Distance
ผมชอบทะเล
ถึงแม้ว่ามันเคยเกือบฆ่าผมก็เถอะ
ผมนั่งมองผืนน้ำสีครามนิ่งๆ ลมโชยเย็นๆ ที่กระทบหน้าแผ่วๆ มันทำให้รู้สึกดีไม่น้อย เสียงคลื่นที่ดังแว่วเข้ามาในหูมันทำให้ผมคิดถึงวันเก่าๆ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ย้อนกลับไปคิดมันก็ตลกดีนะ แค่อยากฉลองที่ตัวเองเรียนจบมัธยมก็เลยมาเที่ยวทะเลคนเดียว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาจมน้ำเพราะเป็นตะคริว ความรู้สึกตอนนั้นมันน่ากลัวมาก ลมหายใจกับเรี่ยวแรงของผมถูกทะเลช่วงชิงไปจนหมด เห็นแค่แสงสว่างของดวงอาทิตย์อยู่ใต้น้ำลางๆ ในใจตอนนั้นก็ได้แต่คิดขอโทษครอบครัวที่จะไม่ได้กลับไปหา ขอโทษตัวเองที่จะไม่ได้ทำตามความฝันอย่างที่ตั้งใจ ได้แต่ขอโทษซ้ำๆ อยู่แบบนั้น
เสียใจที่จะไม่ได้ใช้ชีวิตต่ออีกแล้ว
ในขณะที่ตาของผมกำลังจะปิด ก็ได้มือคู่นึงรั้งผมขึ้นมาเหนือน้ำก่อนจะรีบพาเข้าฝั่ง ตอนนั้นผมยังมีสติแต่ไม่มีแรงสักนิด ขาที่เป็นตะคริวก็ยังขยับไม่ได้ พอขาเป็นแบบนั้นผมก็เลยถูกอุ้มด้วยท่าเจ้าหญิง เขาแข็งแรงมากเลยนะครับที่อุ้มผมตัวลอยแบบนั้นได้ นาทีนั้นรู้สึกตัวเองโชคดีจริงๆ ที่มีคนผ่านมาช่วยไว้ ผู้ชายคนนั้นอุ้มผมมาวางไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่นี้ ปากก็ถามอาการผมไม่หยุดว่าผมเป็นอะไรรึเปล่า ไปหาหมอไหม เขาจะเป็นคนพาไปเอง ส่วนผมก็ตอบเขาไปว่าผมไม่เป็นไร พอผมพูดแบบนั้นริมฝีปากบางของเขาก็คลี่ยิ้มออกมาทันที
มันเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์มาก
เห็นแล้วใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ไม่ใช่แค่รอยยิ้มที่มีเสน่ห์นะครับ ดวงตาคมสีดำสนิทนั่นก็มีเสน่ห์ชวนมองไม่แพ้กัน เรือนผมสีดำที่ลู่ขึ้นไปเพราะเปียกน้ำก็ทำให้ดูเท่ไม่หยอก ไหนจะผิวขาวๆ นั่นอีก โดยรวมแล้วผู้ชายคนนี้ดูดีมากนะ ขนาดผมเองที่เป็นผู้ชายเหมือนกันยังต้องคิดแบบนั้นเลย มันมีความรู้สึกบางอย่างเข้ามาทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนอ่อนโยน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาช่วยชีวิตผมไว้ล่ะมั้ง
น่านน้ำ....นั่นคือชื่อของเขา
ผมขอบคุณเขาซ้ำๆ ที่ได้ช่วยชีวิตผมไว้ พอเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นผมเลยคิดจะกลับกรุงเทพฯ แต่ว่าน่านน้ำขอให้ผมอยู่เที่ยวด้วยกันก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่าเขากำลังจะไปเรียนที่ต่างประเทศ 5 ปี และอาจจะได้กลับมาที่นี่แค่ปีละครั้ง ตอนแรกผมก็ลังเลอยู่แต่ก็คิดได้ว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีกเลยก็ได้ สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจที่จะอยู่เที่ยวต่อ
เป็นการตัดสินใจที่ปุบปับที่สุดในชีวิตเลย
เราสองคนแนะนำตัวและทำความรู้จักกัน น่านน้ำเล่าให้ผมฟังว่าเขาไม่มีครอบครัว เคยอยู่บ้านเด็กกำพร้ามาก่อน อาศัยตั้งใจเรียนเพื่อสอบชิงทุนเอา จนมาได้ทุนไปเรียนด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ประเทศอังกฤษ ผมว่าเขาเก่งและพยายามมากนะครับ เพราะว่าพื้นฐานทางครอบครัวไม่ได้มีพร้อมเหมือนคนอื่น แต่ก็ทำได้ถึงขนาดนั้น เรื่องความพยายามของน่านน้ำเนี่ยะกลายมาเป็นแรงผลักดันให้ผมตั้งใจเรียนด้วย
ที่ผมเป็นผมในวันนี้ได้ก็เพราะน่านน้ำนี่แหละ
ผมกับเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงแค่ไม่กี่วัน แต่ไม่คิดเลยว่าในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นั่นมันจะทำให้ผมหลงรักในตัวของน่านน้ำได้ มันคงเป็นเพราะรอยยิ้มหวานๆ กับความอ่อนโยนของเหล่านั้นแน่ๆ ตอนนั้นผมแอบคิดในใจด้วยนะว่าไม่อยากให้เขาไปเรียนต่อ อยากให้เขาอยู่เที่ยวกับผมไปแบบนี้ แต่ความจริงก็คือความจริง ในวันที่เราต้องจากกัน ผมตั้งใจแค่อยากจะเอ่ยแค่คำลา ส่วนความรู้สึกดีดีทั้งหมดที่มีให้ผมอยากจะเก็บมันเอาไว้คนเดียว หากมีโอกาสที่เราได้กลับมาเจอกันอีกและความรู้สึกผมยังไม่เปลี่ยนไป ไว้ผมค่อยบอกกับเขา
แต่ทุกอย่างมันก็ผิดคาด
น่านน้ำเป็นคนสารภาพรักกับผมก่อน ตอนนั้นเหมือนเวลารอบๆ ตัวมันหยุดลงไปดื้อๆ เลย หัวใจก็เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น ความรู้สึกเดียวที่ผมสัมผัสได้มันคือความสุข คำพูดของน่านน้ำมันทำให้ผมหุบยิ้มไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับที่คนสองคนที่เพิ่งเจอกัน จะมีความรู้สึกรักชอบเหมือนกัน ผมกับน่านน้ำไม่ได้ตกลงเรื่องสถานะของความสัมพันธ์นะครับ เราสัญญากันไว้ว่าจะคิดเรื่องนี้หลังจากที่พวกเราเรียนจบ และช่วงเวลาที่เราต้องห่างกัน 5 ปีมันจะเป็นบททดสอบความรักของเรา 2 คน
คำสัญญานั้น....ผมยังจำมันได้อยู่เสมอ
"ฟ้าครับ....ก่อนที่เราจะจากกัน ฟ้าช่วยสัญญากับน้ำได้ไหม"
"สัญญาอะไรหืม"
"ก็ทุกปีน่ะ น้ำจะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่ปีละครั้ง แต่น้ำคงไม่กลับมาช่วงเวลาเดียวกับที่ฟ้ามาที่นี่ เพราะงั้นน้ำจะฝังสิ่งของบางอย่างกับจดหมายเพื่อเล่าเรื่องราวตลอด 1 ปีที่เราไม่ได้พบกันไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่นี้ ต่างฝ่ายต่างทำแบบนี้จนครบ 5 ปี คำสัญญานี้ ฟ้าทำได้ไหมครับ"
"ได้สิ แล้วถ้าสมมุติว่าในปีใดปีนึงไม่มีของฝังไว้ล่ะ"
"ก็ถือว่าเรื่องระหว่างเราสิ้นสุดลง น้ำรู้นะว่าคำสัญญานี้มันอาจจะทำให้เราทั้ง 2 คนรู้สึกเหงาและก็คิดถึงกันมากแต่ว่า.....ถ้าความรู้สึกที่เรามีให้กันมันเป็นของจริง ระยะเวลาแค่ 5 ปีมันจะต้องไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"
"นั่นสินะ....ช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน ฟ้าคงคิดถึงน้ำมากแน่ๆ"
"ถึงตัวเราจะห่างแต่ใจเราจะอยู่ด้วยกันเสมอนะครับ.....เหมือนกับทะเลที่อยู่ชิดขอบฟ้าตลอดเวลา"
"น้ำเป็นทะเล ส่วนฟ้าก็เป็นฟ้าสินะ"
"ใช่แล้วครับ....เรามาเกี่ยวก้อยสัญญาไว้ดีกว่า"
"อีก 5 ปีนะน้ำ"
"ครับ อีก 5 ปี เราจะกลับมาเจอกันที่นี่"
"สัญญาแล้วนะ"
"สัญญาครับ"
"คิดถึงจัง" ผมลูบกำไลข้อมือที่ตัวเองใส่เบาๆ นี่เป็นของชิ้นแรกที่น่านน้ำฝังไว้ให้ผม มันเป็นสร้อยข้อมือที่มีจี้ตัวอักษร P กับ N อยู่คู่กัน ส่วนของชิ้นแรกที่ผมฝังไว้ให้เขาก็คือผ้าพันคอ
เป็นผ้าพันคอถักเองที่ไม่สวยเอาซะเลย
ผมใช้เวลานานพอสมควรเลยกว่าจะถักมันเสร็จ ก็หวังอยู่ในใจลึกๆ นะว่าน่านน้ำจะเอามันไปใช้ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยสวยก็เถอะ ย้อนกลับไปคิดนี่ก็ตลกจริงๆ นั่นแหละ การขุดของในแต่ละปีมันก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นนะครับ ของแต่ละอย่างที่น่านน้ำให้ผมมามักจะเป็นของที่เป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงคำว่าเรา ส่วนผมจะชอบฝังของใช้ไว้ให้เขามากกว่า
ตอนที่น่านน้ำเปิดกล่องดูต้องหัวเราะแน่ๆ เลย
ในทุกๆ ปีมีของฝังไว้ตลอดเลยนะครับ แต่ปีนี้มันเป็นปีที่เรา 2 คนต้องกลับมาพบกัน ตอนนี้ก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ผมไม่รู้ว่าน่านน้ำจะมาเมื่อไหร่ เคยคิดเหมือนกันนะว่าถ้าถึงเวลาที่เราต้องเจอกันแล้วเขาไม่มา ผมจะต้องทำยังไง ตัดใจและเริ่มใช้ชีวิตใหม่งั้นหรอ.....ใครมันจะไปทำได้กัน
"เฮ้อ...."
เมื่อไหร่จะมานะน้ำ
"ฟ้า"
เสียงนี้มัน....
ผมหันไปตามเสียงเรียกก็พบร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดำ ในมือเรียวนั่นถือช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่เอาไว้ ดวงตาสีดำคู่นั้นยังมีเสน่ห์ไม่เปลี่ยน ถ้ามีอะไรที่เปลี่ยนไปคงจะเป็นผิวที่ขาวมากขึ้นกว่าเดิม กับส่วนสูงที่เพิ่มขึ้น ตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่สูงเลยไหล่เขาไปแค่นึงเดียวเอง สายตาผมไล่มองมาถึงริมฝีปากบางที่คลี่ยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่ผมจำได้ไม่มีวันลืมเลย
น่านน้ำกลับมาหาผมแล้วครับ
"น้ำ"
"ใช่ฟ้าจริงๆด้วย" ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม "ไม่เจอกัน 5 ปี ฟ้าเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ"
"น้ำก็เหมือนกัน"
"แต่ความรู้สึกของน้ำยังเหมือนเดิมทุกอย่างนะ" มือเรียวค่อยๆ ยื่นช่อกุหลาบขาวมาทางผม "น้ำยังจำได้ทุกอย่างว่าฟ้าชอบอะไรและก็ไม่ชอบอะไร"
ผมรับช่อดอกกุหลาบขาวมาถือไว้ก่อนจะยิ้มบางๆ "ขอบคุณนะที่ยังจำได้ ขอบคุณที่น้ำยังเหมือนเดิม"
"ฟ้าก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมอยู่ใช่ไหม"
"เหมือนเดิมสิ ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจฟ้าได้อยู่แล้ว"
"น้ำมีเรื่องจะอยากเล่าให้ฟ้าฟังหลายอย่างเลยนะ" เจ้าเอ่ยก่อนจะยกมือขึ้นมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ "แต่ว่ามีเรื่องๆนึงที่สำคัญมากๆ และน้ำก็ต้องบอกฟ้าก่อนเรื่องอื่น"
"เรื่องอะไรหรอ"
"น้ำรักฟ้านะ"
ตึกตัก
ผมยืนมองคนตรงหน้านิ่งๆ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา หัวใจเต้นผิดจังหวะเลยนะหลังจากที่ได้ยินคำว่ารักน่ะ ช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน ยอมรับเลยครับว่าผมเหงาและคิดถึงน่านน้ำมาก แต่พอมาได้ยินเขาบอกรัก ผมก็รู้สึกดีใจนะที่เวลาผ่านไป 5 ปี เขายังรักผมเหมือนเดิม ดีใจที่ความรู้สึกของน้ำไม่ได้เปลี่ยนไป ดีใจจริงๆ
อา....รู้สึกแก้มร้อนชะมัด
นี่ผมกำลังเขินอยู่สินะ
"บอกรักแค่นี้อึ้งเลยหรอหืม"
"ปะ...เปล่าสักหน่อย" ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ "ก็อยู่ดีดีน้ำมาบอกรักอ่ะ ฟ้าก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา"
"งั้นหรอ" มือเรียวเอื้อมมาจับมือผมเอาไปกุมไว้ "ฟ้าครับ"
"หืม"
"ต่อจากนี้ขอให้น้ำได้ดูแลฟ้าตลอดไปเลยนะครับ" เสียงนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับยกมือผมขึ้นมาจูบเบาๆ บนหลังมือ "เป็นแฟนกันนะ"
ตึกตัก
หัวใจเต้นแรงกว่าเมื่อกี้นี้อีก
"ว่าไงครับฟ้า ตกลงไหม"
ผมพยักหน้ารับเบาๆ "ครับ ฟ้าตกลง"
"ขอบคุณนะครับ" น่านน้ำยิ้มหวานออกมาก่อนจะเดินเข้ามากอดผม
อืมมม...อุ่นจัง
รอสัมผัสนี้มาตั้งนาน
ผมลูบหลังร่างสูงเบาๆ ตาก็ชายมองทะเลไปด้วย ต้องขอบคุณทะเลสินะที่ทำให้เราได้พบกัน สถานที่นี้เป็นทุกๆ อย่างของความทรงจำจริงๆ ตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นเร็วมาก ของน่านน้ำเองก็คงไม่ต่าง ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ การรอคอยอันยาวนานของผม 2 คนได้จบลงแล้ว
"ขอบคุณที่กลับมาหาฟ้านะ" ผมคลายกอดก่อนจะมองคนตรงหน้า "ขอบคุณที่รักษาสัญญาของเรา"
"น้ำก็ต้องขอบคุณฟ้าเหมือนกัน....จำได้ไหมครับที่น้ำเคยพูดเรื่องคำสัญญาก่อนที่น้ำจะไป"
"จำได้สิ ฟ้าจำได้ทุกคำเลยนะ"
น่านน้ำก้มลงมาเอาหน้าผากชนกับหน้าผากผมไว้ "ไหนลองพูดให้ฟังหน่อยสิครับ"
"น้ำบอกว่า.....คำสัญญานี้มันอาจจะทำให้เราทั้ง 2 คนรู้สึกเหงาและก็คิดถึงกันมากแต่ว่าถ้าความรู้สึกที่เรามีให้กันมันเป็นของจริง ระยะเวลาแค่ 5 ปีมันจะต้องไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"
"ใช่ครับ เหมือนกับคำพูดที่ว่า...
Distance doesn't count if there is love in between"
ระยะทางไม่มีความหมายสำหรับคนที่มีรักสิ้นประโยคนั้นริมฝีปากบางก็ทาบทับลงมาอย่างแผ่วเบา รับรู้ได้ถึงความรู้สึกอ่อนโยนที่เขาต้องการจะมอบให้ แต่เพียงไม่นานใบหน้าหล่อก็ละจูบออกไปก่อนจะยกมือมากุมแก้มของผมไว้ ดวงตาคมที่มองผมมันแสดงออกถึงความรักและความจริงใจที่ไม่เคยเปลี่ยน ผมชอบทุกอย่างที่เป็นน่านน้ำจริงๆ นั่นแหละ
ไม่สิ....ต้องเรียกว่ารักต่างหาก
"น้ำกลับมาหาแล้วนะครับ"
"ครับ...."
อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ.....
-------------------- END. --------------------
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ