด้วยการเดินหายออกไปจากห้องพักคนไข้ ด้านเทมเองก็รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศตรงหน้าจนต้องตัดสินใจออกไปยืดเส้นยืดสายด้านนอกเช่นกัน





“พี่คีณครับ… เพื่อนผมถึงมันเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเอง ผมว่าข้อนี้พี่รู้ดีกว่าผมซะอีก” เทมทิ้งท้ายเอาไว้ให้คีณคิดมากยิ่งไปกว่าเดิม ก็เพราะว่ารู้ไงถึงได้นั่งร้องไห้กอดรัดความผิดเอาไว้เสียเอง มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะเข้มแข็งในช่วงเวลาแบบนี้





“แม่มาทำอะไรที่โรงพยาบาลครับพ่อ ไหนแม่บอกว่าจะไปซื้อหุ่นยนต์มาให้คีณไง”





“ฟังพ่อนะคีณ ...รถแม่เขาเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย แต่คีณไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่จะปลอดภัย”





แม่จะปลอดภัย





ประโยคที่ทำให้เด็กไร้เดียงสายังวิ่งเล่นหน้าห้องฉุกเฉินโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร รู้ตัวอีกทีคีณก็เสียแม่อันเป็นที่รักไปแล้วตลอดกาลโดยไม่มีโอกาสแม้ซักวินาทีจะได้ร่ำลา แล้วจะให้ทำยังไงได้นอกจากโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุให้แม่ต้องขับรถออกไปจากบ้าน… ภาพความทรงจำจาง ๆ สะท้อนเข้ามาในหัวเป็นฉาก ๆ ตอนนี้คีณกำลังกลัวว่าจะสูญเสียคนที่เขารักเป็นครั้งที่ 2 และถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเขาคนนี้ก็คงจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่ ๆ





“เทม…”





ทนไม่ไหว





คีณรู้ดีว่าตัวเองทนเห็นภาพคนป่วยบนเตียงพร้อมมือไม้สั่นเทาไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินตามออกมาเพื่อรั้งเทมหรือใครซักคนเอาไว้ เขาไม่อยากให้ในห้องนั่นไม่มีใคร และไม่อยากให้ใจตัวเองมันพังไปมากกว่านี้ด้วยเช่นกัน





“ครับ”





“พี่… พี่ฝากก่อนนะ” เทมเข้าใจประโยคนี้ได้ไม่ยาก เฟรนที่ยืนอยู่ด้วยดันหลังรุ่นน้องให้กลับเข้าไปตามเดิม ก่อนที่ตัวเขาจะเดินตามคีณออกมาตามทางเรื่อย ๆ ด้วยความรู้สึกเป็นห่วง เพื่อนสนิทเขาถึงมันจะไม่ใช่คนแข็งทื่ออะไรมากมายแต่เขาก็ไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้มีอาการที่เหมือนจะเสียสูญจนไร้แรงทรงตัวแบบนี้





“ไม่เป็นไรหรอกมึง ขอกูสงบสติอารมณ์ตัวเองซักพัก” คีณทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ระหว่างทางเดิน สบตาผู้เป็นเพื่อนแวบนึงก่อนจะเหม่อมองออกไปตรงหน้าอย่างไร้จุดหมายเช่นเดิม





“จะให้กูอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”





“ไม่เป็นไร มึงเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเทมดีกว่า”





“มึงอย่าเครียด เลิกคิดมากได้แล้ว ที่กูพูดกูหมายความตามนั้นจริง ๆ ณนนคงไม่ชอบถ้ารู้ว่ามึงเป็นแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีเหตุผลที่มึงจะต้องมาเก็บความผิดไว้กับตัวเองเลยนะเว้ย”





“มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งนึง….” คีณเผลอคิดถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหยุดพูดแล้วกระตุกยิ้มเศร้า ๆ ให้กับความรู้สึกย่ำแย่ของตัวเอง





“มึง….”





“ช่างเถอะว่ะ ขอกูอยู่คนเดียวซักพักนะ”





เฟรนไม่พูดอะไรออกมาอีก เขาค่อย ๆ ปลีกตัวเองออกมาช้า ๆ ทิ้งเพื่อนสนิทเอาไว้ตรงนั้นตามคำขอ ไม่สิ… เขาไม่ได้ปล่อยคีณนั่งหลับตาแน่นสนิทไว้ตรงนั้นตามที่เจ้าตัวต้องการ แต่เขายอมเดินออกมาเพราะใครอีกคนที่กำลังทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ คีณต่างหาก





“....มึง” คีณกำลังจะสบถคำหยาบออกมาบ่นเพื่อนที่เหมือนจะพูดไม่รู้เรื่อง แต่ต้องชะงักลงเมื่อเห็นว่าใครกำลังนั่งอยู่ข้างตัวเขาตอนนี้





“เป็นไง”





“พ่อ… พ่อมาได้ยังไง”





“ข่าวเต็มทีวี แชร์กันทั่วเฟซบุ๊คขนาดนั้น แกจะไม่ให้ฉันร้อนใจมาหาลูกฉันเลยหรอ”





“ที่แท้ก็แค่ห่วงเรื่องข่าว ผมไม่ทำอะไรให้กระทบพ่อหรอก กลับไปเถอะ” ผู้เป็นพ่อเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะเหยียดยิ้มบาง ๆ ใช้สายตาว่างเปล่ามองไปอีกทางคล้ายกับไม่ได้สนใจใยดีอะไรลูกชายมากนัก





“เจ้าเด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง”





“ไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อ”





“แล้วแกเป็นยังไงบ้าง”





“...........” คีณไม่ตอบและทำได้แค่เพียงทอดสายตาลงกับพื้นเบื้องล่างเพราะว่ามันเหมือนว่าก้อนบางอย่างมาจุกอยู่ที่อกเขาตอนนี้





“ในคลิปที่คนแชร์กันแกดูไม่ค่อยดีเลย มีอะไรอยากจะระบายออกมาบ้างมั้ย ถ้าอึดอัดที่จะคุยกับฉันก็คิดซะว่าฉันไม่ใช่พ่อแกก็ได้”





“...........”





“อยากร้องไห้… ก็ร้อง” ภาวัชเอื้อมแขนโอบร่างลูกชายคนเดียวเข้ามากอดเอาไว้หลวม ๆ ยากนักที่ผู้ชายแข็ง ๆ อย่างเขาจะกอดลูกชายคนนี้เอาไว้โดยไม่เคอะเขิน ครั้งสุดท้ายก็คงจะเป็นตอนที่เขาบังคับลูกชายคนนี้ไปรับรางวัลครอบครัวดีเด่นจอมปลอมด้วยกัน





“............”





“แต่ฉันไม่ให้แกโทษตัวเองแล้วนะ… ไม่ให้ทำแบบนั้นแล้ว” แรงสัมผัสเบา ๆ ที่หัวจากผู้เป็นพ่อทำให้คีณน้ำตาไหลออกมาได้ง่าย ๆ ใบหน้าของเขาซุกลงกับช่วงไหล่แล้วสะอึกสะอื้นออกมาเหมือนใจจะขาด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ภาวัชลูบศรีษะลูกชายเป็นจังหวะไปมาช้า ๆ เพื่อปลอบใจ ...ก็เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าคีณจะรู้สึกแบบไหน เพราะตอนนั้นที่เขาเสียแม่ของคีณไปมันก็คงทรมานไม่ต่างกัน





จะต่างกันก็ตรงที่ตอนนั้นเขาไม่มีโอกาสแก้ตัวอะไรเลย





“พ่อ… ผมกลัว”





“กลัวอะไร แกมันเก่งจะตาย เจ้าเด็กณนนนั่นก็คงจะสู้อยู่ไม่น้อย ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว”





“ผมกลัวว่าจะต้องเสียนนไป… ฮึก ผมไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว ฮืออออ”





“ไร้สาระ เป็นคนปวกเปียกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอ้คีณลูกฉันมันสู้จะตายไป กับเรื่องแต่นี้มันไม่มานั่งร้องไห้แบบนี้หรอก”





“พ่อไม่เข้าใจ”





“ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ… ฉันเข้าใจความสูญเสียดีจนไม่อยากให้แกเสียเวลาตรงนี้ไปโดยไร้ประโยชน์ต่างหาก”





“....”





“กับแม่แก ที่ทำให้แกโทษตัวเองอยู่ทุกวันนี้ ที่ทำให้ฉันกลายเป็นเหมือนพ่อเลว ๆ คนนึงที่เห็นแก่เงิน แก่งาน ชื่อเสียงพวกนั้น…. ฉันไม่เคยได้แม้แต่จะบอกลาเลยด้วยซ้ำ ไม่มีเวลาที่จะได้รู้ตัวแม้ซักวินาที แต่กับเจ้าเด็กณนน… แกเหลือเวลาอีกทั้งชีวิตกับเขา เชื่อฉันสิ เลิกโทษตัวเอง เลิกคิดไปไกล เจ้าเด็กนั่นไม่เป็นอะไรหรอก”





“.........” ความรู้สึกจุกแปลก ๆ ทำให้คีณพูดไม่ออก ซ้ำยังซุกหน้าเข้ากับไหล่ของผู้เป็นพ่อราวกับเด็ก ๆ ครั้งสุดท้ายที่เขาเคยอยู่ในไออุ่นของพ่อแบบนี้ก็คงจะเป็นช่วงที่สูญเสียแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ แล้ววันนี้ตอนนี้เขากำลังกลับไปเป็นเด็กไม่รู้จักโตอีกครั้ง





“ถ้าณนนฟื้นแล้ว ชวนเขาไปกินข้าวด้วยกันมั้ย ร้านประจำสมัยก่อนที่แกเคยชอบ ...หรือว่าจะกลับไปกินที่บ้านเราดี เราไม่ได้นั่งโต๊ะกินข้าวด้วยกันนานแล้ว”





“นี่พ่อ…” คีณเงยหน้ามองภาวัชอย่างไม่เข้าใจนัก แต่คนที่ภายนอกดูแข็งก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่วันยังค่ำ ภาวัชไม่ยอมมองหน้าลูกชายเพราะในใจยังรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย





“ฉันพอแล้ว ต่อให้ผิดสัญญากับแม่แกเรื่องที่จะดูแลแกให้ดีก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น… เห็นข่าวลูกตัวเองเป็นเกย์ก็คงดีกว่าข่าวลูกร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร… อยากทำอะไรก็ทำ วิธีปกป้องดูแลลูกของฉันมันคงไม่ดีเท่าไหร่ บางทีแม่แกอาจจะนั่งโมโหไม่ชอบใจอยู่ก็ได้”





“.........”





“ที่มันเป็นแบบนี้คงเพราะเชือกที่ฉันเคยคิดว่าจะพาแกไปตามทางมันคงจะตึงเกินไป… ต่อไปนี้ก็ถือเชือกเดินนำตัวเองก็แล้วกัน”





“ผ...ผมขอโทษ”





“พ่อก็คงต้องขอโทษ….เหมือนกัน”





ความเงียบเข้าปกคลุมชายกลางคนกับลูกชายคนเดียวไปอีกพักใหญ่ ก็คงจะเป็นเรื่องดีที่ความรู้สึกภายในมันได้ทะลุออกมาจากอารมณ์แข็งกร้าว คราวนี้ก็คงต้องหวังพึ่งโชคชะตาให้เรื่องราวเรื่องนี้จบลงพร้อมความทรงจำดี ๆ





เรื่องราวที่ทำให้คุณและคุณเป็นสุขใจ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ตอนที่ 25 คนโทษตัวเอง



“ณนน หนุ่มคนดังในโลกโซเชี่ยลเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำหน้าผับดัง คู่กรณีรับเป็นฝ่ายหลับในจนเกิดเหตุดังกล่าว…”





“ทำไมมึงจะต้องจีบปากจีบคอพูดขนาดนั้นคะอีนีลลลล” ดูเหมือนว่าเฟย์จะเหลืออดและหงุดหงิดไม่น้อยเมื่อนีลพยายามอ่านข่าวฮอตฮิตในเช้าวันนี้ด้วยสำเนียงไก่ประกาศิต ก็แน่ล่ะเพราะว่าเฟย์กับเทมมาเฝ้าเพื่อนสนิทอย่างณนนตั้งแต่เมื่อคืน ระหว่างที่นีลพึ่งวิ่งหน้าตั้งมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน





“เพื่ออรรถรสในการรับชมย่ะ!”





“พวกมึงอย่าเสียงดังดินี่โรงพยาบาล” เทมสะกิดสองสาวให้เบาเสียงลงเมื่อดูท่าว่าอาจจะเกิดเหตุชลมุนเถียงกันเยี่ยงโต้วาทีได้ทุกเมื่อ ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่ที่โซนรับรองนอกห้องพักของณนนจึงไม่อยากให้มันรบกวนคนอื่นมากนัก





“เออว่ะ โทษที” นีลยกสองมืออุดปากตัวเองเหมือนจะสำนึกผิด แต่เปล่าเลยเพราะว่าหลังจากนั้นแค่สามวินาทีเธอก็อ่านข่าวนั้นต่อด้วยเสียงไก่ประกาศิตคนเดิมที่มีอาการเป็นหวัด





“ส่วนคลิปหนุ่มคนสนิทร้องไห้แทบไม่มีสติที่มีพลเมืองดีถ่ายไว้ ณ ที่เกิดเหตุก็ถูกแชร์อย่างต่อเนื่องในเช้าวันนี้ เป็นการตอกย้ำปริศนากันต่อไปในเรื่องของความสัมพันธ์สองหนุ่ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียวภาวัชพ่อของหนุ่มคีณออกมาปฏิเสธแบบหัวชนฝาไปแล้วแท้ ๆ แต่เห็นแบบนี้แล้วเจ้เผือกมั่นใจว่าต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน…”





“พลเมืองดีพ่อง” เทมส่ายหัวเมื่อฟังข่าวซุบซิบยอดแชร์หลักพันเช้านี้จากปากนีลจนจบ ริมฝีปากเขาจรดดื่มกาแฟที่อยู่ในมือคลายง่วง ก็ตลกดีที่อุบัติเหตุครั้งนี้คนกลับให้ความสำคัญกับข่าวแบบนี้มากกว่าเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น





“นั่นดิวะ เกิดเรื่องแบบนี้แทนที่จะช่วยมัวแต่ถ่ายคลิป” เฟย์ว่า





“สื่อก็เล่นแต่ข่าวพวกนี้ อาการไอ้นนไม่เห็นเจ้าไหนจะสนใจลงข่าว”





“แต่คลิปที่เขาแชร์กัน กูเห็นแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมพี่คีณสภาพแย่แบบนี้”





“คิดดูเถอะ ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้พี่คีณยังไม่ยอมนอน เอาแต่โทษตัวเองจนกูกับพี่เฟรนไม่รู้จะทำยังไง แต่ถ้าเป็นกูก็คงตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกันนักมั้ง” เทมพูดออกไปตามที่ตนคิด นีลพยักหน้ารับรู้ระหว่างที่ยังเลื่อนฟีดข่าวในเฟซบุ๊คอ่านต่อไปเรื่อย ๆ แล้วงานนี้ก็คงไม่ต้องเดาเพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ออกอาการมั่นอกมั่นใจว่าคีณและณนนต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบที่คาดคิดเอาไว้แน่นอน





: เห็นคลิปแล้วพูดอะไรไม่ออกเลย มันชัดอยู่แล้ว ณนนหายไว ๆ นะ

: แล้วที่พ่อคีณออกมาพูดคืออะไร… ชัดขนาดนี้

: แฟนเราอยู่ในผับตอนนั้น เห็นว่าสองคนนี้ทะเลาะกันตั้งแต่ในร้านแล้วก็ตามกันออกมา

: ความจริงเป็นยังไงช่างเถอะ ขอให้ณนนปลอดภัยก็พอ





“แล้ว เรื่องมันเกิดขึ้นได้ไงวะ ไหนว่าไอ้นนไปนอนห้องมึง แล้วทำไม…” นีลถามคำถามที่ยังคาใจ เทมเหลือบตามองเฟย์ที่เล่าให้ฟังไปแล้วเมื่อคืนแวบนึง ก่อนจะเล่าให้นีลฟังอีกคน





“ก็นั่นแหละที่ไอ้นนมันทะเลาะกับพี่คีณมาอยู่ห้องกู… มันติดต่อพี่คีณไม่ได้ กูเลยโทรหาพี่เฟรนแล้วพามันไปที่นั่น หลังจากนั้นกูกับพี่เฟรนก็ออกมาเลย มารู้อีกทีก็ตอนพี่คีณโทรหา”





“แม่ง แล้วก็ไม่โทรหากู”





“ก็กูรู้ว่ามึงออกมาลำบาก รอบอกตอนเช้าดีกว่าเดี๋ยวจะนอนไม่หลับซะเปล่า ๆ”





“ก็เป็นซะแบบนี้อ่ะ” นีลอดไม่ได้ที่จะผลักเข้าที่หัวของเทมเบา ๆ โทษฐานที่ทำให้รู้เรื่องช้ากว่าชาวบ้านเขาไปเกือบสิบก้าว





“มึงมาคงวุ่นวายคูณสองไปอีกอ่ะอีนีล” เฟย์ว่าขำ ๆ ก่อนที่จะไถลตัวลงไปกับโซฟาอย่างน้อยล้า อดคิดไม่ได้เลยว่าขนาดเธอที่เมื่อคืนได้นอนไปงีบใหญ่ยังมีอาการเพลียขนาดนี้ แล้วคนที่แทบไม่พักเลยอย่างคีณจะทนอยู่ได้ยังไง





“อีเหี้ย…!”





“นีล กูบอกว่าอย่าเสียงดัง”





“พ...พวกมึงดู” นีลเรียกเพื่อนทั้งสองมาดูสิ่งที่ทำให้เธออึ้งจนอยากจะกรี๊ดอยู่ตรงหน้า วิดิโอไลฟ์สดจากสื่อหลักเจ้าหนึ่งกำลังมียอดวิวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้สิว่าทำไมถึงได้รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งนึง





การแถลงข่าวของคุณภาวัช





“สวัสดีครับ วันนี้ผมต้องขอโทษที่รบกวนสื่อมวลชนตั้งแต่เช้า แต่อย่างที่ทุกท่านเห็นข่าวกัน ผมจึงมีสองเรื่องที่จะต้องพูดเพราะไม่อยากทิ้งมันไว้ให้เป็นประเด็นเข้าใจผิดกันอีก เรื่องที่หนึ่งอาการของณนนตอนนี้เท่าที่ผมทราบคือพ้นขีดอันตรายแล้ว รายละเอียดอาการต่าง ๆ คงต้องรอทางแพทย์อีกที และเบื้องต้นผมได้ส่งทนายตามเรื่องคดีความต่าง ๆ ที่คงต้องว่ากันตามความจริง…”





“ออกมาพูดแบบนี้แปลว่าน้องณนนเป็นเด็กในสังกัดช่องคุณภาวัชแล้วใช่มั้ยคะ”





“เปล่าครับ ณนนไม่ใช่นักแสดงในสังกัดช่องเราแต่อย่างใด แต่ถ้าจะถามต่อว่าทำไมผมถึงต้องออกมาพูดเรื่องนี้ คำตอบมันอยู่ในเรื่องที่สองที่ผมจะพูด แต่ก่อนอื่นผมคงต้องบอกว่าผมไม่ได้ออกมาพูดในฐานะผู้บริหารช่อง แต่ผมออกมาพูดในฐานะ….พ่อคนนึงเท่านั้น…..”

.

.

.





08.45 น.

เวลาที่หลายคนกำลังเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำงาน การเรียน กิจวัตรประจำวัน หรือบางคนเวลานี้ก็เป็นเพียงเวลาที่กำลังงัวเงียไม่อยากตื่นเท่านั้น แต่สำหรับคีณแล้วนี่คือช่วงเวลาที่หลับไม่ลงและไม่สามารถเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ได้เลยซักอย่าง





“นน… คีณขอโทษ” เสียงแผ่วเบากระซิบลงข้างหูคนป่วย หยดน้ำตาเริ่มไหลออกมาอีกครั้งโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ร้องขอ ถ้าเลือกได้ก็อยากจะให้คนที่นอนเจ็บเป็นเขาเสียเอง นี่สินะที่ใครเคยบอกไว้ว่าหากหัวใจทั้งดวงของเราเจ็บปวด ที่ทรมานมากกว่าก็คงจะเป็นร่างกายที่เหมือนจะไร้ใจของตัวเราเอง





“ขอโทษ…” มือหนาที่กำลังเกลี่ยไรผมรอบกรอบหน้าของณนนมันสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลมหายใจสม่ำเสมอไม่ได้ทำให้คีณสบายใจขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น ท้ายที่สุดแล้วการเกาะกุมจับฝ่ามือเย็นเฉียบเอาไว้ก็ดูจะเป็นทางออกที่ทำให้เขาสบายใจที่สุดในตอนนี้





อย่างน้อยก็ได้มั่นใจว่าณนนจะไม่หายไปไหน





ความเงียบในห้องพักดำเนินตามเวลาต่อไปเรื่อย ๆ แม้คีณจะรู้สึกล้าและอาจจะล้มลงไปเพราะความเพลียได้ทุกเมื่อ แต่เขาเองก็ไม่คิดที่จะละสายตาออกไปจากณนนแม้ซักวินาที ระหว่างที่คนอื่น ๆ อย่างเฟรน เทม และเฟย์เข้าสู่ห้วงนิทรากันไปแล้วเมื่อคืนเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืนเช่นกัน ...คีณจะหลับลงได้ก็ต่อเมื่อณนนตื่นมาฟังเสียงคนงี่เง่าที่กำลังเอาแต่โทษตัวเองแล้วด่าสวนเข้าให้ซักที วินาทีนี้ ตอนนี้จะตื่นขึ้นมาโกรธกัน โวยวายใส่กันก็คงต้องยอม





“อีกสามเดือนเราจะคบกันครบสี่ปีแล้วนะ ปีนี้นนอยากไปไหน” แม้จะรู้ดีว่าคงจะไร้คำตอบแต่คีณก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาพยายามยิ้มบาง ๆ พร้อมกับการกระชับมือแน่นขึ้นคล้ายตั้งใจอยากให้ณนนได้รู้สึกว่าเขาอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้





“นนอยากไปสวิตส์นี่… แต่คีณว่ารอช่วงปิดเทอมดีกว่าจะได้อยู่ทัวร์ยุโรปกันด้วย”





“หรือว่าเราไปหาแม่นนกันมั้ย นนคิดถึงท่านไม่ใช่หรอ…”





“งั้นนนตื่นขึ้นมานะ… ถ้าแม่เห็นนนเป็นแบบนี้คงจะไม่สบายใจ” คีณพยายามกลั้นตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมาอีก ใครก็คงจะพูดได้ว่าเขาควรเข้มแข็งและทำใจให้สบาย แต่เชื่อเถอะ คนที่กำลังพูดแบบนั้นไม่เคยรู้สึกแบบที่เขากำลังเป็นซักคน





“เรื่องเมื่อวานที่คีณใจร้อน… ขอโทษนะ ไม่รู้ว่าต้องขอโทษอีกกี่ครั้งถึงจะพอ”





“พ่อ…. พ่อเขาเข้าใจแล้ว เมื่อคืนเขามาเยี่ยมนนด้วยนะ เขาอาจจะหวังดีอย่างที่นนว่า”





“คีณมันก็ไม่เคยเห็นความหวังดีของใครเลยจริง ๆ นั่นแหละ… ไม่เคยเลย” ศรีษะหนักอึ้งค่อย ๆ ฟุบลงกับเตียงเคียงข้างฝ่ามือที่จับเอาไว้ไม่ปล่อย คีณมองมือมีร่องรอยของการบาดเจ็บแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปกว่าเดิม





“คีณไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย… เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ได้ ไม่ต้องให้ใครรู้ ไม่ต้องให้ใครเข้ามาวุ่นวาย แค่มีนนกับคีณสองคนในที่ของเรามันก็พอแล้ว”





“แล้วต่อไปคีณไม่ให้ขับรถแล้วนะรู้มั้ย”





“คีณก็จะไม่กินเหล้าจนเมา พลั้งทำอะไรบ้า ๆ ลงไปแบบวันนี้อีกแล้ว”





“ห้ามกินเหล้าอีกเลย ตลอดชีวิต”





“............” เสียงเบา ๆ ที่ไม่ใสนักมันดังพอที่จะทำให้คีณดึงความรู้สึกกลับมาสนใจมือข้างนี้ที่กำลังออกแรงสัมผัสตอบเขาตั้งแต่วินาทีไหนก็ไม่รู้ รอยยิ้มฉาบขึ้นบนใบหน้าทันทีที่เขาหันไปเห็นว่าคนบนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยแววตาที่ยังคาดโทษใส่อยู่ไม่น้อย





“ว่าไง…”





“นน…”





“ว่าไงจะกินเหล้าอีกมั้ย”





“อือ ไม่กินแล้ว… ไม่กินเลย”





“ร...ร้องไห้ทำไมเนี่ย” ดูเหมือนว่าคนที่พึ่งได้สติก็จะงงอยู่ไม่น้อยที่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาไม่หยุด





“อย่าเป็นแบบนี้อีกนะ เจ็บมากมั้ย”





“ไม่เป็นไร… หยุดร้องไห้ได้แล้วครับ” ณนนกำมืออีกฝ่ายแน่น แม้ว่าเขาจะตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกเจ็บแปรบไปทั้งตัว และรู้สึกมึนงงอยู่มากกับเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แต่ภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนจะสิ้นสติลงและภาพแรกที่เห็นเมื่อลืมตาตื่นก็ทำให้เขารู้สึกว่าการเจ็บครั้งนี้มันช่างเบาบางอย่างน่าประหลาด





“ตอนที่เห็นนนหลับไป ใจคีณมันแทบขาดแล้วรู้มั้ย โคตรกลัวเลย” คีณใช้ริมฝีปากสัมผัสเบา ๆ ที่หน้าผาก ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าตัวเองซบลงที่ช่วงไหล่ของณนน





“ตอนที่ภาพคีณมันเบลอขึ้นทุกที… ก็โคตรกลัวเหมือนกัน” สิ่งที่เจ้าของร่างกายบาดเจ็บจะทำได้ก็คงแค่ทิ้งน้ำหนักเบา ๆ ให้ศรีษะได้สัมผัสกับใครอีกคน





“ไม่โกรธกันแล้วนะครับ… ไม่เอาแล้ว”





“อือ ไม่โกรธแล้ว ยกเว้น...”





“ยกเว้น….” คีณเงยหน้าขึ้นมามองณนนก่อนจะทวนคำตามอย่างไม่เข้าใจนัก แต่แววตาที่เหมือนจะยิ้ม ๆ ของอีกฝ่ายก็ทำให้เบาใจได้ไปเปราะนึง





“ยกเว้นเรื่องที่ผับ ยังต้องการให้ง้ออยู่นะ”





“ได้ จะง้อให้ไม่กล้างอนอีกเลย คอยดู!” คีณหลุดยิ้มกว้างออกมาทั้งคราบน้ำตาในที่สุด ความรู้สึกแย่ ๆ ทั้งหมดถูกยกออกจากอกจนเช้าวันใหม่ดูสดใสขึ้นทันตา พอตั้งสติทิ้งความดีใจได้เขาก็ทำสิ่งที่ควรจะทำคือเรียกพยาบาลเข้ามาตรวจเช็คอาการคนป่วยที่ตื่นขึ้นมาพูดจ้อแทบไม่หยุด และสุดท้ายคนที่พร่ำโทษตัวเองแทบตายก็หลับลงพร้อมความโล่งใจได้เสียที


ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ตอนที่ 26 คนขี้งอน



“เทม… กูอยากกินน้ำ”





“ได้”





“เทม… กูคันแขนอ่ะ”





“เออ กูเกาให้”





“เทม… ปวดฉี่”





“โอเค”





“มึง”





“เทม…”





“ไอ้เทม…”





“เทม ช่วยกูหน่อย”





โว้ยยยยยยยยยย เสียงโวยวายในใจเทมดังขึ้นรอบที่ร้อยเห็นจะได้ ดูเหมือนว่าตอนนี้คนเจ็บจะแผลงฤทธิ์ด้วยเลเวลขั้นสุด ก็จะอะไรซะอีกล่ะก็ไอ้อาการงอนแฟนที่บังเอิญทำให้เพื่อนฝูงเดือดร้อนเนี่ยแหละ แถมคนถูกเมินใส่อย่างคีณก็ดันจ๋อยเหมือนหมาน้อยโดนจับตอน ได้แต่ทำตาปริบ ๆ เมื่อพยายามทำทุกอย่างแล้วก็ยังไม่สามารถทำลายกำแพงสูงระดับเด็กสองขวบปีนที่ณนนสร้างขึ้นมาได้ซักที





ก็ช่วยไปงอนไปง้อกันตอนสารร่างครบ 32 ได้มั้ยวะ





“ว่าไงมึง” เทมเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือแม้ในใจจะหงุดหงิดเล็ก ๆ เพราะรู้ดีว่าชะตากรรมต่อไปของตนเองจะเป็นเช่นไร





“นนอยากได้อะไร ให้คีณช่วยนะ” ไวกว่าความคิด รุ่นพี่คณะนิเทศที่นั่งอยู่โซฟาตัวเดียวกับเขาดีดตัวเองขึ้นแล้วสาวเท้ายาวไปข้างเตียงคนป่วยราวกับหายตัวได้ แล้วเชื่อเถอะเหตุการณ์กงเกวียนกำเกวียนก็เริ่มต้นเหมือนทุกครั้งในรอบวัน





“เรียกเทม ไม่ได้ยินหรอ”





นี่ล่ะชะตากรรมของเทมคนดีคนเดิมเพิ่มเติมคือเพื่อนงอนผัว





“เทมดูนนมาทั้งวันแล้ว ให้เทมพักเถอะ” คีณพยายามเกลี่ยกล่อมด้วยวิธีเรียกความเห็นอกเห็นใจให้เพื่อนที่กลายเป็นบุรุษพยาบาลจำเป็น ณนนชะงักไปแวบนึงเพราะลึก ๆ แล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากให้เพื่อนมาลำบาก แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อตอนนี้เขาไม่มีช้อยที่ดีกว่านี้แล้วนี่นา จะเป็นเฟย์หรือนีลก็คงไม่เหมาะนักที่จะต้องมาดูแลเพื่อนผู้ชายอย่างใกล้ชิด





“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวเรียกพยาบาลก็ได้”





“นนนนนนน”





“เอาคืนมา” ณนนพยายามใช้มืออีกข้างที่เกือบจะใช้งานได้ปกติเอื้อมหยิบกริ่งเรียกพยาบาลแต่ก็ถูกณนนฉวยเอาไปได้เสียก่อน





“จะลำบากพยาบาลทำไม”





“ก็เทมเหนื่อยแล้ว”





“แต่คีณยังไม่ได้ทำอะไรเลย ให้คีณดูแลนนได้มั้ย เลิกงอนนะครับ”





“ไหนบอกจะง้อให้ไม่กล้างอนอีก มาขอให้หายงอนง่าย ๆ แบบนี้อ่ะนะ”





“แต่ว่า…”





“แต่ว่าอะไร”





“โอเค… ยอมแล้ว ๆ เทม… นนเรียก”





“เกม….. โอเวอร์” เทมยิ้มแหยทันทีที่คีณต้องเซถลากลับมานั่งที่เดิมพร้อมสีหน้าบอกบุญไม่รับ ถึงแม้ว่าเทมจะไม่รู้ว่าณนนจะต้องออกงอนทำไมนักหนา แต่จากรูปการณ์แล้วงานนี้คงเล่นเอาคีณเข็ดไปอีกนาน





“พี่ฝากด้วย เหนื่อยหน่อยนะ”





“หึ พี่นั่นแหละเหนื่อยหน่อยนะ” เทมยิ้มขำตบให้กำลังใจคีณเบา ๆ ที่หน้าขา เดาไม่ถูกเลยว่าถ้าณนนไม่ได้เจ็บป่วยอะไรอาการที่งอนตอนนี้มันจะรุนแรงแค่ไหนและเจ้าตัวจะแผลงฤทธิ์หรือแปลงกายเอาร่างไหนออกมา แต่ช่างเถอะยังไงเทมก็มองสายตางอน ๆ นั่นออกว่าณนนแค่ยังเสียใจลึก ๆ แต่ก็ไม่ได้เหลือความโกรธหรือเก็บความรู้สึกแย่ ๆ ไว้ข้างในเลยอยู่ดี อย่างที่เขาพึ่งพูดนั่นแหละ งานนี้คีณคงต้องเหนื่อยหน่อยแล้ว





หลังจากที่เทมช่วยหมุนเตียงขึ้นให้ณนนอยู่ในท่าสบาย ๆ คล้ายกำลังนั่งเอาหลังอยู่กับเตียงตามที่เจ้าตัวต้องการ ก็ดูเหมือนว่าคราวนี้สงครามประสาทเสียของเทมจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อถึงเวลามื้ออาหารเย็นของคนป่วยที่คีณหมายมั่นปั้นมือจะเป็นคนป้อนเสียให้ได้





“ช่วงนี้คนไข้ทานอาหารอ่อนตามคุณหมอสั่งก่อนนะคะ ยาในแก้วทานทันทีหลังมื้ออาหาร อีกประมาณชั่วโมงนึงคุณหมอจะเข้ามาตรวจแล้วก็แจ้งผลการเอกซเรย์เพิ่มเติม ถ้าโชคดีคนไข้อาจจะไม่ต้องผ่าตัดที่แขน ออ ถ้ามีปัญหากดเรียกพยาบาลนะคะ” ณนนพยักหน้ารับรู้ไม่ต่างกับคนเฝ้าอีกสองคนที่พยักหน้าขึ้นลงเข้าใจสิ่งที่เธอพูดออกมายาวเหยียด ถ้าเป็นอย่างที่พยาบาลว่าก็คงดีสินะเพราะคีณคงไม่ต้องมานั่งกังวลเมื่อณนนเข้าห้องผ่าตัด แค่จินตนาการภาพตอนนี้ก็เหมือนคีณเห็นอนาคตตัวเองที่ฟูมฟายคิดมากไม่เลิก





“มึง” ตามที่คาดไม่มีผิด ณนนส่งเสียงเบา ๆ แต่สายตาพุ่งชัดว่าต้องการใครในเวลานี้





“ครับคุณนน เพื่อนเทมมาแล้วคร้าบบบบบ” เทมออกเสียงเชิงล้อเดินเอื่อย ๆ ไปเปิดสำรับอาหารคนป่วยอย่างเซ็ง ๆ ที่เซ็งเนี่ยไม่ใช่เพราะว่าต้องมาดูแลเพื่อนหรอกนะแต่เซ็งเพราะถูกเพื่อนใช้เป็นเครื่องมือต่างหาก ฮืออออออ





“ดีมาก”





Rrrrrrrr แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือสิ่งใดลิขิต จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์เทมก็ดังขึ้นจนเจ้าตัวต้องละจากตรงนั้น เขามองชื่อสายเรียกเข้าบนจอแบบงง ๆ ก่อนจะจำใจกดรับสายระหว่างที่เหลือบตามองเพื่อนสนิทเป็นระยะ ๆ





“สวัสดีดีครับ…. เอ่อ… ครับ” เทมเหลือบตามองณนนอีกครั้งก่อนจะพูดออกมาคล้ายกำลังลำบากใจเสียเหลือเกิน





“มึง กูออกไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ ให้พี่คีณป้อนไปก่อน” ถึงคราวคนที่นั่งบนโซฟาได้กระตุกยิ้มอยากผู้ชนะ คีณลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้มโดยไม่ต้องรอเสียงใดเพิ่มเติม ในจังหวะนั้นที่คีณเดินสวนกับเทมอีกฝ่ายก็เผยสีหน้าที่….ไม่ต่างกัน





“แล้วอย่ากลับมาอีกนะ” คีณส่งเสียงเบา ๆ ลอดไรฟันในจังหวะที่สวนกัน รอยยิ้มตัวร้ายในละครหลังข่าวฉายชัดเมื่อเทมเหลือบมองรายชื่อสายเรียกเข้าในโทรศัพท์ตัวเองอีกครั้ง





“ร้ายนะพี่” เทมก็พยายามส่งเสียงที่มีความเบาไม่แพ้กันออกไป ...เห้อ ชื่อคุ้น ๆ เหมือนชื่อแฟนเพื่อนที่พึ่งเมมโมรี่เอาไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเลยแหะ





เอาเถอะ เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ใครร้ายกว่ากัน





“เรามากินข้าวกันดีกว่า” ว่าแล้วคีณก็ค่อย ๆ เปิดชุดอาหารตรงหน้าณนนโดยแกล้งไม่สนใจสีหน้าหงุดหงิดที่ชัดขึ้นเรื่อย ๆ





“ไม่”





“นน จะงอนคีณแค่ไหนก็ได้แต่อย่าทำให้มันกระทบตัวเองได้มั้ย” คีณเคลื่อนช้อนข้าวต้มที่ดูจืดชืดไปตรงหน้าคนรัก เขายิ้มบาง ๆ ให้คนที่กำลังงอนหวังให้ใจอ่อนลง





“งั้นจะกินเอง”





“แขนเดี้ยงขนาดนี้เนี่ยนะ หยุดพยายามเลย อย่าดื้อ!”





“......” ณนนเบือนหน้าหนีคีณไปอีกทาง จนอีกฝ่ายอดที่จะลากลมหายใจยาว ๆ ออกมาไม่ได้





“ณนน…” คราวนี้คีณเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปหนักแน่นขึ้น ช้อนอาการถูกวางลงกับภาชนะตรงหน้าเช่นเดิม ก่อนที่คีณจะทรุดตัวลงกับเก้าอี้มองคนบนเตียงด้วยสายตาที่แทบจะอ่านไม่ออก ใครจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถ้าไม่ใช่ณนนที่ไม่ยอมมองดวงตาคู่นี้เพื่อรับรู้ความหมายนั้นเสียที





“อะไร”





“คีณรู้ว่าคีณผิด ผิดมาก… แต่ที่คีณทำอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่การง้อ แต่มันคือการที่คนคนนึงอยากจะดูแลคนที่รัก เข้าใจมั้ยครับ”





“......” ณนนเหลือบตามองคนข้าง ๆ เพียงนิดก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วมองไปอีกทางเช่นเดิม





“...งั้นถ้าคีณดูแลนนไม่ได้ ...เราก็ควรจะจบกัน คีณทนให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้” วินาทีที่ได้ยินประโยคนี้ก็ทำให้ณนนหันมามองเจ้าของเสียงโดยอัตโนมัติ อะไรกัน? จะยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้เนี่ยนะ ง่ายเกินไปรึเปล่า





เชี่ย ไอ้นน! อย่าหน้าเสียแบบนี้สิวะ!





“คีณ…”





“ครับ” ดูเหมือนว่าคีณจะพอใจที่เห็นณนนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ถึงได้แอบก้มหน้ามองพื้นแล้วกระตุกยิ้มกับตัวเองคนเดียวแบบนั้น





“...ม...ม...หมายความว่าไง”





“เราเลิกกันนะ…” คีณพูดเสียงเรียบก่อนจะค่อย ๆ ตีหน้าเศร้าขึ้นมองคนป่วยที่กำลังมีอาการเอ๋อติดบัคไปชั่วขณะ แต่พอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนั่นคีณก็เอื้อมมือข้างนึงเข้าประครองกรอบหน้าณนนไว้ในมือโดยที่ไม่ต้องคิดให้เสียเวลานัก





“นี่…”





“ให้พี่จีบได้มั้ยครับ ...น้องณนน” คีณฉีกยิ้มกว้าง ขณะที่ณนนต้องเปลี่ยนสีหน้าให้งงขึ้นอีกระดับเมื่อไม่รู้ว่าสิ่งที่คีณทำอยู่ตอนนี้มันคืออะไร ...คืออาการเบื้องต้นของโรคไบโพล่าหรอ





“อะไรของคีณเนี่ย” คีณไม่ได้ตอบอะไรออกไปในทันที เขาค่อย ๆ ใช้ช้อนคนอาหารคนป่วยในชาม ก่อนจะตักข้าวต้มยื่นไปตรงหน้าณนนพร้อมสายตาวาบวับราวกับกำลังตกหลุมรักใครซักคน





ก็คงใช่ ที่คีณกำลังจะทำคือการหลงรักใครบางคนอีกครั้ง





“พี่ชื่อคีณนะ กำลังจะเรียนจบ ...ตอนนี้ยังไม่มีแฟน พอดีพึ่งเลิกกัน” คีณเคลื่อนช้อนเข้าไปใกล้ริมฝีปากณนนอีกนิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังเม้มปากนิ่งและมองมายังเขาเพราะไม่เข้าใจอะไรนัก





“เล่นอะไรเนี่ย ไม่ตลกนะ”





“พอดีพี่เห็นเราอยู่ในห้องนี้คนเดียวก็เลยอยากจะมานั่งคุยเป็นเพื่อน ...เอ่อ เปล่าหรอก จริง ๆ คือพี่ชอบเราก็เลยวางแผนให้เพื่อนเราเดินออกไป” คีณเคลื่อนช้อนเข้าไปอีกครั้งจนมันแทบจะชิดริมฝีปาก และนั่นก็ได้ผลเพราะคนที่ทำเป็นงอนกำลังเผลอใจเต้นและอ้าปากทานอาหารคำแรกเข้าไปในที่สุด





“.......”





“อร่อยมั้ย”





“.......” ณนนส่ายหน้าขณะที่มองคีณตาไม่กระพริบ คนข้าง ๆ เขาตอนนี้เอาแต่ยิ้มและมองมาที่เขาแทบไม่ละสายตาเช่นกัน ถึงลึก ๆ จะเริ่มเดาออกว่านี่คงจะเป็นวิธีการง้อในรูปแบบของคีณแต่มันก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นและแปลกใจไม่ได้





“ถ้าไม่อร่อย… พี่มีร้านนึงเสนอเอามั้ย ร้านข้าวแถว ๆ มหาลัยพี่ รับรองจะติดใจ แฟนเก่าพี่เขาชอบมาก”





“แล้วแฟนพี่… เขาไปไหนแล้วล่ะ” คีณตักข้าวคำที่สองบรรจงป้อนให้คนป่วยอีกครั้ง





“อย่าพูดถึงเขาเลย พี่ทำผิดกับเขามาก”





“.......”





“ตอนนี้สนใจแค่เรื่องที่พี่จะจีบเราก็พอนะ”





“.......”





“พี่จีบไม่เก่งหรอก แต่จะพยายาม ให้โอกาสกันหน่อยแล้วกัน” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมณนนถึงเกือบจะหลุดยิ้มออกมาซะง่าย ๆ ก็คงจะเป็นเพราะประโยคที่คีณพูดมันเป็นประโยคเดียวกันกับครั้งแรกที่เขาได้ยินอีกฝ่ายสารภาพขอจีบออกมาตรง ๆ เกือบลืมไปเลยว่าครั้งนึงคีณเคยเป็นผู้ชายที่ใช้ความมุ้งมิ้งโลกโพนี่สีชมพูจีบณนนจนใจอ่อน





“แล้วถ้าไม่มีโอกาสจะให้ล่ะ”





“ไม่ได้หรอก ถ้าไม่ให้ พี่ก็จะขโมยมันมา” ณนนพยักหน้ารับแต่ก็ยังแกล้งดึงหน้ามึนตึงเอาไว้ก่อน แม้ว่าตอนนี้จะอ้าปากรับข้าวคำที่สามสี่ห้าจนหมดฟอร์มแล้วก็ตาม





“แล้วพี่จะจีบผมยังไง”





“ก็จะตามไปเรื่อย ๆ จนเผลอใจอ่อน”





“ผมเป็นคนใจแข็งนะพี่”





“ไม่ยากหรอก พี่จะคอยไปรับหน้าโรงเรียน โทรไปหาบ่อย ๆ ส่งข้อความ เฟสไทม์ ข้าวกล่องจากร้านเจ้าอร่อย แล้วก็… ไม่รู้ดิ… พาไปดูหนังมั้ง”





“ที่ว่าดูหนังเนี่ย ต้องนั่งคนละฝั่งของโรงด้วยมั้ย หรือไม่ก็รอบดึกช่วยยามปิดห้าง” เมื่อเห็นสีหน้าที่เหวอ ๆ ออกจะเหวี่ยงเล็ก ๆ ของคีณแล้วก็ทำให้ณนนหลุดยิ้มออกมาได้ในที่สุด ก็เมื่อหลายปีก่อนมันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริง ๆ นี่นา





“ใครเขาจะทำแบบนั้นกัน…คนจีบกัน เป็นแฟนกันที่ไหนจะทำแบบนั้น จริงมั้ยครับ” ถึงแม้ว่าตอนนี้รอยแผลทั่วหน้าจะทำให้แสดงอารมณ์ออกมาได้ไม่มากแต่แววตาณนนมันชัดว่าโดนจี้จุดเข้าให้แล้ว โอเค… ยอมรับก็ได้ว่าเป็นเขาเองที่ไม่กล้าเปิดเผยความจริงตอนที่มีคนดังเข้ามาจีบ





“พี่ดังจะตาย อีกอย่างผมเป็นผู้ชายนะ ไม่กลัวเสียชื่อเสียอนาคตหรอ”





“พี่ไม่กลัวหรอก หรือว่าเรากลัว… น้องณนนครับตอนนี้พี่ไม่กลัวอะไรเลย กลัวไม่ได้รักเรามากกว่า”





“.......” มือหนายกขึ้นประครองกรอบหน้าณนนอีกครั้ง เรียวนิ้วเคลื่อนผ่านรอยแผลเบา ๆ ก่อนจะกระชับมือเพื่อบังคับให้เจ้าของใบหน้าจ้องมองเพียงแค่ดวงตาคมของตนเอง





“ณนน… ให้พี่จีบนะ เราสองคนจะทำทุกอย่างที่อยากทำ ไปทุกที่ที่อยากไป เราจะไม่สนใจสายตาหรือคำพูดของใครที่เขาไม่มีวันเข้าใจคำว่ารักของเรา”





“........” ณนนนิ่งเงียบปล่อยให้อีกฝ่ายพูดในสิ่งที่ต้องการ





“สิ่งที่มันผิดพลาดคงจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เราเริ่มต้นนับจากร้อยถึงร้อยกันใหม่ได้นี่นา เริ่มกันใหม่… เรามาเริ่มต้นกันใหม่ทุกเรื่อง… ทุก ๆ เรื่อง”





“.........”





“ยกเว้นอยู่เรื่องเดียว ...พี่เลิกรักณนนจากที่มันเต็มร้อยแล้วเริ่มต้นใหม่ไม่ได้จริง ๆ”





“คีณ…” ขอบตาร้อนผ่าวและน้ำตาที่เริ่มปริ่มออกมามันทำให้รู้ว่าภายในใจณนนมันกำลังอ่อนยวบลงไปหมด ...เริ่มนับจากร้อยถึงร้อยมันอาจจะเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองต้องการมาตลอดก็ได้ คนเราก็อาจจะต้องการแค่คนรักซักคนที่เข้ากันได้ โดยที่ไม่สนใจว่าความรักครั้งนี้มันจะเห็นแก่ตัวจนทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียอะไรไปรึเปล่า





ตอนนี้ณนนรู้ตัวแล้วว่าควรเห็นแก่ตัวซักครั้ง





“ให้พี่จีบ… น้องณนนอีกครั้งนะครับ” คีณไม่ได้รอให้อีกฝ่ายเอ่ยถึงคำตอบ เขายืนขึ้นสุดความสูง สร้างสัมผัสเล็ก ๆ บรรจงจูบที่ช่วงหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา จังหวะนั้นณนนก็เผลอยอมให้น้ำตามันไหลออกมาเป็นสายจาง ๆ ก่อนจะทิ้งร่างกายที่ยังบาดเจ็บเอาไว้ในอ้อมกอดของคีณอย่างเต็มใจ





เริ่มต้นกันใหม่

เริ่มต้นในแบบที่ควรจะเป็น

เริ่มต้นรักใครซักคนให้มากขึ้นกว่าเดิมทุกวินาที





“อือ เดี๋ยวจะใจอ่อนให้อีกรอบแล้วกัน” คีณจุมพิตลงที่หน้าผากณนนซ้ำเป็นครั้งที่สอง รอยยิ้มของคนทั้งคู่คงจะพาให้ผ่านเรื่องร้าย ๆ ครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย และไออุ่นจากทุกความรู้สึกก็คงจะทำให้พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ในทุก ๆ วันเช่นกัน





เรื่องของความรักจะในสถานะไหน จะเป็นใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ความเข้าใจก็คงจะสำคัญที่สุด กับทั้งคีณและณนนก็เช่นกัน ที่ต่อให้อยู่ในความลับต่อไปหรือเดินจับมือกันออกมาจากตรงนั้น…





รัก… มันก็คือรักอยู่ดี


ออฟไลน์ be-silent

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
ตอนที่ 27 อิสรภาพ END


Chapter 27



SL cute boy

ไม่มีอะไรจะพูด ไม่มีอะไรจะเอ่ย จากที่ตามติดสถานการณ์มาตั้งแต่ต้นเรียกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ชาวเรา #คีณนน อย่างเราไม่มีงานทำอย่างสมบูรณ์ ...4 ปี นี่มันพลังเรือดำน้ำแล้วค่ะคุณขา

คีณนั่งยิ้มขำเมื่ออ่านแคปชั่นเพจคิ้วท์บอยเจ้าประจำพร้อมรูปประกอบสองรูปที่แคปมาจากไอจีของคนสองคน รูปแรกมาจากไอจีของณนน เป็นรูปที่พึ่งถ่ายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าแต่มีท่าทางเหมือนรูปที่สองจากไอจีของคีณอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ส่วนรูปที่คีณได้อัพลงโซเชี่ยลมันก็คือรูปคู่รูปแรกที่เขาอยากจะอัพใจจะขาด





‘4 years anniversery’





จงตายไปด้วยแคปชั่นคู่





คีณกดไลค์คอมเมนต์นึงที่เตะตาจนห้ามนิ้วตัวเองเอาไว้ไม่ได้ อยากจะตอบเหลือเกินว่าให้รอคอมโบเซ็ตแล้วค่อยตายทีเดียวน่าจะดีกว่า หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นเหตุผลทางอ้อมให้พ่อของคีณออกมาพูดเรื่องลูกชายและเพื่อนชายคนสนิทมันก็ไม่เคยมีอะไรชัดเจนไปมากกว่านั้น ทั้งณนนและคีณปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปตามทางของมัน พวกเขาไม่เคยออกมาพูด ไม่เคยออกมาตอบคำถามใด ๆ คงจะมีเพียงการกระทำที่ไม่ได้สนใจใครอีกต่อไปเท่านั้นที่ทำให้ความสัมพันธ์มันชัดเจนขึ้นในสายตาคนอื่น





“ผมตอบคำถามแทนลูกชายทั้งหมดไม่ได้หรอกครับ แต่เขาคงเลือกทางเดินของเขาเองแล้ว และผมมองว่าต่อให้สังคมส่วนใหญ่อาจจะไม่เห็นด้วย ผมก็คงต้องเคารพการตัดสินใจของเขา…”





คำพูดของผู้เป็นพ่อในวันนั้นมันทำให้คีณลดอคติใด ๆ ในใจไปได้มาก เขาเข้าใจแล้วว่าท้ายที่สุดการเปิดอกคุยกันไม่ว่าเรื่องไหนมันก็เป็นผลดีทั้งนั้น ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ก็เช่นกัน การปิดบังความลับหรือเก็บความจริงอะไรไว้มันไม่ช่วยให้อะไรในชีวิตคุณดีขึ้นได้เลย ...ข้อนี้ ณนนรู้ดี





‘คีณรออยู่หน้าคณะนะครับ’





ณนนอ่านแชทไลน์ในโทรศัพท์แล้วกดสติ๊กเกอร์โอเคตอบกลับพร้อมยิ้มบาง ๆ กับตัวเอง วันนี้เป็นวันพิเศษครบรอบ 4 ปีของเขาและคีณ วันพิเศษที่ต่างไปจากทุกปีโดยสิ้นเชิง ทั้งเรื่องไปต่างประเทศไม่ได้เพราะณนนติดสอบ ทั้งเรื่องที่ได้อัพเดทโซเชี่ยลแบบที่ใคร ๆ เขาก็ทำกัน และเรื่องที่สามารถฉลองยิ่งใหญ่เหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งถ้าใจต้องการ





ความรู้สึก… แฮปปี้เหมือนพึ่งคบกันวันแรก





‘อยากกินเมนูอะไรเป็นพิเศษมั้ย’





‘อะไรก็ได้’





‘ไม่เอาดิ นนต้องเลือก วันนี้ฉลองสามอย่างเลยนะ’





‘คือ?’





‘ครบสี่ปี นนสอบเสร็จ แล้วก็เงินเดือนเดือนแรกของคีณ’





ดูเหมือนว่าคนที่ยังรอเพื่อนอยู่ที่หน้าห้องสอบอย่างณนนจะฉีกยิ้มออกมาไม่หยุด ตอนนี้คีณเข้าทำงานเป็นเรื่องเป็นราวในบริษัทของพ่อ แต่ความหัวรั้นก็ทำให้ว่าที่เจ้าของช่องอย่างเขาอยากจะทำงานในตำแหน่ง Editor ธรรมดาฐานเงินเดือนขั้นต่ำเท่านั้น แต่ก็นั่นล่ะ ความภูมิใจของเขาล่ะ ออ… อีกอย่าง ตอนนี้พ่อหนุ่มจบใหม่ไฟแรงยังมีอีกงานที่ทำเป็นประจำ





คนขับรถเน็ตไอดอลขวัญใจสาววาย





ตั้งแต่ณนนเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นก็ไม่มีครั้งไหนที่คีณจะปล่อยให้เขาได้จับรถอีกเลย แทนที่คนประสบเหตุจะกลัว กลับกลายเป็นคีณเสียเองที่หวาดวิตกจนต้องคอยไปรับไปส่งณนนไม่เคยขาด เรียกได้ว่างานนี้คีณโผล่ที่หน้าคณะวิทย์จนเพจคิ้วท์บอยเบื่อจะลงรูปแอบถ่ายไปแล้ว





‘โอเค เดี๋ยวรอนีลก่อน มันยังไม่ออกมา’





ณนนชะเง้อมองประตูห้องสอบอีกครั้งแต่ก็ยังไม่เห็นมีวี่แววเพื่อนสนิท นี่ถ้าไม่รอนีลออกมาโวยวายเรื่องข้อสอบเหมือนทุกครั้งกรุ๊ปไลน์แชทจะต้องแตกเพราะระเบิดลงแน่ ๆ อีกอย่างวิชานี้มีแค่ณนนกับนีลที่ลงเรียน เฟย์กับเทมก็คงจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ? ในส่วนนี้ไม่ได้





เนี่ยล่ะ ที่เขาว่า มีเพื่อนยังไงให้เหมือนมีแม่





‘แล้วนนทำข้อสอบได้มั้ย’





‘ได้ทำ’





‘อ้าวเห้ย’





‘ก็เมื่อคืนหมามันกวน ไม่ได้อ่านหนังสือเลย’





เมื่อเห็นสติ๊กเกอร์เจ้าหัวกลมร้องไห้ที่แสนจะเรียกตีนจากคีณ ณนนก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอย่างไม่ต้องคิดมากนัก ไม่ใช่อะไรหรอก ก็ตอนนี้นีลเดินโซเซหัวฟูออกมาจากห้องสอบแล้วน่ะสิ แถมสีหน้าท่าทางยังเหมือนคนพึ่งผ่านการผจญภัยขั้นสุดมาจนคนมองแทบจะหลุดขำ





“ไอ้นนนนนนนน”





“ไงมึง สาธยายมา”





“ไอ้เชี่ยยยย มันดอกจิกมากอ่ะ คือไอ้ที่กูอ่านแบบเน้นมาดันออกช้อยอ่ะ แล้วที่ออกข้อเขียนกูไม่ได้อ่านซักตัว สิบคะแนนอ่ะมึง พัง แบบนี้กูพังยับแน่ ๆ กูจะต้องไปดรอป! ดรอป! ดรอปคือทางรอดของกู!” ...นี่ล่ะ นีลหลังสอบตัวจริงเสียงจริงล่ะ





“โอเคยัง”





“ไม่อ่ะ ครั้งนี้กูว่ากูตกมีนแน่ ๆ”





“จริง ๆ กูก็ทำไม่ได้นะ หลายคนที่ออกมาเขาก็บอกว่ามันยาก” ณนนเลิกคิ้วมองนีลที่แววตายังล่องลอยก่อนจะเดินนำนีลออกมาเพื่อลงมาที่หน้าคณะ ถ้าขืนยืนรอให้นีลสติครบถ้วนมีหวังคงได้เจอคีณอีกทีก็ตอนครบรอบห้าปีแน่ ๆ





“จริงป่ะ”





“เออจริง”





“งั้นกูสบายใจได้ใช่ม่ะ”





“อือ รีบเดินหน่อยมึง คีณรอกูนานแล้ว”





“โธ่ ผัวมารอก็ไม่บอก”





ป๊าป!! ไวกว่าความคิด ฝ่ามืออรหันต์ก็ประทับลงกลางกระหม่อมของหญิงสาวจนหน้าแทบทิ่ม ณนนใช้สายตาเหล่มองนีลแรง ๆ ก่อนจะจับที่ต้นแขนให้อีกฝ่ายเลิกส่งสายตาล้อ ๆ แล้วเดินตามมาซักที





“มึงนี่มัน…”





“ทำไมคะ หรือว่าคุณณนนจะเถียงเพื่อนว่าพี่คีณไม่ใช่จุดจุดจุดหรอคะ”





“นีลลลลล” นีลรับเม้มปากแน่นหุบประโยคต่อไปเข้าปากทันทีเมื่อณนนเริ่มส่งสายตาที่ดุขึ้นและง้างมือขวาขึ้นเหนือหัว จะว่าไปก็สนุกดีที่สามารถปั่นให้ณนนหัวร้อนได้ แถมไอ้อาการหัวร้อนที่มาจากการเขินอายเนี่ยมันยิ่งน่าล้อเสียยิ่งกว่าอะไร





“วันนี้วันครบรอบสี่ปีหรอ พี่คีณจะพาไปไหนอ่ะ” หญิงสาวเอ่ยพูดกับเพื่อนสนิทข้างตัวอีกครั้งเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือตอนที่รอลิฟต์ลงไปยังชั้นล่าง ฟีดข่าวเฟสบุ๊คเธอตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรเป็นประเด็นไปกว่าการประกาศตัวชัดเจนในวันครบรอบสี่ปี





“คงไม่ไปไหนวะ พ่อพี่คีณชวนไปกินข้าวที่บ้าน”





“เช็ดเข้!”





“นีล อุทานให้มันเป็นผู้หญิงหน่อยดิวะ”





“นี่มึงจะเข้าบ้านพี่คีณแล้วถูกม่ะ”





“ก็เปล่า พ่อเขาชวนหลายครั้งแล้วแต่กูไม่ได้ไปซักที”





“มึง…” หลังจากก้าวเข้ามาในลิฟต์ นีลก็เริ่มดึงชายเสื้อณนนพร้อมกับสีหน้ามุ่งมั่นแปลก ๆ ที่คนมองอดที่จะขมวดคิ้วสงสัยไม่ได้





“ว่า”





“ฝากกูเข้าไปเป็นนางเอกหน่อย… กูอยากผจญภัยหาสามีในโลกกว้าง”





“ตลก”





“ก็ดูดิ ของดี ๆ ก็เจอมึงคาบไปกินซะแล้ว นี่ถ้าไอ้เทมมีผัวเข้าอีกคนโลกกูไม่มืดมนอับแสงเลยหรอ”





“มึงก็น่ารักในแบบของมึงป่ะ เดี๋ยวก็มีคนหน้ามืดมาจีบมึงเองแหละ” ถึงคราวณนนฉีกยิ้มล้อนีลได้อย่างเต็มปาก เรียวขายาวก้าวออกจากลิฟท์แล้วรีบเดินผ่านโถงอาคารโดยไม่ได้รอให้เพื่อนที่ช่วงขาสั้นกว่าตามมาตบหัว ณนนมองหาใครบางคนที่ควรจะนั่งรออยู่ตรงม้าหินที่ประจำหน้าคณะ





ตู้ดดดด ตู้ดดดดด ณนนยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหา แต่เสียงสัญญาณตอบรับซ้ำ ๆ ก็ยิ่งทำให้ชวนคิดว่าคีณหายไปไหนทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไลน์มาบอกว่าอยู่ที่หน้าคณะแล้วแท้ ๆ





‘อยู่ไหนอ่ะ นนลงมาแล้ว’





อีกฝ่ายกดอ่านแชทแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับมาอย่างใด ณนนหยุดยืนอยู่กับที่หันไปมองนีลที่เดินอืดอาดตามมาก่อนจะกดส่งสติ๊กเกอร์ไปตามคีณสองสามครั้ง





‘อยู่ไหนเนี่ย’





‘อยู่นี่’





‘ไหน’





ณนนหันมองรอบตัวอีกครั้ง แต่ในจังหวะที่หันกลับไปด้านหลังร่างกายของเขาก็ชะงักลง มือที่ถือโทรศัพท์อยู่เมื่อครู่ค่อย ๆ ลดลงข้างตัว ดวงตาคู่เดิมสั่นระริกเป็นประกาย ก่อนที่ท้ายที่สุดแล้วรอบยิ้มสดใสก็ออกมาทักทายคนทั้งโลก ที่อยู่ในสายตาณนนตอนนี้คือคีณพร้อมรอยยิ้มเขิน ๆ ที่หาดูไม่ได้บ่อยนัก และที่พิเศษกว่านั้นก็คงจะไม่พ้นกลุ่มลูกโป่งสีขาวช่อยักษ์ในมือ





“เล่นอะไรเนี่ย”





“ไม่ได้เล่นซักหน่อย” ณนนเริ่มเกาท้ายทอยตัวเองแก้เก้อเมื่อคีณเริ่มเดินเข้ามาใกล้ ๆ และก็ดูเหมือนว่าเขาทั้งคู่จะเป็นจุดสนใจเพิ่มมากขึ้นด้วย





“ไม่เล่นบ้าอะไร เล่นใหญ่ด้วย”





“ก็ไม่นะ” คีณยกยิ้มที่มุมปากขำ ๆ ทดแทนความเขินของตัวเองที่มีอยู่ไม่น้อย ก่อนจะยื่นช่อลูกโป่งออกไปตรงหน้า





“คือ…?”





“ฝากถือหน่อยดิ” ไม่พูดเปล่าคีณคว้ามือณนนขึ้นมาแล้วยัดริ้บบิ้นสีฟ้าที่ถูกมัดปมรวมกันไว้ในมือณนนทันที ณนนค่อย ๆ มองตามจากมือตัวเองขึ้นไปจนถึงตัวลูกโป่งสีขาวมุกที่รวมตัวกันมากกว่ายี่สิบใบด้านบน แต่ที่สะกดตาได้มากกว่าก็คงจะเป็นคนตรงหน้าที่ค่อย ๆ ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพร้อมพร้อมลูกโป่งอีกหนึ่งลูกในมือ





“คีณ ลุกขึ้นเลยนะ จะทำอะไร” ไอร้อนขึ้นหน้าณนนจนใบหน้าแทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาด จะไม่ให้เขินยังไงไหว ตั้งแต่คบกับมาคีณเคยทำอะไรที่มันรัชดาลัยเธียเตอร์แบบนี้บ่อย ๆ ซะที่ไหน แถมที่ผ่านมามันมีคนมุงดูขนาดนี้ที่ไหนกันล่ะ!





“จะขอแต่งงานมั้ง”





“ห่ะ!!”





“นน… จำได้มั้ย ที่โรงพยาบาลที่คีณบอกว่าจะขอจีบนนอีกครั้ง”





“จ...จำได้”





“แล้วนนก็บอกว่าจะใจอ่อนให้คีณด้วย” คีณคว้ามือซ้ายของณนนมาจับไว้หลวม ๆ





“ต...ตอนนั้นก็แค่พูดเล่นกันป่ะ”





“แต่คีณเอาจริงนี่นา…. จีบมาตั้งหลายเดือน ใจอ่อนแล้วรึยังครับ”





“เหอะ…” ณนนสบถสั้น ๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองไปอีกทาง





“เหอะอะไร ยังไม่ใจอ่อนอีกหรอครับ”





“ใจอ่อนตั้งแต่วันแรกแล้วเถอะ” ถึงเสียงที่ตอบออกมามันจะเรียบเหลือทน แต่หัวใจด้านในของคนพูดมันกลับกลายเป็นสีชมพูพาสเทลและพร้อมที่จะเต้นจังหวะซุมบ้าทะลุออกมาได้ทุกเมื่อ





“ก็ดี…”





“ดีอะไรไม่ทราบ”





“เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคีณตลอดไปนะ… ไม่ได้จะจีบมาเป็นแฟน แต่จีบมาเป็นอีกครึ่งชีวิตของคีณ”





“........” ณนนถึงกับนิ่งไปเมื่อได้ยินประโยคจริงจังและสีหน้ามุ่งมั่นอย่างไม่ทันตั้งตัว มือหนาเพิ่มแรงสัมผัสมากขึ้น ขณะที่ณนนเองก็ออกแรงบีบมืออีกฝ่ายกลับไปเช่นกัน





“นน… คีณขอจองไว้ก่อนนะ” คีณค่อย ๆ คลายมือที่จับกันไว้ออก ก่อนจะบรรจงผูกริ้บบิ้นลูกโป่งใบเดียวที่เหลือในมือที่ปลายนิ้วนางข้างซ้ายของคนที่หัวใจรักแทบจะเต้นจนหลุดออกจากอก เมื่อริ้บบิ้นถูกผูกมัดเป็นปมง่าย ๆ จนแน่นคีณก็ค่อย ๆ คลายมือออกให้แหวนทองคำขาวเกลี้ยงเกลาแสนธรรมดาที่กำเอาไว้ในมือค่อย ๆ ไหลไปตามเส้นริ้บบิ้นยาวจนถึงช่วงปลายนิ้วของคนถูกเซอร์ไพร์ส





แหวนวงนึงที่คีณตั้งใจสั่งทำขึ้นมาเพื่อวันวันนึงและเพื่อคนที่ยืนอยู่ในช่วงชีวิตเขามาตลอดสี่ปี





“.........”





“ไม่ตอบ แปลว่าตกลงนะครับ” คีณสวมแหวนเข้าที่เรียวนิ้วของณนนขณะที่เอาแต่มองหน้าอึ้ง ๆ ของเจ้าตัวตาไม่กระพริบ ความรักความจริงใจทั้งหมดที่มีมันถูกถ่ายทอดออกไปในทุกการกระทำตลอดเวลาที่คนสองคนคบกัน ส่วนแหวนวงนี้มันก็แค่เครื่องหมายที่คอยย้ำเตือนว่าวันนี้คีณสัญญาอะไรไว้เท่านั้น





“คีณ… คือว่า”





“คีณสัญญาจะดูแลนนอย่างดี จะไม่ทำให้นนเสียใจ จะรักนนไปแบบนี้เรื่อย ๆ เราสองคนจะมีวันพรุ่งนี้ไปด้วยกันนะครับ” คีณชันตัวยืนขึ้นสุดความสูง ฝ่ามือประครองกรอบหน้าณนนเอาไว้ ก้มจรดหน้าผากชิดจนได้ไออุ่นลมหายใจของกันและกัน





“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ไม่เคยปล่อยมือกันเลย ขอบคุณที่อดทนกับความงี่เง่าของนนมาตลอด ขอบคุณที่รักคีณที่สุดเลย”





“รักที่สุดเหมือนกัน” ริมฝีปากของทั้งคู่ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าชิดกัน รสความหวานจากสัมผัสที่เคลื่อนไหวเบา ๆ ทำให้เวลารอบตัวคล้ายจะหยุดหมุนไปชั่วขณะ คนที่ถูกประครองกรอบหน้าได้รูปเอาไว้เผลอปล่อยช่อลูกโป่งออกจากมือ ช่อลูกโป่งสีขาวลอยตามแรงลมขึ้นฟ้าไกลออกไปเรื่อย ๆ เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ





“ไว้เก็บตังค์เองได้ซักก้อนจะไปขอนะ”





“ขอบ้าอะไรเล่า!”





“ก็ขอแต่งงานไง”





“เงินอะไรกัน แค่ลูกโป่งโง่ ๆ ลูกสองลูกก็แต่งแล้วเว้ย!”





อันที่จริงความรักของคนเราก็ไม่ต่างอะไรกับลูกโป่งพวกนั้น ที่มันจะเดินทางไปได้เรื่อย ๆ ก็ต่อเมื่อไม่มีเงื่อนไขใดเหนี่ยวรั้งเอาไว้ให้หยุดอยู่ที่เดิม สำหรับคีณและณนนก็เช่นกันที่พวกเขาทั้งคู่พิสูจน์แล้วว่าอิสรภาพทางความรักมันทำให้เรื่องราวดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบ





อย่ากลัวที่จะรัก

อย่ากลัวที่จะแสดงออก

อย่ากลัวที่จะเสียรักนั้นไป

แต่จงกลัว ‘ความลับ’ ที่จะขัง ‘ความรัก’ ของคุณ ไม่ว่าเหตุผลใด





แด่ทุกคน ที่มั่นใจในความรักมั่นคงของตนเอง









The end





.

.

.





“อีเหี้ย…. ธาตุอากาศที่แท้จริง” นีลพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เมื่อสองขามันยึดแน่นติดกับพื้นขณะที่มองเห็นเหตุการณ์ม้าโพนี่ในทุ่งลาเวนเดอร์ตรงหน้า คีณอุ้มณนนขึ้นตัวลอยเหมือนโลกทั้งใบมีแค่เราสอง หญิงสาวโสดสนิทอ้าปากค้างทั้ง ๆ ที่มือขวาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายคลิปตามสัญชาตญาณความเสือก แต่เอาเถอะเพราะตอนนี้ทั้งคีณและณนนคงไม่ได้สนใจสายตาร้อยคู่ที่นี่ หรือสายตานับล้านคู่ที่ไหนทั้งนั้น เรื่องราวที่ต้องปิดเป็นความลับมันจบแล้ว…





“เสียเวลาแอ๊บปิดไว้เป็นปี ๆ ดีเว่อร์”





“นั่นดิวะ เปิดตั้งแต่แรกก็จบ”





“เออ… เชี่ย!!” นีลสะดุ้งเมื่อมีคนมายืนพึมพำอยู่ข้าง ๆ โดยไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเทมเพื่อนชายคนสนิทของเธออีกคนที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากหลุมไหนถึงได้มายืนทันเหตุทันการณ์อยู่ตรงนี้





“ตกใจอะไรเบอร์นั้น”





“มึงมาทำอะไรเนี่ย ไม่มีสอบไม่ใช่ไง”





“กูมาจัดการอะไรนิดหน่อย”





“อะไรวะ”





“เทม!” ดูเหมือนว่าเสียงที่สามจะเป็นคำตอบให้นีลได้อย่างดีชนิดที่เรียกว่างงเป็นไก่โดนต่อยตาแหกยิ่งกว่าเดิม เจ้าของเสียงนั่นเป็นผู้ชายหน้าทะเล้นที่มาพร้อมหัวเกรียนและช็อบวิศวะ





นั่นมัน….





“ซีซั่น…” นีลเอ่ยชื่อผู้มาเยือนในลำคอให้ได้ยินเพียงคนเดียว แต่แล้วตาตี่ ๆ ของเธอก็ต้องหมุนเป็นเลขแปดรอบทิศ





เชี่ย!! อากงเสีย!! อาม่าตาย!!

วินาทีที่แล้วซีซั่นวิ่งพุ่งเข้ามา…

เข้ามา…

โว้ยยยยย…





“อ….อ…ไอ้เทม….ไอ้ซีซั่นมันห….หอมแก้มมึง…!!”





“ไอ้เวร!!” ฝ่าเท้าอรหันต์ไวกว่าความคิดใด ๆ ซีซั่นหน้าทิ่มลงไปกับพื้นด้วยแรงอาฆาตขึ้นหน้าของเทม เจ้าตัวยกแขนเพื่อนอย่างนีลเช็ดหน้าตัวเองป่อย ๆ นี่ถ้าไม่เกรงใจคงจะถอดถุงเท้ามาเช็ดความสกปรกออกซะให้รู้แล้วรู้รอด





“อย่าด่าแรงสิครับแฟน”





“ใครแฟนมึง!”





สาบานได้ว่านีลกำลังทำตาโตที่สุดในชีวิต แถมสมองก็โล่งไปหมดเหตุเพราะคิดตามสิ่งที่เห็นและได้ยินไม่ทันแม้แต่น้อย หากมองตามองศานิ้วชี้ของไอ้ตัวที่นอนพงาบอยู่กับพื้นแล้วล่ะก็ มันพุ่งตรงมายังเทมอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้





งานนี้โลกของนีลคงได้มืดมนอับแสงสมใจ





“คนนี้… แฟนผม”





Coming soon





ไอ้บ้าแฟนผม เทม x ซีซั่น

.

.

Talk : ในที่สุดก็อัพจบจนได้ค่า ฝากแฟนผมคนไหนไว้กับคนอ่านอีกซักเรื่อง
และ ณ วันนี้เรื่องของ เทม x ซีซั่น เริ่มอัพแล้วที่ readawrite fictionlog และธัญวลัยค่ะ ฝากติดตามด้วยเน้อ ในเล้าเดี๋ยวจะอัพเดตเก็บตกในภายหลังเน้อ

ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบมาถึงจุดนี้ ทุกวิว ทุกเมนต์ เป็นกำลังใจดี ๆ สำหรับผู้เขียนเสมอค่ะ
 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :3123:ขอบคุนคนเขียนคร่า อ่านจุใจมากกกกก555

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น่ารักมากเลย ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
นี่ถ้านนไม่เกิดอุบัติเหตุจนได้เห็นคีณร้องไห้คุณพ่อจะยอมรับความรักของทั้งคู่ไหม
รออ่านเทม ซีซั่น เกลียดขี้หน้ากันยังไงไหงเป็นแฟนกันซะแล้ววววว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
สนุกมากมายค่ะ ตอนแรกนึกว่าคุณพ่อจะดราม่าเยอะกว่านี้ซะอีก แต่แค่นี้ดีแล้วเนาะ
ขอบคุณสำหรับนิยายจ้า^^

ออฟไลน์ naezapril

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ความเข้าใจกันนี่มันพลังร้ายแรงจริงๆ
คู่นี้น่ารักก ก ก 
ขอบคุณครับผม รอคู่ต่อไป

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KittybabymApi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ขอบคุณค่ะไร้ท์ได้อ่านนิยายสนุกๆจบไปอีกเรื่อง รอเรื่องใหม่เลย เทมซีซั่น ถ้าไร้ท์จะมีเมตตาก็มาลงตอนพิเศษให้อ่านบ้างนะคะ แหะแหะ รอคอยไร้ท์ที่แสนใจดีลงให้เนาะ :3123:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขอบคุณนิยายดีๆคนเขียนเขียนได้น่ารักมากเลย

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1

ออฟไลน์ TheGraosiao

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :L2:


น่ารัก  ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เหมือนคุณพ่อก็น่าจะยอมรับแต่แรกแล้วนะ แต่ด้วยความอยากสู้กับลูก ไม่ยอมกันเลย ณนนน่ารักมากๆ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่าาา  :กอด1:

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ขอบคุณ​มาก​ค่ะ​ แต่งดี อ่านลื่นไหล สนุก

ออฟไลน์ nutae or

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
จริงๆพล็อตเรื่องธรรมดานะ แต่!!!! ภาษาดีอ่ะ อ่านสนุก มีอะไรให้ติดตามตลอด.. o13

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด