ตอนที่17
คุณแม่ของผมป่วยเป็นโรคร้ายและเสียตั้งแต่ผมเรียนอยู่ชั้นอนุบาล เนื่องจากตอนนั้นผมยังเด็กเกินกว่าจะรับรู้ถึงความน่ากลัวของการ’ตาย’ ในงานศพของคุณแม่ผมกับน้องชายจึงไม่ได้ร้องไห้ ตาใสแจ๋วของเด็กตัวกระจ้อยที่หน้าเหมือนกับผมราวกับถอดออกมาจากแป้นพิมพ์เดียวกันเทียวเดินถามคนนู้นคนนี้ไปทั่วงานว่า
“คุณแม่อยู่ไหนเหรอคับ”
เหล่าแขกที่มาร่วมงานพากันกระอักกระอ่วน ทุกคนพยามเลี่ยงตอบคำถามของกิตต์ว่า”คุณแม่เขาขึ้นสวรรค์ไปแล้ว แต่ถ้าพวกหนูเป็นเด็กดีสักวันต้องได้เจอคุณแม่อีกแน่ๆ”
พวกผู้ใหญ่น่ะขี้โกหกอย่างร้ายกาจ ตัวผมในตอนนั้นยิ้มพร้อมตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
แม้ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน
แต่พวกเราเชื่อสนิทใจว่าจะต้องได้พบท่านอีก
ทุกวันหลังจากเลิกเรียนคุณป้าแม่บ้านจะเป็นคนมารับเราแทนคุณแม่ แต่ผมกับกิตต์มักจะขออยู่ต่อจนเป็นสองคนสุดท้ายเพราะกลัวว่าคุณแม่มารับแล้วจะไม่เจอ คุณป้าแม่บ้านก็ไม่ขัดขืนหรือบอกให้เราสองคนเข้าใจความจริง
จนขึ้นป.สามผมถึงได้เข้าใจ ว่าต่อให้รอแค่ไหนก็ไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
ภาพรอยยิ้มของคุณแม่เองก็ค่อยๆลางเลือนไปตามกาลเวลา
คุณพ่อบอกว่าพวกผมยังเด็ก จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน5ขวบก็ไม่แปลก
และหลังจากนั้นหกปี เรื่องของคุณแม่ก็ถูกเก็บลึกลงในใจ เป็นเพียงความทรงจำที่ไม่เหลือรูปร่างอะไรอีกต่อไป ในตอนนั้นเองที่พ่อพาคุณแม่คนใหม่มาแนะนำให้ผมกับกิตต์รู้จัก คงเพราะความใจดีของเธอบวกกับพวกผมแทบไม่รู้จึกไออุ่นของคำว่าแม่ เธอคนนั้นจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเราอย่างรวดเร็ว
ผิดกับเอิญ น้องสาวคนใหม่คนนี้เป็นเด็กผู้หญิงไม่ค่อยพูด ขี้อาย และยังปรับตัวเข้ากับพวกเราไม่ได้ เวลาที่พวกผมหรือพ่อเข้าไปคุยกับเอิญที่ไรเอิญมักจะวิ่งหนีไปเกาะหลังคุณแม่เสมอ
อา...น่ารักจัง
บ้านของผมมีแต่ผู้ชาย3คนมาหลายปี สาวๆทั้งสองคนช่วยสร้างสีสันให้พวกเราไม่น้อยเลย
อยากสนิทกับเอิญ อยากให้น้องปรับตัวเข้ากับบ้านใหม่ได้เร็วๆ
คุณพ่อเองก็ยุ่ง ไอ้กิตต์ก็พูดไม่เก่ง แต่ทุกคนไม่ต้องห่วง ผมจะต้องสนิทกับเอิญให้ได้
________________________________________________
เมื่อคืนพี่กาจน์ขอค้างที่ห้องผม ทุกการกระทำของอีกฝ่ายยังคงปกติราวกับเมื่อบ่ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความกังวลที่คอยรบกวนจิตใจอีกฝ่าย ผมพยามทำตัวให้ปกติที่สุดแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องของตึกอิฐ เจ้าตึกหลังนี้คงฝังความหวาดกลัวไว้ในหัวใจของพี่กาจน์
ถึงจะเจ็บใจแต่ผมก็รู้ตัวดีว่าอะไรทำให้พี่กาจน์เป็นห่วงผมอย่างเหลือแสน
เพราะพี่เขากลัวมันจะซ้ำรอยเดิม
สำหรับพี่กาจน์ ผมก็เป็นแค่คนที่หน้าเหมือนน้องสาว เป็นคนที่เขาเข้าหาเพื่อใช้เป็นตัวแทน เผื่อว่าสักวันความกล้าในการเผชิญหน้าคุณแม่และเอิญจะกลับมา
ผมเสียใจ แต่ถ้ามันทำให้พี่เขายังอยู่ด้วยกันผมก็ยอม
“วันนี้มึงถอนหายใจบ่อยมาก มีเรื่องหนักใจไรป่าววะ”อัทคงอดรนทนไม่ได้ นับตั้งแต่เริ่มคลาสมาผมก็ถอนหายใจไปร่วมสิบรอบ
“แค่คิดไรนิดหน่อย ไม่ต้องห่วง”
“เหรอ...กูคิดว่าวันนี้มึงจะแฮปปี้ทั้งวันซะอีก เมื่อเช้ากูเห็นนะว่าใครมาส่งมึง”
“อา...พี่กาจน์มาส่ง”
“บ๊ะ ทำไมยอมรับง่ายๆวะวันนี้ ปกติต้องบิดไปบิดมา เป็นแฟนกันแล้วอ่อ?”
“ยัง และคงไม่ได้เป็นด้วย”
“ห๊ะ!?”
“โทษที ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ฝากเลคเชอร์ด้วย”ผมรู้ทันว่ามันจะต้องง้างปากของผมถามหาสาเหตุแน่ๆแต่ผมเล่าให้มันฟังไม่ได้ไง ถ้านี่เป็นปัญหาหัวใจรักวัยรุ่นฉันชอบเธอแล้วเธอล่ะชอบฉันบ้างมั้ยผมคงยกมาระบายใส่มันจนหมดเปลือก แต่นี่มันมีเรื่องของครอบครัว เรื่องความเป็นความตายเข้ามาเกี่ยวข้อง ต่อให้อัดอั้นแค่ไหนแต่ผมก็ทำได้แค่ปล่อยผ่าน
อ๊ะ แต่ถ้าไปขอคำปรึกษาจากคนที่รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้วล่ะ
ผมตัดสินใจไปหาพี่เฟิร์นที่คณะอักษรทันที ยังไงวันนี้ผมก็ไม่มีสมาธิเรียนอยู่แล้วโดดซะเลยแล้วกัน
พอผมมาถึงคณะของพี่เฟิร์นผมก็ทำตัวไม่ถูก(อีกละ) ก็ผมไม่รู้นี่ครับว่าพี่เขาอยู่ที่ไหน เมื่อกี้โทรไปก็ไม่ยอมรับสายหรือผมจะมาผิดเวลา? ลืมนึกไปเลยว่าพี่เขาก็คงมีเรียนเหมือนกัน โฮยยยยย เสียเที่ยวสุดๆ
“ไหนๆก็มาแล้ว กินข้าวเที่ยงที่นี่ละกัน”
โรงอาหารคณะอักษรเป็นโรงอาหารที่เต็มไปด้วยเด็กวิศวะ สงสัยอ่ะดิว่าไอ้ผู้ชายพวกนี้ถ่อมากินทำไมตั้งไกล มาเล็งสาวไงจะอะไรล่ะ เหอๆ พวกตัวผู้กว่าครึ่งที่นั่งกินๆอยู่เนี่ยมาจากคณะอื่นทั้งนั้น แต่ผมจะว่าเขาไม่ได้หรอกนะเพราะตอนนี้ผมก็เป็นตัวผู้จากคณะอื่นเหมือนกัน
“งืม...ไม่อร่อย”ผมซู้ดเส้นหมี่เข้าปาก หมูแดงก็ไสลด์ซะบาง น้ำซุปยังจืดเหมือนน้ำล้างเท้า โรงอาหารนี้ถ้าผู้หญิงไม่สวยผมว่าอยู่ไม่รอดอ่ะครับ”ชีวิตช่วงนี้มีแต่เรื่องเฟลๆ”
“ถ้างั้นก็ลองบอกชื่อพี่มาหน่อยสิ อาจจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นก็ได้นะ!!”
“หวา!! แค่กๆ”ไอ้บ้าจากไหนก็ไม่รู้พรวดพราดเข้ามานั่งตรงข้ามผม ใบหน้าใสๆยื่นเข้ามาเสียใกล้ ตากลมโตฉายแวววาววับ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆ
อา...น่ารักจัง สมแล้วที่เป็นสาวคณะอักษร
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ
คนตรงหน้าผมอยู่ในชุดนักศึกษาชาย...
ผู้ชายหรอกเหรอ =[]=!!
“เราชื่อคราม นายชื่อไรเหรอ”
“นะ นิทาน”ผมตอบเสียงกระท่อนกระแท่น ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อเมื่อคนน่ารักย้ายตัวมานั่งข้างผม กลิ่นน้ำหอมจากมันลอยมาเตะจมูกจนหัวผมเบลอไปหมด
“ชื่อแปลกจัง ชอบอ่ะ”
ชอบชื่อใช่มั้ยตอบ!! หรือชอบอย่างอื่น
“แฮ่ๆ”ผมยิ้มแห้ง มือเรียวอาศัยจังหวะที่ผมไม่ทันระวังตัวคว้าหมับเข้าที่ต้นแขน ว๊ากกกกก ผมกำลังถูกผู้ชายจีบครับพี่น้องงงงง ถึงที่ผ่านมาจะโดนพี่กาจน์อ่อยใส่หนักมากแต่มันคนละฟีลลิ่งกันเลย ไอ้ครามคนนี้มันตัวเล็กกว่าผมซะอีก ขาวๆบางๆลมพัดทีน่าจะปลิว ปากแดงๆน่าจูบชะมัด โฮกกกกกก
ฉ่า~~~~~~~~(เสียงหน้าร้อน)
“คิกๆ น่ารักอ่ะ เขินหน้าแดงเลยอ่อ อยู่ปีไรแล้ว เราปี1นะ เรียนอักษรนี่แหละ”
“ปีเดียวกัน อยู่บัญชี”
“โหยยยย มาตั้งไกล มาคนเดียวนี่มาหาใครรึป่าว”
“มาหาพี่สาวน่ะ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ว่าง”
“ฟู่ว โล่ง นึกว่าไม่โสดซะแล้ว อ๊ะ นิทานยังโสดอยู่ป่ะ”
นี่เป็นการรุกจีบที่รุนแรงระดับล้านแปด จิตใจผมอ่อนแอมากไปรับไม่ไหวแล้วครับ คือ เดี๋ยวๆๆๆ ผมไม่ได้กำลังหวั่นไหวนะครับ ความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่กาจน์มันไม่ถูกสั่นคลอนในสามวิแบบนี้หรอก!! แต่ที่มันไม่ดีกับใจผมมากๆเลยก็คือหัวทุยๆที่ซบลงมานั่นไง
เขินจัง
คนมองเต็มเลย
มองด้วยสายตาแปลกๆด้วย การที่ผู้ชายสองคนนั่งนัวเนียกันคงไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้บ่อยๆหรอกเนอะ
“ทำอะไรอยู่นิทาน อ้าว คราม!?”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
พี่เฟิร์นนั่นเอง เธอเดินปรี่เข้ามาหาพวกเราด้วยความตกใจ มองแขนกับบ่าผมที่โดนลูกลิงเกาะอยู่สลับกันไปมา
“พี่เฟิร์นรู้จักนิทานด้วยอ่อครับ”ครามหันไปพูดกับร่างบาง เธอตัดสินบอกลาเพื่อนๆและมานั่งรวมโต๊ะกับพวกผม
“นิดหน่อย ว่าแต่เราเหอะ ทำอะไรนิทานอยู่ห๊ะ!?”แฟนพี่กิตต์แหวใส่รุ่นน้องคณะตนเอง
“จีบอยู่ ‘3’ ”
“คนนี้ไม่ได้ ไปจีบคนอื่น!!”
“อ้าว ไมอ่ะ นิทานเขามีคนจองแล้วอ่อ”
“ไม่เชิง แต่ช่วงนี้นิทานไม่ว่าง ใช่มั้ยจ๊ะ”ท้ายคำพี่สาวหันมาถามผมครับ
“ครับ ยุ่งสุดๆเลย”ปฏิเสธได้ด้วยเหรอไง โดนมองจิกขนาดนั้น พี่เฟิร์นไม่ได้ใจดีอย่างที่แสดงออกสินะ ใต้รอยยิ้มนั้นมีอะไรซ่อนอยู่บ้างล่ะน่ะ
“บู่~ ขี้หวงอ่ะ ตัวเองได้เจ้าชายลับแลไปแล้วแท้ๆยังตามเป็นก้างคนอื่นอีก ชิส์ เดี๋ยวปั๊ดแย่งพี่กิตต์มาซะเลย”
“เดี๋ยวเหอะ!!”พี่เฟิร์นแหวเสียงหลง ผู้ชายไม่ใช่อะไรที่จะแชร์กันได้ครับผมเข้าใจๆ
“คิกๆ โดนโกรธซะแล้ว งั้นค่อยเจอกันตอนเย็นนะนิทาน เลิกเรียนครามจะรออยู่หน้าคณะนะ ชุ๊บๆ >3<”คนตัวเล็กส่งจูบให้ผม
ด้วยรอยยิ้มน่ารัก พวกวิศวะแถวนั้นมองกันตาเคลิ้ม ผมเห็นมีผู้ชายสองสามคนเดินเข้าไปทักขอเบอร์ด้วยแต่โดนไอ้ครามเชิดใส่คอตกกลับโต๊ะตามระเบียบ
หยิ่งขนาดนั้นแล้วไหงมาสนใจผู้ชายอย่างผมเนี่ย!?
“ว่าแต่นิทานมาทำอะไรที่คณะพี่เหรอจ๊ะ”อ้อ เกือบลืมจุดมุ่งหมายในการมาเยือนคณะอักษรเสียสนิท ขอบคุณที่เตือนนะครับ!
“มาหาพี่แหละครับ คือ พอดีมีเรื่องอยากปรึกษานิดหน่อย แต่พี่ต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่เอาไปบอกใคร”
คนฟังครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนตบปากรับคำเป็นมั่นเหมาะ”ได้สิ พี่สัญญา กับพี่กิตต์พี่ก็จะไม่บอก เรื่องของกาจน์ใช่มั้ย”
โอ้ววว ลางสังหรณ์ของผู้หญิงช่างสุดยอด
“คือ หลังจากวันที่คุณแม่ของพวกพี่ๆเขากลับมามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึป่าวครับ คือ...ช่วงนั้นพี่กิตต์แปลกๆไป”ที่พี่เขาไม่ติดต่อมาหาผมอีกเลยนั่นไงครับ
“เห้อ พี่ก็ฟังพี่กิตต์เล่ามาอีกทีน่ะนะอาจจะไม่ละเอียดเท่าไหร่เพราะพี่กิตต์เป็นคนพูดน้อยอย่างที่รู้ๆกัน เท่าที่ฟังคือพี่กาจน์เอาขนมที่ทำเองมาให้คุณแม่ด้วยตัวเอง ทั้ง4คน เอ่อ พี่หมายถึง คุณพ่อ คุณแม่ พี่กิตต์ แล้วก็พี่กาจน์นั่งทานข้าวกลางวันด้วยกันโดยที่พี่กาจน์พูดคุยกับทุกคนเป็นปกติ คุณแม่ดีใจมากๆที่ได้คืนดีกับพี่กาจน์ แต่พอพี่กาจน์กลับไปแล้ว...”
“?”
“แม่บ้านก็เจอซองจดหมายจากสถานพินิจซึ่งถูกแกะอ่านแล้ววางทิ้งไว้ เนื้อความในจดหมายระบุไว้ว่าเอิญกำลังจะพ้นโทษ และคนแกะมันอ่านจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่กาจน์....หลังจากนั้นเขาก็หายไปเลย แม้แต่พี่กิตต์ก็ไม่รู้ว่าพี่กาจน์คิดอะไรอยู่”
“...”
_______________________________
ต้นตอนรู้ใช่มั้ยว่าเป็น side ของใคร 5555
หลังจากนี้แต่ละตอนจะมีมุมมองของฮีตั้งแต่เด็กจนโตตามลำดับ...
ใช้สีน้ำเงินโอเคมั้ยอ่ะคะ แสบตาหรืออ่านไม่ชัดรึป่าว
และตอนนี้ก็ยังมีการเปิดตัวตัวละครใหม่ หนูครามผู้(หน้าตา)น่ารัก
ที่สำคัญที่สุด เอิญ อิส คัมมิ่งทูเดอะทาวน์