เปิดเพลงฟังเพลงเพื่อเพิ่มอรรถรสได้นะคะ
https://youtu.be/XWl-FoayFuU그토록 믿어왔던 그 사람 돌아설 줄이야
예전에는 몰랐었네 진정난 몰랐네
คนที่ผมเชื่อใจกับความรักของเธอ กลับทิ้งผมไปแล้วจริงๆ
ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเธอจะจากผมไป ไม่เคยรู้เลย
“พี่ครับ...ผมรักพี่ที่สุดเลย” ไม่ใช่...
“เราคบกันมาสามปีแล้ว ดีใจจังที่พี่ยังอยู่ข้างๆ ผม”ป่าวเลย...
“วันเกิดปีนี้ผมมีความสุขที่สุดเลย”โกหก...
“พี่ครับ...เราเลิกกันเถอะ”นี้คือเรื่องจริงที่นายพูดมันออกมา
ใช่มั้ย?
그토록 사랑하던 그 사람 잃어버리고
타오르는 내 마음만 흐느껴 우네
คนที่ผมรักอย่างสุดซึ้ง กลับละทิ้งผมไป
และตอนนี้ผมน้ำตาตกใน แบกรับหัวใจที่เคราะห์ร้ายเอาไว้
กริ่งงง~งงง
“ไงธันวา”เสียงคุ้นหูเอ่ยทักเมื่อร่างสูงเดินเข้าไปในร่างคอฟฟี่ชอปที่ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งอยู่ภายในร้าน ธันวาพยักหน้าทักทาย
เจ้าของร้านก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะประจำพร้อมทั้งสั่งเมนูเดิมๆ กับพนักงานก่อนที่จะหันมองวิวหม่นแสงที่นอกร้าน
นัยน์ตาสีนิลขลับแสงหม่นสะท้อนภาพเบื้องหน้าอย่างล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย ก่อนที่น้ำใสจะเอ่อคลอที่หน่วงตา
แปดเดือนแล้วนะ ไม่คิดถึงกันบ้างหรอ?
“กรีนลาเต้ได้แล้วคะ”มือกร้านยกขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนจะหันมายิ้มบางๆ ให้พนักงานสาวที่ค่อยๆ วางแก้วใสลงบนโต๊ะ
“ต้องการอะไรเรียกได้นะคะ”
“เดี๋ยวครับ...”
“...”
“บับเบิ้ลทีเพิ่มไข่มุกแก้วนึงครับ”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”พนักงานสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะขอตัวไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ ชานยอลเหม่อมองแก้วใสตรงหน้า
ก่อนจะค่อยๆ ยกมันขึ้นดื่มอย่างเชื่องช้า จนพนักงานคนเดิมเดินเอาบับเบิ้ลทีมาเสิร์ฟชานยอลถึงรู้สึกตัว คลี่ยิ้มบางๆ ส่งให้
พนักงานสาวก่อนจะเอื้อมมือรับแก้วบับเบิ้ลทีมาถือไว้
“ของโปรดของนาย จำได้มั้ย?”ธันวาเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะวางแก้วใสลงตรงหน้าเก้าอี้ที่ว่างเปล่าตรงข้ามกับตัวเอง น้ำใสเอ่อคลอที่
หน่วงตาอีกครั้งก่อนจะพังทลายลงมา ใบหน้าหล่อเหล่าเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำใสที่พรั่งพรูจากนัยน์ตา...
“พี่มาแย่งผมกินทำไมเนี่ย! แก้วตัวเองก็มี”เสียงใสเจื้อยแจ้วของเด็กหนุ่มผิวขาวจัดพูดขึ้นเมื่อหันมาเห็นคนตรงหน้ากำลังก้มดูด
บับเบิ้ลทีของโปรดตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ก็แก้วของนายอร่อยกว่านี้”
“อะไรกันเล่า ทำไมต้องมาแย่งกันด้วย พี่กินไข่มุกของผมหมดเลย”เด็กหนุ่มเบะปากอย่างงอแง้เมื่อไม่เห็นเม็ดนุ่มๆ สีดำในแก้ว
ของตนเอง ใบหน้าหวานง้ำงอพลางลุกขึ้นเดินหนี แต่คนตัวสูงก็คว้าเข้าที่ข้อมือบางไว้ได้ก็ที่เจ้าตัวจะหนีไป
“โอ้ๆ ไม่งอลน่ะเดียวพี่ซื้อให้ใหม่”
“เพิ่มไข่มุกเยอะๆ ด้วย!”
“ครับๆ”ทำไมกัน...?
----
เก้าเดือนแล้ว ทำไมนายใจร้ายจัง...
“ธันวาเย็นนี้เข้าประชุมด้วยนะ”พศินเพื่อนซี้เดินเข้ามาพร้อมยื่นเอกสารที่จำเป็นในการประชุม นัยน์ตาเรียวเล็กจ้องมองเพื่อนตัว
เองก่อนจะเดินออกไปอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองที่เหม่อลอยราวกับร่างไรวิญญาณ
ธันวาคนเดิมตายไปแล้วสินะ...
นัยน์ไร้แววก้มมองแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า มือหนาเอื้อมเปิดมันอย่างแผ่วเบาราวกับว่ากลัวมันจะบุสลาย ตัวหนังสือระรานตา
ที่ปรากฏทำให้ชายหนุ่มตาลอบถอนหายใจแล้วปิดมันลง...
“พี่ธันวาคนขี้เกียจ เอกสารตัวเองก็ยังไม่ยอมอ่านเลยผมจะเอาไปฟ้องคุณกุล”เสียงใสบ่นงุ้งงิ้งข้างหูเมื่อธันวาปิดเอกสารแล้วดึง
เจ้าเด็กตัวขาวให้มานั่งบนตัก ใบหน้าหล่อคลอเคลี่ยซุกไซร้ซอกคอขาวเนียนอย่างไม่สนใจเสียงบ่นของอีกคน
“พี่ต้องเข้าประชุมนะ อ่านเอกสารก่อนสิครับ”
“นีนอ่านให้พี่ฟังหน่อยสิ”
“อื้อ...ก็ได้ๆ แต่พี่เอาหน้าออกไปก่อนสิ”
“ครับผม”ธันวารับคำก่อนที่เด็กตัวขาวจะเอื้อมหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่านให้คนขี้เกียจอย่างธันวาฟัง ชายหนุ่มรับตาพริ้มพร้อม
วางเกยคางไว้บนลาดไหล่บางของณทิชา เสียงหวานหูกำลังเจื้อยแจ้วอ่านตามตัวหนังสือที่ปรากฏไปพร้อมๆ กับแรงที่โอบกอด
อยู่ที่ช่วงเอวต้องทรมานกันเท่าไหร่ถึงจะพอ...?
---
그토록 믿어왔던 그 사람 돌아설 줄이야
예전에는 몰랐었네 진정난 몰랐네
คนที่ผมเชื่อใจกับความรักของเธอ กลับทิ้งผมไปแล้วจริงๆ
ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเธอจะจากผมไป ไม่เคยรู้เลย
สิบเดือนแล้วนะกลับมาหาพี่ได้แล้ว...
“ธันวาวันนี้ไปงานวันเกิดคุณมิ้นต์ด้วยกันนะ”ศิกุลประธานบริษัทิเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาเจอธันวาหน้าลิฟต์ ประโยคที่ไม่ใช่คำถามแต่
เป็นคำสั่งกลายๆ ธันวาพยักหน้ารับก่อนจะโค้งตัวแล้วเดินจากไป ศิกุลมองตามหลังลูกน้องที่เป็นทั้งรุ่นน้องและญาติของตนเอง
อย่างเหนื่อยหน่ายใจ
เมื่อไหร่นายจะหลุดออกมาจากวังวนของเด็กคนนั้นสักที...
“กินอะไรหน่อยมั้ย เดี๋ยวพี่สั่งมาให้”หญิงสาวเจ้าของงานเดินเข้ามาถามรุ่นน้องคนสนิทเมื่อเจ้าหล่อนเดินเห็นอีกคนนั่งเหม่อลอย
อยู่ ธันวาส่ายหน้าก่อนจะเดินไปยังเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม
“รับอะไรดีครับคุณผู้ชาย”
“เตกีล่า...”
เสียงเพลงในร้านถูกเปลี่ยนจากจังหวะเร็วรุนแรง มาเป็นจังหวะเพลงช้าเศร้าๆ ธันวาเหม่อมองบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่กำลังคว่ำแก้ว
บนถาดเกลืออย่างบรรจง...
“พี่ครับ ทำไมต้องคว่ำแก้วลงบนเกลือด้วยละ”
“ช่วยไม่ให้ขมไง เวลาดื่มเสร็จก็ต้องตามด้วยมะนาวนะ อร่อยดี”
“ขมแล้วยังจะกินอีก มากินบับเบิ้ลทีกับผมดีกว่าไม่ขมแถมยังหวาน อร่อยอีกด้วย”
“เด็กน้อยเอ้ย ไปนั่งรอพี่ในห้องนั่งเล่นก่อนดีกว่า เดี๋ยวพี่ยกพวกนี้ไปเสิร์ฟไอ้พวกหลังบ้านก่อน”ณนัชพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดิน
ออกไปยังห้องนั่งเล่นพร้อมแก้วชาไข่มุกของโปรด ชานยอลส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเริ่มลงมือคว่ำแก้วทีละใบจนครบ ก่อนจะตาม
ด้วยการฝานมะนาวออกเป็นชิ้นบางๆ หน้าที่ของเค้าก็มีแค่นี้แหละเพราะวันนี้พาเด็กผิวขาวมาด้วยซึงไม่สามารถเข้าร่วมสนุกกับ
พวกเพื่อนๆ พี่ๆ ที่บริษัทได้
“เอามาอีก”
“แต่คุณเมามากแล้วนะครับ”
“บอกให้เอามาอีกไง”ธันวาส่งเสียงอ้อแอ้บาร์เทนเดอร์หนุ่มที่ได้แต่ทำหน้าหนักใจ เพราะลูกค้าตัวสูงที่อยู่ตรงหน้าซัดเตกีล่าไป
หลายซอต ก็คงเกินกว่าที่คนทั่วไปจะกระดกมันได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยอมเสิร์ฟเตกีล่าให้คนตรงหน้าตามความ
ต้องการของเจ้าตัว
“พี่ครับ...พอแล้วนะครับ”
“...”
“พี่ดื่มไปเยอะแล้วนะ...”เสียงใสคุ้นหูดังขึ้นกลบเสียงเพลงที่เปิดคลอของร้าน ธันวาหันมองต้นเสียงก็เจอเข้ากับใบหน้าหวานที่
โหยหา
“...”
“กลับบ้านกันนะครับ”
“นีน...”
---
누구인가 불어주는 휘파람 소리
행여나 찾아줄까 그 님이 아니올까
기다리는 마음 허무해라
เสียงผิวปากแผ่วเบาที่ผมได้ยิน
บางทีอาจจะเป็นเธอหรือเปล่านะ? เธอจะหวนกลับมาใช่มั้ย?
ผมพบว่าตัวผมกำลังเฝ้ารอเธออย่างน่าสมเพช
สิบเอ็ดเดือนแล้ว ไม่รักกันแล้วสินะ...
“ไอ้ธัน! เดี๋ยวออกไปดูโลเคชั่นด้วยนะ! ”พศินคนเดิมเดินเข้ามาส่งเสียงโวยวายแจ้งตารางงานให้เพื่อนตัวสูงรับรู้ก่อนจะรีบเดิน
ออกไปเพื่อไปหาเจ้านายที่โทรมาเร่งยิกๆ เดือนนี้งานมีเข้ามาจนคนในบริษัทวุ่นวายกันไปหมด ก็จะมีเพียงธันวาแค่คนเดียวที่ยัง
ว่างมานั่งเหม่อลอยเพราะเค้ามีหน้าที่เพียงแค่ออกไปดูโลเคชั่นข้างนอก เพราะส่วนของการประสานงานพศินทำให้เค้าเสียหมด
จนเหลือแค่หน้าที่ที่จำเป็นต้องออกไปเซอร์เวย์สถานที่สำหรับจัดงานที่กำลังจะมาถึง...
“พี่ครับ ทำไมพี่ต้องคอยออกมาดูสถานที่ที่จะจัดงานด้วยละ”
“ก็มันเป็นหน้าที่ พี่ต้องมาดูสถานที่เสร็จแล้วก็ต้องไปประชุมเรื่องผังงานอีกว่าจะจัดออกมาในรูปแบบไหน ต้องจัดวางของตรงไหน
ต้องร่างสเก็ตแบบให้เสร็จก่อนฝ่ายอื่นๆ เพราะส่วนที่พี่ทำถือว่าเป็นส่วนแรกๆ ของงานเลยนะ”
“ไม่เห็นสนุกเลย แถมยังได้มาคนเดียวอีกเหงาจะตาย”
“ไม่เห็นเหงาเลย ก็มีน้องนีนอยู่ข้างๆ ไง”
“แล้วถ้าวันที่ผมไม่อยู่ให้มาด้วยละ”คำพูดที่แฝงความนัยน์เรียกให้ชายหนุ่มหันมองหน้าเด็กผิวขาวข้าง นัยน์ตาสีนิลจับจ้องดวง
หน้าหวานตรงหน้าก่อนจะดึงเจ้าตัวเข้ามากอด
“วันนั้นมันจะไม่มีจริง นายจะต้องอยู่กับพี่ตลอดไป”
“บังคับงี้เลยหรอ”
“ใช่ ถ้ายังคิดจะไปนะ พี่จะเอาโซ่มาล่ามไว้เลย”
“ไม่หนีหรอกครับ ผมจะอยู่กับพี่ตลอดไป...”
จุ๊บ!
เด็กหนุ่มเขย่งปลายเท้าก่อนจะกดจูบลงที่ริมฝีปากหนาของอีกคนอย่างแผ่วเบา ดวงหน้าหวานขึ้นสีแดงจางๆ เรียกให้คนตัวสูงนึก
เอ็นดู ก่อนจะรั้งใบหน้าหวานให้เงยขึ้นแล้วประทับจูบลงอย่างแผ่วเบาแต่เร่าร้อนและอ่อนโยน
เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ใช่หรอ?
---
그토록 믿어왔던 그 사람 돌아설 줄이야
예전에는 몰랐었네 진정난 몰랐네
คนที่ผมเชื่อใจกับความรักของเธอ กลับทิ้งผมไปแล้วจริงๆ
ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเธอจะจากผมไป ไม่เคยรู้เลย
“ลาออก นายจะไปไหน”
“ผมจะไปตามหาเค้า ตามหาหัวใจของผม”
“จะบ้าหรือไงไอ้ธัน! เด็กคนนั้นตายไปแล้ว!!”
“ไม่ครับ...”
“นีนยังไม่ตาย เค้ายังมีชีวิตอยู่”ธันวาเอ่ยเสียงเรียบ นัยน์ตาสีนิลจับจองเจ้านายของตนเองอย่างจริงจังปนเว้อวอน
ขอเถอะครับ ปล่อยให้ผมไปตามหาหัวใจของผมเถอะ...
“สามเดือน”
“...”
“ให้เวลาสามเดือนถือซะว่าไปพักร้อนแล้วค่อยกลับมาทำงาน...”
“แต่...”
“ไปซะ พักผ่อนหัวใจของมึงให้เต็มทีแล้วกลับมาเป็นธันวาคนเดิม...”
“...”
“พวกเราทุกคนจะรอ...”ธันวาคลี่ยิ้มบางๆ ให้เจ้านายของตนเองก่อนจะโค้งตัวแล้วเดินออกไป ศิกุลมองตามแผ่นหลังที่ดูว่างเปล่า
ของอีกคนก่อนจะถอนหายใจออกมา
พักผ่อนแล้วเปิดใจยอมรับความจริงได้แล้ว...
เสียงลม
กลิ่นทะเล
ไอแดด
สามสิ่งที่โอบล้อมอยู่รอบตัวของธันวา ที่กำลังเดินอยู่บนชายหาดสีขาวสะอาดอย่างโดดเดียว ในมือถือแก้วชาน้ำไข่มุกไว้อย่าง
ทะนุถนอมราวกับกลัวมันจะแตกสลายไปง่ายๆ นัยน์ตาเหม่อมองผื้นทรายสีสะอาดเบื้องหน้า
แกล้งกันแบบนี้ไม่สนุกเลย...
“พี่ธัน! มาทะเลทั้งที่เอาแต่นั่งเล่นกีต้าร์อยู่ได้ ลงมาเล่นน้ำกับผมเร็วๆ เลยนะ”เสียงใสตะโกนเรียกคนที่กำลังนั่งเล่นกีต้าร์อยู่บน
หาดทรายอย่างรู้สึกหัวเสีย หงุดหงิดที่อีกคนเอาแต่สนใจกีต้าร์มากกว่าตัวเอง
“โอเคครับๆ พี่จะลงไปเล่นเป็นเพื่อนเดี๋ยวแหละ”ธันวาที่จับน้ำเสียงของอีกคนได้ว่ากำลังหงุดหงิดที่โดนทิ้งให้เล่นน้ำคนเดียวก็รีบ
วางกีต้าร์ลงข้างตัวแล้วเดินลงไปเล่นน้ำกับเด็กผิวขาว
ซ่าส์!!~~
“ฮ่าๆๆ พี่เหมือนลูกหมาตกน้ำเลย ฮ่าๆๆ”เสียงใสหัวเราะร่าเมื่อสาดน้ำใสคนตัวสูงที่เพิ่งเดินมาถึง ธันวายกมือขึ้นปาดเช็ดหยดน้ำที่
เกาะอยู่บนใบหน้าก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาเด็กตัวขาวที่ยังไม่เลิกหัวเราะ
“หน่อยแน่ะเจ้าเด็กแสบ นี่แนะๆๆ”สองมือเอื้อมคว้าเอวบางกับหาตัวก่อนจะลงมือจี้ไปตามจุดของอ่อนของณนัช จนเด็กผิวขาวได้
แต่ดิ้นพล่านอยู่ในอ้อมกอดพร้อมทั้งเสียงหัวเราะใสที่เริ่มขาดห้วง ใบหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงเพราะอาการเหนื่อย
“เหนื่อยยัง”
“พี่ขี้โกง แกล้งกันแบบนี้ได้ไงอ่ะ”
“ก็เราแกล้งพี่ก่อน”
“ไม่เอา ไม่เล่นด้วยแล้ว!”เด็กหนุ่มว่าเสียงห้วนก่อนจะเดินจ้ำอ้าวขึ้นไปนั่งบนชายหาดพร้อมสายตาเอ็นดูของธันวาที่ทอดมอง เวลาหนุมผ่านจนพระอาทิตย์เริ่มกลายเป็นส้ม แต่ทั้งสองคนก็ยังนั่งกันอยู่ที่ริมชายหาดอย่างต้องการดูดดื่มกับบรรยายการที่แสน
จะโรแมนติกแบบนี้
“พี่ธันเรามาสร้างปราสาททรายกัน”
“เอาสิปราสาทที่มีแค่เจ้าชายธันวากับเจ้าหญิงณนัช”
“มั่ว ปราสาทของณนัชหรอก แต่ธันวาน่ะ...”
“...”
“เป็นคนรักของณนัช ฮ่าๆๆ”
“เจ้าเล่ห์นัก”ธันวาว่าเจ้าเด็กผิวขาวที่หัวเราะร่าก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ บรรจงสร้างปราสาทชายขึ้นด้วยหัวใจของทั้งคู่ พระอาทิตย์
คล้อยต่ำลงพร้อมดวงจันทร์สีนวลที่ขึ้นมาแทน ณนัชทิ้งหัวนอนลงบนตักของธันวาพร้อมเหม่อมองปราสาทชายที่เสร็จออกมา
อย่างสวยงาม
“นี้คือปราสาทของเรา เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ใช่มั้ยครับพี่ธัน”
“ครับ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...”ดึกมากแล้วแต่ธันวาก็ยังคงนั่งอยู่ที่ชายหาดพร้อมกับกระป๋องเบียร์มากมายที่วางอยู่ข้างกาย นัยน์ตาเหม่อไปยังท้องทะเลที่มืด
สนิทก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลงนอน...
“คิดถึง...”
“...”
“คิดถึงพี่ธัน...”เสียงคุ้นหูที่แผ่วเบาแว่วลอยตามสายลมยามค่ำคืนที่พัดผ่านร่างของธันวา สัมผัสมือที่คุ้นเคยลูบไล้ใบหน้าอย่าง
แผ่วเบา ธันวาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองก่อนจะหันสบเข้ากับคนที่เค้าอยากเจอมากที่สุด
“นีน...”
“คิดถึงจัง...”ธันวาเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกอบกุมมือบางมาแนบอก นัยน์ตาจับจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตาเพราะกลัวว่าอีกคนจะ
หายไป ณนัชยกยิ้มบางเบาก่อนจะกดจูบลงที่ริมฝีปากหนาของอีกคนพร้อมสายลมเย็นที่เข้าปะทะร่าง
“หายไปไหนมา...”
“...”
“ครบหนึ่งปีแล้วที่นีนหายไป...”
“...”
“พี่ทรมานมากรู้มั้ย”
“...”
“นีนจะไม่หายไปไหนอีกแล้วใช่มั้ย”ธันวาเอ่ยเสียงแผ่วเบา ม่านน้ำใสที่ไหลบดบังการมองเห็นจนเจ้าตัวต้องลุกขึ้นมือเรียวของ
ณนัชเอื้อมขึ้นปาดเช็ดน้ำตาของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มบางๆ แต่ทว่ากับสดใสและเศร้าหมองในเวลาเดียวกัน
“ผมจะอยู่กับพี่ตลอดไป”
“...”
“จะอยู่ตรงนี้ตลอดไป...”นิ้วเรียวไล้ตามโครงหน้าก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาที่หน้าอกของชายหนุ่ม รอยยิ้มหวานที่ถูกส่งมาให้กับบีบ
หัวใจของธันวาได้อย่างดี เพราะนั้นมันคือสิ่งที่ธันวาปฏิเสธที่จะยอมรับมันมาตลอด ชายหนุ่มมองหน้าคนที่โหยหาอยู่นิ่งๆ จนเด็ก
ผิวขาวลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
“ผมต้องไปแล้ว หมดเวลาของผมแล้ว”
“...”
“ผมรักพี่นะครับ รักที่สุดเลย”เสียงหวานเอ่ยเครือสะอื้นพร้อมก้าวเดินออกไปสู่ความมืดมิดที่กว้างใหญ่ตรงหน้า แต่ละย่างก้าวช่าง
เชื่องช้าและแสนทรมานเหลือเกิน
“นีน!”
“...”
“ให้พี่ไปด้วยนะ”
“...”
“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...”
“ครับ”ณนัชคลี่ยิ้มก่อนจะยื่นมือให้อีกคนจับมันไว้ ธันวารีบปาดเช็ดน้ำตาก่อนจะก้าวเดินมาอยู่เคียงข้างกับณนัช สองมือที่กอบกุม
พร้อมความอบอุ่นหัวใจที่ขาดหายไปหนึ่งปีเต็ม แต่วันนี้ธันวากำลังจะไปอยู่กับคนที่รักอย่างสุดหัวใจ
누구인가 불어주는 휘파람 소리
행여나 찾아줄까 그 님이 아니올까
기다리는 마음 허무해라
เสียงผิวปากแผ่วเบาที่ผมได้ยิน
บางทีอาจจะเป็นเธอหรือเปล่านะ? เธอจะหวนกลับมาใช่มั้ย?
ผมพบว่าตัวผมกำลังเฝ้ารอเธออย่างน่าสมเพช
ธันวา กำลังไปอยู่กับ ณนัช
ตลอดกาล
...ในโลกที่มีแต่พวกเค้าสองคน...
-------
หนึ่งปีก่อน
“พี่ธัน ผมอยากกินชานมไข่มุก”
“พี่คุยโทรศัพท์อยู่ นีนไปซื้อก่อนก็ได้เดี๋ยวพี่ตามไป”ธันวาเอ่ยบอกคนข้างตัวก่อนจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูอีกครั้ง พศินเอ่ย
แซวตามประสาอย่างพอหอมปากหอมคอก่อนจะวนเข้าเรื่องงานที่คุยค้างกันไว้ ณนัชพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินออกจากร้านหนังสือ
เพื่อข้ามไปยังร้านชานมไข่มุกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เด็กหนุ่มร่างขาวยืนรอสัญญาณไฟรูปคนจนแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวก่อนจะค่อยๆ
ก้าวลงถนนและก้าวเดินอย่างรวดเร็วแต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับรถเก๋งคันหนึ่งที่ขับผ่าไฟแดงมาด้วยความเร็วสูง...
ปริ้นนนนนนนนนนนนน!!!!
เอื๊อดดดด!!
โครมม!!!
“!!!”เหมือนลมหายใจถูกช่วงชิงเมื่อธันวาหันไปเห็นร่างของเด็กผิวขาวถูกตัวรถกระแทกอย่างรุนแรง โทรศัพท์เครื่องหรูถูกปล่อย
ลงพื้นพร้อมทั้งเจ้าตัวที่รีบวิ่งออกไปหาร่างที่กำลังนอนอยู่บนพื้นถนนที่ถูกอาบไปด้วยเลือดสีสด...
“นีน..”
“พี่...”
“อย่าเป็นอะไรนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว”ธันวายิ้ม ยิ้มที่พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากนัยน์ตา สองแขนแกร่งโอบกอดร่างบอบบางของ
เด็กหนุ่มไว้ด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ
“พี่ธัน...ฮึก...”
“ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ผมที ใครก็ได้ผมขอร้อง...”เด็กสาวในชุดนักเรียนรีบยกโทรศัพท์กดเบอร์ฉุกเฉินทันทีเมื่อหายจาก
อาการช็อค ก่อนจะจับจ้องมอบภาพตรงหน้า ภาพที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเลยสักนิด..
“พ.พี่ธัน...มองหน้าผม....แค่กๆๆ”เสียงหวานแผ่วเบาเอ่ยขึ้นก่อนจะไอสำลักจนเลือดสีสดไหลออกมาจากเรียวปากที่กำลังซีดลง
เรื่อยๆ ธันวาเอื้อมปาดเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของเด็กผิวขาวอย่างอ่อนโยน จ้องมองอีกคนด้วยความทรมานไปพร้อมๆ กับ
จังหวะหัวใจที่เต้นช้าลงเรื่อยๆ
“ไม่เอานะ...ไม่เอาไม่ต้องพูดแล้วนะ...”
“...”
“อดทนนะ เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”
“...”
“อดทนนะครับ คนดีของพี่...”ธันวาเอ่ยพร้อมกับหยดน้ำตาที่หยดลงบนดวงหน้าของอีกคน ณนัชยกมือที่สั่นเทาขึ้นปาดเช็ดหยาด
น้ำใสบนหน้าของธันวาอย่างแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้ม
“พี่ครับ...”
“...”
“...เราเลิกกันเถอะ...”
“ไม่เอา ไม่ต้องพูดแล้วจะเลิกอะไรพี่ไม่เลิกให้หรอกนะ”
“ผม...”
“รถพยาบาลจะมาแล้ว เค้าจะพานายไปรักษาแล้วนายก็จะหายไง”
“แล้วพี่จะพานีนไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ”ธันวาพูดขึ้นเครือเสียงสะอื้น แต่เด็กหนุ่มกลับยิ้มพร้อมส่ายหน้าส่ายช้า...
“ผ.ฮึก...ผมรักพี่นะครับ...”
“พี่ก็รักนีนนะ...รักมากที่สุดเลย...”
“.ดีใจ...จัง...”น้ำเสียงแผ่วก่อนจะเงียบลงพร้อมสัมผัสข้างแก้มที่หายไป ธันวาเบิกตากว้างอย่างตกใจพร้อมกับน้ำใสที่พรุ่งพรู
ออกมาจากดวงตาอย่างมากมาย เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนรักที่หมดลมหายใจแล้วซ้ำไปซ้ำมาอย่างคนไร้สติ
ทำไม...
“นีน! ลืมตาขึ้นมาสิ!!...ไม่เอาแบบนี้!!!”
“...”
“อ.อย่าแกล้งพี่แบบนี้...ไม่เอานะครับเด็กดี...”
“...”
“ไม่!!!!”เสียงคร่ำครวญอย่างทรมารบีบหัวใจใครหลายคนที่ยืนล้อมดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ ธันวาโอบกอดร่างณนัชไว้แนบอกอย่าง
หวงแหน...
ณนัชจากไปแล้วพร้อมหัวใจของธันวาที่ตายลงไปพร้อมๆ กัน...
ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ทำลายความรักได้ แม้กระทั่งความตาย
เมื่อใดที่ลมหายใจของอีกคนหมดลง คนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็พร้อมที่จะหมดลมหายใจตามไป
มันคือ รักแท้อที่พวกเค้าสร้างกันขึ้นมา
그토록 믿어왔던 그 사람 돌아설 줄이야
예전에는 몰랐었네 진정난 몰랐네
คนที่ผมเชื่อใจกับความรักของเธอ กลับทิ้งผมไปแล้วจริงๆ
ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเธอจะจากผมไป ไม่เคยรู้เลย
-------------------
When you feel true love
you follow the way of the heart...
รัก.