▲▲As an escort
#เพื่อนนอนตอนที่ 10‘ผมรักคุณคนเดียว’ ประโยคบอกรักที่วนอยู่ซ้ำๆ ในห้วงความทรงจำทำให้คนที่หลุดไปในห้วงอดีตหน้าขึ้นสีเรื่อ ชวนให้คนลอบมองที่นั่งข้างๆ กันต้องเอ่ยคำถามอย่างสงสัย
“วันนี้เห็นเธอยิ้มแบบนี้หลายครั้งแล้ว มีเรื่องดีๆ อะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า?” น้ำเสียงทุ้มที่ยังอบอุ่นอย่างที่เคยเอ่ยถามขณะที่มือก็ยังคงพลิกเอกสารไปมา สามตาคู่คมไม่ได้จับจ้องกดดัน เหมือนจะถามเพียงผ่านๆ แต่ใจเจ้าของรู้ดีว่าเขากำลังรอคอยกับคำตอบ
“ก็นิดหน่อยครับ”
“เกี่ยวกับเรื่องที่ไปบ้านคุณยายเจ้าธีวันเสาร์ที่ผ่านมา?”
“คุณฐารู้เหรอครับ”
“มีเรื่องอะไรของเธอบ้างที่ฉันไม่รู้”
คำย้อนนั้นทำให้ดวงตาคนตั้งคำถามหลุบลงต่ำ มือที่กำปากกาคล้ายจะสั่นระริกอย่างที่เจ้าของก็ไม่อาจรู้ตัว “ก็แค่ไปทานข้าว นอนค้าง แล้วคุณยายก็สอนทำขนมด้วยน่ะครับ”
“ฝีมือคุณยายดีมากเลยนะ ขนมอร่อย กับข้าวก็อร่อย ฉันเองยังชอบทาน”
“แล้วคุณยายยังใจดีด้วยนะครับ” ปูรณ์เงยหน้าขึ้นมาบอกแล้วยิ้มกว้าง ให้คนมองอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นเบาๆ
“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอยิ้มได้แบบนี้”
“ผม...”
“อย่าลังเลที่จะมีความสุขเลยนะปูรณ์ เธอสมควรมีมันตั้งนานแล้ว”
“คุณฐาเอง ก็มีความสุขดีใช่ไหมครับ”
“นั่นส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับเธอ”
“เอ๋?”
“เพราะฉันเคยบอกไปแล้วว่าฉันอยากให้เธอมีความสุข ถ้าเธอรู้สึกแบบนั้นได้จริงๆ ฉันก็จะมีความสุขไปด้วย”
ไม่รู้ว่าถ้อยประโยคหวังดีอย่างจริงใจนั้นควรทำให้คนฟังอย่างเขารู้สึกอย่างไรได้มากกว่ากัน ใจหนึ่งก็เป็นสุขเพราะรู้ว่าความหวังดีนั้นสัมผัสได้จริงๆ หากอีกใจก็คล้ายจะเจ็บปวดเมื่อเห็นอีกคนคล้ายจะปล่อยมือกันได้อย่างง่ายดาย
อาจจะเพราะที่ผ่านมาคุณฐาก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ได้รัก ความรู้สึกลึกซึ้งที่มีแต่เขาที่จมอยู่กับมันมาตลอดสามปีเพียงฝ่ายเดียวจะหวังเรียกร้องอะไรตอนนี้คงไม่ได้สินะ
“อย่าได้คิดอะไรมากมายเลยปูรณ์” น้ำเสียงนั้นยังอ่อนโยน สัมผัสแผ่วเบาที่ลูบลงบนศีรษะทุยสวยก็ยังคงเหมือนเคย “ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีกับเธอมากไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นเธอยิ้มได้ หัวเราะได้ แววตาของเธอบอกฉันแบบนั้น”
“.....”
“อย่าลังเลที่จะเปิดใจเลยนะ ฉันไม่ได้พูดเพราะอยากผลักไสเธอให้ใคร ฉันก็ยังเป็นฉันที่เธอรู้จักมาตลอด เราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนั่นก็เพราะฉันอยากให้เธอก้าวไปข้างหน้า แต่ขอให้เธอรู้ไว้ ไม่มีวันไหนเลยที่ฉันปล่อยมือออกจากเธอ”
“.....”
“วันแรกที่เรารู้จักกันฉันหวังดีกับเธอยังไง จนถึงวันนี้มันก็ยังคงเหมือนเดิมแบบนั้น”
ความหวังดีที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนเป็นอื่น ..รวมถึงไม่เคยเป็นความรักแบบที่ปูรณ์เคยต้องการ
“ขอบคุณนะครับคุณฐา” ปูรณ์พนมมือไหว้ คล้ายๆ ความรู้สึกที่ถูกผูกรั้งกันไว้ค่อยๆ ถูกคลายเกลียวลงทีละน้อย ทีละน้อย
“คนที่เธอควรขอบคุณมากกว่าฉันคือคนที่กำลังรอรับเธอหลังเลิกงานอยู่ตอนนี้หรือเปล่า?”
“ผม...”
“หน้าแดงซะแล้ว พูดแค่นี้”
ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาด้วยเพราะไม่รู้จะแสดงอาการกึ่งเขินอายนี้อย่างไรดี
“มีความสุขให้เยอะๆ ฉันขอจากเธอแค่นี้”
“ครับ”
“เย็นนี้คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?” คำถามดังจากคนขับรถทันทีที่ทั้งคู่ขึ้นมานั่งเคียงกันเรียบร้อยเหมือนอย่างทุกๆ วันที่ผ่านมา
“กลับไปที่ห้องได้ไหมครับ ผมอยากทำแกงส้มที่คุณยายคุณสอน เผื่ออร่อยจะได้ทำไปฝากท่านด้วย ไปรบกวนท่านบ่อยๆ จนผมเกรงใจจะแย่”
“คุณไม่ต้องเกรงใจหรอก คุณยายผมเต็มใจ”
“ถึงจะอย่างนั้นแต่ผม...”
“หลานชายคุณยายก็เต็มใจ” รอยยิ้มของเจ้าของรถยืนยันประโยคที่โพล่งขึ้นแทรก และนั่นก็ทำให้ริมฝีปากอิ่มอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มออกมา
...ถ้าคุณฐาอยากให้เขามีความสุข เขาเองก็อยากมีความสุขให้เต็มที่เหมือนกัน“ถ้าอย่างนั้น หลานชายคุณยายพาผมไปซุปเปอร์ได้ไหมครับ ที่ห้องมีของไม่ครบ ว่าแต่คุณอยากทานอะไรเพิ่มเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“คุณจะทำแกงส้มกุ้งใช่ไหม เพราะคุณรู้ว่าผมชอบกิน”
“ไม่เกี่ยวเลยครับ เพราะคุณยายคุณสอนเมนูนี้มาต่างหาก”
“เพราะคุณยายรู้ไงว่านี่เมนูโปรดผม ถ้าอย่างนั้น ผมอยากได้ไข่เจียวกุ้งสับ กับกุ้งทอดซอสมะขามเพิ่ม คุณทำเป็นหรือเปล่า”
“คุณธีจะไม่ทานอย่างอื่นเลยเหรอครับ”
“ผมชอบนี่นา”
“แน่ใจนะครับว่าจะไม่เบื่อ”
“คุณไม่รู้เหรอ ว่าผมเป็นคนที่ชอบอะไรแล้วก็จะชอบอยู่แบบนั้นอย่างเดียว ไม่เบื่อง่ายๆ หรอก” ความนัยที่มาพร้อมประโยคเคลือบเสียงหัวเราะทำให้คนฟังหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ เดี๋ยวนี้ปูรณ์เขินบ่อยเพราะอีกฝ่ายชอบพูดจาทำนองนี้ใส่เขาตลอด และเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเปลี่ยนเรื่องให้พ้นตัวไปเท่านั้น
“งั้นมือนี้คุณธีให้ผมออกค่าอาหารเองนะครับ พวกเครื่องปรุงอะไรด้วย คุณธีจ่ายมาหลายมื้อแล้ว”
“แต่ผมไปรบกวนคุณ ให้ผมออกน่ะดีแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ” ได้โอกาสคนที่แพ้ย่อยยับทุกครั้งที่โดนหยอดจึงอยากเอาคืนบ้าง “เพราะผมเองก็เต็มใจเหมือนกัน”
หลังจบมื้อเย็นที่กว่าจะซื้อของ กว่าจะทำ กว่าจะทานเสร็จก็กินเวลาเกือบสามชั่วโมง สองคนที่ตอนนี้คนหนึ่งอิ่มจนแทบจะจุกก็ย้ายที่นั่งจากโต๊ะอาหารมาเป็นบนพื้นพรมหน้าโซฟาเพื่อเริ่มกิจกรรมดูหนังที่เดี๋ยวนี้ธนาดลชอบหอบแผ่นหนังมาชวนปูรณ์ดูด้วยกันบ่อยๆ
“คุณยายโทรมาบอกด้วยว่าอาหารของศิษย์เอกอร่อยมากเลย”
เพราะหลังจากที่ทำอาหารเสร็จ ปูรณ์ก็แบ่งส่วนหนึ่งให้เด็กที่คุณธีโทรตามให้มาเอาอาหารไปฝากคุณยาย ทั้งแกงส้มกุ้ง และกุ้งทอดซอสมะขาม พอได้ยินคำชมแบบนั้น คนที่ลองทำอาหารก็ยิ้มขึ้นมาได้เต็มแก้ม
“ไม่สู้ที่คุณยายทำหรอกครับ”
“ไม่สู้ได้ไง ผมกินข้าวเกือบสามจาน ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ทุกวันผมแย่แน่ๆ ซิกส์แพ็คผมคงหายหมด”
“เคยมีด้วยเหรอครับ”
“อ้าว ผมเป็นนักกีฬามหาลัยนะ ดูถูกกันนี่นา ผมแก้ผ้าให้คุณดูตอนอิ่มๆ นี่ยังได้ ผมหุ่นดีนะเผื่อคุณไม่รู้”
“ผมไม่รู้ครับ... แล้วก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย คุณธีอย่าเนียนนะ”
“โธ่ ผมนึกว่าคุณจะหลงกลให้ผมแก้ผ้าอยู่ด้วยซะแล้ว”
“เดี๋ยวนี้ทะลึ่งใหญ่แล้วนะครับ”
“ผมชอบเห็นคุณหน้าแดง”
“.....”
“น่ารักดี”
พูดมาแบบนั้นแล้วเขาจะเถียงอะไรได้ สุดท้ายคนที่ถูกทำให้เขินครั้งแล้วครั้งเล่าจึงใช้มุกหนีเดิมคือการมุดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“ดูหนังดีกว่าครับ คุณธีชวนผมดูหนังไม่ใช่เหรอ มัวแต่คุยเล่นอะไรไม่รู้”
เสียงหัวเราะที่ดังแว่วมาทำให้แก้มซับสีเลือดฝาดมากขึ้น รู้ดียิ่งกว่ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตารู้ทัน แต่การไม่ตอบโต้ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดตอนนี้แล้ว
“ปูรณ์”
“.....”
“ปูรณ์”
“.....”
“ปูรณ์ครับ”
“อื้อ...”
“ถ้าคุณไม่ตื่นผมอุ้มคุณเข้าไปในห้องนะ”
“.....”
“แล้วถ้าผมนอนด้วยคืนนี้คุณจะไม่โกรธตอนตื่นมาใช่ไหม”
“.....”
“แค่นอนเฉยๆ ผมสัญญาจะไม่แอบทำอะไร”
“.....”
“แต่แอบหอมแก้มนิดเดียวคุณคงไม่รู้หรอกเนอะ”
ธนาดลพูดทั้งหมดนั่นอยู่คนเดียวพลางอุ้มคนที่หลับไปตั้งแต่หนังยังเล่นไม่ถึงกลางเรื่องให้เข้าไปนอนบนเตียงในห้องดีๆ อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบเบาๆ บนหน้าผากเนียนพร้อมบอกฝันดี ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนที่ห้องถึงแม้จะพูดเล่นไปแบบนั้นก็ตาม แต่มือเรียวของคนหลับที่กำชายเสื้อเขาเอาไว้ก็ทำให้ต้องทรุดตัวลงนั่นบนเตียงนั้นแทน
“หลับไม่รู้เรื่องแท้ๆ ยังรั้งผมไว้อีก”
ปลายนิ้วสะอาดเกลี่ยปอยผมที่ปรกระหน้าตา ระหน้าผากออกให้อย่างเบามือ นั่งข้างๆ มองใบหน้าเนียนที่หลับพริ้มใต้แสงสลัวพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“รักผมบ้างรึยังนะปูรณ์” คำถามสุดท้ายดังขึ้นในความเงียบของยามค่ำคืน ก่อนที่ร่างสูงจะหลับตามไปช้าๆ ด้วยความง่วงงุนเช่นเดียวกัน
ในขณะเดียวกันที่เกิดความสงบเงียบขึ้นภายในชั้นแปด โถงกลางของชั้นเจ็ดที่เปิดไฟสว่างไสวแทบจะตลอดเวลากลับมีลูกค้าวีไอพีนั่งดื่มอยู่คนเดียวเงียบๆ ที่บาร์กลางโถง เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าถูกเสิร์ฟและเติมเข้าปากไม่ขาดสาย หากในขณะที่แก้วล่าสุดกำลังจะถูกกรอกตามไปนั้น มือบางของเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์สว่างก็ยื่นมาห้ามเอาไว้ได้เสียก่อน
“ทำไมช่วงนี้ลูกค้าของเราถึงเอาแต่มาเมาที่นี่ก็ไม่รู้นะครับ”
“ก็ที่นี่เป็นบาร์เหล้า”
“ปกติคุณนลขึ้นมาดื่มเหล้าที่ชั้นเจ็ดเหรอครับ?”
“แล้วปกติเพื่อนฉันสอนให้เอสคอร์ทที่นี่บริการลูกค้าด้วยการยอกย้อนแบบนี้หรือไง”
“คุณฐาสอนให้เรา ตามใจ ลูกค้าต่างหาก” คำว่าตามใจถูกเน้นด้วยน้ำเสียงยั่วยวน พร้อมๆ กับที่สะโพกกลมกลึงของร่างบอบบางนั่งเบียดลงพนักเก้าอี้ที่อนลนั่งดื่มอยู่
“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยมือจากแก้วเหล้าของฉันได้แล้ว”
“ถ้าเอาแต่ดื่มแล้วเมา คืนนี้ก็ไม่สนุกสิครับ”
“ฉันไม่ได้มาเพื่อสนุก” ดวงตาคู่คมแวววับ จับจ้องเอสคอร์ทอันดับสามของที่นี่อย่างไม่สบอารมณ์เพราะถูกก่อกวน
“อย่างนั้นหรือครับ?” มือบางยอมปล่อยแก้วเหล้าตามคำบอก แต่ก็ใช้มือข้างเดียวกันนั้นไล้เรื่อยไปตามท่อนแขนแกร่ง ไหล่หนา ก่อนจะกึ่งๆ โอบบ่ากว้างเอาไว้แล้วโน้มกายเข้าหาแล้วเอียงหน้าถาม “ทั้งที่คนส่วนมาก มาที่นี่เพื่อหาความสนุกแบบนั้นแท้ๆ”
“ฉันไม่ได้ต้องการ”
“คุณนลไม่ต้องการ หรือคนที่คุณนลต้องการให้ความสนุกคุณนลไม่ได้กันแน่”
“นี่เธอ!”
แม้จะถูกเสียงดังใส่ แต่กลณัฏฐ์ก็ยังเผยรอยยิ้มยั่วยวนแบบที่เจ้าตัวถนัด “จะไม่สนใจผมจริงๆ เหรอครับ?”
“หึ” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในคอ เขารู้จักเอสคอร์ทคนนี้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยเรียกใช้บริการเพราะเขาไม่เคยชอบท่าทียั่วยวนเปิดเผยแบบนี้ เขามองว่ามันดูจงใจล่อให้คนเข้าหามากเกินไปและไร้เสน่ห์ เพราะคนที่มีเสน่ห์ในสายตาเขาคือคนที่อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องพยายามจนน่ารำคาญ แต่ก็ยังดึงดูดสายตาเขาได้แบบเอสคอร์ทอันดับหนึ่งคนนั้นต่างหาก
หากแต่ผู้จัดการก็บอกเขาแล้วว่าช่วงนี้ปูรณ์ไม่สะดวกรับแขก เขาถึงต้องมาดื่มเหล้าอยู่แบบนี้แทน
แต่ดูเหมือนความตั้งใจของเขากำลังถูกทำลายลงเสียแล้ว
“ไหนลองบอกมาสิ ว่าเธอมีอะไรน่าสนใจ”
ขาข้างหนึ่งของคนถูกตั้งคำถามยกขึ้นไขว่ห้างทั้งที่ยังนั่งหมิ่นเหม่บนพนักเก้าอี้ ใบหน้าสวยเกินชายก้มลงต่ำ สบตาคนที่เงยหน้าขึ้นท้าทายพลางแย้มรอยยิ้มที่ทำให้คนติดใจมาแล้วนับไม่ถ้วน ก่อนจะก้มลงกระซิบชิดริมหู
“ของแบบนี้ เขาไม่ได้บอกกันด้วยคำพูดนี่ครับ” ริมฝีปากได้รูปไม่ได้ละออกมาหลังเอ่ยถ้อยประโยคนั้นจบ กลับจงใจขมเม้มแผ่วเบาไล่เรื่อยตามใบหู ลำคอ จนถึงต้นคอที่กลิ่นน้ำหอมผู้ชายยังคงหอมฟุ้ง “แล้วตำแน่งอันดับสามของผม ก็ช่วยการันตีให้คุณได้นะครับ ถ้าคุณอยากรู้”
“ฉันไม่ได้อยากรู้”
“.....”
“แค่อยากลองดูเท่านั้น” สิ้นถ้อยคำนั้น มือที่เคยถือแก้วเหล้าก็รั้งร่างบางให้นั่งคร่อมลงมาบนตัก ริมฝีปากหยักบดจูบลงบนกลีบปากอิ่มที่ยั่วยวนอยู่ไม่ห่าง เพิ่มความร้อนแรงตามแรงมือที่บีบเค้นอยู่ตรงช่วงเอวบางก่อนจะสอดเข้าไปในชายเสื้อเชิ้ตเนื้อนุ่ม ลูบผิวเนื้อเนียนใต้ร่มผ้าอย่างย่ามใจเมื่อคนบนตักคล้อยตามอย่างไม่มีทีท่าจะห้าม เสียงจูบดังขึ้นระหว่างคนทั้งคู่เนิ่นนานจนเรียกเสียงครางอย่างพอใจในลำคอของทั้งสอง ก่อนที่คนตัวบางกว่าจะเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน
“ผมมีเวลาแสดงให้คุณเห็นจนถึงเช้า”
“.....”
“แต่ต้องไม่ใช่ตรงนี้ครับ”
หลังจากนั้นมือบางก็คล้องโอบรอบลำคอแกร่งเมื่อตัวเขาถูกอุ้มขึ้น ริมฝีปากถูกปิดอีกครั้งและอีกครั้งด้วยริมฝีปากคู่เดิม และกลณัฏฐ์ก็ต้องใช้เวลาทั้งคืนเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นน่าสนใจจริงตามที่ได้เอ่ยอวดอ้างเอาไว้
“คุณธี”
“.....”
“คุณธีครับ ตื่นได้แล้ว” แรงเขย่าเบาๆ ที่แขนและเสียงเรียกแว่วๆ ทำให้ร่างสูงบนเตียงค่อยๆ ลืมตาตื่น กระพริบตาช้าๆ เพื่อปรับกับแสงสว่างภายในห้อง ก่อนจะเอ่ยถามทั้งที่ยังง่วงงุน
“กี่โมงแล้ว”
“หกโมงครึ่งแล้วครับ วันนี้ยังต้องเข้าบริษัทอีก คุณธีตื่นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาทานข้าว ผมทำข้าวต้มกุ้งเอาไว้”
“เช้าจัง ผมขอนอนอีกนิดได้ไหม”
“ถ้านอนอีกนิดคุณธีจะไปทำงานสายนะครับ”
“ไม่เป็นไร บริษัทพ่อ ไม่มีใครว่าผมหรอก”
“โตแล้วทำไมงอแงแบบนี้ครับ”
“ผมง่วง”
“คุณลุกไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวก็หายง่วงแล้ว”
“ผมอาบในห้องคุณได้ไหม”
“แต่ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าคุณธีนะครับ”
“เดี๋ยวผมเดินไปเปลี่ยน”
“.....”
“นะ”
“.....”
“ไม่งั้นผมหลับต่อ” ไม่เพียงขู่เท่านั้น แต่คนกึ่งง่วงกึ่งงอแงก็ยังทำท่าว่าจะนอนต่อตรงนั้นจริงๆ
“ลุกเลยครับคุณธี อาบที่นี่ก็อาบที่นี่ เดี๋ยวผมไปเตรียมชุดคลุมกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กให้”
“จูบก่อน”
“ไม่ครับ”
“นะ จูบนิดเดียว”
“ไม่ –“
“นะครับ”
“ทำไมพูดยากแบบนี้ล่ะครับเช้านี้”
“ถ้าคุณจูบผมจะว่าง่ายให้คุณเลย”
“.....”
“นะ”
จุ๊บ...ไม่รู้เพราะคำว่า “นะ” ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหรือสายตาที่มองมานั้นกันแน่ที่ทำให้ปูรณ์ก้มลงไปจูบบนริมฝีปากของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงเบาๆ ด้วยความรวดเร็ว
“ทีนี้ก็ลุกได้แล้วครับ”
“ครับๆ”
ฟอดดด...“คุณธี!”
“ก็คุณจุ๊บผมแล้ว ผมเลยอยากหอมแก้มคุณคืนบ้างนี่นา”
“.....”
“จะได้หายกันไงครับ”
“เกเรชะมัดเลย”
“ผมชอบเวลาคุณดุผมแบบนี้จัง”
“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ!”
“ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้เลย”
“หอมจัง” เสียงทุ้มที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นข้างหูพร้อมใบหน้าคมคายของคนพูดที่ชะโงกผ่านไหล่เขาไปหาข้าวต้มที่ควันยังกรุ่นอยู่บนหม้อทำให้ปูรณ์อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งขึ้นนิดๆ
“เล่นอะไรแบบนี้ล่ะครับ”
“เพราะคุณมัวแต่เหม่อต่างหาก ตอนปิดประตูห้องคุณเมื่อกี๊ผมก็ออกจะเสียงดัง”
“ผมนึกถึงเรื่องของคุณอยู่”
“หืมม ห่างกันแค่สิบ ยี่สิบนาทีผมทำให้คุณคิดถึงได้ตั้งมากขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมแค่สงสัยว่าเมื่อคืนผมไปนอนในห้องได้ยังไง แล้วทำไมคุณก็นอนที่นี่ด้วย ไม่กลับห้องของคุณ”
“คุณหลับไปตั้งแต่หนังยังไม่จบ ผมเลยอุ้มพาคุณไปนอนในห้อง แล้วคุณดึงผมไว้ผมเลยนอนด้วย”
“ไม่จริงหรอก”
“ตรงไหนล่ะครับที่ไม่จริง”
“.....”
“คุณหลับไปแล้ว คุณไม่รู้ตัวหรอกจริงไหม?”
“.....”
“แต่ผมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการจูบหน้าผากแล้วบอกฝันดีคุณหรอกนะครับ”
“คุณธี” เสียงผะแผ่วเรียกคล้ายปรามด้วยเพราะยังคงเขินอยู่เหมือนที่เคย
“ผมอยากให้เราเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จัง”
“.....”
“ผมอยากตื่นมาเจอคุณทุกเช้า เข้านอนพร้อมคุณทุกคืน กินข้าวกับคุณทุกมื้อ ดูหนังกับคุณ อาบน้ำกับคุณ”
“ค... คุณธี”
“อันหลังนั่นล้อเล่นนะครับ พูดเผื่อฟลุ๊ค”
“ยังจะเล่นอีก”
“แต่ที่พูดมาผมพูดจริงนะครับ ผมอยากใช้เวลาในชีวิตผมไปพร้อมๆ กับคุณ”
“จะขอผมแต่งงานเหรอครับ” เพราะโดนเล่นงานมาทั้งเช้าทำให้ปูรณ์อดไม่ได้ที่จะแหย่กลับไปบ้าง
“ผมไม่คิดข้ามขั้นแบบนั้นหรอก” ถึงจะทำอะไรข้ามขั้นไปเยอะก็ตาม “มันต้องเริ่มจากขอคุณเป็นแฟนก่อน”
“.....”
“เป็นแฟนกับผมนะปูรณ์”“.....”
“เป็นคนรักของผม เป็นคนที่ใช้เวลาในชีวิตไปด้วยกันเรื่อยๆ”
“.....”
“นะครับ”
แล้วคำสั้นๆ ที่ใช้อ้อนวอนที่ปูรณ์ได้ยินมาทั้งเช้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“นะ”แล้วเขาที่ใจอ่อนขนาดนี้จะทำอะไรได้นอกจาก...
“ครับคุณธี”
..TBC..
>> ตัดจบตอนที่กำลังหวานๆ นี่ก็พอเนอะ