**จบแล้ว** Kiss me gently? จูบเบาๆเท่านั้นทำให้สั่นไปถึงหัวใจ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **จบแล้ว** Kiss me gently? จูบเบาๆเท่านั้นทำให้สั่นไปถึงหัวใจ  (อ่าน 13910 ครั้ง)

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
**************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2018 20:28:30 โดย MosKito »

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สวัสดีค่า มาต่อกับน้องม่วง ลูกพี่แม้นกันแล้วน้อ

Kiss me gently?
จูบเบาๆเท่านั้นทำให้สะท้านไปถึงหัวใจ

Warning : เรื่องนี้เป็นภาคต่อมาของเรื่อง Can I..? เป็นฉันได้ไหมที่ในหัวใจนั้น (แต่อ่านแยกก็ไม่มีปัญหา อ่านม่วงก่อนแล้วไปอ่านเรื่องรุุ่นพ่อก็จะอ่านได้ดี)
ในบอร์ดเป็นการเขียนสดที่อ่านตรวจทานไป 1 ครั้ง อาจมีคำผิด หรือหลุดคา หลุดเนื้อหาไปบ้างต้องขออภัย
เรื่องนี้เกิดขึ้นในอนาคต (อีก 15 ปีข้างหน้า) ดังนั้น คนในเรื่อง เหตุการณ์ต่างๆ และสถานที่ใดๆ ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงจินตนาการเว่อวังของคนเขียนเท่านั้น
เรื่องนี้เป็นแนวรักใสๆ วัยสะรุ่นอินเลิฟ ดังนั้น ดราม่าจะไม่หนักหนานัก อาจมีแค่ความสับสนเท่านั้นที่บั่นทอนจิตใจ ใครชอบเสพดราม่าขอให้หาอ่านรุ่นพี่แม้น ใครชอบแบบสุขนิยม..ท่านเข้ามาถูกที่แล้วจ้า
รักกันชอบกันเม้นท์ให้กันบ้างจะขอบคุณมาก หรือถ้าให้ดีช่วยแชร์ ช่วยไลค์ ช่วยเชียร์ไปจะเป็นกำลังใจได้มาก หรือถ้าจะให้ดียิ่งๆขึ้นไปก็ช่วยอุดหนุนผลงานได้ที่เพจ morse จ้า
เกริ่นมาเยอะ..แหะแหะ.. ขอเชิญอ่านได้เลย



บทนำ
เสียงจอแจของนิสิตมหาวิทยาลัยดังย่านอโศก..มันก็จะเหมือนเสียงฝูงผึ้งกรีดปีกดังหึ่งๆๆๆอยู่หน่อย..

ผม..นายณัฐวัฒน์ นิสิตสาขาวิชาการตลาดอินเตอร์ ปี 1 ใหม่แกะกล่อง ขอรายงานตัวในวันเปิดเทอมอย่างเป็นทางการวันแรกครับ พร้อมเรียนมาก ตาจะปิดอยู่แล้วครับเนี่ย

ถ้าเพื่อนไม่เรียกขึ้นก่อนผมว่าผมคงหัวปักอยู่ตรงนี้แหละ
“ม่วง..ไปเหอะ จะได้เวลาแล้ว เดี๋ยวลิฟต์แน่น”

ผมพยักหน้าหงึกเป็นการตอบรับน้องชงแล้วเอากระเป๋าเป้ที่พี่แมนซื้อมาให้วาดขึ้นไหล่..กำลังจะเดินไปถึงบันไดคณะอยู่แล้ว เสียงเรียกชื่อของผมก็ดังขึ้น

“ม่วง!”
เสียงนั้นเป็นเสียงทุ้มห้าวที่ผมไม่คุ้นเคย พอหันไปมองคนต้นเสียงก็เห็นนิสิตปีหนึ่งที่วิ่งหอบยิ้มกว้างหน้าสว่างบาดตามาไกลๆ คิ้วของผมขมวดเข้าหากันทันที ..พยายามคิดว่าผมไปมีเพื่อนเป็นนายแบบตั้งแต่เมื่อไหร่

“ใครวะ?”
น้องชงถามเหมือนใจผมเลยครับ..ใครวะ

ฝ่ายนั้นสูงกว่าผม และไม่อยากจะยอมรับเลยครับ..หน้าตาเขาดูดีกว่าผมนิดหน่อย ผมพยายามมองว่าอีกฝ่ายเป็นใคร พยายามคุ้ยความทรงจำเท่าที่สมองหล่อๆของม่วงโม้จะมี..แต่ก็ไม่ปรากฏไอ้หน้าแบบนี้อยู่ในซอกหลืบเลย

“ม่วง..คิดถึงว่ะ”
มันเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ.. มันยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวทิ่มตาและขณะที่ผมกำลังพยายามทำความเข้าใจกับไอ้อาการดีใจเว่อๆหางส่ายดิ้กๆของมัน..

มันก็โน้มตัวลงจูบผม..
------
 
1
 
“ตื่นได้แล้ว..เร็วเข้า..เจ้าเด็กขี้เซา”

เสียงกระซิบเเผ่วๆที่ข้างหูทำให้หนูยกแขนขึ้นปิดหูอย่างขี้เกียจ.. เสียงนี่ต้องเป็นเสียงของนัทแน่ๆ.. นัทจ๋าขอหนูอีกสิบนาทีนะ

หนูซุกหน้าเข้ากับพุงพี่จิมมี่ ปากก็งึมงำงื้อง้าไปตามเรื่องตามราว ไม่รู้นัทจ๋าได้ยินอะไรยังไง แต่หนูก็บอกไปแล้วแหละว่าหนูขออีกสิบนาที

“ยังไม่ลุกอีก เดี๋ยวจะไม่ทันไปส่งลูกกอล์ฟนะ”
หื้ม..?
ว๊าย..
หนูลืม..

หนูรีบเปิดตาขึ้นทันทีแล้วหันไปหานัทแบบตื่นเต็มตาเลย นัทยิ้มอ่อนๆส่งมาให้แล้วก็พยักหน้า

“เร็วเข้า เดี๋ยวก็ไม่ทันไปส่งที่สนามบินกันพอดี อาบน้ำๆ”
นัทใช้ความพยายามไม่มากในการแงะหนูขึ้นมาจากเตียง เพราะวันนี้หนูตั้งใจจะไปส่งก๊อบแก๊บให้ได้เลยล่ะ หนูลุกขึ้นถอดเสื้อนอนกางเกงนอน เหลือกุงเกงในห่อแหนมตุ้มจิ๋วที่ยังไม่เติบโตดีก่อนจะวิ่งตรงไปห้องน้ำ

“นัทๆ ม่วงใส่ชุดไหนดี นัทหยิบให้หน่อยน้า” หนูร้องบอกตอนกำลังจะผลุบเข้าไปในห้องน้ำ นัทส่งสายตาอาฆาตมานิดหน่อย บ่นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็หยิบให้หนูอยู่ดี ..นัทใจดีที่สุดเลย

หนูใช้เวลาวิ่งผ่านน้ำห้านาที บ้วนปากแปรงฟันอีกเล็กน้อยก็ห้อออกมาจากส้วม นัทเตรียมเสื้อผ้าวางไว้ให้ที่ปลายเตียง และยื่นผ้าเช็ดตัวเตรียมไว้ให้แล้ว

“มานี่ๆ”
นัทกวักมือเรียกทำให้หนูวิ่งไปยืนหลับตารอให้นัทเช็ดตัวให้ เราใช้เวลาในการทาแป้งแต่งตัวกันไม่นานก็ลงมาจากข้างบน ..ฟ้ายังไม่สว่างเลยครับ ดังนั้นคนที่เตรียมสตาร์ทรถรออยู่ข้างล่างก็คือพี่แมนนั่นเอง..
หนูหาวหวอดขณะโดนส่งตัวให้มานั่งอยู่เบาะหลัง เข้ารถมาได้หนูก็เอาหัวไถไปบนพี่จิมมี่ (ไม่ต้องตกใจ พี่จิมมี่ของหนูมีอยู่ทุกที่) แล้วนั่งสะลึมสะลือไปเกือบตลอดทาง

เสียงพูดคุยเบาๆของคนข้างหน้าหนูจับใจความไม่ค่อยได้ แสงไฟถนนส่องเข้ามาในรถแว่บไปแว่บมา แยงตาจนหนูต้องซุกพุงพี่จิมมี่หลับไปอีกหน.. แล้วมาตื่นเอาตอนที่นัทปลุกเรียกลงจากรถ

“เดี๋ยวไปอยู่เคาท์เตอร์ไหนจะไลน์บอกนะครับ..” นัทบอกพี่แมนก่อนจะจูงมือหนูเดินเข้าไปในอาคารสนามบิน

หนูน่ะ เพิ่งเรียนป.4 ตัวก็ยังไม่สูง ถึงจะพยายามดื่มนมเท่าไรก็ยังไม่เข้าสู่ช่วงตัวยืดสักที นี่วัดความสูงเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ 119 เซนเอง แถมตอนนี้ยังง่วงจนตาจะปิดอีก หนูก็เลยได้แต่เดินเกาะแขนนัทซบหน้ากับข้อศอกพี่ชาย

“ครับ .. J นะครับ”

เสียงนัทคุยกับใครแว่วๆ ทำให้หนูหรี่ตาขึ้นมอง.. ง่วง..แสงในอาคารก็สว่างจนไม่อยากจะมองอะไรไปมากกว่ารองเท้าของตัวเอง

“ม่วง..!”
เสียงแหลมที่เรียกดังมาแต่ไกลทำให้หนูเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างทันที อาการงัวเงียเกือบจะหายเป็นปลิดทิ้ง..
“ก๊อบแก๊บ!”

หนูถลาเข้าไปหาเพื่อน .. เขาเป็นพี่จิมมี่ของหนูตอนที่หนูอยู่โรงเรียนเลยนะ ตอนเรียนอนุบาลด้วยกัน..เขาเรียนอยู่แถวบ้านหนูล่ะ ตอนนั้นน่ะ พ่อกับแม่ของก๊อบแก๊บยังอยู่ด้วยกัน ทำให้ก๊อบแก๊บอาศัยอยู่แถวเอกมัย และมาเรียนแถวทองหล่อได้ พอขึ้นประถม พ่อกับแม่ก๊อบแก๊บก็แยกกันอยู่..ก๊อบแก๊บมาเล่าให้หนูฟังบ่อยๆว่าบางทีก๊อบแก๊บต้องไปอยู่กับพ่อ บางทีก็โดนคุณตาลากไปอยู่ด้วย ส่วนแม่น่ะ ก๊อบแก๊บบ่นบ่อยๆว่าไม่เจอหน้ากันตรงๆ เจอผ่านโทรศัพท์มาสองสามปีแล้ว เพราะแม่ไปมีครอบครัวใหม่เสียแล้ว
มาวันนี้ ก๊อบแก๊บต้องไปอยู่กับคุณแม่ที่ต่างประเทศครับ หนูเลยมาส่งเพื่อนไปเรียนต่อ ไม่รู้อีกกี่ปีก๊อบแก๊บจะกลับมา หนูเองก็ไม่อยากให้ไปหรอกนะ เพราะแม่ก๊อบแก๊บอ่ะ ไปมีน้องใหม่ให้ก๊อบแก๊บแล้วล่ะ น้องใหม่ก็หัวทองมาเลย หนูเคยเห็นรูป..
ที่สำคัญหวังว่าไปอยู่ทางโน้นก๊อบแก๊บจะไม่ลืมหนู..
หนูกับก๊อบแก๊บน่ะ เป็นเพื่อนซี้กันมากเลยนา เราเรียนอนุบาลที่เดียวกัน พอขึ้นชั้นประถมหนูก็ให้ก๊อบพยายามสอบเข้าสาธิตให้ได้เหมือนกัน ก๊อบเรียนไม่ค่อยเก่ง แถมยังเป็นเด็กขี้โรค สายตาสั้น ตัวเตี้ย เป็นหอบหืดและโรคอ้วนในเวลาเดียวกัน หนูในฐานะหัวหน้าห้องอนุบาลลูกเป็ดน้อยก็ต้องดูแลเพื่อนร่วมห้อง เอาใจใส่และคอยให้กำลังใจเวลาที่เขาทำอะไรไม่ได้..

เขาเองก็ติดหนูนะ  เวลาจะนอนต้องเดินลากผ้าห่มมานอนใกล้ๆกัน หนูว่ามันก็ดี ทางนึงก็เพื่อดูแลก๊อบ อีกทางก็อาศัยก๊อบเป็นพี่จิมมี่ของหนูไงล่ะ.. หนูฉลาดใช่มะ

และเพราะหนูดูแลเขาดีมากๆ เวลาครอบครัวก๊อบแก๊บไปเที่ยวต่างประเทศ ก็จะมีขนมมาฝากหนูอยู่บ่อยๆ นี่ไม่นับเรื่องของซื้อของขายนะ.. ป๊าวีเคยชมว่าซอสปรุงรสตราเห็ดทองที่เจ้าสัวกรุง คุณปู่ของก๊อบแก๊บเป็นเจ้าของโรงงานน่ะ อร่อยอย่าบอกใครเชียว เอามาทำอาหารลูกค้าก็ติดใจกันทุกคน หนูยังชอบกินเลยล่ะ

จริงๆหนูก็ไม่รู้หรอกนะว่าโรงงานเห็ดทองที่ก๊อบแก๊บบอกว่ามีพื้นที่กว่า 500 ไร่มันจะกว้างใหญ่ขนาดไหน จะกว้างขนาดหนูวิ่งเล่นได้กี่รอบ กว้างเท่าร้านอาหารของบ้านหนูหรือเปล่า เพราะหนูไม่ได้สนใจตรงนั้น ป๊าวีบอกว่าจะคบเพื่อนต้องไม่สนใจขนมของเขา แล้วก็ห้ามคบเพื่อนเพราะหน้าตาและความเรียนเก่งด้วย เพื่อนกันต้องไม่หวังผลอะไรต่อกัน

ดังนั้น หนูจึงไม่เคยถามก๊อบเลยว่าได้ตังค์มากินหนมที่โรงเรียนเท่าไร ทำไมถึงชอบซื้อโน่นนี่มาให้ประจำ.. หนูรู้แค่ว่าก๊อบใจดี ชอบแบ่งขนมให้หนูกิน ส่วนหนูก็ใจดีดูแลปกป้องก๊อบเท่านั้นก็พอ

มีอยู่ครั้งนึง หนูดันไปเผลอชมซอสเห็ดทองสูตรยำไข่กุ้งต่อหน้าก๊อบแก๊บ วันถัดมาคุณปู่กรุงเลยเอามาให้หนูตั้งหนึ่งคันรถ เล่นเอาป๊าวีมึนตึ้บ ต้องให้พี่แมนเอาไปแจกพนักงานที่บริษัทเลยแหละ แจกพนักงานไปแล้วยังเหลือเผื่อไปแจกลูกค้าในร้านอีกต่างหาก
นี่พอป๊าวีรู้ว่าก๊อบจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ ป๊าวีก็เลยอนุญาตให้หนูมาส่งก๊อบได้ โดยมีบัญชาให้นัทจ๋ามาส่ง
“ขอบใจนะม่วงที่มาส่งเรา..”

ก๊อบแก๊บจับมือหนูไว้แล้วบีบแน่นๆ น้ำมูกน้ำตามาเต็ม คงเพราะญาติพี่น้องที่ยืนอยู่ตรงนั้นกว่าสิบคนบิ้วมาก่อนหนูแน่เลย

หนูส่ายหน้าแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร ก๊อบแก๊บจะไปตั้งหลายปี..จะได้กลับมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เราก็ต้องมาส่งสิ”

“เราจะกลับมาหาม่วงแน่นอน..ม่วงต้องรอเรานะ”
หนูได้ยินอย่างนั้นก็ชื่นใจ มีเพื่อนรักเราขนาดนี้เป็นใครก็ชื่นใจ “ได้ เราจะรอนายเสมอ..กลับมาเมื่อไหร่ก็บอกเรานะ.. หรือถ้าไงเราก็เฟสไทม์หากันก็ได้”
“เราจะคอลมาทุกวันเลย.. ม่วงต้องรับสายนะ”

“ได้ เราจะรับสาย ต่อให้เราเล่นอยู่กับจิมมี่เราก็จะรับสาย”
พอก๊อบได้ยินหนูพูดถึงจิมมี่ ก๊อบก็ปล่อยโฮออกมา “ม่วงต้อง..ต้อง..สัญญานะ..ว่าที่โรงเรียนจะมีเรา.. มีเราเป็นจิมมี่ให้ม่วงเท่านั้น”

หนูฟังแล้วก็ได้แต่กัดปากด้วยความลำบากใจ.. มาคิดๆดูแล้วการมีจิมมี่อยู่ที่โรงเรียนด้วยหนูก็สบายใจดีอยู่หรอก.. แต่ถ้าก๊อบไม่อยากให้หนูมีจิมมี่ใหม่มาแทนที่ก๊อบ หนูก็จะตัดใจ..
หนูเป็นผู้ชาย หนูต้องโตได้แล้ว..

ใช่ มันถึงเวลาแล้วที่หนูจะปกป้องก๊อบเอง..
“เราสัญญา ..ต่อจากนี้ไปเราจะมีก๊อบเป็นจิมมี่ของเราแค่คนเดียว เราจะไม่มีจิมมี่อื่นที่โรงเรียนอีก”

หนูพูดแบบนั้นแล้วก็แอบเช็ดน้ำตา.. คิดๆดูแล้วก็ใจหาย หนูอยู่กับก๊อบมา 7 ปี..ไปก่อกองทราย ขุดดิน จิ้กยางลบเพื่อน วิ่งไล่กันบนระเบียง เปิดกระโปรงครู เอารายงานไปซ่อน ทำน้ำหกรดกองการบ้านเพื่อน ทำอะไรด้วยกันมาสารพัด.. มาตอนนี้ก๊อบแก๊บจะไปเสียแล้ว ยิ่งพูดไปก็รู้สึกว่าเวลามันใกล้เข้ามาทุกที ก๊อบน่ะเป็นจิมมี่ของหนูที่โรงเรียนเลยนะ.. แล้วมาย้ายไปแบบนี้น่ะ ตอนอยู่ที่โรงเรียนหนูจะไปหนุนไปพิงใครล่ะ..

ยิ่งคิดหนูก็ยิ่งสะอึกสะอื้น..

ก๊อบแก๊บเลยโผมากอดหนู..
เรากอดกันไว้..แต่แขนหนูโอบได้ไม่รอบตัวก๊อบหรอกนะ ก๊อบแก๊บมันอ้วนเหมือนลูกกอล์ฟแหละ ตามชื่อที่เจ้าสัวกรุงเป็นคนตั้งเลย แถมตัวก็..เอ้ะ เหมือนก๊อบจะสูงขึ้น.. แต่ก็ยังไม่เท่าหนูหรอก หนูฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์

“อย่าลืมนะ สัญญากับเราว่าจะมีเราเป็นจิมมี่คนเดียว..”

ก๊อบแก๊บย้ำแบบนั้นจนกระทั่งเราแยกจากกันที่ตรงทางขึ้นบันไดเลื่อนไปผ่านด่านตรวจคนออกนอกประเทศ
หนูให้สัญญากับก๊อบแก๊บแบบนั้น และก็ทำได้ด้วยนะเอ้อ

จนหนูเรียนจบประถม ต่อเข้ามัธยมภาคอินเตอร์ของสาธิตเดียวกัน ยิงยาวมาจนถึงม.6 หนูก็ไม่เคยมีจิมมี่ที่ไหนอีกเลย.. ก๊อบแก๊บเอง ก็ไม่เคยให้ใครเรียกว่าก๊อบแก๊บเหมือนกัน.. สงวนชื่อนั้นไว้ให้หนูเรียกมันคนเดียว..
***
จากวันที่เราห่างกัน ชีวิตม่วงก็พลิกผันไปตามวงสังคมของกลุ่มเพื่อน ช่วงมัธยมต้น ม่วงมีสาวในดวงใจด้วยครับ.. แต่รักของเราก็เป็นแค่รักเพียงผิวเผิน แค่แปะสติกเกอร์หัวใจให้กันเราก็คบกันมาแล้วสองอาทิตย์..ก่อนที่ม่วงจะไปเจอเพื่อนใหม่ที่คุยถูกคอมากกว่า และบอกลาสาวน้อยคนนั้นด้วยประโยคสุดฮิต..

“เธอดีเกินไป..”

ม่วงน่ะยังติดนัท ติดบ้าน ติดเกม และติดจิมมี่อยู่เลย.. ม่วงคงไม่มีเวลาให้กับความรักและสติกเกอร์หัวใจของสาวน้อยคนนั้นหรอก

ตอนเรียนม.ต้น มีกิจกรรมมากมายที่ทำให้ม่วงได้เข้าใจศักยภาพในการเรียนของตัวเองมากขึ้น มีคนเก่งกว่าม่วงเยอะขึ้น เพราะมีคนสอบเข้ามาใหม่ เพื่อนที่คุ้นๆหน้าจากประถมก็แยกสาขาเรียนบ้าง ย้ายไปเรียนที่อื่นบ้าง บางคนไปเรียนต่างประเทศก็มี ดังนั้น เมื่อมีที่ว่าง ทางโรงเรียนจึงรับนักเรียนใหม่เข้ามา และคนพวกนั้นก็มีบางคนเก่งกว่าม่วง ทำให้เดิมที่ม่วงเคยเรียนได้ระดับต้นๆ กลายมาเป็นระดับกลางๆ..
แต่ถามว่าป๊าวีถือสาไหม..ก็ตอบเลยว่าไม่

ป๊าวีของม่วงน่ะ ยังคงมีความสบายๆตลอดเวลา ไม่กดดันอะไรม่วงเลย.. ไม่เหมือนพ่อคนที่สองของม่วงหรอก.. นัทน่ะ..หูยยย คะแนนหล่นนิดเดียวหักค่าขนมม่วงแล้ว.. บางทีให้ไปทำงานล้างจาน เก็บร้านเป็นการทำโทษก็มี..เบื่อเหมือนจะตาย..

ที่เบื่ออีกอย่างก็ต้องเรื่องเหม็นความรักของพี่ชายสองคน..
บางทีม่วงโดนทำโทษให้เก็บร้าน.. ขึ้นมาเห็นสองคนเขาทำงานกันเราก็ไม่อยากจะกวน ได้แต่นั่งอ่านหนังสือเรียนเงียบๆเพราะอยู่ในโหมดถูกทำโทษ อุตส่าห์จะสำนึก..

แต่พวกพี่ชายน่ะ..ก็มาทำให้ม่วงโคตรจะเหม็นความรัก
พี่แมนดูแลนัทดีเว่อร์ ดีมาก ขนาดที่ว่านั่งทำงานด้วยกัน แม้นแมนก็ยกแก้วนมร้อนมาให้ถึงปาก.. นัทดื่มไปอึกใหญ่แล้วก็ร้องหาคุกกี้ พี่แมนก็เอามาป้อน..

ป้อนนัทไปคำนึง ตัวเองกินคำนึง..

เหม็น เหม็น..
แถมบางครั้งนะ..ม่วงโคตรจะเซ็งความสกินชิพของสองคนนี้..

ก็เข้าใจว่าแต่งงานกันมาแล้ว.. แต่ก็แต่งมานานมากแล้ว เกือบสิบปีแล้ว ..นี่ยังไม่เบื่อกันอีกหรือไง
บางทีแมนจะแกล้งทำเป็นป้อนขนม..พอนัทจะอ้าปากงับก็ดึงช้อนหนี นัทน่ะสนใจงานไง ปากก็เลยไล่งับช้อนเอนไปตามทางช้อนที่แมนดึงไป .. แล้วไงรู้มั้ยครับ..ม่วงก็เป็นพยานความรักของพี่แมน..มองพี่แมนหอมแก้มคนอ้าปากงับขนมเต็มตา..

หูย..หวานเว่อร์
เบื่อน้ำตาลเคี่ยวจนต้องลุกหนีไปเลยบางที
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นัทเหมือนจะไม่สบายมาก ไปนอนโรงพยาบาลอยู่ตั้งสองอาทิตย์.. เขาต้องทำกายภาพบำบัดด้วย เพราะกล้ามเนื้อหลังอักเสบเฉียบพลัน ..ผลก็มาจากออฟฟิศซินโดรมจากการลงทุนลงแรงดื้อมากเกินไปของนัทนั่นแหละ ก็เลยโดนหามเข้าโรงพยาบาลตามระเบียบ

พี่แมนเองก็เลยย้ายไปนอนโรงพยาบาลเฝ้าคนป่วยทุกวัน..
ออกจากโรงพยาบาลมาได้ นัทก็ได้แต่บ่นงึมงำๆ ได้ยินว่าพี่แมนไม่ยอมให้ไปทำงานอีกแล้ว ถ้าจะไปก็ไม่ให้ทำงานหามรุ่งหามค่ำอีก เข้าไปเซ็นอะไรก๊อกแก๊กก็พอ ให้นั่งที่โต๊ะทำงานได้ไม่เกินสามชั่วโมงต่อวัน.. แถมม่วงไปเจอประโยคเด็ดที่แอบได้ยินมาอีกว่า “เมียคนเดียวพี่เลี้ยงได้” เล่นเอานัทไปไม่เป็นเลยล่ะ สุดท้ายก็ต้องออกจากงานมานั่งๆนอนๆพักผ่อนอยู่บ้าน

แต่จะให้นัทอยู่เฉยๆน่ะ..อย่าหวังเลยครับ

ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นได้แค่สามเดือน พอหายดีเจ้าตัวก็เปิดร้านออนไลน์.. นำเข้าผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่นมาขายในเมืองไทยซะงั้น กลายเป็นเอเจ้นท์ผัก ผลไม้สดคุณภาพดีจากญี่ปุ่น และบูมมากขนาดที่ว่ามีสวนของตัวเองที่ญี่ปุ่นด้วย.. (ไปลงทุนร่วมหุ้นกับเพื่อนที่ญี่ปุ่นน่ะครับ)

ม่วงกับพี่แมนนี่ถึงกับทำตาปริบๆเลย..
หลังๆนี่ม่วงได้ยินพี่แมนบ่นบ่อยๆว่า “รู้งี้ให้ทำงานบริษัทดีกว่า.. อย่างน้อยก็อยู่ในสายตา..”
นัทน่ะ บินไทยญี่ปุ่นเป็นว่าเล่นเลยล่ะครับ..
เดี๋ยวๆก็ไปฮอกไกโด เดี๋ยวๆก็ไปโตเกียว..
แล้วคนเดือดร้อนน่ะใคร..

ไม่ใช่ม่วงแน่ๆครับ.. พี่แมนโน่นเลย.. เดือดร้อนต้องลางานบ้าง หาเรื่องไปติดต่องานที่ญี่ปุ่นบ้าง ตามเมีย เอ้ย ตามนัทไปเจรจาธุรกิจอยู่บ่อยๆ
หรือบางทีอาจพ่วงฮันนีมูนรอบที่ล้านไปด้วยเลยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ

***
พอผมเข้าสู่ม.ปลาย
ป๊าวีก็เริ่มปล่อยงานที่ร้านอาหารแล้วให้ผู้จัดการร้านดูแล.. ป๊ามักพาแม่ไก่ไปเที่ยวเชียงรายเป็นประจำ..ถามว่าไปทำไม..ให้เดาก็คงพอรู้ใช่ไหมครับ..
ป๊าไปทำสวนอยู่ที่เชียงรายครับ..

ข้างๆสวนลำใย สวนมะม่วง ส่วนลิ้นจี่ของป๊า เป็นสถานปฏิบัติธรรมครับ.. พื้นที่ก็ไม่ใหญ่ไม่โตเท่าไหร่หรอก แค่ได้รับการอนุเคราะห์เงินบริจาคจากคุณป้ามนไปร้อยล้านเอง ทั้งที่ดินทั้งโรงธรรมทาน ห้องพักผู้ปฏิบัติธรรม ศาลากลาง..ร่มเย็นจนผมคิดว่าสักวันหนึ่งผมอาจจะไปขอเป็นลูกศิษย์ที่นั่นแน่ๆ

ทางนี้น่ะเหรอครับ.. ป๊าเขาก็ไปๆมาๆแหละครับ อยู่นั่นสองเดือน อยู่นี่สองอาทิตย์อะไรทำนองนั้น.. นัทก็เลยมีหน้าที่ดูแลร้านห่างๆ โดยมีผมเป็นลูกมือ ช่วยเสิร์ฟบ้าง ช่วยดูคุณภาพอาหารบ้างไปตามเรื่องตามราว

ผมทำอาหารเก่งนะ.. เห็นแบบนี้ผมก็ไม่ใช่เด็กขี้เกียจหรอกครับ..

แค่ว่า.. นัทจะให้เงินพิเศษทุกครั้งที่ผมมาช่วยงานน่ะครับ.. เหมือนทำงานพาร์ทไทม์บ้านตัวเอง.. อยากได้ค่าขนมเยอะขึ้นก็ต้องมาทำงานเท่านั้นเอ๊ง (เสียงสูงทำไม..)

ชีวิตม.ปลายของผมเริ่มมีแอบเหล่สาวๆด้วยนะ.. ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสาวคนไหนน่าติดตาต้องใจผมเลย..
แต่..ผมน่ะติดใจเขา..เขาไม่ติดใจผม..

พวกพี่ๆเคยรู้จักนัทแล้วใช่ไหมล่ะ รายนั้นน่ะ ก่อนจะโดนอุบัติเหตุจนต้องศัลยกรรมให้หล่อขนาดนี้ก็หน้าตาอาแปะดีๆนี่เอง

ผมเองเป็นน้องเขาก็ไม่หนีกันหรอก..

สาวๆเลยไม่แลผมไง..
แต่ผมก็หล่อในโหมดตี๋ๆของผมนะครับ ตาไม่มีชั้นบน แต่ตาผมก็โตดำเป็นเม็ดอัลมอนด์ (หรูป่ะล่ะ?) จมูกไม่โด่งมาก แต่ก็ไม่ได้แบนแต้ด ดีที่ว่าปีกจมูกผมไม่ได้กว้าง แถมรูจมูกเล็กอีกต่างหาก ก็เลยไม่ได้มีจมูกโตๆ ยิ่งหน้าใสๆกับปากแดงๆของผมนะ พี่ๆคงรู้ใช่ม๊า..ช่วงนี้ตี๋กำลังอินเทรนเลย ทำผมปัดๆหน่อย หูย.. หล่อจะแย่เลยครับ..

แต่ทำไมสาวไม่เหลียวก็ไม่รู้นะ..แอบช้ำใจเล็กๆ
เอาเป็นว่า..รักไม่ยุ่งมุ่งเรียนไปก่อนก็แล้วกัน
ผมถือคตินี้จนจบม.ปลายแล้วสอบติดมหาวิทยาลัยในเครือเดียวกับโรงเรียน.. แน่นอนครับว่าภาคอินเตอร์เหมือนเดิม.. เพราะพี่แมนบอกว่าภาษาทำให้เราเปิดโลกทัศน์ได้กว้างไกล.. แต่ทำไมไม่ให้ไปเรียนต่างประเทศก็ไม่รู้แหะ

วันที่ผมรู้ผลว่าผมสอบติดคณะสังคมศาสตร์ สาขาการตลาดอินเตอร์.. ก็เป็นวันเดียวกับที่ผมได้รู้ว่า..ไอ้ลูกกอล์ฟสอบติดที่เดียวกับผมครับ..

มันส่งข่าวกลับมาว่า.. “แล้วเจอกันวันเปิดเรียน”
มาถึงตรงนี้คงพอจะเดากันได้แล้วใช่ไหมครับ..ว่าไอ้คนที่วิ่งเข้ามาจูบผมน่ะมันเป็นใคร
****

เดี๋ยวจะเอามาลงเรื่อยๆนะคะ เคยลงเองหนแรก ถ้าลงผิดสะกิดกันได้น้า

ขอบคุณค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2017 15:45:26 โดย MosKito »

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :hao3: :hao3:

นี่เป็นกระทู้ภาคแรกนะคะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39753.570

ลงจบแล้วล่ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ม่วงดูน่ารักดี

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Kiss me gently? (ภาคต่อ Can I..? ) บทที่ 2 >>1/11/60
«ตอบ #4 เมื่อ01-11-2017 05:59:30 »

2

ผมได้แต่ยืนเบิกตากว้างมองหน้าหล่อในระยะประชิด คนๆนี้ขนตายาวและริมฝีปากชุ่มชื้นนุ่มนิ่ม..ใช่ครับผมยอมรับว่าผมมีความตกใจและพอใจในเวลาเดียวกัน..

น่าประหลาดอยู่บ้าง..

“ม่วง!! เฮ้ย!”

เสียงร้องของน้องชงทำให้ผมสะดุ้งและเริ่มเรียกสติของตัวเองกลับมาจนได้..กรี๊ด! นี่โดนขโมยจูบแรกไปเหรอวะเนี่ย!!

ผมผลักอีกฝ่ายจนเซถอยไป และเพราะตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นเป็นใครกันแน่ ทำไมอาจหาญมาจูบผมหน้าคณะเรียนกลางวันแสกๆแบบนี้ ทำให้ผมปล่อยหมัดเข้าปลายคางอีกฝ่ายไปดังพลั่ก
“เฮ้ย!..”

เสียงร้องของไทยมุงดังระงมขึ้นรอบตัว แต่ผมน่ะหูอื้อทั้งโกรธทั้งอาย มีน้องชงร้องเสียงหลงปรี่เข้ามาล็อกเอวผมไว้ทันที ความสูงเราไล่เลี่ยกัน ผมอาจจะสูงกว่าหน่อย แข็งแรงกว่าเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับไอ้หมีควายที่โดนผมสอยลงไปกองกับพื้นแล้ว พวกเราอาจจะต้องรวมร่างกันก่อนถึงจะสู้มันได้แน่ๆ
ฝ่ายนั้นน่าจะสูงกว่าผมเกินสิบเซ็น ไหล่กว้างเหมือนคนออกกำลังกายเป็นประจำ อกหนา กล้ามแขนภายในเสื้อนิสิตปีหนึ่งก็น่าจะมี เอวสอบช่วงขายาว ที่สำคัญหล่อมาก หล่อลาก หล่อกว่าผมนิดนึง ผมหยักศกสีดำสนิทเข้มมากๆ คิ้วก็เข้ม ตาก็คมเข้ม จมูกโด่ง ปากเป็นสีแดงชัดเจน และปลายคางแดงจนจะเขียวเพราะแรงหมัดผมแล้ว

เจ้าตัวร้องโอยโอดก่อนจะหรี่ตามองมาทางผม “อูย..ทักทายกันแรงจังม่วง”

“จะแรงกว่านี้อีก” ผมตอกกลับแล้วยกมือชี้หน้า “มึงเป็นใคร กูไปแย่งเมียมึงมาหรือไงถึงต้องมาจะ...”
ผมหยุดคำว่า ‘จูบ’ เอาไว้ที่ปลายลิ้น

หน้าร้อนไปหมดเลยล่ะครับเมื่อคิดได้ว่าตัวเองเอ๋อยืนให้อีกฝ่ายจูบต่อหน้าสาธารณชนขนาดนี้
ฝ่ายนั้นส่ายหน้าแล้วยิ้มกว้าง..ไอ้ห่านจิกตับ มันยิ้มเรี่ยราดมากครับ จัดให้อีกสักหมัดน่าจะดี
“ไม่ได้แย่งเมีย..” เจ้าตัวลุกขึ้นปัดตูดแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ เล่นเอาผมแหยงกลัวมันจะต่อยคืนเลยครับ วงสวิงมันต่างกัน มันดีดทีเดียวผมกับน้องชงคงปลิว
“แล้วกูไปทำอะไรให้มึง!”

กลัวนะ แต่ปากกล้าขาสั่นอ่ะครับ.. ยังไงมันก็หยามกันเกินไป
“นี่จำเราไม่ได้จริงๆอ่ะ ..” คนพูดยังยิ้มกระหยิ่มเหมือนจะเยาะเย้ยยังไงบอกไม่ถูกครับ ผมเองก็ตั้งหลักเลย นิ่งสงบสยบเคลื่อนไหว มันพูดอะไรมาก็ได้แต่เขม่นมองแบบมึงจะเอายังไงกับกูวะอย่างเดียวเลย

“นี่เราเองไง..” เจ้าตัวทำมือเป็นรูปโอเคขึ้นสองมือ แล้วเอามาทาบกับดวงตา ทำทีเหมือนว่ามันเป็นแว่น “เราเอง..จิมมี่ ก๊อบแก๊บ ลูกกอล์ฟ ..กรวิชญ์ ม่วงจำเราได้ชื่อไหนก็เรียกเลย”

ผมอึ้งตั้งแต่ชื่อจิมมี่แล้วครับ.. เปรี้ย! คนที่ชื่อจิมมี่ในชีวิตม่วงน้อยมีคนเดียว.. (มันบังคับให้มีคนเดียว) และเท่าที่จำได้ ล่าสุดที่เห็นรูปมันในเฟสคือเมื่อปีก่อน..มันยังหุ่นเป็นหมีจิมมี่ใส่แว่นหนาๆอยู่แล้ว
“อย่ามาหลอกซะให้ยาก ก๊อบแก๊บไม่ได้..” ผมกวาดตาตั้งตัวหัวจรดเท้า เท้าขึ้นมาหัวแล้วลงมาเท้าอีกรอบ “..หุ่นแบบนี้ หน้าตาแบบนี้..”

คงไม่ใช่มุกวิญญาณสลับร่างกันหรอกนะ..มันก็จะนิยายไป๊

“นี่แหละกอล์ฟตัวจริงครับ..” อีกฝ่ายโน้มหน้าที่มีปลายคางแดงเถือกลงมาให้เสมอกันกับผม แล้วทำหน้าทะเล้นเข้าใส่

แหม๊.. อยากได้แดงๆอีกสักข้างรึไง

“ถ้าไม่เชื่อ เดี๋ยวเราเอารูปในโทรศัพท์ให้ดู..” อีกฝ่ายโบกโทรศัพท์ไปมา ทำให้ผมเห็นเคสที่ก๊อบแก๊บเพิ่งส่งมาให้ดูเมื่อไม่นานนี้เอง..เออ หรืออาจจะเป็นก๊อบแก๊บจริงๆ..

แต่มันจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
กอล์ฟน่ะ เป็นลูกเสี้ยวสัญชาติไทย ที่มีเชื้อไทย-จีนจากฝั่งพ่อ และไทย-แขก (ปากีสถาน) จากฝั่งแม่ ตอนเกิดตัวกลมเหมือนลูกกอล์ฟก็เลยได้ชื่อนั้นมา ผมดำตาดำคิ้วเข้มแต่สายตาสั้นเลยต้องใส่แว่นหนา ตอนเด็กๆก็ตัวเตี้ยกว่าผม แล้วทำไมตอนนี้มันสูงกว่าไปแล้วล่ะ แถมหน้าตาดูดีกว่าผมอยู่นิดหน่อยด้วย
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลก ที่ป๊าวีเคยบอกว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์ก็คงจะจริง.. เพราะไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย

โดยเฉพาะเวลา..อั้ยยะ! คาบเรียนวิชาแรกผมก็จะเข้าสายแล้วนะเนี่ย

“ไว้เรื่องนี้ค่อยมาคุยกันอีกทีเถอะ ตอนนี้ใกล้เวลาเรียนแล้ว ไปกันเร็ว..” ฝ่ายนั้นจับมือผมได้ก็พาวิ่ง
ผมก็ผู้ชายอ่ะนะ จะมาหวงเนื้อหวงตัวทำสะบัดมืออะไรกัน มันไม่ใช่เรื่อง ถ้าวิ่งไม่ถนัดหรือวิ่งไม่ทันค่อยมาทำนอยด์ทำเหนียมก็ยังไม่สาย แต่นี่ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ยั้งๆเท้าคอยหันมามองหันมายิ้มให้ผม ผมก็เลย..ช่างมร่างงง.. อยากจะจูงมือก็จูงไปเหอะ เดี๋ยวจบคาบเรียนแล้วค่อยมีเคลียร์

พวกเราวิ่งไปถึงหน้าลิฟต์ที่แถวยาวเฟื้อยแล้วก็มีผมคนเดียวที่ยืนหอบแฮ่ก.. มองเหลียวไปกะถามน้องชงว่าเป็นยังไงบ้าง ปรากฏโน่น..น้องชงวิ่งตามมาลิบๆ
น้องชงเป็นเพื่อนผมที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ม.4 เรียกน้องชงเพราะมันชอบชงนมกิน ไม่ก็กินนมชงหน้าโรงเรียนเป็นประจำ ก็เลยเรียกกันขำๆว่าน้องชง จริงๆก็อายุเท่ากันนี่แหละครับ..

คิดดูแล้วกัน ขนาดชอบกินนมมันยังตัวเตี้ยกว่าผมเลย ตอนนี้ผมสูง 168 คาดว่ามันน่าจะราวๆ 163 ได้ พวกเราสองคนคาดกันไว้ว่าจะสูงให้ได้มากกว่านี้ แม้เวลาจะเหลือให้ทำความสูงได้น้อยลงไปทุกที
พอน้องชงมาถึงก็ตาเหลือกใส่มาเลยทีเดียว “ได้เพื่อนใหม่แล้วลืมเพื่อนเก่าเลยนะม่วง”

น้องชงเอื้อมมือมาบิดแก้มผมยืดเล่น..ก็เหมือนทุกทีที่เคยเล่นกันอย่างหมั่นเขี้ยว แต่คราวนี้มันไม่เหมือนเดิม ตรงที่มีบุคคลใหม่เพิ่มเข้ามา และเขาบอกว่าเขาคือจิมมี่ของผมนั่นแหละครับ..

มือของมันจับมือน้องชงให้ละไปจากแก้มของผม ขณะที่พูดขึ้น “ไม่ใช่เพื่อนใหม่.. กูเป็นเพื่อนม่วงมานานแล้ว”

น้องชงมองหน้ามันแล้วหันมามองหน้าผมแบบงงๆ  แถมยังทำปากเบ้เหมือนจะบอกว่าว้อทเดอะฟร้ากกกกับไอ้หล่อนี่วะ? ..ผมมองตามองปากเบ้ๆนั่นแล้วก็ยักไหล่ ผมเองก็ยังตอบคำถามของตัวเองไม่ได้เลย.. จะเอาปัญญาที่ไหนไปตอบน้องชง.. เหอเหอ
***
เมื่อหมดคาบเรียนแรก..เราก็ได้งานมา 1 ฉบับ และได้กลุ่มทำรายงานมา 1 กลุ่ม สมาชิกรวมสิบคน และโคตรจะแน่นอนว่าผม น้องชง และไอ้หล่อติดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เหตุเพราะอาจารย์ให้จับกลุ่มกันเอง และพวกเราก็คุ้นหน้าไอ้หล่อนี่แล้ว

“เอาล่ะ.. มีเรียนอีกทีตอนบ่ายสอง เพราะงั้นตอนนี้เราควรไปหาอาหารใส่ท้องและใช่ค่ะ.. พวกมึงสองคนช่วยเคลียร์ปัญหาชีวิตกันได้แล้ว กูเกลียดยิ้มเรี่ยราดไอ้ตัวเปรี้ยนี่ฉิบหาย” น้องชงผู้ก่อตั้งกลุ่มรายงานเอ่ยขึ้นและเดินนำไปทางโรงอาหารคณะ

ส่วนผมที่กำลังสาละวนกับการเอาเนกไทด์เสียบเข้าไประหว่างช่องว่างของสาบเสื้อเชิ้ตนิสิตก็เงยหน้าขึ้นมองไอ้คนข้างๆ

ในห้องเรียน อาจารย์เช็กชื่อและให้พวกเราแนะนำตัวกันแล้ว ตอนลงชื่อกลุ่มทำรายงานด้วยกัน..ผมก็เห็นชื่อเห็นสกุลเจ้าสัวกรุงเรียบร้อยแล้ว.. ดังนั้น ผมก็คงไม่ไปตอกหน้ามันว่า ไหนมึงเอาหลักฐานแสดงตัวตนแบบบัตรประชาชนมาดูเสร้หรอกครับ..

“ก๊อบแก๊บ..” ผมเอ่ยปากเรียกมันแบบสนิทใจครั้งแรก พอมันทำตารอคอยคำพูดประโยคถัดไปผมก็กระโจนเข้าไปล็อกคอมันทันที

“โอ้ยๆ ม่วง” ปากมันร้องลั่น แขนข้างหนึ่งมันโอบเอวผม มืออีกข้างก็จับแขนตบเบาๆเป็นเชิงยอมแพ้

“มึงไปทำอะไรมา ไม่ได้อัพรูปเซลฟี่หน้าตัวเองลงเฟสแค่ปีเดียวทำไมมึงเปลี่ยนไปแบบนี้!”

กอล์ฟถูกปล่อยออกจากการประทุษร้าย มันไอแค่กๆเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มเรี่ยราดเหมือนเดิม “หนึ่งปีแปดเดือนกับอีกยี่สิบสามวันต่างหาก..เราลงไปสี่สิบโลเอง”

“ตั้งสี่สิบโล!”

“ก็อยากให้ม่วงเซอร์ไพรส์.. พอรู้ว่าจะได้กลับมาเรียนที่นี่แน่ๆก็เข้ายิม เข้าคอร์ส แม่เรายังบอกเลยว่าเหมือนจะเตรียมตัวกลับมาเป็นเจ้าบ่าว”

“เป็นเจ้าถ่อยไปก่อนแล้วกัน หนอย..ใครใช้ให้กลับมาถึงก็มาทำแบบนั้นกับกูวะ”

“ก็คนมันคิดถึง เราคุยกันด้วยเสียงอย่างเดียวเลยนี่นา อยากเห็นหน้าม่วงจะแย่ แต่ก็ต้องทน เดี๋ยวม่วงไม่แปลกใจ” ไอ้หล่อมันพูดแล้วก็หัวเราะ

“ไม่ใช่ว่าไล่จูบคนไปทั่วแล้วเผลอมาใช้วัฒนธรรมแบบนั้นกับกูนะเว้ย”

“เปล่าซะหน่อย.. เราดีใจก็เลยเผลอตัวไปนิด”
ผมยกมือชี้หน้ามันเลยครับ “ห้ามเผลอเว้ย คราวหลังมึงเผลออีกกูจะต่อยให้”

“โธ่..” มันร้องโอดครวญแล้วทำหน้าเหมือนเสียดาย “นี่ก็ไม่ได้พาจิมมี่กลับมาเสียด้วย สงสัยต้องหาจิมมี่ใหม่” ตอนท้ายประโยคมันงึมงำๆเหมือนพูดอยู่คนเดียว เล่นเอาผมขมวดคิ้วเลยครับ
“จิมมี่อะไรของมึง?”

มันทำหน้าเหมือนว่าเผลอหลุดปากออกไป แล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อน “ไม่มีอะไร”

ผมมองหน้ามันอย่างคาดโทษ “จะบอกดีๆหรือจะให้มีปัญหาล่ะกอล์ฟ”

มันทำคอย่นแล้วหัวเราะแห้งๆ “ก็..มีบางวันที่เราคิดถึงม่วง เราก็จะไปขโมยจิมมี่น้องสาวมานอนกอด”
“อ้อ อย่าบอกนะว่าไอ้จิมมี่นั่นเป็นตัวแทนกู”
“ใครบอก..” เจ้าตัวยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดภาพจิมมี่ให้ดู “นี่ต่างหากม่วงของเราน่ะ”

พอเห็นรูป..ผมนี่เบ้ปากแบบเฮ้ยแก.. เอาแบบนี้จริงๆเหรอวะ

มันจับตุ๊กตาหมีมาแต่งตัว แล้วก็เอารูปหน้าผมมาแปะไว้ทำเป็นหน้ากาก แถมยังมีถ่ายมุมโน้นมุมนี้ จับท่าทางจัดพร้อพให้ใส่หมวกบ้างนั่งอยู่กับโต๊ะอาหารบ้าง..หลายรูปด้วยนะครับ นี่มันเข้าขั้นแล้ว.. เข้าขั้นบ้า!

“น่าขนลุกว่ะ เอากลับมาด้วยหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่หรอก.. ก็มีม่วงอยู่ตรงนี้แล้วไง จิมมี่ก็หมดประโยชน์ คืนน้องสาวไปแล้ว”

“แล้วน้องเอาไป..?”
“แม่ให้แม่บ้านซักก่อนเอาเข้าห้องน้อง..คงห่วงเรื่องฝุ่นล่ะมั้ง”

ผมไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องฝุ่นหรอกนะ..

พวกเราเดินมาถึงโรงอาหารของคณะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเข้ามานั่งทานอาหารที่นี่ เพราะตั้งแต่คิดจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยนี้ ผมก็เทียวไปเทียวมาอยู่บ่อยครั้ง จึงพอจะรู้ว่าร้านไหนพอทานได้ ร้านไหนให้เยอะ.. เด็กในวัยเรียนน่ารักอย่างเรา ก็ต้องแบบนี้แหละครับ.. ประหยัดเงินค่าขนมกันหน่อย
ที่จริงพี่แมนชอบหยอดตังค์เพิ่มให้ผมเสมอนะครับ เจอหน้ากันทีก็ให้สองพันบ้างสามพันบ้าง แล้วแต่โอกาส..แถมผมได้เงินพิเศษจากการทำงานในร้านด้วย ตอนนี้ผมก็เลยมีเงินเก็บพอจะไปดาวน์คอนโดอยู่เองได้แล้วแหละ.. แต่ก็ไม่รู้จะดิ้นรนไปสร้างหนี้ทำไม.. เก็บตังค์ไว้ดีกว่า

สายตาของคนในโรงอาหารโดยเฉพาะผู้หญิงเหลียวมาทางผมเยอะมาก..ห้ะ? อ๋อ ไม่ได้มองผมเหรอครับ.. ยอมรับก็ได้..เขามองไอ้กอล์ฟ..

ชักอยากให้มันไปเดินไกลๆแล้วเนี่ย หล่อเกินไปบดบังรัศมีผมหมด..
“ม่วงๆ”

น้องชงวิ่งถลาไปหาโต๊ะว่างก่อนร้องเรียกให้ผมพากอล์ฟไปสมทบ

พวกเราเอากระเป๋าวางจองที่เอาไว้แล้วต่างก็แยกย้ายกันไปซื้ออาหาร และด้วยความที่ก๊อบมันเพิ่งมาเรียนวันนี้วันแรก ไม่เคยย่างเท้าเอาความหล่อของมันมาให้คนอื่นเห็นมาก่อน ก็เลยเกาะติดอยู่กับผมให้ผมเป็นไกด์พาทัวร์ร้านต่างๆ พอเดินวนได้ครบรอบก็หยุดปรึกษากันว่ามันอยากกินอะไร
“เอาอะไรก็ได้ที่..”

“..ไม่ใส่ผัก?” ผมต่อให้แบบรู้กัน อีกฝ่ายหัวเราะแหะๆแล้วยิ้มเขินๆส่งมาให้

“งั้นก็กินเตี๋ยวไม่ใส่ผัก.. ร้านไหนดี” ผมมองไปยังเป้าหมาย
“เอาร้านไหนก็ได้ที่..”

“..ไม่เผ็ด” ผมก็ต่อให้อีก..
“ม่วงรู้ใจเราจัง”

ไอ้คนตัวโตยิ้มกว้างส่งมาให้ ผมก็ได้แต่พยักหน้าแกนๆ ไม่รู้มันโตมายังไง ผักก็ไม่กิน ผลไม้ก็เลือกเยอะ อาหารที่ชอบสุดๆมีแต่นมกับชีส.. อ้อ ตัวโตเพราะกินแต่นมกับชีสแน่ๆไอ้หมอนี่

“คือ..เตี๋ยวร้านไหนมันก็ไม่เผ็ดหรอกถ้ามึงไม่สั่งต้มยำน่ะ ไปๆกินหมูน้ำตกแล้วกัน.. รสชาติก็แล้วแต่มึงจะปรุงเลย..ถ้ากลัวไม่อิ่มก็สั่งเกาเหลาแล้วเอาข้าวเปล่าเพิ่มอีกจาน” ผมเสนอเมนูไป

ดูจากรูปร่างมันแล้ว.. ท่าทางหมูน้ำตกชามเดียวจะไม่อยู่.. มีเส้น มีลูกชิ้น มีเนื้อหมูและน้ำซุป.. แค่สองชั่วโมงผมว่ามันก็ร้องหิวแล้วล่ะ

“แล้วม่วงล่ะกินไร” มันยังมีแก่ใจหันมาถาม
“เดี๋ยวกินตามสั่งร้านข้างๆนั่นแหละ”

กอล์ฟพยักหน้าแล้วเดินตามผมไปซื้ออาหาร..
ร้านตามสั่งเวลาแบบนี้คิวยาวเป็นหางว่าวแน่อยู่แล้วครับ ผมก็ลืมคิดไปว่ามันจะต้องได้ก๊วยเตี๋ยวก่อนผมแน่ๆ สุดท้ายพอมันได้เตี๋ยวมาผมก็เลยต้องไล่ให้มันกลับไปนั่งโต๊ะก่อน
“เรารอไปพร้อมม่วงก็ได้..”

“อีกนาน..” ผมบอกพร้อมกับไถหน้าฟีดเฟสบุ๊คไม่ได้เงยหน้ามองมัน “กลับไปกินก่อนเลย”
“แต่ว่า..”

“ชงมันนั่งรออยู่แล้วมั้ง ไม่หลงหรอก กลับไปกินก่อนเลย”

สุดท้ายกอล์ฟก็เดินกลับไปด้วยท่าทางไม่ค่อยอยากไป.. พอมันไปแล้วผมก็เริ่มขุดล่ะครับ.. ที่แรกที่ผมอยากไปดูคือไอจีของมัน หนอย..ช่วงปีกว่าๆมานี่มันไม่ลงหน้ามันเลยนะ มีก็แค่รูปรองเท้าผ้าใบ และเทรนเนอร์ส่วนตัวที่มันโพสต์ลง อาหารการกินที่มีแต่นมกับชีส พวกพิซซ่านี่ไม่ค่อยเห็น เห็นแต่สเต็ก มันบด ล็อบสเตอร์ ไก่งวง โน่นนี่ไปตามเรื่อง

ครอบครัวใหม่ของแม่มันมีน้องให้มันสองคน คนโตเป็นผู้ชาย คนเล็กเป็นผู้หญิง ซึ่งดูเหมือนว่าคนเล็กจะติดมันค่อนข้างมาก มันเองก็ติดน้องไปไหนมาไหนกระเตงไปด้วยตลอด ดังนั้นไอจีมันจึงมีแต่รูปครอบครัว หมาน้อย ตุ๊กตาหมี..แต่ไม่มีหน้ามัน..
มีอยู่รูปนึงที่มันถ่ายติดมือตัวเองมา รูปนั้นอัพเมื่อวันเกิดมันเมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง ในรูปนั้นมันอวดของขวัญที่น้องสาวทำให้ เป็นสร้อยข้อมือคริสตัลสีน้ำเงิน และผมก็ไปคอมเม้นท์ไว้ด้วย.. ซึ่งถ้าดูจากรูป มือมันมีเนื้อน้อยลง พูดง่ายๆก็คือ มืออวบน้อยลงไปเยอะ และมีเส้นเลือดขึ้นบ้างแล้ว

ผมเปลี่ยนมาไถดูในเฟสบ้าง..

ทำไมต้องคุ้ยกันขนาดนี้ก็ไม่รู้.. ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นของผมเนี่ยช่างทำร้าย..

ในเฟสก็เหมือนกัน ย้อนหลังไปปีกว่าๆมานี้ไม่มีรูปหน้ามันขึ้นมาเลย และเหมือนมันจะล็อคหน้าเฟสให้เห็นการแทครูปของคนอื่นเฉพาะตัวมันเองเท่านั้น เพราะเข้าไปนี่มีแต่มันที่โพสต์ ไม่มีเพื่อนแทคเลย ทั้งๆที่เมื่อก่อนน่ะถึงมันจะอ้วนท้วนแต่ก็มีเพื่อนแทคหามันบ้างเป็นระยะๆ

สเตตัสคือเรื่องถัดมาที่ผมให้ความสนใจ..

เมื่อก่อนพวกเราคุยกันวันเว้นวัน ส่วนใหญ่การอัพเดทข่าวคราวการเรียน การใช้ชีวิตประจำวันของมันผมจึงได้รับจากทางวาจาเสียเป็นส่วนใหญ่ บางเรื่องมันก็ไม่ได้อัพลงเฟส.. มีผมเท่านั้นที่มันเล่าสู่กันฟัง ส่วนเรื่องที่อัพเฟสก็เป็นเรื่องทั่วไป..อย่างเช่น..วันนี้ไปหาหมอรักษาผิวหน้า.. ไปหาหมอฟัน อัพเทนเนอร์แบบใหม่ให้ดู มันดัดฟันด้วย ไปหาหมอตา..ทำเลสิก ซึ่งตอนคุยกันน่ะ มันไม่ได้เล่าเรื่องพวกนี้เลย ..แล้วฟีดของเฟสพี่มาร์คมันก็เอาขึ้นให้เห็นมั่งไม่ให้เห็นมั่ง ผมก็มัวแต่สนใจกิจกรรมโรงเรียน ไม่ก็ไปเรียนติวเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตกดึกก็เล่นแต่เกม เลยไม่ค่อยได้เข้าเฟสมาส่องมัน เวลาเราก็ไม่ตรงกัน ผมหลับมันตื่น ผมตื่นมันนอน..ทำให้หน้าฟีดมันหายๆไป
มาตามดูย้อนหลังแล้วถึงได้รู้ว่า..เออ มันเข้าคอร์สเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวจริงๆว่ะ

ประหลาดดีที่เพื่อนผมมันเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้.. .. มันมีคุยกับสาวที่ไหนไว้หรือเปล่าวะเนี่ย ผมคิดพลางยิ้มอย่างนึกสนุก

น่าจะมีเรื่องอะไรให้ตามส่องมันต่อไปเรื่อยๆแล้วล่ะ
ผมไถเฟสมันไปเรื่อย มาสะดุดสเตตัสเมื่อสามสี่เดือนก่อนของมันที่ดันขึ้นเป็นภาษาไทยว่า..
“อาการกำเริบอีกแล้วเรา..”

หืม..? สเตตัสอื่นของมันจะขึ้นเป็นภาษาอังกฤษเสียส่วนใหญ่ครับ แต่มาสเตตัสนี้เป็นภาษาไทยมันก็เลยทำให้ผมอาจจะมองข้ามไป ไม่ทันได้เห็น เพราะเท่าที่ดูไลค์ผมก็ไม่มี คอมเม้นท์ก็ไม่มี

และเพราะสเตตัสเป็นภาษาไทย เพื่อนต่างด้าวของมันก็ไม่ได้สนใจจะถามด้วย ทำให้ผมไม่รู้ว่าอาการอะไรของมันกำเริบ..แต่ถ้าให้เดา กอล์ฟน่ะ ก่อนไปเรียนที่ต่างประเทศมันมีปัญหาเรื่องหอบหืดอยู่ด้วย ..การที่บอกว่าอาการกำเริบ อาจจะเป็นเพราะมันเป็นหอบขึ้นมาล่ะมั้ง ผมคิดอย่างนั้น แล้วก็ได้แต่ปล่อยให้สเตตัสนั้นผ่านเลยไป.. มีแค่ความตั้งใจของเพื่อนที่จะดูแลเพื่อนซึ่งมีโรคประจำตัวเท่านั้น

***
 :katai4: :katai4:

จะมีคำหยาบเยอะหน่อยน้า เพราะม่วงม่วงยังวัยรุ่นอยู่

จะลงให้ทันที่เพจจ้า

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
3

 
ตอนที่ผมเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วพบว่าก๊วยเตี๋ยวของไอ้ก๊อบแก๊บมันอืดหมดแล้ว และมันยังไม่ได้แตะเลยสักคำ..ก็ทำให้ผมถึงกับเกาหัวแกรกๆ

“เอ้า แล้วทำไมไม่กินล่ะ เส้นอืดหมดแล้วเนี่ย” ผมว่าแล้วมองไปทางน้องชงที่นั่งดูดนมชงมองไอ้กอล์ฟแบบเอือมๆ

“มันบอกยังไม่หิว เลยจะรอกินพร้อมมึง” น้องชงเบ้หน้า “ทำตัวน่าขนลุกชะมัด”

ไอ้กอล์ฟยักไหล่แล้วเขยิบตูดให้ผมนั่งลงข้างมัน

“ก็ยังไม่อยากกิน”

“ทั้งที่ท้องมึงร้องขนาดนั้นอ่ะนะ”

“มันเป็นขบวนการของร่างกาย เห็นอาหารได้กลิ่นก็ร้อง..ธรรมดา” ไอ้หล่อตีหน้ามึนแล้วเริ่มหยิบตะเกียบคีบลูกชิ้นให้ผมสองลูก ตัวเองเอาไว้สองลูก

ผมมองลูกชิ้นในจานแล้วก็มองหน้ามัน.. นี่มึงดีใจที่ได้เจอหน้ากูขนาดสละซึ่งของชอบมึงเลยเหรอวะ ..กูควรซึ้งใจการกระทำมึงแบบไหนดี ผวากอด? หรือปล้ำจูบแม่มให้รู้แล้วรู้รอด

ผมเหลือกตามองน้องชงที่นั่งหัวเราะคิกๆ

“แดกเข้าสิมึง ไม่แดกกูแดกให้ได้นะ” น้องชงมันว่าแล้วหยิบส้อมยื่นมาจะจิ้มลูกชิ้นในจานข้าวผัดขี้เมาหมูของผม..

“เอาของกูไปก็ได้ อย่าไปแย่งของม่วง” ไอ้หล่อคีบลูกชิ้นขึ้นมาจะส่งให้น้องชง.. เล่นเอาเจ้าตัวทำท่าขนลุกอีกรอบ

“ขอบใจมึง กูล้อเล่น..” แล้วมันก็หัวเราะคิกๆอยู่คนเดียว ไอ้ห่าชง กวนตีนเพื่อนใหม่ละเนี่ย

“กินๆ เลิกเล่นกันได้ละ หิวแล้วเนี่ย..” ผมเริ่มส่งข้าวเข้าปากนำไปก่อนเลย

“กูอิ่มแล้ว กินน้ำอะไร เดี๋ยวไปซื้อให้” น้องชงบอกแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับถือจานเปล่าของตัวเองที่กินหมดแล้วเตรียมเอาไปเก็บ

“เอาโค้ก..” ผมบอก แล้วก้มหน้าก้มตากิน ได้ยินไอ้กอล์ฟมันบอก ‘น้ำเปล่า’ แล้วรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ ความรักสุขภาพควรเกิดขึ้นเมื่ออายุเลย 40 ขวบไปแล้ว ตอนนี้ขอใช้ความวัยรุ่นในตัวให้คุ้มก่อนครับ

พอน้องชงคล้อยหลังไปผมก็เริ่มถามประวัติก๊อบแก๊บด้วยความอยากรู้

เดี๋ยวพ่อจะลากไส้ออกมาทุกขดเลย.. มึงไปปิ๊งสาวที่ไหนไว้ไม่ยอมบอกกู

“ที่มึงไม่ยอมมาเจอกันตั้งแต่กลับมาเพราะอยากเซอร์ไพรส์กู?”

อีกฝ่ายพยักหน้า “อันนั้นเรื่องหลัก.. แต่ก็มีอย่างอื่นให้ต้องดำเนินการด้วย อย่างพวกเดินเรื่องเรียน ไปสวัสดีญาติๆ ซื้อของ ซื้อเสื้อผ้า เตรียมตัวอะไรหลายอย่าง”

“อืม..ก็จริง.. กลับมาจากทางโน้นเสื้อผ้าที่นี่คงไม่มีเลยล่ะสิ”

“ก็มีกลับมาบ้าง พวกกางเกงยีนส์ที่ชอบๆ เสื้อยืด กระเป๋า แต่ส่วนใหญ่ก็ให้อีธานไว้” มันใช้ตะเกียบคีบก๊วยเตี๋ยวเข้าปากอย่างทุลักทุเล เพราะพอเส้นอืดมันก็จะขาดง่ายและนิ่มไปหมด

“อีธานไม่ได้ผอมกว่านายเมื่อก่อนหรือไง” ผมหมายความถึงสมัยที่มันยังน้ำหนักร้อยกว่าโลนั่นอ่ะครับ ยังเป็นไอ้หมีจิมมี่ของผมน่ะ

“เสื้อผ้าสมัยก่อนนั่นแม่เอาส่งไปบริจาคหมดแล้ว ที่ให้อีธานจะเป็นเสื้อผ้าไม่เกินปีนึงหรอก แม่เขาเห่อมากตอนเราผอมลงน่ะ ชอบพาออกไปช้อปปิ้งด้วยกัน เคยหลุดปากบอกด้วยว่าเหมือนได้ลูกชายใหม่มาอีกคน”

“โคตรจะเข้าใจอารมณ์นั้นเลย” ผมงึมงำทั้งที่ข้าวเต็มปาก

“หืม? ว่าไงนะ”

“เปล่า.. ก็แค่บอกว่าโคตรจะเข้าใจอารมณ์แม่นาย.. นี่ก็รู้สึกเหมือนได้เพื่อนใหม่มาอีกคน..มันไม่คุ้นหน้ายังไงไม่รู้”

อีกฝ่ายหันมามองผมแล้วยิ้มกว้าง “เดี๋ยวอีกหน่อยก็ชิน..จะอยู่ให้คุ้นเคย อยู่จนกว่าม่วงจะไล่เรา”

“จะกลับมาอยู่ไทยเลย?” ผมเงยหน้าขึ้นถาม ขณะที่ฝ่ายนั้นยอมแพ้กับการใช้ตะเกียบ หันมาใช้ช้อนตักเส้นอืดๆเข้าปากแทน..

ดูจากท่าทางง่ายๆของกอล์ฟแล้ว การกินง่ายอยู่ง่ายใช้ชีวิตไม่เหมือนเป็นลูกคุณหนูนี่กอล์ฟมันเป็นมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว..หน้าไม่คุ้น แต่นิสัยโคตรคุ้นเคย

“อื้ม.. ตอนนั้นยังเจรจาไม่ได้เลยยังไม่ชัวร์ว่าจะได้มาอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้เจรจาได้แล้ว..” ไอ้กอล์ฟยิ้นระรื่น ดูท่าทางโล่งอกโล่งใจของมันแล้วรู้สึกได้เลยว่ามันเจรจาได้ตามที่มันต้องการจริงๆ

“...มึงทำให้กูอยากรู้ขึ้นมาเลยนะว่าทำไมมึงต้องมีลับลมคมในอะไรเยอะขนาดนี้”

“ก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรนี่นา..” ก๊อบแก๊บหันมายิงฟันให้ “แค่กะจะขอสะใภ้นิดหน่อยเท่านั้น”

บอกเลยว่ากูก็สะไพร้ซ์หรือเซอร์ไพร้ซ์มากที่เจอหน้ากันปุ้บโน้มคอไปจูบกันปั้บแบบนี้

ผมส่ายหน้าไล่ความรู้สึกที่แว่บไปถึงช่วงเวลานั้นขึ้นมา.. ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “แล้วนี่มาเรียนยังไงอ่ะ ยังอยู่ที่เอกมัยหรือเปล่า?”

“เปล่า..บ้านที่เอกมัยพ่อเขาเดินทางไม่สะดวก เลยย้ายออกไปนานแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่หรอก ให้คนเฝ้าไว้เท่านั้น ส่วนเราเดี๋ยวพรุ่งนี้จะย้ายเข้าคอนโดน่ะ”

ผมหันไปถามพร้อมกับส่งลูกชิ้นเข้าปาก “แล้วคอนโดที่จะย้ายเข้าไปพรุ่งนี้อยู่ตรงไหน”

“ข้างๆมหา’ลัยนี่แหละ ..ไว้ม่วงมานอนกับเราก็ได้นะ เราอยู่คนเดียว”

ผมพยักหน้าหงึกๆเป็นเชิงรับรู้แล้วซัดข้าวผัดไปอีกคำโต ผมเคยไปนอนค้างบ้านเพื่อนบ้าง แต่ไม่ค่อยบ่อย ส่วนใหญ่ถ้าต้องไปทำงานบ้านเพื่อนหรือไปเที่ยวกัน..พี่แมนหรือไม่ก็นัทจะมารับกลับ หรืออีกทีพวกมันก็ขนกันไปนอนบ้านผม เพราะอาหารการกินเราไม่ต้องห่วงเลย..

ขณะกำลังคุยกันได้ไม่ลึกนัก มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะเราก่อนจะมีใครบางคนทิ้งตัวลงเบียดเข้ามาตรงข้างๆผม

“เฮ้ย..อร่อยใหญ่เลย”

ผมหันไปมองแล้วยิ้มกว้างให้มัน

“มายังไงวะ วันนี้ไม่ได้เรียนที่โน่นเหรอ” ผมหมายถึงอีกเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยเราน่ะครับ ไอ้นี่มันเรียนสายวิศวกรรม ปี 1-2 ต้องเรียนที่โน่น

“อาจารย์ให้มานี่อาทิตย์แรก เดี๋ยวอาทิตย์หน้าค่อยไปเรียนที่โน่น.. ไงมึงไอ้โม้..สบายดี?”

“นี่ใคร..” ผมย้อนด้วยประโยคประจำของตัวเอง

“ครับ..ไอ้ม่วงโม้..” ฝ่ายนั้นหัวเราะร่วน “เป็นไงมึงเรียนวันแรก..”

“ก็..”

“ม่วง..ปากเลอะหมดแล้ว”

ผมสะดุ้งเมื่อมีมือยื่นมาปาดตรงมุมปากให้ เห็นไอ้คนทำมันยิ้มส่งมาให้แล้วมันก็ก้มหน้ากินเตี๋ยวของมันต่อ ทำให้ผมนึกขึ้นได้

“เอ้อ.. ไอ้ติ้ก นี่กอล์ฟเพื่อนเก่ากูตั้งแต่สมัยอนุบาลโน่น ส่วนนี่สติกเกอร์ เรียกกันว่าติ้ก เพื่อนเราสมัยเรียนมัธยม” ผมแนะนำให้ต่างฝ่ายต่างรู้จักกัน ไอ้ติ้กก็เลยชะโงกหน้าออกไปทัก

น้องชงที่เดินไปซื้อน้ำกลับมาพอดี เขาเอ่ยทักทายคนกลุ่มนั้นอย่างสนิทสนม และนั่งลงคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว จากที่นั่งกันอยู่สามคน ก็เลยกลายเป็นว่ามีพวกนั้นอีกห้าคนไปหาข้าวหาน้ำมานั่งกินด้วยเสียเลย

กลุ่มเราตอนเรียนมัธยมเป็นกลุ่มใหญ่พอสมควร เพราะผมมักมีกิจกรรมต่างๆในโรงเรียนให้ทำเสมอ ไม่ว่าจะวันครู วันภาษาไทย วันวาเลนไทน์ วันมาฆบูชา และวันอื่นๆอีกมากมายที่ต้องโดนอาจารย์ลากเอาไปเป็นลูกมือ..เห็นผมตัวเล็กๆแบบนี้ผมยกของเก่งนะครับ.. ช่วยที่บ้านขนวัตถุดิบเข้าครัวประจำ แล้วก็ว่องไวใช้คล่องเป็นที่รักของอาจารย์มากมายเลยด้วย จนมักจะมีคำชมมาไม่ขาดสาย ได้จิตพิสัยดีเด่น คะแนนนำอยู่ในระดับต้นๆเลยทีเดียว

และเพราะได้รับคำชมบ่อยๆแบบนั้น.. ผมก็เลยมีคำพูดติดปากว่า.. “นี่ใคร.. นี่ม่วงไง..” เป็นการแก้เขินไปในตัว แถมไอ้เพื่อนทั้งหลายก็ยังให้ฉายาม่วงโม้แก่ผมอีกต่างหาก

คนห้าคนในกลุ่ม มีแค่สองคนที่ผมเรียกว่าเพื่อน ส่วนอีกสามคนนี่คุ้นหน้าคนเดียว อีกสองน่าจะเป็นคนใหม่เพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่ หลังจากแนะนำตัวกันแล้วพวกเราก็คุยกันขโมงโฉงเฉงไม่มีใครรู้สึกแปลกแยกกับใคร

กระทั่งกอล์ฟเองก็คุยได้เข้าขากันดี..

กอล์ฟมีนิสัยง่ายๆ คบคนง่าย พูดคุยเก่ง ยิ้มเก่ง แถมหน้าตาดูใจดีไม่กวนอวัยวะเบื้องต่ำของใครด้วย ทำให้กอล์ฟไม่เคยมีปัญหาในการคบเพื่อนเลย ยิ่งตอนนี้มันพัฒนาบุคลิกภาพของตัวเอง หน้าตา การแต่งตัว ความมั่นใจมันคงมีมากขึ้น สาวๆก็คงให้ความสนใจมันทั่วทิศ..

ใครเป็นแฟนมันคงเหนื่อยหน่อย
****

ตอนที่เราเสร็จจากกิจกรรมรับน้องในเวลาเกือบสองทุ่ม พี่ๆในกลุ่มสันทนาการบางคนก็เดินตามออกมาส่งพวกเราด้วย

“พวกนายน่ะ อย่าลืมที่พวกรุ่นพี่บอกล่ะ เตรียมมองๆหาคนที่จะเป็นประธานรุ่น กับดาวและเดือนคณะได้แล้ว.. เดี๋ยวอีกสองสามวันที่นัดบอกชื่อจะได้มีอยู่ในใจกัน”

พี่แฟง ผู้ชายตัวเล็กๆขาวๆหน้าตาใจดีเดินยิ้มอ่อนๆบอกพวกเราให้เตรียมชื่อไว้ ตอนที่พวกพี่เขามาบอกน่ะหลายคนก็เมียงมองกัน ผมว่าก็คงมีแหละครับประเภทไม่คุ้นหน้าแล้วจะให้ใครยังไงดีวะ พวกเราอยู่ด้วยกันมาสองอาทิตย์ ปรับจูนกันมาเรื่อยๆก็พอจะเห็นบ้างแล้วว่าใครน่าจะเป็นประธานรุ่น ใครน่าจะได้ลงเป็นดาวเป็นเดือน..

แต่วันนี้น่ะ มีเด็กใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าประชุมมาแนะนำตัวหนึ่งคนถ้วน แถมหน้าตาดีจนสาวๆตาโต.. พอมันแนะนำตัวเรียบร้อยก็เดินมานั่งลงข้างๆผมซึ่งเคยเป็นตำแหน่งของเพื่อนอีกคน ไม่รู้มันไปขอให้พี่เขาเปลี่ยนมันมาลงตรงนี้ได้ยังไง

ไอ้กอล์ฟถูกหมายหัวเป็นเดือนสาขาการตลาดอินเตอร์ตั้งแต่เรายังไม่ได้เสนอชื่อเข้าที่ประชุมเลย ความที่มันหน้าตาดี ตัวก็สูงกว่าคนอื่น.. ดังนั้นก็เลยกลายเป็นชื่อมันยืนมาก่อนแล้ว

พวกเราแยกย้ายกันตรงประตูหน้ามหาวิทยาลัย ผมส่งน้องชงขึ้นรถรับจ้างที่เขาใช้แอพเรียกมาไปแล้ว ส่วนตัวเองก็เตรียมเรียกพี่วินให้ไปส่งหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน โดยมีไอ้กอล์ฟยืนรออยู่เป็นเพื่อน

“แล้ววันนี้มึงกลับไหนเนี่ย?” ผมถามมัน เพราะที่จำได้คือมันบอกจะเข้าคอนโดพรุ่งนี้

“วันนี้ไปนอนกับพ่อที่ห้วยขวาง”

“โอ้โห.. แล้วจะกลับยังไง..”

มันยักไหล่แล้วทำท่ามองไปรอบๆ “ยังไม่รู้เลย..ไม่ค่อยคุ้นทางแถวนี้”

“แล้วเมื่อเช้ามึงมายังไง”

“มีคนมาส่ง..”

ไอ้คุณชาย..ผมทำเสียงในคอก่อนจะบอกมันว่า “เดี๋ยวไปส่งลงรถไฟใต้ดิน”

“แต่มันจะลำบากม่วงไหม”

มันถามนะครับ แต่ก็ทำท่าเหมือนจะยินดีให้ผมไปส่ง

ผมยังสงสัยอยู่แล้วว่าถ้าผมไม่ออกตัวมันจะหารถกลับยังไง แท็กซี่แถวนี้หายากยิ่งกว่าทอง.. ตอนน้องชงอยู่ก็ไม่บอกจะได้ให้ติดรถน้องชงออกไปด้วยกัน แล้วไปลงกลางทาง

“มันเป็นทางผ่านอยู่แล้ว แว่บไปส่งแป้บเดียว ไม่เป็นไร..” ผมบอกแล้วชูนิ้วเรียกพี่วินไปสองคัน

การนั่งวินผ่านดงร้านเหล้าตรงหน้าปากซอยทำให้กอล์ฟมันตื่นตาตื่นใจมาก โดยเฉพาะที่มีพี่สาวๆมานั่งรอแขกอยู่หน้าร้าน มันมองแบบเหลียวหลังเลยล่ะครับ

พอผ่านมาถึงทางลงรถไฟใต้ดินมันก็ถามขึ้น “ม่วงเคยเรียนสาธิตแถวนี้ใช่ไหม แล้วมานั่งร้านพวกนี้ด้วยไหม?”

ผมขมวดคิ้วอย่างงงๆให้กับคำถามของมัน “เคยเรียนแถวนี้ แต่ไม่เคยนั่งร้านพวกนี้หรอก..ส่วนใหญ่นัทพาข้ามไปกินขนมที่ห้างฝั่งโน้น ..อายุยังไม่ถึงนัทไม่ให้มานั่งแถวนี้หรอก ..ว่าแต่ก๊อบแก๊บสนใจเหรอจ๊ะ”

ผมถามแล้วก็ยักคิ้วให้มัน..พูดไปก็เมื่อยคอ ยืนบนบันไดเลื่อนขั้นเดียวกันก็ต้องแหงนหน้าไปคุยกับมัน ทีหลังให้มีลงก่อนดีกว่า จะได้คุยในอากาศเดียวกันมั่ง

“เปล่า..เราไม่ชอบดื่ม” ผมตอบด้วยรอยยิ้มที่ชวนให้ผมขนลุก ไอ้นี่มันยังไงวะ ทำไมชอบยิ้มหวานเกินไปจนพาให้ใจผมแกว่งแปลกๆ

พวกเราเดินมาถึงทางแยกที่จะไปรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน ผมเลยชี้บอกมันให้เดินลงบันไดเลื่อนไปด้านล่าง “ทางเข้ารถไฟใต้ดินอยู่ตรงนั้น ลงไปซื้อเหรียญเข้าระบบที่ห้องจำหน่ายแล้วกันนะ บอกเขาว่าลงห้วยขวาง”

กอล์ฟมันพยักหน้ารับสายตายังดูกังวล.. เหมือนมันจะไม่มั่นใจว่าตัวเองไปถูกหรือเปล่า..

“ไปถึงห้วยขวางแล้ว..เราควรไปยังไงต่อ..”

โอ้ย ลูกกอล์ฟ..มึงเอาชีวิตรอดในลอนดอนมาได้ยังไง.. มึงตอบกูมาหน่อยสิครับ..ผมนี่อยากจะทึ้งหัวตัวเอง

“มันมีทางขึ้นสี่ทาง ก็ต้องอ่านป้ายดูว่าต้องขึ้นทางไหน เผื่อจะได้เรียกรถเข้าบ้านได้สะดวกไง” ผมอธิบายเด็กหลงกรุง “หรือไม่ก็ลองโทรถามที่บ้านดูว่าต้องออกทางออกไหน ให้เขามารับน่าจะดีกว่า”

กอล์ฟมันพยักหน้ารับแบบหงอยๆ ก่อนจะคว้าเอาข้อมือผมไปจับไว้.. ผมนี่มองตามมือมันแล้วเงยหน้าขมวดคิ้วใส่แบบสงสัยสุดๆ

สายตาก็จ้องมันแบบไม่เข้าใจ ..มึงเป็นอะไรของมึงครับ

“พรุ่งนี้เจอกันนะม่วง..”

มันพูดแล้วทำท่าโน้มตัวลงมาหา..ผมน่ะมีประสบการณ์อยู่แล้วนะเพราะฉะนั้นอย่าหวังว่าจะได้กินไอ้ม่วงอีก

“พอเลยมึง..กูห้ามแล้วใช่ไหม เดี๋ยวมึงจะโดนต่อย..” ผมห้ามเสียงแข็ง ไอ้นี่ถึงเนื้อถึงตัวตลอด ติดนิสัยจากต่างชาติมาเต็มๆ

“แค่จะบอกว่า..หลับฝันดีนะ” มันยิ้มกว้างขณะโน้มตัวลงมาจ้องตาผม “คิดอะไรน่ะม่วง..ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ”

หนอย..เป็นแค่ไอ้ลูกกอล์ฟบังอาจมาก

ผมหน้าร้อนหัวร้อนขึ้นมาเลยครับ.. ทำได้แค่เข่นเขี้ยวแล้วมองมันเดินแยกลงรถไฟใต้ดินไป..
*****




 
 
  :katai4: :katai4: :katai4:

ปั่นๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
กอล์ฟอยากให้ม่วงไปส่งหรือเปล่านี่ อ้อนซะ

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
4
 
เป็นไปตามคาด.. ไอ้กอล์ฟโดนเสนอชื่อเป็นเดือนสาขาการตลาดอินเตอร์อย่างที่คิดจริงๆครับ..

แต่สิ่งที่นอกเหนือกว่านั้นก็คือ..

รุ่นพี่ขอให้ผมช่วยเป็นตัวประสานระหว่างมันกับมหาวิทยาลัย.. ถามว่าทำไมต้องให้ผมเป็นคนคอยดูแลมัน แทนที่จะเป็นรุ่นพี่ที่มีศักยภาพในการประสานงานต่างๆ และรู้เรื่องราวมากกว่าผม ก็ตอบได้แค่ว่า.. กอล์ฟเพิ่งย้ายมาอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงเดือน ยังเข้ากับสังคมที่นี่ได้ไม่ดีนัก อาจจะด้วยวัฒนธรรมที่ต่างกัน..ดังนั้น พี่ๆเขาก็เลยห่วงว่าอาจจะมี culture shock ได้ จึงจำเป็นว่าผมต้องอยู่ข้างๆมันเพื่อลดความกังวลและความกดดันนั้นลง

ซึ่งผมก็ยังงงๆ มันคนไทย ย้ายไปอยู่ลอนดอน ถ้าเกิด culture shock ที่นั่นก็คงไม่แปลก.. แต่นี่มันย้ายกลับมาที่ไทย ซึ่งก็คือถิ่นฐานบ้านเกิดของมัน มีเพื่อน มีครอบครัวเยอะแยะ จะเกิด culture shock ..มันเป็นไปได้ต่ำมาก

แต่..เอาเถอะครับ ผมจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากยอมทำตามที่รุ่นพี่บอก ผมอาจจะสงสัย แต่ก็ไม่รู้จะถามไปเพื่ออะไร เรื่องแค่นี้เอง..ผมว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ขนาดต้องรู้เหตุผลให้ชัดเจนอะไรเลย ..อีกอย่าง กอล์ฟมันก็เพื่อนผม จะให้ช่วยก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องฝืนอะไร ดีเสียอีก ไปกับมันได้กินข้าวฟรี มีขนมอร่อย แล้วก็มีคนสวยๆให้ดู

ผมว่าถ้าผมไม่ได้เป็นเพื่อนไอ้กอล์ฟ ผมคงไม่ได้มารู้จักอะไรแบบนี้แน่ๆ

ซึ่งพอได้ใกล้ชิดมันแบบตัวติดกันมากๆถึงได้เห็นว่ามันรู้สึกเหงาแค่ไหน มันมักจะเอารูปน้องสาวน้องชายมันมาอวดผมเสมอ นั่งว่างๆก็เอารูปน้องมาแต่งเล่นแล้วโพสต์ลงไอจีบ้าง แทกไปทางเฟสบ้าง อย่างว่าล่ะครับ มันไปเรียนที่โน่นตั้งแต่เกรด 5 เรียนจนจบเกรด 12 ทางโน้นก็มีน้องมันนี่แหละทำให้มันหายคิดถึงบ้าน พ่อใหม่มันก็ดีชอบพาไปแค้มปิ้งกันประจำ การคิดถึงคนที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 10 ปีจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ที่ผมว่าออกจะแปลกๆอยู่หน่อยคือมันชอบถ่ายรูปผม ไม่รู้ว่าถ่ายอะไรบางทีก็ขอถ่ายดีๆ บางทีก็แอบถ่าย ชอบเซลฟี่รูปคู่กับมันด้วย.. แล้วๆไม่ส่งมาให้ดูด้วยนะ.. ถ่ายเสร็จก็ทำเนียนพูดไปเรื่องอื่น พอผมทวงมันก็บอกว่าโทรศัพท์ตัวเองก็มี ก็ยกขึ้นมาถ่ายสิ ทำไมต้องมาขอรูปจากมัน..

ผมก็เลยไม่ถ่ายมันซะเลย.. ไอ้คนขี้งก

สำหรับการเรียนของเรานั้น ตอนนี้ตารางก็เริ่มนิ่งแล้วครับ.. เรียนกันไปเกือบครบทุกวิชา ได้รายงานมา 3 ฉบับแล้ว ไม่รู้อาจารย์อ่อยให้ก่อนหรือเปล่า เพราะรุ่นพี่มักบอกว่ารายงานการตลาดเยอะมาก โดยเฉพาะการตลาดอินเตอร์ จับกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ บางวิชามีรายงานซ้อนรายงาน มีพรีเซนต์หน้าห้องทุกอาทิตย์ มีปวดใจจากสอบย่อยเป็นระยะๆ

และอย่าคิดนะครับว่าการตลาดไม่ต้องอ่านหนังสือ แค่ทำรายงานกันอย่างเดียว.. (น้องชงมันคิดมาแล้ว) เพราะเราโดนการบ้านอ่าน Text book ต่างประเทศ บทความต่างๆ และให้แปลมาส่งเยอะมาก เรื่องตัวเลขก็ไม่ใช่จะไม่ได้เรียน เพราะอย่างน้อยนักการตลาดก็ควรต้องรู้ว่าถ้าปล่อยแคมเปญอะไรออกมาจะมีกำไรเท่าไหร่ ผลตอบแทนจากการลงทุนเท่าไหร่ จุดคุ้มทุนอยู่ที่เท่าไหร่ ดังนั้น..การเรียนพวกแคลคูลัส สแตต จึงเป็นการเรียนพื้นฐานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

โอเคว่าถ้าเทียบระหว่างวิศวกรรมศาสตร์กับแพทย์แล้ว การตลาดก็คงจะง่ายกว่าอยู่บ้าง.. แต่การเรียนที่ไหนก็ไม่มีง่ายโคตรๆหรอกครับ การตลาดเป็นเรื่องของการแข่งขัน ถ้าเรียนเพื่อให้พอผ่านแค่คุณมีตรรกะและเซ็นส์ดีพอ คุณก็อาจจะได้คะแนนมาจากอาจารย์ แต่ถ้าคุณต้องการอะไรที่เหนือกว่าคำว่า “ผ่าน” คุณต้องมีโลกทัศน์ที่กว้างไกลพอที่จะทำให้อาจารย์เชื่อว่าคุณมีศักยภาพที่จะเปิดตลาดใหม่ๆด้วย

อย่างเรื่องในห้องเมื่อช่วงเช้าวันนี้ก็เหมือนกัน

“สมมุติค่ะ.. คุณมีปากกาอยู่แท่งหนึ่ง ปากกาแท่งนี้คุณจะนำมาขายอาจารย์ คุณคิดว่าคุณจะขายอย่างไร”

นิสิตในห้องต่างมองกันไปมาไม่มีใครกล้ายกมือขึ้นก่อน จนอาจารย์ต้องเอ่ยเร่งอีกหน หัวหน้าห้องถึงยกมือขึ้น

“ผมจะบอกคุณสมบัติของมันครับ”

“ยังไงล่ะคะ..”

หัวหน้าห้องทำตาปริบๆแล้วเอ่ยเสียงไม่มั่นคงนัก “ปากกาแท่งนี้ผลิตจากเยอรมัน รูปทรงเหมาะมือ เขียนลื่นไม่สะดุด”

“อ่าห้ะ.. ปากกาดีที่ไหนก็เขียนได้ลื่นดีนะคะ ทำไมอาจารย์ต้องเสียเงินซื้อของแพงกว่าด้วย”

คุณหัวหน้าเริ่มปาดเหงื่อ “มันเป็นยี่ห้อชั้นนำระดับโลก และคนมีชื่อเสียงหลายๆคนเลือกใช้มันครับ”

“ดีค่ะ..มีความกล้าใช้คำพูดมากขึ้น..” อาจารย์เอ่ยชม “แต่ขอโทษด้วย อาจารย์ไม่ได้อยากเป็นจุดสนใจขนาดต้องซื้อปากกาแพงกว่าชาวบ้านมาทำตัวหรูหราหรอกนะคะ ..คงไม่ซื้อค่ะ”

หัวหน้าห้องม้วนเสื่อกลับบ้านยกมือยอมแพ้ไปเลย

“ไหน หนูน่ะ ขายของให้อาจารย์หน่อยสิ” อาจารย์ชี้ไปที่เพื่อนผู้หญิงซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าสุด เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วเริ่มการขายของเธอด้วยการอารัมภบทคุณลักษณะที่ดีของปากกาด้ามนั้น แล้วตบท้ายที่ว่า


“คุณผู้หญิงมีใบหน้าสะสวยแบบนี้ ต้องมีคนรักแล้วแน่ๆใช่ไหมคะ”

อาจารย์ก้มหน้าหัวเราะคิกแล้วตอบกลับมาว่า “เพิ่งหย่าไปเมื่อวานค่ะ ปากกงปากกาไม่เอาแล้วนะคะ ขอไปร้องไห้เงียบๆดีกว่า”

เฟลไปอีกหนึ่งราย แถมยังโดนอาจารย์สอนเรื่องการล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัวของลูกค้าอีกต่างหาก คราวนี้เลยไม่มีใครกล้ายกมือต่อกรกับอาจารย์เลย ทำให้อาจารย์เริ่มหาเหยื่อรายใหม่ และคนหล่อย่อมถูกหมายตา

“ว่าไงคะว่าที่เดือนมหาวิทยาลัย..คุณพอจะใช้ความหล่อของคุณช่วยขายปากกาแท่งนี้ได้ไหม?”

อาจารย์ก็ชมมันเกินไป ตอนนี้มันแค่เป็นเดือนสาขาเอง เดือนคณะก็ยังไม่ได้คัด

แต่เหมือนไอ้ลูกกอล์ฟมันจะยอมรับไปกลายๆ มันขยับตัวนั่งหลังตรงแล้วยิ้มน้อยๆ ผมมองมันอย่างลุ้นๆ เห็นมันส่งสายตามาแว่บหนึ่งเหมือนต้องการกำลังใจแล้วมันก็หันไป

“ทานโทษนะครับ.. ผมอยากให้คุณผู้หญิงได้เห็นรายละเอียดต่างๆของปากกาเล่มนี้เสียหน่อย” กอล์ฟมันหยิบสมุดของมันขึ้นมาเล่มหนึ่ง ดูเหมือนจะติ๊ต่างว่าเป็นโบรชัวร์ “ในเล่มจะเห็นขั้นตอนการผลิตที่ปราณีต และคำนิยมจากผู้มีชื่อเสียงหลายท่านเลยครับ.. คุณผู้หญิงครับ ..นี่ก็เกือบจะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ผมคาดว่าคุณต้องไปทักทายผู้ใหญ่ที่คุณเคารพแน่ๆ คุณจะไม่พิจารณาปากกาดีๆ เขียนลื่น เป็นยี่ห้อดังจากต่างประเทศ และคนมีชื่อเสียงส่วนใหญ่เลือกใช้แก่ท่านผู้ใหญ่เหล่านั้นหรือครับ ผมรับรองเลยว่าถ้าผู้ใหญ่เหล่านั้นเห็นปากกาแท่งนี้ จะต้องยินดีและขอบคุณคุณเป็นอย่างมากทีเดียว”

“แต่มันแพงอยู่นะ”

ไอ้กอล์ฟยิ้มหวาน

“ราคาไม่สามารถเทียบเป็นมูลค่าทางใจได้จริงไหมครับ..”

มาจบที่ตรงนี้อาจารย์เขาก็ยอมซื้อแล้วครับ..

หลักการเรียนการตลาดง่ายนิดเดียว..ทำยังไงก็ได้ให้อาจารย์ซื้อไอเดีย และเชื่อในสิ่งที่คุณนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารทางการตลาดในแบบต่างๆ หรือจะเป็นเรื่องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างถูกวิธี

พวกเราเรียนด้วยกันมาเกือบสองอาทิตย์ คนที่ยังไม่ค่อยสนิทก็เริ่มกอดคอตีเข่ากันแล้วล่ะครับ แต่ที่น่าแปลกก็คือ เมื่อไอ้กอล์ฟเดินเข้ากลุ่มมา ทุกคนจะขยับพื้นที่ให้มันโดยไม่ได้นัดหมาย..อย่างเช่นเรื่องเมื่อเช้านี้เป็นต้น

ผมถูกนัทแซะขึ้นมาจากเตียงเพื่อจะต้องมามหาวิทยาลัยให้ทันเข้าเรียนเช้า ในหกวัน จะมีเรียนเช้าอยู่สองวัน คือวันพุธและวันพฤหัส ซึ่งตารางเรียนเช้าแบบนี้ผมไม่ค่อยถนัดนัก เพราะมันทำให้ผมต้องตื่นเช้ามากๆเพื่อมาเรียน

ตอนนี้ผมนั่งตาจะปิดอยู่ที่ม้านั่งหินหน้าคณะ เพราะเมื่อคืนดันคุยกับไอ้กอล์ฟเรื่องรายงาน เรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเกือบตีสอง ต้องบอกก่อนนะครับ หัวผมจะไม่แล่นถ้านอนไม่ถึง 7 ชั่วโมง และเมื่อคืนที่ผ่านมานอนไปแค่ 4 เอง ก็จะดูเอ๋อๆหน่อย

ผมมาถึงโต๊ะหินหน้าคณะตั้งแต่ 8 โมงเช้า ในขณะที่ไอ้กอล์ฟนั้นลอยมาตอน 8.25 เตรียมมาสอยพวกเราขึ้นห้องเรียน ผมล่ะอิจฉาความบ้านใกล้ของมันเหลือเกิน.. ในขณะที่ผมตื่น 6 โมง มันตื่น 7.30

..ฮือออ เอาเวลานอนกูคืนมา!!

“ไงพวกมึง..ขึ้นกันเลยไหม?” พอมาถึงมันก็เอามือมาวางที่ไหล่ผม คงเห็นหน้าผมซีดๆเลยนวดให้หนุบหนับ ขณะที่คุยกับเพื่อนในกลุ่มไปด้วย

“รอมึงอยู่นี่แหละ..” เพื่อนในกลุ่มชื่อป๋องตอบกลับแล้วเริ่มขยับลุก

ด้วยความที่ผมยังสะลืมสะลือ วิญญาณยังอยู่บนที่นอนก็เลยถูกดึงกระเป๋าไปถือให้ แล้วยังโดนไอ้กอล์ฟมันโอบไหล่พาเดินขึ้นตึกไปอีกต่างหาก

แต่อย่าเรียกว่าเดินเลยครับ ลอยไปน่าจะถูกกว่า ตาปรือหัวหง่อกแหง่กอิงไหล่ไอ้คนสูงกว่าสบายไป

ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย.. วันนี้เราเรียนกันชั้นสาม ทำให้ต้องเดินขึ้นตึก ไม่มีลิฟต์เสิร์ฟถึงที่ ผมก็เลยได้แต่งัวเงียเดินตามแรงลากของไอ้กอล์ฟไปจนถึงห้องเรียน

ได้ยินเสียงน้องชงแว่วๆว่า “อุ้มได้อุ้มแล้วมั้ง” แต่คิดว่าคงไม่ได้พูดถึงผมหรอกครับ

พอเข้าห้องได้อาจารย์ยังไม่มาผมก็ฟุบอยู่บนโต๊ะนั่นแหละ

อาจารย์เข้าช้าไปประมาณ 10 นาทีได้ แต่การที่อาจารย์มาถึงช้ากว่าเวลาไม่ใช่ปัญหาของอาจารย์..แต่ถ้าเรามาถึงช้ากว่าอาจารย์ นั่นแหละจะเป็นปัญหาชีวิตของเรา

กอล์ฟมันจับแขนผมเขย่าเล็กน้อย.. แล้วพยายามแซะผมขึ้นมานั่งเรียนแบบผู้คนจนได้..

“นี่..ม่วง อมซะจะได้ตื่น”

มันส่งลูกอมรสเปรี้ยวเข้าปากให้ผม พอผมงับลูกอมไว้มันก็เก็บกระดาษลูกอมใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง แล้วเริ่มหันไปสนใจเรียนทันที

อาจารย์ใช้เวลากระหน่ำพวกเราอยู่สองคาบถ้วน แล้วก็ปล่อยให้ออกมาพักสิบนาทีแล้วต่อด้วยอีกวิชาหนึ่ง กว่าพวกเราจะได้กินข้าวเที่ยงก็ปาเข้าไปเกือบบ่าย

เสียงจอแจในโรงอาหารดังไม่ขาดสาย ผมรับเอาโค๊กกระป๋องที่เปิดแล้วมีหลอดเสียบเรียบร้อยมาจากไอ้กอล์ฟ น้องชงเหล่มองเล็กน้อยทำให้ผมยักคิ้ว อยากกินมึงต้องไปซื้อเองครับ โค๊กป๋องนี้กูฝากไอ้กอล์ฟมันซื้อมา ว่าแล้วผมก็ดูดน้ำซ่าๆนั่นปรื้ด ชื่นใจ.. เป็นการยั่วยวนไอ้ชงอีกทาง

ตอนนี้กลุ่มอาหารกลางวันแด่น้องผู้หิวโหยของพวกเราขยายวงจากสามคนเป็นหกคน ที่มีเพิ่มเข้ามาใหม่คือ นิว ป๋อง และปูม้า พวกนี้คือเพื่อนในกลุ่มทำรายงานของพวกเราทั้งนั้น และยังเป็นเพื่อนที่น่าจับตามองมาก แต่ละคนเกรียนแตกได้ใจจริงๆ

“มึงๆ ดูน้องคนนั้นสิ” ไอ้ม้าชี้ไปยังสาวน้อยนางหนึ่งที่หน้าตาจิ้มลิ้ม ผมยาวน่ารัก ใส่แว่นเป็นเด็กเรียน ดูก็รู้เลยว่าสเป็กผู้หญิงที่มันมองน่ะต้องเป็นเด็กเรียบร้อยใสๆ อ่อนต่อโลก จะได้ไม่ทันคนอย่างมัน

“น่ารักดีนะ แต่ไม่ใช่แบบต้องตาต้องใจกู..” ไอ้ป๋องตอบแล้วบุ้ยปาก “ของกูต้องคนโน้น..” มันใช้คางชี้ๆไปยังสาวหุ่นเซี๊ยะ ใส่กระโปรงสอบผ่าหน้าสูง เปรี้ยวจนเข็ดฟัน

ตัดภาพไปทางไอ้นิว.. แม่งเสือกเบะปาก

นิวมันไม่สนใจผู้หญิงหรอกครับ ต้องกล้ามๆ แมนๆ ผิวสีแทนเข้มๆ มีหนวดหน่อยถึงจะชอบ มันบอกเถื่อนๆน่ะเร้าใจ ดังนั้น พวกนิสิตนี่ไม่ได้กินมันหรอก.. (ถามเขาหรือยังว่าจะกินมึงไหม) มันบอกว่าสเป็กของมันน่ะ ต้องไปตามสถานที่อโคจรเท่านั้น.. (ตามกองขยะงี้?)

พวกเราทั้งหกเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นมาก.. แต่ก็มีบ้างที่ผมกับไอ้กอล์ฟจะถูกอัปเปหิให้ออกไปซื้อขนม ซื้อน้ำ หาข้อมูลรายงาน หรือไปไหนมาไหนด้วยกันเพียงลำพัง และน้องชงไปเกาะติดอยู่กับไอ้เพื่อนคนใหม่.. ชวนไปด้วยกันก็ไม่ไป บอกว่าขี้เกียจเดินตลอด..

และไอ้กอล์ฟก็ยังคงเป็นป๋าเปย์เหมือนตอนเด็กๆ มันชอบชวนไปซื้อขนม ซื้อน้ำด้วยกันเสมอ บางทีเดินไปโน่น เซเว่นหลังมหา’ลัย.. อยากกินแซนวิช กินเบเกอร์รี่โน่นนี่นั่นของมันไปเรื่อย ถามว่าในมอไม่มีให้มึงซื้อหรือไง..ก็มีนะครับ แต่มันบอกอยากเดินออกไปหาลูกชิ้นปิ้งกินด้วย..ผมก็ต้องตามใจมันแหละ

แต่หลายครั้งมากที่พอไปถึงมันกลับเดินตามผมต้อยๆ ไม่เห็นมันจะไปซื้อขนมอะไรเลย ถามมัน..มันก็บอกเปลี่ยนใจอยากกินขนมกรุบกรอบแบบที่ผมชอบกิน.. โอ้โห เสร็จผม (กู) สิครับ..

จนหลังๆผมรู้แนวมันแล้ว..ชวนไปซื้อหนมนี่ไม่ต้องคะยั้นคะยอ.. ผมเดินนำไปทันทีล่ะครับ ใครจะกินไรไลน์มาโลด

ตอนนี้มันย้ายมาอยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัยมากๆ มันเคยชี้ยอดตึกให้ดู แค่ยอดก็ดูสวยหรูอลังการแล้วครับ ผมเลยคิดว่าสักวันผมจะไปถล่มรังของมัน.. ได้ข่าวว่ามีเกมเยอะเสียด้วย

พูดถึงเรื่องผู้หญิง ที่ไอ้พวกนี้นั่งๆมองคนนั้นทีมองคนนี้ทีนี่เห็นได้แต่มอง ไม่เห็นเดินออกไปแตะขอบฟ้ากันบ้างเลย แต่ละคนหงอยๆกันอยู่ในกลุ่มนี่แหละ มีก็แต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหา..คงไม่ต้องเดาใช่ไหมครับว่าใครถูกพุ่งเข้าใส่

ไอ้กอล์ฟคือชายผู้โชคดีคนนั้น ตั้งแต่มันตกปากรับคำเป็นเดือนสาขา.. หน้าคณะก็หัวบันไดไม่เคยแห้ง เดี๋ยวพี่ที่ดูแล เดี๋ยวดาวเดือนสาขาอื่น เดี๋ยวดาวปีก่อน เดี๋ยวหลีดก็มา คฑากรก็มี.. แต่เอาจริงๆคือผมไม่เคยเห็นมันแล่นไปหาใครเลย ดูเหมือนจะเบื่อนิดๆด้วยที่ต้องมารับแขกที่มันไม่รู้จักหน้าเพิ่มขึ้นทุกวัน

อย่างวันนี้ก็เป็นอีกวันที่กอล์ฟฟี่ของสาขาตลาดอินเตอร์ต้องรับแขก นี่ติดเบอร์หน่อยแม่งป๊อบเลยนะ

“น้องกอล์ฟ..”

เสียงหวานๆของสาวสวยที่ดังขึ้นทำให้พวกเราเหลียวไปมองกันทั้งโต๊ะ

พี่แพรวเป็นดาวคณะเมื่อปีก่อนครับ.. เป็นสาวสวยตามสไตล์ที่ไอ้ป๋องเห็นแล้วน้ำลายหยด ไอ้ปูม้ากับน้องชงก็ยังมองแบบพริ้มๆ ส่วนไอ้นิวนี่ถึงจะไม่ใช่สเป๊กแต่สายตามันก็เต็มไปด้วยความชื่นชมในความสวยเสด็จซึ่งคาดว่าไอ้นิวคงอยากจะสวยได้แบบพี่เขาบ้าง

กอล์ฟมันลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้เมื่อพี่แพรวเดินเข้ามาใกล้

“พี่ขอคุยเรื่องเย็นนี้หน่อยได้ไหมคะ..”

“ครับพี่..” ไอ้หล่อตอบรับแล้วก็เดินตามพี่เขาออกไป

เท่าที่ผมรู้จัก กอล์ฟมันเป็นเด็กดีนะครับ ไม่พอใจอะไรมันก็จะเก็บไว้เงียบๆ ไม่ค่อยเล่าไม่ค่อยบอก เวลาคุยอะไรกับมันส่วนใหญ่เป็นเรื่องในเชิงบวกทั้งนั้น ไม่มีเรื่องเชิงลบ นินทาใคร หรือความคิดแง่ขวางโลกเลย ผมถึงรู้สึกสบายใจและคุยกับมันมาได้ตลอดตั้งแต่มันไปเรียนที่โน่น

มันชอบส่งเสียง ส่งคลิป ส่งข้อความมาทิ้งไว้ พอผมตื่น ผมก็จะส่งตอบกลับไป มีคุยกันสดๆบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยจะบ่อย เพราะกอล์ฟน่ะจะว่างก็หลังห้าโมงเย็น ซึ่งนั่นเป็นเวลาห้าทุ่มที่ไทย และผมก็หลับไปแล้ว ดังนั้นกว่าจะได้คุยสดๆเห็นหน้ากัน ก็คือเสาร์ที่ผมไม่มีเรียนพิเศษ หรืออาทิตย์ที่กอล์ฟไม่ได้ไปแคมป์ปิ้ง

แม้ว่าผมจะเห็นไอ้กอล์ฟเป็นเด็กคิดบวกแล้วบวกอีกแค่ไหน  แต่ให้ตายเถอะ เมื่อครู่น่ะ..ตอนที่ได้ยินเสียงพี่แพรว ผมเห็นมันแอบถอนหายใจกับขมวดคิ้วด้วย

หรือมันมีอะไรวะ?
*****
 

 :katai4: :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
5
 
“หวงก็เดินไปหาสิ”

น้องชงสะกิดยิกๆ ผมเลยหันไปเหล่ “มึงตกไม้เอกไปนะ..”

“เอ้ากูก็นึกว่าใส่ไปแล้ว..” มันหัวเราะร่วน

“หวงห่าอะไรล่ะ” ผมทำปากขมุบขมิบแล้วหันมาตักข้าวเข้าปาก

“ก็เห็นนั่งมองอยู่นั่น เดี๋ยวหันๆ”

“คือกูหันไปสองรอบ..” ผมวางช้อนกำส้อม ถ้าไอ้น้องชงพูดไม่ถูกหู กูจะแทงสองทีแปดรูเอาให้ตายคาส้อมเลย.. มะม่วงน้อยเป็นเด็กก้าวร้าว..แฮ่

“ก็คือหัน?..” ไอ้น้องชงมีขยี้

“หรือมีปัญหา?”

ผมกระชับส้อมในมือ เดี๋ยะ จ้วงไส้แตก ..เป็นคนดุร้ายยย

“เปล่า..”

เออดี..

ผมแสยะยิ้มคลายอาการเกร็งมือลงแล้วเสียบส้อมจิ้มไข่ให้น้ำไหลท่วมข้าว อย่าอยู่เลย ย๊ากกกก!!

โชคดีที่ไอ้น้องชงหันไปคุยกับป๋องแล้ว มันก็เลยรอดชีวิตไปหวุดหวิด ..ส่วนที่ผมหันไปมองไอ้กอล์ฟน่ะเพราะผมติดใจท่าทางของมันครับ พูดตรงๆก็คือห่วงมันนั่นแหละ อย่างที่บอกว่ากอล์ฟไม่ใช่คนที่จะแสดงอารมณ์แบบนั้นให้เห็นบ่อยๆ พอมันทำก็เลยอยากจะรู้ขึ้นมาทันทีว่าพี่แพรวทำอะไรให้มันลำบากใจ หรือมีเรื่องอะไรที่ทำให้เพื่อนของผมมันลำบากใจ

สองคนนั้นเขายืนคุยกันตรงริมโรงอาหาร แสงแดดอ่อนๆที่ส่องย้อนเข้ามาในตัวอาคารเป็นแสงนวลตาทำให้เห็นคนสองคนที่ดูเหมาะกัน ทั้งส่วนสูง รูปร่าง หน้าตา และความลงตัวอะไรทั้งหลายแหล่

แน่ล่ะครับ ผู้ชายหล่อๆ กับผู้หญิงสวยๆ เวลายืนด้วยกันก็ต้องดูดีไม่มีที่ติหรอก.. จะไปเหมือนมนุษย์เดินดินกินข้าวผัดแบบผมเรอะ.. อ๊ะ แต่ผมก็หล่อในแบบของผมนะ ไม่ได้นอยด์อะไร นี่ยังคิดเลยว่าแฟนของผมจะหน้าตายังไง หวานๆ หรือเปรี้ยวปิ๊ด คือ น้องมะม่วงไม่เคยมีสเป๊กเลยครับ ได้หมดถ้าสดชื่น

เพราะเท่าที่ผ่านเวทีป๊อปปี้เลิฟมาเนี่ย น้องมะม่วงปิ๊งเอาแบบแรกพบสบตาทั้งนั้นเลย

ไอ้กอล์ฟเหมือนจะเสร็จธุระของมันแล้ว มันยกมือไหว้พี่แพรว แต่อีกฝ่ายโบกมือเหมือนจะห้ามกอล์ฟไม่ต้องไหว้..อู้หู..ยิ้มหยาดเยิ้มมากจ้า สว่างไสวเลยทีเดียว

ผมดึงสายตากลับมาแล้วก้มกินข้าวไป รอให้กอล์ฟมันเดินกลับมานั่งข้างๆ ..ข้าวที่มันซื้อมาเย็นชืดหมดแล้ว แต่มันก็ดูจะไม่สนใจ ตักกินไปเงียบๆ

และก็กลายเป็นผมเองที่อดจะถามมันแบบห่วงใยไม่ได้

“กอล์ฟ..”

“หือ?..” มันเงยหน้าขึ้นมาปากก็ยังเคี้ยวตุ้ยๆ

“มึงโอเคใช่ไหม?”

มันเคี้ยวหมดปากแล้วฉีกยิ้มให้ผม “อืม..เราโอเค”

กอล์ฟฟี่ มึงจะโอเคแค่ไหนกูไม่รู้ แต่มึงไม่ต้องมาจับแข้งจับขากูได้มั้ย กูหวั่นไหวนะ เดี๋ยวปั๊ดปล้ำแม่งตรงนี้เลย

“เออ มีอะไรก็คุยกันได้” ผมยื่นมือลงไปบีบมือมัน เจตนาจะจับแล้วยกมือมันออกจากขาตัวเอง แต่ที่ไหนได้ โดนมันพลิกมือคว้าจับหมับสอดนิ้วประสานมือซะงั้น..

กรี๊ด..ในใจเบาๆ ไม่เอาสิกอล์ฟฟี่.. เล่นแบบนี้ไม่ดีกับใจเลย ใจบ๊างบาง..

“ขอบใจนะ เราอยากเล่าให้ฟัง..แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง..” กอล์ฟบอกพลางทำหน้าหม่นลง เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลยครับ ตอนแรกว่าจะดึงมือออกก็เลยไม่กล้าดึงแล้ว

ไอ้ห่าเอ๊ย นี่ถ้าใครมาเห็นผู้ชายสองคนนั่งจับมือกันกลางโรงอาหาร..มีหวังได้เป็นข่าวลืออีกแหงๆ ตอนจูบกันหน้าคณะนั่นก็ฮือฮาไปที ตอนนี้ยังมีคนชี้ๆพวกผมอยู่เลย แต่โชคดีว่าผมหน้าตาไม่ได้เหมาะกันกับไอ้กอล์ฟ (ไม่ใช่หน้าตาไม่หล่อนะ ผมก็หล่อในแบบของผมแหละ แค่ไม่เหมาะกันกับคนหล่อเทพแบบมัน) เขาก็เลยไม่จิ้นกันไปไกล

ผมกระชับมือบีบเบาๆ ส่งกำลังใจให้มัน “ไว้มึงสบายใจ สะดวกใจแล้วค่อยเล่าก็ได้”

“กับม่วงเราสะดวกทุกอย่างนะ.. แต่ก็ไม่อยากให้ม่วงต้องมาห่วง”

“มันมีเรื่องอะไรให้ต้องห่วงหรือไงวะ”

กอล์ฟมันเบือนหน้าหลบ.. “ก็นิดนึง..”

“งั้นมึงก็บอกมาสิ..มีอะไรช่วยได้กูก็จะช่วย..”

“แต่ว่า..”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า..” ผมย้ำไปอีกครั้ง

กอล์ฟมันถอนหายใจเฮือก.. “ขอเราเรียบเรียงหน่อยได้ไหม..เดี๋ยวเย็นนี้จะเล่าให้ฟังนะ”

ผมพยักหน้ารับ “ได้ งั้นกินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะได้ไปห้องสมุดกัน”

ผมคลายมือออกจากมันแล้วมองมันกินข้าวอย่างหงอยๆ ครั้นพอหันไปทางไอ้สี่คนนั่น ผมก็เห็นความเมินไปคนละทิศละทางของพวกมัน..

ไอ้พวกนี้...มึงเป็นอะไรของมึงคร้าบ
******

กอล์ฟมันสะกิดยิกๆให้ผมตามไปมุมหนึ่งที่ไร้ผู้คนของห้องหนังสือ.. ตรงนั้นเป็นมุมหนังสือเก่าครับ โหมดประวัติศาสตร์ ซึ่งหลายคนบอกว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่มีใครเข้ามาใช้บริการบริเวณนี้..

ก็นะ..ประวัติศาสตร์อ่ะคุณ แถมเป็นของเก่าอีกต่างหากเป็นใครก็ต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆทั้งนั้นแหละ... ผมเองก็เมียงๆมองๆเหมือนกัน

กอล์ฟมันลากเก้าอี้ออกมานั่งลง ส่วนผมจะนั่งฝั่งตรงข้ามมันก็ใช่ที่..อากาศมันเย็น หันหน้าทางเดียวกับมันเห็นอะไรจะได้เห็นด้วยกัน.. ไม่ปล่อยให้เหว่ว้าอยู่คนเดียว ..ไม่ได้กลัวอะไรนะครับ.. ไม่ได้กลัวเลยจริงๆ

“คือพี่แพรวน่ะ..” กอล์ฟมันเริ่มประโยคด้วยเสียงเบาๆหม่นๆ

..มึงก็จะเข้ากับบรรยากาศไป๊

ผมมองเหลียวซ้ายแลขวาแล้วขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้มันอีกนิด.. จะได้ฟังเสียงมันชัดเจนขึ้น

“เขามาบอกว่าช่วงต้นเดือนหน้าจะต้องมีไปเก็บตัวพวกดาวเดือน และมีทำกิจกรรม ถ่ายรูปอะไรก็ไม่รู้.. เราไม่ค่อยมั่นใจ” กอล์ฟมันทำไหล่ลู่..

“ทำไมไม่มั่นใจล่ะ” ผมถามไปอย่างงงๆ มึงหล่อขึ้นมาขนาดนี้มึงไม่มั่นใจอะไรบอกกูเสร้

“ก็เราเป็นคนธรรมดา..หน้าตาก็ไม่ได้ดีมาก”

โอ้โห.. ธรรมมดามากเลย เชื้อแขกปากีจากมารดาพี่กอล์ฟน่ะมันเด่นเด้งออกมามากนะครับขอบอก ตาคมขนตายาว แถมได้ผิวขาวเป็นไข่ปอกจากคุณพ่อ.. ถ้าบอกว่าแบบนี้เป็นคนธรรมดา หน้าตาไม่ดีมาก.. อย่างผม.. ไม่ใช่ๆ ผมหล่อ.. ต้องอย่างไอ้น้องชงคงเป็นขี้เป็ดไปเลย

“แต่กูว่ามึงก็หน้าตาโอเคแล้วนะ ถ้าเทียบกับเดือนสาขาอื่นน่ะ”

“เราไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย..” กอล์ฟมันทำเสียงหงอยๆ “คนอื่นเขาเตรียมการแสดงบนเวทีกันแล้วนะ อย่างพวกคาราเต้ ร้องเพลง เล่นกีต้าร์ นี่เรายังคิดไม่ออกเลยว่าเราจะเอาอะไรไปแสดง พี่แพรวก็มาถามอีกรอบแล้วเนี่ย แต่เราก็ยังบอกเขาไม่ได้”

“อืม.. ตอนอยู่ที่โน่นกิจกรรมเวลาว่างๆของกอล์ฟทำอะไรล่ะ”

“ก็ถ้าไม่อ่านหนังสือ ว่ายน้ำเล่นกับน้องๆ ก็คงเข้ายิม..”

“งั้นเข้ายิมไปทำอะไรบ้าง”

“ออกกำลังกายกับเครื่อง วิ่ง เต้นแอโรบิค ซาวน่าไปตามเรื่อง”

จบประโยคนั้นผมก็ยิ้มล่ะครับ.. “งั้นเต้นแอโรบิค..สาวๆกรี๊ดแน่”

กอล์ฟทำตาตื่นๆ “ไม่ไหวหรอก เราเขิน.. อีกอย่าง ของเราน่ะเป็นการเต้นแบบบอดี้คอมแบท มันก็ไม่ได้แฟชั่นจ๋าเหมือนเต้นเพลงเกาหลี หรือเต้นซุมบ้า คนอาจจะไม่สนใจก็ได้”


“ดีเสียอีก บอดี้คอมแบทล่ะมันสุดๆ”

เพราะมันเป็นการออกกำลังกายที่นำศิลปะการป้องกันตัวของชนชาติต่างๆ มาผสมผสานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมวยไทย คาราเต้ ไทชิ กังฟู ไทเก๊ก และเทควันโด และถ้าคนที่เต้นเจ๋งๆนะ โคตรจะโชว์กล้ามเนื้อ ซึ่งเท่าที่ดู ผมว่าไอ้กอล์ฟเนี่ย ถ้าถอดเสื้อคงหุ่นดีน่าดู สาวๆไม่กรี๊ดให้ตบเลยครับ

“แต่มันก็แค่เต้นธรรมดา ต่างจากคนอื่นตรงไหน”

เออ..จริงแหะ..

ผมทำตาปริบๆ “แล้วถ้าไม่ทำอันนี้ กอล์ฟจะทำอะไรอ่ะ”

คราวนี้คนทำตาปริบๆคือมัน “ก็…”

ผมเห็นมันลากก็มายาวเลยได้แต่ยิ้มอ่อนๆ “งั้นกอล์ฟลองคุยกับพวกพี่ๆเขาดูไหม ลองเอาไปเสนอดูก่อน เผื่อพี่เขามีไอเดียดีๆ”

“ก็ต้องโชว์ให้เขาดูด้วย”

“สักสองสามนาทีเหรอ?”

“ใช่..” กอล์ฟมันพยักหน้าหงึกๆ

“ก็ไม่เห็นเป็นไร ลองดู.. เพราะไม่งั้นก็นึกกันไม่ออกแล้วล่ะ.. หรือจะร้องเพลง?”

“เสียงหลงทางแบบเราไม่ไหวมั้งม่วง”

เออ...จริง.. เพลงชาติมันยังร้องผิดคีย์เลยครับ

“งั้นเอาอันนี้แหละ ลองดูก็ได้..แต่ม่วงช่วยดูให้เราได้ไหม เราอยากซ้อมให้ม่วงดูก่อนคนแรก แล้วค่อยไปบอกพี่เขาว่าจะเอาอันนี้ประกวดแน่ๆ.. ถ้าม่วงว่ามันดีเราก็จะเอาอันนี้เลย”

อื้อหือ.. รู้สึกเป็นคนสำคัญขึ้นมาเลยครับ..

ผมพยักหน้ารับ “เอาสิ.. ให้ไปดูที่ไหนเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน..”

“อยากให้ไปดูเย็นนี้เลย แต่เราคงยังเตรียมตัวไม่ทัน..” กอล์ฟทำหน้ากังวล แต่ขนาดกังวลแบบนี้มันยังดูดีเลยครับ..ดูดีจนบางทีผมก็เคลิ้มๆ นี่ถ้ามึงเป็นผู้หญิง..กูจีบมึงแล้วนะเนี่ย

“ม่วง..ม่วง”

ไอ้กอล์ฟยื่นมือมาจับที่แขนผมเขย่าเบาๆ ทำให้ผมรู้ตัว.. อ้าวกูเคลิ้มจริงๆนี่หว่า.. แหะ

“เออๆ เขย่าซะแรงเลย” ผมดุมันแก้เขิน

“งั้นมาได้เปล่า?”

“ห้ะ! มาอะไร..” ผมทำหน้างงเข้าใส่

“ก็เราถามว่าเสาร์นี้ม่วงสะดวกไหม เรียนจบคาบบ่ายแล้วค้างบ้านเราสักคืนได้หรือเปล่า.. เราจะเต้นให้ดูน่ะ”

ผมพยักหน้าแบบเผลอๆ เข้าสู่หมวดเคลิ้มอีกครั้ง  ก็ไอ้กอล์ฟน่ะมันเอาสองมือจับแขนผมแบบขอร้อง.. และแม่ครับ.. ผมว่าท่าทางมันโคตรจะน่ารักเลยครับแม่

“ขอบใจมากนะม่วง” ไอ้กอล์ฟมันเอ่ยเรียกสติผมกลับมา..

ทำให้ผมนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ แย่ๆๆ อั๊วะซี้แหงแก๋แน่คราวนี้

การค้างที่อื่นสำหรับผมคือหายนะ ถามว่าทำไม.. ก็คือผมมีสามด่านต้องผ่านให้ได้ ด่านแรกป๊ากับแม่ไก่ ด่านสองแมน ด่านสามนัท ถ้าสามด่านนี่มีด่านไหนเซย์โน ก็ไม่ต้องไปด่านถัดไปเลยครับ

ซึ่งพอบอกเรื่องที่กังวลไป..ไอ้กอล์ฟก็พูดว่า

“ม่วงไม่ต้องห่วงนะ.. เรื่องของม่วงเรายินดีรับผิดชอบเอง”

ผมได้ยินแบบนั้นก็สบายใจ พยักหน้ารับหงึกๆ ..มึงเป็นเพื่อนที่ดีกับกูมากๆเลยกอล์ฟ
******
บนโต๊ะอาหารเย็นของครอบครัว.. อันประกอบไปด้วย ป๊าวี แม่ไก่ มะม่วงน้อย และไอ้ก๊อบแก๊บ..

เดี๋ยว.. ไอ้กอล์ฟมันมาเป็นคนในครอบครัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่..?

อย่ามัวเดากันเลยครับ..ผมว่าไปดูคำตอบจากท่าทางคุณแม่เลยดีกว่า

“กอล์ฟลองชิมอันนี้ดูสิจ๊ะ” นี่เลย แม่ไก่อวบๆของม่วงเป็นคนตักกับข้าวใส่จานให้ไอ้ก๊อบแก๊บ ส่วนม่วงน้อย..ช่างอาภัพนัก..แม่ไก่ให้ตักกินเองครับ..

ใครลูกแม่คงดูกันออกใช่ไหม..

“ขอบคุณครับคุณแม่”

หูย ฟังแล้วได้แต่บึนปากอยู่ในใจ.. ใครแม่เมิงครับก๊อบแก๊บ นั่นแม่กูนะ.. ถึงแม้แม่จ๋าจะไม่สนใจกู แต่กูยังมีป๊าวีเป็นกองหนุนเว้ย

ผมมองรอยยิ้มหวานๆของแม่ไก่แล้วส่งสายตาไปยังป๊าวี ..ป๊าจะไม่ดูแลเมียป๊าหน่อยเหรอฮะ..

แม้จะส่งกระแสจิตไปแต่ป๊าวีก็ยังไม่รับสาย.. คงนั่งนิ่งอยู่ในสมาธิของป๊าต่อไป โธ่ ป๊าครับ นี่ไม่ใช่เวลาถือศีล ข่มใจสงบนิ่งนะป๊า เมียป๊าจะมีลูกใหม่อีกคนแล้ว เดี๋ยวม่วงก็ได้ส่วนแบ่งมรดกน้อยลงกันพอดีสิครับป๊า

“เอ้า ม่วง เราน่ะกินข้าวเร็วๆเข้าสิ อย่ามัวแต่นั่งอมข้าว ทำตัวเป็นเด็กไปได้”

“แม่อ่ะ..” ผมโอดครวญแล้วก็เคี้ยวข้าวหยับๆ บางทีเผลอๆผมก็มักจะลืมตัวเคี้ยวช้าไปบ้างเท่านั้นเอง ไม่ได้อมข้าวซะหน่อย โตแล้วนะครับ ใครจะมาทำตัวเป็นเด็กๆอยู่ได้

“แล้วนี่การเรียนพวกเราเป็นไงกันบ้างล่ะ..” ป๊าวีออกจากสมาธิมาจนได้

“สบายมากครับ..” ผมแย่งตอบ คนหล่อเรียนดีแบบผมน่ะ ได้เวลาต้องเอาหน้าเข้าไว้ เกรดไม่ถึงเป้าจะได้แถไปลงข้างคูได้ง่ายๆหน่อย

ป๊าวีพยักหน้าแล้วถามต่อ “ต้องปรับตัวเยอะเลยสินะ..”

“ม่วงไม่ต้องปรับอะไรมากนะป๊า ที่สาธิตก็สอนคล้ายๆกันแบบนี้ให้คิดให้ทำเอง แถมมอก็เดินห่างจากสาธิตไปไม่ไกล บรรยากาศคุ้นเคย..”

“งั้นก็ให้เพื่อนตอบมั่ง เจ้าเด็กขี้โม้” แม่ไก่ตีเปี๊ยะมาที่แขน

อูย..อยู่ใกล้มือแม่นี่มันไม่ดีเลยครับ โธ่ ผมแค่กะล้อป๊ากับแม่ไก่เล่นนิดเดียวเอง ทำไมต้องทำร้ายม่วงน้อยด้วย ผมลูบแขนแล้วทำหน้าอ้อยใส่แม่จ๋า

กอล์ฟมันหัวเราะเบาๆ แถมใช้หางตาเหล่มองมา เหมือนจะเห็นใจกูใช่ไหมกอล์ฟฟี่ “ผมก็ต้องปรับตัวเยอะหน่อยครับ ทั้งเรื่องเรียนเรื่องเพื่อน ไหนจะต้องดูแลตัวเองด้วย”

“อืมๆ..” ป๊าตอบรับในคอ จากนั้นพวกเราก็ทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ต้มยำไก่ ไข่ดาวกรอบ ผัดผักรวมมิตร กุ้งชุบเกล็ดขนมปังทอด ปลานึ่งมะนาว และยำถั่วพลู.. กอล์ฟนี่เติมข้าวสองจาน ส่วนผมนี่ทานสองจานเป็นปกติ.. อาหารที่บ้านคือนิพพานครับ

หลังจากอิ่มหนำสำราญกันดีแล้ว พี่ในร้านก็ยกผลไม้จานใหญ่มาให้ถึงที่โต๊ะ จิ้มทานกันไป ป๊าวีก็คุยกับกอล์ฟไปด้วย..

“เห็นม่วงเล่าว่าเรานอนคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยคนเดียวใช่ไหม”

“ใช่ครับ..” ไอ้หล่อมันยิ้มรับ “วันนี้ผมเลยจะมาขออนุญาตป๊าวีกับแม่ไก่ชวนม่วงไปเที่ยวคอนโดผมบ้าง”

โอ้โห เพิ่งกินข้าวอิ่มมึงก็เข้าประเด็นเลย โคตรรีบอ่ะกอล์ฟ ผมก็นึกว่าจะอ้อมค้อมกว่านี้.. ก่อนมาบ้าน ผมเล่าให้มันฟังแล้วว่าผมนับครั้งไปนอนบ้านเพื่อนได้.. ถามว่าทำไม ก็เพราะมีนัทกับพี่แมนไงครับ สองคนนั้นขยันขับรถเที่ยวรอบกรุง ผมออกจากบ้านไปดึกแค่ไหนก็ไปรับไปส่งผมได้ตลอด ทำให้ตอนที่อยู่ในห้องสมุดและสติกลับเข้าร่างแล้ว ผมต้องบอกกอล์ฟว่าไม่แน่ใจว่าที่บ้านจะให้ค้างไหม.. แล้วไอ้กอล์ฟก็เสนอตัวมาขออนุญาตเองเลย

“เผอิญที่มอมีกิจกรรม ผมกับม่วงต้องช่วยกันทำกิจกรรมเข้าจังหวะครับ…”

ห๊ะ..กิจกรรมเข้าจังหวะอะไรของมึงวะไอ้กอล์ฟ มึงจำภาษาไทยสับสนล่ะมั้งเนี่ย

“ว่าไงนะ..” ป๊าร้องถาม

“จะชวนม่วงไปนอนที่บ้านครับ..”

“ไปนอนทำไม?”

“มีกิจกรรมเข้าจังหวะต้องทำกับม่วงครับ”

ไอ้กอล์ฟ.. เอาส้อมจิ้มพุงกูเถอะมาพูดแบบนี้น่ะ

ผมหันไปมองหน้าแม่ไก่ เห็นแม่ยกมือขึ้นทาบอก

อย่าบอกนะว่าพ่อแม่ผมเขาเข้าใจผิด..ขุ่นพระ กูอยากตายย

“ไม่ใช่นะป๊า คือเป็นการประกวดเดือนมออ่ะ กอล์ฟมันจะแสดงความสามารถเป็นการเต้นเข้าจังหวะเพลง..” ผมรีบอธิบาย..

กอล์ฟมันยิ้มหวาน.. “ใช่ครับๆ เต้นตามเพลง.. ก็เลยอยากให้ม่วงไปช่วยดูท่าทางให้หน่อยครับ.. อาจจะต้องอดหลับอดนอนกันบ้าง แต่ผมจะดูแลอย่างดีครับ.. รับรองว่าจะเลี้ยงดูอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม..ไม่เอามาคืนและไม่ทำให้เสียใจด้วย..”

หื้มมม? ผมหันไปมองหน้ามัน

“อ้ะ..ผมหมายถึง จะไม่ทำให้ที่บ้านไม่สบายใจครับ”

อ่า...ไปเรียนนอกมานาน..ก๊อบแก๊บคงลืมภาษาไทยไปบ้าง

“ขอม่วงให้ผมนะครับ..”

กรี๊ดดดดด!! อิก๊อบ! ภาษามึงป่วงขนาดนี้เลยเรอะ

ผมนั่งหน้าซีดกลัวแม่ไก่เป็นลมจริงๆ ตอนอยู่ที่คณะ ภาษาไทยมึงไม่เพลียขนาดนี้นี่นา ทำไมมาบ้านกูภาษามึงเพี้ยนขนาดนี้ ตอบพี่ม่วงเสร้!!

“แม่จ๋า..” ผมรีบจับแขนแม่ไก่แล้วส่ายหน้า แม่อย่าไปฟังมันมาก อินี่ภาษามันป่วยจ้ะแม่

แม่ไก่พอเห็นผมส่ายหน้ายิ่งหน้าซีด “นี่ม่วง..?”

ไม่รู้แม่จ๋าจะพูดอะไร แต่ผมพยักหน้าไปก่อนล่ะ เพื่อเป็นการย้ำว่า...นี่ม่วงไง..ม่วงเอง ม่วงอยู่นี่แล้วแม่จ๋า

“โอย...จะเป็นลม” เสียงแม่เพลียๆ ทำเอาผมงงไปอีก..อะไรอ่ะ?

ป๊าวีหรี่ตามองมาทางผมแล้วถาม “นี่คบกันมานานแค่ไหนแล้ว”

“ก็…” ผมอึ้ง..ป๊าถามทำไม ก็รู้อยู่ว่ากอล์ฟกับผมเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาล..

“นานแล้วครับ..” กอล์ฟมันช่วยตอบให้ ผมก็เลยพยักหน้าย้ำ..ใช่ๆ นานมากเป็นสิบปี คบกันแบบเพื่อนที่ดีมาตลอด อยู่ในสายตาผู้หลักผู้ใหญ่ เฟสไทม์บางทีป๊าก็อยู่ด้วยนี่นา

ป๊าวีเบนสายตาไปมองประตู..

“เอาเถอะ..ก็ดูแลกันดีๆแล้วกัน” ป๊าพูดเสียงอ่อน “จะไปนอนค้างด้วยกันป๊าก็ไม่ว่าอะไร แต่อย่านอนดึกกันนักล่ะ”

ผมหันหน้าไปมองไอ้กอล์ฟด้วยความยินดี ถึงแม้ในใจจะดูงงๆสงสัยๆ แต่ในเมื่อป๊าอนุญาตก็ถือว่าผ่านด่านมาแล้วหนึ่งด่าน

อ่า..นั่นสิ..มันยังมีด่านสองด่านสามอีกนี่นะ

“ส่วนแมนกับนัท เดี๋ยวป๊าบอกให้เอง”

โอ๊ะ.. คราวนี้สบายม่วงแห้ะ ไม่ต้องไปขอเอง

ผมหันไปแยกเขี้ยวให้ไอ้กอล์ฟ เห็นทางมันยิ้มหวานกลับมาละรู้สึกตาพร่าเหลือเกินครับ

มึงไม่ต้องหล่อขนาดนี้ต่อหน้ากูได้ไหมวะกอล์ฟฟี่
****

 :z13: :z13: :z13:

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
6
 
เวลาสามสี่วันมันไวนะครับ แค่กะพริบตาปิ๊บๆ แพ้พๆมันก็เป็นวันเสาร์ไปเสียแล้ว วันนี้ผมมีเรียนช่วงสายๆ หมดคาบเรียนคือบ่ายๆ และได้ข่าวว่าไอ้กอล์ฟจะลากผมไปคอนโดมันต่อเลย ไม่ต้องกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมก็เลยแพ็กกระเป๋ามานอนค้างบ้านมันเรียบร้อย

“กอล์ฟกูถึงแล้ว”

ผมส่งข้อความไปบอกมันเห็นมันขึ้นอ่านได้ไวมากก็โล่งใจครับ ขี้เกียจยืนรอนานๆ รู้สึกถึงสายตาทิ่มแทงของลุงยาม หน้าตาแพงน้อยก็แบบนี้ล่ะ

ผมแวะเอากระเป๋าเป้มาเก็บก่อน ไม่อยากให้ไอ้น้องชงและพรรคพวกมันเอาไปล้อ ยิ่งช่วงนี้รู้สึกเหมือนโดนจับตาบ่อยมาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็แทบกระดิกตัวไม่ได้เลยครับ

อย่างวันก่อน ด้วยความที่โต๊ะหินมีน้อย ไม่พอนั่งคุยรายงานกันทุกคน พวกผู้หญิงก็นั่งซ้อนตักกันเองไปแล้วก็ยังไม่พอนั่ง เหลือพวกผู้ชายอีกสองสามคน ก็เลยมีการยืนออกันเกิดขึ้น บางคนนั่งครึ่งตูดก็มี

แต่ผมกับไอ้กอล์ฟน่ะ เมื่อก่อนเราก็นั่งตักเล่นกันปกตินะ เพราะเมื่อก่อนกอล์ฟมันตัวนุ่มนิ่ม และเป็นจิมมี่ของผม ผมก็จะชอบกอดมันซุกมันแหละครับ.. ตอนนั้นตัวมันเตี้ยกว่า ผมก็ชอบให้มันนั่งแล้วผมนั่งตักกอดหัวมันแนบอกแห้งๆนี่ ฟัดมันจนแว่นหลุดไปก็มี ดังนั้นการที่พวกเราจะทำเหมือนตอนเด็กๆก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมเลยเขยิบตูดเล็กน้อย รอให้ไอ้กอล์ฟมันนั่งลงไปก่อนแล้วผมนั่งทับมันอีกที

ได้ยินเสียงเหมือนใครหูยขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็มีเสียงเพี๊ยะพะดังแว่วมาไกลๆ..

ผมไม่ได้สนใจ..แค่ขยับก้นตัวเองให้ลงล็อกเล็กน้อย ตอนนี้ไอ้กอล์ฟมันไม่ใช่จิมมี่แล้ว ตัวแข็งไปหมด จับตรงไหนก็มีแต่กล้ามเนื้อไม่นุ่มนิ่มเอาเสียเลย แถมยังสูงกว่าผมไปอีก เป็นอะไรที่ไม่น่ากอดมาก

พอผมขยับยุกยิก กอล์ฟมันก็เอาแขนมาโอบเอวผมล็อกไว้คงจะกันผมหล่น แล้วมันก็โผล่หน้ามาตรงไหล่เอาคางเกยฟังที่เพื่อนบอกความคืบหน้าของรายงานไปพร้อมกัน แผ่นหลังที่แนบอยู่กับอกของมันสัมผัสได้ถึงความร้อนนะครับ แต่ก็ไม่ได้ร้อนจนทนไม่ไหว หรืออาจจะเป็นอุณหภูมิที่ผมชินเสียแล้วก็ไม่รู้

หลังจากฟังบีฟจบพวกเราก็แยกย้ายกันไปทำงาน แต่คงเพราะนั่งนานเกินไป ไอ้กอล์ฟมันเหน็บกิน ผมก็เลยต้องฉุดมันมันขึ้นจากเก้าอี้

“ทีหลังหาโต๊ะที่มันใหญ่กว่านี้ดีกว่าว่ะ” ผมบอกพวกน้องชงมัน เพราะไอ้กอล์ฟมันโอบไหล่พิงผมมาทั้งตัว บอกแค่ว่าเดินไม่ไหว..

น้องชงมันเหล่ตามองไปที่ไอ้กอล์ฟแล้วเหลือบตามองบน “ก็มันไม่มีโต๊ะใหญ่กว่านี้นี่นา.. ใช่มั้ยวะไอ้กอล์ฟ”

ไอ้คนตัวสูงข้างๆผมพยักหน้าหงึกๆ “อื้อ ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หายแล้ว ชาแป๊บเดียว..”

“งั้นคราวหน้าให้ไอ้นิวนั่ง มันตัวเล็กกว่ากู”

ไอ้นิวโบกมือทันที “มึงจะให้ใครนั่งมึงถามความสมัครใจของเจ้าของตักเขาก่อนเถอะไอ้ม่วง”

ว่าแล้วพวกมันแต่ละคนก็เดินนำไปที่ห้องสมุดลิ่วเลย..

“อ้าวเฮ้ย.. พวกมึงรอกันก่อนเสร้ ไอ้กอล์ฟมันยังเดินเร็วไม่ได้” ผมเรียกพวกมันแต่มันก็ชิ่งหนีไปไกลเกินจะหันกลับแล้ว ผมเลยได้แต่บ่นอุบอิบ “กอล์ฟเป็นคนใจดีจะตาย ใครนั่งก็เหมือนกันแหละ เนอะ”

วันนั้นผมหันไปมองรอยยิ้มเพลียๆของกอล์ฟแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรมันอีก เห็นมันเงียบไม่พูดผมก็เลยตีความเอาว่ามันคงยังชาขาอยู่มั้ง อาจจะชาลามมาถึงปาก

“ม่วง..”

ไอ้กอล์ฟมันเรียกผมมาแต่ไกล ผมเลยลุกจากโซฟาที่นั่งอยู่เพื่อจะเดินไปหามัน เราขึ้นไปถึงบนห้องที่ชั้น 45  ชั้นหรูหราที่มีประตูอยู่แค่ 8 บาน โชคดีว่าผมมีภูมิคุ้มกันเรื่องความรวยเว่อของพี่แมนอยู่แล้ว ดังนั้นเลยไม่ได้ตื่นตาตื่นใจกับคอนโดหรูหราอู้ฟุ่ของไอ้กอล์ฟนัก แค่มองไปรอบๆด้วยความชื่นชมโทนสีฟ้าขาวที่มันเลือกแต่งบ้านเท่านั้นเอง

ห้องพี่แมนเขาเป็นสีเอิร์ทโทน ขาว ดำ เทา เท่ๆ ส่วนห้องนี้เป็นสีฟ้าไล่เฉดไปจนเป็นสีขาว ให้ความรู้สึกสบายตา สว่าง โล่ง และเรียบง่ายเหมือนเจ้าของห้อง

เมียงมองอยู่ได้ไม่นานพวกผมก็ออกมาที่มหาวิทยาลัย.. ตอนเข้ามาที่โต๊ะหินหน้าคณะ พวกเราก็โดนไอ้ป๋องร้องทักขึ้น

“อ้าว ทำไมมาด้วยกันวะ”

ผมกำลังจะอ้าปาก..แต่ไอ้กอล์ฟมันดันหลุดโพล่งออกไปเสียก่อน

“นัดกันเอาของไปเก็บที่คอนโดน่ะ”

“อ้าว..” น้องชงมันร้องขึ้น “ของไรวะ”

“พวกมึง..” จะไม่รู้สักเรื่องได้ไหม..

กำลังจะพูดให้จบประโยค แต่กอล์ฟฟี่มันยอมที่ไหนล่ะครับ

“กระเป๋าเสื้อผ้า วันนี้ม่วงมานอนบ้านเรา”

“อ๋อ…”

ไอ้สี่คนนั้นมันร้องขึ้นมาพร้อมกันเลย.. แหม.. แล้วกูจะแวะเอากระเป๋าเข้าไปเก็บก่อนทำไมวะกอล์ฟ.. มึงนี่มันปากไม่มีหูรูดจริงๆเลย

“อ่ะไปๆ พวกมึงขึ้นห้องเรียนกันได้แล้ว..” นี่น้องม่วงก็ไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใดได้อีกนอกจากลากพวกมันขึ้นห้องเรียนจะได้หยุดเหล่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นเสียที

พวกมึงจะแซวอะไรมึงช่วยมองให้มันรอบๆด้วย เอฟซีไอ้กอล์ฟอยู่เยอะแยะ.. แล้วหนังหน้ากูก็ไม่ได้คู่ควรกันกับไอ้กอล์ฟเลย.. ช่วยจิ้นให้ไกลตัวกูกันหน่อยเหอะวะเพื่อน
****
พอเรียนเสร็จพวกเราก็ต่างแยกย้ายกันไป บางคนก็ไปห้องสมุด.. แต่นี่มันวันเสาร์ไงบางคนเลยบายวิชาการ.. ขอสนุกสนานกับชีวิตวัยรุ่นด้วยการไปเดินห้างสรรพสินค้า ซึ่งพอพวกมันหันมาทางผม ผมก็ต้องหันไปทางไอ้กอล์ฟถามมันทางสายตาว่าจะเอายังไงกับชีวิตเราสองคนดี

กอล์ฟมันบอกว่าอยากดูหนัง พวกเราก็เลยไปจบกันที่โรงหนัง โดยมีน้องชงกับไอ้นิวตามมาด้วย

ไอ้นิวสะกิดผมยิกๆตอนที่เราเดินออกมาจากมหาวิทยาลัยเพื่อลัดเลาะมาถึงเทอร์มินอล 21

“พวกกูมาด้วย พวกมึงโอเคใช่ป่าววะ”

ผมหันไปขมวดคิ้วให้ “ถ้ากูบอกไม่โอเคแล้วมึงจะไปดูหนังกับพวกกูมั้ย”

“ก็ไป..”

ดูความเกรียนของพวกมันนะครับ..

“แล้วมึงจะถามเพื่อ”

“ก็กลัวพวกมึงไม่โอเค..”

กอล์ฟมันเสนอหน้ามาทันที “อย่าคิดมาก พวกกูโอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวคืนนี้ก็อยู่ด้วยกันตามลำพังได้ ไม่ต้องไปซีเรียส”

นิวมันยิ้มกว้างแล้วก็พยักหน้าแบบเขินๆส่งมาให้ผมแล้วถอยไปเดินกับไอ้น้องชง

ผมเหล่มองไอ้กอล์ฟ.. มึงนี่นะ ชอบทำอะไรให้คนเขาเข้าใจผิดอยู่เรื่อย.. แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันหรอกครับ คือมันก็ไม่ได้ต้องถึงขนาดไปดุมันกับเรื่องแค่นี้.. ถ้าพูดไปก็จะกลายเป็นผมที่เยอะไปเอง บางทีเพราะความไม่คิดอะไรของมัน เพราะความเป็นคนเรื่อยๆ ง่ายๆของมัน มันก็เลยไม่ทันคิดอะไรล่ะมั้งนะ คงทำไปทุกอย่างด้วยความคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันนั่นแหละ

พวกเราขึ้นไปดูโปรแกรมหนังซื้อตั๋วก่อนจะลงมาหาอะไรใส่ท้อง.. ร้านอาหารในห้างมีเยอะแยะมากครับ แต่ที่พวกผมเลือกไปนั่งกินก็คือบริเวณศูนย์อาหาร คือมันหลากหลายดี ถูก แล้วก็ประหยัดเวลาพวกเราด้วย อยากกินอะไรก็เดินไปเลือกเอาเองเลย ตบท้ายด้วยของหวานในราคาเบาๆ นั่งเม้าท์กันแป้บๆก็ได้เวลาเข้าโรงหนังกันละ

“ม่วงๆ”

ไอ้กอล์ฟมันสะกิดเรียกผม “หือ มีไร?”

“เราจะไปเข้าห้องน้ำหน่อย สงสัยเมื่อกี้กินน้ำมากไป ปวดฉี่อีกแล้ว”

“อ้อ..เออ ไปสิ” ผมพยักหน้ารับทราบ..

เมื่อกี้ก็เข้ามาแถวๆตรงศูนย์อาหารทีนึงแล้ว นี่เดินคล้อยหลังมาหน่อยเดียว มันปวดจะเข้าห้องน้ำอีกแล้ว แบบนี้เข้าไปในโรงหนังจะนั่งได้ยาวไหมนี่ นั่งตรงกลางเสียด้วย

ผมคิดขณะเดินเกาะไหล่ไอ้น้องชงไปพร้อมกัน

“ม่วงๆ..”

ไอ้หล่อมันเรียกอีกแล้ว

“ครับ..” ผมหันไปเลิกคิ้ว พวกน้องชงกับนิวก็พลอยหยุดเดินไปด้วย

“คือ..เรามาดูหนังที่นี่ครั้งแรกน่ะ.. ไม่คุ้นที่ทาง ม่วงไปกับเราหน่อยได้ไหม”

เอ้อ..ผมก็ลืมนึกไป.. “ได้ๆ งั้นเดี๋ยวให้สองคนนี้เข้าไปก่อนไม่ต้องรอพวกเรานะ”

“โอเค๊..” น้องชงตอบเสียงสูงเอาตั๋วสองที่เข้าไปนั่งรอข้างในโรงก่อน

กอล์ฟเข้าห้องน้ำ แต่ผมไม่ปวดครับ ก็เพิ่งเข้ามาตะกี้ เลยให้กอล์ฟมันเข้าไปคนเดียว ไม่นานมันก็เดินออกมา

พอผมทำท่าจะเลี้ยวไปตรงประตูสแกนตั๋ว ไอ้กอล์ฟก็คว้าแขนผมไว้ก่อน

“ม่วง.. เราอยากกินป๊อบคอร์น..”

ผมมีลูกลังเล ราคาป๊อบคอร์นเซ็ทนึงแพงกว่าตั๋วหนังอีก ไอ้อยากกินก็อยากนะครับ แต่พอคิดถึงป๊อบคอร์นที่เคยเอาเข้าเตาไมโครเวฟที่บ้านแล้ว ปริมาณกับราคาช่างต่างกันเหลือเกิน

“เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง..”

“เออ งั้นไปซื้อ..”

วรั้ย.. ของฟรีมันก็จะหลุดปากยอมตามใจกันง่ายๆแบบนี้แหละครับ

ผมเห็นมันสั่งแบบถังใหญ่กับน้ำแก้วใหญ่สองแก้วโตแล้วก็แบบ โหจะกินหมดเหรอวะ เมื่อกี้ก็ฟาดข้าวฟาดขนมกันมาแล้วนะ มันยิ้มแล้วบอกผมว่า “ฝากหยิบหลอดมาสี่หลอดนะ จะได้เอาไปเผื่อชงกับนิวด้วย”

อ๋อ.. แก้วนึงกินกันสองคน เอ้อ ก็ยังพอไหวนะ นึกว่าให้กินคนละแก้ว.. ผมยิ้มแล้วนึกขอบคุณมันอยู่ในใจ.. กอล์ฟมันเป็นคนมีน้ำใจแบบนี้แหละครับ.. ผมถึงได้ชอบมัน ไอ้จิมมี่ของผม

“เข้าโรงกันเถอะ” มันบอกแล้วเดินนำหน้าผมเข้าไป

ตอนที่เข้าโรงไปตัวอย่างหนังฉายอยู่แล้ว และเพราะเป็นวันเสาร์ คนเลยแน่นเกือบเต็มโรง หนังฮีโร่ตะลุยจักรวาลเป็นหนังภาคต่อที่นิยมกันมาก ดังนั้นกว่าพวกผมจะเข้าไปถึงที่นั่งซึ่งอยู่ตรงกลาง ก็ต้องขออนุญาตคนที่นั่งอยู่ต้นแถวไปตลอดทาง

และเนื่องจากไอ้กอล์ฟมันเดินเข้ามาก่อน มันก็เลยได้เข้าไปในแถวก่อน ผมก็เดินตามมันต้อยๆ ที่นั่งติดกันเป็นผู้ชายตัวสูงพอควร ก็ค่อยยังชั่วหน่อย ดีกว่าเป็นผู้หญิงจะมานั่งเกร็งซะเปล่าๆ พอนั่งได้กอล์ฟมันก็หันมากระซิบถาม

“จะเปลี่ยนที่กับเรามั้ย?”

เล่นเอาผมงง.. “เปลี่ยนทำไมวะ?”

“ก็ข้างๆเขาตัวสูงอยู่ เดี๋ยวม่วงอึดอัด..”

ผมหัวเราะเบาๆแล้วส่ายหน้า “ไม่เอาเว้ย..นั่งไปเหอะ”

ถ้าเปลี่ยน ก็จะมีผู้ชายตัวโตๆสองคนนั่งติดกัน คงเบียดกันมากกว่าอีก..

ผมส่งน้ำให้ชงกับนิวไปหนึ่งแก้ว ส่วนของตัวเองก็เอาวางไว้ตรงกลางตรงที่วางแขน หิวก็จะได้กินด้วยกัน.. ดูหลอดแล้วก็ไม่รู้จะเอาหลอดมาสองอันทำไม สีเหมือนกัน มืดๆแบบนี้หลอดใครเป็นหลอดใครก็ไม่รู้..ได้โดนมันไปทั้งสองหลอดแหงๆ แต่ก็เพื่อความสบายใจเหมือนเอามาเป็นยันต์กันไอ้สองตัวนั่นครหาครับ

หนังเริ่มด้วยฉากการต่อสู้ของเหล่าฮีโร่ ซึ่งเป็นภาพต่อเนื่องมาจากภาคก่อน พอหมดฉากต่อสู้เข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของภาคนี้ หนังก็ไม่ได้เอื่อยจนจะหลับ มีทั้งความมัน ความฮา ความเกรียนของนักแสดง ทำให้ผมนั่งขำและนั่งลุ้นไปในเวลาเดียวกัน ..ป๊อบคอร์นถูกส่งไปมา แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่ไอ้กอล์ฟเพราะชงกับนิวน่าจะอิ่มขนมอยู่ มันตัวเล็กกันทั้งคู่คงไม่ได้ย่อยเร็วกันขนาดนั้น ไอ้กอล์ฟมันตัวโตก็คงจะกินเก่งเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก็ดีนะครับ พอเอาป๊อบคอร์นมาไว้กับไอ้หล่อผมก็หยิบง่ายขึ้น

คนไม่รู้จักตัวโตข้างๆผมดูเหมือนจะชอบหนังเรื่องนี้มาก เขาหัวเราะเสียงดัง และตบมือด้วยความชื่นชมจนผมชักเอะใจว่าตกลงเขาชอบจริงหรือเขาบ้า.. เพราะพอไปกลางๆเรื่องเขาก็หัวเราะกระแทกตัวกับเก้าอี้จนสะเทือนมาถึงเบาะผม และเพราะคงเห็นว่าเป็นผู้ชายเหมือนกันมั้งครับ เขาถึงได้นั่งอ้าขาเบียดมาแบบไม่เกรงใจ โอเค เขาตัวสูงและหนา..ไม่ถึงกับอ้วนแบบลงพุง แต่ก็หนากว่าผมมากอยู่ แล้วถ้าผมนั่งอ้าขา ขาเราสองคนก็จะโดนกันจังๆ และถ้าเขากระทืบเท้า หรือเขย่าไข่..ก็จะเสียดสีกับขาผมไปด้วย..

ซึ่งผมว่ามันไม่โอเค..

รำคาญหนักๆเข้าผมก็เลยต้องนั่งหนีบไข่ตัวเอง แล้วเอนขาหนี แต่พอเอนได้แป๊บเดียวล่ะครับ ก๊อบแก๊บสุดหล่อก็เอียงตัวมากระซิบเลย

“มีอะไรหรือเปล่า”

ผมส่ายหน้าพลางยิ้มอ่อน แต่มันก็ยังเซ้าซี้ถามอยู่นั่น เลยต้องเอียงหน้าไปกระซิบบอกมัน “ทางโน้นเขาเขย่าขา..เลยต้องนั่งแบบนี้”

มันเอียงหน้าไปมองทางฝ่ายนั้นแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มันก็ยกแก้วน้ำออกจากที่วางแขน

“เฮ้ย!.. อย่า..” มีเรื่องกันนะเว้ย..

ไม่ทันได้พูดหรอกครับ..

ไอ้กอล์ฟมันก็ย้ายแก้วน้ำไปไว้ตรงที่วางแขนอีกข้างของมัน แล้วเอาที่วางแขนซึ่งกั้นระหว่างผมกับมันขึ้น

“ม่วงขยับมาสิจะได้ไม่อึดอัด..”

โอ้โห..ใจหล่นไปตาตุ่ม.. นึกว่ากอล์ฟฟี่จะหัวร้อนเสียแล้ว ผมนี่ยกมือลูบอกเลยครับ

พอขยับตัวมาทางกอล์ฟได้ก็รู้สึกหายอึดอัดไปเยอะเลยครับ

“พิงเรามาก็ได้นะ”

ไอ้หล่อมันบอกแบบนั้น..เชื้อเชิญกันอย่างนี้ผมมีหรือจะปฏิเสธ ไม่งั้นคงนั่งเกร็งต่อไปอีกหลายนาที

ถึงตัวไอ้กอล์ฟมันจะไม่นุ่มนิ่มเหมือนเมื่อก่อน แต่ความอุ่นจากตัวมันก็ทำให้โรงหนังหนาวๆมันรู้สึกดีขึ้นมาได้ นั่งหัวเราะกันเอิ๊กอ๊ากไปอีกหลายนาที ไอ้ตัวเอกมันเกรียนจริงๆครับ.. หัวเราะจนผมสำลักเผลอไอออกมา กอล์ฟมันต้องหยิบแก้วมาให้ดูดน้ำ

แล้วน้ำมันก็ซ่าบาดคอ ไอหนักกว่าเดิม.. ไอ้ห่ากอล์ฟ

ไอไปก็ขำหนังไป.. ขำจนมาสำนึกอีกทีว่าหลอดที่ดูดอยู่เนี่ย เหลืออันเดียว อีกอันไม่รู้หล่นหายไปไหน

“พอยัง?..จะได้กินมั่ง”

มันถามแล้วไม่รอให้ผมตอบรับด้วยซ้ำ จับมือที่ถือแก้วของผมให้ไปป้อนมันเฉ๊ย!

ป๊าด..หน้าผมนี่ร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่เงยขึ้นไปเห็นว่าปากของมันงาบเอาปลายหลอดที่เพิ่งจะหลุดจากปากผมไปตะกี้นี่เอง..

โหย...สึดก๊อบ.. มึงทำกูใจเต้นแปลกๆทำไมเนี่ย

“เอาไปถือกินเองเลย..” ผมยัดเยียดแก้วใส่มือมันแล้วขยับตัวขึ้นนั่งตรงไม่อิงมันอีก

ผมดูหนังต่อแบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็จบลงแบบสนุกสนานดีครับ
****

 :-[ :-[








ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Kiss me gently? บทที่ 7>>6/11/60
«ตอบ #12 เมื่อ06-11-2017 11:49:52 »

7

“กลับก่อนนะ..บายๆพวกมึง”
น้องชงมันโบกมือหยอยๆให้พวกผมก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่เรียกไว้ ส่วนนิวก็แยกไปรถไฟฟ้า ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ไอ้ก๊อบกับผมยืนอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง

“เอาไงกันดีเรา กลับคอนโดเลยหรือเปล่า?” ผมหันไปถามมัน

“ไปซื้ออาหารเช้าที่ซุปเปอร์ก่อนไหม ม่วงอยากกินอะไร” กอล์ฟมันยิ้มส่งมาให้แล้วทำท่าจะหมุนตัวไปทางบันไดเลื่อน ผมก็เลยต้องเดินตาม

“จะทำให้กินเหรอ?” ผมถามอย่างนึกสนุก อยากรู้เหมือนกันว่าคุณหนูแบบมันจะทำอะไรให้ผมกิน

“ให้ม่วงทำให้กิน..” มันบอกแล้วก้าวขาเดินช้าลงเพื่อให้ผมเดินได้เสมอกัน “แต่เราไม่เอาเปรียบม่วงหรอกนะ เราจ่ายเอง เรารับผิดชอบล้างเอง”

“ได้ข่าวว่ามีเครื่องล้างจาน” ผมเหล่มันเห็นมันหัวเราะแห้งๆ

“ชอบนักคนรู้ทันเนี่ย” มันพึมพำๆ แล้วก็โอบไหล่ผมดึงให้หลบนักท่องเที่ยวที่เดินถ่ายรูปไม่ดูคน แต่พอดึงมาแล้วมันกลับไม่ปล่อยให้ผมเดินห่างมันอีก ขนาดพ้นกลุ่มนักท่องเที่ยวนั่นมาแล้วมันก็ยังเกาะเป็นตุ๊กแก

“มึงปล่อยกูได้แล้ว” ผมกระซิบด้วยเสียงเหี้ยมๆ ในโรงหนังใจเต้นมาพอแล้ว ไม่อยากเต้นผิดจังหวะอีกบ่อยๆ เดี๋ยวกลายเป็นโรคหัวใจกันพอดี

แต่จะฟังกันก็หาไม่ มันทำเป็นหูทวนลมเกาะไหล่จับแขนไปตามแต่จังหวะหลบคน.. ทำเอาผมเอือมจะพูดกับคนดื้อแบบมัน.. บางจังหวะผมว่ากอล์ฟมันเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ว่าไงว่าตามกัน แต่บางจังหวะมันก็ดื้อจนผมอดจะแอบบึนปากใส่ไม่ได้

อาหารเช้าที่พวกเราหาซื้อไปก็เป็นพวกง่ายๆ ขนมปัง ไข่ดาว เบคอน ไส้กรอก.. เพราะถามอะไรมันก็ไม่มีสักอย่าง แยมก็ต้องซื้อ เนยก็ต้องซื้อ ซอสอีก ผมเลยว่าจะไม่ใช้น้ำมัน หันไปใช้เนยในการทอดแทน บางอย่างก็ใช้ลักษณะต้มเอาก็น่าจะดี

ไอ้กอล์ฟมันเป็นเด็กกินจืด ไม่กินผัก ดังนั้นผมก็เลยต้องใช้น้ำผลไม้ไม่แยกกากไปเพิ่มสีสันให้ชีวิตมันบ้าง ไม่งั้นมันก็จะกินแต่ขนมปัง ไข่ และเนื้อเท่านั้น

“ไว้จะทำสเต็กให้กิน..แต่ต้องมีอุปกรณ์มากกว่านี้..”

ผมบอกมันตอนมันทำตาปรอยๆใส่ถาดเนื้อ.. แล้วพอจบประโยคมันก็ตาวาวยิ้มหวานมาให้ “ม่วงใจดีจัง.. แบบนี้รักตายเลย”
“มึงไม่ต้องมาหว่านเสน่ห์ กูไม่หลงกลง่ายๆหรอกเว้ย”

กอล์ฟมันหัวเราะแล้วหิ้วตะกร้าเดินตามผมมาจ่ายตังค์ ซื้อของเสร็จพวกเราก็นั่งรถแท็กซี่กลับไปที่คอนโด มันยังคงทำตัวเป็นป๋าเปย์ ควักจ่ายเองทุกอย่างแบบไม่ปล่อยให้ผมควักเลยสักแดง บางทีก็แอบเกรงใจมันนะครับ แต่บางทีก็เอ้อ ..มีให้ยืมสักสองร้อยมั้ยเพื่อน (มุกนะมุก..)

แถวคอนโดกอล์ฟมันมีของให้กินเยอะเลยครับ ล้วนแล้วแต่เป็นของที่น่ากินทั้งนั้น.. ผมก็เลยไม่เข้าใจว่ามันจะอยากให้ผมทำข้าวให้มันกินตอนเช้าทำไม ซื้อเอาก็จะง่ายกว่ามาก แถมมีให้เลือกเยอะด้วย.. แต่เจ้าของห้องอยากกิน ผมก็คงต้องตามใจคนจ่ายตังค์ล่ะครับ

พวกเราหาซื้ออาหารเย็นแถวคอนโดขึ้นไปเลยจะได้ไม่ต้องลงมาอีกแล้ว ขึ้นไปได้ผมก็ไล่ไอ้กอล์ฟไปอาบน้ำ ส่วนตัวผมเองก็เอาอาหารเข้าแช่ตู้เย็น พอมันอาบเสร็จผมก็เข้าไปอาบต่อ มันก็มาสอนวิธีใช้ของในห้องน้ำให้ผมแล้วก็เดินออกไป..

นี่ถ้ามันยังอ้อยสร้อยอยู่อธิบายอะไรมากกว่านี้อีกนิด ผมคงคิดว่ามันอยากอาบน้ำให้ผมแล้วนะครับเนี่ย

ปกติผมเป็นพวกสระผมตอนกลางคืน เพราะช่วงกลางวันจะเซ็ทผมด้วยเจล แล้วถ้านอนโดยไม่สระผมก่อนสิวก็อาจจะขึ้นตามหน้าเอาได้

วันนี้ก็เหมือนกันครับ.. แค่ไม่คิดว่าปฏิกิริยาของไอ้กอล์ฟที่มองผมเดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำจะเป็นแบบนี้

“อะไรไอ้กอล์ฟ!”
ไอ้หล่อมันส่ายหน้า แต่ตามันยังมองเป๋ง หน้าแดงนิดๆอีกต่างหาก
“ไม่มีอะไรแล้วมึงมองกูแบบนั้นเพื่อ?”

“ก็ ..” มันทำท่าบิดไปมา โอ้ย ไอ้สาวน้อย “ม่วงตอนผมเปียกๆแบบนี้หล่อน่ารักดี..”

“ไม่ต้องมายอ..กูรู้ตัวว่ากูหล่ออยู่แล้ว..” ผมพูดแก้เขินไปแบบนั้น โธ่.. คนหล่อแบบมันมาชมผมที่หล่อน้อยกว่า.. เป็นใครก็คงมีเขินล่ะครับ

ผมเดินเช็ดหัวมาหยุดที่ข้างโต๊ะกินข้าวแล้วถามมัน “มึงจะกินเย็นก่อนหรือจะเต้นให้ดูก่อน”
“ขอทำก่อนได้ไหม..”

ผมขมวดคิ้ว “...ทำอะไรวะ?”
ไอ้กอล์ฟมันสะดุ้งแล้วหัวเราะแห้งๆ “เปล่าๆไม่มีอะไร..มาๆนั่งก่อนสิ”

มันจับแขนผมลากไปนั่งลงที่โซฟาในส่วนของห้องนั่งเล่น แล้วขยับเอาผ้าเช็ดผมออกไปจากที่พาดไว้บนไหล่แบบเนียนๆ ผมรู้ตัวอีกทีมันก็เช็ดผมบนหัวอยู่เนี่ย

“เดี๋ยวม่วงนั่งอยู่ตรงนี้นะ เราจะเต้นให้ดู”
ผมพยักหน้าหงึก รู้สึกเหมือนหูร้อนๆ แต่ก็ทำเมินไป.. ก่อนไอ้กอล์ฟจะปล่อยผ้าเช็ดหัวผืนเล็กไว้กับไหล่ผมเหมือนเดิม นิ้วอุ่นๆของมันกลับปาดข้างแก้มผมเบาๆจนผมสะดุ้ง

“หยดน้ำน่ะ..” มันกระซิบแล้วผละไป
ไอ้... ผมไม่รู้จะด่ามันยังไงดี

ทำไมมึงต้องทำตัวหล่อขนาดนี้วะเนี่ยกูไม่เข้าใจ

กอล์ฟมันขลุกอยู่กับโทรศัพท์และสปีกเกอร์แบบบลูทูธที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแค่ชั่วครู่..เสียงเพลงจังหวะเร็วก็ดังขึ้น มันลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายแล้วเอียงคอยิ้มๆส่งมาให้ผม

“เขินเหมือนกันนะเนี่ย..ถ้ามันออกมาไม่ดีม่วงคอมเม้นท์เราได้เลยนะ เราจะได้ปรับปรุง”
“เออ..” ผมลากเสียงพร้อมกับนั่งเช็ดหัวไปด้วย

พอมันเตรียมตัวพร้อมมันก็กดเปลี่ยนเป็นเพลงที่มันจะใช้ บีทเพลงที่ไม่คุ้นหูทำให้ผมตื่นตัวและเพ่งความสนใจไปที่กอล์ฟ แค่เริ่มจังหวะผมก็ตื่นตาไปกับท่าเต้นที่มันเลือกใช้แล้วครับ ปกติการเต้นแบบนี้จะเริ่มจากเบาๆแล้วแรงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นจะค่อยผ่อนเบาลงมาเมื่อจังหวะปลาย แต่กอล์ฟมันใส่มาไม่ยั้งเลยครับ  แต่ก็เข้าใจได้นะ เวลาโชว์ความสามารถพิเศษคือคนละสิบนาทีเอง ก็ปกติที่ต้องใส่แรงเลย

กอล์ฟใช้เพลงต่อเนื่องที่เข้ากันและท่าทางที่เป็นตัวมัน ทั้งเร่งเร้าและแสดงออกถึงความแข็งแกร่งของร่างกาย กล้ามเนื้อแน่นๆกับท่าเต้นคมๆ เจ๋งมากเลยครับ

ที่สำคัญ เต้นๆไปมันคงร้อน เหงื่อไหล แอร์เย็นไม่ทัน และมันถอดเสื้อครับ.. ฟังไม่ผิดครับ.. มันถอดเสื้อโชว์กล้ามพุงน้อยๆของมัน

กูไม่มีมั่งก็แล้วไป..

ผมนั่งลูบพุงตัวเองจนมันเต้นจบแล้วยกมือปาดเหงื่อตรงหน้าผากออก หอบน้อยๆแล้วหันมายิ้มให้ ทำเอาต้องกลืนน้ำลายกันการฝืดคอกันเลยทีเดียว ไอ้ที่ยิ้มอยู่นี่แน่ใจแล้วใช่ไหม แน่ใจแล้วนะว่าไม่ทำร้ายหัวใจใครน่ะ

เมื่อก่อนกอล์ฟมันก็เป็นคนยิ้มง่าย ยิ้มเก่ง แต่เพราะมันเป็นจิมมี่ของผมไงครับ ผมเลยไม่คิดว่าการยิ้มของมันจะทำร้ายใครได้.. มาตอนนี้ จิมมี่แปลงร่างเป็นกอล์ฟฟี่.. โอ้โห..ยิ้มทีเหมือนใครจุดพลุ.. เล่นเอาหัวใจอ่อนแอกันเลยทีเดียว

“เป็นไงมั่ง โอเคไหม..”
ผมไม่ใช่สายเต้น แต่ก็บอกได้ว่าถ้าผมเป็นคนดูแล้วเห็นมันเต้นแบบแข็งแรงขนาดนี้ผมก็คงชื่นชมไม่มากก็น้อย.. ยิ่งถ้าเต้นไปถอดเสื้อไปแบบนี้ สาวๆมีกรี๊ดแน่ แค่ว่าจะถอดจังหวะไหนให้ได้เสียงเชียร์เยอะที่สุดเท่านั้นเอง ซึ่งไอ้เรื่องใส่ๆถอดๆเนี่ย คงต้องให้คนมีประสบการณ์เขาแนะนำมัน ผมคงแนะนำไม่ไหว

“โอเคนะ เอาไปโชว์ได้เลย..” ผมบอกแล้วพยักเพยิด.. “ว่าแต่..เต้นเหงื่อออกขนาดนี้ จะไปอาบน้ำมาก่อนทำไมล่ะนั่น”

“ก็..” กอล์ฟมันก้มเก็บเสื้อที่ถอดทิ้งขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาเช็ดตัวแล้วหัวเราะ “ไม่อยากให้ม่วงเหม็นเหงื่อ อยู่ข้างนอกมาทั้งวัน..”

อื้อหือ.. ทำซะเพื่อนมึงแต๋วเลยไอ้กอล์ฟ
แล้วตัวมึงเหม็นที่ไหนวะ อาร์มานี่โค้ดที่ฉีดทนมาตั้งแต่เช้าตกเย็นกลับเข้าห้องยังได้กลิ่นอยู่เลย สตอว์เบอร์รี่จริงๆเชียว

“งั้นตอนนี้เหงื่อท่วม จะวิ่งกลับไปอาบมาอีกรอบไหม” ประชดเข้าให้ แต่ไอ้กอล์ฟกลับหน้าตาแตกตื่น
“เหม็นเหรอ” มันถามพร้อมกับยกแขนตัวเองขึ้นมาดม

“ไอ้บ้า..กูนั่งห่างขนาดนี้จะไปได้กลิ่นอะไร.. กูประชดโว้ย” ผมหัวเราะจนตาปิด ไอ้นี่มันเป็นเอามากจริงๆครับ.. เสียงหัวเราะของตัวเองมันปิดเสียงอื่นไปเกือบหมด มารู้ตัวอีกทีเมื่อตอนลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าไอ้กอล์ฟเดินมายืนตรงหน้า

“อ่ะ ได้กลิ่นมั้ย..” มันยื่นแขนที่ยังชื้นเหงื่อมาให้
ไอ้นี่..
“ถ้าบอกว่าเหม็นแล้วจะยังไง?”

“ก็ไปอาบน้ำ..”
“แล้วถ้าบอกว่าไม่เหม็นจะไม่อาบ?..” ผมชักเริ่มอยากเตะคน..
“ก็ไปอาบ.. เหนียวตัว”
กวนส้ม.. แล้วล่ะไอ้กอล์ฟ.. ยังไงก็จะอาบแล้วมาให้ดมเพื่อ..

“งั้นก็ไม่ต้องดม.. ไปอาบได้แล้ว” ผมผลักมือมันออก แต่อีท่าไหนไม่รู้ มันทำเซล้มลงมานั่งข้างๆ...เฉ๊ย..
“ขอพักให้เหงื่อแห้งก่อน เดี๋ยวค่อยไปอาบ”

ว่าแล้วเจ้าตัวก็เปิดรายการโทรทัศน์ที่อัดเอาไว้ขึ้นมาดู.. เอากับมันสิ.. จะดูอะไร จะอาบไม่อาบมึงช่วยใส่เสื้อก่อนได้ไหม.. นั่งอวดกล้ามอยู่ได้ กูเผลอลูบขึ้นมามึงจะหนาว~

เพ้อเจ้อกันไปพอควร หันมาดูจออีกที รายการที่มันเปิดก็เป็นรายการพากินพาเที่ยวอะไรทำนองนั้นล่ะครับ ส่วนใหญ่รายการนี้จะมีตอนกลางวันและฉายในช่องดิจิตอล ไม่ใช่ช่องหลัก ผมก็เลยไม่ค่อยได้ดู แต่พอมันเปิดให้ดูก็เออน่าสนใจดี

กอล์ฟมันนั่งดูไปก็เอาเสื้อตัวเองเช็ดเหงื่อไป.. ส่วนผมก็หัวหมาดๆแล้วเลยขยับเอาผ้าเช็ดตัวไปผึ่งไม้แขวน ก่อนจะกลับมานั่งดูโทรทัศน์กับมันอีกรอบ

เห็นมันจดจ้องรายการพวกนั้นก็นึกขึ้นได้ว่ามันหายไปตั้งนานจากเมืองไทย อะไรๆก็คงดูน่าตื่นตาไปหมดแหละ ซึ่งความสนใจของมันก็เลยทำให้ผมหันไปใส่ใจกับรายการโทรทัศน์นั้นมากขึ้น แทนที่จะสนใจกับมือถือของตัวเอง

รายการพาไปดูอาหารแปลกๆแถวตลาดน้ำอัมพวา และพาทัวร์สวนดอกไม้โดยเรือท่องเที่ยว ผมเองเคยไปที่นั่นมาแค่หนเดียว ตอนยังอยู่แค่ประถมเองมั้ง ความทรงจำการเที่ยวที่นั่นกับครอบครัวนี่แทบจะว่างเปล่า

“น่าไปเนอะ..”
ผมหลุดปากพูดออกไปเมื่อเห็นภาพเด็กผู้ชายแก่นๆสามสี่คนกระโดดตามกันลงคลอง.. ผมเป็นพวกชอบว่ายน้ำเล่นครับ ทะเล คลอง สระน้ำนี่ของโปรดทั้งนั้น

“งั้นเราจะพาม่วงไป..” กอล์ฟมันตอบรับทันทีเลย ผมนี่หันไปมองหน้าเลยครับ
“จริง?..”
“จริง” มันพยักหน้า “เราจะไปรับม่วงที่บ้านแต่เช้า แล้วไปเที่ยวด้วยกันทั้งวัน ถ้าม่วงอยากค้างเราก็จะค้าง.. แต่ถ้าม่วงไม่อยากค้าง..เย็นก็กลับได้..เดี๋ยวเราขับพาไปเอง แต่ม่วงต้องบอกทางเรานะ”

“เหย..” ผมนี่ร้องเลยครับ นี่มันจะเป็นการเที่ยวกับเพื่อนแบบค้างคืนเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะ (ไม่นับพวกเข้าค่ายนะครับ) ผมนี่ตัวสั่นอยากไปตอนนี้เลย

“แล้วม่วงอยากกินอะไร อยากไปไหน อยากได้อะไร เราจ่ายให้หมดเลย”
ผมนี่จ้องเป๋งเลยครับ “ไม่เอา..ไปเที่ยวด้วยกันก็ต้องช่วยกันออกสิ”
ถ้าขนมหรือน้ำนิดๆหน่อยๆผมยอมให้มันจ่ายได้นะ เพราะผมก็เลี้ยงมันกลับเหมือนกัน.. แต่ถ้ามันจะออกให้ผมทั้งทริปแบบที่มันบอกน่ะ.. เพื่อนกันเขาไม่ทำแบบนี้กันหรอกครับ

“แต่เรามีเรื่องอยากให้ม่วงช่วยนี่นา”
ผมเลิกคิ้วขึ้น หรือมันจะเอาของกินเข้าล่อ “จะให้ช่วยอะไร?”

“เราต้องไปเก็บตัวที่พัทยากับพวกพี่เขา.. แล้วเราอยากให้ม่วงไปเป็นเพื่อนเราหน่อย” ไอ้กอล์ฟมันหันมาทำหน้าอ้อน
“เราเป็นคนนอกจะไปด้วยได้ยังไง”

“ได้สิ เดี๋ยวเราบอกพี่เขาเอง”
กอล์ฟมันทำท่านั้นอีกแล้วครับเกาะแขนทั้งสองมืออ่ะ.. ท่ามึงน่ารักมาก..แต่ความหล่อมันทำให้ไอ้ท่านี้มันไม่เข้ากันเลย รู้สึกย้อนแย้ง..แต่ทำไมกูชอบแวร้ ฮือ วิกฤตใจบาง

“งั้นมีสองอย่างที่มึงต้องทำ หนึ่งขอพี่เขาเอง สองขอพ่อแม่กูด้วย..”
“แสดงว่าม่วงโอเค?!”
ผมยักไหล่หล่อๆใส่มัน “กูไม่มีปัญหากับการเที่ยวทะเล”

“โอ๊ย ดีใจมากเลย” กอล์ฟมันร้องลั่นแล้วผวาเข้ามากอดผมแน่น

“เฮ้ย!..” ผมก็ร้องลั่น.. เพราะไม่นึกว่ามันจะถึงเนื้อถึงตัว.. คือมึงยังไม่ได้อาบน้ำไง เมื่อกี้ล่ะทำเป็นห่วงว่ากูจะเหม็น แต่ตอนนี้มึงผวามากอดเลยไง..เตรียมใจไม่ทัน...

“Thank you..Sweety” มันพูดแล้วผละไปทันที วิ่งหายเข้าห้องน้ำไปเลย
เดี๋ยวนะ..กอล์ฟ.. เมื่อกี้มึงเรียกกูว่าอะไร..

ผมทำหน้าเหรอหราให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เพราะไอ้ตัวต้นเหตุหายไปแล้ว..ผมก็เลยได้แต่ทำตัวนิ่งๆให้เรื่องราวมันผ่านไป

คืนนั้น กอล์ฟทำตัวปกติ กินข้าวเย็น คุยเล่นระหว่างมื้อ ต่อด้วยคุยงานคุยการบ้าน พอเราเบื่องานเราก็ไปต่อกันที่เกม ..อยู่กันจนดึกเพื่อตีข้าศึกในเกมออนไลน์ จนกระทั่งผมหลับไปคาโน๊ตบุ๊ค..

และปล่อยบรรยากาศมึนๆระหว่างพวกเรา..ทิ้งไว้แบบนั้น
****



 :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Kiss me gently? บทที่ 8 >>10/11/60
«ตอบ #13 เมื่อ10-11-2017 20:41:03 »

เอาม่วงม่วงมาลงต่อแล้วจ้า

8
 
ป๊อปแป๊บวันรวมพลคนจะไปทะเลก็มาถึง นัทขับรถมาส่งผมแต่เช้า พอส่งผมเสร็จก็ไปหาพี่แมนที่คอนโด.. เห็นว่าจะไปธุระต่างจังหวัดกันสองคน.. แบบนี้น่ะ ไม่บอกก็รู้ เขาจะหนีไปสวีทกันน่ะสิครับ ใช่สิ..ไม่มีผมสักคนเขาคงได้ไปเที่ยวกันเป็นการส่วนตัวบ้างล่ะ

..มีความน้อยเนื้อต่ำใจ กดเปลี่ยนเป็นโหมดพ่อแม่ไม่รักได้ไหมครับเนี่ย

“ม่วง..”

ไอ้กอล์ฟโบกมือหยอยๆมาจากจุดที่พวกคนสวยคนหล่อยืนออกันอยู่ เหมาะมากครับ เหมาะจะไปทะเลกันมากๆ ผู้ชายก็กางเกงยีนขาเดฟ เสื้อยืดที่ใส่ก็เป็นแบรนด์เนม ทับด้วยเชิ้ตยี่ห้อหรู บางคนจัดเชิ้ตเข้ารูปแบบสลิมฟิต.. คุณพระ บางคนรองเท้าหนัง!

ส่วนผู้หญิง นั่นไปทะเลหรือไปเดินเอ็มบลาสซี่ ไฮโซจนน่าตกใจ ชุดเดรสผ้าพริ้วก็มา รองเท้ามีส้นก็มา.. แล้วยังจะหน้าพร้อม ผมเป๊ะกันทุกคน

มองกลับมาที่ตัวเรา.. ม่วงน้อย.. ล่อมาแบบขาสั้น เสื้อยืดตัวละ 199 รองเท้าแตะแบบไอ้เข้เขียวอี๋ ผมไม่เซ็ท หน้าไม่มีรองพื้น บีบียังไม่มีเลย.. โถ เด็กยกน้ำดีๆนี่เองกู

ยังดีครับยังดี… กอล์ฟฟี่ของหนูม่วงมันใส่ขาสั้น เสื้อกล้าม มีเชิ้ตทับ ถึงจะรองเท้าหนังแบบสบายๆใส่ไปชายเล และทุกอย่างเป็นแบรนด์หมด แต่ก็ยังดีที่กอล์ฟฟี่นั้นไม่ได้ทำตัวแตะต้องไม่ได้ ทั้งๆที่มันอัพเวลจากเดือนสาขาเป็นเดือนคณะไปแล้ว

พอผมโบกมือตอบไป มันก็ถึงตัวผมแล้วครับ มันคว้ากระเป๋าเป้ไปถือไว้ให้แล้วผวามากอดหมับ คนตรงโน้นสามสิบกว่าชีวิตมองกูเป็นตาเดียวเลยกอล์ฟ ผมตบบ่ามันเบาๆเป็นการยืนยันว่ากูมาแล้ว ไม่ต้องโทรตามไม่ต้องยืนยันกับกูทุกสิบนาทีนะ มันถึงได้ยอมปล่อยผมออกจากอกแข็งๆของมัน

“ไปๆ เอาของขึ้นรถ”

มันดี๊ด๊าเป็นปลากระดี่แล้วจับมือผมลากไปแบบเอ๋อๆ พอถึงกลุ่มคนมันก็แนะนำผมให้ทีมงานและบรรดาผู้สมัครดาวเดือนได้รู้จัก

ทำการทักทายกันเรียบร้อยมันก็ลากผมขึ้นไปบนรถ “ม่วงนั่งนี่นะ”

มันให้ผมหย่อนตัวนั่งริมหน้าต่างแล้วเอากระเป๋าเป้ผมยัดเข้าไปด้านบนช่องวางกระเป๋า แล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งข้างผม “หิวไหม กินไรมายัง”

“ยังไม่หิวเลย เมื่อกี้นัทเอานมถั่วเหลืองให้กินรองท้องมาแล้ว”

มันพยักหน้ารับแล้วยิ้ม “ถ้าหิวบอกเรานะ เราซื้อขนมไว้ในกระเป๋า กับมีน้ำผลไม้”

“มีโค้กไหม?”

“ยังเช้าอยู่เลย ไว้กินข้าวก่อนจะหาโค้กให้นะ”

ผมพยักหน้ารับ ไอ้นี่มันคนรักสุขภาพครับมันไม่กินผักแต่ชอบกินผลไม้ น้ำแร่ต้องมีติดไว้ประจำ นมก็กิน โปรตีนก็กิน โค้กนี่เลยเป็นของแสลง

“กอล์ฟ ลงมาถ่ายรูปกัน” เสียงเรียกจากหน้ารถทำให้มันชะโงกหน้าไปขานรับ ก่อนจะหันมาบอกผม

“เดี๋ยวมานะ เรียกถ่ายรูปแบบนี้แสดงว่าคนมากันครบแล้ว..” มันลุกขึ้นยืน ก่อนไปยังหันมายิ้มให้อีก “รอแป๊บเดียว ถ่ายรูปเสร็จรถก็ออกแล้วล่ะ”

ผมเนี่ยไม่ได้อะไรเลยครับ ก็นั่งรอมันไปชิวๆ ดูมือถือ ดูคลิปอะไรไปเรื่อย แต่มันสิ.. ทั้งๆที่กำลังรวมกลุ่มกันถ่ายรูป แต่มันก็ยังพยายามโบกไม้โบกมือขึ้นมาให้ บางทีผมก็หันไปยิ้มให้มันบ้าง แต่บางทีผมหันไปเห็นทีมงานเขาช่วยเช็ดเหงื่อให้มัน ยื่นน้ำให้มันผมก็คิดนะ.. หรือตรงนั้นผมต้องไปช่วยทำให้.. คือเข้าใจอารมณ์ผมใช่ไหมครับ ผมไม่รู้เลยว่าผมมานั่งทำอะไรที่นี่ ผมเป็นคนนอก แต่ก็อนุญาตให้ผมมาด้วย ถ้าไม่ใช้ประโยชน์ผมแล้วให้ผมมาทำไม.. มานั่งเป็นแม่ย่านางรถหรือไง

ตรงนั้นมีตากล้องหลักอยู่คน แล้วก็มีกล้องรองอีกสามคน มีทีมงานที่ช่วยถือแผ่นสะท้อนแสง (เรียกอะไรไม่รู้ ไอ้ที่เงาๆเงินๆอ่ะครับ) อีกด้านละคน มีทีมเสื้อผ้าหน้าผมอีก รวมทีมงานก็เป็นสิบชีวิตแล้ว ส่วนเด็กๆอีกเกือบสามสิบชีวิต.. โดยมีผม..ที่ไม่รู้หน้าที่ตัวเองอยู่คนเดียว

แต่เพราะกอล์ฟขอร้อง.. ผมถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้..

ตลอดอาทิตย์ มันพยายามยืนยันกับผมทุกวันว่าผมจะมาแน่ๆ เหมือนมันเองก็รู้ว่าถ้าผมมาผมจะไม่ได้มีหน้าที่อะไรเลย และถ้าผมมามันก็จะไม่ได้อยู่กับผมตลอดเวลาด้วย เหมือนมันไปทำงานแต่ผมไปนั่งหายใจนิ่งๆอยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง

มันเลยกลัวผมจะเปลี่ยนใจ ไม่ไปกับมัน ยิ่งคืนก่อนจะไปมันก็เหมือนนอยด์กิน โทรหาผมแล้วคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่ยอมวางสาย จนผมต้องส่งรูปเสื้อผ้าที่กองอยู่นอกกระเป๋าให้มันดูว่าถ้ายังจะคุยอีกผมจะไม่ได้จัดกระเป๋าแล้วนะ มันถึงได้ยอมวางไป ตอนเช้ายังส่งข้อความมาปลุกผมรัวๆอีก..ดูเหมือนจะเป็นเอาหนัก

ข้างล่างใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการถ่ายรูป แล้วจึงทยอยกันขึ้นมาบนรถ บางคนเดินผ่านผมก็ยิ้มให้ แต่บางคนก็ผ่านไปแบบไม่ทักทาย ก็ไม่ว่ากันครับ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เอาที่สบายใจเถอะ

“มาแล้วๆ”

มนุษย์เมืองหนาวแบบไอ้กอล์ฟ พอมาเมืองไทยก็เหงื่อท่วมเป็นเรื่องปกติ.. ในมือมันจึงมีทิชชู่ถือติดมือคอยซับเหงื่ออยู่ด้วย

“เอาทิชชู่เปียกไหม กูมีในกระเป๋า” จำได้ว่าของเก่าที่ยัดใส่เป้ไว้ยังมีอยู่

“ไม่เป็นไร นี่ก็พอแล้ว” มันส่ายหน้าแล้วทิ้งตัวลงนั่ง “แต่ร้อนอ่ะ ขอถอดเสื้อคลุมออกนะ..”

ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ ตอนไปนอนบ้านมัน มันก็ถอดโชว์ตั้งหลายหน  แต่คนเบาะข้างๆนี่หันมามองด้วยความตกใจ..

กอล์ฟมันหันไปยิ้มให้เขานิดนึงแล้วทำท่าจะเอาเสื้อเชิ้ตที่ถอดออกเสียบลงไปตรงตาข่ายใส่ของในเบาะรถด้านหน้า ผมจึงรีบคว้าเอาไว้ก่อน

“มานี่ เดี๋ยวถือไว้ให้ เสื้อจะได้ไม่ยับมาก เผื่อต้องไปถ่ายรูปอีก”

กอล์ฟมันยิ้มหล่อส่งมาให้พร้อมคำพูดขอบคุณ ..รถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยในขณะที่มีเสียงมาจากลำโพงเหนือหัวเรา

“เอาล่ะจ๊ะเด็กๆ วันนี้พี่ขอทำความเข้าใจกับพวกน้องๆถึงตารางงานกันหน่อยนะคะ” เสียงแบบนี้น่าจะเป็นพี่แอดมินหลักที่คุมเพจดาวเดือนของมหาวิทยาลัย พี่เขาชื่อหลุยส์ครับ

“เราจะถึงจุดพักรถที่ปั๊มใหญ่กันตอนประมาณ 10.30 น. น้องๆจะได้เข้าห้องน้ำ ซื้อน้ำซื้ออาหารทานกันนะ แล้วเราไปพักทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารทะเลตรงชะอำกัน ร้านนี้อร่อยมากเลยพี่ไปทานมาบ่อยๆค่ะ”

ผมเริ่มเอียงคออย่างงงๆ.. หื้ม? เราไปไหนกันแน่วะ พัทยาหรือชะอำ?

“ทานข้าวเที่ยงเสร็จ คาดว่าเราจะถึงที่พักที่หัวหินกันตอนบ่ายสองหรือบ่ายสาม”

อ้าว..? ตกลงไปหัวหิน?

ผมหันไปมองหน้าไอ้ก๊อบแก๊บเป็นเชิงถามว่าอะไรของมึงเนี่ย? นี่มึงจะหลอกกูไปขายเหรอ

“และการที่เราได้รีสอร์ทระดับห้าดาวเป็นที่พักในคืนนี้ ก็ต้องขอบคุณครอบครัวน้องกอล์ฟ เดือนคณะสังคมศาสตร์มากๆนะคะที่เป็นสปอนเซอร์ให้ในครั้งนี้”

เหวอเลยครับ นี่ถึงขั้นเป็นสปอนเซอร์กันเลยเหรอวะกอล์ฟฟี่ ไอ้ตัวดีมันได้แต่ยิ้มหล่อๆส่งมาเหมือนเคย..ไม่ยอมอธิบายอะไร

หมดเสียงตบมือขอบคุณ พี่หลุยส์ก็พูดต่อ “พอเข้าเช็กอินที่พักแล้วเราจะให้น้องๆได้พักผ่อนกันนะคะ แล้วมารวมตัวกันอีกครั้งตอนช่วงบ่ายสี่โมง แสงกำลังสวย เราจะทำกิจกรรมร่วมกัน โดยการปล่อยน้องๆไปอยู่ตามชายหาดกับกลุ่มตากล้อง แยกออกเป็นสามกลุ่มนะคะ ใครใคร่จะทำกิจกรรมไหน น้องเลือกกันได้เลย ตั้งแต่เล่นบอล วิ่งเปรี้ยวบนหาด หรือล้อมวงฟังดนตรี เราจะเก็บภาพกิจกรรมกันประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วจะปล่อยให้น้องกลับไปอาบน้ำพักผ่อนนะคะ กลับมารวมตัวทานอาหารเย็นกันอีกครั้งตอนประมาณทุ่มนึง แล้วค่อยแยกย้ายกันค่ะ พรุ่งนี้เราถึงจะถ่ายคลิป และถ่ายรูปอีกเซ็ทก่อนจะกลับไม่เกินบ่ายสามนะ คาดว่าเราน่าจะถึงมออย่างช้าที่สุดก็ราวๆสองทุ่มนะคะ ใครจะให้ผู้ปกครองมารับก็นัดแนะกันดีๆนะคะ”

แล้วจากนั้นก็มีรายละเอียดอะไรมาอีกเยอะเลยครับ ผมฟังมั่งไม่ฟังมั่ง ส่วนกอล์ฟมันพอหายร้อนมันก็ใส่เสื้อกลับไปเหมือนเดิม ไม่ได้นั่งเปลือยไหล่โชว์ความขาวโอโม่ของมันอีก

“เรื่องสปอนเซอร์ที่หัวหินนี่ยังไงวะ ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย” ผมหันไปถามมันเบาๆ

กอล์ฟมันหันมายิ้มอ่อนส่งให้ แต่ยังไม่พูดอะไร

“ที่เปลี่ยนจากพัทยามาหัวหินได้ก็เพราะมึงเป็นสปอนเซอร์เหรอ?”

มันพยักหน้ารับ “ก็ลูกพี่ลูกน้องเรามีรีสอร์ทอยู่ที่นี่ เห็นเขาอยากถ่ายรูปทะเลเราว่าชายหาดส่วนตัวของบ้านเราน่าจะดีกว่าชายหาดที่พัทยา.. ก็เลยลองคุยกับที่บ้านแล้วก็คุยกับพี่เขาดูว่าบั้ดเจ็ทถึงหรือเปล่า ขาดนิดหน่อยทางบ้านเขาก็เลยช่วยออกเพิ่มเท่านั้นเอง”

ผมพยักหน้ารับเข้าใจเรื่องราวแล้วล่ะ..

“ไปพักที่รีสอร์ทญาติเราจะได้สะดวกด้วย อยากได้อะไรก็สั่งได้ไม่ต้องเกรงใจ เฮฮาได้เสียงดังเต็มที่เพราะเราให้เขาปิดโซนนั้นให้เลย”

“โอ้โห ปิดโซนเลย”

“ไม่ใช่โซนใหญ่หรอก เราไปกันเยอะเดี๋ยวจะรบกวนแขกคนอื่นเขา.. เลยให้เขาปิดโซนตรงสระว่ายน้ำให้เลย”

นี่แหละครับไอ้กอล์ฟ เป็นคนดีที่น่านับถือ “แล้วคนอื่นจะใช้สระยังไง”

“ที่รีสอร์ทมีสองสระ สระเล็กกับสระใหญ่ ของเราปิดสระเล็กไป สระใหญ่ก็ให้ลูกค้าคนอื่นเขาเล่นได้ปกติ”

ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ นั่งคุยกันไปอีกสักพัก รถบัสสองชั้นก็ขับผ่านถนนพระรามสามกระเด้งกระดอนไปมามุ่งหน้าเข้าสู่ถนนพระรามสอง พอเลี้ยวลงทางด่วนเข้าถนนพระรามสองมายังไม่พ้นวัดพันท้ายเลยผมก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าไอ้กอล์ฟอย่างชัดเจน หน้ามันซีดลงๆ เหงื่อมันออก แล้วมันก็เงียบเสียงไปนานแล้ว..

ผมเงยหน้าขึ้นจากมือถือหันไปเห็นก็ตกใจร้องถามเลยครับ “กอล์ฟ..มึงเป็นไรเนี่ย?”

มันหรี่ตาขึ้นมาแล้วก็รีบหลับตาลงไปใหม่ กระซิบเสียงแห้งๆว่า “ท่าทางจะเมารถ”

ผมคาดว่านี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่มันได้นั่งรถบัสออกต่างจังหวัดไกลๆ แล้วไอ้รถบัสสองชั้นเนี่ยมันเหวี่ยงมากอยู่ ถ้าคนไม่เคยนั่งก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะเมารถ

“ไหวไหม?..” ผมร้องถามแล้วพยายามหาทางช่วย “เอางี้มึงปรับเบาะเอนนอนลงไปกว่านี้ดีกว่า แล้วหลับไปสักงีบนะ เดี๋ยวกูหายาดมให้”

ผมปีนเบาะเกาะพนักแล้วชะโงกหน้าไปหาคนนั่งเบาะหลัง บอกเขาว่ากอล์ฟมันอาการไม่ดี ขอปรับเบาะเอนลงนอนเยาะหน่อยนะ ทางนั้นเขาก็กุลีกุจอเปลี่ยนที่นั่งให้แล้วช่วยหายาดมให้อีกต่างหาก

“ม่วง..”

เสียงแห้งๆของมันเรียกผม ทำให้ผมดึงหลอดยาดมออกจากใต้จมูกมัน “เป็นไงดีขึ้นไหม”

“...มันปั่นป่วน”

เอาแล้วไง..ผมเหลียวซ้ายแลขวา แถวนี้ก็ไม่มีถุงเสียด้วย

“เอานี่ๆ” เบาะข้างหน้าเยื้องๆไปส่งถุงมาให้ ถ้าผมจำไม่ผิดเขาน่าจะชื่อซอลเป็นเดือนคณะแพทย์

“ขอบใจนะ”

ผมคว้าถุงพลาสติกมาจากอีกฝ่ายแล้วบอกไอ้กอล์ฟว่ามีถุงแล้ว อยากอ้วกก็เต็มที่ แต่กอล์ฟมันยังนิ่ง ผมนั่งเอียงๆดูอาการมันอยู่อีกระยะ พี่หลุยส์ก็เดินมาถามพร้อมกับเอาผ้าเย็นมาให้

แต่ผ้าเย็นน่ะครับ มันมีกลิ่นน้ำหอม ผมก็กลัวว่ามันจะยิ่งไปกันใหญ่ เลยปฏิเสธไปไม่ได้เอามาเช็ดหน้าไอ้กอล์ฟมัน แล้วก็เป็นซอลที่ส่งทิชชู่เปียกมาให้ผม เป็นทิชชู่ที่มีแตงกวาเป็นส่วนผสมเสียด้วย ไว้เช็ดหน้าโดยเฉพาะเลย

ผมเริ่มซับหน้าให้มันเบาๆ เผื่อมันจะอาการดีขึ้น เช็ดคอ เช็ดแขน แค่ครู่เดียวหน้ามันก็มีสีเลือดขึ้นจางๆ

“ซอล..” ผมเรียกเดือนแพทย์ก่อนจะยื่นทิชชู่ที่เหลือคืนไป

“ไม่เป็นไร นายเอาไว้ก่อนเลย เผื่อต้องใช้อีก ไม่ต้องห่วงเรามีในกระเป๋าอีกแพ็กนึง” ซอลหันมามองไอ้กอล์ฟแล้วบอกต่อ “นี่เดี๋ยวพอถึงจุดพักรถเราจะหยิบยาแก้เมารถให้ ตอนนี้กินเข้าไปคงผะอืดผะอมแย่”

กอล์ฟมันเหมือนได้ยินที่ซอลพูด มันเลยบอกว่าจะกินน้ำ ลำบากพี่หลุยส์ต้องไปหยิบมาให้จากหน้ารถ

ผมแกะป้อนมันเองเลยครับ ก่อนจะบอกทุกคนที่ยังมองมันว่าไม่ต้องห่วงอะไร เดี๋ยวผมดูแลมันให้ (มีหน้าที่ทำแล้วกู) ผมบอกให้ทุกคนกลับไปนั่งที่เถอะ เดี๋ยวรถเหวี่ยงไปมามันจะอันตราย พี่หลุยส์ถึงได้เดินกลับไปที่ที่นั่งของตัวเอง

กอล์ฟร้องจะจิบน้ำเป็นระยะ ผมก็ดูแลให้มันได้กินอย่างสะดวกเอาหลอดจ่อถึงปากกันเลยล่ะครับ

ให้มันนอนพักได้ระยะหนึ่งก็ถึงจุดจอดรถพักเข้าห้องน้ำ รถจอดให้คนลงเกือบหมดคันแล้ว ผมก็เลยลองถามกอล์ฟดู

“อยากเข้าห้องน้ำไหมกอล์ฟ..”

มันเหมือนทำหน้างัวเงียหรี่ตาขึ้นมามองเหลือบไปรอบๆตัว พอเห็นไม่มีใครมันก็ยกมือขึ้นมาลูบหน้าแล้วพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงบอกว่ามันจะลงไปเข้าห้องน้ำ ผมเลยจัดแจงดึงมันขึ้นจากการเอนตัวนอนมานั่งหลังตรงแล้วค่อยให้มันลุกขึ้นก่อน เพื่อดูว่ามันไหวหรือเปล่า จะร่วงลงไปไหม..ผมประคองเอวมันไว้แล้วมองท่าทีของมัน พอเห็นมันยืนได้แต่หน้ายุ่งผมก็เบาใจลง แสดงว่าพอไปได้ล่ะ

ผมให้มันเดินนำลงไปจากรถ แค่ก้าวลงไปเท่านั้นแหละครับโอ้โหแดดเปรี้ยงจนผมแทบจะวิ่งกลับเข้ารถไปฉี่ใส่ขวดน้ำให้รู้แล้วรู้รอด..ร้อนอะไรเบอร์นี้ นี่เพิ่งจะสิบโมงนิดๆเองนะ

กอล์ฟเองมันก็ยืนหยีตา..สงสัยสู้แดดไม่ไหวทำให้ตอนที่เราลงมายืนคู่กัน ผมต้องเป็นคนลากมันไปห้องน้ำทั้งที่มันยังยืนหยีตาหลบหน้าไม่สู้แดด หัวมันแทบจะปักอยู่ตรงไหล่ผม สิงได้มันคงเข้าสิงผมแล้ว

ออกจากห้องน้ำได้ผมก็ถามมันเรื่องอาหารการกิน พอได้ล้างหน้าล้างตา ไอ้กอล์ฟมันดูสดชื่นขึ้นครับ ถึงจะยังสีหน้าไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่เข้าสิงผมแล้ว.. ผมพามันไปนั่งรอตอนผมเข้ามินิมาร์ทไปซื้อของ แต่แค่แป้บเดียวแหละครับ..มันก็เดินตามเข้ามา

“ม่วง..”

เอาอะไรอีกล่ะก๊อบแก๊บ มึงทำเสียงอ่อนใส่กูมาหลายรอบแล้วนะวันนี้

“อยากกินอะไร” ผมหันไปเงยหน้ามองมัน สึด..สูงทำไมเนี่ย..

“เอาน้ำเปรี้ยวๆ”

“น้ำอะไรวะเปรี้ยวๆ” ผมหันเดินนำไปตรงตู้แช่น้ำ ส่วนไอ้คนเดินตามก็ล้วงกระเป๋าก้าวมาไม่ห่าง

“น้ำเสาวรสดอยคำ..”

“อ่อ..” ผมตอบรับมือก็หยิบเอาน้ำที่มันบอกมาสองกล่องใส่ตะกร้า หันมาเห็นอีกทีมันก็ไปสอยโค้กมาให้ผมแล้ว.. วางเนียนๆไว้ข้างๆน้ำผลไม้มัน

“เอาอะไรอีกไหม”

“ม่วงล่ะ กินไรดี..” มันเหลียวมองไปรอบร้าน เห็นกลุ่มดาวเดือนคนอื่นก็ยืนซื้อขนมกันไปเป็นกลุ่มเล็กๆ

“เอาแซนวิชดีไหม หรืออยากกินอะไรหนักกว่านั้น”

“นิดหน่อยก่อนดีกว่า เดี๋ยวผะอืดผะอมอีก..” กอล์ฟทำหน้าแขยง “ปกติไม่เคยเมารถเลยนะ นี่เป็นได้ไงก็ไม่รู้”

“เคยนั่งรถบัสแบบนี้เหรอ?”

“ไม่เคย เคยนั่งชั้นสองชมวิวเมืองลอนดอนก็นานมาแล้วไม่เห็นเป็น”

ผมบึนปากใส่ “นั่นมันบัสคนละแบบกันละ แบบนั้นยังเมาคงไม่ต้องนั่งรถบัสอีกตลอดชีวิต.. แล้วนี่ต่อปากต่อคำได้แสดงว่าดีขึ้นแล้ว?”

“อืม..ยังรู้สึกหน้าร้อนๆอยู่เลย”

“อ่า..งั้น..” ผมว่าจะหาพวกอะไรเย็นๆให้มัน แต่มันกลับคว้ามือผมไปแตะลงที่หน้าผากตัวเองเสียนี่

“ม่วงว่าเรามีไข้ไหม..”

ผมจะดึงมือออกก็ไม่กล้า..ฮือไอ้กอล์ฟ.. มึงอ่ะไม่มีไข้ แต่กูเนี่ยไม่แน่ ทำไมมาทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆของน้องม่วงแบบนี้ ตอนแตะโดนหน้าผากมันนี่หัวใจแทบกระดอนออกนอกอก

“ไม่มีอ่ะ..” ผมส่ายหน้า พยายามข่มใจให้นิ่งไว้ “ปล่อยมือกูได้ยัง?”

กอล์ฟมันปล่อยมือผมอย่างว่าง่าย แล้วทำหน้าหงอยๆไม่พูดอะไรอีก

อ่า อย่ามาทำหน้าเหงาใส่พี่ม่วงแบบนี้สิ เดี๋ยวพี่ม่วงก็ใจอ่อนจนได้.. อยู่กับมันนี่วันๆขยันหวั่นไหวมากครับ.. ต้องท่องกับตัวเองหลายครั้งมากว่ากอล์ฟอ่ะมันเพื่อน กอล์ฟเป็นเพื่อน..

ห้ามหวั่นไหวกับเพื่อนเด็ดขาด..

สงสัยผมจะเห็นตัวอย่างความสวีทจากพี่แมนกับนัทมากไปแล้ว.. กลับไปต้องห่างๆสองคนนั้นหน่อย ไม่ไหวๆ เดี๋ยวพอดีไม่มีคนสืบสกุลกัน นัทก็ไม่น่าจะมีลูกแล้ว ผมยังไม่มีลูกอีกเดี๋ยวป๊างอน
*****




 :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
9

เพราะอาการของกอล์ฟมันดีขึ้น ทำให้หลังจากขึ้นมานั่งบนรถมันก็ไม่ต้องรับยาจากซอลมากิน ผมจัดการหาแซนวิชกับน้ำผลไม้ให้มัน ส่วนตัวเองก็กินแซนวิชกับโค้กของโปรด..

กินเสร็จผมก็ให้มันนั่งเอนๆหลับตาพักไปอีก จนถึงที่กินอาหารกลางวันนั่นแหละครับอาการมันถึงกลับมาโอเคเต็มร้อย

“กอล์ฟ..มึงไม่ได้แพ้อาหารอะไรใช่ไหม”

ผมถามมันเพื่อความชัวร์ครับ.. เรื่องเมารถที่เราไม่คิดว่าจะเกิดมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นผมต้องเอาความแน่นอนไว้ก่อนล่ะ

“ยังไม่มีประวัติว่าแพ้อะไรนะ”

อื้อหืม ตอบเป็นหลักการมาก เหมือนตอบหมอเรื่องแพ้ยาเลย..

“เออดีแล้ว..มาแพ้ก้งแพ้กุ้งเป็นนางเอกหนังไทยจะหาหมอไม่ทันเอา..”

อาหารมื้อนั้นอร่อยสมกับที่พี่หลุยส์บอกไว้ น้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บ กุ้งเผาตัวโต มันกุ้งนี่เยิ้ม ปูผัดผงกะหรี่ก็แจ่ม ปูสดไม่มีกลิ่นคาวเลย ปลาทอดน้ำปลา กับหมึกนึ่งมะนาวก็จี๊ดจ๊าด มีไข่เจียวให้เด็กน้อยหนึ่งจาน (แต่ไม่มีใครกินจนอาหารทุกอย่างใกล้หมดน่ะครับ..ไข่เจียวเลยได้รับการเหลียวแล) ดีที่ว่าอาหารทะเลสดมาก ทำให้ผมลืมรสมือแม่ครัวที่บ้านไปชั่วขณะเลย

หันไปมองไอ้กอล์ฟ.. ในจานมันมีแค่ปลา แต่หมึก กุ้งกับปูไม่มี ก็ได้แต่คิดสงสัยครับ..

“หมึกมันเผ็ด ..อยากกินกุ้งแต่มันแกะยาก..”

มันมีทิ้งสายตามองกุ้งในมือผม…

โอ้โห..ไอ้โจรห้าร้อย.. มึงริเป็นโจรมุมตึกขโมยแม้กระทั่งกุ้งในมือกูเชียวเรอะ..

ผมมองตามสายตามันแล้วยื่นกุ้งในมือไป..

มันมองตาม ตาเป็นประกาย..

แต่กอล์ฟครับ..นี่กุ้งกู..ว่าแล้วก็จุ่มน้ำจิ้มแล้วแดรกซะ

ผมลอยหน้าลอยตากัดกุ้งเนื้อเด้งๆด้วยความสะใจ เคี้ยวไปอย่างไม่สนใจสายตาของมัน..หึ ไอ้กอล์ฟฟี่ อย่ามาคิดว่ากูจะสงสาร เมื่อกี้กูดูแลมึงมาเยอะแล้ว แถมมึงยังทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆของพี่ม่วงให้เต้นผิดจังหวะในร้านมินิมาร์ท.. ถ้าไม่ล้างแค้นคืนเสียบ้างอย่าเรียกกูว่ามะม่วงน้อยเลย ชิชะ

“เอานี่ไหม?”

โอ้ะโอ แล้วนางฟ้าก็มาโปรดไอ้กอล์ฟ.. พี่แพรวคนงามแกะให้มึงแล้วโน่นๆ

ผมก้มหน้าก้มตาไม่มองคนเขาจะจีบกัน สนใจแต่กุ้งตัวเองพอ.. แต่เพราะนั่งใกล้เกินไป หูก็เลยได้ยินชัดถนัดเลยว่า

“ไม่เป็นไรครับ.. พี่แพรวทานเลย ผมรอกุ้งจากม่วงได้ครับ เดี๋ยวเขาก็เอาให้ ม่วงใจดี”

อื้มมม รู้สึกถึงสายตาทิ่มแทงของคนทั้งโต๊ะ นี่ถ้าไม่แกะให้คงบาปหนามากที่แกล้งคนหล่อ อ่อนโยนแบบมัน

“แล้วถ้าเขาไม่ให้ล่ะ” เสียงหวานๆของพี่แพรวดังขึ้นอีก

“ก็ไม่ทานครับ แค่ไข่เจียวกับปลานี่ก็พอ”

ฟังมันแล้วก็ดูรู้สึกได้ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ..โถ ตอบดีแบบนี้ น่าเอ็นดู..

“เอ้า เอาไป.. โควต้าคนละสองตัว ค่อยๆกินล่ะมึง”

ผมเอากุ้งไม่สัมผัสน้ำจิ้มวางลงไปในจานของมัน.. ที่ทำแบบนี้น่ะ เพราะผมจะกินหัวกุ้ง ว๊าฮ่าฮ่า ไอ้กอล์ฟมันกินตัว แต่ผมกินหัว ผมฉลาดกว่ามัน โควต้าคนละสองตัว แต่ม่วงน้อยได้กินหัวกุ้งสี่หัวจ้า..

“ม่วงชอบกินหัวกุ้งเหรอ..?” เสียงถามลอยมาจากอีกฟากของโต๊ะ

เงยหน้าไปก็เห็นซอลมันมองท่าทางการแกะกุ้งของผมอยู่.. ผมเลยพยักหน้ารับ ห้ามแย่งนะเว้ย

“งั้นเราให้..เราไม่ชอบหัวกุ้ง” มันตัดส่วนหัวยกมาให้ผม..แหมแบบนี้ค่อยคบกันได้หน่อย

“ขอบใจนะ..” ผมยิ้มรับแล้วซัดหัวกุ้งอย่างเอร็ดอร่อย

“ม่วง..” ไอ้คนข้างๆเริ่มประท้วง สงสัยจะของขาด เออๆเดี๋ยวแกะให้ “เราอยากกินปู..”

อื้อหือของยาก..ผมหันไปยิ้มแล้วตักปูให้มันชิ้นนึง.. “แกะเองครับเพื่อนกอล์ฟ..”

ปูมันแกะยากจริงๆครับ เราควรสั่งเนื้อปูผัดผงมากกว่าเอาปูมาผัดผง เพราะมันจะมาเป็นตัวๆเลย พอมาเป็นต้วก็ต้องลงมือแกะ มือก็จะเลอะน้ำผง.. โอ้โห คราวนี้แหละ เรื่องใหญ่ ไม่สามารถแกะกุ้งได้อีกเพราะมันจะเละเทะไปหมด

กอล์ฟมันทำหน้าปุเลี่ยนๆแล้วก็ใช้ค้อนเคาะๆส้อมแงะๆ ปูนั่น สุดท้ายได้แต่ปาดเอาน้ำผัดคลุกข้าวกินกับไข่เจียว.. โถ น่าสงสาร ผมเลยเอาน้ำเปล่าเทใส่ถ้วยว่าง แล้วเอาปลาหมึกมาแกว่งพริกออกให้มัน ดูมันก็ดี๊ด๊าที่ได้กินปลาหมึกเสียเต็มประดา ยกจานมารอเลยครับ

อาหารมื้อนั้นไม่มีผักเลย แต่มีของเผ็ด อย่างพวกนึ่งมะนาว ต้มยำ ซึ่งกอล์ฟมันกินไม่ได้ เลยได้แค่ไข่เจียว ปลา กุ้งแบบไม่ราดน้ำจิ้ม และหมึกแกว่งน้ำเปล่าล้างพริก ถือว่าก็เป็นอาหารมื้ออร่อยของไอ้กอล์ฟมื้อหนึ่ง

อิ่มหนำสำราญกันแล้วเราก็ไปต่อกัน กว่าจะเข้ารีสอร์ทก็เกือบบ่ายสาม

“เดี๋ยวพี่แจกกุญแจห้องพักให้ตามรายชื่อนะคะ ใครพักกับใครจำกันได้เนอะ”

กุญแจห้องพักถูกแจกออกแล้วแบ่งพวกเราเป็นกลุ่มๆมีพนักงานขับรถกอล์ฟไปส่ง ตึกที่เราพักอยู่ติดทะเลมีชายหาดส่วนตัว ตัวอาคารเป็นรูปตัวแอล มีสามชั้น ชั้นล่างสุดสามารถเปิดประตูแล้วเดินข้ามไปสระว่ายน้ำได้เลย จะว่าเป็นสระเล็กๆมันก็ไม่เล็กนะครับ แบ่งเป็นสระเด็กสระผู้ใหญ่เสียด้วย มีความลึกของสระเขียนให้เห็นชัดเจน บริเวณที่ลึกที่สุดเขียนไว้ 1.8 เมตร มิดหัวผมไปนิดเดียว

ห้องของพวกผมอยู่ชั้นสอง หันหน้าเข้าหาทะเลครับ ตอนที่เปิดประตูห้องเข้าไปนี่ผมหลุดร้องว้าวออกมาเลย ห้องพักเป็นปูนเปลือยที่ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ เตียงเป็นเตียงใหญ่มากขนาดคิงไซส์ผู้ชายตัวโตๆนอนเบียดๆกันได้สามสี่คน มีโต๊ะทำงานมุมหนึ่ง มีโซฟาเบดอีกมุมไว้นอนมองทะเล มีโทรทัศน์ขนาดเกือบห้าสิบนิ้วติดผนังด้านหนึ่ง ในตู้เสื้อผ้ามีรองเท้าเดินชายหาด สลิปเปอร์ ถุงผ้าสำหรับใส่ของไปทะเล ถุงพลาสติกสำหรับใส่เสื้อผ้าเปียกส่งซัก ตู้นิรภัย ในตู้เย็นมีเครื่องดื่มหลากหลายมาก น้ำเปล่า น้ำหวาน น้ำอัดลม โค้กทั้งนั้น หลังตู้เย็นมีขนมขบเคี้ยวเยอะแยะ ในตะกร้าข้างโซฟาเบดมีกระจาดผลไม้สด และยังมีตุ๊กตาหมีสองตัวใส่เสื้อของรีสอร์ทวางไว้ข้างๆกันอีกด้วย..

อื้ม..รีสอร์ทห้าดาวมันก็ต้องมาตรฐานนี้ล่ะนะ.. ตอนผมไปเที่ยวกับพวกพี่แมนก็มีแบบนี้ครับ

ผมวางกระเป๋าแล้วเดินออกไปส่องตรงระเบียง.. โอ้โห สระเล็กของไอ้กอล์ฟ ขนาดใหญ่เกือบเท่าสระที่คอนโดพี่แมนเลยครับ.. ตรงระเบียงที่ผมก้าวออกไปตอนนี้แดดร่มแล้ว ลมพักเย็นสบาย แล้วด้านนอกก็มีเก้าอี้สานให้นั่งเล่นด้วย ดูเหมือนจะเพิ่งทำความสะอาดมาใหม่ๆเลยครับ..

“เป็นไงม่วง..”

ไอ้กอล์ฟมันโผล่หน้าออกมาถาม ตัวมันยังยืนพิงกระจกอย่างสบายอารมณ์

“สวยดี..”

“ชอบไหม..?”

ผมหันกลับไปยิ้มให้มันพร้อมพยักหน้า “ชอบสิ..”

“ดีเลย..ไว้มากันอีกนะ” กอล์ฟมันบอกก่อนจะขอตัวเข้าไปล้างหน้าล้างตาเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าสู่โหมดดาราของมัน
****
พวกเราลงมาที่หน้าล็อบบี้ ฟังไม่ผิดหรอกครับ พวกเรา.. ผมถูกลากลงมาด้วยเพราะไอ้กอล์ฟไม่ยอมให้ผมนอนตากแอร์อยู่ข้างบนคนเดียว มันบอกกลัวผมเหงา สุดท้ายก็เลยทั้งลากทั้งดึงผมลงมาด้วย ขนาดลงมาถึงล็อบบี้แล้วมันก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ กลัวผมจะหนีกลับขึ้นไปข้างบน

“เอ้าๆ น้องกอล์ฟลงมาแล้ว ตบมือให้น้องหน่อยค่า” พี่หลุยส์นำขบวนตบมือต้อนรับไอ้กอล์ฟจนเจ้าตัวทำหน้างง

“อะไรกันครับ” มันขยับตัวอย่างอึดอัด.. ท่าทางแบบนี้ของกอล์ฟน่ะผมรู้นะครับ คือนิสัยของกอล์ฟมันไม่ใช่คนที่มั่นใจในตัวเอง ออกจะเป็นคนขี้อายด้วย ที่มันสามารถพัฒนาตัวเองจนมาเป็นเดือนคณะได้ ยอมอยู่ในที่ที่คนมองเห็นง่าย ผมว่ามันก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมากแล้ว แต่ไอ้เรื่องจะให้เปลี่ยนจากเด็กอ้วนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองมาตลอด มาเป็นคนหล่อที่สามารถเผชิญหน้าได้ทุกสถานการณ์ก็คงเป็นไปไม่ได้

ผมขยับมือกระชับมือมันเป็นการให้กำลังใจ เพื่อให้มันรู้ว่ามันยังมีผมอยู่ข้างๆ ไม่ต้องห่วง มันก็หันมาส่งยิ้มเล็กน้อยแล้วหันไปฟังพี่หลุยส์

“น้องๆบอกว่าห้องพักสวยมาก ดีงาม พี่ก็เลยอยากจะขอบคุณน้องกอล์ฟที่ช่วยพูดกับครอบครัวให้ทางเราได้ใช้สถานที่ในราคาย่อมเยาว์น่ะจ้ะ” พี่หลุยส์ยิ้มกว้างพาลให้คนอื่นๆยิ้มกว้างตาม รวมถึงผมด้วย

กอล์ฟมันทำหน้าเขินๆแล้วยิ้มรับ “ไม่เป็นไรครับ งานของมอผมก็อยากให้ออกมาดี อะไรที่ช่วยสนับสนุนได้ผมก็อยากทำ”

“ยังไงก็ขอบคุณมากเลยนะ ที่นี่สวยมากจริงๆ ห้องพักดีงาม สระน้ำน่าว่ายเล่น ชายหาดส่วนตัวแถมสะอาดมากด้วย” พี่หลุยส์ชมไม่ขาดปากเลย “เอาล่ะๆ.. เดี๋ยวจะไม่ทันแสงกันเนอะ เดี๋ยวแยกย้ายกันทำกิจกรรมนะคะ พี่ให้แต่ละกลุ่มสลับสับเปลี่ยนกันทำกิจกรรมนะ ใครถนัดอะไรก็เลือกได้เลยค่ะ”

กิจกรรมแรกที่กอล์ฟมันเลือกทำก็คือการนั่งฟังเพลงชิวๆ มันบอกมันยังมึนกับรถบัสอยู่เลย ก็เลยไม่ค่อยอยากออกกำลังมากนัก ผมก็เลยได้ตามไปนั่งร่วมวงฟังเพลงกับมันอยู่ไกลๆ ..ไกลแบบพ้นวิถีกล้องน่ะครับ ให้กลุ่มนั้นเขาอยู่ในกล้องกันไป

ในกลุ่มนี้มีเดือนคณะอื่นที่มีความสามารถเล่นกีต้าร์ได้ และร้องเพลงดีเป็นคนนำ ส่วนไอ้กอล์ฟผู้ไม่เอาอ่าวทางด้านนี้ มันก็แค่นั่งฟัง ยิ้มหล่อๆ เต๊ะท่าถ่ายรูปไป

ผมที่นั่งอยู่ไกลวิถีกล้อง นอนฟังเพลงบนเตียงไม้ริมชายหาดที่ลมพัดมาเย็นๆก็ชักจะมีความเคลิ้มอยู่บ้าง

“ม่วง..”

เสียงกอล์ฟมันดังแว่วๆ แต่ลองได้นอน ตาปิดแล้วอย่าหวังว่าจะแซะไอ้ม่วงขึ้นมาง่ายๆ

“ม่วงครับ..”

ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆมาโดนหน้า.. ทำให้ยกมือปัดออกอย่างรำคาญ

“ไม่เอา.. ม่วงจะนอน” บ่นงึมงำไปแล้วผมก็หันหน้าหนี

“ตื่นเร็วครับ..” เสียงกระซิบเบาๆใกล้หูทำให้ผมซุกเข้าหาที่มืด

“ม่วงขออีกห้านาทีน้า..” ผมต่อรองด้วยเสียงอู้อี้ เอาหน้าซุกตักคนปลุก

อีกฝ่ายเหมือนจะยอมแล้ว ใช้มืออุ่นๆลูบหัวผมเบาๆ ปล่อยให้ผมได้นอนต่ออีกห้านาทีจริงๆ

พอพ้นห้านาทีถึงได้ปลุกผมอีกรอบ “ห้านาทีแล้วนะ..ม่วงนอนตรงนี้ไม่ได้นะรู้ไหม”

“..ขออีกหน่อยนะนัทจ๋า” ผมเอาหน้าไถๆเหมือนทุกที แต่คราวนี้อีกฝ่ายกับหัวเราะดัง

“ไม่ได้แล้ว.. ทุกคนเขากลับขึ้นไปอาบน้ำกันหมดแล้ว และถ้าม่วงจะนอนตรงนี้ต่ออีกล่ะก็ มีหวังยุงได้หามม่วงลงทะเลไปแน่ๆ.. ลุกนะ ไม่งั้นเราอุ้มจริงๆด้วย” เสียงขู่เบาๆที่ดูไม่ดุดันนักทำให้ผมเริ่มสำนึกได้ว่า..คนปลุกท่าทางจะไม่ใช่นัท

เพราะถ้านัทคงแซะผมด้วยวิธีอื่นไปแล้ว

“อื้อ..” ผมครางในคอแล้วหรี่ตาดู.. โธ่ จริงๆเสียด้วย “กอล์ฟ..จิมมี่ของม่วง”

ยังครับ ผมยังซุกตัวเข้าหาพุงของมันต่อไป ขอขี้เกียจอีกนิดนึง กอล์ฟมันเหมือนกลั้นหายใจน้อยๆแล้วก้มลงกระซิบ

“ร้ายนักนะ..”

ว่าแล้วมันก็เอาผ้าเย็นโปะลงมาที่แก้มผม ไอ้เย็นๆตอนแรกก็ไอ้นี่สินะ

“ว๊าก..”

ผมร้องลั่น ตื่นเลยล่ะครับ ไอ้กอล์ฟเดี๋ยวนี้มึงเป็นคนแบบนี้เหรอ

“ลุกได้แล้ว.. ไปอาบน้ำเร็ว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วจะพาออกไปเที่ยว”

ผมนึกถึงที่เที่ยวกลางคืนของหัวหินแล้วก็ท้องร้องประท้วง.. ข้าวกลางวันย่อยไปหมดแล้วครับ ถ้าได้ไปเที่ยวกลางคืนก็จะได้ซื้อขนมเข้ามากินด้วย ดีจังๆ

ผมดีดตัวผึงลุกจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปทางห้องพัก “เอ้า แล้วนั่งอยู่ทำไมล่ะนั่น ไปเร็วสิ เดี๋ยวเราเข้าห้องไม่ได้ คีย์การ์ดอยู่ที่กอล์ฟนี่นา”

กอล์ฟมันลุกขึ้นหัวเราะแล้วเดินตามมาทันที
***
หลังจากทานอาหารทะเลมื้อเย็นสุดหรู เป็นบุฟเฟ่ต์เติมเรื่อยๆแล้ว พวกผมก็แยกย้ายพักผ่อนกันตามสันดาน..

สาวๆบางคนอยากนอนก็ให้นอนอยู่ในที่พัก บางคนอยากรำพัดตั้งวงก๊งกันก็ให้ไปรวมกันอยู่เป็นที่เป็นทาง ส่วนกลุ่มผมประมาณหกคนขอออกมาเดินซื้อของกินที่ตลาดกลางคืน

พวกเราออกมาโดยรถของโรงแรม เมื่อถึงจุดหมายบริเวณนั้นคนค่อนข้างเยอะ เลยนัดแนะกันว่าถ้าหลงกันให้กลับมาเจอกันตรงจุดที่ลงรถตอนเวลาสี่ทุ่ม เพราะจะได้เรียกรถให้มารับได้ตรงจุดเดิม

ปกติแล้วโรงแรมเหล่านี้มีแต่รถมาส่งนะครับ ไม่มีรถมารับ เพราะถ้าจะให้มารับด้วยแขกจะต้องเสียค่ารถเพิ่มเอาเอง.. แต่เพราะคราวนี้พวกเรามากับญาติเจ้าของโรงแรม ก็เลยมีบริการพิเศษเฉพาะกรุ๊ปเรา มีรถกลับมารับด้วย

“ม่วงกินนี่ไหม?” ไอ้กอล์ฟมันชี้ๆไปที่ข้าวโพดปิ้ง..

“ก็กินได้..” ผมว่าอย่างนั้นแล้วรอให้มันหยิบข้าวโพดส่งมาให้..

อันที่จริง กอล์ฟมันอยากกินครับ แต่ถ้าอันไหนที่ผมท้วงว่ามันไม่ควรกิน มันก็จะไม่กิน อย่างเช่นมะม่วงน้ำปลาหวาน มันนี่มองน้ำลายสอเลย แต่ผมท้วงไปว่ามันเผ็ดนะกินได้เหรอ.. มันก็เลยมีชะงักไป ผมเห็นแล้วก็สงสาร เลยลองเอามะม่วงจิ้มน้ำปลาหวานน้อยๆ แล้วก็ไม่ให้โดนพริกส่งไปให้มันกิน.. ไอ้นี่ก็อ้าปากรับไปจากมือผมทันทีเลย ว่าง่ายดี

ผมแทะข้าวโพดไปจนหมด เดินพ้นตลาดวนไปมาอยู่สองรอบ เข้าซอกนั้นออกซอกนี้ ได้กางเกงเลมาตัวนึง กับกล่องใส่ของลายไม้สวยๆให้แม่ไก่เป็นของฝาก แค่นี้ก็จบเรื่องช้อปของผมแล้ว.. แต่ไอ้กอล์ฟสิครับ.. ผมเห็นมันอยากกินนั่นกินนี่ ชี้ให้ผมดูของหวานของคาว แวะชิมโน่นนิดนี่หน่อยเหมือนเมื่อเย็นมันไม่ได้กินอะไรมา แล้วมันกินคนเดียวไม่พอ ลากผมกินไปด้วยตลอดเลย

ม่วงชิมลูกชิ้นนี่สิ.. ม่วงนั่นเรียกว่าอะไรอร่อยไหม ม่วงนั่นน่ากินเนอะ..ม่วง..ม่วง ม่วง

“โอ๊ย.. พุงกูจะแตกแล้วเนี่ย” ผมหันไปดุมันเบาๆตอนมันสะกิดให้ผมดูโรตีกรอบ

แต่มันจะสลดก็หาไม่.. “ไม่หรอก เอวบางขนาดนี้ กินอีกหน่อยจะได้มีเนื้อกอดได้นิ่มๆ”

พูดแบบนี้มึงถามคนจะกอดกูหรือยัง..นี่กูยังหาไม่ได้เลย

ผมบึนปากใส่มัน.. แต่ก็ยังครับยัง.. ยังต้องเดินตามมันไปที่ร้านโรตีอยู่ดี เพื่อนอยากกินก็ต้องตามใจเพื่อน

“เอาธรรมดาอันนึงครับ” กอล์ฟมันสั่งแล้วก็ยืนรอเขาหยิบใส่ถุง พอมันจ่ายตังค์แล้วมันก็แกะกระดาษออก แล้วยื่นมาให้ผม “ม่วงกินก่อนเลย”

“ก็มึงซื้อ มึงอยาก มึงก็กินก่อนสิ”

“ไม่เป็นไร.. เราให้ม่วงกัดก่อน”

มันยื่นโรตีมาจ่อตรงปากผม ทำให้ผมต้องกัดกินไปคำนึงอย่างเสียไม่ได้

“นมเลอะปากแล้วเนี่ย” กอล์ฟมันบ่นว่าผมกินเหมือนเด็กแล้วก็เอานิ้วมาปาดที่ตรงมุมปาก ก่อนจะส่งนิ้วตัวเองเข้าปากตัวเอง..เอ้อนะ.. ทำแบบนี้มันก็จะเขินๆหน่อยที่กินโรตียังไงให้เลอะเป็นเด็กไปได้
****
 :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
10
 
พวกเรากลับเข้าที่พักมาตอนเกือบจะห้าทุ่มอยู่แล้ว กว่าจะอาบน้ำกันอีกรอบ กว่าจะได้นอน ผมก็ตาปรือแล้วปรืออีก เคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่าผมน่ะต้องนอนอย่างน้อย 7 ชั่วโมง.. พรุ่งนี้ก็อยากจะตื่นสัก 9-10 โมงให้สมกับที่เป็นวันหยุดหน่อย

“ม่วงนอนก่อนเลย เดี๋ยวเราคุยกับพี่หลุยส์แป๊บนึง”

กอล์ฟมันหายออกไปจากห้องพร้อมกับคีย์การ์ด.. โดยไม่ถามไม่ไถ่กูสักคำ

ทีนี้จะนอนยังไงล่ะ มองไปตรงไหนก็ไม่คุ้นเคย ซอกตรงตู้ไม้นั่นก็มืดตื๋อเลย.. ฮือ ไอ้กอล์ฟมึงกลับมาก่อนเสร้..ให้ม่วงน้อยหลับไปก่อนค่อยออกไป

ผมนั่งกระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่ง ก็ซุกหัวลงไปหลบใต้ผ้าห่ม อย่างน้อยไม่เห็นภาพอะไรก็ยังดีกว่า

ผ่านไปราวๆสิบห้านาที กอล์ฟมันก็กลับมา เล่นเอาผมดีดตัวผึงออกจากผ้าห่มแล้วมองมันเดินเข้ามาตาไม่กะพริบ..แถมแอบหยิกตัวเองด้วย กลัวจะหลับแล้วฝันไป

“ทำไมยังไม่นอนล่ะ..” กอล์ฟมันเดินเข้ามาหาทำให้ผมต้องแหงนหน้ามองมันแบบเงยเงิบ.. แต่จะให้บอกว่าไม่คุ้นกับห้องเลยไม่กล้านอนนี่ก็จะยังไง มันจะดูเด็กไปนิดใช่ไหมครับ

“ก็..” ผมตะกุกตะกักแล้วพาลไม่บอกอะไรเลย “เออน่า..กลับมาแล้วก็มานอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้หน้าไม่เด้ง.. นอนๆ”

ผมดึงแขนมันให้ล้มตัวลงนอนข้างๆกัน แต่ไอ้กอล์ฟมันขืนไว้

“เดี๋ยวนะ..ไปปิดไฟก่อน” ว่าแล้วมันก็เดินไปเลยครับ..

เดี๋ยวเสร้ไอ้กอล์ฟ..มึงไม่ถามกูสักคำอีกแล้วนะ กูไม่อยากให้ปิดโว้ย

ผมนี่น้ำท่วมปากสุดๆ ถ้าเป็นห้องที่คอนโดไอ้กอล์ฟน่ะ ผมไม่รู้สึกแปลกที่อะไรเพราะเรานั่งเล่นเกมกันไปจนหลับคาเครื่อง ตื่นมามันก็เช้าแล้วไง แต่ที่นี่มันโคตรจะไม่มีบรรยากาศคอนโด.. คือมันเป็นโรงแรมชัดๆเลย แล้วโรงแรมเนี่ย ก็มีเรื่องเล่ามาเยอะแยะ เราจะรู้ได้ไงว่าจะไม่มีใครมาทักทายเราตอนกลางคืน

ไฟดับพรึ่บ ผมสะดุ้งเฮือก

ไม่ได้กลัวนะครับ ผมแค่ไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศแปลกใหม่
“ม่วง?”

เสียงเรียกทำให้ผมผวาหันขวับไปมองเงาลางๆของไอ้กอล์ฟ ไฟหัวเตียงสลัวๆสีส้มจางทำให้ผมมองไม่เห็นหน้ามัน.. นี่ก็เลยต้องหยิกตัวเองอีกรอบให้รู้ว่าตัวเองยังไม่ได้หลับ

“จิมมี่..?” มีเรียกเพื่อความมั่นใจด้วย ถ้ามึงไม่ขานตอบมากูจะวิ่งก่อนล่ะ

“ครับ..นอนได้แล้ว”

กอล์ฟมันนั่งลงริมเตียงแล้วปรับแสงโคมไฟหัวเตียงให้สว่างขึ้นอีกนิด จับผ้าห่มคลุมอกให้ตอนที่ผมล้มตัวลงนอนแล้ว ก่อนจะถามว่า “เปิดไฟตรงนี้ไว้ดีไหม เผื่อกลางคืนจะได้เข้าห้องน้ำสะดวกหน่อย”

ผมพยักหน้าหงึกๆแล้วรอให้มันนอนลงจึงกระเถิบตัวเอาส่วนนึงของร่างกายไปแปะไว้กับตัวมัน

“เตียงมันกว้างเนอะ..” ผมหัวเราะแหะๆแล้วหลับตาหนีคำถามของมันทันที..

ไอ้กอล์ฟมันขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะกระซิบให้ได้ยินว่า “ดีนะที่ม่วงนอนด้วย ไม่งั้นเราคงกลัวแย่เลย..” พูดจบมันก็จับเข้ามาที่มือผม “ขอเรานอนแบบนี้นะ”

ผมยังหลับตาอยู่แบบนั้น สัมผัสอุ่นที่มือทำให้ผมหัวใจพองขึ้น รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น.. ผมจึงพยักหน้าน้อยๆทั้งที่หลับตาอยู่

“อื้อ..อย่านอนดิ้นแล้วกัน..” ผมกำชับ

กอล์ฟมันขยับตัวเข้ามาชิดผมอีกนิด กลิ่นหอมอ่อนๆของออดิโคโลญจน์ที่มันใช้อวลมาเตะจมูก ก่อนที่ผมจะรับรู้ได้ถึงศีรษะมันที่เอนซบลงมาตรงไหล่และลมหายใจที่พรูบางเหมือนจะพอใจกับท่านอนนั้นเสียเต็มประดา
****
เช้าตื่นขึ้นมาผมก็ไม่เจอไอ้กอล์ฟอยู่บนเตียงแล้ว ..มันไม่รับผิดชอบการกระทำเมื่อคืนของมันเลยครับ..

เหน็บกินกูอยู่เนี่ย..ไอ้ก๊อบแก๊บ

ผมลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างงัวเงีย ทำธุระในห้องน้ำเสร็จเดินออกมาก็เห็นโน๊ตที่วางอยู่บนหมอนของไอ้กอล์ฟ

“มอร์นิ่ง..หิวก็โทรเบอร์นี้นะ เราลงไปรวมตัวกับพวกนั้นก่อน”

ในโน๊ตนั่นมีเบอร์โทรของเลขสี่ตัวอยู่ด้วย ผมจึงกดจากโทรศัพท์ภายในรีสอร์ทลงไป แค่อ้าปากว่าจากห้องไหน เขาก็บอกจะเอาอาหารเช้าขึ้นมาเสิร์ฟถึงห้องเลยครับ

อื้ม..รีสอร์ทห้าดาวมันดีแบบนี้นี่เอง ตอนมากับพี่แมนมักจะโดนแซะลงไปกินเช้าที่ห้องอาหารครับ

ผมนั่งทานอาหารเช้าที่มีให้เลือกถึงสองคันรถ คันนึงเป็นอเมริกันเบรคฟาสต์ อีกคันเป็นอาหารไทยประเภทข้าวต้มทรงเครื่อง ก็แล้วแต่ว่าผมจะเลือกกินคันไหนก่อน.. ไม่ต้องห่วงว่าอาหารจะเหลือ..ม่วงซะอย่างครับ

กินเสร็จแทนที่จะนั่งเฉยๆ ผมก็ลงไปรวมตัวกับคนกลุ่มนั้น.. เห็นแว่บๆว่ากระจายตัวถ่ายคลิปแนะนำตัวผู้สมัครดาวเดือนมหาวิทยาลัยกันอยู่ริมสระ นี่ก็จะสิบโมงแล้วลงไปเดินยืดเส้นยืดสายเสียหน่อยก็น่าจะดี

ตอนที่ผมลงไปถึง ไอ้กอล์ฟมันถูกเรียกตัวพอดี ทำให้มันได้แค่หันมาโบกมือแล้วยิ้มให้ผมก่อนจะไปฟังบีฟคร่าวๆ

ผมเดินไปนั่งลงไม่ห่างไปนัก เห็นทุกคนกำลังขะมักเขม้นก็พยายามทำตัวเป็นอากาศนั่งดูคนสวยๆหล่อๆไป

นั่งอยู่ไม่นาน พี่แพรวก็เดินยิ้มเข้ามาหา..

“พี่นั่งด้วยได้ไหมคะ?”

ผมขยับตัวบนเก้าอี้ริมสระ เผื่อพี่เขาจะนั่งตัวเดียวกับผม เพราะตรงที่ผมนั่งคือหันหน้าไปเห็นทีมงานเขากำลังทำงานกันวุ่นเลย “เชิญเลยครับ”

แต่มันผิดโผตรงที่ พี่แพรวหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้คนละตัวกับผม แล้วหันหลังให้กับทีมงาน “พี่นั่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ..น้อง..ม่วงใช่ไหมคะ?”

ผมพยักหน้ารับ “ครับ ชื่อมะม่วง แต่เพื่อนเรียกสั้นๆว่าม่วง”

“อ๋อ.. พี่ก็นึกว่าเรามาทางสายม่วง”

เสียงหัวเราะเล็กๆของพี่แพรวทำให้ผมเริ่มรู้สึกอึดอัด ผมไม่รู้ว่าพี่เขาหมายความลึกซึ้งแค่ไหน แต่ผมว่าสายตาที่พี่เขามองมามันไม่สื่อไปในทางที่เป็นแง่บวกแน่ๆ

พี่เขาเอียงตัวหันหน้าไปทางทีมงาน พลางโบกมือให้ใครบางคนก่อนจะหันกลับมาคุยกับผม

“ว่าแต่..นี่เรามาทำไมเหรอ? หรืออยากมาเที่ยวหัวหิน?”

“เปล่าครับ..” ผมส่ายหน้า “ผมมาเป็นเพื่อนกอล์ฟ”

“อ๋อ..” พี่แพรวพยักหน้าแล้วโน้มตัวเข้ามาทำหน้ายิ้มๆถามผม “มาเฝ้าแฟน?”

ผมสะอึกไปนิดนึงแล้วรีบส่ายหน้า “เปล่าครับ..กอล์ฟไม่ใช่แฟน”

พี่แพรวมองตาผมแล้วยิ้มหวาน.. “ก็ดีจ้ะ.. งั้นพี่ขอกอล์ฟล่ะนะ”

ผมฟังแล้วก็ไม่รู้จะตอบพี่เขายังไง กอล์ฟมันไม่ใช่สิ่งของที่ใครจะยกให้ใครก็ได้ ถ้าพี่ต้องการมันก็ต้องคุยกับมันเองไม่ใช่มาคุยกับผม..

โชคดีที่พี่เขาลุกออกไปจากตรงนั้นเสียก่อน ไม่งั้นผมคงกระอักกระอ่วนน่าดูเหมือนกัน..

เอาจริงๆก็คือ ผมกับไอ้กอล์ฟ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน.. ความผูกพันธ์ระหว่างพวกเราน่ะมันก็คือเพื่อนสนิทที่สนิทกันมากจนผมสามารถทำตัวติดกับมันได้ตลอดเวลา.. สำหรับกอล์ฟที่เพิ่งย้ายกลับมา การที่จะยึดเอาผมเป็นหลักก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

และเช่นกัน..ถ้ากอล์ฟเจอใครที่เหมาะสมแล้วอยากปลีกตัวไปมีโลกใหม่ของตัวเองผมก็ไปว่ามันไม่ได้..

อันที่จริง พี่แพรวก็สวยและดูเหมาะกับมันดี ถึงแม้พี่เขาจะเป็นรุ่นพี่..แต่เราก็ห่างกันแค่ปีเดียว ดังนั้นผมว่าถ้ากอล์ฟมันจะไปคบกับพี่เขามันก็ไม่น่าจะแปลกอะไร..

ผมมองพี่แพรวที่เดินเข้าไปคุยกับทีมงานที่ถ่ายไอ้กอล์ฟอยู่ ก่อนที่พี่เขาจะเดินเข้าไปจัดเสื้อและผมให้ไอ้กอล์ฟอย่างสนิทสนม

เห็นแบบนี้แล้วมันก็โหวงๆนิดหน่อยถ้าเพื่อนสนิทของเราจะไปมีแฟน..

ผมเมินมองไปทางอื่นได้ไม่นาน.. ความวูบโหวงที่เกิดขึ้นก็ฉุดให้ผมลุกจากตรงนั้นเดินตรงออกไปที่ทะเล.. เปล่านะครับ ผมไม่ได้จะเดินลงน้ำฆ่าตัวตาย.. ผมแค่ออกไปเดินเล่นให้อาหารย่อยเฉยๆ เดี๋ยวเที่ยงจะได้กินได้ เมื่อกี้ฟาดมาเสียเยอะเลย

ผมเดินเล่นออกมาที่ริมหาด หยิบไม้ได้กิ่งนึงก็เอามาเดินขีดๆเขียนๆอะไรเล่นไปเรื่อยๆ.. ไม่ได้สนใจเลยว่าจะเดินออกมาไกลขนาดไหน เดินมั่งหยุดมั่งเขี่ยปูลมกับเปลือกหอยเล่นมั่ง มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงไอ้กอล์ฟดังไล่หลังมาไกลๆ

“ม่วง..ม่วง”
ผมหันไปมอง..แล้วความเซ็งที่ปี๊ดขึ้นมาตรงที่มันไม่ได้มาคนเดียว มีพี่แพรวเดินตามมาไกลๆที่ด้านหลัง

“ออกมาเดินคนเดียวไม่ร้อนหรือไง.. แดดแรงออก”
ผมไม่รู้สึกหรอกครับแดดเดิดอะไรที่มันพูดถึงน่ะ ตอนนี้รู้จักแต่ความเซ็ง

“ดูสิหน้าแดงไปหมดแล้ว..”
ไอ้กอล์ฟบ่นพร้อมกับจับหน้าผมเงยขึ้นให้มันดูให้ถนัด ผมพยายามเอียงหน้าหนีมือแต่มันไม่ยอมปล่อย ผมเลยได้แต่ใช้เหลือบตาหลบมันแทน

“ไม่ต้องมาทำหลบตานะ.. ออกมาไม่ได้ทากันแดดมาใช่ไหม นี่มันจะเที่ยงอยู่แล้ว มาเดินตอนนี้หมวกก็ไม่มี ครีมก็ไม่ทา เดี๋ยวก็หน้าลอกตัวไหม้หรอก”

มันพูดจบก็ถอดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นที่มันใส่อยู่ออกมาคลุมหัวผม กลิ่นอาร์มานี่โค้ดอบอวลอยู่รอบตัวทำให้ผมเผลอหน้าร้อนออกมาอย่างช่วยไม่ได้..

“เอาเสื้อคลุมหัวไว้นะ เดี๋ยวกลับเข้าโรงแรมต้องหาผ้าเย็นโปะหน้าหน่อยจะได้ไม่ไหม้”

“ไม่เห็นต้องแคร์เลย” ผมบ่นอุบอิบตอนที่โดนมันรวบไหล่เอาไว้แล้วพาเดิน เสื้อมันบังทัศนวิสัยในการมองทำให้ผมเห็นแต่ปลายเท้าของตัวเอง การที่มันจะพาเดินจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

“เพราะเป็นม่วงไง เราถึงต้องแคร์”

จบประโยคนั้น มุมปากผมก็ยกขึ้นอย่างไม่สามารถหยุดยิ้มเอาไว้ได้
และ..ตอนที่เดินกลับมาถึงรีสอร์ท ผมถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีพี่แพรวเดินตามกอล์ฟไปด้วย.. พอหันมองหาอีกทีพี่เขาเดินไปไหนแล้วไม่รู้ครับ
****
ตอนที่เราขึ้นรถบัสเตรียมกลับเข้ากรุงเทพ ก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามแล้ว.. ผมกับกอล์ฟนั่งประจำที่เดิม แต่คราวนี้กลายเป็นผมที่เพลียแดดจนหลับ ส่วนกอล์ฟมันคงปรับตัวได้แล้ว มันถึงได้ไม่เมารถอีก

ผมมารู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่กอล์ฟมันจับแขนเขย่าเพื่อบอกว่ามีแวะจุดพักรถให้ไปเข้าห้องน้ำ และหาอาหารเย็นทานกันตามแต่สะดวก

ตอนที่งัวเงียโงหัวขึ้นมาจากไหล่มัน ผมก็ได้แต่ปรือตาแล้วซุกหน้าหนีไปอีกด้าน..ทำท่าว่าจะไม่ยอมลงให้ได้
“ม่วง.. ลงไปเข้าห้องน้ำก็ยังดี..เดี๋ยวขึ้นมานอนใหม่”

ผมร้องขึ้นอย่างขัดใจ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้ไอ้หล่อมันลากลงไปเข้าห้องน้ำจนได้.. ละพอลงไปแล้วก็ใช่จะได้กลับขึ้นมาง่ายๆ.. เพราะพอเห็นของกินท้องมันก็จะร้องหน่อยๆ

“หิวแล้วอ่ะกอล์ฟ” ผมบ่นงึมงำพลางลูบท้อง

“งั้นจะกินอะไรล่ะ รถเขาจอดให้พักที่นี่ครึ่งชั่วโมง เผื่ออยากจะซื้อของฝากด้วย”

“ของฝากคงไม่ซื้อล่ะ แม่ไก่น่าจะกินพวกของหวานไม่ได้.. ส่วนพวกพี่แมนเขาก็ไปเที่ยวคงซื้อของกลับมาด้วย” ผมเมียงมองไปรอบๆแล้วจ้องไปที่ร้านขายข้าวราดแกง คือมันมีกับให้เลือกหลายอย่าง ก็คิดว่ากอล์ฟน่าจะกินได้อยู่หรอกครับ “ไปร้านนั้นมะ?”

“ได้ เอาที่ม่วงอยากกินอ่ะ” มันเดินตามผมมาติดๆ แล้วเราสองคนก็ไปหยุดกันอยู่หน้าร้านขายข้าวราดแกง..

ผมจิ้มเอาแกงเขียวหวานไก่กับไข่เจียวราดข้าว ส่วนไอ้กอล์ฟเอาปลาผัดเปรี้ยวหวาน ไข่เจียว แล้วก็ไก่ทอด ราดมาสามอย่างเลย

ป้าคนขายเห็นหน้าตาไอ้กอล์ฟมันกระเดียดไปทางลูกครึ่ง ป้าก็เลยชวนคุยยกใหญ่บอกว่าหล่องั้นงี้ แล้วก็แถมไก่ทอดให้ไอ้กอล์ฟมาอีกสองชิ้น ซึ่งไอ้ของแถมนั่นก็ถูกมะม่วงน้อยแย่งมากินเรียบร้อย

กินเสร็จเราก็เดินดูดน้ำซื้อหนมกลับขึ้นมาบนรถ มีบางคนกลับขึ้นรถมาแล้วครับ แต่บางคนยังไม่กลับขึ้นมาเลย ซึ่งหนึ่งในคนที่ยังไม่กลับขึ้นมาก็คือพี่แพรว

พวกเรานั่งคุยกันและกินขนมที่ซื้อขึ้นมากันไป จนคนอื่นๆต่างทยอยขึ้นรถมาหมดแล้ว กลุ่มพี่แพรวก็ยังไม่มา ทำให้พี่หลุยส์ออกอาการหัวเสียและสั่งให้ทีมงานไปตาม จนอีกเกือบยี่สิบนาที กลุ่มพี่แพรวถึงได้เดินกลับมา
พอพวกสาวๆกลุ่มสุดท้ายขึ้นรถ รถก็ออกมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ

สำหรับผม.. พอกินอิ่มก็ง่วงอีกรอบผลอยหลับไปจนได้ มาตื่นอีกทีก็ตอนที่รถเลี้ยวเข้ามอแล้ว และก็เป็นหน้าที่ไอ้กอล์ฟที่แซะผมขึ้นมาจากการนอนอันแสนหวานแล้วพาลงมาจากรถบัสด้วยความสะลึมสะลือ

“ม่วง.. นั่นรถพี่นัทหรือเปล่า?”
กอล์ฟที่มือข้างนึงถือกระเป๋าของตัวเอง ไหล่สะพายเป้ของผม และมืออีกข้างจับมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย สะกิดผมด้วยการบีบมือของผมเบาๆ

ผมกะพริบตาถี่ๆไล่ความง่วง แล้วเพ่งมองไปยังมุมหนึ่งของลานจอดรถ.. “ใช่ๆ รถนัท”

ผมตอบรับแล้วหาวหนึ่งหวอด พยายามดึงมือตัวเองออกจากมือไอ้กอล์ฟ กะว่าแยกกับมันตรงนี้ก็ได้ แต่เหมือนมันจะไม่ยอม มันหันมายิ้มให้ผมแล้วก็บอก “ป่ะ ไปกัน”

เราเดินจูงมือกันไปยังรถตรงนั้นโดยที่ผมยังไม่ทันหันไปร่ำลาพี่หลุยส์กับใครๆเลย

พอเดินเข้าใกล้ คนในรถก็เปิดประตูออกมาจากด้านข้างคนขับ..

“พี่แมน..” ผมร้องเรียกแล้วโบกมือให้

วรั้ย..ไม่เจอสองวันหน้าดุขึ้นเยอะเลย ..ใครไปแหย่เสือวะ

ทางฝั่งนั้นเองก็โบกมือกลับมาพร้อมกับเดินมาทางพวกผม จังหวะนั้นเองที่นัทก็ก้าวลงมาจากที่นั่งคนขับด้วยรอยยิ้มบางๆ

“สวัสดีครับพี่แมน พี่นัท” กอล์ฟมันยอมปล่อยมือแล้วยกมือไหว้พี่ชายสองคนของผม

พี่แมนไม่พูดอะไร รับไหว้และรับกระเป๋าไปจากมือกอล์ฟ ก่อนจะอ้อมมาจูงมือผมขึ้นรถ.. อ่า..ง่วง

ผมเดินตามด้วยความสะลึมสะลือ พอโดนส่งเข้าเบาะหลังไปแล้วก็พาดหัวกับเบาะพิงทำท่าจะหลับต่อ.. แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นมีใครขึ้นรถมาสักที ก็เลยหรี่ตาขึ้นมามองออกไปนอกรถ เห็นนัทกำลังตบไหล่พี่แมนเบาๆแล้วดึงแขนกลับมาที่รถ..เหมือนว่าก่อนหน้านี้จะยืนคุยกับกอล์ฟอยู่?

ทางไอ้กอล์ฟก็ยกมือไหว้ลารอให้พี่สองคนเดินมาจนถึงรถแล้วมันถึงได้ก้มลงหยิบกระเป๋าแล้วเดินกลับไปที่บัสทางเดิม คงเดินไปลาพวกพี่หลุยส์แทนผมด้วย

พี่แมนเปิดประตูด้านข้างคนขับเข้ามานั่งด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ ส่วนนัทที่เข้ามาทีหลังก็หันมายิ้มบางๆให้ผม

“ว่าไงเรา ไปเที่ยวทะเลมาสนุกไหม?”

“ไม่เลย..ไม่สนุกเหมือนไปกับพี่แมนเลย” นี่ผมพูดจริงๆนะ ไม่ได้ประจบใคร “ไม่ได้ลงทะเลเลยด้วย ต้องไปช่วยงานมหาลัย ยกโน่นยกนี่ โดนแดดเผาตัวดำ..เหนื๊อยเหนื่อย.. ทีหลังให้พี่แมนพาไปเที่ยวกันเองดีกว่าครับ”

ผมบ่นงุ้งงิ้งแล้วหรี่ตาปรือๆทำท่าจะหลับ จึงมีเสียงจากเบาะหน้าดังขึ้นมาว่า “ไว้พี่พาไปเที่ยว..อยากไปไหนก็บอกได้”
ได้ยินเสียงมาแบบนั้นแสดงว่าโอเคขึ้นแล้ว ผมเลยบอกต่อ “คร้าบ..ให้พี่แมนพาไปสนุกสุดละ”

แล้วผมก็ทำเป็นนอนหลับไปปล่อยให้สองคนข้างหน้าเขาคิดว่าผมหลับจริงและคุยกันไปเบาๆ

“หลับง่ายจริงๆเจ้าม่วง” พี่แมนพึมพำ “คราวหน้าไม่ให้ไปค้างแบบนี้แล้วนะ”

นัทหัวเราะเบาๆ “โอ้ยคุณพ่อ..ลูกโตแล้วนะครับ หวงลูกชายออกนอกหน้าเดี๋ยวลูกก็ขายไม่ออกกันพอดี”

“จะขายให้ใครก็ต้องดูหน้าดูหลังกันบ้าง” พี่แมนบ่นอีกรอบ “ป๊าวีใจดี..แม่ไก่ก็ใจดี..นัทก็ใจดี..”
“ไม่ใจดี พี่แมนจะมานั่งอยู่นี่เหรอ..” หูยเกิดหลุมดำไปชั่วอึดใจเลยครับกว่านัทจะรู้ตัว “โธ่ ไม่เอาสิครับ มันยังไม่มีอะไรหรอกนะ”

“ก็หวังว่าอย่างนั้น..”

เสียงสองคนข้างหน้าเปลี่ยนเรื่องคุยกันไปแล้ว แต่ที่ผมยังติดใจอยู่ก็คือ อะไรคือการหวงลูกชายกลัวขายไม่ออก แล้วอะไรคือมันยังไม่มีอะไร?

หรือมันควรจะมีอะไร..แต่ม่วงน้อยไม่รู้วะ?
*****




ออฟไลน์ Mod40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ พันธุ์ไทย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
11
หลังกลับจากทะเล ผมมีอาการตัวลอกเป็นแผ่นๆเหมือนงูลอกคราบอยู่สามสี่วัน กอล์ฟมันทำตัวตื่นตกใจอยู่แค่วันแรกเท่านั้นล่ะครับ วันถัดมามันก็หัวเราะใส่จนผมอดด่ามันไม่ได้..

ยังดีครับที่มันไปซื้อเจลว่านหางจระเข้ที่ช่วยเรื่องผิวหนังอักเสบมาให้ผม ไม่งั้นจะตัดเพื่อนกับมันแล้วเนี่ย

ตลอดสองอาทิตย์หลังจากไปทะเล พวกผมคือต้องไปรวมตัวทำรายงานกันในห้องสมุดครับ มีรายงานฉบับหนึ่งที่ต้องใช้พลังงานสมองมากๆ เพราะมันเป็นตัวใหญ่สุดๆ การพรีเซ็นต์ต้องเว่อวัง เตรียมอุปกรณ์กันแบบอดหลับอดนอนข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว

จบคลาส..เราเดินเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างออกมาจากห้อง โปรดอย่าถามหาความคาดหวังในคะแนน แค่มีนก็ดีใจกันแล้วครับ เหนือมีนจะปิดร้านฉลองเลย

“ไม่ไหวว่ะ..”
เสียงของน้องชงบอกอย่างเหี่ยวๆ
“อะไรคือไม่ไหว?” นิวนางฟ้าของกลุ่มชายโฉดเอ่ยถาม

“แบบ ..กูเครียดมากถึงมากที่สุด..ใครก็ได้พากูไปผ่อนคลายทีเถอะ..”
“จะไปดูหนังหรือไปเดินห้าง เดี๋ยวพี่พาไปเองไอ้น้อง” ป๋องรีบเสนอขึ้นมาเลย

“โห ไม่ไหวมั้ง โตป่านนี้ผ่อนคลายด้วยการดูหนัง” ปูม้ามันร้องขัดคำพูดเพื่อน
“อื้อหือ..ตัวโตมาก” ไอ้ป๋องมองหัวจรดเท้าอย่างเหยียดหยาม

“โตพอจะเข้าผับเข้าบาร์แล้วละกัน” ไอ้ปูม้ามันว่าแบบนั้นทำให้ทุกคนหูผึ่ง

โรงอาหารที่คนจอแจพลันเกิดความเงียบสงัดขึ้นมาในโต๊ะหนึ่งทันที พวกเราต่างมองหน้ากันไปมาแล้วเหมือนจะเข้าใจได้โดยไม่ต้องเอ่ยคำใดๆ เหยยยย.. ไม่น้า.. อย่าทำแบบนี้ ม่วงน้อยยังไม่พร้อมจะไปเผชิญโลกอโคจรแบบนั้น..
“ไปเมื่อไหร่ล่ะ”

เอ๊ะ นั่นเสียงใคร?... อ้อ เสียงกูเอง..
หื้ออออ

พอมีคนนึงถามไอ้พวกนั้นก็เหมือนมีคนเปิดสวิตซ์ “กูว่าวันเสาร์นี้เลยเหอะ ต้องการการเยียวยาจิตใจ”

“เยียวยาใจไม่ต้องเยียวยาตับเลยว่างั้น”
“มึงนอนอยู่บ้านก็ได้นะไม่มีใครว่า แดกนมชงของมึงไปน่ะ” ไอ้ป๋องร้องแหย่น้องชง ทำให้ไอ้ตัวเล็กมันของขึ้น

“มึงอย่าคิดว่ากูกินเหล้าไม่เป็น.. เหล้าแค่นี้ไม่ครนามือกู”
“เออ..งั้นวันเสาร์ ใครไม่มาหมานะเว้ย” ปูหมา เอ้ย ปูม้ามันชี้หน้าเรียงตัว

นั่งฟังมานาน ..กอล์ฟมันไม่ออกความเห็นสักคำ..เห็นมันเอาแต่ทำหน้ายุ่งเป็นยุงกัดกันผมเลยเอ่ยถามมันไป “เป็นไรครับก๊อบแก๊บ..มาไม่ได้เหรอ”

มันส่ายหน้า.. “มาได้ดึกๆ วันนั้นอากงให้ไปงานเลี้ยงด้วย”

“พวกกูก็ไปกันดึกนะกอล์ฟ ไม่ได้ไปตั้งแต่สองสามทุ่มหรอก”
“แต่ถ้าดึกมากม่วงจะไหวเหรอ..” มันหันมาถาม

เออว่ะ.. ผมลืมเรื่องง่วงนอนไปเลย
“ก็วันรุ่งขึ้นก็ตื่นสายหน่อยแล้วกัน” น้องชงช่วยคิด
“ประเด็นคือจะไปนอนที่ไหน กลับดึกๆอย่างนั้นคงต้องหาที่สุมหัวกัน”

“จะไปยากอะไรวะ ก็นอนห้องไอ้กอล์ฟ” ผมออกปากแล้วหันไปมองหน้าจิมมี่แสนดี ซึ่งมันก็พยักหน้ารับ

“ได้นะ นอนในห้องนอนคงจะอัดกันแน่นไป อาจต้องนอนตรงห้องนั่งเล่นกองๆรวมกันก็พอไหว เดี๋ยวให้ที่บ้านเอาเครื่องนอนมาให้” มันบอกด้วยรอยยิ้ม

คือมึงดูดีมากกอล์ฟ..แต่เอาจริงๆนะ ทำไมรู้สึกเหมือนมึงน่าต่อยแบบนี้วะ เพื่อนนะไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว
“ตรงไหนก็นอนได้ล่ะ เมามาขนาดนั้นไม่สนใจแล้ว” ป๋องมันบอก

“ถ้างั้นวันนั้นจะยืมรถอากงมา พวกมึงไม่ต้องเอารถไปกันนะ”
“ใจดีที่สุดเลย..” น้องชงทำท่าส่งจูบให้ไอ้กอล์ฟ.. สุดหล่อที่สุดในกลุ่มกลับเอามือปัดทิ้งเหมือนตบแมลงวัน

“ขอรับจูบจากม่วงคนเดียวก็พอ..” มันว่าแล้วหัวเราะท่าทางบึนปากของไอ้น้องชงลั่นโรงอาหารเลยครับ
กอล์ฟฟี่.. มึงรักษาภาพเดือนคณะนิดนึงก็ดีนะ เดี๋ยวนี้สนิทกันมากขึ้นกับพวกไอ้ชงไอ้ป๋อง มึงก็ไร้มาดน่าดูเลย ..พี่ล่ะเพลียใจ
****

วันเสาร์มาไวเหมือนโกหก..
และก็เป็นหนแรกที่โกหกนัทด้วยครับ ผมบอกนัทว่ามาทำรายงานกันที่ห้องเพื่อน.. เพราะไม่กล้าบอกหรอกว่าวันนี้จะหนีเที่ยว.. ใครจะกล้าไปพูดตรงๆ นัทต้องไม่ให้แหงเลย ขนาดตอนนั่งก๊งกับพี่แมนที่บ้านนัทยังจำกัดจำนวนแก้ว ถ้ารู้ว่ามาแบบนี้มีหวังตามมาคุมแหงๆ

แล้วนี่ก็ไม่กล้าบอกด้วยว่ามานอนบ้านกอล์ฟ.. เพราะดูเหมือนหลังกลับจากทะเลมาพี่แมนจะคอยถามถึงกอล์ฟจนผมผิดสังเกต.. พอไม่ได้บอกว่ามานอนกับกอล์ฟก็เท่ากับโกหกสองเด้งเลยนะครับเนี่ย.. จุ๊ๆนะ อย่าไปบอกป๊าแมน เอ๊ย ป๊าวีนะครับ

พวกเราไปรวมตัวกันที่บ้านไอ้ป๋องครับ.. บ้านมันอยู่ไม่ไกลจากที่เที่ยวที่เราหมายตาไว้มากนัก พอสักสามทุ่มก็ออกจากบ้านมันมาหาอะไรรองท้อง สี่ทุ่มกว่าๆก็เข้าไปที่ร้าน..

แสงในร้านทึมๆ เสียงดังลั่นทำให้พวกผมที่ไม่เคยเข้าร้านอย่างนี้ต่างมองกันไปมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ.. ไอ้ป๋องผู้ชำนาญการและปูม้าที่ท่าทางจะคล่องไม่น้อยกับร้านนี้เป็นคนเดินนำลูกเป็ดไปที่โต๊ะที่อยู่เกือบหน้าเวที

เราตกลงกันว่าจะเปิดว้อดก้ามาขวดนึงเป็นการประเดิมไปก่อน ให้น้องเอามะนาว เกลือ และพวกมิกเซอร์มาด้วย
“หญิงโต๊ะนั้นแจ่มนะเว้ย..”

มาถึงยังไม่ทันได้น้ำสักกรึ้บเลย ไอ้ป๋องก็เล็งไปยังโต๊ะบนยกพื้นทางด้านขวา ทำให้ผมและเพื่อนๆต้องมองตามไปที่มันบุ้ยใบ้บอก

อ่า..แจ่มจริงๆครับ.. ผมส่องด้วยสายตาหวานเชื่อม ก่อนจะมองเลยไปตามโต๊ะต่างๆด้วยความห่ามซ่าของตัวเอง ผู้ชายเวลาอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นฝูงมันก็จะมีความฮึกเหิมอยู่หน่อย

ม่วงน้อยยกแก้วชนกับเพื่อนพลางเต้นไปด้วย.. ได้เปิดหูเปิดตาคลายเครียดชนแก้วกับเพื่อนอย่างนี้ก็สนุกดีนะครับ.. ดื่มไปเรื่อยๆ โยนกับแกล้มเข้าปากไปเป็นระยะๆ เพลงก็ตื้ดวิวบนเวทีก็ดี สาวๆโต๊ะข้างๆก็หุ่นซิงพี่ม่วงก็เต้นลืมตายล่ะครับ

แต่พอหันไปหันมาอีกที..กลายเป็นเหลือผม น้องชง แล้วก็ไอ้นิวอยู่กันสามหน่อ ไอ้ป๋องกับปูม้ามันระเห็ดไปโต๊ะอื่นแล้วพร้อมแก้วเหล้าของมัน
โอ้โห ไปไว้แท้ นี่เพิ่งแค่ครึ่งชั่วโมงเองนะพ่อคุณ

“ดูพวกมันๆ..” นิวมันพยักเพยิดแล้วหัวเราะให้กับท่าทางการป้อหญิงของหน้าด้านทั้งหลาย
ผมกับน้องชงเลยได้ผสมโรงหัวเราะไปด้วยกัน มองเพื่อนบ้าง มองบนเวทีบ้าง สอดส่ายสายตามองสาวๆบ้าง ..อ่า สบายใจ

เพลงตื้ดดังสนั่น ดีเจร้องหาสายย่อสายแซ่บทำให้ผมกับคนที่ต้องเฝ้าโต๊ะอีกสองคนเต้นกันแบบลืมตาย.. แก้วแล้วแก้วเล่าที่กระดกกันเหมือนกินน้ำเปล่าทำให้หน้าผมเริ่มร้อนและเริ่มจะมึนลิ้นเปลี้ยพูดไม่รู้เรื่องขึ้นเป็นลำดับ

อย่าว่าแต่พูดเลยครับ มองหน้าไอ้น้องชงก็เริ่มจะเห็นเป็นสองชงสามชงแล้วเนี่ย มึงอย่าชงเยอะ ก็กินไม่ทัน
และก่อนที่ผมจะปลิ้นไปมากกว่านี้..พระเอกของกลุ่มก็เดินเข้ามา.. พอมันถึงตัวปุ๊บมันก็คว้าแก้วที่ผมกำลังกระดกอยู่ไว้ทันที..

“เมาแล้วหรือเปล่าเนี่ย?” มันเอ่ยถามที่ข้างหู เสียงในร้านมันดังโคตรเวลาคุยกันก็ต้องอย่างนี้ล่ะครับ ซุกหน้าเขาหากันแล้วคุยกันด้วยเสียตะโกนพาลหูจะแตกเอา

“เปล่า..ไม่ได้เมา..” ผมโบกมือพลางจะแย่งแก้วคืนมา แต่ไอ้กอล์ฟกลับไม่ยอมครับ มันคว้าเอวผมไว้เพราะตัวผมโอนเอนมากจะร่วงอยู่รอมร่อ แล้วก็กอดไว้กับอก ตัวมันยืนซ้อนหลังผมซะงั้น ห่านี่ลวนลามม่วงน้อยตลอดเลย
แต่ยืนแบบนี้ก็สบายดีมีที่พิง ผมเลยยอมพิงๆมันไปตามคำเชิญชวน

“ครับ ม่วงไม่เมาเลย งั้นแก้วนี้กอล์ฟขอกินมั่งนะ”
มันว่าแล้วก็ดึงมือผมให้ป้อนเหล้ามันจนหมดแก้ว
“โหย..ไรวะ..กินคนเดียว ..ชงมาคืนกูเลย” ผมโวยวายแล้วยัดแก้วใส่มือมัน เอนตัวพิงมันด้วย..โทษฐานมึงมาช้า และแย่งเหล้ากูหมด

ความมึนทำให้ผมยอมอยู่ในอ้อมแขนมันโดยไม่สนใจสายตาใคร ให้มันป้อนเหล้ากับกับแกล้มจนถึงปากอย่างสบายอารมณ์ มีมันโอบเอวพาโยกตัวไปตามจังหวะเพลง
“ทำไม..เหล้ามันอ่อนจังวะ” ผมงึมงำถามเพราะไม่รู้สึกถึงรสเฝื่อนฝาดของเหล้าเลย

“ม่วง..คิดมากไปเอง”
ไอ้กอล์ฟมันบอกแบบนั้นแล้วพยายามป้อนผมจนหมดแก้ว.. แก้วแรกผ่านไป แก้วสองแก้วสามค่อยๆผ่านไป.. ผมว่าเหมือนผมกินโซดาเพียวๆเลย

กลิ่นอาร์มานี่โค้ดหอมอ่อนๆที่อวลอยู่ข้างจมูกทำให้ผมยิ้ม ยิ่งตอนมันเอื้อมไปชงเหล้าด้วยมือขวา แล้วประคองผมด้วยมือซ้ายกลิ่นนั้นยิ่งชัดขึ้น มันเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยจนผมอดไม่ได้ผมเผลอฝังจมูกลงไปดมที่ซอกคอมันแล้วหัวเราะเบาๆ
ไอ้กอล์ฟเหมือนจะแข็งค้างไปเล็กน้อย มันผละตัวมองหน้าหัวเราะร่วนของผมแล้วบ่นเป็นหมี

“เดี๋ยวนี้ร้ายใหญ่แล้วนะ..” ว่าแล้วมันก็เอาแก้วมาจ่อปาก “กินเข้าไปเลยจะได้สร่างเมาหน่อย”

ผมส่ายหน้าพรืด “ไม่เอาแล้วๆ จืดเป็นน้ำล้างแก้วเหล้า.. ม่วงจะเอาโค้ก” ผมบ่นงึมงำอย่างเอาแต่ใจ ชั่วครู่มันก็เลยจัดโค้กมาให้ผมอีกแก้ว.. โค้กเพียวๆแหงเลย ทำไมไม่เห็นได้กลิ่นเหล้าเลยวะ..

ดื่มน้ำไปเยอะๆมันก็จะปวดฉี่ใช่ไหมครับ.. ผมเองก็รู้สึกเหมือนกัน..เลยทำท่าจะผละจากอกมันไปหาห้องน้ำดีๆสักห้องฉี่แล้วหลับให้รู้แล้วรู้รอด.. นี่มันเวลานอนของม่วงน้อยแล้วนี่นา
“จะไปไหน?..”
ไอ้กอล์ฟมันดึงแขนไว้แน่น ผมหันไปมองหน้าแล้วบอกคำเดียวสั้นๆ “ฉี่..”

“เดี๋ยวพาไป”
มันวางแก้วแล้วดึงผมให้เดินตาม ผมว่าผมก็ไม่ได้เมาอะไรมากนะ เดินก็ตรงทางดีอยู่ แค่มึนนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่มันก็ยังพาเดินไปจนถึงห้องน้ำอยู่ดี ไม่ยอมปล่อยให้ผมไปคนเดียวลำพัง

“ถอดเองได้ไหม?” มันถามเหมือนกับว่าผมเมานักหนา
“ไอ้บ้า..” ผมด่ามันแล้วหันมะม่วงแรดเข้าซอง ปล่อยน้ำออกจากตัวจนรู้สึกโล่งดี แล้วถึงได้เดินมาล้างมือ

ใครบอกว่าม่วงเมา..ไม่มีเสียล่ะ.. หน้าแดงแป้ดเฉยๆเอง..
ผมหันไปหัวเราะไอ้กอล์ฟที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ..

“ทำไม..อากงพาไปกินอาหารไม่ถูกปากหรือไงเพื่อนกอล์ฟ..” ผมเอ่ยยิ้มๆแล้วยกมือตบหน้ามันเบาๆ “มาเที่ยวกับเพื่อนทำหน้าให้มันสนุกๆหน่อยสิ..ทำหน้าหล่ออยู่ได้..”

กอล์ฟมันจับมือผมไว้ “เมาจะแย่แล้วเนี่ย ก่อนเรามาถึงกินไปกี่แก้วเนี่ย”
“วู้ ใครจะไปนับ” ผมหงายหน้าหัวเราะ สัมผัสได้ว่ามันประคองผมด้วยการจับแขนผมไว้ทั้งสองข้าง.. มือมึงอุ่นว่ะกอล์ฟ.. กูชอบจัง
“งั้นก็กลับบ้านกันดีกว่า”
“หื้อ..ไม่เอาน้า” ผมเอนตัวเอาหัวไปปักที่อกมัน.. แล้วดีดตัวเอาคางเกยอกก่อนยิ้มหวานตาปิดส่งไป
เอาจริงๆก็ยังไม่มึนมาก.. ผมไม่เมานะ.. ยิ่งโดนไอ้สามสี่แก้วที่ไอ้กอล์ฟป้อนให้ทีหลังเนี่ย เหมือนเป็นน้ำเปล่าล้างเหล้า ไม่เห็นจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นสุราสักนิด

“ไปกันๆ ไปเต้นกัน” ผมลากมันออกมาจากห้องน้ำ.. แต่โชคไม่ดีเลยที่ดันไปชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง
“อ้าว.. กอล์ฟ”
เสียงร้องทักนั้นทำให้ผมยิ้มหวานไม่ออก.. โอ๊ะโอ..พี่แพรวก็มา..

“มาเที่ยวเหมือนกันเหรอ อยู่ตรงไหนล่ะ”
หางตาผมเห็นไอ้กอล์ฟมันหยุดคุยกับพี่แพรวนะครับ.. แต่ตัวผมน่ะไม่อยู่ในระยะจะหยุดคุยกับใคร ไม่รู้ไปโดนตัวไหนมา ดีดเด้งน่าดู.. ผมโบกมือทักทายพี่แพรวยิ้มให้เล็กน้อยแล้วเดินเอียงๆกลับไปที่โต๊ะ.. เห็นไหมว่าผมไม่เมา.. กลับมาได้ครบสามสิบสองไม่โดนตีนใครเลย

“เฮ้ย..ไอ้กอล์ฟล่ะ” น้องชงเอ่ยถาม แต่ผมไม่รู้จะตอบมันยังไง.. ยิ่งมองไปแล้วเห็นว่ากอล์ฟมันเดินไปกับพี่แพรวผมยิ่งไม่มีคำพูด

นิวมันมองตามสายตาผม แล้วมันก็เดินเข้ามาเต้นข้างๆ ชวนผมกินเหล้า..ไม่พูดอะไรถึงไอ้กอล์ฟอีก.. ผมเห็นแก้วมันยังเต็มๆอยู่ก็เลยแย่งมากินซะเลย ดีไม่ต้องชงเอง

ความไวในการแย่งแก้วของคนอื่นนั้นทำเอานิวกับน้องชงมันเทเหล้าให้ไม่ทัน.. ถึงขั้นที่ผมต้องเอาเหล้ามาเทเองเลยล่ะครับ
“เฮ้ยม่วง เบาๆเพื่อน เบาๆ”
ผมได้ยินเสียงใครสักคนดังแว่วๆว่าอย่างนั้น แต่เทเหล้าไปแล้วมันกรอกคืนในขวดไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องกระดกให้หมดจริงไหมครับ และม่วงน้อยก็กินเข้าไปรวดเดียวหมดแล้วใช้หลังมือเช็ดปากด้วย

“แฮ่...เอิ๊ก..”
แถมเรออีกต่างหาก..
“ขออีก..แก้ว..”
ม่วงเต้น..เต้นลืมตาย แกว่งแก้วกร้องแกร้ง น้ำแข็งกระเด็นกรุ้งกริ้ง สายย่อ สายย่อ..เอาเพลงมาอีกๆ

“เฮ้ยไม่ไหวแล้วมั้งเนี่ย..ไอ้กอล์ฟเอาไงดี”
ใคร.. ใครไม่ไหว

เอาเหล้ามา สุราเปลี่ยนสันดาน
ใครเปลี่ยนเพลงวะ ตื้ดๆดิ เพลงนี้ไม่เอา

“เอาไปล้างหน้าล้างตาแป๊บ พวกมึงถ้าอยากกลับแล้วก็ไปรอหน้าร้าน ถ้ายังไม่อยากกลับเดี๋ยวค่อยเรียกแท็กซี่ตามไปคอนโดกูแล้วกัน ไปถึงก็โทรมาได้ สภาพแบบนี้คงยังไม่ได้นอนง่ายๆหรอก..ไปม่วง ไปล้างหน้าก่อน”
“ไม่เอา กูจะกิน..เอิ๊ก..เหล้า..”

สายย่อ สายย่อ..

“ไม่เอาครับ ไม่นั่งตรงนี้นะ”

ไม่ๆ กูจะเต้น..

“ไปห้องน้ำล้างหน้าก่อน..”

จะกินเหล้า..

เสียงเพลงเบาลง ไฟสว่างขึ้นจนแสบตา.. อะไรวะ ที่ไหนเนี่ย..

“จะออกไปเต้น..”

ชี้ๆไปนอกประตู แต่ไม่ทันแล้ว น้ำเย็นแปะลงมาบนหน้าจนสะดุ้ง

“ไม่เอา..พอ เดี๋ยวพากลับบ้าน”
สายย่อ..สาย..ย่อ..

“บอกว่าอย่านั่งตรงนี้.. เดี๋ยวกลับไปบ้านแล้วให้นั่ง”
ถามกูสักคำ กูยังไม่อยากกลับอ่า..

น้ำที่ล้างหน้าแปะๆลงมาเย็นๆทำให้ลืมตาขึ้นได้นิดหน่อย.. แต่พอลืมตามาแล้วโลกมันหมุนติ้วๆๆ ม่วงน้อยมึนหัวคร้าบ.. นัทคร้าบ ม่วงม่ายไหว จิมมี่ม่วงม่าย..

“อึก...อ่อก”

“เฮ้ย!”

ไอ้กอล์ฟแหกปากทำไม หนวกหู..

สาย..ย่อ..สาย..ย่..อ
*****


ขำม่วง

ตอนเขียนถึงช่วงนี้นี่คนเขียนรู้สึกสงสารกอล์ฟฟี่มากมาย

แต่พอไปเขียนตอนพิเศษ... กอล์ฟฟี่ก็เอาคืนหนักมากจีจี ><

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
12
 
“อือ...”
ม่วงน้อยปวดหัว..
นัทจ๋า.. ม่วงปวดหัว...

ผมตื่นลืมตาขึ้นมาก็พบกับภาพเบลอของเพดานสีฟ้าสว่างที่ไม่คุ้นตา หัวหนักๆจนต้องปิดตาลงไปใหม่..พร้อมกับรู้สึกได้ว่าร่างกายขยับอย่างไม่เป็นอิสระเท่าที่ควร ผมพยายามยกแขนขึ้น แต่ก็ยกไม่ได้ เหมือนมีอะไรสักอย่างกดทับมันเอาไว้.. และดูเหมือนอะไรที่ทับอยู่จะทับผมไปทั้งซีกซ้ายแล้วครับ
พอผมหันไปมอง ถึงได้เห็นโฟกัสหน้าหล่อๆของเจ้าของเตียง..ไอ้กอล์ฟฟี่.. มึงจะสิงกูอีกนานไหมเนี่ย
“กอล์ฟ..”

กรี๊ด นั่นเสียงกูเหรอนั่น..
แหบเป็นผีขนุนเลย.. กะเทยดัดเสียงยังสวยกว่าเสียงกูอีก

“แค่ก..” ผมระคายคอจนเผลอไอออกมา ทำให้ไอ้คนที่นอนกอดผมนิ่งอยู่เมื่อครู่ผงกหัวขึ้นมองทันที
“ม่วง..?”

ผมเบือนหน้าไปมองอีกฝ่าย..ตอนมึงตื่นนอนหัวยุ่งๆไม่ได้เซ็ทแบบนี้ค่อยเหมือนมนุษย์มนาเขาหน่อย.. ไม่งั้นหล่อเป็นเทพบุตรเลย..

“ปล่อยได้ยัง..?”

ผมส่งเสียงแหบๆออกไปทำให้มันหัวเราะเก้อๆแล้วลุกขึ้นจากเตียง.. พอผ้าห่มร่นจากอกลงไปเท่านั้นแหละ.. ม่วงน้อยแทบจะกรี๊ดให้สุดเสียง

กอล์ฟ..ก๊อบแก๊บทำไมเป็นเด็กแบบนี้ ทำไมใส่บ้อกเซอร์กับเสื้อกล้ามนอนกอดชาวบ้านเค้า แล้วทำไมมันถึงโด่เด่ขนาดนั้น แม้ว่านี่มันจะเป็นเช้าแบบปกติของผู้ชาย..แต่ก็ไม่ควรให้อะไรๆของกอล์ฟมาชี้หน้าแขกร่วมเตียงอย่างงี้นะโว้ย

ผมไม่อยากจะทำให้เพื่อนเขินไปมากกว่านี้ก็เลยหลบสายตามันหันมามองตัว...เอง..
วรั้ยตายแล้ว!!

กูหนักกว่ามันอีก.. มีกางเกงในอยู่ตัวเดียว นอกนั้นไม่มีอะไรติดตัวเล้ย!
ผมตะเกียกตะกายดึงเอาผ้าห่มมากอดกกไว้.. แล้วหันไปมองหน้าไอ้กอล์ฟแบบ..มึงพูด มึงพูดมาเดี๋ยวนี้! กูได้ทำร้ายมึงหรือเปล่า..กูเมา กูไม่รู้เรื่อง ถ้ากูปล้ำมึงก็อย่าถือสา เพราะกูจะไม่รับผิดชอบการกระทำขณะเมานะเว้ย!

กอล์ฟมันทำหน้างงๆเข้าใส่ คงเห็นผมทำหน้าตกตะลึงพรึงเพริดล่ะมั้งมันถึงได้ยิ้มหวานแล้วชะโงกหน้าเข้ามาหา ลอยหน้าลอยตาใส่ เดี๋ยวกูปล้ำซะอีกหน..

“ม่วง..” มันใช้สายตามองไหล่เปลือยของผม..

เชี่ย..กอล์ฟ เมื่อกี้กูล้อเล่น อย่าทำอะไรกูนะ..ไม่งั้นกูจะฟ้องป๊า

ผมกรี๊ดอยู่ในใจแล้วหลับตาปี๋..

“ปวดหัวไหม.. ไหวหรือเปล่า”

ฮือ.. ทำไมถามแบบนี้ ไหวเหวยอะไรล่ะ กูไม่พร้อมรับผิดชอบชีวิตใครหรอกนะ..

เอ๊ะ..? อ๋อ มันถามเรื่องปวดหัวนี่หว่า

ผมค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองไอ้กอล์ฟแล้วก็เห็นมันนั่งยิ้มใส่ ไม่ได้จะทำท่าทางคุกคามอะไร ยังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยซ้ำ

“ไหวน่า..” ผมพูดแล้วเปิดผ้าห่มก้มมองตัวเอง “ทำไมอยู่สภาพนี้วะ”

กอล์ฟมันหัวเราะเบาๆ “อยากรู้จริงๆน่ะ..”

ผมกัดฟันพยักหน้า

“เมื่อคืนม่วงเมามาก แล้วก็โวยวาย อาเจียนด้วย.. ก็เลยต้องลอกคราบอย่างนี้แหละ..”
ไม่จริ๊ง!.. ม่วงจำไม่เห็นได้เลย อย่ามาใส่ความม่วงน้อยนะ

ในห้วงแห่งความทรงจำ ผมรู้แค่ว่ามีเพลงดัง มีเหล้ากิน มีหญิงแหล่มๆ นอกนั้นจำไม่ได้ละ.. ผมหันไปมองหน้ากอล์ฟอีกครั้ง ฝ่ายนั้นก็ยิ้มแล้วพยักหน้ายืนยันคำพูดกลับมาอีกหน

“โอย...หมดกัน” ผมร้องแล้วมุดหัวลงไปในผ้าห่ม..
ม่วงอยากตายยยย..

ไอ้กอล์ฟมันหัวเราะแล้วเตียงก็ยวบไปยวบมาพักนึงก่อนจะเงียบไป ได้ยินเสียงผ้าสวบสาบ พักนึงไอ้กอล์ฟก็พยายามมาดึงผ้าห่มเรียกผม ผมเลยมุดหัวออกมาดูมัน แล้วก็พบว่ามันใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดเรียบร้อยแล้ว และในมือมันก็มีเสื้อผ้าชุดนึงที่ยื่นมาให้ผม

“ใส่นี่ไปก่อนแล้วกัน ชุดม่วงเราให้พี่กุ๊กไก่ไปเอามาจากบ้านป๋องแล้ว ส่วนชุดเมื่อคืนก็ส่งไปซักให้เรียบร้อย เดี๋ยวบ่ายๆก็ได้ แล้วเย็นเราจะไปส่งม่วงที่บ้านเอง”

กอล์ฟมันเรียกคนขับรถชื่อไก่ว่ากุ๊กไก่ครับ น่ารักเหลือเกิน แต่พี่แกเป็นชายกล้ามโตวัยห้าสิบกว่าๆที่ขับรถให้อาป๊ามันมาตั้งแต่มันยังไม่เกิดน่ะครับ

ผมคว้าเอาเสื้อผ้าที่มันยื่นให้มาใส่ ก่อนจะทำธุระในห้องน้ำ เสร็จถึงได้เดินตามมันออกไปจนพบซากผ้าขี้ริ้วกองรวมกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ตรงนั้นมีปูม้า นิว และน้องชงที่ยังไม่ได้สติ ตายังปรือๆเหมือนจะนอนไม่พอ

“ไอ้ป๋องล่ะ..?”

ผมทรุดตัวนั่งลงตรงโต๊ะอาหารไม่ไกลส่วนที่พวกนั้นนอนอยู่นัก กอล์ฟมันหันมาตอบแทนไอ้พวกที่ยังไร้สติ
“เมื่อคืนคงได้ของกินดี.. หายไปตั้งแต่เราเข้าไปถึงร้านแล้ว..เดี๋ยวคงต้องถามปูม้าว่าหายไปยังไง”

ผมเหลียวหน้าไปมองปูม้า.. สงสัยกว่าจะรู้เรื่องคงเป็นช่วงบ่ายๆล่ะ สติยังไม่เข้าร่างเลย

“หิวไหม?”
หันมาอีกทีกอล์ฟก็มาเท้าแขนลงบนโต๊ะกินข้าวฝั่งตรงข้าม แล้วชะโงกหน้ามาถามผม

“เมื่อคืนคงหมดไส้หมดพุง..”
มึงอย่ามาหัวเราะรื้อฟื้นได้มะ..ขยี้อยู่ได้ เดี๋ยวปั๊ด..อ้วกใส่อีกรอบ

“หิวนิดๆ มีอะไรกินล่ะ”
ยัง..ยังมายิ้มอีก เดี๋ยวจิ้มตาแตก

“ก็มีโจ๊กหมูใส่ไข่กับปาท่องโก๋ มีนมข้นกับไมโลร้อน แล้วก็มีข้าวต้มกุ้ง ..ให้ม่วงเลือกก่อน”
“เอาข้าวต้มกุ้ง..” เสียงน้องชงดังแทรกมา

“งั้นเราเอาโจ๊กหมูกับปาโก๋..” ตามด้วยนิว

“กูเอาปาโก๋นมข้น มีกาแฟมั้ยวะ” ประโยคสุดท้ายนี่ปูม้า
ไอ้พวกไม่เกรงใจเจ้าของห้องและเพื่อนสนิทเจ้าของห้องเลย ผมบึนปากใส่ไอ้สามตัวข้างหลังแล้วหันไปหาไอ้กอล์ฟ

“แล้วมึงล่ะจะกินไร”

กอล์ฟมันยิ้ม “ให้ม่วงเลือกก่อน ทุกอย่างมีห้าชุด ใครจะกินอะไรก็ตามสะดวกเลย”

โอ้โห..พ่อช่างวางแผนได้ดี ..

ผมนี่แทบกราบความป๋าเปย์ของไอ้กอล์ฟมันจริงๆ พี่กุ๊กไก่นี่คงแบกมาตัวเอียง

“ถ้ามีเยอะขนาดนั้นกูก็ไม่ต้องเลือกไง.. กูกินหมดเลย” ผมฉีกยิ้มกว้าง หิวจนจะแทะโต๊ะอาหารแล้วเนี่ย

“ได้ งั้นเดี๋ยวแกะให้ม่วงทุกอย่างเลย” กอล์ฟมันพูดแบบนั้นแล้วทำท่าจะหันไปแกะมาจริงๆ
“เดี๋ยว จะให้กูเลือกเพื่อจะไปแกะมาให้เนี่ยนะ”

“ก็..” กอล์ฟมันทำหน้าแบ้วหันมาเอียงหน้าแล้วยิ้มหวานให้ผม “เป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้องดูแลแขกที่มานอนบ้านไง”


อื้อหือ รู้สึกผิดขึ้นมาทันที..

“ได้ งั้นกูก็จะเป็นแขกที่ดี..” ผมว่าแล้วลุกขึ้นไปช่วยมันแกะอาหารมาเสิร์ฟไอ้พวกซอมบี้ที่ไม่ยอมลุกจากที่นอนสักที

กอล์ฟมันแกะถุงไปตามันก็ยิ้ม ปากมันก็ยิ้ม ไม่รู้มันมีความสุขอะไรนักหนา “นี่ม่วง”

“หือ..?” ผมหันไปมองออร่าสว่างสดใสของมันด้วยความบาดตา
“..เราไป..” กอล์ฟกระแอมเบาๆ “ไปอัมพวากันวันไหนดี..”

แล้วมึงจะหน้าแดงทำไมเนี่ย..เขินด้วยเหตุใด..
มันทำท่าเอียงอายจนผมรู้สึกตามไปด้วยแล้วเนี่ย.. ทำยังกะชวนไปเดท.. เอ้อ..

“ก็คงต้องไปก่อนจะสอบไหม..?”
“อือ ช่วงนี้ส่งรายงานใหญ่ไปแล้ว ก็จะโล่งๆกันแล้วเนอะ ..เราอยากไปก่อนสอบเหมือนกัน..อยากไปก่อนประกวดเดือนมอด้วย”

“งั้นก็มีแค่สองอาทิตย์หน้านี้แล้ว..”
กอล์ฟพยักหน้า “แต่รถที่จะเอาไปว่างแค่อาทิตย์หน้า อาทิตย์ถัดไปไม่ว่าง”

“งั้นเดี๋ยวกลับไปบอกนัทก่อน.. แต่ไวขนาดนี้คงไปค้างไม่ได้แหงเลย เพิ่งจะไปทะเลมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน”
“เข้าใจ..ไว้คราวหน้าค่อยไปค้างก็ได้” มันหันมามองหน้าผม “ขออะไรอีกอย่างได้ไหม?”
“หือ?.. อะไรล่ะ” ผมเห็นมันดูจริงจัง ผมก็เลยเกร็งตามมันไปด้วย

“เราไปกันสองคนนะ..”
มันยิ้มส่งมาให้..สายตาที่มันมองมานี่แบบจะว่าขอร้องอ้อนวอนก็ไม่ใช่ จะเว้าวอนก็ไม่เชิง.. ผมเองก็รู้สึกได้ว่ามันกำลังลุ้นกับคำตอบของผมจนผมเกร็งไปหมดแล้วเนี่ย

คือผมไม่มีปัญหาว่าจะไปกันสองคนหรือสิบคนอยู่แล้วนะ ยังไงก็ได้ แต่พอมันมาขอแบบนี้ก็เล่นเอาไม่รู้จะตอบแบบไหนดีให้ตัวเองไม่เขินไม่เกร็ง..

โธ่ไอ้กอล์ฟ.. ขอร้องล่ะ อย่ามาอ้อยใส่กันนักได้ไหมวะ คนหล่อๆแบบมึงน่ะ ใครเขาก็อยากจะตามใจมึงอยู่แล้ว..มึงเว้นกูไว้สักคนไม่ได้เหรอ

“ตามใจเจ้าของรถสิวะ” ผมบึนปากใส่ถุงโจ๊กแล้วย้ำไป “สองคนก็ไม่ได้เหงาอะไรนี่นา.. ไปสองคนก็.. สบายใจดี”
พอผมบอกประโยคนั้นจบไอ้กอล์ฟก็หน้าแดงหูแดง ยิ้มกว้าง เหมือนหางจะแกว่งพั่บๆ

มึงดีใจอะไรเบอร์นั้น..
ผมคิดแล้วก็ยิ้มตามมันไปติดๆ
*****
กอล์ฟให้พี่กุ๊กไก่ขับรถมาส่งพวกผมตอนเย็น ส่วนตัวมันไม่ได้ตามมาด้วย เพราะพี่กุ๊กไก่จะได้ไม่ต้องลำบากวนรถไปส่งมันอีกรอบ เขาจะได้กลับไปห้วยขวาง บ้านป๊ามันเลย

พอถึงบ้านก็อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเคลียร์หลักฐานเรียบร้อยดีแล้วก็ลงมาหานัทที่ร้านข้างล่าง
อาทิตย์นี้ ป๊าวีกับแม่ไก่ขึ้นไปเชียงราย นัทกับสามีที่เคารพก็เลยต้องอยู่เฝ้าวิมานที่ทองหล่อ ไม่ได้กลับไปคอนโด.. ตอนผมกลับมาเห็นนัทบอกว่าพี่แมนเพิ่งออกไปฟิตเนส สงสัยคงอีกพักใหญ่กว่าจะกลับ ผมเลยลงมาช่วยนัทที่ร้านเอาหน้าเสียหน่อย หายไปตั้งแต่เมื่อวานเดี๋ยวจะโดนโบกปูนก่อนจะเรียนจบ

“นัท..”
พี่ชายคนงามเงยหน้าขึ้นมาจากเครื่องคิดเงิน “ว่ายังไงทำเสียงอ่อนเสียงหวานมาเชียว”

“ก็มาช่วยนัท.. ไปเที่ยวมาแล้วก็ต้องมาช่วยนัททำงาน”
“หือ..ไหนเมื่อวานใครบอกว่าไปทำรายงาน..”

อุ่ย..หลุดปาก..
ผมทำตาโตเข้าใส่.. “ก็คือไปเที่ยวบ้านเพื่อนไง..”

นัทยิ้มแล้วยกมือขึ้นดีดหน้าผากผม “เจ้าเล่ห์ใหญ่แล้ว..ลูกใครเนี่ย”
“พ่อแม่เดียวกันนั่นแหละ..” ผมลูบหน้าผากพลางดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆพี่ชาย “นี่ๆ ป๊าวีกลับวันไหนเหรอ..”

“ปลายเดือนมั้ง ทำไม คิดถึงป๊า?”
“ก็คิดถึงแหละ แค่จะถามเผื่อไว้ เพราะ..” ผมจับมือพี่ชายมากุมไว้..กันโดนดีดหน้าผากอีก “เพราะอาทิตย์หน้าจะขอไปอัมพวากับเพื่อน..”

ขอแล้วก็ยิ้มหวานแถมไปด้วย..แต่แปลกที่นัทไม่ยิ้มตอบ แหะแหะ ไม่เอาสิ นี่ม่วงไง นี่ม่วงเองไง
“เที่ยวเก่งใหญ่แล้วนะเรา”

“โธ่.. เนี่ย ทำรายงานเครี๊ยดเครียด เดี๋ยวอาทิตย์หน้าพรีเซ็นต์เสร็จก็อยากจะไปผ่อนคลายกับเพื่อนๆ”
“ไปค้างหรือเปล่า..”

ผมรีบส่ายหน้าทันทีเลย “เปล๊า..” ทำไมต้องเสียงสูงวะ “คือไปเช้าเย็นกลับ มันใกล้ๆ สองชั่วโมงก็ถึง เพื่อนอยากไปหาของกินเท่านั้นเอง”
“แล้วเราล่ะ.. อยากไปหาของกินหรือไปหาอะไร?” นัทดึงจมูกผม..สงสัยจะหมั่นเขี้ยว

“โอ๊ยๆ.. อยากกินกุ้งเผา หมึกย่าง ทอดมันดอกอัญชันค้าบ วันก่อนเห็นในรายการโทรทัศน์ น่ากินหมดเลย”
“ทำอย่างกับบ้านเราไม่ใช่ร้านอาหาร อยากกินอะไรให้เจ๊จือทำให้ก็ได้แล้ว”

“แต่เราต้องออกไปเสาะแสวงหาเมนูใหม่ๆเพื่อร้านของเรานะครับพี่ครับ” ม่วงน้อยจะเสียสละตัวเองออกไปเผชิญโลกกว้างให้นะ
นัทหัวเราะให้กับท่าทางอยากผจญภัยของผม “ตามใจเถอะ ไปกันดีๆแล้วกัน แล้วจะไปกันยังไง”

“กอล์ฟจะเอารถที่บ้านไป..”
“หือ?..กอล์ฟน่ะนะ”

“ใช่ๆ” ผมพยักหน้าแข็งขัน
“กอล์ฟอีกแล้ว..” นัทบ่นงุบงิบ แล้วหันมามองหน้าผม “เรานี่ยังไงกับกอล์ฟเนี่ย”

“อะไรยังไง?..” ผมถามอย่างงงๆ “ก็กอล์ฟไง ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว.. และก็คงจะเป็นเพื่อนกันต่อไปแหละ ถ้ามันไม่เลิกคบม่วงไปซะก่อน”
ผมบอกอย่างนั้นแล้วก็ทิ้งตัวลงพิงเก้าอี้..

ผมเคยบอกพวกคุณแล้วนี่ ตอนผมเรียนชั้นมัธยมน่ะ ผมเรียนสาธิตที่มีดารามาเรียนเยอะที่สุดเลยนะ คนนั้นก็เล่นซีรี่ส์ คนโน้นก็เป็นนักร้อง แต่ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันไป ไปไหนด้วยกันได้เป็นกลุ่มแก๊ง ไม่มีใครทำตัวเด่นดังหรือทำตัวเหนือคนอื่น (เพราะถ้าใครทำตัวดาราเว่อร์ๆพวกผมก็ไม่ต้องคบเท่านั้นเอง)

ผมมีเพื่อนหน้าตาดีเยอะ.. จะมีกอล์ฟเป็นเพื่อนที่หน้าตาดีเพิ่มอีกคนก็ไม่แปลกอะไร

ต้องยอมรับล่ะครับ (หลังจากหนีความจริงมานาน) กอล์ฟมันหล่อขึ้น หล่อมากเสียด้วย หล่อจนคนหน้าตาบ้านๆแบบผมต้องมองอย่างเหลียวหลัง ความหน้าตาดีของมันทำให้คนทั่วๆไปอยากรู้จักมันเยอะแยะ ยิ่งมันเป็นเดือนคณะยิ่งต้องทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย คนก็ยิ่งรู้จักมัน ได้เจอหน้าใหม่ๆทั้งผู้ชายผู้หญิง เดี๋ยวนี้เดินกับมันผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เหมาะจะอยู่ข้างมันในฐานะอื่นเลย นอกจากเพื่อน.. แค่ฐานะเพื่อนก็พอแล้ว เพราะถ้าเป็นอะไรมากกว่านี้.. ผมคงไม่กล้าคิด

จะคิดเป็นฐานะอื่นได้ยังไงล่ะครับ ผมเป็นผู้ชายนะ ถ้าผมเกิดมีแฟนเป็นผู้ชายอีกคนแล้วใครจะมีหลานให้ป๊าวี ..นอกจากนั้น หน้าตารูปร่างเราไม่เหมาะสมคู่ควร ฐานะเราก็ต่างกันมาก ไหนจะครอบครัวมันอีก.. หน้าตาทางสังคมและอนาคตทายาทคนเดียวเลยของมันอีก.. ผมไม่คิดว่ากอล์ฟมันจะสามารถคบกับผมไปเกินกว่าเพื่อนได้หรอก

ถามว่าผมหวั่นไหวไหม.. มันทำอะไรให้ตั้งหลายอย่าง.. มันคอยดูแล มันหาขนมหาน้ำให้กิน คอยแก้ปัญหา คอยพาไปเที่ยว..และอีกเยอะแยะที่มันทำให้

บอกตามตรงครับ ผมหวั่นไหว.. แต่ยังไงล่ะ มันอาจจะทำให้เพราะว่าผมคือเพื่อนสนิทคนเดียวตอนนี้ของมันก็ได้.. นั่งตักกอดคอ นอนเตียงเดียวกัน มันก็เรื่องปกติของผู้ชาย ใครๆเขาก็ทำกัน กอล์ฟมันอาจไม่ได้คิดอะไรไปไกลกว่าความเป็นเพื่อนของเราเลยก็ได้..

สุดท้าย ผมก็อาจจะหวั่นไหวไปคนเดียวลำพัง..

นอกจากหน้าตาฐานะไม่ได้เหมาะกับมันแล้ว ถ้ายังจะเพ้อเจ้อคนเดียวไปบอกรักมันอีกนี่..สงสัยจะเสียเพื่อนครับ..

เพราะงั้นคำถามของนัทที่ถามว่าอะไรยังไงกับกอล์ฟฟี่.. คำตอบเดียวที่จะบอกไปได้ก็คือ..เพื่อนครับแม่.. เอ้ย แค่เพื่อนครับพี่ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

มันเป็นช่วงสับสนของวัยรุ่นหรอกน่า..นัทก็อย่าคิดมากไปเลย
****
 :z13: :z13: :z13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
นั่งคิดทบทวนว่าจากตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 12 ม่วงน้อยมีพัฒนาการบ้างมั้ย
ตอบเลยว่า ไม่  55555+

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นั่งคิดทบทวนว่าจากตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 12 ม่วงน้อยมีพัฒนาการบ้างมั้ย
ตอบเลยว่า ไม่  55555+


//กัดปากกกก

งื้ออออ :hao5:

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
13

‘ม่วงครับ..พรุ่งนี้ใส่กางเกงขายาวไปนะ’

ข้อความสั้นๆของไอ้กอล์ฟทำให้ผมขมวดคิ้ว.. พอจะถามว่ายังไงวะ มันก็ออฟไลน์ไปแล้ว..

ผมกำลังศึกษาเส้นทางอยู่หน้าคอม เพราะเห็นว่ากอล์ฟมันจะขับรถไปเอง เส้นจากบ้านไปถึงทางแยกเลี้ยวเข้าอัมพวาผมค่อนข้างคุ้นเคยแล้ว เพราะพี่แมนชอบพาพวกเราไปเที่ยวหัวหินกันอยู่บ่อยๆ ที่ผมต้องทำการบ้านเพิ่มคือทางต่อจากนั้นที่เราจะต้องเลี้ยวเพื่อไปจุดท่องเที่ยวครับ

ผมดูจุดที่จะไปแล้วปักหมุด GPS บนแผนที่ในมือถือ เท่าที่ดูก็คือเราจะไปกินข้าวเช้ากันที่ตลาดน้ำท่าคา ถ้าของน้อยหรือไม่ถูกใจก็จะไปต่อที่ตลาดบางน้อย แล้วไปไหว้พระที่วัดบางกุ้ง จบด้วยตลาดน้ำเย็น กินกุ้งเผากันที่นี่ สักสี่โมงเย็นก็ควรกลับกันได้แล้ว ไม่งั้นจะมืดเกิน เดี๋ยวคราวหน้านัทไม่ให้ไปเที่ยวกันเองอีก

ผมเป็นเด็กดีใช่ไหมล่ะ.. ไม่ต้องชมผมก็ได้ครับ.. เขินนะเนี่ย

ตอนเช้า ผมเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงโดยไม่ต้องใช้บริการนาฬิกาปลุกซ้ำ.. อาบน้ำด้วยความไวแสงเซ็ทผมเสร็จก็ทากันแดดเรียบร้อย เสื้อยืดสีเทาลายขาวคอวีจากประเทศไหนสักประเทศที่พี่แมนเพิ่งยื่นมาให้เมื่ออาทิตย์ก่อน กับกางเกงยีนส์สีสนิมขายาวตามที่กอล์ฟบอกเลย หมุนอยู่หน้ากระจกสามรอบครึ่งกอล์ฟมันก็โทรมาบอกว่ามันถึงแล้ว

“เออรอแป้บนะ หยิบเป๋าตังค์แล้วจะลงไป” ผมวิ่งไปหยิบรองเท้าแล้วคว้ากระเป๋าลงลิฟต์ไปชั้นล่าง ในใจกังวลว่ากอล์ฟมันจะไม่มีที่จอดรถเพราะวันนี้เช้าวันหยุด คนเช่าห้องพักคงจอดรถกันเต็มหมด ..แต่พอไปถึงด้านล่างก็ได้แต่บอกตัวเองว่า..คงไม่ต้องห่วงเรื่องที่จอดแล้วล่ะครับ.. มันจอดอยู่หน้าร้านแบบไม่เกะกะผิวจราจรสักนิด… จอดติดประกบกับพี่วินเลย

ป๊าด บิ๊กไบค์ของคาวาซากิซะด้วย.. ถึงจะไม่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุด แต่ก็เป็นรุ่นที่ราคาเหยียบสามล้านล่ะครับ

พี่แมนกับนัทกำลังยืนคุยกับไอ้กอล์ฟอยู่หน้าร้าน.. สถานการณ์ตึงเครียดไหมนะ..ผมคิดแล้วเกาะประตูกระจกแอบดู

หืม กอล์ฟ.. มึงเท่ทำไมเนี่ย!

ผมโผล่หน้าออกไปมอง ไอ้เดือนคณะมันยืนคุยกับพี่ชายผม มือนึงมันก็ถือหมวกกันน็อค อีกมือมันก็ปล่อยข้างลำตัวสบายๆ.. มันอยู่ในชุดเสื้อหนังสีดำมะเมื่อม กางเกงยีนส์ฟอกอย่างสวย เดาได้เลยว่าเสื้อข้างในแจ็กเก็ตหนังของมันก็คงไม่ธรรมดาแน่ๆ

มึงรู้ไหมเนี่ยว่าไปเดินตลาดน้ำมันร้อนแค่ไหน.. แล้วนี่มึงใส่เสื้อหนังมา.. ถ้าไปถึงที่โน่นแล้วเหงื่อมึงไหลโทรมเป็นหมีขาวตากแห้งกูจะขำให้ฟันหลุดเลย

“อ่ะ มาโน่นแล้ว” นัทพยักหน้ามาทางผมที่ค่อยๆย่องออกไป..

เอาจริงๆ ..ผมงง มันคิดอะไรของมันเนี่ย

“ม่วง..” มันหันมายิ้มทักผม ทำให้ผมต้องส่งยิ้มแหยๆพลางปรายตาไปมองบิ๊กไบค์ของมัน..

“อย่าบอกนะว่าจะเอามอไซค์ไปน่ะ..?” ไอ้กอล์ฟพยักหน้า แต่แอบเห็นว่ามันหน้าเสียนิดหน่อยตอนผมทักอย่างนั้น

“คิดยังไงเอารถนี่ไปต่างจังหวัด..”

เอาแล้วครับ.. พ่อองค์ลงแล้ว.. แสดงว่าเมื่อครู่นี่ไอ้กอล์ฟยังไม่ได้คุยกันกับพี่แมนล่ะสิ

“คือ..” กอล์ฟมันเริ่มอึกอัก เมื่อเห็นผู้ใหญ่เอ่ยทักแบบนั้น

“เดือนนี้ฝนตกเยอะเสียด้วย..” ไม่มีให้โอกาสอธิบายนะครับผมบอกเลย พี่แมนใส่ไม่ยั้ง

มึงโดนกระซวกไส้แตกแน่ไอ้กอล์ฟ..

“คือ..” มันเริ่มหันหน้ามาหาผมเผื่อเป็นตัวช่วย..

และถ้าขืนผมไม่ช่วยมันนะ มีหวังไม่ได้ไปเที่ยว

“เอาแบบนี้แล้วกัน จอดรถมึงไว้นี่แหละ..เดี๋ยวเอารถนัทไป แล้วขากลับมึงค่อยขับกลับบ้าน” ก็จะได้ไม่ต้องตากแดดหัวแดง หรือเปียกฝนมะล่อกมะแล่กเป็นหมาน้อยกัน

“เอ่อ..” มันทำท่าหันไปหันมา เหมือนมันยังไม่แน่ใจ แต่พอเห็นผมกับพี่แมนยืนกอดอกมองหน้ามันนิ่งๆ มันถึงได้ยอมพูดออกมา “เราไม่ถนัดขับถนนในไทยน่ะ ยังไม่ชินกับกฎจราจรหละหลวมของที่นี่”

ปัดโธ่.. กอล์ฟครับ บอกเพื่อนตรงๆก็จบแล้ว


“เดี๋ยวกูขับเอง นี่ขับพาพี่ๆเขาไปหัวหินมาหลายครั้งแล้ว” ผมบอกให้มันมั่นใจในฝีมือการขับรถของผมได้ ก่อนจะหันไปขออนุญาตผู้ปกครอง “นะครับนัทจ๋า.. พี่แมนด้วย”

นัทน่ะไม่ใช่ปัญหาใหญ่.. ปัญหายักษ์จริงๆคือพี่แมนครับ.. รายนั้นทำท่าเหมือนจะไม่อยากให้ไปเอาดื้อๆ แต่เพราะนัทจ๋าคนงามที่ควักเอากุญแจมาให้ทันทีนั่นแหละ พี่แมนถึงทำท่าฮึดฮัดไม่ค่อยออก

“ไปกันดีๆล่ะ..ไม่ต้องขับเร็วนักนะม่วง”

ผมรับกุญแจมาแล้วรีบยกมือไหว้ท่วมหัว ไม่งั้นไอ้ม่วงได้ตัวเหลวไปกับเบาะแหงๆ ร้อนละลายขนาดนี้

“ไป เอารถไปเก็บข้างใน..” ผมเดินนำไปที่บิ๊กไบค์ของมัน รอจนมันขึ้นคร่อมสตาร์ทรถแล้วผมก็กระโดดเกาะไปกับหลังรถมัน “ขับดีๆนะมึง อย่าเทกระจาดกูล่ะ..”

“ก็เกาะให้ดีๆแล้วกัน” มันหันมาบอกด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง ท่าทางจะทำใจได้แล้วที่ต้องนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของผม

ผมเกาะไหล่มันแน่นขึ้นให้มันพาขับไปวนหน้าร้านเสียรอบนึง แล้วเราก็ค่อยเอาบิ๊กไบค์ของมันไปจอดในโรงเก็บรถ พาซิตี้คาร์ของนัทไปเที่ยวด้วยกัน

ขับขึ้นทางด่วนมาได้ชั่วครู่ ไอ้กอล์ฟที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสบายๆกับกางเกงยีนส์ฟอกตัวนึงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

“อุตส่าห์ไปยืมรถมา.. สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ นี่มีเสื้อหนังมาให้ม่วงด้วยนะ ใส่นั่งซ้อนสบายเลย”

“ถ้าขับอยู่แค่ในกรุงเทพจะไม่ว่าเลยครับเพื่อนครับ..” ผมบอกมันอย่างชัดเจน “ถนนที่เรากำลังจะออกไปมีรถบรรทุกวิ่งด้วยนะ แล้วรถก็เยอะ ถนนก็ใหญ่มากหลายเลน.. นี่ไม่รู้ว่านายจะเอาบิ๊กไบค์มา จะได้ห้ามไว้ก่อน”

“ก็..นึกว่าจะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ขับมอเตอร์ไซค์ไปสนุกดีออก แล้วมันก็เท่ดีด้วย”

นั่น..ว่าแล้วไง

“อยากเท่ให้หญิงดูนี่เอง” ผมหัวเราะให้ท่าทางของมัน

“เปล่านะ.. เราอยากดูดีในสายตาของม่วงมากกว่า”

มันพูดแล้วก็มองมาทางผม.. อะไรกอล์ฟ..อะไรของมึงเนี่ย นี่เราเพื่อนนายนะ นายไม่ต้องดูคูล ดูเท่ด้วยหมวกของเดือนคณะตลอดหรอกกอล์ฟ.. ต่อให้มึงยังเป็นจิมมี่คนเก่า ยังเป็นกอล์ฟที่อ้วนๆกลมๆ ..ม่วงก็จะดูแลกอล์ฟแหละ… ไม่ต้องมาหว่านเสน่ห์เลย เพื่อนขอร้อง

“นี่นะครับกอล์ฟ.. เราเห็นกอล์ฟมาทุกสภาพแล้ว ต่อให้กอล์ฟจะไม่เท่ ไม่ดูดี..เราก็ยังเป็นเพื่อนกอล์ฟอยู่เสมอนะ ไม่ได้จะทิ้งกอล์ฟไปไหนเสียหน่อย” ผมพูดอย่างจริงจัง.. โดยย้ำทั้งมันและตัวผมเอง “ต่อให้กอล์ฟอ้วนเป็นจิมมี่เหมือนเดิม.. เราก็ยังจะคบกอล์ฟเป็นเพื่อนไม่เปลี่ยนแปลง”

ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายพยายามประมวลผลในคำพูดของผมอยู่ เดี๋ยวๆมันก็ทำหน้าบึ้ง เดี๋ยวๆมันก็ยิ้ม ..นี่มึงแปลงสารไปถึงไหนเนี่ย.. ผมแอบเหล่ดูมัน เห็นมันนิ่งไปมากกว่ายี่สิบนาที.. ไม่พูดไม่จา

ผมเป็นพวกอยู่กับบรรยากาศอึมครึมไม่ค่อยได้นาน.. แต่จะให้เป็นคนเริ่มพูดอะไรขึ้นมาก่อนผมก็ดูจะลำบากใจ.. การที่ได้คุยกับนัทเมื่อวันก่อน กับช่วงเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ทำให้ผมรู้แล้วว่าผมจะวางตัวกับไอ้กอล์ฟยังไงดี..

เราจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ดูแลกันเหมือนเดิม.. เพียงแต่มุกอะไรก็แล้วแต่ที่มันตั้งใจยิงมา หรือตั้งใจจะล้อเล่นกับผม.. ผมก็จะเริ่มชัดเจนกับมันมากขึ้น.. ผมจะไม่เข้าใจไปเอง คิดไปเอง และมโนไปเองคนเดียว กอล์ฟมันอาจจะยังไม่เข้าใจภาษาไทยชัดเจนนัก และมันอาจจะติดธรรมเนียมต่างชาติประเภทถึงเนื้อถึงตัวกันง่ายๆมา บางคำพูด บางการกระทำของมันจึงอาจทำให้ใครๆตีความผิดไป ผมจึงจำเป็นต้องแสดงออกบอกทางอ้อมกับมันว่ากูไม่เล่นด้วยแล้วนะ ทุกสิ่งที่ยังทำอยู่ตอนนี้..ทำในฐานะเพื่อนเท่านั้นนะ..

ย้ำมันเข้าไปครับ….

เพื่อน…. แค่เพื่อน..

แต่ก็ไม่รู้ว่า..ย้ำให้มันรู้ หรือผมกำลังย้ำกับตัวผมเอง..

“ปวดฉี่อ่ะ..หิวน้ำด้วย..เราไปกินน้ำปัสสาวะกันไหม”

กำลังคิดอะไรเพลินๆ เจอมุกห่วยแตกของมันทำเอาผมถึงกับหลุดยิ้มออกมาเลย..

“ไอ้บ้า..มึงกินไปคนเดียวเถอะ” ผมหัวเราะแล้วเริ่มมองหาปั๊มให้มัน

ม่วงน้อยเป็นคนดีจะไหลตามน้ำไปให้แล้วกัน
***

เราตกลงกันว่า กอล์ฟมันจะเป็นเนวิเกเตอร์ให้ผม โดยผมเอาโทรศัพท์ของผมที่ปักหมุดบนแผนที่ไว้หมดแล้วให้มันเป็นคนถือและบอกทาง

เราขับรถมาเรื่อยๆ จนเกือบเก้าโมงครึ่งผมก็จอดรถไว้แล้วเดินเลาะเข้าไปริมตลาดน้ำท่าคา ตรงจุดนี้มีเรือจอดอยู่ชิดท่าน้ำ พวกเราสามารถนั่งลงไปหาซื้ออาหารกินกันตรงนั้นได้เลยแล้วแต่จะเลือก บางร้านมีเก้าอี้ไม้ตัวเล็กๆให้เราหย่อนตัวลงไป บางร้านก็ยืนกินครับ

เตาถ่านควันโขมง กลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งท่าน้ำ มีทั้งขนมเบื้อง ก๊วยเตี๋ยว ของปิ้งย่างและผักผลไม้สดที่แม่ค้าคงเก็บจากสวนตัวเองเอามาขาย บางเจ้าใช้ใบตองห่อผักแล้วมัดไว้เป็นกำๆ ดูเป็นวิถีธรรมชาติดีนะครับ

ไอ้กอล์ฟมันฟาดเตี๋ยวน้ำไปสองชาม แล้วต่อด้วยขนมเบื้อง ลูกชิ้นย่างเตาถ่านอีกสองไม้ ตบท้ายด้วยแตงโมฉ่ำๆจากสวนที่หวานจนอยากขอกินเพิ่ม ..เห็นมันกินขนาดนี้ก็ใช่ว่าผมจะอิ่มแทนมันนะครับ ไม่มีเสียล่ะ เพราะผมเองก็ฟาดไปไม่ยั้งเหมือนกัน ..ชนิดที่เดินกลับมาที่รถนี่ต้องวนรอบรถสักสามรอบเป็นการย่อย

ยังครับ ยังไม่หนำใจ จากตลาดท่าคาเราก็ขับไปตลาดน้ำบางน้อยต่อ ตรงนั้นติดกับแม่น้ำแม่กลอง มีของกินเพียบอีกเช่นเคย แต่บรรยากาศมันจะต่างกับที่ท่าคาอยู่หน่อยๆ ตรงที่บางน้อยนั้นเริ่มจะมีวิถีชีวิตของคนเมืองแทรกซึมเข้ามาแล้ว

แม้ว่าอาหารการกินจะดูเป็นโบร่ำโบราณ แต่ความเยอะของผู้คน ความประดิษฐ์ของหีบห่อทำให้เรารู้สึกว่าได้รับสีสันอีกแบบหนึ่งของตลาดน้ำ

คือถ้าจะให้ผมเทียบ ผมว่าตลาดท่าคาเป็นเพลงไทยดั้งเดิม ตลาดน้ำบางน้อยเป็นเพลงลูกกรุง และตลาดเย็นที่อัมพวาเป็นเพลงสตริงที่นิยมใส่เครื่องดนตรีไทยลงไป คือมันได้อารมณ์ต่างกันแบบนั้นเลยครับ

พอเราไปถึงตลาดน้ำบางน้อย ผมก็เริ่มเปิดหารีวิวเลย เมื่อคืนเล็งเป้าไว้แล้วว่าต้องกินไอ้นี่ให้ได้..โรตีสูตรแต้จิ๋วที่จะหากินได้แค่ที่นี่เท่านั้น แล้วก็ขนมโบราณสัมปณี สองอย่างนี้แหละ อย่างอื่นนี่ผมเฉยๆ รอไปจัดกุ้งเผาที่ตลาดน้ำอัมพวาเอาให้เปรมทีเดียว

ตอนไปถึง ไอ้กอล์ฟมันลากผมไปถ่ายรูปตรงป้ายตลาดน้ำบางน้อย ก่อนจะข้ามฝั่งไปหาซื้อของกินกันด้วย

“ม่วง..ยิ้มหน่อย..”

กอล์ฟมันฉีกยิ้มกว้างแล้วล็อคคอผมให้เข้าไปร่วมเฟรมกับมัน ผมเลยต้องยิ้มกว้างตามมันไปด้วย

“ชีส”

ผมยิ้มตาปิดตอนมันพยายามถ่ายเซลฟี่รอบที่ล้าน.. ไอ้นี่ท่าทางจะชอบถ่ายรูป มันถ่ายรูปทุกจังหวะที่มีโอกาส ตอนผมคีบเส้นก๊วยเตี๋ยวเข้าปากมันก็ถ่ายไว้.. บางทีมันก็ถ่ายเซลฟี่แบบติดมันมาในเฟรมด้วย บางทีมันก็ถ่ายผมคนเดียว ถ่ายเสร็จเอามาอวดอีกต่างหาก.. บางอันก็โคตรน่าเกลียด แทบจะแย่งโทรศัพท์มาเขวี้ยงน้ำทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป

อยากบอกมันเหลือเกินว่ากอล์ฟคร้าบ กูไม่ได้หน้าเป๊ะทุกมุมเหมือนมึงนะ มุมหล่อกูมีมุมเดียว..มุมที่หันหลังใส่กล้องอ่ะมึง

“ม่วงตลกอ่ะ..” มันดูรูปแล้วก็หัวเราะคิกคักของมันคนเดียว

ผมได้แต่ส่ายหน้า บอกให้มันลบมันก็ไม่ลบ ยอมฟังที่ไหนล่ะ  นี่เลยได้แต่ชักชวนมันไปกินต่อ.. ของกินทำให้การโฟกัสทุกอย่างในโทรศัพท์จบลง บางร้านเราซื้ออย่างเดียวมาแบ่งกันกิน อย่างผัดไทกุ้งป่น เราก็ซื้อจานเดียว มึงคำกูคำจนแม่ค้าเขาแซวว่าพวกเราน่ารักกันดี.. ข้าวโพดปิ้งฝักนึงก็หักครึ่งจุ่มน้ำมะพร้าว (ไอ้กอล์ฟท่าทางจะติดใจข้าวโพดปิ้งจากหัวหิน) แต่ความอร่อยของน้ำราดที่นี่ทำให้ไอ้กอล์ฟมันฟินบินไปดาวอังคาร บอกว่าลืมรสข้าวโพดย่างที่หัวหินไปเลย.. ซึ่งผมก็เห็นด้วย  และยังมีของกินอีกมากมายที่พวกเราสวาปามไปจนพุ่งยื่น

พวกผมกลับมาขึ้นรถแล้วมุ่งไปจุดถัดไป วัดบางกุ้ง ไหว้พระขอพรเข้าโบสถ์ที่มีต้นไม้ปรก ปิดทองขอพรพระให้สอบผ่านด้วยเกรดดีๆแล้วก็ไปถ่ายรูปกันตรงค่ายทหารของพระเจ้าตากสิน

“ไหนมึงทำท่านั้นสิ” ผมชี้มือไปที่รูปปั้นแล้วล้วงมือถือออกมาบ้าง มันถ่ายผม ผมเลยจะถ่ายมันด้วย ให้มันทำท่าต่อยมวยเลียนแบบรูปปั้นทหารซะเลย

ไอ้กอล์ฟทำท่าทางจริงจัง ถึงมันจะเก้กังนิดหน่อยแต่โดยรวมแล้วดูดีจริงๆครับ ทำให้สาวๆแถวนั้นหัวเราะกันคิกคักแอบกดถ่ายรูปมันไปด้วย

“ขอดูหน่อย” มันพยายามชะโงกหน้าเข้ามาดู แต่เดี๋ยวก่อนสิเฮ้ย ยังแต่งใส่สติกเกอร์ไม่เสร็จ ผมหันหนี..มันก็อ้อมเดินมาดู สุดท้ายมันโอบไหล่ผมไว้เลยกันผมหลบมันอีก

“เฮ้ย..ตลก” มันดูรูปแล้วขำลั่น “ใส่นี่เพิ่มสิ..”

“ใส่อะไรวะ..”

กอล์ฟมันจิ้มๆ สุดท้ายภาพออกมาตลกกว่าเดิมอีก..ผมกับมันยืนกอดคอกันขำลั่น ขำจนคนแถวนั้นหันมามองเราสองคนน่ะครับ

“เราขอแชร์รูปได้ไหม?” กอล์ฟมันหันมาถามตอนที่ผมส่งรูปไปทางข้อความส่วนตัวให้มันแล้ว  ตอนนั้นผมกำลังขับรถไปยังตลาดน้ำอัมพวาเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ ก็เลยอนุญาตมันไปส่งๆไม่ได้คิดจะมีเงื่อนไขอะไร

ซึ่งพอผมอนุญาต มันก็ก้มหน้าก้มตากับโทรศัพท์เลย และนั่นทำให้ผมเลยทางเลี้ยวไปเสียแล้ว.. คุณเนวิเกเตอร์ครับ กลับมาทำงานก่อน..

เราต้องไปกลับรถมาเพื่อเลี้ยวเข้าเส้นที่จะมุ่งหน้าไปสู่ตลาดน้ำอัมพวาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากหรอกครับ.. มาเสียเวลาตรงหาที่จอดรถนี่แหละ

ตลาดน้ำอัมพวาคนเยอะมากถึงมากที่สุด วันนี้วันหยุดยิ่งเยอะแยะยุ่บยั่บ เราเดินด้วยกันแทบจะตัวติดกันเป็นชิ้นเดียว ผมนำหน้าไอ้กอล์ฟตามหลัง บางครั้งก็ถูกคนเบียด แล้วก็ถูกคนชน กระทบกระทั่งกันไปตามจังหวะ แต่ก็สนุกกันมากครับ ไม่มีใครถือสากัน หันไปขอโทษกันก็จบ

และดีว่าเราไหวตัวกันทัน เอาเสื้อหนังพับเก็บไว้ที่บ้าน ไม่งั้นอาจเห็นหมาลิ้นห้อยสองตัวเดินด้วยกันแน่ๆ แค่นี้ก็เหงื่อหยดแล้ว

กอล์ฟมันเดินตามหลังมันคงเห็นว่าผมเหงื่อไหลคอ ไหลหน้าผากมั้ง มันเลยควักเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้

“ขอบใจ..” ผมหันกลับไปยิ้มกับมัน

กอล์ฟมันก็ยิ้มตอบแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าไม่เป็นไรเลย ก่อนจะชี้ไปที่ของที่ระลึกร้านหนึ่ง “ม่วงดูดิ พวงกุญแจน่ารักดี เอาไปฝากพวกนั้นไหม”

ผมพยักหน้ารับแล้วเราก็ดิ่งเข้าไปดูด้วยกัน ช่วยกันเลือก มือไอ้กอล์ฟฟี่นี่ไม่ห่างตัวผมเลยครับ เอว หลัง ไหล่ แขน มือ จับไปทั่วจนพรุนไปด้วยความอุ่นของมือมัน.. นี่ถ้าคนไม่แน่นเกินไปมันคงเกาะไหล่เดินสบายกว่านี้

เราได้พวงกุญแจมาสิบอันฝากเพื่อนๆ แล้วก็เดินไปหยุดกันตรงร้านอาหารร้านหนึ่ง เห็นดีเห็นงามร่วมกันกับกุ้งแม่น้ำตัวโตบ้ะเริ่มที่แม่ค้าเขากำลังเสิร์ฟให้กับพี่ที่สั่งไว้.. เราก็เลยหยุดกินกันตรงร้านนั้น

ร้านนี้อยู่ติดริมน้ำครับ โชคดีมากที่มีที่ว่างให้เราไปนั่งห้อยขาแกว่งไปมากันริมน้ำ โต๊ะเป็นแบบนั่งกับพื้น มีเบาะปูรอง มีหมอนสามเหลี่ยมให้พิง ตรงนี้มีลมโชยอ่อนๆ บรรยากาศรอบๆก็โปร่งสบาย แถมยังมีพัดลมไอน้ำติดไว้อีกมันก็เลยไม่ร้อนมาก พวกผมสั่งอาหารมากินกัน รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ โค้กเย็นๆ กับกุ้งและหมึกหวานๆ ฟินที่สุดเลยครับ

“อิ่มไหมม่วง..”

กอล์ฟมันนั่งเท้าแขนไปด้านหลัง มองผมที่ดูดโค้กไปด้วยลูบพุงตัวเองไปด้วย.. ปากนี่มันแผล่บเพราะสั่งทอดมันมากินกันด้วย.. วันนี้เปรมปรีดิ์มากจริงๆ

“อิ่มมาก..” ผมเรอออกมาเบาๆ สงสัยจะกินเยอะไป แหะแหะ ขอโทษที่เสียมารยาทครับ โค้กมันตีขึ้นมา

ไอ้กอล์ฟมันหัวเราะแล้วบอกว่า “งั้นมื้อนี้เราจ่ายเองนะ..โทษฐานที่ให้ม่วงขับรถพามาเที่ยว”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร.. ก็มาเที่ยวด้วยกัน ก็จะได้ช่วยกันออกแหละ”

“ไม่เป็นไรม่วง.. เราอยากออกให้” กอล์ฟมันยิ้มกว้าง “แค่ม่วงมาเที่ยวด้วยกันตามลำพังก็สนุกจะแย่แล้ว นี่ยังขับรถให้เรานั่งสบายๆมาอีก..ให้เราได้เลี้ยงกลับบ้างเถอะ”

ผมลืมไปมันเป็นป๋าเปย์.. “ก็ได้ ตามใจ..”

ม่วงน้อยไม่มีปัญหาเรื่องการให้ใครเลี้ยงข้าวเลี้ยงหนมอยู่แล้วแหละ.. อยากเลี้ยงก็ยินดีครับ

เรานั่งอยู่ตรงนั้นดูตลาด ดูคนไปเรื่อยเปื่อย ไอ้กอล์ฟมันก็ถ่ายรูปโน่นนี่ไปเรื่อย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรูปผมนั่นแหละเป็นหลัก ดูเหมือนมันจะชอบถ่ายตอนที่ผมเผลอทุกทีเลย หันไปเห็นมันก็จะเปลี่ยนมุนกล้องไปทางอื่น พอเผลอ..กลับมาอีกแล้ว

จนถึงเวลาที่ต้องกลับ พวกเราก็เดินซื้อของฝากไปตามทางกลับที่จอดรถ ได้ขนมกับเสื้อผ้าฝ้ายสวยๆ ผมซื้อกางเกงเลไปฝากคนที่บ้านหลายตัว นับไปนับมาก็ซื้อไปเกือบยี่สิบตัว แล้วก็ซื้อพวกของแห้ง กุ้งแห้งตัวโตๆ กะปิกลิ่นหอมๆ ส่วนไอ้พวกเพื่อนๆก็มีพวงกุญแจเป็นของฝากพวกมัน..ตอนนี้ ของฝากทุกอย่างผมแบ่งกันถือกับไอ้กอล์ฟสองคนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมดแหละครับ

ขากลับเข้ากรุงเทพรถค่อนข้างติดพอควร แต่พอขึ้นทางด่วนได้แป๊บเดียวก็กลับถึงบ้านแบบเร็วทันใจเลยครับ มาติดอีกทีตรงทองหล่อก่อนถึงบ้านเนี่ยแหละ

ไอ้กอล์ฟมันก้มหน้าก้มตากับโทรศัพท์มันตั้งแต่เราเลี้ยวเข้าถนนพระรามสอง ปากมันยังคุยกับผมนะครับ.. แต่ตามันนี่จ้องอยู่แต่กับโทรศัพท์ ..น่าเขกกระโหลกจริงๆไอ้เด็กติดโซเชี่ยล

พอรถเข้าที่จอด ผมกับไอ้กอล์ฟก็ช่วยกันขนของลง มีพี่ยามวิ่งมาช่วยขนอีกคน เราเลยจัดการทุกอย่างกันเรียบร้อยภายในรอบเดียว

“กลับมาแล้วคร้าบบบ” ผมร้องบอกนัทที่นั่งอยู่หลังเค้าเตอร์ พี่ชายเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้แล้วหยิบเงินทอนใส่ถาดให้คนงานเอาไปทอนลูกค้า

“กลับกันเร็วเหมือนกันนี่นา พี่นึกว่าจะดึกกว่านี้”

“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวมืดนัทจะห่วงม่วง” ผมว่าแล้วหย่อนก้นลงนั่ง ตอนนี้บนโต๊ะตัวหนึ่งมีของฝากกองอยู่เต็มเลย “นี่ม่วงซื้อมาฝากทุกคนเลยนะ ให้นัทกับพี่แมนเลือกก่อน ส่วนของป๊าวีแม่ไก่ กับคุณป้ามนและคุณลุงม่วงใส่ถุงแยกไว้ให้นี่แล้ว”

“อื้ม.. ขอบใจมาก ผ้าสวยดีจัง” นัทหยิบๆดูแล้วก็เอ่ยถาม “แล้วนี่หิวกันอีกไหม หรืออิ่มแปล้กันมาแล้ว..?”

“ม่วงอิ่มนะ กอล์ฟล่ะ?..” ผมหันไปถามก็เห็นมันยิ้มส่งมา

“ตอนนี้อ่ะยัง แต่ดึกๆคงหิวอีกรอบ..”

“งั้นเอาใส่กล่องกลับไปดีไหม?” นัทบอก แต่ผมก็ร้องแซวขึ้นมาทันที

“เห้อะ เอาข้าวใส่กล่องแล้วห้อยไปกับแฮนด์มอไซค์บิ๊กไบค์เป็นรถจ่ายตลาดเลย”

“กับข้าวอร่อย..ยอมครับ” กอล์ฟมันก็ยังปากหวานยิ้มง่ายเหมือนเคย

“เอาอะไรดี?” นัทก็บ้ายอเหมือนกันนะเนี่ย

“ไข่เจียวหมูสับ กับไก่กระเทียมโปะข้าว”

นัททำหน้างงใส่ ..แล้วหันไปมองไอ้กอล์ฟที่พยักหน้ายืนยันคำสั่งอาหารของผม ..เห็นมะ.. ว่าแล้วว่ามันต้องอยากกินอะไรแบบนี้ วันนี้ซัดกุ้งกับปลาหมึกกันมาเต็มคราบ ต้องหมูกับไก่เนี่ยแหละที่มันจะกิน

คนพร้อม อาหารพร้อมห้อยอยู่ตรงแฮนด์ หมดกันบิ๊กไบค์และมาดพระเอกของไอ้กอล์ฟ.. โถ..

“เรากลับก่อนนะ ขอบคุณครับพี่นัท” กอล์ฟมันยกมือไหว้พี่ชายผมแล้วโบกมือลา ก่อนจะยันเท้าพาบิ๊กไบค์ของมันโผนทะยานออกไป

ผมเดินกลับเข้าไปในร้าน นั่งเเยกของฝากจัดหมวดหมู่อยู่ครู่หนึ่งก็เรียบร้อย.. เอาให้ทุกคนเสร็จก็ได้ทีมานั่งดูโทรศัพท์เสียที ..ปกติผมจะปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ มันจะได้ไม่ดังจนน่ารำคาญ และก็ปิดแจ้งเตือนของเฟสบุ๊คไว้ด้วย เพราะขี้เกียจมาคอยนั่งมองไฟกะพริบที่หน้าจอ.. วันนี้ทั้งวันก็ไม่ได้เปิดเข้าเฟสไปเลย เพราะโทรศัพท์ผมให้ไอ้กอล์ฟไว้ดูแผนที่ พอตอนนี้มาเปิดเข้าไปเท่านั้นแหละครับ เห็นแจ้งเตือนเป็นร้อย แถมมีคนส่งข้อความมาเพียบก็ได้แต่ตกใจ.. อะไรวะ

ไถๆไปถึงเพิ่งเห็นว่าไอ้กอล์ฟทำพิษ อัพรูปผมขึ้นเฟสมันรัวๆ แล้วไอ้พี่มาร์คมันก็ทำพิษ..แม่งแท็ครูปให้ผมแบบอัตโนมัติ.. มาเป็นสิบรูปเลย ผมรีบเข้าไปดูอัลบั้มของไอ้กอล์ฟแล้วก็ต้องตบเข่าฉาด.. ชื่ออัลบั้มของมันคืออัมพวาพาเพลิน..เห่ยได้อีกครับกอล์ฟฟี่

ผมว่าจะโทรไปด่ามันอยู่พอดี ไอ้กอล์ฟตัวดีมันก็โทรมา ..รูปมันเซลฟี่ตัวเองโชว์หราตอนที่มีสายเข้า..ไอ้...หืมจะด่ายังไงดี..นี่มึงเซ็ทรูปตัวเองให้กูเรียบร้อยเลยนะ

“ไอ้กอล์ฟทำอะไรของมึงวะเนี่ย..” ผมเปิดฉากด่ามันก่อนแล้วครับ เสียงทางฝั่งมันนี่ล้งเล้งเหมือนอยู่กลางถนน แถมมีเสียงหวอดังอยู่ไกลๆด้วย

“สวัสดีครับ..” เสียงไม่คุ้นเคยตอบกลับมา.. เบอร์ไอ้กอล์ฟแต่นี่ไม่ใช่เสียงไอ้กอล์ฟนี่หว่า “ผมหน่วยกู้ภัยนะครับ..ไม่ทราบกำลังเรียนสายคุณณัฐวัฒน์หรือเปล่าครับ”

ได้ยินเท่านี้ใจผมก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วครับ
*****

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชวนไปเล่นเกมกันค่า

ใครสนใจจิ้มลิ้งได้เลย มีของรางวัลให้ด้วยนะคะ

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=789623647892256&id=120230658164895

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ลากอ่านอย่างยาว~~~~~ เพลินมาก แอบตกใจนิดนึงตอนที่บอกว่าต่อจาก can I จะดราม่าน้ำตาตกเหมือนเรื่องนั้นหรือเปล่า

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ลากอ่านอย่างยาว~~~~~ เพลินมาก แอบตกใจนิดนึงตอนที่บอกว่าต่อจาก can I จะดราม่าน้ำตาตกเหมือนเรื่องนั้นหรือเปล่า


ม่ายๆ เรื่องนี้ไม่ม่าเลยค่า รักใสๆ ลั้นลามากกว่า

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
14
 
ผมรีบตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลทันทีที่วางสายจากหน่วยกู้ภัย ..ตอนนั้นพี่แมนลงมาจากข้างบนพอดีก็เลยอาสาขับรถพาผมมาเองไม่ให้ผมนั่งแท็กซี่ไปลำพัง

“ใจเย็นๆไว้”

พี่แมนเอ่ยปลอบผมแล้วหันไปใช้สมาธิกับการขับรถ ไม่นานพวกเราก็มาถึง โรงพยาบาล ผมลงจากรถไปก่อนส่วนพี่แมนเอารถไปจอดแล้วจะตามมาที่ห้องฉุกเฉินอีกที

ตอนที่ผมไปถึง ผมก็เห็นไอ้กอล์ฟอยู่ไกลๆ มันนอนอยู่บนเตียงด้วยเสื้อผ้าชุดเดิมของมัน ซีกซ้ายทั้งแถบแหกไปหมด แหกในที่นี้ผมไม่ได้หมายถึงแค่เสื้อผ้า แต่ผมหมายถึงผิวของมันด้วย

แล้วดูมัน ยังมีกระใจหันกลับมายิ้มเพลียๆส่งให้ผมอีก

ผมรีบเดินเข้าไปที่เตียง ในห้องนั้นมีคนเจ็บร้องโอดโอยอยู่หลายคน พยาบาลและแพทย์จึงไปรุมคนที่มีสัญญาณชีพอ่อนก่อน ส่วนไอ้กอล์ฟก็นอนรอไป

“ไงมึง เอาหน้าไปปาดถนนมายังไงวะเนี่ย” ผมเอ่ยถามพลางก้มลงมองสภาพหน้ามันที่คางน่าจะแตก (มีผ้าก้อตชุ่มเลือดปิดไว้ สงสัยกู้ภัยจะทำแผลน่ากลัวให้ก่อน แผลไม่น่ากลัวก็เอาไว้ให้พยาบาลที่นี่จัดการ) ไหล่ซ้าย แขน และต้นขาลามไปถึงหน้าแข้ง ล้วนมีสีแดงแซม ขนาดมันใส่เสื้อสีดำยังเห็นความหนืดของสีเลือดเลยครับ ดีที่มันใส่หมวกกันน็อคนะ ไม่งั้นหน้าคงแหกกว่านี้

“ไม่ได้ตั้งใจเอาหน้าปาด แต่มีคนตั้งใจมาปาดหน้า” มันพูดแล้วก็ทำหน้าอ้อนใส่ “จู่ๆเขาก็แว่บออกมากลับรถไม่เปิดไฟเลี้ยว เราเบรคไม่ทันก็เลยไถลไปกับพื้นถนนน่ะ”

“แล้วคู่กรณีล่ะ..”

“หายไปแล้ว กลับรถได้คงรีบไปต่อแล้วล่ะ” กอล์ฟมันบอกเสียงเพลียๆ ท่าทางมันจะเจ็บอยู่ไม่น้อย

จังหวะนั้นมีพี่กู้ภัยชุดส้มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเราที่เตียงพร้อมเอกสารในมือ เขาเดินมาบอกไอ้กอล์ฟว่ารถมันจอดอยู่ที่สน.ไหน ให้ไปทำเรื่องเอาคืนได้เลย ส่วนของส่วนตัวเช่นสร้อยข้อมือ แหวน มือถือและกระเป๋าเงินถ้าไม่มีญาติมาก็จะทำเรื่องฝากไว้ที่นางพยาบาล แต่ถ้ามีมาแล้วก็ให้เซ็นต์รับของไปได้เลย

“นี่ครับ.. ให้คนนี้เซ็นต์รับได้เลย” กอล์ฟมันชี้มาทางผม “คนนี้ที่ผมให้พี่โทรหา”

“อ่ะ..คนนี้เหรอ?” กู้ภัยคนนั้นมองมาที่ผมแล้วยิ้ม “อ่า ได้ๆ นี่ครับเซ็นต์ตรงนี้” เขาชี้ลงตรงจุดที่ต้องเซ็นแล้วเหลือบตามองผมยิ้มๆอีกที..

พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่าเนี่ย..

“เดี๋ยวไปรับของได้ที่คนโน้นเลยนะครับ ..แจงๆ เอาของให้พี่คนนี้เขาเลย”

ผมเดินไปรับของที่น้อง พอเดินกลับมาไอ้กอล์ฟก็เซ็นเอกสารอะไรเสร็จเรียบร้อย พี่กู้ภัยเขาก็เดินออกไป

“ไหวไหมเนี่ย..” ผมถามด้วยความเป็นกังวล  “หมอเขาว่ายังไงบ้าง”

“เมื่อกี้หมอตรวจไปทีนึงแล้ว เห็นเขาว่าไม่มีอะไรหัก มีแต่แผลเนี่ย.. หมอยังหัวเราะบอกเมื่อกี้เลยว่าคงมีแผลเป็นไว้เป็นหลักฐานชีวิตเท่านั้นแหละ”

“อ๋อ..” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ครูดไปกับถนนขนาดนั้นไม่เป็นแผลเลยก็แปลกล่ะ “ถ้าห่วงว่าจะไม่หล่อก็ศัลยกรรมไป”

“ห่วง...รัก”

กอล์ฟมันพูดเบามากจนผมต้องเงี่ยหูฟัง “หื้ม ว่าไงนะ”

มันหลับตา หน้าแดงแป้ดขึ้นมาแต่ไม่ยอมตอบอะไร เอ๊ะ หรืออาการมันจะไม่ดี

“เฮ้ย ไหวป่าวเนี่ย เดี๋ยวเรียกหมอให้นะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปล่ะ” ผมหันซ้ายหันขวาก็พอดีกับที่พี่พยาบาลและหมอคนหนึ่งเดินตรงมาทางนี้ “ช่วยดูเพื่อนผมหน่อยครับ”

คุณหมอเปิดแฟ้มประวัติไอ้กอล์ฟออกอ่าน ส่วนพยาบาลก็เริ่มเข็นอุปกรณ์ในการทำแผลเข้ามา ผมเห็นว่าตัวเองน่าจะเป็นที่เกะกะแก่คนอื่นก็เลยจะเดินออกไปนั่งรอข้างนอก แต่พอถอยปุ๊บ ไอ้กอล์ฟก็คว้าไว้ปั๊บ

“ม่วง อยู่ด้วยกันก่อนสิ”

ผมล่ะกลัวจะเกะกะคุณหมอ เลยตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่ทางพยาบาลเหมือนจะรู้คิวเลยพูดขึ้นมา “ญาติมายืนฝั่งนี้ก็ได้นะคะ เดี๋ยวจะทำแผลฝั่งนั้นค่ะ”

“ครับ..ขอบคุณครับ”

ผมเลยได้โอกาสมองเห็นการทำแผลสดๆอยู่ในห้องฉุกเฉินนี่เอง

โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน คนป่วยเลยไม่เยอะมากเท่าโรงพยาบาลรัฐ หมอและพยาบาลจึงมีความอะลุ่มอล่วยให้คนไข้สูงมาก ตอนที่กอล์ฟมันโดนตัดเสื้อผ้าออกเพื่อทำแผลมันก็หลับตาข่มความเจ็บไปแล้ว พอหมอลงแอลกอฮอล์มันก็สะดุ้งเฮือก

ผมรีบคว้ามือมันไว้แล้วพยายามปลอบมันด้วยการบีบมือบีบแขนมันอย่างให้กำลังใจ “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว..”

ผมจำไม่ได้ว่าพูดประโยคนี้ไปกี่หน ไหนจะยาชา ไหนจะเย็บแผล ตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นไปเห็นคุณหมอพยักหน้าแล้วยิ้มให้บอกว่าเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นตอนที่ไอ้กอล์ฟมันปล่อยน้ำตาหยดลงมาตั้งหลายแหมะ

ป๊าของไอ้กอล์ฟมาถึงโรงพยาบาลช้ากว่าผมเล็กน้อย พอมาถึงเห็นไอ้กอล์ฟกำลังโดนหมอรุมและมีผมยืนอยู่ด้วย อาป๊าก็เลยไม่ได้เข้ามา ได้แต่ยืนส่งกำลังใจมาจากข้างนอก จนคุณหมอจัดการพันไอ้กอล์ฟเป็นมัมมี่แล้วนั่นแหละ อาป๊าของมันถึงได้เดินเข้ามาแสดงตัว

“สวัสดีครับ..”

ผมรีบยกมือไหว้เพราะจำหน้าป๊ามันได้ แต่ป๊าดูงงๆ คงจะยังสับสนว่าผมเป็นใครแหงๆ

“ผมชื่อมะม่วงครับ เป็นเพื่อนกอล์ฟ”

ป๊ามันรับไหว้แล้วมองผมตาโต ไม่ได้พูดอะไร คือป๊ามองจนผมรู้สึกว่ากูทำอะไรผิดหรือเปล่าวะเนี่ย

“ป๊า..” ดีที่ไอ้กอล์ฟมันช่วยผมไว้ด้วยการเรียกสติพ่อมันไป

“เอ้อ..กอล์ฟ” ป๊ามันหันไปมองลูกชาย “ว่ายังไง รู้สึกดีขึ้นหรือยัง”

กอล์ฟมันพยักหน้า “ดีขึ้นแล้ว โชคดีที่ม่วงมาอยู่ด้วยตอนทำแผล ไม่งั้นผมคงแย่”

ป๊ามันพยักหน้าแล้วหันมายิ้มให้ผม “ขอบใจเธอด้วยนะ”

ผมเลยต้องยิ้มแหะๆ “ไม่เป็นไรครับ.. เผอิญพี่ชายผมขับรถมาให้ บ้านก็อยู่ใกล้ก็เลยมาได้เร็ว..”

เออ.. พี่แมนไปไหนหว่า?

ผมนึกถึงพี่ชายขึ้นมาได้ ทำให้รีบชะโงกหน้าออกไปดูนอกห้องฉุกเฉิน จึงได้พบว่าพี่แมนเขานั่งรออยู่ด้านนอกโน่น สงสัยจะกลัวเกะกะเหมือนผมตอนแรกแหงๆ

“ยังไงก็ต้องขอบคุณม่วงกับพี่ชายมากๆเลยนะที่มาอยู่เป็นเพื่อนกอล์ฟ ถ้ายังไงป๊าฝากทางนี้ไว้อีกนิดได้ไหม เดี๋ยวป๊าไปคุยกับหมอเรื่องนอนพักที่โรงพยาบาลก่อน”

“ได้ครับ..ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนกอล์ฟเอง” ผมรับปากอย่างแข็งขัน

คืนนั้น กอล์ฟต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการหนึ่งคืน ถ้าไม่มีอาการอะไรหมอก็ให้มันออกได้.. พอส่งมันขึ้นห้องพักแล้วพวกผมก็ขอตัวกลับไม่ได้นอนเฝ้ามันต่อครับ..

แต่หลังจากนั้นเนี่ยสิ.. ผมไม่รู้เลยว่ามรสุมลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นเสียแล้ว
*****

ตอนที่กลับถึงบ้านผมก็เพลียจนไม่อยากอาบน้ำแล้วครับ อยากจะปักหัวลงไปบนที่นอนเลย ออกไปเที่ยวมาทั้งวัน ตกดึกยังมาเจอเรื่องกอล์ฟอีก ผมเลยลืมไปเลยว่าตัวเองยังไม่ได้เช็กเฟสบุ๊คที่เด้งแจ้งเตือนมาเป็นร้อย

วันรุ่งขึ้น..พอก้าวเข้าไปถึงโต๊ะม้าหินหน้าคณะปัญหายิ่งใหญ่ก็โถมเข้ามาหาม่วงน้อยผู้น่าสงสาร

“เฮ้ยๆ มาแล้วๆ”

ยังไม่ทันหย่อนตูดป๋องมันก็ร้องทักนำมาคนแรก “อะไร อะไรพวกมึง แตกตื่นอะไรกัน”

“นี่มึงยังไม่รู้ตัวหรือไง?”

“รู้ตัวอะไรวะ?..” ผมทำหน้ามึนใส่พวกมัน “เออ พวกมึงรู้กันยัง ไอ้กอล์ฟเข้าโรงพยาบาลนะ”

“ห้ะ! เชี่ยประกาศตัวแค่นี้ถึงกับคางเหลืองเลยเหรอ?”

“ไอ้น้องชง.. มันอาจจะแค่ฟ้าเหลืองก็ได้นะมึง..” ไอ้ปูม้าว่าแล้วก็หัวเราะลั่น.. อะไรของพวกมึงกันวะคางเหลืองฟ้าเหลือง

“มันรถล้ม คางแตก ตอนนี้นอนพันผ้าเป็นมัมมี่อยู่โรงบาลโน่น”

“ห้ะ!!” คราวนี้พวกมันสี่ตัวประสานเสียงร้องด้วยความตกใจ.. เออ กูก็ตกใจเสียงพวกมึงเนี่ย

“เมื่อวานมันเอาบิ๊กไบค์ของญาติออกมา ทีนี้ขากลับบ้านโดนคนขับรถปาดหน้าก็เลยรถล้ม.. แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก นอนโรงพยาบาลแพ้พๆเดี๋ยวก็หายแล้ว หวังว่าจะไม่เสียโฉมนะ อีกไม่กี่วันก็จะประกวดเดือนแล้วเนี่ย”

“แล้วนี่อยู่โรงพยาบาลไหนวะ ยังอยู่ไหมเนี่ยเผื่อจะได้ไปเยี่ยม”

“ไปๆ เราจะไปเขียนเฝือก”

“มันไม่มีเฝือกหรอกนิว” ผมบอกพร้อมกับหัวเราะร่วน “เป็นแผลถลอกเฉยๆ แต่ป๊ามันคงห่วงน่ะ ก็เลยอยากให้นอนโรงพยาบาล เดี๋ยววันนี้คงออกมั้ง หรือไงไม่รู้นะ เมื่อวานเราให้โทรศัพท์กับป๊ามันไว้แล้ว ก็ไม่รู้จะได้ชาร์จหรือยัง”

“แล้วได้โทรถามหรือยังล่ะ”

“ยังเลย..เดี๋ยวเรียนเสร็จแล้วค่อยโทร..” ผมบอกแบบนั้นเพราะคิดว่ามันน่าจะพักผ่อนอยู่แหละ “ว่าแต่ เมื่อกี้พวกมึงจะคุยอะไรกับกูวะ?”

“ก็จะถามว่าได้เห็นอะไรในเฟสบ้างหรือยัง?”

“ต้องเห็นอะไรวะ?” ผมถามป๋องแบบงงๆ พอเห็นพวกมันมองหน้ากันแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ผมก็เลยคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูทันที

อื้อหือ...เดี๋ยวนะ เมื่อคืนว่าโนติมันขึ้นมาเป็นร้อย ตอนนี้โนติมันขึ้นเป็น 999+ แสดงว่าหลังพันขึ้นไปแล้ว ทำไมมันวิ่งเป็นแมลงวันหัวเขียวแบบนั้นวะ แล้วดูข้อความที่ส่งเข้ามาสิ ..ขอเปลี่ยนใจไม่เปิดดูได้ไหมเนี่ย

“มึงจะให้กูดูอะไรวะ ตอนนี้เฟสกูน่าจะค้างหรือไม่ก็รวนมั้ง แจ้งเตือนกูมันขึ้นเป็นพันเลย ปกติแค่หลักสิบเอง” ผมบ่นๆแล้วก็หันไปมองไอ้สี่คนนั้น

แต่ละคนมันทำหน้าเพลียใส่ “นี่ไม่ได้รู้เลยใช่ไหมว่าตัวเองดังขนาดไหนชั่วข้ามคืนมาเนี่ย?”

“ดัง?.. ดังอะไรวะ”

นิวมันเบ้ปากมองบนแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “เอาเท่าที่เราเซฟไว้แล้วกันนะ”

“โห..เซฟไว้เลยเหรอวะ” น้องชงหัวเราะ

“เออสิ..มันเยอะ เดี๋ยวไถไม่เจอ..เลยเซฟโพสต์ไว้” นิวจิ้มๆที่หน้าจอมือถือตัวเองแล้วเริ่มสาธยาย “เอาโพสต์แรกก่อน..เมื่อวานพวกมึงไปเที่ยวกันมาใช่มะ”

“เอ้อ..ใช่ๆ กูลืมเอาของฝากมาให้พวกมึงว่ะ ซื้อมาแล้วนะ กูขอโทษ” ผมรีบบอกเพื่อน

พวกมันเลยร้องโห้ยใส่ดังๆ.. อ่าว กูพูดไรผิดวะ

“มึงฟังๆ กูไม่ได้จะทวงของฝากโว้ย.. เรื่องมันเกิดเพราะพวกมึงไปเที่ยวกันมา แล้วไอ้กอล์ฟมันก็ลงรูปรัวๆ”

“อ่าฮะ เห็นแล้ว..นี่ว่าจะด่ามันอยู่ว่าลงอะไรเยอะแยะ แท็คมาซะเยอะ และน่าจะเป็นเหตุให้เฟสกูค้างโนติขึ้นเป็นพัน”

“กูว่าเฟสมึงไม่ค้างหรอก.. โนติที่ขึ้นเป็นพันเพราะรูปที่ไอ้กอล์ฟแชร์นั่นแหละ..”

ผมเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อคำไอ้ป๋อง..

“อ่ะดูต่อๆ จะได้รู้ว่าเฟสมึงมันไม่ได้ค้าง.. รูปที่กอล์ฟเอาลง มันแทคมึงด้วย คราวนี้เดือนคณะแพทย์ ที่ชื่อซอลน่ะ เข้ามาเม้นท์ทักว่านี่เฟสม่วงหรือเปล่า? จะขอแอดมึง”

“อันนี้กูอยู่ในเหตุการณ์ กูเล่าเอง..” ไอ้ป๋องรับต่อ “ไอ้กอล์ฟมันนิ่งไม่ได้ตอบ..แล้วจากนั้นก็มีคนมาเม้นท์กันเยอะเลยว่าใครเนี่ย ตี๋ ขาว ปากชมพู ตรงสเป็ก สาวๆก็มี หนุ่มๆก็มา คราวนี้เดือนแพทย์คงกลัวจะเม้นท์จม เลยไปเม้นท์ที่ใต้รูปมึงรูปนึง...เปิดรูปสิไอ้นิว”

นิวมันก็เปิดรูปขึ้นมา เป็นรูปผมกำลังยิ้มแล้วมองอะไรสักอย่างที่ด้านบน พร้อมกับชี้..อืม วิวนี่น่าจะเป็นที่วัดหรือเปล่าหว่า ผมจำไม่ได้

“แล้วไงวะ”

“ก็มันไปเม้นท์ว่าน่ารักจังรูปนี้ ขออนุญาตเซพนะครับ” ไอ้ป๋องพูดไปยิ้มไป “คราวนี้ไอ้กอล์ฟก็มาเลย..ไม่ให้ครับ รูปมีเจ้าของ”

ผมฟังแล้วก็..เออจริง ไอ้กอล์ฟเป็นคนถ่าย มันก็เป็นเจ้าของอ่ะ มันไม่ให้ก็ไปเอาของมันไม่ได้นะ

“แล้วไง?” ผมถามต่อ เริ่มเอามือเท้าคางนั่งมองพวกมัน

“หมอซอลไม่ยอมอ่ะดิ มาบอกว่าถ้าคนในรูปยอมก็น่าจะโอเคไม่ใช่เหรอ ..กอล์ฟมันเลยบอกถ้าว่าด้วยลิขสิทธิ์มันเป็นคนถ่ายรูปนี้ มันถือว่ามันเป็นเจ้าของรูป และมันไม่ให้”

“แล้วหมอซอลแม่งก็ทิ้งไพ่ตาย..บอกว่างั้นไม่เป็นไรครับ ไว้ผมไปขอม่วงถ่ายเองก็ได้” น้องชงมันบอกแล้วยักคิ้วหน้าระรื่น

“ก็..” ผมยักไหล่ “ไม่มีปัญหากับการถ่ายรูปนะ”

ป๋องมันหัวเราะหึหึ “คนที่มีปัญหาไม่ใช่มึง” พูดจบมันก็พยักหน้าให้ไอ้นิวเปิดรูปอีกรูปขึ้นมา แล้วส่งมาให้ผมดู

ผมก็หยิบมาดู มันก็เป็นรูปคู่ของผมกับไอ้กอล์ฟมันนี่หว่า แล้วยังไงล่ะ.. ผมว่าจะเงยหน้าขึ้นถาม สายตาก็ไปป๊ะเข้ากับคำอธิบายใต้รูป ..จะถ่ายรูปใครก็ต้องขอเขาก่อน.. ถ้าเขาไม่ให้ก็ถ่ายไม่ได้หรอกนะ..

ผมขมวดคิ้วหมับ..อืม..คงไม่มีอะไรใช่ไหมวะ?

“มึงไถไปดูคอมเม้นท์ด้วย..” ปูม้ามันบอกผมด้วยเสียงเอือมๆ..

อะไร..ทำไมต้องเอือมกูวะ.. ผมไถไปดูคอมเม้นท์เห็นมันขึ้นตั้งสองร้อยเม้นท์ มึงจะให้กูดูเม้นท์ไหนล่ะ

ปูม้ามันคงรำคาญความอ้อยอิ่งของผม มันเลยคว้าโทรศัพท์ไปจิ้มให้ ปรากฏว่าคอมเม้นท์แรกสุดก็คือ “ขอโทษครับ พิมพ์ตกไปนิด ..จะถ่ายใครก็ถามเจ้าของเขาด้วย” ..และมันเป็นเม้นท์ของไอ้กอล์ฟ

แล้วหลังจากนั้นก็มีแต่เม้นท์กรี๊ด เม้นท์ล้อเลียน เม้นท์เป่าปากโห่ฮา และที่สะดุดเยอะสุดก็คือ Confirmed Dating? Congratulations!.. เป็นคำพูดจากเฟสของน้องชายมันที่อยู่ต่างประเทศ..ใครแฮกวะ

เดี๋ยวนะ… อะไร..

ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้สี่คนนั่น..และพวกมันพยักหน้าพร้อมกัน..อ่าห้ะ มึงเข้าใจไม่ผิดว่ะม่วง..

ผมนี่ปึ้ดเลยครับ ปึ้ด..!!

“ไอ้กอล์ฟนะไอ้กอล์ฟ จะล้อเล่นอะไรก็น่าจะดูมั่งว่าตัวมันน่ะดังแค่ไหน.. เดี๋ยวคนได้เอาไปลือผิดๆกันหรอก”

ผมบ่นอุบเลยครับ และแน่นอนว่า..พี่ม่วงกดโทรศัพท์หาไอ้ก๊อบทันที

กูไม่รอหลังเลิกเรียนแล้ว
****

 :z3: :z3: :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2017 10:05:25 โดย MosKito »

ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
15
 
ไอ้กอล์ฟรับโทรศัพท์อย่างไวเลยครับ
“ฮาลโหลว ม่ง..”

ม่งพ่อง.. มะม่วงว้อย เดี๋ยวก่อน กลับมาเรื่องที่มึงโพสต์ก่อนเดี๋ยวหลงประเด็น
“มึงโพสต์อะไรของมึง..” ผมเม้งมันก่อนเลยครับ

“โพ้ดลูบ”
“โพสต์รูปแล้วทำไมต้องลงแคปชั่นแบบนั้น..”

“ลูบนัย?”
เดี๋ยวนะ..ทำไมเสียงมันเป็นแบบนั้นวะ? เหมือนคนลิ้นคับปาก

“กอล์ฟ..มึงเป็นอะไร?”
“หมอชิดยาชา ทำฟาน”

“จากที่รถล้มอ่ะนะ”
“อื้อ..”

ที่บอกว่าไม่เป็นไรๆ มันอาจจะเป็นไรก็ได้สินะ
“แล้วตรงอื่นมีอะไรอีกไหม”

“ใส่เฝือกขา.. กะดูกล้าว”
โถ.. สมน้ำหน้า..ก็จะดูใจร้ายไป.. แล้วแบบนี้จะไปเฉ่งอะไรกับมันก็คง..ยังไม่ได้สินะ..เออ ฝากไว้ก่อนก็ได้วะ
“งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ไปเยี่ยมนะ”

“อื้อ..ดีจัย” กอล์ฟมันตอบมาแบบลิ้นเปลี้ยๆ
“เออๆ พักผ่อนไปมึง เดี๋ยวเย็นเจอกัน” ผมบอกแล้ววางสาย ทำให้ไอ้สี่คนนั้นมองมาทางผมตาแป๋ว

“คงยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลหรอก.. เห็นว่ากระดูกขาร้าวใส่เฝือกอยู่ แล้วก็ทำฟัน ไม่รู้ฟันหลอหรืออะไร”

“หมดกันเดือนคณะกู” ไอ้ป๋องร้องอย่างสังเวชใจ “แบบนี้มันจะประกวดได้ยังไงวะ..”

“นั่นสิ.. แล้วนี่เราต้องไปแจ้งพี่ที่ดูแลพวกดาวเดือนหรือเปล่าวะ”
“เออว่ะ.. คงต้องไปบอกมั้ง”
“แล้วใครจะไปบอกล่ะ”

ไอ้สี่คนมันคุยกัน พอไม่ได้ข้อสรุปมันก็หันมาหาผม.. “กู?..” ผมเอานิ้วจิ้มตัวเอง

แล้วไอ้สี่คนนั่นก็พยักหน้าพร้อมกัน..อ่าห้ะ..มึงนั่นแหละม่วง.. ผมนี่บึนปากใส่มันเลยครับ..
****

ตกเย็นหลังจากผมเป็นหน่วยกล้าตายบอกข่าวไอ้กอล์ฟกับทุกๆคนที่ควรต้องรู้ แล้วได้สายตาตอบกลับมาว่า...กูเห็นในเฟสแล้วนะ.. ทำเอาผมอยากจะทึ้งผมตัวเองซะหลายรอบ และได้แต่เข่นเขี้ยวแช่งไอ้คนป่วยให้หมอถอนฟันให้หมดปาก

พวกผมห้าคนกับตัวแทนของแอดมินเพจดาวเดือนก็ไปโรงพยาบาลด้วยกัน ตอนที่ไปถึง ไอ้กอล์ฟมันมีสภาพการพูดจาดีขึ้นแล้วครับ คุยภาษาคนรู้เรื่องไม่ได้เป็นมนุษย์ต่างด้าว ลิ้นเปลี้ยๆอีก

พอเห็นพวกผมแวะเข้าไปหามันก็ตีปีกกระดี๊กระด๊า รีบบอกให้แม่บ้านมันยกขนมนมเนยออกมาเสิร์ฟ ตู้เย็นมันนี่เต็มไปด้วยของกิน.. ดีมากกอล์ฟฟี่..เพื่อนกำลังหิวโหย พวกผมมาเยี่ยมเพื่อนกันมือเปล่าครับ.. เพราะคิดว่ายังไงก็คงมีของกินรอพวกผมอยู่แน่ๆ

“เป็นไงบ้างที่รัก” ไอ้ป๋องเลยครับประโยคนี้ ถามแล้วมันก็คว้าเอแคร์ยัดเข้าปาก

“พรุ่งนี้คงออกจากโรงพยาบาลได้แล้วแหละ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปเรียนได้เลยไหม หมอบอกว่าจะใส่เฝือกอ่อนไว้สักสองอาทิตย์ แล้วป๊าก็อยากให้หยุดไปสักสองอาทิตย์”

“โห..เยอะไป..” น้องชงมันบอก “เดี๋ยวจะเรียนไม่ทันนะเว้ย”

“ป๊าเขาห่วงว่าเดี้ยงแบบนี้จะไปเรียนยังไง”

“แค่ร้าวเองไม่น่าจะไปไม่ได้นะ มีที่ช่วยค้ำเดินก็น่าจะไปได้แหละ เพียงแต่ว่าจากคอนโดจะมาเรียนนี่อาจต้องให้ที่บ้านมารับมาส่งช่วงนึง”

“นั่นสิ แล้วพอมาเรียนพวกเราก็ช่วยกันดูแลได้”

นิวหันมาทางผมที่ยังไม่ออกความเห็นเลย “ม่วงว่าไงอ่ะ?”

ผมก็พยักหน้ารับ “ก็ตามนั้นล่ะ.. มาถึงก็ช่วยๆกันดูแล ตอนเย็นส่งขึ้นรถกลับบ้าน หรือจะไปอยู่ห้วยขวางน่าจะสะดวกกว่าหรือเปล่า”

“เออ จริง..กลับบ้านป๊ามึงไงกอล์ฟ”

“ขี้เกียจตื่นเช้า..” มันบ่นอุบ

“แค่ช่วงนี้แหละ อย่างอแงไปหน่อยเลย” ผมย้ำกับมัน ทำให้กอล์ฟมันยอมรับข้อเสนอของผมโดยดุษณี ไม่ได้ต่อปากต่อคำอีก ผมเห็นมันกัดปากเม้มแน่นก็เลยเงียบไปด้วย

“เออ แล้วประกวดเดือนนี่ยังไงวะ..” คนถามมองหน้าไอ้กอล์ฟแล้วทุกคนก็ต่างหันไปหาพี่แฟงแอดมินเพจดาวเดือนของมหาวิทยาลัยเป็นตาเดียว..

“ทางพี่ๆเขากำลังปรึกษากันอยู่ ตอนสัมภาษณ์คงไม่เป็นไร แต่ตอนแสดงความสามารถพิเศษอาจต้องเอาคลิปที่กอล์ฟซ้อมมาเปิดแทน ก็คงต้องดูว่าจะออกมาในทางไหน.. ถ้ายังไงจะแจ้งนะคะ”

หลังจากพี่เขาอธิบายเสร็จ กอล์ฟมันก็หันมามองหน้าผม.. คือมันส่งสายตาเหมือนมันไม่อยากประกวดแล้วมาให้ผมน่ะครับ.. แต่เรื่องมันก็เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว จะไม่ประกวดก็ไม่ได้ ก็คงต้องทำกันต่อไป

ตอนนี้ในเพจดาวเดือนก็มีภาพและคลิปของมันลงไว้หรา คะแนนโหวตของมันก็ไม่ได้น้อยหน้าเขา เป็นที่สามที่สี่ อยู่ในแถวต้นๆ แล้วเมื่อกลางวันที่เพจก็ลงข่าวมันบาดเจ็บอยู่โรงพยาบาล ก็จุดกระแสความน่าสงสารขึ้นมาอีก ซึ่งก็คงต้องรอดูว่าพอถึงวันปิดโหวต คะแนนของนายกรวิชญ์จะไปถึงตรงไหน

อาการของมันยังไม่ได้ดีนักครับ คุยกันไปก็มีความเบลอความสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาอยู่ด้วย ทำให้พวกเราต้องขอตัวลากลับ ส่วนผม ไอ้ที่คิดว่าจะมาเฉ่งเรื่องที่มันสร้างไว้ในโซเชียล พอเห็นอาการมันแบบนี้ก็อดสงสารมันไม่ได้

ตอนที่พวกเรากำลังจะเดินออกมาจากห้อง กอล์ฟมันก็ขยับตัวหันมาทางผมแล้วเรียกผมเอาไว้

“ม่วง..”

ผมหันไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามแต่ก็ยังไม่ได้เดินไปหามัน “มีไร?”

“อยู่เป็นเพื่อนเราอีกแป๊บได้ไหม? ตอนนี้ยังไม่มีใครมาเฝ้าเลย เดี๋ยวพี่กุ๊กไก่มาจะให้พี่กุ๊กไก่พาไปส่งบ้าน”

ผมยังไม่ทันจะตอบอะไรน้องชงมันก็ตบไหล่ผมเบาๆ “เออ มึงก็อยู่เป็นเพื่อนมันก่อนแล้วกัน พวกกูต้องรีบกลับบ้าน เย็นแล้ว บ้านพวกกูก็อยู่ไกล.. มึงน่ะบ้านอยู่แค่นี้นั่งรถแป๊บเดียว อยู่เป็นเพื่อนมันหน่อยเหอะ”

แล้วพวกมันก็ทิ้งให้ผมยืนเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพัง มีไอ้กอล์ฟนั่งอยู่บนเตียงมองมาอย่าง..คือบอกไม่ถูกครับ จะว่าเหมือนมันจะอ้อน หรือเหมือนมันจะรู้สึกสำนึกผิด หรือยังไงก็ตีความได้ไม่ถนัดนัก.. อะไรของมึงวะกอล์ฟ อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นได้ไหม พี่ม่วงชอบความชัดเจนนะ มีอะไรก็พูดกันตรงๆเลยเหอะ คิดไปเองมันก็ดูจะเพ้อเจ้อเกินไป

“ม่วง..”

กอล์ฟทำท่าเหมือนอยากให้ผมเดินไปนั่งใกล้ๆมัน ผมก็เลยเดินไปนั่งหันหลังให้มัน เอาตูดพาดเตียงข้างขวาของมันไว้หมิ่นๆ พอผมนั่งปุ๊บ ไอ้กอล์ฟก็เอามือมาแตะตรงปลายเสื้อนักศึกษาที่ผมดึงออกมานอกกางเกง แล้วจับปลายเสื้อนั้นไว้เหมือนกลัวผมจะลุกหนี

ผมไม่รู้จะพูดอะไรครับ.. คือผมรู้แหละว่าระหว่างผมกับมันเริ่มมีอะไรที่กำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่.. ความขี้เล่น สนุกสนาน ง่ายๆไม่คิดมากของมันอาจทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราก็เป็นได้ ผมเลยแค่อยากจะเตือนให้มันวางตัวให้ดีหน่อย อย่ามาล้อเล่นอะไรกันแบบนี้

แต่..ถ้าผมพูดไปก็กลัวว่ามันจะน้อยใจ เข้าใจผิดคิดว่าผมไม่อยากคบมันอีก.. มันก็เลยอิหลักอิเหลื่อ..กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะบอกมันยังไง

อีกอย่าง ถ้าผมพูดไป แล้วมันไม่ได้คิดแบบนั้น หน้าแตกนะครับ.. เหมือนว่าตัวเองมโนไปคนเดียว เยอะไปคนเดียว ทั้งๆที่เพื่อนมันก็ไม่ได้อะไรเลย คราวนี้จะเข้าหน้ากันไม่ติดเยอะขึ้นอีก

“ม่วงครับ..”

มันขยับมือกระตุกเสื้อผมเหมือนเด็กที่กำลังง้อพี่ชาย ผมเลยหันไปมองหน้ามันแล้วยกมือขึ้นแตะไปที่หน้าโย้ๆม่วงๆของมัน ก่อนจะถามขึ้น

“เจ็บมากไหม..”

มันมองหน้าผมแล้วขยับแขนคล้องเอวดึงตัวผมเข้ามาให้ใกล้มันอีก ใกล้พอจะให้มันซบหน้าลงบนสะบักหลังของผม

“เจ็บ.. ตอนนี้เจ็บฟันด้วย”

“ทำไมเจ็บฟัน..” ผมถามแล้วยอมนั่งนิ่งๆให้มันทำตัวเป็นเด็กโข่งซบอยู่อย่างนั้น

“ก็ฟันมันบิ่น หมอบอกถ้าทิ้งไว้อาจจะปวดเลยต้องจัดการ”

“เอาฟันออกเหรอ?..”

“ป่าว หมอเขาบอกแค่เคลือบไว้ดูอาการ.. แต่ตอนที่หมอทำมันคงระบม ตอนนี้เลยเจ็บหน้าไปด้วย.. ในกระพุ้งแก้มก็มีแผล ตอนนี้ขยับมากๆก็เจ็บ”

มันพูดจบก็เอาคางมาเกยที่ไหล่ผมพร้อมกับอ้าปากให้ผมส่องฟันมัน..

กอล์ฟครับ.. กูดูแผลไปมึงก็ไม่หายหรอก.. แต่ตอนนี้ใจกูจะหายไปอยู่ตาตุ่มแทน.. ไอ้ท่าทางของมึงแบบนี้น่ะ ไว้ไปทำอ้อนแฟนมึงไม่ดีกว่าเหรอ มาอ้อนเพื่อนผู้ชายด้วยกันมึงจะได้อะไรขึ้นมา

แต่ก็อีกแหละครับ ผมเป็นคนขี้สงสาร เห็นมันทำแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะตามน้ำไปเรื่อย

“ไหนเงยหน้าขึ้นหน่อย”

ผมพยายามจับหน้ามันเงยโดยไม่ให้โดนแผลคางแตกของมัน ก่อนจะมองลอดเข้าไป ข้างในกระพุ้งแก้มเป็นแผลฉีกแต่ก็ไม่ได้สาหัสนัก ส่วนฟันที่เป็นรอยบิ่น เหมือนหมอจะใช้อะไรสักอย่างอุดไว้ให้ สีเนียนเหมือนสีของฟันมันเลย ดูแล้วก็ไม่ได้เสียหล่ออะไร แค่น่าสงสารนิดหน่อย

“หมอบอกไหมเมื่อไหร่จะหาย”

“ฟันนี่คงไม่หายแล้วแหละ แต่ไอ้พวกระบมๆก็คงสักสองสามวันก็น่าจะดีขึ้น”

“ตอนนี้ก็กินได้แค่โจ๊กน่ะสิ..”

ปกติก็กินอะไรจืดชืดอยู่แล้ว.. มาเป็นแบบนี้ยิ่งจืดเข้าไปใหญ่เลย

“ขนมปังได้บ้าง”

อ๋อ ถึงว่าทำไมมีเอแคร์

“แล้วจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ หมอบอกแล้วหรือยัง?”

มันพยักหน้าแล้วเอามือขึ้นมาปัดๆเสื้อให้ผม เหมือนมันเห็นผงหรืออะไรติดอยู่ ก่อนจะบอกว่า “หมอบอกถ้าพรุ่งนี้ไม่มีอะไรก็กลับไปพักที่บ้านได้”

“แล้วคุยกับป๊าหรือยังล่ะว่าจะไปพักที่ไหน”

“ป๊าให้กลับไปที่บ้าน แต่ยังต่อรองอยู่” มันปัดเสื้อเสร็จมันก็เลื่อนมือลงมาจับมือผมไว้.. ไอ้นี่ทำตัวเหมือนเด็กติดของเล่น มันขยับนิ้วยุกยิกอยู่บนนิ้วของผม ส่วนผมก็ได้แต่ปล่อยให้มันจับไปเพลินๆเพราะหน้าม่วงๆเขียวๆของมันทำให้ผมรู้สึกไม่อยากจะขัดใจน่ะครับ

“ทำไมล่ะ กลับบ้านน่าจะสะดวกกว่านี่นา..”

กอล์ฟมันก้มหน้าแล้วเอนตัวพิงหมอนที่หนุนหลังอยู่ “ก็อยากเจอม่วง อยากเจอเพื่อน”

“หายแล้วก็ได้เจอ..ตอนนี้มาอยู่คอนโดแล้วใครจะดูแล..”

มันทอดสายตามองมาทางผม..แล้วก็เบือนหน้าไป “นั่นสิ..ใครจะดูแล”

สายตาของมันเมื่อกี้ทำให้ผมรู้สึกผิด.. อันที่จริง การที่มันมาเจ็บตัวแบบนี้ผมก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเหมือนกัน เพราะกอล์ฟเอารถมารับผม อยากจะพาผมไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งถ้ามันไม่เอารถนั่นมาก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุหรอก ดังนั้น ผมจึงอยากจะช่วยปลอบ ช่วยดูแล ไม่ใช่ปล่อยให้มันเจ็บอยู่คนเดียว

แต่ทางที่ดีคือผมต้องมองความสะดวกของมันเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าจะมาเอาแต่ใจทั้งๆที่บ้านมันก็เดินทางไม่ได้ห่างไกลสุดขอบโลกขนาดนั้น

“กอล์ฟ..เราไม่อยากให้กอล์ฟมาทรมานนอนเจ็บอยู่คนเดียวที่คอนโดนะ พวกเราไปดูแลกอล์ฟได้ พาไปกลับมอก็ได้ แต่พอตกกลางคืนกอล์ฟจะเข้าห้องน้ำยังไง อยู่คนเดียวเกิดหกล้มขึ้นมาก็จะยิ่งหายช้าไปกันใหญ่” ผมอธิบายให้มันเข้าใจ

“เราอยู่ได้ ..” มันบอกเสียงแผ่ว

“ทำไมต้องดื้อล่ะ ห้วยขวางไม่ได้ไกลเลยนะ นั่งรถไปกลับแป๊บเดียวเอง ..เอาแบบนี้ไหม กอล์ฟกลับไปอยู่บ้านสักอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ ให้หมอเขาบอกว่าโอเคขึ้นแล้วค่อยมาอยู่คอนโด.. ตอนที่มาอยู่ทางนี้เราจะขอนัทมานอนค้างด้วยบางคืน.. เดี๋ยวเราดูแลกอล์ฟจนกว่าจะหายดีเอง..เอาให้หล่อเหมือนเดิม” ผมยิ้มให้มันแล้วลูบต้นแขนมันอย่างปลอบใจ

“สัญญานะ” กอล์ฟมันยิ้มขึ้นมาทันที

“เออน่า.. บอกแล้วว่าจะมาก็มาสิ แต่ต้องให้หมอบอกว่าโอเค ให้ป๊าอนุญาตก่อนนะ ไม่งั้นไม่มานอนด้วยนะเว้ย” ผมขมวดคิ้วบอกมันอย่างจริงจัง “อ้อ แล้วก็มานอนแค่บางวันด้วย ไม่ได้มานอนทุกวัน”

“อื้อ..”

มันตอบรับแล้วก็ใช้ความไวของคนป่วยฉกปากมาจุ๊บผมเสียหนึ่งที

“เฮ้ย..”

ผมร้องแล้วผงะยกมือปิดปากตัวเอง.. หน้าร้อนฉ่าไปถึงหู ป่านนี้แดงเป็นมะเขือเทศแล้วมั้งเนี่ยกู

“เล่นอะไรของมึงวะ” ผมตวาดมัน “ไหนบอกว่าเจ็บฟันเจ็บปาก.. แล้วมึงมาทำ..ทำ..”

โอ๊ย ผมพูดไม่ออก โมโหก็โมโห อายก็อาย.. ผู้ชายที่ไหนมันจูบผู้ชายด้วยกันวะเนี่ย.. และกูว่าวัฒนธรรมอังกฤษ ลอนดอน หรือซีกโลกยุโรปที่ไหนก็ไม่ได้สัมผัสปากกันแบบนี้หรอกนะ.. มึงนี่ไปเรียนรู้วัฒนธรรมต่างดาวที่ไหนมาวะเนี่ย

“เราดีใจ..”

มันทำหน้ายิ้มกว้างขวาง.. แต่ผมนี่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงใส่มัน

“ม่วง..เดี๋ยวสิ..”

มันรีบร้องเรียกตอนที่ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วทำท่าจะเดินออกไปทางประตู

“จะไปเยี่ยว!”

ผมบอกแล้วรี่ไปตรงประตูห้องน้ำเลยครับ.. ไม่ไหว ขอเข้าไปล้างหน้าล้างตาหน่อยเถอะ รู้สึกร้อนวูบวาบจนทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย

ผมหายเข้าไปในห้องน้ำนานพอควร ตอนที่ออกมาก็เห็นมีถุงกับข้าว พวกโจ๊กกับน้ำเต้าหู้วางอยู่หลายถุงแล้ว

“อ้าว..ใครเอามาให้ล่ะ”

“พี่แม่บ้าน ตอนกลางวันป๊าให้เขาจะมาคอยอยู่เป็นเพื่อน นี่เมื่อกี้เขาลงไปยืดเส้นยืดสาย เลยให้พี่เขาซื้อโจ๊กขึ้นมาให้ด้วย เผื่อดึกๆหิว.. ตอนนี้ไปไหนแล้วก็ไม่รู้.. เห็นมาวางแล้วก็ออกไปน่ะ” กอล์ฟมันบ่นแล้วเมียงๆมองๆของกิน ทำท่าเหมือนจะหิว

“อะไร เมื่อเย็นกินไม่อิ่มเหรอ”

“โธ่ อาหารโรงพยาบาล มันจะไปอร่อยอะไรล่ะ ..ม่วงหิวยัง กินด้วยกันก่อนสิ”

ผมลองดึงๆถุงอาหารมาดู มีทั้งโจ๊ก น้ำเต้าหู้ ขนมปัง อ๊ะ อันนั้นของโปรดผม ข้าวผัดขี้เมาทะเล..เห็นแล้วก็หิวขึ้นมาเลย

“อันนี้ของพวกพี่ๆเขาหรือเปล่า..” ผมถามเพราะเห็นมันมีของเผ็ดที่ยังไงก็ไม่ใช่ของที่ไอ้กอล์ฟมันจะกินได้แน่ๆ

“ไม่ใช่หรอก เราให้พี่เขาซื้อมาเผื่อม่วงน่ะ”

อ๋อ..ของผมเอง แบบนี้ก็ไม่ต้องเกรงใจล่ะ

ผมพยักหน้าแล้วเริ่มหยิบชามกับช้อนมาเทโจ๊กให้ไอ้กอล์ฟ.. ส่วนตัวเองก็กินมันในกล่องนั่นแหละครับ ง่ายดี.. ผมลากเอาโต๊ะอาหารติดล้อมาที่เตียง เอาชามโจ๊กวางให้ตรงหน้ากอล์ฟ ปรับเตียงให้มันนั่งสะดวกขึ้นเพื่อจะได้กินแล้วไม่หกเลอะ เอาทิชชู่มาวางไว้ให้ พร้อมเทน้ำเต้าหู้ใส่แก้วมาวางไว้ มือข้างขวาของมันยังใช้การได้ดี ดังนั้นก็เลยให้มันตักกินเอง ส่วนตัวผมก็นั่งลงบนเตียงนั่นแหละครับ ตักข้าวกินไปพร้อมกับกอล์ฟ แล้วก็เล่าถึงเรื่องเรียนวันนี้ให้มันฟัง

ทั้งรายงาน ทั้งเรื่องสอบ ทั้งเรื่องทั่วไป เราคุยกันแบบสัพเพเหระ หัวเราะกันจนบางทีผมดันสำลักข้าวผัดขี้เมาจนน้ำตาไหล..กอล์ฟมันยังต้องยื่นน้ำเต้าหู้มาให้ผมดูดเลย

พอกินกันเรียบร้อย พวกเราก็นั่งคุยกันให้อาหารย่อยเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ผมจึงลุกขึ้นเก็บจานชามไปวางที่ซิงก์..กะจะล้างให้เรียบร้อยเลย แต่กอล์ฟมันห้ามไว้ บอกว่าเดี๋ยวพี่แม่บ้านเขาก็จะมาจัดการเอง ทำให้ผมเริ่มสงสัยขึ้นมา.. นี่มันก็เกือบจะสามทุ่มแล้วนะ ทำไมยังไม่มีใครมากันอีก ผมก็เลยลองถามมันดู

คำตอบของมันก็คือ “อ๋อ..พี่เขามาถึงแล้วแหละ เราให้พี่เขาไปกินข้าวก่อนจะได้ไปส่งม่วงได้ไง”

ผมพยักหน้ารับ..แล้วก็ไม่มีบอกกันเลยนะ ให้มาห่วง..

“งั้นนี่ก็ดึกแล้วอ่ะ..ไม่รู้พี่เขากินข้าวเสร็จหรือยัง”

กอล์ฟมันดูหงอยๆตอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่กุ๊กไก่ แล้วบอกให้พี่เขาไปส่งผม

ตอนผมโบกมือลามัน..มันก็ทำตาอ้อนๆส่งมาอีก..

กอล์ฟ.. กูว่ารถล้มคราวนี้มันทำให้สมองมึงเพี้ยนๆนะ.. ไปเช็กสมองเหอะเพื่อนขอร้อง

**

 :katai5: :katai5: :katai5:










ออฟไลน์ MosKito

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
16
 
พี่กุ๊กไก่มาส่งผมที่บ้านแล้วก็กลับไปที่โรงพยาบาล ส่วนผมพอกลับถึงบ้านก็เตรียมตัวอาบน้ำนอนแล้วครับ ตอนหัวถึงหมอนก็เกือบจะห้าทุ่มแล้ว ผมเพิ่งได้มีเวลากลับเข้าไปในโซเชียลอีกหนก็ตอนตื่นเช้ามาแล้วพาโทรศัพท์เข้าส้วมไปด้วยนั่นแหละ

พอเปิดเฟสมาปุ้บ..ผมนี่กรึ๊ดลั่นห้องน้ำเลยครับ

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า..ตอนนี้นอกจากแจ้งเตือนกระฉูดไป 999+ ข้อความอีกเป็นร้อย แล้วยังมีคนขอเป็นเพื่อนมาอีก.. ผมนี่ตั้งตัวรับความดังของตัวเองไม่ถูกเลย ทำไมแค่วันสองวันที่ไม่ได้เข้ามาดูสังคมออนไลน์มันถึงได้วิ่งไวขนาดนี้ล่ะ

ผมล่ะสุดจะขุด..ก็เลยปล่อยเบลอมันไป..หันมาเปิดไลน์แทน ถึงได้เห็นว่ามีแจ้งเตือนจากกลุ่มเพื่อนเหมือนกัน มันเป็นภาพแค้ปหน้าจอเฟสไอ้กอล์ฟที่เหมือนจะอัพรูปผมตอนกำลังแกะโจ๊กให้มันที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้

ผมรีบกดรูปขยายใหญ่ขึ้นมา..ก็เลยได้เห็นคำอธิบายรูป

“ไม่ต้องห่วงนะครับ..ตอนนี้มีคนใจดีมาดูแลแล้วครับ”

รูปนั้นได้รับการกดไลค์เลิฟว๊าวรวมๆกันแล้วเกือบห้าพัน มีการแขร์อีกหลักร้อย และนี่คือภาพที่ถูกแค้ปมาเมื่อตอนตีสองเมื่อคืนนี้ พร้อมคำหัวเราะเยาะจากไอ้ป๋องว่า..ได้ไลค์น้อยกว่าเพจใต้เตียงดาราเล็กน้อย..สึด ตบกับกูไหมป๋อง

ผมไม่รอช้ารีบไปส่องหน้าเฟสไอ้กอล์ฟทันที ปรากฎว่ารูปนั้นได้รับการตอบรับไปไกลเกือบแปดพันไลค์เข้าไปแล้ว เล่นเอาผมนี่กุมขมับเลย เพราะเฟสมันเสร่อแทคอัตโนมัติอีกแล้ว

ผมกดออกจากหน้าเฟสแล้วได้แต่ถอนใจ..เออ ถ้าผมวิ่งตามสังคมออนไลน์ ผมคงประสาทกิน งั้นก็ปล่อยมันไปเหอะ เอาแค่ชีวิตจริงก็พอ ในเม้นท์พวกนั้นน่ะ ผมเห็นหน้าคนแค่ไม่กี่คนเอง..

ผมเลิกสนใจโลกออนไลน์แล้วอาบน้ำไปเรียน ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างอยู่ในโลกเสมือนจริงไป และไม่สนใจคำแซวของกลุ่มเพื่อนอีก ใช้ความนิ่งสงบสยบเคลื่อนไหว.. ถึงขนาดไปเรียนแล้วก็ยังปล่อยให้พวกมันทำหน้าล้อเลียนได้อย่างเฉยเมย..

และได้แต่รำพึงกับตัวเองว่า..อ่า ตัวข้านี้ใกล้สำเร็จอรหันต์แล้ว

..ทว่า ผมคิดผิดครับ..

ไม่ใช่แค่ในโลกเสมือนจริงเท่านั้นที่ผมถูกเพ่งเล็งเป็นอย่างหนัก ตอนนี้ในโลกจริงที่ผมกำลังหายใจอยู่ก็เจอการบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวแล้วเช่นกัน

“กำลังจะไปเยี่ยมพี่กอล์ฟหรือเปล่าคะ”

น้องนักเรียนในชุดมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาผมที่หน้าคณะ ผมเห็นชุดแล้วก็..อ๋อ รุ่นน้องโรงเรียนเก่าผมเอง ทำให้ผมรู้สึกเอ็นดูจนยิ้มอ่อนส่งไปให้

“เย็นนี้ยังไม่แน่ใจเลยครับ”

“อ้าวทำไมล่ะคะ” น้องทำหน้าเสียดายใส่ผม

“ก็ยังไม่ได้โทรถามเลยว่าออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือยัง”

“ยังไม่ออกค่า พี่เขาเพิ่งอัพสเตตัสเมื่อกี้นี้เองว่าหมอให้อยู่โรงพยาบาลอีกคืนนึง”

ผมทำตาปริบๆ น้องรู้ดีกว่าพี่อีกครับ.. น่าไปเป็นแฟนมันนะครับเนี่ย

“งั้นก็อาจจะไปนะครับ”

เด็กๆพวกนั้นยิ้มมาทางผมอย่างยินดี “ถ้างั้นฝากขนมให้พี่กอล์ฟด้วยนะคะ เป็นของเยี่ยมค่ะ.. ส่วนนี่ ขนมของพี่ม่วงค่ะ..เอาไปทานกับพี่กอล์ฟแล้วกันนะคะพี่”

ว่าแล้วน้องๆก็ยัดขนมใส่มือให้ผม ยังไม่ทันขอบคุณน้องเขาก็ต่อมาอีกประโยค

“พวกหนูเป็นกำลังใจให้คู่ของพี่นะคะ รักกันนานๆนะคะพี่”

พูดจบน้องเขาก็โบกมือลาแล้วเดินจากไปกันทั้งกลุ่มเลย.. คือน้องครับ น้อง!..น้อง ฟังพี่ก่อน

ผมนี่ได้แต่ยืนอึ้งไม่รู้จะอธิบายยังไงดี นี่กูควรตอบรับกำลังใจของน้องเขาแบบไหนดีวะ.. ผมคิดแล้วก็หัวเราะให้กับชีวิตสุขสันต์บนโลกสีชมพูของน้องๆเขา แค่ผมแกะโจ๊ก หรือแค่ถ่ายรูปคู่กันหน่อย ไปเที่ยวด้วยกัน..น้องก็เอาไปสรุปว่าพวกพี่มีซัมติงกันแล้วหรือครับ..ดูชีวิตมีความสุขจัง
***

จากวันนั้นอีกเกือบอาทิตย์ที่กอล์ฟมันถูกป๊าลากตัวกลับบ้านที่ห้วยขวางและเราไม่ได้เจอกันเลย พอมันมาเรียนได้ ก็เป็นพวกเราที่ช่วยกันดูแลไอ้เป๋หล่อ ถือกระเป๋าให้ หาข้าวหาน้ำให้ มันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกนะครับ ปกติก็ดูแลเพื่อนกันดีๆทั้งนั้น

อาทิตย์ถัดมา ผมไปเป็นเพื่อนไอ้กอล์ฟ ให้หมอเขาดูว่ามันพร้อมจะถอดเฝือกได้หรือยัง ก็ได้คำตอบว่ามันยังต้องติดเฝือกไปอีกหนึ่งอาทิตย์ ทำให้มันถูกป๊ามันลากกลับไปนอนที่ห้วยขวางเหมือนเดิม.. ผมก็เลยยังไม่ต้องไปนอนห้องมันอย่างที่เคยพูดกันไว้

กอล์ฟมันดูหงุดหงิดนิดหน่อยที่ต้องไปกลับห้วยขวาง แต่พอผมไม่เอาเรื่องมันที่มันอัพรูปเรื่อยเปื่อย ..มันก็เลยดูจะหายเครียดไปได้บ้าง

..ว่าไงนะครับ..เรื่องอัพรูปน่ะเหรอ..

ใช่ๆ กอล์ฟมันอัพรูปผมขึ้นทุกวัน บางทีก็รูปเดี่ยว บางทีก็รูปเซลฟี่กับมัน หรือถ่ายพร้อมกันหมดทั้งกลุ่ม ส่วนแค้ปชั่น..ก็เรื่องกินเรื่องเที่ยว เรื่องโน่นนี่พูดเยอะเป็นน้ำท่วมทุ่งไป ไม่ได้มีอะไรครับ

แต่จะสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่มันอัพรูปพร้อมแคปชั่น..จะมีสาวน้อยกลุ่มหนึ่งแวะเวียนมาชมว่าผมน่ารักเสมอ..

ซึ่งอยากจะบอกเหลือเกินว่า..หล่อสิครับ..อย่าน่ารักเลยพี่ขอร้อง
***

และแล้วก็มาถึงวันประกวดเดือนจนได้ ตอนเช้ากอล์ฟมาถึงมอด้วยสภาพหงุดหงิดนิดๆ ผมไม่ได้เซ็ท หน้าตายุ่งๆเหมือนเพิ่งถูกขุดขึ้นมาจากที่นอน ไม้ค้ำเดินตอนนี้ไม่ต้องใช้แล้วเพราะเมื่อวานเพิ่งไปเอาเฝือกออก แต่ท่าเดินของมันก็ยังดูเป๋ๆหน่อย คือเหมือนยังไม่กล้าลงน้ำหนักมากนัก เห็นว่าต้องไปกายภาพต่ออีกสองอาทิตย์ แต่เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้นล่ะครับ

..มันตรงดิ่งมาที่หน้าคณะในขณะที่พวกผมกำลังเดินไปรับ พอเห็นหน้ายุ่งๆของมันน้องชงก็กระซิบผมทันที

“มันเป็นไรวะ..”

ผมส่ายหน้าด้วยความไม่รู้ ก็เมื่อคืนยังคุยกันดีๆอยู่เลย มันยังบอกด้วยว่าให้ผมช่วยไปกับมันตอนที่ต้องขึ้นเวที เพราะมันไม่มั่นใจ ผมก็เลยตอบรับไปว่าผมจะช่วย เมื่อคืนก่อนวางสายมันยังบอกอีกว่าดีใจที่ผมคอยอยู่ข้างๆมัน แล้ววันนี้ทำไมหน้ายุ่งขนาดนั้นวะ

รึเมื่อเช้าอึไม่ออก.. ฮา.. ผมก็ว่าไปนั่น

พอถึงตัวมันก็ไม่พูดไม่จา ยกยิ้มส่งมาให้ผมแล้วปลดเป้ส่งต่อให้ไอ้ป๋องไปถือพร้อมคำขอบคุณเบาๆ

เช้านี้พวกผมยังไม่มีเรียนครับ มีเรียนกันตอนสายๆ แล้วตกเย็นก็จะมีการประกวดดาวเดือน แต่พี่หลุยส์นัดกอล์ฟมันตั้งแต่เช้า เห็นว่าต้องมีการซักซ้อมคิว แต่งหน้า ทำผม อะไรอีกพอสมควร ซึ่งม่วงน้อยคนนี้ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนด้วย เพราะกอล์ฟอาจจะไม่สะดวกเวลาต้องลุกไปไหนมาไหนคนเดียว

ผมเดินคู่ไปกับมัน คอยระวังและร้องเตือนเวลาเจอพื้นต่างระดับ กอล์ฟมันเป๋มาสามอาทิตย์แล้วก็ค่อนข้างชินแล้วล่ะครับ ความระวังของพวกผมก็มีน้อยลง แต่สายตาจากคนรอบข้างไม่ได้น้อยลงเลย ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อผมต้องพยุงหรือแตะตัวมัน..มักจะมีเสียงหัวเราะคิกคักที่หาต้นเสียงไม่เจอดังให้ได้ยินบ่อยๆ

พวกเราไปถึงห้องประชุมที่พี่หลุยส์นัดหมาย โดยมีกอล์ฟ ม่วงน้อย ป๋อง น้องชง และนิว ..ส่วนไอ้ปูม้ามันขอตัวพาหมอไปหาหมาที่บ้าน เลยว่าจะมาเชียร์เราตอนเย็น

“อ้าวน้องกอล์ฟมาแล้ว..มานี่เร็วๆ” พี่หลุยส์กวักมือเรียกแล้วดึงเก้าอี้มาให้ไอ้กอล์ฟ “นั่งก่อนๆ พวกน้องๆก็หาที่นั่งกันตามสะดวกเลยนะคะ เดี๋ยวพี่จะซักซ้อมคิวกับกอล์ฟก่อน แล้วถึงจะปล่อยให้ไปแต่งตัวแต่งหน้านะคะ”

พอไอ้กอล์ฟมันทรุดตัวลงนั่ง มันก็หันมามองผมที่กำลังจะผละไป.. หน้ามันที่เงยขึ้นมาจากยิ้มแย้มนิดๆ พอมองเลยไปข้างหลังมันก็ยิ้มเจื่อนลง ทำให้ผมต้องหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น..ถึงได้เห็นว่าคนที่เปิดประตูห้องเข้ามาเป็นพี่แพรว

ผมยกมือไหว้ แต่เหมือนพี่เขาจะเมินการรับไหว้ แค่ยิ้มให้แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงอีกด้านของไอ้กอล์ฟ..

“อ้อ แพรวมาแล้ว.. วันนี้ฝากดูแลกอล์ฟด้วยนะ เสื้อผ้าหน้าผมอยากได้แบบไหนช่วยบอกช่างเขาด้วยล่ะ”

“ได้ค่ะ..” พี่แพรวตอบรับแล้วหันมายิ้มให้กอล์ฟ “ถ้ายังไงวันนี้ก็รบกวนกอล์ฟเชื่อฟังแพรวหน่อยแล้วกันนะ”

“...ครับ” กอล์ฟมันตอบรับสั้นๆ แล้วหันมาทางผม “ม่วง..ช่วยอยู่กับเราก่อนนะ เราคนเดียวจำพวกหมายกำหนดการไม่หมดหรอก..”

พูดจบมันก็คว้าปลายมือผมไว้ คือไม่ได้จับแน่น แค่แตะๆให้รู้ว่าอยากให้อยู่ตรงนี้ แต่ถ้าจะไปก็ไม่รั้งอะไรทำนองนั้น..

ผมก็เลยปล่อยมันจับๆแตะๆไป เอาที่มันสบายใจ.. คือความเครียดของคนก่อนขึ้นเวทีน่ะครับ ผมเคยผ่านมาแล้ว สมัยประถมเคยไปประกวดตอบคำถามวิทยาศาสตร์มา ผมเลยรู้ว่ามันจะต้องเครียดกันทุกคนแหละ แล้วกอล์ฟมันก็ไม่ใช่พวกเชื่อมั่นในตัวเองนัก ดังนั้นถ้ามันจะกลัวเพื่อนหายก็ไม่แปลกจริงไหมครับ

“เดี๋ยวแพรวช่วยด้วย..”  ผมยังไม่ทันตอบพี่แพรวก็พูดขึ้นมาแล้ว.. เธอหันมายิ้มให้ผมแล้วบอกอีกว่า “ม่วงก็ช่วยด้วยนะ ช่วยๆกันจะได้ไม่ผิดพลาดยังไงล่ะ”

ผมไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ก็เลยได้แต่พยักหน้ารับ “ครับ.. ยังไงวันนี้ก็อยู่กับกอล์ฟทั้งวันอยู่แล้ว”

มือที่โดนแตะๆอยู่เมื่อครู่ ถูกไอ้กอล์ฟรวบจับหมับ แล้วเจ้าตัวมันก็ยิ้มกว้างส่งมาให้ “ขอบใจนะ”

ผมยิ้มตอบเพื่อบอกกับมันว่า..ไม่เป็นไรเลยเว้ย..เพื่อนกัน..

ตอนที่คิดคำว่าเพื่อนกันแล้วหันไปเห็นหน้าพี่แพรว..อวลอากาศรอบๆตัวมันดูหนักอึ้ง ยิ่งพี่แพรวเรียกไอ้กอล์ฟให้หันไปเพื่อพูดคุยเรื่องเสื้อผ้าที่สปอนเซอร์จัดมาให้ ยิ่งรู้สึกเหมือนใจมันโหวงๆ

สงสัยมะม่วงจะป่วยเสียแล้วล่ะครับ.. อยากหลบไปพักกับไอ้น้องชงจัง

หมายกำหนดการของวันนี้ก็คือ เปิดงานตอนบ่ายสาม มีแนะนำดาวเดือนคณะจำนวน 26 คน มีการแสดงความสามารถของแต่ละคนคนละ 5 นาที ประกาศตัวเต็งเข้ารอบสุดท้ายดาวสามคน เดือนสามคน เพื่อคัดเลือกเป็นดาวเดือนมหาวิทยาลัย ผู้เข้ารอบต้องมีการเลือกคำถามเพื่อตอบแก่กรรมการ แล้วจึงจะประกาศผล..

รางวัลนอกจากดาวเดือนมหาวิทยาลัยแล้วก็จะมีรองอันดับหนึ่ง และสอง เพื่อช่วยงานกัน และจะมีป๊อบปูล่าโหวตที่จะได้คะแนนจากการโหวตในสื่อออนไลน์ และโหวตในห้องประชุมซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน เรียกว่าใครมีแฟนคลับเยอะก็จะได้รางวัลนี้ไปนั่นเองครับ

ผมนั่งอยู่กับพื้นข้างๆไอ้กอล์ฟที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยเอาไหล่พิงต้นขามันกันเมื่อย นั่งฟังไปเพลินๆมือไอ้กอล์ฟก็เลื่อนมาจับอยู่ที่ไหล่..

พี่หลุยส์กำลังเล่าถึงลำดับขั้นของการเดินขึ้นเวที จุดที่ต้องหยุดและหันกลับ จุดที่ต้องลง โดยสมมุติพื้นที่ในห้องแต่งตัวนั่นแหละเป็นพื้นเวที

ไอ้กอล์ฟก็เลื่อนปลายนิ้วมาลูบๆตรงคอ แล้วเลยเรื่อยมาปลายคาง.. คือเหมือนมันลูบเล่นเพลินๆอ่ะครับ เพราะพอผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันก็ไม่ได้มองอะไรผมนะ นั่งฟังพี่หลุยส์ไปด้วยเลื่อนนิ้วลูบผมไปด้วย

เมื่อเช้า ผมก็ตื่นเช้าใช่ม๊า.. เพราะต้องมารอมันที่หน้าคณะก็เลยได้ตื่นเช้ากว่าทุกวัน พอมันมาลูบๆแบบนี้เข้าความง่วงก็ตีขึ้นมา ตาก็จะปรือๆหน่อย..ผมเลยเอนซบหน้าลงไปกับต้นขามันให้มันใช้ปลายนิ้วอุ่นๆไล่ไปตามสันกรามและลูบเรื่อยไปถึงคาง พอสบายๆเข้าผมก็หลับไปจริงๆ

มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่พี่หลุยส์เสียงดังขึ้นว่าเอาล่ะค่ะ เดี๋ยวให้แยกย้ายกันไปพักผ่อนสักครู่ แล้วเดี๋ยวจะให้ช่างแต่งหน้าเข้าไปหาแต่ละคน แยกเป็นกลุ่มๆนะคะ

นั่นแหละ ม่วงน้อยถึงได้สะดุ้งตื่นขึ้นมา..

ดีว่าไม่มีใครใหัความสนใจคนที่นั่งอยู่ข้างหลังสุดริมกำแพงแบบพวกเรา ไม่งั้นคนที่อายก็น่าจะเป็นผมนั่นเอง

“ตื่นแล้วเหรอ”

กอล์ฟมันโน้นตัวมาถาม.. มือขวาของมันก็ยังเลื้อยอยู่แถวๆปลายคางของผม ผมถึงได้หน้าร้อนเห่อขึ้นมา

“นอนไปนานไหมเนี่ย..” ผมถามเสียงอุบอิบ

“ไม่นานหรอก สิบห้านาทีเอง..”

“ก็ไม่ทันได้ฟังตารางและรายละเอียดช่วงสุดท้ายที่พี่หลุยส์บอก”

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องไม่สำคัญเท่าไรน่ะ” กอล์ฟมันว่าอย่างนั้นแล้วหันมาบอก “เราอยากไปเข้าห้องน้ำเสียหน่อย กลับมาจะได้แต่งหน้า”

พอได้ยินอย่างนั้น ผมก็รีบลุกขึ้นเพื่อช่วยพยุงมัน ซึ่งพอยืนได้แล้วพี่แพรวก็ก้าวเข้ามาหา

“พร้อมหรือยังกอล์ฟ เดี๋ยวแพรวจะได้คุยกับช่างให้แต่งหน้าเราก่อนเลย จะได้ไปเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“ผมว่าจะไปห้องน้ำก่อนครับ.. เดี๋ยวจะกลับมา”

“ให้แพรวไปเป็นเพื่อนไหม จะได้ช่วยพยุงไป”

“ไม่เป็นไรครับ..ห้องน้ำผู้ชายยังไงพี่แพรวก็เข้าไม่ได้อยู่แล้ว ให้ม่วงไปกับผมนี่แหละ” กอล์ฟมันปฏิเสธนิ่งๆแล้วหันมาหาผม “ไปกันเถอะม่วง ไม่ไหวว่ะ ปวดขี้”

พี่แพรวได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มเฝื่อนๆแล้วถอยจากไป มีแต่ผมนี่แหละเดินตามมันออกมาพร้อมกับกลั้นหัวเราะแทบตาย ไอ้นี่นะ..ทำไมไม่รักษาภาพพจน์ความหล่อของมึงเลยวะ..

“ขำอะไร?”

กอล์ฟมันขมวดคิ้วใส่ผม.. เอ้อ ปวดท้องแล้วมาพาลม่วงทำไมเนี่ย

“ก็..ขำหน้าตาพี่แพรวเมื่อกี้..”

“ทำไม..สงสารเขาหรือไง”

“ก็..” ผมเหลือบตาไปมา “สงสารด้วยแหละ.. โดนคนหล่อๆบอกว่าปวดขี้ต่อหน้าต่อตา.. คนสวยๆก็อาจจะไปไม่เป็น”

จริงๆแล้วกอล์ฟมันคงเข้าหาผู้หญิงไม่เป็นแน่เลยครับ.. มันถึงได้พูดต่อหน้าคนสวยๆไปอย่างนั้นน่ะ

“สงสารแล้วชอบเขาด้วยหรือเปล่า?”

“เฮ้ย..” ผมร้องอย่างตกใจ “บ้าน่า เราไม่ได้ชอบเขา พี่แพรวเขาชอบ..”

ผมยังพูดไม่ทันจบกอล์ฟมันก็โพล่งขึ้น “ไม่ชอบก็ดีแล้ว..ม่วงน่ะ..อยู่กับเราคนเดียวก็พอ”

ผมได้แต่ทำตาปริบๆ..

นี่..กอล์ฟต้องการจะสื่ออะไรหรือเปล่า.. ไม่เอาน่า ไม่อยากจะคิดไปเองนะเฮ้ย.. ไม่ดีนะกอล์ฟ

“ไปๆ รีบไปเข้าส้วมได้แล้ว เดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนกางเกงในด้วยหรอก..” ผมพยายามจะรับมุกมันให้ทัน แต่บางทีก็ไม่อยากตามให้ทันครับ.. หลายๆครั้งที่มุกของมันสะเทือนหัวใจให้หวั่นไหวเกินไป ดังนั้น..ปล่อยเบลอๆกับมุกมันไปดีกว่า ใจจะได้ทำงานไม่หนักนัก..

เราเป็นเพื่อนกัน..เพื่อนกันเท่านั้น
****


ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สนุกมากกกกก
อยากให้น้องม่วงเปิดใจและยอมรับสักทีว่าหวั่นไหวกับกอล์ฟแล้วหล๊าาาาาาาาา :ling1: :katai4: :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด