ตอนที่ 39
Cooperate
แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 08/06/61
หน้าแรกตอนก่อนหน้าตอนถัดไป“เหยื่อ?...” ยูคยอมทวนคำสุดท้ายของประโยคที่วอลเตอร์พูดอีกรอบ
“ครับ” วอลเตอร์ตอบพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า นั่งลงข้างร่างไร้สติของ เกลก่อนใช้ใยเงินกรีดคอตัวเองให้ลึกพอที่แผลจะไม่รีบสมานตัว
วอลเตอร์ดึงร่างของเกลเข้ามากอด มือดันกะโหลกศีรษะของครึ่งแวมไพร์ให้แนบไปกับคอที่เนื้อถูกกรีดเมื่อครู่ หยาดเลือดทะลักออกมาจาก
บาดแผลไหลรินซึมเข้าสู่โพรงปากช้าๆ เนื้อติดกระดูกแห้งกรังตะปบเข้าที่ท่อนแขนของวอลเตอร์ ปากอ้าออกกว้างง้างเขี้ยวฝังลงกับคอของเหยื่อก่อนดูดเอาของเหลวข้นรสเลิศเข้าสู่ร่างกาย
“กัดแรงจริงไอ้บ้าเอ๊ย” วอลเตอร์บ่นอุบกับแรงที่ฝังลงกับคอของตนเอง
“อึก...โอ๊ย...อ๊ะ” ความรู้สึกปวดหนึบที่คอทำให้วอลเตอร์ห้ามเสียงร้องของตนเองไว้ไม่ได้
เนื้อติดกระดูกที่เคยแห้งกรังบัดนี้ได้รับการเยียวยาแล้ว ร่างกายของครึ่งแวมไพร์ค่อยๆกลับสู่สภาพเดิม ดวงตาสีเลือดลืมตื่นขึ้น ทอดมองภาพเบื้องหน้าตนเอง ยูคยอมสบตาเข้ากับเกลพอดี ราชาปีศาจพเยิดหน้าบอกกลายๆว่าให้หยุด ได้แล้ว...แดมเพียร์ถอนเขี้ยวออกจากลำคอของวอลเตอร์ เบนสายตากลับมามองหน้าเหยื่อของตนเอง ยกมือขึ้นลูบข้างแก้มของโกสท์ที่หน้าซีดลงเล็กน้อย
“เลือดนายยังอร่อยเหมือนเดิมเลย” พูดพร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เลอะเลือดเบาๆ
“หนวกหู” วอลเตอร์ตอกกลับ ยกมือขึ้นตบหน้าตนเองราวกับต้องการเรียกสติกลับคืน
“ขอกินได้ไหม” เกลกระซิบเอ่ยคำถามข้างใบหูคนตัวเล็กเสียงแผ่วแต่มันกลับดังก้องในหัวคนฟัง
“ก็ฟื้นพลังแล้วไม่ใช่เหรอ” วอลเตอร์ดันหน้าเกลออก ใบหน้าน่ารักงอง้ำด้วยความหงุดหงิด
“คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงนี่ นายเองก็ต้องกิน ผลัดกันกินนะ” วอลเตอร์หันไปถลึงตาใส่ บิดหยิกเนื้อที่แขนอย่างแรงจนเกลนิ่วหน้า
“อย่ามาหน้าด้านแถวนี้ นายท่านกับคุณหนูและคนอื่นๆก็อยู่” เกลหันไปมอง มีบุคคลยืนอยู่ตามที่วอลเตอร์บอกทั้งปีศาจและมนุษย์ ครึ่งแวมไพร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก หันกลับมาตะปบมือลงกับใบหน้าของโกสท์ แย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่ายหมั่นไส้
“เ-ก-ล!” วอลเตอร์กดเสียงเหี้ยม จ้องมองเจ้าของพันธะสัญญาด้วยสายตาขุ่นเคือง
เหยื่อของโกทส์ไม่จำเป็นต้องเป็นมนุษย์เสมอไป พวกเขาสามารถทำพันธะสัญญาระหว่างเผ่าพันธุ์เดียวกันได้ โกสท์ชนชั้นสูงส่วนมากจะมอบครึ่งวิญญาณของตนให้กับนายเหนือหัว หากทำพันธะสัญญาวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งจะได้รับการเติมเต็มและจะเป็นอิสระจากเจ้านาย
“ไว้กลับไปดุที่บ้านหลังจบสงครามนะ” พูดจบเกลก็บดขยี้ริมฝีปากอิ่มของร่างตรงหน้าทันที
วอลเตอร์ตกใจการจู่โจมของเกล เอื้อมมือไปดึงทึ้งผมครึ่งแวมไพร์ ในใจก็นึกคาดโทษพร้อมก่นด่าไปเสียยกใหญ่
เกลลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนอะไรมาก ลิ้นหยาบค่อยๆสอด เข้าไปเกี่ยวพันภายในโพรงปากเล็ก ควันสีขาวล่องลอยออกมาก่อนแดมเพียร์จะดูดกลืนมันเข้าไป
“ถ่ายไปลงยูทูปนี่รู้เรื่องเลย” เจฮยองที่ยืนมองฉากสยิวกิ้วอยู่ข้างๆแจซอกพูดขึ้น
“ตลกอะไรไม่รู้เวลาเลย!” แจซอกหันไปดุอาร์เชอร์ที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ยังตลกโปกฮาไปเรื่อยพลางคิดไปว่าไอ้หมอนี่มายืนอยู่ข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...
“ลองทำแบบพวกนั้นบ้างไหมครับคุณเมจิส” พ่อหนุ่มอาร์เชอร์พูดพลางยักคิ้วหลิ่วตาใส่ เข้าข่ายพ่อบ้านใจกล้าจนต้องยอมใจเขาจริงๆ...
“อย่ามาตลกฝืด” แจซอกถอนหายใจก่อนหันไปให้ความสนใจกับการทำความสะอาดไม้เท้าแทน
“ถึงผมจะโสดแต่เรื่องแบบนี้ผมเร้าใจมากนะ” แจซอกหันไปมองคนพูดก่อนยกไม้เท้าขึ้นชี้หน้า
“ผมก็ถนัดครับ ไว้ว่างจริงๆจะลองดูแล้วกัน” พูดจบก็กลับไปสนใจไม้เท้าต่อ ปล่อยให้อาร์เชอร์เขินหูดับตับไหม้อยู่คนเดียว...ร้ายนักนะเมจิส
“ก...เกล...พอ”
“อีกนิดนึง” มือแกร่งรั้งท้ายทอยของวอลเตอร์ให้ริมฝีปากบดเบียดกันอีกครั้ง
“ฮื้อ!” โกสท์ท้วงเสียงดุ บีบเข้าที่คางของครึ่งแวมไพร์จอมฉวยโอกาส ฟันคมกัดลงบนลิ้นของเกลจนเจ้าตัวต้องผละออก
“ตะกละ”
“ฉันก็แค่หิว” เกลยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของวอลเตอร์ เหลือบสายตามองน้องชายที่ยืนมองตนอยู่ รอยยิ้มท้าทายถูกส่งไปให้ยูคยอม คนถูกท้าทำเพียงยิ้มตอบ
“โทษทีแต่ฉันกินมาแล้ว” ยูคยอมยิ้มให้พี่ชายต่างมารดาอีกรอบรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่เกลไม่ด่วนตายจากไปเสียก่อน
“อร่อยไหมล่ะ ของนายน่ะ” เกลถามพลางจัดแจงเสื้อผ้าตนเองให้เข้าที่เข้าทางเพราะโกสท์ตัวเล็กข้างๆทั้งดึงทั้งขยำจนเสื้อยับและหลุดลุ่ยไปหมด
“เลิศรส”
“แบ่งให้พี่ชิมบ้างล่ะ”
“แกอยากตายอีกรอบไหมล่ะ”
“หวงก้าง”
“กวนตีน” ยองแจมองสองพี่น้องต่อปากต่อคำกันด้วยความเบื่อหน่าย ปีศาจสองตนนี้น่ากลัวเหลือเกิน ไม่ใช่เพราะพลังที่ยิ่งใหญ่แต่ที่น่ากลัวเพราะพวกเขานิสัยเหมือนกันต่างหาก
“อ่ะแฮ่ม! ท่านราชาครับ เชิญออกคำสั่งสิครับ ยืนเถียงกันให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะครับ” ยองแจตัดสินใจพูดขึ้นหลังครุ่นคิดอยู่นาน หากเขาไม่พูดการสนทนาไร้สาระนี้ต้องดำเนินต่อไปอีกหลายชั่วโมงแน่...
ยูคยอมถอนหายใจออกมาก่อนเอ่ยปากถามเกล
“จะเอายังไง”
“ตอนนี้...ท่านแม่อยู่ห้องขังชั้นใต้ดินกับเมจิสคนนั้น” ท้ายประโยคเกลได้หันไปมองยองแจ เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่าเมจิสในความหมายของเกลคือใคร
“แม่นาย...ทำอะไรพ่อฉันรึเปล่า” ยองแจเอ่ยถาม เหล่าเมจิสต่างนิ่งเงียบรอฟังครึ่งแวมไพรเอื้อนเอ่ย พวกพ้องที่รอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าหัวหน้าของพวกเขาจะกลับมาและปลอดภัยดี
“ท่านแม่รักพ่อของนายยิ่งชีพยองแจ วางใจเถอะ เธอไม่ปล่อยให้ใครแตะต้องตัวเขาได้หรอก”
เกลพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ยองแจแอบสงสัยในประโยคเมื่อครู่ หากลองประมวลผลดูคร่าวๆเขาพอจับใจความได้ว่าลอร์ดเซซิลเลียนั้นกำลังตกหลุมรักพ่อของตนเองอยู่...
“ขอเสียมารยาทที่ต้องด่าแม่ของท่านว่าแพศยา” ยองฮีพูดโพล่งขึ้นด้วยความคับแค้น มือบีบกำคันธนูแน่น เหตุผลที่เธอเข้าใจผิดมาตลอดว่าสามีของเธอถูกจับตัวไปเพราะฮาร์ทที่เขาครอบครองอยู่...
“แม่ครับใจเย็นๆ” ยองแจเดินเข้าไปบีบนวดไหล่ให้มารดาคลายความเครียดลง
“ไปเอาตัวพ่อกลับบ้านกันเถอะยองแจ เมียน้อยนั่นต้องไม่ตายดี” ยองฮีขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิด เป็นครั้งแรกที่เธออยากฆ่าแวมไพร์มากมายถึง เพียงนี้
“จูซอกแม่งสูญพันธุ์แน่ ยองฮีโกรธจนตัวสั่นเลย” เจฮยองบ่นอุบกับตนเอง ลอบกลืนน้ำลายอย่างนึกหวาดเสียว กล้าพูดได้เลยว่าคนที่เคยเห็นยองฮีโกรธจัดนั้นมีเพียงเขาคนเดียว...
“แล้วเราต้องทำอย่างไรนายข้า โปรดบัญชา” แจซอกเอ่ยถามยูคยอม ด้วยความนอบน้อม ราชาปีศาจหันไปปรึกษากับพี่ชายครู่หนึ่งก็หันกลับมาก่อนประกาศเสียงดังก้อง
“สงครามของเราจบลงเพียงเท่านี้! หยุดการเข่นฆ่าซึ่งกันและกันได้แล้วเหล่าปีศาจเอ๋ย ผู้สมควรตายมีเพียงผู้เดียว ลอร์ดผู้น่าจงเกลียดจงชัง แสนขี้ขลาดและหวาดกลัว หลบซ่อนอยู่ภายใต้ปีกของลูกชาย ลอร์ด เซซิลเลีย”
สิ้นสุดคำประกาศกร้าวผืนป่านั้นกลับมาเงียบสงบในพริบตาก่อนเสียงหอนของแวร์วูฟจะดังขึ้น หมาป่าปีศาจเปรียบดั่งผู้รายงานคนสุดท้าย หากเสียงหอนดังก้องเท่ากับคำสั่งได้รับการตอบรับแล้ว
“พวกท่านกลับได้แล้วเมจิสและอาร์เชอร์” ยูคยอมหันไปบอกกล่าวกับเหล่าผู้มีความสามารถแต่แจซอกและยองฮีกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“พวกข้าจะไปกับท่านครับ/ค่ะ” ยูคยอมถึงกับถอนหายใจออกมา นิสัยนี้เหมือนกันทั้งครอบครัวเลยสินะ
“รักษาชีวิตของพวกท่านให้ดี” โกสท์บอกก่อนหันไปมองเหยื่อของตนเองที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างมารดา
“มองทำไม ฉันก็จะไปด้วย”
“ฉันรู้ ห้ามนายได้ที่ไหน” ยูคยอมไหวไหล่ เดินเข้าไปจับมือคนตัวเล็กกว่า ยองแจมองหน้าโกสท์สลับกับมือของตนเองด้วยความงุนงง ในใจก็นึกกลัวว่าปีศาจตนนี้จะทำอะไรแปลกๆต่อหน้ามารดาของตนเอง
ดวงตาสีกุหลาบเรืองวาบ ภาพสายโลหิตหลั่งไหลดุจสายธารผุดขึ้นในหัว ความคุ้มคลั่งเข้าครอบงำเงาสีดำทมิฬ มันพุ่งเข้าทำลายล้าง คร่าชีวิต เสียงแห่งโศกนาฏกรรมกำลังกรีดร้อง...ต้องหยุดมัน
“ยูคยอม! ตอนนี้ใครอยู่ที่ปราสาท”
“ตอนนี้เจบีกับอี๋เอินและพวกเซอร์คัสอยู่ที่นั่น ดูเหมือนจะเข้าไปในตัวปราสาทแล้ว”
“รีบไปที่นั่นเร็วเข้า” ยองแจรีบปาดน้ำตาเจ้ากรรมที่ดันไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ยูคยอมจ้องมองดวงตาแห่งการล่วงรู้แล้วก็ได้แต่นึกกังวล
“ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน เมื่อไปถึงให้พวกท่านรีบตามลงไปที่ชั้นใต้ดินของตัวปราสาท” สิ้นคำสั่งความมืดก็ได้กลืนร่างของโกสท์และเหยื่อให้จมหายเข้าไป
อนาคตที่ยองแจเห็น...คืออนาคตของใคร?
ฝีเท้านับสิบวิ่งย่ำไปบนพื้นปราสาท แต่ละก้าวเบาราวกับเจ้าของร่างไม่มีตัวตน ผู้นำแถวหยุดก่อนส่งสัญญาณมือห้ามคนด้านหลัง “เจ้านายไล่ปีศาจในนี้ออกไปหมดแล้ว แต่ดูเหมือนพวกทาสรับใช้จะยังอยู่”
“พวกก็อบลินเหรอ” หนึ่งในทีมพูดขึ้น
“ร้ายแรงกว่านั้น”
“อะไรล่ะก็พูดให้มันจบๆสิว้อย”
“เมดูซ่า...”
“โอเครู้เรื่อง บี๋ออกไปเลย เป็นหมาผีอยู่แบบนี้ยังไงก็ไม่แข็งตายแน่นอน” พูดจบมาร์คก็ถีบเจบีในร่างโกสท์วูฟให้ออกไปเผชิญหน้ากับเมดูซ่า
ปีศาจสาวรูปงามหันมองตามเสียงที่เกิดขึ้น เส้นผมอสรพิษเริ่มเลื้อยไปมาบนศีรษะของเธอช้าๆ รอยยิ้มเยือกเย็นถูกส่งไปทักทายโกสท์วูฟ เจบีย่างก้าวเข้าหาอย่างไม่หวั่นเกรงแต่หากเขาอยู่ในร่างปกติเพียงแค่สบตากับเธอร่างกายก็ถูกสาปให้กลายเป็นหินแล้ว
“มาหาใครหรือท่าน...หมาป่า” รูปร่างที่ไม่คุ้นตาทำให้เมดูซ่าชะงักไปครู่หนึ่ง
“แค่ผ่านมา อย่าใส่ใจกันเลย” เมดูซ่าแย้มยิ้มกับคำพูดของเจบี เธอเดินเข้าไปหาโกสท์วูฟช้าๆ ลดตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกันก่อนเอื้อมมือไปลูบโครงกระดูกสีรัติกาลของเจบี
“ข้าไม่เคยพบผู้ใดที่ต้านทานคำสาปของข้าได้เลย ท่านคือคนแรกท่านหมาป่า” พูดพร้อมกับลูบไล้ไปตามรอยต่อของกระดูกช้าๆ
“ท่านคงไม่เคยพบเจอกับเจ้านายข้า”
เจบีเอ่ยเสียงสุภาพ ยืนนิ่งปล่อยให้เมดูซ่าลูบกายตนเอง
“เจ้านายของท่านคงเก่งกาจน่าดู”
“เจ้านายของข้าทั้งเก่งและมีจิตใจที่ดี หากท่านยอมปล่อยข้าไป ข้าจะพาท่านไปพบนายของข้าสักครั้ง” เจบีเริ่มใช้แผนล่อลวงเมดูซ่าให้ติดกับ สิ่งที่โกสท์วูฟเจบีมีติดตัวนั่นคือเสน่ห์
เมดูซ่าเริ่มคล้อยตามน้ำเสียงแสนสุภาพของเจบี ดวงตาเริ่มเหม่อลอยด้วยความหลงใหล แม้รูปลักษณ์ที่เธอเห็นนั้นจะเป็นโครงกระดูกรูปร่างน่ากลัวแต่เธอกลับรู้สึกถึงร่างที่แท้จริงของโกสท์วูฟ หล่อเหลาเกินหักห้ามใจจนแทบเพ้อฝัน
“ข้าจะยอมปล่อยให้ท่านผ่านไปหากท่านยอมเป็นของข้า” สิ้นเสียงของเมดูซ่าหอกเหล็กในมือรูปปั้นประดับก็ถูกปาไปเสียบทะลุอก
เจบีตวัดหางเสียบโครงกระดูกเข้าเสียดแทงหัวใจก่อนเมดูซ่าจะทันตั้งตัว สายตาตัดพ้อจ้องมองไปยังโกสท์วูฟ เจบีมองตอบก่อนเอ่ยขึ้น “ขอโทษท่านด้วยที่ ไม่สะดวกพาไปพบเจ้านายของข้า หลับให้สบายเถอะเมดูซ่า” หางโครงกระดูกถูกดึงออกพรวดเดียว ร่างของเมดูซ่าตกลงกระแทกพื้นก่อนศพจะกลายเป็นหิน
“ทำไมเบไม่รอบี๋ให้สัญญาณก่อน” หันไปถามคนปาหอกใส่เมดูซ่าที่ตอน นี้ใบหน้างอง้ำอยู่
“ประพฤติตัวเชิงเมียน้อยสมควรตายไปซะ นางควรรู้ว่าไอ้หมานี่มีเมียแล้ว” มาร์คยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจหนำซ้ำยังเดินไปกระแทกเท้าลงกับร่างของเมดูซ่าจนแหลกละเอียด
“บี๋ไม่ได้จีบเมดูซ่านะ...”
“หุบปากหมานั่นไปแล้วรีบนำทางซะ” มาร์คหันไปถลึงตาใส่ รู้สึกขัดใจไปเสียทุกอย่าง ถ้าเจบีกลับร่างเดิมจะตบจนเหล็กที่ลิ้นหลุดกันไปเลย...
เจบีไม่ตอบโต้อะไร ผีดิบเวลาโกรธนั้นไม่ได้น่ารักเหมือนตอนอยู่บนเตียงหรอก หมายถึงตอนหลับน่ะน่ารักมากๆ...โกสท์วูฟนำกลุ่มเดินลึกเข้าไปในปราสาทเรื่อยๆ เดินเลาะเลี้ยวไปตามจุดแปลกๆที่มองด้วยตาเปล่าแล้วไม่น่าเดินนัก
“บี๋พาเล่นอะไรวะเนี่ย สนุกไหมพามุดนั่นมุดนี่อ่ะ” มาร์คเริ่มบ่นเมื่อต้องแทรกตัวผ่านซอกซอยเล็กข้างผนัง
“ทางนี้ปลอดภัยและออมแรงเราที่สุดแล้ว”
“มันแคบว้อย!” มาร์คโวยวายเสียงดังอย่างหงุดหงิด
“ก็เบนมใหญ่เองนี่ ช่วยไม่ได้”
“ที่มันใหญ่ขึ้นก็เพราะแกบีบไหมไอ้นี่หนิ มาต่อล้อต่อเถียงเดี๋ยวเตะกระดูกหักเลย” เจบีเงียบสนิททันที รู้สึกว่ามาร์คในตอนนี้โมโหร้ายยิ่งกว่าตอนคลุ้มคลั่งเสียอีก
“อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ” จินยองที่ตามมาเงียบๆตั้งแต่ต้นรีบพูดห้ามศึก
“ไม่เป็นไร นี่ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก” เจบีตอบกลับจินยองก่อนเดินนำต่อไป
โกสท์วูฟนำทางผีดิบและเซอร์คัสมาจนถึงห้องสุดท้าย ประตูบานเล็กมีบันไดทอดยาวลงไปเบื้องล่าง คดเคี้ยววกวนและมีบางจุดผุพังตามกาลเวลา เจบีเดินนำลงไปช้าๆเพราะภายในห้องนั้นมืดสนิท มันไม่เป็นปัญหาสำหรับปีศาจแต่มันคือปัญหาของเหล่ามนุษย์ที่เดินตามพวกเขามา
“ระวังด้วยล่ะจินยอง ตกลงไปก็ตายห่าศพไม่หล่อนะ” มาร์คเตือนจินยอง
“พี่เอินดูพูดเข้า เบ้บไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นสักหน่อย” แบมแบมที่เดินรั้งท้ายกระซิบกลับมาเสียงเบาเดินลงไปได้เพียงครึ่งทางโกสท์วูฟก็หยุดเดินเสียดื้อๆจนมาร์คที่ตามหลังมาแทบสะดุดตกบันได
“จะหยุดทำไมไม่บอกก่อนล่ะบี๋”
“ชู่ว...”
ทุกคนเงียบลงอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงส้นรองเท้ากระแทกพื้นกำลังเดิน ใกล้เข้ามา
เป๊าะ!
เสียงดีดนิ้วดังขึ้นท่ามกลางความมืดก่อนคบเพลิงจะถูกจุดเป็นแนวยาวลงไปจนถึงพื้นด้านล่าง บุคคลตรงหน้าเหยียดยิ้มต้อนรับกับกลุ่มของปีศาจและมนุษย์ ริมฝีปากสีแดงสดเผยอก่อนเอื้อนเอ่ยคำทักทาย
“ไม่คิดว่าจะมีคนบุกรุกเข้ามาถึงในนี้ได้ ช่างไร้มารยาทเสียจริง”
“ต้องขออภัยด้วยที่เสียมารยาทกับท่านนะลอร์ดเซซิลเลีย” เจบีกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดไม่แพ้กัน
“ข้าไม่ถือสาเอาความกับหมาบ้านๆหรอก”
“เชิดจริง คอจะหักแล้วป้าเอ๊ย!” มาร์คที่ทนความหมั่นไส้ไม่ไหวก็หลุดถากถางออกไปหนึ่งประโยค
“เสียมารยาทจริงไอ้เด็กกะโปโล!” เสียงแหลมหวีดสูง กระแทกส้นรองเท้าลงพื้นอย่างขัดใจ
“เด็กกะโปโลก็ไม่ไปแย่งผัวใครแล้วกัน!” มาร์คตอกกลับอย่างสูสี เซซิลเลียกรีดร้องอย่างเจ็บใจ ชี้หน้าผีดิบทำท่าอึกอักเหมือนกำลังคิดหาคำด่า
“อะไรป้าข้องเหรอ ข้องมากมาตบได้ พร้อม!” น้องเอินหนูควรมีสติและใจเย็น โกรธผัวไม่จำเป็นต้องพาลขนาดนี้...
“ปากดีจริงๆ!” เซซิลเลียตะโกนลั่น วาดมือส่งพลังจิตเข้าปะทะร่างของมาร์ค ผีดิบใช้แรงกดดันหักล้างพลังจิตนั้นไปอย่างง่ายดาย
มาร์คเริ่มเอะใจ
“ชิ! “ เซซิลเลียหงุดหงิดที่พลังของตนทำอะไรผีดิบไม่ได้ หล่อนหันหลังเตรียมลงไปยังชั้นล่างสุดแต่ก็ถูกมาร์คคว้าตัวไว้ได้ทัน
“จะหนีไปไหนยัยป้า” เซซิลเลียสะบัดแขนของตนเองออกจากการเกาะกุมของมาร์ค
“อย่ามาจับตัวข้า!”
แวมไพร์ตนนี้...
“ไม่ได้อยากจับเท่าไหร่หรอก” มาร์คแกล้งยั่วโมโหเพื่อรอดูพลังที่แท้จริงของท่านลอร์ดท่านนี้
“แก...” เซซิลเลียกำหมัดแน่นจ้องมองไปยังเด็กผีดิบปากดีอย่างคับแค้น
“ป้าน่ะน่ารังเกียจจะตาย”
เอ่ยประโยคถากถางออกไปอีกครั้งเพื่อรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“หุบปากไปซะไอ้เด็กกะโปโล!” เซซิลเลียเตรียมวาดมืออีกครั้ง มาร์ครีบคว้าข้อมือของแวมไพร์ไว้ ทุกอย่างกระจ่างชัดแล้ว...
ลอร์ด เซซิลเลีย คือแวมไพร์ที่ไร้พลัง
วี้ด!
เสียงผิวปากดังขึ้นเป็นสัญญาณเรียกลิ่วล้อออกมา เงายักษ์ดำทะมึนเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงเข้ามาใกล้จุดที่พวกมาร์คยืนอยู่ อสูรกายยักษ์สามหัวแยกเขี้ยวยาวโค้งของมันก่อนคำรามกึกก้องไปทั่วชั้นใต้ดิน
“เคลเบรอส!”
ติดตามตอนต่อไป
ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo