Monday
ในมหาวิทยาลัยของเด็กหนุ่มมีสระน้ำขนาดใหญ่ ในสระมีปลาตัวอวบอ้วนที่โตวันโตคืนจากการให้อาหารของเหล่านักศึกษาอยู่มากมาย เพื่อนของเขาชอบชวนเขาไปนั่งบนสะพานไม้ที่เชื่อมสองฝั่งของสระน้ำอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุผลว่าบรรยากาศดีและเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ แต่เด็กหนุ่มมักปฏิเสธไปด้วยความขี้เกียจ
"ไปเถอะน่า" วันนี้หลังเลิกเรียนวิชาสุดท้าย พอออกมาด้านนอกฟ้าก็มืดแล้ว หน้าหนาวแบบนี้ค่ำเร็วกว่าปกติ สายลมเย็นยามค่ำหอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้ที่ปลูกอยู่รายรอบคณะมาด้วย เขายืนอยู่ด้านนอกพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนตรงหน้าตึกคณะ ฟาดฟันกันด้วยคำพูดว่าจะกลับหอไปนอนหรือจะไปนั่งเล่นที่สะพานข้ามสระน้ำดี
"ขี้เกียจ"
เด็กหนุ่มตอบสั้นๆ สมองยังเบลอกับเนื้อหาที่อาจารย์ระดมอัดใส่สมองอยู่ ใจนี่บินกลับไปที่หอเรียบร้อยแล้ว
"น่า ถือว่าไปผ่อนคลายไง"
"มืดแล้ว"
"เออ ไม่ร้อนไง จะได้นั่งนานๆ"
"ยุงกัด"
"ชวนไปกลางวันก็บอกร้อน ชวนไปกลางคืนก็บอกยุงกัด อะไรของมึง"
"กูมากกว่าที่ต้องพูดคำนั้น ทำไมชอบไปที่สะพานนัก" เด็กหนุ่มถอนหายใจพลางมองเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนหมาโดนทิ้งเข้าไปทุกที
"เอาขนมปังไปให้อาหารปลา"
"มึงเป็นหุ้นส่วนกับลุงคนขายหรือไง"
"น่า ไปเหอะ วันนี้เรียนเหนื่อยๆ ไปนั่งพักก็ได้"
"ไม่รู้สึกผิดกับกองรายงานที่ต้องส่งเรอะ ไฟนอลนี่สอบชาติหน้า?"
ไม่ได้อยากจะพูดมากหรอกนะ แต่เพื่อนเขาก็ช่างชิลเหลือเกิน นรกจ่อปลายจมูกแล้วแท้ๆ พอโดนสวนไปตรงๆ เพื่อนสนิทที่ตอนแรกยังทำสีหน้าเกรี้ยวกราดอยู่ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นตัดพ้อทันที
“ใช่สิไอ้ฟ้าเรามันไม่สนิทกัน"
"อะไรเนี่ย"
"มึงไม่ไปกับกู ชวนกี่รอบๆ ก็ไม่เคยไป"
"..."
"เวลามึงชวนกูไปไหนก็ไปด้วยตลอด ไปกินข้าว ไปทิ้งขยะ ไปซักผ้า ล้างจาน ถูบ้าน ทำกับข้าว เข้าห้องน้ำ"
"เดี๋ยว..." กูไม่เคยชวนมึงไปเข้าห้องน้ำ...
"ทีกูชวนกลับไม่ยอมไป!"
"องค์เจ้าแม่อะไรลงประทับวะเนี่ย"
"พอที...มิตรภาพเรามันก็เท่านี้สินะ"
"มึงชักจะเล่นใหญ่ไปละ"
เด็กหนุ่มกลอกตา ตบหัวเพื่อนไปป้าบใหญ่จากนั้นก็พูดออกมาแบบปลงๆ ว่า "เอ้าไปก็ไป"
ดังนั้นพวกเขาสามคนเลยมาลงเอยที่พื้นของสะพานข้ามสระน้ำด้วยประการฉะนี้
บริเวณสะพานไม้ยามนี้แม้ไม่ถึงกับคึกคักแต่ก็ไม่ได้ว่างโล่งเหมาะแก่การพักผ่อนแบบที่เพื่อนโฆษณา เมื่อม้านั่งบนตัวสะพานไม่ว่างสามหนุ่มจึงโยนเป้ลงแล้วตัดสินใจนั่งพื้น เพื่อนของเขาเดินไปซื้อขนมปังสำหรับให้อาหารปลาแต่ปรากฏว่าคุณลุงเพิ่งขายสองถุงสุดท้ายไปเมื่อกี้ มันเลยได้แต่เดินหงอยกลับมา
"ไม่ต้องร้องนะ" เขาตบไหล่เพื่อน "มึงโดดลงสระไปแทนสิ กูว่าปลาพวกนี้อะไรตกลงไปก็กินหมดแหละ"
"กูเสียใจ..."
เพื่อนของเขาทำหน้าหงอยๆ จากนั้นก็ฟุบลงกับราวสะพาน มองตามขนมปังชิ้นเล็กๆ ที่นักศึกษาคนอื่นโยนให้ปลาด้วยท่าทางเหมือนหมามองตามอาหาร
จ๋อม
ขนมปังชิ้นหนึ่งลอยมาตกตรงหน้า ตัวเขาเองก็ชักสนใจขึ้นมาแล้ว ปลาพวกนี้แม่งตะกละชิบหาย ใครโยนอะไรไปแดกเรียบ นี่ปลาดุกหรือปิรันย่า
นั่นๆ ขนมปังชิ้นนั้นโดนปลาตัวใหญ่พุ่งเข้าใส่ หายไปในเสี้ยววินาที
"เชี่ย ปลาเพชรฆาต"
จ๋อม
ขนมปังอีกชิ้นถูกโยนลงมาใกล้ๆ
"เชี่ยยย ปลาดุกแม่งน่ากลัวสัส เฮ้ยมึงๆ ปลาตัวนั้นพันธุ์ไรวะ แม่งโผล่มาฮุบเหยื่อไวมาก"
“มึงใจเย็นๆ นะ ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น”
“กูจำได้ว่าคนที่บอกไม่อยากมาตอนแรกคือมันนะ แล้วไอ้คนที่ตื่นเต้นชิบหายกับการที่ปลาแดกขนมปังนี่มันใครวะ”
จ๋อม
คราวนี้ขนมปังสามชิ้นตกลงไปในน้ำตรงหน้าพวกเขาพอดิบพอดี
"เฮ้ยยย ไอ้หนู สู้เขาๆ โห่ ทำไมแย่งขนมปังไม่ทันเขาเลย"
"มึง...ใจเย็นนะ...นี่ปลาไม่ใช่นักมวย"
จ๋อม
ขนมปังอีกชิ้นลอยละลิ่วมาตกใกล้ๆ คราวนี้ใกล้มากจนตอนที่ปลากระโดดขึ้นงับน้ำถึงกลับกระเซ็นมาโดนขา
"เฮ้ยๆ ตรงนั้นๆๆ ตรงนั้นมีปลากระโดดขึ้นมาด้วย"
แสงสีเงินแวบๆ สะท้อนมาจากหางตา เด็กหนุ่มเลยชี้มือไปตามที่ตนมองเห็น ใครจะรู้ว่าขนมปังชิ้นใหญ่จะถูกโยนไปตกตรงที่เขาชี้พอดี คราวนี้พวกปลาไม่รอช้า รีบพุ่งเข้าใส่ทันที ขนมปังก้อนใหญ่ถูกรุมทึ้ง ผิวน้ำกระจายเมื่อปลาหลายตัวกลุ้มรุมขนมปังชิ้นเดียว
เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง เพื่อนๆ ของเขาก็อ้าปากค้าง
"มึง..."
"มึง..."
เขากับเพื่อนพูดขึ้นพร้อมกัน ไม่รู้ตกใจหัวข้อเดียวกันหรือเปล่า
"มึงว่าปลาพวกนี้กินคนป่ะวะ"
"มึงหันมาข้างหลังเร็ว"
"หืม..."
เด็กหนุ่มยังไม่ละสายตาจากฝูงปลาแต่เพราะเพื่อนเอาแต่สะกิดยิกๆ ไม่หยุดเขาเลยต้องหันกลับไป
ที่ราวสะพานตรงข้ามกับฝั่งที่พวกเขานั่ง มีเด็กหนุ่มอีกคนนั่งยิ้มอยู่ เส้นผมสีน้ำตาลหยักศกนิดๆ กับลักยิ้มที่ข้างแก้มและรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันเขี้ยวของเขาปรากฏชัดอยู่ใต้แสงไฟสีส้มสลัว ในมือเขามีถุงพลาสติกเปล่าๆ อยู่หนึ่งถุง
"เอ่อ..." รู้สึกเหมือนถูกลักยิ้มกับรอยยิ้มนั้นโจมตีจนไปไม่ถูก พอเห็นเขาทำหน้างงๆ ผู้ชายที่ถือถุงพลาสติกเปล่าคนนั้นก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
เขาไม่ชอบให้ใครมาหัวเราะใส่หน้าดังนั้นเขาเลยหน้าแดงเพราะหงุดหงิดระคนเขินอาย
เพื่อนเขาเห็นท่าไม่ดีเลยโน้มตัวมากระซิบ "ท้องฟ้า”
"อะไร"
"มึงรู้ตัวหรือเปล่า...ว่าเขาพยายามโยนขนมปังให้มาตกตรงหน้าเราตั้งนานแล้ว"
"..."
"มึงเห็นปลาพวกนี้ได้ชัดๆ เพราะเขาเลยนะเว้ย"
แม่งเหมือนจะโรแมนติก...แต่ก็ไม่
บทเหมือนจะคอเมดี้นิดๆ ด้วยซ้ำ แต่ว่า...
คราวนี้จากหน้าแดงเพราะความหงุดหงิดเด็กหนุ่มเลยเปลี่ยนมาหน้าแดงเพราะความเขินอายแทน ตอนนั้นเองที่เพื่อนอีกคนของเขาพึมพำขึ้นมาว่า
"มนต์รักขนมปังปลา"
"มึงเงียบไปเลย!"
เด็กหนุ่มใต้แสงไฟผู้ใจดีโยนขนมปังปลามาตรงหน้าพวกเขาหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง ท้องฟ้ารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกเขย่าด้วยรอยยิ้มของอีกฝ่าย