ตอนที่2
ผมค่อยๆลืมตามาในยามที่แสงแดดส่องเข้ามาผ่านม่านอันโปร่งใส แล้วผมก็รู้สึกทันทีว่ามีอะไรหนักๆมาทับผมอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยครับ นั่นก็คือร่างใหญ่ๆของพี่เมฆนั่นแหละ ทั้งกอดทั้งก่ายเห็นผมเป็นตัวอะไรกัน ผมจึงค่อยๆใช่นิ้วบรรจงหยิบแขนออกจากตัวผม พอลุกขึ้นได้ครึ่งตัวก็ต้องหยิบขาอันหนักๆของพี่เมฆออกไปอีก
หลังจากนั้นผมก็ลุกไปอาบน้ำแล้วก็ออกมาปลุกพี่เมฆ กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ร่วมชั่วโมง พี่เมฆพาผมไปกินข้าวก่อนที่จะขับรถไปส่งผมที่มหาลัยเพื่อไปติวกับพี่วายุในวันแรก
“มึงอยู่ตรงไหน” เสียงพี่เมฆที่กำลังคุยโทรศัพท์กับพี่วายุ “เออๆโต๊ะหินอ่อนข้างคณะมึงนะ”
พี่เมฆก็ขับรถเข้ามาจนกระทั่งถึงตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และเดินลงมาส่งผมจนถึงไอ้โต๊ะหินอ่อนข้างคณะ
“สวัดดีครับ” ผมกล่าวทักทายเมื่อเห็นหน้าพี่วายุ
“เออๆหวัดดี” พี่วายุยักคิ้วให้ผม2จึก
“เออวายุ กูฝากดูแลด้วย กูไปติวสอบไฟนอลกับเพื่อนก่อน”
“ได้ กูก็พึ่งติวเสร็จเนี่ย”
“ไปละๆ พี่ไปก่อนนะทอย” พี่เมฆหันมายิ้มให้ผมและหันไปโบกมือลาให้พี่วายุ ก่อนที่จะเดินไป
“วันนี้วัดพื้นฐานก่อนละกัน” พี่วายุหันมาพูดกับผม
“ครับ” ผมทำหน้าตั้งใจ
“หึ ดูทำหน้าเข้า” พี่วายุขำในลำคอ
“หน้ามันยังไงหรอครับ”
“ตลก” พี่วายุพูดด้วยสีหน้านิ่ง
“...”
“มาๆเริ่มกันเลย”
หลังจากนั้นพี่วายุก็ช่วยติวผมตั้งแต่บทแรกๆของม.4เลยและพวกบทสำคัญๆที่น่าจะออกสอบของข้อสอบกลางซะส่วนใหญ่ พี่วายุอธิบายไปช้าๆเหมือนกลัวผมจะไม่เข้าใจ แต่ผมเข้าใจดีเลยล่ะเพราะพี่เขาอธิบายละเอียดมากแต่ผมก็อ่านมาบ้างแล้วเหมือนกัน หลายครั้งที่ต้องฟังพี่วายุอธิบายแล้วก้มมองชีทไปด้วยทำให้ผมรู้สึกว่าใบหน้าของเราใกล้กันมากๆ มันทำให้ใจของผมมันหวิวๆ และเป็นอีกหลายครั้งเหมือนกันที่เงยออกมาจากกองชีทเราทั้งสองก็ต้องสบตากัน..
“ตรงนี้เข้าใจใช่ปะ เรื่องlogอะ” พี่วายุหันหน้ามาถาม
“เข้าใจแล้วครับ” ผมยิ้มบางๆตอบ
“โอเค! งั้นวันนี้พอแค่นี้” พี่วายุพูดพร้อมๆเก็บแผ่นชีท
ผมกับพี่วายุติวกันตั้ง2ชั่วโมงนิดๆแหนะ
“พื้นฐานมึงก็เก่งนะ สอบเข้าที่นี่ได้สบายๆ” พี่วายุพูดขึ้นหลังเก็บกองชีทนั้นเสร็จ
“ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ ผมยังต้องไปแข่งกับคนอีกหลายหมื่น”
“ก็มึงเก่งจริงๆอะ”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่แปลกที่เก่ง ตอนอยู่โรงเรียนเป็นเด็กเนิร์ดแน่ๆที่ติ๋มๆใส่แว่นอยู่หน้าห้องใช่ปะ”
“เกินไปครับแบบนั้นอะ” ผมมันคนซื่อเฉยๆหรอก
“งั้นเลี้ยงน้ำกูเลย กูคอแห้งอะ” พี่วายุทำท่าลูบคอป๋อยๆ
“ครับ ว่าแต่ร้านน้ำอยู่ตรงไหนอะ”
“เดินตรงไปเรื่อยๆ พอมีทางเลี้ยวก็เลี้ยวซ้าย” เขาทำท่าชี้ๆ “ไปสั่งรอเลย กูเข้าห้องน้ำแป๊บ”
“โอเคครับ พี่วายุดื่มน้ำอะไรอะ” ผมถามที่ขณะพี่วายุกำลังลุกเดินไปห้องน้ำ
“แตงโมปั่น” พี่วายุตะโกนมาแต่ตัวเดินไปนู่นแล้ว
แตงโมปั่น ไม่สมกับเป็นพี่วายุเลย ^^
ผมเดินไปตามทางที่พี่วายุบอกก็เจอร้านน้ำเล็กๆตั้งอยู่ แต่ก็มีพวกนักศึกษาชุดช็อปยืนเฝ้ารออยู่หน้าร้านเป็นโขยง ผมเดินเข้าไปค่อยๆขอทางและไปสั่งน้ำกับน้าคนขาย
“เอาน้ำแตงโมปั่นกับน้ำชายเขียวครับ”
“จ้ะ รอแป๊บนึงนะจ๊ะ” น้าคนขายน้ำหันมายิ้มๆ ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาทำให้พวกพี่วิศวะ
“ซื้อสองแก้วนี่ซื้อไปฝากใครจ้ะน้อง” มีเสียงจากกลุ่มพี่ๆวิศวะดังขึ้น ผมเลยหันควับไปมอง
“...” ผมได้แต่มองหน้าพวกพี่เขาเงียบๆ
“หน้าหวานจัง อยากจะรับพี่ๆวิศวะหน้าเถื่อนๆไปเลี้ยงซักคนไหมครับ” ไอ่หนุ่มกล้ามโตของกลุ่มเอ่ยขึ้น แล้วคนอื่นๆก็พากันแซว
“ไม่มีปัญญาเลี้ยงตัวเองไง้” เห้ยยย!ไม่ใช่เสียงผม รู้เลยว่าเป็นเสียงของใครร่างสูงๆปรากฏตัวขึ้น..พี่วายุ
“มึงเป็นใครว..” แก๊งวิศวะหันไปกำลังเอ่ยปากแต่ก็ต้องหุบปากทันที “เชี่ย วายุ!” อ้าว รู้จักกันเฉย
“เด็กมึงหรอวะ” คนๆนึงในกลุ่มเอ่ยขึ้น
พี่วายุเงยหน้ามามองหน้าผมครั้งนึง
“เออ อย่าได้ยุ่งเชียว” พี่วายุพูดไปด้วยมองหน้าผมไปด้วย ทำไมผมต้องรู้สึกดีกันนะ
“อ้าว แต่เหมือนมึงคุยกับคนชื่อฝ้ายคณะศิลปกรรมไม่ใช่หรอวะหรืออยากเปลี่ยนแนว” ไอ่กล้ามโตๆพูดขึ้นอีก
“ไม่ต้องเสือกอะ” พี่วายุทำสีหน้านิ่ง “นี่กิ๊กไง” เขาหันไปกระซิบกับเพื่อน แต่ผมก็ได้ยินเต็มๆ กิ๊กอะไรกันล่ะ
“ร้ายนะมึงอะ” เพื่อนของพี่วายุพูดขึ้นและหันมายิ้มๆให้ผม
“ได้แล้วจ้า” น้าแม่ค้าส่งน้ำให้แก๊งวิศวะทีละคน พวกนั้นจ่ายเงินเสร็จก็เดินไป
“เป็นอะไรรึเปล่า” พี่วายุถามขึ้น
“ไม่เป็นอะไรเลยครับ”
“กลัวหรอ”
“ไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้น แค่ตกใจน่ะพี่”
“ตกใจตอนมันแซวอะหรอ”
“ครับ” ผมทำสีหน้าจ๋อย
“งั้นถ้ากูแซว มึงจะตกใจปะ” พูดไม่ทันขาดคำพี่วายุก็แซวขึ้น “อยากรับกูไปเลี้ยงไหมค้าบบบ กินเก่งแต่ดูแลมึงได้นะ” หลังจากนั้นพี่วายุก็ก้มหน้าลงมาใกล้ๆหน้าผมทำสายตาออดอ้อน
ตึกๆ ตึกๆ~
ทำไมร่างกายผมอ่อนไหวแบบนี้ครับเนี่ย
“ขนลุกอะพี่” ผมรีบพูดขึ้นกลบเกลื่อน
“โถ่ คิดว่ามึงจะตกใจซะอีก”
“แกล้งผมอีกแล้วนะ”
“ได้แล้วจ้า2แก้ว” น้าคนขายน้ำยื่นให้ ผมกับพี่วายุก็เข้าไปรับ
“เท่าไหร่ครับ” ผมถามขึ้น
“60บาทจ้า”
“นี่ครับ” พี่วายุพูดขึ้นพร้อมยื่นเงินให้น้า ก่อนจะดูดน้ำและเดินนำผมไป
“พี่วายุ อะเงินค่าน้ำ” ผมรีบเดินตามมาและยื่นเงินให้
“เก็บๆไปเหอะ” พี่วายุทำท่าดูดน้ำไม่สนใจ
“ไหนบอกให้ผมเลี้ยงไง”
“ก็มึงลีลา กูเลยจ่ายก่อนกลัวน้าเค้ารอนาน”
“ก็นี่ไงผมคืน”
“ค่อยคืนกูวันหลัง”
“ก็ได้ครับ” ผมเก็บตังลงใส่กระเป๋ากางเกง
“ให้กูไปส่งปะ” พี่วายุหันมาถาม
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่เมฆก็มารับแล้ว”
“ก็มันชอบลีลา กูไม่ชอบคนลีลา” แหม เหมือนแต่ก่อนคุณไม่ลีลาอะครับ
“งั้นผมโทรบอกพี่เมฆก่อนก็ได้ครับ” ผมรีบเอาโทรศัพท์มากดโทรหาพี่เมฆทันที
ตื้ดดด ดดด
“ฮัลโหลพี่เมฆ อยู่ไหนอะครับ”
“อ้อ ขอ5นาทีนะใกล้จะเสร็จแล้ว”
“พี่วายุจะไปส่งทอยที่คอนโดแทนอะครับ”
“งั้นหรอ ทอยกลับกับไอ้วายุก็ได้”
“ครับผม”
ติ๊ด
“โอเคครับ พี่วายุไปส่งได้”
“เหมือนมึงเป็นเด็กพ่อแม่หวงอะ ต้องขออนุญาติ”
“โทรบอกต่างหาก ไม่ได้โทรขออนุญาติ”
“เออปะๆ” พี่วายุเลยเดินนำผมไปที่จอดรถของคณะ
หลังจากนั้นเราก็ขับออกมาจากมหาลัย ขับออกมาได้ซักพักพี่วายุก็พาเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารร้านหนึ่ง
“พี่วายุหิวหรอครับ”
“เออสิ หรือจะไม่ให้กูกิน?” พี่วายุหันมาขมวดคิ้ว
“ผมขัดได้ด้วยหรอครับ”
“งั้นก็ลง”
เราทั้งสองลงมาและเดินเข้าร้านอาหารมา ก็ดูเหมือนว่าพนักงานผู้หญิงจะแย่งกันเข้ามารับลูกค้าซึ่งก็คือพี่วายุนั่นแหละ ที่สูงโดดเด่นและหน้าหล่อๆนั่น ทำเอาพวกเธอแทบวิ่งแข่งกันเหมือนจะได้รับเหรียญโอลิมปิก
“เอาหมึกผัดไข่เค็มครับ ต้มยำกุ้ง หมูสามชั้นทอดน้ำปลา” พี่วายุเงยหน้ามาจากเมนู “จะกินอะไรก็สั่งดิ กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงกินอะไรได้บ้าง”
“ผมไม่ค่อยหิวน่ะพี่”
“บอกให้สั่งก็สั่งมาเถอะ”
“งั้นเอาข้าวผัดปูครับ” ผมหันไปบอกพนักงานสาวที่ท่าทางกำลังน้ำลายย้อยถึงโต๊ะผมแล้ว
“แค่นี้?” พี่วายุทำหน้ามีคำถาม ผมพยักหน้าจึกๆให้ “งั้นเอาข้าว1จานด้วยครับ แค่นี้แหละครับ”
“ค่ะๆ” พนักงานสาวดูจะจดช้าเป็นพิเศษ ก่อนจะเดินจากไป
“ชอบหรือไม่รู้จะสั่งอะไร” พี่วายุปิดเมนูลงและถามขึ้นอีกครั้ง
“ชอบครับ”
“ชอบข้าวผัดปู?”
“ก็ข้าวผัดปูน่ะสิครับ”
“โว้ะ ไม่ต่อมุขกูเลย” พี่วายุจิ๊จ๊ะ
“อ้าว วายุ” มีผู้หญิงสาวสวย ขาว สูง หน้าอกใหญ่ใส่ชุดนักศึกษามอเดียวกับพี่วายุ ทักทายพี่วายุ
“ฝ้าย มาได้ไงเนี่ย!” อ้อพี่ฝ้าย แฟนพี่วายุที่เคยคุยโทรศัพท์กันเมื่อวานนี่นา
“ฝ้ายก็พึ่งติวกับเพื่อนเสร็จ ว่าจะมาหาอะไรกินเนี่ย” พี่ฝ้ายยิ้มๆ เขาสวยจริงๆครับ ผมยังหลงแต่ก็กลัวพี่วายุอัดหน้าเข้าให้
“นี่ใครอะคะ รุ่นน้องหรอ” พี่ฝ้ายถามถึงผม
“น้องไอ้เมฆไง ชื่อทอย”
“สวัสดีครับ” ผมก้มหัวให้พี่ฝ้าย
“พี่ชื่อฝ้ายนะ งั้นพี่ขอนั่งด้วยคน” ผมยิ้มบางๆให้ “เกรซ ป่าน ฉันขอแยกโต๊ะนะ” พี่ฝ้ายหันไปบอกเพื่อนทั้งสองคนที่มาด้วย
“รู้แล้วยะ เจอแฟนทั้งทีนี่” หนึ่งในสองคนพูดก่อนจะเดินไปเลือกโต๊ะ
“ขอเมนูด้วยค่ะ” พี่ฝ้ายขอเมนูจากพี่พนักงาน และสั่งสลัดปลาแซลมอน
“เออนี่ ถ้าฝ้ายสอบได้B+ขึ้นนี่จะให้อะไรเป็นของขวัญ” พี่ฝ้ายหันไปยิ้มๆและเขี่ยจมูกพี่วายุ
“แค่B+เองหรอ”
“วายุก็รู้นี่ว่าฝ้ายไม่เก่ง”
“อยากได้อะไรล่ะคะ” พี่วายุเอ่ยถาม มีใช้คะ/ค่ะด้วย
“ฝ้ายอยากได้สร้อยคู่ แบรนนั้นอะที่เราเคยไปดู”
“อืม...ก็ได้”
“เย้ วายุอะน่ารักที่สุด” ผมกลายเป็นส่วนเกินในบทสนทนานี้ รู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้แฮะ แต่คู่พี่เค้าก็น่ารักมากๆ มากกว่าคู่อื่นที่ผมเคยเห็นมาซะอีก
“วายุน่ารักเนอะ” พี่ฝ้ายหันมายิ้มและพยักหน้าให้ผม พี่วายุก็มองหน้าผมเหมือนกันแต่ด้วยใบหน้าราบนิ่ง
“น่ารักครับ” ผมยิ้มตอบอีกตามเคย “งั้นผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ”
ผมลุกออกมาเลยโดยไม่รอฟังคำตอบ ผมเดินไปที่ห้องน้ำและส่องกระจก แต่ก็เกิดคำถามขึ้นมาอีกว่าผมมาเข้าห้องน้ำทำไมกัน งงในตัวเอง ผมคิดได้อย่างเดียวคืออยากกลับคอนโด เพราะอยากให้พี่วายุกับพี่ฝ้ายเค้าสวีทกันเพราะเหมือน2คนนั้นไม่ค่อยจะได้เจอกันเท่าไหร่
ตื้ดดดดๆ~
“ว่าไงทอย” เสียงจากมือถือผม
“พี่เมฆมารับทอยหน่อยได้ไหมครับ”
“อ้าว ไหนบอกวายุมาส่ง”
“พี่วายุคงไม่สะดวกแล้วอะครับ”
“ทำไมอย่างงั้นอะ ว่าแต่อยู่ไหน”
“เดี๋ยวทอยส่งโลเคชั่นไปให้”
“โอเค”
ติ๊ด (เสียงตัดสาย)
พอผมส่งโลเคชั่นให้พี่เมฆเสร็จก็กลับไปที่โต๊ะ บนโต๊ะนั้นอาหารก็มาวางครบหมดแล้ว พี่ฝ้ายก็กำลังป้อนผักให้พี่วายุหนึ่งคำ
“ไปนานเนอะ” พี่วายุหันมาพูดกับผม
“ครับ” ผมตอบรับและนั่งลงรีบตักข้าวเข้าปากซักคำสองคำ
พอผมกินข้าวผัดไปเกือบครึ่งจานพี่เมฆก็มาถึงพอดี เดินเข้ามาหาถึงที่โต๊ะเลย
“อ้าว บังเอิญจังเจอเมฆด้วย” พี่ฝ้ายหันไปแจกยิ้มให้พี่เมฆ
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกมั้ง” พี่เมฆพูดทำนองหัวเราะ
“มึงมาได้ไง” พี่วายุถามพี่เมฆ
“ก็ทอยโทรให้กูมารับ”
“กูบอกจะไปส่งไง” ทีนี้พี่วายุหันมาทำหน้าขรึมใส่ผม
“ไม่อยากให้พี่ลำบากอะครับ พี่เมฆก็อยู่ห้องเดียวกับผมอยู่แล้ว” แล้วพี่เมฆก็ดีดนิ้ว
“เอองั้นก็แล้วแต่” พี่วายุพูดก่อนจะกลับไปสนใจอาหารต่อ
“ไม่อยู่ทานด้วยกันก่อนหรอเมฆ” พี่ฝ้ายหันไปถามเมฆ
“พอดีเราทานมาแล้วอะ”
“โอเคจ้ะ” พี่ฝ้ายหันกลับไปสนใจสลัดของพี่เค้าต่อ
“ไปยัง” พี่เมฆหันมาถามผม
“ไปสิครับ” ผมตอบ “ผมกลับก่อนนะครับพี่ฝ้าย พี่วายุ สวัสดีครับ” พี่ฝ้ายเงยหน้ามายิ้มตอบ แต่ส่วนพี่วายุทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินคำของผม
ผมเดินออกมาจากร้านพร้อมพี่เมฆและก็ขึ้นรถจนรถมาจอดเทียบหน้าคอนโด
“เป็นอะไรรึเปล่า” พี่เมฆถามขึ้นก่อนจะดับรถ
“เปล่านิพี่” ผมหันไปยิ้มแห้งๆ
“งั้นขึ้นห้องดิ รอไรล่ะ”
“รอคนมาอุ้มขึ้นไปเนี่ย” ผมแหย่
“มาพี่อุ้มเอง” พี่เมฆทำท่าจะช้อนตัวผม
“ทอยล้อเล่น” ก่อนผมจะหลุดหัวเราะออกมา
“พี่ก็หยอกทอยเล่น” เค้ายิ้มตอบ
เราสองคนขึ้นมาบนห้อง ต่างตนก็ต่างทำภารกิจส่วนตัว รวมไปถึงการอาบน้ำอาบท่าจนจะถึงเวลาเข้านอน
“พี่เมฆมีแฟนยังอะครับ” ผมหันไปถามระหว่างนอนดูทีวีกับพี่เมฆ
“ถามทำไม จะจีบพี่หรอ” พี่เมฆขมวดคิ้ว
“ครับ”
“เห้ยยย!!”
“ถุย ผมแค่ถามเฉยๆ” ผมหันไปยิ้มแกล้งๆ
“โห่ นึกว่าจะพูดจริง พึ่งเลิกได้..เดือนนี้ครบรอบ10เดือนพอดี”
“เลิกมาเกือบปีแล้วนิครับ”
“เออดิ”
“ลืมได้ยังอะพี่”
“ก็ลืมได้แล้ว ถ้าไม่พูดถึงเนี่ย”
“อ้าวทอยขอโทษ”
“คิดมาก”
“งั้นให้กอดไถ่โทษเลย” ผมแหย่เล่นเหมือนตอนเด็กๆ
“จริงนะ!!”
“ไม่คิดว่าผมจะประชดบ้างหรอพี่”
“ไม่นะ” พูดจบพี่เมฆก็ลุกไปปิดทีวีปิดไฟและเข้ามากระชับกอดผม เหลือเพียงแต่โคมไฟหัวเตียง
“อบอุ่น” พี่เมฆพูดทั้งๆที่หลับตาอยู่
หลังจากพี่เมฆหลับก็มีเสียงไลน์ทักมา
ติ้ง~
‘กูขอโทษ ที่ไม่ได้ไปส่ง’ พี่วายุส่งมา
‘ไม่เป็นไรพี่ ไม่ต้องลำบาก’ ผมหยิบมาตอบทั้งๆที่พี่เมฆหลับและกอดผมอยู่
‘กูไม่เคยลำบาก’
‘ครับ’
‘พรุ่งนี้กูไปรับนะ’
‘ไม่เป็นไรพี่’
‘ไม่ต้อง กูจะไป’
‘ครับ’
‘ฝันดี รีบๆนอน’
มาลุ้นกันหนุ่มคนไหนจะได้ใจน้องทอยคนซื่อไปครอง